พิมพ์หน้านี้ - ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: maneethewa ที่ 04-03-2017 22:15:28

หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 04-03-2017 22:15:28
อ้างถึง
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


“ดินแดนแห่งรัก  อาณาจักรแห่งใจ”



สารบัญ

บทนำ เรือนทาส? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3591365#msg3591365)
บทที่ 1 คำทำนาย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3593067#msg3593067)
บทที่ 2 คำลา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3594227#msg3594227)
บทที่ 3 หัวใจอัคคีกับความในใจคุณหญิงอินทิรา @หัวใจอัคคี (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3595048#msg3595048)
บทที่ 3 หัวใจอัคคีกับความในใจคุณหญิงอินทิรา @คุณหญิงอินทิรา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3595519#msg3595519)
บทที่ 4 ไข่เหี้ย??? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3595921#msg3595921)
บทที่ 5 ก้อนหิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3597506#msg3597506)
บทที่ 6 ที่นี่ที่ไหน??? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3598950#msg3598950)
บทที่ 7 กระท่อมกลางป่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3606141#msg3606141)
บทที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3611664#msg3611664)
บทที่ 9 F5  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3617336#msg3617336)
บทที่ 10 บิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3621440#msg3621440)
บทที่ 11 จอมปราชญ์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3628704#msg3628704)
บทที่ 12 เรือนวสุธา
[url=http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3632410#msg3632410]บทที่ 13 ทุ่ม (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3631028#msg3631028)
บทที่ 14 ฝึก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3635468#msg3635468)
บทที่ 15 ความแตก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3639762#msg3639762)
บทที่ 16 พิษรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3642650#msg3642650)
บทที่ 17 สำนักแพทย์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3645938#msg3645938)
บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม ? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3649660#msg3649660)
บทที่ 19 ออกเดินทางสู่บาอัล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3657564#msg3657564)
บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3661276#msg3661276)
บทที่ 21 รุค (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3667577#msg3667577)
บทที่ 22 โจทย์เก่า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3671369#msg3671369)
บทที่ 23 แรกพบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3677626#msg3677626)
บทที่ 24 จำจาก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3679631#msg3679631)
บทที่ 25 ความทรงจำที่หายไป (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3682573#msg3682573)
บทที่ 26 ไข่หงส์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3690690#msg3690690)
บทที่ 27 ถอนพิษ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3696749#msg3696749)
บทที่ 28 แค่ฝัน... รึเปล่า? (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3711700#msg3711700)
บทที่ 29 ก้อนหิน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3732981#msg3732981)
บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3739303#msg3739303)
บทที่ 31 ต้นสายปลายเหตุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3745731#msg3745731)
บทที่ 32 เตรียมการ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3754875#msg3754875)
บทที่ 33 สะสาง (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3758347#msg3758347)
บทส่งท้าย ผูกจิตร่วมคู่ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58607.msg3764554#msg3764554)



เพิ่งเริ่มทำเพจค่า เอาไว้เวิ่นเว้อ แหะๆ แวะไปติดตามกันได้นะคะ

เพจ - Maneethewa (มณีเทวา) (https://www.facebook.com/Maneethewa/?ref=settings)
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทนำ เรือนทาส? (4/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 04-03-2017 22:21:21
บทนำ
เรือนทาส?

   “ดิน ไอ้ดิน ไอ้ดินโว๊ย! ถุงเท้าฉันอยู่ไหนวะ? รีบมาหาถุงเท้าให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ”

   เสียงตะโกนเลื่อนลั่นสนั่นเรือนทาส เอ๊ย! คฤหาสน์ขนาดนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ‘คุณอัคคี’  หรือ ‘คุณไฟ’ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของคุณหญิงอินทิรากับท่านทูตศรายุทธ แค่ได้ยินเสียงก็รู้สึกเหมือนไมเกรนกำเริบขึ้นมาทันที ทำได้แค่วิ่งตาลีตาเหลือกจากครัวขึ้นไปหาเสียงเรียกจากชั้นบน

   พอไปถึงก็เห็นฤดี สาวใช้คนใหม่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้ รอบๆ ห้องมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มไปหมด ดูจากตู้เสื้อผ้าที่เปิดอ้าและลิ้นชักที่เปิดมาแทบจะครบทุกช่องก็รู้แล้วว่าคนรื้อจงใจหาเรื่อง

   ผมรีบเดินไปที่ตู้ที่อยู่ติดกันแล้วดึงลิ้นชักหยิบถุงเท้ามายื่นให้คุณไฟที่ยืนกอดอกส่งเสียงฮึดฮัดอยู่หน้าตู้ คุณไฟกระชากถุงเท้าจากมือผมแล้วโยนใส่ฤดีอย่างแรงจนฤดีสะดุ้งอุทานอย่างตกใจ

   “ดูซะนังโง่ว่าถุงเท้ามันอยู่ตรงไหน ถ้าไม่รู้ก็ไม่ต้องเสนอหน้าเข้ามาในห้องฉัน ออกไป!” ท้ายเสียงตะโกนอย่างไม่กลัวเจ็บคอ ทำให้ฤดีรีบวิ่งตาเหลือกออกนอกห้องไป

   ผมเดินไปหยิบถุงเท้ามายื่นให้คุณไฟใหม่ ก็โดนกระชากไปแบบเดิมเป๊ะ แล้วนายท่านของบ่าวก็เดินกระแทกเท้าไปนั่งลงที่เตียงแล้วเริ่มใส่ถุงเท้าพร้อมบ่น

   “นายก็เหมือนกัน หายหัวไปไหนฮะ! แทนที่จะมารอรับใช้ฉันที่ห้อง กลับปล่อยให้ยัยโง่นั่นเข้ามาในห้องของฉันได้ยังไง” พอผมเงียบไปก็เงยหน้าจากถุงเท้าขึ้นมาจ้องเขม็ง ผีเข้ารึเปล่าวะ

   “ตอบ!”

   “ผมไปช่วยในครัวอยู่ครับคุณไฟ ปกติวันหยุดคุณไฟไม่ได้ไปไหน ผมคิดว่าคุณไฟยังไม่ตื่น ก็เลยไปช่วยงานในครัวก่อน”

   “ไปช่วยทำไม หน้าที่นายคือต้องคอยรับใช้ฉัน ไม่ใช่ไปทำครัว ต่อให้ฉันยังไม่ตื่นก็ต้องไปรอที่ห้อง ฉันตื่นมาต้องเห็นหน้านายทันที เข้าใจไหม?” ผมชักจะสงสัยนี่คนใช้หรือเมีย ถึงต้องเสนอหน้าไปให้เห็นเป็นคนแรกตอนตื่นนอนด้วย แต่ที่ต้องตอบเพื่อตัดปัญหาไปคือ

   “ทราบแล้วครับ” พอได้ดั่งใจคุณไฟ (ประลัยกัลป์ อันนี้ได้ยินเด็กรับใช้คนอื่นๆ แอบเรียกกัน) ก็เริ่มเย็นลงพอดีกับที่ใส่ถุงเท้าเสร็จ คุณไฟลุกขึ้นกอดอกปรายตามอง ไม่รู้ทำไมไม่มองตรงๆ ตาเหล่ไปนี่ขี้เหร่ตายเลย นิสัยก็ไม่ใช่ว่าจะดี ถ้าหน้าตาไม่ดีอีก แล้วที่นี้ใครจะเอา

   “ฉันจะออกไปข้างนอก มีนัดกับน้องน้ำตาล กลับมาฉันต้องเห็นหน้านายที่บันไดหน้าบ้าน เข้าใจไหม?” คราวนี้น้องน้ำตาล คราวที่แล้วน้องอะไรนะ ลืมแล้ว เปลี่ยนคู่ควงบ่อยเหมือนเปลี่ยนถุงเท้า เนื้อหอมจริงๆ เจ้านายของผม

   ผมขมวดคิ้วแล้วถามไปด้วยความสงสัย

   “แล้วถ้าคุณไฟกลับมาตี 2 ตี 3 ล่ะครับ” คนฟังถลึงตาพร้อมตะโกนลั่น

   “กี่โมงก็ต้องไปรอ เป็นแค่คนใช้สั่งอะไรก็ต้องทำ” ตะโกนบ่อยๆ แบบนี้ เดี๋ยวเส้นเสียงก็อักเสบ กลายเป็นมะเร็งกล่องเสียงเข้าสักวัน นี่ผมไม่ได้แช่งจริงๆ นะ

   “ครับๆ ทราบแล้วครับ” พอได้ยินคำตอบเป็นที่พอใจแล้วก็ลดระดับการถลึงตาลงมาอีกระดับ แล้วเดินกระแทกเท้าปึงปังไปหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถแล้วเดินจากไป สักพักก็ได้ยินเสียงเร่งเครื่องยนต์กระหึ่มขับออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงซากอารยธรรมจากพายุอารมณ์ของเจ้าตัวไว้เกลื่อนกลาดภายในห้องให้ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเริ่มเก็บ

   ระหว่างที่เก็บของบนพื้นไป ผมก็ขอเล่าวงเวียนชีวิต เอ๊ย! วงจรชีวิต เอ๊ย! เล่าชีวิต เอ๊ย! ถูกแล้ว แหะๆ ผมขอเล่าชีวิตของตัวเองให้ฟังไปพลางๆ ก็แล้วกันครับ

   เท้าความมาตั้งแต่สมัยที่ยังไม่เลิกทาส บรรพบุรุษของผมเป็นข้ารับใช้ในต้นตระกูลของท่านทูตศรายุทธสืบทอดทายาทอสูรมาเรื่อยๆ จนถึงรุ่นย่าของผม ตอนเด็กๆ ย่าบอกเสมอว่าครอบครัวของท่านมีพระคุณกับพวกเรามาก ให้ตอบแทนท่านด้วยการเชื่อฟัง ขยันทำงานและจงรักภักดีต่อเจ้านายทุกคน อะไรยอมได้ก็ยอมไป

   จนผมเข้าโรงเรียนในวิชาประวัติศาสตร์เรื่องการเลิกทาส ผมแทบจะวิ่งไปบอกย่าเดี๋ยวนั้นว่าสมัยนี้เค้าเลิกทาสกันแล้วนะ ย่าลืมไปหรือเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังยอมทำตามคำของย่า เพื่อความสบายใจของท่าน ญาติที่เหลืออยู่คนเดียวของผม เพราะพ่อผมเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุตอนแม่ท้องผมได้ 6 เดือน ส่วนแม่ก็เสียชีวิตหลังคลอดผมได้ไม่กี่วัน เนื่องจากตรอมใจที่พ่อเสียไปทำให้เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด

   ย่าเลยไปขอให้คุณผู้หญิงตั้งชื่อให้ผม ท่านจึงตั้งชื่อให้ผมว่า ‘ก้อนดิน’ หรือ ‘ดิน’ จะได้คล้องกับชื่อคุณอัคคี หรือคุณไฟ (ประลัยกัลป์) ลูกชายของท่าน ซึ่งผมก็ยังสงสัยมาจนบัดนี้ว่ามันคล้องกันตรงไหนวะ เสียดายที่ตอนนั้นท่านทูตอยู่ต่างประเทศ ไม่งั้นผมคงได้ชื่อเพราะๆ กว่านี้ แต่ช่างเถอะ ชื่อนี้ก็เก๋ ไม่เหมือนใครดีครับ

   พอจัดของเสร็จก็เกือบเที่ยงพอดี ผมลงไปที่ครัว อุ่นข้าวต้มที่ทำไว้ตั้งแต่เช้ายกไปที่ห้องพักของย่าซึ่งตอนนี้กำลังป่วยนอนพักอยู่ที่ห้อง ผมวางถาดอาหารไว้บนโต๊ะ แล้วเดินไปแตะและเขย่าแขนท่านเบาๆ

   “ย่าครับย่า ตื่นมากินข้าว กินยาก่อนครับ” เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ แง้มออกช้าๆ สายตาฝ้าฟางคู่หนึ่งมองกลับมาที่ผม

   “ดินเหรอลูก” เสียงแหบพร่าถามขึ้น พร้อมกับมือที่วางแนบลำตัวยกมาแตะแขนผม ผมยื่นมือไปจับมือท่านพร้อมตอบรับ

   “ครับย่า ลุกมากินข้าวหน่อยนะครับจะได้มีแรง” ผมจับท่านตะแคง แล้วค่อยๆ ประคองให้ท่านลุกขึ้นนั่ง พอท่านทรงตัวได้ก็หยิบหมอนหลายๆ ใบมาพิงหลังให้ท่านนั่งสบายๆ แล้วเดินไปลากที่วางถาดอาหารแบบล้อเลื่อนมาวางถาดข้าวต้มให้ท่าน พอหยิบช้อนตักข้าวต้มเป่า กำลังจะป้อน ย่าก็ยึดข้อมือผมไว้

   “ดิน” นัยน์ตาฝ้าฟางคู่นั้นมองผมอย่างจริงจัง

   “ครับย่า”

   “รับปากย่าได้ไหม ว่าดินจะไม่ทิ้งคุณไฟ”

   ผมเงียบไป เพราะที่จริงแล้วผมต้องการจะไปจากที่นี่ทุกเวลา ผมต้องการเป็นอิสระ ที่จริงเราพอมีสมบัติที่เป็นของตัวเองที่พอจะเป็นทุนให้ผมเรียนจนจบมหาวิทยาลัยและเลี้ยงปากท้องเราสองคนย่าหลานได้ เพียงแต่ย่าไม่ยอมไปจากที่นี่ เพราะเป็นห่วงคุณศรายุทธกับคุณไฟ ผมเลยต้องจำใจอยู่ด้วย

   บอกตามตรงว่าถ้าไม่มีย่า ผมก็คงจะไม่ทนอยู่ที่นี่อีกต่อไป คุณไฟไม่เท่าไหร่ ถึงจะขี้โมโห ปากร้าย ชอบอาละวาด เอาแต่ใจ แต่พอขึ้นมัธยมปลายมาก็ไม่เคยตั้งใจทำร้ายผมเลยสักครั้ง แต่คุณหญิงนี่สิ ถ้าท่านทูตกับคุณไฟไม่อยู่ แล้วผมทำอะไรไม่ถูกใจจะถูกทำร้ายแทบทุกครั้ง บางครั้งตบ บางครั้งก็ตี แล้วส่วนใหญ่จะตีในร่มผ้า เพื่อไม่ให้ท่านทูตกับคุณไฟเห็น เพราะคุณไฟเคยเห็นผมโดนตบแล้วอาละวาดจนบ้านแทบแตก พอเห็นผมเงียบไปท่านก็เริ่มพูดอีกครั้ง

   “ดิน ย่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ดินเป็นคนเข้มแข็ง ย่าไม่เป็นห่วงเราสักเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าเอาตัวรอดได้ ย่าเป็นห่วงคุณไฟ ถึงภายนอกจะดูเข้มแข็ง แต่คุณไฟไม่ได้แข็งอย่างที่เห็นจริงๆ หรอกนะลูก” ท่านพูดยาวๆ จนหอบ ทำให้ผมต้องหยิบแก้วน้ำส่งให้ท่านจิบ

   ผมถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ใครล่ะตามใจคุณไฟจนเสียคน ท่านทูตก็งานยุ่งจนไม่มีเวลาให้ คุณหญิงก็ตามใจทุกอย่าง อยากได้อะไรก็หามาประเคนให้ ไหนจะย่าเขาอีกล่ะ อาศัยบารมีของคุณพ่อกับอำนาจของเงินหรอกถึงได้มีคนคบ ถ้าไม่มีเงิน ก็แทบจะไม่มีใครเอา ถ้าไม่มีท่านทูตกับคุณผู้หญิงแล้วไม่มีใครรั้งไว้ ชีวิตคุณไฟก็คงจะดิ่งลงเหวได้ไม่ยาก ก็ดูคบเพื่อนแต่ละคน

   “ดิน ย่าขอร้อง ไม่อย่างนั้นย่าคงตายตาไม่หลับ” คำขอร้องของย่า ทำให้ผมลอบถอนใจ ถึงย่าจะไม่ฝาก ด้วยความที่โตมาด้วยกัน ถึงอย่างไรผมก็คงทิ้งคุณไฟไม่ลงอยู่ดี

   “ก็ได้ครับย่า ดินรับปากว่าจะช่วยดูแลคุณไฟให้ จนกว่าคุณไฟจะไม่ต้องการดินอีกต่อไป”

   “ขอบใจนะลูก ย่าขอโทษที่เอาแต่ใจ ไม่ใช่ว่าย่าไม่รักดิน แต่ย่าเชื่อว่าคนเข้มแข็งอย่างดิน จะอยู่ได้ทุกที่อย่างมีความสุข” ผมยิ้มให้ท่านอย่างเข้าใจและลูบมือท่านเบาๆ

   “ทานข้าวได้แล้วครับ จะได้ทานยา ย่าจะได้หายเร็วๆ” ซึ่งพอผมป้อน ท่านก็อ้าปากรับแต่โดยดี

   หลังจากป้อนข้าวป้อนยาแล้วผมก็นั่งคุยกับท่านต่อเพื่อรอให้อาหารย่อยก่อน พอท่านเริ่มเพลีย ก็ค่อยๆ ประคองท่านลงนอนต่อ   

   ปีนี้ย่าผมอายุ 87 ปีแล้ว ถึงจะรู้ว่าคนอายุมากๆ ก็เหมือนแสงตะเกียงที่สักวันต้องดับไป แต่ผมก็แทบจะทำใจไม่ได้ ที่จริงท่านทูตอยากจะพาท่านไปโรงพยาบาล แต่ท่านขอร้องไว้บอกว่าต้องการจะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่ ‘บ้าน’ ที่ท่านเกิดและอาศัยมาตลอดชีวิต ท่านทูตเลยต้องยอม โดยมีผมคอยดูแลด้วยตัวเอง ทั้งป้อนข้าว ป้อนน้ำ เช็ดตัว ใส่ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ ผมพยายามใช้เวลาในช่วงนี้กับท่านให้มากที่สุด ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ต้องกลับมาเสียใจภายหลัง เพราะวันเวลามันไม่เคยย้อนกลับ ผมอยากจะเก็บความทรงจำที่มีร่วมกันไว้คอยหล่อเลี้ยงชีวิตต่อไปในอนาคต

    พอย่าหลับแล้วผมก็หยิบหนังสือมานั่งอ่านข้างๆ หน้าต่าง เพราะนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว คุณหญิงจะให้คุณไฟเข้าเรียนบริหารในมหาวิทยาลัยเอกชน เพื่อมาช่วยงานธุรกิจของครอบครัวทั้งสองตระกูล ส่วนผมอยากเรียนสัตวแพทย์ในมหาวิทยาของรัฐ แต่คุณไฟอยากให้ผมไปเรียนด้วย บังคับให้เรียนเอกเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมไม่ยอมคุณไฟ ในเมื่อมันเป็นชีวิตทั้งชีวิตของผม คุยเรื่องนี้ทีไรทะเลาะกันทุกที จนบัดนี้ก็ยังไม่จบเพราะไม่มีใครยอมใคร

    ผมเลิกคิดเรื่องที่ชวนให้ปวดหัวก่อนที่สมาธิจะจมอยู่กับหนังสือที่อ่าน พอพักสายตาและเปลี่ยนอิริยาบถก็หันไปมองย่าบนเตียงและหันไปมองในสวนสวยๆ นอกหน้าต่างเป็นระยะ จนเมื่อรู้สึกว่าฟ้าเริ่มมืดก็ไปเตรียมอาหารมาป้อนย่า จัดการเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่จะเข้าครัวไปหาอะไรกิน วิ่งขึ้นไปอาบน้ำ แล้วหยิบหนังสือมานั่งอ่านรอคุณไฟที่เชิงบันไดหน้าบ้าน

    “อ้าว! ดิน มานั่งรอคุณไฟเหรอ” ลุงเชิด คนสวนเก่าแก่ของบ้านถามขึ้น

    “ครับลุง ลุงไปนอนได้เลยครับ เดี๋ยวผมรอเปิดประตูให้คุณไฟเอง” ลุงพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะถอนหายใจด้วยความสงสาร อยู่มานานจนรู้เห็นอะไรมากมาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าเห็นใจ เพราะก็เป็นแค่คนรับใช้เหมือนกัน

    “งั้นลุงไปนอนก่อนนะ เอายาทากันยุงไหม เดี๋ยวลุงไปเอามาให้”

    “ผมทามาแล้วครับ ขอบคุณมากครับลุง ฝันดีนะครับ”

    “เออๆ ฝันดี” ลุงเดินมาตบบ่าเบาๆ แล้วเดินจากไป พอลับหลังลุงผมก็ก้มหน้าก้มตาลงอ่านหนังสือต่อ เวลาได้ยินเสียงรถผ่านมาสักคันก็แหงนหน้าขึ้นมามองประตูรั้วที ก้มลงมองนาฬิกาก็บอกว่าเป็นเวลาตี 1 แล้ว เจ้านายที่เคารพก็ยังไม่กลับสักที ผมถอนหายใจส่ายหัว ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือต่อไป

   “ดิน ไอ้ดินตื่น” เสียงเรียกพร้อมกับแรงเขย่าที่บ่าจนหัวคลอนโขกกับราวบันไดไปหนึ่งที ทำให้ผมตื่นขึ้นมาคลำหัวป้อยๆ แล้วเผลอค้อนให้ตัวต้นเหตุ ที่ยืนกอดอกมองจากมุมสูง

   “คุณไฟเข้ามาได้ไงครับ ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถ” ผมยืนขึ้นแล้วถามไปอย่างงงๆ

   “เพื่อนมันยืมรถไป เลยให้มันมาส่งหน้าบ้าน ฉันพกรีโมทประตูไปด้วย นี่ไง” พูดจบก็ยกรีโมทประตูบ้านโบกไปมา

   “แล้วจะให้ผมมารอทำไมเนี่ย ในเมื่อเข้าบ้านเองได้” ผมถามอย่างไม่พอใจ

   “พอใจ มีปัญหาอะไรไหม” พูดจบก็เดินเข้าบ้านไปก่อน นิสัยจริงๆ ผมเดินไปดูความเรียบร้อยของประตูรั้ว จัดการล็อคประตูบ้านเรียบร้อยแล้วก็เดินหาวตามไป

   “เดินให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหม ชักช้า” ตัวปัญหายืนรออยู่ตรงโถงด้านหน้า ผมถอนหายใจ แล้วทำไมไม่เดินไปก่อน จะรอทำไมไม่รู้ พอเดินไปใกล้ถึงตัว เจ้าตัวก็เดินจ้ำๆ ไปที่ประตูข้างๆ ที่ทะลุไปที่เรือนเล็ก แล้วเดินไปยืนอยู่หน้าห้องข้างๆ ของผมแล้วกอดอกมอง

   “คุณไฟมีอะไรจะสั่งรึเปล่าครับ” คนฟังขมวดคิ้วฉับ

   “ไม่มี เข้าห้องได้แล้วไป” ผมมองหน้าคุณไฟงงๆ ก่อนจะเดินไปเข้าห้องชะโงกไปมองก็เห็นคุณไฟยังยืนกอดอกมองมาตาเขียว เลยหดหัวกลับไปแล้วปิดประตูอย่างเบามือ เพราะย่าหลับอยู่ ผมเดินไปก้มลงมองย่าที่หลับหายใจอย่างสม่ำเสมอบนเตียง ก่อนจะมาทิ้งตัวลงนอนที่เก้าอี้ผ้าใบข้างๆ เตียงย่า

    ที่จริงห้องคุณไฟต้องอยู่เรือนใหญ่ แต่เจ้าตัวร้องจะเอาห้องข้างๆ ย่าผม คุณไฟบอกคุณหญิงว่าเอาไว้เผื่อเปลี่ยนบรรยากาศแก้เบื่อ แล้วมีหรือคุณหญิงจะขัดลูกชายคนโปรดได้ ส่วนผมก็มีห้องเล็กๆ อยู่ที่เรือนใหญ่ติดกับห้องคุณไฟเหมือนกัน เพราะนายท่านอยากให้ผมสามารถไปหาได้เร็วๆ เวลาเรียก ซึ่งคุณหญิงก็ไม่สามารถจะขัดใจได้เช่นเดียวกัน เพราะพ่อคุณอาละวาดบ้านแทบแตก แต่พอย่าป่วย ผมก็ลงมานอนเป็นเพื่อนย่าที่เรือนเล็ก คุณไฟก็ตามมานอนห้องข้างๆ แทบทุกคืน ประหลาดคนจริงๆ คิดเรื่องคุณไฟทีไรปวดหัวทุกที คนอะไรเข้าใจยาก นอนดีกว่า

++++++++++++++++++++++++++++++++

ลองลงดู เผื่อเป็นการกระตุ้นตัวเองไปในตัวค่ะ แหะๆ มีแค่เรื่องราวคร่าวๆ ในหัว รอดูซิว่าน้องดินจะจบก่อนหรือจะมีเรื่องอื่นผุดขึ้นมาขัดในขมองอีก


:ruready

ส่วนเรื่องนี้ เรื่องแรกในชีวิตที่แขนได้จบค่ะ ถถถ ไม่ถึง 50 หน้าแต่เล่นเอาหืดขึ้นคอ รอลุ้นอยู่ว่าจะมีตามมาอีกไหม

"เริ่มที่รัก" ลงในหมวดเรื่องสั้นค่ะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58101.0
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทนำ เรือนทาส? (4/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-03-2017 22:42:53
แปลกทั้งแม่ทั้งลูก คุณไฟก็ซึน ส่วนแม่ทำไมถึงต้องทำร้ายดิน
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 1 คำทำนาย (7/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 07-03-2017 11:29:21
บทที่ 1 คำทำนาย

   วันนี้เป็นวันที่คฤหาสน์วุ่นวายเป็นพิเศษ เพราะคุณหญิงอินทิราเธออยู่บ้าน เธอบอกว่าจะเชิญหมอดูชื่อดังมาดูดวงให้ที่บ้าน แล้วบังคับให้คุณไฟอยู่ด้วย ตอนแรกคุณไฟฮึดฮัดจะอาละวาด แต่ไม่รู้ตกลงกันอีท่าไหนถึงได้ยอมอยู่อย่างว่าง่าย เพียงแค่ออกอาการต่อต้านเล็กน้อยด้วยการรออยู่ที่ห้องนอน ไม่ยอมมานั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก บอกแค่ว่าถ้าถึงเวลาค่อยให้คนไปตาม แถมจะลากผมขึ้นห้องไปด้วย แต่คุณหญิงไล่ให้ผมไปช่วยงานในครัว ทั้งคู่ส่งสายตาทำสงครามประสาทกันอยู่สักพัก จนผมต้องบอกว่าอยากไปช่วยป้านิ่มในครัว คุณไฟจึงยอมเดินกระแทกเท้าขึ้นไปที่ห้อง

   ในครัวยุ่งกันหัวปั่น เพราะคุณหญิงเธอบอกจะเลี้ยงอาหารสูตรชาววัง ให้ทำให้สุดฝีมือที่สุด ผมยืนล้างผัก หั่นผัก หยิบจับอะไรช่วยได้ก็ช่วยเพราะอาหารชาววังวิธีการทำทั้งประณีตและยุ่งยาก ผมเลยให้ป้าๆ สอนแค่วิธีการทำอาหารง่ายๆ ที่เหมาะกับคนธรรมดาๆ อย่างผมเท่านั้น แต่การมาช่วยในครัวบ่อยๆ ก็ทำให้จำและทำได้ แต่ไม่ถนัดเท่าอาหารพื้นๆ ที่เป็นของโปรดของตัวเอง

   มือทำงานไป หูก็ฟังสาวๆ เม้าท์กันไป เห็นคนที่ไปเสิร์ฟน้ำบอกว่าหมอดูมาถึงและไปที่ห้องรับแขกแล้ว คุณหญิงให้ไปตามคุณไฟซึ่งหน้าบูดสนิทไปหาที่ห้องรับแขก ดูนาฬิกาก็เกือบจะ 11 โมงเข้าไปแล้ว แต่ละคนเลยเร่งงานมือเป็นระวิง พอใกล้เที่ยงอาหารทุกอย่างก็พร้อมเสิร์ฟ ทั้งอาหารคาวหวานที่จัดอยู่ในโถเซรามิคลายเบญจรงค์งดงาม บางอย่างก็จัดไว้ในฟักทองแกะสลัก ผักผลไม้แกะสลักสวยงามจนเห็นแล้วกินแทบไม่ลงเพราะความเสียดาย สาวๆ ทยอยยกอาหารไปตั้งที่โต๊ะรับประทานอาหาร ผมเลยมีเวลาอุ่นข้าวต้มและแว้บไปดูแลย่าตามปกติ

   ผมเดินออกมาจากห้องย่า เพื่อยกถาดอาหารกลับไปเก็บที่ห้องครัว ระหว่างทางก็เห็นกระเป๋าเงินใบหนึ่งหล่นอยู่ ผมก้มลงหยิบ แล้วมองไปรอบๆ ก็เห็นหลังคนไวๆ อยู่ข้างหน้า เลยรีบจ้ำตามไป

   “คุณครับ คุณ” เสียงเรียกผมดังพอที่จะทำให้คนข้างหน้าชะงัก แล้วหันกลับมาทั้งตัว เขาเป็นผู้ชายที่อยู่ในวัยกลางคน รูปร่างสูงใหญ่ แววตามีแววปราณี รอยยิ้มอ่อนโยน น่าจะเป็นคนใจดีคนหนึ่ง ผมยื่นกระเป๋าให้

   “กระเป๋าเงินคุณตกหรือเปล่าครับ”

   “ใช่ครับ ขอบคุณมาก” คนตรงหน้ายิ้มรับ แล้วยื่นมือมารับกระเป๋าไป ขณะรับกระเป๋ามือบังเอิญสัมผัสกัน เขาชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วยิ้มให้ผมอีกครั้ง

   “คุณจะได้สิ่งที่ต้องการที่สุดในชีวิต แต่จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเหมือนกัน” พูดจบก็ก้มหัวให้เล็กน้อยแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมยืนเอ๋ออยู่ที่เดิม

   “อะไรของเขาวะ” พอหันหลังกลับเพื่อจะเดินไปที่ครัวก็สะดุ้งเฮือกอย่างตกใจ เมื่อคุณไฟมายืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ข้างหลังเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

   “อะไร?” อยู่ๆ คุณไฟก็ถามขึ้นมา ทำให้ผมได้แต่งงว่าถามถึงอะไร

   “หือ อะไรนี่คืออะไรครับคุณไฟ”

   “ที่หมอดูคนนั้นพูดคืออะไร สิ่งที่นายต้องการคืออะไร” อ๋อ ผู้ชายคนนั้นคือหมอดูที่มาวันนี้นั่นเอง ดูยังไงก็ไม่เหมือนสักนิด รู้ว่าน่าจะเป็นแขกเพราะไม่คุ้นหน้า ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้ติดตามซะอีก เพราะมัวแต่นึกถึงคนที่เพิ่งเดินจากไปจนลืมตอบคำถาม คนตรงหน้าจึงโมโหหนักขึ้นอีก

   “ดิน ตอบคำถามมาเดี๋ยวนี้นะ!” ผมหันมามองคุณไฟงงๆ ว่าทำไมต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขนาดนี้

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ”

   “บอกมา สิ่งที่นายต้องการที่สุดคืออะไร?” มือแข็งแรงยื่นมาจับแขนผมแน่น ท่าทางกระวนกระวายของคุณไฟยิ่งทำให้ผมงงหนักกว่าเดิม

   “คุณไฟเชื่อหมอดูด้วยเหรอครับ เขาอาจจะพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็ได้” ผมถามไปด้วยความสงสัย แต่คุณไฟเม้มปากแน่น พร้อมทั้งบีบมือผมแน่นขึ้นจนต้องขมวดคิ้ว

   “คุณไฟผมเจ็บ” เจ้าของชื่อเพียงลดแรงลงแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือผมสายตายังคงจ้องมองมานิ่งนาน ผมถอนหายใจเฮือก

   “หมอดูก็คู่กับหมอเดา คุณไฟอย่าไปเชื่ออะไรมากเลยครับ เก็บมาคิดแล้วเครียดเปล่าๆ ปล่อยผมเถอะครับ ผมจะเอาถาดอาหารไปเก็บ ผมหิวข้าวแล้วด้วย” คุณไฟยังคงมองมานิ่งๆ ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือลง ผมยกมือตบต้นแขนคุณไฟเบาๆ ในเชิงปลอบโยน ไม่รู้ว่าหมอดูทักคุณไฟเรื่องอะไรถึงทำให้สติแตกได้ขนาดนี้ ผมเดินกลับไปที่ห้องครัวตามความตั้งใจเดิม เพราะตอนนี้หิวจนไส้กิ่วแทบจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้ว


   “นายเป็นของฉัน” ไฟพึมพำออกมาเบาๆ สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของดินแน่วแน่
   “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายไปไหนเป็นอันขาด!!!”

   สามวันต่อมา ย่าผมก็จากไป
   ผมตื่นมาแต่เช้า แล้วลุกไปดูท่านตามความเคยชิน ผมยื่นมือไปแตะแขนท่านดูเหมือนทุกวัน แต่ปรากฏว่าแขนของท่านเย็นเฉียบ พอๆ กับหัวใจของผม ผมลองจับไปที่จุดอื่นๆ ในตัวของท่านก็ยังคงเหมือนเดิม ผมลองเขย่าและเรียกท่านเบาๆ ท่านก็เพียงแต่นอนนิ่ง หน้าตาผ่องใส มีเพียงรอยยิ้มประดับริมฝีปาก แต่ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาให้ผมได้ยินอีกเลย

   น้ำตาผมไหลออกมาเงียบๆ ผมยกมือท่านมาวางไว้บนหัว ซึมซับความรู้สึกนั้นไว้สักพัก ก่อนจะวางไว้ข้างตัวเหมือนเดิม แล้วขยับลงมาก้มกราบที่เท้าของท่าน

   ผมเช็ดน้ำตาแล้วเดินออกมาจากห้อง เจอกับคุณไฟที่กำลังจะเข้าห้องพอดี

   “คุณไฟ ย่าจากพวกเราไปแล้วครับ” นัยน์ตาคนฟังไหววูบ ก่อนจะเดินมาดึงผมเข้าไปกอด น้ำตาผมไหลลงมาอีกรอบ ก่อนที่คุณไฟจะจับจูงผมไปในห้อง แล้วเจ้าตัวไปก้มลงกราบแม่นมที่เลี้ยงและใช้ชีวิตด้วยกันมามีเวลาร่วมกันยิ่งกว่าแม่แท้ๆ ทำให้คุณไฟเชื่อฟังย่าผมยิ่งกว่าคุณหญิงซะอีก

   หลังจากนั้น ท่านทูตก็กลับมาจากต่างประเทศ ท่านจัดงานศพให้ย่า 7 วัน 7 คืน เพราะย่าเป็นแม่นมของท่านและยังเป็นคนสนิทของคุณแม่ของท่านด้วย ผมวิ่งวุ่นช่วยงานศพทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน จนงานศพผ่านพ้นไป ผมรู้สึกเคว้งคว้างอย่างบอกไม่ถูก สมบัติทุกอย่างโอนเป็นชื่อของผมมานานแล้วจึงไม่มีปัญหาอะไร ท่านทูตเรียกผมไปพบที่ห้อง ถามว่าวางแผนชีวิตยังไง ตอนแรกผมขอออกไปอยู่ข้างนอกเพราะเกรงใจ แต่ท่านรั้งไว้และขอร้องให้อยู่กับคุณไฟไปก่อน ซึ่งผมก็ไม่มีปัญหาเพราะรับปากกับย่าไว้แล้ว พอออกจากห้องมาก็เห็นคุณไฟยืนอยู่หน้าห้อง พอผมออกมาก็จับแขนลากไปที่ห้องของตัวเอง แล้วล็อคประตู พอล็อคเสร็จก็หันมาถามตามประสาคนใจร้อน

   “คุณพ่อคุยเรื่องอะไร?”

   “ก็... เรื่องทั่วๆ ไปแหละครับ” ผมตอบพร้อมหลบตา

   “ดิน” เสียงหนักๆ คาดคั้น

   “ท่านถามว่าจะเอายังไงต่อไป”

   “แล้วนายตอบไปว่าไง” คุณไฟถามอย่างร้อนรน

   “ผมบอกว่าอยากออกไปอยู่ข้างนอก”

   “ดิน!!!!” เสียงตะโกนลั่นห้อง แล้วคุณไฟก็จับผมเขย่าจนหัวคลอน

   “ฉันไม่ให้ไปไหนทั้งนั้นได้ยินไหม นายต้องอยู่ที่นี่ต่อไปเข้าใจไหมดิน”

   “คุณไฟหยุด เดี๋ยวหยุดก่อน” ผมพยายามห้ามเพราะเขย่าขนาดนี้ถ้าเกิดสมองไหลไปทำไง

   “โอ๊ย! คุณไฟหยุดดดด ผมไม่ไปแล้วครับ” ผมตะโกนขึ้นแล้วจับคุณไฟเขย่าบ้างเพื่อความเท่าเทียม เอ๊ย! เพื่อเรียกสติ คุณไฟนิ่งไป เสียงหายใจหอบเหนื่อย ก่อนจะดึงผมไปกอดแน่นจนอึดอัด

   “อย่าไปได้ไหม นมก็ทิ้งฉันไปแล้ว ฉันไม่เหลือใครแล้วนะ”

   “คุณไฟยังมีคุณพ่อคุณแม่ไงครับ” ผมเถียงเบาๆ ทำใจกล้าลูบหลังปลอบโยนไปด้วย

   “มันไม่เหมือนกัน” พูดแค่นั้นก็เงียบไป

   “ดิน”

   “ครับ”

   “สัญญากับฉันได้ไหมว่าจะไม่ทิ้งฉันไปไหน” ผมถอนหายใจเฮือกจนคุณไฟเกร็งตัวขึ้นมา ผมเลยลูบหลังปลอบก่อนจะตอบไป

   “ครับ ผมจะอยู่กับคุณไฟ จนกว่าคุณไฟจะไม่ต้องการผม” ผมแอบถอนหายใจอีกครั้ง ทำไมใครๆ ชอบบังคับให้ผมสัญญานักนะ เฮ้อ! ก้อนดินเซ็ง!

****************************
กระดึบๆ มาทีละนิด ฝึกฝีมือกันไปทีละหน่อย

 :katai5:

ฝากน้องกีไว้ด้วยนะคะ

เรื่องสั้น "เริ่มที่รัก"
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58101.0
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 1 คำทำนาย (7/02/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-03-2017 13:59:35
ชื่อเรื่องโคตรมุ้งมิ้งสดใสสุด ๆ แต่ทำไมดูท่าเนื้อเรื่องจะไม่มุ้งมิ้งเหมือนชื่อ
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 1 คำทำนาย (7/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-03-2017 16:58:51
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 2 คำลา (9/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 09-03-2017 10:58:47
บทที่ 2 คำลา

   ผมนั่งจัดกระเป๋าอยู่ในห้องของคุณไฟ เพราะได้บัญชาจากนายท่านว่าเราจะไปเที่ยวป่ากับเพื่อนๆ ของท่านกัน ตั้งแต่ย่าเสีย ผมก็โดนบังคับให้ขึ้นมานอนห้องข้างๆ เป็นการถาวร แถมคุณไฟยังดีกับผมมากกว่าแต่ก่อนมาก (แถม ก.ไก่ ให้อีกล้านตัวก็ยังไม่พอ) ย้อนกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อน ระหว่างที่นั่งจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้คุณไฟ พ่อเจ้าประคุณก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย (ถ้ามีผมจะลุกขึ้นรำให้ดู)

   “ดิน”

   “ครับ” ปากตอบไปมือก็พับเสื้อผ้าเก็บลงตามช่องไป

   “อาทิตย์หน้า ไปเที่ยวป่ากัน” เสื้อผ้าในมือร่วงผล็อย

   “ฮะ!! คุณไฟว่ายังไงนะ” ผมคงหูฝาดไป คุณไฟเนี่ยนะจะไปเที่ยวป่า

   “ก็บอกว่าจะไปเที่ยวป่าไง ตกใจอะไรนักหนา” คุณไฟขึ้นเสียงกลับมาทันที จะตกใจก็เพราะคุณไฟจะไปป่านี่แหละครับ ขืนไปไฟก็ไหม้ป่าหมดสิ แหะๆ ยังมีอารมณ์เล่นมุกอีกนะ ผมวางเสื้อผ้า แล้วหันมามองหน้าคุณไฟอย่างจริงจัง

   “คุณไฟจะไปจริงเหรอครับ”

   “เออสิ มีปัญหาอะไร”

   “ก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ เข้าป่านี่ลำบากนะครับ ไม่ได้สบายเหมือนไปเดินห้าง”

   “รู้น่า” ตอบกลับอย่างรำคาญ

   “คนอื่นไปได้ ฉันก็ไปได้สิ ทีนายยังไปกับเพื่อนได้เลย” ผมถอนหายใจมันเหมือนกันที่ไหนล่ะครับ คนที่ทั้งอึด ทั้งถึก คูลๆ ง่ายๆ อย่างผมไปไหนก็ได้ แต่คนที่ไม่เคยลำบากอย่างคุณไฟนี่สิ จะไปอยู่ยังไงผมยังนึกภาพไม่ออก

   “ไปแล้วงอแงกลับกลางทางไม่ได้นะครับคุณไฟ”

   “ฉันไม่ใช่เด็ก” คำตอบห้วนๆ หน้าบึ้งๆ บูดสนิท ครับๆ ไม่เด็กเล้ย เฮ้อ!

   ผมทั้งกล่อม ทั้งไซโคสารพัดแต่คุณไฟก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ พออ้างคุณหญิงก็บอกว่าท่านอนุญาตแล้ว เลยหมดปัญญาจะทัดทาน ดื้อจริงๆ ลูกใครวะ ผมทำได้แค่ถอนหายใจ แล้วเตรียมซื้อของ เตรียมยา จัดเสื้อผ้าเช็คความพร้อมให้อย่างละเอียดถี่ถ้วนเผื่อไปทุกอย่างเพราะไม่อยากให้คุณไฟไปอาละวาดกลางป่า เดี๋ยวสัตว์ป่าจะตกใจกันไปซะหมด

   พอถึงวันเดินทาง ผมค่อนข้างแปลกใจ เพราะเพื่อนๆ กลุ่มนี้ผมไม่เคยเห็นมาก่อน พอถามคุณไฟก็บอกว่าเพิ่งรู้จักและไม่มีคำอธิบายหรือขยายความเพิ่มเติม แต่ดูเป็นผู้เป็นคนกว่ากลุ่มไฮโซที่เคยคบกันอีกครับ

   ระหว่างเดินทางเข้าป่า คุณไฟอดทนได้อย่างน่าแปลกใจ ถึงหน้าจะบูดยิ่งกว่าอาหารค้างปี แต่ก็ไม่ปริปากบ่นอะไรมาสักคำจนผมรู้สึกทึ่งเป็นที่สุด อยากจะปรบมือให้แล้วชมว่าเก่งมาก แต่กลัวถูกถีบลงข้างทางซะก่อน

   เพื่อนคุณไฟมีประมาณ 10 กว่าคน แต่ละคนอัธยาศัยดีและเป็นกันเองมาก ขนาดเดินทางกันยังไม่ถึงจุดหมายก็ชักจะสนิทกันรวดเร็วเหมือนรู้จักกันมาหลายปี โดยเฉพาะพี่นนท์ที่เข้ามาชวนคุยมากกว่าคนอื่น เพื่อนๆ พี่แกก็มองมาอย่างล้อเลียนจนผมรู้สึกตงิดๆ พิกล ส่วนคุณไฟก็ฮึดฮัดมองมาตาขวางอย่างกับจะแดกหัวเราสองคน แต่ก็ยังไม่ออกฤทธิ์ออกเดชอะไรอย่างที่นึกกลัว

   เราเดินทางมาถึงจุดหมายในเวลาบ่ายๆ สถานที่ที่เรามาเป็นลานกว้างบนยอดเขาที่มองลงไปเห็นเมฆสีขาวลอยตัวเป็นแพสวยงามเหมือนปูพรม เห็นเพียงยอดเขาแต่ละลูกโผล่มาให้เห็นลิบๆ แต่ละคนแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายไว้ คนกางเต็นท์ก็กางไป คนทำอาหารก็ทำไป พี่นนท์ไปอยู่กลุ่มทำอาหาร ก่อนไปก็มองตาละห้อยจนโดนเพื่อนตบหัวไปหลายที ผมไปช่วยกางเต็นท์ โดยมีคุณไฟคอยหยิบจับของยื่นให้อยู่ข้างๆ ไม่ห่าง ดูคุณไฟอารมณ์ดีขึ้น ผมรู้สึกดีใจที่คุณไฟรู้จักปรับตัวแบบนี้ รู้อย่างงี้ชวนเข้าป่าพร้อมมาด้วยกันก็ดีหรอก แต่คงยาก เพราะคุณหญิงคงไม่ปล่อยให้คุณไฟมาลำบากแบบนี้บ่อยๆ แน่ แค่ครั้งนี้อนุญาตให้มาผมก็รู้สึกอัศจรรย์ใจจะแย่แล้ว

   พอทำหน้าที่เสร็จเราก็ผลัดกันไปอาบน้ำที่ห้องน้ำรวมของทางอุทยาน ผมเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำใส่เป้ทั้งของตัวเองและของคุณไฟ เราสองคนเดินไปอาบน้ำพร้อมกัน พออยู่กับผมสองคนคุณไฟก็บ่นเป็นหมีกินผึ้ง ว่าทำไมผมถึงชอบมานัก ทั้งๆ ที่มันลำบากขนาดนี้ ผมได้แต่ยิ้มรับ แล้วแยกย้ายกันเข้าห้องน้ำ

   เราก่อกองไฟย่อมๆ ล้อมวงกินข้าวด้วยกัน พอกินข้าวเสร็จก็นั่งดีดกีต้าร์ร้องเพลงกันอย่างสนุกสนาน โดยมีนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาร่วมวงด้วย พี่นนท์ร้องเพลงไปมองมาที่ผมไป ฟังความหมายของเพลงนี่ชัดเลยครับ ผมไม่ได้โง่ขนาดไม่รู้ว่าพี่แกกำลังจะสื่ออะไร ไหนจะเพื่อนๆ ที่โห่แซวมาเป็นระยะ ถ้ายังไม่เข้าใจก็คงต้องไปกินหญ้าแล้วละ

   แต่ผมละแปลกใจจริงๆ ว่าพี่แกมาสนใจผมได้ยังไง ผมไม่ใช่ผู้ชายอ้อนแอ้นบอบบางอะไร ถึงจะสูงไม่เท่าคุณไฟ แต่ก็สูงอยู่ในระดับมาตรฐาน สูง 175 นี่ก็ไม่ถือว่าตัวเล็กมั้ง ผิวก็ไม่ได้ขาวจัดเพราะไปช่วยลุงเชิดทำสวนบ่อยๆ กล้ามเนื้อก็พอมีตามประสาคนทำงานหนัก หน้าตาก็ออกจะธรรมดาๆ แต่เพื่อนมันเคยบอกว่าผมสีน้ำตาล และตาสีน้ำตาลอ่อนที่ได้มาจากแม่ทำให้หน้าดูอ่อนโยน น่าเข้าใกล้

   ส่วนคุณไฟสูงเกือบ 190 ได้ ผมสีดำขลับ นัยน์ตาดำวาววับ ผิวขาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางที่ชอบเม้มแน่นตลอดเวลา รูปร่างดีเพราะชอบออกกำลังกาย จัดว่าเป็นคนหล่อมากๆ คนหนึ่งเลย การันตีได้จากคู่ควงหลายคนที่เปลี่ยนบ่อยจนผมจำหน้าไม่ได้ และจากสายตาสาวๆ กลุ่มอื่นๆ ที่ลอบมองและทอดสายตามาบ่อยๆ เสียแต่ชอบมองคนเหยียดๆ ท่าทางไว้ตัวเข้าถึงยาก ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้

   ฟังเพลงไปก็ขำไป มีผู้ชายตัวควายๆ ร้องเพลงจีบ นี่กูควรอายไหม ถามใจดู ถ้าน่ารักอย่างน้องญาญ่าก็ว่าไปอย่าง ผมไม่ได้ถือสาอะไรหรอกครับ เพื่อนที่ชอบผู้ชายก็รู้จักหลายคน แต่ละคนนิสัยดี เป็นคนดี แค่รสนิยมไม่เหมือนคนอื่นเท่านั้นเอง ปล่อยให้พี่แกจีบไป ถ้าผมไม่เล่นด้วย เดี๋ยวพี่แกก็เลิกไปเอง มีแค่คุณไฟนี่แหละ ที่นั่งตาขวาง ทำเสียงฮึดฮัดอยู่ข้างๆ จนผมต้องแตะแขนปรามๆ กลัวท่านอาละวาดจริงๆ ครับบอกตรงๆ

   ผมเข้าใจว่าคุณไฟน่าจะหวงผม เพราะคุณไฟเป็นคนหวงของ ผมที่โตมาด้วยกันก็คงเป็นเหมือนสมบัติอย่างหนึ่งที่คุณไฟหวงก็เป็นได้

   พอเริ่มดึกก็แยกย้ายกันไปนอนในเต็นท์ที่ตั้งกระจายอยู่รอบๆ ผมนอนกับคุณไฟสองคน ผู้ชายตัวใหญ่ๆ สองคนอยู่ในเต็นท์เดียวกันก็ทำให้เต็นท์แคบไปถนัดตา อากาศหนาวๆ นี่อบอุ่นขึ้นมาเลยครับ กำลังเคลิ้มๆ จะหลับ แต่คุณไฟพลิกไปพลิกมาจนผมอดจะถามทั้งที่สะลึมสะลือไม่ได้

   “เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณไฟ”

   “นอนไม่หลับ”

   “อึดอัดรึเปล่าครับ ให้ผมไปนอนที่อื่นไหม”

   “ไม่” คุณไฟตอบกลับมาทันควัน เสียงดังจนผมเผลอยกมือปิดปากไว้ คุณไฟจับมือผมไว้แล้วมองตานิ่งๆ ในความมืด ผมถอนหายใจก่อนจะปล่อยมือออก

   “ไปดูดาวกันไหม” ผมทำหน้าประหลาดใจ เพราะไม่คิดว่าคำถามนี้จะออกมาจากปากคนตรงหน้า

   “ได้สิครับ” ผมตอบรับ เพราะถ้าคุณไฟนอนไม่หลับ ผมก็คงจะนอนไม่หลับไปด้วย เราสองคนจึงออกมานั่งที่หน้าเต็นท์แล้วแหงนมองดาวที่ดารดาษเต็มท้องฟ้า

   “สวยนะ” เสียงของคนข้างๆ ทำให้ผมประหลาดใจได้อีกครั้ง จนต้องหันไปมองหน้ายิ้มๆ

   “อะไร” เจ้าตัวคงรู้สึกว่าถูกมองจึงหันมาถามเสียงเขียว ผมหัวเราะเบาๆ

   “วันนี้คุณไฟแปลกๆ”

   “แปลกตรงไหน ฉันก็เป็นแบบนี้ปกติ” ผมหัวเราะขำอย่างไม่เกรงใจ

   “ไม่รู้สิครับ ดูคุณไฟโรแมนติกแปลกๆ”

   “พูดมาก เงียบไปเลย” พอเงียบไปสักพักคุณไฟก็ถามมาใหม่

   “ไปเรียนด้วยกันไม่ได้เหรอ” ผมถอนหายใจ ตอบทั้งที่ยังแหงนมองดาว

   “เรื่องนี้เรื่องเดียวที่ผมให้ไม่ได้ครับคุณไฟ เรื่องเรียนมันคืออนาคตของผม มันเป็นสิ่งที่ผมจะต้องอยู่กับมันไปจนตลอดชีวิต ผมอยากอยู่กับสิ่งที่ผมรัก มันจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่าต้องฝืนใจ คุณไฟเข้าใจไหมครับ” คนข้างๆ เงียบไป ผมหันไปมองแล้วถามด้วยความห่วงใย

   “แล้วคุณไฟล่ะครับ แน่ใจแล้วเหรอว่าจะเรียนในสายที่คุณหญิงต้องการ แน่ใจไหมครับว่าคุณไฟจะมีความสุข” คุณไฟหันมาสบตากับผม แล้วถามกลับ

   “ฉันเลือกได้เหรอ” ฟังแล้วหัวใจหนักอึ้ง เพราะรู้บทสรุปของเรื่องนี้ดีอยู่แล้ว ถึงคุณไฟจะดื้อรั้น เอาแต่ใจขนาดไหน มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียวเหมือนกันที่คุณหญิงอินทิราไม่ยอมลงให้คุณไฟ เธอทำทุกวิถีทางทั้งอ้อนวอน ทั้งขู่ ทั้งบังคับจนคุณไฟต้องยอมแพ้ เรานั่งกันอยู่เงียบๆ สักพักผมก็ชวนคุณไฟเข้านอน เพราะโดนน้ำค้างนานๆ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา
   

   พอรุ่งเช้า แต่ละคนก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ตัวเองเหมือนเดิม ผมรู้สึกเพลียเล็กน้อย เพราะเก็บสิ่งที่คุยกับคุณไฟไปคิดจนนอนไม่หลับ พอๆ กับคุณไฟที่ตื่นมาขอบตาคล้ำคู่กันเหมือนช่วงช่วงกับหลินฮุ่ย พอกินข้าวกันเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมในช่วงเช้าคือเดินไปน้ำตกและส่องนกในป่ากัน โดยมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง ผมเตรียมของบางอย่างใส่เป้สะพายหลังไป ทั้งน้ำ มีดพก ไฟแช็ค ไฟฉาย ยาแก้ไข้ แก้แพ้ แก้ปวดท้อง ฯลฯ ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู กับเสื้อผ้าเผื่อเปลี่ยนอีกคนละชุด เผื่อนั่นเผื่อนี่จนเต็มกระเป๋าเท่าที่จะแบกไหวและไม่เป็นภาระมากนัก? (เอิ่ม...)

   ระหว่างเดินป่า เราก็พยายามคุยกันเบาๆ เพื่อไม่ให้สัตว์ป่าตกใจ พี่นนท์ก็เดินมาอยู่ใกล้ๆ แล้วคอยเล่าโน่นเล่านี่ให้ฟังเป็นระยะ พอคุยกับคนคอเดียวกันมันก็อดจะลืมตัวไม่ได้ บางทีพอกระซิบเสียงเบาไปก็เงี่ยหูฟังจนหัวแทบจะโขกกัน คุณไฟก็กระตุกเป้จนแทบจะหงายเงิบทุกครั้ง ได้มาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ผมโคตรมีความสุขเลยครับ รู้สึกผ่อนคลายและเป็นอิสระจากกฎเกณฑ์ของสังคมเมือง ผมถึงชอบหนีมาเที่ยวป่ากับเพื่อนๆ ประจำ

   เราเดินไปไม่ไกลนึกก็ถึงน้ำตกแต่ละคนถอดเสื้อผ้าแล้วลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน พอเจอน้ำเย็นๆ คุณไฟก็ดูอารมณ์ดีขึ้น ยิ้มง่ายขึ้นจนสาวๆ มาล้อมหน้าล้อมหลัง ผมยืนมองขำๆ ระหว่างนั้นพี่นนท์ก็เข้ามาใกล้ๆ แล้วถามขึ้น

   “น้องดิน พี่ถามจริงๆ เถอะ” ผมหันไปมองหน้าพี่นนท์แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงให้พูดต่อได้เลย

   “น้องดินกับน้องไฟนี่เป็นแฟนกันเหรอ” ผมขำพรืด แล้วอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้

   “ไม่ใช่หรอกครับ ผมเป็นแค่เด็กรับใช้ในบ้านของคุณไฟ พี่ดูยังไงว่าเราเป็นแฟนกัน แค่คิดก็ขนลุกแล้วเนี่ย” ผมลูบแขนประกอบคำพูดไปด้วย

   “ก็ดูน้องสองคนสนิทกัน แล้วน้องไฟก็หวงน้องดินมาก” ผมยิ้มๆ แล้วหันไปมองคุณไฟที่อยู่ท่ามกลางสาวๆ

   “พอดีเราโตมาด้วยกันครับ ก็เลยดูสนิทกัน คุณไฟมีแฟนแล้วครับ” หลายคนด้วย เจอแต่ละทีไม่เคยซ้ำหน้าอีกต่างหาก อันนี้คิดในใจ หันมามองพี่นนท์ก็เห็นยิ้มหน้าบาน อ่า ผมคิดผิดรึเปล่าครับที่พูดความจริงออกไป

   “ว่าแต่... ผมอยากรู้ว่าคุณไฟมารู้จักกับพี่นนท์ได้ยังไงครับ เพื่อนคุณไฟทุกคนผมรู้จักดี ผมมั่นใจว่าไม่เคยเจอพี่นนท์มาก่อนแน่ๆ” ผมรีบตัดบทก่อนที่จะโดนจีบอีก

   “อ๋อ นี่น้องไฟไม่ได้บอกน้องดินเหรอว่า...”

   “ดิน!” พอหันไปมองก็เห็นคุณไฟมองมาตาเขียว คุณไฟว่ายมาหาผม แล้วลากขึ้นไปกินบนบก เอ๊ย! ลากขึ้นบก อดเลยครับ อดเล่นน้ำต่อ แต่ไม่เป็นไร แช่น้ำนานๆ ก็ไม่ดีต่อสุขภาพ กัดฟันพูดมากครับ บอกตรงๆ

   คุณไฟกัดฟันกรอดๆ จนผมเป็นห่วงว่าฟันจะสึก แต่ก็ไม่ออกฤทธิ์เดชอะไรนอกจากจับข้อมือผมจนแน่นจนผมนิ่วหน้า ไม่ได้ทักท้วงอะไรออกไป ให้คุณไฟได้ระบายอารมณ์กับผมดีกว่าให้ระเบิดกับคนอื่น

   ขากลับคุณไฟจับแขนผมเดินด้วยสีหน้าบูดสนิท แผ่รังสีอำมหิตจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ คนที่อยู่ในรัศมีเงียบกริบจนแทบจะได้ยินเสียงนกร้อง นี่ถ้าปล่อยมือออก ข้อมือผมคงเป็นรอยนิ้วมือแน่นอน

   พอไปถึงที่พักก็แยกย้ายกันเก็บของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ระหว่างที่คุณไฟไปเข้าห้องน้ำอยู่พี่นนท์ก็เดินมาหาผม ผมอดจะถอนหายใจไม่ได้ ยังไม่เข็ดอีกนะพี่

   “คือ พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”

   “ได้สิครับ” คงถึงเวลาต้องพูดกันอย่างจริงจังซะที

   “ไปคุยกันตรงนั้นไหม” พี่นนท์เดินนำผมไปอีกฝั่งที่เงียบๆ หน่อย ผมเดินตามไปโดยที่ยังสะพายเป้ไว้ข้างหลัง เพราะขี้เกียจวาง อีกอย่างผมเก็บของใกล้จะเสร็จแล้ว จะได้รีบกลับบ้านกันซะที

   “ดิน คือ พี่บอกตรงๆ เลยนะ ว่าพี่ชอบดิน ถึงจะเจอกันเวลาสั้นๆ แต่พี่ก็มั่นใจว่าชอบจนอยากจะใช้เวลาในการทำความรู้จักกับดินให้มากกว่านี้ พี่ขอโอกาสได้ไหม” พูดจบก็จ้องหน้าผมนิ่งๆ อย่างจริงจัง จนผมต้องถอนหายใจอีกรอบ

   “ผมก็ขอบอกตรงๆ ว่าผมคิดกับพี่แค่พี่ชายครับ ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น ผมต้องขอโทษด้วยที่ต้องปฏิเสธพี่ แต่ผมไม่อยากให้พี่มาเสียเวลากับผม ผมขอโทษด้วยนะครับ” พูดจบผมก็ก้มหัวขอโทษพี่นนท์ไป

   “เฮ้อ! ถึงทำใจไว้บ้างแล้ว แต่ก็อดใจหายไม่ได้ว่ะ แต่ก็ขอบคุณที่พูดตรงๆ งั้นถ้าพี่ขอติดต่อในฐานะของพี่ชายจะได้ไหม ดินรังเกียจรึเปล่า” พี่นนท์ฝืนยิ้มให้แล้วยื่นมือมาให้ผม ผมยื่นมือไปจับแล้วเขย่า

   “ได้สิครับ พี่ชาย” พี่นนท์ดึงผมมากอดโดยไม่ให้ตั้งตัวแล้วขยี้ผมหนักๆ อย่างมันเขี้ยวจนผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขน

   “โอ๊ย! เบาๆ สิครับ เดี๋ยวผมเสียทรงหมด” แล้วเราก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะถูกดึงออกจากอ้อมกอดพี่นนท์ แล้วพี่นนท์ก็โดนต่อยจนล้มลง

   “พี่นนท์!” ผมร้องด้วยความตกใจ พอเห็นคุณไฟจะไปซ้ำ ก็รีบไปรั้งแขนคุณไฟไว้

   “คุณไฟ หยุด! คุณไฟไปทำร้ายพี่เขาทำไม”

   “ห่วงมันนักรึไง ชอบมันรึไง ฮะ!” คุณไฟจับไหล่ผมเขย่าจนหัวคลอน ก่อนจะผลักจนล้มลง แล้วเดินหนีไป พี่นนท์ลุกมาพยุงผมลุกขึ้น ผมรู้สึกแสบหัวเข่าเพราะตอนล้มคงไปครูดกับก้อนหินเข้า

   “ไม่เป็นไรครับพี่นนท์ ผมขอตามไปดูคุณไฟก่อน ตรงนั้นมันจุดอันตรายนี่ครับ” พูดจบก็รีบตามไปโดยไม่ได้ฟังคำตอบจากพี่นนท์

   “คุณไฟครับ คุณไฟหยุดก่อน ตรงนั้นมันอันตราย” ผมวิ่งไปทันแล้วดึงแขนคุณไฟไว้ คุณไฟสะบัดออกทันที

   “ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน จะไปไหนก็ไป ถ้าห่วงมันมากจะไปหามันก็ไป”

   “คุณไฟเป็นอะไรครับ” ผมถามด้วยความงงจริงๆ พักนี้คุณไฟอาการแปลกๆ จนผมตามไม่ทัน

   “นายชอบมันรึเปล่า” ด้วยความมึนผมยังไม่ทันตอบคุณไฟก็จับผมเขย่าอีกรอบ

   “ฉันถามว่านายชอบมันรึเปล่า! ตอบมาสิ ตอบ!!!”

   “โอ๊ย! คุณไฟหยุดก่อนผมมึน ไม่ชอบครับ ผมไม่ได้ชอบพี่นนท์”

   “โกหก! แล้วไปอยู่ใกล้มันทำไม ให้มันกอดทำไม จะให้ท่ามันใช่ไหม ทำไมใจง่ายอย่างนี้!”

   “คุณไฟ!” ผมชักจะโมโหกับคำพูดที่พูดอะไรไม่คิด

   “ทำไม ฉันพูดแทงใจดำล่ะสิ” สีหน้าคุณไฟตอนนี้กวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างที่สุด นี่ถ้าเป็นคนอื่นคงได้ฟาดกันไปสักตั้งแล้ว

   “คุณไฟ! พูดอะไรนึกถึงใจคนฟังบ้างสิครับ กับผมไม่เป็นไร ถ้าพูดกับคนอื่นนี่เป็นเรื่องเลยนะ คุณไฟหัดคุมอารมณ์บ้างสิ ต่อไปจะอยู่ในสังคมยังไง?”

   “ทำไมฉันต้องแคร์ สังคมอะไรฉันไม่ต้องการ ฉันอยู่คนเดียวได้ นายมันก็แค่คนใช้ ไม่ต้องมาสั่งสอน คิดว่าฉันต้องง้อนายรึไง จะไปไหนก็ไป คนอย่างนายฉันไม่ต้องการ!” ผมยืนอึ้งกับคำพูดที่ได้ยิน จนคุณไฟเดินไปข้างหน้า ผมใจหายวาบ เมื่อเห็นป้ายจุดอันตรายอยู่ข้างหน้า

   “คุณไฟระวัง!” ผมรีบไปคว้าแขนคุณไฟไว้ แล้วคุณไฟเผลอสะบัดแขน ผมรู้สึกวูบโหวง เมื่อเท้าเหยียบตะไคร่น้ำลื่นจนเสียหลักบวกกับเป้ที่อยู่ข้างหลังรั้งไว้ทำให้เสียการทรงตัวจนหงายหลังลงไป

   “เฮ้ย!” พอได้ยินเสียงอุทานคุณไฟหันมาทันที ผมเห็นสีหน้าคุณไฟตกใจสุดขีดก่อนจะรีบเอื้อมมือมาจะคว้ามือผมไว้ ชั่วขณะที่มือจะสัมผัสกัน ผมนึกขึ้นได้ว่าถ้ารั้งไว้จะต้องตกไปทั้งคู่แน่ๆ ผมเลยกำมือไว้ เอ่ยคำลา แล้วยิ้มให้อย่างปลอบโยน ถือเป็นการทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคน ปกป้องคุณไฟไว้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะปล่อยให้ร่างร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่าง แล้วหลับตายอมรับกับความตายที่กำลังจะมาเยือน


   “ดิน! ม่ายยยยยยยยยยย!!!”


*******************************

บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่สายดราม่าค่า อาจจะเครียดๆ นิดหน่อยตอนปูเรื่อง (คนเขียนนี่แหละเครียด ถถถ)
ต่อไปคงไม่เครียดแล้ว... มั้งคะ แหะๆ ใครจะรู้ว่าตัวละครจะพาไปทางไหน จริงไหม (ถามใคร?)
:hao3:

ฝากน้องดินของเราไว้ด้วยนะคะ
แค่แวะมาอ่านบ้าง เม้นท์หน่อยก็ดีใจมากแล้วค่ะ
ขอบคุณค่า

:3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

ส่วนอันนี้น้องกีฏะลูกชายคนแรก
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58101.0
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 2 คำลา (9/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-03-2017 11:17:42
อย่าบอกว่า...แล้วดินก็ไปโผล่ที่มิติอื่น ฮา
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 2 คำลา (9/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 09-03-2017 12:04:17
จุดเปลี่ยนนิสัยของไฟแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 (10/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 10-03-2017 19:54:01
บทที่ 3 หัวใจอัคคีกับความในใจคุณหญิงอินทิรา

หัวใจอัคคี

   ตั้งแต่วันที่ดินจากไปผมก็เหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ

   ผมมองรอบห้องของดินด้วยความโหยหา ห้องที่ว่างเปล่า ไร้เงาของดิน

   วันที่เกิดเหตุ ผมแทบจะกระโดดตามดินไป เพราะถ้าไม่มีดิน ต่อให้อยู่ไปก็เหมือนไร้ความหมาย แต่เพื่อนที่ไปด้วยกันวิ่งมาดูซะก่อนเลยรั้งไว้ทัน หลายคนช่วยกันยึดผมไว้แน่นทำให้ผมไม่สามารถทำได้อย่างใจปรารถนา ไม่อย่างนั้นป่านนี้ผมคงได้ไปอยู่กับดินแล้ว

   ตั้งแต่จำความได้ผมก็มีดินอยู่เคียงข้างมาเสมอ เพราะพ่อทำแต่งาน แม่ก็ไม่ค่อยได้อยู่บ้านออกแต่งานสังคม ปล่อยให้นมชื่นเลี้ยงผมมาพร้อมกับดินหลานกำพร้าของท่าน

   ตอนเด็กๆ แม่บอกผมว่าเป็นเพราะดิน ทำให้พ่อไม่รักผม แม่บอกให้ผมเกลียดดินมากๆ ผมจึงชอบแกล้งและทำร้ายดินมาตลอด เพื่อให้แม่พอใจและสนใจผมบ้าง แต่ก็เรียกร้องความสนใจได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แล้วแม่ก็ทิ้งผมไว้เหมือนเดิม ส่วนดินก็ไม่เคยโต้ตอบกลับมาเลยสักครั้ง อย่างมากก็แค่ปัดป้อง ซ้ำยังมีแต่ความปรารถนาดีคอยอยู่เคียงข้างตลอดทั้งยามสุขยามทุกข์ ผมจึงยึดดินเป็นสมบัติของผมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

   จนเมื่อไม่นานมานี้เอง ผมเพิ่งรู้สึกตัวว่าความรู้สึกที่มีต่อดิน คือ ความรัก รักที่ไม่ใช่แบบพี่น้อง แต่รักเหมือนคนที่อยากได้มาครอบครองเป็นแค่ของผมคนเดียวตลอดไป

   แต่ด้วยความสับสนและหวาดกลัว ทำให้ผมพยายามปฏิเสธความรู้สึกตัวเอง ด้วยการควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า หลอกแม้กระทั่งตัวเองว่ายังปกติ ยังไม่มีรสนิยมเบี่ยงเบนแต่อย่างใด

   ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหวงดินจนแทบบ้า ใครเข้ามาใกล้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายผมก็แทบคลั่ง จนได้มาฟังคำทำนายของหมอดูที่คุณแม่เชิญมาที่บ้าน ที่จริงผมไม่ได้อยากอยู่ฟังหรือรับรู้สักนิด แต่ผมมีข้อแลกเปลี่ยนกับคุณแม่ว่าจะขอไปเที่ยวป่ากับดิน จึงยอมอยู่บ้านแต่โดยดี หลังจากดูดวงให้แม่แล้วหมอดูคนนั้นก็หันมาดูดวงให้ผม แม่เขียนวันเดือนปีเกิด เวลาตกฟากให้ คนตรงหน้าก็เอาไปขีดๆ เขียนๆ บน iPad สักพักก็หันมาบอกผม

   “อนาคตจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีคนนับหน้าถือตามากมาย” คุณแม่ฟังแล้วยิ้มหน้าบาน หมอดูคนนั้นเงียบไปสักพัก ก่อนจะสบตาผมนิ่งๆ

   “แต่จะสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตไป” หัวใจผมวูบโหวงขึ้นมาทันที ระหว่างที่เขาขอตัวไปเข้าห้องน้ำผมก็ไปดักรอที่หน้าห้องน้ำ

   “มีอะไรจะพูดกับผมหรือเปล่าครับคุณอัคคี”

   “ถ้าไม่อยากเสียไปต้องทำยังไง” คนตรงหน้าเพียงแค่ยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะตอบ

   “ความรักความผูกพัน สามารถยึดเหนี่ยวใจเอาไว้ได้ ใจอยู่ที่ไหน ตัวก็จะอยู่ที่นั่น แล้วคุณอัคคีผูกไว้แน่นหนาพอรึเปล่าล่ะ” พูดจบก็เดินจากไป ก่อนที่จะได้เจอกับดิน และทิ้งคำทำนายที่ทำเอาผมแทบคลั่ง

   “นายเป็นของฉัน” ผมพึมพำออกมาเบาๆ สายตายังคงมองตามแผ่นหลังของดินแน่วแน่

   “ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้นายไปไหนเป็นอันขาด!!!”

   แต่ผมก็ยังทำดินหลุดมือไป

   ผมพยายามขอร้องให้เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ลงไปค้นหาดิน ไม่ว่าเสียเงินเท่าไหร่ผมก็ยอม แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าข้างล่างเป็นเหวลึกและชันมาก คนที่ตกลงไปยังไงก็ไม่มีทางรอด และมันอันตรายเกิดกว่าจะให้ใครลงไปเสี่ยงชีวิตด้วย เมื่อคุณพ่อเดินทางมาถึง คุณพ่อกอดผมเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ผมขอร้องให้พ่อมาช่วยพูดกับเจ้าหน้าที่ให้ แต่ก็ยังได้รับคำตอบเหมือนเดิม

   งานศพของดินจึงจัดขึ้นด้วยโลงเปล่าๆ ไร้แม้กระทั่งร่างที่จะนำมาสวด เพื่อนๆ ของดินและอาจารย์ที่โรงเรียนมาร่วมงานอย่างมากมาย แสดงให้เห็นว่าดินเป็นที่รักของทุกคนแค่ไหน บรรยากาศในงานเต็มไปด้วยความเศร้าโศก แม้แต่ในบ้านก็เต็มไปด้วยความหดหู่ เราเพิ่งจะเสียนมชื่นไป ตอนนี้ก็ต้องมาจัดงานศพของดินต่อกันอีก คนในบ้านซึมกันไปหมดไม่เว้นแม้แต่คุณพ่อ
 
   ผมไม่น่าชวนดินไปเลย เพราะเห็นดินยังคงเสียใจเพราะการจากไปของนมชื่น ถึงภายนอกจะดูร่าเริงสดใสดี แต่บางวันผมยังเห็นดินเข้าไปในห้องของนมนานๆ พอไปแอบดูก็เห็นดินแอบร้องไห้ ผมเลยหาทางติดต่อกับชมรมเดินป่า เพื่อจะพาดินไปผ่อนคลายบ้าง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นที่ที่เราได้อยู่ด้วยกันเป็นครั้งสุดท้าย

สิ่งที่ติดตาที่สุดคือคำพูดที่เอ่ยออกมาจากปากของดินพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน

“อย่าโทษตัวเอง”

“ขอให้มีความสุข”

จะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อมือคู่นี้ทำร้ายหัวใจตัวเองกับมือ
จะมีความสุขได้ยังไง ในเมื่อหัวใจได้ตายจากไปแล้ว
ผมได้แต่ซบหน้าลงกับฝ่ามือแล้วร้องไห้ออกมาเหมือนคนที่หัวใจแหลกสลาย

*********************************************************

สมน้ำหน้า เอ๊ย! น่าสงสารเนอะ ถถถ รักใครให้ดื่มนม เอ๊ย! ให้ทำดีด้วยมากๆ ค่ะ ก่อนที่จะ ‘สายเกินไป’ หึๆๆ (หัวเราะแบบชั่วร้าย)

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 หัวใจฯ (10/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-03-2017 21:06:02
สมน้ำหน้า
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 หัวใจฯ (10/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-03-2017 21:21:32
แล้วดินไปไหน
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 หัวใจฯ (10/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 11-03-2017 00:53:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 หัวใจฯ (10/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 11-03-2017 03:04:34
เห้ย ดินจะไปผจญภัยในวันเดอแลนด์แล้วป่ะ 5555555
ต่อๆค้าง
ชื่อเรื่องเหมือนแนวแฟนตาซีเลย #หรือเราคิดไปเอง :katai4:
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 หัวใจฯ (10/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 11-03-2017 06:14:15
แล้วดินไปไหนเนี่ย ถ้าจะรอดแล้วจะไปเรียนต่อยังไง มาแต่ตัวเอกสารสำคัญไรก็ไม่มี
แต่แอบคิดว่ารอดนะ
ถ้าไม่รอดจะไปเกิดใหม่แล้วสิงร่างคนอายุใกล้เคียง กับตัวเองตอนตายแล้วมาบังเอิญเจอกันใหม่ป่าว #มโนหนักมากล่วงหน้าคนเขียนไปแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ #บทที่ 3 Part คุณหญิง (11/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 11-03-2017 14:45:27
ความในใจของคุณหญิงอินทิรา

   ฉันมองเก้าอี้ข้างกายด้วยแววตาที่ว่างเปล่า คนรับใช้เพิ่งมาบอกว่าสามีและลูกของฉันยังไม่หิว จึงไม่ลงมาทานข้าวด้วย ฉันลงมือรับประทานอาหารเงียบๆ เพียงลำพัง อีกทั้งยังรู้สึกเจริญอาหารมากกว่าปกติอีกด้วย

   จะผิดไหม ถ้าฉันจะบอกว่าฉันดีใจกับการจากไปของเด็กคนนั้น

   ‘ก้อนดิน’ เด็กที่ฉันตั้งชื่อให้ในวันนั้น เพื่อจะสื่อว่าเป็นเพียงสิ่งที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย แต่ในวันนี้กลับมีอิทธิพลต่อลูกชายฉันที่สุด

   ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าไฟรู้สึกอย่างไรกับเด็กนั่น สายตาที่มองเหมือนกันไม่มีผิด

   เหมือนสายตาที่สามีเธอใช้มองนายชลลูกชายของแม่นมชื่น สายตาแห่งความรักและโหยหา


   ฉันถูกพ่อแม่จับคลุมถุงชนกับท่านทูตศรายุทธ เพราะคำสัญญาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าว่าถ้ามีลูกชาย ลูกสาวจะให้แต่งงานกัน แต่รุ่นพ่อของฉันเป็นชายทั้งคู่ คำสัญญานั้นจึงมาถึงรุ่นฉันที่สองครอบครัว มีหลานชายและหลานสาวพอดี ด้วยความที่ผู้หญิงสมัยก่อนไม่มีทางเลือกมากนัก และด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา กิริยามารยาทเรียบร้อย รวมถึงชาติตระกูลที่เพียบพร้อมของเขา ทำให้ฉันเพ้อฝันไปว่าการแต่งงานจะทำให้ฉันมีความสุข

   จนกระทั่งฉันสังเกตได้หลังจากที่แต่งงานแล้ว ว่าสายตาของสามีที่มักจะมองไปยังนายชลลูกชายแม่นมชื่นนั้นมีความหมายว่ายังไง ฉันร้อนรนทุรนทุรายกับความผิดหวัง ฉันเสียใจจนแทบบ้า รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนเก็บสิ่งที่รับรู้เอาไว้เพื่อรักษาหน้าตาของวงษ์ตระกูล

   ฉันเกลียดสามีที่มาหลอกแต่งงานกับฉันเพื่อบังหน้า เกลียดนายชลที่ได้รับความรักจากสามีฉันไป ทั้งที่เจ้าตัวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรจึงโดนกระทบกระทั่งเสมอ จนนายชลตายไป ก็ยังทิ้งลูกไว้เป็นหนามแทงใจฉันอีก

   ในเมื่อฉันเจ็บ เด็กนั่นก็ต้องเจ็บด้วย ฉันจึงลงโทษเด็กนั่นเสมอเวลาที่ทำอะไรไม่ถูกใจ ทั้งทุบ ทั้งตีด้วยมือ ฟาดด้วยไม้เรียว เคยแม้กระทั่งตบหน้า แต่ลูกชายฉันเห็นแล้วอาละวาดหนัก ฉันจึงเปลี่ยนไปทำในร่มผ้าที่มองไม่เห็นแทน

   ฉันเกลียดเด็กนั่นที่สามีเอ็นดูยิ่งกว่าลูกตัวเอง ฉันพยายามยัดเยียดและปลูกฝังให้ลูกเกลียดไปด้วย แต่ด้วยความที่อยู่บ้านแล้วฉันไม่เคยมีความสุข ฉันจึงออกไปงานสังคมตลอด ไปในที่ที่ฉันรู้สึกมีค่า มารู้ตัวอีกที ลูกชายก็สนิทกับแม่นมชื่นและเด็กก้อนดินยิ่งกว่าฉันไปซะแล้ว

   ฉันแทบคลั่ง เมื่อรู้ว่าลูกชายคนเดียวของฉันรักเด็กนั่น รับรู้จากสายตาที่ลอบมองยามเด็กนั่นไม่รู้ตัว เห็นจากการกระทำที่หวงแหน และเห็นไฟแอบจูบหน้าผากยามเด็กนั่นเผลอหลับไป

   เด็กนั่นตายไปซะได้ก็ดี
   ถึงจะสงสารยามเห็นลูกเสียใจ
   แต่เชื่อเถอะ ว่าสักวันไฟก็จะลืม
   เหมือนกับที่ฉันลืมไปแล้ว ว่าความสุขมันเป็นยังไง
   
************************************

ถ้าถามว่าเรื่องนี้สงสารใครที่สุด ก็คงบอกว่าสงสารคุณหญิงเธอที่สุดค่ะ ถ้าเป็นเรา เราก็คงแค้นจนแทบกระอักเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นเรา เราก็คงจะไม่ทน ท่านทูตก็ท่านทูตเถอะ โดนเตะผ่าหมากแน่ๆ ฮ่าๆๆๆๆๆ (บ้าไปแล้ว)

ส่วนน้องดินนั้น.... ปีหน้า เอ๊ย! ตอนหน้าเจอกันค่ะ

 :katai2-1:

ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ กอดรวบทุกคน

 :กอด1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 3 Part คุณหญิง (11/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-03-2017 15:12:18
เราเชื่อว่าทุกคนมีทางเลือกของตัวเอง (ในแต่ละปัญหา) ทางที่คุณหญิงเลือก (การทนอยู่) ทำให้ใจไม่เป็นสุข ทุรนทุราย แต่เธอก็ยังไม่คิดเปลี่ยนเส้นทาง ก็แสดงว่าเธอยอมรับที่จะอยู่กับความทุกข์แบบนั้นเอง โทษใครไม่ได้หรอก มองจากมุมของคุณหญิง เธอเป็นฝ่ายถูกกระทำ แต่ถ้ามองจากมุมของคนอื่นที่เกี่ยวข้อง พวกเขาก็อาจจะเป็นฝ่ายถูกกระทำเหมือนกัน
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 4 ไข่เหี้ย??? (12/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 12-03-2017 08:55:20
บทที่ 4 ไข่เหี้ย???

   แสงแดดที่ส่องลอดใบ้ไม้ตกลงมากระทบใบหน้าทำให้รู้สึกแสบหนังหน้าจนผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมา แต่ต้องหลับตาลงไปใหม่เมื่อเจอกับแสงที่จ้าจนเกินไป

   ผมค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นมานั่ง แล้วลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ผมนั่งทบทวนความทรงจำสักพักก็จำได้ว่าเพิ่งจะตกหน้าผาลงมา นี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม? ว่าแต่ที่นี่สวรรค์หรือนรก?

   ผมลองขยับตัวดูก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย นอกจาก... ผมก้มลงมองแผลที่หัวเข่า ใช่! นอกจากเจ็บแผลตรงหัวเข่านี่แหละ หือ? ผมชักจะงงกับสถานะของตัวเอง

   เดี๋ยวนะ  ขอทบทวนสถานการณ์อีกรอบ ผมตกเหว -- ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีแผลไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่เจ็บปวดนอกจากเจ็บแผลตรงหัวเข่าที่ได้ก่อนตกเหว

   มันหมายความว่ายังไงวะ เอ๊ะ! หรือว่าผมจะฝัน? ผมลองหยิกแขนตัวเองดู อูย! เสือกหยิกแรงเกินไป เจ็บ!

   ผมนั่งเอ๋ออยู่สักพัก ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเพิ่งจะรู้ตัวว่ายังคงแบกเป้ใบเดิมอยู่ ผมมองไปรอบๆ ตัวอย่างงงๆ ด้านหน้าตัวผมคือต้นไม้สูงที่แผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่วบริเวณจนดูครึ้ม มีเพียงบางจุดที่แสงลอดลงมาได้บ้าง บรรยากาศร่มรื่นสายลมพัดมาตลอดทำให้รู้สึกเย็นสบาย ด้านหลังห่างไปไม่กี่เมตรคือกำแพงหินที่เงยขึ้นมองแล้วสูงลิบ ขนาดมองจากตรงนี้ยังไม่เห็นยอด ผมคงไม่มีปัญญาปีนกลับขึ้นไปได้แน่ๆ

   ตรงหน้าผมมีอยู่จุดหนึ่งที่ภูเขานั้นเว้าเข้าไปเหมือนถ้ำแต่ไม่ลึกนักเพราะยังเห็นแสงสว่างกระทบถึง ความสูงไม่เกินอก ผมลองเดินเข้าสำรวจเผื่อเย็นนี้อาจจะใช้เป็นที่ซุกหัวนอนได้ เพราะนี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว

   ระหว่างที่เดินเข้าไปใกล้ สายตาก็มองไปที่จุดอื่นๆ ของภูเขาเผื่อมีอะไรน่าสนใจอีก ผมก้าวผ่านพุ่มไม้เตี้ยๆ ก่อนจะสะดุดอะไรสักอย่างจนล้มหน้าคว่ำ

   “เหี้ย!” ไอ้เป้ที่อยู่บนหลังนี่ทำเอาเสียศูนย์จริงๆ ให้ตายสิ! จะทิ้งก็ไม่ได้เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับถึงข้างบนได้ คงจำเป็นต้องใช้ของในเป้อีกสักระยะนั่นแหละ ผมค่อยๆ ตะกายตัวลุกขึ้นมานั่งแล้วหันไปมองสิ่งที่ทำให้ผมล้มหัวทิ่มมาแบบนี้

   “เหี้ย!” สิ่งที่เห็นทำให้ผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ ‘ไข่’ ที่มีขนาดใหญ่กว่าลูกฟุตบอลได้ มันตั้งอยู่บนกองก้อนหินเล็กๆ ที่ยกขึ้นเป็นแท่นเหมือนฐานรองรับไข่เอาไว้ ส่วนปลายที่แหลมกว่าฐานตั้งอยู่ด้านบน

   “ไข่เหี้ยอะไรไรวะใหญ่ขนาดนี้” ผมเอามือแตะไปที่เปลือกไข่ มันเรียบและอุ่น ผมหันซ้ายหันขวาไปดูรอบๆ เพราะถ้ามีไข่ก็คงจะมีพ่อกับแม่มันอยู่แน่ๆ ไข่ใบใหญ่ขนาดนี้พ่อแม่มันคงตัวไม่เล็กหรอก ว่าแต่มันเป็นไข่อะไรวะ เกิดมายังไม่เคยเห็นไข่ที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ผมค่อยๆ ยกไข่ขึ้นมาพิจารณา เปลือกไข่สีออกเทาๆ พื้นผิวเรียบทั่วกันทั้งหมด ผมเขย่าเบาๆ ก็ได้ยินเสียงขลุกๆ เหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน

   โครก!

   ผมชะงักเมื่อท้องร้องประท้วงขึ้นมา ก็ตั้งแต่กลับมาจากน้ำตกยังไม่ทันได้กินข้าวเที่ยงเลย เพิ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองหิวมาก หิวจนน่าจะกินช้างได้ทั้งตัว แต่จะกินอะไรล่ะ อาหารก็ไม่มีมาด้วย

   ผมมองไข่ในมือ หึๆ ไข่เหี้ยอะไรไม่รู้ละ แต่ที่รู้ตอนนี้คือหิวมาก และสงสัยว่ามันแดกได้ไหม

   ไข่ทุกชนิด = กินได้

   ไข่เหี้ย? ก็น่าจะกินได้นะ

   ผมวางไข่เอาไว้ที่เดิม ก่อนจะเดินออกไปหากิ่งไม้เล็กๆ เอามาทำฟืน ระหว่างทางก็สังเกตรอยเท้าไปด้วย น่าแปลกที่ไม่มีรอยเท้าสัตว์อยู่แถวๆ นี้เลย พ่อแม่มันคงจะไข่ทิ้งไว้ล่ะสิ โถ น่าสงสาร มาเป็นอาหารพี่ซะดีๆ

   พอได้ฟืนมากพอที่จะเป็นเชื้อไฟได้ตลอดคืนนี้แล้ว ผมก็เอามากองไว้ใกล้ๆ ปากถ้ำ แล้วเริ่มหักฟืนเป็นชิ้นเล็กๆ เอาใบไม้แห้งๆ คั่นไว้ แล้วค้นไฟแช็คออกมาจากกระเป๋า จุดกับใบไม้ที่คั่นไว้จนไฟค่อยๆ ลุกขึ้นมา

   ผมหยิบฟืนเติมเข้าไปเรื่อยจนได้กองไฟกองใหญ่พอควรก็หันมามองไข่เจ้าปัญหาที่วางไว้ข้างๆ กองไฟตรงหน้า ผมจับมาพลิกๆ ดูอีกที กะว่าจะย่างให้ข้างในมันสุก แต่ต้องหาอะไรทุบก่อนไม่งั้นถ้าโดนความร้อน แรงดันข้างในคงทำให้ไข่ระเบิดแน่ ผมมองหาก้อนหินขนาดเหมาะมือ กำลังยกขึ้นจะทุบเปลือกไข่ด้านบน

   เปรี๊ยะ! หือ?

   เปรี๊ยะๆๆ เปลือกไข่ค่อยปริแตกจากด้านบนมาทีละนิด เอ หรือว่าเอาวางไว้ใกล้ไฟเกินไป

   แกร็บ!

   “เฮ้ย!” ผมอุทานอย่างตกใจจนหงายหลังเอามือค้ำพื้นไว้ เมื่อจู่ๆ ก็มีตีน เอ๊ย! เท้าทะลุเปลือกไข่ด้านบนออกมาข้างหนึ่ง

   แกร็บ! ก่อนที่มันจะผลุบเข้าไป แล้วถีบเปลือกไข่ออกมาอีกครั้ง จนเปลือกไข่ด้านบนแตกเป็นรูใหญ่

   ผมสบตากับไอ้ตัวที่อยู่ข้างใน ที่กำลังจ้องมาตาแป๋ว

   “ก๊าส” แถวนี้ไม่มีปั๊มแก็ส มึงไม่ต้องมาร้องหา ตึ่ง โป๊ะ! ยังจะมีอารมณ์เล่นมุกอีกนะตัวกู ตัวเหี้ยอะไรสักอย่างนี่กำลังเอาเท้าถีบเปลือกไข่ที่ล้อมตัวเองไว้ออกแต่ตายังจ้องมาเขม็งจนผมเผลอถดตัวถอยหลังไปเรื่อยๆ พอเปลือกไข่แตกจนเหลือแค่ฐาน มันก็กระโดดตุบลงมายืนพื้น

   “ก๊าส” โว๊ะ! บอกแล้วไงว่ากูไม่มีให้ ไปไกลๆ เลย

   “ชิ่วๆ” ผมส่งเสียงไล่มัน เพราะหน้าตามันไม่น่าคบ โดยเฉพาะฟันในปากของมันที่ดูคมกริบวาววับยิ่งโคตรไม่น่าคบเลยมึงอ่ะ แต่แทนที่มันจะไป มันกลับเอียงคอมอง ไม่ต้องมาทำแบ๊วเลยสาด ผมเตรียมตัวจะลุกขึ้นไปตั้งหลัก แต่ยังไม่ทันได้ขยับ ไอ้ตัวประหลาดตรงหน้ากลับวิ่งพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

   “แว้กกกกก! อย่าเข้าม๊า”

   ตุ้บ! มันกระแทกเข้าที่พุงผมอย่างแรงจนผมล้มตัวลงไปนอนหงายหลังคลุกดิน

   “โอ๊ย! มึงจะแดกกูเหรอ ม่ายยย ออกป๊ายยยย” ผมร้องอย่างโหยหวน พยายามปัดตัวมันออก แต่ทุกอย่างนิ่งสนิท เอิ่ม! ไม่เจ็บ แสดงว่าผมยังไม่โดนมันแดก ผมค่อยๆ ผงกหัวขึ้นมาดู ก็เห็นไอ้ตัวตรงหน้าเอาหัวซุกกับพุง มือ อ่า น่าจะเรียกว่าเท้าทั้งบนและล่าง เอ๊ะ! หรือหน้ากับหลังขยุ้มเสื้อไว้แน่น ก่อนจะเอาหัวถูกับพุงไปมา สาด มึงไม่ได้น่ารักเหมือนแมว ไม่ต้องมาอ้อน ว่าแต่ไอ้ท่านี้นี่อ้อน? หรือเปล่า?

   ผมกระพริบตามองมันปริบๆ คือ ณ ตอนนี้คืองงแดกมากครับ ทำอะไรของมึงฮึ พอถูจนพอใจ? มันก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมแล้วร้องอยู่คำเดิมๆ คือ

   “ก๊าส” ผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าเหมือนน้ำเสียงมันจะมุ้งมิ้งแปลกๆ ร้องจบก็นอนราบเอาคางเกยพุงมองหน้าตาแป๋ว คือ มึงจะเล่นเกมจ้องตากับกูเหรอครับ บอกกูที

   พอจ้องตากันจนตาแห้ง มันก็ยังนิ่ง ผมเลยลองขยับตัว มันก็ยังนิ่ง เลยยันตัวลุกขึ้นนั่ง มันก็ขยับลงมานั่งตักพอดี แต่ยังคงเกาะเป็นลูกลิงอยู่เหมือนเดิม พอแน่ใจว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะแดกผม ผมก็ทำใจกล้ายื่นมือไปแตะหัวมันเบาๆ เมื่อเห็นมันยังคงนิ่ง เลยลองลูบดู มันหลับตาพริ้มเอียงหัวซบกับฝ่ามือเหมือนฟินเต็มที่

   เอิ่ม! อย่าบอกนะว่ามึงคิดว่ากูเป็นแม่มึง? จากที่เคยดูสารคดีสัตว์โลกน่ารัก ไอ้ตัวอะไรก็ตามที่ออกจากไข่ สิ่งมีชีวิตที่มันเห็นเป็นอย่างแรก มันจะโมเมว่าเป็นแม่ไปซะหมด คือ มึงจะรู้ไหมว่ากูตัวผู้ กูก็มีไข่ กูเป็นแม่ให้ใครไม่ได้

   ว่าแต่ไอ้ตัวนี้นี่มันคือตัวอะไรวะ ผมเอามือไปจับซอกขาหน้า? แล้วดึงออกมา อย่าซุกพุงกูนาน เห็นฟันมึงแล้วกูเสียว เผลองับไปนี่ไส้ไหลได้เลยนะ ผมยกเจ้าตัวตรงหน้าขึ้นในระดับสายตาเพื่อพิจารณาดูอีกที หน้าตาอย่างนี้ผมมั่นใจว่าไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตแน่นอน

   ไอ้สัตว์ประหลาดตรงหน้ามีสีเขียวแบบ อืม... เรียกว่าสีเขียวมรกตละมั้ง เวลาโดนแสงแดดจะเป็นประกายวาววับ เท่าที่ลูบดูผิวเหมือนมีเกล็ดเล็กๆ แข็งๆ ปกคลุมอยู่ทั่วตัว ตรงกลางหลังมีปุ่มเล็กๆ สีดำเรียงตัวไล่ลงไปเกือบถึงหาง ปลายหางที่กำลังโบกไปมามีปลายแหลมๆ สีดำรูปร่างเหมือนรูปหัวใจ เท้าหน้ากับเท้าหลังสั้นกว่าลำตัวมีนิ้วอยู่ห้านิ้วปลายเล็บแหลมสีดำสนิท ตรงไหล่ด้านหลังมีปุ่มสองปุ่ม คล้ายๆ จะเป็นปีกเล็กๆ ยาวเท่านิ้วก้อย ระหว่างนิ้วเหมือนมีพังผืดยึดกันไว้ ตรงหัวมีครีบคล้ายๆ หูทั้งสองข้างและปุ่มปูดๆ สีขาวข้างหน้าเหมือนจะเป็นเขา ตากลมโตสีดำสนิทแต่ขอบตาดำเหมือนจะเหลือบสีทอง ฟันขาววาววับท่าทางจะแหลมและคมอยู่เต็มปาก

   นี่มันตัวเหี้ยอะไรวะ?

   หรือว่าจะมีใครอุตริลักลอบเอาสัตว์แปลกๆ เข้าประเทศแล้วเสือกเลี้ยงไม่ไหวเลยเอามาปล่อยในป่า จนผสมพันธุ์กับสัตว์ป่าของพื้นเมืองของเราอย่างกิ้งก่า แมลงทับ ตัวเหี้ย หรือจระเข้? ลูกออกมาหน้าตาถึงได้พิสดารขนาดนี้ ไอ้พวกไม่มีจิตสำนึก ระบบนิเวศน์เสียหมด แม่ง!ถ้าสัตว์ป่าสูญพันธุ์ขึ้นมาจะทำยังไง จิตสำนึกเรื่องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมถูกปลุกขึ้นมาทันที น้ำตาจะไหล

   โครก! อุย แต่ตอนนี้น้ำตาจะไหลเพราะหิวแทน มัวแต่ยุ่งกับไอ้ตัวตรงหน้า จนลืมไปว่าตัวเองหิวจนไส้กิ่ว ไข่ที่ตั้งใจจะแดกก็ฟักออกมากลายเป็นตัวเหี้ยอะไรไม่รู้ จะจับย่างก็ไม่รู้ว่าจะแดกได้หรือเปล่า หน้าตาไม่น่าไว้ใจพิกล ถ้ามีส่วนผสมของคางคกด้วยละจบเห่เลย แดกไปโดนเส้นพิษนี่คงตายห่าไปเฉยๆ ไม่มีใครช่วยได้เลยนะ?

   ผมวางมันลงกับพื้นก่อนจะสังเกตว่าตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว คงจะออกไปไหนไกลจากตรงนี้ไม่ได้ การออกไปเดินท่อมๆ ในป่าตอนกลางคืนไม่น่าจะเป็นความคิดที่ฉลาดนัก ได้แต่ถอนหายใจแล้วตัดสินใจสำรวจแค่บริเวณใกล้ๆ แทน

   ผมเดินไปรื้อของในเป้แล้วหยิบไฟฉายออกมาส่องดูตามพุ่มไม้ใกล้ๆ ไอ้ตัวประหลาดก็เดินตามหลังมาติดๆ ผมเห็นลูกอะไรสักอย่างสีแดงๆ ผิวขรุขระลูกเท่าหัวแม่มือ เลยเด็ดออกมาพิจารณา แม่ง ไม่คุ้นเลยสักนิด จะกินก็ไม่กล้ากลัวมีพิษ หางตาเห็นไอ้ตัวประหลาดทำอะไรยุกยิกเลยก้มไปมอง

   “เฮ้ย!” ผมร้องอย่างตกใจแล้วจับมันเขย่า เพราะมันงับผลไม้นั่นเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

   “คายออกมา เดี๋ยวก็ตายห่าหรอก” มันฟังผมไหม ไม่เลย ขนาดจับห้อยหัวเขย่ามันก็ยังเฉย พอเคี้ยวเสร็จก็กลืนลงคอไป แล้วยังมีหน้ามาเอียงคอมองหน้าอีก

   ผมเลยจับมันวางไว้บนพื้นเหมือนเดิม แล้วนั่งจ้องมันแทน อืม... น้ำลายไม่ฟูมปาก แสดงว่าไอ้ลูกไม้นี่คงกินได้ มันเกิดในป่าก็น่าจะมีสัญชาติญาณสัตว์ป่าบ้างสิน่า ผมเลยเลือกเก็บลูกที่สีแดงจัดๆ ใส่เสื้อจนคิดว่าน่าจะอิ่มทั้งสองตัว เอ๊ย! หนึ่งคนกับหนึ่งตัว แล้วเดินกลับมาที่ข้างกองไฟ ส่วนมันก็เดินเตาะแตะตามมา เอาวะ ตายก็ตายสิ มีเพื่อนตายด้วยจะกลัวอะไร อย่างน้อยก็ไม่เหงาแน่

   ผมหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าสีเขียวเข้มผืนใหญ่จากกระเป๋ากางเกงออกมากาง แล้วเทผลไม้ลงไป ก่อนจะหยิบมาชิม อืม... รสชาติคล้ายสตรอเบอร์รี่แต่หวานมากกว่า ไอ้ตัวประหลาดก็นั่งแปะลงข้างๆ แล้วหยิบกินมั่ง ต่างฝ่ายต่างกินเงียบๆ จนอิ่ม ผมก็หยิบขวดน้ำแร่จากกระเป๋าที่เตรียมไว้ให้คุณไฟมากินล้างปาก ก่อนจะยื่นให้ไอ้ตัวข้างๆ ที่กินผลไม้หมดก็เรอเอิ้กออกมา

   มันเอียงคอมองแล้วก็งับหลอดที่ยื่นให้ ผมมองน้ำที่ไหลขึ้นไปตามหลอด รู้อีกอย่างว่ามันแสนรู้ เวลาทำอะไรแล้วมักจะทำตามเหมือนกำลังเลียนแบบพฤติกรรมอยู่

   ผมหยิบมีดมา มองหาท่อนไม้ขนาดเหมาะมือแล้วเหลาปลายให้แหลม เผื่อว่ามีสัตว์ร้ายมาจะได้ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวเองได้บ้าง เพราะมีดพกก็อันเล็กนิดเดียว ถ้าต้องต่อสู้ระยะใกล้ก็คงเสียเปรียบ

   พอเหลาเสร็จก็หยิบฟืนเติมไฟให้แรงขึ้น เพื่อกันสัตว์ร้ายเข้ามาใกล้ และเพื่อให้ความอบอุ่น เพราะดูท่าแล้วตอนดึกๆ อากาศน่าจะเย็นมากกว่าตอนนี้ ก่อนจะขยับเข้าไปในซอกหิน ตอนแรกจะถอดเสื้อคลุมออกแต่นึกขึ้นได้ เลยหยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งออกมา วางเป้ไว้บนหัว ก่อนจะตบข้างตัวแปะๆ ตัวประหลาดก็เดินเตาะแตะมาข้างๆ ผมล้มตัวลงนอนตะแคงหันหน้าไปทางกองไฟ มันก็ล้มตัวลงนอนตาม ผมจึงเอาผ้าขนหนูห่มคลุมตัวเราทั้งคู่ รู้สึกว่ามันเอาหน้าลงซุกพุงผม ถูเบาๆ สองสามทีก่อนจะนิ่งไป ผมกระชับมีดพกในมือ มองไม้ปลายแหลมที่วางไว้ข้างๆ ให้อุ่นใจ ก่อนจะหลับลงไปด้วยความอ่อนเพลีย
   


*************************************************

ลงไว้ก่อน ก่อนที่จะไปตบพล็อตให้เข้าที่เข้าทาง เข้าป่าเข้าดง เข้ารกเข้าพง
เป็นนักหัดเขียน ค่อยๆ คลานไปเรื่อยๆ ฝึกบ่อยๆ ค่อยๆ ชินนน ชินกับอาการตัน ถถถ ไม่ใช่เอเจดีวีดีนี่ จะได้หัวดีคิดอะไรก็ออก

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:


ฝากลูกชายคนแรกไว้ด้วยค่า น้องกีฏะ กับ เรื่องสั้น 13 ตอน จบแล้วนะคะ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58101.0

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 4 ไข่เหี้ย??? (12/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 12-03-2017 09:05:03
ก้อนดินเจอไข่มังกรหรือเปล่า (มีจินตนาการไปอี๊ก)
ว่าแล้วว่าต้องไปโผล่ที่อื่นที่ไม่ใช่โลกใบเดิม
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 4 ไข่เหี้ย??? (12/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 12-03-2017 09:21:35
 :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 4 ไข่เหี้ย??? (12/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-03-2017 10:11:01
แฟนตาซี?
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 5 ก้อนหิน (15/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 14-03-2017 23:54:32
บทที่ 5 ก้อนหิน
[/color]

   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความเคยชิน มองไปข้างนอกก็เห็นฟ้ายังไม่สว่างดียกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู เข็มนาฬิกาบอกว่าเป็นเวลาตี 5 กว่า ผมค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นมา แล้ววางผ้าขนหนูห่มเจ้าตัวประหลาดไว้เหมือนเดิม หยิบเป้และมีดย่องออกมาจากซอกหิน เดินออกมาได้ไม่กี่ก้าวก็หันไปมองกองผ้าในซอกหินแล้วถอนหายใจ

   ขอให้แม่แกกลับมาเร็วๆ นะ ผมภาวนาในใจก่อนจะเดินจากมา

   ผมต้องรีบออกเดินทาง เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้คุณไฟกับท่านทูตจะเป็นห่วงกันสักแค่ไหน ป่านนี้คงออกตามหากันให้วุ่นแล้วละมั้ง จะโทรไปบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงก็หาโทรศัพท์ไม่เจอ จำได้ว่ามันอยู่ในกระเป๋ากางเกงแท้ๆ สงสัยมันอาจจะหล่นจากกระเป๋า ตอนออกไปหาฟืนพยายามเดินหาก็ยังไม่เจออยู่ดี

   แถมนี่ก็ใกล้จะถึงวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยเต็มทีแล้ว จะเอามันไปด้วยก็ไม่ได้ เพราะคิดว่ารังมันน่าจะอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ของมันก็คงกลับมา ถ้าไม่เจอลูกต้องตามหาแน่ แถมผมยังไม่สามารถดูแลมันได้ด้วย แค่ตัวเองยังเอาไม่รอดเลย ไม่รู้ทางข้างหน้าจะต้องเจออะไรบ้าง ให้มันอยู่กับครอบครัวของตัวเองน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

   ระหว่างทางมีแต่ต้นไม้ใหญ่ขึ้นสูงครึ้มตลอดทาง มีแสงแดดส่องลอดใบ้ไม้มาได้บ้าง อากาศเย็นสบายไม่เหมือนอยู่ในเมืองไทยสักนิด เดินมาได้สักพักก็เจอกับลำธาร ที่ทอดยาวไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด น้ำไหลเอื่อยๆ ใสแจ๋วจนเห็นก้อนหินและพื้นดิน ผมเดินต่อไปอีกสักพัก ก่อนจะหยุดหยิบผ้าเช็ดหน้าเอนกประสงค์มาซักแล้วบิดให้พอหมาดๆ แล้วใช้เช็ดหน้า เช็ดคอ เช็ดลำตัวและแขนที่โผล่พ้นจากแขนเสื้อ แล้วซักอีกรอบสะบัดให้หมาดผูกหลวมไว้กับซิปเป้ด้านหลังให้มันแห้ง กะว่าจะเดินไปทางต้นน้ำอีกหน่อยก่อนค่อยกรอกน้ำลงขวดเผื่อไว้กินระหว่างทาง

   ผมออกเดินทางต่อ คิดว่าถ้าเดินไปทางเหนือน้ำน่าจะได้เจอกับหมู่บ้านหรือเจอกับมนุษย์บ้าง เพราะถ้าเป็นผม ผมก็คงสร้างบ้านอยู่เหนือน้ำ ไม่ไปสร้างที่ปลายน้ำหรอก เพราะเสี่ยงต่อ ผมสะบัดหัว ไม่ อย่าไปคิดถึงขี้ อ่า ผมหมายถึงสิ่งปฏิกูลที่จะลอยมาตามน้ำ บรึ๋ย! แค่คิดก็ยังขนลุก ถึงการเดินเลียบแหล่งน้ำจะเสี่ยงกับการเจอสัตว์ป่า แต่ก็ดีกว่าอดน้ำตายละครับ

   เดินไปสักพักก็ได้ยินเสียงอะไรสักอย่างดังแว่วๆ มาจนต้องหยุดเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ แสดงว่าต้นเสียงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ทำให้ผมต้องเร่งฝีเท้า

   “ก๊าส”

   ผมเร่งฝีเท้าขึ้นจนกลายเป็นวิ่ง พอหันไปก็เห็นไอ้ตัวนั้นมันวิ่งตามมาลิบๆ ขาหน้าลากผ้าขนหนูระพื้น ส่วนขาหลังสั้นๆ ของมันก็ซอยมาอย่างสุดชีวิต

   มึงจะตามมาทำมายยย!

   “ก๊าสสสส” ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า ถึงรู้สึกว่าเสียงมันสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้

   “ก๊าสสสสส” เรียงนั้นร้องดังใกล้มาอีกก่อนที่จะได้ยินเสียงดังตุบ จนผมชะงักเท้า เผลอหันกลับไปมองก็เห็นมันล้มหน้าคว่ำ แต่ยังรีบตะกายลุกขึ้นยืนแล้ววิ่งต่อ ผมทำใจแข็งหันหลังกลับ แต่เท้าแทบจะก้าวไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่จนมันวิ่งมาถึงตัวแล้วพุ่งมาชนขาอย่างแรงก่อนที่จะเกาะขาข้างหนึ่งของผมไว้แน่น

   “ก๊าส” เสียงสั่นๆ นั่นร้องอีกครั้ง ผมก้มลงไปมองก็เห็นมันใช้ขาหน้ากำขากางเกงเอาไว้แน่น เล็บจิกลงไปจนถึงผิวด้านใน มันใช้หัวถูขาผมแรงๆ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ตากลมๆ คู่นั้นมองมาอย่างตัดพ้อ น้ำตาเม็ดโตๆ ไหลพรากๆ จนใจผมอ่อนยวบ

   กูยอมแล้วครับ

   เห็นแบบนี้ใครยังใจแข็งได้ ผมยอมให้เตะ ต่อให้พ่อแม่มันกลับมาลากไปแดกตอนนี้ผมก็ยอม

   ผมย่อตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้น มือกระตุกผ้าเช็ดหน้าด้านหลังออกมาค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้มัน แต่น้ำตามันก็ไม่หยุดไหลซะทีอย่างกับเปิดก๊อก ผมเลยอ้าแขนออก มันโผมากอดแน่นจนเล็บจิกทะลุเสื้อแล้วเอาหัวถูพุงร้องสะอึกสะอื้นจนเสื้อผมเปียก ผมได้แต่ลูบหัวลูบหลังมันอย่างปลอบโยน น้ำตาหยดแหมะๆ ใส่หัวมัน เอาสิ มึงร้องได้กูก็ร้องบ้าง ตั้งแต่ย่าเสีย ผมก็ได้แต่กลั้นน้ำตาไว้แล้วแอบร้องไห้คนเดียว แต่ตอนนี้อยู่ในป่าในเขาไม่มีอะไรให้ต้องอาย ไม่มีอะไรให้ต้องแคร์ ร้องให้สาสมใจกันไปเลย

   เราร้องไห้แข่งกันสักพัก ผมเป็นฝ่ายที่หยุดร้องก่อน แต่มือยังไม่หยุดลูบหัวมัน เพราะมันยังสะอื้นฮั่กๆ อยู่ในอ้อมแขนอยู่เลย

   โครก!

   เสียงท้องร้องทำให้มันชะงักกึก ผละตัวออกจากพุงผมแล้วแหงนขึ้นมองตาละห้อย น้ำตาหยุดไหลอัตโนมัติจนผมอดจะหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้

   “หิวล่ะสิ” ผมจับตัวมันยกขึ้นมาสำรวจ ก็เห็นว่าเนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่น ระหว่างที่วิ่งมาก็น่าจะล้มลุกคลุกคลานไปหลายรอบอยู่ ถึงเกล็ดภายนอกจะแข็งแต่เนื้อในที่โดนกระแทกก็คงจะเจ็บน่าดู ผมจับมันมากอดอีกรอบ พยายามกลืนก้อนแข็งๆ ในอก ก่อนจะก้มลงหยิบผ้าขนหนูคลุกฝุ่นที่มันลากมาด้วย แล้วเดินไปที่ลำธาร ผมวางมันไว้บนก้อนหินเบาๆ พอจะขยับออกมันก็จับหมับเข้าที่แขนเสื้อ จนผมต้องหันไปลูบหัวแล้วบอก

   “ไม่ได้จะไปไหน แค่จะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้” มันจึงยอมปล่อยมือ เหมือนกับฟังรู้เรื่อง

   ผมเอาผ้าเช็ดหน้าสีเขียวผืนเดิมชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วลงมือเช็ดเนื้อตัวมันอย่างเบามือจนสะอาดทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดหาง กำลังจะก้มลงซักผ้า มันก็จับมือไปวางบนหัวแล้วเอียงหัวถูกับฝ่ามืออย่างออดอ้อนจนผมแทบจะละลาย มึงจะน่ารักเกินไปแล้วนะ
 
   “อย่าทำแบบนี้สิ เดี๋ยวกูก็ปล่อยมึงไปไม่ได้หรอก” ผมยกตัวมันขึ้นมามองแล้วพูดกับมัน

   “เรามาตกลงกันก่อน”

   “ก๊าส” แน่ะ รับคำอย่างกับเข้าใจ

   “กูจะอยู่เป็นเพื่อนมึงที่นี่ 7 วัน ภายใน 7 วันนี้ถ้าพ่อแม่มึงไม่มา มึงต้องเลือกว่าจะอยู่รอที่นี่ หรือจะไปกับกู ตกลงไหม ที่สำคัญถ้าพ่อแม่มึงจะแดกกู มึงต้องห้ามไว้ด้วย”

   “ก๊าส” โอเค รู้เรื่อง

   “อืม... ไหนๆ ก็จะอยู่ด้วยกันอย่างน้อยตั้ง 7 วัน กูตั้งชื่อให้มึงด้วยดีไหม”

   “ชื่ออะไรดีหว่า” มันเอียงคอมองตาแป๋ว

   “กัสจังดีไหม ไม่ดี ไม่ดี ชื่อแบ๊วไป ไม่เหมาะกับหน้าโหดๆ ของมึง” อ่า รู้สึกเหมือนคนบ้าที่กำลังคุยอยู่คนเดียวพิลึก ผมมองไปที่พื้น หันมองหน้ามันนิ่ง แหงนหน้ามองข้างบน (ไม่รู้จะมองหาอะไร) ก่อนจะยิ้มออกมา

   “กูชื่อก้อนดิน” ผมชี้มาที่ตัวเอง มันเอียงคอไปอีกข้างแล้วร้องออกมา

   “ก๊าส” มึงไม่เบื่อบ้างรึไง ร้องแต่คำนี้เนี่ย

   “งั้นมึงชื่อก้อนหินละกัน จะได้คล้องกัน โอเคไหม”

   “ก๊าสสส” ลากเสียงยาวๆ แสดงว่าเข้าใจ แถมหางมันยังสะบัดไปมาเหมือนพอใจ ตีความเอาว่ามึงชอบชื่อนี้ก็แล้วกัน ผมวางมันลงที่ก้อนหินก้อนเดิม แล้วชี้ไปที่อกข้างซ้ายของมันแล้วจิ้มเบาๆ

   “ก้อนหิน”

   “ก๊าสสส” ไม่รู้ว่ามโนไปเองไหม ถึงรู้สึกว่ามันกำลังยิ้ม บ้าไปแล้วผม สัตว์มันจะยิ้มได้ยังไง แต่ผมนี่แหละที่ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงรูหู แบมือแล้วยื่นไปข้างหน้า

   “ไหนขอมือซิก้อนหิน” มันวางมือลงมาหางกระดิกตีกับพื้นดังพั่บๆ โอ๊ย! น่าร๊ากกกก

   โครก!

   โอเค คงต้องพักเรื่องชื่อไว้ แล้วไปหาอะไรแดกกันก่อน



   ผมอุ้มก้อนหินขึ้น แล้วเดินย้อนกลับไปทางเดิม ระหว่างทางก็พยายามมองหาผลไม้ไปด้วย แต่ก็ไร้วี่แวว น่าจะต้องกลับไปกินผลไม้ต้นเดิมที่ตีนเขาซะแล้ว แต่ระหว่างที่เดินอยู่ก็ได้ยินเสียงในลำธาร

   จ๋อม!

   ก้อนหินหันขวับไปมอง แล้วดิ้นลงจากอ้อมแขนผม ผมค่อยๆ ปล่อยลงบนพื้น มันหันมามองอย่างลังเล แล้วก็จับขากางเกงผมลาก ผมก็ขยับเดินตาม พอไปถึงริมน้ำมันก็จ้องไปในน้ำตาเป็นประกาย แปลกที่น้ำในลำธารตรงนี้เหมือนจะลึกกว่าจุดอื่นๆ ที่ผ่านมา ตอนขามาผมก็ไม่ทันได้สังเกต เพราะเดินไปมองทั้งฝั่งป่ากับลำธารสลับกันไป เห็นปลาโผล่มาฮุบอากาศเป็นระยะ ในขณะที่กำลังนึกว่าจะจับปลายังไงดี ก้อนหินก็โดดตูมลงไปในน้ำจนผมตกใจ

   “เฮ้ย! ก้อนหิน” ผมผวาจะลงไปตาม แต่มันโผล่ขึ้นมาซะก่อน ในปากคาบปลาตัวใหญ่ที่ยังดิ้นกระแด่วๆ อยู่ ก่อนที่จะว่ายมาตะกายขึ้นฝั่งแล้วทิ้งปลาลงบนพื้นแล้วสะบัดหางไปมา

   “เอ่อ... เก่งมาก” ผมลูบหัวมันมันก็เอียงคอให้ลูบ แล้วก็เดินไปกระโดดลงน้ำแล้วคาบว่ายมายื่นให้ ก่อนจะมุดลงไปอีก พอได้ปลาสามตัวผมคิดว่าน่าจะพอสำหรับกระเพาะเราทั้งคู่เลยรั้งมันไว้เมื่อมันทำท่าจะว่ายกลับไปอีกครั้ง

   “พอแล้วมั้งหิน แค่นี้ก็น่าจะอิ่ม ตัวใหญ่ขนาดนี้กูกินแค่ตัวเดียวก็อิ่มแล้ว อีกสองตัวยกให้มึงเลยแล้วกัน” ผมจับมันยกขึ้นมาจากน้ำแล้ว แล้วค้นผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาเช็ดตัวให้

   “ทนไหวไหม กลับไปย่างที่เดิมดีกว่านะ จะได้ไม่ต้องก่อไฟหลายรอบ อีกแป๊บเดียวก็น่าจะถึงแล้ว”

   “ก๊าส” ถือว่ามึงตอบรับแล้วนะ

   ผมจับมันยัดใส่เป้ ให้หัวโผล่มาข้างนอก มันขยับตัวมาซบคางเข้ากับบ่า ขาข้างหน้าเกาะบ่าอีกข้างจับหลังไว้ ผมดีดหน้าผากมันไปเบาๆ ทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ จะสบายเกินไปแล้วนะ ก่อนจะมองไปรอบๆ ตัว เห็นต้นไม้ที่คล้ายๆ ต้นกล้วย ก็หยิบมีดพกที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงแล้วเดินไปตัดมาห่อปลา ก่อนจะหอบแล้วเดินกลับไปยังจุดเดิมที่นอนกันเมื่อคืน

   ระหว่างทางก็หยิบกิ่งไม้ไปเท่าที่จะหยิบไปได้ เมื่อไปถึงก็วางปลาลง ผมลงมือจุดไฟแล้วเอาไม้เสียบปลาปักลงกับดินแล้วย่าง ก้อนหินตะกายลงจากกระเป๋ากระโดดมาบนพื้นแล้วมานั่งจ้องปลาในกองไฟ ก่อนจะหยิบปลาอีกตัวที่อยู่บนใบไม้ขึ้นมา อ้าปากทำท่าจะงับทั้งอย่างนั้น

   “เฮ้ย!” ผมร้องพร้อมกับดึงปลาออกมาจนมันงับลมแทน ก้อนหินหันมาค้อนงอนๆ

   “แดกไม่ได้มันดิบ”

   “ก๊าส” แน่ะมีเถียง มันก้มลงหยิบปลาอีกตัวที่ยังวางอยู่บนใบไม้ขึ้นมาแทน

   “ก้อนหิน!” ผมเรียกมันเสียงดุๆ จากที่กำลังอ้าปากจะงับปลา มันก็ยกลงแล้วเบะปาก น้ำตาคลอเบ้า

   “มึงแดกดิบๆ ได้หรือไง”

   “ก๊าส” มันผงกหัวให้แล้วส่งสายตาอ้อนวอนมา ผมถอนหายใจเฮือก

   “งั้นเอาที่มึงสบายใจเลยครับหิน จะแดกก็แดกไป แต่ถ้าไม่สบายท้องอย่ามาร้องนะ เพราะกูช่วยอะไรไม่ได้” นอกจากร้องไห้เป็นเพื่อนมัน

   พอได้รับคำอนุญาต มันก็เดินเอาหัวมาถูขา ก่อนจะนั่งลงอ้าปากงับปลาดิบกินอย่างเอร็ดอร่อย

   งั่ม! ฟันของมันคมมากขนาดงับลงไปเนื้อปลาก็หลุดเข้าปากไปเลย ผมเห็นแล้วก็อดสยองไม่ได้ อย่านึกอยากแดกกูขึ้นมานะมึง ไม่งั้นกูจะงอน?

   พอเห็นผมมอง มันก็ชะงัก มองปลาที่เหลือในมือก่อนจะยื่นมาให้ ผมอดจะโยกหัวมันด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “อ่านปากก้อนดินนะครับก้อนหิน กู แดก ไม่ ได้ ครับ” มันผงกหัวหงึกหงักก่อนจะเอากลับไปกัดกินต่อ เออ เข้าใจด้วยเว้ยเฮ้ย แสนรู้จริงๆ

   พอปลาผมสุก ปลาตัวแรกของมันก็หมดเหลือแต่ก้าง ผมบอกให้โยนลงไปในกองไฟมันก็ทำตามอย่างว่าง่าย แล้วก้อนหินก็เริ่มแทะปลาตัวใหม่ทันที ตอนแรกผมกลัวจะกินไม่หมด เพราะปลาตัวใหญ่พอควร แต่สงสัยจะหิวจัด เราซัดปลาจนหมดเกลี้ยงกันทั้งคู่
 
   ผมนั่งรอให้ท้องย่อยสักพัก มองดูฟืนที่มีอยู่ถ้าจะอยู่อีกหลายวันก็ดูท่าน่าไม่พอ เลยออกเดินหาฟืนแล้วสำรวจบริเวณรอบๆ ไปด้วย ต้นไม้พุ่มเตี้ยๆ หลายต้นยังคงมีผลทั้งที่สุกและยังเขียวๆ อยู่คงเด็ดมากินได้อีกหลายวัน ไม่ไกลกันก็มีลำธารที่ยาวจนไม่เห็นจุดสิ้นสุด ปลาในลำธารก็อุดมสมบูรณ์ ตรงตีนเขามีซอกแคบๆ ให้ซุกหัวนอน แต่แปลกที่เดินไปตั้งไกลก็ยังไม่เห็นสัตว์ชนิดอื่นๆ เลย ป่าเงียบสงบเหมือนมีเราอยู่แค่สองตัว เอ๊ย! หนึ่งคนกับหนึ่งตัว ผมเก็บฟืนไปเรื่อยๆ โดยมีก้อนหินทำตาม ในอ้อมแขนของมันก็เต็มไปด้วยฟืนท่อนเล็กๆ เต็มแขน พอเริ่มจะขนไม่ไหวแล้วก็พากันเดินกลับมา

   พอเห็นว่าแดดเริ่มคล้อยก็หยิบเป้และอุ้มก้อนหินเดินไปที่ลำธาร ผมถอดเสื้อออกแล้วเดินลงไปในน้ำ รู้สึกแสบแผลที่เข่านิดหน่อย แต่ดูแล้วไม่ใช่แผลใหญ่อะไร ไอ้ตัวดีก็กระโดดลงตาม ผมนั่งลงล้างหน้าขัดถูตัวสักพัก ก็จับก้อนหินมานั่งหันหลังแล้ววักน้ำทำความสะอาดขัดถูทั่วทั้งตัว เกล็ดสีเขียวเวลาโดนน้ำแล้วกระทบแสงแดดเป็นประกายวาววับ พอปล่อยมือปุ๊บ ก็ว่ายน้ำเล่นวนๆ อยู่ใกล้ๆ เด็กจริงๆ

   พอรู้สึกว่าเริ่มหนาวก็ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนแถวพุ่มไม้ ออกมาก็เห็นปลาดิ้นกระแด่วๆ อยู่บนพื้นสองตัวโดยไอ้ตัวที่จับมายืนกระดิกหางอวดผลงานอยู่ข้างๆ ผมเดินไปลูบหัวแล้วชมมัน ก่อนจะเดินไปตัดใบไม้มาวางปลา เอาชุดเก่ามาซักในน้ำ รวมทั้งผ้าขนหนูที่ก้อนหินลากไปด้วย พอเรียบร้อยแล้วก็รอสักพักก่อนจะหยิบขวดน้ำมากรอกน้ำไว้กินหลังอาหารเย็น ไม่รู้สะอาดไหม แต่ตอนนี้คงต้องกินกันตายไว้ก่อนครับ เรียบร้อยแล้วก็เก็บของแล้วหอบทุกอย่างเดินกลับ โดยมีก้อนหินเดินตามต้อยๆ

   ผมเอาผ้าที่ซักตากไว้ตามพุ่มไม้ หักกิ่งไม้โยนใส่กองไฟเพิ่ม ถึงจะเริ่มมืดแล้ว แต่ปลาที่กินไปเมื่อบ่ายก็ยังไม่ย่อยหมดดี เลยปล่อยให้ก้อนหินกินที่จับมาใหม่ให้หมดทั้งสองตัว ส่วนผมก็ไปเด็ดผลไม้มานั่งกินเล่นไป พอมันกินเสร็จผมก็เอาน้ำให้มันกิน แล้วจับล้างมือ ผมนั่งแหงนมองดูท้องฟ้าก็เห็นแต่ใบไม้ที่ปิดท้องฟ้าไว้มิด

   บรรยากาศที่นี่เงียบสงบ แม้แต่เสียงแมลงยังไม่มี นั่งนิ่งๆ ก็ชักง่วง ผมเลยเติมฟืนลงไปเพิ่ม ก่อนจะเดินมุดเข้าซอกโดยมีก้อนหินเดินตามไปเหมือนลูกเจี๊ยบตามแม่ไก่ ผมถอดเสื้อคลุมตัวนอกออกปู เมื่อวานเตรียมชิ่งเลยต้องทนนอนบนหินแข็งๆ แต่เมื่อตัดสินใจอยู่ต่อแล้ว ก็ถอดออกปูให้นอนสบายขึ้น พอผมล้มตัวลงนอนมันก็ล้มตัวลงข้างๆ เอาหน้าซุกพุงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมือจิกเสื้อผมแน่น ผมหยิบผ้าขนหนูอีกผืนที่เตรียมไว้มาห่มเราทั้งคู่ ก้อนหินขยับตัวจนโผล่ขึ้นมาจากผ้า ตาปรือๆ นั้นพยายามฝืนลืมตาเอาไว้ เหมือนกลัวผมหายไป ผมเลยลูบหัวมันแล้วเอ่ยปลอบด้วยความอ่อนโยน

   “นอนเถอะ สัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ไปไหน ถ้าไปก็จะไปด้วยกัน โอเคไหม”

   “ก๊าส” นั่นแหละมันถึงได้ยอมหลับตา แต่มือเปลี่ยนมากำคอเสื้อผมไว้แน่นแทน

   ผมนอนมองมันนิ่งๆ อย่าว่าแต่มันไม่อยากให้ผมทิ้งเลย ผมก็ชักไม่อยากจะให้พ่อแม่มันกลับมาเหมือนกัน เจอกันแค่สองวันกลับผูกพันเหมือนรู้จักกันมานาน ถ้าต้องจากกัน ผมคงใจหายน่าดู

   เดิมทีผมก็ชอบสัตว์อยู่แล้ว โดยเฉพาะหมา แต่คุณไฟเกลียดสัตว์ทุกชนิด ถ้าแค่เกลียดก็คงไม่เท่าไหร่ ยังพอแอบเลี้ยงได้ แต่นี่คุณไฟแพ้ขนสัตว์ด้วย เล่นกับหมาแมวมาทีไร คุณไฟภูมิแพ้กำเริบจามไม่หยุดทุกที เลยต้องตัดใจอยู่ห่างๆ จากสัตว์พวกนี้แทน

   ถ้าเอาสัตว์ป่าออกไปนี่โทษหนักไหมหว่า ถ้าต้องเข้าตะรางก็หวังว่าคุณไฟกับท่านทูตคงมาประกันตัว และหวังว่าคุณไฟจะยอมให้เลี้ยงก้อนหินไว้ ก็มันไม่มีขนนี่นา คุณไฟคงไม่แพ้หรอกมั้ง ผมกระชับอ้อมแขนกอดก้อนหินเข้ามาแน่นอีกนิดแล้วเคลิ้มหลับไป

*************************************************

#about ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
#Mynun สนใจไปด้วยกันไหมคะ เอร๊ยยยย
#naruxiah รอดค่ะ รอดดด เพราะน้องดินเป็นตัวเอก 5555 ขอบคุณที่ช่วยกันมโนนะคะ
#sirin_chadada เดาเก่งมากเลยค่ะ อ่านเม้นท์แล้วนั่งหัวเราะเป็นบ้าอยู่คนเดียว สนใจไปเที่ยวด้วยกันไหมคะ
#Melonlove ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า
#B52 สารรูปว่าเป็นแฟนตาซีค่า

ขอบคุณทุกๆ เม้นท์นะคะ เป็นกำลังใจให้นักหัดเขียนอย่างเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ

 :3123: :3123: :L2: :3123: :3123:

สารรูป เอ๊ย! สารภาพว่าเรื่องนี้เป็นแนวแฟนตาซีค่ะ ทุกคนน่าจะเดาได้ตั้งแต่เจอไข่เหี้ย แค่กๆ หมายถึงไข่ของก้อนหินแล้วใช่ไหมคะ แหะๆ

ผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ
กระดึบๆ ต่อไป

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 5 ก้อนหิน (15/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 15-03-2017 00:50:43
สนุกดีๆๆๆ แต่แบบตอนกลับขึ้นไปจากป่าได้ คนในเมืองได้วิ่งหนีเมืองรายแน่ๆ55555 จัดงานศพละด้วย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 5 ก้อนหิน (15/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-03-2017 03:02:36
น่าสนใจ ตามด้วยคน มาต่อบ่อยๆน้า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 5 ก้อนหิน (15/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-03-2017 07:41:26
ก้อนดินเหมือนมีลูกเลย :D
ก้อนหินก็น่ารัก
ว่าแต่ทำไมป่านี้ไม่มีสัตว์อื่นเลยนอกจากปลาในน้ำล่ะ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 5 ก้อนหิน (15/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rivayu ที่ 17-03-2017 00:31:06
 :laugh:+ ให้นะคะ ขำแรงค่ะ เข้ามาอ่านทีแรกนึกว่านิยายธรรมดา อ่านไปอ่านมา แฟนตาซีเฉยเลย สงสารทางโน้นนะคะ เค้าดราม่ามาเต็มกัน ทั้งคุณหญิง ทั้งคุณไฟ นายดินของเรากลับชิคแอนด์ชิล เป็นคุณแม่จำเป็นเสียอย่างนั้น เลี้ยงเด็ก(สัตว์ประหลาด)วนไปค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #บทที่ 5 ก้อนหิน (15/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-03-2017 00:57:22
หลงรักเลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 6 ที่นี่ที่ไหน??? (17/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 17-03-2017 18:50:34
ตอนที่ 6 ที่นี่ที่ไหน???
[/color]

   ผมพยายามขยับตัวด้วยความอึดอัด แต่กลับขยับไม่ได้ดั่งใจ ขนาดจะหายใจยังลำบาก ทำไมถึงขยับตัวไม่ได้วะ เฮ้ย! หรือว่า ผีอำ?

   ผมเปิดเปลือกตามาช้าๆ สิ่งแรกที่เห็นในสายตาคือ ส้นตีน! ครับ ส้นตีนที่มีเล็บแหลมๆ สีดำ อยู่ใกล้เกือบถึงปลายคาง ถีบหน้ากูเลยไหมก้อนหิน!

   สาเหตุที่ทำให้ขยับตัวได้อย่างยากลำบาก คงจะเป็นเพราะก้อนหินที่ขึ้นมานอนบนตัวผมทั้งตัว แต่มันดันหันขามาข้างบน ส่วนหัวมันซุกอยู่ที่พุง มือกอดแน่นอยู่แถวๆ ข้างสะโพก

   มึงตัวเล็กมากครับก้อนหิน ขึ้นมานอนทีซี่โครงแทบหัก

   ว่าแต่ขึ้นมานอนตอนไหนหว่า ทำไมผมไม่รู้สึก นี่นอนหรือตาย? ถ้ามีสัตว์ร้ายเข้ามาเมื่อคืน เราคงตายห่าไปแล้วครับ

   ตอนแรกกะจะปล่อยให้ก้อนหินนอนต่อสักพัก แต่ไม่ไหวครับ เมื่อยและหนักมาก เลยต้องจับขามันไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างก็ประคองหลังมันแล้วจับพลิกลงล่างอย่างเบามือก่อนจะลุกขึ้นมานั่งให้มันนั่งตักแทน แต่มันกลับสะดุ้งเฮือก ผวาตัวหันกลับมากอดเอาไว้แน่น จนผมต้องลูบหลังมันเบาๆ

   “จุ๊ๆ ไม่ได้ไปไหนหรอก กูเมื่อย แค่เปลี่ยนท่าเฉยๆ นอนต่อเถอะ” มันเอาหัวถูได้สักพักก็เงยมามองหน้า มันคงยังฝังใจกับเรื่องที่ผมแอบหนีไปอยู่ จนทำให้ผวาแบบนี้ ผมขยับไปเอนพิงผนังแก้เมื่อย มือก็ยังคงลูบหลังมันไปเรื่อยๆ หวังจะปลอบให้มันวางใจ สักพักก้อนหินก็เริ่มตาปรือๆ แล้วหลับไป

   ในเมื่อตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนมัน ผมก็ไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ ใช้ชีวิตแบบสโลไลฟ์บ้างก็ดีเหมือนกันนะ ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัวก็แล้วกัน

   พอสายๆ หน่อย ก็พาก้อนหินไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็เดินหาอะไรกิน ลองเดินสำรวจใกล้ๆ นอกจากปลาในลำธารก็ไม่เจอสัตว์ชนิดอื่นเลยครับ แม้แต่รอยเท้าก็ยังไม่มี แปลก... แปลกมากด้วย ป่าอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ อะไรที่ทำให้สัตว์ป่าไม่กล้าเข้ามาอาศัยกันนะ หรือจะเป็นเพราะมนุษย์เข้ามาแถวนี้บ่อยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งแปลกใจ จะถามใครก็ไม่ได้ ยิ่งก้อนหินยิ่งแล้วใหญ่ ร้องได้อยู่คำเดียว อยากได้ซากุระ เอ๊ย! วุ้นแปลภาษาจริงๆ เผื่อฟังภาษามันออก

   แต่ละวันผมก็ขยับพื้นที่สำรวจไปไกลเรื่อยๆ จนวันนี้เป็นวันที่ 7 แล้วที่อยู่เป็นเพื่อนก้อนหินมัน แต่ก็ยังคงไม่มีวี่แววของพ่อกับแม่มันสักนิด ไม่แน่ว่าอาจจะโดนสัตว์ชนิดอื่นฆ่าหรืออาจจะถูกมนุษย์ล่าไปแล้วก็ได้ นึกแล้วก็อดสงสารมันไม่ได้ เกิดมาไม่ทันได้เห็นหน้าพ่อแม่ก็เป็นกำพร้าซะแล้ว ชีวิตมันนี่เหมือนผมเลยแฮะ

   วันนี้ผมพามันเดินไปไกลหน่อย ก้อนหินไม่มีทีท่าว่าเหนื่อยสักนิด ยังคงเดินนำไปเรื่อยๆ มองซ้ายมองขวาอย่างสนอกสนใจ แต่ไม่ลืมหันกลับมามองผมเป็นระยะ จะอึดไปไหน ส่วนผมขนาดก่อนจะมาเที่ยวออกกำลังกายบ่อยๆ ก็ยังหอบน้อยๆ เลย พอเหนื่อยก็พักแล้วเดินต่อ เดินมาจนไกลโข ระหว่างทางก็ยังไม่เจอสัตว์อื่นนอกจากปลาเหมือนเคย ผมละสายตาจากลำธารไปเจอภาพข้างหน้าทำให้ต้องชะงักฝีเท้าแล้วยืนอึ้ง

   มันคือซุ้มต้นไม้...

   กิ่งของต้นไม้ทั้งสองฟากลำธารโค้งมาจรดกันเป็นซุ้มคล้ายกับซุ้มเข้างานแต่งที่สูงเลยหัวไปเล็กน้อยก่อนที่จะไล่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ จนเห็นยอดลิบๆ แล้วลำธารที่เดินผ่านมาแทนที่จะทอดยาวต่อไปกลับหายไปใต้พื้นดินที่ยกตัวขึ้นสูงเหมือนกับน้ำไหลออกมาจากท่อกลายเป็นน้ำตกเตี้ยๆ ผมมัวแต่อึ้งกับภาพตรงหน้า ก้อนหินก็วิ่งผ่านซุ้มที่เหลือพื้นดินอยู่น้อยนิดพอให้ผ่านได้คนเดียวขึ้นเนินออกไปแล้ว

   “เดี๋ยวสิ ก้อนหิน!” ผมวิ่งตามออกไปด้วยความเป็นห่วง พอทะลุออกมาเจอแสงสว่างจ้าเลยต้องหยีตาลงเพื่อให้สายตาได้คุ้นชินสักพักก็ลืมขึ้นมา แล้วสิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้ผมยืนอึ้งไปอีกรอบ

   “สัตว์!”

   เอ่อ... ผมไม่ได้ด่าใครนะครับ แต่ผมหมายถึงสัตว์ สัตว์จริงๆ สัตว์ตัวเป็นๆ ทั้งกระต่าย กวางและตัวอะไรสักอย่างที่เหมือนหนูเล็มหญ้า เล็มใบไม้ กินผลไม้อยู่ไม่ไกล

   บริเวณนี้เป็นป่าโปร่งๆ ต้นไม้เตี้ยกว่าป่าที่ผมออกมามาก มีพุ่มไม้เตี้ยๆ ที่มีผลไม้หลากสีอยู่หลายต้น กอหญ้าอ่อนๆ และดอกไม้เล็กๆ ขึ้นกระจายไปทั่ว แหงนมองข้างบนก็เห็นท้องฟ้าสดใส เมฆสีขาวลอยตัวเป็นกลุ่มอยู่บนฟ้า มีนกอะไรสักอย่างกำลังบินอยู่ข้างบน สวยเหมือนอยู่ในสวรรค์จนอยากจะหยิกตัวเองดูอีกซะที

   พอหันกลับไปมองป่าที่เดินออกมาก็เห็นต้นไม้สูงใหญ่ที่แทบจะมองไม่เห็นยอดปกคลุมล้อมรอบเป็นรั้วจนเหมือนเป็นโดมต้นไม้คลุมอาณาบริเวณนั้นอยู่ ข้างในก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวเหมือนตัดขาดจากโลกภายนอก เหมือนป่าช้ากับตลาดสด ยิ่งดูก็ยิ่งมึน ยิ่งคิดก็ยิ่งงง

   ตกลงที่นี่มันที่ไหนวะ???

   ผมละสายตามามองหาก้อนหินก็เห็นมันวิ่งไล่งับผีเสื้ออยู่ พองับได้ก็เอามาอวด เอ่อ... กูต้องชมมึงไหมหิน แต่ก็ตบหัวมันไปสองสามที มันก็ไปวิ่งเล่นกับกระต่าย แต่ดูท่าหน้าตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรของมันทำน้องกระต่ายหนีกระเจิดกระเจิงไปหมด เหลือแต่กวางที่กินผลไม้ไป เหล่มองไปอย่างไม่ไว้วางใจ ผมมองแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

   ผมเดินสำรวจต่อไปเรื่อยๆ เผื่อจะเจอมนุษย์ให้ถามเพื่อไขข้อข้องใจได้บ้างว่าที่นี่มันที่ไหนกันแน่ และที่สำคัญผมจะหาทางกลับบ้านได้ยังไง?

   เดินไปสักพักก็รู้สึกเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่ง ป่าเงียบสงัดขึ้นมาทันควัน ก้อนหินขยับมายืนข้างๆ แล้วจ้องเขม็งตรงไปด้านหน้า ก่อนสัตว์ป่าน้อยใหญ่จะเริ่มวิ่งหนีกันอุตลุด

   ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นตัวอะไรสักอย่างโผล่จากพุ่มไม้มางับกระต่ายในระยะไม่เกินร้อยเมตร ไม่สงสัยว่ามันเป็นตัวเหี้ยอะไร และไม่ต้องรอให้มันมาทักทาย รีบคว้าก้อนหินมากอดแล้วออกตัววิ่ง! โกยสิครับ จะอยู่รอให้มันมาแดกทำไม!!!

   โฮกกกกกกก!

   ไม่ต้องขู่ กูก็กลัวแล้วโว๊ยยยยย!

   ผมเร่งฝีเท้าอย่างสุดตีนไม่ต้องหันกลับไปดูก็รู้ว่ามันวิ่งตามพวกผมมา เพราะเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถึงจะมีสองเท้า แต่ผมก็เป็นนักกรีฑาเก่านะครับ ไม่อยากจะอวด (มันใช่เวลาไหม?)

   ผมวิ่งกลับไปทางเก่าที่เราเพิ่งออกมา คิดว่ากลับไปหลบที่เดิมก็น่าจะไหว เพราะตัวใหญ่ขนาดมันคงมุดเข้าซอกไปไม่ได้ ที่สำคัญมองซ้ายมองขวาแล้วไม่น่ามีที่ไหนให้สามารถหลบได้ ไม่รู้ว่าสัตว์ป่าตัวอื่นๆ หนีไปหลบที่ไหนกันหมด ที่สงสัยอีกอย่างคือทำไมมึงตามแต่กูหา สาดดดดดดดด

   ซุ้มต้นไม้ที่เห็นอยู่ข้างหน้าทำให้ผมเร่งฝีเท้าขึ้น ในชั่วขณะที่ใกล้จะถึงซุ้ม ก็ได้ยินเสียงคำรามของมันพร้อมกับรู้สึกเจ็บแปลบที่แผ่นหลังจนผมล้มผ่านซุ้มเข้าไป

   ผมรีบพลิกหงายมาก็เห็นมันค่อยๆ ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ก่อนจะกระโจนเข้าใส่

   ตึง!

   เฮ้ย!

   ผมอ้าปากค้างเบิ่งตากว้าง เมื่อเห็นมันสะท้อนกลับ!

   ฟังไม่ผิดหรอกครับ ขณะที่มันจะกระโจนเข้ามาขย้ำผม ตัวมันเองกลับปะทะกับกำแพงใสๆ ที่กั้นอยู่ตรงซุ้มจนกระเด็นกลับออกไป ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อเห็นมันทำเหมือนเดิม แต่ผลก็ยังคงเป็นแบบเดิม จนแน่ใจแล้วว่ามันไม่มีทางผ่านซุ้มเข้ามาได้ เลยถือโอกาสพิจารณาไอ้ตัวที่วิ่งไล่กวดมาถึงที่นี่

   หน้าตามันเหมือนสิงโต แต่เขี้ยวขาวยาวมากกว่า ตัวก็ใหญ่มากกว่าเป็นเท่าตัว แถมมีเขาที่หัวสองเขาแหลมเปี๊ยบ อ่า บรรพบุรุษมึงผสมพันธุ์กับควายมาใช่ไหม? กูมั่นใจ...

   พอมันรู้ตัวว่าเข้ามาไม่ได้ มันก็ยื่นขาเข้ามาแทน เฮ้ย! ขามันเข้ามาได้ซะงั้น ผมเผลอหดขากลับมาทั้งที่อยู่ห่างจากมันพอควร มึงมีความพยายามมาก รู้ว่าเข้ามาไม่ได้มึงก็ควรยอมแพ้ไหม จะอาฆาตอะไรกูนักหนา เราไม่เคยเจอกันมาก่อน มึงมาทำร้ายกูทำม๊ายยยย! นึกแล้วก็แสบหลัง อูย! รู้สึกเหมือนเลือดซึมๆ ถึงจะโดนแค่เฉี่ยวๆ ก็เถอะ

   “เฮ้ย! หิน” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อก้อนหินดิ้นออกจากอ้อมแขนไปอย่างรวดเร็วจนคว้าไว้ไม่ทัน

   มันกางเล็บออกมาแล้วตะปบลงที่ขาเจ้าสัตว์ประหลาดที่ตามเรามาจนมันร้องเสียงหลง เล็บของก้อนหินเหมือนจะงอกยาวขึ้นมากกว่าเดิมอย่างน่าตกใจ นี่มึงเป็นญาติกับวูล์ฟเวอรีนเหรอก้อนหิน!!!

   ก้อนหินขยับหลบขาที่ยื่นออกมาอย่างรวดเร็ว มือ เอ๊ย! ขาหน้าก็ตะปบซ้ำๆ เหมือนจะกรีดให้เป็นริ้วๆ พอได้จังหวะก็กัดเข้าจมเขี้ยว จนโดนสะบัดออก มันม้วนตัวกลิ้งกับพื้นก่อนกลับมายืนได้อย่างสวยงาม หูย เทพมากหิน ผมเผลอปรบมือเปาะแปะให้

   ส่วนไอ้ตัวนั้นก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดก่อนจะวิ่งหนีไป ผมขยับเข้าไปจับตัวก้อนหินมาสำรวจ นอกจากฝุ่นดินตามตัวก็ดูเหมือนจะไม่มีแผลอะไรเลย เลยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พอจับมือมันมาดูก็เห็นว่าเล็บสั้นเท่าเดิมแล้ว ผมจับหัวมันโยกเบาๆ แล้วเอ่ยชม

   “เก่งมาก”

   “ก๊าส” มันรับคำพร้อมกระดิกหางฟาดพื้นอย่างอารมณ์ดี จนบัดนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ แต่ช่างเถอะ แค่มันไม่ทำร้ายผมก็พอแล้ว แถมดูจากเมื่อกี๊ก็เหมือนมันจะพยายามปกป้องผมด้วย

   ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ซุ้มต้นไม้ด้านหน้า ลองยื่นแขนออกไปก็ออกไปได้ตามปกติ ยังไม่เสี่ยงออกไปทั้งตัวกลัวไอ้ตัวนั้นมันจะกลับมา

   มันคืออะไรกันวะ? ทำไมสิงโตควายตัวนั้นพยายามเข้ามาถึงเข้ามาไม่ได้ ไม่ได้อยากให้มันเข้ามานะ แค่สงสัย มันแปลกตรงที่ผมกับก้อนหินเข้าออกได้ตามปกติ แต่มันเข้ามาไม่ได้นี่แหละ

   ยิ่งนึกยิ่งสงสัย ไล่เรียงไปตั้งแต่แรกก็ยิ่งงง ทุกอย่างดูเป็นปริศนา เจอแต่คำถามมากมายที่ไม่มีคำตอบ

   ผมถอนหายใจ รู้สึกเหมือนไมเกรนจะกำเริบ!

   ถ้าจะหาคำตอบคงต้องออกไปหาเอาข้างนอก อยู่ในนี้อาจจะปลอดภัยก็จริง แต่ถ้าทนกับความอยากรู้ได้ก็ไม่ใช่มนุษย์ และผมยังเป็นมนุษย์ครับ ผมอยากรู้!

   ผมพาก้อนหินเดินกลับไปทางเดิม ระหว่างทางก็แวะหาอะไรกิน แล้วก็เตรียมตัวเก็บของเพราะวันนี้ครบ 7 วันพอดี พรุ่งนี้ผมจะออกเดินทางหาคำตอบจากโลกภายนอก!


******************************************************************************

จำคำย่าก้อนดินได้ไหมคะ ที่เคยบอกไว้ว่า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก้อนดินก็มีความสุขได้ เพราะไอ้นิสัยยังไงก็ได้ แบบจะเจออะไรก็ค่อยๆ แก้ไป ด้วยความที่ไม่คิดอะไรมากนี่แหละที่ทำให้มีความสุขกับชีวิตได้ง่ายๆ


*****************************************************************************

#arissara ถ้าได้กลับไปนะคะ หึๆๆๆๆ (หัวเราะแบบชั่วร้ายอีกรอบ)
#•♀NoM!_KunG♀• ขอบคุณที่แวะมาอ่านและทักทายค่า จะพยายามนะคะ
#sirin_chadada มาแล้วค่า แอบเอ็นดูก้อนหินยิ่งกว่าก้อนดินอีกค่ะ ฮ่าๆๆๆ
#rivayu ฮ่าๆๆๆ ปล่อยให้ทางโน้นดราม่าไปค่ะ ก้อนดินหนีมาเที่ยวเฉยยยยยย
#B52 รักเหมือนกันค่ะ อุตส่าห์แวะมาเม้นท์ให้บ่อยๆ

รักคนอ่านและคนเม้นท์ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ

:mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 6 ที่นี่ที่ไหน??? (17/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 17-03-2017 19:33:53
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 6 ที่นี่ที่ไหน??? (17/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-03-2017 22:04:25
 o13 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 6 ที่นี่ที่ไหน??? (17/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-03-2017 22:15:36
นั่นสิคะ สังเกตเห็นตั้งแต่ตอนก่อน ๆ ละแต่ไม่ได้ทัก ที่เรื่องราวมันไม่ค่อยดราม่าก็เพราะมุมมองของก้อนดินเป็นแบบนี้นี่ละ พอจะดราม่า ๆ เจ้าตัวก็ลากไปตลกเสียอย่างนั้น (หัวเราะ) ว่าแต่...หวังว่าโลกใบใหม่ของก้อนดินจะมีสิ่งมีชีวิตสักตัวที่สื่อสารกันได้มาช่วยไขปริศนานะคะ (ออกแนวเกมสำรวจโลกทำภารกิจไปอี๊ก...)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 6 ที่นี่ที่ไหน??? (17/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rivayu ที่ 22-03-2017 23:56:52
การเดินทางเริ่มต้นแล้วววว จะได้เจออะไรบ้าง แล้วนี่พา(สัตว์ประหลาด)เด็กไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้นรึเปล่าเนี่ย รอค่ะ อยากรู้ว่าก้อนหินเป็นตัวอะไร เป็นกำลังใจให้นะ :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 29-03-2017 09:35:19
ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า

Part ต้น (มันลงไม่หมดค่ะ ยาวไป ถถถ รอแป๊บนะคะ จัดช่วงปลายก่อน)


   รุ่งเช้า หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกับก้อนหินก็กินปลาเป็นการส่งท้ายเผื่อจะไม่ได้กลับมากินอีก รสชาติมันดีจริงๆ นะ ขนาดไม่ได้ปรุงอะไรเลยยังอร่อย ก่อนหน้านี้ตอนเช้าก่อนออกไปสำรวจพื้นที่ ผมพยายามแล่เนื้อปลาเป็นชิ้นบางๆ ทำปลาแดดเดียวแต่ผึ่งลมแทนแดด เพราะในนี้มันครึ้ม นานๆ ลมจะพัดใบไม้ให้แดดส่องทะลุมาสักที พอหมาดหน่อยก็เอาห่อใบไม้ใส่ถุงที่พกไว้อีกที เผื่อทางข้างหน้าไม่มีอะไรกินจะได้เอาไว้กินกันตาย (ที่จริงติดใจ)

   ผมหยิบเป้มาสะพาย ถือไม้ปลายแหลมที่เหลาไว้ แล้วเริ่มออกเดินทางทันทีโดยมีก้อนหินเดินตามอยู่ข้างๆ ผมถามมันแล้วนะว่าจะอยู่รอพ่อแม่รึเปล่า มันก็ส่ายหัวแล้วก็เดินตามมา บอกตามตรงว่าผมดีใจมากที่มันไปด้วยกัน ถ้าทิ้งไว้ผมคงเดินทางอย่างไม่มีความสุข คงจะละล้าละลังเป็นห่วงมันอยู่นั่นแหละ ก็อยู่ด้วยกันจนผูกพันไปแล้วนี่

   ผมเดินมาจนถึงซุ้มต้นไม้ กรอกน้ำใส่ขวดไว้เผื่อไม่เจอแหล่งน้ำข้างหน้า ลองชะโงกผ่านซุ้มไปดูข้างนอก ก็เห็นสัตว์ป่าเล็กๆ ออกมากินอาหารกันตามปกติ เลยก้าวออกไปข้างนอก พอเดินห่างไปสักพักก็หันกลับมามองโดมต้นไม้ที่อาศัยอยู่หลายวันเป็นการล่ำลา

   เดินมาได้สักพักสายตาก็สะดุดเข้ากับร่างใหญ่ๆ ร่างหนึ่งที่นอนอยู่บนพื้น เมื่อเข้าไปใกล้ผมค่อนข้างตกใจ เพราะมันคือสิงโตควายที่ไล่กวดเราเมื่อวานนี่เอง แต่ตอนนี้มันตายไปแล้ว และมีแมลงวันเริ่มมาตอมตามแผล ผมได้แต่มองอย่างแปลกใจ แค่โดนข่วนกับกัดขานี่ถึงกับตายเลยเหรอ ไม่มั้ง มันอาจจะตายเพราะสาเหตุอื่นก็ได้ ผมส่ายหัวแล้วเดินต่อไปอย่างสบายใจมากขึ้น อย่างน้อยก็ไม่ต้องระแวงว่าจะโดนไอ้ตัวนี้วิ่งไล่แดกอีกละ โดยไม่ทันสังเกตว่าแมลงวันที่ตอมอยู่นั้นค่อยๆ ตกลงมาตายทีละตัว

   ผมตัดสินใจมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือเรื่อยๆ โดยใช้ความรู้ในการเดินป่ามาใช้ ค่ำไหนก็นอนนั่น ใต้ซอกหินบ้าง โพรงไม้ใหญ่ๆ บ้าง บนต้นไม้บ้าง โชคดีที่ไม่เจอสัตว์ร้าย เดินไปได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็มาเจอกับลำธาร ไม่แน่ใจว่าใช่ลำธารสายเดียวกันไหม แต่ผมตัดสินใจเดินตามลำธารไป ซึ่งดูตามทิศทางแล้วต้นน้ำน่าจะอยู่ทางทิศเหนือพอดี

   หลังจากอยู่กับก้อนหินมาหลายวันทำให้แน่ใจว่าก้อนหินเป็นสิ่งมีชีวิตที่เลี้ยงง่ายมากกกก มันกินได้ทุกอย่างที่ขวางหน้า กินได้ทั้งเนื้อสัตว์ (โดยเฉพาะปลาที่ชอบมากเป็นพิเศษ) ใบไม้และผลไม้ (ที่เห็นสัตว์อื่นๆ กิน) พามันกินอะไรมันก็กินได้หมด แต่ดูจะชอบกินเนื้อสัตว์มากกว่า โดยเฉพาะแบบดิบๆ

   มีอยู่วันหนึ่ง ระหว่างที่ผมกำลังเก็บผลไม้อย่างเพลิดเพลิน หันมาอีกทีก็แทบกรี๊ดแต๋วแตก มันแดกงูอยู่ครับ!

   ฟังไม่ผิดครับ มันแดกงู!!!

   พอเห็นผมยืนช็อคมองมันกัดงูเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนกำลังกินไส้กรอก มันก็ยื่นงูที่หัวหายไปแล้ว เหลือเพียงตัวที่ยังดิ้นกระแด่วๆ ปลายหางยังพันอยู่ที่มือมันมาให้

   อ๊ากกกกกก!!! ผมถอยหลังหนีอย่างเสียจริต ผลไม้ที่เก็บร่วงกระจายลงพื้น

   ไม่ต้องมามีน้ำใจ

   กูไม่แดกกกกกกกก!!!

   พอเห็นผมถอยหนี มันก็เอียงคอมองทำหน้าแบ๊วใส่ แล้วก็กัดกินต่อเฉยยย โอ๊ย! ผมจะบ้า เผลอไม่ได้เลยครับ ทั้งไอ้ตัวที่คล้ายแมงมุม แมงป่อง ตะขาบ ถ้ามันจับได้ยัดเข้าปากหมดเลย ผมแทบจะทึ้งหัวอย่างคลุ้มคลั่ง กลัวมันจะน้ำลายฟูมปากจากพิษแทบแย่ แต่ยังดีที่มันก็ไม่มีอาการอะไรเลย หลังจากนั้นก็ต้องคอยระวังไม่ให้มันหยิบอะไรแปลกๆ เข้าปาก กลัวเจอสัตว์มีพิษแรงๆ เข้าจะเป็นอันตรายเอา... (ไม่น่าจะทันแล้วนะดิน)

   ผ่านไปสัปดาห์กว่า ก็ยังไม่วี่แววว่าจะเจอมนุษย์สักคน เจอแต่ต้นไม้ใบหญ้าและสัตว์ป่าเล็กๆ แถมยังเหมือนกับว่าป่ามันจะเริ่มทึบขึ้นเรื่อยๆ ผมชักจะหวั่นใจว่าเลือกมาถูกทางรึเปล่า ไม่ใช่ว่าแทนที่จะเข้าเมืองหาผู้คน แต่กลายเป็นว่าหลงป่าลึกกว่าเดิมนะ

   แต่กังวลได้ไม่ถึงวัน ลำธารที่เดินเลียบมาก็เริ่มกว้างขึ้น จนกลายเป็นบึงน้ำกว้างเกือบไร่ ก่อนจะคอดและแคบเป็นลำธารทอดยาวไปต่อ

   บริเวณริมบึงมีต้นไม้ใหญ่มากพอๆ กับต้นไม้ในโดมที่จากมาแผ่กิ่งก้านคลุมบึงทั้งบึงไว้ มีม่านบาหลีห้อยระย้าคลุมลงมาแทบจะระพื้น ใต้ร่มเงาต้นไม้มีกระท่อมที่สร้างจากไม้ไผ่ มุงด้วยใบไม้คล้ายๆ ใบจากอยู่หลังหนึ่ง

   ผมกวาดตามองรอบๆ ก็เห็นเพียงกระท่อมหลังนี้หลังเดียว ไม่เห็นจะมีหลังอื่นอีก ใครมาสร้างกระท่อมโดดเดี่ยวเดียวดายกลางป่าแบบนี้วะ ไม่แน่อาจจะเป็นนายพรานสร้างเอาไว้พักตอนออกมาล่าสัตว์ก็ได้

   ผมแหวกม่านบาหลีออก แล้วเดินเข้าไปข้างใน เดินไปได้สักพักก็ชะงัก กลัวจะเจอตัวอะไรแปลกๆ อีก หรือถ้าโชคร้ายเจอโจรป่าละซวยเลย เลยไปแอบตรงพุ่มไม้มองอยู่สักพักก็ไม่เห็นอะไรออกมา จึงตัดสินใจเดินเข้าไปสำรวจ

   จากสายตาแล้วกระท่อมเหมือนสร้างมานาน แต่บริเวณโดยรอบดูสะอาดสะอ้าน น่าจะมีคนอาศัยอยู่หรือไม่ก็น่าจะจากไปไม่นาน เพราะด้านหน้ากระท่อมมีขี้เถ้าที่เหลือจากการก่อกองไฟอยู่

   เพราะมัวแต่สังเกตตัวกระท่อม ตอนก้าวข้ามพุ่มไม้ไปจึงสะดุดอะไรสักอย่างเกือบจะล้มคว่ำ แต่ผมเอามือค้ำพื้นไว้แล้วกลับลำทุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

   ก้อนหินที่ตามมาข้างหลังปรบมือเปาะแปะให้

   ผมเหล่ตามองก้อนหิน เหตุการณ์นี้คุ้นๆ ชอบกล นี่มึงคงไม่ได้ล้อเลียนกูอยู่ใช่ไหมหิน? ผมมันเขี้ยวจนอยากจะจับมันฟัด แต่หันไปเจอสิ่งที่ตัวเองสะดุดหัวทิ่มซะก่อน

   มนุษย์?

   สิ่งมีชีวิตที่นอนคว่ำตะแคงหน้ามานี่มนุษย์แน่นอน ว่าแต่... ตายหรือยังวะ นอนนิ่งเลย

   ผมขยับเข้าไปใกล้ๆ แล้วใช้ปลายเท้าเขี่ยเบาๆ บริเวณขา ก้อนหินก็ทำตามเหมือนเลียนแบบ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรทำตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กเห็น ถึงจะเป็นเด็กสัตว์ เอ๊ย! ถึงจะเป็นสัตว์ก็เถอะ เลยเปลี่ยนเป็นใช้ไม้เขี่ยแทน...

   “อืม” ร่างตรงหน้าครางเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ปรือตาขึ้น ยื่นมือขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วบอกเสียงแผ่ว

   “ช่วยด้วย!” ก่อนที่มือข้างนั้นจะตกลงแล้วเขาก็นิ่งไป

   “เฮ้ย!”

   “ลุงๆ เป็นอะไรรึเปล่า” พอเห็นร่างตรงหน้าแน่นิ่งไป ผมก็สังเกตรอบกายเผื่อจะเป็นแผนลวง แต่ทุกอย่างก็เงียบสนิท เลยนั่งคุกเข่าแล้วจับร่างตรงหน้าพลิกขึ้นนอนหงาย แล้วสำรวจดูว่าบาดเจ็บตรงไหน พอจับโดนตัวก็ต้องสะดุ้ง

   “อื้อหือ ตัวร้อนเชียว” ผมขยับไปข้างหลังแล้วใช้แขนโอบรอบอก จับบริเวณข้อมือที่ไขว้กันให้แน่น แล้วลากไปกิน เอ๊ย! ผมหมายถึงลากเข้ากระท่อมไป

   ด้านในมีเตียงเล็กๆ ตั้งอยู่ชิดริมด้านในติดกับหน้าต่างที่เปิดค้างไว้ กว่าผมจะจับตัวเขาขึ้นไปไว้บนเตียงได้สำเร็จก็เล่นเอาหอบเหมือนกัน ก้อนหินเดินตามเข้ามาแล้วมองรอบตัวด้วยความสนใจ นอกจากเตียงแล้วยังมีชั้นไม้ที่ทำขึ้นง่ายๆ มีผ้าหยาบๆ ไม่กี่ผืนวางอยู่บนชั้น ชั้นข้างๆ มีสิ่งที่เหมือนกับเครื่องครัวอย่างหม้อกับชามวางอยู่ มีภาชนะคล้ายโอ่งดินและกระบวยตักน้ำวางใกล้ๆ หน้าประตู

   ผมเดินไปหยิบผ้าผืนบางๆ ที่แขวนไว้บนราวตรงมุมห้องมา กวาดตามองไปเห็นถังน้ำก็หยิบแล้วเดินไปตักน้ำมาใช้ผ้าชุบน้ำบิดให้หมาดแล้วเริ่มเช็ดตัวลดไข้และสำรวจไปด้วยว่ามีแผลตรงไหนหรือโดนตัวอะไรกัดหรือเปล่า แต่ไม่เห็นร่องรอยก็เบาใจ น่าจะหมดสติเพราะมีไข้เฉยๆ

   พอเช็ดตัวเรียบร้อยแล้วก็ค้นยาแก้ไข้จากในกระเป๋ามายัดเข้าปากแล้วป้อนน้ำตาม หลังจากนั้นก็คอยเช็ดตัวลดไข้ให้ทั้งคืน เรื่องดูแลคนป่วยนี่ผมถนัดครับ เคยดูแลย่ากับคุณไฟมาก่อน โดยเฉพาะคุณไฟเวลาไม่สบายทั้งเหวี่ยงทั้งวีนหนักกว่าปกติหลายเท่า ใครก็เข้าใกล้ไม่ได้ยกเว้นย่ากับผม ผมเหม่อมองไปข้างนอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าป่านนี้คุณไฟจะเป็นยังไงบ้างนะ

   “แค่กๆๆ”

   เสียงไอทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา หลังจากเผลอหลับไปตอนใกล้รุ่งสาง เห็นคนตรงหน้าลืมตาขึ้นมองเพดาน ผมเลยยื่นมือไปอังหน้าผากดูว่าไข้ลดหรือยัง ลุงแกสะดุ้งแล้วยื่นมือมาจับข้อมือของผมไว้จนผมพลอยตกใจไปด้วย

   “ใคร” เสียงแหบแห้งถามขึ้น

   จะตอบยังไงดีล่ะ ต้องเท้าความกันยาวเลยนะ...

   “ผมแค่ผ่านมาครับ” พูดจบก็ปลดมือแกออกอย่างเบามือ แล้วก้มลงไปแกะมือก้อนหินที่เกาะขากางเกงไว้เพราะมันหลับอยู่ตรงปลายเท้า พอมันสะดุ้งก็ตบหัวเบาๆ ให้มันหลับต่อ แล้วจึงลุกไปตักน้ำพร้อมอธิบายไปด้วย

   “พอดีผมผ่านมาแล้วเห็นลุงล้มอยู่หน้ากระท่อม เลยพากลับเข้ามาพักในกระท่อม ลุงตัวร้อนมากผมเลยให้กินยาแล้วก็เช็ดตัวลดไข้ให้ครับ” ผมเดินกลับมาประคองลุงลุกขึ้นนั่ง แล้วยกกระบวยไปจ่อที่ริมฝีปาก

   “ดื่มน้ำก่อนครับ ค่อยๆ นะครับ ค่อยๆ จิบ เดี๋ยวสำลัก” ลุงแกกินน้ำจนเกือบหมด ก่อนจะดันออก ผมพึมพำขออนุญาตก่อนจะแตะเช็คอุณหภูมิที่หน้าผาก ไข้ลดแล้วนี่นา ดีจัง

   “เข้ามาได้ยังไง?”

   “ก็เดินเข้ามานี่แหละครับ...” ลุงนี่ถามแปลกๆ

   “... ช่างเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยข้าไว้” หือ... เจ้า – ข้า อะไรของลุง!!

   “เจ้าชื่ออะไร” ผมอึ้งได้สักพักยังไม่ทันได้ตอบคำถามก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าลุงแกพูดกับผมแต่สายตาแกมองตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว นานๆ ถึงจะกระพริบสักที ผมเลยยกมือโบกไปตรงหน้าแก ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง

   “ลุงตาบอดเหรอครับ”

   “ใช่ ตาข้ามองไม่เห็น” เอ่อ... มันก็อย่างเดียวกันไหมลุง ว่าแต่ลูกหลานก็ใจร้ายใจดำเกินไปละ ทิ้งให้ลุงอยู่คนเดียวกลางป่ากลางเขาแบบนี้ทั้งที่ตาบอด คงลำบากน่าดู น่าสงสารจริงๆ

   “ลุงอยู่คนเดียวเหรอครับ แล้วลูกหลานล่ะ”

   “ใช่ ข้าอยู่คนเดียว ส่วนลูกหลาน... ข้าไม่มีหรอก” ชีวิตรันทดไปอีก ถ้าไม่อยากโดดเดี่ยวแบบลุง เรียนจบผมคงต้องรีบสร้างครอบครัวสินะ

   “แล้วลุงมาอยู่ในป่าได้ยังไง อยู่ที่นี่มานานหรือยังครับ” พอเจอคำถามหลายคำถามลุงก็หัวเราะออกมาเบาๆ แต่ก็ยังตอบอย่างอารมณ์ดี

   “มาได้เพราะชะตากำหนด ส่วนอยู่มานานไหม อืม... ข้าอยู่มานานมากแล้วละ” คำว่านานลากยาวจนผมนึกสงสัยว่ามันนานสักกี่ปีกัน แต่ยิ่งฟังยิ่งงง ชะตาอะไรวะ แถมคำพูดก็ยังแปลกๆ สงสัยนอกจากตาบอดแล้วลุงคงเลอะเลือนหน่อยๆ

   “แล้วลุงไม่ลำบากเหรอครับ ตาก็มองไม่เห็น”

   “ไม่หรอก ถึงสายตาจะมองไม่เห็น แต่ก็ได้สิ่งอื่นมาทดแทน อย่างเช่น... เจ้ามากับใคร... หรือตัวอะไร” ผมชะงักกึก มองหน้าลุงทันที

   “ข้าได้ยินเสียง.. เสียงลมหายใจของอีกหนึ่งชีวิตในนี้” ผมก้มลงมองก้อนหินที่นอนแผ่หลับอยู่ใกล้ๆ

   “เอ่อ... ผมมากับ คือ... ผมก็ไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไรครับลุง ผมไม่เคยเห็นมาก่อน”

   “ผมก็อยากจะถามใครสักคนเหมือนกัน ว่าที่นี่มันคือที่ไหนกันแน่ ทำไมมีแต่เรื่องประหลาดๆ สัตว์หน้าตาแปลกๆ อีกอย่างก็อยากจะถามลุงด้วยว่าไอ้ตัวที่มาด้วยเนี่ยมันคือตัวอะไร เผื่อลุงจะรู้จัก เอ่อ ขอโทษครับ ลืมไปว่าลุงมองไม่เห็น”

   “ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจ ยังไงเจ้าก็เข้ามาช่วยเหลือข้าไว้ ชะตาเราคงต้องกัน แต่ก่อนสายตาข้าก็ยังดีอยู่ เดินทางไปทั่ว พบเห็นอะไรมาก็มาก สงสัยอะไรก็ถามมาได้เลย”

   “ที่นี่มันคือที่ไหนครับ” ถามคำถามสำคัญก่อน จะได้รู้ว่าจะหาทางกลับบ้านได้ยังไง

   “ที่นี่คือดินแดนไวเวิร์น”
   .
   .
   .

   “ขอโทษนะครับ ลุงเคยเข้าเมืองไหมครับ”

   “เคยสิ ข้าเคยเดินทางไปทั่วทุกเมืองแล้ว”

   “แล้วลุงรู้จักประเทศไทยไหมครับ”

   “ไม่... ข้าไม่รู้จัก ดินแดนไวเวิร์นมีอาณาจักรแค่สามอาณาจักรใหญ่ๆ คือ อาณาจักรรุค, อาณาจักรบาอัล และอาณาจักรเคลเบรอส ถึงจะมีเมืองเล็กเมืองน้อยแต่ข้าก็รู้จักทุกเมือง เมืองที่เจ้าว่ามาข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”
   .
   .
   .
   ชิบหายแล้ววววว!!! อาณาจักรเชี่ยอะไรไม่เคยได้ยินมาก่อนในชีวิต ประเทศไทยไม่มีชื่อจังหวัดหรืออำเภอแบบนี้แน่ๆ ผมมั่นใจ

   เดินป่าอยู่ประเทศไทยดีๆ แล้วกูมาโผล่ที่ดินแดนไวเวิร์นของลุงได้ยังไง???

   ที่สำคัญ กูจะกลับบ้านได้ยังไงงงงงง!!!

   “เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมเงียบ”

   ผมช็อคอยู่ครับ ฮือออออ

   “ละ... ลุงครับ”

   “หืม”

   “คะ... คือว่าผมตกลงมาจากหน้าผาที่ป่าทางทิศใต้ ละ... แล้วก็มาที่นี่ครับ” ถามเองงงเอง ลุงจะงงไหม

   “เป็นไปไม่ได้ ภูเขาทางทิศใต้คือภูเขาไฟไวเวิร์นลูกใหญ่ปล่องอยู่สูงลิบลิ่ว แถมยังเป็นภูเขาไฟที่ภายในยังปะทุอยู่ อากาศแถวนั้นมันร้อนมากจนมนุษย์เข้าใกล้แทบไม่ได้ แม้แต่มังกรยังไม่สามารถขึ้นไปได้ แล้วเจ้าจะขึ้นไปได้ยังไง”
   “ห๊ะ!!!!!!!!!”
   ภูเขาไฟ!!!  = ประเทศไทยไม่มี
   มังกร!!! = โลกเราก็ไม่มี มีแต่ตัวเหี้ย
   ...
   คือเชี่ยอะไรรรรร!!!!

   “ก๊าส” เสียงของผมคงดังไป จนทำให้ก้อนหินตื่นขึ้นมาขยี้ตาแล้วคลานกระดึ๊บๆ มาเกาะขาเอาหัวถูเหมือนเคย หิน มึงเปลี่ยนสปีชีส์เป็นหนอนแล้วเหรอ เดี๋ยวๆ ดิน มึงอย่าเพิ่งนอกเรื่อง

   ก่อนหน้านี้ก็ตงิดๆ อยู่บ้าง เพราะตั้งแต่ที่ฟื้นมาก็มีแต่เรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นตลอด ทั้งเรื่องแผล กำแพงอากาศ ทั้งสิงโตควาย ทั้งก้อนหิน แต่ก็ได้แต่หลอกตัวเองว่าคงไม่ใช่ ใครจะคิดว่าจะโผล่มาโลกอื่นล่ะครับ มันแฟนตาซีเกิ๊นนนนน

   แต่ตอนนี้คงต้องยอมรับความจริง ว่าโลกที่เหยียบอยู่นี่มันเป็นคนละโลกกับโลกที่จากมา

   แล้วทีนี้ จะเอายังไงกับชีวิตดี? ได้อิสระมาแบบงงๆ คงต้องตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ในโลกนี้ต่อไป หรือจะหาทางกลับบ้านดี

   เฮ้อ! ลองสำรวจโลกดูลู่ทางก่อนก็แล้วกัน กลับได้ก็กลับ กลับไม่ได้ก็อยู่มันที่นี่แหละ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว ครอบครัวก็ไม่มี ถึงจะเป็นห่วงคุณไฟบ้างแต่ก็คิดว่าท่านทูตกับคุณหญิงคงไม่ปล่อยให้คุณไฟลำบากหรอก ไม่นานคุณไฟก็คงจะทำใจได้และลืมผมไปเอง ยังไงผมก็ไม่ใช่คนสำคัญอะไรสำหรับคุณไฟอยู่แล้วนี่ ก็แค่เด็กในบ้านที่โตมาด้วยกัน

   พอปลงตกก็ผงกหัวหงึกหงักอยู่คนเดียว ก่อนจะชะงักหันไปมองลุงที่นั่งรออย่างใจเย็น

   “ลุงครับ” ลุงเบือนหน้ามามองเลิกคิ้วเป็นเชิงบอกให้พูดต่อได้เลย

   “ผมว่า ผมน่าจะหลุดมาจากโลกอื่น เพราะที่ๆ ผมอยู่มันไม่มีภูเขาไฟ ไม่มีมังกร...” ผมก้มลงมองก้อนหิน พอจะเดาได้ลางๆ ว่ามันเป็นตัวอะไร

   “ถ้าผมจะกลับไปโลกเดิมนี่ มันมีทางจะเป็นไปได้ไหมครับ” ลุงฟังอย่างสงบ ไม่ได้มีทีท่าว่าจะตกใจอะไร เหมือนจะเคยชินกับเรื่องแบบนี้ โหย ลุงสตรองมาก ถ้าเป็นผมนี่คงคิดไปแล้วว่าไอ้นี่ไม่บ้าก็เมา

   “ข้าไม่แน่ใจ นานมาแล้วเคยมีคนผ่านมาและถามข้าแบบนี้เหมือนกัน ข้าแนะนำให้เข้าไปในเมือง เพื่อไปถามปราชญ์ของอาณาจักร เผื่อจะได้คำตอบบ้าง แล้วก็เจอเจ้านี่แหละมาถามเป็นรายที่สอง”

   ปราชญ์อาณาจักร คือ ตัวอะไรวะ

   “แสดงว่าผมต้องเข้าไปในเมืองใช่ไหมครับ”

   “ใช่”

   “แล้วลุงรู้ไหมครับว่าทางเข้าเมืองไปทางไหน”

   “อืม ถ้าจะเข้าเมือง ต้องเดินไปทางทิศเหนือเรื่อยๆ หรือไม่ก็เดินเลียบแม่น้ำไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับอาณาจักรเคลเบรอสซึ่งอยู่ใกล้กับชายป่าที่สุด”

   “แล้วลุงพอจะรู้ไหมครับว่าตัวที่มากับผมนี่มันคือตัวอะไร” ผมบรรยายลักษณะของก้อนหินให้ฟัง ถึงจะพอเดาได้ แต่เพื่อความมั่นใจก็เลยลองถามอีกที

   “อ้อ... มันคือลูกมังกร ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่ามันมีสีอะไรนะ ข้าฟังไม่ถนัด” ผมถอนหายใจ กะแล้วว่าต้องใช่

   “สีเขียวครับลุง สีเขียวคล้ายๆ มรกต” ลุงอึ้งไปสักพัก พึมพำชะตาๆ อะไรสักอย่าง ก่อนจะถอนหายใจบ้าง

   “ถ้าจะออกไปข้างนอก เจ้าต้องหาอะไรปกปิดสีของมันหน่อย เพื่อความปลอดภัยของมันและตัวเจ้าเอง ต้นไม้ใหญ่หน้ากระท่อม เปลือกของมันสามารถเคี่ยวเป็นสีดำได้ เจ้าไปเลาะออกมาเคี่ยวแล้วทาให้มัน อ้อ... อย่าถามถึงสาเหตุ เพราะข้าบอกไม่ได้ รู้ไว้แค่ว่า ข้าหวังดีจากใจจริง เจ้าแค่ทำตามแค่นั้นก็พอ” จากที่จะเอ่ยปากถามก็เลยต้องหุบลงอย่างอัตโนมัติ เอาเถอะ เชื่อไว้ไม่เสียหาย ทำตามก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร

   “เจ้าสนใจจะเรียนเรื่องสมุนไพรไหม ข้าพอจะมีความรู้อยู่บ้าง ข้าอยากจะตอบแทนที่ช่วยข้าไว้ ถ้ามีความรู้ติดตัวจะได้ไม่ลำบาก”

   อืม... ไม่ได้เรียนสัตวแพทย์ เรียนสมุนไพรศาสตร์แทนก็ได้วะ

   “ก็ดีเหมือนกันครับ งั้นผมรบกวนด้วยนะครับ”

   “ถ้าอย่างนั้นก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนก็แล้วกัน ถ้าเจ้าเรียนรู้จนพอใจแล้วค่อยเดินทางต่อ”

   “ขอบคุณครับลุง” ผมยกมือไหว้ลุง ถึงลุงจะมองไม่เห็นก็เถอะ

   “อ้อ... คุยกันมาตั้งนาน ผมลืมตอบคำถามลุงไปเลย ผมชื่อก้อนดิน เรียกดินก็ได้ครับ ส่วนมังกรที่มาด้วยผมตั้งชื่อให้ว่าก้อนหิน แล้วลุงชื่ออะไรครับ”

   “ข้าชื่อเซเรส”

   พอตกลงกันได้และทำความรู้จักกันเรียบร้อยแล้ว ผมก็ให้ลุงพักผ่อน ส่วนผมกับก้อนหินก็ไปหาปลามาย่าง เมื่อปลาสุกก็แกะเนื้อใส่ชามไปให้ลุงกิน แล้วให้กินยาเพื่อกันไม่ให้ไข้กลับ ก่อนจะหลับลุงก็สอนวิธีการเคี่ยวเอาสีจากเปลือกไม้พร้อมให้พู่กันมาหนึ่งอัน

   หลังกินปลาจนอิ่มทั้งคู่ ผมก็เอามีดไปแซะเปลือกต้นไม้มาใส่น้ำต้มแล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆ กลิ่นมันหอมคล้ายกลิ่นไม้กฤษณา ผมเคี่ยวจนได้สีดำสนิทก็ปล่อยไว้ให้เย็นตามคำแนะนำของลุง แล้วไปตัดกระบอกไม้ไผ่ที่เจอแถวหลังกระท่อมมาใส่ไว้

   ผมเอาพู่กันมาจุ่มแล้วเริ่มต้นทาสีให้กับก้อนหินที่มองดูอย่างสนใจและนั่งนิ่งๆ ให้ทาแต่โดยดี ลุงเซเรสบอกว่าสีของเปลือกไว้ชนิดนี้ไม่เป็นอันตรายกับก้อนหิน สีมันจะติดทนนานอยู่ได้เป็นเดือนกว่าจะจาง แถมยังทนน้ำอีกด้วย จะเช็ดออกก็ต่อเมื่อใช้น้ำมันที่สกัดจากดอกสโนว์ฟ็อกซ์ ซึ่งเป็นดอกไม้หายาก เนื่องจากมันจะขึ้นอยู่เฉพาะตีนภูเขาไฟไวเวิร์นในช่วงฤดูหนาวจัดเท่านั้น

   ทาเสร็จผมก็เคียงคอมองสภาพก้อนหินเวอร์ชั่นเปลี่ยนสี ฝีมือดีเหมือนกันนี่หว่า มองแล้วก็นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว อย่างฮาอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆ จากสีเขียวสดใสเหมือนแมลงทับ กลายเป็นสีดำปี๋ เหลือแต่ลูกกะตากับฟัน กร๊ากกกก ก้อนหินเอียงคอมองผมหัวเราะ ก่อนจะกระโดดพุ่งมากอดแล้วเอาหัวถูแรงๆ เหมือนจะเอาคืน ผมเลยจับมันฟัดด้วยความเอ็นดู

   ตอนเย็นๆ หลังจากทำกินข้าวกินปลาเสร็จ (เรียกให้มันดูดีไปงั้นแหละครับ ที่จริงกินปลาอย่างเดียวกับผลไม้นิดหน่อย) ลุงก็เริ่มเอาตำราสมุนไพรมาสอนผม ลุงบอกว่ามันเป็นตำราสมุนไพรที่ลุงเขียนขึ้นระหว่างที่เดินทางศึกษาสมุนไพรในแต่ละอาณาจักรก่อนที่ตาจะบอด พอถามถึงสาเหตุที่ตาบอด ลุงก็แค่ยิ้มให้แต่ไม่ตอบ ผมเลยไม่กล้าซักไซ้ เพราะแต่ละคนก็คงมีเรื่องราวที่บอกใครไม่ได้ ดึกๆ อากาศเริ่มเย็น ตาผมก็เริ่มปรือจะหลับมิหลับแหล่

   “สิ่งที่ใช้เป็นยารักษาโรคที่ดีที่สุดและใช้แก้พิษได้ดีที่สุดก็คือ...” แล้วร่างกายผมก็ปิดสวิตช์ไป โดยไม่ทันได้ฟังท้ายประโยค และไม่ได้เห็นว่าลุงเซเรสกำลังจ้องไปยังก้อนหินเขม็งเหมือนกับตั้งใจจะบอกประโยคนั้นกับก้อนหินโดยตรง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 29-03-2017 09:50:40
Part ปลาย


   ผมอยู่เรียนสมุนไพรกับลุงเซเรสเกือบสองเดือนแล้ว มีความสุขกับการใช้ชีวิตสบายๆ จนอยากจะอยู่ที่นี่ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ความที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น ยิ่งฟังประสบการณ์การท่องเที่ยวของลุงเซเรสก็ทำให้อยากออกผจญภัยดูสักที ถ้าหาทางกลับบ้านไม่ได้ ค่อยกลับมาอยู่กับลุงเซเรสที่นี่ก็ได้

   ลุงเซเรสความจำดีมาก แม้ว่าตาจะบอด แต่ยังสามารถจดจำลักษณะสมุนไพรและสูตรของยาแต่ละขนานในสมุดแต่ละหน้าได้อย่างแม่นยำ ภาพวาดในสมุดก็สวยงามชัดเจน สรรพคุณข้อดี-ข้อเสียก็ละเอียด แถมยังมีอารมณ์ขัน ทำให้การเรียนแต่ละวันเป็นไปอย่างไม่น่าเบื่อ

   ถ้าเดินออกไปนี่สามารถบอกได้เลยว่าพืชชนิดไหนใช้สำหรับรักษา ชนิดไหนเป็นพิษ และชนิดไหนเป็นยาแก้พิษ พอเรียนในสมุดจบแต่ละเล่ม ลุงก็พาเดินออกไปข้างนอก เพื่อเรียนรู้จากของจริงที่อยู่รอบๆ กระท่อม เรียนเสร็จก็ทวนและมีการสอบ ซึ่งครั้งนี้เป็นการสอบบทเรียนสุดท้าย ผมนั่งตัวเกร็งลุ้นผลจากลุงอย่างตื่นเต้น

   “ผ่าน”

   “เยส” ผมร้องอย่างดีใจ จับมือก้อนหินที่นั่งอยู่บนตักปรบมือเปาะแปะ

   “เจ้าเก่งมาก ข้าขอชื่นชมจากใจจริง เอาละความรู้เรื่องสมุนไพรข้าก็ถ่ายทอดให้เจ้าจนหมดไส้หมดพุงแล้ว วิชาการต่อสู้ที่มีติดตัวก็สอนเจ้าหมดจนไม่มีอะไรจะสอนอีก คราวนี้เจ้าก็ออกไปผจญในโลกภายนอกได้แล้ว”

   ผมจับก้อนหินลงจากตัก แล้วลุกไปก้มลงกราบตักลุงด้วยความขอบคุณและเคารพ

   “ขอบคุณลุงมากนะครับ” ลุงเซเรสลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน จนผมน้ำตารื้น อยู่ด้วยกันมาจนผูกพัน แค่นึกว่าจะต้องจากไปก็ทั้งใจหายและเป็นห่วง

   “ผมอยู่กับลุงเลยได้ไหม”

   “ฮ่าๆๆ เจ้ายังหนุ่ม ยังมีอนาคตอีกไกล จะมาจมปลักอะไรอยู่ในป่าแบบคนแก่อย่างข้าเล่า”

   “ก็ผมเป็นห่วงลุงนี่นา” ผมบ่นงึมงำ

   “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า ข้าดูแลตัวเองได้” แล้วที่เป็นลมอยู่หน้ากระท่อมคืออะไร

   “เออใช่! ลุงไปกับผมไหมครับ เราเดินทางท่องเที่ยวไปเรื่อยๆ ค่ำไหนนอนนั่นไม่ต้องรีบร้อน ไปผจญภัยอีกรอบไงครับลุง” ผมชวนด้วยความตื่นเต้น ลุงเพียงหัวเราะขำๆ แล้วถอนหายใจ

   “ข้าแก่แล้ว หมดไฟจะเดินทางแล้วละ ไปก็รังแต่จะเป็นภาระให้กับเจ้า อีกอย่างข้ามีหน้าที่ของข้าและที่นี่คือที่ๆ ข้าต้องอยู่” ผมมองลุงงงๆ ในป่าเนี่ยนะ

   “แต่...”

   “ไม่ต้องมาแต่ เชื่อข้าเถอะ ถึงเวลาที่เจ้าต้องออกไปข้างนอกแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง เราจะได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน ไปๆ ไปเก็บของเตรียมตัวได้แล้ว พรุ่งนี้จะได้เดินทางแต่เช้าอากาศจะได้ไม่ร้อน”

   “โหยยยย ลุง จะรีบไล่ผมไปไหนเนี่ย ผมชักจะน้อยใจแล้วนะ” แทนที่จะปลอบ ลุงกลับเอื้อมมือมายีหัวผมเล่นเหมือนมองเห็นแล้วหัวเราะชอบใจ โธ่! ใครๆ ก็ไม่รักก้อนดิน! ผมจับก้อนหินมากอดแก้ช้ำใจ มันก็ไม่ทำให้ผิดหวังกอดกลับแถมเอาหัวถูออดอ้อนจนผมอดจะหัวเราะไม่ได้

   หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จ ปกติเราจะทบทวนบทเรียนกันแล้วก็เข้าไปนอนแต่หัวค่ำตามความเคยชิน แต่วันนี้ผมกับลุงนั่งหาเรื่องมาคุยกันต่อจนดึกดื่น เหมือนกับว่าต่างคนต่างไม่อยากจะให้ถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ก็ต้องจำต้องกลับไปนอน เพราะสงสารลุงที่เริ่มจะออกอาการอ่อนเพลียให้เห็น


   รุ่งเช้าผมทำเป็นเดินวนไปวนมาเก็บของไปเรื่อยๆ จนลุงเซเรสส่ายหัว

   “ดิน พอเถอะ ข้าเวียนหัว เก็บเสร็จแล้วก็เลิกเดินวนซะที” ลุงมองไม่เห็น ลุงจะเวียนหัวได้ยังไง

   “โธ่! ลุงอ่ะ... ก็ผมยังไม่อยากไปนี่ครับ” นี่ถ้าเป็นเด็กๆ จะลงไปนอนดิ้นแล้วร้องไม่ไป๊ ไม่ไปจริงๆ ด้วย ลุงก็เอาแต่หัวเราะขำจนผมเบ้ปาก

   “มานี่มา” ผมกระดิกหางไปหา เอ๊ย! เดินไปหาแล้วทรุดตัวลงนั่งข้างๆ เตียงลุง ลุงก็เอามือวางบนหัวแล้วลูบเหมือนที่ผมชอบลูบก้อนหินเดี๊ยะ

   “ยื่นมือมาสิ” ลุงหยิบสิ่งของที่วางไว้ข้างหมอนมา พอผมยื่นมือให้ลุงก็เอาใส่ข้อมือแล้วรูดจนเงื่อนมันมาชนกัน มันคือสร้อยข้อมือที่ถักขึ้นมาจากรากของม่านบาหลีสีน้ำตาลเข้ม ก่อนจะขยับไปที่หัวเตียงแล้วยื่นดาบที่อยู่ในฝักไม้สีดำสนิทให้ผมหนึ่งด้าม บอกว่าให้พกไว้ป้องกันตัว ผมก้มลงกราบลงที่ตักของลุงอีกครั้ง ทั้งรู้สึกใจหายและซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้

   “ขอให้เจ้าปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง”

   “สาธุ” ผมยกมือขึ้นพนมรับพรจากลุง นอกจากลุงเซเรสจะเป็นครูคนแรกในโลกใบนี้ ในใจผมยังยกให้ลุงเป็นญาติผู้ใหญ่ที่ผมนับถืออีกคนด้วย

   “ผมขอให้ลุงสุขภาพแข็งแรงเหมือนกันนะครับ” ลุงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน รู้สึกเหมือนจะเห็นน้ำตารื้นขึ้นมาครู่หนึ่งก่อนจะจางหายไป

   “ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ” ผมยกเป้ขึ้นสะพายแล้วเดินออกจากกระท่อมไป ลุงลุกขึ้นมายืนส่งอยู่หน้ากระท่อม

   “แล้วผมจะกลับมาเยี่ยมนะครับ” ผมโบกมือให้ลุงทั้งๆ ที่รู้ว่าลุงมองไม่เห็น ยืนมองทุกอย่างเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำอย่างอาลัยอาวรณ์สักพักก็ตัดใจหันหลังออกมา เดินมาได้ไม่กี่ก้าวก็อดใจไม่ไหวกันหลังกลับไปมองอีกครั้ง แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันทำให้รู้สึกว่าเลือดในกายเย็นเฉียบ

   “ไม่...”

   ณ ที่ๆ ผมเพิ่งก้าวจากมาไม่กี่ก้าว เป็นเพียงป่ารกชัฏ ไม่มีร่องรอยว่าเคยมีกระท่อมมาก่อน ต้นไม้ต้นใหญ่ที่คลุมด้วยม่านบาหลีก็หายไป เหลือเพียงบึงน้ำที่ทอดไหลเอื่อยๆ ทอดยาวเป็นลำธารอยู่เช่นเดิม

   “ไม่จริง!!! ลุง ลุงครับ ลุงเซเรส ไม่เอาแบบนี้สิ ลุงงงงงงงง!!!!” ผมก้าวกลับไปร้องเรียกลุงอย่างใจเสีย น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก้อนหินวิ่งตามมาร้องเหมือนจะช่วยเรียก พอเห็นผมทรุดตัวลงร้องไห้ มันก็มากอดแล้วเอาหัวถูเหมือนอยากจะปลอบใจ ผมคว้ามันมากอดเพื่อความอุ่นใจว่ามันจะไม่หายไปไหน สายตาสะดุดกับสร้อยข้อมือที่ลุงให้มา ก่อนจะนึกถึงคำที่ลุงเคยพูดไว้ เลยเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้น ผมหันไปมองจุดที่เคยเป็นกระท่อมหลังเดิม

   ลาก่อน แต่ไม่ลาขาดอย่างแน่นอน

   แล้วเราจะพบกันใหม่

   ลุงสัญญาแล้วนะ

*************************************************
ปล. ชื่อดอกไม้เป็นชื่อสมมุตินะคะ

น่าจะเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น ก้อนดินอินเดอะวันเดอร์แลนด์ ฮ่าๆๆ

ช่วงนี้อีไม่เว้นท์เยอะมากค่ะ ถถถ เดินสายกันหูตูบ เหนื่อยโฮก แถมยังตัน อันนี้แหละสำคัญ ติดกับชื่อตัวละครและชื่อเมืองด้วย คิดไม่ออกจริงๆ

   เคยไหมคะ ที่คุยและเจอกับคุณตาคุณยายบางคนบ่อยๆ แล้วรู้สึกผูกพันทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติและไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันสักนิด เวลาจากกันก็อดจะใจหายไม่ได้ค่ะ ยิ่งหายไปต่อหน้าต่อตาแบบลุงเซเรสนี่ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่ กลัวความไม่แน่นอนของโลก กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก

   สาเหตุที่ได้พล็อตเรื่องนี้มาเพราะอยากเลี้ยงหมาค่ะ อยากเลี้ยงอ่ะอยากเลี้ยงงงง แต่อยู่หอมันเลี้ยงไม่ได้ T T บวกกับอยากไปเที่ยวมากๆ แต่ไตเอาไปเปย์วายหมดแล้ว ถถถ งั้นเลี้ยงหมากับเที่ยวในจินตนาการแทนแล้วกันค่ะ เชอะ!  (มันเกี่ยวกันไหม ไม่รู้ แต่มันทำให้เกิดก้อนหินขึ้นมาค่ะ แหะๆ เพราะฉะนั้น ก้อนหืนคือตัวเอกที่แท้จริง โหะๆ)  #รักก้อนหิน #รักคนอ่าน #รักคนเม้นท์มากกว่านิดหน่อย 5555


#Melonlove  :mew1: :mew1: :mew1: คืนค่ะ ขอบคุณที่แวะมาอ่านและเม้นท์นะคะ ให้มาให้กลับ ไม่โกงค่ะ 5555
#B52  :L2: :L2: :L2: ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจอีกค่า
#sirin_chadada ก้อนดินมันบ้าเหมือนคนแต่งค่ะ 555 อยากแต่งอะไรเป็นการคลายเครียด (แต่ดันเครียดกว่าเดิมตอนคิดไม่ออก ถถถ) เจอคนคุยด้วยได้แล้วนะคะ
#rivayu ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า

:pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-03-2017 13:00:53
 :L1:   ติดตามครับ   ชอบมาก :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-03-2017 13:45:12
อืมม................ชอบมากกกกกก  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
มาต่อไวๆนะ
แล้วจะได้กลับมาโลกปัจจุบันเมื่อไหร่  :katai1:
คุณไฟ เหี่ยวแห้งแน่
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Kei ที่ 29-03-2017 14:09:19
แฟนตาซีมากกกก รอพระเอกโผล่อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 29-03-2017 15:05:41
อ่านเรื่องแล้วชอบก้อนหินมากก น่ารักมากกอยากเลี้ยงบ้างจริงๆ
หนูก้อนดินสำคัญตัวเองน้อยเกิน แอบสงสารคุณไฟเลยจะได้เจอกันอีกไหมนะ
เป็นกำลังใจให้คนแต่ง มาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-03-2017 16:12:51
ป่านพ่อไฟจะเป็นเช่นไรน้อ ทางนี้ก็มีลูกรักแล้วนะรอพ่อมาครบพอดี พ่อ แม่ ลูกมักร  :impress2:
 :katai2-1: สนุกมากคะ รอตอนต่อไป ลุ้นกันต่อไป นี้แค่เริ่มต้นยังขนาดนี้ต่อไปจะยังไงเนี้ย
ลุงเซเรสก็ทิ้งปริศนาไว้อีก โอ๊ย....อยากรู้ๆ มาต่อเร็วๆ นะคะ  :mew1:
ปล.ให้ก้อนหินจัดการขุ่นแม่ใจร้ายด้วยนะ หุหุ  :z6:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 29-03-2017 17:21:34
โอ๊ยยยยย   อยากอ่านอีก :z3:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-03-2017 17:26:21
ก่อนอ่านบทนี้เราก็คิดอยู่... หรือว่าก้อนหินคือเจ้าชายที่ถูกสาปให้มาอยู่ในไข่มังกรเมื่อเจอรักแท้แล้วจึงจะได้กลับมาเป็นเจ้าชายดังเดิม... กร๊าก (หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง) พล็อตคุ้น ๆ นะ ฮา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 29-03-2017 23:17:03
เรื่องน่าสนใจมากๆ

ชอบนิสัยของนายเอก

ชอบมังกรน้อยมากๆเลย

คงน่ารักน่าดูเจ้าก้อนหินน้อย

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 30-03-2017 00:39:11
 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-03-2017 01:56:43
 :L2: :pig4:

โหววว สนุกนะ เพิ่งเขามาอ่าน
ชอบๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-03-2017 02:20:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 7 กระท่อมกลางป่า (29/03/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 30-03-2017 09:16:38
ติดตามจ้า :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 07-04-2017 22:12:02
บทที่ 8 แก๊งทวงหนี้
[/b]
   
   “การเดินทางของกูและมึงคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองตัวคือความเข้าใจ มึงเข้าใจแต่กูนั้นไม่ แต่ทำให้กูมั่นจายยยยยยย ว่ากูงงงงงงงง”

   ผมนั่งแช่เท้าในลำธารเล่นระหว่างที่รอก้อนหินเล่นน้ำ เด็กกับน้ำนี่คู่กันจริงๆ ครับไม่ว่าเด็กมนุษย์หรือเด็กสัตว์ เอ๊ะ! หรือสัตว์เด็ก? ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเด็กๆ นี่เจอน้ำเป็นไม่ได้ เล่นได้ทั้งวี่ทั้งวัน อย่างก้อนหินนี่ปล่อยให้เล่นน้ำทีไร ถ้าไม่เรียกก็ไม่ยอมขึ้น ดำผุดดำว่ายอยู่นั่นแหละ ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษมันเป็นปลาด้วยรึไง เล่นไปก็หันมามองไป คลาดสายตาไม่ได้ ขนาดจะไปฉี่ยังขึ้นจากน้ำแล้วตามไปเฝ้าเลย มึงไม่คิดว่ากูจะอายเลยใช่ไหม ป่านนี้แล้วยังไม่วางใจอีก ถึงตอนนี้ใครจับเราแยกผมคงไม่ยอมแล้วครับ ทั้งรักทั้งเอ็นดูมันขนาดนี้ ถ้ามีผมคงต้องลองสู้ดูสักตั้ง

   พอได้ยินเสียงผมร้องเพลงมันก็โผล่หัวขึ้นมาจากน้ำ แต่โผล่มาแค่หัวกับลูกกะตาจนผมขำ

   “เหมือนตัวเหี้ย เอ๊ย! เหมือนจระเข้มากหิน เล่นอะไรของมึง เสียงกูเพราะจนต้องขึ้นมาฟังเลยสิท่า” มันไม่ตอบแต่ทิ้งตัวหงายท้องนิ่งๆ แทน

   กวนตีน!!!

   ผมหันซ้ายหันขวาพอเจอพุ่มผลไม้ที่อยู่ข้างๆ ก็รูดผลไม้ออกมากำไว้แล้วหยิบมาลูกหนึ่งโยนใส่พุงมัน มันประท้วงขึ้นมาทันที

   “ก๊าส” ร้องเสร็จก็พลิกตัวคว่ำลงแล้วลอยคอรอ พอโยนไปอีกลูกก็กระโดดงับแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ ถึงหน้ามันจะดูนิ่งๆ เหมือนเดิม แต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันกำลังกวนตีนผมอยู่นะ เลยโยนให้มันแรงขึ้นจนแทบจะเป็นปา แต่มันก็กระโดดงับได้ทุกลูก...... สนุกนะมึง

   กูจะแกล้งมึงไม่ได้จะให้อาหารเว้ยยยย!!!

   และแล้วสงครามผลไม้ก็เริ่มขึ้น


   และจบลงที่มันอิ่ม ส่วนผมเมื่อยมือมากกกกก....

   ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน? T T

   พอเล่นกันเสร็จ? ก้อนหินก็มุดไปจับปลามาให้เหมือนจะเป็นการง้อขอสงบศึก ซึ่งผมก็ยอมรับของบรรณาการแต่โดยดี
ตั้งแต่ออกจากกระท่อมลุงเซเรสมา ผมใช้ชีวิตแบบเรื่อยเปื่อยยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่รู้ว่าหลงมาโลกอื่นซะอีก จะเครียดไปทำไมให้เสียเวลาเปล่า อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำซะตั้งแต่มีโอกาสทำจะดีกว่า ไม่ใช่ว่าใครจะหลงมาได้ง่ายๆ นี่ครับ ที่เราหลงมาอาจจะเป็นเพราะโชคชะตาน่าจะมีเหตุผลในตัวของมันก็ได้ ยังไงเป้าหมายชีวิตของผมก็คือใช้ชีวิตให้คุ้มค่าและมีความสุขที่สุดเท่านั้นเอง ถึงจะย้ายมาโลกใบใหม่ ก็ยังคงใช้เป้าหมายเดิมได้ ไม่ยุ่งยากอะไร

   ว่าแล้วก็กินปลาต่อ ปลาอะไรไม่รู้อร่อยจริงๆ ...

   “แดกเข้าไปเยอะๆ นะหิน เค้าว่าแดกปลาเยอะๆ แล้วจะฉลาด”

   “ก๊าส” เห็นไหมมีรับคำด้วย นี่แหละอานิสงค์ของการแดกปลา ห่วงอยู่อย่างเดียว กลัวว่ามันจะเป็นพยาธิก่อนจะฉลาดนี่สิ เล่นแดกแต่ปลาดิบๆ

   กรรม!!!

   กินกันอิ่มแล้วก็ชวนก้อนหินไปนอนผึ่งพุงใต้ร่มไม้ หนังท้องตึงๆ ลมพัดเย็นๆ ก็เริ่มตาปรือกันทั้งคู่ ของีบสักนิดก่อนแล้วกันค่อยเดินทางต่อ ผมไม่รีบบบบ

   ฮ้าววววว!!! ฝันดีครับ
   



   เคร้งงงงงง!!!!!

   เสียงกระทบกันของโลหะและเสียงเหมือนคนตีกันทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมกับก้อนหินที่ผวาตื่นขึ้นมาด้วย

   “ชู่ววววว” ผมปลอบมัน แล้วทำท่าบอกให้มันเงียบๆ ก่อนจะเงี่ยหูฟัง ต้นเสียงเหมือนจะอยู่ไม่ไกลนี่เอง นี่มันเรื่องอะไรอีกวะ เสียงการต่อสู้แบบนี้น่าจะเป็นของมนุษย์ เอ แต่ถ้าเป็นที่นี่มันก็ไม่แน่ อาจจะเป็นสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งตีกันก็ได้ เจอแต่เรื่องแปลกๆ จนถ้าเจอหมูบินได้ผมก็คงไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ แต่เพื่อให้หายข้องใจ คงต้องไปแอบดูสักหน่อย จะได้หาทางหนีทีไล่ทัน อีกอย่างความอยากรู้อยากเห็นมันเป็นสันดานของมนุษย์อยู่แล้วครับ อย่าบอกนะว่าคุณไม่เป็น...

   ผมหยิบหยิบเป้ขึ้นสะพาย ถือดาบไว้แล้วค่อยๆ เดินไปทางต้นเสียงอย่างเบาตีนที่สุด โดยมีก้อนหินเดินเลียนแบบตามมาติดๆ

   เดินไปไม่ถึงร้อยเมตรผมก็แอบหลบตรงพุ่มไม้หนาทึบที่ห่างไกลจากมนุษย์? รึเปล่าไม่แน่ใจ? เพราะเล่นใส่เสื้อคลุมยันหัวทั้งๆ ที่แดดเปรี้ยงๆ ขนาดนี้ ร้อนตายห่าเลย คิดได้ไงวะ?

   จากการสังเกตในระยะปลอดภัย คือ อยู่ไกลพอจะมั่นใจว่าพวกมันจะไม่เห็นผมแน่ๆ ใครจะกล้าเข้าใกล้สุ่มสี่สุ่มห้าล่ะครับ อาวุธมีตาที่ไหน เผลอๆ อาจจะตายโดยไม่รู้ตัวก็ได้ เพราะฉะนั้นปลอดภัยไว้ก่อน

   เท่าที่ดูจากเหตุการณ์ตรงหน้า ดูท่าจะเป็นหมาหมู่ เพราะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ 4 ชีวิต กำลังพยายามรุมสิ่งมีชีวิตแค่ 1 ชีวิต เอ่อ...ขอเรียกแทนว่าคนไปก่อนแล้วกันครับ ยิ่งบรรยายผมยิ่งงง ที่บอกว่า พยายาม คือคนที่รุมแทบจะรับมือกับคนๆ เดียวไม่ได้นี่แหละครับ คนที่โดนรุมอยู่นั่นทั้งตั้งรับทั้งตอบโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว แม่ง! โคตรเทพ!!!!

   ผมหยิบอาวุธที่เพิ่งทำเสร็จมาถือไว้ หยิบลูกกระสุนที่บรรจงปั้นจนได้ขนาดตากแดดจนได้ที่มาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
ใช่แล้วครับมันคือหนังสติ๊กที่ผมทำไว้ตั้งแต่ตอนที่อยู่กระท่อมลุงเซเรส สงสัยใช่ไหมล่ะว่าผมจะเก็บดาบไว้ทำไม เอ่อ ดูจากฝีมือของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้านี่ถ้าสู้ระยะประชิด ผมคงตายห่าตั้งแต่ยังไม่ทันได้ดึงดาบออกจากฝักแน่นอน ฝีมือมันต่างชั้นกันเกินไป ต่อให้สู้กับหนึ่งในนั้นแค่คนเดียวยังไม่มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้รึเปล่าเลย นี่มาเป็นฝูง คงได้ตายก่อนได้เจอตัวจอมปราชญ์ที่ลุงเซเรสบอกมาแน่ๆ

   ระหว่างที่ซุ่มดูก็อดจะลุ้นให้คนที่โดนรุมชนะไม่ได้ ถึงจะไม่รู้ว่าใครดีใครร้าย แต่ก็อดจะเข้าข้างฝ่ายที่โดนรุมอยู่คนเดียวไม่ได้อยู่ดี คนดีๆ ที่ไหนเค้ารุมคนอื่นกัน ลูกผู้ชายมันต้องตัว - ตัวสิ ถึงจะเจ๋ง!!!

   แต่สู้ๆ ไปความอ่อนล้าคงทำให้มีช่องโหว่ ฝั่งที่รุมได้โอกาสเงื้อดาบจะฟันพี่โคตรเทพของผม? ผมเลยเผลอง้างหนังสติ๊กยิงเข้าไปปัดมือที่ถือดาบจนคนฟันพลาดไป

   ชิบ!!!!

   หาย!!!!

   แล้วววว!!!!

   มือไปไวกว่าสมองอีกแล้วกู!!!!

   ตอนนี้มันคงรู้ที่ซ่อนผมแล้ว เผ่นสิครับรออะไร???

   ผมคว้าก้อนหินขึ้นมาแต่ยังไม่ทันได้ไปถึงไหน ก็ได้ยินเสียงวืดจากด้านหลัง จึงกระโดดหลบโดยสัญชาตญาณทำให้พ้นจากดาบที่ฟันลงมาอย่างเฉียดฉิว โอ๊ย!!! กูเสียวววววว

   ผมหันกลับมาประจันหน้าไอ้ตัวที่แตกฝูงมา รีบยกฝักดาบขึ้นรับดาบที่ฟันตามมาติดๆ อ๊ากกกกกก!!!!! ไอ้นี่ก็อีกตัว กูไม่รู้จักมึง มึงมาทำร้ายกูทำม๊ายยยย!!! แค่ยิงหนังสติ๊กใส่ ถึงกับต้องฆ่าต้องแกงกันเลยเหรออออ

   ปกติผมกินแล้วจ่าย แต่ตอนนี้ผมอยากชักดาบมากเลย....

   โอ๊ย!!! มึงให้โอกาสกูตั้งตัวก่อนได้ไหมสัด!!! ผมได้แต่ใช้ฝักดาบรับดาบที่ฟันมาอย่างหนักหน่วง มีก้อนหินกางเล็บมาช่วยรับอีกแรง แต่ฝีมือกับแรงมันต่างกันมาก รับได้ไม่กี่ครั้งก็เสียหลักล้มลง มันเงื้อดาบขึ้นจะฟันซ้ำ ผมจับก้อนหินซุกอกแล้วก้มตัวกอดป้องกันตัวมันไว้แล้วหลับตายอมรับความเจ็บปวด

   เคร้งงง!!!

   ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพี่เทพมารับดาบไว้ ถึงจะไม่เห็นหน้า เพราะพี่แม่งคลุมตั้งแต่หัวจรดหาง เลยไม่รู้ว่าพี่หล่อไหม แต่ใจพี่หล่อมากกกกก ว่าแล้วก็กระถดตัวหนีจากรัศมีดาบ แล้วทั้งคู่ก็ต่อสู้กันต่ออย่างดุเดือด พอหันไปหาพวกที่เหลือก็พบว่ามีคู่มาสู้ด้วยตัวต่อตัวซะแล้ว นอกจากนี้ยังมีเหลืออีกคนหนึ่งที่ยืนกอดอกพิงต้นไม้ดูสบายๆ ชิลล์ไปไหมพี่

   พอสู้กันแบบนี้ฝั่งพี่เทพก็เริ่มได้เปรียบ สักพักก็จัดการจับหมาหมู่ทั้งสี่มัดแล้วมาโยนรวมกันได้ แล้วทั้งห้าก็มายืนล้อมไว้ โดยมีผมยืนมองตาปริบๆ อยู่วงนอกแล้วหาจังหวะเตรียมเผ่น

   คนที่ตัวเตี้ยที่สุดในกลุ่มเดินไปกระชากผ้าคลุมของคนที่จับได้ออก มนุษย์จริงๆ ด้วยแฮะ

   “ไม่ใช่คนอาณาจักรเรา” เสียงเย็นๆ ของคนที่สูงเป็นอันดับสองในกลุ่มพี่เทพพูดขึ้น

   “ใครส่งพวกเจ้ามา” คนที่ตัวใหญ่ที่สุดถาม ต่อไปผมขอเรียกพี่หนึ่ง เรียงตามลำดับความสูงแล้วกันครับ ไม่งั้นงงตาย

   ...

   เงียบกริบ

   “ถ้าไม่อยากตายอย่างทรมานก็ตอบมา เฮ้ย!!!” เสียงอุทานพร้อมเพรียงกันของกลุ่มพี่เทพ เพราะอยู่ๆ ไอ้พวกนั้นก็ชัก น้ำลายฟูมปาก ตาเหลือกกันทุกคน

   พิษ!!!! พวกมันถูกพิษจากแมงมุมคิลเลอร์ แถมปริมาณมากด้วย ต่อให้มียาถอนพิษก็คงรักษาไม่ทัน ผมรู้ผมเพิ่งเรียนมา ว่าแต่...อะไรที่เป็นสาเหตุให้คนทั้งกลุ่มต้องฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด ผมได้แต่ถอนใจแล้วแผ่เมตตาไว้อาลัยให้

   “มันตายแล้ว” พี่เทพของผมพูดขึ้นหลังจากคลำชีพจรจากคนทั้งสี่แล้ว

   ระหว่างที่พวกนั้นยืนปรึกษากัน ผมก็ค่อยๆ ถอยหลังเตรียมเผ่น ถอยหลังไปได้สักพักกำลังจะหันหลังกลับก็มีมือปริศนามาดึงคอเสื้อไว้

   “เย่ย!!!” ทำไมไวขนาดนี้

   “จะไปไหน” เสียงเย็นๆ ของพี่สองถาม ทำไมรู้สึกเสียวหนังหัวพิกล

   “ปะ...ไปตามทางของผมครับ แหะๆ” ผมหัวเราะแห้งๆ ให้แก้เก้อ กอดก้อนหินที่พยายามงับมือนั้นไว้แน่น

   “ยังไปไม่ได้ มาคุยกันก่อน” คุยอาร๊ายยยยย ผมไม่มีธุระอะไรจะคุยด้วย ผมรีบบบบบบ

   “อ่า คุยอะไรครับ” กูไม่อยากคุยกะเมิง กูกลังมึงเข้าใจบ้างไหม ได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าพูดไป กลัวได้ตายก่อนพูดจบ

   “เจ้าเป็นใคร” อีกและ ถามกันอยู่ได้ ทีหลังจะเอากระดาษแปะหน้าผากบอกไว้ว่า

   “ผมเป็นแค่คนที่เดินทางผ่านมา แล้วก็กำลังจะผ่านไปอยู่แล้วครับ” ฮือ ปล่อยให้กูผ่านไปตามทางของกูเถอะ

   “หึ” หึพ่องงง ถึงจะเป็นพี่เทพกูก็พาลได้นะเฮ้ย!

   “เจ้ารู้จักคนพวกนี้ไหม” พี่สองชี้ไปที่ศพ

   “ไม่รู้จักครับ” ผมปฏิเสธอย่างรวดเร็วจนลิ้นแทบจะพันกัน

   “ข้าจะแน่ใจได้ยังไงว่าเจ้าไม่ใช่พวกมัน” กูหน้าตาดีกว่ามันตั้งเยอะ อย่าเอาไปรวมกลุ่มเดียวกับมันสิ...

   “ไม่ใช่หรอก” เสียงนุ่มๆ ของพี่เทพค้านขึ้น มันกวาดสายตาขึ้นไล่มองตั้งแต่หัวจรดหาง นี่มึงมองหน้าหาเรื่องเหรอ???

   “หน้าตากับการแต่งตัวไม่ใช่คนแถวนี้ อีกอย่าง เขามาช่วยข้าไว้ตอนที่เพลี่ยงพล้ำ ฝีมือก็อ่อนหัด ไม่มีจิตสังหารสักนิด คนแบบนี้ฆ่าใครไม่ได้หรอก” รู้สึกอยากกระโดดกอดขาพี่เทพขึ้นมาทันที ถูกต้องแล้วครับ อย่างผมจะฆ่าใครได้ มีแต่จะถูกฆ่าสิไม่ว่า แต่พวกมึงอย่าฆ่ากูน๊า

   “ขอบใจเจ้ามาก” พี่เทพเดินมาตบบ่าจนผมสะดุ้ง เบาๆ ก็ได้พี่ มือหนักสัดๆ ไหล่แทบทรุด!

   “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ผมไปได้รึยัง?” ผมดึงก้อนหินหลบ เพราะมันพยายามจะคว้าแขนพี่เทพมากัด อย่าซ่าหิน อย่าซ่า โดนพวกมันฆ่าแล้วจะซ่าไม่ออก เดี๋ยวได้ตายแพ็คคู่ กูสู้มันไม่ได้นะเฮ้ย!

   “แล้วจะเอายังไง ปล่อยไปไหม” พี่สี่ที่ยืนเงียบอยู่ตั้งนานพูดขึ้นมา พูดดีมากพี่ ขอบคุณมากครับ

   “ท่านจอมปราชญ์สั่งว่าถ้าเจอมนุษย์ที่ป่าทางใต้ให้เก็บไปด้วย” พี่เทพท่านว่า เอ่อ พูดอะไรเกรงใจกูมั่งเหอะ ยืนหัวโด่อยู่เนี่ย แล้วเก็บเกิบอะไร กูไม่ใช่ดอกไม้ริมทางนะเฮ้ย จะได้เก็บกันได้ง่ายๆ...

   “งั้นก็เอาไปด้วย” พี่หนึ่งว่า คือ มึงถามกูบ้าง ว่ากูอยากไปด้วยไหม กูไม่อยากไปกับพวกมึงเฟ้ย กูกลัววววว

   “ไปด้วยกัน” พี่ห้าที่ตัวเล็กที่สุดเอ่ยขึ้น นี่ประโยคคำถามหรือประโยคบอกเล่า ผมจะได้ตอบถูก

   “เอ่อ” ระหว่างที่ผมอ้ำอึ้งอยู่พี่เทพก็เอามือมาวางที่หัวแล้วตบเบาๆ

   “เดินทางคนเดียวอันตราย ไปกับข้า แล้วข้าจะปกป้องเจ้าเอง... ข้าสัญญา” คำสัญญาที่หนักแน่นกับสัมผัสที่อ่อนโยนทำให้ผมนิ่งไป

   “หึๆ” เสียงหัวเราะจากคนที่เหลือดังขึ้นจนผมอยากจะกระโดดงับหัวรายตัว ขำอะไรกันวะ!

   “ก็ได้ครับ” นี่ผมไม่ได้ใจง่ายนะ แต่ถ้าเดินทางกับพวกนี้ก็น่าจะเข้าเมืองได้ แถมพวกเขายังพูดถึงจอมปราชญ์ที่ผมตามหาอยู่พอดี ถ้าหาเองทั้งชาติก็ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า ไปแก้ปัญหาเอาดาบหน้าแล้วกัน เพราะต่อให้หนีไปตอนนี้ก็หนีไม่ได้อยู่ดี ผู้คุมฝีมือดีขนาดนี้ แต่พี่ๆ ครับ ทำไมไม่ถอดเสื้อคลุมออกครับ ไม่เห็นหน้าแล้วพวกมึงดูไม่น่าไว้วางใจมาก บอกเลย

   “เจ้าชื่ออะไร” พี่ห้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงร่าเริง

   “ก้อนดินครับ เรียกดินเฉยๆ ก็ได้ ส่วนนี่ก้อนหินครับ เรียกหินเฉยๆ ก็ได้เหมือนกัน”

   “ก๊าส” ก้อนหินร้องเหมือนจะทักทาย

   “ชื่อแปลก วิธีการพูดก็แปลก” พี่สองกล่าว

   “ทีตัวเองแต่งตัวแปลกๆ อย่างกะแก๊งทวงหนี้ยังไม่เห็นว่าสักคำ” ผมบ่นงึมงำเบาๆ

   “แก๊งทวงหนี้?” เอ๊า! เสือกหูดีอีก

   “จะว่าไปพวกเรานี่จะเรียกว่า แก๊งทวงหนี้ก็ไม่ผิดหรอกนะ” พี่แกโน้มตัวมาใกล้จนผมเผลอก้าวเท้าถอยหลัง

   “เพราะถ้าเป็นหนี้ชีวิต ก็ต้องใช้ด้วยชีวิต ถูกไหม หึๆ” มึงจะหัวเราะแบบโรคจิตทำไมครับ แค่สารรูปมึงกูก็กลัวแล้ว ผมเผลอรัดก้อนหินแน่นจนมันร้องแอ่ก

   “แฮ่ม!” พี่เทพเจ้าเก่าของผมกระแอมขึ้น ทำให้พี่สองแกยอมยืดตัวกลับไป

   “เอาเถอะ ถ้าท่านจอมปราชญ์บอกว่าปลอดภัย ข้าก็จะยอมรับ”

   “ข้าชื่อชเนาเซอร์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” พี่ห้า เอ๊ย! รู้จักชื่อแล้วต้องเรียกชเนาเซอร์พูดจบก็ยื่นมือมาให้ ผมเลยยื่นมือไปจับ แล้วก็โดนเขย่าจนหัวคลอน เบาๆ ก็พอมั้งพี่มึงครับ

   “ข้าชื่อมาสทิฟฟ์” พี่ที่ตัวใหญ่ที่สุดบอก

   “พรีซา” พี่สองสายโหดบอกสั้นๆ

   “ร็อต” พี่สี่ที่เงียบที่สุดบอกตามมา

   “ไซเลอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก ก้อนดิน” พูดจบก็ยื่นมือมาบ้าง ผมยื่นมือไปจับพี่เทพ เอ๊ย! พี่ไซ แกก็เขย่าเบาๆ เออ ให้ได้อย่างงี้สิ ไม่ต้องแรงเกินไป ว่าแต่ ปล่อยมือกูได้แล้วมั้ง จะจับอะไรนักหนา

   “แล้วพวกท่านเป็นคนที่ไหนครับ” ผมเริ่มเปลี่ยนวิธีพูดเพื่อให้ดูกลมกลืน นี่ถ้าตอบว่าเป็นคนทุกที่ละผมจะกระโดดงับคอจริงๆ ด้วย

   “เราเป็นคนของอาณาจักรเคลเบรอส อยู่ใกล้ๆ นี่เอง เดินทางไม่กี่วันก็น่าจะถึง” ชเนาเซอร์ตอบ ใกล้อะไรของมึงครับ เดินทางเป็นวันๆ เนี่ย

   “ไปกันเถอะ ใกล้จะมืดแล้ว จะได้หาที่พักกัน” พรีซาพูดแล้วก็เดินนำไปทันที โดยมีมาสทิฟฟ์เดินไปประกบคู่ ชเนาเซอร์ก้าวมาเดินเคียงข้างกับผมแล้วชวนคุยเรื่อยเปื่อย คนอะไรคุยเก่งจริงๆ ส่วนร็อตกับไซเลอร์ก็เดินประกบหลังตามมา

   คนพวกนี้สูงมากครับ ขนาดชเนาเซอร์ที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มตัวยังสูงเท่าๆ กับผม มาสทิฟฟ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดน่าจะทะลุสองเมตรไปแล้ว ส่วนพรีซาก็เตี้ยกว่าแค่ไม่เท่าไหร่ แต่กะดูขนาดตัวแล้วน่าจะบางกว่ามาสทิฟฟ์ ไซเลอร์สูงเป็นอันดับสามสูงกว่าร็อตที่สูงเป็นอันดับสี่นิดหน่อย แต่ร็อตดูจะตัวหนามากกว่า

   ผมมองแล้วก็ละเหี่ยใจ เพราะความสูงของคนพวกนี้ทำให้ผมกลายเป็นคนแคระขึ้นมาทันใด

   ไม่รู้ตอนเด็กๆ แม่ให้แดกปลาวาฬชุบแป้งทอดรึไง ตัวถึงได้ใหญ่อย่างกับยักษ์กับมารทุกคน

   นี่ผมไม่ได้พาลเลย... จริงๆ นะครับ

******************************************************************************

ตันค่าตันนนนนน ฮือออออออออ อีเว้นท์ก็เยอะ ตันก็ตัน จะแต่งให้ได้อย่างใจเนี่ยยากจริงๆ ค่ะ ถถถ
 :hao5:

ถึงจะไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด แต่เป็นนิยายที่เราพยายามมากที่สุดแล้วค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ กอดดดดดดด
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
[/color]

#ommanymontra เอร๊ยยยย ขอบพระคุณมากค่ะ ปลื้มมมมมม  :-[
#♥►MAGNOLIA◄♥ ขอบคุณมากค่า จะได้กลับโลกปัจจุบันไหม หึๆๆๆๆ หัวเราะโรคจิตแข่งกับพรีซา  :hao7:
#Kei แฟนตาซีจริงๆ ค่ะ 55555 คนที่รออาจจะมาแล้วก็ได้นะคะ  :katai2-1:
#Chise ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า ส่วนคุณไฟนั้น ทั้งสงสารทั้งสมน้ำหน้า ถถถ ทำตัวเองทั้งนั้นค่ะ ถ้าถามว่ารักใครที่สุดในเรื่องนี้ ก็คงต้องตอบว่ารักก้อนหินที่สุดค่ะ 5555 อยากเลี้ยงเหมือนกัน
#suikajang ถ้าได้กลับไปคงได้จัดการค่ะ แต่... หึๆๆๆๆ ชักจะโรคจิตตามตัวละครไปละ แฮ่!
#prangasia มาแล้วค่า ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
#sirin_chadada ที่จริงก็อยากจะให้ก้อนหินเป็นพระเอกเหมือนกันค่ะ ขี้เกียจหาชื่อพระเอก ถถถ แต่ลูกก็เป็นลูกค่ะ ในขณะที่แม่ก็เป็นแม่ ส่วนพ่อก็เป็นพ่อ งงไหม ช่วงนี้คุยกับใครไม่ค่อยรู้เรื่องค่ะ 55555
#DeShiWa ขอบคุณมากๆ ที่แวะมาอ่านค่า รักก้อนหินเหมือนกันค่า
#B52 ขอบคุณที่แวะมาอ่านอีกนะคะ กอดดดดดด
#Billie ขอบคุณที่ชอบค่า ปลื้มมมมม
#Zetnezz ขอบคุณที่ติดตามค่า

ไว้แวะมาอ่านกันอีกนะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-04-2017 23:07:02
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-04-2017 01:26:49
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-04-2017 04:10:17
 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 08-04-2017 07:15:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-04-2017 08:20:28
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rivayu ที่ 08-04-2017 08:44:36
เงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ20หรือเปล่า?? o18
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-04-2017 08:58:20
 :laugh: โอ๊ย...ดินเอ้ยเขาตีกันเคร้งๆ พ่อยังฮาได้อะ  :m20:
ชอบๆ ไม่เครียดดี ถึงแรกๆ จะอึ้มครึ้มไปนิดแต่พอเข้าสู่แดนมหัศจรรย์
ก็ฮาไปไหนกะห้วงความคิดของตัวก้อนดิน น่ารักจริงพ่อคนแคระ 555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 08-04-2017 14:50:51
ต๊ายยยย เจอฮาเร็ม 555555  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 08-04-2017 15:38:39
รีบๆมาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 08-04-2017 15:55:37
 o1
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 08-04-2017 16:41:39
นิยายเรื่องนี้เราชอบนะ
ไม่ต้องคิดว่าไม่ดีเด่นกว่าเรื่องอื่นๆหรอก
นิยายบางเรื่องในบางเว็บ บางหมวด อยู่ในอันดับหนึ่ง
แต่กลับไม่สนุกสำหรับเรา
บางทีกลับเป็นนิยายไม่มีอันดับแต่กลับสนุกสำหรับเรา
ส่วนบางทีคิดไม่ออกอันนีี้ก็เข้าใจ
(เพราะเคยเป็น)
พล็อตเรื่องแบบนี้ก็คล้ายๆเรา  เพียงแต่เรายังไม่เคยลงที่ไหน
เพราะเคยลงแล้ว (พล็อตนิยายอื่น) พอคิดไม่ออกก็หยุดแต่งไปดื้อๆ  จนต้องไปลบออก  ตั้งแต่นั่นก็ได้แต่งใน word ก่อน กะแต่งเสร็จแล้วค่อยลง
แต่สงสัยชาตินี้จะไม่ได้ลง :laugh:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ชอบเรื่องนี้จริงๆ
จะรออ่านนะคะ :กอด1:

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-04-2017 18:29:51
ดินว่างๆ สุขสบาย
มีก้อนหิน มาปลาให้กิน
ไม่เครียด เลยหาเรื่องทะเลาะกับก้อนหิน
ก๊าส...../ นั่นก้อนหินตอบรับและ
ชอบบบ ที่ รี บน บอกว่าเจอฮาเร็ม / อะจ๊ากกกก หัวไวมั่กมาก
รู้สึกไปเองหรีอเปล่า ว่าไรท์ ลงสั้นอ่ะ
รอตอนใหม่  :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 08-04-2017 20:19:05
มารอ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 09-04-2017 10:24:07
นิยายสนุกมากเลยค่ะ  อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว
ชอบนิสัยนายเอกมาก ชิวๆ มองโลกในแง่ดี
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 09-04-2017 12:17:47
เป็นนิยายที่น่าอ่าน

น่าติดตามที่สุดแล้วนะคับ

ตอนหน้ามีไรให้ตื่นเต้นอีกไหม

พระเอกเผยตัวแล้วใช่ไหม

คนนั้นคือพี่เทพ...

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 09-04-2017 16:22:16
ชอบความฮาของก้อนดินมากมายย
อยู่ที่นี่ก็ดีนะดินเอยย ไม่ต้องกลับแหละ 555555
ชอบก้อนหิน แอบขโมยมาเลี้ยงได้ปะ 555555

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-04-2017 18:36:03
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 15-04-2017 11:00:03
พี่เทพพระเอกแน่ๆ 555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 16-04-2017 08:05:58
ตามค่ะ ก๊าสสสสส
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 8 แก๊งทวงหนี้ (7/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 16-04-2017 10:14:52
 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 17-04-2017 01:25:36
ตอนที่ 9 F5


             ผมนั่งพิงต้นไม้กอดก้อนหินที่นั่งหันหน้าเข้ามาหาแล้วเอาหัวซุกลำตัวหลับไป สายตาก็มองกองไฟและเหลือบไปดูคนทั้งห้ากระซิบกระซาบกันอยู่อีกฝั่งเป็นระยะ ไม่รู้จะทำลับๆ ล่อๆ ทำไม ไม่รู้หรือไงว่ามันกระตุกต่อมเผือกคนอื่นเขา ไปคุยกันไกลๆ เลยดีกว่าไหม?

             หลังจากเดินทางออกจากจุดเกิดเหตุแล้ว พรีซาก็นำมาหาที่พักใต้ร่มไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ กับลำธาร ทั้งห้าแบ่งหน้าที่กันทำนั่นทำนี่อย่างรวดเร็ว ผมกับก้อนหินได้รับหน้าที่ให้ช่วยชเนาเซอร์หาฟืนเพื่อมาก่อกองไฟ ไม่นานพี่เทพ เอ๊ย! ไซเลอร์ก็ยื่นเนื้อตัวอะไรสักอย่างที่ย่างสุกแล้วมาให้ ส่วนของก้อนหินเป็นเนื้อดิบๆ ที่เสียบไม้มาให้เหมือนรู้ว่าปกติมันกินอาหารแบบไหน แสดงว่าคนที่นี่คุ้นเคยกับมังกรดี พอกินเสร็จแล้วทั้งห้าก็ไปนั่งจับกลุ่มคุยกันเบาๆ อยู่อีกฟากของกองไฟให้ผมอยากรู้อยากเห็นอยู่อย่างที่เป็นนี่แหละ

             แต่มองไปสักพักตาก็ชักจะเริ่มปรือจนฝืนไม่ไหวก็ถอดเสื้อออกปูพื้นหยิบผ้าออกมาจากเป้ แล้วก็ขยับเอนตัวลงนอน ห่มผ้ากันหนาวให้กับตัวเองและก้อนหิน ก่อนจะเคลิ้มหลับไป


             ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตามเวลาเดิมของนาฬิกาชีวิต ก่อนจะสะดุ้งโหยงสุดตัว เกือบจะแหกปากร้องออกมาแต่มันร้องไม่ออก เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า โว๊ยยยยย! เวลาหลับเวลานอนมึงไม่ถอดผ้าคลุมกันรึไงงงงงง

             เข้าใจผมไหมครับมันใส่ผ้าคลุมสีดำสนิทแถมยังมีผ้าคาดปิดหน้า แทบจะไม่เห็นแม้แต่ลูกกะตา แล้วเสือกมานอนอยู่ใกล้ๆ แบบนี้ พอนอนตะแคงแล้วลืมตาตื่นมาเห็นแล้วหัวใจแทบจะวาย ขวัญเอ๊ยยยย ขวัญมา ถ้าเอารองเท้าปาใส่หน้านี่ผมจะโดนฆ่าไหม ฮึ่ยยยย!!!

             เมื่อผมขยับตัวก้อนหินที่นอนซุกอยู่ที่พุงก็พลอยตื่นไปด้วย มันลุกขึ้นมานั่งขยี้หูขยี้ตาแล้วขยับมากอดเอาหัวถูพุงอย่างออดอ้อนจนผมอดจะยิ้มและลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูไม่ได้ อืม... สีจากเปลือกไม้ของลุงเซเรสนี่ติดทนนานดีจริงๆ ถูหนักแค่ไหนก็ยังไม่ลอก

             “ก๊าส” ก้อนหินร้องประท้วงเมื่อรู้สึกว่าผมถูแรงเกินไป

             “ขอโทษๆ ลืมตัวไปหน่อย” เผลอตัวนึกว่าช่วยถูต้นไม้ขอหวยให้พวกป้าๆ ที่บ้านคุณไฟ แหะๆ

             “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทักทายจากไซเลอร์ที่เดินมาจากในป่าดังขึ้น พร้อมกับที่เจ้าตัวถือสัตว์ตัวเล็กๆ ที่ถอนขนเรียบร้อยแล้วมาด้วย นอกจากความสูงแล้วผมยังแยกคนทั้งห้าได้จากเสียงด้วย ก็จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นหน้าท่านๆ เลยครับ เพราะทุกคนใส่ผ้าคลุมสีดำสนิทไว้เหมือนกันเดี๊ยะแถมยังไม่ยอมถอด ไม่รำคาญกันรึไง แค่เห็นผมยังรำคาญแทนจนอยากจะกระชากออกให้พ้นๆ ถ้าไม่กลัวโดนฆ่าก่อนอ่ะนะ

             “อื้อ” จะตอบครับก็ฟังแตกต่างไป เพราะตั้งแต่เดินคุยกันมายังไม่ได้ยินใครสักคนพูดคำนี้ออกมาเลย ผมหันมามองคนที่นอนอยู่ข้างๆ ซึ่งน่าจะเป็นชเนาเซอร์ เพราะอีกสามคนน่าจะไม่มานอนใกล้ๆ ผมแน่ พอไซเลอร์เดินมาถึงก็มานั่งข้างๆ ผมเลิกคิ้วมอง อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนนอนอยู่ตรงนี้ เคลื่อนไหวกันได้เงียบมาก ผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าแต่ละคนมานอนกันตอนไหน ถ้าเป็นคนร้าย คงโดนปาดคอตายไปแล้วครับ เฮ้อ!

             “หลับสบายดีไหม?” เจ้าตัวถามต่อเมื่อเห็นผมเงียบไป มือก็หยิบกิ่งไม้มาหักแล้วเริ่มก่อไฟเพื่อย่างอาหาร

             “สบาย... ครับ” อยากจะตบปากตัวเอง จะไม่ใช้มันก็ไม่ชินแถมฟังดูหยาบคายพิกล พอใช้ก็แปลกๆ อยากจะบอกเฮียแกไปเหลือเกินว่าหลับเหมือนซ้อมตายเลยครับ ถ้าโดนฆ่าคงไปรู้ตัวอีกทีตอนอยู่สวรรค์หรือไม่ก็นรกแล้วโน่นแหละ

             “หึ” หัวเราะได้ประหยัดมากพี่ ไม่รู้จะหวงไว้ทำไม ผมหันไปมองแล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าจะหึทำไม คือ มันสั้นจนไม่แน่ใจว่าพี่แกหัวเราะหรือกลืนน้ำลาย

             “พูดตามที่เจ้าเคยชินเถอะ” กลายเป็นผมที่เป็นฝ่ายกลืนน้ำลายซะเอง อยากจะเห็นสีหน้าของคนข้างๆ จริงๆ เผื่อจะอ่านออกบ้างว่ารู้สึกยังไงกันแน่ มึงถอดผ้าคลุมออกได้ไหม กราบละ

             “แล้วมันจะ... ไม่แปลกเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ

             “อะไรที่ว่าแปลกล่ะ เจ้าหรือข้า” เอ๊า! ผมถามก่อนก็ตอบก่อนสิครับอย่าเพิ่งย้อน ผมงง!

             “หึ” คนตรงหน้าส่งเสียงมาอีกทีเมื่อเห็นผมทำหน้าเอ๋อใส่

             “สำหรับที่นี่ไม่มีอะไรแปลกหรอก ทุกอย่างคือเรื่องปกติ” อ้อ มีแต่เรื่องแปลกจนกลายเป็นปกติสินะ ผมเข้าใจถูกใช่ไหม?

             “ถ้าไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร ทุกอย่างถือว่าไม่แปลก” โอเค ฟังดูเหมือนจะงง แต่ก็เข้าใจ

             “ครับ” ผมจ้องอาหารตรงหน้าอย่างสนใจเมื่อมันเริ่มจะส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย ขนาดก้อนหิน ยังผละจากพุงมาทำจมูกฟุดฟิดแล้วนั่งจ้องแข่งเลียนแบบผมอย่างกับฝาแฝด

             สักพักสามคนที่เหลือก็เดินออกมาจากป่าพร้อมเนื้อสัตว์ เห็ดกับผลไม้อีกสองสามอย่าง ผมก็มองอย่างสนใจเพราะจะได้จำไว้ว่าชนิดไหนมันกินได้บ้าง เผื่อต้องเดินทางคนเดียวจะได้ไม่ลำบาก

             “ตื่นได้แล้วไอ้ขี้เซา” มาสทิฟฟ์เดินไปจะเอาขาสะกิดชเนาเซอร์ที่นอนอยู่ แต่ยังไม่ทันได้แตะเจ้าตัวก็ลุกพรวดพร้อมกระชับดาบไว้แน่น อืม ประมาทฝีมือไม่ได้จริงๆ เห็นร่าเริงอัธยาศัยดีอย่างนั้น ดูท่าแล้วน่าจะเก่งพอตัว พอบิดขี้เกียจได้สองสามทีชเนาเซอร์ก็หันหน้ามาทางผมแล้วเอ่ยทักทาย

             “อรุณสวัสดิ์ก้อนดิน ก้อนหิน เราไปล้างหน้าล้างตากันเถอะ” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนรอ ผมเลยลุกขึ้นตาม ก้อนหินที่นั่งจ้องเนื้ออยู่ก็เงยหน้าขึ้นมองก่อนจะลุกขึ้นมายืนเหมือนจะตามไปด้วย

             เราทั้งสามเดินมาถึงลำธาร ชเนาเซอร์ก็บอกว่าขอไปทำธุระส่วนตัวก่อน ปล่อยให้ผมกับก้อนหินล้างหน้าล้างตาอยู่ด้วยกัน น้ำเย็นๆ ทำให้สดชื่น แดดอ่อนๆ ทำให้ผืนป่าดูเขียวขจีสดใส ดอกหญ้าสีขาวบานสะพรั่งในยามเช้า สัตว์ป่าตัวเล็กๆ ออกมาหาอาหารกิน ว่าแต่ ไอ้พวกนั้นมันจับตัวอะไรไปให้แดกวะ เห็นตัวเป็นๆ อย่างนี้แล้วกินไม่ค่อยลงแฮะ มีแต่ตัวที่น่ารักๆ ทั้งนั้นเลย ไอ้พวกโหดดดดด อืม แต่มันก็อร่อยดีนะ...

             “หินกินปลากันไหม” เจ้าตัวดีมันเงยขึ้นมองหน้าก่อนจะกระโดดลงน้ำไปจับปลา คือ กูแค่ถาม มันไม่ใช่คำสั่งนะหิน สงสัยมันจะอยากกินด้วยละมั้งถึงได้ไวขนาดนี้ มันจับปลามาได้สี่ตัวผมก็บอกให้พอ พอมันขึ้นน้ำมาก็เอาผ้ามาเช็ดตัวให้ก่อนจะหาอะไรห่อปลาไว้พอดีกับที่ชเนาเซอร์เดินกลับมา

             “ล้างหน้าไหมชเนาเซอร์”

             “ข้าเรียบร้อยแล้ว จับปลาไปด้วยเหรอ”

             “อื้อ อยากกินปลาน่ะ ปลาในลำธารนี่อร่อยดี”

             “อีกตัวนั่นเผื่อข้าใช่ป่ะ” รู้สึกเหมือนโดนกระดิกหางใส่พิกล

             “ได้สิ ก้อนหินจับไปเผื่ออยู่แล้ว” ผู้ชายตัวควายๆ หกคนกินอาหารกันธรรมดาที่ไหน ยัดหาย ยัดหายเหมือนตายอดตายอยากกันทุกคน เอาไปเผื่อก็ไม่เสียหายอะไร

             “แล้วไม่ถอดผ้าคลุมเหรอชเนาเซอร์ ไม่อึดอัดรึไง” ผมกล้าถามเพราะรู้สึกสนิทใจกับชเนาเซอร์ที่สุดในกลุ่มเนื่องจากเจ้าตัวมาตีสนิทชวนคุยตั้งแต่แรก

             “ฮ่าๆๆ ไม่หรอก ชินกันแล้วละ” เอาที่สบายใจเถอะ จะทำอะไรก็ทำไปแค่ไม่คิดจะทำร้ายกันก็พอแล้ว แต่ถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้วแหละ ฝีมือขนาดพวกนี้ แค่ดาบเดียวผมก็ตายสนิท

             “งั้นกลับกันเถอะ ก้อนหินน่าจะหิวแล้ว”

             กลับมาถึงเนื้อที่ย่างอยู่ก็สุกพอดี ผมเลยเอาปลาเสียบไม้ลงย่างสองตัว อีกสองตัวก็เสียบไม้แล้วส่งให้ก้อนหินกิน เพื่อจะได้ไม่เลอะมือ มันนั่งรอจนปลาผมสุกและเริ่มกินมันถึงได้กินของตัวเองบ้าง พอปลาหมดร็อตที่นั่งอยู่เงียบๆ ก็ยื่นเนื้อเสียบไม้ให้ก้อนหิน ซึ่งมันก็รับไปกินแต่โดยดี ก้อนหินกินจุขึ้นแฮะ ดูเหมือนตัวมันจะโตขึ้นกว่าเดิมอีกหน่อยด้วย

             “ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณแทนก้อนหิน

             “อืม” ประหยัดคำพูดกันจริงๆ แต่ละคน

             พอกินอิ่มแล้วเราก็ช่วยกันดับไฟแล้วออกเดินทางต่อ โดยมีมาสทิฟฟ์กับพรีซาเดินนำหน้าเหมือนเดิม ผมเดินคู่ไปกับชเนาเซอร์ที่ยังคงชวนคุยไม่เลิก ส่วนไซเลอร์ก็เดินคู่กับร็อตตามหลังมา รู้สึกเหมือนโดนประกบ ถ้าคิดจะหนีก็คงหนีไม่ได้แน่ๆ


             เราเดินทางกันไปเรื่อยๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น ผ่านไปหลายวันก็ยังไม่ถึงจุดหมายซะที ใกล้ตรงไหนของมึงฮึชเนาเซอร์ ผมรู้สึกเหมือนกับคนทั้งห้าจงใจเดินช้าลงเพื่อให้ผมตามทัน สังเกตดูว่าบางทีคนนำก็จ้ำพรวดๆ อย่างลืมตัว จนได้ยินเสียงกระแอมจากด้านหลังนั่นแหละถึงได้ผ่อนฝีเท้าลง ส่วนไอ้ตัวข้างๆ ก็หัวเราะคิกคักสนุกสนานอยู่คนเดียว

             “ดีจังที่ดินมาด้วย” ผมหันไปมองผ้าคลุมข้างๆ ด้วยความสงสัย

             “ทำไมล่ะ”

             “ก็จะได้เดินช้าๆ แบบนี้บ้างไง ปกติพรีซารีบอย่างกับจะตามล่าเสือ”  โห... บ้านผมนี่แค่เดินตามควายว่าเก๋แล้วนะ นี่เล่นเดินล่าเสือเลยเหรอ โคตรเจ๋งว่ะ

             “แบบนี้จะได้ดูอะไรบ้าง ปกติรีบจนเห็นแค่เงาวูบวาบข้างทาง” เอ่อ นั่นเดินหรือเหาะ ถามจริง

             “เย่ย” เพราะมัวแต่คุยเลยต้องกระโดดโหยงถอยกลับมาเมื่อเกือบจะชนกับคนข้างหน้าที่หยุดกะทันหัน ผมกลัวพรีซามากครับบอกตรงๆ คนอะไรแค่อยู่นิ่งๆ ก็แผ่ออร่าความน่ากลัวมาข่มขวัญกันได้

             “ตรงนี้เรียกเมืองครอส เป็นเมืองชายขอบของเคลเบรอส เพราะติดกับป่าไวท์ที่เราเพิ่งจะออกมาที่สุด” ชเนาเซอร์อธิบายให้ฟังระหว่างที่พรีซาปรึกษาอะไรกันสักอย่างกับคนที่เหลือ ผมมองไปข้างหน้าก็เห็นว่าเริ่มจะมีผู้คนเดินขวักไขว่ ข้างๆ ทางมีแผงวางขายของอยู่ เดาว่าตรงนี้คงจะเป็นท้ายตลาด เพราะคนไม่เยอะมากนัก ผู้คนแต่งตัวกันด้วยเสื้อผ้าที่ตัดเย็บง่ายๆ ผู้ชายก็เป็นเสื้อแขนสั้นหรือแขนยาวกับกางเกงขายาว ส่วนผู้หญิงก็นุ่งกระโปรงเลยเข่าสีสันสดใส หน้าตาและสีผมก็หลากหลาย แต่ดูกลมกลืนอย่างประหลาด

             “จะเข้าเมืองแล้ว ถอดผ้าคลุมออกเถอะ จะได้ไม่สะดุดตา” ผมละสายตาจากผู้คนตรงหน้ามาสนใจคำพูดของพรีซาแทน ทั้งห้าไปยืนใกล้ๆ กัน พรีซาท่องอะไรสักอย่างสั้นๆ ก่อนทั้งห้าจะปลดผ้าปิดปากและปลดผ้าคลุมออกมา

             ผมได้แต่มองตาค้าง

             อื้อหือ...

             หล่อแสบตา ออร่าจับทั้งห้าตัว สลัดคราบแก๊งทวงหนี้เป็นโอปป้าได้ทันที กูว่าพวกมึงๆ ใส่ผ้าคลุมไว้แบบเดิมดีกว่านะ แบบนี้มันสะดุดตายิ่งกว่าเดิมอีกสัด! คนมองแทบทั้งเมืองโดยเฉพาะสาวๆ

             เหอะ! นี่ผมไม่ได้อิจฉาเลยนะครับ พูดจริงๆ...

             ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าค่าตากันซะที หลังจากที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายวัน

             ไล่จากชเนาเซอร์ที่อยู่ใกล้ที่สุด ผมสั้นๆ สีแดงเพลิงหยิกยุ่งกับตาโตๆ สีน้ำตาล ผิวขาวจัด รอยยิ้มสดใสเหมือนเด็กซนๆ ทำให้รู้สึกเอ็นดูได้ไม่ยาก

             ร็อตที่ยังคงทำหน้านิ่งๆ เหมือนบุคลิกมีผมสีดำสนิทยาวประบ่า แต่มัดเป็นจุกเล็กๆ อยู่ที่ท้ายทอย ผิวเข้มคร้ามเหมือนโดนแดดเป็นประจำ ตาสีดำสนิทสีเดียวกับสีผม

             พรีซามีผมสีเงินเป็นเงาเรียบยาวเกือบถึงเอวแต่มัดรวบไว้ง่ายๆ ตาสีฟ้าเข้มจัดคมเฉี่ยว ผิวขาวจัด บุคลิกสง่างามและดูมีชาติตระกูลที่สุดในกลุ่ม (แต่ก็ดูน่ากลัวที่สุดในกลุ่มด้วยในความรู้สึกของผม)

             มาสทิฟฟ์ที่ตัวใหญ่ที่สุดตัดผมซะเกรียนแทบจะติดหนังหัว ใบหน้ามีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ลากพาดจากแก้มฝั่งซ้ายเฉียงลงมาถึงแก้มขวา ทำให้ใบหน้าที่น่าจะดูหล่อเหลากลับดูดุและดิบเถื่อนแทน ยิ่งคอยมองถลึงตาใส่คนที่มองมาที่กลุ่มเราโดยเฉพาะคนที่อยู่ข้างๆ ก็ยิ่งดูน่ากลัวจนคนที่มองหลบตากันวูบวาบ เอ่อ... ทำไมมันทะแม่งๆ พิกลหว่า

             ส่วนไซเลอร์ พี่เทพของผมก็ไม่น้อยหน้า พี่แกมีผมสีทองเข้มไล่ระดับความเข้มจากโคนไปจนถึงปลายผมคล้ายสีทองไหม้ สงสัยจะโดนแดดเลีย... ผมตัดสั้นๆ เข้ารูปกับหัวทุยๆ ตาสีเขียวเข้ม จมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักเต็มที่กำลังอมยิ้ม หือ ยิ้ม? ผมขยับสายตาขึ้นไปสบกับดวงตาสีเขียวระยับที่กำลังจ้องกลับมา แล้วเลิกคิ้วถามว่ามองอะไร มองหน้าหาเรื่องกันอีกแล้วใช่ไหม? พี่แกก็แค่หัวเราะหึแล้วก็หันกลับไปเก๊กหน้าขรึมทำหน้าเย็นชาเมื่อมีคนมอง จะเก๊กเพื่อ???

             ผมกวาดสายตามองคนทั้งห้าอีกครั้ง ก็ไม่แปลกหรอกที่ผู้คนจะสนใจ เพราะทั้งห้ามีออร่าบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ใช่คนธรรมดา ก็นั่นสินะ คนธรรมดาที่ไหนฝีมือการต่อสู้ดีขนาดนั้น ถ้าอยู่ด้วยกันต่อไปก็คงได้รู้สักวันว่าพวกเขาเป็นใครกันแน่

             “หิว หาอะไรกินก่อนได้ไหมพรีซา” ชเนาเซอร์ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง มองรอบๆ ตัวตาวาว พอๆ กับก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนของผมที่ทำจมูกฟุดฟิดกระดิกหางและมองรอบๆ ตัวอย่างสนอกสนใจ

             “ก็ดีเหมือนกัน กินเสร็จแล้วจะได้ขึ้นมังกรกลับเมืองเลย ไม่ต้องเสียเวลาแวะกลางทางอีก” มาสทิฟฟ์ออกความเห็นบ้าง หือ ขึ้นมังกร ผมหันไปมองอย่างงงๆ

             “งั้นไปร้านใกล้ๆ ที่ฝากมังกรไว้ก็แล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา” ชเนาเซอร์บ่นเสียดายอยู่คนเดียว เพราะอยากจะเดินเตร่เที่ยวตลาดซะมากกว่า แต่ก็ยอมเดินตามไปบ่นไปอยู่ดี ส่วนผมก็เดินตามไปต้อยๆ อย่างใจง่าย เพราะยังงงกับบทสนทนาของทั้งคู่อยู่

             “เดี๋ยวไปถึงก็จะเข้าใจเอง” ไซเลอร์เดินมาข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้บอกขึ้น ผมก็ผงกหัวรับ โอเค ผมเข้าใจ ถ้าเห็นเดี๋ยวก็รู้เองแหละ

             ระหว่างทางชเนาเซอร์ชวนดูนั่นดูนี่ข้างทางตลอด เผลอๆ ก็ลากแวะไปดูใกล้ๆ โดยมีไซเลอร์คอยอธิบายในสิ่งที่ผมสงสัยและคอยต้อนกลับเข้าทางเป็นระยะ

             ผมมองผู้ชายกับผู้หญิงหลายๆ คู่ที่เดินมาด้วยกัน ถ้าแค่เดินด้วยกันมันไม่ค่อยแปลกเท่าไหร่หรอก แต่นี่เดินจับมือกันมาบ้าง โอบเอวกันมาบ้างนี่สิ แถมยังมองตากันด้วยสายตาที่ปกติถ้าเป็นเพื่อนกันคงไม่มองแบบนี้แน่ๆ เพราะมันดู เอ่อ... ลึกซึ้งจนเกินไป ผมเหลือบมองดูมาสทิฟฟ์ที่จับมือพรีซาลากไปดูแผงขายมีดและคอยส่งสายตาเหมือนจะแดกหัวให้คนที่มองพรีซาแล้วคิ้วกระตุกยิกๆ หรือผมจะคิดมากไป คนที่นี่อาจจะดูแลเพื่อนแบบนี้เป็นเรื่องปกติ? รึเปล่า?...

             “หึๆ” ผมละสายตาจากสี่หนุ่มที่ยืนดูแผงมีดมามองคนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ แทน ขำอะไรไม่ทราบ ผมเลิกคิ้วถาม

             “ใช่” หือ... หมายถึงอะไร อยู่ๆ ก็มาใช่เฉยเลย

             “ก็สิ่งที่เจ้าคิดนั่นแหละ ข้าบอกว่าใช่” ผมอ้าปากค้าง จริงดิ? ใช่เหรอ???

             “ปกติเหรอ” ผมหันไปมองผู้ชายที่เดินโอบเอวกันมาแล้วถามเหมือนละเมอ

             “ใช่ เป็นเรื่องปกติ” อะ... โอเค เข้าใจ ว่าผู้ชายกับผู้หญิงเป็นคนรักกันที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ อาจจะเป็นเพราะอยู่ใกล้ป่าด้วยรึเปล่านะ คนแถวนี้ถึงได้นิยมไม้ป่าเดียวกัน...

             “ละ... แล้ว” ผมมองไปมาสทิฟฟ์กับพรีซาที่ยืนเลือกมีดกันอยู่ ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองไหมว่ามาสทิฟฟ์ดูอ่อนโยนขึ้น ส่วนพรีซาก็ดูผ่อนคลายขึ้น ไม่แน่ใจว่าเพราะมีด หรือเพราะคนที่ยื่นมีดให้กันแน่

             คนที่โคตรจะโหดอย่างนั้นน่ะเรอะ จะเป็น เอ่อ เป็น... ฮื้อ ไม่อยากจะเชื่อ ว่าจะ... กับมาสทิฟฟ์ได้ ที่จริงเป็นกับผู้ชายคนไหนก็ไม่น่าเชื่อทั้งนั้นแหละ ถ้ากับสาวๆ สวยๆ จะไม่แปลกใจเลย หล่อสะดุดตาซะขนาดนั้น

              “ปกติ” ครับพี่ ปกติก็ปกติ ผมจะทำใจให้ชิน ผมก็แค่แปลกใจแค่นั้นแหละ เพราะโลกที่จากมาถึงความรักของเพศเดียวกันจะเป็นที่ยอมรับมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้โจ่งแจ้งแบบนี้ นี่คนรอบข้างก็มองแบบเฉยๆ เหมือนกับเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครแสดงท่าทีรังเกียจหรือแปลกใจ มันก็ดีนะ ดูอิสระเสรีฟรีดอมดี
 
             ผมยืนมองทั้งคู่มีโมเม้นท์มุ้งมิ้งท่ามกลางกองมีด เอ่อ... ก็ดูโรแมนติกแบบ... น่าขนลุกดี ผมเผลอลูบแขนก่อนจะล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมานั่งลงเช็ดมือให้ก้อนหินเมื่อมันกินผลไม้สดที่ร็อตซื้อมาให้หมด นอกจากไซเลอร์แล้วดูร็อตจะเอ็นดูก้อนหินมากกว่าคนที่เหลือ เพราะคอยส่งอาหารให้ แล้วก็คอยมองแล้วทำหน้าครุ่นคิดตลอดเวลา ไม่รู้สงสัยอะไรนักหนา

             “อยากได้มีดบ้างไหม” ไซเลอร์ถามก่อนจะเดินนำไปที่แผงมีด ผมก็อุ้มก้อนหินเดินตามไปอย่างสนใจ เพราะจากที่ยืนดูก็เห็นว่าปลอกมีดแต่ละอันทำได้สวยมาก บางเล่มมีอัญมณีประดับตรงฝัก ด้ามหรือไม่ก็ทั้งสองที่ ดูน่าสะสมมากกว่าจะเอามาใช้ แต่เชื่อเลยว่าถ้าคนพวกนี้ซื้อคงไม่ซื้อไว้เก็บแน่ น่าจะเอาไว้เสียบ เอ่อ หมายถึงน่าจะเอาไปใช้ประโยชน์แน่นอน

             ผมยืนดูมีดที่วางไว้บนถาดอย่างหลากหลาย ยื่นมือไปรับมีดปลอกไม้สลักลายสีดำสนิทประดับด้วยอัญมณีสีเขียวฝังไว้ที่ด้ามมาพลิกดูอย่างชอบใจ ผมลูบหัวก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนแล้วยิ้ม ตั้งแต่ได้ก้อนหินมาก็รู้สึกชอบสีเขียวมากขึ้นซะอย่างงั้น อยู่ๆ สมองก็นึกถึงลูกกะตาสีเขียวๆ ของคนข้างๆ จนต้องสะบัดหัว เย่ย! คิดอะไรของมึงฮึก้อนดิน

             “ไม่ชอบเหรอ” ผมชะงักกึก เหลือบมองคนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจ้องมาอย่างจริงจัง

             “เปล่า... มะ หมายถึง ก็ชอบครับ” แล้วกูจะติดอ่างทำไม วุ้ย! ตบปาก ไซเลอร์มองผมอย่างแปลกใจก่อนจะหยิบมีดในมือไป

             “งั้นเอาด้ามนี้ก็แล้วกัน”

             “แต่ผมไม่มีเงินนี่ครับ” ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีเงินซักกะบาท แต่ถึงจะมีก็ไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ไหม

             “ไหนดิน เอาด้ามนี้เหรอ” ชเนาเซอร์หันมามองอย่างสนใจ

             “เปล่าหรอก แค่เห็นมันสวยดี ผมไม่มีเงินซื้อหรอกครับ”

             “ข้าซื้อให้เอาไหม” ชเนาเซอร์เสนอตัวอย่างกระตือรือร้น

             “ไม่ต้อง” ไซเลอร์ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว

             “ครับ ไม่ต้อ...”

             “คนของข้า ข้าซื้อให้เอง” หือ??? ชเนาเซอร์หัวเราะหึๆ แบบมีเลศนัยแล้วก็ยักไหล่หันกลับไปเลือกมีดต่อเมื่อถูกคนตาเขียวมองตาเขียว ส่วนผมก็มองตาปริบๆ ฟังแล้วแปลกๆ พิกล มันเป็นคำพูดแบบปกติๆ ของพี่แก ผมไม่ควรคิดมาก...ใช่ไหม? มัวแต่งงจนไม่ทันได้ทักท้วง ได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวมองไซเลอร์หยิบเงินจ่ายให้กับเจ้าของร้านแล้วเอามีดเล่มเดิมมายื่นให้

             “เก็บไว้ป้องกันตัว” แล้วจะชักออกจากฝักทันอีกไหม ถามใจดู เดี๋ยวๆ ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น

             “เอ่อ แต่ผมไม่มีเงิน”

             “ข้าซื้อให้”

             “ตะ...แต่ว่า”

             “ไม่มีแต่ ถ้าไม่รับจะถือว่าเจ้ารังเกียจ” ทำไมต้องทำหน้าดุใส่ด้วย กะ... กลัวแล้วครับ

             “ขอบคุณมากครับ ราคามันเท่าไหร่ครับ ถ้ามีเงินเมื่อไหร่ผมจะคะ..คืน” ยังไม่ทันได้พูดจบ คนฟังก็เดินหนี ตาสีเขียวๆ ขุ่นคลั่ก ทำท่าเหมือน...

             งอน???

             ใช่เหรอ? แต่ไอ้ท่าทางแบบนี้มันเหมือนเวลาคุณไฟงอนชัดๆ เอ่อ... ไม่มั้ง เพิ่งจะรู้จักกัน พี่แกจะมางอนผมทำไม แล้วงอนเรื่องอะไร? พี่มึงครับ อย่าเพิ่งเดินหนี มีอะไรก็คุยกันได้ อย่าให้ผมตีความเอง กูมีปัญหากับเรื่องการตีความหนักมากครับ ไม่งั้นคงไม่โดนคุณไฟฟาดงวงฟาดงาใส่บ่อยๆ หรอก เฮ้อ!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 17-04-2017 01:26:46
            ผมได้แต่ยืนละล้าละลัง ทำอะไรไม่ถูก หันไปมองคนที่เหลือก็ต้องสะดุ้ง เมื่อเจอกับสายตาล้อเลียนของคนทั้งสี่ที่เลือกมีดเสร็จตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ยืนกอดอกมองด้วยความบันเทิง โว๊ะ! แทนที่จะช่วยกันบ้าง มองอะไรกันครับ...

             “เอ่อ...”

             “ไปกันเถอะ” ชเนาเซอร์พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ ขณะที่อีกสามคนก็หัวเราะหึๆ กันทุกคน ขำอะไรกัน บอกกูบ้าง กูตามไม่ทันครับ

             พอออกจากแผงมีดแค่นั้นแหละ พรีซาเดินจ้ำอย่างกับจะรีบไปตามควาย ยิ่งไม่มีคนคอยรั้งเหมือนแต่ก่อนก็ยิ่งเดินเร็วกว่าเดิมมาก พี่ครับนี่มันตลาด ไม่ใช่ป่า ไม่มีเสือให้พี่ล่าหรอกนะครับ โธ่! ขนาดเดินตามควายแถวบ้านบ่อยแล้วยังเดินตามแทบไม่ทัน ยังดีที่มีชเนาเซอร์กับร็อตคอยคว้าแขนไว้เวลาผ่านฝูงคนแน่นๆ ไม่งั้นได้หลงแน่ๆ

             ผมพยายามชะเง้อหาคนที่เดินหนีมาก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จะเห็นได้ยังไงล่ะครับ คนแถวนี้ตัวสูงใหญ่มิดหัวทั้งนั้น ไม่รู้ว่าแดกอะไรเป็นอาหารกัน ยิ่งมองก็ยิ่งพาล ฮึ่ย!

             หลุดจากตลาดมาได้ผมก็แทบจะหอบแฮ่กเหมือนหมาหอบแดด ต่างจากสี่คนที่เหลือที่มีท่าทางสบายๆ เหมือนเพิ่งเดินผ่านทุ่งดอกไม้มา เพิ่งรู้ว่าก่อนหน้านี้พี่ๆ แกปราณีผมมาก ถ้าพาเดินแบบนี้ตั้งแต่แรกมีหวังขาลากหมดแรงก่อนจะเข้าเมืองแน่นอน

             เรามายืนอยู่หน้าอาคารไม้ที่น่าจะเป็นร้านอาหาร เดินเข้าไปก็เห็นคนที่เดินหนีมานั่งรอพร้อมอาหารอยู่ที่โต๊ะแล้ว อ้อ... ที่แท้ก็มาสั่งอาหารรอนี่เอง ไม่ได้งอนอะไรหรอกมั้ง ค่อยโล่งใจหน่อย ว่าแต่ทำไมถึงรู้สึกกังวลใจนักเวลาที่พี่แกทำท่าเหมือนจะงอนหว่า ยังไม่ทันได้นึกอะไรต่อ ชเนาเซอร์ก็ลากลงนั่งลงข้างๆ ไซเลอร์แล้วมองอาหารบนโต๊ะตาวาวๆ

             “หูย ไซเลอร์รู้ใจที่สุด สั่งของโปรดมาให้ด้วย” พูดจบก็คว้าอาวุธมาตักเข้าปากทันที

             “ตะกละ” มาสทิฟฟ์ค่อน

             “ก็หิวนี่” ตอบทั้งที่เนื้อยังเต็มปาก

             “กินดีๆ” พอพรีซาพูดจบ แต่ละคนก็เริ่มกินอาหารกันเงียบๆ แสดงว่าไม่ใช่ผมแค่คนเดียวหรอกที่กลัว เอ๊ย! เกรงใจพรีซา คนอื่นๆ ก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ บอกแล้วไงครับว่าพี่แกน่ากลัว

             คนข้างๆ เลื่อนชามเนื้อปลาที่หั่นเป็นชิ้นแล้วนึ่งใส่เห็ดมาให้เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมก็รับมาแต่โดยดี

             “ขอบคุณครับ” ผมมองอาหารบนโต๊ะหาอาหารให้ก้อนหิน คนข้างๆ ก็เลื่อนชามเนื้อดิบที่หั่นเป็นชิ้นมาให้อย่างรู้ใจ

             “ขอบคุณมากครับ” พอเลื่อนให้ก้อนหินหยิบกินได้ถนัดๆ แล้ว ก็เริ่มชิมอาหารของตัวเองบ้าง อร่อยแฮะ มีรสเปรี้ยวนิดๆ อย่างที่ชอบเลย ผมหันไปมองคนข้างๆ ก็เห็นกำลังมองมาอยู่พอดีก็เลยบอกไปแก้เก้อ

             “อร่อย”

             “อร่อยก็กินเยอะๆ”

             “ครับ” ดีจัง บรรยากาศแบบนี้ดีกว่าตั้งเยอะ อาจจะเป็นเพราะเริ่มชินกับการที่มีไซเลอร์อยู่ข้างๆ แล้วก็ได้ เมื่อกี๊พอไม่เห็นเลยรู้สึกใจเสียพิกล ถึงจะบอกว่าชเนาเซอร์เป็นคนที่เข้ามาชวนคุยด้วยมากที่สุดก็เถอะ แต่คนที่คอยช่วยเหลือระหว่างเดินทาง คอยใส่ใจทั้งยามกินยามนอน คอยอธิบายทุกสิ่งที่สงสัยอย่างใจเย็นตั้งแต่อยู่ในป่าจนมาถึงตอนนี้ก็คือไซเลอร์ คนที่เหลือมักจะดูอยู่ห่างๆ จึงทำให้สนิทใจกับชเนาเซอร์ แต่รู้สึกอุ่นใจเวลาที่ไซเลอร์อยู่ใกล้ๆ มากกว่า

             ผมเลื่อนอาหารให้คนข้างๆ บ้าง เจ้าตัวก็กินอย่างอารมณ์ดี สังเกตจากตาสีเขียวๆ ที่พราวระยับ พอเงยหน้าก็สบกับสายตายิ้มๆ ของคนอื่นๆ ในโต๊ะ ก็รู้สึกร้อนๆ ที่หน้าพิกล สงสัยจะร้อนแดด? แค่เลื่อนอาหารให้กันจะมองกันทำไมครับ

             “เลี้ยงยังไงให้มังกรเสียนิสัย แทนที่จะให้ไปอยู่ที่โรงเก็บมังกรกลับพามานั่งกินด้วย” เสียงพูดจากคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ ทำให้ผมชะงักแล้วหันไปมองคนที่พูดทันที

             เอ๊ะ! มันเรื่องของกูไหม ไม่เผือกสิครับ!

             อันนี้คิดในใจไม่กล้าพูดออกไป โธ่! ใครจะกล้าครับ คนพูดหน้าโคตรโหด ตัวก็ใหญ่ยิ่งกว่าหมีควาย สะกิดทีนี่กระเด็นได้เลย ยังซ่าไม่ได้ครับ

             แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกไป คนบนโต๊ะทั้งห้าก็วางช้อนลงแล้วหันไปมองคนพูดพร้อมแผ่รังสีอำมหิตใส่อย่างพร้อมเพรียงกัน แม้แต่ก้อนหินยังหยุดมาจ้องคนพูดเขม็งใช้เล็บขูดกับขอบถ้วยขู่จนขอบถ้วยบิ่น เอ่อ หิน กูไม่มีตังค์จ่ายนะเฮ้ย! คนที่พูดหน้าซีดก่อนจะทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วกินเงียบๆ ไป หึ ไม่รู้ซะแล้วว่ากูมากับใคร ขนาดตัวกูยังไม่รู้เลย ถุ้ย!

             พอเจอคนทักผมก็ชักจะสงสัยและอิ่มไปโดยปริยาย เดินออกมาจากร้านได้ ก็หันไปถามไซเลอร์ที่เดินข้างๆ ทันที

             “โรงเก็บมังกรคืออะไรครับ”

             “กำลังจะพาไป ถ้าไปถึงเดี๋ยวจะอธิบายให้ฟัง” ผมกอดก้อนหินอย่างกังวล ชื่อมันเหมือนเกี่ยวข้องกับก้อนหินจนกลัวว่าจะเป็นสถานที่ที่ทำให้เราต้องแยกจากกัน บอกแล้วไงว่าถ้าใครมาแยกเราออกตอนนี้ผมคงไม่ยอม ยังไงก็ต้องลองสู้ดูสักตั้งแหละครับ สงสัยความกังวลของผมจะส่งถึงมัน ทำให้มันเงยหน้ามามองแล้วร้องเบาๆ ก่อนจะเอียงคอเอาหัวมาถูอย่างปลอบใจ

             “ไม่ต้องกังวลไปหรอก ไม่มีใครแยกพวกเจ้าได้หรอก ข้าสัญญา” นี่ก็อีกคน พูดเหมือนกับรู้ใจ แต่ก็ทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นจนคลายอ้อมกอดที่รัดก้อนหินไว้แน่นลง แล้วเดินตามแผ่นหลังของคนที่ก้าวนำหน้าไปอย่างวางใจ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

(F5 = รีเฟรช ได้หมดถ้าสดชื่น 55555 อันแรกชื่อตอน อันหลังนี่ความรู้สึกของพี่เอง วรั๊ยยยย บ้าไปแล้ว)
 :hao6:

ว่าจะลงให้ทันก่อนสงกรานต์เพราะอยากจะสวัสดีปีใหม่ไทย และขอให้เดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพ ถถถ แต่ก็งานเข้าไม่ว่างเว้นค่ะ เลยได้ลงหลังสงกรานต์แทน ยังสวัสดีปีใหม่ทันไหมคะ แหะๆ

ลงแต่ละทีกลับมาอ่านคอมเม้นท์แบบลุ้นๆ ว่าจะมีคนชอบบ้างไหม พอเห็นคนชอบก็ชื่นใจมากเลยค่ะ ดีใจที่มีคนติดตามบ้าง ทำให้มีแรงฮึดแต่งต่อ ขอบคุณนะคะ รวบกอดทุกๆ คนหลายๆ ที
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

#ommanymontra ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ  :L2:
#sirin_chadada มาแล้วค่าาาาาาาาาา  :katai5:
#B52  :impress2: กอดดดดดด
#Zetnezz ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า  :L2:
#mild-dy ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะคะ  :L2:
#rivayu ถ้าเป็นแก๊งนี้ยกให้ทั้งตัวและหัวใจเลยค่ะ 55555
#suikajang ขอบคุณที่ชอบค่า ปลื้มมมม ก้อนดินมองโลกในแง่ดีมากกกกกกกกกค่ะ 55555
#oilzaza001 อยากเก็บเธอไว้ทั้งห้าคน หุๆ
#•♀NoM!_KunG♀• มาแล้วค่า ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
#zuu_zaa ขอบคุณที่แวะมาเช่นกันค่า  :L2:
#prangasia ขอบคุณที่ให้กำลังใจนะคะ กำลังพยายามแต่งให้จบเหมือนกันค่ะ 5555 พอมีคนกระตุ้นแล้วทำให้คึกเรื่อยๆ  รู้สึกดีเวลาคนเข้ามาอ่าน อยากจะถ่ายทอดสิ่งที่อยู่ในจินตนาการออกมาให้ดีที่สุด มันต้องจบสิน่า เรามาพยายามด้วยกันเถอะค่ะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ ยอมรับว่าสั้นจริงๆ ค่ะ ถถถ แต่ตอนนี้ยาวขึ้นแล้วนะคะ พยายามเขียนเรื่องที่ไม่ทำให้เราเครียดค่ะ ไม่งั้นจะไปไม่เป็น ถถถ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
#♥lvl♀‘O’Deal2♥ มาแล้วค่า ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
#milky way ขอบคุณที่ชอบค่า หน้าบานทุกครั้งที่มีคนชอบลูกสาว เอ๊ย ลูกชาย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
#DeShiWa ขอบคุณที่ติดตามค่า ปลื้มมมมมม พระเอกน่าจะเดาไม่ยากค่ะ ออกจะออกตัวแรง 5555
#papapajimin ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า รักก้อนหินเหมือนกัน หวงยิ่งกว่าก้อนดินอีกนะคะขอบอก
#ซีเนียร์ ขอบคุณมากค่า  :L2:
#Celestia พระเอกไหม ลองอ่านตอนล่าสุดดูค่ะ 5555
#FaiiFay_Elle ขอบคุณค่ะก๊าสสสสส
#pare_140 ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 17-04-2017 02:42:00
ชอบสิค่ะ ชอบมากเลยด้วยฮาดี ก้อนหินก็น่ารัก ตอนนี้พยายามสร้างความคุ้นเคยกับเหล่าหน้ากากดำอยู่ ยังจำไม่ได้เลยว่ามีใครบ้าง  :ruready
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 17-04-2017 05:59:07
ไฟไม่ใช่พระเอกสินะ ดีแล้ว  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: หญิงกล้วย ที่ 17-04-2017 06:27:15
อยากให้ไฟเป็นพระเอกอยู่นะ :mew2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 17-04-2017 08:04:17
 :pig4:่ :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 17-04-2017 09:12:45
วันนี้บอสให้มาทำงาน เฮ้อ... อิจฉาคนหยุดอะ หงุดหงิดๆ ๆ ๆ  :ling1:
แต่พอแอบแว๊บก่อนบอสเข้ามาอ่าน รมณ์ดีเลย ดินเป็นไรที่สุดยอดมาก  :pigha2:
ยิ้มได้จริงๆ กะคนๆ นี้ แหมะพี่ไซเลอร์ยังไงคะ อย่าให้น้องดินคิดมาก
อร๊ายยยยย....ตายสนิทเลย คนของข้า ข้าซื้อให้เอง อั้ยย๊ะ   :impress2: พี่แก่นิดาเมจแรงจริงๆ
ชื่อตอนนิคิดว่าเอามาจากพวก F4 แต่พอดีพี่ๆ แก๊งค์ทางหนี้มากัน 5 เลยเป็น F5 หุหุ
รอการผจญภัยในแดนมหัศจรรย์ของก้อนดินในตอนต่อไปว่าจะเจออะไรให้น้องดินปากอ้า ตาค้างได้อีก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-04-2017 10:00:18
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 17-04-2017 10:05:08
Thank you na  :pig4: :กอด1:

ก้อนหินดูมีความน่าเอ็นดูมากก เห็นแล้วอยากเอามาเลี้ยง หุหุ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-04-2017 10:11:11
อยากได้ก้อนหิน อ่ะ

ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 17-04-2017 10:23:28
ก้อนดินรั่วแล้วรั่วอีก (แต่รั่วในใจนะ) ฮา เหมือนตบตีกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-04-2017 11:16:09
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 17-04-2017 12:49:50
โรงเก็บมังกร..ฟังดูแปลกๆ

ว่ามันคืออะไร

ไม่เอาอย่าให้ก้อนหินไปที่โรงเก็บมังกรนะ

ก้อนหินไม่ใช่มังกรธรรมดานะ

ติดตามเสมอจ้า

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-04-2017 15:37:05
หลงรักก้อนหิน อยากให้ก้อนดินมีความสามารถ พูดกับมังกรได้ โดยไม่รู้ตัว 5555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 17-04-2017 15:47:20
ชอบก้อนหินมากกก น่ารักมากเลย ติดตามค่า :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-04-2017 16:12:03
ตอนนี้ไม่สั้นแล้ว ยาวแล้ว
ขอบคุณไรท์ มากกกก  :pig4:

ไซเลอร์ ก้อนดิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ไซเลอร์ แสดงออกชัดเจนว่าชอบดิน
ขนาดบอกออกมาเลย “คนของข้า ข้าซื้อให้เอง”
เพื่อนๆรู้กันหมด  :hao3:
ก้อนหินน่ารัก  :mew1: :mew1: :mew1:
โรงเก็บมังกร น่าจะเหมือนคอกม้า โรงม้า ที่เอาม้ามารวมกัน
งั้นโรงเก็บมังกร ก็เป็นที่เอามังกรไปเก็บไว้ด้วยกัน
ที่ว่าขี่มังกรกลับ แสดงว่าทุกคนมีมังกรกันสินะ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 17-04-2017 16:15:31
ก้อนหินน่ารัก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 17-04-2017 18:43:17
ไซเลอร์ช่างรู้ใจดินยิ่งนักๆ ยกขันหมากมาขอเลยดีไหมคะ (มืดที่ให้คือ ของหมั้น??)
ก้อนหินน่าร๊ากกกกกก >\\\\\<
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 17-04-2017 21:58:34
พึ่งเข้ามาอ่าน แบบว่า น่ารักมากอ่ะ 

รอตอนต่อไปค่ะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-04-2017 00:57:39
จะฝากก้อนหินไว้ก่อนหรืออะไรยังไง

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 18-04-2017 06:32:36
ติดตามๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: darinsaya ที่ 18-04-2017 09:46:55
 :o8: :o8: :o8: :o8: 
    บอกตามตรง เรานึกหน้าก้อนหินไม่ออก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 18-04-2017 16:01:51
ชิวดี อย่างง่าย สบายท้อง?
ชอบนิสัยดิน หินน่ารักตอนแรกคิดว่าหนูเป็นพระเอกซะอีก 555

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 18-04-2017 17:22:29
เห็นชื่อแล้วชอบเลยกดเข้ามาอ่าน
หูยยยยยยยย ถ้าไม่อ่านพลาดมาก
ลุ้นทั้งหินทั้งดิน หินต้องไม่ธรรมดาแน่เลยอ่ะ
แล้วดินจะได้กลับโลกตัวเองมั้ย
ใครจะเป็นพระเอกกันแน่ สนุกกกกก
 :3123:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 18-04-2017 19:44:17
สะดุดกับชื่อแก๊งค์โอปป้าทวงหนี้มากค่ะ เก๋ดี ยิ่งบุคลิกยิ่งใช่อ่ะ เลยอ่านไปนึกหน้าต้นแบบไปตลอดเลย ฮา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 9 F5 (17/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 18-04-2017 20:38:16
ยิ่งอ่านยิ่งชอบ การบรรยายของก้อนดิน
ความน่ารักของก้อนหิน
ความหล่อของF5 555555
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อจ้าาาาาา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 23-04-2017 08:43:50
ตอนที่ 10 บิน

   ผมยืนมอง ‘โรงเก็บมังกร’ ด้วยความอึ้ง

   อึ้งกับความหมายที่โคตรจะตรงตัวของมัน

   อึ้งกับ ‘มังกร’ ไซต์ใหญ่ยักษ์เกือบสิบตัวที่เรียงรายอยู่ในคอกที่กั้นเป็นล็อคๆ ด้วยไม้เนื้อหนามุงด้วยหลังคากันแดด ตรงพื้นมีถังไม้ที่ใส่เนื้อสดและน้ำตั้งไว้อย่างละถัง ส่วนใหญ่กำลังนอนแล้วหลับตาเงียบๆ อยู่ในคอก มีแค่บางตัวที่กำลังกินเนื้อหรือน้ำในถังอยู่

   แต่พอคนทั้งห้าเดินเข้าไปใกล้ มังกรห้าตัวที่นอนหลับตาก็ลืมตาขึ้นมาและลุกขึ้นยืนมามองคนที่เดินเข้าไปหาทันที ผมมองแต่ละคนที่เดินไปหามังกรของตัวเองอย่างสนใจ พรีซากับชเนาเซอร์เดินเข้าไปหามังกรสีขาวสองตัวที่คอกอยู่ติดกัน ส่วนมาสทิฟฟ์ ร็อตและไซเลอร์ เดินเข้าไปหามังกรสีดำที่คอกข้างๆ ตามลำดับ

   ทำไมมีแต่สีขาวกับสีดำ ทำไมไม่มีสีเขียวเลยหว่า?

   “มึงผ่าเหล่ามารึไงฮึหิน” ผมพึมพำคนเดียวเบาๆ ก้มลงมองก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขน แต่มันไม่ได้สนใจผมเหมือนเคย มันกลับจ้องไปยังมังกรสีดำที่ไซเลอร์กำลังลูบหัวอยู่เขม็ง แถมมังกรดำตัวนั้นก็กำลังจ้องกลับมาที่ก้อนหินอยู่เหมือนกัน

   “ก๊าสสสสสส” เสียงร้องต่ำๆ ในลำคอของมังกรตัวนั้นดังขึ้นมาทำให้มังกรในคอกตัวอื่นๆ ชะงักแล้วหันมามองก้อนหินอย่างพร้อมเพรียงกัน จนผมอดจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไม่ได้ จะมองมาทำไม? แดกเนื้อในถังไปเลย

   “ก๊าส” ก้อนหินร้องตอบไป แล้วพวกมันก็ร้องตอบโต้กันต่อ ส่วนคนอื่นๆ ก็ได้แต่มองเหตุการณ์อย่างแปลกใจ

   ใครก็ได้หาวุ้นแปลภาษาให้ผมที ตอนนี้อยากรู้มากว่ามันคุยอะไรกัน

   หินกูอยากเผือกอ่ะ บอกตรงๆ

   อยู่ๆ ก้อนหินก็ดิ้นขอลงจากอ้อมแขนของผมจนผมต้องปล่อยลง พอลงถึงพื้นได้มันก็เดินดุ่มๆ ไปหามังกรตัวนั้นทันที

   “เดี๋ยวสิหิน” เอ่อ มังกรตัวใหญ่ขนาดนั้น แดกมึงได้ในคำเดียวเลยนะหิน ผมรีบก้าวตามไปด้วยความเป็นห่วง มีไซเลอร์อยู่ด้วยคงไม่ปล่อยให้เราโดนแดกง่ายๆ หรอก... มั้ง ผมอดจะเหลือบไปมองถังใส่เนื้อไม่ได้ มันอิ่มรึยังหว่า?

   พอเดินไปถึงมังกรดำตัวนั้นก็ก้มลงมาดมๆ ตัวก้อนหิน พอแล้วมั้ง นานไปแล้วนะ จะดมอะไรนักหนา ผมหันไปมองไซเลอร์ที่กอดอกมองปฏิกิริยาของมังกรตัวเองนิ่งๆ

   “ไม่ต้องเป็นห่วง มันได้รับการฝึกมาอย่างดี มันจะไม่โจมตีถ้าไม่ได้รับคำสั่ง... ยกเว้นหิว”

   ฟังแล้วรู้สึกโล่งอกขึ้นเยอะเลย สัด! ก้อนหินออกม๊า!

   “หึๆ” หึพ่อง มีความสุขมากไหม แกล้งกูเล่นเนี่ย

   หลังจากดมเสร็จ มันก็ยืดตัวขึ้นร้องเสียงยาวๆ มังกรตัวอื่นๆ ก็ร้องตามกันระงม ให้มนุษย์มุงอย่างเราๆ สงสัยและประหลาดใจว่ามันเป็นอะไรกัน ก้อนหินร้องตอบไปสองสามครั้งก่อนจะเดินกลับมาหาผม ผมก็รีบอุ้มมันขึ้นมากอด

   “มานี่สิ” เรียกใครพี่ ไม่ระบุตัวไม่ไปหรอกนะ ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีเท่าหน้าตา คนตรงหน้าแค่หัวเราะเบาๆ อีกทีก่อนจะพูดต่อ

   “มาทำความคุ้นเคยกันหน่อย เจ้าต้องนั่งมันไปกับข้า”

   ห๊ะ! อะไรนะ! นั่งมังกรเนี่ยนะ นี่ผมหูไม่ดีหรือผมหูฝาด (มันต่างกันตรงไหน) พอเห็นผมมองมังกรตรงหน้าอย่างหวาดระแวง พี่แกก็เลยกล่อมต่อ

   “มาเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้มันทำอะไรเจ้าหรอก” นั่นแหละ ผมเลยต้องเดินเข้าไปหาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่ พอเดินไปถึงพี่แกก็ยกมือไปลูบหัวมังกรที่ก้มมาให้ลูบอย่างอ่อนโยน

   “นี่ไซรัส มังกรของข้า” เอ่อ ต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักด้วยไหม แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร พี่แกก็จับมือผมยื่นไปให้มังกรตรงหน้าแดก เอ๊ย! ดม พี่ครับบบบ มือผมจะไม่ขาดแน่นะ?

   “นี่ก้อนดินนะไซรัส ต่อไปฝากดูแลด้วย” ตาสีดำสนิทของมังกรตรงหน้าจ้องผมเขม็งเหมือนจะจดจำไว้ แต่พอมันละสายตาลงมองก้อนหิน ผมก็เผลอถลึงตาใส่มัน แล้วจับก้อนหินเบี่ยงออกนิดๆ เมื่อกี๊นี้ยังดมไม่พอรึไง! ไซเลอร์มองมาขำๆ จนผมถลึงตาใส่อีกคน

   “ไซเลอร์ เมื่อกี๊รู้ไหมว่ามันร้องกันทำไม” ผมหันไปถามเพราะคาใจมองมังกรในคอกที่ยังคงมองมาที่ก้อนหินไม่เลิก

   “มันคงจะทักทายกัน” ถ้าคนที่คุ้นเคยกับมังกรดีกว่าผมว่าอย่างนั้นผมจะว่ายังไงได้ล่ะ เชื่อก็ได้วะ ทักทายก็ทักทาย ผมหันไปเจอร็อตที่ยืนลูบคางมองก้อนหินอย่างครุ่นคิด นี่ก็อีกคน มองแล้วชอบทำท่าอย่างนี้ตลอด มาสทิฟฟ์เอาเงินไปจ่ายให้กับเจ้าของโรงเก็บมังกร ก่อนจะเดินมารวมกันอีกครั้ง

   “จะให้ก้อนดินไปกับใคร” ชเนาเซอร์ถามขึ้นด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนมองยิ้มๆ

   “ไปกับข้า”ไซเลอร์ตอบนิ่งๆ

   “ดิน ไปกับข้าไหม ข้ามีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย” ชเนาเซอร์หันมาถามผมที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ ไซเลอร์หันมาจ้องเขม็ง
 
   “เอ่อ...” บอกตามตรง ไม่อยากไปกับใครทั้งนั้นแหละ ขอเดินตามไปได้ไหม ผมกลัวตกลงมาคอหักตาย แต่พอหันไปเจอสายตาของทุกคนที่จ้องตรงมา ก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรม นี่กูปฏิเสธไม่ได้ใช่ไหม?

   “ไปกับใครก็ได้ครับ”

   “งั้นไปกับข้านะ” นี่ก็ร่าเริงเกินเหตุ

   “ชิวาของเจ้าตัวเล็กกว่า ไม่เหมาะจะขึ้นหลายคน” ไซเลอร์บอกอย่างใจเย็น

   “งั้นก็ให้ไปกับมาสทิฟฟ์หรือร็อตก็ได้นี่ มังกรดำเหมือนกัน” ชเนาเซอร์ยังเสนอไม่หยุด

   “พรีซา เอาญาติเจ้าไปเก็บที” ห๊ะ! พรีซาเป็นญาติกับชเนาเซอร์!!! ดูไม่ออกสักนิด นอกจากสีผิวแล้วหน้าตาก็ไปคนละทาง นิสัยก็ต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย

   พรีซาที่ยืนมองยิ้มๆ อยู่ยักไหล่ก่อนจะเดินมาลากชเนาเซอร์ไปที่มังกรตัวเอง เท่านี้คนข้างๆ ก็ยิ้มอย่างพอใจ หันมาบอกกับผมอย่างอารมณ์ดีขึ้น

   “เจ้าไปกับข้า”

   “ครับ” ก็คงต้องเป็นอย่างงั้น  ไซเลอร์เดินไปที่คอกมังกรแล้วปล่อยไซรัสออกมา มันออกมายืนอยู่หน้าคอกได้ก็หมอบตัวลงเตรียมให้พวกเราขึ้น ผมยืนมองคนอื่นๆ ที่ขึ้นไปนั่งบนมังกรของตัวเอง จับเชือกที่ใช้คล้องคอมังกรมาถือไว้เรียบร้อยแล้วก็หันมามองผมเป็นตาเดียว เอ่อ... อย่ามองเยอะ มันเกร็งนะเว้ย! พอหันมามองคนที่เสนอให้ขึ้นมังกรไปด้วย ก็เห็นขึ้นไปยืนบนตัวมังกรและยื่นมือมาให้ ผมมองไซรัสที่หันหัวมามองอย่างไม่ไว้วางใจ มองมือที่ยื่นมาอย่างลังเล

   “ไว้ใจข้า” เฮ้อ! เอาก็เอาวะ ถ้าจะตกก็ตกลงมาหมดนี่แหละ มีเพื่อนตายจะกลัวอะไร อย่างน้อยก็ไม่เหงาละวะ ผมยื่นก้อนหินให้ก่อน ไซเลอร์ก็จับมันไปวางไว้ข้างหน้าอย่างนุ่มนวล ไซรัสยื่นหัวมามองมันใกล้ๆ จนผมเผลอถลึงตาใส่ พอหันมาเจอเจ้าของมันก็เห็นเลิกคิ้วยิ้มๆ ผมเลยแยกเขี้ยวให้อีกคน พอยื่นมือให้ไซเลอร์ก็ช่วยดึงตัวผมขึ้นไป และเนื่องจากหลังมังกรมันไม่ได้เรียบเหมือนกับพื้นดิน ทำให้ผมทรงตัวไม่ถนัด

   “เย่ย!!!”

   ผมอุทานอย่างตกใจ เมื่อรู้สึกว่าทรงตัวไม่อยู่ เลยผวาหาที่เกาะเพราะกลัวตก ส่วนไซเลอร์ก็ไวทายาทคว้าตัวผมที่ทำท่าจะหงายหลังไว้อย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเหมือนตอนนี้เรากำลังกอดกันอยู่

   “...”

   อ๊ากกกกกกกกกกก!!!

   นับเป็นโมเม้นท์ที่เชี่ยมากกกกก

   พอรู้สึกตัว ผมก็แทบจะผลักคนตรงหน้าออก แต่อย่างที่บอกมันทรงตัวไม่อยู่ไง มันก็เลยวนลูปเดิมจนอยากคลั่ง
 
   “เจ้าอยู่นิ่งๆ ก่อน” คนที่กำลังกอด เอ๊ย! หมายถึงช่วยประคองตัวไว้พูดกลั้วหัวเราะจนผมอยากจะกระโดดก้านคอ พอเห็นว่าผมนิ่งแล้วเจ้าตัวก็ค่อยๆ ดันผมออก แล้วจับบ่าไว้มั่นก่อนจะจับหันไปด้านหน้า ประคองให้ขยับเข้าไปใกล้กับก้อนหินก่อนจะบอก

   “นั่งลงสิ” ผมนั่งลงนิ่งๆ มันก็ไม่ได้ยากนี่หว่า แล้วเมื่อกี๊กูเป็นเชี่ยอะไร ฮึ่ย!!!

   ยิ่งมองไปเห็นสายตาคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่บนมังกรแล้วขยับมาใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ส่งสายตาล้อเลียนมาให้พร้อมเสียงหัวเราะกวนประสาท ก็รู้สึกว่าหนังหน้าร้อนวูบจนอยากจะกระโดดลงไปให้ธรณีสูบ

   โว๊ยยยยยย!!!! เลิกมองซะที กูร้อนนนนน

   ผมได้แต่คว้าก้อนหินที่ขยับมาใกล้เอียงคอมองมางงๆ มากอดไว้แล้วซบหัวลงไป มุดดินไม่ได้ มุดก้อนหินแทนก็ได้วะ ว่าแต่... ผู้ชายเหมือนกัน กูจะอายทำไมเนี่ย?

   เมื่อรู้สึกถึงไออุ่นของคนที่มานั่งลงซ้อนอยู่ด้านหลังก็เผลอหันไปมอง พอสบกับตาสีเขียวๆ ที่กำลังพราวระยับ ก็หันกลับมาอย่างไว

   หมั่นไส้แม่ง เดี๋ยวก็จิ้มตาบอด!!!

   “โอ๊ย! อิจฉาอ่ะมาสทิฟฟ์ ข้าก็อยากจะมีคนช่วยกอด เอ๊ย! ช่วยดูแลบ้าง” ไม่เพียงแค่สายตา เสียงล้อเลียนจากไอ้คนพูดมากก็ตามมา จนอยากจะหาอะไรปาใส่หน้า

   “ไม่ต้องอิจฉาหรอก รอมาตั้งนานมีปัญญาทำได้แค่นั้น? ถ้าเป็นข้าน่ะเหรอ หึๆ” มาสทิฟฟ์หัวเราะแบบโรคจิตอย่างน่าหมั่นไส้

   “ถ้าเป็นเจ้าจะทำไม” เสียงเย็นๆ ของพรีซาถามขึ้น เล่นเอามาสทิฟฟ์สะดุ้งโหยง

   “เป็นข้าก็จะ... จะ... ไม่ทำอะไรไง” คนฟังหัวเราะกันครืน ไม่เว้นแม้แต่ร็อตที่ไม่ค่อยพูดค่อยจา

   ว่าแต่... ใครรอ? รออะไร?

    “ออกเดินทางได้แล้ว สายแล้ว” เมื่อเจ้าพ่อ เอ๊ะ! หรือเจ้าแม่? เอ่ยขึ้นมาทุกคนเลยอยู่ในความสงบ เพิ่งจะเห็นพรีซาน่ารักก็ตอนนี้แหละ

   “กลับเคลเบรอส” มาสทิฟฟ์ออกคำสั่งเสียงดังเหมือนจะบอกให้มังกรรับรู้

   ไซเลอร์ยื่นเชือกให้ผมจับ เจ้าตัวก็ขยับมาใกล้จนชิดกับแผ่นหลังของผม ยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไร มังกรแต่ละตัวก็ขยับออกห่างกัน กางปีกกระพือแล้วขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเริ่มลอยสู่พื้นดิน พอความสูงมากพอก็เริ่มพุ่งไปข้างหน้าโดยมีพรีซานำหน้า ตามด้วยไซเลอร์ มาสทิฟฟ์กับชเนาเซอร์ขนาบข้าง ปิดท้ายด้วยร็อต

   ผมกอดก้อนหินพร้อมกำเชือกแน่นหลับตาปี๋ เผลอใช้อกกว้างๆ ของคนข้างหลังเป็นหลักพิง ผมไม่เคยขึ้นเครื่องบินมาก่อน เลยไม่รู้ว่าตอนขึ้นมันหวาดเสียวแบบนี้ไหม

   “ลืมตาสิ” คนข้างหลังก้มมาบอกชิดหูจนไม่กล้าหันไป ใกล้เกินไปแล้วสัด!!! เมื่อรู้สึกว่าตัวไซรัสขยับนิ่งกว่าตอนขาขึ้น ผมก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น สายลมปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกเย็นสบาย ก้อนหินมองมังกรที่กำลังบินอย่างสนใจ เหลือบมองปีกกุดๆ ของตัวเอง พยายามกระพือเลียนแบบ

   “อย่าคิดจะบินนะหิน อยู่นิ่งๆ ปีกกุดๆ แบบนี้บินไม่ไหวหรอก เดี๋ยวตกลงไปคอหักตาย กูโดดลงไปช่วยไม่ทันนะ” ผมก้มลงพูดกับมัน

   “ก๊าส” มันรับคำเสียงขุ่นเหมือนไม่ชอบใจ แต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ แต่โดยดี แล้วมองไปข้างล่างอย่างสนอกสนใจแทน พอผมเผลอมองตามก็รู้สึกเสียววูบจนต้องหลับตาลงเมื่อรู้สึกเหมือนจะหน้ามืด ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองใหม่

   เราบินผ่านป่าเป็นส่วนใหญ่ มีบ้างที่ผ่านหมู่บ้านของมนุษย์ เงาของมังกรที่พาดลงพื้นทำให้สิ่งมีชีวิตบนพื้นดินเงยขึ้นมามองเป็นระยะ บางครั้งถ้าผ่านป่า ชเนาเซอร์ก็บังคับมังกรให้ร่อนลงแกล้งให้สัตว์ป่าตัวเล็กๆ ตกใจเล่น กวนประสาทจริงๆ แต่วิวด้านล่างก็สวยและแปลกตาจนทำให้มองอย่างเพลิดเพลิน ลืมความรู้สึกกลัวไปได้สนิท

   “ชอบไหม” และลืมไปสนิทว่ามีคนอยู่ข้างหลัง ประมวลผลคาดว่าคนถามคงจะหมายถึงวิว เลยตอบไป

   “ชอบครับ”

   “ชอบก็อยู่นานๆ” เอ่อ... ชักไม่มั่นใจแล้วว่าที่ถามน่ะหมายถึงวิวหรืออะไร เลยเงียบแทน ก็ได้ยินเพียงเสียงถอนหายใจของคนข้างหลังก่อนจะเงียบตามไปด้วย

.


   เราบินอยู่บนฟ้าจนถึงเย็นๆ มาสทิฟฟ์ถึงได้ทำสัญญาณมือให้ลงไปหาอะไรกินโดยหาที่โล่งๆ ให้มังกรลงพักบนพื้นดิน หลังกินอาหารเย็นเสร็จก็พักผ่อนก่อนจะออกเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ ผมนอนกอดก้อนหินไว้ เหลือบมองคนที่นั่งมองกองไฟอยู่ข้างๆ ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ

   “นี่ไซเลอร์” พอเจ้าของชื่อหันมามองผมก็ถามต่อ

   “ทำไมตอนที่เข้าไปในป่าถึงไม่เอามังกรเข้าไปด้วยล่ะ” ผมถามในสิ่งที่คาใจอยู่ เพราะถ้าเดินทางด้วยมังกร น่าจะเร็วกว่าเดินเยอะ

   “ถ้าเข้าไปในป่าลึกกว่านั้นจะเจอป่าทึบ ไม่สะดวกให้มังกรร่อนลง การมองจากข้างบนในป่าทึบก็ทำให้ไม่สะดวกต่อการค้นหา อีกอย่างเราไม่อยากทิ้งมังกรไว้กลางทาง เพราะอาจจะเจอกับกลุ่มล่ามังกรที่มีฝีมือ พวกมันจะเป็นอันตราย” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

   “ขอบคุณนะ” พอไซเลอร์หันมามองก็พูดต่อเร็วๆ

   “ที่คอยดูแลมาตลอด” พูดจบก็หลับตาลง

   “ไม่เป็นไร” เสียงตอบกลับมาแผ่วเบา

   “ข้าเต็มใจ” ทำไมถึงฟังแล้วต้องกลั้นยิ้มเอาไว้ก็ไม่รู้

   “ฝันดีนะ”

   “อืม ฝันดี”

   โอเค ฝันดีก็ฝันดี


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้มาแบบสั้นๆ ค่ะ ก่อนจะไปถึงจุดหมายในตอนต่อไป
ส่วนก้อนหินคุยอะไรกับไซรัสนั้น เดี๋ยวจะเฉลย ในตอนต่อๆๆๆๆๆ ไปซึ่งไม่รู้ว่าตอนไหนค่ะ แหะๆ
จะพยายามเก็บประเด็นที่ปล่อยไว้ให้หมดนะคะ ถถถ จะต่อแต่ละตอนต้องกลับไปอ่านว่าตอนนั้นคิดอะไรอยู่ แล้วเผลอทิ้งอะไรไว้บ้าง

ขอบคุณที่ให้กำลังใจ ขอบคุณที่ชอบ ขอบคุณที่ยังแวะมาอ่านนะคะ อ่านคอมเม้นท์แล้วหน้าบานไปหลายวัน 55555

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
[/color]
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 23-04-2017 08:47:45
@B52 ตอนแรกก็มึนๆ เหมือนกันค่ะ พยายามจำชื่อกับบุคลิกจะได้พูดถึงไม่ผิดคน ที่จริงมันคนละพันธุ์ เอ๊ย คนละคนกันอยู่แล้วค่ะ 55555
@Zetnezz หึๆๆๆๆ หัวเราะแบบชั่วร้าย ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
@หญิงกล้วย คุณไฟแกได้โอกาสมาทั้งชีวิต แต่ไม่ยอมทำอะไร ลองให้โอกาสพี่ไซบ้างค่ะ แกรอของแกมานาน แค่กๆ
@Melonlove ขอบคุณที่ติดตามเช่นกันค่า  :L2:
@Melonlove เอร๊ยยยย อ่านแล้วปลื้มมมมมม แค่มีคนชอบก็ดีใจมากแล้วค่ะ ยิ่งถ้าอ่านแล้วอารมณ์ดียิ่งปลื้มมมมม ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
@ommanymontra ขอบคุณที่แวะมาอ่านเช่นกันค่า เอาหัวใจไปค่ะ  :L1:
@pandorads อยากเลี้ยงสัตว์แบบนี้เหมือนกันค่ะ ถ้ามีขายจะรีบไปซื้อแล้วย้ายออกจากหอด่วนๆ 55555
@ซีเนียร์ อยากได้เหมือนกันเลยค่ะ ชอบก้อนหินที่สุด อยากเลี้ยง 5555
@sirin_chadada ความรั่วนี้ดินได้แต่ไดมา (ไม่น่าถาม) 55555  :really2:
@Billie เอาหัวใจไป ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ  :L1:
@DeShiWa ขอบคุณมากค่า ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวหรอก ก้อนดินมโนไปเอง
@•♀NoM!_KunG♀• คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่นอนค่ะ รักก้อนหินเหมือนกัน
@แฟนตาเซีย ขอบคุณมากค่า ชอบก้อนหินที่สุดเหมือนกันเลย
@♥►MAGNOLIA◄♥ กลับมาสั้นเหมือนเดิมแล้วค่ะ 55555 เดาถูกเหมือนมาอยู่กลางใจ อ่านใจคนได้หรือเปล่าคะ งื้อออออ
@maekkun ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินนะคะ  :-[
@poppycake อย่ายุสิคะ พี่แกคงอยากอยู่ค่ะ แกรอของแกมานาน 55555 ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินนะคะ
@i_Tipz ขอบคุณมากค่า คนอ่านก็น่ารักเหมือนกัน ปลื้มมมม
@MayA@TK ก้อนดินไม่ยอมให้ห่างตัวง่ายๆ หรอกค่ะ เป็นเราเราก็ไม่ยอม 5555 ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ
@aeecd ขอบคุณที่ติดตามค่า  :L2:
@darinsaya อยากจะวาดให้ดูใจจะขาด แต่เคยวาดรูปควายแล้วพ่อถามว่า เอาหมาไปไว้ในทุ่งนาทำไม พอวาดรูปต้นมะพร้าว ก็ถามว่าทุ่งนามีต้นกัญชาด้วยเหรอ ถถถ พ่ออออออออออออ T T  ถ้าอิมเมจที่ตรงใจที่สุดก็น่าจะเป็นตัวนี้ค่ะ https://image.dek-d.com/26/2811157/112650876 ไม่รู้ว่าอ้างอิงถูกไหม
@mirage ลูกก็คือลูกค่ะ จะมาเป็นพ่อไม่ได้ 5555 ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
@duck-ya ก้อนหินไม่ธรรมดาจริงๆ ค่ะ หึๆๆๆ หัวเราะแบบชั่วร้าย ขอบคุณที่ติดตามนะคะ เห็นคอมเม้นท์แล้วปลื้มมมมม
@mayamay 55555 F5=refresh ได้หมดถ้าสดชื่น กร๊ากกกก อยากได้ทั้งหมดค่ะ
@papapajimin ดีใจที่ชอบค่า (ยิ้มหน้าบาน) และขอบคุณที่ติดตามนะคะ

กอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดทุกคน

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-04-2017 09:13:48
ชักอยากเผือกว่าชาวมังกรเขาคุยอะไรกัน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-04-2017 10:35:05
 :L2: :3123: :L1: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-04-2017 10:41:37
ก่อนหินเป็นมังกรพิเศษใช่ไหม

อยากให้โตเร็วๆ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 23-04-2017 10:52:20
คาใจตรง อุส่ารอมาตั้งนาน ที่ใครสักคนแซวนี่แหละ
หมายความว่า ไซเลอร์รอก้อนดินมาตลอดหรออ
คิดเองฟินเอง 555555
โมเม้นน่ารักมากมาย ทำเขินตลอดๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 23-04-2017 11:38:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 23-04-2017 11:40:10
อดเผือกเลยอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-04-2017 12:14:57
ก้อนหินนี่มังกรพิเศษแน่เลย ว่าแต่ดินเวลาอยู่กับไฟนี่อย่างกับโสรยาจำเลยรัก
อยู่กับก้อนหินนี่อย่างกับคุณแม่ที่รักและหวงลูก อยู่กับไซเลอร์นี่เป็นตัวของตัวเองดี


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 23-04-2017 12:25:53
หินนี่ถ้าเดาคงเป็นโคตรพ่-โคตร-ม่ราชาแห่งมวลหมู่มหาประชามังฯแน่ๆ!!!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 23-04-2017 12:41:37
  :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-04-2017 13:22:00
รอมาตั้งนาน นี่แสดงว่าไซเลอร์ รอก้อนดิน มานานแล้ว
แล้วรู้จักก้อนดิน ได้ยังไง
คงไม่ใช่เห็นภาพในอ่างน้ำ หรือนิมิต เห็นนะ

ไซเลอร์ มีถามให้คิดด้วยนะ ชอบมั้ย ชอบก็อยู่นานๆ อั๊ยยะ

มาสทิฟฟ์ พรีซา  :กอด1: :กอด1:
 
มังกรในโรงเก็บมังกรทักทายก้อนหิน
แสดงว่าเห็นสีจริงของก้อนหินกันสินะ
ก้อนหินเป็นราชามังกรหรือเปล่า
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 23-04-2017 13:38:02
อ่านแล้ว แบบอยากได้ก้อนหินมาก
มีขายที่ไหนไหม จะไปหามาเลี้ยง 55

สนุกดีจ้า

รอตอนต่อไป  :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-04-2017 16:27:38
สงสัยเหมือนก้อนดิน ใครรอ รออะไร :katai5: อยากให้ก้อนหินบินได้เร็วๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 23-04-2017 20:51:25
รออะไรน๊า 555 เหมือนพ่อแม่ลูกพากันไปเที่ยวเลย น่ารัก   o13 ขอสารภาพตอนแรกเราอ่านชิวาเป็นชิวาวา 555 คิดภาพแล้วขำ

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-04-2017 21:05:43
ต่อมเผือกกระตุกรัวๆๆๆ ว่ามังกรเค้าทักทายอะไรกัน
คือก้อนหินเราน่าจะไม่ธรรมดาไง (เขียวมาเชียว 555555)
รอมานาน?? อะไรยังไงน๊าาาา (ต่อมเผือกกระตุกซ้ำซ้อน ><)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-04-2017 22:03:11
เอาอีกกกก!! ชอบๆมากๆเลย

อยากให้ก้อนหินพูดได้ไวๆ ผูกใจกันเลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 23-04-2017 22:04:35
ก้อนหินเอ้ยย ปีกใหญ่กว่านี้แล้วก็ไปฝึกบินให้เก่งๆเนอะ
จะได้พาแม่ เอ้ย ดินเที่ยวบ้าง
แต่ก่อนหน้านั้นคงต้องฝึกดินเรื่องการทรงตัวบนอากาศก่อน

ตอนนี้สั้นจัง แต่ก็สู้ๆค่าา
รอเฉลยว่าก้อนหินคุยอะไรก็มังกรตัวอื่น อยากรู้บ้างง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-04-2017 22:20:21
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-04-2017 23:41:19
สนุกมาก!

อยากไปโรงจอดมังกร ดูเป็นสถานที่ที่น่าสนใจ

ก้อนดินกับก้อนหินน่าฟัดพอกันเลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Mynun ที่ 24-04-2017 02:02:33
น้อยอ่ะ #ต่อย
มาต่อมาต่อมาต่อ #สะกดจิต
 :katai4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 24-04-2017 09:26:19
ขอวุ้นแปลภาษา ด่วนๆ อยากเผือกมากมาย :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 24-04-2017 10:32:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 24-04-2017 17:50:29
ชูป้ายไฟ
สู้ๆ
 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 10 บิน (23/04/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 24-04-2017 19:44:00
 :กอด1:  o13  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560)
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 04-05-2017 13:35:11
บทที่ 11 จอมปราชญ์

   ผมตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่น การได้นอนเต็มอิ่มทำให้รู้สึกเหมือนร่างกายได้รับการชาร์จพลังเต็มที่จริงๆ ตื่นขึ้นมาก็ยังคงเจอชเนาเซอร์นอนอยู่ข้างๆ เหมือนเคย ยังดีหน่อยที่ตอนนี้ปลดผ้าคลุมออกแล้ว เลยไม่หลอนเหมือนกับตอนแรก

   นั่งรอไม่นานสี่คนที่เหลือก็เดินออกมาจากป่าพร้อมกับอาหารทั้งเนื้อสัตว์และผลไม้ที่น่าจะพอสำหรับทุกคน ผมเลยปลุกชเนาเซอร์ไปล้างหน้าล้างตา พอเตรียมผ้าเสร็จกำลังจะเดินไปที่แม่น้ำ ไซเลอร์ก็ลุกขึ้นยืนแล้วจับบ่ารั้งไว้

   “มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมหันไปถามด้วยความสงสัย

   “เดินขึ้นไปเหนือน้ำหน่อยนะ”

   “ทำไมล่ะครับ”

   “พวกข้าให้อาหารมังกรที่ตรงริมน้ำ... มันไม่น่าดูเท่าไหร่ เจ้าอย่าเห็นเลย เพราะฉะนั้น เดินเลยไปเหนือน้ำหน่อยจะดีกว่า”

   “ขอบคุณครับ” ผมยิ้ม อดจะรู้สึกดีกับความเอาใจใส่ของพี่แกไม่ได้ อยากจะบอกเหลือเกินว่าผมไม่ได้บอบบางขนาดนั้น ปกติอยู่ที่โน่นเวลาเข้าครัวก็ต้องทำทั้งปลาทั้งไก่ เพราะมันเป็นงานที่ผู้ชายน่าจะทำมากกว่าผู้หญิงที่ใจอ่อนกว่า พอหันกลับไปก็เจอกับสายตาล้อเลียนของชเนาเซอร์ เห็นแล้วก็อยากจะเอารองเท้าปาใส่หน้าเหมือนเดิม  แต่ต้องอดใจไว้เพราะฝีมือสู้ไม่ได้ เลยได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินนำไปทางที่ไซเลอร์ชี้บอก

   หลังจากกินอาหารกันเรียบร้อย เราก็ออกเดินทางกันต่อ คราวนี้ผมขึ้นหลังมังกรด้วยความระวังมากขึ้น หึๆ อย่าหวังจะล้อซะให้ยากเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ผู้ชายเหมือนๆ กัน จะล้อเพื่อ? ไอ้คนที่โดนล้ออีกคนก็ทำเฉย ไม่ปฏิเสธสักคำ ชิน? หรืออะไร? ไม่เข้าใจพี่แกจริงๆ หรือจะเป็นเพราะที่นี่เรื่องความรักของเพศเดียวกันเป็นเรื่องปกติ ถึงล้อได้ล้อดีกันเหลือเกิน เพลียใจจริงๆ

   ผ่านหมู่บ้านเล็กๆ มาเกือบค่อนวัน ในที่สุดก็เห็นเมืองใหญ่ปรากฏสู่สายตาตอนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินพอดี แสงยามเย็นอาบเมืองทั้งเมืองให้กลายเป็นสีทองดูอบอุ่นละมุนละไมเหมือนอยู่ในฝัน ไซเลอร์บอกว่าถึงจุดหมายของเราแล้ว

   เมืองหลวงของอาณาจักร

   ‘เคลเบรอส’

   มาสทิฟฟ์ที่บินนำหน้าค่อยๆ เบนหัวมังกรลดระดับลงจนแลนดิ้งสู่พื้นดินบนลานกว้างในสวนของคฤหาสน์หลังหนึ่ง

   พอลงจากมังกรได้ผมก็มองรอบตัวอย่างสนใจ ลานที่เรายืนอยู่เป็นสนามหญ้าที่ได้รับการดูแลอย่างดี รอบข้างปลูกต้นไม้และดอกไม้อย่างสวยงามร่มรื่น ยังไม่ทันได้สังเกตละเอียดกว่านั้นก็มีคนห้าคนวิ่งตรงมาหา ผมเผลอถอยหลังไปแอบหลังไซเลอร์โดยไม่รู้ตัว แต่คนพวกนั้นไม่ได้สนใจผมสักนิด มาถึงก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าข้างหนึ่งแล้วรายงานด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

   “ท่านมาสทิฟฟ์ ท่านเบตันให้มาเชิญไปที่ห้องทำงานครับ แล้วก็ขอเชิญทุกท่านด้วย”

   “รู้แล้ว ขอบใจมาก ลุกขึ้นเถอะ ฝากเอามังกรไปเก็บให้ด้วย”

   “ครับ” คนทั้งห้ารับคำอย่างพร้อมเพรียง ก่อนจะไปรับสายจูงจากเจ้าของมังกรคนละตัว คนที่นำหน้าหันมามองก้อนหิน ทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไซเลอร์เอ่ยปากขึ้นก่อน

   “ไม่ต้องหรอก ไปเถอะ” เขาหันไปมองมาสทิฟฟ์อย่างลังเล แต่พอมาสทิฟฟ์พยักหน้าให้ก็จูงมังกรเดินไปทางประตูใหญ่ๆ อีกด้าน ผมเผลอถอนหายใจอย่างโล่งอก เพิ่งรู้ตัวว่าเผลอรัดมันแน่นไป ก็เมื่อตอนที่มันเงยเอาหัวมากระแทกอกเบาๆ แล้วจ้องตาแป๋ว ผมยิ้มให้มันอย่างเอ็นดูแล้วคลายแขนลง พอหันไปขอบคุณไซเลอร์ก็ได้รับรอยยิ้มอ่อนโยนกลับมา ทำไมโดนมองอย่างนี้ทีไร รู้สึกร้อนขึ้นมาทุกที

   “ปกป้องกันจริงนะ” มาสทิฟฟ์พูดยิ้มๆ

   “เข้าไปข้างในกันเถอะ” แล้วก็คว้าแขนพรีซาเดินนำไป

   เหอะ... ยืนมองแล้วพากันยิ้มอย่างเดียวก็เงียบไปเลย เดี๋ยวขัดขาแม่ง!

   ผมเดินรั้งท้ายตามทุกคนเข้ามาทางประตูฝั่งตรงข้ามกับประตูที่มังกรเพิ่งเดินเข้าไป ภายในตกแต่งจากวัสดุและเฟอร์นิเจอร์อย่างสวยงาม บ่งบอกถึงฐานะของเจ้าของคฤหาสน์เป็นอย่างดี บ้านของหมอนี่ๆ รวยไม่ใช่เล่นเลยแฮะ น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย พอผ่านห้องโถงผมก็ได้แต่สนใจภาพที่ประดับฝาผนัง เพราะนอกจากจะมีภาพของคนในบ้านแล้ว ก็มีรูปถ่ายคู่กับสัตว์เลี้ยงอย่างมังกรกับหมาปะปนมามากมาย หมาอะไรวะ ตัวใหญ่อย่างกับหมี

   เพราะมัวแต่มองรอบตัวเลยไม่ทันตั้งตัวเมื่อทุกคนหยุดเดินทำให้ชนหลังไซเลอร์จนเกือบจะหงาย พอตั้งหลักได้ก็คลำหน้าผากป้อยๆ คนอะไรหลังแข็งชะมัด ไซเลอร์หันมาถามขำๆ ว่าเป็นอะไรรึเปล่า ผมอุบอิบขอโทษแล้วก็ตอบว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเห็นว่าเรามายืนอยู่หน้าประตูห้องห้องหนึ่งซึ่งมาสทิฟฟ์กำลังยืนเคาะอยู่ พอได้ยินเสียงอนุญาตก็เปิดออกแล้วเดินเข้าไป

   ผมยืนลังเล ไม่รู้ว่าควรจะเข้าไปด้วยไหม หรือจะขอรออยู่ข้างนอกดี ไซเลอร์ก็แตะแขนเบาๆ เป็นเชิงบอกให้เดินเข้าไปได้ พอเดินเข้าไปข้างในทุกคนก็เตะเท้าชิดแล้วโค้งคำนับอย่างนุ่มนวลให้กับคนในห้องทั้งห้าที่ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์กับมารพอๆ กัน

   “ตามสบายเถอะ” คนพูดนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ ดูตัวเล็กที่สุดในห้องถ้าเทียบกับยักปักหลั่นอีก 4 คน ที่นั่งขนาบข้างทั้งซ้ายขวา พอพูดจบก็ลุกขึ้น สายตาอ่อนโยนคู่นั้นมองตรงมาที่ผม

   “ให้พวกบ้าพลังคุยกันไป เราไปคุยกันสบายๆ ที่สวนดีกว่านะ ก้อนดินใช่ไหม” ผมทำหน้าประหลาดใจ เราเคยรู้จักกันด้วยเหรอ

   “เจ้าอยากพบข้าไม่ใช่เหรอ” หือ... ผมอยากพบ? ตอนไหน? พอผมทำหน้าเอ๋อใส่ คนตรงหน้าก็หัวเราะเบาๆ ด้วยสีหน้าที่ อืม เหมือนจะเอ็นดูละมั้ง ก่อนจะพูดต่อ

   “คงต้องแนะนำตัวกันก่อนสินะข้ามอลทีส จอมปราชญ์แห่งเคลเบรอส” ห๊ะ! นี่เหรอจอมปลวก เอ๊ย! จอมปราชญ์ที่ลุงเซเรสแนะนำให้มาหา ว่าแต่รู้ได้ยังไงน่ะ! ที่นี่มีโทรศัพท์ด้วยเหรอ หรือใช้โทรจิตกัน ผมหันไปมองไซเลอร์อย่างงงๆ ก็ได้รับแค่รอยยิ้มปลอบโยนกลับมา พี่ครับ ผมอ่านสีหน้าไม่ออก ใช้โทรจิตไม่เป็น กรุณาอธิบายเป็นคำพูดด้วย ผมงง??? แต่คนที่ทำผมงงก็มิได้นำพา ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

   “ส่วนคนที่อยู่ขวามือคือท่านเบตันพ่อของมาสทิฟฟ์ ถัดไปคือท่านคานาริโอพ่อของพรีซา ส่วนทางซ้ายมือคือท่านอลาสกันพ่อของไซเลอร์และท่านไวเลอร์พ่อของร็อต”

   “สวัสดีครับ” ผมเผลอยกมือที่กอดก้อนหินขึ้นไหว้ด้วยความลืมตัว จนมันเกือบจะหล่น แต่หันมากอดผมไว้ทัน ซึ่งดูทุกคนก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะแปลกใจอะไร ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองรึเปล่า ว่าบรรยากาศจะดูผ่อนคลายขึ้นอีกด้วย ผมรีบคว้าก้อนหินมากอดไว้เหมือนเดิม มันพ่นลมเหมือนขัดใจ แต่พอลูบหัวเบาๆ มันก็ยอมอยู่นิ่งๆ แต่โดยดี

   “ผมก้อนดินครับหรือจะเรียกดินเฉยๆ ก็ได้ ส่วนนี่ก้อนหิน ยินดีที่ได้รู้จักทุกท่านครับ” ผมพูดอย่างนอบน้อมที่สุด ผู้ใหญ่จะได้รู้สึกเอ็นดู ถึงหน้าตาท่านๆ จะเหมือนอยากกินหัวคนอื่นอยู่ตลอดเวลาก็เถอะ

   “ยินดีที่ได้รู้จัก ก้อนดิน” เสียงหนักแน่นของท่านอลาสกันดังขึ้น ขณะที่คนอื่นก็ผงกหัวรับคนละที ส่วนคนลูกก็ยิ้มกว้างกว่าทุกครั้งจนผมรู้สึกแปลกๆ เอ่อ... เริ่มรู้สึกเหมือนจะร้อนๆ ขึ้นมาอีกละ

   “รู้จักกันแล้วนะ ทีนี้เราก็ไปคุยกันข้างนอกเถอะ” ผมรับคำอย่างว่าง่าย ควรจะเลิกแปลกใจกับเรื่องทุกอย่างของที่นี่ได้แล้ว ผมก้มหัวเป็นเชิงขอตัวกับท่านๆ ในห้อง สบตากับไซเลอร์ที่เหมือนจะมีแววกังวลใจ ก่อนจะเดินตามท่านมอลทีสไป

   พอไปถึงสวนก็เพิ่งรู้ว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว แต่บริเวณโดยรอบจุดคบไฟและตะเกียงให้แสงสว่างไปทั่วอาณาบริเวณ  กลิ่นดอกไม้กลางคืนโชยมาตามลมหอมจับใจ ท่านมอลทีสหยุดตรงพุ่มดอกไม้สีขาวพุ่มใหญ่ก่อนจะหันกลับมา

   “เอ้า มีอะไรจะถามข้าก็ว่ามา” ผมพยายามรวบรวมความคิดและนึกคำถามที่อยากจะรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจของตัวเองก่อนที่จะเริ่มหยั่งเชิงด้วยคำถามแรก

   “ท่านรู้ใช่ไหมครับว่าผมไม่ใช่คนที่นี่”

   “เจ้าอยากรู้แค่นี้เหรอ” อยากจะกระโดดงับคอท่านจริงๆ ให้ตายสิ อย่าตอบคำถามด้วยคำถามสิครับ บอกแล้วไงว่าผมงง?

   “ก็ผมแปลกใจนี่” อดจะบ่นงึมงำคนเดียวไม่ได้ คนตรงหน้าก็หัวเราะอย่างขำๆ โธ่! ตั้งใจแกล้งกันนี่

   “ผมอยากรู้ว่ามีวิธีให้ผมกลับบ้านได้ไหมครับ” ผมถามอย่างจริงจังมากขึ้น

   “วิธีน่ะมี แต่เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าอยากกลับไป” ผมนิ่งไปนิดกับคำถามที่ถามกลับมา

   “เจ้าถามตัวเองรึยังว่าจะกลับไปเพื่ออะไร กลับไปหาใคร แล้วเจ้าจะทิ้งมังกรที่เจ้ากอดไว้ได้ลงเหรอ” ผมก้มลงมองก้อนหินที่ขยับตัวหันมากอดแล้วเอาหัวถูอกผม นั่นสิ... จะทิ้งมันลงเหรอ? ผมลูบหัวมันอย่างเหม่อๆ ซึ่งมันก็เอียงหัวแนบกับฝ่ามืออย่างออดอ้อนทันที

   “เอาเถอะ การจะกลับไปที่โลกของเจ้าได้มันต้องรอเวลา ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ เจ้ายังมีเวลาตัดสินใจอีกสักพัก ลองอาศัยอยู่ที่นี่ไปก่อน เผื่ออะไรหรือใครจะทำให้เจ้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น” คนตรงหน้าพูดยิ้มๆ

   “แล้วผมเลี้ยงก้อนหินได้เหรอครับ ไม่ต้องเอาไปคืนพ่อแม่มันเหรอ” ผมถามอย่างกังวลใจ

   “เลี้ยงได้สิ สำหรับที่นี่ มังกรตัวเต็มวัยจะแยกจากพ่อแม่ไปใช้ชีวิตเพียงลำพังและหาคู่ของตัวเอง ถ้าจะไปจับหรือซื้อจากผู้ล่ามังกร ก็ต้องเป็นผู้ที่มังกรยอมรับเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เป็นเจ้าของมันได้ ส่วนที่เจ้าได้มานั้น...”  ท่านมอลทีสเว้นช่วงไว้มองก้อนหินที่กอดผมยิ้มๆ

   “แสดงว่ามันยอมรับเจ้าแล้ว และคงมีแต่เจ้าเท่านั้นแหละที่สามารถเลี้ยงมันได้”

   “ผมสงสัยอีกอย่างครับ ตั้งแต่เดินทางมาผมพยายามมองหามังกรสีเขียวมาตลอด เผื่อจะเจอกับพ่อแม่หรือญาติของมัน แต่ก็เห็นแค่มังกรขาวกับมังกรดำ ยังไม่เจอสีเขียวเลยสักตัว ทำไมล่ะครับ เพราะมันผ่าเหล่าเหรอ พ่อแม่มันถึงได้ทิ้งมันไป” ผมถามพร้อมกับลูบหัวมันไป ท่านมอลทีสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเหม่อมองไปทางทิศที่เราจากมา

   “ข้ามีนิทานจะเล่าให้ฟัง” หือ? คำถามของผมมันเกี่ยวกับนิทานตรงไหน?

   “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... มีโลกอยู่ใบหนึ่งเกิดขึ้นมาพร้อมกับมิติต่างๆ ที่ซ้อนทับกันอยู่มากมาย แต่ละมิติจะมีประตูที่เชื่อมต่อกันอยู่เพื่อให้สามารถเดินทางไปหากันได้เมื่อมิติใดมิติหนึ่งล่มสลาย แต่บางครั้งประตูมิติก็ไม่เสถียร ทำให้คนพลัดหลงไปยังมิติอื่นโดยไม่ตั้งใจ

   จึงมีมิติที่เป็นแกนกลางเอาไว้คอยรองรับคนที่หลงมาแล้วทำหน้าที่ส่งกลับไปยังมิติเดิม ถ้าคนๆ นั้นต้องการอยู่ที่นี่ก็สามารถอยู่ได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีจิตใจดีเท่านั้น เพราะถ้าเป็นผู้ที่จิตใจมืดบอด อาจจะทำให้เสี่ยงต่อความมั่นคงของทุกมิติได้ จึงต้องส่งกลับไปเพียงอย่างเดียว

   และในการควบคุมประตูมิตินั้นต้องใช้พลังจากไวเวิร์น มังกรมรกต ซึ่งเป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ในการส่งกลับ แต่เนื่องจากมังกรเป็นสัตว์ที่มีสัญชาตญาณของสัตว์มากกว่ามนุษย์ จึงต้องมีมนุษย์ผู้ถูกเลือกให้เป็นผู้ผูกจิตกับมังกรคอยควบคุมอีกที ถ้าวันใดที่มนุษย์ผู้นั้นตายไป มังกรก็เข้าไปสู่อีกมิติเพื่อจะวางไข่ ละสังขาร แล้วตายจากไปด้วย ต้องรออีกร้อยกว่าปี มังกรถึงจะฟักออกมาใหม่ และต้องรอจนกว่ามังกรจะโตเต็มวัยถึงจะกลับมาทำหน้าที่ได้อีกครั้ง

   ระหว่างนั้นคิงของแต่ละอาณาจักรต้องเป็นคนรับหน้าที่ในการดูแลประตูมิติแทน โดยแต่ละอาณาจักรจะมีเกล็ดมังกรอาณาจักรละชิ้นอยู่ในครอบครอง กรณีเร่งด่วนสามารถขอความเห็นชอบจากทั้งสามอาณาจักรใช้เกล็ดมังกรส่งกลับไปได้เลย แต่ถ้าไม่เร่งด่วนและป้องกันความผิดพลาดก็ต้องรอช่วงเวลาที่ประตูมิติแปรปรวนมากที่สุด คือช่วงเดือนแปดของปีอธิกมาสในการส่งกลับไป” พูดจบก็หันกลับมามองผมที่ยืนช็อคไปแล้ว

   นิทาน... มันเป็นแค่นิทาน ใช่ไหม!?!

   อยากจะภาวนาให้มันเป็นแค่นิทาน แต่สายตาที่มองมาอย่างจริงจังของท่านมอลทีสทำให้ผมพูดไม่ออก ได้แต่อ้าแล้วหุบ อ้าแล้วหุบเหมือนปลาฮุบเหยื่ออยู่อย่างนั้น

   “ฟังนิทานจบแล้ว มีอะไรจะถามอีกไหม” ผมได้แต่สูดหายใจลงลึกๆ เพื่อตั้งสติ

   “มีใครรู้เรื่องนี้บ้างครับ” ผมก้มลงมองก้อนหิน

   “ไม่มีหรอก เจ้าพวกที่รับเจ้ามาก็รู้เพียงว่าต้องรับมนุษย์และลูกมังกรที่เจอจากป่าไวท์กลับมาเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของมัน เพราะยังมีพวกหลงมิติที่หน่วยไล่ล่ายังหาไม่เจอหลงเหลืออยู่ จึงไม่ควรมีคนรู้เรื่องนี้มากนัก จนกว่ามันจะโตและมีพลังมากเพียงพอที่จะจัดการส่งคนพวกนี้กลับไปยังมิติได้”

   “จะมีคนฆ่ามันเหรอครับ”

   “ไม่หรอก สิ่งที่คนพวกนั้นต้องการไม่ใช่ชีวิตของมัน แต่เป็นพลังในการเดินทางไปยังมิติต่างๆ ต่างหาก บางมิติก็มีอัญมณีมากมายจนเหมือนจะไร้ค่าเหมือนกรวดหิน บางมิติก็มีพลังงานหลากหลายที่เป็นเหมือนของดาษดื่นธรรมดา ถ้าสามารถผ่านไปเอามายังมิติที่คนต้องการได้...” ท่านมอลทีสเว้นวรรคไว้ให้ผมคิดต่อเอง

   ผมถอนหายใจอย่างปลงๆ ความโลภนี่เป็นของคู่กันกับมนุษย์เป็นธรรมดา แต่ก็สร้างปัญหาได้ทุกอย่างจริงๆ

   “อีกอย่าง” ท่านมอลทีสชะงัก ก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดต่อ

   “ในตำนานบอกว่า... ถ้าใครได้กินหัวใจมังกรจะทำให้คนๆ นั้นเป็นอมตะ”

   “ห๊ะ!!!” กินหัวใจมังกรเนี่ยนะ จิตใจทำด้วยอะไร พอเห็นหน้าผมที่เหมือนจะแดกหัวคน ท่านมอลทีสก็ยิ้มก่อนจะพูดต่อ

   “มันเป็นแค่ตำนาน แต่ข้าเชื่อว่าคงอยากจะมีคนลองเป็นแน่ ถึงจะไม่มีอาวุธหรือพิษใดสามารถทำร้ายมันได้ แต่เจ้านั่นแหละจะเป็นจุดอ่อนเดียวของมัน เพราะสิ่งที่จะทะลุผิวหนังของมันได้ก็มีเพียงกรงเล็บของมันเองเท่านั้น” ผมฟังแล้วรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที ถ้าไม่อยากเป็นภาระหรือไม่อยากให้มันเป็นอันตราย ผมจะต้องแกร่งขึ้นสินะ

   “แล้วเมื่อไหร่มันถึงจะโตเต็มที่ล่ะครับ” ผมก้มลงมองไอ้ตัวดีที่ตัวยังเท่าลูกหมาอยู่เลย

   “ไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอน บางตัวอาจจะใช้เวลาแค่ปีเดียว บางตัวอาจจะ 10 หรือ 20 ปีก็ได้”

   “เอ่อ... กว่ามันจะโต ผู้ผูกจิตด้วยมิตายก่อนเหรอครับ” หรือไม่ก็คงแก่หงำเหงือก หมดน้ำยาจะทำอะไรแล้ว

   “ตามปกติ คนที่เป็นผู้ผูกจิตกับมังกรจะเป็นคนที่นี่ ซึ่งมีอายุขัยถึง 200 ปี ไม่เคยได้ยินว่าเป็นคนที่มาจากมิติอื่น อย่างเจ้ามาก่อนเลย”

   สะ... สองร้อยปี!!! แล้วที่อยู่ตรงหน้านี่...???

   “ฮ่าๆ ไม่ต้องมองอย่างนั้น ข้ายังไม่แก่ แค่ 50 กว่าปีเอง” ครับ... ไม่แก่ก็ไม่แก่

   “มีอะไรสงสัยอีกไหม”

   “แล้วถ้าเกิด... ถ้าเกิดผมเลือกที่จะกลับไปมิติเดิมล่ะครับ ก้อนหินจะเป็นยังไง”

   “ข้าก็ไม่แน่ใจ... อย่างที่บอก ไม่เคยมีผู้ผูกจิตที่มาจากต่างมิติมาก่อน เลยไม่แน่ใจในผลกระทบที่จะเกิด หากเจ้ากลับไป มันอาจจะตาย หรืออาจจะโตต่อไปก็ได้ ข้าบอกไม่ได้จริงๆ”

   “...”

   “เอาเถอะ อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อนเลย เหลืออีกตั้งปีกว่าๆ กว่าจะถึงเดือนแปดสองหนของปีอธิกมาส ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดสินใจไป ระหว่างนี้ข้าจะให้เจ้าพวกนั้นคอยคุ้มครองเจ้าไปก่อน”

   “ขอบคุณมากครับ ผมจะพยายามระวังตัว ว่าแต่... ผมต้องทาสีมันแบบนี้ต่อไปไหมครับ สีที่พกมาด้วยก็ใกล้จะหมดแล้ว”

   “เพื่อความปลอดภัยของมัน ทาไว้ก็ดีนะ ถ้าหมดก็มาเอาที่ข้าได้ ว่าแต่... ท่านสบายดีไหม” ผมชะงักแล้วมองหน้าท่านมอลทีสทันที

   “ท่านเป็นอาจารย์ของข้าเอง ระหว่างที่ข้าเดินทางไปหามังกร ข้าหลงเข้าไปในนั้น และได้เรียนศาสตร์พยากรณ์จากท่าน”

   “ตอนที่ผมออกมาท่านสบายดีครับ” ผมตอบอย่างเหม่อๆ นึกถึงลุงเซเรสแล้วก็ยังอดห่วงไม่ได้ ก่อนที่ความคิดจะชะงักกึก เอ่อ... ท่านมอลทีสอายุ 50 กว่าๆ แล้วลุงเซเรสล่ะ!!!

   “ดีจริง” คงไม่ใช่แค่ผมที่เป็นห่วงท่าน อย่างน้อยผมก็มีศิษย์ร่วมสำนักเดียวกันอีกคนที่ยังคงนึกถึงลุงอยู่เสมอ

   “เราจะได้เจอกันอีกไหมครับ” ท่านมอลทีสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

   “ต้องได้เจอสิ ข้ามั่นใจ” ผมยิ้มอย่างดีใจ

   “อ้อ! อีกอย่างข้าว่าเจ้าใช้แทนตัวเองว่า ‘ข้า’ แบบคนที่นี่ดีกว่านะ จะได้ดูกลมกลืนและดูไม่ผิดสังเกต”

   “ครับ ผม เอ๊ย! ข้าจะพยายาม”

   โครกกกกกกก!
 
   หือ? ผมก้มลงมองก้อนหินที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ ท่าทางจะหิวแฮะ ผมเงยหน้าขึ้นมาสบตากับท่านมอลทีสก่อนจะหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ฮ่าๆๆ ก้อนหินเงยมามองหน้าเคืองๆ แล้วก็เอาหัวกระแทกอกอีกที

   “ไปๆ ไปหาอะไรกินกันก่อน มันจะได้โตไวๆ” อือ เห็นทีต้องขุนมันซะแล้ว จะได้โตเร็วๆ อย่างท่านมอลทีสว่า

   เมื่อเดินกลับไปก็เห็นไซเลอร์รออยู่ที่ห้องโถงด้วยสีหน้ากังวลใจ

   “ท่านเบตันให้เชิญท่านมอลทีสกับดินไปที่ห้องอาหารเลยครับ”

   “หึๆ ทนไม่ไหวจนต้องมารอเองเลยเหรอ” ไซเลอร์ได้แต่ทำหน้าไม่ถูกเหมือนจะเขิน เห็นแล้วพาลจะเขินด้วยพิกล ท่านมอลทีสเดินนำไป ปล่อยให้ผมกับไซเลอร์เดินตามหลัง

   “เอ่อ ผมขอพาก้อนหินไปล้างมือก่อนได้ไหมครับ”

   “ได้สิ ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น” พอไซเลอร์พูดจบ ผมก็เดินไปทางทิศที่เขาชี้ทันที ได้ยินเพียงเสียงคุยของทั้งคู่แว่วๆ มาแต่จับใจความไม่ได้



   “ได้โอกาสแล้ว ก็พยายามเข้านะ”
   “ครับ ท่านมอลทีส”



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



#sirin_chadada เดี๋ยวได้เผือกแน่นอนค่ะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ แหะๆ
#ommanymontra  :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
#DeShiWa พิเศษใส่ใจมากค่ะ ฮิ้ววววว
#papapajimin เฮียแกรอของแกมานานจริงๆ ค่ะ หึๆๆๆ
#maekkun  :L2: :L2: :L2:
#B52 เดี๋ยวได้เผือกแน่ ถ้าถึงเวลาค่า
#MayA@TK อยู่กับพี่ไซโดนตามใจค่ะ เลยเป็นตัวของตัวเองได้ 5555
#rayaiji 5555555555 ขอฮาแป๊บ ใช้คำได้สะใจมากค่ะ
#zuu_zaa  :-[ :-[ :-[  :pig4:
#♥►MAGNOLIA◄♥ แอบกระซิบว่า เค้าเคยเจอกันตัวเป็นๆ เลยค่ะ ตะ... แต่ ก้อนดินจำไม่ได้แค่นั้นเอ๊งงงง
#ซีเนียร์ ถ้าเจอก็จะรีบสอยมาเลี้ยงเหมือนกันค่ะ มันเขี้ยว  :L2:
#แฟนตาเซีย ปีกกุดๆ คงจะบินได้ช้าอยู่นะคะ ถถถ
#mirage ไม่อยากบอกว่าตอนแรกจะตั้งว่าชิวาวาจริงๆ แต่มันหมดมาดมังกรไปหน่อยเลยเหลือแค่ชิวาค่ะ 55555
#poppycake อาจจะเป็นทายาทของพระอินทร์ ผิดๆ คนละแนว 55555
#•♀NoM!_KunG♀• มาแล้วววว ขอบคุณมากค่า รอไปก่อน เอร๊ยยย
#duck-ya รอหน่อยนะคะ คงได้เฉลยแน่นอน หึๆๆๆ
#mild-dy  :L2: :pig4: :L2:
#alternative ขอบคุณมากค่า อยากไปโรงฝึกมากกว่าค่ะ เจอมังกรเยอะกว่านี้อีกกกก
#Mynun มาแล้วค่า สงสัยถูกสะกดจิต
#Melonlove อยากได้เหมือนกันค่ะ งื้ออออ
#Zetnezz  :L2: :pig4: :L2:
#prangasia ได้รับป้ายไฟแล้วสู้ตายค่ะ
#i_Tipz  :กอด1: :pig4: :กอด1:


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


กลับมาอีกครั้ง เพื่อมาตามคำสัญญาาาาาาาาาาาาาาาา เพลงบ่งบอกอายุมาเลย 55555
มาแล้วค่า ไปตีลังกานึกและเขียนต่ออยู่ เขียนแล้วลบ แก้อยู่นั่นแหละ แหะๆ
ขอบคุณที่แวะมาอ่านนะคะ อยากจะเทแต่ไม่กล้าเพราะเกรงใจคนเม้นท์นี่แหละ แหะๆ
กอดและกราบรอบทิศ เอาหัวถูแล้วอ้อน เผื่อจะน่ารักมั่ง 5555
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากทุกๆ คนค่า

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
[/color]
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 04-05-2017 14:28:22
อ่านตอนแรกเชียร์ไฟเป็นพระเอก แต่แบบตอนนี้ขอไซเลอร์เป็นพระเอก
ขออย่าให้ก้อนดินกลับไปโลกตัวเองเลยเพี้ยง!!!!!!! :call: :call: :call: :call:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 04-05-2017 15:07:18
โอ้ นี่สินะ จุดเริ่มต้น หินน้อยรีบโตไวๆ นะ จะได้ปกป้องมาม๊าจากพี่ชายทั้งหลาย ว่าแต่โอกาสอะไรหรือคะ 555 ณ ตอนนี้คุณชายไฟได้หายไปจากสมองแล้ว เตรียมรับพระเอกใหม่กัน  :mc4:

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-05-2017 16:54:30
ดีจัง มอลทีส นักปราชญ์ รู้อดีตของก้อนดิน
ไซเลอร์ แสดงออกว่าชอบดิน
ไว้คอยอ่านพาร์ทของไซเลอร์  :ling1: :ling1: :ling1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 04-05-2017 16:55:52
มีแต่คนชง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2017 17:20:09
 :กอด1: :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2: :กอด1:


ก้อนหินน่าลัก  ....เอ้ยน่ารัก      อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: aeecd ที่ 04-05-2017 17:59:57
ชื่อ พ่อลูก มันเป็นร็อตไวเลอร์ อ่ะ คิดไปเองหรืออ่านผิดเนี้ยยยยยย :katai1:
มีทิเบตัน กับ อลาสก้า ด้วย  คนเขียนได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจากสายพันของสุนัขรึป่าววว 5555 :a5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 04-05-2017 18:07:25
เอาคุณไฟมาอยู่มิตินี้สิ จะได้เอามาตามหึงก้อนดินกับไซเลอร์อิๆๆ ก้อนดินจะได้ไม่ต้องห่วงคุณไฟด้วย  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 04-05-2017 19:16:44
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 04-05-2017 19:33:22
เหยยยย น้องหินไม่ธรรมดาอ่ะ
ดินเอ้ยย ไปไหนไม่รอดแน่เลย
ต้องเก่งและแกร่งขึ้นนะดิน หินก็ด้วย
เพิ่งอ่านตอนใหม่จบก็ออยากอ่านต่อแล้วว
 :hao5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 04-05-2017 19:44:00
ประโยคสุดท้ายใครพูดกับใครเหรอ

ก้อนหินน่ารักอีกแล้ว

แล้วก้อนดินไม่เก่งเลยเหรอ

ก่อนออกมาท่องโลกก็ฝึกวิชามาแล้วนิ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 04-05-2017 19:46:14
 :L2: เป็นกำลังใจให้เสมอจ้า :mew1:
 แหมะมีแต่คนเชียร์พ่อไซของเรา เอ้ยของน้องดิน ขนาดจอมปราชญ์ยังเชียร์เลย พี่ไฟตกกระป๋องแย้ว :z2:
ดีๆ เราเชียร์ด้วยไม่ต้องกลับหรอก อยู่นี้มีแต่คนรัก หากกลับไปเจอยัยคุณหญิงแม่มหาภัย คิดแล้วปวดตับ  :katai1:

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 04-05-2017 19:48:32
ท่านนักปราชญ์ คือสุดยอด
อ่านตอนเดียว ท่านตอบซะกระจ่างเลยอ่ะ 55555
ก้อนหิน คือลูกทั้นผู้ยิ่งใหญ่จิงๆ (แน่นอนว่าไม่ใช่ลูกพระอินทร์ 555555)
ก้อนดินอย่ากลับโลกเดิมเลยยยยย (ถึงจะสงสารคุณไฟนิดหน่อยก้อเหอะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 04-05-2017 21:13:58
มารอ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-05-2017 04:28:14
อุ้ จะต้องเกิดตำนานผู้พิทักษ์ทัง 5 แล้วผู้รักษาหนึ่งเดียวแน่ๆเบย

แต่ผู้ถูกเลือกดันเป็นสายพันธุ์ที่อ่อนแอที่สุดแบบนี้

ต้องพยายามฝึกนแล้วหาพลังวิเศษให้ตัวเองน้า

ก้อนดินอาจเป็นเด็กที่มีเลือดผสมก้อได้ อิอิ

รีบมาต่ออีกน้า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 05-05-2017 06:30:20
คิดเล่น ๆ ว่าในอนาคต (ถ้าก้อนดินกับไซเลอร์เขารักกันแล้ว) ถ้าไฟได้มีโอกาสหลงมาในมิตินี้จะเป็นยังไง (อย่างน้อยก็จะวางใจว่าดินยังไม่ตาย แต่คงต้องอกหักกลับไปนะ หึหึ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 05-05-2017 07:15:55
อ่านตอนแรก ไฟจ้ะ สมน้ำหน้า อ่านไปอ่านมา ไฟคะ เราสงสารจังเลย

แต่อ่านไปสักพัก ดิน นายจะชิวแบบนี้ไม่ได้ อ่านไปอีก เอ๊ะ สงสัยดินจะไม่ได้กลับไปแล้วแหะ ก็ ไม่รู้สิ ว่า ความสัมพันธ์ ระหว่างดินกับไฟมันผูกกันไว้แน่นพอหรือเปล่า

แล้วอ่านคำทำนาย เอ้า  ดินจะได้ในสิ่งที่ต้องการแต่ะจสูญเสีย คือ ดิน เสียไรไปยังหว่า ส่วนคุณไฟ ก็ จะเป็นใหญ่เป็นโตแต่จะสูญเสีย คู่นี้ ลุ้นไปอีก ถึงจะอยากให้ดินกลับไป แต่ ทิ้งก้อนหินไม่ลง น่ารักกกกกกกกกกกกกก


เพราะฉะนั้น จับคุณไฟ มาเป็นคิงของที่นี่เลยค่าาา เชียร์ กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-05-2017 07:35:33
ชื่อ พ่อลูก มันเป็นร็อตไวเลอร์ อ่ะ คิดไปเองหรืออ่านผิดเนี้ยยยยยย :katai1:
มีทิเบตัน กับ อลาสก้า ด้วย  คนเขียนได้แรงบันดาลใจในการตั้งชื่อมาจากสายพันของสุนัขรึป่าววว 5555 :a5:
^
^
^
คิดเหมือนกันเลยยยยยย นี่มันกองทัพขนปุยชัด ๆ ! ฮ่า ๆ ๆ


โรงฝึกมังกรรึ? ครูฝึกหล่อน่าลากด้วยใช่ไหม? ฉันจองตั๋วคนแรกเลยนะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 05-05-2017 17:54:12
ตอนนี้อาจจะไม่ดราม่า แต่ตอนต้องเลือกนี้มีแน่ๆเลยค่ะ! :monkeysad: ...รึเปล่า?...ช่างเถอะ ให้เป็นเรื่องของคุณนักเขียนแล้วกันเนอะ วะฮ่าๆๆ :hao7: //โดนเตะ

#เอ็งจะชิวไปละเจ้าดิน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 05-05-2017 20:16:59
 :mew1: :mew1: ยิ่งอ่านยิ่งรักดิน เป็นนายเอกที่คิดบวกมาก จะชิลไปถึงใหน :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 06-05-2017 18:50:27
อยากได้มังกรแบบก้อนหินจังเลย เอาจริงๆก็สงสารไฟนะพ่อก็ไใ่ค่อยอยู่ด้วยแม่ก็ไม่ค่อยสนใจอะ ไฟเหลือดินอยู่แค่คนเดียวดินก็ยังมาจากไปอีก แต่ก็อยากให้ดินอยู่กับก้อนหินอะ ทำไงดีอะ :katai1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 06-05-2017 19:06:22
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 11 จอมปราชญ์ (4/05/2560) P.4
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-05-2017 03:18:17
โถ่ น้องดินผู้ใสซื่อ(?) :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 08-05-2017 08:40:06
บทที่ 12 เรือนวสุธา

พออออกมาจากห้องน้ำก็เจอไซเลอร์ยืนรออยู่ข้างนอก เมื่อเห็นผมออกมาเขาก็เดินนำไปเงียบๆ พออยู่ตามลำพังผมก็อดจะถามไม่ได้

 “ประชุมเครียดมากเหรอครับ?”

“หืม... ทำไมถามอย่างนั้นล่ะ”

“ก็เห็นคุณ เอ๊ย! ท่านทำหน้าเครียดๆ” คนตรงหน้ายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“เปล่าหรอก เครียดเรื่องอื่นน่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว” ผมพยักหน้าหงึกหงักรับทราบ

เมื่อไปถึงโต๊ะอาหารก็เห็นทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว ผมผงกหัวเป็นเชิงขอโทษที่มาช้า ก่อนจะนั่งลงข้างไซเลอร์ ส่วนด้านตรงข้ามเป็นชเนาเซอร์ที่ส่งยิ้มกว้างขวางมาให้ อื้อหือ พ่อลูกนั่งตรงข้ามกันเลย เหมือน Copy แล้ว Paste  เห็นแล้วรู้สึกว่าดูน่ารักพิกล  ผมจับก้อนหินวางบนเก้าอี้ข้างๆ ก่อนจะหยิบเนื้อดิบเสียบไม้ที่น่าจะเป็นของมันส่งให้ มันรับไปแล้วก็มองหน้าเหมือนจะรอ พอผมเริ่มกินมันถึงได้เริ่มกินด้วย ก็เป็นซะอย่างงี้ จะไม่ให้หลงยังไงไหวล่ะ เฮ้อ!

บรรยากาศบนโต๊ะดูผ่อนคลาย ได้ยินเพียงเสียงจานกับช้อนกระทบกันเบาๆ ไซเลอร์คอยตักอาหารให้ผมจนผมอดจะเหลือบไปมองพ่อของเขาบ่อยๆ อย่างเกรงใจไม่ได้ แต่ท่านอลาสกันกลับเงยหน้ามาสบตาพอดีแล้วตักอาหารมาวางไว้บนจานให้ผมซะอย่างนั้น เล่นเอาชะงักกันทั้งโต๊ะ จากที่กินกันเงียบๆ ก็ได้ยินเสียงกระแอมไอมาจากรอบโต๊ะ ผมกล่าวขอบคุณเบาๆ แล้วก้มหน้าก้มตากินไป ไม่กล้ามองหน้าใครสักคน รู้สึกร้อนขึ้นมาทันที

ท่านครับ ผมแค่เกรงใจ ไม่ได้อยากได้อาหารครับ โอ๊ย! ลูกกับพ่อนี่หน้าตาเฉยพอๆ กันเลย

หลังมื้ออาหารที่แสนจะประดักประเดิด (สำหรับผมคนเดียวนี่แหละ) จบลง ทุกคนก็ย้ายไปที่ห้องนั่งเล่น พวกผู้ใหญ่ก็นั่งจิบชาคุยกันไป ส่วนที่เหลือก็นั่งคุยกันเบาๆ

“ผม... เอ่อ ข้าถามได้ไหมว่าพวกท่านอายุเท่าไหร่กัน” ผมถามคำถามที่สงสัย แต่ลืมถามทุกทีออกมา ก็ตอนแรกคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะคิดว่าพอหมดธุระแล้วน่าจะทางใครทางมัน แต่ถึงตอนนี้มีแววว่าจะต้องเจอกันอีกยาวๆ กว่าจะถึงวันที่ผมกลับบ้านได้ ทำความรู้จักกันไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร

“ให้เดา” ยังคงเป็นไอ้ตัวร่าเริงประจำกลุ่มที่ตอบมา

“20” เดาล้วนๆ น่าจะไม่เกินนี้ละมั้ง

“ฮ่าๆๆๆ ผิด ดีใจนะเนี่ยที่ดินเห็นว่าหน้าเด็ก” ผมทำหน้าเซ็งๆ ใส่ แต่เจ้าตัวก็มิได้นำพา ไม่รู้แดกกัญชาไปรึไง อารมณ์ดีตลอด

“22 แล้ว” จริงดิ หน้าเด็กมาก อยากจะรู้จริงๆ ว่าคนอายุ 200 ปีนี่หน้าตาจะเป็นยังไง สักวันจะต้องหาดูให้ได้ ผมคิดอย่างหมายมั่น

“แล้วคนอื่นๆ ล่ะ” ผมกวาดสายตามองคนอื่นๆ ทั้งมาสทิฟฟ์ที่คุยเบาๆ กับพรีซา ไซเลอร์ที่กอดอกฟังยิ้มๆ กับร็อตที่ยังคงนั่งจ้องก้อนหินที่นอนผึ่งพุงอยู่เก้าอี้ข้างๆ

“เท่ากันแหละ พวกเราเกิดปีเดียวกันด้วย” น้ำเสียงตอบด้วยความภาคภูมิใจ

“แล้วดินล่ะ”

“18 ครับ”

“โหย น้องดิน” อย่ามาเรียกเสียงเล็กเสียงน้อยสิ ขนลุก! ว่าแต่ต้องเรียกพี่ไหมเนี่ย ไม่รู้ว่าผมแสดงสีหน้ายังไงไป ชเนาเซอร์รีบบอกทันที

“ไม่ต้องเรียกพี่หรอก เรียกชื่อเฉยๆ ก็พอ แล้วก็ไม่ต้องเรียกท่านด้วย ฟังดูแก่พิกล แทนด้วยข้ากับเจ้าก็ได้”

“เออ... ว่าแต่ดินพักที่ไหนกันล่ะ ถ้ายังไม่มีที่พักไปอยู่บ้านข้าไหม” ชเนาเซอร์ชวนอย่างกระตือรือร้น ทำให้ผมชะงัก เออ จริงสิ ท่านมอลทีสก็บอกแค่ว่าให้พี่ๆ แกช่วยดูแล แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ไปอยู่ที่ไหนนี่ ในขณะที่พรีซาที่คุยอยู่กับมาสทิฟฟ์อยู่ดีๆ ก็ปรายตามองไซเลอร์แว่บหนึ่ง ก่อนจะหันมาชวนให้ผมขนลุกเล่น

“ไปอยู่กับข้าก็ได้ บ้านข้าว่าง” พูดจบก็ยิ้มเย็นๆ ให้ เฮือก! นี่ชวนหรือขู่ ถามจริง!!

“ไปอยู่กับข้าก็ได้นะ บ้านข้าก็ว่างงง” มาสทิฟฟ์ลากเสียงยาวอย่างยียวน

“ไปอยู่กับข้าดีกว่า สะดวกกับก้อนหินด้วย” ขนาดร็อตที่นั่งฟังนิ่งๆ ยังเสนอตัวมา หือ? สะดวกกับก้อนหิน ยังไง? 

เอ่อ... มันก็ดีอยู่หรอก ที่ทุกคนยินดีให้ไปอยู่ด้วย แต่ผมรู้สึกเหมือนมีเจตนาแฝงยังไงพิกล ดูจากสีหน้าเจ้าเล่ห์ของแต่ละคนยกเว้นร็อตที่ดูจริงจังแล้วไม่น่าไว้วางใจเอาซะเลย พอหันไปมองคนที่ยังไม่ได้เสนอตัวก็ต้องสะดุ้ง เพราะพี่แกหยุดยิ้มแล้วมองหน้าเพื่อนแต่ละคนเหมือนจะแดกหัวยังไงยังงั้น แต่พอหันมาเห็นสายตาของผมก็เปลี่ยนเป็นทำหน้าเคร่งขรึมจริงจัง ก่อนจะบอก

“เจ้าต้องไปพักกับข้าสิ ในเมื่อข้าสัญญาไว้แล้วว่าจะปกป้องเจ้า ข้าก็ต้องเป็นคนดูแลเจ้าเอง ถูกไหม?”

“เอ่อ” ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี จนป่านนี้แล้วถ้าไม่รู้ว่าพี่แกคิดยังไงก็ควรไปกินหญ้าแทนข้าวแล้วละ พี่แกเล่นแสดงออกชัดซะขนาดนี้ แต่ผมก็ยังสงสัย ว่าเจอกันแค่ไม่กี่วัน มันทำให้รู้สึกชอบกันได้แล้วเหรอ? เรื่องแบบนี้นี่ผมอ่อนมาก บอกตรงๆ เกิดมาก็ยังไม่เคยมีแฟนกับเขาสักคน ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังดี นี่ก็ทำตัวเนียนเต็มที่แล้ว แต่โดนรุกบ่อยๆ มันก็อดจะรู้สึกร้อนๆ ไม่ได้ทุกที

แต่ถ้าบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็ถือว่าโกหก เมื่อก่อนเคยเป็นฝ่ายที่ดูแลคนอื่นมาตลอด พอมาเป็นฝ่ายได้รับการดูแลอย่างดีบ้างก็อดจะรู้สึกดีไม่ได้ แต่ไม่รู้ว่ารู้สึกดีในแง่ไหนนี่สิ บอกไม่ถูกเหมือนกัน

เฮ้อ! ช่างแม่ง! คิดอะไรเยอะแยะ อย่าลืมเป้าหมายชีวิตของตัวเองสิดิน แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก่อน ปล่อยให้หัวใจกับเวลาช่วยหาคำตอบให้เถอะ หูย คิดเองขนลุกเอง เสี่ยวสัดๆ

พอได้คำตอบให้ตัวเองก็เงยหน้ามาจะตอบคำถามของไซเลอร์ แต่พอเห็นสายตาทั้งห้าคู่ที่จ้องเขม็งมาก็เล่นเอาเกือบสะดุ้ง จำเป็นต้องจ้องอย่างจริงจังขนาดนั้นไหม?

“เอ่อ...”

“ไม่เป็นการรบกวนแน่นะครับ” ผมหันไปถามไซเลอร์ เพราะพี่แกเป็นคนที่ดูเต็มใจและจริงใจที่สุด ตอนนี้ต้องขอรบกวนหาที่พักชั่วคราวไปก่อน ถ้าพร้อมเมื่อไหร่จะย้ายออกไปหาที่พักใหม่เองก็คงไม่สาย ส่วนแผนจะเดินทางท่องเที่ยว คงต้องพับไว้ยาวๆ เพราะห่วงความปลอดภัยของก้อนหิน อีกอย่างผมอยากจะดูความรู้สึกของตัวเองด้วยว่ารู้สึกยังไงกับคนตรงหน้ากันแน่

“ไม่เลย”

“แล้วท่านอลาสกัน...”

“ท่านพ่อรู้แล้ว ท่านยินดี” ไปถามกันตอนไหน? กำลังจะถามแต่เสียงหัวเราะขลุกขลักกับเสียงกระแอมจากคนที่เหลือทำให้ผมอยากจะหันไปถลึงตาให้ ติดที่ยังเกรงใจอยู่ เลยแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินไป

“ถ้าอย่างงั้นรบกวนหน่อยนะครับ”

“ด้วยความยินดี” ไซเลอร์ตอบรับอย่างยินดีจริงๆ เพราะดวงตาสีเขียวพราวระยับจนทนสบนานไม่ได้ แต่พอหันหน้าหนีไปก็เจอสายตาล้อเลียนจากคนอื่น ทำให้รู้สึกอยากมุดก้อนหินขึ้นมาทันที ได้แต่หันหน้าไปมองผนัง มองฝ้า มองเพดานแทน



เมื่อรู้สึกว่าเริ่มดึก ทุกคนก็ลาเจ้าของบ้านกลับบ้านของตัวเอง ระหว่างที่เตรียมตัวจะขึ้นมังกรกลับ ชเนาเซอร์ก็เดินมาตบบ่า

“ขอให้มีความสุขนะดิน”

ส่วนมาสทิฟฟ์ก็เดินไปตบบ่าไซเลอร์

“ขอให้อยู่ด้วยกันไปนานๆ” แล้วก็พากันหัวเราะอย่างครึกครื้น

โอ๊ยยยย! กวนตีน! มีความสุขมากไหมกับการได้แกล้งกูเนี่ย ไอ้คนโดนแกล้งอีกคนก็ไม่หือไม่อือเลย เอาแต่ยิ้มรับอย่างเดียว ฮึ่ยยย!

วิวยามค่ำคืนของเคลเบรอสก็ดูสวยไม่แพ้เมื่อยามเย็น แสงไฟจากตะเกียงและคบไฟสว่างดูละมุนละไมไม่แพ้กัน ลมพัดเบาๆ ปะทะใบหน้าทำให้รู้สึกปลอดโปร่ง ผมนั่งมองวิวด้านล่างอย่างเพลิดเพลิน จนไซเลอร์หันหัวมังกรลงที่ลานกว้างๆ ของคฤหาสน์หลังหนึ่ง

พอลงมาก็เห็นท่านอลาสกันยืนรออยู่แล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่บ้านนะก้อนดิน ที่จริงข้าอยากจะให้เจ้าไปอยู่ที่เรือนใหญ่มากกว่า แต่ลูกชายข้าอยากให้เจ้าไปอยู่เรือนวสุธา ยังไงก็ตามสบาย ถือซะว่าเป็นบ้านของตัวเองก็แล้วกัน” ท่านอลาสกันพูดไปลูบหัวผมไปให้ความรู้สึกเหมือนตอนย่าลูบหัวด้วยความเอ็นดูจนผมอดจะน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้

ผมยกมือก้มลงไหว้อย่างนอบน้อมที่สุด รู้สึกซาบซึ้งกับความใจดีของท่าน ตั้งแต่หลงมา เพิ่งรู้สึกเหมือนได้กลับสู่บ้านก็ครั้งนี้

“ขอบคุณมากครับ”

“ขาดเหลืออะไรก็บอกไซเลอร์นะ”

“ครับ” ท่านยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนก็อปกันมา อ้อ... ต้องบอกว่าคนลูกสินะที่ก็อปพ่อมา แล้วท่านก็เดินตรงไปที่เรือนใหญ่

“งั้นเราก็ไปที่บ้านเรากันเถอะ” พูดจบก็จับข้อมือแล้วจูงเดิน เอ่อ... พอมือว่างนี่ก็ถึงเนื้อถึงตัวเลยนะ แอบรู้สึกว่าคิดผิดหน่อยๆ ที่ให้ก้อนหินอยู่ในเป้ข้างหลัง เพราะตอนอยู่บนหลังมังกรจะได้ไม่อยู่ใกล้ชิดกันเกินไปนัก กลายเป็นว่าโดนจูงมือแทนซะงั้น จะดึงมือออกก็เกรงใจ เลยต้องปล่อยเลยตามเลย ได้แต่เดินตามแรงจูงไปต้อยๆ เห็นแก่ที่ให้ที่พักหรอกนะถึงได้ยอมน่ะ

เดินไปไม่ไกลก็เจอกับบ้านชั้นเดียวที่ตั้งอยู่ริมน้ำ มืดๆ อย่างนี้มองเห็นลักษณะไม่ชัดนัก แต่ดูแล้วบรรยากาศร่มรื่นน่าอยู่ เพราะปลูกต้นไม้ไว้รอบบ้าน ได้กลิ่นดอกไม้โชยตามลมมาจนเผลอสูดดมเอากลิ่นหอมๆ เข้าไปเต็มปอด คนที่จูงมือมาหันมายิ้มให้แล้วบอกอย่างภาคภูมิใจ

“เรือนวสุธา”

“ชื่อเพราะจังครับ”

“ความหมายคล้ายกับชื่อของเจ้าไง เข้าไปข้างในกันเถอะ” ผมชะงักกับคำตอบ จะถามก็ไม่ทัน เมื่อไซเลอร์เดินขึ้นบันไดนำไปก่อน

ทางขึ้นบ้านเป็นบันไดเตี้ยๆ แค่สามขั้น เดินขึ้นไปเป็นชานไม้กว้างมีราวกั้นน่าจะรอบตัวบ้าน ไซเลอร์พาเดินอ้อมไปอีกทางที่หันหน้าไปทางริมน้ำ ตัวชานกว้างกว่าอีกฝั่งจนน่าจะนอนเล่นได้สบายๆ ด้านบนปล่อยโล่งพอเงยหน้าขึ้นไปก็มองเห็นดาวระยิบระยับ ถ้าเดินลงไปแค่ไม่กี่เมตรก็ถึงแม่น้ำที่มีคบไฟจุดไล่เป็นทางตรงไปจนถึงศาลาริมน้ำ แสงจากคบไฟทำให้มองเห็นดอกไม้สีขาวๆ ออกดอกพราวเต็มต้นอยู่ข้างบันได เจ้าของบ้านหันมามองแล้วยิ้มเหมือนจะอวด

“สวยไหม”

ผมละสายตาจากดาวบนฟ้ามามองหน้าคนถาม แล้วอดจะยิ้มกว้างไม่ได้

“สวยมากครับ” นี่มันบ้านในฝันของผมชัดๆ สร้างได้เหมือนมานั่งอยู่กลางใจ ทำไมคนตรงหน้าถึงทำให้ประหลาดใจได้ตลอดนะ เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเรื่อง... ใช่ไหม?

“แล้วชอบไหม”

“ชอบมากเลยครับ” ผมตอบได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

“ชอบก็อยู่นานๆ นะ” ผมหุบปากที่กำลังจะตอบแล้วหันไปสบตาคนที่มองมาด้วยสายตาจริงจังและเว้าวอน

โอเค... กูเขิน อยากจะมุดก้อนหินอีกที ติดที่มันยังอยู่ในเป้ ได้แต่เบือนหน้าหนีสายตาไปมองต้นไม้ใบหญ้าแทน โชคดีที่เป็นตอนกลางคืน ไม่งั้นคงได้อายกว่านี้ เพราะรู้สึกเลยว่าหน้าร้อนวูบวาบมาก

“ก๊าส” ก้อนหินที่หลับอยู่ข้างหลังโผล่หัวออกมาจากเป้แล้วตะกายขึ้นมาเอาคางเกยที่บ่า

“กะ... ก้อนหินง่วงแล้ว ไปนอนกันเถอะ” ขอบใจนะก้อนหิน ตื่นมาได้ทันเวลาพอดี แล้วจะติดอ่างทำไมเนี่ย วุ้ย! คนตรงหน้าถอนหายใจเหมือนเสียดาย เอื้อมมือมาจับหัวก้อนหินโยกเบาๆ แล้วว่า

“ตัวยุ่ง” ก่อนหัวเราะเมื่อมันอ้าปากจะงับมือ

“งั้นก็เข้าบ้านกันเถอะ” พูดจบก็เดินนำไปเปิดประตูเข้าไปในบ้าน ด้านในเป็นห้องโล่งๆ  มีโต๊ะเก้าอี้รับแขกตั้งไว้มุมขวามือ เดินไปอีกหน่อยก็เห็นห้องสองห้องอยู่ตรงข้ามกัน

“ด้านซ้ายมือนี่เป็นห้องของข้า ส่วนด้านขวานี่เป็นห้องของเจ้า มีอะไรก็เรียกได้ตลอดเวลาไม่ต้องเกรงใจ หรือถ้ากลัวจะมานอนด้วยกันก็ได้นะ เตียงกว้างพอ” พูดจบก็ยิ้มตาพราว จนอยากจะจิ้มให้ตาบอด เอาเลยครับ พออยู่ตามลำพังนี่รุกเข้าไปครับ เอาที่พี่มึงสบายใจเลย เกรงใจความเป็นชายกูบ้างไหม พอเห็นผมทำหน้าเซ็งใส่ แทนที่จะสลด กลับหัวเราะชอบใจซะอย่างงั้น ใครก็ได้เอาไซเลอร์ตัวจริงกลับมาที ที่อยู่ตรงหน้านี้ตัวปลอมใช่ไหม ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปราวหน้ามือกับหลังเท้าอย่างงี้

“ไม่แกล้งแล้ว เข้าไปนอนเถอะ” อ้อ... ยอมรับแล้วเหรอว่าแกล้ง กระโดดงับหัวซะดีไหม รึจะให้ก้อนหินงับแทนดี

“ฝันดีนะ” โธ่! ตบหัวแล้วลูบหลังนี่นา พูดด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนแบบนี้เห็นแล้วอดใจอ่อนไม่ได้ทุกที ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ แต่ก็ยอมตอบกลับแต่โดยดี

“ฝันดีครับ” แล้วคนตรงหน้าก็ยืนกอดอกเหมือนรอให้ผมเดินเข้าห้องก่อน ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินเข้าห้องมา

แล้วก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเห็นการตกแต่งภายในห้อง เพราะมันถูกตกแต่งด้วยสีเขียวสีโปรดของผมพอดี ทั้งผ้าปู ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้าม่าน ผมได้แต่อึ้งกับเรื่องที่เหมือนจะบังเอิญนี้

ใช่ความบังเอิญแน่เหรอ? ถ้าแค่เรื่องเดียวผมอาจจะมั่นใจว่าใช่ แต่พอหลายๆ เรื่องแล้วก็ชักไม่มั่นใจ ทำไมไซเลอร์ถึงได้รู้ความชอบของผมได้ขนาดนี้ ถ้าอยู่ในโลกเดียวกันผมจะไม่แปลกใจเลย นี่อยู่คนละมิติ แล้วพี่แกรู้ได้ยังไง เอ... หรือว่าแค่แต่งตามสีที่ตัวเองชอบ ว่างๆ ว่าจะไปขอดูซะหน่อยว่าห้องตรงข้ามสีอะไร

“ก๊าส” เสียงร้องของก้อนหินทำให้ผมหลุดจากความคิด ท่าทางมันจะง่วงมากแล้ว เลยปลดเป้ออกจากบ่า เอามันออกมา มันก็เดินไปยืนรออยู่ข้างเตียงแล้วร้องเหมือนจะเรียกให้พานอน

“โอเค ง่วงล่ะสิ” ผมอุ้มมันไปวางบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ ก่อนจะบอก

“เดี๋ยวไปล้างหน้ากับเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน นอนไปก่อนนะ”

“ก๊าส” มันรับคำแต่พยายามฝืนตาไว้ไม่ให้หลับ ทั้งทั้งน่าเอ็นดูน่าตลกจนอดขำไม่ได้

ผมไปเปิดตู้เสื้อผ้าก็เห็นมีเสื้อผ้าวางไว้หลายชุด เลยหยิบเข้าห้องน้ำไป พอทำธุระเสร็จแค่ล้มตัวลงนอน ก้อนหินก็หันมากอดไว้ทันที ผมตบหลังมันเบา ก่อนจะเคลิ้มหลับไป

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

กรี๊ดดดดดด มีคนจับได้ 55555 ลุ้นอยู่ตั้งแต่เปิดตัว F5 แล้วว่าจะมีคนนึกออกไหม
ทุ่งนาแดนนี้มันมีความหมายยยยยยยย
ผิดๆๆ ชื่อตัวละครมันมีความหมายของมันค่ะ ชื่ออาณาจักร แต่ละอาณาจักรก็เช่นกัน หึๆๆๆ
โปรดติดตามตอนต่อไป

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#MayA@TK 55555 ทีมพี่ไซใช่ไหมคะ ต้องรอดินตัดสินใจค่ะ ว่าจะอยู่หรือจะไป ขอบคุณที่แว้บมาเม้นท์ให้กำลังใจนะคะ
#mirage หึๆๆๆๆ หัวเราะแบบชั่วร้าย โอกาสที่ได้อยู่ใกล้กับน้องดินค่ะ กว่าจะได้มารอมานานนนน
#♥►MAGNOLIA◄♥ พาร์ทพี่ไซรอสักพักกกกกกกกกนะคะ แหะๆ
#B52 ที่นี่คนชงเยอะมากค่ะ
#ommanymontra อยากจะลักเหมือนกันค่ะ สารภาพว่าที่ไม่กล้าเทเพราะรักก้อนหิน ถถถ
#aeecd 5555555555555555555555555555555555555555555555555 ตั้งแต่เปิดตัวแก๊งนี้ก็ลุ้นมากว่าจะมีใครนึกออกไหม ชื่อมันมีที่มาค่า รอเฉลยนะคะ
#แฟนตาเซีย ไม่ต้องห่วงคุณไฟนะคะ อยู่โน่นมีเพื่อนใหม่ดูแลอยู่ค่ะ ถถถ
#Zetnezz  :pig4: :L1: :pig4: ขอบคุณที่ติดตามค่า
#duck-ya มาแล้วค่าาาาาาาา ถ้าอยากจะปกป้องใครต้องเก่งอย่างเดียวค่ะ
#DeShiWa ฝีมือแค่พอเอาตัวรอดได้ค่ะ ลุงเซเรสสอนแค่การป้องกันตัวพื้นๆ หลักๆ จะสอนสมุนไพรมากกว่า แล้วดินก็ไม่ได้เอาจริงเอาจังเท่าไหร่ ไม่คิดว่าต้องไปสู้กับใคร ปกติคนไทยอย่างเรารักสงบค่ะ
#suikajang คนเชียร์เยอะค่า คนที่นี่สงสารพี่ไซมาก 5555
#poppycake 55555 เขียวเหมือนกันไงคะ ดินยังนึกว่าเป็นทายาทแมลงทับเลย กร๊ากกกก ส่วนคุณไฟ ไม่ต้องไปสงสารค่ะ นิสัยไม่ดี ถถถ
#♥lvl♀‘O’Deal2♥ มาแล้วค่าาาาาาาาาาา
#•♀NoM!_KunG♀• 555555 จินตนาการบรรเจิดมากค่ะ มาแล้วค่า
#sirin_chadada หึๆๆๆๆ คุณไฟไม่มา แต่คนอื่นไปแทนค่ะ แค่กๆๆๆๆ
#Tennyo_Y สำหรับดิน คุณไฟเหมือนเจ้านายที่โตมาด้วยกันมากกว่าค่ะ ดินไม่เคยรู้ความรู้สึกเพราะมันบื้อ อีกอย่างคุณไฟขยันควงสาวมาให้เห็นประจำ ดินเลยไม่คิด กว่าคุณไฟจะปรับตัว ดินก็มานี่ก่อนแล้ว ส่วนถ้าถามว่าดินเสียอะไร ตอนนั้นดินเสียคุณย่าไปค่ะ
#alternative ครุูฝึกก็คนแถวๆ นี้แหละค่ะ ไอ้ตัวที่ชอบจ้องก้อนหิน 555555
#angel_Z4 ไม่ดราม่าหรอก... มั้งคะ 55555 ไม่ใช่สายดราม่าค่า ถถถ
#Melonlove รักเหมือนกันค่ะ ชอบคนแบบนี้ ไม่ต้องเครียดมาก จะได้มีความสุขกับชีวิต
#Gamemy ไม่ต้องเป็นห่วงค่า มาแล้วท่านทูตก็จะดูแลมากขึ้น เพื่อนๆ ใหม่ก็มี
#i_Tipz  :pig4: :L1: :pig4:
#lnudeel ซื่อบื้อสิคะ ถถถ

ขอบคุณที่แวะมาอ่าน ขอบคุณที่แวะมาเม้นท์ ขอบคุณที่ให้กำลังใจค่ะ
ที่จริงพล็อตมีคร่าวๆ แล้ว แต่พยายามเขียนให้ได้ดั่งใจอยู่ค่ะ เขียนแล้วอ่าน แก้จนกว่าจะพอใจ ได้แค่นี้แหละ แหะๆ
แต่จะพยายามลงทุกอาทิตย์นะคะ
กอดดดดดดดดด

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-05-2017 09:06:29
รุกกันแรงจริมๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mirage ที่ 08-05-2017 09:08:07
ที่มาอะไร สงสัยต้องย้อนไปอ่านคอมเม้น ตอนนี้เป็นโมเม้นต์หวานๆ ของพระนาย(หรือเปล่า;มันต้องใช่แล้วล่ะ) กับพ้องเพื่อนจอมกวน 555 อยากได้ก้อนหินมาไว้บ้าน ท่าจะน่ารักน่าดู

ติดตามค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-05-2017 09:09:50
เรื่องชื่อรุ่นพ่อนี่ก็ว่าจะทักตั้งแต่ตอนก่อนเหมือนกันค่ะ แต่ลืม ฮา
แต่ชื่อคนกับชื่อเรือนนี่ไปคนละทางเลยนะ ชื่อเรือนนี่ไทยจ๋ามาเลย แต่ชื่อคนนี่ออกแนวต่างชาติ? ยกเว้นชื่อก้อนดินกับก้อนหินนี่ละ (ถ้าคนเขียนบอกว่ามันมีอะไรอยู่ในนั้นเราก็โอเค)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-05-2017 09:39:59
แหมะอวยพรยังกะงานแต่งส่งบ่าวสาวเข้าหอเลยอะจ้า  o13
พออยู่คน 2 คนกะ 1ตัวก็รุกซะ ชอบๆ คนนิ่งเวลาหยอดนิสุดยอด เขินวนไปสิคะน้องดิน :-[
ิ :3123: ยิ้มได้ตลอดอะ ใช่แล้วน้องดิน>>  แค่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ก็พอแล้ว << วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ค่อยว่ากันน้อ  :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 08-05-2017 10:06:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-05-2017 10:08:36
ใช่ ดิน ควรสงสัย ทำไมตรงกับความชอบดินหลายอย่าง
แล้วที่อยู่ต่อเพื่อไขความสงสัย ความรู้สึก ใช่เลย
บ้านน่าอยู่สุดๆ แวดล้อมด้วยต้นไม้ แม่น้ำ แสงดาว
ตรงความต้องการของคนส่วนใหญ่นะ ชอบบบบ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Zetnezz ที่ 08-05-2017 10:50:09
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-05-2017 11:26:31
ถ้าดินกลับโลกปัจจุบันนี่สงสารไซเลอร์กับก้อนหินนะ นึกถึงตอนก้อนหินวิ่งตามดินที่เจอกันช่วงแรกนี่แบบเศร้าเลย
ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งผูกพัน ก้อนหินจะกินก็ต้องรอดินกินก่อน จะนอนก็ต้องรอดินมากอดถึงจะหลับ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-05-2017 12:23:13
ทุกคนรู้หมดว่าพระเอกคิดยังไงกับก้อนดิน

ยกเว้นก้อนดินที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่คนเดียว

ก้อนหินน่ารักอีกแล้ว

รออ่านตอนต่อไป

เป็นกำลังใจให้คนแต่ง

สู้ๆๆ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-05-2017 12:27:26
 :man1: :L1: :pig4: :L1: :man1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: i_Tipz ที่ 08-05-2017 14:53:37
น่ารักกก ...  มีก้อนหินรู้สึกเหมือนมีลุก  o13 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-05-2017 15:28:05
ไลเซอร์ นึกว่าจะนิ่งๆ นี่มันไม่ใช่แล้ว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-05-2017 17:00:57
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 08-05-2017 22:14:48
 :hao5: :hao5:ขอก้อนหินกลับบ้านหนึ่งตัวค่ะ
ไม่ไหวแล้วน่ารักมากกกกกกก
ดินเอ้ยยยยย ไม่ทันพ่อพระเอกเล้ยยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: เพียงเพื่อน ที่ 08-05-2017 23:50:49
ไซ ไฟ ไซ ไฟ เออออ 2คน 1จิตวิญญาณไหมนะ ทำหน้าครุ่นคิสสส :hao3:

ปล. พี่ ไซ (ซะนะ) ของน้องงงงง 5555 :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 09-05-2017 00:17:03
นุงไซ รุก หนัก มาก! บอกเลย :katai3:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 09-05-2017 17:10:35
 แหม่

กองทัพขนปุยนี่ทำงานเป็นทีมดีจริง ๆ

ก้อนดินโดนกินแน่!

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 09-05-2017 19:17:04
อ่านเท่าไหร่ก็ไม่พอ  :ling1: :ling1: :ling1: มีความโลภ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 09-05-2017 19:42:24
รุกแรงจริงๆเลยค่ะ พ่อคูณณณณ
อยากได้ก้อนหินมาเลี้ยงเองเลย ทำไมน่ารักอย่างนี้!!
ไปแอบขโมยมาดีไหม?? 555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 09-05-2017 21:14:51
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-05-2017 22:06:13
รุกหนักมาก คือจะเอาให้ได้ช่ายมะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: Robinhood.ha ที่ 09-05-2017 22:08:26
เรื่องราวน่าสนใจดีค่ะ ชอบๆแนวนี้ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ....รอตอนต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 12 เรือนวสุธา (8/5/60) P.5
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-05-2017 09:44:37
เอ็นดูก้อนหินมากมาย นางทำตัวมุ้งมิ้งไม่เข้ากับเผ่าพันธุ์ตัวเองเล๊ย 55555555
ไซเลอร์คะ ถ้าจะรุกดินหนักขนาดนี้ต่อให้บื้อแค่ไหนคงต้องรู้สึกอะไรบ้างอ่ะนะ 55555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 10-05-2017 10:37:09
บทที่ 13 ทุ่ม


ครืด ชิ้ง!
ครืด ชิ้ง!
ครืด ชิ้ง!

ผมกำลังฝึกชักดาบออกจากฝักอย่างตั้งอกตั้งใจ ด้วยความที่ตื่นเช้าตามความเคยชิน เลยลุกออกมาเดินเล่นหน้าบ้านพร้อมกับถือดาบมาด้วย ปล่อยให้ก้อนหินนอนต่อไปจะได้โตไวๆ

จำได้ไหมครับที่คราวก่อนตอนที่ต้องต่อสู้ในป่าผมไม่ได้ชักดาบออกจากฝักเลย ที่จริงฝีมือผมก็ถือว่าไม่ได้กากนักหรอกครับ พอจะตั้งรับแล้วหาจังหวะชิ่งได้ แต่ตอนฝึกกับลุงเซเรสนี่ใช้ดาบที่อยู่นอกฝักแล้ว หยิบมาก็พร้อมฝึกได้เลย ใครจะไปคิดว่าดาบที่อยู่ในฝักมันจะฝืดทำให้ดึงดาบออกได้ช้ากว่าที่คิดจนเกือบจะสิ้นชีวิตกันเลยทีเดียว อื้อหือ... ตอนเช้านี่สมองปลอดโปร่งได้คำคล้องจองมาเลย ฮ่าๆๆๆ เดี๋ยวๆ กลับมามีสาระก่อน

นั่นแหละครับ สาเหตุที่ผมต้องมาฝึกชักดาบอย่างเอาจริงเอาจัง เวลาคับขันจะได้ชักมาใช้ได้ทัน แต่มันก็ฝืดจริงๆ ถ้าจะให้ชักออกง่ายๆ นี่ต้องหยอดน้ำมันหล่อลื่นไหม ว่าแต่ที่นี่มันจะมีรึเปล่าหว่า...

“ตื่นแล้วเหรอ” ผมหันไปมองคนทักที่เดินมาจากฝั่งบ้านใหญ่ เสื้อเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ พอเห็นผมทำหน้าสงสัยก็บอกก่อนที่จะถามซะอีก

“ข้าไปฝึกมา ไม่คิดว่าจะตื่นไว จะได้พาไปดูด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก้อนหินยังไม่ตื่น ถ้าตื่นมาไม่เห็นมันจะตกใจ เอาไว้วันหลังค่อยเอามันตามด้วยไปก็ได้ครับ” ไซเลอร์พยักหน้ารับรู้

“แล้วนี่ทำอะไรอยู่”

“ฝึกชักดาบอยู่ครับ แต่มันฝืด ชักออกยากและช้ามาก” ผมมองดาบอย่างเซ็งๆ

“ดาบน่าจะเก็บไว้นาน เดี๋ยวข้าเอาน้ำยาเช็ดดาบให้เช็ดดูเผื่อจะดีขึ้น ส่วนฝักต้องเอาไปแช่น้ำยาทำความสะอาดและน้ำยาเคลือบจะได้ช่วยลดความฝืดและทำให้ทนขึ้นด้วย”

“ขอบคุณมากครับ”

“ก๊าสสส” เสียงร้องของก้อนหินดังขึ้น ก่อนมันจะวิ่งออกมาจากประตูที่ผมเปิดอ้าไว้ทั้งหน้าห้องและหน้าบ้าน มันหันซ้ายหันขวาพอหันมาเห็นผม ก็แทบจะถลาลงมาจากบันไดจนผมต้องปราม

“หินค่อยๆ ลง” ถามว่ามันฟังไหม... ไม่เลย ถลาลงบันไดมาแต่ดันเสียหลักตรงขั้นสุดท้ายตกลงมาดัง ตุ้บ! ก่อนจะรีบลุกขึ้นวิ่งมาเกาะขาเอาหัวถูแรงๆ เหมือนจะเคือง

ผมก้มลงไปอุ้มมันขึ้นมากอด แล้วปัดดินออกจากตัวให้

“ตกใจเหรอ หืม บอกแล้วไงว่าไม่ทิ้งไปไหนหรอก ขอโทษทีที่ลงมาก่อน”

“ก๊าส” มันเงยหน้าขึ้นมองแล้วเอาหัวถูอีกที ไอ้ขี้อ้อนเอ๊ย! มันเขี้ยวจนต้องจับมันฟัดอีกที เสียดายเกล็ดมันแข็งไปหน่อยไม่เหมือนหมา ไม่งั้นคงฟัดได้ง่ายกว่านี้ ไซเลอร์ยืนมองเราเล่นกันยิ้มๆ ก่อนจะบอก

“ไปอาบน้ำเถอะ จะได้ไปกินข้าวที่บ้านใหญ่กัน ท่านแม่รออยู่” ผมหันไปมองด้วยความกังวล จนไซเลอร์พูดเหมือนจะปลอบ

“ท่านแม่ใจดี บ่นจนข้าหูชาตั้งแต่เช้า เรื่องไม่ยอมให้เจ้าไปพักที่เรือนใหญ่” ค่อยโล่งอกหน่อย ถึงผู้ชายจะเป็นผู้นำก็จริง แต่คนที่เป็นใหญ่ในบ้านจริงๆ คือผู้หญิงต่างหาก ถ้าไม่เป็นที่ต้อนรับผมคงเสียใจน่าดู

“ไปเถอะ ขึ้นบ้านกัน ตัวยุ่งมันคงหิวแล้ว”

“ก๊าส” มันร้องเหมือนจะรับคำ ทำเอาผมกับไซเลอร์หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน


ผมอุ้มก้อนหินเดินตามไซเลอร์ไปที่บ้านใหญ่ ถ้าจะให้ถูกต้องเรียกคฤหาสน์หลังใหญ่ซะมากกว่า ผมละสงสัยจริงๆ ว่าคนรวยๆ นี่จะสร้างบ้านใหญ่ๆ กันไปทำไม เวลาจะหาใครสักคนนี่หากันเจอได้ยังไงนะ ที่โน่นยังพอไหวเพราะมีโทรศัพท์ แต่ที่นี่ล่ะ หากันทั้งวันจะเจอไหม

มัวแต่คิดอะไรเพลินๆ ก็เดินมาถึงห้องโถงพอดี ที่นี่ก็มีรูปภาพประดับฝาผนังเหมือนกับบ้านของมาสทิฟฟ์เลย มีรูปคนในครอบครัวถ่ายคู่กับสัตว์เลี้ยงทั้งมังกรและหมาสลับกันไป ดูน่ารักดี พอเห็นรูปหมู่ครอบครัวก็อดจะชะงักแล้วอดจะยิ้มไม่ได้ ท่านอลาสกันที่ทำหน้าเคร่งขรึมกับผู้หญิงสวยๆ ท่าทางอ่อนหวานน่าจะเป็นแม่ของไซเลอร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ มีไซเลอร์กับผู้ชายอีกคนที่หน้าตาคล้ายๆ กันยืนเก๊กขรึมขนาบข้าง

“ก้อนดินนนนน” เสียงชเนาเซอร์ดังขึ้นมาก่อนที่จะเห็นตัวซะอีก เจ้าตัวโผล่ออกมาจากห้องห้องหนึ่งแล้วเดินมาหาทำท่าจะกอด แต่โดนคนที่เดินนำหน้าล็อคคอไว้ก่อน

“แอ่ก เบาๆ ไซเลอร์ เบา แค่จะทักทายแค่นี้ก็ไม่ได้ หวงจริง” แค่ล็อคคอมันน้อยไป ล็อคปากไปด้วยเลยน่าจะดี จะได้เลิกแซวเลิกล้อเลียนซะที แล้วคนที่เหลือก็เดินตามออกมา ครบชุดเลย แต่มีคนแปลกหน้าเพิ่มอีกสองคน จะบอกว่าแปลกหน้าก็ไม่ถูกเพราะเห็นหน้าจากรูปไปแว้บๆ เมื่อกี๊นี้เอง ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ท่านอลาสกันตัวเล็กกว่าผมนิดหน่อย ใบหน้างดงามอ่อนหวาน ผมสีทองสุกสว่าง คลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ท่านแม่นี่ก้อนดินครับ ก้อนดินนี่ท่านแม่ไซรีน ท่านแม่ของข้าเอง”

ผมวางก้อนหินลง ก่อนจะยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม ท่านไซรีนเดินมารับมือที่ไหว้และลูบหัวเบาๆ ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากที่ท่านอลาสกันลูบเลย มันทำให้รู้สึกเต็มตื้นอย่างบอกไม่ถูก

“ก้อนดินสินะ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันครับท่านไซรีน”

“ท่านอะไรกัน ต้องเรียกแม่สิจ๊ะ ไหนมาให้แม่กอดรับขวัญหน่อยซิ” พูดยังไม่ทันจบท่านก็คว้าตัวเข้าไปกอดจนตัวผมแข็งทื่อ ก่อนจะผ่อนคลายลงเมื่อท่านลูบหลังเบาๆ

อุ่น...

ถ้าแม่ยังอยู่ อ้อมกอดแม่จะอุ่นอย่างนี้ไหม?

ผมเผลอยกมือขึ้นกอดตอบท่านอย่างลืมตัว ซึมซับความอบอุ่นที่ไม่เคยได้รับจากแม่มาก่อน จนได้ยินเสียงร้องจากก้อนหินนั่นแหละถึงได้รู้สึกตัว

“อ๊ะ! ขอโทษครับ” ผมลนลานถอยออกมา แต่ท่านแค่คลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะขยับมาใกล้แล้วยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้

น้ำตา?

นี่ผมร้องไห้เหรอ?

“ยินดีต้อนรับสู่บ้านนะจ๊ะ”

เท่านั้นแหละ ไม่รู้น้ำตาจากไหนแข่งกันไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ผมได้แต่ยกมือปิดหน้าปล่อยให้น้ำตามันไหลมาอย่างนั้น มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่มันเป็นความตื้นตันใจที่เป็นที่ต้อนรับ

“อ้าว... ขี้แยซะแล้ว” พูดจบก็หัวเราะเบาๆ แล้วเดินเข้ามากอดอีกครั้งพร้อมลูบหัวเบาๆ อย่างปลอบโยน มันรู้สึกดีจริงๆ แต่ขอหน่อยเถอะ ไอ้การชอบแกล้งนี่มันถ่ายทอดทางพันธุกรรมใช่ไหม ทำไมถึงได้ขี้แกล้งกันทั้งบ้านอย่างนี้

ผมยกมือลงกอดตอบแล้วซุกหน้าลงที่บ่าของท่านแทน รู้สึกว่ามีมือมาตบบ่าเดาว่าน่าจะเป็นท่านอลาสกัน ก้อนหินเดินมากอดขาแล้วเอาหัวถูเหมือนจะปลอบ ทำให้ผมร้องไห้ไปหัวเราะไปเหมือนคนบ้า

พอน้ำตามันไหลอย่างพอใจแล้วมันก็หยุดไหลเอง ฮื้อ... ผมแทบไม่กล้าจะสบตาใครเลยครับ ตอนนี้สภาพคงดูไม่ได้ รู้สึกเลยว่าตามันบวมๆ ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็นแบบนี้มาก่อนเลย น่าอายชะมัด!

แต่พอเงยหน้าไปสบตากับไซเลอร์ที่ยิ้มอย่างอ่อนโยนก็อดจะยิ้มตอบไม่ได้ แล้วก็เผลอไปสบตากับคนที่ยืนข้างๆ ที่หน้าตาคล้ายๆ กับไซเลอร์แต่หน้านิ่งๆ มากกว่าพอเห็นผมมองก็กระตุกยิ้มให้นิดๆ

“ข้าชื่อไซรอสเป็นพี่ชายไซเลอร์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ครับ” ผมยิ้มให้อย่างเขินๆ เพราะถ้าพูดมากกว่านี้เสียงคงสั่นแน่ แต่คนน้องดันกระแอมขึ้นมา คือกูเขินที่แสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น จำเป็นต้องออกอาการไหม

“ไปๆ ไปกินข้าวกันเถอะ น้องเสียพลังงานจากการเสียน้ำตาไปเยอะ คงจะหิวแล้ว” ท่านไซรีนแซวอย่างขำๆ จนคนอื่นๆ หัวเราะกันครืน

ครับ... เอาที่สบายใจกันเลยครับ แล้วน้องอะไร? ฟังแล้วรู้สึกคันหน้ายุบยิบขึ้นมาเลย


ผมกินข้าวไปยิ้มไปเหมือนคนบ้า รู้สึกตื้อๆ ไปหมด สงสัยจะอิ่มอกอิ่มใจ ฮิ้ว! เล่นเองเขินเองแฮะ แหะๆ

พอกินข้าวเสร็จท่านอลาสกัน ท่านไซรีนกับพี่ไซรอส (เจ้าตัวบอกให้เรียกอย่างนี้) ก็ขอตัวไปทำงาน ทิ้งให้ผมอยู่กับแก๊ง F5 ผมสงสัยว่าไม่มีการมีงานทำรึไงถึงได้มากันตั้งแต่เช้า จะว่าไปผมก็เป็นพวกตกงานเหมือนกันนี่หว่า

“ดิน เราไปเที่ยวตลาดกันเถอะ” ชเนาเซอร์ชวนอย่างกระตือรือร้น คนอะไรพลังงานล้นเหลือจริงๆ

“แต่ผม เอ๊ย! ข้าไม่มีเงินนี่ครับ” ไม่ชินกับคำแทนตัวจริงๆ ให้ตายสิ

“ท่านมอลทีสฝากมาให้” พรีซายื่นถุงผ้าเล็กๆ มาให้ ผมรับมางงๆ หือ? หนักแฮะ ผมเปิดออกดูแล้วก็ยังงงเหมือนเดิม มันคืออะไรวะ

“โหยยยยย ทำไมท่านมอลทีสให้เงินเจ้าเยอะจัง ไม่ยุติธรรมนี่ ทีข้ายังไม่เคยได้ซักกะเหรียญเดียวเลย” ชเนาเซอร์ชะโงกมาดูก่อนจะโวยวายเสียงดัง ผมได้กระพริบตาปริบๆ ไม่รู้หรอกว่ามันเยอะไหม เพราะไม่รู้ค่าเงินของที่นี่

“ท่านมอลทีสบอกว่าใช้ไปเลย ไม่ต้องเกรงใจ เพราะมันเป็นหน้าที่ของท่านที่ต้องดูแลเจ้าในฐานะที่เจ้ารู้ดี แล้วจะส่งมาให้ทุกเดือน ถ้าไม่พอก็บอกได้” พรีซาบอก สีหน้าแสดงความข้องใจกับข้อความที่ฝากมา แต่ไม่ได้ซักไซ้อะไร

“ขอบคุณครับ” ท่านมอลทีสให้ในฐานะ... ศิษย์ที่มีอาจารย์คนเดียวกันสินะ

“มีเงินแล้วเราก็ไปซื้อของกันเถอะ ป่ะ” พูดจบก็จับข้อมือลากไปทันที ก้อนหินร้องประท้วงก่อนจะวิ่งตามมา
เราขึ้นมังกรไปไม่ไกลก็เห็นตลาดที่ยังครึกครื้นอยู่ เห็นมังกรตัวอื่นๆ บินอยู่บนท้องฟ้า ดูแล้วเพลินดีอย่างกับมีคนเล่นว่าวหลายๆ ตัวเลยแฮะ พอถึงจุดหมายเราก็ลงไปที่ลานกว้างๆ ลานหนึ่ง ทุกคนเอามังกรไปฝากไว้ก่อนจะเดินไปที่ตลาด

ผมมองผู้คนที่ซื้อขายของกันอยู่อย่างสนอกสนใจ มีการตั้งแผงวางของขายข้างทางเหมือนกับตลาดที่ชายป่า แต่คนเยอะกว่ามาก ของที่ขายก็มีหลากหลายตั้งแต่ของกินยันของใช้ เหมือนกับตลาดนัดในโลกโน้นเลย ไซเลอร์หยิบเหรียญจากกระเป๋ามาสอนค่าของเงิน อื้อหือ... จากที่กะๆ ดูนี่ท่านมอลทีสให้มาเยอะมาก ไว้มีโอกาสค่อยไปขอบคุณ ถ้าหาเงินได้เองเมื่อไหร่ค่อยเอาไปคืนก็แล้วกัน

เพระมัวแต่สนใจของข้างทาง พอไปเจอช่วงคนแน่นๆ เลยทำให้พลัดหลงกับคนอื่นตอนไหนก็ไม่รู้ จะมองหาก็ลำบากเพราะคนที่นี่สูงมิดหัวแทบจะทุกคน เอาเถอะ เดินไปเรื่อยๆ ก่อนก็แล้วกันเผื่อจะเจอคนอื่นๆ หรือถ้าไม่เจอก็ค่อยย้อนกลับไปทางเดิมเอา

ผมอุ้มก้อนหินแวะดูนั่นดูนี่อย่างสนใจ พอพ้นจากช่วงคนหนาแน่นมาก็เดินได้สบายๆ ค่อยหายใจหายคอโล่งหน่อย ได้ของใช้จำเป็นมาบ้างเล็กๆ น้อยๆ จนมาเจอแผงๆ หนึ่งที่ขายจำพวกเครื่องเขียน ผมสนใจพู่กันที่วางเรียงรายหลายขนาดและหลายแบบ ว่าจะเลือกเอาไว้ทาสีให้ก้อนหินหน่อย แต่มันจับดูขนพู่กันไม่สะดวกเลยวางก้อนหินลงข้างๆ บอกให้มันอยู่นิ่งๆ ก่อนจะเลือกพู่กันอย่างเพลิดเพลิน ได้พู่กันมาสามด้าม หมึกอีกระปุกกับสมุดที่ทำจากกระดาษหยาบๆ อีกสองเล่ม แต่พอหันมาหาก้อนหินก็ต้องใจหายวาบเมื่อพบว่ามันหายไปจากข้างตัว

ผมรีบกวาดสายตามองหามันอย่างร้อนรน ตะโกนเรียกหาอย่างร้อนใจ

“หิน ก้อนหิน อยู่ไหน” พอไม่ได้ยินเสียงตอบรับก็รีบออกเดินตามหา ผมสุ่มเดินตรงไปข้างหน้า คิดว่ามันไม่น่าจะย้อนกลับไปหรอก มองซ้ายมองขวาหาไปทั่ว จนไปเจอกลุ่มคนที่กำลังยืนดูอะไรสักอย่างอยู่เลยเดินไปดู เผื่อมันจะมายืนมุงกับคนอื่นด้วย

แต่พอเดินแทรกเข้าไปได้ก็เห็นก้อนหินกำลังโดนผู้ชายตัวใหญ่ๆ ผลักมันล้มลง พอมันยืนขึ้นได้ก็ผลักมันอีก มันคงโมโหพอยืนได้อีกรอบมันเลยกระโดดกอดแขนที่จะยื่นไปผลักมันไว้แน่น ไอ้หมอนั่นเลยสลัดออกอย่างแรงจนมันหลุดกระเด็นตกลงไปที่พื้นดัง ตุ้บ! พอมันทำท่าจะลุก ไอ้เวรนั่นก็ตรงเข้าไปหาทำท่าจะเตะมัน ผมรีบวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว คว้าแขนไอ้บ้านั่นได้ก็เข้าประชิดตัวขัดขาแล้วจับทุ่มแม่ง!!!

ตุ้บบบ!!!

“โอ๊ย!”  ตัวใหญ่ๆ อย่างมัน เสียงล้มดังสะใจดีนัก

สัด!!! บังอาจแตะต้องลูกรักกู

ทำร้ายผมยังไม่โกรธเท่าแตะต้องมันเลยให้ตายสิ! ขึ้นครับ ขึ้นมาก ขึ้นอย่างที่ไม่เคยขึ้นมาก่อน ฮึ่ย!!!

ผมเลิกสนใจไอ้ควายที่นอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น รีบไปจับก้อนหินลุกขึ้นแล้วสำรวจตัวมัน

“หินเป็นอะไรไหม”

“ก๊าส” มันร้องเสียงละห้อย ยื่นมือให้ดูเหมือนจะฟ้อง ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาปัดฝุ่นออกจากตัวมัน พลิกดูตามตัวอีกทีค่อยโล่งใจที่ไม่เห็นแผล แต่ไม่แน่ใจว่าจะช้ำในรึเปล่า ถึงท่านมอลทีสจะบอกว่าไม่มีอาวุธชนิดใดทำร้ายมันได้ แม้มันจะไม่ตายก็ใช่ว่าจะเจ็บไม่เป็น อีกอย่างสำหรับผมมันเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย

ผมจับมันขึ้นอุ้ม มันก็ซุกหน้าเข้าหาแล้วเอาหัวถูอย่างออดอ้อน

“เกิดอะไรขึ้น” ไซเลอร์เดินแทรกตัวเข้ามายืนใกล้ๆ กวาดตาสำรวจตัวผม

“ไอ้เด็กนั่นมันทำร้ายข้า” ผมยังไม่ทันได้ตอบ ไอ้ยักษ์นั่นก็ลุกขึ้นมายืนแล้วฟ้องทันที

เตะเสยคางให้หงายเงิบอีกสักทีดีไหม? รึจะหนุมานถวายแหวนให้สลบไปเลยดี?

เรื่องอาวุธผมอาจจะสู้ไม่ได้ แต่เรื่องการต่อสู้มือเปล่านี่พอไหวครับ ได้อานิสงค์จากความสนใจของคุณไฟ ทำให้ได้ไปเรียนเป็นเพื่อนตลอด ทั้งยูโด เทควันโด มวยไทย เรื่องนี้คุณหญิงยังสนับสนุน เพราะจะได้มีฝีมือพอจะคุ้มครองคุณไฟได้ด้วย ฝีมือแค่พอป้องกันตัวเองได้ คุณไฟยังจะเก่งกว่าอีก ถ้ารู้ว่าอนาคตจำเป็นต้องใช้ ผมคงขยันฝึกเอาจริงเอาจังมากกว่าที่เคย แต่ใครจะคิดล่ะครับว่าต้องหลงมิติมา แถมยังมีหน้าที่ที่ต้องทำอีก

“เขาทำร้ายก้อนหินก่อน” ผมตอบแล้วปรายตามองอีกฝ่ายที่มองกลับมาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ

แดกตีนกูก่อนนี่มา!!!

“เกิดอะไรขึ้นดิน” ร็อตที่ตามมายืนข้างๆ ถามขึ้น

“ท่านร็อต ท่านต้องให้ความยุติธรรมกับข้านะ ไอ้เด็กนี่มันทำร้ายข้า” หือ... รู้จักกันด้วยเหรอ ผมหันไปมองร็อตที่กำลังกวาดสายตาสำรวจตามตัวผมอีกคน

“ข้าไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น แต่พอมาถึงก็เห็นเขากำลังทำร้ายก้อนหินอยู่ครับ” ร็อตก้มลงมองก้อนหินที่หันหน้าไปหาแล้วร้องเหมือนจะฟ้อง

“ก๊าส” พอเห็นว่ามันไม่เป็นอะไรก็หันไปถามคนที่ยืนมุงอยู่

“ใครพอจะบอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น”

“คือ ข้าเป็นแม่ค้าขายเนื้อค่ะท่านร็อต” แม่ค้าขายเนื้อที่ยืนอยู่หลังแผงออกตัวขึ้น

“พอดีเหลือเนื้อชิ้นสุดท้ายอยู่ ลูกมังกรตัวนี้มาถึงก็มาเกาะแผงข้า พอถามมันว่าอยากกินใช่ไหม มันก็ผงกหัวให้ ข้ารู้สึกเอ็นดูมันเลยจะยกเนื้อชิ้นนี้ให้ แต่ผู้ชายคนนี้เข้ามาบอกว่าต้องการจะซื้อเนื้อ พอข้าบอกว่ายกให้มังกรน้อยไปแล้วก็ไม่ยอม บอกว่ามีเงินจ่าย แต่ข้าไม่อยากผิดคำพูด เลยปฏิเสธไป เขาโมโหมาก จะทำร้ายข้า มังกรตัวนี้เลยพุ่งเอาหัวชนขา แล้วเขาก็ผลักมันล้มลง พอมันเกาะแขนก็สะบัดจนมันตกลงพื้นค่ะ ถ้าเด็กคนนี้มาไม่ทันก็คงจะเตะมันไปแล้ว” พอได้ยินแม่ค้าขายเนื้อเล่าแล้วก็แทบจะขึ้นอีกรอบ

“ข้าจะจัดการอย่างยุติธรรมแน่” ร็อตหันไปบอกกับไอ้เวรนั่นเสียงเย็น ไอ้หมอนั่นหน้าซีดขึ้นมาทันที งานเข้าไหมล่ะมึง

“ขอโทษก้อนดินกับก้อนหินซะ”

“ขะ... ข้าขอโทษ” หายซ่าไปเลยทีเดียว

“ดินต้องการให้ทำอะไรเป็นการลงโทษไหม ข้าจะจัดการให้”

อยากจะบอกให้มัน ‘กราบมังกรกู!’ แต่ผมมันคนดี ขอกระทืบอีกทีได้ไหม แม่งเอ๊ย! ยังไม่หายโมโหเลย ได้แต่หายใจเข้าลึกๆ ระงับอารมณ์ตัวเอง ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเลยบอกไป

“ช่างเถอะครับ ข้าก็จับเขาทุ่มเหมือนกัน ถือซะว่าหายกัน” ร็อตพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะบอก

“พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่หน่วย ข้าจะแจ้งหัวหน้าหน่วยเจ้าเรื่องลงโทษตามกฎ เข้าใจไหม?”

“ครับท่านร็อต” พอเห็นหมอนั่นยกเท้าชิดรับคำก็พอจะเดาออกว่าน่าจะเป็นทหารแน่ๆ แล้วร็อตก็น่าจะยศสูงกว่า ถ้าลงโทษตามกฎทหารก็คงจะโดนมิใช่น้อยหรอก

พอหมดเรื่องผมก็ก้มลงเก็บของที่โยนทิ้งไว้ที่พื้นคืน โดยมีไซเลอร์ช่วยแล้วรับไปถือไว้ให้ แม่ค้าเนื้อก็เอาเนื้อใส่ห่อให้ก้อนหิน พอจะจ่ายเงินก็ไม่เอา บอกว่าให้เป็นการขอบคุณด้วย ผมเลยได้แต่ขอบคุณกลับไป พอเดินออกไปจากจุดเกิดเหตุไซเลอร์ก็ถามขึ้น

“ไม่เป็นอะไรแน่ใช่ไหม”

“ครับ”

“คลาดสายตาแค่ครู่เดียวก็มีเรื่อง ต่อไปอย่าอยู่ห่างจากข้านะ” พูดจบก็จับข้อมือมาข้างหนึ่งแล้วจูงเดิน ปล่อยอีกข้างให้ผมจับก้อนหินไว้เหมือนเดิม ซึ่งมันก็ให้ความร่วมมือโดยการกอดผมไว้แน่นแทน

เอ่อ... แบบนี้ก็ได้เหรอ เนียนไปไหมพี่ หันไปมองร็อตก็เห็นกำลังมองมายิ้มๆ แล้วเลิกคิ้วถาม

“จะฝากก้อนหินไว้กับข้าก่อนไหม” โว๊ย! แม้แต่ร็อตก็ยังจะเอากับเขาด้วย

ไซเลอร์พาไปหาคนที่เหลือที่ร้านอาหาร พอทั้งสามเห็นว่าไซเลอร์จูงมือผมก็พากันส่งสายตาล้อเลียนมาให้ ผมรีบดึงมือออกแต่คงไม่ทันแล้วละ จะล้อเอาโล่ห์กันรึไง ไม่ล้อสักวันจะตายไหม ฮึ่ย!

ระหว่างกินข้าวชเนาเซอร์ก็ถามว่าหายไปไหนมา พอเล่าให้ฟังก็บ่นว่าเสียดายน่าจะอยู่ด้วยจะได้ช่วยกระทืบ ความโหดนี่ไม่ได้เข้ากับหน้าตาเล้ย

“ข้าลืมบอกไป ท่านมอลทีสบอกให้พวกเราช่วยฝึกเรื่องการต่อสู้ให้กับเจ้าเพิ่ม แล้วก็ให้ช่วยฝึกก้อนหินด้วย โตขึ้นจะได้เป็นมังกรที่ดี พร้อมเมื่อไหร่ก็บอกนะ ข้าจะพาไปเริ่มฝึกเลย” ร็อตบอกนิ่งๆ ผมหันไปมองไซเลอร์อย่างไม่รู้ตัว ไซเลอร์เลยอธิบายให้ฟัง

“อย่างที่ร็อตบอก ข้าเห็นว่าเจ้าเดินทางมาเหนื่อยๆ เลยจะให้พักไปก่อน ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกจะได้พาไปฝึกด้วยกันเลย เพราะปกติถ้าพวกเราไม่มีภารกิจก็จะเข้าไปฝึกฝีมือกันอยู่แล้ว ส่วนก้อนหินต้องส่งไปที่โรงฝึกมังกร ตอนเช้าพามันออกไปพร้อมกัน แล้วพอฝึกเสร็จก็ไปรับกลับบ้านตอนเย็นได้ไม่ต้องห่วง” ไซเลอร์พูดเหมือนเข้าใจถึงความกังวลของผมเป็นอย่างดี

“ไม่ต้องห่วงหรอก ข้ารับปากว่าจะดูแลให้เป็นอย่างดี” ร็อตบอกอย่างหนักแน่น ทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาหน่อย

“ขอบคุณมากครับ”

“ก๊าส” ก้อนหินเงยจากเนื้อที่กินมาร้องเหมือนรับรู้และอยากมีส่วนร่วม ทำให้เราหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน

ผมอดลูบหัวมันด้วยความเอ็นดูไม่ได้ มันก็เอียงหัวแนบกับฝ่ามืออ้อนอย่างเคยชิน ยิ่งนานวันก็ยิ่งทั้งรัก ทั้งหลงมันจะแย่ เฮ้อ!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้มีความครอบครัวสุขสันต์มาก 55555
อ้อมกอดแม่อุ่นจริงๆ นะเออ ใครยังไม่ลองไปกอดดูค่ะ อุ่นทั้งกายอุ่นทั้งใจเหมือนได้ชาร์ตพลัง ดีต่อใจมากจริงๆ #แผนกยุยงส่งเสริม

ที่จริงก้อนหินมันไม่เจ็บมากมายหรอกค่ะ แค่อยากอ้อน ฮ่าๆๆๆ มันเขี้ยววววว
ส่วนก้อนดินก็มีความสปอยล์ลูกขั้นสุด ถถถ น่าเอ็นดูจริงๆ

อยากจะลงให้ทุกวัน แต่ติดที่ตัน แหะๆ แต่จะพยายามมาบ่อยๆ นี่ก็นึกอยู่ว่าจะลงไปเรื่อยๆ ดี รึจะรอเขียนจบค่อยลงต่อดี แต่คงอีกนาน เอิ่ม มากกกกก ถถถ

เห็นคนอ่านใหม่ๆ ก็อดจะยิ้มหน้าบานไม่ได้ กอดคนเก่าแน่นๆ รักนะคะคนดีของฉัน แล้วก็ยินดีต้อนรับคนใหม่ๆ สู่ดินแดนของเรานะคะ

ขอบคุณที่แวะมาอ่าน แวะมาให้กำลังใจค่า
#รัก

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#แฟนตาเซีย พี่แกเอาจริงค่ะไม่ได้เล่นๆ 5555  :L2:
#mirage 55555 หวานพอไหมคะ อยากเลี้ยงเหมือนกันค่ะ มันเขี้ยว
#sirin_chadada ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรหรอกค่ะ คิดอะไรซับซ้อนไม่ค่อยเป็น 55555 น่าจะเฉลยในพาร์ทของพี่ไซค่ะ
#suikajang กวนประสาทกันยกแก๊งค่ะ เค้าทำงานกันเป็นทีม 5555
#maekkun  :pig4: :pig4: :pig4: แถมด้วย
#♥►MAGNOLIA◄♥ อยากได้บ้านแบบนี้เหมือนกันค่ะ บ้านในฝัน
#Zetnezz  :L2: :L2: :L2: แถมมม
#MayA@TK ผูกพันกันแน่นหนามากค่ะคู่นี้ ก้อนหินน่าร๊ากกก ใครจะทิ้งลง
#DeShiWa  คนที่นี่รู้มานานแล้วค่ะ ชงกันหนักมาก 55555 ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
#i_Tipz ก้อนดินก็เลี้ยงเหมือนลูกเลยค่ะ ไม่ได้เลี้ยงเหมือนสัตว์เลี้ยงสักนิด
#B52 รุกหนัก รุกจริง นิ่งไม่ได้ค่ะ เดี๋ยวน้องหนีกลับ 55555
#mild-dy  :pig4: :pig4: :pig4: แถม
#duck-ya เดี๋ยวห่อให้ค่ะ 5555
#เพียงเพื่อน 5555555 ฮาชื่อพี่ไซมาก
#angel_Z4 รุกหนักจริงๆ ค่ะ ถถถ กว่าจะได้โอกาส รอมาตั้งนาน
#alternative หลายหัวดีกว่าหัวเดียวค่ะ ช่วยกันดัก ช่วยกันจับ หึๆๆๆ
#Melonlove เอร๊ยยย มาแล้วค่าาาาาาาาา
#papapajimin น้องดินหวงมาก บอกเลย ระวังโดนทุ่มนะคะ 5555
#พิศตะวัน  :hao3: :hao3: :hao3:
#•♀NoM!_KunG♀• รอมานาน ต้องรุกจริงจังแบบนี้แหละค่ะ เดี๋ยวน้องหนีกลับ
#Robinhood.ha ขอบคุณที่แวะมาอ่านและกำลังใจค่า
#poppycake อยู่กับดินก็ติดนิสัยดินมาค่ะ มองโลกในแง่ดีสุดๆ ถ้าโดนดูแลแบบนี้ ยอมค่ะ เอาไต เอ๊ย เอาใจไปเลยยยย

 :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 10-05-2017 11:32:25
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 10-05-2017 11:37:06
'แม่ครับเขาตีหนู จัดการมันเลยแม่!!'

'แม่จ๋าหนูเจ็บจังเลย กอดหน่อยๆ'

...ถ้าก้อนหินพูดได้คงขี้ฟ้องแลขี้อ้อนน่าดู ฮ่าๆๆ :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 10-05-2017 11:47:49
มีความเป็นคุณแท่สูงมาก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-05-2017 12:33:27
 :mew1:

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 10-05-2017 12:33:53
สงสารก้อนหินอะ

โตไวๆนะจะได้ไม่มีคนแกล้ง

เคยดูหนังอยู่เรื่องหนึ่ง

มังกรโตเร็วมากๆ

และต่อมาก็พ่นไฟได้

เรื่องเอรากอน..นะคนแต่ง

หาดูเผื่อเอามาปรับใช้กับก้อนหินได้บ้าง

ติดตามเสมอจ้า...

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 10-05-2017 12:43:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 10-05-2017 12:50:43
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-05-2017 13:23:59
อะไรคือการสปอยล์ลูกมังกรขั้นสุด??

ครอบครัวไซเลอร์อบอุ่นมาก ดูเหมือนทุกคนจะรู้ว่า ไซเลอร์รอก้อนดินมานานมาก

ท่านร็อตเท่ห์มาก อยากจิพุ่งไปซบอกออดอ้อนขอความเป็นธรรมบ้าง อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 10-05-2017 13:39:49
ดินมีความสปอยก้อนหินตั้งแต่เด็กแบบนี้ โตไปเห็นแววเอาแต่ใจมาเลย 555

แต่ให้อภัยเพราะความขี้อ้อนนี่แหละ น่ารักกกก.  :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-05-2017 14:01:08
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 10-05-2017 14:04:59
น่ารักก อ่านกี่ทีก้ยิ้มกับความน่ารักของหิน
ดินก้นะสปอยมากอ่ะ  รักกก
ครอบครัวนี่ก้รักสุดๆ มีเเต่สิ่งดีๆนะ อย่ามาม่าเลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-05-2017 15:59:46
รักก้อนหินจัง น่ารักไปไหน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 10-05-2017 16:13:03
ดินเราขอก้อนหินได้มั้ยเรารักเขาอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 10-05-2017 17:34:13
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-05-2017 20:31:31
มีความหลงก้อนหินสูงมั่กมาก อยากกอด อยากฟัดๆ
 
แม่ค้าขายเนื้อ ก็เมตตา ปรานี ใจดีกับก้อนหิน
ให้เนื้อก้อนหินกิน แทนที่จะขายเอาเงิน

ท่านมอลทีส น่ารัก ใจดี ฝากเงินมาให้ก้อนดินด้วย
แม่ไซเลอร์ทำให้ก้อนดินซาบซึ้งจนร้องไห้เลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 10-05-2017 20:45:47
เอ็นดูก้อนดินของเรา ร้องไห้เลยตอนคุณแม่มากอด
มันไปสะกอดต่อมคิดถึงอ่ะเน้ออออ ^^
แต่ตอนหน้า ก้อนดิน&ก้อนหิน ของเราจะอัพเกรดสินะ รอดูๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Air_Yaoi ที่ 11-05-2017 00:53:57
แหมมมมมม ก้อนดินถ้าจะสปอยส์ก้อนหินขนาดนี้นะ ทีตอนเค้าเป็นไข่ล่ะจะกินเค้านะ 55555555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 11-05-2017 15:57:12
น่าจะจับทุ่มอีกหลายๆที่ :fire:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 11-05-2017 21:11:14
 :กอด1: ได้เจอครอบครัวอบอุ่นแล้วนะน้องดิน อย่าไปไหนเลย ที่นี้มีแต่คนรักอะ  :mew1:
สรุปเรื่องนี้ก้อนหินคือพระเอกของเรา พ่อไซ กะแม่ดินปล่อยให้เค้ารุก เขาเขินกันไปตามเรื่อง
แต่น้องหินจ๋า ตะเองอะน่ารัก น่าหยิก น่าฟัด โอ๊ย.....เก๊าอยากได้ไว้สักตัวอะ  :L1:
อยากได้ ๆๆๆๆ  :ling1:

แอะ แอบคิดถึงคุณไฟด้วยอะ ป่านนี้จะเป็นอย่างไร... แมะมาเป็นเพลงเลย อิอิ
น่าสงสารอยู่หรอก แต่อย่างว่าแหละ มีไว้แล้ว รู้ตัวช้า รู้ว่าสำคัญในวันที่เสียไป เฮ้ย...

มาลุ้นกะภาระกิจพิชิตใจดินกันต่อ  :katai2-1: 
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 11-05-2017 23:46:02
ก้อนหินเป็นแมวกรชิมิ อ้อนเก่ง. อัศจรรย์แฟนตาซี
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Melonlove ที่ 12-05-2017 11:03:47
เดี๋ยวๆก้อนหิน คือมังกรแน่หรือ !! ทำมัยมันอ้อนเก่งอย่างเน้  มีความอยากได้ อยากเลี้ยง :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 12-05-2017 12:31:14
ดินนนนนนนนนนน ขอก้อนหินให้เราเถอะ จะเลี้ยงดูอย่างดีเลยยยยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 13-05-2017 04:56:02
สนุกค่ะ มีความรู้สึกว่าอ่านไม่จุใจ ตอนสั้นจัง อยากให้เพิ่ทอีก 555 มีความโลภในตัว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 13-05-2017 08:28:43
ก้อนหินน่ารัก ช่างอ้อนด้วย ก้อนดินจะไม่รักก็แปลกล่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #ตอนที่ 13 ทุ่ม (10/5/60) P.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 14-05-2017 12:28:47
ชอบน้องดินกับหินมึนมาก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 15-05-2017 13:47:39
บทที่ 14 ฝึก

ผมมานั่งที่ศาลาริมน้ำตั้งแต่เช้ามืด เมื่อวานหลังกลับจากตลาด ผมก็บอกกับไซเลอร์ว่าผมพร้อมที่จะฝึกแล้ว ถึงทุกคนจะบอกให้พักให้หายเหนื่อยก่อน แต่ผมก็ยังยืนยันคำเดิม เพราะอยู่เฉยๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร อีกอย่างผมไม่อยากเป็นภาระของใคร และอยากจะแกร่งขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นจุดอ่อนของก้อนหินด้วย

ผมมีความเชื่อว่าคนเราต้องพึ่งพาตัวเอง เพราะไม่มีใครคอยอยู่กับเราได้ตลอด 24 ชั่วโมงหรอก ถึงผมจะพอมีฝีมืออยู่บ้าง แต่ก็อ่อนซ้อมมานาน เพราะก่อนหน้านี้ต้องดูแลย่าและอ่านหนังสือเตรียมสอบอย่างหนัก

ถ้าเทียบกันแล้วฝีมือของผมยังสู้กับพวกที่เจอในป่าไม่ได้เลย ยิ่งกับแก๊ง F5 ยิ่งเทียบกันไม่ติด ถ้าเจอกับคนที่เก่งมากๆ ต้องลำบากแน่ๆ ไม่ว่าอะไรก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ต้องระวังเอาไว้ก่อน กันไว้ดีกว่าแก้ ผมไม่อยากมานั่งเสียใจในภายหลัง

แต่มันก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เลยทำให้ตื่นไวกว่าปกติ ผมก้มลงมองก้อนหินที่ยังนอนหลับอยู่บนตัก จะทิ้งมันไว้ในห้องก็กลัวมันตกใจอีก เลยต้องเอาออกมาด้วยแล้วมานอนหลับต่ออย่างที่เห็น ผมมองสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ เห็นแล้วนึกถึงเรื่องแม่นาคพระขโนงที่แม่นาคมารอพี่มากที่ท่าน้ำทุกวันเลย

ส่วนผม... ต่อไปก็คงต้องมารอพี่ไซที่ท่าน้ำทุกวันเหมือนกัน ฮ่าๆๆ อยู่เงียบๆ ก็ชักจะฟุ้งซ่านวุ้ย งั้นร้องเพลงดีกว่า  เพลงอะไรดีหว่าที่มันเข้ากับบรรยากาศตอนนี้ อืม... ต้องเพลงนี้สินะ

          โอ ละ เห่ โอ้ โอ๋ ละ หึก   
          ดวงใจคนดี ลูกจ๋า
          ดึกแล้วหนา แสงดาวสว่างไสว   
          ดวงใจ อย่ากวนแม่เลย
          
          พี่มากเอย หัวอกเมียร้าว   
          อาวรณ์อาลัย ร่ำหา
          พี่ร้างไป ไม่เคยเป็นห่วงเป็นใย   
          มาเยียวมายา มากจ๋า
          
          โอ ละ เห่ โอ้ โอ๋ ละ หึก   
          นอนเสียจงนอน ลูกจ๋า
          พอพ่อมา แล้วแม่จะปลุก   
          ลูกน้อยกลอยใจ ตื่นเอย


อูย... ร้องเองขนลุกเองจนต้องลูบแขนตัวเองเบาๆ มันเป็นเพลงที่ย่าใช้ร้องกล่อมนอนตอนเด็กๆ ครับ มันเลยติดหู ติดความทรงจำมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนเด็กๆ ฟังทีไรต้องรีบนอนทันที ไม่ใช่ว่าง่วงนะ... หลอน T-T

ว่าแล้วก็ลูบแขนตัวเองอีกที

“ก๊าส”

อ้าว! เฮ้ย! กูร้องเพลงกล่อมลูก ไม่ใช่เพลงปลุกลูกนะหิน มึงจะตื่นมาทำไมฮึ

มันลุกขึ้นมานั่งเอาหลังมือขยี้ตา เงยขึ้นมองหน้า แล้วร้องเหมือนจะบ่น

“ก๊าสสส”

“โทษๆ หนวกหูเหรอ”

“ไม่หรอก เพราะดี”

ผมหันขวับไปมองคนพูดจนคอแทบเคล็ด

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ” คิดในใจแต่ดันหลุดไปเฉย

“ตั้งแต่เจ้าเริ่มร้องเพลง” แล้วก็ไม่ทัก มายืนฟังเงียบๆ ทำไม กูอายยยยย

“หึๆ” หึพ่อง อุย ขอโทษครับท่านอลาสกัน ผมลืมตัว

“ทำไมตื่นเร็วจัง” ยังดีที่ยอมเปลี่ยนเรื่อง ไม่งั้นจะกระโดดน้ำหนีอายจริงๆ ด้วย

“มันตื่นเต้นครับ เลยตื่นเร็วกว่าปกติ” ไซเลอร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“ไม่ต้องกังวลไป ข้าก็อยู่ด้วย แล้วพร้อมหรือยัง”

“พร้อมแล้วครับ”
   
หลังจากกินอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว ไซเลอร์ก็พาไปขึ้นมังกรบินออกไป เราออกจากตัวเมืองได้พักใหญ่ๆ ก็เจอกับชายป่า มองเห็นลานกว้างๆ หลายลาน และอาคารมุงหลังคาหลายหลังตั้งอยู่ติดกันบ้าง ห่างกันบ้าง กินพื้นที่กว้างขวางจนแทบจะหมดทั้งป่า

พอมังกรร่อนลงมาที่ลานโล่งๆ ลานหนึ่งก็เห็นชเนาเซอร์ยืนรออยู่แล้ว

“ดินนนนน” พอผมลงจากมังกรก็เดินมาหาแล้วทำท่าจะอ้าแขนกอด แต่โดนไซเลอร์เอามือยันหน้าผากไว้ก่อน

“ดิน ไซเลอร์แกล้งข้า” ถ้าสมน้ำหน้าจะผิดไหม?   

“ไปกันเถอะ” ไซเลอร์บอกก่อนจะแตะแขนผมให้เดินเคียงกันไป ชเนาเซอร์เบ้หน้า แล้วเดินบ่นงึมงำอยู่คนเดียวส่วนมังกรของทั้งคู่ก็แยกไปอีกทางอย่างแสนรู้

ไซเลอร์พาเดินมาถึงโคตรประตูบานหนึ่ง ที่ทั้งใหญ่ทั้งสูง สลักลายมังกรอยู่ที่บานประตูทั้งสองข้าง พอแหงนมองแล้วเมื่อยคอชะมัด แล้วกูจะแหงนทำไม โว๊ะ!

“โรงฝึกมังกร” ไซเลอร์หันมาบอกก่อนจะยื่นมือไปแตะ ประตูก็เปิดออกเอง อื้อหือ ดูไฮโซ มีสแกนลายนิ้วมือด้วย

“มันเปิดด้วยจิต แรงธรรมดาเปิดไม่ออกหรอก” พอเห็นผมทำหน้าสงสัยก็บอก ผมผงกหัวเหมือนจะเข้าใจ ว่าใช้แรงจิต แค่ไม่รู้ว่าจิตมันหน้าตาเป็นยังไงเท่านั้นเอง

พอเดินเข้าไปก็เจอทางแยกซ้ายและขวา เห็นร็อตมายืนรออยู่ที่ตรงทางแยกพอดี พอทักทายกันเสร็จร็อตก็บอก

“ส่งก้อนหินมาสิ”

ผมก้มลงมองก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนมันกำลังมองรอบตัวอย่างสนใจ รู้สึกเหมือนพาลูกมาเข้าอนุบาลวันแรกเลยแฮะ รู้สึกเป็นห่วงและกังวลไปหมด มันคงรับรู้ได้เลยพลิกตัวหันหน้ามากอดเอาหัวถูแล้วเงยมองหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร

“โอเคใช่ไหมหิน”

“ก๊าส”

ผมลูบหัวมันเบาๆ ก่อนจะส่งมันให้ร็อต พอรับไปร็อตก็ย้ำให้ผมคลายกังวลอีกที

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี”

“ฝากด้วยนะครับ”

“อืม”

ผมมองร็อตพามันเดินไปทางแยกซ้ายที่ไซเลอร์บอกว่าเป็นทางไปที่สำหรับฝึกลูกมังกร ก้อนหินตะกายขึ้นมาชะโงกหน้าข้ามบ่าร็อตมองผมจนลับสายตา

รู้สึกใจหายชะมัด ตั้งแต่เดินทางร่วมกันมา ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ต้องห่างกันนานที่สุด ไซเลอร์ตบบ่าผมเบาๆ ก่อนจะบอก

“ไปกันเถอะ”

ผมหันไปมองทางที่ก้อนหินเดินไปอีกครั้ง ก่อนจะบอกมันในใจ

เรามาพยายามไปด้วยกันนะหิน



พอออกมาจากโรงฝึกมังกร ไซเลอร์ก็พาเดินไปอีกทาง ชเนาเซอร์ก็ยังคงเดินตามมาเงียบๆ ไม่ได้พูดมากเหมือนปกติ สงสัยจะรู้ว่าตอนนี้อารมณ์ผมไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เดินจนผมเมื่อยขากว่าจะมาถึงประตูบานหนึ่งที่สูงประมาณสามเมตร สลักรูปหมาสามหัวอยู่ที่หน้าประตูทั้งสองฝั่ง พอประตูเปิดออกเดินเข้าไปก็เห็นทางแยกไปฝั่งซ้ายขวาเหมือนเดิม

โฮ่ง!ๆๆ แฮ่! เอ๋ง!

หือ?

“ที่นี่มีโรงฝึกหมาด้วยเหรอครับ”

พรีด!

“ฮ่าๆๆๆๆๆ หึๆๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ โอ๊ย! ปวดท้อง ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมหันไปมองชเนาเซอร์ที่อยู่ๆ ก็หัวเราะลั่นขึ้นมา แล้วกุมท้องลงไปนั่งหัวเราะอย่างงงๆ พอหันไปมองไซเลอร์ก็เห็นทำหน้าบอกไม่ถูกอยู่ข้างๆ มีอะไรน่าขำวะ ผมพูดอะไรผิดเหรอ?

ไซเลอร์ขยับไปยันไอ้คนที่นั่งหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่บนพื้นจนเจ้าตัวหงายเงิบ แต่ชเนาเซอร์ก็ยังไม่หยุดหัวเราะ

เอ่อ... เป็นอะไรมากไหมเนี่ย แดกกัญชาเข้าไปรึไง?

พอเห็นว่าเพื่อนยังหัวเราะไม่หยุด แล้วไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไซเลอร์ก็ถอนหายใจส่ายหน้าแล้วก็เดินนำไปทางแยกซ้ายโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่มเติมเหมือนทุกที ปล่อยให้ผมงงเป็นไก่ตาแตกต่อไป

“ดะ... เดี๋ยวสิ ฮ่าๆๆ รอข้าด้วย”

ยัง... ยังไม่เลิกอีก กูนี่แหละ ยังไม่เลิกงงอีก!

ผมได้แต่เดินตามไซเลอร์ไปอย่างงงๆ ชเนาเซอร์รีบลุกขึ้นวิ่งตามมาแต่ก็ยังไม่หยุดหัวเราะสักที สงสัยจะอาการหนักแล้ว แถวนี้มีโรงพยาบาลรักษาโรคประสาทบ้างไหม? จะพาพี่แกไปรักษา

ไซเลอร์เดินนำไปตามทางเดินแคบๆ ที่ปูด้วยอิฐบล็อกสีแดง เดินไปสักพักก็เจอรูปปั้นหมาสามหัวขนาดใหญ่พอๆ กับเสือตั้งคู่กันอยู่ด้านหน้า มองตรงไปเป็นสวนที่มีทั้งไม้ยืนต้นและไม้ดอกนานาชนิดปลูกไว้อย่างร่มรื่น ไม่มีวี่แววว่าจะถึงสนามฝึกสักนิด

“เฮ้ย!” ผมเผลอร้องเสียงดังก่อนจะรีบเอามือปิดปาก เมื่อเดินผ่านรูปปั้นเข้าไปแล้วด้านในมันต่างกับภาพที่เห็นด้านนอกลิบลับ
ไม่ไกลจากจุดที่เรายืน เป็นลานโล่งๆ กว้างๆ มีคนหลายสิบคนกำลังฝึกการต่อสู้ด้วยอาวุธหลายชนิด มีทั้งฝึกเดี่ยว ฝึกคู่และเป็นหมู่คณะ การฝึกแต่ละประเภทจะมีเขตแดนของตัวเองไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ผมได้แต่ยืนมองอย่างทึ่งๆ ก่อนจะหันไปมองตรงรูปปั้นที่เราผ่านมาก็เห็นเป็นทางเดินตามปกติ จำได้ว่าก่อนมังกรจะร่อนลง เห็นแค่ลานโล่งๆ ไม่เห็นคนสักคน!

ทำใจให้ชินสิดิน สำหรับที่นี่ไม่ว่าอะไรก็ถือเป็นเรื่องปกติตามที่พี่ไซแกว่าไว้นั่นแหละ แต่ก็อดจะตกใจไม่ได้ทุกที ขวัญเอ๊ย! ขวัญมา!

ผมกวาดสายตามองอย่างสนใจ ดูทุกคนตั้งใจฝึกกันอย่างจริงจังไม่มีใครสนใจคนเข้ามาใหม่เลยสักนิด แต่ละคนฝีมือดีมาก ทั้งตั้งรับทั้งรุกกลับอย่างรวดเร็ว ฝีมือน่าจะพอๆ กับกลุ่มของไซเลอร์ ก่อนสายตาจะไปสะดุดกับคู่ของพรีซาและมาสทิฟฟ์ที่กำลังฝึกดาบกันอยู่ พอพรีซาหันมาสบตาผมก็ปัดดาบของมาสทิฟฟ์ออก แล้วเดินตรงมาหาทันที

“มาแล้วเหรอ”

“เอ่อ... ครับ” ผมเผลอถอยหลังอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้เป็นไง อยู่ใกล้พรีซาทีไร รู้สึกเหมือนถูกคุกคามตลอด

“ว่าจะพามาลองฝีมือดาบก่อนเริ่มฝึกจริง” ไซเลอร์ก้าวมาบังพร้อมตอบคำถามไปด้วย

“หึๆ” หัวเราะได้โรคจิตมากรู้ตัวบ้างไหม?

“ให้ฝึกให้เอาไหม” ผมรีบส่ายหัวจนคอแทบหลุด

“เอ่อ... ยะ... อย่าเลยครับ... เกรงใจ”

“ข้าเต็มใจ”

“พรีซา” พอไซเลอร์เรียกเสียงหนักๆ นั่นแหละ พี่แกถึงได้ยอมหยุด ยกไหล่อย่างยียวนแล้วถอยไปกอดอกมองยิ้มๆ แทน

“เอาสิ จะรอดู”

แล้วกูจะก้าวขาออกไหม ถามใจดู


ผมชักดาบออกจากฝักมาเตรียมพร้อม เมื่อคืนไซเลอร์หาน้ำยามาให้เช็ดตัวดาบและแช่ฝักจนดาบสะอาดเอี่ยม ชักออกง่ายกว่าเดิมมาก หมดปัญหาชักยากอีกต่อไป ยี่ห้ออะไรวะ น่าเอาไปให้ป้าๆ เช็ดมีดทำครัวจริงๆ เดี๋ยวๆ ดิน มึงกลับมาก่อน
    
ผมหันไปมองไซเลอร์ที่ชักดาบออกมาเตรียมพร้อม แล้วก็เผลอเหลือบไปมองผู้ชมทั้งสามคนที่จ้องเหมือนจะเข้ามาสิง

โอ๊ย! พี่มึงครับกูเกร็งงงงง

“ดิน”

“ครับ”

“มีสมาธิหน่อย” ผมพยายามรวบรวมสมาธิ

“มองข้า...”

“สนใจข้าแต่ข้าสิ”

“...”

หมดกันสมาธิกู

โอ๊ย! อย่าพูดอะไรแบบนี้หน้าตาเฉยจะได้ไหม ฟังเหมือนไม่มีอะไร แต่ทำไมกูเขิน...

“แค่กๆๆๆ” อะไรติดคอครับ เดี๋ยวเอาดาบแซะออกให้ โว๊ะ! นี่ก็แซวจริง แซวจัง รับจ้างแซวมาเท่าไหร่ เดี๋ยวเปย์ทับเลย จะได้เลิกแซวสักที
   


เกือบครึ่งชั่วโมงผ่านไป...

แฮ่กๆๆๆ

หะ..หายใจไม่ทัน

ไซเลอร์ไม่มีออมมือสักนิด ถึงจะระวังไม่ให้เป็นอันตราย แต่ก็รุกอย่างเอาจริงเอาจัง รุกอย่างหนักหน่วงจนตั้งรับไม่ทัน พอผมพลาดก็หยุดปล่อยให้ตั้งหลักแล้วก็รุกใหม่ทันที ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็โดนปัดดาบทิ้ง แล้วเสียหลักมานอนหงายหมดสภาพอยู่ตอนนี้ 

ตอนนี้รู้สึกอยากเป็นปลา จะได้มีเหงือกไว้ช่วยหายใจ โอ๊ย! พี่มึงครับ จะฆ่ากันใช่ม๊ายยย

ชเนาเซอร์มานั่งอยู่บนหัวแล้วชะโงกหน้ามาถาม

“ไหวไหมดิน” ใกล้เกินไปละ แต่ไม่ต้องเสียแรงปัด เพราะไซเลอร์ผลักจนหงายหลัง แล้วยื่นมือมาให้

“ลุกไหวไหม”

“มะ... แฮ่กๆๆ ไม่ไหว ปล่อยผมก่อน” แล้วก็นอนหอบแฮ่กเหมือนหมาหอบแดดต่อ พอหายใจคล่องขึ้นถึงได้ลุกมานั่งหายใจเข้าออกยาวๆ ต่อไปคงต้องเริ่มออกกำลังกายซะแล้ว ปอดจะได้แข็งแรง เวลาฝึกจะได้อึดกว่านี้ ผมบอกกับตัวเองในใจ

“ไปนั่งตรงร่มไม้ก่อน” ไซเลอร์ส่งมือมาอีกครั้ง ซึ่งผมก็ยื่นจับอย่างไม่อิดออดพอยืนขึ้นได้ก็ปล่อยมือ สงสัยจะเกรงใจสายตาสัมภเวสีที่ยืนส่งสายตาล้อเลียนอยู่แถวนี้ พอผมเดินตามไปถึงใต้ร่มไม้นั่งลงปุ๊บ ไซเลอร์ก็เริ่มเลคเชอร์

“กำลังแขนกับขายังอ่อนอยู่ เคลื่อนไหวไม่เร็วพอ เหนื่อยเร็ว สมาธิไม่ค่อยนิ่ง ที่สำคัญ... ใจอ่อน มีโอกาสจะโต้กลับหลายรอบก็ไม่ทำ มันอันตรายนะ” ไซเลอร์บอกเสียงดุ

“ก็ข้ากลัวพลั้งมือทำร้ายเจ้านี่นา” ผมอุบอิบบอก เสียงผิวปากก็ตามมา ผมแทบจะกลอกตามองบน พวกนี้นี่ตามติดชีวิตกูจริงๆ
ไซเลอร์เลิกดุแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแทน

“ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นไรหรอก” ว่าแล้วยื่นมือมาจับหัวผมโยกด้วยความเอ็นดู ฮื้อ... ยังไม่ทันได้เขินก็ต้องกลอกตาจริงๆ เมื่อเสียงนกเสียงกาดังมาอีกรอบ

“ค่อยๆ ฝึกไป ยังมีแรงไหวไหม ไปลองทดสอบฝีมือการต่อสู้ด้วยมือเปล่ากัน”

“...”

ผมจะรอดไหม ให้ทาย



ผมเพิ่งรู้ว่านรกมีจริงก็วันนี้...

เหนื่อยมากกกกกกกกกกก แถม ก.ไก่ให้อีกล้านตัว ขานี่เปลี้ยจนอยากจะคลานแทนเดิน พอหายหอบก็ได้แต่นอนหงายมองเพดานแล้วก็หลับตานิ่งๆ หมดแรง หมดสภาพเลยจริงๆ เหงื่อเปียกชุ่มยันกางเกงใน แบบนี้สินะที่เรียกว่าอาบเหงื่อต่างน้ำ ดีหน่อยที่โรงฝึกนี้อยู่ในตัวอาคารมีหลังคากันแดด ไม่งั้นคงแย่กว่านี้

 “ดิน ยังมีชีวิตอยู่ไหม” ชเนาเซอร์มานั่งข้างๆ แล้วเอามือจิ้มแขน โว๊ะ! คนนะครับไม่ใช่ขี้

ผมลืมตามาถลึงตาใส่ ยังจะมีหน้ามาหัวเราะชอบใจอีก นี่ก็ตามจริงๆ ครับ มาสทิฟฟ์กับพรีซาฝึกดาบกันต่อ แต่พรีซาบอกว่าวันหลังจะมาช่วยฝึกให้ แค่ฟังก็ขนลุกแล้ว

ไซเลอร์มานั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ แล้วเริ่มเลคเชอร์

“ฝีมือดีกว่าฝีดาบ ขาดแค่ความเร็วและความแข็งแรง ค่อยๆ ฝึกไปก็แล้วกัน”

“เดี๋ยววันหลังฝึกกับดินด้วยดีกว่า วิธีการต่อสู้แปลกๆ เห็นแล้วคันไม้คันมือ” แค่ไซเลอร์คนเดียวกูก็จะตายแล้ว เห็นใจกันบ้างเถอะ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกัน ไปรับก้อนหินกัน”

ผมตาวาวรีบลุกขึ้นนั่งอย่างไว จนไซเลอร์กับชเนาเซอร์ขำ

“ติดกันจริงๆ เจ้าสองตัวเนี่ย” ชเนาเซอร์แซว

เอ่อ... นี่คนครับไม่ใช่กระต่าย



ผมรีบจ้ำจนแทบจะเดินนำไซเลอร์ไปที่โรงฝึกมังกร พอบอกว่าจะไปรับก้อนหินนี่จากที่เปลี้ยจนแทบจะคลาน ก็รู้สึกมีแรงขึ้นมาทันที ชเนาเซอร์ว่าไม่ผิดหรอก ไม่ใช่แค่มันที่ติดผม ผมก็ติดมันมากๆ เหมือนกัน ส่วนชเนาเซอร์บอกว่าพอเห็นผมฝึกแล้วอยากออกแรง เลยไปหาคู่ฝึกต่อ

พอไปถึงก็เห็นประตูถูกเปิดไว้ ร็อตยังคงยืนอยู่ที่เดิมเมื่อเช้า มีก้อนหินยืนอยู่ข้างๆ พอมันเห็นผม ก็รีบวิ่งมาหาทันที ในขณะที่ผมก็เร่งฝีเท้าก้าวไปหามันเหมือนกัน

ผมนั่งลงอ้าแขนรับมันมากอดแน่นๆ มันก็ยังคงเอาหัวถูอ้อนๆ เหมือนเดิม กอดจนพอใจก็จับมันออกมาสำรวจตามเนื้อตัว

“อื้อหือ! นี่ไปฝึกหรือแช่ปลักมาฮึหิน คลุกโคลนมาขนาดนี้เนี่ย” ตัวมันมอมอย่างกับอะไรดี โคลนแห้งๆ ติดตัวมาเต็มเลย

“ฝึกเสร็จจะให้ไปล้างตัวก็ไม่ยอม รีบตรงมายืนรอตรงนี้ ถ้าไม่ห้ามก็คงวิ่งออกไปหาเจ้าแล้ว” ร็อตฟ้อง

“เป็นยังไงบ้างครับ มันดื้อไหม”

“ก๊าส” มันร้องเหมือนจะประท้วง เลยจับมาฟัดอีกทีด้วยความมันเขี้ยว ตอนนี้เราเลยมอมพอๆ กัน

“ไม่หรอก ทั้งอึด ทั้งฉลาด ทั้งหัวไวกว่ามังกรรุ่นเดียวกันมาก ให้ทำอะไรก็ทำ ยกเว้นไม่ยอมเดินสี่เท้าเหมือนมังกรตัวอื่นๆ แค่นั้นเอง”

“แหะๆ สงสัยมันจะติดไปจากข้า” มันคงจะเลียนแบบผมตั้งแต่ฟักออกจากไข่ โทษนะหิน ทำมึงเสียมังกรเลย

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหา พอโตไปตัวมันจะหนักขึ้น เดี๋ยวก็คงจะเดินสี่เท้าเอง"

“ขอบคุณมากนะครับ”

“อืม”

“ข้าพามันกลับบ้านได้เลยใช่ไหม”

“ได้สิ ที่จริงจะให้พักที่นี่ก็ได้ แต่มันคงไม่ยอมอยู่ห่างเจ้าหรอก” ไม่ใช่แค่มัน ผมก็คงไม่ยอมอยู่ห่างจากมันแน่

“งั้นผมขอตัวนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพามาส่ง”

“อืม”



ผมก้มลงมองก้อนหินที่หลับอยู่ในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู สงสัยจะเพลียจัด พอหันหน้ามากอดแล้วซบกับตัวผมได้ก็หลับไปเลย พอหันไปมองไซเลอร์ก็เห็นพี่แกมองมาด้วยสายตาเอ็นดู แต่ไม่ได้มองก้อนหิน มองผมนี่แหละ

“เอ่อ... ครูฝึกมังกรนี่มีเฉพาะร็อตคนเดียวเหรอครับ” ถามแล้วหันหน้าหนีทันที เลิกมองซะทีเถอะ... มันทำตัวไม่ถูก

“หึๆ” เกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้จริงๆ ขอซื้อไปทิ้งได้ไหม 

“ที่จริงก็มีอยู่หลายคน เพราะต้องฝึกมังกรหลายตัว ทั้งมังกรตัวเต็มวัยที่เพิ่งรับเจ้านาย เจ้านายของมันก็จะเอามาฝากไว้ให้ช่วยฝึกให้ และลูกมังกรที่เกิดจากมังกรที่ถูกเลี้ยงไว้พอจับคู่กันแล้วฟักไข่ออกมา แต่ดูท่าร็อตจะถูกชะตากับก้อนหินเลยอาสาคอยดูแลให้”

“แล้ว... ท่านอลาสกันกับท่านไซรีนทำงานที่ไหนครับ” ผมอยากรู้ว่าคนที่นี่เขาทำงานอะไรกัน เผื่อว่างๆ จากฝึกจะได้หางานทำหาเงินคืนท่านมอลทีสได้บ้าง

“ท่านพ่อเป็นที่ปรึกษาของคิง และเป็นครูฝึกหน่วยพิเศษ พี่ไซรอสก็เหมือนกัน ส่วนท่านแม่ไปช่วยงานของควีน” เอ่อ... งานนี้ผ่าน น่าจะไม่สามารถช่วยอะไรได้

“แล้วเจ้ากับเพื่อนๆ ล่ะ” ผมถามด้วยความสงสัย งานอะไรกันที่ต้องฝีมือดีขนาดนี้

“พวกเราทำงานในหน่วยพิเศษ” งานนี้ก็คงต้องผ่านเหมือนกัน อะไรที่มันพิเศษๆ ก็น่าจะยากเป็นพิเศษด้วย

“อยากหางานทำเหรอ” ทำไมรู้ทันตลอด

“ครับ”

“รอให้การฝึกผ่านไปก่อนนะ แล้วข้าจะช่วยดูให้”

“ขอบคุณมากครับ”

แล้วอยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนที่จะถึงทางออก ไซเลอร์พาผมวิ่งไปหลบฝนที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง ผมเงยหน้ามองฟ้าอย่างหวาดเสียว เอ่อ... ฟ้าจะไม่ผ่าแน่นะ ผมละกลัวจริงๆ ถึงฝนไม่ได้ตกแรงมากและใบไม้หนาพอจะกันฝนได้ แต่ก็ยังมีหยดน้ำทะลุผ่านลงมาถูกตัวได้บ้าง ละอองฝนที่พัดมากับสายลมทำให้ตัวเริ่มจะชื้น

ผมก้มลงมองก้อนหินก็เห็นมันยังคงหลับอยู่ ก่อนจะรู้สึกว่าทุกอย่างมืดลงเมื่อไซเลอร์หันหน้าเข้าหาผม แล้วใช้มือกางผ้าคลุมไว้บนหัวของเราทั้งคู่ ผมเงยหน้ามองผ้าคลุมสีดำสนิทบนหัวก่อนจะก้มลงมาแล้วสบตากับไซเลอร์ที่ดูเหมือนจะมีแววเจ็บปวดขึ้นมาแว่บหนึ่ง สงสัยจะตาฝาด

“ขอโทษนะก้อนดิน” ไม่น่าจะตาฝาดแล้วแหละ เพราะตอนนี้แววตาของไซเลอร์มีแววจ็บปวดชัดเจน

ว่าแต่... เรื่องอะไรล่ะ

“เอ่อ... ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

“ขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องเปียก”

“โธ่! มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าซะหน่อย ใครจะรู้ว่าฝนจะตกจริงไหม” กับเรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

“เดี๋ยวเจ้าจะเป็นไข้” ไซเลอร์ว่าเสียงแผ่ว เหมือนกับเจ้าตัวจมอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

“ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ข้าทั้งอึดทั้งถึกจะตายไป ไม่เป็นไข้ง่ายๆ หรอก” ไซเลอร์ยังคงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่แววตาคู่นั้นกลับดูเศร้าๆ ไม่สดใสเหมือนอย่างที่เคย

เขาเอื้อมมือมาใช้หัวแม่มือมาไล้ใต้ตาอย่างอ่อนโยนจนผมชะงัก เอ... ผมไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย ไซเลอร์เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย อาการแปลกๆ รึว่าจะเมาฝน???

“ก๊าส”

ปึก!

“โอ๊ะ!”

หือ?

ผมก้มลงมองก็เห็นก้อนหินที่ตื่นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันเอาหัวโขกกับท้องไซเลอร์แล้วผละออกมามองตาขวาง    

หิน... มึงเมาขี้ตาเหรอ?

ว่าแต่... ทำไมไม่รู้สึกเลยว่ามันขยับตัวตั้งแต่เมื่อไหร่

ไซเลอร์เอาผ้าคลุมลงมาจึงทำให้เพิ่งรู้อีกอย่างว่าฝนมันหยุดตกแล้ว

เฮ้ย! นี่กูหายใจอยู่รึเปล่าวะ?

ไซเลอร์ยิ้มขำๆ มองก้อนหินด้วยความเอ็นดู แล้วยกมือโยกหัวมันเล่น

“หวงเหรอตัวยุ่ง”

“ก๊าส” แล้วมันก็ขยับหัวหลบมือของไซเลอร์ อ้าปากงับมือที่ยื่นไปหาอย่างไม่พอใจ ทำให้เราสองคนหัวเราะด้วยความเอ็นดู

ดีจัง... กลับมายิ้มได้เหมือนเดิมแล้ว
   



ผมจับก้อนหินเข้าห้องน้ำ จับมันใส่อ่างแล้วหาแปลงนุ่มๆ ขัดเบาๆ เพื่อเอาโคลนออกจากตัวมันให้ ก้อนหินหลับตามพริ้มดูสบายจนน่าหมั่นไส้ พอแกล้งขัดแรงๆ มันก็ลืมตาขึ้นมาประท้วง

“ก๊าส”

“ฮ่าๆๆ โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว”

พออาบน้ำจนสะอาดเอี่ยม หอมกรุ่นไปทั้งตัว ก็เอาออกมาเช็ดตัว แล้วพามันไปที่ชานหน้าบ้านจับมันทาสีเพิ่มเข้าไป เพราะดูเหมือนสีตัวมันจะเริ่มจางๆ ลงบ้างแล้ว สีนี่ดีจริงๆ ทั้งแน่นติดทนนานพอทาไปแล้วดูเนียนและสม่ำเสมอจนน่าเอาไปทาสีบ้าน แต่ถ้าบ้านสีดำทั้งหลังก็คงไม่น่าอยู่สักเท่าไหร่มั้ง

ทาสีเสร็จก็พากันยืนรับลมต่อเพื่อปล่อยให้สีแห้ง

ตอนนี้เราอยู่บ้านด้วยกันเพียงลำพัง เพราะหลังกินข้าวเสร็จ ก็มีคนมาตามไซเลอร์ไป ผมเลยพาก้อนหินกลับบ้านมาก่อน

ผมนึกถึงเรื่องเมื่อตอนเย็นที่ยังติดค้างอยู่ในใจ

ไซเลอร์... เป็นอะไรของเขานะ


    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตั้งแต่ดูแม่นาคพระขโนงมา ชอบเพลงกล่อมลูกเวอร์ชั่นของ "ครูมนัส ปิติสานต์" มากที่สุดเลยค่ะ มันติดหู ติดใจ ติดในความทรงจำ บางทีเงียบๆ ยังเผลอร้องอ่ะ ร้องเองก็ขนลุกเอง แงงงงง  :sad4:

ส่วนพรีซานี่โรคจิตนิดๆ ยิ่งดินกลัวก็ยิ่งชอบแกล้ง นิสัย! 55555 ที่จริงก็ขี้แกล้งกันทั้งแก๊งนั่นแหละ นิสัยอย่างดินน่าแกล้งออกค่ะ คนที่แกล้งแล้วตอบโต้ไม่ได้นี่แกล้งสนุกที่สุด 55555 มีความโรคจิตแข่งกับพรีซา  :laugh:

ก้อนหินมีความหวงก้อนดิน เข้าใกล้ได้ แต่ต้องมีขอบเขตนะคะพี่ไซ หินไม่อนุญาตให้ล้ำเส้น หึๆๆๆ

ส่วนพี่ไซแกจะเศร้าเรื่องอะไรนั้น
.
.
.
ไม่บอก // โดนตบ 55555 รอไปก่อนนะคะ
 :katai5:

ขอบคุณที่แวะมาอ่านและติดตามเช่นเคยค่า
 :pig4: :pig4: :L1: :pig4: :pig4:
กอดดดดดดดดดด

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#พิศตะวัน  :pig4: :pig4:
#angel_Z4 อ้อนหนักมากกกกค่ะ รักตายเลย ฮื้อ อยากเลี้ยงงง
#B52  :impress2:  :pig4:
#ommanymontra  :pig4: :L2: :pig4:
#DeShiWa ขอบคุณมากค่า สัญญาว่ามันจะโตแน่ๆ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ค่ะ 55555 รอก่อนนะคะ
#KARMI  :pig4: :pig4: แถมค่ะ
#maekkun  :pig4: :pig4: แถมด้วย
#alternative ร็อตนี่กับมนุษย์ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่กับมังกรนี่คุยได้ทั้งวันค่ะ
#pandorads เอาแต่ใจแต่กับดินนี่แหละค่ะ แต่ก็ยอมฟังแค่ดินคนเดียวเหมือนกัน หุๆ
#ซีเนียร์  :L2: :pig4: :L2:
#duck-ya น่ารักกันทั้งบ้านค่ะ อยากได้คุณพี่ของไซเลอร์ เอร๊ยยย
#•♀NoM!_KunG♀• จับสตาฟฟ์ไว้ ไม่อยากให้โตเลยค่ะ ถถถ
#Gamemy โดนจับทุ่มแล้วไม่สามารถช่วยได้นะคะ ถถถ
#mild-dy  :pig4: :pig4: แถมค่ะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ ถ้าเจอแบบก้อนหินมาเกาะแผงก็คงพร้อมเปย์เหมือนกันค่ะ แสนรู้ขนาดนั้น 5555
#poppycake แม่ดินตายตั้งแต่หลังคลอดค่ะ ดินเลยไม่เคยได้รับอ้อมกอดของแม่ สงสารน้อง ถถถ
#Air_Yaoi 555555 แถมจะทิ้งเค้าไว้ด้วยเนอะ ทีตอนนี้นี่หลงขั้นสุด
#แฟนตาเซีย ตามด้วยจรเข้ฟาดหางอีกที แง่ม
#suikajang 5555 เป็นสัตว์เลี้ยงในฝันเลยค่ะ อยากได้แบบนี้จะ  :ling1: ส่วนคุณไฟเดี๋ยวจะพาแวะไปดูค่ะ รอไปก่อนนะคะ
#t2007 หนีเที่ยวโลกแฟนตาซีค่ะ ตอนนี้มันร้อนนนนนน
#Melonlove อยากให้สัตว์เลี้ยงอ้อนแบบนี้มั่งค่ะ ฮื้อออ รักตายเลย
#MayA@TK ระวังดินจับทุ่มนะคะ ช่วยไม่ได้นะเออ
#prangasia ขอบคุณที่ชอบค่ะ พยายามเขียนยาวๆ อยู่ค่ะ แต่ได้แค่บางตอน 5555
#Yara เขียนเองยังหลงเองเลยค่ะ ถถถ
#Ryu7801 ดีใจที่ชอบค่า ไว้แวะมาอ่านอีกนะคะ

พยายามเขียนให้ทุกคนอ่านแล้วเห็นภาพในจินตนาการของเราด้วย ไม่รู้จะนึกภาพออกไหม แหะๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 15-05-2017 15:51:48
 :a5: นั้นไง มาสร้างปมให้พ่อไซจนเราอยากเผือกว่าเรื่องไรน้อ เฮ้อ...
กำลังอินแม่ดินกะพ่อไซ ที่กล่อมลูกหินไปรอพ่อไซตรงท่าน้ำไป แหมะเขินทุกการกระทำของพ่อไซจริงๆ
แต่ไหงตอนฝนตกดันมาสร้างดราม่าไว้น้อ อยากเผือกๆ เอ้ยอยากรู้ๆ  :ling1:

 :katai2-1: นู๋หินมีความห่วงแม่สูงลิบ ต้องทำคะแนนดีๆ น้อ  :m20:
 :pig4:  :L2: <<< สำหรับผู้แต่ง  o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 15-05-2017 16:22:29
ไซเลอร์เอ้ยยย หินหวงแม่ขนาดนี้ทำใจเน้อออ
สู้ๆ อดทน ทำดีกะหินไว้ หินจะได้ให้ตำแหน่งพ่อ
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 15-05-2017 16:22:53
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 15-05-2017 16:39:31
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-05-2017 16:44:04
หลงรักมังกรน้อยเพิ่มขึ้นทุกตอนเลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-05-2017 16:58:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 15-05-2017 19:32:01
 :z10:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-05-2017 19:45:32
ไซเป็นอะไรหนอออออออ

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-05-2017 20:45:15
ไซเลอร์ เคยทำอะไรให้ดินเจ็บปวดงั้นสิ
ก้อนหินหวงแม่มากปฏิกิริยาฉับไวมาก ทันทีทันควันเลย
รอวันก้อนดินเข้มแข็ง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-05-2017 21:00:33
หินจะเบี่ยงเบนด้วยมั้ยงะ แบบรักมังกรแบ๊วๆเพศเดียวกันงี้ 5555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-05-2017 21:29:06
แหม่
แนะนำให้พ่อแม่รู้จัก
นอนบ้านเดียวกัน
มาส่งลูก (?) เข้าเรียนด้วยกัน

ชัดเจนเชียวพี่ไซ

ตอนสุดท้ายที่ยืนผึ่งลม เราเห็นภาพคนกับมังกรยืนจังก้าคู่กัน หันหน้าเข้าหาพระอาทิตย์ยามเย็น ส่วนเรามองย้อนแสงไปหาสองตัว(?)นั้น อืม แจ่ม ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 15-05-2017 22:04:41
เหมือนเอาเด็กไปโรงเรียนวันแรก

ยังไงอย่างนั้นเลย...

ว่าแต่พ่อพระเอกทำหน้าเจ็บปวดทำไม

เป็นอะไรเหรอ...สงสัยมากๆ

ปล.รอวันที่ก้อนหินโตนะคนแต่ง

โตมาคงสง่างามมากแน่ๆ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 16-05-2017 00:16:01
โอ๋ๆ เฮียไซ อย่าเศร้าไปเลยนะจ้ะ มา! เดี๋ยวหนูจะร้องเพลงกล่อมลูกปลอบประโลมจิตใจอันหมองเศร้านั้นให้เอง!!// :z6: ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 16-05-2017 07:28:59
เด็กๆไปโรงเรียนวันแรก สภาพเหมือนไปรบ 5555
แต่ทำไมพี่ไซเราข้ามโหมดมาเศร้าล่ะเนี่ย!!
รอติดตามที่ท่าน้ำทุกวันนะเจ้าคะ ^0^
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 16-05-2017 07:42:40
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: kratair ที่ 16-05-2017 11:39:31
เนื้อเรื่องสนุกมากๆค่ะ  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 16-05-2017 13:04:47
อยู่ทีมก้อนหินค่ะ กัดพี่มันเลยลูก อย่าให้เข้าใกล้ดินของเรา  :laugh:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 16-05-2017 18:06:17
หินห่วงแม่ดิน :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 14 ฝึก (15/5/60) P.7
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 17-05-2017 19:27:29
โอ๊ยอยากรู้อ่ะ ว่าพระเอกเราเศร้าเรื่องอะไร  ก้อนดินจะเป็นไรเปล่า?
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 22-05-2017 22:34:29
บทที่ 15 ความแตก

ผมวิ่งออกกำลังกายอยู่ริมน้ำหน้าบ้าน มีก้อนหินวิ่งตามหลังมาติดๆ อย่างกับลูกเจี๊ยบวิ่งตามแม่ไก่ อากาศยามเช้าเย็นสบายทำให้รู้สึกสดชื่นแจ่มใส สมองปลอดโปร่งมาก

หลังจากที่กลับมาจากฝึกวันแรก เช้าวันถัดมาผมก็ลุกไปวิ่งออกกำลังกายเพื่อให้ปอดแข็งแรงขึ้น เวลาฝึกจะได้ไม่เหนื่อยง่าย วันแรกๆ นี่หอบเหมือนหมา แต่หลังๆ มาพอเริ่มชินก็เริ่มวิ่งได้สบายๆ พอเริ่มชินอีกก็เพิ่มระยะทางในการวิ่งให้มากขึ้น เพื่อให้ถึก เอ๊ย! อึดมากกว่าเดิม นอกจากนี้บางวันก็จะบริหารกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายยืดหยุ่นและแข็งแรงพร้อมต่อการฝึกมากขึ้นด้วย

แรกๆ ผมลุกออกมาวิ่งคนเดียว แต่ก้อนหินตื่นขึ้นมาทีไรก็รีบวิ่งมาหาแล้วตกบันไดทุกที ทีหลังเลยต้องอุ้มมันออกมาด้วย แล้วให้มันนอนรอตรงศาลาริมน้ำ พอมันตื่นก็วิ่งมาหา แล้วยืนเอียงคอมองเหมือนสงสัยว่าผมกำลังทำอะไร ก่อนจะวิ่งตามหลังต้อยๆ หลังๆ มาคงจะเริ่มชินเหมือนกัน พอผมตื่น มันก็ตื่นด้วย แล้วก็ลงมาวิ่งพร้อมกันเลย

พอวิ่งจนครบรอบแล้ว ผมก็แกล้งเร่งฝีเท้าขึ้นให้ก้อนหินวิ่งเร็วขึ้นตาม ก่อนจะหยุดกะทันหันจนมันวิ่งมาชนขา แล้วล้มหงายลงกับพื้น

“ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหันกลับมาแล้วนั่งลงหัวเราะขำมันที่ลุกขึ้นมานั่งแล้วร้องประท้อง

“ก๊าส” ร้องเสร็จก็ลุกขึ้นกระโดดพุ่งมาชนจนผมแทบจุก หงายหลังล้มลงนอนบ้าง

โอย! มึงจะฆ่ากูเหรอหิน!

“ก๊าสสส” มันขึ้นมาอยู่นั่งอยู่บนตัวผมทั้งตัว หางกระดิกไปมาเหมือนชอบใจ ผมเลยเอื้อมมือไปจับมันลงมากอดแล้วฟัดกลิ้งไปกลิ้งมากับพื้นหญ้า แล้วหัวเราะอย่างสนุกสนาน พอเหนื่อยกันทั้งคู่ก็นอนหงายปล่อยให้มันนอนซบอยู่บนตัวต่อไป
 
เอ... รู้สึกว่าก้อนหินมันหนักขึ้นแฮะ

“หิน... มึงอ้วนขึ้นรึเปล่าเนี่ย”

“ก๊าส” มันกระดิกหางแล้วเงยหน้าขึ้นจากตัวผม ผมจับเข้าที่ซอกแขนมันแล้วยกขึ้นดู

“หนักขึ้นจริงๆ ด้วย” ผมจับมันวางให้มันยืนข้างๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิแล้วพิจารณาตัวมัน

“หือ... ดูจะสูงขึ้นด้วย โตขึ้นรึเปล่าเนี่ย” ผมตาวาวอย่างยินดี

“ก๊าสสส” น้ำเสียงเหมือนจะอวดๆ น่ามันเขี้ยวจนอยากจะฟัดอีกที

“ดูแต่ตาเปล่ามันดูไม่ออกอ่ะ... เอายังไงดีหว่า”

“เออ.... วัดส่วนสูงไว้ดีกว่า มานี่มา”

ผมจับมันขึ้นอุ้ม แล้วเดินกลับไปที่บ้าน หยิบตลับหมึกกับพู่กันเล็กๆ มาหนึ่งอัน เดินกลับลงมาที่หน้าบ้าน แล้วจับก้อนหินวางให้ชิดติดกับเสา ก่อนจะเอาพู่กันแต้มสีขีดเป็นเส้นบนหัว เพื่อวัดส่วนสูงให้มัน ผมมองผลงานอย่างพอใจ

“โอเค... เดือนหน้าค่อยมาดูกันว่ามึงสูงขึ้นจริงๆ รึเปล่า”

“ก๊าส” มันร้องแล้วหันไปมองขีดบนเสาอย่างสนใจ

“ทำอะไรกันอยู่”

ไซเลอร์ที่อยู่ในสภาพตัวเปียกเหงื่อชุ่มไปตัวถามขึ้น สงสัยเพิ่งจะกลับจากฝึก พี่แกขยันมากครับ ถ้าวันไหนไม่มีภารกิจ ทุกเช้าจะตื่นไปฝึกกับหน่วยพิเศษก่อนหนึ่งรอบ ก่อนจะกลับมาอาบน้ำ กินข้าว แล้วก็ออกไปฝึกพร้อมกับผมอีกรอบ

แต่ถ้าวันไหนมีภารกิจ ก็จะให้ผมไปกับท่านอลาสกัน ท่านไซรีนหรือไม่ก็พี่ไซรอส ถ้าคนในบ้านไม่ว่างก็จะให้เพื่อนๆ คนอื่นมารับผมไปที่โรงฝึกแทน ทำอย่างกับผมเป็นเด็กอนุบาล ต้องมีคนไปรับไปส่ง โธ่! วันไหนที่เป็นวันพักของผม ผมก็จะอยู่บ้าน เข้าไปช่วยงานในครัวบ้าง ช่วยทำสวนบ้าง จนโดนท่านไซรีนบ่นประจำ ก็มันน่าเบื่อนี่ครับ บางทีไซเลอร์กับเพื่อนๆ ไปทำภารกิจหลายวันก็ยิ่งรู้สึกว่าบ้านมันเงียบๆ เหงาๆ พิกล เลยหาอะไรทำแก้เบื่อบ้าง

“วัดส่วนสูงให้ก้อนหินครับ เหมือนมันจะสูงขึ้นแต่ข้าไม่แน่ใจ เอ่อ... ลืมขออนุญาต ข้าขีดหมึกตรงเสาเลอะไปแล้ว แหะๆ”

“ที่นี่ก็เป็นเหมือนบ้านของเจ้า อยากจะทำอะไรก็ทำได้เลยไม่ต้องขออนุญาตหรอก”

“ขอบคุณครับ” ผมได้แต่บอกขอบคุณเบาๆ แล้วหลบสายตาอ่อนโยนคู่นั้นมามองก้อนหินแทน

หลังจากวันนั้นมาพี่แกก็ดูเป็นปกติดี ไม่มีอาการแปลกๆ อะไรให้เห็นอีก สงสัยวันนั้นจะเมาฝนจริงๆ

“วิ่งเสร็จหรือยัง ไปอาบน้ำแล้วไปทานอาหารกัน เห็นท่านแม่บอกว่าทำของโปรดของเจ้าด้วย” ไซเลอร์ก้มลงจับหัวก้อนหินโยก

“หิวรึยังหือตัวยุ่ง”

“ก๊าส” มันขยับตัวหลบมือของไซเลอร์ แล้วแกล้งอ้าปากงับมือเล่น ไม่โดนหรอกครับ แค่งับๆ ลม รู้สึกเหมือนจะเป็นวิธีเล่นของทั้งคู่ เพราะเล่นกันแบบนี้ประจำ เห็นแล้วอดจะอมยิ้มไม่ได้ทุกที



หลังจากส่งก้อนหินเข้าโรงฝึกมังกรเรียบร้อยแล้ว ผมกับไซเลอร์ก็มาที่โรงฝึกตามปกติ แต่ละวันผมต้องฝึกทั้งดาบทั้งการต่อสู้มือเปล่าอย่างหนักตั้งแต่เช้าจนพระอาทิตย์ตกดิน แต่การวิ่งออกกำลังกายช่วยได้มาก เพราะมันทำให้ปอดขยาย ไม่เหนื่อยง่ายเหมือนแต่ก่อน

ปกติผมจะฝึกกับไซเลอร์เป็นหลัก ถ้าไซเลอร์ไม่ว่างคนในแก๊งที่เหลือก็จะสลับกันมาฝึกให้ (ที่จริงชอบมาหาเรื่องแกล้งผมมากกว่าครับ ไซเลอร์ไม่อยู่ทีไรโดนแกล้งตลอด ฮึ่ย!) แต่จะเจอชเนาเซอร์บ่อยกว่าคนอื่น สงสัยจะว่างงานจัด พรีซากับมาสทิฟฟ์นี่ชอบมาพร้อมกัน ส่วนร็อตนานๆ จะเจอทีเพราะชอบไปฝึกมังกรมากกว่า วันไหนว่างพร้อมกันก็จะมากันยกแก๊ง แต่ถ้าวันไหนมีภารกิจทั้งแก๊ง ผมก็จะไปฝึกกับคนอื่นๆ แทน ตอนนี้รู้จักกันเกือบทุกคนแล้วครับ แต่ละคนใจดีมาก แต่ตอนฝึกนี่โหดสัสกันทุกคน เอาจริงเอาจังเหมือนจะฆ่าให้ตายกันไปข้าง ฝีมือผมเลยก้าวหน้าขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย


 “ดิน”

พอผละตัวออกจากการปะทะฝีดาบกับไซเลอร์ ยังไม่ทันได้หายเหนื่อยผมก็ได้ยินเสียงคุ้นหูเรียก พอหันไปดูก็เห็นร็อตทำหน้าเคร่งเครียดยืนอุ้มก้อนหินที่มีผ้าพันแขนมันไว้อยู่

“หิน!” ผมร้องอย่างตกใจแล้วรีบวิ่งไปหา

“เกิดอะไรขึ้น มันบาดเจ็บเหรอครับ เป็นอะไรมากรึเปล่า เจ็บมากไหมหิน” ผมถามอย่างร้อนรนยื่นมือไปจับผ้าที่พันแขนมันทำท่าจะดึงออกดูแผล

“ก๊าส” ก้อนหินตะปบผ้าที่พันแขนเอาไว้

 “อย่า! ดิน สีมันลอก” ผมชะงักกึก ตัวแข็งทื่อ เข้าใจความหมายในทันที ผมเงยขึ้นมองร็อตที่จ้องมาอย่างจริงจัง หัวใจเต้นระทึกจนเหมือนจะทะลุออกมานอกอก

“พอจะอธิบายให้ข้าฟังได้ไหม?” ผมเม้มปากแน่น รับก้อนหินมาอุ้มไว้ มันหันมากอด เอาหัวถูตัวผมแล้วเงยขึ้นมองหน้าเหมือนจะปลอบใจ ผมถอนหายใจ หันไปมองไซเลอร์ที่มองปฏิกิริยาของเราอย่างแปลกใจ

“ไปหาท่านมอลทีสกันเถอะครับ”




“ใครเห็นบ้าง” ท่านมอลทีสถามขึ้นหลังจากพาเรามาที่ห้องทำงานห้องหนึ่งในคฤหาสต์ของท่าน ร็อตเปิดผ้าที่พันแขนก้อนหินไว้ออก เผยให้เห็นเกล็ดสีเขียวบริเวณข้อมือของมันขนาดพอๆ กับเหรียญๆ หนึ่ง ซึ่งถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็คงมองไม่เห็น

“ข้าไม่แน่ใจ ตอนที่เรากำลังฝึกอยู่ ท่านคานาริโอและคณะทูตพาแขกที่มาประชุมร่วมกันจากอาณาจักรรุคและอาณาจักรบาอัลมาดูการฝึก ข้ากับครูฝึกบางคนได้รับคำสั่งให้พาแขกไปเดินดูในจุดที่สนใจและคอยตอบคำถาม พอแขกกลับไปแล้ว ข้าก็กลับไปหาก้อนหินที่เดิมที่ปล่อยให้มันฝึกอยู่กับเพื่อนๆ พอไปถึงก็เห็นมังกรตัวอื่นๆ ยืนล้อมมันไว้ จะแหวกเข้าไปก็ไม่ได้ เพราะไอ้พวกตัวเล็กที่ไม่เคยดื้อมาก่อนมันไม่ยอม จนก้อนหินร้องขึ้นมาแล้วเดินออกมาเองนั่นแหละมันถึงได้ยอมแหวกทางให้ แต่พอเห็นก้อนหินซ่อนแขนไว้ข้างหลัง ข้าตกใจกลัวมันได้รับบาดเจ็บก็เลยจับแขนมันมาดู ก็เป็นอย่างที่เห็น เลยรีบเอาผ้ามาพันแขนมันไว้แล้วพาไปหาก้อนดินนี่แหละครับ”  ตั้งแต่เจอกันมานี่น่าจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่ได้ยินจากปากร็อตเลย

 “คณะทูตอย่างงั้นเหรอ” ท่านมอลทีสทำหน้าครุ่นคิด ก่อนที่จะหันมามองก้อนหินที่นั่งอยู่บนตักผมนิ่งๆ แล้วเงยหน้ามามองผมที่มีสีหน้ากังวล

“มาถึงตอนนี้แล้วก็คงต้องให้รู้กันแล้วละ จะได้ช่วยคุ้มกันก้อนหินกับก้อนดินให้มากขึ้น เพราะไม่แน่ใจว่ามีใครเห็นบ้าง ถ้าเป็นคนดีก็แล้วไป แต่ถ้าคนที่มีเจตนาร้ายจะได้ป้องกันได้ทัน เดี๋ยวข้าจะปรึกษาคิงและควีนก่อนว่าควรจะบอกใครบ้าง จะได้ช่วยกันวางแผนว่าจะเอายังไงต่อไป” ท่านมอลทีสหันไปมองร็อตกับไซเลอร์ที่มองตอบท่านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“รู้ใช่ไหมว่าก้อนหินเป็นอะไร”

“ทราบครับ จำได้ว่ามีสอนในวิชาประวัติศาสตร์พื้นฐานของเคลเบรอส” ไซเลอร์ตอบ

“แต่ไม่คิดว่าจะเจอตัวจริง” ร็อตต่อและมองก้อนหินนิ่งๆ

“เจ้าเล่าให้ร็อตกับไซเลอร์ฟังไปก่อนก็ได้ เพื่อนอีกสามคนของเจ้าก็บอกได้ ข้าอนุญาต ข้าไว้ใจในตัวลูกศิษย์ของข้า” ท่านมอลทีสหันมาบอกผม ไซเลอร์เคยเล่าให้ฟังว่าท่านมอลทีสเป็นอาจารย์ของพวกเขาด้วย

“ครับ” ผมรับคำ

แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็ได้ยินเสียงเคาะประตู แล้วก็ได้ยินเสียงพี่ไซรอสดังมาจากด้านนอก

“ขออนุญาตครับท่านมอลทีส ข้ามีเรื่องด่วนมารายงาน”

“เข้ามาได้”

พี่ไซรอสเดินอย่างเร่งรีบเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด พอเห็นพวกเราก็ชะงัก ก่อนจะทำความเคารพท่านมอลทีสแล้วเอ่ยต่อ

“คิงให้มาเชิญท่านมอลทีสไปพบด่วนครับ”

“อืม เฮ้อ! เริ่มแล้วสินะ” ท่านมอลทีสตอบรับ คำหลังพึมพำเสียงเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

“พวกเจ้ากลับไปก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะเรียกมาคุยอีกที ไปกันเถอะไซรอส”

“ครับ” พวกเรารับคำพร้อมกัน ก่อนจะคำนับท่านมอลทีสที่รีบเร่งเดินจากไป




ผมนั่งหูลู่หางตกอยู่ที่โต๊ะรับแขกในเรือนวสุธา ต่อหน้าแก๊ง F5 ที่นั่งหน้าสลอนฟังเรื่องที่ผมเล่าอย่างตั้งใจกันพร้อมหน้าพร้อมตา พอเล่าเรื่องทั้งหมดจบ ผมก็หันไปสบตาคนที่อยู่ด้วยกันแทบทุกวันด้วยความรู้สึกผิด ถึงจะมีความจำเป็น แต่ก็อดจะรู้สึกผิดไม่ได้ กลัวจะหาว่าไม่ไว้ใจ กลัวจะถูกโกรธ กลัวจะไม่เข้าใจเลยเอ่ยขอโทษเสียงละห้อย

“ขอโทษนะไซเลอร์ที่ข้าปิดบังมาตลอด” ไซเลอร์หันมายิ้มให้อย่างที่เคยจนผมใจชื้นขึ้น

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าเจ้าใจ แค่เจ้ายังอยู่ตรงนี้ ข้าก็พอใจแล้ว เรื่องอื่นไม่สำคัญเลย”

“อะแฮ่ม แค่กๆๆ” อยากจะกลอกตามองบนจริงๆ ยังไม่วายจะแซวกันอีก แต่รู้สึกว่ามีความผิดติดตัวอยู่เลยไม่กล้าออกอาการอะไรนอกจากทำหน้าหงอยๆ แล้วขอโทษอย่างจริงจัง

“ขอโทษนะครับ” ผมหันไปสบตาทุกคนอย่างรู้สึกผิด โดยเฉพาะร็อตที่เป็นคนคอยดูแลก้อนหินให้

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าก็เข้าใจเหมือนกัน ที่จริงก็สงสัยมาตั้งแต่ต้นแล้วละ เพราะจากที่สังเกต ลักษณะของก้อนหินไม่เหมือนมังกรดำที่เคยเลี้ยงมา ปกติมังกรดำจะโตเร็วกว่ามังกรขาว แต่นี่มันแทบจะไม่โตขึ้นเลย หางก็ไม่เหมือนมังกรทั่วไป ต่อให้ฝึกหนักล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนก็ไม่เคยเป็นแผล ทั้งฉลาด ทั้งแสนรู้มากกว่ามังกรรุ่นเดียวกัน ถึงจะเก่งแต่ก็ไม่เคยรังแกตัวอื่นๆ แถมยังคอยปกป้องตัวที่อ่อนแอกว่าด้วย” ร็อตตอบในขณะที่คนอื่นๆ ก็พยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้มีแววโกรธเคืองอะไร ทำให้ผมยิ้มออกมาได้

ฟังแล้วก็อดจะภูมิใจในตัวมันไม่ได้ ตั้งแต่ร็อตบอกว่ามันแข็งแรงและเก่งขึ้น ผมก็สอนไม่ให้มันรังแกสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอกว่า ว่าแล้วก็ชักอยากจะไปดูว่าเขาฝึกมังกรกันยังไงถึงขนาดต้องลุ้มลุกคลุกคลาน แต่อย่าดีกว่า ถ้าเกิดไปดูแล้วเห็นมันล้มผมคงทนไม่ไหวไม่ยอมให้มันไปฝึกต่อแน่ ปล่อยให้มันได้ฝึกให้แข็งแกร่งขึ้นจะได้ปกป้องตัวเองได้จะดีกว่า

“แต่ข้าสงสัย ลุงเซเรสบอกว่าสิ่งที่จะทำให้สีจากเปลือกไม้นี่หลุดออกได้คือน้ำมันที่สกัดจากดอกสโนว์
ฟ็อกซ์อย่างเดียวเท่านั้น ในโรงฝึกมันต้องใช้ด้วยเหรอครับ” ผมหันไปถามร็อตด้วยความสงสัย

“ไม่มีนะ” ร็อตนึกสักพักก่อนจะตอบ

“แล้วมันมาได้ยังไง แล้วไปโดนแขนก้อนหินได้ยังไง” ผมจับก้อนหินขึ้นมาตรงหน้าแล้วจ้องตามัน

“เล่ามาซิหิน พูด!”

“ก๊าสสส” มันยื่นแขนข้างที่สีลอกมาให้ แล้วคิดว่ากูจะเข้าใจไหม ว้อยยยย! ตอนนี้อยากได้วุ้นแปลภาษาจริงๆ ให้ตายสิ!

“น้ำมันจากดอกสโนว์ฟ็อกซ์เหรอ” พรีซาทำหน้าครุ่นคิด

“ที่จริงพ่อค้าน้ำหอมนิยมเอามาเป็นส่วนผสมของน้ำหอม เพราะจะทำให้น้ำหอมมีกลิ่นติดทนนาน แต่เพราะมันออกดอกเฉพาะช่วงหน้าหนาวบนหิมะที่ภูเขาไฟไวเวิร์นปีละครั้งเท่านั้น จึงเป็นของหายากและราคาแพง มีแต่พวกชนชั้นสูงเท่านั้นแหละที่จะมีกำลังซื้อมาใช้ได้” ผมหันไปมองพรีซาอย่างสงสัยว่าทำไมถึงได้รู้เรื่องน้ำหอมดีจัง ที่บ้านเป็นเอเย่นต์ค้าน้ำหอมเหรอ?

“ท่านแม่กับพี่สาวข้าชอบใช้ แถมยังคลั่งไคล้น้ำหอมมากด้วย มีทุกกลิ่น ไปซื้อทีไรชอบลากข้าไปด้วยทุกที” พรีซาอธิบายต่อ เมื่อเห็นสีหน้าของผม

ผมก้มหน้าลงไปดมแขนที่ก้อนหินยื่นมาให้

“มีกลิ่นหอมจริงๆ ด้วยครับ”

“ก๊าส” อ้อ... เข้าใจละ ที่ยื่นมาให้นี่คงตั้งใจจะให้ดมสินะ ผมลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู พรีซาขยับมาจับแขนมันขึ้นดมบ้าง

“กลิ่นดอกไอริส” พรีซาบอกด้วยสีหน้ามั่นใจ

“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสืบต่อว่าน้ำหอมกลิ่นนี้เป็นของใคร ข้าได้ยินจากท่านพ่อว่าอีกไม่กี่วันการประชุมก็น่าจะสิ้นสุด แขกจากทั้งสองอาณาจักรก็คงจะเดินทางกลับเลย ถ้าเป็นคนของอาณาจักรอื่นเราจะตามสืบต่อลำบาก” มาสทิฟฟ์ว่า

“แยกย้ายกันสืบดีไหม เผื่อจะได้เรื่องเร็วขึ้น” ไซเลอร์เสนอขึ้นมา

“ตกลง” ดูเหมือนว่าทุกคนจะเห็นด้วยเลยรับคำอย่างพร้อมเพรียง

“ว่าแต่นอกจากพวกเราแล้วมีใครรู้เรื่องก้อนหินอีกบ้าง” พรีซาถามขึ้น

“จากที่ฟังท่านมอลทีสพูด ก็น่าจะมีแค่คิงกับควีนที่รู้เรื่องนี้ คนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้น่าจะยังไม่มีใครรู้หรอก” ไซเลอร์ตอบ

“เห็นท่านมอลทีสบอกว่าจะปรึกษากับคิงและควีนก่อนว่าควรจะให้ใครรู้เรื่องนี้บ้าง จะได้วางแผนคุ้มครองก้อนหินกับก้อนดินให้ดีกว่านี้” ร็อตต่อให้

“งั้นตอนนี้เราคงต้องทำหน้าที่คุ้มกันทั้งคู่ไปก่อน ต้องไม่ปล่อยให้ก้อนหินกับก้อนดินอยู่ตามลำพัง ควรจะมีเราคนใดคนหนึ่งอยู่ด้วยตลอด ตกลงตามนี้นะ” มาสทิฟฟ์เสริม

“ได้” เสียงรับคำอย่างพร้อมเพรียงกันของแก๊ง F5 ทำให้ผมทั้งรู้สึกซาบซึ้งและอุ่นใจ

“ขอบคุณมากนะครับทุกคน” ผมรู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่หลงมาที่นี่ เพราะคนที่นี่ดีกับผมมาก ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่พี่น้อง ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ผมก็ได้รับการดูแลอย่างดีมาโดยตลอด ทำให้ผมอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข และเริ่มรู้สึกว่าถ้าต้องอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะน้องดิน เดี๋ยวข้าจะปกป้องเจ้าเอง” ชเนาเซอร์อ้าแขนทำท่าจะขยับเข้ามากอด แต่ไซเลอร์ดึงคอเสื้อเอาไว้ก่อน

“ให้มันน้อยๆ หน่อย”

“หึๆ / ฮ่าๆๆๆๆ” คนที่เหลือหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมหันไปสบตากับไซเลอร์ที่ยังคงส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งแล้วยิ้มตอบด้วยความรู้สึกขอบคุณ

ขอบคุณจริงๆ ที่เข้าใจและคอยอยู่เคียงข้างกันเสมอ

“อะแฮ่ม แค่กๆๆๆ” แต่จะไม่ดีก็ตรงเนี๊ยะ! แซวกันจริงโว๊ยยยย!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

พ่อลูกเค้าเล่นกันน่ารักเนอะ 55555  :laugh:
ตอนนี้เขียนแล้วแก้ไปหลายตลบมากค่ะ ได้สั้นๆ แค่นี้เอง ฮือออออออ  :hao5:
ขอบคุณที่แวะมาอ่านและให้กำลังใจค่า  :กอด1:
เจอกันตอนต่อไปนะคะ  :katai5:

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#suikajang อีกหน่อยจะได้เผือกสมใจค่ะ รอไปก่อย มีเรื่องให้เผือกเยอะแยะเลย  :laugh:
#duck-ya ดินของหินค่ะ หินไม่ให้ใคร 555555
#ommanymontra  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
#ซีเนียร์  :L1: :L1: :pig4: :L1: :L1:
#B52 หลงจนไม่กล้าเทน้องหินเลยค่ะ ฮืออออออ
#mild-dy ขอบคุณเช่นกันค่า  :pig4: :กอด1: :pig4:
#แฟนตาเซีย  :katai5: :katai5: :katai5: คลานแข่งกันค่ะ 555555 บ้าไปแล้วววว
#MayA@TK เป็นคนที่เรอทัก วรั๊ยยยยย
#♥►MAGNOLIA◄♥ แวะมาให้กำลังใจดินบ่อยๆ นะคะ คนเขียนจะได้เข้มแข็งด้วย  :impress2:
#•♀NoM!_KunG♀• ตอนนี้ยังเด็กค่ะ หวงแม่อย่างเดียว 555555
#alternative พี่แกเป็นคนชัดเจนค่ะ หนักแน่น มั่นคง ออกตัวแรงมากกกก
#DeShiWa มันมีที่มาค่ะ รอภาคพี่ไซนะคะ หุๆ
#angel_Z4 55555 พี่ไซคงจะหลอนแทนดีใจนะคะ แค่นึกถึงก็ขนลุก แงงงงง
#poppycake ช่วงเปิดเทอมพอดีค่ะ ได้ฟีลมาก เห็นแม่ๆ แต่ละคนหัวปั่นแล้วปวดหัวแทนเลยค่ะ
#พิศตะวัน  :L2: :L1: :L2:
#kratair ขอบคุณมากค่า ฝากน้องดินกับน้องหินด้วยนะคะ  :L2:
#KARMI 55555 ใช่ค่ะ พี่ไซมันร้ายยยย กัดมันเลยยยยย
#Ryu7801 นี่แค่กับไซเลอร์นะคะ กับคนอื่นละก็ หึๆๆๆๆ
#prangasia มันมีเหตุให้เศร้าค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ

รักทุกโคนนนนนนนนนนนน

 
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอไปร้องเพลงกล่อมก้อนหินนอนก่อนนะคะ ฝันดีค่า
:katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 22-05-2017 22:46:25
บังเอิญหรือมีคนตั้งใจทาน้ำหอมใส่หิน :katai1: :katai1: :katai1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: เป็ดอนุบาล ที่ 22-05-2017 23:01:49
แปะไว้เดียวมาอ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-05-2017 23:08:35
ต้องมีคนสังเกตก้อนหิน
แล้วเลยทดลองสีผิวของก้อนหิน
คือคนที่ใช้น้ำหอมกลิ่นไอริส สินะ
แล้วคราวนี้ก้อนหินจะถูกพาไปจากดินมั้ยนะ
แต่จริงๆไม่มีสิทธิ์ เพราะดินเจอก้อนหินก่อน
และเจอนอกอาณาเขตเคลเบอรอสด้วย
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-05-2017 23:15:59
จากชื่อตอนก็คิดว่าเป็นความลับเรื่องนี้ละนะ
ก้อนหินยังคงน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 22-05-2017 23:26:01
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 22-05-2017 23:52:44
หูยย เดี๋ยวนี้พัฒนา มีแกล้งงับเล่นๆด้วย ฉายแววครอบครัวสุขสันต์
แต่แววมาม่าเริ่มมา ฮือออออ ทำไมยิ่งอ่านยิ่งรู้สึกแต่ละตอนสั้นจัง
อ่านได้หน่อยนึงจบตอน สนุกเกินไปสินะ

สู้ๆนะค้าบบ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-05-2017 00:35:16
ความแตกซะละ ต้องรีบฝึกนะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 23-05-2017 00:38:27
น่ารักเสมอต้นเสมอปลายตลอด ก้อนหินของพี่~~
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 23-05-2017 07:27:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 23-05-2017 08:17:54
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 23-05-2017 08:56:22
โชคดีของดินและหินที่ได้มาอยู่กับแก๊งขนปุย

ชอบชเนาเซอร์ อยากได้มาเลี้ยงคู่กับหิน อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 23-05-2017 09:11:20
ไม่ใช่ว่าสาวๆ หรือคนที่อยากจะมากิ๊กกั๊กกะพ่อไซหรอกเน๊าะ <<< มโนไปไกลแระ กลับมาๆ
ยังไงน้องหินก็ยังคงความน่ารักไว้เสมอ แม่ดินสอนไรไว้ทำได้หมด ฉลาด แข็งแกร่ง   :katai2-1:่
สรุปแล้วเรื่องนี้น้องหินเป็นตัวเอก ที่เหลือเป็นตัวปลากรอบ  :katai3: 
เพราะอีกไม่นานต้องมาคนมา ลัก รบ กันแย่งน้องหินแน่ๆ  :ling1: F5 สู้ๆ ดูแลดวงใจของแม่หินกะพ่อไซให้ดีๆ น้อ  :L2:
 :pig4:   :L1:  :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-05-2017 10:00:53
ตอนแรกก็อยากให้คนอื่น

รู้ว่าก้อนหินไม่ใช่มังกรธรรมดา...

แต่ไม่คิดว่าจะมีอันตรายขนาดนี้

ก้อนหินรีบๆโตนะจ้า...

จะได้เก่งๆ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 23-05-2017 11:02:29
ขอก้อนหินไม่ได้เราขอไซเลอร์แทนได้เปล่าอะ  :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 23-05-2017 12:20:03
ก้อนหินสู้ๆ น้องดินสู้ตาย ไซเลอร์ไว้ลาย สู้ตายสู้ๆ หุหุ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-05-2017 12:54:59
 :katai2-1:  ก้อนดิน ก้อนหิน สู้ๆ ก้าสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส   อิอิ   :katai2-1:

 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-05-2017 13:35:27
สีถลอกซะอย่างนั้นเลยก้อนหิน!!!
แค่ปกติ ใครจะเอาน้ำหอมแพงๆมาฉีดให้มังกร...ดูมีเงื่อนงำ =______=

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-05-2017 19:17:30
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 23-05-2017 19:24:30
โอยยยย ชอบก้อนหินจริงๆนะเนี้ยย
ชอบมากๆเลย อยากได้ค่าาาา

อะไรก็ได้ อย่าให้ใครขโมยหินนะ ชั้นขโมยได้คนเดียวว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-05-2017 19:49:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: kratair ที่ 23-05-2017 20:06:07
ก้อนหินน่าร้ากกก :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 15 ความแตก (22/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 27-05-2017 17:09:01
อยากฟัด หิน อ่ะ น่าร้ากกกก :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 27-05-2017 22:04:48
บทที่ 16 พิษรัก

ผมเดินตามหลังพี่ไซรอสมาด้วยอาการขาสั่น มือสั่น เอาจริงๆ สั่นแม่งทั้งตัวและหัวใจยันอวัยวะภายในเลยเถอะ รู้สึกได้เลยว่ามือไม้เย็นเฉียบ หัวใจเต้นรัวจนกลัวจะวายตายห่าไปซะก่อน

สาเหตุที่ทำให้ผมออกอาการตื่นเต้นได้ขนาดนี้เกิดจากเมื่อไม่ถึงชั่วโมงก่อน หลังจากที่เล่าเรื่องทุกอย่างให้แก๊ง F5 ฟังและเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่พูดคุยปรึกษากันอยู่ จู่ๆ ทุกคนก็หยุดพูดพร้อมกันแล้วทำเหมือนตั้งใจฟังอะไรสักอย่าง พอเห็นผมทำหน้าเหมือนหมางง ไซเลอร์ก็บอกว่าได้ยินฝีเท้าคนเดินตรงมาที่บ้าน เลยพากันเดินออกไปยืนรอที่ชานหน้าบ้าน ก็เห็นพี่ไซรอสเดินตรงมาหาแต่ไกล หูย... หูดีชะมัด ไกลขนาดนั้นยังได้ยินฝีเท้าอีก

พอมาถึงก็เห็นว่าพี่ไซรอสมีสีหน้าเคร่งเครียดยิ่งกว่าตอนที่เจอกันที่คฤหาสน์ท่านมอลทีสซะอีก แต่ครั้งนี้ยังมีสีหน้ากังวลและลำบากใจเพิ่มมาด้วย เมื่อเดินมาถึงบันไดหน้าบ้านก็เงยขึ้นมาพูดแบบเข้าประเด็นทันที

“ดิน คิงกับท่านมอลทีสให้ข้ามาเชิญเจ้าไปพบ”

“ห๊ะ!!!” ผมฟังผิดไป ใช่ไหม???

ผมมองหน้าพี่ไซรอสงงๆ ไม่แน่ใจว่าตัวเองหูฝาดไปหรือเปล่า ถึงได้ยินว่าคิงเชิญให้ไปพบ แต่พอหันไปมองคนอื่นๆ เพื่อให้แน่ใจว่าได้ยินเหมือนกันไหม แค่เห็นทุกสายตาที่จ้องมาก็ได้คำตอบว่าฟังไม่ผิด เลยหันไปมองพี่ไซรอสเพื่อขอคำยืนยัน พี่ไซรอสก็ยืนยันอย่างชัดเจน

“ฟังไม่ผิดหรอก คิงของเคลเบรอสขอร้องให้เจ้าช่วยไปพบหน่อย” พี่ไซรอสชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ

“ที่จริงพระองค์จะมาหาเจ้าเองเลยด้วยซ้ำ แต่ท่านมอลทีสบอกให้ทรงรอแล้วให้ข้ามารับเจ้าไปหาที่นั่นเลยจะดีกว่า”

“แล้วคิงต้องการจะพบผมเรื่องอะไรครับ” ผมถามอย่างงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูก รู้สึกกังวลจนเผลอกอดก้อนหินเอาไว้แน่น

“ท่านมอลทีสฝากบอกว่า ไม่ต้องกลัว ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอก แต่บอกเจ้าตอนนี้ไม่ได้ เมื่อเจ้าไปพบแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง”

ผมหันไปมองไซเลอร์ที่มองมาอย่างห่วงใย ไม่รู้ว่าเผลอทำหน้ายังไงไป ไซเลอร์จึงตบบ่าเหมือนจะปลอบใจ ก่อนจะหันไปถามพี่ไซรอส

“ข้าขอไปด้วยได้ไหม”

“ท่านมอลทีสบอกว่าได้ แต่ต้องรออยู่ข้างนอก” พี่ไซรอสหันไปตอบไซเลอร์ก่อนจะหันมาพูดกับผมต่อ

“คิงบอกว่าไม่ได้บังคับนะก้อนดิน เจ้าจะไปหรือไม่ไปก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของเจ้า แต่ทรงขอร้องมา ข้าก็อยากจะขอร้องเจ้าเหมือนกัน ไปพบพระองค์หน่อยได้ไหม”

ผมใจอ่อนยวบตั้งแต่ได้ยินคำว่าขอร้องแล้ว ทั้งๆ ที่ทรงเป็นถึงคิงของอาณาจักร และผมก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่หลงมิติเข้ามาอาศัยในอาณาจักรเท่านั้น พระองค์จะสั่งหรือบังคับให้ผมไปพบเลยก็ได้ แต่ยังทรงให้เกียรติเชิญและยังขอร้องมาอีก ถ้าไม่ไปก็คงเสียมารยาทและใจดำเต็มทน

“ครับ ข้าจะไปพบคิงกับพี่” อีกอย่างในเมื่อท่านมอลทีสรับรอง ผมก็มั่นใจว่าคงไม่มีอะไรให้ต้องกังวลหรอก... มั้ง



ถึงจะบอกว่าไม่มีอะไร...

แต่มันห้ามความตื่นเต้นไม่ด้ายยยยย

ใครมีโอกาสได้พบคิงครั้งแรกแล้วไม่ตื่นเต้น ผมให้เตะชเนาเซอร์เลยเอ้า!

ระหว่างเดินทางผมได้แต่กอดก้อนหินแน่นจนมันร้องแอ่กและเอาหัวโขกประท้วงมาหลายรอบ แต่ก็ยังไม่หายสั่นซะที โอ๊ย! ตื่นเต้นโว๊ย!

พอถึงหน้าตำหนักพี่ไซรอสก็บอกให้คนอื่นๆ รอที่นี่ แล้วให้ฝากก้อนหินไว้กับไซเลอร์ก่อน ผมก้มมองก้อนหินที่หันมากอดเอาหัวถูแรงๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองแล้วร้องเหมือนจะให้กำลังใจ ก็ยิ้มออกแล้วกอดมันกลับแน่นๆ อีกที เหลือบมองแขนที่ทาสีปิดรอยที่ลอกไว้ก่อนจะออกมา สีดูแห้งสนิทดีและกลมกลืนเหมือนสีผิวเดิมก็วางใจ เลยส่งให้ไซเลอร์ ไซเลอร์รับไปอุ้มไว้มันก็ยอมอยู่นิ่งๆ แต่โดยดี 

หลังจากแยกกับไซเลอร์ที่ทำหน้าเหมือนจะส่งผมไปออกรบ (ตามที่ชเนาเซอร์ว่า) จนโดนเพื่อนๆ ที่ขอตามมาด้วยส่งสายตาล้อกันแล้ว ผมก็เดินตามพี่ไซรอสเข้ามาในตำหนักของคิงและควีน หัวใจไม่รักดีก็เริ่มเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ ขนาดอากาศเย็นสบาย เหงื่อยังแตกพลั่กๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มีอาการมากขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะก่อนหน้านี้ยังมีก้อนหินกับไซเลอร์อยู่ใกล้ๆ เลยรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก บางครั้งยังเผลอคิดว่า ถ้ามีก้อนหินกับไซเลอร์อยู่ข้างๆ ต่อให้เจอเรื่องหนักหนาสาหัสขนาดไหนก็ไม่น่ากลัวสักนิด พอนึกถึงคนในความคิดก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้

ผมพยายามระงับความตื่นเต้นด้วยการหายใจเข้าลึกๆ แต่พอพี่ไซรอสพาเดินมุ่งตรงไปที่ประตูบานหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นจุดหมายหัวใจก็ยิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมากกว่าเดิมอีก โอ๊ย! หัวใจ มึงช่วยเต้นช้าๆ ลงหน่อยได้ไหม กูจะตายห่าก่อนจะได้พบคิงเนี่ย!

“ท่านไซรอสมาถึงแล้วครับ” พอเดินเข้าไปใกล้ประตูปุ๊บ คนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ตะโกนรายงานทันที

“ให้เข้ามาได้” เสียงทุ้มหนักแน่นดังออกมาจากข้างใน ทำให้ใจผมเต้นเร็วมากกว่าเดิม พี่ไซรอสหันมาตบบ่าเหมือนจะปลอบใจ

“ไม่ต้องกลัวนะดิน คิงใจดีเหมือนท่านพ่อนั่นแหละ” ผมผงกหัวเป็นเชิงบอกพี่ไซรอสว่าพร้อมแล้ว พี่ไซรอสแตะประตูเบาๆ ประตูก็เปิดออก ผมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติอีกที ก่อนจะเดินตามพี่ไซรอสเข้าไป

พี่ไซรอสบอกว่าห้องนี้เป็นห้องบรรทมของคิงและควีน ด้านในเป็นห้องกว้างๆ และโล่งมาก ทั้งห้องทาผนังด้วยสีเทา มีตู้หนังสือแบบบิวท์อินติดตรงผนังทั้งสองฝั่ง ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายโทนสีขรึมๆ อย่างเทา น้ำตาลและน้ำเงิน  มีโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่สองชุด บนโต๊ะมีหนังสือกับเอกสารกองอยู่เต็มพื้นที่ บนผนังที่ว่างติดแผนที่ขนาดใหญ่ไว้ เหมือนเป็นห้องสมุดมากกว่าห้องนอน พี่ไซรอสพาเดินไปถึงประตูอีกบาน ยังไม่ทันได้เคาะก็ยินเสียงเดิมกับเมื่อครู่ดังออกมาพร้อมกับประตูที่เปิดออกเอง

“เข้ามาได้เลย” พอได้รับคำอนุญาตผมก็เดินตามพี่ไซรอสไป

ผมมองตรงไปที่กลางห้องพบผู้ชายคนหนึ่งยืนรออยู่ใกล้ๆ ท่านมอลทีสตรงหน้าฉากไม้ฉลุลายแบบบานพับคาดว่าน่าจะใช้เป็นฉากกั้นเตียงไว้ง่ายๆ ดูจากรัศมีอำนาจที่เปล่งออกมาจากตัวก็เดาได้ไม่ยากว่าคนตรงหน้าน่าจะเป็นคิงแห่งเคลเบรอส

“ไซรอสถวายพระพรฝ่าบาท” พี่ไซรอสพูดพร้อมทิ้งตัวลงไปคุกเข้าข้างหนึ่ง ก้มหัวลงต่ำแสดงความเคารพ ผมรีบทิ้งตัวลงตามที่ทุกคนเทรนด์มา แต่คงเผลอทิ้งตัวแรงไปหน่อยเข่าเลยกระแทกดังปึก! อูย... อย่างกับโดนไฟช็อต เจ็บเข่าสัดๆ

“รีบลุกขึ้นเถอะ”

เราสองคนรีบลุกขึ้น ผมน้ำตาคลอเบ้า เพราะยังเจ็บเข่าอยู่

“ก้อนดินใช่ไหม”

“เอ่อ... ครับ เอ๊ย! พะยะค่ะ” อันนี้ไม่มีใครเทรนด์มาเพราะรีบ ต้องพูดยังไงวะ!

“ไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์ให้ยุ่งยากหรอก ที่นี่อยู่กันสบายๆ ใช้คำพูดแบบที่เจ้าใช้พูดกับท่านมอลทีสหรืออลาสกันก็ได้” ดูท่าพระองค์จะรู้การเคลื่อนไหวของผมเป็นอย่างดี น่าจะมีคนคอยรายงานอยู่

“ครับ” ผมรับคำ น้ำเสียงที่มีแววปราณีของคิง ทำให้รู้สึกผ่อนคลายขึ้น

“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขออนุญาตไปช่วยท่านพ่อก่อนนะฝ่าบาท กระหม่อมทูลลา”

ผมเหลือบมองพี่ไซรอส รู้สึกเหมือนถูกพ่อเอามาทิ้งไว้ที่โรงเรียนอนุบาลวันแรก พี่ไซรอสยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนจะปลอบใจ ก่อนจะทิ้งตัวลงเพื่อแสดงความเคารพอีกรอบ แล้วเดินออกไป ปล่อยให้ผมก้มหน้ามองพรมเพื่อระงับความตื่นเต้น

“ไหนเงยหน้าขึ้นซิ ไม่ต้องมองมากหรอกพื้นน่ะ มันสะอาดดี มองหน้าข้าดีกว่า น่าดูกว่าพื้นเยอะ”

“...”

“อะแฮ่ม เข้าเรื่องได้แล้วมั้งฝ่าบาท” ท่านมอลทีสที่ยืนฟังเงียบๆ ขัดขึ้น

ผมเงยหน้าขึ้นมองท่านมอลทีส ก่อนจะเผลอหันไปมองคิงที่น่าดูกว่าพื้นอย่างที่ทรงบอกจริงๆ ทรงมีรูปร่างสูงใหญ่ตามมาตรฐานของผู้ชายในอาณาจักร คือสูงอย่างกับยักษ์กับมาร (ไม่รู้จะสูงกันไปไหน) สูงมากกว่าพี่ไซรอสซะอีก ผมสีดำสนิทตัดสั้นเข้ารูปกับศีรษะ ดวงตาคมกริบมีอำนาจสีเดียวกันกับเส้นผม ผิวเข้มคมคร้ามเหมือนคนชอบอยู่กลางแจ้ง ร่างหนาเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนออกกำลังบ่อยๆ (ขอบรรยายแบบไม่ใช้ราชาศัพท์แล้วกันครับไม่งั้นจะยิ่งงงมากกว่าจะเข้าใจ เพราะผมไม่ค่อยถนัดและนึกศัพท์ไม่ค่อยจะออก)

ไซเลอร์เล่าให้ฟังระหว่างทางว่าคิง ‘เกรทเดน’ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับท่านอลาสกัน รวมถึงพ่อแม่ของสมาชิกแก๊งคนอื่นๆ ด้วย อาจจะเป็นเพราะอายุขัยที่มากกว่าคนโลกโน้น หรืออาจจะเป็นเพราะการใช้ชีวิตที่ง่ายๆ สบายๆ จึงทำให้ท่านๆ ทั้งหลายยังคงดูดี แม้จะมีลูกโตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันแล้วก็ตาม ถ้าโกหกว่าเป็นพี่ชายพี่สาวผมก็เชื่ออ่ะคิดดู

“ข้าแค่ไม่อยากให้ก้อนดินเครียด เจ้าก็เห็น เดินตัวเกร็งมาเชียว” เชื่อแล้วว่าทรงใจดี แต่ให้ตายสิ! คนอาณาจักรนี้ทำไมขี้แซวเหมือนกันทุกคน

ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ ให้ ใครไม่เกร็งก็เก่งเกินไปแล้วครับ ผมมองคิงที่ยังคงแซวขำๆ แต่ดวงตามีแววหม่นๆ ขัดกับท่าทาง เป็นเพราะอะไรกัน ผมหันไปมองท่านมอลทีส เหมือนท่านจะรู้ว่าผมคิดอะไร

“สงสัยใช่ไหมว่าคิงกับข้าเชิญเจ้ามาทำไม” เห็นแววตาเคร่งเครียดของท่านมอลทีสแล้ว ผมก็เริ่มจะรู้สึกเครียดตาม

“ข้ามีเรื่องจะรบกวนให้เจ้าช่วยหน่อย ตามข้ามาสิ” คิงพูดแล้วก็เดินนำเข้าไปในฉากกั้น ท่านมอลทีสพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้ผมเดินตามไป แล้วท่านก็เดินตามหลังมา

พอเดินผ่านฉากกั้นเข้าไปก็พบว่ามีคนนอนอยู่บนเตียงที่ปูด้วยผ้าปูและปลอกหมอนสีกรมท่าเรียบๆ แปลกแฮะ เมื่อกี๊เราคุยกันเสียงดังอยู่นะ ทำไมไม่รู้สึกตัว เอ... หรือว่าป่วย?

คิงเดินอ้อมไปอีกฝั่งของเตียงแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง จับมือคนที่นอนอยู่บนเตียงไว้ สายตามองคนที่นอนนิ่งด้วยความอ่อนโยนและห่วงใย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นบอกผม

“นี่คูวาสซ์ ควีนของข้าเอง”

ห๊ะ!!! ผมเกือบจะหลุดอุทานออกมา ยังดีที่ยั้งไว้ทัน มองคนที่นอนบนเตียงอย่างไม่เชื่อสายตา เพิ่งจะรู้ว่าควีนเป็นผู้ชาย!!!! เอาจริงๆ ตั้งแต่มาถึงก็ไม่ได้สนใจเรื่องคิงกับควีนเลย เพราะถือว่าเป็นเรื่องไกลตัว ใครจะคิดว่าจะมีโอกาสได้พบอย่างใกล้ชิดแบบนี้ล่ะ

“แล้ว?” ผมเผลอหลุดถามไปอย่างงงๆ

“ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเช้าพอข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็ปลุกคูวาสซ์ตามปกติ แต่ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ยังหายใจ แค่ไม่ตื่น” ผมหันไปมองท่านมอลทีส

“คนของสำนักแพทย์มาตรวจดูแล้ว บอกว่าไม่เคยเจอใครที่มีอาการแบบนี้มาก่อนเลย ร่างกายไม่มีอาการอะไรผิดปกติทั้งภายนอกภายใน เพียงแค่หลับไป” ท่านมอลทีสถอนหายใจ

“เราสงสัยว่าควีนอาจจะถูก ‘พิษรัก’”

“...”

“แต่มันเป็นพิษในตำนาน เคยได้ฟังเรื่องเล่าว่าเคยมีคนทำขึ้นเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว แม้แต่วิธีทำยังไม่มีใครรู้หรือเคยได้ยินมาก่อนเลย แต่อาการของควีนมันเป็นอาการที่สอดคล้องกับอาการของคนที่โดนพิษรักตามตำนาน ตอนนี้คิงทรงให้แพทย์หลวงไปประชุมกันและหาข้อมูลที่มีอยู่ให้มากที่สุด เผื่อจะรู้วิธีการรักษา ส่วนเบตัน อลาสกัน และไวเลอร์ก็ให้หาคนช่วยสืบทั้งในและนอกอาณาจักร”

“ข้าเรียกเจ้ามาก็เพื่ออยากให้เจ้าช่วยดูว่าที่เราสงสัยนั้นมันจริงไหม เพราะเจ้าได้เรียนเรื่องสมุนไพรกับท่านเซเรสมา เผื่อเจ้าจะบอกได้ว่าควีนเป็นอะไรกันแน่”

“กระหม่อมขออนุญาตตรวจดูหน่อยได้ไหมครับ” คำแทนตัวลอกจากที่ได้ยินพี่ไซรอสพูด เห็นคิงกับท่านมอลทีสไม่ท้วงอะไรแสดงว่าน่าจะใช้ได้... มั้ง

“ตามสบาย” พอได้รับคำอนุญาตจากคิง ผมก็ก้าวไปยืนข้างเตียง โน้มตัวลงไปจับชีพจรที่ข้อมือ

“นั่งลงข้างเตียงเถอะ จะได้สะดวก”

“ขอบพระทัย”

รับคำเสร็จผมก็นั่งลง ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดอะไรมาก อาการของควีนสำคัญกว่าเรื่องอื่น ผมจับข้อมือของควีนขึ้นมาแล้วจับชีพจรก็เต้นสม่ำเสมอดี ก่อนจะกวาดสายตาสำรวจร่างกายภายนอกไปด้วย ดูแล้วควีนน่าจะสูงไม่น้อย ผมสีเงินตัดสั้นแนบศีรษะทรงเดียวกันกับคิง ผิวขาวจัดแต่คงโดนแดดบ่อย เพราะส่วนที่โผล่พ้นเสื้อผ้ามามีสีเข้มกว่าชัดเจน จมูกโด่งเป็นสันสวย ใบหน้าดูมีเลือดฝาด ริมฝีปากสีแดงสดแต้มรอยยิ้มเหมือนคนหลับฝันดี

“เอ่อ...” ผมมองคิงอย่างเกรงใจ

“มีอะไรพูดมาเลย ไม่ต้องเกรงใจ”

“กระหม่อมขอให้ทรงถอดเสื้อให้ดูหน่อยได้ไหม”

“ได้สิ” พูดจบก็ทรงลุกขึ้นปลดกระดุมถอดเสื้อแล้วเปิดออก

อื้อหือ... อย่างที่คิดไว้ ขาวมากจริงๆ เดี๋ยวๆ ดิน สติ! มึงกลับมาก่อน

“ฝ่าบาท เอ่อ... ชะ... ช่วย อ่า ก้มลงไปจะ...จูบควีน นะ... นานๆ หน่อยได้ไหมครับ” ผมบอกด้วยเสียงตะกุกตะกัก ถ้าส่องกระจกคงเห็นว่าหน้าแดงก่ำ ถึงจะฟังดูแปลกๆ แต่คิงก็ให้ความร่วมมืออย่างดีด้วยการลุกขึ้นแล้วขยับไปโน้มตัวลงจูบริมฝีปากควีนเนิ่นนาน ผมจ้องอย่างอึ้งๆ รู้สึกเลยว่าหน้าร้อนผ่าว โอ๊ย! แล้วกูจะเขินแทนทำไม ทำงานสิมึง ทำงานเซ่!

ผมรีบตั้งสติแล้วละสายตาจากภาพหวานๆ ชวนเขินตรงหน้า ไปสนใจสิ่งที่ต้องการมากกว่า ผมจ้องตรงบริเวณตำแหน่งหัวใจของควีน ก็สังเกตเห็นว่าเริ่มมีแสงสีทองเรืองรองจากจุดเล็กๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยายออกจนกลายเป็นรูปหัวใจที่กำลังเต้นเป็นจังหวะ
ผมกับท่านมอลทีสมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง และเมื่อคิงเหลือบมาเห็นก็ตกใจจนเผลอผละออกจากริมฝีปากของควีน ภาพที่เห็นเมื่อสักครู่ก็หายไปทันที

ชัดเจนมาก...

ผมหันไปมองหน้าคิงและท่านมอลทีส แล้วบอกออกไปอย่างมั่นใจ

“เป็นอย่างที่สงสัย ควีนทรงโดน ‘พิษรัก’ จริงๆ ครับ” พอฟังจบคิงก็หน้าซีดเผือด ทรุดตัวลงนั่งเหมือนคนหมดแรง จนผมงงว่าทรงเป็นอะไร เลยหันไปหาคำตอบจากท่านมอลทีส

“ตามที่ได้ฟังมา พิษรักมันยังไม่มียาถอนพิษ ไม่มีใครสามารถรักษาได้”

“...”

“เอ่อ... ถึงวิธีทำยาถอนพิษมันจะยุ่งยากและส่วนผสมมันจะหายากมาก แต่มันก็มีวิธีทำอยู่นะครับ”

“อะไรนะ!!!” ประสานเสียงกันมาเลย คิงก้าวพรวดๆ อ้อมเตียงมาถึงก็คว้าตัวผมลุกขึ้นแล้วจับบ่าผมเขย่าด้วยความยินดี

“เจ้าว่าอะไรนะ มันมียาแก้พิษจริงๆ ใช่ไหม คูวาสซ์มีโอกาสฟื้นขึ้นมาอีกใช่ไหม”

โอ๊ย! ผมคนครับไม่ใช่ยา ไม่ต้องเขย่าให้เข้ากันก็ได้ เดี๋ยวสมองผมเสื่อมไปใครจะรับผิดชอบ!

“คิง” ท่านมอลทีสพยายามเรียกสติ เมื่อเห็นคิงยังคงเขย่าผมไม่หยุด

“คิง หยุดก่อน” ท่านมอลทีสเพิ่มเลเวลขึ้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“เกรทเดน หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” นอกจากเพิ่มเสียงจนแทบจะเป็นตะโกนแล้ว ยังมีฝ่ามือพิฆาตช่วยตบหลังเรียกสติคิงดังตุบ! คาดว่าคิงคงจุกเลยหยุดเขย่าในทันที

ไซเลอร์เคยเล่าให้ฟังว่าท่านมอลทีสเคยเป็นอาจารย์มาตั้งแต่รุ่นของพ่อๆ ด้วย คิงและควีนเคารพและสนิทกับท่านมอลทีสมาก ตอนนี้เชื่อแล้วว่าสนิทกันจริงๆ ไม่งั้นคงไม่กล้าเรียกชื่อเฉยๆ และตบหลังแรงๆ แบบนี้หรอก

พอคิงปล่อยมือ ผมก็เผลอถอยก้าวถอยหลังไปหน่อย กลัวโดนจับเขย่าอีกรอบ ไม่เจ็บหรอก แต่มึนหัวพิลึก

“ขอโทษที ข้าดีใจไปหน่อย” ไม่หน่อยแล้วมั้งครับ

“นั่งลงก่อน” ท่านมอลทีสใช้สายตาเหมือนครูมองเด็กซนๆ คนหนึ่ง แล้วสั่งให้คิงกลับไปนั่งที่ คิงก็ทำตามแต่โดยดี ดูน่ารักจนผมอดจะอมยิ้มไม่ได้ ผมขยับไปยกเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ มาให้ท่านมอลทีสกับตัวเอง พอนั่งลงเรียบร้อยก็เริ่มพูด

“จากที่กระหม่อมเรียนสมุนไพรกับลุงเซเรสมา ลุงก็สอนเรื่องพิษตัวนี้มาด้วย ทั้งส่วนประกอบที่ใช้ทำ อาการของคนถูกพิษ และวิธีการถอนพิษ ส่วนประกอบและวิธีในการปรุงยาพิษชนิดนี้ยุ่งยากมาก ต้องใช้เวทย์ในการกำกับด้วย เนื่องจากส่วนประกอบแต่ละอย่างไม่ได้หาได้ภายในปีเดียว บางอย่างต้องรอเวลาหลายปีถึงจะนำมาใช้ได้ แสดงว่าคนที่วางยาวางแผนมานานแล้ว นอกจากนี้พิษชนิดนี้จะมีผลกับคนที่ตกอยู่ในห้วงรักเท่านั้น คนที่ไม่มีความรักกินเข้าไปจะไม่มีผลอะไรเลย”

ตอนที่เรียนถึงพิษรักนี่ ผมยังบ่นกับลุงเซเรสเลยว่าคนคิดแม่งโคตรครีเอทและโคตรขี้อิจฉา น่าจะเป็นโรคจิตด้วยถึงเห็นคนรักกันมีความสุขไม่ได้ ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นแม่มดจากเรื่องสโนไวท์กลับชาติมาเกิดรึไง

“ส่วนอาการก็เป็นอย่างที่เห็น คนที่โดนพิษไปจะยังไม่ตาย แต่จะนอนหลับใหลไม่ได้สติ ถ้าได้รับจูบจากคนที่รักจะมองเห็นพิษที่เป็นแสงเรืองรองโอบล้อมหัวใจไว้อย่างเมื่อครู่ ถ้าถอนพิษไม่ได้ก็จะหลับไปตลอดจนสิ้นอายุขัย หรือไม่ ถ้าร่างไม่ได้รับการดูแลกล้ามเนื้อก็จะลีบและแห้งตายไปเอง เพราะขาดสารอาหาร อีกอย่างคือคนที่โดนพิษจะดูงดงามขึ้นมาก โดยเฉพาะต่อสายตาของพวกที่จิตใจต่ำ เมื่อมองเห็นจะรู้สึกเหมือนต้องมนต์” ต่อจากนั้นคงไม่ต้องเดา ถ้าคนรักอ่อนแอ ก็คงจะทำให้โดนรังแกได้ไม่ยาก คงรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นเลยทีเดียว ยืนยันอีกที คนคิดยาพิษนี่แม่งโรคจิตแน่ๆ
 
แถมพีคสุดก็ตรงวิธีการถอนพิษนี่แหละ เวลาปรุงยาถอนพิษซึ่งโคตรจะยุ่งยากยิ่งกว่าตอนปรุงยาพิษเสร็จแล้ว ก็ต้องมีจอมเวทย์ท่องมนต์ถอนพิษออกจากหัวใจ ส่วนคนรักก็ต้องใช้เลือดเป็นกระสายยา ก่อนจะใช้ปากป้อนยา แต่ถ้าเกิดคนรักหมดรักไม่เหลือเยื่อใยต่อกันแล้ว ยาถอนพิษที่พยายามปรุงมาก็จะไม่มีผลอะไรเลย

สรุปคือ ทั้งคู่ต้องรักกันมาก คนที่อยู่ต้องมีจิตใจที่หนักแน่นมั่นคงมากพอ เพราะด้วยตัวยาที่ใช้มันหายาก ต้องใช้เวลาในการหานาน ในระหว่างนั้น ถ้าเจอคนใหม่แล้วเผลอใจให้ไป คนที่โดนพิษก็ซวยไป นึกแล้วสยอง แม่งจิตใจทำด้วยอะไรวะ ต้องแค้นกันเบอร์ไหนถึงได้มีความพยายามขนาดนี้

“ข้ามั่นใจว่าข้ามั่นคงพอ ทั้งชีวิตและหัวใจข้ายกให้คูวาสซ์แค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น” ทั้งคำพูดและแววตาที่หนักแน่น ทำให้ผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหากับการถอนพิษแน่ เลยถามเรื่องที่ติดใจแทน

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 1ุ6 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 27-05-2017 22:06:21

“ทรงคิดว่าใครเป็นคนวางยาพิษครับ มีใครน่าสงสัยบ้างไหม” คิงทำท่านึกก่อนจะถอนหายใจเฮือก

“ข้านึกไม่ออกจริงๆ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีคนทำร้ายคูวาสซ์ เพราะเราไม่มีปัญหากับใครเลย”

“ทรงมีคนที่ไม่ถูกกัน หรือศัตรูที่มีความแค้นต่อพระองค์บ้างไหม” เพราะถ้ามีความพยายามขนาดนี้ก็น่าจะมีเรื่องที่แค้นกันมากเลยล่ะ คิงทำท่านึกแล้วส่ายหัว ผมได้แต่ถอนหายใจ

“ปกติ ยาพิษจะออกฤทธิ์หลังจากกินเข้าไปอย่างเร็วที่สุดประมาณสามชั่วโมง เดาว่าควีนอาจจะโดนพิษก่อนที่จะเข้านอน เมื่อคืนนี้ควีนไปที่ไหนมาบ้างครับ” พอจบคำถามของผม คิงกับท่านมอลทีสก็มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

“เมื่อวานเย็นมีงานเลี้ยงส่งแขกที่มาประชุมจากทั้งสองอาณาจักร เพราะปีนี้ตกลงกันได้เร็ว การประชุมจึงสิ้นสุดลงก่อนกำหนด ข้าเลยให้จัดงานเลี้ยงส่งก่อน เพราะแขกบางคนอยากจะแวะท่องเที่ยวก่อนกลับอาณาจักร ในขณะที่บางคนอยากจะรีบกลับอาณาจักรเลย” งานยากล่ะสิ แค่คนของอาณาจักรเดียวกันก็เยอะพออยู่แล้ว ยังจะมีคนจากอาณาจักรอื่นอีก

“เป็นไปได้ไหมครับ ว่ามีคนที่อยากแย่งตำแหน่งของคิงแล้ววางยาพิษทั้งสองพระองค์แต่โดนควีนพระองค์เดียว”

คิงกับท่านมอลทีสหันไปสบตากันก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่นออกมาทั้งคู่

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”

ผมทำหน้าเลิกลัก เฮ้ย! นี่ผมซีเรียสนะ คำถามออกจะจริงจัง ขำกันทำไม เอ๊ะ! รึว่าผมพูดอะไรผิดไปวะ?

กว่าจะสงบสติอารมณ์กันได้ก็ปล่อยให้ผมนั่งเอ๋ออยู่ตั้งนาน ก่อนที่ท่านมอลทีสจะเป็นคนพูดก่อน เพราะคิงยังคงกลั้นหัวเราะจนไหล่สั่นอยู่เลย

“เป็นไปไม่ได้แน่นอน” ผมเดาว่ามันน่าจะเป็นคำตอบของคำถามผมเมื่อครู่
 
“ทำไมล่ะครับ” ผมถามด้วยความสงสัยจริงจัง ท่านมอลทีสแค่ยิ้มให้แล้วบอก

“เจ้าลองไปถามไซเลอร์กับเพื่อนๆ ดู เจ้าพวกนั้นเป็นตัวเก็งคิงรุ่นต่อไปเลยนะ”

“ห๊ะ! ทั้งห้าคนเลยเหรอครับ”

“ใช่ แล้วเจ้าก็จะรู้คำตอบเองว่าทำไม” โอเค... ออกไปต้องลองถามดู อยากรู้ว่าทำไมท่านมอลทีสถึงได้มั่นใจขนาดนั้น

“แล้วส่วนประกอบของยาถอนพิษมันมีอะไรบ้าง ข้าจะได้ให้คนไปหามาให้” คิงถามขึ้น หลังจากหยุดหัวเราะได้แล้ว

ผมไล่ส่วนประกอบให้ฟัง คิงและท่านมอลทีสรับฟังอย่างตั้งใจ หลังจากผมร่ายจบ ท่านมอลทีสซึ่งพอมีความรู้เรื่องยาก็บอก

“ตัวยาส่วนใหญ่อยู่ในสำนักแพทย์”

“เจ้าจะให้เอามาให้ที่นี่หรือจะไปดูเอง” คิงตรัสถาม

 “กระหม่อมขอไปดูเองดีกว่า ที่นั่นน่าจะมีอุปกรณ์ในการปรุงยาด้วย คงจะสะดวกกว่าที่นี่” คิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ

“เดี๋ยวข้าพาเจ้าไปเอง” ท่านมอลทีสอาสา

“ขาดเหลืออะไรก็บอกมาได้ เดี๋ยวข้าจะรีบจัดการให้คนไปหามาให้ ส่วนตัวยาที่อยู่ในอาณาจักรอื่น ข้าจะส่งหนังสือแจ้งคิง แล้วจะให้คนไปเอามาก็แล้วกัน”

“ไม่ได้ครับ”

“ทำไม” คิงและท่านมอลทีสถามขึ้นพร้อมกัน

“มีตัวยาสองตัวที่เป็นตัวยาสำคัญมาก กระหม่อมจำเป็นต้องไปเอาด้วยตัวเอง คือเห็ดเรืองแสงในคุกใต้ดินของอาณาจักรบาอัล ต้องไปเก็บตอนคืนวันเพ็ญที่มันกำลังเรืองแสงอยู่ แล้วต้องรีบสกัดเอาตัวยาตอนนั้นเลย ไม่เช่นนั้นเห็ดจะเน่า อีกอย่างวิธีการสกัดมันค่อนข้างละเอียดอ่อน บอกตามตรงว่ากระหม่อมไม่มั่นใจถ้าจะให้คนอื่นไปเอาแทน

อีกตัวคือไข่หงส์ฟินซ์ที่ไม่มีตัวอ่อนจากถ้ำในป่าคาล์มซึ่งอยู่ในเขตของอาณาจักรรุค เมื่อหาเจอแล้วต้องรีบสกัดตั้งแต่อยู่ในถ้ำ ถ้าเอาออกมาไข่จะเปลี่ยนสี แล้วตัวยาจะเสื่อมฤทธิ์”

เห็นไหมว่าตัวยาแต่ละตัวหาโคตรยาก นี่ถ้าคนธรรมดาโดนพิษ บอกเลยว่าคงท้อตั้งแต่หาวิธีแก้แล้ว พอรู้วิธีถ้าไม่เก่งจริงก็คงตายห่าตั้งแต่หาตัวยาแล้ว ในคุกใต้ดินนี่ไม่เท่าไหร่ แต่ในป่าคาล์มนี่สิ เท่าที่ฟังลุงเซเรสเล่ามามันเต็มไปด้วยอันตรายเพราะมีแต่สัตว์ป่าดุร้ายทั้งนั้น

“กระหม่อมขอให้พระองค์ทรงทำหนังสือขออนุญาตให้ก็พอ แล้วขอให้ทรงอนุญาตให้ไซเลอร์กับเพื่อนๆ ไปกับกระหม่อมด้วยได้ไหมครับ”

“ทีมเฮดีสน่ะเหรอ? ได้สิ เด็กกลุ่มนั้นฝีมือดีทุกคน จะได้ให้ไปคุ้มครองเจ้าตอนเข้าไปในป่าคาล์มด้วย ต้องการคนอื่นอีกไหม”

“ทีมเฮดีส?” พอเห็นผมทำหน้างง คิงก็ทรงยิ้มขำ

“ก็ทีมไซเลอร์ของเจ้ากับเพื่อนๆ นั่นแหละ หึๆ” ฟังแล้วรู้สึกหน้าร้อนวูบๆ พิกล คิงคงไม่ได้แซวผมอยู่ใช่ไหม ของผมอะไรกันเล่า โว๊ะ!

“ห้าคนนั้นก็น่าจะพอครับ” ผมรีบตัดบทให้พ้นตัวก่อนจะพูดต่อ

“ส่วนไข่มุกดำจากทะเลไมรอส ทรงให้คนอื่นไปงมมาได้ ตัวนี้ไม่ยุ่งยาก เอ่อ... มากนัก แค่เวลางมได้แล้ว เอาแช่น้ำทะเลมาด้วยก็พอ”

“ได้ เดี๋ยวข้าจะจัดการให้”

“แล้วเจ้าจะเดินทางเมื่อไหร่” ท่านมอลทีสถามขึ้นบ้าง

“ขอเช็ค เอ่อ... ตรวจสอบตัวยาในสำนักแพทย์ให้แน่ใจก่อนครับ แล้วจะรีบออกเดินทางทันที”

“อืม ขาดเหลืออะไรก็บอกแล้วกัน”

“ครับ”

“เอ่อ... ท่านมอลทีส” ผมเหลือบมองคิงอย่างไม่แน่ใจว่าจะคุยตอนนี้ดีไหม

“มีอะไรก็พูดมาเลย คิงทรงทราบเรื่องของเจ้ากับก้อนหินอยู่แล้ว” ท่านมอลทีสพูดขึ้นเหมือนรู้ว่าผมจะพูดเรื่องอะไร

 “เรื่องสีที่แขนของก้อนหินลอกน่ะครับ พวกเราเพิ่งคุยกันก่อนจะมาที่นี่ ผมเดาว่าน่าจะเป็นเพราะโดนน้ำหอมที่มีส่วนผสมของดอกสโนว์ฟ็อกซ์ครับ เพราะยังมีกลิ่นติดที่แขนของก้อนหินอยู่ พรีซาบอกว่ามันเป็นกลิ่นดอกไอริส ท่านมอลทีสทราบไหมว่าใครใช้น้ำหอมกลิ่นนี้บ้าง” ท่านมอลทีสหันไปสบตากับคิง ก่อนที่ท่านมอลทีสจะหยิบขวดแก้วใสๆ เล็กๆ เปิดจุกออกแล้วส่งให้ผม

“กลิ่นนี้ใช่ไหม” พอรับมาดมแล้วผมก็เบิ่งตาขึ้น

“ใช่ครับ กลิ่นนี้เลย ท่านมอลทีสใช้ด้วยเหรอครับ” ท่านมอลทีสถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะที่คิงทรงทำหน้าแปลกๆ

“ภรรยาท่านทูตคานาริโอซื้อมอบให้เป็นของขวัญกับแขกที่มาประชุมและผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน” ภรรยาท่านทูตคานาริโอก็แม่ของพรีซาน่ะสิ

“ขนาดข้ายังได้มาเลย” คิงหยิบน้ำหอมออกมาให้ดูด้วย

“...”

ชิบหายละ อย่างนี้มิต้องไล่สืบกันทุกคนเลยเรอะ โอ๊ย! ทำไมมันยุ่งยากอย่างนี้

“เอาเถอะ เรื่องนี้ก็ค่อยๆ สืบไป เดี๋ยวข้าจะให้ทีมอื่นช่วยสืบให้อีกแรง”

“ครับ ถ้าอย่างนั้น รบกวนท่านมอลทีสพาผมไปที่สำนักแพทย์หน่อยได้ไหมครับ จะได้ไปดูตัวยาเลย”

“ได้สิ”

“ถ้าอย่างนั้น กระหม่อมทูลลาก่อนนะฝ่าบาท” พูดจบก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าเป็นการลาตามที่ได้รับการเทรนด์มา แต่ครั้งนี้ลงดีหน่อย ไม่ต้องเจ็บเข่าเหมือนครั้งแรก

ก่อนเดินออกมา ผมหันกลับไปมองคิงที่ยังคงนั่งกุมมือควีนแล้วมองด้วยสายตาที่อ่อนโยน หม่นหมอง และเจ็บปวด ก็ได้แต่บอกกับตัวเองในใจ ว่าจะต้องพยายามทำให้สำเร็จให้ได้!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้ออกจะมีสาระหน่อยๆ (หราาาาาา) 55555
กำลังจะหาที่หนีเที่ยวค่ะ หุๆ อยู่ที่เดิมมันน่าเบื่อ ถถถ (ถามคนอื่นรึยังว่าอยากไปกะแกไหม)
 :katai4:
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาเม้นท์ มาให้กำลังใจนะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:
ยังรักทุกคนเหมือนเดิมมมมมมม แต่รักก้อนหินมากกว่านิดหน่อย อย่าขอเรา เราหวง 55555555  :laugh:
รักนะคะคนดีของฉัน
รวบกอดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#MayA@TK บังเอิญรักเธอ เดี๋ยวๆๆๆๆ  :L1:
#เป็ดอนุบาล ขอบคุณค่า  :L2:
#♥►MAGNOLIA◄♥ ก้อนดินคงไม่ยอมให้พรากจากอกแน่ค่ะ หวงซะขนาดนั้น ส่วนคนทำน้านนนน โปรดติดตามตอนต่อไป แหะๆ  :L1:
#sirin_chadada ก้อนหินคือตัวเอกของเรื่องนี้ค่ะ ที่เหลือคือตัวประกอบ 55555
#พิศตะวัน  :L2: :L1: :L2:
#duck-ya ขอบคุณค่า สั้นจริงๆ ค่ะ ยอมรับ พยายามแล้วได้แค่เน้ 555555 (บ้าไปแล้ว)
#•♀NoM!_KunG♀• คงต้องทิ้งการฝึกเพื่อหนีเที่ยวอีกแล้วค่ะ ถถถ
#pandorads รักก้อนหินที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ งื้อออออ
#maekkun  :L2: :pig4: :L2: แถมค่ะ
#แฟนตาเซีย  :L2: :pig4: :L2: แถมให้เหมือนกัน
#alternative ชเนาเซอร์เป็นคนที่น่าหมั่นไส้มากค่ะ 55555
#suikajang ใช่เลยค่ะ ก้อนหินเป็นตัวเอก ที่เหลือเป็นแค่ตัวประกอบเฉยๆ กร๊ากกกก ที่ยังอยากเขียนเรื่องนี้ต่อ เพราะก้อนหินตัวเดียวเลย ถถถ  :hao7:
#DeShiWa รอเวลาที่จะโต แต่มีเหตุผลที่ไม่โตค่ะ งงไหม ถถถ เอาเป็นว่าโปรดติดตามตอนต่อไปค่า
#Gamemy คิดว่าก้อนดินจะยอมให้ไหมคะ ถึงพี่ไซก็เถอะ จะยอมให้ใครพรากไปจากอกดินเร้ออออ
#คนริมคลอง ขอบคุณค่า สู้ทั้งหิน ทั้งดิน ทั้งไซ และคนเขียน กระดึบต่อไป  :katai5:
#ommanymontra สู้ตายค่า ก๊าสสสสสส ใครแตะดินมาเจอหินก่อนเถอะ
#poppycake มีเงื่อนมากกว่าเดิมอีกค่ะ (ใครผูกกกกก) งื้ออออ
#Billie  :L2: :pig4: :L2: แถมค่ะ
#papapajimin 55555 ไหงงั้นล่ะ
#mild-dy  :L2: :pig4: :L2:
#kratair คนเม้นท์ก็น่าร๊ากกกกกก งื้ออออ
#prangasia อนุญาตให้ฟัดดดดด แต่ไม่อนุญาตให้ขโมยเหมือน คห.บนค่ะ 55555

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
กระดึบต่อไป ฮึบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-05-2017 22:28:51
น่าตกใจ คิง ต้องการพบก้อนดิน
คิดว่าคิง ต้องการก้อนหินซะอีก
แล้วกลายเป็นว่าต้องให้รักษาควีน
ที่แปลกคือควีนเป็นผู้ชาย   o22:

ก้อนดินสามารถรักษาโรคพิษรักได้  :katai2-1:
ตัวยาที่ขาดต้องไปหา คิดว่าน่าจะยุ่งที่ตัวยานี่แหละ

ที่น่าสงสัย ใครวางยาควีน เพื่ออะไร  :katai1:
เกี่ยวข้องกับน้ำหอมกลิ่นไอริส เกี่ยวข้องกับก้อนหินหรือเปล่า  :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 27-05-2017 22:36:03
หูยยย ดินเอ้ยย
ความสามารถมาเต็มมากค่ะตอนนี้
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 27-05-2017 22:57:34
รายละเอียดเรื่องพิษรักนี่คิดนานไหมคะ ตอนก้อนดินค่อนแคะนี่ทำเอาเราขำ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: พิศตะวัน ที่ 27-05-2017 23:03:55
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-05-2017 23:36:34
งานนี้สนุกแน่

มีการผจญภัยตอนไปหายาแน่เลย

แค่คิดก็สนุกมากแล้ว

พระเอกบทน้อยเหลือเกิน

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Air_Yaoi ที่ 27-05-2017 23:42:31
ก้อนดินกับก้อนหินจะได้ออกไปท่องโลกกว้างอีกครั้งแล้ว เย้ๆๆๆ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-05-2017 00:07:05
ผจญภัย ๆๆๆๆๆๆ ว่าแต่คิงก็รู้ระแคะระคายเรื่องดินกับไซเลอร์ใช่ไหม
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: pandorads ที่ 28-05-2017 00:34:54
ได้เวลาออกเดินทางง สนุกแน่นอนงานนี้!

เป็นกำลังใจให้คนเขียนตลอดน้า~ นิยายสนุกมาก!!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-05-2017 01:17:57
 :hao7:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-05-2017 01:19:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-05-2017 02:00:58
ผจญภัยละสินะ สนุกแน่ๆๆๆ 55555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-05-2017 06:39:47
ไอ้คนคิดยามันมีความสร้างสรรค์ระดับทะลุมิติจริง ๆ

ท่านคิงชื่อยิ่งใหญ่สมเป็นคิง  5555555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 28-05-2017 07:33:25
งานความสามารถต้องมาอ่ะ!! ขอที้ต้องใช้นี่ลึกลับซับซ้อน...
ก้อนดินสู้ๆ ^0^//
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-05-2017 08:53:37
ทำไมทุกคนชอบ แกล้งดิน ทำมายยย\\*วิ่งไปกอดดินลูบหัวแล้วเอาตัวบังจากคนอื่น
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 28-05-2017 09:41:15
 :mc4: ได้เวลาสนุกแล้วสิ จิไปผจญภัยกะทีมเฮดีส ดรีมทีมว่างั้น
 แต่ว่าที่คิงนี้อะไร ต้องรอๆ น้องดินถามพ่อไซของน้องดินเน๊าะ  :hao3:
แหมะชักคิดตามดินแระ คนโลกนี้ขี้แกล้ง แซวเก่งกันทุกคนเลยใช่มั้ย
ทึ่งสุดๆ กับรายละเอียด โห...คิดได้ จิตนาการได้เยี่ยมเลย  o13
ปกติก็มีแค่เรื่องพ่อไซหยอด แซะ น้องดิน แล้วก็พวกก็ส่งเสริม
มาตอนนี้มีเรื่องอื่นให้น่าตื่นเต้นด้วย ช่างคิดน้อ "พิษรัก"
เห็นชื่อตอนแรกๆ หวั่นๆ แต่พออ่านโอ๊ะ เรามโนไปเอง  :mew2:

รอการผจญภัยในตอนต่อไป  :pig4:   :L1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-05-2017 10:14:01
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 28-05-2017 20:50:53
ต้องการความหวานนนน :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 29-05-2017 01:19:52
สงสัยใครกันอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 30-05-2017 21:22:31
ทิ้งปมให้อยากอีกแระ :3125:

เที่ยวออกข้างนอกอีกแล้ว พกน้องหินไปด้วย ไปดูความน่ารักน่าหยิกของนาง :-[

บทนี้มาต่อเร็วมว๊ากกกกก ชอบๆ o13

ออกเดินทางคราวนี้ขอหวานๆแบบน้ำตาลหกใส่เลย  :impress2:

 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-05-2017 23:02:18
เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากเลยค่ะ
ลุ้นให้ปรุงยาได้ไวๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 16 พิษรัก (27/5/60) P.8
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 31-05-2017 09:13:57
ผจญภัยช่วยเหลือควีน ดินสู้ๆๆ ครับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 02-06-2017 17:12:51
บทที่ 17 สำนักแพทย์

ท่านมอลทีสพาผมเดินกลับไปทางเดิมที่พี่ไซรอสพาเข้ามา ระหว่างทางนอกจากเสียงฝีเท้าของเราสองคนก็มีแต่ความเงียบ เพราะท่านมอลทีสเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ผมก็เลยต้องเงียบตามเพราะไม่กล้ารบกวน เลยถือโอกาสมองสำรวจระหว่างทางที่เดินกลับไปพลางๆ ขาออกนี่สำรวจได้อย่างสบายใจขึ้น เพราะรู้สึกผ่อนคลายกว่าตอนขาเข้ามากกก

เมื่อเดินไปถึงประตูหน้าตำหนัก ท่านมอลทีสแค่ยกมือขึ้นโบก ประตูก็เปิดออก ผมชะงักเมื่อเห็นไซเลอร์กับเพื่อนๆ จ้องประตูเหมือนจะเข้ามาสิง พอเห็นผมออกมาก็กวาดสายตาสำรวจเมื่อเห็นว่าปกติดีก็มีแววดีใจและถอนหายใจเหมือนโล่งอกจนผมอดจะยิ้มออกมาไม่ได้

การที่รู้ว่ามีคนคอยห่วงใยนี่มันให้ความรู้สึกดีจริงๆ

“กระดิกหูรอกันเลยนะ” ผมหลุดขำพรืด เมื่อท่านมอลทีสทักขึ้น

เอ่อ... นั่นลูกศิษย์ท่านนะครับ ไม่ใช่หมา !

“แหะๆ” ชเนาเซอร์หัวเราะแห้งๆ ในขณะที่คนอื่นๆ ทำหน้าเก้อๆ เหมือนเด็กที่เล่นซนแล้วโดนครูจับได้ พอตั้งตัวได้ก็โค้งตัวคำนับท่านมอลทีสอย่างเรียบร้อย

“ก๊าส” ก้อนหินดิ้นขลุกขลักออกจากอ้อมแขนไซเลอร์ ผมเดินไปหาแล้วยื่นแขนไปรับมันก็โผมาหาแล้วกอดผมแน่น

“ติดกันจริงๆ” ท่านมอลทีสได้แต่ส่ายหัวพูดขำๆ

“ไปคุยกันที่สำนักแพทย์เลยก็แล้วกัน จะได้เล่าทีเดียวเลย”

“ครับ”

“งั้นไปกันเถอะ”



ท่านมอลทีสพาเดินออกนอกเขตพระราชวังไปยังสำนักแพทย์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก โดยมีไซเลอร์กับเพื่อนๆ ตามมาด้วย

ผมหันไปมองร็อตที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนตั้งแต่บอกว่าจะมาที่สำนักแพทย์ ก็อดจะแปลกใจไม่ได้

“เป็นอะไรรึเปล่าร็อต” รึว่าจะปวดขี้ ทำไมไม่ไปขี้ล่ะ จะอั้นไว้ทำไม

“เปล่า”

“หึๆๆๆ”

ผมหันไปมองเพื่อนๆ ที่พากันหัวเราะเหมือนคนโรคจิต ไม่เว้นแม้แต่ไซเลอร์ก็งงหนักกว่าเดิม เมาอะไรกันวะ อาการแปลกๆ ยังไม่ทันได้ถามอะไรต่อเสียงท่านมอลทีสก็ดึงความสนใจไปซะก่อน

“ถึงแล้ว”

ผมหันไปมองข้างหน้า ก็พบกำแพงที่เกิดจากต้นไผ่ลำเล็กๆ สีเขียวสดเรียงกันเป็นระเบียบตัดแต่งเป็นรั้วสูงประมาณสองเมตรกว่าๆ ล้อมรอบทั้งซ้ายขวา มีช่องว่างอยู่ด้านหน้าพอให้คนเดินผ่านได้ไม่เกินสามคน ซึ่งตอนนี้มีคนมายืนรออยู่ตรงนั้นสองคน พอเดินไปใกล้คนทั้งคู่ก็โค้งคำนับท่านมอลทีส

“ท่านลาซา ไม่น่าลำบากออกมารับเลย” ท่านมอลทีสโค้งรับ  ส่วนคนที่เหลือก็ชิดเท้าโค้งคำนับท่านลาซาอย่างสวยงาม ผมเลยรีบทำตาม

“ข้าได้ยินเสียงฝีเท้าเลยออกมาต้อนรับ” เอ่อ... ทำไมหูดีกันจังวะ ทั้งๆ ที่ท่านลาซาเป็นชายชราผมขาวโพลนยาวถึงกลางหลัง แต่รวบไว้อย่างเรียบร้อย ดูน่าจะอายุมากแล้ว น่าจะหูตึงมากกว่า

“มีอะไรให้สำนักแพทย์รับใช้รึเปล่าท่านมอลทีส”

“ข้ามาเรื่องเมื่อเช้า” ท่านลาซาชะงักแล้วออกอาการเคร่งเครียดขึ้นทันที

“ยังไม่มีความคืบหน้าเลยท่าน” ท่านมอลทีสผงกศีรษะรับรู้

“ข้ามีคนมาแนะนำให้ท่านรู้จัก ก้อนดินนี่ท่านลาซาหัวหน้าสำนักแพทย์ ท่านลาซานี่ก้อนดินศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับข้า” ผมโค้งให้ท่านอีกรอบ ท่านลาซามองผมกับก้อนหินแล้วทำหน้าแปลกใจแต่ก็โค้งรับน้อยๆ อย่างสุภาพ

“ยินดีที่ได้รู้จักก้อนดิน นี่พินช์เชอร์ลูกศิษย์ของข้า” ท่านลาซาผายมือไปยังผู้ชายตัวเล็กๆ ที่ยืนเยื้องอยู่ข้างๆ ท่าน ผมจึงหันไปโค้งให้ ซึ่งเจ้าตัวก็รีบละสายตาที่จ้องเขม็งไปข้างหลังผม หันมาโค้งให้ผมอย่างเรียบร้อย ได้ยินเสียงหัวเราะขลุกขลักจากข้างหลัง เลยหันไปมอง เห็นแต่ไซเลอร์ มาสทิฟฟ์ พรีซา กับชเนาเซอร์กลั้นหัวเราะกันจนไหล่สั่น อ้าว! ร็อตหายไปไหนล่ะ พอขยับไปหน่อยก็เห็นร็อตยืนแอบอยู่หลังมาสทิฟฟ์ เอ่อ... เล่นอะไรกัน?

“อะแฮ่ม” ท่านมอลทีสกระแอมที แต่ละคนรีบกลั้นหัวเราะแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กันทันที ผมหรี่ตามองอย่างสงสัยว่าทำไมพี่ๆ แกถึงมีอาการแปลกๆ กันแบบนี้

“เชิญด้านในดีกว่าท่าน” ท่านลาซาบอกแล้วรอท่านมอลทีสเดินขึ้นไปเคียง ก่อนจะเดินนำไป ปล่อยให้พินช์เชอร์ลูกศิษย์ของท่านเดินเคียงกันกับผม ที่เหลือก็เดินตามหลังมา

“ท่านก้อนดิน” คนที่เดินข้างๆ เรียกเสียงเบา

“ไม่ต้องเรียกท่านหรอก เรียกก้อนดินหรือดินเฉยๆ ก็ได้”

“ไม่ได้หรอกครับ ท่านเป็นแขกของท่านมอลทีส เรียกแบบนั้นไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง” คนข้างๆ บอกอย่างจริงจัง ผมสังเกตคนที่เดินข้างๆ เจ้าตัวสูงพ้นบ่าผมมาหน่อย ตัวเล็กๆ บางๆ ผมดำขลับตัดสั้นๆ เข้ากับหัวทุยๆ ผิวขาว ตาโต หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กๆ เห็นแล้วรู้สึกเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก

“งั้นเรียกพี่ดีไหม พินช์เชอร์น่าจะอายุน้อยกว่า เอ่อ... ว่าแต่อายุเท่าไหร่ล่ะ” เดาอายุคนที่นี่ไม่ถูกจริงๆ หน้าตาเด็กๆ แต่อายุนี่นำหน้าไปไกลทุกคน

“เดือนหน้าข้าก็ 16 ปีแล้วครับ” พูดพลางเหล่ตาไปมองข้างหลัง ผมพลอยหันไปมองด้วยว่าน้องมันเหล่มองอะไร ก็เห็นแค่ไซเลอร์กับชเนาเซอร์ที่เดินตามหลังมามองพินช์เชอร์ขำๆ ผมหรี่ตามอง ไซเลอร์ก็เบนสายตากลับมาสบตาผมแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน โอเค กูแพ้ รีบหันกลับมาอย่างไว ก็ดันมาเจอกับสายตาล้อเลียนของเด็กข้างๆ แทน

เดี๋ยวตบหัวทิ่มเลย!!

“งั้นเรียกพี่ดินก็แล้วกัน ปีนี้พี่ 18 แล้ว” รีบดึงความสนใจไปทางอื่นทันที

“ครับพี่ดิน” ฟังแล้วก็รู้สึกเอ็นดูจนเผลอยื่นมือไปจับหัวคนข้างๆ โยกเบาๆ

“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมจากข้างหลังทำให้ผมเผลอชักมือกลับ เอ่อ... ไม่ได้เกรงใจจริงๆ นะ พอเห็นสายตาของล้อเลียนหนักกว่าเดิมของคนข้างๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนๆ พิกล อย่าให้สนิทนะ พี่ตบหัวทิ่มด้วยความเอ็นดูจริงๆ ด้วย ฮึ่ย!

“นี่มังกรพี่เหรอครับ” พินช์เชอร์หันไปสนใจก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนของผมที่กำลังมองข้างๆ ทางอย่างสนใจ เมื่อพ้นรั้วต้นไผ่มา ก็เป็นทางเดินที่ปูด้วยอิฐแดงทอดยาวไปถึงอาคารไม้ที่ตั้งอยู่ด้านใน ทั้งสองข้างทางปลูกสมุนไพรหลากหลายชนิด ออกดอกออกใบงามทุกต้น น่าจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

“ใช่ นี่ก้อนหิน” พอได้ยินชื่อตัวเองก็หันมามองพินช์เชอร์แล้วร้องเหมือนจะทักทาย

“ก๊าส”

“น่ารักจัง ข้าก็อยากได้มังกรบ้าง แต่ท่านพ่อบอกว่าต้องรอให้อายุถึง 20 ก่อนถึงจะให้ออกหามังกรของตัวเองได้”

“ใจเย็นๆ อีกแค่ไม่กี่ปีเอง” ผมปลอบใจเด็กที่ทำหน้ามุ่ยเหมือนโดนขัดใจ

คุยกันเพลินๆ ก็เดินมาถึงประตูทางเข้าสำนักแพทย์อย่างไม่รู้ตัว แค่ท่านลาซาเดินไปถึง ประตูอัตโนจิต (อัตโนมัติ+พลังจิต) ก็เปิดออกเอง แค่ก้าวเข้าไปก็ได้กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ โชยมาให้ความรู้สึกอบอุ่นผ่อนคลาย

ท่านลาซาพาเราเดินไปที่ห้องรับแขก เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว พินช์เชอร์ก็หยิบถ้วยชาออกรินแจกทุกคน พอเดินไปถึงเก้าอี้ของร็อตที่นั้งท้ายๆ โต๊ะ ก็จ้องเหมือนพยายามจะสบตาแต่ร็อตกลับเมินเฉย พอวางถ้วยชาลงกระทบกับโต๊ะนิดเดียว ร็อตถึงกับสะดุ้งนิดๆ จากที่สังเกต สองคนนี้คงมีซัมติงกันแน่ๆ ปฏิกิริยาทุกคนถึงได้ดูแปลกๆ เดี๋ยวออกไปค่อยลองถามดูดีกว่า

เมื่อนั่งกันเรียบร้อยแล้วท่านมอลทีสที่อยู่หัวโต๊ะก็เริ่มเข้าเรื่องทันที

“เมื่อเช้าที่คิงให้ไซรอสไปตามข้าให้เข้าพบด่วน ก็เพราะควีนล้มป่วย”

“อะไรนะ!!!” เสียงของสมาชิกทีมเฮดีสอุทานขึ้นมาพร้อมกัน ก่อนจะทำสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้ากับแพทย์ที่ฝีมือดีที่สุดของสำนักแพทย์เข้าตรวจแล้วร่างกายทั้งภายในและภายนอกปกติดี เหมือนควีนทรงหลับไปเฉยๆ ปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร” ท่านลาซาเสริม

“เราพยายามหาสาเหตุร่วมกัน พยายามนึกถึงอาการของโรคต่างๆ ในอาณาจักรเราและอาณาจักรอื่นก็ไม่เข้าเค้าเลยสักโรค แต่อยู่ๆ ข้าก็นึกได้ว่าอาการของควีนเหมือนกับคนโดน ‘พิษรัก’ พิษในตำนานที่เคยปรากฏเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว” ท่านมอลทีสพูดต่อ

“อะไรนะ!!!” ทั้งห้าอุทานขึ้นพร้อมกันอีกรอบ ผมเกือบสะดุ้งเพราะรอบนี้เสียงดังขึ้นกว่ารอบก่อนอีก

“ควีนเนี่ยนะครับ แล้วควีนโดนพิษได้ยังไง ใครเป็นคนวางยา” พรีซาถามขึ้นอย่างร้อนรน เออ... ลืมไปไซเลอร์เคยเล่าให้ฟังว่าพรีซาเป็นหลานของควีนนี่นา

“ไม่รู้ว่าโดนพิษได้ยังไง ไม่รู้ว่าใครทำ ไม่รู้แม้แต่สาเหตุ” ท่านมอลทีสถอนหายใจยาวก่อนจะพูดต่อ

“แต่ตอนนี้คิงให้พ่อพวกเจ้าออกสืบเรื่องนี้แล้ว”

“แล้วควีนจะหายไหมครับ” ชเนาเซอร์ถามขึ้นอย่างเคร่งเครียดไม่เหลือเค้าความขี้เล่นเหมือนเคย ชเนาเซอร์กับพรีซาเป็นญาติกันก็คงจะเป็นญาติกับควีนด้วยสินะ

“ถึงจะเคยได้ยินชื่อพิษรักจากตำนานมาบ้าง แต่ข้าไม่คิดมาก่อนว่ามันจะมีอยู่จริง เพราะพิษชนิดนี้ไม่มีอยู่ในตำรายาของอาณาจักรเคลเบรอส และเชื่อว่าไม่น่าจะพบในอีกสองอาณาจักรด้วย เพราะสำนักแพทย์ทั้งสามอาณาจักรศึกษาตำรายาและตำราการรักษาชุดเดียวกัน มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องยาและการรักษาร่วมกันทุกเดือน จากการประชุมในสำนักแค่ชื่อพิษยังมีคนเคยได้ยินแค่ไม่กี่คน นับประสาอะไรกับวิธีถอนพิษ ข้าและคนของสำนักแพทย์แยกกันหาข้อมูล เผื่อจะมีปรากฏในตำราสาขาอื่นบ้าง แต่ก็ไร้วี่แวว ข้าส่งคนไปหาข้อมูลจากอีกสองอาณาจักรอยู่ ได้แต่หวังว่าจะมีอะไรติดมือกลับมาบ้าง” ท่านลาซาถอนหายใจอย่างอ่อนล้า

“เรื่องนี้แหละที่เป็นสาเหตุให้ข้ามาหาท่านที่นี่ อย่างที่ข้าได้แนะนำไปตอนแรกว่าก้อนดินเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับข้า แล้วก้อนดินก็ได้เรียนเรื่องสมุนไพรมา จึงขอให้ลองไปดูอาการของควีน จากการพิสูจน์ก้อนดินยืนยันว่าเป็นอาการของพิษรักแน่ๆ แล้วก้อนดินก็ยังรู้วิธีถอนพิษด้วย จึงได้พามาหาตัวยาที่นี่”

“จริงรึ!!/จริงเหรอดิน!!” ทุกคนยกเว้นท่านมอลทีสหันมาถามด้วยความตื่นเต้น ผมมัวแต่ฟังเพลินๆ เลยสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“ขอโทษที ข้าตื่นเต้นไปหน่อย” ท่านลาซากล่าวขอโทษเป็นคนแรกเมื่อเห็นอาการของผม

“แหะๆ ไม่เป็นไรครับท่าน ข้าขวัญอ่อนเอง” แต่ทีหลังอย่าประสานเสียงเรียกกันแบบนี้นะ เป็นใคร ใครก็ตกใจ ขวัญเอ๊ย! ขวัญมา!

“อาจารย์ที่ท่านว่า หมายถึงท่านผู้นั้นใช่ไหม” ท่านลาซาหันไปถามท่านมอลทีส

“ใช่แล้ว ท่านผู้นั้นแหละท่าน”

ผมมองท่านลาซากับท่ามอลทีสคุยกันอย่างงงๆ ทำไมไม่เอ่ยชื่อให้มันจบๆ ไป ทำอย่างกับลุงเซเรสเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์อย่างงั้นแหละ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แหม่!

“แล้วตัวยาที่เจ้าต้องการมีอะไรบ้าง” มัวแต่คิดเพลินๆ จนเกือบจะสะดุ้งอีกรอบเมื่อท่านลาซาหันมาถาม

ผมร่ายตัวยาที่จำอย่างขึ้นใจให้ฟัง ตอนเรียนกับลุงเซเรสถึงจะสนุก แต่ลุงแกเข้มงวดมาก ยิ่งตอนสอบนี่เขี้ยวสุดๆ กว่าจะผ่านแต่ละตำรับเล่นเอาแทบกระอัก ท่านลาซากับพินช์เชอร์ตั้งใจฟังตาเป็นประกาย ดูแล้วรู้สึกเหมือนเด็กเห็นของเล่นยังไงยังงั้น

“ตัวยาส่วนใหญ่มีอยู่ที่นี่อย่างที่ท่านมอลทีสบอก ส่วนอีกสามตัวที่อยู่อาณาจักรอื่นกับทะเลไมเรสนั้นไม่มี เพราะไม่มีใครรู้มาก่อนว่ามันใช้เป็นยาได้”

“ถึงมีก็คงนำมาใช้ไม่ได้ครับ เพราะต้องสกัดตัวยาด้วยวิธีเฉพาะและในเวลาที่จำกัด เพื่อป้องกันความผิดพลาดข้าเลยต้องไปเอาเห็ดเรืองแสงกับไข่หงส์ฟินซ์ด้วยตัวเอง ส่วนไข่มุกดำจากทะเลไมเรสนั้นให้คนอื่นไปเอามาได้ครับ คิงตรัสว่าจะส่งคนไปเอามาให้”

“อย่างนั้นเหรอ” ท่านลาซาครางรับ

“ก้อนดินขออนุญาตให้พวกเจ้าทั้งห้าคนไปด้วย คิงทรงอนุญาตแล้ว ข้าเองก็เห็นด้วย อยากให้พวกเจ้าไปคอยคุ้มครองก้อนดิน เพราะป่าคาล์มมีแต่สัตว์ดุร้าย อันตรายรอบด้าน ถ้ามีพวกเจ้าไปด้วยน่าจะปลอดภัย ภารกิจช่วงนี้ก็ให้ทีมอื่นรับไปแทน มีปัญหาอะไรไหม” ท่านมอลทีสหันไปถามทีมเฮดีสที่นั่งฟังอยู่เงียบๆ

“ไม่มีปัญหาครับ” ทุกคนตอบมาอย่างหนักแน่นพร้อมเพรียง ผมหันไปยิ้มให้ทุกคน ถ้ามีห้าคนนี้ไปด้วยผมคงอุ่นใจ

“ให้พินช์เชอร์ติดตามไปด้วยดีไหม เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ เจ้านี่มันเก่งเรื่องยามาก ข้ารับรองได้” ท่านลาซาเสนอขึ้น

“ก็ดีเหมือนกันครับ มีลูกมือที่มีความรู้ด้านนี้ข้าจะได้ทำงานเร็วขึ้น ไปด้วยกันไหมพินช์เชอร์” ผมหันไปถามเจ้าตัว

“ด้วยความยินดีครับ” เจ้าตัวยิ้มกว้างรับคำก่อนจะหันไปจ้องร็อตตาเป็นประกาย ส่วนคนโดนจ้องกลับหันหน้าหนี ดูหน้าซีดๆ ผิดปกติ

หือ... ผมว่าผมพอจะเดาได้ละว่ามันแปลกตรงไหน หึๆๆๆ (หัวเราะโรคจิตแข่งกับพรีซา)

“ถ้าอย่างนั้นเราไปดูสมุนไพรที่เรือนสมุนไพรกันเถอะ เผื่อมีตัวไหนขาดข้าจะได้ไปเก็บหรือหามาให้ เชิญทางนี้” ท่านลาซาพูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินนำไป มีแค่ผม ท่านมอลทีสกับพินช์เชอร์แค่สามคนที่ตามไป ท่านลาซาบอกให้ทั้งห้ารออยู่ที่เดิม ท่านบอกไปด้วยก็เกะกะเปล่าๆ (ไม่ได้บอกตรงๆ แบบนี้ แต่ตีความได้แบบนี้แหละ ฮ่าๆๆๆ)

ท่านลาซาพาไปที่ห้องเก็บสมุนไพร บางห้องปิดมิดชิด เก็บสมุนไพรไว้ในลิ้นชักอย่างเรียบร้อย เพราะสมุนไพรบางชนิดชอบความชื้น ไม่ชอบแสง บางห้องก็เปิดหน้าต่างรับแสง สมุนไพรวางไว้บนชั้นที่เรียงรายอย่างเป็นระเบียบ บางส่วนก็อยู่ในตู้กระจกใส แต่ละที่จะมีป้ายชื่อติดไว้อย่างชัดเจน ท่านลาซาบอกว่าจะมีคนคอยตรวจสอบและหามาเติมให้พอใช้อยู่เสมอ

ระหว่างที่ผมเดินเลือกสมุนไพร ท่านลาซาก็เล่าให้ฟังว่าคนของสำนักแพทย์มีทั้งกลุ่มที่เรียนโดยเน้นเรื่องสมุนไพรอย่างเดียว กลุ่มที่เรียนเรื่องการรักษาอย่างเดียว และกลุ่มที่เรียนเรื่องสมุนไพรกับการรักษาควบคู่ไปด้วย คนที่จบหลักสูตรจนได้เป็นแพทย์ของสำนักจะกระจายออกตรวจและให้การรักษาตามเมืองต่างๆ ถ้าเมืองไหนอยู่ไกลก็อาศัยพักที่สำนักที่เป็นสาขาย่อยไปเลย แต่ทุกคนต้องกลับมาประชุมร่วมกันที่สำนักแพทย์ทุกเดือน และมีการส่งตัวแทนเข้าประชุมร่วมกับสำนักแพทย์ของอีกสองอาณาจักร เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการรักษาและโรคที่พบเจอในช่วงนั้นด้วย ฟังๆ ดูแล้วทั้งสามอาณาจักรดูรักใคร่กลมเกลียวกันดี

ผมฟังไปด้วยมือก็หยิบสมุนไพรที่ต้องการส่งให้พินช์เชอร์ที่ถือกล่องเดินตามไปด้วย ปล่อยให้ก้อนหินลงเดินซึ่งมันก็เดินตามอยู่ไม่ห่าง พอได้ตัวยาครบตามที่ต้องการแล้ว ท่านลาซาก็เอาไปแยกเก็บไว้ให้ แต่ตัวยาบางชนิดคุณสมบัติยังไม่ได้ตามที่ต้องการ เลยจดใส่กระดาษแล้วฝากให้ท่านลาซาช่วยหาให้ เมื่อเรียบร้อยแล้วผมก็อุ้มก้อนหินเดินตามท่านลาซากลับไปที่ห้องเดิม คนในห้องนั่งคุยกันเบาๆ มีเพียงไซเลอร์ที่นั่งฟังและจ้องมาทางประตูนิ่งๆ พอเห็นเราเดินเข้าไปก็ส่งยิ้มมาให้ ผมก็อดจะยิ้มรับไม่ได้

“อะแฮ่ม!” แต่สงสัยจะสบตากันนานไปหน่อยเลยได้ยินเสียงกระแอมขัดขึ้นมา เลยหุบยิ้มทันควัน ผมละเบื่อนิสัยช่างล้อช่างแซวของคนอาณาจักรนี้จริงๆ ให้ตายสิ!

พอทุกคนกลับไปนั่งที่เดิมเรียบร้อยแล้ว ท่านลาซาก็หันมาถามผม

“แล้วเจ้าจะออกเดินทางวันไหนล่ะ”

“อีกไม่กี่วันก็ใกล้จะถึงคืนพระจันทร์เต็มดวงแล้ว ข้าว่าจะไปเก็บเห็ดที่อาณาจักรบาอัลก่อนค่อยไปอาณาจักรรุคครับ ว่าแต่... มันต้องใช้เวลาเดินทางกี่วันครับ”

“ถ้าขึ้นมังกรไป ใช้เวลาสามวันก็ถึง” ไซเลอร์ตอบ

 “ถ้าอย่างนั้น ขอเวลาเตรียมตัวและเตรียมของพรุ่งนี้อีกวัน วันมะรืนค่อยออกเดินทางก็แล้วกัน สะดวกไหมครับ” ผมหันไปถามคนที่ต้องเดินทางไปด้วยกัน

“ได้/ได้ครับ” ทั้งหกรับพร้อมกัน

“ท่านมอลทีส ท่านลาซาครับ ข้าฝากเตรียมของพวกนี้ให้หน่อยได้ไหมครับ” ผมส่งลิสต์สิ่งของที่ต้องใช้ให้ ท่านมอลทีสรับมากวาดสายตาดูก่อนจะรับคำ

“ได้ ของพวกนี้ข้ากับท่านลาซาจะเตรียมไว้ให้เจ้าเอง พรุ่งนี้ค่อยมาตรวจดูอีกรอบก็แล้วกัน ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็แยกย้ายกันกลับไปเตรียมตัวเถอะ” ท่านมอลทีสบอก

“ครับ” พวกเรารับคำขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะลุกขึ้นลาท่านมอลทีส ท่านลาซา และพินช์เชอร์ที่มองตามตาละห้อย แต่ตามออกมาส่งไม่ได้ เพราะท่านลาซาเรียกให้ไปช่วยเตรียมของก่อน




ระหว่างที่เดินออกจากสำนักแพทย์ไปที่โรงเก็บมังกร ผมก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปเลียบๆ เคียงๆ แล้วถามร็อตด้วยความสงสัย

“เอ่อ... ร็อตข้าถามอะไรหน่อยได้ไหม” เจ้าของชื่อหันมาเลิกคิ้วให้เหมือนจะถามว่ามีอะไร

“เอ่อ...ร็อตไม่ชอบพินช์เชอร์เหรอ” ร็อตทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที

“เจ้าไปถามเด็กนั่นดีกว่า ว่าเกลียดอะไรข้านักหนา”

“...”

“ทำไมถึงคิดว่าพินช์เชอร์เกลียดเจ้าล่ะ” ซื่อบื้ออย่างผมยังดูออกว่าเด็กคนนั้นน่าจะชอบร็อต

“เจ้าเด็กนั่นมันชอบแกล้งข้า” ร็อตพูดอย่างมีอารมณ์

“ห๊ะ!” ตัวเท่าลูกหมานั่นนะ

“แกล้งยังไงครับ?” ผมถามด้วยความสงสัย ดูจากขนาดตัวของทั้งคู่แล้วนึกไม่ออกว่าพินช์เชอร์จะเอาอะไรไปแกล้งร็อตได้

“เจ้าเด็กนั่นชอบแอบเอาอาหารมาวางไว้ให้ ข้าไม่รู้ว่าใครให้มา จะไม่กินก็กลัวจะเสียมารยาท แต่กินไปแล้วต้องคายทิ้งแทบไม่ทันทุกที บางครั้งเค็มเหมือนใส่เกลือลงไปทั้งกระปุก บางครั้งก็หวานซะจนแสบไส้ บางครั้งก็ขมจนติดลิ้นทำเอาข้ากินอะไรไม่ได้ไปหลายวัน บางทีก็แอบใส่ยาถ่ายมาให้จนข้าท้องเสียไม่มีแรงจะฝึก บางครั้งก็แอบเอายาแปลกๆ มาให้ พอทาแล้วหน้าบวมบ้าง ผื่นขึ้นบ้าง ตัวเขียวบ้าง แล้วจะไม่ให้คิดว่าเด็กนั่นเกลียดข้าได้ยังไง” ร็อตร่ายยาวอย่างอัดอั้นตันใจ

“...”

“นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนของสำนักแพทย์ แถมเป็นศิษย์โปรดของท่านลาซานะ ข้าซัดไปแล้ว!”

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” ผมหันไปมองสี่คนที่เหลือที่หัวเราะลั่นขึ้นมาพร้อมกัน ร็อตหันไปมองตาขวางเหมือนหมาบ้า จนผมเผลอขยับตัวออกห่างมาอีกหน่อยไม่ได้

จากปฏิกิริยาก่อนหน้านี้ คิดว่าเพื่อนๆ ทั้งสี่น่าจะเดาความรู้สึกของพินช์เชอร์ออก แต่ร็อตที่ดูเหมือนจะฉลาดกลับดูไม่ออก ทีเรื่องมังกรละรู้ลึกรู้จริง ถามอะไรตอบได้หมด เรื่องแบบนี้กลับบื้อซะนี่

เอ... แต่ก็นะ ถ้าเจอแบบร็อต เป็นผมก็คงคิดเหมือนกับร็อตนั่นแหละ

เฮ้อ! พินช์เชอร์หนอพินช์เชอร์ พรุ่งนี้ถ้าเจอตัวจะถามดูสักทีว่าทำอะไรลงไป ถึงได้ทำเอาคนที่ชอบขยาดได้ถึงขนาดนี้!!

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้ไม่มีอะไร แค่อยากเปิดตัวน้องพินช์เชอร์ อย่าถามหาสาระค่ะ ไม่มี๊  :katai2-1:

ก้อนดินเขินรุนแรงมาก  ระวังนะพินช์เชอร์สนิทกันเมื่อไหร่โดนตบหัวทิ่มแน่ กร๊ากกกกก  :laugh:

ปล. มีคนบอกว่าขอแบบหวานๆ เจออาหารของพินช์เชอร์ไป หวานพอไหมคะ ฮ่าๆๆๆๆ (หัวเราะกลบเกลื่อน)  :z1:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#♥►MAGNOLIA◄♥ คนที่นี่ใจดีค่า เรื่องแปลกๆ ของคนที่นี่ถือเป็นเรื่องปกติ พี่ไซแกกล่าวไว้ 55555 ที่จริงใช้ตัวยาเป็นข้ออ้างในการหนีเที่ยวนี่เอง แฮ่ ส่วนคนร้ายคือใคร โปรดติดตามตอนต่อปายยย
#duck-ya อุตส่าห์ร่ำเรียนมาก็ต้องได้ใช้ประโยชน์ค่ะ
#sirin_chadada นานเหมือนกันค่ะ แต่คิดแล้วบันเทิงมาก สนุกยิ่งกว่าเขียนฉากรัก 55555
#พิศตะวัน  :katai5: :katai5: :katai5: คลานแข่งกัน 55555  :L1:
#DeShiWa พระเอกจำเป็นอยู่ไหม ถามใจดู 5555 บทนี้อยากให้ดินแสดงความสามารถบ้างค่ะ ไหนๆ ก็ไปเรียนมาทั้งที
#Air_Yaoi  :pig4: :L1: :pig4:
#MayA@TK คนที่นี่รู้กันทุกคนค่ะ ส่วนสาเหตุนั้นค่อยดูในภาคของพี่ไซแกนะคะ
#pandorads เอร๊ยยยย ขอบคุณมากค่า ปลื้มมมมม ขอเตรียมตัวแป๊บบบบ เดี๋ยวค่อยไปผจญภัยกัน
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
#mild-dy  :L2: :pig4: :L2:
#•♀NoM!_KunG♀• ขอเวลาเตรียมตัวก่อนค่า แล้วหนีเที่ยวกันเต๊อะ
#alternative  555555 คนคิดนี่โรคจิตเนอะ
#poppycake  ช่ายยยยย เรียนมาแล้วต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ค่ะ
#KARMI  เป็นคนที่แกล้งสนุกดีค่ะ ตอบโต้ไม่ได้ 555555
#suikajang  ตอนเขียนนี่บันเทิงมากค่ะ นั่งนึกอยู่ว่าใช้อะไรดีน้า 55555 คนอาณาจักรนี้ขี้แกล้งกันถ้วนทั่วทุกตัวตน เผลอๆ ก็หันมาแกล้งกันเอง ถถถ ใครจะปล่อยให้น้องดินไปลำบากคนเดียวล่ะคะ พี่ไซต้องตามไปเต๊าะ เอ๊ย ปกป้องต่อสิน่า
#Billie   :L2: :pig4: :L2:
#แฟนตาเซีย  เอาน้ำตาลจากอาหารของร็อตไปแทนก่อนค่ะ 55555
#takara  โปรดติดตามตอนต่อไปค่า แฮ่
#prangasia  ทิ้งไว้มากมาย ทิ้งแล้วทิ้งเลยได้ไหมคะ แหะๆ อยากจบจะแย่ แต่จบไม่ลง ถถถ  เหมือน คห.บนค่ะ เอาน้ำตาลจากอาหารของร็อตไปก่อนนะคะ 555
#HISY  ขอบคุณมากค่า ปลื้มมม ไว้แวะมาอ่านอีกนะคะ
#คนริมคลอง  ขอบคุณมากครับ : ก้อนดิน /  ก๊าสสสสส : ก้อนหิน / กอดดดดดด : คนแต่ง
:L1: :L1: :กอด1: :pig4: :กอด1: :L1: :L1:

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 02-06-2017 19:18:35
แทบจะอดใจรอตอนต่อไปไม่ไหว อยากรู้อะไรตั้งมากมาย
ทั้งเรื่องพี่ไซ ทั้งเรื่องคนวางยาควีน


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 02-06-2017 19:29:28
ร็อตตตตตต น้องแค่ทำอาหารมาจีบบบบบ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-06-2017 19:44:50
พี่ว่าน้องพินเชอร์ไปเรียนทำอาหารเพิ่มเถอะ เดี๋ยวร็อตจะถูกอาการรักเป็นพิษเล่นงานจนตายไปเสียก่อนได้กินเด็ก ฮ่า ๆ ๆ

พี่ไซห่วงหวงเกินไปเปล่า เราอิจฉา!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 02-06-2017 20:15:41
คนร้้ายก็คือ คนแต่งนั้นเอง55555 :a5: o22
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-06-2017 20:23:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 02-06-2017 20:49:56
อิอิ ชอบแกล้งคนที่ชอบรึป่าวน๊า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 02-06-2017 21:17:36
โถถถถ น้องพินช์จีบคนที่ชอบด้วยอาหาร ไม่ทราบว่าไม่รู้ว่าฝีมือตัวเองทำลายล้างหรือว่าตั้งใจแกล้งกันแน่จ๊ะ :hao3:
ส่วนพระเอกเรามองซะแบบว่าถ้าก้อนดินเป็นปลากัดคงท้องไปแล้วค่ะ 
ท้องเลยดีมั๊ย? 
โดยมีก้อนหินเป็นพี่คนโต

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-06-2017 22:18:34
 :katai2-1:
 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 02-06-2017 23:13:43
รอๆ รอที่จะไปผจญภัย

คิดว่ากว่าจะได้ตัวยามา

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่

ปล. อยากเห็นรูปก้อนหินอะคนแต่ง

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-06-2017 23:28:29
ก่อนเอาอาหารมาให้ร็อตพินเชอร์ไม่ได้ชิมมาก่อนรึไงคะ รสชาติถึงเลวร้ายขนาดนั้น 555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 03-06-2017 00:29:07
เอ คู่รองนี่ก็น่าสนใจ
เตรียมตัวออกเดินทาง
สงสังต้องหฤโหดมากๆแน่เลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-06-2017 01:06:16
ฮาพินช์เชอร์ ไร้ซึ่งเสน่ห์ปล่ยจวักจริงๆลูกเอ๊ย
ตอนหน้าไปเที่ยวกันดีกว่าาา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: Air_Yaoi ที่ 03-06-2017 09:45:45
ทั้งฮาทั้งสงสาร ทั้งพินช์เชอร์แล้วก็ร็อตเลยอ่ะ ไอ่คนนึงก็อยากทำอาหารให้คนที่ชอบ ส่วนอีกคนก็ขยาดเพราะอาหารของของอีกฝ่าย 5555555  :m20: :m20: :m20:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 03-06-2017 12:03:31
 :mc4: นี้เป็นการเปิดตัวอีกคู่หนึ่งใช่ป่าวคะ น้องน่ารักแต่แอบทำพี่ร็อตกลัว ต้องดูกันไปยาวๆ ว่าจะมาแนวไหนคู่นี้  :hao3:
แหมะยังคงความมโนได้เยี่ยมเลยน้องดิน คิดแต่ละอย่างนิสุดยอด อย่างลุงเซเรสเป็นลอร์ดโวลเดอมอร์งี้ โอ๊ยถ้าไม่ใช่ดินทำไม่ได้นะเนี้ย  :m20:
อ่านนิยายไม่ชอบเครียดคะ แบบนี้แหละดีแล้ว น่ารักๆ ฮาๆ ฟินๆ แกล้งกัน แซวกัน แลดูมีความสุข  :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-06-2017 16:37:08
สงสัยพินช์ ต้องไปเข้าคอร์สฝึกทำอาหารก่อนที่จะทำให้ร็อต
ได้ดิน ไปชี้แนะ พินช์อาจเก่งขึ้นก็ได้นะ เอ่อ....เรื่องทำอาหาร  o22
ก้อนหิน บทน้อยไปเลย พินช์มาแย่งซีน
ก้อนหิน น่ารัก ตื่นมาก็วิ่งหาก้อนดิน จนวิ่งตกบันได
อยู่กับไซเลอร์ ก็ดิ้นมาหาก้อนดิน

ร็อต นี่ไม่เข้าใจซะเลยว่าถูกพินช์จีบ

ร็อต พินช์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 03-06-2017 16:46:55
พินช์~~~~!! ถ้าจะจีบด้วยวิธีนี้
แนะนำให้ไปเรียนทำอาหารนะลูก 5555555
แค่รอซก้อกินทุกอย่างที่ให้มาอ่ะเนอะ น่าเอ็นดูวววว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 03-06-2017 20:54:05
 :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 03-06-2017 21:24:41
กรี๊ดดดดดดดดดดดด :hao7: ทำม่ายยฉันเพิ่งเห็นเรื่องนี้ ฮอลลลล สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai2-1: :katai2-1: งานดีมากกกชอบๆๆๆๆๆ  พี่ไซเหมือนมีความลับอะไรบ้างยุเลยอ่ะ  อยากรุๆๆๆ  :hao7: :hao7: ตอไวๆๆนาาา
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 17 สำนักแพทย์ (2/6/60) P.9
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-06-2017 00:54:34
เด้กแสบมาเพิ่มอีกหนึ่ง สนุกแน่นๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 สำนักแพทย์ (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 08-06-2017 13:23:11
บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม ?

   ผมนั่งตำส้มตำ เอ๊ย! ตำสมุนไพรแข็งๆ กับครกหินอย่างขะมักเขม้น ปล่อยให้พินเชอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ทำงานเบาๆ อย่างเด็ดหรือหั่นสมุนไพรก่อนนำไปต้ม ส่วนก้อนหินผมก็สอนให้คอยช่วยหยิบสมุนไพรใส่ครกให้ทีละนิด เพราะถ้าเป็นพวกเมล็ดแข็งๆ ใส่ไปพร้อมกันทีเดียวไม่ได้ เวลาตำมันจะกระเด็นและไม่ละเอียด ผมทำงานไปสายตาก็มองมันพยายามหยิบของใส่ครกด้วยความเอ็นดู เวลาไม่แน่ใจก็เงยมามองหน้าเหมือนจะขอความมั่นใจ พอผงกหัวให้ก็ปล่อยลง แทบอยากจะทิ้งสากแล้วจับมันฟัดแทน มันเขี้ยวจริงๆ!!

   เมื่อวานหลังจากกลับไปจากที่นี่ ผมกับไซเลอร์ก็กลับไปที่เรือนวสุธาเพื่อเตรียมของเดินทาง โดยมีไซเลอร์มาคอยบอกและช่วยดูว่าควรเอาอะไรไปบ้าง หลังจากกินอาหารเย็นร่วมกันที่บ้านใหญ่เรียบร้อยแล้วไซเลอร์ก็บอกเรื่องภารกิจที่ได้รับมอบหมายมาให้คนที่บ้านรู้ ซึ่งท่านอลาสกัน ท่านไซรีน กับพี่ไซรอสก็รู้อยู่แล้ว เพราะท่านอลาสกันเพิ่งไปพบคิงเพื่อรายงานความก้าวหน้าของเรื่องที่ตามสืบมา ท่านไซรีนกับบรรดาภรรยาของท่านอื่นๆ ก็ต้องรับงานของควีนมาทำต่อ ส่วนพี่ไซรอสได้รับคำสั่งให้พาทีมเดินทางไปงมไข่มุกดำที่ทะเลไมเรส ช่วงนี้แต่ละคนนี่งานเข้ากันถ้วนหน้า

   พอรุ่งเช้ามาก็เลยรีบมาเช็คของที่สำนักแพทย์ ของที่ท่านมอลทีสกับท่านลาซาเตรียมให้ครบแล้ว ผมเลยเตรียมส่วนประกอบที่จะนำไปใช้สกัดเห็ดกับไข่ให้พร้อม โดยมีพินช์เชอร์เป็นลูกมือช่วย ส่วนคนอื่นๆ ในสำนักก็แยกย้ายออกไปทำหน้าที่กันหมด เหลือแค่ไม่กี่คนที่รับผิดชอบเรื่องสมุนไพรยังคงทำงานอยู่ที่สวนสมุนไพรและในห้องเก็บสมุนไพร ส่วนไซเลอร์ที่ตามมาด้วย ท่านลาซาขอให้ไปช่วยคนของสำนักยกของอยู่ด้านนอก

   พอเหลือกันอยู่ลำพังก็อดจะถามน้องไม่ได้

   “พินช์เชอร์”

   “ครับพี่ดิน”

   “พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

   “ได้สิครับ”

   “เอ่อ... พินช์เชอร์ชอบร็อตเหรอ?”

   เคร้ง!!

   “เฮ้ย! พินช์เชอร์ เป็นอะไร มีดบาดรึเปล่า ไหนมาให้พี่ดูซิ” ผมรีบขยับไปจับมือน้องมาพลิกดูด้วยความเป็นห่วง พอเห็นว่าไม่มีแผลก็ถอนใจอย่างโล่งอก

   “เกิดอะไรขึ้น” ไซเลอร์ที่วิ่งมาถึงถามขึ้น เอ่อ... อยู่ตั้งไกล ยังอุตส่าห์ได้ยินอีกนะ

   “ไม่มีอะไรหรอกอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ” ผมหันไปตอบไซเลอร์ แต่คนถามไม่ได้สนใจคำตอบ ยืนคิ้วขมวดมุ่นสายตาจ้องไปที่มือของผมที่ยังจับมือพินช์เชอร์อยู่เขม็งจนผมต้องรีบปล่อยมือน้อง ขยับหัวที่เกือบจะโขกกันออกอีกหน่อย มันเป็นไปเองอัตโนมัติ ไม่รู้ทำไม

   พอปล่อยปุ๊บคิ้วคนมองก็คลายลงปั๊บ แล้วก็หันมามองหน้าแล้วบอก

   “ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว ข้าไปช่วยท่านลาซาต่อก็แล้วกัน” พูดจบก็หันหลังเดินกลับไปโดยปราศจากรอยยิ้มเหมือนอย่างเคย
 
   เอ่อ... อาการเหมือนจะ... งอน ใช่รึเปล่าวะ ผมก็ไม่แน่ใจ ว่าแต่มันมีอะไรให้น่างอนล่ะ ผมเกาหัวอย่างงงๆ

   “ก๊าส” เสียงก้อนหินทำให้ความคิดชะงักลง พอหันไปมองก็เห็นมันเอามือตบครกเหมือนเรียกให้ไปทำงานต่อ

   “ครับๆ เจ้านาย ไปแล้วครับ” ไปถึงก็จับมันมาฟัดแรงๆ ด้วยความมันเขี้ยวทันที

   พอฟัดจนพอใจก็กลับไปนั่งตำต่อ ตาก็เหล่มองพินช์เชอร์ พอน้องหันมาสบตาก็ย้ำอีกที

   “ยังไม่ตอบพี่เลยนะ” นี่เผือกเพราะหวังดีล้วนๆ นะ ปกติไม่ชอบยุ่งเรื่องของใคร แต่เอ็นดูพินช์เชอร์เกินกว่าจะปล่อยไปเฉยๆ ขืนปล่อยให้จีบแบบนี้ต่อไป เชื่อว่าน้องต้องแดกแห้วแน่ๆ

   “ครับ ชอบ” เจ้าตัวหลบตา ตอบกลับมาเสียงเบาหวิว หน้าแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศลูกโตๆ

   น่าฟัดพอๆ กับก้อนหินก็พินช์เชอร์นี่แหละ ไม่เคยคิดว่าเด็กผู้ชายจะดูน่ารักน่าฟัดได้ขนาดนี้ ปกติเจอแต่ยักษ์กับน้องๆ ยักษ์นานๆ จะได้เจอสิ่งมีชีวิตที่ตัวเล็กๆ สักที ได้แต่ระงับใจไม่ให้พุ่งไปฟัด เดี๋ยวมีดจะบาดมือน้อง พอนึกได้ก็รีบดึงมีดออกจากมือก่อน กลัวจะเขินจนเผลอหั่นมือตัวเองเอา

   “พี่ดินดูออกด้วยเหรอครับ” พินช์เชอร์เงยหน้าแดงๆ ขึ้นมาถาม โอ๊ย! ขอฟัดสักทีได้ไหม

   “อื้อ ก็พอจะดูออก” ที่จริงก็คงดูออกกันทั้งอาณาจักรนั่นแหละ

   ยกเว้นคนถูกจีบ...

   กรรมจริงๆ

   “แต่ท่านร็อตไม่สนใจข้าเลย ท่าทางจะรังเกียจด้วยซ้ำ” พินช์เชอร์บอกหงอยๆ ผมเลยเอื้อมมือไปลูบหัวปลอบใจ จะบอกยังไงให้รู้ตัวโดยไม่ทำให้น้องใจเสียหว่า ว่าร็อตไม่ได้รังเกียจ แค่ เอ่อ กลัว... เฮ้อ!

   “แฮ่ม” เสียงกระแอมจากข้างนอกทำให้ผมสะดุ้งเผลอชักมือกลับ โอ๊ย! นี่กูเป็นอาราย ทำไมถึงเกรงใจเจ้าของเสียงนัก ได้แต่เอามือลูบหัวตัวเองแก้เก้อ อยากจะตะโกนถามจริงๆ ว่าอะไรติดคอรึเปล่า โว๊ะ! ขัดคอจริงๆ

   “พินช์เชอร์ทำอาหารไปให้ร็อตบ่อยเหรอ” ผมเลียบๆ เคียงๆ ถาม คนถูกถามก็หันมามองงงๆ เหมือนสงสัยว่ารู้ได้ยังไง แต่ก็ตอบแต่โดยดี

   “ครับ”

   “ทำเองด้วยเหรอ”

   “ครับ”

   “ทำไมถึงไม่ซื้อให้ล่ะ”

   “ท่านพี่ข้าบอกว่าของที่ทำด้วยตัวเองจะทำให้คนได้รับประทับใจมากกว่าครับ” แต่เท่าที่รู้ คนรับดูจะหลอนมากกว่านะ

   “แล้วเคยชิมก่อนเอาไปให้บ้างไหม”

   “ไม่เคยครับ”

   “อ้าว! ทำไมล่ะ” เผลออุทานด้วยความแปลกใจ

   “ท่านร็อตทานอาหารรสจัดมากครับ แต่ว่าข้าทานเผ็ดไม่ได้ ทานทีไรปวดท้องมากๆ ทุกทีเลย ท่านพี่เลยห้ามข้าชิม”

   โอเค เก็ทละ

   จบ...

   หมายถึง... จบเห่นะ มิน่าล่ะ รสชาติถึงได้เป็นอย่างนั้น

   ผมชั่งใจเล็กน้อย ก่อนจะเล่าให้ฟังว่าร็อตพูดว่ายังไง พินช์เชอร์ฟังสักพักก็อ้าปากค้าง หน้าซีดลงเรื่อยๆ พอฟังจบก็คู้เข่าขึ้นมาซบหน้าลงแล้วคร่ำครวญ

   “โอ๊ย! ตายแล้ว ข้าจะทำยังไงดี ป่านนี้ท่านร็อตไม่เกลียดข้าไปแล้วเหรอ ฮืออออออ!” ผมได้แต่ตบบ่าเบาๆ แล้วรีบชักมือกลับ เผลอหันไปมองทางประตู พอไม่ได้ยินเสียงอะไรลอยมาก็ลูบหัวปลอบน้องต่อ

   พักประเด็นนี้ไปก่อน ยังมีอีกเรื่อง

   “แล้วเจ้าเอายาไปให้ร็อตบ่อยเหรอ”

   “ครับ” พินช์เชอร์เงยหน้าเบ้ๆ จากเข่าขึ้นมาตอบ

   “ตอนเอาไปให้ได้เขียนสรรพคุณไว้ไหม” พินช์เชอร์คงจะพอเดาอะไรได้เลยทำหน้าแหยๆ อ้าปากพะงาบๆ เหมือนปลาทองฮุบอากาศ ก่อนจะบอกเสียงเบาหวิว

   “ข้า...ลืม”

   “...”

   ครับ...

   เจริญจริงๆ

   คิดว่าชาตินี้จะจีบติดไหม ถามใจดู

   ผมถอนหายใจด้วยความเพลียอีกที แล้วบอกไปว่าร็อตมีอาการหลังได้รับยายังไงบ้าง คนฟังหน้าซีดเผือดสลับแดงก่ำเปลี่ยนสีได้เหมือนกิ้งก่า ทั้งน่าขำทั้งน่าสงสารไปพร้อมๆ กัน ไม่อยากจะทำร้ายจิตใจหรอกนะ แต่ให้รู้ตัวตอนนี้ดีกว่าต้องแดกแห้วละวะ

   “โอ๊ย!! ตายแล้ว! ตายแน่ๆ เลย ข้าคงตื่นเต้น เลยหยิบยาผิดขวดไปให้ พี่ดิน ข้าจะทำยังไงดี มิน่าล่ะ ท่านร็อตถึงพยายามหลบหน้าข้า ข้าต้องโดนเกลียดแล้วแน่ๆ เลย ฮือออออ!!!” พูดไปทึ้งหัวตัวเองไป แล้วอยู่ๆ น้ำตาก็หยดลงมาแหมะๆ อย่างน่าสงสาร อ้าว! เฮ้ย! ร้องเลย เวรแล้วไง

   “โอ๋ๆๆๆ อย่าร้องนะ” ผมได้แต่ส่งผ้าเช็ดหน้าให้ พอทนไม่ไหวก็ดึงมากอดพร้อมกับช่วยลูบหัวลูบหลังปลอบใจ เลิกสนใจเสียงนกเสียงกาข้างนอกชั่วคราว

   “พ... พี่ดินต้องช่วยข้านะ ฮืออออ”

   “พี่จะพยายามช่วยก็แล้วกัน”

   “จริงๆ นะ” พินช์เชอร์ผละออกจากอ้อมกอด เงยขึ้นมามองตาเป็นประกายอย่างมีความหวังทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง

   น... น่ารัก

   “ครับ” รับปากไปก่อนจะได้เลิกร้องซะที พอเห็นผมรับปากก็ยิ้มออกมาได้ เห็นแล้วอยากจะร้องเพลงให้ฟัง ‘อย่าฝากความหวังที่ฉันจนเกินไป เพราะฉันไม่ได้มีทุกอย่างที่ควรจะต้องรอ’

   โธ่! ผมจะมีปัญญาไปช่วยใครได้ เกิดมายังไม่เคยจีบใครเลย เพราะคิดว่าจะตั้งใจเรียนให้จบก่อน อีกอย่างผมเป็นแค่เด็กรับใช้ฐานะต่ำต้อย คิดว่าคงไม่คู่ควรกับใคร เลยได้แต่มองสาวๆ ตาละห้อย เกิดมาก็เพิ่งจะเคยโดนจีบ แถมคนจีบยังเป็นผู้ชายทั้งสองคน ไม่รู้ควรจะดีใจหรือเสียใจดี

   “ถ้าพี่ดินช่วยข้าต้องสำเร็จแน่ๆ เลย”

   “ทำไมล่ะ” อะไรทำให้น้องมั่นใจขนาดนั้น

   “ก็ดูท่านไซเลอร์จะรักพี่ดินมากเลย” ผมมองตามสายตาของพินช์เชอร์ไปทางหน้าประตูก็เห็นไซเลอร์ยืนกอดอกมองมาอยู่
 
   เหี้ย! พ่อมา โอเคๆ ยอมรับก็ได้ว่าเกรงใจพี่มัน ผมขยับห่างจากน้องโดยอัตโนมัติ พินช์เชอร์หัวเราะคิกคักจนน่าตบให้หัวทิ่ม ได้ข่าวว่าเมื่อกี๊เพิ่งร้องไห้อยู่แหม่บๆ นี่หัวเราะได้แล้ว? เด็กเอ๊ย! ผมยีหัวเล่นด้วยความมันเขี้ยว

   “ใกล้เสร็จหรือยังดิน” สงสัยจะเล่นกันนานไปหน่อย พ่อ เอ๊ย! ไซเลอร์เลยเดินมาถามใกล้ๆ ตาเขียวๆ นั่นขุ่นคลั่กเหมือนโดนตะไคร่น้ำเกาะ ผมหยิบลิสต์ที่จดไว้มาไล่ดูก็รีบหันไปตอบ

   “ใกล้แล้วครับ เดี๋ยวต้มชุดนี้กรองน้ำก็เสร็จแล้ว” อย่างอื่นเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือชุดนี้แหละมัวแต่คุยเลยไม่เสร็จสักที พูดจบไซเลอร์ก็กลับไปทำงานต่อ ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหัว กับพินช์เชอร์ก็ไม่เว้น ไม่รู้จะหวงอะไรนักหนา

   เมื่อเห็นผมชักช้าไม่กลับไปประจำที่สักที ก้อนหินก็เอาเล็บครูดกับครกเรียกร้องความสนใจ

   “พอๆ หินกูเสียวฟัน ไปเดี๋ยวนี้แหละครับเจ้านาย” พอกลับไปนั่งที่มันก็ขยับขึ้นมานั่งตักแล้วก้มลงหยิบสมุนไพรใส่ครกแทน สงสัยจะกลัวผมลุกออกจากที่อีก ตัวเท่าลูกหมา ก้มทีหัวจะทิ่ม แต่ก็ยังพยายาม ทำไมถึงทำตัวน่าฟัดขนาดนี้นะ ฮึ่ย! ฝากไว้ก่อนเถอะ ต้องเร่งมือทำงานก่อน เดี๋ยวพ่อมาตามอีก

   หลังจากเตรียมของเรียบร้อยแล้ว พินช์เชอร์ก็พาผมไปที่ห้องต้มสมุนไพร ระหว่างที่รอเวลาให้น้ำเดือดและรอให้สมุนไพรเปื่อยจนกรองเอาน้ำได้ พินช์เชอร์ก็ชวนนั่งจิบชารอที่โต๊ะในห้องนั่นแหละ ส่วนก้อนหิน พินช์เชอร์เอาเนื้ออะไรสักอย่างมาให้ ผมเลยหั่นเป็นชิ้น แล้วเสียบไม้เล็กๆ ใส่จานวางไว้ให้มันนั่งกินบนโต๊ะ

   “พี่ดินครับ”

   “หืม”

   “พี่ดินว่าท่านร็อตจะเกลียดข้าไหม” พินช์เชอร์ถามด้วยสีหน้ากังวล

   “ไม่หรอก ร็อตใจดีจะตาย” ถึงหน้าจะดูดุๆ แต่ใจดีมาก ดูเวลาอยู่กับก้อนหินสิ ตามใจกันอย่างกับอะไร

   “แล้วข้าต้องทำยังไงต่อครับ”

   “อืม ก่อนอื่นก็ต้องไปขอโทษร็อตตรงๆ ก่อน อธิบายให้เข้าใจว่าไม่ได้ตั้งใจแกล้ง มันเป็นความผิดพลาด ร็อตน่าจะอภัยให้อยู่แล้วละ” อย่างร็อตต้องพูดตรงๆ ขืนอ้อมโลกให้ตายก็ไม่มีวันเข้าใจ

   “ตะ... แต่ ข้าอาย” ยอมอายดีกว่าต้องแดกแห้วนะพี่ว่า

   “อยากให้ร็อตกลัวเจ้าต่อไปรึไง” ขู่ไปเล็กน้อยเป็นการกระตุ้น

   “ครับ ข้าจะไป” ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้โตเร็วๆ

   “หลังจากนั้นก็หาอะไรที่ร็อตสนใจเป็นพิเศษไปให้ เอ่อ... ไม่ต้องทำเองแล้วนะ พี่แนะนำว่าซื้อไปเถอะ ถ้าตั้งใจซื้อไปให้ก็แสดงถึงความใส่ใจได้ไม่ต่างกันหรอก” บอกตรงๆ กลัวใจฝีมือน้องจริงๆ

   “ข้าก็เห็นท่านร็อตสนใจแต่มังกรนั่นแหละ จนข้าอิจฉา อยากจะเกิดเป็นมังกรซะให้รู้แล้วรู้รอด”

   “ทำไมล่ะ” ผมหันไปถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เห็นประโยชน์ของการเกิดเป็นมังกรสักนิด ถามเสร็จก็ยกชาขึ้นมาจิบต่อ อืม ชาที่นี่หอมดีจริงๆ

   “ท่านร็อตจะได้สนใจข้าบ้าง”

   อ้อ!

   “อีกอย่าง ท่านร็อตจะได้ขี่ข้าด้วยไง”

   พรวด!!!

   “แค่กๆๆๆๆ” ผมสำลักน้ำชาไอจนหน้าดำหน้าแดง พินช์เชอร์ก็ขยับมาลูบหลังให้ด้วยความตกใจ พอหายไอแล้วก็ถามขึ้นเสียงดัง

   “ขี่เนี่ยนะ!” พินช์เชอร์เอียงคอมอง ทำหน้าสงสัยว่ามันแปลกตรงไหน

   “ครับ ก็เป็นมังกรให้ท่านร็อตขี่ไปไหนมาไหนไงครับ อย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้ท่านร็อตตลอดเวลา แถมไม่โดนรังเกียจด้วย” พูดเสร็จก็ยิ้มเหมือนกลายเป็นมังกรไปแล้วจริงๆ

   โอเค...

   นี่ผมคิดลึกไป หรือน้องมันคิดน้อยไปวะ!!!

   โอ๊ย! กูปวดหัวววว

   กว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็เล่นเอาสมองทำงานหนักมาก การคุยกับพินช์เชอร์ทำให้ผมเปลืองพลังงานยิ่งกว่าการเตรียมยาซะอีก ผมกับไซเลอร์ไปช่วยพินช์เชอร์ดูว่าเตรียมของในการเดินทางพร้อมไหม ขาดเหลืออะไรจะได้หาทัน ย้ำเรื่องเวลาเดินทางในพรุ่งนี้อีกครั้ง พอเรียบร้อยแล้วก็ลาท่านลาซากลับบ้าน




   “ดิน ดินตื่น ถึงบ้านเราแล้ว” เสียงอ่อนโยนที่ดังขึ้นข้างหู กับแรงเขย่าเบาๆ ที่บ่าทำให้ผมสะดุ้งตื่น อ้าว! เผลอหลับไปเหรอ สงสัยอากาศข้างบนจะดีเกินไป

   ผมก้มมองก้อนหินที่หันมากอดผมแน่นแล้วหลับไป แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่าแผ่นหลังของตัวเองพิงแนบสนิทกับอกกว้างๆ ของคนข้างหลัง เลยตัวแข็งทื่อ พอแหงนหน้าไปก็สบเข้ากับนัยน์ตาสีเขียวพราวระยับที่อยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ ผมผวาลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วจนก้อนหินสะดุ้งตื่นขึ้นมาทันที

   “ก๊าส” มันร้องประท้วง

   “หึๆ” เสียงหัวเราะของคนข้างหลังทำให้รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า ได้แต่จับก้อนหินไว้แน่นๆ รีบกระโดดลงจากหลังไซรัส แล้วเดินจ้ำๆ ตรงกลับเรือนวสุธาโดยไม่สนใจว่าคนข้างหลังจะตามมาทันรึเปล่า

   เมื่อเดินไปถึงก็เห็นคนในทีมเฮดีสที่เหลือรออยู่ตรงชานหน้าบ้านอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา พอเห็นผมเดินไปชเนาเซอร์ก็เรียกเสียงดังมาแต่ไกล

   “ดิน” จะเรียกเพื่อ?

   จะหลบก็ไม่น่าจะทัน เลยได้แต่จำใจเดินตรงไป

   “ดิน ทำไมหน้าแดงอย่างนั้นล่ะ ไปทำอะไรมา” พอเดินไปใกล้ชเนาเซอร์ก็ถามอย่างล้อเลียนจนน่าเตะ ส่วนคนอื่นๆ ถึงจะไม่พูดแต่ยิ้มกริ่มกันหมด นี่แหละถึงยังไม่พร้อมจะเจอ ผมยังรู้ตัวเลยว่าหน้ายังไม่หายร้อน โอ๊ย! จะเขินอะไรนักหนาวะดิน!

   “หึๆ” แถมตัวต้นเหตุตามมาทันเมื่อไหร่ก็ไม่รู้มายืนหัวเราะอยู่ใกล้ๆ เคยบอกไปรึยังครับว่าเกลียดเสียงหัวเราะแบบนี้ของพี่แกจริงๆ

   “แน่ะๆๆ แอบไปทำอะไรกันมา” แน่ะพ่อง!

   “ทำไมไม่ไปรอข้างใน” ไซเลอร์ถามเพื่อนๆ ที่ยืนพิงระเบียงบ้าง ขึ้นไปนั่งบนระเบียงบ้าง หักลงมาละจะหัวเราะให้ฟันร่วง แต่ละคนตัวไม่ใช่เล็กๆ

   “ไม่อยากเข้าไปในเรือนหอพวกเจ้าโดยไม่ได้รับอนุญาตน่ะ” มาสทิฟฟ์ตอบ สีหน้าล้อเลียนมาเต็มจนอยากกระโดดถีบยอดหน้า แต่เอาจริงๆ คงถีบไม่ถึง...

   ว่าแต่... เรือนหอพ่อง!

   “ฮ่าๆๆๆๆ” พอเห็นผมทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็ประสานเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมกัน ผมรู้สึกหน้าร้อนจนแทบจะระเบิด ได้แต่กอดก้อนหินไว้แน่น ส่วนเจ้าของเรือนหอ เอ๊ย! เจ้าของบ้านตัวจริงก็ยืนยิ้มไม่ค้านสักคำ

   ครับ... เอาที่พี่ๆ สบายใจเลย ล้อได้ล้อไป กูก็อายไปสิ โอ๊ยยยย! นิสัย!

   “หึๆ พอเถอะ เข้าไปคุยในบ้านกัน” อารมณ์ดีจริงๆ ต่างจากตอนอยู่ที่สำนักแพทย์ราวฟ้ากับเหว

   ผมปล่อยให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญเดินเข้าบ้านไปก่อน ไซเลอร์คงเข้าใจอารมณ์ผมเลยเดินนำหน้าไป แต่ก่อนจะเดินผ่านยังมีหน้ามากระซิบบอก

   “หูแดงนะ หึๆ”

   ฮึ่ย! ขัดขาแม่งเลยดีไหม ผมได้แต่จับก้อนหินมาเอาหน้าซุกพุงมันแก้ร้อน มันก็ตบหัวสองสามทีเหมือนจะปลอบ มีแต่ก้อนหินนี่แหละที่น่ารักเสมอต้นเสมอปลาย คนอื่นแม่งน่าถีบถ้วนทั่วทุกตัวตน ฝากไว้ก่อนเถอะ! จำไว้เลย! ผมอาฆาตในใจ

   พอสงบสติอารมณ์ได้ก็เดินขึ้นเรือนไป เห็นทุกคนนั่งคุยกันอยู่ แต่ยังอุตส่าห์เว้นที่ข้างๆ ไซเลอร์ไว้ให้ ผมแทบจะกลอกตา ได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินไปนั่งเงียบๆ พอเจอสายตาล้อเลียนก็อยากจะจับนิ้วก้อนหินไปจิ้มตาเรียงตัว

   “พร้อมไหมดิน” ผมหันไปมองชเนาเซอร์งงๆ พร้อมอะไรวะ?

   “เดินทางพรุ่งนี้ไง พร้อมไหม” เกริ่นนำหน่อยก็ได้ ใครจะไปตามทัน ไฮเปอร์จริงๆ คนอะไร

   “ครับ ของทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว พรุ่งนี้ก็ออกเดินทางได้ แล้วนี่มาทำไมกันครับ” นี่ถามจริงจัง ไม่ได้ประชดประชันแต่อย่างใด

   “มาทบทวนแผนการเดินทางกับตรวจของที่ต้องใช้กันอีกทีน่ะ” ร็อตตอบ

   “เรียบร้อยไหมครับ”

   “เรียบร้อยทุกอย่าง” มาสทิฟฟ์ตอบบ้าง

   แล้วเมื่อไหร่จะกลับไป อันนี้คิดในใจ...

   “เรื่องน้ำหอมที่แขนก้อนหิน เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าท่านแม่ของข้าเป็นคนซื้อแจกคนที่เข้าประชุมทุกคน” พรีซาพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าลำบากใจ

   “ทราบแล้วครับ” พรีซาถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ

   “คนที่ได้ไปมีหลายคน ทั้งคนในและนอกอาณาจักร เลยไม่รู้มันไปโดนแขนก้อนหินได้ยังไง คงต้องใช้เวลาสืบหน่อย”

   “ครับ ตอนนี้เรื่องรักษาควีนสำคัญกว่า ทุกคนก็อยู่กับข้าตลอด น่าจะไม่มีปัญหาอะไร” คิดในแง่ดีว่ามันน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ เสียดายที่ก้อนหินพูดไม่ได้ ไม่งั้นรู้เรื่องกันไปนานแล้ว

   “ขอโทษนะ”

   “ห๊ะ! ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

   “ก็เรื่องมันยุ่งยากขึ้นเพราะน้ำหอมของท่านแม่ข้า”

   “โธ่! มันเป็นเรื่องสุดวิสัย ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรอกครับ”

   “ข้ารู้ แต่ก็อดรู้สึกผิดไม่ได้อยู่ดี”

   “อย่าไปคิดมากเลยครับ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องกังวลไปล่วงหน้าหรอก แค่วันนี้ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดพอ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ถึงตอนนั้นก็พยายามแก้ปัญหาให้เต็มที่ก็พอ”

   “ขอบใจ” พรีซายิ้มออกมาได้

   “ครับ” ค่อยยังชั่วหน่อย ชินแต่กับพรีซาเวอร์ชั่นโรคจิต เวอร์ชั่นหมาหงอยแบบนี้ไม่คุ้นเลย กลับไปโรคจิตแบบเดิมเถอะเหมาะกว่าเยอะเลย โรคจิตกว่าพรีซาก็ผมนี่แหละทนหน้าหงอยๆ ของพี่แกไม่ได้ เฮ้อ!

   “เราจะคอยคุ้มกันเจ้าทั้งคู่อย่างเต็มที่ ที่จริงคิงอยากให้ส่งไปคุ้มกันพวกเจ้ามากกว่านี้ แต่ท่านมอลทีสบอกว่ามันจะเป็นจุดสังเกต อีกอย่างคนยิ่งเยอะจะยิ่งทำให้การเดินทางล่าช้าไปด้วย” มาสทิฟฟ์เสริมขึ้น

   ผมผงกหัวรับรู้ก่อนจะนึกขึ้นได้

   “ข้ามีเรื่องสงสัย” ทุกคนหันมามองผมอย่างพร้อมเพรียง บอกแล้วไงอย่าจ้องพร้อมกัน มันเกร็ง! โว๊ะ!

   “เอ่อ... ตอนข้าเข้าพบคิงกับท่านมอลทีส ข้าถามไปว่า เป็นไปได้ไหมว่าคนร้ายจะเป็นคนที่ต้องการแย่งตำแหน่งคิงแต่...”

   “เป็นไปไม่ได้!!!” ครับ เข้าใจแล้วครับว่าเป็นไปไม่ได้ พูดเสียงดังขึ้นมาพร้อมกันมันตกใจนะเฮ้ย!

   ขวัญเอ๊ย! ขวัญมา!

   “ทะ...ทำไมล่ะ” พอถามออกไปก็ได้แต่แปลกใจ เมื่อแต่ละคนทำหน้าพิลึกไม่เว้นแม้แต่ไซเลอร์ ถ้ามีกล้องละอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้จริงๆ

   “คิงกับท่านมอลทีสให้มาถาม บอกว่าพวกเจ้าตอบได้ แถมยังบอกด้วยว่าพวกเจ้าเป็นว่าที่คิงรุ่นต่อไปทุกคนเลย”

   แต่ละคนถอนหายใจเฮือกๆ จนกลัวอายุจะสั้นลงอีกหลายปี บรรยากาศดูอึมครึมขึ้นมาทันที

   อ้าว! เป็นอะไรกัน! ผมได้แต่มองทุกคนงงๆ

   “ที่นี่ไม่มีใครอยากเป็นคิงหรอก” ไซเลอร์หันมาตอบให้ผมหายข้องใจ แต่มันฟังแล้วดันน่าข้องใจยิ่งกว่าเดิมซะอีก

   “ห๊ะ!!! ทำไมล่ะครับ”

   ทุกคนหันไปสบตากันก่อนจะเริ่มตอบ

   “ขี้เกียจ” ชเนาเซอร์

   “เหนื่อย” มาสทิฟฟ์

   “น่าเบื่อ” พรีซา

   “ยุ่งยาก” ร็อต

   ผมหันไปมองตัวเต็งข้างๆ ตัวอีกคน พี่แกหันมามองแล้วตอบนิ่งๆ

   “วุ่นวาย ไร้อิสระ”

   ครับ... ฟังดูรักบ้านรักเมืองมากครับพวกมึงๆ ทั้งหลาย

   เฮ้ย! แบบนี้ก็ได้เหรอวะ!!!!

   คนที่โลกโน้นแย่งตำแหน่งกันแทบตาย อาณาจักรนี้แม่งเสือกเกี่ยงกัน อเมซิ่งจริงๆ

   “เจ้าก็เห็นว่าคนที่นี่รักอิสระมาก ตำแหน่งคิงต้องรับผิดชอบหลายๆ อย่าง แค่รับผิดชอบอาณาจักรเคลเบรอสน่ะไม่เท่าไหร่ เพราะเราคุยกันรู้เรื่อง ง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว แต่เรื่องที่ต้องประสานงานกับอีกสองอาณาจักรนี่สิ แค่นึกก็รู้สึกปวดหัวล่วงหน้าแล้ว” มาสทิฟฟ์ช่วยอธิบายต่อ แสดงว่านิสัยของคนอีกสองอาณาจักรคงจะทำให้พี่ๆ แกเวียนเฮดจริงๆ

   “ถ้าไม่มีใครอยากเป็นคิง แล้วคิงแต่ละรุ่นได้มายังไง”

   “...”

   กริบ... เกิดเดดแอร์ขึ้นชั่วขณะ มันตอบยากขนาดนั้นเลยเหรอ?

   “เจ้ารู้หรือเปล่าว่าอาณาจักรของเรา ตำแหน่งคิงไม่ได้สืบทอดกันทางสายเลือด” ไซเลอร์ถาม

   ผมอ้าปากค้างแล้วส่ายหน้า ก็เพิ่งจะรู้ตอนนี้นี่แหละ

   ไซเลอร์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะพูดต่อ

   “ตำแหน่งคิงแต่ละรุ่นจะได้มาจากการคัดเลือก คนของอาณาจักรเคลเบรอสทุกคนพออายุครบ 15 ปีก็จะมีกลุ่มที่มีลักษณะพิเศษปรากฏ คนกลุ่มนี้จะถูกส่งมาเรียนและเข้ารับการฝึกที่เมืองหลวง เมื่อถึงเวลา ใครชอบสายไหนก็แยกไปฝึกสายนั้นเฉพาะด้านไป อย่างสำนักแพทย์ ฝ่ายทหาร หรือครูฝึกมังกรตามที่เจ้าเคยเห็นมาแล้ว แต่ถ้าใครไม่ต้องการเข้ามาฝึกจะใช้ชีวิตต่อที่บ้านก็ได้ ไม่มีใครบังคับ ต่อให้เป็นคนที่ไม่มีลักษณะพิเศษแต่อยากจะเข้ามาฝึกฝนเรียนรู้ก็ได้เหมือนกัน แต่เชื่อเถอะ ว่าคนพวกนั้นยินดีจะเป็นกลุ่มคนธรรมดามากกว่า”

   “แล้ววิธีเลือกคิงนี่เลือกกันด้วยวิธีไหนครับ”

   “...”

   อ้าว! เงียบทำไมอีกล่ะ

   “คิงบางรุ่นได้ตำแหน่งมาเพราะชนะการต่อสู้ เจ้าก็รู้ว่าคนอาณาจักรเรารักศักดิ์ศรียิ่งชีพ จะแกล้งแพ้ก็ไม่ได้ เลยจำใจสู้กันอย่างเต็มที่ ใครชนะก็ได้ตำแหน่งคิงไป น่าสงสารจริงๆ” ชเนาเซอร์บอก ประโยคสุดท้ายนี่พึมพำกับตัวเองเบาๆ

   “ทำไมไม่จับฉลากกันไปเลยล่ะ” ถ้ามันจะเลือกยากเลือกเย็นขนาดนั้น

   “ก็มีนะ คิงองค์ปัจจุบันรับตำแหน่งมาเพราะจับฉลากได้นี่แหละ”

   “....”

   โอ๊ยยย! กูประชดดดด!!! 

   “คิงรุ่นก่อนหน้าได้ตำแหน่งเพราะเป่ายิ้งฉุบ” ชเนาเซอร์ยังคงพูดต่อไปอย่างเมามัน

   “รุ่นก่อนหน้าโน้นก็ได้ตำแหน่งมาจากการเสี่ยงทาย บางรุ่นก็คัดจากอายุใครแก่สุดก็ซวยไป จากที่ฟังมา การคัดเลือกคิงแต่ละครั้งสนุกจะตาย แต่ถ้าได้เป็นเองนี่แหละน่าจะไม่สนุกเท่าไหร่” ชเนาเซอร์กล่าว

   หนักกว่าเดิมอีกแม่ง! ใครมียาดมผมขอหน่อยได้ไหมครับ ฟังแล้วรู้สึกหน้ามืดพิกล

   “แล้วแบบนี้ตอนบริหารงานจะไม่มีปัญหาเหรอครับ”

   “ไม่หรอก คนที่เป็นตัวเต็งในการเข้ารับการคัดเลือกเป็นคิงแต่ละคนมีคุณสมบัติที่คู่ควรทุกคน ได้รับการอบรมและเตรียมความพร้อมมาอย่างดี เชื่อเถอะเห็นเกี่ยงๆ กันแบบนี้ แต่ไม่ว่าใครก็ได้เป็นก็ตามพอได้รับตำแหน่งแล้วก็จะทำหน้าที่กันอย่างเต็มที่ที่สุดทุกคน บ้างานกันทุกคน แถมคนที่เหลือก็จะสนับสนุนช่วยเหลืออย่างเต็มกำลังไม่มีเกี่ยงงานกันแน่นอน”

   ผมผงกหัวรับรู้อย่างมึนๆ ประเด็นนี้ผ่านได้

   เคลเบรอสโอลลี่ คงจะมีที่นี่ที่เดียวแหละ อิสรเสรีฟรีดอมกันจริงๆ

   “แล้วเรื่องชู้สาวอะไรแบบนี้ล่ะครับ”

   “ถ้าในอาณาจักรเราไม่น่าจะมีปัญหานะ สำหรับที่นี่ถ้าตัดสินใจครองคู่กันแล้วก็เหมือนมีตราประทับของอีกฝ่ายอยู่ในตัว เป็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของซึ่งกันและกัน เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้จะได้ไม่เข้ายุ่งกับคนที่มีเจ้าของแล้ว” ไซเลอร์อธิบาย พร้อมกับสายตาที่มองตรงมาอย่างจริงจัง ทำเอาผมเผลอหลบตา

   ปัดประเด็นนี้ตกไปอีกประเด็น

   “แล้วคิดว่ามีเรื่องอะไรที่น่าจะเป็นสาเหตุบ้างไหมครับ”

   “พวกข้านึกไม่ออกจริงๆ เพราะเราอยู่กันอย่างสงบสุขมาตลอด ภายในอาณาจักรก็สงบดี ความสัมพันธ์กับอีกสองอาณาจักรก็ไม่มีปัญหาอะไร ถึงจะทะเลาะกันบ้างก็มีแต่เรื่องไร้สาระตกลงกันได้ทุกเรื่อง บอกตามตรงว่าตอนนี้มืดแปดด้าน” มาสทิฟฟ์ตอบให้

   “เฮ้อ! คงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อนแหละครับ หาวิธีรักษาควีนให้หายก่อน ถ้าทรงฟื้นมา เราอาจจะได้คำตอบ” แต่มันก็อดคาใจไม่ได้จริงๆ ให้ตายสิ!

   เราคุยกันต่ออีกสักพัก พอนัดแนะกันเรียบร้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้านไปพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางในวันพรุ่งนี้


(มีต่อ ขอจัดแป๊บค่า)

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 08-06-2017 13:29:27
   ผมนอนหงายลอยตัวเป็นหมาเน่าลอยน้ำอยู่ในแม่น้ำบริเวณหน้าเรือนวสุธา สายตาจ้องมองท้องฟ้านิ่งๆ ส่วนก้อนหินก็ว่ายน้ำเล่นอยู่ใกล้ๆ

   ปกติถ้าอากาศดีๆ ผมจะพาก้อนหินมาเล่นน้ำตรงนี้บ่อยๆ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว บริเวณริมฝั่งน้ำไม่ลึกมาก สูงแค่ระดับเอว ก่อนจะไล่ระดับความลึกลงไปเรื่อยๆ ผมเคยเดินลงไปเรื่อยๆ แล้วไถลพรวดลงไปโดนจุดที่ลึกจนมิดหัว ดีที่ว่ายน้ำแข็งเลยโผล่ขึ้นมาแล้วว่ายกลับมาที่ฝั่งได้ ตรงกลางๆ แม่น้ำน่าจะลึกน่าดู

   ไซเลอร์บอกว่าบริเวณอาณาเขตของบ้านกับรอบๆ บริเวณบ้านจะมีเวทย์คุ้มกันอยู่รวมถึงจากท่าน้ำหน้าบ้านไปจนถึงอีกฝั่งด้วย ผมจึงพาก้อนหินมาเล่นได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกลัวไอ้เข้หรือตัวอะไรมาคาบไปแดก

   ช่วงนี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ เข้ามา ทำให้รู้สึกเครียดและกังวล พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่ต้องออกเดินทางไปหาตัวยาแล้ว ถึงจะมั่นใจว่าเตรียมทุกอย่างไว้พร้อม แต่ก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ พอเพื่อนๆ ไซเลอร์กลับไปแล้ว เลยหาโอกาสพาก้อนหินมาผ่อนคลายบ้าง

   ผมละสายตาจากท้องฟ้ามาเหล่มองก้อนหินที่ตอนนี้มาว่ายวนอยู่รอบๆ ตัวผมหลายรอบแล้ว

   อย่างกับวนรอบเมรุ ก้อนหินกูยังไม่ตาย!

   มันเล่นอะไรของมันวะ?

   พอรู้ตัวว่าผมมองตามมันอยู่มันก็หยุดแล้วลอยตัวอยู่นิ่งๆโผล่มาแค่ลูกตาจ้องมาเหมือนตัวเหี้ย เอ๊ย! เหมือนจระเข้วางแผนจะลากเหยื่อไปแดก ก่อนที่มันจะว่ายมาใกล้แล้วเอาหัวรุนให้ตัวผมลอยไปเรื่อยๆ

   กวนตีน! ความกวนตีนนี้มึงได้แต่ใดมา?

   ผมพลิกตัวคว่ำตั้งใจจะคว้าตัวมันมาฟัดด้วยความมันเขี้ยวสักที แต่มันรีบว่ายหนีไป ตอนนี้เลยกลายเป็นผมว่ายน้ำไล่จับมันแทน จนผมหมดแรงเลยกลับมานอนหงายแกล้งทำเป็นไม่สนใจมัน มันก็ว่ายมาใกล้ๆ แล้วมานอนหงายอยู่ข้างๆ กลายเป็นหมาเน่าลอยน้ำสองตัวอย่างสมบูรณ์

   “ดิน” เสียงเรียกของไซเลอร์ทำให้ผมพลิกตัวกลับมายืนกับพื้นเพราะน้ำตรงนี้ลึกแค่อก แล้วคว้าแขนก้อนหินที่กำลังจะลอยไปตามน้ำไว้ มันก็นอนตีขาเล่นต่อเฉย ตามสบายเลยครับหิน

   “ยังไม่ขึ้นอีกเหรอ เดี๋ยวจะไม่สบาย” น้ำเสียงที่ห่วงใยนั่นทำให้ผมยอมลากก้อนหินเดินกลับขึ้นฝั่ง

   พอไปถึงก็จับก้อนหินส่งให้ไซเลอร์ที่ยื่นมือมารับไปกอดไว้ มันถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เหมือนยังไม่อยากจะขึ้น แต่ก็ยอมอยู่นิ่งๆ ไซเลอร์กอดก้อนหินไว้ข้างหนึ่ง ก่อนที่จะยื่นมืออีกข้างมาให้ผม

   ผมเหลือบมองบันไดตรงท่าน้ำที่อยู่ห่างไปหลายเมตร จะให้ขึ้นตรงนี้เลยเหรอ แต่ก็ยอมยื่นมือไปจับมือไซเลอร์ไว้แน่นๆ พอมั่นใจว่าแน่นพอแล้วก็ดึงอย่างเต็มแรงจนไซเลอร์เสียหลักแล้วตกลงมาในน้ำด้วยกัน

   ตูม!

   อุย เสียงดังดีจัง

   “ฮ่าๆๆๆๆ” ผมหัวเราะไซเลอร์ที่ตอนนี้เปียกไปทั้งตัว แต่มือยังคงกอดก้อนหินไว้แน่นจนมันดิ้นถึงได้ยอมปล่อยลง พอลงน้ำปุ๊บมันก็ว่ายวนรอบตัวไซเลอร์ด้วยความกวนตีน

   “ฮ่าๆๆๆๆ” อย่างฮาอ่ะ ใครสอนมึงวะหิน!

   “สนุกมากไหม” ไซเลอร์มองตามก้อนหิน แล้วหันมาถามผมหน้าบึ้งๆ

   “สนุกมากกกก” ผมลากเสียงยาวๆ อย่างกวนตีนก่อนจะยิ้มกว้าง ไซเลอร์ก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วส่ายหัวยิ้มๆ

   ก็แค่นี้แหละ เพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่โดนตอบโต้กลับไงเลยกล้าแกล้ง

   “เอาน่า แก้เครียดไงครับ เล่นน้ำบ้างจะได้รู้สึกสดชื่นนนนน”

   สงสัยไซเลอร์จะมันเขี้ยวก้อนหินเลยขยับไปจับหัวมัน มันว่ายน้ำหนีไปก่อนจะโดดงับมือเล่น ผมได้แต่ยืนมองยิ้มๆ

   “ไซเลอร์”

   “หืม?”

   “ข้าสงสัยเรื่องของร็อตกับพินช์เชอร์” ไซเลอร์หยุดเล่นกับก้อนหินแล้วหันมามองหน้าผมแทน ก้อนหินเลยขยายวงว่ายวนไปรอบตัวเราสองคนแทน

   “ทำไมถึงไม่มีใครบอกร็อตล่ะครับ ทำไมถึงปล่อยให้เข้าใจพินช์เชอร์ผิดล่ะ”

   “ที่จริงเราก็พยายามบอกอ้อมๆ แล้ว แต่ร็อตไม่เข้าใจเอง” ไซเลอร์บอกขำๆ

   “แล้วทำไมไม่บอกไปตรงๆ ล่ะครับ”

   “เรื่องของความรู้สึก ถ้าให้คนอื่นบอกแทน ก็คงไม่น่าจดจำเท่าบอกด้วยตัวเองหรอกนะ ข้าอยากให้พินช์เชอร์บอกด้วยตัวเอง อยากให้ร็อตเห็นถึงคุณค่าความพยายามของเขา และอยากให้ร็อตรับรู้ได้เองจะดีกว่า”

   ก็จริง...

   พอนึกถึงพินช์เชอร์กับร็อตขึ้นมาทีไรก็อดจะขำไม่ได้ทุกที

   “หึๆ”

   “ขำอะไร”

   “ข้าขำพินช์เชอร์น่ะ พยายามแทบตายกลายเป็นสูญเปล่าซะนี่”

   “ไม่หรอกอย่างน้อยร็อตก็จำเขาได้”

   “ฮ่าๆๆ นั่นสินะ” ถึงจะจำได้แบบกลัวๆ ก็เถอะ

   “ชอบเหรอ”

   “หือ?” ชอบอะไร?

   “พินช์เชอร์น่ะ”

   “ครับ น้องน่ารักดี ทั้งซื่อ ทั้งกล้า ทั้งชัดเจน น่าเอ็นดูดี”

   “แล้วข้าล่ะ”

   “หือ?”

   ไซเลอร์ค่อยๆ ก้าวตรงเข้ามาหาเหมือนนักล่าก้าวเข้าหาเหยื่อ ทำให้ผมเผลอก้าวถอยหลังไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าแผ่นหลังชนกับตลิ่ง ผมเผลอเหลือบมองข้างหลังเพื่อหาทางหนีทีไล่ ชิบหาย! บันไดทางขึ้นอยู่ไกลไป พอหันกลับมาก็พบว่าไซเลอร์เข้ามาใกล้ในระยะประชิด เข้ามาอีกนิดก็สิงผมได้เลยอ่ะ ก่อนที่เจ้าตัวจะใช้มือข้างหนึ่งเท้าไปข้างตัวผมแล้วโน้มตัวลงมาใกล้จนหน้าอยู่ห่างกันไม่ถึงคืบ สายตาที่เคยอ่อนโยนอยู่เสมอ เปลี่ยนเป็นมั่นคงจริงจัง

   “เอ่อ...”

   “แล้วข้าล่ะ ชัดเจนพอไหม”

   “ซะ... ไซเลอร์” เจ้าของชื่อจับมือขวาของผมไปทาบที่อกข้างซ้าย ทำให้รับรู้ได้ถึงหัวใจที่เต้นหนักแน่นอยู่ตรงนั้น

   “ข้าชัดเจนพอที่จะทำให้เจ้ารับรู้ความรู้สึกของข้าบ้างไหมก้อนดิน”

   ผมรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นกระหน่ำจนแทบทะลุออกมานอกอก ไม่ต้องส่องกระจกก็รู้ว่าตอนนี้หน้าคงจะแดงจัดแน่ๆ แทบจะรู้สึกว่าได้ยินเสียง ฉ่า ที่หนังหน้าเลยด้วยซ้ำ

   อยากจะหลบสายตาก็ทำไม่ได้ เหมือนโดนสายตาคู่นี้ตรึงไว้ รู้สึกหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง

   แกล้งตายได้ไหม?

   ไซเลอร์ค่อยๆ ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนจมูกแทบจะชนกัน สายตาคนที่จ้องมาเว้าวอนเหมือนจะขออนุญาต ก่อนจะ

   “ก๊าสส”

   ปึก!

   “โอ๊ะ” ไซเลอร์

   “โอ๊ย!” ผม

   เจ็บ!

   ผมคลำหน้าผากป้อยๆ เพราะโขกเข้ากับหน้าผากของไซเลอร์เต็มๆ หัวแข็งเหมือนกันนะเนี่ย หัวโนรึเปล่าวะ?

   ส่วนสาเหตุที่ทำให้หัวเราโขกกันนั้น หลังจากพุ่งชนหลังไซเลอร์แล้วก็ว่ายน้ำเข้ามาแทรกตรงกลาง เพราะไซเลอร์เผลอก้าวถอยหลังห่างไป ก่อนที่มันจะมองตาขางแล้วเอาหัวดันตัวไซเลอร์ให้ถอยออกไปอีก

   “ก๊าส”

   ดีมากก้อนหิน มาช่วยได้ทันเวลาพอดี เมื่อกี๊นี้เกือบจะ... 

   แค่คิดก็เขินโว๊ย! ผมผลุบลงไปมุดน้ำเผื่อว่าหน้าจะหายร้อนมั่ง พอโผล่มาก็คว้าก้อนหินแล้วพุ่งตรงไปที่บันไดทางขึ้น

   “ไม่เล่นน้ำต่อเหรอก้อนดิน” น้ำเสียงที่ถามมีแววล้อเลียนจนอยากจะขว้างก้อนหินใส่

   “ไม่เอาแล้ว หนาว!” ทั้งๆ ที่จริงๆ แม่งร้อนเหมือนจะสุกทั้งตัว ผมตอบไปโดยไม่หันไปมองหน้าได้แต่จ้ำเพื่อหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด

   “หึๆ” หึพ่อง! ขอโทษนะครับท่านอลาสกัน แต่ลูกชายท่านนิสัยไม่ดี มาทำคนอื่นเขินแล้วก็ล้อเลียนเฉยเลย ฮึ่ย!

   ฝากไว้ก่อนเถอะ!

   ว่าแต่ที่นี่มันแม่น้ำ แล้วผีทะเลที่ไหนมาสิงพี่แกเนี่ย อย่าให้เจอนะ จับถ่วงน้ำแม่ง!
   





   จบ
   .
   .
   .
   เลยได้ไหม แง่มมมมม ทำไมมันยืดเยื้อเยี่ยงนี้ ถถถ ตอนแรกคิดว่าน่าจะไม่เกิน 20 ตอน แต่ดูแล้วมีแนวโน้มว่าจะมากกว่านั้น

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ชัดเจนพอไหม ถามใจดู งื้อ แกล้งตายก่อน  :ling1:

ไม่มีอะไรค่ะพี่ไซแกหึงแค่นั้นเอ๊ง หึงกับลูกหมาพินช์เชอร์นี่แหละ  :laugh:

หวานพอไหมคะ ถ้าหวานกว่านี้เดี๋ยวแม่น้ำจะกลายเป็นน้ำเชื่อมไปค่ะ  :-[

ดินกล้าถามนะว่าหินกวนตรีงเหมือนใคร ถถถ  :hao7:

คำเตือน : กรุณาอย่าลืมว่าก้อนหินอ่ะขี้หวง พี่ไซอดแ..กไปค่ะ กร๊ากกกกก  :laugh: :laugh: :laugh:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
[/color]

#MayA@TK มาแล้วค่า ใกล้แล้ววว คนเขียนใกล้ตาย 555555 รอพี่ไซแกหน่อยนะคะ อีกนิ้ดดดเดียว (เหรอออ)
#rayaiji ร็อตเชี่ยวชาญแค่เรื่องมังกรค่ะ เรื่องรักนี่บื้อพอๆ กับดิน 5555
#alternative สงสารร็อตนะคะ แต่ขำมากกว่าค่ะ 55555 ได้ที่ปรึกษาดีพินช์เชอร์น่าจะมีวิวัฒนาการบ้างแหละค่ะ
#Gamemy ถูกต้องแล้วคร้าบบบบบ ไม่ใช่ละ เค้าออกจะใจดี
#mild-dy   :pig4: :กอด1: :L2: :L1:
#takara ไม่ค่ะ น้องมันแค่ไม่รู้ 55555
#prangasia ตอนนี้น้องรู้ตัวแล้วค่ะว่าฝีมือทำลายล้างขนาดไหน 55555 ส่วนดินโดนจ้องระยะประชิดถ้าเป็นปลาคงมีลูกหลายตัวแล้วค่ะ
#ommanymontra  :pig4: :L2: :กอด1: :L1:
#DeShiWa มาแล้วค่า พยายามจะวาดรูปก้อนหิน แต่มังกรกลายเป็นตัวอะไรไปไม่รู้ ถถถ ขอไปบีบคอน้องสาวก่อนค่ะ เผื่อมันจะยอมวาดให้ ส่วนอิมเมจจะคล้ายๆ สติ๊กเกอร์มังกรในเฟซ ตัวเขียวๆ ค่ะ ชอบบบบ
#Yara ไม่ได้ชิมค่ะ ถึงได้ไม่รู้ตัวเลย 55555
#duck-ya โปรดติดตามตอนต่อไป
#HISY ยังเตรียมตัวอยู่ค่ะ ทำน้ำเชื่อม เอ๊ย ทำตัวยาอยู่ 55555
#Air_Yaoi นั่นสิคะ ไม่รู้จะสงสารใครมากกว่าดี แต่ขำมากกว่า 555555
#suikajang ใช่แล้วค่าเปิดตัวเนื้อคู่ครูฝึกคนเก่ง 55555 ดินคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านค่ะ คนเขียนก็เช่นกัน 55555 ขอบคุณค่า แวะมาอ่านบ่อยๆ นะคะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ ได้ดินเป็นที่ปรึกษาอาจจะดีก็ได้นะคะ ไม่งั้นคงไม่โดนผู้ชายจีบ 55555 หินมาแล้วคร้าบบบมาทวงบัลลังก์คืน ซื่อบื้อกว่าก้อนดินก็ร็อตนี่แหละค่ะ
#poppycake ร็อตเป็นคนมีมารยาทค่ะ 55555 น่าสงสารจริงๆ
# คนริมคลอง  :pig4: :L2: :กอด1: :L1:
#sahatsawat ขอบคุณมากค่า มาแล้ววววว ไว้แวะมาอ่านอีกนะคะ
#•♀NoM!_KunG♀• 55555 น้องออกจะน่ารัก ไม่มีใครแสบสู้ชเนาเซอร์ได้หรอกค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ รักนักอ่านทุกคนนนนนนน
รวบกอดดดดดดดดดดดด

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-06-2017 17:49:42
หินทำดีมาก! น่าจับไปย่าง! ฮึ่ย!!!!!

ดินจ๊ะ ให้คำปรึกษาพินเชอร์ไป ตัวเอ็งนี่ประสบการณ์ช่ำชองเน๊อะ!

พี่ไซก็ทน ๆ ไปก่อนนะ ลูกอ่อนก็กวนใจแบบนี้แหละ *ตบไหล่แปะ ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 08-06-2017 17:57:13
หินเอ้ยยยยยย
เป็นมารขัดว่าที่คุณพ่อเหรออ
ระวังโดนคุณพ่อแกล้งกลับนะ
555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-06-2017 19:22:20
ก้อนหินนนนนนนนนนนนนนนนน อยากจะจับฟัดบ้างจัง โอ๊ยยยอยากได้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
หินลูก อย่าเพิ่งขวางทางการเต๊าะแม่ดินของว่าที่พ่อเราซิ กำลังเขินเลยยยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 08-06-2017 20:19:21
เขินแทนดินเกือบเสียจูบ :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 08-06-2017 20:31:40
สนุกมากๆ

รอๆ รออ่านตอนต่อไป

เมื่อไรก้อนหินจะโตหนอ...

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-06-2017 21:25:32
 :katai2-1:       :man1:

 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: sahatsawat ที่ 08-06-2017 22:00:14
หินลูกกกกก เข้าใจว่าหวงแม่ แต่นั้นพ่อ(?)น่ะ จุ๊บบ้างไรบ้างจิ :-[
พินช์ลูกกกกกก สกิลการเป็นแม่ศรีเรือนยังไม่โอน่ะ ต้องฝึกๆค่ะ
ขอบคุนที่เอามาลงน่าค่าาาาา :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-06-2017 22:14:27
ยิ่งอ่าน ยิ่งชอบก้อนหิน  :mew1: :mew1: :mew1:
น่ารัก น่าฟัด มีใช้เล็บกรีดครกเรียกดิน
พอไปหาก็มานั่งบนตักซะเลย จะได้ไม่ไปไหนอีก
ตอนเล่นน้ำ ก็กวนซะอีก
แถมหวงดินพุ่งมาชนไซเลอร์ ทำตาขวางอีก โอ๊ย.....น่าร้ากกกก สุดๆ
อย่างนี้ก็ไม่มีบทมุ้งมิ้ง เอ่อ.....อย่างว่า ซะทีสินะ อะจ๊ากกกกก
ไซเลอร์ เอาก้อนหินไปที่อื่นก๊อนนนนนนน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 08-06-2017 23:23:47
นกแดกวนไปค่ะ!!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-06-2017 23:25:00
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 08-06-2017 23:55:11
หุหุหุ หวานอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-06-2017 23:55:25
ทำไมไปขัดพ่อแบบนั้นล่ะหิน 55
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 09-06-2017 08:42:43
 :katai3: พ่อก็หวง ลูกก็เรียกร้องความสนใจ ชีวิตดี๊ดีอะน้องดิน ชัดเจนพอนะ แกล้งตายไม่ทันหรอก แหมะลูกก็รู้ใจแม่เน๊าะ หวงแม่
ส่วนน้องพินซ์ลูกก็น่ารักไม่แพ้กันนะ ทำทุกอย่างให้กะคนที่ชอบแต่พลาดทำให้เขากลัวซะนี้ รอน้องไปบอกเองจะได้รู้กันสักที
ปล่อยให้เขารู้กันทั้งอาณาจักรแต่เจ้าตัวมัวแต่หลงอยู่ในดงมังกรจนน้องพินซ์อยากไปเป็นมังกรบ้างเพราะท่านร๊อตจะได้ขี่ :hao6:
อันนี้เราก็คิดเหมือนดินนะ  :m20: ส่วนอีกคนขาดไม่ได้น้องเนาซี่แกนนำหลักในการแซวดิน น่ารักไม่แพ้หินเลย รักนางเลยละ :mew1:
พอมาด้านการเลือกคิง โห... แต่ละวิธีนิ  :jul3: ผู้แต่งสามารถจริงๆ จินตการล้ำลึกมากที่สามารถสร้างอาณาจักรแห่งนี้มาได้
เป็นอาณาจักรแห่งความสุขจริงๆ อยากไปอยู่แล้วอะ 
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-06-2017 08:51:20
งุ้ยยย!! อยากมีแบบก้อนหินเลี้ยงสักตัว น่ารักเกินไปล้าววว!!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 09-06-2017 12:37:21
 :laugh: ว๊ายยย อดด  :m20:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-06-2017 13:42:22
เพิ่งเข้ามาอ่าน และก็รักก้อนหินจนอยากได้กลับมาเล่นสักวันสองวัน

ชอบสุด ๆ ตอนที่หินรู้ว่าดินจะทิ้ง วิ่งร้องไห้ ลากผ้าห่มมาด้วย โอยยยย น่าร้ากกกก

เราชอบตอนหินร้องห้ายยยยย แกล้งหินอีกได้มั้ยคนเขียน ฮ่า ๆๆๆ แกล้งเสร็จแล้วกอดปลอก โอยฟริน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 09-06-2017 14:11:30
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 09-06-2017 16:51:33
ในที่สุดพินซ์ก้อได้รู้ความจริงนะ 5555555555
เกี่ยงกันเป็นคิงขั้นสุด...ตัดสินโดยใช้เป่ายิ้งฉุบ จับฉลากงี้!!! ยอมใจ =_=
ไซเลอร์รุกหนัก ก้อนหินบล็อค 5555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: คนริมคลอง ที่ 09-06-2017 17:24:52
ท่าก้อนหิน :hao7:  ท่าก้อนดิน :o8: ท่าไซเลอร์ :m16:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 09-06-2017 21:31:19
ชัดเจนมากๆเลยค่ะ หุหุ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 09-06-2017 22:58:23
รอบแรกเปิดตัวมา อยากฟัดก้อนหิน
แต่ตอนท้ายอยากให้ร็อตเอาหินไปเก็บ(ชั่วคราว)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 10-06-2017 19:02:24
 :o8:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 15-06-2017 11:16:45
รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: DUKDUINUISWU ที่ 15-06-2017 18:20:13
อ่านวันเดียวจนจบ อยากอ่านต่อแล้วว รีบมาต่อเถอะค้าบบบบ  :hao5:
อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ ไฟเป็นไงบ้าง ตอนนี้ได้แต่ลุ้นก้อนดินกับท่านไซเซอร์
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 18 ชัดเจนพอไหม? (8/6/60) P.10
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 15-06-2017 19:44:47
สนุกมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) อ่านรวดเดียวถึงตอนปัจจุบันเลย ชอบมาก มาต่อเร็วๆน้าาา  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 21-06-2017 12:02:51
บทที่ 19 ออกเดินทางสู่บาอัล

   ผมยืนกอดก้อนหินมองสมาชิกทีมเฮดีสที่กำลังรวมหัวแกล้งร็อตกันอย่างสนุกสนานด้วยความเพลีย นี่คนอายุ 20 กว่าๆ หรือเด็กอนุบาล ดูมีความสุขกับการแกล้งเพื่อนกันจริงๆ แต่จะเข้าไปช่วยก็ไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่

   เดี๋ยวจะเข้าตัว ...

   คนเราต้องรู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีครับ เจอบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน ได้แต่ยืนมองเงียบๆ และลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะในยกนี้

   “ทำไมต้องให้เด็กนี่ไปกับข้า” เอ่อ... ร็อตเกรงใจเด็กนี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมหน่อย เริ่มทำหน้าแหยๆ ตาแดงๆ แล้ว

   “ก็มังกรดำแข็งแรงกว่ามังกรขาว ดินก็ไปกับไซเลอร์แล้ว เหลือแต่มังกรเจ้าแหละที่ว่าง” ชเนาเซอร์บอกอย่างจริงจัง แต่นัยน์ตาเต้นระริกเหมือนกำลังสนุก

ถามผมสักคำไหมว่าอยากไปด้วยรึเปล่า สลับกันก็ได้นะ ผมไม่ว่า ผมเหลือบมองไซเลอร์ที่ยืนกอดอกมองเพื่อนๆ เถียงกันยิ้มๆ พอรู้สึกตัวว่าถูกมองก็หันมายิ้มให้ผมอย่างอารมณ์ดีนัยตาสีเขียวคู่นั้นพราวระยับ ผมได้แต่หลบตาวูบ เซ้นส์ดีชะมัด เรื่องเมื่อวานยังทำพิษ ทำเอาผมไม่กล้าสบตาไซเลอร์เลย ดีที่เพื่อนๆ เขาไม่รู้ ไม่งั้นโดนล้อตายแน่ๆ โดยเฉพาะชเนาเซอร์น่ะตัวดีเลย อย่าให้รู้เด็ดขาด!!

   “มังกรดำของมาสทิฟฟ์ก็มี ไปกับมาสทิฟฟ์ก็ได้นี่” พอจนกับเหตุผลร็อตก็พยายามดิ้นหาทางรอด

   “ข้าไม่อนุญาต” พรีซาพูดแล้วยิ้มมุมปากดูกวนตีนขั้นสุด ส่วนมาสทิฟฟ์นี่โคตรระริกระรี้ เหมือนหมาตัวใหญ่ๆ ดีใจเวลาเจ้าของให้รางวัล ก็นะ นานๆ พรีซาจะแสดงความเป็นเจ้าของแบบนี้ ถึงจะทำไปเพื่อแกล้งเพื่อนล้วนๆ ก็เถอะ เฮ้อ!

   “เจ้าจะกลัวอะไรนักหนากับแค่เด็กตัวเล็กๆ น่ะร็อต” ชเนาเซอร์ยังเล่นไม่เลิก

   “ข้าไม่ได้กลัว” ร็อตปฏิเสธเสียงแข็งเชียว อยากถามว่าเหรอออออ แต่เกรงใจ กลัวโดนเตะ เลยยืนดูเงียบๆ ต่อไปดีกว่า

   “ถ้าไม่กลัวเจ้าก็ต้องให้พินช์เชอร์ไปกับเจ้า” ทีนี้ร็อตก็ได้แต่อึกอัก ก่อนจะฮึดฮัดบอก

   “ก็ได้” ตอบรับแบบจำใจมาก เห็นร็อตไปไม่เป็นแบบนี้นี่เป็นบุญตาจริงๆ ครับ ปกตินี่พี่แกนิ่งที่สุดในทีมแล้ว

   พอได้ข้อสรุป ก็ปล่อยให้เพื่อนๆ เค้าแกล้งกันเล่นต่อ ส่วนผมก็หันมากระซิบกับพินช์เชอร์ทันที

   “ได้โอกาสแล้วนะ มีอะไรก็พูดตอนนี้แหละ” คิดว่าร็อตคงไม่กระโดดหนีลงจากมังกรหรอก... มั้ง

   “จะดีเหรอครับ” พินช์เชอร์กระซิบถามกลับมาอย่างไม่มั่นใจ

   “นี่แหละโอกาสดี ร็อตหนีไปไหนไม่ได้แล้ว มีอะไรก็พูดไปเลย” ผมยุยงส่งเสริม

   “คุยอะไรกันน่ะ” อยู่ๆ ชเนาเซอร์หันมาถามเสียงดังจนเราสองคนสะดุ้ง

   โว๊ะ! ไม่เผือกสิครับ... อันนี้คิดในใจ

   “คุยกันเรื่อยเปื่อยระหว่างรอน่ะครับ” ชเนาเซอร์หรี่ตาเหมือนไม่เชื่อ ดีที่เมื่อกี๊มัวแต่แกล้งเพื่อนไม่ได้มาสนใจพวกผม ไม่งั้นคงได้ยินแล้ว แต่ละคนนี่หูดีกันชะมัด ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเป็นหมากันรึไง

   “รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย” ไซเลอร์รีบตัดบทขึ้นมา เพราะได้เวลาออกเดินทางจริงๆ แล้ว ที่ยังเอ้อระเหยกันได้ ก็เพราะพวกเราตื่นแต่เช้ามาก แล้วมาถึงที่สำนักแพทย์เร็วกว่าเวลาที่นัดกัน เลยทำให้พี่ๆ แกมีเวลาแกล้งเพื่อนได้ เพลียกับพี่ๆ แกจริงๆ

   “พยายามเข้า” ผมตบบ่าพินช์เชอร์เบาๆ เป็นการให้กำลังใจแล้วรุนหลังให้เดินไปหาร็อตที่เดินไปยืนรอหน้าบูดอยู่ที่มังกรตัวเองแล้ว

   พินช์เชอร์หันมามองหงอยๆ พอเห็นผมผงกหัวให้ก็หายใจเข้าลึกๆ เหมือนเรียกกำลังใจ ก่อนจะเดินตรงไปหาร็อตอย่างมั่นใจขึ้น เห็นแล้วผมก็อดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “คิดจะเป็นพ่อสื่อหรือไง” เสียงไซเลอร์ที่ชะโงกมาถามใกล้ๆ ทำเอาผมสะดุ้ง  แล้วเผลอถลึงตาใส่ พอเห็นรอยยิ้มที่ส่งมาให้ก็หลบตาวูบเหมือนเดิม ให้ตายสิ! อย่าบอกไซเลอร์นะว่าผมแพ้ทางรอยยิ้มแบบนี้ เจอทีไรใจอ่อนทุกที

   “หึๆ” พอเห็นอาการผมก็หัวเราะแล้วเดินนำไปที่ไซรัสอย่างอารมณ์ดี ผมได้แต่ส่ายหัวแล้วเดินตามไป พอไปถึงก็ส่งก้อนหินให้ขึ้นไปก่อน มันก็ทักทายไซรัสด้วยภาษามังกรที่ผมฟังไม่ออก แล้วผมก็กระโดดขึ้นตามไป ตามด้วยไซเลอร์ที่พอขึ้นมานั่งได้ก็ขยับมาชิดซะจนแทบจะสิงกันได้เลย

   “ที่ถามไปข้ายังไม่ได้คำตอบเลยนะ” ไซเลอร์ถามขึ้นเบาๆ เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้ว ทำให้ผมต้องดึงสายตาที่กำลังมองร็อตช่วยพินช์เชอร์ขึ้นมังกรอยู่อย่างทุลักทุเลกลับมา

   เอ่อ... ทีนี้ก็ผมนี่แหละที่หนีไปไหนไม่ได้เหมือนกัน จะกระโดดลงจากหลังมังกรก็คงไม่ดี

    กรรม! กรรมตามทันไวจริงๆ

   “ไม่เป็นไรข้ารอได้” เสียงของคนข้างหลังยังคงพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

   “ต่อให้รอทั้งชีวิตก็ได้ ขอแค่เจ้ายังอยู่ตรงนี้ ยังอยู่ที่นี่ก็พอ”

   “...”

   ไม่ใช่ว่าไม่เคยถามตัวเองนะ จากที่ลองทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ทำให้ผมรู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อไซเลอร์ไม่ใช่ความรู้สึกที่ให้กับเพื่อน กับพี่ หรือกับคนในครอบครัวแน่ๆ ผมรู้ดีว่ามันมากยิ่งกว่านั้น แต่ที่ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะผมยังไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะอยู่หรือจะไป พอคิดทีไรก็ยังหาข้อสรุปให้ตัวเองไม่ได้สักที ห่วงก้อนหินก็ห่วง ห่วงคุณไฟก็ห่วง ยังไม่รู้จะเอายังไงดี ได้แต่คิดว่าถ้ากลับมาจากหาตัวยารักษาควีนเรียบร้อย และรอให้พ้นจากเรื่องยุ่งๆ นี้ไปก่อน แล้วค่อยคิด ค่อยตัดสินใจให้รอบคอบอีกที คิดว่าถึงตอนนั้นน่าจะมีคำตอบให้ตัวเองชัดเจนขึ้น

   รอไปก่อนนะไซเลอร์


   “ออกเดินทางได้” พอทุกคนขึ้นมังกรเรียบร้อยแล้วมาสทิฟฟ์ก็ออกคำสั่งให้ออกเดินทาง มังกรแต่ละตัวขยับกระพือปีกบิน ก่อนจะค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจนเห็นตัวเมืองขนาดเคลเบรอสขนาดเล็กนิดเดียว มาสทิฟฟ์บินนำหน้า ตามด้วยไซเลอร์กับร็อตบินเป็นคู่อยู่ตรงกลาง ปิดท้ายด้วยพรีซากับชเนาเซอร์

   สายลมที่พัดมาปะทะใบหน้ายังคงให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนเดิม ผมเคยสงสัยว่าพอขึ้นที่สูงแล้วอากาศที่ใช้สำหรับหายใจมีน้อยลงน่าจะทำให้เรารู้สึกอึดอัด แต่ทำไมผมไม่เคยรู้สึกอึดอัดเลยเวลาที่อยู่บนหลังมังกร ไซเลอร์เลยอธิบายให้ฟังว่ามังกรที่ผ่านการฝึกทุกตัวจะมีเวทย์กำกับเพื่อปกป้องเจ้าของและคนที่เจ้าของอนุญาตให้ขึ้นด้วย เรื่องนี้ก็เลยไม่เป็นปัญหา
   
   เพราะฉะนั้น คนที่เป็นเจ้าของมังกรเลยจำเป็นต้องเอาไปฝึกที่โรงฝึก เพราะคนที่จะร่ายเวทย์กำกับได้ต้องมีพลังเวทย์สูงมาก เวทย์กำกับถึงจะอยู่ได้นาน และเมื่อถึงเวลาก็ต้องไปรับเวทย์ซ้ำก่อนที่เวทย์จะเสื่อม ถึงได้เห็นมังกรขนาดใหญ่ที่โรงฝึกเป็นประจำ แหม่ อย่างกับต่อทะเบียนยานพาหนะที่โลกโน้นเลย

   ระหว่างทางมีแต่ความเงียบ ผมยังคงคิดอะไรเงียบๆ คนเดียว ไซเลอร์ก็บังคับมังกรไปเงียบๆ ไม่ได้ชวนดูอะไรอย่างที่เคย ส่วนก้อนหินหันหน้ามาซุกพุงผมหลับไปแล้ว เกิดเป็นก้อนหินนี่ก็ดีแฮะ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมก้มลงมองมันด้วยความเอ็นดู จะทิ้งมันลงเหรอ? จะทนเห็นมันร้องไห้ได้เหรอ? แค่คิดก็ใจหาย ผมได้แต่กระชับอ้อมแขนกอดมันแน่นขึ้นอีกนิด

   “ไซเลอร์”

   “หืม”

   “รออีกหน่อยนะ แล้วข้าจะให้คำตอบ”

   “ได้สิ ข้าบอกแล้วไง ข้ารอเจ้าได้ชั่วชีวิต” ไซเลอร์ตอบมาอย่างหนักแน่นมั่นคง

   ได้ฟังคำตอบแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ยิ่งนานวันความผูกพันยิ่งแน่นหนา ทั้งกับมังกร ทั้งกับคน จะตัดใจจากไปก็ยากเหลือเกิน เอาเถอะ พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนดิน คิดไปก็ปวดหัว โฟกัสเรื่องปัจจุบันก่อน อนาคตค่อยว่ากันอีกที แค่ทำวันนี้ให้ดีที่สุด มีความสุขกับการใช้ชีวิตในปัจจุบันก็พอ

   คิดได้อย่างนี้ก็สบายใจขึ้น เลยมีอารมณ์หันไปมองวิวด้านล่าง และหันไปมองพินช์เชอร์ ก็เห็นน้องนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ ส่วนร็อตก็นั่งเกร็งห่างกันเกือบเป็นวา ผมได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย จะได้เรื่องไหมนั่น? เดี๋ยวตอนลงไปพักค่อยถามความคืบหน้าอีกที


   พอถึงตอนเที่ยงมาสทิฟฟ์ก็ส่งสัญญาณให้ลงไปพักบริเวณแหล่งน้ำ ให้มังกรได้พักออกหาอาหารและกินน้ำ ส่วนพวกเราก็เอาเสบียงที่เตรียมมานั่งกินอยู่ห่างๆ แต่ก็ยังได้ยินเสียงมังกรทั้งห้าออกล่าอาหาร แค่ได้ยินก็สยอง อดจะรู้สึกขนลุกขึ้นมาไม่ได้

   หลังกินเสร็จระหว่างที่คนอื่นๆ ไปดูมังกรของตัวเอง ผมก็ลากแขนพินช์เชอร์ไปล้างมือที่เหนือน้ำขึ้นมาหน่อย ตามที่พ่อ เอ๊ย! ไซเลอร์ชี้บอก ระหว่างทางเดินก็เลยชวนพินช์เชอร์คุยไปด้วย

   “เป็นยังไงบ้างพินช์เชอร์” แค่เห็นหน้าน้องก็พอจะเดาคำตอบออก หน้าแหยซะขนาดนั้น

   “ขะ... ข้าไม่กล้า”

   “ทำไมล่ะ”

   “ก็ท่านร็อตนั่งห่างกับข้าเหมือนรังเกียจขนาดนั้น พอหันไปมองก็ทำหน้าดุใส่ข้า ข้าเลยไม่กล้าชวนคุย” พินช์เชอร์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

อืม... ก็พอเข้าใจนะ คนที่อยากจะคุยด้วยทำหน้าเหมือนจะแดกหัวตลอดเวลา ต้องใช้ความกล้าและหน้าด้านพอตัวถึงจะกล้าชวนคุยได้ แต่อย่างพินช์เชอร์เจอเรื่องเมื่อเช้าก็น่าจะขวัญเสียน่าดู แค่กล้าสบตาร็อตก็ถือว่าเก่งแล้วแหละ ผมได้แต่เกาหัวเพราะไม่รู้จะช่วยยังไง

   “ไม่เป็นไร เหลือเวลาอีกหลายวัน ค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไปก็แล้วกันนะ” ผมตบบ่าน้องเพื่อปลอบใจ

   “พยายามเข้า เชื่อพี่สิ ร็อตน่ะใจดีจะตาย ทำหน้าดุไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงใจอ่อนมาก” ผมพยายามสร้างขวัญและกำลังใจให้พินช์เชอร์สู้ต่อไป

   “ครับ ข้าจะพยายาม” พอเห็นพินช์เชอร์ฮึดขึ้นมาก็อดจะเอ็นดูไม่ได้ เลยเผลอลูบหัวอย่างอ่อนโยน

   “เสร็จหรือยังดิน” เสียงไซเลอร์ที่ถามขึ้นทำเอาผมเผลอสะดุ้งโหยงแล้วชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงพินช์เชอร์หัวเราะคิกคักแล้วอยากจะตบหัวแทนลูบหัวอย่างเมื่อครู่ พอหันไปมองคนถามก็เห็นยืนกอดอกพิงต้นไม้จ้องมาเขม็ง ก็เห็นๆ อยู่ไม่รู้จะถามเพื่ออะไร   

   ไม่รู้พี่แกจะหวงอะไรนักหนา รู้ทั้งรู้ว่าลูกหมาพินช์เชอร์มีเป้าหมายอยู่ที่ร็อตก็ยังจะหวง ไม่ได้ต่างกับก้อนหินเลย ผมก้มลงมองก้อนหินที่เมื่อครู่ยังวิ่งไล่งับผีเสื้ออยู่ ตอนนี้กลับมายืนเกาะขาจ้องไซเลอร์เขม็งแล้ว เอาที่สบายใจกันเลยครับ ผมได้แต่ถอนหายใจด้วยความเพลียทั้งคนที่ทำตัวเหมือนพ่อเข้าไปทุกวัน กับมังกรที่ทำตัวเหมือนลูกเข้าไปทุกที

   พอทำธุระกันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางต่อกันทันที ก้อนหินปีนไปนั่งขวางอยู่ข้างหลัง จะจับมาไว้ข้างหน้าก็ไม่ยอมมันกอดเอวผมเอาไว้แน่น ที่จริงก็จะไปนั่งข้างหลังตั้งแต่เช้านั่นแหละ แต่ผมไม่ยอม เพราะผมชอบที่จะกอดมันไว้มากกว่า ดื้อจริงๆ ลูกใครวะ? นั่งไปสักพักก็รู้สึกว่าก้อนหินขยับยุกยิกอยู่ข้างหลัง

   “ก๊าส” เสียงขุ่นๆ ของก้อนหินร้องขึ้นอย่างขัดใจ

   “หึๆ” ในขณะที่ไซเลอร์หัวเราะขำๆ

   คงจะเล่นอะไรกันอยู่สักอย่างแน่ๆ ปล่อยให้ทั้งคู่เล่นกันต่อไปถ้าไซเลอร์เป็นคนดูแล ผมมั่นใจว่าไม่มีอะไรให้ต้องห่วง ผมหันไปมองวิวข้างล่างอย่างสบายใจ พอหันไปมองพินช์เชอร์ที่ตอนนี้ได้นั่งใกล้ร็อตเข้าไปอีกนิดก็ได้แต่ยิ้มขำๆ นับถือในความพยายามน้องมันจริงๆ อย่างนี้จะไม่ให้เอ็นดูได้ยังไง เชื่อเถอะว่าไม่นานร็อตก็คงใจอ่อน ใครใจแข็งกับพินช์เชอร์ลงนี่ผมให้เตะชเนาเซอร์เลยเอ้า!


   เมื่อฟ้าเริ่มมืดมาสทิฟฟ์ก็ส่งสัญญาณให้ลงไปพักอีกครั้ง ตามที่คุยกันไว้เราจะให้ทั้งคนทั้งมังกรพักวันละสองครั้งคือตอนเย็นกับตอนเที่ยงเพื่อไม่ให้มังกรล้าจนเกินไป เพราะกะเวลาแล้วต่อให้ติดขัดอะไร ยังไงก็น่าจะไปถึงอาณาจักรบาอัลก่อนวันพระจันทร์เต็มดวงแน่นอน
   
   พอมังกรร่อนลงที่ลานกว้างๆ ลานหนึ่งผมก็หันไปดูก้อนหินที่เงียบไปสักพักแล้ว ก็เห็นมันหลับเอาหัวซุกพุงไซเลอร์อยู่  ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอ็นดู นี่ทะเลาะกันประสาอะไรถึงได้มานอนซบกันแบบนี้เนี่ย

ทุกคนแบ่งหน้าที่กันไปทำเหมือนอย่างเคย โดยที่ไซเลอร์คอยตามประกบผมตลอด มีพินช์เชอร์แถมเพิ่มมาอีกคน จะให้น้องตามไปล่าสัตว์กับร็อตก็น่าจะไม่ไหว มาเก็บฟืนนี่แหละเหมาะกับพินช์เชอร์ที่สุดแล้ว แต่ทำไมต้องให้ผมมาเก็บฟืนด้วยวะ ฝีมือผมก็ดีขึ้นมากแล้วนะ ไม่อยากจะคุย!

   ด้วยความที่คนเก็บฟืนมีถึงสามคนกับอีกหนึ่งตัวเลยเก็บได้เพียงพอสำหรับใช้ในคืนนี้อย่างรวดเร็ว ถ้าไซเลอร์ไม่มัวแต่แกล้งก้อนหินอยู่คงจะเสร็จเร็วยิ่งกว่านี้

คิดดูสิ เดินเก็บฟืนกันอยู่ดีๆ พี่แกก็แกล้งเดินเข้ามาใกล้ๆ ผม ให้ก้อนหินมันทิ้งฟืนลงพื้นแล้วก็ขู่ในลำคอเบาๆ จนผมชักสงสัยว่านี่มังกรหรือหมา คนแกล้งก็โรคจิตพอกัน แม้แต่กับมังกรก็ไม่เว้นนะคนเรา นิสัยจริงๆ

แต่ผมไม่ห้ามหรอกครับ เห็นก้อนหินทำแบบนี้แล้วตลกดี ฮ่าๆๆ โรคจิตกว่าไซเลอร์ก็ผมนี่แหละ ไม่ต้องชมครับ ผมรู้ตัวดี

หลังกินอาหารเย็นเสร็จแล้วก็มามีปัญหาเรื่องนอนอีก เพราะไซเลอร์ขยับมานั่งพิงต้นไม้อยู่ใกล้ๆ คอยแหย่ก้อนหินให้มันกระโดดงับมือเล่น

หิน... มึงชักจะทำตัวเหมือนหมาขึ้นทุกทีแล้วนะ

“หิน เลิกเล่นได้แล้ว มานอนมา” พอผมเรียกมันก็หยุด เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ แต่แทนที่จะซุกพุงเหมือนอย่างเคยกลับหันไปฝั่งไซเลอร์แล้วจ้องเขม็งแทน นี่ขนาดมีชเนาเซอร์นอนคั่นกลางอยู่นะ ไม่รู้เล่นอะไรของมัน ทำไมถึงได้ทำตัวน่ามันเขี้ยวขนาดนี้ ผมเลยจับมันมาฟัดทันทีด้วยความเอ็นดู ก่อนที่จะหันมามองพินช์เชอร์ที่นอนมองตาแป๋วอยู่อีกข้าง มีร็อตนอนประกบอยู่ห่างๆ อีกที นี่ถ้าไม่โดนเพื่อนๆ บังคับ เชื่อเถอะว่าพี่แกคงไปนอนอีกฟากกับมาสทิฟฟ์และพรีซาที่เฝ้ายามรอบแรกแน่ๆ

“ฝันดีนะพินช์เชอร์”

“ฝันดีครับพี่ดิน”

“แฮ่ม” นี่ก็ไม่ได้เลย ต้องมีอะไรติดคอตลอด ก้อนหินไปเอาออกให้หน่อยซิ เผื่อจะโล่งคอขึ้นบ้าง

ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความระอา ก่อนจะล้มตัวนอนแล้วดึงก้อนหินมากอดด้วยความเคยชิน

“ฝันดีนะก้อนดิน” เสียงของคนที่พิงต้นไม้บอกอย่างอ่อนโยน

“ฝันดีครับ” ผมบอกทั้งไซเลอร์และชเนาเซอร์ที่นอนอยู่ข้างๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบบอกก้อนหินลูบหัวมันเบาๆ กอดมันไว้ แล้วหลับตาลงพักผ่อน

(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 21-06-2017 12:54:59
(ต่อ)

เนื่องจากการเดินทางไม่มีปัญหาอะไร ทำให้พอล่วงเข้าสู่เช้าของวันที่สามเราก็มาถึงชายแดนของอาณาจักรบาอัลตามกำหนด พอไปถึงชายแดนเมื่อเอามังกรร่อนลงก็มีคนของอาณาจักรมารอรับอยู่แล้ว

“ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรบาอัล องค์ราชาให้พวกข้ามาอำนวยความสะดวกให้พวกท่าน” ผู้ชายตรงหน้ามีรูปร่างสูงโปร่งเพรียวบาง ผิวขาวจัด ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถักเปียไว้อย่างสวยงาม ส่วนอีกคนรูปร่างเตี้ยกว่าคนแรกเล็กน้อย ผิวขาวเหมือนกัน ผมสีส้มจัดจนแสบตารวบไว้ง่ายๆ ผมได้แต่จ้องสีผมของเขาอย่างสนใจ สีเจ็บดีจริงๆ

“ขอบใจมากแร็กดอลล์ เทอร์คิช”

“ยินดีที่ได้พบอีกครั้งนะมาสทิฟฟ์ พรีซา ร็อต ไซเลอร์ ชเนาเซอร์” อ้าวรู้จักกันด้วยเหรอ

“นี่ก้อนดินกับพินช์เชอร์ คนของสำนักแพทย์” มาสทิฟฟ์หันมาแนะนำผมสองคน

ผมกับพินช์เชอร์รีบโค้งให้คนตรงหน้าซึ่งหันมาโค้งรับอย่างสุภาพเช่นกัน

“ยินดีที่ได้รู้จักท่าน”

“เช่นกันครับ” เป็นทางการดีจริงๆ ผมไม่ค่อยจะชิน หรือที่เคลเบรอสมันจะสบายๆ ไปหว่า

“ออกเดินทางเลยดีไหม องค์ราชาให้ข้ามารับ พวกท่านจะได้ไม่ต้องผ่านด่านตรวจให้เสียเวลา สามารถเข้าวังได้เลย ไปถึงที่นั่นแล้วค่อยพักผ่อนทีเดียว พวกท่านไหวไหม”

“สบายมาก” ทีมเฮดีสประสานเสียงตอบ

ส่วนผมก็มองรอบตัวอย่างสนใจ เพราะยังมีคนบางส่วนที่จูงมังกรไปที่โรงพักมังกรเพื่อรอตรวจสอบ ส่วนคนที่มากับพาหนะอย่างอื่นหรือมาตัวคนเดียวก็เข้าแถวรอการตรวจสอบยาวเหยียด ไซเลอร์กระซิบบอกว่าคนส่วนใหญ่จะเดินทางมาค้าขายทั้งที่มาจากเคลเบรอสและอาณาจักรรุคด้วย

“งั้นก็ไปกันเถอะ” พูดจบทั้งสองก็เดินไปจูงมังกรของตัวเองมา น่าจะเป็นคนที่มีตำแหน่งสูงและเป็นที่รู้จักพอควร เพราะเดินผ่านใครก็มีแต่คนคำนับให้ มิน่าล่ะถึงได้ถูกส่งมาให้เป็นพาสปอร์ตผ่านทางชั้นดี

“ทั้งสองเป็นหน่วยพิเศษของอาณาจักรเหมือนกับพวกข้า เคยฝึกร่วมกันมาก่อน และมีบางภารกิจที่ต้องทำงานร่วมกัน ทำให้รู้จักกันไปด้วย” ไซเลอร์เล่าให้ฟังเมื่อขึ้นมังกรเรียบร้อยแล้ว ผมผงกหัวหงึกหงักรับทราบ แต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะสนใจมองวิวข้างล่าง ดูแล้วการใช้ชีวิตของทั้งสองอาณาจักรดูน่าจะไม่แตกต่างกันนัก บ้านเมืองก็มีรูปแบบคล้ายๆ กันด้วย

ระหว่างทางทั้งคู่ก็พาพวกเราพักกินอาหารเที่ยงกันก่อนค่อยเดินทางต่อ กว่าจะเดินทางถึงเมืองหลวงของบาอัลก็เป็นเวลาเย็นพอดี บรรยากาศยามพระอาทิตย์ตกดินไม่ว่าจะดูที่ไหนก็สวยเสมอ ผมมองแสงสีทองที่สาดไปทั่วอาณาบริเวณแล้วยิ้ม

ถึงแล้วสินะเมืองหลวงของอาณาจักรบาอัล

ท่านแร็กดอลล์กับเท่านทอร์คิชพามังกรร่อนลงที่ลานกว้างๆ แห่งหนึ่งของพระราชวังแล้วให้คนนำมังกรไปเก็บ ส่วนพวกเราก็เดินเข้าไปในพระราชวัง ระหว่างทางก็พบทหารตามกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ อย่างแน่นหนาและเป็นระเบียบ อย่างกับหุ่นยนต์ แม้แต่คนในตำแหน่งอื่นๆ ที่เดินสวนกันก็ดูจะอยู่ในระเบียบอย่างเคร่งครัด ภายในเงียบสงบมาก ดูเป็นทางการจนน่าอึดอัด บรรยากาศผิดกับพระราชวังแห่งเคลเบรอสลิบลับ

เมื่อผ่านประตูเข้าไปก็พบว่าด้านในตกแต่งออย่างหรูหรา ห้องแต่ละห้องประดับโคมไฟระย้าโคมใหญ่งดงามไม่ซ้ำแบบ ทั้งตู้โชว์ของสวยๆ งามๆ ตั้งโชว์อยู่หลายๆ ตู้ รูปภาพทั้งรูปคนและรูปวิวกรอบใหญ่หรูหราเรียงรายกันยาวเหยียด ดูอลังการสมกับเป็นพระราชวังอย่างที่เคยจินตนาการไว้ ไม่เหมือนกับที่เคลเบรอสที่นั่นให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนเป็น ‘บ้าน’ มากกว่า อืม... มันอดเปรียบเทียบไม่ได้จริงๆ

ผมต้องรีบรวบรวมสติอีกทีเมื่อไปถึงจุดหมายซึ่งท่านแร็กดอลล์กับท่านเทอร์คิชบอกว่าเป็นห้องรับแขกที่องค์ราชาทรงรออยู่ ผมแอบถามไซเลอร์ว่าทำไมถึงเรียกตำแหน่งไม่เหมือนกัน ไซเลอร์บอกว่าอาณาจักรบาอัลกับรุคเรียกเหมือนกันคือองค์ราชากับราชินี มีเพียงเคลเบรอสที่เรียกคิงกับควีน เพราะคิงบอกว่าทรงพอใจจะเรียกแบบนี้ใครจะทำไม ในเมื่อคนในอาณาจักรไม่มีปัญหา คนอาณาจักรอื่นเลยต้องยอมเรียกไปด้วย อือ... อินดี้สมเป็นคิงเคลเบรอสจริงๆ 

เมื่อประตูเปิดออก ผมก็สำรวมกิริยาขึ้นอีก เพราะจากที่สังเกตดูแล้วที่นี่น่าจะเคร่งครัดกับธรรมเนียมกันพอสมควร ยังดีที่ยอมให้พกก้อนหินเข้ามาด้วย ไม่งั้นผมคงจะกังวลเพราะเป็นห่วงมันน่าดู

ห้องนี้เป็นเหมือนห้องประชุมขนาดเล็ก มีเก้าอี้ของประธานที่ใหญ่ที่สุด ดูหรูหราที่สุดในห้อง ยกสูงกว่าของคนอื่นๆ ตั้งอยู่ตรงกลาง ซึ่งขณะนี้มีเจ้าของตำแหน่งนั่งรออยู่แล้ว ตามด้วยเก้าอี้อีกตัวที่น่าจะเป็นของควีนที่เล็กกว่าตั้งห่างออกมาหน่อย ก่อนที่จะขนาบด้วยเก้าอี้ซ้ายขวาข้างละประมาณสิบกว่าตัวจัดรูปแบบเหมือนตัวยูคว่ำ มีคนนั่งอยู่ตรงเก้าอี้บริเวณหัวโต๊ะอีกสามคน พอพวกเราไปถึงคนทั้งสี่ในห้องก็ลุกขึ้น

“ถวายพระพรฝ่าบาท” พวกเราทิ้งตัวลงคุกเข่าถวายความเคารพองค์ราชาของอาณาจักรบาอัล ซึ่งไซเลอร์บอกว่าชื่อราชาคินเนสส์ ส่วนราชินีที่ไม่ได้มาด้วยชื่อราชินีบาลินีส

“ลุกขึ้นเถอะ” น้ำเสียงอ่อนโยนขององค์ราชาทรงเอ่ยอนุญาต

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” เมื่อลุกขึ้นยืนแล้วผมก็แอบสังเกตองค์ราชาในระยะใกล้ขึ้น ราชาคินเนสส์น่าจะมีอายุพอๆ กันกับคิงเกรทเดน แต่รูปร่างจะสูงและเพรียวมากกว่า ซึ่งน่าจะเป็นลักษณะเฉพาะของคนอาณาจักรนี้ ผิดกับคนของเคลเบรอสที่สูงใหญ่และหนาซะเป็นส่วนใหญ่

“ข้าได้รับสานส์จากคิงเกรทเดนแล้ว เจ้าอยากได้อะไรก็บอก ข้าจะให้คนจัดหาให้ อ้อลืมแนะนำไป นี่ท่านเบอร์มีส จอมปราชญ์แห่งบาอัล แล้วนี่ก็ท่านชาร์ตรู หัวหน้าสำนักแพทย์ และอีกคนที่ข้าจัดไว้คอยอำนวยความสะดวกให้ก็คือเจ้าชายบาตัน ลูกชายของข้าเอง” พวกเราหันไปคำนับให้คนทั้งสามอย่างเรียบร้อย

ท่านเบอร์มีสมีบุคลิกเหมือนท่านมอลทีสมาก ส่วนท่านชาร์ตรูอายุก็คงจะพอๆ กับท่านลาซาเหมือนกัน อยากรู้จริงๆ ว่าคนที่จะมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ต้องมีบุคลิกกับอายุเหมือนถอดออกมาจากบล็อคเดียวกันขนาดนี้เลยหรือไง ถ้าจะให้ชัวร์ต้องไปพิสูจน์ที่อาณาจักรรุคอีกอาณาจักรจะได้มั่นใจ ผมคิดอย่างขำๆ

“ทีมเฮดีสเราเจอกันบ่อย รู้จักกันดีอยู่แล้ว ส่วนพินช์เชอร์ก็เคยเห็นตามท่านลาซามาบ้าง ส่วนเจ้าท่านมอลทีสบอกว่าชื่อก้อนดินใช่ไหม” ท่านเบอร์มีสถามขึ้น

“ครับ” มันต้องตอบอะไรเพิ่มไปไหมวะ

“ส่วนนี่ก็ก้อนหิน” แววตากระจ่างใสดูรอบรู้ทำให้ผมรู้สึกขนลุกจนเผลอกอดก้อนหินไว้แน่น

“ก๊าส”

“ครับ นี่ก้อนหิน” พอได้ยินเสียงก้อนหินผมเลยรู้สึกตัวและบอกท่านเบอร์มีสไป ต่อให้ท่านรู้ว่าก่อนหินเป็นอะไร แต่ถ้าเป็นเพื่อนท่านมอลทีสก็น่าจะไว้ใจได้มั้ง

“ท่านลาซาบอกว่าเจ้ารู้วิธีปรุงยารักษาพิษรักใช่ไหม” ท่านชาร์ตรูถามขึ้นบ้าง

“ใช่ครับ” พอเห็นแววตาเป็นประกายของท่านชาร์ตรูผมก็อดจะรู้สึกขำไม่ได้ เหมือนแฝดของท่านลาซาจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นข้ากับท่านเบอร์มีสต้องขอตัวก่อน ฝากให้ท่านชาร์ตรูกับบาตันช่วยดูแลแขกของเราด้วยนะ” พอองค์ราชาตรัสจบ พวกเราก็คุกเข่าคำนับส่งพระองค์

พอองค์ราชาเสด็จออกจากห้องไปแล้ว ท่านชาร์ตรูก็เชิญให้พวกเรานั่งคุยกันก่อน

“เจ้าต้องการเห็ดเรืองแสงที่คุกใต้ดินอย่างเดียวหรือ ต้องการอย่างอื่นอีกหรือเปล่า” ท่านชาร์ตรูถามขึ้นเมื่อเรานั่งกันเรียบร้อยแล้ว

“ข้าต้องการของตามนี้ครับ” ผมส่งรายการที่บอกให้พินช์เชอร์เขียนให้กับท่านชาร์ตรูไป เมื่อท่านรับไปอ่านแล้วก็หันมาบอก

“ที่สำนักแพทย์มีครบทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เดี๋ยวข้าจะเตรียมให้ แล้วจะให้คนขนไปไว้ที่คุกใต้ดินเลย”

“ขอบคุณครับ ส่วนตัวยาบางส่วนที่ต้องใช้ข้าเตรียมมาด้วยแล้ว คืนพรุ่งนี้ก็พร้อมสกัดตัวยาได้เลย”

“ถ้าข้าจะขอไปดูด้วยได้ไหม” ท่านชาร์ตรูถามด้วยแววตาเป็นประกาย

“ได้เลยครับ”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พวกเจ้าก็ไปพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวข้าจะไปเตรียมของให้ก่อน ต่อจากนี้คงต้องฝากเจ้าชายบาตันรับช่วงต่อก็แล้วกัน”

“ได้ครับท่านชาร์ตรู”

โครก!

อุย! พอท่านชาร์ตรูเดินออกไปปุ๊บ ท้องก้อนหินก็ร้องปั๊บ มันทำหน้ามุ่ย สงสัยจะหิวแล้ว เพราะเลยเวลาอาหารเย็นมานานแล้ว

“หึๆ มันคงจะหิวแล้ว ถ้าอย่างนั้นโปรดตามข้ามา ข้าจะพาพวกท่านไปรับประทานอาหารเย็น หลังจากนั้นจะได้พาไปที่พัก พวกท่านจะได้พักผ่อนกัน” เจ้าชายบาตันที่ถอดสำเนามาจากองค์ราชาบอกขึ้น ก่อนจะเดินนำไป ที่นี่ทำงานกันเป็นขั้นเป็นตอนดีจริงๆ มีการรับช่วงต่อกันเป็นทอดๆ

เจ้าชายบาตันพาเราไปที่ห้องอาหารที่โต๊ะยาวเหยียด อาหารวางเรียงรายเต็มโต๊ะ จนผมนึกสงสัยว่าถ้าจะกินให้ครบทุกจานมิต้องเดินไล่ตักตั้งแต่หัวโต๊ะยันท้ายโต๊ะรึไง ได้แต่เดินตามหลังไซเลอร์ไปเงียบๆ เพราะบรรยากาศมันดูเป็นทางการซะจนไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป กลัวจะทำอะไรผิดกาลเทศะเข้า

ระหว่างมื้ออาหารแต่ละคนก็นั่งกินกันเงียบๆ ได้ยินเพียงเสียงช้อนกระทบกับจานเบาๆ มีเพียงก้อนหินที่เหมือนจะเจริญอาหารอยู่ตัวเดียว ส่วนผมนี่มัวแต่เกร็ง ถ้าไซเลอร์ไม่คอยตักอาหารให้ก็คงกินไม่ลง

พอเจ้าชายพาพวกเราไปถึงที่พักแล้วทรงลากลับไปนั่นแหละผมถึงกับถอนหายใจดังเฮือกจนคนอื่นๆ พากันหัวเราะ

“เป็นไง กินข้าวอร่อยไหมดิน” ไม่คิดมาก่อนว่าจะรู้สึกคิดถึงเสียงแซวของชเนาเซอร์ขนาดนี้ ผมถอนหายใจเฮือกเป็นคำตอบ

“ถ้าเป็นไปได้ อยากจะให้พระจันทร์เต็มดวงซะวันนี้ แล้วพรุ่งนี้กลับเคลเบรอสเลยซะด้วยซ้ำครับ”

“ฮ่าๆๆๆ เห็นไหมล่ะ ใครจะอยากอยู่ท่ามกลางบรรยากาศแบบนี้กัน มาทีไรข้าจะขาดใจตายทุกที” มาสทิฟฟ์บ่น

พอเห็นสีหน้าห่อเหี่ยวของแต่ละคนผมก็อดจะขำไม่ได้ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่รักอิสระอย่างชาวเคลเบรอสมาเจออะไรที่เป็นระเบียบแบบแผนขนาดนี้ก็คงจะอึดอัดแย่ ขนาดผมที่โตมาในบ้านท่านทูต เข้ามาที่นี่ได้ไม่ถึงวันยังจะเฉาตายเลย

“ก๊าส” ก้อนหินขยี้หูขยี้ตาเงยหน้าขึ้นร้องอ้อนให้พาไปนอน

“ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ตอนเช้าเตรียมของเสร็จแล้วเราหนีเที่ยวตลาดกัน บ่ายๆ ค่อยกลับเข้ามา” ชเนาเซอร์บอกอย่างร่าเริง

“แหม ทีก่อนหน้านี้ละเงียบกริ๊บเชียวนะชเนาเซอร์” ผมอดจะแซวไม่ได้

“เจ้าจะอยู่รอที่นี่รึเปล่าล่ะ” ชเนาเซอร์ถามอย่างกวนตีน

“ไม่” เรื่องอะไรจะอยู่ให้โง่

“ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วพี่ๆ แกก็หัวเราะขึ้นพร้อมกันโดยไม่ได้เกรงใจเจ้าที่เลย


ผมยืนกอดก้อนหินมองห้องนอนด้วยความอึ้ง เพราะภายในห้องตกแต่งอย่างหรูหรา เตียงที่ตั้งอยู่กลางห้องมีเสาสี่ด้านคลุมด้วยผ้าโปร่งบางสีชมพูติดขอบลูกไม้ระย้าดูน่าขนลุก สาวๆ สองคนที่ยืนรออยู่หน้าห้องเมื่อครู่เดินตามเข้ามาในห้อง ทำให้ผมต้องหันไปถามด้วยความสงสัย

“เอ่อ... มีอะไรรึเปล่าครับ”

“พวกข้ามาช่วยท่านอาบน้ำแต่งตัวเจ้าค่ะ”

“เฮ้ย! ไม่ต้องครับ” ผมบอกอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ จะบ้าเรอะ ไม่ใช่เด็กอนุบาลถึงจะต้องมีคนช่วยอาบน้ำให้

“ข้าอาบเองได้ ไม่รบกวนหรอกครับ” ผมพูดปฏิเสธจนลิ้นพันกัน สาวๆ หัวเราะกันคิกคัก รู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนจัด ผมไม่เข้าใจ ทำไมคนที่อายถึงเป็นผู้ชายที่จะถูกอาบน้ำให้อย่างผมด้วย สาวๆ เค้าไม่อายกันรึไงวะ

“แน่ใจหรือคะท่าน” คนพูดชม้ายชายตาให้จนผมทำหน้าไม่ถูก

“นะ... แน่ใจครับ” ผมถอยกรูดเมื่อเธอขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ

“แฮ่ม” ผมถอนหายใจเฮือก ไม่เคยรู้สึกดีใจเวลาได้ยินเสียงกระแอมของไซเลอร์ขนาดนี้มาก่อนเลย

“มีอะไรก็ไปทำเถอะ พวกข้าจัดการเองได้” น้ำเสียงแข็งๆ จริงจังของไซเลอร์ทำให้พวกเธอยอมถอยกลับไปสำรวมเหมือนตอนแรก

“เจ้าค่ะ” ตอบรับเสร็จก็โค้งให้แล้วพากันเดินออกไป ก่อนจะปิดประตูยังไม่วายส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้ผมขนลุกเล่น พอประตูปิดลงผมก็ถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งอก

“ชอบเหรอ”

“ห๊ะ!” ใช้ตาปลาดูรึไง ถึงได้มองว่าผมชอบไปได้ ไม่เห็นรึไงว่าถอยไม่เป็นท่าซะขนาดนั้น แต่สงสัยผมจะตอบช้าไป พี่แกเลยก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ตาเขียวๆ นั่นขุ่นคลั่กเหมือนโดนตะไคร่น้ำเกาะอีกแล้ว

“ถ้าชอบคนปรนนิบัติเดี๋ยวข้าจะช่วยอาบให้เอง” พูดจบก็จับแขนลากไปทางห้องอาบน้ำทันทีจนผมเหวอ

“เฮ้ย! เดี๋ยว! ไซเลอร์” ผมพยายามขืนตัวไว้แต่สู้แรงไม่ได้เลยโดนลากต่อไป

“ก๊าส” ก้อนหินที่ตาปรือๆ อยู่ยังตาสว่างตื่นมาทันที มันยื่นแขนไปตีมือไซเลอร์ช่วยอีกแรงแต่พี่มันก็ยังไม่หยุด ถ้ากระโดดงับหูพี่มันจะหายบ้าไหมฮึ?

“พะ... พี่ดิน” เสียงเปิดประตูและเสียงเรียกของพินช์เชอร์ทำให้เราทั้งสามหยุดชะงัก พอหันไปมองก็เห็นพินช์เชอร์ทำหน้าตื่นๆ เสื้อผ้าหน้าผมยับยุ่งอย่างกับโดนรุมโทรมมา

อุย! คิดอะไรออกไป พี่ขอโทษนะพินช์เชอร์ ได้แต่ขอโทษขอโพยน้องมันในใจ

อาศัยช่วงเวลาที่ไซเลอร์เผลอดึงมือออกแล้ววิ่งไปลากพินช์เชอร์ที่หันซ้ายหันขวาอย่างหวาดระแวงเข้ามาในห้อง

"เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรฮึ บอกพี่ซิ" ผมถามน้องด้วยความเป็นห่วง

“กะ... ก็ ผู้หญิงพวกนั้นจะจับข้าถอดเสื้อผ้า” พินช์เชอร์บอกตะกุกตะกัก

“พรืด! ฮ่าๆๆๆๆๆ” เปล่า นั่นไม่ใช่เสียงผมครับ ผมไม่ได้เป็นคนเสียมารยาทขนาดนั้น แต่มันเป็นเสียงของชเนาเซอร์กับมาสทิฟฟ์ที่มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หัวเราะลั่นขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีพรีซากับร็อตที่ยืนกอดอกยิ้มขำๆ อยู่หน้าห้องด้วย

“เอ่อ... ยังไม่นอนกันเหรอครับ” มากันครบทีมเลย

“พวกข้าก็เจอ เอ่อ... อย่างพวกเจ้าเหมือนกัน เป็นห่วง เลยแวะมาดู” ร็อตเป็นคนตอบแทน

ผมได้แต่ทำหน้าไม่ถูก ทุกคนดูจะรับมือไหว ทำไมมีแต่ผมกับพินช์เชอร์ที่อ่อนหัดกันนักวะ ผมหันไปมองไซเลอร์ที่ตาสีเขียวๆ ยังขุ่นคลั่กก็ได้แต่ถอนหายใจแล้วบอกไป

“ไม่ได้ชอบ เมื่อกี๊ไม่ได้ยินรึไงว่าปฏิเสธพวกนางอยู่” ผมรีบอธิบาย ก่อนจะโดนลากไปอาบน้ำให้อีกรอบ ฟังไม่ได้ศัพธ์จับไปกระเดียด เดี๊ยะ! ให้ก้อนหินจัดการเลย

“ก๊าส” เหมือนมันจะอ่านความคิดผมออก ก้อนหินร้องเสียงขุ่น สายตาก็มองไซเลอร์ขุ่นๆ ไปด้วย ดีมากก้อนหิน ต้องช่วยกันแก้ตัว เอ๊ย! ต้องช่วยกันเถียงบ้าง

พอเห็นว่าสายตาไซเลอร์เริ่มอ่อนลงผมก็อดจะถามด้วยความสงสัยไม่ได้

“ปกติเจอแบบนี้บ่อยไหมครับ”

“ไม่นะ ที่นี่ไม่เคยเจอ แต่เจอที่รุคบ่อย เพราะที่นั่นชอบงานรื่นเริง” มาสทิฟฟ์ที่หยุดหัวเราะได้แล้วตอบให้

“ได้ข่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงนัดประชุมเรื่องงานฝีมือของควีนทั้งสามอาณาจักร น่าจะมีคนของอาณาจักรรุคมีส่วนในเรื่องนี้แน่”  พรีซาบอก

“...”

“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่” ขนาดร็อตที่นิ่งๆ ยังถอนหายใจด้วยความเพลียอ่ะคิดดู แค่ได้ยินกิตติศัพท์ก็ชักจะกลัวใจคนอาณาจักรรุคจริงๆ ไม่อยากนึกถึงตอนที่จะไปขออนุญาตเก็บไข่หงส์เลย

“แยกย้ายกันไปนอนเถอะ คงไม่มีอะไรแล้ว” ร็อตพูดต่อ สายตาที่มองพินช์เชอร์มีแววห่วงใยจนผมแอบยิ้ม

“ข้ามานอนเป็นเพื่อนไหมดิน” ส่วนคนไม่ขอก็เสนอหน้ามาจริงๆ ดีที่ร็อตล็อคคอแล้วลากออกจากห้องไปซะก่อนตามด้วยมาสทิฟฟ์และพรีซาที่เดินหัวเราะตามไป

ไม่แน่จริงนี่หว่า ผมหมายถึงร็อตนะครับไม่ใช่ชเนาเซอร์ ถ้าห่วงน้องก็ต้องชวนไปนอนด้วยเลยสิ ขัดใจจริงๆ

“พี่ดิน”

“หือ”

“ข้าขอนอนด้วยได้ไหม” พินช์เชอรถามผม

“นะครับท่านไซเลอร์” แล้วก็หันไปขออนุญาตไซเลอร์เฉย

อ้าว! จะมานอนกับผมแล้วหันไปขอพี่มันทำไม ไซเลอร์จ้องพินช์เชอร์อยู่นาน ก่อนจะถอนหายใจแล้วเอ่ยอนุญาต

“ก็ได้” สงสัยจะสงสารที่พินช์เชอร์กำลังขวัญเสีย ไม่งั้นคงไม่ยอมง่ายๆ หรอก ผมมั่นใจ

“ล็อคประตูให้ดีๆ นะ ดึกๆ ไม่ต้องออกไปไหน พรุ่งนี้เช้ารอให้ข้ามาเคาะประตูเรียกแล้วค่อยเปิด”

“ครับพ่อ” นั่นแหละ พี่แกถึงยิ้มออกมาได้ ไซเลอร์ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะยื่นไปลูบหัวก้อนหินให้มันงับเล่นก่อนจะบอก

“ฝันดีนะ”

“ฝันดีเช่นกันครับ”

ไซเลอร์เดินออกไปแล้วปิดประตูให้ ผมรีบเดินไปล็อคกลอนและสำรวจให้แน่ใจว่ามันแน่นหนาดีแล้ว จึงได้เดินกลับมาหาพินช์เชอร์

“ไปอาบน้ำก่อนพี่ไป จะได้มาพักผ่อน เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” ทั้งกลุ่มก็มีพินช์เชอร์นี่แหละที่อ่อนแอที่สุด น้องเคยบอกว่าไม่ค่อยได้เรียนเรื่องการต่อสู้ เพราะมุ่งสู่สายการแพทย์อย่างเดียว

“ครับพี่ดิน” พินเชอร์รับคำแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย

พอพินช์เชอร์เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว ผมก็ก้มลงมองก้อนหินแล้วถามมัน

“ง่วงรึยังฮึ ตาใสแล้วนี่ อาบน้ำด้วยกันก่อนไหมจะได้สบายตัว”

“ก๊าส” มันร้องรับคำ มองมาตาแป๋ว ผมเลยจับมันมากอดด้วยความมันเขี้ยว มันก็เอาหัวถูอ้อนทันที

โอ๊ย! จะทำให้รักไปถึงไหน แค่นี้ก็ทั้งรักทั้งหลงจนหัวปักหัวปำแล้ว กอดกันจนพอใจก็อุ้มมันเดินสำรวจรอบห้อง ผมยืนมองเตียงที่คลุมด้วยผ้าโปร่งๆ ติดขอบลูกไม้แล้วก็ได้แต่ขนลุก ช่างสภาพมันครับ สนใจแค่ไซส์ก็พอ เตียงขนาดใหญ่น่าจะพอให้เรานอนได้ครบทั้งสองคนและอีกหนึ่งตัว

ก่อนจะเดินไปชะโงกดูที่หน้าต่าง ด้านล่างเป็นสวนดอกไม้ แต่มีทหารยามยืนยามอยู่เป็นระยะดึกป่านนี้มองไปก็ไม่เห็นดอกไม้หรอก เลยแหงนหน้ามองดาวบนฟ้าแทน ที่โลกนี้นอกจากพระอาทิตย์และท้องฟ้าในยามกลางวันจะสวยแล้ว ท้องฟ้าในยามค่ำคืนก็งดงามไม่แพ้กันด้วย ไม่ว่าจะเป็นยามคืนเดือนมืดที่เห็นดาวพราวทั่วท้องฟ้า ไม่ว่าจะเป็นยามที่ใกล้จะถึงคืนวันเพ็ญ ที่พระจันทร์ใกล้จะเต็มดวงเต็มทีอย่างคืนนี้ พระจันทร์ดวงใหญ่สวยจับใจจนทำให้ผมกอดก้อนหินยืนมองเพลิน

มีใครสักคนเคยบอก ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็อยู่ใต้ฟ้าเดียวกัน พระจันทร์ก็ดวงเดียวกัน ถ้าแหงนมองไปอาจจะถ่ายทอดความรู้สึกไปถึงอีกคนที่อยู่ทางไกลได้ แต่นี่มันต่างมิติ ไม่รู้ว่าจะใช้ทฤษฎีนี้ได้ด้วยไหม แต่ผมก็อยากจะลองดู

คนทางนี้สบายดี คนทางนั้นจะเป็นยังไงบ้างนะ อาจจะคิดว่าผมตายแล้ว อาจจะลืมกันไปแล้วก็ได้ แต่ถึงยังไงผมก็อยากจะขอฝากพระจันทร์ไป ขอให้คนทางนั้นมีความสุขเหมือนกับผมนะครับท่านทูต คุณไฟ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

แจกเป็ดทุกคน ทุกตอน ไม่รู้เอาไว้ทำอะไร แต่อยากแจก 555555 + คงดีกว่าลบแน่นอน

หายไปนานเลยค่ะ แหะๆ ช่วงนี้งานเข้า พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก พระราหูอม พระอังคารเหยียบซ้ำ พระจันทร์หักอก เดี๋ยวๆๆๆ 55555 พอละ หูย แนวนี้ก็น่าเขียนแฮะ บรรดาเทพๆ ทั้งหลาย น่าสนุกเชียว

เอิ่ม แต่มังกรยังไม่มีวี่แววว่าจะจบ พี่เป็ดแคน? ได้แค่สองตอน พี่ควายแสนได้แค่โครง ไหนจะเด็กวัดที่อยู่ในไห แฮ่ ท่าทางคงจะเป็นแพลนนิ่งไปก่อน ถ้าขยันจะลองเขียนดูค่ะ หลังจากลองเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สอง ทำให้รู้ว่า เป็นคนอ่านดีกว่าเยอะเลย ถถถ

อยากจะลงให้ทุกวัน แต่มันเขียนไม่ได้ดั่งใจค่ะ แง่ม ตันบ่อยๆ ค่อยๆ ชิน ค่อยๆ ฝึก ค่อยๆ คลานไปค่ะ เป็นกำลังให้ด้วยนะคะ

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#alternative อย่าทำก้อนหินนนนนน 555555555 หินแค่หวงดินเฉยๆ  :laugh:
#duck-ya โดนแกล้งตลอดแหละค่ะ เล่นกันน่าเอ็นดู้วววว
#MayA@TK อยากจับฟัดเหมือนกันค่ะ มันเขี้ยววววววว
#Ryu7801 ถ้าก้อนหินยังอยู่คงอีกนานค่ะ ถถถ สงสารพี่ไซ
#DeShiWa ขอบคุณค่า กว่าจะโต คงอีกสักพักกกกกกกกกกกกกกกกก
#ommanymontra กอดดดด  :L2: :L2: :L1: :L2: :L2:
#sahatsawat ขอบคุณที่ตามอ่านเช่นกันค่า 5555 วงวารพี่ไซนะคะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ ร๊ากกกกกกกกกเหมือนกันค่ะ เวลาเขียนถึงก้อนหินแล้วมีความสุข ส่วนบทมุ้งมิ้ง น่าจะอีกนานนนนนนนเลยค่ะ แหะๆ
#rayaiji แ...ก อีกยาววววเลยค่ะ ถถถ วงวารไซเลอร์จริงๆ
#mild-dy  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#takara หวานได้แค่นี้ค่ะ ไม่ถนัดเลิฟซีน เอาจริงๆ ไม่ถนัดซ๊ากกกอย่าง ถถถ
#HISY หินหวงงงงงงงงงงงงงงค่า 555555
#suikajang อิจฉาดินเหมือนกันค่ะ อยากจะวาร์ปไปเคลเบรอส ฮือออออ  :ling1: ส่วนชเนาเซอร์นี่เป็นคนที่น่าเตะที่สุดในแก๊งคะ 55555  ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้ ขอบคุณนะคะ อ่านเม้นท์แล้วปลื้มมมมมม พยายามเขียนที่จินตนาการออกมาให้คนอ่านเข้าใจได้มากที่สุดค่ะ ดีใจที่ชอบ
#•♀NoM!_KunG♀• งุ้ย อยากเลี้ยงเหมือนกันค่ะ ยิ่งนานวันยิ่งร๊ากกกกกกกกกก
#KARMI ว๊ายยย! นก วงวารพี่ไซจริงๆ
#shoi_toei ดีใจที่ชอบเช่นกันค่า ถ้าอยากเห็นก้อนหินร้องไห้ โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ มีตอนให้ร้องหนักแน่ๆ ค่ะ
#ซีเนียร์  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#poppycake เคลเบรอส only ค่ะ ไม่มีที่ไหนเหมือน 555555
#คนริมคลอง 55555555555555555 เห็นท่าแต่ละคนแล้วฮาหนักมากค่ะ ชอบบบบบบบบบ
#Yara พี่แกชัดตลอดแหละค่ะ  :-[
#prangasia 55555555555 เดี๋ยวจะหาโอกาสไปเก็บให้ค่ะ
#แฟนตาเซีย  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#jum1201 มาแล้วค่าาาาาาาาาาาาาา
#DUKDUINUISWU มาแล้วค่า เดี๋ยวจะพาไปดูคุณไฟค่ะ แต่คงอีกสักพักกกก ไว้แวะมาอ่านอีกนะคะ
#cookie_ ขอบคุณมากกกกก (ก.ไก่ล้านตัว) ดีใจที่ชอบนะคะ ปลื้มจริงๆ ค่ะ

เห็นคอมเม้นท์ทีไรหน้าบานทุกที ขอบคุณทุกคนนะคะ
กราบและกอดดดดดดดดดทุกคนนนนนนนนนนนนนนน

:L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :L1: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-06-2017 13:54:09
อยากเห็นความเป็นไปของทางนั้นเหมือนกันนะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 21-06-2017 14:20:43
 :laugh: พ่อไซกะลูกหิน มีความห่วง หวง แม่ดินอย่างแรง พ่อลูกเค้าเล่นกันน่ารัก กัดกันบ้างตามประสา แต่ก็รักกันน้อ
สรุปน้องพินต์กะพี่ร็อตคุยกันยัง ถ้าลิงค์กันติดสงสัยจะนำหน้าคู่หลัก ก็ดูดิยังคิดถึงคุณไฟอยู่เลยอะ ลุ้นกันต่อไปว่าจะอยู่หรือจะไป
เฮ้อ...เหนื่อยกะน้องหินเนี้ย จะมาทำตัวน่ารักน่ากอดได้ตลอดงี้ได้ไง อยากไปฟัดสักที  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 21-06-2017 14:27:06
ครอบครัวสุขสันต์เนอะ

การเดินทางราบลื่น ความสัมพนธ์ก็คืบหน้า ดี๊ดี
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kratair ที่ 21-06-2017 15:20:05
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-06-2017 16:21:34
ขำความหวงก้อนดิน ของทั้งไซเลอร์ และก้อนหิน
มีการไปนั่งมังกรข้างหลังดิน เพื่อกันไซเลอร์นั่งชิดก้อนดิน
ก้อนหิน แสนรู้ น่าร้ากกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
ไซเลอร์ ก้อนดิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 21-06-2017 19:59:11
อยากให้มีคนมาจีบก้อนดินจัง
อะไรๆจะได้ชัดเจนขึ้น..


หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 21-06-2017 20:58:56
ว่าที่พ่อกับลูกเขาก็แหย่กันน่ารักดีนะ อ่านแล้วยิ่งอยากฟัดก้อนหินจริงๆ ไม่อยากให้โตเล๊ยยยย
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 21-06-2017 21:09:06
คือหวงกันเป็นลูปๆอ่ะนะ น่าเอ็นดู~~~
ไซเลอร์ก้อคือแกล้งก้อนหินตลอดเวลา
ตอนหน้าจะมีย้อนไปทางนู้นไม่น๊าาาาาาาา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 21-06-2017 21:36:12
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 21-06-2017 22:27:11
ก้อนดินก็ยังนึกถึงคุณไฟอยู่นะ หวังว่าจะได้เจอกันอีกซักครั้ง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 22-06-2017 03:30:19
พ่อลูกเขาน่ารักกันจัง อิอิ
ทางนู้นจะเป็นไงบ้างน้าา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 22-06-2017 08:43:23
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 22-06-2017 10:33:36
แฮ่ม
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-06-2017 13:46:02
นักก้อนหินนนนน นางน่ารัก หวงแม่สุด
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 22-06-2017 14:27:04
อยากรู้วิธีสกัดล้าววว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-06-2017 22:01:12
เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ ชอบมากกกก
ติดตามเลยค่ะ สู้ๆนะก้อนดิน ก้อนหิน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 23-06-2017 16:09:56
 :กอด1: :3123: :pig4: :3123: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 23-06-2017 22:27:41
น่ารักอะ ชอบก้อนหิน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 25-06-2017 08:01:26
ดินคิดจะกลับไปทำไม  ที่นั่นไม่มีใครทีหวังดีต่อนายแล้ว ส่วนคนที่ชอบนายที่นั่นก้อผีเข้า-ผีออก  อยู่กับพ่อไซเลอร์และลูกหินดีกว่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 25-06-2017 14:24:34
ก็บอกให้เอาคุณไฟมาอยู่ด่วยยยย จะได้กัดกับไซเลอร์ :hao6:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 19 ออกเดินทางฯ (21/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 26-06-2017 14:49:23
เอาจริงๆเลยนะ ไฟอยู่ได้แหละ(มั่ง)
ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกดิน อยู่นี่เถอะ
ไม่อยากให้ก้อนหินเสียจายยยย เราชอบหินมากจริงๆ
หัวข้อ: Re:@ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ(27/6/60) P11
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 27-06-2017 08:20:35
บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงและคุกใต้ดินในคืนพระจันทร์เต็มดวง

ผมตื่นขึ้นมามองท้องฟ้าผืนเดิมในยามเช้าด้วยความสดชื่น พออาบน้ำเสร็จระหว่างที่รอพินช์เชอร์ ผมก็พาก้อนหินมายืนชมวิวไปพลางๆ ผมยืนมองท้องฟ้าที่ถูกพระอาทิตย์ยามเช้าค่อยๆ สาดแสงออกมาขับไล่ความมืดจนฟ้าเริ่มสว่างสดใสขึ้นเรื่อยๆ ส่วนก้อนหินที่นั่งห้อยขาอยู่ตรงขอบหน้าต่างก็มองนกกับผีเสื้อที่กำลังบินตาเป็นประกายจนผมต้องปราม

“อย่าคิดจะโดดลงไปบินนะหิน”

“ก๊าส” มันพยายามเหลือบมองปีกกุดๆ ของตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างเซ็งๆ

“เอาน่า โตเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็ได้บินจนเบื่อเองแหละ” ผมจับหัวมันโยกด้วยความเอ็นดู

“ก๊าสสสสสส” มันส่งเสียงต่ำๆ ลากยาวๆ เหมือนมันจะบ่นอะไรสักอย่าง แต่ผมแปลไม่ออก ให้ตายสิ! ทำไมมึงไม่พูดภาษาคนฮึ!

ผมเคยถามท่านมอลทีสว่าในฐานะที่ผมกับก้อนหินผูกจิตร่วมกันแล้ว เราจะสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องไหม ผมอยากคุยกับมันรู้เรื่องและอยากเข้าใจมันมากกว่านี้ ท่านมอลทีสบอกว่าตามตำนานเล่าว่าสามารถทำได้ แต่ต้องรอให้มันโตขึ้นกว่านี้ก่อน เพราะพลังที่กักเก็บอยู่ในตัวของมันจะฟื้นตัวและเพิ่มขึ้นตามขนาดตัวของมันด้วย ถึงตอนนั้นเรื่องของการสื่อสารก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป

ท่านมอลทีสบอกว่าตามตำนานเมื่อมังกรมรกตฟักออกมาจากไข่ก็จะเติบโตอย่างรวดเร็ว เพื่อให้สามารถกลับมาทำหน้าที่ได้เร็วที่สุด แต่ในกรณีของก้อนหิน ท่านคิดว่าน่าจะมีสาเหตุอะไรสักอย่างที่ทำให้มันโตช้ากว่าปกติ แต่ท่านไม่รู้ว่าเพราะอะไร ให้ผมใจเย็นๆ ค่อยๆ เลี้ยงมันไป

อันที่จริงผมก็ไม่ได้ใจร้อนหรอก แค่นึกเผื่อไปถึงในอนาคตถ้าผมต้องเดินทางกลับโลกเดิม แล้วมันจะอยู่ได้ยังไงในร่างที่ยังไม่โตเต็มที่อย่างนี้ ผมกลัวว่ามันจะไม่โตขึ้นอีก กลัวว่ามันจะโดนคนอื่นรังแกเอา

ก๊อกๆๆ

“ดิน ตื่นหรือยัง เปิดประตูให้ข้าที” เสียงเคาะประตูและเสียงเรียกของไซเลอร์ทำให้ผมสะดุ้งหลุดจากภวังค์

ผมละสายตาที่เหม่อมองท้องฟ้าก้มลงมองก้อนหิน กำชับให้มันนั่งอยู่นิ่งๆ ก่อนจะเดินไปปลดล็อคแล้วเปิดประตูให้ไซเลอร์ พอเปิดประตูออกไปก็เห็นพี่ๆ ยืนรอกันอยู่ครบทีม

“ทำธุระเรียบร้อยกันรึยัง” ไซเลอร์ถามแล้วกวาดสายตาสำรวจสภาพของผม

“ยังครับ พินเชอร์ยังอาบน้ำอยู่”

“ถ้าอย่างนั้นพวกข้ายืนรออยู่ตรงระเบียงก็แล้วกัน เสร็จแล้วตามมานะ”

“ครับ” ผมรับคำก่อนจะงับประตูปิดตามเดิม พอเดินเข้ามาก็เห็นพินช์เชอร์เดินออกมาจากห้องน้ำพอดี

“พี่ๆ มาเรียกกันแล้วเหรอครับ”

“อืม แต่ไม่ต้องรีบหรอก ยังไม่ถึงเวลานัด”

“ครับ” ถึงปากจะตอบรับอย่างนั้น แต่พินช์เชอร์ก็รีบสำรวจความเรียบร้อยและเก็บของส่วนตัวอย่างรวดเร็ว

“ไปกันเถอะครับ ข้าเสร็จแล้ว” ผมได้แต่ส่ายหัวด้วยความเอ็นดู

แต่อยู่ๆ ก้อนหินก็ลุกขึ้นยืน กระโดดลงมาจากขอบหน้าต่างแล้ววิ่งมากอดขาร้องแล้วชี้ไปที่หน้าต่าง

“ก๊าสๆๆๆๆ”

“หือ มีอะไร” ผมจับมันอุ้มแล้วรีบเดินไปที่หน้าต่าง มันชี้ไปที่ข้างนอก ผมมองตามไปก็เห็นเพียงทหารยามและกลุ่มคนที่กำลังเดินอยู่ไกลๆ

“อะไรเหรอหิน”

“ก๊าสๆๆๆๆ” มันยื่นแขนมาให้ดูแล้วจิ้มๆ ลงไป ผมพยายามคิดตามว่ามันต้องการสื่ออะไร

“ตรงที่สีลอก” ผมบ่นพึมพำอยู่คนเดียว

“คนที่ทำให้สีมึงลอกเหรอหิน” ผมถามด้วยความตื่นเต้น มันรีบผงกหัว แต่พอมองออกไปอีกที คนกลุ่มนั้นก็หายไปแล้ว

โอ๊ยยยย! ให้ตายสิ! ทำไมคิดช้าอย่างงี้นะดิน

ผมรีบอุ้มมันตรงไปลากแขนพินช์เชอร์ที่ยืนทำหน้างงๆ อยู่ แล้วเดินออกไปหาไซเลอร์อย่างรวดเร็ว

“ไซเลอร์”

“มีอะไรดิน” พอเห็นผมเดินไปหาหน้าตาตื่น ไซเลอร์ก็ถามด้วยสีหน้าห่วงใย สายตาก็กวาดไปข้างหลังอย่างระแวดระวัง ทุกคนที่ยืนหันหลังพิงระเบียงอยู่ก็ผละออกมายืนมอง ผมเลยรีบจ้ำไปยืนใกล้ๆ แล้วพูดเบาๆ

“ก้อนหินบอกว่าเห็นคนที่ทำน้ำหอมโดนแขนมัน”

“ใคร???” ประสานเสียงกันมาเลย

“ข้าไม่รู้ว่าใคร ตอนที่ก้อนหินชี้บอก ข้ามองไม่ชัด เห็นแค่เป็นคนกลุ่มใหญ่ๆ อยู่ไกลมากเลย เดินผ่านไปทางโน้นครับ” พอผมพูดจบทุกคนก็ทำหน้าเครียด

“วิ่งตามไปดูตอนนี้ทันไหม?” ผมถามเมื่อทุกคนยังคงเงียบ นี่ถ้าไม่เกรงใจคงวิ่งไปแล้ว

“ที่นี่เราจะเดินไปไหนสุ่มสี่สุ้มห้าไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับอนุญาต เจ้าก็เห็นว่าเวรยามแน่นหนาขนาดไหน”

โอ๊ยยยย! ขัดใจจริงๆ ผมฮึดฮัดอย่างขัดใจ

“แต่ยังไงก็เก่งมาก” ไซเลอร์ลูบหัวก้อนหินอย่างเอ็นดู ทำให้ผมอารมณ์เย็นลง

“ถึงตอนนี้จะยังไม่มีอะไร แต่ระวังไว้หน่อยดีกว่า ดิน อย่าอยู่ตามลำพังนะ จะไปไหนมาไหน ต้องมีพวกเราไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน” พรีซาบอกอย่างเคร่งเครียด

“ครับ”

“อย่างน้อยตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าคนๆ นั้นอยู่ที่นี่ เราก็ใช้โอกาสนี้สืบเรื่องนี้ไปด้วยเลยก็แล้วกัน” ไซเลอร์บอกก่อนจะชะงัก

“มีคนมา” พอไซเลอร์บอกพวกเราก็เงียบกันทันที

“เจ้าชายบาตัน” พวกเราก้มหัวคำนับตามธรรมเนียม

“ตามสบายเถอะ ไม่ต้องมากพิธี ยังไงเราก็รุ่นเดียวกัน ถือซะว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า ว่าแต่พวกท่านเรียบร้อยกันหรือยัง ข้าจะพาไปรับประทานอาหารเช้า”

“เรียบร้อยแล้วครับ” เราตอบขึ้นพร้อมกัน

“ถ้าเช่นนั้นก็ไปกัน” พูดจบเจ้าชายบาตันก็เดินนำไปก่อน ส่วนเราก็เดินตามกันไปเงียบๆ

หลังมื้ออาหารที่แสนจะเงียบกริบ เจ้าชายบาตันก็ถามผมว่าระหว่างที่รอให้ถึงคืนนี้ ผมอยากจะไปเที่ยวที่ไหนหรือเปล่า เจ้าชายจะพาไปเพื่อเป็นการฆ่าเวลา ผมเลยถือโอกาสบอกว่าอยากขออนุญาตชมภายในพระราชวังได้ไหม (เผื่อว่าจะได้เจอคนที่ก้อนหินบอก) เจ้าชายทำหน้าแปลกใจแต่ก็ทรงอนุญาต ตอนนี้ผมก็เลยได้มาเดินเอ้อระเหยชมพระราชวังแห่งบาอัลอยู่

บรรยากาศอย่างกับมาทัศนศึกษา มีเจ้าชายเป็นไกค์พาเดินชม ส่วนผมก็ทำเหมือนสนอกสนใจ ถามนั่นถามนี่เป็นระยะ หูฟังเจ้าชายพูดไปแต่สายตาสอดส่ายมองหาคนไปทั่ว พอเจอคนที่ผ่านมาในสายตาก็ก้มลงกระซิบถามก้อนหินที มันก็ส่ายหัวปฏิเสธทุกที

พอเดินจนขาลากทั่วพระราชวังแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเจอคนที่ตามหา ผมเลยขอให้เจ้าชายพาไปที่สำนักแพทย์ เพื่อเช็คของที่ฝากให้ท่านชาร์ตรูเตรียมไว้ให้ สำนักแพทย์ของบาอัลสร้างเหมือนกับที่เคลเบรอสเป๊ะ อย่างกับใช้แปลนเดียวกัน ท่านชาร์ตรูออกมาต้อนรับแล้วพาไปเช็คของที่เตรียมไว้ พอผมเช็คเรียบร้อยแล้วท่านชาร์ตรูก็ให้คนขนไปเตรียมไว้ให้ที่คุกใต้ดินเลย

หลังจากภารกิจในการตามหาคนล้มเหลว ผมก็เลยขออนุญาตกลับไปรอที่ห้องพัก ตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะไปไหนต่อแล้วครับ มันรู้สึกเฟลและรู้สึกเซ็งอย่างบอกไม่ถูก ก่อนแยกย้ายกันกลับห้อง ไซเลอร์ก็ตบบ่าผมอย่างเข้าใจ

กลับมาถึงห้องผมวางก้อนหินไว้บนเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอนหงายมองผ้าคลุมเสาเตียงนิ่งๆ เป้าหมายอยู่ใกล้แค่นี้เอง กลับไม่สามารถหาเจอได้ ผมอดจะโทษตัวเองไม่ได้ ถ้าผมคิดเร็วกว่านี้อีกนิดก็คงไม่พลาดอย่างนี้

“ก๊าส” เหมือนก้อนหินจะรับรู้ถึงอารมณ์ของผม มันเลยปีนขึ้นมาบนตัวแล้วนั่งจ้องหน้าตาแป๋ว พอผมสบตามันก็เอามือตบบนอกผมสามที ก่อนจะลงนอนราบบนตัวผมแล้วใช้หัวถูเหมือนจะปลอบใจ ผมเลยกอดมันไว้แน่นๆ แล้วพลิกตัวลงนอนตะแคงกอดมันไว้ในอ้อมแขนบอกมันเบาๆ ก่อนจะหลับตาลง

“ขอบใจนะหิน”

“ก๊าส”
   


   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นก้อนหินหลับซุกอยู่ที่อก ตอนแรกตั้งใจจะพักสายตาเฉยๆ แต่ดันเผลอหลับไปจริงๆ เฉยเลย พอหันมองไปทางหน้าต่างที่เปิดไว้ก็เห็นยังมีแสงแดดอยู่ แสดงว่าหลับไปไม่นานเท่าไหร่ พอผมขยับตัวก้อนหินก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเหมือนกัน มันขยี้ตาแล้วลุกขึ้นนั่งเอียงคอมองมึนๆ ดูน่ารักซะจนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วลุกขึ้นมานั่งจับมันมากอดแน่นๆ ด้วยความเอ็นดู

   พอฟัดกันจนพอใจก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้นมาก ความรู้สึกเครียดและผิดหวังก่อนหน้านี้ค่อยจางลง คิดแล้วก็อดจะส่ายหัวไม่ได้ ไม่รู้จะกังวลไปล่วงหน้าทำไมกัน ในเมื่อตอนนี้ก้อนหินยังปลอดภัยอยู่ในอ้อมกอดของผม เครียดไปก็ทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ แถมไม่ใช่แค่ตัวเองที่เครียดอยู่คนเดียว ยังพลอยทำให้คนรอบข้างเครียดไปด้วย วางมันลงไปก่อนดีกว่า  มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ หรือถ้าอนาคตจะต้องเจอปัญหาถึงตอนนั้นแล้วค่อยว่ากันอีกที

   ผมจับก้อนหินมากอดแล้วลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองต้นไม้ที่ออกดอกอย่างสวยงามที่สวนด้านล่าง ก่อนที่จะชะงักเมื่อเห็นร็อตยืนมองต้นไม้อยู่และเห็นพินช์เชอร์ที่ยืนกล้าๆ กลัวๆ อยู่ข้างหลัง ผมเบิกตากว้างกับภาพที่เห็นตรงหน้า รีบหลบวูบข้างหน้าต่างแล้วโผล่หน้าไปแอบมอง แต่มันมองไม่ชัดเลยตัดสินใจอุ้มก้อนหินเดินออกนอกห้องตรงไปที่สวนด้านล่างอย่างรวดเร็ว

   ไหนๆ ก็ว่างๆ อยู่ ไปเผือกเรื่องพินช์เชอร์แก้เซ็ง เอ๊ย! ด้วยความหวังดีดีกว่า หึๆๆ

   เมื่อวิ่งลงมาถึงในสวน ผมก็ไปยืนแอบอยู่ข้างต้นไม้ที่อยู่ห่างจากทั้งคู่ไปหลายเมตร เพราะกลัวร็อตจะรู้ตัว จากที่สังเกตพี่ๆ แกหูดีมากครับ ต้องระวังไว้ก่อน ผมยืนอยู่ไกลเลยไม่ได้ยินว่าทั้งคู่คุยอะไรกัน เห็นแค่พินช์เชอร์กำลังพูดอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว ส่วนร็อตก็ยืนฟังนิ่งๆ พอน้องพูดจบร็อตก็ทำท่าจะเดินหนี แต่พินช์เชอร์วิ่งไปกอดเอวข้างหลังร็อตไว้ซะก่อน

   ให้มันได้อย่างนี้สิ!

ผมยืนลุ้นและเชียร์อยู่ในใจ เผลอรัดก้อนหินแน่นจนมันร้องแอ่ก ถึงได้รู้สึกตัว มันถอนหายใจเหมือนจะเซ็งผม เลยกระซิบขอโทษมันเบาๆ คลายอ้อมกอดลงก่อนจะลุ้นคนทั้งคู่ต่อ

   พินช์เชอร์ยังคงพูดต่ออยู่คนเดียวแล้วน้องก็เริ่มร้องไห้จนผมสงสาร ร็อตฟังไปสักพักก็ถอนหายใจเฮือก ก่อนจะปลดมือพินช์เชอร์ออกแล้วหันมาทำท่าเก้ๆ กังๆ ตบหัวน้องไปสองสามที เอ่อ... ร็อต นั่นคนนะไม่ใช่หมา ลูบเบาๆ ก็พอมั้ง พอเห็นว่าพินช์เชอร์ยังร้องไม่หยุดก็ถอนหายใจอีกเฮือกแล้วดึงน้องมากอด

   กอดกันแล้วโว๊ยยยยยย!

   อยากจะเฮให้ลั่น เหมือนตอนดีใจเวลาทีมโปรดเตะบอลเข้าประตู แต่กลัวไก่ เอ๊ย! กลัวร็อตตื่นแล้วจะกลายเป็นไปทำลายบรรยากาศในตอนนี้

   ให้ตายสิ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะไม่ได้ยิน แต่จากภาพที่เห็น ดูแล้วน้องน่าจะมีหวัง ดีใจแทนน้องมันจริงๆ

   แล้วจู่ๆ ภาพตรงหน้าก็ดับวูบลง เพราะมีใครบางคนเอามือมาปิดตาผมไว้

   “โอ๊ะ!”

   แล้วมืออีกข้างก็ยื่นมาปิดปากเมื่อผมเตรียมจะโวยวาย

   ผมตั้งใจจะหันกลับไปตอบโต้ แต่เสียงกระซิบที่คุ้นหูกับกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ชะงักไป

   “ข้าเอง”

   ไซเลอร์!

   ผมปัดมือไซเลอร์ออกแล้วถลึงตาให้ หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำอยู่เลย แม่ง ! ตกใจหมด!

   ไซเลอร์บุ้ยใบ้ให้ไปคุยกันที่อื่น ก่อนจะจับแขนผมลากไปอีกทาง

โดยที่ไม่มีใครเห็นว่าไม่ไกลจากตรงที่ยืนอยู่นั้นมีผีเสื้อตัวหนึ่งที่กำลังบินอยู่โดนจับแล้วขยำจนแทบไม่เหลือแม้แต่ซาก ก่อนเศษเสี้ยวของปีกที่เหลือจะค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้นดินอย่างเงียบงัน



   “เดี๋ยวๆ ไซเลอร์ จะลากไปไหนเนี่ย” เมื่อออกมาห่างจากคู่นั้นไกลพอควร ผมก็รั้งตัวไว้แล้วถามขึ้น

   “จะออกไปไหนทำไมไม่เรียกข้า ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตราย” น้ำเสียงดุๆ กับสายตาดุๆ นั่นทำให้ผมคอย่น

   “ขอโทษครับ ข้าลืมไป อีกอย่างคิดว่าอยู่ใกล้ๆ ร็อตน่าจะไม่มีปัญหาอะไร เลยไม่ได้ไปเรียก” ที่จริงแล้วรีบไปเผือกมากเลยลืมนึกถึงเรื่องอื่นมากกว่า แหะๆ

   “ข้าไปหาที่ห้องแล้วไม่เจอ รู้ไหมว่ามันตกใจแค่ไหน” น้ำเสียงที่เจอความห่วงใยนั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งรู้สึกผิด

   “ข้าขอโทษ” ผมขอโทษอีกครั้ง รู้สึกเลยว่าหูลู่หางตก อย่าดุเยอะสิครับพี่ ผมสำนึกผิดไม่ทัน

   พอเห็นว่าคนตรงหน้ายังคงทำหน้าเคร่ง มองเมินไปทางอื่น ก็เรียกเสียงอ่อย

“ไซเลอร์” ผมขยับเข้าไปใกล้อีกนิด จับมือก้อนหินประกบกันแล้วก้มลงวางที่ต้นแขนของไซเลอร์

   “ขอโทษครับพ่อ ต่อไปจะไม่ทำแล้วครับ”

   “ก๊าส” แต่สงสัยก้อนหินจะไม่เต็มใจ มันเลยเอาหัวโขกลงไปด้วย

   “หึ” แน่ะ หลุดยิ้มมาแบบนี้ใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ

   พอไซเลอร์เหลือบมามองผมก็ยิ้มประจบ แล้วพี่แกจะทำอะไรได้นอกจากถอนหายใจแล้วเอามือมาวางบนหัวลูบเบาๆ แล้วบอก

   “อย่าทำให้เป็นห่วงแบบนี้อีกนะ”

   “ครับผม” ผมจับมือก้อนหินตะเบะแล้วเตะขาชิดรับคำ ทำให้คนฟังส่ายหัวแล้วคลี่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนเหมือนเคย

   “หิวกันรึยัง จะได้ไปหาอะไรกิน ที่จริงเจ้าชายมาหาตั้งแต่เที่ยง แต่ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากอยู่เงียบๆ เลยปฏิเสธไป ทรงบอกว่าถ้าหิวเมื่อไหร่ก็ให้บอกกับทหารแถวๆ นั้นได้เลย แล้วจะมีคนจัดอาหารไว้ให้”

   “แล้วคนอื่นๆ ล่ะครับ”

   “ทุกคนเรียบร้อยแล้ว ข้าบอกให้ไปกินก่อนเลย”

   “แล้วเจ้าล่ะ”

   “ข้ารอกินพร้อมเจ้า”

   “...”

   ทำไมคำพูดธรรมดาๆ ถึงทำให้รู้สึกอุ่นใจได้ขนาดนี้นะ

   “งั้นก็ไปกันเถอะครับ ป่านนี้ก้อนหินคงหิวแล้ว”

   “ก๊าส” มันร้องแล้วลูบท้องเหมือนจะยืนยันว่าหิวแล้ว

   “ตัวยุ่งเอ๊ย” ไซเลอร์จับหัวมันโยกอย่างเอ็นดู ก่อนจะเดินนำไป
   
(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-06-2017 08:23:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 27-06-2017 08:30:29
   ผมยืนมองแสงสุดท้ายของวัน ก่อนจะหันมามองทางเข้าคุกใต้ดิน ซึ่งอยู่ในเขตพระราชวัง ประตูทางเข้าทำจากไม้เนื้อหนาขนาดใหญ่กว้างและสูงหลายเมตร ตรงหน้าประตูสลักรูปสัตว์คล้ายๆ แมวตัวใหญ่ไว้ทั้งสองด้าน เมื่อเปิดประตูออกก็จะพบบันไดทางลงที่จุดคบไฟจนข้างในสว่างไสว

   ท่านชาร์ตรูเดินนำลงไปก่อน ตามด้วยผม พินช์เชอร์ ไซเลอร์และชเนาเซอร์ ส่วนพรีซา มาสทิฟฟ์กับร็อตขอรออยู่ด้านนอก ทั้งๆ ที่ผมบอกแล้วว่าไม่จำเป็นต้องมาเป็นเพื่อนก็ได้ เพราะของเตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว มันไม่มีอะไรให้ต้องช่วย เพียงแค่ใช้เวลาในการสกัดนานแค่นั้นเอง แต่ทุกคนก็ยังดื้อมาเป็นเพื่อนอยู่ดี เลยกำชับอีกทีว่าถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนได้เลย พี่ๆ แกก็รับคำ
 
แต่เชื่อเถอะว่าถ้าผมยังไม่เสร็จก็ไม่ยอมไปไหนกันหรอก คิดแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นแค่คนรู้จัก ไม่ใช่ญาติพี่น้องๆ กันแท้ๆ แต่ทุกคนดีกับผมเหลือเกิน อยู่กับพี่ๆ กลุ่มนี้ไม่ว่ากับใครก็อุ่นใจอยู่เสมอว่าจะได้รับการดูแลและปกป้องอย่างดี ทั้งก่อนหน้าและหลังจากที่รู้ว่าก้อนหินคืออะไร

เมื่อเดินลงไปถึงด้านล่าง ท่านชาร์ตรูก็พอเดินไปด้านในสุด ซึ่งเป็นห้องขังที่กว้างที่สุด มีช่องระบายอากาศอยู่ตรงด้านบนกว้างแค่ 1 ฟุต บนพื้นมีเห็ดขึ้นเต็มไปหมด

มันเป็นเห็ดสีขาวที่บานหมดแล้วขนาดเท่าฝ่ามือ ที่ตรงหมวกเห็ดโปร่งแสงจนเห็นครีบเห็ดอย่างชัดเจน ความสูงประมาณสองนิ้ว ขึ้นชิดติดกันจนเหมือนพรมปูพื้นขนาดใหญ่

ผมยืนมองอย่างทึ่งๆ เพราะเคยเห็นแค่รูปในสมุดภาพของลุงเซเรส พอเห็นของจริงแล้วอดจะตื่นเต้นไม่ได้ ก่อนจะรีบตั้งสติมาเตรียมของก่อนที่พระจันทร์จะสาดแสงเข้ามา

ท่านชาร์ตรูเตรียมของให้ด้านหน้าของห้องขัง ทั้งไฟเวทย์ที่จุดรอไว้อยู่แล้ว สาเหตุที่ต้องใช้ไฟเวทย์เพราะมันไม่มีควันและสามารถจำกัดความร้อนให้สม่ำเสมอได้ ล้ำยิ่งกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่โลกโน้นอีก

ผมยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำลงไป ให้ท่านชาร์ตรูกับพินช์เชอร์ช่วยใส่สมุนไพรที่ฝากท่านชาร์ตรูเตรียมไว้ให้ แล้วก็เอาสมุนไพรที่เคี่ยวไว้จากเคลเบรอสเทใส่ลงไป คนให้เข้ากันแล้วเอาฝาที่แบนๆ ปิดไว้ ระหว่างรอให้น้ำเดือดก็เอาปล้องไผ่ที่เจาะรูไว้ใส่ตรงรูของฝาหม้อเอายางไม้ทาไว้ให้แน่น แล้วเอาต้นหญ้าที่มีปล้องขนาดเล็กเสียบไปที่รูปล้องไผ่ที่เจาะไว้แล้วต่อลงมาเป็นท่อเพื่อกลั่นน้ำลงสู่ขวดแก้วที่ทาน้ำยากันไม่ให้ตัวยาเปลี่ยนไปไว้รอแล้ว

   เมื่อน้ำเดือด แสงจันทร์ในคืนพระจันทร์เต็มดวงก็เริ่มสาดแสงลงมาตรงช่องระบายอากาศ พอแสงจันทร์กระทบกับเห็ด พวกมันก็พากันเรืองแสงอย่างกับหิ่งห้อย

   สวยมากกกกก เป็นภาพมหัศจรรย์ที่สวยจับใจจนแทบละสายตาไม่ได้

   “ก๊าส”

   ผมสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหิน คงต้องละสายตาแล้วละ เพราะต้องเก็บมันมาใช้แล้ว ผมกวาดสายตามองจำนวนเห็ดในห้องขัง เห็นมันเรืองแสงหมดแล้วก็คำนวณดูคร่าวๆ แล้วบอก

   “เก็บให้หมดเลยครับ ดูแล้วคงต้องใช้ทั้งหมดนี่ถึงจะได้ปริมาณที่ต้องการ”

   พอบอกเสร็จทุกคนก็เริ่มเดินไปเข้าไปเก็บเห็ด ไล่จากด้านนอกสุดเข้าไป ผมยกฝาหม้อออกวางพักไว้ก่อนด้วยความระมัดระวัง ก่อนที่จะไปช่วยทุกคนเก็บด้วย

   เก็บไปก็จะหยิบมาสังเกตอย่างสนใจ เหมือนกับก้านและรากมันติดกาวแปะอยู่ที่พื้นเฉยๆ แค่ดึงออกก็หลุดมาแล้ว แต่ต้องเก็บด้วยความระมัดระวังไม่ให้หมวกเห็ดหลุดออก ไม่อย่างงั้นมันจะหยุดเรืองแสงทันที

เอ แต่ผมชักจะสงสัย ท่านมอลทีสกับท่านลาซาบอกว่าไม่ค่อยมีใครรู้จักพิษรัก แล้วลุงเซเรสรู้จักมันได้ยังไง แถมยังรู้จักทั้งวิธีทำและวิธีแก้พิษอีกด้วย ถ้าให้เดาคิดว่าลุงแกคงศึกษาวิธีการการแก้พิษเอง แต่วัตถุดิบแต่ละอย่างไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ แล้วลุงแกมาเอาเห็ดไปได้ยังไงหว่า ยิ่งคิดยิ่งงง ยิ่งนึกก็ยิ่งสงสัย ผมเก็บเห็ดไปคิดไป ตั้งใจไว้ว่าถ้าเจอตัวเมื่อไหร่จะลองถามดูสักที

เห็ดนี่เป็นพืชที่มหัศจรรย์มาก พอพ้นคืนพระจันทร์เต็มดวงไปแล้ว มันจะเริ่มเหี่ยวและเน่าไป ก่อนจะค่อยๆ ขึ้นมาใหม่แล้วก็โตเต็มที่ในวันพระจันทร์เต็มดวง ก่อนจะเรืองแสงยามค่ำคืนแล้วก็เน่าไปวนลูปแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ว่าแต่เห็ดนี่น่ากินชะมัด แต่อย่าเผลอไปกินสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ อาจทำให้ตายได้ ยังจำวิธีการทดสอบเมื่อถูกพิษรักได้ไหมครับ ที่หัวใจสามารถเรืองแสงได้ก็เพราะมีส่วนประกอบเป็นเห็ดตัวนี้ด้วยนี่แหละ มันก็เลยเป็นส่วนประกอบของยาถอนพิษด้วยเหมือนกัน

สมุนไพรเป็นได้ทั้งยารักษาและยาพิษ ต้องใช้ให้ถูกหลัก คือ ถูกคน ถูกชนิด ถูกขนาด ถูกวิธี ถูกเวลา ถึงจะรักษาโรคอย่างมีประสิทธิภาพได้

เมื่อเห็ดที่ใส่ลงไปในหม้อเริ่มเยอะขึ้น ผมก็คนให้มันเข้ากัน ปล่อยให้ท่านชาร์ตรู ไซเลอร์ พินช์เชอร์กับก้อนหินช่วยกันเก็บไป ก้อนหินดูวิธีการเก็บตามที่ผมสอน มันก็ผงกหัวเข้าใจ พอเก็บได้ทีละดอกสองดอกก็ค่อยๆ ถือเดินเอามาส่งให้อย่างระมัดระวัง พอผมชมมันก็ร้องรับแล้วกระดิกหางอย่างอารมณ์ดี

จนในที่สุดเห็ดในห้องก็ถูกเก็บจนเหี้ยน ห้องขังโล่งเหมือนไม่เคยมีอะไรอยู่มาก่อน แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่ขึ้นมาใหม่หรอกครับ เพราะเชื้อของมันยังเกาะอยู่ที่พื้น เดี๋ยวอีกไม่กี่วันมันจะขึ้นมาใหม่อีกแน่นอน

เมื่อใส่เห็ดจนหมด คนให้เข้ากันแล้ว ผมก็ปิดฝา ปล่อยให้มันเดือดและกลั่นเป็นไอน้ำออกมา ดูท่าแล้วต้องใช้เวลาทั้งคืน เลยให้ทุกคนล้างมือด้วยน้ำยาที่เตรียมมา แล้วบอกท่านชาร์ตรูที่ดูเหมือนจะอ่อนล้าแล้วไปพักผ่อน

“ท่านชาร์ตรูครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว ท่านไปพักผ่อนดีกว่าครับ ระหว่างนี้ก็เพียงแค่รอให้ตัวยากลั่นออกมา ไม่มีอะไรแล้วครับ”

“อืม ถ้าอย่างนั้นข้าไปพักก่อนก็แล้วกัน ถ้าต้องการอะไรก็เรียกใช้ทหารยามได้เลยนะ”

“ครับ”

   ชเนาเซอร์เดินไปส่งท่านชาร์ตรูด้านบน ผมก็เลยเดินไปดูสิ่งที่สนใจเมื่อเห็นครั้งแรก มันคือโซ่ตรวนขนาดใหญ่ ใหญ่จนคิดว่าไม่น่าจะไว้ใช้สำหรับจองจำมนุษย์ ผมเดินไปนั่งมองอย่างสนใจแล้วถามไซเลอร์

   “ห้องขังห้องนี้นี่มันเอาไว้ใช้ขังอะไรครับ มันทั้งกว้าง ทั้งสูง โซ่ตรวนก็ใหญ่เกินกว่าจะเหมาะสำหรับใช้ยึดคนไว้”

   “ท่านมอลทีสเคยบอกแล้วใช่ไหมว่า ที่นี่มักจะมีสิ่งมีชีวิตหลงมิติเข้ามา ซึ่งไม่ได้มีแค่มนุษย์ แต่บางครั้งก็ยังมีสัตว์ร้ายหลายๆ ชนิดหลงมาด้วย เราจำเป็นต้องเอามาขังไว้ที่นี่เพื่อความปลอดภัยของคนในอาณาจักร ก่อนที่จะส่งมันกลับไปยังโลกเดิม” ไซเลอร์อธิบายให้ฟัง

“สัตว์ร้าย? ไม่ได้กำจัดเหรอครับ”

“ไม่” ไซเลอร์ส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ

“ถึงมันจะเป็นแค่สัตว์ แต่เราไม่มีสิทธิ์ไปทำลายชีวิตของมัน เพราะบางทีมันอาจจะเป็นสัตว์ที่เหลือตัวสุดท้ายของมิตินั้น หรือไม่ก็อาจจะเป็นสัตว์เลี้ยงแสนเชื่องแสนรักของใครสักคนในอีกมิติก็ได้”

ผมฟังแล้วก็อดรู้สึกละอายใจไม่ได้ ที่ไม่ได้นึกถึงเรื่องเหล่านี้มาก่อนเลย

คนโลกนี้มีความคิดที่น่านับถือจริงๆ ครับ เคารพสิทธิการมีชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ไม่เพียงแค่มนุษย์ซึ่งเป็นพวกเดียวกันเท่านั้น ยังหมายรวมถึงสัตว์และสิ่งที่ชีวิตที่หลงเข้ามาด้วย มันเป็นดินแดนในฝันของคนรักสงบชัดๆ เลย อยากให้ที่โลกโน้นเป็นอย่างนี้บ้าง สังคมจะได้ไม่วุ่นวายเหมือนอย่างทุกวันนี้ ลองคิดดู ถ้ามีสัตว์หน้าตาประหลาดๆ หลุดไปโลกโน้น ถ้าไม่โดนจับชำแหละศึกษา ก็น่าจะโดนฆ่าตายห่าไปแล้วแหละ เฮ้อ!

   ชเนาเซอร์กลับพาพร้อมกับผ้าหอบใหญ่ มีทหารช่วยขนลงมาให้ด้วย บอกว่าท่านชาร์ตรูให้เอามาให้ เพราะผมบอกไปแล้วว่ากว่าน้ำยาจะเต็มขวดก็น่าจะต้องรอจนเกือบเช้าพอดี

   เราเอาผ้าปูพื้นก่อนอีกผืนก็เอาไว้ห่ม เพราะด้านในนี้อากาศค่อนข้างชื้นและเย็น พอเรียบร้อยแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ หม้อกลั่นยา พินช์เชอร์นอนอีกฝั่งของหม้อ มีไซเลอร์กับชเนาเซอร์ขนาบข้างเราคนละฝั่ง ส่วนสามคนที่เหลือ ชเนาเซอร์บอกว่าจะรออยู่ด้านบน แต่ทหารเอาผ้าไปให้ทุกคนแล้ว ผมกระชับอ้อมแขนที่กอดก้อนหินไว้ เหลือบมองแสงจันทร์ที่ยังคงสาดแสงลงมาในห้องขัง มองตัวยาที่ค่อยๆ หยดลงสู่ขวดแก้วทีละหยด หยุดความคิดวุ่นวายในหัวก่อนจะหลับตาลงพักผ่อน



   “ดินๆ”

   เสียงเรียกของไซเลอร์และแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขนทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา

   “ยาใกล้จะเต็มแล้ว”

   ผมค่อยๆ ปลดมือก้อนหินที่ขยุ้มเสื้อเอาไว้ออก แต่แค่ขยับตัวมันก็ทำให้มันรู้สึกตัวแล้วตื่นขึ้นมาด้วย พอลุกขึ้นนั่ง มันก็หันหน้ามาซุกแล้วเกาะเป็นลูกลิงไม่ยอมปล่อย เลยต้องอุ้มมันไว้แล้วขยับไปดูน้ำยาในขวด ผมยกขวดขึ้นมาดูน้ำยาใสที่ใกล้จะเต็มขวดแล้ว เนื่องจากขั้นตอนการทำค่อนข้างยุ่งยาก เลยต้องกลั่นเอาไว้มากกว่าปริมาณที่ต้องใช้จริง คิดว่าเหลือไว้น่าจะดีกว่าขาด ผมดึงปล้องหญ้าออก แล้วเอาจุกที่ทำจากต้นสมุนไพรเฉพาะที่เตรียมไว้ปิดลงไป เป็นอันสำเร็จขั้นตอนในการสกัดเห็ด

   ชเนาเซอร์เดินไปตามทหารมาช่วยเก็บของทั้งหมดไปคืน เมื่อเรียบร้อยแล้วก็เดินขึ้นไปข้างบน แสงแรกของวันทำให้รู้สึกสดชื่น ขนาดไม่ได้ถูกขังยังรู้สึกอึดอัดเลย ขึ้นมาข้างบนแล้วรู้สึกปลอดโปร่งอย่างบอกไม่ถูก

   หลังจากกินอาหารมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ไปเข้าเฝ้าองค์ราชาเพื่อขอบคุณและทูลลาทั้งองค์ราชาและองค์ราชินีก่อนออกเดินทางไปที่อาณาจักรรุคต่อ ท่านชาร์ตรูกับเจ้าชายบาตันเดินออกมาส่งที่ลานมังกรด้วย ระหว่างทางเราก็คุยกันเรื่องยาสมุนไพรไปเรื่อยๆ ท่านชาร์ตรูอยากให้ผมสอนวิธีปรุงยารักษาพิษรัก ซึ่งผมก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว ว่าเมื่อไหร่ที่รักษาควีนจนทรงหายดีแล้ว จะสอนคนของสำนักแพทย์อย่างละเอียดอีกที

   ส่วนเจ้าชายบาตันก็เตรียมเสบียงให้เพียบเหมือนกลัวว่าเราจะอดอยาก จนต้องปฏิเสธไปบ้าง เพราะมันจะหนักเกินไป ก่อนกลับเราก็ขอบคุณที่เจ้าชายให้การต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดีระหว่างที่อยู่ที่นี่

   พอขึ้นมังกรแล้วผมรู้สึกว่าหายใจสะดวกขึ้น ตั้งแต่มาถึงที่นี่ทุกคนเหมือนนักเรียนที่อยู่ต่อหน้าอาจารย์ฝ่ายปกครอง ดูสำรวมและเรียบร้อยกว่าปกติกันมาก ขากลับมีแร็กดอลล์ เทอร์คิชมาส่งที่ชายแดนเพื่อไม่ให้ต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยากเหมือนขามา ผมหันกลับไปมองอาณาจักรบาอัลที่อยู่เบื้องหลังเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำอีกนิด เพราะไม่รู้ว่าชาตินี้จะได้กลับมาอีกไหม ก่อนจะหลับตาลงซึมซับความรู้สึกหลากหลายที่ได้รับ ทิ้งสิ่งที่ยังค้างคาใจไว้ที่นี่ ก่อนจะลืมตาขึ้นแล้วตั้งใจมองตรงไปข้างหน้าต่อไป




@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ในประเด็นของคุณไฟ ที่ก้อนดินยังคงลังเล เป็นเพราะยังคงนึกถึงคุณไฟตามประสาคนที่โตมาด้วยกันค่ะ อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เกิดก็เลยรู้สึกผูกพันกันตามธรรมดา ถึงยังไงก็อดจะห่วงใยไม่ได้ ส่วนท่านทูตก็ดีกับดินมาโดยตลอด ดินเลยนับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง เลยตัดใจจากทางโน้นไม่ได้สักที

เรื่องนั้นพักเอาไว้ก่อน เดี๋ยวเก็บเห็ดเสร็จแล้ว เราไปเก็บไข่กันค่ะ เสร็จแล้วก็เจียวไข่ใส่เห็ด อร่อยนะคะ ของโปรดเลย 55555

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#B52 อดใจรออีกนิ้ดดดดค่า ไว้จะพาไปดู 55555
#suikajang เล่นกันน่าฟัดทั้งคู่เลยค่ะ 55555 ชอบเวลาก้อนหินอยู่กับไซเลอร์และก้อนดิน ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินนะคะ ร๊ากกกกกเหมือนกันค่ะ
#alternative มันต้องมีช่วงพักผ่อนหย่อนใจมั่งค่ะ ค่อยไปเจออะไรต่อมิอะไรต่อ 55555
#kratair  :L1: :pig4: :L1:
#♥►MAGNOLIA◄♥ ก้อนหินอยากจะสำคัญที่สุดค่ะ หวงหนักมาก หวงดินแต่ไปเล่นกับไซเลอร์เฉยยยย 5555
#DeShiWa หึๆๆๆๆๆๆๆ
#MayA@TK ชอบเหมือนกันค่ะ เป็นช่วงที่เขียนแล้วมีความสุข 55555
#poppycake คนที่นี่ขี้แกล้งกันทุกคนค่ะ 55555 ไปแน่ค่า แต่ไม่ใช่ตอนเน้
#mild-dy  :L1: :pig4: :L1:
#Yara ยังคงห่วงใยตามประสาคนที่โตมาด้วยกันค่ะ
#HISY ว่างๆ เดี๋ยวจะพาไปดูทางนู้นบ้างค่า รอก่อนนนน
#ซีเนียร์  :L1: :pig4: :L1:
#KARMI แฮ่!  :hao7:
#shoi_toei เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุดในเรื่องแล้วค่ะ รองลงมาก็คนเขียน เอร๊ยยยย
#•♀NoM!_KunG♀• สกัดเรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อไปก็ไปไข่ เอ๊ย! เก็บไข่กัน
#badbadsumaru ขอบคุณค่า อ่านแล้วปลื้มมากกกกเหมือนกัน
#ommanymontra  :L1: :pig4: :L1:
#takara เรื่องนี้นี่รักก้อนหินที่สุดแล้วค่ะ 55555 มีความลำเอียงหนักมาก
#prangasia ดินกับคุณไฟโตมาด้วยกัน เลยรู้สึกผูกพันกันธรรมดาค่ะ ถึงจะร้ายแต่ก็มุมดีๆ ให้นึกถึงบ้าง แถมดินเลยยังคงเป็นห่วงอยู่ค่ะ ไม่อย่างงั้นคงตัดสินใจได้ง่ายกว่านี้ ดินเป็นพวกมนุษย์ใจอ่อน มองโลกในแง่ดีสุดๆ
#แฟนตาเซีย คิดอะไรน่ากลัวแบบนั้น อาจจะเกิดสงครามได้นะคะ ถถถ
#papapajimin 55555 ทีมก้อนหิน รักก้อนหินเหมือนกันค่า ใคร้ใครจะใจร้ายกับมันได้ลงคอ


:L1: ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาเม้นท์ มาให้กำลังใจนะคะ   :L1:
 :pig4: กราบรอบทิศ   :pig4:
 :กอด1: กอดดดดดดดดดดดด  :กอด1:

คลานต่อไป

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
[/color]

ลืมบอกอีกอย่าง มีเพจแล้วนะคะ เอาไว้เก็บข้อมูล และเอาไว้บ่น 555555 ตามไปชมได้ค่า

เพจ - Maneethewa (มณีเทวา) (https://www.facebook.com/Maneethewa/?ref=settings)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-06-2017 09:22:35
เพราะความผูกพันทำให้ดินยังคงห่วงไฟ และคิดว่าไม่ใช่คนในโลกของไซเลอร์
ยังไงก็ต้องมีสักวันที่จะได้กลับไปโลกของตัวเอง แต่ดินยิ่งอยู่กับก้อนหินยิ่งผูกพันธ์
แล้วหินก็ทั้งอ้อนทั้งน่ารักขนาดนี้ ดินจะตัดใจทิ้งหินจริงๆ เหรอ ไซเลอร์เองก็รอดินไม่ใช่เหรอ


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ffffff ที่ 27-06-2017 12:04:17
ในส่วนของคนอีกมิตินี้ความคิดเราคิดว่าถ้าหินโตแล้ว แล้วดินอยากไปหาก็น่าตะไปได้นะ เพราะหินสามารตข้ามมิติได้นี่นา ฮี่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 27-06-2017 12:59:00
 o13 ชี้แจ้งตอนท้ายเสร็จสรรพ ไม่ข้องใจแระไปรอกินไข่เจียวกะด๊ะ  :katai2-1:
 :katai5: ไปหูงข้าวก่อน อาทิตย์สุดท้ายของสิ้นเดือนงี้ เป็นเด็กปุ่นตลอด
ขำๆ ฮาๆ น่ารักๆ กะเรื่องไป แต่มีปริศนามาอีกแระ ของเก่ายังไม่เคลียเลยนะ  :ruready 

  :L1:  :pig4:  :L2:

ปอหินน้อย มังกรสังข์ . แนวคิดของคนโลกนี้ดีอะ อยากให้เป็นแบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 27-06-2017 14:08:57
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-06-2017 15:17:24
:pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-06-2017 15:21:28
สงสัยคนที่ทาน้ำหอมใส่ก้อนหิน
ตามมาที่อาณาจักรนี้
แสดงว่าตั้งใจขโมยมังกรมรกตสินะ  :z6: :z6: :z6:
และคงวนเวียนแอบอยู่ใกล้ ที่ขยี้ผีเสื้อแน่เลย

เห็ดเรืองแสง ขึ้นในห้องขังใต้ดิน
บานเรืองแสงคืนพระจันทร์เต็มดวง ยอดไปเลย
เสียว กลัวพวกดินถูกขังในคุกใต้ดินนะเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-06-2017 15:52:44
 :katai2-1:     เขึยนได้น่าอ่านชวนติดตามมากครับ    :katai2-1:

ก้อนหินหลังอานที่บ้าน ไม่น่ารักเท่า(((( ก้อนหิน     ))))ในเรื่องเลย   ก้าส สสสสสสสสส

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 27-06-2017 19:43:18
รักก้อนหินนนนนนนน :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 27-06-2017 20:09:12
วิธีทำแก้พิษรักนี่

ขั้นตอนยุ่งยากมาก

นับถือคนทำพิษนี้ออกมาจริงๆ

ว่าคิดได้ไง

เรื่องสนุกขึ้นเรื่อยๆ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 27-06-2017 21:10:47
เก็บไข่ๆๆ พูดแล้วหิววว
ว่าแต่พินช์เชอร์กับร็อตที่คุยกันนั่นจะคืบหน้าไหมอ่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 27-06-2017 21:30:57
 :katai2-1: :katai2-1:
ที่หินไม่โตเพราะก้อนดินยังไม่เข้มแข็งพอรือเปล่านาา
หรือจะเป็นเพราะหินอยากอยู่กับดินนานๆ เเน่เลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 27-06-2017 21:34:49
ตามอ่านทันแล่ววว โอยยย  o22
อาณาจักรหมา
เกรทเดน
ธิเบตัน มาสทิฟ
ร็อตไวเลอร์
ชเนาเซอร์
พรีซา
มอลทีส (งุงิสุด)
พินเชอร์

กะอาณาจักรแมว :mew5:
แร็กดอล
เทอร์คิช
เบอร์มีส *เจ้าพม่าาา*

เอ็นดูตัวละครเพิ่มขึ้นสองเปอร์เซ็น 55555
เรื่องสนุกมาจริงๆค่ะ ชอบๆๆๆ ชอบความสัมพันธ์ระหว่างหินกับดินมาก จนแบบแก้ปมเรื่องแล้ว ให้หินโต ดินไม่มีคู่เราก็โอเค แต่ตอนนี้ก็มีพี่ไซเลอร์อะเนอะ ลุ้นตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 27-06-2017 23:18:20
มีคนปองร้ายก้อนดินเหรอ เพราะอะไรล่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-06-2017 23:41:49
มีคนแฝงตัวตามมาตลอด น่ากลัว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 28-06-2017 02:03:45
หมันไส้พี่ไซค่ะ โดนดินอ้อนนิดอ้อนหน่อย ก็ยอมแล้ว อนาคตกลัวเม....//แค้กๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 28-06-2017 04:32:39

จริงๆแล้วพี่ร็อตก็สนใจน้องใช่ไหม 55555 ทัมมาเปง
นึกว่าระหว่างเก็บเห็ดจะมีเรื่องยุ่งยากซะแล้ว
รอไปเก็บไข่ต่อค่ะ ระวังตัวกันด้วยนะเด็กๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-06-2017 12:59:43
ส่วนผสมยากๆอยู่ที่สองอาณาจักร ไม่ใช่ร่วมมือกันซะหรา หึ!!

ทำเป็นช่วยเหลือรึเปล่า แต่จิงๆเป้นคนในที่ทำขึ้น
หัวข้อ: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Y-Darkness ที่ 28-06-2017 16:18:55
ปักไว้ก่อนนะครับ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 28-06-2017 21:24:58
เก็บไข่อะไรน้อออ :oo1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 29-06-2017 07:50:58
ก็คิดอยู่เหมือนกันที่โตช้ากว่า เพราะในใจก็คงกลัวก้อนดินไม่สามารถอุ้มได้ ฟัดได้หากตัวเต็มวัยรึเปล่านะ?
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-06-2017 11:08:53
ฮ่า ๆ คนเขียนก็น่ารักค่ะ รออ่านต่อน้า

คุณไฟถ้าพามานี่ ขอให้โดนกด ฮ่า ๆ มีสวามีไปโลดจะได้เลิกเหวี่ยง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 20 เห็ดเรืองแสงฯ (27/6/60) P.11
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 29-06-2017 11:57:42
เสร็จไปด้วยดีกับภารกิจเก็บเห็ด....
แต่เรื่องทร่น่าสนใจ (เราอยากเผือก) คือ เรื่องของร็อตกับพินช์ ต่างหาก!! ร้องไห้ด้วย กอดกันด้วย >\\\<
หัวข้อ: Re:@ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 07-07-2017 09:00:04
บทที่ 21 รุค

   หลังจากที่เราออกมาจากอาณาจักรบาอัล การเดินทางก็เป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้เรามาถึงชายแดนของอาณาจักรรุคภายในเวลาสามวันตามกำหนด สาเหตุที่ใช้ระยะเวลาในการเดินทางเท่ากันก็เพราะผมเคยดูจากแผนที่ที่เคลเบรอสแล้วจะเห็นว่าเมืองหลวงของทั้งสามอาณาจักรตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า ทำให้ระยะห่างของเมืองหลวงทั้งสามอาณาจักรแทบจะเท่ากันเป๊ะ

   อันที่จริงถ้าเดินทางเลียบป่า แล้วเลี่ยงเมืองตรงไปที่ป่าคาล์มเลยจะถึงจุดหมายเร็วมากกว่า แต่ไซเลอร์บอกว่าเราต้องมารับตราอนุญาตในการเข้าถ้ำฟินซ์จากองค์ราชาแห่งรุคก่อน เพราะตราอนุญาตนี้นอกจากจะสามารถใช้เป็นหลักฐานในการยื่นให้กับผู้พิทักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าถ้ำดูแล้วยังสามารถช่วยให้เข้าไปในถ้ำซึ่งมีเวทย์คุ้มกันอยู่ได้อีกด้วย

   ด้วยเหตุนี้เราเลยต้องตรงมาที่ชายแดนบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองของอาณาจักรรุค แล้วเดินทางไปที่พระราชวังเพื่อไปรับตราอนุญาตและแสดงความเคารพต่อองค์ราชาและราชินีของรุค ก่อนที่จะเดินทางไปป่าคาล์มต่อ

   เมื่อใกล้จะถึงด่านตรวจ พอมองลงไปที่พื้นข้างล่างก็เห็นผ้าสีเหลืองสดใสผืนใหญ่เขียนคำว่ายินดีต้อนรับตัวเท่าบ้านขึงไว้ อย่าถามว่าทำไมผมถึงอ่านออก เพราะผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แหะๆ

   ผมเองก็เพิ่งรู้ตัวหลังจากเจอกับทีมเฮดีสได้สักพักนั่นแหละ ว่าผมสามารถฟังภาษาของคนโลกนี้ได้เข้าใจ อ่านได้รู้เรื่อง แต่เขียนไม่ได้เท่านั้นเอง เวลาต้องเขียนอะไรให้คนอื่นอ่าน เลยต้องรบกวนให้คนรอบๆ ตัวช่วยเขียนให้ คิดว่าถ้าหมดเรื่องยุ่งๆ จะลองถามท่านมอลทีสดูเหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร

ผมยังคงอึ้งกับภาพด้านล่าง พอหันไปมองไซเลอร์ก็เห็นพี่แกทำหน้าเพลียจัดโดยไร้คำอธิบายเหมือนอย่างเคย คิดว่าน่าจะแดกจุดอยู่เหมือนกัน เลยได้แต่หันกลับไปมองผืนผ้าตาปริบๆ

   พอลงมาจากมังกรก็เจอกับพรมแดงที่ปูเป็นทางยาวกับขบวนต้อนรับที่มีสาวๆ ยืนเรียงเป็นแถวตอนข้างผืนพรมทั้งสองฝั่ง ฝั่งละประมาณสิบกว่าคน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ สาวๆ ก็พูดขึ้นมาพร้อมๆ กัน

   “ยินต้อนรับสู่อาณาจักรรุคเจ้าค่ะ”

   “...”

   เพื่อความปลอดภัย ผมจึงขยับไปยืนเยื้องๆ อยู่ด้านเหลังของไซเลอร์ พินช์เชอร์ก็ขยับมายืนชิดกับผมจนเราแทบจะรวมร่างกันได้ น้องมันทำหน้าหวาดๆ เหมือนจดจำวีรกรรมการมีส่วนร่วมในการต้อนรับแขกของชาวรุคที่บาอัลได้เป็นอย่างดี ขนาดผมยังแอบกลัวใจคนอาณาจักรนี้เลย เจอแค่นั้นก็ยังรู้สึกขยาดมาถึงตอนนี้ ของเค้าแรงจริงๆ ครับ

   เมื่อลงมาครบทุกคนแล้ว มาสทิฟท์ก็เดินขึ้นนำหน้าไป ตามด้วยพรีซา ไซเลอร์ ผม พินช์เชอร์ ร็อต ปิดท้ายด้วยชเนาเซอร์

   แค่มาสทิฟฟ์ก้าวเท้าเหยียบผืนพรม สาวๆ ที่ยืนอยู่ทั้งสองข้างก็โปรยกลีบดอกไม้ขึ้นเป็นสาย

   “...”

   จำเป็นต้องเวอร์ขนาดนี้ไหม ถามใจดู

ก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนอ้าปากงับกลีบดอกไม้เล่น หางสะบัดไปมาเหมือนกำลังสนุก ผมก็ได้แต่ลูบหัวมันอย่างเอ็นดู แต่พอสายตาเผลอเหลือบไปมองคนโปรย ก็ต้องรีบดึงสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว เพราะแต่ละคนมองมาตาเป็นประกาย ส่งสายตามาเหมือนจะล่อลวงให้ติดกับแล้วลากไปแดก

เกิดมายังไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนน่ากลัวเท่าที่นี่เลยครับ พูดจริงๆ



“ยินดีต้อนรับสู่รุคคคคคค”

เอ่อ... นั่นตัวอะไร

เมื่อเดินพ้นผืนพรมมาก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งที่คล้องพวงมาลัยดอกไม้สดจนมิดหัว พอเราเดินออกไป ก็หยิบพวงมาลัยออกมาคล้องให้ทีละคน เพราะมัวแต่ยืนอึ้งเลยเหลือผมเป็นคนสุดท้าย พี่แกก็เอาพวงมาลัยออกมาถือไว้ แล้วส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ผมขนลุกเล่น

ผู้ชายอาณาจักรนี้ก็ดูน่ากลัวไม่แพ้ผู้หญิงเลย

...

ผู้ชายตรงหน้าสูงพอๆ กับไซเลอร์ แต่รูปร่างดูเพรียวมากกว่า ผมสีน้ำตาลเข้มยาวประบ่า มัดจุกสั้นๆ ไว้ตรงท้ายทอย นัยน์ตาสีน้ำตาลทอประกายแพรวพราว บ่งบอกว่าน่าจะเจ้าชู้พอตัว

พอเห็นผมยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม พี่แกก็เดินเข้ามาใกล้จนผมเผลอก้าวถอยหลัง แล้วไปชนกับไซเลอร์ที่มายืนข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ พอผมหันไปมองหน้า ไซเลอร์ก็จับบ่าเอาไว้แล้วตบเบาๆ เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร

ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นเลยหันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งขยับเข้ามาใกล้เข้าไปอีก ถ้าจะใกล้ขนาดนี้มึงสิงกูเลยเถอะ โว๊ะ!

ขนาดผมเผลอถลึงตาใส่ พี่แกก็ยังคงยิ้มกรุ้มกริ่มให้เหมือนเดิม ผมเลยถอนหายใจแล้วยอมยืนนิ่งๆ แต่โดยดี จะได้เสร็จๆ ไปซะที พอเห็นผมนิ่งแล้วพี่แกก็เอาพวงมาลัยพวงสุดท้ายที่ถือไว้มาคล้องคอให้อย่างอ้อยอิ่ง ถ้าหูไม่ฝาดเหมือนจะได้ยินเสียงขู่ในลำคอของทั้งไซเลอร์และก้อนหิน กับเสียงหัวเราะหึๆ ของคนตรงหน้า

“ยินดีต้อนรับสู่รุคนะ”

พูดจบระหว่างที่ทุกคนเผลอ พี่แกก็ดึงมือข้างหนึ่งของผมที่อุ้มก้อนหินอยู่ไปจูบลงที่หลังมืออย่างรวดเร็ว

   “อินดัส!” ไซเลอร์เรียกเสียงดัง

   “ก๊าสสสสสสสสส” ก้อนหินที่เสียหลักจนเกือบจะตกร้องอย่างโมโห

เชี่ยยยยยยยยย! อันนี้ผมร้องในใจ

ผมรีบดึงมือกลับมาแล้วไปเช็ดกับกางเกงอย่างแรง ถอยหลังกรูดอย่างไม่เป็นท่า จะว่าเสียมารยาทก็ช่างแม่งเถอะ

กูขนลุก!

ไซเลอร์ปัดมือคนที่ชื่ออินดัสออกแล้วดึงผมไปไว้ข้างหลังก่อนจะก้าวมายืนขวางไว้ ในขณะที่ก้อนหินก็มองคนทำตาขวาง พยายามดิ้นออกจากอ้อมแขนของผมเหมือนจะลงไปหาเรื่อง

โอ๊ย! นี่กูจะห้ามตัวพ่อหรือตัวลูกก่อนดีวะ!

พอเห็นว่าผมไม่ยอมปล่อย ก้อนหินก็หันกลับมาจับพวงมาลัยที่คล้องคอผมอยู่กัดจนเชือกขาด แต่มันคงยังไม่หนำใจ เลยจับเอามาลัยที่ขาดแล้วมากัดต่อจนดอกไม้เละ ก่อนจะปล่อยให้ร่วงลงพื้นดิน ผมได้แต่มองการกระทำมันตาปริบๆ

ไปที่ชอบๆ นะพ่อพวงมาลัย

มึงพาลมากหิน ทำอะไรคนไม่ได้ก็หันกลับมาทำของแทน คือ... ตอนนี้ไม่รู้จะขำหรือจะโมโหหรือจะอะไรดี ผมสับสนกับความรู้สึกตัวเองมาก

“หึๆ” หึพ่องสิ ได้ยินเสียงหัวเราะของตัวต้นเหตุแล้วอยากจะจัดจระเข้ฟาดหางให้สักดอกจริงๆ

“เลิกเล่นได้แล้วน่าเจ้าชายอินดัส”

“ห๊ะ!” ไอ้เหี้ยเนี่ยนะเจ้าชาย?

ผมหันไปมองหน้าพรีซาเพื่อขอคำยืนยันอีกครั้ง

พรีซาถอนหายใจเฮือก ก่อนจะย้ำให้ฟังอีกรอบ

“นี่เจ้าชายอินดัส เจ้าชายลำดับที่ 5 ของอาณาจักรรุค ส่วนนี่ก้อนดินกับพินช์เชอร์คนของสำนักแพทย์”

ถึงไม่อยากจะเคารพ แต่โดยศักดิ์และโดยมารยาทแล้วจำเป็นต้องเคารพ ผมเลยได้แต่ขยับออกมาจากข้างหลังของไซเลอร์ โดยเว้นระยะห่างไว้เหมือนเดิม กลัวพี่แก เอ๊ย! กลัวเจ้าชายจะทำอะไรเหนือความคาดหมายอีก แล้วโค้งคำนับให้อย่างเรียบร้อยตามมารยาท ยังดีที่เจ้าชายยังมีมารยาทพอ เจ้าตัวก็เลยโค้งกลับมาอย่างสุภาพเหมือนกัน

“พร้อมกันหรือยัง ถ้าพร้อมแล้วเราเดินทางเข้าวังกันเถอะ เสด็จพ่อทรงรออยู่”

ถ้าไม่ติดขบวนต้อนรับของเจ้าชายก็คงไปถึงนานเป็นชาติแล้วมั้ง

“อ้อ! น้องสาวข้าก็รอพบเจ้าอยู่เหมือนกันนะไซเลอร์” เจ้าชายอินดัสส่งสายตาแบบมีเลศนัยให้ไซเลอร์ ก่อนจะเบนสายตามายิ้มกรุ้มกริ่มให้กับผม

“ขึ้นมังกรไปกับข้าไหมก้อนดิน”

“ไม่! เอ่อ… ไม่รบกวนเจ้าชายหรอกครับ ข้าเกรงใจ” อยากจะบอกว่าไม่เต็มใจมากกว่า แต่ต้องรักษามารยาทเลยจำใจต้องบอกไปอย่างนี้

“เกรงใจอาร๊าย ไม่ต้องเกรงใจ มาเถอะข้าเต็มใจมากกกก” ท้ายประโยคลากเสียงยาวทั้งยังขยับเข้ามาใกล้และส่งสายตาหวานเชื่อมมาให้

   โว๊ยยยย! เจ้าชาย มึงดูหน้ากูด้วยครับ ว่าเต็มใจด้วยไหม

   แต่ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร ไซเลอร์ก็ผลักเจ้าชายออกไปซะก่อน เอ่อ... นั่นเจ้าชายนะไซเลอร์มันจะไม่เป็นอะไรเหรอ

   ส่วนไอ้คนโดนผลักก็แค่หัวเราะอย่างกวนตีน

   เห็นแล้วรู้สึกเหมือนตีนจะกระตุก ถ้าเผลอถีบเจ้าชายนี่โทษหนักไหม ผมอยากรู้

   ผมได้แต่ระงับอารมณ์แล้วขยับไปถามชเนาเซอร์ที่ยืนกอดอกมองเหมือนกำลังดูเรื่องสนุกๆ อยู่ ส่วนคนอื่นๆ ก็มองขำๆ อย่างไม่คิดจะห้ามกันเลย

   “มันจะไม่มีปัญหาเหรอชเนาเซอร์” ถามเสร็จผมก็หันไปมองคู่กรณีที่ยังคงยืนจ้องตากันอยู่ จ้องกันขนาดนั้นถ้าเป็นปลากัดป่านนี้คงท้องไปแล้ว

   “ไม่หรอกน่า อินดัสเป็นเพื่อนของพวกเราเอง”

   “เพื่อน?” พอฟังน้ำเสียงและสีหน้าของผมชเนาเซอร์ก็หัวเราะก่อนจะบอก

   “ก็เพื่อนพวกเรา อืม... แต่ถือเป็นคู่แข่งของไซเลอร์ด้วยละมั้ง” พอเห็นผมทำหน้างง ชเนาเซอร์ก็อธิบายต่อ

   “ก็สมัยที่ต้องมาฝึกร่วมกัน สาวๆ ที่อินดัสถูกใจ ไม่ว่ากี่รายๆ ก็ดันไปชอบไซเลอร์หมดนี่นา ไอ้หมอนั่นก็เลยเห็นไซเลอร์เป็นคู่แข่งมาตลอด ปกติไซเลอร์ก็เฉยๆ นะ มีแต่เรื่องเจ้านี่แหละที่อยู่เฉยไม่ได้” พูดจบก็หัวเราะอย่างชอบใจ

   อ้อ! ก็ว่าอยู่ว่าเพื่อนกันไม่น่าจะมีท่าทางกวนประสาทกันแบบนี้ มีปัญหากันเพราะเรื่องผู้หญิงนี่เอง

   “แต่... นั่นเจ้าชาย ทำแบบนั้นไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอครับ” ผมถามอย่างเป็นกังวล

   “แล้วไง ไซเลอร์ก็เป็นถึงว่าที่คิงของเคลเบรอส ขอแค่เจ้าบอกคำเดียวว่าอยากเป็นควีน ไซเลอร์ก็คงไปเสนอตัวให้เจ้าได้เป็นแล้ว แค่เจ้าชายจะมาสู้อะไรคิงกับควีนของอาณาจักรได้”

   ใครมันจะไปอยากเป็นกันวะ!!!

   ผมเหล่ตามองคนที่ยุยงส่งเสริมให้เพื่อนรับตำแหน่งไปอย่างเพลียๆ ก่อนจะนึกถึงเรื่องที่ชเนาเซอร์พูดก่อนหน้า
อืม... ว่าแต่... แล้วไซเลอร์ล่ะ เคยมีคนที่สนใจบ้างไหมนะ


   “เป็นอะไร”

   ผมเกือบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทักจากไซเลอร์ที่มายืนมองมาด้วยสายตาห่วงใยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ นี่ผมเหม่อเหรอ แถมยังคิดเรื่อง... เอ่อ ช่างมันเถอะ!

   “เปล่าครับ แค่คิดอะไรเพลินๆ”

   พอหันไปดูคนอื่นก็เห็นไปรอที่มังกรของตัวเองหมดแล้ว เหลือแต่เจ้าชายอินดัสที่ยืนมองยิ้มๆ อยู่ ทำไมไม่ไปที่ชอบๆ เอ๊ย! ไม่ไปที่มังกรตัวเองล่ะครับ จะยืนอยู่ทำซากอะไร พอเห็นสายตาผม เจ้าชายก็บอก

   “ข้ายังรอคำตอบอยู่นะ”

   คำตอบอะไรวะ พอเห็นผมทำหน้างง เจ้าชายก็หัวเราะ ก่อนจะขยายความ

   “ก็ที่ถามเจ้าไว้ไง ว่าจะไปกับข้าไหม”

   หือ... นี่เมื่อครู่สีหน้าผมยังบอกไม่ชัดอีกเหรอว่ารังเกียจ เอ๊ย! หมายถึง เกรงใจน่ะ

   “ไม่รบกวนหรอกครับ ข้าไปกับไซเลอร์ดีกว่า”

   “หึ ก็ได้ๆ แต่คราวหน้าไปกับข้าได้นะไม่ต้องเกรงใจ” ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ พอเห็นสีหน้าผมเจ้าชายก็หัวเราะแล้วเหลือบไปมองไซเลอร์ก่อนจะพูดต่อ

   “สำหรับเจ้า ข้ายินดีให้รบกวน ‘ทั้งวัน ทั้งคืน’ เลย ฮ่าๆๆๆๆ” พูดจบก็หัวเราะเหมือนคนเสียสติแล้วเดินตรงไปที่มังกรตัวเอง

ถ้าไม่ต้องเกรงใจก็เอาส้นตีนกูไปก่อนไหมครับเจ้าชาย เชี่ย! ขนลุกสัด!

ผมได้แต่ยืนขนลุกขนพองกับคำพูดของเจ้าชายอินดัส ส่วนก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนยังคงส่งเสียงขู่ในลำคอไม่เลิก ไซเลอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็แผ่รังสีอำมหิตออกมาจนผมยังรู้สึกได้

“ไซเลอร์” เจ้าของชื่อยังคงนิ่ง สายตายังจ้องคนที่เดินจากไปเขม็ง ถ้าสายตาเป็นมีดป่านนี้คงกรีดเจ้าชายเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว

ผมเลยกอดก้อนหินเอาไว้ด้วยแขนข้างเดียว มันก็หันกลับมากอดผมแน่นเอาหน้าซุกแล้วถูแรงๆ กับตัวผมเหมือนจะระบายอารมณ์
เบาหินเบา เดี๋ยวเสื้อขาด

ผมใช้มืออีกข้างที่เพิ่งว่างเอื้อมไปจับข้อมือของไซเลอร์แล้วจูงเดินกลับไปที่มังกร ซึ่งคนโดนจูงก็ยอมเดินตามมาอย่างว่าง่าย ก่อนที่ไซเลอร์จะกระตุกมือผมเล็กน้อยจนผมชะงัก พอหันไปมอง เจ้าตัวก็ประสานนิ้วเข้ากับนิ้วมือของผมจนแน่น แล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดีขึ้นผิดจากเมื่อครู่อย่างกับหน้ามือเป็นหลังเท้า ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฝ่ายเดินนำหน้าแล้วจูงมือผมไปแทน

เนียนกว่านี้นี่มีอีกไหม ผมได้แต่ถอนหายใจแล้วเดินตามไป


กว่าจะถึงเมืองหลวงของอาณาจักรรุคก็เป็นเวลาเย็นพอดี ระหว่างทางเจ้าชายก็พาแวะกินอาหารเที่ยงกันก่อน ซึ่งเป็นการกินอาหารที่ต้องใช้ความอดทนมากถึงมากที่สุด

อดทนเพื่อไม่ให้เผลอถีบเจ้าชายของอาณาจักร

คนบ้าอะไรกวนประสาทได้ทุกระยะ ไซเลอร์ที่ใจเย็นๆ ยังของขึ้นได้ ก้อนหินนี่ถ้าไม่ห้ามไว้มันคงพุ่งไปงับหัวแล้ว ใจเย็นนะหิน นั่นเจ้าชาย ถ้าไม่ใช่นี่ปล่อยให้มันกัดหูขาดไปแล้ว ฮึ่ม! ขนาดผมยังรู้สึกเหมือนไมเกรนจะกำเริบ รับมือกับเจ้าชายนี่เหนื่อยยิ่งกว่าการเดินทางสามวันรวมกันซะอีก กว่าจะถึงพระราชวังก็เล่นเอาประสาทจะกิน!

   เมื่อเอามังกรลงที่ลานมังกรของพระราชวังแล้ว เจ้าชายอินดัสก็พาเราเดินตรงไปที่ห้องรับรองซึ่งองค์ราชาฟอลคอนทรงรออยู่แล้ว ส่วนองค์ราชินีชีลาตอนนี้ทรงประชวรอยู่ไม่สามารถออกมาต้อนรับได้ ช่วงนี้งานต่างๆ ที่อยู่ในความดูแลขององค์ราชินีจึงตกเป็นหน้าที่ของพระอนุชาขององค์ราชินีคือท่านพาราคีทและสนมทั้งสิบห้าแทน

   ฟังไม่ผิดครับสนมทั้งสิบห้าจริงๆ

   ....

อันที่จริงหน้าที่ต้อนรับพวกเราเป็นของท่านพาราคีท แต่ท่านกับสนมบางพระองค์ต้องเดินทางไปประชุมแทนองค์ราชินีที่บาอัล หน้าที่นี้จึงตกเป็นของเจ้าชายอินดัสที่รับอาสาทำหน้าที่แทน แย่จริงๆ

   ระหว่างทางเจ้าชายยังเล่าให้ฟังเหมือนเป็นเรื่องปกติสุดๆ อีกว่า นอกจากองค์ราชาจะมีสนมสิบห้านางแล้วก็ยังมีนางในบางส่วนที่ยังไม่ได้รับการแต่งตั้งอีก ตอนนี้อาณาจักรรุคเลยมีเจ้าชายทั้งหมดแปดพระองค์ เจ้าหญิงสิบห้าพระองค์
ฟังแล้วก็ได้แต่อึ้ง

   ไซเลอร์เลยอธิบายให้ฟังว่าอาณาจักรรุคมีประชากรผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายเกือบเท่าตัว มีการสืบทอดตำแหน่งกันตามสายเลือด ชนชั้นปกครองจึงนิยมมีภรรยาหลายคนเพื่อจะได้มีทายาทสืบทอดงานหลายๆ อย่างต่อไป ฟังแล้วรู้สึกเห็นใจผู้หญิงอาณาจักรนี้จริงๆ ทำให้เข้าใจว่าทำไมสาวๆ ถึงได้มีพฤติกรรมอย่างที่เห็นมา

   ระหว่างทางที่เดินไปผมก็สังเกตการตกแต่งพระราชวังของรุคไป ตอนแรกว่าอาณาจักรบาอัลตกแต่งได้หรูหรามากแล้ว มาเจอของอาณาจักรรุคนี่อาณาจักรบาอัลชิดซ้ายตกขอบไปเลย นอกจากจะหรูแล้วก็ยัง เอ่อ... รก เหมือนว่ามีอะไรก็เอามาประโคมใส่เต็มไปหมด ไม่รู้อะไรเป็นอะไร อยู่ๆ ก็นึกถึงคุณหญิงอินทิราขึ้นมาวูบหนึ่ง นี่ถ้าท่านมาเจอ ท่านคงมองด้วยหางตาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า ‘ไร้รสนิยม’ หูย แค่นึกถึงก็รู้สึกขนลุกจนต้องรีบสะบัดหัวสลัดความคิดออก

   พอไปถึงหน้าประตูห้องรับรองผมก็รวบรวมสติพยายามสำรวมกิริยาให้เรียบร้อย เมื่อเจ้าชายอินดัสเปิดประตูออก ผมก็รู้สึกอยากจะถอยหลังกลับขึ้นมาทันที เพราะในห้องมีสาวๆ ยืนต้อนรับเป็นแถวทั้งสองฝั่งตั้งแต่หน้าประตูยาวไปถึงด้านใน ซึ่งตรงกลางห้องมีคนที่น่าจะเป็นองค์ราชาฟอลคอนแห่งรุคยืนรออยู่บนแท่นที่ยกขึ้นสูงกว่าจุดอื่นเล็กน้อย มีผู้ชายอีกสามคนยืนอยู่บนพื้นบริเวณด้านขวามือขององค์ราชาหนึ่งคน และทางด้านซ้ายอีกสองคน

   “ยินดีต้อนรับสู่อาณาจักรรุคเจ้าค่ะ” เสียงประสานกันของสาวๆ ทำให้ผมต้องพยายามห้ามไม่ให้ตัวเองเผลอกลอกตาออกมาจริงๆ

   ผมได้แต่ยิ้มรับแห้งๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท แต่สายตามองตรงไปด้านหน้าเพียงอย่างเดียว พยายามไม่สบตากับใครทั้งสิ้น เมื่อไปถึงเราทั้งหมดก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพต่อองค์ราชา

   “ถวายพระพรฝ่าบาท”

   “ลุกขึ้นเถอะ ทุกคนตามสบาย”

   “ขอบพระทัยฝ่าบาท” สิ้นเสียงอนุญาตที่ดังอย่างกับฟ้าผ่าขององค์ราชา พวกเราก็ลุกขึ้นยืนอย่างสำรวม

   องค์ราชาโบกมือให้สาวๆ เดินออกจากห้องไปจนหมด ก่อนจะหยิบถุงผ้าเล็กๆ จากมือชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านขวามือมาถือไว้ พรีซาก้าวเข้าไปคุกเข่าลงอีกครั้ง แล้วยื่นมือขวาออกไปหงายไว้รอ องค์ราชาหยิบของด้านในออกมาจากถุง มันคือหยกสีเขียวขนาดเท่าฝ่ามือสลักเป็นลายหงส์สองตัวหันหน้าเข้าหากันผูกห้อยไว้กับเชือกสีแดงที่ถักเป็นเงื่อนอย่างสวยงาม ทรงวางลงบนฝ่ามือของพรีซาแล้วปล่อยเชือกลง พรีซาลุกขึ้นยืนคำนับอีกครั้ง ถอยหลังกลับมาที่เดิม ก่อนจะเอาเก็บไว้ในอกเสื้อของตัวเอง

   พอเสร็จพิธีการแล้วองค์ราชาก็หันมาตรัสถาม

   “เจ้าคือก้อนดินใช่ไหม ไหนๆ ขยับมาใกล้ๆ ซิ”

   ผมก้าวขึ้นไปยืนด้านหน้าอย่างเกร็งๆ

   “เงยหน้าขึ้นสิ ไม่ต้องกลัว ข้าใจดีมากกกก” คำว่ามากลากยาวจนผมเผลอหลุดขำอย่างลืมตัว ถึงเสียงจะดังแต่น้ำเสียงบ่งบอกว่าน่าจะทรงพระทัยดีมากอย่างที่ทรงอวด พอเงยหน้าขึ้นก็สบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มพราวระยับ ดูแล้วพระองค์น่าจะทรงมีอายุพอๆ กับคิงเคลเบรอสและองค์ราชาแห่งบาอัล แต่ดูจะทรงเสน่ห์แพรวพราวมากกว่า มิน่าล่ะสนมนางในถึงได้เยอะขนาดนั้น

   “น่ารักใช่ไหมฝ่าบาท”

   ไม่พูดก็ไม่มีใครว่าเป็นใบ้หรอกนะเจ้าชายอินดัส โว๊ะ! ใช้ตาปลาดูรึไงถึงได้มองผู้ชายสูง 175 น่ารักไปได้ ถ้าเป็นพินช์เชอร์ก็ว่าไปอย่าง

   “เออ น่ารักจริงๆ อย่างที่เจ้าว่า เจ้าสนใจเหรออินดัส” ทรงหันไปถามเจ้าชาย คือ เกรงใจกันสักนิดก็ดีนะครับ ถามกันต่อหน้าอย่างนี้เลยเรอะ!

   “สนใจจะมาเป็นสะใภ้ข้าไหมก้อนดิน ข้ายินดีต้อนรับสู่ราชวงศ์รุค เดี๋ยวแต่งตั้งให้เป็นชายาเอกของอินดัสเลยดีไหม”

   “ไม่!... เอ่อ...ไม่ดีครับ” คำแรกหลุดไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเติมคำหลังไปเพื่อไม่ให้ดูห้วนเกินไป ทั้งๆ ที่ในใจนี่อยากบอกว่า ไม่โว๊ยยยยยยย! ใครมันจะไปเป็นกันวะครับ ชายาเอกอะไรกัน ผมเป็นผู้ชายนะครับ เผื่อจะทรงลืม!

   “ดีฝ่าบาท / ไม่ดีฝ่าบาท” ประโยคแรกจากเจ้าชายอินดัส ส่วนประโยคหลังนี่ของไซเลอร์ พูดจบก็หันไปจ้องตากันเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ แทบจะเห็นกระแสไฟฟ้าลั่นเปรี๊ยะๆ เลยทีเดียว

   “ฮ่าๆๆๆ พวกเจ้านี่สนิทกันดีนะ”

   ตรงไหนครับ!!!

   “เลิกเล่นเถอะฝ่าบาท เจ้าชายอินดัส” ชายที่ยืนอยู่ด้านซ้ายมือขององค์ราชาขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

   “ก็ได้ๆ คนเป็นจอมปราชญ์นี่จริงจังได้ทุกเรื่องจริงๆ” ยอมรับแล้วเหรอว่าทรงเล่นอยู่ แล้วยังจะมีหน้ามาบ่นอีก

   “ข้าลืมแนะนำไป ทางขวามือข้าคือเจ้าชายฮอร์ค เจ้าชายรัชทายาท ส่วนทางซ้ายมือ ท่านแรกคือท่านลิเวอร์ จอมปราชญ์แห่งรุค ถัดไปคือท่านคานารี่ หัวหน้าสำนักแพทย์ของเราเอง”

   พอได้รับคำแนะนำผมก็หันไปคำนับให้แต่ละท่านอย่างสุภาพ จากที่สังเกต เจ้าชายรัชทายาทดูเป็นผู้เป็นคนกว่าเจ้าชายอินดัสเยอะ ส่วนท่านจอมปราชญ์กับท่านหัวหน้าสำนักแพทย์ก็เป็นไปตามสมมุติฐานของผมเป๊ะ เพราะทั้งคู่มีบุคลิกและวัยไม่ต่างจากจอมปราชญ์และหัวหน้าสำนักแพทย์ของอีกสองอาณาจักรเลย

   “ยินดีที่ได้รู้จักนะก้อนดิน ข้าได้รับสาร์นจากท่านลาซาทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว เสียดายที่ข้าแก่แล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะขอเดินทางไปดูเจ้าสกัดตัวยาด้วย” ท่านคานารี่เอ่ยด้วยแววตาเป็นประกายจนผมอดขำไม่ได้ ไอ้ท่าทางแบบนี้ก็เหมือนกันอย่างกับก๊อปกันมา

   “ได้ข่าวจากท่านชาร์ตรูว่าหลังจากรักษาควีนเรียบร้อยแล้วเจ้าจะสอนวิธีถอนพิษรักใช่ไหม”

   “ใช่ครับ”

   “ถ้าข้าขอให้คนของสำนักแพทย์แห่งรุคเข้าไปศึกษาด้วยจะได้ไหม”

   “ได้สิครับ ถ้าสำเร็จตามทฤษฏีที่เรียนมา ผมก็ตั้งใจจะสอนทุกคนที่สนใจอยู่แล้ว”

   “ดีๆ ดีมาก ถ้าเป็นเรื่องที่ท่านผู้นั้นสอนมา มันต้องสำเร็จอยู่แล้ว ขอบใจเจ้าล่วงหน้าก็แล้วกันนะ”

   “ด้วยความยินดีครับ” ผมก็ยังข้องใจว่าทำไมแต่ละคนถึงไม่เรียกชื่อลุงเซเรสตรงๆ กัน

   พอได้รับคำตอบที่พอใจท่านคานารี่ก็ถอยไปแล้วหยิบกระดาษออกมาจดอะไรยิกๆ แล้วบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ก่อนที่ท่านลิเวอร์จะก้าวเข้ามาแทน

   “นี่คือก้อนหินใช่ไหม”

   “ก๊าส / ครับ”

   พอเห็นทั้งผมและก้อนหินรับคำพร้อมกันท่านลิเวอร์ก็ยิ้มให้ด้วยความเอ็นดู แล้วจู่ๆ ท่านก็ชะงักแล้วหลับตาลงเหมือนคนมีอาการหน้ามืด จนผมต้องรีบขยับเข้าไปจะช่วยประคองโดยมีก้อนหินพยายามยื่นมือไปช่วยด้วย ท่านลิเวอร์โบกมือแล้วพึมพำบอกว่าไม่เป็นไร ก่อนที่แววตากระจ่างใสคู่นั้นจะลืมขึ้นมาจ้องหน้าผมนิ่งๆ แล้วบอก

   “ระวังตัวด้วย”

ฟังจบก็รู้สึกว่าขนลุกซู่ขึ้นมาเฉยๆ ส่วนคนอื่นๆ ก็ยืนอึ้ง เงียบกริบกันทั้งห้อง

เอ่อ... เกิดอะไรขึ้น พอผมหันหน้าไปมองคนอื่นๆ ที่อยู่ๆ ก็พร้อมใจกันทำหน้าเครียดด้วยความงง ท่านลิเวอร์ถอนหายใจ สีหน้ามีแววกังวลก่อนจะบอก

“มันคือคำทำนาย ข้าไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รู้เพียงว่า... เจ้าต้องระวังตัวเอาไว้ให้ดี อาจจะเกิดอันตรายกับเจ้าได้”

“เอ่อ... ขอบคุณครับ” ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้จริงๆ ไซเลอร์เคยเล่าให้ฟังว่าจอมปราชญ์ของทั้งสามอาณาจักรนั้นจะมีญาณหรือนิมิตบอกเหตุล่วงหน้า แถมถ้าเกิดก็จะเกิดพร้อมๆ กันทั้งสามคน ป่านนี้ท่านมอลทีสกับท่านเบอร์มีสก็คงจะรู้เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน

“ต้องการทีมคุ้มกันเพิ่มหรือเปล่า ข้าจะจัดให้” องค์ราชาตรัสถามด้วยสีหน้าจริงจัง ผิดกับตอนแรกลิบลับ ผมชั่งใจอยู่สักครู่ ก่อนจะบอก

“คงไม่ต้องครับ ข้ามั่นใจในฝีมือทีมเฮดีส อีกอย่าง ข้ารู้มาว่าการเดินทางเข้าไปในป่าคาล์มต้องเดินทางด้วยเท้า เพราะถ้ำฟินซ์อยู่ในป่าลึก ไม่สามารถใช้พาหนะอย่างอื่นในการเดินทางได้ ยิ่งคนมาก ยิ่งจะทำให้การเดินทางล่าช้าขึ้นอีกครับ” พอฟังผมจบ องค์ราชาก็ถอนหายใจและพยักหน้ารับรู้ คงจะเห็นด้วยกับเหตุผลของผม จึงไม่ได้ค้านอะไร

“ที่สำคัญ ท่านลิเวอร์ไม่ได้บอกว่ามันจะเกิดขึ้นที่นั่นสักหน่อยนี่ครับ จริงไหมครับ” ผมหันไปถามท่านลิเวอร์

“อืม นิมิตครั้งนี้ขมุกขมัว ไม่แจ่มใสเท่าไหร่ ข้าจึงไม่สามารถระบุเหตุการณ์และช่วงเวลาได้แน่ชัด ต้องขอโทษเจ้าด้วย”

“ไม่เป็นไรครับท่าน ถ้าคนเราสามารถรู้เห็นได้ทุกอย่าง คงไม่ต้องใช้สมอง ใช้สติ หรือใช้ปัญญากันหรอกครับ คงได้เป็นง่อยกันหมดพอดี อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิดไป ถ้าทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว ต่อให้พลาดหรือผิดหวัง ข้าก็ไม่เสียใจหรอกครับ” ท่านลิเวอร์ยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน ได้ยินเสียงพึมพำแผ่วเบา

“สมกับเป็นผู้ถูกเลือกจริงๆ”


“ถ้าอย่างนั้นก็ไปรับประทานอาหารเย็นกันเถอะ ข้าจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ไว้ต้อนรับด้วย เสร็จแล้วพวกเจ้าจะได้ไปพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้มีแรงออกเดินทาง เดี๋ยวข้าจะสั่งให้สาวๆ ไปช่วยดูแลที่ห้อ...”

“ไม่ต้องครับ!!!” ผมพินช์เชอร์รีบปฏิเสธขึ้นมาพร้อมกันเสียงดังจนองค์ราชาชะงัก ส่วนคนที่เหลือก็เงียบกริบ

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ” ก่อนที่ทุกคนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ไม่เว้นแม้แต่ไซเลอร์กับเพื่อนๆ ขนาดท่านลิเวอร์กับท่านคานารี่ยังยิ้มขำ คงพอจะเดาได้ว่าเพราะอะไรเราถึงได้ปฏิเสธกันหนักแน่นขนาดนี้

ผมได้แต่หน้าร้อน รู้สึกเลยว่าหน้าคงแดงแข่งกับพินช์เชอร์แน่ๆ เอาที่สบายใจเลยครับ ขำได้ขำกันไป ขำให้ขาดใจตายกันไปเลย ฮึ่ย!

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 07-07-2017 09:17:50
ไหนว่าจะให้รีบไปพักผ่อน?

แล้วนี่อะไร?

ผมได้แต่กลอกตามองบรรยากาศงานเลี้ยงอย่างไม่คิดจะสนใจมารยาทมันละ

หลังออกมาจากห้องรับรอง องค์ราชาก็พามาที่ห้องรับประทานอาหารที่พระองค์บอกว่าทรงจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ไว้ต้อนรับ ซึ่งผมว่าไม่เล็กแล้วมั้งครับ ห้องรับประทานอาหารเป็นห้องขนาดใหญ่ โต๊ะยาวเหยียด นอกจากองค์ราชาแล้วก็มีทั้งบรรดาสนม เจ้าหญิงและเจ้าชายบางพระองค์ร่วมรับประทานอาหารด้วย มีทั้งดนตรีบรรเลง มีทั้งนางรำมาร่ายรำให้ดู อาหารก็จัดขึ้นมาเต็มโต๊ะ มีแม้กระทั่งคนคอยรินเหล้าให้เป็นระยะ แต่ถึงคนจะเยอะก็ไม่ทำให้รู้สึกเกร็งเลยสักนิด เพราะแต่ละคนนี่ให้ความเป็นกันเองมากถึงมากที่สุด พูดคุยอย่างกับสนิทกันมาเป็นชาติแล้ว

ผมได้แต่จิบเหล้าที่เจ้าชายอินดัสยื่นให้พอเป็นพิธีเพื่อไม่ให้เสียมารยาท สายตาก็เผลอเหลือบมองไซเลอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ แต่หันไปคุยกับเจ้าหญิงเพเรกรินที่นั่งถัดไปเป็นระยะ

เจ้าชายอินดัสที่นั่งอยู่ซ้ายมือผม กระซิบบอกก่อนเจ้าตัวจะเดินร่อนไปทั่วโต๊ะว่าเจ้าหญิงเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับไซเลอร์ เคยเรียนร่วมกันมาระยะหนึ่งเลยสนิทกันพอสมควร แล้วก็บอกว่าเจ้าหญิงทรงปลื้มไซเลอร์มาก

ไม่บอกก็พอจะดูออก สายตาท่าทางชัดเจนขนาดนั้น แถมปฏิเสธไม่ได้อีกว่าเวลานั่งอยู่ข้างกันแบบนี้ทั้งคู่ดูเหมาะสมกันมาก
ทำไมถึงรู้สึกอึดอัดในอกแบบนี้นะ

ผมได้แต่นั่งจิบเหล้ามองเงียบๆ จิบไปสักพักก็ชักจะเริ่มรู้สึกมึนๆ

...

แต่พอหันกลับมาแล้วแทบตาเหลือก

อ้าว! ชิบหาย! ใครให้ก้อนหินแดกเหล้า?

เพราะมัวแต่มองไซเลอร์ หันมาอีกทีก็เห็นก้อนหินที่นั่งอยู่บนโต๊ะถือแก้วเหล้าเปล่าๆ ตาปรือๆ นั่งตัวโงนเงน จะล้มมิล้มแหล่แล้ว ผมกวาดสายตามองหาตัวการ แต่ละคนก็ทำหน้าเฉยๆ กันทุกคน แม่ง! ใครวะ มันน่าซัดสักทีจริงๆ

“ก๊าส”

พอเห็นผมหันไปมองมันก็ชูมือขึ้นทั้งสองข้างอ้อนให้อุ้ม ผมวางแก้วเหล้าของตัวเองลงก่อนจะจับมันมาอุ้มไว้ มันหันหน้ามากอดซุกๆ พอได้ที่ก็หลับไปหน้าตาเฉย ผมได้แต่ใช้มือที่ว่างลูบตัวมันด้วยความเอ็นดู

ผมหันไปมองพินช์เชอร์ก็เห็นร็อตคอยดูแลอยู่ก็เบาใจ เลยหันไปกระตุกเสื้อไซเลอร์เบาๆ

นี่ไม่ได้คิดจะขัดขวางการรำลึกความหลังของใครจริงๆ นะ เชื่อผมสิ

“ไซเลอร์” ไซเลอร์ชะงัก หยุดคุยกับเจ้าหญิง แล้วหันหน้ามามองเนื่องจากเสียงดนตรีค่อนข้างดังพี่มันเลยเอียงหัวเข้ามาคุยใกล้ๆ
 
“หืม มีอะไรหรือเปล่า”

“ข้าแค่จะบอกว่า ขอพาก้อนหินไปนอนก่อนนะ” ไซเลอร์กวาดสายตามองบรรยากาศในห้องที่น่าจะไม่เลิกกันง่ายๆ แถมเพื่อนคนอื่นๆ ก็ติดพันพูดคุยกับเจ้าชายคนอื่นๆ อยู่ก็บอก

“ได้สิ เดี๋ยวข้ากลับพร้อมเจ้าเลย”

“ไม่เป็นไร ข้ากลับเองได้ เผื่อเจ้าอยู่คุยกับเพื่อนๆ อีก”

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรต้องคุยแล้ว” พอเห็นผมทำท่าจะปฏิเสธอีกไซเลอร์ก็บอก

“ให้ข้าไปส่งเถอะ ข้าเป็นห่วง” น้ำเสียงอ่อนโยน กับท่าทางห่วงใยเหมือนเคย ทำให้ผมยอมแพ้

ไซเลอร์หันไปพูดอะไรกับเจ้าหญิงสักอย่าง พอพูดจบเจ้าหญิงก็ชะโงกมากระซิบข้างหู ไซเลอร์มีท่าทางเก้อเขินเล็กน้อย ทำหน้าดุๆ ใส่ ก่อนจะผละมาแตะแขนให้ผมลุกขึ้น เราโค้งให้ประธานหัวโต๊ะที่คุยเสียงดังลั่นดูท่าจะกำลังเมาได้ที่ ก่อนจะเดินออกจากงานเลี้ยงมา

ผมเดินตามไซเลอร์เงียบๆ ไม่อยากจะพูดอะไร เพราะตอนนี้รู้สึกว่าในใจมันทั้งสับสน ทั้งอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เมื่อเดินไปถึงหน้าห้องพัก ไซเลอร์ก็บอกให้คนนำทางกลับไปก่อน ผมพึมพำขอบคุณเบาๆ แต่พอจะเดินเข้าห้องไซเลอร์ก็จับบ่ารั้งไว้ แล้วถามด้วยสีหน้ากังวล

“ดิน เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่านี่ครับ” ผมตอบเบาๆ

“ดิน มองตาข้า” เมื่อเห็นผมไม่สบตา ไซเลอร์ก็ใช้มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าขึ้นเป็นการบังคับให้สบตา

ไม่รู้ว่าสายตาของผมบอกอะไรไปบ้าง ไซเลอร์จึงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นข้าจะปกป้องดูแลเจ้าเอง เพราะทั้งชีวิตและหัวใจข้าเป็นของเจ้า... ของเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“...”

เพียงแค่ได้ฟังก็รู้สึกเต็มตื้น สิ่งที่รู้สึกกังวล ความอึดอัด สับสน วุ่นวายใจทั้งมวลก็หายไปจนหมดสิ้น หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น

ผมปล่อยมือจากก้อนหินข้างหนึ่ง แล้วเลื่อนไปแตะที่อกด้านซ้ายของไซเลอร์

“ตรงนี้ก็เป็นของข้า... ยืนยันว่าเป็นของข้าคนเดียวใช่ไหม?”

“ใช่ หัวใจข้าเป็นของเจ้าคนเดียว... ตลอดกาล”

ไซเลอร์โน้มตัวลงมาใกล้ๆ ดวงตาสีเขียวทอประกายอ่อนโยน หนักแน่นไม่เปลี่ยนแปลง ผมจ้องดวงตาคู่นั้นนิ่งๆ ก่อนจะหลับตาลงอย่างยอมจำนนต่อความรู้สึกในหัวใจตัวเอง ปล่อยให้ริมฝีปากของเราแตะกันแผ่วเบาเพียงผิวเผินในตอนแรก ก่อนที่ไซเลอร์จะใช้มือกดท้ายทอยผมไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างยังแตะแก้มไว้อย่างนุ่มนวล ริมฝีปากอุ่นๆ ค่อยๆ ขบเม้มริมฝีปากผมเบาๆ ก่อนจะกดเน้นย้ำให้แนบแน่นขึ้น ในขณะที่ผมก็พยายามเรียนรู้และตอบสนองกลับ เหมือนต่างฝ่ายต่างต้องการถ่ายทอดความรู้สึกในหัวใจให้กันและกันได้รับรู้




ผมยืนหลับตาพิงประตูด้านในห้องอยู่นิ่งๆ หลังจากจูบที่เนิ่นนานจบลง ไซเลอร์ก็ดึงผมไปกอดแน่นๆ ซึมซับความอบอุ่นได้สักพักก็ปล่อยออก แล้วบอกให้ผมเข้าห้องมาพักผ่อน ก่อนจะปล่อยตัวก็จูบหน้าผากอย่างนุ่มนวลและบอกราตรีสวัสดิ์เป็นการส่งท้าย
ผมลูบหน้าผากเบาๆ แล้วแตะริมฝีปากตัวเองนิ่งๆ

ก็ไม่แย่เท่าไหร่ แถมยังรู้สึกดีมากกว่าที่คิดอีกด้วย

คงต้องยอมรับสักทีว่าผมคง ‘ชอบ’ ไซเลอร์ไปแล้ว ไม่อย่างงั้นคงไม่รู้สึก เอ่อ... หึง เฮ้อ! ไม่อยากยอมรับเลย แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ชอบก็คงไม่รู้สึกหึงไซเลอร์กับเจ้าหญิงเพเรกรินขนาดนั้น

ผมหลับลงอีกครั้ง มือข้างหนึ่งแตะเบาๆ ตรงจุดที่หัวใจยังคงเต้นกระหน่ำอยู่

หรือที่จริงแล้ว ตอนนี้อาจจะรู้สึกเกินคำว่าชอบ ‘ชอบ’ ไปไกลแล้วด้วยซ้ำ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้มันก็ออกจะหวานๆ หน่อย ก้อนดินมีความอ่อยเล็กน้อย ฮิ้วววววววววว  :-[
ถือเป็นโชคดีของพี่ไซ ที่ก้อนหินเมาอยู่ ไม่งั้นคงโดนหัวกระแทกอีกแน่ๆ 555555   :laugh:
หินนนนน ใครทำลูก บอกแม่มา เดี๋ยวแม่จะให้รางวัลคนทำเอง  :katai2-1:
กำลังจะเดินทางเข้าป่าแล้ว เดี๋ยวขอเวลาไปถางป่ารอคณะเดินทางก่อนค่า  :katai5:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#mild-dy  :L2: :pig4: :L2:
#MayA@TK ถ้าเป็นเราก็ตัดสินใจลำบากค่ะ ที่นั่นก็บ้านเกิดที่คุ้นเคย ที่นี่ก็ชักจะผูกพันกันเข้าไปทุกที แถมก้อนหินก็น่ารักเกินห้ามใจ ขโมยไปด้วยเลยดีไหม 55555
#ffffff เป็นความคิดที่ดีค่ะ 555555
#suikajang หูยยยย เจอพวกเดียวกัน ปลายเดือนก็กินอาหารญี่ปุ่นเหมือนกันเลยค่ะ บ่อยด้วย ฮือออออ เอ๊ะ! ปริศนาฟ้าแล่บรึเปล่าคะ มาเป็นยะลา เอ๊ย! มาเป็นระยะ ใครทำ หือ ใครทามมมมมมม ปหมก.ที่นั่นน่าอยู่มากค่ะ ไปอยู่กันไหมคะ
#ซีเนียร์  :L2: :pig4: :L2:
#B52  :L2: :pig4: :L2:
# ♥►MAGNOLIA◄♥ เขาเป็นใครนะคะ ฮู้ว เขาเป็นใครนะคะ ฮู้ว เขาเป็นใครไม่รู้ แต่คนเขียนเป็นบ้า 5555 ช่วยให้กำลังใจก้อนดินกับก้อนหินด้วยนะคะ
#ommanymontra ขอบคุณมากค่ะ ก้อนหินลังอาน 555555 ถึงไม่น่ารักเท่า แต่คงซื่อสัตย์มากที่สุดแล้วค่ะ #รักน้องหมา
#aurusma รักก้อนหินด้วย รักคนเม้นท์ด้วยยยยย
#DeShiWa ขอบคุณมากค่า อย่าลืมมาให้กำลังใจดินกับหินบ่อยๆ นะคะ
#HISY ป่ะ ไปหาอะไรกินกันค่ะ 5555 // เดี๋ยวจะพาไปดูความคืบหน้าทีหลังค่ะ หุๆ
#duck-ya น่าจะมีส่วนด้วยค่ะ แต่สาเหตุหลักๆ อยู่ที่... ไม่บอก 55555 // โดนตบ
#YADA 5555555555555 ยังเหลือรุคอีกอาณาจักรค่ะ ดีใจที่ชอบค่า ปลื้มมมมมมมม ทิ้งพี่ไซแล้วไปอยู่กันสองตัว เอ๊ย สองคน เอ๊ย หนึ่งตัวกับอีกหนึ่งคนดีไหมคะ
#Yara ฉันไม่มีเหตุผลใดให้เธอ รักมันมีเหตุผลในตัวของมัน ผิดๆ 5555 รอติดตามตอนต่อไปค่ะ
#alternative น่ากลัวจริงๆ ค่ะ หึๆๆๆๆๆ น่ากลัวกว่าคนๆ นั้นก็เรานี่แหละ
#KARMI พี่ไซมีแววจะเป็นสมาชิกพ่อบ้านใจกล้าตามมาสทิฟฟ์ไปติดๆ ค่ะ 55555
#badbadsumaru 555555 มันก็ต้องเล่นตัวกันบ้าง กลัวเป็นของเล่นของน้องนี่คะ // ร็อตไม่ได้กล่าว เรานี่แหละกล่าวเอง
#•♀NoM!_KunG♀• หึๆๆๆๆๆๆ มาลุ้นกันค่ะ ว่าเขาเป็นครายยยยยยยย
#Y-Darkness อย่าลืมตามมาเที่ยวด้วยกันนะคะ
#แฟนตาเซีย ไข่หงส์ค่า ได้เห็ดแล้วก็ต้องใส่ไข่เจียว อร่อยมากค่ะ 5555
# prangasia อาจจะมีส่วน แต่มันมีอะไรมากกว่านั้นนนน รึเปล่า แหะๆ
#shoi_toei วรั๊ยยย เขิลลลล ขอบคุณค่า คนเม้นท์ก็น่าร๊ากกกก
#poppycake 55555 คู่นี้เดี๋ยวจะให้ตามไปเผือกค่ะ รอไปก่อนนะคะ

ขอบคุณกำลังใจทุกกกกกกกำลังใจ
ทั้งคนอ่าน คนเม้นท์นะคะ
แวะมาทีไรทำให้ฮึดสู้ทุกที
ถึงจะช้าไปหน่อย แต่จะเขียนให้จบแน่นอนนนนนน
:กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :L1: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: maekkun ที่ 07-07-2017 10:13:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 07-07-2017 10:18:09
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 07-07-2017 10:23:22
 :mc4: แม่เอ้ย อ่อยไม่เล็กหรอกขนาดนี้  :กอด1: พ่อไซปลื้มปริ่มมากตอนนี้ คุณแม่หึงเล็กๆ  :o8:
เป็นตอนของพ่อไซหลังจากลูกและคนอื่นๆ แย่งมาหลายรอบ  :m20: ส่วนตาเจ้าชายอินดัสนิหนับหนุนเจอถีบสักที
จะกวนไปไหน พ่อ ลูกคู่นี้เขาจะรบกันยามสงบ  แต่จะคบกันทำลายล้างถ้าใครมาใกล้แม่ดินที่รัก เข้าใจตรงกันนะคะ

  นั้นไงทักอยู่แป๊บๆ ไม่ต้องมาปล่อยปริศนาฟ้าแลบเลยคะ มีคำนายเตือนแบบนี้เก๊าระแวงนะ ไม่ใช่หวานๆ ฮาๆ มาแล้ว
จะมาพรากน้ำตาจากเลาน๊า เลาเป็นพวกชอบน้ำตาไหลเพราะความฮา มากกว่ามาม่า(ต้นเดือนน้อ)  :a5:

ปหมก.ไปคะ อย่าลืมจองพท.ให้ด้วยนะคะ บ้านเล็กๆ สักหลังที่พอให้ลูกๆ มังกรอยู่ได้ พร้อมท้องทุ่งสักหน่อยก็พอคะ  :katai3:
เพราะเก๊ารอเลี้ยงๆ ลูกก้อนหิน มโนไปไกลละ น้องมันยังไม่โตเลย  :mew3:

 :L1:  :pig4:   :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-07-2017 11:38:14
งุ้ยๆ รอดู้ววว แต่ตอนนี้จะหวานไป ก่อนเกิดเรื่องใหญ่ถูกมะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-07-2017 12:01:08
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 07-07-2017 14:07:30
ทั้งหึง ทั้งจูบแล้ว ไหนจะก้อนหินที่รักมาก ดินก็ตัดใจจากโลกที่จากมาเหอะ
อยู่กับไซเลอร์กับหินนะ อย่าเลือกที่จะกลับไปเมื่อโอกาสมาถึงเลย


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 07-07-2017 18:37:54
พ่อลูกขี้หวง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-07-2017 19:21:31
ไซเลอร์ ดิน  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 07-07-2017 19:38:01
ฉันฟันธงว่าพี่ไซแอบยืดแขนอ้อมหลังดินมามอมเหล้าหิน ชัวร์!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 07-07-2017 21:32:13
ขำมากที่บอกว่า

ก้อนหินกินเหล้า

พยายามนึกภาพอยู่5555

จูบกันแล้ว...เขิลแทนก้อนดิน

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/60) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 07-07-2017 23:01:18
ชอบอาณาจักรรุคมากๆค่ะ รื่นเริงกันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 07-07-2017 23:17:18
อิอิหวานอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 07-07-2017 23:23:15
มีความอ่อยเบาๆ ดีนะก้อนหินเมาอยู่ 5555
จริงๆละเป็นแผนของไซเลอร์ใช่ไหม แหมม ทัมมาเปง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-07-2017 00:03:18
 :hao7: “ก๊าส”  :hao7:

 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 08-07-2017 01:50:12
เขาจูบกันๆๆ :-[
ถ้าลูกหินตื่นอยู่จูบนี้คงไม่เกิด 55
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2017 02:05:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-07-2017 10:08:26
ลูกหลับ พ่อ แม่ ได้เวลาจู๋จี๋

ใครเอาเหล้าให้นางกิน มาเอารางวัลเร็ววว ฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-07-2017 13:55:02
คำทำนายที่ดูน่าเป็นห่วง~~~~~
แค่ไซเลอร์การันตีมาขนาดนี้แล้ว ก้อคงจะปลอดภัยเนอะ ก้อนดินนนน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 08-07-2017 15:03:09
ก้อนหินน่ารักมากลูก อยากขโมยมากอดสักสองสามวัน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 08-07-2017 20:02:15
มีความอ่อยเบาๆนะจ๊ะก้องดินนนนนน

อยากให้ก้อนหินมาอ้อนบางง น่าร้ากกกก

หวงแรงทั้งคู่เลย ทั้งก้อนหิน ทั้งไซเลอร์ 555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 08-07-2017 22:22:27
เดี๋ยวนะก้อนหินเมาแล้วยิ่งน่ารักไปอุ้มตอนเมากลับมาเลี้ยงเองได้มั้ย
 :กอด1:
อย่าเกิดอะไรร้ายแรงเลยเน้อออออ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 21 รุค (7/7/2017) P.12
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 09-07-2017 07:25:42
ก้อนหินนี่หน้าตาเหมือนเขี้ยวกุดในการ์ตูนมั้ยอะ เวลานึกถึงก้อนหินแล้วคิดเป็นเขี้ยวกุดตลอดเลยอะ เราว่าลักษณะมันน่าจะเหมือนกันอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 13-07-2017 10:00:37
บทที่ 22 โจทย์เก่า

   ไม่รู้ว่าเมื่อคืนฝันดีไหม เพราะจำไม่ได้... แต่ที่รู้คือตื่นขึ้นมาหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วรู้สึกสดชื่นและอารมณ์ดีมาก

   พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ผมก็นั่งลงบนเตียงมองดูก้อนหินที่ยังนอนซุกตัวอยู่กับกองผ้าห่ม ทั้งๆ ที่ตามปกติแค่ผมขยับตัวมันก็จะรู้สึกตัวตื่นและลุกขึ้นมาพร้อมกันทุกเช้า แต่สงสัยจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ตั้งแต่เมื่อคืนทำให้มันหลับสนิทแบบนี้ ผมตบหลังมันเบาๆ และเรียกเพื่อปลุกมันไปด้วย

   “หินๆ ตื่นได้แล้ว”

   “ก๊าส” มันลุกขึ้นมานั่งเอามือกุมหัว เบะปากร้อง ก่อนจะโผเข้ามากอดซุกซบเข้ากับตัวผมแล้วใช้หัวถูอ้อน สงสัยจะแฮงค์ เห็นแล้วทั้งน่าขำและน่าสงสาร ถ้าให้ผมเดา มือดีที่มอมเหล้ามันก็คงจะเป็นใครสักคนในแก๊งเฮดีสนั่นแหละ เพราะปกติมันจะไม่กินของจากคนแปลกหน้าถ้าไม่ได้รับอนุญาต คิดๆ ดูแล้วผู้ต้องสงสัยที่น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้ มีเข้าข่ายอยู่คนเดียวคือชเนาเซอร์ นึกแล้วคันไม้คันมือ อย่าให้จับได้นะ ฮึ่ม!

   กว่าจะจับลูกมังกรงอแงอาบน้ำได้ก็ใช้เวลานานกว่าปกติ สงสัยมันจะรู้สึกไม่สบายตัว เลยอ้อนเป็นพิเศษ เดี๋ยวกอด เดี๋ยวซบ เดี๋ยวถู เดี๋ยวร้อง จนผมเปียกไปทั้งตัว เลยต้องอาบด้วยกันอีกรอบ พอจับอาบน้ำและตรวจสีมันเรียบร้อย ก็อุ้มออกไปข้างนอก เพราะคิดว่าสายขนาดนี้คนอื่นๆ น่าจะทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยกันแล้ว

   พอเปิดประตูไปก็เห็นไซเลอร์กับคนอื่นๆ ยืนรออยู่หน้าประตู สงสัยจะได้ยินเสียงฝีเท้าของผม เลยไม่ได้เคาะประตูเรียก พอสบตากับไซเลอร์ก็เผลอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ทำให้อดจะรู้สึกเขินขึ้นมาไม่ได้ ต่างคนต่างอมยิ้มแล้วหลบสายตากันไปคนละทาง

   “อ๊ะๆๆ มีอะไรที่ข้าไม่รู้รึเปล่าฮึ” พอเห็นอาการของเราสองคนชเนาเซอร์ก็ขยับมาอยู่ข้างๆ ระหว่างเราสองคนแล้วหรี่ตามองหน้าเราสลับไปมา

   “ยุ่ง!” เราสองคนประสานเสียงกัน ก่อนที่ไซเลอร์จะผลักหน้าชเนาเซอร์ออก

   “ไปกินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวสาย” ไซเลอร์พูดด้วยสีหน้าเรียบๆ ขณะที่ผมก็พยายามทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

   เรื่องของเราสองคน ก็ควรรู้แค่เราสองคนสิ จะให้คนอื่นมารับรู้ด้วยทำไม แค่คิดก็รู้สึกเขิน ยิ่งเผลอสบตากันก็ยิ่งเขิน จนต้องพยายามเม้มริมฝีปากกลั้นยิ้มแทบแย่

   “แน่ะๆๆ แอบยิ้ม มีพิรุธทั้งคู่เลย เมื่อคืนไปแอบทำอะไรกันมา สารภาพมาเลย” ชเนาเซอร์ยังพยายามซักไซ้ไม่เลิก เลยโดนไซเลอร์ถีบไปหนึ่งทีจนเสียหลักเกือบล้ม พอตั้งตัวได้ก็วิ่งไปเกาะแขนพรีซาแล้วฟ้อง

   “พรีซา ไซเลอร์แกล้งข้า”

   “สมน้ำหน้า!” พรีซาบอกอย่างไร้เยื่อใย

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” พวกเราหัวเราะออกมาพร้อมกัน เมื่อชเนาเซอร์ทำหน้างอนๆ ใส่
   


หลังจัดการกับอาหารมื้อเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกมาที่ลานมังกรเพื่อเดินทางไปที่ป่าคาล์มต่อ ซึ่งมีเพียงท่านลิเวอร์กับท่านคานารี่สองท่านเท่านั้นที่ออกมาส่งที่ลานมังกรพร้อมกับเตรียมเสบียงไว้ให้ คาดว่าคณะต้อนรับท่านอื่นๆ น่าจะยังแฮงค์อยู่ ผมแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่ไม่ต้องเจออะไรแปลกๆ ให้ใจหายใจคว่ำอีก


ผมละสายตาจากเมืองหลวงของอาณาจักรรุคที่ห่างจากสายตาออกไปเรื่อยๆ ก้มลงมองก้อนหินที่พอขึ้นบนหลังไซรัสได้ที่ก็หันมากอดแล้วหลับไปทันที นี่ก็สงสัยจะยังไม่หายแฮงค์เหมือนกัน ต่อไปคงต้องระวังไม่ให้มันแตะแอลกอฮอล์อีก เพราะเมาแล้วงอแงและรับมือยากกว่าปกติมาก ผมลูบหัวลูบตัวมันด้วยความเอ็นดู ได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นกันมันตกและพยายามอยู่นิ่งๆ ให้มันหลับสบายๆ

“ถ้าเมื่อยก็พิงมาได้นะ” เสียงไซเลอร์ที่ก้มลงมาพูดที่ข้างหูทำให้รู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก

“ครับ” ผมรับคำเบาๆ

“หึๆ”

พอเห็นท่าทางเกร็งๆ ของผม คนข้างหลังก็หัวเราะ ฟังแล้วอยากจะหันไปซัดสักที แต่ก็รู้ตัวดีว่าถ้าขืนหันไปตอนนี้ก็คงต้องขายหน้า เพราะผมยังรู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองร้อนๆ โว๊ย! จะเขินอะไรนักหนาวะดิน กะอีแค่..จ... จูบแรกเอง ให้ตายสิ! ยิ่งคิดก็ยิ่งเขิน แค่พยายามทำตัวให้เป็นปกติต่อหน้าคนอื่นๆ ก็แย่แล้ว ยิ่งมาอยู่ใกล้กันตามลำพังแบบนี้ก็ยิ่งเขินจนทำอะไรไม่ถูก

   “หูแดงนะดิน”

   เสียงกระซิบล้อๆ ที่ข้างหู ทำให้ผมทั้งเขินทั้งโมโห เลยถองศอกออกไปเต็มแรง

   “โอ๊ะ!” เสียงอุทานจากคนข้างหลังดังขึ้น แต่แทนที่จะโกรธคนโดนศอกกลับหัวเราะ ใครเอากัญชาใส่ให้พี่มันกินรึเปล่าวะ หัวเราะเป็นบ้าอยู่ได้ น่าหมั่นไส้จริงๆ พอหยุดหัวเราะ ไซเลอร์ก็ผิวปากอย่างอารมณ์ดี เสียงผิวปากดังเป็นทำนองเหมือนเพลงอะไรสักอย่าง ผมนั่งฟังไปยิ้มไปสงสัยท่าจะติดเชื้อมาจากคนข้างหลัง เพราะผมก็ยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียวเหมือนกัน
   


   เราเดินทางมาจนถึงเขตชายป่าคาล์ม ซึ่งจากจุดนี้ไปก็ไม่สามารถจะพามังกรเข้าไปได้แล้ว เนื่องจากใกล้จะถึงช่วงที่เป็นป่าทึบ จำเป็นต้องเดินเท้าต่อ บริเวณนี้จะมีทหารเฝ้าอยู่เพื่อตรวจเอกสารผ่านทางและรับฝากมังกร ไซเลอร์บอกว่าป่าคาล์มเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์มาก จึงมีคนขออนุญาตเข้าไปตลอดทั้งปี ทั้งคนที่ขอเข้าไปเพื่อล่าสัตว์และเก็บสมุนไพร แต่ไม่ค่อยมีคนเข้าไปลึกถึงถ้ำฟินซ์ เนื่องจากแถวนั้นเป็นป่าที่ติดกับเขตป่าไวท์จึงเต็มไปด้วยสัตว์ป่าอันตราย การที่จะเข้าไปได้ก็ต้องขออนุญาตกับองค์ราชาโดยตรงก่อนด้วย กลุ่มคนที่ขออนุญาตเข้าไปส่วนใหญ่จึงเป็นกลุ่มพรานล่ามังกรซึ่งมีฝีมือมากกว่าชาวบ้านทั่วไป

   เมื่อผ่านการตรวจและฝากมังกรเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางต่อกันทันที มาสทิฟฟ์นำเดินแบบไม่เร่งรีบนัก เพราะมีพินช์เชอร์มาด้วย ผมเลยปล่อยให้ก้อนหินเดินเองบ้าง ที่จริงมันเดินและวิ่งเร็วมาก แต่มันชอบอ้อนให้อุ้มมากกว่า ส่วมผมก็ติดมันพอกัน เลยไม่ค่อยปล่อยให้เดินเอง

   แต่พอเข้าป่ามาแบบนี้เลยปล่อยให้มันได้สำรวจได้เรียนรู้อะไรที่มันสนใจบ้าง ระหว่างทางผมก็คอยมองมันอยู่เป็นระยะ สลับกับสังเกตพืชที่ขึ้นทั้งสองข้างทางไปด้วย ป่าอุดมสมบูรณ์ตามที่ได้ยินมาจริงๆ ขนาดสมุนไพรหายากบางชนิดก็ยังมีให้เห็น เห็นแล้วก็อดจะขอเก็บไปด้วยไม่ได้ พินช์เชอร์นี่ตาวาวเลยทีเดียว ต้องคอยห้ามไม่ให้เก็บเยอะเกินไป เพราะเดี๋ยวยิ่งเดินไกลจะยิ่งหนักและเหนื่อยกว่าเดิม

   ยิ่งเดินเข้าป่าลึกไปต้นไม้ก็ยิ่งหนาแน่นขึ้น ระยะห่างระหว่างต้นไม้ค่อยๆ น้อยลง ต้นไม้ก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พุ่มใบหนาแน่นเบียดกันจนบดบังท้องฟ้าไปเกือบหมด มาสทิฟฟ์พาไปหยุดที่แหล่งน้ำ ให้เราได้อาบน้ำและจับปลา ก่อนจะไปหาที่พักใหม่ เพราะสังเกตเห็นรอยเท้าสัตว์ที่ริมลำธารเต็มไปหมด ถ้าพักแถวนั้นอาจจะเจอสัตว์อันตรายได้

มาสทิฟฟ์พาเดินต่อจนไปพบกับลานแห่งหนึ่งที่มีแต่ต้นไม้สูงๆ มากกว่าที่อื่น จึงทำให้ลำต้นมันขึ้นห่างกันเลยกลายเป็นลานแคบๆ พอสำหรับให้เราก่อกองไฟเพื่อไล่สัตว์ได้ พอได้ที่พักเหมาะๆ ก็ออกหาฟืนมาก่อกองไฟย่างปลากับเนื้อสัตว์ที่หามาได้
หลังจากกินมื้อเย็นเสร็จก็พักผ่อนเก็บแรงไว้สำหรับเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ อาจจะเป็นเพราะร่างกายเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ทำให้ผมรู้สึกว่าหนังตาหนักๆ แค่ล้มตัวลงนอนไม่นานก็หลับลงอย่างรวดเร็ว

   “ดิน” เสียงเรียกเบาๆ และแรงเขย่าที่ต้นแขนทำให้ผมรู้สึกตัวขึ้น

   พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นทีมเฮดีสทุกคนตื่นมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว แม้แต่ก้อนหินยังลุกขึ้นมายืนจ้องเขม็งไปข้างหน้า หางส่ายไปมาเบาๆ หูกระดิกเหมือนกำลังตื่นเต้น ส่วนพินช์เชอร์ที่ถูกร็อตปลุกก็ลุกงัวเงียขึ้นมานั่งก่อนจะทำหน้าตาตื่นเมื่อเห็นทุกคนทำหน้าเครียดกันอยู่

   ผมมองตรงไปข้างหน้าก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด แต่บรรยากาศโดยรอบมันเงียบกริบ สัญชาตญานเตือนภัยสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานเข้ามา ผมลุกขึ้นยืนมือกระชับดาบไว้มั่น ในขณะที่ร็อตก็ดึงพินช์เชอร์ให้ลุกขึ้นยืนด้วย

   “ดินพาพินช์เชอร์ไปหลบหลังต้นไม้ ถ้ามีอะไรให้เรียกข้าดังๆ ที่เหลือเดี๋ยวพวกข้าจัดการเอง”

   “ครับ” เมื่อผมรับคำ ไซเลอร์กับร็อตก็ก้าวไปข้างหน้า ชักดาบออกมายืนเตรียมพร้อมเคียงข้างมาสทิฟฟ์ พรีซาและชเนาเซอร์ที่ชักดาบออกมายืนรออยู่แล้ว

   “หินไป” ผมเรียกก้อนหิน ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังไปจับมือเย็นเฉียบของพินช์เชอร์แล้วขยับถอยไปที่ต้นไม้ใหญ่ซึ่งอยู่ห่างไปหลายเมตร พอไปถึงก็ดันให้พินเชอร์ไปหลบอยู่ข้างหลังต้นไม้ ก่อนจะออกมายืนข้างต้นไม้แล้วค่อยๆ ชักดาบออกจากฝักมาเตรียมพร้อมไว้ ส่วนก้อนหินก็ถอยตามมาอย่างเชื่อฟัง แล้วมายืนกางเล็บยืนอยู่ข้างๆ อย่างเตรียมพร้อมจะสู้เหมือนกัน

   แซ่ก!

   ยืนนิ่งได้สักพักหูก้อนหินก็กระดิก ผมเริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าที่ย่ำใบไม้ตรงมาที่เราเลยกระชับดาบไว้มั่น พอเห็นสิ่งที่โผล่พ้นพุ่มไม้ออกมาแล้วผมอยากจะร้องเหี้ยหนักมาก

   “ลิฟฟ่อน?”

ห๊ะ!! ได้ยินชื่อจากมาสทิฟฟ์แล้วก็ได้แต่คิดในใจ ชื่อฟังดูน่าแดก แต่หน้าตาน่ากลัวสัดๆ ไม่ได้เข้ากับชื่อมึงสักนิดเลยสัด!
เดี๋ยวๆ นั่นไม่ใช่ประเด็น!

   สิ่งมีชีวิตที่โผล่พ้นพุ่มไม้มาคือสิงโตควายที่ผมเคยเจอและโดนมันพยายามไล่แดกตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่โผล่มาที่มิตินี้ ตอนนี้มันมาอยู่ต่อหน้าอีกครั้ง ที่เห็นๆ ก็เกือบสิบตัว แม่ง! ตาขวางๆ อย่างกับโดนของ

   “มันถูกเวทย์บังคับ” ไซเลอร์พูดหลังจากที่เห็นมันยืนนิ่งไม่โจมตีตามสัญชาตญานของสัตว์ป่า

   อ้าว! ชิบหาย เสือกโดนของจริงๆ ซะงั้น

   “เอายังไงดีพรีซา” มาสทิฟฟ์ถามพรีซาทั้งที่สายตายังจ้องไปยังลิฟฟ่อนที่ยืนนิ่งเป็นฝูงห่างไปเพียงไม่กี่เมตร

   “เราฆ่ามันไม่ได้ เพราะไม่ได้รับอนุญาต อีกอย่างถ้าฆ่าหมดนี่มันคงสูญพันธุ์แน่” พรีซาตอบ

   “...”

   “ถ้ามียาสลบหรือยาชาก็คงจะดี” ร็อตพึมพำ   

   “จริงสิ! คงต้องใช้ยาชาจากเขี้ยวของ ‘ร่างนั้น’ แล้วละ” เหมือนจะนึกอะไรออกพรีซาจึงพูดออกมาอย่างยินดี

   “...”

เอ่อ... คุยเรื่องอะไรกัน ผมฟังแล้วงง

“นั่นสิ! ต่อมที่เขี้ยวมีฤทธิ์เป็นยาชานี่นา ลืมไปได้ยังไงเนี่ย” ทุกคนเงียบไปเหมือนนึกตาม ก่อนที่มาสทิฟฟ์จะพูดขึ้นมาด้วยความดีใจ ส่วนร็อตกับชเนาเซอร์ก็ยิ้มออกมาเหมือนโล่งใจ

แต่แปลกที่ไซเลอร์ไม่ได้มีท่าทางดีใจไปกับเพื่อนๆ กลับหันมามองผมด้วยสีหน้าและท่าทางเหมือนเจ้าตัวรู้สึกกังวลอะไรสักอย่าง

   “มาสทิฟฟ์ ไซเลอร์ ร็อตกับข้าจะใช้ ‘ร่างนั้น’ ก็แล้วกัน ชเนาเซอร์ขนาดตัวเจ้าไม่เหมาะจะสู้ในร่างนั้น ถอยไปคุ้มกันก้อนดิน” พรีซาสั่งต่อ ก่อนที่จะชะงักเหมือนนึกอะไรได้ พรีซาถอนหายใจแล้วพูดกับไซเลอร์

   “มันจำเป็น”

   “ข้ารู้” ไซเลอร์รับคำอย่างแผ่วเบา

   “พวกเจ้าสี่คนจะไหวเหรอ” ชเนาเซอร์ถามขึ้นมาอย่างกังวล

   “ถ้าเป็น ‘ร่างนั้น’ แค่ข้าคนเดียวก็เหลือเฟือ” มาสทิฟฟ์อวด

   “งั้นก็ตามนั้น” ชเนาเซอร์รับคำ ก่อนจะถอยออกมา

   ผมยังคงยืนงงกับบทสนทนาที่ฟัง ก่อนภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจะเห็นทำให้หัวใจผมเกือบจะหยุดเต้น เมื่ออยู่ๆ ร่างของมาสทิฟฟ์ก็มีแสงสีทองออกมาปกคลุมทั้งร่าง ก่อนที่ร่างกายที่เคยเป็นมนุษย์จะเปลี่ยนเป็นหมาสีดำขนฟูที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่าหมี! เขี้ยวแหลมคมขาววาววับ ถ้าเทียบขนาดกับลิฟฟ่อนแล้วดูจะตัวใหญ่กว่ามาก แล้วหมาตัวใหญ่ที่เคยเป็นมาสทิฟฟ์ตัวนั้นก็กระโจนเข้าหาลิฟฟ่อนที่เริ่มจะขยับตัวไปคนแรก เอ๊ย! ตัวแรก

ก่อนที่ผมแทบจะช็อคอีกรอบ เมื่อเห็นร็อตกลายเป็นหมาสีดำขนสั้นขนาดเล็กกว่ามาสทิฟฟ์แต่เพราะขนสั้นจึงทำให้เห็นกล้ามเนื้อแน่นๆ ชัดเจน ส่วนพรีซาก็กลายร่างเป็นหมาขนสีเทาหน้าตาคล้ายๆ กับร็อต ทั้งคู่มีขนาดเท่าๆ กัน แต่น่าจะคนละสายพันธุ์ แล้วหมาทั้งสองตัวก็จะกระโจนตามไปช่วยมาสทิฟฟ์ทันที

นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรกัน!

ไซเลอร์หันมาสบตาผมแล้วยิ้มให้เศร้าๆ ก่อนที่พี่มันจะถอนหายใจแล้วหันกลับไป ผมแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นร่างทั้งร่างของไซเลอร์อาบด้วยแสงสีทองทั้งร่างไม่ต่างจากสามคนก่อนหน้า ก่อนที่ร่างของไซเลอร์จะกลายเป็นหมาที่มีขนสีน้ำตาลทองอีกตัวแล้วกระโจนไปช่วยเพื่อนๆ สู้กับฝูงลิฟฟ่อนอย่างรวดเร็ว

ผมมองภาพหมาทั้งสี่เข้าสู้กับลิฟฟ่อนอย่างดุเดือด ถึงจะมีแค่สี่ แต่ดูแล้วเหมือนพละกำลังและความว่องไวจะได้เปรียบกว่ามาก เมื่อกัดถูกคอของลิฟฟ่อนได้ พวกมันก็ค่อยๆ ล้มลงทีละตัว

   แต่สายตาผมมักจะวนเวียนอยู่ที่เจ้าหมาที่เคยเป็นไซเลอร์มาก่อน เพราะรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวขึ้นเรื่อยๆ แต่มันหยุดคิดไม่ได้ เพราะมันคุ้นจริงๆ เหมือนกับว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน เคยเจอที่ไหนนะ ผมพยายามเค้นความทรงจำในหัว ก่อนที่ภาพหมาตัวหนึ่งจะปรากฏขึ้นในความทรงจำอันเลือนราง แล้วชื่อๆ หนึ่งก็หลุดปากออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“วสุ”

   เหมือนเป็นคำที่ไปเปิดถูกสลักอะไรสักอย่าง ความทรงจำที่ถูกกักไว้ที่ไหนสักแห่งไหลบ่าออกมาเหมือนทำนบพัง แต่เนื่องจากมันกะทันหันเกินไป จึงทำให้ร่างกายรับไม่ไหว ผมรู้สึกว่าหัวใจมันเต้นกระหน่ำ รู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิด แม้จะพยายามฝืนไว้ แต่สุดท้ายก็ฝืนไม่ไหว

แต่ก่อนที่สติสุดท้ายจะดับไป เหมือนจะได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของก้อนหิน พินช์เชอร์และชเนาเซอร์ดังมาเรือนลางในห้วงสำนึก

“ก๊าสสส!”

“พี่ดิน!”

“ดิน!”


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

จำกันได้ไหมคะ ตอนแรกๆ ที่บอกว่าสาเหตุที่ทำให้เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะอะไร หึๆๆๆ เพราะอยากเลี้ยงหมาค่ะ ในเมื่ออยากเลี้ยงหมาก็ต้องได้หมา เอ๊ย! ต้องได้เลี้ยงหมาค่ะ เป็นไงล่ะ มาทั้งฝูงเลย วะ... ฮ่าๆๆๆๆๆๆ บ้าไปแล้ว  :laugh:

ที่จริงก็เดากันได้ใช่ไหมคะ เพราะหลายๆ คนจับได้ตั้งแต่แรกๆ เลย อ่านเม้นท์ไปหัวเราะไป รู้สึกทึ่งไป นี่แอบมาสิงเราอยู่ใช่ไหม? ยอมรับมาซะดีๆ  :hao3:

ชื่ออาณาจักรออกจะชัดเจน เพราะเคลเบรอสเป็นชื่อของหมาเฝ้าประตูนรก แต่หลายคนอาจจะคุ้นกับชื่อเซอร์บีรัสมากกว่า  :katai2-1:

ให้ทายว่าอีกสองอาณาจักรคืออะไร ถ้าทายถูกจะ.... จะ.... ยกก้อนหินให้ไปเลย แต่มันจะไปหรือไม่ไปก็อีกเรื่องนะคะ 5555555
 :laugh:

"ก๊าสสสสส"

ตอนนี้ก็ออกจะสั้นๆ หน่อย เพราะจะปูไปสู่...
.
.
.
ตอนต่อไป // โดนตบ

ปล. ลิฟฟ่อน มาจาก lion + buffalo เอามันง่ายๆ แบบนี้แหละค่ะ บอกแล้วไงว่าเราคิดอะไรซับซ้อนไม่ค่อยเป็นนนนน 55555
เอิ่ม! ขอไปกินยาแป๊บ

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#maekkun  :L2: :L1: :pig4: :กอด1:
#Billie  :L2: :L1: :pig4: :กอด1:
#suikajang ฟินกันก่อนที่จะเจอ... 5555555 เวลาคนมาเกาะแกะดินนี่สามัคคีกันดีจริงๆ ค่ะ หวงหนักมากกกกก ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถแตะดินได้ทุกคนนะคะ ก้อนหินต้องสกรีนก่อนถึงจะอนุญาตได้ ส่วนเจ้าชายอินดัส ต้องให้รางวัลค่ะ เพราะถ้าไม่กินเหล้า ดินคงไม่กล้าอ่อยขนาดนี้ 55555
ไม่ถึงกับน้ำตาไหลพรากหรอกค่ะ ไม่ใช่สายดราม่า รึเปล่า  // โดนตบ
ปหมก. เดี๋ยวจองสนามหญ้าหน้าเรือนให้ค่ะ ไปกางเต็นท์อยู่ข้างๆ กันก็ได้ แล้วไปว่ายน้ำเล่นกันนะคะ
#•♀NoM!_KunG♀• 555555 ก็ไม่ใหญ่เท่าไหร่นะคะ
#ซีเนียร์  :L2: :L1: :pig4: :กอด1:
#MayA@TK ยิ่งนานวันยิ่งตัดใจยากค่ะ ถถถ รอลุ้นกันต่อค่ะ
#KARMI หวงกันหนักมากค่ะ ถถถ
#♥►MAGNOLIA◄♥ กอดกลับ  :กอด1: :กอด1: :L1: :pig4:
#alternative ใส่ร้ายพี่ไซนะคะ 555555
#DeShiWa มันก็จะเมาๆ แฮงค์ๆ หน่อยค่ะ 555555 เขินเหมือนกันค่ะ ฮื้ออออ
#Yara บันเทิงสุดๆ ค่ะ ตั้งแต่องค์ราชายันเจ้าชาย 55555
#takara นิ้ดดดดนึงค่ะ ก้อนหินอุตส่าห์เมาก็จัดให้สักหน่อย
#badbadsumaru 55555 พี่ไซแกมีกองเชียร์กองชงเยอะค่ะไม่ต้องกลัว
#ommanymontra  :L2: :L1: :pig4: :กอด1:
#HISY ถูกค่ะ ถ้าก้อนหินอยู่ไซเลอร์คงถูกโขก
#mild-dy  :L2: :L1: :pig4: :กอด1:
#shoi_toei ไปมอบให้มือชงอันดับ 1 เลยค่ะ 5555
#poppycake เรื่องบางอย่างเราควบคุมไม่ได้ค่ะ เรื่องความลื่นไหลของการเขียนนิยายก็เช่นกัน ถถถ
#prangasia จัดไปเลยค่ะ ผลัดกันกอดดดด
#papapajimin ถ้าไม่กินเหล้าคงไม่หลุด 55555 อยากจับฟัดมากกกกค่ะ พ่อลูกเค้าแท็กทีมกันหวงค่ะ
#duck-ya ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกค่ะ จริงจริ๊งงงง
#Gamemy 55555 จริงๆ อิมเมจก้อนหินนี่ดูมาจากหลายๆ แบบรวมๆ กัน แล้วจับมาปั้นเป็นก้อนหินค่ะ เขี้ยวกุดก็เป็นส่วนหนึ่งที่เอามาปั้นเหมือนกัน จะใช้จินตนาการก็ได้ค่ะ ยิ่งตอนนี้ยังตัวดำๆ อยู่ด้วย

รวบกอดอีกรอบบบบบบ ขอบคุณที่ติดตามเสมอค่า
 :กอด1: :กอด1: :pig4: :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-07-2017 10:16:09
 :katai2-1: :hao7: :katai2-1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 13-07-2017 11:00:06
ชอบจัง ชอบเนื้อเรื่อง ชอบตัวละคร ชอบการดำเนินเรื่อง และที่ชอบที่สุดคือนักเขียน อ่านเรื่องนี้ทีไรยิ้มได้หัวเราะได้ตลอดเลย รักกกกกกกกก :mew1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: kratair ที่ 13-07-2017 11:45:01
อยากรู้ดินจะจำอะไรได้  :katai1: อยากอ่านตอนหน้าเเล้ววว :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-07-2017 12:35:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 13-07-2017 13:29:31
 :L2: :pig4: :L2: :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2017 13:56:04
ฮึ่ยยยย......ก็นึกๆอยู่นะ
ว่ามาสทิฟฟ์ มันชื่อหมาของฝรั่งเศสนี่นา
ร็อต ก็มาจากร็อตไวเลอร์  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แล้วดิน ได้ความจำกลับคืนมา  :hao3:
รอตอนต่อปาย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 13-07-2017 14:30:07
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 13-07-2017 14:31:06
 o22  มาละ เริ่มละช่ายป่ะค่ะ  :ling1:  หึหึ มาทำให้เราฟิน  :heaven แล้ว  :z6: อารมณ์ประมาณนี้เลย หัวขมำเลยเรา
สตินะน้องดิน ตั้งสติดีๆ มีลูก(มังกร)ด้วยกันแล้วทำใจๆ <<มโนไปไกลละ ก่อนให้ดินตั้งสติ เราต้องตั้งสติก่อน สงสัย
เพราะกลิ่นกัญชาพี่ไซแน่เลย มาสั้นๆ แต่สร้างความระทึกได้ใหญ่หลวงนัก บอกเลย ชิส์  :serius2: ลุ้นๆ ว่าดินจะทำไง
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 13-07-2017 14:50:37
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

ลุ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 13-07-2017 15:23:25
 :katai4: :katai4:

แอร๊ ลุ้นไปอีกกกกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 13-07-2017 16:04:05
ความทรงจำนั้นคืออะไรรร๊
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: mayamay ที่ 13-07-2017 17:29:07
บาอัลน่าจะเป็นน้องแมว รุคน่าจะเป็นนกค่ะ ถูกไหมเอ่ย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 13-07-2017 21:20:02
ดินเป็นอะไรไป

อ่านไม่แตก

นึกว่าดินจะแปลงร่างด้วยอีกคน

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-07-2017 23:32:09
วสุเป็นใคร
ทำไมพี่ไซต้องเศร้า พี่ไซรอดินมานาน หรือเป็นวสุที่รอ?

มาเร็ว ๆ นะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-07-2017 01:09:30
หูยๆๆ เท่อะ ><

มันจะน่ารักมากแน่ๆเวลาได้ขี่หมาตัวใหญ่ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 14-07-2017 01:22:50
แต่ละตัวน่ารักๆทั้งนั้น ^^
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 14-07-2017 01:37:53
วสุ?!
ใครอ่ะ โอ้ยยยลุ้น
ความทรงจำในนั้นจะมีอะไรบ้างงงง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 14-07-2017 17:51:51
ว่าแล้วเชียววววว ชื่อแต่ละคนนี่สายพันธุ์หมาๆทั้งนั้น 555555555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 15-07-2017 10:17:01
บาอัลน่าจะเป็นน้องแมว รุคน่าจะเป็นนกค่ะ ถูกไหมเอ่ย

ถูกต้ม เอ๊ย! ถูกต้องแล้วค่าาาาาาาาา  :mc4: :mc4: :mc4:
มารับมง เอ๊ย! รับก้อนหินไปหนึ่งตัว ล่อลวงเอาเองนะคะ  :laugh:

ดินแดนไวเวิร์น = ดินแดนมังกร
อาณาจักรเคลเบรอส = อาณาจักรน้องหมา
อาณาจักรบาอัล = อาณาจักรน้องแมว
อาณาจักรรุค = อาณาจักรน้องนก

ปรบมือ
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

อยู่ท่ามกลางหมาทั้งฝูง โอยยยย สวรรค์! ขอใช้คำของพี่เป็ดแคนหน่อย เอิ้กกกก

 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 15-07-2017 15:42:57
วสุ คือสัตว์เลี้ยงของดินหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 15-07-2017 17:57:21
อยากรู้เรื่องราวในอดูด เอร้ย อดีต :z3:
มาต่อเร็วๆนะ :hao5:
น้องหินนับวันยิ่งน่ารัก :กอด1:
ขโมยไรท์ได้มั๊ยเนี่ย :mew2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 17-07-2017 23:45:54
เกิดอะไรขึ้นกับดินอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 22 โจทย์เก่า (13/7/2017) P.13
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 24-07-2017 17:21:58
บทที่ 23 แรกพบ

   เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อก้อนดินด้วยน้ำเสียงตกใจ ข้าจึงรีบหันไปมอง

ภาพที่เห็นก้อนดินค่อยๆ ล้มลงทำให้ข้าแทบหยุดหายใจ ยังดีที่ชเนาเซอร์ปราดเข้าไปรับร่างของก้อนดินไว้ได้ทันก่อนที่เขาจะล้มลงกระแทกกับพื้น ภาพที่เห็นทำให้ข้าเสียสมาธิจึงถูกลิฟฟ่อนตะปบเข้าที่ด้านหลัง ถึงจะตั้งตัวหลบได้ แต่ยังไม่พ้น จึงโดนปลายเล็บเฉี่ยวเข้าที่แผ่นหลังจนรู้สึกแสบขึ้นมาทันที

   ข้าต้องดึงสมาธิกลับมาเพื่อต่อสู้กับฝูงลิฟฟ่อนให้จบเร็วที่สุด เมื่อลิฟฟ่อนตัวสุดท้ายถูกมาสทิฟฟ์กัดจนล้มลง ข้าก็รีบเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้ววิ่งไปหาก้อนดินอย่างรวดเร็ว

   “ก้อนดิน”

   ข้ารับร่างก้อนดินจากมือของชเนาเซอร์แล้วประคองลงให้นอนหนุนบนตักของข้าอย่างเบามือ

   “เกิดอะไรขึ้น ดินเป็นอะไร” ข้าถามพินช์เชอร์กับชเนาเซอร์อย่างร้อนรน

   “ข้าก็ไม่ทราบครับท่านไซเลอร์ อยู่ๆ พี่ดินก็กุมศีรษะ ยืนเซๆ แล้วก็ล้มลงไปเลย” พินช์เชอร์ตอบก่อนที่จะจับชีพจรที่ข้อมือของก้อนดินเพื่อตรวจอาการ ส่วนชเนาเซอร์ส่ายศีรษะ คงจะมองไม่เห็นเหตุการณ์ เพราะยืนอยู่ด้านหน้าของก้อนดิน

   ข้าก้มลงมองก้อนดินที่นอนหน้าซีดอยู่บนตักด้วยความกังวลและห่วงใย

   “ก๊าสสสส”

   เสียงร้องของก้อนหินทำให้ข้าละสายตาจากก้อนดินไปมอง มันนั่งเกาะแขนก้อนดินไว้ เอาหัวถูกับตัวก้อนดินสลับกับส่งเสียงร้องเรียกไม่หยุด น้ำตาหยดลงเป็นทางอย่างน่าสงสาร ข้าเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ

   “ก้อนดินต้องไม่เป็นไร” ข้าพยายามเอ่ยปลอบใจมันและปลอบใจตัวเองไปด้วย

   “ก๊าส” มันเงยหน้ามาจ้องเหมือนต้องการความมั่นใจ

   “ข้าสัญญา ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นข้าจะทำให้ดินตื่นมาให้ได้”

   “ก๊าส” มันร้องเหมือนรับรู้ก่อนจะหันกลับส่งเสียงร้องเรียกก้อนดินเหมือนเดิม

   “ชีพจรพี่ดินสับสน นอกจากนั้นก็ปกติทุกอย่างครับ เหมือนแค่หลับไปเฉยๆ แต่ถ้าจะให้ดี ข้าขอตรวจให้ละเอียดกว่านี้อีกสักหน่อย” พินช์เชอร์บอกขึ้นหลังจากคลำชีพจรและสำรวจร่างกายของก้อนดินคร่าวๆ แล้ว

   “ข้าว่าเราไปจากตรงนี้กันก่อนดีกว่า ฤทธิ์ของยาชาจากเขี้ยวของพวกเราอยู่ได้ไม่นานนัก” พรีซาพูดขึ้นหลังจากมายืนมองด้วยสายตาห่วงใยได้สักพัก

   “นั่นสิ อีกอย่าง ข้ากลัวว่าจะมีตัวอะไรโผล่มาอีก ดูท่าแล้วน่าจะมีใครสักคนจ้องเล่นงานเราด้วยเหตุผลบางอย่าง แถมน่าจะเป็นคนที่มีพลังเวทย์สูงด้วย ถึงขนาดที่บังคับลิฟฟ่อนเพศผู้ที่ไม่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงมาพร้อมกันได้นี่คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน” มาสทิฟฟ์เสริมขึ้นหลังจากเดินตรวจสภาพของลิฟฟ่อนกับร็อตเรียบร้อยแล้ว

   “งั้นไปจากตรงนี้ก่อนเถอะ หาที่ที่ปลอดภัยกว่านี้ก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกที” ชเนาเซอร์ผละสายตาที่มองก้อนดินด้วยความห่วงใยมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

   “อืม” ข้ารับคำอย่างเห็นด้วยก่อนจะช้อนร่างก้อนดินขึ้นอุ้ม ส่วนร็อตเข้าไปลูบหัวก้อนหินอย่างอ่อนโยนและเห็นใจ ก่อนจะอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ แล้วเราก็เริ่มเดินทางออกจากตรงนั้นอย่างเร่งรีบ


   หลังออกมาจากจุดเกิดเหตุในระยะที่น่าจะปลอดภัยพอสมควรแล้ว พินช์เชอร์ก็ตรวจร่างกายก้อนดินอย่างละเอียด ข้าอุ้มก้อนหินที่ยังคงสะอื้นนั่งบนตักเพื่อไม่ให้ไปรบกวนพินช์เชอร์ เราทั้งคู่ต่างเฝ้ารออย่างกระวนกระวาย

ส่วนเพื่อนๆ ข้า ก็ออกไปลาดตระเวนดูความปลอดภัยอยู่รอบๆ บริเวณที่พัก โดยวางตำแหน่งเป็นชั้นขยายวงออกไปเรื่อยๆ มีร็อตอยู่ชั้นในที่ใกล้ที่สุด ถัดไปก็เป็นชเนาเซอร์ พรีซา และมาสทิฟฟท์ที่อยู่รอบนอกสุด

   ก่อนจะออกไปเพื่อนๆ เข้ามาตบบ่าข้าอย่างให้กำลังใจ ทุกคนมีสีหน้ากังวลและห่วงใยไม่ต่างกัน ข้ารู้ดีว่าในตอนนี้ทุกคนถือว่าก้อนดินเป็นเสมือนคนในครอบครัวเรียบร้อยแล้ว

   พอตรวจร่างกายก้อนดินเสร็จพินช์เชอร์ก็ถอนหายใจแล้วทำสีหน้าโล่งใจก่อนจะบอกอาการให้ข้าและก้อนหินที่หูตั้งจ้องพินช์เชอร์เขม็งพร้อมกับตั้งใจฟัง

“พี่ดินแค่สลบไปครับท่านไซเลอร์ เหมือนจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนจากเรื่องอะไรสักอย่าง แต่ไม่ได้เป็นอะไรมาก พักอีกสักพักก็น่าจะดีขึ้น แล้วคงจะฟื้นได้เอง เดี๋ยวข้าออกไปหาสมุนไพรมาบำรุงสักหน่อย พี่ดินจะได้แข็งแรงมากขึ้น ชีพจรจะได้มั่นคงขึ้นด้วยครับ”

   เมื่อได้ฟังคำอธิบายแล้วข้าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ในขณะที่ก้อนหินก็หยุดร้องไห้แล้วดิ้นลงจากตักเดินไปร้องเรียกก้อนดิน พอเห็นว่าก้อนดินยังคงไม่ตื่น มันก็นั่งลงกับพื้นแล้วเกาะแขนจ้องหน้าเฝ้ารออยู่อย่างนั้น

   “ขอบใจมากพินช์เชอร์”
 
   “ไม่เป็นไรครับ พี่ดินก็เหมือนพี่ของข้า ข้าก็เป็นห่วงพี่ดินเหมือนกันครับ”

   “อืม เดี๋ยวข้าเรียกร็อตให้พาเจ้าออกไปหาสมุนไพรก็แล้วกัน”

   “เอ่อ... ไม่เป็นไรครับ ข้าไปคนเดียวได้” พินช์เชอร์ปฏิเสธด้วยสีหน้าเกรงใจ

   “ไม่ได้ สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เพื่อความปลอดภัยให้ร็อตไปคอยคุ้มกันเจ้าดีกว่า”

   “ครับ” พินช์เชอร์รับคำแล้วยิ้มเขิน คงดีใจที่จะได้ไปกับร็อต ข้าได้แต่ขำในใจ เด็กเอ๊ย!

พินเชอร์หุบยิ้มแล้วเหลือบมองไปทางด้านหลังข้าแล้วถาม

   “เอ่อ... ท่านไซเลอร์ ข้าขอดูแผลที่หลังท่านหน่อยได้ไหมครับ”

   “ไม่เป็นไรหรอก โดนแค่ปลายเล็บเฉี่ยวๆ เดี๋ยวก็หาย” พอเห็นสีหน้าเป็นกังวลของพินช์เชอร์ ข้าก็เลยต้องยอมให้เขาดูแผลให้ เมื่อเห็นว่าแผลที่หลังข้าไม่ลึกมากสีหน้าพินช์เชอร์ก็ดีขึ้น ก่อนจะนำยาพี่พกมาด้วยออกมาทาแผลให้ข้า เพื่อความสบายใจของเขาข้าเลยยอมให้ทายาแต่โดยดี

   เมื่อทำแผลเรียบร้อยแล้ว ข้าก็ออกไปเป่าขลุ่ยหยกขนาดเท่านิ้วก้อยเป็นสัญญาณเฉพาะของกลุ่มเราเรียกร็อตที่อยู่แถวๆ นั้นให้กลับมาแล้วพาพินช์เชอร์ออกไปหาสมุนไพร

   หลังจากร็อตไปแล้ว ชเนาเซอร์ก็ขยับเข้ามาตระเวนรอบในแทนร็อต พอได้รับสัญญาณแจ้งจากชเนาเซอร์ ข้าก็กลับมานั่งเฝ้าก้อนดินได้อย่างวางใจ

   ข้าลูบหัวก้อนหินอย่างเอ็นดู ซึ่งมันก็ยอมให้ลูบแต่โดยดี ไม่ได้ต่อต้านหรือเล่นเหมือนอย่างเคย ในหัวข้าก็นึกถึงสิ่งที่น่าจะเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดความกระทบกระเทือนต่อจิตใจก้อนดิน

   ข้าพยายามนึกทบทวนเหตุการณ์ในช่วงนั้น ก่อนที่ดวงตาจะเบิกกว้าง หัวใจเริ่มเต้นกระหน่ำขึ้น เมื่อนึกได้ว่า ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกด้วยความตกใจของคนอื่นๆ มีคำๆ หนึ่งที่หลุดออกมาจากปากของก้อนดินเพียงเบาๆ แต่ด้วยความที่ประสาทหูเผ่าพันธุ์ของเราดีมากจึงทำให้พอที่จะสามารถจับใจความได้

   วสุ

   เจ้าจำได้แล้วเหรอก้อนดิน

   เจ้าจำวสุของเจ้าได้แล้วใช่ไหม

   ดวงตาข้าไหววูบไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมามั่นคงเช่นเดิม ข้าก้มลงจูบหน้าผากก้อนดินอย่างแผ่วเบา ทั้งรู้สึกยินดีและหวั่นใจหากก้อนดินจะจำเรื่องราวในครั้งนั้นได้

เรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน เมื่อครั้งที่ข้าและเพื่อนๆ ได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติภารกิจแรก หลังจากพวกเราได้รับการแต่งตั้งเป็นทีมเฮดีส

(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-07-2017 17:29:32
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 24-07-2017 17:38:55
   6 ปีก่อน

   ข้าก้มลงมองแผลที่ขาอย่างกังวล ข้ากับเพื่อนทั้งสี่ได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติภารกิจแรกที่มิติแห่งนี้ โดยท่านมอลทีสบอกให้พวกเราเดินทางมาในร่างแปลง เพื่อให้สะดวกต่อการปฏิบัติภารกิจมากกว่าร่างมนุษย์ที่จะยุ่งยากต่อการผ่านทาง และอาจเกิดความขัดแย้งกับกลุ่มมนุษย์ที่ทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในแต่ละดินแดน

   ก่อนจะออกมาท่านมอลทีสเข้ามาตบบ่าข้าแล้วเอ่ย

   “อดทนหน่อยนะไซเลอร์”

“ครับ”

ถึงจะไม่ทราบว่าท่านมอลทีสหมายถึงอะไรแต่ข้าก็รับคำอย่างหนักแน่น เพราะคำที่ออกมาจากปากจอมปราชญ์ของอาณาจักรนั้นคงจะเป็นคำทำนายที่เกี่ยวกับตัวข้า แต่ข้าไม่จำเป็นต้องกลัว ไม่ว่าจะพบเจออะไรข้ามั่นใจว่าจะไม่มีวันยอมแพ้ต่อโชคชะตาเด็ดขาด

   ภารกิจครั้งนี้เป็นภารกิจสำคัญและค่อนข้างละเอียดอ่อนเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวพันระหว่างอาณาจักร เป็นภารกิจในการตามหาหนึ่งในทายาทของตระกูลฟินซ์ ซึ่งเป็นตระกูลสำคัญของอาณาจักรรุคที่หลงมิติมา ทุกคนเกรงว่าจะเกิดเหตุประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อหลายปีก่อน จึงต้องเร่งค้นหาและนำตัวกลับไปที่คืนคนของตระกูลให้เร็วที่สุด

   นอกจากทีมของเราแล้วจึงมีอีกหลายทีมที่ถูกส่งมาปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ด้วย แต่มีแค่คนของอาณาจักรเคลเบรอสเท่านั้นที่ถูกส่งมา เพราะร่างแปลงของอาณาจักรรุคและบาอัลไม่เหมาะที่จะปฏิบัติภารกิจในมิตินี้ เนื่องจากจอมปราชญ์ของทั้งสามอาณาจักรบอกว่ามีความเสี่ยงต่ออันตรายยิ่งกว่าร่างแปลงของคนอาณาจักรเรา

เพื่อความรวดเร็วในการปฏิบัติภารกิจ แต่ละทีมจึงแบ่งเขตในการค้นหาและแยกย้ายกันไป เมื่อได้รับขอบเขตที่รับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว เราทั้งห้าจึงตกลงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกตและเป็นที่เพ่งเล็ง

ข้ากับชเนาเซอร์รับหน้าที่เข้ามาในตัวเมือง เพราะท่านมอลทีสบอกว่าร่างแปลงพวกเราดูเป็นมิตรมากกว่า ส่วนมาสทิฟฟ์นั้นร่างแปลงที่ใหญ่โตจะดูน่ากลัวมากไปสำหรับมนุษย์ในมิตินี้ จึงให้รับหน้าที่เข้าไปในป่าแล้วเจ้านั่นก็ลากพรีซาติดไปด้วย ร็อตรับหน้าที่ตระเวณตามเขตรอยต่อระหว่างป่ากับเมืองเพราะร่างแปลงของร็อตก็ดูน่ากลัวไม่แพ้กัน

   ทีมของเรามีระยะเวลาในการปฏิบัติภารกิจนี้แค่ 2 เดือน นี่ก็ผ่านไปเกือบเดือนแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะพบเป้าหมาย ข้ากับชเนาเซอร์จึงตกลงแยกย้ายกันแทนที่จะอยู่ใกล้ๆ กันเหมือนอย่างเคย แล้วค่อยนัดเจอกันอีกทีที่เดิมถ้าภารกิจเสร็จสิ้น หรือถึงช่วงเวลาที่กำหนด

   แต่เมื่อเช้าข้าก็พบปัญหาเข้าซะก่อน...

ในระหว่างที่ข้าเดินตามหาเป้าหมายอยู่ ก็มีเด็กมนุษย์อายุไม่กี่ขวบเดินมาหา แม้ว่าข้าจะพยายามเดินหนี แต่เด็กคนนั้นก็ยังเดินตามมาไม่หยุด

   “น้องหมา อย่าไป มาเล่นกัน”

   ในขณะที่คิดว่าจะวิ่งหนีไป สายตาข้าก็เหลือบไปเห็นกระถางต้นไม้บนระเบียงกำลังจะตกลงมาใส่ศีรษะเด็ก ข้าเลยกระโจนเข้าใส่แล้วใช้ขาหน้าข้างหนึ่งผลักเด็กออกให้พ้นจากอันตราย

   “แงๆๆๆๆ” เด็กคนนั้นร้องไห้เพราะล้มหงายหลังนั่งลงกับพื้น ข้าถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อเห็นกระถางตกลงมาแตกอยู่ห่างๆ แทนที่จะโดนศีรษะเด็ก โชคดีที่ข้าเข้าไปผลักออกทัน

   “เกิดอะไรขึ้น ว๊าย! ไอ้หมาบ้า แกทำอะไรลูกฉัน” แม่ของเด็กที่โผล่มาจากด้านในตึก พอเห็นว่าเด็กร้องไห้ก็เข้าใจผิดคิดว่าข้าเป็นผู้ทำร้ายเด็ก

   “ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย หมาบ้ามันทำร้ายลูกฉัน” นางร้องขึ้นเสียงดัง ทำให้มีผู้คนออกมาดูหลายคน เมื่อเห็นข้ายืนอยู่ใกล้ๆ เด็ก มนุษย์ผู้ชายก็หาอาวุธออกมาถือไว้แล้วเดินตรงมา

   ข้าเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามที่จะวิ่งหนี เพราะตามกฎแล้วพวกเราไม่สามารถตอบโต้หรือทำร้ายสิ่งมีชีวิตต่างมิติได้ แต่ด้วยความที่คนออกมาสกัดข้าไว้มีหลายคน ทำให้ข้าหนีไม่พ้น จึงโดนมีดฟันที่ขาขวาจนเป็นแผล ซ้ำยังโดนไม้ตีตามร่างกายอีกหลายจุด ข้าต้องกัดฟันกระเสือกกระสนหนีไปที่จุดนัดพบเพื่อตั้งหลักก่อน

   เนื่องจากจุดนัดพบอยู่ไกลพอสมควรกว่าจะมาถึงก็แทบจะหมดแรง ข้าล้มตัวลงนอนอย่างอ่อนล้า นอกจากได้แผลแล้วขาข้างขวาน่าจะหักด้วย เพราะมีคนใช้ไม้ตีซ้ำไปตรงจุดนั้นหลายครั้ง ข้าได้แต่มองแผลอย่างหนักใจ

   “เหรียญสิบรอพี่ก่อน โอ๊ย! หายไปไหนวะ ค่ารถกลับบ้านกู”

   เสียงบ่นของมนุษย์ที่ใกล้เข้ามา ทำให้ข้าพยายามจะลุกหนีเพราะรู้สึกไม่ไว้วางใจ กลัวว่าจะเจอเหตุการณ์เหมือนเมื่อเช้า แต่เพราะขาที่หักและอาการเจ็บปวดที่รุมเร้าไปทั่วร่างทำให้ข้าลุกไม่ไหว แค่พยายามฝืนร่างกายจนมาถึงที่นี่ก็คงเกินขีดจำกัดมากแล้ว ข้าได้แต่ล้มลงไปนอนเหมือนเดิมแล้วทอดถอนใจ

   อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโชคชะตาก็แล้วกัน

   เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ตามมาด้วยเสียงแหวกพุ่มไม้ แล้วข้าก็ได้สบตากับเด็กผู้ชายผมเกรียนแนบศีรษะที่อยู่ในชุดเสื้อแขนสั้นสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ดวงตาสีน้ำตาลใสแจ๋วคู่นั้นกำลังจ้องมาที่ข้าเขม็ง

   “น้องหมา มาทำอะไรตรงนี้เนี่ย คลอดลูกเหรอ” พูดจบก็กวาดตามองหาลูกๆ ที่ว่า อยากจะค้านไปว่าข้าเป็นตัวผู้ ไม่ใช่สิ! ข้าเป็นผู้ชาย ไม่สามารถตั้งท้องหรือคลอดลูกได้หรอก

   “เอ๊ะ! ขาเจ็บนี่” คนตรงหน้าอุทานเมื่อเห็นแผลที่ขาข้า ข้านึกถึงคำสอนของท่านมอลทีส ที่บอกให้เราทำหูลู่แล้วส่งเสียงให้น่าไว้วางใจ

   “งืดๆๆ” และคงจะได้ผลเพราะเจ้าตัวค่อยๆ เดินเข้ามาหาอย่างระแวดระวัง พอเข้ามาใกล้ก็ยื่นมือมาให้ดม ข้าดมดูสักพักก็รู้เลยว่าเขาเป็นมนุษย์จิตใจบริสุทธิ์ จึงเผลอกระดิกหางให้อย่างยินดี

   “น่ารักกกก ว่าแต่พันธุ์อะไรเนี่ยตัวอย่างใหญ่” ถ้าได้เจอกับร่างแปลงของมาสทิฟฟ์คงไม่พูดอย่างนี้

   “ว่าแต่ใครทำร้ายน้องหมาได้ลงคอเนี่ย ใจร้ายจริงๆ” เขามองข้าด้วยแววตาสงสาร มือลูบเบาๆ ลงบนหัวข้า

   “รอพี่ตรงนี้ก่อนนะน้องหมา เดี๋ยวพี่ไปหายามาทำแผลให้” พูดจบก็ตบหัวข้าเบาๆ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

   เด็กคนนั้นหายไปนานมากจนข้าคิดว่าเขาคงจะไม่กลับมาแล้ว แต่แล้วข้าก็ได้กลิ่นของเขาก่อนที่เจ้าตัวจะโผล่เข้ามา พร้อมกับหอบของพะรุงพะรังมาด้วย

   “ขอโทษนะที่ไปนาน พอดีพี่ติดเรียน แต่ไปขออุปกรณ์ทำแผลมาแล้วนะ มาๆ เดี๋ยวพี่ทำแผลให้” มนุษย์ตรงหน้ากำลังรื้อของออก เจ้าตัวยังคงหอบน้อยๆ เพราะวิ่งมา เหงื่อผุดพรายทั่วใบหน้า พอรื้อของเสร็จก็หันมาจ้องตา

   “ที่จริงพี่ก็อยากจะพาไปหาหมอนะ แต่พี่ไม่มีตังค์ จะบอกครูก็ไม่กล้ากลัวครูจะให้คนมาจับไป แต่ไม่ต้องกลัวนะพี่ทำแผลเก่งมาก เพราะพี่ทำแผลเองบ่อยๆ แล้วก็เคยทำให้ลุงๆ ป้าๆ ที่บ้านด้วย พี่มือเบา เจ็บนิ้ดดดเดียว” พูดเหมือนจะปลอบจบก็เริ่มลงมือทำแผลให้เบามืออย่างที่อวด ข้ามองสีหน้าตั้งอกตั้งใจนั้นอย่างอ่อนโยน

   มนุษย์ดีๆ ก็มีสินะ

   “เสร็จแล้วละ เก่งมากเลยไม่ร้องสักนิด” พูดจบก็ตบหัวข้าอย่างเอ็นดูพร้อมฉีกยิ้มสดใสจนข้ารู้สึกตาพร่า

   “พี่ซื้อแซนด์วิชกับน้ำมาฝากด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะมาทำแผลให้ใหม่แล้วจะเอาข้าวมาเผื่อ ทนหิวหน่อยนะ” ปากพูดไป มือก็สาละวนแกะขนมจากห่อแล้วเอามาจ่อให้ที่ปากข้า

   “มาพี่ป้อน อ้าปากสิ” ข้าอ้าปากกินอาหารที่เขายื่นมาให้อย่างว่าง่าย

   “เก่งมาก กินเรียบร้อยเชียว ทีนี้ก็กินน้ำ เออ... แล้วจะกินยังไงวะ หมาน่าจะดูดน้ำจากหลอดไม่ได้ ชามก็ไม่มี”

   “อืม...” เขาทำหน้าครุ่นคิด

   “งั้นกินแบบนี้แล้วกัน” พอทำท่านึกออก พูดจบปุ๊บ เจ้าตัวก็วิ่งออกไปข้างนอกคงจะออกไปล้างมือเพราะมือเปียกกลับมา พอมาถึงก็นั่งลงเทน้ำใส่ฝ่ามือที่พยายามกักน้ำไว้แล้วยื่นมาให้กิน ข้าก้มลงเลียน้ำจากฝ่ามืออย่างเต็มใจ คนป้อนยิ้มอย่างดีใจเทน้ำใส่ไปเรื่อยๆ จนข้าผละออกถึงได้หยุด พอเก็บของเสร็จแล้วก็ยื่นมือมาลูบหัวข้าแล้วเอียงคอมองด้วยสีหน้าสงสัย

   “พันธุ์อะไรเนี่ย จะว่าไซบีเรียนก็ไม่ใช่สีขนแปลกๆ สีทองๆ น้ำตาลๆ ตาก็สีเขียว ไซมันตาสีฟ้าไม่ใช่เหรอ พันทางแน่ๆ ว่าแต่หมาพันธุ์อะไรตาสีเขียวหว่า นึกไม่ออกแฮะ รึว่าจะเป็นสายพันธุ์ใหม่” มือเล็กๆ นั่นยังคงลูบหัวให้อย่างอ่อนโยนจนข้าแทบจะเผลอหลับ

   “ช่างมันเถอะ ว้า! ถึงเวลาที่พี่ต้องไปเรียนมวยแล้วอะ เสียดายจัง อยากอยู่ด้วยกันอีกสักนิด” เขาทำสีหน้าเสียดายอย่างจริงจัง หน้ามุ่ยๆ ลงอย่างขัดใจ

   “เฮ้อ! พี่ต้องไปแล้วละ เป็นเด็กดีรอพี่ตรงนี้อย่าไปไหนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะรีบมาหาแต่เช้า ไปก่อนนะ” พูดจบก็ตบหัวข้าเบาๆ แล้วก็แหวกพุ่มไม้วิ่งจากไป โดยที่ข้าไม่สามารถทักท้วงได้เลย


   เช้าวันต่อมา เด็กคนนั้นก็มาหาแต่เช้าอย่างที่เจ้าตัวบอกไว้ พอทำแผลให้ข้าเสร็จ ก็หยิบกล่องข้าวออกมาจากกระเป๋าสองกล่องเปิดออกแล้วเอามาวางไว้ตรงหน้าข้าหนึ่งกล่อง

   “วันนี้พี่เอาข้าวมาให้ พี่ทำเองกับมือเลย กินด้วยกันนะ” ข้าเงยขึ้นมองหน้าคนที่กำลังมองมาแล้วยิ้มกว้างอย่างซาบซึ้ง ก้มลงกินข้าวจนหมดกล่องก็กระดิกหางให้อย่างขอบคุณ

   “อิ่มไหมเนี่ย กินน้ำก่อน” เจ้าตัวก็กินหมดกล่องพอดี พอพูดจบก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบชามออกมาเทน้ำใส่ให้ พอข้ากินน้ำเสร็จเงยหน้ามาก็พบกับสายตาที่มองมาอย่างอ่อนโยน

   “น่ารักจังเลย เดี๋ยวพี่ไปเรียนก่อนนะ ตอนพักเที่ยงพี่มาใหม่ เดี๋ยวเทน้ำทิ้งไว้ให้” พูดจบก็ตบหัวข้าอีกที ก่อนจะเก็บกล่องข้าวที่หมดแล้ว แล้วก็เดินจากไป

   ข้ามองดูขาที่ได้รับการทำแผลให้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ขยับ ปล่อยให้แผลและกระดูกติดกัน ใช้เวลาไม่นานก็คงจะหายดี เพราะร่างนี้ใช้เวลาในการสมานแผลเร็วกว่าร่างมนุษย์มาก

   ข้าจ้องมองทางเข้าตรงพุ่มไม้อย่างใจจดใจจ่อ จมูกคอยสูดกลิ่นของเด็กคนนั้น เผลอรอคอยอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าเวลาเดินช้ากว่าที่เคย พอถึงเวลาเที่ยงกว่าๆ กลิ่นที่เริ่มจะคุ้นเคยก็ลอยมาตามลม ก่อนที่ร่างเล็กๆ จะกระหืดกระหอบผลุบเข้ามาในพุ่มไม้

   “รอนานไหม พอดีรอเพื่อนมันแบ่งงานอยู่เลยช้าไปหน่อย” พูดไปมือก็หยิบกล่องข้าวออกมาเปิดมาวางให้แล้วแล้วยิ้มให้อย่างสดใส

   “กินข้าวกันเถอะ” แล้วก็เป็นอาหารอีกมื้อที่ข้ากินอย่างมีความสุขที่สุด

   พอกินข้าวเสร็จเด็กนั่นก็เก็บข้าวของแล้วก็นั่งลงกอดเข่าจ้องข้ายิ้มๆ

   “เรายังไม่รู้จักชื่อกันเลย พี่ชื่อก้อนดิน เรียกพี่ดินก็ได้ ว่าแต่น้องหมาชื่ออะไรอะ” ถามเสร็จก็หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว
   ก้อนดินเหรอ? ชื่อน่ารักเหมาะกับตัวดี

   “ท่าจะบ้าแฮะเรา ถามอย่างกับมันจะตอบได้” ก้อนดินบ่นงึมงำอยู่คนเดียว

   “ปลอกคอไม่มี แต่ดูมีสกุลรุนชาติอะ ถ้าอาบน้ำดีๆ น่าจะสวยมาก หลงเจ้าของมาป่ะเนี่ย” ปากพูดไปมือเล็กๆ ก็ลูบตามตัวไปเรื่อยๆ

   “จะเรียกแต่น้องหมาก็ยังไงอยู่ เดี๋ยวพี่ดินตั้งชื่อให้นะ อืม... ชื่ออะไรดีน้า” ‘ก้อนดิน’ กอดอกมองข้าแล้วทำหน้าครุ่นคิด

   “เขียว ไม่ดีๆ เชยไปอะ” แล้วก็ทำท่าคิดต่อ

   “โกลด์เด้น ฮื้อ ไม่เข้าท่า”

   “อืมมมม คิดชื่อเหมาะๆ ไม่ออกอะ เดี๋ยวพี่ขอเวลากลับไปคิดก่อน เดี๋ยวค่อยมาตั้งชื่อให้ใหม่แล้วกันนะ ฮ้าว! ง่วงอะ เมื่อคืนนอนดึก แล้วต้องตื่นมาทำกับข้าวแต่เช้าอีก วิชาช่วงบ่ายอีกนานอะ ขอพักสักงีบนะ” พูดจบก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ ตัวข้า อย่างไม่กลัวเปื้อน    

   สักพักก็เหมือนเจ้าตัวนึกอะไรขึ้นได้ เลยค้นอะไรสักอย่างมากดแล้วก็วางไว้บนกระเป๋า ยกแขนขึ้นมาปิดหน้าแล้วก็เงียบไป

   ข้าได้แต่มองตาปริบๆ หลับง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ ข้าเลยนั่งจ้องด้วยความเอ็นดู พอสายลมเย็นๆ พัดมาก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจนเผลอหลับตามไป

   ตื่นๆ มีเรื่องแล้ว ตื่นๆ มีเรื่องแล้ว ตื่นๆ มีเรื่องแล้ว

   ข้าสะดุ้งตื่นเพราะเสียงแปลกๆ จากสิ่งของที่ก้อนดินวางไว้บนกระเป๋า

   “ฮื้อ ถึงเวลาแล้วเหรอ” พร้อมกับเจ้าของที่ตื่นขึ้นมาเหมือนกัน มือเล็กๆ นั่นควานหาที่มาของเสียง ก่อนจะหยิบออกมาแล้วกดให้เสียงนั้นจะหายไป ก้อนดินลุกขึ้นขยี้หูขยี้ตาพร้อมหาวหวอดๆ พอเห็นข้ามองอยู่ก็ฉีกยิ้มให้

   “พี่ไปเรียนก่อนนะ เดี๋ยวก่อนเลิกเรียนจะแวะมาหา” พูดจบก็ตบลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะหยิบสัมภาระทั้งหมดขึ้นมาแล้ววิ่งจากไป


   เช้าวันต่อมาก้อนดินก็แวะมาหาข้าตั้งแต่เช้าเหมือนเดิม วันนี้เขาใส่เสื้อแขนสั้นสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นเลยเข่า หลังจากเอาอาหารให้ข้าเสร็จเรียบร้อยก็ปูเสื่อที่พกมาด้วยแล้วนอนหงายแผ่หลาอย่างหน้าตาเฉย

   วันนี้ไม่มีเรียนรึไง? ระหว่างที่ข้านึกด้วยความสงสัย จู่ๆ คนที่นอนหงายก็พลิกตัวมานอนคว่ำ เท้าคางมองข้า แล้วก็เริ่มพูดคนเดียวอย่างเคย

   “เมื่อวานท่านทูตเรียกพี่ไปพบด้วยละ ท่านถามว่าอยากเปลี่ยนชื่อไหม ท่านหาชื่อเพราะๆ มาให้หลายชื่อเลย พี่ได้แต่ปฏิเสธเพราะเกรงใจ อีกอย่าง ถึงก้อนดินจะเป็นชื่อธรรมดาๆ แต่มันก็เป็นชื่อที่พี่ใช้มาตั้งแต่เด็ก ถึงมันจะไม่เพราะมากมาย แต่พี่ก็ชอบนะ มันไม่เหมือนใครดี ฮะๆๆ” เสียงหัวเราะนั้นดูไม่สดใสอย่างที่เคย

   “ท่านถามย้ำๆ ว่าแน่ใจใช่ไหม พี่ก็บอกไปว่าแน่ใจ ท่านก็เลยยอมแพ้ ท่านทูตเป็นคนที่ใจดีมาก นอกจากย่ากับลุงๆ ป้าๆ คนรับใช้ในบ้านแล้ว ก็มีท่านทูตนี่แหละที่ดีกับพี่ ที่พี่มาเรียนพิเศษช่วงปิดเทอมได้นี่ก็เพราะท่านทูตเป็นคนออกค่าเรียนให้ คุณหญิงโกรธแทบแย่ พี่รู้ว่าคุณหญิงท่านไม่ชอบพี่ เวลาที่ท่านทูตไม่อยู่คุณหญิบชอบตีพี่อยู่เรื่อยเลย” ก้อนดินพูดเบาๆ ตาใสๆ คู่นั้นเหม่อลอย เหมือนแค่ต้องการระบายความรู้สึกของตัวเองออกมามากกว่าจะตั้งใจเล่าให้ข้าฟัง

   “แต่ย่าบอกให้พี่ทน เพราะครอบครัวของเราทำผิดกับคุณหญิง” ตาเศร้าๆ คู่นั้นหันมาถามข้า

   “แล้วพี่ผิดอะไร พี่พยายามนึกแล้วว่าเคยทำอะไรผิดต่อคุณหญิงบ้างหรือเปล่า แต่นึกแล้วก็นึกไม่ออก ทั้งๆ ที่พี่ไม่เคยทำผิดต่อท่านเลยสักครั้ง แล้วทำไมคุณหญิงถึงเกลียดพี่ล่ะ” เสียงละห้อยนั้นน่าสงสารจนข้าอยากจะกอดปลอบใจ ก้อนดินถอนหายใจเหมือนระบายความอึดอัดในหัวใจ ก่อนจะกลับไปนอนหงายเหม่อมองยอดต้นไม้แล้วพูดต่อ

   “คุณไฟก็ชอบแกล้งพี่แรงๆ ให้พี่เจ็บตัวมาตั้งแต่เด็ก คุณไฟบอกว่าคุณหญิงไม่ชอบพี่ แล้วบอกให้คุณไฟไม่ชอบพี่ด้วย เพราะท่านทูตรักพี่มากกว่าคุณไฟ ไม่จริงสักหน่อย พ่อที่ไหนจะรักลูกคนอื่นมากกว่าตัวเอง ท่านทูตรักคุณไฟจะตาย กลับมาทีไรซื้อของที่คุณไฟอยากได้มาให้ตลอด คอยถามพี่ตลอดเวลาว่าคุณไฟสบายดีไหม อยากได้อะไรรึเปล่า เพราะคุณไฟไม่ค่อยคุยกับท่านทูต แถมยังฝากให้พี่คอยดูแลคุณไฟให้ด้วย กับพี่ท่านทูตก็แค่สงสารที่พี่ไม่มีพ่อแค่นั้นเอง” ก้อนดินเงียบไปสักพักเหมือนตกอยู่ในภวังค์เพียงลำพัง ก่อนที่จะกลับมานอนคว่ำมองหน้าข้าเหมือนเคย

   “พี่ชอบหมามาก แล้วก็อยากเลี้ยงหมาอะ อยากเลี้ยงหมามากเลย” น้ำเสียงของก้อนดินละห้อยอย่างน่าสงสาร ถ้าเป็นข้าแค่เห็นสีหน้าแบบนี้คงยอมให้เลี้ยงตั้งแต่ยังไม่ขอแล้ว

   “แต่คุณไฟแพ้ขนสัตว์ แค่โดนขนแมวขนหมานิดเดียวภูมิแพ้ก็กำเริบแล้ว ดีนะช่วงนี้คุณไฟไม่อยู่บ้าน เพราะคุณหญิงส่งไปเรียนพิเศษกับญาติที่ต่างประเทศ ไม่งั้นต้องรู้แน่ๆ ว่าพี่มาเล่นกับน้องหมา ถ้าคุณไฟอยู่บ้านล่ะคงโดนคุณไฟบ่นหูชาแถมคงโดนคุณหญิงตีแน่เลย”

   ร่างเล็กๆ ตรงหน้าเงียบไปสักพัก ก่อนจะลุกขึ้นนั่งเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

   “เออ... แต่พี่ชอบชื่อที่ท่านทูตเอามาให้ดูอยู่ชื่อหนึ่งมากๆ เลย” ก้อนดินพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

   “ชื่อ ‘วสุธา’ เพราะไหม?” ก้อนดินถามข้าด้วยดวงตาเป็นประกาย ข้าเห็นแล้วอดจะขำไม่ได้ เด็กหนอเด็ก เศร้าได้ครู่เดียวก็กลับมาร่าเริงได้เหมือนเดิมแล้ว แต่ข้าตอบคำถามไม่ได้ เลยได้แต่กระดิกหางให้

   “ชอบเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ตอนที่พี่ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกชอบมากเลย ท่านทูตบอกว่าความหมายของวสุธาหมายถึงแผ่นดินหรือผืนดิน คล้ายๆ ชื่อพี่เลยใช่ไหมล่ะ” พูดจบเด็กตรงหน้าก็ทำหน้าฝันๆ

   “ถ้าพี่เรียนจบมหา’ลัยแล้วมีงานทำเมื่อไหร่นะ พี่จะเก็บเงินสร้างบ้านของตัวเอง เสร็จแล้วพี่จะพาย่าไปอยู่ด้วย ย่าเคยบอกพี่ว่าย่ามีที่ดินอยู่แปลงหนึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำเลย พี่จะสร้างบ้านสวยๆ ริมน้ำ ทำชานกว้างๆ ไว้นอนดูดาว ทำห้องสีเขียวแต่งข้างในสวยๆ แล้วตั้งชื่อว่า ‘เรือนวสุธา’ แข่งกับเรือนนมยุรา ละครที่ย่าชอบดู ย่าต้องชอบแน่ๆ เลย” สายตาเป็นประกายคู่นั้นหันมาจ้องตาข้า

   “เอาไว้ตอนนั้น เราไปอยู่ด้วยกันนะ” ก้อนดินยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่สดใสจนข้าอยากยิ้มตาม แต่ทำได้เพียงมองอย่างอ่อนโยนเท่าที่สายตาสุนัขจะสื่อได้แล้วสะบัดหางไปมา

   “อืม... งั้นพี่ใช้ชื่อนี้ตั้งให้น้องหมาไปก่อนก็แล้วกัน ชื่อ ‘วสุ’ ดีไหม? เพราะอะ เอาชื่อนี้แหละ” ก้อนดินพูดเองตอบเองผงกหัวหงึกหงักไปด้วยอย่างพออกพอใจ

   ข้ากระดิกหางให้อย่างยินดีถึงข้าจะมีชื่ออยู่แล้วแต่ชื่อ ‘วสุ’ ก็ฟังดูเพราะดี

   “แต่ระหว่างที่รอบ้านใหม่ ตอนนี้พี่คงต้องหาที่อยู่ให้วสุไปก่อน เพราะคงพาไปอยู่ที่บ้านคุณไฟไม่ได้ ตอนแรกพี่ว่าจะไปฝากไว้ที่บ้านพี่แคน แต่บ้านพี่แคนก็ลำบากน่าจะเลี้ยงไม่ไหว พี่ถามเพื่อนๆ ดูแล้วก็ไม่มีใครเลี้ยงได้ พี่เลยไปปรึกษากับครูเทพ ครูอนุญาตให้เอาวสุไปฝากไว้ที่ค่ายมวยก่อนได้ละ พี่ดีใจมากเลย เอาไว้ครูว่างเมื่อไหร่พี่จะพาครูเอารถมารับที่นี่นะ รอพี่ได้ไหม?” ก้อนดินหันมามองอย่างคาดหวัง

   ข้าอยากรับปากใจจะขาด แต่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้รู้สึกโชคดีที่ก้อนดินคิดว่าข้าตอบไม่ได้ ไม่เช่นนั้นข้าคงลำบากใจมากกว่านี้แน่ แค่นึกถึงวันที่ต้องจากกันข้าก็รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก

(มีต่อ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 24-07-2017 17:39:19


   หลังจากวันนั้นก้อนดินก็แวะมาหาข้าทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ว่างก็แวะเอาอาหารมาวางไว้กับน้ำเททิ้งไว้ให้ เมื่อได้รับการดูแลอย่างดี ผ่านไปได้ไม่นาน แผลของข้าก็ดีขึ้นมาก

   พอเห็นว่าแผลเริ่มดีขึ้นแล้ว ด้วยความที่ห่วงหน้าที่ วันไหนที่ก้อนดินไม่ว่างมาหาข้า ข้าจึงแอบออกไปปฏิบัติภารกิจเพื่อไม่ให้ก้อนดินเป็นห่วง ซึ่งวันนี้ก้อนดินมาหาข้าแต่เช้า มาทิ้งอาหารกับน้ำไว้ให้แล้วบอกว่าติดธุระ จะมาใหม่ในวันพรุ่งนี้ ข้าจึงออกไปตามหาคนในบริเวณใกล้ๆ ต่อ

   แต่ช่วงนี้ดวงข้าคงตก เพราะเดินไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ก็เจอกับปัญหาอีกครั้ง

   “หมาขาเป๋ว่ะ” วัยรุ่นที่นั่งมั่วสุมอยู่ในบ้านร้างแถวนั้นเห็นข้าเข้าก็ร้องเรียกให้เพื่อนในกลุ่มดู

   “เรามาเล่นอะไรสนุกๆ กันไหม” ได้ยินคำพูดแล้วข้ามีลางสังหรณ์ว่าเรื่องสนุกๆ ของพวกมันน่าจะไม่ใช่เรื่องน่าสนุกสำหรับข้าสักเท่าไหร่ ข้าเลยตัดสินใจรีบวิ่งหนีไปก่อน

แต่ขาของข้ายังไม่หายดีจึงทำให้ไม่สามารถวิ่งได้เร็วอย่างใจ ข้าเลยโดนพวกมันสี่คนล้อมไว้พร้อมกับท่อนไม้ใหญ่ๆ ในมือ

   ข้าพยายามทำใจเย็น มองหาทางรอด พอพวกมันพุ่งเข้ามาก็พยายามหลบหลีกให้ได้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่พ้นจึงโดนท่อนไม้ตีไปหลายครั้ง จนสุดท้ายก็โดนใครสักคนตีถูกบริเวณขาที่ยังเจ็บทำให้ข้าทรุดลงทันที ข้าพยายามกัดฟันไม่ร้องให้พวกมันได้ใจ ในขณะที่พวกมันหัวเราะชอบใจ และช่วยกันตีซ้ำไปตรงจุดที่ทำให้ข้าล้มลงได้

ข้าได้แต่นอนหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า พอหนึ่งในนั้นเงื้อไม้ขึ้นมาบริเวณหัวก็หลับตาลงเตรียมรับชะตากรรม

หวังแค่ว่ามันจะไม่ทำให้ถึงตาย ได้แต่ภาวนาขอให้ชเนาเซอร์ตามมาช่วยได้ทันก่อนข้าจะสิ้นลมหายใจ หรืออย่างน้อยก็ขอให้เพื่อนได้นำศพข้ากลับไปให้กับครอบครัวของข้าก็ยังดี

และสุดท้ายภาพของก้อนดินที่มีน้ำใจคอยช่วยเหลือดูแลข้าอย่างดีมาโดยตลอดก็ผุดขึ้นมาในหัวใจ

   ขอโทษนะก้อนดิน ขอโทษที่ไม่ได้รอเจ้าอยู่ที่เดิม

   “โอ๊ย!”

   เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของมันทำให้ข้าลืมตาขึ้นมา ภาพที่ได้เห็นคือคนที่กำลังเงื้อไม้จะตีข้าล้มลงไปร้องโหยหวนกับพื้น

   “ทำเหี้ยอะไรวะ”

   ก้อนดิน!!!

เข้ามาทำไม! อันตราย! ออกไป!

   ข้าพยายามรวบรวมแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดเพื่อลุกขึ้นไปปกป้องก้อนดิน แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่นอนหอบหายใจมองก้อนดินด้วยความเป็นห่วง

   “ไอ้เด็กเวร ยุ่งอะไรด้วยวะ หลบไปนะเว้ย ไม่งั้นจะโดนไม่ใช่น้อย”

   “ไม่ยุ่งได้ไงนั่นหมากู” ก้อนดินโต้ตอบด้วยความโมโห แตกต่างจากยามที่อยู่กับข้าเพียงลำพังมากนัก

   “หนอย ไอ้เด็กนี่ วอนซะแล้ว จัดการมันเลยพวก”

   พูดจบพวกมันก็พุ่งตรงเข้าหาก้อนดิน ข้าได้แต่ใช้แรงเฮือกสุดท้ายพยายามลุก ใช้ขาหน้าถัดไปหาก้อนดินอย่างยากลำบาก อย่างน้อยขอเพียงก่อนตายหากร่างของข้าพอจะช่วยกันไม่ให้พวกมันทำร้ายก้อนดินได้บ้างก็ยังดี

   ตุ่บ!!

   แต่ภาพที่เห็นทำให้ข้าชะงักไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อไอ้คนที่กำลังพุ่งเข้าไปหมายจะตีก้อนดิน กลับโดนก้อนดินที่ตัวเล็กกว่าขยับเข้าประชิดตัว ขัดขาก่อนจะจับทุ่มลงพื้นอย่างรวดเร็ว!

พวกมันที่เหลือมองหน้ากันเลิกลัก ก่อนที่จะกระโจนเข้าหาดินพร้อมๆ กัน

   “ย้ากกกก”

   “มอญยันหลัก” ก้อนดินยกขาขึ้นยันคนที่พุ่งเข้าไปก่อน ตามด้วยไม้ที่แย่งมาจากคนที่ล้มลงไปแล้ว ฟาดตามลงไปที่ขาของมัน

   “หักงวงไอยรา” มือข้างหนึ่งจับขาที่มันยื่นมาแล้วใช้ไม้ฟาดเต็มแรง

   “นาคาบิดหาง” ก้อนดินจับขามันได้ก็ใช้เข่ากระแทกลงที่น่องแล้วใช้ไม้ฟาดซ้ำ

   หนึ่งในนั้นสลบเหมือดไปเลย ที่เหลือก็ร้องโอดครวญอยู่บนพื้น

   “เหอะ! นี่ศิษย์ครูเทพนะเว้ย ให้มันรู้ซะมั่งว่าใครเป็นใคร ขี้ยาผอมๆ แห้งๆ แรงน้อยๆ แถมยังขี้ก้างอย่างพวกแกต่างหากที่จะโดนไม่ใช่น้อยๆ บังอาจมาทำร้ายหมากู” ก้อนดินพูดจบก็รีบเดินเข้ามาหาข้า

   “วสุเป็นไงมั่ง” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่พอเห็นสภาพข้าก็หัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว

   “แม้แต่หมาก็ยังไม่เว้น จิตใจทำด้วยอะไรวะ ดีนะที่วันนี้ครูยกเลิกนัด ไม่งั้นคงมาช่วยไม่ทันแน่ โอ๋ๆๆ ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้วนะ มาเดี๋ยวพี่จะพากลับเอง”

   แต่ระหว่างที่ก้อนดินมัวแต่สนใจข้าอยู่ก็มีหนึ่งในนั้นที่ลุกขึ้นมาได้ มันหยิบมีดพกออกมากางเกงแล้ววิ่งมาตรงเข้ามาหาก้อนดิน ข้าจึงรีบร้องเตือน

   “โฮ่ง!”

   “โอ๊ย!”

   ก้อนดินหลบแต่ไม่พ้น เลยโดนปลายมีดเฉี่ยวจนได้เลือด แต่พอเขาตั้งตัวได้ก็ศอกกลับทันที

   “ดับชวาลา” แล้วหันไปชกหน้าซ้ำจนมันหงายหลังสลบเหมือด

   ดินลุกขึ้นสำรวจคนที่เหลือ เมื่อดูแล้วทุกคนน่าจะลุกขึ้นไม่ไหวก็เข้ามาซ้อนข้างหลังตัวข้าสอดมือตรงซอกขาหน้า ประสานมือไว้จนมั่น แล้วพยายามลากข้ากลับไป

   ข้าได้แต่ซึมซับไออุ่นและความเข้มแข็งจากก้อนดินผ่านอ้อมกอดของเขา นี่น่ะเหรอคนที่เก่งอันดับต้นๆ ของรุ่น ขนาดจะปกป้องผู้มีพระคุณก็ยังทำไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้เด็กตัวแค่นี้เป็นฝ่ายคอยปกป้องมาตลอด ทำไมข้าถึงน่าสมเพชขนาดนี้นะ

   ก้อนดินลากข้าไปอย่างทุลักทุเล ถึงแม้จะเป็นร่างแปลง แต่ก็ใกล้จะเป็นตัวเต็มวัยเต็มที ตัวของข้าจึงเกือบจะพอๆ กับก้อนดินซะด้วยซ้ำ  แต่ก้อนดินยังพยายามระมัดระวังอย่างถึงที่สุด พอเหนื่อยก็หยุดพักแล้วค่อยเดินต่อเพื่อให้ข้าได้รับความกระทบกระเทือนน้อยที่สุด เมื่อไปถึงพุ่มไม้พุ่มเดิมก้อนดินก็วางข้าลงบนพื้นอย่างเบามือ

   “แฮ่กๆๆ ตัวหนักมากวสุ ลดความอ้วนบ้างนะ ฮ่าๆ แฮ่กๆๆ เหนื่อยแฮะ”

   เจ้าตัวหอบแฮ่กแต่ยังหัวเราะออกมาได้ ก่อนจะล้มลงนอนหงายอย่างหมดสภาพเคียงข้างกับร่างโทรมๆ ของข้า

   พอเริ่มจะหายหอบก้อนดินก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วสำรวจสภาพข้า

   “โหย แผลน่าจะปริด้วยอะ เดี๋ยวพี่ไปหาอุปกรณ์ทำแผลก่อน”

   “อ๊ะ!” ข้าพยายามขยับไปงับเสื้อก้อนดินไว้

   “มีอะไรหือ” สายตาของข้ามองไปที่มือ บอกให้รู้ว่าเป็นห่วงแผลของเขา

   “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า แผลถากๆ แค่นี้ จิ๊บๆ ปกติพี่ก็โดนมีดทำครัวเฉือนนิ้วประจำ”

   ข้าพยายามขยับตัวลุกขึ้น พอก้อนดินเห็นก็ขยับมาประคอง

   “อย่าเพิ่งลุกสิ เจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ”

   ข้าผงกหัวจากอ้อมแขนของก้อนดินแล้วก้มลงไปที่มือ เลียเลือดที่แผลของก้อนดิน

   “เฮ้ย! อย่าสิ พี่ไม่อยากฉีดยา ฮือออ วสุ ทำไมทำกับพี่แบบนี้”

   ข้าเงยขึ้นสบสายตากับก้อนดินและตั้งจิตอย่างแน่วแน่
   

ข้า ‘ไซเลอร์’ จาก ‘เคลเบรอส’
ขอผูกจิตไว้กับเจ้าของเลือดนี้
และให้สัตย์สาบานว่า
จะขอเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของเลือดนามว่าก้อนดิน จนกว่าชีวิตจะหาไม่
ชีวิต หัวใจ และจิตวิญญาณของข้า ขอยกให้เขา แต่เพียงผู้เดียว
ตลอดกาล...


   “จะ... จ้องทำไมอ่ะวสุ อูย.. อยู่ๆ ก็ขนลุก” ก้อนดินลูบแขนตัวเองเบาๆ

   “เอ้าๆ นอนก่อนนะ อย่าดื้อลุกขึ้นมาอีกล่ะ พี่จะไปหายาทำแผลกับยารักษาอาการช้ำในจากคลินิกสัตว์มาให้ ถ้าดื้อพี่ตีจริงๆ ด้วย” ก้อนดินขู่ แต่กลับวางข้าลงอย่างเบามือก่อนจะวิ่งหายไป

   ต่อไปนี้ชีวิตและหัวใจข้า ยกให้เจ้าแล้วนะก้อนดิน ข้าบอกกับเขาในใจก่อนจะหลับตาลงด้วยความอ่อนล้า


   ข้ารู้สึกตัวอีกครั้ง เมื่อก้อนดินกลับมาพร้อมกับยากินและยาทำแผลตามที่บอกไว้

   “พี่ว่าจะไปขอให้พี่สัตวแพทย์ที่คลินิกมาดูแผลให้ แต่พี่ผู้ช่วยบอกว่าพี่เค้ารีบไปทำธุระ กำลังจะปิดคลินิกพอดีเลย พี่เลยทำได้แค่ซื้อยามาให้กินก่อน หวังว่าพอจะช่วยได้ ทนเอาหน่อยนะวสุ”

   ก้อนดินพูดด้วยสีหน้ากังวล แล้วลงมือทำแผลให้ข้าอย่างเบามือ หลังทำแผลเสร็จก็ป้อนอาหาร ป้อนน้ำ ป้อนยาให้ข้ากิน ก่อนจะกลับบ้านก็ย้ำนักย้ำหนา ไม่ให้ข้าไปไหนอีก ถึงไม่บอก ด้วยสภาพในตอนนี้แล้ว ถ้าเพื่อนๆ ไม่กลับมาพบก่อน ข้าคงไม่มีปัญญาจะไปไหนได้อีก ข้าได้แต่มองก้อนดินที่มองมาอย่างละล้าละลัง สายตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะลูบหัวข้าอย่างอ่อนโยน แล้วตัดใจกลับบ้านไป

พอรุ่งเช้าก้อนดินก็รีบวิ่งมาหาข้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี พอเห็นข้ายังไม่ตายหรือยังไม่หายไปไหนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก จนข้าอดจะกระดิกหางให้ไม่ได้


   หลังจากวันนั้นข้าก็เลยต้องยอมพักฟื้นอยู่นิ่งๆ แต่โดยดี เพราะต้องรอให้แผลที่ได้มามากกว่าเดิมประสานกันจนกว่าจะหายดีซะก่อน ข้าไม่กล้าจะออกไปที่ไหนในสภาพนี้อีก เพราะกลัวจะทำให้ก้อนดินลำบากยิ่งกว่าเดิม

   วันนี้เป็นวันหยุด ก้อนดินไม่มีเรียนพิเศษ เขาจึงมานอนคว่ำกางหนังสืออ่านอยู่ข้างๆ ข้า ตอนนี้แผลเริ่มสมานตัวดีขึ้นเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ข้าได้แต่มองก้อนดินอย่างหนักใจ เพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันที่ต้องกลับไปแล้ว

   ถ้าข้าจากไปก้อนดินจะเป็นยังไง

   เฮ้อ!

   “ถอนใจอะไรฮึ เป็นหมามันมีเรื่องให้หนักอกหนักใจขนาดนั้นเลยรึไง” ก้อนดินพูดขำๆ มือเล็กๆ นั่นยกมายีหัวข้าเล่น ก่อนจะลูบเบาๆ ด้วยสายตาเอ็นดู

   “เออ... ลืมบอกไปเลย ครูเทพบอกว่าเสาร์หน้าครูว่างแล้วนะ เดี๋ยวครูจะเอารถมารับ วสุไปอยู่กับครูก่อนนะ พี่สัญญาว่าจะไปหาทุกวันเลย ค่ายมวยครูอยู่ไม่ไกลจากบ้านคุณไฟด้วย ฝึกมวยเสร็จแล้วเราก็เล่นกัน เล่นกันเสร็จค่อยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนกลับบ้าน แบบนี้ต่อให้คุณไฟกลับมาก็คงไม่แพ้แน่นอน” ก้อนดินบอกอย่างร่าเริง

   วันเสาร์หน้า...

   วันเดียวกับกำหนดนัดกลับไวเวิร์น

   ข้าจะทำยังไงดี?

   ข้ามองหน้าก้อนดินแล้วถอนหายใจด้วยความหนักใจ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

มาฟังคำแก้ตัว เอ๊ย! มุมมองของทางฝั่งพี่ไซแกดูค่ะ ตอนหน้าก็ยังเป็นในมุมของไซเลอร์อีกนิดนะคะ จะลงให้จบก็ดูจะยาวไป
ช่วงนี้ก้อนดินก็จะประมาณเกือบจะ 11 ขวบ สูงๆ เกือบ 150 ได้ ส่วนไซเลอร์ย่าง 16 ขวบ ถึงความคิดจะดูเป็นผู้ใหญ่ยังไง แต่ก็ยังถือว่าเป็นวัยรุ่นที่ยังไม่โตเต็มที่

ส่วนก้อนดินถึงจะเด็กกว่าแก๊งขี้ยา แต่ก้อนดินแข็งแรงกว่ามาก แถมพื้นฐานการต่อสู้ยังได้เปรียบกว่ามากเวลาต้องสู้เลยไม่มีปัญหาอะไร

จากตอนที่แล้วมีคนตอบถูกด้วยค่ะ ปรบมืออออ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ดินแดนไวเวิร์น = ดินแดนมังกร
อาณาจักรเคลเบรอส = อาณาจักรน้องหมา
อาณาจักรบาอัล = อาณาจักรน้องแมว
อาณาจักรรุค = อาณาจักรน้องนก


จะลงให้หลายวันแล้วค่ะ แต่ไฟล์พัง ฮือออออออออ พังพินาศเลย แล้วดันแต่งพิมพ์ต่อกันยาวมาเรื่อยๆ เป็นไฟล์เดียวไม่ได้ตัดเก็บเป็นตอนๆ ไป
นอยด์หนักมากกกก จนอยากจะเทเลยค่ะ  :hao5:
แต่... นิยายเรื่องโปรดจบพร้อมกัน ทำให้ฮึดขึ้นมาใหม่ อยากจะให้ลูกของเราจบบ้าง เอาใหม่ก็ได้วะ
ก้อนดิน&ก้อนหิน Come back
ยิ่งกลับมาอ่านคอมเม้นท์ยิ่งทำให้รู้สึกว่าดีแล้วละที่ไม่เท
ขอบคุณทุกๆ คนที่คอยติดตามเสมอนะคะ มันเป็นกำลังใจที่ทำให้เราสามารถฮึดขึ้นมาใหม่ได้  :pig4:
อย่างที่บอก ถึงจะไม่ใช่นิยายที่ดีที่สุด แต่เราจะพยายามให้ถึงที่สุดค่ะ ฮึบๆๆๆๆ  :katai4:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#ommanymontra  :L2: :กอด1: :L1: :pig4:
#Gamemy รักกกเหมือนกันค่ะ เอร๊ยยย ดีใจ แค่มีคนชอบบ้างก็ปลื้มมากแล้วค่ะ  :กอด1:
#kratair มาแล้วค่า  :กอด1:
#mild-dy  :L2: :กอด1: :L1: :pig4:
#ซีเนียร์  :L2: :กอด1: :L1: :pig4:
#♥►MAGNOLIA◄♥ ทีมหมา ทาสหมาค่ะ 5555 มีความอยากเลี้ยงมาก แต่อยู่หอ เลี้ยงไม่ได้ ถถถ มาเลี้ยงในจินตนาการเอาแล้วกัน ทั้งหมาทั้งมัง(กร) เลย มาแล้วนะคะ  :L2:
#Billie  :L2: :กอด1: :L1: :pig4:
#suikajang 55555 เค้าขอโทษ ไม่ดราม่าหรอกค่ะ จริงจริ๊งงงงงง แม่มันก็โดนวางยาเหมือนกันค่ะ ไฟล์พัง ถถถ กว่าจะกลับมาเขียนใหม่ได้ต้องใช้เวลาทำใจ นอยด์หนักมาก แต่ก็มาแล้วน้าาาา  :mew1:
#MayA@TK 5555555 มาแล้วค่า ไม่ต้องลุ้นแล้ววว (มั้ง)  :L1:
#shoi_toei เอร๊ยยย ยังมีให้ลุ้นอีกกก แค่กๆๆ  :katai5:
#HISY มันคือ.... โปรดติดตามตอนต่อไป๊ // โดนตบ 5555  :katai5:
#mayamay มอบมงให้เลยค่ะ เก่งมากกกกกกกกกกกก  :L2: :L2: :mc4: :mew1:
#DeShiWa 55555 ดินหมดสติ คงไม่ให้แปลงร่างแล้วค่ะ เหนื่อยกับการคิดสายพันธุ์ 55555  :really2:
#alternative วสุมาแล้วค่ะ หุๆๆๆ  :hao3:
#•♀NoM!_KunG♀• ความใฝ่ฝันเลยค่ะ อยากขี่เหมือนกัน อยากกอด อยากฟัดดดดดดด  :impress2:
#Yara คิดดูสิคะ ได้ฟัดทั้งฝูง โอ๊ยยยย ฟินนนน  :impress2:
#duck-ya วสุมาแล้วค่ะ ไฟล์น้องดินงอแง ฮือออ งอนลูก  :ling1:
#poppycake อยากกอดทั้งฝูงเล้ย 5555555555555
#Ryu7801 เกือบได้เป็นค่ะ ถถถ  :hao5:
#prangasia มาแล้วค่า ขโมยได้ แต่ก้อนหินจะยอมไปด้วยไหมอีกเรื่องค่ะ 5555  :laugh:
#takara ดินโดนพี่มันรังแกค่ะ ถถถ  :ling1:

รวบกอดด้วยฟามร๊ากกกก แล้วกระดึบต่อไป

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 24-07-2017 18:19:00
ก้อนดินน่ารักน่าฟัดมากกกกกกกกกก
จิตใจดี กล้าหาญ

พี่ไซตกหลุมรักระดับฝังกลบเลยจ้ะ

มิน่าล่ะ พี่ไซถึงห่วงและหวงขนาดนี้


ปล. คุณนักเขียน maneetewa ที่รัก

อย่าค่ะ อย่าเทน้องหมา น้องแมว น้องมัง(กร) น้องนก และคนอ่านตาดำ ๆ เลย
ส่งกำลังใจให้เสมอ ๆ ๆ ๆ ๆ ชอบเรื่องนี้มาก ๆ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 24-07-2017 19:29:37
ที่แท้จุดเริ่มต้นความรักก็มาจากตอนนั้น...
คนเขียนเข้าใจคิดค่ะ ชื่อกับร่างที่แปลงเข้ากันม๊ากมาก (หัวเราะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 24-07-2017 19:53:11
 :L2:  สู้ๆ จร้า เป็นกำลังใจให้น่ะค่ะ  :L1:
พอได้มาอ่านในมุมของพ่อไซ ก็เข้าใจแล้วละ เขาผูกพันธ์กันมาอย่างนี้นี่เอง
แหมะชื่อเรือนคุ้นๆ เน๊าะ พ่อไซน่ารักมากอะ  :mew1:

 :pig4: ขอบคุณมากๆ สำหรับการแต่งนิยายมาให้เราอ่าน สำหรับเรานะ ถือว่าเป็น
นิยายที่สนุก มีรอยยิ้ม ตัวหนังสือที่บรรรยายออกมาทำให้เราจิตนาการตาม
เห็นภาพ สนุกร่วมไปกับตัวละคร ทำให้เรารู้สึกรักตัวละคร อยากติดตามต่อ
ว่าจะเป็นยังไงต่อ มีเรื่องให้เราลุ้น คิดตาม มโนไปก่อนอีก 555+
เนื้อเรื่องก็ผูกกันได้สุดยอดมาก ทั้งเรื่องชื่ออาณาจักร ชื่อตัวละคร แล้วโรค
ประหลาด วิธีการรักษา โอ้...เธอคิดได้อย่างไร  :m20: รายละเอียดไม่ทิ้งเลย
เราไม่รู้นะว่านิยายที่ดีที่สุดต้องเป็นยังไง แต่สำหรับเราขอแค่อ่านแล้วสนุก
ไปกับตัวหนังสือที่ผู้แต่งทุกคนแต่ง ทำให้เราอยาก ติดตาม ลุ้นว่าจะเป็นไงต่อ
มียิ้มตาม ร้องไห้ตาม หัวเราะจนลั่นได้ มีความสุข ทุกครั้งที่ได้อ่าน
บางเรื่องก็อ่านซ้ำๆ ได้ไม่มีเบื่อ  :katai3:
แหมะพล่ามซะยาวเลย เก็บกดไรป่าวหว่า  ไม่มีไรหรอกแค่อยากเป็น
อีกหนึ่งกำลังใจ และหนึ่งแฟนคลับน้องหิน อิอิ  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 24-07-2017 19:56:44
ที่แท้ไซเลอร์นั่นเอง ถึงว่าทำไมทำหน้าเศร้าตอนแปลงร่างแบบเพื่อน
แต่แหมพี่แกเล่นผูกจิต จับจองขนาดนี้ 55555
ถ้าน้องไม่เป็นผู้ถูกเลือกก็ไม่ได้เจอกันนะสิ หรือพี่แกรู้ว่าน้องถูกเลือก(?)
รอติดตามตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-07-2017 20:23:06
 o13 ขอใหักำลังใจคุณนักเขียน maneetewa  และขอบคุณมากครับสำหรับนิยายคุณภาพ.  o13


 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 24-07-2017 21:41:29
โห ก้อนดินถูกจองตัวมาตั้งนานแล้วนี่เอง นึกถึงตอนที่ไซเลอร์ต้องกลับแล้วสงสารก้อนดินอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-07-2017 22:00:41
รักจริงหวังแต่งมากเลย ไซเลอร์ถึงขนาดผูกจิตไว้ ทำเรือนวสุธาไว้รอ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าจะเจอกันอีกมั้ย สุดๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-07-2017 22:32:55
ไซเลอร์ ผูกจิตกับก้อนดินนี่เอง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ก้อนดินสลบเลย ก้อนหินร้องไห้ เป็นห่วงก้อนดินมากเลยสินะ
ก้อนดินจิตใจดีงามมากๆเลย
อยู่ที่นี่ไม่มีใครที่ร้ายๆ มาทำร้ายก้อนดินเหมือนตอนอยู่บ้านไฟ

คุณหญิงแม่ไฟ ก็ร้ายกาจนะ  ผู้ใหญ่ใจร้าย
เกลียดก้อนดิน ทุบตีเด็กแบบไม่มีเหตุผล
คุณหญิงก็เหมือนพวกติดยา ใจร้ายรังแก คน สัตว์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-07-2017 00:06:48
นี่คงไม่ใช่ภารกิจที่ต้องกลับมาหรอกนะ ก้อนดินจะบินได้หรา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-07-2017 02:39:22
 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 25-07-2017 08:02:48
ดีใจที่มาต่อ รออ่านอยู่นะ :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 25-07-2017 08:48:34
แล้วยังไงต่อ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 25-07-2017 09:11:27
มาให้กำลังใจ

เรื่องสนุกมากๆ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-07-2017 11:39:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 25-07-2017 15:00:43
จุดเริ่มต้นของความร้ากกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 25-07-2017 15:32:58
 :monkeysad: ตอนรู้ว่าวสุหายไปดินต้องเสียใจมากแน่เลย ฮรือออ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-07-2017 22:19:52
อื้อหือ มีที่มาาาาที่แท้นางจองของนางไว้นานล่ะ

ขอบคุณ คนสวย ที่ไม่สวยที่ไม่เทเด็ก ๆ น้าาา

รออ่านเสมอจ้า ไฟท์ Y
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 26-07-2017 07:32:01
มีความหลังที่ลึกซึ้งมากมายยยยยย
มีน่าไซเลอร์ถึงหวงเบอร์นี้ คือนางจองไว้ตั้งแต่เปนวสุแระไง 5555555
ปล. แอบสงสารก้อนหินเบาๆ โถ่วๆๆ ไม่ร้องๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 27-07-2017 00:55:18
เค้าผูกพันธ์กันจัง งื้อน่ารักกกก  :hao5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Deery ที่ 27-07-2017 06:13:36
มีความจริงใจ รักจริงหวังแต่ง
มาอัพอีกนะ กำลังสนุกเลย  :call:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 27-07-2017 22:32:19
น้ำตาจิไหลสงสารพระเอก :hao5:
บทนี้น้องหินไม่มีบทนะจ๊ะ :hao3:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 27-07-2017 22:49:45
เรียนกะปั่นงานมาอย่างหนักได้มาอ่านชื่นใจทั้ง2ตอนฟินมากกก
ถึงว่าทำไมไซเลอร์รู้จักดินมาก่อน หินเอ้ยยยยยยย
โดนแย่งแม่แถมได้พ่อใหม่แบบล้านเปอร์เซ็น
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 23 แรกพบ (24/7/2017) P.14
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 28-07-2017 08:52:01
บทที่ 24 จำจาก

“ไซเลอร์!!! ทำไมสภาพเจ้าถึงได้เป็นแบบนี้?”

เสียงของชเนาเซอร์ที่สื่อสารมาทางจิตดังขึ้นอย่างตกใจเมื่อกลับมายังจุดนัดพบแล้วเห็นสภาพของข้าที่ยังคงพันผ้าพันแผลไว้ นี่ถ้าได้มาเจอสภาพของข้าก่อนหน้านี้สักอาทิตย์คงจะตกใจหนักกว่านี้เป็นแน่ เพราะตั้งแต่สามารถใช้ร่างแปลงได้ ข้าก็ไม่เคยหมดสภาพขนาดนี้มาก่อน

“เดี๋ยวข้าเล่าให้ฟังพร้อมกันทีเดียว แล้วทางฝั่งของเจ้าได้ข่าวอะไรบ้างไหม” ข้าถามด้วยความกังวล เพราะร่างกายข้าได้รับบาดเจ็บ ทำให้ไม่สามารถช่วยตามหาได้อย่างเต็มที่ จึงอดจะรู้สึกเป็นกังวลและอดจะรู้สึกผิดไม่ได้

“ในเขตที่ข้ารับผิดชอบข้าพยายามวนหาตั้งหลายรอบก็หาไม่พบ ขนาดข้าไล่หาทั่วเขตที่เราทั้งคู่รับผิดชอบก็ยังไม่มีวี่แววเลย เฮ้อ! คงต้องรอดูฝั่งมาสทิฟฟ์กับพรีซาและทีมอื่นๆ อีกที เผื่อจะมีใครสักคนหาพบก็ได้” ชเนาเซอร์ตอบด้วยสีหน้าขัดใจที่ไม่พบเป้าหมายที่เราตามหา

“อืม ยังไงก็ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยหาเผื่อในส่วนของข้าด้วย ข้าขอโทษที่แทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“เฮ้ย! ไม่เป็นไร ที่จริงข้าก็หาโอกาสเปิดหูเปิดตาด้วยแหละ แหะๆ ข้าซะอีกที่ต้องขอโทษที่ไม่เอะใจตอนที่ตระเวนหาเข้ามาในเขตเจ้าแล้วไม่ได้กลิ่นของเจ้า ไม่งั้นถ้ามาช่วยเจ้าเร็วกว่านี้ เจ้าก็คงไม่ต้องบาดเจ็บแบบนี้” ชเนาเซอร์บอกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอก ข้าโชคไม่ดีเอง ขืนให้เจ้ามาช่วยในร่างนี้เจ้าอาจจะแย่ไปด้วย แค่เจ้าช่วยทำหน้าที่ในส่วนของข้า ข้าก็ขอบใจเจ้ามากแล้ว ไม่เช่นนั้นข้าคงจะรู้สึกผิดมากไปกว่านี้”

“เจ้าก็อย่าคิดมากเลย มันเป็นเหตุสุดวิสัยนี่นา”

“อืม...” แต่ถึงยังไงก็ต้องขอบคุณชเนาเซอร์จริงๆ ที่ช่วยทำหน้าที่ในส่วนของข้าด้วย

“งั้นไปกันเถอะ ป่านนี้คนอื่นๆ คงรอกันแล้ว เจ้าพอจะลุกไหวไหม” ชเนาเซอร์ถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย

“...”

“มีอะไรรึเปล่าไซเลอร์” พอเห็นข้าเงียบและมีสีหน้าเป็นทุกข์ชเนาเซอร์ก็ถามด้วยความแปลกใจ

“ข้า... เป็นห่วงก้อนดิน” ข้าตอบแล้วถอนหายใจด้วยความหนักใจ

“ห๊ะ! ก้อนดิน? คืออะไร” ชเนาเซอร์ถามอย่างงงๆ

ข้าจึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่ได้พบให้ชเนาเซอร์ฟังก่อน

“อะไรนะ? เจ้าสร้างสัญญาผูกจิตกับเขาไปแล้ว!!!” เมื่อฟังจบ ชเนาเซอร์ก็ถามด้วยความตกใจ

“ใช่” ข้าตอบรับอย่างหนักแน่นและมั่นใจว่าข้าทำถูกต้องแล้ว และจะไม่มีวันเสียใจไปชั่วชีวิต

“ชนาเซอร์”

“หือ” ชเนาเซอร์ขานรับทั้งๆ ที่ยังดูมึนๆ กับเรื่องที่ข้าเล่าให้ฟังอยู่

“ข้า... ไม่อยากกลับ” ข้ายังไม่อยากทิ้งก้อนดินไปในตอนนี้เลย

“เฮ้อ! ข้าก็พอเข้าใจนะไซเลอร์ แต่แผลของเจ้ายังไม่หายดี ยังไงก็ต้องกลับไปรักษาตัวก่อน อีกอย่าง... เรายังมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ” ชเนาเซอร์บอกอย่างลำบากใจ

“ข้ารู้” รู้ดี แต่หัวใจมันไม่อยากจะยอมรับ

“เฮ้อ! เอาเถอะ กลับไปจัดการอะไรให้เรียบร้อยก่อนค่อยหาทางกลับมาหาก้อนดินของเจ้าก็แล้วกันนะ ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว ไปเถอะ เดี๋ยวพรีซาจะกินหัวเอา” ชเนาเซอร์ตบบ่าข้าเหมือนจะให้กำลังใจ

หัวใจข้าหนักอึ้งขึ้นมาทันที ถ้าก้อนดินกลับมาไม่พบข้าจะเป็นยังไง ข้ารู้แต่ว่าเขาจะต้องเสียใจมากแน่ๆ เพราะก้อนดินห่วงใยวสุของเขาเหลือเกิน

ข้าอยากจะทิ้งทุกอย่างแล้วอยู่รอก้อนดินที่นี่

“ไซเลอร์”

แต่ก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะข้าไม่อาจทิ้งหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบไปได้

ข้าหลับตาลงอย่างปวดร้าว สูดลมหายใจรับกลิ่นของก้อนดินที่ยังเจือจางอยู่ในอากาศเพื่อประทับไว้ในหัวใจ

ได้แต่เอ่ยคำขอบคุณและคำลาในใจ

อีกคำที่คงติดค้างก้อนดินไปจนวันตาย

คือคำว่า ‘ขอโทษ’

ขอโทษนะก้อนดิน

ข้าขอโทษที่ไม่สามารถทำตามคำขอของเจ้าได้

ขอโทษที่ไม่สามารถรอเจ้าอยู่ตรงนี้

ขอโทษที่ไปอยู่กับเจ้าไม่ได้

ข้าขอโทษนะ ‘ก้อนดินของข้า’

ข้าได้แต่หวังว่าสักวันจะได้เอ่ยทุกคำที่อยู่ในหัวใจให้เจ้ารับฟังด้วยตัวของข้าเอง

ก่อนจะตัดใจลืมตาขึ้นมาบอกกับชเนาเซอร์ด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

“ไปกันเถอะ”



หลังจากภารกิจเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี เนื่องจากทีมที่รับผิดชอบเขตอื่นพบเป้าหมายแล้วสามารถพากลับไปคืนยังอาณาจักรรุคได้อย่างปลอดภัย

ทีมของเราก็กลับมาที่เคลเบรอส ข้าเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้เพื่อนและครอบครัวของข้าฟังอย่างละเอียด ทุกคนยอมรับการตัดสินใจในการผูกจิตของข้า เพราะสำหรับชาวเคลเบรอส ถ้าใครมีบุญคุณต่อเราแล้ว เราต้องตอบแทนให้ถึงที่สุด สำหรับข้า ถ้าในตอนนั้นไม่ได้พบกับก้อนดิน ป่านนี้ข้าก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้

พอรักษาตัวจนหายดีแล้ว ก็มีภารกิจประเดประดังเข้ามาอีกมากมายให้เราต้องจัดการ เนื่องจากปีนี้เป็นปีอธิกมาส ประตูมิติมีความแปรปรวนมากกว่าช่วงปีอื่นๆ ทุกทีมจึงต้องทำหน้าที่กันอย่างหัวหมุน ต้องค้นหาผู้ที่หลงมิติมาเพื่อส่งกลับไปยังมิติเดิม

โดยเฉพาะกลุ่มมนุษย์ที่หลงมาแล้วได้รู้เรื่องของมังกรมรกตและคิดจะใช้ประโยชน์จากเกล็ดของมันในทางมิชอบ ทั้งสามอาณาจักรจึงต้องร่วมมือกันค้นหาและจับตัวส่งกลับอย่างเร่งด่วนที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภัยต่อสิ่งมีชีวิตมิติอื่นๆ นอกจากนี้เรายังต้องข้ามไปรับคนจากมิติของเราที่หลุดไปยังมิติอื่นกลับมายังดินแดนไวเวิร์นเหมือนเดิมอีกด้วย

แต่ยังไม่มีภารกิจไหนที่ต้องกลับไปที่มิตินั้นอีกสักครั้ง แม้จะเป็นเรื่องที่ดีที่ประตูมิติของที่นั่นมั่นคง แต่ข้าก็อดไม่ได้ที่จะนับวันเฝ้ารอที่จะได้กลับไปที่นั่นจนแทบจะคลั่งใจตาย ได้แต่ทนทุกข์ทรมาน กระวนกระวายใจ เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ก้อนดินจะเป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า ป่านนี้แล้วจะลืม ‘วสุ’ ไปของเขาแล้วหรือยัง

จนวันหนึ่งโชคชะตาก็เข้าข้างข้า เมื่อทีมของเราได้รับภารกิจใหม่ให้ไปส่งตัวมนุษย์ที่หลงมาจากมิตินั้น ท่านมอลทีสสั่งให้เราไปในร่างมนุษย์ได้ แต่ให้ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าไป เพราะคืนนั้นเป็นคืนฮัลโววีน ท่านมอลทีสบอกว่ามันเป็นเทศกาลที่มนุษย์บางกลุ่มในโลกนั้นจะจัดงานเลี้ยงที่ต้องแต่งตัวแปลกๆ ไปร่วมงานพอดี

หลังจากที่ข้าและเพื่อนๆ จัดการภารกิจส่งคนกลับที่เดิมเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากยังเหลือเวลานัดอีกเล็กน้อย ข้าจึงขอเพื่อนๆ แวะไปหาก้อนดินก่อน อยากไปดูให้เห็นกับตาว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า ถ้าเขาสบายดีข้าจะได้สบายใจขึ้นบ้าง

“เจ้าไปเถอะ ข้าจะรอที่จุดนัดพบแล้วกัน” พรีซาบอกและตบบ่าอย่างเข้าใจ

“เฮ้ย! เดี๋ยวสิไซเลอร์”

ข้าไม่สนใจเสียงเรียกของพรีซา ได้แต่รีบวิ่งไปยังสถานที่ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับก้อนดินอย่างรวดเร็ว

เมื่อไปถึงข้าได้แต่ยืนนิ่ง เพราะตรงซุ้มต้นไม้ที่ข้าเคยพักรักษาตัว จากที่เคยเป็นป่ารก ตอนนี้ถูกถางจนโล่งเตียน เหมือนเตรียมจะสร้างอะไรสักอย่าง เห็นแล้วอดรู้สึกใจหายไม่ได้ เพระที่นี่ถือเป็นสถานที่แห่งความทรงจำของข้ากับก้อนดิน

ข้ายืนนิ่งเงี่ยหูฟังสิ่งต่างๆ รอบตัว ก่อนที่จะวิ่งไปยังทิศทางที่เสียงดนตรีลอยตามลมมา ได้แต่หวังว่าจะได้พบก้อนดินที่นั่น เพราะเวลาเหลือน้อยเต็มที

เมื่อมาถึงจุดกำเนิดของเสียงดนตรี ก็พบกับกลุ่มคนที่แต่งตัวประหลาดๆ อย่างที่ท่านมอลทีสได้บอกไว้อยู่ในสนามหญ้าโล่งๆ ที่ประดับด้วยไฟสลัวๆ ทั่วสนามซึ่งกว้างพอที่จะจุคนได้หลายร้อยคน ซึ่งตอนนี้แต่ละคนกำลังเดินกันขวักไขว่ บ้างก็ยืนรับประทานอาหาร บ้างก็พูดคุย หัวเราะกันอยู่แทบจะเต็มพื้นที่

ข้าสอดส่ายสายตามองหาก้อนดิน เมื่อไม่พบก็หลับตาลงรวบรวมสมาธิสูดหากลิ่นอันคุ้นเคย

ก้อนดินอยู่นี่... เขาอยู่ที่นี่

ข้าลืมตาขึ้นมาด้วยความยินดี

ข้ารีบเดินตามกลิ่นไป จนได้เห็นก้อนดินยืนคุยอยู่กับใครคนหนึ่งใกล้ๆ กับซุ้มเครื่องดื่ม เขาดูตัวสูงกว่าครั้งสุดท้ายที่เจออีกเล็กน้อย

คิดถึงเหลือเกิน

ด้วยความคิดถึงที่ล้นใจ ทำให้ข้าเผลอเดินไปจับแขนก้อนดินไว้อย่างไม่รู้ตัว

“หือ? ใครน่ะ” ก้อนดินถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ ก่อนจะเอียงคอมองแล้วถามต่อ

“แต่งชุดอะไรหว่า มนุษย์ล่องหนเหรอ” ก้อนดินยิ้มให้อย่างสดใสจนข้ารู้สึกตาพร่าไปชั่วขณะ

“ว่าแต่ใครเนี่ย” ก้อนดินก้มตัวลงแล้วชะโงกหน้ามาส่องหน้าของข้า

แต่มนต์บังหน้าที่พรีซาร่ายไว้ยังคงอยู่ จึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของข้าได้

ให้ตายสิ! ข้าลืมไปเสียสนิท อยากจะรีบมาให้ก้อนดินเห็นหน้า อยากให้เขาจดจำข้าในร่างของมนุษย์บ้าง แต่ดันลืมว่ายังไม่ได้ให้พรีซาแก้มนต์บังตาก่อนมา จะแก้เองก็ไม่ได้ในเมื่อสำหรับเวทย์นี้ผู้ใดเป็นผู้ร่าย ผู้นั้นต้องเป็นผู้แก้เท่านั้น

ข้าอยากจะฆ่าตัวเองนัก!

“มองไม่เห็นเลยอะ เดี๋ยวนะ ขอนึกดูก่อน ตัวใหญ่ๆ อย่างกับยักษ์กับมารขนาดนี้น่าจะเป็นนักกีฬาหรือไม่ก็รุ่นพี่” ก้อนดินทำท่าครุ่นคิด

“อืม... ใครหว่า”

“ข้า...”

“ไอ้ดิน” อยู่ๆ ก็มีคนๆ หนึ่งวิ่งแทรกเข้ามาหาก้อนดินอย่างรวดเร็ว พอมาถึงก็จับแขนก้อนดินแล้วลาก

“เฮ้ย! อะไรวะ”ก้อนดินร้องอย่างตกใจ

“มึงรีบไปเลยไอ้ดิน คุณไฟมึงไปหาเรื่องรุ่นพี่ กำลังจะโดนรุมกระทืบแล้ว”

“ห๊ะ! ฉิบหายแล้ว”

“เออ.. ถ้ายังไม่รีบไปฉิบหายแน่ๆ”

จากที่คนๆ นั้นเป็นฝ่ายลากก้อนดิน กลายเป็นก้อนดินเป็นฝ่ายลากคนๆ นั้นไปแทน

พอก้อนดินจะไปข้าก็เผลอยกมือจับแขนเขาไว้แน่น

“ก้อนดิน”

“หือ เดี๋ยวมาทายใหม่นะ พอดีผมมีธุระ ไปละ”

พูดยังไม่ทันจบ ก้อนดินก็ปลดมือข้าทิ้ง แล้ววิ่งจากไป

ข้าได้แต่มองมือที่โดนดึงออก รู้สึกวูบโหวงเหมือนทำของสำคัญหายไป

แต่พอตั้งสติได้ ข้าก็ก้าวขาเพื่อจะวิ่งตามก้อนดินไป

“ไซเลอร์” ชเนาเซอร์แหวกผู้คนตรงเข้ามาหา

“ถึงเวลากลับแล้ว” ข้ามองไปทางที่ก้อนดินวิ่งจากไป แล้วได้แต่หลับตาลงด้วยความปวดร้าว

“ไปกันเถอะ” ชเนาเซอร์ก้าวมาตบบ่าเบาๆ

“อืม”

อย่างน้อย... แค่ได้เห็นว่าก้อนดินมีความสุขดีข้าก็พอใจแล้ว






แต่ข้าคิดผิด...

เมื่อในวันหนึ่ง ข้ามีโอกาสได้กลับมาในมิตินี้อีกครั้ง

หลังจากปฏิบัติภารกิจเรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ยังมีเวลาเหลืออีกหลายวันกว่าจะถึงกำหนดกลับ ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของท่านมอลทีสหรือเปล่า เพราะท่านพูดอะไรแปลกๆ ก่อนที่ข้าจะมา

“อดทนไว้ก่อนนะไซเลอร์”

“ครับ” ถึงจะไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่ข้าก็รับคำด้วยความเคยชิน

ข้าสืบหาที่อยู่ของก้อนดินจากข้อมูลที่เขาเคยเล่าให้ฟังจนพบ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม ก้อนดินจึงน่าจะอยู่ที่บ้าน พอได้โอกาสข้าก็ลอบเข้าไปในบ้านที่ก้อนดินอาศัยอยู่ หวังว่าจะได้เห็นก้อนดินบ้างสักนิดก็ยังดี

“ย่าครับ ดอกมะลินี่ต้องเก็บเยอะไหม”

หัวใจข้าเต้นอย่างยินดี เมื่อได้ยินเสียงของเขา

ข้าแทรกตัวเข้าไปในพุ่มไม้ลอบแอบมองก้อนดินที่กำลังเก็บดอกไม้สีขาวๆ ที่ออกดอกพราวเต็มต้นด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

“เก็บมาแค่เต็มจานก็พอลูก” เสียงหญิงชราในบ้านตอบกลับมา

“คร้าบบบบ” ก้อนดินรับคำด้วยน้ำเสียงสดใสจนข้าอดจะยิ้มไม่ได้

“ดอกมะลินี่หอมจริงๆ เอาไว้สร้างบ้านแล้ว เอาไปปลูกไว้ข้างบ้านดีกว่า” ก้อนดินเก็บดอกไม้ไป ฮัมเพลงไปอย่างอารมณ์ดี

ข้ามองรอยยิ้มสดใสนั้นด้วยความโหยหา

คิดถึง

คิดถึงเหลือเกิน ก้อนดินของข้า

พอเขาเก็บดอกไม้เสร็จก็เดินเข้าบ้านไป ข้าเกือบจะเผลอเดินตามไป แต่ต้องพยายามห้ามใจตัวเองไว้

“แค่นี้พอไหมครับย่า”

ข้าขยับไปหลบอยู่ข้างหน้าต่าง เสียดายที่มองไม่เห็นหน้า แต่ขอแค่ได้ยินเสียงนานอีกสักนิดก็ยังดี

“พอแล้วลูก”

“งั้นดินไปรีดผ้าก่อนนะครับ”

“จ้ะ ขอบใจมากนะลูก”

“คร้าบบบบ” แล้วเสียงฝีเท้าของก้อนดินก็ไกลออกไป พร้อมทั้งกลิ่นของเขาก็จางลง

ข้าหลับตาลงซึมซับกลิ่นของก้อนดินที่ยังเจือจางอยู่ทั่วบริเวณด้วยความคิดถึง แต่ในขณะที่กำลังจะหันหลังกลับไปที่จุดนัดพบ คำพูดของคนข้างในที่เอ่ยชื่อก้อนดินก็ทำให้ข้าชะงักและหยุดฟังทันที

“ดีจังนะนม ที่ก้อนดินมันกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมได้” เสียงของหญิงสาวด้านในพูดขึ้นมา

“เฮ้อ! นั่นสิ เห็นมันกลับมาเป็นเหมือนเดิม ฉันก็โล่งใจ” หญิงชราที่คุยกับก้อนดินในตอนแรกตอบกลับไป ข้าเดาว่านางน่าจะเป็นย่าของก้อนดินตามที่เขาเคยเล่าให้ฟัง

แต่ฟังบทสนทนาแล้วข้าได้แต่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ทำไมถึงบอกว่าดีขึ้น ก่อนหน้านี้ก้อนดินเป็นอะไร เลยอยู่รอฟังต่อไป

“สงสารดินมัน อยากเลี้ยงหมาก็เลี้ยงไม่ได้ เพราะคุณไฟดันแพ้ขนสัตว์ ตอนที่มันมาเล่าว่าเจอหมาหลงมานี่ตาเป็นประกายเชียว ดีที่ช่วงนั้นคุณไฟไม่อยู่ เรื่องก็เลยไม่แตก ดูมันมีความสุขมากจนฉันอดจะยิ้มไปกับมันไม่ได้ ต้องคอยแอบช่วยห่อข้าวห่อน้ำให้มันเอาไปเลี้ยงหมา กลัวคุณหญิงรู้แทบตาย ยิ่งพอมันบอกว่าครูเทพยอมให้ไปฝากหมาไว้ที่ค่ายมวยได้มันก็ดีใจใหญ่ ขนาดโดนคุณหญิงตียังไม่สลดเลย แต่วันที่หมาตัวนั้นหายไป วันที่ก้อนดินกลับมาในสภาพตัวเปียกโชก ฉันก็สงสารมันมากเลยค่ะนม”

“อืม... วันที่หมาตัวนั้นหายไป พอกลับมาถึงก้อนดินก็กอดฉันไว้แล้วก็เอาแต่ร้องไห้ ปากก็พร่ำบอกว่ามันไม่อยู่แล้ว ทั้งๆ ที่ตั้งแต่รู้ความมาก็ไม่เคยร้องหนักขนาดนี้ นึกถึงตอนนั้นแล้วก็สงสารมันจนแทบจะร้องไห้ตามหลานไปจริงๆ” หญิงชราผู้เป็นย่าของก้อนดินเงียบไปก่อนจะพูดต่อ

“มันไปรอหมาตัวนั้นตั้งหลายวันทั้งๆ ที่ไม่สบายอยู่แท้ๆ ฉันมันก็แย่ที่ไม่ได้สังเกตว่าหลานตัวเองป่วย แถมช่วงนั้นก็ดันมีพายุเข้า ฝนก็ตกหนักลงมาทุกวัน มันก็ยังจะไปยืนตากฝนรออยู่ทุกวัน ใครห้ามก็ไม่ฟัง ใครพูดก็ไม่เชื่อ ท่านทูตบอกจะหาหมาตัวใหม่มาให้มันก็ไม่เอา มันบอกว่าจะรอวสุของมัน ดินมันซึมลงทุกวันจนฉันเป็นห่วงแทบจะขาดใจ” นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ส่วนข้า... ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกเหมือนอากาศไม่เพียงพอต่อการหายใจ

“สงสัยช่วงนั้นจิตใจมันคงอ่อนแอเลยทำให้ร่างกายที่เคยแข็งแรงพลอยอ่อนแอไปด้วย จนวันที่มันหมดสติไปเพราะไข้ขึ้นสูงนั่นแหละถึงได้รู้กันว่ามันป่วย มันฝืนไว้เพราะอยากไปรอหมา น่าตีจริงๆ” แม้ปากจะพูดอย่างนั้น แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดู

“นั่นสิคะ วุ่นวายกันทั้งบ้าน คุณไฟกลับมาเห็นสภาพดินแล้วอาละวาดบ้านแทบแตก แต่แปลกนะคะ... พอฟื้นไข้มากลับลืมหมดทุกอย่าง”

อะไรนะ...!!!

“หมอบอกว่าอาจจะเกิดจากสภาพจิตใจ เพราะเสียใจมากเลยทำให้สมองตัดความทรงจำช่วงนั้นออกไปเอง แต่ก็ดีแล้วละ ฉันก็ไม่อยากเห็นก้อนดินมันทุกข์แบบนั้นเลย เห็นแล้วฉันรู้สึกใจจะขาดตามมันไปด้วย”

“นั่นสิคะนม เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เห็นมันกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้วค่อยโล่งใจหน่อย”

ข้าได้แต่ยืนอึ้งกับความจริงที่เพิ่งได้รู้ รู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนใกล้จะขาดใจตาย

เป็นเพราะข้าที่ทำร้ายเขา

เป็นเพราะข้าที่ทำให้ก้อนดินต้องเป็นทุกข์

เป็นเพราะข้าที่ทำให้ก้อนดินเสียใจ

เป็นเพราะข้าคนเดียว

ก้อนดิน... ข้าขอโทษ


ข้าเดินจากบ้านหลังนั้นมาท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย ฟ้าเอาคืนให้ก้อนดินใช่ไหม หากเป็นไปได้ข้ายินดีจะยอมรับโทษทุกอย่าง ถ้ามันจะสามารถทำให้ข้าสามารถย้อนเวลากลับไปอยู่กับก้อนดินได้ เพื่อไม่ให้เขาต้องเจ็บปวด ต่อให้ต้องอยู่กับก้อนดินในร่างแปลงไปจนวันตาย... ข้าก็ยอม

ข้าได้แต่ปล่อยให้น้ำตาร่วงหล่นลงมาปะปนกับสายฝน

ข้าไม่รู้ตัวว่าเดินไปถึงจุดนัดพบได้อย่างไร เมื่อไปถึงเพื่อนๆ ต่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของข้าและรับรู้ถึงสภาพจิตใจที่เศร้าหมองของข้า แต่ข้ายังไม่พร้อมจะเล่าอะไรให้ฟัง เลยได้แต่เงียบและจมอยู่กับความรู้สึกผิดเพียงลำพัง

แต่เมื่อกลับไปถึงบ้านข้าก็มีสติมากขึ้น จึงเล่าทุกอย่างที่ได้รับรู้มาให้ครอบครัวและเพื่อนๆ ฟังพร้อมกันด้วยความทุกข์ใจ ท่านแม่ฟังข้าเล่าไปร้องไห้ไปด้วยความสงสารก้อนดิน

หลังจากนั้น ข้าก็ได้แต่จมอยู่กับความรู้สึกผิดของตัวเอง นับวันก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้น ซึมลงทุกวัน กินไม่ได้นอนไม่หลับ จนร่างกายผ่ายผอมลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ล้มป่วยลงเพราะความตรอมใจ

สมควรแล้วละ ข้าเป็นสาเหตุที่ทำให้ก้อนดินต้องทุกข์ใจและป่วยหนัก ในตอนนี้ข้าล้มป่วยลงบ้างก็ยุติธรรมดี


นับวันอาการของข้าก็ยิ่งทรุดลง ทุกคนในอาณาจักรและเพื่อนๆ ที่เคยปฏิบัติภารกิจร่วมกันอีกสองอาณาจักรก็มาเยี่ยมด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่รักษาด้วยยาหรือด้วยเวทย์อาการก็ไม่ดีขึ้น เพราะอาการของข้าเป็นอาการทางใจ ทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ ของข้าต่างทุกข์ใจไปตามๆ กัน

จนวันที่ท่านมอลทีสกลับมาจากปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนร่วมกับจอมปราชญ์ของอีกสองอาณาจักรเรียบร้อยแล้ว เมื่อกลับมาถึงเคลเบรอสก็ตรงมาเยี่ยมข้าที่บ้านทันที

เมื่อมาถึงห้องของข้า ท่านมอลทีสกลับกวาดสายตามองหน้าเพื่อนๆ ของข้าทีละคน ซึ่งแต่ละคนก็หลบสายตากันไปคนละทางอย่างมีพิรุธ

“หยุดความคิดพวกเจ้าเลยนะ เจ้าพวกลูกหมา” ท่านมอลทีสหันไปเอ็ดเพื่อนๆ ของข้าที่ยังยืนหันหน้าหนีไปคนละทิศละทางด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

ข้าหันไปมองหน้าเพื่อนๆ อย่างแปลกใจ พอหันไปมองท่านมอลทีสด้วยความสงสัย ท่านก็บอก

“เจ้าพวกนี้วางแผนจะไปขโมยก้อนดินมาที่นี่” ข้าเบิกตากว้างอย่างตกใจ พอเห็นแต่ละคนทำหน้าเกรงๆ ใส่ท่านมอลทีสก็อดจะทั้งขำและซาบซึ้งกับความหวังดีของเพื่อนๆ ไม่ได้

ทั้งๆ ที่รู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดกฎอย่างร้ายแรง หากทำลงไปจริงๆ แล้วจะต้องรับโทษหนักก็ยังคิดที่จะทำเพื่อข้า ยังดีที่ตอนนี้ท่านพ่อ ท่านแม่ กับท่านพี่ไซรอสติดธุระสำคัญเลยไม่ได้อยู่ด้วย ไม่เช่นนั้นคงโดนท่านพ่อเอ็ดอีกคนเป็นแน่

ข้านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหันไปถามสิ่งที่คิดและตัดสินใจไว้ตั้งแต่เริ่มล้มป่วยกับท่านมอลทีส

“ข้ากลับไปหาเขาได้ไหม” ในเมื่อพาก้อนดินมาไม่ได้ ข้าก็ยืนยันว่าพร้อมจะสละทุกสิ่งทุกอย่าง แม้จะต้องเป็นสัตว์เลี้ยงให้ก้อนดินในร่างแปลงไปชั่วชีวิต... ข้าก็ยอม

“อดทนรอไปก่อนนะ” ท่านมอลทีสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“สักวันเจ้าจะได้รับโอกาสให้ได้อยู่ใกล้เขา” ท่านมอลทีสหัวเราะขำเมื่อเห็นแววตาข้าเป็นประกายขึ้นมา

“เฮ!” ส่วนเพื่อนๆ ต่างก็ส่งเสียงด้วยความดีใจอย่างกับเป็นเรื่องของตัวเอง

“ถึงตอนนั้นก็อย่าปล่อยให้หลุดมือก็แล้วกัน” ท่านมอลทีสพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะเมื่ออาการดีใจของเพื่อนๆ และเห็นแววตาที่เริ่มมีชีวิตชีวาของข้า

“ครับ ข้าจะรอ ถึงวันนั้น ข้าจะไม่มีวันปล่อยมือเขาไปอีกแล้ว ขอบคุณมากครับท่านมอลทีส”

แล้วคำทำนายของท่านมอลทีสก็เป็นเหมือนความหวังหล่อเลี้ยงชีวิตและหัวใจของข้าให้เต้นต่อไป

ระหว่างที่รอเวลาให้คำทำนายเป็นจริง ข้าก็เอ่ยปากขอพื้นที่ตรงริมแม่น้ำจากท่านพ่อท่านแม่และพี่ไซรอส ซึ่งทุกคนก็ยอมยกให้ข้าด้วยอย่างเต็มใจ

ข้าเก็บเงินที่ได้จากการทำงานทุกเหรียญ เริ่มออกแบบและสร้างบ้านในฝันที่ก้อนดินอยากได้ โดยไม่ยอมรับเงินที่ท่านพ่อท่านแม่เสนอมาให้ เพราะข้าอยากสร้างบ้านหลังนี้ให้ก้อนดินด้วยความตั้งใจและความสามารถของข้าเอง

เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ข้าก็ตั้งชื่อว่า “เรือนวสุธา” ตามที่ก้อนดินเคยบอกไว้ แล้วตั้งหน้าตั้งตานับวันนับคืนรอเจ้าของของมันเข้ามาอาศัย

(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 28-07-2017 08:55:15
6 ปีผ่านไป

ข้าและเพื่อนๆ ทีมเฮดีสซึ่งเพิ่งกลับมาจากปฏิบัติภารกิจต่างมิติและกำลังจะไปรายงานตัวกับคิงเกรทเดนที่พระราชวัง ได้รับภารกิจเร่งด่วนให้ตามจับผู้ต้องสงสัยที่ลอบเข้าไปในเขตพระราชวังโดยมีเป้าหมายเพื่อทำอะไรสักอย่าง แต่ถูกจับพิรุธได้ซะก่อน พวกมันหลบหนีไปไปได้ คิงและท่านมอลทีสจึงสั่งให้พวกเราตามจับเป็นเพื่อเค้นหาสาเหตุในการลอบเข้าวังในครั้งนี้

พวกมันทั้งสี่หนีตรงไปทางป่าไวท์ ซึ่งเป็นป่าที่อยู่ใกล้กับภูเขาไฟไวเวิร์น เราจึงต้องรีบตามจับให้ได้เร็วที่สุด เพราะป่าแถบนั้นเป็นป่าทึบ ยิ่งมันหนีเข้าไปได้ลึกเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้ยากต่อการค้นหามากขึ้นเท่านั้น

เนื่องจากบริเวณจุดนั้นเป็นจุดที่ไม่เหมาะที่จะใช้มังกรในการค้นหา เราจึงต้องฝากมังกรไว้ที่หมู่บ้านชายป่าแล้วเข้าไปตามล่าในร่างแปลงแทน เรากลัวว่าหากปล่อยพวกมันไว้กลางป่าแล้วอาจจะเป็นอันตรายได้ เพราะนักล่ามังกรมีอยู่ทุกอาณาจักร ถ้าโชคร้ายพบกับพวกนักล่าที่ไม่ดีเข้า พวกมันอาจจะโดนฆ่าเพื่อเอาชิ้นส่วนไปขายได้

เพื่อความรวดเร็วในการค้นหา เราจึงตัดสินใจแยกย้ายกันออกตามล่า ถ้าใครพบพวกมันก่อนก็ให้เป่าสัญญาณเรียกคนที่เหลือมาช่วย

แล้วก็เป็นข้าที่ได้พบกับพวกมันก่อนคนอื่นๆ

ในตอนนี้ฝีมือข้าพัฒนาขึ้นอีกมาก เลยทำให้สามารถต่อสู้กับพวกมันทั้งสี่ได้อย่างไม่ตึงมือมากนัก

แต่ในระหว่างที่ต่อสู้กันอยู่นั้น ข้ากลับได้กลิ่นอันคุ้นเคย จึงทำให้เสียสมาธิจนมีช่องโหว่ให้มันมีโอกาสตอบโต้ได้ แต่ก่อนที่ดาบจะถูกตัวข้า ก็มีอะไรสักอย่างพุ่งมาปัดมือคนที่กำลังจะฟันลงมาออกได้ทัน หูของข้าได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่น่าจะเป็นคนช่วยเหลือข้าเมื่อครู่กำลังวิ่งหนีไป พวกมันที่สู้อยู่กับข้าก็คงจะได้ยินเช่นกัน เพราะหนึ่งในนั้นผละตัวออกจากการต่อสู้แล้ววิ่งตามไป

โชคดีที่เพื่อนๆ ข้าได้รับสัญญาณแล้วตามมาทัน ข้าเลยผละตัวออกมาเพื่อตามไปช่วย

ยิ่งเข้าไปใกล้กลิ่นที่ได้รับก็ยิ่งชัดเจนจนหัวใจข้าเต้นกระหน่ำ ทั้งแปลกใจและไม่มั่นใจในประสาทสัมผัสของตัวเองขึ้นมาซะอย่างนั้น

กลิ่นของก้อนดิน!!!

มาได้ยังไง???

ข้ารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปให้เร็วขึ้น ภาพที่เห็นทำให้ข้ารู้สึกใจหายวาบ ต้องรีบกระโจนเข้าไปปัดดาบที่เงื้อขึ้นจะฟันก้อนดินออกอย่างรวดเร็ว

ข้าถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นก้อนดินปลอดภัย

โชคดีที่มาทัน ถ้าก้อนดินโดนทำร้ายอีก ข้าคงไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต

ข้าเพิ่งเข้าใจคำสั่งของท่านมอลทีสที่มองข้าด้วยรอยยิ้มและสายตาที่อ่อนโยนก่อนเดินทางมาก็ตอนนี้

“เก็บคนที่เจอในป่ากลับมาด้วยนะ”

ในตอนนั้นข้าได้แต่รับคำด้วยความงุนงง

แต่ตอนนี้ ข้าเข้าใจคำพูดของท่านมอลทีสแล้ว

ต่อให้ท่านมอลทีสไม่บอก ในเมื่อโอกาสมาอยู่ตรงหน้า

ข้าก็จะคว้าไว้ให้มั่น ไม่มีวันยอมปล่อยให้หลุดมือไปแน่!

ข้าได้แต่ยืนมองพรีซาซักไซ้ก้อนดินอย่างมีความสุข ที่จริงแล้วข้าอยากจะเข้าไปกอดก้อนดินด้วยความคิดถึง แต่พยายามห้ามตัวเองไว้ ก้อนดินไม่รู้จักข้าในร่างนี้ ต่อให้เป็นร่างแปลง ตอนนี้เขาก็จำไม่ได้แล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากจะปลุกความทรงจำที่ทำให้ก้อนดินเป็นทุกข์ขึ้นมาอีก

ถึงก้อนดินจะลืมข้าก็ไม่เป็นไร... ข้าจะสร้างความทรงจำดีๆ ร่วมกันขึ้นมาใหม่เอง คราวนี้ข้าจะเป็นฝ่ายดูแลปกป้อง และจะทำให้ก้อนดินมีความสุขมากที่สุด

ข้าสาบาน...

เพื่อนๆ ทุกคนรู้จักก้อนดินดี เพราะระหว่างที่รอมา 6 ปี เมื่อต้องไปทำภารกิจที่มิตินั้นทีไร แต่ละคนจะผลัดกันตามข้าไปดูก้อนดินด้วยทุกครั้ง

ข้าแค่ให้แกล้งทำเป็นไม่รู้จัก ไม่ใช่บอกให้แกล้งแบบนี้ เพื่อนๆ แต่ละคนของข้าขี้แกล้งจะตายไป โดยเฉพาะพรีซา แกล้งจนก้อนดินทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ข้าเลยต้องยื่นมือเข้าช่วย

ถ้าก้อนดิน ‘ของข้า’ ตกใจหนีไปจะทำยังไง

ยิ่งได้อยู่ใกล้ก้อนดินข้าก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นทุกวัน

ข้าชอบรอยยิ้มที่สดใสของก้อนดิน

ดีใจที่ก้อนดินตกอยู่ในอ้อมกอดเมื่อขึ้นบนหลังไซรัสแล้วทรงตัวไม่ได้ ข้าแอบฉวยโอกาสกอดและสูดกลิ่นของเขาเอาไว้ด้วยความอิ่มเอม

ดีใจที่สุดที่ก้อนดินชอบเรือนวสุธาที่ข้าสร้างไว้รอ แม้ว่าเขาจะจำไม่ได้ก็ตาม

ชอบเวลาที่ก้อนดินกางปีกปกป้องก้อนหินเหมือนที่เขาเคยปกป้องวสุ

ชอบสีหน้าจริงจังเวลาที่ก้อนดินตั้งใจฝึกฝีมือหรือตั้งใจทำอะไรสักอย่าง

ชอบเวลาที่ก้อนดินทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกทุกคนล้อ ทำหน้าเหมือนอยากตอบโต้ แต่ไม่กล้า ทั้งน่าขำและน่าเอ็นดูเป็นที่สุด

ชอบเวลาที่ก้อนดินมีสีหน้าขัดเขินเมื่ออยู่ใกล้กัน เพราะมันบ่งบอกว่าก้อนดินเริ่มจะมีใจให้ข้าบ้างแล้ว

มีความสุขแทบสำลักเมื่อได้จูบกันครั้งแรก

ห่วงใยจนแทบบ้าเมื่อก้อนดินอยู่ห่างสายตา

หึงหวงแทบคลั่งเมื่อมีใครสักคนเข้าใกล้ก้อนดิน


“ก๊าส” เสียงร้องของก้อนหินทำให้ข้าหลุดออกจากภวังค์ เมื่อมองไปก็พบว่าก้อนดินลืมตาขึ้นมาและกำลังมองก้อนหินที่โผเข้าไปกอดแล้วถูกับตัวด้วยแววตาอ่อนโยน

“หิน” ก้อนดินเรียกก้อนหินแล้วลูบหลังมันเบาๆ ก่อนที่แววตาคู่นั้นจะหันมามองข้านิ่งๆ แล้วเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาคล้ายไม่มั่นใจ

“วสุ”

ได้ยินแล้วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งหัวใจ

ก้อนดินจำได้จริงๆ

ในตอนนี้ข้ากลัวเหลือเกิน

กลัวว่าจะไม่ได้รับการให้อภัยที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องเสียใจ

กลัวว่าจะเสียเขาไป

ข้าอาจจะเคยเป็นต้นเหตุที่ทำให้เจ้าเป็นทุกข์ แต่ขอร้องได้ไหม อยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะนะก้อนดิน

ชีวิตของข้า หากไม่มีเจ้าแล้ว ก็คงเหมือนร่างที่ไร้หัวใจ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

นี่คือสาเหตุว่าทำไมทุกคนถึงรู้ ถึงได้ชอบแซวดินกันนัก ทำไมครอบครัวไซเลอร์ถึงต้อนรับก้อนดินเป็นอย่างดี ทุกคนรู้ว่าไซเลอร์ผูกจิตกับดินไปแล้ว กลิ่นของดินก็จะติดอยู่ที่ตัวไซเลอร์ อีกอย่างทุกคนก็รู้ดีว่าดินเคยช่วยพี่ไซไว้
พี่ไซแกชัดเจนมาตลอดค่ะ  :hao3:

เสียอย่างเดียว เคยทิ้งน้อง ถถถ ดินของแม่ พี่มันทำร้ายจิตใจใช่ไหม เดี๋ยวแม่จัดการให้  :z6:

เคยเจอพวกสัตว์จรไหมคะ อย่างหมาหรือแมวจรที่ผอมโซหัวโตเหมือนหลงมา พอเจอเราก็จะพยายามช่วยหาข้าวหาน้ำให้มันกิน ตอนแรกๆ ก็ให้ห่างๆ สักพักก็เริ่มเข้าใกล้ได้เรื่อยๆ เจอกันบ่อยๆ จนเป็นความเคยชิน

แล้ววันหนึ่งมันก็หายไป ไปหาที่เดิมก็ไม่เจอ หารอบๆ ก็ไม่เจอ รอก็ไม่มา ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง ทั้งเป็นห่วง ทั้งกังวล จนบางทีถึงกับนอนไม่หลับ เผลอรู้สึกผูกพันไปโดยไม่รู้ตัว มาทำให้รักแล้วก็จากไป งอนนนนน  :mew6:
 
เลยคิดว่าไม่เจอกันซะยังจะดีกว่า ถ้าลืมได้หรือ Skip ให้ผ่านไปเลยก็ดี จะได้ไม่เป็นทุกข์

ยิ่งช่วงหน้าฝนนี่ต้องภาวนา อย่าไปเห็นรังนกหล่น เวลาช่วยได้ก็ดีไป ช่วยไม่ได้เลี้ยงไม่รอดก็จิตตกไปสิ  :katai1:

มันคือที่มาว่าทำไมถึงให้น้องดินต้องลืม จะมีใครเข้าใจความรู้สึกเราไหม มันเสียใจจริงๆ นะ ฮืออออ  :hao5:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
[/color]

#mild-dy   :pig4: :L2: :L2: :กอด1: :L2: :L2: :pig4:
#alternative น้องดินน่ารักจริงๆ ค่ะ แอบหลงลูกตัวเอง ถถถ กราบแนบอกและกอดคุณนักอ่านที่รัก ดีใจที่ชอบและแวะมาเม้นท์ให้กำลังใจลูกๆ และแม่มันเสมอๆ ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆ+++++ เช่นกันค่ะ  :L1:
#sirin_chadada บอกแล้วไงคะ พี่ไซแกรอของแกมานานเหมือนกัน ส่วนชื่อนั้นอ่านปุ๊บนึกถึงร่างแปลงได้เลยค่ะ 55555  :laugh:
#suikajang อ่านเม้นท์แล้วก็ยิ้มหน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยค่ะ 55555 รู้สึกเหมือนเลเวลอัพ เดี๋ยวตอนต่อไปจะรีบมาอย่างไวตามความคึกของแม่มัน กร๊ากกกก ขออ่านทวนอีกแป๊บบบบนะคะ
งื้อ ดีใจที่ชอบ ที่รักลูกๆ ของเรา ขอบคุณที่ติดตามอาณาจักรแห่งรักของเรามาโดยตลอด คนอ่านแต่ละคนคอมเม้นท์แต่ละเม้นท์ถือเป็นกำลังใจชั้นดีในการเขียนในการจินตนาการต่อไปเลยค่ะ
เวลาเขียนเราเขียนอย่างมีความสุข ถึงจะเครียดบ้างเวลาคิดไม่ออกและติดขัดกับอะไรสักอย่าง ขอแค่คนอ่านชอบบ้าง มีความสุขไปกับเรื่องของเราก็ปลื้มมมมมากกกกแล้วค่า สัญญาว่าจะเข็นให้จบอย่างแน่นอน กราบแนบอกและกอดแน่นๆ อีกหลายๆ ที  :L1: :กอด1:
#badbadsumaru 55555 พี่ไซแกกลัวโดนเทค่ะ เพราะเคยทำให้น้องเสียใจมาก่อน คนมีความผิดติดตัวก็งี้แหละ ถถถ มาแล้วนะคะ กระดึบมาต่อเรื่อยๆ  :katai5:
# ommanymontra ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาเลย กอดดดดดดดด  :กอด1:
# MayA@TK สงสารน้องดินจริงๆ ค่ะ ถถถ ลูกแม่
# Yara จองตัวไว้นานมากกกก ทำน้องเสียใจก็ต้องรับผิดชอบค่ะ
# ♥►MAGNOLIA◄♥ ดินน่ารักจริงๆ ค่ะ อยากเป็นแบบนี้ คิดบวกมากกกก คิดในแง่ดีแล้วจะมีความสุข แอบหลงลูกตัวเองเล็กน้อย 5555 ส่วนคุณหญิงนั้นเธอพาลจริงๆ ค่ะ เป็นคนที่วางไม่เป็น ทั้งๆ ที่ถ้าถอยออกมาน่าจะมีความสุข แต่คนแบบนี้ก็มีอยู่จริง ยอมทนทั้งที่ตัวเองเป็นทุกข์  :katai2-1:
# •♀NoM!_KunG♀• 55555 ให้ก้อนหินบินตัวเดียวก็พอค่ะ
# B52  :pig4: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :pig4:
# Ryu7801 ขอบคุณที่ติดตามค่า
#เก้าแต้ม แล้วดินก็ถูกทิ้ง ฮือออออ  :hao5:
# DeShiWa ขอบคุณสำหรับกำลังใจและขอบคุณที่ชอบค่า  :กอด1:
# Billie  :pig4: :กอด1: :กอด1: :L2: :L2:
# HISY ถือเป็นจุดเริ่มต้นของทุกกกกกสิ่งค่ะ
# KARMI สงสารลูกมากค่ะ ฮืออออออออ  :hao5:
# shoi_toei จองไว้นานมากกกกด้วยค่ะ ถถถ ขอบคุณที่ติดตามเหมือนกันค่า ฮึบๆ กระดึบต่อไป  :katai5:
# poppycake จองไว้แต่ต้องทิ้งน้องค่ะ ถถถ สงสารลูกทั้งก้อนหิน ก้อนดินเลย
# tiew93 ผูกพันกันมานานมาก ถึงสมองจำไม่ได้ แต่ก็คุ้นเคยเลยทำให้ดินวางใจไซเลอร์มาตลอด
#Deery จริงจังแค่ไหน แค่ไหนเรียกจริงจัง 5555 มาแล้วค่า  :mew1:
#prangasia ให้ก้อนดินกับพี่ไซแกรำลึกความหลังกันก่อนค่ะ ก้อนหินร้องต่อไป 55555
#duck-ya มาอีกตอนแล้วค่า สู้ๆ กะเรียนและงานนะคะ พอดีช่วงนี้พี่คึกกกกก 55555

กราบรอบทิศยิ่งกว่านักมวย 55555 
ยังคงขอบคุณสำหรับกำลังใจของทุกๆ คนในทุกๆ ตอนนะคะ :pig4:
รู้สึกคึกขึ้นมาเลย  :katai4:
กอดดดดดดดดดดดดด ด้วยฟามร๊ากกกกกกกกกกกกกกก

 :กอด1: :กอด1: :pig4: :กอด1: :กอด1:
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-07-2017 12:30:39
ก้อนดินจำได้ล่ะ รอลุ้นว่าจะโกรธมั้ย

ขอบคุณที่มาต่อค่า รอตอนต่อไปน้าคนสวยยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-07-2017 13:02:59
ถ้าได้อธิบาย ก้อนดินต้องเข้าใจสิ ถึงจะเสียใจที่หายไปแบบไม่บอกกล่าว แต่สถานการณ์ตอนนั้นมันก็ทำอะไรลำบากละนะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 28-07-2017 13:17:46
จิตตกกลัวเขาเทนี่เอง  :laugh:

เข้มแข็งหน่อยพี่ไซ มั่นใจในก้อนดินหน่อย

ฉันว่าก้อนดินน่าจะดีใจที่วสุปลอดภัย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 28-07-2017 13:20:21
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 28-07-2017 13:28:24
อธิบายให้ดินฟัง เราว่าดินต้องเข้าใจไซเลอร์
แต่เราสงสารดินตอนไปหาวสุ ดินเสียใจจนช็อคเลยอ่ะ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 28-07-2017 14:01:51
อธิบายให้ก้อนดินรู้เร็วๆ
จะรอตอนต่อไปคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-07-2017 16:11:16
อ้าวงี้ก้อผูกกะก้อนหินอีกไม่ได้จิ แร้วจะคุยกันรู้เรื่องมั้ยงะ

ปกติมันผูกจิตได้ตัวเดียวมิ หรือแยกประเภทได้งะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 28-07-2017 16:46:20
 :mew6: ซึ้งใจกับความรักของพ่อไซ เข้าใจแล้วละ กระจ่างเลย นั่นน้องดินฟื้นแล้ว จำได้แล้วด้วย
 แหมะเล่นเอาอิพี่กังวลกลัวไปหมด ตัดจบได้สวยมาก ค้างกันไปสิเรา แต่รอได้ อิอิ   :mew1: 

 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 28-07-2017 16:52:12
ความจำมาแต่ยังมีปมอีกเยอะ :hao3:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 28-07-2017 16:53:08
 o13
 :man1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 28-07-2017 23:02:12
ก้อนดินไม่โกรธหรอก ใช่มั้ยดิน ดินใจดี อย่าโกรธพี่ไซเลย แค่นี้ก็หูลู่หางตกซึมเป็นหมาเฉามือแล้ว  :hao5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 28-07-2017 23:16:05
ถ้าก้อนดินฟื้นขึ้นมาจะเป็นไง รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 29-07-2017 14:59:22
อย่ามาม่านะ :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 30-07-2017 01:38:19
ก้อนดินฟื้นแล้ว ไซเลอร์สู้ๆจิตตกสุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-07-2017 01:41:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 24 จำจาก (28/7/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 30-07-2017 03:43:00
ทุกคนแกล้งน้องสนุกเลยละสิ 555555
โถๆ พี่ไซ ติดน้องงอมแงม ตอนนี้ได้ทีเลยตอดเล็กตอดน้อยสินะ
คิดว่าน้องไม่น่าจะโกรธนะ น่าจะมีเหตุผลมากพอ(รึเปล่า?)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี)#บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 02-08-2017 18:58:56
บทที่ 25 ความทรงจำที่หายไป

ผมฝัน...

มันเป็นฝันที่ชัดเจนมากเหมือนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง

ผมเห็นตัวเองเมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นประถม ในช่วงปิดเทอมที่ท่านทูตส่งไปเรียนพิเศษที่สถาบันกวดวิชาที่อยู่ติดกับโรงเรียน เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะสอบเข้าเรียนชั้นมัธยม ซึ่งช่วงนั้นคุณหญิงท่านก็ส่งคุณไฟไปเรียนพิเศษที่ต่างประเทศเหมือนกัน

ตอนแรกผมจะไม่ยอมไปเรียน เพราะพอคุณหญิงรู้ว่าท่านทูตจะส่งผมไปเรียนพิเศษก็ทะเลาะกันใหญ่โต แต่ท่านทูตให้เหตุผลว่าอยากให้ผมไปเรียนต่อชั้นมัธยมโรงเรียนเดียวกับคุณไฟ จะได้ช่วยดูแลคุณไฟแทนท่านด้วย ผมเลยต้องยอมไปเรียนแต่โดยดี

คุณหญิงไม่ชอบผม คำว่าไม่ชอบยังถือว่าเบาไปด้วยซ้ำ อันที่จริงท่านเกลียดผมเลยละ ผมรู้สึกได้ตั้งแต่จำความได้แล้ว เพราะรับรู้ถึงสายตาที่แสดงถึงความเกลียดชังอย่างชัดเจน ยิ่งผมโตขึ้นการแสดงออกของก็ยิ่งชัดเจนขึ้น หากเผลอทำอะไรไม่ถูกใจแค่เพียงเล็กน้อย ผมก็จะถูกทำโทษหรือไม่ก็ถูกตีเป็นประจำ ยิ่งเวลาที่ท่านทูตไม่อยู่บ้าน ผมก็ยิ่งโดนมากกว่าเดิม

ย่าของผมบอกให้ผมอดทน เพราะครอบครัวของเราทำผิดกับเธอ ถึงย่าจะบอกอย่างนั้น ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงต้องเกลียดผมล่ะ ก็ผมไม่ได้เป็นคนทำนี่นา ส่วนย่าผมก็เห็นท่านดูแลท่านทูต คุณหญิงกับคุณไฟเป็นอย่างดี ไม่เห็นว่าทำผิดตรงไหน พอถามย่า ท่านก็ไม่ตอบ ได้แต่นิ่งเงียบแล้วทอดถอนใจ ผมก็เลยได้แต่รับฟังและยอมทำตามคำพูดของย่าเพราะยังไงผมก็เหลือท่านเป็นญาติเพียงคนเดียว ผมยอมทนเพราะอยากให้ท่านสบายใจ

ผมตั้งใจไว้ว่าถ้าโตขึ้น เรียนจบมีงานทำเมื่อไหร่ จะรีบเก็บเงินสร้างบ้านแล้วพาย่าไปอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นผมจะได้เลี้ยงหมาอย่างที่ต้องการสักที อันที่จริงผมอยากเลี้ยงสัตว์ตั้งหลายชนิด แต่ชอบหมาและอยากเลี้ยงหมามากที่สุด เพราะมันเป็นสัตว์ที่น่ารักและซื่อสัตย์ แต่คุณไฟแพ้ขนสัตว์ทุกชนิด ขนาดผมไปเล่นกับหมาที่บ้านเพื่อนแค่แป๊บเดียว พอกลับมาเข้าใกล้คุณไฟก็ทำเอาคุณไฟจามไม่หยุด อาการภูมิแพ้กำเริบทันที ส่วนผมก็โดนคุณหญิงตีอีกตามเคย ผมเลยต้องห้ามใจไม่ให้เผลอเข้าใกล้สัตว์ที่มีขนมาตลอด

ท่านทูตให้ผมเรียนพิเศษเพิ่มแทบจะทุกวิชา ผมเลยต้องไปเรียนแทบทุกวัน ตอนเย็นๆ ก็ไปเรียนมวยที่ค่ายจันทรเทพของครูเทพอีก ซึ่งอันหลังนี่ผมค่อนข้างจะเต็มใจ เพราะผมรู้สึกสนุกเวลาที่ได้เรียน ท่าแม่ไม้มวยไทยแต่ละชื่อโคตรเท่ ครูเทพเจ้าของค่ายก็ใจดี ได้เจอเพื่อนดีๆ ตั้งหลายคน ทั้งพี่แคนนักมวยในค่ายที่คอยมาดูแลผมเวลาฝึกตลอด ทั้งพี่แสนที่แสนจะเอาแต่ใจปากก็บอกว่าไม่ชอบขี้หน้าแต่ก็เอานั่นเอานี่มาให้เสมอ

ช่วงนั้นถือเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมาก เพราะพอคุณไฟไปอยู่ที่โน่นคุณหญิงก็บินไปเยี่ยมคุณไฟบ่อยๆ ผมรู้สึกเป็นอิสระ เช้าก็ออกไปเรียนกวดวิชา เลิกเรียนก็ไปเรียนมวยที่ค่ายมวย พอได้ฝึกบ่อยๆ ฝีมือเลยพัฒนาขึ้นไปด้วย กลับมาจากเรียนมวยก็ช่วยงานย่าและพวกป้าๆ ที่บ้าน

ผมใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งระหว่างที่ผมไปเรียนพิเศษตามปกติ ช่วงพักเที่ยงผมกำลังจะเดินไปหาอะไรกินพอล้วงสำรวจเงินในกระเป๋าเหรียญสิบก็หล่นลงมาแล้วกลิ้งหลุนๆ หายไปไหนไม่รู้

   “เหรียญสิบรอพี่ก่อน โอ๊ย! หายไปไหนวะ ค่ารถกลับบ้านกู”

   ทั้งเนื้อทั้งตัวผมเหลือเหรียญนี้อยู่เหรียญเดียวที่เก็บไว้เป็นค่ารถเมล์ ที่เหลือตั้งใจว่าจะกันไว้ใช้ซื้อของทำรายงานตอนเลิกเรียน ก็เลยต้องเดินหาอย่างเอาจริงเอาจัง ถึงขนาดเดินไปแหวกพุ่มไม้หาเลยทีเดียว แต่แทนที่จะเจอเหรียญ กลับได้เจอกับหมาตัวหนึ่งนอนอยู่ด้านในแทน

   ตอนแรกคิดว่าแม่หมาแอบมาคลอดลูก แต่พอมองดีๆ ก็เห็นแผลที่ขาของมัน เลยเดาว่ามันคงโดนใครสักคนทำร้ายมาแล้วมาหลบอยู่ที่นี่ พอมันทำเสียงเหมือนจะอ้อน ผมเลยทำใจกล้าเข้าไปใกล้แล้วยื่นมือให้มันดม มันจะได้รู้ว่าผมไม่ได้มีเจตนาร้ายกับมัน พอมันกระดิกหางให้ ผมก็รู้สึกเหมือนตกหลุมรักมันทันที

   ผมรีบไปขอยาจากครูที่อยู่เวรช่วงปิดเทอมเพื่อมาทำแผลให้มัน แต่ใช้เวลานานไปหน่อยเลยถึงคาบเรียนพอดี ผมเลยต้องเข้าเรียนอย่างกระวนกระวายเพราะเป็นห่วงมัน พอหมดเวลาก็รีบออกจากห้องเรียนแล้วใช้เงินที่กันไว้ซื้อของทำรายงานนั่นแหละซื้อแซนด์วิชกับน้ำมาให้มันกิน

   มันเป็นหมาที่หน้าตาคล้ายๆ พันธุ์ไซบีเรียน แต่มีขนสีแปลกๆ มองดีๆ จะเห็นว่าขนที่ติดกับหนังเป็นสีทองแล้วสีจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปลาย ตามันเป็นสีเขียวสดใส ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีหมาพันธุ์ที่ตาสีเขียวในโลกนี้ด้วย

   ช่วงเวลาที่อยู่กับมันผมมีความสุขมาก เพราะอย่างที่บอกว่าผมอยากเลี้ยงหมามานานแล้ว เมื่อได้เจอมัน ได้คอยดูแล ได้อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน ผมเลยโมเมว่ามันเป็นหมาของผมซะเลย

   พอคุณหญิงกลับมาจากเยี่ยมคุณไฟก็ทะเลาะกับท่านทูต ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร คุณหญิงหนีกลับไปนอนที่บ้าน ส่วนท่านทูตเรียกผมไปพบแล้วถามว่าผมอยากเปลี่ยนชื่อไหม ท่านจะพาไปเปลี่ยนที่อำเภอเอง ท่านหาชื่อเพราะๆ มาให้ผมเลือกตั้งหลายชื่อ แต่ด้วยความขี้เกียจวุ่นวาย อีกอย่างก้อนดินก็เป็นชื่อที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เกิด ฟังๆ ดูมันก็เก๋และไม่เหมือนใครดีผมเลยปฏิเสธไป

   วันต่อมาผมไปเล่าให้หมาตัวนั้นฟังทั้งเรื่องคุณหญิงและเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่อง ซึ่งมันก็ฟังอย่างตั้งใจอย่างกับฟังรู้เรื่อง ถึงมันจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่อย่างน้อยขอแค่รับฟังเรื่องที่ผมอยากระบายก็ยังดี

   แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมชอบชื่ออยู่ชื่อหนึ่งที่ความหมายคล้ายกับชื่อผม ‘วสุธา’ ซึ่งหมายถึงแผ่นดินหรือผืนดิน ผมเล่าเรื่องบ้านในฝันให้มันฟัง ก่อนจะตั้งชื่อให้มันตามชื่อที่ผมชอบว่า ‘วสุ’

   ผมไปอ้อนครูเทพ เจ้าของค่ายมวยจันทรเทพ เพื่อขอฝากมันไว้ที่ค่ายก่อน แล้วผมจะคอยส่งข้าวส่งน้ำ คอยไปดูแลมันเอง ผมไม่อยากทิ้งมันไว้ที่นี่นาน เพราะกลัวมันจะเป็นอันตรายทั้งจากคนและสัตว์ ซึ่งครูเทพก็ใจดีอนุญาตให้เอาไปฝากไว้ได้ แต่ต้องรอวันที่ครูว่างก่อน ครูถึงจะเอารถมารับมันให้ ผมรู้สึกดีใจและโล่งใจมากที่หาที่พักให้มันได้สักที

   ผมทำแผลให้มันทุกวันจนแผลที่ขาของมันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งผมติดธุระเพราะรับปากจะไปช่วยป้าๆ ถือของ เลยเอาอาหารกับน้ำไปทิ้งไว้ให้มันก่อน แต่พอซื้อของเสร็จเร็ว ผมเลยขอย่ากลับไปหามันตั้งใจว่าจะไปนอนอ่านหนังสือเล่นที่นั่น

   แต่พอไปถึงแล้วไม่เจอมันอยู่ที่เดิมผมตกใจมาก ผมรีบออกไปตามหามันทันทีด้วยความเป็นห่วง คิดว่ามันยังคงจะไปไหนไม่ได้ไกลเพราะยังเจ็บขาอยู่

   พอไปเห็นมันโดนพวกขี้ยาแถวๆ บ้านร้างทำร้ายก็รีบเข้าไปช่วย ผมรู้สึกว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้เรียนมวยมา อย่างน้อยก็สามารถใช้ป้องกันตัวได้ ยิ่งช่วงนี้ได้ฝึกบ่อยๆ ฝีมือก็เลยดีพอจะสู้กับพวกขี้ยาที่ดีแต่ปากและผอมแห้งแรงน้อยได้

   แต่ผมก็คงจะมาช้าเกินไปเพราะมันถูกทำร้ายจนสภาพแย่กว่าครั้งแรกที่เจอกันอีก ผมต้องลากมันกลับไปไว้ที่เดิมด้วยความระมัดระวังที่สุด เพราะกลัวว่าจะทำให้มันเจ็บยิ่งกว่าเดิม

   ผมตั้งใจว่าจะไปขอให้สัตวแพทย์ที่คลินิกใกล้ๆ มาดูอาการและรักษาให้ แล้วค่อยไปเอาเงินเก็บของผมที่สะสมไว้มาจ่ายค่ารักษา แต่ผู้ช่วยที่อยู่ที่คลินิกบอกว่าพี่เค้ามีธุระจึงกลับไปก่อนแล้ว เลยได้แต่ซื้อยากินกับอุปกรณ์ทำแผลมาทำแผลให้มัน แล้วกลับบ้านไปด้วยความเป็นห่วงกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไปซะก่อน

   เช้าวันต่อมาผมเลยรีบไปหามันด้วยความเป็นห่วง พอเห็นมันยังอยู่ดีก็อดจะรู้สึกโล่งใจไม่ได้ จากนั้นมาผมก็ดูแลรักษามันต่อจนอาการของมันเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับความรักความผูกพันที่มีต่อมันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

   แล้ววันหนึ่งครูเทพก็นัดวันที่จะมารับมันไปไว้ที่ค่ายมวยให้ ผมดีใจมากนับวันรออย่างใจจดใจจ่อ พอถึงวันนัด ผมก็รีบไปหาครูที่ค่ายมวยตั้งแต่เช้ามืด ไปนั่งเฝ้าครูกินข้าวด้วยความตื่นเต้น จนครูแซวขำๆ

   เมื่อไปถึงผมรีบวิ่งไปที่พุ่มไม้อย่างกระตือรือร้น แต่พอเข้าไปก็พบแต่ความว่างเปล่า

   ผมรีบออกตามหามันด้วยความร้อนใจ รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เป็นห่วงสารพัด ทั้งกลัวว่ามันโดนทำร้าย ทั้งกลัวว่ามันจะหายไป    

   ผมวิ่งตามหามันทุกจุดทุกซอกทุกมุมที่คิดว่ามันน่าจะไป ระหว่างที่ตามหาฝนก็ตกลงมาไม่ขาดสาย ครูเทพมาตามผมแล้วบอกให้ผมกลับบ้านไปก่อน แต่ผมขออยู่ตามหามันต่อ ไม่ว่าครูจะพูดยังไงก็ไม่ฟัง จนครูต้องยอมแพ้ยอมช่วยตามหาต่อไป ผมตามหามันจนกระทั่งฟ้ามืดลงก็ไม่เจอ ได้แต่กลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง พอเจอหน้าย่าก็ปล่อยโฮออกมาทันที

   เช้าวันต่อมาผมก็ยังคงออกตามหาท่ามกลางสายฝนที่ยังคงโปรยปรายลงมาเพราะช่วงนี้พายุเข้าพอดี แม้จะรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะเป็นไข้ แต่ต้องฝืนทำเหมือนสบายดีเพื่อให้ทุกคนอนุญาตให้ออกตามหามันได้

   ผมตามหามันอยู่หลายวันจนในที่สุดร่างกายก็ทนไม่ไหว ก่อนที่สำนึกสุดท้ายจะวูบไปผมก็ยังคงนึกถึงแต่มัน

   วสุ อยู่ที่ไหนกลับมาเถอะพี่เป็นห่วง

   ถ้าเจอแล้วต้องจากกันไป บางที... อย่าเจอกันเลยจะดีกว่า







   
   ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนๆ งงๆ

   นี่ฝันไปเหรอ

   “แอ่ก” พอลืมตาขึ้นมาได้ผมก็ถูกก้อนหินโถมเข้าใส่จนรู้สึกจุก มึงจะฆ่ากูเหรอหิน แต่พอเห็นมันร้องไห้น้ำตาไหลพรากๆ แล้วเอาหัวถูกับตัวจนกลัวเสื้อจะสึกกันไปข้างก็อดจะมองด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “หิน” ผมเรียกแล้วลูบหลังเบาๆ เพื่อปลอบมัน

   ก่อนสมองจะประมวลผลสิ่งที่ได้เห็นก่อนที่จะวูบไปรวมถึงความทรงจำที่เหมือนกับความฝันนั่น จึงหันไปมองไซเลอร์แล้วเรียกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาอย่างไม่มั่นใจ

   “วสุ”

   ไซเลอร์นิ่งเหมือนหยุดหายใจไปแล้วเมื่อได้ยินชื่อที่ออกมาจากปากผม มีเพียงดวงตาสีเขียวที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยก่อนจะไหววูบไปครู่หนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นมองมาด้วยแววตาหม่นๆ

   “จำได้... แล้วเหรอ” น้ำเสียงที่ถามแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน

   “ครับ... จำได้แล้ว” ถ้าถามอย่างนี้แสดงว่าไม่ใช่แค่ความฝันแน่

   มิน่าล่ะ... ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ๆ กับไซเลอร์ ถึงได้รู้สึกวางใจและปลอดภัยเสมอ แม้สมองจะยังจำไม่ได้ แต่สัญชาตญาณในส่วนลึกมันบอกว่าคนๆ นี้ไว้ใจได้และจะไม่มีวันทำร้ายผมแน่นอน

   พอผมพยายามลุกขึ้นนั่งไซเลอร์จึงได้ขยับตัวมาช่วยประคอง ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อสัมผัสได้ว่ามือของไซเลอร์เย็นเฉียบ ผมขยับมานั่งหันหน้าเข้าหาไซเลอร์ใกล้ๆ จนเข่าแทบจะชิดกัน ตอนนี้ผมยังรู้สึกเพลียๆ อยู่ คุยกันใกล้ๆ น่าจะดีกว่า

   ส่วนก้อนหินพอเห็นผมนั่งเรียบร้อยแล้วก็ปีนขึ้นมาบนตักแล้วหันมาซุกตัวกอดไว้แน่นแล้วนิ่งไป สงสัยจะร้องไห้จนเพลีย ตอนนี้ก็ยังสะอื้นอยู่เลย ผมลูบหลังมันเบาๆ แล้วก้มลงกระซิบให้มันนอนไปเลย พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นไซเลอร์ยังคงจ้องมองมาด้วยแววตาเศร้าหมอง

   “ข้า... ขอโทษ”

   “ขอโทษเรื่องอะไรครับ”

ไซเลอร์เอื้อมมือทั้งคู่มาจับหน้าผมไว้ แล้วใช้นิ้วโป้งไล้ใต้ตาเบาๆ เหมือนจะเช็ดน้ำตาให้ ทั้งๆ ที่คนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้คือเจ้าของมือต่างหาก นัยน์ตาสีเขียวที่เคยสดใสกลายเป็นสีเขียวหม่นเหมือนความรู้สึกเจ้าของ

   “ขอโทษที่ทิ้งเจ้ามาโดยไม่บอกกล่าว ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้เจ้าไม่สบาย ขอโทษที่ทำให้เจ้าเสียใจ” น้ำเสียงไซเลอร์แผ่วเบาและสั่นไหว สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวดและความรู้สึกผิด

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าคิดว่าข้าเข้าใจ” ผมยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ยิ่งได้รู้ถึงหน้าที่และงานที่ไซเลอร์รับผิดชอบก็ยิ่งเข้าใจมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นผม ผมก็คงตัดสินใจแบบนั้นเหมือนกัน

“ไซเลอร์!” ผมร้องอย่างตกใจเมื่อน้ำตาร่วงลงมาจากหางตาของคนตรงหน้า ไซเลอร์ขยับมาใกล้แล้วดึงผมไปกอดเหมือนไม่อยากให้ผมเห็นน้ำตา

“ถึงยังไงก็ถือว่าเป็นความผิดของข้า ยกโทษให้ข้าได้ไหม” เสียงของคนที่กอดผมสั่นพร่า

“ครับ... ข้ายกโทษให้ ที่จริงไม่จำเป็นต้องขอโทษด้วยซ้ำ ตอนนั้นข้าแค่เป็นห่วง ข้าไม่ได้โกรธเลยสักนิด” ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นรู้สึกแค่นี้จริงๆ ห่วงใย เสียใจ และน้อยใจที่วสุหายไป แต่ไม่เคยโกรธเลยสักนิด ผมกอดตอบไซเลอร์โดยพยายามระวังก้อนหินที่ยังหลับอยู่บนตักแล้วลูบหลังไซเลอร์เบาๆ ผ่านไปสักพักผมก็ดันไซเลอร์ออก

“ขอดูร่างนั้นอีกครั้งได้ไหมครับ” ผมจ้องตาไซเลอร์ที่ตายังแดงก่ำแต่ไม่มีน้ำตาไหลแล้วนิ่งๆ

“ได้สิ” ไซเลอร์รับคำ ก่อนจะลุกขึ้นยืน แสงสีทองเรืองรองปกคลุมไปทั่วร่าง แล้วร่างของไซเลอร์ก็เปลี่ยนเป็นหมาขนสีน้ำตาลทองตัวใหญ่เหมือนที่อยู่ในความทรงจำ

“วสุ” ผมเรียกชื่อที่อยู่ในความทรงจำ พอผมอ้าแขนออก วสุก็ขยับเข้ามาใกล้ ผมกอดคอร่างตรงหน้าไว้ แล้วซบหน้าลงบนกลุ่มขนที่หนานุ่มนิ่งๆ

“ดีจังที่ปลอดภัย” ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่พอเห็นและได้สัมผัสร่างนี้แล้ว ความรู้สึกที่ซ่อนเร้นและอัดอั้นอยู่ข้างใน ทั้งความคิดถึง ความห่วงใย ความโหยหา ก็ปนเปกันไปหมด อยู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ทั้งรู้สึกโล่งใจที่มันปลอดภัย ทั้งรู้สึกดีใจเหมือนได้ของรักกลับมา ผมซึมซับความรู้สึกนั้นสักพักก็ผละออกมา ผมประคองหน้าของร่างตรงหน้าเอาไว้ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“เลิกรู้สึกผิดได้แล้วนะไซเลอร์ ตอนนี้ข้าสบายดี เห็นไหมครับ” ร่างตรงหน้าผงกหัวให้ก่อนจะถอยไปแล้วกลายร่างกลับมาเป็นมนุษย์เหมือนเดิม ไซเลอร์ขยับมาใกล้แล้วเช็ดน้ำตาให้อย่างนุ่มนวล

“ขอบคุณนะก้อนดิน ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้า ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตข้า ขอบคุณจริงๆ”

ผมได้แต่ยิ้มรับคำขอบคุณด้วยความเต็มใจ

นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นจ้องมาอย่างจริงจัง

“ข้ารักเจ้า” ไซเลอร์บอกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นมั่นคง

“...”

ผมเบิกตากว้างกับคำบอกรักของคนตรงหน้า ถึงพอจะรับรู้ถึงความรู้สึกของไซเลอร์ เพราะเจ้าตัวชัดเจนมาตลอด แต่มันเทียบไม่ได้เลยเมื่อมาได้ยินจากปาก

หลังความรู้สึกอึ้งผ่านไป ความรู้สึกที่ตามมาคือเหมือนตัวจะลอยๆ เบาๆ ก่อนที่หัวใจจะเต้นกระหน่ำเร็วขึ้นจนกลัวหัวใจจะวายไปซะก่อน อีกทั้งยังรู้สึกอุ่นๆ ในหัวใจ แล้วร้อนวูบเหมือนเลือดจะสูบฉีดไปทั้งตัว คาดว่าตอนนี้ตัวผมคงแดงไปทั้งตัวด้วยด้วยความเขิน

อีกความรู้สึกที่รับรู้ได้อย่างชัดเจน คือ...ดีใจ ยอมรับแมนๆ ไปเลยว่าดีใจที่ได้ยินคำนี้

แต่พอสบตากับนัยน์ตาสีเขียวที่มองมาอย่างอ่อนโยนและอ่อนหวานของคนตรงหน้าก็ยิ่งเขินจนต้องหลบตาลงไปมองก้อนหินแทน

โอ๊ย! อายเป็นสาวน้อยไปเลยกู แต่ไม่ไหวจริงๆ ครับผมยอมแพ้

“ก้อนดิน” ไซเลอร์ประคองใบหน้าผมขึ้นมา จะให้เวลาพักเขินหน่อยก็ไม่ได้

“แล้วเจ้าล่ะ รู้สึกเหมือนข้าบ้างไหม”

“...”

“รักข้าบ้างหรือเปล่า หืม”

ถ้าจะมองกันด้วยสายตาที่เหมือนจะกลืนกินแบบนี้ก็ฆ่ากันเลยเถอะ มันเขินโว๊ย! ผมได้แต่คร่ำครวญในใจ

   “ท่านไซเลอร์ครับ” เสียงของพินช์เชอร์ที่ดังใกล้เข้ามาทำให้ผมผงะห่างออกมาอย่างไม่รู้ตัว

   “ข้าได้สมุนไพรมา... แล้ว” คำหลังแทบจะขาดหายไปเมื่อโผล่มาแล้วเห็นความใกล้ชิดของเราทั้งคู่

   “พี่ดิน... เอ่อ... อ่า... ตะ... ตื่นแล้วเหรอครับ” พินช์เชอร์ถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักแก้เก้อ พอพูดจบก็ยืนหน้าแดงก่ำเหมือนทำอะไรไม่ถูก

   “ขอโทษที ข้าห้ามไม่ทัน” ร็อตที่เดินตามมาทีหลังพูดขำๆ

   “จูบเลย จูบเลย” จูบพ่อง! พอหันไปมองก็เห็นชเนาเซอร์เกาะต้นไม้แล้วโผล่มาแค่ส่วนหัวพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนอย่างน่าถีบ

   ส่วนพรีซากับมาสทิฟฟ์ก็เดินออกมาแล้วยืนกอดอกยิ้มกันอย่างล้อเลียน

   โว๊ย! นิสัย! ผมได้แต่เมินหน้าหนีด้วยความอาย รู้สึกว่าหน้าร้อนๆ เหมือนจะไหม้ พอเหลือบมองคนตรงหน้าก็เห็นหูแดงๆ เหมือนกัน แต่พอสบตาก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ตาสีเขียวคู่นั้นมีแววหวานมองแล้วเหมือนจมอยู่ในบ่อน้ำเชื่อม เห็นแล้วรู้สึกเหมือนจะละลาย

   อื้อหือ... นี่กูเน่าขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

   “มองขนาดนั้น พาเข้าหอไปเลยไหมไซเลอร์” มาสทิฟฟ์ส่งเสียงแซวตามมา ที่เหลือก็เป่าปากแซวกันอย่างสนุกสนานไม่เว้นแม้แต่ร็อต ส่วนพินช์เชอร์นี่ยืนหน้าแดงแข่งกับผม ไซเลอร์คว้าก้อนหินเล็กๆ แถวๆ นั้นขว้างใส่เพื่อนๆ จนหลบกันกระจัดกระจาย แต่ไม่วายส่งเสียงล้อและหัวเราะกันไม่หยุด มีความสุขกันจริงๆ กับการล้อกูเนี่ย

   ผมก้มลงมองก้อนหินที่นอนนิ่งอยู่บนตักแก้เขิน ขนาดเสียงดังกันขนาดนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น

   หินนี่มึงนอนหรือซ้อมตาย

   ถึงจะโดนแซวกระหน่ำจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี แต่ก็รู้สึกว่าดีจริงๆ ที่ได้มาเจอและได้รู้จักกับคนที่นี่ ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ทำให้ผมได้มาที่ดินแดนแห่งนี้ ได้เจอคนดีๆ ที่รักและหวังดีกับผมจริงๆ ผมมองก้อนหินอย่างเอ็นดู แล้วเงยขึ้นมองไซเลอร์เราสบตากันแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข


จบ.





เดี๋ยวววววววววววววววววว
ใจเย็นเย็นนนนนนนนนนน ตรูนั่นแหละใจเย็นๆ ถถถ  :serius2:

ร่างโครงเรื่องคร่าวๆ ไว้ดูแล้วก็น่าจะอีกหลายตอนกว่าจะจบ ร้องไห้แป๊บ ทำไมมันยาวเยี่ยงนี้  :hao5:

ไหนจะตอนพิเศษของคู่อื่นอีก ถ้าขยันนะคะ ไม่กล้ารับปากเพราะรู้สึกว่าบางทีเราอาจเหมาะกับการนอนอ่านของชาวบ้านสบายๆ มากกว่า 55555  :laugh:

ว่าด้วยเรื่องของการผูกจิต
ก้อนดินกับก้อนหินถูกโชคชะตาผูกให้อย่างไม่รู้ตัวเพื่อทำหน้าที่ดูแลร่วมกัน เพราะมังกรมรกตมีความอินดี้มากพอๆ กับคนเขียน
ส่วนไซเลอร์นี่ผูกจิตเพื่อเป็นทาสก้อนดินแค่ฝ่ายเดียว 555555
ยังไม่ถือว่าผูกจิตร่วมคู่นะคะ ถ้าจะร่วมคู่ต้องผูกกันทั้งสองฝ่ายค่ะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#shoi_toei ถ้าไม่แตะของรักอย่างก้อนหินนี่ ก้อนดินโกรธยากค่ะ 555555 มาแล้วนะคะ คนสวยเหมือนกัลลลล  :L2:
#alternative คนมีความผิดติดตัวก็งี้แหละค่ะ  :laugh: ก้อนดินออกจะใจดี ถถถ มโนไปก่อนเอ๊งงง
#Billie  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#MayA@TK สงสารเหมือนกันค่ะ อยากให้เข้าใจว่ามันเฟลจริงๆ นะ  :hao5:
#mouymai มาแล้วค่า ก้อนดินใจดีค่ะ ไม่โกรธใครง่ายๆ หรอก
#•♀NoM!_KunG♀• อธิบายอีกที ก้อนดินกับก้อนหินถูกโชคชะตาผูกให้อย่างไม่รู้ตัวเพื่อทำหน้าที่ดูแลร่วมกัน เพราะมังกรมรกตมีความอินดี้มากค่ะ ส่วนไซเลอร์นี่ผูกจิตเพื่อเป็นทาสก้อนดินแค่ฝ่ายเดียว 555555 ยังไม่ถือว่าผูกจิตร่วมคู่นะคะ ถ้าจะร่วมคู่ต้องผูกกันทั้งสองฝ่ายค่ะ ผูกกันคนละสถานะเลยยยย
#suikajang 55555 มาแล้วค่า อิพี่มโนไปก่อนแล้วค่ะ น้องออกจะใจดีมาก
#เก้าแต้ม ไม่แกะแล้วได้ไหมถามใจดู ถถถ ใครผูกไว้เนี่ย ฮือออออ เมื่อไหร่จะจบบบบ
#ommanymontra  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#tiew93 ใช่ค่ะ น้องดินออกจะใจดี มองโลกในแง่ดีมากๆ พี่มันมโนไปเอง
#Yara มาแล้วค่าาาาาาา
#Ryu7801 ไม่ม่าค่า ม่าไม่ใช่แนว 55555
#HISY คนมีความผิดติดตัวก็ร้อนตัวเป็นธรรมดาค่ะ 55555
#mild-dy  :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
#badbadsumaru แกล้งกันอย่างสนุกสนานมากค่ะ โดยเฉพาะพรีซา แบบคนอาณาจักรนี้ขี้แกล้งกันทั้งอาณาจักร 55555

ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ  :pig4:
รับกำลังใจแล้ว รวบกอดดดดดด  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
ชอบจริงๆ อิตัวนี้เนี่ย 555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-08-2017 19:35:00
 :mew3: ยิ้มแก้มแตก น่ารักทุกคนเลย แต่หุบยิ้มฉับตอนเจอคำว่าจบ :a5:
ใจหายเลย พออ่านทอล์กค่อยชื่นใจหน่อย แหมะทำเราใจหายแว๊บบบเลย
แล้วอย่าลืมพาสามีกะลูก(ก้อนหิน)ของแม่ดินไปลาคุณไฟด้วยเด้อ อิอิ
นี่แหละเขาว่ารู้ตัวเมื่อสาย เสียรักไปจึงเห็นค่า  :katai3:
น่าสงสารๆ ส่งน้องชเนาเซอร์ไปปลอมเนอะ มโนไปได้หนอเรา  :hao3:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2017 19:51:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-08-2017 19:56:06
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 02-08-2017 20:13:16
เกือบไปแล้วนะ ก้อนดิน อิอิ ไม่น่าโดนเพื่อนๆขัดจังหวะเลยนะไซเลอร์ 555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2017 20:42:09
แหมๆๆ............เพื่อนๆไม่น่ามาขัดเล้ย
ดินกำลังจะบอกรักตอบอยู่แล้ว  :z3:

ดีจังที่ไซ ได้กลับไปหาดิน แอบตามดินเข้าไปในบ้าน
จนรู้ว่าดินมารอไซหลายวัน ทั้งที่ไม่สบาย
กลับไปก็ป่วย พอหายป่วยก็ลืมเรื่องไซไปเลย

ชอบบบบ ที่ไซ สร้างเรือนวสุธา รอดิน แบบที่ดินอยากได้
ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะเจอดินอีกหรือเปล่า ไซ มั่นคงในดิน รักดินจริงๆ

ก้อนหิน น่ารัก มีโถมตัวเข้าหาดิน ตอนที่ดินฟื้น
มีร้องไห้น้ำตาไหลพราก ถูตัวจนเสื้อแทบขาด โอ๊ย.....น่าร้ากกกกก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 02-08-2017 21:52:33
ในที่สุดดินกับไซเลอร์ก็บอกรักกันสักที
หินเอ้ยยย รีบโตนะลูกพ่อกะแม่อยากสวีทกัน
เอ๊ะ หรือโตแล้วจะขัดขวางหนักกว่าเดิม  :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-08-2017 23:44:37
นี่คือดินแดนรักอาณาจักรน้ำเชื่อม.....
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-08-2017 00:24:00
 :katai2-1: :man1: :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 03-08-2017 08:05:35
เค้าจำกันได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-08-2017 12:42:04
 :L2: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 03-08-2017 14:30:53
เพื่อนไม่น่ารีบเข้ามาเลย ไม่งั้นอาจจะได้เห็นฉากจูบ
ถ้าก้อนหินรู้จะขัดขวางไหมน้อ หวงดินขนาดนี้ 555555
ทำภารกิจครั้งนี้สีชมพูแน่ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 03-08-2017 14:57:56
 :angry2: อีพวกพี่บ้า อย่าแกล้งลูกชั้นนะโว้ยย เขิลตัวจะระเบิดแล้วเห็นไหมเนี่ย //ดึงดินมาซุกอกกอดโอ๋ //และถูกไซเลอร์ฆ่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-08-2017 15:32:26
โอ๊ยยยยย เกือบได้จูบแล้วเชียววววววว :katai4: :katai4: :katai4:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-08-2017 21:35:37
โอเคชัดเจน 555++ ตั้ลล้ากก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-08-2017 01:06:26
อ่านเพลิน พอเจอคำว่าจบ โทสับแทบร่วงงง

อย่าทำแบบนี้สิคนสวย คนอ่านใจ บ่ ดี
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 05-08-2017 00:52:00
พินช์เชอร์ทำหนูมาถูกจังหวะงี้ล่ะ
เมื่อไรจะผูกจิตร่วมกันหนอ อะคึๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 05-08-2017 13:13:51
เข้าหอเลยๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: sinyou ที่ 05-08-2017 21:42:03
เอ็นดูก้อนหิน  :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-08-2017 06:37:01
ก้อนหินน่าเอ็นดูวว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 25 ความทรงจำฯ (2/8/2017) P.15
เริ่มหัวข้อโดย: cookie_ ที่ 17-08-2017 21:13:38
 :L2: :L2: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 18-08-2017 11:34:24
บทที่ 26 ไข่หงส์

หลังจากมหกรรมการแซวครั้งยิ่งใหญ่ผ่านพ้นไป พินช์เชอร์ก็ขออนุญาตค้นอุปกรณ์ที่เตรียมมาสกัดยา ออกมาต้มสมุนไพรบำรุงให้ผมกิน พอจะเข้าไปช่วยน้องก็ไม่ยอมให้ช่วย บอกให้ผมพักผ่อนไปก่อน ทำอย่างกับผมอาการหนักอย่างงั้นแหละ ทั้งๆ ที่ตอนนี้ก็เหลือแค่อาการอ่อนเพลียเท่านั้นเอง แต่เพื่อความสบายใจของน้องผมก็เลยต้องปล่อยให้น้องทำไป ส่วนคนอื่นๆ หลังจากแซวกันจนพอใจก็พากันออกไปหาอาหารและฟืนไว้สำหรับคืนนี้แล้ว

ก่อนไปพรีซาบอกว่าไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยเพราะหลังจากช่วยกันตระเวนดูโดยรอบแล้ว พรีซาก็ขอหยดเลือดจากเพื่อนๆ ไปทำพิธีกางเขตแดนเพื่อซ่อนตัวเรียบร้อยแล้ว แต่ห้ามผมออกนอกเขตที่กำหนดจนกว่าผมจะแข็งแรงขึ้นหรือจนกว่าเราจะออกเดินทางต่อก่อนถึงจะถอนเขตแดนออก

มิน่าล่ะถึงได้กลับมาแซวกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

เพลียกับพวกพี่ๆ แกจริงๆ

ระหว่างที่รอ เราสองคนก็ผลัดกันเล่าเรื่องราวหลังจากที่แยกกันเป็นการฆ่าเวลา เริ่มจากที่ผมเล่าในส่วนของผมให้ไซเลอร์ฟัง พี่แกก็ฟังไปมีสีหน้าสำนึกผิดไปจนต้องจับมือมากุมไว้ให้รู้ว่าตอนนี้ผมสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว พี่แกถึงได้ยิ้มออก
พอถึงคราวที่ไซเลอร์เล่า ผมฟังไปสงสารไปจนน้ำตาคลออย่างไม่รู้ตัว ไซเลอร์ก็บีบกระชับมือตอบเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไรเหมือนกัน ยิ่งฟังก็ยิ่งเข้าใจถึงเหตุผลของการกระทำ ยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งกับสิ่งที่ไซเลอร์ทำเพื่อผมมาโดยตลอด

ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอุ่นๆ ที่อวลอยู่ในบรรยากาศ คำพูดที่ไซเลอร์พูดออกมาขณะเล่าเรื่องรำลึกความหลัง มีทั้งห่วง ทั้งหวง ทั้งคิดถึง แม้กระทั่งคำว่ารักก็ยังย้ำให้ผมฟังอีกครั้ง ยิ่งบวกกับสายตาอ่อนโยนอ่อนหวานที่ยังคงมองมาตลอดเวลาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนหัวใจมันจะพองๆ ฟูๆ พร้อมกับรู้สึกเหมือนจะสำลักน้ำตาลตาย

ขนาดพินช์เชอร์ที่อยู่ด้วยยังเขินหน้าแดงเถือกไม่แพ้กัน ต้องโทษความหูดีของเผ่าพันธุ์พวกเขาเองที่ดีจนเกินเหตุ ทำให้ได้ยินเสียงต่างๆ ได้ชัดแม้ในระยะไกล

พอต้มยาจนได้ที่พินช์เชอร์ก็ยกถ้วยยามาให้มือไม้สั่น พอผมดื่มยาเสร็จน้องก็รับถ้วยยากลับแล้วถอยกรูดไปนั่งหน้าแดงอยู่ห่างๆ เห็นแล้วผมทั้งขำทั้งเขินไปพร้อมกัน

หลังดื่มยาเรียบร้อยแล้วพินช์เชอร์ก็บอกให้ผมนอนพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ไซเลอร์ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ผมจึงต้องยอมล้มตัวนอนแต่โดยดี ผมกระชับอ้อมกอดก้อนหินที่ยังคงหลับสนิทให้แน่นขึ้น มองหน้าไซเลอร์ที่ยังคงยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อยๆ เคลิ้มหลับไป


“ดิน ดินตื่นได้แล้ว” เสียงเรียกเบาๆ ของไซเลอร์กับแรงเขย่าที่แขนทำให้ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา เมื่อลืมตาขึ้นมาจึงได้รู้ว่าฟ้ามืดแล้ว ตอนแรกแค่กะจะงีบเอาแรงแค่ครู่เดียว ไม่คิดว่าจะหลับไปนานขนาดนี้

เมื่อลุกขึ้นนั่ง ก็เห็นว่าทุกคนกลับมาอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว แต่ละคนกำลังย่างอาหารกันอยู่ ผมก้มลงมองก้อนหินที่ยังหลับอยู่อย่างเป็นห่วงว่าทำไมมันถึงได้หลับยาวขนาดนี้

“หิน หินตื่นเถอะ” พอเรียกกับเขย่าตัวเบาๆ ไม่นานก้อนหินก็ขยับยุกยิกเหมือนเริ่มรู้สึกตัว

“ก๊าส” มันร้องรับคำ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเอามือขยี้หูขยี้ตางัวเงียแล้วโผเข้ามากอดเอาหัวถูกับตัวผมอ้อนๆ สักพักก็ทำจมูกฟุดฟิดเพราะได้กลิ่นอาหารจนผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู

“รู้สึกดีขึ้นไหมครับพี่ดิน” พินช์เชอร์ที่นั่งอยู่ข้างซ้ายมือของผมถามขึ้น ส่วนคนอื่นๆ ก็ชะงักแล้วหันมารอคำตอบกันอย่างพร้อมเพรียง

“อื้อ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย ขอบใจนะพินช์เชอร์ ขอบคุณนะครับ” ผมหันไปยิ้มให้อย่างขอบคุณทั้งพินช์เชอร์และคนอื่นๆ ด้วยที่ช่วยดูแลเป็นอย่างดี

“ไม่เป็นไรครับ ข้ายินดี” พินช์เชอร์ก็ยิ้มตอบมาอย่างสดใส ส่วนคนอื่นๆ ก็ยิ้มรับแล้วหันไปสนใจย่างเนื้อในมือกันต่อ

พอหันกลับมาก็เห็นไซเลอร์ยื่นเนื้อสดที่หั่นเป็นชิ้นๆ เสียบไม้ส่งให้ก้อนหิน ซึ่งมันก็รับมาแต่โดยดี พอรับมาเสร็จก็เงยขึ้นมองหน้าผมแล้วก็มองหน้าไซเลอร์เหมือนจะถามว่าทำไมผมยังไม่ได้ ไซเลอร์หัวเราะขำแล้วจับหัวมันโยกด้วยความเอ็นดู แปลกที่มันไม่หลบเหมือนแต่ก่อน นี่ไปดีกันตอนไหน?

ไซเลอร์หันกลับไปพลิกเนื้อที่ย่างจนได้ที่แล้วเอามาส่งให้ผม ผมรับมาแล้วขอบคุณเบาๆ พอผมเริ่มกิน ก้อนหินที่รออยู่จึงได้กินของมันด้วย

ผมยิ้มด้วยความรู้สึกอิ่มใจ การที่มีคนคอยดูแลและห่วงใยอยู่เคียงข้างนี่มันให้ความรู้สึกดีจริงๆ

หลังจากจัดการกับอาหารมื้อเย็นกันเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งคุยกันต่อ เพราะหลังจากได้นอนอย่างเพียงพอทั้งผมทั้งก้อนหินต่างก็นั่งตาใสไม่รู้สึกง่วงสักนิด ผิดกับพินช์เชอร์ที่เพลียจนหลับไปแล้ว ผมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้น้องอย่างนุ่มนวล ก่อนจะหันมาคุยกับคนที่เหลือต่อ

“ถ้ำฟินซ์นี่อยู่ไกลจากที่นี่มากไหมครับ”

“ไม่ไกลแล้วละ ถ้าเราออกจากที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้วไม่ติดขัดอะไรก็น่าจะถึงถ้ำฟินซ์ก่อนฟ้ามืด” ไซเลอร์เป็นคนตอบ    พูดถึงเรื่องติดขัดก็อดจะนึกถึงฝูงสิงโตควาย เอ๊ย! ฝูงลิฟฟ่อนขึ้นมาไม่ได้

“ข้าสงสัยจริงๆ ว่าใครส่งสิงโต... เอ่อ ลิฟฟ่อนฝูงนั้นมา” ยังไงก็รู้สึกไม่ชินกับชื่อน่ารักๆ ของมันสักที

“ข้าก็บอกไม่ได้เหมือนกัน แต่ดูแล้วคนที่ส่งมาน่าจะเป็นผู้มีเวทย์ขั้นสูง เพราะแค่ควบคุมลิฟฟ่อนตัวเดียวก็ยากแล้ว นี่ควบคุมได้ทั้งฝูง แถมเป็นลิฟฟ่อนเพศผู้ที่ไม่ชอบอยู่ร่วมกันเป็นฝูงอีกด้วย” พรีซาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“แต่แปลกนะ ตอนที่สู้กับพวกมัน ข้ารู้สึกว่าพวกมันไม่ได้ใช้แรงเต็มที่ อย่างมากก็แค่ทำให้บาดเจ็บ เหมือนว่าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ถึงตายอย่างนั้นแหละ” มาสทิฟฟ์เสริม

“นั่นสิ ข้าเดาว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันอาจจะแค่ต้องการแยกเราออกจากกันก็ได้” ร็อตพูดขึ้นบ้าง

“ต้องการให้แยกจากกันอย่างงั้นเหรอ” ชเนาเซอร์พึมพำเบาๆ

“หรือเป้าหมายของคนที่ควบคุมมันอาจจะเป็นก้อนดินกับก้อนหิน” ชเนาเซอร์ถามขึ้นแล้วหันมามองผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้าก็สงสัยเช่นนั้นเหมือนกัน เพราะพวกมันพยายามจะแยกตัวไปทางก้อนดิน แต่ถูกพวกเราสกัดไว้ก่อน” ไซเลอร์บอกถึงสิ่งที่สงสัย

“เอ่อ... ข้าเหรอ ต้องการอะไรจากข้าล่ะ” ผมถามงงๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสายตาทุกคู่มองตรงมาที่ก้อนหินที่ตอนนี้ปีนมานั่งอยู่บนตักผมแล้ว

รู้สึกเหมือนใจหายขึ้นมาวูบหนึ่งจนต้องยกมือขึ้นกอดมันเอาไว้แน่น

“ก๊าส” ก้อนหินร้องขึ้นเหมือนรับรู้ความรู้สึกของผม มันแหงนหน้าขึ้นมามองหน้าผม ก่อนจะขยับตัวยุกยิกให้คลายอ้อมแขนแล้วหันกลับมากอดใช้หัวถูเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นจองตานิ่งๆ เหมือนจะปลอบใจ

ผมยิ้มให้มันด้วยความรู้สึกทั้งรักทั้งเอ็นดู อาการใจหายแทบจะหายไปเป็นปลิดทิ้ง ผมกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น มันยังอยู่ตรงนี้นี่นะ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย หรือต่อให้เกิดอะไรขึ้น ผมก็จะพยายามปกป้องทั้งมันทั้งตัวเองให้ดีที่สุด เพราะชีวิตของเราผูกพันเชื่อมโยงไว้ด้วยกัน ถ้ามีผมก็ต้องมีมัน ในขณะเดียวกัน ถ้ามีมันก็ต้องมีผมด้วย

พอหันไปเห็นสายตาห่วงใยของคนอื่นๆ ก็ยิ่งทำให้อุ่นใจยิ่งขึ้นว่าผมจะไม่ต้องสู้ตามลำพังอย่างแน่นอน

“ไม่ต้องห่วงนะ เราจะช่วยกันปกป้องเจ้าทั้งคู่ให้ดีที่สุด” ไซเลอร์บอกอย่างหนักแน่น ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ผงกหัวเป็นการรับคำซึ่งผมรับรู้ได้ถึงความหนักแน่นในความรู้สึก

“ขอบคุณนะครับ” ผมรู้สึกซาบซึ้งกับน้ำใจของทุกคนที่นี่จริงๆ

“เกรงใจอะไรเล่า เรารู้จักกันมาตั้งนานแล้ว ถึงจะเป็นแค่พวกข้าที่รู้จักแค่ฝ่ายเดียวก็เถอะ”

“ฮ่าๆๆ” คำพูดของชเนาเซอร์เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

“ชู่ว” ก่อนจะหยุดชะงัก เมื่อร็อตส่งสัญญาณให้เบาเสียงลง เพราะพินช์เชอร์ยังหลับอยู่ ทุกคนจึงเปลี่ยนเป็นส่งสายตาล้อเลียนร็อตกันแทน

ดูท่าแล้วความพยายามของพินช์เชอร์น่าจะผลิดอกออกผลแล้ว น้องคงไม่ต้องกินแห้วแน่นอน

เสร็จแน่ร็อต!

เพื่อความเสมอภาคผมเลยช่วยส่งสายตาล้อเลียนอีกแรง

เรื่องแบบนี้นี่ทีใครทีมันครับ หึๆๆ

*******

(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 18-08-2017 11:40:32

รุ่งเช้า หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว พรีซาก็ถอนเขตแดนป้องกันออก เพื่อจะได้ให้สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ผ่านเข้าออกได้ตามปกติ

หลังจากเก็บของเสร็จ เราก็เริ่มเดินทางต่อได้ทันที เพราะอาการของผมเป็นปกติดีแล้ว

ระหว่างเดินทางกัน ทุกคนมีอาการระแวดระวังกันมาก ผมนี่เกร็งจนตะคริวจะกิน ตามองรอบตัวจนแทบจะกลอกตาได้ครบ 360 องศา รู้สึกเคร่งเครียดจนเหมือนไมเกรนจะกำเริบ ลุ้นมันแทบทุกย่างก้าว แม้แต่ก้อนหินที่ผมอุ้มไว้ยังตื่นตัวตลอดเวลาเหมือนกัน

เราเดินทางไปต่อไปเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเริ่มอึมครึมลง บ่งบอกว่าถึงเวลาใกล้มืดแล้ว พรีซาก็ส่งสัญญาณให้เราหยุด ผมหยุดตามอย่างงงๆ จะว่าถึงจุดหมายก็ไม่น่าจะใช่ เพราะบริเวณรอบๆ ตัวเรามีแต่ต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นไม่ต่างจากที่เราผ่านมาสักนิด ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเจอถ้ำสักถ้ำเลย

พรีซาแหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ผมแหงนขึ้นไปมองตามก็เห็นนกฮูกตัวหนึ่งเกาะอยู่บนกิ่งไม้ จ้องมองมาที่เราตาแป๋ว
นะ... น่ารักจังเลย เห็นแล้วอยากเลี้ยงชะมัด!

“ก๊าส” ก้อนหินมันร้องขึ้นมาขัดความคิดของผม ก่อนที่มันจะแหงนหน้าเอาหัวกระแทกกับตัวผมเบาๆ พอก้มลงไปมองมันก็พ่นลมอย่างเคืองๆ เหมือนจะรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

โธ่เอ๊ย! ลูกมังกรขี้อิจฉา!

ผมยิ้มด้วยความรู้สึกขำและเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะจับมันหันเข้าหาตัวแล้วกอดแน่นๆ ก่อนที่จะกระซิบบอกมันเบาๆ

“รักก้อนหินที่สุด”

“ก๊าส” มันร้องอย่างพอใจ แล้วให้หัวถูอ้อนๆ

“แฮ่ม!” เสียงกระแอมจากไซเลอร์ทำให้ผมแทบจะกลอกตา นอกจากตัวลูกจะขี้อิจฉาแล้ว ตัวพ่อมันก็ดูจะขี้หวงไม่แพ้กัน
เพลียใจจริงๆ

“หึๆๆๆๆ” ส่วนเพื่อนๆ พ่อมันก็ยังคงคอนเซ็ปต์เดิมอย่างเหนียวแน่น ถ้าไม่ได้ล้อไม่ได้แซวสักวันพี่ๆ แกคงจะนอนไม่หลับ เอาที่สบายใจกันเลยครับ

“พรีซา” เสียงเรียกหนักๆ ของไซเลอร์ ทำให้พรีซายักไหล่ด้วยท่าทางกวนประสาท ก่อนจะหยิบหยกที่รับมาจากองค์ราชาฟอลคอนแห่งรุคออกมาจากอกเสื้อ

พรีซาจับเชือกที่ร้อยหยกไว้แล้วปล่อยให้ตัวหยกห้อยลงมา แล้วหลับตาลงเหมือนกำลังรวบรวมสมาธิ สักพักหยกก็เริ่มเรืองแสงสีทองออกมาจนสว่างเจิดจ้า ก่อนที่จะก็มีนกขนสีขาวบริสุทธิ์บินออกมาจากหยก ตอนแรกที่ออกมาตัวมันเล็กแค่นิดเดียว สักพักขนาดของมันก็ขยายขึ้นเรื่อยๆ จนตัวเท่าห่านหรือหงส์ตัวเต็มวัยตัวหนึ่งเลยทีเดียว

ผมได้แต่มองด้วยความทึ่ง โลกนี้นี่มีเรื่องให้ประหลาดใจได้ตลอดจริงๆ

นกสีขาวบินไปหานกฮูกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้แล้วส่งเสียงร้องกังวานใส นกฮูกตัวนั้นร้องรับ ก่อนที่จะขยับตัวและออกบินนำไป นกสีขาวตัวนั้นโฉบลงมาที่เราแล้วร้องเหมือนจะเรียกก่อนบินตามนกฮูกไป

“ตามไป” พรีซาที่ลืมตาขึ้นมาแล้วเก็บหยกไว้เหมือนเดิม

พวกเราเร่งฝีเท้าตามนกทั้งคู่ไป ไม่ต้องกลัวว่าจะคลาดกันเลย เพราะนกสีขาวตัวนั้นปล่อยละอองสีรุ้งไว้ตามทางที่มันบินผ่านเป็นทาง ก้อนหินยื่นมือไปรับละอองที่โปรยปรายมา แต่เหมือนมันเป็นแค่ภาพลวงตา เพราะพอถึงมือมันก็จางหายไป

เดินมาได้ไม่นานพวกมันสองตัวก็หยุด แล้วนกฮูกก็ร้องแล้วบินกลับไปทางเดิม ส่วนนกสีขาวตัวนั้นก็บินวนๆ โปรยละอองสีรุ้งอยู่สักพักก่อนที่ภาพป่าตรงหน้าจะเปลี่ยนไปกลายเป็นถ้ำหินขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาแทน

เมื่อถ้ำปรากฏแล้วพรีซาก็หยิบหยกออกมา นกตัวนั้นก็บินกลับเข้าไปในหยกเหมือนเดิม เราทั้งหมดเดินตรงไปที่หน้าปากถ้ำซึ่งมีคนที่ยืนเฝ้าถ้ำอยู่สี่คน ยืนเว้นระยะห่างกันอยู่คนละฝั่งของปากถ้ำ แบ่งเป็นฝั่งละสองคน เมื่อเดินเข้าไป หนึ่งในผู้ที่เฝ้าถ้ำก็ก้าวออกมาต้อนรับ เขาโค้งให้อย่างนุ่มนวล ซึ่งพวกเราต่างก็โค้งรับกันอย่างสุภาพเช่นกัน

“ยินดีต้อนรับทุกท่าน ข้าชื่อพีเจียน รับหน้าที่นำทางพวกท่านตามคำสั่งขององค์ราชาที่ส่งสาร์นมาแจ้งให้ทราบแล้วว่าพวกท่านจะมาเยือน เชิญด้านนี้ครับ” เขาผายมือไปยังปากถ้ำก่อนจะเดินนำไป

เราทั้งแปด (นับก้อนหินด้วย) เดินตามไปเงียบๆ เมื่อเดินผ่านปากถ้ำคนที่เฝ้าถ้ำที่เหลือก็โค้งคำนับให้ เราคำนับตอบก่อนจะเดินตามท่านพีเจียนเข้าไปต่อ

ทางเข้าถ้ำกว้างเพียงพอแค่ให้คนสองคนเดินเท่านั้น เราจึงเดินตามกันไปเป็นคู่ๆ มีพรีซาเดินนำหน้าคู่กับท่านพีเจียน ตามด้วยผมกับไซเลอร์ มีร็อตกับพินช์เชอร์ตามมา ปิดท้ายด้วยชเนาเซอร์กับมาสทิฟฟ์

ระหว่างทางมีคบไฟจุดให้แสงสว่างเป็นระยะ ดูแล้วน่าจะเป็นไฟเวทย์ เพราะมีแค่แสงสว่าง แต่ไม่ทำให้ร้อนเหมือนไฟปกติ ตั้งแต่ปากถ้ำเข้ามาอุณหภูมิในถ้ำออกเย็นๆ ชื้นๆ เส้นทางที่เราผ่านมามีทางแยกไปอีกหลายแยก มีสองแยกบ้าง สามแยกบ้าง บางจุดมีถึงสี่แยก นี่ถ้ามาคนเดียวไม่มีคนนำทางนี่ได้หลงตายอยู่ในนี้แน่ๆ

ท่านพีเจียนนำเราเดินไปเรื่อยๆ คะเนดูระยะทางน่าจะเป็นระยะทางกิโลกว่าได้ เส้นทางที่แคบถึงจะค่อยๆ ขยายกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนไปถึงจุดที่เป็นห้องเหมือนโถงกว้างๆ ห้องหนึ่ง ท่านพีเจียนนำหยกในอกเสื้อของท่านออกมาร่ายเวทย์เบาๆ กำแพงใสที่กั้นทางเข้าห้องก็กระเพื่อมขึ้นแล้วหายวับไป

เมื่อเดินเข้าไปในห้อง ผมสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่กำลังอุ่นสบาย ผมมองรอบๆ ถ้ำด้วยความอึ้ง บริเวณผนังของถ้ำ จะมีช่องกว้างประมาณ 2 ตารางฟุต เรียงรายตั้งแต่พื้นถ้ำขึ้นจนสูงไม่เกินศีรษะ เว้นระยะกันจุดละประมาณ 1 เมตร ในช่องจะมีไข่ขนาดประมาณ 6 นิ้ววางอยู่ด้านใน บางช่องมีแค่ฟองเดียว บางช่องมีสองฟอง ดูจากสายตาแล้วน่าจะมีเป็นร้อยๆ ช่อง แต่ที่มีไข่อยู่จริงๆ มีเพียงไม่กี่สิบช่องเท่านั้น

ท่านพีเจียนเดินนำไปทางขวามือของเรา แล้วไปหยุดลงที่ช่องเก็บไข่ช่องหนึ่งซึ่งอยู่ติดกับพื้น ด้านในช่องนั้นมีไข่วางอยู่ 2 ฟอง ฟองหนึ่งเปลือกสีขาวบริสุทธิ์จนแทบจะเรืองแสงออกมา

อ้อ... ลืมไป ไขหงส์ฟินซ์ที่มีชีวิตมันเรืองแสงได้นี่หว่า

ไข่สีขาวฟองนี้ตั้งอยู่บนขนนกสีขาวดูนุ่มๆ รองเป็นฐาน ส่วนอีกฟองเปลือกเป็นสีเทาเข้มขนาดเล็กกว่าฟองสีขาวเล็กน้อย ตั้งอยู่บนพื้นหินเปล่าๆ

จากที่ฟังมา ไข่สีขาวคือไข่ที่มีตัวอ่อนของนกหงส์ฟินซ์อยู่ภายใน ส่วนไข่สีเทาจะเป็นไข่ที่ไม่มีตัวอ่อน ด้านในจะมีแค่ไข่ขาวไว้สำหรับเป็นอาหารให้ลูกนกที่จะฟักออกมาเท่านั้น ซึ่งไข่ที่ออกมาก็ใช่ว่าจะมีไข่แฝดทุกอัน มีเพียงสายหลักของตระกูลฟินซ์เท่านั้นที่จะมีไข่แฝดออกมาด้วย

ตอนแรกลุงเซเรสอธิบายรายละเอียดไว้เท่านี้ ผมเพิ่งมารู้ในภายหลังจากไซเลอร์และคนอื่นๆ ว่าไข่ในถ้ำแห่งนี้หลังจากถึงเวลาที่กำหนดก็จะฟักออกมาเป็นลูกนก ทางตระกูลเจ้าของไข่ก็จะมารับลูกนกไปเลี้ยงดู เมื่อถึงระยะเวลาที่กำหนด ลูกนกเหล่านี้ถึงจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้ ไม่เหมือนกับตระกูลอื่นๆ ที่ตอนคลอดออกมาตอนแรกจะเป็นมนุษย์แล้วจึงแปลงร่างเป็นนกได้ในภายหลัง

กว่าเราจะได้รับอนุญาตให้ใช้ไข่สีเทาใบนี้ได้ องค์ราชาแห่งรุคต้องเรียกประชุมผู้นำสำคัญของตระกูลฟินซ์เพื่อขอความสมัครใจของตระกูลเจ้าของไข่แฝดก่อน เพราะต้องได้รับอนุญาตจากผู้นำตระกูลเท่านั้น ถึงจะสามารถนำหยกสัญลักษณ์ของตระกูลมาเปิดช่องเก็บไข่ได้

ท่านพีเจียนรับหยกที่พรีซาส่งให้ แล้วนำไปวางที่ด้านบนของช่องซึ่งมีรอยตราตามรูปหยกประทับอยู่ เมื่อเอาหยกวางลงไปในช่องแล้วกำแพงใสๆ ที่กั้นอยู่เหมือนกับตรงทางเข้าห้องนี้ก็หายไป ท่านพีเจียนนำผ้านุ่มๆ จากอกเสื้อเข้าไปหยิบเอาไข่สีเทาออกมาจากช่องนำไปวางที่ช่องว่างข้างๆ ให้ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วถอยออกมา

“เชิญครับ”

ผมค้อมศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการขอบคุณ ก่อนที่จะส่งก้อนหินไปให้ไซเลอร์ แล้วขยับเข้าไปนั่งลงหน้าช่องเก็บไข่ สาเหตุที่ต้องใส่ไว้ในช่องตามเดิม เพราะอุณหภูมิในช่องนั้นจะอุ่นกว่าอุณหภูมิภายนอก ซึ่งอุณหภูมิด้านในเป็นอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับฟักและเก็บไข่ได้พอดี ถ้านำออกมาอาจจะทำให้ไข่เสียหรือเน่าได้

พินช์เชอร์ขยับมานั่งลงข้างๆ ผม ก่อนที่เราจะช่วยกันนำอุปกรณ์ที่เตรียมมาออกมาวางไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการสกัดตัวยาจากไข่
ผมหยิบอุปกรณ์ที่เตรียมไว้มาประกอบเป็นฐาน เพื่อยกไข่ขึ้นไปตั้งไว้ ก่อนที่จะนำถ้วยไปวางไว้ด้านล่างของฐานที่ขยายกางด้านล่างออก ใช้ไม้ที่เหลาเหมือนตะเกียบแต่เหลาให้ปลายแหลมมากๆ ค่อยๆ เจาะด้านล่างของเปลือกไข่ที่อยู่บนฐาน ปล่อยให้ไข่ขาวด้านในค่อยๆ ไหลลงมาในถ้วย

ระหว่างที่รอไข่ไหลลงมา ผมก็ส่งไม้ให้พินช์เชอร์ถือไว้ ส่วนผมก็หยิบตัวยาที่บดเป็นผงเตรียมไว้มาโรยลงไปในถ้วย แล้วให้พินช์เชอร์ใช้ไม้คนให้เข้ากันต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ช่วงนี้จะพักไม่ได้ไม่งั้นตัวยาจะแข็งตัวก่อนที่จะผสมกันได้สม่ำเสมอ แต่เนื่องจากช่องมันค่อนข้างแคบทำให้หัวเราโขกกันเป็นระยะ

อื้อหือ... พินช์เชอร์หัวแข็งใช้ได้เลย คิดว่าน้องก็คงจะรู้สึกไม่ต่างกัน เพราะระหว่างที่คนยามือเป็นระวิงน้องก็หน้าเหยเกเมื่อหัวของเราโขกกันหลายรอบขึ้น เสร็จงานนี้เราสองคนคงมีหัวปูดกันมั่งละ

เมื่อไข่หยดสุดท้ายหยดลงสู่ถ้วย ผมก็โรยผงยาหมดพอดี ผมขอไม้จากพินช์เชอร์แล้วมาตีเร็วๆ เหมือนตีไข่ก่อนจะเจียว เพื่อให้ตัวยาเข้ากันดีๆ เมื่อแน่ใจว่าน่าจะผสมกันดีแล้วก็วางไข่ไว้ในช่องเหมือนเดิมเพื่อปล่อยให้มันแข็งตัว เพราะในตัวยาที่ใส่ไปมีส่วนผสมของสารที่ทำให้ตัวยาแข็งตัวอยู่

ผมหันออกมาเพื่อจะเตรียมอุปกรณ์สำหรับบดยา แต่พอเห็นสายตาของคนอื่นๆ ที่จ้องเขม็งมาก็เกือบสะดุ้ง

ขวัญเอ๊ย! ขวัญมา! ตกใจหมด! จ้องกันขนาดนี้ไม่สิงกันเลยค่ะ แหม่!

เมื่อครู่มัวแต่มีสมาธิในการสกัดยาเลยไม่ได้สนใจ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนอื่นๆ มานั่งมายืนล้อมวงดูกันอย่างสนอกสนใจแบบนี้ พอทุกคนเห็นท่าทางของผมก็พากันกลั้นหัวเราะแล้วกระแอมไอกันแทน สงสัยจะกลัวผมเสียสมาธิ ผมได้แต่หรี่ตามองก่อนจะส่ายหัวแล้วหันไปเตรียมอุปกรณ์บดยาต่อ

ครกบดยาหลอมมาจากแร่ธาตุที่แข็งแรงและทนทานแต่น้ำหนักเบาอย่างไม่น่าเชื่อ ตำให้หนักแค่ไหนก็ไม่แตก เห็นแล้วอยากจะได้กลับไปฝากป้าๆ ในครัวตำส้มตำจริงๆ

เดี๋ยวๆ ดิน กลับมาที่เรื่องยาก่อน

แต่ตัวสากบดนี่แหละที่มีน้ำหนักหน่อย เพื่อให้เป็นการทุ่นแรงในการตำ ตอนหล่อช่างถึงได้ใส่ปูนลงไปที่ก้นด้านในของสากก่อนขึ้นรูปเพื่อให้มีน้ำหนักมากขึ้นด้วย

ผมเอาน้ำยาที่เตรียมไว้มาเช็ดอุปกรณ์เพื่อป้องกันการปนเปื้อน พอเตรียมอุปกรณ์เสร็จ ไข่ที่อยู่ในช่องก็แข็งพอดี ตอนนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเสียแล้ว สามารถยกออกมาจากช่องได้

ผมนำมีดที่เตรียมไว้ตัดยาที่แข็งตัวเป็นก้อนเป็นชิ้นๆ เท่าๆ กัน ก่อนจะขอให้ไซเลอร์มาช่วยบดให้ โดยให้พินช์เชอร์คีบลงใส่ครกทีละนิด ไซเลอร์ส่งต่อก้อนหินไว้ที่ร็อตแล้วขยับมาบดยาให้ผม

ระหว่างที่ไซเลอร์บดยา ผมก็นำผงยาอีกตัวค่อยๆ เทลงไป เมื่อตัวยาละเอียดพอก็บอกให้ไซเลอร์หยุด ก่อนที่จะใช้ช้อนตักใส่กระปุกสำหรับเก็บตัวยาแบบผงโดยเฉพาะ เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนยาในถ้วยหมด ผมใช้ผ้าเคลือบสารกันชื้นปิดปากกระปุกแล้วเอาฝาปิดลงไปให้แน่น เป็นอันเสร็จขั้นตอนในการสกัดไข่

เมื่อผมปิดฝาแล้วนำกระปุกยาเก็บเรียบร้อยแล้ว ทุกๆ คนต่างถอนหายใจเฮือกออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะชะงักมองหน้ากันแล้วก็หัวเราะลั่นออกมา

“ฮ่าๆๆๆๆ”

ผมก็พลอยหัวเราะไปด้วย ภารกิจเสร็จไปอีกหนึ่งอย่าง ส่วนผสมที่ได้มายากเย็นเสร็จซะที ที่เหลือก็แค่เดินทางกลับอาณาจักรเคลเบรอส เพื่อปรุงยาถอนพิษรักให้ควีนก็เป็นอันเรียบร้อย! ผมคิดอย่างมุ่งมั่น

“ก๊าส” ก้อนหินร้องขัดความมุ่งมั่นผม มันดิ้นเพื่อให้ร็อตคลายอ้อมกอดลงก่อนที่มันจะปีนลงจากตักร็อต แล้วโผเข้ามากอดผม ผมได้แต่หัวเราะแล้วลูบหัวมันด้วยความเอ็นดู แค่ห่างกันแป๊บเดียวเองนะหิน ขี้อ้อนจริงๆ! เลยจับมันฟัดด้วยความมันเขี้ยวทันที

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้ว ท่านพีเจียนก็นำทางเรากลับมาทางเดิม เมื่อใกล้จะถึงทางออก ก็พาเดินไปยังห้องห้องหนึ่งซึ่งมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่

“เชิญทุกท่านรับประทานอาหารกันก่อน หลังรับประทานเรียบร้อยแล้วข้าจะพาไปยังห้องที่องค์ราชาทรงให้เตรียมไว้ให้พวกท่านได้พักผ่อน เพื่อความปลอดภัยพรุ่งนี้เช้าค่อยออกเดินทางต่อดีกว่าครับ”

“ขอบคุณครับ” เราโค้งขอบคุณก่อนจะขยับเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ ซึ่งมีอาหารง่ายๆ อย่างเนื้อสัตว์และผลไม้ป่าตั้งอยู่

หลังจากรับประทานอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ท่านพีเจียนก็พาเดินออกจากห้องอาหารไปยังห้องนอนซึ่งมีฟูกหนาๆ ปูเรียงไว้ครบตามจำนวนคนของเรา

“เชิญพวกท่านพักผ่อนได้ตามสบาย เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าข้าจะเข้ามารับออกไปนะครับ ราตรีสวัสดิ์” ท่านพีเจียนบอกก่อนจะเดินกลับออกไป

หลังจากท่านพีเจียนไปแล้วเราก็เดินสำรวจห้อง ซึ่งเป็นแค่ห้องโล่งๆ ห้องหนึ่ง เรื่องจะอาบน้ำนี่เลิกคิดไปได้เลย เพราะดูแล้วไม่มีวี่แววแหล่งน้ำสักนิด อากาศภายในห้องกำลังดี ไม่เย็นและไม่ร้อนจนเกินไป

ไซเลอร์ให้ผมนอนตรงฟูกกลาง มีไซเลอร์กับพินช์เชอร์ขนาบคนละข้าง พี่ๆ แกตกลงเรื่องเวรยามกัน แม้ดูแล้วที่นี่น่าจะมีความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ทุกคนก็ไม่ประมาท

ทุกคนสั่งให้ผมกับพินช์เชอร์นอนไปก่อน แม้ผมจะบอกว่าผมช่วยเฝ้ายามไหวก็ไม่มีใครยอม บอกให้พักผ่อนไป ผมเลยวางสัมภาระไว้ใกล้ๆ ฟูก ก่อนจะนั่งลงแล้วทิ้งตัวลงบนที่นอน จับก้อนหินที่เริ่มตาปรือๆ มากอดไว้ สบตากับพินช์เชอร์ที่นอนอยู่ด้านซ้ายมือของผม

“ฝันดีนะพินช์เชอร์” ส่วนคนอื่นๆ ก็ปล่อยให้คุยกันต่อไป

“ฝันดีครับพี่ดิน” ผมยิ้มให้พินช์เชอร์ก่อนจะหลับตาลง



หลังจากพักผ่อนได้เพียงพอ ผมก็ตื่นขึ้นมาตามเวลาของนาฬิกาชีวิต เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เห็นร็อตกำลังปลุกพินช์เชอร์อยู่พอดี ผมแอบยิ้ม ทำเป็นไม่เห็นสายตาอ่อนโยนที่ร็อตใช้มองน้อง ล้อเยอะไปคงไม่ดี เดี๋ยวจะไม่มีความคืบหน้า หึๆๆๆ

พอทุกคนตื่นกันครบแล้ว ท่านพีเจียนก็เข้ามานำทางพวกเราไปยังห้องอาหารห้องเดิม หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ท่านพีเจียนก็นำทางออกมาจากถ้ำ เมื่อเดินมาถึงปากถ้ำเราทุกคนก็โค้งขอบคุณท่านอย่างเรียบร้อยที่สุด

“ขอบคุณมากท่านพีเจียน”

“ขอบคุณนะครับท่านพีเจียน”

“ด้วยความยินดี เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว อีกอย่างได้เห็นวิธีการสกัดไข่เพื่อรักษาพิษรักในตำนานนี่ถือเป็นบุญตาข้ามาก” ท่านพีเจียนหันมายิ้มให้และมองอย่างชื่นชม จนผมอดจะเขินไม่ได้

“แฮ่ม” แหม่... นี่ก็ช่างขัดจริงๆ ชาติที่แล้วเกิดเป็นฝอยขัดหม้อรึไง ผมเหลือบมองไซเลอร์ด้วยความเพลีย

“หึๆๆ เช่นนั้นข้าขออวยพรให้ทุกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ”

“ขอบคุณครับ” เราทั้งหมดโค้งให้ท่านพีเจียนและคนที่เฝ้าหน้าปากถ้ำคนอื่นๆ อีกครั้ง ก่อนจะเดินห่างมาจากถ้ำเรื่อยๆ

ผมหันไปมองท่านพีเจียนที่อยู่ไกลๆ อีกครั้ง ก่อนที่ภาพถ้ำด้านหลังจะหายวับไป กลายเป็นภาพต้นไม้น้อยใหญ่ปรากฏขึ้นมาแทน เมื่อหันกลับมาก็เห็นไซเลอร์มองมาด้วยสายตาอ่อนโยน

“กลับบ้านกันเถอะ”

“ครับ กลับบ้านเรากันเถอะ”


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เห็ดพร้อมมมมมมมมม ไข่พร้อมมมมมมมมมม เจียวได้ค่ะ เอร๊ยยยยย  :laugh:
กลับมาแล้วค่า  หลังจากตันมาเนิ่นนาน ถถถ  :hao5:
พอดีช่วงนี้อีไม่เว้นเยอะ งานก็เข้าเป็นยะละ เอ๊ย! ยะระ เอ๊ย! ละยะ เอ๊ย! ระยะ เอ๊ย! ถูกแล้ว แหม่!  :laugh:
ก็เลยทำให้บันเทิงไม่ค่อยออกค่ะ แง่มมมมมม
อีกไม่กี่ตอนก็จบละ - อันนี้ปลอบใจตัวเอง

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#suikajang   :laugh: รีบค่ะ แต่จินตนาการมันไม่รีบตามด้วยยย ฮอลลลล ตันเป็นระยะค่ะ แต่ว่ามาแล้ววววววววว ส่วนคุณไฟอีกสักพักกกกกกกกกกก เดี๋ยวพาไปเยี่ยมค่ะ  :katai2-1:
#mild-dy  :L2: :pig4: :L2:
#Yara คนที่นี่ชอบแกล้งกันทุกกกกคนค่ะ แม้แต่กับเพื่อนก็ไม่เว้น  :laugh:
#♥►MAGNOLIA◄♥ สมควรให้ไซเลอร์เตะเรียงตัวค่ะ  :laugh: บอกแล้วว่าพี่ไซแกหนักแน่นเสมอออออออ ร๊ากกกหินเหมือนกันค่า
#duck-ya หินหวงดินหนักม๊ากกกกก คาดว่าจะขัดแม้ว่าจะโตแค่ไหนก็ตาม  :laugh:
#alternative สำลักน้ำตาลตายกันไปข้างเลยค่ะ  :laugh:
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
#เก้าแต้ม เอร๊ยยยย นั่นสิคะ จะได้หวานกันซะที
#Billie  :L2: :pig4: :L2:
#badbadsumaru หินหลับค่ะ ไม่งั้นอย่าหวังจะได้แตะ  :laugh:
#KARMI  :laugh: นอกจากไซเลอร์ฆ่าแล้ว อาจโดนก้อนหินงับหัวด้วยค่ะ
#MayA@TK เอาเพื่อนๆ ไปเก็บบบบบบ  :laugh:
#•♀NoM!_KunG♀• เอร๊ยยย ขอบคุณค่า ชมเค้าใช่ไหม  :mew1:
#shoi_toei อยากให้จบมากกกกกค่า แต่เคลียร์ยังไม่หมด  :hao5:
#HISY วงวารพี่ไซ มีแต่ตัวขัด  :laugh:
#prangasia มันจะดีนะ  :laugh:
#sinyou ส่งก้อนหินให้  :L2:
#aiyuki แวะมาดู้ววววเลยค่า  :L2:
#cookie_  :L2: :pig4: :L2:

กอดดดดแม่ยกทุกคนนนนนนนนน   :กอด1:
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ  :L2: :pig4: :L2:

คลานต่อ

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 18-08-2017 15:47:36
 o13


 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 18-08-2017 17:26:23
กลับบ้านเรา~~~~~~
ไปปรุงยากันเยอะ เย้!!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-08-2017 20:08:46
ตื่นเต้นตามเลย นักเขียนจินตนาการบรรเจิดสุดยอดค่าา  ก้อนหินน่ารักอ่ะ อยากได้มาเลี้ยงเลยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 18-08-2017 20:11:42
อิจฉาพี่ดิน :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-08-2017 21:36:56
คาดว่าระหว่างทางเจอดักแน่ๆ 

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 18-08-2017 21:38:12
 :mew1: หวานกันเป็นระยะๆ อิพ่อ อิแม่ ลูกรัก แหมะครอบครัวสุขสันต์
ยังยืนยันความมโนของเราน่อ ส่งน้องชเนาเซอร์ผู้สดใสไปปลอมใจคุณไฟน่อ อิอิ
ใกล้จะจบก็ใจหาย อดหัวเราะฮาเฮกะดินแล้วสิ แล้วไหนจะความน่ารักของหินอีก เฮ้อ...  :monkeysad:
สงสัยว่าฝั่งนี้จะผูกใจสำเร็จ และเหนียวแน่นมากทั้งพ่อ ลูก แล้วคนรอบข้าง
อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เป็นเราก็อยากอยู่

 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 18-08-2017 22:53:49
ตีไข่เจียว หิวเลย อุ้ย ผิด ฮ่าๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 18-08-2017 22:58:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 19-08-2017 00:53:39
กลับบ้านไปทำยาแก้พิษรักกัน อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 19-08-2017 06:44:07
ไซเลอร์ พอได้บอก ความในใจกับก้อนหิน ออกตัวแรงเลย555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 07:20:23
ได้ยาแล้ว ลุ้นกันต่อต้องมีมารออกมาอีกแน่ๆ

อย่างกับอ่านใจันได้
ก้อนหิน ถึงแสดงความหวงดินเลย แค่ดินนึกอยากเลี้ยงนกฮูกในใจเท่านั้น
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-08-2017 08:17:43
แหม่ กลับบ้านเรากันเถอะ ทำไมชั้นเขิลประโยคนี้

เจียวไข่ เอ้ย ปรุงยาเสร็จ ทำพิธีแต่งเลยนะ ฮ่า ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-08-2017 20:04:35
สกัดไขอย่างหวานชื่น หัวปูดกันไป ฮ่า ๆ ๆ ๆ

กลับบ้าน แต่งเมีย! เอ๊ย! ไปรักษาควีน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 19-08-2017 20:46:55
จะจบแล้วเหรอเศร้าจุง จะมีตอนพิเศษมั๊ยคะ?
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-08-2017 10:21:03
ทุกอย่างพร้อมแต่จะมีตัวมาขวางอีกมั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 26 ไข่หงส์ (18/8/2017) P.16
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 20-08-2017 16:21:26
ไปอยู่บ้านด้วยคนได้ไหมคะ เป็นโคมไฟก็ได้  :hao7:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 30-08-2017 11:50:56
บทที่ 27 ถอนพิษ

   ผมยืนกอดก้อนหินมองภาพชาว ‘คราเคน’ ขนของเข้ามาในห้องโถงรับแขกของพระราชวังแห่งเคลเบรอสด้วยความอึ้ง และคิดว่าคงไม่ใช่มีแค่ผมที่อึ้งกับภาพตรงหน้า เพราะทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ต่างก็จ้องภาพตรงหน้ากันอย่างเงียบกริบเหมือนๆ กัน

   อ้อ!... ก่อนที่จะมาถึงตอนนี้ ผมต้องเท้าความกลับไปก่อนหน้านี้สินะ

   ...

   หลังจากเสร็จภารกิจสกัดตัวยาจากไข่หงส์ฟินซ์ที่ถ้ำเสร็จแล้ว เราทั้งแปดก็เดินทางออกมาจากป่าคาล์มด้วยความระมัดระวังที่สุด ระวังทั้งอันตรายจากผู้ประสงค์ร้ายและสัตว์ร้ายในป่า ระวังทั้งตัวยาที่ได้มาด้วยความยากเย็น โชคดีที่การเดินทางราบรื่นดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรให้ต้องใจหายใจคว่ำอีก

   เนื่องจากป่าคาล์มเป็นป่าที่ติดกับป่าไวท์ซึ่งเป็นรอยต่อของทั้งสองอาณาจักร เราจึงใช้ระยะเวลาไม่ถึง 3 วันก็สามารถเดินทางกลับมาถึงเคลเบรอสโดยสวัสดิภาพ

   เมื่อเดินทางมาถึงเราต่างแปลกใจเมื่อทราบว่าทีมเดวิลซึ่งมีพี่ไซรอสเป็นผู้นำทีมเดินทางไปหาไข่มุกดำที่ทะเลไมเรสยังไม่กลับมา ทุกคนต่างรอคอยด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากทะเลไมเรสอยู่ไม่ไกลจากอาณาจักรบาอัลและอาณาจักรรุคมากนัก แถมทีมนี้มีจุดหมายแค่ที่นี่ที่เดียว ไม่น่าจะใช้ระยะเวลาในการทำภารกิจนานขนาดนี้

   กังวลกันได้ไม่นาน ก่อนที่คิงเกรทเดนจะส่งทีมออกไปตาม ทีมเดวิลก็กลับมาถึงเคลเบรอสซะก่อน แต่ที่ทำให้เราอึ้งกันอยู่นั่นก็คือนอกจากสมาชิกทีมแล้ว ยังมีคนติดตามกลับมาด้วยอีกสิบกว่าคน

   ไซเลอร์กระซิบบอกว่าพวกเขาเป็นชาวคราเคนผู้ครอบครองอาณาจักรใต้น้ำในทะเลไมเรสที่พี่ไซรอสนำสาร์นขออนุญาตไปงมไข่มุกดำมา

   ลุงเซเรสเคยเล่าให้ฟังเหมือนกันว่ายังมีอาณาจักรอีกอาณาจักรที่อยู่ใต้น้ำ ชื่ออาณาจักรคราเคน ถึงจะเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันกับอีกสามอาณาจักร แต่พวกเขาก็ไม่ค่อยจะสุงสิงกับคนบนบกนัก เพราะความที่ชาวคราเคนค่อนข้างเก็บตัว จึงไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอตัวเป็นๆ แบบนี้

   ผมยืนมองผู้มาเยือนด้วยความสนใจ ลักษณะภายนอกของชาวคราเคนไม่ได้ต่างจากคนอาณาจักรอื่นๆ เลย มีเพียงสัญลักษณ์รูปหยดน้ำตรงหน้าผากเท่านั้นที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของคนในอาณาจักร

   หลังจากขนของเข้ามาหมดแล้ว คนเหล่านั้นก็ขยับไปยืนเรียงข้างละสองฝั่ง เว้นช่องว่างตรงกลางไว้ เพียงไม่นานก็มีคนสองคนเดินเข้ามาภายในห้องโถง

   คนที่เดินนำหน้าเป็นหญิงสาวผิวขาวจัด ขาวจนเหมือนจะเรืองแสงออกมาได้ ผมหยักศกสีแดงเพลิงเป็นประกายยาวจนเกือบจะถึงพื้น ใส่ชุดสีฟ้าอ่อนยาวเกือบถึงข้อเท้า ปิดหน้าด้วยผ้าสีเดียวกันกับชุด เผยให้เห็นเพียงดวงตาสีฟ้าเข้มสดใส ส่วนคนที่เดินตามมาเป็นชายหนุ่มรูปร่างบึกบึนหน้านิ่งผมดำสนิท

   เมื่อมาถึง ทุกคนก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าเพื่อถวายความเคารพคิงแห่งเคลเบรอส

   “เจ้าหญิงพริโอเนซและคณะทูตแห่งคราเคนถวายพระพรฝ่าบาท” เสียงหวานกังวานใสจากผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวในคณะกล่าวขึ้น ฟังแล้วรู้สึกเคลิ้มชะมัด

   “ลุกขึ้นเถอะ เชิญพวกท่านตามสบาย”

   เมื่อทุกคนลุกขึ้นแล้ว แต่ละคนก็แยกย้ายไปนั่งเก้าอี้ประจำตำแหน่ง โดยแขกที่มาเยือนได้รับเชิญให้ไปนั่งยังเก้าอี้ที่จัดไว้ใกล้ๆ กับเก้าอี้ของคิงเกรทเดน

   “องค์ราชาเวลชาร์คแห่งคราเคนมีอะไรให้เรารับใช้รึเปล่า ถึงได้ส่งคณะทูตมาถึงที่นี่”

   ไซเลอร์กระซิบให้ฟังว่า คนที่นี่ไม่เคยเจอชาวคราเคนมาหลายร้อยปีแล้ว เพราะชาวคราเคนจะรู้สึกไม่สบายตัวและหายใจลำบาก เมื่อต้องขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่บนบก ทุกคนจึงแปลกใจที่ครั้งนี้ชาวคราเคนขึ้นมาจากทะเลได้ แถมยังมาเป็นหมู่คณะอีกด้วย

   “ไม่มีปัญหาอะไรหรอกฝ่าบาท องค์ราชาเพียงแค่ส่งเจ้าหญิงพริโอเนซติดตามพระสวามีมาเท่านั้น”

   “ห๊ะ!!! พระสวามี” เอ่อ... อันนี้ผมไม่ได้อุทานนะครับ แต่เป็นเสียงอุทานที่ดังมาจากทั่วห้องโถงเลยเถอะ!

   แล้วทุกสายตาของคนทั้งห้องโถงก็หันขวับไปมองทีมเดวิลที่ยืนเงียบกริบตั้งแต่รายงานตัวต่อคิงเสร็จ ต่างก็สงสัยว่าใครกันแน่ที่อยู่ๆ ก็กลับมาด้วยตำแหน่งพระสวามีของเจ้าหญิง

   “...”

   แต่พี่ๆ แกก็นิ่งสงบสยบทุกความเคลื่อนไหว มีเพียงสีหน้าแปลกๆ เท่านั้นที่บ่งบอกว่าทุกคนรับฟังอยู่ ก่อนที่สายตาคนในทีมจะหันไปยังคนที่ทำหน้านิ่งอยู่คนเดียว  เจ้าตัวคงจะทนแรงกดดันจากทุกสายตาไม่ไหวเลยหันไปตอบข้อสงสัยของทุกคนกับคิงด้วยสีหน้านิ่งๆ

   “กระหม่อมเองฝ่าบาท”

   “ห๊ะ!!!”

   “ไซรอสเนี่ยนะ!”

   “ไซรอสเหรอ?”

   “เป็นไปได้ยังไง? / เกิดอะไรขึ้น?”

   ในขณะที่คนอื่นๆ อุทานและพูดคุยกันเซ็งแซ่ แต่คนเป็นพ่ออย่างท่านอลาสกันกับคนเป็นน้องอย่างไซเลอร์กลับทำแค่เพียงเลิกคิ้วแสดงความแปลกใจเท่านั้น ส่วนท่านไซรีนก็ทำเพียงมองพี่ไซรอสสลับกับเจ้าหญิงตาเป็นประกายด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานเหมือนจะดีใจมากกว่าที่ได้ลูกสะใภ้สมใจหลังจากที่บ่นอยากได้มานาน

   บ้านนี้นี่สตรองกันดีจริงๆ

   เมื่อทุกคนพูดคุยกันเสียงดังไม่ยอมหยุดกันสักที คิงจึงยกมือขึ้นเป็นเชิงบอกให้เงียบ    

   “ไปทำอีท่าไหน แฮ่ม! ข้าหมายถึง เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ไซรอสถึงได้ไปเป็นพระสวามีของเจ้าหญิงแห่งคราเคนได้ล่ะ”
 
   เป็นเรื่องน่าแปลกใจจนทำให้คิงถึงกับไปไม่เป็นอะคิดดู

   คณะราชทูตเงียบกริบ แต่มองไปทางพี่ไซรอสเป็นตาเดียว บอกด้วยกิริยาว่าให้พี่ไซรอสเป็นคนตอบ

   “เรื่องมันยาวฝ่าบาท เดี๋ยวกระหม่อมจะเล่าให้ฟังในภายหลัง กระหม่อมกับเจ้าหญิงได้คุยกันแล้วว่ารอให้ควีนฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องของเราอีกที ในเมื่อตอนนี้เราได้ตัวยามาครบตามที่ดินบอกแล้ว กระหม่อมว่าน่าจะให้ดินเริ่มปรุงยาเลยน่าจะดีกว่าฝ่าบาท”

   อุย! ผมแทบจะสะดุ้งเมื่อฟังอยู่ดีๆ พี่ไซรอสก็โยนมาที่ผมเฉยเลย แล้วสายตาทุกคนคู่ก็เปลี่ยนมาจ้องผมแทน

   “เอ่อ... อุปกรณ์ที่ต้องใช้สำนักแพทย์เตรียมให้พร้อมแล้ว ตัวยาก็มาพร้อมหมดแล้ว เราไปปรุงยากันเลยก็ได้ครับ” ผมตอบอย่างเกร็งๆ

   “อืม ถ้าเช่นนั้นก็ฝากท่านอลาสกัน ท่านเรเนียนและท่านหญิงทั้งหลายช่วยดูแลแขกของเราด้วยก็แล้วกัน ข้าต้องขอโทษเจ้าหญิงและคณะทูตทุกท่านด้วยที่ไม่ได้ดูแลด้วยตนเอง”

   “หม่อมฉันเข้าใจฝ่าบาท แค่มาต้อนรับด้วยพระองค์เองก็ถือเป็นเกียรติมากแล้วค่ะ” เจ้าหญิงตอบรับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ลุกขึ้นย่อตัวลงอย่างเรียบร้อยงดงาม

   “นานๆ จะได้รับแขกจากคราเคนสักที นับว่าเป็นเกียรติของเราเหมือนกัน”

   “ท่านพ่อฝากสาร์นมาถึงพระองค์เป็นลายลักษณ์อักษรและตรัสฝากมาว่าหากทรงว่างเมื่อไหร่จะทรงขึ้นมาพบด้วยพระองค์เองค่ะ”

   จบคำของเจ้าหญิงเสียงฮือฮาในห้องโถงก็ดังขึ้นอีกครั้ง จนคิงต้องทรงยกมือขึ้นเป็นปางห้ามญาติอีกรอบ

   “ข้าจะเฝ้ารอด้วยความยินดียิ่ง ถ้าเช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อนก็แล้วกัน ไปกันเถอะก้อนดิน”

   “ถวายพระพรฝ่าบาท” เสียงทุกคนในห้องโถงที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรักษากล่าวส่งเสด็จ

   “พวกเราขอให้การรักษาประสบผลสำเร็จ ขอส่งความห่วงใยและกำลังใจให้ควีนทรงหายโดยเร็ว ฝากด้วยนะก้อนดิน” ท่านเบตันเป็นตัวแทนกล่าวขึ้นมา

   “ฝากควีนด้วยนะก้อนดิน” เสียงความห่วงใยและความหวังจากทุกคนที่ส่งมาถึงทำให้ผมต้องค้อมรับหน้าที่ด้วยความเต็มใจและมุ่งมั่น
   ผมสัญญากับทุกคนในใจว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด!



   ผมเข้ามายืนในห้องบรรทมของคิงและควีนอีกครั้ง

   สิ่งแรกที่ทำก็คือเช็คของที่ต้องใช้ในการปรุงยาอีกรอบเพื่อความมั่นใจ (หลังจากเช็คไปแล้วหลายรอบ) และทบทวนหน้าที่ของคนที่มีส่วนในการปรุงยาอีกครั้งเพื่อความชัวร์

   ผมให้คิงนั่งอยู่ฝั่งด้านในของเตียงคอยกุมมือควีนและคอยพูดคุยกับควีนเพื่อเป็นการส่งกำลังใจให้ควีนได้รับรู้ เพราะแม้ว่าร่างกายของคนที่ถูกพิษจะหลับอยู่ แต่จิตใต้สำนึกและสัมผัสการรับรู้อื่นๆ ยังคงอยู่ครบถ้วนเหมือนคนทั่วไป ถ้าควีนได้รับกำลังใจและรู้ว่าเรากำลังพยายามช่วยอยู่จะได้ทรงเข้มแข็ง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การขับพิษมีโอกาสประสบผลสัมฤทธิ์ได้มากขึ้น

   ท่านคานาริโอนั่งอยู่อีกฝั่งของเตียงทบทวนเวทย์ถอนพิษจากหัวใจเพื่อเตรียมพร้อมระหว่างรอตัวยาไปก่อน สาเหตุที่ต้องให้ท่านคานาริโอทำหน้าที่นี้ เพราะท่านคานาริโอเป็นตระกูลสายเวทย์และมีสายเลือดสายเดียวกันกับควีนซึ่งจะช่วยให้พิษถูกถอนออกได้ผลเร็วกว่าจอมเวทย์ที่มาจากสายตระกูลอื่น

   ท่านลาซากับพินช์เชอร์เป็นผู้ช่วยในการปรุงยา เพราะตัวยาเตรียมไว้พร้อมแล้วเลยไม่จำเป็นต้องใช้คนมาก ผมอธิบายขั้นตอนทุกอย่างและลำดับในการใส่ตัวยาให้ทั้งสองเข้าใจคร่าวๆ ก่อนปฏิบัติจริงซ้ำอีกหลายรอบ เพื่อป้องกันความผิดพลาด

   ผู้ที่ทำหน้าที่ร่ายเวทย์ขณะปรุงยาเพื่อให้ตัวยาและเวทย์เข้ากันจนสามารถกระจายไปได้ทุกส่วนของร่างกายคือท่านมอลทีส ซึ่งนอกจากจะเป็นจอมปราชญ์แล้วยังเป็นจอมเวทย์อันดับต้นๆ ของอาณาจักรอีกด้วย

   ส่วนเวทย์ในการปรุงยาผมก็เอาจากสมุดที่ลุงเซเรสให้มานำไปให้พวกท่านอ่านก่อนเพื่อความราบรื่นในการร่ายเวทย์ เพราะคนที่ต้องร่ายเวทย์ขณะปรุงยาต้องร่ายตั้งแต่ต้นจนจบวนไปเรื่อยๆ ตั้งแต่เริ่มปรุงจนปรุงสำเร็จ ส่วนคนที่ร่ายเวทย์หลังจากดื่มยาก็ต้องร่ายตั้งแต่เริ่มดื่มยาไปจนถอนพิษออกหมดเช่นกัน

   ด้านในห้องมีท่านไวเลอร์เฝ้าอยู่เพื่อป้องกันอันตรายและป้องกันไม่ให้ใครเข้ามารบกวนขณะปรุงยา

   ประตูด้านนอกห้องบรรทมมีท่านเบตันเฝ้าไว้อีกชั้น ด้านหน้าตำหนักก็มีทีมอื่นๆ ที่ไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจยืนเฝ้าและเดินตรวจตราดูแลทั้งภายในและรอบๆ พระราชวังอย่างแน่นหนา

   หลังจากเตรียมของและเตรียมคนเรียบร้อยแล้ว ผมก็หลับตาลงเพื่อรวบรวมสมาธิไม่ให้ตัวเองสติแตกจากความกดดันในระหว่างปรุงยา ซึ่งทุกคนก็พร้อมใจกันเงียบอย่างเข้าใจ

   ผมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อพร้อมแล้วก็ลืมตาขึ้นกวาดสายตามองทุกคนที่อยู่ประจำตำแหน่งของตัวเองแล้วบอก

   “มาเริ่มกันเลยครับ”

   เมื่อผมให้สัญญาณท่านมอลทีสก็เริ่มร่ายเวทย์ทันที ส่วนผมก็หยิบไข่มุกดำที่ยังอยู่ในน้ำทะเลใส่ลงไปในหม้อต้มที่มีส่วนผสมของน้ำค้างยามรุ่งสางและน้ำที่กลั่นจากดอกสโนว์ฟ็อกซ์อยู่ภายใน ด้านล่างเป็นไฟเวทย์ที่ให้ความร้อนในระดับที่เหมาะสม ฤทธิ์ของไข่มุกดำแห่งทะเลไมเรสจะทำให้น้ำเย็นแม้จะเดือดอยู่ก็ตาม งงไหม? ผมก็อธิบายไม่ถูกครับบอกตรงๆ แหะๆ

   พอใส่ไข่มุกดำได้สักครู่จนมั่นใจว่าอุณหภูมิคงที่แล้ว ผมก็ให้ท่านลาซากับพินเชอร์หยิบสมุนไพรชุดแรกที่เตรียมไว้ใส่ไปพร้อมๆ กัน ส่วนผมก็คอยคนให้เข้ากันแล้วปิดฝาไว้

   ผมคว่ำนาฬิกาทรายที่ใช้กำหนดเวลาลงแล้วนั่งจ้องเม็ดทรายอย่างใจจดใจจ่อด้วยความรู้สึกอึดอัด เพราะนอกจากเสียงร่ายเวทย์ของท่านมอลทีสกับเสียงน้ำในหม้อแล้วทุกคนก็เงียบกริบเพื่อให้ท่านมอลทีสมีสมาธิได้อย่างเต็มที่

   แล้วผมก็สะดุ้งโหยงเมื่อรู้สึกว่ามีคนสะกิดที่ขา เมื่อหันไปมองก็เห็นพินช์เชอร์จ้องมา น้องมันชี้ไปที่จมูกแล้วอ้าปากพะงาบๆ อ่านปากได้ว่า

   “พี่ดินหายใจสิครับ หายใจ”

   เฮือกกก!

   อ้อ! ผมกลั้นหายใจอยู่นี่เอง มิน่าล่ะ ถึงได้รู้สึกอึดอัดพิกล

   ใจเย็นๆ .....

   ตัวกูนี่แหละใจเย็นเย็นนนน

   โอ๊ยยยย! ดิน สติ! อย่าลนสิวะ หายใจเข้าลึกๆ ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกหลายๆ ครั้ง เพื่อไม่ให้ตัวเองสติแตก รู้สึกอยากกอดก้อนหินชะมัด แต่ตอนนี้มันอยู่กับไซเลอร์ข้างนอกนี่สิ

   ผมหลับตาลงอีกครั้ง นึกถึงอ้อมกอดของไซเลอร์ที่ดึงผมเข้าไปกอดก่อนที่ผมจะเข้ามาในนี้โดยที่ก้อนหินยังอยู่ในอ้อมแขนพร้อมคำพูดหนักแน่นที่แสดงถึงความเชื่อมั่นในตัวผม

   “เจ้าทำได้”

   ส่วนคนอื่นๆ ก็เข้ามาตบบ่าหนักๆ (จนบ่าแทบทรุด) เพื่อให้กำลังใจ

   นึกถึงคำพูดและสายตาของทุกๆ คนที่ฝากความหวังมาแล้วก็ทำให้รู้สึกฮึดขึ้นมาทันที

   ในเมื่อทุกคนเชื่อใจและมั่นใจ

   ผมก็ต้องทำได้สิน่า!

   ผมลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกเยือกเย็นยิ่งกว่าเดิม มองนาฬิกาทรายที่ร่วงหล่นลงสู่เบื้องล่างด้วยความมุ่งมั่น เมื่อทรายเม็ดสุดท้ายหมดลง ผมก็ลุกขึ้นเปิดฝาหม้อ แล้วให้ท่านลาซากับพินช์เชอร์ช่วยหยิบตัวยาชุดต่อไปใส่ลงในหม้อ ส่วนผมก็คนเรื่อยๆ เมื่อตักขึ้นมาดูและเห็นว่าเข้ากันทั่วแล้ว ก็หยิบผงไข่หงส์ฟินซ์ที่บดละเอียดไว้มาเปิดฝาแล้วเทลงไป คนให้เข้ากันสักพักเพื่อให้ผงไข่ละลายและเข้ากันจนทั่วก็ปิดฝาลงแล้วหยิบนาฬิกาทรายอันเล็กกว่ามาตั้ง

   เราทั้งสามจ้องนาฬิกาทรายกันเงียบๆ จนกระทั่งเม็ดทรายเม็ดสุดท้ายหมดลง ผมก็หยิบเอาตัวยาที่สกัดจากเห็ดเรืองแสงมาเทใส่ถ้วยตวงแล้วเทลงไปหม้อ คนต่อไปเรื่อยๆ สักพัก เมื่อตักขึ้นมาดูและเห็นว่าสีเข้มข้นตามต้องการแล้วก็ปิดฝาแล้วเตรียมอุปกรณ์มากลั่นเหมือนตอนกลั่นเห็ดเรืองแสง

   หลังจากจัดการกับอุปกรณ์กลั่นเรียบร้อยแล้วเราก็นั่งจ้องขวดแก้วที่ใช้รองยากันด้วยความเงียบ มีเพียงเสียงของท่านมอลทีสที่ยังคงร่ายเวทย์ต่อไปอย่างมีสมาธิ จนยาหยดแรกหล่นลงสู่ขวดแก้วนั่นแหละถึงได้ยินเสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบาของเราทั้งสามคน ก่อนที่จะยิ้มให้กันด้วยความโล่งอกเพราะถือว่าขั้นตอนสำคัญในการปรุงยาสำเร็จไปอีกขั้น

   เมื่อหันไปมองคิงก็เห็นทรงมองมาอย่างมีความหวัง แม้ว่ายาแต่ละหยดจะออกมาช้าแค่ไหน เราก็ยังคงเฝ้ามองหยดยาที่ไหลลงสู่ขวดแก้วหยดแล้วหยดเล่าอย่างใจจดใจจ่อ แม้ว่าตอนนี้จะเหลือเพียงรอให้ยาเต็มขวดแก้วแต่ทุกคนก็ยังไม่ขยับไปไหน ยังคงเฝ้าคอยอยู่ประจำที่อย่างเต็มใจ แปลกที่ไม่รู้สึกหิวหรือง่วงเลยสักนิด สงสัยจะลุ้นกันจนลืมหิว สงสารก็แต่ท่านมอลทีสที่ต้องร่ายเวทย์ต่อไปเรื่อยๆ ไม่สามารถหยุดพักได้เหมือนคนอื่น

   ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน แต่คาดว่าคงนานพอดู เพราะผมรู้สึกเหมือน... จะเป็นเหน็บ

   อูยยยยย

   เพราะมัวแต่นั่งจ้องยาที่หยดลงขวดเพลินเลยลืมขยับตัว (ดีนะไม่ลืมหายใจด้วย) มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ยาใกล้จะเต็มขวดนั่นแหละ ถึงได้ขยับตัวเพื่อเตรียมพร้อม ผมค่อยๆ ขยับขาอย่างยากลำบาก ขยับทีจี๊ดทีสะเทือนไปทั้งขา คิดว่าทุกคนคงเคยเป็นเหน็บน่าจะเข้าใจความรู้สึกผมดี

   กว่าจะหายจากอาการเหน็บกินพินช์เชอร์ต้องขยับมาช่วยนวดขาอีกแรง เมื่อตัวยาหยดลงในขวดแก้วได้ปริมาณที่ต้องการแล้ว ผมก็ดึงปล้องหญ้าออกแล้วใส่ขวดใหม่รองไว้ เพื่อสำรองไว้เผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด

   ผมส่งสัญญาณให้ท่านมอลทีสหยุดร่ายเวทย์ พินช์เชอร์รีบส่งน้ำให้ท่านมอลทีสจิบทันที ส่วนผมถือขวดยาและถ้วยชาใบเล็กเดินไปหาคิง แล้วส่งถ้วยชาให้คิง

   “กระหม่อมขอเลือดฝ่าบาทด้วยครับ”

   คิงรับถ้วยไปแล้วหยิบมีดที่พกไว้มากรีดนิ้วตัวเองอย่างไม่ลังเล หยดเลือดหยดลงในถ้วยที่รองไว้จนเต็ม ท่านลาซาก็นำยาห้ามเลือดโปะแผลแล้วปิดด้วยผ้าสะอาดอีกที

   ผมนำเลือดของคิงเทลงในขวดแก้ว เมื่อเทลงไปแล้วจุดที่เลือดสัมผัสกับตัวยาก็เรืองแสงออกมาทันที ผมยิ้มกว้างอย่างพอใจในปฏิกิริยา มันหมายถึงตัวยาใช้ได้และหัวใจของเจ้าของเลือดยังมั่นคงในรักเหมือนเดิม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ฤทธิ์ของยาสัมฤทธิ์ผล

   ผมนำน้ำที่สกัดจากดอกคาโมมายล์หยดใส่ลงไปเพื่อลบกลิ่นคาวเลือด ใส่น้ำผึ้งลงไปสามช้อนเพื่อให้ดื่มง่ายขึ้น ใช้ช้อนแก้วคนให้เลือดและตัวยาเข้ากัน ยิ่งเข้ากันมากเท่าไหร่ตัวยาในขวดแก้วก็ยิ่งเรืองแสงออกมามากเท่านั้น

   เมื่อตัวยาเข้ากันได้ทั่วแล้วผมก็ส่งให้คิง

   “ต้องทรงป้อนด้วยปากจนกว่าจะหมดครับ” ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พอเพราะผมเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้แล้ว

   คิงขยับเข้าไปประคองควีนให้ลุกขึ้นในท่ากึ่งนั่ง โดยมีท่านมอลทีสเข้าไปช่วยประคองอีกฝั่ง ส่วนท่านลาซากับพินช์เชอร์ก็มายืนลุ้นอยู่ใกล้ๆ เตียงด้วย

   “ท่านคานาริโอเริ่มได้เลยครับ”

   เมื่อท่านคานาริโอเริ่มร่ายเวทย์ คิงก็ดื่มยาที่ยังคงเรืองแสงจากขวดแล้วป้อนสู่ปากของควีนอย่างนุ่มนวล ผมกับพินช์เชอร์ยืนมองไปหน้าแดงไป ถึงจะเขินกับภาพตรงหน้ามากแค่ไหนก็ต้องยืนสังเกตการณ์ต่อเพื่อเฝ้าดูฤทธิ์ของยา

   เพียงแค่ริมฝีปากของคิงกับควีนสัมผัสกัน เมื่อตัวยาเข้าสู่ร่างกายของควีนประสานกับเวทย์ที่ท่านคานาริโอกำลังร่าย ยาพิษที่ห่อหุ้มหัวใจของควีนก็เรืองแสงขึ้นมาต่อต้านตัวยาทันที

   เมื่อคิงผละออกมาก็ทรงชะงักเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ผมบอกให้คิงทรงป้อนยาต่อไปเรื่อยๆ ไม่ต้องสนใจสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งคิงก็ทำตามแต่โดยดี ทรงป้อนยาให้ควีนอย่างต่อเนื่อง

   จากที่มีแค่หัวใจเพียงจุดเดียวที่เรืองแสง ก็มีแสงสีทองอีกสายที่เข้าไปโอบล้อมหัวใจแล้วค่อยๆ กระจายออกไปเรื่อยๆ จนแสงสีทองอาบไปทั่วทั้งร่างของควีนเมื่อยาในขวดแก้วหมดลงพอดี

   คิงหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล ผมเพียงยิ้มให้อย่างมั่นใจก่อนจะบอกสั้นๆ

   “ต้องรอครับ”

   รอให้ฤทธิ์ยาเข้าไปต้านยาพิษภายในร่างกายควีนจนหมด แสงที่เรืองรองก็เริ่มอ่อนแรงลงจนหายไปในที่สุด

   “แค่กๆ”

   ผมรีบเอาผ้าส่งให้ท่านมอลทีสรองใต้ปากควีนและเช็ดปากให้ เมื่อควีนไอเอาพิษสีดำออกมา หลังจากพิษสีดำไหลออกมาหมดแล้ว ควีนก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ

   คิงจ้องปฏิกิริยาของควีนจนแทบจะไม่กระพริบตา

   ควีนลืมตาขึ้นมาอย่างอ่อนแรง เมื่อแววตามีแววรับรู้ได้เต็มที่แล้วเห็นคิงอยู่ตรงหน้าก็พยายามยกมือขึ้นแต่เพราะหลับไปนานเลยไม่ค่อยมีแรง คิงเลยช่วยจับมือขึ้นมา ควีนใช้มือลูบไปที่ใบหน้าคิง ยิ้มให้อย่างอ่อนโยนแล้วเรียกด้วยเสียงที่แหบพร่า

   “เกรทเดน”

   เพียงเท่านั้นคิงก็ดึงควีนเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น แล้วเรียกชื่อควีนด้วยน้ำเสียงสั่นๆ จนผมรู้สึกได้

   “คูวาสซ์”

   “อืม”

   “คูวาสซ์”

   “อืม”

   “คูวาสซ์” ควีนพยายามยกแขนกอดตอบคิงแล้วตบหลังเบาๆ

   “อืม... ข้ากลับมาแล้ว”

   ผมแอบน้ำตาซึมด้วยความซาบซึ้งกับความรักของทั้งคู่ ส่วนพินช์เชอร์นั้นน้ำตาไหลพรากไปแล้ว ท่านลาซารีบเดินออกไปหน้าห้อง ก่อนที่จะได้ยินเสียงเปิดประตูและได้ยินเสียงตะโกนบอกกันเป็นทอดๆ

   “ควีนฟื้นแล้ว” ตามมาด้วยเสียงเฮลั่นดังมาจากข้างนอก

   ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะหัวเราะด้วยความโล่งใจ

   ในที่สุดก็ทำสำเร็จ!

   ขอบคุณนะครับลุงเซเรส



   เมื่อคิงเลิกกอดควีนแล้วกลับมาประคองไว้อย่างเดียวด้วยอาการหน้าบานไม่หุบ ผมก็ขยับเข้าไปจับชีพจรของควีนดูอีกรอบ เมื่อดูแล้วแม้จะทรงอ่อนแรงไปบ้างแต่ชีพจรก็เต้นเป็นปกติดีก็ยิ้มอย่างโล่งใจ ก่อนจะให้ท่านลาซามาตรวจร่างกายของควีนอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อเตรียมยาขับพิษที่ยังตกค้างและยาบำรุงให้ควีนกลับมาแข็งแรงในเร็ววัน

   “ขอบใจเจ้ามากนะก้อนดิน” คิงตรัสขอบคุณด้วยแววตาที่ซาบซึ้งและยินดีไร้แววหม่นเศร้าเหมือนก่อนหน้านี้

   “ขอบใจเจ้าด้วย” ควีนเองก็ตรัสขอบคุณด้วยน้ำเสียงแหบๆ ก่อนจะหันไปสบตากับคิงแล้วยิ้มให้กัน

   โอ๊ย! เบาหวานจะขึ้นตาผมไหม

   “ไม่เป็นไรครับ กระหม่อมเต็มใจมาก”

   การได้ช่วยชีวิตใครสักคนนี่มันให้ความรู้สึกดีจริงๆ ครับ

   
   เมื่อเตรียมอาหารและยาให้คิงกับควีนเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ปล่อยให้คิงอยู่กับควีนเพียงลำพัง เพื่อให้ทั้งคู่ทรงได้พักผ่อน พอเดินออกมาข้างนอกก็เจอกับทีมเฮดีสและคนอื่นๆ ที่ยืนยิ้มรออยู่

   พอก้อนหินเห็นหน้าผมก็ดิ้นในอ้อมแขนไซเลอร์เพื่อจะมาหาผม ในขณะที่ผมก็รีบเดินไปรับมันมากอดแน่นๆ ทันที ยอมรับว่าติดมันมากเหมือนกันครับ ห่างกันไม่นานก็คิดถึง คิดว่าชาตินี้ชีวิตผมคงขาดมันไม่ได้แล้ว

   ไซเลอร์ดึงผมไปกอดแน่นๆ อีกที รู้สึกได้ว่าริมฝีปากจะประทับมาแถวๆ กระหม่อมได้ยินเสียงกระแอมไอเสียงแซวเสียงล้อจากคนที่เหลือทำให้ผมรู้สึกร้อนๆ ที่หน้า

   “เก่งมาก” ไซเลอร์บอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ ผมยิ้มด้วยความรู้สึกภูมิใจไม่ต่างกัน

   พอไซเลอร์ปล่อยตัวผมคนอื่นๆ ก็เข้ามาตบบ่าขอบคุณ (จนบ่าแทบทรุด) ไม่ขาดสาย กว่าจะหลุดดงมาได้ก็เล่นเอาไหล่ทั้งสองข้างถึงกับระบม

   พวกเราตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปรับประทานอาหารและพักผ่อนที่บ้านใครบ้านมันกันก่อน ตอนเย็นค่อยกลับมาที่พระราชวังใหม่ เพราะควีนอยากออกไปพบทุกคนทีเดียวเพื่อให้ทุกคนสบายใจ คิงทรงห้ามแล้วแต่ควีนบอกว่ายังไหว พอควีนดื้อท่านลาซาเลยตรวจร่างกายซ้ำอีกรอบแล้วบอกว่าถ้านั่งเฉยๆ ไม่นานก็พอจะอนุญาตให้ออกไปได้ คิงเลยต้องตามใจสั่งจัดเลี้ยงอาหารให้กับทุกคนในตอนเย็น

   ระหว่างทางไปที่ลานมังกร ทุกคนพูดคุยกันอย่างเฮฮา มีคนเข้ามาทักทายเป็นระยะ ผมรับรู้ได้ถึงบรรยากาศผ่อนคลายและความสุขที่อวลไปทั่วจนอดจะเดินยิ้มเหมือนคนบ้าไปตลอดทางไม่ได้

   “เย็นนี้พี่ไซรอสจะมาด้วยไหมครับ” ชเนาเซอร์ขยับไปกระแซะพี่ไซรอสที่เดินยิ้มๆ อย่างอารมณ์ดีไม่ต่างกัน พอถูกถาม พี่แกก็ยกคิ้วขึ้นเหมือนจะถามว่าถามทำไม

   “ก็ในเมื่อตอนนี้พี่ไซรอสมีเมีย เอ๊ย! มีภรรยาแล้ว จะไปไหนมาไหนสบายๆ เหมือนแต่ก่อนไม่ได้แล้วใช่ไหม ต่อไปก็คงต้องขออนุญาตภรรยาก่อนทุกครั้งสินะ พระสวามี” คำหลังนี่ลากยาวอย่างล้อเลียนสุดๆ

   พี่ไซรอสยกขาทำท่าจะถีบไอ้คนล้อ ผมนี่อยากจะบอกว่าเผื่อผมสักทีด้วยครับพี่ หมั่นไส้มานานแล้ว แต่ไอ้ตัวดีไหวตัวทัน วิ่งหัวเราะนำหน้าไปก่อน พี่ไซรอสส่ายหัว ส่วนคนอื่นๆ ก็หัวเราะขำกันถ้วนหน้า

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ”

   ผมมองพี่ไซรอสแล้วอดนึกถึงเรื่องที่ห้องโถงไม่ได้ คิดแล้วก็ขำ คนอื่นลงน้ำไปอย่างมากก็คงได้ปลามา แต่พี่ไซรอสนี่ลงน้ำแล้วได้เจ้าหญิงมาเลย พี่นี่สุดยอดจริงๆ!



   ผมยืนเกาะระเบียงตรงชานเรือนวสุธารับลมที่พัดเอื่อยๆ มากระทบใบหน้าด้วยความรู้สึกสดชื่น สายตาทอดมองไปยังแม่น้ำตรงหน้าด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ก้อนหินนั่งห้อยขาอยู่บนระเบียงหันหน้าไปทางเดียวกัน มันสะบัดหางไปมาเหมือนกำลังรู้สึกผ่อนคลายไม่ต่างกัน ส่วนไซเลอร์ก็มายืนอยู่ข้างๆ จนไหล่แทบจะติดกัน สายตามองตรงไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ก่อนที่เราจะหันมาสบตาและยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ

   รู้สึกเหมือนได้กลับมาถึง “บ้าน” อย่างแท้จริง


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

พูดถึงการร่ายเวทย์ทีไร นึกถึงการ์ตูนเรื่อง จอมอสูรเซนกิทุกที
“โอมเอยบ่วงพันธนาการอสูร จงขาดสะบั้นด้วยฤทธิ์มนตราแห่งข้า
ปลดบ่วง Vajura On Ark จอมอสูรเซนกิจงปรากฎกาย ณ บัดนี้”
555555 ยังจำได้อะคิดดู เคยดูสมัยสาวๆ (บ่งบอกถึงอายุมาก) ถถถ เซนกิของป้า เอ๊ย! ของพี่

ส่วนคำศัพท์นั้น เลือกใช้ตามที่ลองอ่านแล้วรู้สึกติดขัดน้อยที่สุดนะคะ
เอาจริงๆ คือใช้คำตามใจฉันสุดๆ 5555
ใช้คำในนิยายแฟนตาซีนี่มันก็จะมึนๆ หน่อยๆ แหะๆ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

# ommanymontra  :L2: :L1: :L2:
#poppycake กลับมาแล้วเย้ อยากจบจะเย้ เอ๊ย! จะแย่แล้ว เย้
#aiyuki เวลาจินตนาการบรรเจิดมันก็จะสนุกๆ ฟรุ้งฟริ้งสุดๆ ค่ะ แต่เวลาตันนี่ห่อเหี่ยวมาก 55555 ส่วนก้อนหินนี่ตบตีกันเอาค่ะ มีแต่คนอยากได้ (เอาแอบก่อน)
#Ryu7801 555555 ไปค่ะ ไปอยู่กับดินกัน
#MayA@TK ตอนนี้ไม่ดัก เอ๊ย! ไม่เจอค่ะ ค่อยเจอทีหลัง แค่กๆๆๆ
#suikajang ชีวิตขาดหวานไม่ได้ค่ะ ฮิ้วววววววว ที่นี่น่าอยู่มากค่ะ อยากไปอยู่ข้างเตียง แค่กๆ หมายถึงยากไปอยู่ที่อาณาจักรนี้ด้วย อยากเลี้ยงก้อนหิน อยากฟัดดดดด ขอบคุณที่ติดตามและให้กำลังใจมาโดยตลอด กอดดดดด ส่วนเรื่อง.... มาลุ้นกันค่ะ หึๆๆๆๆ
#tiew93 รับไว้เต็มหัวใจ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ
#mild-dy  :L2: :L1: :L2:
#takara กลับบ้านเรา ร๊ากกกรออยู่
#Yara พี่ไซแกจริงจังเสมอค่ะ 55555
#♥►MAGNOLIA◄♥ หินหวงดินหนักมากค่ะ กับคนก็หวง กับสัตว์ยังจะหวง 5555
#shoi_toei พิธีแต่งรอไปก่อนค่า แค่กๆๆ ปรุงยาก่อน
#alternative เดี๋ยวได้แต่ง แค่กๆ รักษาคนก่อนค่ะ
#prangasia ตอนพิเศษคิดไว้ค่ะ ตะ...แต่ ขึ้นอยู่กับความขยันว่าจะไหวไหม แฮ่ (โดนตบ)
#•♀NoM!_KunG♀• ตอนนี้ยังค่ะ หึๆๆๆๆๆ
#KARMI ไปกันค่ะ เราจะเป็นผ้าปูที่นอน เอร๊ยยยยยย


เหลืออีกนิ้ดดดดดดดดดเดียว (บอกตัวเอง)

กอดดดดดดดดดดทุกคนนนนนนนนนน
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
 :pig4: :pig4: :pig4:

คลานต่อปายยยยยยยยยย
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-08-2017 13:36:52
 :m20: พี่ไซรอสทำไมโหดจังคะ มาเหนือมาก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-08-2017 14:01:21
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-08-2017 14:30:20
ควีนฟื้นแล้วทีนี้ก็รอหาตัวคนวางยาพิษควีนซินะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 30-08-2017 15:18:50
 :mc4: ควีนฟื้น ภาระกิจลุล่วง ดินก็ได้กลับบ้านพร้อมลูกและสามี  :katai2-1:
แต่พี่ไซรอสนี้ยังไง ออกก็น้อย บทบาทแค่นิดๆ หน่อยๆ ดันไปเป็นสวามีเจ้าหญิงได้ยังไง หุหุ
รอชมภาระกิจงมหาไข่มุกดำ แถมเมียจ้า อิอิ  :katai3:
 :L1:   :pig4:   :L1:
ปล.แหมะช่างโชคดีเข้ามาเจอพอดี ตอนนี้ได้นิยายมากองใหญ่ไม่ค่อยได้เข้า สงสัยน้องหินไปสะกิด คิดถึงน่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 30-08-2017 15:29:53
พี่ไซรอสไปแปปเดียวได้เมียเฉย 5555555
ควีนฟื้นแล้ว รอหาว่าใครคือคนร้ายสินะ
สู้ๆนะก้อนหิน ก้อนดิน คนเขียน :)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-08-2017 16:25:08
 :katai2-1:  o13  :katai2-1:


 :3123: :pig4: :3123:


หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-08-2017 16:29:01
ออร่าความหวานของคิงเกรทเดนนี่ กระจายทะลุจอมากกกกก โอ้ยย เบาหวานขึ้นตา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-08-2017 16:40:13
ลงน้ำก็ได้เมียระดับ Top เลยพี่ไซรอส

บ้านนี้ทำบุญด้วยอะไร น้องไซเลอร์ก็ได้คนที่ผูกจิตกับมังกรพิเศษอย่างดิน ได้ลูกเป็นมังกรอย่างหิน

มาเหนือทุกอาณาจักร ฮ่า ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-08-2017 17:38:48
 :L2: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-08-2017 19:26:10
หินโตสักทีดิ้
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Ryu7801 ที่ 30-08-2017 20:27:58
ตอนนี้คิงกับควีนสร้างโลกส่วนตัวก่อนนะ. 55555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2017 21:13:09
:mc4: ควีนฟื้น ภาระกิจลุล่วง ดินก็ได้กลับบ้านพร้อมลูกและสามี  :katai2-1:
แต่พี่ไซรอสนี้ยังไง ออกก็น้อย บทบาทแค่นิดๆ หน่อยๆ ดันไปเป็นสวามีเจ้าหญิงได้ยังไง หุหุ
รอชมภาระกิจงมหาไข่มุกดำ แถมเมียจ้า อิอิ  :katai3:
 :L1:   :pig4:   :L1:
ปล.แหมะช่างโชคดีเข้ามาเจอพอดี ตอนนี้ได้นิยายมากองใหญ่ไม่ค่อยได้เข้า สงสัยน้องหินไปสะกิด คิดถึงน่อ  :mew1:

นาทีที่ควีนฟื้น  :z3: :z3: :z3:
ทั้งคิงทั้งควีน บอกชื่อ บอกพันธ์ุกันออกมาเลย

นึกว่าจะได้รู้ว่าไซรอส จีบเจ้าหญิงแห่งคราเค่นได้ยังไง สุดยอดดดดด
ดำน้ำด้วย หาไข่มุกด้วย ยังสามารถจีบหญิงได้อีก
แถมเป็นเจ้าหญิงซะด้วย นับถือๆ บ้านนี้สตรองอย่างดินว่าจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 30-08-2017 22:36:57
นอกจากจะได้ยินดีที่ควีนฟื้น ก็ขอยินดีกับพี่ไซรอสด้วยที่ได้องค์หญิงเป็นภรรยานะคะ ^^
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 31-08-2017 10:21:41
พี่ไซรอสมาเหนือมากกกกกก
กลับมาพร้อมภรรยา (เจ้าหญิงด้วยนะ!) กราบท่านพี่สิคะผู้ชายทุกคน 55555555
ในที่สุดควีนก้อฟื้นแล้ว (ตอนปรุงยาเหมือนดูดินทำแลปเคมี 5555555)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 01-09-2017 01:16:27
เรียนหนักมากก โปรเจคก็เหนื่อย
เปิดมาอ่านก้อนดินแล้วชื่นใจ เหมือนได้ยาเพิ่มพลัง
ฮึบบบบ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-09-2017 23:53:24
พี่ไซรอสมาแรงแซงโค้งมาก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: prangasia ที่ 03-09-2017 15:40:57
อยากรู้เลยว่าไซรอสไปได้เมียมายังไง เอาแค่เล่าก็พอ ไม่ต้องย้อนหลังนะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: papapajimin ที่ 12-09-2017 17:59:45
สำเร็จแล้วววว กว่าจะได้ส่วนผสมแต่ละอย่าง
ควีนฟื้นแล้วจ้าา เก่งมักๆก้อนดินน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 20-09-2017 17:47:48
รอๆๆๆ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-09-2017 22:27:50
ยินดีต้อนรับกลับเพคะ ควีนน



หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 27 ถอนพิษ (30/8/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Air_Yaoi ที่ 21-09-2017 03:16:04
พี่ไซรอสเนี่ย เห็นนิ่งๆงี้ ฟาดเจ้าหญิงเลยนะจ๊าาาาา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน.. (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 29-09-2017 00:00:26
บทที่ 28 แค่ฝัน... รึเปล่า?



   ผมยืนมองกอดอกมะลิซึ่งมีหยดน้ำเล็กๆ เกาะพราวตามกลีบสีขาวที่ดูบอบบางและบริสุทธิ์ ยามที่หยดน้ำกระทบแสงแดดอ่อนๆ ดูเหมือนอัญมณีที่ส่องประกายงดงามจนยากจะถอนสายตา จมูกสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมของดอกไม้นานาชนิดในสวนและกลิ่นไอดินที่เหมือนกลิ่นดินชื้นๆ หลังต้องน้ำฝนให้ความรู้สึกสดชื่นและเย็นสบาย   

   ว่าแต่... ผมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

   แล้ว... ตั้งใจจะมาทำอะไรวะ

   ผมยืนเกาหัวด้วยความงง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตรงนี้คือสวนหลังบ้านท่านทูตสรายุทธ ซึ่งเป็นที่ๆ ผมคุ้นเคยดี ขนาดว่าถ้าหลับตาเดินก็ยังเดินได้ถูก เพราะเดินผ่านเข้าออกมานับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่เกิด

   แต่... เหมือนจะลืมอะไรไปสักอย่าง มันตงิดๆ อยู่ในหัว นึกยังไงก็นึกไม่ออก

   อืม... ลืมอะไรหว่า 

   ...

   ช่างแม่งเถอะ! คิดไปก็ปวดหัว เดี๋ยวก็คิดออกเองแหละ ผมกวาดสายตามองรอบๆ กำลังจะหันหลังกลับเพื่อเข้าบ้านก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกไว้ซะก่อน พอหันหลังกลับไปก็ถูกรวบกอดเข้าทันที

   “ดิน กลับมาแล้วเหรอ”

   “...”

   “คุณไฟ” ผมพยายามผละออกจากอ้อมกอดของคุณไฟ แต่ไม่หลุด เพราะคุณไฟกอดไว้แน่นมาก เหมือนกลัวว่าผมจะหายไปอย่างนั้นแหละ แต่ผมว่าผมอาจจะตายก่อนจะหายไปไหนได้นะ

   คุณไฟกอดแน่นไปแล้ว!!!

   “คุณไฟครับ ปล่อยก่อน ผมหายใจไม่ออก” ผมพยายามบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น เนื่องจากถูกรัดจนกระดูกกระเดี้ยวแทบจะหัก รัดแน่นได้ขนาดนี้ คุณไฟเป็นญาติกับงูเหลือมรึไง!

   พอเห็นว่าคุณไฟไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยสักที ผมเลยเอาหัวโขกบ่าแรงๆ ไปที สงสัยจะแรงพอสมควร คุณไฟถึงกับสะดุ้งรู้สึกตัวแล้วคลายอ้อมกอดออกแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ ยังคงจับต้นแขนผมเอาไว้แน่น

   คุณไฟเป็นอะไรของเขาเนี่ย!

   “นี่ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” น้ำเสียงแผ่วพร่าของคุณไฟยิ่งทำให้ผมสับสน

   เอ... หรือว่ากำลังฝันอยู่จริงๆ วะ ปฏิกิริยาของคุณไฟถึงได้แปลกๆ อย่างนี้

   ผมยืนมึนๆ ท่ามกลางความรู้สึกเหมือนลืมอะไรไปสักอย่างต่อไป

   “ขอโทษนะ”

   ห๊ะ! อันนี้อุทานในใจ

   “ขอโทษเรื่องอะไรครับคุณไฟ” ผมถามด้วยความงง

   “ขอโทษที่ทำให้นายตกเขา... ฉันขอโทษ” เสียงสั่นพร่าของคุณไฟคงจะไปกระทบปุ่มอะไรสักอย่าง ความทรงจำที่เหมือนจะเลือนๆ ไปค่อยๆ ผุดมาเป็นฉากๆ

   จำได้แล้ว!!!

   ครั้งสุดท้ายที่อยู่กับคุณไฟคือตอนไปเที่ยวด้วยกันแล้วผมก็พลัดตกเหว แล้วเรื่องราวหลังจากนั้นล่ะ มันเป็นแค่ความฝันเหรอ ตกลงนี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม?

   แค่คิดก็รู้สึกใจหายวูบขึ้นมาเลย

   “ฉันขอโทษนะดิน” แต่ต้องพักเรื่องนั้นไว้ก่อน เพราะดูเหมือนคุณไฟจะจมอยู่กับความรู้สึกผิดมานานเกินไปแล้ว

   “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่เคยโกรธคุณไฟเลย ตอนนั้นผมบอกคุณไฟแล้วไงครับว่าอย่าโทษตัวเอง”

   “ฉันเป็นคนทำให้นายตายลงไปกับมือจะไม่ให้ฉันรู้สึกผิดได้ยังไง” อยู่ๆ น้ำตาคนพูดก็ไหลออกมาจนผมตกใจ

   “จะให้ฉันมีความสุขได้ยังไง... ในเมื่อฉันทำร้ายคนที่ตัวเองรักกับมือ” จบคำพูดขอบคุณไฟผมก็ได้แต่ยืนอึ้ง

   เอ่อ... เมื่อกี้นี้ผมคงหูฝาด คุณไฟไม่ได้บอกว่ารักผมหรอก... ใช่ไหม?

   “ฉันรักนาย... รักนายมานานแล้ว แต่ฉันมันโง่ที่ไม่กล้ายอมรับใจตัวเอง กว่าจะรู้ตัว กว่าจะยอมรับได้ กว่าจะเริ่มทำดีกับนายก็สายไปซะแล้ว” คำพูดที่ไม่คิดว่าชาตินี้จะได้ยินพรั่งพรูออกมาเหมือนคนพูดกลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้บอกอีก

   เฮ้ย! ไม่ได้หูฝาดไปจริงๆ เหรอ คุณไฟเนี่ยนะจะรักผม ถ้าบอกว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกยังจะน่าเชื่อซะกว่า แต่คำพูดที่ออกจากปากคนปากแข็งอย่างคุณไฟก็ทำให้ผมเชื่อได้อย่างสนิทใจ

   ผมได้แต่ถอนหายใจ เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้อย่างเบามือ แล้วมองคนตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน ถึงแม้จะตอบรับความรู้สึกของคุณไฟไม่ได้ แต่ในฐานของคนที่เติบโตมาด้วยกันผมก็ยังคงมีความห่วงใยและความปรารถนาดีให้เสมอ

   “คุณไฟกับท่านทูตสบายดีไหมครับ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง ถึงคนฟังจะยิ้มอย่างขมขื่นแต่ก็ตอบกลับมาแต่โดยดี

   “ฉันกับคุณพ่อสบายดี หลังจากที่นายจากไป คุณพ่อก็กลับมาดูแลเอาใจใส่ฉันมากกว่าเดิม ส่วนฉันก็พยายามเข้าหาพ่อมากขึ้น เพื่อจะได้ให้นายสบายใจ เพราะตอนที่นายอยู่ นายก็พยายามขอร้องให้ฉันใกล้ชิดกับคุณพ่อใช่ไหม ตอนนี้ฉันรู้แล้วละ ว่าคุณพ่อรักฉันจริงๆ”

   ผมยิ้มด้วยความดีใจ ในที่สุดคนทั้งคู่ก็หันหน้าเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกันสักที

   “อีกอย่างฉันก็ได้เพื่อนใหม่ กลุ่มที่ไปส่องนกด้วยกันไง พวกเขาคอยเป็นกำลังใจให้ ทั้งคอยฉุด คอยดึง ตอนนี้ฉันสอบเข้ามหาลัยได้แล้วนะ”

   “ดีจริง! ยินดีด้วยนะครับคุณไฟ”

   “อืม... ถ้ามีนายมาอยู่ข้างๆ เหมือนเดิมคงจะดีมากกว่านี้” คุณไฟปล่อยมือจากต้นแขนมาจับใบหน้าผมอย่างอ่อนโยน

   “ผมอยากให้คุณไฟมีความสุข ถึงจะไม่มีผม ผมก็เชื่อว่าคุณไฟก็มีความสุขได้”

   “ฉันจะพยายาม... แล้วนายล่ะ สบายดีไหม”

   “คุณไฟไม่ต้องเป็นห่วง ผมสบายดีครับ อยู่ที่โน่นผมมีความสุขดี”

   “ฉันรู้ คนอย่างนายอยู่ที่ไหนก็คงมีความสุข” ผมได้แต่ยิ้มรับคำพูดของคุณไฟ

   “คุณไฟก็เหมือนกัน ขอให้อยู่ที่นี่อย่างมีความสุขแทนผมด้วยนะครับ”

   “แล้วนายจะมาอีกไหม... ฉันจะฝันถึงนายอีกรึเปล่า” น้ำเสียงที่ถามเต็มไปด้วยความคาดหวังทำให้ใจผมอ่อนยวบ

   “ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากจะมาบ่อยๆ อยู่หรอกครับ อยากมาดูด้วยตาว่าคุณไฟกับท่านทูตสบายดีรึเปล่า แต่ก็คงยากหน่อย เอาเป็นว่าผมจะพยายามแล้วกันครับ” ถ้าก้อนหินโตขึ้น คงสามารถพามาได้อีกแน่ๆ อาจจะมาได้แบบตัวเป็นๆ ซะด้วยซ้ำ

   ว่าแต่... ก้อนหินอยู่ไหนล่ะ

   หรือว่าผมฝันไปแค่คนเดียว ที่ผ่านมานี่มันเป็นแค่ความฝันเท่านั้นเหรอ?

   อืม.... แต่ก็ยังมีความรู้สึกตงิดๆ เหมือนว่าจะลืมอะไรไปสักอย่างอยู่เหมือนเดิม

   ลืมอะไรหว่า

   ก๊าส

   หือ?

   ก๊าสสสสสสส

   ...

   เสียงก้อนหินนี่!

   แต่น้ำเสียงดูร้อนรนขนาดนั้น ก้อนหินเป็นอะไร?

   “ก้อนหิน” ผมเผลอส่งเสียงร้องเรียกมันด้วยความเป็นห่วงโดยมีคุณไฟมองมาอย่างแปลกใจ

   ก๊าสสส...

   ดิน...ฮึก ดิน ตื่นสิ ฮึก


   ผมอ้าปากค้าง ตาเบิกกว้างขึ้นมาทันทีเมื่อเสียงร้องของก้อนหินเปลี่ยนเป็นเสียงพูดเหมือนเสียงของเด็ก

   ดิน... ฮึก กลับมา ฮืออออออ

   “ก้อนหิน เป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น” ผมรู้สึกร้อนรนกระวนกระวายมากขึ้นเมื่อก้อนหินยังคงร้องไห้ไม่หยุด

   ทำยังไงดี! ต้องทำยังไงถึงจะกลับไปได้ล่ะ

   “ดินเป็นอะไร” คุณไฟถามขึ้นเมื่อเห็นอาการกระสับกระส่ายของผม

   “คุณไฟได้ยินเสียงอะไรไหมครับ” ผมลองถามคุณไฟดู เผื่อว่าผมจะหูแว่วไปคนเดียว

   “ไม่นะ”

   “แต่ผมได้ยิน อ๊ะ!” ผมหลุดอุทานเมื่ออยู่ๆ ก็มีแสงสีทองอาบทั่วร่าง ก่อนที่ร่างของผมจะค่อยๆ จางลงเหมือนเป็นสัญญาณว่าถึงเวลาที่จะต้องไปจากที่นี่แล้ว

   “ดิน! เกิดอะไรขึ้น”

   “ผมต้องไปแล้วครับคุณไฟ อย่าลืมนะครับ อยู่อย่างมีความสุขเผื่อผมด้วย”

   “ดิน! เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”

   “ลาก่อนครับ” ผมรีบบอกเมื่อร่างของคุณไฟและบรรยากาศโดยรอบเริ่มเลือนรางลงเรื่อยๆ พร้อมกับเสียงคุณไฟที่เหมือนจะไกลออกไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน



   
   "ก๊าสสสสส"

   ดิน ตื่นสิ ฮือออออ   

   ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อได้ยินเสียงร้องของก้อนหินดังอยู่ใกล้ๆ ส่วนเสียงเรียกที่คล้ายกับเสียงเด็กพูดนั้นดังก้องอยู่ในหัวพร้อมๆ กับเสียงร้องของก้อนหิน หรือว่าจะเป็นเสียงของก้อนหิน?

   ผมรู้สึกได้ว่าร่างของผมกำลังนอนหงายอยู่บนผ้าปูนุ่มๆ หัวหนุนอยู่บนหมอน มีผ้าห่มห่มร่างไว้ รู้สึกว่าก้อนหินมันปีนขึ้นมานอนอยู่บนตัวและยังร้องไห้ไม่หยุด ดูเหมือนว่ามันจะร้องมานานพอสมควรแล้ว เพราะน้ำตาเปียกจนชุ่มเสื้อผมไปหมด

   ประสาทหูของผมยังคงได้ยินเสียงชัดเจน ประสาทสัมผัสอื่นๆ ของร่างกายยังรับรู้และรู้สึกได้ครบทุกอย่าง เพียงแต่ลืมตาและขยับร่างกายไม่ได้เท่านั้นเอง

   เอ่อ...

   ถ้าเดาไม่ผิด ผมว่าผมน่าจะโดนพิษ

   ...

   และจากอาการที่เป็นอยู่ พิษที่ผมโดนก็น่าจะเป็น ‘พิษรัก’ ด้วย

   .
   .
   .

   ชิบ

   หาย

   แล้ววววววว!

   อ๊ากกกกกก!

   นี่มันเกิดอะไรขึ้น!!!

   ผมโดนพิษได้ยังไงวะ ใครก็ได้ช่วยบอกผมที

   ใจเย็นสิดิน มึงต้องใจเย็นเย็นนนนน

   ผมพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ หลายๆ รอบ ถึงในทางปฏิบัติจะทำไม่ได้เพราะร่างกายนอนเป็นผักอยู่ แต่ในทางจิตใจแล้วมันก็ช่วยให้สามารถสงบสติอารมณ์ได้ดีขึ้นมาก

   อืม...

   ก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ ผมครุ่นคิดด้วยความใจเย็นมากขึ้น

   เมื่อสติเริ่มกลับมา สมองมันก็โล่งขึ้นทำให้ความทรงจำก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาเป็นลำดับ

********************************************************



   หลังจากที่ควีนฟื้นแล้ว เราทั้งหมดก็ตัดสินใจแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อพักผ่อน พอถึงตอนเย็นก็เดินทางกลับมาที่พระราชวังอีกครั้งเพื่อร่วมรับประทานอาหารมื้อเย็นที่คิงทรงจัดเลี้ยง

   งานเลี้ยงจัดแบบบุฟเฟต์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเดินพูดคุยกันได้โดยสะดวก ตรงกลางห้องโถงเป็นโต๊ะที่จัดไว้สำหรับนั่งรับประทานอาหาร รอบๆ ห้องเป็นโต๊ะวางอาหารซึ่งจัดอาหารวางไว้เป็นชุดๆ เพื่อให้สะดวกต่อการหยิบ

   บรรยากาศในงานเลี้ยงเต็มไปด้วยความรื่นรมย์ ทุกคนต่างก็เข้าไปหาควีนที่นั่งอยู่ข้างๆ คิงด้านหน้าด้วยความยินดีที่เห็นควีนฟื้นขึ้นมาพูดคุยด้วยได้ตามปกติ

   ผมนั่งโต๊ะเดียวกับทีมเฮดีส แค่มาถึงก็มีคนแวะมาทักทายพูดคุยตลอดทั้งระหว่างที่นั่งอยู่ที่โต๊ะและระหว่างเดินไปหยิบอาหาร ส่วนก้อนหินผมปล่อยให้มันเดินเอง เพราะไม่ต้องห่วงเรื่องอันตราย แต่มันก็เดินตามอยู่ไม่ห่างอย่างกับลูกเจี๊ยบ ไม่ว่าจะเดินไปไหนมันก็ตามไปด้วยตลอด

   ระหว่างที่เดินไปตักอาหารที่โต๊ะอาหาร ก็มีคนเดินมาหาแล้วบอกว่าท่านมอลทีสให้มาตามไปพบที่สวน ผมมองไปที่ไซเลอร์ก็เห็นคุยอยู่กับเพื่อนๆ อยู่ เลยตัดสินใจอุ้มก้อนหินเดินตามไปแค่คนเดียว เพราะสวนอยู่ใกล้ๆ กับห้องจัดเลี้ยง คิดว่าท่านมอลทีสคงมีเรื่องจะคุยด้วย และคงคุยในห้องไม่สะดวกเพราะเสียงค่อนข้างดังเลยเรียกไปคุยที่สวนแทน

   เมื่อไปถึง คนที่นำมาก็โค้งคำนับให้ท่านมอลทีสแล้วก็เดินกลับไป

   “ท่านมอลทีส ต้องการพบผมมีอะไรเหรอครับ” ผมเริ่มถามเมื่อท่านมอลทีสยังคงยืนมองมานิ่งๆ

   “ก๊าสสสส” ก่อนที่ผมจะมองก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างแปลกใจเมื่อมันร้องและส่งเสียงขู่ในลำคอ

   แต่เมื่อเงยหน้ามองไปยังคนตรงหน้าอีกครั้ง สัญชาติญาณในส่วนลึกก็เตือนลั่น จนผมผวาจะถอยหลัง แต่ไม่ทัน เมื่ออะไรบางอย่างลอยวูบผ่านหน้าก่อนที่สติของผมดับวูบไป

   ไซเลอร์!!!

********************************************************



   ผมมารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรู้สึกถึงแรงเขย่าตัวอย่างรุนแรงจนหัวคลอน

   นี่ตั้งใจปลุกหรือจะฆ่ากันแน่ ถามจริง!

   เมื่อลืมตาขึ้นมาก็เกือบสะดุ้งเมื่อเห็นคนหน้าตาเหมือนมหาโจรอยู่ตรงหน้า แค่หน้าตาก็บ่งบอกว่าไม่ใช่คนดีแน่ๆ เพราะเหมือนเห็นคำว่า ‘ชั่ว’ แปะไว้บนทุกส่วนของใบหน้า

   พอเห็นว่าผมตื่นแล้ว ไอ้หมอนี่ก็ขยับออก ทำให้เห็นท่านมอลทีส ไม่ใช่สิ! ใครสักคนที่ใช้หน้าตาของท่านมอลทีสอยู่ เพราะถึงรูปร่างหน้าตาจะใช่ แต่ความรู้สึกส่วนลึกบอกผมว่าคนๆ นี้ไม่ใช่ท่านมอลทีสแน่ๆ

   “ก๊าส”

   เมื่อได้ยินเสียงร้องของก้อนหิน ผมก็รีบหันไปมองหามันทันที พอเห็นมันอยู่ในกรงขังขนาดพอๆ กับตัวมัน ตั้งอยู่ข้างๆ ตัวผม มือทั้งสองข้างของมันเกาะซี่เหล็กกรงแน่นสายตาจ้องมาที่ผมด้วยแววตาห่วงใย กวาดสายตามองคร่าวๆ แล้วสภาพร่างกายมันยังดูปกติทุกอย่าง ก็ค่อยโล่งใจหน่อยที่มันยังปลอดภัยดี จึงหันมาพูดกับคนตรงหน้าอีกครั้ง

   “ท่านเป็นใคร”

   “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้หรอก” เสียงที่พูดออกมาก็เสียงของท่านมอลทีสชัดๆ อย่าเอาหน้าตาใจดีของท่านมอลทีสมาใช้ทำเรื่องแบบนี้ได้ไหม ผมขนลุก!

   “แล้วท่านต้องการอะไร... ข้ามั่นใจว่าข้าไม่เคยทำร้ายใครมาก่อน”

   “ข้าแค่ต้องการใช้ความสามารถของมังกรมรกต ถ้าจะโทษก็โทษที่เจ้าเป็นคู่ผูกชะตากับมันเองเถอะ” พูดจบก็หันไปรับถ้วยยาจากไอ้คนหน้าโหดมาถือไว้ ก่อนที่ไอ้หน้าโหดจะใช้มือบีบกรามให้ผมอ้าปากขึ้นแล้วคนที่หน้าตาเหมือนท่านมอลทีสก็กรอกยาในถ้วยลงไป

   “อึก” ผมพยายามสะบัดหน้าหนี แต่ขยับไม่ได้มากนัก เพราะมือทั้งสองข้างถูกมัดไพล่หลัง ข้อเท้าทั้งสองข้างก็ถูกมัดไว้เช่นกัน แม้แต่ลำตัวก็ยังถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา

   “ก๊าสสสสส” ก้อนหินร้องด้วยน้ำเสียงโมโห มันพยายามชนประตูกรงที่ขังไว้อย่างแรง เมื่อไม่เป็นผลมันก็กางเล็บออกมาแล้วยกขึ้นเหมือนจะฟันโซ่ที่คล้องกรงขังไว้ แต่มันก็ต้องชะงัก เมื่อไอ้คนหน้าโหดใช้มือข้างที่ว่างถือมีดจ่อคอผมอยู่

   “ถ้าอยากให้มนุษย์นี่ตายก็เอาสิ” ปลายมีดคมจัดทิ่มถูกผิวรู้สึกเจ็บแปล๊บรู้สึกได้ว่าเลือดไหลซึมออกมา

   สัด!

   “ก๊าสสสสสสสสส” ก้อนหินร้องด้วยน้ำเสียงที่แสดงความโกรธสุดขีด เมื่อเห็นผมโดนจับกรอกยาโดยที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้ มันเพียงเกาะกรงไว้แน่น น้ำตาไหลพรากด้วยความคับแค้นใจ

   ผมได้แต่ส่งสายตาปลอบมันว่าไม่เป็นไร พวกมันคงยังไม่ฆ่าผมในตอนนี้แน่ เพราะถ้าจะทำก็คงทำไปนานแล้ว

   “แค่กๆ”

   เมื่อกรอกยาจนหมดถ้วยแล้ว มันก็ปล่อยมือที่บีบปากไว้ออก มีคนอีกคนเอาถาดอาหารและน้ำมาวางไว้ข้างๆ ตัวผม ก่อนจะแกะเชือกที่มัดตัวและมือออก เหลือเพียงเชือกที่มัดขาไว้ คนที่หน้าตาเหมือนท่านมอลทีสไขกุญแจและปลดสลักประตูกรงขังก้อนหินทิ้งไว้ก่อนเดินออกไปที่หน้าห้องขัง เอาโซ่เส้นใหญ่คล้องประตูไว้หลายๆ รอบ แล้วใส่กุญแจดอกใหญ่ไว้แล้วร่ายเวทย์กำกับอีกที

   “เฝ้าให้ดี ระหว่างนี้ก็เอาอาหารมาให้ทุกมื้อด้วย ระวังอย่าให้ตายล่ะ เข้าใจไหม” คนที่หน้าตาเหมือนท่านมอลทีสบอกไอ้หน้าโหดที่เหมือนจะต้องทำหน้าที่เฝ้าพวกผมด้วยสีหน้าจริงจัง

   “ได้” เมื่อมันรับปาก คนๆ นั้นก็หันมามองผมด้วยแววตาเห็นใจขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนแววตาจะนิ่งลงแล้วทั้งหมดก็เดินออกไป

   ผมขยับไปช่วยก้อนหินเปิดประตูกรงที่ขังมันไว้ออก เมื่อประตูเปิดออก ก้อนหินก็วิ่งออกมาแล้วโผเข้ากอดผมทันที

   “ก๊าสสสส” มันเอาหัวถู แล้วเงยหน้าขึ้นมองทั้งน้ำตา

   
   “ไม่เป็นไรใช่ไหมหิน” ผมจับมันยกขึ้นพลิกดูตามตัว เมื่อเห็นว่ามันไม่มีแผลและร่างกายทุกส่วนดูปกติดีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

   “ก๊าสสส” มันร้องรับทั้งที่น้ำตายังไหลไม่หยุด

   “โอ๋ๆ อย่าร้อง มันคงไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตอนนี้หรอก เรายังพอมีเวลา แต่ดูเหมือนว่ายาที่มันจับกรอกเมื่อกี๊น่าจะเป็นยาพิษ แถมเป็นพิษรักอีกด้วย” ผมเช็ดน้ำตาให้มันอย่างเบามือ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนถูกพิษซะเอง พอมองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นเพียงลูกกรง มันเหมือนจะเป็นห้องขัง คล้ายๆ กับคุกใต้ดินในบาอัลเลย

   “หิน ฟังนะ ถ้ามีโอกาสต้องหนีไปหาไซเลอร์นะเข้าใจไหม เพราะเมื่อพิษรักออกฤทธิ์แล้วถ้าเกิดมีอันตรายขึ้นมากูไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยนะ”

   
   “ก๊าสสส” มันส่ายหัวแล้วช้อนตามองด้วยแววตาดื้อดึง

   “อย่าดื้อสิ ถ้ามีคนมาช่วยเราจะได้รอดทั้งคู่ไง อีกอย่างกูไม่อยากให้มันใช้มึงเป็นเครื่องมือในการทำอะไรไม่ดีด้วย นะหินนะ” พอผมอ้อนมันบ้าง มันก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วหันหน้าหนี

   “หิน รับปากมาก่อน” ผมจ้องมันอย่างจริงจัง ก่อนจะจับมันนั่งบนตัก ปล่อยมือข้างหนึ่งแล้วยื่นไปตรงหน้ามัน ก้อนหินพ่นลมหายใจแรงๆ เหมือนไม่สบอารมณ์ แต่ก็ยอมยื่นมือมาตบลงบนมือแต่โดยดี ผมยิ้มด้วยความพอใจแล้วจับมันมากอดด้วยความเอ็นดู

   “ดีมาก ทีนี้ก็มาตุนพลังงานเอาไว้ก่อน” ผมหยิบอาหารที่พวกมันทิ้งไว้ให้มากินพร้อมทั้งป้อนก้อนหินไปด้วย ต้องกินตุนไว้ก่อนที่ยาจะออกฤทธิ์เต็มที่ เพราะไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้กินอีกเมื่อไหร่

   เมื่อกินอาหารจนหมด ผมก็อุ้มก้อนหินเดินสำรวจห้องขัง เพราะก้อนหินใช้เล็บตัดเชือกที่มัดขาออกแล้ว ห้องขังที่เราอยู่เป็นเพียงห้องหนึ่งในอีกหลายๆ ห้องข้างนอกซึ่งแต่ละห้องมีขนาดแตกต่างกันไป ลักษณะเหมือนกับคุกใต้ดินที่เคยลงไปเก็บเห็ดจริงๆ

   ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่ ผมอาจจะยังอยู่ในเคลเบรอสหรือไม่ก็อาจจะเป็นอีกสองอาณาจักรก็ได้ สำหรับโลกนี้นี่อะไรก็เกิดขึ้นได้ คาดเดาอะไรแทบไม่ได้เลย จะถามก้อนหินมันก็พูดไม่ได้ซะด้วยสิ

   เฮ้อ! เพิ่งรู้สึกอยากให้มันโตไวๆ ก็ตอนนี้นี่แหละครับ

   พอชะโงกไปมองด้านนอกก็เห็นคนเดินยามอยู่สองคน น่าจะหนีไปได้ยาก ยิ่งในสภาพที่ถูกพิษและกำลังจะหลับอย่างนี้ยิ่งหนีรอดยาก ผมได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วอุ้มก้อนหินกลับมาพิงผนังเมื่อเริ่มจะรู้สึกง่วง

   ดูเหมือนว่าพิษน่าจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว...

   “หิน”

   “ก๊าส”

   “หนีไปให้ได้นะ”

   “ก๊าส”

   “หิน”

   “ก๊าส”

   “รักมึงนะ”

   “ก๊าสสสสสส”

   ผมบอกมันไว้ก่อน เผื่อว่าจะไม่มีโอกาสได้บอกอีก เสียดายที่ไม่ได้บอกคำนี้กับใครอีกคนด้วย คนที่มั่นใจแล้วว่า ‘รัก’ เช่นกัน

   ไซเลอร์

   ชื่อที่ผุดขึ้นในหัวก่อนที่สติของผมจะดับวูบไป


********************************************************

   แล้วจิตของผมก็ไปโผล่ที่บ้านท่านทูตและได้เจอกับคุณไฟ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของก้อนหินถึงได้กลับมารับรู้ว่าตัวเองอยู่ในสภาพเหมือน ‘ผัก’ ด้วยความรู้สึกใจหายหน่อยๆ

   ตามที่เรียนเรื่องพิษรักมา สภาพร่างกายของคนที่ถูกพิษจะเหมือนคนที่นอนหลับไปเฉยๆ ส่วนจิตนั้นจะตื่นเมื่อยามพระอาทิตย์ขึ้น และหลับไปเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

   นอกจากนี้ระบบต่างๆ ของร่างกายก็ยังคงทำงานได้ตามปกติ สามารถหายใจและกลืนน้ำลายได้ตามปกติ เวลาที่มีอาหารเข้าปาก ร่างนั้นก็จะสามารถรับอาหารเข้าไปได้ เพื่อให้สามารถรักษาสภาพร่างกายให้คงอยู่เหมือนเดิม

   แม่ง! คนคิดพิษนี่โคตรครีเอทจริงๆ ช่างเป็นคนที่มีจินตนาการสร้างสรรค์เอามากๆ แต่ควรนำไปใช้ในทางที่ถูกที่ควรมากกว่านะ ไม่ใช่เอามาสร้างพิษทำร้ายคนอื่นเค้าแบบนี้ โว๊ะ!

   ว่าแต่... ก้อนหินยังหาโอกาสหนีไปไม่ได้อีกเหรอเนี่ย แล้วระหว่างที่ผมหลับไปมันเป็นอันตรายอะไรรึเปล่า ผมคิดด้วยความกังวลและเป็นห่วง

   สักพักก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ เปิดประตูออก แล้ววางอะไรบางอย่างไว้บนพื้น

   “ไม่เอาไปป้อนมันด้วยล่ะ”

   “ไม่ละ ขี้เกียจ”

   “แต่ท่านสั่งไว้...”

   “ช่างมันสิ! ไหนๆ ถ้าเสร็จงานมันก็ต้องตายอยู่แล้ว จะไปสนใจทำไม อีกอย่าง... ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าไม่พูด แล้วใครจะรู้ล่ะจริงไหม ไปๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ข้าชักจะเปรี้ยวปากอยากกินเหล้าเต็มแก่แล้ว”

   เมื่อปิดประตูห้องไว้เหมือนเดิมแล้วฝีเท้าของคนทั้งคู่ก็ห่างออกไป ผมเดาจากบทสนทนาคิดว่าพวกมันน่าจะเอาอาหารมาให้ ถึงจะไม่ป้อนให้ผมตามคำสั่ง แต่ก็ยังดีที่เอามาให้ ก้อนหินจะได้มีอะไรกิน

   ความคิดชะงักลง เมื่อรู้สึกว่าก้อนหินปีนลงจากตัวไป แล้วได้ยินเสียงลากของจากหน้าประตูมาไว้ใกล้ๆ

   ผมได้ยินเสียงกุกกักเหมือนก้อนหินกำลังทำอะไรสักอย่างกับอาหาร ก่อนที่จะรู้สึกว่ามันขยับเข้ามาใกล้ๆ จับปากให้อ้าขึ้น แล้วค่อยๆ หยอดอาหารที่ถูกบดจนละเอียดใส่เข้าปากของผมทีละนิด...

   มันทำด้วยความระมัดระวังเป็นที่สุด เหมือนกลัวว่าผมจะสำลัก พอหกก็เอาผ้ามาซับปากให้อย่างเบามือ

   ฮึก...

   อยู่ๆ น้ำตาผมก็ไหลออกมา

   มันรู้สึกจุกๆ ในอก ทั้งซาบซึ้ง ทั้งสงสารก้อนหินที่ต้องมาดูแลผมในสภาพแบบนี้

   “ก๊าส”

   "ดินอย่าร้อง"

   เสียงเล็กๆ นั้นดังขึ้นเมื่อเห็นน้ำตาของผม ก่อนที่ก้อนหินจะใช้ผ้าเช็ดน้ำตาที่ไหลออกอย่างอ่อนโยน เหมือนเลียนแบบที่ผมเคยทำให้มันเวลาที่มันร้องไห้

   “ก้อนหิน?”

   “ก๊าส” มันร้องรับ

   “ก้อนหินเหรอ?”

   “ก๊าสสสสส” ผมได้ยินเสียงร้องด้วยหู ก่อนที่จะได้ยินอีกเสียงดังขึ้นในหัว

   “ฮึก... ใช่ ดิน นี่ข้าเอง”

   “หิน! เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีไหม พวกมันทำร้ายมึงบ้างรึเปล่า” เมื่อมั่นใจว่าเป็นเสียงของก้อนหิน ผมก็รัวคำถามเป็นชุด

   “ไม่เป็นไร ข้าปลอดภัยดี”

   “ดีแล้วละ เลิกป้อนกูได้แล้ว กินเองเถอะ จะได้มีแรง”

   “ให้ดินอิ่มก่อน”

   “อิ่มแล้ว ไม่ต้องป้อนแล้ว”

   “แต่ยังไม่หมดเลยนะ”

   “ก็อิ่มแล้วไง อย่าดื้อสิ กินเองบ้าง กูเป็นห่วงนะ”

   “งั้นก็ต้องกินยาก่อน”

   “ยา? ยาอะไร?”

   ก้อนหินไม่ตอบ ผมได้ยินเสียงมันขยับตัวเหมือนกำลังทำอะไรสักอย่าง สักพักผมมันก็ขยับมาจับปากผมอ้าออกก่อนที่จะมีของเหลวกลิ่นหอมหวานไหลเข้ามาในปาก แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่จิตใต้สำนึกมันรับรู้ได้เองว่าสิ่งที่ร่างกายกำลังกลืนกินอยู่นี่คือเลือดของก้อนหิน!!!

   “หิน! มันคืออะไร? นี่เลือดมึงใช่ไหม?

   “...”

   “หิน!! บอกมา ถ้าไม่ตอบจะโกรธแล้วนะ”

   “ชะ... ใช่... ดินอย่าโกรธนะ ฮือออออ”

   “แล้วเอามาให้กินได้ยังไง มันเจ็บไม่ใช่รึไง? หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”
ผมบอกมันด้วยความโมโห เพราะการที่จะทำให้เลือดมันออกมาได้ ก็ต้องใช้เล็บและฟันที่คมกริบของตัวมันเองเท่านั้นถึงจะทำให้เกิดแผลได้

   “ไม่ได้ ดินต้องกิน ท่านอีริคบอกว่ามันช่วยถอนพิษได้”

   “อีริค? ใคร?”

   “จิตวิญญาณของมังกรก่อนหน้าข้า”


   “...”

   “ให้กินมากี่วันแล้ว แล้วยังไม่พออีกเหรอ?”

   “ยังไม่พอ เพราะข้าตัวเล็ก เลยต้องใช้เวลานาน ขอโทษนะดิน”

   “ขอโทษทำไม กูสิต้องขอโทษที่ดูแลมึงไม่ดี”

   “ไม่นะ ฮึก... ดินดูแลดีที่สุดแล้ว”

   “เจ็บมากไหม? ฮึก...”

   “ไม่เจ็บ ไม่เจ็บสักนิดเลย ฮึก ดินอย่าร้องสิ ฮืออออออออ”

   ให้ตายสิ! ทำไมต้องให้ก้อนหินมาเจ็บตัวเพราะผมด้วย ผมยอมเจ็บคนเดียวซะยังจะดีกว่า!

   ฮึก...

   ผมรู้สึกสงสารมันจับใจจนน้ำตาไหลลงมาไม่หยุด ก้อนหินก็ขยับมากอดผมแน่นแล้วร้องไห้เหมือนกัน

   ไซเลอร์.... ช่วยเราด้วย!!!



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

โอ๋ๆๆๆ ใครทำลูกกกกกก บอกแม่มา เดี๋ยวแม่จัดการให้  :hao5:
กลับมาแล้วค่า แฮ่! รอบนี้หายไปน้านนนนนนนนนนนนน  :hao6:
เพราะอีเว้นท์และอีไม่เว้นท์ทำเอาหัวหมุนนนนน
เครียดจนสมองฝ่อ จินตนาการก็หายไปเลยค่ะ ถถถ  :ling1:
สถานการณ์เริ่มจะดีขึ้นแล้ว หวังว่าต่อไปจะหัวดี อ่านอะไรก็ออก 555555 (ดักแก่มาก)  :hao3:
ขอบคุณที่ยังติดตาม ยังแวะมาอ่าน มาเม้นท์ให้กำลังใจเสมอนะคะ  :กอด1:
เหมือนเป็นพลังเป็นกำลังใจให้มีความพยายามในการเขียนต่อไป
กราบบบบบบบ  :L1:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#KARMI เห็นพี่แกเงียบๆ งี้ แกก็มีเสน่ห์นะคะ (เหรออออ)
#ซีเนียร์  :L2: :pig4: :L2:
#MayA@TK ใช่ค่า มาหาตัวคนร้ายกันนนน ทำแบบนี้กับลูกๆ เราได้ยังง๊ายยยยยยย
#suikajang พี่ไซรอสมาเหนือมากค่ะ 55555555 ถ้าขยันเดี๋ยวจะเขียนตอนพิเศษให้นะคะ ถถถ เอร๊ยยย ขอบคุณที่ยังคงติดตามมาให้กำลังใจนะคะ ให้ก้อนหินเอาหัวถูอ้อนนนนนน
#badbadsumaru ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า ฮึบๆๆๆ กระดึบๆ ต่อไป
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
#aiyuki คู่นี้นี่แย่งซีนมากเลยค่ะ เอร๊ยยย เขินนนน
#alternative  พี่แกจำเป็นค่า 55555 เดี๋ยวถ้าขยันจะเขียนตอนพิเศษมาขยายให้ฟัง ที่นี่ชิลด์กันมากไงคะ ใครก็อยากมาอยู่ด้วย
#Billie  :L2: :pig4: :L2:
#•♀NoM!_KunG♀• อีกนิดดดดดดดดดดเดียวค่ะ แง่มมมม
#Ryu7801 แย่งซีนคนอื่นหนักมากค่ะ
#♥►MAGNOLIA◄♥ 55555 นึกถึงเวลาแปลงร่างกันหมด โอ๊ยยย อยากไปอยู่ตรงนั้นมากค่ะ ถ้าขยันจะพยายามขยายความในตอนพิเศษนะคะ แฮ่
#Yara 55555 ทั้งคิงควีนและพี่ไซรอสแย่งซีนกันสุดๆ ค่ะ
#poppycake เห็นพี่เงียบๆ พี่ก็ได้ภรรยามาเงียบๆ นะคะ 555555 เขียนช่วงปรุงยานี่บันเทิงที่สุดแล้วค่ะ จินตนาการสนุกดี
#duck-ya หูยยยย ดีใจที่อย่างน้อยก็ช่วยเป็นกำลังใจให้ได้ค่ะ สู้ๆ นะคะ เราต่างเป็นกำลังใจของกันและกัน เจอเม้นท์แต่ละเม้นท์ก็ทำเอาชื่นนนใจเช่นกัน
#HISY คนอื่นๆ ยังจีบกันอยู่ พี่แกนี่ได้ภรรยาเลยค่ะ
#prangasia ถ้าขยันเดี๋ยวจะแต่งตอนพิเศษขยายความให้นะคะ แง่มมมม
#papapajimin ปลื้มปริ่มกันทั้งเมือง ก่อนที่จะโดนซะเอง ฮืออออ
#jum1201   :L2: :pig4: :L2:
#shoi_toei แล้วก็ตามด้วยตามหาก้อนดินกับก้อนหินต่อ
#Air_Yaoi พี่แกได้ภรรยามาแบบนิ่งๆ เหมือนกันค่ะ 5555555

ยังคงไม่จบ โอ๊ย โอยยย กระดึบๆ ต่อไป

 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-09-2017 00:18:35
 :L2: :L2: :pig4: :pig4: :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-09-2017 01:51:28
 :a5: :sad11:  :a5:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-09-2017 07:58:17
หินน่ารัก

และไอ้คนร้ายชั่วมาก!

ไซเลอร์จะขาดใจแล้วมั้งเนี่ย เมียกะลูก (หืม?) หายไป
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 29-09-2017 09:40:32
ใครมันวางยาพิษดินจนทำให้หินต้องเสียสละเลือดเพื่อขับพิษ
จับตัวได้เมื่อไหร่ให้ก้อนหินเอาคืนให้หนักเลยยยย :katai1: :katai1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 29-09-2017 09:51:36
สู้ๆ :mew6:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 29-09-2017 10:40:21
 :monkeysad: กลับมาก็ทำให้น้ำตาเราไหล ใจร้ายยยย ฮึกๆ ฮึกๆ  ถถถถถ. หินลูกมาๆมาหาป้ามาลูก
มันเป็นใครจะเอาระเบิดไปเบิ้มสัก 10 ตัน  :fire:  อิพ่ออยู่ไหนมาช่วยอิแม่กะลูกหน่อยเร็ว ถล่มมันเลย
 :กอด1:  คิดถึงจ้า  :L2:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-09-2017 11:27:33
เห็นด้วยกับดิน ยาพิษช่างครีเอท

ใครจับ 2 ก้อนมา กันแน่

ป่านนี้ พ่อบ้าน (?) โกรธเผาเมืองรึยัง

ลูก (?) เมีย (??) หายตัวไป
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 29-09-2017 11:38:13
โอ๊ย สงสารลูกๆ ฮรือออ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 29-09-2017 19:30:19
อะไรเนี่ยะอยู่กันยังไงถึงปล่อยให้ก้อนดินถูกจับมาได้
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-09-2017 19:50:46
อย่าหายไปอีกน้า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 29-09-2017 21:40:38
สู้ๆ จ้า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-09-2017 06:56:11
น้องดินกะก้อนหิน ถูกจับมาซะแล้ว แล้ว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 01-10-2017 12:46:53
 :o12: :sad4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 02-10-2017 13:59:03
ไอ้คนชั่วนั่นเป็นใคร ทำให้ลูกหินของแม่ต้องกรีดเลือดกรีดเนื้อแบบนี้
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 02-10-2017 23:44:01
 :katai1: :katai1: :katai1:
มันคือใครรรรรรร
สงสารรรรรรรรรร ทั้งดินทั้งหินเลย
ฮืออออ
แต่เดี๋ยวนะ สื่อสารกันผ่านโทรจิต(?)ได้
คอยดูนะหินโตเมื่อไหร่ไม่รอดเเน่

ปล.ผ่านมรสุมงานแล้วววว จะเข้ามารอบ่อยๆค้าบบ
สู้ๆ ฮึบบ
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 20-10-2017 16:08:40
 :3123: :really2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 28 แค่ฝัน... (29/9/2017) P.17
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 23-10-2017 23:08:38
เพิ่งจบโปรเจคและมรสุมทั้งหลาย
กำลังจะเริ่มมหกรรมฝึกงานเดือนหน้า
กลับมาอ่านตอนล่าสุดก็ยังน้ำตาซึมกับหินและดินเหมือนเดิมเลยย
เข้ามารอตอนต่อไปและให้กำลังใจค่าา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 08-11-2017 08:38:28
บทที่ 29 ก้อนหิน

   ข้าคือผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์ไวเวิร์น...

เผ่าพันธุ์ของข้าเป็นเผ่ามังกรมรกตซึ่งเป็นมังกรดึกดำบรรพ์ที่ถือกำเนิดมาแล้วเนิ่นนาน... นานจนข้าไม่สามารถจดจำได้ว่าเป็นเวลานานแค่ไหนแล้ว อีกอย่างข้าก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องมาจดจำในเรื่องนี้...

เผ่าพันธุ์ของเราจะถือกำเนิดมาบนโลกใบนี้เพียงครั้งละหนึ่งดวงจิตเท่านั้น

เนื่องจากในช่วงชีวิตหนึ่งเราถือกำเนิดมาพร้อมกับพลังมากมาย หน้าที่ที่ได้รับมาจากเบื้องบนจึงเป็นหน้าที่ในการคอยดูแลมิติทุกมิติให้อยู่ในภาวะเสถียร และคอยส่งสิ่งมีชีวิตที่หลงมิติมากลับไปสู่มิติเดิม ซึ่งสำหรับเราแล้วถือเป็นงานที่น่าเบื่อมากเหลือเกิน พวกเราจึงทำบ้างไม่ทำบ้างไม่ทำบ้างตามแต่อารมณ์ของเราเอง

เบื้องบนจึงแก้ปัญหาโดยบังคับให้เรามีคู่หู โดยกำหนดให้มีผู้ผูกจิตร่วมชะตากับเรา เพื่อคอยดูแลให้เราทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่

ซึ่งมันค่อนข้างจะได้ผล เพราะความผูกพันจะทำให้เราต้องยอมทำ เพื่อคอยดูแลและทำให้คู่ร่วมชะตามีความสุข ก็ใครใช้ให้ผู้ร่วมชะตาแต่ละคนทั้งมีความรับผิดชอบในหน้าที่ ทั้งบ้างาน ทั้งมีจิตสำนึกต่อโลกขนาดนั้นล่ะ พวกเราจะทำอะไรได้นอกจากทำตามความต้องการของผู้ร่วมชะตาของตัวเองอย่างเต็มที่

ในช่วงชีวิตของเรา เราก็จะทำหน้าที่ของเราต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าผู้ร่วมชะตาจะสิ้นอายุขัย หลังจากผู้ร่วมชะตาตายจากไปแล้ว เราจะถอนเกล็ดเพื่อมอบให้กับผู้นำของทั้งสามอาณาจักรบนดินและอีกหนึ่งอาณาจักรใต้น้ำ เพื่อให้ทำหน้าที่ดูแลมิติแทนชั่วคราว หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นมังกรตัวผู้หรือตัวเมียก็จะวางไข่ทิ้งไว้ในเขตมิติที่กำหนดไว้ เพื่อป้องกันการรบกวนและอันตรายจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ก่อนจะสละร่างตามคู่ที่ผูกจิตไป

ระหว่างนั้นจิตก็จะจำศีลเพื่อเก็บพลังรอเวลาที่ดวงจิตจะวนเวียนกลับมาทำหน้าที่ใหม่ ปล่อยให้ดวงจิตดวงอื่นมาจุติและสถิตอยู่ที่ไข่เพื่อรอเวลาถือกำเนิดมาทำหน้าที่แทน

เมื่อถึงคราวของข้าที่ต้องถือกำเนิด ระหว่างที่ดวงจิตของข้ากำลังอยู่ในไข่เพื่อรอเวลาฟัก ดวงจิตดวงก่อนที่ชื่อว่าท่าน ‘อีริค’ ก็มาพบเพื่อขอโทษที่ใช้พลังก่อนสละร่างไปโดยพละการ ทำให้เหลือพลังไว้ให้ไข่ที่รอฟักน้อยกว่าที่ควร ผลคือมันจะทำให้ข้าต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึงจะสามารถฟักออกจากไข่ได้และใช้เวลาอีกนานกว่าจะเติบโตได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้ว่าเราจะเกิดมาพร้อมพลังที่มากมาย แต่เราจะสามารถใช้พลังของตัวเองได้เต็มที่ก็ต่อเมื่อร่างกายเราโตเต็มวัยเท่านั้น ระหว่างนี้ เราต้องใช้พลังจากมังกรรุ่นก่อนหน้าเป็นหลัก และใช้เวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้นไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆ

มันคือความยุติธรรมของธรรมชาติ

ซึ่งข้าก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาอะไร ไม่ว่าจะช้าจะเร็วก็ต้องทำหน้าที่อยู่ดี คงไม่มีอะไรต่างกันนักหรอก แต่ท่านอีริคไม่สบายใจและกลัวข้าจะลำบาก เลยใช้พลังที่ยังพอเหลืออยู่ส่งผู้ร่วมชะตามาให้ข้าก่อน เพราะผู้ร่วมชะตาของข้าอยู่ต่างมิติ  อายุขัยของเขาสั้นกว่าของมนุษย์ที่นี่ จึงต้องนำมาในเวลาอันควร เพื่อต่ออายุขัยให้ ก่อนที่เขาจะแก่และตายไปก่อนที่ข้าจะได้โต

พอถึงเวลาที่ฟักออกจากไข่มา ข้าก็ได้เจอกับ ‘เขา’ มนุษย์ที่เป็นผู้ร่วมชะตากับข้า

ครั้งแรกที่ได้สบตากัน ข้าก็รู้สึกได้ถึงความผูกพันที่ร้อยรัดหัวใจของข้าไว้อย่างแน่นหนา ร่างของข้าเลยพุ่งเข้าไปกอดอย่างเต็มที่โดยที่ข้าก็ห้ามตัวเองไว้ไม่ทัน

ข้ารู้สึกได้ว่าเขากลัวข้า แต่หลังจากที่รู้ว่าข้าไม่ทำร้ายเขาแน่ๆ เขาก็ดูแลข้าอย่างดีจนข้ารู้สึกอุ่นใจ

ข้าอยากจะบอกเขาว่า... สำหรับข้าแล้ว เขาจะเป็นคนๆ เดียวที่ข้าจะปกป้องคุ้มครองด้วยชีวิต และข้าจะไม่มีวันทำร้ายเขาอย่างแน่นอน

แต่พอรุ่งเช้ามา เมื่อข้าลืมตาขึ้นมาก็พบว่าเขาหายไป

ข้ารีบลุกขึ้นกำผ้าเช็ดตัวที่มีกลิ่นของเขาไว้แล้ววิ่งตามกลิ่นไป ข้าบอกหรือยังว่าข้าเกลียดช่วงแรกๆ ที่ถือกำเนิดแบบนี้เป็นที่สุด เพราะมันทำให้ข้าอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ

ฮึก...

ข้าวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปตลอดทาง พอล้มก็รีบลุกขึ้นมาวิ่งใหม่ไม่กล้าที่จะหยุด เพราะกลัวเขาจะหายไปซะก่อน เมื่อข้าตามไปทัน ก็เห็นว่าเขาทำท่าละล้าละลังเหมือนตัดใจทิ้งข้าไปไม่ได้ ทำให้ข้าได้โอกาสพุ่งไปเกาะขาไว้ เงยขึ้นมองหน้าแล้วร้องอย่างตัดพ้อ

ทำไมถึงทิ้งข้าได้ลงคอ

แววตาของเขาสั่นไหว ก่อนที่เขาจะจับข้าไปกอดไว้แน่น แล้วเราก็ร้องไห้แข่งกัน

ฮืออออออออ ข้าเกลียดช่วงนี้จริงๆ นะ

หลังจากร้องจนพอใจแล้ว เขาก็ตั้งชื่อให้ข้าว่า ‘ก้อนหิน’ เพื่อให้คล้ายกับชื่อของเขาคือ ‘ก้อนดิน’ ข้ากระดิกหางรับชื่อใหม่ด้วยความดีใจเป็นที่สุด ถ้าเป็นชื่อที่เขาตั้งให้ ต่อให้เป็นชื่ออะไรก็ดีทั้งนั้นแหละ

ข้าดีใจมากที่เขายอมให้ข้าตามไปด้วย ดีใจที่เราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไป

ก้อนดินพาข้าออกนอกอาณาเขตฟักไข่เพื่อสำรวจบริเวณรอบๆ ทำให้เราเจอกับลิฟฟ่อนตัวหนึ่งที่บังอาจทำร้ายก้อนดินจนเป็นแผล ข้าโกรธจัดจึงกัดและปล่อยพิษใส่มันไป อ้อ! ข้าลืมบอกไปสินะ ว่าข้ามีต่อมพิษอยู่ที่เขี้ยวด้วย มันเป็นพิษร้ายแรงขนาดที่โดนแค่หยดเดียวก็ทำให้สัตว์ตัวใหญ่ๆ ตายได้ แต่ทุกส่วนในร่างกายของข้าจะไม่เป็นอันตรายกับก้อนดินเพียงคนเดียวเท่านั้น

ด้วยความสงสัยกับสิ่งที่ได้พบ ทำให้ก้อนดินพาข้าเดินทางออกจากอาณาเขตนี้ เพื่อเรียนรู้โลกใบใหม่ที่เขายังไม่รู้ ซึ่งข้าก็ได้แต่ติดตามไปด้วยความเต็มใจ ถึงอยากจะเล่า อยากจะอธิบายเรื่องราวของที่นี่ให้ก้อนดินฟังแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะตอนนี้ข้าพูดหรือสื่อสารทางจิตกับก้อนดินยังไม่ได้ เนื่องจากพลังของข้ายังน้อยอยู่ จึงต้องปล่อยให้ก้อนดินเรียนรู้ดินแดนไวเวิร์นด้วยตัวเอง

เราไปพบกับกระท่อมกลางป่าซึ่งเป็นที่อยู่ของชายที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นชายแก่คนหนึ่ง ข้าได้กลิ่นของท่านอีริคจากตัวของเขา ข้ารับรู้ได้ว่าที่นี่ก็คือมิติอีกมิติหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนๆ นี้อาศัยอยู่ แต่เพราะข้าสัมผัสได้ว่าคนๆ นี้เป็นคนดีและหวังดีกับก้อนดินจริงๆ จึงปล่อยให้ก้อนดินได้เรียนรู้วิชาสมุนไพรและวิชาต่อสู้กับเขาต่อไป

หลังจากเรียนรู้และฝึกเสร็จแล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางจากกระท่อมมา ก้อนดินเสียใจที่มิตินั้นหายไปจากสายตา ข้าได้แต่ปลอบใจและให้สัญญากับตัวเองในใจว่าเมื่อไหร่ที่พลังกลับมาเต็มที่แล้วจะพาก้อนดินกลับมาที่นี่อีกแน่นอน

เราเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนได้พบกับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ก้อนดินเผลอไปช่วยคนที่กำลังเพลี่ยงพล้ำ จึงถูกหนึ่งในนั้นหมายหัวตามมาทำร้าย ในขณะที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ข้าจะดิ้นออกจากอ้อมกอดของก้อนดินเพื่อกระโดดงับคนที่จะทำร้ายเขา แต่ข้าก็ได้กลิ่นของก้อนดินจากคนที่เข้ามาช่วยเราเอาไว้ก่อนที่ข้าจะได้ตอบโต้คนร้ายซะก่อน

ข้ารับรู้โดยสัญชาตญาณว่าคนๆ นี้ได้ทำสัญญาผูกชะตาของตัวเองไว้กับก้อนดินไปแล้ว แถมเป็นสัญญายกชีวิตและจิตวิญญาณให้ก้อนดินเพียงฝ่ายเดียวด้วย ข้าจึงมั่นใจได้ว่าทั้งเขาและเพื่อนของเขาจะไม่เป็นอันตรายกับก้อนดินแน่นอน เลยปล่อยให้ก้อนดินเดินทางไปกับพวกเขา

เมื่อเดินทางออกมาจากป่า ข้าก็ได้พบกับมังกรดำและมังกรขาวหลายตัวในโรงเก็บมังกร

“ท่านไวเวิร์น” เสียงทักของมังกรสีดำขนาดใหญ่ที่ไซเลอร์กำลังลูบหัวอยู่ดังขึ้นมา ทำให้มังกรตัวอื่นๆ หันมามองข้าอย่างพร้อมเพรียง พร้อมกับส่งเสียงร้องด้วยความแปลกใจดังขึ้นมาเป็นทอดๆ

“ท่านคือมังกรมรกตในตำนานใช่หรือไม่” เขาถามย้ำอีกครั้ง ข้าจึงดิ้นลงจากอ้อมแขนก้อนดินแล้วเดินไปยืนตรงหน้าของเขา

“ใช่” ไม่แปลกใจที่เขาจะรู้ เพราะต่อให้ทาสีทับไว้ แต่พลังตามเผ่าพันธุ์ของข้าก็ยังแผ่ให้มังกรตัวอื่นๆ รับรู้ได้

“ถือเป็นเกียรติมากที่มีโอกาสได้พบราชาแห่งมังกร” มังกรดำตรงหน้าค้อมศีรษะลงให้เพื่อแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม   

“มังกรมรกตเหรอ / มังกรมรกตจริงๆ น่ะ / มังกรมรกตในตำนานนั่นนะ” ข้าเพียงยืนนิ่งๆ ฟังเสียงอื้ออึงที่ดังขึ้นจากมังกรตัวอื่นๆ ก่อนที่มังกรทุกตัวจะค้อมศีรษะลงแสดงความเคารพให้ข้า

“อืม” ข้าเพียงผงกศีรษะรับ

“นั่นคือผู้ร่วมชะตาของท่านใช่ไหม”

ข้าหันกลับไปมองก้อนดินที่ยังคงมองมังกรดำตรงหน้าไม่วางตาด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ ก้อนดินทำท่าเหมือนพร้อมจะเข้ามาคว้าตัวข้าได้ทุกวินาทีหากมีอันตรายเกิดขึ้นกับข้า ทำให้ข้ารู้สึกอุ่นใจและยิ่งรู้สึกรักเขาสุดหัวใจ

“ใช่ ก้อนดินเป็นผู้ร่วมชะตาของข้า...” และเป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของข้าด้วย ประโยคหลังข้าคิดในใจ

มังกรทุกตัวหันไปมองก้อนดินเหมือนจะจดจำไว้ก่อนที่มังกรดำตรงหน้าจะหันมาบอกข้า

“ถ้ามีสิ่งใดให้รับใช้ ก็ขอให้บอก ข้ายินดีรับใช้ท่านทุกเรื่อง”

“ขอบใจมาก แค่ช่วยข้าดูแลปกป้องก้อนดินก็พอ”

“น้อมรับบัญชา”

“ขอบใจมาก” พอตอบเสร็จข้าก็รีบเดินกลับไปหาก้อนดินเพื่อไม่ให้ก้อนดินต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความกังวลกับความปลอดภัยของข้าอีก

เราเดินทางมาที่อาณาจักรเคลเบรอส และได้มาอาศัยอยู่บ้านริมน้ำของไซเลอร์ที่มีชื่อว่า ‘เรือนวสุธา’ เราสองคนใช้ชีวิตกันอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าจะต้องฝึกหนักแทบทุกวัน ข้าก็ไม่เดือดร้อนอะไร อย่างน้อยการฝึกก็ช่วยให้พลังของข้าฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

แต่แล้ววันหนึ่ง ระหว่างที่ข้ากำลังฝึกอยู่กับลูกมังกรตัวอื่นๆ ที่โรงฝึก ก็มีคนๆ หนึ่งเดินมายืนตรงที่เรากำลังฝึกกันอยู่ แล้วเผลอทำขวดน้ำหอมที่ถือมาด้วยตกแตก ซึ่งน้ำหอมขวดนั้นมีส่วนผสมของดอกสโนว์ฟ็อกซ์อยู่ หยดน้ำหอมบางส่วนกระเด็นมาถูกแขนของข้า ทำให้สีดำที่ก้อนดินทาไว้ให้หลุดออก เผยให้เห็นเกล็ดสีเขียวมรกตตามเดิม

เมื่อคนๆ นั้นเห็นสีที่แท้จริงของข้าก็มีสีหน้าตกใจ ทำท่าจะเดินเข้ามาหาข้า แต่ลูกมังกรตัวอื่นๆ เข้ามาขวางและล้อมตัวข้าไว้ แล้วช่วยกันร้องขู่เสียงดังจนคนๆ นั้นต้องถอยไปอาจจะเพราะกลัวคนอื่นได้ยินมากกว่าจะกลัวถูกทำร้าย ก่อนที่เขาจะเดินจากไปด้วยสีหน้าขัดใจก่อนจะกลายเป็นหมายมาดในบางอย่างที่น่าจะไม่ใช่เรื่องดีนัก ข้าได้แต่มองตามด้วยความกังวลใจ ไม่ได้กลัวอันตรายที่จะเกิดกับตัวเองหรอก แต่เป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายกับก้อนดินมากกว่า

   จากเหตุการณ์นั้นทำให้ความลับเรื่องเผ่าพันธุ์ของข้าเปิดเผย ยังไม่ทันได้ทำอะไรต่อก้อนดินก็ถูกตามตัวเข้าพระราชวังไป เพราะควีนแห่งเคลเบรอสถูกพิษ ที่จริงแล้วข้าก็รู้ดีว่าเลือดของข้านั้นสามารถใช้เป็นยาถอนพิษทุกชนิดได้ดีที่สุด

แต่ข้าไม่ยอมให้เลือดกับใครง่ายๆ แน่ เพราะมันจะมีผลต่อการเติบโตของข้า ถ้าสละเลือดไปแม้เพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้ข้าต้องสูญเสียพลังไปด้วย และจะต้องใช้เวลาในการสะสมพลังนานขึ้น นั่นยิ่งจะทำให้ร่างกายข้าโตช้าขึ้นไปอีก

ตอนนี้ข้าอยากจะโตเต็มที่เร็วๆ แล้ว เพราะร่างกายที่โตเต็มวัยจะทำให้ข้าสามารถใช้พลังได้เต็มที่ซะที ข้าอยากจะเป็นฝ่ายปกป้องคุ้มครองก้อนดินบ้าง ข้าเลยต้องยอมปล่อยให้ก้อนดินออกตามหาส่วนผสมยาถอนพิษให้ควีนของเคลเบรอสแทน อย่างน้อยก็มีไซเลอร์และคนอื่นๆ ไปด้วย ข้าเลยไม่ต้องกังวลมากนัก ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องออกเดินทางไปหาตัวยาถอนพิษให้ควีนแห่งเคลเบรอสอย่างเร่งด่วน

เมื่อเดินทางไปถึงบาอัล ข้าก็มองเห็นคนที่ทำน้ำหอมหกใส่ข้าที่นั่น แม้จะเห็นในระยะไกลๆ แต่ข้าก็จำได้! ข้าพยายามจะบอกก้อนดินกว่าก้อนดินจะเข้าใจก็ทำให้คลาดกันซะก่อน แต่ช่างเถอะ ถ้าก้อนดินยังปลอดภัยอยู่ สำหรับข้าก็ถือว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล

   แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อเราเจอกับฝูงลิฟฟ่อนที่ถูกเวทย์ควบคุมมา ไซเลอร์กับเพื่อนๆ จำเป็นต้องเปลี่ยนร่างเป็นอีกร่างตามเผ่าพันธุ์ของคนในอาณาจักรเคลเบรอสเพื่อต่อสู้กับฝูงลิฟฟ่อน แต่ร่างนี้ของไซเลอร์คงไปกระตุ้นความทรงจำบางอย่างของก้อนดิน ทำให้ร่างกายของเขารับไม่ไหวจึงทำให้ก้อนดินสลบไป ข้าได้แต่ร้องเรียกก้อนดินด้วยความเป็นห่วงโดยที่ไม่สามารถช่วยเหลือหรือทำอะไรได้เลย

ข้าขอย้ำคำเดิมว่าเกลียดช่วงที่อยู่ในร่างที่ยังอ่อนแอแบบนี้ที่สุด

   ฮืออออออออ

   โชคดีที่ก้อนดินไม่เป็นอะไรมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาได้กินยาบำรุงที่พินช์เชอร์ปรุงให้ เพียงไม่นานก็กลับมาแข็งแรงได้เหมือนเดิม ทำให้ข้าโล่งใจมาก ไม่เช่นนั้นข้าคงโทษตัวเองต่อไป ที่ไม่สามารถปกป้องและช่วยอะไรก้อนดินได้เลย

เหตุการณ์นี้ทำให้ข้ายอมรับไซเลอร์ได้มากขึ้น อันที่จริง หลังจากที่ได้อยู่ร่วมกันมาข้าก็ยอมรับเขามากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่รู้ตัว ถึงแม้ข้าจะยังรู้สึกหวงก้อนดินมากๆ ไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ ไม่อยากให้ก้อนดินเห็นใครสำคัญกว่าข้า แต่ข้าจะยอมเว้นคนๆ นี้ไว้คนหนึ่งก็ได้ ในเมื่อเขาเป็นคนที่ก้อนดินผูกพันด้วย และยังคอยดูแลปกป้องก้อนดินเป็นอย่างดี ข้าก็จะยอมเปิดโอกาสให้บ้าง เพราะถึงยังไงก้อนดินก็รักข้ามากที่สุดอยู่แล้ว หึ!

เมื่อได้ส่วนผสมของยาถอนพิษครบแล้ว เราก็เดินทางกลับมายังเคลเบรอส หลังจากถอนพิษให้ควีนเรียบร้อยแล้ว ระหว่างที่อยู่ในงานเลี้ยงฉลองก็มีคนมาตามก้อนดินให้ไปพบ เมื่อไปถึง ข้าก็รู้สึกได้ทันทีว่าคนๆ นี้ไม่ใช่มอลทีส ถึงรูปร่างหน้าตาจะใช่ แต่กลิ่นกลับเหมือนคนที่ทำน้ำหอมหกใส่ข้า เจ้าคนนั้น!

แต่พอจะเตือนก้อนดินก็ไม่ทัน เพราะมันใช้ยาสลบกับเวทย์ทำให้ก้อนดินหลับไป เมื่อข้าจะสู้มันก็ขู่จะทำร้ายก้อนดิน ข้าเลยต้องยอมให้มันจับไปด้วยความจำใจ ก่อนที่มันจะใช้เกล็ดมังกรของท่านอีริคเปิดประตูมิติ แล้วนำเราไปขังไว้ในคุกใต้ดินแห่งหนึ่ง

พวกมันจับก้อนดินกรอกยาพิษ ข้าได้แต่ร้องไห้อย่างอัดอั้นที่ไม่สามารถช่วยอะไรก้อนดินได้เลย

ข้ามันอ่อนแอและไร้ความสามารถเป็นที่สุด

ฮืออออออ

หลังจากถูกกรอกยาพิษและยาพิษออกฤทธิ์ข้าก็รับรู้ได้ว่าจิตวิญญาณของก้อนดินหายไป ข้าได้แต่ร้องไห้และคอยเรียกก้อนดินตลอดเวลา เพื่อให้ก้อนดินกลับมาเข้าร่าง

แม้ว่าก่อนที่ยาพิษจะออกฤทธิ์ ก้อนดินได้บอกรักข้า และบอกให้ข้าหนีไปจากที่นี่ แต่ข้าไม่กล้าจะทิ้งร่างก้อนดินไปไหน เพราะกลัวจิตวิญญาณของดินจะล่องลอยไป ไม่ยอมกลับมาอีก

ข้าเลยได้แต่คอยป้อนอาหาร ป้อนน้ำ คอยดูแลร่างของก้อนดิน เหมือนที่ดินเคยดูแลข้าเป็นอย่างดี เจ้าคนที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าสั่งให้พวกที่เฝ้าคอยป้อนอาหารดินด้วย แต่พวกมันก็ไม่ทำ ยังดีที่ยังมีคนเอาอาหารมาวางไว้ให้เป็นบางมื้อ อย่างน้อยก้อนดินก็จะได้มีอะไรกินบ้าง

“ก้อนหิน”

“ฮึก... ใคร”

“ข้าเอง อีริค เฮ้อ!... ข้าต้องขอโทษอีกครั้งที่ความเอาแต่ใจของข้า ทำให้เจ้าทั้งสองต้องลำบาก”

“ฮึก... ไม่เป็นไร ข... ข้าเข้าใจ ฮึก.... ดี... ถ้าเป็นข้า เพื่อก้อนดินแล้ว ขะ...ข้าก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน”

“เฮ้อ! ฟังนะ เจ้าต้องใช้เลือดของเจ้าถอนพิษให้ก้อนดิน แต่ต้องให้ทีละน้อย เพราะพลังของเจ้าในร่างนี้ยังไม่แข็งแกร่งพอ เมื่อไหร่ที่ถอนพิษจนหมด ก็จงกัดเถาวัลย์ที่ข้อมือของก้อนดิน ข้าให้เซเรสเก็บพลังจากเกล็ดมังกรของข้าไว้ในนั้น เจ้าจะได้รับพลังเพิ่มขึ้น แล้วข้าจะได้ช่วยส่งพลังเพื่อเปิดประตูมิติที่เชื่อมกับมิติที่เซเรสอยู่ได้

“ฮึก... ข้ารู้แล้ว แล้วข้าจะทำตาม”

“อืม ข้าต้องไปก่อน พลังข้าเหลือน้อยเต็มทีแล้ว”

“ขอบคุณท่านมาก”

“ไม่เป็นไร ต้นเหตุส่วนหนึ่งมันเป็นเพราะข้านี่นา ดูแลตัวเองดีๆ นะ”

“อื้อ”

หลังจากนั้นข้าก็คอยป้อนน้ำป้อนอาหารให้ร่างของก้อนดินเหมือนเดิม ก่อนจะกรีดข้อมือเพื่อนำเลือดป้อนให้ก้อนดินดื่ม ข้าอยากจะให้ก้อนดินหายไวๆ เลยตั้งใจจะกรีดให้เลือดไหลออกมาให้มากขึ้น แต่ท่านอีริครู้ทันมาห้ามไว้ซะก่อน ท่านอีริคบอกว่าถ้าใจร้อนจะเป็นก่อให้เกิดผลเสียต่อเรามากกว่าผลดี บอกให้ข้าใจเย็นๆ ข้ากลัวก้อนดินจะลำบากในภายหลังก็เลยทำตามแต่โดยดี

กว่าดวงจิตของก้อนดินก็กลับมาก็ผ่านไปตั้งหลายวัน ข้าดีใจมาก ที่ดินยอมฟังเสียงเรียกของข้า ยอมกลับมาหาข้าเหมือนเดิม

ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะปิดเรื่องเลือดเป็นความลับ แต่ก้อนดินก็รู้จนได้ เพราะการที่รับเลือดจากข้าไป ทำให้เราสามารถสื่อความรู้สึกถึงกันได้ ที่จริงข้าก็รู้ถึงคุณสมบัติของเลือดตัวเองดี แต่ต้องอ้างว่าคนอื่นบอก... ดินจะได้ไม่โกรธมาก

เมื่อรู้เรื่องก้อนดินก็ได้แต่ร้องไห้และโทษตัวเอง ข้าได้แต่ปลอบใจ มันไม่ใช่ความผิดของก้อนดินสักหน่อย ถ้าจะผิดก็ผิดที่ข้าเองที่ไม่แกร่งพอ ไม่สามารถปกป้องคู่ร่วมชะตาของตัวเองได้ เราถึงได้ถูกจับมา ทำให้ดินต้องถูกทำร้ายแบบนี้

ฮึก... ยังไงก้อนดินของข้าดีที่สุดแล้ว

ข้าเคยบอกหรือยังว่ารักก้อนดินที่สุดเหมือนกัน

ฮือออออออออออออ



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ยังคงตันอย่างต่อเนื่อง แหะๆ  :serius2:
ช่วงนี้มันก็จะพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อมพระราหู เอ๊ย! พระราหูอมหน่อยๆ ค่ะ
มีแต่เรื่องเข้ามาให้จิตตกไม่ว่างไม่เว้น พอจิตตกแล้วมันก็บันเทิงไม่ค่อยจะออกจริงๆ ค่ะ  :hao4:

ตอนนี้ยกให้ก้อนหินนะคะ จะเรียกว่าตอนก้อนหิน Talk ก็ว่าได้  :katai2-1:
ลองร่างดูคร่าวๆ แล้วน่าจะเหลืออีกประมาณ 5 บทก็คงจะจบนะคะ
จะจบทันสิ้นปีไหม ถามใจดู ถถถ
ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันยังติดตาม ยังแวะมาอ่าน มาให้กำลังใจเสมอๆ นะคะ
กราบงามๆ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#ซีเนียร์  :L2: :pig4: :L2:
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
#alternative พี่ไซแกจะคลั่งแล้วค่ะ ถถถ เอ็นดูก้อนหิน  :hao5:
#MayA@TK จับกินเลยดีไหมคะ ช่วงนี้อดอยาก  :hao6:
#เก้าแต้ม ขอบคุณค่า  :กอด1:
#suikajang 55555 นี่ไม่ได้ดราม่านะคะ จริงจริ๊งงงงงงง อิพ่อตามหาหัวปั่นอยู่ค่ะ ถถถ  :hao5:
#shoi_toei พ่อจะคลั่งแล้วค่ะ ถถถ  :hao5:
#KARMI สงสารเหมือนกันค่ะ ฮือออ ใครทำลูก ใครทำ  :hao4:
#Yara มันร้ายค่ะซิส  :o12:
#•♀NoM!_KunG♀• ไม่อยากหายไปนานเลยค่า แต่ตันนน ฮืออออ  :o12:
#takara ขอบคุณค่า  :กอด1:
#aiyuki แย่แล้วๆๆๆๆๆ  :ling1:
#jum1201  :L2: :pig4: :L2:
#HISY จับมันกินเลยดีไหมคะ แฮ่  :hao6:
#duck-ya ลูกๆ โดนทำร้ายยยยยย พยายามฮึดสู้อยู่ค่ะ ถถถ เวลาจิตตกแล้วมันเขียนไม่ได้จริมๆ ต้องช่วงที่แบบสดใส จะเขียนได้ลื่นมากกกก อย่าเพิ่งทิ้งกันน้า  :กอด1:

:L2: :L2: :กอด1: :pig4: :กอด1: :L2: :L2:
:katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: game6969 ที่ 08-11-2017 08:42:54
มาแล้วคิดถึงมากๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 08-11-2017 10:03:45
จับตัวได้เมื่อไหร่ต้องเอาให้หนัก บังอาจทำให้ก้อนดินกับก้อนหินต้องลำบาก  :fire: :fire: :fire:
เอาคืนให้สาสมกับที่ทำให้ก้อนหินต้องเสียใจ  :z6: :z6: :z6: :z6:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 08-11-2017 10:07:26
คิดถึงงงงงง
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-11-2017 11:38:26
 :hao7: o13 :hao7:
ขอส่งกำลังใจช่วย..คุณmaneethewa  ขอให้พ้นช่วงพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อมพระราหู และขอให้ล่วงพ้นภาวะ จิตตกโดยเร็วนะครับ...
...................ก๊าสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.....(ก้อนหินส่งพลังมาเป่ากระหม่อมด่วนๆ)


 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:


หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-11-2017 12:12:42
:hao7: o13 :hao7:
ขอส่งกำลังใจช่วย..คุณmaneethewa  ขอให้พ้นช่วงพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อมพระราหู และขอให้ล่วงพ้นภาวะ จิตตกโดยเร็วนะครับ...
...................ก๊าสๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ.....(ก้อนหินส่งพลังมาเป่ากระหม่อมด่วนๆ)

 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:

เหมือนกัน
ได้อ่านพาร์ทของก้อนดินแล้ว
ก้อนหิน เป็นคู่หูของก้อนดิน ราชามังกรจริงๆด้วย
การเจอกันของก้อนดิน ก้อนหิน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สุดยอดดดด

รอวันก้อนหินมีพลังแข็งแกร่ง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 08-11-2017 13:07:29
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 08-11-2017 14:15:32
หลานป้ามาๆ มาให้ป้ากอดมาลูก  :กอด1: 
ทุกอย่างต้องการเวลาค่ะ ถึงนานแต่ก็รอได้นะคะ >> ฉ้านจะรอที่ท่าน้ำทุกวัน  << ไม่ใช่หล่ะ 5555
เป็นกำลังใจให้กับ แม่ดิน พ่อไซ ลูกหิน และก็ขอเรียกว่าแม่มณีแล้วกันนะค่ะ เรียกเต็มๆ ยาวเกิ๊น  :katai3:
สู้ๆ จ้า รักษาสุขภาพกาย และใจให้แข็งแรงค่ะ  :L2:

 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 08-11-2017 15:56:17
หายไปนานมากกกกก โอ้ยยย คิดถึงก้อนหินน้อย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 08-11-2017 17:15:31
ชอบตอนขัดใจแล้วร้องห้ายยยยยย


ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 08-11-2017 18:52:36
ในพาร์ทก้อนหินนี้ ก้อนหินดูโตอ่ะ
ในขณะที่ในพาร์ทปกตินางตะมุตะมิมากๆเลยอ่ะ 55555555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 08-11-2017 19:06:49
สู้ ๆ จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: เก้าแต้ม ที่ 08-11-2017 21:10:43
ดีใจจังมาต่อแล้ว คิดถึงก้อนดินกับก้อนหิน :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-11-2017 21:37:22
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 08-11-2017 23:24:01
รีบๆมาต่อเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 09-11-2017 00:24:44
สู้ๆค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 09-11-2017 07:54:40
ลุ้นๆอะ ก้อนดิน ก้อนหินอย่าเป็นอะไรน๊า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-11-2017 06:27:24
รอน้าาา สู้ๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) #บทที่ 29 ก้อนหิน (8/11/2017) P.18
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 10-11-2017 11:44:34
หินน่ารักจริงๆ
สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/17) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 18-11-2017 23:56:11
บทที่ 30 ตามหาหัวใจ

   ไซเลอร์!!!

   มือที่กำลังจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบชะงักทันทีเมื่อข้ารู้สึกเหมือนจะได้ยินเสียงเรียกของก้อนดิน ข้าละสายตาจากเพื่อนๆ และความสนใจกับบทสนทนาตรงหน้าเพื่อมองหาก้อนดินที่บอกว่าจะเดินไปตักอาหารกับก้อนหินเมื่อครู่ แต่กวาดสายตาหาจนทั่วห้องแล้วก็ไม่พบ

   ข้าจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปหาก้อนดินด้วยความรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เดินหาจนทั่วห้องแล้วก็ยังไม่พบ คนที่ได้พบและคุยกับก้อนดินต่างก็บอกว่าเพิ่งจะเจอทั้งคู่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้ก้อนดินหายไปไหน

   ในขณะที่ข้ากำลังจะเดินออกห้องไปตามหาก้อนดินกับก้อนหินข้างนอก ก็เห็นท่านมอลทีสกับท่านลาซาเดินตรงมาหาด้วยท่าทางรีบร้อน ลางสังหรณ์ของข้าก็ยิ่งร้องเตือนลั่น

   “ตามข้ามา” พูดจบท่านมอลทีสก็เดินนำออกไปทันที

   เมื่อไปถึงสวนข้างๆ ห้อง ท่านมอลทีสก็พาไปหยุดตรงจุดๆ หนึ่ง ก่อนที่จะยื่นผ้าผืนหนึ่งมาให้ข้า เมื่อรับมาดูและได้เห็นชัดๆ ก็รู้สึกใจหายวูบ

   “ข้าเห็นมันตกอยู่ตรงนี้”

   ผ้าเช็ดหน้าของก้อนดิน!

   ที่มั่นใจว่าเป็นของก้อนดินแน่ๆ เพราะบริเวณมุมของผ้าเช็ดหน้า คือรอยเท้าของก้อนหินที่ก้อนดินจับไปทาสีแล้วประทับลงไป ก่อนจะประทับรอยนิ้วหัวแม่มือของตัวเองไว้ข้างๆ รอยเท้านั้นกับผ้าเช็ดหน้าทุกผืนของเขา

   ข้าจำได้แม่นเพราะตอนที่ก้อนดินกับก้อนหินช่วยกันทำสัญลักษณ์อย่างสนุกสนานนั้น ข้าก็นั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วมองทั้งคู่ทำไปเล่นกันไปด้วยความเอ็นดู

ก้อนดินมักจะพกผ้าติดตัวไว้อย่างน้อยก็สองผืน เพื่อไว้สำหรับใช้เช็ดปากเช็ดมือหรือเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ก้อนหิน ข้าเงยหน้าขึ้นมองท่านมอลทีสนิ่งๆ ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถามก่อน เพราะถึงพอจะคาดเดาได้แต่ก็กลัวคำตอบที่จะได้รับ

   “ข้าเห็นในนิมิตว่าก้อนดินจะมีอันตราย แต่ก็มาไม่ทัน ขอโทษนะไซเลอร์”

   ข้าได้แต่หลับตาลงรับความจริงด้วยความเจ็บปวด

   “ไม่ใช่ความผิดของท่านหรอกครับ ถ้าจะมีคนผิด ก็คงเป็นข้าที่ประมาทเอง” เสียงของข้าสั่นพร่าโดยไม่รู้ตัว มือกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ข้าลืมตาขึ้นมาจ้องผ้าเช็ดหน้าในมือเหมือนว่าจ้องแล้วจะเห็นไปถึงเจ้าของมัน

   “อย่ามัวแต่โทษตัวเองกันอยู่เลย ข้าว่ารีบช่วยกันตามหาก้อนดินดีกว่า ก้อนดินเพิ่งจะหายไม่นาน เราอาจจะตามทันก็ได้” เสียงของมาสทิฟฟ์ที่ตามมาเมื่อไหร่ไม่รู้พูดขึ้น ข้าเพิ่งจะรู้ตัวว่าเพื่อนในทีมตามออกมาจนครบทุกคน

   “นั่นสิ เราแยกย้ายกันออกตามหาเลยดีไหม” ชเนาเซอร์เสนอความเห็น

   “ไซเลอร์”

   “ครับ ท่านมอลทีส”

   “เจ้าผูกจิตไว้กับก้อนดิน ลองใช้จิตค้นหาดูสิ เผื่อว่าจะพบ”

   “ครับ” นั่นสิ ข้าลืมไปได้ยังไงว่าเคยผูกจิตไว้กับก้อนดินตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว

   ข้าหลับตาลง รวบรวมสมาธิ สำรวมจิต เพื่อค้นหาดวงจิตของก้อนดิน แต่เมื่อหลับตาลงก็พบเพียงความมืดมิด อาจจะเป็นเพราะจิตยังฟุ้งซ่านด้วยความเป็นห่วงทั้งคู่ ต้องใช้เวลาสักพักจิตของข้าถึงได้นิ่งและมีสมาธิมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพบเพียงความมืดมิดก่อนจะพบกำแพงหนาทึบปรากฏขึ้นมากั้นดวงจิตข้าไว้

   ข้าลืมตาขึ้นมาแล้วหันไปบอกท่านมอลทีส

   “มีกำแพงกั้นดวงจิตของข้าไว้ครับ”

   “มนต์บังตา... คนที่จับก้อนดินไปอาจจะเป็นถึงขั้นจอมเวทย์ เพราะถ้าสามารถเข้ามาในเขตพระราชวังโดยที่ทั้งคนของเราไม่รู้ แม้แต่เวทย์คุ้มกันยังทำอะไรไม่ได้ คงไม่ธรรมดาแน่ เดี๋ยวข้าจะไปรายงานคิงก่อนจะได้ส่งทีมอื่นออกไปช่วยตามหาด้วย พวกเจ้าลองออกไปตามหาก้อนดินดูก่อน ถ้าพระอาทิตย์ขึ้นแล้วยังไม่พบให้กลับมาที่นี่ จะได้ช่วยกันวางแผนว่าจะทำยังต่อไป ไปเถอะ”

   “ครับ!” ข้าและเพื่อนๆ รับคำ ก่อนจะรีบออกเดินทางไปหาก้อนดินด้วยความร้อนใจ

   ข้าได้แต่ภาวนา ขอให้ก้อนดินกับก้อนหินปลอดภัยด้วยเถอะ!

***************************************************************************

   ข้าและเพื่อนๆ ตระเวนกระจายตัวกันออกค้นหาก้อนดินโดยใช้นกหวีดเป็นสัญญาณเรียกรวมตัวเพื่อไม่ให้แยกกันไปไกลเกินขอบเขตรัศมีที่ตกลงกันไว้ หากเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นจะได้กลับมาช่วยกันได้ทัน

   อันที่จริงข้าก็พอจะรู้ว่าเพื่อนๆ บังคับใช้กับข้าเป็นหลักมากกว่า เพราะกลัวข้าจะแยกตัวออกไปหาก้อนดินกับก้อนหินเพียงลำพัง ข้าไม่อยากให้เพื่อนๆ ต้องเป็นกังวลจึงยอมทำตามเงื่อนไขแต่โดยดี ทั้งๆ ที่ในใจนั้นร้อนรนแทบบ้า

   เราค้นหากันอย่างต่อเนื่องไม่มีใครยอมพักผ่อนจนเมื่อถึงยามรุ่งสาง ข้าก็จำใจต้องกลับไปรวมตัวตามสัญญาณเรียกที่เพื่อนๆ พร้อมใจกันเรียก เพื่อย้อนกลับไปที่พระราชวังตามคำสั่งของท่านมอลทีส

   เมื่อไปถึงพระราชวัง ท่านมอลทีสก็พาข้าแยกไปที่ห้อง ซึ่งมีจอมเวทย์อันดับต้นๆ ของอาณาจักรรออยู่ด้านใน เมื่อข้าหันไปมองท่านมอลทีสก็บอก

   “เราต้องทำลายกำแพงเวทย์ที่กั้นไว้ก่อน จะได้ค้นหาดวงจิตของก้อนดินได้ นั่งลงสิ”

   “ครับ” ข้านั่งลงกับพื้นตามที่ท่านมอลทีสชี้บอก เมื่อข้านั่งลงเรียบร้อยแล้ว จอมเวทย์ทั้งห้ารวมทั้งท่านมอลทีสก็มานั่งล้อมข้าไว้

   “ข้ารู้ว่าตอนนี้เจ้าร้อนใจเพราะเป็นห่วงก้อนดินกับก้อนหิน แต่ข้าอยากให้เจ้ารวบรวมสมาธิตั้งจิตให้มั่นแล้วค้นหาดวงจิตของก้อนดินก่อน ถ้าหากไปเจอกำแพงนั่นอีกที พวกเราจะได้ช่วยกันทำลาย ครั้งที่แล้วข้าลองใช้เวทย์ตามจิตเจ้าไป  ข้าลองทำลายดูแล้วแต่ไม่สำเร็จ เพราะกำแพงนั่นมีพลังคุ้มกันมากกว่าที่คิด ครั้งนี้ข้าจึงรวมจอมเวทย์ที่ช่วงนี้ยังอยู่ในใกล้ๆ พระราชวังมาช่วยกันดู”

   “ครับท่านมอลทีส” เมื่อฟังคำอธิบายของท่านมอลทีสจบ ข้าก็รับคำแล้วหลับตาลงรวบรวมสมาธิทันที ด้วยความที่จิตฟุ้งซ่านเพราะความเป็นห่วงทั้งคู่จึงต้องใช้เวลานานพอสมควรกว่าจิตของข้าจะนิ่งและเป็นสมาธิได้

   เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วข้าจึงนึกถึงก้อนดินอย่างแน่วแน่ เพียงไม่นานก็ปรากฏกลุ่มเส้นใยสีทองขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ก่อนที่มันจะพุ่งทอดยาวตรงไปด้านหน้า ข้าพยายามตั้งสมาธิให้มั่นแล้วตามเส้นใยกลุ่มนั้นไปเรื่อยๆ จนไปชนกับกำแพงโปร่งใสราวกระจกที่ปรากฏขึ้นมาขวางกลางคัน

   “ถอยมาก่อนไซเลอร์” เมื่อได้ยินเสียงของท่านมอลทีส ข้าก็ถอยออกห่างจากกำแพงตรงหน้า ก่อนจะปลากฎร่างโปร่งแสงของท่านมอลทีสและจอมเวทย์ทั้งสี่ขึ้นที่หน้ากำแพง อันที่จริงจิตไม่มีรูปร่าง แต่ที่เห็นเป็นภาพร่างกายของทั้งห้าท่านนั้น เป็นเพราะจิตของข้าปรุงแต่งภาพขึ้นมาเอง

   “ตั้งสมาธิไว้นะ ข้ากับจอมเวทย์ท่านอื่นจะลองช่วยกันทำลายกำแพงดู”

   “ครับ” ข้ารับคำและพยายามควบคุมจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน ท่านมอลทีสจึงเริ่มร่ายเวทย์ เพียงไม่นานก็มีแสงสีทองออกมาจากมือของท่านมอลทีสพุ่งไปหากำแพงตรงหน้า แต่ยังไม่ทันได้ถึงกำแพงก็มีแสงสีดำที่ผสานกับแสงสีทองอีกเส้นพุ่งออกมาจากกำแพงสกัดไว้ซะก่อน ท่านมอลทีสจึงหยุดร่ายเวทย์

   “จิตแค้น ใครกันที่มีจิตแค้นรุนแรงขนาดนี้  แถมยังมีพลังจากเกล็ดมังกรมรกตด้วย อืม... เรื่องนี้คงต้องพักไว้ก่อน ลองช่วยกันทลายกำแพงก่อนก็แล้วกันนะท่าน” ท่านมอลทีสรำพึงอยู่ลำพัง ก่อนจะหันมาบอกกับจอมเวทย์ทั้งสี่

   “ครับท่านมอลทีส”

   เมื่อรับคำเสร็จทั้งห้าก็เริ่มร่ายเวทย์ขึ้นพร้อมกัน แสงสีทองทั้งห้าสายพุ่งตรงไปกระทบกับกำแพงตรงหน้า เมื่อแสงสีดำทองจากกำแพงออกมาต้านไว้ ทั้งห้าก็เร่งพลังให้แสงจากตัวออกมามากขึ้น

   เมื่อเห็นว่าน่าจะตึงมือเกินไป ท่านมอลทีสก็ละมือออกมาข้างหนึ่งแล้วหลับตาลง เพียงไม่นานก็มีเกล็ดมังกรสีเขียวมรกตปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือ เกล็ดมังกรบนฝ่ามือของท่านมอลทีสเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมา ก่อนที่จะพุ่งไปหากำแพงแล้วกระจายตัวอาบไล้ไปทั่วกำแพงทั้งซ้ายขวา ก่อนที่กำแพงตรงหน้าจะเริ่มสลายและหายวับไปกับตา

   “พวกท่านกลับกันก่อนเถอะ เหนื่อยมามากแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปกับไซเลอร์เอง เผื่อจะช่วยอะไรได้ ขอบคุณพวกท่านมาก”

   “ด้วยความเต็มใจครับ” จอมเวทย์ทั้งสี่โค้งให้ท่านมอลทีสก่อนจะหายวับจากไป ท่านมอลทีสจึงหันมาบอกกับข้า

   “เราไปกันเถอะ ”

   “ครับ”

   เราทั้งสองตามแสงสีทองต่อไปเรื่อยๆ จนแสงเริ่มมากขึ้น แสดงว่าใกล้จะถึงดวงจิตของก้อนดินแล้ว หัวใจของข้าเต้นกระหน่ำด้วยความยินดี

   “ไซเลอร์รักษาสมาธิ”

   “ครับ” ข้ารับคำ เพราะความดีใจทำให้สมาธิของข้าแกว่ง และท่านมอลทีสคงสัมผัสได้ ข้าจึงระงับอาการเพื่อให้จิตนิ่งเหมือนเดิม จนในที่สุด เราก็มาถึงจุดที่มีดวงจิตสองดวงที่สว่างเจิดจ้าอยู่ ข้าหลับตารวบรวมสมาธิอีกครั้ง เมื่อลืมตาขึ้นก็พบว่าร่างของก้อนดินและก้อนหินอยู่ในคุกแห่งหนึ่ง

   “คุก” ข้าเผลอพูดออกมาด้วยความแปลกใจ ก่อนที่จะตรงไปหาร่างของก้อนดินที่นอนหลับอยู่

   “ดิน ก้อนดิน” แต่ร่างนั้นก็นิ่งสนิทจนข้าร้อนใจ

   “ใจเย็นๆ ไซเลอร์ ก้อนดินน่าจะถูกผงนิทรา ยาชนิดนี้ไม่มีอันตรายหรอก คนที่ได้รับยาจะยังไม่ตื่นจนกว่ายาจะหมดฤทธิ์”

   “ก๊าส” ก้อนหินที่นอนอยู่บนร่างของก้อนดินส่งเสียงร้องแล้วหันมามองเหมือนรับรู้ได้ถึงการมาของพวกเรา

   “รอก่อนนะเด็กดี เดี๋ยวข้าจะกลับมาช่วย ดูแลตัวเองด้วย”

   “ก๊าสสส” ก้อนหินร้องเหมือนจะรับคำ ข้าอดจะยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   ท่านมอลทีสมองไปยังแสงจันทร์ที่ส่องผ่านช่องระบายอากาศด้านบนลงมาที่พื้น แล้วหันหน้ามามองข้า

   “คุกแบบนี้น่าจะมีอยู่ไม่กี่แห่ง แต่น่าจะไม่ใช่คุกใต้ดินของของบาอัลแน่ เพราะไม่มีเห็ดเรืองแสง” ข้าผงกศีรษะรับจากที่สังเกตก็น่าจะจริง แต่ไม่แน่ใจว่าเป็นคุกที่อื่นของบาอัลหรือเปล่า

   “เรากลับกันเถอะ ถึงมีเกล็ดมังกรก็ยังพาก้อนดินกลับไม่ได้ รีบไปหาร่างของก้อนดินที่คุกของอาณาจักรเราก่อนถ้าไม่เจอจะได้วางแผนกันเพื่อไปค้นหาที่อื่นต่อ”

   “ครับ” ข้าหันไปมองร่างของทั้งคู่ก่อนจะหลับตาเพื่อกลับไปยังร่างของตัวเอง

   รอก่อนนะก้อนดิน ก้อนหิน แล้วข้าจะรีบกลับมาช่วย!

   ***************************************************************************

   ข้าลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกอ่อนล้า เพราะการใช้จิตในแต่ละครั้งต้องใช้พลังมากกว่าใช้ร่างกายตามปกติมาก เมื่อลืมตาตื่นมาได้เต็มที่ก็เห็นร็อตกับชเนาเซอร์นั่งอยู่ข้างๆ มองมาด้วยแววตาห่วงใย

   “ท่านมอลทีสล่ะ แค่กๆ” เสียงแหบๆ ของข้าทำให้ชเนาเซอร์รีบลุกไปรินน้ำมาให้ดื่ม ข้าเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองนอนอยู่บนเตียงภายในห้อง ข้าขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้นมานั่ง ร็อตจะเข้ามาประคองแต่ข้ายังลุกไหวเลยได้แต่โบกมือห้าม

   “ไปประชุมกับคิงและพวกท่านพ่อแล้ว มาสทิฟฟ์กับพรีซาก็ไปด้วย ข้าสองคนเลยอยู่เป็นเพื่อนเจ้า” ร็อตเป็นคนตอบคำถามของข้าระหว่างที่ชเนาเซอร์เอาแก้วน้ำไปเก็บ

   “ข้าหลับไปนานแค่ไหน” เมื่อได้ดื่มน้ำแล้วเสียงของข้าก็เริ่มดีขึ้น

   “ก็นานพอควร ท่านมอลทีสตื่นขึ้นมาก่อนหน้าเจ้า พอเห็นเจ้ายังไม่ตื่นก็ตรวจดูอาการ แล้วบอกว่าเจ้าแค่อ่อนเพลียจากการใช้พลังเลยยังไม่ฟื้น ให้เจ้าพักผ่อนเพื่อฟื้นพลังต่อ แล้วก็ให้มาสทิฟฟ์กับพรีซาเป็นตัวแทนทีมเราเข้าประชุม ให้ข้ากับชเนาเซอร์คอยดูแลเจ้าแทน ท่านมอลทีสบอกว่าถ้ามีอะไรก็ให้ไปแจ้งท่านได้ทันที” ร็อตเล่าต่อเมื่อเห็นว่าข้ายังดูมึนๆ เบลออยู่

   “อืม ก้อนดินอยู่ในคุก” ข้าพูดถึงสิ่งที่กังวล นึกถึงภาพที่เห็นก่อนที่จิตจะกลับร่าง

   “ท่านมอลทีสส่งคนไปค้นหาที่คุกทุกแห่งในอาณาจักรเราแล้วแต่ยังไม่พบ ก็เลยเข้าประชุมกันก่อนจะแจ้งและขอความช่วยเหลือไปยังอีกสองอาณาจักรด้วย”

   “แล้วเราล่ะ” ข้าถามต่อเพราะอยากออกไปตามหาก้อนดินเต็มทีแล้ว

   “ใจเย็นๆ ไซเลอร์ ท่านมอลทีสบอกว่าถ้าเจ้าตื่นมาก็ฝากบอกให้เจ้าใจเย็นๆ รอให้ประชุมเสร็จก่อนค่อยออกไป ให้ร่างกายเจ้าได้พักผ่อนและฟื้นตัวก่อน จะได้ตามหาได้เต็มที่ไง เจ้าคงไม่อยากเป็นตัวถ่วงของทีมหรอกใช่ไหม” ชเนาเซอร์หรี่ตาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง ข้ารู้ว่าเขาไม่เคยคิดว่าข้าเป็นตัวถ่วงหรอก หรือต่อให้ข้าจะเป็นตัวถ่วงจริง ข้าเชื่อว่าเพื่อนๆ ข้าทุกคนก็พร้อมจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ แต่ด้วยความที่รู้นิสัยกันดี จึงน่าจะพูดดักคอเพราะเป็นห่วงข้ามากกว่า ข้าได้แต่ถอนหายใจแล้วยิ้มขำคนปากแข็ง

   “ยิ้มอะไร ข้าไม่ใช่น้องดินนะ ยิ้มให้แล้วจะใจอ่อนน่ะ นอนไปเลย พักไปก่อนจะได้มีแรง ประชุมเสร็จเมื่อไหร่ข้าจะเรียก เราจะได้ไปตามหาน้องดินกัน” ชเนาเซอร์โวยวายกลบเกลื่อนความเขิน เมื่อข้ายิ้มให้เหมือนรู้ทัน

   “หึๆ” พอได้ยินเสียงหัวเราะของข้ากับร็อต ก็ถลึงตาใส่เราทั้งคู่ ท่าทางแบบนี้สงสัยจะติดมาจากก้อนดิน เห็นแล้วรู้สึกว่ามันน่าเอ็นดูมากกว่าจะน่ากลัว ทำให้เราสองคนหัวเราะขำยิ่งกว่าเดิม คนถูกล้อเลยถลึงตาใส่เราทั้งคู่อีกรอบ

   ร็อตแกล้งกระแอมแล้วหันไปหยิบยาเม็ดที่ใส่ไว้ในถ้วยที่ตั้งอยู่ข้างๆ มาส่งให้ข้า เราไม่ได้กลัวคนที่กำลังถลึงตาใส่หรอกนะ แค่เป็นห่วงกลัวว่าเพื่อนจะตาหลุดออกมามากกว่า หึๆ

   “ยาบำรุง... ท่านมอลทีสให้คนของสำนักแพทย์เอามาให้ กินแล้วนอนพักผ่อนซะ”

   “อืม” ข้ารับคำก่อนจะกินยาที่ร็อตส่งมาให้แล้วล้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ดันทุรังไปก็กลัวจะมีแต่เสียมากกว่าได้ เชื่อฟังท่านมอลทีสไว้น่าจะดีกว่า ถ้าท่านยังใจเย็นอยู่ได้ แสดงว่าก้อนดินกับก้อนหินยังคงปลอดภัยอยู่ เพียงไม่นานหนังตาข้าก็หนักขึ้นเรื่อยๆ ตัวยาคงมีส่วนผสมของยานอนหลับด้วยแน่ๆ ข้าครุ่นคิดอยู่ในใจก่อนที่จะหลับไป

***************************************************************************

   “ไซเลอร์” เพียงได้ยินเสียงเรียกชื่อเบาๆ ก็ทำให้ข้าสะดุ้งตื่นผุดลุกขึ้นมานั่งทันที เมื่อได้เห็นร็อตทำท่าจะสะกิดเรียก แต่ยกมือเก้อเพราะข้าตื่นขึ้นมาก่อนจะทันสะกิด เห็นแล้วก็อดจะยิ้มขำไม่ได้

   หลังจากสำรวจตัวเองดูก็รู้สึกว่าหลังจากได้พักและได้ยาบำรุงเข้าไปแล้ว พลังก็กลับมาเต็มเปี่ยมจนดูเหมือนจะแข็งแรงมากกว่าเดิมซะด้วยซ้ำ

   “เอ่อ...” ร็อตยังคงพูดไม่ออก

   “เป็นยังไงบ้าง เราออกไปตามก้อนดินกับก้อนหินได้หรือยัง” ข้าหันไปถามมาสทิฟฟ์กับพรีซาที่ยืนอยู่ข้างเตียงทันทีที่มองเห็นทั้งคู่ พรีซาส่ายศีรษะเพลียๆ กับอาการของข้า มาสทิฟฟ์จึงเป็นคนตอบแทน

   “อือ ท่านมอลทีสบอกว่าถ้าเจ้าพร้อมแล้วก็ไปได้เลย คิงส่งหนังสือไปแจ้งกับราชาอีกสองอาณาจักรล่วงหน้าแล้ว”

   “งั้นไปกันเถอะ” ข้ารีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“เจ้าดีขึ้นแล้วเหรอ” เพื่อนๆ ประสานเสียงถามขึ้นพร้อมกัน แต่ละคนกวาดสายตาสำรวจดูข้าด้วยสายตาห่วงใย ข้าจึงยิ้มขำกับความเป็นห่วงเกินเหตุของเพื่อนๆ

“ดีขึ้นมากเลย ข้ารู้สึกแข็งแรงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ยาที่ท่านมอลทีสให้คนนำมาให้ช่วยได้มากจริงๆ” ข้าย้ำเพื่อให้ทุกคนสบายใจ

“ถ้าอย่างนั้นค่อยเบาใจหน่อย งั้นเราก็รีบออกเดินทางกันเถอะ” ชเนาเซอร์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นข้าปกติดี เจ้าตัวก็คงห่วงก้อนดินไม่แพ้กัน เพราะเจ้าตัวชอบตามดินไปไหนมาไหนมากกว่าคนอื่น

   “อืม” ทุกคนรับคำ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมกัน

   “เราได้รับคำสั่งให้เดินทางไปบาอัล ทีมพี่ไซรอสไปที่รุค นอกจากคิงจะส่งหนังสือไปแจ้งให้ราชาทั้งสองอาณาทราบแล้ว ยังทรงขอไม่ให้ทางนั้นเคลื่อนไหวโจ่งแจ้ง เพราะคนร้ายอาจจะเป็นคนสำคัญในอาณาจักร ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถนำเกล็ดมังกรมาใช้ได้ แล้วให้เราลอบเข้าไปค้นหาแทน ส่วนเรื่องภายในก็ให้องค์ราชาทรงสืบเอง” พรีซาเล่าเรื่องที่เข้าประชุมมาให้ฟังก่อนที่จะออกนอกห้อง

   ***************************************************************************

   เราทั้งห้าเดินทางด้วยมังกรคู่ใจออกจากพระราชวัง ก่อนที่จะฝากมังกรไว้แถวชายแดนของเคลเบรอส แล้วใช้ร่างแปลงในการเดินทางเข้าไปที่อาณาจักรบาอัลแทน เพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต

   เป้าหมายของเราคือคุกร้างที่อยู่ตรงกลางระหว่างอาณาจักรบาอัลและอาณาจักรรุค ซึ่งเป็นคุกใต้ดินที่ถูกปล่อยร้างไว้ เนื่องจากทั้งสองอาณาจักรต่างก็สร้างคุกใต้ดินไว้ใกล้อาณาจักรของตัวเองแทน เพื่อความสะดวกในการดูแลและควบคุมมากกว่าคุกที่อยู่กลางป่าซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์อันตราย

   ส่วนคนที่ต้องไปค้นหาที่คุกในพระราชวัง ต้องใช้คนหน้าใหม่ๆ เข้าไปในฐานะตัวแทนผู้ร่วมประชุมของทางอาณาจักร เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต แต่ทางนั้นมีท่านมอลทีสเดินทางไปร่วมประชุมด้วย เลยไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วง

   ระหว่างการเดินทางเราได้เจอกับสัตว์ร้ายหลายชนิด ลางสังหรณ์บอกชัดถึงความผิดปกติ เพราะโดยปกติแล้วสัตว์พวกนี้จะไม่ค่อยออกมาจากป่าลึกง่ายๆ และไม่โจมตีสิ่งมีชีวิตอื่นๆ โดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ เหมือนกับว่าพวกมันพยายามขวางทางคนที่จะผ่านเข้าไปไว้ แต่เพราะเราอยู่ในร่างแปลงจึงทำให้สามารถต่อสู้กับพวกสัตว์ร้ายได้ไม่ยาก เพราะยาชาที่เขี้ยวช่วยผ่อนแรงให้กับเราได้มาก ซ้ำยังไม่ต้องฆ่าสัตว์หายากบางชนิดอีกด้วย

   “ฝูงลิฟฟ่อน” แต่เราก็ต้องชะงัก เมื่อเจอกับสัตว์ใหญ่ที่เคยปะทะกันเมื่อครั้งที่ไปหาสมุนไพรกับก้อนดินอีกครั้ง

   “อีกแล้วเหรอ” เสียงบ่นเซ็งๆ จากชเนาเซอร์ ทำให้พวกเรายิ้มขำ เพราะร่างแปลงของเจ้าตัวมีขนาดเล็กกว่าคนอื่นๆ มาก ถึงจะว่องไว แต่หากปะทะกันตรงๆ ก็เสี่ยงที่จะเป็นอันตรายมากกว่า เราจึงต้องกันให้อยู่ห่างออกไปเพื่อความปลอดภัยของเจ้าตัว

   “เจ้าหลบไปก่อน เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง” พรีซาบอกด้วยน้ำเสียงดุๆ เมื่อเจ้าตัวยุ่งของกลุ่มทำท่าเหมือนจะดื้อ

   “ก็ได้ๆ” เจ้าตัวก็รับคำเซ็งๆ ก่อนจะถอยหลังไปคุมเชิงอยู่ด้านหลัง แล้วปล่อยให้เราทั้งสี่กระโจนออกไปจัดการกับฝูงลิฟฟ่อนตรงหน้า

   “ไปต่อกันเถอะ” เมื่อจัดการจนฝูงลิฟฟ่อนล้มลงไปนอนเรียบร้อยแล้ว เราก็ไล่สำรวจเพื่อป้องกันไม่ให้มันลุกขึ้นมาได้อีก ก่อนจะรีบออกเดินทางต่อ เพราะดูจากสิ่งที่ได้เจอแล้วเราน่าจะมาถูกทาง ก้อนดินกับก้อนหินน่าจะถูกขังไว้ที่นี่แน่!

   “เอ่อ... ข้ารู้สึกว่าเราวนมาทางเดิมเป็นรอบที่สามแล้วนะ” เสียงทักของชเนาเซอร์ทำให้เราต้องหยุด เพื่อสังเกตสองข้างทางชัดๆ

   ไม่ใช่เพียงชเนาเซอร์ที่รู้สึก ทั้งข้าและคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกและมองหน้ากันตั้งแต่ผ่านจุดนี้มารอบที่สองแล้ว เพียงแต่ข้าพยายามนึกในแง่ดีว่าป่ามันคงคล้ายๆ กันเลยเดินทางต่อ พอชเนาเซอร์ทนไม่ไหวทักออกมานั่นแหละ ถึงได้หยุดสังเกตกันอย่างจริงจังและต้องยอมรับว่ามันเป็นจุดเดิมที่เราผ่านมาแล้วจริงๆ

   “มนตร์บังตาอย่างนั้นเหรอ” พรีซาพึมพำเบาๆ แต่ด้วยประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมของเรา ทำให้ได้ยินชัดเจน

   “เอายังไงดีพรีซา” มาสทิฟฟท์ที่วิ่งนำหน้าถอยลงมาถาม

   “มนตร์บังตา ถ้าเจ้าตัวไม่อยู่ก็น่าจะมีจุดกำเนิดอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่ง ถ้าทำลายจุดกำเนิดได้ ก็เป็นการทำลายมนตร์ได้เหมือนกัน” พรีซาในฐานะที่คุ้นเคยกับเวทย์มากกว่าทุกคนเพราะอยู่ในสายตระกูลจอมเวทย์อธิบาย

   “แล้วมันอยู่ตรงไหนล่ะ” ชเนาเซอร์ถามแล้วใช้ขาหน้าเกาหัวด้วยความเคยชิน

   “คงต้องช่วยกันหาแล้วละ จุดกำเนิดน่าจะอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้มาก เพราะเราวนซ้ำๆ อยู่แค่แถวๆ นี้ ข้าบอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร ให้สังเกตสิ่งแปลกปลอมที่ไม่น่าจะมีในป่า หรืออะไรก็ตามที่มันดูผิดไปจากปกติ ถ้าเจอแล้วให้ส่งสัญญาณเรียกข้า เดี๋ยวข้าไปดูเอง”

   “ได้” เมื่อรับคำเสร็จ เราต่างก็แยกย้ายกันไปค้นหาของที่ว่าทันที

   ข้าพยายามค้นหาในเขตที่รับผิดชอบแทบจะทั่วทุกจุดไล่ไปตั้งแต่พื้นดินจนถึงบนต้นไม้ สายตาก็กวาดมองด้วยความละเอียดเพื่อตรวจดูสิ่งที่ผิดสังเกต จมูกไล่สูดกลิ่นที่ผิดปกติ หูก็กางฟังความเคลื่อนไหวจากสิ่งรอบตัว ก็ยังไม่พบสิ่งที่ถือว่าผิดปกติในบริเวณนี้เลย แต่จะเรียกว่าไม่พบเบาะแสเลยก็คงไม่ใช่ เพราะจากที่สังเกตได้คือป่าบริเวณนี้เงียบมาก ตั้งแต่เดินสำรวจมา ยังไม่พบสิ่งมีชีวิตเลยสักตัว นี่แหละที่ถือว่าผิดปกติ

   วี้ดดดดด

   ข้ายืดตัวตรงและหูกระดิกทันทีเมื่อได้ยินสัญญาณจากชเนาเซอร์ ข้าเงี่ยหูฟังเพื่อจับทิศทาง ก่อนจะรีบวิ่งไปทางสัญญาณเสียงทันที เพราะมันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวพบสิ่งปกติอะไรสักอย่าง!

   “กรรร” เมื่อไปถึงก็พบว่าชเนาเซอร์ยืนขู่และใช้ขาตะปบตัวตุ่นตัวหนึ่งไว้อยู่ ส่วนขาอีกข้างหนึ่งก็ตะปบปิดที่รูของมันเอาไว้ มีร็อตยืนมองขำๆ อยู่ข้างๆ ไม่นานมาสทิฟฟ์กับพรีซาก็ตามมาถึง

   “นี่เหรอสิ่งผิดปกติของเจ้า ข้าไม่เห็นจะมีอะไรแปลก ก็แค่ตุ่นตัวหนึ่ง” มาสทิฟฟ์บ่นทันทีเมื่อมองเห็นสถานการณ์ตรงหน้า

   “มันจะไม่ผิดปกติได้ยังไง ในเมื่อแค่ข้าเดินมาใกล้ ไอ้ตุ่นบ้านี่มันก็วิ่งออกมาจากรูแล้วไล่กัดข้า พอข้าขู่ มันก็กระโจนใส่ โดนถีบกี่ครั้งก็ไม่ยอมหนี ตุ่นบ้าอะไรวะไม่กลัวหมา ในชีวิตข้าไม่เคยเจอมาก่อน แค่นี้ก็ถือว่ามันผิดปกติแล้ว!” ชเนาเซอร์ร่ายยาวด้วยความโมโห ปิดท้ายด้วยส่งเสียงขู่ตุ่นที่ยังคงพยายามดิ้นหนีอยู่ใต้ฝ่าเท้า

   “อืม ที่ชเนาเซอร์พูดก็ถูกนะ ปกติสัตว์พวกนี้ขี้กลัวจะตายไป นี่กลับไม่กลัวแถมยังสู้ เอ่อ... กับหมาอีก อีกอย่างตั้งแต่ข้าออกสำรวจก็ยังไม่เจอสัตว์สักตัว ตัวตุ่นตัวนี้แหละที่ถือว่าเป็นสัตว์ตัวแรกที่เจอ” ร็อตมองไปที่ตัวตุ่นแล้วทำท่าครุ่นคิด

   “ข้าก็คิดเหมือนกัน ป่าแถวนี้เงียบผิดปกติ ตั้งแต่แยกออกไปสำรวจก็ยังไม่พบสัตว์เลยสักตัวเหมือนกัน” ข้าเสริม แล้วหันไปมองพรีซาที่ทำหน้าครุ่นคิดอยู่ ก่อนที่พรีซาจะกลายร่างเป็นมนุษย์ หยิบสัญลักษณ์ประจำตระกูลออกมาแล้วเริ่มร่ายเวทย์

   ตัวตุ่นตรงหน้าก็ยิ่งดิ้นใช้เท้าตะกายพื้นดิน มันแรงเยอะจนชเนาเซอร์นิ่วหน้า ร็อตจึงต้องขยับเข้าไปช่วยกดตัวไว้ พรีซาร่ายเวทย์ต่อเพียงไม่นานก็มีแสงปกคลุมร่างตัวตุ่นและรูของมัน เมื่อพรีซาร่ายเวทย์จบ ตัวตุ่นก็กลายเป็นซากแล้วสลายกลายเป็นผุยผง

   “ตายแล้วหรอกเหรอ” เสียงหงอยๆ ของชเนาเซอร์ทำให้ร็อตต้องยกขาหน้าตบขาที่ยังคงเหยียบรูไว้เบาๆ เป็นการปลอบใจ

   “เจ้าอย่าเศร้าไปเลย อย่างน้อยดวงจิตมันก็ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ จะได้ไปเกิดใหม่สักที” เมื่อได้ยินคำพูดของพรีซา ชเนาเซอร์ถึงได้ถอนหายใจและยิ้มออก

   “ไปกันเถอะ” มาสทิฟฟ์บอก ก่อนจะวิ่งนำไปเหมือนเดิม ข้าหันไปมองชเนาเซอร์ที่ก้มลงไปที่ซากตัวตุ่นแล้วพูดเบาๆ

   “ขอให้ไปเกิดในที่ดีๆ นะ” ฟังแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ ข้ารอให้ชเนาเซอร์วิ่งนำไปก่อน แล้วค่อยวิ่งตาม ช่วงที่เจ้าตัวอ่อนไหวแบบนี้ ข้าคงไม่กล้าให้อยู่ด้านหลัง เพราะกลัวจะเป็นอันตราย ร็อตก็คงคิดเหมือนกัน เพราะเจ้าตัวก็รอให้ข้านำไปก่อนแล้วค่อยปิดท้ายขบวน

   พอมนตร์บังตาหายไป เราก็ไม่ต้องวนกลับมาที่จุดเดิมอีก เมื่อเหนื่อยก็หยุดพัก พอหายเหนื่อยก็เร่งออกเดินทางกันต่อ ไม่มีใครบ่นอะไร เพราะต่างคนต่างก็เป็นห่วงก้อนดินและก้อนหินไม่ต่างกัน ถึงจะไม่พูดออกมาแต่ข้าก็รับรู้ได้ด้วยความรู้สึกและจากแววตาร้อนใจของแต่ละคน

   ถึงแม้จะชอบล้อชอบแกล้งทั้งคู่ แต่ทุกคนก็ทั้งหวงทั้งห่วงและคอยปกป้องคุ้มครองเป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่เมื่อก้อนดินกับก้อนหินหายไปทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ๆ ทั้งข้าและเพื่อนๆ ทุกคนยิ่งรู้สึกผิด แต่ในเมื่อมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือต้องพยายามเก็บความร้อนรนกระวนกระวายเอาไว้ภายใน และพยายามช่วยกันค้นหาก้อนดินกับก้อนหินให้พบเร็วที่สุด


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/17) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 19-11-2017 00:01:01


ไซเลอร์.... ช่วยเราด้วย!!!

“ก้อนดิน” เสียงเรียกให้ช่วยของก้อนดินในความฝัน ทำให้ข้าผวาตื่นขึ้นมาเรียกชื่อก้อนดินเสียงดัง ข้าลุกขึ้นมาหายใจหอบ เหงื่อซึมทั่วใบหน้า หัวใจเต้นกระหน่ำเหมือนคนที่เพิ่งออกแรงมามากกว่าคนที่เพิ่งจะนอนหลับไป

จากการที่เราเดินทางเร่งรีบจนแทบไม่ได้หยุดพัก ทำให้ร่างกายแต่ละคนอ่อนล้า พรีซาจึงตัดสินใจให้เราได้หยุดพัก โดยสับเปลี่ยนกันนอนเพื่อพักร่างกายบ้าง พอถึงคราวข้ากับร็อต ข้ากลับได้ยินเสียงร้องไห้และเสียงเรียกให้ช่วยของก้อนดิน สีหน้าของข้าจึงเต็มไปด้วยความกังวลอย่างไม่อาจห้ามได้ เพราะการที่ผูกจิตไว้กับก้อนดิน ทำให้รู้ว่าฝันนี้เหมือนเป็นลางบอกเหตุว่าคงเกิดอะไรขึ้นกับก้อนดินสักอย่าง และคงไม่น่าจะใช่เรื่องดี แต่ทุกคนก็เงียบไม่มีใครพูดอะไรออกมาให้ใจเสีย ได้แต่เร่งเดินทางต่อด้วยความเร่งรีบยิ่งกว่าเดิม

   เมื่อใกล้จะถึงจุดหมาย เราก็ต้องลดฝีเท้าลง เพราะได้กลิ่นมนุษย์ลอยมาตามลมอยู่ไม่ไกล

   “ระวังตัวกันด้วย” พรีซาเอ่ยเตือน ทุกคนผงกศีรษะรับทราบ แล้วเปลี่ยนจากวิ่งมาเป็นเดินด้วยฝีเท้าที่เบาที่สุด เพราะไม่รู้เลยว่าคนพวกนั้นเป็นคนดีหรือคนร้ายกันแน่

   เมื่อย่องไปจนใกล้ตำแหน่งที่น่าจะเป็นคุกร้างแล้ว เราก็พบกับมนุษย์หลายคนที่ยืนกระจายตัวอยู่รอบๆ บริเวณก่อนที่จะถึงคุก เหมือนกับว่าพวกเขากำลังเฝ้าอะไรสักอย่างอยู่ หัวใจของข้าเต้นรัวด้วยกังวลและความคาดหวังว่าคนที่พวกมันเฝ้าจะเป็นก้อนดินและก้อนหิน

   จากที่สังเกตและจากสัญชาติญาณของข้าบอกว่าคนพวกนี้ไม่ใช่คนในมิติของเรา น่าจะเป็นคนที่หลงมาจากมิติอื่นๆ เพราะกลิ่นที่รับได้บ่งบอกว่าไม่ใช่คนของทั้งสามอาณาจักร รวมทั้งไม่ใช่คนจากอาณาจักรใต้น้ำด้วย คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มคนที่หลุดรอดไปจากการตามล่าเพื่อส่งกลับไปยังมิติเดิม

   ว่าแต่... มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ข้าคิดด้วยความแปลกใจ แต่ดูอาวุธที่แต่ละคนถือไว้ในมือก็ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก เราทั้งห้าเลยเคลื่อนไหวกันแบบระมัดระวังตัวมากขึ้น

   พรีซาส่งสัญญาณให้เราแยกตัวกันออกไปจัดการคนที่เฝ้ารอบนอกก่อน แล้วค่อยไปรอจัดการพวกที่น่าจะเฝ้าอยู่ด้านหน้าและด้านในอีกที พอรับคำแล้วเราก็แยกตัวออกไปทางทิศที่ได้รับมอบหมายในทันที

   ข้าเปลี่ยนร่างเป็นร่างมนุษย์แล้วย่องไปด้านหลังใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเพื่อไม่ให้มันส่งเสียงดังให้คนอื่นๆ ได้ยิน ก่อนจะจัดการทำให้มันสลบไป แล้วย่องไปจัดการกับคนอื่นต่อ จนไปเจอกับร็อตที่จัดการคนสุดท้ายสลบไปพอดี จึงพยักหน้าให้แล้วพากันเดินไปทางประตูทางเข้าคุกใต้ดิน เมื่อไปถึงก็เห็นมาสทิฟฟ์กำลังจัดการกับพวกที่เฝ้าอยู่หน้าคุก เราจึงเข้าไปช่วยอีกแรง เพียงไม่นานพรีซากับชเนาเซอร์ก็ตามมาสมทบ

   “ส่งสัญญาณให้ท่านทราบเร็ว!” หนึ่งในนั้นตะโกนขึ้นมา ก่อนที่อีกคนจะจุดพลุส่งสัญญาณ แม้ว่าชเนาเซอร์จะกระโจนเข้าไปหยุดไว้ก็ไม่ทัน

   “ให้ตายสิ!” มาสทิฟฟ์สบถอย่างหัวเสีย เราจึงรีบเร่งมือจัดการกับพวกที่เหลือให้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าถ้าพวกมันส่งกำลังมาเสริมแล้วจะรับมือไม่ไหว เนื่องจากไม่รู้ว่าพวกมันที่เหลือมีจำนวนเท่าไหร่และอยู่ใกล้หรือไกลแค่ไหน

   “ไซเลอร์ ร็อต กับเชนาเซอร์ลงไปดูข้างล่างเถอะ เดี๋ยวข้ากับมาสทิฟฟ์จะคอยดูตรงนี้ไว้ให้เอง”

   หลังจบคำพูดของพรีซา ข้าก็รีบวิ่งนำลงไปด้านล่างอย่างรวดเร็ว ระหว่างทางก็จัดการกับเจ้าพวกที่เข้ามาขวางทางเป็นระยะ เมื่อลงไปถึงพื้นก็ไล่กวาดสายตาหาก้อนดินและก้อนหินในห้องขังทั้งสองฝั่งด้วยความร้อนรน ข้าวิ่งจนเข้าไปถึงด้านในสุดของคุก ซึ่งเป็นห้องขังห้องสุดท้ายที่ติดกำแพง เมื่อเห็นคนที่อยู่ด้านใน ข้าก็แทบจะโห่ร้องด้วยความยินดี

   ก้อนดินกับก้อนหิน!

   เมื่อไปถึงหน้าประตูห้องขังก็พบว่าโซ่กับกุญแจที่คล้องไว้ถูกปลดออกและประตูถูกเปิดทิ้งไว้ ข้าใจหายวาบเมื่อเห็นว่าด้านในมีคนนอนคว่ำหน้าอยู่ กลัวเหลือเกินว่าข้าจะมาถึงช้าเกินไป

   ข้าเดินเข้าไปในห้องขังก็ต้องแปลกใจที่ได้พบว่าก้อนหินโตขึ้นจนสูงเกือบจะถึงเอว มันยืนกางเล็บขวางอยู่เหมือนจะทำหน้าที่คอยคุ้มกัน

   “ก๊าส”

   เมื่อเห็นว่าเป็นข้า มันก็ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนจะดีใจ ก่อนจะถอยหลังแล้วรีบวิ่งกลับไปหาก้อนดินที่ถือดาบนั่งหอบอยู่กับพื้น

   “ก้อนดิน” ข้าเร่งฝีเท้าเข้าไปหาก่อนจะย่อตัวลงนั่งแล้วรวบตัวก้อนดินเข้ามากอดด้วยความดีใจ

   “ไซเลอร์” ก้อนดินเรียกข้าด้วยน้ำเสียงโล่งใจ ก่อนจะปล่อยดาบแล้วกอดตอบกลับมาเช่นกัน

   “ขอโทษนะก้อนดิน ขอโทษที่ปล่อยให้เจ้าต้องลำบากอีกแล้ว” เสียงของข้าสั่นพร่าด้วยความรู้สึกผิดเมื่อเห็นสภาพเหนื่อยล้าและอ่อนแรงของก้อนดิน

   “ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย” น้ำเสียงแผ่วเบาเจือหอบของก้อนดินทำให้ข้าต้องกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น ให้มั่นใจอีกสักนิดว่ามันไม่ใช่เพียงความฝัน ให้มั่นใจอีกสักนิดว่าข้าได้ก้อนดินคืนสู่อ้อมกอดแล้วจริงๆ

   “ก๊าสสส” ก้อนหินเอาหัวโขกแขนข้าเหมือนจะประท้วง ทำให้ข้าต้องผละตัวออกจากก้อนดิน เมื่อหันไปมองแล้วเห็นสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์ของก้อนหินก็ทำให้เราทั้งคู่หัวเราะออกมาพร้อมกัน ข้าเลยอดจะดึงมันเข้ามากอดด้วยความเอ็นดูไม่ได้

   “อะแฮ่ม ข้าว่าอย่าเพิ่งรีบซึ้งกันอยู่เลย รีบหนีไปก่อนดีกว่า ค่อยไปซึ้งอีกทีตอนกลับถึงบ้านก็ยังไม่สายนะ” ชเนาเซอร์เอ่ยขัดขึ้นมา ทำให้ข้ารู้ตัวว่าตอนนี้เรายังไม่ปลอดภัยกันจริงๆ

“งั้นเราไปกันเถอะ”

“เอ่อ.... พยุงเฉยๆ ก็ได้ไซเลอร์ ข้าพอมีแรงอยู่บ้าง” เมื่อข้าก้มลงจะอุ้มก้อนดิน เจ้าตัวก็ทักท้วงขึ้นก่อน ข้ายิ้มขำคนที่ยังมีแรงเขินอายจนหน้าซีดๆ เปลี่ยนเป็นมีสีเลือดจางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสอดใต้รักแร้แล้วพยุงตามที่เจ้าตัวต้องการ

เมื่อเดินผ่านคนที่สลบอยู่ระหว่างทางขึ้นไปจนถึงหน้าคุกก็พบกับกลุ่มคนนับสิบที่เพิ่งจะวิ่งพ้นแนวป่าออกมาพอดี

“ให้ตายสิ” มาสทิฟฟ์สบถอย่างหัวเสีย ก่อนจะตั้งดาบเตรียมรับ ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ชักดาบออกมาแล้วขยับขึ้นไปบังข้ากับก้อนดินไว้

“ก๊าสสสส” แม้แต่ก้อนหินยังร้องเสียงต่ำๆ เหมือนจะขู่แล้วกางเล็บออกมาสะบัดหางไปมาอย่างพร้อมสู้!

“หึๆๆ คิดว่าจะสู้ได้อย่างงั้นเหรอ” เสียงหัวเราะของคนที่เดินมาอยู่ด้านหน้าในชุดผ้าคลุมสีดำสนิททั้งตัว ทำให้เราต้องระแวดระวังมากขึ้น เพราะตั้งแต่คนๆ นี้ปรากฏตัวขึ้นก็ทำให้บรรยากาศรอบๆ ตัวกดดันขึ้นทันที บ่งบอกว่าไม่ใช่คนธรรมดาแน่

“ต้องการอะไร” พรีซาถามหยั่งเชิงออกไป

“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ส่งมังกรมรกตกับผู้ร่วมชะตามาซะ แล้วข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป”

“คิดว่าจะเอาไปได้ง่ายๆ ก็ลองดู” มาสทิฟฟ์ตอบพร้อมกับยิ้มอย่างยียวน

เคร้งๆๆ

สิ้นคำตอบลุกสมุนของมันก็พุ่งเข้ามาสู้ทันที และต่อให้จำนวนน้อยกว่า แต่ฝีมือและแรงของคนในมิติเรามีมากกว่าถือเป็นข้อได้เปรียบซึ่งทำให้ทั้งสี่สู้ได้ไม่ตึงมือนัก

“รออยู่ตรงนี้นะ ข้าจะไปช่วยเพื่อนๆ ก้อนหินดูแลก้อนดินด้วย ถ้ามีอะไรให้ร้องเรียกดังๆ” ข้าค่อยๆ พยุงก้อนดินให้นั่งพัก ก่อนจะบอกก้อนหิน

“ก๊าส” ก้อนหินรับคำแล้วขยับมาบังก้อนดินไว้อย่างพร้อมจะปกป้อง

“ระวังตัวด้วยนะ”

“อืม” ข้ารับคำก้อนดิน ก่อนจะชักดาบออกมาแล้วตรงไปช่วยเพื่อนๆ เมื่อมีกำลังเพิ่มขึ้น ก็ทำให้เราเอาชนะได้ไม่ยาก เพียงไม่นานคนของพวกมันก็ลงไปกองที่พื้นหมด เราทั้งห้าถอยออกมาบังก้อนดินไว้เหมือนเดิม

“หึ ฝีมือใช้ได้นี่นักสู้แห่งเคลเบรอส ถ้าอย่างนั้นลองเจอคนที่ฝีมือเหมือนกันหน่อยเป็นไง” เมื่อพูดจบ คนตรงหน้าก็โบกมือ ก่อนจะมีกลุ่มคนที่โผล่ออกมาจากแนวป่าเกือบสิบคน

มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมถึงไม่รู้สึกหรือได้กลิ่นเลย!

“เฮ้ย!” เพียงแค่เห็นหน้าคนที่ออกมาชัด ชเนาเซอร์ถึงกับหลุดเสียงอุทาน เพราะคนเหล่านี้เป็นเพื่อนชาวบาอัลที่เคยฝึกร่วมกันมา และทุกคนแววตาดูเลื่อนลอยเหมือนกับถูกสะกด

“ไป”

สิ้นเสียงสัญญาณจากอีกฝั่ง เราก็พุ่งออกไปสู้กันอีกครั้ง ครั้งนี้ถึงแม้ว่าฝีมือและพละกำลังจะสูสีกัน แต่ทางฝั่งเรามีจำนวนน้อยกว่า อีกอย่างเพราะทุกคนถูกควบคุมอยู่จึงไม่มีการยั้งมือสักนิด ไม่เหมือนฝั่งเราที่ไม่สามารถตอบโต้เต็มที่เพราะพวกเขาคือเพื่อนที่รู้จักกันดี จึงทำให้เราเสียเปรียบ เพราะทำได้แค่เพียงหลบเลี่ยง แต่ละคนจึงบาดเจ็บและสะบักสะบอมกันไม่น้อย

“ใช้ร่างแปลงเถอะ ร่างนี้น่าจะสู้ไม่ไหวแน่” เสียงพรีซาที่สื่อมาทางจิต ทำให้ข้าและคนอื่นๆ หาโอกาสเปลี่ยนร่าง แต่เพราะการต่อสู้มันตึงมือไป เลยหาโอกาสไม่ได้สักที

 “ก้อนหิน!!”

“ก๊าสสสสสสส”

เสียงของก้อนดินและเสียงร้องก้อนหินทำให้ข้าใจหายวาบ รีบทำให้คู่ต่อสู้สลบไป พอหันไปดูก็พบว่ามีคนที่หลุดเข้าไปใกล้ทั้งคู่ได้

“ไซเลอร์ระวัง!!” เพราะมัวแต่ห่วงทั้งคู่ ทำให้มีช่องให้ฝ่ายตรงข้ามเข้ามาโจมตี ข้าคิดแค่ว่าจะพยายามเลี่ยงให้พ้นคมดาบให้ได้มากที่สุด เพราะระยะกระชั้นขนาดนี้ยังไงก็คงหลบไม่พ้นแน่!

“ก๊าสสสสส”

แต่เพียงแค่เริ่มขยับตัวกลับมีแสงสว่างจ้าออกมาจากก้อนดินและก้อนหิน แสงนั้นสว่างแสบตาจนฝืนลืมตาไม่ไหว พอหลับตาลงความรู้สึกของข้าก็วูบดับไป

ก้อนดิน ก้อนหิน!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ชื่อตอนมันก็จะเน่าๆ เหมือนคนแต่งหน่อยนะคะ   :m13:
โอ๊ย! ปลายปีนี่เป็นอะไรที่หัวหมุนมากๆ จริงๆ ค่ะ
แถมยังผิดที่ทิ้งประเด็นไว้ซะเยอะ เก็บไม่หวาดไม่ไหว ถถถ วงวารตัวเอง
แต่อย่างที่บอก ถ้าเขียนไม่ออกก็ไม่อยากเร่งตัวเองเลยค่ะ อยากพยายามให้เต็มที่ให้ถึงที่สุดก่อน
ก็ได้ประมาณนี้แหละค่ะ แหะๆ  :m17:
จะพยายามวิวัฒนาการตัวเองขึ้นในเรื่องต่อไปนะคะ  :m18:
ว่าจะเขียนพี่ (เป็ด) แคน กับพี่ (ควาย) แสนต่อ
เอ่อ... ถ้าขยันเขียนต่ออะนะ ถถถ บางทีก็คิดว่าเราอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ แหะๆ  :m23:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

   #game6969 กราบบบบบแนบอกค่ะ คิดถึงคนอ่านเหมือนกันนนนนน งื้ออออ  :L1:
   #MayA@TK แล่เนื้อ เอาเกลือทา ราดด้วยน้ำ สับให้เละ โยนให้ก้อนหินกิน โอเคไหมคะ #สายโหด  :laugh:
   #KARMI คิดถึงมากๆ เหมือนกันค่า  :กอด1:
   #ommanymontra กราบแนบอกงามๆ สักสองสามทีค่ะ ปลื้มมมมมมมมม กอดกำลังใจเต็มแขน พร้อมจับก้อนหินฟัดดดด จะได้หัวดี คิดอะไรก็ออกค่ะ  :กอด1:
   #♥►MAGNOLIA◄♥ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า กอดดด ก้อนหินใกล้จะโตแล้วค่ะ ใกล้จะจบละ ถถถ ลูกใครหว่า โตช้าจริงๆ แฮ่!  :m23:
   # Billie  :L2: :กอด1: :L2:
   #suikajang มาแล้วค่า หลังจากแวะมารับกำลังใจไปเต็มๆ  งื้ออออออ อ้อนนนนนน จะพยายามพายเรือเทียบท่าไปหาให้ได้ไวๆ ค่ะ  :m1:
   #aiyuki ตันนานมากๆๆๆๆ คิดถึงคนอ่านเหมือนกันค่า  :กอด1:
   #alternative พอไม่โตก็ทำอะไรไม่ได้ค่ะ ก้อนหินเลยโมโห 555555  :laugh:
   #poppycake นี่ขนาดโตแล้วนะคะ ยังติดก้อนดินสุดๆ เลย 555555  :laugh:
   #ซีเนียร์ ขอบคุณค่า  :impress2:
   #เก้าแต้ม คิดถึงคนอ่านเหมือนกันค่า  :impress2:
   #mild-dy  :กอด1: :L2: :กอด1:
   #Yara จะพยายามค่า  :L1:
   #tiew93 กอดดดดด ขอบคุณค่า  :กอด1:
   #takara มาๆ มาลุ้นกันต่อค่า  :L2:
   #•♀NoM!_KunG♀• มาแล้วค่า ขอบคุณค่า  :pig4:
   #HISY คนอ่านก็น่ารักมากๆ เหมือนกันค่ะ ขอบคุณค่า  :pig4:

กอดรวบทุกคนอีกที
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ฮุย เล ฮุยยยยยยยยย กระดึบต่อปายยยยยยยยยยย
[/color]

 
:katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 19-11-2017 01:47:08
 :katai2-1: :hao7: :katai2-1:

 o13 o13 o13

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 19-11-2017 02:34:43
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 19-11-2017 02:47:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-11-2017 05:50:57
 :L2: สู้ๆจ้า ในที่สุด็ได้เจอแล้ว ขอให้ช่วยได้สำเร็จค่ะ และรอเป็นกำลังใจตามต่อในเรื่องต่อไปจ้า  :3123:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-11-2017 05:53:17
จอมขมังเวทย์ เครียดแค้นอะไรนักหนา

ว่าแต่แสงสว่างวาบนั้นช่วยก้อนดิน ก้อนหิน ไว้ใช่ป่ะ
มาจากใคร หรือก้อนหินมีพลังขึ้นเอง แล้วปล่อยแสงเอง

เวลาแบบนี้หิน ยังหวงไซเล่อร์ที่กอดดินอีกรึ หวงสุดๆจริงๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-11-2017 07:24:03
สุ้ ๆ นะคนสวย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 19-11-2017 08:49:32
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ลุ้นๆๆใครเป็นตัวร้ายกันนะ  ไซเลอร์จะเป็นไรไหมอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-11-2017 09:51:42
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 19-11-2017 12:40:11
ลุ้นทุกตอนเลย เฮียไซจะเป็นไงเนี่ย แล้วทำไมต้องจับก้อนดิน ก้อนหินด้วยยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-11-2017 13:10:19
จะเอาอีกกกกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 19-11-2017 16:18:17
 :L2: :L1: :pig4:

ติดตามกันต่อไป
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 21-11-2017 01:27:01
โอ๊ยยย ลุ้นค่าาา
เหมือนกำลังดูหนังอยู่เลยอ่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 30 ตามหาหัวใจ (19/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 28-11-2017 20:03:37
ก้อนหินปลดพลังหรอ หรืออะไรอ่ะ โอ้ยลุ้น
จบครั้งนี้ขอเวลาให้พ่อแม่ลูกเค้าอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขแปบนึงเนอะ
รอตอนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 30-11-2017 18:50:12
บทที่ 31 ต้นสายปลายเหตุ

   ผมค่อยๆ ลืมตา ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกมึนๆ เบลอๆ เอ๋อๆ งงๆ อย่างบอกไม่ถูก เพราะในหัวมีแต่ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากมาย เห็นตัวเองผลุบๆ โผล่ๆ ไปๆ มาๆ หลายๆ ที่ จนสับสนว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงหรือเป็นแค่ความฝัน

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเต็มที่ก็เห็นหลังคามุงจากปรากฏในสายตา เห็นแล้วรู้สึกคุ้นๆ ว่าเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน คุ้นจนต้องขมวดคิ้วนึก

“ก๊าสสสส”

“แอ่ก!” แต่ยังไม่ทันได้นึกอะไรออก ก็ถูกก้อนหินที่ตอนนี้ตัวใหญ่กว่าเดิมมาก พุ่งมากอดจนจุก

“อูยยย จะฆ่ากันเหรอหิน”

“ก๊าส” แน่ะมีเถียง ผมกอดมันแล้วฟัดด้วยความมันเขี้ยว ถึงหูจะได้ยินเสียงร้องตามปกติ แต่ในหัวก็ยังคงได้ยินเสียงพูดของมันอย่างชัดเจน แสดงว่าเรื่องที่สื่อสารกับก้อนหินได้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ความฝัน

   “อือ” เสียงครางเบาๆ ของใครสักคนทำให้ผมพยายามลุกขึ้นมานั่ง ซึ่งก้อนหินก็ยอมขยับตัวออกให้แต่โดยดี เมื่อลุกขึ้นมาได้แล้วมองไปจากเตียงไม้ที่นั่งอยู่ก็เห็นไซเลอร์กับเพื่อนนอนเรียงรายกันอยู่ด้านล่าง

   “ไซเลอร์” เมื่อผมเรียกชื่อ เจ้าตัวก็ผุดลุกขึ้นมานั่ง ทำท่าจะคว้าดาบ แล้วก็ต้องชะงักเมื่อไม่เห็นอาวุธของตัวเอง แต่เมื่อสายตามองมาเห็นผมที่นั่งมองขำๆ อยู่ก็ลุกพรวดพราดขึ้นแล้วเดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

   “ก้อนดิน เป็นอะไรรึเปล่า” ถามแล้วก็ไม่รอคำตอบ ไซเลอร์กวาดสายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่คงยังไม่พอใจ พี่แกเลยจับและลูบไปตามร่างกายของผมเหมือนจะตรวจดูให้แน่ใจว่าผมไม่ได้เป็นอะไร ส่วนผมได้แต่นั่งตัวแข็งเป็นหินเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว

   ไม่ต้องลูบเยอะขนาดนั้นก็ได้มั้ง เดี๋ยวเลขก็ขึ้นหรอก!

   “ก๊าสสสส” ยังไม่ทันได้เอ่ยปากห้าม ก้อนหินก็เอาหัวโขกแขนไซเลอร์ให้แทนซะก่อน

   “หึๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะเหมือนคนโรคจิตที่คุ้นเคยทำให้ผมต้องเบี่ยงตัวหันไปมอง ก็พบกับสายตาอีกสี่คู่ของคนที่เหลือ ที่ตื่นมานั่งจ้องเราสองคนด้วยสีหน้าล้อเลียนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ที่รู้คือผมเนี่ยรู้สึกร้อนตั้งแต่หนังหน้าลามไปทั้งตัวเหมือนกับจะไหม้!

   โว๊ะ! ขนาดไม่เจอกันนาน ก็ยังคงคอนเซ็ปต์แซ็วได้แซ็วดีอยู่เหมือนเดิมนะคนพวกนี้นี่

   “ตื่นกันแล้วเหรอ” เสียงของคนที่ยืนอยู่หน้าประตูกระท่อมทำให้เราหันไปมองพร้อมกัน พี่ๆ แกทำท่าจะคว้าดาบตามความเคยชิน ก่อนที่ทุกคนจะนิ่งเมื่อไม่พบอาวุธคู่กายของตัวเอง มันเป็นภาพที่ดูน่าขำจนผมหายเขิน แต่กลับไม่มีใครโวยวายอะไร เพราะคนที่มามีแค่คนเดียว อีกอย่างถ้าคนตรงหน้าตั้งใจจะทำร้ายก็คงทำไปนานแล้ว ไม่ปล่อยให้เรานอนดีๆ แบบนี้หรอก

   ที่สำคัญหลังจากที่กวาดสายตาดูคร่าวๆ ผมก็รู้ว่าที่นี่น่าจะเป็นกระท่อมกลางป่าของลุงเซเรสที่ผมเคยหลงเข้ามาตั้งแต่มาถึงมิตินี้ในตอนแรกๆ

   ผู้ชายตรงหน้าก็มีรูปร่างหน้าตาและสีผมคล้ายๆ กับลุงเซเรสมาก ต่างกันแค่คนตรงหน้ายังเป็นหนุ่ม อายุไม่น่าจะเกินสามสิบและตาไม่บอด

   เอ่อ... ว่าแต่.... ใครวะ?   

   ลูกลุงเหรอ? เอ... แต่ลุงเคยบอกว่าไม่มีลูกหลานนี่หว่า?

   “เอ่อ ท่านเป็นอะไรกับลุงเซเรสครับ แล้วลุงเซเรสล่ะอยู่ที่ไหน” จบคำถามของผมแทนที่คนตรงหน้าจะตอบ กลับหลุดขำซะอย่างงั้น ผมเลยได้แต่ทำหน้าเหมือนหมางง

    อะไรของเขาวะ!

   “ไม่เจอกันไม่เท่าไหร่ เจ้าลืมข้าแล้วเหรอ” เมื่อหยุดขำได้ คนตรงหน้าก็ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

   “หา! เราเคยเจอกันด้วยเหรอครับ” ผมถามแล้วก็ได้แต่เอียงคอทำหน้าเป็นหมางงยิ่งกว่า งงแบบไม่เกรงใจหมาๆ รอบๆ ตัวเลยด้วย แหะๆ ยังจะมีอารมณ์เล่นมุกอีกตัวกู แต่ยิ่งมองรอยยิ้มของคนตรงหน้าแล้วก็ยิ่งรู้สึกคุ้นๆ พิกล เหมือนจะเคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้ที่ไหนมาก่อน

   อืม... เคยเห็นที่ไหนหว่า?

   “ก๊าสสส”

   “ห๊ะ! ลุงเซเรส!!!” ผมอุทานลั่นด้วยความตกใจ เมื่อก้อนหินบอกว่าคนตรงหน้าคือลุงเซเรส เมื่อได้ยินชื่อตัวเองจากปากของผม ชายหนุ่มตรงหน้าก็ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิม

   “ใช่แล้ว ข้าเอง”

   “...”

   “เอ่อ... มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมลุงถึงได้ดูหนุ่มขนาดนี้” เมื่อตั้งตัวได้ผมก็ถามด้วยความสงสัย ลุงเซเรสที่ไม่เหมือนลุงเซเรสคนเก่าจึงลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เตียง ดูแววแล้วน่าจะต้องเล่ากันยาว คนอื่นๆ จึงได้ขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนั่งบ้างยืนบ้าง ผู้ชายตัวใหญ่ๆ มาอัดอยู่ในกระท่อมด้วยกันแบบนี้มองแล้วรู้สึกเหมือนกระท่อมจะแคบไปถนัดตา

   “เจ้าจำได้ไหมว่าก่อนจะมาอยู่ที่นี่เกิดอะไรขึ้น” คำถามของลุงทำให้ผมชะงักแล้วครุ่นคิด

   ก่อนที่จะมาที่นี่อย่างงั้นเหรอ...

*********************************************************************

   หลังจากรู้ว่าก้อนหินใช้เลือดในการแก้พิษให้กับผม ถึงแม้จะรู้สึกผิดที่ต้องมาเป็นภาระให้กับมัน แต่ผมก็ต้องยอมให้ก้อนหินป้อนเลือดให้ต่อไป เพื่อที่จะได้หายเร็วๆ จะได้กลับมาปกป้องก้อนหินได้เหมือนเดิม ระหว่างนั้นก็ต้องพยายามทำใจให้เข้มแข็งมากที่สุด เพราะจากที่ได้เรียนมา กำลังใจที่ดีมีผลต่อการรักษาเป็นอย่างมาก

   หลังจากที่กินเลือดของก้อนหินไปหลายวัน พิษในร่างกายของผมก็หมดไปในที่สุด วันรุ่งขึ้นผมก็ฟื้นลืมตาตื่นขึ้นมาได้ ก้อนหินถลาเข้ามากอดด้วยความดีใจ มันร้องไห้ไปเอาหัวถูไปจนเสื้อแทบจะขาด

   “ก๊าสสส”

   “ชู่ แค่กๆ อย่าร้องสิ แฮ่กๆๆ” ผมพยายามกอดและปลอบมันด้วยเสียงแหบๆ แค่ออกแรงพูดนิดเดียวก็หอบอย่างกับหมาหอบแดด พอได้ยินเสียงผมนั่นแหละ ก้อนหินถึงได้ลุกไปเอาน้ำมาป้อน ผมพยายามขยับตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อให้กล้ามเนื้อได้ทำงานบ้าง ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ต้องทำ ร่างกายจะได้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น

   ระหว่างที่รอให้ร่างกายผมฟื้นตัวและรอคอยโอกาสที่จะหนีออกไป เราทั้งคู่ต้องระวังไม่ให้พวกมันรู้ว่าเราสามารถถอนพิษได้แล้ว เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินลงมาเมื่อไหร่ ผมต้องรีบกลับมานอนบนที่นอนแล้วแกล้งหลับ

   ระหว่างนี้ก้อนหินก็โตขึ้นเรื่อยๆ มันโตเร็วยิ่งกว่าเวลาหลายเดือนที่อยู่ด้วยกันซะอีก เพราะตอนนี้มันไม่ต้องให้เลือดกับผมแล้ว พลังที่ท่านอีริคให้มาจึงส่งผลต่อตัวมันอย่างเต็มที่

   แต่แล้วโอกาสหนีของเราก็มาถึงอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อมีหนึ่งในพวกมันเข้ามาส่งอาหารแล้วทำท่าจะเข้ามาทำมิดีมิร้ายผมด้วย ผมกับก้อนหินจึงต้องช่วยกันจัดการกับมันจนมันสลบไป ยังดีที่มันเข้ามาแค่คนเดียว เราจึงพอจะจัดการได้ ก้อนหินโมโหมาก ทำท่าจะเข้าไปกัดมัน แต่ผมห้ามไว้ก่อน เพราะไม่อยากให้มันฆ่าใครโดยไม่จำเป็น

   ผมเพิ่งจะมารู้ตอนที่สื่อสารกันได้นี่แหละว่าก้อนหินมีต่อมพิษที่เขี้ยวซึ่งเป็นพิษชนิดร้ายแรงที่สุดอยู่ด้วย ก้อนหินบอกว่าสิ่งมีชีวิตที่ถูกพิษของมันไม่ว่าจะน้อยหรือมากก็ตามจะต้องตายอย่างแน่นอน จะช้าจะเร็วก็ขึ้นอยู่กับปริมาณของพิษ เนื่องจากไม่มียาชนิดไหนสามารถรักษาพิษของมังกรมรกตได้ นอกจากเลือดของมันเอง ซึ่งถ้ามันไม่ยอมให้ก็ไม่มีใครสามารถเอาไปได้ เพราะไม่มีอาวุธชนิดไหนที่สามารถทำอันตรายมันได้ นอกจากกรงเล็บและฟันของมันเองเท่านั้น

   แต่ก้อนหินบอกไม่ให้ผมต้องกังวล เพราะพิษในร่างกายของก้อนหินจะไม่เป็นอันตรายกับผมแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อให้ไม่บอก ผมก็เชื่ออย่างเต็มหัวใจว่าก้อนหินจะไม่มีวันทำร้ายผมอย่างแน่นอน

   ผมดึงมันมากอดแน่นๆ ด้วยความเต็มตื้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบดาบของไอ้คนที่สลบไปแล้วมาถือไว้ แต่ร่างกายที่ยังไม่แข็งแรงเต็มที่ทำให้ผมเหนื่อยจนหอบแฮ่ก จึงต้องนั่งพักเอาแรงก่อนที่จะหนีออกไป ถึงตอนนี้ต่อให้ไม่พร้อมก็คงต้องพร้อม เพราะถ้าพวกมันลงมาเห็นว่าผมฟื้นแล้วคงได้ตายก่อนได้หนีไปแน่ๆ

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่วิ่งลงมา ผมก็กระชับดาบไว้มั่น ส่วนก้อนหินก็กางเล็บแล้วไปยืนขวางเหมือนจะปกป้อง ถึงสภาพร่างกายเหมือนจะไม่ไหว แต่ใจยังสู้ มันก็ต้องลองดูกันสักตั้งสิน่า!

“ก๊าส” เสียงร้องเรียกชื่อคนที่เข้ามาใกล้ของก้อนหินก่อนที่มันจะวิ่งมาหาผม ทำให้หัวใจผมเต้นกระหน่ำด้วยความดีใจ

ในที่สุดก็มาสักที!

   “ก้อนดิน” เมื่อก้อนหินขยับตัวหลีกให้ คนที่ผมอยากเจอก็รีบเดินเข้ามาหาแล้รวบตัวผมไปกอดแน่น

   “ไซเลอร์” ผมเรียกด้วยความรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะวางดาบแล้วกอดตอบเช่นกัน

   ไซเลอร์ขอโทษผม เหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกผิดที่ผมถูกจับมา แต่มันไม่ใช่ความผิดไซเลอร์ซะหน่อย ถ้าคนมันตั้งใจจะทำ ต่อให้ระวังแค่ไหน มันก็หาโอกาสทำจนได้

   ชเนาเซอร์เตือนให้เรารีบหนีออกไปก่อน ไซเลอร์จึงทำท่าจะอุ้มผมออกไป แต่ผมขอให้ช่วยพยุงจะดีกว่า จะได้ขยับกล้ามเนื้อไปด้วย ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่าเหตุผลอีกอย่างคือ... เขิน

พอออกมาข้างนอกก็พบว่ามีคนของพวกมันมาขวางเอาไว้ ก้อนหินบอกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือจอมเวทย์ที่อยู่ใกล้ๆ ในตอนเราถูกจับมา เป็นคนที่คอยช่วยเหลือคนที่จับผมมาโดยไม่แสดงตัว

ส่วนคนที่เหลือเป็นพวกที่มาจากต่างมิติ อย่างที่ท่านมอลทีสเคยบอก คนพวกนี้น่าจะเป็นกลุ่มคนที่มีจุดประสงค์ไม่ดีที่แต่ละอาณาจักรยังตามหากันอยู่เพื่อส่งกลับมิติเดิมแต่ยังตามหาไม่พบ ที่แท้ก็มารวมกันอยู่ที่นี่เอง

ไซเลอร์กับเพื่อนๆ เข้าไปสู้ ปล่อยให้ผมรออยู่ด้านหลัง มีก้อนหินยืนขวางอยู่ด้านหน้าอีกที การต่อสู้ในครั้งแรกจบลงอย่างรวดเร็ว เพราะฝ่ายเรามีฝีมือและพละกำลังมากกว่า ทำให้สามารถเอาชนะได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

แต่จอมเวทย์คนนั้นกลับใช้เวทย์บังคับนักรบของอาณาจักรรุคมาสู้ด้วยนี่สิ ไซเลอร์กับเพื่อนๆ จึงได้แต่ตั้งรับเป็นหลัก จะตอบโต้เต็มที่ก็ไม่ได้ เพราะพวกเขาเป็นเพื่อนที่ทีมเฮดีสรู้จักกันดีและถูกบังคับโดยไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่

ขณะที่กำลังยืนลุ้นอยู่นั้นก็มีหนึ่งในพวกมันถือโอกาสหลบหลีกทีมเฮดีสและเข้ามาจนถึงผมกับก้อนหินได้ ผมพยายามจะลุกขึ้นสู้ ก่อนที่ใจจะหายวาบแล้วอุทานด้วยความตกใจ เมื่อมีคนกำลังจะทำร้ายไซเลอร์

ก้อนหินร้องแล้ววิ่งมาหาผม ตอนแรกผมนึกว่ามันจะมากันผมไว้ แต่มันกลับมากัดสร้อยข้อมือถักที่ลุงเซเรสเคยให้ผมมาใส่ไว้จนขาด แล้วก็มีแสงสีทองสว่างจ้าขึ้นมาจนแสบตา ก่อนที่สติของผมจะวูบดับไป

*********************************************************************

แล้วเราก็มาโผล่ที่นี่นี่แหละ

ผมก้มลงมองข้อมือตัวเองก่อนจะเงยมามองหน้าลุงเซเรสอย่างต้องการคำตอบ

“นึกออกแล้วใช่ไหม”

“ครับ”

“ข้าบดเกล็ดมังกรผสมไว้ในสร้อยข้อมือที่ถักเองเส้นนั้นแล้วร่ายเวทย์กำกับไว้ ให้เจ้าเก็บไว้ใช้ในยามคับขัน ก้อนหินรู้วิธีใช้ดี” ลุง เอ่อ... เรียกลุงคงไม่เหมาะแล้วแฮะ ท่านเซเรสยิ้มแล้วหันไปมองก้อนหินที่ขยับมานั่งห้อยขาอยู่ข้างๆ ผม

“แล้วก็อุบเงียบไม่บอกกันเลยนะก้อนหิน”

“ก๊าส” ก้อนหินเอาหัวถูต้นแขนเบาๆ แล้วเงยขึ้นมองอ้อนๆ จนผมอดจะอมยิ้มไม่ได้ เจอแบบนี้ไปใครจะใจแข็งหรือโกรธได้ลงคอกันล่ะ

“จะว่าไป เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดส่วนหนึ่งก็น่าจะมีต้นเหตุมาจากข้า ยังไงก็ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วยนะ”

“เฮ้อ! อย่าโทษตัวเองกันสิครับ ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนที่คิดชั่วพวกนั้นมากกว่า ข้าไม่รับคำขอโทษจากใครทั้งนั้น เพราะถือว่าไม่มีใครผิด เข้าใจตรงกันนะครับ” ผมสบตากับทุกคนในกระท่อมรวมทั้งก้อนหินด้วย เพราะถึงแม้จะไม่พูดออกมา แต่สายตาแต่ละคนก็บ่งบอกว่ารู้สึกผิดไม่ต่างกันเลย

“ข้าสงสัยว่าพวกมันจับข้ากับก้อนหินไปทำไม ลุง เอ๊ย! ท่านพอจะทราบสาเหตุไหมครับ” ผมหันมาถามท่านเซเรสต่อ เมื่อเห็นว่าทุกคนมีสีหน้าดีขึ้น

“เรียกลุงเหมือนเดิมก็ได้” ท่านเซเรสท้วงขำๆ

“ไม่ดีกว่าครับ” ผมยิ้มแหยๆ เพื่อความสบายใจของผมและเพื่อให้เกียรติหน้าตาหล่อๆ ของท่าน ให้ผมเรียกแบบนี้เถอะ

“ถ้าจะเล่าก็คงต้องเล่ากันยาว เจ้ากินยาบำรุงก่อนก็แล้วกัน ร่างกายจะได้ฟื้นตัวเร็วๆ แล้วเราค่อยไปช่วยมอลทีสกัน” คำพูดชวนให้สงสัยว่าท่านมอลทีสน่าจะเจอปัญหาอะไรสักอย่าง แต่ถ้าท่านเซเรสยังใจเย็นอยู่ได้ แสดงว่าท่านมอลทีสคงจะรับมือไหว

ท่านเซเรสยื่นถ้วยยามาให้ผม ระหว่างที่ชวนคุยก็คงตั้งใจรอให้ยาที่ต้มมาหายร้อนไปด้วย เพราะตอนนี้ยาที่ผมดื่มอุ่นกำลังดีเลย พอกินยาหมดแล้วผมก็จ้องหน้าท่านเซเรสเพื่อรอฟังเรื่องราวต่อ

“สาเหตุของเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากความแค้นของคนสองคน คนหนึ่งแค้นเพราะคิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม ส่วนอีกคนแค้นเพราะสูญเสียคนที่รักยิ่งกว่าชีวิต” ท่านเซเรสถอนหายใจ ก่อนจะหันไปถามๆ ไซเลอร์กับเพื่อนๆ

“พวกเจ้าเคยได้ยินเรื่องของอดีตว่าที่ราชินีแห่งรุคกันบ้างไหม”

“เคยครับ” ทุกคนรับคำพร้อมกันและมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาจนผมเผลอลุ้นไปด้วย

“ก่อนที่องค์ราชาฟอลคอนจะขึ้นครองราชย์ ทรงมีพระคู่หมั้นเป็นหญิงสาวซึ่งมาจากตระกูลสายหลักของตระกูลฟินซ์ แต่ก่อนที่งานอภิเษกจะถูกจัดขึ้น หญิงสาวคนนั้นก็ถูกความแปรปรวนของมิติดึงหายไป” พรีซาเป็นคนเริ่มเล่าก่อน

   “ท่านพ่อเล่าให้ฟังว่าหญิงสาวคนนั้นถูกดึงไปยังมิติอื่น ทุกอาณาจักรต่างก็ร่วมมือกันส่งคนออกตามหา แต่ช่วงนั้นประตูมิติแปรปรวนมาก กว่าจะหาจนพบก็ต้องใช้เวลานานกว่าปกติ แต่เมื่อพบแล้วและพากลับมาที่มิติของเราได้ไม่นาน นางกลับฆ่าตัวตาย” มาสทิฟฟ์ต่อให้

   “เพราะฉะนั้น เมื่อมีเด็กจากตระกูลฟินซ์หายไปยังมิติอื่น ทั้งสามอาณาจักรจึงร่วมมือกันส่งคนออกตามหาให้พบให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิม ครั้งนั้นแหละที่ทำให้ข้าเจอกับก้อนดิน” ไซเลอร์เสริมแล้วหันมายิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

   “เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างความเสียใจให้กับตระกูลฟินซ์เป็นที่สุด เพราะนางเป็นถึงว่าที่ราชินีแห่งรุค เป็นความหวังของตระกูลฟินซ์ โดยเฉพาะบิดาของนางที่ใจสลายกับการจากไปของบุตรสาวคนเดียวมากที่สุด เพราะเขาเฝ้ารักเฝ้าทะนุถนอมนางเป็นอย่างดีแทนภรรยาที่จากไปแล้วของเขา แล้วต่อมาไม่นานเขาก็หายสาบสูญไป” ชเนาเซอร์ต่อให้ด้วยสีหน้าจริงจัง พอชเนาเซอร์พูดจบ ทุกคนต่างมีสีหน้าครุ่นคิด

   “หรือว่า?” เสียงที่ประสานกันของไซเลอร์และเพื่อนๆ ทำให้ผมต้องหันไปมอง หรือว่าอะไร อย่าปล่อยให้ผมงงอยู่คนเดียวสิ

   “ใช่” ยังดีที่ผมไม่ต้องงงนานเมื่อท่านเซเรสพยักหน้าและรับช่วงต่อ    

“เขาก็คือจอมเวทย์ที่พวกเจ้าได้พบมานั่นแหละ”

“แล้วเขาจะจับตัวข้ากับก้อนหินไปทำไมล่ะครับ ต่อให้จับตัวเราไปได้ก็ใช่ว่าจะทำให้ลูกสาวเขาฟื้นขึ้นมาได้นี่นา” ผมถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ความแค้นต่างหากที่เป็นสาเหตุให้เขาต้องทำอย่างนั้น เพียงแต่เจ้าทั้งสองเป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้แผนการแก้แค้นของเขาสำเร็จได้ก็เท่านั้นเอง” ท่านเซเรสถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ

“อันที่จริงมันมีเหตุการณ์นอกเหนือไปจากที่พวกเจ้าได้รู้มาด้วย” ท่านเซเรสหันไปมองทีมเฮดีส สีหน้าลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจเล่าต่อ

“หลังจากที่หญิงสาวคนนั้นหลงไปที่มิตินั้น นางก็ตกหลุมรักคนที่นั่น แต่นางกลับถูกทำร้ายทั้งร่างกายและหัวใจ ที่คนของเรานำกลับมาได้เพียงแค่ร่างกายเท่านั้น แต่หัวใจของนางแหลกสลายไปนานแล้ว พ่อของนางเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งจึงมีวิธีที่ทำให้สามารถรู้สาเหตุที่เขาต้องสูญเสียบุตรสาวของตัวเองได้ เขาจึงทั้งเสียใจและแค้นใจ ต้องการเอาคืนจากผู้ชายคนนั้น รวมไปถึงต้องการทำลายมิตินั้นให้สิ้นซากไปด้วย”

ฟังแล้วผมรู้สึกสังหรณ์ใจพิกล

“เอ่อ... อย่าบอกนะว่า... มิติที่ว่าคือ...”

“ใช่ มันคือมิติที่เจ้าจากมานั่นแหละก้อนดิน”

“...”

   ทุกคนเงียบกริบ โดยเฉพาะผมที่รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

ท่านเซเรสถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ถ้าการถอนหายใจทำให้อายุสั้นอย่างที่โบราณว่ากัน ท่านคงอายุสั้นไปอีกหลายปีแน่ๆ ผมได้แต่คิดในใจ

   “ทุกคนในโลกนี้ต่างก็รู้ดีว่า การที่จะทำลายมิติสักมิติให้หายไปอย่างรวดเร็วที่สุดได้นั้น ต้องอาศัยพลังจากมังกรมรกตในการทำลาย เพียงเท่านั้นมิติทั้งมิติก็จะหายไปจากโลกนี้ได้แทบจะทันที ด้วยเหตุนี้เขาจึงจับตัวเจ้าทั้งคู่ไป ควบคุมก้อนดินเอาไว้ แล้วกดดันก้อนหินและรอให้ก้อนหินโตเต็มที่เพื่อจะได้ทำในสิ่งที่ต้องการได้ อันที่จริงแล้วแค่พลังของเขาเพียงลำพัง คงไม่สามารถทำอะไรได้มากขนาดนี้หรอก ถ้าไม่ได้รับพลังช่วยเหลือจากผู้ที่ถูกขังไว้ในความมืดด้วย”

   “ห๊ะ!” ผู้ที่ถูกขังไว้ในความมืด ใครอีกล่ะ?

ท่านเซเรสถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนสายตาจะทอดมองผ่านผมไป เหมือนกำลังนึกถึงเรื่องที่อยู่ในความทรงจำของตัวเอง

   “ที่จริงแล้ว... ข้าเป็นผู้ร่วมชะตาของมังกรมรกตรุ่นก่อนหน้านี้”

   “ห๊ะ!/อะไรนะ!” เสียงอุทานของผมและทีมเฮดีสทำให้ท่านเซเรสหันมายิ้มให้ แต่เป็นเพียงร้อยยิ้มเศร้าๆ ต่างจากที่เคย


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 30-11-2017 18:58:54
   “พวกเจ้าสงสัยใช่ไหม ว่าทำไมข้าถึงไม่ตายไปพร้อมกับมังกรผู้ร่วมชะตา” ไม่มีใครตอบเพราะต่างคนต่างกำลังอึ้งกับความจริงที่เพิ่งได้รับรู้ และท่านเซเรสก็คงไม่ต้องการคำตอบจึงได้พูดต่อ

“ข้าเป็นลูกครึ่งเคลเบรอสกับบาอัล... ข้าเคยมีเพื่อนสนิทอยู่คนหนึ่งเป็นชาวรุค ชื่อว่าบลิธส์ ด้วยความที่พ่อของเราเป็นเพื่อนรักกัน จึงได้สร้างบ้านอยู่ใกล้กัน และบังเอิญทั้งคู่แต่งงานไล่ๆ กัน ทำให้เราสองคนเกิดมาในปีเดียวกัน เติบโตมาด้วยกัน เราสองคนจึงสนิทกันมาก มากจนเรียกว่าเป็นเพื่อนตายกันเลยก็ว่าได้

เราทั้งคู่มีเป้าหมายชีวิตที่ต่างกัน

ในขณะที่ข้ามุ่งศึกษาเพื่อจะเป็นจอมปราชญ์ บลิธส์ก็มุ่งศึกษาเพื่อจะเป็นจอมเวทย์ของอาณาจักร แต่ถึงเป้าหมายจะต่างกัน แต่เราทั้งสองก็ยังคอยช่วยเหลือกันและกันอยู่เหมือนเดิม

ถึงแม้ว่าวันหนึ่ง ข้าจะได้พบกับมังกรมรกตที่เดินทางมาหา แล้วบอกว่าข้าคือผู้ร่วมชะตาของเขาก็ตาม

แม้ว่าข้าจะต้องไปทำภารกิจในการดูแลประตูมิติร่วมกับอีริคก็ไม่เคยเป็นปัญหาสำหรับเรา บลิธส์ยังคอยช่วยเหลือข้าทำภารกิจซะด้วยซ้ำ

ในช่วงเวลานั้นถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาที่ข้าต้องเหนื่อยมาก เพราะต้องรับผิดชอบหลายๆ อย่างพร้อมกัน แต่ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ข้ามีความสุขมากเช่นกัน

แต่อยู่มาวันหนึ่ง คนรักของบลิธส์ซึ่งเป็นลูกสาวในสายตรงของตระกูลฟินซ์ก็ถูกทางครอบครัวบังคับให้แต่งงานกับราชาแห่งรุค บลิธส์ขอร้องให้นางหนีไปด้วยกัน

ถึงแม้ว่านางจะรักเขามากไม่ต่างกัน แต่นางก็ไม่สามารถหนีไปด้วยได้ เพราะต้องทำหน้าที่ในฐานะลูกสาวคนเดียวของบ้านที่ต้องรักษาชื่อเสียงของวงษ์ตระกูล

หลังจากคนรักแต่งงานและได้รับตำแหน่งราชินีแห่งรุคไปแล้ว ด้วยความที่ยังรักและยังเป็นห่วง บลิธส์จึงคอยติดตามข่าวคราวของคนรักอยู่เสมอ เขาได้รับรู้ว่าคนรักไม่เคยมีความสุข เพราะราชาแห่งรุคไม่ได้รักนาง แต่รักสนมเอกซึ่งเป็นคนรักของพระองค์เพียงคนเดียว

เมื่อทนเห็นคนรักต้องทนอยู่อย่างไร้ความสุขไม่ไหว บลิธส์จึงแอบไปพบนางอีกครั้ง เพื่อขอร้องให้นางหนีไปด้วยกัน

ครั้งนี้นางติดสินใจยอมหนีไปด้วย เพราะทนอยู่อย่างเจ็บช้ำต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ถึงแม้ว่าต่อให้ไม่มีนาง องค์ราชาแห่งรุคก็ยังมีคนที่รักและสนมคนอื่นๆ อยู่เคียงข้างอีกมากมายอยู่แล้ว

ทั้งคู่จึงวางแผนเพื่อจะหนีไปด้วยกันโดยไม่ได้บอกให้ข้ารู้ ข้าคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเขากลัวว่าข้าจะต้องเดือดร้อนไปด้วย เลยจงใจปิดบังข้าไว้

บลิธส์พาคนรักพร้อมทั้งพ่อแม่ของเขาหนีไปด้วยกัน แต่ระหว่างที่หนีอยู่นั้น คนของตระกูลคนรักของเขาก็ตามไปทันและฆ่าพ่อแม่ของบลิธส์ตายหมด ส่วนคนรักของเขาก็ถูกลูกหลงตายจากไปด้วย แต่ก่อนที่นักฆ่ากำลังจะฆ่าบลิธส์ ข้าที่เพิ่งกลับมาจากปฏิบัติภารกิจที่ต่างมิติก็ตามไปช่วยเขาไว้ได้ทัน

บลิธส์เสียใจจนแทบเสียสติ แม้ว่าบาดแผลทางกายจะหายไปแล้ว แต่บาดแผลทางใจที่หนักหนาและมองไม่เห็นก็ยังคงอยู่ ข้าเฝ้าปลอบใจเขาอยู่เป็นนานกว่าเขาจะกลับมาเป็นเหมือนปกติอีกครั้ง

ข้าได้แต่ดีใจโดยที่ไม่เคยรู้เลยว่าภายใต้ท่าทีที่ปกตินั้น บลิธส์ซ่อนความแค้นไว้มากมายเพียงใด

เขาหลอกให้ข้าตายใจโดยบอกว่าจะพยายามเริ่มต้นชีวิตใหม่ บลิธส์ให้ข้าสอนเรื่องสมุนไพรให้ แม้อีริคจะเตือนข้าให้ระวังอย่างไร ข้าก็ไม่เคยฟัง เพราะเชื่อใจในเพื่อนรักของตัวเองเสมอ

บลิธส์ศึกษาเรื่องสมุนไพรจากข้าด้วยความตั้งใจ ข้ามารู้ในภายหลังว่าเขาตั้งใจศึกษาขนาดนั้น เพื่อนำความรู้ที่ได้ไปฝึกปรุงยาพิษ ซึ่งในที่สุดเขาก็สามารถปรุง ‘พิษรัก’ ได้สำเร็จ แล้วแอบนำยาพิษนี้ไปให้สนมเอกผู้เป็นที่รักของราชาแห่งรุคกินได้สำเร็จ ก่อนที่เขาจะหลบหนีไป

แม้ว่าข้าจะเสียใจมากที่ถูกเพื่อนรักหลอกใช้ แต่ในเมื่อข้ามีส่วนที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ข้าจึงพยายามหาทางแก้ไข โดยพยายามทุ่มเทค้นหาวิธีปรุงยาเพื่อถอนพิษรักอย่างสุดความสามารถ แต่ยังไม่ทันปรุงได้สำเร็จ พระสนมที่เดิมร่างกายอ่อนแออยู่แล้วก็จากไปซะก่อน

ข้าจึงต้องพักเรื่องยาถอนพิษไว้ก่อน แล้วออกเดินทางตามหาบลิธส์แทน

แล้วข้าก็ได้ไปพบเขาอยู่กับจอมเวทย์สายดำที่หลงมาจากมิติอื่น ซึ่งในเวลานั้นจิตใจที่เต็มไปด้วยความแค้นของเขาก็ถูกความมืดกลืนกินจนแทบไม่เหลือแล้ว

ข้าพยายามขอร้องให้เขากลับไปกับข้า แต่เขาก็ไม่ยอมกลับ ยิ่งได้รับแรงยุจากจอมเวทย์สายดำ ก็ยิ่งคิดทำเรื่องเลวร้ายไปกันใหญ่ เราทั้งสองจึงต้องต่อสู้กัน

ข้าขอร้องไม่ให้อีริคเข้ามาช่วย เพราะต้องการจะเกลี้ยกล่อมเขาด้วยตัวเอง ที่สำคัญข้ากลัวว่าอีริคจะพลั้งมือทำร้ายเขาด้วย แต่แล้วเขาก็เป็นฝ่ายพลั้งมือทำให้ข้าตาบอด แล้วจอมเวทย์ดำที่อยู่ใกล้ๆ ก็ฉวยโอกาสทำร้ายข้าจนบาดเจ็บสาหัส มันเกือบจะฆ่าข้าได้อยู่แล้ว ถ้าบลิธส์ไม่ปัดดาบที่หมายจะแทงหัวใจข้าออกได้ทันซะก่อน

อีริคโกรธและเสียใจมากที่เข้ามาช่วยข้าไว้ไม่ทัน เขาฆ่าจอมเวทย์สายดำตาย และเกือบจะฆ่าบลิธส์ตายไปด้วย ถ้าข้าห้ามและขอร้องเอาไว้ไม่ทัน

ในฐานะเพื่อน ข้าก็อยากให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไป หวังว่าสักวันเขาจะสามารถกลับใจได้ เพราะข้ายังมั่นใจว่าโดยเนื้อแท้แล้วบลิธส์เป็นคนจิตใจดี ถึงจะถูกความแค้นครอบงำ แต่ว่าเขาก็ยังมีด้านดีเหลืออยู่ เห็นได้จากที่เขาช่วยไม่ให้ข้าถูกจอมเวทย์ดำฆ่าตาย อีริคจำใจต้องทำตามคำขอของเข้า จึงได้จับบลิธส์ขังเอาไว้ในมิติที่มีแต่ความมืดมิดและร่ายเวทย์กำกับไว้ เมื่อใดที่เขาสำนึกได้ ถึงจะได้รับการปลดปล่อยออกมา

ส่วนข้ายังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและยังติดค้างเรื่องยาถอนพิษรักที่ยังทำไม่สำเร็จ ด้วยสติที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด จึงเผลอขอร้องให้อีริคช่วยให้ข้าสามารถแก้ไขหรืออย่างน้อยก็ป้องกันเรื่องร้ายๆ ที่อาจจะตามมาได้บ้าง

เพราะคำขอของข้า และเพื่อให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อไป หลังจากถอนเกล็ดตัวเองมอบให้แต่ละอาณาจักรเก็บไว้เพื่อดูแลประตูมิติแทนชั่วคราวแล้ว อีริคจึงตัดสินใจนำร่างที่ใกล้จะสิ้นใจของข้าไปไว้ที่บริเวณรอยต่อระหว่างมิติแห่งการกำเนิดของเผ่าพันธุ์มังกรมรกต ก่อนจะใช้ร่างมังกรเข้าไปวางไข่ไว้ในนั้น อีริคสร้างมิติแห่งนี้ให้ข้าอาศัยอยู่เพื่อรอการกลับมาของเขา แล้วกลับมาควักหัวใจให้ข้ากินก่อนที่จะสละร่างถอนดวงจิตจากไป

ทั้งการที่ต้องจากไปก่อนถึงเวลาอันควร ทั้งการที่ต้องถ่ายทอดพลังไว้ในเกล็ดที่มอบให้แต่ละอาณาจักร และต้องควักหัวใจให้กับข้า ทำให้พลังที่ต้องถ่ายทอดไว้ที่ไข่น้อยกว่าที่ควร ทำให้จิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดต้องใช้เวลาในการฟักตัวนานขึ้น เมื่อออกมาจากไข่ก็ทำให้ก้อนหินต้องโตช้าไปด้วย

เพราะมังกรมรกตต้องใช้พลังสะสมจากมังกรรุ่นก่อนเพื่อการเติบโต เมื่อร่างกายโตเต็มที่เมื่อไหร่ ถึงจะสามารถใช้พลังของตัวเองได้ และการที่มังกรที่ต้องทำหน้าที่ดูแลประตูมิติเติบโตช้า เมื่อมิติเกิดการแปรปรวน เกล็ดมังกรเพียงไม่กี่อันจึงไม่สามารถควบคุมได้อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดเหตุการณ์เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนตามที่พวกเจ้ารู้นั่นแหละ

บลิธส์คงรับรู้ได้ถึงจิตแค้นของจอมเวทย์ผู้สูญเสียบุตรสาวคนนี้ และจิตแค้นของอีกคนที่แทบจะมีชะตากรรมคล้ายกันกับเขา จึงสามารถสื่อถึงกันได้และสามารถส่งพลังมาช่วยอีกฝ่ายได้” ท่านเซเรสมีสีหน้าเจ็บปวด

“ข้าถึงได้บอกยังไงล่ะว่าสาเหตุส่วนหนึ่งเกิดมาจากข้า” แววตาของท่านเซเรสเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“...”

“ถ้าเช่นนั้นตำนานที่ว่า ถ้าใครได้กินหัวใจมังกรแล้วจะเป็นอมตะก็เป็นเรื่องจริงสินะ” ร็อตถามขึ้นมาหลังจากที่เราเงียบกันไปสักพัก

ท่านเซเรสไม่ตอบแต่ยิ้มรับแทนคำตอบ

“เมื่อข้าฟื้นขึ้นมาก็ได้รับรู้ว่าอีริคได้จากไปแล้ว เขาทิ้งเกล็ดมังกรไว้ให้ข้า 2 เกล็ดพร้อมพลังที่สะสมอยู่ในนั้นซึ่งเพียงพอที่จะใช้เปิดประตูมิติเล็กๆ ได้ ข้าจึงใช้มันเดินทางเข้าไปอยู่ในมิติที่เขาสร้างไว้ให้นี่แหละ

ระหว่างที่รอคอย ข้าก็ศึกษาศาสตร์ทุกชนิด ที่อาจจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต และใช้เกล็ดมังกรเดินทางไปหาตัวยาเพื่อปรุงยาถอนพิษรักไปด้วย เพราะก่อนที่บลิธส์จะถูกจับขัง เขาบอกกับข้าว่าได้ทำสูตรปรุงยาพิษหายไปแล้ว ข้าจึงต้องพยายามหาวิธีถอนพิษ ก่อนที่จะมีคนต้องตกเป็นเหยื่อของมันอีกครั้ง จนในที่สุดข้าก็สามารถปรุงยาถอนพิษรักได้สำเร็จ

วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนในวันหนึ่งข้าก็ได้พบกับมอลทีสที่หลงเข้ามาที่นี่ ด้วยความที่เขาเป็นคนจิตใจดี มีความสามารถ และในนิมิตข้าได้เห็นว่าเขาจะต้องเข้ามาเกี่ยวพันในเรื่องนี้ด้วย ข้าจึงได้สอนศาสตร์ในการพยากรณ์และศาสตร์แห่งปราชญ์ให้ หลังจากนั้นข้าก็ได้พบกับเจ้านั่นแหละก้อนดิน”

ผมได้แต่มึน เพราะเรื่องราวมันทั้งยาวนานและพัวพันกับคนอีกมากมายเหลือเกิน

“คนที่มีความแค้นก็ได้รู้แล้ว แล้วคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมล่ะครับคือใคร” เมื่อไซเลอร์ถามขึ้น ผมก็เพิ่งนึกได้เหมือนกัน ว่าท่านเซเรสได้บอกไว้ในตอนแรก

“อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะได้รู้เอง ตอนนี้รู้ก่อนก็ไม่มีประโยชน์อะไร” เมื่อทุกคนมีสีหน้ารับรู้และยอมรับ ผมเลยถามเรื่องที่ตัวเองอยากรู้บ้าง

 “แล้วทำไมตอนพบกันครั้งแรกท่านถึงได้อยู่ในสภาพนั้นล่ะครับ” หมายถึงสภาพที่ป่วยจนดูเหมือนจะแย่ขนาดนั้น

“การเป็นอมตะก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเจ็บป่วยได้นะก้อนดิน ข้ารู้สึกเจ็บปวดได้ สามารถป่วยได้เหมือนคนปกติ แม้จะไม่ถึงตาย แต่ก็ต้องใช้เวลาในการรักษาเหมือนกัน”

“แต่ตอนนั้นท่าน.. เอ่อ.. แก่” ไม่อยากจะย้ำหรอกนะ แต่มันค้างคาใจจริงๆ

“ข้าใช้มนต์บังตาน่ะ อีกอย่าง... ข้าปล่อยให้ตัวเองตาบอดเหมือนก่อนที่จะเป็นอมตะ ก็เพื่อลงโทษตัวเอง และจะได้เตือนตัวเองถึงความผิดพลาดที่ข้ามีส่วนร่วมทำให้เกิดขึ้นด้วย”

“คนเรามันก็มีผิดพลาดกันได้นี่ครับ อีกอย่าง... เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งนานแล้ว ไม่มีใครสามารถแก้ไขเรื่องราวในอดีตได้หรอกครับ ข้าว่าเราควรเดินต่อไปข้างหน้ามากกว่า หรือไม่ก็หาวิธีป้องกันเรื่องที่จะเกิดในอนาคตกันดีกว่าครับ” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ท่านเซเรสนิ่งไปสักพักก่อนจะยิ้มให้ผมอย่างอ่อนโยน

“นั่นสินะ ขอบใจนะก้อนดิน”

“ไม่เห็นต้องขอบคุณเลยครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผมยิ้มตอบเขินๆ เมื่อได้รับแววตาชื่นชมนั้น

“ส่วนก้อนหิน ลงมานี่สิ” ท่านเซเรสหันไปเรียกก้อนหิน ซึ่งมันก็กระโดดลงไปยืนที่พื้นอย่างว่าง่าย

ท่านเซเรสหยิบเกล็ดมังกรที่อยู่ตรงอกเสื้อออกมายื่นให้ก้อนหิน เมื่อมันยื่นมือมารับ เกล็ดมังกรก็เปล่งแสงจนสว่างจ้าไปทั่วทั้งกระท่อมจนผมต้องหลับตาลง เมื่อรู้สึกว่าแสงนั้นหมดไป ผมก็ลืมตาขึ้นมา แล้วก็ต้องยิ้มกว้างด้วยความดีใจและตื่นเต้น เมื่อเห็นก้อนหินที่ตอนนี้ตัวโตขึ้น สูงขึ้นจนเกือบจะท่วมหัว เขาที่กุดๆ บนหัวของมันดูยาวขึ้นกว่าเดิม ปีกที่เคยสั้นๆ จนแทบจะกลืนกับแผ่นหลังก็ยาวมากขึ้นจนน่าจะสามารถทำให้มันบินได้แล้ว แม้แต่เกล็ดที่กลับมาเป็นสีเขียวมรกตเหมือนเดิมก็เริ่มจะเห็นชัดมากขึ้น มันลองขยับกระพือปีกเบาๆ สีหน้าที่เหมือนจะตื่นเต้นของมัน ทำให้ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดู

“ก๊าสสสสส” แม้แต่เสียงร้องยังทุ้มต่ำมากขึ้นเลย

“ครับหินครับ หล่อมากครับ” ผมได้แต่ส่ายหัวเมื่อมันถามว่าหล่อไหม แม้ตัวจะโตขึ้นแต่นิสัยไม่เห็นโตขึ้นตามตัวเลยสักนิด

“ข้าคืนพลังจากเกล็ดมังกรให้ นี่ก้อนหินก็ยังโตไม่เต็มที่หรอกนะ แต่คิดว่าคงใช้เวลาอีกไม่นานหรอก” ท่านเซเรสมองปฏิกิริยามันยิ้มๆ ก่อนจะหันมาบอกผม

“ส่วนเจ้ากินยาแล้วเจ้าก็พักผ่อนเถอะ ยาจะได้ออกฤทธิ์ได้เต็มที่ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้ต้องเป็นห่วง มอลทีสกับคนอื่นๆ รับมือได้สบาย รอให้เจ้าแข็งแรงขึ้นเมื่อไหร่ เราค่อยไปจัดการสะสางเรื่องต่างๆ ด้วยกัน เรื่องทุกอย่างจะได้จบลงซะที”

“ครับ” ผมรับคำแล้วขยับลงนอน ไซเลอร์ขยับมาจับผ้าห่มให้ก่อนที่ท่านเซเรสจะยื่นมือมาถึงตัวผม ท่านเซเรสชะงักก่อนจะยิ้มขำ ส่วนคนอื่นๆ นี่ก็แซ็วกันสิครับ จะเหลือเหรอ!

“พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ ปล่อยให้ก้อนดินพักผ่อนไปก่อน” ท่านเซเรสขัดก่อนที่ผมจะเขินจนไม่ได้หลับได้นอน

“ครับ” คนอื่นๆ ดูไม่มีปัญหา จะมีก็แต่ก้อนหินนี่แหละที่ทำหน้าไม่พอใจ มันก้มลงมองร่างกายของตัวเอง แล้วก็มองผม แล้วร้องด้วยความขัดใจ

“ก๊าสส”

“ตัวใหญ่ขนาดนี้แล้ว ต่อไปก็นอนกับก้อนดินไม่ได้แล้วนะตัวยุ่ง” ชเนาเซอร์ยังไม่วายแหย่ก้อนหินเล่น

“ก๊าสสส” มันร้องประท้วง

แว้บบบบบ

ก่อนที่มันจะเปลี่ยนร่างกลับมาเป็นมังกรตัวเล็กๆ เท่าตอนแรกที่ฟักออกจากไข่ แล้วบินพุ่งเข้ามาซบอกแล้วถูเสื้อผมอย่างออดอ้อน

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ทุกคนอึ้งไปสักพัก ก่อนจะหลุดขำและหัวเราะลั่นกับกระทำของมัน

ส่วนผมแม้จะหัวเราะด้วยความรู้สึกขำไม่ต่างกัน แต่ก็อดที่จะกอดมันเอาไว้แล้วลูบตัวมันด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ต่อให้ตัวมันจะโตขึ้นแค่ไหน สำหรับผมที่ได้เจอตั้งแต่มันฟักออกมาจากไข่ มันก็เป็นแค่ลูกมังกรตัวเล็กๆ สำหรับผมอยู่เหมือนเดิม ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด รู้สึกอุ่นใจที่เรายังอยู่ด้วยกัน เพียงไม่นานเราทั้งคู่ก็เคลิ้มหลับไป



@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ดราม่าไหมคะ คิดว่าไม่ดราม่านะ... รึเปล่าหว่า ชักไม่แน่ใจแฮะ
อันที่จริงก็ไม่ถนัดดราม่าค่า เลิฟซีนก็ไม่ถนัด แอคชั่นก็ไม่ถนัด คอเมดี้ก็ไม่ถนัด ไม่ถนัดซ๊ากกกกกอย่าง แฮ่! หลบตรีงแป๊บ แต่ก็กำลังพยายามฝึกหัดอยู่ค่ะ หวังว่าต่อไปเราจะมีวิวัฒนาการยิ่งๆ ขึ้น

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

#ommanymontra   :L1: :pig4: :L2:
#KARMI  :L1: :pig4: :L2:
#about  :L1: :pig4: :L2:
#suikajang ขอบคุณสำหรับกำลังใจทั้งทางนี้และที่แวะไปให้ทางโน้นนนด้วยค่า ในส่วนเรื่องใหม่นั้น.... ขอจบเรื่องนี้ให้ลงก่อนค่ะ แฮ่! ถ้าไม่ตันจะพยายามเข็นออกมาให้อ่านนะคะ กอดดดด  :กอด1:
#♥►MAGNOLIA◄♥ ต้องการเงินสด รถคุณช่วยได้ ผิดๆ ฮ่าๆๆๆๆ แสงสว่างช่วยได้ค่ะ หนีมาที่กระท่อมแล้วววว พักก่อนค่อยไปลุยกันต่อ ก้อนหินหวงดินหนักมากค่ะ หินอนุญาตให้รักได้ แต่ต้องรักหินที่สุด - ก้อนหิน  :m18:
#shoi_toei ขอบคุณมากค่ะ คนสวยเหมือนกัน  :m1:
#MayA@TK เปิดตัวตัวร้ายอย่างเป็นทางการ พี่ไซปลอดภัยดีค่ะ  :m13:
#ซีเนียร์  :L1: :pig4: :L2:
#aiyuki รอดปลอดภัยกันทุกคนค่า ส่วนเหตุผลก็ได้รู้กันแล้วนะคะ  :impress2:
#•♀NoM!_KunG♀• มาแล้วอีก เอ๊ย! มาอีกแล้วววว  :m3:
#Billie ขอบคุณที่คอยติดตามค่า กอดดดด  :กอด1:
#HISY ดีใจที่ชอบค่า ปลื้มมม ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ  :L1:
#duck-ya มาแล้วค่า ทำไมคนอ่านถึงได้รู้ใจจริงๆ ได้พักแล้วนะคะ แป๊บนึง แล้วค่อยไปสู้กันต่อค่ะ  :impress2:


 
:กอด1: ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากคนอ่านและคนเม้นท์ทุกคน กอดดดดดดดดดแน่นๆ  :กอด1:

เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกสามเดือน แค่กๆๆๆ เดี๋ยวๆๆ  :m23:

จะพยายามเร่งมือแล้วกันนะคะ ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับการบัญชาของสมองแล้วค่า ได้แซลมอนสัก 8 - 9 ตัวสมองคงลื่นกว่านี้ แฮ่!  :m3:
[/color][/color]

 :L2: :L2: :pig4: :L2: :L2:
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 30-11-2017 20:35:38
อ่านถึงตอนที่ก้อนหินนึกขึ้นได้ว่าตัวใหญ่แล้วคิดถึงก้อนดินแล้วขำหนักมาก
ดินมีความเป็นแม่สูงเช่นกัน ต่อให้หินโตแค่ไหนก็ยังเด็กเหมือนเดิม
น่ารักกกก อยากจะเข้าไปขโมยหินออกมากอด
  o18
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-11-2017 20:36:10
ชอบจังที่ก้อนหินแปลงร่างกลับเป็นมังกรตัวเล็กได้ด้วยย

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 30-11-2017 21:12:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-11-2017 21:28:03
รอคร้าบบ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-11-2017 21:29:16
เรื่องนี้สลับซับซ้อนจ๊นนน งง รออย่างใจจดใจจ่อเลย ^^
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-11-2017 22:12:38
ยังเด็กน้อยไม่เปลี่ยน แม้ตัวจะโต ฮ่า ๆๆ

ชอบความงอแง ที่ตัวโตแล้วจะไม่ได้นอนกะดิน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-12-2017 01:36:11
 :L2: :3123: :pig4: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-12-2017 01:41:38
หินน่ารักจิงๆ อยากมีสักตัว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 01-12-2017 10:29:58
เป็นการแก้ปมครั้งสุดท้ายแล้วใช่ป่าวค่ะ ลึก ละเอียด โห้วววว....เข้าใจแระว่าทำไมต้องใช้เวลากว่าจะออกมาแต่ละตอน
ทุกคนต่างมีบทบาทหมดไม่ทิ้งเลยสักอย่าง เก็บละเอียดเลย ยกนิ้วให้เลยค่ะ  o13  o13
แต่สุดท้าย แต่ไม่ท้ายสุด ตนที่ชนะเลิศคือนู๋หินสุดดวงใจของป้าจ้า   :man1:  ติดแม่ดินมาก แหมะน่าฟัดจริงๆ  :กอด1:
 :L1:  :pig4:  :L1:

ปล.เดะระดมทุนส่งปลาไปให้นะจ๊ะ จะได้มาส่งความน่ารักของเจ้าหิน แม่ดิน พ่อไซ   :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: tiew93 ที่ 01-12-2017 14:44:02
หื้อออ ก้อนหินน่ารักจังเลยยยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 01-12-2017 22:13:20
เรื่องพัวพันกับทุกอาณาจักรเลยนะคะ แต่ตัวเอกก็ยังน่ารักอย่างเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 02-12-2017 01:30:35
ก้อนหินน่ารักอะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 03-12-2017 21:06:15
ต่อให้ปราดเปรื่องแค่ไหน ก็อยู่ภายใต้อารมณ์ด้านลบได้เช่นกัน

ไซเลอร์เจอก้างเคี้ยวยากซะแล้ว แถมยังโตขึ้นได้เรื่อย ๆ อีก
ทำใจนะคุณพ่อ อิอิ

ปล. แซ็ว สะกดผิดจ้ะ แค่ "แซว" ก็พอ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 31 ต้นสายฯ (30/11/2017) P.19
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 07-12-2017 02:28:40
ตกลงหินอยากโตเพื่อปกป้องดินจริงป่ะเนี่ย
โตแล้วก็ยังขี้อ้อนเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียม (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 16-12-2017 19:28:16
บทที่ 32 เตรียมการ

   ผมกวาดสายตามองทุกคนที่นั่งล้อมวงกินมื้อเย็นอยู่ข้างกองไฟแล้วก็อดจะยิ้มไม่ได้ เพราะรู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้ดูผ่อนคลายจนเหมือนกับว่าเราแค่มาตั้งแค้มป์รอบกองไฟ ไม่เหมือนว่าเพิ่งจะหนีตายกันมาสักนิด

   “ยิ้มอะไรหืม” ไซเลอร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว ผมยื่นมือไปรับปลาย่างจากไซเลอร์มาถือไว้ แล้วค่อยตอบสิ่งที่คิดอยู่ให้ฟัง

   “แค่คิดว่า ตอนนี้ทุกคนดูผ่อนคลาย เหมือนกับมาเที่ยวกันมากกว่าเพิ่งจะหนีอันตรายมาน่ะครับ” ไซเลอร์ยิ้มตอบ

   “เดิมทีพวกเราชาวเคลเบรอสก็ไม่ใช่คนที่คิดอะไรมากอยู่แล้ว เราแค่พยายามทำทุกอย่างให้เต็มที่ เมื่อถึงเวลางานก็จะทำอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อถึงเวลาพักก็จะพักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน เราทุกคนเชื่อว่าหากตั้งใจทำทุกอย่างอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็จะสามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน”

   “ครับ” ผมยิ้มรับคำไซเลอร์ เพราะคนที่นี่เป็นแบบนี้นี่แหละ ถึงได้อยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจเสมอ

ผมแกะปลาที่ไม่ร้อนมากเหมือนเมื่อครู่แล้วเริ่มกิน ก้อนหินที่นั่งอยู่ข้างๆ พอเห็นผมเริ่มกินปลา มันก็กินเนื้อเสียบไม้ที่คนนั้นยื่นให้ที คนนี้ยื่นให้ทีแล้วส่ายหางอย่างมีความสุข ทั้งๆ ที่ตอนไปจับปลาก็เปลี่ยนร่างเป็นมังกรตัวใหญ่แล้วจับปลาเขมือบไปจนแทบจะหมดลำธารแล้วด้วยซ้ำ ผมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความรู้สึกทั้งระอาและเอ็นดู

   หลังจากกินมื้อเย็นกันจนอิ่มแล้ว ทุกคนก็เข้าไปนอนในกระท่อมทั้งหมด เพราะมิตินี้ไม่มีอันตรายเหมือนที่อื่นๆ จึงไม่จำเป็นต้องให้ใครต้องมาคอยเฝ้ายาม ก้อนหินที่อยู่ในร่างเล็กๆ ขยับมาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดผม ผมก็กอดมันไว้ในอ้อมแขนแล้วใช้มือลูบหลังกล่อมมันด้วยความเคยชิน

   “ฝันดีนะก้อนดิน” ไซเลอร์ที่นอนอยู่ข้างๆ กระซิบบอกเบาๆ

   “ฝันดีครับไซเลอร์ ฝันดีนะก้อนหิน”

   “ก๊าส”

*************************************************************************************

   รุ่งเช้า หลังจากที่กินอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มออกเดินทางทันที ท่านเซเรสบอกว่าเป้าหมายที่เราต้องเดินทางไปสะสางก็คืออาณาจักรรุค ถึงทุกคนจะมีสีหน้าแปลกใจ แต่ก็ไม่มีใครถามอะไร เพราะเราเชื่อมั่นในตัวท่านเซเรสกันทุกคน

   เพื่อให้การเดินทางรวดเร็วขึ้น ทุกคนจึงเดินทางกันในร่างแปลงไม่เว้นแม้แต่ท่านเซเรสที่เป็นลูกครึ่งเคลเบรอสกับบาอัล ผมมองร่างแปลงของท่านเซเรสด้วยความสนใจ เพราะรูปร่างหน้าตาของร่างแปลงนั้นออกจะแปลกหน่อยๆ มองดูก็รู้ว่ามีส่วนผสมของทั้งหมาทั้งแมว คือ มันไม่ใช่ว่าส่วนบนเป็นแมว ส่วนล่างเป็นหมา หรือ ซีกซ้ายเป็นหมา ซีกขวาเป็นแมวอะไรแบบนั้นนะครับ ถ้าแบบนั้นก็ประหลาดเกิ๊น แค่เวลามององค์ประกอบโดยรวมแล้วรู้เลยว่าคือหมากับแมวผสมกัน

   เอ่อ... เข้าใจที่ผมอธิบายไหมครับ แหะๆ

   ก้อนหินที่กำลังเห่อปีกตัวเองก็ยังคงใช้ร่างเล็กๆ เหมือนในตอนแรกๆ เพื่อที่มันจะได้สยายปีกได้ขนาดตามที่ต้องการ ทำให้ตอนนี้มันสามารถบินได้แล้ว ตั้งแต่ตื่นเช้ามา มันก็บินวนเวียนรอบตัวผมไม่หยุดจนผมชักเริ่มจะเวียนหัวแล้ว

   ส่วนตัวผมนั้นต้องขึ้นไปนั่งบนหลังของมาสทิฟฟ์ เพราะมาสทิฟฟ์มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในฝูง แม้ไซเลอร์จะอยากให้ผมขึ้นหลังตัวเองมากกว่า แต่ก็สู้เสียงส่วนใหญ่ของเพื่อนๆ ไม่ไหว เลยต้องยอมแพ้แต่โดยดี

   จากที่ปกติเวลาเดินทางมาสทิฟฟ์เคยนำหน้ามาตลอด พอมีผมอยู่บนหลังมาสทิฟฟ์ก็ถอยลงมาแล้วให้พรีซาขึ้นไปเป็นผู้นำแทน มีชเนาเซอร์กับท่านเซเรสขนาบข้าง ตามด้วยไซเลอร์และร็อตปิดท้ายขบวน

   หลังจากขึ้นบนหลังมาสทิฟฟ์แล้ว ผมก็กระชับย่ามที่ถือไว้ให้แน่นขึ้น มือแตะสำรวจของที่อยู่ข้างในเป็นระยะ เพื่อให้มั่นใจว่าเข็มชุบยาสลบที่ท่านเซเรสให้มายังอยู่ในนั้น

   ก่อนออกเดินทาง ท่านเซเรสทำเข็มบรรจุยาสลบอย่างแรงให้พวกเราทุกคนพกติดตัวกันไว้ด้วย ซึ่งยาสลบที่นำมาใส่ไว้ในเข็มนั้นได้มาจากต่อมเขี้ยวของงูชนิดหนึ่ง

   ท่านเซเรสเลคเชอร์ให้ฟังว่า งูชนิดนี้เมื่อมันกัดเหยื่อแล้ว มันจะปล่อยของเหลวที่มีฤทธิ์เป็นยาสลบอย่างแรงออกมาจากต่อมที่เขี้ยวทันที แม้จะได้รับพิษเพียงปริมาณน้อยนิดก็สามารถทำให้เหยื่อที่ถูกกัดสลบได้อย่างรวดเร็ว

สารชนิดนี้ไม่สามารถทำให้เหยื่อตายได้ แต่เหยื่อจะตายเพราะหลังจากที่สลบไปแล้ว มันจะใช้ลำตัวรัดเหยื่อจนกระดูกแหลกละเอียด เพื่อจะได้กลืนลงท้องได้ง่ายๆ ซึ่งทำให้เหยื่อขาดใจตายไปอย่างไม่รู้ตัว

ก็ดูเหมือนเหยื่อน่าจะไปสบายอยู่นะครับ เอ่อ... แต่ผมว่าถ้าไม่โดนมันเขมือบลงท้องก็น่าจะสบายกว่า...

   ท่านเซเรสพาพวกเราเข้าไปในแหล่งที่มันชอบอาศัยอยู่และที่ที่มันออกล่าเหยื่อซึ่งอยู่ด้านนอกมิตินี้ ท่านเซเรสสอนเรื่องนิสัยใจคอของมัน สอนวิธีการใช้อุปกรณ์จับและวิธีการจับที่ถูกต้องเพื่อป้องกันไม่ให้มันกัดเราได้

   เมื่อไปถึงแหล่งของมันท่านเซเรสก็จับให้ดูเป็นตัวอย่างและนำมาให้พวกเราดูให้ชัดๆ เพื่อจะได้ไม่จับผิดตัว พอได้เห็นงูชนิดนี้ชัดๆ ผมถึงรู้สึกคุ้นๆ ว่ามันเป็นงูที่ก้อนหินชอบจับกินในตอนที่ผมเจอมันแรกๆ

   ก้อนหินบอกว่าตอนแรกๆ ที่มาที่นี่ ผมไม่ค่อยมีสัญชาติญาณระวังภัยเอาซะเลย มันเลยต้องคอยระวังสัตว์มีพิษและสัตว์อันตรายพวกนี้ให้ มันกลัวว่าเจ้างูชนิดนี้จะเข้ามากัดผม ก็เลยจับกินซะก่อน รวมทั้งจับสัตว์มีพิษชนิดอื่นๆ ที่เข้ามาใกล้ผมกินด้วย มิน่าล่ะ ตอนแรกๆ ถึงได้เห็นมันกินแต่สัตว์แปลกๆ

นี่ถ้าไม่มีก้อนหิน แต่มาตัวคนเดียว ผมว่าผมคงโดนมันกัด แล้วก็คงโดนตัวอะไรสักอย่างลากไปกินแน่นอน คงไม่รอดมาจนถึงป่านนี้หรอก...

แค่คิดก็ขนลุก!

   เมื่อจับงูได้ตามจำนวนพอสมควรแล้ว ท่านเซเรสก็นำมารีดตัวยาจากต่อมที่เขี้ยวของมัน หลังจากรีดพิษออกมาแล้ว ก็เอาเข็มที่เป็นเหมือนปล้องเล็กๆ วางลงไป พิษก็จะวิ่งขึ้นไปจนเต็มเข็มแล้วคงอยู่ในนั้นจนกว่ามันจะทิ่มโดนอะไรสักอย่างมันถึงจะไหลออกมา

   ท่านเซเรสอธิบายวิธีใช้เข็มให้ฟังว่าถ้าสัมผัสด้านนอกของเข็มจะไม่เป็นอันตราย หรือถ้าสัมผัสผิวหนังเฉยๆ ตัวยาก็จะยังไม่ออกฤทธิ์ ยาชนิดนี้จะสามารถออกฤทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ร่างกายสิ่งมีชีวิตไปเท่านั้น

   ไซเลอร์กับเพื่อนๆ สามารถใช้เข็มกันได้อย่างคล่องมือ ทั้งแทงลงไปตรงๆ และซัดระยะไกลๆ ไซเลอร์บอกว่า เป็นเพราะทุกคนเคยมีพื้นฐานตอนฝึกการใช้อาวุธกันอยู่แล้ว มีแต่ผมนี่แหละที่ยังอ่อนกว่าเพื่อน เลยโดนติวเข้มในหลักสูตรเร่งรัดโดยทีมเฮดีส

   ไอ้วิธีแทงลงไปตรงๆ นี่สำหรับผมแล้วคิดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ แค่สามารถเข้าประชิดตัวได้ ก็น่าจะพอหาโอกาสแทงถูกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายได้อยู่แล้ว

แต่ท่านเซเรสกับพี่ๆ แกกลัวผมจะต้องเจอกับคนที่ฝีมือเหนือกว่า เช่นนักสู้ของแต่ละอาณาจักรที่โดนสะกดจิตอย่างที่เพิ่งได้เจอมา ทุกคนเลยเห็นตรงกันว่าถ้าไม่จำเป็นห้ามไม่ให้ผมเข้าไปใกล้คู่ต่อสู้โดยเด็ดขาด เพราะมีโอกาสเสียเปรียบและเสี่ยงอันตรายมากกว่า

   ทีมเฮดีสเลยเน้นการฝึกซัดเข็มในระยะไกลให้ผมแทน ทำให้ผมต้องฝึกซัดเข็มซ้ำๆ ไม่ได้หยุดจนรู้สึกเหมือนแขนแทบหลุดออกมาจากบ่ากว่าพี่ๆ ติวเตอร์สุดโหดจะบอกว่าใช้ได้ แล้วยอมปล่อยให้ผมไปที่ชอบๆ เอ๊ย! ปล่อยให้ผมเลิกฝึกได้ซะที จนถึงตอนที่กำลังคลำดูกล่องเข็มอยู่นี่ผมยังรู้สึกหลอนๆ เหมือนแขนจะยกไม่ขึ้นอยู่เลย!

   เนื่องจากทุกคนเดินทางโดยใช้ร่างแปลง ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันเราก็จะเข้าสู่เขตอาณาจักรรุค เราพยายามเลี่ยงเมืองเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต ยังดีที่มีเอกสารผ่านทางที่องค์ราชาแห่งรุคฝากไว้กับคนที่ทรงไว้ใจนำมาให้ จึงทำให้การผ่านด่านต่างๆ เป็นไปอย่างราบรื่น

เมื่อเข้าสู่เมืองหลวงของรุค ทุกคนก็กลับสู่ร่างมนุษย์ ส่วนก้อนหินสงสัยจะขี้เกียจบินแล้ว มันเลยมาอ้อนให้อุ้ม พอผมอ้าแขนปุ๊บมันก็เข้ามาซบหันหน้าเข้าหาตัวผมซุกหามุมสบายๆ สักพักก็หลับไปเฉยเลย

ผมกวาดสายตามองรอบๆ ผู้คนในอาณาจักรก็ดูจะใช้ชีวิตอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมหันไปมองหน้าท่านเซเรสอย่างงงๆ ท่านก็ยิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาผมก็เลยไม่ได้ถามอะไรต่อ

เราเดินทางต่อไปเรื่อยๆ จนถึงเขตพระราชวังก็พบว่าเจ้าชายอินดัสมายืนรออยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าเคร่งเครียดผิดจากที่เคยพบกันเมื่อครั้งก่อนมาก เจ้าชายบอกว่าท่านมอลทีสให้มารอรับพวกเราอยู่ตรงนี้ เมื่อทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อยแล้วเจ้าชายก็ทรงเดินนำเข้าไป

พอก้าวพ้นประตูเข้าเขตกำแพงพระราชวังเท่านั้นแหละ ผมถึงกับชะงักและได้แต่ยืนอึ้งกับภาพที่ได้เห็น เมื่อภายในเขตพระราชวังต่างกับด้านนอกราวฟ้ากับเหว ด้านในสภาพเหมือนกับเพิ่งจะผ่านพายุลูกใหญ่มา ต้นไม้น้อยใหญ่หักโค่นล้มระเนระนาด สวนสวยๆ ที่เคยเห็นเมื่อครั้งก่อนเละจนจำสภาพเดิมไม่ได้ ข้าวของพังเสียหายเกลื่อนกลาดไปทั่วทั้งบริเวณ

“คงมีคนกางเขตแดนเวทย์ไว้น่ะ ป้องกันไม่ให้ส่งผลกระทบกับคนภายนอก” ไซเลอร์อธิบายให้ฟัง ก่อนจะแตะแขนเพื่อบอกให้ผมเดินต่อ

ระหว่างทางก็เห็นทหารและคนที่ทำหน้าที่ต่างๆ ในวังช่วยกันเก็บข้าวของและทำความสะอาดกันวุ่นวายไปหมด เจ้าชายอินดัสพาเราเดินตรงไปยังห้องที่ใช้ต้อนรับเมื่อครั้งก่อน

เมื่อไปถึง ทหารก็ตะโกนแจ้งให้คนด้านในทราบ พอประตูเปิดออกก็พบว่ามีคนอยู่ด้านในจำนวนมากกำลังประชุมกันอยู่อย่างเคร่งเครียด

แต่เมื่อเราก้าวเข้าไปในห้องทุกคนก็หยุดคุยทันทีแล้วหันมามองกันทั้งห้องทำให้ห้องประชุมเงียบกริบจนผมเกือบสะดุด!

“ตกลงตามนี้ก็แล้วกัน เชิญพวกท่านออกไปทำหน้าที่ตามที่รับผิดชอบได้เลย ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านจอมปราชญ์ทั้งสามต่ออีกสักหน่อย”

“กระหม่อมทูลลา” เมื่อองค์ราชาฟอลคอนตรัสจบเกือบทุกคนในห้องก็คุกเข่าแสดงความเคารพก่อนจะทยอยเดินออกไปจากห้องไป เหลือเพียงท่านจอมปราชญ์ทั้งสามอาณาจักรที่ยังอยู่ในห้อง

   “ถวายพระพรฝ่าบาท” หลังจากโค้งคำนับให้คนที่ในห้องที่ทยอยเดินออกไปจนหมด เราทั้งเจ็ดก็เดินไปหาองค์ราชาฟอลคอนแล้วคุกเข่าแสดงความเคารพต่อองค์ราชา

   “ลุกขึ้นเถอะ” เมื่อพวกเราลุกขึ้นเรียบร้อยแล้วองค์ราชาฟอลคอนก็รับสั่งถามต่อทันที

   “ปลอดภัยดีแล้วใช่ไหมก้อนดิน”

   “ปลอดภัยดีฝ่าบาท ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วง” จากที่ได้เหลือบมองก็เห็นว่าองค์ราชาทรงมีสีหน้าเคร่งเครียดมาก ทรงกวาดสายตามองผมสักพักก่อนจะทรงตรัสต่อ

   “เราต้องขอโทษเจ้าด้วยนะ ที่คนของเราทำให้เจ้าต้องได้รับอันตราย” ผมเกือบจะถอนหายใจเฮือกกับคำขอโทษที่ได้มารับจากหลายๆ คนในช่วงนี้ แต่ยังดีที่ยั้งไว้ทัน ได้ฟังนี้บ่อยจนอยากจะซื้อไปทิ้งจริงๆ

   “มันไม่ใช่ความผิดของพระองค์เลยครับ ถ้าจะผิดก็ผิดที่คนทำมากกว่า อย่าทรงโทษตัวเองเลย” องค์ราชาทรงยิ้มแล้วถอนหายใจ

   “ถึงยังไงข้าก็มีส่วนที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ท่านเซเรสสินะ ท่านมอลทีสบอกว่าท่านน่าจะเป็นผู้ที่รู้เรื่องทุกอย่างแล้ว ท่านเล่าเรื่องทั้งหมดให้ก้อนดินฟังหรือยังล่ะ” ประโยคแรกทรงตรัสกับผม ก่อนที่จะหันไปตรัสกับท่านเซเรสในประโยคหลัง

   “ยังไม่ได้เล่าฝ่าบาท มันเป็นเรื่องภายในของฝ่าบาท กระหม่อมรอให้ทรงเป็นผู้เล่าเอง” องค์ราชาฟอลคอนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะทรงถอนหายใจแล้วตรัสบอก

   “นั่งก่อนสิ” ทรงเดินไปยังเก้าอี้ที่วางไว้ตรงมุมห้องแล้วนั่งลงก่อน พวกเราก็นั่งกันตามแล้วตั้งใจฟังเรื่องราวต่อ

   “คนที่เป็นคนจับเจ้ากับก้อนหินไปก็คือพาราคีท อนุชาขององค์ราชินีชีลา” ผมเกือบจะหลุดอุทาน ยังดีที่ยังยั้งไว้ทัน จากนั้นก็พยายามนึก เพราะรู้สึกคุ้นๆ ชื่อว่าเหมือนจะเคยได้ยินชื่อนี้เมื่อตอนที่มาครั้งก่อนด้วย

   “ตามกฎของรุค คนที่จะรับตำแหน่งราชาได้นั้นต้องมาจากตระกูลอินทรีย์หรือเหยี่ยวเท่านั้น ส่วนราชินีก็ต้องมาจากตระกูลฟินซ์เป็นหลัก แต่หากทั้งสองฝั่งไม่มีผู้ที่เหมาะสมก็ค่อยคัดจากตระกูลอื่นขึ้นมาแทน

อันที่จริงตระกูลที่ต้องมาเป็นราชาคือคนของตระกูลของราชินีชีลา แต่พาราคีทซึ่งเป็นบุตรชายคนเดียวของตระกูลกลับมีร่างแปลงเป็นนกหงส์หยก ดังนั้นเขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับ ทั้งๆ ที่เขามีความสามารถมากพอ ตำแหน่งนั้นจึงตกมาที่ตระกูลของข้าแทน
ส่วนตำแหน่งราชินีก็เป็นของตระกูลฟินซ์ ซึ่งในขณะนั้นมีบุตรสาวที่คุณสมบัติเพียบพร้อมเหมาะสม พวกเจ้าคงรู้เรื่องอดีตว่าที่ราชินีของข้าอยู่แล้วใช่ไหม” พอเห็นทุกคนนิ่งเป็นคำตอบก็ทรงถอนพระทัยแล้วตรัสเล่าต่อ

“หลังจากนางจากไปแล้ว ตระกูลฟินซ์ก็ไม่มีใครที่เหมาะสมจะมารับตำแหน่งนี้อีก ตระกูลของชีลาจึงเสนอให้ชีลามาเป็นราชินีของข้าแทน เพราะคงคิดว่าถึงแม้คนในตระกูลจะไม่สามารถรับตำแหน่งราชาได้ แต่ได้ตำแหน่งราชินีของอาณาจักรมาครองก็ยังดี แม้ข้าจะพยายามปฏิเสธ เพราะตัวข้าเองนั้นมีคนรักที่ได้รู้จักหลังจากคู่หมั้นจากไปอยู่แล้ว แต่ปฏิเสธและหาเหตุผลมาแย้งอย่างไรก็ไม่สำเร็จ ตระกูลต่างๆ ยืนยันว่ากฎก็ต้องเป็นกฎ แม้ว่าตอนนั้นข้าอยากจะเปลี่ยนกฎสักแค่ไหน แต่ข้าก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงภายในระยะเวลาอันสั้นได้ ข้าจึงต้องทำใจยอมรับ และต้องแต่งงานกับชีลาตามกฎเหมือนเดิม

แต่หัวใจข้าก็ไม่เหลือที่ว่างให้ใครอีกแล้ว ด้วยความเห็นแก่ตัวของข้า ข้าจึงรับโอลิเวียคนรักของข้าเข้ามาเป็นสนม นอกจากนี้ตระกูลอื่นๆ ก็ส่งบุตรสาวของตัวเองเข้ามาเพื่อถ่วงดุลอำนาจกันและกันเอาไว้ แต่ก็อย่างที่บอกว่าหัวใจของข้าเป็นของโอลิเวียแต่เพียงผู้เดียว จึงทำให้ข้าละเลยผู้หญิงคนอื่นๆ รวมถึงราชินีชีลาด้วย

   พาราคีทคงแค้นที่โดนตัดโอกาสทั้งที่เขาไม่มีความผิด ที่สำคัญก็คงแค้นที่ข้าละเลยพี่สาวของเขาด้วย ถึงได้จับพวกเจ้าไปเพราะต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงกฎต่างๆ ของที่นี่ อันที่จริงเรื่องของกฎเก่าๆ เหล่านี้ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากจะแก้นะ แต่มันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงบ้าง ซึ่งตอนนี้ข้ากับลูกๆ ต่างก็ค่อยๆ วางแผนปูทางเพื่อเปลี่ยนแปลงกันอยู่”

   “เอ่อ... ขอโทษนะครับ กระหม่อมสงสัย ถ้าท่านพาราคีทแค้นพระองค์ แล้วทำไมถึงได้ไปวางยาควีนคูวาสซ์ล่ะครับ” มันน่างงไหมล่ะ แค้นทางนี้ แต่ไปวางยาทางโน้น เพื่อ?

องค์ราชาฟอลคอนถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ไม่รู้ว่าการถอนหายใจเป็นโรคติดต่อรึไง ตอนคุยกับท่านเซเรสท่านเซเรสก็เอาแต่ถอนหายใจ พอมาคุยกับองค์ราชายังจะทรงถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่าอีก องค์ราชาทรงมีสีพระพักตร์ลำบากใจ แต่ก็ทรงยอมตรัสออกมา

   “คนที่ชีลารักก็คือเกรทเดน คิงแห่งเคลเบรอส”

   “ห๊ะ!” ผมหลุดอุทานไปอย่างยั้งไม่ทัน ได้แต่ยิ้มแหยๆ อย่างขอลุแก่โทษ ซึ่งองค์ราชาก็ไม่ได้ถือสา ส่วนคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าเหมือนพอจะรู้เรื่องอยู่บ้างแล้วก็เลยนิ่งๆ ไป

   “ก่อนจะแต่งงาน ชีลามาบอกกับข้าว่านางรักเกรทเดน นางขอโอกาสให้ได้บอกรักและขอร้องให้เกรทเดนแต่งงานกับนางก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับข้า แต่เกรทเดนก็ปฏิเสธ เพราะในตอนนั้นเกรทเดนกับคูวาสซ์ก็รักกันอยู่แล้ว เกรทเดนจึงไม่สามารถตอบรับคำขอของชีลาได้ เลยบอกเหตุผลกับนางไปตรงๆ

ชีลาเข้าใจการกระทำของเกรทเดนดี เมื่อไม่ได้รัก ก็ไม่อยากให้ความหวัง การที่ต้องมาเห็นคนที่รักอยู่กับคนอื่น เป็นใครก็คงทนไม่ได้ เลยปฏิเสธเพื่อให้นางตัดใจให้ขาดไปเลย นางจึงยอมทำตามหน้าที่แต่งงานกับข้าแต่โดยดี แต่พาราคีทคงไม่คิดเช่นนั้น เขาคงคิดว่าถ้าเกรทเดนรับชีลาเป็นราชินี ชีลาก็คงไม่ต้องมาแต่งกับข้า และคงไม่ต้องมาอยู่อย่างไม่มีความสุขแบบนี้ เพราะที่เคลเบรอสนิยมครองคู่กับคนที่รักเพียงคนเดียวไปจนตาย ก็เลยพาลแค้นเกรทเดนกับคูวาสซ์ไปด้วย ถึงได้ไปวางยาคูวาสซ์เพื่อแก้แค้นแบบนั้น

ข้าเพิ่งจะรู้ว่าก่อนหน้านี้ที่ชีลาป่วย ก็เพราะเป็นแผนของพาราคีทที่วางยาให้นางหลับไปเฉยๆ ข้าผิดเองที่เอาใจใส่ชีลาน้อยไป พอพาราคีทบอกว่านางป่วย ข้าก็ไปเยี่ยมนางแค่ไม่กี่ครั้ง เขาเลยใช้โอกาสนี้ขโมยเกล็ดมังกรไปใช้ทำเรื่องต่างๆ มากมาย
ส่วนเรื่องของพิษรัก ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพาราคีทไปได้สูตรยาปรุงพิษรักมาจากที่ไหน ถึงได้สามารถปรุงและนำพิษรักไปวางยาคูวาสซ์ได้ อีกอย่างข้าเพิ่งจะมารู้ว่าเขาวางแผนจะใช้พิษรักกับโอลิเวียด้วย แต่ยังหาโอกาสวางยาไม่ได้และความจริงถูกเปิดเผยซะก่อน โอลิเวียจึงปลอดภัย

   ที่จริงข้าก็โกรธนะที่เขาวางแผนจะทำร้ายคนที่ข้ารักด้วย แต่ข้าก็เข้าใจความรู้สึกของเขาอยู่เหมือนกัน เพราะสิ่งที่เขากับชีลาได้รับนั้นไม่ยุติธรรมกับพวกเขาเลยสักนิด ต้องสูญเสียสิ่งที่ควรจะได้รับ ต้องสูญเสียอิสรภาพ ต้องอยู่อย่างไม่มีความสุข กลับกันถ้าเป็นข้า... ข้าก็อาจจะทำเหมือนที่เขาทำเช่นเดียวกัน

   ข้าจึงอยากขอเจรจากับเขาก่อน ยังไม่อยากเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ไปมากกว่านี้ เพื่อที่จะให้โอกาสให้เขาได้กลับตัว อีกอย่างพาราคีทพาชีลาหนีไปด้วย นางไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แค่สิ่งที่นางได้รับทุกวันนี้ก็ไม่ยุติธรรมกับนางมากพอแล้ว ข้าไม่อยากจะให้นางต้องได้รับโทษไปด้วยและไม่อยากให้นางต้องเป็นทุกข์มากไปกว่านี้”

   “...”

   ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ทอดถอนใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปพร้อมๆ กัน

   “ทรงทราบแล้วใช่ไหมฝ่าบาท ว่าคนพวกนั้นหนีไปที่ไหน” ท่านเซเรสถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง

   “รู้แล้ว หลังจากที่คาดคั้นจากคนที่โดนจับเอาไว้ได้ ทำให้รู้ว่ามีการซ่องสุมกำลังคนไว้ได้สักพักแล้ว ทั้งคนในอาณาจักรที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ทั้งจอมเวทย์บิดาของคู่หมั้นข้าที่หายสาบสูญไปเมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งกลุ่มคนที่หลงมาจากต่างมิติที่มีจิตใจไม่บริสุทธิ์ด้วย เหมือนว่าทั้งสองฝ่ายมีข้อตกลงร่วมกันจึงได้ร่วมมือกันได้อย่างที่เห็น ข้าจึงเรียกประชุมเพื่อวางแผนการจับกุมให้รัดกุมที่สุด ตอนนี้ก็ให้ทุกฝ่ายไปเตรียมการแล้ว พร้อมเมื่อไหร่เราจะออกเดินทางกัน แล้วท่านเซเรสมีอะไรจะเสนอบ้างไหม ข้าจะได้จัดเตรียมเพิ่ม”

   “ไม่มีแล้วฝ่าบาท ที่พระองค์เตรียมการทั้งหมดก็ถือว่าเรียบร้อยแล้ว ของที่ต้องใช้ก็มีแล้ว ส่วนคนที่เกี่ยวข้องก็มาพร้อมแล้ว เราแค่เดินทางไปสะสางให้เรียบร้อยก็พอ อ้อ! กระหม่อมอยากให้จะฝ่าบาทพาคนอีกผู้หนึ่งไปด้วย...” เมื่อท่านเซเรสเอ่ยชื่อมา ผมก็ได้แต่งงว่าคนๆ นี้จะเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง แต่ในเมื่อเป็นความประสงค์ของท่านเซเรสก็ไม่มีอะไรจะค้าน เพราะท่านคงจะมีเหตุผลของท่านนั่นแหละ


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ตอนนี้ก็จะสั้นๆ หน่อยนะคะ เพราะว่าจะปูทางไปสู่

.

.

.



ตอนต่อไปค่ะ แฮ่!

 :m22:

เล่นแล้วก็เล่นอีกได้ ช่วงนี้คนเขียนก็จะบ้าๆ หน่อยนะคะ ฮ่าๆๆๆๆ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
[/color]

#duck-ya ติดกันหนักมากกกกด้วยค่ะ แม้แต่พี่ไซยังสู้ก้อนหินไม่ได้ ถถถ วงวารพี่ไซแกนะคะ ต้องตกเป็นรองก้อนหินตลอด   :laugh3:
#MayA@TK  ขอบคุณที่ยังเอ็นดูก้อนหินมาจนถึงตอนนี้ค่าาาา  :impress2:
#mild-dy  :L2: :L1: :L2:
#KARMI มาแล้วคร้าบบบบบบบ  :katai5:
#aiyuki คนแต่งก็งงค่ะบ่องตง  :laugh: มาแล้วค่าาาา อีกไม่กี่ตอบจะจบแล้วว
#shoi_toei เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับก้อนหินเลยค่ะ ยอมไม่ด้ายยยย  o7
#ommanymontra  :L2: :L1: :L2:
#•♀NoM!_KunG♀• ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินนะคะ แต่คงแยกไปไหนยาก หินติดดินมากกกกค่ะ  :myeye:
#suikajang ยังมีอีกนิดดดดดดดดดค่ะ  :laugh: ยังมีบางประเด็นที่ยังไม่เคลียร์ ถถถ ผูกไว้เยอะเกิน แก้ทีเล่นเอามึนเลยค่ะ เรื่องนี้ก้อนหินเป็นตัวเอกค่ะ คนอื่นๆ นี่เป็นตัวประกอบ FC ก้อนหิน เยอะมากยิ่งกว่าพระเอกนายเอกอีก กร๊ากกกก
ปล.อ้าปากงับปลา ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆๆๆๆ รับกำลังใจมาแทนแล้วกันค่า
#tiew93 ฮื้อออ ดีใจจังเลยที่มีคนรักลูกๆ  :mew1:
#Yara ตอนนี้ก็ยังคงวุ่นวายอยู่ค่ะ รวมทั้งตอนต่อไปด้วย ถถถ ขอบคุณที่เอ็นดูลูกๆ นะคะ แม่มันปลื้มมมม  :m1:
#takara ขอบคุณที่เอ็นดูก้อนหินค่าาาา  :impress2:
#alternative ใช่ค่ะ ถ้าคุมความรู้สึกตัวเองไม่ได้ ก็เผลอทำเรื่องเลวร้ายได้เหมือนกัน ไซเลอร์นี่ตกเป็นรองตลอดค่ะ สู้ก้อนหินไม่ได้สักที ถถถ ส่วน "แซ็ว" นี่ พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน 2554 บังคับใช้คำนี้ค่ะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะเปลี่ยนทำไม บางสำนักพิมพ์ก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้คำนี้แล้ว เลยลองใช้ดูบ้าง แต่มันไม่ใช่อะ ไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ไม่เอาอันนี้ได้ม๊ายยยยย  :serius2:
#HISY อยากโตเพื่อจะปกป้องดินอย่างเดียว แต่โตแล้วอ้อนไม่ถนัดค่ะ เลยต้องกลับมาร่างเล็กๆ เหมือนเดิม  :m13:


รวบกอดดดดดดดดดดด :กอด1:
 เป็นกำลังใจให้กันต่ออีกนิดดดดดนะคะ :m13:
 ใกล้แล้วววววววว :oni1:

 :katai5: :katai5: :katai5:

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 16-12-2017 19:41:17
ไปๆมาๆก็เพราะความรักทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้น

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 17-12-2017 07:17:40
น้องชายของราชีนีชีลานี่ทำเรื่องยุ่งจริงๆพาลไปทั่ว การวางยาคูวาสไม่มีเหตุผลเลยแบบนี้ เพราะถ้า เกรทเดนยอมแต่งงาน แต่เกรทเดนรักคูวาท ชีลาก็ต้องเตอสภาพเดียวกับที่เจอตอนนี้นะ ไม่ต่างกัน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 17-12-2017 09:05:00
สู้ๆ นะทุกคน แต่เรารู้สึกว่า ถ้าต้นเหตุทุกคนมาเจอกันมันจะมีเรื่องช็อคโลกมาอีกน่ะสิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 17-12-2017 13:18:55
 :hao7: o13 :hao7:



 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 17-12-2017 14:24:43
 :กอด1:  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-12-2017 16:04:25
จะเอาอีกกกกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 17-12-2017 18:58:02
ต้นเหตุมาจากพาราคืทนี่เอง ทำให้วุ่นวายกันไปหมด  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ก้อนหิน แปลงกายได้แล้ว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
แต่ยังชอบอยู่ในร่างเล็ก
เพราะชอบให้ก้อนดินกอด ลูบหลัง
แถมได้ซุกอกก้อนดินหลับสบาย เพลินไปเลย  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-12-2017 00:40:53
สู้ ๆ นะทุกคน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-12-2017 06:50:41
ความสามารถในการอ้อนของก้อนหินนั้นชนะทุกสิ่ง
พาราคีทพาลเนอะ

ปล. ขอบคุณที่ชี้แจงค่ะ เราเองเพิ่งรู้ว่ามีสะกดแบบนี่ด้วย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 19-12-2017 08:35:00
ซับซ้อนวกไปวนมาเฮ้อ... สู้กันต่อไป เรารอได้เพื่อหินน้อย ไม่น้อยหล่ะ ลืมไป แต่รู้สึกจะไม่ยอมโต อ้อนแม่ตลอดเลย
สรุปพระเอกของเรื่อง คือ  :mc4: ก้อนหินจ้า  :mew1: มีแต่แฟนคลับน้องหิน คนอื่นๆ น้อยใจแย่เลย เรารักทุกคน 555+
 :กอด1:  :pig4:  :3123:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 32 เตรียมการ (16/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 19-12-2017 21:35:33
เรื่องซับซ้อนซ่อนคมมาก
เจ้าหินก้น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 22-12-2017 20:33:49
บทที่ 33 สะสาง

   หลังจากทุกๆ ฝ่ายเตรียมการเรียบร้อยแล้ว เราก็เริ่มทยอยแยกกันออกเดินทางเป็นกลุ่มเล็กๆ แล้วค่อยไปรวมตัวกันที่จุดนัดพบเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ที่ต้องทำเช่นนี้เพราะองค์ราชาฟอลคอนไม่อยากให้คนภายนอกรับรู้เรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นท่านพาราคีทและผู้สมรู้ร่วมคิดอาจจะได้รับข้อหากบฏซึ่งมีบทลงโทษที่ค่อนข้างหนัก ส่วนข้าราชบริพารคนอื่นๆ ก็จำเป็นต้องเห็นด้วย เพราะลูกหลานสายรองจำนวนไม่น้อยมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ด้วย

   ส่วนผม ท่านเซเรส กับทีมเฮดีสก็ยังคงเดินทางไปด้วยกันเหมือนเดิม อยู่ๆ ผมก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะไม่รู้ว่าต้องไปเจอกับอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าเรื่องมันจะจบลงยังไง แล้วจะจบลงด้วยดีทุกฝ่ายรึเปล่า ยิ่งคิดก็อดที่จะรู้สึกกังวลไม่ได้

   “ก๊าสสสส” เสียงก้อนหินที่อยู่ในร่างเล็กๆ และบินอยู่ข้างๆ ร่างแปลงของมาสทิฟฟ์ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ ก้อนหินบินเข้ามากอด เอาหัวถูที่อกแล้วเงยหน้าขึ้นมองตาแป๋วอย่างปลอบโยนทำให้ผมอดจะกอดมันคืนแน่นๆ ไม่ได้

   “นั่นสินะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะ แค่พยายามทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว ขอบใจนะก้อนหิน”

   “ก๊าสสสสส” มันตอบรับแล้วกระดิกหางไปมาอย่างสบายใจเมื่อเห็นผมคลายความกังวลลงได้ มันซุกตัวเข้ากับอกผมอย่างอ้อนๆ จนอดจะหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ การกระทำของมันทำให้ผมแทบจะลืมไปเลยว่าตอนนี้ก้อนหินมีร่างที่เกือบจะโตเต็มวัยแล้ว

   “จะสบายเกินไปแล้วนะก้อนหิน” เสียงเอ่ยแซ็วของมาสทิฟฟ์ทำให้ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมาจากอกของผมแล้วขยับปีนลงไปนั่งที่หลังของมาสทิฟฟ์ และเอาหัวโขกประท้วง

   “เฮ้ๆ ถึงกับทำร้ายร่างกายกันเลยเรอะ” มาสทิฟฟ์แกล้งโวยวาย

   “ก๊าสสสส”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆ” พวกเราทุกคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมขำที่ก้อนหินตอบกลับไปว่าสมควร ส่วนคนอื่นๆ คงขำกับการกระทำของมัน เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลายและอุ่นใจมากขึ้น ไม่เห็นจำเป็นต้องคิดมากเลยนี่นา ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวสักหน่อย ยังมีคนที่รักและปรารถนาดีอยู่ด้วยอีกตั้งมากมาย ไม่เห็นจำเป็นต้องกลัวอะไรไปล่วงหน้าเลย ผมได้แต่มองทุกคนด้วยความรู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ



   เมื่อเราไปถึงจุดนัดพบก็พบว่ามีคนมารออยู่จำนวนหนึ่งแล้ว รอเพียงไม่นานทุกคนก็มาพร้อมกันหมด มองจากสายตาคร่าวๆ แล้วก็น่าจะมีร้อยกว่าคน ส่วนฝีมือก็คงไม่ธรรมดาแน่ๆ เพราะทุกกลุ่มมาถึงในเวลาที่รวดเร็วและเงียบกันมาก ตอนนี้ทุกคนกลับมาใช้ร่างมนุษย์เหมือนเดิม เพื่อความสะดวกในการสื่อสารกัน

   เมื่อคนพร้อมแล้วองค์ราชาฟอลคอนก็ส่งสัญญาณให้เริ่มออกเดินทางกันต่อเลย ถึงแม้จะมีคนร่วมเดินทางจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยจนผมรู้สึกทึ่ง ด้านหน้าขบวนเป็นแม่ทัพและนักรบคนสำคัญของอาณาจักรคอยคุ้มกันองค์ราชาอยู่ ส่วนรอบขบวนก็ล้อมรอบไปด้วยนักรบของอาณาจักร ส่วนผมได้รับคำสั่งให้อยู่ตรงกลาง โดยมีทีมเฮดีสคุ้มครองอีกชั้น เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ที่ผู้ร่วมชะตากับมังกรต้องตายก่อนวัยอันควร

   เราเดินทางกันไปจนถึงในป่าลึกที่เงียบสงัดแต่รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่อันตราย ท่านจอมปราชญ์ลิเวอร์ส่งสัญญาณให้ขบวนเดินทางหยุดแล้วปรับเปลี่ยนขบวน จากที่ตอนแรกนักสู้อยู่รอบขบวนด้านนอกปรับเปลี่ยนเป็นจอมเวทย์ขึ้นมาอยู่ข้างหน้าแทน แม้แต่ท่านเซเรสก็เดินไปร่วมที่ด้านหน้าด้วย ก้อนหินที่บินอยู่ก็ลงไปยืนที่พื้นจ้องไปข้างหน้าเขม็งเหมือนรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง ท่าทีของคนรอบข้างทำให้ผมกระชับดาบในมือไว้มั่นเป็นการเตรียมพร้อม

   “มนตร์บังตา” พรีซาขยับมากระซิบบอกผมเบาๆ 

   เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ตรงเข้ามาทำให้แต่ละคนเตรียมอาวุธขึ้นมาถือไว้อย่างพร้อมเพรียง แต่สิ่งที่พ้นแนวต้นไม้มาทำให้ผมต้องอึ้ง เพราะมันไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนเสือที่มีฟันแหลมคมวาววับโผล่พ้นปากมา อีกทั้งยังมีเขี้ยวที่ยาวมากกว่าเสือปกติหลายเท่า

   “ไทก์”  อื้อหือ... ชื่อเท่สมตัวนะมึงน่ะ ผมนึกในใจเมื่อได้ยินชื่อของสัตว์ตรงหน้าจากไซเลอร์

   “ถึงขนาดฆ่าไทก์มาสร้างมนตร์บังตาเลยเหรอ” เสียงพึมพำด้วยน้ำเสียงเครียดๆ ของพรีซากับเสียงกัดฟันกรอดของร็อตและชเนาเซอร์ทำให้ผมต้องหันไปมองด้วยความแปลกใจ

   “ไทก์เป็นสัตว์ที่อันตรายพอๆ กับลิฟฟ่อน แต่มันเป็นสัตว์ที่หายากยิ่งกว่าลิฟฟ่อนซะอีก พรีซาคงกังวลเรื่องอันตรายของมัน ร็อตน่าจะกังวลเรื่องความหายากของมัน ส่วนชเนาเซอร์เพิ่งจะมีเรื่องกระทบจิตใจเกี่ยวกับสัตว์ที่นำมาสร้างมนตร์บังตาก่อนหน้านี้น่ะ” ไซเลอร์ขยับมาอธิบายให้ผมฟัง ขณะที่สายตาเรายังคงมองไปด้านหน้าตาแทบจะไม่กระพริบเพราะอยากรู้ว่าจอมเวทย์จะจัดการกับมันยังไง

   หลังจากฝูงไทก์นับสิบโผล่พ้นแนวพุ่มไม้ออกมาแล้ว พวกมันก็พุ่งตรงเข้ามาเพื่อโจมทีทันที จอมเวทย์ที่อยู่ด้านหน้าทุกคนก็เริ่มร่ายเวทย์ขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่จะมีกลุ่มพลังงานสีทองพุ่งเข้าไปปะทะกับฝูงไทก์ทั้งหมด

   “กรรรรรร” เสียงคำรามของไทก์ดังลั่นไปทั่วทั้งผืนป่า

   พลังงานสีดำที่พุ่งออกมาจากฝูงไทก์ปะทะเข้ากับแสงสีทองที่พุ่งไปจากจอมเวทย์ก่อให้เกิดกระแสลมแรงที่พัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำให้ผมรีบก้มลงไปอุ้มก้อนหินไว้ในอ้อมแขนทันทีเพราะกลัวมันจะปลิวไปซะก่อน ส่วนไซเลอร์ก็ขยับเข้ามาบังพวกเราเอาไว้อีกที

   “ก๊าสส” ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมาบอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วง

   “รู้แล้วว่าตัวใหญ่ขึ้นแล้ว แต่มันอดห่วงไม่ได้นี่นา”

   “ก๊าสสสส” มันหันเข้ามากอดแล้วถูกับตัวผมอย่างออดอ้อน โอ๊ย! แค่นี้ก็หลงจะแย่แล้วหิน ไม่ต้องอ้อนมากขนาดนี้ก็ได้ ผมจับมันกอดด้วยความมันเขี้ยว ลืมสถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าไปชั่วขณะ

   “อะแฮ่ม” จนได้ยินเสียงกระแอมเรียกสติจากชเนาเซอร์ที่อยู่ข้างๆ นั่นแหละผมถึงได้รู้สึกตัวแล้วก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป
   แหะๆ ลืมตัวไปหน่อย

   “โฮกกกกกกกก” เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของไทก์ดังขึ้นมาเพียงไม่นานสายลมก็เริ่มสงบลง ผมจึงขยับโผล่หัวออกไปดู ก็พบว่าไทก์กลุ่มแรกถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ตัวที่เหลืออยู่จึงพุ่งเข้ามาใหม่

“กรรรรรรรรร”

ไซเลอร์รีบขยับเข้ามาเพื่อบังลมบังฝุ่นให้เราทั้งคู่อีกครั้ง ถึงจะอยากออกไปแค่ไหนคนบังก็ไม่ยอมให้ทำ เพราะไม่ว่าจะขยับซ้ายขยับขวา ไซเลอร์ก็ขยับตามมาบังได้ทุกครั้งอย่างกับมีตาหลัง ผมเลยได้แต่ยอมอยู่นิ่งๆ ให้พี่แกปกป้องไป

   “โฮกกกกกกกกกก”

   สายลมเริ่มสงบลงอีกครั้ง ผมก็เลยขยับออกมาดู ซึ่งไซเลอร์ก็ไม่ได้ห้ามอะไร เพราะเมื่อออกไปดูก็พบว่าไทก์ถูกจัดการไปหมดแล้ว ตอนนี้จอมเวทย์กำลังช่วยกันร่ายเวทย์เพื่อทำลายกำแพงที่กั้นอยู่ตรงหน้าอยู่ แต่นอกจากพลังงานสีดำที่อาบกำแพงไว้แล้ว ยังมีพลังงานสีทองพุ่งออกมาเป็นระยะอีกด้วย

“พลังจากเกล็ดมังกร ใช้เกล็ดมังกรเข้าช่วย” เมื่อท่านเซเรสบอก ท่านมอลทีสกับท่านเบอร์มีส จอมปราชญ์แห่งบาอัลที่มาสมทบด้วยก็ใช้เกล็ดมังกรของเคลเบรอสและบาอัลออกมาส่งพลังไปช่วย ทำให้เกิดเป็นแสงสีทองอาบไล้ไปทั่วกำแพงที่อยู่ด้านหน้า

   เปรี๊ยะๆๆๆๆ กำแพงที่ใสราวกระจกค่อยๆ มีรอยร้าวขยายออกไปเรื่อยๆ

   แว้บบบบ ก่อนที่จะสลายและหายไป

   ทุกคนต่างระแวดระวัง ด้วยกลัวว่าจะมีอะไรเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น แต่พอรอไปได้สักพัก เมื่อพบว่าทุกอย่างยังคงเงียบสงบ เหล่าจอมเวทย์ตรวจสอบแล้วไม่พบพลังเวทย์ใดๆ อีก ท่านเซเรสก็บอกให้ออกเดินทางต่อได้

   ขบวนเดินทางถูกปรับใหม่อีกครั้ง โดยรอบนอกของขบวนมีทั้งนักสู้และจอมเวทย์สลับกัน เพราะจากที่เห็นก็พอจะเดาได้ว่าอีกฝั่งน่ามีจอมเวทย์ฝีมือไม่ธรรมดาอยู่ด้วย หากถูกโจมตีตรงจุดไหนจะได้ตั้งรับได้ทัน

   เราเดินเข้าไปในป่าที่ลึกขึ้นเรื่อยๆ แต่น่าแปลกที่ป่าด้านในนี้กลับดูโปร่งขึ้น เหมือนกับว่าต้นไม้ใบหญ้าบริเวณนี้มันหายไป เมื่อเราเดินไปถึงบริเวณที่เป็นลานโล่งๆ ท่านแม่ทัพด้านหน้าก็ส่งสัญญาณให้เราหยุดเดิน

   ทุกคนหยุดนิ่งทันทีเหมือนถูกสตาฟ แม้แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสัญญาณอันตรายและความผิดปกติ รู้สึกเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังจับจ้องเราอยู่

   แซ่กๆๆๆ

   เสียงการเคลื่อนไหวของอะไรบางอย่างที่ดังแทรกความเงียบขึ้นมารอบๆ ขบวน ทำให้ทุกคนกระชับอาวุธประจำตัวที่ถืออยู่ในมือไว้มั่น ทุกคนหันหน้าออกนอกขบวนแล้วจ้องไปด้านหน้าของตัวเองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด 

เมื่อเห็นกลุ่มคนที่ถืออาวุธครบมือโผล่พ้นมาจากพุ่มไม้มา ทุกคนก็ยิ่งระแวดระวังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

“ข้าไม่ได้มาเพื่อทำร้าย แต่มาเพื่อขอเจรจา” องค์ราชาฟอลคอนทรงเอ่ยขึ้นก่อน

พวกมันเหลือบมองตากัน แต่ก็ยังคงเงียบไม่ตอบโต้อะไรกลับมา

“ข้าต้องการพบพาราคีท”

“ต้องการพบกระหม่อมเพื่ออะไร” เสียงของคนที่เดินแหวกกลุ่มคนออกมาถามขึ้น ผมจำได้ว่าเขาเป็นคนที่จับผมกรอกพิษรักในคุกใต้ดิน

“ข้าขอให้เจ้าหยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้ซะ แล้วข้าจะถือว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“ไม่มีทาง” คนที่ก้าวออกมาเคียงข้างท่านพาราคีทเป็นคนตอบ ผมจำได้ว่าเขาคือจอมเวทย์ที่เราเจอตอนผมหนีออกมาจากคุกใต้ดิน ท่านพาราคีทหันไปมองจอมเวทย์คนนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะหันมาพูดกับองค์ราชา

“มันสายไปแล้วฝ่าบาท กระหม่อมมาไกลเกินจะกลับไปได้แล้ว อีกอย่างกระหม่อมคงไม่สามารถทำใจให้อภัยในเรื่องที่พระองค์ทำร้ายจิตใจพี่สาวกระหม่อมได้”

“อย่าพูดให้มากความเลย ถ้าไม่อยากตายส่งมังกรมรกตออกมาให้เราซะดีๆ” คนพูดน่าจะเป็นคนที่มาจากมิติอื่น เพราะการแต่งกายแปลกๆ ไปจากคนมิตินี้

แหม่... คำพูดอย่างกับลอกมาจากตัวร้ายในละคร ผมได้ยินแล้วแทบจะกลอกตา

“พาราคีท” องค์ราชามีสีพระพักตร์หนักใจและผิดหวัง

“พูดมากเสียเวลา” จบคำพูดของกลุ่มคนที่มาจากต่างมิติ พวกมันก็พุ่งเข้าใส่กลุ่มคนของเราทันที!

“อยู่ใกล้ๆ ข้าไว้นะก้อนดิน” ไซเลอร์บอก เมื่อการต่อสู้เริ่มขึ้น

ผมกระชับดาบในมือแน่น เหลือบมองก้อนหินที่กางเล็บออกมาเตรียมพร้อมต่อสู้เหมือนกัน จึงรีบหยิบขวดยาที่รีดจากพิษงูมาเทใส่เล็บมันทันที เจอเล็บหินเวอร์รีนก่อนเป็นไง หึๆๆ

“ระวังตัวด้วยนะหิน”

   “ก๊าสส”

   การต่อสู้ในรอบนอกเป็นไปอย่างสูสี เพราะจำนวนคนของฝั่งนั้นมีไม่น้อยเหมือนกัน ทั้งนักสู้ ทั้งคนที่โดนเวทย์ควบคุม ทั้งจอมเวทย์ที่มาจากมิติอื่นบางคนฝีมือก็ไม่ธรรมดา และมีกำลังเสริมทยอยโผล่ออกมาเรื่อยๆ จนเริ่มจะมีคนที่ฝ่าจากรอบนอกเข้ามาด้านในได้เรื่อยๆ แล้ว

   เมื่อมีกลุ่มคนจากฝั่งนั้นเข้ามาใกล้ แก๊งเฮดีสก็ล้อมรอบตัวผมไว้ แล้วเริ่มลงมือปะทะทันที ส่วนผมก็คอยหาโอกาสซัดเข็มใส่คนที่ฝีมือดีๆ เพื่อตัดกำลังไว้ก่อน ส่วนคนฝีมืออ่อนๆ ก็ปล่อยให้พี่ๆ จัดการไป เพราะเข็มมีจำนวนจำกัด จะใช้อย่างพร่ำเพรื่อไม่ได้

   ขนาดไซเลอร์กับเพื่อนๆ คอยกันเอาไว้แล้วก็ยังมีคนเข้ามาใกล้ผมจนได้ เหมือนมันมีเป้าหมายที่ผมกับก้อนหินอยู่แล้ว ทั้งผมทั้งก้อนหินจึงต้องขยับเข้าไปต่อร่วมสู้ด้วย ใครมันจะยอมให้จับตัวกันได้ง่ายๆ กัน!

   ถ้าสู้กับคนที่ฝีมืออ่อนกว่าก็เอาชนะด้วยฝีมือและทำให้สลบได้ไม่ยาก แต่ถ้าเป็นคนที่ฝีมือสูสีหรือเก่งกว่าก็ใช้เข็มยาสลบเป็นเครื่องทุ่นแรง หาโอกาสหยิบมาซัดหรือไม่ก็ปักลงไปบนเนื้อของคู่ต่อสู้ สลบเหมือดไปทุกราย ของเค้าดีจริงๆ!

   “กรรรรร”

สาเหตุที่ทำให้ต้านเอาไว้ลำบากก็เพราะว่า นอกจากมนุษย์แล้วสัตว์ป่าอันตรายอื่นๆ ที่ถูกเวทย์ควบคุมก็เริ่มโผล่จากป่าเข้ามาโจมตีพวกเราด้วย ไม่เว้นแม้แต่มังกรขาวดำอีกนับสิบตัวที่น่าจะอยู่ในป่าลึกแล้วถูกเวทย์ควบคุมไว้ ซึ่งตอนนี้พวกมันกำลังบินตรงมาทางนี้แล้ว

และคนอื่นๆ ก็คงจะเห็นเช่นกัน เพราะผมเหลือบไปเห็นคนของอาณาจักรรุคหลายๆ คนยกอะไรสักอย่างที่เป็นแท่งยาวๆ เล็กๆ ที่ห้อยคอไว้ขึ้นมาเป่า เดาว่าคงเป่าเรียกมังกรของตัวเองมาช่วยด้วย

แว้บบบ

เมื่อเห็นดังนั้น ก้อนหินก็เปลี่ยนร่างเป็นขนาดใหญ่ขึ้น ผมรีบจบการต่อสู้แล้วหาโอกาสล้วงขวดยาสลบเทใส่เล็บให้มันเพิ่ม เพราะคิดว่าก้อนหินคงไม่อยากจะฆ่าเผ่าพันธุ์เดียวกันหรอก ยิ่งถูกเวทย์ควบคุมมาแล้วก็คงยิ่งไม่อยากฆ่าแน่ๆ

“ก๊าสสสสสสส” ก้อนหินคำรามดังก้องป่า เสียงของมันทำให้มังกรที่ร่อนลงสู่พื้นดินเซแล้วสะบัดหัวเหมือนเริ่มจะได้สติ แต่เสียงร่ายมนตร์ที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องจากจุดใดจุดหนึ่งของป่า ทำให้มันกลับมาถูกควบคุมอีกครั้ง

“ก๊าสสสสสสสสสสส” ก้อนหินคำรามอีกครั้งเพื่อเรียกมังกรที่มีจิตแข็งแกร่งพอที่จะไม่ถูกควบคุมให้มาช่วย ก่อนที่ตัวมันจะพุ่งเข้าไปสู้กับมังกรที่ถูกเวทย์ควบคุมมา!

ผมแทบจะไม่มีสมาธิกับการต่อสู้เพราะเป็นห่วงก้อนหิน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีวันตายแต่มันก็เจ็บเป็นเลยอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงทำให้พลาดเสียจังหวะไป จนเกือบจะโดนดาบฟัน ยังดีที่ไซเลอร์ซัดเข็มมาช่วยไว้ได้ทันไม่งั้นคงแย่ ผมพยายามรวบรวมสมาธิกับการต่อสู้ใหม่ เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้คนอื่นๆ

แต่คู่ต่อสู้ที่เข้ามาประชิดตัวคนใหม่นี่เห็นหน้าชัดๆ แล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลาย ชิบหายละ! นักรบของรุค คุ้นๆ ว่าจะเป็นเพื่อนๆ ของทีมเฮดีสที่ถูกควบคุมอยู่ ผมกระชับดาบให้มั่น เมื่อคนตรงหน้าพุ่งเข้ามาก็พยายามหลบให้ไวแล้วหาโอกาสหยิบเข็มยาสลบออกมาทิ่มให้เร็วที่สุด

ถ้าคนที่เข้ามาหาผมได้มีฝีมือขนาดนี้แสดงว่าคนอื่นๆ ก็คงตึงมือเช่นเดียวกัน ถึงได้กันเอาไว้ไม่ได้ ผมพยายามหลบเลี่ยงคมดาบ แต่ฝีดาบที่แรงและเร็วทำให้ผมหาโอกาสหยิบเข็มออกมาไม่ได้

“โอ๊ะ!”จนสุดท้ายก็เพลี่ยงพล้ำโดนคมดาบบาดผิวเนื้อตรงแขนเข้า จนได้แผลเลือดอาบไปทั้งแขน

“ก้อนดิน”

“ก๊าสสสส”

ทั้งไซเลอร์และก้อนหินพยายามจะผละมาช่วย แต่เนื่องจากคู่ต่อสู้ของทุกคนต่างไม่ธรรมดา ส่วนคู่ต่อสู้ของก้อนหินก็มีหลายตัว จึงทำให้ไม่สามารถผละออกมาได้เร็วดั่งใจ

   ผมพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ แต่ฝีมือที่ต่างกันจนเกินไป ทำให้ได้แผลเฉี่ยวๆ มาอีกหลายแห่ง และเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ทำให้ฝีมือผมยิ่งตกเป็นรอง จนในที่สุดก็ถูกปัดดาบออกจากมือ คนจากมิติอื่นที่รอจังหวะอยู่แล้วจึงถือโอกาสเข้ามาประชิดตัว ล็อคคอ แล้วเอาดาบพาดคอผมไว้

   “หยุด! ถ้าไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตาย”

ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมแบบนี้ ผมก็อยากจะถอนหายใจกับบทผู้ร้ายในละครของคนที่เอาดาบพาดคออยู่จริงๆ

   การต่อสู้ค่อยๆ หยุดชะงักลงทีละคู่ โดยเฉพาะฝั่งราชาฟอลคอนที่ผละออกจากคู่ต่อสู้ก่อน แต่ก็ยังระแวดระวังดูท่าทีกันอยู่ เพียงแต่สีหน้างงงันของคนฝั่งตรงข้ามก็ทำให้ผมพลอยงงไปด้วย

   “อย่าทำอันตรายเขานะ” เสียงร้องห้ามของท่านพาราคีทดังขึ้น เมื่อคนที่จับผมไว้กดดาบแน่นขึ้นจนคมดาบบาดคอผมเลือดไหลซิบๆ และบาดมือที่ผมพยายามใช้ต้านแรงกดของดาบไว้ เหมือนกับว่าสิ่งที่ไอ้คนนี้ทำอยู่ไม่ใช่แผนที่ท่านพาราคีทวางไว้แต่แรก

   “ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ ชักช้ากันอยู่ได้ รีบจบเรื่องบ้าๆ นี่ซะที ข้ารอมานานเต็มทีแล้ว ถ้ายุ่งยากนักก็ฆ่าแม่ง”

   อย่าให้ก้อนหินโตนะมึง จะส่งไปฝังแม่งที่แกนโลก ไม่ต้องส่งกลับมิติเดิมหรอก ส่งไปก็หนักโลกเปล่าๆ ผมคิดด้วยความโมโหและเจ็บใจ ที่ต้องมาตกเป็นเครื่องมือในการต่อรองของมัน

   “เจ้าต้องการอะไร” องค์ราชาฟอลคอนถามหยั่งเชิง

   “ส่งเกล็ดมังกรทั้งหมดมาให้ข้า”

   “ไหนตกลงจะรอให้มังกรโตก่อนไง” เสียงของหนึ่งในคนที่เข้าร่วมกับท่านพาราคีทเอ่ยแย้งขึ้นมา

   “กว่ามังกรจะโต ต้องรออีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ ข้ารอนานขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ตอนนี้ข้าต้องการแค่เกล็ดมังกร ใครจะรอมังกรโตก็ตามใจ แต่ข้าไม่รอแน่ แค่ได้เกล็ดมังกรไป เราก็สามารถเดินทางข้ามมิติไปเอาสิ่งที่ต้องการมาไว้ในกำมือได้อยู่แล้ว ทีนี้เราก็จะรวยไม่รู้เรื่อง ใครจะอยู่ฝั่งเดียวกับข้าก็ก้าวมายืนข้างหลังข้า”

   หลังจากที่มันพูดจบ กลุ่มของท่านพาราคีทก็แบ่งออกเป็นสองฝ่าย กลุ่มคนที่มาจากรุคยังคงอยู่ข้างท่านพาราคีทและจอมเวทย์คนนั้นเช่นเดิม แต่กลุ่มคนที่มาจากต่างมิติส่วนใหญ่จะเดินมาอยู่ฝั่งของคนข้างหลังผมแทน

“เอาละ ถ้าไม่อยากให้ไอ้เด็กนี่ตาย ก็ส่งเกล็ดมังกรมาให้ข้าได้แล้ว รึจะลองปล่อยให้มันตายไปก่อนที่มังกรจะโตก็ตามใจ” มันพูดขู่ แล้วกดคมดาบเข้ามาอีกนิด

   คนที่ถือเกล็ดมังกรทั้งสามหันไปสบตากัน ก่อนที่ท่านมอลทีสจะเดินเข้ามาเป็นคนแรก

   “หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! วางเกล็ดมังกรไว้บนพื้น แล้วเดินกลับไป อย่าตุกติก คนที่เหลือวางอาวุธลงให้หมด”

   เมื่อท่านมอลทีสวางเกล็ดมังกรลงแล้วถอยออกไป ส่วนคนที่เหลือก็ค่อยๆ วางอาวุธลง

   “พวกเจ้าระวังหลังให้ข้า คนที่เป็นเวทย์สร้างเวทย์คุ้มกันให้ด้วย” มันบอกกับคนที่ยืนอยู่ด้านหลังอย่างรอบคอบ
ท่านเบอร์มีสจอมปราชญ์แห่งบาอัลก็เดินมาวางเกล็ดมังกรเป็นคนถัดไป ส่วนเกล็ดมังกรเกล็ดสุดท้ายซึ่งเป็นของอาณาจักรรุคที่ถูกขโมยมานั้นอยู่กับจอมเวทย์ที่ยืนเคียงข้างท่านพาราคีท

   คนๆ นั้นยังคงยืนนิ่งอยู่จนท่านพาราคีทเอ่ยปาก

   “เราจะให้เขาตายไม่ได้” เจ้าตัวจึงยอมเดินออกมาแล้ววางไว้ข้างๆ กับเกล็ดมังกรอีกสองอัน

   “น้องข้าไปหยิบมันมา” มันบอกให้คนที่อยู่ข้างหลังเดินไปหยิบเกล็ดมังกรกลับมา

   เมื่อคนคนนั้นเดินกลับมาถึงแล้วมันก็กระซิบข้างหู

   “ในเมื่อข้าได้เกล็ดมังกรแล้ว เจ้าก็อย่าอยู่เลย” มันกดดาบเข้ามาจนมือที่ผมใช้ดันดาบไว้แทบจะต้านไม่ไหว!

   “ดิน!”

   “ก๊าสสสสสสสสสสสส”

“หยุดนะ”

   “อย่านะ”

   สิ้นเสียงร้องเรียกชื่อผมของก้อนหินก็เกิดแสงสว่างสีทองที่พุ่งออกมาจากร่างของมันก่อนจะกระจายอาบไปทั่วอาณาบริเวณจนแสบตา


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 22-12-2017 20:39:57
   “ก้อนหิน เป็นอะไรรึเปล่า” ผมหลับตาลงเพราะสู้แสงไม่ไหว แต่ปากยังคงตะโกนถามมันด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอันตรายขึ้นกับมัน

   “ดิน ลืมตาได้แล้ว” เสียงของไซเลอร์กับสัมผัสที่แตะลงบนบ่าเบาๆ ทำให้ผมลืมตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า

สิ่งที่เห็นในสายตาเป็นสิ่งแรกคือมังกรที่มีขนาดใหญ่ยิ่งกว่ามังกรดำเกือบเท่าตัว เขาสีขาวทั้งคู่แหลมยาวโน้มไปด้านหลัง ฟันขาววาววับดูคมกริบ เขี้ยวทั้งสองข้างยาวกว่าฟันออกมาเล็กน้อย ปีกทั้งสองข้างกว้างใหญ่ เกล็ดสีเขียวมรกตกระทบกับแสงแดดเป็นประกายวาววับสวยจับใจ เกล็ดมันมีขนาดใหญ่เท่ากับเกล็ดมังกรแต่ละอาณาจักรซึ่งตอนนี้สลายไปแล้ว เนื่องจากมังกรมรกตโตเต็มที่แล้ว

“ก้อนหิน”

   “ก๊าสสสสส” มันร้องรับแล้วโน้มหัวลงมาหาผม ผมแนบแก้มเข้ากับหัวของมันแล้วกอดไว้แน่นๆ ในใจมันรู้สึกทั้งดีใจทั้งปลาบปลื้มอย่างบอกไม่ถูก ในที่สุดมันก็โตเต็มที่แล้ว จะไม่มีใครรังแกมันได้อีกแล้ว ก้อนหินใช้ปีกมาโอบล้อมผมเอาไว้เหมือนจะกอด เพราะความที่ตัวมันหนัก ทำให้ไม่สามารถยืนสองขาและกอดได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว

   เมื่อกอดกันได้สักพัก ผมก็เพิ่งจะนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้านี้ได้ จึงผละตัวออกมาจากก้อนหิน เมื่อมองไปที่ไซเลอร์ก็เห็นไซเลอร์มองมาที่คอผมซึ่งตอนนี้แผลได้รับการเยียวยาจากก้อนหินจนหายไปแล้ว เหมือนเจ้าตัวจะรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ก่อนหน้า ผมก็ได้แต่ยิ้มปลอบใจไปก่อนเดี๋ยวค่อยหาโอกาสไปเคลียร์เรื่องนี้กันทีหลัง

   “แล้วคนพวกนั้นล่ะครับ” เมื่อผมถามขึ้นมา ก้อนหินก็ขยับออกมายืนข้างๆ ผม ทำให้ผมได้เห็นว่า กลุ่มคนของท่านพาราคีทถูกขังไว้ในกรงขังที่เหมือนกับกรงขังในคุกใต้ดินอย่างกับแกะ ผิดแต่ว่าเป็นกรงที่สร้างจากเวทย์ ส่วนกลุ่มคนที่ทำร้ายผมถูกขังไว้ในก้อนกลมๆ ขนาดใหญ่ คนด้านในลอยอยู่ในนั้น และลอยไปชนกันอยู่เป็นระยะเพราะบังคับการเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้

พรืด! ผมอดจะหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ ก้อนหินรู้ดีว่าผมคงไม่ต้องการจะฆ่าใคร เลยได้แต่แกล้งเอาคืนเป็นเด็กๆ แบบนี้ แสบจริงๆ นะก้อนหิน ผมเหลือบไปมองมันขำๆ ซึ่งมันก็แยกเขี้ยวแบบสะใจกลับคืนมา

“เจ้ายอมกลับใจซะเถอะนะพาราคีท” องค์ราชาฟอลคอนไปยืนตรัสกับท่านพาราคีท

“มันสายไปแล้วฝ่าบาท กระหม่อมมาไกลเกินจะกลับไปแล้ว จะทรงลงโทษยังไงก็ทรงทำเถอะ” ท่านพาราคีทสบตากับองค์ราชาอย่างแน่วแน่

“พาราคีท” เสียงหวานใสของหญิงสาวที่ท่านลิเวอร์พาเดินเข้ามาทำให้แววตาคู่นั้นเปลี่ยนเป็นสั่นไหว

“ท่านพี่ชีลา” องค์ราชินีที่ยังคงงดงามเดินไปยืนข้างๆ องค์ราชาที่หน้ากรงขัง

“ขอฝ่าบาทอย่าลงโทษท่านพี่ชีลาเลย องค์ราชินีไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ทุกอย่างกระหม่อมทำเองทั้งหมด”

“พาราคีท ทำไมถึงทำอย่างนี้เล่าน้องพี่” องค์ราชินีถามน้องชายทั้งน้ำตา

“ข้าต้องการความยุติธรรมให้กับเรา ให้กับคนที่ต้องเจอต้องเป็นเหมือนเรา ที่สำคัญข้าไม่อยากให้ท่านต้องทนทุกข์อยู่เหมือนทุกวันนี้” องค์ราชินีส่ายหน้าก่อนจะตรัส

“จริงอยู่เมื่อก่อนความรักอาจสำคัญสำหรับข้า การที่ต้องแต่งงานกับคนที่ข้าไม่ได้รักและไม่ได้รักข้า ทำให้ข้าเป็นทุกข์เหลือเกิน แต่ในตอนนี้สำหรับข้าแล้ว สิ่งที่สำคัญกับข้ามากที่สุดก็คือชาวรุคทุกคนต่างหาก แค่ได้เห็นชาวรุคอยู่กันอย่างมีความสุข ข้าก็พอใจแล้ว อีกอย่าง ข้าก็รู้มาว่าองค์ราชาและเจ้าชายทุกคนกำลังร่วมมือกันแก้ไขกฎเก่าๆ เหล่านี้อยู่ แต่เจ้าก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลา”

“ท่านพี่”

“ใช่ ข้ากำลังพยายามแก้ไขกฎต่างๆ เหล่านี้อยู่ แต่มันต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนแปลงอยู่สักหน่อย ถึงจะเปลี่ยนความคิดของคนรุ่นเก่าๆ ในอาณาจักรได้”

“ฝ่าบาท... กระหม่อมขอประทานอภัย” หลังจบคำพูดท่านพาราคีทก็คุกเข่าลง ส่วนคนที่เหลือต่างก็คุกเข่าลงและกล่าวด้วยคำพูดเดียวกันด้วยสีหน้าละอายใจ

“ข้าอภัยให้พวกเจ้า เพราะสิ่งที่พวกเจ้าทำก็ถือว่าทำเพื่อชาวรุคส่วนหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่คนที่เจ้าควรจะไปขอโทษจริงๆ น่าจะเป็นเกรทเดนกับคูวาสต์มากกว่า”

“กระหม่อมฝากขอประทานอภัยจากคิงเกรทเดนและควีนคูวาสต์ด้วยฝ่าบาท”

“เจ้าจะฝากทำไมล่ะ ไปขอโทษด้วยตัวเองสิ”

“แต่กระหม่อมทำผิด จนเกือบจะทำให้ผู้ผูกชะตาเกือบจะตาย”

“แต่ตอนนี้ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ครับ ข้าปลอดภัยดีและไม่ได้ติดใจอะไรเลย” เมื่อทุกคนหันมามอง ผมก็หันไปบอกยิ้มๆ

“นั่นสิ ตอนนี้ก้อนดินปลอดภัยดีแล้ว และก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเจ้าด้วย ประเด็นนี้ถูกปัดไป”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ทั้งนั้น... ถ้าอยากจะไถ่โทษก็กลับไปช่วยข้าทำงานก็แล้วกัน พวกเจ้าล่ะว่าอย่างไร” องค์ราชาหันไปถามคนอื่นๆ ที่เดินทางมาด้วย

“ในเมื่อไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจะว่าอย่างไรได้เล่าฝ่าบาท”

“จริงด้วย” เสียงที่สนับสนุนขึ้นมาทำให้คนที่ถูกขังน้ำตาไหลออกมาด้วยความซาบซึ้ง

“ขอบพระทัยฝ่าบาท ขอบคุณทุกคน ขอโทษเจ้าด้วยนะก้อนดินที่ทำให้เดือดร้อน” ผมได้แต่ยิ้มรับคำขอโทษ ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านพ้นไปแล้ว แล้วจะถือโทษโกรธกันไปอีกทำไมให้เสียเวลาเปล่า

“แล้วท่านล่ะ จะกลับใจแล้วไปช่วยข้าทำงานหรือไม่” องค์ราชาหันไปถามจอมเวทย์ที่ยังยืนนิ่งอยู่ในกรงขัง

“ข้าแพ้แล้ว จะลงโทษยังไงก็ทำไปเถอะ”

“ท่านจะแก้แค้นไปเพื่ออะไรเล่าท่านฟีเนส” ท่านเซเรสเดินมาใกล้ๆ และคุยกับจอมเวทย์ที่ผมเพิ่งจะได้รู้จักชื่อ

“คนที่ไม่ต้องสูญเสียอย่างข้า จะเข้าใจอะไร ข้าต้องการทวงความยุติธรรมให้กับลูกสาวข้า” เสียงตอบกลับมานั้นทั้งเกรี้ยวกราดและเจ็บปวด

“ท่านคิดว่านางจะมีความสุขที่ท่านเป็นเช่นนี้หรือ” ท่านฟีเนสหันหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะฟัง ท่านเซเรสทอดถอนใจ

“นางไม่ได้มีความสุขกับการกระทำของท่านเลย สิ่งที่ท่านทำนั้นทำให้นางเป็นทุกข์เพราะความรู้สึกผิดมากกว่า”

“ท่าน... รู้ได้ยังไง” ท่านเซเรสไม่ตอบแต่หันไปยังทิศทางที่มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาหา เมื่อเดินมาถึงหน้ากรงขังเด็กสาวคนนั้นก็ก้มหน้าลงแล้วร้องไห้

“ท่านพ่อ ข้าขอโทษ”

“เจ้า... ไม่จริง” จอมเวทย์ฟีเนสมีสีหน้าสับสน

“ข้าขอโทษที่ฆ่าตัวตายหนีปัญหา ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเสียใจ ขอโทษที่ข้าอับอายจนไม่กล้าเผยตัว ไม่กล้ามาบอกกับท่านว่าข้ากลับมาแล้ว จนปล่อยให้ท่านต้องทนทุกข์มาถึงตอนนี้ ข้าขอโทษ ฮึก” นางเอ่ยคำขอโทษแล้วก็ทิ้งตัวลงคุกเข่าแล้วเงยหน้าขึ้นมองจอมเวทย์

“ฟีน่าขอโทษนะคะท่านพ่อ ฮือออออ” จอมเวทย์ฟีเนสนิ่งไปเหมือนถูกสาป สายตาที่เคยแข็งกร้าวสั่นระริก เขาหันหน้าไปมองหน้าท่านเซเรสเหมือนจะขอความมั่นใจ

“ใช่ นางคือฟีน่าลูกสาวของท่านที่กลับมาเกิดใหม่” เมื่อได้รับคำยืนยันจอมเวทย์ฟีเนสก็ทิ้งตัวลงนั่งพยายามยื่นแขนออกมาจากกรงขัง ซึ่งก้อนหินก็ยอมปล่อยให้ยื่นออกมาได้แต่โดยดี เด็กสาวตรงหน้ายื่นมือออกไปจับมือนั้นไว้แน่น

“ฟีน่าลูกพ่อ” แล้วน้ำตาของจอมเวทย์ฟีเนสก็ไหลออกมาทันที

“ฮือ ท่านพ่อ ยกโทษให้ข้าเถิดนะคะ”

“พ่อไม่เคยโกรธเจ้าเลยลูก แค่เจ้ากลับมาพ่อก็ดีใจแล้ว แต่เพราะเหตุใดเจ้าถึงยังจำเรื่องราวในครั้งก่อนได้เล่า”

“ฮึก หลังจากที่ข้าตายแล้ว ท่านเซเรสก็ไปตามดวงจิตข้ากลับมาแล้วอบรมข้าไปยกใหญ่ ท่านเซเรสปล่อยให้ข้าสำนึกผิดและรอให้ดวงจิตของข้าเข้มแข็งขึ้นแล้วใช้พลังจากเกล็ดมังกรส่งข้ากลับมาเกิดในตระกูลฟินซ์อีกครั้ง แต่ด้วยความรู้สึกแค้นที่ยังฝังลึกอยู่ในจิตใจของข้าจึงทำให้ในวัยเด็กข้าได้ถูกดึงกลับไปที่มิตินั้นอีกครั้ง ข้าดีใจมากที่มีโอกาสได้กลับไปแก้แค้น แต่เมื่อกลับไปแล้วก็พบว่าคนที่เคยทำร้ายข้านั้นได้ถูกฆ่าตายอย่างทรมานไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ข้าคิดขึ้นได้ว่าถึงแม้ข้าจะไม่ได้แก้แค้นเอาคืน แต่กฎของโลกแต่ละโลกก็มีวิธีจัดการกับคนพวกนี้อยู่แล้ว หลังจากได้รับการช่วยเหลือกลับมา ท่านเซเรสขอให้ข้าบอกกับทุกคนว่าข้าเป็นใคร แต่ข้ายังรู้สึกละอายใจที่ทำให้ตระกูลของเราต้องอับอาย ข้าเลยไม่กล้าเผยตัว ไม่เช่นนั้นท่านพ่อคงไม่ต้องจมอยู่กับความรู้สึกแค้นนานเช่นนี้ ขอโทษนะคะท่านข้าพ่อ”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษแล้ว พ่อเข้าใจเจ้า อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะ” จอมเวทย์ฟีเนสยิ้มอย่างอ่อนโยน เขายกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวตรงหน้าอย่างเบามือ

“ขอบคุณค่ะท่านพ่อ” นางยิ้มให้คนตรงหน้าแล้วเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้กับจอมเวทย์ฟีเนสด้วยความอ่อนโยนเช่นเดียวกัน

“ฝ่าบาท หากจะลงโทษท่านพ่อ ก็ขอให้หม่อมฉันรับโทษด้วยเถอะนะคะ เป็นเพราะหม่อมฉันทำให้ท่านพ่อต้องตกอยู่ในบ่วงแค้นและทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นเช่นนี้”

“ไม่นะฝ่าบาท กระหม่อมเป็นผู้ทำผิด ขอให้พระองค์โทษกระหม่อมแต่เพียงผู้เดียว นางไม่ได้ทำผิดอะไร ปล่อยนางไปเถอะ”

“เอาละๆ อย่าแย่งกันรับโทษอีกเลย ข้าไม่เอาโทษทั้งคู่นั่นแหละ แต่พวกเจ้าต้องรับโทษด้วยการเข้าวังไปช่วยงานข้า ตกลงไหม”

“ขอบพระทัยในความกรุณาฝ่าบาท” ทั้งคู่ก้มลงแสดงความเคารพต่อองค์ราชาด้วยความซาบซึ้ง ถึงจะเป็นเหมือนการถูกขังอยู่ในวังกลายๆ แต่ก็ยังกว่าที่จะให้อีกฝ่ายได้รับโทษ

ผมยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเรื่องราวจบลงด้วยดี แต่ในส่วนของคนที่มาจากต่างมิตินั้น องค์ราชาและจอมปราชญ์ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะนำไปอบรมบ่มนิสัยกันใหม่ ก่อนที่จะส่งกลับคืนมิติเดิม เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาของมิตินั้นๆ อีก ผมมองกลุ่มคนในก้อนกลมๆ ที่ยังลอยกระแทกกันไปมาอย่างขำๆ

“ที่สำคัญ ต้องขอบใจเจ้าด้วยนะก้อนดิน ถ้าไม่มีเจ้าเรื่องนี้ก็คงไม่จบดีๆ เช่นนี้” องค์ราชาหันมาขอบคุณผมอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ตอบไป

“กระหม่อมไม่ได้ทำอะไรเลยนะฝ่าบาท ก้อนหินต่างหากที่เป็นคนช่วยให้เรื่องจบลงแบบนี้ กระหม่อมนี่เป็นตัวถ่วงให้มันซะด้วยซ้ำ”

“อย่าพูดอย่างนั้นสิก้อนดิน เพราะจิตใจที่เข้มแข็งและไม่ยอมแพ้ของเจ้า เลยช่วยให้เจ้าทั้งคู่ผ่านพ้นอุปสรรคทุกอย่างมาได้ และยังทำให้ก้อนหินเติบโตได้เร็วขึ้นกว่าที่ข้าคาดการณ์ไว้ซะอีก” ท่านเซเรสเอ่ยค้านและให้กำลังใจผม

“ก๊าสสส” แว้บบบบ

“ใช่ ดินดีที่สุดแล้ว” ก้อนหินร้องรับก่อนจะเปลี่ยนร่างกลับเป็นมังกรตัวเล็กๆ แล้วบินมากอดคอผมอ้อนๆ

“โตแล้วก็ยังจะอ้อนอีกเหรอก้อนหิน” ชเนาเซอร์เอ่ยแซ็ว

“ก๊าส” ก้อนหินผละจากตัวผมแล้วบินไปหาชเนาเซอร์

“เฮ้ย! ปล่อยนะก้อนหิน ก้อนดินช่วยข้าด้วย” ก่อนที่มันจับชเนาเซอร์ไปขังไว้ในวงกลมขนาดเท่าตัวแล้วปล่อยให้ลอยตัวเล่นอยู่ในนั้น

“ฮ่าๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะของทุกคนทำให้ผมอยากจะหยิกแขนพิสูจน์ดูจริงๆ ว่าไม่ได้ฝันไป

ไซเลอร์ขยับเข้ามาประสานมือกับมือของผมแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นที่ได้รับทำให้รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้ฝันไปเอง

ดีเหลือเกิน ที่จบลงด้วยดีแบบนี้

ผมกระชับมือไซเลอร์ไว้แน่น แล้วยิ้มตอบด้วยความโล่งใจ


หลังจากเคลียร์พื้นที่เสร็จแล้ว องค์ราชาก็ให้เหล่านักรบและจอมเวทย์คุมนักโทษจากต่างมิติเอาไปขังไว้ที่คุกร้างที่ผมเคยถูกขังไว้ เพื่อที่จะรอจัดการในขั้นตอนต่อไปคือปรับทัศนคติและอบรมบ่มนิสัยใหม่ โดนท่านเซเรสอบรมหูชาแน่พวกมึง หึๆๆๆ ส่วนเหล่าจอมเวทย์ก็ตามไปช่วยร่ายเวทย์กำกับเพื่อป้องกันการหลบหนี เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วก็วางเวรยามเฝ้าไว้ เผื่อว่าจะมีคนที่ยังไม่ถูกจับหลงเหลืออยู่มาช่วยหนีไป ส่วนคนที่เหลือก็ทยอยเดินทางกลับเมืองเหมือนตอนขามา

ผมกับแก๊งเฮดีสต้องกลับเคลเบรอสก่อน ท่านเซเรสก็ไปกับเราด้วย เพราะเป็นทางผ่านที่จะกลับมิติที่ท่านอยู่ เราเดินทางกันอย่างสบายๆ ไม่ต้องรีบเร่งเหมือนตอนขามา ทุกคนเดินทางในร่างมนุษย์ ส่วนก้อนหินก็ยังคงใช้ร่างเล็กๆ บินเคียงข้างผมเหมือนเดิม

แต่ในระหว่างเดินทางกลับอยู่นั้น ท่านเซเรสก็ชะงักและหยุดลงกะทันหัน แล้วมองเข้าไปในป่านิ่งๆ ทำให้คนที่เหลือหยุดชะงักไปด้วย

“มีอะไรรึเปล่าครับ” ผมถามด้วยความแปลกใจ เพราะทั้งผมและคนอื่นๆ ไม่รู้สึกถึงอันตรายหรือความผิดปกติอะไร

“บริธส์ หยุดก่อน” ท่านเซเรสร้องเรียก ก่อนจะวิ่งไปอีกทาง เรามองหน้ากัน แล้วตัดสินใจวิ่งตามไป วิ่งไปได้สักพักท่านเซเรสก็หยุดตรงหน้าต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง

“ออกมาเถอะ ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า” รอบๆ ตัวเรายังคงเงียบสนิท แต่ก็รอเพียงไม่นานก็มีคนๆ หนึ่งเดินออกมาจากหลังต้นไม้ต้นใหญ่ตรงหน้า

คนที่เดินออกมาอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำสนิท หน้าตาอ่อนวัยพอๆ กับท่านเซเรส เมื่อเราเห็นว่าท่านเซเรสไม่ได้มีทีท่าระวังภัยอะไรก็เลยนิ่งๆ ตามไปด้วย อีกอย่างคนตรงหน้าก็ไม่ได้แสดงท่าทีคุกคามอะไร เลยได้แต่ยืนตั้งหลักอยู่ข้างหลังท่านเซเรสเงียบๆ

“เจ้า... ออกมาได้แล้วเหรอ” ท่านเซเรสถามไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สายตาจับจับไปยังคนตรงหน้าตาแทบไม่กะพริบ

ผมจำได้ว่าจอมเวทย์คนนี้เป็นเพื่อนกับท่านเซเรสและถูกขังอยู่ในความมืด จะออกมาได้ก็ต่อเมื่อสำนึกผิดได้แล้ว แล้วที่ตอนนี้ออกมาได้ก็หมายความว่าเขาสำนึกแล้วอย่างนั้นสิ

“อืม” คนตอบตอบกลับมาสั้นๆ แต่แววตาที่ดูอ่อนโยนคู่นั้นกลับมีความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่

“เรื่องจอมเวทย์ฟีเนสฝีมือเจ้าใช่ไหม”

“ใช่”

“เฮ้อ... ในเมื่อสำนึกแล้วจะทำไปทำไมอีก”

“เขา... เหมือนกับข้า ต้องสูญเสียคนที่รักเหมือนกัน ข้าทนนิ่งดูดายไม่ไหว”

“เฮ้อ... ช่างเถอะ ในเมื่อมันจบลงแล้วจะต่อว่าเจ้าไปอีกก็ไม่มีประโยชน์ แต่ข้าอยากจะขอร้อง อย่าทำเช่นนี้อีกได้หรือไม่ ปล่อยให้มันเป็นไปตามกฎของมิติเถอะนะบลิธส์”

“... ข้าจะพยายาม” คนตรงหน้านิ่งคิดไปก่อนจะตอบกลับมา

“แต่ถ้าเจ้าไม่อยากให้ทำ ก็มาคอยดูแลข้าเองสิ”

“...”

“ได้สิ ข้าจะดูแลเจ้าเอง”



ผมมองท่านเซเรสด้วยความเป็นห่วง เมื่อท่านเซเรสบอกว่าต้องการจะแยกเดินทางไปกับจอมเวทย์บลิธส์ ผมมองอีกคนอย่างไม่ไว้วางใจ แต่ก็ห้ามอะไรไม่ได้ ในเมื่อเป็นความต้องการของท่านเซเรสเอง

“ไม่ต้องห่วงหรอกน่าก้อนดิน ไม่เชื่อเจ้าลองถามก้อนหินดูก็ได้”

ก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนแหงนหน้าขึ้นมาบอก

“ก๊าสสสส” ในเมื่อได้รับคำยืนยันจากก้อนหินว่าคนที่อยู่ข้างหลังท่านเซเรสไม่เป็นอันตราย ผมก็ค่อยวางใจ

“แล้วค่อยเจอกันนะ ว่างๆ ก็พาก้อนหินแวะไปหาข้าบ้าง”

“ครับ เดี๋ยวข้าจะพาก้อนหินแวะไปเยี่ยม”

ท่านเซเรสยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ตบบ่าผมเบาๆ แล้วหันหลังกลับ เดินเคียงคู่ไปกับจอมเวทย์คนนั้น ผมยืนมองจนลับสายตา ไซเลอร์ก็มาแตะบ่าอีกข้างเบาๆ

“ไปกันเถอะ”

“ครับ กลับบ้านเรากันเถอะ”

เราสองคนยิ้มให้กันด้วยความรู้สึกอุ่นใจที่จะได้กลับเรือนวสุธาสักที

“แค่กๆๆๆๆๆ”

แต่เบื่อตรงไอ้พวกที่ชอบแซ็วนี่แหละ โว๊ะ! จนจะจบเรื่องอยู่แล้วก็ยังจะแซ็วได้แซ็วดี ไม่เบื่อกันรึไง!


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

ตอนนี้มันก็จะยาวๆ หน่อยนะคะ คนเขียนก็จะมึนๆ หน่อย ถถถ  :undecided:

ตอนหน้าก็จะจบแล้วค่าาาาาาาา

ขอบคุณที่แวะมาอ่านมาให้กำลังๆ เสมอนะคะ 

กอดดดดดดดดดดดดดดด :กอด1: :L2: :pig4: :pig4:
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@


#MayA@TK เพราะรักจึงเจ็บ เพราะเจ็บจึงแค้น ถถถ  :pig4:
#aiyuki ใช่ค่ะ แต่คนบางคนคงคิดไม่ได้ นึกถึงแต่ตัวเองไม่เคยคิดถึงคนอื่นๆ ทำให้ทุกวันนี้เป็นประเด็นให้เห็นกันเยอะแยะ เค้าไม่รักก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจาก "ทำใจ" ค่ะ
#Yara ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเล้ยยย จริงจริ๊งงงงงงง เชื่อสิคะ  :laugh:
#ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
#ซีเนียร์  :L2: :pig4:
#•♀NoM!_KunG♀• มาแล้วค่าาาาาาาาาา  :mc1:
#♥►MAGNOLIA◄♥ คนพาลก็อย่างนี้แหละค่ะ ถถถ ก้อนหินยังอยากอ้อนอยู่ค่ะ ชอบเรียกร้องความสนใจ  :laugh:
#shoi_toei ฮึบบบบบบ  :m7:
#alternative อ้อนไม่หยุดแม้วันมามากค่ะ ไม่ใช่ละ อ้อนไม่หยุดแม้ว่าจะโตขึ้นค่ะ  :laugh3:
ปล.ยินดีค่า เพิ่งจะทราบเหมือนกันค่ะ ไม่คุ้นเลยสักนิดดดด
#suikajang โตแล้วก็ยังอ้อนได้ค่าาาา เดี๋ยวดินไม่สนใจ  :laugh3: ขอบคุณที่ยังไม่ลืมคนอื่นๆ ค่ะ  :impress2:
#duck-ya ตอนนี้ก็ซ้อนพอกันค่ะ FC ก้อนหินเยอะจริงๆ ค่ะ แม่มันปลื้มมมมมม  :impress2:

ไปปั่นต่อก่อนค่ะ ใกล้จุดหมายแล้ววววววววววววววววว  :katai4:
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-12-2017 21:47:23
ก้อนหิน ร่างโคตรหล่ออออ

ว่าแต่ ๆจบเรื่องแล้ว ข้ามงานแต่ง ส่งตัวเข้าหอเลยได้มะ5555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 22-12-2017 21:57:36
แล้วก็จบลงด้วยดี
ลด ละ เลิก ใช้ได้นะเนี่ย

ก้อนหิน เป็นพระเอกแล้ว
หลบหน่อย......พระเอกมา สุดยอดเลย  :ling1: :ling1: :ling1:
แต่ก้อนหินยังขี้อ้อน ยังน่ารัก และเอาคืนได้เจ๋งมาก
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 22-12-2017 22:06:53
ก้อนหินหล่อสมเป็นลูกพ่อไซเลอร์....หืมมมม????

ดีจังที่จบลงด้วยดี

เอ๊ะ ใคร ๆ ก็สมหวังแล้ว งั้นก็ถึงตาก้อนดินถูกกินแล้วสิ! :z1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-12-2017 22:40:13
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 23-12-2017 07:47:49
เรื่องคลี้คลายแล้วก็สบายใจ ^^
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 23-12-2017 08:48:32
ดีนะที่ทุกฝ่ายเข้าใจกันได้ดี ไม่ต้องฆ่ากันให้ตาย ใช้คำว่าให้อภัยก็เพียงพอ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: poppycake ที่ 23-12-2017 09:34:06
ดีแล้วที่จบเรื่องความแค้นนี้โดยไม่มีการสูญเสีย....
เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวรแท้ๆเลยน๊า
ตอนหน้าไซเลอร์จะๆมุ้งมิ้งกับดินบ้างไหมน๊า รอนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-12-2017 09:52:17
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 23-12-2017 22:05:45
งู้ยยยย ตอนหน้าจะหวานกันแล้วใช่มั้ยย
หาทางแยกก้อนดินกบก้อนหินออกจากกันให้ได้ก่อนเถ๊อะ
หึๆๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 24-12-2017 11:58:29
งานนี้ก้อนหินเป็นพระเอกเลยค่ะ ปิดคดี 555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 24-12-2017 23:36:13
ก้อนหินเราเท่ห์สุดพระเอกสุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 25-12-2017 17:00:54
 o13 เขาจะกลับบ้านกันแล้ว จับมือกันกันแน่น อบอุ่นหัวใจไปสิ  :impress2:
 :L1:  :pig4:  :L1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-12-2017 23:06:38
ดีมากกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 33 สะสาง (22/12/2017) P.20
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 27-12-2017 15:16:37
ตามอ่านทันแล้วสนุกมากเลยครับ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 02-01-2018 21:22:34
บทส่งท้าย ผูกจิตร่วมคู่

   ผมนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเองนิ่งๆ แต่รู้สึกเลยว่าหน้าตัวเองยังคงแดงเถือกและคาดว่าคงจะแดงไปทั้งตัวเพราะรู้สึกร้อนตั้งแต่หัวจรดหาง พอเหลือบมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่ามีอาการไม่ต่างกัน เพราะผิวเข้มๆ ของเจ้าตัวนั้นแดงเท่าที่จะสามารถแดงได้ โดยเฉพาะใบหูที่เห็นได้ชัดว่าแดงจัด จากที่เขินสุดๆ ก็เลยกลายเป็นหลุดขำซะอย่างงั้น

   “พรืด ฮะ... ฮ่าๆๆๆๆ”

   “ขำอะไรฮึ” ไซเลอร์หันหน้าที่ยังไม่หายแดงมาถาม แต่พอสบตาสีเขียวๆ คู่นั้นแล้วในหัวก็ดันนึกถึงเรื่องที่เพิ่งจะได้เรียนรู้มาก็ทำเอาต่างฝ่ายต่างหน้าแดงแข่งกัน แล้วต่างก็หันหน้าหนีกันไปคนละทาง

   อ๊ากกกกก ให้ตายสิ เขินโว๊ยยยยยย

   รู้สึกเลยว่าหน้าร้อนจนแทบจะระเบิดจนต้องปิดหน้าไว้ให้หายร้อน

   ส่วนสาเหตุที่ทำให้เราทั้งคู่มีอาการแบบนี้น่ะเหรอ

   ...

   หลังที่กลับมาถึงเคลเบรอส ผมก็ได้รับคำขอโทษจากคนที่นี่อย่างล้นเหลือ เพราะทุกคนยังรู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่ผมถูกจับไปจากพระราชวังอยู่ จนผมอยากจะขอซื้อคำนี้ไปทิ้งวันละหลายๆ รอบ พร้อมทั้งอัดคำตอบและจัดแถลงข่าวไปซะให้รู้แล้วรู้รอด เพราะกว่าจะตอบและปลอบใจได้หมดทุกคนนี่ก็เล่นเอาเพลียไปเลย

   ท่านไซรีนแม่ของไซเลอร์ก็ปลอบขวัญผมเป็นการใหญ่ คอยทำนั่นทำนี่ให้กิน ดูแลประคบประหงมผมเป็นอย่างดี เวลาที่ถูกตามไปปฏิบัติภารกิจนี่ คนที่รับหน้าที่มาตามแทบจะถูกกินหัว จนผมทั้งขำทั้งปลื้มที่ได้รับการเอาใจใส่จากท่านถึงขนาดนี้ ตอนแรกท่านไซรีนจะให้ผมเข้าไปอยู่ในบ้านใหญ่ซะด้วยซ้ำ แต่ผมต้องใจแข็งปฏิเสธไปเพราะผมชอบเรือนวสุธาของไซเลอร์มากกว่า (ท่านไซรีนเรียกบ้านใหญ่ แต่ผมว่าเรียกคฤหาสน์น่าจะเหมาะกว่า)

   พอก้อนหินโตเต็มวัย มันก็สามารถใช้พลังของมังกรมรกตได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้สามารถควบคุมประตูมิติให้เสถียรมากขึ้นด้วย นานๆ ทีถึงจะมีคนหลุดหลงมา ทั้งสามอาณาจักรบนดินและหนึ่งอาณาจักรใต้น้ำจึงได้ประชุมร่วมกันเพื่อวางแผนปรับรูปแบบในการส่งคนกลับมิติกันใหม่

   ถ้าหากมีคนหลงมาที่มิตินี้ หรือว่ามีจากมิตินี้คนหลงไปที่อื่น ก้อนหินกับผมก็จะรับรู้ได้ในทันที ผมก็จะขึ้นหลังก้อนหินบินไปแจ้งให้แต่ละอาณาจักรทราบ แล้วนำคนของแต่ละอาณาจักรเดินทางไปหาคนที่หลงเข้ามาในพื้นที่ของอาณาจักรนั้นๆ ก่อนที่ก้อนหินจะใช้พลังเปิดประตูมิติ แล้วให้คนของแต่ละอาณาจักรเดินทางไปส่งคนเหล่านั้นกลับไปยังจุดเดิมที่หลงมา

เพราะในบางมิติก้อนหินถือเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลก อาจจะทำให้สิ่งมีชีวิตในมิติอื่นๆ แตกตื่นได้ อย่างเช่นมิติที่ผมจากมาเป็นต้น ทั้งก้อนหิน คิง องค์ราชา และคนสำคัญของทุกอาณาจักรต่างเห็นพ้องต้องกันว่าไม่อยากให้ผมต้องเสี่ยงโดยไม่จำเป็นอีก ถึงแม้ว่าเมื่อได้รับเลือดของก้อนหินแล้วผมจะมีอายุขัยเท่ากับคนที่นี่ แต่ก็ยังถือว่าเป็นจุดอ่อนของก้อนหินอยู่ดี ก็เลยต้องมีข้อตกลงกันตามนี้

   ในช่วงปีอธิกมาสที่ประตูมิติแปรปรวนมากๆ ทุกคนก็จะยุ่งกันมากหน่อย เพราะจะมีคนหลงมิติบ่อยและมากกว่าปกติหลายเท่า ทั้งผมกับก้อนหิน และทีมส่งคนกลับมิติแต่ละอาณาจักรก็ยุ่งไปตามๆ กัน จนก้อนหินต้องถอนเกล็ดออกเพื่อให้แยกกันไปทำหน้าที่ หลังจากนั้นก็ต้องเอากลับมาคืนก้อนหินเพื่อให้พลังรวมอยู่ที่ก้อนหินเป็นการรักษาสมดุลของประตูมิติต่อไป

แต่พอพ้นปีนี้ไปแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ทุกคนก็จะมีเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง บางคนก็ฝึกปรือฝีมือต่อ บางคนก็ออกเดินทางท่องเที่ยว บางคนก็เข้าพิธีร่วมคู่อย่างพี่ไซรอสกับเจ้าหญิงพริโอเนซแห่งคราเคนก็จัดพิธีร่วมคู่กันเรียบร้อยแล้ว

ส่วนผมก็ได้รับเชิญให้ไปสอนเรื่องยาสมุนไพรและการรักษาในการประชุมสำนักแพทย์ของทั้งสามอาณาจักรเป็นประจำ ว่างๆ ก็ชวนก้อนหินกับไซเลอร์ไปหาลุงเซเรสบ้าง

ตอนนี้เราก็กำลังวางแผนในการส่งคนจากมิติเราไปประจำยังมิติอื่นๆ เพื่อให้สะดวกต่อการติดต่อประสานงานส่งคนกลับมิติเดิม โดยเฉพาะในช่วงปีอธิกมาสที่มิติแปรปรวนมากๆ ซึ่งตอนนี้อยู่ในระหว่างการตัดสินใจและวางแผนให้รอบคอบก่อนว่าจะส่งไปประจำที่มิติไหนบ้าง แล้วจะส่งใครไปประจำที่ไหน เพื่อความปลอดภัยของคนที่ต้องเดินทางไปอยู่ที่นั่นด้วย

วันหนึ่งระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกันที่บ้านใหญ่อยู่ๆ ไม่รู้ว่าท่านอลาสนึกยังไงถึงได้เอ่ยปากถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“เมื่อไหร่เจ้าทั้งคู่ถึงจะผูกจิตร่วมคู่ด้วยกันล่ะ ไซเลอร์ ก้อนดิน”

เคร้ง!!

“แค่กๆๆๆ” ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ทันที ไซเลอร์รีบขยับมาช่วยลูบหลังให้ ก้อนหินที่อยู่ในร่างเล็กๆ ก็รีบหยิบผ้าที่ผมพกไว้บินมาส่งให้ พอผมหายสำลักผมก็มองไปยังท่านไซรีนที่ทำช้อนหล่นกระทบจานเสียงดังเมื่อครู่

“ตายแล้ว นี่น้องลืมไปซะสนิทเลยว่าทั้งคู่ยังไม่ได้ผูกจิตร่วมคู่กัน ตอนแรกคิดไว้ว่าจะจัดหลังงานของไซรอสเลย ไซเลอร์ก็บอกว่ายังไม่พร้อม แม่ขอโทษนะไซเลอร์ ก้อนดิน ทำไมท่านพี่ไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะคะ ไม่ได้การแล้ว เราต้องไปแจ้งคิงกับควีน ต้องซื้อของ ต้องเตรียมงาน...”

“เดี๋ยวๆ น้องหญิง เจ้าต้องใจเย็นๆ ก่อน ก่อนจะจัดงานนี่ถามความสมัครใจของก้อนดินรึยัง” แล้วสายตาทุกคู่ก็ย้ายมาจดจ้องที่ผมแทน

“ว่ายังไงจ๊ะก้อนดิน เจ้าเต็มใจจะผูกจิตกับลูกชายของแม่ไหม เจ้ารังเกียจพี่เขารึเปล่าลูก”

“เอ่อ...” ทุกคนมีสีหน้าลุ้นๆ ผิดกับผมที่หัวใจเต้นกระหน่ำ รู้สึกหน้าร้อนๆ ขึ้นมาทันที แต่พอหันไปเห็นสีหน้าคาดหวังและดวงตาเว้าวอนของไซเลอร์ก็เผลอตอบไปอย่างไม่รู้ตัว

“ไม่รังเกียจครับ”

“ได้ยินไหมคะท่านพี่ว่าก้อนดินไม่รังเกียจ ถ้าอย่างนั้นเราไปขออนุญาตคิงและควีนจัดงานกันเถอะค่ะ” พูดจบท่านไซรีนก็ลุกแล้วเดินออกจากห้องอาหารไปทันที ปล่อยให้เรามองตามตาปริบๆ ท่านอลาสกันถอนหายใจ ต่อให้ยังไม่อิ่มก็ต้องยอมอิ่มไปโดยปริยาย ท่านอลาสกันลุกเดินมาตบบ่าเราทั้งคู่

“พวกเจ้าทั้งคู่ก็ปรึกษาเรื่องนี้กันต่อก็แล้วกันนะ”

“เร็วสิคะท่านพี่” เมื่อได้ยินเสียงเร่งของท่านไซรีน ท่านอลาสกันก็ได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินตามออกไป ปล่อยให้เราทั้งสี่นั่งมองหน้ากันต่อ

“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็ไม่อยู่รบกวนพวกเจ้าแล้ว” พี่ไซรอสพูดยิ้มๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาตบบ่าเราทั้งคู่

“ยินดีด้วยนะ” แล้วพี่แกก็เดินจากไป ปล่อยให้เราสองคนกับหนึ่งตัวมองตามตาปริบๆ แล้วก็เป็นไซเลอร์ที่เอ่ยปากก่อน

“กลับไปคุยกันที่เรือนวสุธากันไหม”

“ครับ” ผมอุ้มก้อนหินที่ยังคงจ้องไซเลอร์เขม็งมากอดไว้ ถึงสีหน้ามันจะดูขัดใจ แต่มันก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไร แค่ทำตาขวางใส่ไซเลอร์เท่านั้นเอง

“ไม่พอใจเหรอตัวยุ่ง” ระหว่างที่เดินอยู่ไซเลอร์ก็ถามขึ้นแล้วเอื้อมมือมาโยกหัวมันเล่น

“ก๊าสสส” ก้อนหินโยกหัวหลบแล้วตอบว่าใช่

“อย่าหวงก้อนดินนักเลย ข้าสัญญาว่าจะรักจะดูแลก้อนดินเป็นอย่างดี และจะทำให้ก้อนดินมีความสุขที่สุด” คำพูดเหมือนจะอธิบายให้ก้อนหินฟัง แต่สายตาสีเขียวคู่นั้นกลับจ้องมาที่ผมอย่างแน่วแน่

“ก๊าสสสส” มันไม่ตอบไซเลอร์แต่หันมาถามผมแทนว่ารักมันมากที่สุดใช่ไหม

“ครับหินครับ รักหินมากที่สุดอยู่แล้ว”

“ก๊าสสสส” มันเอาหัวถูอ้อนๆ กระดิกหางด้วยความพอใจ ผมก็ได้แต่กอดมันไว้ด้วยความเอ็นดู แม้ว่ามันจะโตเต็มที่ มีรับผิดชอบตั้งมากมายแล้วก็ยังไม่เลิกอ้อน แถมเจ้าตัวยังไม่ชอบอยู่ในร่างโตเต็มวัยอีกด้วย เวลาอยู่กับผมจะใช้ร่างเดิมตลอด เพราะมันยังชินกับการกอด การอ้อน และนอนด้วยกันอยู่ ยกเว้นเวลาที่ปฏิบัติภารกิจเพียงอย่างเดียวที่มันต้องยอมเปลี่ยนร่างเพื่อให้ผมขี่หลังเดินทางไป

“ไซเลอร์ ก้อนดิน” ระหว่างที่เราสองคนกำลังจะเดินขึ้นบันไดเรือนวสุธาก็มีเสียงเรียกจากชเนาเซอร์ที่กำลังวิ่งตรงมาซะก่อน ผมก้าวขึ้นไปต่อแล้วยืนมองอยู่ตรงระเบียง ปล่อยให้ไซเลอร์ยืนรอเพื่อนอยู่ตรงนั้น พอมองจากตรงนี้ไปก็เห็นว่าทั้งร็อต มาสทิฟฟ์และพรีซาก็กำลังเดินตามมาด้วย

“มีอะไรรึเปล่าชเนาเซอร์” ไซเลอร์ถามเมื่อชเนาเซอร์วิ่งมาถึง

“ข้าได้ข่าวจากข้างในว่าพวกเจ้าจะผูกจิตร่วมคู่กันเหรอ”

เฮ้ย! ทำไมข่าวมันไวนักล่ะ

“พอดีพวกข้ากำลังฝึกอยู่ที่ลานฝึกซ้อมแล้วได้ยินคนที่นั่นพูดกัน ก็เลยจะมาถามพวกเจ้านี่แหละ” มาสทิฟฟ์ที่เดินมาถึงพูดต่อ

“ขึ้นบ้านก่อน” ไซเลอร์บอกก่อนจะเดินนำขึ้นมาที่ระเบียง ไซเลอร์เดินมายืนระหว่างผมกับก้อนหินที่ตอนนี้นั่งห้อยขาอยู่บนระเบียง ตอนแรกก็กลัวระเบียงจะพัง แต่ก้อนหินบอกว่าคุมพลังได้ ไม่ต้องห่วง เมื่อคนอื่นๆ เดินขึ้นมาแล้วก็แยกย้ายไปยืนพิงหรือไม่ก็นั่งบนระเบียงรอฟังคำตอบ

“ว่าไง ตกลงว่าจริงรึเปล่า” ชเนาเซอร์เป็นฝ่ายใจร้อนถามย้ำอีกครั้ง

“จริง” ไซเลอร์ตอบยิ้มๆ

ปฏิกิริยาของทุกคนคือยิ้มกว้าง สีหน้าแสดงความดีใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนที่ทั้งสี่จะเดินมากอดผมกับไซเลอร์และกล่าวแสดงความยินดีทีละคน

“ยินดีกับพวกเจ้าด้วย ยินดีด้วยนะไซเลอร์” พูดจบก็ตบบ่าไซเลอร์หนักๆ ส่วนคนโดนตบบ่าก็ได้แต่ยิ้มกว้าง จนผมอดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ยินดีด้วยนะไซเลอร์ ยินดีด้วยนะน้องดิน” ชเนาเซอร์เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามากอดผม แต่เจ้าตัวดันกอดไม่ยอมปล่อยจนไซเลอร์ต้องขยับมาดึงออก

“ขี้งก กอดหน่อยก็ไม่ได้” ชเนาเซอร์บ่นงึมงำอยู่คนเดียว

“ข้าก็ลุ้นตั้งนานว่าเมื่อไหร่พวกเจ้าจะร่วมคู่กันสักที” ร็อตพูดยิ้มๆ

“นั่นน่ะสิ ข้าก็คิดว่าจบเรื่องแล้วเจ้าจะขอก้อนดินเลยซะด้วยซ้ำ” พรีซาเสริม

ผมหันไปมองไซเลอร์อย่างแปลกใจและสงสัยอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเพื่อนๆ ชงกันขนาดนี้ พี่แกก็ไม่น่าจะลืม แต่ที่ผ่านมาไม่เห็นมีวี่แววว่าจะเอ่ยปากเลย ไซเลอร์หันมาสบตาผมแล้วตอบ

“ไม่ใช่ว่าไม่อยากขอ ข้าแค่ไม่กล้าที่จะขอ ในเมื่อข้าเคยปล่อยให้เจ้าได้รับอันตรายตั้งหลายครั้งหลายครา ข้าเลยอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้เจ้ามั่นใจก่อนว่าข้าสามารถดูแลเจ้าได้ แต่ถึงแม้ว่าวันนี้ท่านพ่อไม่พูดขึ้นมาก่อน ข้าก็วางแผนจะขอเจ้าเร็วๆ นี้อยู่แล้ว” ไม่คิดเลยว่าเรื่องครั้งนั้นจะทำให้ไซเลอร์รู้สึกผิดมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนแรกคิดว่าหลังจบเรื่องจะเคลียร์กันซะหน่อย แต่ผมก็ดันลืมไปซะสนิทเลย

“ไซเลอร์ เจ้าก็รู้ว่าเรื่องบางเรื่องเราไม่สามารถควบคุมให้เป็นได้ดั่งใจเราทุกอย่าง เรื่องครั้งนั้นมันก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลยนะ ข้ารู้ว่าเจ้าพยายามดูแลข้าอย่างสุดความสามารถแล้ว อีกอย่างตอนนี้ข้าก็ปลอดภัยดีแล้ว อย่าโทษตัวเองอีกเลย ไม่เช่นนั้นข้าก็คงรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกันที่ทำให้เจ้าต้องเป็นทุกข์เพราะข้าเป็นต้นเหตุ” ไซเลอร์ยกมือขึ้นมาจับใบหน้าผมไว้แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบใจนะก้อนดิน” ผมยิ้มตอบด้วยความรู้สึกดีใจที่ไซเลอร์เข้าใจสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อและเลิกรู้สึกผิดสักที

“อะแฮ่ม”

โดยลืมไปซะสนิทว่ามีก้างอยู่ตรงนี้อีกหลายตัว เอ๊ย! หลายคน

“แหมๆๆ ทำอย่างกับโลกนี้มีกันอยู่แค่สองคน” ชเนาเซอร์เอ่ยปากแซ็วเป็นคนแรก

แหมพ่อง!

“ข้าอิจฉาจังเลยพรีซา เราสองคนไปสร้างโลกส่วนตัวกันบ้างไหม” มาสทิฟฟ์หันไปจับมือพรีซาแล้วสบตาทำหน้าซึ้งๆ ใส่

“ก็เอาสิ” พรีซายกมือขึ้นตบหน้ามาสทิฟฟ์แปะๆ

แม้แต่พรีซาก็เอากับเขาด้วย!

“หึๆๆๆ” ส่วนร็อตนี่ยืนขำอย่างเดียว

โว้ยยยย! เบื่อแก๊งนี้จริงๆ แซ็วได้แซ็วดี ไม่เบื่อกันบ้างรึงายยยยย

“น้องดินเป็นอะไรเหรอ หน้าแดงๆ นะ” คนที่เรียกอย่างนี้มีอยู่คนเดียวแหละครับ ชเนาเซอร์! ยังไม่เลิกอีกนะ เดี๋ยวก็ให้ก้อนหินจัดการซะเลย ฮึ่ย!

“ฮ่าๆๆๆๆ” แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะขำสีหน้าของผมกันทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ไซเลอร์ ส่วนผมก็ได้แต่ถอนหายใจและพยายามทำใจให้ชิน เพราะถ้ายังอยู่ที่นี่ต่อไปก็คงต้องโดนแซ็วแบบนี้ไปอีกนาน

“เออ ว่าแต่ ถ้าเข้าพิธีไปแล้วตกลงพวกเจ้าใครจะรุก ใครจะรับล่ะ” เมื่อหยุดหัวเราะแล้วไอ้คนไฮเปอร์ของกลุ่มก็ถามขึ้นมา

“เอ่อ...อะไรคือรุกคือรับน่ะ” ผมหันไปถามไซเลอร์ด้วยความงง

 “ชเนาเซอร์” ไซเลอร์หันไปส่งเสียงปรามชเนาเซอร์ด้วยท่าทางเก้อเขินอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“ก็คือคนที่อยู่ตำแหน่งบนหรือล่างในตอนที่ขึ้นเตียงไง พวกเจ้าตกลงกันรึยัง” ชเนาเซอร์ยังคงอธิบายต่อด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

“ชเนาเซอร์!” คราวนี้ไซเลอร์ไม่เพียงแค่เอ่ยปราม แต่ยังถีบคนอธิบายอีกด้วย

“อะไรกันเล่า! ก็ก้อนดินสงสัยข้าก็อธิบายให้ฟังไง”

ผมพอจะเข้าใจคำถามของชเนาเซอร์แล้ว ยิ่งประกอบกับท่าทีและสีหน้าขัดเขินของไซเลอร์ก็ยิ่งเก็ท พอหันไปสบตาคนที่เขินนำไปก่อนก็ทำให้ผมพลอยเขินตามไปด้วย ตอนนี้เราสองคนเลยหน้าแดงแข่งกัน

“พวกเจ้าต้องตกลงกันก่อนนะ ข้าได้ยินมาว่าคนที่ต้องรับน่ะลำบากมาก ใช่ไหมพรีซา” ชเนาเซอร์หันไปถามพรีซาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เลยได้รับคำตอบด้วยฝ่าเท้าของพรีซาไปอีกหนึ่งที

“โอ๊ย! พวกเจ้านี่ ข้าแค่พูดความจริงทำไมต้องทำร้ายกันด้วย” พอเพื่อนๆ ทำท่ายกเท้าเจ้าตัวก็ถอยกรูดๆ ไปไกลๆ ฝ่าเท้าเพื่อนๆ ทันที

ไม่เคยได้ยินรึไง ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย แต่คนพูดความจริงน่ะ ตายทุกคน!

“ก็ได้ๆ ข้าไม่ถามแล้วก็ได้ พวกเจ้าไม่อยากรู้กันใช่ไหม”

“อยาก” ประสานเสียงกันมาเลย

โว๊ะ! ไอ้พวกขี้เผือก!

“หึๆๆๆๆ” ไอ้ตัวดีมันส่งเสียงหัวเราะเหมือนผู้ชนะ

“ว่าไงล่ะไซเลอร์” เจ้าของชื่อยังคงเงียบกริบ ไม่ยอมตอบ จนคนถามทำเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจ

“แต่ถ้าให้ข้าเดา ไซเลอร์ตัวใหญ่กว่าก็ต้องเป็นฝ่ายรุกแน่นอนใช่ไหม”

“อย่าเดาส่งเดชเซ่!” ถึงจะยังไม่แน่ใจ แต่ผมก็อดจะเอ่ยค้านขึ้นมาไม่ได้

“แล้วเจ้าจะเป็นฝ่ายรุกเหรอดิน เจ้ายอมเหรอไซเลอร์” ประโยคแรกถามผม ส่วนประโยคหลังนี่หันไปถามเพื่อนตัวเองด้วยสีหน้ายียวน

“ขอแค่ก้อนดินยอมผูกจิตร่วมคู่กับข้า จะให้เป็นอะไรข้าก็ยอมได้ทั้งนั้นแหละ” ไซเลอร์ตอบทั้งๆ ที่สายตามองผมด้วยแววตาอ่อนโยน จนผมอดจะเขินไม่ได้

“โห่ ไม่ได้เรื่องเลยไซเลอร์” ชเนาเซอร์บ่นด้วยสีหน้าขัดใจ

“ถึงคราวเจ้า ข้าจะรอดูว่าจะรุกใครเค้าได้ไหม เจ้าลูกหมา” ร็อตเอ่ยขึ้นมาด้วยสีหน้านิ่งๆ

“ฮ่าๆๆๆๆๆ” จบคำพูดของร็อตทุกคนก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างถูกใจ เพราะคนโดนสบประมาทนั้นแยกเขี้ยวและถลึงตาใส่คนพูดและเพื่อนๆ ทุกคนอย่างไม่สบอารมณ์


หลังจากท่านไซรีนกับท่านอลาสกันกลับมาทุกอย่างก็เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ท่านไซรีนเกณฑ์คนทั้งบ้านไปซื้อของ เตรียมอาหาร เตรียมสถานที่ และเตรียมอีกสารพัดอย่างจนวุ่นวายกันทั้งบ้าน ส่วนแขกนั้นแทบจะไม่ต้องเชิญ เพราะแค่ไปแจ้งคิงกับควีน ข่าวก็แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วจนคาดว่าน่ารู้กันข้ามอาณาจักรไปแล้ว

ดูๆ ไปแล้วพิธีผูกจิตร่วมคู่ก็ไม่ต่างจากพิธีแต่งงานดีๆ นี่เอง

หลังจากผมกับไซเลอร์ลองชุดกันเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็ถูกส่งไปเข้าคอร์สเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือฝ่ายรุกกับฝ่ายรับตามที่ชเนาเซอร์ว่าไว้นั่นแหละกันที่สำนักแพทย์ โดยต้องฝากก้อนหินไว้กับร็อตก่อน ตอนแรกก้อนหินก็ทำท่านจะไม่ยอม ไม่รู้ไซเลอร์ไปพูดยังไงถึงได้ยอมได้

ไซเลอร์ให้ผมเข้าไปศึกษาวิธีการเป็นฝ่ายรุกอย่างใจกว้าง ส่วนเจ้าก็ตัวยอมไปศึกษาขั้นตอนการเป็นฝ่ายรับอย่างที่เคยเอ่ยปากบอกไว้จริงๆ แต่ผมแอบไปคุยนอกรอบกับคนจัดคิวแล้วว่าถ้าไซเลอร์ฟังจบ ให้ช่วยสลับให้เราทั้งคู่ได้ไปฟังในส่วนของอีกฝ่ายด้วย แต่ขอให้ช่วยรั้งไซเลอร์ไว้แล้วให้เราเข้าคนละทางโดยไม่ต้องเจอหน้ากัน เพราะถ้าได้เจอก่อนจะฟังจบผมว่าผมต้องทำหน้าไม่ถูกแน่ๆ

เมื่อเข้าไปในห้องก็พบกับชายหนุ่มที่คุ้นหน้าคนหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น พอเห็นผมก็ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้ผมต้องเก้อเขินไปกว่าที่เป็น เมื่อผมเดินไปใกล้เขาก็ลุกขึ้นโค้งรับอย่างสุภาพและส่งยิ้มมาให้อย่างอ่อนโยน

หลังจากที่ทักทายกันเรียบร้อย ผมก็นั่งลงฟังคำอธิบายของสิ่งที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าและขั้นตอนของฝ่ายรุก เพียงเริ่มแค่ขั้นแรกก็ทำเอาผมก็รู้สึกร้อนหน้าเหมือนหน้าจะไหม้!

ถึงแม้ว่าคนตรงหน้าจะอธิบายโดยใช้คำพูดในเชิงวิชาการอย่างสุภาพ จนแทบจะไม่มีถ้อยคำหยาบโลนให้ระคายหูเลยก็ตาม ถึงผมจะไม่ได้ไร้เดียงสาแต่ฟังแล้วมันก็อดจะเขินไม่ได้ ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าถึงแม้จะเป็นผู้ชายด้วยกันแล้วมันจะมีขั้นตอนและรายละเอียดเยอะแยะขนาดนี้

ทั้งขั้นตอนการเล้าโลม การเตรียมพร้อมให้ร่างกายของฝ่ายรับ การกระตุ้นอารมณ์ จุดที่ไวต่อสัมผัส ท่าต่างๆ ข้อควรระวัง และอีกหลายๆ อย่างที่กว่าจะฟังจบนี่ผมรู้สึกว่าเลือดลมไหลเวียนดีจนรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ไม่ต้องส่องกระจกดูก็รู้ว่าตอนนี้หน้าคงแดงจัดแน่ๆ พออธิบายจบคนสอนก็ถามผมว่าสงสัยตรงไหนรึเปล่า มีอะไรจะถามอีกไหม พอเห็นผมส่ายหน้าจนหัวแทบหลุด คนตรงหน้าก็ยิ้มให้แล้วมองด้วยสายตาแสดงความเอ็นดู

พอออกมาจากห้องได้ผมก็มานั่งเอามือปิดหน้าตัวเองอยู่หน้าห้องเพื่อให้หน้าหายร้อนและทำใจสักพัก ก่อนที่จะเดินไปอีกห้องเพื่อที่จะศึกษาในบทบาทของฝ่ายรับต่อ

เมื่อเข้าไปด้านในห้องก็เห็นหนุ่มหน้าใสที่รู้สึกคุ้นๆ หน้านั่งยิ้มรับแขกอยู่ด้านใน เมื่อเห็นหน้าผมก็แสดงสีหน้าตื่นเต้น ก่อนจะพยายามเก็บอาการและลุกขึ้นโค้งให้อย่างสุภาพแล้วกล่าวทักทาย

“ท่านก้อนดิน”

“ไม่ต้องเรียกท่านหรอก เรียกดินเฉยๆ ก็พอ” จะให้เรียกพี่ก็ไม่มั่นใจในอายุของคนที่นี่สักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่หน้าตาของคนที่นี่จะคงที่เมื่อโตเต็มวัย และค่อยๆ แก่ตัวลงอย่างช้าๆ ทำให้อายุแต่ละคนก้าวนำใบหน้าไปมาก คนที่มีอายุร้อยกว่าปีเกือบสองร้อยปีโน่นแหละถึงจะมีใบหน้าสมวัยหน่อย

“เรียกแบบนี้ดีกว่าครับ ข้าสบายใจกว่า เพราะถึงยังไงท่านก้อนดินก็ถือว่าเป็นอาจารย์ของข้า”

“ฮะๆ พูดเหมือนคนฝั่งโน้นเลย” ผมอดจะรู้สึกขำไม่ได้ เมื่อทั้งคู่ตอบเหมือนกันอย่างกับลอกกันมา

แต่เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ามีสีหน้าเหมือนจะดีใจผมก็อดจะแปลกใจไม่ได้ เลยเผลอแสดงสีหน้าสงสัยออกไป พอรู้สึกรู้ตัว คนตรงหน้าก็ลูบท้ายทอยแล้วบอกด้วยสีหน้าที่เก้อเขิน

“เราเป็นคนรักกันน่ะครับ” ฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มด้วยความเอ็นดู ความรักนี่มันดีจริงๆ นะ ทำให้คนเรารู้สึกเป็นสุขได้เพียงเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้เอง

“ข้าก็มัวแต่ชวนท่านก้อนดินคุยจนเสียเวลาไปตั้งนาน เรามาเริ่มกันเลยดีไหมครับ”

ตอนแรกผมคิดว่าการที่ได้พูดคุยได้ทำความคุ้นเคยกันก่อนจะช่วยให้เวลาที่เรียนรู้แล้วจะรู้สึกอายน้อยลงซะอีก

ผมเข้าใจผิดไปเอง เพราะไม่ว่ายังไงผมก็ยังรู้สึกเหมือนหน้าจะไหม้อยู่เหมือนเดิม!

โว้ยยยย จะอายอะไรกันนักกันหนาวะก้อนดิน

มันเป็นเรื่อง เอ่อ.. ธรรมชาติ ตะ.. แต่ มันก็อดเขินไม่ได้อยู่ดี ฮื้ออออ

ว่าขั้นตอนการเป็นฝ่ายรุกน่าอายแล้ว ขั้นตอนการเป็นฝ่ายรับยิ่งน่าอายกว่าซะอีก

ทั้งการเตรียมพร้อมช่องทางตรงนั้น ยาที่ต้องใช้ขยายช่องทาง การตอบสนองฝ่ายตรงข้าม ส่วนการเล้าโลมและจุดที่ไวต่อสัมผัสนั้นมีเหมือนกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการทำความสะอาดหลังจากนั้นอีกด้วย ขนาดการยั่วยวนและวิธีกระตุ้นอารมณ์ก็ยังมี!

ผมยกมือปิดหน้าสงบสติอารมณ์ของตัวเอง โดยมีคนสอนนั่งยิ้มขำๆ แต่มีสีหน้าเข้าอกเข้าใจอยู่ตรงหน้า จากที่ฟังมา ทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับมีข้อดีข้อเสียกันคนละแบบ

“บอกได้ไหมว่าตอนฟังเจ้าอธิบาย ไซเลอร์มีสีหน้ายังไง” หลังจากสงบสติอารมณ์ตัวเองได้แล้ว ผมก็ถามเรื่องที่สงสัยไปทันที

“ท่านไซเลอร์เหรอครับ อืม ตอนข้าอธิบายก็ตั้งใจฟังมากครับ ถึงจะมีท่าทางเก้อเขินอยู่บ้าง แต่ท่านไซเลอร์ก็ตั้งใจเรียนรู้เป็นอย่างดี มีอะไรสงสัยก็ถามอย่างละเอียด โดยเฉพาะวิธีที่จะทำให้ฝ่ายรุกรู้สึกดีที่สุด ขนาดข้าให้ท่านไซเลอร์เลือกกลิ่นตัวยาที่ใช้ช่วยขยายช่องทาง ท่านไซเลอร์ยังบอกว่าเดี๋ยวจะให้ท่านก้อนดินมาเลือกเองเลย

พรืด! 

พอนึกถึงสภาพไซเลอร์ยั่วยวนแล้ว มันอดจะจินตนาการตามไม่ได้และอดจะขำไม่ได้จริงๆ

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

“ฮ่าๆๆๆ” พอเห็นคนสอนทำหน้างง ผมก็โบกไม้โบกมือพยายามกลั้นหัวเราะแล้วอธิบาย

“ไม่มีอะไรๆ ข้าแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย หึๆๆๆ”

“ท่านก้อนดินโชคดีจังเลยนะครับที่ได้ท่านไซเลอร์เป็นคู่ เพราะหายากมากที่จะมีคนที่ยอมเป็นฝ่ายรับให้คนที่ตัวเล็กกว่าแบบนี้ได้ อีกอย่าง... ทุกอย่างที่ท่านไซเลอร์ถามก็ล้วนแล้วแต่เพื่อท่านก้อนดินทั้งนั้นเลย แสดงว่าท่านไซเลอร์ใส่ใจความรู้สึกของท่านก้อนดินที่สุดเลยครับ”

“อ๊ะ แต่ข้าไม่ได้หมายความว่าท่านไซเลอร์จะไม่โชคดีที่ได้ท่านเป็นคู่นะครับ ท่านไซเลอร์ก็โชคดีเหมือนกัน คะ...คือ... ข้าหมายถึงท่านทั้งคู่เหมาะสมกันมากครับ แหะๆ”

ผมหัวเราะด้วยความเอ็นดูกับความพยายามในการอธิบายของคนตรงหน้า สงสัยว่ากลัวผมจะโกรธถึงได้อธิบายซะลิ้นพันกันขนาดนั้น ผมได้แต่ยิ้มให้คนตรงหน้าอย่างอ่อนโยน

“อืม ข้าโชคดีจริงๆ นั่นแหละ”

แต่หลังจากที่ถูกคะยั้นคะยอให้เลือกน้ำยาที่ช่วยขยายช่องทาง ก็ทำให้ความรู้สึกอายกลับมาได้อีกครั้ง เพราะคนสอนกระตือรือร้นในการอธิบายเหลือเกินว่ากลิ่นไหนเหมาะที่จะใช้ในบรรยากาศแบบไหน จนผมต้องเบรกให้หยุดเพราะกลัวว่าหน้าตัวเองจะระเบิดไปซะก่อน

พอผมเลือกกลิ่นได้ คนสอนก็หยิบกลิ่นอื่นๆ ที่เห็นว่าผมดูสนใจใส่เพิ่มไปด้วย (ไม่รู้ว่าจะให้เลือกทำไม) บอกว่าเดี๋ยวจะให้คนไปส่งให้ที่บ้านก่อนวันงาน หรือถ้าจะใช้ก่อนก็จะให้คนไปส่งก่อนก็ได้ ผมได้แต่ส่ายหน้าจนหัวแทบหลุด รีบบอกไปว่าไม่ต้องรีบ ก่อนจะกล่าวลาและเดินออกมานั่งสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่หน้าห้องเหมือนเดิม

เพียงไม่นานก็รู้สึกว่ามีคนมานั่งอยู่ข้างๆ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคงเป็นไซเลอร์ที่ศึกษาจากอีกฝั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเห็นหน้าคนข้างๆ เท่านั้นแหละ มันก็อดจะขำไม่ได้ จนเผลอหลุดหัวเราะออกมา แต่พอสบตากันปุ๊บก็เผลอนึกถึงเรื่องที่ได้เรียนรู้มาแล้วก็อดจะเขินไม่ได้

หลังจากต่างคนต่างพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองอยู่สักพัก ไซเลอร์ก็ยื่นมือมาให้ผมแล้วแบออก ผมไล่สายตาจากฝ่ามือไปถึงใบหน้าเจ้าของมือแล้วเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัยว่าต้องการอะไร

   “ก้อนดิน”

   “ครับ” เมื่อผมขานรับไซเลอร์ก็มองมาด้วยสีหน้าจริงจังก่อนจะพูดต่อ

   “ตั้งแต่วันที่ท่านพ่อพูดเรื่องการร่วมคู่ของเราทั้งสอง ข้าก็ยังไม่ได้ถามเจ้าด้วยตัวเองสักที” ไซเลอร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เหมือนจะรวบรวมกำลังใจ

   “ข้าสัญญาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรักและดูแลปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้าเอง เจ้ายินดีจะผูกจิตร่วมคู่และอยู่ที่นี่กับข้าไปชั่วชีวิตหรือไม่ เจ้าพร้อมที่จะวางชีวิตและหัวใจของเจ้าไว้ในมือของข้าแล้วหรือยัง”

   ผมยิ้มให้ไซเลอร์ด้วยความรู้สึกตื้นตันก่อนจะยื่นมือไปวางลงบนมือไซเลอร์

   “พร้อมครับ เพราะข้าก็รู้สึก ‘รัก’ และอยากใช้ชีวิตกับเจ้าตลอดไปเหมือนกัน” เมื่อได้ยินคำตอบของผมไซเลอร์ก็ยิ้มกว้างออกมา กุมมือผมไว้แล้วยกขึ้นไปจูบอย่างอ่อนโยน แววตาทอประกายความสุขอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผมพลอยยิ้มและรู้สึกมีความสุขตามไปด้วย

   ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกับไซเลอร์ ผมมั่นใจว่าผมจะต้องมีความสุขอย่างแน่นอน


(มีต่อค่ะ)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 02-01-2018 21:29:29
   เมื่อถึงกำหนดวันงาน ในช่วงเช้าเราก็ไปทำพิธีผูกจิตกันต่อหน้าหินหินศักดิ์สิทธิ์ที่พระราชวังแห่งเคลเบรอส เมื่อเข้าไปในห้องโถงใหญ่ห้องหนึ่งในพระราชวังแล้ว ผมก็ได้เห็นพลอยสีแดงก่ำที่ผมเดาว่าน่าจะเป็นโกเมนถูกสลักเป็นรูปสุนัขสามหัวตั้งอยู่ด้านในสุดของห้องโถง

ท่านเซเรสอธิบายให้ฟังว่านอกจากมังกรมรกตแล้ว ก้อนหินก้อนนี้ก็มีส่วนในการช่วยควบคุมความสมดุลของมิติอีกอย่างหนึ่งและช่วยควบคุมพลังของคนในอาณาจักรด้วย ทุกอาณาจักรในมิตินี้จะมีก้อนหินชนิดนี้ตั้งอยู่ ซึ่งเป็นที่มาที่สามอาณาจักรบนบกตั้งเมืองเป็นสามเหลี่ยมเพื่อดูแลปกป้องหินศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามก้อนนี้ไว้ นอกจากนี้ที่อาณาจักรคราเคนซึ่งเป็นอาณาจักรใต้ทะเลก็มีอยู่อีกก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงใจกลางเมืองเหมือนกัน ต่างกันก็แค่รูปร่างก้อนหินแต่ละอาณาจักรเป็นร่างแปลงของอาณาจักรใครอาณาจักรมันเท่านั้น

   ผมกับไซเลอร์ยืนหันหน้าเข้าหากันอยู่ข้างหน้าหินศักดิ์สิทธิ์แห่งเคลเบรอส ด้านในสุดเป็นแท่นยกพื้นสูงเล็กน้อยบนแท่นมีคิง ควีน องค์ราชาและราชินีของทุกอาณาจักรนั่งเป็นประธาน ท่านเซเรสซึ่งเป็นเหมือนญาติผู้ใหญ่และก้อนหินที่เป็นเหมือนครอบครัวยืนอยู่ข้างๆ รอบๆ ตัวของเรารายล้อมไปด้วยแขกคนสำคัญของทั้งสี่อาณาจักรที่มาเป็นสักขีพยานจนเกือบจะเต็มห้อง ทั้งๆ ที่ตอนแรกผมบอกไปว่าไม่จำเป็นต้องจัดงาน หรือถ้าจะมีก็แค่อยากให้เป็นแค่งานเล็กๆ แท้ๆ เพราะผมก็เป็นแค่คนธรรมดาที่หลงมาอาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้นเอง แต่พอแจ้งคิงกับควีนไป ทำไมถึงได้กลายเป็นงานใหญ่ขนาดนี้ไปได้ก็ไม่รู้

เมื่อถึงฤกษ์ที่เหมาะสม ท่านมอลทีสก็นำจอกทองคำมายื่นตรงกลางระหว่างเราสองคน ท่านอลาสกันยื่นกริชฝังโกเมนให้ไซเลอร์ ส่วนท่านเซเรสก็นำมายื่นให้กับผม เราสองคนรับกริชมาแล้วยื่นนิ้วนางไว้บนจอกก่อนจะกดคมกริชลงบนปลายนิ้วพร้อมๆ กัน แล้วปล่อยให้เลือดของเราค่อยๆ หยดลงไปในจอกที่มีของเหลวอยู่ด้านในส่วนหนึ่งแล้ว

เมื่อเพียงพอแล้วท่านไซรีนก็นำผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดและกดเพื่อหยุดเลือดให้เราทั้งคู่ ส่วนท่านมอลทีสถอยไปยืนหันหน้าเข้าหารูปปั้นแล้วเริ่มพิธี

   “ไซเลอร์ ก้อนดิน”

   “ครับ” เราทั้งคู่ขานรับขึ้นพร้อมกัน

   “พวกเจ้าทั้งสองพร้อมที่จะผูกจิตร่วมคู่ด้วยกันหรือไม่”

   “พร้อมครับ”

   “พร้อมที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข ดูแลกันไปชั่วชีวิตหรือไม่”

   “พร้อมครับ”

   “ด้วยอำนาจแห่งมังกรมรกต อำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และอำนาจแห่งผู้เป็นใหญ่ในเบื้องบน โปรดเป็นสักขีพยานในการผูกจิตของไซเลอร์และก้อนดิน เพื่อให้เขาทั้งคู่ได้เป็นเสมือนคนๆ เดียวกันด้วยเถิด” หลังจบคำพูดของท่านมอลทีส จอมเวทย์ทุกคนก็ร่วมกันร่ายเวทย์จนดังกระหึ่มไปทั้งห้อง

ผมรู้สึกขนลุกจนอยากจะลูบแขนตัวเองแต่เกรงใจ เลยได้แต่มองหน้าไซเลอร์ที่ยังคงยิ้มละไมและมองมาอย่างอ่อนโยนแล้วยิ้มตอบอย่างมีความสุข หันไปมองก้อนดินที่ยังทำหน้ายุ่งๆ อยู่ในร่างโตเต็มวัยแล้วก็อดจะขำไม่ได้ มันไม่ได้ดูน่ารักเลยก้อนหิน พอทำในร่างนี้นี่ ดูน่ากลัวพิลึก

หลังจากการร่ายเวทย์จบลงก็มีแสงสีทองสว่างวาบขึ้นภายในจอก ท่านมอลทีสเดินมายื่นจอกให้ไซเลอร์ก่อน ไซเลอร์รับจอกแล้วมองหน้าผมด้วยแววตาที่มั่นคงแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น

“ข้าไซเลอร์แห่งเคลเบรอสขอสาบานว่าจะรัก จะซื่อสัตย์ต่อก้อนดินแต่เพียงผู้เดียวไปจนชั่วชีวิต” กล่าวจบก็ยกจกขึ้นดื่มแล้วยื่นมาให้ผมที่หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

“ข้าก้อนดิน ก็ขอสาบานว่าจะรัก จะซื่อสัตย์ต่อไซเลอร์แต่เพียงผู้เดียวไปจนชั่วชีวิตเช่นกัน” ก่อนจะยกจอกขึ้นดื่มน้ำที่อยู่ที่ด้านใน พร้อมกับสบตากับไซเลอร์ที่ยิ้มกว้างจนปากจะฉีก หมดมาดคนขรึมอย่างสิ้นเชิง พอผมยื่นจอกให้ท่านมอลทีส เสียงปรบมือและเสียงแสดงความยินดีก็ดังกระหึ่มทั่วห้อง

เราสองคนเดินไปหาคิงและควีน องค์ราชาและองค์ราชินีเพื่อรับพร ก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม

ผมหันมองคนรอบตัวอย่างมีความสุข ท่านเซเรส ท่านมอลทีส และท่านอลาสกันเดินเข้ากอดเราทั้งคู่เพื่อแสดงความยินดี ท่านไซรีนซับน้ำตาป้อยๆ จนผมต้องกอดกลับแน่นๆ ส่วนเพื่อนๆ ไซเลอร์นี่กอดจนผมกระดูกจะหัก น่าจะถือโอกาสแสดงความยินดีด้วยแกล้งเพื่อนไปด้วย กอดนานจนไซเลอร์ต้องมาดึงออก หลังจากนั้นก็เป็นคนอื่นๆ ที่เข้ามาแสดงยินดี ทั้งที่คุ้นหน้าและไม่รู้จักแต่ผมก็ยิ้มรับจนเหงือกแห้ง เข้าใจความรู้สึกของเจ้าบ่าวเจ้าสาวเวลาแต่งงานอย่างลึกซึ้งก็ตอนนี้

หลังจากแสดงความยินดีกันเรียบร้อยแล้ว คิงและควีนก็เลี้ยงอาหารกลางวันคนที่มาร่วมงานที่พระราชวัง ส่วนกลางคืนก็มีงานเลี้ยงที่คฤหาสน์ หลังรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องกลับไปเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงตอนเย็นที่คฤหาสน์กันต่อ

พอกลับมาถึงผมกับไซเลอร์ก็ไปช่วยคนอื่นยกของเตรียมของ ช่วยงานในส่วนที่พอจะช่วยได้ แม้แต่ก้อนหินยังใช้ร่างเล็กๆ บินตามเพื่อไม่ให้เกะกะคนที่กำลังทำงาน จนท่านไซรีนมาเห็นถึงได้ไล่ให้ไปพักผ่อน เราทั้งคู่จึงต้องเดินกลับเรือนวสุธาตามบัญชาแต่โดยดี

เมื่อมาถึงเรือนวสุธาและเดินขึ้นเรือนมาแล้ว ทั้งผมทั้งไซเลอร์ต่างก็ยืนนิ่งกันอยู่ตรงชานเรือนเหมือนต่างฝ่ายต่างมีเรื่องจะพูดกับอีกฝ่ายแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“ก๊าส” จนก้อนหินที่อยู่ในอ้อมแขนของผมถามว่าหยุดเดินทำไม ไซเลอร์ถึงได้หันมาหาแล้วเอ่ยปากขึ้นมาก่อน

“ก้อนดิน”

“ครับ” เมื่อเห็นท่าทางเก้อเขินของคนตรงหน้าก็ทำเอาผมพลอยรู้สึกเขินไปด้วย

“ข้า... ขอกอดหน่อยได้ไหม” ขออนุญาตเสร็จก็ไม่รอคำตอบกลับก้าวเข้ามากอดผมเลย

อ้าว! แล้วพี่แกจะขอทำไม

“ข้าอยากกอดเจ้าตั้งแต่อยู่ในห้องพิธีแล้ว แต่คนมาแสดงความยินดีด้วยมากมายเหลือเกิน คนอื่นได้กอดเจ้ากันหมด แต่ข้าไม่ได้กอดเลย” คนที่กอดผมอยู่บ่นด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ จนผมอดจะหัวเราะไม่ได้ ทำไมถึงได้ทำตัวเหมือนก้อนหินขนาดนี้!

“ก๊าสสส” แน่ะ พูดถึงก้อนหิน ก้อนหินก็ประท้วงขึ้นมาทันทีเมื่อถูกกอดนานจนเกินไป ไม่แน่ใจว่าเพราะอึดอัด หรือเพราะไม่ชอบที่ไซเลอร์กอดผมก็ไม่รู้ เห็นไหมว่าขี้หวงเหมือนกันเข้าไปทุกที

ไซเลอร์ถอนหายใจเฮือกก่อนจะคลายอ้อมกอดออกเพื่อสบตากับก้อนหิน ก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดใหม่

“ก๊าสสสสส”

“หึๆๆๆ”

ผมได้แต่ยิ้มและส่ายหัวกับวิธีการแกล้งของไซเลอร์และเสียงร้องประท้วงของก้อนหิน เมื่อไซเลอร์อยู่นิ่งๆ ก้อนหินก็เลยยอมนิ่งด้วย ผมจึงกอดตอบไซเลอร์ซึมซับความอบอุ่นของทั้งคู่แล้วยิ้มอย่างมีความสุข

การได้อยู่กับคนที่เรารักนี่มันรู้สึกดีจริงๆ ครับ

พอกอดจนพอใจแล้วไซเลอร์ก็จูงมือผมไปส่งที่ห้อง แล้วพี่แกก็ทำเนียนเข้ามานอนด้วย ไซเลอร์รบกับก้อนหินไปอีกรอบหนึ่งจนก้อนหินหลับไปก่อน เราสองคนก็นอนจ้องตากับผมเงียบๆ โดยมีก้อนหินคั่นกลางอยู่ ไม่นานผมก็เคลิ้มหลับไปพร้อมรอยยิ้ม

จนใกล้จะถึงเวลางานเลี้ยงตอนเย็นท่านไซรีนจึงให้คนมาตามที่เรือน เราสองคนแต่งชุดที่ท่านไซรีนเตรียมไว้ให้ก่อนจะออกเดินไปที่สวนหน้าคฤหาสน์

เมื่อไปถึงท่านไซรีนก็เดินมาจูงมือเราทั้งคู่ไปยืนรอที่ทางเข้างานเพื่อรอต้อนรับคิง ควีน องค์ราชา องค์ราชินี และแขกผู้ใหญ่คนสำคัญของแต่ละอาณาจักร ก่อนจะเดินทักทายแขกไปเรื่อยๆ เพราะงานเลี้ยงจัดแบบสบายๆ มีเพียงโต๊ะของประธานที่ตั้งไว้พอเป็นพิธีเท่านั้น เนื่องจากตอนนี้ทุกคนยืนคุยรำลึกความหลังกันเหมือนกับมางานรวมรุ่นมากกว่าจะเป็นงานร่วมคู่ของเราสองคน

แต่ผมก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร กลับชอบซะอีกเพราะไม่ค่อยคุ้นกับพิธีรีตองสักเท่าไหร่ ไซเลอร์จูงผมเดินทักทายแขกเหรื่อด้วยร้อยยิ้มไปเรื่อยๆ เวลาเจอเพื่อนๆ ของไซเลอร์ผมก็จะโดนล้อ โดนแซ็ว โดนแกล้งตลอด ซึ่งไซเลอร์ก็มักจะยืนมองอย่างอารมณ์ดี แต่ถ้าเริ่มจะเลยเถิดก็จะเข้ามาห้ามจนโดนเพื่อนโห่เป็นระยะ ส่วนชเนาเซอร์ก็ตามติดเป็นเหาฉลาม เดินตามไปบ่นไปว่าไซเลอร์ขี้อวดแต่ก็ยังไม่เลิกเดินตาม เพลียกับพี่แกจริงๆ

หลังจากเดินทักทายแขกจนทั่วแล้ว ระหว่างที่ไซเลอร์ไปตักอาหารมาให้ ผมก็มายืนมองบรรดาผู้นำของแต่ละอาณาจักรที่พอมาเจออยู่ด้วยกันแล้วเหมือนเด็กห้าขวบ ล้อกัน เย้ากัน อย่างกับอยู่อนุบาลหมีน้อย ทั้งๆ ที่แต่ละคนตัวก็ไม่ใช่น้อยๆ สักคน โดยเฉพาะควีนที่โดนเพื่อนๆ ล้อหนัก เพราะทุกคนต่างก็รู้ว่าควีนแสลงกับตำแหน่งของตัวเองมากแค่ไหน โดยเฉพาะบรรดาพ่อๆ ของแก๊งเฮดีสที่พากันล้อเลียนอย่างไม่กลัวตาย เพราะถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน

งานเลี้ยงเป็นไปอย่างสนุกสนาน เป็นกันเองและผ่อนคลาย จนกระทั่งใกล้ถึงฤกษ์ร่วมคู่ คิง ควีน องค์ราชา ราชินีและคนอื่นๆ ก็เข้ามาอวยพรเราทั้งคู่เป็นระยะ หลังจากนั้นท่านเซเรส ท่านอลาสกันและท่านไซรีนก็เดินมาส่งที่เรือนวสุธา ผมได้แต่หน้าร้อนๆ กับเสียงโห่แซ็วของเพื่อนๆ ไซเลอร์ ผิดกับไซเลอร์ที่จับมือผมเดินไปด้วยรอยยิ้มที่กว้างขวาง

เมื่อไปถึงหน้าห้องนอนทุกคนก็อวยพรกันอีกรอบ

“ขอให้มีความสุขมากๆ นะ” ท่านเซเรสอวยพรคนแรก

“ขอให้อยู่กันอย่างมีความสุข มีอะไรก็พูดคุยกัน มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาพ่อได้ทุกเรื่อง ดูแลก้อนดินให้ดีๆ นะไซเลอร์” ท่านอลาสกันอวยพรต่อ ก่อนจะหันไปบอกไซเลอร์ที่รับคำอย่างหนักแน่น

“ขอให้ลูกทั้งคู่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขไปชั่วชีวิต ถนอมความรักของกันและกันไว้ดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ต้องห่างกันไว้นะไซเลอร์ ส่วนก้อนดิน ฝากพี่เค้าด้วยนะลูก”

“ครับ” เราทั้งคู่รับคำพร้อมกัน

เมื่อท่านไซรีนอวยพรจบ ท่านเซเรสก็พยายามแงะเอาก้อนหินออกจากตัวผม เพราะว่ามันเกาะไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ให้เวลาทั้งคู่อยู่ด้วยกันหน่อยน่า อย่าดื้อสิก้อนหิน พรุ่งนี้เช้าค่อยมาหาก้อนดินก็ได้”

“ก๊าสสสส” เมื่อมันปฏิเสธผมก็ได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ไซเลอร์เลยโน้มตัวลงมามองมันใกล้ๆ แล้วลูบหัวมันเบาๆ

“ขอร้องละตัวยุ่ง” แล้วทั้งคู่ก็จ้องตากันนิ่งๆ จนก้อนหินถอนหายใจพรืด เอาหัวถูเข้ากับตัวผมเหมือนระบายอารมณ์ ก่อนจะยอมปล่อยมือแล้วยอมให้ท่านเซเรสอุ้มไปแต่โดยดี

พอเหลือกันสองคนก็ชักจะรู้สึกทำอะไรไม่ถูก จนไซเลอร์เปิดประตูห้องแล้วจูงผมเข้าไปในห้อง หลังจากปิดประตูแล้วไซเลอร์ก็ดึงผมเข้าไปกอดแน่น ซึ่งผมก็กอดตอบหัวใจที่เต้นกระหน่ำเพราะเรื่องที่คิดจะทำ ก่อนที่ความอบอุ่นที่ได้รับจะทำให้หัวใจค่อยๆ สงบลง

พอกอดจนพอใจแล้วไซเลอร์ก็ขยับตัวออกแล้วยิ้มให้ผมด้วยแววตาอ่อนโยนอ่อนหวาน ดวงตาสีเขียวทอประกายระยิบระยับสวยงามเหมือนเกล็ดของก้อนหินเวลาโดนแสงแดด จนผมเผลอไผลปล่อยให้ดวงตาคู่นั้นตรึงไว้นิ่งๆ แม้ยามที่ใบหน้าของเจ้าของดวงตาเข้ามาใกล้ เมื่อใกล้จนรับรู้ถึงลมหายใจของกันและกันผมจึงหลับตารับสัมผัสที่ริมฝีปากอุ่นประทับลงมาอย่างนุ่มนวล ก่อนที่จะขยับริมฝีปากบดคลึงขบเม้มริมฝีปากกันและกันเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกที่อัดแน่นในหัวใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะตัดใจผละออกแล้วมองหน้าแดงๆ ของกันและกันด้วยรอยยิ้ม

ไซเลอร์จูงมือผมไปที่เตียงก่อนที่เจ้าตัวจะขยับขึ้นไปนอนรอนิ่งๆ เหมือนจะปล่อยให้ผมได้ทำอะไรต่อมิอะไรก็ได้ตามใจ ทำเอาผมหลุดขำพรืดแล้วยิ้มด้วยความตื้นตันใจที่พี่แกยอมให้ผมได้ถึงขนาดนี้

ผมขยับเข้าไปคร่อมตัวไซเลอร์ไว้ สบตาคนที่อยู่ข้างล่างด้วยแววตารักใคร่ ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้างหูของไซเลอร์

“ไซเลอร์”

“ครับ”

“ข้ารักเจ้า”

“ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน” คำพูดที่ตอบกลับมาทันทีทำให้ผมได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนที่จะพูดต่อ

“ข้าอยากให้เจ้าเป็นของข้า”

“ข้าเป็นของเจ้าเสมอก้อนดิน”

“และข้าก็อยากเป็นของเจ้า”

“...”

“ไซเลอร์”

“ครับ”

“ข้าอยากเป็นของเจ้า ขะ... เข้าใจที่ข้าพูดใช่ไหม”

พอจบคำพูดของผมก็กลายเป็นความเงียบ

“โอ๊ะ” ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าโลกหมุนกลับเพราะถูกไซเลอร์จับพลิกให้มาอยู่ข้างล่างแทน ไซเลอร์ที่ตอนนี้เป็นฝ่ายที่คร่อมตัวผมอยู่สบตาผมนิ่งๆ แล้วเอ่ยถาม

“แน่ใจเหรอก้อนดิน”

“อื้ม” ผมตอบแล้วหลบสายตาด้วยหน้าตาที่น่าจะแดงก่ำเพราะรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า

ระหว่างที่รอวันงาน ผมก็คิดเรื่องนี้มาโดยตลอดและตัดสินใจมาดีแล้ว ถ้าให้ผมเป็นฝ่ายรุก คาดว่าไซเลอร์น่าจะเวอร์จิ้นไปจนตายนั่นแหละ เพราะผมคงอายเกินกว่าจะเป็นฝ่ายเริ่ม อีกอย่าง ผมมั่นใจอย่างที่สุดว่าไซเลอร์จะทะนุถนอมผมเป็นอย่างดียิ่งกว่าตัวผมเองซะด้วยซ้ำ

เมื่อไซเลอร์เอื้อมมือมาแตะแก้มอย่างอ่อนโยนผมก็เอียงใบหน้าแนบฝ่ามือหลับตาซึมซับความที่อบอุ่นนั้น ก่อนที่จะลืมตามามองเมื่อนิ้วโป้งของมืออีกข้างไล้ริมฝีปากผมอย่างแผ่วเบาจนรู้สึกจั๊กจี้

“ก้อนดิน”

“ครับ”

“ขอบคุณที่วางใจข้า ข้าสัญญาว่าจะรักและทะนุถนอมเจ้าให้มากที่สุด” ผมไม่ได้ตอบเพียงแต่ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะดันตัวขึ้นไปโน้มต้นคอไซเลอร์ลงมาจูบอย่างแผ่วเบา

“ข้ารู้”

ก่อนที่ริมฝีปากของเราทั้งคู่จะสัมผัสกันอีกครั้ง แรกๆ ก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยนอ่อนหวาน ก่อนจะทวีความเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ ไซเลอร์ทั้งบดคลึง ดูดดึง ขบเม้ม แล้วใช้ปลายลิ้นแตะริมฝีปากแผ่วเบาเพื่อขออนุญาต เมื่อผมยอมเปิดริมฝีปากให้ก็ปรับองศาแล้วส่งลิ้นนุ่มเข้าไปสัมผัสกับลิ้นของผมและเรียกร้องให้ตอบสนอง

ผมก็พยายามตอบสนองอย่างเงอะๆ งะ ตามที่ได้เรียนรู้มา ได้ยินเสียงคำรามอย่างพึงพอใจจากไซเลอร์ แล้วก็ยิ่งได้รับจูบที่หนักหน่วงมากขึ้นจนผมรู้สึกหูอื้อตาลายและเริ่มจะหายใจไม่ทันจึงทุบหลังประท้วง

ไซเลอร์ถึงได้ยอมผละออกแล้วจูบหน้าผากอย่างอ่อนโยนเหมือนจะขอโทษ ก่อนละไล่จูบระเรื่อยลงไปตามสันจมูก ไปหยุดอยู่ที่ต้นคอแล้วทั้งจูบทั้งขบเม้มจนผมรู้สึกเจ็บจี๊ด คาดว่าน่าจะเป็นรอยหลายรอย ก่อนที่ริมฝีปากจะย้ายกลับมาจูบริมฝีปากผมใหม่ ทั้งจูบที่ร้อนแรงและมือที่ลูบไล้ไปทั่วตัวทำเอาสติผมกระเจิดกระเจิง มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสื้อหายไปจากตัวแล้ว

ไซเลอร์ผละมามองหน้าผมที่หอบหายใจด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนที่เจ้าตัวจะถอดเสื้อออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวย ผมกวาดสายตามองอย่างเผลอไผล พอกลับมาสบตาที่เปล่งประกายล้อเลียนก็เขินจนเหมือนหน้าจะระเบิดเลยต้องเบือนหน้าหนี

ไซเลอร์ก้มลงไล่จูบแล้วทิ้งรอยไว้ตามแนวกระดูกไหปลาร้า ก่อนที่จะไล่ลงมาที่หน้าอกทั้งสองข้าง แล้วริมฝีปากอุ่นๆ นั้นก็ครอบครองดูดดึงตุ่มไตทั้งสองข้างสลับกับใช้ปลายนิ้วบดขยี้ข้างที่ว่างจนผมดิ้นพล่านด้วยความรู้สึกร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตรงจุดนี้จะกระตุ้นอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้ ผมกำเส้นผมของไซเลอร์แน่นเพื่อระบายอารมณ์ ทั้งอยากผลักออกและทั้งอยากให้แนบชิดยิ่งกว่านี้ ทำได้เพียงปล่อยให้เสียงครางหลุดออกมาจากปากอย่างไม่รู้ตัว

“อื้อ ซะ ไซเลอร์” แม้จะได้ยินเสียงประท้วง เจ้าของชื่อก็ไม่ยอมหยุด ยังคงตั้งใจรังแกกันต่อ ซ้ำมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ค่อยลูบไล้ลงไปเบื้องล่าง เลื้อยเข้าสู่ขอบกางเกงแล้วไปแตะยังส่วนที่ตอนนี้เริ่มจะแข็งขึงจนผมสะดุ้ง

“อ๊ะ”

“ชู่ว” ไซเลอร์ผละจากยอดอกผมมาปลอบ ดวงตาสีเขียวที่เต็มไปด้วยอารมณ์คู่นั้นจ้องนิ่งๆ ก่อนที่จะก้มลงไปจูบที่หน้าท้องแล้วค่อยๆ ปลดกางเกงของผมออกอย่างอ่อนโยน ผมมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยหน้าที่แดงก่ำแล้วหลับตาลงเพื่อระงับความอายของตัวเองลงบ้างเมื่อรู้สึกว่าตัวเปล่าเปลือยอยู่

ไซเลอร์ขยับมาจูบริมฝีปากอีกครั้ง ส่วนมือก็ขยับไปกอบกุมส่วนนั้นอย่างแผ่วเบาแล้วเริ่มรูดรั้งจนผมเผลอหลุดครางออกมา

“อ๊ะ” เจ้าของมือนั้นขยับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้อารมณ์ผมยิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้นจนรู้สึกหูอื้อตาลาย แล้วสมองก็โล่งเมื่อถึงจุดสูงสุดของอารมณ์

ผมนอนหลับตานิ่งๆ เพื่อปรับลมหายใจตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้หายเหนื่อย ก็รู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่ไล่จูบไปตามตัวอีกครั้งก่อนที่จะครอบลงบนส่วนที่เพิ่งจะปลดปล่อยไปเมื่อครู่

“ไซเลอร์ อย่า” แต่เจ้าของชื่อไม่ฟังสักนิด ยังคงตั้งใจปลุกเร้าสิ่งที่สงบไปแล้วให้ลุกขึ้นมาใหม่ ด้วยความที่รู้จักความต้องการของผู้ชายเหมือนกันดี จึงทำให้ส่วนนั้นตื่นขึ้นมาไม่ยาก

“อื้อ” ผมได้แต่ปล่อยให้ไซเลอร์ทำต่อไปเพราะไม่มีแรงจะห้าม ได้แต่พยายามกลั้นเสียงครางของตัวเองเอาไว้ด้วยความอาย ไซเลอร์เริ่มเร่งความเร็วมากขึ้นจนในที่สุดผมก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

ผมได้แต่นอนหอบหัวใจเต้นกระหน่ำจนกลัวว่าจะหัวใจวายตายซะก่อน สายตาเหลือบไปเห็นไซเลอร์ถอดผ้าชิ้นที่เหลือออกจากตัว พอกวาดสายตามองต่ำลงไปก็ได้แต่ชักสายตากลับมาแทบไม่ทัน เพราะถึงจะมีเหมือนๆ กันแต่พอมองของคนที่รักก็ทำให้รู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งคิดว่าเจ้าสิ่งนั้นจะ... โว๊ยยยย จะคิดทำไมดิน ลามก!

ตบตีกับความคิดของตัวเองได้ไม่นานก็ถูกดึงกลับมาสู่เหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง เมื่อไซเลอร์เริ่มจะปลุกอารมณ์ผมขึ้นมาอีก จนเมื่อเห็นว่าผมพร้อมแล้ว ไซเลอร์ก็ขยับไปหยิบยาขยายช่องทางกลิ่นที่ผมเลือกมาถือไว้ ซึ่งเจ้าคนสอนมาส่งเองกับมือแล้วย้ำนักย้ำหนากับไซเลอร์ว่าเป็นกลิ่นที่ผมชอบจนผมอายจนพูดไม่ออก

ผมหันหน้าหนีแล้วหลับตาจากภาพตรงหน้าเพราะทนรู้สึกอายต่อไปไม่ไหว ไม่นานก็รู้สึกเย็นๆ ที่ช่องทางด้านหลังเพราะไซเลอร์เทน้ำยาลงมาใส่ เพียงไม่นานมือของไซเลอร์ก็ขยับมาสัมผัสเบาๆ เหมือนจะปลอบโยนแล้วค่อยๆ ใช้นิ้วที่ชุ่มไปด้วยน้ำยาสอดใส่เข้าไปทีละนิดอย่างใจเย็น

เมื่อเห็นว่าคิ้วผมขมวดไซเลอร์ก็ขยับขึ้นมาจูบเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ แล้วค่อยๆ เพิ่มนิ้วเข้าไปอีก ตัวยานี้นอกจากจะช่วยขยายช่องทางให้ยืดหยุ่นขึ้นแล้วยังเป็นเหมือนยาช่วยบรรเทาความเจ็บอีกด้วย เมื่อนิ้วเข้าไปได้ครบทั้งสามนิ้วแล้วไซเลอร์ก็เริ่มขยับเบาๆ จนผมเริ่มส่งเสียงครางไซเลอร์ก็ดึงนิ้วออกแล้วแทนด้วยส่วนที่แข็งขึงของตัวเอง

“อื้อ” เมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งที่ใหญ่กว่านิ้วเข้ามาผมก็เผลอเกร็งโดยไม่รู้ตัว

“ชู่ว ผ่อนคลายหน่อยสิก้อนดิน นะครับ” พอได้ยินคำปลอบก็พยายามหายใจเข้าและผ่อนคลายลง ปล่อยให้ไซเลอร์กดเจ้าส่วนนั้นเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยสีหน้าพยายามอดทน เหงื่อผุดซึมขึ้นตามกรอบใบหน้าจนผมรู้สึกสงสาร

“ขะ... เข้ามาเลยไซเลอร์” ผมฝืนความอายบอกไป เพราะยิ่งรั้งไว้ ไซเลอร์ก็ยิ่งทรมาน

ไซเลอร์ขยับขึ้นมาจูบปิดปากผมไว้ก่อนจะขยับพรวดเข้ามาทีเดียวจนผมรู้สึกจุกกับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาจนสุด

“อื้อ”

“ดิน ก้อนดินของข้า” ไซเลอร์เรียกชื่ออย่างอ่อนหวาน สบตาผมนิ่งๆ ด้วยแววตาร้อนแรง แล้วค่อยๆ ขยับอย่างเชื่องช้า น่าจะเพราะสรรพคุณของยาทำให้ผมไม่รู้สึกเจ็บอย่างที่คิด แต่รู้สึกเสียดเสียวเมื่อตัวตนของไซเลอร์กระแทกไปโดนจุดบางจุด

“อ๊า” เมื่อรู้ว่าจุดไหนที่ทำให้ผมดิ้นพล่านได้ ไซเลอร์ก็ขยับหมุนวน กระแทกมาซ้ำๆ จนผมจะคลั่งใจตาย

“อืม ก้อนดิน” เสียงหอบหายใจและเสียงเรียกชื่อจากไซเลอร์ ทำให้ความรู้สึกของผมพุ่งสูงขึ้นจนเผลอขยับตอบและบีบรัดอีกฝ่ายไว้แน่น แล้วก็เหมือนเป็นการปลดสลักความต้องการของไซเลอร์ เพราะหลังจากนั้นไซเลอร์ก็เริ่มขยับจากช้าๆ เป็นรัวเร็วจนผมแทบจะขาดใจตาย

“อื้อ ไซเลอร์”

“เรียกอีก”

“ไซเลอร์”

“เรียกวสุสิ”

“วสุ”

เพียงได้ยินคำเรียกชื่อสุดท้ายไซเลอร์ก็ขยับตอกตรึงหนักๆ มาอีกหลายๆ ครั้งก่อนที่อารมณ์จะพุ่งสูงจนถึงขีดสุดจนรู้สึกพร่าพรายและปลดปล่อยออกมาในที่สุด เมื่อถูกบีบรัดแน่นๆ ไซเลอร์ก็คำรามก่อนจะปลดปล่อยตามมาแล้วทิ้งตัวลงนอนกอดผมไว้นิ่งๆ โดยระวังไม่ทิ้งน้ำหนักตัวลงมาเต็มที่

เราทั้งคู่นอนนิ่งๆ เพื่อปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ก่อนที่ไซเลอร์จะยันตัวขึ้นมาจูบหน้าผากเบาๆ จับมือที่ประสานกันไว้ขึ้นมาจูบแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน

“ข้าเป็นของเจ้าแล้วนะ”

“ครับ ข้าก็เป็นของเจ้าเหมือนกัน” แล้วเราทั้งคู่ก็ยิ้มให้กัน ผมพยายามจะขยับตัวเพื่อจะลุก แล้วก็รู้สึกว่าส่วนนั้นของไซเลอร์ยังคงคาช่องทางอยู่แล้วเหมือนจะขยายขึ้นมาใหม่จนผมเบิกตากว้างหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ไซเลอร์เองก็หน้าแดงแข่งกันเมื่อควบคุมส่วนที่กำลังตื่นมาไม่ได้

“เอ่อ... ข้าจะขยับออก” แต่พอจะขยับออกกลับไปโดนจุดที่ทำให้ผมหลุดครางจนเผลอรัดไซเลอร์ไว้จนคนที่ถูกรัดหน้าตาเหยเก

“อา... ก้อนดิน” ไซเลอร์สบตาด้วยแววตาเว้าวอน

“ก็... ก็ตามใจสิ” ผมอนุญาตด้วยใบหน้าแดงก่ำ เพราะเริ่มจะรู้สึกต้องการขึ้นมาอีกเหมือนกัน

แล้วไซเลอร์ก็ก้มเข้ามาหาและขยับเข้ามาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง


(มีต่อค่า ยาวปายยยย)
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 02-01-2018 21:32:01
ผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนล้า เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอะไรที่ทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ก็ต้องซุกหมอนแก้เขินเมื่อภาพเมื่อคืนผุดขึ้นมาเป็นฉากๆ เมื่อลุกขึ้นมานั่งสำรวจตัวเองก็พบเพียงรอยจูบตามตัว แต่ไม่รู้สึกเจ็บตรงจุดนั้นมากอย่างที่คิด คาดว่าน่าจะเป็นจากฤทธิ์ของตัวยาที่ได้มา แค่รู้สึกเมื่อยๆ ตามเนื้อตัว เพราะไซเลอร์เหมือนกับคนที่อดอยาก อ้อนวอนขอซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนผมประท้วงว่าไม่ไหว ถึงได้ยอมหยุด ก่อนที่จะช่วยทำความสะอาดช่องทางและร่างกายจนสะอาดสบายตัว ช่วยทายาให้อย่างเรียบร้อย และนำยาที่ทางสำนักแพทย์จัดเตรียมไว้มาให้กิน ก่อนจะพาย้ายไปนอนอีกห้องจนผมหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย ผมนึกเรื่องเมื่อคืนไปหน้าก็ร้อนไปจนต้องหยิบหมอนมาปิดหน้าไว้ให้หายร้อน

“ตื่นแล้วเหรอก้อนดิน” เสียงที่ดังมาจากหน้าประตูทำให้ผมต้องโผล่หน้ามาจากหมอน แล้วก็ต้องหลบตาเมื่อเจอกับสายตาที่อ่อนหวานและมีแววเหมือนอยากจะกลืนกินของไซเลอร์ เมื่อเห็นผมมีสีหน้าขัดเขินไซเลอร์ก็ยิ้มกว้างแล้วเดินเข้ามาจูบหน้าผากเบาๆ

“ไปอาบน้ำก่อน แล้วออกไปกินมื้อเช้ากัน”

“ครับ” เมื่อผมลดหมอนลง พี่แกก็ก้มลงมาจูบริมฝีปากเบาๆ แล้วเดินผิวปากออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งหน้าร้อนอยู่คนเดียว

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้วผมก็มานั่งรอที่โต๊ะอาหารที่ไซเลอร์ทำไว้รอ ข้างๆ เก้าอี้ของผมมีเนื้อเสียบไม้วางไว้จนพูนจาน นอกจากนี้ก็ยังมีปลาสดๆ ที่แล่ใส่จานไว้อย่างเรียบร้อยอีกชามใหญ่ๆ เดาไม่ยากว่าเป็นของใคร ผมจึงกำหนดจิตแล้วร้องเรียกก้อนหิน




   “ทำไมถึงทำท่าเหมือนเด็กขาดความอบอุ่นอย่างนี้ล่ะก้อนหิน”

   เซเรสเดินมาหาก้อนหินในร่างเล็กๆ ที่นั่งจ้องปลาอยู่หน้าคฤหาสน์นิ่งๆ แล้วได้คำตอบเป็นเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่จนอดจะรู้สึกขำไม่ได้ เพิ่งจะเคยเห็นมังกรที่ติดกับผู้ร่วมชะตามากขนาดนี้ เพราะจากที่เคยได้ยินมา ตามปกติมังกรมรกตจะมีความรักอิสระในสายเลือด ถึงจะถูกผูกจิตไว้กับผู้ร่วมชะตา ต้องทำภารกิจร่วมกัน แต่บางครั้งก็ชอบที่จะไปไหนมาไหนเพียงลำพังเสมอ

   “เอาน่า ถ้าเสร็จ แฮ่ม ข้าหมายถึงถ้าพร้อมเมื่อไหร่ เดี๋ยวก้อนดินก็เรียกเอง ก้อนดินรักเจ้าจะตาย” ไม่ใช่แค่ก้อนหินที่ติดก้อนดินฝ่ายเดียว ก้อนดินก็ไม่ได้ต่างกันเลย ติดกันอย่างกับอะไรดี

“ก้อนหิน หินอยู่ที่ไหน กลับบ้านเร็ว”

ก้อนหินเงี่ยหูฟัง เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเอง เมื่อแน่ใจว่าเป็นเสียงของคนที่รออยู่หางก็สะบัดด้วยความดีใจ

   “ดินเรียก”

   แว้บบบบ

   แล้วก้อนหินจะหายตัวไป ปล่อยให้เซเรสส่ายหน้าแล้วยิ้มด้วยความเอ็นดูอยู่คนเดียว

   “เห็นไหมล่ะ พูดยังไม่ทันขาดคำก็เรียกหากันซะแล้ว”



“แอ่ก” ผมเกือบจะหงายหลังเมื่อก้อนหินโผล่พุ่งเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว

“เบาหินเบา”

“ก๊าสสส” ก้อนหินเงยหน้าขึ้นมาเบะปากและมองด้วยแววตาตัดพ้อ จนผมอดจะกอดปลอบไม่ได้

“หึๆ”

“ก๊าสสส” เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของไซเลอร์ก้อนหินก็หันไปหาเรื่องจนไซเลอร์ต้องยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้

“กินอะไรก่อนสิจะได้มีแรง”

โครก! พอจบคำพูดของไซเลอร์ ท้องของก้อนหินก็ร้องขึ้นพอดี

“ฮ่าๆๆๆ” พวกเราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน ส่วนก้อนหินก็เอาหน้าซุกกับตัวผมแก้เขิน

“ไซเลอร์ ก้อนดิน” ระหว่างที่กินอาหารเช้ากันอยู่ก็ได้ยินเสียงเรียกคุ้นๆ จากหน้าเรือน

“อยู่นี่” ไซเลอร์ขานรับ ไม่นานก็เห็นชเนาเซอร์กับเพื่อนๆ อีกสามคนโผล่เข้ามาในห้องอาหารทีละคนด้วยท่าทางที่เกรงใจ

“ที่จริงก็ไม่ได้อยากจะมากวนหรอกนะ แต่ชเนาเซอร์ลากมา” มาสทิฟฟ์รีบปัดให้เพื่อนเมื่อเห็นไซเลอร์จ้องตาเขียว

“อ้าว! ไหงงั้นล่ะ ยอมรับเถอะว่าพวกเจ้าก็อยากมา อย่าโยนให้ข้าคนเดียวสิ” ชเนาเซอร์โวยวายขึ้นมาทันที

ไซเลอร์กวาดตามองคนที่เหลือนิ่งๆ

“เอ่อ... เห็นท่านเซเรสบอกว่าจะมีภารกิจ ก็เลยตามชเนาเซอร์มาถามก้อนดิน”

“หือ” ผมหันไปมองร็อตแล้วก็หันมามองก้อนหิน ถ้าต้องมีภารกิจทำไมผมไม่รู้สึกล่ะ

“ก๊าสสส”

“ไม่ด่วนเหรอ” อ๋อ เพราะท่านเซเรสรู้จากนิมิตนี่เอง แต่เมื่อก้อนหินบอกว่าไม่รีบก็แสดงว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

“ก๊าสส” ก้อนหินรับคำก่อนจะหยิบปลาเข้าปากต่ออย่างไม่สนใจคนอื่นๆ เลย

“คือ จะไม่ชวนเรากินมื้อเช้าบ้างเหรอไซเลอร์” ชเนาเซอร์ถามไซเลอร์ที่ตักอาหารเข้าปากเงียบๆ

“ไม่มีเผื่อ”

พรืด! ผมอดจะหลุดขำไม่ได้ ชเนาเซอร์หันมาแยกเขี้ยวใส่ผมจนผมยิ่งขำไปกันใหญ่

“ใจร้าย” เสียงบ่นลอยๆ ทำให้ผมต้องอมยิ้ม ก่อนที่คนบ่นจะขยับไปใกล้ๆ ไซเลอร์ที่เหลือบตามองนิ่งๆ แล้วกระซิบถาม

“ครั้งแรกเป็นไงมั่ง เจ็บรึเปล่า”

“แค่กๆๆๆ” ไซเลอร์สำลักน้ำขึ้นมาทันที

“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ” โอ๊ย! ไม่ไหวละ กูฮา ไม่คิดว่าชเนาเซอร์จะเชื่อจริงจังขนาดนั้นว่าผมจะเป็นฝ่ายรุกไซเลอร์จริงๆ

“เจ้าก็ลองดูสิ เดี๋ยวก็รู้เอง” หลังจากหายสำลัก ไซเลอร์ก็ตอบนิ่งๆ ไม่ปฏิเสธสักนิด ชเนาเซอร์ถลึงตาใส่เพื่อนเมื่อได้ฟังคำตอบ ส่วนผมก็สบตากับไซเลอร์แล้วก็ยิ้มให้กัน

“อะแฮ่ม” ก่อนที่จะได้ยินเสียงกระแอมไอของก้าง เอ๊ย! ของแขกที่ไม่ได้รับเชิญทั้งหลาย

หลังจากอิ่มแล้ว เราก็ออกไปปฏิบัติภารกิจส่งคนกลับมิติ ผมขึ้นหลังก้อนหินนำหน้าตรงไปในป่าของอาณาจักรรุค เมื่อไปถึงถ้ำฟินซ์ก็ทักทายท่านพีเจียนที่มารอนำทางอยู่แล้ว เราเดินตามเข้าไปข้างในถ้ำเพื่อเปิดประตูมิติ แล้วให้ท่านพีเจียนกับไซเลอร์และเพื่อนๆ ข้ามไปตามหาไข่ของหงส์ฟินซ์ที่หายไป


“ดวงจิตหายไปแล้ว” พีเจียนเอ่ยเมื่อพบว่าไข่หงส์ฟินซ์ที่หลงมิติมาได้ฟักจากไข่และตายไปแล้ว

“แล้วจะไม่เป็นปัญหาเหรอท่าน” ร็อตหันไปถาม

“ไม่หรอกครับ ท่านจอมปราชญ์ลิเวอร์ให้มาตรวจสอบเพื่อยืนยันกับตระกูลฟินซ์เฉยๆ เพราะท่านเห็นในนิมิตว่าดวงจิตของไข่ใบนี้ได้กลับไปเกิดใหม่ในตระกูลแล้ว” พีเจียนอธิบายเมื่อเห็นสีหน้ากังวลใจของร็อต

“แล้วร่างของหงส์ฟินซ์นี่ล่ะ ต้องเอากลับรึเปล่า” พรีซาถามแล้วเตรียมพร้อมจะเดินลุยน้ำไปเอาร่างที่ลอยอยู่กลางลำธารกลับมา

“ไม่ต้องหรอกครับ ท่านลิเวอร์บอกว่าให้ทิ้งไว้ที่นี่จะเป็นประโยชน์มากกว่า”

เมื่อได้ฟังคำตอบก็ได้แต่มองหน้ากันด้วยความงง มีประโยชน์? กับใครล่ะ?

“ถ้าท่านลิเวอร์ว่าเช่นนั้น ก็คงต้องทำตาม งั้นเราก็กลับกันเถอะ” มาสทิฟฟ์สรุป

“ก้อนดิน ก้อนหิน” เมื่อได้ยินเสียงเรียกของไซเลอร์ ก้อนหินก็เปิดประตูมิติให้ทั้งหมดเดินผ่านกลับมา

ระหว่างที่ไซเลอร์กับเพื่อนๆ ข้ามมิติไป ก้อนหินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง บอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกลิขิตไว้แล้ว จึงไม่สามารถไปช่วยได้

เมื่อออกมาจากถ้ำ ก้อนหินก็ให้ไซรัสมังกรของไซเลอร์กลับกับคนอื่นๆ ไปก่อน แล้วบอกให้ไซเลอร์ขึ้นหลังไปกับผมแทน ถึงจะสงสัยแต่ไซเลอร์ก็ทำตามด้วยความยินดีที่ก้อนหินยอมให้คนอื่นนอกจากผู้ร่วมชะตาขึ้นหลังได้

ก้อนหินพาเราสองคนบินไปเรื่อยๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่ยอดภูเขาไฟเขาไวเวิร์นที่ที่ผมได้เจอก้อนหินที่เชิงเขาครั้งแรก เราสองคนกับอีกหนึ่งตัวนั่งมองพระอาทิตย์ตกดินอยู่บนหลังก้อนหิน เพราะด้านนอกเขตคุ้มกันของก้อนหินช่วงที่หิมะยังไม่ตกอุณหภูมิจากภูเขาไฟน่าจะร้อนมาก

สายลมพัดมาเบาๆ ให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไซเลอร์ที่อยู่ด้านหลังกอดผมเอาไว้ ผมจึงเอนไปพิงเพื่อรับไออุ่นและมองภาพตรงหน้าอย่างสบายใจ

พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำเรื่อยๆ แสงสีทองที่กำลังอาบไล้ไปทั่วอาณาบริเวณกำลังจะหายไป ความมืดเริ่มจะเข้ามาครอบครองแทนที่ ผมถอนหายใจอย่างเป็นสุข ละสายตาจากภาพตรงหน้าแล้วหันไปยิ้มให้ไซเลอร์

“กลับเรือนวสุธากันเถอะ”

“ครับ กลับบ้านกัน”

“ก๊าสสสสส”

   กลับ ‘บ้านของเรา’

จบ.


@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

เอร๊ยยยย ในที่สุดก็จบแล้วค่า จุดพลุ เย้ๆๆๆๆ
ในส่วนของเลิฟซีนที่เรียกร้องมานั้นก็ได้ประมาณนี้แหละค่ะ แหะๆ

ขอบคุณแม่ยกก้อนหินและลูกๆ ทุกคนที่อยู่เคียงข้างมาจนถึงตอนนี้นะคะ ขอบคุณที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา
ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาเม้นท์ มาช่วยเป็นแรงผลักดันให้มีความพยายามและมีแรงฮึดเขียนต่อไปได้เรื่อยๆ ค่ะ

แค่ได้เขียนจนจบได้ก็ดีใจมากแล้วค่ะ เป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิตเลย ถ้าไม่นับเรื่องสั้นอีกเรื่อง

ที่แล้วมาหากมีคำพูดใดหรือสิ่งใดที่ทำให้ขุ่นข้องหมองใจก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

กราบแนบอกทุกคนงามๆ

ในส่วนของคู่รองนั้น วงเล็บตัวโตๆ ว่า “ถ้าขยัน” จะมีตอนพิเศษของแต่ละคู่ตามมาค่ะ แฮ่! // โดนตบ

เนื่องในโอกาสปีใหม่ ก็ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนนับถือ โปรดดลบันดาลให้ทุกคนมีความสุขมากๆ
การงานเจริญก้าวหน้า การเงินเข้มแข็ง มีตังค์ไว้เปย์นิยายกันเยอะๆ
ขอสุขภาพแข็งแรง พบเจอแต่สิ่งดีๆ คนดีๆ โชคดีมีชัย ตลอดปี ตลอดไปนะคะ

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

@ shoi_toei ก้อนหินหล่ออยู่แล้วค่ะ ถามดินแล้วดินหินหล่อที่สุด จัดให้แล้วนะคะ ได้แค่นี้แหละค่า แหะๆ
@♥►MAGNOLIA◄♥ ใช่ค่า โตแล้วหล่อมากกกก รักก้อนหิน ขอให้ได้เอาคืนนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาค่ะ บังอาจแตะต้องก้อนดินของหิน
@alternative ก้อนหินหล่อสุดในเรื่องแล้วค่ะ เพราะแม่มันก็หลงก้อนหินหนักมาก ฮ่าๆๆๆ ในส่วนของการโดนกินนั้น เรียบร้อยแล้วค่ะ หลายรอบด้วย แค่กๆๆๆ
@ommanymontra  :L2: :pig4: :L2:
@aiyuki คนเขียนก็สบายใจค่า ยาวนานเหลือเกินนนนน
@MayA@TK อยากไปอยู่ที่มิตินี้มากเลยค่ะ วาร์ปไปด้วยกันไหมคะ
@poppycake อยากให้เป็นที่ๆ อยู่แล้วสบายใจค่ะ อยากอยู่ในที่แบบนี้ น่าจะมีความสุขดีนะคะ จัดให้แล้วนะคะ มุ้งมิ้งพอไหม  แหะๆ
@Billie  :L2: :L2: :pig4: :L2:
@duck-ya หวานพอไหมคะ ฮ่าๆๆๆ นี่พยายามหาคนช่วยแยกก้อนหินออกมาแล้วนะคะ ไม่งั้นคงไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกันหรอก ติดกันมาก
@Yara ใช่ค่ะ เด่นสุด แม่รักที่สุด ฮ่าๆๆๆ
@HISY พระเอกตัวจริงกระทิงแดง ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆๆ พระเอกตัวจริงก็ก้อนหินนี่แหละค่ะ แต่ตอนนี้ขอเอาพระเอกไปเก็บก่อน ให้ตัวประกอบเค้ามุ้งมิ้งกันก่อน
@suikajang ได้กินกันสักที แค่กๆๆ หมายถึง ได้อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขสักทีค่ะ ตอนนี้ได้ยิ่งกว่าจับมืออีก เอร๊ยยย เขิน ไม่รู้ว่าใช้ได้รึเปล่า แต่เลิฟซีนจะได้ประมาณนี้แหละค่ะ แม่มันเขิน
@ •♀NoM!_KunG♀• ขอบคุณมากที่คอยติดตามเหมือนกันค่า
@บูมเบส ดีใจที่ชอบค่า คนอ่านชอบ คนเขียนก็ปลื้มมมมมมม

กอดรวบบบบบบบบบบบบ :กอด1: :กอด1: :กอด1:
รักทุกคนนนนนนนนนนนน  :L1: :L2: :L1:
เจอกันใหม่เมื่อไฟมานะคะ (เผื่อจะมีคนรอ)  :bye2:


 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: suikajang ที่ 02-01-2018 23:09:37
  :heaven จบได้ หวาน ฟินจิกหมอนไปสิเรา :m25:  จัดไป 5 คำ เน้นเลยคะ  :mc4: เขาได้กันแล้วจ้า  o13
 :L1:   :pig4:   :L1:
 :กอด1: มีเรืองต่อไปต้องตามไปแน่นอนคะ
ปล.พิมในโทรศัพทยากมาก อยากตอบยาวกวานี  :sad4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 02-01-2018 23:41:53
เป็นของขวัญปีใหม่ที่ถูกใจมาก

คาดว่าพี่ไซจะอดอยากปากแห้งมาก....คริคริ
ดินเอ๊ยยยยย ขำที่ไซเลอร์จะเวอร์จินตลอดชีวิตเพราะเอ็งอายเนี่ยแหละ
หิน:อ้อนชนะทุกจักรวาล
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-01-2018 23:49:32
หว่า จบซะละ ไม่อยากให้จบเล่อออ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 03-01-2018 00:21:22
 :-[
เขิลเลย

 :L2: :L1: :pig4:

ขอบคุณนักเขียนที่ลงเรื่องสนุกๆให้เราได้อ่านกัน
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 03-01-2018 00:45:55
น่ารักก
หินยังคงเป็นเด็กน้อยเสมอ
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-01-2018 00:48:56
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-01-2018 00:51:42
 :katai2-1: o13 o13 o13 :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :L1: :pig4: :pig4: :pig4: :L1: :L2: :กอด1:

“ก๊าสสสสสสสสสส”   (((ขอบคุณมากครับ  ที่เขียนผลงานอันยอดเยี่ยมให้ได้อ่านกัน )))   “ก๊าสสสสสสสสสส”
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 03-01-2018 06:59:04
จบแบบหวานมากกกกก ซาบซึ้งๆ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-01-2018 09:45:26
ในที่สุดก็ได้กัน เอ้ย ผูกจิตกันนนนตอนจบอยอุ่นมาก ชอบจัง กลับบ้านกัน

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารัก ๆ เจ้าหินยังคงเป็นเด็กน้อยน่าเอ็นดูเสมอ

ถึวแม้ร่างจริงจะไม่น้อยแล้วก็ตาม ฮาาาา อิตอนนั่งหงอย น่าเอ็นดูวว

ตอนที่ดินเรียกแล้วกระดิกหาง น่ารักไปอีกกกก โตและแก เรา รอ อ่าน ตอน พิ เศษ 555

สุดท้าย สวัสดีปี 2018 ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีสำหรับคนเขียนค่ะ love na u !!
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 03-01-2018 09:57:38
สวัสดีปีใหม่จ้า

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ สนุกๆ จ้า :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: บูมเบส ที่ 03-01-2018 11:30:26
ขอบคุณคนเขียนมากครับสำหรับนิยายดีๆสนุกๆแบบนี้ จะรอติดตามผลงานเรื่องต่อไปอีกนะครับ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-01-2018 12:50:14
Happy New Year 2018
สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๑  ขอให้ไรท์สุขสันต์ มีความสุขมากๆ

โอ๊ะโอ........ไซเลอร์ ก้อนดิน ผูกพันกันแล้ว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เอ่อ.........ผูกพันกันซะหลายรอบด้วย   :hao5: :sad4: :heaven

สงสารก้อนหินต้องห่างจากอ้อมกอดดิน
นั่งเศร้าข้าวปลาไม่กิน น่ารัก น่าฟัด น่ากอด จริง จริ้ง  :-[
พอได้ยินก้อนดินเรียกงี้ หายแว้ปไปหาทันที
ขอบคุณไรท์มาก
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:         
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 03-01-2018 13:50:31
จบซะแล้วไม่ได้เจอก้อนหินอีกแล้ว :mew2:

 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: jum1201 ที่ 03-01-2018 16:24:53
ฟินจิกหมอนนน  น่ารักกันจริงๆ เลยย. ขอให้คนเขียนมีแรงขยันเขียนตอนพิเศษเยอะๆ  :mew1: :3123:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 03-01-2018 17:24:01
ฮืออออ อยากอ่านต่ออออ
ตอนพิเศษก็ได้
จริงๆอยากเห็นโมเม้นแบบไซเลอร์ต้องอยู่กับก้อนหิน
อยากเห็นเค้ามุ้งมิ้งตามประสาพ่อลูก (?)
สนุกมากๆเลยจะรอติดตามผลงานค่าา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 03-01-2018 20:36:07
หวานเว่อ อิอิ อยากให้ก้อนดินมีลูกได้จัง เพราะคงน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-01-2018 20:56:24


เกินความคาดเดา

แต่ฟินไปอีก

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Premo1492 ที่ 03-01-2018 23:30:28
 o13 รอฟินกับตอนพิเศษต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Persephone ที่ 05-01-2018 00:13:15
มีความดีงามดีต่อใจมาก ชอบนิยายแนวนี้มากอ่ะ :-[ :-[
อยากอ่านตอนพิเศษจังเลย :mew2: :mew2: :impress2:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 09-01-2018 11:17:57
ก้อนหินเนี่ยน่าฟัดจริงๆ หมั่นเขี้ยว ขอบคุณคร้าบบบ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Readyaoi ที่ 11-01-2018 09:29:52
พึ่งเจอเรื่องนี้ เข้ามาเพราะคำว่าแฟนตาซี(หาอ่านเรื่องที่ถูกใจยากมาก)
รู้สึกหลงรักก้อนหินนนนน ไม่อยากให้จบเลย ขอตอนพิเศษก้อนหินเยอะไปได้ไหมคะ(ฮา)
จะรอติดตามตอนพิเศษอิอิ
 :pig4: :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 11-01-2018 23:04:48
จบซะแล้ว ชอบนิยายแนวนี้มากๆ
สนุก อ่านแล้ววางไม่ลง ไม่อยากให้จบเลย
ก้อนหินน่ารักมากอ่ะอยากได้
ขอแบบนี้ตัวนึงสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 12-01-2018 13:21:15
สนุกกกกก สรุปคนที่น่าสงสารที่สุดคือคุณไฟสินะเป็นบุคคลที่ถูกลืม 5555 ตอนแรกเชียร์นะ แต่พอเจอไซเลอร์ละลืมเลยจ้าาาส
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 12-01-2018 14:55:23
ก้อนหิน มังกรขี้อ้อน ขี้หวง น่ารัก จบลงด้วยดี สนุกมากค่ะชอบแนวแฟนตาซี ตื่นเต้นดี :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 13-01-2018 12:35:23
ขอบคุณคนเขียนมาก เป็นเรื่องที่พระเอกดีงามมากนายเอกก็น่ารัก ที่น่ารักสุดก็ต้องหิน5555   แต่แอบอยากรู้เรื่องคุณไฟ ถึงจะชอบแกล้งยังไงนั่นก็คนที่รัก คงรู้สึกผิดมากเสียใจมาก อยากให้มีคนมาปลอบจัง คนเขียน * ^*
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kungyung ที่ 15-01-2018 19:23:44
ก้อนหินน่ารัก :impress2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ASAMENG ที่ 28-01-2018 22:34:23
 :pig4: น่าติดตามตลอดเวลา ให้ความสึกอบอุ่นดี  :-[
น่ารัก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 29-01-2018 16:15:10
 :mew3:สนุกค่า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 29-01-2018 23:39:48
 :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) บทที่ 34 ตอนจบ (2/1/2018) P.21
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 30-01-2018 20:20:48
 :hao5:น่ารักมากๆ ดีงาม :hao5:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน (1/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 01-02-2018 08:37:42
เศษดิน
พินช์เชอร์ - ร็อต


   ปวดท้อง!

   ข้ารู้สึกปวดจนต้องทรุดลงไปนั่งกุมท้องเพราะทนปวดแทบไม่ไหว ส่วนสาเหตุที่ทำให้ปวดแบบนี้คงเป็นเพราะเมื่อเช้าข้าดื้อเข้าไปชิมอาหารรสจัดที่พี่สาวข้าทำแน่ๆ ทั้งๆ ที่ก็รู้แท้ๆ ว่าตัวเองกินเผ็ดไม่ได้ ก็ยังจะดื้อ

   แล้วดันมาปวดระหว่างเดินทางไปเรียนที่สำนักแพทย์พอดี แถวๆ นี้มีแต่ป่า แทบจะไม่มีคนผ่านเลย

ฮึก ปวดจังเลย ยาแก้ปวดท้องก็ลืมพกมาซะด้วย จะทำยังไงดี ข้ากำลังจะอ้าปากร้องขอความช่วยเหลือก็ได้ยินเสียงทักขึ้นพอดี

   “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า” เสียงคำถามที่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงห่วงใยทำให้ข้าเงยหน้าซีดๆ ขึ้นไปมองหน้าคนถาม แต่ก็มองเห็นเพียงเงารางๆ เพราะรู้สึกปวดจนน้ำกลบตาไปหมด

   “เฮ้! ได้ยินไหม อ้าว! ร้องไห้ทำไม เป็นอะไรรึเปล่า ให้ข้าช่วยอะไรไหม” เมื่อปาดน้ำตาออก ข้าก็ได้เห็นว่าคนที่ถามมีสีหน้าห่วงใยอย่างชัดเจน

   “ปะ... ปวดท้อง ฮึก” คนตรงหน้าก้มลงมองมือที่กุมท้องอยู่ก่อนจะก้มลงแล้วช้อนตัวข้าขึ้นมาอุ้มสบายๆ อย่างกับข้าเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ

   “โอ๊ะ!” ข้าอุทานด้วยความตกใจ

   “อยู่นิ่งๆ” เสียงดุๆ นั้นทำให้ข้าตัวแข็งอย่างไม่รู้ตัว พอเห็นว่าข้าอยู่นิ่งแล้ว คนที่อุ้มอยู่ก็พาข้าออกวิ่งทันที

   “อดทนหน่อยนะ ใกล้ถึงสำนักแพทย์แล้ว” น้ำเสียงที่อ่อนลงราวกับจะปลอบโยนทำให้รู้สึกเหมือนความเจ็บปวดจะบรรเทาลง ช่วงที่ความเจ็บปวดคลายนี่แหละที่ทำให้ข้ามีโอกาสสำรวจใบหน้าคนที่ช่วยเหลือข้าไว้ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าคมเข้ม ดวงตาสีดำสนิทเหมือนสีผมที่น่าจะยาวประบ่าและมัดจุกไว้ที่ท้ายทอย สีหน้ามุ่งมั่นจริงจังทำให้อยู่ๆ หัวใจข้าก็เต้นกระหน่ำขึ้นมา แล้วก็ต้องตัวงอลงอีกครั้งเมื่อภายในช่องท้องเหมือนจะบีบตัวทำให้ปวดขึ้นมาอีกรอบ

   ด้วยความแข็งแรงและฝีเท้าที่รวดเร็วของคนที่อุ้มอยู่ เพียงไม่นานก็ถึงสำนักแพทย์ หลังจากจัดยาให้แล้วเหล่าอาจารย์ต่างบ่นถึงความไม่รอบคอบของข้า ทั้งๆ ที่เรียนที่สำนักแพทย์แท้ๆ แต่กลับละเลยเรื่องโรคประจำตัวของตัวเอง ข้าฟังไปหูลู่หางตกไปด้วยความรู้สึกผิด

   เมื่ออาการดีขึ้น ข้าก็ถามถึงคนที่ช่วยพามาส่งเพื่อจะขอบคุณ แต่อาจารย์บอกว่าหลังจากที่รู้ว่าอาการของข้าดีขึ้น เขาก็ขอตัวกลับไปแล้ว

แต่ข้าก็ไม่ได้ผิดหวังไปซะทีเดียว พอถามถึงเขา ข้าก็ได้รู้ว่าเขาชื่อ ‘ร็อต’ นอกจากนี้ยังรู้ข้อมูลอื่นๆ จากพี่ๆ เพื่อนๆ ในสำนักอีกด้วย ว่าท่านร็อตเป็นบุตรชายของท่านไวเลอร์ ครูฝึกทหารคนสำคัญของอาณาจักร และนอกจากท่านร็อตจะศึกษาในสำนักต่อสู้แล้ว ท่านร็อตยังเป็นครูฝึกมังกรฝีมือดีอีกด้วย เมื่อได้ข้อมูลจนเกินจะพอแล้ว ข้าก็คิดด้วยความมุ่งมั่นว่าต้องหาทางตอบแทนบุญคุณท่านร็อตให้ได้

   หลังจากนั้นข้าก็กลับมาคิดวิธีการตอบแทนท่านร็อต แต่ก็นึกไม่ออกว่าจะตอบแทนยังไงดี เลยไปปรึกษาพี่สาวของข้า ซึ่งนางก็แนะนำให้ซื้อของให้ หรือไม่ก็ถ้าอยากให้คนรับประทับใจก็ให้ทำอาหารไปมอบให้เป็นการตอบแทน

   ข้าจึงตัดสินใจขอร้องให้คนที่บ้านช่วยสอนทำอาหารให้เพื่อจะนำไปให้ท่านร็อตแทนคำขอบคุณ

   หลังจากที่ตั้งใจทำตามคำแนะนำจนเสร็จแล้ว ข้าจะลองชิมรสชาติดูก่อนแต่ท่านพี่ก็ไม่อนุญาต เพราะท่านร็อตชอบอาหารรสจัด ท่านพี่กลัวว่าอาการปวดท้องของข้าจะกำเริบขึ้นมาอีก ข้าขอให้ท่านพี่ชิมให้นางก็ไม่ยอมชิม ได้แต่บอกให้ข้ามั่นใจว่าทำตามสูตรแล้วต้องอร่อยอย่างแน่นอน ข้าจึงต้องห่ออาหารที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขียนชื่อท่านร็อตไว้ที่ห่อผ้า แล้วแอบไปวางที่ห้องอาหารแถวๆ สำนักต่อสู้ตามที่สืบมา

   เมื่อวางห่ออาหารไว้แล้ว ข้าก็ไปคอยแอบดูในจุดที่ไม่มีคนเห็น เมื่อเห็นท่านร็อตออกมาจากโรงฝึกพร้อมกับเพื่อนๆ และหยิบห่ออาหารไปพร้อมกับเสียงล้อเลียนของเพื่อนๆ ข้าก็รีบหนีกลับบ้านด้วยความอายทุกครั้ง เลยไม่เคยรู้ผลหลังจากนั้นเลย

   นอกจากอาหารแล้วข้าก็ยังปรุงยาไปให้ท่านร็อตอีกด้วย เมื่อได้ข่าวว่าท่านร็อตป่วยหรือได้รับบาดเจ็บมาจากการทำภารกิจ แต่ด้วยความที่ตื่นเต้น ทำให้ข้าลืมเขียนสรรพคุณเอาไว้ให้ และมารู้จากพี่ดินในภายหลังว่าบางครั้งข้ายังหยิบยาไปให้ท่านร็อตผิดขนานอีกด้วย

   ป่านนี้ท่านร็อตคงเกลียดข้าไปแล้ว ฮืออออออ

   ข้าไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อท่านร็อตมันเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ จากที่เริ่มต้นด้วยความรู้สึกขอบคุณและพยายามแอบตอบแทนบุญคุณด้วยการทำอาหารและยาไปให้ มันทำให้ข้าเริ่มสนใจเรื่องของเขาไปโดยไม่รู้ตัว ยิ่งได้แอบมอง ได้รู้ความเคลื่อนไหว ได้รู้นิสัยใจคอของเขา เมื่อรู้ตัวอีกที ข้าก็ ‘รัก’ ท่านร็อตไปแล้ว

   แต่ข้าก็ได้แต่เก็บความรู้สึกนี้ไว้ในใจ เพราะรู้ดีว่าข้านั้นไม่คู่ควร ขอเพียงแค่ได้แอบมอง แอบทำอะไรให้ท่านร็อตบ้าง ข้าก็มีความสุขมากแล้ว

   จนได้มารู้ความจริงจากพี่ดินนั่นแหละ ว่าอาหารและยาที่ข้าเอาไปให้ มีผลเสียต่อท่านร็อตยังไงบ้าง ทำให้ข้ารู้สึกผิดแทบตาย ได้แต่หวังแค่เพียงให้มีโอกาสได้ขอโทษ และขอเพียงแค่ท่านร็อตไม่โกรธ ไม่เกลียดข้าก็พอใจแล้ว

   แต่พี่ดินยุให้ข้าลองหาโอกาสสารภาพความรู้สึกกับท่านร็อตดู ให้ข้าลองพยายามดูสักครั้ง เผื่อว่าจะมีโอกาสสมหวัง หรือต่อให้ท่านร็อตจะปฏิเสธมา อย่างน้อยก็ได้ลองพยายามไปแล้ว พี่ดินบอกว่าเราต้องลองพยายามดูก่อน ต่อไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง

   ได้ฟังแล้วข้าก็รู้สึกอยากจะลองพยายามดูอีกสักครั้ง อย่างน้อยก็มีพี่ดินที่เข้าใจและคอยเป็นที่ปรึกษาให้

   และแล้วโอกาสข้าก็มาถึง เมื่อท่านลาซาเสนอให้ข้าร่วมเดินทางติดตามพี่ดินในการหาตัวยามาปรุงแก้พิษรักให้กับควีน

   แต่ยังไม่ทันทำอะไร ข้าก็เริ่มใจฝ่อแล้ว เพราะก่อนที่จะออกเดินทางแค่ยืนฟังท่านร็อตกับเพื่อนๆ คุยกันก็รู้แล้วว่าท่านร็อตไม่ยินดีให้ข้าขึ้นมังกรไปด้วย ไม่รู้ว่ากลัวหรือรังเกียจข้ากันแน่ แต่ที่แน่ๆ คือท่านร็อตขัดเพื่อนๆ ไม่ได้ เพราะมังกรดำที่เหมาะจะใช้บรรทุกของหนักมีแค่ 3 ตัว แน่นอนว่าท่านไซเลอร์ต้องให้พี่ดินไปด้วยอยู่แล้ว ส่วนมังกรดำของท่านมาสทิฟฟ์ ท่านพรีซาก็จงใจบอกว่าไม่อนุญาตให้ข้านั่งไปด้วย ดูก็รู้ว่าต้องการจะแกล้งท่านร็อต ท่านร็อตจึงจนด้วยเหตุผล ต้องยอมให้ข้าขึ้นมังกรไปด้วย

   พี่ดินบอกให้ข้าใช้โอกาสนี้คุยกับท่านร็อต เพราะท่านร็อตหนีไปไหนไม่ได้

   แต่... ท่านร็อตนั่งห่างจากข้าได้.... แถมห่างมากด้วย

   ข้าอยากจะร้องไห้!

   “เอ่อ...” ข้าพยายามรวบรวมความกล้า

   “ทะ... ท่านร็อตครับ”

   “มีอะไร” พอหันไปเจอหน้าดุๆ กับน้ำเสียงที่ตอบมาห้วนๆ สั้นๆ ทำให้ความกล้าของข้าปลิวหายไปกับสายลม

   “มะ... ไม่มีอะไรครับ”

   และแล้วภารกิจก็ล้มเหลว พอถึงตอนพักพี่ดินก็ถามว่าสำเร็จไหม แต่พอข้าตอบไป พี่ดินก็ทำหน้าเหมือนจะเข้าใจและให้กำลังใจข้าให้พยายามต่อไป


   เราเดินทางมาถึงอาณาจักรบาอัลเป็นแห่งแรก เพราะพี่ดินบอกว่าต้องการใช้เห็ดเรืองแสงในคุกใต้อินของบาอัลที่บานในคืนพระจันทร์เต็มดวงมาสกัดเป็นส่วนผสมของยาแก้พิษ

   ระหว่างที่รอเวลาให้เห็ดบานในยามกลางคืน เจ้าชายบาตันก็พาเราเดินเที่ยวรอบพระราชวัง หลังจากเดินรอบพระราชวังจนเมื่อยขาแล้ว ทุกคนก็แยกกันไปพักผ่อน ข้าได้แต่มองพี่ดินที่ทำหน้าเหมือนผิดหวังแล้วเข้าห้องข้างๆ ไปด้วยความเป็นห่วง

   แต่ก่อนที่ข้าจะเข้าห้องของตัวเอง สายตาก็เหลือบไปเห็นท่านร็อตกับเพื่อนๆ กำลังเดินตรงไปที่ด้านล่าง ข้าก็เลยแอบเดินตามไปด้วย เมื่อลงไปถึงด้านล่างแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไป ท่านร็อตเดินไปหาทหารยามที่เดินผ่านมาเพื่อสอบถามข้อมูลของกลุ่มคนที่มาที่พระราชวังในช่วงนี้ หลังจากสอบถามเรียบร้อยแล้ว ท่านร็อตก็ยืนครุ่นคิดอยู่คนเดียว ในขณะที่ข้ากำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเข้าไปหาท่านร็อตดีไหม ท่านร็อตก็ถามขึ้นมาซะก่อน

   “เดินตามข้ามา มีธุระอะไรหรือเปล่า”

   คำถามเย็นชาจนข้าอยากจะร้องไห้ แต่โอกาสที่จะได้อยู่เพียงลำพังเหมือนเช่นตอนนี้ คงไม่ได้มีบ่อยๆ ข้าจึงพยายามรวบรวมความกล้าเพื่อจะขอโทษท่านร็อตในเรื่องที่ผ่านๆ มา

   “ท่านร็อต เกลียดข้ารึเปล่าครับ”

   ท่านร็อตไม่ตอบ แต่เบือนหน้าไปอีกทาง เป็นปฏิกิริยาที่แทนคำตอบได้เป็นอย่างดีจนน้ำตาข้าแทบจะไหล ข้าพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อกลั้นน้ำตาก่อนจะพูดต่อ

   “ขะ... ข้าขอโทษ ถ้าสิ่งที่ข้าเคยทำแล้วทำให้ท่านร็อตรู้สึกไม่ดี...”

   “แล้วเจ้าทำไปทำไม เกลียดข้านักรึไง ถึงได้ชอบแกล้งข้านัก ข้าเคยไปทำอะไรให้เจ้า ถึงได้มาแกล้งกันอย่างนี้ มันสนุกนักรึไง” ท่านร็อตพูดจบก็ไม่ฟังคำตอบจากข้า หันหลังทำท่าจะเดินหนีไปเลย

   ข้าลืมตัววิ่งไปกอดเอวท่านร็อตจากด้านหลังไว้ สิ่งที่ข้าคิดได้ในตอนนี้คือทำยังไงก็ได้เพื่อรั้งท่านร็อตไว้ให้อยู่ฟังข้าก่อน ให้ข้าได้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างก่อน ข้าไม่อยากให้ท่านร็อตเกลียดข้าเลย

   ไม่รักก็ได้ แต่อย่าเกลียดกันก็พอ

   “ฮือออ ข้าไม่ได้ กะ... เกลียดท่านร็อตเลยนะครับ ฮึก ข้าแค่อยากทำให้ท่านประทับใจ เลยฝึกทำอาหารไปให้ ตะ... แต่ท่านร็อตทานอาหารรสจัด ทะ... ทำให้ข้าชิมไม่ได้ เพราะถ... ถ้าทานเข้าไป ฮึก แล้วจะปวดท้อง เลยไม่ได้ชิมก่อนส่งให้ท่าน ทะ... ทำให้ท่านต้องทานอาหารรสชาติแย่ๆ ไป  ขะ... ขอโทษนะครับ ฮึก ระ... เรื่องยาก็เหมือนกัน ขะ... ข้าแค่หวังดี อยากให้ท่านหายบาดเจ็บเร็วๆ ตะ... แต่ ข้าตื่นเต้น เลยลืมเขียนสรรพคุณและเผลอหยิบยาผิดไปให้ ขะ... ข้าขอโทษ ฮึก อย่าเกลียดข้าเลยนะท่านร็อต ข้าขอโทษ โฮ....”

   พอน้ำตามันไหลออกมาแล้วมันก็ไหลไม่หยุดเลย ข้าได้แต่พูดไปร้องไปจนจบ ท่านร็อตก็ยังนิ่งเงียบจนข้าใจเสีย เลยได้แต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น กลัวเหลือเกินว่าท่านร็อตจะไม่ยอมให้อภัยข้า

   “เฮ้อ” เสียงถอนหายใจกับมือที่ปลดมือข้าออกเอวทำให้หัวใจข้าร่วงไปอยู่ที่ปลายเท้า แต่ยังไม่ทันได้ร้องหนักกว่าเก่า ท่านร็อตก็หันมาตบหัวสองสามทีเหมือนจะปลอบ นั่นยิ่งทำให้ข้าร้องไห้หนักกว่าเดิมด้วยความดีใจ

   “เฮ้อ” ท่านร็อตถอนหายใจอีกเฮือกแล้วดึงข้าไปกอดไว ข้ากอดตอบท่านร็อตแน่น

   ดีใจ.... ดีใจที่สุดเลย ฮืออออ

   ข้ารู้สึกเหมือนใกล้จะเป็นบ้า เพราะไม่ว่าจะเสียใจหรือดีใจน้ำตามันก็ไหลออกมาไม่หยุด ได้แต่ปล่อยน้ำตาให้ไหลต่อไป แล้วอาศัยอ้อมกอดที่อบอุ่นของคนที่ลูบหลังอย่างอ่อนโยนช่วยปลอบโยนหัวใจ

   หลังจากร้องจนเหนื่อยเหลือไว้เพียงแรงสะอื้น ข้าก็ถามท่านร็อตเพื่อความมั่นใจอีกครั้ง

   “ท่านร็อต ฮึก ยกโทษให้ข้าแล้วใช่ไหมครับ”

   “อืม”

   “ขอบคุณมากนะครับ”

   “อืม... แต่ว่านะ”

   “ครับ”

   “ต่อไปไม่ต้องทำอาหารมาให้อีกแล้วนะ”

   “คะ.. ครับ”

   ฮืออออ ข้าอายยยยยยย



   หลังจากที่เข้าใจกันแล้ว ท่านร็อตก็ดีกับข้ามากขึ้นและเข้าใกล้ข้ามากขึ้น ไม่คอยแต่จะหนีออกห่างจากข้าเหมือนแต่ก่อน ข้ารู้สึกดีใจที่ตัดสินใจทำตามแรงยุของพี่ดิน ข้าถึงได้มีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับท่านร็อตอย่างนี้

   อย่างที่พี่ดินเคยบอกไว้ ว่าท่านร็อตใจดีมาก โดยเฉพาะกับสัตว์และคนที่อ่อนแอกว่า ท่านร็อตจะคอยดูแลช่วยเหลือเป็นอย่างดี

   อย่างตอนที่พี่ดินสลบไปที่กลางป่าเมื่อเจอกับฝูงลิฟฟ่อน เมื่อข้าจะออกไปหาสมุนไพรมาต้มให้พี่ดินดื่ม ทั้งๆ ที่สามารถปฏิเสธได้ แต่ท่านร็อตก็ยอมไปเป็นเพื่อนเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับข้าแต่โดยดี
 
   ข้าเดินมองหาสมุนไพรด้วยความรีบร้อน เลยทำให้มองไม่เห็นงูพิษที่อยู่ใกล้ๆ

   “ระวัง!” ท่านร็อตดึงตัวข้ากลับมาโอบเอวไว้ แล้วใช้ดาบฟันงูที่พุ่งเข้ามาจะฉกข้า

   “ขอบคุณครับ” หลังจากที่หายตกใจแล้ว ข้าก็เงยหน้าขึ้นยิ้มขอบคุณท่านร็อตด้วยความซาบซึ้ง สายตามองท่านร็อตด้วยความชื่นชม

   “ไม่เป็นไร ไปต่อกันเถอะ” ท่านร็อตปล่อยข้าออกจากอ้อมแขนแล้วเบือนหน้าหนี แต่ครั้งนี้ไม่ได้ทำให้ข้าใจเสียแต่อย่างใด เพราะข้ารู้ว่าท่านร็อตไม่ได้โกรธ เพียงแต่เขินเท่านั้นเอง สังเกตได้จากหูแดงๆ นั่นก็รู้

   ข้าอมยิ้มแล้วเดินหาสมุนไพรต่อไป เพียงไม่นานสมาธิและสายตาก็สอดส่ายมองหาสมุนไพรที่ต้องการ เลยทำให้ข้าก้าวพลาดจนเกือบจะไถลตกลงเนินไป

   “ระวัง” ท่านร็อตดึงข้ากลับมากอดไว้ทันเช่นเคย ส่วนข้าก็รู้สึกใจหายวูบ หัวใจเต้นกระหน่ำด้วยความตกใจอีกครั้ง

   “ระวังตัวหน่อยสิ” ข้าได้แต่ยิ้มแหยๆ เมื่อโดนท่านร็อตดุเสียงหนักๆ

   “ขอโทษครับ” ข้าตอบเสียงอ่อย เพราะเกรงใจที่ต้องเป็นภาระให้ท่านร็อต

   “เฮ้อ! ข้าแค่เป็นห่วง ไม่อยากให้เจ้าต้องเจ็บตัว” ท่านร็อตอธิบายด้วยน้ำเสียงอ่อนลงทำให้ข้ายิ้มออกมาได้ พอเห็นข้ายิ้มท่านร็อตก็ปล่อยตัวข้าออกจากอ้อมแขน แล้วเบือนหน้าหนีเหมือนเดิม ก่อนที่ข้าจะยิ้มหน้าบานยิ่งกว่าเดิมซะอีก เมื่อท่านร็อตเอื้อมมือมาจับมือข้าแล้วจูงเดินต่อไป

   “ถ้าเจอสมุนไพรที่ต้องการก็กระตุกมือข้า”

   “ครับ” ข้ารับคำแล้วกระชับมืออุ่นๆ นั้นไว้แน่น

   รู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ จนไม่อยากจะปล่อยมือไปชั่วชีวิต



   หลังจากเรื่องวุ่นวายทั้งหลายจบลง พี่ดินก็เข้าพิธีผูกจิตร่วมคู่กับท่านไซเลอร์ ข้ายืนมองพี่ดินกับท่านไซเลอร์เดินทักทายแขกด้วยรอยยิ้มกว้างๆ

ข้ารู้สึกยินดีกับพี่ดินที่สุด ในความรู้สึกของข้าทั้งคู่เป็นคู่ที่เหมาะสมกันเหลือเกิน พี่ดินเป็นคนดี สำหรับข้าแล้วพี่ดินเป็นเหมือนพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่ง ส่วนท่านไซเลอร์ก็เป็นคนเก่ง ใครๆ ก็ดูออกว่าท่านไซเลอร์รักพี่ดินมาก แถมข้าก็รู้มาจากท่านร็อตว่าท่านไซเลอร์ยังรักพี่ดินมานานมากแล้วด้วย ฟังแล้วก็ได้แต่ซาบซึ้งไปกับความรักของทั้งคู่

งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้บรรยากาศเป็นไปอย่างผ่อนคลายและอบอวลไปด้วยความสุข ทุกคนทักทายพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ระหว่างที่ข้ามองตามพี่ดินอยู่นั้น ก็มีแก้วเครื่องดื่มยื่นมาให้ตรงหน้า

ข้าหันไปมองคนที่ยื่นมาให้ เมื่อเห็นว่าเป็นท่านร็อตก็ยิ้มกว้างแล้วรับแก้วเครื่องดื่มมา

“ขอบคุณครับ”

“อืม” ท่านร็อตรับคำ ยืนจิบเครื่องดื่มอยู่ข้างๆ ข้าแล้วมองท่านไซเลอร์ด้วยรอยยิ้มพร้อมแววตาที่ฉายแววแห่งความสุขและยินดีไปกับเพื่อนจนข้าต้องยิ้มตาม

“ดีจังเลยนะครับ ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ร่วมคู่กันแล้ว”

“อืม... แล้วเจ้าล่ะ”

“ครับ?” ข้าเอียงคอมองท่านร็อตพี่พูดแค่นั้นแล้วหยุดลงไปซะเฉยๆ ด้วยความงง

“อะแฮ่ม!” ท่านร็อตใช้มือที่ว่างอยู่ลูบท้ายทอยตัวเอง สายตาเหลือบมามองข้าก่อนจะหันกลับมองตรงไปข้างหน้าแล้วพูดต่อ

“คือ… แล้วเจ้าไม่อยากร่วมคู่กับข้าบ้างเหรอ” ถึงท่านร็อตจะพูดด้วยเสียงที่เบาผิดปกติ แต่ด้วยความสามารถของเผ่าพันธุ์ ทำให้ข้าได้ยินอย่างชัดเจน ข้าได้แต่อ้าปากค้างตาเบิกกว้าง หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง เพราะไม่คาดคิดว่าจะได้ยินคำถามนี้จากท่านร็อต

พอเห็นว่าข้าไม่ตอบสักที ท่านร็อตก็หน้าเจื่อนลง แล้วพูดต่อ

“ถ้าไม่อยากก็ไม่เป็น...”

“อยากครับ ข้าอยาก” ท่านร็อตพูดยังไม่ทันจบข้าก็รีบแทรกขึ้นมาทันที แล้วรีบพูดต่อจนลิ้นแทบจะพันกัน

“ข้าอยากผูกจิตกับท่านร็อต ท่านร็อตร่วมคู่กับข้านะครับ!” พูดจบข้าก็มองหน้าท่านร็อตด้วยความตื่นเต้น ท่านร็อตอึ้งไปสักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาจนข้าใจแป้ว

   “เฮ้อ! เด็กโง่ คนที่ต้องพูดคำนี้น่ะ ควรจะเป็นหน้าที่ของข้าต่างหาก” ท่านร็อตพูดยิ้มๆ

   “ละ... แล้ว”

   “ตกลง”

   “ฮึก ท่านร็อต ฮืออออ”

   “อ้าว!” เมื่อเห็นข้าร้องไห้ ท่านร็อตก็อุทานอย่างตกใจ ก่อนจะหยิบแก้ววางไว้แถวๆ นั้น แล้วดึงข้าไปกอดไว้พร้อมกับลูบหลังเบาๆ

   “ร้องไห้ทำไมหืม”

   “ขะ... ข้าดีใจ ฮืออออ”

   “เฮ้อ! เสียใจก็ร้องไห้ ดีใจก็ร้องไห้ เจ้าเด็กขี้แยเอ๊ย” ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ท่านร็อตกลับขยับออกมาสบตาข้าแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน ปลายนิ้วอุ่นๆ ไล้เช็ดน้ำตาให้ข้าอย่างเบามือ

   “หยุดร้องได้พินช์เชอร์ของพี่” ข้าได้แต่เม้มปากด้วยความเขินอายเมื่อได้ยินคำแทนตัวของท่านร็อต ท่านร็อตจับใบหน้าของข้าไว้ สบตากับข้านิ่งๆ ก่อนที่จะก้มลงมาประทับริมฝีปากไว้ที่ใต้ตาเบาๆ ก่อนจะขยับมาประทับที่ริมฝีปากของข้าอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน

ข้าหลับตารับสัมผัสนั้นด้วยใจที่เป็นสุข ข้าได้แต่นึกขอบคุณพี่ดินอยู่ในใจที่คอยให้คำปรึกษาและเป็นกำลังใจให้มาตลอด นึกดีใจที่ในตอนนั้นข้าได้พยายามตามแรงยุของพี่ดินอย่างเต็มที่ ดีใจเหลือเกินที่มีวันนี้ วันที่ได้เคียงข้างกับคนที่ข้ารัก
   

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

คู่นี้เค้าก็จะหวานๆ หน่อยค่ะ ฮิ้วววววว
ที่จริงมีแพลนตอนพิเศษหลายตอนเลยค่ะ แต่เขียนไม่ออก ถถถ
ต้นๆ ปี อีไม่เว้นเยอะมากกก ทำเอาเครียดจนบันเทิงไม่ค่อยจะออก
เอาพี่ร็อตกับน้องชเนาเซอร์ไปเชยชมก่อนนะคะ

ไล่อ่านคอมเม้นท์ บางทีก็นั่งหัวเราะอยู่คนเดียว หูยยยย รู้ทันเราได้ยังงายยยยว่าเราคิดอะไรอยู่ 55555

ไม่รู้ว่าจะมีคนคิดถึงเราไหม แต่เราคิดถึงคนอ่านทุกคนเลยยยยยยยยยย

 :m1: :m1: :m1:

@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@



ลูกหมาพินช์เชอร์ - พี่ร็อต
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน :พินช์เชอร์-ร็อต (1/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: yin ที่ 02-02-2018 07:13:37
แต่งได้น่ารักมาก..ครีเอทชื่อสุดๆทีมพระนี่แหม่..ถึงว่า...ชื่อคุ้นๆทุกพันธ์เอ๊ย!ทุกคน555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน :พินช์เชอร์-ร็อต (1/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: kyosake ที่ 05-02-2018 01:03:47
หลงรักตัวละครทุกตัวเลย แต่รักสุดคก้อนดินกับก้อนหินนี่แหล่ะ ยิ่งก้อนหินนี่มังกรจริงๆ ใช่ไหม ทำไมน่าฟัดน่ากอดแบบนี้ ฮืออออ มาอ่านรวดเดียวจบเริ่องเลย แต่เริ่มเรื่องก็แปลกๆ กับชื่อทีมเฮดีส สักพักๆ อ้าวหมา ได้แต่นั่งขำกับแต่ละชื่อ ขอบคุณที่สร้างตัวละครเหล่านี้ขึ้นมา เพราะอ่านแล้วรู้สึกอมยิ้มกับนิยายเรื่องนี้มากๆ อยากให้มีตอนต่อจังเลย อยากรู้ว่าก้อนดินจะท้องได้ไหม แล้วชเนาเซอร์จะได้สามีตอนไหน นี่ลุ้นให้นางได้สามีมาก ป่วนดินตลอดควรมีคนมากำราบ โดยรวมคือยังอยากอ่านต่ออีก เพราะหลงรักนิยายไปแล้ว เป็นกำลังใจให้นะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน :พินช์เชอร์-ร็อต (1/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 05-02-2018 11:51:21
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 15-02-2018 22:32:56
#วันวาเลนไทน์ของก้อนดิน

ผมแอบหนีไปเที่ยวตลาดกับชเนาเซอร์สองคน เนื่องจากต้องการจะซื้อของมามอบให้ก้อนหินกับไซเลอร์ เพราะวันนี้เป็นวันที่ตรงกับวันแห่งความรักของคนทางโลกโน้น

เมื่อชเนาเซอร์มาส่ง ผมก็รีบเดินกลับเรือนวสุธา เห็นทั้งคู่ชะเง้อคอรออยู่ตรงระเบียงแต่ไกล ผมรีบเดินขึ้นบันไดไป ก่อนจะยื่นดอกไม้ที่ซื้อมาให้ก้อนหินก่อน

งับ!

"เฮ้ย! หิน คายออกม๊าาาา" ผมจับก้อนหินเขย่า เมื่อมันงับดอกไม้ที่ยื่นให้หน้าตาเฉย ได้ข่าวว่ามึงเป็นสัตว์กินเนื้อ แล้วไหงกินดอกไม้เล่า!

"ก๊าสสส"

"มันจะอร่อยได้ไงเล่า เอามาให้เฉยๆ ไม่ได้ให้กิน" ผมถอนหายใจอย่างเพลียๆ เมื่อก้อนหินบ่นว่ามันไม่อร่อย

แต่พอเห็นว่ามันไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรก็เลยปล่อยมันไป แล้วยื่นดอกไม้อีกช่อให้ไซเลอร์

ไซเลอร์รับดอกไม้ไปแล้วก็จ้องอย่างพินิจพิจารณา ผมกำลังจะเอ่ยปากบอกว่า สุขสันต์วันวาเลนไทน์ แต่ไซเลอร์ก็พูดออกมาซะก่อน

"เจ้าอยากได้เหรอ เดี๋ยวข้าไปถามพรีซาให้ก็แล้วกันว่ามันมีอยู่ที่ไหน เดี๋ยวจะหาต้นมาให้"

"..."

หมดคำจะพูด ช่างมันเถอะ ไม่ต้องบอก ทั้งคู่ก็คงจะรู้อยู่แล้วละ ว่าผมรักพวกเขาแค่ไหน

สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะครับ ครอบครัวของผม


@@@@@@@@@@@@@

สุขสันต์วันวาเลนไทน์ย้อนหลังนะคะทุกคน พอดีกำลังแต่งเกี่ยวกับวันคริสต์มาส แต่นึกได้ว่าอีกไกลกว่าจะถึง เลยแต่งวาเลนไทน์สั้นๆ มาให้อ่านเล่นก่อนค่ะ 555555


หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 08-04-2018 14:42:25
สนุกมากเลยค่าา ชอบความครีเอทชื่อตัวละคร ไม่ค่อยดราม่าด้วยชอบ รักก้อนหินที่สุดดดดด  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 10-04-2018 13:33:27
เพิ่งได้มาอ่าน สนุกมากเลยค่ะ อ่านจนจบแล้วรู้สึกว่า ก้อนหินควรเป็นพระเอก 555555555 น่ารักมากเลย เนื้อเรื่องไม่ค่อยดราม่าด้วย  ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านนะคะ เป็นกำลังใจให้น้าาา
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 10-04-2018 16:20:20
เห็นคำว่าจบแล้วแบบ อ้าวมึง5555555555 สนุกมากเลยยยยยยพี่ไซหมาน้อย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: jaibang ที่ 10-04-2018 23:12:27
แงงงง จบแล้วงวว ขอบคุณมากๆนะคะที่แต่งนิยายสนุกๆให้อ่าน :katai2-1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: wakwan ที่ 11-04-2018 11:59:12
 :give2: อ่านจบแล้วก็อยากมีก้อนหินไว้น้วยเป็นของตัวเองบ้าง 555+  ขอบคุณที่แต่งเรื่องสนุกๆแบบนี้มาให้พวกเราได้อ่านได้ฟินกันนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 11-04-2018 15:32:52
น่ารักมากๆเลย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 12-04-2018 10:52:04
อ่านจบแล้วววววว

รอตอนพิเศษของไซรอส อยากรู้ทำไมได้เมีย 55555
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 14-05-2018 22:02:54
ตามอ่านทีเดียวจบ ฟินจนเหนื่อย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 08:26:33
เป็นเรื่องที่สนุกมากกก ชอบมาก

ก้อนหินน่าร๊ากก น่าเอ็นดู อยากเลี้ยงน้องงง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: khundalah ที่ 09-06-2018 21:43:51
สนุกมากกกกกกกกกก อ่านเอาน้องมาเลี้ยง//หอมหัว
พระเอกบทน้อยกว่าก้อนหินเราก็ไม่แคร์ รักน้อง น้องน่ารัก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: กวังกีเมย์บี ที่ 27-06-2018 16:00:24
น่ารักมากเลยค่ะ ปกติเราแทบไม่อ่านแฟนตาซีเลยเพราะไม่ใช่แนว แต่เรื่องนี้มีคนแนะนำมา อยากแล้วไม่ผิดหวังเลย สนุกมากกกก มีโอกาสจะร่วมเล่มมั้ยคะ? รอเล่มนะคะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D lufy ที่ 30-06-2018 06:02:15
น่ารักมากกกกก บ้างทีก็งงว่าก้อนหินเป็นมังกรหรือว่าหมา 5555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 09-10-2018 22:36:58
น่ารักมาก ก.ไก่้ล้านๆตัว

รักก้อนหิน อยากได้ เพราะตามมาจากนู่น อิอิ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : สั้นๆ (15/2/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 11-10-2018 22:15:23
สนุกมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 31-10-2018 21:27:11
#วันฮาโลวีน

"Trick or Treat!"

"ก๊าสส"

ผมอุ้มก้อนหินกระโดดออกมาขวางเมื่อไซเลอร์เดินขึ้นเรือนวสุธามาถึงหน้าประตู แต่แทนที่คนโดนขวางจะตื่นเต้นสักนิดก็ไม่มี ไซเลอร์แค่กวาดสายตามองเราทั้งคู่ด้วยแววตาเอ็นดู ก่อนจะถามยิ้มๆ

"เล่นอะไรกันหืม"

"โธ่! ไซเลอร์ แกล้งตื่นเต้นให้สักนิดก็ไม่ได้"

ผมบ่นแล้วดึงผ้าคลุมสีดำของไซเลอร์ที่แอบขโมยมาคลุมตัวตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าลงมาจากหัว ส่วนก้อนหินก็หาผ้าสีดำผืนเล็กๆ มาคลุมให้เข้าธีมเดียวกัน แต่ต่อให้แต่งหน้าได้น่ากลัวแค่ไหน แววตาของไซเลอร์ก็ยังคงมองมาด้วยแววตาที่อ่อนโยนและเต็มไปด้วยความเอ็นดูอยู่เหมือนเดิม จนผมอดจะถอนหายใจไม่ได้

"หึๆ จะให้ตื่นเต้นแบบไหนบอกมาเลย" ไซเลอร์หัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของผม ก่อนจะพูดย่างเอาใจแล้วขยับเข้ามาโอบเราทั้งคู่ไว้

"ก๊าส" ส่วนก้อนหินก็ประท้วงขึ้นมาทันทีที่ไซเลอร์โอบเข้าไปด้วย จนผมอดจะหัวเราะไม่ได้

"หะๆ ไม่ต้องแล้วละครับ" ลืมไปว่าคนที่นี่จิตแข็งกันแค่ไหน คงไม่ตกใจอะไรง่ายๆ หรอก

"ว่าแต่เล่นอะไรกันหืม"

"พอดีวันนี้เป็นวันฮาโลวีนของโลกโน้นน่ะครับ นึกถึงก็เลยอดจะแต่งตัวเล่นไม่ได้"

"คิดถึงที่นั่นเหรอ" ไซเลอร์คลายอ้อมกอดออกมามองหน้าผมด้วยสีหน้ากังวล

"แค่นึกถึงมากกว่าครับ" ผมยิ้มปลอบใจคนคิดมากที่ห่วงความรู้สึกของผมเสมอ

"ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีความสุข" ไซเลอร์ไล้ใบหน้าผมเบาๆ ผมจึงกุมมือไว้แล้วแนบใบหน้ากับมือข้างนั้นก่อนจะยิ้มกว้างๆ ให้

"ได้อยู่ที่นี่ ได้อยู่กับไซเลอร์ข้าก็มีความสุขที่สุดแล้ว"

"ขอบใจนะที่เลือกข้า"

"ขอบคุณเหมือนกันนะครับที่มั่นคงเสมอมา"

"ข้ารักเจ้า"

"ข้าก็รักเจ้าเหมือนกัน"

นั่นแหละไซเลอร์ถึงได้ยิ้มออกมาได้ ก่อนที่มือทั้งสองข้างของเขาจะประคองหน้าผมไว้แล้วค่อยๆ โน้มใบหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้น แต่ก่อนที่ริมฝีปากของเราจะสัมผัสกัน

"ก๊าสสสส" ก้อนหินก็ดันตัวไซเลอร์ออกแล้วบอกว่าไม่ให้กอด ก่อนจะหันมากอดผมไว้ด้วยความหวง ผมสบตากับไซเลอร์ ก่อนที่เราจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน

"ฮ่าๆๆๆๆ"

ผมยิ้มให้ไซเลอร์ก่อนจะจูงมือไปที่ระเบียงแล้วแหงนมองพระจันทร์บนท้องฟ้า ไซเลอร์ขยับมาโอบผมด้านหลัง ส่วนก้อนหินก็คงเบื่อประท้วงแล้วจึงหันกลับมาแหงนหน้ามองพระจันทร์เหมือนกัน

"Treat"

"หือ" ผมส่งเสียงด้วยความแปลกใจเมื่ออยู่ๆ ไซเลอร์ก็ก้มลงมากระซิบอยู่ข้างหู

"ข้าเลี้ยงเจ้าได้ชั่วชีวิต ขอแค่เจ้าอยู่กับข้าตลอดไปก็พอ"

"ก็ไม่คิดจะไปไหนอยู่แล้วนี่ครับ" ถึงจะไม่เห็นหน้า แต่ก็รู้ดีว่าไซเลอร์น่าจะกำลังยิ้ม ก่อนที่จะถูกไซเลอร์จูบแถวๆ ขมับจนอดจะยิ้มอย่างมีความสุขไม่ได้

เอ วันฮาโลวีน ทำไมบรรยากาศมันถึงได้หวานยิ่งกว่าวาเลนไทน์อีกล่ะ ผมคิดขำๆ ก่อนจะเอนตัวลงไปพิงตัวไซเลอร์ด้วยความผ่อนคลาย

ขอแค่มีคนที่รักอยู่ข้างๆ แบบนี้ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็มีความสุขทุกวันอยู่แล้ว

รักนะ ไซเลอร์ ก้อนหิน ครอบครัวของผม


####################

อยู่ๆ ก็คิดถึงน้องสองก้อนค่ะ เลยอดจะมาเขียนตอนสั้นๆ แบบสดๆ ร้อนๆ ให้หายคิดถึงค่ะ แหะๆ
Trick or Treat
สุขสันต์วันฮาโลวีนนะคะ

:mc2: :mc2: :mc2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: HISY ที่ 01-11-2018 00:36:34
อะไรเนี่ยย เขาหวานกันๆๆ งื้อออ
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: samsui ที่ 01-11-2018 02:27:59
 :-[ ชอบเรื่องนี้ อ่านจบไปสองรอบแล้ว
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: duck-ya ที่ 01-11-2018 20:32:04
งู้ยยยย น่ารักกกกกกก
 :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 01-11-2018 22:35:38
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-11-2018 08:57:30
ฮาโลวีนก็ยังหวาน  :o8:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: zysygy ที่ 12-11-2018 07:00:20
 :mew1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-11-2018 23:28:11
ร้องก้อนหินน่ารักจังเล้ยยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 02-12-2018 22:19:26
กลับมาอ่านอีกครั้งยังรักตัวละครทุกตัว มีความสุขที่ได้อ่าน รักๆ
ขอบคุณนักเขียน :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 03-12-2018 01:02:14
งุ้ย...ตอนพิเศษ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: 111223 ที่ 08-12-2018 19:35:40
ชอบความหวานของคู่นี้จริงๆ น่ารักกกก น้องหินก็น่าเลิฟ ><
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) เศษดิน : ฮาโลวีน (31/10/2018) P.22
เริ่มหัวข้อโดย: Maccagadz ที่ 08-12-2018 23:18:29
ก็คิดว่าชื่อมันคุ้นๆ ที่แท้มัน แก๊งค์น้องหมานี่นา
หัวข้อ: Re:@ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ (แฟนตาซี) เศษดิน:พบกันอีกครั้ง (25/12/18) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 25-12-2018 09:18:50
เศษดิน
พบกันอีกครั้ง
น้องดิน - พี่แคน - พี่แสน

“We wish you a Merry Christmas;
We wish you a Merry Christmas;
We wish you a Merry Christmas and a Happy New Year.”

ผมร้องเพลงไป สายตาก็ทอดมองพระอาทิตย์ในยามอัสดง ส่วนมือก็ลูบตัวก้อนหินที่นอนหนุนตักตาปรือๆ ไปด้วย

วันนี้ไซเลอร์ติดประชุมร่วมกับหน่วยพิเศษของอีกสองอาณาจักร ก่อนออกจากบ้านไปก็บอกเราไว้แล้วว่าต้องกลับดึกไม่ต้องรอกินข้าวเย็น ผมกับก้อนหินก็เลยอยู่กันสองตัว เอ๊ย! อยู่ด้วยกันตามลำพัง วันนี้ผมก็ไม่มีธุระที่ไหน ก็เลยใช้ชีวิตเยี่ยงสล็อต กินอิ่มแล้วก็นอนแทบทั้งวัน พอตกเย็นก็พาก้อนหินมาเดินเล่นแล้วก็นั่งกินลมชมวิวที่ท่าน้ำ

   “ถ้าเป็นทางโน้นวันนี้ก็คงตรงกับวันคริสต์มาสสินะ”

   “ก๊าส” ก้อนหินร้องรับทั้งที่จะหลับมิหลับแหล่จนผมอดที่จะหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้ ผมละสายตาจากก้อนหินมาทอดมองพระอาทิตย์ตกดินแล้วรำลึกถึงความหลังต่อ

   “นึกถึงตอนที่อยู่ที่นั่น วันคริสต์มาสจะเป็นวันที่สนุกมากเลย เพราะครูเทพ ครูมวยของเราจะจัดงานปีใหม่ให้ลูกศิษย์ในค่ายจันทรเทพล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนได้สนุกร่วมกัน แล้วค่อยไปฉลองวันปีใหม่กับครอบครัวทีหลัง ในงานนี่มีทั้งของกิน มีทั้งแลกของขวัญกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในค่าย มีทั้งจับของขวัญที่ครูเตรียมไว้เยอะแยะเลย

ว่าแล้วก็นึกถึงครู นึกถึงพี่แคนกับพี่แสนจัง ครูเทพเป็นครูมวยที่ใจดีมาก ตอนที่เจอกับไซเลอร์ครูอนุญาตให้ไซเลอร์ไปอยู่ที่ค่ายได้ด้วยนะ ส่วนพี่แคนกับพี่แสนก็เป็นพี่ที่สนิทด้วยที่สุดในค่าย

พี่แคนถึงจะปากไม่ค่อยดี แต่ก็จริงใจมาก พี่แกจะคอยมาช่วยสอนมวย สอนเรื่องการใช้ชีวิต คอยปกป้องไม่ให้ใครรังแก ส่วนพี่แสนบางครั้งถึงจะปากร้าย แต่ก็ใจดีมากๆ เหมือนกัน

พี่แสนจะคอยสอนนั่นสอนนี่ สอนการบ้าน สอนเรื่องการเข้าสังคม ซื้อนั่นซื้อนี่มาให้ตลอด ถึงจะชอบบอกว่าซื้อมาผิดประจำก็เถอะ เฮ้อ! ไม่รู้ป่านนี้พี่ๆ จะเป็นยังไงบ้าง”

   “ก๊าสสสสส” ก้อนหินที่ตาสว่างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มองมาตาแป๋ว แล้วถามว่าอยากเจอไหม

   “อยากสิ ไปเจอได้เหรอ” ผมถามด้วยความตื่นเต้น

   “ก๊าสสส”

   “ห๊ะ! ทำไมต้องนอน ให้ฝันเอาเหรอ ตลกละหิน”

   “ก๊าส” ก้อนหินถอนหายใจพรืดเหมือนเซ็ง จนน่าจับมาฟัด มันลุกขึ้นนั่งแล้วตบพื้นแปะๆ ให้ผมนอนลง

   “โอเคๆ นอนก็นอน”

   เมื่อผมนอนหงายแล้วก้อนหินก็บอกให้หลับตา ก่อนจะเอามือมาวางตรงหน้าผาก เพียงครู่เดียวผมรู้สึกอุ่นๆ บริเวณหน้าผาก ก่อนที่สติผมจะดับวูบลง


   
   “ก๊าสสส”

   เสียงร้องเรียกของก้อนหินทำให้ผมรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมา จึงได้รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ในสถานที่ๆ คุ้นตาและคุ้นเคย เพราะมันคือ...

   เวทีมวย?

   พร้อมกับ...

   เป็ด? และควาย

   “เอ่อ... หิน ที่บอกว่าอยากเจอน่ะพี่แคนกับพี่แสน ไม่ใช่เป็ดกับควายนะ เข้าใจอะไรผิดรึเปล่าเนี่ย”

   “เป็ดพ่อง”

   “เชี่ยยยย เป็ดพูดได้” ผมกระโดดโหยง เมื่อเป็ดที่อยู่ตรงหน้าเปิดปากพูดขึ้นมา

   “เชี่ยน้องดิน บอกว่าไม่ใช่เป็ดก็ไม่ใช่เป็ดสิวะ”

   ผมกระพริบตาปริบๆ เมื่อเป็ดเท้าสะเอวด่า น้ำเสียงที่ได้ยินนั้นคุ้นๆ จนต้องตั้งใจฟัง

   “พะ... พี่แคน?”

   “ใช่ กูเอง”

   ผมยิ้มแหยๆ เมื่อกวาดตามองสภาพพี่แคนที่เปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ก็จะให้เหลือเค้าเดิมได้ไงครับ ในเมื่อแต่ก่อนพี่แคนเป็นคน แต่ตอนนี้เป็นเป็ด?

   “อย่าบอกนะว่า....” ผมละสายตาจากพี่แคนแล้วเงยหน้าขึ้นมองควายซึ่งมองมาที่ผมด้วยสายตาเซ็งๆ

   “ใช่ พี่เอง” เสียงคุ้นหูที่ได้ยินทำให้ผมเบิ่งตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

   “พี่แสน! ทำไมถึงอยู่ในสภาพนี้กันล่ะครับ ไปทำอีท่าไหนถึงมาอยู่ในร่างเป็ดกับ เอ่อ... ควายได้ล่ะ”

   “บอกแล้วไงว่ากูไม่ใช่เป็ด”

   พอพี่แคนค้านขึ้นมา ผมจึงตั้งใจพิจารณาให้ดีขึ้น เห็นแล้วรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะนึกออกว่าเคยเห็นสัตว์ชนิดนี้ที่ไหน ผมหันไปขอคำยืนยันจากก้อนหิน

   “ก๊าส”

   “อ้าว! แล้วมาอยู่มิตินี้ได้ยังไงล่ะ” ผมถามด้วยความงง ปกติสัตว์ชนิดนี้มีแค่ที่ไวเวิร์นไม่ใช่เหรอ

   “นี่ตัวไรอะดิน ตัวเหี้ยเหรอ” พี่แคนเดินมาใกล้ๆ ยืนจ้องก้อนหินแล้วถามขึ้นมา

   “ก๊าสสสสส”

   “เฮ้ย! ใจเย็นหินใจเย็นๆ” ผมรีบคว้าก้อนหินขึ้นมากอดไว้ เมื่อมันทำท่าจะพุ่งไปหาพี่แคน ก้อนหินรู้ว่าตัวเหี้ยเป็นคำด่า เพราะผมเคยเล่าให้มันฟัง

   “ฮ่าๆๆๆๆ”

   ยังจะมีหน้ามาหัวเราะ! กวนตีนยังไงก็ยังกวนตีนอย่างนั้นนะพี่แคนเนี่ย

   “ไร้สาระ” ควาย เอ๊ย! พี่แสนส่งสายตาหน่ายๆ ใส่พี่แคน

   “คนเป็นควายมีสิทธิ์พูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ ฮ่าๆๆๆๆๆ”

   “ไอ้แคน!”

“พี่แสนใจเย็นครับใจเย็นๆ” ผมต้องรีบไปขวางพี่แสนไว้ เมื่อพี่แกทำท่าจะขวิดพี่แคนอยู่รอมร่อ แต่พี่แคนก็มิได้นำพา เพราะรู้ดีว่าพี่แสนไม่มีวันทำร้ายพี่แกไง ผมได้แต่ถอนหายใจเพลียๆ กับความเกรียนของพี่แคน จนเมื่อเห็นทุกคนเริ่มอยู่ในความสงบแล้วก็เลยถามเรื่องที่ข้องใจต่อ

“ตกลงไปไงมาไงถึงได้มาอยู่ในร่างนี้กันได้ครับ”

“พี่ประสบอุบัติเหตุ ตื่นมาอีกทีก็มาอยู่ในร่างนี้แหละ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน” พี่แสนเป็นคนตอบก่อน

“กูตายแล้วอะน้องดินกูตาย ฮืออออ ทำงานอยู่ดีๆ ก็โดนเสาทับตาย ไม่รู้ว่าใครมันทำพลาด ไอ้เหี้ย! โคตรโหดร้ายอะ พอฟื้นขึ้นมาก็อยู่ในร่างนี้เลยเหมือนกัน” พี่แคนบอกพร้อมเบะปากทำท่าจะร้องไห้

“ช่วยอะไรได้ไหมหิน” เมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของพี่ๆ ทั้งสองจบ ผมก็หันไปถามก้อนหิน

“ก๊าสสสสส”

“โชคชะตาอย่างงั้นเหรอ? แล้วพี่ๆ เค้าจะไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ก๊าสสสสสสส”

“อือ โล่งอกไปที” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อก้อนหินบอกว่าต่อไปคงไม่มีอะไรร้ายแรงไปกว่านี้แล้ว

“ทนกันไปก่อนแล้วกันนะครับ เอ่อ... สักวันคงจะดีขึ้น” ผมเอ่ยปลอบใจพี่ๆ ไป ก่อนที่จะถามต่อ

“แล้วพี่ๆ มีความสุขดีไหมครับ ลำบากอะไรรึเปล่า”

“ก็ดี อยู่ในร่างนี้ก็ไม่ลำบากอะไรนักหรอก แค่ต้องทนอยู่กับคนที่โง่ยิ่งกว่าควายเท่านั้นเอง แถมตอนอยู่ที่นั่นพี่ก็ความจำเสื่อมอีก จำอดีตไม่ได้เลย แต่พอเห็นดินก็จำได้ซะงั้น” พี่แสนพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็งและงง ขนาดอยู่ในร่างควาย ผมยังรู้สึกได้ว่าพี่แกเซ็งคนที่พูดถึงและเซ็งชีวิตขนาดไหน

“กูก็เหมือนกัน ชีวิตก็สบายดี แค่ต้องทนกับไอ้เด็กเวรหน้าตายคนหนึ่งแค่นั้นเอง” พี่แคนพูดพร้อมกับทำหน้าเบื่อๆ ก่อนจะพูดต่อ

“แล้วมึงล่ะดิน ไปไงมาไงถึงได้มาอยู่กับตัวเหี้ยได้” พี่แคนยังคงปากหมา เอ๊ย! ปากเสียไม่หยุด

“ก๊าสสส”

“พี่แคน! ก้อนหินเป็นมังกรครับไม่ใช่ตัวเหี้ย ใจเย็นหินใจเย็นนนน” ผมบอกพี่แคนก่อนจะรีบรัดก้อนหินไว้แน่น เมื่อมันทำท่าจะโผออกจากอ้อมกอดไปฟัดกับพี่แคนอีกครั้ง

“มังกร? พี่ไม่ควรแปลกใจสินะ ต่อให้เป็ดบินได้ก็ไม่น่าแปลกใจแล้วละนะตอนนี้ แค่ชีวิตตัวเองก็แฟนตาซีจนพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่แล้ว” พี่แสนมองก้อนหินแล้วก็บ่นอยู่คนเดียว

“แล้วสบายดีไหม อยู่กับมังกรก็แสดงว่าตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่โลกเราล่ะสิ เกิดอะไรขึ้น” พี่แสนหันกลับมาถามผมต่อ เมื่อพี่แคนกับก้อนหินยังคงจ้องตากันอยู่

“ตอนนี้สบายดีครับ ถ้าจะให้เล่าก็คงยาวเลย นั่งก่อนไหมครับ ไหนๆ ก็ได้มาเจอกันทั้งที เรามาผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเองดีไหมครับ”

“ก็ดีนะ พี่ก็มีเรื่องเล่าให้ฟังเยอะเหมือนกัน” พี่แสนบอกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนก่อน ส่วนผมก็ขยับเข้าไปนั่งพิงเสาสังเวียน ก่อนที่พี่แคนจะเลิกจ้องตากับก้อนหินแล้วทิ้งตัวลงนั่งเหยียดขาข้างๆ พี่แสน คือ จะว่าน่ารักมันก็น่ารัก จะว่าตลกมันก็ตลก เพราะพี่แคนเป็นเป็ด เอ๊ย! เป็นสัตว์ที่ทำท่าทางเหมือนคนมาก ฮ่าๆๆๆๆ

ผมเล่าเรื่องของผมให้พี่ๆ ฟังก่อน ก่อนที่จะนั่งฟังพี่ๆ เล่าเรื่องของตัวเองให้ฟังบ้าง บางครั้งฟังไปก็หัวเราะไป บางครั้งก็อมยิ้ม บางครั้งก็อดจะลุ้นกับเรื่องราวที่พี่ๆ เจอมาไม่ได้

หลังจากเล่าเรื่องราวของตัวเองจนครบทั้งสามคน เราก็มานั่งรำลึกความหลังในช่วงที่ยังอยู่โลกโน้นกัน ผมนั่งฟังไปเรื่อยๆ จนรู้สึกง่วง แต่ก็พยายามฝืนเอาไว้ เพราะอยากอยู่กับพี่ๆ ให้นานที่สุด แต่ก็ฝืนได้ไม่นาน สุดท้ายก็เผลอหลับไป



“ก๊าสสสส”

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเรียกของก้อนหิน เมื่อลืมตาตื่นเต็มที่ก็เห็นก้อนหินก้มมองมาตาแป๋วจนอดจะยิ้มให้ไม่ได้

“ขอบใจนะหิน เป็นของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุดเลย”

“ก๊าสสสส”

ผมขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วอุ้มก้อนหินมานั่งตัก มองแสงจันทร์ที่ทอแสงกระทบผืนน้ำแล้วก็ได้แต่ยิ้มเมื่อนึกถึงพี่ๆ ทั้งสองคน

ถึงก้อนหินจะสามารถเปิดประตูมิติได้ แต่ผมก็ไม่ควรที่จะนำพลังนั้นมาใช้พร่ำเพรื่อ มันควรจะนำมาใช้ประโยชน์เพื่อส่วนรวมมากกว่า แค่ได้รู้ว่าพี่ๆ มีความสุขก็พอแล้วละ

หวังว่าสักวันจะได้พบกันใหม่

สุขสันต์วันคริสต์มาสและสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับพี่แสน พี่แคน


********************************************

Merry Christmas & Happy New Year 2019

ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทุกคนนับถือ ดลบันดาลให้ทุกคนมีความสุขมากๆ
พบเจอแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต คิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมหวังสมปรารถนาทุกประการนะคะ

ปล.หวังว่าจะมีไฟเขียนพี่แคนบ้าง ส่วนพี่แสนนั้นใกล้แล้ว คนเขียนอ่ะ ใกล้บ้าแล้ว 55555
รักเหมือนเดิม

:L2: :L2: :L1: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 31-01-2019 23:44:28
อ่านจบแล้วว เอ็นดูก้อนหินมากๆ ไซเลอร์ก็ทำเราเขิน งุ้ยยย
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 02-02-2019 19:57:21
น่ารักกกก  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 03-02-2019 22:07:22
ก้อนหินน่าร้ากกกกกก
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 16-02-2019 02:12:09
สนุกมากเลยค่ะ เป็นนิยายแฟนตาซีที่ฟีลกู๊ด อ่านแล้วสบายใจ เราชอบทั้งการใช้คำ การบรรยาย และจินตนาการของคนเขียนนะ สามารถอ่านได้เรื่อย ใช่ค่ะ…เราอ่านเรื่อยๆจนไม่ได้หลับได้นอนเลย 555555 ชอบตัวละครทุกตัวโดยเฉพาะก้อนหินนนน ขี้อ้อนอ่ะ รักปานจะกลืนกิน เหมือนน้องหมาเลย สุดท้ายรักคนแต่งนะคะ ให้กำลังใจค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Piiiimsen ที่ 17-02-2019 12:24:40
ฮือออ สนุกมากกก ชอบเรื่องนี้มากๆเลย เป็นคนชอบนิยายแบบแฟนตาซีอยู่แล้ว พอมาเจอเรื่องนี้คือรักเลย เรื่องมีปมที่ดีมาก มีปมตั้งแต่ตอนวสุข้ามมาทำภารกิจ ชอบตอนดินอยู่มิติกับไซเลอร์มาก แต่ก็เสียใจแทนไฟ คือฉากตอนดินตกหน้าผาร้องไห้เลย สงสารไฟมาก ชอบทุกตัวละครเลย F5 ก็ดีมากมาย โอ๊ยยย ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆแบบนี้นะคะ
 :mew1:  :กอด1:  :-[
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 17-02-2019 18:32:28
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: reborn ที่ 18-02-2019 22:10:57
 o13
หัวข้อ: Re: @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@(แฟนตาซี) เศษดิน : พบกันอีกครั้ง (25/12/2018) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Fufufeel ที่ 15-03-2019 20:59:21
นี่FC ก้อนหินมาก น่ารัก :katai2-1:
หัวข้อ: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: maneethewa ที่ 19-03-2019 09:06:35
@ดินแดนแห่งรักอาณาจักรแห่งใจ@

ได้รับการตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์ฟาไฉ FaCai Novels นะคะ

หนังสือมีจำนวนหน้า 496 หน้า ราคา 459 บาท

พิเศษ แถมมินิโนเวล (จนกว่าของจะหมด)

เริ่มจำหน่าย 28 มีนาคม ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติที่บูธฟาไฉ Zone C1 บูธ N12
นอกจากนี้ก็จะมีจำหน่ายในรอบไปรษณีย์ด้วยค่ะ

บอกเลยว่าตอนพิเศษเยอะมากค่ะ ตอนนั้นคึก เลยเขียนเพลินไปหน่อย 55555

ฝากหยิบก้อนดิน ก้อนหิน พี่ไซเลอร์และเดอะแก็งค์ติดไม้ติดมือกลับมาด้วยนะคะ

ส่งก้อนหินไปกราบแนบอกงามๆ

รักคนอ่านทุกคน

Maneethewa - มณีเทวา (ดอกหญ้าแสนรัก)

หัวข้อ: Re: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 10-06-2019 01:56:46
น่ารักมากเลยค่ะทุกตัวละครเลยโดยเฉพาะก้อนหินรักที่สุดละ เริ่มอ่านแรก ๆ เรานึกว่าก้อนหินเป็นพระเอกซะอีกคิดว่ามังกรจะแปลงร่างเป็นคนและคู่กับก้อนดิน  :hao3: แต่พอไซเลอร์โผล่มาก็เริ่มลังเลแอบไปอ่านเมนท์ช่วงท้าย ๆ เลยเลยรู้ว่าพระเอกคือไซเลอร์เรานับถือความรักของไซเลอร์จริง ๆ  o13 จะบอกว่าฝ่ายใดฝ่ายนึงโชคดีก็พูดได้ไม่เต็มปากเอาเป็นว่าทั้งก้อนดินและไซเลอร์โชคดีมากที่มีกันและกันรวมทั้งก้อนหินด้วย อ่อรวมทั้งเพื่อน ๆ ด้วยนะ :กอด1: นึกเสียดายที่มาเจอนิยายเรื่องนี้ช้าไปแต่ก็ดีใจที่ได้เจอและได้อ่านค่ะขอบคุณสำหรับนิยายดี ๆ และเป็นกำลังใจให้กับเรื่องต่อ ๆ ไปนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-03-2020 00:32:26
ขอบคุณมากนะคะ สนุกมากค่ะ ก้อนหินน่ารักมาก ๆ
หัวข้อ: Re: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: Gimlongdeep ที่ 25-03-2020 12:26:47
สนึกมากๆๆๆๆๆๆเลนค่่่ ปรบมือให้นักเขียนเลยค่ะ
เป็นเรื่องที่แหวกแต่สนุกมากกก รักไปในการผจญภัยที่ต่างๆ สำคัญที่สุดคือ ไอเลิฟก้อนหินมั่กๆๆ รักแก็งF5. เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนต่อไปค่าา
หัวข้อ: Re: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcane_aoi ที่ 28-03-2020 19:16:42
สนุกดีค่ะ ชอบนิยายแฟนตาซีแบบนี้ อ่านแล้วลุ้นและชวนติดตามตลอด
ก้อนหินก็น่ารัก ขี้อ้อน ชอบค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ►►►แจ้งข่าวรวมเล่มค่ะ @ดินแดนแห่งรัก อาณาจักรแห่งใจ@ (แฟนตาซี) (19/3/2019) P.23
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:12:55
 :pig4: