พิมพ์หน้านี้ - ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: อนาคี99 ที่ 23-09-2013 17:36:37

หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 23-09-2013 17:36:37
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

การตั้งกระทู้ลงนิยาย

สารบัญ
 ซีนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2490288#msg2490288) //  ซีนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2491280#msg2491280) //  ซีนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2492664#msg2492664) //  ซีนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2493625#msg2493625) //  ซีนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2495712#msg2495712) //  ซีนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2499831#msg2499831) //  ซีนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2505832#msg2505832) //  ซีนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2515924#msg2515924) //  รุจน์xพอร์ช 01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2519942#msg2519942) //  ซีนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2522217#msg2522217) //  รุจน์xพอร์ช 02  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2523958#msg2523958) //  ซีนที่ 10.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2533141#msg2533141) //  ซีนที่ 10.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2536266#msg2536266) //  ซีนที่ 11.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2539958#msg2539958) //  ซีนที่ 11.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2540890#msg2540890) //  ซีนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2542361#msg2542361) //  ซีนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2552458#msg2552458) //  ซีนที่ 14.01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2567448#msg2567448) //  ซีนที่ 14.02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2572256#msg2572256) //  ซีนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2576008#msg2576008) //  ซีนที่ 16.01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2586950#msg2586950) //  ซีนที่ 16 Full (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2594016#msg2594016) //  ซีนที่ 17.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2603384#msg2603384) //  ซีนที่ 17.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2603420#msg2603420) //  ซีนที่ 18.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2606577#msg2606577) //  ซีนที่ 18.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2613180#msg2613180) //  ซีนที่ 19.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2616163#msg2616163) //  ซีนที่ 19.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2617177#msg2617177) //  ซีนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2627793#msg2627793) //  ซีนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2634272#msg2634272) //  ซีนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2635856#msg2635856) //  ซีนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2645390#msg2645390) //  ซีนที่ 24.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2660430#msg2660430) //  ซีนที่ 24.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2682662#msg2682662) //  ซีนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2693807#msg2693807) //  ซีนที่ 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2701123#msg2701123) //  ซีนที่ 27.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2705440#msg2705440) // บลูม่าx ซอลย่า 01 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2708074#msg2708074) //  ซีนที่ 27.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2708895#msg2708895) // บลูม่าXซอลย่า02 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2714135#msg2714135) //  ซีนที่ 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2715518#msg2715518) //  ซีนที่ 29.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2726874#msg2726874) //  ซีนที่ 29.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2727901#msg2727901) // ย้อนรอยอ๊อดxกมล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2727910#msg2727910) //  ซีนที่ 30.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2732861#msg2732861) //  ซีนที่ 30.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2735516#msg2735516) //  Image (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2737949#msg2737949) //  ซีนที่ 31 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2739164#msg2739164) //  ซีนที่ 32.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2739948#msg2739948) //  ซีนที่ 32.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2746914#msg2746914) //  ซีนที่ 33 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2756679#msg2756679) //  ซีนที่ 34 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2763430#msg2763430) //  ซีนที่ 35 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2776708#msg2776708) //  ซีนที่ 36 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2796236#msg2796236) //  ซีนที่ 37 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2799241#msg2799241) //  ซีนที่ 38 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2807112#msg2807112) //  ซีนที่ 39 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2829565#msg2829565) //  ซีนที่ 40 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2835197#msg2835197) //  ซีนที่ 41 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2840049#msg2840049) //  ซีนที่ 42.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2849577#msg2849577) //  ซีนที่ 42.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2854563#msg2854563) //  ซีนที่ 43 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2893694#msg2893694) //  ซีนที่ 44 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2954384#msg2954384) //  ซีนที่ 45 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg2994583#msg2994583) //  ซีนที่ 46 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3063255#msg3063255) //  ซีนที่ 47 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3066543#msg3066543) //  ซีนที่ 48 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3071425#msg3071425) //  ซีนที่ 49 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3080212#msg3080212) //  ซีนที่ 50.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3087667#msg3087667) //  ซีนที่ 50.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3093910#msg3093910) //  ซีนที่ 50.3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3095841#msg3095841) //  ซีนที่ 51.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3104888#msg3104888) //  ซีนที่ 51.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3113045#msg3113045) //  ซีนที่ 52 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3124131#msg3124131) //  ซีนที่ 53 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3141731#msg3141731) //  ซีนที่ 54 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=39348.msg3163839#msg3163839)

******************************************


ผม...เคยเป็นถึงพระเอกแนวหน้าของวงการ
แต่เพราะเหลิงในชื่อเสียง หยิ่งทะนง และทำตัวเหลวไหล
ในที่สุดทุกอย่างก็หลุดหายจากมือไปดื้อๆ
ดารา เมื่อตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นงานหรือบทแบบไหน มันก็เกี่ยงไม่ได้หรอกครับ
ดังนั้นวันนี้ผมจึงต้องเป็น...


"นางเอก"   
หัวข้อ: (เรื่งสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 23-09-2013 17:40:50
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก



ดารา คืออาชีพนักแสดงที่สามารถมอบความบันเทิงแด่ผู้คน
นักแสดง ต้องแสดงให้ได้ทุกบท
บท ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ ก็ต้องแสดงออกมาให้สมจริงให้ได้
เพื่อเกียรติยศในอาชีพ
เพื่อชื่อเสียงเงินทอง



“อะไรนะเจ๊บลูม่า จะให้ผมรับเล่นหนังเรื่องนี้จริงๆเหรอ บ้าไปแล้วเหรอเจ๊!!?”

เสียงทุ้มแหบ เอ่ยลั่นไปทั่วห้องของตนเอง ณ คอนโดห้องน้อยของตน
‘สดายุ’ ดาราหนุ่มวัยยี่สิบตอนปลาย ผู้ว่างเว้นจากงานแสดงมาพักใหญ่ๆ รับแต่งานอีเว้นท์โฆษณาเป็นพักๆเท่านั้น จำนวนงานแปรผกผันโดยสิ้นเชิงกับอายุ ยิ่งอายุเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ งานก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น สดายุรู้ตัวดีว่าเขาแก่เกินจะไปเทียบพวกพระเอกใหม่วัยรุ่นหน้าใหม่ไฟแรงที่ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด ในปัจจุบันนี้ ‘พระเอก’ ก็เหมือนปลาในตลาดสด ยิ่งสด คนก็ยิ่งอยากบริโภค แถมยิ่งมีสดๆให้เลือกสรรเยอะแค่ไหน ปลาเริ่มบูดอย่างเขาก็ยิ่งหมดค่าลงไปเท่านั้น นี่แหละคือวัฏสังสารของ ‘วงการมายา’
“โถ น้องยุคะ นี่เป็นโอกาสดีที่น้องจะได้กลับไปโลดแล่นในแถวหน้าเหมือนเดิมนะ บทของหนังเรื่องนี้ก็ดีจะตาย ผู้กำกับเขาก็มีชื่อเสียง การันตีได้เลยว่าเรื่องนี้จะต้องดังเปรี้ยงปร้างแน่ๆ”
เสียงติดไปทางดัดจริตเล็กๆของบลูม่ากะเทยสาววัยดึกซึ่งกำลังจีบปากจีบคอ โอ้โลมพระเอกในสังกัดเบอร์หนึ่งของตัวเองให้รับเล่นภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่
“แต่ว่าเจ๊...หนังเรื่องนี้มัน...”
“น้องยุคะ น้องอยากตกต่ำลงเรื่อยๆอย่างนี้ต่อไปหรือไง? นี่เจ๊เสนอทางเลือกที่ดีที่สุดให้น้องแล้วนะคะ เชื่อเจ๊สิยุ”
คำว่า ‘ตกต่ำ’ กระแทกใจอย่างจัง เขาเคยเป็นถึงพระเอกที่ขายดีที่สุดของบริษัท เคยเล่นละครควบกันตั้งหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ โฆษณา หรืองานพรีเซ็นเตอร์ เขาไม่เคยพลาดที่จะได้เป็น แบรนด์แอมบัสเดอร์ ของผลิตภัณฑ์ชื่อดัง แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องเมื่อสามปีมาแล้ว พอเข้าปีที่สี่ ความดังพลุแตกของเขาก็เริ่มมอดราวไฟราเชื้อ พอมีพระเอกหน้าใหม่มากหน้าหลายตาเข้ามาคุณค่าของเขาก็เริ่มถดถอยลงไป โดยเฉพาะปีหลังๆที่เริ่มมีข่าวคาวข่าวซุบซิบกับสาวคนโน้นที คนนั้นที แถมยังมีการปล่อยคลิป ปล่อยภาพไม่บังควรออกไปทางโซเชียลเน็ตเวิร์คจนเป็นข่าวอีก ยิ่งทำให้เขาเสื่อมคุณค่าลงเรื่อยๆ แม้ไม่อยากจะยอมรับ แต่สุดท้ายก็ต้องจนใจเพราะทั้งหลายทั้งสิ้น ล้วนมาจากตัวเขาเอง ที่หลงมัวเมาในแสงสีและภาพมายาแห่งวงการบันเทิง ทำให้เขาหลงระเริงไปว่าสิ่งที่อยู่ในกำมือนั้นมันจะคงทนถาวร หน้าตาดี ความสามารถสูงเสียอย่าง งานย่อมไหลมาเป็นน้ำป่าอยู่แล้ว งานมา เงินมี เหล้า ยา นารีไม่เคยขาดมือ แม้จะหยิ่งยะโส โอหังอวดดีแค่ไหน ก็มีแต่คนง้องอน
แต่แล้ววันหนึ่ง เวลาแห่งความสำราญก็จบลง เมื่อเสเพลจนเข้าขั้นเหลวแหลก งานการที่เคยมีเข้าไม่ขาดนั้นก็เริ่มกระท่อนกระแท่น งานละครไม่มี งานโฆษณาไม่มา จนในที่สุด เขาก็กลายเป็น ‘พระเอกตกกระป๋อง’
  และนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเขาแล้ว...
“แสดงคู่กับใครครับเจ๊?”
น้ำเสียงแหบเสน่ห์ถามออกไปอย่างปลงตก ถึงตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์เลือกอีกแล้ว ผู้ให้สวยหรูก็คงพูดได้ว่า ‘ด้วยสปิริตในอาชีพนักแสดงแล้ว ไม่ว่าบทแบบไหนก็ต้องเล่นให้ได้’ แต่ถ้าพูดแบบดาษๆ ก็คง ‘ไม่ทำก็ไม่มีอะไรกิน!!’
“คุณ ‘กฤตเมธ’ จ๊ะ”
“กฤตเมธ!? ไอ้เมธนั่น!? มันรับเล่นเรื่องนี้ด้วยเหรอ? ระดับมันเนี่ยนะเจ๊?”
สดายุร้องเหวอจนเสียงหลง เมื่อได้ยินว่านักแสดงที่จะต้องเล่นคู่กันคือใคร ‘กฤตเมธ’ ดาราหนุ่มใหญ่วัยสามสิบสองปี พระเอกหนุ่มผู้ได้ฉายาว่า ‘เทพบุตรแห่งวงการ’ นอกจากจะเป็นพระเอกเนื้อทองที่งานไม่เคยขาดแล้ว ยังถือเป็นบุคคลคุณภาพที่ยิ่งอายุมากขึ้นงานยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย ช่วงหลังถึงเจ้าตัวจะไม่ค่อย รับงานแสดงเท่าไหร่ เพราะผันตัวไปอยู่เบื้องหลัง และทำธุรกิจส่วนตัว แต่ความเป็นพระเอกที่ไม่ว่าผู้จัดค่ายไหนก็ต้องการ กฤตเมธจึงสามารถเข้าออกวงการได้เรื่อยๆโดยไม่มีใครไม่ยอมรับ
“หึหึ...งานใหม่หลังจากหายหน้าจากวงการไปนานของนายสดายุ คือหนังเกย์ แถมยังได้ประกบคู่กับพระเอกระดับเทพบุตรแห่งวงการ คุณกฤตเมธ... หึหึ คราวนี้เก้งกวางคงเล็งล่อตูดผมกันเป็นโขยงแน่ๆ”
สดายุประชดประชันออกไปเล็กน้อย แค่พอระบายความอัดอั้น เพราะไม่ว่าจะต้องการหรือไม่ เขาก็เลี่ยงไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
“แหม น้องยุคะ อย่าพูดอย่างนั้นสิ เอาเป็นว่า เจ๊ถือว่ายุตกลงแล้วนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ๊มารับไปฟิตติ้ง แล้วนี่ค่ะบท คืนนี้อ่านซะให้จบนะคะคุณน้อง”
“โอเคครับเจ๊ ขอบคุณนะครับที่อุตส่าห์หางานให้ผม ขอบคุณนะครับที่เจ๊ไม่ทิ้งผม”
สดายุยอมรับในที่สุด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปรับบทมาแต่โดยดี และกล่าวขอบคุณบลูม่าผู้จัดการส่วนตัวของเขาออกไปจากใจ ขอบคุณที่ทั้งที่เขาเป็นพระเอกที่ขายไม่ได้แล้ว แต่บลูม่ายังคงพยายามหางานให้ ไม่เคยทอดทิ้งกันให้ต้องหัวเดียวกระเทียมลีบ ความตกต่ำสอนให้เขาเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะ 
“เราสู้มาด้วยกันตั้งเยอะนะคะน้องยุ เจ๊ไม่มีทางทิ้งน้องไปแน่นอนค่ะ”
บลูม่าหันมายิ้มกว้างให้สดายุ แม้ดาราหนุ่มคนนี้จะเคยสร้างเรื่องสร้างราวให้หล่อนตามแก้ไม่ได้หยุดหย่อน จนกระทั่งสุดท้ายตัวชายหนุ่มเองก็ตกต่ำ หมดราคาพระเอกดาวรุ่งในที่สุด แต่ถึงอย่างไร สดายุก็คือคนที่บลูม่าอุตส่าห์ปั้นมากับมือ พระเอกในสังกัดรุ่นแรกที่ทำให้บลูม่าลืมตาอ้าปากได้ เหน็ดเหนื่อยมาด้วยกันเยอะจนไม่สามารถปล่อยมือได้  บลูม่ารักสดายุไม่ต่างจากน้องชาย ดังนั้นหล่อนไม่มีทางทิ้งชายหนุ่มลงเด็ดขาด

“เฮ้ย...มีฉากเลิฟซีนเยอะจังว๊ะ นี่หนังโรงหรือหนังโป๊วะเนี่ย! อึ๋ย ฉากข่มขืนก็มี แม่งใครเขียนบทว๊ะ!!?”
สดายุอ่านบทไปบ่นไปเป็นหมีกินผึ้ง ภาพยนตร์ที่เขากำลังจะได้เล่นคือเรื่อง ‘สุดปลายทางของ...หัวใจ’ ในเรื่องเขาต้องเล่นเป็น ‘ภุมรา’ นายแบบผู้ป่วยเป็นเนื้องอกในสมอง แถมยังตามรักพระเอกที่ชื่อ ‘นคินทร์’ อยู่ข้างเดียว ถูกด่าถูกทำร้ายสารพัดก็ยังไม่ยอมตัดใจ ขนาดถูกข่มขืนอย่างทารุณจากคนที่ตัวเองชอบก็ยังจะรักอยู่นั่น  ในสายตาของสดายุแล้ว ตัวละครที่ชื่อว่า ‘ภุมรา’ นั้นโง่มาก ถ้าเป็นตัวเขา เขาจะไม่มีวันทุ่มเทบ้าบอขนาดนั้นให้ผู้ชายที่ไม่รักตัวเองเด็ดขาด ยิ่งคิด พระเอกหนุ่มยิ่งท้อ เพราะขนาดอ่านบทเขายังทำอารมณ์อินไปกับตัวละครไม่ได้ แล้วเขาจะเล่นเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน
ถึงจะบ่น ถึงจะไม่ถูกใจ แต่สุดท้ายสดายุก็ต้องตั้งสมาธิแล้วคล้อยตามลทละครนี้ไปให้ได้ เพราะนี่คือก้าวสำคัญที่อาจจะทำให้เขาสามารถหวนกลับคืนสู่วงการได้อีกครั้ง ดังนั้นเขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
*
*
*
*
*
“น้องยุ ทางนี้ค่ะ เร็วเข้า”
เสียงบลูม่าตะโกนเรียกมาแต่ไกล ทำเอาสดายุต้องวิ่งตามเสียงไปจนหอบ วันนี้เป็นวันฟิตติ้ง ซึ่งจากเวลานัดเดิมนัดกันไว้ที่บ่ายโมง แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆบลูม่าก็โทรมาเรียกตัวเขาตั้งแต่เก้าโมงเช้า บอกว่ามีการเปลี่ยนเวลากะทันหัน นี่ถ้าเป็นเมื่อก่อนสมัยที่เขายังขึ้นหม้ออยู่คงโดนเหวี่ยงกันทั้งทีมงานไปแล้ว แต่ตอนนี้ที่ชายหนุ่มทำได้คงมีเพียงการวิ่งมาให้ทันตามเวลานัดเท่านั้น
“ทำไมถึงเปลี่ยนเวลากะทันหันนักล่ะครับเจ๊? ไม่ให้ตั้งตัวเลยเนี่ย?”
สดายุถามขึ้นทันที ที่เดินมาถึงตัวบลูม่า ฝ่ายผู้จัดการสาวข้ามเพศก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะอธิบายออกมาอย่างเหนื่อยใจ
“ก็คุณกฤตเมธน่ะสิคะ เธอติดธุระด่วนตอนบ่ายเลยขอนัดมาแคสตอนเช้าเลย เจ๊เองก็เพิ่งรู้ตอนโทรหาน้องยุน่ะแหละค่ะ”
“...แค่หมอนั่นคนเดียว ต้องเปลี่ยนเวลากันหมดทั้งกองเนี่ยนะ มันจะมากไปแล้ว”
พระเอกหนุ่มกระแทกเสียงออกไปแบบไม่พอใจนัก ทางบลูม่าเองก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ
“เอาเถอะค่ะน้องยุ จะโกรธจะเดือดยังไงเราก็ทำอะไรเขาไม่ได้หรอกค่ะ เรามันคนล่ะระดับกัน แถมคุณกฤตเมธเขาก็อายุมากกว่าน้องยุตั้งหลายปีนะคะ ยังไงซะตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่นในกองถ่าย น้องยุต้องนอบน้อมกับคุณกฤตเมธเขาด้วยนะ อย่าไปหือด้วยเชียว เธอไม่พอใจขึ้นมาเดี๋ยวงานจะเข้ากันทั้งพี่ทั้งน้อง”
“...ครับเจ๊ ผมเข้าใจ ผมไม่ทำให้เจ๊ผิดหวังแน่ครับ”
สดายุรับคำแต่โดยดี เพราะยังไงซะตอนนี้เขาก็ยังด้อยกว่าอีกฝ่ายเยอะ ชายหนุ่มยังต้องพึ่งบารมี กฤตเมธ ในการกลับสู่วงการ ดังนั้นเขาจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจไม่ได้ จะต้องให้สวมหน้ากาก ให้เฟคยังไง เขาก็ยอมทำทั้งนั้น
‘ไว้ฉันกลับมาผงาดในวงการได้อีกครั้งเหอะ...’
 
แกร๊ก...

“สวัสดีค๊าพี่ๆ อุ้ย!พี่อ๊อด สวัสดีค๊า ขอโทษที่ช้าไปหน่อยนะคะพี่ เนี่ยพอพี่โทรมาพวกหนูก็รีบออกมาเลยนะคะ”
พอเปิดประตูเข้าไปในสตูดิโอปุ๊บ บลูม่าก็เข้าไปฉอเลาะกับผู้กำกับปั๊บตามเสต็ปเทพของผู้จัดการดาราระดับแถวหน้าทันที
“พี่น่ะไม่มีปัญหาหรอก บลูม่า โน่นพระเอกเนื้อทองของเราต่างหาก พวกเธอปล่อยให้เขารอตั้งเกือบครึ่งชั่วโมง พ่อจะกินหัวพี่อยู่แล้ว”
ผู้กำกับอ๊อดบ่นอุบขึ้นมาทันที
“อุ้ย! แล้วจะเป็นไรหรือเปล่าคะพี่ ตายแล้วหนูกับน้องยุเนี่ยรีบมากันแล้วจริงๆนะคะ”
“เอาเถอะๆ มากันครบก็ดีแล้วล่ะ เดี๋ยวพี่เคลียร์กับ ‘เมธ’ เขาเอง พาสดายุไปเตรียมตัวเถอะ”
“ค่ะๆ ขอบคุณนะคะพี่อ๊อด”
บลูม่าถึงกับต้องไหว้ขอโทษขอโพยผู้กำกับคนดังประหลกๆ ที่พวกตนมาช้า โดยเฉพาะการมาช้ากว่าตัวพระเอกที่ดูเหมือนจะมีอำนาจที่สุดในกองถ่าย
“เอ่อ สวัสดีครับพี่อ๊อด...”
พอเห็นว่าบลูม่ากับอ๊อดคุยกันเสร็จ สดายุก็เข้าไปสวัสดีอ๊อดตามมารยาทบ้าง ความนอบน้อมผิดรูปลักษณ์และความทรงจำเดิมๆ ทำเอาผู้กำกับวัยดึก อดยิ้มชมเชยออกมาไม่ได้
“เอ้อ หวัดดีๆ สดายุ เป็นไงบ้างเรา ไม่เจอกันพักใหญ่ๆเลยนี่ สบายดีมั้ย?”
อ๊อดทักทายออกไปอย่างเป็นมิตร เรียกกำลังใจของสดายุขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยกับผู้กำกับที่เคยร่วมงานเมื่อครั้งยังโลดแล่นในระดับแถวหน้า ก็ดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี
“ก็เรื่อยๆครับพี่...”

“เราจะเริ่มกันได้หรือยังครับ พี่อ๊อด หรือยังต้องรออะไรอีก?”

“.......!!!?”
เสียงทุ้มนุ่ม แต่วาจากลับเชือดเฉือนให้ได้เจ็บจี๊ดนี้ไม่ใช่ของใครอื่น นอกจากพระเอกรุ่นใหญ่ เจ้าของฉายา ‘เทพบุตรแห่งวงการบันเทิง’ นามว่า ‘กฤตเมธ’ นั่นเอง ไม่รู้ว่าชายหนุ่มเดินมาอยู่ข้างหลังสดายุตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำเอาทั้งสามคนที่ยังยืนล้อมวงกันอยู่ถึงกับหยุดชะงัก
“อุ้ย! สวัสดีค่ะคุณเมธ แหม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
บลูม่ารีบกล่าวทักทายออกไปโดยเร็ว หล่อนสามารถรักษาหน้าที่ของตัวเองได้อย่างแข็งขัน จนอ๊อดกับสดายุยังต้องยอมรับ
“ก็ดีครับคุณบลูม่า ขอโทษนะครับที่วันนี้ผมขอเปลี่ยนเวลากะทันหัน บังเอิญผมติดธุระด่วนตอนบ่ายพอดีน่ะครับ”
“อ๋อ...ไม่เป็น...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถึงจะต้องตาลีตาเหลือกกันมาให้ทัน แต่ถ้าเป็นเพราะคุณเมธติดธุระ พวกเราก็ยินดีครับ”
“น้องยุ!!?”
บลูม่าร้องตัดบทขึ้นทันทีเมื่อสดายุของหล่อนเริ่มจะก้าวร้าว หล่อนกลัวใจชายหนุ่มจริงๆ ใจคอจะให้เละเทะกันตั้งแต่วันแรกเลยรึไง!!?
“อ๊ะ! ผมไม่ได้หมายความไม่ดีนะครับคุณเมธ”
เสียงแหบหวานของสดายุดังขึ้นทันที น้ำเสียงดูร่าเริง จริงใจ ใบหน้าหวานคมยิ้มพิมพ์ใจ หากแต่ละถ้อยคำที่พูดออกมาล้วนจิกกัด ตามประสาคนปากไว
“...ขอบคุณที่เข้าใจครับ คุณสดายุ”
หากอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้าน กฤตเมธ ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนตอบขอบคุณเสียงนุ่ม แต่ใครเห็นก็ต้องรู้สึกได้ ว่าสายตาของทั้งสองหนุ่มนั้น ทอประกายฟาดฟันกันอยู่

“เอาล่ะๆ เดี๋ยวพี่ว่า เราเริ่มฟิตติ้งกันเลยแล้วกันนะ เอ้าพาพระนายไปแต่ตัวเร็วหน่อย พวกคอสตูม”
อ๊อดออกคำสั่งบรรดาลิ่วล้อให้ได้เริ่มทำงานกันเสียที ฝ่ายพระเอกทั้งสองก็ยอมเดินไปแต่งตัวแต่โดยดีแบบไม่มีอาการกระฟัดกระเฟียดใดๆให้ได้เห็น อ๊อดเบาใจขึ้นหน่อยที่อดีตพระเอกขี้วีนอย่าง สดายุ รู้จักสงบปากสงบคำลงเสียบ้าง แต่ก็ไม่สามารถเดาได้เลยว่า เมื่อไหร่ที่นิสัยเดิมจะออก แต่ในเมื่อทางผู้จัดและผู้กำกับอย่างเขาตกลงปลงใจอยากได้ทั้งสองหนุ่มแล้ว พวกเขาย่อมรู้ดีว่า ควรเตรียมใจรอไว้หน่อย คนหนึ่งก็เคยร้าย ส่วนอีกคนยิ่งร้ายกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะความเหมาะสมกับบทละครล่ะก็ อ๊อดอยากหลบเลี่ยงสองคนนี้เสียเหลือเกิน

“เอาล่ะครับ คุณเมธ คุณยุ รบกวนมายืนตรงหน้าเฟรมนี้ก่อนนะครับ”
เสียงตากล้องบอกท่าทางให้สองหนุ่ม
“เอ่อ เดี๋ยวภาพแรก ผมขอแบบนี้ก่อนแล้วกันนะ  คุณเมธรบกวนไปยืนอยู่ข้างหลังคุณยุนะครับ แล้วใช้มือขวาโอบเอวคุณยุไว้ ย่า อย่างนั้นแหละครับ อื้อแล้วมือซ้ายจับคางคุณยุให้เงยขึ้น ใช่ครับ ก้มหน้าลงนิดนึงครับ ใกล้ๆกันหน่อย เอ่อคุณยุช่วยทำหน้าเหมือนกำลังเศร้ามากๆหน่อยได้มั้ยครับ ดีครับ...”
‘ทำไมต้องให้ทำท่าน่าขนลุกนี้ด้วยว๊ะ!!’
สดายุคิดเคืองอยู่ในใจลึกๆ เมื่อถูกจัดท่าฟิตติ้งแบบไม่ค่อยสบอารมณ์
ไม่สบอารมณ์ที่เขาเตี้ยกว่าอีกฝ่าย (กฤตเมธสูง 192 เซ็นต์ สดายุสูง 179 เซ็นต์)
ไม่ชอบเลยที่ตัวเองผอมบางกว่า
แค้นเคืองตัวเองอย่างยิ่งที่ดันตาโตเกินไป ขนตายาวเกินไป ทำให้ต้องมาเล่นบทแบบนี้
‘บทนางเอก!!’


*********************************************************************************

เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว...เรื่องเก่ายังไม่เห็นจะถึงไหน!!
กำลังจะจบ 2 เรื่อง
กำลังแต่ง 1 เรื่อง
กำลังรีไรท์เตรียมรวมเล่ม 2 เรื่อง
อื่นๆ...
แล้วยังจะมีหน้า มาเปิดเรื่องใหม่อีก (โดนรุบตื๊บ ตายคากองเลือด)
 :z6:
ที่เปิดเรื่องใหม่ไม่มีอะไรหรอกค่ะ บังเอิญตอนนี้กำลังปั่นตอนพิเศษของ ‘เกลียวบาป’ อยู่ค่ะ
แล้วตันมุกมากๆ คิดไม่ออก จะไปเขียนเรื่อง ‘ภูถู่’ หรือ ‘ขิงราพณ์’ ก็เขียนไม่ออก ‘ปักษาน้อย’ ยิ่งตันเข้าไปใหญ่ เพราะห่างไปนาน คิดเรื่องต่อได้ แต่เขียนตอนเชื่อมไม่ถูก...(เก๊าขอโทษ)

ส่วนเรื่องนี้นั้น....ก็ไม่มากมายค่ะ พล็อตเรื่องสั้นๆ ขอสนองตัญหาก่อน ปิดเรื่องอื่นๆนิดนึงค่ะ เปลี่ยนอารมณ์ อิอิ

ขอโทษสำหรับทุกท่านที่ตามเรื่องอื่นอยู่ รับรองว่ามาต่อแน่ค่ะ (ขอไปรีไรท์ เจ้าแฝด ให้จบก่อนนะคะ)

ขอบคุณค๊า
อนาคี 99
 :ling3:

ปล. ภาพยนตร์ที่สดายุต้องแสดงเรื่อง 'สุดปลายทาง...ของหัวใจ' นั้น...อิอิ เก๊าเป็นคนเขียนบท เอง กำกับเองจร๊า 555+
ชอบจังค่ะ นิยายลิงค์กัน
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่งสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 23-09-2013 17:56:22
จิ้มๆๆ เรื่องใหม่ๆๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่งสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-09-2013 18:10:15
แอร๊ยยย
เรื่องนี้ก็น่าสนุกอะ
อย่าลืมมาต่ออีกนะคะ
เรื่องอื่นก็รออยู่ด้วยน้าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 23-09-2013 18:23:10
ชอบนายเอกแบบนี้ ดุไม่ยอมคนดี  :katai3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 23-09-2013 18:38:40
น้องยุโดนปู้ยี่ปู้ยำแน่ๆ ตามสไตล์คุณอนาคี (ติดตามมาตั้งแต่เกลียวบาป) 55555 คุณเขียนแนวๆนี้ได้ถึงใจมาก  :o8:
ให้กำลังใจค่าาา ติดตามแน่ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 23-09-2013 18:40:16
ชอบตั้งแต่ชื่อเรื่อง

พอได้อ่านยิ่งชอบ

คุณนางเอก เด็ดมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 23-09-2013 18:53:53
น่าหนุกอ่ะ อยากอ่านๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 23-09-2013 19:26:31
เรื่องนี้มาแนวตบจูบ หรือ ต่อยจูบกันนะ555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-09-2013 19:40:58
นางเอกหรือ



เว้อๆๆท่าน่ากลัวจริงๆๆ



จะไหวไหมเนี่ยคงไม่ฟัดกันตายก่อนนะ



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 23-09-2013 19:46:35
ท่าทางจะทะเลาะกันสนุกสนาน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 23-09-2013 19:47:40
น่ารักชิบบบบบบบ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 23-09-2013 19:49:21
นายเอกฉันนิสัยนางเอกเฉพาะหน้ากล้อง...ระวัง'อิน'กับบทนะจ๊ะตัวเอง
//เจอคนเขียนบท ผู้กำกับคนนี้  ไม่ต้องห่วงฉากแนว the 'A'd 'V'enture เลย >.<
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 23-09-2013 19:53:17
น่าสนุก มาลุ้นด้วยคน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: earng ที่ 23-09-2013 20:45:22
น่าติดตามมากกกก
อ่านแล้วรู้สึกตามไปด้วยเลยอ่ะ
ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 23-09-2013 20:56:36
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 23-09-2013 21:19:14
น่าติดตามมากๆ
จากพระเอกร่วงมาเป็นนางเอกซะงั้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-09-2013 22:45:12
นายเอกคนใหม่ดูท่าจะพยศน่าดู :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 24-09-2013 06:19:17
 :mc4:  เย้........เรื่องใหม่    น่าติดตามมากเลยค่ะ   รอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: zoochi ที่ 24-09-2013 07:58:18
 o13 เฮ้ยๆ ติดตาม มาตอนแรกก็สนุกแล้ววว

ติดตามค่า มาต่อเร็วๆน้าาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 24-09-2013 08:04:00
มาตามติดด้วยคน
ท่าทางนางเอกเราจะแซ่บ ต่างจากบทที่เจ้าตัวได้รับนะนี่  :z1:

รอตอนต่อไป รอหนังสือ เป็นกำลังใจให้นะคะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-09-2013 08:36:17
กรี๊ดด ท่าจะมันส์นะเรือ่งนี้ 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-09-2013 11:47:57
จะมีรักนอกจอเป่า55555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 24-09-2013 11:53:29
สนุกมากกก

ติดตามนะคะ :')
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: sukaz ที่ 24-09-2013 13:05:50
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:

 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 24-09-2013 13:25:01
รอต่อไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 24-09-2013 13:27:21
เริ่มอ่านก็น่าติดตามมาก  เดี๋ยวจะตามไปอ่านเรื่องอื่น ๆ ด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่ 1 ) 23/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 24-09-2013 17:20:37
รอติดตาม ท่าทางจะมันส์ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-09-2013 18:11:28
(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
(ซีนที่ 2)





“คัททททททท!!!”


เสียงผู้กำกับมากฝีมือตะโกนลั่น เมื่อนักแสดงเล่นไม่ได้ดั่งใจคิด

“ไอ้น้องยุ! ไอ้คุณน้องยุ ฉากนี้น้องต้องมองพระเอกตาละห้อย มองด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักซ่อนเร้น ไม่ใช่มองแบบจะฆ่าจะแกงแบบนี้ว๊อย!! ไอ้ภู่นางเอกน่ะ มันรักพระเอกมากนะ ไม่ได้จะจับพระเอกโบกปูนถ่วงทะเล!! เอ้าๆ เล่นใหม่ตั้งแต่ต้นเลย วู้!! กูปวดหัวว๊อยยย!!”

เสียงบ่นที่ได้ยินเป็นรอบที่ร้อยได้แล้ว หลังจากสามวันที่เริ่มถ่ายทำกันมา สดายุได้แต่ถอนหายใจเซ็งๆ แต่คนที่เซ็งกว่าคงหนีไม่พ้น ‘กฤตเมธ’ ที่ตอนนี้คิ้วขมวดได้หลายปมแล้ว

หลังจากวันฟิตติ้ง และบวงสรวงเปิดกล้องภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ทางทีมงานทั้งหมดก็เดินทางมาปักหลักถ่ายทำฉากที่มัลดีฟส์กันก่อน เพื่อให้ได้บรรยากาศที่สมจริงและใกล้เคียงกับบทประพันธ์ที่สุด โดยภาพยนตร์เรื่องนี้มีแพลนนิ่งคร่าวๆว่าจะถ่ายทำกันเพียงเก้าเดือนถึงหนึ่งปี โดยการถ่ายทำเก็บรายละเอียดที่มัลดีฟส์เป็นอันดับแรก โดยตั้งทาเก็ตไว้ว่าจะต้องเร่งถ่ายทำให้เสร็จภายในสามเดือน และกลับไปถ่ายส่วนที่เหลือในไทยอีกเจ็ดถึงเก้าเดือน จากนั้นก็จะเป็นเรื่องของพวกเรียบเรียงภาพ และเก็บตกพวกฉาก ใส่เสียง ซาวด์  และอื่นๆ ถ้าไม่ติดปัญหาใดๆ รวมๆแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้คงเสร็จสิ้นก่อนสิ้นปีหน้า และคงเปิดฉายช่วงต้นปีใหม่พอดี

“ศักดิ์ศรีพระเอกเก่าน่ะ สนิมมันกินไปหมดแล้วเหรอ?”
“…..!!?”

ระหว่างรอเซ็ตฉากใหม่ กฤตเมธก็เดินเข้ามาหาสดายุ เพื่อขอเคลียร์อะไรบางอย่าง เพราะตลอดสามวันที่ถ่ายทำกันมานี่ ไม่มีวันไหนเลยที่เขาจะไม่หงุดหงิด

“ขอโทษ ผมแค่ไม่คุ้นที่จะต้องทำอารมณ์กับผู้ชาย ผมจะระวัง”

สดายุตอบออกไปแบบไม่แยแสคนที่เดินตามหลังมาเท่าไหร่นัก ตัวเขาเองก็หงุดหงิดที่ไม่สามารถเล่นออกไปได้ดั่งใจเหมือนกัน และเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาคอยกดดันด้วย
‘อย่าล้ำเส้นกูมากได้มั้ยว๊ะ ไอ้หอกนี่!!’

แม้ปากจะปราศรัยไพเราะ แต่ข้างในของสดายุนั้นมันอัดแน่นด้วยไฟโทสะ กองสุมอยู่เต็มหัวอก ตั้งแต่ร่วมงานกันมาได้สามวัน จากที่ไม่ชอบหน้าเป็นทุน ตอนนี้สดายุยิ่งเกลียดกฤตเมธเข้าใส้ ความจริงแล้วเขาก็ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวหรือเคยกระทบกระทั่งกับกฤตเมธหรอก เพียงแต่เมื่อสมัยที่เขาเข้าวงการใหม่ๆจนกลายเป็นพระเอกดังนั้น กฤตเมธก็เป็นรุ่นพี่พระเอกเนื้อทองของวงการอยู่แล้ว สิ่งที่เขาจำฝังใจเกี่ยวกับกฤตเมธมีอยู่สองเรื่อง และในสองเรื่องนี้ไม่มีเรื่องดีเลยสักเรื่อง

เรื่องแรก คือตอนที่เขาเข้าวงการใหม่ๆ ตอนนั้นเขาได้แสดงละครจอแก้วเป็นพระรองของเรื่องที่กฤตเมธเป็นพระเอก ด้วยความที่ยังเด็กและอ่อนประสบการณ์ ทำให้เกิดปัญหาล่าช้าในการถ่ายทำหลายต่อหลายครั้ง ทั้งๆที่เขาก็พยายามขอโทษ และพนายามจะพัฒนาฝีมือ แต่ก็ถูกตั้งแง่ เพราะดันไปทำให้พ่อพระเอกคนดังเสียเวลา ทุกครั้งที่เขาพลาดจะมีสายตาของกฤตเมธจับจ้องอยู่ทุกครั้ง และสดายุมั่นใจเหลือเกิน ว่านั่น คือสายตาแห่งการดูแคลนเหยียดหยัน เขาเกลียด และไม่ชอบขี้หน้า กฤตเมธตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ถึงตอนที่ให้สัมภาษณ์เขาจะบอกใครต่อใครว่า กฤตเมธดีอย่างนั้นอย่างนี้ ช่วยสอนการแสดงนู่นนี่ ที่จริงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ที่เขาทำไปทั้งหมดนั้นก็แค่เฟคหน้ากล้อง เพื่อทำตัวเป็นเด็กดี เป็นนักแสดงที่ดีก็เท่านั้น
 
เรื่องที่สอง อันนี้เขาไม่เคยลืม วันที่เขามีข่าวฉาวหนักถึงขนาดที่ว่าไปทำเด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดปีท้องแล้วไม่ยอมรับ จนงานแสดงหดหายไปหมดนั้น กฤตเมธ เป็นดาราคนหนึ่งที่ถูกสัมภาษณ์ให้ออกความคิดเห็นในกรณีของเขา และชายหนุ่มก็พูดประโยคหนึ่งออกมา ประโยคที่เขาจะไม่มีวันลืมจนวันตาย
‘นักแสดงที่มัวแต่หลงระเริงจนไม่รู้จักประมาณตนเอง ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง สุดท้ายก็ดับทุกรายแหละครับ…’
คงเพราะเขาไม่ชอบหน้าของกฤตเมธเป็นทุน ดังนั้นประโยคนี้ต่อให้ใครพูดเขาก็คงไม่ใส่ใจ แต่พอหมอนี่พูด เขากลับเจ็บปวดและเคียดแค้น

สดายุสาบาน วันใดที่เขาสามารถกลับมาอยู่แถวหน้าของวงการได้ เขาจะเอาคืนไอ้คนปากพล่อยนี้ให้ถึงที่สุด!

“คุณรับปากแบบนั้นกับผมมาเกือบร้อยรอบได้แล้วมั้ง คุณสดายุ”

สดายุที่เดินเมินอีกฝ่ายออกมาถูกคว้าแขนไว้จนตัวปลิวถอยหลังไปตามแรงกระชาก ของกฤตเมธ

“ปล่อยผม!!”

สดายุกระชากแขนของตัวเองกลับมาอย่างแรง โดยไม่สนใจว่าจะเจ็บหรือเปล่า แถมยังไม่แคร์คนที่ทำหน้าตาราวกับยักษ์กับมารตรงหน้าด้วย

“ผมรับเล่นหนังเรื่องนี้เพราะทางผู้จัดที่เคยมีบุญคุณกับผมเป็นคนออกปากขอร้อง และผมก็ต้องการให้มันออกมาดีที่สุด! การที่เขาเมตตาให้อดีตพระเอกเหลวแหลกอย่างคุณมาเล่นเรื่องนี้ในฐานะตัวเอกคู่กับผมเนี่ย มันถือเป็นบุญคุณล้นหัวขนาดไหน ช่วยจำใส่สมองไว้แล้วทำตัวให้มันดีๆด้วย!!”

‘เมตตา!? หนอย…ไอ้เดนนรก คิดว่าจะข่มฉันได้อยู่ฝ่ายเดียวเลยใช่มั้ย!!’

พอถูกสั่งสอน คนมีอีโก้สูงอย่างสดายุก็แทบจะทนไม่ได้ ชายหนุ่มมองหน้ากฤตเมธด้วยความเดือดดาล กฤตเมธเองก็จ้องกลับแบบไม่วางตาเช่นกัน

“โอเค...เข้าใจแล้ว งั้นผมขอ…ทำอารมณ์คนเดียว เงียบๆ ได้มั้ยครับ คุณเมธ…”
“............”

กฤตเมธไม่ได้ตอบอะไร แต่ก็ไม่ยอมเดินจากไปไหนเลยเช่นกัน ท่าทีนิ่งเฉยของอีกฝ่ายเรียกอารมณ์คุกรุ่นของสดายุได้ชะงัด  ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มอารมณ์ ก่อนจะพยายามเอ่ยขอร้องอีกฝ่ายอีกครั้งอย่างไม่สุภาพนัก

“ผมบอกว่าผมขออยู่คนเดียวไง!!”
 “...ผมรู้ ว่าคุณไม่ชอบหน้าผมคุณสดายุ...”
“......”
“แต่การแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้ออกน่ะ มันเป็นจรรยาบรรณของนักแสดงที่ดีนะ เอาความทุ่มเทในการคอยด่าผมในใจ ไปเป็นแรงฮึดในการทำงานให้เพอร์เฟคบ้างจะเป็นพระคุณกับผมมาก เพราะผมไม่ไหวที่จะต้องมาเสียเวลากับคนอย่างคุณแล้ว!!”

แทนที่จะออกไปตามคำขอของสดายุ กฤตเมธกลับยืนปักหลักกอดอกตัวเองในท่าทางราวกับถือไพ่เหนือกว่า ท่าทางที่กวนโทสะของสดายุที่สุด แถมยังพล่ามสั่งสอนไม่หยุด แม้สดายุจะท่องอยู่ในใจว่า ยังต้องพึ่งพาบารมีของกฤตเมธในการกลับสู่วงการ แต่เพราะไม่ชอบหน้าอยู่เป็นทุน จึงตั้งใจว่านอกเหนือจากที่จะต้องเข้าบทพระนางด้วยกันแล้ว เวลาอื่นๆเขาจะขออยู่ห่างให้ได้มากที่สุด แต่ดูเหมือนอะไรๆก็ไม่เป็นอย่างใจนัก เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามหลบเลี่ยงแค่ไหน กฤตเมธก็จะต้องตามมาราวีเขาไม่เลิกอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนเข้าจะทนไม่ไหวอยู่แล้วเหมือนกัน

“...เสือก”

สดายุสบถออกมาเบาๆ โดยไม่ตั้งใจจะให้ถึงหูของอีกฝ่าย แต่ถ้ากฤตเมธจะได้ยิน เขาก็ไม่สน

“โอ้ย!! เฮ้ย!!”

พอทำท่าจะเดินหนีไปก็ถูกคว้าต้นแขนไว้อีกครั้ง รุนแรงจนร่างทั้งร่างปลิวตามมือเข้าปะทะกับแผงอกกว้าง สดายุเงยหน้าขึ้นจ้องคนที่ทำร้ายร่างกายของตนอยู่ทันที และเมื่อต้องเงยมอง ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม ความมั่นใจในความมาดแมนของตัวเองของสดายุนั้น ต้องสั่นคลอนไปทุกครั้งเมื่อต้องเข้าใกล้กฤตเมธที่ตัวใหญ่กว่าเขาทั้งส่วนสูงและความหนาของกล้ามเนื้อ ชายหนุ่มกัดฟันกรอดรีบดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุม แต่ดูเหมือนคราวนี้อีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยเขาง่ายๆ
กฤตเมธ ออกแรงบีบต้นแขนของสดายุแรงขึ้น ลงโทษที่ชายหนุ่มดิ้นรนขัดขืน ตั้งแต่แรกเขาก็ไม่ชอบดาราหน้าใหม่ขี้โอ่คนนี้มาตั้งแต่เจ้าตัวเพิ่งเข้าวงการ และยิ่งรู้สึกสมเพชหนักขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายขยันมีข่าวคาวเหลวแหลก จนกลายเป็นพระเอกตกอันดับไป ตกใจไม่น้อยที่จู่ๆเขาก็ถูกเบื้องบนจับมาเล่นหนังชายรักชายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ แถมยังให้เล่นคู่กับไอ้พระเอกตกอับที่เขาไม่ชอบหน้าอีกด้วย จะปฏิเสธก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องจำใจรับเล่นคู่กัน แต่ก็ต้องโมโหทุกครั้งที่ต้องเข้าฉากด้วย เพราะคนคนนี้ไม่เคยเข้าถึงบทได้ และยังทำให้เขาหลุดจากบทที่แสดงอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน
‘ตัวถ่วง’
กฤตเมธคิดกับอีกฝ่ายได้แค่คำว่า ‘ตัวถ่วง’ เท่านั้น และยิ่งตอนนี้อารมณ์เขาไม่ค่อยจะดี เพราะต้องเสียเวลา เทคแล้วเทคเล่า ฉากหนึ่งเล่นทีเป็นสิบๆเทค ยิ่งกว่าที่เคยเล่นคู่กับนางเอกหน้าใหม่เสียอีก ทั้งเสียเวลา เสียความรู้สึก จนแทบจะเสียสติอยู่แล้ว แถมคนที่เป็นต้นเหตุกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนจนน่ารำคาญ จนเขาต้องลดตัวมาพูดเตือนสติให้ฟัง แต่ไม่วายไอ้คนน่าสมเพชตรงหน้านี้ก็ยังทำเป็นอวดดี ซ้ำยังหยาบคายใส่เขาอีก งานนี้ถ้าไม่สั่งสอนให้เข็ดหลาบกันเสียบ้าง คงเสียชื่อ กฤตเมธ เทพบุตรแห่งวงการ!!

“ปล่อยผม!!”

สดายุยังคงดิ้นรน เอาตัวเองออกจากพันธนาการ แต่มีหรือที่กฤตเมธจะยอมปล่อยตัวอีกฝ่ายง่ายๆ ถ้าไม่ได้สั่งสอนให้หน้าหงายซะบ้าง อารมณ์เขาคงเย็นลงไม่ได้แน่ คิดได้ดังนั้นมือแกร่งก็กระตุกร่างสดายุเข้ามาใกล้ขึ้น ก่อนจะโน้มหน้าลงไปหาอีกฝ่ายซึ่งกำลังมองหน้าท้าทายเขาไม่วางตา

“ถึงคุณจะทำเป็นว่าลืมไปแล้ว ผมก็จะขอเตือนสติคุณหน่อยแล้วกันนะ ว่าผมอายุมากกว่าคุณ เป็นรุ่นพี่ที่อยู่ในวงการมาก่อน ช่วยให้เกียรติ์ผมด้วย อย่างน้อยก็ตอนที่ทำงานร่วมกัน...”

กฤตเมธเว้นวรรคในการพูดเล็กน้อยเพื่อสังเกตคนตรงหน้าที่ยังถูกเขาจับตรึงอยู่ แม้สดายุจะยืนนิ่งๆไม่ได้ตอบโต้อะไร  แต่กฏตเมธรู้ดีว่าชายหนุ่มคงไม่ยอมลงให้เขาแต่โดยดีแน่ๆ เพราะสายตาวาวโรจน์นั่นมันฟ้องอยู่เต็มๆ เห็นดังนั้นกฤตเมธก็เหยียดยิ้มร้ายออกมาบางๆก่อนจะกล่าวต่อ

“จำใส่หัวคุณไว้ให้ดีสดายุ ถึงแม้เบื้องบนจะเป็นคนระบุตัวคุณมา แต่ถ้าคุณยังทำตัวโหลยโท่ยจนงานไม่เดินขนาดนี้ล่ะก็ ผมก็สามารถเขี่ยคุณให้พ้นจากเรื่องนี้ได้เหมือนกัน!”

พูดจบก็ปล่อยมือออกจากต้นแขนซ้ายของสดายุราวกับสะบัด ก่อนจะเดินจากไปแบบไม่แยแสว่าสดายุจะเจ็บจะแค้นตนแค่ไหน เพราะยังไงซะในความรู้สึกของเขา อดีตพระเอกตกอับอย่างสดายุ ก็ไม่เคยมีค่าควรอยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว

“วันนี้มันยังเป็นวันของคุณก็จริง แต่อย่าให้ถึงวันของผมบ้างแล้วกัน คุณกฤตเมธ!!”

เสียงกร้าวตะโกนตามหลังมาทำเอาพระเอกหนุ่มใหญ่หยุดชะงักเล็กน้อย ‘หึ! ไอ้คนไม่เจียมตัว ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาสินะ’

“โอเค ผมจะจำไว้ คุณสดายุ...”

กฤตเมธ ตอบออกมาอย่างเยือกเย็น สวนทางกับเส้นเลือดที่เต้นตุบๆอยู่ตรงขมับอย่างสิ้นเชิง แต่ก่อนที่จะก้าวเดินต่อไปเขากลับคิดอะไรบางอย่างออก ชายหนุ่มจึงหันกลับไปสบตาสดายุอีกครั้ง ก่อนเอ่ยบางอย่างออกไปด้วยความสะใจเล็กๆ

“เออ...จริงสิ คุณได้ดูตารางการถ่ายทำของวันพรุ่งนี้หรือยัง?”
“.........?...ทำไม?”

สดายุถึงกับงงเล็กน้อยเมื่อจู่ๆกฤตเมธก็เปลี่ยนมาคุยเรื่องงานกันดื้อๆ จึงได้แต่ถามเหตุผลออกไป เพราะความจริงเขาเองก็ยังไม่ได้รับทราบถึงตารางการถ่ายทำเลยแม้แต่น้อย

“เตรียมตัวไว้หน่อยก็ดีนะคุณ เตรียมใจเอาไว้ด้วย”
“หมายความว่ายังไง? อะไรของคุณน่ะ คุณกฤตเมธ!? เตรียมใจบ้าบออะไรกัน!!?”

กฤตเมธรู้ตัวดีว่าเขายึกยักจนน่ารำคาญ แต่ที่ทำแบบนี้ก็เพราะ ถูกใจในปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย สีหน้าหวาดระแวงนั่นช่างน่าตลกสิ้นดี และเดี๋ยวจะยิ่งน่าตลกกว่านี้อีก...

“เตรียมใจที่จะเข้าฉาก...ถูกผมอึ๊บไงล่ะ!! หึหึหึ ซีนข่มขืนไงครับ“

“...!!!!?”

สดายุถึงกับอึ้งไปพักใหญ่ เขารู้ว่าต้องมีฉากข่มขืน  แต่ไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้ จำได้ว่าในกำหนดการคร่าวๆ ฉากข่มขืนจะต้องถ่ายทำกันเดือนหน้า แล้วทำไมถึงเลื่อนมาเป็นวันพรุ่งนี้ได้? ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจแถมยังรู้สึกประหวั่นไม่น้อยแต่เขาจะแสดงความอ่อนไหวให้อีกฝ่ายเห็นไม่ได้ จะถูก ‘หัวเราะเยาะ’ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด

“ก็แค่ฉากบนเตียงกับผู้ชายด้วยกัน ไม่เห็นจะต้องเตรียมใจอะไร หรือว่าคุณกลัวเองกันแน่? คุณกฤตเมธ”

นอกจากจะแสดงทีท่าว่าไม่ยี่หระแล้ว สดายุยังสำทับอีกฝ่ายเป็นการท้าทายเพิ่มด้วย เขาจะไม่มีวันแพ้คนคนนี้เด็ดขาด ไม่มีวันยอม

ฝ่ายกฤตเมธถึงจะถูกตอกกลับมาอย่างเจ็บแสบ แต่เขาสังเกตุได้ว่าสดายุเองนั้นก็หวาดหวั่นไม่น้อย และเขาก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ

“ทำใจได้ก็ดีครับคุณสดายุ เพราะพรุ่งนี้   ‘ผมจัดคุณหนักแน่!!’ หึหึ... ”


**********************************************************************************

เกลียดกันขนาดนี้จะไปรักกันตอนไหนเนี่ย!!?
เอาเถอะ เดี๋ยวพอได้กันก็รักกันเอง อร๊ายยยยยส์ เก๊าหื่น!!

นามปากกา อนาคี การันตีความหื่นค่ะ!! (อ่ะ ล้อเล่น) อิอิ
ชอบจังค่ะ นิยายแนวตบจูบ ยิ่งเกลียดลูกยิ่งดกเนี่ย อร๊างงง

เห็นคอมเม้นท์แล้วชื่นใจค่ะ ที่มีคนตอบรับเรื่องนี้เยอะ จะพยายามแต่งออกมาให้ถูกใจที่สุดนะคะ

ขอบคุณค๊า
อนาคี99 / Thearboo
 :pig2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 24-09-2013 18:24:54
กว่าจะรักกัน คงช้ำในตายกันไปข้าง
  จัดหนัก หนักขนาดไหนหว่า    :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ฉากที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 24-09-2013 18:26:20
หนูยุตายแน่พรุ่งนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 24-09-2013 19:04:05
เห้ยยย จัดหนักเลยหรออออ ขอแรงๆน่ะะะ  :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 24-09-2013 19:12:05
รอฉากหน้า หุหุหุหุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-09-2013 19:15:49
หึหึ
โดนแน่ค่ะน้องยุเอ๊ยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 24-09-2013 19:17:27
แรงทั้งคู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: เกริด้า(๐-*-๐)v ที่ 24-09-2013 19:29:42
ตบจ๊วบๆสินะเรื่องเนี๊ย 555+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: helios-ag ที่ 24-09-2013 19:41:41
มาต่อเร็วๆนะคะ อยากอ่านฉากจัดหนัก ฮ่าาาๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 24-09-2013 19:47:20
รอฉากเลิฟซีนตอนหน้า ท่าจะมันส์
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 24-09-2013 19:53:15
ดุเดือดเลือดพล่าน แรงงงส์ทั้งคู่แฮะ ชอบๆๆ  :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 24-09-2013 19:55:48
รอวันหนูยุเอาคืนพ่อพระเอก อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 24-09-2013 19:58:11
ปากดีกันจริงๆ  จะสปาร์คกันตอนไหน
กลัวว่าจะลุกขึ้นมาต่อยกันมากกว่านะคู่นี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 24-09-2013 20:37:00
ไม่ต้องให้นักแสดงบิ้วอารมณ์กันเลย
เปิดกองไม่นาน ฉากไฮไลท์เลยเหรอออออออ

นายเอกสุ้ ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 24-09-2013 20:59:33
อะไรกัน >< ...พรุ่งนี้จะถ่ายซีน(A)d(V)enture แล้วเหรอนี้ :o8:
//เรื่องนี้มีฉากข่มขืนกี่ครั้งคะ?!! มีฉากสมยอมด้วยรึเปล่า...จูบจริงถอดจริงไม่มีแสดงแทน ไม่ใช้มุมกล้อง อิอิ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: earng ที่ 24-09-2013 21:04:54
รอตอนต่อไปๆๆๆๆ
มาต่อไวๆนะ
ท่าทางจะมันส์น่าดู ฮ่าๆๆๆ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 24-09-2013 21:25:03
คู่นี้รักกันปานจะกลืนกินจริงๆ หึ๋ยยยยยย

รอดูฉากวันพรุ่งนี้ ฮ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 24-09-2013 21:28:03
รอฉากxxในวันพรุ่งนี้ด้วยคนค้า :z1:

เอิ่ม..คุณเมธคะ คุณได้ฉายาว่า'เทพบุตรแห่งวงการ' มิใชหรือเคอะ o22
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 24-09-2013 21:45:32
 :katai1:  โอ้ย.....ตีกันขนาดนี้กว่าจะได้เสียเป็นผัวเมีย  เอ้ย..ได้รักกันจะนานแค่ไหนเนี่ย

   +1   จ้า   รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 24-09-2013 21:57:33
จัดหนักๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 24-09-2013 22:13:08
ความรักต้องค่อยๆตบ? ค่อยๆแต่งมันถึงจะเป็นรูปเป็นร่าง ตบๆจูบๆเดี๋ยวก็รักกันเองแหละเนาะ  :z1:

ขอแบบเล่นจริงเจ็บจริง? ไม่ใช้สริงไม่ใช้สตั๊น?นะคะ  :impress2:
อ๊ายยย ดูสิใครจะเอาคืนใคร  :hao7:

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-09-2013 22:31:53
ซีนหน้ามีลุ้น



อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 24-09-2013 22:47:01
รอฉากหน้าอย่างใจจดใจจ่อ  :hao6: :katai4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 24-09-2013 22:58:08
ฉากพรุ่งนี้ จัดมาคืนนี้ได้ม่ายย~~~ 555555+
 
ชอบเวลา2คนนี้ปะฉะกันมันส์ดี จะดูซิว่าจิรักกันได้ไง เจอเป็นกัดกันซะขนาดนี้ ยังไงก็เอาใจช่วยสตายุน้าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-09-2013 23:11:41
เกลียดมากก็รักกันมาก โอ้ยยยยยรอซีนหน้าค่า -.,-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 24-09-2013 23:45:31
แจ๊วหงะ เฟี๊ยวเงาะแจ่มเลยชอบๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 25-09-2013 02:00:25
อั้ยย่ะ จะรอดุ จัดหนัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 25-09-2013 02:17:04
 :katai4: :katai4: รัวF5กระหน่ำแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 25-09-2013 03:05:41
 :hao3: :hao3:
อยากให้ถึงฉากจัดหนักเร็ว ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 25-09-2013 06:39:00
ยังไง ๆ ก็ชอบนะคะ   เขียนลื่นกว่าเรื่องที่ตามไปอ่าน  แล้วอารมณ์เป็นเหตุเป็นผลดี
ภาษาเป็นผู้ใหญ่ตรงตามอายุตัวละคร   อยากรู้จุดหักเวลาที่ สรายุเอาคืนจะเป็นไงน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 25-09-2013 08:22:05
รอตอนต่อไป  :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 25-09-2013 08:24:30
กำลังมันเลยค่ะ พระนาย ฉะกัน !!!
ลุ้นฉากหน้า 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-09-2013 09:20:53
รอวันจัดหนัก อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 25-09-2013 10:38:22
เข้ามารอซีนจัดหนักค่ะ อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: jeaby@_@ ที่ 25-09-2013 13:14:28
สนุกจัง รอตอนหน้า จัดให้หนักๆเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 25-09-2013 13:24:02
รอจนกว่าจะถึงตอนข่มขื่นจริง     :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-09-2013 13:25:18
มาเมียงๆมองๆ

 :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 25-09-2013 15:14:49
 :m31:เครียดแทนยุจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 25-09-2013 20:31:22
 o13 o13 o13

ขิงก็รา ข่าก็แรง ต่างคนต่างไม่ยอมลงให้กัน อยากรู้จังว่าใครจะเพลี้ยงพล้ำก่อนกัน

ปล.ตั้งหน้าตั้งตารอวันศึกใหญ่ จัดหนัก จัดเต็ม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่2) 24/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Satang_P ที่ 25-09-2013 21:31:18
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-09-2013 22:18:42
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก
ฉากที่ 3




“เอ้าๆ ไงสองหนุ่ม ทำอารมณ์กันได้แล้วใช่มั้ย?  มาๆ จะได้เริ่มถ่ายใหม่เสียที”
 
พอกฤตเมธกับสดายุเดินกลับมาถึงกองถ่าย ผู้กำกับอ๊อด ก็ตะโกนเรียกให้เตรียมตัวเข้าฉากทันที
‘บ๊ะ! สภาพนี้ได้เทคยับอีกแน่กู เฮ้อ...’
ผู้กับกับวัยสี่สิบกลางๆ ถึงกับกุมขมับ เมื่อเห็นบรรยากาศมาคุระหว่างพระเอกนางเอก ‘หนังรัก’ ที่พระนายกำลังจะฆ่ากันตายในไม่ช้า
 
“แอ็คชั่น!!”


“นี่ เดี๋ยวสิ นายคุยกับฉันสักนิดได้ไหมเนี่ย”  

เมื่อได้ยินเสียงผู้กำกับสั่งเดินกล้อง สดายุก็สวมวิญญาณนักแสดงทันที คำพูดดูถูก สายตาดูแคลน และคำพูดท้าทายของกฤตเมธ ทำให้สดายุฮึกเหิมขึ้น ความสามารถด้านการแสดงที่ชายหนุ่มเก็บเข้ากรุไปเสียนาน ตอนนี้มันได้ถูกนำมาเคาะสนิมแล้ว
 
“มีอะไรก็ว่ามา”  

ไม่ผิดจากที่คาด กฤตเมธสวมบทเป็น ‘นคินทร์’ ได้อย่างตีบทแตก สมกับที่เป็นดาราหนุ่มเนื้อทอง ทำหน้าที่ได้ดีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง
 
“เรา...กลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้หรือเปล่า?”
 “อะไรนะ?”
“คือว่า...นายจะอภัยให้ฉันได้มั้ย แล้วกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”
“นี่แกคิดจะขอกันได้ง่ายๆแบบนี้เลยงั้นเหรอ กับสิ่งที่แกเคยทำเอาไว้น่ะ?”
“เปล่า ไม่ใช่อย่างนั้น คือว่าจะให้ฉันทำยังไงก็ได้นะ อะไรก็ได้ ที่จะทำให้นายให้อภัย ฉันจะทำทุกอย่างเลย”
“มันไม่มีอะไรของแกที่มีค่าพอที่จะมาแลกได้หรอก”
“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ นายถึงจะยอมน่ะ”

 
การต่อไดอะล็อกที่ลื่นไหล พร้อมทั้งอารมณ์ที่ผสมผสานอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้น ช่างลงตัวเหมาะเจาะ การดึงบรรยากาศการแสดงที่ดูมีพลัง น่ามอง น่าชมจนแทบจะลืมหายใจ ทุกคนแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ว่าสดายุหน้ากล้องคนนี้ จะเป็นคนเดียวกันกับคนที่เพิ่งโดนเทคไปเมื่อครู่ คนที่เล่นเข้าถึงบทบาทไม่ได้เรื่องจนต้องถ่ายซ่อมเป็นสิบๆเทคคนนั้น ตอนนี้ไม่มีอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว เพราะ สดายุที่กำลังอยู่หน้ากล้องคนนี้ คือสดายุคนเดียวกับพระเอกดังพลุแตกเมื่อสามปีที่แล้วอย่างแน่นอน ทั้งความสามารถ ฝีไม้ลายมือ และเสน่ห์เหลือร้ายในการแสดง
 
“ไม่มีทาง...ไม่มีทาง ที่ฉันจะอภัยให้แกได้หรอก ต่อให้แกตายตรงนี้ก็ตาม”

เสียงที่กฤตเมธกล่าวออกมาก็แสนจะเชือดเฉือน ทั้งที่แค่พูดไปตามบท แต่กลับมีพลังทำลายล้างมหาศาล กระทั่งทีมงานทุกคนยังต้องกลั้นหายใจ เริ่มรู้สึกคล้อยตาม เจ็บปวดแทน สดายุ หรือภุมราในขณะนั้นเหลือเกิน
 
“ทำไมล่ะ...ทำไม”
 
เสียงสั่นเครือราวกับลมหายใจสะดุดของสดายุ สามารถถ่ายทอดอารมณ์เจ็บปวดของภุมราได้อย่างสุดขั้วหัวใจ เสียงที่เศร้าสร้อยราวจะขาดใจนี้เล่นเอาช่างไฟบ่อน้ำตาแตกเลยทีเดียว
 
“แกมันไม่คู่ควร จริงๆแล้วแกมันไม่ควรมีสิทธิ์เสนอหน้าอยู่ในสังคมนี้ซะด้วยซ้ำ กับการที่แกทรยศฉัน ทำลายผู้หญิงที่ฉันรัก และไม่ยอมรับผิดชอบเธอ จนกระทั่งเธอตายน่ะ”  

“นายไม่ได้รู้อะไรเลย นคินทร์  นายมันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหล่อนเป็นคนยังไง ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคิดอะไร ไม่รู้ว่าฉันทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร นายมันไม่เคยรู้!!”  
เสียงสั่นสะท้านที่แผดลั่นขึ้นตามอารมณ์ของบท สีหน้าท่าทางที่เป็นไปตามบท ของสดายุนั้น ช่างมีพลังดึงดูดมหาศาล คราวนี้ไม่ใช่แค่พวกทีมงานหรือผู้กำกับ แม้แต่กฤตเมธเอง ก็ถึงกับละสายตาจากคนตรงหน้าไม่ได้ ตั้งแต่เข้าฉากด้วยกันมา นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาถูกพลังของอีกฝ่ายจู่โจมได้ขนาดนี้ ถูกดึงดูดให้คล้อยตามขนาดนี้ กฤตเมธถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อของสดายุขึ้นตามบทบาทของนคินทร์ พร้อมตะคอกใส่คนตรงหน้าตามไดอะล็อก น่าแปลกที่ตอนนี้คนตรงหน้าเขาไม่ใช่ ‘สดายุ’ อีกต่อไปแล้ว แต่คนคนนี้คือ ‘ภุมรา’
 
“ทำไมฉันจะไม่รู้! หึ ฉันรู้ดีว่าฝ้ายเป็นคนยังไง และฉันรู้ดีด้วยว่าคนอย่างแกมันเลว มีแต่ความคิดสกปรก คอยแต่จะโยนความผิดให้คนอื่น ไม่เว้นแม้แต่กับคนที่ตายไปแล้ว !!!!”  
 
“ถ้านายคิดอย่างนั้น ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้วล่ะ นายรู้ดีทั้งหมดอยู่แล้วนี่ อย่างที่นายบอกนั่นแหละฉันมันเลว ไร้ค่า หน้าหนาหน้าทน หึหึ เอาเป็นว่าฉันยอมรับผิดทุกประการแล้วกัน ขอโทษนะ”
 
พูดไดอะล็อกจบสดายุก็เดินผ่านหน้ากล้องไปตามที่ควรจะเป็น และเป็นอันต้องแปลกใจที่ผู้กำกับไม่ยอมสั่งคัท จนต้องหันไปมอง ผู้กำกับอ๊อดอยู่เป็นนานสองนาน
 
“อ๊ะ...ค...คัททททท!!”

อ๊อดเลิ่กลั่กสั่งคัทออกมา เขาเพลินกับการแสดงของทั้งคู่จนลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นผู้กำกับ

“เป็นยังไงบ้างครับพี่อ๊อด แบบมื่อกี้นี้โอเคหรือยังครับ?”

สดายุรีบเข้ามาถามถึงผลของการแสดงเมื่อครู่นี้ทันที ถึงอารมณ์จะยังสะดุดอยู่บ้างแต่เขาคิดว่ามันน่าจะพอใช้ได้แล้ว

“ใช้ได้เลยไอ้ยุ เล่นดีๆก็เป็นนี่หว่า เมื่อสามวันที่แล้วเนี่ยเป๋ไปไหนมาวะ ฮ่าฮ่า”
“ห่างไปนานน่ะครับพี่อ๊อด ก็เพิ่งจะเข้าที่เข้าทางเนี่ยแหละ”
 “เออ ต้องให้ได้อย่างนี้สิค่อยสมศักดิ์ศรีอดีตพระเอกมือหนึ่งหน่อย เล่นได้อย่างนี้ไปเรื่อยๆนะ รับรองจบเรื่องนี้ได้ เอ็งได้ยูเทิร์นขึ้นแท่นพระเอกเหมือนเดิมแน่นอน พี่อ๊อดคนนี้ขอการันตี ฮ่า ฮ่า”

อ๊อดหัวเราะร่าตบไหล่ให้กำลังใจสดายุอย่างสนิทสนม ถึงอ๊อดจะเป็นผู้กำกับจอมเคี่ยวปากร้าย แต่ถ้าเจอนักแสดงที่แสดงได้ถูกใจเขาก็ชื่นชมเป็นเหมือนกัน

“เอ่อ...พี่อ๊อดครับ ผมขอถามอะไรหน่อย”
“เอ้าว่ามาสิ อะไรล่ะ?”
“ทำไม...เอ่อ...ฉากข่มขืนถึงได้เลื่อนมาถ่ายวันพรุ่งนี้ล่ะครับ ในกำหนดเก่ามันเป็นต้นเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ?”

สดายุตัดสินใจถามอ๊อดออกไปเรื่องกำหนดการเปลี่ยน อยากถามออกไปให้ชัดเจน เพราะไม่แน่เขาอาจโดนกฤตเมธอำเอาแค่นั้นก็เป็นได้

“อ๋อ เออพี่ลืมบอกยุไป ความจริงที่ต้องเลื่อนการถ่ายทำมาเป็นพรุ่งนี้ก็เพราะว่า ตากล้องที่จะเป็นคนถ่ายในซีนนี้น่ะ เขาให้คิวเราได้วันพรุ่งนี้ เนี่ยเดี๋ยวตอนสี่ทุ่มพี่ก็ต้องไปรับเขาที่สนามบิน...”
 “...ตากล้องเฉพาะทางเหรอครับ?”
 “ใช่ เขาเป็นตากล้องฉากอย่างว่าโดยเฉพาะเลยนะ พวกทำหนังอาร์น่ะ”

พออ๊อดอธิบายออกมาสดายุก็ต้องขมวดคิ้วสงสัย ว่าทำไมต้องถึงขนาดใช้ตากล้องเฉพาะทางด้วย

“แค่ฉากฟันดาบเนี่ยนะ”
“เฮ้ย ไอ้ยุ เอ็งอ่านบทดีแล้วหรือยังเนี่ย ฉากนี้เป็นไฮไลท์ของเรื่องเลยนะ มันก็ต้องใช้คนเฉพาะทางสิ เพราะเขาจะรู้มุมรู้เหลี่ยมในการถ่าย ได้ทั้งภาพสวยๆ และจะได้ไม่ต้องถ่ายแก้เยอะด้วยไง ไม่ดีเหรอ?”
“...ดีอยู่แล้วล่ะครับ เอ่อ...ว่าแต่...เรื่องนี้...มันมีเลิฟซีนแรงๆอยู่สามฉาก อย่าบอกนะครับว่าจะถ่ายรวดเดียว...?”

สดายุกัดฟันถามออกไปอีกเรื่อง เรื่องที่สยองขวัญที่สุดสำหรับเขา ‘ถ่ายเลิฟซีนมาราธอน!!’

“แค่ฉากเดียวเท่านั้นแหละ ส่วนนอกนั้นเดี๋ยวถ่ายกันเองหลังจากนั้นได้ พี่อ๊อดไม่ใจร้ายกับน้องยุขนาดนั้นหรอกน่า สบายใจได้”
“...โอเค...ก็ยังดีครับ”
 
สุดท้ายสดายุก็เออออออกไปอย่างจนใจ ถึงจะกะทันหันจนทำใจแทบไม่ทัน อีกทั้งยังสงสัยหนักว่าทำไมต้องเป็นฉากนี้ฉากเดียวที่ต้องถ่ายพรุ่งนี้ กับตากล้องเฉพาะทางที่ว่า แต่ถึงจะสงสัยเท่าไหร่ก็จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธอยู่แล้ว หน้าตาเคร่งเครียดของสดายุฉายชัดจนอ๊อดยังสังเกตได้ ผู้กำกับคนดีตบบ่านักแสดงของตนเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

“เอาน่า จะเครียดไปทำไมวะไอ้ยุ สมัยเป็นพระเอกดังๆ เอ็งก็เล่นบทปล้ำนางเอกมาตั้งเยอะ มันก้ไม่ต่างกันนักหรอกน่า อย่าเครียด อย่าเครียด”
“เฮ้อ...พี่อ๊อดครับ ปล้ำเขา กับถูกปล้ำเนี่ยมันคนละอารมณ์กันเลยนะ แถมยังเป็นผู้ชายด้วยกันอีก...”

สดายุโอดครวญออกไปเบาๆ ก่อนจะออกปากว่าจะพยายามให้ผู้กำกับได้ใจชื้น

“เออน่า พยายามเข้า แป๊บเดียว เทคเดียวผ่าน เชื่อพี่ ไปกินข้าวกินปลาพักผ่อนไปเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“...ขอบคุณครับ”   

ได้แต่ขอบคุณออกไปเนือยๆ ก่อนจะเดินกลับที่พักของตัวเองไปเงียบๆ ฝ่ายอ๊อดนั้นก็เดินกลับไปดูทีมงานกับจอมอนิเตอร์ต่ออีกนิดหน่อย

“เอ้า! เลิกกองได้ วันนี้พอแค่นี้ ไปพักเอาแรง พรุ่งนี้ต้องลุยทั้งวัน!”
“ครับ/ค่ะ”

อ๊อดสั่งเลิกกองทันทีที่ถ่ายทำเสร็จ นี่ก็ใกล้จะสองทุ่มแล้วข้าวเย็นยังไม่ตกถึงท้องกันเลย ทั้งนักแสดงทั้งทีมงานหิวกันแทบลากไส้ สิบสองชั่วโมงเต็มๆกับการถ่ายทำของวันนี้ แปดโมงเช้าถึงสองทุ่ม เล่นเอาเมื่อยล้าไปทั้งตัว ดังนั้นทุกคนจึงพร้อมใจบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่อ๊อดที่เป็นผู้กำกับเอง

“เอ้อ เล่นได้ดีเหมือนเคยเลยนะเมธ ฝีมือจริงๆ พี่ไม่เคยผิดหวังในตัวเมธเลยนะ เยี่ยมๆ”

สั่งเลิกกองเสร็จจังหวะที่จะเดินกลับ อ๊อดก็เดินมาเจอกฤตเมธที่กำลังนั่งพักอยู่พอดี ผู้กำกับหนุ่มจึงเอ่ยปากชื่นชมในฝีมือของพระเอกหนุ่มเป็นการใหญ่

“ขอบคุณครับ ผมก็ทำไปตามหน้าที่นั่นแหละครับ”
“แหม ถ่อมตัวจังนะพ่อพระเอกเนื้อทอง ดีแล้วดี เอาล่ะไปพักเถอะ จะได้เตรียมตัวสำหรับซีนของวันพรุ่งนี้กัน ฮ่าฮ่า เคยแต่เล่นบทปล้ำนางเอกผู้หญิง แต่พรุ่งนี้เจอบทปล้ำนางเอกผู้ชาย เครียดมั้ยน้อง เป็นพี่พี่เครียดนะเนี่ย ฮ่าฮ่า เตรียใจให้พร้อมซะล่ะ”

พอเอ่ยถึงฉากที่จะต้องถ่ายทำวันรุ่งขึ้น อ๊อดก็หัวเราะร่า แกล้งกระเซ้าพระเอกคนเก่งของตัวเองเป็นการใหญ่ กฤตเมธเองก็ได้แต่ยิ้มบางๆออกมา ก่อนจะตอบโต้ออกเบาๆ

“ผมเป็นคนปล้ำ ยังไงก็พร้อมอยู่แล้วครับพี่อ๊อด พี่เป็นห่วงอีกคนนึงดีกว่านะ”
 “เออจริง พูดถึงไอ้ยุ มันมาถามถึงฉากพรุ่งนี้อยู่เหมือนกัน ดูมันครียดๆ ยังไงพรุ่งนี้พี่ฝากเมธดึงอารมณ์ยุออกมาให้หน่อยแล้วกันนะ จะได้เสร็จงานเร็วๆ นะ”

เมื่อกฤตเมธอธิบายเหตุผล อ๊อดก็นึกถึงสีหน้าของสดายุออกทันที สีหน้าแฝงแววกังวลชัดเจนนั้นก็น่าเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย ดังนั้นอ๊อดจึงได้เอ่ยขอร้องให้กฤตเมธช่วยดูแลสดายุอีกแรง

“ผมจะพยายามแล้วกันครับพี่ จะได้หรือเปล่าไม่รู้นะ น้องยุของพี่น่ะเกลี่ยดขี้หน้าผมจะตาย หึหึ” 
“เอาน่า แรกๆก็งี้แหละ เดี๋ยวพออยู่กันไปสักพักก็สนิทกันเองแหละ พี่เห็นมาหลายคู่แล้ว ยังไงพรุ่งนี้ก็พยายามเข้านะ พี่ไปหาอะไรกินดีกว่า ไปด้วยกันมั้ย?”
“ขอบคุณครับพี่ เดี๋ยวผมตามไป”

อ๊อดกล่าวฝากฝังอีกครั้งก่อนชวนพระเอกดังไปกินข้าวด้วยกัน แต่กฤตเมธปฏิเสธชายหนุ่มอยากนั่งทำสมาธิเกี่ยวกับบทของพรุ่งนี้อีกหน่อย ‘บทเลิฟซีนร้อนแรงที่น่าเหนื่อยใจที่สุด’
‘เหนื่อยใจ’ ไม่ใช่เพราะไม่เคย พระเอกระดับกฤตเมธเล่นบทแบบนี้ในละครน้ำเน่าบ่อยอยู่แล้ว ทั้งกับนางเอกเก่าใหม่ ทั้งคุ้นเคยกันดี ทั้งที่ไม่คุ้นกันก็มี แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องเล่นเลิฟซีน ‘บทข่มขืน’ กับนางเอกที่เป็นผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายคนนั้นคือ ‘สดายุ’ ผู้ชายที่ไม่ชอบหน้าเขา และเขาเองก็ไม่ชอบหน้าผู้ชายที่เป็นนางเอกของเขาคนนี้เลยแม้แต่น้อย แค่คิดก็ปวดหน่วงในหัวแล้ว ไม่รู้จะจัดการกับมันยังไงกับคนดื้อด้าน อวดเก่ง ปากดี อย่างสดายุดี แถมยังโดนผู้กำกับฝากฝังอีก ช่างน่าเหนื่อยใจจริงๆ
*
*
*
*
*

ซ่า...ซ่า

เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังวิเวกชวนให้คิดถึงบ้าน เวลาเที่ยงคืนกว่าๆเงียบสงบ สดายุกำลังเดินเลียบชายหาดอยู่คนเดียวเงียบๆ ปล่อยให้ลมทะเลแผ่วเบาพัดผ่านร่างไปเรื่อยๆ คืนนี้เขานอนไม่หลับ ยิ่งได้อ่านบทยิ่งนอนไม่หลับ เขาเพิ่งจะสามารถเข้าถึงบทได้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วนี่เอง เพิ่งจะสามารถดึงความความารถทางด้านการแสดงที่เริดร้างไปนานกลับมาได้เพียงครู่เดียวเองแท้ๆ แต่พรุ่งนี้เขากลับต้องเจอฉากที่ท้าทายที่สุดในชีวิตของนักแสดงเสียแล้ว ท้าทายทั้งกับความสามารถ สปิริต หรือแม้กระทั่งกับความอดทนของตัวเขาเอง

“คนที่จะถูกข่มขืนคือภุมรา ไม่ใช่สดายุ...เราไม่เกี่ยว”
“คนที่จะถูกข่มขืนคือภุมรา ไม่ใช่สดายุ...เราไม่เกี่ยว”
“คนที่จะถูกข่มขืนคือภุมรา ไม่ใช่สดายุ...เราไม่เกี่ยว”

สดายุพร่ำสะกดจิตตัวเองด้วยประโยคนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ‘คนที่จะถูกข่มขืนคือภุมรา ไม่ใช่สดายุ...เราไม่เกี่ยว’
สมัยยังเป็นพระเอกหน้าใหม่จนกระทั่งเป็นพระเอกดัง เวลาที่สดายุรู้สึกไม่มั่นใจกับบทไหน เขาจะพยายามสะกดจิตตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าตัวเองคือคนในบทละคร อย่างตอนนี้เขาก็พยายามสะกดจิตตัวเองว่าเขาคือภุมราผู้น่าสงสารไม่ใช่สดายุ คนที่จะถูกข่มขืนคือภุมราไม่ใช่สดายุ คนที่จะข่มขืนภุมราคือนคินทร์ไม่ใช่กฤตเมธ

“ไม่ใช่กฤตเมธ”
“ไม่ใช่กฤตเมธ”
“ไม่ใช่กฤตเมธ”

อดีตพระเอกดังพร่ำสะกดจิตตัวเองอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ยังคงเดินเลียบหาดทรายไปเรื่อยๆวนไปวนมาอยู่ด้านหน้าที่พัก โดยไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนกำลังยืนมองเหตุการณ์นี้อยู่ด้วย

“เฮ้อ...ไม่ไหวๆ ไม่เข้าหัวเลยแฮะ...กลับห้องดีกว่า...”

ผ่านไปร่วมชั่วโมง จนเวลาล่วงไปเกือบจะตีหนึ่ง ในที่สุดสดายุก็ถอดใจ เหนื่อย เมื่อย ท้อ เกินกว่าจะคิดอะไรต่อได้อีก ดังนั้นชายหนุ่มยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าหาดครู่หนึ่งเพื่อซึมซับบรรยากาศสบายๆ ก่อนจะหันหลังหมายเดินกลับที่พัก เพื่อพักผ่อน แต่ทว่า...

“เฮ้ย!!!”
 
“ตะโกนซะดัง...”
“คุณตามผมมาทำไม!!?”

สดายุตวาดออกไปดังลั่นเนื่องจากตกใจที่จู่ๆพอหันหลังกลับมาก็เจอกฤตเมธยืนอยู่ด้านหลัง ‘มาตั้งแต่เมื่อไหร่!!?’ ทางด้านกฤตเมธเมื่อได้ยินคำถามจากคนตรงหน้าเขาก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที

“ผมเรียกคุณตั้งนานแล้ว คุณไม่ได้ยินเอง มัวแต่ ‘ไม่ใช่กฤตเมธๆ’ อยู่ได้ จนผมต้องตามมาถึงนี่”

‘แม่ง...ได้ยินด้วยเหรอว๊ะ!!?’ สดายุลมหายใจติดขัดเพราะความอับอายที่เข้าโจมตีกะทันหัน ทั้งๆที่เขาคิดว่าเดินอยู่คนเดียวแท้ๆ แต่ดันมีคนมาได้ยินเรื่องน่าอายเอาเสียได้ แล้วเป็นใครไม่เป็น ดันเป็นกฤตเมธคนที่เขาไม่อยากเจอหน้าที่สุดอีก เวรกรรมจริงๆ

“ล...แล้วคุณตามผมมาทำไมเล่า!!? ชอบสะกดรอยตามคนอื่นเหรอ!! โรคจิตรึไง!!”

สดายุโบ้ยความผิดให้อีกฝ่ายเพื่อเบี่ยงประเด็นทันที

“เฮ้ย พูดสวยๆหน่อยคุณ ผมเพิ่งจะเดินตามคุณมาเมื่อกี้ ไม่ได้สะกดรอยบ้าบออะไรของคุณ...”

กฤตเมธเริ่มมีอารมณ์คุกรุ่นขึ้นเล็กน้อยที่จู่ๆก็ถูกอีกฝ่ายสาดเสียเทเสีย จึงตอกกลับออกไปด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวไม่น้อย

“แล้วตามมาทำไม!!?”
“ก็แค่จะมาบอกคุณ เรื่องซ้อมคิวตอนเช้า เรามีถ่ายกันตอนบ่าย ตอนเช้าที่ยังพอมีเวลาผมจะซ้อมคิวให้....”
“ไม่จำเป็น!!”
“..........”

ยังไม่ทันที่กฤตเมธจะเสนอความเห็นของตนจบ สดายุก็ปฏิเสธสวนขึ้นมาเสียก่อน คราวนี้ไม่ใช่แค่อารมณ์กรุ่นกริ่น แต่กฤตเมธเริ่มจะโมโหขึ้นมาทุกขณะแล้ว ที่จริงตัวเขาเองก็คิดไว้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายคงไม่ค่อยเห็นด้วย เขาเองก็ไม่ได้อยากจะทำนักหรอก แต่เพราะเห็นว่าสดายุห่างหายจากวงการไปนาน เรื่องคิวการแสดงอาจยังไม่ค่อยลงตัว เขาจึงกะจะมาช่วยซ้อมให้แท้ๆ แต่เจ้าสมองกลวงคนนี้กลับปฏิเสธน้ำใจเขาอย่างไร้เยื้อใย ‘อวดดีนัก!!’

“หึ!! ทำเป็นเก่ง ไม่ซ้อมก็ดีผมจะได้ไม่ต้องเหนื่อย งั้นขอเตือนไว้ก่อนแล้วกันนะ”
“อะไร!!?”

เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงดื้อรั้นไม่เลิก กฤตเมธก็หัวเราออกมาเบาๆ สองมือยกขึ้นมากอดอกของตัวเองดังเป็นท่าทางปกติที่ชายหนุ่มมักจะทำเป็นประจำเมื่อตัวเองอารมณ์ไม่ค่อยจะดี ก่อนจะเอ่ยคำข่มขวัญอีกฝ่ายออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“อย่าพลาดให้ผมเห็นเด็ดขาด!!”

พูดจบก็หันหลังเดินจากสดายุไปทันที โดยไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายจะตะโกนไล่หลังมาว่ายังไงบ้าง ตั้งแต่เกิดมาจนอายุสามสิบสองแล้ว กฤตเมธเป็นคนเงียบนิ่งในนิสัย เขาไม่ใช่คนที่จะพาลใส่ใครง่ายๆ จนได้รับฉายาว่า ‘เทพบุตรแห่งวงการ’ ด้วยว่าเป็นคนเยือกเย็น และมีความเป็นผู้ใหญ่สูงแต่ไม่รู้ทำไม พอต้องอยู่ใกล้สดายุทีไร เขาไม่สามารถเก็บกดอารมณ์ไว้ได้ทุกที ครานี้เองก็เช่นกัน

‘อวดดีดีนัก พรุ่งนี้แกได้เจอดีแน่ สดายุ!!’

*
*
*
*
*
“เอาล่ะๆ ทุกคนฟังนะ นี่คือคุณกมล ตากล้องพิเศษของเราวันนี้ ตากล้องคิวทอง หาคิวยากมาก ฮ่าฮ่า”
“สวัสดีครับ”

 ตากล้องหนุ่มหน้าอ่อนที่ไม่สามารถระบุอายุได้เอ่ยทักทายทีมงานอย่างเป็นมิตร คำว่า ‘ตากล้องเฉพาะทาง...ถ่ายหนังอาร์’ ใครได้ยินก็ต้องคิดถึงผู้ชายที่มีใบหน้ากร้านโลกหรือไม่ก็ออกแนวหื่นกามหน่อยๆ แต่ที่ไหนได้ ตากล้องเฉพาะทางคนนี้กลับเป็นชายหนุ่มร่างเล็ก ผิวขาว ใส่แว่น หน้าตาออกไปทางพนักงานนั่งโต๊ะมากกว่าจะเป็นตากล้องอย่างว่า

“เฮ้ยพวกเอ็งน่ะ อย่าให้รูปลักษณ์ภายนอกหลอกเอาได้เด็ดขาดนะเว้ย เห็นหน้าอ่อนๆแบบนี้ ไอ้นี่หื่นกว่าที่คิดเยอะนะ ฮ่าๆ”

ผลจากการแนะนำของผู้กำกับอ๊อดทำทีมงานฮาครืนกันเป็นแถว ตากล้องกมลเองก็หัวเราะร่วนตามไปด้วย

“เอาล่ะ พระนางพร้อมกันแล้วหรือยัง? พร้อมแล้วเริ่มกันเลยนะ”

หลังแนะนำตัวกันเสร็จจัดกล้องจัดไฟพร้อมแล้ว อ๊อดก็เรียกกฤตเมธและสดายุให้มาเริ่มถ่ายทำ สองหนุ่มเดินออกมาจากมุมของตัวเองเงียบๆ ก่อนจะมายืนจ้องหน้ากันที่หน้ากล้องเพื่อเตรียมพร้อม ทันทีที่สบตากันกฤตเมธก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยให้กับสดายุหนึ่งครั้งเป็นการทักทาย ฝ่ายสดายุเองก็ได้แต่เงียบนิ่งและจ้องหน้าอาฆาตอีกฝ่ายเบาๆแทนการทักทายกลับ

ฝั่งทีมงานเองก็เงียบกริบกันทั้งห้องเช่นกัน ด้วยรู้ว่าตอนนี้พระนายต้องใช้สมาธิมากกว่าทุกครั้ง ทั้งสองคนจ้องหน้ากันนิ่ง กฤตเมธเอื้อมมือไปจับคอของสดายุไว้ตามบท...และเพียงครู่ต่อมา อ๊อดก็ออกคำสั่งเดินกล้อง


“แอ็คชั่น!!”


“ทั้งหมดนั่นเพราะฉันรักนาย และไม่ต้องการให้ใครแย่งนายไปไงล่ะ”

สดายุในคราบของภุมราเป็นคนเริ่มพูดบทออกมาก่อน อารมณ์ที่ชายหนุ่มถ่ายทอดออกมาในไดอะล็อกแรกนี้เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ติดขัด

“อย่ามาล้อเล่นนะ”

เป็นเสียงแหบแห้งแผ่วระโหยของกฤตเมธที่สวมบทเป็นนคินทร์ได้อย่างแนบเนียน เสียงที่บ่งบอกว่าไม่อาจจะเชื่อคงตรงหน้าตน เหมือนอย่างอารมณ์ที่บทละครระบุเอาไว้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

การต่อบทระหว่างสดายุและกฤตเมธเป็นไปอย่างลื่นไหลต่อเนื่อง ทั้งบทบาทและอารมณ์ที่ลงตัว

“ใช่!! ฉันต่างหากล่ะที่รักนาย ฉันต่างหากล่ะที่ทำได้ทุอย่างเพื่อนาย ตาสว่างซะทีสิ อึก!”

สดายุทำสีหน้าเจ็บร้าวไปกับความรู้สึกของภุมรา เมื่อถูกกระชับคอขาวแน่นขึ้น ตอนนี้สดายุมีสมาธิกับบทบาทของภุมราถึงขีดสุด ชายหนุ่มมองผู้ชายที่กำลังเค้นคอเขาอยู่ตอนนี้ว่าคือ ‘นคินทร์’ คนที่เขาแสนรัก ไม่ใช่ ‘กฤตเมธ’ คนที่เขาแสนชัง เมื่อสะกดจิตตัวเองให้อยู่ในภวังค์ได้ การเข้าบทกับกฤตเมธตอนนี้จึงสามารถทำออกมาได้ดี จนคนรอบข้างเงียบสนิท เฝ้าดูการแสดงของสดายุอย่างตั้งใจ

“งั้นเหรอ? แกรักฉันงั้นเหรอ มากขนาดไหนล่ะ ที่ว่าทำได้ทุกอย่างน่ะจริงเหรอ?”

กฤตเมธพูดประโยคนี้ออกไปพร้อมลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยของสดายุแผ่วเบา  สายตาชิงชังสับสนที่เชาใช้มองสดายุนั้น ก้ำกึ่งระหว่างเรื่องจริงกับบทละคร ฉากต้นเรื่องจนถึงตอนนี้ยังง่ายสำหรับกฤตเมธมาก เพราะอารมณ์ของนคินทร์ที่เกลียดชังภุมรา ก็เหมือนเขาที่ไม่ชอบหน้าสดายุ

“ใช่ ฉันรักนาย รักเท่าชีวิตที่ฉันมี นคินทร์  นายไม่ต้องรักฉันก็ได้  ขอแค่ให้นายรับรู้ว่าฉันรักนาย ขอแค่นายไม่เกลียดฉัน ยันยินดีทำทุอย่างตามที่นายปรารถนา อ๊ะ!!!?...”

ฉับพลันร่างของสดายุก็ถูกผลักลงบนเตียงโดยแรง ตามด้วยกฤตเมธที่ขึ้นคร่อมบนร่างของสดายุเอาไว้ตามบทบาทของนคินทร์  ฝ่ายสดายุนั้นเผลอขมวดคิ้วหลุดออกจากบทภุมราเล็กน้อยด้วยเพราะอารามตกใจที่ถูกผลักแรงกว่าที่คาดไว้ แต่พอตั้งสติได้ สดายุในคราบของภุมราก็รีบกระเสือกกระสนออกจากเงื้อมมือของกฤตเมธทั้งที่อีกฝ่ายยังตามเกาะกุมไม่เลิก แม้สดายุจะเข้าใจดีว่ากฤตเมธเล่นไปตามบทบาทแต่ แต่ทุกสัมผัสที่คุกคามมากเกินกว่าที่บทกำหนด ลมหายใจ และแววตาของกฤตเมธนั้น ทำให้สดายุรู้สึกหวาดหวั่น และเริ่มตั้งสมาธิจินตนาการว่าคนตรงหน้าคือ ‘นคินทร์’ ต่อไปไม่ไหว  สดายุรีบกระเสือกกระสนหนีจากการถูกคุกคามตามสัญชาตญาณที่รู้สึกว่าอันตรายมากกว่าที่จะเป็นไปตามบทบาท

แต่คนที่ดูอยู่รอบๆคงไม่มีทางรู้หรอกว่าตอนนี้ทั้งสดายุและกฤตเมธกำลังเล่นเป็นตัวของตัวเองอยู่!!

‘แคว่ก!!’

เมื่อสดายุถูกลากกลับมาตรึงไว้ที่เตียงได้ เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีของเขาก็ถูกกฤตเมธกระชากจนขาดติดมือ จากนั้นสิ่งที่น่าสยองขวัญที่สุดก็เกิดขึ้น
‘เอาล่ะ จะเริ่มละนะ ดูสิ คนอวดเก่งอย่างแกจะทำยังไง ไอ้สดายุ...’
เสี้ยววินาทีที่กฤตเมธแสยะยิ้มร้ายออกมาก่อนจะพุ่งลงจู่โจมสดายุที่นอนอยู่ใต้ร่างอย่างผู้ที่เหนือกว่า

สดายุสะดุ้งเฮือกสุดตัว เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนก็แนบเข้ากับซอกคอขาวอย่างจาบจ้วง ดวงตาของสดายุเบิกกว้าง
‘ไอ้เชี่ยยยย!! ไอ้ระยำ!! ออกไปจากตัวกูเดี๋ยวนี้นะ!! สัดเอ้ยยยย!!!’
ชายหนุ่มตะโกนลั่นอยู่ในใจทันทีที่โดนกฤตเมธซุกไซร้ข้างซอกคอจนขนลุกชัน 

“อยะ...อย่า!! นคินทร์ อื้อ ปล่อยนะ!!”

แม้ปากจะยังคงตะโกนไปตามบท สองมือพยายามผลักไส หากแต่ที่ร่างกายสั่นสะท้านสมจริงนี้ไม่ได้มาจากบทบาทที่สวมแต่ แต่มันมาจากความตื่นตระหนกจากภายในล้วนๆ ‘กลัว’ บรรยากาศและอารมณ์รุนแรงที่กฤตเมธส่งมามันน่ากลัว ริมฝีปากร้อนผ่าวที่กำลังดูดกัดตรงต้นคอนั้นช่างน่ากลัว ความหยุ่นนุ่มเปียกชื้นจากสัมผัสของเรียวลิ้นที่ลากเลียอยู่ตรงลูกกระเดือกของเขาอย่างแสนจะกักขฬะนั้นช่างน่าขยะแขยง น่ากลัวเกินไป น่ากลัวจนสดายุไม่สามรถรักษาสติไว้ได้อีกต่อไป...
 

“อย่า!!!!!!!!!”

‘ผลั่ก!!’

กรี๊ดดด!!
เฮ้ย!!

"คัททททททททททททททททท!!! ทำบ้าอะไรของแกวะ ไอ้ยุ!!!?”

เสียงอุทานตกใจ เสียงสั่งหยุดการถ่ายทำ พร้อมเสียงตะโกนก่นด่าจากผู้กำกับที่เข้าในโสตประสาทนั้นทำให้สดายุได้รู้สึกตัว
ชายหนุ่มเพิ่งรู้สึกตัวเดี๋ยวนี้เองว่า...

‘เขาเผลอต่อยกฤตเมธออกไป จนอีกฝ่ายเลือดกลบปากเสียแล้ว’

ในระหว่างที่ทุกคนวุ่นวายอยู่กับการช่วยซับเลือดที่มุมปากให้กับกฤตเมธ และแม้แต่ตัวสดายุเองที่กำลังสติแตกพราะทำให้งานเกิดปัญหา ไม่มีใครได้ทันสังเกตเลยว่า กฤตเมธที่กำลังยืนยิ้มให้ทีมงานทำแผลอยู่นั้น กำลังอยู่ในอารมณ์ที่เดือดดาลถึงขีดสุด


สายตาที่กำลังจับจ้องร่างที่ยังคงนั่งอยู่บนเตียงของสดายุนั้น กำลัง ‘วาวโรจน์’ พร้อมที่จะขย้ำเหยื่อแล้ว!!


***********************************************************************

ขอโทษที่มาซะดึกจร๊า....
ไม่มีอะไรจะพูดมากไปกว่าคำว่า...

“ตอนเต็มๆ...จะมาพรุ่งนี้ค่ำๆนะจ๊ะ”
(ทำหน้าหื่นแล้วจากไปอย่างเงียบๆ) อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามค๊า...

Thearboo / อนาคี99

ปล...เขียนยากจังค่ะ..ฮือๆๆๆ

แถมหนังหน้าตัวละครไว้นี๊ด...

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 25-09-2013 22:29:41
ฮาสาด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-09-2013 22:33:08
โอ้น้องยุไปต่อยเลือดกลบปากแบบนั้น โดนหนักกว่าเดิมแน่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: My_yunho ที่ 25-09-2013 22:34:15
ค้างอ่ะๆๆๆ  รอจร้าาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 25-09-2013 22:44:20
อ่า ทิ้งให้ค้างซะงั้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 25-09-2013 22:55:44
ค้างอ่ะ............รีบมานะอยากอ่านต่อแย้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-09-2013 22:59:28
มันเป็นแอคชั่นรีแอคชั่นใช่มั้ยยุ
เราเข้าใจนาย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 25-09-2013 23:01:24
ค้างระดับล้านแปด

งื้อออ ~~~ คุณกฤตปราณีสดายุหน่อยน้าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-09-2013 23:09:17
โอ๊ยๆ นางเอกเราต่อยพระเอกซะงั้น ได้โดนจัดหนักกว่าเดิมแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 25-09-2013 23:11:48
คอยฉากปล้ำฉบับสมบูรณ์ >_<
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 25-09-2013 23:13:06
กลัวตามเลยยยย น่ะเนี่ยยย  :mew4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: whipcream ที่ 25-09-2013 23:14:56
สนุกมากกกก แต่ค้างฝุดๆ
แอบฮาภาพประกอบนักแสดง 5555  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 25-09-2013 23:17:53
พรู่ดดดดดดดดดดดดดดด อิมเมจเฮียอ๊อดนี่ฮาเว่อร์ 55555555555555555 :ling1: :m20:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 25-09-2013 23:42:14
 :katai4: อ๊ากกกกก ค้างง
คนแต่งจ๋า เค้าอยากอ่านเร็วๆ เลื่อนเปนพรุ่งนี้ตอนกลางวันไม่ได้หรอ
แง๊ แบบ กำลังถึงจุดพีค  :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-09-2013 00:16:05
กรี๊ดดดด
โดนเข้าซะแล้วพี่เมธ
แล้วทีนี้น้องยุจะเล่นยังไงต่อได้เนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-09-2013 04:50:53
F5 ระรัว :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 26-09-2013 08:46:56
สนุกมากก
รอลุ้นต่อคืนนี้   :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 26-09-2013 09:10:28
ค้างอ่าาาาาาาา    :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 26-09-2013 09:12:36
หนังหน้าตัวละคร 5555
...คือ อ๊อด กร๊ากก (ขอตัวไป ขำแปบ)  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 26-09-2013 09:25:01
อย่างลุ้นอ่ะ บอกตรงๆ

รอตอนหน้า อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 26-09-2013 09:49:52
ไปต่อยเขา เดี๋ยวเขาเอาคืนแรงๆหรอก
เหมือนถ่ายหนังบู๊เลยแหะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 26-09-2013 09:56:15
อยากอยากซีนจัดหนัก อยากรู้ว่า หนูยุจะพลิกกลายเป็นซีน ต่อยกันอย่างหนักหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 26-09-2013 10:40:51
 :serius2: กรี๊ดดดดด รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 26-09-2013 11:35:48
อืมมม น้องยุถึงกับหลุดเลยรึเนี่ย แอบฮาตอนท้ายที่น้องยุต่อยพระเอก  ให้กำลังใจคนแต่งนะคะ :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 26-09-2013 11:47:44
เอ่อ...นางเอกของเราจะเจออะไรในตอนต่อไปล่ะเนี่ย
พระเอกนี่เหลือเกิ๊นมันก็น่าโดนสอยปากอยู่แหละ!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 26-09-2013 12:12:11
รอลุ้นต่อๆ
คุณเมธเล่นได้สมจริงจนน้องยุกล้วจนสั่นเลย หุหุ :z1:

อยากอ่านเรื่องของภุมราเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ไอ้ดื้อ ที่ 26-09-2013 14:12:55
ชอบมากกกก
ติดตามตั้งแต่เรื่องเกลียวบาป  :katai2-1:

รีบๆมาต่อนะคะ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 26-09-2013 14:56:19
อุ้ยตายยยยย...อ่านไปช่วงแรกๆก็สงสาร พอหลังๆเริ่มสะใจ
จะรักกันอีท่าไหนเนี่ยยยยย เอาใจช่วยนายเอกละกัน
ไม่เข้าข้างพระเอก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: AGALIGO ที่ 26-09-2013 15:00:54

ไม่น่าคัทเลยอ่ะ

น่าจะถ่ายต่อไปเรื่อยๆ---สมจริงดีออก

+ เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 26-09-2013 15:26:40
ค้างมากกกกกก  :katai1: :mew6: น้องยุโดนจัดหนักแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 26-09-2013 17:21:46
ลุ้นน   สดายุท่าจะแย่แล้ว :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 26-09-2013 17:57:16
รอค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 26-09-2013 18:28:08
อ้ากกกกกกกกกกกกกก
พี่เมธอิมเมจได้เป๊ะกับที่คิดไว้มากอ่ะ จิ้นเป็นหน้าคนนี้เลยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 26-09-2013 18:46:05
กริ้สสสสส รอดูฉากนี้ เต็มๆๆๆ ~~~
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 26-09-2013 19:04:26
อุ้ยตาย น้องยุขาต่อยพระเอกเลือดกลบปากเสียแล้ว งานเข้าแน่ๆ ซีนข่มขืนยังไม่เสร็จเสียด้วย ระวังพระเอกจะนอกบทนะน้อง พี่ล่ะกลั๊วกลัว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 26-09-2013 20:10:50
อดไม่ไหวเผลอต่อยไปเสียแล้ว



ทำไงละทีนี้เลือดออกด้วยอะรออ่านต่อครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 26-09-2013 21:06:11
คราวหน้าคงเป็นต่อยปล้ำแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 26-09-2013 21:28:37
 :katai4: :katai4: คนแต่งอยุ่ไหนนน อยากอ่านแล้วค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่3) 25/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: benzaa602 ที่ 26-09-2013 21:29:15
สดายุโดนแน่!!! หึหึ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 26-09-2013 21:39:30
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก

ซีนที่4




“ผม...ขอโทษครับพี่อ๊อด”

พอความวุ่นวายเริ่มสงบลง สดายุก็เดินเข้าไปขอโทษผู้กำกับเสียงอ่อย เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ แต่ด้วยยั้งสติไม่ทันจึงเผลอปล่อยหมัดขวาตรงออกไปจนคู่กรณีหน้าหงาย แม้จะแอบสะใจเล็กๆที่เห็นอีกฝ่ายเลือดกบปาก แต่การทำให้เสียงานก็ทำให้เขาเสียใจไม่น้อย

“อย่ารนสิยุ ตั้งสมาธิกับบทหน่อย แค่หลุดเฉยๆพี่ยังพอไหว แต่ถึงขั้นลงไม้ลงมือนี่พี่ขอเถอะ”
“...ผมขอโทษ”

สดายุเอ่ยคำขอโทษออกไปด้วยเสียงแหบหวานของตน และคำขอโทษจริงจังที่ออกจากปากของสดายุก็สามารถทำให้อ๊อดที่กำลังหงุดหงิดอยู่โอนอ่อนลงได้ ผู้กำกับหนุ่มถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนตบไหล่ลู่ของสดายุเป็นการปลอบโยนเบาๆ

“เอาเถอะ คราวนี้ตั้งสติให้ดี แล้วอย่าหลุดอีกก็แล้วกัน การแสดงมันมีพลาดกันได้ ผิดคงผิดคิวก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ อันนี้พี่เข้าใจ แต่ถ้าถึงขนาดต่อยตีกันเนี่ยมันดูจะเกินไปนิดนึง พี่รู้ว่ายุคงตกใจ แต่ปฏิกิริยาตอบโต้ทางร่างกาย สัญชาตญาณป้องกันตัว หรืออะไรก็ตามเถอะ ถ้ามันจะเกิดขึ้นมา ยุต้องจัดการกับมันให้ได้ ควบคุมมันให้ได้ เพราะนี่คืองาน คือความรับผิดชอบ ที่ยุรับปากกับพี่รับปากกับทุกคนแล้วว่าจะทำให้ดีที่สุด ดังนั้นจงอย่าลืม”
“ครับพี่อ๊อด ผมจะไม่ให้มันเกิดขึ้นอีก ผมขอโทษจริงๆครับ”

พออารมณ์เย็นลงได้หน่อย อ๊อดก็เอ่ยสอนสดายุออกไปยาวเหยียด สอนในฐานะของผู้กำกับ สอนในฐานะของพี่ชายที่ดี และสดายุเองก็เชื่อฟังอ๊อดในฐานะนักแสดงและน้องชายที่ดีเช่นกัน และพอเห็นว่าชายหนุ่มโอนอ่อนแต่โดยดี ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่สั่งสอนยากเย็นแล้ว อ๊อดก็กระตุกยิ้มพึงใจออกมา ความหงุดหงิดงุ่นง่านที่มีอยู่จนถึงเมื่อครู่ละลายหายไปสิ้น
‘ถึงมันจะเป็นผู้ชาย แต่ตูก็แพ้หน้าใสๆของมันเหมือนกันนะ เฮ้อ ใจอ่อนอีกแล้วสิตู...’

“มีอีกเรื่องไอ้น้องชาย เอ็งอย่าลืมไปขอโทษเมธเขาด้วย เขาเป็นผู้เสียหาย...”
“...ผม....”
“ไปสิ คำสั่งผู้กำกับนะ ห้ามขัด แน่ะ พูดยังมองหน้าอีก ไปซี่...”

เมื่อถูกกดดันหนักเข้า สุดท้ายสดายุก็ต้องจำใจ เดินก้มหน้าก้มตาไปทางที่กฤตเมธนั่งอยู่ แต่แทนที่สดายุจะเข้าไปขอโทษตามคำสั่งของผู้กำกับ ชายหนุ่มกลับหักหลบเดินตัวปลิวหายเข้าห้องน้ำไปซะดื้อๆ อ๊อดที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับต้องจูนขมับตัวเองยิกๆ
‘โอย...กูปวดหัว...’

ผู้กำกับหนุ่มใหญ่ยืนส่ายหน้าเซ็งอยู่คนเดียวครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วันนี้เขาก็ต้องถ่ายเลิฟซีนเผ็ดร้อนนี้ให้สำเร็จให้จงได้ คิดได้ดังนั้นอ๊อดจึงเดินเข้าไปคุยกับตากล้องกมล เพื่อจัดคิวการถ่ายทำต่อไป

“ขอโทษสักคำน่ะ ทำเป็นมั้ย?”

“.....!!!??”

สดายุสะดุ้งเฮือก เงยหน้าขึ้นสบตากฤตเมธที่เข้ามายืนพิงประตูอยู่ ผ่านทางกระจกห้องน้ำบานใหญ่ทันทีที่ถูกตามมาทวงคำขอโทษถึงตัว

“ทั้งทำร้ายร่างกาย ทั้งทำให้งานเสีย ทั้งยังเสียเวลา ไม่มีคำขอโทษสักคำเลยเหรอ?”

กฤตเมธเอ่ยออกมาเสียงเรียบ ไม่ได้แฝงอารมณ์ฉุนเฉียวหรืออาการใดๆมาในน้ำเสียง เพราะทุกอย่างมันครบครันอยู่ในประโยคอยู่แล้ว สดายุยังคงยืนจ้องหน้ากฤตเมธผ่านทางกระจกห้องน้ำ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนเอ่ยบางอย่างออกไป
 
“ผมขอโทษ...”

กฤตเมธถึงกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยกับคำขอโทษที่ได้มาอย่างง่ายดาย ง่ายเกินไปจนไม่อยากจะเชื่อ แต่ยังไม่ทันที่กฤตเมธจะได้เอ่ยต่อคำ สดายุก็พูดอะไรบางอย่างตามมาเสียก่อน อะไรบางอย่างที่ทำให้กฤตเมธฉุนขาด

“...พี่อ๊อดไปแล้ว”
“….!!?? อะไรนะ!!?”
“เฮ้อ...หูหนวกหรือไง ผมบอกว่าผมขอโทษพี่อ๊อดไปแล้ว”
“สดายุ!!!”

กฤตเมตคำรามชื่ออีกฝ่ายเสียงดังก่อนขยับรวดเดียวถึงตัวสดายุ ชายหนุ่มกระชากคว้าแขนซ้ายของอีกฝ่ายไว้ในกำมือแน่น

“คุณยังมีหน้าจะกวนผมอยู่อีกเหรอ สดายุ!! คุณไม่สำนึกบ้างเลยหรือไงว่าตัวเองผิดน่ะ!!”

แม้จะถูกกระชากแขนลากดึงจนทั้งตัวเข้าไปปะทะกับร่างแกร่ง แต่สดายุก็ไม่มีท่าทีหวาดหวั่นในหน้าตาที่บ่งบอกถึงความเดือดดาลเต็มที่ของกฤตเมธเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะไม่ยี่หระแล้ว ชายหนุ่มยังสามารถกวนอารมณ์อีกฝ่ายออกไปได้อีกด้วย

“ผมก็บอกคุณแล้วไง ว่าผมขอโทษพี่อ๊อดไปแล้ว...”
“แล้วผมล่ะ คำขอโทษของผมอยู่ไหน!!?”

กฤตเมธขมวดคิ้วมุ่น ถามรอดไรฟันออกไปถึงสิทธิ์ที่จะได้รับคำขอโทษของตัวเอง แต่คำตอบที่เขาได้กลับมานั้น มันน่าโมโหยิ่งกว่าการไม่ได้รับอะไรเลยเป็นร้อยเท่า

“จู้จี้เหมือนผู้หญิงวัยทองเลยนะคุณเนี่ย เฮ้อ...ผมรวบคำขอโทษในทุกเรื่องให้กับพี่อ๊อดไปหมดแล้ว ถ้าคุณอยากได้ ก็ไปตามเอาจากพี่อ๊อดเองก็แล้วกัน....เฮ้ย!!”

และแล้วการยียวนของสดายุก็ทำให้ความอดทนของกฤตเมธเดินทางมาถึงขีดสุด ชายหนุ่มดันร่างแบบบางกว่าของสดายุให้ไปติดกับผนังห้องน้ำก่อนจะยันแขนกันเอาไว้เพื่อเป็นคอกมนุษย์ ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งในบรรยากาศที่ใกล้จะปะทุเต็มที

“โอเค สดายุ คุณจะไม่ขอโทษผมก็ตามใจคุณ  แต่ถ้าคุณทำเรื่องไม่เป็นเรื่องเหมือนอย่างเมื่อกี้จนต้องเสียงานอีกล่ะก็ คราวนี้ผมจะไม่ให้อภัยคุณอีกแน่”

กฤตเมธคาดโทษออกไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับคำราม การคุกคามนี้สร้างความตื่นตระหนกให้กับสดายุเล็กน้อย แต่ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอย่างเขา ผลักดันให้ชายหนุ่มตอบโต้ออกมาโดยไม่ยอมไว้หน้ากฤตเมธเช่นกัน

“ผมทำดีแน่ถ้าคุณไม่พาเสียเรื่อง”
“......เสียเรื่อง? ผมเนี่ยนะ? ยังไง!?”

กฤตเมธขมวดคิ้วจนตากระตุกทันทีที่ได้ยินว่าเรื่องจะเสียเพราะเขาเป็นต้นเหตุ

“ก็...เพราะคุณเล่นไม่เนียน ตีบท นคินทร์ ออกมาให้ผมเคลิ้มไม่ได้ ภุมราอย่างผมก็เลย นึกว่าคุณเป็นแค่ตาลุงหื่นๆเลยต้องต่อยปากสั่งสอนออกไปเสียหน่อยไงล่ะ...หึหึ ถ้าอยากให้งานออกมาดี คุณก็ช่วยดูเงากะโหลกตัวเองบ้าง ก่อนจะมาว่าคนอื่นเขาน่ะ ช่วยจัดการตัวเองให้ดีก่อนเถอะ...”
“....นี่คุณ…หมายความว่าทั้งหมดเป็นเพราะผมงั้นเหรอ?”
“ใช่!”
“หึหึ...งั้นก็ดี”
“...........??”

ทั้งที่สดายุคิดว่าถ้าพูดออกไปถึงขนาดนั้นจะต้องโดนกฤตเมธต่อยกลับมาสักหมัดสองหมัดเป็นแน่แท้ แต่ก็ต้องผิดคาด เมื่ออีกฝ่ายทำแค่เพียงตอบโต้ด้วยคำพูดสั้นๆออกมาเบาๆเท่านั้น ‘ก็ดี?’ มันหมายความว่ายังไงกัน?

“ถ้าอย่างงั้น...”

กฤตเมธเอ่ยขึ้นเบาๆอีกครั้งในจังหวะที่สดายุยังคงงงงัน และฉวยโอกาสนั้นก้มลงยื่นหน้าเข้าใกล้สดายุจนลมหายใจแทบจะรินรดกัน ในทันทีที่ร่างในกรงแขนเบี่ยงหลบ กฤตเมธก็ใช้จังหวะนั้นชะโงกหน้าเข้าใกล้สดายุจนริมฝีปากแทบจะติดริมหู สดายุลมหายใจสะดุด กับท่าทีคุกคามของกฤตเมธไม่น้อย เมื่อเห็นว่าร่างตรงหน้ากำลังสั่นสะท้าน กฤตเมธก็ยกยิ้มออกมาพร้อมเอ่ยคำสัญญาอันน่ากลัวออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“ผมขอสาบาน ว่าเทคต่อไปจะเล่นให้คุณเคลิ้มตาม จนไปไหนไม่รอดให้ได้ครับ”

*
*
*
*
*

“เอ้า ออกกันมาแล้วเหรอ ทำสมาธิกันได้แล้วใช่มั้ย?”

อ๊อดเอ่ยทักออกไปทันทีที่เห็นว่าทั้งสดายุและกฤตเมธออกจากห้องน้ำมา ผู้กำกับหนุ่มไม่ได้คิดมากอะไรกับท่าทางอกสั่นขวัญแขวนของสดายุ เพราะนึกไปว่า ‘คงจะกำลังบิ้วอารมณ์ของภุมราอยู่’ และที่หายเข้าไปกับกฤตเมธสองต่อสองเมื่อครู่นั้น คงเป็นแค่การคุยซ้อมคิวกันเป็นแน่

“อ่ะ เมธ ยุ ฟังนะนี่เป็นคิวใหม่ที่จะถ่ายต่อ เมื่อกี้พี่เช็คมอนิเตอร์แล้ว ตอนทะเลาะกันน่ะโอเคอยู่ ดังนั้นเราจะถ่ายซ่อมกันใหม่โดยเริ่มจากฉากที่ภุมราถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนะ”
 “ครับ...”

“อืม จากนั้นเราจะถ่ายแบบต่อเนื่อง ยาวจนไปถึงตอนที่ภุมราถูกถอดกางเกง คิวแรกจบแค่ตรงนั้น ส่วนที่เหลือ เดี๋ยวจบคิวแรกก่อนค่อยคุยกันอีกที”
“เอ่อ...มันไม่ยาวไปหน่อยเหรอครับพี่อ๊อด จนถึงฉากถอดกางเกงน่ะ?”

สดายุถามออกไปด้วยเสียงหวาดหวั่นทันที เมื่อได้รู้ว่าจะต้องถ่ายยาวแบบไม่มีการพัก ไม่มีการตัดตอน เขาหวั่นใจไม่น้อยเลยที่ต้องเป็นแบบนั้น เพราะการที่ต้องดึงอารมณ์นานๆ อาจทำให้เขาหลุดบท

“กมลเขาขอมาน่ะ ว่าจะถ่ายแบบยาวๆ ก่อน แล้วค่อยถ่ายฉากต่อเติมเสริมแต่งใส่เข้าไปทีหลัง กมลมันจัดกล้องมาสี่ตัว วางสี่มุม ซ้าย ขวา บน หมุนรอบเตียง ไม่ต้องกลัวหลุดสักเฟรม เอ้า พร้อมยัง? ถ่ายเลยมั้ย?”
“โอเคครับ เริ่มเลย...”

เสียงตอบตกลงของสองตัวเอก ทำให้อ๊อดเริ่มเรียกทีมงานมาแสตนด์บาย เพื่อเริ่มถ่ายเทคสองคิวแรกใหม่อีกครั้ง กมลและผู้ช่วย เดินไปเข้าที่ประจำตำแหน่งของกล้องแต่ละตัว ช่างแต่หน้า คอสตูม เดินเข้ามาจัดระเบียบเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดงอีกครั้งเพื่อเช็คความพร้อม สดายุในเสื้อเชิ๊ตตัวใหม่ เดินไปยืนตรงหน้าเตียงในมุมที่ถูกกำหนด สีหน้ายังคงความหวั่นวิตกเล็กๆ แต่ด้วยสปิริตของนักแสดง เขาจะกัดฟันทำมันออกมาให้ดีที่สุดให้ได้ สดายุหลับตาลงพร้อมสูดหายใจเข้าลึก...จากนี้ไปเขาคือ ‘ภุมรา’

‘ฉันคือภุมรา…ฉันคือภุมรา’

สดายุสะกดจิตตัวเองอีกครั้งขณะกำลังเอนตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ พร้อมทั้งกฤตเมธที่ขึ้นมาคร่อมร่างเขาไว้เพื่อเตรียมพร้อม
 


“แอ็คชั่น!!”


แคว่กกกกก!!


สิ้นคำสั่งเดินกล้อง กฤตเมธก็ฉีกทึ้งเสื้อเชิ๊ตตัวใหม่ของสดายุทันที ก่อนจะจู่โจมสดายุที่นอนอยู่ใต้ร่างราวกับหื่นกระหาย สดายุเองก็ได้แต่ปัดป้องไปตามบท ขนลุกชันทุกครั้ง เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนแนบเข้ากับซอกคอขาวอย่างหยาบโลน  สดายุกัดฟันกรอดรอรับการกระทำอันโหดร้าย
‘บัดซบเอ้ย!!!’
ชายหนุ่มก่นด่าในใจทันทีที่ใบหูของตนถูกขบเม้มอย่างเร่าร้อน 

“อยะ...อย่า!! นคินทร์ อื้อ ปล่อยนะ!!”

‘ขยะแขยง’
ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านไปกับแรงสัมผัสอันรุนแรงที่กฤตเมธมอบให้ ซอกคอขาวถูกดูดกัดซ้ำๆจนเกิดรอยแดงขึ้นเป็นจ้ำปื้น  ความกระด้างและความกดดันที่อีกฝ่ายมอบให้นั้นมันยิ่งกว่าครั้งแรกเป็นสองเท่าตัว

“นคินทร์ อย่านะ! หยุดเดี๋ยวนี้!!”

สดายุร้องขึ้นตามบทบาทเป็นสัญญาณให้กฤตเมธคว้าใบหน้าของเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว มือกร้านนั้นบีบคางของสดายุแน่นจนเจ็บระบม บังคับให้แหงนเงยขึ้นสบสายตาคาดคั้นดูแคลนของนคินทร์...ไม่ใช่...นั่นไม่ใช่นคินทร์ สายตาแบบนั้นมันเป็นของ ‘กฤตเมธ!!’ ลมหายใจของสดายุสะดุดทันทีที่ได้เห็นแววตาจาบจ้วงนั่น ฝ่ายกฤตเมธเองเมื่อเห็นแววคุกรุ่นเล็กๆที่ฉาบฉายเข้ามาในสายตาของคนใต้ร่าง ชายหนุ่มก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะสวมรอยเป็นนคินทร์ต่อ ด้วยสายตาทอประกายสะใจเล็กๆ
‘เอาสิสดายุ...แกจะตอบโต้ฉันยังไงอีก’

“จะดิ้นรนทำเป็นไร้เดียงสาไปทำไมกัน มันไม่เหมาะกับแกหรอก หึหึ”

จบคำตามบท ’นคินทร์ ’ กฤตเมธก็ก้มลงลากลิ้นร้อนไปบนแก้มของสดายุ  ไล้ลิ้นลงไปยังซอกคอขาวอย่างไม่มีความเกรงใจ ขบแทะ ราวกับกำลังจะกัดให้เนื้อขาดติดออกมา  ตอนนี้กฤตเมธกำลังถือโอกาสเอาคืนสดายุผ่านบทของนคินทร์ที่ตัวเองได้รับอย่างเต็มที่ เอาคืนที่โดนต่อยจนปากแตก เอาคืนที่ถูกฉีกหน้าเอากลางกองถ่ายเมื่อครู่ และตอบแทนคำท้าทายที่อีกฝ่ายท้าเขาไว้ในห้องน้ำ

‘อ๊ะ!’

เสียงครางแผ่วผิวของสดายุดังขึ้นทันทีที่กฤตเมธใช้ปลายลิ้นผ่านแก้มไปถึงใบหู เสียงนั้นบางเบาแต่กลับกระแทกโสตประสาทของกฤตเมธเข้าอย่างจัง เสียงจริงๆของสดายุที่ไม่ได้เป็นไปตามบทนั้นช่างบาดความรู้สึกของเขายิ่งนัก
‘บ้าจริง!’
กฤตเมธสบถในใจทันทีที่รู้สึกตัว ว่าหัวใจของเขาถึงกับกระตุกวูบ เพียงเพราะได้ยินเสียงครางเร้าอารมณ์ของอีกฝ่าย ทั้งที่เมื่อคืนเขานอนทำใจอยู่ตั้งนานสองนาน ที่ต้องมากอดจูบกับผู้ชายด้วยกัน โดยเฉพาะผู้ชายอย่างสดายุ แต่พอเอาเข้าจริง กฤตเมธกลับไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่า พอได้เริ่มทำ เขากลับหยุดตัวเองไม่ได้ ในเทคแรกเขายอมรับว่าเพียงแค่เล่นไปตามบทผนวกกับการอยากแกล้งคนดื้อด้านให้ได้หลาบจำ แต่พอเทคนี้มันกลับแปลกออกไป แทนที่จะรู้สึกขยะแขยงกับซอกคอนั่น เขากลับเกิดรู้สึกว่ามันช่างหอมหวาน  นคินทร์ในบทกระทำการขืนใจภุมราลงไปด้วยความรู้สึกสับสนผสมโกรธเกรี้ยว แล้วกฤตเมธเล่าทำลงไปด้วยเหตุใด แค่ตามบทบาทหรือมากกว่านั้น...
‘ไม่ได้การ’
สมองของชายหนุ่มรีบประมวลผลในเสี้ยววินาที กฤตเมธเชื่อว่าอาการวูบไหวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพราะ เขาได้เห็นว่า คนที่เคยเป็นเหมือนศัตรูกลับกลายเป็นเหมือนเหยื่อของเขาไปแล้ว และนั่นมันอาจทำให้หัวใจใฝ่ซาดิสต์ของเขารู้สึกยินดี

“อ๊ะ...อยะ...อย่า อึก!”

สองมือบางของสดายุ ยังคงผลักใส ทั้งทุบตีร่างหนาของกฤตเมธออกไปไม่หยุดหย่อนและไม่เบามือนัก ในเมื่ออีกฝ่ายจัดทั้งปากทั้งลิ้นมาให้เขาแบบถึงพริกถึงขิงขนาดนี้แล้ว เขาก็ควรจัดหมัดหนักๆให้อีกฝ่ายเป็นการตอบแทนบ้าง เสียงดังปั่กๆ กับความเจ็บแปลบของฝ่ามือเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าถึงแม้ในฉากนี้เขาจะโดนอีกฝ่ายปู้ยี่ปู้ยำมากแค่ไหนแต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็จะได้รอยแดงม่วงเขียวช้ำกลับไปเป็นของตอบแทนด้วยแน่ๆเหมือนกัน

“โอ้ย! นคินทร์!!?”

  สดายุร้องออกมาเมื่อถูกกดตรึงข้อมือทั้งสองข้างลงบนเตียงใหญ่ ราวกับถูกพันธนาการ แม้สดายุจะรู้อยู่แก่ใจว่าจะถูกทำอะไรต่อไปบ้าง แต่จะให้ยอมรับนี่มันเป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกบดเบียดร่างเข้าหาราวกับจะเย้ยหยันและมันไม่ได้มาจากนคินทร์ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากตัวตนของกฤตเมธทั้งสิ้น สดายุเจ็บใจจนต้องแอบกัดฟันกรอดและต้องพยายามเบี่ยงหน้าหลบซ่อนความสะอิดสะเอียน เมื่อถูกร่างกำยำของกฤตเมธเสียดสีจนร้อนผ่าว ร่างหนาบดจูบ ไล้เลีย ไปทั่วทั้งซอกคอขาวจนถึงแผงอก อีกครั้ง
‘แม่งจะไซร้ให้คอกูขาดเลยรึไงว๊ะ!!?’ 

“อ๊ะ!!?? อ๊า!! อย่า! ตรงนั้น ไม่เอา!!”

ไม่รู้ว่าภุมราหรือสดายุกันแน่ที่เป็นคนร้องห้ามออกมา ชายหนุ่มสะดุ้งสุดตัว เมื่อยอดอกสีอ่อนถูกกฤตเมธดูดดุน สดายุอยากดิ้นรนหลบหนี อยากจะออกไปจากตรงนี้โดยเร็วเหลือเกิน เมื่อไหร่จะจบซีนนี้เสียที เมื่อไหร่จะสั่งคัทเสียที!! 
‘ไม่ไม่ไม่!! ไม่เอานะ! ไม่เอา!!!’
ได้แต่กู่ตะโกนอยู่ในใจและดิ้นรนผลักไสให้เป็นไปตามบทบาท จะต่อย จะทุบ จะเตะ ก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น เพราะในบทของภุมรานั้นจะต้องอ่อนแอ ภุมราจะต้องใจอ่อน เพราะชายหนุ่มรักนคินทร์ รักพระเอกของเรื่องนี้อย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าจะถูกกระทำย่ำยียังไงก็ไม่อาจขัดขืน นั่นคือสิ่งที่สดายุต้องกัดฟันทำมันออกมาให้ได้ ต้องสวมวิญญาณของภุมราออกมาให้ได้ แต่...มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ถึงแม้เขาจะเก่งแค่ไหน แต่คนที่ดูดดุนหัวนมเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่นคินทร์ ไม่ใช่คนที่เขามีใจ แถมยังเป็นคนที่เขาเกลียดน้ำหน้ามากๆเสียอีก แล้วจะให้เขาทำใจสมยอมง่ายๆได้ยังไงกัน!!

แม้จะกำลังก่นด่าอีกฝ่ายในใจ หรือกำลังภาวนาให้ผู้กำกับสั่งคัทเร็วๆ แต่สติส่วนหนึ่งของสดายุ ยังคงสั่งการให้พูดต่อบทกับกฤตเมธไม่ขาด แม้ภายในที่มีแต่ไฟแค้นนี้จะเป็นสดายุ แต่ภายนอกที่กำลังหลั่งน้ำตา ร่างกายอ่อนปวกเปียกและสั่นสะท้านนั้นมันยังคงเป็นภุมราอยู่ เขายังต้องแสดงต่อไป เขาจะทำเสียเรื่องไม่ได้อีกแล้ว!!

กฤตเมธจ้องมองสดายุในคราบของภุมราที่กำลังพยายามดิ้นรนออกจากการทาบทับของตน จนเสื้อเชิ๊ตขาดวิ่นที่ยังติดร่างอยู่นั้นเลื่อนหลุดลงมาเผยให้เห็นลาดไหล่ขาวนวล เป็นอีกครั้งที่หัวใจของกฤตเมธกระตุกไหววูบ ถึงตอนนี้เขาจะอยู่ในคราบของนคินทร์ผู้โหดร้าย และทุกการกระทำร้ายกาจนี้เป็นไปเพราะบทประพันธ์กำหนด แต่กฤตเมธก็ไม่อาจปฏิเสธจิตสำนึกของตัวเองได้เลยว่า เมื่อครู่ที่ได้หยอกล้อกับยอดอกของสดายุนั้น ตัวเขาเองก็ดันเผลอ...’มีอารมณ์’

กฤตเมธเลื้อยไล่ประทับจูบที่ตัวของสดายุจนช้ำไปทั่วแผ่นอกและลำคอ สดายุเองก็หายใจหอบฮั่ก สะท้านกายทุกครั้งที่ลิ้นร้อนลากผ่านบนผิวกาย ไม่มีความอ่อนโยนให้เห็นเลยแม้แต่นิด
‘นี่น่ะเหรอที่ว่าจะทำให้เคลิ้ม ทำให้กลัวมากกว่าสิไม่ว่า ไอ้คนโรคจิต!!’
สดายุคิดในใจ ชายหนุ่มดิ้นเร่าอยู่ในสภาพน่าสมเพช สองมือที่ถูกกดตรึง ร่างท่อนบนเปล่าเปลือยและกำลังถูกลวนลามจาก กฤตเมธอย่างกักขฬะ จนรู้สึกคลื่นเหียน คลื่นไส้ รังเกียจ ขยะแขยง ทั้งที่ยัง…อ่อนระทวย
‘บ้าเอ้ย!!’
พอคิดได้ว่าร่างกายของตนกำลังจะทรยศ ส่วนไวสัมผัสที่ปกปิดไว้กำลังมีอารมณ์ร่วมไปกับกฤตเมธ สดายุก็รู้สึกหวาดหวั่นถึงขีดสุด และในวินาทีที่กำลังจะหลุดออกจากบท ร่างทั้งร่างก็ต้องผวาขึ้นเมื่อถูกมือแกร่งของกฤตเมธกระตุกกางเกงยีนส์หลุดออกไปจากเรียวขา...



“โอเค! คัททททท!!”


เสียงสั่งคัทราวเสียงสวรรค์  จบแล้ว คิวแรกจบแล้ว นรกขุมแรกจบลงแล้ว...
แต่ก่อนที่กฤตเมธจะลุกออกไปจากร่างของสดายุ ชายหนุ่มก้มมองคนใต้ร่างด้วยสีหน้านิ่งงัน มองใบหน้าเปรอะเปื้อนน้ำตาของสดายุอยู่อย่างนั้น ก่อนจะยิ้มบางๆออกมาแล้วก้มกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่ายเบาๆ


“ไงครับ คราวนี้เคลิ้มดีมั้ย?”


สดายุเบิกตากว้างยังไม่ทันที่จะตอบโต้อะไรทีมงานก็เดินเอาผ้าห่มมาคลุมร่างที่เกือบเปลือยของเขาเอาไว้เสียก่อน

‘เจ็บใจ!’
‘เจ็บใจนัก!!’




*************************************************************************

ปล.แก้คำผิดแล้วคร๊า...(คำผิดมากมายมหาศาล...)

ขอโทษคร๊า....เก๊าเขียนให้เสร็จไม่ไหว วันนี้งานชุก แทบไม่มีเวลาจะเขียน
เอาเป็นว่า เขาขอติดไว้ ไปลงตอนที่ 5 แทนนะจ๊ะ
อย่าเพิ่งโกรธเก๊าน๊า...กระซิก กระซิก
 :hao5:

ปล. สำหรับเพื่อนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกัน สามารถเข้าไปอ่านเรื่องของ ภุมรากับนคินทร์ได้ดังลิ้งค์ข้างล่างนี้นะจ๊ะ

“สุดปลายทางของ...หัวใจ”

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30599.0

เก๊าแต่งเองแหละจ๊ะ Thearboo กับ อนาคี99 นางเป็นคนเดียวกันจร๊า จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 26-09-2013 21:45:31
สุดยอด ต่างคนต่างเคลิ้มสินะ 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 26-09-2013 21:52:43
ว้ายยย
ไม่รู้ใครเคลิ้มมากกว่ากันเลยฮะ 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 26-09-2013 21:54:09
เกือบแล้ววววว  :z1:
ยุเกือบเสร็จเมธแว้ววว อุ๊ยพูดอารายออกปายยยยยยยย  :-[

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 26-09-2013 21:56:27
 o13 o13 มันมากกกก  :hao6: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: benzaa602 ที่ 26-09-2013 21:57:27
สนุกมากๆๆเลยคะ :))

เกือบเคลิ้มแล้วสดายุ หุหุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 26-09-2013 21:59:34
กริ้สสสส เฉือดเฮือนด้วยซีนนี้~~
ฟินมากค้าาา รอตอนต่อไปปป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 26-09-2013 22:05:47
ต้องให้ยุถามกลับด้วยนะเนี่ย ว่าเคลิ้มมั้ย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 26-09-2013 22:08:42
ไปหาว่าคุณนางเอกเค้าเลิ้มคุณพระเอกเองก็เคลิ้มเหมือนกันนะ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 26-09-2013 22:13:38
กรี๊ดดดด น้องยุเคลิ้มไหมเจ้ไม่รู้แต่เจ้เคลิ้มมากๆๆๆ จิ้นภาพตามลุ้นตัวโก่งว่าซีนนี้จะลากยาวไปอีกนานๆๆๆ กางเกงขอแน่นๆให้ดึงไม่ออกสักที เมธก็จา พนมสุดเล่นจริงอะไรจริง โอ้ยเขินแทนนางเอก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-09-2013 22:16:29
อุ๊ยยย เค้าจะมีอารมณ์กันกลางกองถ่ายมั้ยเนี่ย อิอิ

 :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 26-09-2013 22:17:56
พระเอกเคลิ้มก่อนนี่นาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: helios-ag ที่ 26-09-2013 22:25:05
แหม่ นอกบทน่าจะเคลิ้มกว่านี้ 5555
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: anuruk97 ที่ 26-09-2013 22:47:50
กรี๊ดฟินจัง..............
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 26-09-2013 23:01:11
น้องเค้ายังคิดสะอิดสะเอียนอยู่บ้างมีแต่แกนั่นแหละพ่อพระเอกใหญ่เคลิ้มไปกับตัวน้องทั้งนั้น โธ่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: aloney ที่ 26-09-2013 23:01:27
อุต๊ะ!!!! แซ่บมากกกกก

นี่ลุ้นไปกับสดายุเลยนะ จริงๆเอาให้เคลิ้มได้อีก กางเกงค่อยถอดก็ได้ หื่นนน~~~ 55555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 26-09-2013 23:16:16
มันก็เคลิ้มกันทั้งคู่แหละน่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-09-2013 01:56:37
โหดจริงๆพระเอกของเรา อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 27-09-2013 02:21:45
ยุเคลิ้มไม่เคลิ้มไม่รู้
แต่พี่เมธเคลิ้มชัว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 27-09-2013 04:11:51
รู้สึกหมั่นไส้พระเอกเราตะหงิดแฮะ
เล่นด้วยความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ แต่ก็แอบมีหวั่นไหวอยู่ครั้งสองครั้ง อิอิ

ปล.เห็นเรื่องนี้แล้วอยากให้ไปต่อเรื่อง สุดปลายทางของ...หัวใจ จังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 27-09-2013 06:48:00
 :a5: :a5:
แบบ ๆ โดนใจจจจ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 27-09-2013 07:33:41
มาต่อเร็ว ๆ นะจ๊ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 27-09-2013 08:26:42
เคลิ้มกันเชียว อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 27-09-2013 09:37:48
ชอบคาแรคเตอร์ของตัวพระที่อายุมากกว่า และตัวนางอีโค่สูงเวอร์
น่าปราบพยศสุดเลย

ชอบมากคะ มาต่ออีกน้าา จะรออ่านคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 27-09-2013 10:16:31
พี่เมธ หึหึ
จริงๆแอบสงสารสดายุเหมือนกันซีนนี้
รู้สึกเหมือนน้องยุเธอตอบโต้อะไรพี่แกไม่ได้เลย  :hao3:
เดี๋ยวตามไปอ่านภุมรานะเจ๊ะ รู้สึกว่าต้องน้ำตาท่วมจอแน่เลย  :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Pithchayoot ที่ 27-09-2013 10:38:45
ช้อบ  ชอบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

 ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 27-09-2013 10:53:39
อู้หูวววว o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-09-2013 11:01:49
แอบเคลิ้ม แอบสับสนกันไป อิอิ
รอซีนหน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 27-09-2013 11:12:19
ฟู่........ สะใจมาก555555

ช่างเป็นคู่กัดที่สมน้ำสมเนื้อ กัด แล้วฟัด แล้วก็รักกันไปเองใช่ป่ะ อิอิ

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วอ่ะ สนุกมาก*-*
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 27-09-2013 12:15:28
ชักอยากอยู่ในกองถ่ายแล้วยืนประชิดขอบเตียง!!?
เคลิ้มกันถ้วนหน้า... >.<
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 27-09-2013 13:46:54
 :o8: ว้ายยย ร้อนแรงจริงๆ 55555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 27-09-2013 14:29:37
 :hao7:

 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: iten ที่ 27-09-2013 16:07:26
 :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 27-09-2013 17:07:26
โฮ๊ยยยยย เหนื่อยแทน 555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: IIMisssoMII ที่ 27-09-2013 18:05:43
อ่านไปขำไป
ยิ่งอ่านความคิด ของสดายุแ้ลว้ยิ่งฮา 55+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 27-09-2013 18:14:12
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: waza ที่ 27-09-2013 18:57:12
อ่านจบแล้วพูดได้คำเดียว "แซบเว่อร์"

ย่องไปอ่าน สุดปลายทางของ...หัวใจ ต่อ  o18  o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-09-2013 19:01:37
คัททททเสียงนี้ช่างมาขัดใจคนอ่านยิ่งนัก สนุกอะ มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: maemix ที่ 27-09-2013 19:30:26
ถึงกลับเคลิ้ม เสียงคัทช่วยไว้แท้ๆ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 27-09-2013 20:53:34
มันส์หยด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 27-09-2013 21:04:27
ตามอ่านเรื่องนี้ต่อ

แล้วใครจะตกหลุมรักใครก่อนกันล่ะเนี่ย
( แต่ดูเหมือนพระเอกจะติดใจในร่างกายและสัมผัสของนายเอกเข้าซะแล้วววว )
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 27-09-2013 21:27:48
วันนี้มาต่อมั้ยอ่ะ รออยู่่่่นะคะ ^_^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 27-09-2013 22:19:01
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อ๊ากกกกกก ลุ้นว่าใครจะรักอีกฝ่ายก่อน  :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-09-2013 22:26:48
ขอโทษนะคะที่ไม่ได้มาลงให้ในคืนนี้
เก๊าติดงานอยู่ล่ะ
เอาเป็นว่า พรุ่งนี้ค่ำๆเก๊าจะมาลงให้นะจ๊ะ

รับสปอยล์ของ เลิฟซีนสุดท้ายไปก่อนสักเล็กน้อยเน่อ...

*
*
*
*
*

“ถะ ถอนออกไปนะ...อะ..ออกไป..ขะ..ขอร้องล่ะ อื้ม อ๊ะ”

คำพูดฟังดูลามก จนสดายุเองยังรู้สึกหวิวๆ ไปกับบทบาท ตอนนี้เขาในบทของภุมรากำลังโดน นคินทร์สอดใส่เข้ามาในร่าง แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวสดายุเองจริงๆ แต่ชายหนุ่มก็ต้องพยายามจินตนาการถึงมัน จินตนาการถึงความเจ็บปวดรวดร้าวหากถูกอวัยวะบ่งบอกความเป็นชายนั้นบุกทะลวงเข้ามาในร่างอย่างไม่ยินยอม

เอาเข้าจริงความรู้สึกหวาดหวั่นเกี่ยวกับการเมคเลิฟระหว่างผู้ชายด้วยกันนั้น สดายุแทบไม่จำเป็นต้องใช้จินตนาการถึงมันแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้ที่ร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นไหวในท่วงท่าที่หยาบโลนน่าอายเพราะกำลังถูกร่างของกฤตเมธกระแทกกระทั้นเข้าใส่ไม่มียั้ง โดยแสร้งว่ากำลังสอดลึกเข้ามาในร่างเขา   มันคือการแสร้งเล่นไปตามบทบาทไม่มีการสอดใส่จริงใดๆ แค่เคลื่อนไหวให้สมจริงอยู่หน้ากล้องเท่านั้น

แต่แค่นี้ก็เพียงพอให้สดายุหวาดหวั่นพรั่นพรึงโดยไม่ต้องอาศัยจินตนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาต้องเผลอสะดุ้งร่างทุกครั้งเมื่อส่วนเร้นลับที่มีผ้าบางผืนน้อยปกปิดอยู่นั้น กำลังถูกของสงวนของอีกฝ่ายเสียดสีโดยไม่ได้ตั้งใจ…



*
*
*
*
*
แถม...

"มันก็แค่การแสดง อย่าคิดมากสิครับ...คุณสดายุ"

แถม 2

"ถึงว่า...คุณกฤตเมธ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงได้ฉายาว่าเทพบุตรแห่งวงการ...ที่ข่าวฉาวข่าวคาวไม่มี ก็เพราะว่าคุณเป็นได้แค่สัตว์กินพืชเฒ่าๆ ที่กินเป็นแต่ผักนี่เอง! หึหึ อยากให้รุ่นน้องอย่างผมช่วยสอนการกินเนื้อให้ดีมั้ยครับ ผมยินดีเป็นครูให้..."
*
*
*
"ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยสอนสัตว์กินพืชอย่างผมให้รู้จักกินเนื้อเป็น...โดยการใช้ซอกคอหอมๆ รสเหงื่อหวานๆ เม็ดลูกเกดละมุนลิ้น กับเนื้อนิ่มๆนั่น ของคุณเป็นการสั่งสอนผม ถ้ายังไงว่างๆก็ช่วยมาสอนผมอีกนะ รสชาดดี ผมชอบ...."

ในเมื่อเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพยายามจะปีนเกลียวไม่เลิก เขาคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเพื่อ 'ดัดสันดารพยศ' นี่เสียหน่อยแล้ว!!


******************************

จัดสปอยล์ชุดเล็กๆไปให้สักหน่อย อิอิ

แล้วเจอกันนะคะ

ปล. 50% สุดท้ายของ ภูภู่...อาทิตย์หน้ามาแน่นอนจ๊ะ

ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ จุ๊บๆๆๆ

อนาคี99 / Thearboo
 :pig4:   
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 27-09-2013 22:27:37
เป็นการสปอยที่    :pighaun: :pighaun: :pighaun:
ตายอย่างสงบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-09-2013 22:31:28
กรี๊ดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 27-09-2013 22:34:37
อ่านรอดเดียวสี่ตอน สนุกมากเลย
พระเอกโหดนิดๆ นายเอกพยศหน่อยๆ
ปะทะคารมกันทั้งทางร่างกายและฝีปาก
ดูๆแล้วตอนนี้ก็เคลิ้มกันทั้งคู่

 :o8: ตอนล่าสุดที่ได้สปอยล์ไว้
ยิ่งสุดยอด ไม่รู้ว่าใครจะเสร็จใครกันแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 27-09-2013 22:40:53
อยากอ่านนน ชอบนายเอกกับพระเอกแบบเน้!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอลย์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: mintra1982 ที่ 27-09-2013 22:43:42
อิฮั้นก็ตามสปอยล์มาติด ๆ เลยฮ่ะ เค้ารอตอนตอไปอยู่นะคะคุณอนาคี ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 27-09-2013 22:53:54
รออออออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 27-09-2013 22:57:14
รู้ไหมค่ะ ว่าการสปอยทำให้คนอ่านอยากแดดิ้นมากกว่า
จะรออ่านตอนเต็มพรุ่งนี้แล้วกันค่ะ
จะคอยดูว่าลุงสุดฮ๊อตแห่งวงการบันเทิงจะทนโดนเด็กยั่วไปได้สักกี่น้ำ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 27-09-2013 22:59:55
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 27-09-2013 23:15:41
 :katai1: มาทำให้เค้าอยากแล้วจากไปแล้ว  แง๊
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 27-09-2013 23:38:32
สปอยล์แบบนี้ฆ่ากันเถอะะะะะะะะะะะะะะะะะะ  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 27-09-2013 23:40:55
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด สลบ :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 27-09-2013 23:43:41
ทำกันได้ลงคอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 27-09-2013 23:56:55
 :pighaun:
อร๊ายยยยย สปอยอย่างนี้แทบจะรอวันพรุ่งนี้ไม่ไหวแล้วค่ะ
ว่าแต่น้องยุก็สอนพี่เค้าไปเน้นๆ หน่อยสิจ๊ะ
พี่เมธเค้าจะได้เลิกเป็นสัตว์กินพืชสักที แฮ่ๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: pharm ที่ 27-09-2013 23:58:42
 :pighaun:

 :ling1:   :ling1: จะเอาๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 28-09-2013 00:30:24
อร๊ายยยยยย ชอบอ่ะ เอาอีกๆๆๆๆ :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 28-09-2013 00:45:40
อยากอ่านต่อแล้วววววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 28-09-2013 00:49:54
กริ้สส สปอยล์เด็ดมาก
รอแทบไม่ไหว ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 28-09-2013 07:35:36
น้องยุเคลิ้ม


เมธมีใจกระตุกด้วย



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: pim_onelove ที่ 28-09-2013 08:13:28
คู่นี้เขาเหมาะกันดีเนอะแรงต่อแรงพอกันเลย หึหึ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: thepopper ที่ 28-09-2013 09:15:46
รอจ้าาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 28-09-2013 13:44:32
บร๊ะเจ้า!
มารออย่างรีเร่งเลยค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 28-09-2013 16:01:29
น้านนน เคลิ้มเองล่ะสิเมธ กร๊ากก  :laugh: :m20: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 28-09-2013 16:36:07
สปอยล์แบบนี้ เอามีดมาแทงกันเลยดีกว่า :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 28-09-2013 16:41:41
สปอยแบบนี้ฆ่ากันเลยเถอะ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 28-09-2013 17:55:45
อยากอ่านแล้ว :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 28-09-2013 19:45:24
มาเข้าแถวรอด้วยคน :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 28-09-2013 20:22:32
 :z1: อยากอ่านต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: momo9476 ที่ 28-09-2013 23:17:34
มาดัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) โผล่มาทิ้งสปอยล์จ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 28-09-2013 23:28:54
รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 29-09-2013 00:18:33
(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 5



“อุ้ยตายแล้ว รอยแดงเต็มเลยค่ะ น้องยุ”

เสียงช่างแต่งหน้าสาวอุทานขึ้น เมื่อเห็นร่องรอยแดงช้ำรอบต้นคอขาวของสดายุ สาวใหญ่ทำหน้าเขินอายไม่น้อยเมื่อนึกถึงสาเหตุของร่องรอยที่เกิดขึ้นบนตัวของสดายุ แดงพร้อยเป็นจ้ำไปทั่วบนผิวขาวผาด
‘เจ้จะร้องตกใจไปทำไมวะ กำลังทำอารมณ์อยู่แท้ๆ’
สดายุไม่ได้ตอบโต้อะไรออกไป ได้แต่บ่นในใจเล็กน้อยเท่านั้น ร่างที่ยังคงเกือบเปลือยนั้นมีเพียงผ้าคลุมสีขาวคลุมไว้ เพราะอีกเดี๋ยวก็จะต้องถ่ายคิวต่อไปที่แสนจะลำบากใจแล้ว
หลังจากจบคิวแรก อ๊อดให้เวลานักแสดงทั้งคู่ได้พักและทำอารมณ์สำหรับคิวต่อไปอีกยี่สิบนาที ที่ต้องให้เตรียมใจกันเยอะขนาดนั้น เป็นเพราะฉากที่เหลือซึ่งถือเป็นฉากเปิดเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้นั้นค่อนข้างรุนแรง โดยเฉพาะในเรื่องที่พระเอกทั้งคู่นั้นต้องเปลือยกายและเคลื่อนไหวในท่าทางเฉพาะของการมีเซ็กส์
ถ้าในวงการละครจอแก้วทั่วไป ฉากแบบนี้คงไม่สร้างปัญหาอะไรมากมายเพราะคงเพียงแค่เปลือยท่อนบน อาศัยมุมกล้องเล็กน้อย จากนั้นก็สามารถตัดฉาก หรือแพนกล้องไปทางหัวเตียงบ้าง เพดานบ้างตามอัธยาศัย แค่สื่อสารออกไปให้ครบถ้วนว่าอะไรเป็นอะไรก็เพียงพอ แต่สำหรับภาพยนตร์นั้นมันไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เพราะความสมจริงถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะเป็นฉากจูบหรือฉากบนเตียง ที่ต้องสามารถสื่อออกไปให้คนดูได้รับรู้ถึงรูปรสกลิ่นเสียงงชัดเจนราวกับมันได้เกิดขึ้นจริง อย่างที่ได้เห็นๆของหนังต่างชาติกันอยู่กันอยู่เนืองๆ

“เมธ ยุ โอเคยัง? พี่จะซ้อมคิวให้ก่อน มาสิ”

ได้ยินเสียงเรียกของผู้กำกับทั้งสดายุและกฤตเมธก็เดินออกมาหาอ๊อดจากคนละมุมเหมือนเช่นเคย ผู้กำกับมากฝีมือแอบส่ายหน้าเล็กๆกับภาพที่เห็น ‘เลิฟซีน’ เผ็ดร้อนวันนี้แม้ดูจะทุลักทุเลไปบ้าง แต่การที่ทั้งคู่เป็นนักแสดงมากฝีมืออยู่แล้ว แถมยังมีความชิงชังในตัวอีกฝ่ายของกันและกันเป็นทุนรอน ดังนั้นการเล่นฉากข่มขืน ดึงทึ้งแบบนี้ทั้งคู่จึงสามารถทำอารมณ์ได้ไม่ยาก แต่ฉากต่อไปที่ต้องถึงขนาดแสดงการมีเซ็กส์เนี่ย คงต้องซ้อมคิวกันก่อน ไม่งั้นอาจต้องเทคกันยับ
‘เฮ้อ สภาพแบบนี้ เดี๋ยวตอนถ่ายฉากหวานๆ รักๆใคร่ๆ มันจะแสดงกันได้มั้ยวะเนี่ย…’

“คิวสองไม่ได้ยาวมาก พี่จะถ่ายยาวแบบไม่มีพักจนจบ ถ้ามีพลาดแม้แต่นิด ถ่ายใหม่ตั้งแต่เริ่มทันที  ถ้าเอ็งทั้งคู่ไม่อยากอยู่ในสภาพนี้นาน ก็จงตั้งใจทำ พี่หวังไว้มากนะว่าจะเทคเดียวผ่าน”
“ครับ”

สองนักแสดงตอบออกมาแบบไม่หนักแน่นนัก แต่อ๊อดก็ไม่ได้อยาก คาดคั้นอะไรมาก เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้ทั้งคู่คงกำลังอยู่ในระหว่างทำอารมณ์ให้พร้อม การคาดคั้นในเรื่องไม่เป็นเรื่องมากๆ อาจทำให้หลุดบทได้

“เดี๋ยวก่อนจะถ่ายยาว พี่จะให้เวลาทำสมาธิอีกสิบนาที ตอนนี้มาจำคิวกันก่อน”

อ๊อดเรียกสติทั้งคู่ก่อน จะพามาที่เตียงในฉากพร้อมอธิบายอารมณ์ที่อยากให้ตัวละครแสดงออกมา ท่าทาง มุมกล้อง โดยมีกมลเป็นคนช่วยบอกท่าทางและการหันเข้ามามุมที่ถูกต้องสวยงามอีกคน

“ก่อนเริ่มถ่ายทำยุดึงเสื้อลงมาให้อยู่ตรงแขนนะ เปลือยไหล่เหมือนคิวที่แล้วน่ะ จากนั้นก็ลงไปนอนขดอยู่แบบนี้นะ…เอ่อมุมนี้เลยนะ ไหนยุลองลงมานอนก่อนดิ๊”

อ๊อดหันมาผลักตัวสดายุลงไปนอนบนเตียงก่อนสาธิตท่าทางให้กฤตเมธดู

“ไหนเมธลองดูสิ อืมอย่างนั้นแหละ ต่อไปยุลองดิ้นดูสิ พยามไถลไปอีกด้านของเตียงให้ได้ แล้วเมธก็กระตุกขาขวาของยุดึงกลับมาให้ถึงกลางเตียง ก่อนจะขึ้นไปคร่อมเมธจับขายุแหวกออกได้เลยนะ อย่าผิดมุมนะ เมธมองกล้องสองตัวนี้ไว้ แล้วกะออกมาให้อยู่ระหว่างตรงนี้ให้ได้ โอเคนะ”
 “ครับ”

รับปากอ๊อดเสร็จ เมธก็ลองโน้มตัวลงไปคร่อม สดายุจึงลองทำท่าหนีตามที่อ๊อดคอยกำกับอยู่ พอถูกเมธดึงกลับมาได้ ก็ถูกจับกดไว้ ตอนซ้อมนี้ยังไม่ต้องถูกจับอ้าขา แต่แค่ซ้อมพลังชีวิตของสดายุก็แทบจะหมดลงแล้ว”
‘ทนไว้ ทนไว้ ทนไว้’

“เอ้อ ดีๆ แบบนั้นแหละถูกแล้ว คราวนี้ซ้อมฉาก ‘กินตับ’ กัน…วุ้ย พูดเองยังเขิน ฮ่าฮ่า”

มีเพียงผู้กำกับอ๊อดที่ขำอยู่คนเดียว โดยที่สดายุกับกฤตเมธไม่ได้ขำตามไปด้วยเลย ฉาก ‘กินตับ’  ฟังแล้วเหมือนจะน่าขำ แต่สำหรับทั้งคู่คำนี้มันทำให้เจ็บจี๊ดจนหางตากระตุกกันเป็นแถว

“มล จะให้ทำท่าแบบไหนแล้วนะ ไหนลองมาสาธิตหน่อยซิ”

พอมาถึงฉากไคลเม็กซ์ อ๊อดหันไปถามกมลผู้เชี่ยวชาญด้านหนังบนเตียงทันที กมลเดินยิ้มอบอุ่นมาหาทั้งสามคน  ก่อนจะพยายามอธิบายให้นักแสดงเห็นภาพตามที่เขาคิดไว้

“อืม…อาจไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ งั้นเดี๋ยวผมสาธิตให้ดูนะครับ อ๊อด นอนลงดิ๊”

ที่บอกว่าจะช่วยสาธิตให้ดูนั้นยังเฉยๆ แต่พอตากล้องหน้ามนหันไปออกคำสั่งให้อ๊อดนอนลงนี่ เรียกความประหลาดใจให้กับสองนักแสดงไม่น้อย และไม่ใช่เพียงสองหนุ่มที่แปลกใจ แม้แต่ทีมงานในกองถ่ายเองยังต้องหันไปซุบซิบกัน
ก็หน้าตาดูต่างวัยกันขนาดนั้น ทำไมกมลถึงเรียกคุณผู้กำกับว่า ‘อ๊อด’ เฉยๆได้กันนะ หรือเพราะสนิทกันมาก

“…อ๋อ ผมกับอ๊อดเรารุ่นเดียวกันครับ”
 “….!!!!!!!!!!!!!!????????”

อึ้งกันทั้งกองถ่ายเมื่อได้ยินคำเฉลย  เพราะผู้กำกับอ๊อดนั้น สูงใหญ่ ผิวกร้าน หนวดเคราไม่ยอมโกน ปล่อยขึ้นเป็นตอยาวแถมผมยาวรุงรังที่ผูกไว้ลวกๆนั้นยิ่งทำให้ดูเป็นตาลุงซกมก ไม่เหมือนกับกมลเลยสักนิด ตากล้องหนุ่ม ผิวขาวใส ที่สูงแค่ไหล่ของผู้กำกับอ๊อดนั้น มีผมซอยสั้นเรียบร้อย ปากนิดจมูกหน่อยน่ารักน่าชังยิ่งใส่แว่น อันโตนั่นอีก ยิ่งดูเป็นเด็กน้อยที่อายุไม่น่าจะเกินสามสิบเสียด้วยซ้ำ พอบอกว่ารุ่นเดียวกันคือ อายุสี่สิบสามปี เล่นเอาเหวอกันไปเป็นแถว

“อ๊อดนอนลงตรงนั้น นอนหงายชันเข่าขึ้นด้วย”
 “อือ แบบนี้ใช่ป่ะ”

ถึงจะถูกคนตัวเล็กกว่าสั่งให้ลงไปนอนเป็นนางเอก แต่อ๊อดก็ไม่มีอิดออด ชายหนุ่มยินดีเป็นคนสาธิตอยู่แล้ว เพื่อหน้าที่ของผู้กำกับที่ดี ไม่มีเคอะเขินใดๆทั้งสิ้น จากนั้นกมลก็ขึ้นไปคร่อมร่างยักษ์ของอ๊อดเอาไว้

“เดี๋ยวพอคุณเมธดึงคุณยุมาถึงตรงนี้แล้ว ก็บิดตัวคุณยุขึ้นมาแบบนี้นะครับ จากนั้นก็จบขาอ้าออกแบบนี้ ในมุมนี้จะทำให้ไม่โป้เมื่อถ่ายออกมา”

การอธิบายของกมลเป็นไปอย่างน่าฟัง แต่ท่าทางการสาธิตนั้น เรียกความขบขันให้ไม่น้อย
ผู้กำกับอ๊อดตอนนี้สาธิตเป็นภุมรา นอนหงายเงิบถูกจับแหวกขาอ้าซ่าอยู่ และกมลที่สวมบทเป็นนคินทร์นั้น ก็พยายามจับขาของอ๊อดอ้ากว้าง ใช้สองขาของตัวเองเข้าไปช้อนอยู่ใต้สะโพกหนาๆนั้นในท่าคุกเข่า จากนั้นก็จับสองมือของอ๊อดขึ้นไปทำท่าตรึงไว้เหนือศีรษะ อีกมือก็ทำเป็นช้อนเอวของอ๊อดขึ้น
ในท่าทางแบบนี้ถ้าเป็นคนอื่นอาจดูเซ็กซี่ แต่พอเป็นสองคนที่ดูสลับบทบาทกันอย่างสิ้นเชิงนี้ กลับเรียกเสียงขบขันได้มากกว่า เสียงชื่นชม

“ผมเปลี่ยนท่าทางใหม่เล็กน้อยน่ะครับ เพราะถ้าจะเป็นตามบทจริงๆมันค่อนข้างจะโป๊เกินไป ในท่านี้จะสามารถบังมุมกล้องได้มากกว่าครับ แถมยังดูสมจริงสมจังด้วย”
 “เอ่อ…ขอบคุณครับคุณกมล พี่อ๊อด”

สองนักแสดงหนุ่มเอ่ยขอบคุณออกไปเสียงเครียด แม้ท่าทางที่กมลสาธิตให้ดูนั้นจะเป็นท่าที่สามารถบังมุมกล้องได้ดีที่สุด แต่…มันก็เป็นท่าที่ส่วนสงวนของทั้งคู่จะต้องเสียดสีกันมากที่สุดหากต้องมีการขยับเคลื่อนไหวแน่ๆ

“อีกนิดนะ ยุ เดี๋ยวตอนที่ถึงที่สุดแล้วน่ะพอเมธเขาขยับหนักๆไปสักสิบกว่าครั้ง ยุเตรียมร้องดังๆเลยนะ เราไม่ได้เสร็จสมไปด้วยแต่ต้องจินตนาการเอาไว้นะว่าถูกทำจนอีกฝ่ายเสร็จ ดังนั้นร้องออกมาดังๆ ร้องไห้ออกมาเยอะๆด้วย เข้าใจมั้ย”
 “ครับผมจะ…พยายาม…”
 “แหม…ตอบหนักแน่นหน่อยสิ พี่อุตส่าห์เปลืองตัวสาธิตให้แล้วนะเนี่ย ส่วนเมธ”
 “ครับ?”
 “พอเด้าไปสักพัก เอาแรงๆเลยนะ พอยุเขาร้องออกมาปุ๊บเนี่ย นายต้องเสร็จนะ รู้ใช่มั้ยว่าจะต้องเสร็จยังไง?”
 “เข้าใจแล้วครับ”
 “แล้วพอจบยุต้องสลบไปเลยนะ ตอนสลบเนี่ยช่วยเรียกอารมณ์ว่าน่าสงสารมากๆออกมาหน่อยนะ ประมาณว่าหลับไปพร้อมกับสะอื้นทั้งน้ำตาอะไรทำนองนี้นะ แล้วพอยุสลบไปปึ๊บ เมธอย่าเพิ่งลุกออกมานะ จ้องหน้ายุก่อน แล้วก็ทำหน้าแบบเจ็บปวดนะ เจ็บมากเหมือนจะตายเลย แค่นี้เป็นอันจบคิวสอง โอเคมั้ย?”
 “ครับ โอเค”

 สองหนุ่มรับปากก่อนจะแยกย้ายกันไปทำอารมณ์ก่อนถ่ายจริงในอีกสิบนาทีข้างหน้า อ๊อดค่อนข้างพอใจในสดายุและกฤตเมธมาก เพราะนอกจากในเรื่องการแสดงที่ถือว่ายอดฝีมือทั้งคู่แล้ว  ทั้งคู่ยังเข้าใจอะไรง่าย ไม่ว่าจะอธิบายอะไรให้ก็ซึมซับทำความเข้าใจได้ดี และทำการถ่ายทอดออกมาได้อย่างถูกใจเขาทุกครั้ง ถ้าไม่ติดที่ว่าทั้งคู่ไม่ค่อยถูกกันขนาดนี้ล่ะก็ การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้คงทำเขาสนุกได้มากกว่านี้อีกโขเลยทีเดียว


“สดายุ”
“….?”

หลังไปฟังการอธิบายคิวสดายุก็เดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวประจำที่เขานั่งพักมาตลอดตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ ชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าลึก เพื่อเริ่มทำสมาธินึกถึงอารมณ์ของตัวละคร ‘ถ้าเขาคือภุมราตอนนี้เขากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่กันนะ’ แต่ในขณะนั้นเองจู่ๆกฤตเมธก็เข้ามาเรียกเขาไว้

“ผมจะมาบอกคุณว่าเดี๋ยวตอนที่จะจบคิว ผมจะเป็นคนให้จังหวะคุณเอง คุณจะได้ร้องออกมาได้ตรงกับจังหวะของผม…”
“ไม่จำเป็น”

และก็เป็นอย่างที่กฤตเมธคาดไว้ ว่าสดายุจะต้องปฏิเสธเขาอย่างแน่นอน แต่ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่น่าจะแส่เข้ามาจุ้นวุ่นวาย แต่เขาก็ทำไม่ได้เสียที อะไรบางอย่างในส่วนลึกคอยผลักดันให้เขาเข้าใกล้สดายุทุกที มันคืออะไรกันนะ

“เฮ้อ…อย่าหาว่าผมวุ่นวายเลยนะ เพราะที่ผมทำไปทั้งหมดก็เพื่อให้งานมันออกมาดีที่สุดก็เท่านั้น”
“ขอบคุณที่หวังดีนะคุณพระเอกดีเด่น วางใจเถอะผมไม่ทำให้งานเสียหรอกน่า”
“งั้น…คุณจะให้ผมขยับแค่ไหน? ผมได้กะแรงถูก คุณจะได้ไม่ต้องเจ็บมาก”

แม้ความหวังดีของเขาจะถูกเมินจนน่าโมโหอยู่บ้าง แต่ตอนนี้กฤตเมธก็พอจะรู้สึกผิดกับอีกฝ่ายอยู่เล็กน้อยที่ในฉากเมื่อครู่เขาอาศัยบทแสดงในการทำรุนแรงกับอีกฝ่ายมากไปหน่อย ดูจากรอยช้ำที่แขนและรอยแดงจ้ำเลือดที่ซอกคอกับแผงอกขาวนั่นเขาก็รู้แล้วว่าเมื่อครู่เขากระทำรุนแรงกับอีกฝ่ายไปไม่น้อยเลยทีเดียว
และที่สำคัญเขาก็เป็นผู้ใหญ่กว่า จึงเป็นเรื่องที่ผิดเป็นสองเท่าที่ไปถือทิฐิเอากับคนที่อ่อนกว่าเกือบหกปีคนนี้ กฤตเมธจึงตั้งใจว่าจะไม่เอามาเป็นอารมณ์อีก และตั้งใจว่าถึงจะโดนอีกฝ่ายกวนอารมณ์แค่ไหน เขาก็จะอดทนไว้ให้ได้

“จะทำแรงไม่แรงก็เรื่องของคุณเถอะ…ผู้ชายแก่ๆจะมีเรี่ยวแรงสักแค่ไหนกันเชียว”

สดายุตอบออกไปโดยที่ประโยคเสียดสีประโยคหลังนั้นเจ้าหนุ่มพูดออกมาแค่เสียงแผ่วๆ เป็นการรำพึงกับตัวเองเท่านั้น แต่แน่นอนว่ากฤตเมธได้ยินชัดเต็มสองหู
‘แก่!? หนอย ไอ้เด็กตะไลนี่!! ฉันอุตส่าห์อดทนแล้วนะ!!’
 
“เอาเถอะยังไงผมจะระวังแล้วกัน ตัวคุณยิ่งช้ำง่ายๆอยู่ เดี๋ยวจะเป็นปัญหาตอนถ่ายฉากอื่น”
“เฮ้อ…คุณกฤตเมธ ไม่ต้องห่วงผมนักหรอกนะ ฉากแบบนี้ผมก็เคยผ่านมาบ่อย ทั้งละครทั้งของจริง ผมรู้น่าว่าผมควรทำยังไง ถ้าคุณอยากช่วยล่ะก็เล่นออกมาให้สมกับเป็นนคินทร์ก็พอ! เพราะถ้าคุณส่งอารมณ์มาให้ผมให้ดีไม่ได้ ผมเองก็จะลำบาก”

กฤตเมธกัดฟันกรอด อุตส่าห์อดทนทำดีด้วย แต่สุดท้ายความหวังดีของเขาก็ถูกเด็กเมื่อวานซืนอย่างสดายุเหยียบย่ำราวกับเป็นสิ่งของไร้ค่า ความอดทนต่ออีกฝ่ายร่อยหรอลงทันที

“อ้อ…จริงสินะ ผมนี่แย่จริงๆ ไปสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำอยู่ได้ คุณสดายุที่ผ่านเรื่องบนเตียงมาอย่างโชกโชน คงไม่หวั่นกับการแสดงธรรมดาแบบนี้อยู่แล้วสินะครับ ผมลืมไป แหม ผมก็แอบกังวลเห็นว่าเพิ่งเข้าฉากกับผู้ชายครั้งแรกอาจจะประหม่า แต่ดูท่าทางแล้ว คุณก็คงชินมาไม่น้อยแล้วเหมือนกันสินะครับ หึหึ เห็นมีข่าวเฉพาะกับผู้หญิง คาดไม่ถึงว่าเบื้องหลังมีแอบกินผู้ชายด้วยเหมือนกัน…”
“กฤตเมธ!!!”

เมื่อได้ยินคำดูแคลนจากอีกฝ่าย สดายุก็ไม่สามารถสะกดความเดือดดาลของตัวเองได้อีก มือขวาของเขากำแน่นเตรียมจะออกหมัดใส่อีกฝ่ายในไม่ช้า แต่สติน้อยนิดพอจะยับยั้งเขาไว้ได้ ว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นอีก เขาอาจถูกปลดออกจากภาพยนตร์เรื่องนี้ก็เป็นได้  เมื่อคิดได้ดังนั้นสดายุก็ได้แต่นั่งตัวสั่นสะท้านจากความโกรธขึ้งทบเท่าทวีที่สุมอยู่ในอกแทน
และในขณะนั้นเอง ชายหนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างออก…
‘ฉายาเทพบุตรแห่งวงการ ได้มาจากการเป็นพระเอกที่วางตัวดี ไม่มีข่าวฉาวกับสาวที่ไหนแม้แต่คนเดียว…ถึงจะมีข่าวซุบซิบบ้างแต่ก็ไม่เคยเลยเถิดเป็นเรื่องใหญ่โต…’

“คุณ…กลัวสินะ คุณกฤตเมธ?”
“….อะไรนะ?”

กฤตเมธถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อถูกสดายุตอกกลับมาด้วยคำถามที่แสดงว่า เขาต่างหากที่เป็นฝ่ายที่กลัว

“เข้าในวงการมาตั้งแต่เด็ก จนแก่ป่านนี้แล้ว ผมยังไม่เห็นคุณเคยมีข่าวกับใครบ้างเลย ไม่ว่าจะเป็นข่าววงนอกวงใน เฮ้อ ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมคุณถึงห่วงฉากนี้นักหนา เพราะคุณกลัวนี่เอง หึหึ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพระเอกเนื้อทองของวงการจะเป็นพวก ‘สัตว์กินพืช’

การตอบโต้กลับมาของสดายุคราวนี้ทำเอากฤตเมธถึงกับเงียบอึ้ง เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นงานเขากลับมาด้วยมุกนี้ ทั้งเจ็บใจที่โดนปรามาสถึงเรื่องส่วนตัว ขนาดนี้ และก็สมเพชชายหนุ่มตรงหน้าอย่างมากล้น ที่จนปัญญาตอบโต้ขนาดที่ต้องใช้เรื่องใต้สะดือในการหาเรื่องเขา กฤตเมธรู้สึกสมเพชจนไม่รู้สึกอยากต่อความกับอีกฝ่ายอีกเลย 

"ถึงว่า...คุณกฤตเมธ ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณถึงได้ฉายาว่าเทพบุตรแห่งวงการ...ที่ข่าวฉาวข่าวคาวไม่มี ก็เพราะว่าคุณเป็นได้แค่สัตว์กินพืชเฒ่าๆ ที่กินเป็นแต่ผักนี่เอง! หึหึ อยากให้รุ่นน้องอย่างผมช่วยสอนการกินเนื้อให้ดีมั้ยครับ ผมยินดีเป็นครูให้..."

ยิ่งเห็นว่ากฤตเมธนิ่งเงียบไม่ต่อคำ สดายุก็เหลิงได้ใจ เพราะนึกว่าตัวเองกำลังถือไพ่เหนือกว่า

“เอ้า สองคนนั้นน่ะ พร้อมหรือยัง จะถ่ายกันแล้วนะ”
“ครับ พร้อมแล้ว!!”

สดายุตอบออกไปเสียงดัง ความประหวั่นเมื่อครู่หายไปหมดแล้ว เพราะพอรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าอีกฝ่ายขึ้นมาได้ ชายหนุ่มก็รู้สึกได้ใจขึ้นมาทันที ฝ่ายกฤตเมธเอง ที่ไม่ได้ตอบคำอะไร เดินตามหลังสดายุไปที่เตียงเงียบๆ แต่ในใจที่คุกรุ่นของเขานั้น กำลังวางแผนจัดการเจ้าตัวแสบนี่ให้ได้สำนึกเสียที เพราะเขาปล่อยสดายุลอยนวลมานานเกินไปแล้ว…
‘ในเมื่อเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมพยายามจะปีนเกลียวไม่เลิก เขาคงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดเพื่อ 'ดัดสันดารพยศ' นี่เสียหน่อยแล้ว!!’

**********************************

ต่อด้านล่างจร๊า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 29-09-2013 00:18:49
“แอ๊คชั่นนนนน!!!”

ทันทีที่คำสั่งเริ่มการแสดงดังขึ้น สดายุที่นอนขดตัวบนเตียงในสภาพเปลือยกาย มีเพียงเสื้อเชิ้ตขาดๆติดตัวอยู่ ก็ได้แต่นอนขดตัวสั่นสะท้านราวกับสัตว์ตัวเล็กๆอยู่บนเตียงใหญ่โดยที่กฤตเมธเองกำลังยืดตัวขึ้นเพื่อถอดเสื้อของตัวเองออก พร้อมทั้งปลดตะขอกางเกงออกในท่าทางที่แสนจะคุกคาม เมื่อเห็นดังนั้นสดายุก็รีบกระถดกายหนีห่างจากกฤตเมธตามบททันที
‘หนอย…เจ้าเฒ่านี่ เป็นแค่สัตว์กินพืชแท้ๆ ทำไมบรรยากาศมันดูคุกคามจังวะ!!?’

สดายุเผลอรู้สึกกลัวในท่าทีของกฤตเมธอยู่ในใจ และพอถูกมือกำยำกระชากข้อเท้าเขากลับมาที่กลางเตียงในจุดที่ซ้อมกันไว้ ก่อนที่ร่างหนาของกฤตเมธจะแทรกกายเข้ามาตรงกลางหว่างขา เสียงแกรกกรากของซิปกางเกง ที่กฤตเมธกำลังรูดลง เป็นสัญญาณให้สดายุในคราบของภุมรา ออกแรงดิ้นรนอีกครั้ง ปากตะโกนร้องขอความช่วยเหลือไปตามบทบาทด้วยเสียงที่แหบเครืออย่างน่าสงสารเมื่อจับเข่าทั้งสองของเขาถูกกฤตเมธแยกออกกว้าง

“อะ...อะไรน่ะ อยะ...อ๊า!!” 

สดายุในบทของภุมราร่ำร้องออกมาเมื่อถูกทำเหมือนกำลังโดนสอดใส่เข้าสู่ร่างกาย กฤตเมธในคราบของนคินทร์แสดงออกมาได้สมจริงจนเขาเกือบจะเชื่อ สดายุลอบถอนใจเล็กๆเมื่อนึกขึ้นได้ว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นจริง ระหว่างจุดซ่อนเร้นของเขาทั้งคู่มีผ้าบางผืนน้อยๆปิดเอาไว้อยู่ แต่ความบางของมันนั้น มันไม่ได้ช่วยลดแรงสัมผัสลงได้เลยแม้แต่น้อย
‘บ้าจริง’

“ถะ ถอนออกไปนะ...อะ..ออกไป..ขะ..ขอร้องล่ะ อื้ม อ๊ะ”

คำพูดฟังดูลามก จนสดายุเองยังรู้สึกหวิวๆ ไปกับบทบาท ตอนนี้เขาในบทของภุมรากำลังโดน นคินทร์สอดใส่เข้ามาในร่าง แม้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวสดายุเองจริงๆ แต่ชายหนุ่มก็ต้องพยายามจินตนาการถึงมัน จินตนาการถึงความเจ็บปวดรวดร้าวหากถูกอวัยวะบ่งบอกความเป็นชายนั้นบุกทะลวงเข้ามาในร่างอย่างไม่ยินยอม

เอาเข้าจริงความรู้สึกหวาดหวั่นเกี่ยวกับการเมคเลิฟระหว่างผู้ชายด้วยกันนั้น สดายุแทบไม่จำเป็นต้องใช้จินตนาการถึงมันแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้ที่ร่างทั้งร่างของเขากำลังสั่นไหวในท่วงท่าที่หยาบโลนน่าอายเพราะกำลังถูกร่างของกฤตเมธกระแทกกระทั้นเข้าใส่ไม่มียั้ง โดยแสร้งว่ากำลังสอดลึกเข้ามาในร่างเขา   มันคือการแสร้งเล่นไปตามบทบาทไม่มีการสอดใส่จริงใดๆ แค่เคลื่อนไหวให้สมจริงอยู่หน้ากล้องเท่านั้น

แต่แค่นี้ก็เพียงพอให้สดายุหวาดหวั่นพรั่นพรึงโดยไม่ต้องอาศัยจินตนาการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เขาต้องเผลอสะดุ้งร่างทุกครั้งเมื่อส่วนเร้นลับที่มีผ้าบางผืนน้อยปกปิดอยู่นั้น กำลังถูกของสงวนของอีกฝ่ายเสียดสีโดยไม่ได้ตั้งใจ…

“อึก ชอบไม่ใช่รึไง ที่พูดนี่ก็เพื่อยั่วฉันใช่มั้ยล่ะ คนสกปรก”

คำพูดเชือดเฉือนตามบทบาทของกฤตเมธที่พูดขึ้นพร้อมกับโน้มกายลงแนบชิดร่างข้างใต้กดร่างลงให้แนบชิดเสียดสีกันมากยิ่งขึ้น ก่อนจะเร่งจังหวะเริงร่อน กระทั้นรุนแรงจนร่างสดายุไหวคลอนไปตามจังหวะที่เขาควบคุม กฤตเมธลอบเหยียดยิ้มออกมาน้อยๆ ในมุมอับของกล้อง จุดแข็งของเขาก็คือการสวมบทบาทของตัวละครออกไปได้อย่างสมจริงโดยที่ไม่เสียความเป็นตัวของตัวเอง ชายหนุ่มสามารถตีบทแตกทั้งๆที่ไม่ต้องเพ่งสมาธิกับบทนั้นๆ ผิดกับสดายุ ที่ต้องตัดเรื่องของเขาออกจากหัวทั้งหมด เพื่อที่จะแสดงออกมาเป็นภุมราได้อย่างแนบเนียน และนี่เป็นข้อได้เปรียบของกฤตเมธ ชายหนุ่มคิดพลางจับจ้องคนใต้ร่างอย่างจาบจ้วง ด้วยสายตาโลมเลียอย่างไม่มีปิดบัง
‘เอาสิสดายุ แกจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้สัตว์กินเนื้ออย่างแกกำลังโดนสัตว์กินพืชอย่างฉันกินอยู่นะ หึหึ’

 “อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า อย่า ไม่! อ๊ะ อึก!”

สดายุครางเครือเสียงวาบหวิว ทั้งตามบทบ้าง ทั้งเรื่องจริงบ้าง เมื่อร่างกายถูกกระแทกกระทั้นหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น บรรยากาศแห่งเพศรสฟุ้งกระจายไปทั้งห้องโดยไม่ได้ตั้งใจนั้น ทำให้สดายุถึงกับหอบหายใจถี่ระรัว ท่าทางที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ช่างหยาบโลน ร่างสูงใหญ่กว่าของกฤตเมธสามารถตรึงสองแขนของสดายุไว้กับเตียงด้วยมือเดียวอย่างง่ายดาย ส่วนอีกมือก็ช้อนเอวบางไว้เพื่อให้รับกับจุดกระแทกกระทั้นได้เต็มที่
‘บัดซบเอ้ย กระแทกแรงไปแล้วนะไอ้บ้า!!’

ตอนนี้สดายุเองก็เริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆแล้ว เมื่อร่างของตนถูกเสียดสีหนักหน่วงขึ้น และส่วนสงวนของเขากำลังมีปัญหา เพราะท่วงท่าที่กำลังทำอยู่นี้ มันทำให้ส่วนต้องห้ามของเขาและกฤตเมธเสียดสีกันอย่างรุนแรงอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง และการเสียดสีที่เร่าร้อนเกินไปนี้ทำให้คนที่เริดร้างเรื่องอย่างว่ามาพักใหญ่ๆอย่างสดายุถึงกับต้องกัดฟันกรอด เกร็งร่างจนสั่นสะท้าน เพื่อสะกดกลั้นอารมณ์วูบไหวที่อาจเกิดขึ้นได้

แต่มันก็ช่างยากเหลือเกิน เมื่อส่วนอ่อนไหวถูกเสียดสีซ้ำจากที่อ่อนนิ่มก็เริ่มแข็งตัวขึ้นเล็กน้อย
‘ไม่นะ ไม่เอา อย่าตั้งขึ้นมานะลูกพ่อ! อย่าทำพ่อขายหน้าเด็ดขาดนะลูก!!’

เมื่อรู้สึกถึงส่วนอ่อนไหวที่เริ่มตื่นตัวของสดายุ กฤตเมธก็ลอบอมยิ้มอีกครั้ง สะใจที่อีกฝ่ายมีอารมณ์ไปกับเขาได้ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเขาเองก็ตื่นตัวไปด้วยเหมือนกัน แม้จะไม่ได้ตั้งใจแต่การที่จุดไวสัมผัสได้รับการเสียดสีแบบนี้ ไม่ว่าเทวดาที่ไหน ก็ต้องตั้งขึ้นทั้งนั้น กฤตเมธพยายามตั้งสติ คิดไปในทางที่ไม่สร้างความหนักใจให้ตัวเอง แต่แล้ว พอได้ลืมตามองคนใต้ร่างตรงๆอีกครั้ง ความตั้งใจของกฤตเมธก็ขาดสะบั้น

ถึงจะไม่ชอบหน้าคนที่นอนอยู่ใต้ร่างนี้มากนัก แต่กฤตเมธก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า สดายุในตอนนี้ช่างเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ น่าหลงใหลยิ่งกว่าใครที่เขาได้เจอมา ทั้งใบหน้าเปื้อนน้ำตาที่สะบัดไหวไปมาอย่างไร้ทางหนี แผ่นอกบางที่สะท้านขึ้นหลง ลมหายใจร้อนผ่าว  ยิ่งเห็นก็ยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้พลุ่งพล่าน อยากรุกล้ำ’ อยากเข้าไปสู่ส่วนลึกของคนใต้ร่างนี้ อยากโยกไหวกระแทกกระทั้นให้รุนแรงกว่าขึ้นนี้ อยากทำให้ใต้ร่างเขาสะท้านกายเย้ายวนให้มากกว่านี้ ส่งเสียงร้องหวานหูยิ่งกว่านี้’
อารมณ์ดิบเถื่อนที่จู่ๆก็พลุ่งพล่านขึ้นมา เป็นแรงอารมณ์ขับเคลื่อนให้กฤตเมธขยับกายหนักหน่วงยิ่งขึ้น
‘โถ่เว้ย! เป็นอะไรไปวะเรา!!?’

“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า”

คราวนี้สดายุร้องออกมาดังลั่น น้ำตาที่หลังไหลออกไปตามบทบาทตอนนี้ยิ่งทะลักทะลาย ทั้งกลัวกฤตเมธที่เคลื่อนไหวอย่างโหดร้าย ทั้งกลัวตัวเองที่มีอารมณ์อ่อนไหวคล้อยตามไปเสียแล้ว และยิ่งกลัวหนักขึ้นไปอีกเมื่อจุดอ่อนไหวของร่างกายกำลังตั้งชันขึ้นราวกับจะปริแตก
บ้าเอ้ย!! ‘ไม่ไหวแล้ว ถ้ามากกว่านี้ เรากลั้นไม่ไหวแน่  อ๊า…พอเสียที จบเสียทีสิ บัดซบเอ้ย!!’

“อ๊า~”

ในที่สุดสัญญาณจากกฤตเมธก็มาถึง ชายหนุ่มกระทั้นกายหนักหน่วงก่อนจะก้มหน้าลงมาหาสดายุพร้อมกระซิบแผ่วผิวที่ได้ยินกันเพียงสองคน
‘ไป!’
 สดายุกรีดร้องเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากถูกให้สัญญาณ ร่างกายที่เกร็งจนสั่นถูกกระทั้นจนเจ็บระบม แต่ก็โล่งใจ เมื่อส่วนอ่อนไหวที่ถูกเสียดสียังคงอดทนต่อไปได้ แม้จะใกล้ระเบิดแล้วเต็มทีก็เถอะ

“อึก...”

กฤตเมธขยับกายเบาๆสองสามครั้ง แสร้งเหมือนว่าเสร็จสมไปแล้วจริงๆ ก่อนจะหยุดนิ่งแล้วจ้องมองสดายุที่นอนสลบตามบทอยู่ใต้ร่าง เขาคิดอะไรไม่ออกเลย รู้เพียงแต่ตอนนี้การถ่ายทำได้จบลงแล้ว งานบางส่วนได้จบลงไปแล้ว

และโดยที่ไม่รู้ตัว กฤตเมธเอื้อมมือชื้นเหงื่อของตนขึ้นลูบใบหน้าชุ่มเหงื่อของสดายุแผ่วเบา ก่อนโน้มลงจุมพิตที่หน้าผากมนนั้นหนึ่งครั้งอย่างลืมตัว

“คัทททททททท!!!”

“เฮ้ออออ”

เสียงคัท มาพร้อมเสียงถอนหายใจโล่งอกของบรรดาทีมงานและตากล้อง โล่งอกที่ฉากนี้ผ่านไปได้ด้วยดี โล่งอกที่จบลงได้เสียที เพราะถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้อาจมีบางคนเป็นลมเพราะเสียเลือดกำเดาเยอะไปก็เป็นได้

“ดีมาก ดีสุดๆ เก่งมากเมธ ยุ จูบที่หน้าผากสุดท้ายนั้นสุดยอดมาก ถ่ายทอดความสับสนของนคินทร์ออกมาได้ดีจริงๆ เยี่ยมๆ”

อ๊อดเอ่ยชมไม่ขาดปาก ทั้งที่ตัวเองยังอยู่ที่หน้าจอมอนิเตอร์

ทีมงานรีบเอาผ้าคลุมเข้าไปห่มสองร่างนั้นไว้ทันที กฤตเมธช่วยเอาผ้าคลุมนั้นคลุมร่างของสดายุไว้ก่อนที่ตัวเองจะถอยออกจากร่างสั่นระริกนั่น ส่วนทีมงานคนอื่นก็ช่วยกันเก็บของและทำงานอื่นๆของตนไปอย่างรู้งาน ว่าตอนนี้ยังไม่ควรเข้าไปใกล้นักแสดงที่เพิ่งแสดงฉากที่ต้องใช้อารมณ์ร่วมสูงอย่างซีนเมื่อครู่ แม้แต่อ๊อดเอง ก็ยังไม่เดินเข้าไปหาเลยด้วยซ้ำ ปล่อยให้สองคนบนเตียงนั่นพักอารมณ์กันสักครู่หนึ่งก่อน

"มันก็แค่การแสดง อย่าคิดมากสิครับ...คุณสดายุ"

กฤตเมธเอ่ยออกไปราวกับจะปลอบ เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงนอนนิ่ง ร่างกายยังคงสั่นระริก และใบหน้านั้นยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่ทะลักทลายออกมาเป็นสาย

“ให้ผมช่วยพยุงมั้ย? อยากเข้าห้องน้ำหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงเงียบงัน กฤตเมธก็พยายามจะช่วยเหลือ ชายหนุ่มเข้าใจดีว่าเมื่อครู่สดายุต้องรับบทหนักแค่ไหน การที่จะปรับอารมณ์ได้รวดเร็วนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แม้จะไม่ถูกโรคกัน แต่ในฐานะของเพื่อนนักแสดงที่ยังต้องร่วมงานกันอีกนั้น กฤตเมธจะยอมวางทิฐิของเขาไว้ก่อน และจะยอมให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างเต็มที่โดยเฉพาะตอนนี้…

“อย่าเสือก! ไม่ต้องมายุ่ง! ไปให้พ้น!”

และทันทีที่แสดงความมีน้ำใจ กฤตเมธก็ต้องถูกตอกหน้าหงายเหมือนทุกๆครั้ง โดยเฉพาะครังนี้ที่สดายุหยาบคายใส่เขาอย่างชัดเจน คำด่าทอนั้นรุนแรงจนกฤตเมธแทบจะทนไม่ได้ นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายกำลังอยู่ในสภาพที่น่าสมเพชขนาดนี้ล่ะก็เขาคงจะจัดการให้ได้พูดไม่ออกอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ กฤตเมธกัดฟันกรอดเพื่อข่มอารมณ์พลุ่งพล่าน

แต่ยังไม่ทันที่จะลุกออกจากเตียง กฤตเมธก็นึกอะไรบางอย่างออก
‘หึ…อย่าหาว่าฉันใจร้ายเลยนะ แต่เด็กเมื่อวานซืนอย่างแก ต้องโดนดีซะบ้างถึงจะสาสม!’

คิดได้ดังนั้น กฤตเมธก็ค่อยๆโน้มตัวลงใกล้ร่างที่นอนสะอื้นอยู่ ก่อนจะกระซิบที่ริมใบหูของสดายุเบาๆ

"ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยสอนสัตว์กินพืชอย่างผมให้รู้จักกินเนื้อเป็น...โดยการใช้ซอกคอหอมๆ รสเหงื่อหวานๆ เม็ดลูกเกดละมุนลิ้น กับเนื้อนิ่มๆนั่น ของคุณเป็นการสั่งสอนผม ถ้ายังไงว่างๆก็ช่วยมาสอนผมอีกนะ รสชาดดี ผมชอบ...."


**************************************************************

อร๊ายยยย มาซะดึกเชียว ขอโทษนะคะ
วันนี้ไปลั้ลลาอยู่ข้างนอกทั้งวัน เพิ่งจะได้เข้ามาเขียนต่อนี่แหละค่ะ

ปล. พรุ่งนี้ก็ไม่ได้ลงนะคะ เจอกันอีกทีวันจันทร์เย็นๆนะคะ

รักนะทุกคน
จุ๊บๆ เบ่บี๋

อนาคี99 / Thearboo
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 29-09-2013 00:19:16
 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
พูดไม่ออก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: namngern ที่ 29-09-2013 00:51:25
 :katai1: สดายุนี่มันน่าตีปากจริงๆ
คนเขาอุตส่าห์พูดดีด้วย ยังหยาบคายใส่อีก นิสัยเด็กจัง
แต่ตอนนี้ทำเอาฟิน  หุหุ เมธเริ่มหลงเสน่ห์ยุทีละนิดแล้วสินะ
อยากให้สองคนนี้เค้าทำกันจริง  ไม่อิงบทละคร5555
อุ้ยพูดอะไรออกไปเนี่ยะ แสดงถึงความหื่นของตัวเอง5555555
เขินจัง  รออ่านตอนต่อไปนะคะ♥♥
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-09-2013 01:03:17
 :oo1: :pighaun: ฟินนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 29-09-2013 01:04:37
นอนไม่หลับเลยหยิบโทรศัพท์มาเข้าเล้า ได้อ่านพี่เมธพอดีเลย แฮ่ๆ
อ่านตอนนี้ไปนั่งอมยิ้มไป ทั้งที่ตอนเราตามไปอ่านเรื่องของภู่ฉากนี้นี่ทำเอาปี่แตกเลยนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนสร้างผลงานสนุกๆ อย่างนี้ออกมาเยอะๆ แล้วก็เป็นกำลังใจให้พี่เมธปราบพยศน้องยุได้เร็วๆ
 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-09-2013 01:06:06
โอยยย
อยากจิเข้าไปส่องตอนเค้าสองคนถ่ายทำกันเสียจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ชะรอยน้อย ที่ 29-09-2013 01:12:47
ฟิน  :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 29-09-2013 01:21:13
โอ้ย เมธจะหันมากินเนื้อแล้วเหรอจ้ะ รีบๆเข้านะ เพราะเดือนหน้าก็เข้าเทศกาลกินเจแล้ว เดี๋ยวจะอดแอ้มเจ้ากวางพยศนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 29-09-2013 01:21:56
ระ ระ ร้อนแรงเกินไปแล้ววว :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 29-09-2013 01:32:56
 :haun4: เพิ่มความอยากอ่านต่ออย่างไม่มีสิ้นสุด

 :katai4: มันจริงอะไรจริง!!  :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 29-09-2013 01:39:07
นายเอกเรื่องนี้ปากไม่ไหวนะ ไร้มรรยาทสุด ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: PORSE ที่ 29-09-2013 01:46:02
อยากอ่าน nc แบบจิงๆของคู่นี้จัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 29-09-2013 01:59:10
อุบ๊ะ คนแก่นี่แรงดีจริงๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Nopnop ที่ 29-09-2013 01:59:50
แฮ่... นี่อุตส่าห์ตื่นรอเลยนะคะ (ไม่ใช่ว่าอ่านหนังสือสอบไม่ทันหรอ)
ชอบคู่นี้มากเลยคะ อยากรู้ว่าสุดท้ายจะลงเอยกันแบบไหน

ปล.นี่อ่านๆไปก็นึกว่าทั้งคู่จะ...กันซะแล้ว คือเหมือนเลยค่ะ อุฮิ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2013 02:01:49
 :haun4: :haun4: :haun4:นี่แค่การแสดงเท่านั้นนะเนี้ย ถ้าของจริงจะเป็นยังไงหนอ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 29-09-2013 02:07:47
 :haun4: :haun4: โว๊ะ ถ้าได้กันจิงจะแซบขนาดไหน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 29-09-2013 02:48:31
โอ๊ยยย อยากเป็นเด็กยกไฟที่กองถ่ายนี้จริงๆ
ฟินสุดๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 29-09-2013 02:58:18
ฮือออออ
สงสารยุอ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 29-09-2013 03:19:10
สดายุนี้นิสัยแย่นะ ขนาดตอนนี้ที่ว่าดีขึ้นแล้วยังขนาดนี้ ไม่อยากคิดเลยว่าแต่ก่อนจะแย่จนน่ารังเกียจขนาดไหน

อ่านตอนนี้แล้วแอบสะใจเล็กๆ เก่งแต่ปากนี่หว่า แบบนี้ต้องให้เมธสั่งสอนซะให้เข็ด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 29-09-2013 03:46:20
เมธดัดนิสัยยุด่วนๆ เลย
แอบโกรธแทนเมธเลยอะ tt'
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: mwsign3639 ที่ 29-09-2013 03:49:55
 :haun4:  :oo1: จะรอของจริงนะคะ  :hao6: :hao6:
แต่งดีมากเลยค่ะ ชอบมากกก  o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 29-09-2013 03:59:46
 :pighaun:เลือดกำเดาพุงสนุกมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 29-09-2013 06:06:36
เจ็บแสบมาก


ทิ้งคำพูดไว้ให้คันใจ



รออ่านตอนต่อครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 29-09-2013 06:55:07
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 29-09-2013 08:06:31
 :pighaun:  เอ๊ะยังไง เมธเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับน้องยุหรือปล่าวเนี่ย. 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 29-09-2013 08:19:44
กรี๊ดดดดดด พ่อสัตว์กินเนื้อ อยากกินเนื้อหวานๆ ของสดายุแล้วล่ะดิ *-*
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 29-09-2013 08:38:36
สัตว์กินพืชแรงดีจริง

รอของจริงอยู่น่าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-09-2013 09:06:17
อู้ววววว สองคนนี้ยังคงต้องฟาดฟันกันไปอีกนาน 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: MinorMa ที่ 29-09-2013 09:22:54
เลือดหมดตัว :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 29-09-2013 09:34:46
เค้าไม่ตายกันยกกองแล้วหรอ5555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 29-09-2013 10:02:59
กริ้สสสสสส ฟินกระจาย ~~~~
เลือดพลุ่งพล่าน
อิจฉาทีมงาน อยาก อยู่ในฉากนั้นนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 29-09-2013 10:06:38
ทำไมเริ่มรู้สึกว่า ไม่ชอบสดายุเลย แบบ กฤตเมธพยายามวางทิฐิลงแล้วคุยด้วยดีๆ แต่สดายุกลับไม่เคยเลย  สมควรแล้วที่จะโดนสั่งสอนบ้าง

ขออยู่ข้างกฤตเมธจ้าาาา *ยกป้ายเชียร์*
 :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 29-09-2013 10:07:20
 :hao7: :hao7:

อยากเป็นสัตย์กินเนื้อบ้างจังงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 29-09-2013 10:34:34
แหมๆ อยากให้เป็นเรื่องจริงของทั้งคู่จังครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 29-09-2013 10:36:36
เมื่อไรจะรักกันหนอคู่นี้ สดายุก็ปากเก่งซะ กว่าจะรักกันสงสัยจะน่วมซะก่อน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 29-09-2013 10:58:58
เข้าฉากที่เป็นฝ่ายถูกกระทำแบบนั้น แถมยังรู้สึกว่าถูกเมธกระทำเกินกว่าบทอีก
เป็นใครก็ต้องรู้สึกไม่ดีทั้งนั้นแหละ

ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเข้าข้างเมธกันนัก
(แล้วคำพูดที่พูดหลังจากฉากนั้นอะนะ จะมองเป็นการปลอบก็ได้ หรือจะมองเป็นการทับถมกันก็ได้อีก  คนมันเคยมีเรื่องกันมาก่อน จะให้มองออกมาในแง่ดีง่ายๆ ได้ยังงัย)

ไม่รู้สิ  ถ้าเป็นตอนนี้ เราเห็นใจสดายุมากกว่า  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 29-09-2013 11:30:04
 :m25: :m25: :m25:

เอ่อ กองถ่ายกองนี้รับเด็กเสริฟน้ำเพิ่มไหมคะ? :z1:

น้องยุก็ปากดีได้อีก คู่นี้เค้าแซ่บจริงๆ

รอตอนต่อไปคะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-09-2013 11:35:24
กวนตีนกันทั้งวันยังงี้ลูกดก !
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 29-09-2013 12:04:16
ปากดีกันทั้งสองคนเลย
แล้วมันจะเอาเวลาไหนไปรักกันฟร๊ะ! กร๊ากกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 29-09-2013 12:14:15
   อยากเป็นตากล้องจังเลย :heaven :heaven

 นี้แค่เล่นน่ะถ้าเป็นจริงขี้นมา อิ อิ  :haun4: :m25: :z1: :pighaun:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 29-09-2013 12:29:34
แค่การแสดงยังขนาดนี้ของจริงจะขนาดไหนนะ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 29-09-2013 12:40:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 29-09-2013 12:41:22
บร๊ะ นี่ขนาดแสดงนะ คนอ่านเลือดพุ่งแล้วค่า
ยุเอ๋ย อย่าไปข่มพี่เค้านะลูก เค้าเอาจริงขึ้นมาเจ้ว่าหนูจะเจ็บหนักเน้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: kslave ที่ 29-09-2013 12:48:27
กรี๊ดดดด เอาอีกๆๆ
นี่แค่การแสดง เมธยังใส่ไม่ยั้ง
ไม่รู้ว่าถ้าของจริงจะขนาดไหน :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 29-09-2013 12:50:07
นายเอกเราก็ปากดีไม่เลิกกกกกกกกกกกกกก

สมมมมมมมมมมมมมม


รออ่านฮะะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: haru1111 ที่ 29-09-2013 14:07:47
สนุกมากๆๆเลย ค่ะ นายเอกเราปากดีขั้นเทพ รอฉากนายเอกถูกจับกินจริงๆนะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 29-09-2013 14:36:50
ขิงก็ราข่าก็แรง>/////<
ไม่มีใครยอมใครเลยยยยแต่สดายุระวังหน่อยก็ดีนะ
ดูท่าทางสัตว์กินพืชจะเปลี่ยนใจมากินเนื้อ :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 29-09-2013 14:45:25
ไม่อยากจะคิดถึงวันที่ทั้งสองคนมีอะไรกันจริงๆ
มันคงจะ อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ขนาดแค่ในหนังยังเลือดพุ่งขนาดนี้  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 29-09-2013 14:51:32
อ๊ากกก มันฟินนนน   :haun4:

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 29-09-2013 15:06:18
อ๊ากกกกกกกกก กลัวมากๆเลยว่า อิคุณเมธจะตบะแตก ดันกินตับน้องไปจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 29-09-2013 15:24:50
หวั่นว่าสัตว์กินพืชจะอยากกินเนื้อมากขึ้นเรื่อยๆน่ะสิ
สตายุเอ๊ย เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 29-09-2013 16:09:06
 :z1: :haun4: :pighaun: :m25: :jul1: :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 29-09-2013 16:54:18
แรงทั้งคู่ ไม่มีใครยอมใคร  :3123: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-09-2013 17:39:06
พยศมากๆ :ling1: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 29-09-2013 17:58:24
กรี๊ดดดดดด ชอบมากจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: milky way ที่ 29-09-2013 19:28:03
สดายุ นี่นิสัยเสียจริงๆด้วย
คณเมธ อุตส่าห์จะญาติดีด้วย
อยากให้พระเอกปราบพยศสดายุให้ได้เร็วๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 30-09-2013 19:36:55
ส่งใบลาค่ะ

ขออนุญาตหายหัวไปปั่นตอนพิเศษของ เกลียวบาป เพื่อรวมเล่มหน่อยนะคะ
จะรีบเจียดเวลามาลงจ๊ะ
เรื่องน้องยุพี่เมธไม่ยาวมาก พล๊อตสั้นๆ เดี๋ยวก็จบจ๊ะ
ดราม่าเล็กน้อย เน้นนายเอกน่าหมั่นไส้ อิอิ

ซีนที่ 6 มาภายในสัปดาห์นี้แน่นอนค่ะ
แต่มาวันไหนนั้น เดี๋ยวมาแจ้งอีกทีนะคะ

สปอยล์เล็กๆ ค่ะว่าซีนที่6 จะเปิดเผยปมของน้องสดายุ
ว่าเหตุใดนายเอกของเราถึงก้าวร้าวนัก
และแน่นอนว่ากฤตเมธจะได้รับทราบในปมนี้ของสดายุแน่นอนค่ะ

ซีนที่ 6 จะมาพร้อม ฉากเซอร์วิสที่แอบหวานเล็กๆของทั้งคู่ค่ะ
อรั๊ยยยส์ เก๊าจะแอบมีใจกันแบ้ววว!! (เหรอ!!?)

ยังไงก็ต้องขอโทษจริงๆนะคะ นู่ค้าง นี่ค้างเต็มไปหมด
แต่จะดันให้จบทุกเรื่องแน่นอนค่ะ
 :ling3:
ขออภัยอย่างยิ่งในความไม่สะดวก
อนาคี99/Thearboo

 o1
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 30-09-2013 19:38:03
รอได้จ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 30-09-2013 19:46:28
รอๆคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-09-2013 19:51:05
รอจ๊ะรอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-09-2013 19:51:52
รอฉันรอเธออยู่ จุ๊บ :z2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 30-09-2013 20:16:53
รอจ้าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 30-09-2013 20:30:29
เข้าแถวรอด้วยอีกคนค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 30-09-2013 21:24:33
รอนะคะ รออออออออออออออออ :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 30-09-2013 22:52:39
พี่กฤตนี่เลวจิงๆนะ แต่ขอบอกว่า...ชอบ!!!!!
อยากรู้ปมของยุเร็วๆ เอาจริงๆก็อยากให้รักกันซะที
อ่านรู้แค่ความรู้สึกด้านเกลียดอ่ะ อยากอ่านตอนรัก><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 01-10-2013 02:13:21
เค้าจะรอตัวนะ :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-10-2013 02:17:51
โอเค รับทราบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 01-10-2013 09:34:50
โอเค รอได้จ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 01-10-2013 10:25:17
ไม่เป็นไรจ้า
รอได้
เพื่อฉากเซอร์วิสหวานๆ ของพี่เมธกับน้องยุ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 01-10-2013 14:50:03
จะรอนะคะ :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-10-2013 16:24:13
รับทราบค่ะ  รอด้วยใจรัก :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 01-10-2013 20:48:20
 :z3: :z3:   อ๊ายยย พลาดไปได้ไง ตั้งนงตั้งนานนนนน ห๊าาาา  :katai1: :katai1:
กรี๊ดดดด  ชอบเรื่องงนี้เขียนได้มันส์มากก ยังกับเป็นผู้กำกับเสียเองง

แต่อย่าลืมไปต่อเรื่อง สุดปลายทาง ของหัวใจนะ ชอบมากเหมือนกัน(โลภเนอะ อิอิ)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) ส่งใบลาค่ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 01-10-2013 20:58:13
 :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 03-10-2013 02:21:48
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก

ซีนที่ 6


 

 

“น้องยุ!!”

 

“เจ๊บลูม่า!!”

 

“เจ๊...”

 

‘หมับ’

 

สดายุถลาเข้ากอดบลูม่าทันทีที่เห็นโดยไม่แคร์สายตาใคร ‘คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน’

 

“เป็นไงบ้างคะน้องยุของเจ๊ ไหนดูสิ ผอมลงไปนะเนี่ย”

 

“ช่วงนี้ผมต้องลดน้ำหนักอ่ะ เพราะตามบทภุมราเขาป่วยเลยจะต้องผอมมากๆ”

 

“โถ พ่อคุณ ทรมานแย่เลย”

 

กอดกันเสร็จก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันด้วยความคิดถึง
บลูม่าที่ตัวสูงกว่าสดายุเล็กน้อยก้มลงตระกองหน้าของน้องรักที่ไม่ได้เห็นกันมาเกือบเดือน

 

“ไม่หรอกเจ๊ ผมไม่ค่อยเจริญอาหารอยู่แล้วด้วยล่ะ
ไม่มีปัญหาหรอก”

 

“...มีปัญหาอะไรหรือเปล่ายุ บอกเจ๊ได้มั้ย?”

 

ไม่มีอะไรที่บลูม่าไม่รู้เกี่ยวกับสดายุ อยู่กันมาหลายปี
สนิทกันยิ่งกว่าคนในครอบครัว
ดังนั้นความผิดปกติของสดายุแม้จะเล็กน้อยบลูม่าก็สังเกตุเห็นได้ทันที

 

“ไม่มีอะไรหรอกครับเจ๊ คงเพราะโหมถ่ายทำมากไปหน่อย
ผมเลยเนือยๆ ว่าแต่เจ๊เถอะ อุตส่าห์มาได้ผมดีใจจัง”

 

“ก็ต้องเป็นนายหน้าพานักข่าวมาอยู่แล้วล่ะค่ะ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องให้สัมภาษณ์ยุพร้อมใช่มั้ยจ๊ะ”

 

“ก็แค่สัมภาษณ์เอง ไม่เห็นต้องตื่นเต้น”

 

สดายุไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
ยังไงซะคนที่จะโดนรุมถามพรุ่งนี้คือพ่อกฤตเมธมากกว่าเขาอยู่แล้ว

 

“ถ้าจะห่วงอ่ะนะเจ๊ ห่วงพ่อเทพบุตรนู่นดีกว่า”

 

คำประชดกลายๆของสดายุทำเอาบลูม่าต้องตีต้นแขนเรียวไปหนักๆหนึ่งทีเป็นการลงโทษ

 

“ไปว่าคุณกฤตเมธอย่างนั้นได้ยังไงคะน้องยุ
เรายังต้องอาศัยบารมีเขานะคะ และการสัมภาษณ์พรุ่งนี้ก็สำคัญมากด้วย
กระแสเราจะแรงไม่แรงขึ้นอยู่กับบทสัมภาษณ์นี้เลยนะคะ”

 

“รู้แล้วครับรู้แล้ว ผมไม่ทำเสียเรื่องหรอกน่าเจ๊...ว่าแต่เจ๊ต้องกลับพรุ่งนี้จริงๆเหรอ
อยู่ต่อไม่ได้เหรอ?”

 

“เจ๊เป็นนายหน้าพานักข่าวมา เจ๊ก็ต้องเป็นคนพากลับสิคะ อย่างอแงสิ
โตจนจะแก่แล้วนะคะน้องยุ”

 

“ก็มันเหงานี่นา...อยู่นี่ยุไม่มีเพื่อนเลย”

 

สดายุตอบกลับพร้อมกับเอาศีรษะหนักๆของตนวางบนไหล่ของบลูม่าเบาๆ

 

“เหนื่อยจังเจ๊ครับ ทั้งงาน ทั้งคน...”

 

“อดทนค่ะ ไม่มีของฟรีในโลกฉันใด
ความสำเร็จก็ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงกายฉันนั้นค่ะคุณน้อง”

 

ที่จริงบลูม่าอยากปลอบใจมากกว่านี้ แต่ก็เกรงว่าจะดราม่าเกินไป
เลยตบออกมาเป็นมุกตลกแทน และดูเหมือนสดายุเองก็คงชอบใจในคำตอบของพี่สาวไม่น้อย

 

“สาธุ...คมเชียว...ไปบวชเป็นพระเหอะเจ๊”

 

“ต๊าย ปากคอเราะร้ายขึ้นนะคะน้องยุ”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

 

สดายุหัวเราะร่วน เสียงหัวเราะครั้งแรกในรอบเดือนที่ผ่านมา
เพราะตั้งแต่เดินทางมาถ่ายทำที่นี่ สดายุไม่เคยแม้แต่จะยิ้มหรือพูดจาเล่นหัวกับใคร
ไม่ใช่เพราะหยิ่ง แต่เพราะไม่มีใครเข้าใกล้เขา ไม่มีใครอยากยุ่งกับเขา ‘พระเอกสันดานเลว’ ในสายตาของทุกคน

 

ดังนั้นพอบลูม่าเดินทางมาถึง
สดายุเลยดีใจมาก บลูม่าเป็นคนเดียวในชีวิตที่สนิทและเข้าใจสดายุที่สุด
ไม่เคยหลอกลวง ไม่เคยทิ้งขว้าง
สดายุจึงหัวเราะได้สุดใจทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าบลูม่า
เพราะสดายุรู้ดีว่าไม่ว่าเขาจะอ้อน จะทำตัวเหลวไหลแค่ไหน บลูม่าก็จะไม่โกรธ

 

เสียงหัวเราะแหบหวานน่าฟังของสดายุนั้นเรียกสายตาคนในกองถ่ายได้ชะงัด
เพราะน้อยครั้งนักที่จะได้เห็น แถมส่วนใหญ่นั้นก็เห็นแค่ในฉากละครเท่านั้น
ไม่เคยเห็นในชีวิตจริงเลยแม้แต่นิด ขนาดกฤตเมธเองยังต้องละสายตาจากบทขึ้นมามองตาม
เสียงหัวเราะหวานหู กับใบหน้าทอประกายสดใส
ที่เขาไม่เคยเห็นเลยตั้งแต่แสดงร่วมกันมา

 

‘หัวเราะก็เป็นด้วยเหรอเนี่ย’

 

หลังจากถ่ายฉากเลิฟซีนวันนั้นก็ผ่านมาร่วมเดือนแล้ว
แม้สดายุจะยังคงเถียงคำไม่ตกฟากเหมือนเดิม
แต่จะไม่ก้าวร้าวเขาก่อนเหมือนตอนแรกๆอีก
อีกทั้งยังพยายามหลีกหนีเขาเท่าที่จะทำได้อีก ฝ่ายกฤตเมธเองก็ยินดีที่จะอยู่ห่างๆ
เขาเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่หาเรื่องเด็กก่อน เพราะเท่าที่เขาแอบแกล้งอีกฝ่ายโดยอาศัยบทละครนั้นก็เยอะพอแล้ว
รู้ตัวว่านิสัยไม่ดี แต่กฤตเมธก็อดใจไม่แกล้งเด็กโอหังอย่างสดายุไม่ได้เสียที

‘ไม่รู้ไปเผลอถูกใจเข้าตอนไหน…’

*

*

*

*

*

วันรุ่งขึ้น...

 

(พิธีกร)
  สวัสดีค่ะ คุณกฤตเมธ คุณสดายุ แหม
ดิฉันดีใจจังเลยค่ะ ที่ได้มาสัมภาษณ์พวกคุณในวันนี้ ถึงที่นี่ โอ้ว
เกาะมัลดีฟส์...

(กฤตเมธ)
สวัสดีครับ

(สดายุ)
  สวัสดีครับ

(พิธีกร)
  อุ้ย คุณสดายุ
ยังหล่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะคะ ดูโตขึ้น ฟินเวอร์ค่ะ

(สดายุ)
  ขอบคุณครับ(ยิ้มหวานหว่านเสน่ห์)

(พิธีกร)
  ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ คุณเมธ คุณยุ
คิดยังไงคะถึงได้ตอบตกลงเล่นภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ที่เป็นหนังเกย์100%น่ะค่ะ

(กฤตเมธ)
คือผมถือว่ามันเป็นความท้าทายนะครับ โดยส่วนตัวผมไม่มีอคติในเรื่องรักร่วมเพศอยู่แล้วด้วย
และอีกอย่างทางผู้ใหญ่เขาอุตส่าห์หางานให้
ผมจะไม่รับๆได้ยังไงล่ะครับ

(พิธีกร)   หือ...สมกับเป็นคำตอบของเทพบุตรแห่งวงการจริงๆค่ะ
งานสำคัญที่สุด แล้วส่วนคุณยุล่ะคะ คิดยังไงเอ่ย

(สดายุ)   อย่างที่รู้กันนะครับ ผมหายไปจากวงการพักใหญ่
พอมีโอกาสเข้ามาผมก็ต้องรีบคว้าไว้แหละครับ

(พิธีกร)   ตายจริง
ประเดิมการหวนคืนจอด้วยหนังแนวชายรักชายเลยนะคะเนี่ย
แฟนคลับเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวเลยค่ะ

(สดายุ)   แค่ยังยอมอ้าแขนต้อนรับผม ผมก็ดีใจแล้วล่ะครับ
(ยิ้มหวาน)

(พิธีกร)   โอ้ว อ้อนขนาดนี้ ยอมตายเลยค่ะ คิกคิกคิก

(พิธีกร)   แล้วตอนที่ได้รู้ว่าต้องเล่นคู่กันนี่
รู้สึกยังไงกันบ้างคะ จั๊กจี้กันบ้างมั้ยเอ่ย

(กฤตเมธ)
ดีใจครับที่ได้ยินว่าจะต้องคู่กับน้องยุ เพราะเราเคยเล่นละครด้วยกันมาก่อน
เลยยังพออุ่นใจครับ จะได้ไม่ต้องปรับตัวเยอะ

(สดายุ)    พอรู้ว่าต้องมาเล่นคู่กับพี่เมธ
ตอนแรกก็ตกใจนะครับไม่คิดว่าพี่เขาจะมาแนวนี้ (หัวเราะ) แต่ก็ดีใจมากครับ
เพราะโดยส่วนตัวก็ชื่นชมพี่เขาอยู่แล้ว

(พิธีกร)   แล้วพอได้มาเล่นเข้าพระเข้านางกันจริงๆเป็นยังไงบ้างคะ
อุ้ย? ใครพระใครนางคะเนี่ย

(กฤตเมธ)
ผมพระเอกครับ ส่วนน้องยุเป็นนางเอกของผม

(พิธีกร)   อ๊าย อกอีแป้นแล่นลึก! นางเอกของผม กรี๊ดค่ะ อยากกรี๊ด ฟินเวอร์ (หัวเราะ)

(กฤตเมธ)
ตอนเข้าพระเข้านางก็โอเคครับ แรกๆยังเขินๆกันบ้าง แต่ตอนนี้เริ่มชินครับ
ขำๆกันซะมากกว่า

(สดายุ)   ครับ ช่วงแรกผมเป็นนางเอกร้อยเทคได้
มันเขินน่ะครับ ไม่เคยด้วย ทำอารมณ์ไม่ถูกเลยจริงๆครับ ต้องคอยท่องไว้
เราเป็นนางเอก เราเป็นนางเอก (หัวเราะ)

(กฤตเมธ)
แต่น้องยุเก่งมากครับ เข้าถึงอารมณ์ได้ดี บทไหนที่ต้องเศร้า
เขาเศร้าจนช่างไฟน้ำตาร่วงเลยครับ

(พิธีกร)   ขนาดนั้นเลยเหรอคะ สมกับเป็นคุณยุจริงๆค่ะ

(พิธีกร)   มาถึงคำถามสำคัญค่ะ
ได้ข่าวว่าเรื่องนี้ฉากเลิฟซีนแรงมากเลยใช่มั้ยคะ

(กฤตเมธ)
ก็...ครับ ค่อนข้าง

(พิธีกร)   อุ้ยพอจะเล่าให้ฟังได้มั้ยคะ? ว่าเป็นยังไง?
(ดวงตาเป็นประกาย)

(กฤตเมธ)
อืม...ความลับครับ เอาเป็นไว้ไปพิสูจน์กันเองในโรงหนัง

(พิธีกร)   โธ่...เสียดายจังค่ะ
แย้มๆให้ฟังนิดไม่ได้เหรอคะ นิดเดียวเอง...(อ้อนเต็มที่)

(กฤตเมธ)
เอาเป็นว่า...ขนาดผู้กำกับสั่งคัทแล้ว นางเอกของผมยังร้องไห้ไม่หยุดเลยล่ะครับ

(พิธีกร)   อร๊ายยยย ขอกรี๊ดอีกรอบค่ะ จริงเหรอคะน้องยุ!!?

(สดายุ)   (หัวเราะเขิน) ก็นิดหน่อยครับ อินเนอร์ครับ
อินเนอร์

 

การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างสนุกสนาน
โดยที่คำตอบของคำถามส่วนใหญ่กฤตเมธจะเป็นคนตอบแทนสดายุแทบทั้งหมด
ด้วยห่วงว่าสดายุที่ลาวงการไปนานจะเฟคหน้ากล้องได้ไม่เนียน
และคำตอบเหล่านั้นเป็นคำตอบที่ทั้งกองถ่ายรู้ดีว่าสิ่งที่สองหนุ่มตอบออกไปนั้น 90% เป็นเรื่องโกหก!!
โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นจริง

*

*

*

*

*

บ่ายคล้อยกว่าที่การสัมภาษณ์จะเสร็จสิ้น
หลังจากทีมสัมภาษณ์กลับไปแล้ว สดายุต้องถ่ายหนังต่อ
โดยฉากที่ถ่ายนั้นไม่ต้องมีกฤตเมธเล่นด้วย
พระเอกหนุ่มจึงเลี่ยงออกมานั่งจิบกาแฟรอเข้าฉากอื่นต่อไป และขณะนั้นเอง
บลูม่าก็ขอเข้ามาคุยด้วย

 

“สวัสดีค่ะคุณเมธ”

 

“อ้าว...สวัสดีครับคุณบลูม่า เชิญนั่งสิครับ”

 

“ขอบคุณนะคะเรื่องสัมภาษณ์ ที่ช่วยตอบคำถามแทนน้องยุไปตั้งเยอะ”

 

“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอกครับ ดูเขายังฝืนๆ
ผมไม่อยากให้พวกนักข่าวจับไต๋อะไรได้มากมายด้วย”

 

“ถึงยังไงก็ขอบคุณนะคะ”

 

บลูม่ายังคงเอ่ยขอบคุณที่อีกฝ่ายมีน้ำใจ

 

“ได้ข่าวจากทีมงานมาว่าน้องยุทำตัวไม่ดีใส่คุณเหรอคะ?
เอ่อ...บลูม่าขอโทษแทนน้องเขาด้วยนะคะ น้องเขาคงไม่ตั้งใจ...”

 

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ”

 

“ขอบคุณนะคะ ที่ไม่ถือสาน้องยุ”

 

“เปล่าครับ...ผมหมายถึงคุณบลูม่าไม่ต้องขอโทษผม
เพราะคุณบลูม่าไม่ได้ผิด สดายุต่างหากครับที่เป็นเจ้าของเรื่อง”

 

บลูม่าถึงกับหน้าเสีย เมื่อได้ยินคำตอบกระชากใจของกฤตเมธ
แต่ด้วยสปิริตผุ้จัดการดารามือทอง บลูม่าจึงต้องพยายามต่อรองกับกฤตเมธต่อ

“บลูม่าก็แค่เป็นห่วงน้องยุเขาน่ะค่ะ ยิ่งมาอยู่ตั้งไกลขนาดนี้
บลูม่าเองก็ตามมาดูแลไม่ได้...”

 

“ผมว่าคุณบลูม่าห่วงมากไปแล้วมั้งครับ คุณสดายุเขาดูแลตัวเองได้อยู่แล้วล่ะ...”

 

กฤตเมธตัดบทขึ้นด้วยรู้สึกว่าบลูม่ากล่าวเกินไป และแอบคิดในใจว่า ‘คงเพราะบลูม่าคอยโอ๋ คอยสปอยล์ขนาดนี้สินะ
สดายุจึงได้เสียผู้เสียคนจนเป้นพระเอกขี้วีน เอาแต่ใจอยู่ในตอนนั้น’

 

“ผิดแล้วค่ะคุณกฤตเมธ ยุเขาเกลียดตัวเองมากกว่าที่คุณคิดนะคะ”

 

“....ยังไงครับ??”

 

‘เกลียดตัวเอง?’
พอบลูม่าเอ่ยคำคำนี้ขึ้นมากฤตเมธก็ถึงกับขมวดคิ้วสงสัย
คนเอาแต่ใจอย่างสดายุเนี่ยนะ จะเกลียดตัวเอง? แม้จะสงสัยจนอยากจะเอ่ยปากถาม
แต่บลูม่าก็เอ่ยเรื่องราวต่างๆออกมาให้ได้ฟังเสียก่อน

 

“ยุเขาไม่รักตัวเองสักเท่าไหร่หรอกค่ะ เรียกได้ว่าไม่รักเลยซะดีกว่า
ตอนนี้ดีขึ้นหน่อยแล้วนะคะ สมัยก่อนนี้ฉุดยื้อกันแทบไม่ไหว”

 

“แต่ตอนนี้เขาก็เป็นผู้ใหญ่แล้วนะครับ เลยเบญจเพศแล้ว
คงไม่ต้องตามดูแลขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ”

 

ฟังไปฟังมาก็คล้ายกับแค่ว่า บลูม่าหลงเห่อในเด็กในสังกัดของตัวเองอย่างเดียว
หรือไม่ก็แค่มาจูงใจให้เขาเห็นใจจนต้องช่วยผลักดันสดายุเข้าไปโลดแล่นในวงการอีกครั้ง
ดังนั้นกฤตเมธจึงอดไม่ได้ที่จะตอบโต้แรงๆออกไป

 

“ไม่หรอกค่ะ ไม่ว่าจะอายุขนาดไหน ยุเขาก็ไม่เปลี่ยนหรอกค่ะ
ไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็ยังเป็นเด็กที่ต้องการการดูแล...”

 

‘ดูแล?’ คำที่เอ่ยออกมาพร้อมสายตาที่แฝงความหมาย
กฤตเมธไม่ใช่คนโง่ ชายหนุ่มรู้ทันทีว่าบลูม่ากำลังต้องการต่อรองบางอย่าง

 

“คุณตั้งใจจะบอกอะไรผมกันแน่ครับ? เอาตรงๆเลยดีกว่า”

 

และชายหนุ่มที่ไม่ชอบอ้อมค้อมอย่างกฤตเมธก็ไม่รอช้าที่จะถามออกไปตรงๆ

 

“มันอาจดูเหมือนมากไป แต่ฉันขอร้องได้มั้ยคะคุณกฤตเมธ
ระหว่างที่อยู่ที่นี่ คุณช่วยอยู่เคียงข้างน้องยุ แทนฉันได้มั้ยคะ?”

 

“...ทำไมต้องเป็นผม?”

 

ถึงกับสงสัยหนักกว่าเดิม เมื่อถูกร้องขอให้ ‘อยู่เคียงข้าง’ ไม่ใช่การขอร้องให้ช่วยผลักดัน ‘กลับเข้าวงการ’

 

“จะว่าบลูม่าเห็นแก่ตัวก็ได้นะ แต่ขอร้องจริงๆค่ะ
ตอนนี้ยุเขายังเคว้งคว้าง ฉันเองก็มาดูแลเขาไม่ได้ ขอร้องล่ะค่ะคุณกฤตเมธ
คุณเท่านั้นที่จะทำได้ ฉันเห็นตอนที่คุณให้สัมภาษณ์ ฉันก็รู้ทันทีค่ะ
ว่าฉันจะฝากฝังคุณได้ นะคะ...ได้โปรด...”

 

 

“.......ผมว่า...คุณขอร้องผิดคนแล้วล่ะครับคุณบลูม่า
สดายุเขาเกลียดหน้าผมจะแย่ และก่อนหน้านี้ผมก็...แกล้งเขาเอาไว้หนักเสียด้วย
ต่อให้ผมอยากจะดูแลเขาจริงๆ
เจ้าตัวเองก็คงไม่ยอมอยู่ดี...ผมว่าคุณฝากกับคนอื่นดีกว่านะ”

 

“ไม่ได้จริงๆเหรอคะ...”

 

เมื่อถูกขอร้องหนักข้อเข้า
เสียงของกฤตเมธก็เริ่มอ่อนลง การถูกขอร้องหนักแน่นอีกทั้งน้ำเสียงของบลูม่ายังดูจริงจังมากกว่าจะเป็นการเสแสร้งแกล้งเล่นนั้น
ทำให้กฤตเมธหนักใจไม่น้อย การจะให้ตัวเขาตอบตกลงในเรื่องที่ไม่เข้าใจก็ออกจะดูใจเร็วไปหน่อย
แต่การปฏิเสธออกไปก็เหมือนจะยิ่งทำให้บรรยากาศหดหู่ลง ดังนั้นชายหนุ่มจึงทำได้แค่การรับปากกลายๆเท่านั้น

 

 “โอเค โอเค ผมจะคอยดูให้
แต่ผมไม่โอ๋เขาเหมือนคุณนะ”

 

เพียงแค่ได้ยินการรับปากแบบไม่จริงจังนักของกฤตเมธเท่านั้นบลูม่าก็ยิ้มออกมาได้
แม้จะยังหนักใจแต่ก็พอจะอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

 

“แค่นั้นก็ขอบคุณแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณจริงๆนะคะ เฮ้อ...ค่อยโล่งใจขึ้นหน่อย...”

 

“คุณนี่...เป็นผู้จัดการส่วนตัวที่ดีมากเลยนะครับคุณบลูม่า
ผมไม่ค่อยเห็นผู้จัดการดาราคนไหน
เขามาคอยนั่งสนใจพระเอกที่หมดราคาจนขายแทบไม่ออกแล้วนักหรอก
แต่นี่ดูคุณยังเป็นห่วงสดายุเขามากเลยนะครับ”

 

กฤตเมธเอ่ยปากชื่นชมจากใจเมื่อเห็นว่าบลูม่าดูจะเป็นห่วงเป็นใยและรักเด็กในสังกัดของตัวเองอย่างสดายุมากมายนัก


 

ส่วนบลูม่าเองเมื่อถูกชื่นชมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาบางๆ
ไหนๆก็จะฝากฝังสดายุไว้กับกฤตเมธแล้ว
บลูม่าจึงคิดว่าควรจะเล่าอะไรบางอย่างให้กฤตเมธฟังเอาไว้บ้าง

 

“ยุเขาเป็นเด็กน่าสงสารน่ะค่ะ...”

 

เมื่อสบตากับผู้จัดการสาวข้ามเพศ
กฤตเมธก็รู้ได้ทันทีว่าบลูม่ากำลังจะเล่าอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับคนที่ถูกฝากฝังไว้กับตน
ชายหนุ่มจึงนิ่งเพื่อรับฟัง

 

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอยุเขา ตอนนั้นยุเรียนมหาวิทยาลัยอยู่
ปีสุดท้าย เขาก็เป็นเด็กแข็งกระด้างอยู่แล้ว หน้าตาดี แต่ปากมอม ทะเลาะวิวาทเก่ง
ไม่ค่อยร่ำเรียนจะจบแหล่มิจบแหล่ เสเพล เที่ยวผู้หญิง แต่เพราะตีหน้าเก่ง
ดูมีเสน่ห์มีพลัง ฉันจึงดึงเขาเข้าวงการค่ะ แค่เพียงไม่นานก็ดังพลุแตก
แต่...ก็ได้ไม่นาน เพราะฉันเองแหละค่ะ ที่ตามใจเขาเกินไป
เพราะอยากให้เขาได้มีความสุขบ้าง จนมันเลยเถิด พอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นสักเรื่อง
จากนั้นก็ถูกขุดคุ้ย ประเดประดังไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องจริงไม่จริง
ทั้งที่ทำและไม่ได้ทำ พอมีข่าวมากขึ้น ยุเองก็ไม่ยอมปฏิเสธอะไรอีก บอกว่าขี้เกียจ
ขนาดถูกป้ายสีถึงขั้นทำเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดท้องแล้วไม่ยอมรับ
เรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ยุก็ไม่ปฏิเสธ เลยดับอนาถอย่างที่เห็น...”

 

พอได้ฟังกฤตเมธก็พอจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตั้งแต่ที่ได้รู้จักชื่อเสียงของสดายุตั้งแต่ช่วงที่ฝ่ายนั้นเข้าวงการใหม่ๆ
ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรออกมาก็ไม่เคยเห็นว่าสดายุจะออกมาแก้ข่าว
ยิ่งข่าวเสียหายมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งนิ่งเงียบมากเท่านั้น
ไม่มีทั้งคำแก้ตัวและไม่มีแม้กระทั่งคำขอโทษ จนหลายๆคนในวงการออกอาการหมั่นไส้
เพราะเข้าใจว่าสดายุเป็นคนดังแล้วหยิ่ง ไม่เห็นหัวใคร
แม้กระทั่งเขาเองก็ยังเคยคิดในทำนองนี้เช่นกัน

 

“ยุเป็นเด็กแปลกค่ะ เมื่อไหร่ที่ถูกกล่าวหาว่าผิด เขาก็จะไม่ยอมแก้ตัว
จะนิ่งอยู่อย่างนั้น แม้จะไม่ใช่คนผิด ก็จะไม่ปริปากแก้ตัวเด็ดขาด”

 

“ทำไมเหรอครับ?”

 

“ตอนแรกฉันก็สงสัยค่ะ
จนได้รู้เรื่องชีวิตครอบครัวตั้งแต่เด็กของยุเข้า ฉันจึงเข้าใจ และอยากปกป้องเขา
อยากเคียงข้าง อยากดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยุที่น่าสงสาร...”

 

“มันเกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? ร้ายแรง?”

 

ยิ่งรู้ลึกกฤตเมธก็ยิ่งรู้สึกหน่วงในหัวใจ
อะไรกันแน่คือสาเหตุของเรื่องทั้งหมด อะไรกันที่ทำให้สดายุคนนั้นไร้ซึ่งรอยยิ้ม 

 

“คุณพ่อของน้องยุ เสียไปตั้งแต่น้องยุยังเด็กมากน่ะค่ะ
ยุอยู่กับคุณแม่สองคนมาตลอดปากกัดตีนถีบจนอายุได้สิบเอ็ดปี
คุณแม่ของน้องยุได้แต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงที่มีลูกติดเป็นผู้หญิงอายุไล่เลี่ยกับน้องยุสองคน
พ่อเลี้ยงเป็นคนมีฐานะ จึงสามารถดูแลทั้งคุณแม่และน้องยุให้อยู่อย่างสุขสบาย
แต่ก็ไม่ได้ชอบน้องยุมากนัก มักจะอารมณ์เสียใส่ ทำโทษสารพัด แม้ยุจะไม่ผิด
ยุไม่กล้าเถียงค่ะ เพราะถ้าทำแบบนั้นพ่อเลี้ยงจะไปลงที่คุณแม่แทน
และคุณแม่จะร้องไห้เสียใจ ยุไม่อยากให้คุณแม่ต้องเจ็บ เขาเลยไม่เคยเถียง
ยอมรับผิดในเรื่องที่ไม่ได้ก่อมาตลอด จนกระทั่งพอโตเป็นหนุ่ม
ยุหล่อขึ้นจึงทำให้มีผู้หญิงมาติดเยอะ แม้กระทั่งน้องเลี้ยงทั้งสองคนของยุเอง
เด็กสองคนนั้นชอบยุมากถึงขนาดขอนอนกับยุ แต่ยุไม่เล่นด้วย
แต่ทั้งคู่ก็ยังหลงรักยุและเข้าหายุอยู่ตลอด สุดท้ายก็ทะเลาะตบตีกันเองเพื่อแย่งยุ
รู้ถึงหูพ่อเลี้ยงเข้าเลยเกิดเรื่องค่ะ ในที่สุดยุก็ถูกให้ออกจากบ้าน
และเพราะตอนนั้นคุณแม่มีลูกกับพ่อเลี้ยงอีกคนนึง น้องยุเลยเหมือนถูกลืมน่ะคะ
จากนั้นก็ทำตัวเหลวไหลเรื่อยมา ส่วนหนึ่งเพื่อประชด
อีกส่วนก็เพื่อเรียกร้องความสนใจ...แต่ตอนนี้ยุไม่ทำแบบนั้นแล้วนะคะ”

 

“......ก็พอรู้ครับ ได้ยินว่าเก็บตัวเงียบ...”

 

พอได้ยินเรื่องราวทั้งหมด
กฤตเมธก็เหมือนปากของตัวเองจะหนักอึ้ง
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้ชายจอมยะโสและน่าหมั่นไส้สุดๆคนนั้นจะมีอดีตที่เลวร้ายได้ขนาดนี้


 

“ยุเคยพูดค่ะว่าเขาเสียใจที่ทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน...”

 

“แล้วครอบครัวของเขาตอนนี้...?”

 

“ราวกับตัดขาดกันไปเลยค่ะ
ช่วงยุมีชื่อเสียงก็ยังพอเห็นติดต่ออยู่บ้าง แต่หลังจากมีเรื่อง ก็เงียบไปเลย
ยุบอกว่าครอบครัวยุคงรังเกียจ และคงตัดขาดยุไปแล้ว...เพราะอย่างนี้ไงคะ
ฉันเลยทิ้งเขาไม่ลง...”

 

“.................”

 

“บลูม่าไม่ได้ต้องการให้คุณเมธคอยประคบประหงมยุเหมือนที่บลูม่าทำหรอกนะคะ
แค่ไม่ทิ้งเขา ทักเขาบ้าง แค่นั้นก็พอค่ะ ยุเขาเข้าหาคนไม่เก่ง พูดดีๆไม่เป็น
อาจก้าวร้าว ทำตัวไม่น่ารัก แต่ฉันขอร้อง อย่าทิ้งเขานะคะ”

 

บลูม่าพยายามขอร้องสำทับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป

 

“..............”

 

“คุณเมธ...”

 

“ครับ...ผมจะไม่ทิ้งสดายุ”

 

 กฤตเมธรับปากออกไปหนักแน่น
หลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจนจบ
ที่จริงแล้วตัวกฤตเมธเองก็ไม่ได้มั่นใจหรอกว่าจะดูแลสดายุได้ดีเหมือนที่ถูกฝากฝัง
แต่อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ตั้งใจที่จะคอยดูแลสดายุให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้

 

“ขอบคุณนะคะ…ขอบคุณจริงๆ”

 

ด้วยแอบตั้งใจเล็กๆว่าบางทีเขาอาจมีความสามารถขนาดที่จะทำให้คนดื้อดึงคนนั้นหันมายิ้ม
มาอ้อนเขาเหมือนที่เจ้าตัวทำกับบลูม่าก็เป็นได้

แต่…

พอได้สติกฤตเมธก็ถึงกับหน้าเห่อร้อนเล็กๆ
เพราะดันนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับสดายุเลยสักนิด แล้วทำไมกัน ทำไมเขาถึงต้องอยากเห็นรอยยิ้มของสดายุด้วย
ทำไมต้องอยากให้อีกฝ่ายมาอ้อน ยิ่งคิดยิ่งตื้อ…

‘เฮ้อ…บ้าไปแล้วเรา’

*

*

*

*

*



ต่อด้านล่างจ๊ะ

ปล. แถมนางฟ้าของเรื่องนี้ค่ะ เจ๊บลูม่าของเรานี่เอง แท๊นนนนน!!!

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 03-10-2013 02:26:50
“เอ้าคัททททททททท!!!”

“เยี่ยมๆ ดีมาก เก่งๆๆๆ”

ในที่สุด ณ เวลา 23:00 น. ซีนสุดท้ายของวันนี้ก็ถ่ายทำจบ หลังจบคำสั่งคัทของอ๊อดทุกคนก็ถอนหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน ‘จบไปอีกหนึ่งวัน’

“วันนี้พระนางเราเหนื่อยทั้งวันเลยเนอะ ไหนจะต้องให้สัมภาษณ์ ไหนจะต้องถ่ายทำต่อ น่าสงสารจัง”

“อืมแต่ก็เก่งจังเลยเนอะ ทั้งคุณเมธคุณยุ ตีบทแตกกระจาย ฉันนี่นะดูสองคนนี้ทีไรอดจั๊กจี้ไม่ได้สักที”

“ในบทดูดีนะ แต่พอนอกบทไม่เห็นคุยกันดีๆเลย ฉันเห็นทะเลาะกันประจำ”

“ทะเลาะที่ไหน ฉันเห็นมีแต่คุณยุ แว๊ดๆๆๆอยู่คนเดียว ไม่เห็นคุณเมธจะเคยโมโหอะไรเลยนะ”

“แหม…คุณเมธเธอเป็นสุภาพบุรุษย่ะ เป็นถึงเทพบุตรแห่งวงการ มารยาทดี วางตัวดี ใช่จะเหมือนกับอีตาคุณยุซะเมื่อไหร่ ขานั้นขี้วีนจะตาย เมื่อก่อนนะฉันเคยทำงานในกองละครที่คุณยุเธอแสดง วู้ยยยย พ่อวีนกองแตกได้ตลอดเลยย่ะ ทั้งๆที่ตัวเองนะ มาก็สาย บางทีก็เมาค้างมา นิสัยเสียแบบสุดๆเลยนะจะบอกให้ เธอก็เห็นใช่มั้ยว่าข่าวคาวคุณยุเธอไม่เคยขาด ถ้าตอนนั้นไม่ฟูขึ้นหม้ออยู่นะ รับรองไม่มีใครจ้างหรอกจ๊ะ พระเอกแบบนั้นน่ะ ใครๆเขาก็คาดกันว่าคงอยู่ไม่นาน แล้วก็จริงๆด้วยล่ะเธอ  ดังอยู่ได้ไม่ถึงสองปีดับวูบเลย”

“ตายแล้ว เรื่องจริงเหรอเนี่ย? เอ๊ แต่ฉันไม่เห็นคุณยุเขาจะโมโหอะไรใส่พวกทีมงานอย่างเราๆเลยนะ เธอเวอร์ไปรึเปล่า?”

“หืม ยัยนี่โง่จริง ก็คุณยุเธอเพิ่งจะกลับมาเล่นหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกหลังจากโดนเฉดหัวออกจากวงการ จะกล้าออกฤทธิ์ออกเดชอะไรล่ะ ลองได้กลับมาดังเหอะ ลายออก เชื่อฉันสิ คนแบบนี้ทนทำตัวดีๆได้ไม่นานหรอก”

“เหรอ…ถ้าเป็นอย่างที่เธอว่าจริงๆก็น่าสงสารคุณเมธเขานะ ที่ต้องมาเล่นคู่กันเนี่ย”

“ก็แหงสิยะ เจ้าตัวคงบากหน้าไปขอผู้ใหญ่มาน่ะสิ เขาถึงให้มาเล่นคู่กันเนี่ย อาศัยบารมีคุณเมธเพื่อกลับเข้าวงการไงเธอ”

“ตายจริง คุณเมธยิ่งน่าสงสารเข้าไปใหญ่ เฮ้อ…”

“นั่นน่ะสิเธอ”

ฯลฯ

หลังเลิกกอง สองสาวคอสตูมกับช่างแต่งหน้าที่กำลังเก็บของและกำลังเม้าท์มอยเรื่องของสดายุอยู่นั้น สองสาวไม่รู้ตัวเลยว่ามีอีกคนที่ได้ยืนฟังทุกอย่างที่พวกหล่อนคุยกันอยู่ด้วย แถมยังได้ยินชัดเจนทุกคำทุกประโยค
‘เรา…ทำไมถึงยังยืนอยู่ตรงนี้นะ…’

เสียงคลื่นที่สาดซัดเข้ากระทบชายหาด ไม่ว่าได้ฟังเมื่อไหร่ ก็พาหัวใจให้คิดถึงบ้านขึ้นมาเมื่อนั้น
‘เจ๊บลูม่า ทำไมเจ๊ต้องรีบกลับวันนี้ด้วยนะ ทำไมไม่อยู่กับผมก่อน’
 ‘ผมเหงา…ผมเจ็บ’
*
*
*
*
*
“นี่คุณ มานั่งเมาอะไรอยู่คนเดียวบนหาดมืดๆเนี่ย ไม่กลัวรึไง?”

สดายุสะดุ้งหวือขึ้นมาทันทีเมื่อจู่ๆก็ถูกเรียกจากด้านหลัง

“คุณกฤตเมธ?...มาทำไม ยุ่งไรด้วย?”

เมื่อหันไปมองแล้วเห็นว่าเป็นกฤตเมธ สดายุก็รีบหลบหน้าเพื่อแอบปาดหยาดหยดแห่งความเหงาออกจากใบหน้า แต่ภาพหยาดน้ำตานั้นไม่อาจหลบสายตาของกฤตเมธพ้น ชายหนุ่มหน่วงใจขึ้นมาเล็กๆทันทีที่เห็นกระแสความเหงาที่ออกจากร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้า

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว บังเอิญว่ากฤตเมธรู้สึกว่านอนไม่หลับ เพราะได้แต่นอนคิดมากเรื่องของสดายุ หนักเข้าชายหนุ่มจึงตัดสินใจออกมาเดินนอกที่พัก เพื่อผ่อนคลายสติอารมณ์ แต่พอเดินออกมาได้สักพัก กฤตเมธก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่า เงาตะคุ่มที่นั่งอยู่ลิบๆตรงมุมมืดของชายหาดนั้นคือ สดายุ
‘ดึกขนาดนี้มานั่งทำบ้าอะไรตรงหน้าหาดเนี่ย!? ไม่กลัวโดนฉุดรึไง ลมเย็นขนาดนี้เดี๋ยวก็ได้ไม่สบายกันพอดี นั่นอะไรน่ะ ดื่มเหล้าด้วยเหรอ!?’

แล้วพอจะเดินมาเรียกก็ดันเห็นว่าเจ้าคนขี้เมาตรงหน้านั้นกำลังนั่งร้องไห้อย่างว้าเหว่อยู่ ‘เกิดอะไรขึ้นกันนะ’ ใบหน้าแดงช้ำจากคราบน้ำตาและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นช่างดูหน้าสงสารบาดใจจนกฤตเมธทำอะไรแทบไม่ถูกเลยทีเดียว

“ผมก็แค่เป็นห่วง กลัวว่านางเอกของผมจะโดนใครซิวหายไป ขี้เกียจหานางเอกใหม่นะครับ”

เมื่อเห็นว่าสดายุพยายามจะแอบซ่อนหยาดน้ำตา กฤตเมธก็ไม่อยากจะไปทักถึงเรื่องที่เจ้าตัวพยายามหลบเลี่ยง ดังนั้นชายหนุ่มจึงทักออกไปในประเด็นที่ดูเป็นเรื่องขำขันมากกว่า

“ไม่ดีรึไง จะได้เจอนางเอกดีๆ เอาใจเก่งๆ หึหึ มีคนรอจ่อคิวเพียบ...”

คำตอบประชดประชันเล็กๆที่ตอบกลับมาเล่นเอากฤตเมธถึงกับส่ายหน้าขำกับคำตอบนั้นเบาๆ แต่จะให้มานั่งคุยตรงที่มืดๆก็ใช่ที่ และดูเหมือนสดายุจะเมาพอสมควรแล้ว ดังนั้นกฤตเมธจึงเข้าไปประคองร่างบางนั้นขึ้นหมายจะพากลับห้องพัก

“ไม่ต้อง แค่คุณก็เหนื่อยพอแล้ว มานี่เลย...”

“เฮ้ย! อะไรของคุณเนี่ย ปล่อยผมนะ!!”

“มันดึกแล้ว ตรงนี้มันอันตราย กลับที่พักกับผมเดี๋ยวนี้เลย”

“โอ้ยยย!! ไม่ต้องมายุ่งกับผม ผมเป็นผู้ชายนะ ใครจะพาผมไปทำบ้าอะไรที่ไหนได้วะ!!?”

และเป็นดังคาด สดายุดิ้นรนออกจากวงแขนแข็งแรงนั้นทันที

“ผู้ชายรูปร่างหน้าตาผิวพรรณอย่างคุณน่ะ อันตรายเสียยิ่งกว่าพวกผู้หญิงบางคนเสียอีก แถมยังเมาเคว้งแบบนี้อีก อยากโดนจับไปขายรึไง!?”

เมื่อเห็นว่าสดายุเล่นตัวไม่เลิก กฤตเมธก็เริ่มออกอาการหงุดหงิดกับเด็กดื้อที่พูดยากพูดเย็นคนนี้ขึ้นมาตงิดตงิด เพราะถึงแม้จะอธิบายถึงอันตราย ที่อาจเกิดขึ้น เจ้าตัวแสบก็ไม่ยอมเชื่อ

“ใครเขาจะโรคจิตอย่างคุณกัน พ่อพระเอกเทวดา โธ่เว้ย! หลบไปเลย...”

สดายุโวยวายและสามารถดิ้นออกจากมือของกฤตเมธในที่สุด หลุดออกมาได้เจ้าคนเมาไม่รู้เรื่องก็เดินเซแท่ดๆออกสู่ชายทะเลทันที

“นั่นคุณจะไปไหน!?”

“เรื่องของผม มาตามวุ่นวายทำไมเนี่ย...อ๋อ...หลงรักผมเข้าแล้วสิ”

“ห๋า!!?”

กฤตเมธอุทานเสียงหลงเมื่อถูกคนเมาหันกลับมาแหย่ ‘รัก’ เหรอ! บ้าไปแล้ว!!

“ชอบผมแล้วอ่ะดี๊ ตามกันต้อยๆแบบนี้ ฮ่า ฮ่า ขอโทษนะคุณพระเอกของผม อิอิ ผมชอบนมตู้มๆ มากกว่าอกแข็งๆ นิยมประตูหน้ามากกว่าประตูหลัง ไปหาคนอื่นเถอะนะ หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า”
ด้วยความเมามายสดายุจึงกระเซ้าอีกฝ่ายออกไปพร้อมกับหัวเราะเอิ๊กอ๊าก ร้อนถึงกฤตเมธที่ต้องแก้ต่างพัลวัน ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าจะไปถือคนเมาทำไม และที่สำคัญแก่จนปูนนี้แล้วจะยังเขินเพราะโดนแซวอยู่อีกทำไม 

“ไปกันใหญ่แล้ว! เพี้ยนอะไรของคุณเนี่ย เฮ้อ! อย่าสำคัญตัวผิดไปเลยคุณนางเอก นี่ถ้าคุณบลูม่าไม่ขอร้องผมไว้ให้คอยช่วยดูแลคุณนะ ผมไม่มาวุ่นวายคุณอยู่อย่างนี้หรอก...”

และเพราะมัวแต่ทำอะไรไม่ถูกที่โดนแซว กฤตเมธจึงพลั้งปากตอกกลับเด็กขี้เมาให้ได้หน้าหงายบ้างโทษฐานที่หลงตัวเอง แต่พอพูดจบประโยคกฤตเมธก็รู้ตัวทันทีว่าดันพูดอะไรที่ไม่ควรออกไปเสียแล้ว และยิ่งรู้สึกผิดหนักเมื่อเห็นว่าใบหน้าที่ยังเปื้อนยิ้มอยู่เมื่อครู่สลดลงทันใด

“..........อ๋อ...งั้นคุณก็อย่ามาเหนื่อยกับผมเลย...”

แม้แต่คำพูดที่ออกจากริมฝีปากนั้นยังแฝงไปด้วยความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัด

“ผมไม่ฟ้องเจ๊บลูม่าหรอก คุณไปพักเหอะ อย่ามายุ่งกับคนอย่างผมเลย ผมดูแลตัวเองได้”

สดายุยังคงพร่ำพูดให้อีกคนเลิกสนใจเขา ใบหน้านั้นแย้มยิ้มออกมาอีกครั้ง แต่มันเป็นยิ้มที่ทำให้หัวใจของกฤตเมธเจ็บจี๊ด

“ดูแลตัวเองได้บ้าบออะไรกันคุณสดายุ เดินให้ตรงยังทำไม่ได้เลย...”

กฤตเมธรีบกระโดดเข้าคว้าตัวสดายุไว้ทันควันเมื่ออีกฝ่ายที่กำลังจะเดินต่อไปนั้น ทำท่าจะล้มแหล่มิล้มแหล่

“ปล่อย!!”

สดายุดิ้นพล่านทันทีที่ถูกคว้าตัวเอาไว้ได้

“นี่! คุณสดายุ! ทำไมถึงดื้ออย่างนี้นะ?”

“อย่ามายุ่ง! ปล่อยผมนะ!”

“เออ! ผมปล่อยคุณแน่ ถ้าคุณพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าคุณดูแลตัวเองได้!!”

“อะไรน่ะ!!?”

“เอาสิ! ถ้าคุณดิ้นหลุดจากมือผมได้ผมจะปล่อยคุณ”

กฤตเมธยื่นคำขาดให้คนเมาแถมยังดื้อในอ้อมแขน และยิ่งกอดร่างนั้นแน่นขึ้นเมื่อคนที่กะปลกกะเปลี้ยจากความเมามายพยายามจะดิ้นรน

“โอ้ย! ปล่อยผม! คุณกฤตเมธ!!”

“ไงล่ะ แค่ผมคนเดียวคุณก็ดิ้นไปไหนไม่รอดแล้ว จะดูแลตัวเองยังไง เอาตัวรอดจากผมยังไม่ได้เลย”

“อ๊ะ!? เหวอ!!!?”

ทั้งที่พยายามดิ้นเต็มที่แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการ สุดท้ายแล้วยังถูกแบกขึ้นบ่าราวกับตัวเขาเบาเป็นปุยนุ่น แถมคนอุ้มยังเดินชิวกลับที่พักได้อย่างง่ายดายอีก ทั้งที่พยายามร้องโวยวาย แถมดิ้นพล่าน แต่ความเป็นจริงเป็นได้แค่ดิ้นสะเปะสะปะ มื้อไม้ไร้เรี่ยวแรง ยิ่งถูกจับพาดบ่าห้อยหัวอยู่อย่างนั้นอีก ยิ่งเลือดลงหัวก็ยิ่งมึนหนัก

“ปล่อยนะ!! ไอ้บ้า!! ปล่อยยยย!!”

ตุบ

“พ...พามาที่นี่ทำไม ผมจะกลับห้อง”

“ไม่ให้กลับ ในเมื่อคุณหนีไปจากผมไม่พ้น คุณก็ต้องอยู่ที่นี่...”

ในที่สุดก็ถูกปล่อยตัว ถึงตอนนี้สดายุจะเมามาก แต่เขาก็ยังมีสติพอที่จะรู้ว่าทีที่ถูกพามาไม่ใช่ห้องของตน ชายหนุ่มพยายามฝืนตัวลุกขึ้นจากเตียงนุ่ม ซึ่งแน่นอนว่าไร้ประโยชน์ แถมเจ้าคนพามายังประกาศิตไม่ยอมให้เขากลับอีกด้วย

และมีหรือที่คนอย่างสดายุจะยอมแต่โดยดี งานนี้มีฟาดฝีปาก!!

“จะบ้าเหรอ!!? นี่! โอ้! ไอ้กฤตเมธ!!”

“หยุด!! ห้ามหยาบคายใส่ผมอีก!!”

“ทำไม!? ทำไมจะทำไม่ได้ ใหญ่มาจากไหนไม่ทราบ!!?”

พอเถียงกลับไปคราวนี้ร่างที่นั่งอยู่ข้างเตียงก็โถมทั้งร่างลงมาหาสดายุทันที ก่อนจะโน้มตัวลงมากระซิบคำขู่อยู่ตรงหน้าคนเมาที่ได้แต่นอนหงายแบอยู่ใต้ร่าง

“ก็ลองดูสิ หยาบคายใส่ผมอีกที ผมกัดคุณลิ้นขาดแน่”

“ไอ้!!....หนอย! คิดว่าคำขู่ง่าวๆของแก ฉันจะกลัวเหรอ ไอ้แก่โรคจิต!! อื้อออออ!!!???”

เมื่อเตือนแล้วไม่ฟังสดายุก็โดนลงโทษทันทีด้วยริมฝีปากร้อนฉ่าของร่างเบื้องบน กฤตเมธทาบริมฝีปากลงไป สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากราวกับจะคว้านลงไปให้ลึกที่สุด

“อึก!!!”

เรียวลิ้นที่สั่นเกร็งของสดายุถูกไล่ต้อนอย่างง่ายดาย ปลายลิ้นน้อยถูกดูดดุนอย่างรุนแรง ริมฝีปากที่ถูกบดขยี้ราวกับจะบี้ให้หลอมเป็นเนื้อเดียวกันนั้น พยายามจะเผยอขึ้นเพื่อสูดอากาศบ้าง แต่ริมฝีปากร้ายของกฤตเมธก็รุกไล่ไม่หยุด จนสดายุนิ่งไปนั่นแหละเขาถึงจะยอมปล่อย

“ฮ้า…ฮ้า…ฮ้า…”

สองร่างหอบถี่จากรสจูบรุนแรงเมื่อครู่ออกมาพร้อมกัน

“เคยบอกแล้วไง ว่าอย่าท้าทายผม ไม่เคยเข็ดเลยนะ คุณสดายุ”

“............”

หลังถูกลงโทษด้วยจูบรุนแรง สดายุก็ได้แต่นิ่งงัน เพราะสมองของเขานั้นยังไม่สามารถประมวลผลอะไรออกมาได้ทั้งนั้น

“นอนนิ่งๆเป็นแล้วใช่มั้ยครับ คุณนางเอก ดื่มเหล้าจนเมาเป๋ขนาดนี้ อยู่ห้องคนเดียวมันอันตราย...”

“คุณ...เป็นเกย์เหรอ?...”

“หือ!?”

คำถามที่ออกจากปากบวมเจ่อนั้น ทำเอากฤตเมธแทบหงายหลัง ‘คิดได้ไง??’

“คุณเป็นเกย์สินะ คุณถึงได้...จูบ...ผม...”

“...เกย์?...หึหึ...นั่นสินะ ผมอาจเป็นเกย์ก็ได้ ไม่รู้สินะ ไม่แน่ใจเหมือนกัน”

“ไม่รู้ได้ยังไง คุณจูบผู้ชาย คุณเป็นเกย์”

“ผมจูบคุณ เป็นการลงโทษที่คุณมันดื้อไม่เลิก”

“ผู้ชายบ้าที่ไหนเขาลงโทษผู้ชายด้วยกันด้วยการจูบบ้างวะ? เพี้ยนเหรอ? เกย์ใช่มั้ย!?”

“ก็ถ้าลงโทษแบบอื่น รุนแรงไปมันจะทิ้งรอย คุณยิ่งเป็นพวกช้ำง่ายอยู่ นี่ไงรอยที่ผมทำไว้คราวที่แล้วยังไม่จางเลย ม่วงซะ...”

“แล้วมันเกี่ยวกับจูบตรงไหนกัน!?”

“ก็จูบ มันทำให้คุณเงียบได้ แถมไม่ทิ้งรอยให้คนอื่นเห็นด้วยไงล่ะ”

ได้แต่ทำฟอร์มว่าเป็นการจูบเพื่อลงโทษที่อีกฝ่ายดื้อรั้น แต่ความจริงแล้วกฤตเมธเองก็ไม่รู้หรอกว่าจูบไปทำไม เขาไม่สามารถให้คำตอบที่แท้จริงได้ทั้งกับสดายุและกับตัวเอง จะให้พูดยังไงล่ะ ว่าพอรู้ตัวก็เผลอจูบไปเสียแล้ว

“...ไอ้แก่โรคจิต...”

“อยากโดนอีกรึไง สดายุ? คราวนี้ไม่จบแค่จูบนะ”

“.....................”

“.......หึหึ...เงียบได้ซะที คืนนี้นอนที่นี่แหละ เดี๋ยวผมเอาน้ำให้ดื่ม”

พอเห็นว่าสดายุสิ้นฤทธิ์ลง เพราะดวงตาฉ่ำหวานของร่างปวกเปียกนั้นกำลังปรือปรอย แสดงว่ากำลังใกล้จะหลับในไม่ช้าแล้ว กฤตเมธจึงตั้งใจลุกขึ้นไปหยิบน้ำเย็นมาให้ชายหนุ่มดื่มล้างพิษแอลกอฮอล์เสียหน่อยก่อน แล้วค่อยจัดการให้นอนสบายๆ แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกออกจากเตียงกว้าง สดายุก็เอ่ยบางอย่างออกมาแผ่วผิวราวกับเสียงคนละเมอ

“คุณมันเพี้ยน กฤตเมธ...มายุ่งกับผมแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้ตกต่ำตามผมลงไปด้วยหรอก...”

“...........”

“.....อย่าเอาตัวคุณ...มาเกลือกกลั้วกับคน...แบบผม...เลย...เดี๋ยวจะตก…ต่ำ…เอา…นะ…”

“........................”

คำเพ้อที่ออกมาจากปากสดายุนั้น ไม่ใช่คำประชดประชันเหมือนที่เจ้าตัวเคยทำเป็นปกติ แต่ทุกคำล้วนออกมาจากจิตใต้สำนึกของสดายุทั้งนั้น คำดูถูกตัวเอง ที่แสนเจ็บปวด

“ตัวตนจริงๆของเธอเป็นเด็กแบบไหนกันแน่นะ สดายุ...”

กฤตเมธค่อยๆโน้มตัวลงมองร่างที่หลับใหลไปแล้วของสดายุอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือออกมาลูบเรือนผมนุ่มนั้นเบาๆ ขณะนี้หัวใจที่เต้นระส่ำของกฤตเมธช่างสับสนกับพฤติกรรมของสดายุเหลือเกิน ‘ตกลงสดายุคนนี้คือใครกัน พระเอกผู้เย่อหยิ่ง หรือ ชายหนุ่มผู้เงียบเหงา?’

“เปลือกแข็งกระด้างที่ห่อหุ้มตัวเธอไว้ซ่อนตัวตนแบบไหนเอาไว้กันแน่...หืม?”

“เป็นเหมือนที่ตาฉันเห็น...”

“หรือเป็นเหมือนที่ใจฉันสัมผัสได้กันแน่นะ...”


*********************************************************************************
แต่งไปดูรายการคนอวดผีไป…เอิ่ม…เนื้อหามันเลยอาจงงๆหน่อยนะคะ 555+

วันนี้แอบมาแบบดราม่าเงียบๆ...งานในมือยังไม่เสร็จเลยค่ะ
กะจะเขียนตอนพิเศษเกลียวบาป แต่ดันคิดออกแต่พล็อตของนางเอก อร๊ากกกกกกกกกกกกก!!!!
ก็เลยต้องเขียนมาลงไว้ก่อนค่ะ
แล้วก็ขอตัวหายหัวไปอีกสักสอง-สามวัน เพื่อปั่นตอนพิเศษเกลียวบาปต่อ...

ถึงจะดูเหมือนยุทำตัวเองทั้งนั้น แต่อย่าไปโทษยุเลยนะคะ ยุเขาเซ้นสิทีฟค่ะ
จากนี้ไป พี่เลี้ยงอย่างกฤตเมธจะกำราบสดายุของเราอยู่รึเปล่าน่อ
ลุ้นกันต่อไปค่ะ อิอิ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
อนาคี99 / Thearboo
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 03-10-2013 02:31:36
 :katai5: มาแอบอ่านเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 03-10-2013 02:55:47
ย่องมาอ่านนน น้ำตาซึมเบาๆอะเทออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 03-10-2013 03:30:25
สงสารยุ :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 03-10-2013 03:38:52
 :sad4: หน่วงๆแฮะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 03-10-2013 03:40:02
 :hao5: ที่แท้ยุก็มีปมแบบนี้นี่เอง น่าสงสาร
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: karmdodcom ที่ 03-10-2013 03:48:22
\\น้ำตาชื้นเบาๆ
ฮือออ TT
ยุเอ๊ยยยย...
สนใจมาอยู่กับเราไหม?  คุณเมธไม่ดูแล เราดูแลให้ก็ด้ายยยย
แม่ของยุนี่ก็ดูใจร้ายดีนะคะ...ลูกชายตัวเองแท้ๆ กลับทิ้งกันลงได้
แต่อ่านตอนนี้แล้วกลัวใจยุจังเลยค่ะ กลัวว่า ถ้าจู่ๆทำอะไรแย่ๆกับตัวเองแบบไม่คาดคิดขึ้นมา...
...มันจะเป็นยังไง...อีกอย่าง...เราว่าที่ยุไม่ยอมแก้ตัว...เพราะคนกล่าวหาทั้งหลายไม่ให้โอกาสยุแก้ตัวไม่ใช่หรอ?
หมั่นไส้เมธอ้ะ...ถึงยุจะปากไม่ดีก็เถอะ แต่นายก็อายุมากกว่าตั้งเยอะ ไปทำยุเขาเสียใจอยู่เรื่อยเลย   :katai1: :katai1:
จริงสิ...
...อาการแบบนี้คล้ายจะเป็นเด็กเก็บกดเลยค่ะ ยิ่งโดนกล่าวหายิ่งเงียบยิ่งนิ่งนี่่น่ะค่ะ
...น่ากลัวว่าถ้าเป็นหนักกว่านี้จะเกิดอะไรขึ้น

รอตอนต่อไปเน้อ TT
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 03-10-2013 05:45:58
น้องยุ น่าสงสารนะคะ
รอวันที่สองคนนี้จะรักกันเร็วๆ
พี่เมธก็อย่าใจร้ายกับน้องนักนะ
 :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 03-10-2013 05:54:17
โอ้โดนจูบ


เมธเริ่มหลงน้องปะเนี่ย



รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 03-10-2013 06:44:12
จูบพิฆาตสดายุ อิอิ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-10-2013 07:54:36
อ่านไปพร้อมกับฟังเพลงเศร้า น้ำตาร่วงสงสารน้องยุอะ  เจ๊บลูม่าเข้าใจเลือกคนมาดูแลน้องยุอะ ชอบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 03-10-2013 09:20:19
ได้พี่เลี้ยงเป็นพระเอกแห่งวงการเลยอะยุ ;_;
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 03-10-2013 09:27:14
แอบน้ำตาคลอไปกับความเจ็บปวดของสดายุ
กฤตเมธช่วยทำให้ตัวตนที่แท้จริงของสดายุกลับมาได้มั้ย 
:mew6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 03-10-2013 09:36:54

เย้ พระเอกเริ่มเป็นเกย์แล้วค่ะ

ใช่สิ น้องยุน่ารักน่าจูบใช่ไหม??

พระเอกคงอ่อนลงเยอะหลังจากรู้ อดีตเศร้าๆของนายเอก

รักกันไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 03-10-2013 10:37:47
 :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: josephine ที่ 03-10-2013 11:52:41
เจ็บในอกตอนที่สดายุละเมอ  สงสาร
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 03-10-2013 11:58:09
 :katai2-1: :katai2-1:

น้องยุ มีอดีตที่น่าสงสารจังงงง

อันที่จริงไม่อยากให้รักกันเร็วเลย เราชอบแบบหน่วงๆ 555  แต่คงดาร์กได้ไม่นาน เรื่องสั้นนี่เนอะ

 :z6: :z6: :z6: (เดี๋ยวแกรจะโดนเค้าอยากให้รักกันทั้งนั้น)

ชอบแนวที่เขียนมากเลย รักคนเขียน  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 03-10-2013 12:04:07
น้องยุน่าสงสาร  :monkeysad:
พี่เมธได้เลื่อนขั้นเป็นพี่เลี้ยง?เเล้วก็ช่วยดูแล อบรม? แล้วก็ให้ความรักความอบอุ่น? น้องยุเยอะๆหน่อยนะคะ :z1:

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 03-10-2013 12:19:10
น้องยุน่าสงสารจัง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 03-10-2013 12:44:13
สงสารยุอ่าาาาา   :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: mwsign3639 ที่ 03-10-2013 13:40:09
ยุน่าสงสารอ่ะ น้ำตาซึมเลยยยย  :hao5: :hao5: เจ๊บลูม่าเป็นดีไรอย่างนี้ o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-10-2013 14:31:01
เศร้ามาก น่าสงสารมาก
คนทุกคนมีเหตุผลของการกระทำTT
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 03-10-2013 15:13:42
ถึงจะมีดราม่าแต่เค้าเขินนะ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 03-10-2013 16:38:49
โธ่ สตายุน่าสงสารจริงๆ
 คุณแม่(เจ๊ลูม่า)อุตสาฝากฝังลูกสาว(สตายุ)ไว้แล้ว
กฤตเมธก็ดูแลดีๆล่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-10-2013 18:02:46
พี่เมธดูแลน้องยุดีๆนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 03-10-2013 18:09:54
สงสารหนูยุอ่ะ เมธดูแลน้องดีๆเน้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 03-10-2013 18:17:10
 :m15:ฟินนน พี่เมธแกถึงเนื้อถึงตัวว
สงสารยุเหมือนกันเน้ออ
พี่เมธนี่ละที่จะทำให้ยุสดใสขึ้น ~~
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 03-10-2013 18:22:46
อ่านจบ ทำไมหน้ามันเปียกๆวะ
กร๊ากกกกกกกกกกกกก ร้องไห้ตามน้องยุอ่ะ ฮรืออออออออออออ
เป็นความหลังที่เจ็บปวดและเหงามากจริงๆ  :sad4:
อิพี่เมธก็ดูแลน้องหน่อยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 03-10-2013 18:33:31
 :impress2: :impress2:



อร๊ายยยยย ชอบเจีบลูอ่ะ งิงิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 03-10-2013 20:14:00
คุณเมธต้องดูแลยุให้ดีนะ
อย่าปล่อยให้เด็กคนนี้ต้องอยู่เพียงลำพังคนเดียว
อย่าปล่อยให้ความเหงาและความเศร้ากัดกินใจอีกฝ่าย
อยู่เคียงข้าง ห้ามทิ้ง ดูแลให้ดีเท่าที่จะทำได้
เชื่อว่าอีกไม่นานยุคงเริ่มเปิดใจและยิ้มกว้างให้คุณเมธแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: MIkz_hotaru ที่ 03-10-2013 20:32:20
 :hao5:
อดีตอันแสนขมขื่น
พี่เมธดูแลน้องดีๆนะ
ใช้ใจมอง เพราะน้องยุเป็นคนซึน 555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 03-10-2013 21:01:18
บางทียุก็ต้องสร้างอีกด้านเพื่อทำให้ตัวเองไม่ดูอ่อนแอเกินไป

ซีนนี้น่ารักเวอร์อะ โดนทำโทษเลยจ๊ะ เงียบเลยน้องยุของพี่กฤต

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 03-10-2013 21:35:56
ชอบทุกเรื่องเลยจ้า

โดยเฉพาะเรื่องนี้นะ รอติดตามผลงานจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 03-10-2013 22:19:08
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: lalitalx ที่ 03-10-2013 22:20:06
สงสารสดายุ  :hao5:   คุณเมตดูแลดีๆน้าาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-10-2013 22:36:05
 :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 03-10-2013 23:05:08
 :monkeysad: น้องยุน่าสงสาร ตอนนี้ทำเอาน้ำตาซึม
เจ๊บลูม่าเป็นคนดีมากๆ เรยอ่ะ ซึ้งใจแทนสดายุ
คุณเมธคงเผลอชอบน้องยุไปแล้วหล่ะ คอนเฟิร์ม!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 03-10-2013 23:47:15
น้ำตาซึม :hao5:

หนูยุของเค้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 03-10-2013 23:49:27
ดราม่าน้องยุน่าสงสารมาก ชีวิตเศร้าต้องมีเทวดาประจำตัวแล้ว พี่เมธไปดูแลน้องยุด่วนๆตบไม่ต้องขอจูบอย่างเดียวนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: คนโง่ ที่ 04-10-2013 00:01:10
น้ำตาร่วงเลยTT=TT น้องยุของเค้าาาาา
จะมีสักวันไหมนะ ที่จะมีใครเข้ามาเคียงค้างกันไปตลอด...//ชำเลืองมองหนุ่มใหญ่สุดยัน :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 04-10-2013 02:06:53
เขินๆเลยะนเนี่ย พ่อพระเอกเราท่าจะหลงนางเอกซะแล้ว
จะรอลุ้นตอนตื่นนะคะ อิอิ คงไม่ทเลาะกันห้องพังหรอกนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ✿PIERRE ที่ 04-10-2013 03:35:11
ชักเริ่มสงสารน้องยุขึ้นมาแล้วสิ

มาต่อฉากต่อไปเร็วๆนะคะ รออยู่ค่า ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: IRIS ที่ 04-10-2013 03:59:50
อืม จะว่าน่าสงสารก็ใช่ แต่ก็เพราะทำตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง ยังไงก็ต้องยอมรับผลของการกระทำ จะเอาความน่าสงสารชีวิตรันทดมาลบล้างความผิดมันไม่ได้หรอกนะ เพราะทุกคนก็มีเรื่องดราม่าในชีวิตด้วยกันทั้งนั้น แต่ก็จะรอดูต่อไปว่าพอมีคนดูแล สดายุจะดีขึ้นได้จริงไหม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: pornumpai-ka ที่ 04-10-2013 07:23:48
อ๊ากกกก  อ่านแล้วคลั่งอย่างแรง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 04-10-2013 08:56:52
สงสารยุอ่ะชีวิตน่าเศร้าจัง

เป็นเราคงไม่อยู่รอดมาถึงวันนี้แน่

เมธช่วยเป็นกำลังใจให้ยุหน่อยนะ

ช่วยเป็น 'ยาใจ' รักษาแผลใจให้หายที่เถอะ :mew6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 04-10-2013 13:41:47
 :impress2: :impress2: :impress2:


ตามมาอ่านจาก  ขิงราพณ์  คราฟฟ อ่านเรื่องนี้รอ  อิอิ สนุกเหมือนกัน  เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคราฟฟสู้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 05-10-2013 13:15:22
สงสารยุนะเป็นเด็กขาดความอบอุ่น :o12:
คุณเมธต้องเติมความอบอุ่นให้สดายุเยอะๆนะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-10-2013 13:21:30
รอ รอ รอ  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 05-10-2013 14:25:46
 :z3: :z3: :z3:


รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 07-10-2013 01:17:31
สนุกโครตตตตตตตตตตตตตตตตต
มาต่อนะคะ ต้องมาต่อนะคะ
รีบมาต่อนะคะ รักตายุเหลือเกินนน
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Ipatza ที่ 07-10-2013 03:17:25
น่าสงสารสดายุอะ
อ่านแล้วเศร้าเลย ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 07-10-2013 11:51:06
รีบมาต่อนะ  อยากรูููู้ว่าจะเป็นยังไงต่อ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 08-10-2013 13:41:46
 :hao5: รออยู่นะคะะะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 08-10-2013 14:01:23
เข้ามารอพระเอก นางเอกถ่ายซีนต่อไป :mew1: :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 08-10-2013 15:38:37
อ่านแล้วหน่วง  อ่านแล้วสงสารน้องยุ  เป็นเด็กมีปมนี่เอง  น่าสงสารอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: SAFERNSAZAAAAA ที่ 08-10-2013 16:04:11
รอๆ อยู่นะคะ  :katai2-1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: kogomon ที่ 08-10-2013 17:16:11
น่าสงสารยุ เมธจัดการให้อยู่หมัดเลยนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แถมรูปเจ๊บลูม่า)
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-10-2013 19:29:47
 :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 08-10-2013 19:58:30
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก
ซีน 7



‘โอย...ปวดหัวจัง....’

‘สงสัยเมื่อคืนดื่มหนักไปแฮะ...เฮ้อ...คอยังอ่อนเหมือนเดิมเลยเรา...’

‘หืม? ทำไมตรงเอวมัน...หนักๆวะ?’

‘หลังก็อุ่น...’

‘เฮ้ยยยย!!!!!??’



“อร๊ากกกกกกกก!!!!”

พรึ่บ


โครม!!

“เอะอะ อะไรแต่เช้าเนี่ยสดายุ?”

“...............”

ทั้งเสียงตะโกนแสบแก้วหู ทั้งเสียงโครมครามเรียกให้พระเอกหนุ่มตื่นจากภวังค์ฝัน ชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือที่หัวเตียงบ่งบอกเวลา หกโมงครึ่ง เพิ่งจะหกโมงครึ่งเท่านั้น พระเอกหนุ่มสูดหายใจเข้าปอดลึก เรียกกำลังในการเผยอเปลือกตาหนักอึ้งของตนขึ้น เพื่อจะหันไปดูตัวต้นเหตุที่ลงไปนั่งกองอยู่ข้างเตียงอย่างเซ็งๆ

“เมื่อคืนกว่าคุณจะสิ้นฤทธิ์ กว่าผมจะได้นอนก็ปาๆเกือบตีสี่นะครับ คิวถ่ายวันนี้ก็ตั้งบ่ายสามโมง ผมขอนอนยาวๆหน่อยได้มั้ยครับคุณสดายุ?”

กฤตเมธในสภาพเปลือยท่อนบน บ่นออกมายาวๆ พร้อมกับใช้มือขวาขยี้ผมไปมา โดยไม่ได้มองไปทางสดายุเลยแม้แต่น้อย แต่เพียงครู่ก็ต้องรู้สึกสะกิดใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นคู่กรณียังคงเงียบงัน

และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ต้องตะลึงงันกับภาพที่ได้เห็น ภาพนั้นคือ

ร่างสดายุที่ถูกห่อไว้อย่างหมิ่นเหม่ด้วยผ้าห่มฟูฟ่องสีขาวปลอด สภาพที่ไหล่กับต้นขาด้านซ้ายที่เผยออกมาจากสิ่งปกคลุมนั้นสามารถบ่งบอกได้อย่างดีว่าภายใต้ผ้าห่มผืนนั้นร่างกายของสดายุไร้สิ่งใดปกปิดกีดกันสายตาแม้แต่ชิ้นเดียว

ทำไมกฤตเมธถึงรู้ว่าใต้ผ้าห่มผืนนั้นไม่มีสิ่งกีดขวางแม้สักชิ้นน่ะหรือ ก็เพราะเมื่อคืนเป็นฝีมือเขาเอง ที่เป็นคนปอกเปลือกสดายุจนล่อนจ้อน เขาเองที่เป็นคนทำให้ร่างขาวผุดผาดของสดายุนั้นเปล่าเปลือย ไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ กกน.

“ก...แก...ทำอะไรฉัน!!?”

เสียงแรกแทนการทักทายจากสดายุคือเสียงที่แหบต่ำราวกับจะขู่กรรโชก ตาขวาง ใบหน้าแดงก่ำ

“.....พูดกับรุ่นพี่ให้มันดีๆหน่อยสดายุ ผมเตือนคุณหลายครั้งแล้วนะ เรื่องมารยาทน่ะ...”

“ไม่จำเป็นต้องมีกับคนฉวยโอกาสอย่างแก!! บอกมา! เมื่อคืนแกทำอะไรฉัน!!!?”

‘ฉวยโอกาส’ ‘ทำอะไรกับ...’ พอเริ่มจับความได้ กฤตเมธก็ยิ้มน้อยๆออกมาที่มุมปาก นึกขำไม่หยอกที่คนข้างล่างเตียงคิดว่าตัวเองโดนเขาทำมิดีมิร้าย
 ‘ไหนว่าช่ำชองเรื่องพวกนี้ไงเจ้าตัวแสบ ที่แท้ก็อ่อนเหมือนกันนี่หว่า’

ตอนแรกก็กะว่าจะเฉลยออกมาดีๆ แต่พอเห็นเด็กนิสัยเสียทำตัวก้าวร้าวไม่เลิกขนาดนี้ กฤตเมธก็อดไม่ได้ที่ต้องแกล้งแหย่กลับไปเสียหน่อย ก็นะ ช่วยไม่ได้ที่บลูม่าฝากให้เขาช่วยดูแล ช่วยไม่ได้ที่เขาเองก็แอบให้ความเอ็นดูในตัวสดายุไม่น้อย และก็ช่วยไม่ได้ที่เขาเองก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ใจดีสักเท่าไหร่นัก ดังนั้นการจะอยู่นิ่งเป็นพระอิฐพระปูนให้เด็กมันลูบคมนั้น ย่อมไม่ใช่ตัวเขาอย่างแน่นอน
‘เด็กไม่ดีต้องตีให้เข็ด!’

เมื่อคิดวิธีที่จะเอาคืนผู้ชายปากกล้าตรงหน้าได้ กฤตเมธก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะชันเข่าซ้ายขึ้นเพื่อเท้าแขน โดยมีผ้าห่มคลุมกลางลำตัวไว้เล็กน้อย เพื่อเผยขาเปลือยออกมาสู่สายตาของสดายุบ้าง จากปฏิกิริยาที่อีกฝ่ายแสดงออกมา กฤตเมธรู้ทันทีว่าสดายุต้องนึกว่าใต้ผ้าห่มนี้ไม่มีอะไรเลยเหมือนตนเองแน่นอน
‘ฉันยังใส่บ๊อกเซอร์อยู่นะเจ้าเด็กดื้อ’

“ไหนว่าตัวคุณเป็นสัตว์กินเนื้อไงครับสดายุ ไหนว่าคุณชินแล้วกับเรื่องบนเตียง แล้วทำไมแค่นี้คุณถึงไม่รู้ล่ะครับว่าผมทำอะไรคุณไปแล้วบ้าง?”

“...ม....หมายความว่ายังไง?”

คำพูดคลุมเครือ ความหมายคลุมเครือ ยิ่งทำให้สดายุเหงื่อตก จำได้แค่ว่าตัวเองเมา แล้วคลับคล้ายคลับคลาว่าจะถูกใครสักคนพากลับมาที่ห้อง จากนั้นความทรงจำของเขาก็ขาดช่วง ไม่ปะติดปะต่อ จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเปลือยได้อย่างไร และถ้าหากถูกล่วงเกินจริงล่ะก็ เขายิ่งอยากโขกหัวตัวเองกับพื้นตาย เพราะดันจำไม่ได้ ไม่รู้ตัวเลยสักฉาก ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัวจี๊ดๆ

“เอาเป็นว่า...”

กฤตเมธเท้าคางของตนไว้บนเข่า จดจ้องมาที่ร่างของสดายุแสร้งว่าจะโลมไล้ด้วยสายตา พร้อมรอยยิ้มร้าย ก่อนจะเอ่ยคำแกล้งให้สดายุต้องอกสั่นขวัญแขวนออกมา

“ผมรู้แล้วว่าตัวคุณหอมหวานแค่ไหน (เพราะได้นอนกอดอยู่ทั้งคืน) ผมเห็นแล้วว่าใต้ผ้าห่มผืนนั้นผิวคุณละเอียดเพียงใด และอย่าหาว่าผมทะลึ่งเลยนะ แม้แต่ห่อหมกทรงเครื่องของคุณ ผมก็...พอเข้าใจแล้วว่า ทำไมคุณถึงไม่ค่อยขาดแคลนเรื่องบนเตียง...”

“ส่วนเรื่องที่ว่าคุณเร่าร้อนแค่ไหนนั้น จะให้ผมเจียรไนให้ฟัง....อุ๊บ!!?”

‘ผลั๊วะ!!’

“หยาบคาย!! แกมัน....สารเลวที่สุด!!!”

ยังไม่ทันที่กฤตเมธจะพูดจบ ก็ถูกสดายุปาหมอนใบเขื่องเข้าใส่เต็มๆ จะหันไปโวยก็เป็นต้องอึ้งอีกคำรบ เมื่อใบหน้าที่แดงก่ำของสดายุนั้น เอ่ออาบไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความคั่งแค้นใจ ที่เผลอพลาดท่าเสียทีให้กับกฤตเมธคนที่ตัวเองชังน้ำหน้าที่สุดไปเสียแล้ว

และใบหน้านั้นของสดายุก็ทำให้กฤตเมธรู้สึกตัวในที่สุด ว่าเผลอกระทำรุนแรงต่ออีกฝ่ายลงไปอีกแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะกล่าวขอโทษ ร่างบางของสดายุก็ทำท่าจะถลาออกไปจากห้องเสียก่อน

“เฮ้ยเดี๋ยว.....!!?”

โครม!


“โอ้ยยยยย!!”

จังหวะที่กฤตเมธจะร้องห้าม สดายุที่ยังไม่หายเมาค้างก็ดันเผลอเหยียบชายผ้าห่มรุงรังที่พันตัวอยู่จนเป๋ล้มโครมไปต่อหน้าต่อตา เล่นเอากฤตเมธถลาลงมาช่วยแทบไม่ทัน

“เป็นยังไงบ้างสดายุ!!?”

“ปล่อยนะ!! อึ๊ก!!”

แค่ตวาดออกไ/ปเพียงนิด ข้อเท้าที่พับอยู่ก็เจ็บจี๊ด ‘ท่าทางข้อเท้าคงจะแพลงไปเสียแล้ว’

“มานี่ ผมช่วยพยุง...”

“บอกว่าอย่ามายุ่งไง ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ!!!?”

แม้จะล้มจุมปุกไปไหนไม่รอด แต่สดายุยังไม่วายแสดงความแข็งกร้าวออกไปกับคนตรงหน้า คนไร้ยางอาย คนสารเลวในสายตาของสดายุ

“รู้ครับ แต่ผมไม่อยากฟัง ตอนนี้สิ่งสำคัญกว่าการฟังภาษาคนก็คือการช่วยคุณ ขาแพลงใช่มั้ยเนี่ย”

“อย่ามาจับฉันนะ ปล่อย!!!”

ทั้งปัดป้องทั้งดิ้นรนสารพัด เพื่อไม่ให้กฤตเมธได้เข้าถึงตัว แม้จะเจ็บแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมขอความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายเด็ดขาด ฝ่ายกฤตเมธเองเมื่อเห็นว่าสดายุขัดขืนอย่างจริงจัง เขาเองก็ได้แต่ถอนใจ และยอมรับความผิดออกมาในที่สุด

“โอเค โอเค ผมยอมคุณแล้ว ผมขอโทษ!!”

“ขอโทษแล้วมันหายรึไง!!?”

“ผมขอโทษที่ผมแหย่คุณแรงไปหน่อย คุณสบายใจเถอะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณหรอก”

“............อะไรนะ?”

สดายุหันไปมองกฤตเมธที่อยู่ข้างตัวแทบจะทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบประโยค ‘ยังไม่ได้ทำอะไร’ นั่นก็หมายความว่า...ประตูหลังเขายังปลอดภัยอยู่?

“ถามจริงเหอะสดายุ ไหนว่าคุณเจนเรื่องพวกนี้แล้วไง คุณไม่รู้เรื่องตัวคุณเลยเหรอ?”

“....................”

หน้าตาที่บ่งบอกว่าเอ๋อไปแล้วของสดายุแทนคำตอบได้อย่างดีว่าชายหนุ่มเชื่อที่เขาอำเสียสนิทใจ

“เฮ้อ...คุณสดายุครับ คุณเจ็บก้นมั้ย? ถ้าผมล่วงเกินคุณไปจริงๆ คุณต้องเจ็บก้นจนแทบนั่งไม่ไหวแน่นอนครับ ผมมั่นใจในของของผมอยู่นะ แล้วนี่คุณไม่เจ็บใช่มั้ยครับ แค่ปวดๆ เมื่อยๆ จากอาการเมาค้างเท่านั้นใช่มั้ย?”

 “ล...แล้วทำไมผมถึง...แก้ผ้า?”

พอรู้ว่าตัวเองยังปลอดภัย และนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้เจ็บปวดส่วนไหนเป็นพิเศษเหมือนที่อีกฝ่ายว่าไว้ แต่เขาดันขาดสติโวยวายออกไปเอง ทั้งอาย ทั้งรู้สึกผิด เสียงที่ถามออกมาจึงแผ่วเบาตามไปด้วย ครานี้กฤตเมธเองก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก ที่ในที่สุดก็สามารถสื่อสารกันได้เสียที

“จู่ๆ เมื่อคืนตอนตีสามคุณก็ลุกขึ้นบ่นว่าปวดฉี่ แล้วก็เดินเป๋ไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ง่วงจะแย่เลยไม่ได้ตามไปดู ก็นึกว่าคุณจะสร่างบ้างแล้ว ที่ไหนได้ หึหึ คุณเล่นอาเจียน ลากตั้งแต่ในห้องน้ำยันหน้าประตู ไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าคุณเลย ทั้งชั้นนอกชั้นใน ผมส่งซักแห้งไปหมดแล้ว...”

“.....อะ...เอ่อ....แล้วตัวผม....”

อยากถามออกไปเหลือเกินว่าสภาพหลังจากนั้นเป็นยังไง แต่จากที่เห็นคงไม่ค่อยดีนัก สดายุจึงได้แต่อ้ำอึ้ง ถึงวีรกรรมที่ตัวเองสร้างไว้เมื่อคืน

“จะให้ผมทนนอนกับคนตัวเหม็นอ๊วกรึไงคุณ เช็ดตัวคุณเสร็จก็ต้องโทรตามฟรอนท์ตอนตีสามครึ่ง ให้มาจัดการซากคุณจนแม่บ้านแทบจะแช่งผมอยู่แล้ว...”

“เอ่อ....ผม...”

“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกันนะที่โกหกคุณเมื่อครู่ ผมแค่หงุดหงิดที่นอนน้อยน่ะ”

“.........................”

พอเรื่องราวทั้งหมดกระจ่าง จากที่เดือดจนแทบจะบ้าเมื่อครู่ ละลายหายวับเหลือเพียงความอับอายเข้าแทนที่ทันที เล่นเอาสดายุตื้อจนพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำว่า ‘ขอโทษ’ หรือแม้แต่คำว่า ‘ขอบคุณ’

“เอาขามาให้ผมดูสิ บวมหรือเปล่า?”

“ไม่ต้อง! ผมจัดการเอง เอ่อ....ไม่อยากรบกวน”

ด้วยความอายบวกทิฐิทำให้สดายุไม่สามารถรับความช่วยเหลือจากคนตรงหน้าได้อีก เพราะเขาเผลอให้อีกฝ่ายเห็นด้านที่อ่อนแอมากเกินไปแล้ว

“อย่าดื้อสิคุณ เอาขามาดูหน่อย”

“ก็บอกว่าไม่ต้องไง!! ผมดูแลตัวเองได้!!” 

อาการกระด้างกระเดื่องของเด็กดื้อ เล่นเอาเส้นเลือดตรงขมับของกฤตเมธเริ่มเต้นตุบๆอีกครั้ง
‘จะดื้อไปถึงไหนนะ ไอ้เด็กบ้า’

“ผมอยากมอมเหล้าให้คุณเมาทั้งวันจริงๆนะสดายุ”

“.........??....อะไรของคุณ....”

สดายุขมวดคิ้วมุ่น เมื่ออีกฝ่ายอยากให้เขาเมาตลอด อยากโวยออกไปว่าบ้าหรือเปล่า แต่ก็ต้องหุบปากฉับ เมื่อถูกร่างสูงใหญ่โน้มตัวลงมาคร่อมเอาไว้ ก่อนจะกระซิบถ้อยคำที่ไม่น่าเป็นไปได้ออกมา

“เพราะตอนคุณเมา...คุณน่ารักกว่านี้เยอะ”



***************************************************************************************


มาแบบสั้นง่าย ฉากเดียว แล้วก็จบแบบค้างๆคาๆ

แฮะๆ ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆค่ะ

เอาเป็นว่า เขาแอบมาลงไว้ต่อนนึงก่อนนะ

และจะหายหัวไปอีก 3-4 วัน ขอไปปั่นรีไรท์ก่อนนะจ๊ะ

ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ

จุ๊บๆๆๆๆ

THEARBOO / อนาคี 99
 :ling3:

ปล.อนุญาตให้ก่นด่าคุณกฤตเมธได้เต็มที่ค่ะ
มันน่าโดนจริงๆ แหม มาแกล้งน้องยุให้ขวัญเสียซะได้
อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 08-10-2013 20:08:43
น้องยุไร้เดียงสา จริงๆๆ  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 08-10-2013 20:10:20
เจอประโยคสุดท้ายเข้าไปเป็นไงละยุ น็อคดาว์นเลยดิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-10-2013 20:14:15
ที่จะด่าก็เพราะมันไม่เป็นเรื่องจริงนี่แหละคุณพระเอก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 08-10-2013 20:15:10
คุณเมธน่ารักจะตาย  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-10-2013 20:15:29
กรีีดดดดด
อยากอ่านอีกกกกกก
รีบๆมาต่อนะคะ
น้องยุกำลังดื้อได้น่ารักเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-10-2013 20:16:10
หวานๆ อ่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-10-2013 20:22:06
คนพี่นี่ก็ชอบแกล้งน้อง แล้วเมื่อไหร่น้องจะพูดดีๆด้วยล่ะเนี่ย
ประโยคสุดท้ายมันก็ต้องคิดกันบ้างแหละหน่าาา อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: full69 ที่ 08-10-2013 20:26:20
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 08-10-2013 20:29:59
ขอด่าให้สะใจ ทำไมไม่ทำอะไรน้องยุ!!!   :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 08-10-2013 20:33:39
ยุเอ้ยยยยหยุดดื้อสักนิดบ้างเหอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 08-10-2013 20:41:33
สัั้นๆอะ คิดถึงน้องยุจะแย่ ยังไม่หายคิดถึง ก็แวบหายไปอีกแระ :ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 08-10-2013 20:42:01
“เพราะตอนคุณเมา...คุณน่ารักกว่านี้เยอะ”

อ๊ากกกกก ตายอย่างสงบ  :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-10-2013 20:42:14
พี่เมธขี้แกล้งงง :-[

รอค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 08-10-2013 21:00:28
คุณกฤตขี้แกล้งอะ คริๆน่ารัก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 08-10-2013 21:23:45
น้องยุน่ารัก น่าแกล้งจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 08-10-2013 21:32:32
 :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 08-10-2013 21:47:44
แต่น้องยุน่ารักนะที่ร้องไห้อ่ะ
อย่างนี้พี่เมธแกเริ่มหลงเสน่ห์น้องยุแล้วสินะ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-10-2013 21:57:19
คุณกฤตนี่ขี้แกล้งจริงๆ เลยนะ

แต่เวลาสองคนนี้พูดกันดีๆ แล้วน่ารักจัง...โฮะๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 08-10-2013 22:09:09
ที่จะด่าก็เพราะมันไม่เป็นเรื่องจริงนี่แหละคุณพระเอก


ถูกใจใช่เลย5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 08-10-2013 22:58:35
เพิ่งตามมาอ่านแต่กรี๊ดกร๊าดมากค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาา >o<

อัพไวน้าาาาาาาาาาาาา~~~~~~~~

แทบลงไปแดดิ้น อร๊ายยยยยยยยยย :serius2: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 08-10-2013 23:09:33
 o13
น่ารักกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 08-10-2013 23:20:51
อุ..ตอนนี้น่ารักง่ะ  :ruready
เเต่รู้สึกว่าสั้นจัง รอตอนต่อไปๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 08-10-2013 23:35:08
คนช่ำชองไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยว่าตัวเองโดนอะไร
ไร้เดียงสากว่าที่คิดนะเนี่ย อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 08-10-2013 23:57:11
มาต่อเร็วๆ น้าาาาา
 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
:z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 09-10-2013 00:08:32
อ่านไปอ่านมาชักสนุกแล้วอ่ะดิ่เนี่ย  :กอด1: :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 09-10-2013 00:21:09
หายไปนาน พอมาต่อ ก็ยิ่งอยากอ่านอีกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-10-2013 00:37:12
 :z2:โดนคนแก่แกล้งตลอด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 09-10-2013 01:37:57
ไม่คาดคิดว่าจะเจอนิยายแบบนี้
สนุกมากเลยคะ
ดูมีอะไรมากมายดี
แล้วไม่เวอร์ด้วย
ภาษาก็ดี อ่านง่าย
บอกเลย ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ...  :mew1:

มาต่อไวๆๆๆ สนุกมาก :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-10-2013 02:35:44
55555555555 ยุเอ้ยยยยย
น่ารักจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 09-10-2013 05:53:25
สั้นจังอิอิทิ้งท้ายได้หวานมาก



น้องโดนแกล้งซะน้ำตานองหน้าเลย




รออ่านตอนต่อไปค้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 09-10-2013 06:03:20
ยุน่าแกล้งจัง :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 09-10-2013 10:54:11
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
สั้นจังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กลับมาเร็วๆนะคนเขียน :katai1:
เป็นกำลังใจให้ :z13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 09-10-2013 11:30:59
แหม้!!! บอกได้คำเดียวว่าชอบทั้งคู่มาก พ่อแง่แม่งอน พอหอมปากหอมคอจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 09-10-2013 11:33:01
อั้ยยะ พี่เมธติดใจน้องยุแล้วอ่าดิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 09-10-2013 15:37:00
5555555555555555
พี่เมธแล้งน้องงงงง กร้ากกกกกกกกก
เกือบละ เกือบได้ทะเลาะกันอีกแล้ว ดีนะที่บอกความจริงทันนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 09-10-2013 21:54:27
ค้างงงงงงงงงงง

มาต่อเร็วๆๆนะตัวเอง   เค้ารอตัวเองอยู่นะ  ^^^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 09-10-2013 22:40:55
เป็นเรื่องที่มีความน่ารักแอบอยู่มากเลย

ถึงจะไม่มีฉากหวาน หรือพูดดีกันเลย

แต่ทำไมรู้สึกอบอุ่นในใจแปลกๆ

สนุกสุดๆเลย ชอบตอนที่ทะเลาะกันด้วย

ถึงจะรุนแรงไปนิด แต่ก็มีความฮารวมไปด้วย

ขอบคุณนะคะ ชอบมากๆเลย ติดตามตอนต่อไปจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 10-10-2013 02:29:27
ว้ายยย
หวานเฟว่อออ 
น้องยุหวั่นไหวบ้างเถอะค่ะ พระเอกของเราดีออกจะขนาดนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 10-10-2013 12:00:47
อร๊ายยยยยย ฟินนนนนอร๊าา :-[
พี่เมธหยอกน้องอย่างเดียวไม่ได้นะ ต้องรับผิดชอบเลย
น้องยุน่ารักๆๆๆๆ แต่เมาซะไม่รู้เรื่องเลยนะ ดีที่พี่เมธไปเจอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 11-10-2013 20:31:02
หมั่นไส้อีพระเอกมาก สงสารน้องยุอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 11-10-2013 20:56:07
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 12-10-2013 20:00:32
สมน้ำหน้านะยุ เค้าเชียร์พี่เมธ 55555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 12-10-2013 20:26:21
น้องยุครับ  ผมคิดถึงนะ

กลับมาเถอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ที่ 12-10-2013 20:35:53
ชอบอะะะ  :hao6: :hao6: :hao6:

จะกดเข้ามาอ่านหลายรอบละ ไม่มีเวลาสักที

รอมาต่อนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: felin_kkr ที่ 12-10-2013 23:24:54
สนุกมากกกกกกกก  o13

 :katai1: :katai1:

เมื่อไรจะรักกันสักทีน๊ออออออออ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 12-10-2013 23:48:17
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sonicacc ที่ 13-10-2013 01:30:34
มาต่อได้แล้วนะคับ กำลังสนุกเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 13-10-2013 18:01:03
คิดถึงน้องนุ จังเลยยยยยยยยยยยยยย  วันใหนน้องยุจะมาอีกน้ออ :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 14-10-2013 08:15:08
 :a5: รอน้องยุคนดี  :hao6: :hao5: มาต่อเถอะนร้าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 14-10-2013 23:37:18
รอนานแล้วน้าาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 14-10-2013 23:42:01
น้องยุกลับมาหาพี่เถอะคนดี  รอมาอาทิตย์นึงแล้วนะครับนะ

คิดถึงมากๆจะขาดใจแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 15-10-2013 21:54:08
เมื่อไหร่หนอ น้องยุจะกลับมา
 :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: helios-ag ที่ 15-10-2013 22:02:53
เรื่องนี้เงียบไปนานแล้วนะ ฮรึกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 15-10-2013 22:48:09
หายปายหนายยยยยยยยยยยยยยยยย :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
คิดถึงอ่ะ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
เมื่อไรคนเขียนจะกลับมา :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 15-10-2013 23:08:04
 :sad4:คิดถึงจังเลยเมื่อไหร่จะมาน้าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: sonicacc ที่ 15-10-2013 23:13:08
เห็นคนเขียน ออนอยู่ กำลังอัพใช่มั้ย คนอ่านจะลงแดงแล้ว อิอิ มาไวไว นะคร้าบบบ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-10-2013 23:14:26
ขอเวลาสองวันที่รัก เก๊าขอเวลาอีกสองวัน
พฤหัสบดี เย็นๆ เก๊ามาแน่นอนจ๊ะ

ช่วงนี้เก๊าหืดขึ้นคอนิดหน่อย
แต่น้องยุมาแน่นอนค่ะ
 :o12:
ขอโทษที่ให้รอนะคะ

 :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 15-10-2013 23:17:58
คิดถึงน้องยุอ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 15-10-2013 23:49:37
สองวัน ได้เลยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 16-10-2013 08:13:28
สองวัน รอได้อยู่แล้ววว  :z2:
(นั่งรอข้างพี่อ๊อด อิอิ :hao3:)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 16-10-2013 09:38:01
 :hao6:   :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 16-10-2013 19:15:12
รออยู่น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
 :katai4: :hao5: :katai4: :katai4: :hao5: :katai4: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 16-10-2013 21:05:47
สั้นจังเลย
ยุน่ารักอ่ะ ฮะๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 17-10-2013 00:26:28
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: ยังไม่มา  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 17-10-2013 07:32:30
 :mew6: :mew6:

ที่รักเค้ารอตัวเองอยู่นะ   ตัวกลับมาเร็วๆนะ  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 17-10-2013 11:46:43
เริ่มตอนอยู่ในห้อง


จบตอนก็ยังอยู่ในห้อง  :katai4:


เอาอีกเอาอีกเอาอีกเอาอีก  :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 17-10-2013 11:49:58
รอด้วยคน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 17-10-2013 17:14:35
มารอตามสัญญาครับ  ปูเสื่อรอน้องยุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 17-10-2013 17:55:50
รอ... :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 17-10-2013 18:03:06
รอสดายุ อยู่นะคร้าาา
ปูเสื่อรอ ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่7) 8/10/2013 P.11
เริ่มหัวข้อโดย: เทพมังกร ที่ 17-10-2013 18:13:01
นั่งรอด้วยคนค่ะ :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 17-10-2013 20:32:44
(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 8




“เอ้า! สดายุ เมธ มานี่ๆ วันนี้ดาราสมทบที่จะถ่ายฉากเพิ่มเติมของเรามาถึงแล้ว มารู้จักกันไว้เร็ว”

บ่ายสามโมงตรง เมื่อกฤตเมธและสดายุ เดินมาถึงจุดที่ต้องถ่ายทำ อ๊อดก็ตะโกนเรียกชึ้นเพื่อให้เข้าไปทักทายนักแสดงที่ต้องร่วมแสดงด้วยจำวนสองคน

“เออ นี่ๆ นี่คือรุจน์ คนนี้คือพอร์ช น่าจะเคยเห็นมาบ้างนะ ไอ้สองคนนี้มันเป็นเด็กบ้าน เอบีเอฟ ไง”

“อ๋อ เจอกันตอนฟิตติ้งแล้วครับ”

กฤตเมธตอบกลับไปเมื่อเห็นว่าผู้กำกับของตนกำลังพยายามแนะนำ แม้จะยังไม่เคยร่วมงานกัน แต่เขาก็เคยเห็นผ่านหูผ่านตามาบ้างกับผลงานของเด็กใหม่

“สวัสดีครับ พี่เมธ พี่ยุ”

สองหนุ่ม รุจน์ พอร์ช ยกมือไหว้กฤตเมธกับสดายุด้วยความนอบน้อม รุ่นน้องในวงการหมาดๆอย่างพวกเขา ต้องให้ความเคารพสองพระเอกดังแห่งวงการอย่างสุดความสามารถไว้ก่อน อย่างน้อยหากถูกเอ็นดูขึ้นมา อาชีพในฝันนี้อาจจะโรยด้ยกลีบกุหลาบ เจริญรอยตามรุ่นพี่ทั้งสอง

“ครับ สวัสดี”

กฤตเมธสวัสดีตอบไปดูเป็นมิตร แต่สดายุนั้นไม่ไดแสดงอาการอะไรมาก แค่รับไหว้แล้วก็เงียบนิ่งอยู่อย่างนั้น ถ้ามองเผินๆอาจจะพาลนึกไปว่าอดีตพระเอกดาวร่วงนี้หยิ่งยะโส มีเพียงกฤตเมธเท่านั้นที่รู้ว่านางเอกของเขาไม่ได้หยิ่ง แต่ยังเมาค้างจนเหม่อต่างหาก
ย้อนความไปเมื่อตอนเช้า กว่าจะจัดการเจ้าพระเอกขี้เมาตัวแสบได้ กฤตเมธถึงกับเหนือย ถึงจะวุ่นวายไปบ้าง แต่พอคิดถึงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้

"ผมอยากมอมเหล้าให้คุณเมาทั้งวันจริงๆนะสดายุ”

“.........??....อะไรของคุณ....”

“เพราะตอนคุณเมา...คุณน่ารักกว่านี้เยอะ”


"......บ้า..."

นั่นเป็นครั้งแรกตั้งแต่รู้จักกันมาที่กฤตเมธรู้สึกว่าผู้ชายที่ชื่อสดายุ 'น่ารักมาก'

รู้ดีว่าคงจะแปลกไปหน่อยที่จะใช้คำว่า 'น่ารัก' กับผู้ชายตัวเป็นๆ ถึงตอนนี้สดายุจะผอมลงไปมาก เพราะต้องรีบทำน้ำหนักให้เหมาะสมกับตัวละคร 'ภุมรา' ที่จะต้องผอมมากๆ ดังนั้นจากที่เคยเป็นพระเอกรูปร่างดีมีซิคแพค ตอนนี้เลยกลายเป็นแค่ผู้ชายหน้าตาดีที่มีรูปร่างสะโอดสะองแทน แต่ทว่าความมาดแมนที่หายไปเพราะรูปร่างที่บอบบางขึ้นนั้นคงไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้กฤตเมธต้องใช้คำว่า 'น่ารัก' แต่เพราะกฤตเมธไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาแทนคำบรรยายของภาพตรงหน้าเขาได้จริงๆ

ภาพของผู้ชายเอวบางร่างน้อย แขนขาเรียวยาวขาวผุดผาด ที่พยายามซ้อนร่างเปลือยไว้ใต้ผ้าห่มขาวฟู ซ้ำยังขาแพลงจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พอรู้ตัวว่าโดนแกล้งเข้าหน่อยก็ขมวดคิ้วนิ่วหน้างอนจนแก้มป่อง แถมตอนเอ่ยแซวในเรื่องที่ไม่คุ้นเคยเจ้าตัวกลับทำตาโตหน้าแดง ริมฝีปากที่ชอบโวยวายนั่นก็เม้มแน่น ราวกับเด็กที่โดนจับได้ว่าทำผิด 'น่ารัก' ต้องใช้คำว่าน่ารักถึงจะเหมาะกับเจ้าตัวแสบตรงหน้านี้ที่สุด ทั้งน่ารัก ทั้งน่าเอ็นดู
แอบไม่เชื่อใจตัวเองเหมือนกันที่เผลอคิดแบบนั้นกับคนตรงหน้า แต่ก็คิดว่าคงไม่แปลกเท่าไหร่ ถ้าเขาจะมองว่าอีกฝ่ายน่ารักในฐานะของน้องชาย

จากนั้นกฤตเมธก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาโดนสดายุก่นด่าอะไรบ้าง เพราะการโดนผู้ชายตัวเล็กกว่า อายุน้อยกว่า ด่าไป ทำหน้าแดงตาแดงใส่ไป มันทำให้เขาไม่อาจถือสาหาความได้ และถึงอย่างไรซะ ในที่สุดสดายุก็ต้องยอมให้เขาอุ้มขึ้นมาบนเตียงเพื่อจัดการกับข้อเท้าให้อยู่ดี และวันนี้กฤตเมธรู้สึกว่าตัวเองใจดีมาก เขายอมให้สดายุอยู่ในห้องจนกว่าเสื้อผ้าที่ซักแห้งอยู่นั้นจะมาส่ง แถมยังยอมตื่นแต่เช้า เพื่อสั่งอาหารเช้ามาบริการคนเจ็บอีกด้วย แอบเสียดายเล็กๆอยู่เหมือนกันที่ทางโรงแรมมาส่งชุดให้เร็วเกินเหตุ ทำให้สุดท้ายสดายุก็หนีกลับห้องไปตอน เก้าโมงเช้า ทิ้งให้เขาต้องนอนอมยิ้มขำตัวเองอยู่ในห้องเพียงลำพัง กระทั่งถึงบ่ายสามโมง

"เอาล่ะ เดี๋ยวพี่ขอคุยเรื่องคิวถ่ายทำก่อนเลยแล้วกัน ทั้งของ เมธ ยุ รุจน์ พอร์ช"

ทั้งสี่หนุ่มเดินเข้ามาหาอ๊อดอีกครั้ง เมื่อได้ยินว่าผู้กำกับจะให้คิวการแสดง

"วันนี้พี่จะถ่ายฉากของเมธและยุ ที่เป็นซีนจูบก่อน ฉากตบจูบที่พี่โคตรถนัด ฮ่าฮ่า"

เป็นอีกครั้งที่ผู้กำกับอ๊อดหัวเราะอยู่คนเดียว เพราะสี่หนุ่มที่เหลือทำหน้าตาอิหลักอิเหลื่อกันหมดแล้ว

"แล้วก็หลังจากซีนนี้พี่จะให้ยุพักยาว 3 วัน"

พูดพลางตบไหล่สดายุแปะๆ ราวกับจะให้กำลังใจ

"หยุด? หยุดทำไมครับ"

"เดี๋ยว 3 วันนี้พี่จะโหมถ่ายฉากเฉพาะของไอ้ 2 ตัว รุจน์กับพอร์ชก่อนน่ะ"

"อ๋อ...ครับ..."

"แล้วก็...ขอโทษนะยุ พี่จำเป็นต้องเลื่อนคิวถ่ายฉากหวือหวาอีกแล้วล่ะ"

และแล้วในที่สุด ผู้กำกับอ๊อดก็เฉลยบางสิ่งออกมา แต่คราวนี้สดายุไม่ได้ตกใจเหมือนครั้งแรกอีกแล้ว สดายุรู้แล้วว่าจะให้พักสามวันเพื่ออะไร รู้ทันทีว่าวันที่สี่จะเจออะไร...

"เลื่อนถ่ายฉากบนเตียงเร็วขึ้นเหรอครับ? "

"อ๊ะ แหม...รู้ทัน ฮ่าฮ่าฮ่า"

อ๊อดหัวเราะร่า เมื่อสดายุล่วงรู้ความคิดของตนได้ ก่อนจะตบไหล่สดายุแรงๆอีกสองสามทีด้วยความพึงพอใจ

"โทดทีนะที่พี่เลื่อนขึ้น ก็เพราะยุนั่นแหละผอมเร็วเกิน พี่เลยเห็นว่าถ้ายังขืนเอาตามกำหนดการเดิม 'ภุมรา' มันจะผอมเกินบทไป เลื่อนขึ้นมาเร็วหน่อยพอไหวใช่มั้ย?"

พออ๊อดบอกเหตุผลออกมาตรงๆ สดายุก็ได้แต่ปลงตก เพราะเขาผอมลงมากจริงๆอย่างที่ว่า คงจะลำบากจริงๆถ้าจะให้ไปเล่นฉากนี้เป็นซีนท้ายๆ

"ผมโอเคอยู่แล้วครับ ช้าเร็วก็ต้องเล่น เมื่อไหร่ก็ไม่ต่างกันหรอกครับ"

สดายุตอบตกลงออกไปโดยไม่มีอาการอิดออดเหมือนตอนครั้งแรก อ๊อดหัวเราะชอบใจทันทีก่อนจะหันไปคุยคิวกับคนอื่นต่อ

หลับหลังผู้กำกับ อดีตพระเอกหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาบางๆ รู้ดีว่าต้องทำใจ แต่ก็ยังยากที่จะทำใจ ไม่ได้ทำใจยากตรงที่ต้องเปลือยร่างแล้วใช้ร่างกายเสียดสีกันอย่างคราวก่อนหรอก แต่ยากตรงที่คราวนี้เขาต้องสื่อสารอารมณ์รักๆใคร่ๆกันออกมาด้วยนี่แหละ ปั้นหน้าว่ารักข้างเดียว ไม่ยากเท่า ต้องปั้นว่ารักกัน...

".....!!??"

สดายุหัวใจกระตุกวูบ ขณะที่เขากำลังคิดไม่ตกเรื่องบทที่จะต้องเล่น พอเงยหน้าขึ้นก็ต้องตกใจกับสายตาที่จับจ้องตัวเองอยู่ อยากหลบ อยากเบือนหน้าหนี อยากด่าออกไปว่าจ้องทำไม แต่เหมือนร่างกายจะแข็งทื่อ จนต้องปล่อยให้ถูกจ้องอยู่อย่างนั้น

ปล่อยกฤตเมธจับจ้องอยู่อย่างนั้น...'

"เอาล่ะ ไปแต่งตัวได้แล้ว เมธ ยุ เตรียมถ่ายคิวแรกก่อนเลย แดดแบบนี้กำลังดี"

ทั้งกฤตเมธและสดายุต่างก็แอบสะดุ้งวาบไหวเล็กๆ ราวกับถูกดึงขึ้นจากภวังค์ เมื่อผู้กำกับอ๊อดหันกลับมาสั่งให้พวกตนไปเตียมตัว
สดายุใจเต้นระทึก ตกใจตัวเองไม่น้อยที่ยอมปล่อยให้ตัวเองถูกกฤตเมธจับจ้องโดยไม่ตอบโต้ แถมยังไปมองตอบออกไปเสียอีก ไม่เข้าใจตัวเอง เขาไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ มันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่กันนะ ไอ้ความรู้สึกยากจะคาดเดานี่ มันเกิดขึ้นกับเขาสองคนได้ยังไงกันนะ หรือว่า...จะเป็นเมื่อคืนตอนที่สดายุเมา หรือจะเป็นตอนเช้าที่ได้ทะเลาะกันแบบแปลกๆ หรือว่าตั้งแต่ที่ได้...สบตากันครั้งแรก... 
*
*
*
*
*
“สัวัสดีครับ คุณสดายุ...ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ”

“....? อ่า...เชิญครับ”

หลังจากที่แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วสดายุก็หลบมานั่งท่องบทอีกครั้งเพื่อความแม่นยำขณะที่ยังรอให้ทีมงานเซ็ทฉาก ในตอนที่กำลังจะเข้าถึงบทจู่ๆก็มีเสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้น พอหันไปมองก็เจอรุจน์และพอร์ชยืนยิ้มแผล่อยู่หลัง

“ผมขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ ผมชื่อรุจน์ครับและนี่เพื่อนซี้ผม พอร์ช ผมเล่นเป็นซอ ส่วนพอร์ชเล่นเป็นหมอธเนศครับ”

พอหย่อนก้นนั่งลงข้างกายได้ เด็กใหม่ที่ชื่อว่ารุจน์ก็สาธยายความเป็นมาของตัวเองให้สดายุฟังยาวเหยียด ฝ่ายสดายุเองก็ได้แต่พยักหน้ารับ พร้อมสังเกตุท่าทีของทั้งคู่ไปด้วย

‘รุจน์’ เด็กหนุ่มหน้าตาเกลี้ยงเกลาผมซอยสั้นทรงเกาหลีนิดๆ ผมที่ทำเป็นสีน้ำตาทองยิ่งขับให้หน้าขาวสว่างรับกับปากแดงบางเฉียบนั้นจนทำให้ดูออกไปทางสวยหวานน่ารัก มากกว่าจะหล่อเท่ห์ จนสดายุเผลอคิดไปว่า รูปร่างเล็กบางอย่างเด็กรุจน์ ถ้าเขาเดินไปเจอข้างนอกโดยที่ไม่ได้รู้จักกัน เขาอาจคิดว่าเด็กคนนี้เป็นทอมบอย มากกว่าจะเป็นผู้ชาย แต่ถ้าจะพูดถึงความเข้ากันกับบทของ ‘ซอ’ ที่เจ้าตัวได้รับ ก็ถือได้ว่าเกือบจะใกล้เคียง ‘เด็กยกไฟในกองถ่าย ที่ผิวขาวโบ๊ะ’

‘พอร์ช’ เด็กคนนี้ถ้าสดายุจำไม่ผิด พอร์ช เพิ่งจะได้ที่หนึ่งในรายการแข่งขันร้องเพลงของของรายการปั้นดินให้เป็นดาว ‘เอบีเอฟ’ ด้วยความสามารถเฉพาะตัวและคะแนนโหวตที่ท่วมท้น สดายุไม่แปลกใจเลยสำหรับรางวัลที่หนึ่งที่เด็กพอร์ชได้รับ เพราะขนาดเขาเป็นดาราด้วยกันเขายังเห็นเลยว่าเด็กคนนี้มีประดายเสน่ห์ที่แรงกล้า ไม่ว่าจะเป็นภาพลักษณ์หรือการวางตัว ทั้งโครงหน้าที่คมสัน ปลายจมูกโด่งเชิด คิ้วเข้ม ดวงตาคมลึก ริมฝีปากหยักรูปกระจับ ผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างสูงโปร่งกำยำ ที่ผ่านการฝึกฝนร่างกายมาอย่างดี แต่ผมรองทรงสูงดูเรียบร้อยที่ไม่เข้ากับความหล่อนั่น สดายุเดาว่าคงเพราะเด็กพอร์ชรับบทเป็นหมอธเนศจึงจำเป็นต้องทำผมทรงใหม่ให้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่าเชื่อถือเกินอายุจริงนี่เอง

“ผมติดตามคุณสดายุมานานแล้วครับ ตั้งแต่ผมยังอยู่ ม.ปลาย คุณดังมากเลยนะครับ เก่งมากๆเลยด้วย คุณสดายุเป็นแรงบันดาลใจให้ผมเข้าวงการบันเทิงเลยนะครับ”

“....อ๋อ...ขอบใจนะ ผมก็เคยเห็นรายการที่พวกคุณแข่งขันเหมือนกัน พวกคุณก็เก่งพอตัวนะ”

เมื่ออีกฝ่ายกล่าวชื่นชม สดายุเองก็ตอบออกไปตามมารยาทด้วย ตอนแรกชายหนุ่มก็ไม่ได้คิดอะไร แต่จากที่ได้เห็น เขาสัมผัสได้ว่า รุจน์ ชื่นชมเขาจากใจจริง เพราะเด็กหนุ่มดูกระดี้กระด้าเป็นพิเศษเมื่อพูดถึงความชอบครั้งวัยเยาว์ และสายตาทอประกายนั่น สดายุดูออกว่าไม่ใช่เรื่องโกหก

“ไอ้พอร์ชเองก็ชอบคุณสดายุมากเหมือนกันครับ แต่มันเป็นคนพูดไม่เก่ง เลยดูหยิ่งๆหน่อยอย่าถือสามันเลยนะครับ ที่จริงแล้วผมกับมันน่ะ กอดคอกันชื่นชมผลงานของคุณสดายุด้วยกันมาตลอดเลยนะครับ”

“หึหึ...ขอบใจ ขอบใจ ผมซาบซึ้งแล้ว ผมเชื่อคุณ เอาเป็นว่าเลิกชมเสียทีเถอะ เดี๋ยวผมก็ลอยไปไหนต่อไหน ไม่เป็นอันถ่ายหนังกันพอดี”

“..................”

สดายุหัวเราะขบขันออกมาไม่น้อย จากที่วางท่านิ่งๆอยู่ตอนแรกเป็นอันต้องหลุดหมด โดยส่วนตัวแล้วสดายุเป็นคนจริงใจและชอบคนที่จริงใจตอบ ในกรณีของรุจน์ก็ถูกใจสดายุอยู่ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่แปลกที่สดายุจะหัวเราะออกมาง่ายๆกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน

เสียงหัวเราะเบาๆนั่นถึงกับทำให้รุจน์และพอร์ชนิ่งอึ้ง

นิ่งเพราะรอยยิ้มหวานบนใบหน้านั้นช่างมีเสน่ห์กระชากใจไม่น้อย...

“...เอ่อ...คุณสดายุครับ...จะมากไปมั้ยครับถ้าพวกผม...จะขอเรียกคุณว่า...พี่ยุ...?” (-//A//-) (-/////-)

รุจน์เอ่ยถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะนี่เป็นการได้เจอไอด้อลที่ตัวเองหลงใหลตัวเป็นๆครั้งแรก แถมไอด้อลคนนี้ของเขานั้นยังยิ้มร่าเริงอีกทั้งยังพูดเล่นใส่เขาอีก ดังนั้นหัวใจลิงโลดของรุจน์จึงไม่อาจห้ามอีกต่อไป พอร์ชเพื่อนรักเองก็เช่นกัน

“ก็เอาสิ เดี๋ยวก็ต้องแสดงร่วมกันอีกทั้งเรื่อง สนิทกันไว้แหละดีแล้ว จากนี้ไปมีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะ รุจน์ พอร์ช พี่ยินดีช่วย”

สดายุตอบออกไปอย่างยินดีทันทีที่ได้ยินคำขอร้องกล้าๆกลัวๆ กับท่าทางเกร็งจนแข็งของทั้งคู่ สดายุยินดีอยู่แล้วที่จะรับเด็กสองคนนี้เป็นน้อง เพราะอย่างน้อยๆ เวลาที่เหลืออีกเดือนครึ่งหลังจากนี้ เขาจะได้ไม่ต้องรู้สึกเหงาอยู่คนเดียวอีก

และทันทีที่ตอบตกลงออกไป เด็กทั้งคู่ก็เอาแต่นั่งยิ้มค้างราวกับเพ้อทันที ไม่รู้ว่าเคลิ้มไปถึงไหนแล้ว

“คุณสดายุคะ ฉากพร้อมแล้วค่ะ”

ยังไม่ทันจะได้คุยกันต่อ ทีมงานก็วิ่งมาเรียกให้สดายุไปเข้าฉากเสียก่อน ชายหนุ่มจึงรีบลุกเดินไป ทิ้งสองหนุ่มหน้าใหม่ไว้ในภวังค์เช่นเดิม

“พอร์ช...ใจกูเต้นว่ะ...กูไม่คิดมาก่อนเลย ว่านอกจากพี่ยุจะเท่ห์และโคตรเก่งแล้ว พี่เค้ายังน่ารักขั้นเทพด้วยว่ะ...”

รุจน์เอ่ยกับเพื่อนอย่างเลื่อนลอย ราวกับกำลังฝัน

“เออ...กูก็เพิ่งรู้...”

เพื่อนพอร์ชเองก็เช่นกัน...

*
*
*
*
*
“เอาล่ะ ยุ เดี๋ยวพอพี่สั่งแอ็คชั่น ปึ๊บ ยุเริ่มคุยกับหยก (คนที่แสดงเป็นเจ๊แอนนี่) เลยนะ”

“ส่วนเมธ พอ ยุกับหยก หัวเราะกันปุ๊บ เมธเดินเข้าไปข้างหลัง ยุ ตรงนี้เลยนะ จากนั้นก็ต่อบทกันต่อได้ พอหยกเดินเลี่ยงออกมา พี่จะสั่งคัทนะ”

“ครับ/ค่ะ”

การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อยๆ ฉากต่อฉาก โดยไม่มีการหยุดพัก ในการต่อบทแต่ละครั้ง บางทีต้องถ่ายถึงสองหรือสามครั้ง เพื่อให้ได้หลายมุมกล้อง ดังนั้นกว่าที่การถ่ายทำจะดำเนินมาจนถึงซีนสุดท้ายของวัน เวลาก็ล่วงมาจนถึงสองทุ่ม และก่อนที่จะได้ถ่ายฉากสุดท้าย ผู้กำกับอ๊อดได้สั่งพักกองสิบห้านาที เพื่อจัดฉากเพิ่ม สำหรับการถ่ายทำฉากสุดท้ายของวัน

‘ฉากตบจูบ’


*******************************************************************


 :hao7:

อร๊ายยย...ซีนหน้า มีตบจูบด้วย!? อิอิ

แถมยังมีตัวประกอบเพิ่มมาอีกสองหนุ่ม!

แอบสปอลย์ ตอนของสองหนุ่มน้อย...
“จะเป็นยังไงนะ ถ้าเพื่อนซี้ต้องมาเล่นเลิฟซีนแรงๆด้วยกัน
จะเฉยๆ เพลิน ฟิน หรือ เขินจนแทบมองหน้ากันไม่ได้กันนะ”
ฮิ้ววววววว....

เก๊ามาแล้วจ๊า อาจไม่ได้ยาวมาก แต่ขอบคุณที่รอนะคะ

เดดไลน์ของการลงซีนที่ 9 ซีนต่อไป คือวันจันทร์ ที่ 21 ตุลาคมนะคะ

(นานหน่อย แต่รอเก๊านะ)

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
จุ๊บๆๆๆๆ
 :pig4:
Thearboo / อนาคี99
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 17-10-2013 20:36:24
มาเจิมก่อน ยังไม่ได้อ่านเลยอิอิอิ :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 17-10-2013 20:40:42
แปะๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 17-10-2013 20:53:12
คู่ต่อไป รุจน์&พอร์ช เหรอจ๊ะ อิอิ
ตอนนี้น้องยุน่ารักมากๆ จ้ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 17-10-2013 20:54:21
^
^
^

จิ้มรีบนๆ ทะลุถึงก้นคนเขียน
แอร๊ยส์ น่าฮักที่สุดเลยนะยุ  :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 17-10-2013 20:54:29
สดายุความน่ารักกระจาย

พอจินตนาการตามไปด้วย

ก็เชื่อเลยว่ายุเป็นคนน่ารักคนนึงเลย

ถึงตอนแรกจะมีการผิดพลาดไปบ้างก็เถอะ

รออ่านฉากหน้าของทั้งพระเอกนายเอก

และก็ตัวประกอบนะจ๊ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 17-10-2013 20:54:36
มาแล้วๆๆๆ  น้องยุมาแล้ว  น่ารักที่สุด 
ว่าแต่มีอีกสองหนุ่มมาให้พี่เมธหึงน้องยุด้วยเหรอเนี่ย 
ไม่อยากให้เป็นเรื่องสั้นเลย  อยากอ่านต่อเยอะๆ

จะรอซีนตบจูบนะจ๊ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 17-10-2013 21:08:34
 :-[ น้องยุ น่ารักๆๆๆ มีแฟนคลับแล้วว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 17-10-2013 21:09:03
ยุน่ารักน่าหยิกน่าลักไปบ้าน อิอิ
อีคู่ก็น่าลุ้น เพื่อนซี้เล่นเลิฟซีน

รอฉากจูบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-10-2013 21:20:17
กรี๊ดดดด มาแล้ว
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
ฮิฮิ มีคู่สองด้วยเหรอเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 17-10-2013 21:21:31
รุจน์ พอร์ช เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ กันใช่ม๊ายยยยยยยยยย
คิดเอาไว้ว่าใช่ต้องใช่แน่ๆ อร๊ายยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดด :katai2-1:

ฉากนี้จูบ !!! แค่คิดก็เขินนนนนนนนน :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 17-10-2013 21:25:44
ยังจำฉาก ฉึกๆได้อยู่เลยยย เขินนน  :z1: รอคู่ใหม่ด้วยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 17-10-2013 21:28:09
รอฉากตบจูบ
 :hao5: :hao6: :hao5: :hao6: :hao5: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 17-10-2013 21:34:17
จะรอดูพ่อพระเอก จัดหนัก นะครับผม หึหึ -..-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 17-10-2013 21:49:56
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
มาแล้วๆๆๆๆๆอิอิ
แต่......มาสั้นๆ :hao5:

ปล.ดีใจทีมาต่อนะคะ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-10-2013 21:54:57
 :hao5:เมื่อไหร่จะถึงวันจัทร์ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 17-10-2013 21:57:06
 :ling1: อย่าให้รอเก้อนะตัว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 17-10-2013 22:02:54
เย้!! ที่สุดก็มาแล้ว
ดีใจเว่อ 555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 17-10-2013 22:04:35
น้องพอร์ชเห็นเงีบๆนี่มีซัมติงอะไรกะน้องยุป่าว 
หรือเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้พี่เมธหึงน้องยุเร็วขึ้น  เหอะๆๆๆ 
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-10-2013 22:07:50
หยุดอย่างนี้มัน!?!

 :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: rai-thunder ที่ 17-10-2013 22:11:12
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะสนุกสุดๆ ชอบยุมากเลยค่ะ น่ารักน่าหยิก
เป็นกำลังใจให้นะค่ะ สู้ๆ :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 17-10-2013 22:20:19
เอาล่ะซิพี่เมธ ออร่าความน่ารักของน้องยุเริ่มเปล่งประกายฟุ้งกระจายแล้วววว

รอ ‘ฉากตบจูบ’ อย่างใจจดจ่อ  :-[
 :impress2: แล้วก็รอดูเพื่อนสนิทเข้าฉากร้อนแรง?

รอวันจันทร์อย่างใจจดจ่อ อิอิ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 17-10-2013 22:21:13
โอย ช่วงนี้ยุออร่ากระจายยย ย
แต่นึกภาพตามน่ารักสุดๆไปเลย  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 17-10-2013 22:40:21
อั้ยหยา~ อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ

สองหนุ่มเพื่อนซี้ต้องมาเล่นบทเลิฟซีนแรงๆ :hao6:

แค่คิดก็น้ำลายไหลแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 17-10-2013 22:42:19
แย๊กกก หนุกจริงอะไรจริง บวกเป็ด!

รออยู่นะค้าบบคนแต่ง กิ๊บกิ๊ว  :3123:  :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 17-10-2013 22:56:48
มันค้างอ่ะ อยากอ่านฉากตบจูบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 17-10-2013 23:05:07
ว้าว ตอนนี้สดายุน่ารักจุงเบย  :heaven ฟินมากกกกกก

+1  :กอด1: บวกคะแนนด้วยความชื่นชมค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 17-10-2013 23:13:22
“จะเป็นยังไงนะ ถ้าเพื่อนซี้ต้องมาเล่นเลิฟซีนแรงๆด้วยกันจะเฉยๆ เพลิน ฟิน หรือ เขินจนแทบมองหน้ากันไม่ได้กันนะ”
ขอโหวตอันสุดท้ายเพราะถ้าเขินจนแทบมองหน้ากันไม่ติดคงจะน่ารักไม่น้อย แล้วคนอ่านก็คงจะฟินไม่ใช่น้อย อิอิ
 :hao7:

ไม่เป็นไรๆ วันจัทร์ก็ อีกแปบเดียวเอง เรารอได้ๆ
 :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 17-10-2013 23:18:09
กว่าจะมา
ตั้งตารอทุกวัน
อยากจะบอกว่าติดใจเรื่องนี้มาก
ตอนต่อไปมาไวๆนะคะ
:katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 17-10-2013 23:41:38
 :-[ยุน่ารักอะไรเยี่ยงนี้

รอฉากต่อไปอย่างใจจดจ่อ

 :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 18-10-2013 00:01:35
อยากได้ซัก 4P  ก็ไม่เลวนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 18-10-2013 00:22:23
นานหน่อยแต่ก็รอจ้า อยากดูฉากตบจูบ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 18-10-2013 00:23:56
มารอค่าาาา
หนุกมากมายเลย
เสียดายอ่า ที่เป็นเรื่องสั้น
เปลี่ยนเป็นเรื่องยาวได้ไหมเคอะ?555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 18-10-2013 00:26:55
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อชัวร์กิกิกิกิ
รอบทตบจูบอะ พี่เมธอย่าจูบยุแรงนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 18-10-2013 00:35:51
ค่อยโล่งขึ้นมาหน่อย
นึกว่าสองหนุ่มรุจน์ พอร์ช จะเป็นมือทีสามแทรกเมธ ยุ เสียอีก
ที่แท้ก็ "เพื่อนสนิท" นี่เอง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 18-10-2013 00:43:19
จะรอนะคะ ลุ้นๆอิอิ ท่าทางพระเอกเราจะเจอพระรองคู่แข่งหรือเปล่านะ
แต่เพื่อนสนิทเล่นฉากรักอาจจะกลายเป็นเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อไปก้ได้นะเนี่ยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ❁INDY_FAMILY❁ ที่ 18-10-2013 01:58:31
ยุน่ารักขึ้นอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 18-10-2013 02:22:45
ยุน่ารักกกกกกกก :impress2:
เมธจะเกิดอาการเอ็นดูขึ้นมาก็ไม่แปลกนะฮ้า ฮ่าๆๆๆ
ต่อไปคงไม่ได้มีแค่ความเอ็นดูใช่มั้ย คิคิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 18-10-2013 06:08:01
ใจจริงรอฉากตบจูบบบบบบบ ค้างเลยยย  :katai1:

คุณกฤตเมธเห็นเปล่าาาา น้องยุยิ้มด้วยยยยย ไม่เห็นอะดิ กิ๊วๆ :hao7:
คริๆ ยุสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หรือว่าได้คนคุมดีกันนะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 18-10-2013 06:56:19
 :hao6:   :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 18-10-2013 08:27:59
กรี๊ดดดดดดดดด!
ฉาก!
ตบ!
จูบ!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Have_a_hope ที่ 18-10-2013 08:44:23
ชอบ ชอบ ชอบ ชอบเรื่องนี้ :mew1:

อยากอ่านฉากต่อไปแล้วอ่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: pppf44 ที่ 18-10-2013 08:48:47
ฮี่ๆๆๆๆ ฉากตบจบด้วยอ่ะครึๆ รอตอนต่อไปอยุ่นะเออ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 18-10-2013 08:54:13
รอซีนหน้าาา อิอิ

สองเพื่อนซี้เข้ามาคงทำให้ยุหายเหงาได้ แต่จะทำให้อีกคนรู้สึกอะไรๆรึป่าว น้าาา
รอซีนสองเพื่อนซี้ด้วยได้มั้ยอ่ะ 55555555
 :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 18-10-2013 09:28:46
 :a5: :katai4: :katai5: :ling1: :ling3: ทำไมสั้นเยี่ยงเน้ QAQ รึเรารู้สึกไปเองหว่า ดีใจที่มาต่อแย้ว คึคึคึ ○[]○ รอตอนต่อไปอย่างใจจดต่อนะค้าาาา :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 18-10-2013 10:40:47
 :haun4: :haun4: :haun4:

ตัวเองเก๊าร๊ากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตัวเองที่สุดเลย  มาต่อให้เค้าแล้ว 

รีบๆๆมาต่อให้เก๊าอีกน้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา

ชุ๊ฟๆๆ :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 18-10-2013 11:06:58
ตบจูบอิอิอิ


เหมือนทั้งคู่จะเริ่มหลงเสน่ห์กันรึเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ๛ナーリバス๛ ที่ 18-10-2013 11:32:25
น่ารักได้นะ แต่ อย่ามาหลงรักยุล่ะ เพราะยุเป็นของเมธเท่านั้นนะ!!

รอฉากอย่างว่า  :hao6: :hao6:   5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-10-2013 13:41:02
อยากดูทุกฉากเลย ชอบยุอ่ะ น่ารักเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 18-10-2013 14:49:52
อั๊ยย่ะ ฉากต่อไปนี้มัน..  :hao6:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อนะคะ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 18-10-2013 17:54:37
ฉากตบจูบก็อยากอ่าน
ฉากเลิฟซีนของเพื่อนซี้ก็ว้อน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 18-10-2013 18:35:55
ยุน่ารัก  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 18-10-2013 19:46:54
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 18-10-2013 20:19:44
เริ่มมีคนเห็นเสน่ห์ของน้องยุแล้ว อย่างนี้พี่เมธคงหึงแย่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 19-10-2013 00:17:20
เหยยยยยยยย ตอนหน้า น่าลุ้นๆ :3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 19-10-2013 06:17:25
เกาะติดขอบเตียงรอดูฉากต่อไป :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 19-10-2013 08:17:32
 :ling1:
 
:L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 19-10-2013 12:48:29
แอบวิ่งไปหลบหลังต้นไม้ใกล้กองถ่าย  อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 19-10-2013 13:29:39
น่ารักสุดๆ ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 19-10-2013 13:53:30
ตอนต่อไปอยู่ไหนนนน!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: fahzang ที่ 19-10-2013 14:26:43
ติดตามนะจ้ะ สนุกมากกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: sonicacc ที่ 19-10-2013 17:42:47
รีบมาต่อนะคับ :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 19-10-2013 20:30:11
 :o8: :-[


 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 19-10-2013 20:45:59
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: spsygk ที่ 20-10-2013 11:58:16
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 20-10-2013 12:37:26
 :impress2: :impress2:

มารอคราฟฟมารอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-10-2013 13:05:06
อ๊ายย  ฉากตบจูบนี้่หวังว่ายุคงไม่ตบเมธเลือดกบปากอีกนะ  ฮ่าๆ   :m20:
รอดูสองหนุ่มน้อยๆ   :impress2:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-10-2013 19:40:47
แมะ หนังเรื่องนี้มันเข้าฉายวันไหน
อิฉันจะไปจองแถวหน้าาา  :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-10-2013 20:33:53
ทำไมเพิ่งเห็นเรื่องนี้ อ๊ายยย ชอบแนวนี้อ่ะ
นายเอกเรามีปมเนี่ย นิสัยแมนๆ ชอบมากกกกก
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ida_iii ที่ 20-10-2013 21:48:47
สนุกมากค่าา

อยากให้เปนเรื่องยาวๆสักร้อยตอนไปเลยยย

 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 20-10-2013 23:06:25
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด >///< เรื่องนี้มันฟินจริงๆให้ตายเหอะ อ๊ากกกกก อยากดูฉากตบจูบแล้ว

แอร๋ยยยย คู่ต่อมาก็ใช่ย่อย เพื่อนซี๊มาเล่นแบบหนีเดี๋ยวก็กลายเป็นมากกว่าเพื่อนกันหรอกนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 20-10-2013 23:40:33
ค้างเติ่งเลยค่ะคุณขา



เป็นไรไม่รู้อะ ชอบพอร์ชตั้งแต่แรกอ่าน 55555555555 :mew2:



รอต่อปายยยยยยย :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: ROCKLOBSTER ที่ 21-10-2013 00:36:51
จะรอพรุ่งนี้
เพื่อนซี้ จะ ตบ จูบ แบบใหน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 21-10-2013 03:17:06
กรี๊ดดดดดดดดดดด ซีนที่6คืออะไรคะคะคะคะ
ตาเห็น หรือใจสัมผัส
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
แรดกันเลยทีเีดียว อั้ยยยยยยยยยยยย!!!
คุณเมธคะ ทั้งสองตัวตนในคนคนเดียวก็ไม่ผิดนะคะ
นี่คือบางทีต้องใช้ร่วมกัน   :hao5:
ไม่รู้ ชอบบบ :ling1:  :ling1:  :ling1:  :ling1:
ตายยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 21-10-2013 14:56:08
มารอซีนที่9 ขอยาวๆเลยน้าาา ติดซะแล้วล่ะเรื่องนี้
บอกเลยว่าชอบบบบบบบ ปลื้มมมมมม ชอบแนวนี้
น้องยุนี่ลืมตัว #อาจจะเพราะมีคนดีใส่แล้วก็ได้
อั้ยยยยยะ!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 21-10-2013 15:49:41
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai5:  :ling1: รอตอนต่อไปจ้าาา  :call:  :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nevergoodbye ที่ 21-10-2013 17:00:40
 :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 21-10-2013 17:24:17
อ่านไปอ่านมาติดหนึบซะแล้วเรื่องนี้ >_<

รอตอนต่อไปนะค้าาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 21-10-2013 20:10:32
รอ ร๊ออออ รออน้องยุคนดี   ฮืออ อ คุณคนเขียนขาาาาา มาต่อเถอะนะะะะะ  :ling3: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: nun.sj ที่ 21-10-2013 20:29:35
เค้ารออยู่นะตัวเอง *-* :impress2: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 21-10-2013 21:09:56
มาต่อแถวรอด้วยคน  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 21-10-2013 21:36:20
 :katai4: :katai4: วันที่21แล้วมาได้แล้ว คิดถึง อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 21-10-2013 21:37:11
ตอนนี้น้องยุน่ารักสุดๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 21-10-2013 21:38:45
ขอโทษนะคะที่วันนี้ไม่สามารถลงซีนที่ 9 ได้
อย่างไรเสีย เอาของกินเล่นไปทานเล่นกันก่อนนะคะ

วันพุธจะรีบมาต่อ ซีนที่ 9 แบบยาวๆให้เลยค่ะ
:ling3:
************************************************************


Special Feature  Part 1
(รุจน์ x พอร์ช)
*ซ้อมคิว บทที่ 1 *



"ไอ้พอร์ช ไอ้รุจ มานี่สิ"

เสียงผู้กำกับอ๊อดตะโกนเรียกดาราตัวประกอบชายมือใหม่สองคนที่สาละวนซ้อมบทกันอยู่ให้เข้ามาหา เพื่อเตรียมจะแจ้งคิวถ่ายทำที่จัดขึ้นมาใหม่
ด้วยความที่พอร์ชกับรุจน์มีบทที่ต้องแสดงที่มัลดีฟส์ไม่เยอะมากดังนั้น ทั้งคู่จึงเดินทางมาสมทบทีหลัง และมีโปรแกรมถ่ายทำปักหลักอยู่ที่ประเทศนี้แค่เดือนเดียว ฉากที่ต้องถ่ายร่วมกับตัวละครหลักส่วนใหญ่จะเป็นฉากของรุจน์ที่แสดงเป็นซอ เด็กยกไฟหน้าใสประจำกองถ่าย ส่วนบทของพอร์ชที่แสดงเป็นหมอธเนศนั้นจะเน้นหนักอยู่แค่ไม่กี่สิบซีน ปัญหาที่ต้องถ่ายร่วมกับมืออาชีพอย่างสดายุและกฤตเมธนั้น ยังไม่หนักเท่ากับการที่สองเพื่อนซี้รุจน์พอร์ชนี้ต้องเล่นคู่กันเอง

'โดยเฉพาะบทเลิฟซีน' ที่แรงไม่แพ้คู่เอก!

"เอ้า เราทั้งคู่น่ะ พอจะเข้าถึงบทบาทกันบ้างแล้วใช่มั้ย?"

พอสองหนุ่มเดินมาถึง อ๊อดก็ถามไถ่ออกไปทันที

"ก็ดีครับ ถึงฝีมือผมอาจยังไม่เข้าขั้น แต่ผมรับรองครับพี่ว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุด"

รุจน์เอ่ยให้คำมั่น เพราะเอาเข้าจริง เด็กหนุ่มก็แอบนอยด์เล็กๆที่ตัวเองทำพลาดจนต้องเทคหลายต่อหลายครั้ง เมื่อเข้าฉากจริง แม้หลังๆจะเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว แต่รุจน์ก็ยังคงรู้สึกผิดต่อทีมงานทุกคนอยู่ดี

“เฮ้ยไม่เป็นไรหรอก ใหม่ๆก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้นแหละ ใครมันจะเทพมาตั้งแต่ในท้องแม่จริงมั้ย? ฮ่าฮ่าฮ่า”

ผู้กำกับหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเอ่ยคำชี้เป็นชี้ตาย

“เอ้านี่บทเลิฟซีนที่จะต้องเล่นวันพุธนี้ เอาไปซ้อมกันให้คล่องๆนะ”*
*
*
*
*
 ณ ห้องพักห้องน้อยของสองหนุ่ม...


“ให้ผมช่วยปลอบคุณนะ”
“........”

“อ้าวทำไมไม่ยอมต่อบทล่ะไอ้พอร์ช?”

รุจน์ถอนหายใจพรอดออกมา เมื่ออีกฝ่ายนิ่งไปไม่ยอมต่อบท ทำอารมณ์ค้างเติ่ง

“กูว่า...อารมณ์มึงยังไม่ได้ว่ะ”

“ห๋า!?

“กูว่า อารมณ์ของซอต้องมากกว่านี้...”

“ยังไงวะ?”

ข้อดีของรุจน์คือเด็กหนุ่มนั้น อีโก้ต่ำ ไม่ค่อยหยิ่งยะโสหากต้องถูกสั่งสอนตักเตือน โดยเฉพาะคำแนะนำที่ได้มาจากพอร์ช เพื่อนรักที่คบกันมาตั้งแต่ชั้นประถม และที่สำคัญ พอร์ชเป็นคนเก่ง โดยเฉาะในเรื่องการแสดงที่เพื่อนของเขาคนนี้มีความสามารถน่าจับตามองสุดๆ ถึงโดยปกติจะเรื่อยเฉื่อยนิ่งๆเงียบๆ แต่กลับมีสัมผัสพิเศษเวลาแสดงที่สามารถเข้าถึงบทบาทของตัวละครนั้นๆได้ราวกับเป็นชีวิตจริง

“มานี่สิจะอธิบายให้ฟัง”

เมื่อถูกเพื่อนรักเรียก รุจน์ก็เดินเข้าไปหาอย่างว่าง่าย สองหนุ่มช่วยกันก้มดูบทละครอย่างละเอียดอีกครั้งในสภาพที่หัวแทบจะชนกัน

“ตรงนี้มันบอกว่า ซอต้องเมามากๆ และมันมีความรู้สึกพิเศษกับหมอใช่มั้ย”

“อืม...”

“เพราะงั้นตอนที่ไอ้ซอมันเชิญชวนหมอให้ทำอะไรกับมันเนี่ย มันต้องใส่อารมณ์ประมาณว่า ‘อึ๊บฉันสิ’ ลงไปด้วย”

“อืม...กูก็พอเข้าใจนะ กูก็พยายามใส่ลงฟิลลิ่งนั้นลงไปแล้วด้วย”

“แต่กูไม่เห็นจะรู้สึกอยากอึ๊บมึงเลย”

คำพูดของพอร์ชเล่นเอารุจน์แทบจะกระโดดหนี นี่มันกำลังอธิบายถึงบทละคร หรือเรื่องจริงเนี่ย
( “ O//□//O)??

“มึงพูดถึงอะไรเนี่ย ไอ้บ้า!”

“ก็บทของซอไง? มึงคิดไปไหน?”

คราวนี้เป็นพอร์ชที่ขมวดคิ้วสงสัย ว่าเพื่อนของตัวเองเป็นอะไรไป ฝ่ายรุจน์เองก็ได้แต่คิดว่า ‘แม่ง...อินเกินไปอีกแระ ไอ้พอร์ช’

“อ่ะ มาลองกันใหม่”

“อืม...”

พอตกลงว่าจะเริ่มซ้อมกันอีกรอบ รุจน์ก็ตั้งสมาธิอีกครั้ง ‘เราคือซอ ซอคือเรา’

“ให้ผม...ช่วยปลอบคุณนะ”

ครั้งนี้รู้สึกว่าอารมณ์ของรุจน์จะจูนกับบทของซอได้มากขึ้น ชายหนุ่มใส่อารมณ์ของคนเมารักไปอย่างเต็มที่...และมันก็ได้ผล

“...ซอ”

หมับ...


พอร์ชในคราบของหมอธเนศ เอ่ยชื่อของซอ (รุจน์) ออกมาแผ่วเบา สายตาเชื่อมปรอยราวกับคนเมาเหล้าจริงๆนั้นส่งอารมณ์ไปให้เพื่อนรักอย่างเต็มที่ ก่อนจะเอื้อมมือออกไปคว้าเอวเพื่อนตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้ตามบทบาท แล้ว...ก้มลงจูบทันที

“อ๊ะ! เฮ้ยพอร์ช!!?”  \( “ >//□//<)/ว๊ากกก!!

กำลังจะไปได้สวยแท้ๆ จู่ๆก็โดนผลักกระเด็นออกมา พอร์ชถึงกับ ขมวดคิ้วเสียอารมณ์

“อะไรของมึงอีกวะรุจน์ อารมณ์เมื่อกี้มันโอเคอยู่แล้วนะ”

“กะ...ก็มึง...จะจูบกูนี่!!” \( “ >//□//<)/

“ก็กูเล่นไปตามบท มึงจะมาเขินอะไรตอนนี้”

จริงอย่างที่พอร์ชว่า เพราะนี่คือการแสดง ขาต้องเล่นไปตามบทบาทที่ได้รับมาให้ได้ แต่หนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังเรื่องแรกของเขา การแสดงเรื่องแรกของเขา เลิฟซีนครั้งแรกของเขา แล้วจะไม่ให้รุจน์ตื่นตระหนกกับบทไปบ้างได้อย่างไร

“ค...แค่ซ้อมเอง...มึงต้องเล่นจริงเลยเหรอ?...”

รุจน์เอ่ยถามเสียงแผ่ว บทแบบนี้เล่นยากชะมัด

“ไอ้รุจน์ วันมะรืนนี้มึงกับกูจะต้องถึงขั้นแก้ผ้าเล่นเนื้อต่อเนื้อกันเลยนะ แล้วถ้าเราไม่ซ้อมคิวกันให้คล่อง วันจริงเจอเทคยับขึ้นมา มึงกับกูได้จูบแล้วจูบอีกกันจนปากเจ่อ เลือกเอาแล้วกัน จะซ้อมกันวันนี้โดยมีเสื้อผ้ากั้น หรือจะเอากันวันจริง?”

คำข่มขู่ช่างแสนโหดร้าย แต่มันก็คือเรื่องจริงที่รุจน์ไม่อาจปฏิเสธได้

“...เอาก็เอาวะ...มา...กุพร้อมแล้ว...”

สุดท้ายชายหนุ่มก็สมยอม เพื่องาน เพื่ออนาคต...

“งั้นมาเริ่มกันเลย”

‘เราคือซอ ซอคือเรา’


“ให้ผม...ช่วยปลอบคุณนะ”

“...ซอ”


หมับ...

จุ๊บ...

“อื้อ...อ๊ะ...อื้ม!!...”

รสจูบรุนแรงที่ไม่คุ้นเคย อีกทั้งเรียวลิ้นที่รุจน์ยากจะต้านทานนั้น ทำเอาทั้งร่างของชายหนุ่มสะท้านเฮือก

‘ไอ้เชี่ยพอร์ช แค่ซ้อมบทนี่มึงต้องจูบจริงด้วยเหรอว๊ะ!!’
( “ >//x//<)

แม้อยากจะดิ้นใจจะขาดแต่ในเมื่อยังพอมีสติ เขายังต้องอยู่ในบทให้ได้ เขาจะไม่มีวันแพ้พอร์ชเพื่อนรักเด็ดขาด

‘หนอยไอ้พอร์ช มึงเอาจริงเลยใช่มั้ย ได้...กูจัดให้!!’


“อ๊ะ!”

“อืม...ซอ...”

พอร์ชที่ยังคงเล่นไปตามบทครางกระเส่าอยู่ข้างหู ขณะที่กดรุจน์ลงไปบนที่นอนนุ่ม มือไม้ฟอนเฟ้นไปตามร่างกายของเพื่อนรักอย่างไม่เกรงใจ

“อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

รุจน์ที่อยากจะหลุดจากบทใจจะขาดได้แต่ร้องครางไปเรื่อยๆ (ครางจากสถานการณ์จริงล้วนๆ)

“ฮ้า...!!”

“รุจน์ ถึงตรงนี้พอกุผลักมึงลงบนเตียงแล้วลูบตัวมึงปุ๊บเนี่ย มึงต้องโอบคอกูไว้ ไม่ใช่นอนเป็นขอนไม้ เอาใหม่เลย เริ่มตั้งแต่กูผลักมึงลงเตียงใหม่นะ”

“.......................ดะ...ได้...เริ่มเลย...” ( Q///^/// Q )

จ๊วบ...

“อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

คราวนี้ไม่พลาด รุจน์โอบรอบคอคนที่ตะโบมจูบตัวเองอยู่อย่างเต็มที่ ‘พ้นๆไปเสียทีเหอะไอ้ฉากจูบเนี่ย ลิ้นกุชาหมดแล้วไอ้บ้าพอร์ช!!’

อ๊ะ! ฮ้า!...”

ขณะที่รุจน์กำลังทำอารมณ์ตามบทเต็มที่จู่ๆ พอร์ชก็ผละริมฝีปากออกไป พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง

“....อะ....อะไรอีกวะ?...”
( Q///□/// Q )

“กุว่ามึงยังเข้าไม่ถึงบทว่ะรุจน์...”

“บร๊า!! ขนาดนี้ยังไม่พออีกเร๊อะ! ไอ้พอร์ช!?”

“อืม...กูว่าพวกเราถอดเสื้อกันดีกว่า”

 ∑( Q///□/// Q ) เฮ้ยยยยยยย!!!

********************************************************************
รอต่อที่ Part 2 นะคะ ^^

ขอโทษที่วันนี้ไม่วามารถลง ซีนที่ 9 ได้ ขอผลัดไปเป็นวันพุธแทนได้มั้ยคะ
พอดีว่าติดงานใหญ่มาก จนไม่มีเวลาจะแต่งเลยค่ะ

เอาเป็นว่าขอแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ ด้วยตอนพิเศษ ของสองหนุ่มเพื่อนรัก เป็นการขั้นเวลาไปก่อนนะคะ
Special Feature  ซ้อมคิวนี้ จะเป็นตอนพิเศษที่จะทยอยลงขั้นเรื่องไปเรื่อยๆค่ะ
ถือเสียว่าเป็นโฆษณาขั้นรายการ

ขอโทษอีกครั้งนะคะที่อาจทำให้ผิดหวัง
(โค้งลงแทบพื้นงามๆ)
 o1
Thearboo  / อนาคี 99

ปล. แถมหนังหน้ารุจน์ พอร์ช เอาไว้จิ้นเล่นๆ ค่ะ อิอิ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 21-10-2013 21:46:27
คู่รองเค้าเล่นซ้อมบทกันนอกจอ น่ารักจิง ๆๆๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 21-10-2013 21:48:50
คู่รองนี่ร้อนแรงไม่แพ้คู่แรกเลยน้า  น่ารักจัง  พอร์ชนี่เอาจริงสุดๆ ส่วนรุจน์นี่มาดเคะออกมาและ  น่าจับกดจัง :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 21-10-2013 21:49:25
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Aoya ที่ 21-10-2013 21:50:40
จริงๆ แล้วพอร์ชมันเอาเรื่องซ้อมบทมาอ้างใช่มั้ยเนี่ย  :o8:
รุจน์เอ๊ย หนูตามพอร์ชมันไม่ทันหรอกลูก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 21-10-2013 21:52:28
พอร์ชเนียนรึป่าววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 21-10-2013 21:54:49
รุจน์เอ๊ย หนูเสร็จแน่ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 21-10-2013 21:57:23
 :n1:วันพุธจะรอซีน9
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 21-10-2013 21:58:43
รอนะ :hao3:  เราไม่ได้หวังอะไรเรย :hao6: :hao6: :hao6: จิง :hao7:จิง :hao7:นะ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 21-10-2013 22:01:32
พอร์ชแอบเนียนนัวคลุกวงในรุจน์
หรือแค่เล่นตามบทที่จริงจังเกินไป
ร้อนแรงมากขอบอก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 21-10-2013 22:06:02
 :m20: :m20: แหมะ ทำไปได้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 21-10-2013 22:07:03
ตบเข่าดังฉาด !!!!!!!!
ว่าแล้ว ว่าคู่เพื่อนรักมันไม่ธรรมดาาาาาาาาา~~~~~~~~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 21-10-2013 22:27:56
หนุกๆ ขอติดตามอ่านด้วยคน  :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 21-10-2013 22:32:30
ถะ...ถะ...ถอดเสื้อ!
โอ้แม่เจ้า!
ถอดเลย!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 21-10-2013 22:34:10
หึๆ มีอะไรอยู่ในกอไผ่จริงด้วย

 :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 21-10-2013 22:36:43
รอพาร์ทสองๆ
จบกำลังค้างไอ้เราก็ลุ้นในใจ
ถอดเลย ถอดเลย ถอดเลย 555
แนบเนื้อขนาดนี้ถึงน้องพอร์ชจะเทพแค่ไหนมันก็ต้องมีอารมณ์...เขินกันบ้างแหละ อิอิ
นึกถึงหน้ารุจน์คงจะเหวอมากอ่ะ ก็น้องพอร์ชเขาต้องการความสมจริง  แฮ่ๆๆ
คู่นี้มันน่ารักนะเราว่า มาเยอะๆน้า ชอบ
 :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 21-10-2013 22:38:12
คู่รองก็แอบแรงนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 21-10-2013 22:38:38
คุณว่าไงจอร์จ...
ผมว่ารุจโดนหลอก
ชั้นก็ว่ารุจโดนเล่นแล้วล่ะ

55555555555 รุจเอ้ย ซื่อไป คิดว่า พอร์ชนี่รอมานานปะ แบบแอบรักเพื่อนไรงี้
ทีแรกคิดว่าน่าจะมีมืดที่สามไปหาสดายุ อาจจะมีซัมติงกันก่อนหน้านี้ ละทำให้คุณเมธหึงนะคะ
#แบบว่ายังไม่ถึง ขอแบบนี้สักฉากนะ ชอบอะไรดราม่าๆ.... ฮาาาา มารอต่อไป มาวันพุธสินะสินะ...
สู้ๆจ้ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 21-10-2013 22:41:59
รุจน์อะเข้าถึงบทสุดๆแล้วแหละ แต่พอร์ช ยังไม่'สุด'ก็เท่านั้น :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-10-2013 22:54:41
ทำไมเหมือนรุจน์โดนล่อลวงยังไงไม่รุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 21-10-2013 22:59:37
น้องรุจ ถอดเสื้อนี้ได้เล่นจริงๆไม่มีแสตนอินเลยนะเนี่ย 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 21-10-2013 22:59:47
...ต่อบทกันจริงจังมาก...  :mew5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 21-10-2013 23:12:06
จะเข้าถึงอารมณ์มันต้องเล่นจริงเลยพอร์ชรุจน์ ซ้อมไว้หลายๆรอบ?จะได้ไม่พลาดตอนถ่ายจริง  :hao7:

รอวันพุธค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 21-10-2013 23:23:32
พอร์ชเอ๊ย เธอมันเจ้าเล่ห์จริงๆ เลย
กี่เทคแล้วล่ะเนี่ย 555555555555
=.,=
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 21-10-2013 23:34:07
บอกตรงๆ ว่าตอนแรกไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ไม่ได้อ่านตอนของคู่เอกต่อ
เพราะกำลังลุ้นอย่างใจจดใจจ่อว่าพระเอกนางเอกเขาจะเริ่มหวานกันอิท่าไหน

แต่หลังจากอ่านคู่รองไปซักพัก
เออ...คู่นี้มันก็น่ารักดีแฮะ....(ซะงั้นอะ)  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 21-10-2013 23:35:46
ไอ้พอร์ชนอกจอละเอ็ง หื้มห์
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: QueenPedGabGab ที่ 21-10-2013 23:42:09
รอต่อปายยยยยย
 :m25: :m25: o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 21-10-2013 23:43:52
ตอนหลักก็ค้าง ตอนพิเศษก็ค้าง สรุปคือ ค้างงงง อ้างงงง อ้างงงง อ้างงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: AiiSoul ที่ 21-10-2013 23:44:54
หนูรุจน์ ระวังนะคะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Damon ที่ 21-10-2013 23:51:26
พอถึงวันถ่ายจริง ไอพอร์ชคงพูดว่า
"พี่อ๊อดครับ ผมว่ามันยังไม่สมจริง ขอเสียบจริงเลยได้เปล่าครับ?" แหงมๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: clock_nuchchee ที่ 22-10-2013 00:36:00
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 22-10-2013 01:25:33
อร๊ายยยย เค้าเกิดฟินกับคู่นี้อีกคู่ซะแล้นนนนน ถอดเสื้อผ้าเลยเหรอพอร์ช คริๆๆๆๆ  :z1: :pighaun:

รอค่ารอออ สาบานได้ว่าไม่ได้แอบหวังอะไรเลย (แอบไขว้นิ้ว)

 :hao6: :hao7: :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 22-10-2013 01:35:06
พอร์ชหาเรื่องจุ๊บๆรุจน์แน่ๆเลย

 :hao3: :hao3: :hao3:

 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-10-2013 02:19:02
เหยดดดด
พอร์ชเนียนมากอ่ะ
55555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-10-2013 04:47:54
ตลกอ่ะ555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 22-10-2013 06:24:16
555 รุจน์โดนหลอกรึเปล่าเนี้ย 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 22-10-2013 06:36:16
รุจโดนแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 22-10-2013 07:57:25
 :hao6:  อยากอ่านต่อแล้ว

  +1  จ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 22-10-2013 09:14:01
พอร์ชเนียนไปนะะะะ แอร้ ฟินนน้ำยายไหยเยย  :hao6: :hao6: หนูรุจก็ยอมอยู่ได้ น่ารักอ่ะคู่นี้ กรีสสสสส :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: uknowvry ที่ 22-10-2013 09:53:44
แมร่ง!!!!!..... ฮา! 5555555+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 22-10-2013 10:01:52
 :z13: :z13: :z13:

อร๊ายยยยยย ทิ้งระเบิดลูกตูมให้เค้าอยากอ่านต่อเลย อ่ะ    มาต่อตอนพิเศษเร็วๆนะคราฟฟฟ เคา้รอตัวเองอยู่นะ อิอิ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 22-10-2013 11:15:39
เดี๋ยว!! ถามนิดนึงพอร์ชนี่ไม่ได้คิดไรแน่นะ นอกจากจะซ้อมบทอ่ะ ฮ่าาาาาาาา
จะรอดูเพื่อนรักเค้าซ้อมบทกันอีกนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-10-2013 11:20:41
กีสสส
นี่แน่ใจเหรอคะว่าแค่ซ้อมบทกันจริงๆ
แต่ทางนี้เห็นว่าพอร์ชน่ะ อารมร์ล้วนๆเลยนะ กิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 22-10-2013 11:32:33
พอร์ชซ้อมบ่อยๆซ้อยเยอะๆนะ
เดี๋ยวรุจน์เล่นไม่สมจริง

รุจน์บอก "แค่นี้ก็สมจริงจะแย่แล้ว ไม่อยากนึกตอนถ่ายจริงเลยT^T"
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-10-2013 11:49:06
แอร๊ยย  เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อรึตามบทกันแน่นะพอร์ช อุ๊บส์  :haun5:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 22-10-2013 11:51:17
เพิ่งอ่านเรื่องนี้ จะบอกว่า อ่านแล้วชอบเมธกับยุมากกกกก
รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ทั้งสองคนเลยค่ะ
มาต่อนะมาต่อเร็วๆอยากอ่านเมธกับยุต่อแล้วอ่ะ :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 22-10-2013 12:28:42
อร๊ายยย นี่แค่ซ้อมหรือเีนี่ย   :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Anglerella ที่ 22-10-2013 12:35:34
อุ๊ยตาย ซ้อมจริงแบบนี้อิน้องรุจน์จะเหลือมั๊ยเนี่ย พอร์ชคะเจ้ถามจริงพอร์ชแอบนอกบทใช่มั๊ยบอกเจ้มา :oo1:
ส่วนคู่หลักสนใจซ้อมจริงแบบโนเสื้อผ้า โนแสตนอินแบบคู่รองมั๊ยคะจะได้ชิน เย้ย จะได้คล่อง เย้ย จะได้เทคเดียวผ่าน อิอิอิ  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 22-10-2013 13:01:01
เอ่อ ตั้งใจซ้อมกันเกินบท ไปมั้ย :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 22-10-2013 17:31:38
กรี๊ดดดดดด พอร์ชเนียนมากไปละ
เล่นจริงถอดจริงกันเลยทีเดียว นี่ขนาดแค่ซ้อมนะ
อยากอ่านคู่เอกใจจะขาด จัดหนักๆมาเลยน๊า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 22-10-2013 19:22:27


เจ๊ยุ่งๆ อยุ่ มาตามอ่านรอบเดียวเลย ป้าดๆๆๆ มากกกกกกกกกกกกกก

ชอบอ่ะ ฮ่าๆๆๆ แล้วจะไปได้กันยังไง คิดไม่ออกเลย ฮ่าๆๆ

รอยตามอ่านตอนต่อไป  :mew1:

ปล. +เป็ดไปทุกตอนแหละนะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 22-10-2013 19:29:56
คู่รองนี่ก็น่ารักน่าฟัดไม่แพ้คู่หลักเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 22-10-2013 20:06:43
พอร์ชนี่หื่นนะ
สงสัยรุจน์คงเสร็จแน่ หึๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: anchi ที่ 22-10-2013 21:40:07
แหม่ นี่ขนาดแค่ซ้อมนะ
ถ้าเล่นจริงจะขนาดไหนกัน
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 22-10-2013 21:53:56
ฮ่าๆชอบๆ รุจน์น่าสงสารแต่เราชอบว่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 22-10-2013 21:56:16
 :haun4: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 22-10-2013 22:56:00
อั้ยยะ!!!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 23-10-2013 00:29:20
 พอร์ช.. จริงจังไปนะ  :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 23-10-2013 08:37:37
พอร์ช เอ่อ...อ..แบบว่า เอาจริงไปป่าวตัวเอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 23-10-2013 09:07:16
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 23-10-2013 10:00:00
จะอินไปปะซ้อมบทต้องถอดเสื้อผ้าด้วย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 23-10-2013 10:50:47
รุจน์เชื่อพอร์ชเขาเถอะนะ เพื่อวันจริงจะได้ลื่นไหลไง
ถอดเลยๆๆๆๆ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-10-2013 11:57:24
จงมาๆๆๆๆคิดถึงแล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 23-10-2013 13:54:07
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 23-10-2013 14:46:39
 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 23-10-2013 16:39:38
ชะฮึ้บ!!~ มาปูเสื่อรอซีน9 ครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 23-10-2013 16:50:43
หวังว่าคงไม่ต้องถอดจนหมดหรอกนะ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 23-10-2013 20:05:36
 :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 23-10-2013 20:50:14
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะครับ

ชอบๆเป็นกำลังใจให้ครับผมเพิ่งมาอ่าน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 23-10-2013 20:51:52
 :mew4: :mew4:

มารอคราฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: insunhwen ที่ 23-10-2013 21:46:09
รอนะค้าา :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-10-2013 22:17:11
 :katai5:  รอจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 23-10-2013 22:26:06
อร๊ายยยยย ไปๆมาๆคืบหน้ากว่าคู่เอกอีกนะเนี่ย
เรื่องนี้สั้นๆแต่ได้ใจตลอด
แต่บางมีก็อยากได้แบบยาวๆบ้างนา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: helios-ag ที่ 23-10-2013 23:37:56
วันนี้ไม่มาแน่เลย ฮืออออ
 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-10-2013 00:09:38
(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 9




“เอาล่ะ เมธ ยุ ซีนสุดท้ายของวันนี้แล้วนะ พร้อมยัง?”

เมื่อฉากใหม่ถูกเซ็ตขึ้นเรียบร้อยแล้ว ผู้กำกับอย่างอ๊อด ก็เรียกนักแสดงคนสำคัญที่นั่งกระจัดกระจายอยู่คนละที่เพื่อมาเข้าฉากทันที

“โอเคครับพี่ ผมพร้อมแล้ว”

กฤตเมธตอบกลับออกมาขณะเดินเข้ามาใกล้อ๊อด โดยมีสดายุเดินตามหลังมาห่างๆ กฤตเมธเดินยิ้มน้อยๆดูเป็นมิตรในขณะที่สดายุนั้นหน้าหงิกได้อีก

“เออ ไอ้สองตัวนี่ เล่นด้วยกันมาเป็นเดือนแล้ว มันยังไม่ญาติดีกันอีกเว้ย”

อ๊อดพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นสภาพนักแสดง

“เอ้ย ยุ ไหวมั้ยเนี่ย? หน้ายุ่งเชียว”

“เมาค้างนิดหน่อยน่ะครับ แต่ไหวอยู่”

“อ้าวเหรอ? เออ งั้นพร้อมกันแล้วนะ เริ่มเลย เอ้าๆ แสง ไฟ กล้อง พร้อมนะ!!”

พอได้ยินเสียงผู้กำกับ ทีมงานทุกคนก็เข้าประจำที่ของตัวเอง กฤตเมธและสดายุเองก็เดินไปประจำตำแหน่งเดิมที่ถ่ายค้างไว้จากซีนที่แล้ว ในระหว่างที่ตากล้องวิ่งเข้ามาเซ็ตกล้องอีกครั้ง เด็กยกไฟจัดแผงรับแสงใหม่ และช่างแต่งหน้าวิ่งเข้ามาซับเหงื่อและลงแป้งเพิ่มอีกนิดหน่อยให้กับพระนางนั้น กฤตเมธจ้องมองนางเอกของตัวเองที่อยู่ตรงหน้าไม่วางตา อันที่จริงตลอดการถ่ายทำวันนี้ ถ้าได้เผลอเมื่อไหร่ สายตาของเขาก็จะหยุดอยู่ที่สดายุตลอด ทั้งภาพเมื่อคืน และภาพเมื่อตอนเช้ายังคงติดแน่นในความทรงจำ โดยเฉพาะใบหน้าตอนนั้น…

‘…บ้า…’

ยอมรับโดยดีว่ามันประทับใจเขาสุดๆ กฤตเมธคิดอยู่เสมอว่าอายุขนาดนี้แล้ว คงไม่จำเป็นต้องมานั่งหลอกตัวเอง ว่าไม่ใช่หรือไม่มีวัน เพราะหัวใจที่เต้นแรงขึ้นเรื่อยๆนี้ ยังไงเสียก็หลอกไม่ไหวหรอกว่า…
‘เขาแอบชื่นชม คนตรงหน้ามากขึ้นทุกวัน และอาจชอบมากกว่าที่ตัวเขาคิดไปแล้วก็เป็นได้’

“คุณเมธคะ หลับตานิดนึงนะคะ”

“…………..”

เสียงช่างแต่งหน้าเรียกกฤตเมธตื่นจากภวังค์ขึ้นมาได้ ชายหนุ่มก็ขำตัวเองออกมาเล็กๆทันที

‘เป็นเยอะแฮะเรา…’

พอช่างแต่งหน้าจัดการซับหน้าสองนักแสดงเสร็จ ก็รีบวิ่งไปประจำตำแหน่งของตัวเองที่ด้านหลังของผู้กำกับทันที ปล่อยให้สองหนุ่มทำสมาธิอีกเล็กน้อย ระหว่างรอคำสั่งเดินกล้องของอ๊อด

“มีอะไรติดหน้าผมอยู่เหรอ?”

“……………”

กฤตเมธเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยทันทีที่ได้ยินคำถามจากสดายุที่ยืนขมวดคิ้วอยู่ตรงหน้า

‘เผลอมองเยอะไปหน่อย รู้ตัวซะแล้วแฮะ’

“เปล่า…เอ่อ…กำลังคิดว่าคุณหน้าใสดีจัง เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษครับ” ( ^ ^ )

จะให้บอกเหตุผลไปตรงๆว่าที่แอบมองเพราะอะไร ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะพาลเกลียดเขาเสียมากกว่าจะเขิน ดังนั้นเลยขอบ่ายเบี่ยงคำตอบนิดหน่อยให้พอดูสมเหตุสมผล

“’หน้าใส?’…คุณเพี้ยนไปแล้วรึไง?...บ้า…”

สดายุบ่นออกมาเล็กน้อยก่อนจะเดินไปประจำจุดของตัวเอง กฤตเมธถึงกับใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย เขากำลังจะแย่แล้วจริงๆ คำด่าว่า ‘บ้า’ เบาๆที่ปลายประโยคกับใบหน้าที่ก้มหลบสายตากะทันหัน ใบหูแดงๆนั่น…เขาคงไม่ได้คิดไปเองใช่หรือไม่ ว่าสดายุเอง ก็อาจจะ เขินเขาอยู่เหมือนกัน ยิ่งคิดใจของกฤตเมธก็ออกอาการลิงโลด อย่างที่เขาเองก็ไม่เคยเป็นมาก่อน

‘ไหนๆก็อุตส่าห์รับปากว่าจะช่วยดูแลแล้ว…ฉันจะลองเอ็นดูนายมากขึ้นแล้วกันนะ เด็กน้อย…’

“เอ้า พร้อมแล้วนะ….”

แอ็คคคคคชั่น!!

พอสิ้นเสียงสั่งเดินกล้อง สองนักแสดงก็เข้าสู่บทบาทของตัวเองทันที ทิ้งความเป็นตัวเองไว้เบื้องหลัง แล้วสวมบทละครออกมาให้สมบูรณ์ที่สุด

“งั้นก็ขอโทษทีแล้วกัน คราวหน้าฉันจะระวัง”

 สดายุในคราบของภุมราถอนหายใจยาวเหยียด หมุนตัวเดินจากไปตามบท ขืนตัวไว้เล็กน้อยเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากตัวกลับไป ‘อึก’ ปะทะร่างหนานั้นเต็มรัก แอบขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะตามบทนั้นแค่ดึงให้หันไปเผชิญหน้า ไม่ใช่เอามาเสียชิดขนาดนี้!
 
“อะไรกันทนฟังไม่ได้รึไง?”

กฤตเมธกระตุกร่างในอ้อมแขนแรงขึ้น ตามบทบาทของนคินทร์ ที่แสดงอาการหึงหวงในตัวของภุมราออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ทนฟังอะไร?”
“ทนฟังที่ฉันพูดไม่ได้ไงล่ะ”
“ทำไมฉันต้องทนด้วยล่ะ มันก็ไม่เห็นจะมีอะไร ฉันแค่เบื่อจะเถียงกับนายแล้วก็เท่านั้นเอง”
“ทนตัวเองไม่ได้สินะ”
“อะไร ทนตัวเองไม่ได้ อะไร?”


การต่อบทที่ต้องใช้อารมณ์ร่วม โกรธเกรี้ยว หึงหวง น้อยใจ ทั้งสองนักหนุ่มแสดงออกมาได้ดี จนทั้งทีมงานยังต้องอินตามไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่นักแสดงหน้าใหม่อย่างรุจน์พอร์ชที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ ก็อดทึ่งไปกับนักแสดงรุ่นพี่มากฝีมือที่ทั้งคู่เฝ้าชื่นชมอยู่ไม่ได้

“แพศยากว่าที่ฉันคิดไว้มากเลยนะ ภุมรา!”

ร่างสูงตะคอกออกไปตามบทบาท จริงจังขึงขังสามารถถ่ายทอดอารมณ์โกรธเกรี้ยวของตัวนคินทร์ออกมาอย่างสมบูรณ์ ฝ่ายสดายุนั้นก็สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวดในตัวของภุมราออกมาได้ไม่แพ้กัน  ร่างบางจ้องมองคนที่กำลังใช้อารมณ์ข่มเหงตนด้วยสายตาที่แสดงความเจ็บปวดออกมาอย่างชัดเจน สดายุในคราบของภุมราขบริมฝีปากแน่นก่อนจะถอนหายใจแรงๆหนึ่งครั้ง แล้วสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อเบี่ยงตัวหลบไปอีกทว่ายังไม่ทันจะพ้นทางก็ถูกมือแกร่งรั้งราวกับกระชากไว้เสียก่อน

‘โอ้ย! แรงไปแล้วนะไอ้บ้า!!’

สดายุแอบเขม่นกฤตเมธในใจเล็กน้อย ทั้งแรงกระชากจนตัวแทบจะปลิว ทั้งแรงปะทะที่เขาไม่รู้ว่าคนตัวโตตรงหน้านี้ไม่รู้สึกสะทกสะท้านบ้างเลยหรืออย่างไร!?

“ปล่อยนะ!!!”
“จะรีบไปไหนล่ะ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ!”
“ก็ถ้านายคิดว่าฉันเป็นแบบนั้นแล้ว เราก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยกันอีกนี่!”
“แต่ฉันมี”
“นายจะมีหรือไม่มีอะไรก็ฉันไม่อยากคุยทั้งนั้น ฉันจะกลับห้องแล้ว ปล่อย!!”
“กลับห้องก็ดี เราได้ไปคุยกันได้ถึงพริกถึงขิงขึ้นไง”
“นคินทร์!!!”
“อะไรกัน ทำเป็นโกรธทั้งที่จริงๆแล้วก็อยากจนเนื้อตัวสั่น ถึงขนาดต้องรีบเรียกคู่ขาให้ถ่อมาหาถึงที่นี่ไง”



‘ผลั๊วะ’


เสียงชัดเจนเต็มสองหูของทีมงานทุกคน โดยเฉพาะตัวของกฤตเมธเองที่ถึงกับมึนไปหลายวินาที เพราะโดนหมัดเน้นๆของสดายุซัดเข้าเต็มเหนี่ยวที่ปลายคาง ตามบทบาทของภุมรา ทว่า ดูจะแรงเกินจริงไปนิด

‘หนอย…ไอ้เด็กบ้า เล่นซะเต็มเหนี่ยวเลยนะ’

กฤตเมธแอบส่งสายตาอาฆาตเล็กๆไปให้สดายุที่ยืนเข้มแสดงตามบทบาทของตนอย่างเต็มที่อยู่ แต่กฤตเมธรู้ดีว่าในสายตาของคนที่แสดงเป็นภุมราตรงหน้านี้ กำลังมีอีกแววตาซ่อนอยู่

‘สมน้ำหน้า…’

‘เจ้าเด็กอวดดี!’



“อื้อ...!!”

ทันทีที่ไดอะล็อกสุดท้ายจบลง กฤตเมธก็หันกลับมาคว้าคอภุมราเข้ามาประกบปากจ๊วบทันที!!!

ผลั่ก!!

ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไร ร่างกฤตเมธก็เซวืด ล้มลงไปกองบนพื้นทรายด้วยแรงผลักสุดแรงกล้ามของสดายุเสียก่อน


“ค๊าททททททททท!!! ทำอะไนอีกแล้วว๊ะไอ้ยุ!!!???”

บ่นเป็นหมีแถมย่างสามขุมดุ่มๆเข้าหากฤตเมธและสดายุทันที เป็นอีกครั้งที่อ๊อดแทบจะกระโดดไปงับหัวของนางเอกของเรื่องเสียทีให้หายโมโห ฉากเมื่อครู่กำลังไปได้ดีอยู่แล้วเชียว 

“ขอโทษครับ ผมเผลอ…”

สดายุเอ่ยขอโทษผู้กำกับออกไป แต่ไม่ยอมหันมาขอโทษกฤตเมธที่กำลังยืนปัดทรายออกจากตัวโดยช่างแต่งหน้าและคอสตูมช่วยกันจัดการอย่างเร่งรีบ เขาไม่ได้ตั้งใจจะผลักกฤตเมธจนล้มไปอย่างนั้นหรอก แต่เมื่อกี้พอโดนริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายแตะเข้านิดหน่อย สติเขาก็หลุดทันที ยอมรับว่าตกใจไม่น้อย สดายุสมเพชตัวเองเหลือเกิน ที่เผลอตกใจที่จะโดนจูบจนเกินกว่าเหตุ เขาไม่ใช่ไก่อ่อนในเรื่องพวกนี้เสียหน่อย ทำไมถึงต้องสะดุ้งขนาดนั้น…

เมื่อคิดถึงเหตุผลได้สดายุก็ส่ายหน้าพรืด ‘ไม่จริง ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด!!’ ชายหนุ่มพยายามจะไม่คิดถึงเหตุผลของมันอีกแล้ว จะว่าหลอกตัวเองก็ช่าง แต่เขาจะไม่ยอมเผลอไผลไปมากกว่านี้อีกแล้ว เขาจะไม่ยอมรับเด็ดขาดว่า…

‘เขาตื่นเต้นมากกับการโดนคนอย่างกกฤตเมธจูบ!!’

“อย่าหลุดอีกนะยุ พี่อยากถ่ายรวดเดียวให้จบ ตั้งสมาธิใหม่เร็วเลย!!”

สดายุกลับสู่ความจริงทันทีเมื่อโดนอ๊อดคว้าไหล่เอาไว้ แล้วจัดการตักเตือนด้วยเสียงต่ำ เวลาจะดุ ก็ดุได้ใจสำหรับผู้กำกับอ๊อดซึ่งกำลังหัวเสียเพราะดาราที่หมายมั่นปั้นมือดันทำเสียเรื่องในตอนสำคัญทุกที

“เมธเป็นไง โอเคมั้ย?”

ดุสดายุเสร็จก็หันไปถามคนถูกทำร้ายอย่างกฤตเมธเพื่อความชัวร์ว่ายังทำงานต่อได้

“โอเคครับพี่อ๊อด ต่อได้เลยครับ”

“อืม งั้นรอบนี้เทคเดียวผ่านเลยนะ โอเคนะยุ อย่างหลุดอีกนะ”

“ครับ ขอโทษครับ”

เมื่อได้รับคำยืนยัน อ๊อดก็หันหลังเดินกลับไปที่จอมอนิเตอร์เพื่อจะได้เริ่มการถ่ายทำต่อ ปล่อยให้สดายุและกฤตเมธได้อยู่ด้วยกันตามลำพังอีกครั้ง

“อย่าเล่นตัวนักสิ คุณสดายุ ซีนนี้เราต้องจูบกันอีกตั้งสามรอบนะครับ”

เพราะฉากนี้ถือเป็นฉากจูบฉากแรกของภาพยนตร์ ดังนั้น นอกจากจะต้องถ่ายฉากจูบที่เป็นภาพต่อเนื่องจากๆไดอะล็อกยาวอันจริงแล้ว ยังต้องถ่ายเพิ่มอีกสองมุม นั่นคือระยะใกล้เพื่อจะให้ได้ภาพโคลสอัพ ใบหน้าของพระนาง และระยะไกล เพื่อเอาบรรยากาศ จูบครั้งแรกตามอารมณ์ละคร ส่วนอีกสองครั้งนั้น ถ่ายเฉพาะตอนจูบ แค่คิดสดายุก็เครียดจนปวดกระเพาะจี๊ดๆ

‘ทำไมต้องจูบแล้วจูบอีก ไม่จบไม่สิ้นอย่างนี้ด้วยนะ!!

“ผมแค่ตกใจน่ะ คราวนี้ไม่พลาดแล้ว”

สดายุเอ่ยออกไปทั้งๆที่ไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนาที่ตัวเองเพิ่งจะผลักลงไปกลิ้งอยู่เมื่อครู่เลยแม้แต่นิด ฝ่ายกฤตเมธเองถึงจะแอบหมั่นไส้กับกิริยาท่าทางของสดายุอยู่ไม่น้อย แต่พอคิดถึงผลกำไรที่เขาจะได้จากฉากนี้ขึ้นมา ชายหนุ่มก็ยอมหยวนให้คนอวดดีตรงหน้าเล็กน้อย

‘ค่อยเอาคืนตอนแสดงก็ยังไม่สาย

“จะตกใจไปทำไมครับ ไม่ใช่ครั้งแรกเสียหน่อย”

‘เมื่อคืนยังโดนผมจูบอยู่เลย’ แต่ประโยคหลังนี้กฤตเมธไม่ได้พูดออกไป เพราะเกรงว่าจะให้บรรยากาศการถ่ายทำมาคุขึ้นเสียก่อน

“ไม่เคย! ผมไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น ไม่เคยคิดจะไปจูบกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น!!”

สดายุออกอาการฉุนขาด ที่โดนกล่าวหา แต่กฤตเมธนั้นถึงกับเลิกคิ้วหน้าเหวอ เพราะไม่คิดว่าสดายุจะเมาจนจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้เลย ‘จำการลงโทษด้วยรสจูบที่ดูดดื่มของเขาไม่ได้เลย…’

“โอเคครับ ไม่เคยก็ไม่เคย ผมขอโทษนะที่ต้องล่วงเกินคุณอีกแล้ว”

จู่ๆกฤตเมธก็กล่าวขออนุญาต เล่นเอาสดายุไปต่อไม่ถูก ได้แต่พยักหน้าปะหลับปะเหลือกเพราะเริ่มตามมุกของคนแก่ไม่ทัน  แม้จะยังแอบฉุนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ถือสาอะไรอีกต่อไป และครู่ต่อมาสัญญาณจากผู้กำกับก็ดังขึ้น

แอ็คคคคคชั่น!!

ในที่สุดเทคที่สองก็เริ่มขึ้น และแน่นอนว่าสองนักแสดงหนุ่มยังคงเล่นออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่มีที่ติเช่นเดิม

‘ผลั๊วะ’


ชัดๆ เน้นๆ ซ้ำแผลเก่าอีกครั้ง ครานี้เล่นเอากฤตเมธ ถึงกับเบ้หน้า รสเค็มปร่าที่ปลายลิ้นสัมผัสได้ คงเป็นรสเลือดของเขาไม่ผิดแน่ ‘เจ็บใจนัก’  แอบโมโหเล็กๆที่อีกฝ่ายไม่ยอมออมมือ แต่พอคิดได้ว่าเขาก็ไม่มีเหตุผลจะต้องยอมออมมือให้กับเด็กอวดดีอย่างสดายุเช่นกันแล้ว แววตาวาโรจน์ของกฤตเมธก็โชนแสงขึ้น!

“อุ๊บ! อื้ออออ!!!”

คราวนี้ไม่มีพลาด กฏตเมธคว้าคอของสดายุขึ้นมาประกบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง ทั้งอีกแขนยังล็อคไว้กับเอวบางเพื่อป้องกันการดิ้นรนที่อาจเกิดซ้ำรอยเดิมอีก

“อึ่ก!! อื้อ อื้มม!”

หลังจากถูกประกบริมฝีปากบดเบียดลงมาจนแทบไม่มีช่องให้หายใจแล้ว เอวที่ถูกกอดไว้อย่างแน่นหนา กับหลังคอที่ยังคงถูกตรึงด้วยมือแกร่งทำให้สดายุรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ฉากนี้ถ้าเป็นไปตามบทสดายุต้องพยายามดิ้นรนออกจากอ้อมอกของกฤตเมธให้ถึงที่สุด ถึงแม้ว่าสุดท้ายจะต้องโอนอ่อนยอมให้ล่วงล้ำก็ตามที

“อื้อ...อื้ม...อ๊ะ!”

ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ เพื่อจะจดจ่อกับบท ริมฝีปากหนาบดขยี้รุนแรงจนลิ้นบางรู้สึกได้ถึงรสชาติของโลหิต

‘กฤตเมธปากแตก!?’

สดายุรู้โดยทันทีว่ารสชาดเค็มปร่าที่ลิ้นรับรสได้อยู่นั้นคือรสเลือด และรู้ดีว่าคงเป็นของกฤตเมธอย่างไม่ต้องสงสัย สองหมัดที่ไม่เบานักของเขา ได้ทำให้กฤตเมธคนนี้เลือดกบปากอีกแล้ว

“อื้อ…อ๊ะ!...อื้อ!!”

เพราะมัวแต่คิดถึงสาเหตุของรสเลือดของกฤตเมธ  ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว เพียงเผลอเผยอริมฝีปากเพียงนิด ก็ถูกเรียวลิ้นร้อนของกฤตเมธล่วงล้ำเข้ามาในโพรงปากอย่างคุกคามทันที ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายทำไปตามบท แต่ก็อดขนลุกกับรสสัมผัสที่เปียกลื่นของเรียวลิ้นนั้นไม่ได้ สองมือที่พยายามผลักไสนั้นเริ่มสั่นระริก เรี่ยวแรงราวกับถูกดูดหายไป และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้สดายุเจ็บใจไม่น้อย คือความสั่นสะท้านที่มาจากจิตใต้สำนึกของร่างกายเขาจริงๆ ไม่ใช่จากบทภุมรา!!

“อ๊ะ…อื้อ…”

จุ๊บ…จ๊วบ…

เพราะถูกจูบเนิ่นนานเกินไป จนกลืนน้ำลายไม่ทัน ดังนั้น พอถูกเรียวลิ้นของกฤตเมธกวาดต้อนมากครั้งเข้า น้ำลายของสดายุก็เอ่อล้น เสียงดูดดุนบวกกับเสียงน้ำลาย ช่างบาดหูจนอยากจะร้องไห้!

และเมื่อถึงโค้งสุดท้ายของซีนโหดนี้ ริมฝีปากของกฤตเมธที่บดเบียดเร่าร้อนอยู่ในตอนแรกนั้นก็เปลี่ยนไป ปลายลิ้นที่รุกรานจนเจ็บไปทั้งโพรงปากนั้นก็เริ่มผ่อนแรงลง เหลือเพียงการหยอกล้อกับปลายลิ้นแข็งเกร็งของสดายุเท่านั้น ริมฝีปากที่บดกันจนชา ก็เปลี่ยนเป็นขบเม้มเบาๆ ให้ความรู้สึกเว้าวอนและอ่อนหวานมากกว่าจะเป็นการบังคับเหมือนอย่างทีแรก

“อืมมมม…”

นั่นเป็นสัญญาณว่าซีนนี้กำลังจะจบลงแล้ว สดายุเริ่มอ่อนยวบแอ่นเอนทั้งร่างเข้าหากฤตไปตามบท (แต่แอบสั่นจริงเล็กน้อย) สองมือที่ผลักไสก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจิกอยู่บนเสื้อเพื่อพยุงร่างกายที่กำลังสั่นสะท้าน ใบหน้าแหงนหงายขึ้นไปรับการปรนเปรอด้วยริมฝีปากและเรียวลิ้นร้อนนั้นอย่างว่าง่าย สมองของสดายุตอนนี้นอกจากจะรอจังหวะที่เสียงไม้ (ในบทที่ซอจะเดินเข้ามาเห็นพอดี) ที่จะดังขึ้นแล้ว ในหัวของชายหนุ่มยังคิดอะไรบางอย่างวนไปวนมาโดยไม่รู้ตัวอยู่อีกอย่างหนึ่งด้วย

‘ไอ้ตาแก่นี่…จูบเก่งชะมัด…’

แกร๊บ!!!

“คัททททททททททททททททท!!! โอเค เยี่ยมมาก!!”

ในจังหวะที่ทีมงานให้สัญญาณเสียง กฤตเมธและสดายุก็ผละริมฝีปากออกจากกันและหันไปทางที่บทกำหนด และทันใดนั้นเสียงคัทจบซีนก็ดังขึ้น

‘จบเสียที!’

สดายุถอนหายใจยาวเกือบจะหมดลม เมื่อสามารถคุมตัวเองให้เล่นจบบทไปได้โดยไม่โดนคัทให้เล่นใหม่ ‘รอดไปอีกหนึ่งฉาก!’
แม้จะรู้ว่าการดีใจตอนนี้มันยังเร็วไป เพราะยังเหลือฉากจูบเพียวๆอีกสองฉากที่ต้องเล่น แต่อีกสองฉากนั้นก็แค่จูบผ่านๆ ไม่นานและหนักเหมือนฉากนี้ ดังนั้นแค่ซีนนี้ผ่าน สดายุก็แทบจะกระโดดแล้ว

แต่ดูท่าทางว่าสดายุจะดีใจเร็วไปหน่อย…

“เอ้า! ต่อซีนจูบกันต่อเลย!!”

‘นั่นไง…ดีใจเร็วเกินไปจริงๆด้วย…’
*
*
*
*
*
หลังจากเลิกกองแล้วทีมงานก็เก็บของเพื่อเคลื่อนย้ายไปเก็บและเตรียมพักผ่อน

“ไงยุ เมธ เล่นดีมากเลยนะ พี่ภูมิใจจริงๆ ฮ่าฮ่า”

อ๊อดเดินเข้ามาหานักแสดง พระนาง อย่างอารมณ์ดีที่สามารถถ่ายทำจบลงไปได้ ผู้กำกับที่โหดเวลาไม่ได้ดั่งใจ แต่เฮฮามากเวลาปกติ…

“เดี๋ยวพี่ให้พักสามวันนะยุ เมธ เตรียมตัวให้ดีล่ะ วันอาทิตย์ พี่จะถ่ายฉากหนักอีกแล้ว ถ้าว่างๆก็ซ้อมคิวกันด้วยล่ะ สามวันนี้พี่จะจัดถ่ายฉากของรุจน์ไอเพอร์ชไปพลางๆ”

สั่งเสียเสร็จสมก็หัวเราะร่าเริงเดินจากไป ทิ้งสดายุและกฤตเมธเอาไว้อย่างนั้น

“ขอโทษนะ”

“……!?”

จู่ๆกฤตเมธก็เอ่ยขอโทษออกมา เล่นเอาสดายุถึงกับเลิกคิ้วสงสัย ‘เพี้ยนอะไรขึ้นอีกแล้วเนี่ย?’

“จูบแรกกับผู้ชายของคุณแท้ๆ แต่กลับไม่ใช่ความทรงจำที่ดี”

พระเอกหนุ่มวัยดึกยิ้มหวานพลางพูดสิ่งที่ทำเอาสดายุแทบทรุด ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกระเซ้าเขาเล่น แต่สดายุกลับไม่สามารถอ้าปากโต้เถียงอะไรกลับไปได้เลย รอยยิ้มแบบนั้น สายตาแบบนั้น กำลังจะทำให้เขาพ่ายแพ้!!

“มะ…มันเป็นแค่การแสดง ผมไม่คิดอะไรหรอก…ผ…ผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ!!”

อยากจะด่าออกไปเหลือเกินว่า ‘ไอ้บ้า ไอ้แก่โรคจิต อย่ามายั่วโมโหกันนะ!!’ แต่เอาเข้าจริงสดายุกลับทำได้แค่ หลบสายตาที่จ้องมาไม่เลิก แล้วเลี่ยงหนีออกจาตรงหน้ากฤตเมธออกไปอย่างเร็วที่สุดเท่านั้น

“เดี๋ยวสิคุณ โอ้ย!!...”

กฤตเมธกำลังจะเอ่ยปากเรียก แต่พออ้าปากกว้างไปหน่อยแผลตรงมุมปากก็ประท้วงออกมา แต่ก็ได้ผลกับคนที่เขาต้องการจะเรียกร้องความสนใจ เพราะในที่สุดสดายุก็หันกลับมามอง กฤตเมธยิ้มออกมาเล็กๆทันทีที่สดายุหันมาให้ความสนใจ

“หึหึ สงสัยปากผมจะแตกน่ะครับ”

‘อ้าว?’ ยังไม่ทันจะได้อ้อนสดายุก็หมุนตัวเดินลิ่วๆไปโดยไม่หันมาสนใจเขาอีกเลย เห็นดังนั้นกฤตเมธก็ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่

“หึหึหึ ว่าแล้วเชียว เด็กดื้อเอ้ย ไม่เคยยอมกันเลยจริงๆนะเนี่ย”

เห็นแบบนั้นกฤตเมธก็ไม่ตามตอแยอีก แค่เย้าแหย่ตอนเข้าฉากด้วยในแต่ละครั้งก็เยอะพอแล้ว เอาง่ายๆ ก็อยากแหย่เล่น แต่ก็ไม่ได้อยากโดนเกลียดไปมากกว่าที่เป็นอยู่

“อ่ะ นี่”

“…..??”

กำลังเดินรับลมทะเลอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีเสียงคุ้นเคยเอ่ยเรียกจากด้านหลัง

“ปากแตกไม่ใช่เหรอ? ถ้าไม่ทายา เดี๋ยวมันจะบวมเอานะ…”

“…สดายุ?...”

ไม่ใช่แค่งง แต่คราวนี้กฤตเมธถึงกับเบิ่งตาโต ไม่คิดไม่ฝันว่าเด็กที่ไม่เคยสนใจใครอย่างสดายุ เด็กอวดดีที่ไม่เคยเห็นหัวเขาเลยอย่างสดายุ…เด็กคนนั้น จะกำลังยื่นยาทาแก้ช้ำให้เขาอยู่ และตอนนี้…สดายุคนนั้นก็กำลังเปิดฝากระปุกยาอยู่ด้วย…

“….!!??”

แปะ…

หน้าของกฤตเมธ ยิ่งเหวอเกือบถึงขั้นเอ๋อ เมื่อปลายนิ้วเรียวของสดายุนั้นป้ายเนื้อยาสีขาวขึ้นมาป้ายแผลที่มุมปากของเขาอย่างไม่รอให้กฤตเมธได้ตั้งสติรับมือ

“อย่าเข้าใจผิดล่ะ ผมแค่รู้สึกผิดกับทีมงานนิดหน่อยที่เป็นต้นเหตุให้คุณปากแตก จนอาจเสียโฉมจนถ่ายทำไม่ได้…แล้วก็…”

“…………”

“แค่อยากตอบแทนที่คุณเคยช่วยดูแลผม…เมื่อคืน…”

ยิ่งพูดใบหน้าเรียบเฉยของสดายุก็ยิ่งขึ้นสีแดงเห่อ ดวงตาที่เคยจดจ้องมาที่กฤตเมธนั้นก็ค่อยๆหลุบลงต่ำ เมื่อเห็นว่ากฤตเมธยังคงเงียบนิ่งและเอาแต่จ้องมองมาไม่วางตา สดายุก็ไม่สามารถรักษามาดนิ่งๆของตน ในที่สุดก็รีบเอายายื่นไปให้กฤตเมธ แล้วตัวเองก็เผ่นหนีจากไป

“สดายุ!!”

จังหวะสุดท้าย ก่อนที่สดายุจะเดินไกลออกไปนั้น กฤตเมธก็ตะโกนเรียกออกไปเมื่อเขาเริ่มตั้งสติได้

สดายุนั้นหยุดชะงักแต่ก็ไม่ได้หันกลับมาเผชิญหน้ากับกฤตเมธแต่อย่างใด เพราะตอนนี้หัวใจของสดายุนั้นเต้นแรงจนจะเป็นลมอยู่แล้ว และทั้งๆที่อยากจะรีบเดินหนีไปให้พ้นๆ อีกฝ่ายกลับตะโกนเรียกเขาไว้เสียอีก และที่เจ็บใจกว่านั้น คือเขาเองก็ดันหยุดตามคำเรียกนั่นเสียด้วย!!

และในจังหวะที่ตั้งใจจะเดินหน้าต่อไปนั้น จู่ๆกฤตเมธก็พูดในสิ่งที่แทบจะทำให้สดายุล้มทั้งยืนขึ้นมา…



“ผมดีใจนะ…ที่เป็นผู้ชายคนแรก…ที่ได้…จูบคุณ…”


*****************************************************************************

กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!! มาไม่ทันวันที่ 23!! มาไม่ทันวันพุธ!!!
ขอโทษที่ให้รอตั้งนานนะคะ ฮ่าฮ่าฮ่า
สารภาพตรงๆว่าวันนี้…เผลอหลับแบบทิ้งตัว หลับทั้งวันเลยค่ะ ฮิ้ววว!!
 :katai4:
ต้องขอโทษล่วงหน้าอีกแล้วที่อาจต้องหายหัวไปปั่นงานอื่นส่งก่อนนะคะ
แล้วถ้าพอมีเวลาจะรีบมาลงต่อนะคะ
(อาจเป็นวันจันทร์หน้านะคะ)
นานหน่อยแต่รอกันนิดนะคะ
 :ling3:
ขอโทษจริงๆค่ะ
Thearboo / อนาคี99
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Pa'veaw ที่ 24-10-2013 00:11:23
 :z13: :z13: :z13: :z13:

จิ้มมมม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: sonicacc ที่ 24-10-2013 00:19:13
มาจิ้มก่อนอ่าน อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 24-10-2013 00:24:17
ไม่เป็นไรค่า
จะรอ
 :mew6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 24-10-2013 00:32:18
น้องยุน่ารักขึ้นทุกวันๆ เจ๊ปลื้ม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 24-10-2013 00:33:46
 :hao6: :hao6: :hao6:

น่ารัก~

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 24-10-2013 00:41:31
ไม่ทันวันพุธนี่นับกันเป็นนาทีเลย ทำงานเสร็จเจอพอดี ตาจะหลับแต่ปล่อยไว้ไม่ได้^^ ...รักนะจุ๊บๆ
//จะเม้นท์เน็ตหลุดอีก.. -.-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-10-2013 00:42:04
ถึงขั้นปากแตกกันเลยทีเดียว อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-10-2013 00:44:23
 :hao6: :hao6:รอๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 24-10-2013 00:48:06
ไอ๊!!! เป็นตาฮักขึ้นเรื่อยๆ นะหนูยุจ๋าาา จุ๊บอีก เอาอีกๆ  :o8:


เอิ๊กกกกกก

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-10-2013 00:51:47
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงง
กำลังอ่านสนุกเลย 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-10-2013 00:54:58
กรี๊ดดด
ฟินค่ะฟินน
ฟินตายกันไปข้างงงงงเถอะ
น้องยุน่ารักอะ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-10-2013 01:02:59
ทำไมรู้สึกว่าหวาน >__________<
ยิ่งอ่านไปเรื่อยๆยุยิ่งน่ารักขึ้นอะ รีเควสเป็นเรื่องยาวเลยได้ปะคะกร้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 24-10-2013 01:42:51
น่ารักอะไรอย่างนี้

น้องยุ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-10-2013 02:07:25
น้องยุหวั่นไหวขนาดหนัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 24-10-2013 02:12:04
"ผู้ชายคนแรกกกกกกกกกกก"

ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววววว~

รออ่านต่ออออออออออ  :katai5:
p.s. กระซิบ... แอบอยากให้มีคู่แข่งปรากฎตัวเบาๆ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 24-10-2013 03:28:38
สนุกจังเลย ชอบรูปแบบความสัมพันธ์ของพระ-นายมากๆๆๆค่ะ
สร้างอารมณ์ลุ้นขณะอ่านได้สูงมาก โดยเฉพาะภาวะการเอาคืนกันหน้ากล้อง ถูกใจ๊ถูกใจ
ทั้งปากบนและดาบล่าง...ลับคมดาบ ประดาบ กระตุ้นดาบ ก็อาศัยทำกันหน้ากล้อง ฟินจนไม่รู้จะฟินยังไง
ถ้าเสร็จสมอารมณ์หมายขึ้นมาจริงๆ ไม่อยากจะิคิดเลย ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน ฮ่าฮ่าฮ่า ...คงจะมันส์น่าดู
โชคดีที่ได้อ่าน "สุดปลายทางของหัวใจ" มาก่อนหน้านี้ด้วย (รออ่านตอนจบบริบูรณ์อยู่นะคะ อิอิ)
เลยชอบไปกันใหญ่ เพราะเกี่ยวเนื่องกัน ลิงค์กันอ่ะ เจ๋งมากเลยค่ะคุณ
ตอนแรกก็งงๆ เอ๊ะ คนเขียนคนละชื่อหนิ ...แต่พอมารู้ว่าเป็นร่าง Reincarnation เลยยิ่งเฮเลยทีนี่
คือยังจำชายาเรโชได้อยู่อ่ะค่ะ อย่างฮา เิกิ๊กๆๆๆๆ //อยากแอบบอกว่า ชอบเรื่องนี้มากกว่าเรื่องโน้น(ภู-ภู่)ล่ะ
ติดตามผลงานอยู่นะคะ รออยู่ค่ะ รออยู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 24-10-2013 06:11:50
ทิ้งท้ายได้หวานยุเขินแย่



รออ่านต่อคร้าบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 24-10-2013 06:52:23
กรี๊ดน้องยุน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 24-10-2013 07:21:56
 :z1:ยังไม่จุใจเลยอะ เอาอีกกกกกกก 5555 น้องยุหวั่นไหวแล้วอะ ส่วนตาแกไม่ต้องบอกหลงเด็ก อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 24-10-2013 07:43:39
ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร เรารอได้
ว่าแต่ซีนนี้พี่เมธน่ารักนะคะ แอร้ยยยยย
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Have_a_hope ที่ 24-10-2013 08:09:02
 :hao7:
อ๊ายย น่ารักจริงๆคู่นี้ เริ่มหวั่นไหวแล้ว หุหุ
อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว อยากอ่านๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 24-10-2013 08:25:49
กรี๊ดดดดดดดดดดดด!!!

น่ารักสุดสุดสดายุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 24-10-2013 08:32:55
 :impress2:   ชอบมากค่า   รอตอนต่อไปจ้า   +1
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 24-10-2013 08:45:29
ฉากนี้ ขอกรี๊ดให้ดัง ๆ เจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 24-10-2013 08:49:58
 :jul1: :ling1: :ling1:

จะรอนะคราฟฟ  น่ารักจังเลย  จ๊วฟๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 24-10-2013 08:53:04
มีแววจะเป็นผู้ชายคนแรกที่จะได้ทำมากกว่าจูบด้วยแหละ อริ้วววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 24-10-2013 09:20:15
สนุกทุกตอน  สนุกทุกซีน  ชอบๆๆๆๆ

ชอบน้องยุกับพี่เมธที่สุด :hao5: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 24-10-2013 09:21:13
เขาเริ่มหวั่นไหวกันแล้วววววววววววว  :-[

รอตามตอนต่อไป  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: AiiSoul ที่ 24-10-2013 09:39:51
น้องยุน่ารักมากกกกกกกก ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 24-10-2013 10:16:58
ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้ สดายุน่ารักจัง อิอิ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 24-10-2013 10:38:12
เค้าเริ่มรักกันแล้ววุ้ย เขินนนน  :-[
น้องยุก็เริ่มน่ารักขึ้นเรื่อยๆ :mew1:

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 24-10-2013 10:57:09
อร๊ายยยยย ฟินมหาศาลเบยจ้าาาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 24-10-2013 11:06:23
>< กรี๊ดๆๆ โดนอะ พี่เมธกับน้องยุทำเอาฟิน ฉากจูบนี้พี่เมธได้กำไรเยอะนะคะ
ลดการแกล้งน้องยุลงหน่อย คนอ่านเขินตามน้องยุอ่า อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: someone0243 ที่ 24-10-2013 11:46:18
อั๊ยย่ะ! แอบหวานเบาๆ โดยเฉพาะประโยคสุดท้ายนี่มัน..... >////<
รอ ร๊อ รอ ซีนหน้านะคะ <3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 24-10-2013 12:02:36
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: เชิลแทนอ่ะ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 24-10-2013 12:30:37
 :o8: กรี๊ดดดดดดด เขินแทน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-10-2013 13:39:54
กรี๊ดดดดด ตอนนี้น่ารักมากมาย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 24-10-2013 13:45:46
เริ่มมีใจใหักันและกันแล้วสิ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-10-2013 13:59:29
เริ่มจะดีขึ้น(รึเปล่า)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 24-10-2013 14:29:43
เอาเเล้วววว เริ่มมีใจให้กันเเล้วล่ะสิ
น่ารักง่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 24-10-2013 15:00:24
น้องยุน่ารักขึ้นทุกวันอ่ะ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 24-10-2013 15:01:34
น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: SanDiego ที่ 24-10-2013 15:06:27
เพิ่งเริ่มอ่านหน้าแรกครับ ทำไมเราอ่านบทของสดายุแล้วคิดถึงหน้าแพนเค้กอ่ะ ฮ่าๆๆ

ชอบครับ เดี๋ยวเข้ามาตามต่อเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 24-10-2013 15:19:37
 :katai3:    :katai3:    :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 24-10-2013 15:54:53
 :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 24-10-2013 16:02:39
อ๊ากกกกกก เขิน ณ บัดนาวววว

อะไรมันจะน่ารัก หวานกรุบกริบขนาดเน้!!  :katai1:

 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 24-10-2013 17:13:55
สตายุเริ่มทำตัวน่ารักขึ้นแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: oaw_eang ที่ 24-10-2013 17:36:22


ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-10-2013 18:05:43
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เริ่มแล้วววว เริ่มแสดงความรู้สึกต่อกันแล้ววววววววววววววววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 24-10-2013 18:58:11
โอ๊ยซีนนี้มันช่าง...ได้ใจเหลือเกิน

หนังเรื่องนี้สร้างเสร็จแล้ว

อยากดูของจริง

  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Sbatandty ที่ 24-10-2013 19:17:41
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้ฟินจนต้องจิีกขา  :m25: :m25: :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 24-10-2013 19:30:41
ขอเวลากรี๊ดก่อน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด!
หนูยุเขินอายยยยย
คุณเมธรุกเด็กกกกก
อิอิ เริ่มหวั่นไหวแล้ววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 24-10-2013 19:34:22
คู่นี้ท่าจะรักกันด้วยลำแข้งและหมัดลุ่น อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-10-2013 19:44:19
กรี๊ดดดดดดดดดดด ตอนนี้น้องยุเอาใจเค้าไปเลย
น่ารัก น่าฟัดอ่ะ ถ้าเค้าไปพี่เมธนะ จะแอบอุ้มไปฟัดต่อที่ห้องเลย
ต่อไปพี่เมธคงจะเดินเกมรุกแล้วนะ น้องยุคงต้องเตรียมรับมือแล้วสิ น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 24-10-2013 20:11:47
อร๊ายยยยยยย ฟินนนนนนนง่าาา
กฤตเมธทิ้งประโยคเด็ดเอาไว้ น้องยุก็เขิลสิ :-[ คนอ่านก็เขิลอ่ะ อิอิ
เอาอีกๆๆๆๆๆ ชอบมากกกกกก :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 24-10-2013 20:18:03
โอ้วววว เอาล่ะสิ คึคึ เริ่มตกหลุมรัก สดายุเข้าให้แล้ววว เขินนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 24-10-2013 21:00:41
ขอกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

แบบฉากจูบมันถึงพริกถึงขิงมากค่า

ขอแบบนี้หลายๆตอน แม่ยกหื่น ฮิฮิ

เชียร์ Part 2 ของรุจน์และพอร์ชด้วยนะ

เชียร์ไม่แพ้ตัวละครหลักเลย

สู้ๆนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 24-10-2013 21:47:06
กรี๊ดดดดดดดดด อ้ายยยยยยย แอร๋ยยยยยยยยย ไม่รู้จะพูดว่าไงดี อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 24-10-2013 22:16:09
ยุหวั่นไหวแล้วอะ อิอิ

ชอบๆ เป็นำลังใจให้ครับ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 24-10-2013 23:34:10
ตอนนี้น่ารักดี ต่อด่วนๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-10-2013 00:05:30
อ่านแล้วรู้สึกน่ารักมาก ขำ อดจะอมยิ้มไม่ได้ สนุกมากมายกับเรื่องนี้ เยี่ยมสุดๆเลยค่ะ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 25-10-2013 02:08:35
ไล่อ่านตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนปัจจุบัน ตอนแรกไม่ค่อยชอบยุเพราะก้าวร้าวไปหน่อย แต่หลังๆ มาน่ารักมากกกก เทใจให้เลย อ้อ แต่ชอบคู่รุจน์กับพอร์ชอ่ะ พอร์ชเนียนเว่อ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 25-10-2013 09:21:06
คุ้มนะถ้าเทียบกับที่ได้จูบหวานๆของน้อง กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 25-10-2013 10:19:14
ลุ้นมากเลยนะเนี่ย คู่เนี้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: may2013 ที่ 25-10-2013 17:30:14
 :hao6: ฮี่ๆ ผู้ชายคนแรกงั้นเหรออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-10-2013 19:25:32
Special Feature  Part 2
(รุจน์ x พอร์ช)
*ซ้อมคิว บทที่ 2 *




กุว่ามึงยังเข้าไม่ถึงบทว่ะรุจน์...”

“บร๊า!! ขนาดนี้ยังไม่พออีกเร๊อะ! ไอ้พอร์ช!?”

“อืม...กูว่าพวกเราถอดเสื้อกันดีกว่า”

 ∑( Q///□/// Q ) เฮ้ยยยยยยย!!!



หนุ่มพอร์ชไม่ได้พูดเปล่า สองมือรีบยื้อชายเสื้อของเพื่อนรัก เปิดเลิกพรืดเดียวถึงคอ เล่นเอารุจน์น้อยแทบร้องกรี๊ด

"อร๊ากกก ไอ้พอร์ช ไอ้บ้า!! หยุดนะ อย่าถอดนะ ม่าย!!!"  \(  ">///∆///<)/

"อย่าร้องสิรุจน์ กูไม่ได้จะทำอะไรมึงเสียหน่อย อื้อ บอกว่าอย่าดิ้นไง"

"อร๊ายยยย ม่ายยยย!!"


พรึ่บ!!


ไม่ทันขาดคำ เสื้อยืดตัวน้อยของไอ้รุจน์ก็หลุดผลั๊วะออกจากศีรษะจ้อย เปลือยอกขาวผ่องท้าทายทุสายตาทันที...

"...อะ...ไอ้บ้า...งื้อ..." <( T///^///T)>

"ก็แค่นี้เอง ดิ้นเป็นโดนเชือดไปได้ ปกติมึงก็ถอดเสื้อโชว์กูอยู่ทุกวัน จู่ๆจะมาเขิน เฮ้อ..."

พอร์ชบ่นพึมพำทั้งที่ยังนั่งค้ำร่างของรุจน์ที่นอนขดตัวใช้สองแขนปิดหน้าอกตัวเอง (เพื่อ?) อยู่ จ้องมองเพื่อนตัวเล็กนอนคร่ำครวญเพียงครู่ พอร์ชเองก็ยืดตัวขึ้นถอดเสื้อตัวเองออกบ้าง ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าท่าถอดเสื้อของตนมันเซ็กซี่กระชากใจ จนรุจน์ที่เป็นผู้ชายแท้ๆแถมยังเป็นเพื่อนซี้ถึงกับต้องกลั้นเลือดกำเดาเป็นการใหญ่
 
"นี่...กูถอดเป็นเพื่อนแล้ว เลิกอายซะทีเหอะ"

ไอ้รุจน์ถึงกับสะดุ้งหวือ เมื่อถูกเพื่อนรักก้มกระซิบเรียก ในขณะที่เขาหลับตาปี๋ เพื่อพยายามลบภาพบาดตาบาดใจที่เห็นเมื่อครู่ออกจากก้อนสมองน้อยๆ

'อี๋! ไอ้พอร์ช! ไอ้บ้า! ไม่เห็นว่าเป็นเพื่อน ไม่เห็นว่ามึงอุตส่าห์จะช่วยซ้อมบทนะ พ่อจะก้านคอให้หลับไม่ฟื้นเชียว'

แต่...ก็ได้แต่หวีดหวิวอยู่ในใจเพียงลำพัง เพราะตัวจริงนั้นระทดระทวยกะปลกกะเปลี้ยอยู่ในอ้อมแขนของเพื่อนรักไปนานแล้ว

"เฮ้ยรุจน์? มึงอย่ามัวเล่นอยู่สิ ลุกขึ้นมาซ้อมบทกันก่อน..."

พอร์ชพยายามเขย่าตัวเพื่อนซี้ที่อ่อนยวบอยู่บนที่นอนให้ขึ้นมาซ้อมบทละครรักลึกซึ้งกับตนต่อ ทว่าไอ้รุจน์เพื่อนเลิฟดุท่าจะถ่านหมดไปแล้ว

"...อีกตั้งสองวัน...ค่อยซ้อมพรุ่งนี้ได้มั้ยอ่า...วันนี้กูไม่ไหวแร้ว...งื้อ..."

เอ่ยขอหน้าด้านๆ ทั้งที่ยังทำตัวอ่อนเปลี้ย แถมกลิ้งไปกลิ้งมาและเริ่มหนีเข้าไปม้วนอยู่ในผ้าห่ม

"พรุ่งนี้ถ่ายทำกันถึงมืด แล้ววันวันพุธก็ต้องเริ่มถ่ายกันตั้งแต่เช้า...มึงจะเอาเวลาที่ไหนซ้อมครับ เพื่อนรุจน์?"

พอร์ชอธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งสม่ำเสมอซึ่งเป็นปกติของเจ้าตัว แต่ถึงเสียงจะน่าฟัง แต่ความหมายในคำสั่งสอนก็กรีดใจรุจน์จี๊ดๆอยู่ดี 'จะซ้อมทำไมนักหนา ขอไปเจอของจริงเลยไม่ได้รึไง ฮือ...ฮือ' ( T ^ T )

"รุจน์?"

"......."  <( >//^// <  )>

"...รุจน์?"

"......."  <( >//^// <  )>

"อย่าให้กูต้องใช้กำลังนะ เลิกดื้อได้แล้ว"

พรึ่บ!! ปึ่ด! ปึ่ด!....

สิ้นคำขู่พอร์ชก็ตวัดผ้าห่มออกทันที และถึงจะทำให้หนอนรุจน์จะกลิ้งหลุนๆหลุดออกจากรังมาได้ เจ้าตัวแสบก็ยังใช้สองแขนสองขายึดผ้าห่มผืนฟูนุ่มนั้นไว้ไม่ยอมปล่อย

"ไอ้รุจน์ อย่ามัวแต่เล่นได้มั้ย? มันดึกมากแล้วนะ!"

".............."

เวลาจะแสดงอาการแข็งขืนกระด้างกระเดื่องรุจน์จะหุบปากเงียบกริบ ไม่เถียงใดๆแต่ก็ไม่ยอมทำตามง่ายๆ เช่นกัน

"ไอ้รุจน์?"

"…………."

"ถ้ามึงไม่ซ้อมกูก็ไม่ว่าหรอกนะ จะทำให้กูต้องเทคอีกกี่ครั้งกูก็ไม่ว่าอีกเหมือนกัน แต่...นั่นหมายความว่ามึงจะทำให้กองถ่าย ทีมงานทุกคนต้องเหนื่อยขึ้น พี่อ๊อดก็จะหงุดหงิด มึงไม่อยากโดนด่าไม่ใช่เหรอ?"

คำเทศนายาวเหยียดสมกับเป็นพอร์ชเพื่อนซี้ที่ช่วยฉุดช่วยลากคนเรื่อยเฉื่อยแฉะอย่างรุจน์ให้ได้ดิบได้ดีเรื่อยมา

คราวนี้คนดื้อที่ยังคงซุกอยู่กับผ้าห่มไม่เลิกนั้นก็เริ่มโผล่หน้าออกมาเล็กน้อย คนนี้ก็สมกับเป็นรุจน์เหมือนกัน เพราะพ่อหนุ่มน้อย มักจะคล้อยตามและเชื่อคำพูดของพอร์ชเสมอ เอาเข้าจริงตั้งแต่คบกันเป็นเพื่อนซี้ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา รุจน์ก็ไม่เคยเถียงพอร์ชชนะเลยสักครั้ง และคราวนี้ก็เช่นกัน เพราะสุดท้าย เจ้ารุจน์ตัวแสบก็โผล่ออกมาจากผ้าห่มเต็มตัว พร้อมจะขึ้นเขียงอีกครั้งหนึ่งแล้ว

"ว่าไงไอ้ลูกหมา จะซ้อมได้ยังครับ?"

พูดพลางใช้อุ้งมืออุ่นยีผมเพื่อนรักเบาๆเป็นการส่งเสริมกำลังใจเล็กๆ

"...งืม...ซ้อมก็ซ้อม..." ( Q ^ Q ) ตา...ปริบๆ

"ดีมาก"

กล่าวชมตามสไตล์แล้วโยกศีรษะเล็กนั้นเบาๆ ก่อนจะเริ่มเข้าเรื่องราวน่าสยองขวัญในสายตาของรุจน์อย่างยิ่ง

"...ระ...เริ่มตั้งแต่แรกใหม่เลยเหรอ?..."

เสียงหวานออกแนวสั่นไหวเล็กน้อย ถามคำถามกดดันตัวเองออกไป... 'ฮือ...ปากกูยังไม่หายชาเลยนะ ตุ่ยหมดแล้วเนี่ย...' ( T ^ T )

"อืม...เอาเป็นว่า เราลองเล่นกันไปเรื่อยๆก่อน พยายามต่อบทกันจนจบ ตรงไหนสงสัยหรือไม่ได้ยังไงก็ค่อยๆเรียนรู้กันไป ไม่ต้องหยุดเริ่มใหม่ เอาให้จบสักรอบก่อน เอาให้รู้จังหวะ เดี๋ยวพอรอบที่สองที่สามค่อยจัดให้มันลงตัว"

"สองสามรอบ!! สะ...สอง...สองสามรอบเลยเหรอ?..."  ∑<( "Q//A//Q )> เฮือก!!

"ก็ต้องดูก่อนว่าแม่นบทได้แค่ไหน เริ่มจากตอนนี้เลย...ลุกขึ้นมานี่สิ"

"....ฮือ...ไอ้พอร์ช...กูเกลียดมึง..."

"ครับๆ เกลียดก็เกลียด ยังไงก็ต้องซ้อมไม่ต้องอิดออดเลย มานี่"

ในที่สุดรุจน์ก็เดินเข้าไปหาพอร์ชที่ยืนรออยู่ข้างเตียงอีกครั้ง พลางสูดหายใจเข้าลึก เพื่อรอรับบทพิสูจน์ที่สุดจะทรมานใจ

“เดี๋ยวเริ่มตั้งแต่ฉากกดลงเตียงเลยแล้วกันนะ”

“...อืม...จะทำตรงไหนก็ทำเถอะ...กูมีสิทธ์ปฏิเสธรึแงะ ฮึ...”

“งั้นเริ่มล่ะนะ”

“....อ...อื้ม...” ( T ^ T ) จะปู้ยี่ปู้ยำก็ทำไปเถอะ...ชิ

จบคำยินยอมพร้อมใจ พอร์ชก็ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆดันร่างเพื่อนรักลงไปนอนบนเตียงนุ่ม แล้วก็เริ่มรุกรานตามบทบาทของคนเมารักจนเบลอทันที 

“อืม...อื้อ...”

จูบที่ไม่เบานักที่พอร์ชบดเบียดเร่าร้อนลงไป เล่นเอารุจน์แทบขาดอากาศ หากสติที่ยังคงมีอยู่สั่งการให้ตัวเขาค่อยๆโอบรอบคอหนาตามที่เคยซ้อมกันไว้ครั้งแรก

“อื้อ...อ๊ะ...”

พอเขาโอบรอบคอปุ๊บคนบนร่างก็ตะโบมไล้ผิวเปลือย (ครึ่งท่อน) อย่างร้อนแรงโดยไม่เห็นใจเจ้าของผิวเนื้อเลยแม้แต่นิด

 “อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

รุจน์ยังคงพยายามอยู่ในบทให้ได้นานที่สุด ทั้งที่น้ำตาจะไหลเมื่อโดนพอร์ชซุกไซร้ที่ซอกคน จนสะท้านเกร็งไปทั้งร่าง
‘อ๊ายย ไอ้พอร์ช คอ...จุดอ่อนกู...อ๊ากกกก!!’

แสงไฟสลัวในห้องบังกะโลของสองนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ ส่องกระทบร่างเปลือยท่อนบนของทั้งคู่ที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ คนหนึ่งอินอยู่กับบทบาทที่ได้รับอย่างเต็มที่ แต่อีกคนก้ใกล้จะหลุดจากบทเต็มทีแล้วเช่นกัน

“พะ...พอร์ช...เดี๋ยวกุ..ไม่ไหว...”

รุจน์ร้องห้ามขึ้น เมื่อริมฝีปากนั้นเริมรุกไกล...ไกลไปจนถึงยอดอกแข็งเป็นไตของเขา และต้องสะดุ้งตัววาบเมื่อถูกริมฝีปากนั้นครอบครองหัวนมตุ่มน้อยๆนั่นอย่างกะทันหัน

“อ๊า…อ๊ะ…โอ๊วววว!.....พอร์ช ไม่เอา!! อ๊ะ!!...!!”

“ชี่...ใจเย็นรุจน์ อยู่ในบทให้ได้ ตั้งสมาธิไว้”

พอร์ชเอ่ยปากปลอบโยน ก่อนจะสะกดจิตเพื่อนของตนให้เข้าสู่บทภาพยนตร์อีกครั้ง

“ตะ..แต่กู...กลัว...มึงน่ากลัวพอร์ช...มันเหมือนไม่ใช่มึง...” <( >///A///< )>

รุจน์ประท้วงออกมาเสียงสั่นเครือ ราวกับจะร้องไห้ออกมารอมร่อ

“ก็ไม่ใช่พอร์ชน่ะสิ...”

“ห๊ะ!?”  ∑( Q//A//Q )

“เพราะตอนนี้ผมคือหมอธเนศ ไม่ใช่พอร์ช คุณเองก็คือซอที่กำลังพลีร่างให้ผมอย่างเต็มใจ ไม่ใช่รุจน์”

“พะ...พอร์ช...”

“นี่คือการแสดง...มันไม่ใช่เรื่องจริง สิ่งที่เราสองคนต้องทำ คือทำบทนี้ออกให้ให้ดีที่สุด ใช่มั้ยรุจน์”

“...อืม...”

แม้จะอยากร้องไห้ แต่รุจน์ก็พยักหน้าหงึกหงักเห็นพ้องกับคำพูดของเพื่อนรัก เห็นดังนั้นพอร์ชก็ยิ้มออกมาให้เพื่อนน้อยๆ แล้วยันตัวขึ้นจากตัวของรุจน์ทันที

“โอเคลุกขึ้นได้แล้ว ซีนแรกเราจบตรงที่กูดูดนมมึงเมื่อกี้แล้ว”

“...!!!!????”∑( Q//^//Q )

รุจน์ยกสองมือขึ้นปิดยอดอกตัวเองทันทีที่ถูกเพื่อนรัก พูดว่า ‘ดูด’ 

พอร์ชเองก็แอบหัวเราะสภาพเพื่อนของตัวเองออกมาน้อยๆ ก่อนจะพูดข่มขวัญอีกรอบ

“แล้วซีนที่สองที่เราต้องเล่นก็คือ...’ซีนขย่มตอ!’แบบ non-stop!”

“ห๋า!!?”

คราวนี้รุจน์ตาโตแทบจะหลุดจากเบ้า แค่เมื่อครู่ก็ไคลแมกซ์ของเขาแล้วนะ ยังจะมีขั้นแอดวานซ์กว่านี้อีกหรือ!! ไอ้รุจน์จะเป็นลม...

“ตกใจอะไรรุจน์ อย่าบอกนะว่ามึงยังไม่ได้อ่านบท พี่อ๊อดเขาให้มึงมาตั้งนานแล้วนะ ไอ้ขี้เกียจ”

พอร์ชดุไปขำไป เมื่อเห็นว่าเพื่อนกำลังจะเขื่อนแตก

“...กะ...กูลืมนี่...”

“ไม่ต้องมาลืมเลยมึงมันขี้เกียจอย่างนี้ตลอด”

“ฮือ...กูจะไม่ไหวอยู่แล้ว...”

“ไม่ต้องร้อง ขึ้นมานั่งบนตักกูได้แล้ว ซ้อมซีนสองกัน”

บ่นเสร็จพอร์ชก็ลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิหลวมๆ แล้วเรียกเพื่อนที่น่าสงสารอย่างรุจน์เข้ามาหา

“ทะ...ทำไม?...ทำไมกูต้องขึ้นไปนั่งบนตักมึงด้วยวะ?”

รุจน์ถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ อย่าบอกนะว่าจะให้เขาเป็นคนขย่ม!!!??

“ก็ตามบทมึงต้องขึ้นขย่มกู เร็ว! อย่าเสียเวลา ดึกแล้ว กูอยากอาบน้ำนอน”

“พอร์ช...กะ...กู...”

“อ้าว? นั่งมึนอยู่ทำไมเนี่ย?...เฮ้อ...”

หมับ!!


“อ๊ะ!!!?? ไอ้พอร์ช เดี๋ยว!!”

ยังไม่ทันจะได้ทำใจ ขณะที่รุจน์ยังนั่งมึนเหม่อ ร่างทั้งร่างก็โดนเพื่อนตัวดีลากทั้งตัวขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักเรียบร้อยโรงเรียนไอ้พอร์ช

“พอร์ช เดี๋ยว ไอ้บ้า! อร๊ากกกก!”  ∑\( Q//A//Q )/

“หยุดรนได้แล้วรุจน์!!”

“ ตั้งสติ ฉากนี้ง่ายกว่าตอนที่มึงนอนแบให้กูจูบลูบดูดนมตั้งเยอะ ฉากนี้แค่มึงนั่งกอดคอกุไว้ ขย่ม แล้วพูดตามบท ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน ตั้งสมาธิดีๆสิ กางเกงมึงก็ยังใส่อยู่จะกลัวอะไรหืม?”

“....................”  ( Q///^///Q )

เพราะเห็นว่าจริงอย่างที่เพื่อนรักว่า รุจน์จึงหยุดดิ้นรนโวยวายในที่สุด

“เอาล่ะ ไหนลองทำตามบทดูก่อนสักรอบซิ อย่าบอกนะว่าลืมท่องมาด้วยน่ะ?”

เห็นเพื่อนตัวแสบสงบสติอารมณ์ลงได้ พอร์ชก็จัดการบ่นอีกรอบ

“ทะ...ท่องแล้ว...บทน่ะกูท่องแล้ว...”

“ดี...งั้นลองดูซิ อ่ะ เอามือมากอดคอกูไว้นะ...”

“....อืม....” ( Q///^///Q )

พอเพื่อนยินยอมพร้อมกอดคอตนไว้แน่นหนาแล้ว พอร์ชก็เริ่มขยับ...

“อ๊ะ!!? ดะ...”

“พูดบทรุจน์ อย่าหลุด!!”

 “อึก….สุดยอด…”

แม้จะยังไม่พร้อม แต่เหมื่อถูกเพื่อนบังคับจับขย่มอยู่แบบนี้แล้ว รุจน์ก็จนปัญญาจะปฏิเสธ สองแขนสั่นระริกโอบรอคอเพื่อนไว้ ปากก็ร้องตามบทไปอย่างกล้าๆกลัว”
 
“...สุดยอด….อึก! มะ...หมอ...”

ถึงจะยังใส่กางเกง แต่จุดที่สัมผัสกันมันก็ยังร้อนผ่าวอยู่ดี เมื่อพอร์ชทั้งกระแทกขึ้นลง ทั้งโยกวนอย่างชำนิชำนาญ

“อ๊ะ…อ๊ะ ดี…หมอ…ดะ…ดี…โอ้ว”

“ตรงนี้ชอบใช่มั้ย”

“อ๊ะ! ตรงนั้นดี…อะ…เอาอีก อ๊ะๆๆๆๆ”


รุจน์แหงนใบหน้าหงายเริ่ดขึ้น ร้องตามบทออกไปด้วย ร้องเองออกไปมั่ง ‘ไอ้พอร์ช ไอ้บ้า เสือกตั้งขึ้นมาทิ่มตูดกูอยู่ได้ไอ้เพื่อนเลว!!’


“อ๊า....อ๊ะๆๆๆๆ มะ หมอ อ๊า...ส์”

รุจน์อยากจะด่าออกไปมากกว่าเพราะเขาเริ่มรู้สึกได้ว่า บางอย่างใต้ก้นของเขานั้นแข็งขืนขึ้น น้องชายอันเขื่อนของเพื่อนรัก กำลังโด่จิ้มก้นเขาอยู่!! แต่ที่เจ็บใจจนไม่สามารถทักออกไปได้ ก็เพราะ น้องรักของเขาเองก็ตั้งเด่ถูอยู่กับหน้าท้องเพื่อนซี้เหมือนกัน มันบัดซบตรงนี้แหละเลยพูดไม่ออก

 “อ๊ะๆๆๆๆ อ๊างงงง!!! โอ๊ววว ลึก ลึก อ๊าๆๆๆๆ ดี อ๊า!”

“อืม...อ๊ะ...”

“มะ...ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว!!!!!”

พรึ่บ!!!

จังหวะที่บทกำลังจะจบ รุจน์ก็กระโดดผลึงออกจากตักของพอร์ชทันที ใบหน้าแดงซ่าน หอบหายใจถี่...

“รุจน์?”

“เอ่อ...กูปวดฉี่! อั้นไม่ไหวแล้ว เข้าห้องน้ำก่อนนะ!!”

“รุจน์??”

ไม่รอคำตอบรุจน์ก็ถลาเข้าห้องน้ำตามที่บอกไว้ทันที

‘แย่แล้ว แย่แล้ว แย่แล้ว!!!’

พอเข้ามาอยู่คนเดียวในห้องน้ำได้รุจน์ก็แทบทรุด ความเปียกชื้นที่เริ่มซึมกางเกงออกมาเป็นหลักฐานอันอัปยศมากในชีวิตลูกผู้ชายอย่างเขา...


‘แค่ซ้อม...เขาก็ถูกทำให้เสร็จสม...โดยไม่ได้ถูกแตะต้องเลยแม้แต่น้อย...’


*************************************************************

ไม่มีคำอธิบายค่ะ อิอิ

เอาของหวานมาทิ้งไว้ เพราะอาหารหลักอาจต้องรอหลายวัน

ฝากไอ้สองหน่อนี่ไว้ในดวงใจด้วยนะคะ

Thearboo / อนาคี99  
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-10-2013 19:35:29
รุจน์ ไม่ต้องตื่นตกใจกลัวไป
พอร์ชเขาก็มีอาการแบบนี้เป็นเพื่อน

น่าสงสารรุจน์ สติเตลิดไปหลายรอบล่ะ^^

เอ้า รีบมาต่อบทด่วน
ขาดช่วงซ้อมไป เดี๋ยวแสดงจริงจะไม่สมจริงเอาน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 25-10-2013 19:38:20
แหม่ะ เคลิ้มละสิๆ  :ruready :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 25-10-2013 19:45:07
ตลกรุจน์จัง
น่าสงสารเนอะแต่เพื่อบทและอนาคต  ซ้อมเยอะๆนะลูก :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 25-10-2013 19:45:27
ชอบคู่นี้จัง ฮ่าาาาาา
รุจน์น่ารักอ่ะ
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 25-10-2013 19:47:37
 o13 :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 25-10-2013 19:49:44
คู่นี้น่ารักแบบหื่นๆดีจัง  :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 25-10-2013 19:59:21
 :m20:  :z1:
ฮาค่ะหนูรุจน์ .....
ทำไมไปไวขนากนั้น

พอร์ช x รุจน์ นะไม่ใช่ รุจน์ x พอร์ช
เดียวจะซับสน ใครรุกใครรับ
มาต่อไวๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 25-10-2013 20:00:22
ชอบๆ สองคนนี้อ่ะ
รุจน์จะน่ารักไปป่ะ ฮา
กำลังจะทักว่าไอ้น้องพอร์ชมันไม่หวั่นไม่ไหวบ้างเลยรึ
จริงๆ ก็รู้สึกเหมือนกันนี่ หึๆๆๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 25-10-2013 20:03:00
อ๊ายยย รุจน์กับพอร์ชเค้าตั้งใจซ้อมทำการบ้านกันอย่างดีจริงๆ :-[
สงสัยวันถ่ายจริงคงผ่านฉลุยเทคเดียวเสร็จ?แน่  :z1:

รอตอนต่อไปค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-10-2013 20:05:46
อ่านแล้วมัน.......อร๊างงงงงง U.,U
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 25-10-2013 20:06:45
ถ้าหนังเรื่องนี้มีจริงก็ดีดิ
คู่แรกเริ่มปิ๊งๆกันแ๊ป๊ปๆนี่เอง คู่รองตามมาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยเนาะ  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 25-10-2013 20:10:51
น้องรุจน์ 5555555555555555555555555555
จะฮาหรือหื่นดีล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 25-10-2013 20:16:58
คู่เล็กนี่น่ารักแบบอึนๆๆ มึนๆๆ ดีจัง คึคึ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-10-2013 20:17:03
ไอ้คู่นี้นี่มันน่ารักจริงๆ 5555555555
มาเนียนๆแต่เรียกคะแนนเสียงได้ท่วมท้นนะค้าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 25-10-2013 20:58:14
 :a5: มะ....มานฟินนนนนน :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 25-10-2013 21:01:17
อ้ายยยยยยยย เขินเว่ออะ รุจน์น่ารักกก งือออออออออ><
รอซีน9จ้าาาาาา
แต่ขอบอกว่าซ้อมฉากนี้น่ารัก ชื่อซีนพาสยิวมาก 5555 เขินแทนรุจน์ อึ้ยยย ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 25-10-2013 21:11:15
คู่นี้น่ารักกกกกกกกกกกก :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 25-10-2013 21:15:38
คู่รองแซ่บเว่อร์อ่ะ :pighaun:
ซ้อมบทเยอะๆๆๆลูก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 25-10-2013 21:17:06
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
โอ้ยยยยยยย เขินคู่จังงงงงงงงงงง
รุจน์ถึงกับเสร็จ อร๊ายยยยยยยยยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-10-2013 21:19:38
 :jul1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-10-2013 21:33:10
รุจน์5555555555555555555555 น่าสงสารปนตลกจริงๆ
พอร์ชนี่ตั้งใจซ้อมบทมากอะ ปีนี้คงได้ตุ๊กตาทอง กร้ากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: qq_oo ที่ 25-10-2013 21:35:50
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 25-10-2013 21:37:34
กำลังแบบว่า....เหอเหอ บอกไม้ถูก
เอาเป็นว่าเคลิ้มตัดจบซะงั้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 25-10-2013 21:58:30
คู่รองก็แซ่บเหมือนกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 25-10-2013 21:58:58
555555 ไหวไม๊นี่รุจน์
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 25-10-2013 22:05:55
รอคู่นี้สปาร์คกันจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 25-10-2013 22:13:51
คู่นี้น่ารักเบาๆ(?)   :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 25-10-2013 22:21:00
คู่นี้น่ารักไม่แพ้คู่หลักเลยจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 25-10-2013 22:31:37
 :mew5:

เศร้าใจแทนรุจน์...

รอร้อรอ...ต่ออออออออออออออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 25-10-2013 22:42:54
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[คู่น่ารักอะ :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 25-10-2013 22:50:05
อร๊ายยยยยย ซ้อมกันอีกเยอะๆ นะ ช๊อบบบบ ชอบบบบ  :haun4:


คู่รองนี่ก็แซ่บไม่แพ้คู่แรก... ไม่สิ! เผลอๆ แซ่บกว่าคู่แรกอีกนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆๆ

:hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 25-10-2013 22:50:19
 :hao6:  ชอบจังเลยค่ะ  รอทั้งสองคู่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 25-10-2013 22:52:17
น่ารัก ชอบรุจน์ ขอเป็นแม่ยกของรุจน์นะ

ใสซื่อเกินไปแล้ว ชอบตอนเขิน แต่พอร์ชก็อินเหลือเกิน

ไม่มีหลุดกับเขาบ้างเลย สมจริงมักมาก อยากอ่านตอนแสดงจริงแล้ว

เป็นขอหวานที่ปริ่มมาก และก็รออ่านตอนหลักด้วยน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 25-10-2013 22:57:05
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด มีแต่ฉากซ่อมกับแสดงละคร..แล้วเมื่อไหร่จะมีเล่นจริงมั่งเนี่ย  o18

เจ๊หื่นรอแหละ  :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 25-10-2013 23:06:17
น่าร๊ากกกกกกกกกกกก~
รุจน์นี่เสร็จก่อนพอร์ชเลยนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 25-10-2013 23:09:33
อิโม่ค่อนเต็มเลย 5555
คู่นี้ดูเด็กๆเนอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 25-10-2013 23:21:14
คู่นี้เขินน
อยากถามว่าน้องพอรช์ตั่งใจใช่ไหมเนี่ยย
ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-10-2013 02:30:14
โอ๋ๆ รุจน์
มาให้รับขวัญ
...ซะดีๆ o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 26-10-2013 02:54:20
 :m10: ยังเข้าไม่ถึงบทเลยอ่ะทั้งคู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 26-10-2013 07:16:59
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ 555 รุจน์น่ารักเนอะ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: wargroup ที่ 26-10-2013 07:27:10
โดนเต็มๆ ชอบแบบนี้อ่ะค่ะ ...แบบไม่ตั้งใจ เจตนาไม่ใช่ แต่ดันเป็นไปเอง //มันสปาร์คดีค่ะ
อ่านๆไป ภาพในหัวฟุ่บขึ้นมาเป็น รุจน์ เดอะดาว ขย่ม พอร์ช ศรัณย์ เฉยเลย 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 26-10-2013 10:50:59
 :z3: :z3: :z3:

น่ารักจังเลย  อิอิิ มาต่อเร็วๆน้าคราฟฟ เค้าจารอตัวนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Skell_Xiao ที่ 26-10-2013 13:48:13
พอร์ชรับผิดชอบด่วนนน รุจน์น่ารักไปละ กรี้ดดดดด น่ารักสุดๆ อยากเห็นน้องยุซ้อมแบบนี้บ้างจัง คึคึ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 26-10-2013 14:04:42
โดนบังคับ ให้ ฟิน  อร๊ายยย ซ้อมบทได้ ดุเดือด สยิวกิ้ว มาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: saintangel ที่ 26-10-2013 14:07:03
คู่รองฟินมาก มันจะแย่งซีนคู่หลักแล้วนะเนี่ยยยยย  แตกเป็นอีกเรื่องเลยเหอะค่ะ   :pighaun:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 26-10-2013 18:44:31
รุจน์เอ้ยยยยยถ่ายจริงจะรอดมั๊ยลูกกกก  :hao6:
เพราะฉะนั้นซ้อมกันเยอะๆนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 26-10-2013 19:11:31
 :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 26-10-2013 21:08:24
น้องรุจน่าสงสารรรร ฮ่าๆๆๆ
นายพอร์ชคิดไรป่ะเนี่ย เล่นซะเนียนเลยนะ
นี่ถ้าถ่ายฉากจริงกันน้องรุจจะเปนไงนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: fannan ที่ 27-10-2013 07:13:06
โธ่น่องรุจน์น่าสงสาร



เง้อโดนบังคับต่อบทอยู่นั่นละ



ไม่ได้คิดเลยว่าเพื่อนนะอินเกินไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 27-10-2013 23:49:00
พอร์ชเนียน 5555
รุจน์เอ้ยยย
วันจริงยิ่งกว่านี้อีก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (Part 2) 25/10/2013 P.21
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-10-2013 12:22:25
 :katai3:  มาปูเสื่อรอ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 28-10-2013 19:10:21
ส่งใบลาค่ะ ลายาวสัก 5 วัน
ขอโทษที่ไม่สามารถมาลงต่อได้ในช่วงอาทิตย์นี้ค่ะ
ขอไปปั่นงานยิกๆสักครู่...
 :katai4:
ทิ้งสปอลย์ก่อนลาไว้เล็กน้อยค่ะ
ตอนหน้า เป็นช่วงสบายๆของสองหนุ่มค่ะ
จะมีการเที่ยวเพลินเจริญใจกันอยู่สองคน ราวกับเดทแรก อิอิ
พี่เมธเราจะรุกจีบน้องยุอย่างเป็นทางการค่ะ
(เรื่องสั้นเนาะ ไม่ต้องเสียเวลานาน แป๊บๆก็รุกซะแล้ว)

ส่วนเรื่องมือที่สาม มีแน่นอนค่ะ ไม่ใช่ทั้งรุจน์ ไม่ใช่ทั้งพอร์ช (ไอ้สองตัวนั่นแค่ตัวประกอบอดทนเด้อ)
มาทั้งหญิงมาทั้งชายให้ได้หึงกันตาเขียว
ว่าแต่จะเป็นใครแล้วเข้าทางไหน เดี๋ยวท้ายเรื่องเจอกันแน่นอนค่ะ

แล้วเจอกันเมื่อโลกเรียกร้องนะคะ
ขอบคุณที่ให้ความเอ็นดูสองหนุ่มเสมอมาค่ะ
อนาคี99 / Thearboo

 :ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 28-10-2013 19:13:06
รอค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-10-2013 19:14:04
รอค่ารออออออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 28-10-2013 19:20:38
รอได้ค่ะ
ว่าแต่ทิ้งสปอยซะหนักหน่วงเลยอ่ะ
มือที่สาม....งื้อ
ว่าแต่ไอ้น้องพอร์ชรุจน์นี่ตัวประกอบเหรอ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 28-10-2013 19:22:32
ตอนที่อ่านใบลาก็ทนรอได้นะคะ  แต่พออ่านสปอย...

เค้าอยากอ่านนนน :hao5: :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 28-10-2013 19:31:38
รอด้วยคนค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่าน
ชอบคาแรกเตอร์ตัวละครและวิธีบรรยายมาก
รู้สึกเหมือนกำลังดูละครไทยอยู่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 28-10-2013 19:38:27
ขอบคุณมากทีแจ้งข่าว รอได้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 28-10-2013 19:48:55
ง่ะ... มาหลอกให้อยากแล้วจากไป....  :dont2:

รอ ร้อออ รออออ กันต่อปายยยยยยยย  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 28-10-2013 20:31:33
 :m15:  แง่ๆๆๆๆๆๆ พับเสื่อกลับบ้าน เพราะไม่ได้อ่าน ตอนหน้าต้องชดเชย ขอแบบยาวๆๆๆเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 28-10-2013 20:35:17
รับทราบคพ ขอให้งานเสร็จไวๆนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 28-10-2013 21:47:55
รอค่ะ
แทบจะรอเวลาที่เค้าหึงกันไม่ไหวแล้วววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 28-10-2013 21:51:56
รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-10-2013 21:58:41
กรี๊ดรอได้อยู่แล้วค่ะ*_*
พี่เมธจะจีบยุแล้วอะ โอ้ยยยยยยย
ยุเขินม้วนแน่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 28-10-2013 22:09:48
รอคราฟฟฟ รอด้วยคนนะคราฟฟฟ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 28-10-2013 22:17:50
 :hao6:  จะรอเน้ออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 28-10-2013 22:36:28
สปอล์ยยยยย :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ส่งใบลาค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 29-10-2013 00:42:39
อยากอ่านต่อเร็วๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 30-10-2013 19:53:30
SPOIL เบาๆ


“ป้อนผมหน่อยสิคุณ ผมก็หิวแล้วเหมือนกันนะ”

“กินเองสิ”

“ผมหิ้วของเต็มสองมือแบบนี้จะไปมีมือหยิบมั้ยครับ นะผมขอคำนึง”

“...........”

“เอาชิ้นนั้นก็ได้ ในมือคุณน่ะ”

อยากจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆเหมือนกัน แต่ก็อดสงสารคนที่อุตส่าห์หิ้วของให้จนเหงื่อแตกไม่ได้ ไหนๆอีกฝ่ายก็อตส่าห์มีน้ำใจให้ สดายุเองก็ไม่อยากติดค้าง สุดท้ายจึงกลั้นใจหยิบนักเก็ตไก่ชิ้นพอดีคำส่งให้กฤตเมธถึงปากอย่างหมดทางเลือก

อ้ำ

“...........!!??”

สดายุสตั้นไป 30 วิฯ เมื่อจู่ๆ มือที่อ้างว่าถือของหนักก็เอื้อมขึ้นมาคว้ามือที่กำลังจะป้อนนักเกตไก่ของเขาไว้แน่น ก่อนจะส่งเข้าไปในปากทั้งไก่ทั้งนิ้ว!!

“ขอบคุณครับ...อร่อยมากเลย”

เพียงครู่ก็ถูกปล่อยมือ แต่สัมผัสจากปลายลิ้นนุ่มลื่นที่สัมผัสปลายนิ้ว ราวกับโดนดูดดังจุ๊บเล็กๆ ทำเอาสดายุได้แต่เบิกตาโพลงเป็นไข่ห่าน

แถมยังใจเต้นโครมครามอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่พอจะอ้าปากด่าอะไรสักอย่าง กฤตเมธก็เดินยิ้มร่านำหน้าไปก่อนเสียแล้ว



***********************************
 :katai4:

มาลงสปอล์ยค่ะ...
อยากลงทั้งเรื่องแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาจะแต่ง อิอิ
งานยิกๆภายในเสาร์นี้จะเสร็จจ๊ะ
ดังนั้น....วันอาทิตย์ เจอกันนะคะ

รักท่านผู้อ่านเสมอ จุ๊บๆๆๆ
อนาคี99 / Thearboo
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 30-10-2013 19:57:42
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-10-2013 20:03:27
เข้ามากรี๊ดดดดดดังๆ
ฮึ่ยๆๆ รอนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 30-10-2013 20:06:49
ทำอย่างนี้ ยิ่งอยากอ่านมากกว่าเดิมจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 30-10-2013 20:22:59
มายั่วกันอย่างนี้ได้งายยยย :ling1:
สู้ๆนะคะ รอ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 30-10-2013 20:24:08
 :katai3: เครจ้า เข้ามาปูเสื่อรออีกรอบ. ตื่นเต้นนนอิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 30-10-2013 20:29:44
แอร๊ยยยยย จะตั้งหน้าตั้งตารอเลย
 :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 30-10-2013 20:55:03
รอค้า
พี่เมธเนียนเลยนะจ๊ะ อิอิ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 30-10-2013 21:13:46
รอวันอาทิตย์  อย่าลืมมาแต่งต่อนะ :katai4:
 :L1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 30-10-2013 21:24:24
งะ  รอคราฟฟฟฟฟฟ  รออย่างใจจดใจจ่อคราฟฟผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 30-10-2013 21:38:16
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-10-2013 21:46:58
 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 30-10-2013 21:53:12
แหม่ เมธได้ทีละเอาใหญ่เลยนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 30-10-2013 21:53:52
กรี๊ดดดดดพี่เมธคนบร้าาาาาาา
ยุไม่เขินก็บ้าแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 30-10-2013 22:03:06
รุกหนักมากจริงๆเลยนะคะพี่เมธ เดี๋ยวน้องยุก็ตั้งรับไม่ทันพอดี ฮ่าๆๆ

อยากอ่านจะแย่แล้ว รอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 30-10-2013 22:04:02
 :z13: :z13: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 30-10-2013 22:27:12
มาเพิ่มกิเลส ความอยากอ่านมากเลยล่ะ

รอฉากดูดนิ้วของพี่เมธนะจ๊ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 31-10-2013 13:47:05
 :ling1:
อยากอ่านนนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 31-10-2013 23:00:19
จะเอาให้ลงแดงเลยใช่มั้ย สปอยเนี่ยยยยย  :katai1: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: AiiSoul ที่ 02-11-2013 08:32:44
พอร์ชชชชช บางทีแกก็ซ้อมได้เหมือนจริงไป
สงสารรุจน์ ดูซินั่น ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 02-11-2013 10:18:07
มาทิ้งไว้แบบนี้  :ling1: อยากจะบ้าตาย  รอนับวันรอ

มาแบบยาวๆ เลยนะคะ อยากเห็นสองคนนั้นเค้าสวีทกัน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 02-11-2013 15:50:25
ว้ากกกกกกกก เรื่องนี้ท่าทางน่าสนุก

เจอจากทู้แนะนำนิยาย  แต่เราไม่เคยอ่านนิยายของคุณอนาคี99 เลยอ่ะ

แต่ตัดสินใจสั่งจอง "ซวยแล้วไง เมื่อผมกลายเป็น พระชายา" ไปแล้ว

เพราะลองอ่านตอนแรกนิดนึง แล้วชอบมากๆๆๆๆ  (ชอบก็ซื้อค่ะ ไม่คิดอะไรให้มากความ)

สำหรับเรื่องนี้ ชื่่อเรื่องก็บ่งบอกว่าน่าติดตาม  แล้วจะรีบตามอ่านให้ทัน จะได้เม้นท์ให้เหมือนคนอื่นๆค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 02-11-2013 21:27:12
นอกจากคู่หลักที่น่ารักอยู่แล้ว  :hao6: :hao6:

ไอ้คู่รองก็น่ารักมากๆโอ๊ยยยหลงเลยอ่ะ  :z1: :haun4: :haun4:

รออาหารจานหลักฮุ๊ๆ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 03-11-2013 13:51:33
นักเกตไก่จิ้มน้ำจิ้มรสหวานสินะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 03-11-2013 14:36:44
นี่แค่โดดดูดนิ้วยังใจเต้นไปขนาดนี้!!  แล้วถ้า....ดูดอย่างอื่นจะไปขนาดไหนเนี่ยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-11-2013 17:38:01
 :katai3:  ได้ข่าวว่าวันนี้จะลงตอนใหม่ มาปูเสื่อรออีกรอบจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-11-2013 18:19:21
มาคอยเด้อค่ะ ฮิฮิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: pinkypromise ที่ 03-11-2013 19:11:20
สปอยซะฟินเลยยย ฮ่าๆๆๆ
เขินวุ้ยยย พี่เมธ รอนะคะ
ลงแดง ลงแดง  :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 03-11-2013 19:45:13
 :a5: ย่องๆ มานอนรอค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 03-11-2013 19:58:01
ซีน9!!
กรี๊ดแปปปป
สปาร์คกันละข่าาาาาา (วิบัติเพื่อเสียง)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 03-11-2013 22:09:20
อ่านทันแล้วค้าาาาาาา  :hao6:

เรื่องนี้หนุกอย่างน่าเหลือเชื่อ ชอบนิยายพลอตแบบนี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

แต่งได้ดีเยี่ยม เห็นภาพทุกฉากทุกตอน   o13  นางเอกของเรา ปากร้ายเพราะมีปมนี่เอง

ส่วนพระเอกก็แอบร้ายเจ้าเล่ห์มิใช่น้อย  ช่วงหลังๆ ทั้งพี่เมธและน้องยุ เริ่มน่ารักกันแล้วสิ

อยากอ่านตอนนี้  :oo1: แบบจริงๆ ที่ไม่ใช่ฉากในบทละคร  :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: midnightblue ที่ 03-11-2013 22:42:00
มาปูเสื่อนอนรอ  :katai3:  :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (แอบสปอล์ย)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 03-11-2013 23:08:34
เพิ่งมาอ่านคับ รวดเดียวจบ สนุกดีคับ

รอตอนต่อไปอยู่นะคับ
หัวข้อ: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 03-11-2013 23:34:00
(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 10 (ครึ่งแรก)




เช้าวันพฤหัสบดีที่แสนสงบเงียบของสดายุ พระเอกหนุ่มหน้ามนซึ่งตอนนี้กำลังรับบทเป็นนางเอกภาพยนตร์รักร่วมเพศของค่ายหนังยักษ์ใหญ่ที่อยากจะเปิดตลาดหนังแนวใหม่กับค่านิยมที่กำลังมาแรงอยู่ในปัจจุบัน
วันหยุดที่ได้รับมาเพราะผู้กำกับใจดีให้ได้พัก เพื่อทำความเข้าใจกับบทและฝึกซ้อมให้เต็มที่ ทว่าพอคิดได้ว่าจะต้องแสดงบทอะไร ใจคอก็ห่อเหี่ยวไปหมด อารมณ์อาเริมหดหายสลายเกลี้ยง จนพาลให้ไม่อยากกระดิกตัวไปท่องบทอะไรนั่นเลยแม้แต่นิด

"เบื่อจัง..."

ตื่นสายนอนก่ายหน้าผาก กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอยู่ค่อนเช้า ในที่สุดสดายุก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างขึ้นได้ตอนเกือบสิบเอ็ดโมงเช้า ชายหนุ่มจึงได้ฤกษ์ลุกจากเตียงนุ่มเข้าไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตะเวนเที่ยวรอบเมืองเสียหน่อย ช่วงเดือนนี้เกือบทั้งเดือน ทีมงานพักที่เกาะมาเลเมืองหลวงของมัลดีฟส์ เกาะที่มีแต่ตึกรามบ้านช่องอัดแน่นอยู่บนเกาะเล็กนิดเดียว นานๆครั้งถึงจะได้นั่งเรือออกไปที่รีสอร์ทบนเกาะข้างๆกัน ไม่เหมือนช่วงแรกที่มา เพราะได้เก็บบรรยากาศบนเกาะเล็กเกาะน้อยสวยงามเต็มไปหมด

หากการเที่ยวเมืองก็คงไม่น่าเบื่อเท่าไหร่ ได้ดูของซื้อของขาย ได้หาอะไรทานอร่อยๆ วันนี้สดายุตั้งใจจะเลิกไดเอ็ทหนึ่งวัน เพราะรู้สึกว่าแค่เดือนกว่าๆที่ผ่านมาน้ำหนักเขาหายไปเกือบจะยี่สิบกิโลอยู่แล้ว กล้ามเนื้อลีบฝ่อ แขนขาเรียวเล็ก หน้าท้องที่เคยมีกล้ามน้อยๆ ก็เหลือเพียงเนื้อหนังหยุ่นๆแบนราบ เอวสอบก็แบบบาง จนราวจะหักสองท่อนได้ เนื่องจากเอวที่บางเล็กเลยทำให้ช่วงก้นดูเด่นขึ้นมานิดหน่อย พอหันข้างให้กระจกก็จะเห็นเอวที่คอดจนสะโพกงอนเช้ง

'ปิดกล้องหนังเรื่องนี้ได้ เขาคงต้องรีบเพิ่มน้ำหนักด่วน รู้สึกก้นที่ใหญ่เกินตัวเริ่มจะเป็นปัญหาสำหรับชีวิตเสียแล้ว'



"อาห์...อากาศดีจัง..."

ในเมืองเล็กๆที่คับคั่งไปด้วยผู้คนเรือนแสน และอัดแน่นไปด้วยสาธรณูปโภค บริโภคมากมาย เรียกได้ว่าคุณภาพคับแก้ว สดายุเดินเอ้อระเหยไปตามถนนสายเล็กๆที่มีร้านรวงริมทางดาษดื่น

"หืม...ปูอย่างสดอ่ะ น่ากินชะมัด"

"โว้ว...กุ้งไข่ด้วยวุ้ย..."

ร้านอาหารทะเลสดที่ตั้งเรียงรายพร้อมเสริฟนั้นเรียกน้ำลายให้สอได้ไม่น้อย แต่ร้านข้างๆที่เป็นอาหารประจำถิ่นหน้าตาแปลกหูแปลกตาก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย มาอยู่ที่มัลดีฟส์นี้ได้เกือบสองเดือน ได้กินอาหารท้องถิ่นอยู่ก็หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็อาศัยอาหารจากบ้านเกิดที่ทีมงานช่วยกันพกมาในการประทังชีพเสียมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกคุ้นเคย ทานง่าย คล่องคอ

ร่างสูงโปร่งของพระเอกหนุ่มดูโดดเด่นไม่น้อยเมื่ออยู่ท่ามกลางชาวพื้นเมือง เพราะผิวที่ขาวราวกับจะเรืองแสงได้นั้นช่างตัดกันอย่างสิ้นเชิงกับผิวสีน้ำผึ้งไหม้ของเหล่าชาวมัลดีฟส์ไม่น้อย แม่ค้าสาวๆหลายคนถึงกับมองไปยิ้มไป ไม่เว้นแม้แต่พ่อค้าหรือชายหนุ่มท้องถิ่นที่เดินผ่านไปมา เพราะต่างก็แอบชำเลืองมองความขาวโอโม่นี้อย่างอดไม่ได้ และหนึ่งในสายตาที่จ้องมองมาเหล่านั้นกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้สดายุช้าๆ

"ยังตัดสินใจไม่ถูกเหรอครับ ว่าจะทานอะไร?"

"........!? คุณกฤตเมธ?"

เสียงที่คุ้นหูเกินกว่าจะมาอยู่ในตลาดต่างแดน ทำเอาสดายุต้องรีบหันไปมองทันที และพอได้เห็นว่าคนที่ยืนยิ้มอยู่ด้านหลังเป็นใคร ชายหนุ่มก็ต้องขมวดคิ้วสงสัย 'มาไงเนี่ย?'

"มาเดินเล่นเหมือนกันเหรอคุณ กินอะไรมาหรือยังล่ะ?"

กฤตเมธถามขึ้นอย่างอารมณ์ดี วันนี้ชายหนุ่มได้หยุดพักเช่นเดียวกับสดายุ ดังนั้นเขาจึงออกมาเตร็ดเตร่ ดูนู่นดูนี่ จนท้องเริ่มหิวเลยเข้ามาหาอะไรทานแถวตลาด ไม่นึกว่าจะได้เจอคนที่ไม่คาดคิด

"...ยังครับ..."

"ดีเลยงั้นหาอะไรทานด้วยกันก่อนมั้ย? จะเที่ยงแล้ว"

กฤตเมธเอ่ยชวนอย่างเป็นมิตร หากแต่ดูท่าทางสดายุจะไม่ค่อยยินยอมเท่าไหร่

"ไม่เป็นไรครับ ผมยังไม่หิว คุณหาอะไรทานไปก่อนเถอะ ผมขอตัว"

พูดพลางก็หันหลังเดินเลี่ยงไปอีกทางโดยไม่สนใจว่าอีกคนจะคุยต่อหรือเปล่า แต่มีหรือที่กฤตเมธจะปล่อยคนเล่นตัวจัดหลุดมือไปได้ง่ายๆ ชายหนุ่มเดินเข้าไปขวางร่างสดายุไว้เล็กน้อย ก่อนส่งยิ้มกรุ้มกริ่มใส่เบาๆ

“อย่าหลอกผมเลยคุณสดายุ ผมเห็นคุณจ้องกุ้งจ้องปูน้ำลายสอ หิวใช่มั้ยล่ะ ไปหาอะไรกินกันเถอะ ผมรู้จักร้านอร่อยๆด้วยนะ”

“เอ้ยคุณ? เดี๋ยว!?...”

ไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว กฤตเมธก็ถือวิสาสะจูงข้อมือบางของสดายุเดินลิ่วๆไปเสียแล้ว อยากขืนตัวเอาไว้ แต่เรี่ยวแรงมันต่างกันเกินไปสุดท้ายเลยต้องจำใจเดินตามไปอย่างเสียไม่ได้ ‘แล้วทำไมต้องจับมือถือแขนด้วยเนี่ย!!?’

“ร้านนี้แหละ อาหารเขาอร่อยดี ผมมาทานบ่อยๆ”

“…………”

‘มืดจัง คุณพาผมมาที่ไหนกันแน่เนี่ยคุณกฤตเมธ!?’

“คุณสดายุ?”

“……….”

‘ก็ได้ยินแล้วนี่ไง จะเรียกทำไมกันนักกันหนาครับ'


“คุณสดายุ!!!!?”


‘อย่า…มาตะโกน…ใส่…ผม…นะ…………’

เสียงสุดท้ายที่ได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะขาดหายไปจากมโนสำนึกทั้งปวง

แค่เพียงครู่เดียวเท่านั้น…

ในความรู้สึกของสดายุมันไม่น่าเกินเสี้ยวนาทีที่เขาวูบไป แค่วูบ ทำไมภาพตรงหน้าถึงเปลี่ยนไปล่ะ? เมื่อกี้เขายังเดินตามหลังกฤตเมธอยู่นี่? แล้วนี่…เขาอยู่ที่ไหน ร่ม? หลังคา? หืม? ที่หนุนอยู่นี่หมอนเหรอ? อา…เย็นจัง…?

“รู้สึกตัวแล้วเหรอคุณ?”

“………..??”

เสียงคุ้นหูเหลือเกินแต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร สมองยังคงมึนเบลอ แต่เพียงครู่ที่ถูกผ้าเย็นเช็ดที่หน้าให้อีกครั้ง ความหยั่งรู้รูป รส กลิ่น เสียง ทุกอย่างก็กลับเข้าที่เข้าทาง สองตาของสดายุเบิกโพลงขึ้นทันที

“คุณ…คุณกฤตเมธ!!?”

“เฮ้อ…โล่งอก ฟื้นเสียที เกือบพาไปโรงพยาบาลแล้วนะเนี่ย เอ้าๆ อย่าเพิ่งพรวดพราดลุกขึ้นสิคุณ!”

“อ๊ะ!?”

ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นให้ดี ทั้งร่างของสดายุก็ถูกกดให้ลงไปนอนแบพาดศีรษะอยู่บนตักอุ่นนั่นอีกครั้ง ‘ตักของกฤตเมธ’

“ผมเป็นอะไรไป? วูบเหรอ?”

สดายุถามไถ่ขึ้นด้วยความสงสัย เพราะดูท่าทางแล้วเขาคงเป็นหนักกว่าที่คิดเล็กน้อย

“คุณเป็นลมครับ สลบไปเกือบสิบห้านาทีเห็นจะได้ ผมเลยพาคุณมาปฐมพยาบาลที่คาเฟ่กลางแจ้งนี่ก่อนเพราะมันใกล้ที่สุด กะว่าถ้าอีกสักสิบนาทีคุณยังไม่ฟื้น ผมจะพาคุณไปให้น้ำเกลือที่โรงพยาบาลอยู่แล้ว โชคดีว่าคุณฟื้นขึ้นมาเสียก่อน”

คำอธิบายยาวเหยียดของกฤตเมธทำเอาสดายุต้องขมวดคิ้วใคร่ครวญตัวเอง ว่าทำไมช่วงนี้เขาถึงอ่อนแอนัก

“คุณลดน้ำหนักเร็วไป”

“เอ๊ะ?........”

‘หมอนี่รู้ได้ยังไงว่าเราคิดอะไรอยู่?’


“ที่คุณเป็นลมเนี่ย เพราะคุณขาดสารอาหาร คุณลดน้ำหนักเร็วไป ผมรู้ว่าคุณจริงจังกับบทบาทและการแสดง แต่อะไรที่มากไปมันก็ไม่ดีนะคุณ”

“ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นถึงขนาดนี้นะ มันเป็นของมันเอง…”

“อยู่ในกองคุณก็ไม่กินข้าว อยู่คนเดียวคุณก็กินแต่เหล้า มันถึงได้ลดฮวบฮาบแบบนี้ไง ดูสิแขนคุณไม่เหลือกล้ามเนื้อแล้ว เรียวเล็กเป็นผู้หญิงเชียว”

อธิบายพลางถือวิสาสะจับต้นแขนผอมบางของร่างที่นอนอยู่บนตักเพื่อเป็นหลักฐานประกอบคำพูด แต่คนไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัวอย่างสดายุมีหรือจะยอมให้สัมผัสกันง่ายๆ ชายหนุ่มรีบสะบัดแขนหนีแล้วลุกขึ้นนั่งถอยห่างคนมือไวเป็นปลาหมึกทันที

“เรื่องของผมน่า เดี๋ยวเล่นเรื่องนี้จบผมก็ไปเพิ่มน้ำหนักเองแหละ”

ใบหน้าเครียดขึงของคนที่เพิ่งสะบัดตัวจากร่างไม่ได้ทำให้กฤตเมธรู้สึกหงุดหงิดแต่อย่างใด กลับยิ่งมองว่าน่ารักนาแกล้งเสียมากกว่า

เมื่อครู่ที่จู่ๆสดายุก็ล้มลงไปเขาเองก็ตกใจไม่น้อย ดีว่ารีบเข้าไปรับร่างไร้สตินั่นไว้ทัน ไม่อย่างนั้นคงได้ส่งโรงพยาบาลจริงๆเพราะอาจหัวน็อคพื้นหรือ แขนขาหักเลยก็เป็นได้ บอบบางเสียขนาดนั้น บอบบางขนาดที่ว่าตอนที่เขาช้อนตัวอุ้มขึ้นมานึกว่าอุ้มผู้หญิงเสียด้วยซ้ำ ทั้งตัวบาง ทั้งตัวเบา จนแทบไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคนคนนี้คือพระเอกดาวรุ่งที่เคยโชว์ซิกแพ็คลงนิตยาสารแฟชั่นชื่อดังมาก่อน ต่างกันมากมายจริงๆ

คิดถึงรูปร่างผอมเพรียวเกินกว่าเหตุนั่นแล้ว กฤตเมธก็ได้แต่ถอนหายใจ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เขารู้สึกห่วงใยเด็กดื้อคนนี้ได้ถึงขนาดนี้

“กว่าหนังเรื่องนี้จะถ่ายทำจบ คุณจะเหลือตัวเท่าไหนเนี่ย?”

“ก็บอกว่าเรื่องของผมไง!! เอาเป็นว่าขอบคุณที่คุณอุตส่าห์สละเวลามาช่วยผมก็แล้วกัน  ผมขอตัวก่อน”

จบคำลาก็แทบถลาออกไปจากร้าน ทิ้งคนที่เพิ่งจะพยาบาลตัวเองเสร็จไว้เบื้องหลังพร้อมกับคำว่า ‘เดี๋ยว…รอด้วย’

สามชั่วโมงผ่านไป…

หนุ่มผิวขาวสองคนเดินเล่นเรื่อยเปื่อยกันอยู่แถวตลาด ร่างหนึ่งสูงระหง เอวบางร่างน้อย แต่ก็ดูเท่ห์ไม่หยอกกับการแต่งกายที่มีเพียงเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนต์ฟอกขาเดฟแว่นตาดำที่ใส่ปิดบังหน้าตาบางส่วนนั้นไม่สามารถบดบังออร่าความหล่อเท่ห์ของคนที่เดินกินนักเกตไก่ถุงใหญ่นี้ได้เลย

ส่วนอีกคนนี้สาวๆต้องมองกันเป็นตาเดียวชายหนุ่มรูปร่างกำยำงดงามตัวสูงใหญ่ราวนายแบบ เสื้อเชิ๊ตสีกรมท่าเข้ากับกางเกงเดฟสีดำยิ่งขับให้ดูเคร่งขรึม แม้สองมือจะหิ้วถือถุงสินค้าพะรุงพะรังเลยก็ตาม

“ป้อนผมหน่อยสิคุณ ผมก็หิวแล้วเหมือนกันนะ”

เสียงทุ้มเอ่ยปากขอเมื่อเห็นว่าสดายุกินนักเกตไก่ที่ซื้อมาจากแผงลอยริมทางด้วยความเอร็ดอร่อย

ตั้งแต่ตอนที่สดายุเป็นลมจนกระทั่งตอนนี้จะสามโมงเย็นอยู่แล้วนั้น เขายังไม่ได้พักทานอาหารเลย เพราะมัวแต่เดินตามคนช่างช็อปต้อยๆ ทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ปรารถนา แต่พอเขาเสนอตัวว่าจะเป็นคนรับใช้คอยตามถือของให้ในที่สุดสดายุก็ยินยอม และราวกับไปกดโดนสวิชต์อะไรบางอย่างของอีกฝ่ายเข้า สดายุถึงได้ช็อปแหลกแบบไม่เกรงใจคนถือของ จนสุดท้ายเลยต้องเดินหิ้วเต็มสองไม้สองมือแถมท้องยังร้องโครกครากอยู่อย่างนี้ 
‘แกล้งกันได้แกล้งกันดีนะตัวแสบ ฝากไว้ก่อนเลย!’

“ป้อนผมคำนะ ผมหิวจนหน้าจะมืดอยู่แล้ว”

“กินเองสิ”

ขำขอร้องถูกปฏิเสธโดยสิ้นเชิงอีกครั้ง แต่นั่นไม่ได้ทำให้คนอย่างกฤตเมธยอมแพ้

“ผมหิ้วของเต็มสองมือแบบนี้จะไปมีมือหยิบมั้ยครับ นะผมขอคำนึง นะครับ”

“...........”

และดูเหมือนคำอ้อนโดยการใส่เสียงเว้าวอนเข้าไปด้วยตอนนี้จะได้ผล เพราะในที่สุดอีกฝ่ายก็หันมามองเขาอย่างลังเล ในขณะที่ในมือกำลังถือนักเกตไก่แสนอร่อยอยู่หนึ่งชิ้น

“เอาชิ้นนั้นก็ได้ ในมือคุณน่ะ”

ส่วนฝ่ายสดายุที่ตามไม่ทันมุกของคนแก่นั้นก็ได้แต่แอบคิดในใจว่าตัวเองใจร้ายไปหรือเปล่า ที่ใช้แรงงานคนเฒ่าแล้วไม่ยอมให้อาหารเลยแบบนี้ ทั้งๆที่ก็อยากจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆเหมือนกัน แต่ก็อดสงสารคนที่อุตส่าห์หิ้วของให้จนเหงื่อแตกไม่ได้ ไหนๆอีกฝ่ายก็อุตส่าห์มีน้ำใจให้ สดายุเองก็ไม่อยากติดค้าง สุดท้ายจึงกลั้นใจหยิบนักเกตไก่ชิ้นพอดีคำส่งให้กฤตเมธถึงปากอย่างหมดทางเลือก

อ้ำ

“...........!!??”

สดายุสตั้นไป 30 วิฯ เมื่อจู่ๆ มือที่อ้างว่าถือของหนักก็เอื้อมขึ้นมาคว้ามือที่กำลังจะป้อนนักเกตไก่ของเขาไว้แน่น ก่อนจะส่งเข้าไปในปากทั้งไก่ทั้งนิ้ว!!

“ขอบคุณครับ...อร่อยมากเลย”

เพียงครู่ก็ถูกปล่อยมือ แต่สัมผัสจากปลายลิ้นนุ่มลื่นที่สัมผัสปลายนิ้ว ราวกับโดนดูดดังจุ๊บเล็กๆ ทำเอาสดายุได้แต่เบิกตาโพลงเป็นไข่ห่าน

แถมยังใจเต้นโครมครามอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่พอจะอ้าปากด่าอะไรสักอย่าง กฤตเมธก็เดินยิ้มร่านำหน้าไปก่อนเสียแล้ว

“ไอ้แก่บ้านี่!! อี๋ ต้องฆ่าเชื้อมั้ยเนี่ย!!”

แม้จะบ่นก่นด่าคนตรงหน้ายังไงแต่ก็ไม่สามารถปิดบังใบหน้าเห่อแดงนี้จากสายตาของกฤตเมธที่กำลังจ้องมองมาได้เลยแม้แต่นิดเดียว หากแต่เพราะสดายุไม่ทันได้รู้ตัว ขณะกำลังบ่นไปเช็ดนิ้วกับชายเสื้อไป ก้มหน้างุดๆซ่อนความอายตัวเองไปอยู่นั้น ก็เดินมาชนกับร่างสูงใหญ่ที่หยุดรออยู่ตรงหน้าพอดี

และก่อนที่สดายุจะได้ทันตั้งตัว กฤตเมธก็ก้มลงมากระซิบจนเกือบจะติดกับข้างหูด้วยเสียงอันทรงเสน่ห์ร้ายเสียก่อน


“รีบฆ่าเชื้อก็ดีนะครับ…เดี๋ยวพิษคนแก่ จะซึมเข้ากระแสเลือดเสียก่อน…เข้าไปแล้วอาจรักษาไม่ได้เสียด้วยสิ”



***********************************************************

ด้วยว่างานยิกๆ ก็ยังไม่เสร็จสมอารมณ์หมาย (แต่กำลังจะได้กันในคืนนี้แหละ)
ดังนั้นจึงไม่สามารถมาเต็มตอนได้ค่ะ…ฮือๆๆๆ

เอาเป็นว่าขอติดอีกครึ่งนึงไปลงพรุ่งนี้ค่ำๆมืดๆนะคะ

น่าจะต้องเลื่อนเป็นวันอังคารแทนนะคะ...งานยิกท่าจะไปจบพรุ่งนี้ค่ะ มันเหลือติ่งน้อยอยู่ติ่ง แต่ถ้ามาทันจะมาให้ได้นะคะ

 :hao5: :katai4:

ขอไปปั่นงานยิกต่อก่อนค่ะ
ขออภัยในความผิดหวังซ้ำซ้อนเจ้าค่ะ
(โขกหัวกับพื้นเป็นการขออภัยสามครั้ง…โป๊กๆๆ เลือดอาบ!!)

สปอลย์ :
ครึ่งหลัง กฤตเมธเขาสามารถชวนสดายุซ้อมคิวหวือหวาได้ด้วยแหละค่ะ!!
น้องยุเราจะทำยังไงดีคะ เมื่อเริ่มรู้ตัวเข้าแล้วว่ากำลังโดนคนแก่จ้องงาบ!!
ส่วนกฤตเมธจะทำยังไงดีคะ เมื่อเด็กที่จ้องจะงาบ ดันมารู้ทันแผนแล้วทำท่าจะชิ่ง…
งานนี้มีล่าเหยื่อกันเกิดขึ้นแล้วล่ะค่ะ
‘ศึกระหว่างแกะหนุ่มสุดเกรียนกับหมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า!!’

Thearboo / อนาคี99

 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-11-2013 23:42:01
กรี๊ดดดดดดดด
เค้าอยากอ่านตอนต่อไปแล้วอะตัวววว
รอๆๆ น้องยุนับวันยิ่งน่ารักนะคะ กิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: KaeM_PonG ที่ 03-11-2013 23:45:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 03-11-2013 23:47:48
อยากรู้ว่าพิษคนแก่ จะแรงแค่ไหนเจ้าค๊า.......5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 04-11-2013 00:05:30
พี่เมธน้องยุ เริ่มจะหวานกันแล้วใช่ม้ายยยยยยยยยย
แอร๊ยยยยยยยยยยยย เขินจุงงงงง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-11-2013 00:11:49
 :katai1:  สงสารกฤตเมธจริงๆๆ แก่อย่างเดียวไม่พอ ทั้งแก่ทั้งเฒ่า 5555 แต่ถึงจะแก่ยังไงแต่ก็ยังมีไฟใช่ไหมจ๊ะน้องยุ. (พิสูจน์มาเองกับตัว). รอครึ่งหลังอย่างใจจดใจจ่อ  :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 04-11-2013 00:13:50
อยากอ่านครึ่งหลัง รออออออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-11-2013 00:20:44
หมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 04-11-2013 00:32:23
 :z3: ...ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 04-11-2013 00:59:13
อยากอ่านครึ่งหลังจังงงงงง


 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 04-11-2013 01:07:15
แอร๊ยยยย รอศึกหน้าลูกแกะกับหมาป่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 04-11-2013 01:14:33
งึ้ยยย ยุน่ารักอ่ะ
มาทำให้อยากแล้วจากไป T^T
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 04-11-2013 06:38:16
คุณเมธธธธธ~~~~~~~~
ยุน่ารักอะ สงบปากสงบคำ555555555555
รอตอนหน้าค่า โอ้ยหวานนิดๆเลยอะตอนนี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 04-11-2013 06:49:21
 :serius2: รออ่านตอนต่อไปค่ะ ยุน่ารักมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 04-11-2013 07:10:10
ตื่นเต้นกับอีกครึ่งที่เหลือมากๆ  :hao6:  :z1:  :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 04-11-2013 07:42:52
ไปทำอิท่าไหนให้น้องรู้ตัวว่าจะโดนงาบหล่ะนั่น เอ๊ะรึว่าทุกท่า 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 04-11-2013 07:49:34
ซึมเลยคร้าาาา 5555 อ่านแล้วเขิน ลุงแกจะเริ่มรุกน้องยุแล้วใช่ป่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-11-2013 07:57:09
คุณเมธ......เค้าเขินง่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 04-11-2013 09:15:19
สงสารคนแก่เบาๆ คำก็แก่ สองคำก็เฒ่า  :laugh:
แต่ประเดี๋ยวเถอะเด็กน้อยจะหลงรักคนแก่  o18

รอค่ะรอ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 04-11-2013 10:38:42
กรี๊ดดดดด
รอศึกหมาป่ากับลูกแกะครึ่งหลังค่า  :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 04-11-2013 11:40:24
น่ารักเชียว
อ่านไปยิ้มไป
 :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 04-11-2013 11:46:41
แอร้ยยยยยย เขินจุงเบย :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 04-11-2013 12:54:49
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เพิ่งเข้ามาอ่านครั้งแรกก ชอบมากกเลยค่า อ่านรวดเดียวเลยย
งื้อออออออ ชอบบ อ่านแล้วก้เพลิน สนุกค่ะ ชอบแนวนี้อ่าา
อยากอ่านครึ่งหลังต่อแล้วว
เป็นกำลังใจให้นะค๊าา จะรอค่าา

ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 04-11-2013 14:41:11
น้องยุคนดี  น่ารักจริงๆ  รออยู่นะครับนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: jum ที่ 04-11-2013 16:01:51
ชอบอ่า เอาอีกๆๆ
มาเร็วๆนะ อยากอ่านแล้ว

น้องยุน่ารัก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 04-11-2013 16:54:14
 o13 o13 o13 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 04-11-2013 18:14:14
คู่นี้น่ารักน๊าา ดูเป็นห่วงเป็นใยกัน(เฉพาะพระเอกแก่นะ)

หวังว่าซักวันนายคงได้สดายุมาอยู่ในอ้อมกอด

 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 04-11-2013 18:17:23
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย จะได้กันคืนนี้...รออยู่  :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 04-11-2013 19:46:48
คนแก่วิทยายุทธมันเยอะ ระวังให้ดีนะจ้ะน้องหนู
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 04-11-2013 20:30:29
 :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 04-11-2013 21:46:51
บรรยายกาศระหว่างสองคนนี้ดูดีขึ้นเรื่อยๆ นะเนี่ย

แต่ที่ชอบสุดๆ คือโปรยครึ่งหลัง....

‘ศึกระหว่างแกะหนุ่มสุดเกรียนกับหมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์กำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า!!’

ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 04-11-2013 22:05:26
 :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1: :oo1:

กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  มันกำลังจะมา มันจะมาแล้ว ฉากที่รอคอยมานานปี  :hao6:

ชอบว่าพี่เมธของช้านว่าแก่บ้าง เฒ่าบ้าง เดี๋ยวตาแก่จะสำแดงฤทธิ์เดชให้ดูในครึ่งหลัง  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ormn ที่ 04-11-2013 22:09:41
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:รออออออออออออตอนต่อไป :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 04-11-2013 22:22:17
กรี๊ดๆ  :z3:
คนแก่จะปล่อยเชื้อใส่น้องยุแล้ว
เฝ้ารอค่า
สู้ๆกับงานแล้วมาต่อไวๆเน้อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 04-11-2013 22:45:09
อร๊ายย รออ่านตอนต่อไปค่ะ > <
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 04-11-2013 22:45:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 04-11-2013 22:47:05
กฤตเมธเจ้าเล่ห์มาก ส่วนสดายุก็ตามคนแก่ไม่ทัน

จะรออ่าน ศึกระหว่างแกะหนุ่มสุดเกรียนกับหมาป่าเฒ่าเจ้าเล่ห์ นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 04-11-2013 23:06:34
เจ้าเล่ห์มากคุณกฤต อร๊ายแต่แอบเชียร์นะคะ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 05-11-2013 09:41:05
แอร๊ยยยยยยยยยย ชอบจริงๆ รอฉากหลักอยู่เสมอๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 05-11-2013 10:34:10
อยากโดน "พิษคนแก่" บ้างไรบ้าง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 05-11-2013 17:07:25
 :katai2-1:   :katai2-1:   
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 05-11-2013 19:56:00
อร๊างงงงงงงง จีบกันเยอะๆเลยค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 06-11-2013 00:00:11
 :a11: มาเมียงมอง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 06-11-2013 00:29:08
มาปูเสื่อรอ
น้องยุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 06-11-2013 00:36:48
รอด้วยคน    :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: homoc ที่ 06-11-2013 09:03:00
 :katai4: รอนานแล้วนะ
 :katai1: อัพเถอะ  :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 06-11-2013 17:16:57
คิดถึงน้องยุ  กิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 06-11-2013 22:46:36
กรี๊ดดดดดดดดดด!!! อิฉันกรีดร้องตอนตากฤตเมธแอบดูดนิ้วน้องงงงงงง
คนแก่เนี่ย ดีกรีความเจ้าเล่ห์มันสูงนะ  :hao7:

ขอให้ความสัมพันธ์ดีๆๆๆยิ่งๆขึ้นไป  :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 06-11-2013 23:56:35
 :o11:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 07-11-2013 00:45:12
มาปูเสื่อรอด้วยคน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 07-11-2013 22:30:53
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก
ซีน 10 (จบ)






“รีบฆ่าเชื้อก็ดีนะครับ…เดี๋ยวพิษคนแก่ จะซึมเข้ากระแสเลือดเสียก่อน…เข้าไปแล้วอาจรักษาไม่ได้เสียด้วยสิ”


".......คุณนี่มัน...ฮึ่ย..."

สดายุเดินกระแทกไหล่ผ่านคนช่างเย้าไปอย่างอารมณ์เสีย ไม่อยากต่อปากต่อคำซ้ำซาก เพราะโดยส่วนตัวเขาก็ไม่ค่อยชอบวุ่นวายกับใครอยู่แล้ว (ถึงได้โดนตราหน้าว่าพระเอกจอมหยิ่ง จนถึงตอนนี้) ดังนั้นแม้จะหงุดหงิดงุ่นง่านที่ถูกอีกฝ่ายแหย่เล่นราวกับเป็นผู้หญิง แต่ก็ตีบตันเกินกว่าจะไปนั่งต่อความยาวสาวความยืด
'มีปากพูดได้ก็พูดไป'


ว่าจะเดินหนีไปให้ไกลเป็นต้องหยุดชะงัก เมื่ออีกฝ่ายยังยียวนตามหลังไม่เลิก จนสดายุเองยังแอบก่นด่าในใจไม่ได้ ทำไมอีกฝ่ายถึงได้จ้องแต่จะแขวะเขาอยู่เรื่อยเลยนะ จงเกลียดจงชังมาแต่ชาติปางไหนกัน!!

"งั้นเอามานี่!"

เรื่องเยอะนัก สดายุจึงตัดสินใจเข้าไปกระชากถุงจากสองมือของกฤตเมธหมายจะเอาออกมาถือไว้เสียเอง ทว่าคนตัวสูงกว่ากลับเบี่ยงมือหลับได้ทันควัน

"เอาคืนมาสิคุณ ถ้าจะกลับคำทำไม่ได้ขึ้นมาก็เอาคืนมานี่!"

ปากว่าสองมือไขว่คว้า แต่กฤตเมธก็ยังหลบได้พลิ้ว พร้อมขมวดคิ้วตั้งคำถาม

"อะไรกันคุณ ผมยังไม่ได้บอกว่าจะให้คุณถือเองซะหน่อย งอนอะไรขึ้นมาอีกล่ะ?"

คำว่า 'งอน' กระแทกเข้าหน้าจนเกือบหงาย ผู้ชายแท้ๆแถมยังเคยเป็นถึงพระเอกดังอย่างเขา กลับถูกเย้าด้วยคำว่า 'งอน' ราวกับเด็กสาวๆเนี่ยนะ!? เพื่อนสนิทก็ไม่ใช่ คนรู้ใจก็ไม่ใช่ เพราะฉะนั้นคนตรงหน้าย่อมไม่มีสิทธิ์มาล้อเล่นกับเขาแบบนี้ ยิ่งคิดสดายุก็ยิ่งโมโห

"ไม่ได้งอน! ผมแค่สงสารคนแก่อย่างคุณที่ต้องถือของหนักอยู่กลางแดด จนพาลจะหมดเรี่ยวแรงไปเสียก่อน จนทำของของผมเสียหายขึ้นมา มันไม่คุ้มกัน!"

"เฮ้ย เดี๋ยวๆๆ คุณ? อะไรเนี่ย? คำก็แก่ สองคำก็แก่ แล้วคุณอายุเท่าไหร่กันครับ?"

"ยี่สิบหก!"

"ผมก็เพิ่งจะสามสิบสาม แก่กว่าแค่เจ็ดปีนะครับ ไม่ใช่เจ็ดรอบ แขวะกันจัง"

ตั้งหน้าตั้งตาเถียงกันจนลืมไปแล้วว่ายังอยู่กลางตลาด สายตาของคนผ่านไปผ่านมาเริ่มจับจ้อง สองหนุ่มจึงยอมยุติสงครามน้ำลายกันชั่วคราว สดายุเป็นฝ่ายยอมล่าถอยก่อน แต่ก่อนจะเดินเลี่ยงไปก็ได้ทิ้งคำเด็ดไว้ให้กฤตเมธอีกดอก

"แก่!!"


ต่อจากนั้นแม้ว่ากฤตเมธจะต่อเรื่องต่อราวอะไรอีก สดายุก็จะทำเป็นหูทวนลม ไม่ได้ยิน ไม่ยอมฟัง กระทั่งกลับกันมาถึงโรงแรมในที่สุด

เพราะเป็นดารานำ ดังนั้นความเป็นอยู่จึงดีกว่าสต๊าฟคนอื่นเล็กน้อย เพราะในขณะที่ทีมงานทั่วไปอยู่ห้องรวม ตัวประกอบอยู่ห้องคู่ แต่กฤตเมธ สดายุ และอ๊อดนั้น ได้สิทธิพิเศษในการนอนเดี่ยวในห้องเล็กๆ ของโรงแรมระดับสามดาว

สดายุโอเคมากที่ได้อยู่คนเดียว แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นห้องคอนเน็คกับกฤตเมธด้วย แม้ประตูตรงกลางระหว่างห้องจะไม่เคยเปิดไปมาหาสู่กัน แต่มันก็ทำให้อดีตพระเอกหนุ่มไม่พอใจอยู่ดี

“เอาของมาได้แล้วคุณกฤตเมธ ขอบคุณที่ช่วยถือมาให้”

เดินถึงหน้าห้องสดายุก็หันไปขอถุงพะรุงพะรังจากมือของกฤตเมธ

"ให้ผมเข้าไปส่งให้ดีกว่ามั้ย มันเยอะนะ ถือลำบาก"

กฤตเมธเสนอตัว ทั้งยังไม่ยอมคือของให้อีกฝ่าย

"......ชอบเป็นเบ๊สินะคุณน่ะ...ชอบถูกกดขี่ ชอบโดนใช้แรงงานหรือไง?”

สดายุแขวะออกไปไม่เบานักเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมคืนของให้แถมยังดึงดันจะเข้าห้องเขาให้ได้  แต่ถึงจะพูดจาออกไปค่อนข้างรุนแรง แต่ดูเหมือนกฤตเมธจะไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังยืนยิ้มร่ายอมให้ด่าเล่นเสียอย่างนั้น

“ไม่ได้ชอบหรอกครับ ผมทำให้แค่กับบางคน...แล้ว...เราจะคุยกันหน้าห้องอีกนานมั้ยครับ? ผมเมื่อยแล้วนะ”

“คุณนี่มัน...คนเขาไล่แล้วยังไม่ยอมไป  ต้องให้ผมพูดตรงๆเหรอครับ ถึงจะเข้าใจ?”

“...พูดตรงๆ...ว่าผมหน้าด้านน่ะเหรอ หึหึ ไม่เป็นไร ผมไม่ถือ...”

“คุณกฤตเมธ!!”

“คุณกลัวผมเหรอ คุณสดายุ ขู่แฟ่ดๆเป็นลูกแมวเชียว”

แทนที่จะเป็นคนทำให้อีกคนเสียอารมณ์ เขากลับเป็นฝ่ายถูกยั่วจนแทบเต้นแทน ทั้งคำว่า ‘กลัว’ ทั้งคำว่า ‘ลูกแมว’ เล่นเอาเขาต่อคำไม่ถูกเลยทีเดียว เพราะตั้งแต่เกิดมาจนอายุปาเข้าไป 26 ปีแล้ว ยังไม่เคยโดนใครกระเซ้าในเรื่องน่าอายแบบนี้มาก่อนเลย

“ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ หึหึ...ให้ผมเข้าไปได้ยัง?”

“...โอเค...ได้...แต่ก่อนเข้าไปผมถามอะไรหน่อยสิ”

โมโหไปก็เท่านั้น เพราะดูท่าอีกฝ่ายจะดูยี่หระกับคำค่อนขอดของเขาเลยแม้แต่นิด แต่การจะรามือล่าถอยง่ายดายก็ไม่ใช่ตัวเขาเช่นกัน

“คนแก่น่ะ...เขาหน้าหนาอย่างนี้ทุกคนหรือเปล่าครับ? หรือว่าคุณเป็นคนพิเศษ”

“.................”

แขวะออกไปพร้อมมือที่ยังคงไขประตู และก็เช่นเดิมที่กฤตเมธได้แต่ยิ้มให้แทนการตอบโต้ สดายุเองก็อยากด่าออกไปให้มากกว่านี้อยู่เหมือนกัน แต่พอนึกถึงสิ่งที่ได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายในหลายๆครั้ง ความขุ่นข้องก็ดูจะเบาบางลงบ้าง...แม้จะแค่นิดเดียวก็ตามที

“ผมตั้งไว้ตรงนี้หมดเลยนะ”

มาถึงห้องสดายุก็เปิดตู้เย็นดื่มน้ำอึกๆ โดยไม่สนใจคนที่อุตส่าห์ถือของตามมาจนถึงห้องหับ แถมยังไม่มีน้ำใจต้อนรับขับสู้  ถ้ากับคนอื่นสดายุก็คงจะยังพอมีกระใจทำนั่นนี่ให้บ้าง แต่สำหรับคนอย่างกฤตเมธ เขาไม่สามารถตัดใจทำอะไรให้ได้ทั้งนั้น

‘แกร๊ก’

“เฮ้ย? ทำไมยังไม่ออกไปอีกล่ะ แล้วปิดประตูทำไมเนี่ย?”

อารามตกใจสงสัยเลยลืมที่จะรักษามารยาทเสียสนิท

ตกใจที่อีกฝ่ายไม่ยอมออกไป แถมยังปิดประตูขังตัวเองไว้ในห้องของเขาอีก

"อะไรคุณ? กลัวเหรอ?"

"ไม่ได้กลัว!  แต่ไม่ชอบ คุณกำลงบุกรุกพื้นที่ส่วนตัวของผมอยู่!!"

"ผมนึกว่าคุณจะเชิญผมดื่มน้ำดื่มท่าของคุณที่ผมอุตส่าห์ช่วยคุณถือของ ช่วยปฐมพยายบาลคนเป็นลมแดด ช่วยอุ้ม ช่วยพัด..."

"ผมก็ขอบคุณคุณไปแล้วนี่..."

เห็นอีกฝ่ายตั้งการ์ดกับตนไม่เลิก กฤตเมธก็ได้แต่กอดอกยืนพิงประตูห้องเพื่อรอดูท่าทีของอีกฝ่ายต่ออีกนิดอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะเอ่ยปากบอกจุดประสงค์ของตัวเองบ้าง

"นี่คุณ...ผมไม่น่ามืดทำอะไรคุณหรอกน่า ถึงคุณจะขาวถูกใจ ถึงรูปร่างคุณจะอ้อนแอ้นตามแบบที่ผมชอบ ถึงตาคมกลมสวยกับปากแดงๆนั่นจะทำให้ผมรู้สึกดี แต่วางใจเถอะครับ ผมยังไม่คิดจะจับคุณกินตอนนี้อย่างแน่นอน"

แต่ละคำพูดที่ออกจากปากของกฤตเมธล้วยตั้งใจจะยั่วโมโหสดายุทั้งสิ้น พระเอกหนุ่มวัยดึกเองยังอดคิดในใจๆไม่ได้ว่าตัวเองคงมีอาการทางจิต เพราะแทนที่จะทำตัวสมวัย พูดจาถ้อยทีถ้อยอาศัยกับอีกฝ่าย เขากลับทำตัวเป็นเด็กพูดจายั่วโทสะของนักแสดงรุ่นน้องอยู่ได้ แต่ถ้าจะไม่ทำมันก็อดไม่ได้อีก เพราะเจ้าคนไม่รู้จักตัวเองตรงหน้า ชอบท้าทายให้เขานอกลู่นอกทางอยู่เรื่อย และไม่ต้องคิดเลยว่าหลังจากประโยคเมื่อครู่ของเขา สดายุจะเดือดดาลแค่ไหน เพราะตอนนี้คนตรงหน้าแทบจะกลายร่างเป็นเสือโผเข้ามาขย้ำคอเขาอยู่แล้ว

"มันจะมากไปแล้วนะ คุณกฤตเมธ!! คุณดูถูกผมเกินไปแล้ว!"

"แล้วคุณเคยให้เกียรติผมในฐานะรุ่นพี่บ้างหรือเปล่าล่ะ? คุณสดายุ..."

"ก็คนอย่างคุณมัน........!! คุณกฤตเมธผมรู้คุณไม่ชอบน้ำหน้าผม แล้วทำไมคุณถึงมาคอยวุ่นวายกับผมอยู่ได้!!?"

""เอ้า? ใครบอกคุณกันว่าผมไม่ชอบคุณ?"

กฤตเมธสวนขึ้นทันทีที่สดายุพูดจบ และแน่นอนว่าคำตอบของนักแสดงรุ่นพี่อย่างเขาทำเอาสดายุถึงกับหน้าเหวอ 'ใครว่าไม่ชอบ?' งั้นก็แสดงว่า 'ชอบ' สินะ? พอประมวลผลได้แทนที่จะโวยวายโหวกเหวกต่อว่าตัวเองถูกกระเซ้าโน่นนี่ แต่สดายุกลับหุบปากฉับ ใบหน้าขึ้นสีเลือดเล็กน้อย
(หลังจากแดงเพราะโกรธรอบแรก ซีดเพราะถูกบอกว่าชอบด้วยคำพูดกำกวม และแดงขึ้นมาอีกเมื่อตีความหมายคำพูดของอีกฝ่ายกับสายตากรุ่มกริ่มนั้นได้)

"คุณ...หมายความว่ายังไง?..."

จริงอยู่ว่าสดายุไม่ได้ซี่อใสกับเรื่องเหล่านี้ คำป้อ คำหยอด เขาคุ้นเคยดีมาทั้งชีวิต ทั้งเป็นฝ่ายพูดทั้งเป็นฝ่ายโดนพูดใส่ โดนมาแล้วทั้งหญิงทั้งชาย...แต่สำหรับคนแก่แสนกลตรงหน้า จะให้จู่ๆเขาตีความเข้าข้างตัวเองเร็วไปคงไม่เหมาะ เพราะไม่แน่นี่ก็อาจเป็นแค่คำเย้าแหย่เขาเล่นๆเหมือนที่ทำอยู่ทุกทีก็เป็นได้
'กันไว้ก่อน'


"...แล้วคุณคิดว่าไงล่ะ?"

".................."

'แล้วจะให้คิดยังไงล่ะ ไอ้บ้านี่!? ลูกล่อลูกชนเยอะเกินไปแล้วนะ!!'
จากหน้าแดงๆเริ่มปลี่ยนเป็นเขียวคว่ำอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายลองใจไม่เลิกรา ด้วยความที่ส่วนตัวแล้ว สดายุเป็นคนตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นเวลาเจอกับอะไรที่ต้องให้คิดเอง ต้องมาแปลความแบบนี้ เป็นเรื่องที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง

“.........ผมคิดว่าคุณกำลังสนุก กับการที่ได้เห็นผมเต้นไปตามความคิดคุณ...คุณคิดว่าผมมันโง่ มันแค่ไก่อ่อน จองหองสมองกลวง ไม่ว่าคุณจะพูด จะหลอกยังไง ผมก็ทำได้แค่เตลิดไปกับคำพูดของคุณเท่านั้น...”

“.......คิดไปไหนของคุณน่ะ?”

 กฤตเมธถึงกับต้องยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วยิกๆ เพราะดูท่าสดายุจะใช้ทิฐิบวกกับอคติตีความคำพูดของเขาไปไกลจนกู่ไม่กลับเสียแล้ว
‘ทำไมกันนะ คำว่าชอบของเขาถึงได้กลายไปเป็นคำว่า ล้อเล่น หลอกลวง เล่นสนุก? ไปเสียได้ล่ะ?’


“คุณคิดมากไปแล้วคุณสดายุ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเสียหน่อย...”

พระเอกหนุ่มใหญ่เอ่ยคัดค้านทั้งที่นิ้วมือยังคงขยี้หัวตาที่ให้ความรู้สึกปวดแปลบอยู่

“แล้วหมายความว่ายังไงล่ะ? หมายความว่าคุณชอบผมอย่างนั้นเหรอ? ทั้งๆที่เมื่อก่อนคุณนั่นแหละที่เป็นฝ่ายที่ไม่ชอบหน้าผม หาว่าผมมันเหลวไหล เหลวแหลกเนี่ยนะ คุณเคยให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับผมไม่ใช่เหรอ ว่า ‘นักแสดงที่มัวแต่หลงระเริงจนไม่รู้จักประมาณตนเอง ไม่รู้จักหน้าที่ของตนเอง สุดท้ายก็ดับทุกราย...’ ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วช่วงเล่นหนังเรื่องนี้ตอนแรกๆ คุณก็เหม็นขี้หน้าผมอย่างกับอะไร แล้วอย่างนี้จะให้ผมเชื่อคุณลงเหรอว่าคุณชอบผมจริงๆ อย่าหลอกผมเล่นซะให้ยากเลย”

คำอธิบายยาวเหยียดถึงเหตุผลที่ไม่ยอมเชื่อ ขุดกันมาตั้งแต่สมัยยังรุ่งเรืองซึ่งก็ผ่านไปนานเป็นปีๆ กฤตเมธได้แต่ถอนหายใจ
'ดื้อ...'


"โอเค ผมยอมรับ..."

"......!!?..."

กฤตเมธเอ่ยขึ้นก่อนจะผละตัวเองออกจากการพิงประตู แล้วสืบเท้าเข้าใกล้คนที่ยืนตั้งการ์ดรออยู่อีกฟากห้องขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งใกล้ รังสีคุกคามก็ยิ่งแผ่กำจายจนสดายุเองยังต้องถอยหนีโดยไม่รู้ตัว

พระเอกหนุ่มใหญ่ได้แต่ยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมกล่าวคำขอโทษเสียงหวาน 'คนถือตัวย่อมใช้ไม่แข็งไม่ได้ผล'  แต่คนอย่างสดายุนั้นยิ่งรับมือลำบากกว่าคนทั่วไปเสียด้วย ใช้ไม้แข็งก็ยิ่งเตลิด ใช้ไม่อ่อนก็ยิ่งไม่ยอมเชื่อใจขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้คนดื้อเพ่งที่ชื่อสดายุคนนี้ยอมรับฟัง วิธีที่จะทำได้คงมีแค่ 'การบังคับกลายๆแบบนุ่มนวล' เท่านั้นสินะ

"คุ...คุณกฤตเมธ?..."

เพราะระยะห่างที่ดูเหมือนจะลดลงอย่างช้าๆ กับตัวเขาเองที่เริ่มจะใกล้กำแพงที่เป็นเหมือนทางตันขึ้นเรื่อยๆ ความอึดอัดกดดันชักนำให้เริ่มหวาดหวั่น หัวใจที่เต้นระรัวขึ้นนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธเกรี้ยวที่โดนคุกคาม หรือเป็นเพราะตื่นเต้นกับสายตาเร่าร้อนที่แฝงอยู่ในแววตาของอีกฝ่ายกันแน่!


'จะโดนตะปบกินแล้วอย่างนั้นเหรอ!!?'


"ผมขอโทษแล้วกันนะ กับเรื่องที่เคยเกิดขึ้น..."

กึ่ก

"ผมมันปากไม่ดีเอง..."

".............!!?"

'แย่แล้ว!'

สุดท้ายก็ถูกต้อนจนจนมุมในที่สุด สดายุแทบจะสะดุ้งโหยงทันทีที่แผ่นหลังสัมผัสกับผนังห้อง จะขยับตัวเลี่ยงก็เหมือนจะช้าไปเสียทุกอย่าง เมื่อแขนขวากำยำเท้าคร่องร่างเขาไว้ ความหวาดหวั่นเข้าครอบงำทั้งร่างของสดายุทันที 

 “ทะ...ทำอะไรของคุณน่ะ...ถ...ถอยไปนะ”

ไม่ปล่อยให้กฤตเมธได้ฉอเลาะต่อ สดายุรีบไล่คนตรงหน้าออกไปทันที คิ้วเรียวขมวดมุ่น สถานการณ์แบบนี้เขาไม่เคยเผชิญมาก่อนเลย รับมือลำบากจริงๆ!

“หึหึ...”

“ฮึ่ยยย!!”

เสียงหัวเราะคล้ายว่าเยาะหยันในระยะประชิดทำเอาสดายุแทบจะทิ่มหัวใส่คางคนตรงหน้าไปให้รู้แล้วรู้รอด หากจำต้องข่มอารมณ์ไว้แล้วรีบออกไปให้ไกล คิดได้ดังนั้นสดายุก็รีบเบี่ยงตัวไปทางซ้ายมือของกฤตเมธเพื่อหลบให้พ้นจากแรงกดดัน แต่ดูเหมือนร่างสูงจะไวกว่า แขนซ้ายกำยำจึงยกขึ้นมายันกำแพงเอาไว้ได้ทัน กลายเป็นกรงขังมนุษย์กักร่างของสดายุไว้ระหว่างกำแพงและร่างสูงในทันที

“หื้อ...อย่าเพิ่งหนีสิครับ...หนีเก่งจังนะคุณน่ะ”

“ค...คุณจะเอายังไงกับผมเนี่ย?”

“ผม...แค่อยากอธิบายให้คุณเข้าใจ แค่อยากขอโทษ...”

เสียงทุ้มนุ่มหูที่เอ่ยขึ้นในระยะประชิด ทำเอาสดายุต้องหดคอเบือนหน้าหนีทันควัน ‘ใกล้เกินไป’ จนหายใจหายคอแทบไม่ออก

“เรื่องอะไรเล่า!? จะพูดอะไรก็รีบๆเข้าสิ อ้อยอิ่งอยู่ได้!!”

สดายุทำเสียงตะคอก ทั้งๆที่ไม่ยอมสบตาอีกฝ่ายที่ใบหน้าอยู่ห่างกันแค่ฝ่ามือกั้น กฤตเมธยิ้มพึงใจ
‘สำหรับเด็กแบบนี้ การสั่งสอนแกมบังคับ ได้ผลสัมฤทธิ์เสมอ’


“ผมยอมรับว่าเมื่อก่อนผมเคยรู้สึกไม่ดีกับคุณ ยอมรับว่าตอนที่เจอหน้ากันแรกในกองถ่ายผมยังไม่เข้าใจคุณ ยังเฉยชากับคุณ และรู้สึกไม่พอใจในการวางตัวของคุณมาก...ซึ่งผมรู้แล้วว่ามันผิด ผมขอโทษ...”

“........อ...อืม...รู้แล้ว...ถอยออกไปสิ...เฮ้ย!!”

พูดจบก็ต้องเบี่ยงหน้าหนีแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆ กฤตเมตก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ จนลมหายใจร้อนๆนั่นรดข้างแก้มเลยทีเดียว  จนสดายุสุดทนกับสภาพที่เขาเกินจะรับไหว สองมือจึงรีบผลักอกหนาของคนที่ยังคงส่งยิ้มร้าย หวังให้เจ้าตัวถอยออกหลีกทาง แต่ก็เหมือนอะไรๆก็ไม่เป็นดั่งใจคิด เมื่อสองมือที่ผลักร่างคนตรงหน้าถูกจับตรึงเขากำแพงแทน ไม่ได้รุนแรง แต่ก็ไร้ทางขัดขืน

“ปล่อยผมนะ!! ทำบ้าอะไรของคุณน่ะ!!!”

สดายุดิ้นรนจ้าละหวั่นเมื่อรู้สึกว่าตนกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนเกินไป แต่ก็เหมือนเสียแรงเปล่า เพราะยิ่งดิ้นก็รู้สึกว่ามือยิ่งโดนกดทับ จนทั้งมือจะหายเข้าไปในผนังห้องอยู่แล้ว และยังไม่ทันที่จะหายตื่นตระหนก ก็ดันถูกกฤตเมธยื่นหน้ามากระซิบเบาๆที่ข้างหูอีก
‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับเขากันแน่เนี่ย!!?’


“นี่คุณครับ...ถ้าเลิกดิ้นผมจะไม่ทำอะไรคุณ...แต่ถ้ายังฤทธิ์เยอะไม่เลิก ผมไม่รับประกันนะ...”

คำขู่ได้ผลชะงัดนัก สดายุหยุดดิ้นรนทันที  แต่ไม่ใช่เพราะความกลัวเลยสักนิด เพราะตอนนี้เขากำลัง…
‘โมโหสุดๆเลยต่างหาก!’


“คุณกฤตเมธ! ผมขอเตือนคุณอีกครั้งนะ ถ้ายังล้อผมเล่นไม่เลิกแบบนี้ล่ะก็ ผมจะไม่ไว้หน้าคุณอีกต่อไปแล้วนะ!!”

คราวนี้กฤตเมธไม่ได้รีบร้อนตอบคำใดๆ เพราะมัวแต่มองใบหน้าของสดายุที่แดงแล้วแดงอีกอยู่ ปกติริมฝีปากของคนตรงหน้านั้นก็ถือได้ว่าแดงจัดอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งมีอารมณ์ทั้งโกรธเกรี้ยวจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเข้าด้วย ปากของสดายุยิ่งเห่อแดงเข้าไปใหญ่  ทั้งแก้มก็แดง ปลายจมูกก็แดง กระแทกคำว่า ‘น่ารัก’ ใส่กฤตเมธจนแทบหงายหลัง ต้องตั้งสติอยู่ถึงครู่ใหญ่กว่าจะสามารถปรับระดับเสียงให้ปกติขึ้นมาได้
‘ให้ตายสิเจ้าเด็กบ้า ยั่วชะมัด…’


“โอเค โอเค ผมปล่อยแน่นอน แต่คุณต้องฟังผมก่อน”

กฤตเมธเริ่มต่อรองอีกครั้งพาลคิดไปว่า ถ้ายังมัวทะเลาะกันทุกประโยคอยู่แบบนี้ วันนี้ทั้งวันคงคุยไม่จบแน่ๆ

“ปล่อยก่อนแล้วผมจะฟัง!”

“ฟังก่อนแล้วผมจะปล่อย!”

เสียงแข็งมาก็แข็งกลับบ้าง ให้รู้กันไปว่าตอนนี้ใครกันแน่ที่คุมเกมอยู่ เจ้าลูกแกะผู้หยิ่งทะนง ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังจะโดนหมาป่าเฒ่าผู้ชาญศึกขย้ำเอาได้ง่ายๆ เพียงแค่ขยับตัว

“.............งั้นว่ามา! เอ้ยๆๆๆๆ ใกล้ไปแล้วนะ!!”

รู้ตัวว่าเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ก็ไม่อยากเสียฟอร์ม  จึงยังทำเป็นเหมือนไม่ตื่นกลัว ดังนั้นพอกฤตเมธแกล้งยื่นหน้าเข้าใกล้ปุ๊บ คราวนี้สดายุเป็นอันต้องร้องเหวอจนเสียงแทบหลงเลยทีเดียว
‘เสียท่าคนแก่เสียแล้ว...’


“หึหึหึ...ขอโทษนะครับ ผมล้อเล่นแรงไปหน่อย เอาล่ะ ผมจะปล่อยแล้ว...แต่สัญญากันก่อน...”

“อะไร!!?”

เห็นโอกาสก็ต้องรีบคว้าไว้ เมื่ออีกฝ่ายยื่นเงื่อนไขที่น่าจะพอเป็นประโยชน์กับตน อย่างไรเสียก็ต้องยอมรับไว้ก่อน

“ตกลงกันก่อนว่าพอผมปล่อยมือปุ๊บ คุณต้องอยู่นิ่งๆตรงนี้ ห้ามหนีไปไหน แล้วฟังผมให้จบก่อน...”

“...........อื้ม...รู้แล้ว ปล่อยสิ...”

“และที่สำคัญ...ห้ามต่อยผมนะ...หึหึ โดยเฉพาะที่หน้า...ผมยังต้องใช้ทำมาหากินอยู่...”

“.......อ๋อ...รู้ด้วยสินะ ว่าที่ทำอยู่มันสมควรโดนสักหมัดสองหมัดน่ะ ฉลาดนี่...มีเตือนกันก่อนด้วยนะ...”

ได้ยินเงื่อนไข สดายุก็พ้นลมหายใจออกทางจมูกแรงๆเพื่อเย้ยอีกฝ่าย แต่กฤตเมธก็ยังยิ้มร่ารับคำสรรเสริญนั้นอย่างไม่ยี่หระอยู่ดี จากนั้นก็ตัดสินใจปล่อยสดายุให้เป็นอิสระในที่สุด โดยการปล่อยมือและถอยหลังออกมาสองก้าวเพื่อเว้นระยะให้อีกฝ่ายอย่างมีมารยาท

“อย่างน้อยผมก็อาบน้ำร้อนมาก่อนคุณตั้งเจ็ดปีล่ะนะ...”

“...........แก่!!...”

“แก่แต่ก็อึดนะครับ ข้ามวันข้ามคืนผมก็ยังไหวอยู่นะ”

จากที่จะยอมฟังดีๆ เจอคำพูดสองแง่สองง่ามของคนผ่านโลกมานาน (กว่าเขาตั้งเจ็ดปี) ของกฤตเมธเข้า สดายุก็แทบหมดความอดทนที่จะฟังอะไรอีกครั้ง ดีว่าอีกฝ่ายไหวตัวทัน ชิงตัดหน้าเข้าเนื้อหาขึ้นเสียก่อน

“ผมยอมรับครับว่าเมื่อก่อนผมไม่ชอบคุณ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้วครับ...เรียกได้ว่ากลับตาลปัตรจากหลังเท้าเป็นหน้ามือเลยทีเดียว”

“........................”

“ผมเคยบอกคุณแล้วครั้งหนึ่ง ว่าคุณบลูม่าฝากคุณไว้กับผมใช่มั้ย?”

“.........ไม่...ไม่เคยสักหน่อย”

สดายุหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบออกไปด้วยท่าทางลังเลไม่น้อย

“ตอนนั้นคุณเมาอยู่...คุณอาจจำไม่ได้...”

“..............ตอนไหน? หรือว่า?...ตอน...”

“ให้ผมเล่าให้ฟังมั้ย? ว่าคืนนั้นจริงๆแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเรากันบ้าง...”

กฤตเมธลองหยั่งเชิงคนตรงหน้าด้วยรอยยิ้ม กับสายตาที่ดูจะเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แต่คราวนี้สดายุจะไม่ยอมติดกับดักของคนตรงหน้าอีก

“ไม่ต้อง! ผมไม่อยากฟังแล้ว เดี๋ยวผมโทรคุยกับเจ๊บลูม่าเอง!”

สดายุรีบตัดบท แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้กฤตเมธเสียแผน

“โอเคครับ ไม่ฟังก็ไม่ฟัง งั้นผมจะบอกแค่ส่วนของผมให้ฟังแล้วกันนะ...ที่คุณบอกว่าผมไม่ชอบคุณน่ะ มันถูกแค่เฉพาะช่วงแรกเท่านั้นแหละครับ เพราะหลังจากคืนที่คุณเมา...แล้วเราก็ได้ทำอะไรหลายๆอย่างร่วมกัน หลังจากนั้น...ผมก็รู้สึกว่า...ผมชอบคุณเข้าซะแล้ว...”

“......!!!???”

“ผมจะทิ้งไว้แค่ตรงนี้แล้วกันนะ ถ้าคุณไม่สนใจก็ไม่ควรต้องฟังเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นจากผมอีกจริงมั้ย?”

ในระหว่างที่สดายุยังคงนิ่งอึ้งตะลึงงันอยู่นั้น กฤตเมธก็ค่อยๆถอยห่างออกไปเรื่อยๆ จนถึงบานประตูที่เชื่อมห้องของกันและกันอยู่ ก่อนจะเปิดประตูบานนั้นออกเบาๆ

“แต่ว่า...ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณพร้อมจะแล้วฟังล่ะก็...คุณเปิดประตูบานนี้ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลยนะ...ไม่ว่าจะดึกแค่ไหน...ผมก็อยู่กับคุณได้...เอาล่ะ...ผมขอตัวก่อนนะ...”

พูดทิ้งท้ายให้คิดลึกพร้อมกับจากไปดื้อๆ สมกับเป็นคนกวนอารมณ์ในสายตาของสดายุจริงๆ  ทว่าขณะนั้นสดายุไม่ได้คิดถึงข้อนั้นแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวคุณ!!.........”

เพราะก่อนที่ประตูจะปิดลง เขาก็เผลอตะโกนเรียกอีกฝ่ายไว้เสียแล้ว

“คุณเป็นเกย์เหรอ!!?”

จากนั้นก็ยิงคำถามตุงตาข่ายประตูของกฤตเมธทันที


“.............คุณเคยถามผมแล้วนะ...”

ประตูบานนั้นแง้มออกเล็กน้อยพร้อมกับครึ่งหลังของกฤตเมธที่แค่ชำเลืองมองมาก่อนตอบคำถามของสดายุด้วยคำตอบที่ไม่น่าจะเป็นคำตอบได้

“ห๊ะ? เมื่อไหร่!!?”

“...แล้วผมก็ตอบคุณไปแล้วด้วย...”

จบคำตอบคลุมเครือพร้อมกับประตูที่ปิดลงดัง แกร๊ก ทิ้งไว้แต่คำถามอันไร้คำตอบ และห้องที่เงียบงันที่รายล้อมสดายุไว้แค่นั้น
‘ไอ้แก่นั่น ตั้งใจให้เราไปง้อ...ไอ้บ้าเอ้ย เรายอมให้มันนัวเนียอยู่ได้ตั้งนาน เพื่อคำตอบที่ยิ่งฟังก็ยิ่งงงเนี่ยนะ!? ไอ้บ้าห้าร้อยเอ้ย...’

‘แกร๊ก...’

“...........!!!?”

ไม่ทันจะได้ตั้งตัว ประตูที่เคยปิดสนิทไปรอบหนึ่งแล้วนั้น จู่ๆก็พรวดพราดเปิดเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต พร้อมกับกฤตเมธที่แค่ชะโงกหน้าเข้ามาแจ้งข่าวราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องของสดายุเมื่อกี้ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริง!


“ขอโทษทีนะ...ผมลืมบอกไป”

“..................”

“พรุ่งนี้เราต้องซ้อมคิวกันด้วยนะ พร้อมไม่พร้อมผมไม่สน เดี๋ยวหรุ่งนี้ 9 โมงผมมาปลุก บายครับ...”


‘ปัง...’

จู่ๆก็โผล่มา แล้วก็หายไปอีกครั้ง พร้อม คำสั่งที่น่าโมโห...

และแน่นอนว่าคนที่ยังยืนหัวเราะน้อยๆอยู่ที่หน้าประตูเชื่อมของตน คงจะได้ยินชัดเต็มสองหู ทั้งคำที่ตะโกนด่า ‘ไอ้แก่’ และเสียงของหมอนใบใหญ่ที่ปลิวหวือมากระทบกับประตู...


“เอาสิสดายุ ฉันรุกขนาดนี้แล้ว นายจะตั้งรับยังไงนะ...ถ้ายังสมองช้าตามไม่ทันล่ะก็ นายโดนฉันจับกินก่อนแน่...หึหึ”  


*******************************************

สวัสดีค่ะ หายหัวไปเสียหลายวัน...
ไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ ฮึ่กๆๆ ฮือๆๆ
 :ling3:
รับตอนที่10ครึ่งหลังไปอ่านเล่นๆก่อนนะคะ

ตอนนี้กำลังจะ 5 ทุ่มในไม่ช้า...อีชั้นยังนั่งแกร่วทำงานเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ในออฟฟิสร้างไร้ผู้คนอยู่เลยค่ะ
...เที่ยงคืนจะได้กลับบ้านมั้ยเนี่ย!!...

แอบมาเรียกคะแนนความสงสาร...เล็กน้อยค่ะ..แฮะแฮะ

ขอบคุณค๊า....
(มาไว...ไปแว๊บ...หายหัวไปสักระยะ...)
 :z6: :z3:

ปล.2 ในที่สุดก็กลับถึงบ้าน...และแอบเข้ามาแก้คำผิดอย่างเงียบๆ...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-11-2013 22:33:03
^
^
^
จิ้มไว้ก่อน แล้วหนีไปอ่าน  :z2:


แฮร่ๆ  ดึกแล้ว ขอตัวไปนอนก่อนก้าบ เดี๋ยวมาอ่านแล้วเม้นพรุ่งนี้เน้อ
 :t3: :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 07-11-2013 22:37:29
กรี๊ดดด มาแล้วจิ้มๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 07-11-2013 22:40:47
ขอบคุณคนเขียน คืนนี้หลับฝันดีค่ะ :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 07-11-2013 22:46:41
โอออ มาต่อเเล้ววว :heaven
คนเเก่สู้ๆๆ รุกเข้าปายยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 07-11-2013 22:49:30
 :sad4:  จะหายไปไหนอีกกกกกกก โธ่กำลังหวานได้ที่เลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 07-11-2013 22:55:44
ชื่อตอนทำเอาใจหายหมด
ใส่ว่าจบตอน ไม่ก็ ครึ่งหลังสิ
เราก็นึกว่าจะจบเรื่องละ
 :o
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 07-11-2013 22:58:30
 :-[    :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: milkshake✰ ที่ 07-11-2013 23:00:29
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยนึกว่าจบคือจบเรื่องซะอีกค่ะ
ใจหายวาบๆ เลย

ที่แท้ก็จบตอนนี่เองค่อยยังชั่ว
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) จบจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-11-2013 23:04:56
รุกเลยยยย
เราเชียร์คนแก่ เอ๊ยย เชียร์พี่อยู่นะคะ กิกิ
น้องยุน่าร๊ากกกก แอร๊ยย อยากได้มาฟัดสักสองสามที
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 07-11-2013 23:08:32
นึกว่าตอนจบ 5555
สดายุจะทันลุงเหรอ ไม่น่านะ 55555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-11-2013 23:14:29
คนแก่น่ากลัวที่สุดในโลกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: iammoonoi ที่ 07-11-2013 23:15:38
กำลังตามอ่านอยู่ค่า

สนุกมากเลย..

กลับบ้านดีๆ น้า  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 07-11-2013 23:19:05
 :z3: อยากอ่านต่อแล้ววววววว อ๊ากกกค้างงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 07-11-2013 23:20:30
ค้างเลย อยากอ่านตอนซ้อมคิว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 07-11-2013 23:44:24
รอฉากซ้อม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 07-11-2013 23:58:58
ท่าทางจะไม่ทันเล่ห์ของกฤตเมธนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 08-11-2013 06:43:31
ทำไมยุไม่ทันเล่ห์ลุงเล๊ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 08-11-2013 06:52:00
 :o8:        :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 08-11-2013 08:58:20
คนแกเจ้าเล่ห์อะ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 08-11-2013 09:23:52
อั้ยยะ โดนจับกินก็งานนี้แหละมั้งน้องยุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 08-11-2013 09:53:49
แก่ประสบการณ์จริงๆ... ที่บ้านฝนตกรึเปล่ารักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 08-11-2013 10:35:48
ตกใจ .. คิดว่าจบแล้ว

 o22 o22

รอตอนต่อไป~  o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-11-2013 10:56:28
คนแก่เรื่องนี้เจ้าเล่ห์ที่สุดดดดดด  :hao7:
รอค่ะรอ  :mew3:
 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-11-2013 11:12:40
กฤตเมธก็รุกเอาๆ สดายุตั้งตัวไม่ทันเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 08-11-2013 11:43:44
รอดูน้องยุตั้งรับบ้าง อิอิ
 :z2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 08-11-2013 14:06:48
อร๊ายยยยยยย กฤตเมธเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์
ทำเอาน้องยุไปไม่เป็นเรยทีเดียว
พี่เมธรุกเร็วมาก ถึงเนื้อถึงตัวถึงห้องถึงหับ
เดี๋ยวได้โดนน้องยุเอาคืนแน่ หุหุ :interest:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 08-11-2013 14:18:23
สดายุเอ้ยโดนจับกินแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 08-11-2013 14:33:44
'จับกิน!!!!'
จับเลยค่ะ เดี๊ยสนับสนุน อิอิ
อยากเห็นคุณเมธจับหนูยุกินมากกกกกกก~
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 08-11-2013 15:05:56
เสร็จพี่แกแน่ สดายุ เอ้ย :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 08-11-2013 15:30:18
 :hao7:  เป็นกำลังใจใ้ห้กับหมาป่าเฒ่าสุดใจเลย   จับกินไปเลย   :hao6:

+1   รอตอนต่อไปจ้า    o13 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 08-11-2013 15:37:10
เชียร์คนแก่จับเด็กกินนนนน :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 08-11-2013 16:07:12
ชอบบ สนุกมากกกกกกกกกกกก  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 08-11-2013 16:52:48
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 08-11-2013 18:06:38
จับกินๆๆๆๆๆๆ  เขิลกะคำนี้อ่ะ   กิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 08-11-2013 18:17:47
 :mc4:  เย่ๆในที่สุดก็ตามอ่านจนทัน โอ้ยยเรื่องนี้หวานมาก.
พระเอกน่ารักมาก รักคนแก่เลยอ้ะ :laugh:

มาต่อเร็วๆน้าา +1 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 08-11-2013 19:24:02
เย้ !! ในที่สุดก็มาแล้ว คิดถึงคู่นี้ที่สุด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 08-11-2013 20:31:05
น้องยุ ระวังตัวไว้เหอะ

ชอบว่าเค้าแก่ แก่ แก่ และก็แก่ ย้ำอยู่นั่นแหละ

เดี๋ยวหนูก็ได้ผัวแก่ค่ะ อุ๊ปส์!!!! 5555555

ตอนหน้าแบบนี้  :oo1: :oo1: ใช่ป่าวคะ จัดมาได้แล้วล่ะ รอมานานจนแก่ตามคุณเมธละ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 09-11-2013 12:19:59
ลุงจัดสายรุกแล้วนะ น้องยุ
หนูจะตั้งรับลุงยังไง

ปูเสื่อรอฉากซ้อมแล้วคะ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 09-11-2013 13:58:10
แหม่ พระเอกเรา รุกหนักขนาดนี้ น้องยุจะทนไหวได้ไง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 09-11-2013 20:55:44
คนแก่เจ้าเล่ห์จริงๆ

อยากดูฉากตอนซ้อมคิวแล้ว อิอิ


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 09-11-2013 22:19:48
ซ้อมคิวๆ อะแด้บติ้วกันไหมอ่าาาาาา  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 09-11-2013 22:28:04
มันน่าจับกินจริงๆเลย หญ้าอ่อนต้นนี้ ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 10-11-2013 02:25:57
กรี๊ดดดด อ่านรวดเดียวยันดึกดื่น เข้ามาโดยบังเอิญจากนิยายแนะนำ แต่พออ่านแล้วสนุกมากเลยค่ะ
ใช้ภาษาดีด้วยเขียนไม่ผิดด้วยคนอ่านชอบมาก ๆ ค่ะ
พระเอกเราเร้าใจนะคะ เค้าเป็นคนใจดีค่ะ ถึงแม้ช่วงแรกจะก้วนกวน (ก็เพราะน้องก็กวนเค้าไม่น้อย)
แต่พอเริ่มเข้าใจมากขึ้นก็น่ารักขึ้นเป็นกองเลยค่ะ ยั่วกันไป ทะเลาะกันมากลายเป็นรักกันซะงั้น
น้องยุของเราน่าสงสารนะคะ แล้วเธอก็น่ารักมากด้วย จิ้นตามตอนนี้ตัวบาง ๆ ขาว ๆ ก้นงอน ๆ ฮึ่ย น่าฟัดจริง ๆ ค่ะ
คุณพระเอกถึงเฝ้ามองแถมจะฟัดอยู่เช้าเย็น ความน่ารักเธอกระแทกตากระแทกใจจริง ๆ ค่ะ
แถมดื้อนิด ๆน่าปราบอีกด้วย ชีวิตรักมีสีสันสุดๆๆๆๆ แต่เชื่อว่าพระเอกเราเอาอยู่ค่ะ เหนือกว่าเยอะ
เพราะน้องยังอึนมึนงงอยู่เลยค่ะ 555

ขอบคุณนะคะ รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-11-2013 04:20:08
ทั้งฮาทั้งน่ารักเลยให้ตายสิ   :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: tay028643904 ที่ 10-11-2013 14:05:40
http://ffman.exteen.com/
เหมือนเรื่องนี้เลย
เเตายังไงก็สนุกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 10-11-2013 15:02:47
กินไปสารภาพไปก็น่าจะได้นะ 555++
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: JingJing ที่ 10-11-2013 17:25:38
สนุกๆ มาต่อเร็วๆน้าาา

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 10-11-2013 18:57:53
รุกแบบตั้งตัวไม่ทันเลย555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 10-11-2013 19:56:42
เข้ามาปูที่นอนรอ  กิกิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 10-11-2013 20:50:40
ขอกรี๊ดได้ไหมเนี่ยซีนที่10
กลั้นไว้จนคิดว่าหลอดเสียงจะระเบิด
ชอบบบบบบบบบบบบบ มากกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!
ตอนนี้ บอกเลยว่าเด็ด!
มุ้งมิ้งกันน่ารักมากๆเลย
คุณเมธรุกแรงนะ...
น้องจะรับไหวไหมเนี่ย!!!
เชียร์สุดใจขาดดดดดิ้นนน รอซีนต่อไปเจ้าาาาา
มาซ้อมบทกันละ... โดนแกล้งอีกแน่ๆ น้องยุ...  :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10) ครึ่งหลังจ๊า (7/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: KanomPhing ที่ 11-11-2013 17:35:06
น้องยุจ๋า เสียท่าใก้คนแก่เต็มๆแล้วละงานนี้ ไม่รู้จะสงสารหรือดีใจดี
น่าจะดีใจเนอะ จะได้เป็นฝั่งเป็นฝากะเค้าซะที ฮาาา
ส่วนคุณเฒ่าเจ้าเลห์ (?) อย่าแกล้งน้องเข้ามากนาา เดี๋ยวเตลิดหนีกันพอดี
เอาแค่พอกล่อมแกล้มก็พอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.28
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 11-11-2013 18:53:26
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก
ซีน 11 (ครึ่งแรก)




ถ้าคนแก่เจ้าเล่ห์ไม่เลิกเพราะถือว่าเหนือกว่า...เด็กๆอย่างเราคงต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยแล้วว่า…
'หมาป่าเฒ่าร้อยเล่ห์หรือจะเท่า เจ้าแกะน้อยร้อยเล่มเกวียน'



ก๊อก ก๊อก ก๊อก


เสียงเคาะประตูเชื่อมห้องตอนแปดโมงครึ่ง ทำเอาคนอีกฝั่งห้องถึงกับออกอาการแปลกใจ เกิดอะไรขึ้นกับคนห้องติดกันกันนะ?

แกร๊ก...


"ว่าไงครับ? มีอะไรหรือเปล่าสดายุ?"


ฉับพลันที่ได้เห็นใบหน้านวลนั้นก็ถึงกับใจเต้นระทึก ใบหน้าที่มีสีเลือดฝาดขึ้นข้างแก้มเล็กๆแถมยังดวงตากลมโตที่หลุบต่ำเผยให้เห็นขนตายาวเป็นแพเรียงสวยนั้นยิ่งทำให้ตกประหม่า ขนาดว่าผ่านชีวิตมาก็ตั้งสามสิบสามปีแล้ว คนตรงหน้ายังทำให้เขารู้สึกว่าเพิ่งจะแตกเนื้อหนุ่มหมาดๆเสมอ เพราะทุกความรู้สึกตั้งแต่ที่ได้เจอกัน มันช่างสดใหม่ แปลกหูแปลกตากว่าที่เคยได้รู้จัก และไม่เหมือนใครทั้งนั้น เพราะมันคือความรู้สึกรุนแรงที่มีให้เพศเดียวกันเป็นปกติวิสัย หรือจะเป็นเพราะความรู้สึกรุนแรงที่เขามีให้เฉพาะคนคนนี้เท่านั้นกันแน่นะ?   

"คือ...วันนี้ที่คุณบอกว่าจะนัดผมซ้อมคิว...เอ่อตอนเก้าโมง..."

น้ำเสียงที่แฝงอารมณ์สั่นไหวแกมลังเลเล็กน้อย เรียกความสงสัยให้ผุดขึ้นในหัวใจของกฤตเมธพอสมควร อะไรกันที่ทำให้คนแก่นกะโหลกก้าวร้าวกับเขาราวกับศัตรูร่วมชาติอย่างสดายุ มาทำเป็นเหนียมอายอยู่ตรงหน้าเขาอย่างนี้ได้ และมัน...ก็สั่นสะท้านไปถึงใจหมาป่าอย่างเขาไม่น้อย
'แกะเกรียนจะกลับใจเป็นแกะน้อยน่ารักเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้?...'

กฤตเมธตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เผลอใจ แต่...ก็ช่างน่าลอง

"เอ่อ...เดี๋ยวผมต้องไปคุยกับพี่อ๊อดครู่นึงก่อนน่ะ เลยแวะมาบอกคุณก่อนเผื่อว่าคุยนาน กลัวคุณจะรอ เลยมาบอกเอาไว้ก่อนน่ะ"

ถึงน้ำเสียงจะดูเรียบเรื่อยเหมือนไม่มีพิรุธใดๆให้จับ แต่กฤตเมธก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะอยู่ดีๆ คนที่หนีหน้าเขาตลอดเวลาที่มีโอกาสนั้นจู่ๆจะเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนแบบนี้...มันน่าสงสัยเกินไป อย่างน้อยก็ขอเลียบถามเผื่ออีกฝ่ายจะเผยพิรุธสักหน่อยให้พอได้ระคาย และแน่นอนว่ามีแอบกระเซ้าเล็กๆตามสไตล์เขาอยู่ด้วย
"อ๋อ...อืม ขอบคุณนะ แปลกใจจังที่คุณอุตส่าห์มาบอกเอง มอร์นิ่งคอลแบบนี้ทำผมอารมณ์ดีแต่เช้าเชียวล่ะ"

ร่างบางกระตุกน้อยๆ แก้มใสแอบขึ้นเป็นสันจากการที่เจ้าตัวขบกรามสกัดอารมณ์แน่นปึ่ก ก่อนจะถอนหายใจออกมาช้าๆ แล้วเริ่มต้นอธิบาย...

"หึ...ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิดนะครับ บังเอิญว่าเมื่อคืนหลังจากที่ผมนอนคิดทั้งคืนดูแล้ว ผมสรุปกับตัวเองได้ว่า ไม่ว่ายังไงผมกับคุณยังต้องร่วมงานกัน และเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ผมจึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธความหวังดีของคุณที่อุตส่าห์จะช่วยซ้อมคิวให้ เพราะไม่ว่ายังไงนี่ก็เป็นงานเหมือนกัน เพราะงั้นขอร้องครับ...อย่าคิดไกล"

ฉะฉานชัดเจนสมกับเป็นตัวสดายุ ผนวกกับคำตอบที่ได้ฟังกฤตเมธก็พอเข้าใจขึ้นบ้าง แม้จะยังรู้สึกเหมือนยังมีอะไรบางอย่างแอบแฝง แต่ก็พอทำใจยอมรับได้บ้าง เพราะลึกๆแล้วกฤตเมตรู้ดีว่าถึงสดายุจะเป็นพระเอกเกเรเหลวไหลกับการใช้ชีวิตแค่ไหน แต่ถ้าในเวลางานเขาจะเต็มที่กับบทบาท และทำการบ้านเป็นอย่างดีเสมอ (แต่ต้องตัดเรื่องเมาค้างจนมาสายบ่อยๆทิ้งไปนะ)

"โอเค ผมเข้าใจแล้ว คุณไปหาพี่อ๊อดเถอะ เดี๋ยวผมรอที่ห้องผมนี่แหละ กลับมาเมื่อไหร่ก็เคาะประตูแล้วกัน"

"ได้...งั้นคุณห้ามออกไปไหนนะ ถ้าผมกลับมาไม่เจอคุณล่ะก็ ผมจะไม่คุยกับคุณอีก!"

".........อ้าว ทำไมล่ะ ถึงขั้นจะไม่คุยเลยเหรอ?"

คำสำทับทำเอางงเล็กน้อย อะไรจะต้องให้เขาอยู่รอกันขนาดนั้นเลยเหรอ?

"ก็ผมอุตส่าห์ทำใจยอมเพื่องานนี้แล้วไง! ถ้าคุณไม่ยอมอยู่ในเงื่อนไข ผมก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องยุ่งเกี่ยวกับคุณอีก ถ้ายังอยากเป็นมิตรที่ดีต่อกันคุณก็รักษากติกาด้วยก็แล้ววกันนะ"

"...ครับผม เข้าใจแล้วคร๊าบ ผมจะรออยู่นี่ไม่ไปไหนจนกว่าคุณจะกลับมาเลย พอใจมั้ยครับ?"

"ดี! แล้วผมจะมาเคาะประตูนะ ไปล่ะ"

"บายครับ...เดี๋ยวเจอกัน"

กฤตเมตส่งคำลากระลิ้มกระเหลี่ยปิดท้ายการสนทนา ขณะที่สดายุกำลังจะเดินออกจากห้องไปทางฝั่งประตูของตน

และก่อนที่พระเอกหนุ่มรุ่นน้องจะออกจากประตูห้องไป สดายุก็หันมากล่าวลาด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

"...ครับ เจอแน่"

'...ไอ้เกย์เฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างแก ได้เจอของขวัญที่ฉันอุตส่าห์จัดหาเอาไว้ให้อย่างถึงใจแน่ๆ!!'

*
*
*
*
*

เวลาผ่านไปเกือบสามสิบนาที ที่กฤตเมธรออยู่เงียบๆในห้อง ชายหนุ่มไม่ได้ทำอะไร จึงได้แต่นั่งทำความเข้าใจกับบทไปเรื่อยๆ และในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

ก๊ก ก๊อก ก๊อก...


‘หือม์...มาเร็วเหมือนกันนี่’
‘ไหนๆ คุณสดายุของผมก็อุตส่าห์ญาตดีด้วยทั้งที งั้นวันนี้ผมจะไม่แกล้งคุณสักวันแล้วกันนะครับ หึหึ’



กฤตเมธคิดในใจเรื่อยเปื่อย ก่อนจะรีบเปิดประตูต้อนรับโดยคิดอยู่แค่ว่าที่หน้าประตูนั้นคือคนที่เขารอคอย...

แกร๊ก...


“ไงครับคุณสดายุ........!!?”

“Hi, You are Kris-met, Aren’t you? I’m James Nice to meet you.”

“.................!!!??”

“Let me help you?”


**************************************************************

เอาครึ่งแรกไปก่อน เดี๋ยวรีบมาต่อนะจ๊ะ

คนแก่โดนเด็กเล่นแรงใส่เสียแล้ว!! สดายุนิสัยไม่ดีเลยนะน้องหนุ!!
อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 11-11-2013 19:11:05
น้องยุส่งใครมาหาพี่เมธเนี่ย
ร้ายกาจที่สุดดดดดด
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 11-11-2013 19:14:01
สดายุเดี๋ยวเจอคนแก่เล่นกลับแล้วจะหนาวววววนะน้อง. สนับผู้สูงวัยปราบเด็กแสบ 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 11-11-2013 19:17:59
เจ้าเด็กตัวแสบเดี๋ยวก็โดนตาแก่เจ้าเล่ห์เอาคืนหรอก
 :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 11-11-2013 19:28:41
สดายุเล่นอย่างงี้ไม่กลัวคนแก่จะตามเอาคืนเลยเรอะ55
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 11-11-2013 19:37:36
อ่าว น้องยุส่งใครมาเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 11-11-2013 19:38:50
ยุหาใครมาให้เมธอ่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 11-11-2013 19:40:47
เล่นแบบนี้ ระวังเจอดีนะหนู
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 11-11-2013 19:45:12
ยุเอ๊ย เล่นส่งใครมาก็ไม่รู้
เดี๋ยวเจอเมธเล่นกลับแล้วจะน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 11-11-2013 19:46:24
แหม น้องยุเล่นแรงกับพี่เมธ อย่างนี้ได้ไง ..........อึ้งเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 11-11-2013 19:51:09
น้องยุร้ายกาจจจ ระวังพี่เมธเอาคืนนะตัว  o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 11-11-2013 19:53:08
 เกรงว่าสดายุจะโดนเอาคืนอย่างแน่นอน หุหุ o3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 11-11-2013 19:53:31
เจมส์คือใครใครคือเจมส์??????? :a5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 11-11-2013 19:59:35
น้องยุทำงี้กับตาเฒ่าไม่น่ารักเลยน้าาาา
ระวังไว้เหอะ เดี๋ยวดาบนั้นจะคืนสนอง  :laugh3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 11-11-2013 20:00:26
 :ling1: :laugh: :m20: :jul3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 11-11-2013 20:01:26
 :laugh:  น้องแกะเกรียน งานนี้ไม่รอดโดนหมาป่าจับกินแหงๆ5555
มาต่อเร็วๆน้าาา :mew1:
 ปล.ลืมเปลี่ยนหน้าตรงหัวข้อหรือเปล่าเอ่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 11-11-2013 20:02:53
 :laugh:  แสบมากกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 11-11-2013 20:05:55
ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง แต่ฮา 555+

รอๆ กด+เป็ด  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 11-11-2013 20:12:36
ยุส่งใครมาหว่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 11-11-2013 20:17:51
เดี๋ยวเด็กจะโดนดี o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 11-11-2013 20:18:56
หนูยุ เล่นแรงนะคะเนี่ย
ระวังคนแก่จะเอาคืนนะหนู เตรียมใจไว้ด้วยนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 11-11-2013 20:23:19
แหม! เล่นอย่างนี้เดี๋ยวก็โดนเอาคืนหนักเข้าไปอีกหรอก หุหุหุ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 11-11-2013 20:49:41
5555
พี่เมธเตอน้องเล่นซะแล้ว
รอครึ่งหลัง คนแก่จะแก้เผ็ดยังไง อิอิ :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 11-11-2013 21:17:35
น้องยุเล่นแรงนะนั่น ต้องโดนเอาคืนแหงม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 11-11-2013 21:42:12
เอิ่ม...นี่ส่งผู้ชายป้ายเหลืองมาให้ป่ะเนี่ย  :o
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 11-11-2013 22:47:51
โดนเอาคืนแน่ยุเล่นกับใครไม่เล่นเล่นกับลุงเจ้าเล่ห์555555555555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 11-11-2013 23:00:04
เกิดอะไรขึ้น!!!
ยุระวังนะ
เล่นอะไรไว้เดียวจะ "เข้า" ตัว
 o3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 11-11-2013 23:16:09
โดนเล่นซะแล้ว พระเอกเรา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 12-11-2013 00:04:20
น้องยุตัวแสบ  โดนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 12-11-2013 01:10:35
พี่เมธโดนน้องยุเล่นซะแล้ว
หาทางจัดการเลยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 12-11-2013 10:24:19
แกะน้อยเจ้าเลย์ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-11-2013 10:39:54
สดายุโครตแสบ :laugh:

อยากรู้ว่าคนแก่กว่า จะเอาคืนยังงัย 55555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 12-11-2013 16:06:18
น้องยุส่งใครมาหาพี่เมธธธธธธธธธธ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.28
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-11-2013 18:13:08
แสบจริงนะสดายุเดี๋ยวโดนเอาคืนแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.28
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 12-11-2013 18:21:02
ยุ ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 12-11-2013 18:33:56
(เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก
ซีน 11 (ครึ่งหลัง)




"Hi, I'm James. Let me help you..."


จากที่มั่นใจแน่นอนว่าคนตรงหน้าคือสดายุนั้น ความจริงกลับเป็นหนุ่มล่ำหน้าตาออกทางยุโรปแต่ผมดำ ส่วนสูงไม่ต่างจากฤตเมธมาก การแต่งกายของคนที่เรียกตัวเองว่าเจมส์ดูสบายๆติดไปทางล่อแหลม กางเกงเลผูกต่ำคล้ายจะหลุดได้ง่ายๆลงไปเสื้อกล้ามตัวบางคว้านลึกไม่ได้ช่วยปกปิดอะไรมากมายนักคาดเดาได้อย่างง่ายดายว่าคงเป็นพวกนักท่องเที่ยว เพราะมัลดีฟส์เป็นเมืองที่ค่อนข้างเคร่งครัดทางศาสนา คนพื้นเพไม่มีทางทำตัวแบบนี้เป็นแน่ และในฐานะของผู้ชายด้วยกันการแต่งกายแบบนี้มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ผู้ชายที่แต่งตัวแบบพร้อมจะหลุดได้ทุกเมื่อ มายืนแอ่นยั่วอยู่ตรงหน้าประตูห้อง แถมดูเหมือนจะรู้จักชื่อเขาดีแบบนี้ด้วยแล้ว ท่าทางคงไม่ใช่แค่มาทำความรู้จักสินะ

"What do you want?"

"…You…"

*
*
*
*
*
*
*

"ฮ้าห์...อากาศดีจังเลย..."

สดายุเดินเฉิดฉายออกมาจากที่พักอย่างอารมณ์ดี ป่านนี้คนที่รออยู่ในห้อง คงได้เพลิดเพลินกับเด็กที่เข้าอุตส่าห์อดตาหลับขับตานอนหามาทั้งคืนเรียบร้อยไปแล้ว เสียดายที่หามาได้แค่คนเดียว ในเมืองที่เคร่งครัดนี้เขาต้องเสาะหาคนต่างถิ่นที่รับจ๊อบขณะมาเที่ยวเล่น และบังเอิญไปเจอกับโพสต์แนะนำตัวอันหนึ่งของเจมส์เข้า 'ถ้าเหงาที่มัลดีฟส์...ติดต่อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ค่าบริการแล้วแต่ความพึงพอใจของสองเรา (หรือมากกว่านั้น)' โชคดีจริงๆที่เจ้าตัวกำลังว่าง และยอมรับข้อเสนอของเขา

'ห้ามข่มขืน แต่ถ้าเจ้าตัวสมยอมก็แล้วแต่สถานการณ์'

'ขอแค่ให้มอมเหล้า กับถ่ายรูปแบล็คเมล์เท่านั้น เสร็จงานกลับได้เลย แล้วส่งรูปทางอีเมล'


นึกถึงเรื่องที่ตัดสินใจทำแล้วสดายุก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย

'แรงไปหรือเปล่า?' 'หนักไปหรือเปล่า?' คำถามนี้วนไปวนมาอยู่ในหัวตลอดตั้งแต่ตกลงว่าจ้างเจมส์ด้วยความโกรธจนหน้ามืดเสร็จสรรพ ใจหนึ่งก็สงสารที่คนแก่จะโดนกระทำ แต่พอนึกถึงหลายๆเรื่องที่โดนกฤตเมธแกล้งเล่นสารพัดแล้ว ก็รู้สึกสาสมหากพระเอกอวดดีคนนั้นจะโดนดีเสียบ้าง และเขาเองก็ไม่ได้ให้เจมส์ทำอะไรเกินเลยเสียหน่อย เขาอุตส่าห์ให้เจมส์ไปเป็นเพื่อนคุยเพื่อนดื่มเหล้าสนุกๆ แถมอาจมีบริการเสริมที่น่าจะถูกใจ แลกกับรูปถ่ายใบสองใบ คงไม่น่าจะเป็นอะไรมากนักหรอก 

"เอาวะ!"

คิดมาถึงตรงนี้สดายุก็ได้แต่ถอนหายใจ จากนั้นก็ปล่อยให้เวลาเดินผ่านร่างของเขาไปช้าๆ และทิ้งความรู้สึกผิดให้นอนแน่นิ่งอยู่ตรงก้นบึ้งของหัวใจอยู่อย่างนั้น
*
*
*
*
*
จากเช้าหลั่นมาสายเลื่อนมาเป็นบ่ายแก่ ที่สดายุได้แต่นั่งแช่อยู่ในร้านกาแฟหรูริมหาด ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่านี่คือส่วนดีอีกอย่างของเขาหลังจากออกจากวงการมาระยะหนึ่ง ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบรอ ไม่ชอบอยู่เฉย แต่พอถูกเลิกจ้างถูกเฉดหัวออกมาจากการเป็นลูกรัก เพราะนอกจากจะทำตัวเหลวแหลกแล้วยังไม่ยอมแลกตัวกับเสี่ยๆบางคนที่จ้องงาบไม่เลิกด้วย พอถูกตัดหางอย่างสิ้นเชิงเขาก็ต้องมานั่งกินบุญเก่า รับงานอีเว้นท์บ้าง ออกบู้ทบ้าง รับแต่งานโชว์ตัวราคาถูกที่ไม่ต้องออกสื่อออกทีวี จากที่เคยเร่งรีบก็ถดถอย จากที่รอไม่ได้ก็รอกันจนเบื่อ ดังนั้นตอนนี้เขาชินเหลือเกินกับการนั่งนิ่งๆ เพื่อฆ่าเวลาเรื่อยเปื่อยแบบนี้ กลายเป็นคนใจเย็นเป็นน้ำแข็งลนไฟขึ้นเยอะ... 

"บ่ายสามโมงแล้วเหรอ?...เฮ้อ...ไปไหนต่อดีนะเรา"

ด้วยว่านั่งมาหลายชั่วโมง ท่องบทจบไปสามสี่รอบ จนตอนนี้แทบจำขึ้นใจแล้วนั้น ในที่สุดอดีตพระเอกหนุ่มก็เริ่มบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบออกจากร่างที่แทบจะอยู่ท่าเดียวมาถึง 6 ชั่วโมง

ทำไมนะ...เขาถึงได้ไม่รู้สึกสะใจกับเรื่องที่กฤตเมธได้เผชิญ

ทำไมนะ...เขาถึงได้แต่รู้สึกหน่วงในหัวใจอยู่ได้

ทั้งๆที่พยายามลืมโดยการท่องบทซ้ำไปซ้ำมา สองกด็ยังคงคิดไพล่ไปถึงกฤตเมธซ้ำแล้วซ้ำเล่า

แย่แล้ว...

ตอนนี้...เขากำลังถูก...'ความรู้สึกผิด' จู่โจม!!

"โธ่เอ้ยเรา...ไอ้ใจไม่แน่จริง..."

ด้วยความรู้สึกผิด หรือด้วยความห่วงใย หรือด้วยอะไรหลายๆอย่างทำให้สดายุไม่สามารถทนนั่งนิ่งเป็นหินอยู่อย่างนี้ได้อีกต่อไปแล้ว ผลจะเป็นยังไงก็ช่าง เขาจะเข้าไปดูให้รู้เห็นกับสองตาไป รูปถ่ายได้ไม่ได้ก็ไม่สนแล้ว ถึงจะเพิ่งคิดได้หลังจากผ่านไปตั้ง 6 ชั่วโมงแล้วก็เถอะ แต่ขอกลับไปแก้ไขสถานการณ์หน่อยแล้วกัน...ถ้าทันนะ

"อ้าว...ไอ้ยุ มานั่งทำอะไรแถวนี้เนี่ย?"

"........เอ่อ...พี่อ๊อด?"

"ไง มานั่งท่องบทเหรอเราน่ะ เอ้อ ขยันเนอะ ดีๆ วันจริงจะได้ไม่มีเทค ฮ่า ฮ่า"

"...ครับ...ผมจะตั้งใจนะครับพี่ เอ่อเดี๋ยวยังไงผมขอตัว..."

"พอดีเลยว่ะยุ เดี๋ยวอยู่ช่วยพี่ตรงนี้ก่อนแล้วกันนะ ช่วยสอนการทำอารมณ์ให้ไอ้สองตัวนั้นหน่อย ไอ้พอร์ชยังพอไหว แต่ไอ้รุจน์เนี่ย เดี๋ยวหลุด เดี๋ยวหลุด"

ทั้งที่ตั้งใจเลี่ยงกลับออกไปก่อนแต่ไม่ทันผู้กับกับมือไวคว้าตัวเอาไว้ พร้อมขอให้ช่วยงานเสียก่อน จะขัดใจก็ดูเหมือนจะไม่ทันเช่นกัน เพราะผู้กำกับปากไวนั้นก็ตะโกนเรียกสองนักแสดงมือใหม่เข้ามาหาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กองถ่ายเพิ่งขอสถานที่ได้ เลยเริ่มถ่ายทำช้า แถมสองดาราหน้าใหม่ยังไม่ชินกับบทบาทที่ค่อนข้างแรงและหน่วงผิดชีวิตจริง เลยทำให้การถ่ายทำค่อนข้างสะดุด ดังนั้นผู้กำกับอ๊อดจึงย้ายโลเกชั่นถัดออกมาถ่ายทำแถวร้านกาแฟก่อน แล้วก็มาจ๊ะเอ๋เข้ากับสดายุพอดี...

"สวัสดีครับพี่ยุ..." ( T ^ T ) ( - _ - )

"อ่า...หวัดดี เป็นไงเรา ถึงกับร้องไห้เลยเหรอ?"

ได้แต่ทักทายออกไปพร้อมแสดงความเห็นใจสำทับ เมื่อเห็นรุจน์ผู้ร่าเริง ถึงกับเดินลากสังขารซึมทื่อ 'คงโดนพี่อ๊อดด่าจนหน่วงแน่ๆ' เห็นแบบนี้เลยได้แต่ถอดใจเรื่องที่จะกลับไปดูสถานการณ์ที่ห้องพัก แล้วรับงานตรงหน้าอย่างไม่คิดอิดออดอีก พร้อมกับคาดหวังเล็กๆว่า 'ขอให้เอาตัวรอดเองได้แล้วกันนะ...คุณกฤตเมธ...'

*
*
*
*
*

"เอ้า...คัททททท...เก่งมากไอ้รุจน์ ไอ้พอร์ช"

เกือบ 5 ชั่วโมงกว่าจะถ่ายซีนหมอธเนศกับซอจบ ดังนั้นพอเทคสุดท้ายจบลงทุกคนก็ถึงกับถอนหายใจกันพรู แม้ว่าวันนี้จะเสียเวลาไปพอสมควร แต่ก็ถือว่าถ่ายทำได้ตามกำหนด

"ขอบคุณครับพี่อ๊อด ขอบคุณครับพี่ยุ"

สองหนุ่มเข้ามาไหว้ขอบคุณอ๊อดและยุทันที เพราะถ้าไม่ได้อ๊อดคอยเคี่ยวเข็ญ ไม่ได้ยุคอยแนะนำ วันนี้คงถ่ายกันไม่จบ

"เอ้อ...พรุ่งนี้อีกวัน เอาให้ได้อย่างช่วงท้ายๆของวันนี้นะ แรกๆยังไม่เข้าป๊อบพี่เข้าใจ แต่ช่วงเทคหลังๆนี่เข้าท่าเข้าทางแล้ว อย่าลืมที่ทำกันได้เสียล่ะวันนี้น่ะ พรุ่งนี้กลับมาเทคยับอีกล่ะก็โดนเตะทั้งคู่แน่"

อ๊อดชื่นชมเล็กน้อยให้พอได้ชื่นใจก่อนจะเอ่ยปากสั่งสอนเพิ่มเติมบวกข่มขู่อีกหน่อย

"ครับพี่อ๊อดผมจะพยายามครับ" พอร์ชรับคำเข้มแข็ง

"ผมด้วยครับพี่ สู้ตายเลยครับ!" รุจน์ยื่นคำมั่นบ้าง สองมือกำแน่นยกขึ้นมาตั้งท่าเตรียมตายเต็มที่

"เออๆ ให้มันจริง เอาล่ะไปพักผ่อนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ 9 โมงเจอกันหน้าล็อบบี้เหมือนเดิมนะ เราจะเข้าไปถ่ายทำที่ตลาดกัน"

"ครับ" ( ^_^ )  \( >w< )/

"ยุเองก็ไปพักเถอะ วันนี้พี่ขอบใจมากนะ วันหยุดแท้ๆต้องมาช่วยงาน"

"ไม่เป็นไรครับพี่ ผมยินดีครับ..."

ฟังคำยินดีจากสดายุแล้วอ๊อดก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ก่อนจะเดินไปเก็บของเดินทางกลับที่พัก ทิ้งสามหนุ่มไว้เบื้องหลัง (ไม่คิดจะพาไปเลี้ยงข้าวเลยสักนิด)

"เอ่อ...พี่ยุครับ ขอบคุณมากนะครับพี่ วันนี้ถ้าไม่ได้พี่ยุผมแย่แน่เลยอ่ะ"

คล้อยหลังอ๊อดไปรุจน์ก็เข้ามาขอบคุณสดายุทันที ซ้ำยังทำหน้าเป็นหมาหงอย เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้ทุกคนต้องเหนื่อยไปด้วย

"ไม่เป็นไรหรอก พี่รู้ว่ารุจน์อาจยังไม่เข้าถึงอารมณ์ของตัวละคร ไม่ใช่ว่ารุจน์ไม่เก่งหรอก แต่เพราะคู่ดันเป็นพอร์ชเพื่อนซี้ไงล่ะ เลยออกอารมณ์ลำบาก แรกๆก็งี้แหละ เดี๋ยวก็ชินเองนะ"

คำปลอบใจทำเด็กน้อยน้ำตารื้น ก่อนจะเช็ดน้ำตาป้อยๆด้วยความปลาบปลื้มใจ

"ขอบคุณครับพี่ ฮึ่ก.."

"เฮ้ย...อย่าร้องสิ กลับห้องพักกันได้แล้ว"

เอ่ยชวนกลับห้องทั้งที่เผลอลืมไปชั่วครู่ว่าตัวเองสร้างเรื่องอะไรไว้ ลืมไปเลยจนกระทั่งเดินมาเกือบถึงหน้าที่พัก...

"เอ่อ...พี่ยุ พอร์ช เดี๋ยวขอกลับห้องก่อนนะ ข้าศึกบุกตีกระหนาบมาถึงหน้าด่านแล้วล่ะ ซี๊ด...ไม่ไหวแล้ว ผมขอโทษนะครับพี่ยุ ไปก่อนนะพอร์ช เดี๋ยวเจอที่ห้องเลยแล้วกัน!!"

พอเหยียบธรณีโรงแรมได้ไม่เท่าไหร่ รุจน์ก็เริ่มมีอาการแปลกๆ และยังไม่ทันจะได้คาดเดา เจ้าตัวก็หันมาเฉลยเสียก่อน

"อืม...อย่ารั่วกลางทางล่ะ"

สดายุเอ่ยแซวเจ้าเด็กน้อยร่าเริงที่พอหายเกร็งปุ๊บลำไส้ก็ทำงานปั๊บ ให้ต้องวิ่งหน้าตั้งกลีบห้องไปโดยไม่ใส่ใจจะวางมาดดาราเลยแม้แต่น้อย ส่วนพอร์ชก็ได้แต่ยืนยิ้มส่งเพื่อนรัก ด้วยความรักและเอ็นดู

"เป็นไงเรา เข้ากับบทได้ดีเลยนี่ ฝีมือดีใช้ได้นะเนี่ย"

สดายุชวนพอร์ชคุยไปพลางระหว่างเดินกลับห้อง ฝ่ายพอร์ชเองพอได้รับคำชมก็อมยิ้มน้อยๆ การได้รับการยอมรับจากรุ่นพี่ที่ให้ความเคารพย่อมเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจ

"ขอบคุณครับ อาจเป็นเพราะบทของหมอธเนศใกล้เคียงกับนิสัยบางส่วนของผมก็ได้ เลยจูนไม่ยาก"

"เพราะนายแก่เกินวัยต่างหาก หึหึ...เหวอ!!"

"อ๊ะ!? พี่ยุ!!"


หมับ!!........


อุบัติเหตุเล็กน้อยทำให้สดายุตกอยู่ในวงแขนแข็งแรงของพอร์ชโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะผอมลงเยอะรูปร่างจึงอ้อนแอ้นเกินกว่าผู้ชายไปหน่อย ยิ่งพอตกอยู่ในวงแขนของพอร์ชซึ่งตัวสูงใหญ่กำยำแล้ว สดายุเลยดูราวกับผู้หญิงตัวเล็กๆไปเลยทีเดียว ใบหน้าอดีตพระเอกหนุ่มขึ้นสีเลือดร้อนฉ่า ไม่ใช่เพราะอายที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ แต่อายรูปร่างตัวเองที่ตัวเล็กเหลือเกิน และจะยิ่งเล็กลงทุกวันนับจากนี้อีกด้วย สดายุรีบตั้งปนิธานทันใดว่าจบเรื่องนี้ปุ๊บเขาต้องรีบเพิ่มน้ำหนักกับกล้ามเนื้อโดยด่วนเสียแล้ว

"อ่ะ...โทดทีนะพอร์ช.."

"พี่ยุเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?"

พอร์ชพยุงร่างแบบบางของสดายุให้ค่อยๆตั้งหลักยืนขึ้น จึงได้เห็นว่า เชือกรองเท้าแตะของสดายุขาดเป็นเหตุให้เสียหลักล้มเมื่อครู่

"...อา...คู่เก่งซะด้วยสิ ขาดซะแล้ว"

สดายุบ่นอุบ เมื่อเห็นว่าไอ้แก่คู่ใจที่ใส่ติดเท้ามาตั้งแต่ออกจากวงการขาดเสียแล้ว เสียดายก็จริงแต่ก็คิดได้ว่าคงถึงเวลาแล้วเช่นกัน (เยินมาก)

"พี่โอเคพอร์ช นายกลับห้องเถอะ ห้องพี่อยู่นี่เอง ราตรีสวัสดิ์นะ"

"ครับ...ราตรีสวัสดิ์ครับ"

พอร์ชเดินกลับไปที่ห้องตัวเองอย่างว่าง่าย ปล่อยสดายุกะโผลกกะเผลกเข้าห้องตัวเองโดยไม่สนใจอีก โดยที่ไม่รู้เลยว่า...พี่ยุของพวกตน กำลังจะเดินทางเข้าสู่หลุมพรางที่ตัวเองขุดทิ้งเอาไว้!!..........

แถมยัง...ตายสนิทอีกด้วย...

แกร๊ก.......

สดายุไขประตูเข้าห้องตามปกติ ในห้องยังคงมืดสนิทเพราะยังไม่ได้เปิดไฟ โรงแรมนี้ค่อนข้างแปลกตรงที่สวิชต์ไฟอยู่ไกลถึงข้างโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่ได้อยู่ที่หน้าประตูเหมือนโรงแรมทั่วไป ทำให้ต้องเดินฝ่าความมืดเข้าไปสามถึงสี่ก้าวเพื่อเปิดไฟ
'ข้างห้องเขาตอนนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ...'

ความเป็นห่วงผุดขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าตอนนี้เขาไม่มีสิทธิ์จะเป็นห่วงใดๆอีแล้ว ในเมื่อเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับห้องข้างๆ ทั้งหมดเป็นฝีมือเขาเองทั้งสิ้น แล้วจะยังมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกห่วงใยกันเล่า...

แปะ...

พรึ่บ


แสงไฟหลอดน้อยส่องสว่างขึ้นทันทีที่สดายุแตะสวิชต์ไฟ แสงไฟทำให้สดายุรับรู้ได้ถึงความสว่าง แต่แสงไฟยังไม่ทำให้สดายุรู้ตัวว่าไม่ได้อยู่ในห้องนี้เพียงลำพัง...เพราะยังคงเหม่อลอยกับความรู้สึกผิดที่บีบคั้น ชายหนุ่มจึงไม่รู้ตัวเลยว่าเบื้องหลังของเขามีอีกคนที่กำลังขยับกายเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ...จนลมหายใจแทบจะรินรดต้นคอ


"คุยกับพี่อ๊อดนานจังนะครับ...คุณสดายุ"


************************************************************************

ครึ่งหลังมาแล้วค่ะ...กิกิ
ใครรอฉากหื่น แนะนำรอกันอีกนิด ซีนที่ 12 มาแน่นอนค่ะ...
 :katai4:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
อนาคี99 / Thearboo
 :ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.28
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-11-2013 18:44:43
น้องยุเล่นแบบนี้ พี่กฤตแกได้แสดงบทโหดอีกต่อแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: April❤ ที่ 12-11-2013 18:46:10
ยุนายไม่รอดแน่55 :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 12-11-2013 19:00:46
ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 12-11-2013 19:08:56
รออ่านตอนหน้าเลยยยย
น้องยุไม่รอดแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 12-11-2013 19:10:02
 :ling1: :ling1: :ling1:
ค้างอ่ะ ค้างๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-11-2013 19:11:19
หนูยุไม่รอดแน่
โดนเอาคืนหนักแน่เลยยย  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-11-2013 19:12:00
กร๊ากกกกก ตายแน่คุณยุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 12-11-2013 19:21:07
 :z1:จะได้อ่านแล้ววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 12-11-2013 19:21:28
หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆนายจ๋าาา 55555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: how to ที่ 12-11-2013 19:22:12
 :pighaun:รอซีน 12 ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-11-2013 19:24:05
รองเท้าขาด เตือนภัย?!! อะไรจะขาดต่อไป :laugh:

รอซีนที่12 อย่างจดจ่อ เอิ้กๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: korinasai ที่ 12-11-2013 19:38:19
 :hao6: ค้างงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 12-11-2013 19:39:09
งานนี้ท่าจะรอดยากนะหนูยุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 12-11-2013 19:40:16
 รอๆๆๆๆๆอย่างเดียวเรยนะเนี่ยอิอิ บอกตรงๆหื่น :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 12-11-2013 19:44:39
อุ๊ตาย! ไม่อยากจะคิดถึงตอนต่อไป

ยุน้อยเอ่ย ท่าจะรอดยากซะละ  :m20:

 :z1: :haun4: :z1: :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 12-11-2013 19:46:54
อย่าดราม่าน๊าาาา กลัวน้องยุโกรธจริงจังอ่ะแม้จะสมควรโดนก็เถอะ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 12-11-2013 19:47:17
ยุโดนจัดเต็มแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 12-11-2013 19:48:24
นี่เมื่อไรจะถึงตอนที่12 *ไม่ค่อยหื่น*
โอ๊ยอย่ารังแกยุ ยุอุตส่าห์เป็นห่วงนะคุณกฤตเมธ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 12-11-2013 19:49:28
กรี๊ดดด ค้างงงง รอตอนต่อปายยย :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-11-2013 19:51:22
ยุเอ๊ยเสร็จแน่คนแก่ยิ่งแค้นแรงด้วย หุหุ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 12-11-2013 19:53:34
ไม่รอดแน่ๆ สดายุเอ๊ย
ทำเค้าไว้เยอะนะ หึหึ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 12-11-2013 19:54:15
โอ๊ย....อยากอ่านซีน12ใจจะขาดดดดดดรอนๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 12-11-2013 20:17:03
555555555555555555555555
ยุไม่รอดแน่  :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 12-11-2013 20:27:30
ตายแน่ยุ โดนจัดหนักฉะนี้ คิคิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-11-2013 20:29:19
สดายุร้ายกาจ!!!

อย่างนี้สิถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน :hao7:

แต่อย่างว่ากฤตเมธดูเหมือนจะเจ้าเล่ห์กว่า

จัดหนักเลยนะเมธคราวนี้ เชียร์ :-[

ป.ล.อยากอ่านคู่ของพอร์ชกับรุจน์อีก อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: haru1111 ที่ 12-11-2013 20:39:12
รออย่างใจจดใจจ่อ ละ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-11-2013 20:46:55
กรี๊ดดดดดดดดด ><

จัดหนักเลยค่าาา :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 12-11-2013 20:50:41
ค้างงงงงงงงงงงงๆๆๆๆ :z3: :z3: :z3: ฉากต่อไปยุไม่รอดแน่  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 12-11-2013 20:53:06
 :z13: :z13: ตอนใหม่จะมาวันไหน จะได้ปูเสื่อรอ  :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 12-11-2013 20:59:39
รอตอนใหม่ค่ะ สนุกมากๆ :heaven o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 12-11-2013 21:09:47
ตัวแสบจะโดนปราบมั้ยนะ รอติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-11-2013 21:13:35
งานเข้าละล่ะยุเอ๊ย
นอนรอตอนหน้านะคะ ครึครึ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 12-11-2013 21:32:09
หึหึ ถึงเวลาโดนขย้ำแล้ว  :oo1: :oo1: :oo1:

ตอนหน้ามาอย่างด่วนๆ :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-11-2013 21:39:43
 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 12-11-2013 21:43:11
กรี๊ดๆ ได้เวลาแล้วสินะ
ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัวจริงๆ ยุ
ต้องรอลุ้นว่าจะขัดขืนหรือสมยอม ((คิดไปไกลแล้วนั่น)) 55+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 12-11-2013 21:48:29
เอ๊ออออออ แค่เจมส์คนเดียวยังไม่พอ จะต่อด้วยยุอีกหรอ หึหึ  o3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-11-2013 21:49:08
ขอซีน 12 พรุ่งนี้เลยนะ  :call:  :call: ไม่ได้หื่นน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 12-11-2013 21:53:16
แล่วๆๆๆๆๆๆ 
โดนคิดบัญชีทบต้นทบดอกแน่  กฤตเมธตอนโกรธน่ากลัวนะจำได้ไหม แอร๊ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 12-11-2013 22:03:26
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด รอตอนที่ 12 ไม่ไหววแล้ววค่าา
รอนะค๊าา สนุกกอีกแล้ว

ขอบคุณสำหรับนิยายค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 12-11-2013 22:09:50
ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นจะถึงตัว นะยุ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: YAYANORITZ ที่ 12-11-2013 22:14:14
แอร๊ก เสร็จแน่ยุ รอฉากนั้น  :m25:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 12-11-2013 22:14:44
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว... ไม่ใช่สิ ให้คนเข้าที่นอนเขาถึงที่!! เขาเลยเข้าหาที่นอนตัวเองถึงห้อง 555+
รอซีนที่ 12 อย่างตั้งอกตั้งใจ!! :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 12-11-2013 22:37:38
หนูยุเสร็จแน่ๆ รอตอนหน้าไม่ไหวแล้วค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 12-11-2013 22:38:53
กรี๊ดดด ค้างสุดๆ น้องยุจะโดนเชือด :ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 12-11-2013 22:42:17
 :mew3: น้องยุ งานนี้ไม่รอดแหงๆเลย 555

ประมาทไปนะ คิดหรอว่าพระเอกของเราจะเสียท่าง่ายๆ5555

โอ้ยค้างงง รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 12-11-2013 22:57:50
ยุโดนแน่ๆ 5555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 12-11-2013 23:02:30
ตายแน่ยุ 555  o3
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 12-11-2013 23:04:38
รอซีน 12 เอิ๊กๆ ไม่ค่อยจะ...เท่าไหร่เลยเรา  :z1:
น้องยุผู้ตัวผอมบางเหรอจะสู้พี่เมธของเราได้ 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-11-2013 23:09:05
เอ็นดูน้องหน่อยนะตาแก่ อย่าแกล้งเอาคืนแรงนัก แค่พอหอมปากหอมคอก็พอ  ก็เด็กมันกลัวถูกคนแก่กินนี่นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-11-2013 23:09:42
กรี๊ดจ้า.....จะยังไงต่อจ๊ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 12-11-2013 23:38:03
ค้างๆๆๆ  ลุ้นมาก 

คุณเมธอย่าทำน้องยุของผม(เบาๆ)นะ 555

รอๆๆๆๆๆครับผม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 13-11-2013 08:18:27
 กร้ากกกกกกกกดดน้องยุเสร็จแน่ๆๆๆๆ :laugh: :laugh: :laugh:
ถือพู่เชียร์พี่เมธ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 13-11-2013 11:41:57
ตายแน่ยุ  และแน่ :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:

 :ling3: :ling3: :ling3::ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 13-11-2013 16:08:57
จะรอดมั้ยละเนี่ยยุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: PINKXIAHH ที่ 13-11-2013 17:03:24
ตายแน่น้องยุ ._.
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 13-11-2013 18:04:57
เอาละสิน้องยุเล่นเขาไว้แรงซะด้วย  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 13-11-2013 18:18:50
เจอของจริงเข้าซะแล้วสดายุ ฮี่ๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 13-11-2013 18:21:18
จัดการเลยพี่เมธ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 13-11-2013 20:11:08
 :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 13-11-2013 20:12:44
(เรื่องสั้น) ผมคือ...พระเอก
ซีนที่ 12 (ครึ่งแรก)




"คุยกับพี่อ๊อดนานจังนะครับ...คุณสดายุ"

เสียงคุ้นเคยที่ไม่ควรอยู่ในห้องของเขา เสียงนั้นที่ดังอยู่ด้านหลัง เสียงเรียบเรื่อยไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่แฝงไว้ด้วยกระแสคุกคามอย่างเต็มที่...

เสียงของ...กฤตเมธ

สดายุไม่ได้กล่าวคำอะไรออกมาในทันที ได้แต่หันกลับไปมองคนที่ยืนร่วมห้องอยู่ช้าๆ ตอนนี้ความรู้สึกผิดที่ถาโถมกำลังกลายร่างเป็นความหวาดประหวั่นเข้าแทนที่
 'เขา...กำลังส่อพิรุธ'

"......คุณ...ทำไมถึงอยู่ที่นี่?..."

ลมหายใจที่เหมือนจะสะดุดเล็กน้อยค่อยๆกลั่นคำพูดออกไปทีละคำ ในสมองเต็มไปด้วยความสับสนฟุ้งซ่าน
'ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!?' 'ทำไมถึงยังยิ้มอยู่ได้?'

"แปลกจัง...ผมบุกรุกห้องคุณอยู่แท้ๆ แต่คุณไม่ยักโกรธ เห็นเมื่อวานนี่ยังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ..."

กฤตเมธไม่ได้คุกคามมากไปกว่านั้น ร่างสูงยังคงยืนกอดอกนิ่งอยู่ตรงหน้าของสดายุ พลางส่งยิ้มให้ไม่ขาดเป็นปกติวิสัย กระทั่งคำถามที่ส่งมาก็ยังยียวนเหมือนเดิม หรือว่ากฤตเมธจะไม่ใส่ใจในเรื่องแบบนี้ กินเสร็จก็กลับเหรอ? นิ่งเกินไป ปกติเกินไป 

"ไม่โกรธจริงๆเหรอเนี่ย?...หึหึ...แปลกจริงๆด้วย"

"....................เออ...ถ้าไม่มีอะไรก็กลับห้องคุณไปซะ...ห้องผมไม่ได้เป็นที่สาธารณะนะ...ที่คุณจะเปิดประตูเข้าออกกันง่ายๆแบบนี้น่ะ"

ได้แต่พูดออกไปตามบทที่ควรเป็น เนื่องจากเห็นว่ากฤตเมธยังคงปกติ สดายุก็ไม่กล้าจะทักอะไร เพราะเกรงจะเผยพิรุธมากไปกว่านี้ ทั้งๆที่เขาเองก็มีเรื่องสงสัยอยู่มากมายแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก

แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ เพราะกฤตเมธเปิดมันค้างเอาไว้ หนาว...แต่เหงื่อกาฬแตกซึมออกมาจนทั่วแผ่นหลัง สดายุไม่เคยลอบกัดใคร ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมายืนเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดจากการตัดสินใจพลาดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หัวใจเต้นระทึก รู้สึกเหมือนเหงื่ออ่อนๆจะซึมอยู่แถวไรผม กระนั้นปลายนิ้วกลับเย็นเฉียบ ทำไมนะ ทั้งที่กฤตเมธก็ดูปกติธรรมดา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงต้องกลัว...

ฝ่ายกฤตเมธพอจบคำของสดายุ พระเอกหนุ่มผู้ได้รับสมญานามว่า 'เทพบุตรแห่งวงการ' ก็ยิ้มหวานออกมาอีกครั้ง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังสับสน เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหวาดระแวง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหวาดกลัว และรู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังพยายาม 'หนี'...หนีจากความผิดที่ตัวเองได้ลงมือก่อขึ้นกับเขาคนนี้ ความผิดที่เจ้าตัวเองก็รู้ดีว่า…
'มันไม่น่าให้อภัย!!'

และสิ่งนี้สดายุเองก็ยังไม่รู้...นั่นคือ...

เทพบุตรกำลังจะกลายร่างในไม่ช้า...

กฤตเมธกำลังจะลองสวมบทบาทใหม่...

‘ซาตานในคราบพระเอก...คงโฉดชั่วดีไม่น้อย’

"ไปสิคุณ จะมัวมายืนยิ้มอยู่ทำไมล่ะ!!? ผมจะทำธุระส่วนตัวของผมบ้าง!"

สดายุแสร้งโมโห และรีบไล่คนตรงหน้าไปให้พ้นๆ เขาต้องการอยู่คนเดียวเพื่อจัดระเบียบสมอง และทบทวนบางสิ่งบางอย่างให้เร็วที่สุด แต่ทว่า...เหมือนคนที่เขาเอ่ยปากไล่จะไม่ยอมออกไปอย่างที่เขาต้องการ

"ผมบอกให้คุณออกไปไง!!"

ชายหนุ่มเริ่มตวาด เมื่อกฤตเมธไม่ยอมไป แถมยังยืนยิ้มให้เขาราวกับคนบ้า ยิ้มที่ทำให้เขา 'กลัว'

"อะไรกันคุณ ปล่อยผมรอตั้งนาน มาถึงก็ไล่กันเลยเหรอ ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าเรานัดทำอะไรกันไว้?"

".....อะ...อะไร?..."

"ไหนเรานัดกันไว้ไม่ใช่เหรอครับ...ซ้อมคิวน่ะ"

เอ่ยทวงสัญญาพลางสืบเท้าเข้าใกล้ กระแสคุกคามแผ่กำจายออกมาอย่างไม่ปิดบัง แม้แต่ใบหน้าที่ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ยังมีแววโกรธาแอบแฝง ร่างสูงใหญ่นั้นแผ่บรรยากาศกดดันอันมหาศาลออกมาไม่หยุด มวลอากาศหนักอึ้งจนสดายุแทบจะสำลัก แม้จะเบี่ยงตัวหลบออกมาจากจุดที่ถูกรุกรานได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หายใจโล่งขึ้น

"....ผ...ผมยังไม่พร้อม!! พรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว"

"หึหึ...เหนื่อยเหรอ?..."

"กะ...ก็ใช่น่ะสิ เหนื่อยแล้ว! ผ...ผมต้องช่วยพี่อ๊อดทั้งวัน ซ้อมไม่ไหวแล้วล่ะ!"

ปฏิเสธพัลวันพร้อมถอยห่างออกมาจนถึงอีกฟากของห้อง เพิ่งจะรู้สึกว่าหนีมาผิดทางก็ตอนที่กฤตเมธหันมายิ้มใส่ ขบขันกับท่าทางลนลานของเขา ผิดทางเพราะทีที่เขาหนีมาคือผนังห้องด้านปลายเตียงที่เป็นทางตัน ซ้ายมือคือเตียงนอน ขวามือคือผนังห้องที่ห่างกันแค่สองช่วงแขน หลังคือกำแพงห้อง ส่วนหน้าก็คือกฤตเมธที่กำลังยืนใช้ไหล่ซ้ายพิงประตูมองดูเขาอยู่ โดยที่สายตาที่จ้องมองมานั้นไม่อาจอ่านความหมายได้

"...เหนื่อย...ตรงไหนกัน?"

".........!!!?"

ในที่สุดรอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าตลอดนั้นก็หายวับไป สีหน้าเรียบนิ่งไม่อาจบ่งบอกอารมณ์ใดๆของกฤตเมธนั้นในที่สุดก็เริ่มตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ พร้อมกับค่อยๆย่างเท้าเข้าใกล้คนที่ยืนจนมุมอยู่อย่างสดายุช้าๆ

"เหนื่อย...ที่ต้องนั่งแช่รอชมผลงานของตัวเองอยู่ที่ร้านกาแฟตั้งครึ่งค่อนวันน่ะเหรอ?..."

"........!!!??..................................."

ลมหายใจของสดายุสะดุดเฮือกทันทีที่คำเฉลยบางอย่างหลุดออกมาจากปากของกฤตเมธ

'...รู้แล้ว!! กฤตเมธรู้แล้ว!!!'

หัวใจของสดายุกระตุกวูบอย่างไม่เป็นจังหวะจนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืด ท้ายทอยชาปลาบ ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าเย็นชืด แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นทุกขณะที่อีกฝ่ายสืบเท้าเข้าหา

"น่ารักดีนะ...เจมส์น่ะ"

"..................................."

"คุยกันง่ายดี แค่จ่ายเงินให้ ถามอะไรก็บอกหมด หึหึ...คุณนี่ เลือกคนไม่เก่งเลยนะ"

".........................."

"คราวหน้าจะทำอะไรก็ให้มันเนียนหน่อย...สดายุ!"

ปึ้ง!!

คำพูดสุดท้ายจบลงตรงหน้าของสดายุที่ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อพร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงบนกำแพงข้างตัวเขาอย่างหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ที่คงคุโชนอยู่ไม่น้อย สดายุได้แต่ยืนนิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้ ไร้ทางแก้ตัว
‘โจรกระจอกที่ถูกจับตัวได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะหนี’

"ผิดหวังมั้ย? ที่เด็กคุณทำงานไม่สำเร็จ หรือคุณเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ไปโอ้โลมไอ้นักแสดงหน้าใหม่นั่นอยู่ เด็กๆมันเคี้ยวง่าย ถึงใจดีมั้ยล่ะ...หึหึ...ถึงกับทิ้งตัวให้โอบให้กอดอยู่ตั้งนานสองนาน..."

เพี๊ยะ!!!

ใบหน้าคมสันหันไปตามแรงกระแทกของฝ่ามือแล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปากบอนที่ขุดคุ้ยไม่หยุดอยู่เมื่อครู่ถึงกับปิดเงียบ เหลือเพียงสายตาที่เหลือบมาอย่างคาดคั้นไม่เลิก

"หุบปากมอมๆของคุณไปซะ! เพราะสันดานปากแบบนี้ไง ถึงได้โดนจ้างคนมาล่อเอาน่ะ!! เป็นไงถึงใจมะ...อื้อออ!!!!!??????"

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ทั้งยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว สดายุก็ถูกกฤตเมธประกบริมฝีปากลงมาโดยแรง บดเบียดอย่างจาบจ้วง สองมือของสดายุรีบผลักไสทันทีที่ตั้งสติได้ ทว่าแรงแขนมันต่างกันเกินไป อย่าว่าแต่ผลักให้คนที่รุกรานอยู่ตอนนี้ล้มกระเด็นเลย แค่ทำให้ขยับยังแทบไม่เป็นผล ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างเลือดเย็นจนปวดแปลบ ปลายจมูกโด่งที่ฝังลึกลงมาตรงร่องแก้มก็บดเบียดหนักหน่วง จนแทบไม่มีช่องว่าง

ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งถูกกดติดตรึงกับกำแพงใหญ่แทบจะฝังร่าง สองมือปะป่ายที่ทั้งทุบทั้งผลัก สุดท้ายก็ถูกจับกดเอาไว้ได้ทั้งคู่เช่นกัน ในขณะที่กำลังสิ้นหวังกับทางหลบหนี สดายุก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปียกลื่นอยู่ที่ริมฝีปาก
'ปลายลิ้นร้อนของกฤตเมธกำลังพยายามล่วงล้ำเข้ามา!!?'

"อื้ออออ!!!"

สดายุพยายามร้องห้ามออกมาในลำคอจนเสียงหลง ชายหนุ่มพยายามขบฟันแน่นไม่ยอมให้ถูกล่วงล้ำได้ง่ายๆ ขยะแขยงจนขนอ่อนตรงหลังท้ายทอยลุกชันเมื่อรู้สึกได้ว่าปลายลิ้นของอีกฝ่ายยังลากเลียอยู่ตรงไรฟันกับริมฝีปาก

และดูเหมือนกฤตเมธจะขัดใจไม่น้อยที่ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้เสียที ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกก่อนจะยกมือขึ้นบีบกรามของสดายุโดยแรงเมื่อเปิดปาก อีกมือก็กดตรึงข้อมือขวาของคนใต้ร่างให้แน่นขึ้น เหลือแค่แขนซ้ายไร้เรี่ยวแรงที่ยังชาปลาบเพราะถูกกดจนข้อซีด ไม่ใช่อาวุธที่คู่ควรกับศัตรูอย่างกฤตเมธเลยแม้แต่นิด

"อยะ...อู้!...อึก...อื้ออออออ!!!!!!"

สุดท้ายการพยายามขัดขืนดิ้นรนก็สูญเปล่า แรงบีบที่แก้มจนกรามแทบโยกนั้นก็สามารถเปิดปากสดายุได้ในที่สุด ลิ้นร้อนของกฤตเมธเร่งล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากสดายุอย่างไม่รอช้า บุกรุกคุกคามเข้าไปเกาะเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นแข็งเกร็งอย่างทารุณ ทั้งยังไล่กวาดเลียไปทั่วทั้งเพดานปากและกระพุ้งแก้ม ลิ้นยาวฉกเลียคว้านลึกจนราวกับจะล้วงไปให้ถึงโคนลิ้น สดายุได้แต่ขัดขืนทั้งที่ทำอะไรได้ไม่มาก สิ่งที่บดเบียดคุกคามเข้ามาน่าขยะแขยงจนเขาไม่สามารถเรียกมันว่าจูบ อยากดิ้นรนแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แค่ประคองตัวตอนนี้ยังลำบาก รังเกียจสัมผัสจากคนตรงหน้าจนหัวหูอื้ออึง โกรธ โมโห ทรมาน

'ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!!!'

"............!!!!?"

"อ๊ะ....ฮว้า..."

ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวผลักดันจนถึงขีดสุด สดายุงับฟันลงมาเต็มแรงหมายจะกัดสัตว์ประหลาดที่เลื้อยอยู่ในปากให้ขาดเป็นสองท่อน แต่ดูเหมือนมันจะหนีทัน เพียงถากไปพอแค่ได้เลือดติดอยู่ที่ปลายลิ้น ถึงอย่างไรแรงขัดขืนนั้นก็พอจะสำฤทธิ์ผล เพราะในที่สุดกฤตเมธก็ยอมล่าถอย  ทันที่ที่รีมฝีปากถูกปลดปล่อย สดายุก็รีบหายใจตักตวงอากาศ ราวกับเพิ่งพ้นขึ้นจากน้ำ

เลือดหยดแหมะอยู่ตรงมุมปาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเลือดนั้นเป็นของใคร ของสดายุที่ปากแตก หรือของกฤตเมธที่โดนกัดลิ้น แต่...เลือดหยดนั้น....มันคือจุดเริ่มต้น

ร่างทั้งร่างของสดายุยังคงสั่นสะท้าน ถูกกดตรึง และยังคงไร้ทางหนี แต่...ดวงตาของเขานั้นวาวโรจน์ หาได้เกรงกลัวคนตรงหน้าไม่!

ร่างของกฤตเมธนิ่งทื่อเป็นศิลา ใบหน้านั้นเรียบนิ่งไร้อารมณ์ มุมปากมีเลือดไหลเป็นทาง แววตาฉายแววที่ไม่อาจคาดเดา จากนั้นก็กระตุกยิ้มน้อยๆ...

พลางยื่นใบหน้าเข้าใกล้สดายุอีกครั้ง...

"กล้ากัดฉันเลยเหรอ? ไอ้เด็กอวดดี..."

"ฉันเสียเงินตั้งสองเท่าของค่าจ้างที่นายจ่ายไอ้เจมส์นั่นเพื่อล้วงชื่อนายออกจากปากมัน โดยที่ไม่เอาบริการเชี่ยอะไรจากมันทั้งนั้น เพราะว่า..."


"...ฉันจะมาทวงเอาจากนายเอง...ทั้งต้น...ทั้งดอก!!"


************************************************************************

อย่าเพิ่งด่า...เวลาเก๊าน้อย เขียนไม่ทันเจงๆ

เอาครึ่งแรกไปก่อนนะจ๊ะ วันนี้งานเยอะเก๊าเลยต่อให้จบไม่ทัน
เอาเป็นว่าคืนนี้...ดึกๆดื่นๆ...จะแอบมาต่อนะ...คริๆๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี99 / Thearboo

ปล. เมื่อคืนวานดอดไปดูธอร์มาล่ะ...
เวลาท่านธอร์เข้าพระเข้านางกับท่านโลกิทีไร อิชั้นพลังจิ้นกระจายน้ำลายไหลทุกทีเลยค่ะ เอิ๊กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: terukizawa ที่ 13-11-2013 20:13:41
 :ling1: :ling1: ลุ้นใจจะขาด โฮก......


เหมือนทอนาโดกำลังจะลง ตายๆๆๆ น้องยุชั้น

โดนพี่เมธ  :oo1: :oo1: :oo1: กระอักแน่ คุคุคุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: moredee ที่ 13-11-2013 20:15:04
 :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 13-11-2013 20:18:22
 o13 งานนี้ตบจูบ ตบจูบ555555

ลุ้นตอนต่อไปสุดๆ ยุแย่แน่โดนเอาคืนทั้งต้นทั้งดอก :hao6:

มาต่อเร็วๆน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 13-11-2013 20:21:02
มาเร็วมาก  รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 13-11-2013 20:24:33
สดายุโดนของย้อนกลับเข้าตัวเต็มๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 13-11-2013 20:25:50
คนแต่งหน้ารักมากกกก. อิอิ รอครึ่งหลังจ้า. ^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 13-11-2013 20:28:18
 :z1: พี่ยุโดนแล้วไง ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 13-11-2013 20:29:04
อร๊ายยยยยยยยยย น้องยุของเค้าแรง ทำอะไรไม่คิด
โดนเลย หุหุ รอตอนดึกๆค่ะ จะตั้งตารอทั้งคืน ขอคืนนี้นะคะ ค้างมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ไป๋ไป๋ ที่ 13-11-2013 20:31:24
"...ฉันจะมาทวงเอาจากนายเอง...ทั้งต้น...ทั้งดอก!!"

ประโยคนี่มันอะไร ไม่จริงใช่ไหม  อย่าหลอกคนอ่านน๊า...จัดมาจัดมา :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mildmint0 ที่ 13-11-2013 20:31:29
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด กฤตเมธ หื่นสุดดดดดดดดด
จัดการเลย จัดการเลยยยยย
เชียร์สุดฤทธิ์ กรั๊กๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 13-11-2013 20:33:48
กว่าจะเข้าใจ นายเอกช้ำพอดี ฮิฮิ โกรธกันแรงมาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 13-11-2013 20:37:58
อั้ยยะ...น้องยุไม่พ้นเงื้อมมือมัจจุราชแน่ๆ
ปล.ไปดูธอร์มาแล้วเหมือนกันค่ะ ไม่คิดว่าจะมีคนร่วมขบวนการเดียวกัน ยิ่งตอนกอดโลกิที่ถูกมีดแทง คนอื่นเขาซึ้งอินกับเนื้อเรื่อง มีดิฉันยิ้มร่าสมใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 13-11-2013 20:39:06
 :katai1:  ค้างเว้ย.....................   :ling1:  เค้าไม่ยอมนะมาต่อเร็วๆเลยด้วย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 13-11-2013 20:39:31
 :hao7: :hao7:
 :oo1: :oo1:
 :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 13-11-2013 20:41:59
 :hao6:

อร๊ากกกกกกก ตายแล้ววว
เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อปายยย
ยุจะพี่เมธเสร็จมั้ย ฮ่าๆๆๆๆ
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: how to ที่ 13-11-2013 20:42:13
ทั้งต้นทั้งดอกเลยนะ ><   :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 13-11-2013 20:43:04
คืนนี้!?! เก๊าจะรอ >< :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 13-11-2013 20:50:23
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 13-11-2013 20:51:50
รอ รอ รอ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 13-11-2013 20:55:18
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ค้างอีกแล้วววววววววววววววววววววววววววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 13-11-2013 20:58:28
กรี๊ด......ดุเดือดมาก ค่อย ๆ ตกลงกันน้า........
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 13-11-2013 21:00:48
พี่เมธค่ะเบาๆกับน้องยุนิดนึงนะเดี๋ยวหักคามือหรอก5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 13-11-2013 21:03:25
ง่า เสร็จแน่ ฮ่าๆๆๆๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 13-11-2013 21:12:24
อย่าทำน้องงงงงงงงงง   :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 13-11-2013 21:15:48
อร๊ายยย
เรียกคืนให้ครบนะคะพี่เมธ
ทั้งต้น..ทั้งดอก อิอิ :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 13-11-2013 21:17:48
อ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย รอเก็บต้นเก็อดอกด้วยค่ะ 555  :z1:

ปล. สำนวนภาษาของเอ็มเขียนดีมากจากเรื่องแรกๆ เรื่องคำซ้ำคำซ้อนน้อยลง
แต่ในบทนี้ยังมี ไปลองแก้ไขตามที่พี่บอกไปในไลน์นะจ๊ะ
รวมทั้งประโยคเชื่อมตอนที่พี่บอกไปด้วยน้า

รอครึ่งต่อไป  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 13-11-2013 21:35:24
สงสารดีมั้ยน้า :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 13-11-2013 21:37:42
กรี๊ดดดดด รอดูทั้งต้นทั้งดอกเลยนะๆ

//ไปหาแอบใต้เตียงก๊อนนนนนนน :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: iammoonoi ที่ 13-11-2013 21:40:09
 :katai3: :katai1:

มาให้กำลังใจคนเขียนค่า

สู้ๆ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 13-11-2013 21:43:34
 :undecided: ง่ะ ...หลอกให้อยากแล้วจากปายยยยยย....

 :z3: :z3: :z3: เก๊าค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 13-11-2013 21:44:18
นานแค่ไหนก็รอได้ค่า  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 13-11-2013 21:47:32
ลุ้นจัง คืนนี้  :-[
 
จะเกาะขอบเตียงรอนะคะ :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: -west- ที่ 13-11-2013 21:51:40
ซวยแล้วยุ 555555555555555555555555+
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 13-11-2013 21:51:54
 o22 o22 ไม่มีคำบรรยายมันค้างสุดใจจจจจจจจจจจจ :hao5:
ไม่ด่าหรอกคร้า เข้าใจๆเนอะ  :mew1: แต่แค่มัน...... :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-11-2013 22:03:46
กีสสส
นั่งรอครึ่งหลัง
ครึครึ
น้องยุ โดนแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 13-11-2013 22:08:22
ค้างมากมายอะ น้องยุเราจะรอดไหมคะเนี่ย
( แอบลุ้นให้ไม่รอดอะ เพราะน้องยุซนเล่นแรงเกิน แถมยังมำให้พี่เมศหึงอีก)  หรือพี่เมศจะเรีนกพี่อ๊อดมาบอกว่า ถ่ายทำจริงๆไปเลย อิอิ
   
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: clock_nuchchee ที่ 13-11-2013 22:12:02
โด๊น โดน แล้ว ละ  :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 13-11-2013 22:16:10
 ดุเดือด เลือดกระจายสุดๆ แต่มันค้างงงงง นะ

o9  o9  o9 อยากอ่านครึ่งหลังอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 13-11-2013 22:22:22
โดนจนได้สินะ นายเอกเรา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-11-2013 22:28:46
มาแนวนี้ก็กลับไปดราม่าต่ออีกอ่ะสิ ไม่เอาน๊าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 13-11-2013 22:39:54
จบซะค้างอย่างหนัก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 13-11-2013 22:49:04
ทวงค่ะทวง เอาทั้งต้นทั้งดอกเลยค่ะ ก็ไม่น่าไปแกล้งเค้าเลยนี่น้า
พอคิดดี ๆ เค้าก็ดีกับหนูมาตลอดนะคะๆ รอติดตามค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 13-11-2013 23:02:07
อร๊ากกกกกกกกกก
ขอครึ่งหลังงงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 13-11-2013 23:02:34
ทำกับเค้าไว้แสบระวังนะน้องยุเค้าจะเอาคืนจนเจ็บอิอิ :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 13-11-2013 23:08:16
อั่ยย่ะ!!!..น้องยุเสร็จพี่เมธแหงๆทำพี่เค้าโกรธขนาดนั้น :oo1
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: Crown ที่ 13-11-2013 23:38:54
น้องยุโดนแน่ๆ55555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 14-11-2013 00:19:13
ค้างครึ่งขนาดนี้ ฆ่ากันดีกว่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 14-11-2013 00:25:06
ฮึ่มๆๆๆ   :m16:
ถ้ามาปล่อยแค่นี้นะ
มันน่าตามไปจิ้มคนแต่งจริงๆ :z13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 14-11-2013 00:26:22
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-11-2013 00:42:01
 :ling1: :ling1: :ling1:

ครึ้งหลังอยู่หนายยยยยยยยยยยยย   :katai5:

 :hao6: :hao6: :hao6:

น้องยุเอ้ยยยย โดนทวงต้น+ดอก จนตูดบานแน่ๆ  :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 14-11-2013 00:45:54
กลายเป็นเรื่องยาวไปแล้วนะเนี่ย
สนุกดี
รอๆๆๆๆ
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งหลัง (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 14-11-2013 03:52:06
(เรื่องสั้น) ผมคือ...พระเอก
ซีนที่ 12 (เต็ม)





"คุยกับพี่อ๊อดนานจังนะครับ...คุณสดายุ"


เสียงคุ้นเคยที่ไม่ควรอยู่ในห้องของเขา เสียงนั้นที่ดังอยู่ด้านหลัง เสียงเรียบเรื่อยไม่แสดงอารมณ์ใดๆแต่แฝงไว้ด้วยกระแสคุกคามอย่างเต็มที่...

เสียงของ...กฤตเมธ

สดายุไม่ได้กล่าวคำอะไรออกมาในทันที ได้แต่หันกลับไปมองคนที่ยืนร่วมห้องอยู่ช้าๆ ตอนนี้ความรู้สึกผิดที่ถาโถมกำลังกลายร่างเป็นความหวาดประหวั่นเข้าแทนที่
'เขา...กำลังส่อพิรุธ'

"......คุณ...ทำไมถึงอยู่ที่นี่?..."

ลมหายใจที่เหมือนจะสะดุดเล็กน้อยค่อยๆกลั่นคำพูดออกไปทีละคำ ในสมองเต็มไปด้วยความสับสนฟุ้งซ่าน
'ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!!?' 'ทำไมถึงยังยิ้มอยู่ได้?'

"แปลกจัง...ผมบุกรุกห้องคุณอยู่แท้ๆ แต่คุณไม่ยักโกรธ เห็นเมื่อวานนี่ยังโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ..."

กฤตเมธไม่ได้คุกคามมากไปกว่านั้น ร่างสูงยังคงยืนกอดอกนิ่งอยู่ตรงหน้าของสดายุ พลางส่งยิ้มให้ไม่ขาดเป็นปกติวิสัย กระทั่งคำถามที่ส่งมาก็ยังยียวนเหมือนเดิม หรือว่ากฤตเมธจะไม่ใส่ใจในเรื่องแบบนี้ กินเสร็จก็กลับเหรอ? นิ่งเกินไป ปกติเกินไป 

"ไม่โกรธจริงๆเหรอเนี่ย?...หึหึ...แปลกจริงๆด้วย"

"....................เออ...ถ้าไม่มีอะไรก็กลับห้องคุณไปซะ...ห้องผมไม่ได้เป็นที่สาธารณะนะ...ที่คุณจะเปิดประตูเข้าออกกันง่ายๆแบบนี้น่ะ"

ได้แต่พูดออกไปตามบทที่ควรเป็น เนื่องจากเห็นว่ากฤตเมธยังคงปกติ สดายุก็ไม่กล้าจะทักอะไร เพราะเกรงจะเผยพิรุธมากไปกว่านี้ ทั้งๆที่เขาเองก็มีเรื่องสงสัยอยู่มากมายแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก

แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ เพราะกฤตเมธเปิดมันค้างเอาไว้ หนาว...แต่เหงื่อกาฬแตกซึมออกมาจนทั่วแผ่นหลัง สดายุไม่เคยลอบกัดใคร ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เขาต้องมายืนเผชิญหน้ากับความรู้สึกผิดจากการตัดสินใจพลาดไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หัวใจเต้นระทึก รู้สึกเหมือนเหงื่ออ่อนๆจะซึมอยู่แถวไรผม กระนั้นปลายนิ้วกลับเย็นเฉียบ ทำไมนะ ทั้งที่กฤตเมธก็ดูปกติธรรมดา ทำไมกัน ทำไมเขาถึงต้องกลัว...

ฝ่ายกฤตเมธพอจบคำของสดายุ พระเอกหนุ่มผู้ได้รับสมญานามว่า 'เทพบุตรแห่งวงการ' ก็ยิ้มหวานออกมาอีกครั้ง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังสับสน เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหวาดระแวง เขารู้ว่าคนตรงหน้ากำลังหวาดกลัว และรู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังพยายาม 'หนี'...หนีจากความผิดที่ตัวเองได้ลงมือก่อขึ้นกับเขาคนนี้ ความผิดที่เจ้าตัวเองก็รู้ดีว่า…
'มันไม่น่าให้อภัย!!'


และสิ่งนี้สดายุเองก็ยังไม่รู้...นั่นคือ...

เทพบุตรกำลังจะกลายร่างในไม่ช้า...

กฤตเมธกำลังจะลองสวมบทบาทใหม่...


‘ซาตานในคราบพระเอก...คงโฉดชั่วดีไม่น้อย’


"ไปสิคุณ จะมัวมายืนยิ้มอยู่ทำไมล่ะ!!? ผมจะทำธุระส่วนตัวของผมบ้าง!"

สดายุแสร้งโมโห และรีบไล่คนตรงหน้าไปให้พ้นๆ เขาต้องการอยู่คนเดียวเพื่อจัดระเบียบสมอง และทบทวนบางสิ่งบางอย่างให้เร็วที่สุด แต่ทว่า...เหมือนคนที่เขาเอ่ยปากไล่จะไม่ยอมออกไปอย่างที่เขาต้องการ

"ผมบอกให้คุณออกไปไง!!"

ชายหนุ่มเริ่มตวาด เมื่อกฤตเมธไม่ยอมไป แถมยังยืนยิ้มให้เขาราวกับคนบ้า ยิ้มที่ทำให้เขา 'กลัว'

"อะไรกันคุณ ปล่อยผมรอตั้งนาน มาถึงก็ไล่กันเลยเหรอ ลืมไปแล้วหรือเปล่าว่าเรานัดทำอะไรกันไว้?"

".....อะ...อะไร?..."

"ไหนเรานัดกันไว้ไม่ใช่เหรอครับ...ซ้อมคิวน่ะ"

เอ่ยทวงสัญญาพลางสืบเท้าเข้าใกล้ กระแสคุกคามแผ่กำจายออกมาอย่างไม่ปิดบัง แม้แต่ใบหน้าที่ยังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ยังมีแววโกรธาแอบแฝง ร่างสูงใหญ่นั้นแผ่บรรยากาศกดดันอันมหาศาลออกมาไม่หยุด มวลอากาศหนักอึ้งจนสดายุแทบจะสำลัก แม้จะเบี่ยงตัวหลบออกมาจากจุดที่ถูกรุกรานได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หายใจโล่งขึ้น

"....ผ...ผมยังไม่พร้อม!! พรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้ผมเหนื่อยแล้ว"

"หึหึ...เหนื่อยเหรอ?..."

"กะ...ก็ใช่น่ะสิ เหนื่อยแล้ว! ผ...ผมต้องช่วยพี่อ๊อดทั้งวัน ซ้อมไม่ไหวแล้วล่ะ!"

ปฏิเสธพัลวันพร้อมถอยห่างออกมาจนถึงอีกฟากของห้อง เพิ่งจะรู้สึกว่าหนีมาผิดทางก็ตอนที่กฤตเมธหันมายิ้มใส่ ขบขันกับท่าทางลนลานของเขา ผิดทางเพราะทีที่เขาหนีมาคือผนังห้องด้านปลายเตียงที่เป็นทางตัน ซ้ายมือคือเตียงนอน ขวามือคือผนังห้องที่ห่างกันแค่สองช่วงแขน หลังคือกำแพงห้อง ส่วนหน้าก็คือกฤตเมธที่กำลังยืนใช้ไหล่ซ้ายพิงประตูมองดูเขาอยู่ โดยที่สายตาที่จ้องมองมานั้นไม่อาจอ่านความหมายได้

"...เหนื่อย...ตรงไหนกัน?"

".........!!!?"

ในที่สุดรอยยิ้มที่ฉาบไว้บนใบหน้าตลอดนั้นก็หายวับไป สีหน้าเรียบนิ่งไม่อาจบ่งบอกอารมณ์ใดๆของกฤตเมธนั้นในที่สุดก็เริ่มตั้งคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ พร้อมกับค่อยๆย่างเท้าเข้าใกล้คนที่ยืนจนมุมอยู่อย่างสดายุช้าๆ


"เหนื่อย...ที่ต้องนั่งแช่รอชมผลงานของตัวเองอยู่ที่ร้านกาแฟตั้งครึ่งค่อนวันน่ะเหรอ?..."


"........!!!??..................................."

ลมหายใจของสดายุสะดุดเฮือกทันทีที่คำเฉลยบางอย่างหลุดออกมาจากปากของกฤตเมธ

'...รู้แล้ว!! กฤตเมธรู้แล้ว!!!'

หัวใจของสดายุกระตุกวูบอย่างไม่เป็นจังหวะจนรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหน้ามืด ท้ายทอยชาปลาบ ปลายนิ้วมือนิ้วเท้าเย็นชืด แผ่นหลังเย็นวาบขึ้นทุกขณะที่อีกฝ่ายสืบเท้าเข้าหา

"น่ารักดีนะ...เจมส์น่ะ"

"..................................."

"คุยกันง่ายดี แค่จ่ายเงินให้ ถามอะไรก็บอกหมด หึหึ...คุณนี่ เลือกคนไม่เก่งเลยนะ"

".........................."

"คราวหน้าจะทำอะไรก็ให้มันเนียนหน่อย...สดายุ!"


ปึ้ง!!


คำพูดสุดท้ายจบลงตรงหน้าของสดายุที่ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อพร้อมกับกำปั้นที่ทุบลงบนกำแพงข้างตัวเขาอย่างหนักหน่วงตามแรงอารมณ์ที่คงคุโชนอยู่ไม่น้อย สดายุได้แต่ยืนนิ่งเงียบราวกับเป็นใบ้ ไร้ทางแก้ตัว

‘โจรกระจอกที่ถูกจับตัวได้ตั้งแต่ยังไม่ทันจะหนี’


"ผิดหวังมั้ย? ที่เด็กคุณทำงานไม่สำเร็จ หรือคุณเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ไปโอ้โลมไอ้นักแสดงหน้าใหม่นั่นอยู่ เด็กๆมันเคี้ยวง่าย ถึงใจดีมั้ยล่ะ...หึหึ...ถึงกับทิ้งตัวให้โอบให้กอดอยู่ตั้งนานสองนาน..."


เพี๊ยะ!!!


ใบหน้าคมสันหันไปตามแรงกระแทกของฝ่ามือแล้วนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น ปากบอนที่ขุดคุ้ยไม่หยุดอยู่เมื่อครู่ถึงกับปิดเงียบ เหลือเพียงสายตาที่เหลือบมาอย่างคาดคั้นไม่เลิก

"หุบปากมอมๆของคุณไปซะ! เพราะสันดานปากแบบนี้ไง ถึงได้โดนจ้างคนมาล่อเอาน่ะ!! เป็นไงถึงใจมะ...อื้อออ!!!!!??????"

ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ทั้งยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว สดายุก็ถูกกฤตเมธประกบริมฝีปากลงมาโดยแรง บดเบียดอย่างจาบจ้วง สองมือของสดายุรีบผลักไสทันทีที่ตั้งสติได้ ทว่าแรงแขนมันต่างกันเกินไป อย่าว่าแต่ผลักให้คนที่รุกรานอยู่ตอนนี้ล้มกระเด็นเลย แค่ทำให้ขยับยังแทบไม่เป็นผล ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างเลือดเย็นจนปวดแปลบ ปลายจมูกโด่งที่ฝังลึกลงมาตรงร่องแก้มก็บดเบียดหนักหน่วง จนแทบไม่มีช่องว่าง

ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งถูกกดติดตรึงกับกำแพงใหญ่แทบจะฝังร่าง สองมือปะป่ายที่ทั้งทุบทั้งผลัก สุดท้ายก็ถูกจับกดเอาไว้ได้ทั้งคู่เช่นกัน ในขณะที่กำลังสิ้นหวังกับทางหลบหนี สดายุก็รู้สึกได้ถึงบางอย่างที่เปียกลื่นอยู่ที่ริมฝีปาก
'ปลายลิ้นร้อนของกฤตเมธกำลังพยายามล่วงล้ำเข้ามา!!?'


"อื้ออออ!!!"

สดายุพยายามร้องห้ามออกมาในลำคอจนเสียงหลง ชายหนุ่มพยายามขบฟันแน่นไม่ยอมให้ถูกล่วงล้ำได้ง่ายๆ ขยะแขยงจนขนอ่อนตรงหลังท้ายทอยลุกชันเมื่อรู้สึกได้ว่าปลายลิ้นของอีกฝ่ายยังลากเลียอยู่ตรงไรฟันกับริมฝีปาก

และดูเหมือนกฤตเมธจะขัดใจไม่น้อยที่ไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้เสียที ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาทางจมูกก่อนจะยกมือขึ้นบีบกรามของสดายุโดยแรงเมื่อเปิดปาก อีกมือก็กดตรึงข้อมือขวาของคนใต้ร่างให้แน่นขึ้น เหลือแค่แขนซ้ายไร้เรี่ยวแรงที่ยังชาปลาบเพราะถูกกดจนข้อซีด ไม่ใช่อาวุธที่คู่ควรกับศัตรูอย่างกฤตเมธเลยแม้แต่นิด

"อยะ...อู้!...อึก...อื้ออออออ!!!!!!"

สุดท้ายการพยายามขัดขืนดิ้นรนก็สูญเปล่า แรงบีบที่แก้มจนกรามแทบโยกนั้นก็สามารถเปิดปากสดายุได้ในที่สุด ลิ้นร้อนของกฤตเมธเร่งล่วงล้ำเข้าไปในโพรงปากสดายุอย่างไม่รอช้า บุกรุกคุกคามเข้าไปเกาะเกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นแข็งเกร็งอย่างทารุณ ทั้งยังไล่กวาดเลียไปทั่วทั้งเพดานปากและกระพุ้งแก้ม ลิ้นยาวฉกเลียคว้านลึกจนราวกับจะล้วงไปให้ถึงโคนลิ้น สดายุได้แต่ขัดขืนทั้งที่ทำอะไรได้ไม่มาก สิ่งที่บดเบียดคุกคามเข้ามาน่าขยะแขยงจนเขาไม่สามารถเรียกมันว่าจูบ อยากดิ้นรนแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง แค่ประคองตัวตอนนี้ยังลำบาก รังเกียจสัมผัสจากคนตรงหน้าจนหัวหูอื้ออึง โกรธ โมโห ทรมาน

'ไม่ ไม่ ไม่ ไม่!!!!!'

"............!!!!?"

"อ๊ะ....ฮว้า..."

ความรู้สึกโกรธเกรี้ยวผลักดันจนถึงขีดสุด สดายุงับฟันลงมาเต็มแรงหมายจะกัดสัตว์ประหลาดที่เลื้อยอยู่ในปากให้ขาดเป็นสองท่อน แต่ดูเหมือนมันจะหนีทัน เพียงถากไปพอแค่ได้เลือดติดอยู่ที่ปลายลิ้น ถึงอย่างไรแรงขัดขืนนั้นก็พอจะสำฤทธิ์ผล เพราะในที่สุดกฤตเมธก็ยอมล่าถอย  ทันที่ที่รีมฝีปากถูกปลดปล่อย สดายุก็รีบหายใจตักตวงอากาศ ราวกับเพิ่งพ้นขึ้นจากน้ำ

เลือดหยดแหมะอยู่ตรงมุมปาก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเลือดนั้นเป็นของใคร ของสดายุที่ปากแตก หรือของกฤตเมธที่โดนกัดลิ้น แต่...เลือดหยดนั้น....มันคือจุดเริ่มต้น

ร่างทั้งร่างของสดายุยังคงสั่นสะท้าน ถูกกดตรึง และยังคงไร้ทางหนี แต่...ดวงตาของเขานั้นวาวโรจน์ หาได้เกรงกลัวคนตรงหน้าไม่!

ร่างของกฤตเมธนิ่งทื่อเป็นศิลา ใบหน้านั้นเรียบนิ่งไร้อารมณ์ มุมปากมีเลือดไหลเป็นทาง แววตาฉายแววที่ไม่อาจคาดเดา จากนั้นก็กระตุกยิ้มน้อยๆ...

พลางยื่นใบหน้าเข้าใกล้สดายุอีกครั้ง...

"กล้ากัดฉันเลยเหรอ? ไอ้เด็กอวดดี..."

"ฉันเสียเงินตั้งสองเท่าของค่าจ้างที่นายจ่ายไอ้เจมส์นั่นเพื่อล้วงชื่อนายออกจากปากมัน โดยที่ไม่เอาบริการเชี่ยอะไรจากมันทั้งนั้น เพราะว่า..."


"...ฉันจะมาทวงเอาจากนายเอง...ทั้งต้น...ทั้งดอก!!"


จบคำข่มขวัญสดายุก็ถูกเหวี่ยงลงบนเตียงนอน ทั้งที่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากคัดค้าน จะร้องห้ามก็ไม่ทันการจึงทำได้แต่กระเสือกกระสนหนีไปอีกด้านของเตียงเล็กด้วยอารามตกใจ แต่ก็ใช่ว่าจะหนีพ้น ร่างของเขาถูกลากกลับมาอย่างง่ายดาย พร้อมกับกฤตเมธที่โถมขึ้นคร่อมตัวสดายุไว้

“ปล่อยกู!!”

สดายุตวาดลั่นอย่างไม่มีใจจะนับถือหรือรักษามารยาทอะไรอีก คำแทนตัวที่แสนหยาบคาย ทำให้เขาถูกกระชากสองแขนขึ้นมาตรึงไว้กับที่นอนแน่นหนาขึ้น สดายุอยากจะคงความแข็งกร้าวไว้ให้ได้ แต่ใบหน้าของคนที่คร่อมตนอยู่นั้นก็ช่างน่าหวาดกลัว

กลัวแววตาที่ราวกับกำลังเหือดกระหาย

กลัวอุ้งมือที่แม้เขาจะพยายามดิ้นรนหนีออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกบีดรัดแน่นจนเจ็บร้าวราวแทบได้ยินเสียงกระดูกลั่น

“ยังปากดีไม่เลิกเลยนะ สดายุ!! ไม่ได้รู้ตัวรึไงว่าทำอะไรผิดเอาไว้บ้างห๊ะ!!?”

ครานี้กฤตเมธเป็นฝ่ายตะคอกกลับไปบ้างแม้จะไม่ได้ก้าวร้าวอย่างที่สดายุทำ แต่แค่ก้มลงพูดด้วยเสียงต่ำๆที่ข้างหู แค่นี้ก็สามารถทำให้สดายุถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่างได้แล้ว

อยากจะบอกว่ารู้สึกผิด บอกว่าขอโทษ แต่สดายุกลับพูดไม่ออก รู้เต็มอกว่าเรื่องที่ทำมันไม่ถูกต้อง แต่พอถูกกฤตเมธโต้กลับเขาก็ไม่อาจทำใจเอ่ยคำใดๆเพื่อให้อีกฝ่ายเห็นใจได้ รู้ว่าโง่ที่ไม่ยอมโอนอ่อนในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่ถ้าจะให้ทำ ให้ละทิฐิ ให้ทิ้งศักดิ์ศรีเขายอมสู้จนแพ้ ดีกว่าจะถอย
‘โจรกระจอกที่ไม่ยอมรับคำตัดสินใดๆ แม้กำลังยืนอยู่บนแท่นประหาร’


“บอกให้ปล่อยไม่ได้ยินรึไง!! ปล่อยกู!! อ๊ะ!??”

แคว่กกก!!

เสียงเสื้อเชิ้ตเนื้อดีถูกทึ้งออกจากร่างจนกระดุมขาดออกจากกันเกือบทั้งแผง หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ สดายุพยายามเบี่ยงกายหลบหนี แต่ร่างที่ถูกคร่อมเอาไว้กลับไม่สามารถขยับได้ตามใจคิด เมื่ออาภรณ์ถูกฉีกกระชากออกไปจนเผยให้เห็นผิวเนื้อขาวภายใน สดายุก็ได้แต่ดิ้นรนราวกับคนขาดสติ พอสองมือที่เหวี่ยงออกไปอย่างไร้ทิศทางนั้นถูกจับตรึงเอาไว้อีกครั้ง สองขาก็พยายามเตะถีบผู้รุกรานอย่างเต็มที่แทน

“ฤทธิ์เยอะนักนะ สดายุ เอาสิดิ้นเข้าไป อยากรู้เหมือนกันว่าจะหนีจากมือผมพ้นหรือเปล่า หึหึ…”

“กฤตเมธ! คุณมันบ้าไปแล้ว!!  คุณทำแบบนี้มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!!”

“อ๋อ งั้นการลอบกัดโดยส่งคนมาหลอกคนอื่นเนี่ย ลูกผู้ชายงั้นสิ! หึ! ยอมรับมาเถอะว่าที่คุณต้องตกอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะตัวคุณเอง!!...”

“คนผิด…จะต้องชดใช้!!”


เสียงคำรามต่ำเอ่ยคำข่มขวัญอย่างไม่ปราณี คาดโทษโจรกระจอกผู้หยิ่งยะโสให้ได้สิ้นฤทธิ์

“ปล่อย!!....อ๊ะ!!?”

สิ้นคำสุดท้ายของกฤตเมธ สดายุก็สะดุ้งวาบขึ้นทันที่ที่ริมฝีปากร้อนผ่าวนาบลงมาที่ต้นคอ พระเอกหนุ่มขบฟันเบาๆลงบนลำคอที่สั่นเทิ้มของสดายุก่อนจะใช้ลิ้นลากไล้ไปตามสันคอ ตั้งใจให้กักขฬะและหยาบคายสำหรับคนใต้ร่างที่สุด!

“อย่า!! กฤตเมธ!! หยุดนะ ไอ้ชั่ว! ไอ้นรก!!”

“ด่าเข้าไปสดายุ ด่าอีก เอาให้สาแก่ใจ เพราะผมก็จะไม่หยุดเหมือนกัน!”

 “อ๊ากกก!! อย่านะ!! ไม่เอา!! ปล่อยกูนะ!! ไอ้สารเลววว!!”

สองมือพยายามผลักไส เมื่อถูกรุกรานไปจนถึงเข็มขัดกางเกง ร่างกายสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนก ดิ้นรนสุดแรงเท่าที่จะทำได้ แม้จะไม่สามารถหลุดพ้น จนกฤตเมธหมดความอดทนคว้าใบหน้าของสดายุเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว บีบบังคับให้มองสบดวงตาวาวโรจน์ ก่อนจะเหยียดยิ้มขบขัน

“จะดิ้นรนขัดขืนไปทำไมกัน สดายุ? ไหนคุณเคยบอกว่าคุณช่ำชองเรื่องพรรค์นี้ไง? หึหึ…แล้วจะร้องโหยหวนไปทำไมกันครับ?...คนเก่ง”

จบคำดูหมิ่น กฤตเมธก็ก้มลงลากลิ้นร้อนไปบนแก้มของสดายุอย่างจาบจ้วง ใบหน้าใสที่เบือนหลบจนแทบจะจมลงกับที่นอนนั้นแดงก่ำ น้ำตาแห่งเกียรติยศเริ่มไหลซึมหางตาอย่างน่าสงสาร แต่นั่นไม่ได้ทำให้กฤตเมธหยุดมือ

‘ขอโทษสักคำก็ไม่มี สำนึกผิดสักนิดก็ไม่มี เด็กอย่างนายต้องโดนดัดสันดานเสียให้เข็ด สดายุ!!’


“อ๊ะ...อยะ...อย่า อึก!”

สองแขนถูกกดตรึงอยู่บนเตียงใหญ่ ราวกับถูกพันธนาการ ร่างกายก็ถูกบดเบียดราวกับจะเย้ยหยัน พื้นที่ร่างกายที่เสียดสีกันนั้นร้อนผ่าว ร่างหนาบดจูบ ไล้เลีย ไปทั่วทั้งซอกคอขาวจนถึงแผงอก สกายุสะดุ้งวาบ เมื่อยอดอกสีอ่อนถูกครอบครองด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวราวไฟนาบ และถูกดูดดุนด้วยปลายลิ้น

“อ๊า!! อย่า! กฤตเมธ อย่า ไม่! อ๊ะ! อ๊า!อื้อ!”

ร่างกายของสดายุสั่นเทิ้ม ยิ่งยอดอกถูกหยอกล้อหนักหน่วง ชายหนุ่มก็ถึงขั้นต้องขบริมฝีปากแน่นเพื่อสะกัดกลั้นบางเสียงที่จะเล็ดรอดออกมา เพราะความรู้สึกบางอย่างกำลังตื่นขึ้นในร่างจากการถูกโลมเล้า
‘ไม่! เป็นไปไม่ได้!!’


 “ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นเรื่องมันไม่จบแค่นี้แน่!!”

แม้จะหวาดกลัวแต่ปากของสดายุยังคงทำหน้าที่ได้ไม่มีขาดตกบกพร่อง ทว่าแววตาฉ่ำน้ำวาวโรจน์ ริมฝีปากแดงช้ำหอบถี่ เสียงที่เอ่ยออกมาก็แหบพร่าแบบนั้นแทบไม่ได้ทำให้กฤตเมธรู้สึกเกรงกลัวได้เลยแม้แต่นิด

“หึ หึ ยังจะปากดีได้อยู่อีกนะ เด็กอย่างคุณนี่มัน…ไร้จิตสำนึกดีจริงๆ”

“นั่นมันแกต่างหาก!! บอก ให้ปล่อยไงเล่า!!”

“หึ…ปากดีต่อไปเถอะ!”

ยิ่งดิ้นรนผลักไส แรงบีบที่กดอยู่ที่ข้อมือยิ่งแรงมากขึ้น เสื้อเชิ้ตตัวบางที่ถูกฉีกทึ้งไว้เมื่อครู่เลื่อนหลุดลงมาอยู่ที่ต้นแขน เผยเนื้อนวลสิ้นตั้งแต่ต้นคอจนถึงหน้าท้องขาวสะอาด

“อย่า!!...อื้อ!!”

บทสนทนาต่อรองขาดตอนลงอีกครั้งเมื่อกฤตเมธลงมือรุกรานคนใต้ร่างอีกรอบ และครานี้มันหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม

“อ๊ะ อ๊า!...”

สดายุเผลอส่งเสียงร้องออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อกฤตเมธเริ่มรุกรานยอดอกชูชันของตนอีกครั้ง โดยการใช้ริมฝีปากดูดดึงและเล็มเลียด้วยปลายลิ้น ความรู้สึกราวกับกระแสไฟฟ้าไหลปราดทั่วร่างทำเอาสดายุหายใจหอบฮั่ก มือที่พยายามผลักไสทุกครั้งที่ถูกปล่อยเป็นอิสระ เป็นเหตุถูกตรึงไว้กับเตียงอย่างแน่นหนาอีกครา ชายหนุ่มสะท้านกายทุกทีที่ลิ้นร้อนลากผ่านบนผิวกาย ไม่มีความอ่อนโยนให้เห็นเลยแม้แต่นิด เรี่ยวแรงสดายุเริ่มเหือดหาย ร่างกายเทิ้มสั่น ทั้งกลัว และอับอาย

สดายุผวากายดิ้นรนอีกครั้งเมื่อมือกางเกงถูกกระชากหลุดออกจากตัว พร้อมกับที่ร่างของกฤตเมธแทรกเข้ามาอยู่ตรงกลางหว่างขา กายสั่นสะท้านราวสัตว์ตัวเล็กๆที่กำลังจะถูกขย้ำ กฤตเมธยกยิ้มยืดตัวขึ้นพร้อมถอดเสื้อของตัวเองออกพลางหลบมือไม้ที่ยังพยายามปัดป่าย ทว่าทันทีที่เขาจงใจรูดซิบกางเกงลง ร่างบางของสดายุก็แล่นกระถดกายหนีทั้งๆที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรง และมันก็เป็นเช่นเดิม…ดิ้นรนไปก็เสียแรงเปล่า

ความสิ้นไร้ไม้ตอกทำเอาสดายุแทบคลั่ง ชายหนุ่มดิ้นรนครั้งสุดท้ายด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ปากพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ แต่ก็ถูกร่างหนากระชากกลับมา และถูกทำให้เสียงเขากลืนหายไปในลำคอด้วยจูบจาบจ้วงของอีกฝ่ายเสียทุกครั้ง  หัวใจของสดายุเต้นแรงจนแทบจะหน้ามืด ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่โดนสัมผัส

การเล้าโลมหนักหน่วงทำให้สดายุไม่อาจต้านทานอารมณ์วาบหวามที่ร่างกายเคยคุ้นไม่ให้ลุกโชติช่วงขึ้นได้ แม้จิตสำนึกเขาจะยังต่อต้าน แต่ส่วนลึกภายในร่างกลับเรียกร้องปลดปล่อย ส่วนกลางร่างกายตั้งชันอย่างไร้ศักดิ์ศรี และมันก็ไม่อาจหลบลี้สายตาของคนจ้องรุกรานได้

“อยะ…อย่า…ตรงนั้น มะ…ไม่เอา”

สดายุพยายามเบี่ยงกายหนี ทันทีที่ถูกแตะต้องสัมผัสของพึงสงวน แต่ก็ถูกตรึงร่างไว้ทันทีเช่นเดิม

“อยู่นิ่งๆ”

กฤตเมธออกคำสั่งพร้อมกับกระชับมือเข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหวของสดายุให้แนบแน่นขึ้นพร้อมทั้งรูดรั้งหนักหน่วง เขารู้ดีวว่าคนใต้ร่างกำลังข่มกลั้นอารมณ์หวามไหวที่กำลังปะทุเดือดอยู่ภายใน สดายุกัดปากแน่นพร้อมทั้งพยายามคู้กายหลีกเลี่ยงสัมผัส แม้จะถูกแรงเสน่หาโจมตีไม่หยุดหย่อน และแน่นอนว่าถึงตอนนี้แล้ว กฤตเมธเองก็จะไม่ยอมหยุดเช่นกัน เขายอมมาพอแล้ว เขาอดทนมาพอแล้ว คนอย่างกฤตเมธถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ และของที่เขาหมายตาอย่างสดายุนั้น ยิ่งปล่อยให้หลุดมือไม่ได้เด็ดขาด

ที่สำคัญเขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่ร่างกาย…

‘แต่เขาต้องได้ทั้งหมด!’


“ฮึก อ๊ะ!...อา…อ๊ะ…”

ความเสียวซ่านแล่นปราดจนสะโพกแอ่นขึ้น เมื่อถูกเร่งเร้าให้ สติสัมปชัญญะถูกพัดหายไปจนสิ้น สดายุเหลือเพียงก้อนสมองเปล่าๆกับใจที่เจ็บร้าวเมื่อจุดสุดยอดกำลังแล่นมาถึง

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า!!”

ความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้ามานำพาให้สดายุครางเสียงหวาน หยาดอารมณ์พุ่งออกมาจนเปื้อนไปหมดทั้งท้องน้อย ใบหน้าที่สุกฉ่ำพราวไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งก้อนทิฐิที่ถูกป่นจนแหลกสลาย

แม้จะทำให้เขาเสร็จสมแต่ดูเหมือนกฤตเมธที่แทรกกายอยู่ตรงกลางหว่างจะยังไม่ยอมปล่อยตัวของสดายุไป จากนั้นเพียงอึดใจความหวาดหวั่นก็ฟาดฟันลงมาจนหน้ามืดเมื่อนิ้วมือที่ยังคงเฉอะแฉะของกฤตเมธพยายามล่วงล้ำเข้ามาในร่าง สดายุพยายามร้องห้าม ทั้งพยายามขืนตัวแต่ก็ไม่สามารถหลบลี้ ได้แต่ปล่อยให้นิ้วร้ายรุกรานเข้ามาราวกับเขาไม่ใช่เจ้าของตัวของเขาเอง เสียงจอกแจกที่เกิดจากการเสียดสีของนิ้วและส่วนเร้นลับแว่วมาข้าหู ทำให้สดายุยิ่งกัดฟันกรอด

ยอมรับแล้วกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แม้มันจะเลวร้าย แต่หากมันจะช่วยให้เขาล้างความผิดบาปที่ก่อกับคนบนร่างลงได้ สดายุก็เต็มใจที่จะทำ
‘หมดเวรหมดกรรมกันได้เสียทีก็ดี!!’


“อะ...อะไรน่ะ อยะ...อ๊า!!” 

ทว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีก็ต้องพลันสลายหายไปอีกครั้ง เมื่อท่อนลำใหญ่โตของกฤตเมธพยายามดุนดันเข้าไป ฝืนรอยจีบรัดรึงเข้าสู่ช่องทางคับแน่นอุ่นร้อน ที่ถูกเปิดทางด้วยนิ้วมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนมันจะยังไม่พอ ความอึดอัดคับแน่นทำให้การสอดใส่ช่างยากลำบาก
 
“สดายุ…อย่าเกร็ง”

“มะ….ไม่เอา…อยะ…อย่า….”

 กฤตเมธกัดฟันกรอด พร้อมจับขาสดายุแยกออกกว้างเพื่อรองรับการสอดใส่ของตนให้ลึกล้ำยิ่งขึ้น ชายหนุ่มกะจังหวะที่สดายุผ่อนลมหายใจ แล้วจัดการสอดพรวดเดียวจนสุด เพื่อลดทอนเวลาและความเจ็บหน่วง

“จ...เจ็บ อ๊า...อยะ...อึก อ๊ะ” 

“ยุ…ผ่อนลมหายใจหน่อย…อึก…หายใจ…ลึกๆ…”

เหงื่อเม็ดเป้งที่ผุดพราวขึ้นบนใบหน้าของสดายุเป็นคำตอบได้อย่างดีว่าร่างบางทรมานกับการรุกรานครั้งนี้แค่ไหน กฤตเมธเองก็ทรมานกับความคับแน่นในร่างกายนี้ไม่ต่างกัน

ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อช่องทางร้อนผ่าวของสดายุตอดรัดราวกับกำลังดูดให้เขาดำดิ่งเข้าไปหา อยากกระทั้นกายเข้าลึกรุนแรงเพราะไม่อาจห้ามใจกับความหอมหวานที่สดายุมอบให้

 ทั้งๆที่ยังรู้สึกโกรธเคืองแต่ก็ยังอยากจะอ่อนโยนกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้

ทั้งที่ยังน้อยใจ แต่ก็อยากมอบความสุขกระสันให้อีกฝ่ายได้ร่วมเดินทาง

แต่ทว่า…เขาไม่อาจหักห้ามใจรอคอยได้อีกแล้ว

 “อ๊ะ ยะ..อย่า กฤตเมธ...อย่า อ๊ะ อ๊ะ อ๊า”

สดายุร้องครางจนเสียงหลง เมื่อกฤตเมธเร่งจ้วงแทงจังหวะหนักหนวงรุนแรง สองมือสั่นเทาของสดายุถูกตรึงเอาไว้เหนือศีรษะ แผ่นหลังแอ่นโค้งรับการรุกราน เจ็บปวดราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ก็เสียวซ่านจนแทบหลอมละลาย ร่างกายสั่นไหวไปตามแรงกระแทกกระทั้น น้ำตาปริ่มที่หางตา เจ็บใจ แต่ไม่อาจห้ามความเคลิ้มคลั่ง

“อึก อา…ยุ…ยุ…”

“อ๊ะ อ๊ะ อย..อย่า…อ๊า…อ๊ะ…อื้อ….”

แก่นกายใหญ่โตของกฤตเมธผลุบเข้าผลุบออกทั้งยังขยับโยกอย่างหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น กลิ่นกายของชายฉกรรจ์ที่กำลังร่วมเพศกันอวลฟุ้ง สองร่างหอบหายใจถี่ ร่างกายขยับเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง ชิงชังแต่หลงใหล เนื้อต่อเนื้อสอดประสาน แรงอารมณ์ขับเคลื่อนกฤตเมธให้ขยับกายรุนแรงยิ่งขึ้นอีก เร่งจังหวะกระทุ้งกระแทกขึ้นอีกหวังเพื่อจ้วงลึกไปจนสุดลิ่มเนื้อสู่ปลายทาง

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า…อ๊ะ…อ๊า~”

สดายุกรีดร้องเมื่อร่างกายถูกชำแรกเข้ามาจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด รู้สึกได้ถึงแรงระเบิดเล็กๆและหยาดน้ำร้อนผ่าวที่ฉีดพุ่งเข้าสู่ภายในมากมายจนล้นทะลักออกมา

“อึก...อา…”

กฤตเมธขยับกายเบาๆอีกสองสามครั้ง ความสุขสมเอ่อล้นจนขนลุกชัน 

ทันทีที่เสร็จสมสดายุก็หลับลงทันทีเพราะความเหนื่อยล้าทั้งที่ใบหน้านั้นยังคงเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดเหงื่อและน้ำตา

และเพียงครู่ต่อมาเมื่อสามารถผ่อนลมหายใจให้เบาบางลงได้ กฤตเมธก็ก้มลงบรรจงจุมพิตที่ขมับของคนใต้ร่างอย่างอ่อนโยน


“นายเป็นของฉันแล้วนะ…เจ้าเด็กอวดดี”

“และฉันจะไม่มีวันปล่อยมือจากนายเด็ดขาด…ไม่ว่านายจะต้องการหรือไม่ก็ตาม”



***********************************************************************


มาแก้คำผิดพร้อมทั้งแก้ไขบางประโยคที่อาจทำให้สับสนแล้วค๊า...(หนีงาน...หลบนาย...มาแก้เลยทีเดียว)

และที่ขาดไม่ได้...ขอทิ้งสปอล์ยไว้ 3 ประโยคจ๊ะ

“แล้วคุณเคยคิดถึงใจผมบ้างหรือเปล่า? ผมเข้าใจว่าเมื่อก่อนผมอาจทำตัวแย่ให้คุณรู้สึกรังเกียจ แต่ผมก็ละทิ้งทุกศักดิ์ศรีที่ผมมีเพื่อกล่าวคำขอโทษจากหัวใจให้คุณไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน...แม้ว่าทุกครั้ง...มันจะโดนคุณเหยียบย่ำอย่างไม่มีชิ้นดีก็ตาม...”

“ผมรู้ว่าที่ผมทำมันช่างเลวร้ายสำหรับคุณ และแค่คำขอโทษคงไม่พอที่จะขอการให้อภัย...แต่...ผมขอแค่โอกาสได้หรือเปล่า? โอกาสที่จะให้ผมได้รับผิดชอบการกระทำทั้งหมดต่อตัวคุณ...โอกาสให้ผมได้ดูแลคุณ...”

“...หรือว่า...คำว่าชอบจากคนอย่างผม...มันน่ารังเกียจสำหรับคุณกัน?...”



โดนพูดขนาดนี้เข้าไป น้องยุเราจะตอบยังไงนะ อิอิ
 :katai5:
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

อนาคี99 / thearboo

ปล.ขอหายหัวไปสัก 4-5 วันนะจ๊ะ เดี๋ยวอาทิตย์หน้ารีบมาต่อ...จุ๊บๆๆๆ
(หมุนตัวหลบกระสุนรองเท้าอย่างสวยงาม)

 :z6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 14-11-2013 04:02:08
ได้อ่านเป็นคนแรกเลย
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 14-11-2013 04:18:08
อร๊ายยยยย ไม่เสียแรงที่นั่งถ่างตารอมาทั้งคืน >_< (อันที่จริงอ่านหนังสือเตรียมขึ้นเขียงพรุ่งเน้!!)

หนูยุเสร็จป๋าละ ได้ใจแม่ยกกฤตเมธไปเต็มๆ ซักทีๆ เขิลลลลลลล :pighaun: :jul1: :jul1:

แต่ดูท่าตอนหน้ายังต้องปรับจูนคลื่นกันอีกซักนิดนะ รู้สึกยังไม่ตรงกันยังไงไม่รู้ 5555+


รอตอนต่อไปนะค้าาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-11-2013 04:35:16
 :katai1:  คุ้มค่าที่รอคอย 5555 น้องยุเลิกดื้อนะนะเฮียเค้าจะได้รักจะได้หลง ใช้สิ่งที่เสียไปให้คุ้มค่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 14-11-2013 05:32:29
 :z1: ดีใจที่เรายังไม่นอน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 14-11-2013 05:53:10
“นายเป็นของฉันแล้วนะ…เจ้าเด็กอวดดี” ประโยคนี้โดนมากๆๆๆบอกเลยอ่านแล้วกรี้ดดดดอ่ะ5555
แต่หลังจากนี้พี่เมธงานหยักแน่ๆๆๆๆหรืองานจะเข้าน้องยุแทนรอดูการปราบพยศเด็กนะคะลุง5555
อยากบอกว่าเราก็ยังไม่ได้นอนเล่นเกมรออยู่เป็นเพื่อนเลย555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 14-11-2013 05:59:27
 :haun4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 14-11-2013 06:04:56
อยากจะกรีดร้องให้ลั่นทุ่ง น้องยุเสร็จโจรเสียแล้ว ลุงร้ายกาจมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 14-11-2013 06:14:45
เดี๋ยวก็ต้องมาลุ้นเค้าปรับความเข้าใจกันอีก
คุณเมธเวลาจะดาร์คก็น่ากลัวเหลือเกิน
ยุก็นะ~~~~~ ฮือ เป็นเอ็นซีที่งื้มๆมากค่ะ จะหื่นก็หื่นไม่ออกสงสารยุนิดๆ5555555555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 14-11-2013 06:44:34
สงสารน้องเบาๆนะ คือถ้ายุมันไม่ได้สำนึกผิดอะไรเลยเนี่ย จะดีใจที่มันโดนปล้ำไป คนที่รักศักดิ์ศรีตัวเองมากขนาดนี้ ถ้าลุงหวังจะได้หัวใจมาด้วยเนี่ย ลุงเหนื่อยกะการปราบพยศแน่ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 14-11-2013 07:01:38
น้องยุเสร็จลุงซะแล้ว
แต่แอบสงสารหนูยุอยู่นะ ลุงเวลาดาร์คโหดใช่เล่น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 14-11-2013 07:09:16
 :jul1:  ตายสนิท  รอตอนต่อไปด่วนเลย   :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-11-2013 07:32:32
ถ้าเอ่ยปากขอโทษ เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้
ปล.ลุงเมธ...รับผิดชอบน้องด้วยนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-11-2013 07:49:43
ตายล่ะไม่ใช่พอน้องฟื้นก็ออกฤทธิ์อีกนะ ตาแก่ห้ามร้ายใส่แล้วนะช่วยจีบแบบเด็ก ๆ เค้าจีบกันด้วยนะ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 14-11-2013 07:51:10
เด็กดื้อโดนนกดเข้าให้แล้วววว
อร้ายยยเลือดสาดดด :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-11-2013 08:10:40
 :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 14-11-2013 08:20:41
ยุเอ๋ยสุดท้ายก็โดนกินโดยเฒ่าเจ้าเล่ห์
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 14-11-2013 08:25:54
เสียเลือดแต่เช้าใครก็ได้มาเติมเลือดที HPหมดตัว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 14-11-2013 08:31:04
:jul1: ไม่ผิดหวังกันสักครั้งกับ NC ของน้องเอ็ม 55555+
โฉดแต่อ่อนโยน... เร้าร้อนแต่อ่อนหวาน... อ๊ายยยยยยยย :-[

ประโยคสุดท้ายของพระเอก... ยุจะหนีไปไหนรอดเนี่ย!!!

รอตามตอนไป ฮิๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 14-11-2013 08:40:46
 :m25:  น้องยุไม่รู้ว่าพอตื่นมาแล้วจะเป็นยังไงน้าาา อาจจะร้ายกว่าเดิมก็ได้นะเนี่ย


ยังคงอยากรู้ตอนต่อไปอยู่ดี มาต่อตอนต่อไปเร็วน้า :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 14-11-2013 08:53:43
ต้องรอดูว่า พี่เมธจะจัดการกับน้องยุยังไงต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 14-11-2013 09:14:28
น้องยุน่าสงสารเชียวอะ
พี่เมศตอนน้องตื่นก็อย่างแกล้งน้องมากนะคะ
เดียวน้องหันไปสนใจเด็กๆแล้วจะหึงอีก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: withmeto_PJ ที่ 14-11-2013 09:25:32
ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากกรีดร้องงงงง คิคิคิ เรียบร้อยยยยโรงเรียนกฤตเมธไปแล้ววว 555555
อยากอ่านตอนต่อไปเลยค่าว่าน้องยุตื่นมาแล้วจะยังไงต่อ โอยย

ขอบคุณสำหรับนิยายนะค๊าา จะรอตอนหน้าค่าา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 14-11-2013 09:31:02
เหอะๆ  คุณเมธรุนแรงจริงๆ

น้องยุของผมเสียสาวจนได้  5555  แต่สะใจพิกล  ขอให้คุณเมธง้อน้องได้สำร็จ

ขอบคุณมากๆครับที่อุตส่าห์ปั่นให้อ่าน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 14-11-2013 09:34:07
 :pighaun:  :m25: ฉากนี้มันดิบเถื่อน เร้าใจเจ้จริงๆ  :jul1: :oo1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 14-11-2013 09:44:47
จะเป็นไงต่อไปเนี่ย น่าสงสารนายเอกอ่าาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 14-11-2013 09:59:03
หนูยุเสร็จคนแก่ซะเเล้ว :z1:
พี่เมธต้องดูแลเด็กให้ดีๆนะคะ หุหุ เพราะดูแล้วท่าทางเด็กจะฤทธิ์เยอะซะด้วย :hao7:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: t152_rakjai ที่ 14-11-2013 09:59:39
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ゚゚ღ✿ศิลินส์✿ღ゚゚ ที่ 14-11-2013 10:12:30
สวัสดีค่ะ เพิ่งมาอ่านสนุกมากเลย

แหม่!! ยุโดนกดไปซะแล้ว แอบเห็นด้วยกับพี่เมธตรงทำผิดแล้วไม่ยอมรับผิดนะ แค่ขอโทษมันไม่ทำให้เสียฟอร์มเท่าไหร่หรอกค่ะน้องยุ

ดูแล้วคงต้องให้พี่เมธปราบจริง ๆ แหละค่ะ ไอ้นิสัยปากไม่ตรงกับใจน่ะ ตอนสุดท้ายน้องยุยอมจำนนชิมิเพราะเห็นแก่กับเรื่องที่ตนทำผิด หวังว่าน้องยุคงไม่รู้สึกแย่จนไม่ยอมให้พี่เมธกดอีกน๊า เพราะเค้าอยากอ่าน คริคริ  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 14-11-2013 10:21:55
เอิ่ม ส่งปู้ชายป้ายเหลืองมาให้นี่เป็นการแกล้งนะ ไม่ได้ส่งใครมาข่มขืน...
แต่ที่คุณลุงทำนี่ แถวบ้านเรียกขืนใจนะ.... ถ้ายุตื่นมา แล้วโดนเกลียด ก็ช่วยไม่ได้นะลุง... จิงแล้วแอบหึงเด็กอ่ะจิ หึหึ

รอต่อน้าฮ้าบบบบบบบบบบ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 14-11-2013 10:25:39
 :pighaun: กว่าจะอ่่านจบ

ไม่ใช่อะไรครูสอนอยู่หน้าห้อง555

ฟินจุง อุอุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 14-11-2013 10:45:55
แอบสงสารเจ้าเด็กอวดดีเบาเบา
แล้วจะเป็นไงต่อเนี่ย เฮ้อออ
งานหนักอยู่ที่กฤตเมธแล้วแหละ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 14-11-2013 11:05:55
ยุไม่น่า รีบหลับก่อนเลย น่าต่ออีกสักยกสองยก กระชับความสัมพันธ์  :mew3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: shockoBB ที่ 14-11-2013 11:23:54
หนูยุเสร็จป๋าเมธซะแล้วว หุหุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 14-11-2013 11:24:19
อร๊ายยย
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง :jul1:
ตอนตื่นน้องยุจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกรึเปล่าน้า
แต่จะมีแรงแผลงรึเปล่าอะน้องเอ้ย
 :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 14-11-2013 11:28:21
 :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 14-11-2013 11:34:33
“นายเป็นของฉันแล้วนะ…เจ้าเด็กอวดดี”

“และฉันจะไม่มีวันปล่อยมือจากนายเด็ดขาด…ไม่ว่านายจะต้องการหรือไม่ก็ตาม”

อื้อหื้อ ยุ เสร็จละ ทำไงต่อหล่ะทีนี้ แล้วอีกคู่ละคะ อีกคู่ใกล้สเร็จรึยัง?

 :hao6: :pighaun: :jul1: :katai2-1: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-11-2013 12:16:02
เรียบร้อยโรงเรียนคนแก่555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 14-11-2013 12:16:54
ยุคงหนีไปไหนไม่รอดแล้วล่ะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 14-11-2013 12:19:57
 :ling3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 14-11-2013 12:40:04
น่าสงสารน้องยุ คุณเมธใจร้าย น่าจะถนอมให้มากกว่านี้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 14-11-2013 13:11:18
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย น้องยุโดนกินแล้ว สมกับที่รอคอย
พี่เมธรอบหน้าเบาๆหน่อยนะคะ ได้น้องแล้ว ก็ดูแลน้องดีๆนะคะ
ไม่อยากจะคิด ตื่นมาน้องยุอาละวาดแน่เลย พี่เมธเหนื่อยน้อยนะ หุหุ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 14-11-2013 13:16:14
ขอบริจาคเลือดด่วนเลย 

ช่วยกันประกาศด้วย

นายเอกเราเสียเลือดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Alphas ที่ 14-11-2013 13:18:06
อุต๊ะ ตาลุงแกเล่นบทพิศาล
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 14-11-2013 13:21:13
 :heaven :m25:

ยุ เสร็จพี่เมธซะแล้วววววว
ตื่นมาจะเป็นไงเนี่ย
พี่เมธ ต้องอ่อนโยนนะ >.<
อย่าทำรุนแรงอีก!!! คิคิ

----------------------
อ่านสปอยแล้วอยากกรีดร้องงงงงง
สงสารพี่เมธ
ยุให้อภัยเถอะ นะ  TT
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 14-11-2013 13:56:57
ยุโดนกินตับไปแล้ว จะดราม่ารึึอาละวาดห้องพังเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 14-11-2013 15:12:42
น้องยุร้องไห้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: whitefang ที่ 14-11-2013 15:31:00
เสร็จจนได้ :oo1: อยากอ่านตอนต่อไปเเว้ววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 14-11-2013 15:41:21
สปอยยยยยยย ไอ๊!! แล้วทีนี้น้องยุจิทำยังงายยยย


คนนอกก็รอลุ้นเอาหูแนบประตูห้องอยู่นะเค๊อะ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-11-2013 15:56:47
 :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 14-11-2013 16:22:58
แซ่บ!! แรงกันทั้งคู่เลย

ในที่สุดน้องยุก็เสร็จพี่เมธ  :m25:

แต่หลังจากที่เสร็จแล้วนี่สิ พี่เมธจะทำอย่างไรให้ได้ใจยุด้วย  :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: yamapong ที่ 14-11-2013 17:04:16
โอ้ยยยย มันหน่วงในใจแท้เหลา จี๊ดๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 14-11-2013 17:11:05
อ่านสปอล์ยแล้ว อยากอ่านแบบเต็ม ๆ มากจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-11-2013 17:28:52
กรี๊ดดดดดดด
ตอนหน้าน้องยุต้องใจอ่อนแน่ๆ
โดนอ้อนเสียขนาดนั้น ครึครึ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 14-11-2013 17:43:57
งื้อ มาต่อไวๆ...
 :m18:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-11-2013 18:59:06
นายเป็นของฉันแล้วนะ...เจ้าเด็กอวดดี

โอย น่าสงสารน้องยุเหมือนกันน้าาาา โดนขืนใจอ่าาา  :oo1:

ฉากเรียกเลือดนี่เขียนได้ดีทีเดียว เล่นเอาเลือดกำเดา น้ำมูก น้ำตา ไหลทะลัก  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งหลัง (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: PINKXIAHH ที่ 14-11-2013 19:10:41
โหดมาก...
ไม่คิดว่าจะมาแนวSแบบนี้เลยค่ะ 55555555555555555555555555555
ทำเอาเลือดทะลักไหลหมดตัว  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
แต่ว่าสงสารน้องเหมือนกัน คุณกฤตเมธไม่ถนอมน้องเลย คุยดีๆสิ T_T
คิดว่าหลังจากตอนนี้ต้องดราม่าแน่ๆเลย เพราะน้องปกติก็ไม่ได้รู้สึกดีกับคุณกฤตเมธอยู่แล้ว(ถึงจะนิดหน่อยแต่ก็ยังทิฐิอยู่ดี)
ยิ่งโดนทำแบบนี้.....
โอย เดาตอนหน้าไม่ออกเลยค่ะ T_T
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 14-11-2013 19:12:33
 :really2: :really2: :really2:

ยุ โดนจับกดแล้วไงล่ะ เพราะตัวเองทำตัวเองแท้ๆๆๆ  แต่ก็ดีแล้ว กิกิกิกิ  จะได้รีบๆๆรักกันซะที 
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 14-11-2013 19:23:09
โอยยยยย พี่เมธคะนั่นน่ะเข้าข่ายข่มขืน!!นะคะ งานหนักแน่ต่อจากนี้
แต่น้องยุก็ร้ายเหลือเหมือนกัน หวังว่าจะจูนกันติดนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 14-11-2013 19:30:05
ก็นะ อวดดี หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี เมธคงสติขาดผึง --!
แต่ก็สงสารยุนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 14-11-2013 20:30:45
สงสารยุ แต่ก็ดีใจที่พี่เมธได้ครอบครองยุ
เอ๊ะ!!ยังไง???
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 14-11-2013 20:45:48
มาทำให้อยาก(รู้)แล้วจากไปอีกแล้ว
ลงแดงแน่ๆ เล่นบอกว่าจะหายไปหลายวันด้วยT^T
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 14-11-2013 21:03:22
ฮรืออออออออออ
สงสารน้องยุอ่าาาา พี่เมธก็รุนแรงกับน้องไปนิสสสส :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-11-2013 21:46:30
ในที่สุดน้องยุก็โดนทำโทษ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 14-11-2013 22:00:54
 :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 14-11-2013 22:03:38
แรงทั้งคู่ ตอนต่อไปสดายุต้องโกรธหนักแน่เลย

กฤตเมธตามตื้อคืนดีให้ได้นะ เชียร์~ o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 14-11-2013 22:34:52
สงสารน้องยุ  :o12:
แต่ก็เขินเบาๆกับประโยคสุดท้าย
ปล.ลุงน่ากลัวมากอ่ะ ฮือออ :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: haru1111 ที่ 14-11-2013 23:41:54
 :haun4: รออ่านต่อ รีบมา นะค่ะ หนูจะรอ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 14-11-2013 23:53:06
โฮกกกกกกกกกก อยากอ่านตอนหน้ามาก ๆ ค่ะ
ทำไปแล้วพระเอกเรา แอบเศร้าแต่ก็ดีใจที่ได้กัน 555 ก็น้องยุดื้อน่าปราบ และพี่เขาก็รักหนูจริงและจริงใจ
พี่ว่าควรจะได้กันดีที่สุดค่ะ คราวนี้แหละได้เป็นเจ้าของกันเต็มตัว แต่เด็กน้อยใช่จะให้ปราบกันง่าย ๆ
คงมีปวดหัวกันไปอีกหลายหน และมีหึงกันไปอีกหลายรอบ แค่คิดก็เร้าใจแล้วค่ะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 15-11-2013 19:22:35
แอบๆสงสารน้องยุอะ  :m17:
แต่ก็รอตอนต่ออยู่น๊าาา :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 15-11-2013 19:33:35
เฮียเมธทำให้ได้อย่างที่พูดด้วยนะ :katai4:
เผลอแป๊บเดียวน้องยุโดนหมาป่าขย้ำซะแล้ว
แต่น้องยุนี่ก็แสบจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ เฮ้อ
ไม่อยากจะคิดตอนน้องยุตื่นมาเลย เหอๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 15-11-2013 19:49:22
น้านนนน น้องยุเสร็จคนเฒ่าจนได้ 5555555555555555555 :m20:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-11-2013 20:43:32
จะรอฉากง้ออย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 15-11-2013 21:36:34
 :haun4: :jul1: :laugh: :hao6: :hao7: :hao3: :oo1:
สดายุเสร็จแก่แล้วเหวยๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 15-11-2013 21:58:44
เย้!! ตามทันซะที สนุกมากเลยค่ะ

ตอนนี้ถึงถูกใจแม่ยก แต่สงสารน้องยุมากๆ//แอบซับน้ำตาผ้าเปียกไปหลายผืน
จริงๆน้องมันก็สมนึกผิดแล้ว แค่ปากหนักเฉยๆ ลุงทำเกินไปแล้วนะ  :ling3:

รอตอนต่อไปด้วยใจจดจ่อค่ะ  คนเขียนสู้ๆ :3123:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 16-11-2013 16:54:08
ยุเอ้ยยย
จะทำยังไงต่อไปละเนี่ย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: uri uri ที่ 16-11-2013 20:06:20
ใจแข็งอีกสักนิดก่อนเถอะ
นายเอกเรามีชีวิตที่น่าสงสารออก
แต่อย่าให้มีการเอาบุคคลที่สามมาประชดกันเลย
เรื่องยาวไป
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: TaiTuk ที่ 16-11-2013 22:08:07
สดายุร้องไห้แต่ทำไมหนูถึงยิ้มแก้มปริไม่รู้สินะฮี่ๆๆๆเลวจริงๆเลยเรา :ling3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 16-11-2013 23:10:03
น้องรั้นมากๆเลยอะ คนแก่ถึงกับต้องใช้กำลัง(????)
คนอ่านก็จมกองเลือดไปตามระเบียบ  :jul1:

น้องตื่นมา ตาแก่ตายแน่ ถ้าน้องเหวี่ยงขึ้นมา
ไมเกรนแทะจ๊ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งหลัง (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: zerosaint ที่ 17-11-2013 17:12:38
มาซะSเลย โฮรๆๆๆๆ กลัวว่าน้องจะเกลียดคุณเมธยิ่งขึ้นอีกสิเนี่ยหลังจากนี้
อุตส่าห์จะดีแล้วเชียว  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
แต่ก็... รับเลือดไปเลยค่า1ลิตร  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 18-11-2013 22:53:17
รอตอนใหม่แล้วจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 19-11-2013 03:40:18
รอยุอยู่นะ มาต่อเร็วๆเถ๊อะ  :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: a-o-pai ที่ 19-11-2013 13:41:49
หนุกกกกๆ รอตอนต่อไปน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 19-11-2013 15:13:16
 :oo1: :m25:
นายยุ โดนเหมือนในหนังเปี๊ยบเบย
แล้วต่อไปต้องเล่นบทรัก แล้วยุจะแสดงว่ารักไหวมั้ยเนี่ย ในเมื่อมันกลายเป็นความเจ็บแค้นแสนสาหัส :m28:
เอาใจช่วยนะคะ มาต่อไวๆน้าเค้ารออยู่  :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 20-11-2013 00:02:03
วันนี้ครบ 5 วัน ละ  o18

ไม่ได้มาทวงแต่อย่างใด  :m31:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 20-11-2013 11:06:48
สงสารน้องยุเบาๆ
แต่พี่กฤตแกก็โหดดีแท้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-11-2013 21:37:28
มาได้แล้วม้างงงงงงงหลายวันแล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: Enta ที่ 20-11-2013 21:42:05
 :z3: :z3: :serius2: :serius2:
อยากอ่านต่อแล้ววววววนะคะ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 20-11-2013 21:44:10
รอมา 8 ปีแล้วนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: พู่กันและหยดหมึก ที่ 20-11-2013 21:48:13


ผิดไหมที่เพิ่งเข้ามาอ่าน  :hao3: :hao3:
จริงๆอ่านเเล้วไม่เม้น นิสัยแย่จริงๆ  :z6:

รอตอนต่อไปจ้า ฮ่าๆ หลายวันเเล้วอ่ะ
 
เขียนได้สนุกมากเลยค่ะ รักยุอ่ะ ชอบนายเอกประมาณนี้ :o8:
เป็นกำลังใจให้จ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 20-11-2013 22:28:33
ขอเวลาอีก 2 วันนะคะ
ขอปั่นงานยิก อีกนิดนะคะ

ขอโทษที่ทิ้งหน่วงถ่วงน๊านนานนะคะ

ขอขมาแรงๆ ร้อยรอบ
 :5779:
Thearboo / อนาคี99
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: aimsun ที่ 20-11-2013 22:34:28
รอด้วยคนครับ ฟินเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ฉบับปรับปรุง+สปอลย์ (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 20-11-2013 22:37:08
แฮ่กๆๆๆๆ ตามอ่านทันจนได้
อยากบอกว่าอ่านรวดเดียวตั้งแต่ตอนแรกเลย :sad4: :sad4:
ชอบมาก ชอบมากๆ จะติดตามไปเรื่อยๆนะ

เป็นกำลังใจให้หนูยุดื้อน้อยลงนะจ้ะ อิอิ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 20-11-2013 22:38:46
เต็มใจรอค่ะ :mew1:

แม้จะแอบสะอื้นอยู่นใจ :hao5:

 :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-11-2013 22:39:55
รอได้ค่าาา
แต่พอกลับมา ขอยาวๆนะคะ ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 20-11-2013 22:43:49
ยังไงก็รอจ้า.......  :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: ploygy ที่ 20-11-2013 23:32:44
มาช้างั้นขอตอนยาวๆๆนะคะ   :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 21-11-2013 01:14:12
อ่านรวดเดียว ฟินมากกกกกกกกกกกกกกกกก กรี๊ดดดดด ฉากNCทำเลือดหมดตัวค่าาาาาาาาาาา  :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:  ชอบมากกกกเรื่องนี้ มาต่อไวๆน้าาาา  o13 o13 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 21-11-2013 07:07:35
สู้ๆ คนเขียนนน เรามารอออออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 21-11-2013 21:18:08
 :m15:
 :m31:
 :serius2:
 :a5:
 o22
 :mew2:
 :ling1:
 :m17:
 :impress:

 :haun5: คุณเจ้าของเรื่องยุ่ง แต่เรานี่สิ ว่างงาน  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 21-11-2013 21:36:07
รอค่า กลับมาขอยาวๆ  :t2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 21-11-2013 22:08:17
ยาวไป ยาวไป ยาวไป หายไปยาวเบย  :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 22-11-2013 21:04:00
ตามอ่านทันจนได้ ไม่รู้จะเม้นยังไง พออ่านถึงตอนที่ได้เสียกัน
อ๊ากกกกกก อ๊ากกกก อยากจะบ้าตาย กร๊ดดดดดด


ไม่ยอมมืออีกตั้งหาก แถมยังยืนยันว่าจะไม่ปล่อยแม้ไม่ต้องการ

กร๊ดดดดดด รักอ่ะ ><


รออยู่น้าาาาา รีบๆๆ มากลับมาอัพนะ เขาค้างงงง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 22-11-2013 21:42:28
รอ ร๊อ รอ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: poisongodx ที่ 22-11-2013 22:49:18
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 22-11-2013 22:53:03
มาปูเสื่อรอแล้วววว :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: onlypleng ที่ 23-11-2013 00:51:43
รอ ฉันรอเธอ~~~~~
ได้เพิ่งมาอ่านเรื่องนี้ค่ะ
แบบว่าน่ารักมากอ่ะเค่อะ :hao6:
อยากอ่านตอนต่อไปใจจะขาด
อยากจะรู้ว่าชายยุ ตื่นมาท่านจะว่าอย่างไร ฮี่ๆ
สู้ๆค่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 23-11-2013 02:52:23
ยุก็ทำอะไรไม่เข้าเรื่องจริง ๆ แต่เมธไม่ค่อยเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 23-11-2013 06:54:47
เรารอเรื่องนี้อ่ะ วันนี้น่าจะเกินสองวันแล้วนะคะได้โปรดมาเถิด


 :call: :call: :call:  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 23-11-2013 12:54:31
OMG ทำไมเป็นเช่นนี้.... สงสารยุ... อย่างนี้ไม่รอดแน่ๆ... ตายๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 23-11-2013 14:48:53
รักกันจริง อย่าปล่อยให้รอนานนะ  :teach:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 23-11-2013 15:35:55
เข้าวันที่สามแล้วนะเธอจ๋า    :hao5: ... แต่ยังไงเราก็จะรอให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 23-11-2013 15:37:25
สงสารยุอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 23-11-2013 20:35:07
ไม่เป็นไรหรอก 8 ปีก็เคยรอมาแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 24-11-2013 18:01:15
เสร็จกันจนได้
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 24-11-2013 18:57:57
 :sad4: :sad4: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 24-11-2013 19:06:46
เข้ามารอ ร๊อ รอ~ :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: helios-ag ที่ 24-11-2013 20:53:29
พี่นักเขียนคะ เกินโควต้าวันหยุดแล้วนะคะะะ
555555555555555555555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 24-11-2013 21:08:28
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก(ขอหายหัวอีก 2 วันนะคะ) T^T
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-11-2013 22:04:17
ให้อีกสองวันเท่านั้น หึหึ :z4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-11-2013 23:21:10
(เรื่องสั้น) ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 13




สัมผัสเย็นฉ่ำที่บรรจงซับเบาๆที่ข้างแก้ม เรียกสติเลือนรางของสดายุให้ฟื้นคืนตัวขึ้น ร่างบางกระพริบตาปรือปรอยช้าๆเพื่อประมวลสมองให้รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบกาย รวมถึง...สิ่งที่ผ่านไปเมื่อคืน

"ตื่นแล้วเหรอยุ...คุณเป็นยังไงบ้าง?"

เสียงทุ้มที่ดังขึ้นเหนือศีรษะส่งความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน ทว่าตอนนี้สดายุยังมึนงงเกินกว่าจะทำความเข้าใจได้ว่าเสียงอันอ่อนโยนนั้นคือเสียงของใคร

"คุณหิวน้ำหรือเปล่าครับ?"

อีกคำถามที่ส่งมาคราวนี้พอจะทำให้อดีตพระเอกหนุ่มรับรู้ได้แล้วว่าคนที่กำลังช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัว คนที่กำลังเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใยอยู่ข้างกายตอนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ฝากความอัปยศอย่างสุดแสนไว้ให้เขาเมื่อค่ำคืนอันรวดร้าวที่ผ่านมา คนที่เขาไม่อยากเห็นหน้าที่สุด คนที่ชื่อว่า...'กฤตเมธ'

"สดายุ?"

กฤตเมธเอ่ยเรียกอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายลืมตาตื่น หากแต่กลับเงียบงัน ไม่ยอมตอบคำที่เขาไถ่ถาม 'คงโกรธมาก' เพียงแค่ได้เห็นปฏิกิริยาของสดายุ กฤตเมธก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังถูกโกรธเคืองมากแค่ไหน และเพราะพอจะรู้อยู่แก่ใจบ้างแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ได้ตกใจหรือรู้สึกเสียใจใดๆมากมายนัก เขารู้ตัวดีว่าเรื่องนี้เขาผิดเต็มๆ ถึงแม้ว่าส่วนหนึ่งจะเกิดจากการที่ถูกสดายุยุแหย่ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เขาทำลงไปเพื่อตอบโต้คนตรงหน้านั้นจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม

"สดายุ...คุณมีไข้ต่ำๆนะ เดี๋ยวผมสั่งรูมเซอร์วิสให้ จะได้ทานข้าวแล้วทานยานะครับ..."

"ผมเช็ดตัวให้คุณเรียบร้อยแล้ว ยังรู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนหรือเปล่าครับ"

"คุณอยากทานอะไรหวานๆหน่อยมั้ย ในห้องผมมีน้ำส้มอยู่..."

"...สดายุ..."

เหมือนคุยอยู่กับตุ๊กตากระเบื้องที่มีแต่ลมหายใจแต่ไร้จิตวิญญาณอย่างสิ้นเชิง เพราะทุกคำทุกประโยคที่แสดงถึงความห่วงใย ความกังวลต่อร่างที่นอนลืมตาเหม่อลอยอยู่ตรงหน้านี้ ดูเหมือนจะปลิวหายไปกับสายลม ไม่ได้ส่งไปถึงโสตประสาทของสดายุเลยแม้เพียงคำ

"สดายุ ผมขอโทษ…ผมรู้ว่าผมผิด ผมทำระยำหมากับคุณมาก ถ้าคุณโกรธผม ต่อยผมสิ ด่าผมแรงๆก็ได้ แต่ได้โปรด อย่าเงียบแบบนี้ได้มั้ย..."

"...สดายุ..."

ไม่ว่าจะเรียก จะอ้อนวอน ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ ร่างนั้นยังคงแน่นิ่ง แววตานั้นยังคงว่างเปล่า
'เกลียดกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ...'

"......!!!??"

จู่ๆกฤตเมธก็ลงมือทำบางอย่างที่ทำให้สดายุที่แสร้งนอนนิ่งอยู่นั้นยังต้องหันมามอง พร้อมขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ใคร่จะพอใจนัก เพราะตอนนี้กฤตเมธกำลังพยายามสำเร็จโทษตัวเองโดยการจับมือของสดายุกำเป็นหมัดหลุนๆแล้วรัวต่อยหน้าตัวเองไม่ยั้งอยู่ แม้สดายุจะพยายามขืนมือไว้ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เรี่ยวแรงมันต่างกันเกินไป ชายหนุ่มจึงทำได้แค่ข่มใจกัดฟันนอนนิ่งๆยินยอมให้อีกฝ่ายทำอะไรโง่ๆต่อไป...

ผลั่ก

ผล๊อก

ปึ่ก


ร่วมสิบหมัดที่กฤเมธพยายามชักนำมือของสดายุให้ต่อยไปที่หน้าตน และดูเหมือนจะยังไม่ยอมจะหยุดลงง่ายๆ นานเข้าสดายุเองก็รู้สึกเหลืออดเหมือนกัน

"ปล่อย! ผมเจ็บมือ!"

"...สดายุ คุณยอมคุยกับผมแล้วเหรอ.."

แม้จะไม่ใช่คำหวานหูหรือประโยคที่น่าฟัง แต่กฤตเมธก็ยังพอรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างที่อย่างน้อย สดายุก็ยังพอจะตอบสนองเขา แม้ใบหน้านั้นจะยังนิ่งเฉย และแววตาที่ไม่ได้มองมาทางเขาเลยแม้สักนิดนั้นจะยังคงเย็นชา

"...ปล่อย!"

"...ผมขอโทษนะ คุณอย่าเย็นชากับผมนักสิ ผมรู้สึกไม่ดีเลย"

คำอ้อนอ่อนหวานที่ออกจากปากพระเอกเนื้อทองเช่นกฤตเมธนี้ หากเป็นคนอื่นได้ฟังคงได้ระทวยอ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟไปแล้ว แต่ทว่ามันไม่มีทางได้ผลกับสดายุผู้มีหัวใจที่แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้าคนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว!

"...คุณยังต้องการอะไรจากผมอีกอย่างนั้นเหรอ? กฤตเมธ"

ในที่สุด ความอดทนของสดายุก็หมดลง ชายหนุ่มเอ่ยถามกฤตเมธออกไปด้วยคำคล้ายประชดประชันที่แสนจะเจ็บแสบ

"ไม่ใช่อย่างนั้น...ผมก็แค่..."

"ถึงจะอยากได้...ผมก็คงไม่มีอะไรเหลือพอจะให้คุณอีกแล้วล่ะ หึหึ...สาแก่ใจคุณแล้วล่ะสิ"

"หมายความว่ายังไง สดายุ?"

กฤตเมธเอ่ยถามเสียงพร่าเมื่อถูกสดายุเอ่ยคำทำร้ายน้ำใจอีกคำรบ  ด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉยไม่ยอมมองสบตา ด้วยสายตาที่เย็นชาแม้จะเหม่อมองไปทางอื่น และด้วยรอยยิ้มเชือดเฉือนหมายจะฆ่ากันให้ขาดใจตายเสียให้ได้

"สะใจมั้ยล่ะ ที่สามารถย่ำยีศักดิ์ศรีของผมได้ ภูมิใจสินะที่ได้เหยียบย่ำผมให้จมลงสู่นรกแห่งความอัปยศอันแสนระยำนี่ ต่อไปจะให้ผมทำอะไรให้อีกมั้ย จะเอาอะไรอีก? หรือจะให้ผมเป็นนายบำเรอให้ก็ไม่เลวนะ ลีลาคุณก็ถือว่าใช้ได้อยู่..."

"สดายุ!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!"

"เอาเถอะ เป็นคุณก็คงไม่เลวนักหรอก เพราะอย่างน้อย..."

"คุณเลิกพูดเหยียดหยามตัวเองเถอะ ผมขอร้อง..."

ทั้งขอร้องด้วยวาจา ทั้งกำมือของอีกฝ่ายแน่นหนาแต่ก็ไม่สามารถทำให้สดายุหยุดทำร้ายทั้งตัวเขาและตัวเองด้วยคำพูดแดกดันถากถาง กฤตเมธรู้สึกผิดต่อสดายุมากเกินไปจนไม่สามารถรู้สึกขุ่นเคืองแม้โดนอีกฝ่ายพูดจาดูหมิ่นน้ำใจอย่างแสนสาหัส ยิ่งเห็นสดายุเหยียดยิ้มร้าย กฤตเมธก็ยิ่งรู้สึกผิด...รู้สึกผิดจนแทบกระอัก โดยเฉพาะในประโยคสุดท้ายของผู้ชายที่ชื่อสดายุ...

"การได้เป็นนายบำเรอกามของคุณ ผมคงไม่ต้องแล่นไปตรวจโรคให้ขายขี้หน้าหรอกใช่มั้ย...หึหึ"

จบคำสดายุก็หัวเราะส่งท้ายน้อยๆ เสียงหัวเราะนั้นไม่สามารถเจาะจงได้ว่าเป็นไปด้วยอารมณ์ไหน เพราะมันทั้งให้ความรู้สึกเยาะหยันแต่ทว่าก็ช่างแสนเศร้า...

“ผมรู้ว่าที่ผมทำมันช่างเลวร้ายสำหรับคุณ และแค่คำขอโทษคงไม่พอที่จะขอการให้อภัย...แต่...ผมขอแค่โอกาสได้หรือเปล่า? โอกาสที่จะให้ผมได้รับผิดชอบการกระทำทั้งหมดต่อตัวคุณ...โอกาสให้ผมได้ดูแลคุณ...”

กฤตเมธเอ่ยขอโอกาส ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าคงไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะไม่ว่าน้ำเสียงเขาจะแหบพร่า ไม่ว่าใบหน้าเขาจะเจ็บปวด หรือไม่ว่าหัวใจเขาจะรวดร้าวกับการกระทำไม่ยั้งคิดของตัวเองแค่ไหน ความรู้สึกเหล่านั้นก็ไม่สามารถส่งผ่านไปถึงสดายุได้เลยแม้แต่เศษเสี้ยว ความเย็นชาที่อีกฝ่ายแสดงออกมาช่างร้ายกาจ ตลอดชีวิตที่ผ่านมากฤตเมธยังไม่เคยเจอใครที่ใจหินได้เท่ากับสดายุมาก่อนเลย รับมือยากจนอ่อนใจ

 ไม่รู้ว่าฟ้าเกลียดชังเขา หรือโชคชะตาอยากกลั่นแกล้งเขาเล่นกันแน่ ที่ดลจิตดลใจให้คนอย่างกฤตเมธต้องมาพ่ายแพ้ต่อคนนิสัยเสียอย่างสดายุ คนเอาแต่ใจ ดื้อด้าน หยิ่ง ยะโส โอหัง ทว่า…ช่างน่าสงสาร และ…น่ารักที่สุดในโลก แค่คิดกฤตเมธก็ต้องถอนหายใจ ‘หลงจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว’

“…จะขอทำไมอีกล่ะ?”

ในที่สุดคำตอบของสดายุก็เฉลยออกมา ขณะที่ใบหน้าของเจ้าตัวนั้นยิ่งเบือนหนีห่างไปอีกทางอย่างโจ่งแจ้งขึ้นไปอีกว่า ไม่อยากเห็นเสี้ยวหน้าเขาแม้กระทั่งหางตา

“……สดายุ??”

 “คุณจะขอให้เหนื่อยทำไมกัน? ถึงขั้นนี้แล้ว คุณอยากได้อะไรก็เอาไปเถอะ ถึงผมจะไม่ยินยอมก็ใช้กำลังบังคับเอากันง่ายๆ จะลำบากอะไรล่ะ หึหึ…ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ทางผมเองก็กำลังอาศัยบารมีของคุณเพื่อหาทางกลับเข้าวงการอยู่เหมือนกัน…ผมรู้ครับคุณกฤตเมธ ว่าไม่มีของฟรีในโลก เพราะงั้นจะเป็นอะไรไปถ้าผมจะใช้ตัวผมแลกกับการที่คุณจะพาผมกลับเข้าวงการอีกครั้ง ฮ่าฮ่า…คิดแล้วก็คุ้มดีออก…”

“แล้วคุณเคยคิดถึงใจผมบ้างหรือเปล่า!!?”

“…..!!??”

ในที่สุดความอดทนของกฤตเมธก็ดำเนินมาจนถึงขีดจำกัด เขาไม่อาจ อดทนที่จะหว่านล้อมคนปิดหูปิดตาปิดใจคนนี้ได้อีกแล้ว จากนี้ไปเป็นไงก็เป็นกัน ในเมื่อคนอย่างกฤตเมธเองก็ไม่ใช่คนที่นิยมชมชอบการพ่ายแพ้ ในเมื่อเขายอมแพ้ไปแล้วหนึ่งเรื่อง นั่นคือการยอมรับว่ารักว่าชอบสดายุ เขาก็จะขอแพ้แค่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น! จากนี้ไปก็ตาต่อตาฟันต่อฟันแล้วกัน ไม่ว่ายังไงเขาต้องเอาชนะใจของเจ้าเด็กดื้อด้านตรงหน้านี่ให้ได้ จะไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไปไหนเด็ดขาด 

“ผมเข้าใจว่าเมื่อก่อนผมอาจทำตัวแย่ให้คุณรู้สึกรังเกียจ แต่ผมก็ละทิ้งทุกศักดิ์ศรีที่ผมมีเพื่อกล่าวคำขอโทษจากหัวใจให้คุณไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน...แม้ว่าทุกครั้ง...มันจะโดนคุณเหยียบย่ำอย่างไม่มีชิ้นดีก็ตาม...”

“…คุณ…กฤตเมธ!!?”

สดายุครางเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงสั่นเล็กน้อย เพราะจู่ๆคนที่ได้แต่จับมืออ้อนวอนขอโอกาสขอคำให้อภัยอยู่เมื่อครู่นั้น กลับจู่โจมคร่อมร่างครึ่งบนของเขาไว้แบบไม่ให้ได้ตั้งตัว พร้อมก้มลงกระซิบถ้อยคำแสลงใจใกล้จนลมหายใจรินรดแก้มนิ่ม


“…ผม…ชอบคุณนะ…”



“….!!!???”

“...หรือว่า...คำว่าชอบจากคนอย่างผม...มันน่ารังเกียจสำหรับคุณกัน?...”

สดายุรีบเบี่ยงใบหน้าหลบการรุกราน เขายังไม่อยากเห็นหน้ากฤตเมธตอนนี้ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ใจเขายังสับสนเกินกว่าจะมองจ้องเข้าไปในดวงตาที่ลึกล้ำของอีกฝ่ายได้ ไม่อยากให้กฤตเมธได้รับรู้แม้เพียงนิดว่าสดายุคนที่ใจแข็งดั่งหินผาคนนี้จริงๆแล้วกำลังหวั่นไหว

…โกรธแค้นที่ถูกทำลาย

…เจ็บปวดที่ถูกย่ำยี


…แต่กลับเผลอหวั่นไหวไปกับคำขอโทษอ้อนวอน หวามหวิวไปกับคำว่าชอบ…และไม่แน่ว่าหากอีกฝ่ายยังสัมผัสตัวเขาไม่เลิกอยู่แบบนี้…เขาเองก็อาจเผลอไผล…

“คุณไม่ตอบผมไม่เป็นไร สดายุ…เอาเป็นว่าผมยอมรับข้อเสนอเมื่อครู่ของคุณก็แล้วกัน”

“ผมจะยอมรับร่างกายของคุณเป็นของตอบแทนในทุกสิ่งที่ผมจะทำเพื่อคุณต่อจากนี้ไปเอง!!”

พรึ่บ!!

“….!!!???...เฮ้ย!! เหวอ!! กฤตเมธ!!??”

ไม่ทันให้ตั้งตัวร่างทั้งร่างของสดายุก็ลอยหวือขึ้นจากเตียงนอน อารามตกใจทำให้สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดทำงานทันทีโดยการคว้าแขนขึ้นคลองคอแกร่งของกฤตเมธไว้มั่น

“คุณจะทำบ้าอะไรเนี่ย!!?? จะพาผมไปไหน!!?”


“อาบน้ำ”


****************************************************

ขอโทษค่ะ หายหัวไปนานมั่ก…
(แถม…ยังมาแค่สั้นๆ น้อยนิดกระจ้อยร่อย…อย่าเพิ่งด่าเก๊านะ อย่าเพิ๊งงงง…อร๊ากกกก)
(หมุนตัวหลบรองเท้าอย่างทุลักทุเลอีกรอบ)
และ…จะยังต้องหายไปเนืองๆนะเจ้าคะ จนกว่าจะต้นเดือนหน้าค่ะ
งานยุ่งจนจะกระอักเลือดตาย…ขออภัยอย่างแรงจริงๆค่ะ
 :ling3:
ขอบคุณที่รักกันเสมอมานะคะ
Thearbooเองก็รักท่านผู้อ่านทุกคนค่ะ…(แต่ก็แอบหายหัวบ่อยเหลือเกิน)
จุ๊บๆๆๆ
 :hao5:
ปล. วันนี้ออฟฟิตเก๊าจัดอีเว้นท์แข็งกอล์ฟสัมมนาคุณลูกค้า…เก๊าตื่นตีสองเพื่อไปสนามกอล์ฟตอนตีห้า…
ประเด็นคือ…ตอนนี้แต่งขึ้น ณ ขณะปฏิบัติภารกิจกับนายยุ่นที่อ่านภาษาไทยไม่ออกค่ะ…อิอิ เนียน
ขณะที่นายกำลังทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย อิชั้นพิมพ์นิยายลงเล้าค๊า…(หุหุ…แอบมาสารภาพความเลวเล็กๆ)

ปล.2 อุ๊ย!...แอบเห็นคนถือมีด!! จ๊ากกกก!! แผ่นแน่บ
 :heaven

ปล.3 ตอนหน้าจะมายาวๆนะ...อย่าเพิ่งเคืองนะตะเอง...

ปล.ท้ายสุด...ซีนนี้เป็นซีนฆ่าพระเอกจ๊ะ อิอิ ทายสิ ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้น

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 24-11-2013 23:24:21
มาจิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 24-11-2013 23:37:53
"และ…จะยังต้องหายไปเนืองๆนะเจ้าคะ จนกว่าจะต้นเดือนหน้าค่ะ
งานยุ่งจนจะกระอักเลือดตาย…ขออภัยอย่างแรงจริงๆค่ะ"

เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางหัว   :sad5: :undecided: :freeze:
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!
 :dont2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 24-11-2013 23:43:33
 :hao5:

ยุ~~~~~~~~~~~
พูดไม่ออก สงสารยุและเมธไปพร้อมๆกัน
เฮ้ออออออออออออ

ดีกันไวๆนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-11-2013 23:46:15
ตอนแรกมาม่านะ แต่ตอนท้ายฮาอ่ะ
รู้สึกว่าน้องยุแอบพลาดนะที่ไปเสนออะไรแบบนั้น
เอาใจช่วยพี่เมธ ชนะใจน้องยุให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 24-11-2013 23:49:20
คุณพระ! นี่มันอะไรกัน.. จะพลิกโผหรืออย่างไร.. ไม่เอาน่า...
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 24-11-2013 23:51:05

คำพูดของกฤตเมธหรือสดายุยังไม่เจ็บเท่าประโยคนี้

"และ…จะยังต้องหายไปเนืองๆนะเจ้าคะ จนกว่าจะต้นเดือนหน้าค่ะ
งานยุ่งจนจะกระอักเลือดตาย…ขออภัยอย่างแรงจริงๆค่ะ"


 :hao5: :hao5:


แต่หายไปนานแค่ไหนก็จะรอนะคะ แม้จะเป็นการรออย่างทุรนทุราย  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 24-11-2013 23:56:36
รู้มั้ย...เค้ามาคุณตอนเที่ยงคืนทุกวันเลย :mew4:

5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-11-2013 23:57:36
กว่าจะได้อัพต้องเอามีดมาขู่  555555555

เค้าเข้าใจนะว่าคนเขียนงานเยอะ งานหนัก สู้ๆน้า เป็น กลจ.ให้  :z4: (ชะอุ้ย วางมีดผิดที่)

น้องยุขา ได้เค้าเป็นผัว อุ๊ปส์ สามีแล้ว ก็อย่าเล่นตัวไปเลยค่ะ แบบหนูคงอัพค่าตัวไม่ขึ้นแล้ว  o18

ยอมๆพี่เค้าไปเถอะ อย่าพ่อแง่แม่งอนกันเลยนะ เดี๋ยวลูกดก  :laugh:

อิอิ งั้นต่อไป หนูยุก็ต้องเปลืองตัวอ่ะดิ ว๊ายยยย....เจ๊ช๊อบชอบ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-11-2013 00:06:51
บอกเขาไว้เองนะคะน้องยุ. หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องยอมรับแล้วนะ กิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-11-2013 00:07:51
อาบน้ำ :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 25-11-2013 00:19:00
 :z1: ตายละกฤตเมศน่ารักอ้ะ. อ้อนสุดๆเลยยยย
งานนี้มีตบจูบๆแหงๆ อุ้ย คิดแล้วเขินน

ขอให้งานเสร็จไวๆนะคะ รอตอนต่อไป555 :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: haru1111 ที่ 25-11-2013 00:20:46
อาบน้ำ จะได้อาบน้ำเฉยเหรอ อุอิๆๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: saradino1 ที่ 25-11-2013 00:26:39
มี อิมเมจ รูปคุณกฤต กับน้องยุมั้ยอย่างเห็นๆๆๆๆ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 25-11-2013 00:35:29
อาบน้ำ...อาบน้ำ หุหุ
 :o8:
รอตอนน้าจ้า
หวังว่าพี่เมธจะทำให้ร้องยุเลิกดูถูกตัวเองสักที
นั่งอ่านน้องยุพูดจาไม่ดีกับตัวเองแล้วน้ำตาจะไหลอ่ะ
 :sad4:


หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: qbbgey ที่ 25-11-2013 00:45:24
อ่านจบแล้วได้แต่ชักกระแด่วๆ
คุณกฤตเมธนี่สมเป็นนักแสดงเจ้าบทบาทจริงๆ
ตอนแรกยังยอมย๊อมยอมอยู่ จู่ๆ พลิกเกมส์มาคุมจนน้องยุของเราหัวหมุนไปหมดแล้ว
สงสารก็สงสารนะ.. แต่สะใจมากกว่า หึหึหึ (ชอบความเอสของคุณเมธมากกก กรี๊ดๆๆๆ)

รอตอนต่อไปค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 25-11-2013 01:00:22
 :z6: ซะหน่อยเห๊อะ ขอโทษเค้าไม่ถึงห้านาที พลิกโผมาเป็นฝ่ายน้อยใจแทนซะงั้น ถ้าจะสำนึกได้แค่นี้ อย่าเสียเวลาเลยฮะ อยากก็เอา มีรมณ์ก็ทำไปเถอะ จะพยายามพูดเหมือนตัวเองเป็นฝ่ายน่าเห็นใจทำเพื่อ???

พ่อพระเอกแลเหมือนเกือบจะดีนะ... แต่แค่เกือบไง คือเขาไม่ได้ส่งคนมาข่มขืนคุณนะ ถ้าคุณไม่เอาก็จบ แต่นี่คุณมาข่มขืนเค้ากลับอ่ะ อันนี้ทำจริงไม่มีตัวแสดงแทน สำนึกว่าผิดได้แปปๆ มาดราม่าใส่เค้าอีก กรำจิง...   :เฮ้อ:

หันไปจีบพี่อ๊อดดีกว่ายุ พากลับเข้าวงการได้ชัวร์จิงไม่มั่วนิ่ม  :teach: 555+

รออออออออออ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: chin-ruyze ที่ 25-11-2013 01:09:38
หึๆๆ ที่มาของคำว่า

"สลบคาเตียง"

ชัดเจนแล้วครับ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 25-11-2013 01:30:55
ขอแบบหวาน ๆ ได้มั้ย น้องยุก็โกรธแต่พองามนะโกรธมากไปดราม่าเยอะมันไม่ดีต่อสุขภาพคนอ่านนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 25-11-2013 06:02:12
ขอจิ้มพุงคนเขียนหน่อยเถอะ จิ้ก จิ้ก
รอเรื่องนี้เสมอจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 25-11-2013 06:51:22
 :o8:
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 25-11-2013 07:34:31
สุดๆๆๆๆอะชอบ ไม่กล้าลงมือทำร้านคนเขียนอะ กลัวไม่ได้อ่านน้องยุไปอาบน้ำ5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: BaZkon ที่ 25-11-2013 07:36:34
ถึงจะสั้นแต่ชอบค่ะ :hao5:
อยากอ่านต่อแว้วววว มาไวๆเน้อ :a11: :a3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 25-11-2013 08:09:08
รอติดตามเรื่องทั้งคู่ต่อจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 25-11-2013 08:23:27
อยากตามเข้าไปอาบน้ำด้วยคน  :z1:

พี่เมธจากนี้ต้องทำดีลบล้างความผิดเอาชนะใจน้องยุให้ได้นะก๊ะ  :mew2:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 25-11-2013 08:39:56
 :-[   :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 25-11-2013 08:53:30
เชียร์พี่เมธ อยากให้มาต่อเร็วๆน้าาา :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: FlOriN ที่ 25-11-2013 08:57:41
พี่เมธ สู้ๆๆ กำราบสดายุให้ได้ ><
จากนี้คงมันส์น่าดู
ให้กำลังใจคนแต่งค่ะ :)
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-11-2013 09:08:41
โอ๊ยนะ แทบจะดิ้นตายคาคอม โหยยยยยย รอเรื่องนี้มาหลายวันหลายคืน

มารอตอนต่อไปต่ออีกนิด รอได้ค่ะ แต่อย่าหายไปนะคะขอร้อง

 :hao7:  :call: :call: :hao4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 25-11-2013 10:14:05
เอิ้กๆๆ สดายุประชด แต่เฮียเมธเอาจริงนะ 5555

รอฉาก อาบน้ำ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 25-11-2013 10:28:00
แหมๆๆๆ มาแบบจำเลยรักเลยนะคะ  :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 25-11-2013 10:50:35
 :katai2-1:  อยากอ่านต่อแล้วค่ะ

+1   ตอนต่อไปขอยาวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 25-11-2013 12:38:56
กฤตแอบแมนนะตอนนี้

แต่ทำไปแล้วแล้วมาสำนึกทีหลังมันก็ไม่ค่อยโอนะลูก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 25-11-2013 13:07:30
จะผิดไหม ถ้าจะแอบเชียร์กฤตเมธอ่าาา
แต่ก็สงสารสดายุนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 25-11-2013 13:56:40
อาบน้ำ!
แค่อาบอย่างเดียวใช่ไหมคุณเมธ หนูยุของเราช้ำหมดแล้ววว
รอลุ้นว่ายุของเราจะทำอย่างไร
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 25-11-2013 14:35:22
อาบน้ำ :z1: :z1:
แต่ไม่เจ็บปวดสุดเท่าที่ว่าจะหายไปเนืองๆ  :z3:
รอค่ะรอเจ้าค่ะ  :katai5: :katai5: สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 25-11-2013 15:30:58
สั้นมากกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 25-11-2013 16:06:04
อร๊ากกกกกกก ค้างงงง สั้นจริงดั่งที่ว่า :katai4:
กฤตเมธคงต้องพยายามอีกเย๊อะะ
น้องยุพูดซะน่าสงสารเลย แต่ก็ให้โอกาสพี่เมธไปเถอะนะ 5555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 25-11-2013 18:27:43
เมธสู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
อาบอย่างเดียวนะ Y_____Y
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 25-11-2013 18:34:26
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 25-11-2013 18:47:18
คุณเมธสู้ๆนะ ทำผิดแล้วสำนึก ให้อภัยๆ  o13
ตั้งใจทำงานนะคับ  :write-a-letter: แล้วมาต่อเร็วนะ :myeye: รออยู่ๆ :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-11-2013 18:58:34
ยอมๆไปเถอะ ไหนๆก็มะมีอะไรจะเสียและ :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: sweetbasil ที่ 25-11-2013 20:31:34
คดีพลิก :hao7:
รอตอนหนัา อาบน้ำให้ด้วยอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-11-2013 21:00:02
คุณเมธอาบน้ำให้สตายุสะอาดๆนะ
ยุเขาไม่ค่อยมีแรง^^
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 25-11-2013 21:20:50
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 26-11-2013 00:31:37
ตอนแรกๆอ่านไปก็เขินไป แหม่เหมือนจะจิกกัดกันบ่อย
แต่บางช่วงก็เหมือนจะหวานซะ ... -///A///-
คู่นั้นก็เหมือนกัน ไม่คิดเลยจริงๆนะพอร์ช ฉันไม่คิดเล้ยยยย 555555

เออะ แต่ตอนหลังๆนี่คืออัลไลลล อ่านแล้วหน่วงจี๊ดเลย
สงสารยุก็สงสาร สงสารเมธก็สงสาร ฮื้อ..
เมธ สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้เฮียพิชิตใจยุ ? และให้ยุเปิดรับเฮีย -,.-

ไฟท์ติ้งงงงงงง

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 26-11-2013 02:07:19
ถ้าตอนต่อไปมาต่อฉากในห้องน้ำจะให้อภัยที่มาลงสั้นๆ 55555  :heaven


+ เป็ดไปเลย ฮิๆ  o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 26-11-2013 03:30:57
เบาๆกับน้องยุนะพี่เมธ
5555555
*ประโยคส่อมาก เค้าแค่อาบน้ำ*
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 26-11-2013 10:28:21
ดีกันนะอย่าทะเลาะกันเลย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-11-2013 14:09:27
พี่เมธรีบทำคะแนนไวไวเลย ตอนนี้น้องยุกำลังสับสนอยู่โอนเอนได้ง่าย
ยังไงก็รอฉากอาบน้ำละนะ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 26-11-2013 19:12:30
อาบน้ำ อาบน้ำ :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 26-11-2013 19:18:16
น้องยุถ้าจะเสียเหลี่ยมพี่เมศแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 29-11-2013 11:21:13
ใจแข็งนักลากไปกินในห้องนำเลย อิอิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Gene-Y ที่ 29-11-2013 17:10:35
ช๊อบ ชอบ ต่อฉากห้องน้ำเลยค่ะ จัดไปอย่าให้เสีย
 :m25: :jul1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 29-11-2013 21:07:18
ตอนแรกเอาซะปวดหัวใจ
มาหวานตอนท้ายซะนี้ ฟินเลย
พี่กฤตสู้ๆ อยากเห็นฉากพ่อแง่แม่งอน งุ้งงิ้ง :o8: :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 30-11-2013 00:02:01
คิดถึงน้องยุแล้วอ่าาาาาาาาาาา :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 30-11-2013 00:18:57
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 30-11-2013 08:28:20
จะว่ายุไม่ผิดเลยตั้งแต่แรกก็ไม่ใช่ แต่ทำกันอย่างงี้ก็น่าสงสารยุหรอกนะ  :hao5: ไม่อยากให้ยุยอมให้อภัยกันง่ายๆเลยแฮะ  :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 30-11-2013 12:05:35
อานะ  รีบมาต่อนะครับบบบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Riko ที่ 30-11-2013 14:13:59
อย่าทำร้ายกันเลยย รีบมาต่อเนอะค๊าบบบ  :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 01-12-2013 22:58:44
อ่านเรื่องนี้แล้วหลงรักสดายุมากอะะะะ นิสัยน่ารักได้อีกกก หน้าตาก็น่ารัก

แล้วก็ชอบคุณเมธมากๆ ชอบนิสัยเหมือนกัน ไม่ยอมแพ้ เรียกได้ว่าดื้อเพ่ง พอๆ กันทั้งคู่ อิอิ

รักกันเถอะน๊าาาาา ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 02-12-2013 22:14:34
 :z2:  มาหรือยังน้อออออออออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Prince-Faluke ที่ 02-12-2013 23:24:31
วันที่2 อาจจะเป็นวันหยุดสำหรับหลายๆคน  ดังนั้นวันที่3 ต้องมาะครับนะ
คิดถึงน้องยุจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: tantimer ที่ 03-12-2013 02:49:54
งืออออออ หนูยุลูก เตรียมรับมือพี่เขาดีๆนะคะลูก -//_ //-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 03-12-2013 04:53:09
ยุก็ไม่น่าทำแบบนั้น แต่เมธยิ่งไม่น่าทำยิ่งกว่า สงสารยุ ยุยิ่งเป็นคนแบบนั้นอยู่ แต่ยุพูดจาทำร้ายตัวเองอยู่นั่น ไม่เจ็บหรือไง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 03-12-2013 09:09:47
แนะนำจ้า เปิดจองนิยาย
"เกลียวบาป...แฝด"
ผลงานของ Thearboo (อนาคี99)

เข้าอ่านรายละเอียดได้ตามลิ้งค์นี้เลยจ้า

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=40348.0
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 03-12-2013 22:15:37
มารอ ร้อ รอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: พู่กันและหยดหมึก ที่ 04-12-2013 10:13:11


มาดัน
และรอต่อไปจ้า  :กอด1:

คิดถึงสดายุ  :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-12-2013 18:29:15
โอย เพิ่งมาอ่านแต่เจ็บปวดนะตอนล่าสุด

สงสารทุกฝ่ายเลย :mew4:

รีบปรับความเข้าใจเร็วๆนะอยากเห็นตอนหวานกันแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 05-12-2013 23:32:51
 :m31: :m31:

มาเร็วๆสิคะ เห็นมั้ยว่านี่อะไร  :z4: :z4: :z4: :z4: :z4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 13) สั้นจังค่ะ (T^T) 24/11/13 P.37
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 06-12-2013 05:24:10
มาต่อเร็วๆน๊าา :z3:
เค้าจะรอ  :katai5: :katai5:
:call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 07-12-2013 16:07:46
ขออภัยอย่างแรงเจ้าค่ะ ที่ต้องปล่อยให้อ่อนเปลี้ยเพลียจิตกับการรอคอยข้ามเดือน
ข้าพเจ้าผู้แต่งขอให้สัญญาว่า ตอนหน้ามาวันจันทร์แน่นอนค่ะ (แหะๆ)

ขออนุญาตปั่นงานยิกๆต่ออีกนิด
แล้วจะรีบกลับมานะจ๊ะ
 :hao5:
ปล. ซีนหน้านั้น...รับรองได้ว่า หวานเลี่ยน จนหนูสดายุยังเกือบเคลิ้มแน่นอนจ๊ะ
ทายสิ พี่กฤตเมธเราจะเจ้าคารม จะเจ้าเล่ห์แสนกล จนน้องยุตกหลุมพรางรักได้มั้ยนะ
อันนี้ต้องรอลุ้นกันจ๊า
ม้าพยศจะกลายเป็นลูกแมวเชื่องๆได้เมื่อไหร่กันน่อ...
 :hao7:
ขอบคุณที่ติดตามและต้องขอโทษที่ปล่อยให้รอกันนานด้วยนะคะ

ปล. 2 ล็อคอิน thearboo กลับมาใช้งานได้ปกติแล้วคร๊า
ดีใจแทบดิ้น...ฮิ้วววว

 :katai5:

อาจช้าหน่อยนะคะ อาจดึกมากถึงมากที่สุด (หรืออาจยาวถึงเช้า...) อย่าเพิ่งไล่เตะเก๊าน๊า
:mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: t_cus ที่ 07-12-2013 16:25:03
ปูเสื่อรอข้ามวันข้ามคืนจ้าาา

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 07-12-2013 18:31:35
รอน้องยุวิวัฒนาการกลายเป็นแมวเชื่องๆด้วยคนจ้า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 07-12-2013 21:05:37
ปูเสื่อรอด้วยคน :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-12-2013 21:37:12
 :z2: :z2: ปูเสื่อรอจองที่ไว้ก่อน  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 07-12-2013 21:51:27
 :impress2: o22 :heaven รอค่ะรอ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 07-12-2013 22:26:11
รอต่อไป...  :heaven
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 07-12-2013 22:34:40
จันทร์หน้าแล้วววว  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: fround ที่ 08-12-2013 01:39:48
มีเพื่อนแนะนำมาให้อ่านค่าาา บอกว่าแนวนี้เราน่าจะชอบ

ก็ลองอ่านๆ ดูแล้ว.....เหยย

พระเอกแก่กว่า -- แม่งใช่

พระเอกโหดดี -- แม่งใช่

พระเอกหล่อโพด -- แม่งใช่

ส่วนมากซูมที่พระเอกสินะ ฮาๆๆๆๆ  เรื่องดีภาษาสวยมากกกก ทำให้สนุกกับการอ่านนิยายวายที่ำสำนวนดีๆ อีกครั้ง (คือเพื่อนเดาทางเราถูก แหมะ ก็ดราม่าตบจูบพระเอกโหด นายเอกซึน มันออกจะสแตนดาทที่ก๊าวใจสุดๆ เลยเน้ออออ ว่าไหม ฮิฮิ)

ปล.นี่เรื่องสั้นสินะ แต่ทำไมหลายตอนจัง 555 ชอบนะไม่ใช่ไม่ชอบ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 08-12-2013 02:45:00
ซีน13
.....
อยากกรี๊ดอะ!!!!
น่ารักไปไหมค้าาาาาาาาาาาาา
เขินนนมากกกกกก
เขินฉากหลังเวที(?)ด้วย แต่งดีอะ ไม่แรงแต่พาระทวย (หืมมมม)
คุณกฤตคะ.. ให้อารมณ์เรียกแบบนี้สุดๆ
จะมีแบบน้องยุเรียกพี่ไหมอะ >.,< อ๋อยยยยย ชอบอะ เขียนดีมากเลย #บวกความอิน ><
รอวันจันทร์นะจ้ะจ้ะ  ><

*******************
++++เพิ่มเติม++++
มีเพื่อนแนะนำมาให้อ่านค่าาา บอกว่าแนวนี้เราน่าจะชอบ

ก็ลองอ่านๆ ดูแล้ว.....เหยย

พระเอกแก่กว่า -- แม่งใช่

พระเอกโหดดี -- แม่งใช่

พระเอกหล่อโพด -- แม่งใช่

ส่วนมากซูมที่พระเอกสินะ ฮาๆๆๆๆ  เรื่องดีภาษาสวยมากกกก ทำให้สนุกกับการอ่านนิยายวายที่ำสำนวนดีๆ อีกครั้ง (คือเพื่อนเดาทางเราถูก แหมะ ก็ดราม่าตบจูบพระเอกโหด นายเอกซึน มันออกจะสแตนดาทที่ก๊าวใจสุดๆ เลยเน้ออออ ว่าไหม ฮิฮิ)

ปล.นี่เรื่องสั้นสินะ แต่ทำไมหลายตอนจัง 555 ชอบนะไม่ใช่ไม่ชอบ

เห็นคอมเม้นคุณ fround ละก็นึกได้ นี่ตกลงว่าแต่ละตอนนี่
ซีน รึ ซึน กันแน่ ฮาาาาา แซวเล่น อิอิ
รอต่อจ้าาาา ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 09-12-2013 13:20:28
 :katai5:

แวะมารอค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 09-12-2013 14:56:51
วันนี้วันจันทร์  :hao7:  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 09-12-2013 16:52:14
ปูเสื่อรอนะคะ
คิดถึงน้องยุมากกก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: atcharayee ที่ 09-12-2013 18:41:35
วันจันทร์แล้ว  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า( >U<)
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 09-12-2013 18:48:51
วันจันทร์ฮะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 09-12-2013 19:32:05
แวะมาบอกว่า ไม่ได้กดดันอะไรนะคะ ดึกแค่ไหนถ้าเราไม่หลับก่อนก็จะรอค่ะ เพราะพรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน

สิ่งที่อยากบอกจริงๆ คือ เราซื้อนิยายรวมเล่มของคุณด้วยนะคะ ทั้งสองเรื่องเลยแหละ

"ซวยแล้วไง เมื่อผมกลายเป็นพระราชา" 

และก็ "เกลียวบาป..แฝด" เรื่องนี้แจ้งโอนเงินไปแล้วด้วย โชคดีมากๆ ที่่ติด 1 ใน 10 ที่จะได้ลายเซ็นคุณอนาคีมาครอบครอง

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 09-12-2013 21:18:24
วันนี้วันอารายน๊า.. :katai5: :katai5: :katai5:
คิดถึงน้องยุมาก.. :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: mumumim ที่ 09-12-2013 22:44:26
รออยู่นะค้าาาา...((ไม่ได้กดดันเลย หุหุ)) :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 09-12-2013 23:23:47
ปูเสื่อรอ~ จะวันอังคารแล้วนะค้า คริๆๆๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 10-12-2013 00:07:52
ปูเสื่อรอต่อไปค่ะ  :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: กฟหวดสาหฟยดนำาด ที่ 10-12-2013 00:24:12
วันอังคารที่ 10 แล้วนะคะ  :ling2:  :impress3:  รีบมาต่อเถอะนะคะ  :z13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 10-12-2013 00:56:20
รอไม่ไหวแล้ว เพราะ :t3:  ขอตัวไปก่อน  :hao3:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 10-12-2013 03:38:33
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

จะเช้าวันอังคารแล้วนะค้าาาาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนหน้ามาวันจันทร์นี้จ๊า...(ขอโทษค่ะ อาจช้าเล็กน้อย)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 10-12-2013 07:18:35
วันอังคารตอนเช้าแว้วววว
แว๊บมาดูลาดราว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 10-12-2013 11:30:00
ผมคือนางเอก

ซีนที่ 14

(ติ่งแรก)




“ผมจะยอมรับร่างกายของคุณเป็นของตอบแทนในทุกสิ่งที่ผมจะทำเพื่อคุณต่อจากนี้ไปเอง!!”



พรึ่บ!!

“….!!!???...เฮ้ย!! เหวอ!! กฤตเมธ!!??”

ไม่ทันให้ตั้งตัวร่างทั้งร่างของสดายุก็ลอยหวือขึ้นจากเตียงนอน อารามตกใจทำให้สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดทำงานทันทีโดยการคว้าแขนขึ้นคลองคอแกร่งของกฤตเมธไว้มั่น

“คุณจะทำบ้าอะไรเนี่ย!!?? จะพาผมไปไหน!!?”






“อาบน้ำ”


*
*
*
*
*
จ๋อม…

จ๋อม…

“เป็นไงครับ ดีขึ้นมั้ย?”

“…………”

“คุณคงเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมาก ว่ากันว่าแช่น้ำอุ่นแล้วจะดีขึ้นนะ”

“…………”

“วันนี้ยังไม่สระผมดีกว่า คุณยังมีไข้อยู่ไว้ดีขึ้นก่อนค่อยว่ากันเนอะ”

“………….”

“เอาล่ะ อีกเดี๋ยวพอน้ำเริ่มเย็นผมจะพาคุณขึ้นแล้วนะ…”

“เพี้ยนอะไรเนี่ยคุณ!!?”

หลังจากอดรนทนมานานสุดท้ายสดายุก็ทนไม่ไหว จึงต้องถามไถ่ออกไปให้ได้รู้แน่ว่าตกลงที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้มันคืออะไร ผู้ชายที่ชื่อกฤตเมธเป็นบ้าอะไร ทำไมเขาต้องมาถูกผู้ชายไม่เต็มเต็งตรงหน้านี้ปรนนิบัติพัดวีถึงในห้องน้ำ ทั้งที่เมื่อคืนก็ไอ้ผู้ชายคนเดียวกันนี่แหละที่ย่ำยีเขาจนไม่เหลือชิ้นดี!!

แถมชายตรงหน้านี้ยังเป็นพวกด้านชาด่าไม่เจ็บที่สดายุแทบจะรับมือไม่ไหว แถมยังเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอีก อย่างเช่น เมื่อวานยังแซวกันเล่นอยู่ดีๆ เมื่อคืนกลับทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น (ถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็เถอะ) พอเช้ามาก็มาทำดีด้วยอีก บอกว่าขอโทษบ้าง รับผิดชอบบ้าง ‘…รักบ้าง’ แต่พอสักพักก็โมโหใส่ลากเขาเข้าไปอาบน้ำแบบไม่เต็มใจโดยอ้างว่าให้น้ำช่วยทำให้สติอารมณ์เย็นลง จากนั้นก็นวดบ้าง จุดเทียนอโรม่าให้บ้าง เล่นเอาสดายุจับทางไม่ถูกกันเลยทีเดียว

“อยากทำดีไถ่โทษรึไง? ความจำสั้นเหรอ? ผมบอกแล้วนี่ ว่ามันไม่จำเป็น!!”

แม้จะแขวะออกไปไม่เบานัก แต่กฤตเมธก็ยังคงสีหน้านิ่ง ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ แล้วหันกลับไปเตรียมผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่คาดว่าน่าจะใช้ในการพาเขาขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ฉุดรั้งอารมณ์คุกรุ่นของสดายุให้เดือดปุดปุดขึ้นมาอีกรอบ

‘หนอย…ไอ้แก่หน้ามึน!’

“เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย! คุ้มดีคุ้มร้ายอย่างกับคนเสียสติ! คิดว่าผมเป็นของตายจะทำยังไงก็ได้หรือไง!? โกรธเกลียดก็ทำลาย พอหายก็ทำดีด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! คุณคิดว่าผมไม่ใช่คน ไม่มีชีวิตจิตใจสินะ! เออ! ใช่สิ ผมมันก็แค่ดาราตกอับ มันทำอะไรไม่ได้แล้วนี่…!!”

“เลิกดูถูกตัวเองได้แล้วยุ!”

“แล้วไม่จริงรึไง!!”

“ไม่จริง! ขอร้อง…สดายุ คุณจะด่าว่าที่ผมทำไม่ดีกับคุณลงไปยังไงก็ได้ ผมจะก้มหน้ายอมรับ ขอแค่เรื่องเดียว…อย่าดูถูกตัวเองอีก…”

“……………”


“เพราะสำหรับผม…คุณคือคนที่มีค่า…”


“………………”

'มีค่า' คำเดียวก็ทำเอาสดายุอ้าปากค้าง ได้แต่มองจ้องใบหน้าจริงจังที่มองมาในระยะใกล้นั้นอย่างไม่อาจห้ามใจ

“…ขึ้นจากน้ำได้แล้วครับ น้ำเริ่มจะเย็นแล้ว”

 อยากจะเถียง อยากจะพูดถ้อยคำเจ็บแสบต่ออีกร้อยพัน แต่ปากเจ้ากรรมดันไม่ยอมขยับ อะไรบางอย่างจุกอยู่ตรงคอหอยแน่นจะแทบสำลัก อยากต่อต้าน อยากดิ้นรน แต่มือไม้กลับไม่ยอมฟังคำสั่ง มันชา มันนิ่ง ทั้งตัวไร้แรงต้านทาน ร่างกายใจง่ายมันปล่อยให้ตัวเองโดนอุ้มขึ้นจากน้ำ โดนใช้ผ้าห่อราวกับทารก แถมยังยอมปล่อยให้อุ้มเข้าไปถึงเตียงนอน ปล่อยให้อีกฝ่ายจับแต่งตัวตามใจชอบ ปล่อยให้อีกฝ่ายแตะต้องตัวทั้งที่เขาไม่ชอบ เพียงเพราะคำว่า ‘มีค่า’ คำเดียวแค่นั้น!? อยากจิกหัวตัวเองชนกำแพงเรียกสติ
‘ไอ้สดายุ! แกมันบ้า!!’

“อาหารเช้ามาส่งแล้ว คุณทานสักหน่อยแล้วกันนะ จะได้ทานยาแล้วพักผ่อน …”

“…ไม่กิน ผมจะนอนแล้ว!”

“แต่…”

“ขอผมอยู่คนเดียว ขอร้อง…”

สงครามเงียบเกิดขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนที่กฤตเมธจะเป็นฝ่ายยอมพ่ายถอยให้ก่อน เพราะชายหนุ่มไม่อยากทำให้คนป่วยต้องอารมณ์เสีย จนลุกขึ้นมาประชดประชันด้วยการด่าว่าตัวเองเสียๆหายๆอีก

“งั้นคุณนอนพักไปก่อนนะ เดี๋ยวผมกลับห้องก่อน…”

“………….”

ไร้คำพูดใดๆจากร่างแบบบางของสดายุอีกแล้ว เงียบงันจนกฤตเมธยังต้องลอบถอนหายใจเล็กๆ

“ผมจะเปิดประตูคอนเน็คเอาไว้นะ มีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดนะครับ…”

“…ฝันดีนะ”

พูดได้แค่นั้นพระเอกหนุ่มรุ่นใหญ่ก็ล่าถอยกลับเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้สดายุได้นอนเงียบๆคนเดียวในที่สุด

“…เป็นอะไรไปแล้วนะ…ใจเรา…”

ลับร่างกฤตเมธไป สดายุก็อดจะบ่นตัวเองไม่ได้ที่เริ่มมีอาการแปลก หัวใจก็เต้นในจังหวะที่ไม่คุ้นเคย ความเป็นตัวของตัวเองดูเหมือนจะขาดๆหายๆ เป็นอะไรไปนะ เขาเป็นอะไรไปแล้วกันแน่…

‘แล้วคุณเคยคิดถึงใจผมบ้างหรือเปล่า!!?’

‘ผมเข้าใจว่าเมื่อก่อนผมอาจทำตัวแย่ให้คุณรู้สึกรังเกียจ แต่ผมก็ละทิ้งทุกศักดิ์ศรีที่ผมมีเพื่อกล่าวคำขอโทษจากหัวใจให้คุณไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน...แม้ว่าทุกครั้ง...มันจะโดนคุณเหยียบย่ำอย่างไม่มีชิ้นดีก็ตาม...’


“…ผม…ชอบคุณนะ…”

“...หรือว่า...คำว่าชอบจากคนอย่างผม...มันน่ารังเกียจสำหรับคุณกัน?...”

“เพราะสำหรับผม…คุณคือคนที่มีค่า…”


อยากจะหลับไปให้พ้นๆ สมองก็ดันประมวลผลแปลกๆ คำพูด ถ้อยคำ ประโยค ที่กฤตเมธเคยเอ่ย มันตีวนอยู่ในสมองราวฝูงผีเสื้อที่ไม่สามารถสลัดออกไปให้พ้น แย่แล้ว…สดายุกำลังจะแย่แล้ว

คนคนนั้นเป็นอะไรไปนะ…

คนคนนั้นเกลียดเราไม่ใช่หรือไง?

แล้วทำไมจู่ๆถึงมาบอกว่ารัก…

แล้วทำไมถึงมาบอกว่าเขาเป็นคนมีค่า…

แล้วทำไม…

เขาต้องหัวใจเต้นโครมครามแบบนี้ด้วยนะ…



*****************************************

ขอโทษค่ะที่ผิดสัญญา ผิดคำพูด...ฮือๆๆๆ

งานยิกยังไม่เสร็จค่ะเล่นเอาสลบเหมือดคาคอมไปรอบ...

อีกติ่งจะตามมาภายในพรุ่งนี้ค่ะ

ขออนุญาตไปปั่นงานอีกหน่อยนะคะ

(จิร้องไห้)

แล้จะรีบกลับมาโดยเร็วค่ะ

ความผิดครั้งนี้ไม่มีข้อแก้ตัวค่ะ

ขอโทษมากมายอีกครั้งจริงๆค่ะ

อนาคี99

 :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 10-12-2013 11:38:27
มาแล้วววววววววววว อยากจะบอกว่าดีใจมากกกกกกกกกกกกกกก :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 10-12-2013 11:47:17
อะแน่ะ...เริ่มใจเต้นกับตาแก่ลามกแล้วล่ะสิ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-12-2013 11:53:30
ไม่เป็นไรค่า
มาช้าดีกว่าไม่มานะคะ
น้องยุเริ่มมีอาการกับกฤ๖เมธแล้วล่ะสิ อิอิ
รอลุ้นกันต่อไป
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 10-12-2013 11:56:43
ไม่เป็นไรค้า ยินดีรอเพราะตอนนี้หวานมากเลยอ่า อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 10-12-2013 12:04:52
มาแล้วววววว :pig4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 10-12-2013 12:05:02
รอได้ค่ะ มาช้าดีกว่าไม่มาเนาะ  :mew1:

น้องยุเริ่มหวั่นไหวใจเต้นกับคนแก่แล้วล่ะสิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 10-12-2013 12:41:31
มาแล้วยังดีกว่าไม่มาค่ะ หึหึ :z4:

อะร๊ายยยย อีตาแก่ลามก อาบน้ำให้หนูยุยังกับทารกน้อย คิคิ  :-[

น้องยุของเราก็เริ่มหวั่นไหวแล้วอ่ะดิ ใจแข็งไปก่อนนะ อย่าเพิ่งอ่อนยวบยาบ 

อยากเห็นคนแก่ดิ้นตาย  :laugh: :laugh: :laugh:

ปล.สู้ๆกับงานที่หนักน้าคุณอนาคี99 เรารอคุณอยู่เสมอ :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 10-12-2013 12:42:27
เจ็บปวด คำก็แก่สองคำก็แก่น้องยุใจร้ายยยยย :o12:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง
เริ่มหัวข้อโดย: iammoonoi ที่ 10-12-2013 13:21:15
:L2: :L2: :L2:

:mew1: :mew1: :mew1:

:call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-12-2013 13:39:36
เล่นพูดแต่คำหวานๆแบบนี้
ยุจะไปไหนเสีย :-[
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-12-2013 13:40:53
มีแต่คำหวานๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 10-12-2013 13:57:37
สดายุ หวั่นไหวให้พี่กฤตเมธแล้วสิ ฮี่ๆๆๆๆ
ก็พูดซะ ขนาดนั้น  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 10-12-2013 14:03:01
มาต่อแล้ว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 10-12-2013 14:24:54
ดีจัยจังมาต่อแล้ว o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 10-12-2013 14:30:03
น้องสดายุตกหลุมรักที่พี่กฤตขุดไว้ซะแล้วว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 10-12-2013 14:41:38
อร้ายยยย คุณกฤตเมศน่ารัก หวานมั่กมากกกก ชอบ
ถึงกับทำให้น้องหวั่นไหวเลยทีเดียว :hao6:

เรื่องมาช้าไม่ว่ากันค่ะ งานเยอะนินา ไม่เป็นไรค่ะ
มาต่ออีกเร็วๆนะคะ รออยู่ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 10-12-2013 14:47:54
น้องยุคับ ให้อภัยคุณเมธเร็วๆน๊าาา :impress:
คุณเมธก็ตั้งใจง้อเข้าล่ะ :teach:
อย่าท้อๆ สู้ๆ o17
รอตอนต่อนะคับ :m13:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-12-2013 15:01:04
 :mew2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 10-12-2013 15:07:00
น้องยุไม่ต้องคิดนานน เสียเวลา :mc4:
รักกันเสียทีลุ้นจนเมื่อยแล้วเนี่ย :z2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 10-12-2013 15:25:55
เรื่องนี้อ่านแล้วสนุกมาก ยังไงก็จะรอจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 10-12-2013 15:33:12
มาช้ายังดีกว่าไม่มา....ยกโทษให้
ตอนหน้าขอยาว ๆ น๊า.... :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 10-12-2013 15:35:05
น้องยุเริ่มหวั่นไหวแล้ว
เชียร์พี่เมธสุดใจเลยจ้า
 :mc4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 10-12-2013 16:06:30
ตอนหน้าแก้ตัวสิค่ะ

มาต่อไวๆ  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 10-12-2013 16:25:20
สตายุเริ่มใจหวั่นไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 10-12-2013 16:49:43
คนแก่จีบก็เงี้ย ระทวยทุกราย
เข้าใจยุนะเจอแบบนี้คงงงๆก็คุณกฤตเมธอะมาเคลียร์ไรตอนเน้!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 10-12-2013 16:58:20
เริ่มมีใจให้ตาแก่ลามกแล้วล่ะสิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 10-12-2013 17:13:54
น้ำตาจะไหล   :mew4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 10-12-2013 17:17:41
สดายุใจอ่อนเร็วๆนะ

อยากให้หวานบ้าง

รู้สึกช่วงนี้จะขมไปหน่อย :mew4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 10-12-2013 18:21:13
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 10-12-2013 19:44:39
แอร๊ยยยยยย ยุยอมรับใจตัวเองซะเถอะนะ พี่เมธสุดหล่อออกจะดี เป็นพระเอกนอกจอนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: พู่กันและหยดหมึก ที่ 10-12-2013 19:51:32


อิอิ

มาต่อแล้ววว :mew1: :mew1:

หวั่นไหวหรอ สดายุ  :m1:

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 10-12-2013 20:31:16
หวานๆเบาๆ น้องยุตกหลุมตาแก่เหอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 10-12-2013 20:32:21
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 10-12-2013 21:43:47
ยังมีติ่งเล็กติ่งน้อยอีกนะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: holefiller ที่ 10-12-2013 21:47:27
สู้ๆนะคะไรเตอร์  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 10-12-2013 22:40:48
สู้ๆน้า
อยากอ่านต่อแล้ววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 10-12-2013 23:16:12
ได้อ่านต่อแล้ววววววววววว  :oni1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 10-12-2013 23:50:35
น้องยุหวั่นไหวแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 11-12-2013 22:26:43
แบบว่ารอรอ...
ไหนนนนนนนนน อะตัวเองงงงงงงงงงงงงงงง :katai1:
ปริ่ม  :mew4:
น้องยุน่ารักแบบ อุ้ยตายต้ายตาย... (?)
ปริ่มมมมมมมมมม เว่ออออ
รอรอรอ
สู้ๆนะจ้ะ งานก็เคลียร์ให้เสร็จก่อน  จะได้มาต่อยาวๆ 5555555

ไม่ต้องรีบก็ได้...  o18  o18
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 11-12-2013 22:27:41
น้องยุเริ่มหวั่นไหวให้พี่เมแล้วใช่มั้ยยยยยยยยยยยยยย อิอิ
พี่เมธสู้ !!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 11-12-2013 23:27:06
 :a11: I'm waiting for you :กอด1:

คืนนี้จะมามั้ยน้าาาาาาาา :impress:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 11-12-2013 23:35:19
คืนนี้คงไม่มาต่อหรอก เชื่อสิ ดูขันต์น้ำมนต์แล้ว !!!
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: atitayalnw ที่ 11-12-2013 23:48:44
 :z3: :z3:  :mew2: :mew2:
คนแต่งอยู่ไหนจ้าาา เค้ารออยู่น่ะ!!!! ได้โปรดเถอะ หนูติดเรื่องนี้มากๆๆๆอ่ะค่ะ อย่าทรมาณหนูเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Riko ที่ 12-12-2013 00:06:31
ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ  :hao6:
เริ่มมีใจซะแล้วน้องยุของเค้าาาาาาาาาา  :oo1:
สู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้ผู้แต่ง  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-12-2013 00:08:35
 :m7:

 :m7:

 :m7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 12-12-2013 00:28:25
ยุเอ้ยยยย 55555
ไปไม่รอดแล้วว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 12-12-2013 00:58:14
ฟินนนนนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 12-12-2013 02:50:30
มารอ :katai5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 12-12-2013 10:18:23
 ยะ ยะ ยะ ยังไม่มา   :hao5:  :hao5:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งแรก) ขออภัยอย่างสูง P.40
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-12-2013 10:51:57
 :m22: เข้ามาส่อง แหงะ

ยังไม่มาอ่ะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.41
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 12-12-2013 18:15:32
ผมคือนางเอก

ซีนที่ 14

(ติ่ง)




“ผมจะยอมรับร่างกายของคุณเป็นของตอบแทนในทุกสิ่งที่ผมจะทำเพื่อคุณต่อจากนี้ไปเอง!!”



พรึ่บ!!

“….!!!???...เฮ้ย!! เหวอ!! กฤตเมธ!!??”

ไม่ทันให้ตั้งตัวร่างทั้งร่างของสดายุก็ลอยหวือขึ้นจากเตียงนอน อารามตกใจทำให้สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดทำงานทันทีโดยการคว้าแขนขึ้นคลองคอแกร่งของกฤตเมธไว้มั่น

“คุณจะทำบ้าอะไรเนี่ย!!?? จะพาผมไปไหน!!?”






“อาบน้ำ”


*
*
*
*
*
จ๋อม…

จ๋อม…

“เป็นไงครับ ดีขึ้นมั้ย?”

“…………”

“คุณคงเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวมาก ว่ากันว่าแช่น้ำอุ่นแล้วจะดีขึ้นนะ”

“…………”

“วันนี้ยังไม่สระผมดีกว่า คุณยังมีไข้อยู่ไว้ดีขึ้นก่อนค่อยว่ากันเนอะ”

“………….”

“เอาล่ะ อีกเดี๋ยวพอน้ำเริ่มเย็นผมจะพาคุณขึ้นแล้วนะ…”

“เพี้ยนอะไรเนี่ยคุณ!!?”

หลังจากอดรนทนมานานสุดท้ายสดายุก็ทนไม่ไหว จึงต้องถามไถ่ออกไปให้ได้รู้แน่ว่าตกลงที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้มันคืออะไร ผู้ชายที่ชื่อกฤตเมธเป็นบ้าอะไร ทำไมเขาต้องมาถูกผู้ชายไม่เต็มเต็งตรงหน้านี้ปรนนิบัติพัดวีถึงในห้องน้ำ ทั้งที่เมื่อคืนก็ไอ้ผู้ชายคนเดียวกันนี่แหละที่ย่ำยีเขาจนไม่เหลือชิ้นดี!!

แถมชายตรงหน้านี้ยังเป็นพวกด้านชาด่าไม่เจ็บที่สดายุแทบจะรับมือไม่ไหว แถมยังเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอีก อย่างเช่น เมื่อวานยังแซวกันเล่นอยู่ดีๆ เมื่อคืนกลับทำร้ายกันอย่างเลือดเย็น (ถึงแม้เขาจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็เถอะ) พอเช้ามาก็มาทำดีด้วยอีก บอกว่าขอโทษบ้าง รับผิดชอบบ้าง ‘…รักบ้าง’ แต่พอสักพักก็โมโหใส่ลากเขาเข้าไปอาบน้ำแบบไม่เต็มใจโดยอ้างว่าให้น้ำช่วยทำให้สติอารมณ์เย็นลง จากนั้นก็นวดบ้าง จุดเทียนอโรม่าให้บ้าง เล่นเอาสดายุจับทางไม่ถูกกันเลยทีเดียว

“อยากทำดีไถ่โทษรึไง? ความจำสั้นเหรอ? ผมบอกแล้วนี่ ว่ามันไม่จำเป็น!!”

แม้จะแขวะออกไปไม่เบานัก แต่กฤตเมธก็ยังคงสีหน้านิ่ง ก่อนจะยิ้มออกมานิดๆ แล้วหันกลับไปเตรียมผ้าขนหนูผืนใหญ่ที่คาดว่าน่าจะใช้ในการพาเขาขึ้นจากอ่างอาบน้ำ ฉุดรั้งอารมณ์คุกรุ่นของสดายุให้เดือดปุดปุดขึ้นมาอีกรอบ

‘หนอย…ไอ้แก่หน้ามึน!’

“เป็นบ้าอะไรของคุณเนี่ย! คุ้มดีคุ้มร้ายอย่างกับคนเสียสติ! คิดว่าผมเป็นของตายจะทำยังไงก็ได้หรือไง!? โกรธเกลียดก็ทำลาย พอหายก็ทำดีด้วยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น! คุณคิดว่าผมไม่ใช่คน ไม่มีชีวิตจิตใจสินะ! เออ! ใช่สิ ผมมันก็แค่ดาราตกอับ มันทำอะไรไม่ได้แล้วนี่…!!”

“เลิกดูถูกตัวเองได้แล้วยุ!”

“แล้วไม่จริงรึไง!!”

“ไม่จริง! ขอร้อง…สดายุ คุณจะด่าว่าที่ผมทำไม่ดีกับคุณลงไปยังไงก็ได้ ผมจะก้มหน้ายอมรับ ขอแค่เรื่องเดียว…อย่าดูถูกตัวเองอีก…”

“……………”


“เพราะสำหรับผม…คุณคือคนที่มีค่า…”


“………………”

'มีค่า' คำเดียวก็ทำเอาสดายุอ้าปากค้าง ได้แต่มองจ้องใบหน้าจริงจังที่มองมาในระยะใกล้นั้นอย่างไม่อาจห้ามใจ

“…ขึ้นจากน้ำได้แล้วครับ น้ำเริ่มจะเย็นแล้ว”

 อยากจะเถียง อยากจะพูดถ้อยคำเจ็บแสบต่ออีกร้อยพัน แต่ปากเจ้ากรรมดันไม่ยอมขยับ อะไรบางอย่างจุกอยู่ตรงคอหอยแน่นจะแทบสำลัก อยากต่อต้าน อยากดิ้นรน แต่มือไม้กลับไม่ยอมฟังคำสั่ง มันชา มันนิ่ง ทั้งตัวไร้แรงต้านทาน ร่างกายใจง่ายมันปล่อยให้ตัวเองโดนอุ้มขึ้นจากน้ำ โดนใช้ผ้าห่อราวกับทารก แถมยังยอมปล่อยให้อุ้มเข้าไปถึงเตียงนอน ปล่อยให้อีกฝ่ายจับแต่งตัวตามใจชอบ ปล่อยให้อีกฝ่ายแตะต้องตัวทั้งที่เขาไม่ชอบ เพียงเพราะคำว่า ‘มีค่า’ คำเดียวแค่นั้น!? อยากจิกหัวตัวเองชนกำแพงเรียกสติ
‘ไอ้สดายุ! แกมันบ้า!!’

“อาหารเช้ามาส่งแล้ว คุณทานสักหน่อยแล้วกันนะ จะได้ทานยาแล้วพักผ่อน …”

“…ไม่กิน ผมจะนอนแล้ว!”

“แต่…”

“ขอผมอยู่คนเดียว ขอร้อง…”

สงครามเงียบเกิดขึ้นครู่หนึ่ง ก่อนที่กฤตเมธจะเป็นฝ่ายยอมพ่ายถอยให้ก่อน เพราะชายหนุ่มไม่อยากทำให้คนป่วยต้องอารมณ์เสีย จนลุกขึ้นมาประชดประชันด้วยการด่าว่าตัวเองเสียๆหายๆอีก

“งั้นคุณนอนพักไปก่อนนะ เดี๋ยวผมกลับห้องก่อน…”

“………….”

ไร้คำพูดใดๆจากร่างแบบบางของสดายุอีกแล้ว เงียบงันจนกฤตเมธยังต้องลอบถอนหายใจเล็กๆ

“ผมจะเปิดประตูคอนเน็คเอาไว้นะ มีอะไรก็เรียกผมได้ตลอดนะครับ…”

“…ฝันดีนะ”

พูดได้แค่นั้นพระเอกหนุ่มรุ่นใหญ่ก็ล่าถอยกลับเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้สดายุได้นอนเงียบๆคนเดียวในที่สุด

“…เป็นอะไรไปแล้วนะ…ใจเรา…”

ลับร่างกฤตเมธไป สดายุก็อดจะบ่นตัวเองไม่ได้ที่เริ่มมีอาการแปลก หัวใจก็เต้นในจังหวะที่ไม่คุ้นเคย ความเป็นตัวของตัวเองดูเหมือนจะขาดๆหายๆ เป็นอะไรไปนะ เขาเป็นอะไรไปแล้วกันแน่…

‘แล้วคุณเคยคิดถึงใจผมบ้างหรือเปล่า!!?’

‘ผมเข้าใจว่าเมื่อก่อนผมอาจทำตัวแย่ให้คุณรู้สึกรังเกียจ แต่ผมก็ละทิ้งทุกศักดิ์ศรีที่ผมมีเพื่อกล่าวคำขอโทษจากหัวใจให้คุณไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน...แม้ว่าทุกครั้ง...มันจะโดนคุณเหยียบย่ำอย่างไม่มีชิ้นดีก็ตาม...’


“…ผม…ชอบคุณนะ…”

“...หรือว่า...คำว่าชอบจากคนอย่างผม...มันน่ารังเกียจสำหรับคุณกัน?...”

“เพราะสำหรับผม…คุณคือคนที่มีค่า…”


อยากจะหลับไปให้พ้นๆ สมองก็ดันประมวลผลแปลกๆ คำพูด ถ้อยคำ ประโยค ที่กฤตเมธเคยเอ่ย มันตีวนอยู่ในสมองราวฝูงผีเสื้อที่ไม่สามารถสลัดออกไปให้พ้น แย่แล้ว…สดายุกำลังจะแย่แล้ว

คนคนนั้นเป็นอะไรไปนะ…

คนคนนั้นเกลียดเราไม่ใช่หรือไง?

แล้วทำไมจู่ๆถึงมาบอกว่ารัก…

แล้วทำไมถึงมาบอกว่าเขาเป็นคนมีค่า…

แล้วทำไม…

เขาต้องหัวใจเต้นโครมครามแบบนี้ด้วยนะ…


>
>
>
>
>
>
>
>
>
>


เสียงอะไรน่ะ?

เสียง…ผู้ชาย?

ร้องพลง...เหรอ...?

โอย...

ทรมานหู...




"อ้าว...ตื่นแล้วเหรอคุณ? พอดีเลยข้าวเที่ยงมาแล้วนะ"


ตึ่ก ตั่ก...



"................."

"ลุกขึ้นล้างหน้าหน่อยมั้ย ไข้คุณลดแล้วล่ะ แต่เดี๋ยวทานข้าวแล้วทานยาย้ำอีกทีดีกว่า พักผ่อนอีกคืน พรุ่งนี้ก็น่าจะโอเคแล้วล่ะ"

".......มีญาติเป็นหมอเหรอ วินิจฉัยเก่งเชียวนะ"

โดนดูแลดีเกินไป จนอดไม่ได้ที่จะแขวะกัด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยังตั้งแง่ไปทำไม ในเมื่ออีกฝ่ายก็ยอมลงให้ขนาดนี้ แล้วทำไมเขายังไม่ยอมลดทิฐิบ้าง นอนคิดจนหลับไปสองรอบ คิดตกก็ตั้งหลายหน ตั้งใจว่าจะยอมอ่อนให้สักหน่อย แต่พอเห็นหน้ามันก็อดไม่ได้ทุกที

คงเพราะยังฝังใจกับเรื่องในอดีต

และยังคงเจ็บ...กับเรื่องเมื่อคืน



"...หึหึ ผมไม่มีญาติเป็นหมอหรอก แต่ก็พอรู้ว่าบ้างว่าต้องทำยังไง อย่างน้อยก็เคยเป็นพยาบาลจำเป็นก่อนคุณพ่อผมจะเสียน่ะ"

'ขี้โกง!...เล่นปล่อยมุกเรียกน้ำตานี่หว่า'


คำกู่ร้องในใจของสดายุดังขึ้นทันทีที่อีกฝ่ายเริ่มลากเศร้า เขายิ่งแพ้กับเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวหรืออะไรทำนองนี้เสียด้วยสิ

"...คุณพ่อคุณ...เป็นอะไร?...เอ่อ..."

"...โรคมะเร็งน่ะ ท่านจากผมไปสักสิบห้าปีได้แล้ว...หึหึ...สนใจเรื่องของผมด้วยเหรอ?"

"......................" ( -///"/// - )

สดายุถึงกับต่อบทไม่ถูกเมื่อถูกหยอกเย้ากลายๆ เลยได้แต่โทษตัวเองว่าไม่น่าหลวมตัวไปให้ความสนใจกฤตเมธเลย นางเอกหนุ่มหน้าสวยจึงได้แต่ถอนหายใจบางเบา แล้วพยายามตะเกียกตะกายลงจากเตียงเพื่อไปห้องน้ำล้างหน้า

"โอ๊ะ!"

"สดายุ!?"

ทว่าพอสองเท้าแตะพื้นตั้งท่าจะลุกยืน ความอ่อนเปลี้ยของสองขาก็ทำให้สดายุเสียหลักคะมำมาข้างหน้า โดยมีกฤตเมธสอดมือเข้าไปรับไว้ได้ทันอย่างหวุดหวิดก่อนจะร่วงลงพื้นพอดี เล่นเอาตกใจจนอึ้งไปทั้งคู่

"คุณ...เป็นยังไงบ้าง...?"

"...................."

ไม่ได้ตกใจที่ตัวเองเกือบจะร่วงลงไปกองกับพื้น แต่ตกใจที่ร่วงลงมาสู่อ้อมแขนของกฤตแมธต่างหาก ใบหน้าที่ชิดกันแค่ปลายจมูกสัมผัส ลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดข้างแก้ม อ้อมแขนแกร่งที่โอบรอบกาย วงแขนเขาที่โอบรอบคออีกฝ่าย ทุกอย่างชัดเจนในสายตา แต่ว่าสมองกลับไม่ทำงาน...

"...ยุ..."

"....!!!? ...อ๊ะ?....คุณ...เอ่อ...เฮ้ย!!"

ในที่สุดสติก็คืนกลับมา พอรู้สึกได้ว่าโดนกอดก็อยากจะผลัก แต่พอจะผลักก็ดันเห็นแขนตัวเองที่โอบคออีกฝ่ายไว้ด้วย เล่นเอาหัวใจสะดุดวาบ จนต้องรีบกระชากตัวเองออกมาโดยเร็ว ถึงกับเซถอยหลังสองสามก้าวกว่าจะตั้งหลักได้ และไม่ต้องรอให้ใครพูดอะไรขึ้นมาทั้งนั้น สดายุรีบประคองกายหนีเข้าห้องน้ำทันที...พร้อมความผิดปกติของ...หัวใจ

ตึ่กตั่ก ตึ่กตั่ก ตึ่กตั่ก ตึ่กตั่ก ตึ่กตั่ก ตึ่กตั่ก (รัวแรงหนักหน่วง...จนแทบทะลุกระบังลมออกมาเต้นข้างนอก)

'บ้าจริง...ไอ้หัวใจทรยศ...ไอ้ใจง่าย...นั่นมันคนที่ทำลายศักดิ์ศรี เป็นคนที่ย่ำยีหัวใจของแกนะ!...แค่เขาทำดีด้วยนิดหน่อยอย่าไปอ่อนตามเขาสิเฟ้ย!!'

"...ปั๊ดโธ่!...แกไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย ที่จะไปรู้สึกเนื้อเต้นเพียงเพราะถูกพระเอกหนังปล้ำแล้วร้องเร่าๆว่ารับผิดชอบ เพียงแค่ข้ามคืนก็จะไปยอมเขาเสียหมดแล้วน่ะ!! โฮ่ย!! ไอ้สดายุเฮงซวย! เจ็บไม่จำรึไง! ไอ้บ้า!!"



เข้าห้องน้ำมาได้ก็ก่นด่าตัวเอง ที่ดันไปหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำกับกฤตเมธที่คอยมาเฝ้าดูแลไม่ห่าง ทว่ายิ่งด่าก็ยิ่งเจ็บใจ เพราะใบหน้าที่สะท้อนอยู่บนกระจกอ่างล้างหน้านั้น...


คืออดีตพระเอกหนุ่มสดายุ...ที่หน้าแดงแปร๊ดยิ่งกว่าลูกตำลึง...


******************************************************************************

มาน้อยอีกแล้ว...แถมยังมาช้าด้วย
ขอกราบอภัยสวยๆอีกที...
และมาร้องขอโอกาสอีกครั้งนะคะ
 :mew6:
คืนนี้จะเป็นคืนส่งงานยิก ปิดเล่มเป็นคืนสุดท้ายค่ะ
แล้วจากนั้น...เก๊าจะเป็น...อิสระ!!
(อิสระจากงานดองของตัวเอง...อิอิ)

ขอบคุณอีกครั้งที่ยังรอนะคะ

อนาคี99
 :กอด1:

คืนนี้คงไม่มาต่อหรอก เชื่อสิ ดูขันต์น้ำมนต์แล้ว !!!

ขันต์น้ำมนต์...แม่นฝุดๆค่ะ กิกิกิ...(ฟิ้ววว...สไลด์ตัวหลบรองเท้าเฉี่ยวหัวอย่างสวยงาม)
 :hao7:

แถมค่ะ...
จังหวะพลั้งเผลอของสองหนุ่ม...อิอิ


[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.41
เริ่มหัวข้อโดย: พู่กันและหยดหมึก ที่ 12-12-2013 18:17:35

มาต่อแล้ววว

หุหุ หวั่นไหวใหญ่เลย สดายุ

 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 12-12-2013 18:18:48
ยุยอมใจอ่อนกับคนแก่ไปเห๊อะะะะะะะะ   :-[
คนแก่ใจดีนะตัวเธอออ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 12-12-2013 18:22:01
มาสั้นจังค่ะ  ค้างค่ะ :hao5:

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 12-12-2013 18:25:35
 o13
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-12-2013 18:29:32
น้องยุหวั่นไหววววแล้วสิ อิอิ เจอพี่เมธทำดีด้วยเข้าไป
เป็นกำลังให้คนเขียนด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 12-12-2013 18:30:30
ยุเอ้ยยยย งานนี้ไม่รอดแน่ หวั่นไหวเข้าแล้วววว :hao6:
คุณเมศขา กินอะไรเข้าไปน่ะ ทำไมน่ารัก อบอุ่นซะขนาดนี้ :ling1:

รอตอนต่อไปค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 12-12-2013 18:54:35
อุตะ! มาเป็นยาชูกำลังหลังสอบพอดีเลย

จะได้มีแรงอ่านหนังสือเรียน อิอิ :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-12-2013 18:56:38
555 ยุเจอช๊อตเรียกความเห็นใจจากคนแก่

คนแก่ดูแลดีขนาดนี้ ยอมเถอะ ยุ เพื่อซีนต่อไปจะได้สมจริง :z1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-12-2013 19:00:25
ท่าจะอาการหนักแล้วยุ อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 12-12-2013 19:29:13
 :z3: :z3: มันสั้น
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-12-2013 19:31:13
อย่าใจร้ายกะคนแก่สิยุ ใจอ่อนกะเค้าไปเถอะ ถ้าจะใจเต้นแรงขนาดนี้  o18

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-12-2013 19:37:17
พี่เมธสู้ๆ น้องยุหวั่นไหวแล้ววววว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 12-12-2013 19:40:37
 :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-12-2013 19:53:11
ขอบคุณมากจ้าที่มาต่อให้ได้อ่าน

รอติดตามต่ออีกตอนหน้าจ้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 12-12-2013 19:53:33
มาช้าดีกว่าไม่มา มาสั้นดีกว่าไม่มา  :sad4:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 12-12-2013 20:07:20
เย้ๆ นางเอกเราเริ่มหวั่นไหวแล้ว  :-[
มา้ช้าไม่เป็นไรจ้า อย่าโหมงานหนักเกินไปนะจ๊ะ พักผ่อนบ้าง เทคแคร์นะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 12-12-2013 20:26:06
 :hao7:  ว้าวๆ  ยุมีพัฒนาการกับพี่เมธดีขึ้นนะ   :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-12-2013 20:39:40
หวั่นไหว :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Riko ที่ 12-12-2013 21:37:27
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด  :hao6:
น่ารักอ่าาา อย่าทรยศหัวใจตัวเองเลยลูกจ๋าาาาาาาา
รักกันไว้เถิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 12-12-2013 21:45:03
หวั่นไหวแล้ว
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-12-2013 21:49:03
มาสั้นยังดีกว่าม่ายยยมา น้องยุเริ่มหวั่นไหวแล้วนะไอ้แก่ 555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 12-12-2013 21:55:00
 :bye2: :bye2: :bye2: :bye2:
จะยังไม่มาต่อใช่มั้ย o18
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 12-12-2013 22:07:20
น้องยุเริ่มแพ้ทางคนแก่เข้าให้แล้วสิ  :impress2:

ปล.รูปเลอค่ามาก
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 12-12-2013 22:17:41
โรคหัวใจกำเริบเลิฟ ละ ละ เลิฟ เลิฟ เลิฟฟฟฟ สินะสดายู๊!!!



 :laugh:


เป็นนางเอกต้องใจง่ายกับพระเอกสิ ไม่งั้นเสียคอนเซ็ปหมด กิกิกิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 12-12-2013 22:45:51
น้องยุ เจ๊ว่าหนูชอบเฮียเขาแล้วละนะ ตกหลุมพลางคนแก่ ><
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 12-12-2013 23:07:56
ยิ่งใกล้กันยิ่งหวั่นไหว  :ling1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 12-12-2013 23:51:34
ฟินนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 13-12-2013 00:05:42
ยุขา คนแก่ใจจะขาดแล้ว
ให้โอกาสเค้าหน่อยเถอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 13-12-2013 00:33:06
ยุเอ้ยยย
55555
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 13-12-2013 00:36:22
น้องยุเขินน่าดูอะ
ท่าทางจะแพ้ทางคนแก่นะคะ อิอิ
ชอบคุณพระเอกอะ จีบเก่งนะเนี่ย  :hao6:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 13-12-2013 00:44:13
บอกว่ามาสั้นๆ... ก็มาซะ สั้น จริงๆ...   :o

รอต่อไปฮะ  :o7:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 13-12-2013 00:47:33
และแล้วเราก็เห็นผลกับคำว่า ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก 5555
ใจอ่อนแล้วไง...พี่เมธหยอดเยอะๆ เดี๊ยวก็ละลายแล้ว อิอิ :mew1: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 13-12-2013 01:13:35
ไม่น่าเป็นติ่งสองอ่ะ น่าจะบอกว่าต่อจากติ่งแรกนิดหน่อยมากกว่า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 13-12-2013 09:42:18
อั้ยย่ะ น้องยุมีหวั่นไหว อิอิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 13-12-2013 11:51:55
น้องยุเริ่มหวั่นไหวทีละนิดๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 13-12-2013 12:15:56
ถึงปฏิเสธยังไง
หัวใจมันก็ฟ้องออกมาอยุ่ดีล่ะน้า
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 13-12-2013 13:28:37
น้องยุหวั่นไหวซะแล้ววววว อิอิ เขิลแทน :-[
พี่เมธพยายามต่อไปนะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 13-12-2013 13:45:04
ตามทันแล้วดีใจ  :hao7:

น้องยุอย่าใจแข็งนักเลยสงสารคนแก่เขา
รีบๆใจอ่านสักทีน้า เดี๋ยวคนแก่จะน้อยใจซะก่อน
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 13-12-2013 20:31:02
รอตอนต่อไป :mew1:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 13-12-2013 20:39:08
ชอบโดยไม่รู้ตัวแล้ว~

อยากอ่านตอนหวานแล้วนะ :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: actionmarks ที่ 15-12-2013 23:20:13
เมื่อก่อน ติ่งแรก ตอนนี้ ติ่งสอง ตอนหน้าก็คง ตอนเต็ม ๆ หวังว่าอย่างนั้น  :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-12-2013 19:15:30
ผมคือ...นางเอก
ซีน 14 (เต็มเหนี่ยว)





"เอ้าๆ เซ็ทฉากกันถึงไหนแล้วเด็กๆ"

"เกือบเสร็จแล้วครับ-ค่ะ"

"ไอ้เกือบน่ะมันจะเกือบอีกนานแค่ไหนวะ จะเก้าโมงแล้วนะเว้ย แล้วนี่พระนางยังไม่มากันอีกเหรอนัดสามโมงเช้านะ ไม่ใช่สามโมงเย็น โว้ย พ่อคุณพ่อขนุนหนัง พ่อมหาจำเริญ พ่อดาราดังๆนี่ต้องสายโด่งเป็นคอนเซ็ปประจำตัวเลยใช่มั้ยเนี่ย..."

เสียงบ่นอุตลุตของอ๊อดดังไปทั่วห้องสูทของของโรงแรมระดับสี่ดาวที่เช่าชั่วคราวเพื่อถ่ายทำฉากสำคัญ เซ็ทฉากพร้อม คอสตูมพร้อม กล้องพร้อม ผู้กำกับพร้อม แต่...นักแสดงดูท่าจะไม่พร้อม เพราะนัดเก้าโมงตรงถ่ายทำ แต่นี่ยังไม่เห็นเงาใครมา สดายุเหลวไหลน่ะปกติ แต่กฤตเมธนี่เหนือความคาดหมายเสียจริง

"มาแล้วครับ...ขอโทษที่ช่นะครับ"

หงุดหงิดได้ไม่ถึงห้านาที ในที่สุดเทพบุตรก็โผล่หน้ามาถึง คำขอโทษพาใจอ่อนยวบยาบ สุดท้ายผู้กำกับยอดชายก็ให้อภัยไม่ถือโกรธ (เพราะเดี๋ยวพ่อคุณจะเหวี่ยงวืดไม่ยอมแสดง แล้วมันจะไปกันใหญ่)

"สายไปแค่ห้านาทีเอง ไม่เป็นไรๆ พี่ไม่ถือ อย่าคิดมาก 555+ "

อ๊อดหัวเราะร่าโดยมีสายตาของทีมงานจ้องมาเป็นตาเดียวในความหมายว่า 'แม่-ง...ต-อแห-ล...'

"ขอบคุณครับพี่อ๊อด บังเอิญผมช้าเองแหละครับ เลยดึงยุเขาช้าไปด้วย"
 (ว่าแล้วก็ชี้บุ้ยใบ้ไปทางคนที่เดินหน้ามึนตามหลังมาติดๆ)

อื๋อ...ยุ?
"ยุเขาก็รีบขนาดผมเผ้ายังไม่ยอมเซ็ตเลยครับเนี่ย..."
 (ว่าแล้วก็จับผมชี้โด่ชี้เด่ของสดายุ ก่อนจะขยุ้มศีรษะเล็กเบาๆ จากนั้นสดายุก็เบี่ยงหัวหลบก่อนหันไปค้อนเล็กๆ แต่ก็ไม่ได้โวยวายอะไร...)


หืออออ??? จับผมกับลูบหัวกันด้วย!!


ภาพที่ทุกคนได้เห็นล้วนแต่ทำให้ตะลึงกันตาคาเติ่ง การหยอกล้อที่เกินกว่าที่เคยนี้มันคืออะไร? สามวันที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมคู่อาฆาตฟ้าประทานที่แทบจะฆ่ากันตายทุกครั้งที่เข้าฉาก ถึงได้กลายเป็นเพื่อนรู้ใจที่หยอกเย้ากันได้อย่างสนิทสนมเช่นนี้กันนะ!?

"...เอ่อ...แหม ดูสนิทกันขึ้นนะเรา เออ ดีๆ งานเราจะได้ราบรื่น..."

"ครับ พวกผมตั้งใจอย่างนั้นอยู่แล้ว"

ทันทีที่อ๊อดเปรย กฤตเมธก็รีบตอบรับออกไปก่อนที่สดายุจะทันได้อ้าปากคัดค้าน เพราะจริงๆแล้วภาพที่ทุกคนเห็นนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ใครๆคิดเลยแม้แต่นิดเดียว

...เพราะความจริงแล้วเรื่องมันมีอยู่ว่า...

ย้อนกลับไปเมื่อวานตอนเที่ยง


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

"ยุ? คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? ยุ?"

เสียงกฤตเมธเคาะประตูไต่ถาม เมื่อเห็นว่าคนที่บอกว่าจะเข้าไปแค่ล้างหน้านั้นกบดานเงียบอยู่ในห้องน้ำนานจนเกินไป 

กึ่ง กึ่ง กึ่ง!!

"ยุ? เฮ้! ถ้าไม่เปิดตอนนี้ผมจะพังประตูแล้วนะ!!"


แกร๊ก!


กำลังจะเคาะซ้ำ ประตูก็เปิดทะลึ่งออกมาจนแทบยั้งมือไม่ทัน และใบหน้าที่ออกมาพร้อมบานประตูนั้นก็หงิกงอตามคาด กฤตเมธได้แต่ยืนนิ่งให้อีกฝ่ายค้อนจนตาแทบคว่ำ อยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ๆ เห็นว่าออกจะนานเกินไปเลยต้องรีบตัดบท กลัวอีกฝ่ายจะตาถลนออกจากเบ้ามาเสียก่อน

"...ออกมาจนได้นะ นึกว่าจะต้องพังประตูเสียแล้ว..."

"เลิกยุ่งกับผมซะทีได้มั้ย!! ถ้าไม่วอแวด้วยสักสามนาทีนี่มันจะขาดใจตายเหรอ!!?"

เสียงตะคอกแผดลั่นเต็มสองรูหูพร้อมร่างแบบบางที่กระแทกโครมใหญ่ผ่านออกจากห้องน้ำ แสดงให้เห็นชัดเจนว่าไม่สบอารมณ์สุดๆที่ถูกกวนเวลาส่วนตัว (ในห้องน้ำ?) แต่แค่นี้มีหรือที่กฤตเมธจะสะทกสะท้าน (มากกว่านี้ก็โดนมาจนด้านชาไปหมดแล้ว)

"...ตายครับ"

"…!!"

"ถ้าไม่ได้ยุ่งกับคุณ แค่ครู่เดียวผมก็ตายได้แล้วครับ"

"..ฮึ่ย...คุณนี่มัน!! กวนประสาทจริงๆเลยนะ!!"

 “ผมก็เคยบอกแล้วไง...ว่าผมขอโอกาสดูแลคุณ...”

“แล้วใครให้คุณ!?”

“...หึหึ...ก็คุณไง...”

“....!!!?”

“อย่าลืมสิ เมื่อเช้าคุณเป็นคนบอกผมเองไม่ใช่เหรอว่า จะยกตัวคุณให้ผมเพื่อทดแทนการพึ่งพาผมกลับสู่วงการ...”

“นั่นมัน...!”

“แล้วผมก็ตกปากรับคำ...ยอมรับตัวคุณมาดูแลเรียบร้อยแล้วครับ ห้ามขัด...”

“...เฮ้ย!...”
 
“แต่…ถ้าคุณจะกลืนน้ำลายตัวเองผมก็ไม่ว่าอะไรหนอกนะ...”
 
น้ำเสียงนุ่มทอดหวานกรุ้มกริ่ม จุดชนวนคุกรุ่นของคู่สนทนาได้ไม่น้อย
 
“เพราะไม่ว่ายังไง…ผมก็ไม่ยอมคืนให้เด็ดขาด”
*
*
*
*
*
 
จากนั้นไม่ว่าสดายุจะทำท่าทีแหนงหน่ายขนาดไหน สุดท้ายก็ถูกคนอายุมากกว่าจอมเจ้าเล่ห์ทั้งป้อทั้งต้อนเข้าไปอยู่ในมุมที่ไร้ทางขัดขืนจนได้
 
…ยาวจนถึงตอนนี้ ที่สดายุกลายเป็นลูกไก่ถูกต้อนเข้าสุ่มไปโดยปริยาย…
 
“เอ้าๆ พระนาย แต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จกันหรือยัง?”
 
"...จะให้แต่งอะไรวะพี่...แก้โล่งซะขนาดนี้"

สดายุบ่นอุบ เมื่อได้ยินคำถามชวนสงสัยของผู้กำกับอารมณ์ดี (แต่ไม่อยู่กับร่องกับรอยสักเท่าไหร่) สภาพของเขากับกฤตเมธตอนนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยว่าพระเอกหนุ่มยังยังคงสวมเสื้อผ้าหล่อเหลาเต็มยศ แต่เขานี่สิเหลือเพียงผ้าขนหนูผืนน้อยปิดกายอย่างน่าสงสาร วันนี้เขากับกฤตเมธต้องเข้าฉากสะเทือนใจอีกครั้ง ทั้งที่ยังไม่ได้ทำใจเท่าไหร่นัก สามวันที่ผ่านมาชายหนุ่มเจอเรื่องสาหัสกับหัวใจมามากเกินไป จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่แน่ใจเลยว่าจะสามารถทำสติอารมณ์เข้ากับบทบาทของภุมราได้สักกี่มากน้อย

เวลาล่วงเรื่อยจนเกือบจะสิบโมง ในที่สุดทุกอย่างก็พร้อมสรรพ ฉากบันเทิงใจอีกฉากกำลังจะได้เริ่มถ่ายทำในไม่ช้า หนึ่งใบหน้านิ่งงันเพราะกำลังมีสมาธิกับการแสดงอย่างเต็มที่ อีกหนึ่งก็กำลังจะสมาธิแตกเพราะยังไม่ทันจะได้ทำใจ

"เอ้า..ประจำที่กันได้เลยหนุ่มๆ"

หลังซักซ้อมคิวกันอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พรักพร้อม ผู้กำกับอ๊อดจึงเริ่มให้สัญญาณในการเริ่มถ่ายคิวแรก สดายุที่ถูกพรมน้ำจนฉ่ำพราวยืนรออยู่หลังบานประตูห้องน้ำบานสวย ส่วนกฤตเมธก็แสตนด์บายยืนกอดอกรออยู่ตรงกรอบประตู รอเวลาเริ่มต้นอย่างใจจดจ่อ


"แอ็คคคคคคค....ชั่น!!"


“อ๊ะ! เฮ้ย! นี่! ทำอะไรน่ะ นคินทร์!!??”

“โอ้ย! ปล่อยนะ!”

สิ้นเสียงเริ่มการถ่ายทำสดายุในคราบของภุมราก็เปิดประตูออกมาด้วยท่าทางเร่งรีบตามบทบาท และทันทีที่ออกมาก็ถูกมือแกร่งของกฤตเมธฉุดลากถูลู่ถูกังไปที่เตียง  สดายุดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนนั้นอย่างพะว้าพะวัง เพราะถึงจะมั่นใจว่านุ่งไว้อย่างแน่นหนาแล้ว แต่ถ้ามันจะเกิดหลุดขึ้นมา คงไม่น่าโสภาสักเท่าไหร่


‘ผลั่ก...ตุบ’

โชคดีที่สุดท้ายก็ถูกย้ายร่างมาที่เตียงได้อย่างปลอดภัยไม่โป๊ แต่หลังจากคลายกังวลจากผ้าขนหนูผืนจ้อย ก็ต้องมาหัวใจกระตุกไหวกับสภาพที่ถูกคร่อมกายอยู่อย่างหมิ่นเหม่

‘ทนไว้ไอ้ยุ ท่องไว้นี่คือการแสดง นี่คือการแสดง...’


สดายุพยายามกัดฟันอยู่ในบทให้ได้สมบูรณ์ที่สุด สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปในบทนั้นค่อนข้างน่าหวั่นใจ แต่สิ่งที่น่าพรั่นพรึงกว่าคือร่างกายกับจิตใต้สำนึกบางเสี้ยวของเขากำลังผนึกบทละครกับเรื่องจริงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานซืนเข้าด้วยกันอย่างสุดห้ามเสียแล้ว...

“แกจะไปไหน ภุมรา?”

“จะ...จะไปไหน...มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนายสักหน่อย”

การต่อบทยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สดายุทึ่งในตัวเองเล็กๆที่ยังสามารถรักษาสติอารมณ์ให้คงอยู่ในบทของตนไว้ได้อย่างแน่วแน่ แม้มันใกล้จะล่มเต็มทีแล้วก็เถอะ

“จะไปรับผู้ชายมา “กก” งั้นเหรอ”

“!!?? หยุดหยาบคายใส่ฉันสักทีได้มั้ย? นคินทร์!!”

สดายุในคราบของภุมรายกตัวขึ้นใช้มือบางผลักร่างตรงหน้า สองมือนั้นสั่นไหวจนแม้แต่กฤตเมธเองก็ยังรู้สึกได้ว่าสดายุกำลังเกิดอาการแปลกๆ แต่ก็แค่เพียงครู่เดียวที่รู้สึก เพราะเมื่อต่อบทถึงไดอะล็อคต่อไป สดายุก็กลับมาเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอารมณ์ หรือสายตาที่มาดหมายว่าเป็นภุมรา ไม่ใช่สดายุ

“ไม่ไปได้มั้ย?”

เมื่อโล่งใจว่าคู่แสดงยังคงความปกติ กฤตเมธก็ยังคงต่อบทตามคิว อีกเพียงแค่นิดเดียวก็จะจบเทคแรกแล้ว หวังใจให้สดายุยังคงอยู่ในบทได้ และหวังยิ่งกว่าให้เขาเอง ก็ยังอยู่ในบทด้วยเช่นกัน

“อะไร...นะ?....!!?”


‘มาแล้ว!!!’


เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองหวาดหวั่นกำลังจะเริ่มต้นขึ้น ก่อที่กฤตเมธจะโถมร่างเข้าหาเจ้าตัวก็ชิงหลับตาปี๋ไปเสียก่อน โชคยังดีที่ถูกบังมุมกล้องพอดีเลยไม่ถูกสั่งคัทตั้งแต่เริ่ม (เพราะถ้าให้ถ่ายใหม่ ท่าทางอารมณ์จะไปไม่ไหวแล้ว)

และแล้วริมฝีปากอุ่นชื้นก็ประกบลงมาอย่างแผ่วเบา...ทว่าก็เพียงแค่ครู่รกที่ได้สัมผัสกันเท่านั้น

“อื้อ!!??”

ริมฝีปากหนาบดเบียดอย่างเร่าร้อน ทั้งเรียวลิ้นที่คว้านกระหวัดเข้าหากันดูดดื่ม ซึ่งกำลังจะทำให้บท ไม่ใช่บทอีกต่อไป

“อ๊า~”

เสียงหวานครางหวิว เมื่อโดนเลียชิมในโพรงปากอย่างเร่าร้อนและคุกคาม หากแต่ยิ่งถูกรุกราน ทั้งเรี่ยวแรงและสติสัมปชัญญะเริ่มหดหาย บทบาทที่สวมอยู่กำลังจะเปลี่ยนจากบทละครตามคำประพันธ์ เป็นบทละครชีวิตที่ทั้งคู่เคยสร้างมาด้วยกัน

“นคินทร์...ฉะ...ฉันต้อง...รีบไป...อ๊ะ!!...ดะ เดี๋ยว...อื้ม!!”

‘อย่า...อย่านะ...’

สดายุร้องห้ามไปตามบทเมื่อถูกกฤตเมธซุกไซ้ซอกคอขาว จิตใจของชายหนุ่มเริ่มพรั่นพรึงกับริมฝีปากหนาที่กำลังขบแทะดูดดุนอยู่บนผิวกายเปลือยเปล่า  ร่างสดายุสะท้านเฮือกมือไม้เริ่มสั่นระริก ทุกครั้งที่ริมฝีปากร้อนผ่าวของร่างหนาประทับบนร่าง ความทรงจำที่ไม่ค่อยจะดีนักตีรวนสวนสติขึ้นมาอย่างสุดจะห้ามไหว


เรื่องคืนนั้นที่ถูกทำร้าย...

เรื่องคืนนั้นที่ถูกย่ำยี...

เรื่องคืนนั้น...



“อย่า!!!!!”


และเสี้ยวความอดทนก็มาถึงขีดจำกัด เมื่อยอดอกอ่อนไหวถูกจู่โจม สติยั้งคิดก็ขาดสะบั้นลง สองมือไร้เรี่ยวแรงพยายามผลักไส อย่างเอาเป็นเอาตาย ปากร้องตะโกนห้ามการกระทำเลวร้ายลั่นไปทั้งกองถ่ายอย่างไม่อายใครหน้าไหน ทั้งร่างของสดายุเกร็งขืน ผละจากการรุกรานที่แสนเลือดเย็นของกฤตเมธอย่างสุดความสามารถ แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ออกแรงยึดจับ แต่สดายุก็พยายามเกร็งกายกระถดร่างให้พ้นการเกาะกุมเท่าที่จะเป็นไปได้ ปากยังคงร้องห้าม แม้ร่างจะขดเข้าหากันจนเป็นก้อนได้แล้วก็ตาม

"เฮ้ย! ไอ้ยุ? เฮ้ย..เป็นอะไรไปน่ะ!!?"

สภาพของสดายุที่จู่ๆก็เกิดอาการคล้ายหวาดผวาทำเอาทั้งอ๊อดและทีมงานคนอื่นๆพากันตื่นตระหนกตามกันไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนางเอกของเรื่องกันแน่ ถึงได้ทำให้เกิดอาการกลัวเกร็งแบบนี้ขึ้น

"....ข...ขอโทษ...ครับ..."

แต่ก่อนที่ใครจะเข้าถึงตัว ดูเหมือนสดายุจะรู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังทำตัวแปลกประหลาด ชายหนุ่มพยายามจะเอ่ยขอโทษ และกำลังพยายามหาคำแก้ตัวที่ดูสมน้ำสมเนื้อ


หมับ…!!


"ขอโทษนะครับพี่อ๊อด ผมขออยู่กับสดายุแค่สองคนหน่อยได้หรือเปล่าครับ เราต้องจูนบทกันนิดหน่อยน่ะครับ!"

ทว่ายังไม่ทันที่สดายุจะได้พูดอะไรมากกว่านั้น ทั้งร่างก็ถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าคลุมผืนหนา และในระหว่างที่ยังคงมึนงงก็ได้ยินเสียงคนข้างกายเอ่ยขออยู่ตามลำพังกับผู้กำกับ อยากคัดค้านก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะต้านทาน เพราะหัวใจยังคงกระหน่ำเต้นอย่างไม่ไว้หน้าเจ้าของ 

เพียงครู่ ทั้งห้องก็เงียบกริบ ทุกคนคงยอมออกจากห้องไปเพื่อให้สดายุและกฤตเมธได้ทำอารมณ์ ได้คุย ได้หารือกันอีกครั้ง หลังจากที่คนเป็นนางเอกของเรื่องอารมณ์กระเจิดกนะเจิงไปแล้วหนึ่งรอบ ความเงียบทำให้สดายุลอบถอนใจเล็กน้อย ก่อนจะต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อถูกช้อนร่างขึ้นไปกกกอด

"เฮ้ย!?"

"ขอโทษ!"

"......!!?"

"ขอโทษนะ...ผมขอโทษ...ผมขอโทษ..."

".................."

"ผมขอโทษ...เพราะผมคุณถึงเป็นแบบนี้...สดายุ..."

"คุณ...กฤตเมธ...?"

"ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ...ขอโทษ..."

เสียงสั่นพร่า กล่าวคำขอโทษซ้ำๆ ให้กับคนที่อยู่ในอ้อมกอด กฤตเมธรู้แจ้งแก่ใจดีว่าอาการตื่นตระหนกของสดายุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นมันเกิดมาจากอะไร และรู้ดีที่สุดว่าไอ้ชั่วคนไหนเป็นต้นเหตุ พระเอกหนุ่มกัดฟันกลั้นก้อนสะอื้นแห่งความสำนึกผิด พร่ำแต่โทษตัวเองว่าไม่ควรวู่วามจนขาดสติ ไม่ควรทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นจนไม่ยอมคิดหน้าคิดหลัง ไม่น่าเผลอทำร้ายสดายุไปแบบนั้น ไม่น่าทำในสิ่งที่เรียกคืนกลับมาไม่ได้จนต้องรู้สึกเจ็บปวดอยู่แบบนี้เลย

ฝ่ายสดายุที่ได้แต่ตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของกฤตเมธนั้น ในตอนแรกก็อยากจะผลักใสออกไปเสียให้พ้อน แต่พอได้ยินคำพร่ำขอโทษแสนเว้าวอนไม่หยุดหย่อนเข้าไป มือไม้เจ้ากรรมที่พยายามขัดขืนในตอนแรกก็พาลอ่อนเปลี้ยไปหมดยิ่งเสียงนั้นสั่นเครือออดอ้อน หัวใจที่แตกตื่นอยู่เมื่อครู่นั้นก็เหมือนจะเปลี่ยนไปเป็นโอนอ่อน...
โอนอ่อนเพราะ...อ้อมกอดนั้นกระชับแน่น อ้อมกอดนั้นสั่นไหว อ้อมกอดนั้นอ่อนโยน และเป็นอ้อมกอดของคนที่รู้สึกผิดเต็มล้นในหัวใจ...อ้อมกอดของกฤตเมธ


'...อุ่น...'


เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง คำขอโทษก็เงียบหายไปบนไหล่เล็กของสดายุ แต่อ้อมกอดนั้นยังคงกอดรัดร่างแบบบางของนางเอกหนุ่มอยู่อย่างนั้น ไร้สรรพเสียงใด นอกจากเสียงของลมหายใจของคนทั้งคู่ แต่จู่ๆสิ่งที่ทำหัวใจของกฤตเมธให้สูบฉีดมากกว่าปรกติก็เกิดขึ้น เมื่อสองมือเรียวขาวของสดายุนั้นค่อยๆเลื่อนขึ้นมาโอบแผ่นหลังกว้างของเขาไว้ราวกับการกอด แถมศีรษะเล็กนั้นยังเอนซบตรงซอกคอแกร่งราวกับลืมตัวอีก การตอบรับแบบนี้ถือได้ว่าเป็นยิ่งกว่าซุปเปอร์เซอร์ไพรซ์ของกฤตเมธเลยก็ว่าได้

"...สดายุ...?"

"...ไอ้คนแก่โรคจิต..."

คำพูด(ด่า)เดียวเปลี่ยนบรรยากาศหวานเลี่ยน เป็นหวานล่มทันที แต่แค่นี้กฤตเมธก็ยินดีเหลือเกินแล้ว เพราะอย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ผ่านมา อย่าว่าแต่ดีกว่าหลังสัมพันธ์คืนนั้นเลย แบบนี้เรียกได้ว่าดีกว่าตั้งแต่แรกเจอหน้าเลยด้วยซ้ำ



'เพราะแม้จะเป็นคำด่าทอ...แต่น้ำเสียงนั้นกลับหวานล้ำ...'


"ปล่อยได้แล้ว! จะกอดให้เปื่อยเลยมั้ย?"


'...สดายุคนเดิมกลับมาแล้ว...'


เมื่อได้ยินเสียงขู่แฟ่ดๆเป็นลูกแมวว่าให้ปล่อยมือ กฤตเมธก็อมยิ้มเล็กๆพร้อมคลายวงแขนออกจากคนถือตัวแต่โดยดี แม้จะอดแอบคิดในใจไม่ได้ว่า 'เสียดายจัง' หรือ 'ไวจังเลย...' แต่ก็พอจะคลายความกังวลลงได้นิดหน่อย แม้ว่าความรู้สึกผิดภายในใจจะไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่นิดเลยก็ตาม

เพราะไม่ว่ายังไง การทำให้คนที่ตัวเองมีใจให้ต้องเจ็บช้ำไม่ว่าทางไหน แบบใด ผลก็คือทำให้ใจของตัวเองเจ็บช้ำไม่ต่างกัน

"ไปตามพวกพี่อ๊อดกลับมาซะทีเหอะคุณ ไม่รู้จะให้พวกพี่เขาออกไปทำอะไร เฮ้อ..."

หลังถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ และสามารถจูนตัวเองกลับสู่สภาวะปกติได้แล้ว สดายุก็กลับมาเป็นคนแข็งกร้าวอย่างเดิมได้อย่างแนบเนียน มีเพียงริ้วสีแดงจางๆบนใบหน้าเท่านั้นที่พอทำให้รู้ว่า ความขวยเขินแสนหวานยังคงส่งผลเล็กๆ ให้จิตใจอ่อนไหวของเจ้าตัวแสบอยู่

"เฮ้ยนี่คุณ? จะออกไปตามคนอื่นเขาสภาพนั้นน่ะเหรอ?"

เมื่อเห็นว่าสดายุทำท่าว่าจะเดินโทงๆออกไปนอกห้อง ก็รีบร้องห้าม แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่นัก
"แล้วไง? ยังนุ่งผ้าอยู่นี่ ไม่ได้โป๊เสียหน่อย"


'เถียงอีกแหน่ะ...เจ้าเด็กดื้อ...'


"ตามใจนะ ถ้าชอบเดินโชว์เปลือยผิวสวยๆ หน้าท้องขาวๆ ยั่วน้ำลายขนาดนั้นออกไปก็ตามใจคุณก็แล้วกันนะ"
เห็นว่าดื้อดึงนัก ก็เลยแกล้งเย้าเสียหน่อย และดูเหมือนจะได้ผล เพราะอย่างน้อยสดายุก็ยอมหันกลับมาคว้าเสื้อคลุมแม้ตาจะเริ่มเขียวๆขวางๆ


แกร๊กกก!!


"เฮ้ย! สดายุ ระวัง!!"

"....!!!??"


โครมมมมม!!! กึ่งงงง!! เคร้งงงงงง!!!!


จังหวะกระชากเสื้อคลุมของสดายุ ดูท่าจะแรงไปหน่อย เพราะเหวี่ยงไปโดนขาค้ำเสากล้องเก็บรายละเอียดมุมสูงจนเสียสมดุล และในจังหวะนั้นเองโครงค้ำเสากล้องที่ตั้งไว้เผินๆก็เอียงล้มลงใส่สดายุที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเข้าพอดี

"...โอยยย..."

สองเสียงครางฮือด้วยความเจ็บแปลบ ที่ต้องลงไปนอนไถลบนพื้นใต้เสาโครงค้ำกล้องต้นไม่เล็กนัก สดายุเจ็บยอกจนต้องร้องโอดโอย แต่เพียงครู่ก็เริ่มรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้เจ็บจากการโดนโครงเหล็กทับร่างเท่าที่ควร

"......เฮ้ย!!!??"

พอลืมตาได้สดายุก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้เห็นว่ามีอีกคนที่ค่อมอยู่เหนือร่าง และคนคนนั้นก็เป็นคนรับโครงเหล็กดุ้นแทนเขาทั้งตัว

"...เป็นยังไงบ้างสดายุ!? บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า!"

พอเริ่มจะหายมึน กฤตเมธก็รีบถามไถ่ถึงอาการของคนใต้ร่างที่ยังคงนอนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจทันที

แหมะ...

แปะ แปะ แปะ แปะ


ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คำตอบใดๆจากปากของสดายุ ความเจ็บจี๊ดก็แล่นปราดขึ้นจากท้ายทอย เล่นเอากฤตเมธถึงกับต้องซีดปาก และจากนั้นหูของเขาก็แทบดับ กับเสียงตะโกนร้อยแปดสิบเดซิเบลของสดายุ


"คุณกฤตเมธ!!! เลือดดดดด!!!!!!!!??"

***********************************************************************

มาเต็มแล้วจร๊า...

ต่อจากนี้ไปจะเป็นยังไงนะ...

ฉากนี้สมควรเรียกว่า “ฉากเรียกเลือด” ที่แท้จริง
เพราะเลือดสาด เลือดอาบกันเลยทีเดียว อิอิ

ขอโทษที่หายหัวไปหลายวันนะคะ
เก๊าไม่ฉะเบย...

จุ๊บๆๆๆ
Thearboo / อนาคี99
 :mew2:
ปล. เพราะดูท่าเรื่องจะยาวกว่าเรื่องสั้นไปหน่อย เลยขออนุญาตเอาคำว่าเรื่องสั้นออกค่ะ
รู้สึกผิดจริงจัง ที่ไม่สามารถทำให้มันสั้นสมใจได้  เพราะดูท่าจะถึง 20 ตอนแน่นอนค่ะ
(กระซิก กระซิก)

 :mew5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-12-2013 19:41:21
อัยยะ
ได้เลือดจริงๆแฮะตอนนี้
จากจะได้ถ่ายเลยไม่ได้ถ่ายกันเลยคราวนี้ ฮ่าๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 18-12-2013 19:45:32
ได้เลือดซะแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 18-12-2013 19:56:11
เป็นไงละ! ได้เลือดแล้วมั้ย เฮ้อ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 18-12-2013 19:56:53
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 18-12-2013 19:57:42
 :katai4: :katai4: :katai4: สั้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 18-12-2013 20:02:33
ในความรู้สึก ทำไมมันสั้นจังเลยอ่ะ  ยังไม่หายคิดถึงเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 18-12-2013 20:13:45
ฉากนี้เรียกเลือดกันเลย่ีเดียว น้องยุถึงพี่เขาจะแก่แต่ก็ยังเตะปีบดังอยู่น้า555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 18-12-2013 20:16:11
 :m25:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-12-2013 20:17:48
ยังถ่ายไม่จบเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-12-2013 20:24:39
มาเต็มเหนี่ยวจริงๆ

 :mew1: :mew1: o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Maytbb ที่ 18-12-2013 20:32:14
ได้เลือดเลย 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: คนอ่าน ที่ 18-12-2013 21:01:58
สนุกมากกกกกค่ะ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 18-12-2013 21:19:00
ฉากเรียกเลือด...เลือดจากหัวคุณเมธ555 :hao7:
จากเหตการณ์นี้น้องยุคงใจอ่อนขึ้นเยอะเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 18-12-2013 21:26:06
"ถ้าไม่ได้ยุ่งกับคุณ แค่ครู่เดียวผมก็ตายได้แล้วครับ"  :z3: อร้ายยยย น่ารักมากกก


อ้ากฉากเรียกเลือดจริงๆ เลือดอาบเลย :katai1:
มาต่อเร็วๆน้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 18-12-2013 21:39:18
ได้เลือดเลยพระเอกเรา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 18-12-2013 21:55:03
เอิ่ม...เลือดสาดเลยทีเดียวฉากนี้...  :try2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 18-12-2013 22:03:11
คนละเลิอดแล้วววว  :teach: ปกติหนูเลือดสีออกม่วงๆ  :haun5:
หน้าหนาวรักษาสุขภาพด้วยน้า~~    :pig4:  :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 18-12-2013 22:14:49
รู้สึกว่าคุณเมธจะไม่ได้อาการหนักเพราะเลือดออก แต่อาการหนักเพราะเสียงร้องของหนูยุนี่แหละลูก
เฮ่อ...มิทราบว่าหนูยุของแม่กลัวเลือดหรือเปล่า ตะโกนซะ...
คุณเมธอย่าเป็นอะไรน้า เลือดดดดดดดดด!!!!! (?)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 18-12-2013 22:24:48
ที่เราเฝ้าคอยอย่างจดจ่ออยู่ บ่ ใช่เลือดนี้  :z3:

หวังว่าสดายุจะใจอ่อนรักคนแก่บ้างนะ ทุ่มทั้งตัวซะขนาดนี้แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 18-12-2013 22:30:30
ฉากเรียกเลือด!!!! :laugh:


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 18-12-2013 22:37:39
หายไปนานเชียว  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 18-12-2013 22:46:50
เต็มเหนี่ยวจริงๆ ได้เลือดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 18-12-2013 23:03:25
 :pighaun:

เลือด!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-12-2013 23:05:40
หนุกมาก เขียนได้น่าติดตามตลอด  :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 18-12-2013 23:30:21
แว้ปมารายงานตัว แต่เดี๋ยวค่อยมาอ่านพรุ่งนี้ค่ะ คืนนี้จะไป :t3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-12-2013 23:36:28
เอ่อออ....เรียกเลือกจริงด้วยค่ะ

เลือดมาเต็ม

ขออย่าให้เป็นอะไรมากเลยนะคะ (แต่เลือดมาเต็มขนาดนั้นเนี่ยนะ?...เหอะๆๆๆ)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 19-12-2013 00:34:16
 :z3: :z3: :z3:

 :z10: :z10: :z10:

เขินอ่ะเขินๆๆๆ  :hao7:

ตอนเรียกเลือดจริงๆ เลือดสดๆจากหัวพระเอกเลยทีเดียว  :m25:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 19-12-2013 00:47:56
 :sad4: :sad4:ได้เลือดจริงๆ
ยาวเลยก็ได้ สนุกดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 19-12-2013 04:48:48
นี่ไง ได้เลือดเลย
55555555555

มาต่อเร็วๆนะคะ :)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: snooppy ที่ 19-12-2013 06:30:03
อุ๊ย!.....เลือดกระจาย :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 19-12-2013 09:26:09
คนแก่ทุ่มสุดตัวจนเลือดนองขนาดนี้
ดูสินู๋ยุจะใจอ่อนไหม :laugh:

 :L2: :pig4: :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 19-12-2013 10:25:57
ไอ้เราก็คิดไปไกล บอกว่าตอนหน้าเรียกเลือด
เลือดมาแบบสดๆเลย น้องยุใจอ่อนกับคนแก่เร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 19-12-2013 11:14:57
อ่าว กฤตเสียเลือดแทนแฟนคลับเสียนี่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 19-12-2013 11:16:11
ถือได้ว่าเป็นฉากได้เลือดรั้งใหญ่จ้า 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 19-12-2013 14:37:21
ฉากเรียกเลือดของจริง

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 19-12-2013 14:56:40
ว้าววววววววววว  ยุมีการเปลี่ยนแปลงบ้างแล้วนะเมธ   o13   รอตอนต่อไป  เมธจะเป็นยังไง  บาดเจ็บมากไหม

รอตอนต่อไปจ้า     :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 19-12-2013 16:56:59
เรียกเลือดสมจริงกันไปเลยสินะพ่อพระเอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 19-12-2013 17:35:23
กร๊ากกกกกกกกกกกกกก
อันนี้พี่เมธได้เลือดของจริง 55555555
น้องยุก็ดูแลพี่เค้าหน่อยนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 19-12-2013 18:48:50
เขียนยาวๆเลยค่าา
ชอบมากกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 19-12-2013 19:28:24
เบสิคๆเลย คือยุต้องดูแลคุณกฤตเมธแล้วงะ กิกิกิกิกิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 19-12-2013 19:51:38
ฉากนี้ได้เลือดจริงๆ
คนแก่เราจะเป็นไรไหมน๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 19-12-2013 21:39:57
กว่าจะถ่ายทำจบพระเอกนางเอกคงเดียงแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 19-12-2013 21:43:50
รอออ แอร๊ย สนุกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 19-12-2013 22:08:47
ยุเหมือนใจอ่อนแล้วเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 20-12-2013 13:26:13
น้องยุเริ่มโอนอ่อนแล้วหล่ะ หุหุ ครุคริ น่าร้ากกกก
พี่เมธยอมเจ็บตัวครั้งนี้ น่าจะได้คะแนนสงสารบ้างแหละนะ
ขอให้ได้หวีทหวานกันเร็วๆๆๆ รอออออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 20-12-2013 20:27:34
เรื่องนี้เลือดตกยางออกเยอะจริงๆ

ตอนสดายุเขินนี่น่ารักสุดๆเลย :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 20-12-2013 20:32:05
ขอโทษนะน้องยุ เมื่อคืนไม่ได้เข้ามาอ่านตามสัญญา

นายเอกเริ่มอ่อนระทวยแล้วสิ หึหึ :-[

เช็คคำผิดกันหน่อยดีกว่า

ซุกใซ้ >>>> ซุกไซ้  (ที่ถูกต้องใช้ ไ)

ผลักใส >>>> ผลักไส  (ใช้ ไ )

ที่พี่อ๊อด หัวเราะ 555+ ใช้เป็นคำพูดจะดีกว่านะคะ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 20-12-2013 21:31:33
 o22
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 20-12-2013 23:39:47
จะเป็นไรไหมน้ออออ?
ค้างจัง มาต่อเร็วๆน้าาา o22
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 21-12-2013 00:33:01
ม่ายยยยยยยย (วิบัติเพื่อเสียง)
จะ20 30 ก็ไม่เอาาาาาาาาาาาาาาาาา
ไม่ให้จบ!!!  :hao7:
อยากอ่านไปเรื่อยๆ ชอบเรื่องนี้มากกกกกก
น่ารักก :hao5:
ตัวเองง ไม่ต้องบ่อยแต่เรื่อยๆก็ได้ดดด ไม่อยากให้จบเลย สนุกจริงนะะะ ฮูเล่ฮูเล่
ขอบคุณที่เขียนเรื่องน่ารัก ตลกๆ เรียกเลือด(?) >> คุณกฤตเมธได้ไปเต็มๆ
รอรอรอรอรอ คุคุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 21-12-2013 02:55:54
เรียกเลือดจริงๆ ด้วย แหมแต่น้องยุก็เริ่มอ่อนแล้วอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 21-12-2013 17:05:15
ตอนนี้หลงรักคนแก่มาก
อะไรจะหน้าทนขนาดนั้น(ฮา)
น้องยุเริ่มอ่อนแล้ว พ่อพระเอกสู้ๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 22-12-2013 19:41:32
หวั่นไหวกันจนได้เลือดเลยเชียว.... :katai5:  :katai5: รีบมานะจ๊ะ เค้ารอตัวอยู่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: Riko ที่ 22-12-2013 22:07:36
แอร๊ยย อยากอ่านต่อแล้วอ่ะ
อย่าทำร้ายเค้าเลยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 22-12-2013 22:36:08
แหม ยุก็รักเมธอ่ะดิ
ปล.เรื่องยาวก็ดี ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 23-12-2013 00:24:18
มีเรื่องให้ต้องตามไปดูแลกันต่อกันล่ะทีนี้  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 23-12-2013 18:48:01
ผมคือ...นางเอก
(ซีนที่ 15)




"อย่าขยับมากสิคะคุณเมธ เดี๋ยวกระเทือน"

"มานี่ครับ เดี๋ยวผมประคองเอง"

"เดินไหวมั้ยวะ มึนหรือเปล่าเมธ? หน่วงๆ หรือคลื่นไส้มั้ย?"

"พี่เมธครับ เลือดยังออกอยู่มั้ย พี่ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?"



หลากหลายคำถาม มากมายความห่วงใยประดังถาโถมเข้าใส่พระเอกหนุ่มวัยสามสิบสามกะรัตผู้เพิ่งทำตัวเป็นฮีโร่ปกป้องนางเอกของตัวเองจนโดนโครงเหล็กเสาค้ำกล้องร่วงใส่ แม้จะไม่ได้โดนจังๆ แต่ก็โดนถากเอาจนศีรษะแตกถึงขนาดต้องเย็บเป็นสิบเข็มกันเลยทีเดียว

โชคยังดีที่ไม่ได้ร้ายแรงมาก และยังมีการเอ็กซเรย์สมองดูจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอาการเลือดคั่งหรือกระทบกระเทือนอื่นใด โชคดีอีกอย่างที่ยังปักหลักถ่ายทำกันที่เมืองหลวงแถมโรงแรมที่มาขอเช่าถ่ายทำยังอยู่ไม่ไกลโรงพยาบาลมากนัก หามกันส่งอึดใจเดียวก็ถึง 

หลังจากทำการรักษาเสร็จสรรพ กฤตเมธก็ถูกพากลับมาพักฟื้นที่โรงแรมอย่างปลอดภัย ในห้องของพระเอกหนุ่มอัดแน่นไปด้วยทีมงานคุณภาพ ที่ตามมามะรุมมะตุ้มรุมเป็นห่วงพระเอกรุ่นใหญ่ที่นั่งเด่นอยู่บนเตียงนอนอย่างอบอุ่น ทั้งแสดงความเป็นห่วงเป็นใย ทั้งถามไถ่อาการ สภาพที่กองถ่าย ทั้งกองยกมาไว้ในห้องแคบๆนี้ ทำให้กฤตเมธรู้สึกดีและขบขันไม่น้อย แต่ยังมีอีกอย่างที่ทำให้รู้สึกแอบน้อยใจอยู่บ้าง...


นั่นคือการที่สดายุ ไม่ยอมโผล่หน้ามาเยี่ยมหรือมาดูใจกันบ้างเลย...


"คุณกฤตเมธน่าสงสารจังนะคะ ต้องมาเจ็บตัวแทนคนอื่นแท้ๆเลย..."

(ช่างแต่งหน้าสาวเปรยขึ้นเล็กน้อย เมื่อเห็นคนต้นเรื่องไม่ยอมโผล่มาร่วมวงเยี่ยมคนป่วยด้วยกัน)

"นั่นสิคะ แต่ก็อย่างว่า คนแบบนั้นเขาไม่รู้ตัวหรอกค่ะว่าตัวเองเป็นคนผิด เธอก็เป็นของเธออย่างนี้มาตั้งนานนมแล้ว
ค่ะ ปิ๋มรู้ดี ปิ๋มเคยทำงานกับเธอมานาน เห็นมานักต่อนักแล้วล่ะค่ะ...เฮ้อ...คุณเมธน่าเห็นใจจริงๆค่ะ"

(เสียงช่างแต่งหน้าคู่หูตบมุกกันอย่างทันท่วงที)

"อย่างนั้นเลยเหรอครับ เคยได้ยินแต่กิตติศัพท์ เห็นตอนอยู่ในกองถ่ายก็ออกจะเงียบๆเรียบร้อยๆนะครับ ไม่คิดเลยว่าจะใจจืดใจดำขนาดนี้"

(เด็กยกไฟผู้อ่อนต่อโลกช่วยเสริม)

"พี่ยุไม่ใช่คนแบบนั้นหรอกครับ พี่เขาเองก็บาดเจ็บไม่ใช่เหรอ? เนี่ยผมกับพอร์ชว่าจะเข้าไปเยี่ยมกันอยู่"

หลังฟังคำพูดขัดหูของเหล่าทีมงานมาได้สักพัก รุจน์ก็เป็นฝ่ายโต้เถียงแทนพี่ชายแสนดีของตนขึ้นมาบ้าง ถึงเขาจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่าในอดีตพี่สดายุของเขาเป็นคนแบบไหน แต่ชายหนุ่มมั่นใจสุดๆว่าตอนนี้พี่ชายคนนี้ของเขานั้นเป็นคนน่ารักที่สุด ไม่มีทางเป็นอย่างที่พวกทีมงานพูดแน่ๆ

"โถๆๆๆ น้องรุชน์คะ น้องยังใหม่ น้องจะไปรู้อะไร คุณสดายุเธอร้ายมากนะคะ เนี่ยเดี๋ยวปิ๋มจะเล่าให้ฟัง..."  (พอมีคนช่วยแก้ต่าง ช่างแต่งหน้าสาวก็เริ่มก่อชนวนต่อ ทว่าคราวนี้ก็โดนเบรกอีกครั้ง)

"คุณปิ๋มครับ เลิกพูดถึงยุได้มั้ยครับ"

คราวนี้กฤตเมธเป็นคนออกปากปรามเอง เพราะดูท่าทีมงานคนนี้จะมีอคติส่วนตัวกับสดายุมากและเมื่อประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เจ้าตัวเลยพยายามปลุกระดม สาดเสียเทเสียไม่หยุด

"....แหม...คุณเมธใจดีเกินไปแล้วนะคะ ทั้งๆที่ตัวเองถูกทำให้เจ็บขนาดนี้ นี่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจงใจหรือเปล่า...ไม่เห็นตัวเองจะเจ็บตรงไหนเลย..." (ยังพยายามสุมไฟไม่เลิก)

"คุณปิ๋ม ถ้าคุณยังไม่เลิกให้ร้ายสดายุแบบนั้น ผมเองก็จะถือว่าคุณกำลังก่อความวุ่นวายในกองถ่ายให้เกิดความแตกแยกนะครับ ถึงสายุในสายตาของคุณจะเป็นยังไง แต่เขาในสายตาของผมเป็นคนดี น่ารัก และเป็นเพื่อนที่แสนดีของผม เพราะฉะนั้นการที่คุณปิ๋มพูดจาไม่ให้เกียรติเขาก็เท่ากับไม่ให้เกียรติผมด้วยเช่นกันนะครับ!"

"...ค่ะ...ปิ๋มไม่พูดแล้วค่ะ! โอ๋กันเข้าไปเถอะค่ะ!"

เมื่อถูกสกัดจนหน้าทิ่ม ช่างแต่งหน้าสาวก็ได้แต่เก็บเศษหน้าที่แตกละเอียดตกเกลื่อนเต็มพื้น แล้วกลับมานั่นเงียบๆสงบปกสงบคำเสียที

"สมน้ำหน้า ยัยปิ๋มฉันเคยเตือนหล่อนแล้ว ว่าจะพูดอะไรพาดพิงใครเขา ก็ให้ระวังปากไว้มากๆ เป็นไงล่ะถึงกับเงิบ"

พอเห็นลูกน้องหน้าม่อยหน้าหงิกที่โดนสกัดดาวรุ่ง อ๊อดก็ไม่รอช้าที่จะทับถมคนปากไม่มีหูรูดทันที เพราะเขาเองก็เคยเอ็ดไปหลายครั้งหลายหนแต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมฟัง คราวนี้โดนกฤตเมธจวกไปเต็มๆ ถึงกับหุบปากไม่ทัน สะใจผู้กำกับอย่างเขาเล็กๆ

"โธ่ พี่อ๊อดคะ อย่าซ้ำปิ๋มสิ ปิ๋มเจ็บนะ...นี่ยัยจิ๋มหล่อนช่วยฉันหน่อยสิ"

ฝ่ายช่างแต่งหน้าสาวก็ได้แต่หน้าตาบู้บี้ที่โดนรุมซ้ำ หันไปขอความเห็นใจจากเพื่อน เพื่อนเองก็ได้แต่ส่ายหน้ายิก เพราะไร้อำนาจเช่นกัน ดังนั้นความปากพล่อยจึงทำให้ทั้งคู่ได้แต่นั่งเงียบพูดอะไรไม่ออกอีก

"เอ้อ...เอาล่ะพวกเรากลับกันได้แล้วมั้ง ให้เมธเขาได้นอนพักซะบ้าง"

ครู่ต่อมาอ๊อดก็เรียกเด็กๆให้ออกจากห้องคนป่วยได้แล้ว แม้กฤตเมธจะไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่หัวแตกนิดหน่อย แต่ก็ควรให้คนแผลระบมได้นอนพักผ่อนเสียที

"ขอบคุณครับพี่อ๊อด ที่อุตส่าห์เป็นธุระจัดการให้หมดทั้งรถทั้งโรงพยาบาล...ขอบคุณทุกคนด้วยนะครับที่มาเยี่ยมมาเฝ้ากัน"

"เออ มันเป็นหน้าที่พี่อยู่แล้วล่ะ ตำแหน่งผู้จัดฯควบผู้กำกับอย่างพี่ต้องดูแลนักแสดงทุกคนให้อยู่อย่างปลอดภัย และสบายที่สุดอยู่แล้วล่ะ เมธนอนพักให้สบายเถอะ เรื่องคิวถ่ายเดี๋ยวพี่เลื่อนออกให้ก่อน หายดีเมื่อไหร่ค่อยว่ากันอีกทีนะ"

อ๊อดหันมาตอบยิ้มๆ ก่อนจะ ทยอยตามคนอื่นๆออกไป ทิ้งบรรยากาศเงียบงันไว้ในห้องทันที กฤตเมธถอนหายใจยาวเหยียด ก่อนจะหยิบยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบขึ้นมาทาน แล้วเอนตัวลงนอนตะแคงเบาๆ ให้กระเทือนแผลน้อยที่สุด แผลแตกอยู่ทางขวา เขาจึงต้องนอนตะแคงซ้าย เพื่อป้องกันการกดทับแผลให้ระบม

"เฮ้อ...เจ้าตัวแสบจะเป็นยังไงบ้างนะ..."

"...ใจแข็งได้คงเส้นคงวาสุดๆ หึหึ...เจ้าตัวร้าย"

ได้แต่เปรยกับตัวเองเบาๆ หลังจากเอนตัวลงนอนได้เพียงครู่ เพราะต้องนอนตะแคงซ้ายตรงกับประตูคอนเน็คชั่นพอดี เลยได้แต่นอนมองประตูเชื่อมระหว่างห้องเขากับห้องคนที่เขาคิดถึงอยู่อย่างนั้นเงียบๆ ความจริงก็อยากเข้าไปหา ไปถามไถ่ว่าบาดเจ็บมากหรือไม่ แต่สังขารตอนนี้ของตนก็ช่างไม่เอื้ออำนวยเกินกว่าจะเดินไปโชว์ความง่อยเปลี้ย กฤตเมธเลยตั้งใจว่าจะนอนพักรักษาตัวสักพัก ดีขึ้นเมื่อไหร่ค่อยดอดเข้าไปหาสดายุอีกที คิดไปคิดมาฤทธิ์ยาก็เริ่มออก ความง่วงงุนเริ่มถาโถมจนหนังตาหนักอึ้ง จากนั้นเพียงครู่ก็ผลอยหลับไปในที่สุด

'เย็น...จัง'

'อืม...สบาย...'

'ใครกัน...นะ'



"ตื่นมาทานข้าวเย็นหน่อยมั้ย? หลับนานแล้วนะ"


เสียงคุ้นหู ทำเอาคนที่ยังคงนอนสลึมสลือถึงกับเบิกตาตื่น คนที่เขาเฝ้าตัดพ้ออยู่ว่าแสนใจร้ายที่ไม่ยอมมาเยี่ยมมาหา คนที่เขาคิดถึงอยู่ตลอดแม้ในยามฝัน คนคนนั้นที่กำลังใช้มือเย็นๆเกลี่ยอยู่บนไรผมชื้นเหงื่อของเขา 'สดายุ'

"...ยุ?"

"ผมเอาข้าวมาให้แล้ว ทานเสียหน่อยสิ"

"ยุ...ยุตัวจริงใช่มั้ย? หรือ...ฝัน?"

เสียงแหบเครือของคนเพิ่งตื่น ถามขึ้นมาอย่างสงสัยในตัวเองเล็กน้อย เพราะกลัวเหลือเกินว่าจะดีใจเก้อ กลัวว่าที่เห็นตรงหน้านี้จะเป็นแค่ภาพที่มโนเอาเองเพราะสมองที่ยังไม่เข้าที่ และเพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ยังไม่ตื่นเต็มตา ทว่าดูเหมือนคำถามน่าอายของเขาจะทำให้คนตรงหน้าขบขันไม่น้อย เพราะทันทีที่ถามออกไปสดายุก็ขำออกมาเบาๆ 'คนบ้าอะไร ขนาดขำ เสียงยังหวาน...แหบเสน่ห์สุดๆ'


"ถามตลกนะคุณ ผมยังไม่ตาย ไม่ใช่ผี จะไปมีตัวจริงตัวปลอมได้ยังไงล่ะ หึหึ"

เสียงแหบหวานของสดายุตอบขึ้น ทั้งที่มือนั้นยังคงช่วยเกลี่ยเส้นผมที่ยุ่งรุงรังเพราะเหงื่อที่ซึมชื้นอยู่แถวไรผมอยู่ เสียงนั้นหวานจนกฤตเมธรู้สึกราวกับฝัน

และคำประชดประชันเจ็บแสบ ก็เรียกสติของกฤตเมธให้คืนสู่ความจริง ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่คนในฝันแต่เป็นตัวเป็นๆที่ราวกับฝันต่างหาก

"ยุ...คุณเป็นยังไงบ้าง...แล้วทำไม่ไม่มาดูใจผมเลย"

พอหลังจากรู้ตัว ก็รีบตัดพ้อเล็กๆเป็นการอ้อนไปในตัวไสตล์คนแก่อยากมีคนดูแลทันที พลางรีบเกาะกุมมือน้อยที่กำลังเกลี่ยผมเขาเล่นอยู่อย่างนั้น แล้วก็อดแปลกใจเล็กๆไม่ได้ที่สดายุยินยอมให้ตนจับไม้จับมือแต่โดยดีไม่มีขัดขืน ใบหน้าเรียวขาวนั้นยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม แก้ต่างคำตัดพ้อ

"จะให้เข้ามาได้ยังไงล่ะ ก็ฝ่ายพระเอกอยู่กันเต็มห้องขนาดนั้น ผู้ร้ายอย่างผมก็ต้องหลบกบดานเงียบไว้ก่อนสิ ขืนโผล่ออกมาไม่ดูลาดเลาให้ดีก่อน ได้โดนจวกตายตั้งแต่กลางเรื่อง หึหึ"

"ใครตัวร้ายกัน? คุณคือนางเอกต่างหาก...นางเอกของผม..."

"คนแก่ปากดี...ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้วอย่าลีลา!"

ได้ยินคำป้อพาลเลี่ยนทำเอาสดายุถึงกับส่ายหน้ายิก เปลี่ยนจากโหมดใจดีเป็นโหดหิน ขู่เข็ญคนช่างอ้อนให้ลุกขึ้นมาทานอาหารเสียทีก่อนที่น้ำตาลจะขึ้นตายไปเสียก่อน

“โอ้ย....”

เสียงครางแผ่วดังขึ้นทันทีที่ร่างสูงดันตัวขึ้นจากที่นอน พอหมดฤทธิ์ยาชา แผลตึงเปรี๊ยะดึงให้เจ็บแปลบไปทั้งศีรษะ กฤตเมธถึงกับขมวดคิ้วมุ่นซีดปากเล็กน้อยเพื่อบรรเทาความเจ็บหน่วง 

"เป็นยังไงบ้างคุณ!? ลุกไหวหรือเปล่า!"

เห็นว่าคนป่วยดูท่าจะไม่ไหว สดายุก็เร่งเข้าไปตระกองร่างนั้นไว้ด้วยสองแขนผอมบาง หัวใจกระตุกวูบที่เห็นว่ากฤตเมธดูท่าทางจะเจ็บปวด แต่เพียงครู่ พอกฤตเมธสามารถลุกขึ้นมานั่งตรงได้ อาการปวดแปลบก็ทุเลาเหลือเพียงปวดตุบๆเบาๆ

"...ไม่เป็นไรแล้วครับ...หึหึ...ห่วงผมเหรอ?"

พอเห็นความห่วงใยจากสดายุ กฤตเมธก็อดปลื้มใจไม่ได้ ทั้งที่อยากจะเอ่ยคำหวานทว่าปากก็เผลอกระเซ้าออกไปเสียก่อน

"...ห่วงสิ"

".....!!?"

นึกว่าจะโดนตาเขียวใส่มาสักทีสองที ที่ไหนได้คนตรงหน้ากลับตอบรับออกมาตรงๆว่าเป็นห่วง เล่นเอาพระเอกหนุ่มไปไม่ถูก เพราะไม่รู้ว่าควรจะรับมือคนที่ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ตรงหน้านี้ยังไงดี

"จะไม่ห่วงได้ยังไงล่ะ ในเมื่อที่คุณต้องเจ็บขนาดนี้...ก็เพราะ...ผม"

"...ยุ..."

"...ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆนะ เหตุการณ์นี้มันไม่น่าจะเกิดขึ้น..."

"ยุ คุณอย่าซีเรียสสิ มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลยสักนิดนะ"

เมื่อเห็นว่าสดายุเริ่มเข้าโหมดโทษตัวเอง กฤตเมธก็รีบปลอบขวัญ แต่ดูเหมือนยิ่งปลอบสดายุก็ยิ่งหม่นหมองลงไปอีก

"นี่คุณสดายุครับ ผมเสี่ยงเอาหัวตัวเองเข้าไปรับท่อนเหล็ก เพื่อปกป้องคุณนะครับ ไม่ได้เพื่อให้คุณมาร้องแงๆอยู่แบบนี้ อย่าให้ผมรู้สึกผิดสิ"

"...ใครร้องแงๆกัน..."

กฤตเมธพยายามปลอบด้วยคำเย้าแหย่ที่ปกติแล้วสดายุต้องโกรธจนหน้าคว่ำทุกครั้งที่ได้ยิน ครั้งนี้เองก็เหมือนจะได้ผล แต่ก็ทำได้แค่ให้สดายุเถียงออกมาแค่คำเดียว ก่อนจะก้มหน้าก้มตาหน่วงอยู่กับความรู้สึกผิดต่อ จนกฤตเมธจนปัญญาจะรับมือคนช่างใจน้อยคนนี้เหลือเกิน

"ยุ...คุณรู้สึกผิดเหรอ?"

แม้จะไม่ได้ตอบคำใดๆ แต่กฤตเมธก็รู้ดีว่าคำตอบของสดายุที่ยังตั้งหน้าตั้งตาสำนึกผิดอยู่นั้นคืออะไร ชายหนุ่มถอนหายใจบางเบาก่อนเอื้อมมือไปประคองข้างแก้มคนสำนึกผิดให้เงยขึ้นสบสายตา

"ถ้าคุณรู้สึกผิดล่ะก็...ไถ่โทษสิ"

"...หืม?"

'ไถ่โทษ' เงื่อนไขบางอย่างที่หลุดออกจากปากของกฤตเมธ ทำให้สดายุแอบฉงนไม่น้อย แต่ตอนนี้เขาเองก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะอิดออดอะไรได้เสียด้วย เพราะอย่างน้อยเขาก็รู้สึกอยากรับผิดชอบสักนิดเพื่อความสบายใจ

"ดูแลผมสิ ดูแลผมให้สมกับที่คุณทำให้ผมเจ็บ...เพื่อเป็นการไถ่โทษ"

"...ดูแล??...ยังไง?"

พอได้ยินว่าจะต้องดูแล สดายุก็ถึงกับขมวดคิ้วแทบเป็นโบว์ เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าคำว่า 'ดูแล' ของคนแก่จอมเจ้าเล่ห์แสนกลอย่างกฤตเมธนั้นมันต้องไม่ใช่แค่การดูแลธรรมดาๆแน่ๆ

"ไม่กี่อย่างหรอก ว่าแต่คุณพร้อมจะดูแลคนเจ็บอย่างผมหรือเปล่าครับ? ผม...ไม่บังคับหรอกนะ"

พลิกวิกฤตเป็นโอกาสได้เสมอสำหรับคนอย่างกฤตเมธ แม้สดายุจะแอบด่าในใจอยู่หลายยก ว่าช่างเป็นตาแก่พลิกลิ้นปลิ้นปล้น แต่ด้วยเพราะปลงใจไปแล้วว่าจะรับผิดชอบ สุดท้ายสดายุคนซื่อจึงได้แต่กัดฟันรับปาก และคอยดูทีท่าว่าเจ้าคนสูงวัยกว่าคนนี้จะมาไม้ไหนอีก

"ก็ได้ ผมจะดูแลคุณ...ว่ามาสิ จะให้ทำอะไรบ้าง?"

เห็นว่าสดายุยอมโอนอ่อน  คนป่วยก็ยิ้มหวานพลางเกลี่ยนิ้วไล้ข้างแก้มใสไปเรื่อยๆอย่างถือโอกาส ก่อนจะเอ่ยถึงข้อตกลงที่แสนหนักหน่วง

"ไม่เยอะครับก็แค่...ป้อนข้าวหน่อย"

"ห๊ะ? ป้อนข้าว?"

(อยากเถียงออกไปเหลือเกินว่า แค่หัวแตกนะ ไม่ใช่มือเจ็บ แต่ไม่ทันเพราะข้อต่อๆไปตามมาเป็นปื้น)

"ครับ ป้อนข้าว แล้วก็สระผมให้ เพราะผมมองไม่เห็นแผลตัวเอง เลยทำลำบาก ถ้าคุณยุจะกรุณาทำให้ผมก็จะรู้สึกขอบคุณมาก"

"............."

(ข้อนี้สดายุได้แต่ถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับคำกลายๆ เพราะอย่างน้อยก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สมควร)

"และอีกข้อ...ช่วงนี้ผมยังนอนหงายไม่ได้ เพราะจะไปทับแผลเอาจึงต้องนอนตะแคงซ้ายตลอด...ดังนั้น...คุณช่วยมานอนเป็นเพื่อนคอยค้ำไม่ให้ผมนอนหงายได้หรือเปล่า?"

"….!!? บ้าเหรอคุณจะให้ผมค้ำยังไง?"

ข้อสุดท้ายพาลำบากใจไม่หยอก แถมยังคิดไม่ตกด้วยว่าตกลงแล้วกฤตเมธจะขอให้ทำอะไรกันแน่
และก็ไม่ต้องรอนาน คำขอสุดท้ายจากปากกฤตเมธก็พาเอาเงิบ...

"ก็แค่นอนเป็นหมอนข้างให้ผมจนกว่าแผลจะหายดีก็พอ"

"อะไรนะ!!?...นี่คุณกฤตเมธ คุณนี่มัน!!..."

"อ๊ะๆ ไม่ทำผมก็ไม่ว่าอะไรคุณนะ บอกแล้วไงว่าผมไม่บังคับ...ก็แค่เห็นว่าคุณอยากไถ่ความผิดจากแผลสิบเข็มบนหัวผม...เท่านั้น...ถ้าคุณกลัวจนไม่กล้าวางใจผม ผมก็ไม่ถือหรอกครับ"

ทอดเสียงออดอ้อนน่าสงสาร (แบบไม่ค่อยจะสมวัย) พร้อมส่งประกายตากรุ้มกริ่มไปให้คนไม่เต็มใจที่ได้แต่ทำหน้ายู่อยู่ตรงหน้า เสียงอ้อนแต่เนื้อหาไม่อ้อนเพราะนอกจากจะใส่คำตัดพ้อลงไปแล้วนั้นยังแฝงคำปรามาสว่าไม่แน่จริงเอาไว้กลายๆด้วย แล้วอย่างนี้มีหรือที่ลูกผู้ชายตัวจริงอย่างสดายุจะยอมอยู่เฉย

"ได้! ผมยอมรับทุกข้อเสนอ!!"

"...ผมไม่ได้บังคับนะ ไม่เต็มใจก็อย่าฝืนเลย..."

"เต็มใจ! พร้อม! รับได้! เริ่มตอนนี้เลย!!"

(และแล้วก็เสร็จโจรแก่ไปอีกครั้ง...)

"...ครับ โอเค..."

เห็นอีกฝ่ายรับคำฉุนเฉียว กฤตเมธก็อดเอ็นดูไม่ได้ 'เด็กหนอเด็ก' ยี่สิบห้าก็ใช่ว่าจะโตทันสามสิบสาม...ในเมื่อผ่านโลกมาไม่เท่ากัน ประสบการณ์ก็ย่อมต่างกันเห็นๆ โดยคนแก่ตะล่อมเข้าหน่อย เด็กน้อยก็จอดสนิทเสียแล้ว...


แต่...บางทีพิษคนแก่ก็เจ็บไม่เท่าพิษเด็กหรอกนะ


"ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว...ผมขอเริ่มงานแรกเลยก็แล้วกันนะ เอาล่ะ...อ้าปากสิครับผมจะป้อนข้าวให้..."

"...ครับคุณพยาบาล..."

และแล้วสงครามขนาดย่อมก็เริ่มขึ้น!

"อ้ำ...อืม...อ้ำ...อูมม...อ้ำ...อู้...อ้า...เดี๋ยว...อื้ม..."

"อย่าหยุดสิครับคุณกฤตเมธ ทานให้หมดสิ อย่าให้หกเชียวผมเสียใจนะ เอาอีกคำเร็วเข้า"

"......!!"

(เต็มปากจนแทบเคี้ยวไม่ไหว จนต้องหันหลบช้อนพญายมพัลวัล...)

ซึ้งแล้วว่าเด็กมันแสบจริง!!


***************************************************************

หุหุ...อ้อนฉากแรกมาแล้วจ๊ะ
ในที่สุด ก็หวานกันได้เสียที เย้ๆๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามนะจ๊ะ
Thearboo / อนาคี99

ปล.ฉากหน้าก็ยังหวานอยู่จ๊ะรับรอง
แต่ยังไม่แน่ใจนะจ๊ะ ว่าจะมาเลย หรือจะคั่นกับตอนพิเศษก่อน
ซึ่งตอนพิเศษก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเป็นตอนต่อเนื่องของนักแสดงประกอบอย่าง พอร์ช x รุจน์
หรือจะเป็นตอน รักพิลึกของเจ๊บลูม่าดี...อิอิ ยังคิดไม่ตกเลยจร๊า

ขอโทษนะน้องยุ เมื่อคืนไม่ได้เข้ามาอ่านตามสัญญา

นายเอกเริ่มอ่อนระทวยแล้วสิ หึหึ :-[

เช็คคำผิดกันหน่อยดีกว่า

ซุกใซ้ >>>> ซุกไซ้  (ที่ถูกต้องใช้ ไ)

ผลักใส >>>> ผลักไส  (ใช้ ไ )

ที่พี่อ๊อด หัวเราะ 555+ ใช้เป็นคำพูดจะดีกว่านะคะ ฮ่าๆๆ

ขอบคุณค๊าบ...
(กลับไปแก้ทันใด)
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: ►MoNkEy-PrInCe◄ ที่ 23-12-2013 18:55:20
แสบแล้วรักมั๊ยล่าาาา -3-

 :pig4:  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-12-2013 18:58:22
คนแก่ว่าเจ้าเลห์แล้ว แต่ก็แพ้ความแสบของน้องยุนะคะเนี่ย
ชิ พวกพี่ๆกองถ่าย นั้นปากหรอคะ ดีนะที่น้องยุไม่มาได้ยิน ไม่งั้นน้อยเสียใจแย่
ปล.รอฉากหวานๆ น้ำตาลอายค่าาา มีกำลังใจอ่านหนังสือละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 23-12-2013 19:07:10
สะใจคนแก่ว่ะ เหอะๆโดนเด็กเล่นงาน o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 23-12-2013 19:07:47
ตอนพิเศษรอได้ค่ะ

แต่ตอนหลักไม่อยากรอ อยากอ๊านอยากอ่าน อิอิ

อยากอ่าทุกวันเลย แฮ่ๆ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 23-12-2013 19:09:22
กวางน้อยหลงคนพ่อเสือเฒ่า  :hao3:

ข้อตกลงของพยาบาลประจำตัวนี่มันช่าง .. 5555

ข้อสุดท้ายที่น่าตีนะจ๊ะ  :hao7:

กวางน้อยแสบตัลลอดกาลล

คนแก่หลงแล้ว ลุกไม่ขึ้นแล้ว ต้องทนไปนะ xD
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 23-12-2013 19:18:54
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 23-12-2013 19:26:57
แหม
เป็นเฒ่าเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเลยนะคะพี่เมธ ฮ่าๆๆๆๆๆ
ตอนพิเศษหรือตอนหลักจะมาก่อนก็ได้ค่ะ อ่านได้หมดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: BlueHoney ที่ 23-12-2013 19:30:28
เขินเลย 'นางเอกของผม' // แต่ตกลงคุณกฤตเป็นพระเอกหรือโจรแก่ค่ะ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 23-12-2013 19:36:50
ขอความหวานอย่างต่อเนื่องนะคนเขียน  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 23-12-2013 19:39:04
ตาแก่เฒ่าช่างเจ้าเล่ห์ซะจริง  เจ็บแล้วยังไม่เจียม  :angry2:

แต่หนูยุของเรา ก็คงไม่ยอมง่ายๆ อะร๊าย ใครจะยอมให้คนแก่หลอกได้ตลอด

รอดูใครจะเอาคืนใครกันแน่ กิกิ

ปล.รอบนี้มีคำผิดและคำตกหล่นเยอะนะคะ ลองเช็คดูหลายคำอยู่  ขี้เกียจหามาให้เป็นคำๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 23-12-2013 19:41:44
เพลียกะคนแก่เรื่องนี้จริงๆ สมควรโดน5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 23-12-2013 20:05:43
 :z3: :z3: สั้น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 23-12-2013 20:15:04
แหม....อ้อนซะเด็กหมั่นไส้เลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 23-12-2013 20:16:08
ยุดูแลคนแก่ อิอิ
เห็นลุงเมธ (โดนเสยปาก 55+) แกอ้อนแล้วอยากเห็นยุอ้อนบ้างไรบ้าง จะน่ารักขนาดไหนหว่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 23-12-2013 20:26:15
เยอะนะ...พระเอกเนี่ย...  o16
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: mumumim ที่ 23-12-2013 20:34:36
คนแก่เจ้าเล่ห์มากๆ น่าหมันไส้คุณกฤตเมธสุดๆ

มาต่อไวๆนะคะ อยากอ่านตอนหวานๆต่อ^^ :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 23-12-2013 20:39:53
อ้อนขนาดนี้ ท่าทางไอ้การเจ็บตัวเพื่อเธอของพ่อพระเอกของเราจะมีข้อดีเยอะนะคะเนี่ย
น้องยุตอนี้ก็น่ารัก แต่น้องยุอย่าเผลอนะคะ เดียวจะโดนพระเอกเจ้าเล่ห์ตะล่อมขอมากกว่าเป็นหมอนช้างอะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 23-12-2013 20:40:37
เขินได้น่ารักจริงๆนะตายุ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 23-12-2013 20:56:12
ตอนที่ 15 มาไวอย่างเหลือเชื่อค๊าาาาาาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 23-12-2013 21:00:30
ถึงเด็กจะร้ายก็รักใช่ป่ะล่ะคนแก่  :hao7:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 23-12-2013 21:18:25
โอยยย โจรแก่กับเด็กแสบหวานกันจริงๆเลยนะ5555 :mew3:

มาต่อเร็วๆน้าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 23-12-2013 21:44:31
ชอบมากๆ ถึงอ้อนอย่างนี้ก็น่ารักมากค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 23-12-2013 22:04:42
ได้โอกาสคนแก่จัดเต็มเลย ฮ่าๆๆๆ

อยากอ่านอ้อนเป็นหมอนข้างสุดๆ เด็กแสบจะทำยังไง  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 23-12-2013 22:08:12
ยังไงก็ยังแสบอยู่วันยังค่ำ
แต่ตอนนี้น่ารักจัง อิอิ

อยากอ่านพอร์ชxรุจน์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 23-12-2013 22:34:46
คนแก่เจ้าเล่ห์พริกโอกาศเข้าตัวเองตลอดดดดดดดด
ตอนนี้หวานแล้ว ตอนหน้าขอหวานยิ่งๆขึ้นไปอีกน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 23-12-2013 22:49:24
ทำตัวเป็นคนแก่ขี้อ้อนไปได้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-12-2013 22:53:33
น่ารัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 23-12-2013 22:55:52
นี่ินะที่เขาว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก ตาแก่เมธเลยได้ทีจ้วงเอาๆ น้องยุน้อยจะไปตามทันได้ยังไง๊ 555+


ระวังเจอฤทธิ์เด็กน้อยจนเหนื่อยซะก่อนนะจ๊ะคุณพี่ เอิ๊กกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 23-12-2013 23:22:13
น้องยุ เมื่อไหร่จะใจอ่อนให้ลุงแกสักทีน้อออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: arissara ที่ 23-12-2013 23:25:58
อ้อนเยอะๆ อยากเห็นตอนโดนเด็กคุมจริงๆ แบบเกลียมัว555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 23-12-2013 23:27:32
สงสัยต่อบทครั้งหน้าจะไม่ลื่นไหล อย่างที่คิดซะแล้วสิ เพราะในบทนี่ชีวิตรักขมขื่นกล้ำกลืนเจ็บช้ำ แต่ในชีวิตจริงนี่ต้นรักเพาะกล้าใกล้โตเต็มแก่แล้วสิ... งานนี้ไม่รู้นอกจอหรือในจอจะอินกว่ากัน อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: saradino1 ที่ 23-12-2013 23:49:39
เปิดใจใส่กันแล้วใช่ม้าาาา :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 23-12-2013 23:50:47
รู้เลยทำไมคุณเมธถึงเป็นพระเอกดัง ก็ดีบทแตกทั้งนอกจอและในจอเลยนิกร้ากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 24-12-2013 00:01:06
ขอน้องยุยาวๆ~~ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-12-2013 02:12:03
พี่เมธ น้องยุ น่ารักกกกกกกก
พวกช่างแต่งหน้าขี้เมาท์  นี่มันน่าจะโดนตบปากสักที!!!!  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-12-2013 02:17:50
อ๊ายยยยยยยย หวานซ้า
อยากอ่านฉากหวานๆอีก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 24-12-2013 07:28:57
ตอนนี้หวานน่ารักจริงๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 24-12-2013 09:11:11
 :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 24-12-2013 10:19:11
อ่านไปมดไต่ไป
หวานซะ!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 24-12-2013 12:12:05
55555
พระเอกเราเยอะเนอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 24-12-2013 13:57:25
 :hao7:    เด็กน้อยแพ้โจรแก่  ส่วนโจรแก่ก็แพ้เด็กน้อยอีก  รอตอนต่อไปค่ะ  อยากให้ถืงตอนกลางคืนจังเลย 

+1  จ้า   o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 24-12-2013 19:51:07
คนแก่โดนเอาคืน 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 24-12-2013 20:50:12
หวานจริงๆ น้องยุแกท่าจะแพ้ลูกอ้อนโคแก่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-12-2013 21:06:32
เจ็บตัวคราวนี้ถือว่าคุ้มแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 24-12-2013 22:54:39
คนแก่น่ารัก เด็กก็น่ารัก :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 25-12-2013 12:58:54
เรื่องนี้หลายรสดีนะคะ ทั้งดุเดือด โหด หื่น และน่ารัก น่าชัง ชอบค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 25-12-2013 17:15:47
5555 ทันกันนะ น่ารักดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-12-2013 17:28:12
คุณเมธริจะเล่ห์กลใส่ กับคนอื่นได้อยู่หรอก
แต่กับยุ คิดเอาเปรียบให้ยอมจำนน
ถ้าเขายอมรับด้วยความซื่อไม่รู้ก็ไม่ใช่ยุแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 25-12-2013 19:25:10
พลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงตั้งนานเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 26-12-2013 00:23:25
น่าติดตามมากเลยค่าาา o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 27-12-2013 00:34:03
อุตะ หวานเกินไปแล้ววว 55555555555
 :mew3: ชอบแบบยุเซี้ยวๆมากว่าแบบหวาน
หรืออาจจะเป็นเพราะคุณพระเอกทำตัวเยอะเกินครับ ถถถถถถถ
แลดูละเมอพร่ำเพร้อมากกกก อ่านไปก็ขำ
ตลกคุณพระเอก  รออ้อนข้อต่อไป คึคึคึ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 27-12-2013 00:56:39
ยุร้ายใช่เล่นนะนั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 27-12-2013 14:12:59
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Ta_ii ที่ 28-12-2013 03:25:07
ตามเรื่องนี้มาจากกระทู้แนะนำนิยาย :katai2-1:

สนุกมากๆๆๆ เราเคยเห็นชื่อเรื่องนี้ผ่านตาไปผ่านตามาอยู่หลายครั้งแล้ว  :katai5:
แต่ก็ไม่เคยคลิกเข้ามาอ่านซักที แต่พอไปเจอคนแนะนำมา
เลยเกิดอาการอยากอ่านขึ้นมาซะงั้นอ่ะ 555
ตอนแรกแอบหมั่นไส้น้องยุนายเอกของเรามาก
แต่หลังๆมานี่เริ่มเข้าใจในความซึนของน้องแระ
แต่แอบสะใจตอนน้องโดนกำราบโดยพระเอกของเรา คึคึ :hao6:(รู้เลยว่าเราสายS... 5555)

หลังๆนี่เริ่มจะหวานแล้ว เย้ๆ :-[ แต่ดูท่าคู่นี้ยังต้องปรับจูนกันอีกเยอะ
มันแลดูเหมือนเป็นความสัมพันธ์ที่ก้าวกระโดด
เพราะน้องดันถูกพี่กฤตเรากินซะเกลี้ยงก่อนจะได้ปรับความเข้าใจกันซะอีก
ยังไงก็เอาใจเชียร์คู่นี้เต็มที่จ้าา พี่กฤตรุกเต็มสตรีม น้องยุก็เริ่มเปิดใจมากขึ้นแล้วว


เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะก๊าบบ ^^
รอลุ้นตอนต่อไป คึคึ o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Gaem ที่ 28-12-2013 05:24:12
รอติดตามค่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 28-12-2013 07:03:58
ยุแสบจริงๆ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 28-12-2013 14:26:34
ร้ายแต่น่ารักก็อภัยให้นะค้าบบบบ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 29-12-2013 18:51:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Riko ที่ 31-12-2013 23:28:27
รอข้ามปี อิอิ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 01-01-2014 18:24:06
รอมาตั้งแต่ปีที่แล้วล่ะอ่ะ 

 :katai5:  :katai5:  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 01-01-2014 20:58:03
นานจังน้ออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 04-01-2014 15:38:33
ปีใหม่แล้วก็ยังไม่มา
 :m17: :m17: :m26:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 04-01-2014 21:03:05
งวดนี้หายยยไปนานจุง จงมาต่อ ณ บัด นาว  :t3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 07-01-2014 00:50:24
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 16 (ครึ่งแรก)




หลังการป้อนอาหารเฒ่าทารก (ในสายตาของสดายุ) อยู่ครู่ใหญ่ๆ ในที่สุดก็สามารถจัดการจับตาแก่ช่างสำออยออเซาะกรอกยาขนานใหญ่ให้จบๆไปอีกหนึ่งมื้อได้สำเร็จ เวลาล่วงมาจนเกือบสามทุ่ม สดายุช่วยกฤตเมธเช็ดเนื้อเช็ดตัวอย่างไม่เต็มใจนักก่อนจะบังคับขู่เข็ญสารพัดให้เจ้ายักษ์ล้มตัวลงนอน ห่วงก็ห่วงว่าแผลของคนป่วยจะปริจะเจ็บเพราะแรงปะทะต่อสู้ แต่ก็เหนื่อยหน่ายเกินกว่าจะทนประคบประหงม

"เฮ้อ!! นอนๆซะได้เสียที! ดูแลคุณนี่มันยิ่งกว่าเป็นพี่เลี้ยงเด็กสักครึ่งร้อย! เหนื่อย!"

"โธ่คุณ ทำไมขี้บ่นจัง ผมก็ไม่ได้ดื้อไม่ได้ซนอะไรกับคุณเสียหน่อย"

ถึงสดายุจะโวยวายโหวกเหวกกับการดูแลคนป่วยที่คอยแต่จะป่วนไม่เลิกแค่ไหน กฤตเมธก็ตอบกลับได้อย่างสบายๆ แถกันแบบหน้าตาเฉย ทำความดันเลือดสดายุพุ่งปรู๊ดปร๊าดได้ไม่หยุดหย่อน

"คุณสดายุครับ ได้เวลานอนแล้วนะ ไหนล่ะข้อตกลงของเรา?"

".....!!!"

(หนอย...ไอ้ขี้งก! ทวงได้ทวงดี!!)

"เฮ้อ...คุณกฤตเมธ คุณนี่มันเจ้าเล่ห์หน้าตายจริงๆเลยนะ ใครกันให้ฉายาคุณว่าเทพบุตร คุณน่ะมันจอมมารชัดๆ คุณมันจอมพลิกพลิ้น ปลิ้นปล้นหลอกชาวบ้านเขาไปทั่ว แสร้งว่าเป็นคนดีทั้งๆที่แท้จริงแสนจะร้ายกาจ ไม่ถูกใจคุณก็ตั้งแง่จิกกัดไม่ให้ได้ผุดได้เกิด แต่พอถูกใจขึ้นมาคุณก็ดึงดันทำสารพัด บังคับให้ได้ของที่ถูกใจมาเป็นของตัวเอง! แบบนี้น่ะเหรอ? ที่เรียกว่า ‘คุณพระเอกสุภาพบุรุษ เทพบุตรแห่งวงการ’ หลวงลวงทั้งเพ!!”
 
พอได้เห็นว่าคนป่วยนั่งหน้าทะเล้น (แบบลืมอายุ) ทวงข้อตกลง (ที่ดึงดันบังคับเอาเอง) แบบกัดไม่ปล่อยของกฤตเมธแล้ว สดายุก็พาลทนไม่ไหว จนต้องของด่าซึ่งๆหน้าออกไปเพราะความละเหี่ยใจไม่น้อย แต่ดูเหมือนยิ่งติอีกฝ่ายก็ยิ่งยิ้มร่าถูกใจ
 
“หึหึ...คุณนี่รู้จักตัวตนของผมดีจัง นี่ถ้าลองคิดเล่นๆดู มองได้ว่าคุณกำลังแอบชอบผมนะ รู้เรื่องผมซะละเอียดเชียว”
 
“...คุณกฤตเมธ คุณเลิกยั่วโมโหผมเสียทีเถอะ...เฮ้อ”
 
กฤตเมธเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าสดายุไม่ได้โกรธจนควันออกหูจากคำเย้าแหย่ของเขา แต่ชายหนุ่มนั้นได้แต่ทำหน้าเหนื่อยหน่ายพร้อมถอนหายใจบางเบาเท่านั้น
 
“คุณนี่ก็แปลกนะยุ บางทีก็ร้อนเป็นไฟ บางทีก็เย็นราวกับน้ำแข็ง...”
 
“...พูดอะไรของคุณน่ะ เลิกเพ้อแล้วนอนๆไปซะทีได้มั้ย?”

"หึหึ...คุณเองก็เหมือนกันน่ะแหละ เหมือนจะเป็นคนแข็งๆ แต่ความจริงแสนจะอ่อนไหว เหมือนจะหยิ่งที่จริงแค่ไม่ถนัดเข้าหาคนอื่น เหมือนจะเหลวไหล...ที่จริงก็แค่เด็กขี้เหงา คุณชอบทำตัวว่าเป็นคนกร้านโลก ทั้งที่จริงๆแล้ว...ช่างแสนซื่อ..."

"โอ้ยคุณ! เลิกพูดเรื่องน้ำเน่าเสียทีเหอะ นี่คุณมีอาชีพเสริมเป็นพระเอกลิเกด้วยหรือเปล่าเนี่ย? เพ้อเก่งชะมัด ฟังแล้วแทบอ๊วก"

พอได้ยินว่ากฤตเมธกำลังเริ่มกล่าวถึงตัวเองในเชิงสร้างสรรค์เกินกว่าเหตุ สดายุก็พาลขนลุกขนพอง จนต้องรีบห้ามไม่ให้อีกฝ่ายพูดต่อทันที

"ถามจริง เวลาคุณจีบผู้หญิงน่ะ คุณน้ำเน่าแบบนี้เลยหรือเปล่าเนี่ย!"

"ไม่หรอก แค่กับคุณเท่านั้นแหละที่จีบยากจีบเย็นนัก"

คำหยอดชวนคลื่นไส้ พร้อมสายตากรุ้มกริ่มที่ส่งมา เล่นเอาสดายุถึงกับทำหน้าไม่ถูก เพราะมันทั้งรู้สึกขนลุกและรู้สึกหน้าตาเห่อร้อนไปพร้อมกัน 

"...ช่วยนอนๆไปซะทีเหอะคุณ...ผมคลื่นไส้จะแย่อยู่แล้ว..."

"ฮ่า ฮ่า คุณนี่บางทีก็ตลกนะ เอาล่ะผมนอนก็ได้"
 
ว่าพลางตะแคงตัวลงนอนเอกเขนก โดยที่ริมฝีปากยังคงยกยิ้มพราว ดวงตายังคงจดจ้องใบหน้าแดงเห่อของคนข้างเตียง ตั้งแต่ที่กฤตเมธทำตัวเป็นฮีโร่เพื่อปกป้องคนในดวงใจจนหัวร้างข้างแตกถึงตอนนี้ก็เกือบจะสิบสองชั่วโมงแล้ว แต่กฤตเมธนั้นไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายแต่อย่างใด กลับรู้สึกว่าโชคดีมากๆต่างหาก เพราะถ้าหัวไม่แตกตอนนั้น ตอนนี้คงไม่มีสดายุมาคอยนั่งป้อนข้าวป้อนยาแบบนี้เป็นแน่ และที่สำคัญดูเหมือนการจีบของเขาในที่สุดก็เริ่มสำแดงผลสัมฤทธิ์ ถึงแม้จะไม่ได้ดูอ่อนหวาน แต่กฤตเมธรู้ดีว่าสดายุเริ่มจะอ่อนไหวแล้ว หลักฐานคือใบหน้าคมหวานนั้นแดงระเรื่อน่ามองยิ่งกว่าที่เคย
 
"นอนซะ เดี๋ยวผมปิดไฟให้"
 
เมื่อเห็นว่ากฤตเมธเอนตัวนอนแล้ว สดายุก็เดินไปปิดสวิชต์ไฟที่หน้าประตูให้
ห้องน้อยตกอยู่ในความมืดในที่สุด ทว่าแทนที่สดายุจะขึ้นไปนอนเป็นหมอนข้างให้ตามสัญญา ร่างบางกลับหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมข้างเตียงอย่างเดิมแทน แล้วก็นั่งเงียบๆอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดกฤตเมธก็เป็นฝ่ายทนไม่ไหว
 
“...นี่คุณ? ไหนว่าจะมานอนเป็นหมอนข้างให้ผมไงครับ แล้วทำไมยังนั่งอยู่อย่างนั้นล่ะ?”
 
“ผมก็กำลังทำตามข้อตกลงของเราอยู่นี่ไงครับคุณกฤตเมธ”
 
“เฮ้ยคุณ ตามข้อตกลงคุณต้องเป็นหมอนข้าง...”
 
“ข้อตกลงคือการคอยช่วยค้ำไม่ให้คุณเผลอนอนหงาย และผมมีวิธีของผมที่ดีกว่าการเป็นหมอนข้างให้คุณเป็นไหนๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลครับ หลับให้สบายคลายกังวลได้เลย...ครับ”
 
ยังไม่ทันจะท้วงจบ กฤตเมธก็ถึงกับเหวอไปหน่อยกับคำตอบของสดายุ เพราะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเจ้าตัวร้ายของตนกำลังจะเล่นตุกติก อยากตอบโต้สักหน่อยแต่ความเจ็บหน่วงของบาดแผล ทั้งความมืดมนของห้องพักและความง่วงงุนที่เกิดจากฤทธิ์ยา ทำให้กฤตเมธเริ่มจนปัญญาที่จะโต้เถียง ชายหนุ่มจึงทำได้เพียงถอนหายใจในความมืดพร้อมกับยิ้มให้ตัวเองน้อยๆ เพราะลึกๆเขาก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ว่ายังไงสดายุก็คงไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆ และมันก็เป็นไปดังคาดจริงๆ
'เจ้าตัวแสบ รอดตัวจนได้นะ หึหึ'
 
"คุณกลัวผมเหรอ ยุ?...อย่ากลัวเลย ผมสัญญา จะไม่ทำอะไรให้คุณกลัวอีกแล้ว..."
 
น้ำเสียงที่เริ่มจะงัวเงียของกฤตเมธ เรียกเสียงหัวเราเบาๆจากสดายุไม่น้อย 
'หึหึ...ตาแก่ช่างเจรจา'
 
"นอนซะทีเถอะคุณ เสียงคุณงัวเงียจนผมฟังไม่รู้เรื่องแล้ว"
 
บ่นพลางใช้มือเย็นๆของตนบรรจงลูบแผ่วๆไปตามหน้าผากของผู้สูงวัยกว่าอย่างลืมตัว ด้วยเชื่อว่าคนที่สลึมสลืออยู่นั้นคงใกล้นิทราในไม่ช้านี้แล้ว ไม่ใช่เพราะจู่ๆก็รู้สึกเสน่หาอะไรในคนตรงหน้าหรอก แต่ก็ไม่แน่ใจในความรู้สึกของตนเหมือนกันว่ามันคืออะไรกันแน่ และ...ไม่อยากจะคิดอีกแล้วว่าอารมณ์นี้มันคืออะไร...
 
"...นอนซะ"
 
เสียงแหบหวานเอ่ยขึ้นเบาๆเพื่อเป็นการสำทับอีกครั้ง
 
และดูเหมือนว่าเจ้าชายจะเข้าสู่นิทราไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอนั้นสามารถการันตีได้อย่างดีว่า กฤตเมธพ่ายแพ้ต่อพิษยาและหลับใหลไปเรียบร้อยแล้ว
 
ห้องมืด...แต่ก็ยังมีแสงสว่างจากนอกหน้าต่างที่ทะลุผ้าม่านเข้ามา เสียงแอร์คอนดิชั่นดังหวือ เสียงลมหายใจของคนป่วย และเสียงลมหายใจของตัวเอง...ที่สดายุได้ยินทุกอย่างชัดเจนขนาดนี้ คงเป็นเพราะในห้องเงียบมาก แม้จะได้ยินเสียงคนอื่นที่โถงทางเดินบ้าง ก็แค่ชั่วครู่เดียว สดายุยกยิ้มน้อยๆพึงใจในโรงแรมสี่ดาวนี่พอสมควร เพราะแม้จะไม่ได้ใหญ่โตเลิศเลอแต่ก็ถือว่าเป็นส่วนตัวจากเสียงรบกวนภายนอกอยู่พอสมควร
 
...และความเงียบนั้น ก็เริ่มทำให้สดายุเผลอไผล...
 
"ผม...กลัวคุณนะ...กฤตเมธ..."
 
เสียงแหบหวานเอ่ยขึ้นมาแผ่วผิว ก่อนจะค่อยๆเอนร่างครึ่งบนซบลงไปบนเตียงนุ่มเบื้องหน้ากฤตเมธที่หลับลึกไปแล้ว เสียงเครื่องปรับอากาศกับเสียงลมหายใจของกฤตเมธชักนำให้สดายุเริ่มเผลอไผล หัวใจของชายหนุ่มเองก็เริ่มผ่อนคลาย และปากบางเฉียบนั้นก็เริ่มเผยบางสิ่งออกมา...
 
"ผมไม่ปฏิเสธว่าเรื่องที่คุณทำกับผม...ทำให้ผมกลัวมาก...และมันทำให้ผมเกลียดคุณเหลือเกิน..."
 
"เกลียดคุณ...เท่ากับที่เกลียดตัวเอง"
 
"เกลียดที่คุณทำเป็นรู้จักตัวผมดี เกลียดที่คุณชอบมาแทรกแซงหัวใจของผม เกลียดที่คุณชอบมาเข้าใกล้ ชอบมาทำให้ผมควบคุมตัวเองไม่ได้...และยิ่งผมเกลียดคุณมากเท่าไหร่...ผมก็ยิ่งเกลียดตัวเองมากเท่านั้น..."
 
"เกลียด...ที่สุดท้ายผมก็ดันเต้นไปตามเกมของคุณ..."
 
ยิ่งพูดเสียงก็ยิ่งแผ่วลงไปเรื่อยๆพร้อมกับใบหน้าที่แทบจะกดจมลงไปบนที่นอนนุ่ม สองมือจิกรั้งผ้าปูที่นอนเบาๆ ด้วยความรู้สึกขุ่นเคืองผสมสับสน แต่เพียงครู่ก็คลายลง พร้อมเสียงถอนหายใจบางเบา
 
"เฮ้อ...น่าอายที่สุดที่ผมยังคงรู้สึกหวาดหวั่นกับคุณไม่น้อย คงเพราะเรื่องนั้นมันยังสดใหม่เหลือเกิน...หึหึ ผมสมเพชตัวเองชะมัด โดยเฉพาะวันนี้ สมเพชตัวเองเหลือเกินที่จู่ๆก็ตัวสั่นราวกับเด็กสาวๆ แค่เพียงถูกคุณแตะต้อง...หึหึหึ..."
 
เสียงหัวเราะเย้ยหยันตัวเองดังขึ้นเบาๆก่อนที่สดายุจะเงยหน้าขึ้นจากเตียงในที่สุด ใบหน้าคมหวานชำเลืองมองใบหน้ายามหลับใหลของกฤตเมธนิ่งงัน ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปลูบไล้แก้มสากๆนั่นอย่างแผ่วเบา ในความมืดสดายุมองไม่ชัดนักว่ากฤตเมธตอนหลับหน้าตาเป็นยังไง แต่สัมผัสสากระคายที่ปลายนิ้วบนใบหน้าที่นิ่งไม่ไหวติงนั้นก็พอทำให้รู้ว่าร่างนั้นยังคงหลับสนิท รู้สึกได้ดังนั้นสดายุก็เหยียดยิ้มเล็กน้อย ดวงตาหม่นแสงที่จดจ้องค่อยๆหลุบต่ำลง ก่อนจะทอดแขนเอียงตัวลงพาดร่างครึ่งท่อนบนลงข้างเตียงใกล้ร่างหนาอบอุ่นนั่นอีกครั้ง
 
"...แต่ไม่ว่าจะยังไง ผมก็ไม่โทษคุณในเรื่องที่เกิดขึ้นหรอกนะ…"
 
"เพราะเรื่องทั้งหมด...ผมเท่านั้นที่เป็นคนผิด"

“ผมเอง…ที่เป็นต้นเหตุ ให้เรื่องบ้าๆนี่มันเกิดขึ้น…ถ้าผม…ไม่มีทิฐิบ้าบอแบบนั้น เรื่องมันคงไม่เลยเถิดมาถึงตอนนี้…”

ปลายเสียงสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับจะเครือพร่า แต่ทว่าก็ราวกับกำลังขบขัน

“หึหึหึ…ถึงแม้สิ่งที่เกิดขึ้น…ที่คุณทำกับผมจะถือว่าเป็น…ครั้งแรก…หึหึ…บ้าจริง พูดอะไรของผมเนี่ย…”

พอเอ่ยคำว่า ‘ครั้งแรก’ ออกไป สดายุก็ถึงกับต้องสะอึก ด้วยว่ากระดากตัวเองเล็กน้อย จนอดไม่ได้ที่ต้องมุดหน้าลงกับที่นอนอีกครั้ง ในความมืดนี้ไม่มีใครรู้ ในห้องที่มีเพียงสองต่อสองกับคนป่วยที่หลับลึกไปแล้วย่อมไม่มีใครเห็น ว่าใบหน้าที่ยังคงความเจ็บร้าวเล็กๆนั้น เห่อแดงราวกับผลตำลึงสุก และร้อนผ่าวจะแทบจะลุกเป็นไฟ

กว่าที่สดายุจะปรับอารมณ์สู่ปกติได้ก็ปล่อยให้ห้องเล็กๆนี้เงียบไปเสียนานเลยทีเดียว

“…ผมโกรธคุณไม่ลงหรอกนะ กฤตเมธ…เพราะผมเองก็ไม่ใช่สาวบริสุทธิ์…ผม…”

“ผมเน่าเฟะไปพร้อมกับอดีตที่เหลวแหลกนั่นไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้น…”

“…คุณไม่ต้องรู้สึกรับผิดชอบอะไรในตัวผมหรอกนะ เพราะมันไม่มีความจำเป็นอะไรเลย ที่คุณจะต้องเสียเวลามาเกลือกกลั้วกับคนแบบผม…”

พูดจบเพียงแค่นั้น สดายุก็เอื้อมมือไปดึงมือกฤตเมธเข้ามาจับเอาไว้ แล้วตัวเองก็ค่อยๆโน้มตัวลงซบใบหน้าของตนลงบนมือนั้น ไม่ได้เป็นการออดอ้อน หรือเสน่หาอาดูรแต่ที่ทำลงไปนั้นก็เพื่อที่จะยึดมือขวาของกฤตเมธเอาไว้ไม่ไม่เผลอนอนหงายหลังไปอีกด้าน และที่ต้องทับเอาไว้เพียงเพราะสดายุกลัวว่าตัวเองจะเผลอหลับ แล้วปล่อยให้คนป่วยเรื่องเยอะกลิ้งหลุนๆไปไหนต่อไหน จนให้ต้องโดนดูแคลนเอาตอนตื่น อย่างน้อยถ้ายังทับเอาไว้ เวลาที่อีกฝ่ายขยับตัว เขาจะได้รู้สึกตัวตื่นได้ทัน
‘กันไว้ดีกว่าแก้’


เที่ยงคืนครึ่ง…



ฝ่ามืออุ่นบรรจงลูบเรือนผมสีอ่อนอย่างทะนุถนอม ร่างแบบบางที่ยังคงฟุบกายอยู่ข้างเตียงนั้นยังคงหลับสนิท ไม่รู้ตัวเลยว่ามือแกร่งของคนที่ตนตั้งใจจะดูแลไปจนเช้านั้นหายไปจากอุ้งมือตั้งนานแล้ว และตอนนี้มือนั้นก็กำลังเคลียไล้แผ่วผิวอยู่ที่ข้างแก้มใสของตน
 
เจ้าของมือยิ้มน้อยๆด้วยรู้ดีว่า คนที่นั่งหลับอยู่อย่างน่าสงสารวันนี้คงเหนื่อยมากไม่ต่างจากตนที่เป็นคนป่วย เพราะทั้งตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวถ่ายทำละครฉากดุเดือดที่แสนจะหนักหน่วง จากนั้นก็ดันเกิดเรื่องไม่คาดฝันให้ต้องวุ่นวาย และยังต้องมาดูแลเขาที่อดจะหยอกเล่นให้อีกฝ่ายเหนื่อยใจไม่ได้อยู่ตั้งนานสองนานจนถึงตอนนี้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่เด็กอวดเก่งจะผล็อยหลับไปง่ายๆ เพียงเพราะตัวเองสบายใจแล้วที่ได้ระบายบางสิ่งออกมาให้อากาศธาตุฟัง

“ใครเน่าเฟะกันหือ? เจ้าเด็กมาโซ…นายนี่มันชอบทำร้ายตัวเองเหลือเกินนะ”

เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ เพียงเพื่อตัดพ้อคนช่างประชดที่หลับไม่รู้เรื่องอยู่ตรงหน้า คำตัดพ้อที่แสนจะนุ่มนวล

“ฉันไม่เห็นจะมีความเหลวแหลกอะไรเลยแม้แต่นิด ฉันเห็นเพียงเด็กน้อยที่ดื้อรั้น ต่อต้านสังคม และแสนซื่อบริสุทธิ์…”

“บริสุทธิ์ราวกับแก้วคริสตัลบางใส ที่ถ้าเผลอแตะต้องแรงไปแม้เพียงนิด ก็พร้อมจะแตกสลายลงตรงหน้าได้ทุกเวลา…เพราะฉะนั้นฉันจึงกลัวเหลือเกินที่จะสัมผัสนายตั้งแต่แรกเริ่ม…แต่ก็นะ…สุดท้าย…ฉันก็ดันเผลอแตะต้องไปเสียแล้ว”

“เพราะฉะนั้นไม่ว่านายจะพูดยังไง ฉันก็จะไม่มีวันปล่อยมือจากนายเด็ดขาด…ไม่ว่าโลกที่นายเคยอยู่มาจะเป็นยังไง ต่อจากนี้ไป ฉันจะเป็นคนมอบโลกใหม่ให้นายเอง…”

“โลกที่สวยงาม…จนไม่อาจปล่อยมือ”

*
*
*
*
*

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

‘…อืม’

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

‘แสบตาจัง…เช้าแล้วเหรอเนี่ย…’

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด…

กริ๊ก…

เสียงน่ารำคาญของมือถือที่ตั้งปลุกเอาไว้ตอนเจ็ดโมงเช้า ดังระงมไม่ขาดระยะ จนในที่สุดสดายุก็ทนไม่ไหว เอื้อมมือควานไปปิดเสียงน่ารำคาญนั่นให้หยุดเสียที

‘เฮ้อ…เงียบเสียที…นอนต่อดีกว่า อุ่นสบายจัง…’

‘เอ๊ะ?’

‘…นอนเหรอ?’

‘…อุ่น…’


“เฮ้ย!!!??”

สดายุลืมตาโพลงทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มทั้งๆที่เมื่อคืนนั้นเขาจำได้ว่าตัวเองฟุบหลับอยู่ข้างเตียงแน่ๆ แล้วทำไมพอเช้าเขาถึงมานอนอยู่บนเตียงได้ แล้ว…ความอุ่นที่หลังกับที่เอวนี่…มัน…หมายความว่า…




“ฮึ่ยยยยย!!!...คุณกฤตเมธ!!!”

******************************************************************

สวัสดีปีใหม่ค๊า

ขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ
ร่ำรวยเงินทอง ผลการเรียนดีเยี่ยม ผลการทำงานสุดยอด
ครูบาอาจารย์รักใคร่ เจ้านายให้การสนับสนุนนะคะ
รักนะทุกคน
จุ๊บๆๆๆๆ



 :mew1:
ปล.คนแต่งไม่ลั้ลลาอยู่แถวบ้านนอกคอกนามาค่ะ เพิ่งจะได้ดอดเข้ากรุงสู่ความศิวิไลซ์ หุหุ
อีกครึ่งตอนจะรีบมาต่อในไม่กี่วันนี้นะคะ (!!!?)
 :katai4:
Thearboo / อนาคี99

ปล. มันมัวแต่พูดคนเดียวกันอยู่นั่น...แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที!! (แอบอินเล็กน้อย)

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 07-01-2014 00:56:13
ไม่กี่วันแน่นะ!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 07-01-2014 01:01:43
แอร๊ยยย
คนป่วยยังมีแรงเหลือเยอะเลยนี่คะ กร๊ากก
สวัสดีปีใหม่คนเขียนด้ายค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 07-01-2014 03:10:33
พูดกะตัวเองกันไปซะค่อนตอน... มีแต่คนอ่านที่ได้รู้... บอกกันเองซิฟระ จิมาบอกตรูทำม้ายยยยยย  o6
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 07-01-2014 03:32:39
อ๊ายยยยยย มันหวานใช่มั้ย
มันคือความหวานนนนนนน

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 07-01-2014 06:05:57
หนุ่มๆกับแก่ๆเขาหวานกันได้หวานกันดี   :o8:

ดีแล้วแหละค่ะ  หวานแบบนี้ให้นานๆเลยนะคะ เค้าเอียนมาม่าแว้ว  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 07-01-2014 07:33:13
แหม่ะ คนป่วยอะไรมือไวจริงนะ 5555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 07-01-2014 07:48:13
น้องยุอย่าคิดมากสิ อดีตที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ สู้มาสร้างอนาคตที่สดใสกะตาแก่(ลามก)ดีกว่า

สวัสดีปีใหม่จ้า^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 07-01-2014 07:55:52
แหมมมม ขนาดครึ่งแรกก็อ้อนขนาดนี้และ เขินแทนเลย
จะรอครึ่งหลังนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 07-01-2014 08:15:20
เมื่อไหร่ยุจะมีความสุขจริงๆ ซักที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 07-01-2014 08:16:29
นั่นสิแล้วเมื่อไหร่เด็กกะคนแก่จะเข้าใจกันสักทีนี่
แต่คนแก่ก็อ้อนน่ารัก :-[

รอที่เหลือค่ะ  :katai2-1:

สวัสดีปีใหม่ขอให้มีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรง ร่ำรวยๆ  :mew1:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-01-2014 09:55:13
น้องยุน่าสงสารอ่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 07-01-2014 11:02:41
เจ้าเล่ห์จังเลยน๊า พ่อพระเอกคนดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 07-01-2014 11:08:08
คุณเมษสู้ๆ  :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 07-01-2014 11:10:49
สมเป็นนักแสดง5555

ได้ฟังความในใจเลย ฮี่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 07-01-2014 11:14:55
ชอบตอนนี้ อบอุ่น เหมือนน้องยุจะเปิดใจแล้ว
รอตอนต่อไปคะ
สวัสดีปีใหม่นักเขียนด้วยจ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 07-01-2014 11:26:50
สวัสดีปีใหม่ค่า
ขอให้มีความสุขเช่นกันน้า
คุณกฤตเมตรู้ความในใจของน้องยุแล้วคงจะรุกง่ายขึ้นเนอะ
รอตอนต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-01-2014 11:28:43
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: 7th SensE ที่ 07-01-2014 11:52:47
น่ารักกกกกกก ยุน่ารักมาก คุณกฤตเมธจัดการเด็กชอบดูถูกตัวเองเลยค่ะ เห็นยุคิดมากแล้วเค้าเศร้า เอาใจช่วยให้ทั้งสองคนสร้างโลกที่สวยงามค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 07-01-2014 12:57:18
อั๊ยยะ น้องยุน่ารักอ่ะ
5555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 07-01-2014 14:02:00
แล้วทำไมไม่พูดกันตรงๆเลยล่ะคะ ห๊าาาาาาาา
เอาใจช่วยให้กฤตเมธเปลี่ยนแปลงโลกที่แสนเศร้าของสดายุให้ได้ซะที
 
สวัสดีปีใหม่จ้าาาา :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 07-01-2014 14:05:51
 :m29: หวานมากไปแล้ววววววคุณกฤต อ่านแล้วแอบขนลุกปนอิจฉา5555

ตอนแรกที่อ่่านคิดว่าอ่านผิดเรื่อง เพราะตอนนี้ช่างรักกันดีผิดกับตอนแรกๆลิบลับเลย :o

รอตอนต่อไปค่ะ :give2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: smmikie ที่ 07-01-2014 14:26:05
อรีายยยยยยย
แอบเศร้านะ แต่ก้เขินยังไงไม่รู้
555555 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: jinrui ที่ 07-01-2014 15:07:37
อะไรคือครั้งแรก แต่ไม่ใช่สาวน้อยบริสุทธิ์ งง
คือข้างหลังครั้งแรกอะหรอ แต่ฟันสาวมาเยอะ งงอะ
แต่เราชอบบยุที่สุดนะ น่ารักออก ดูตัวกระจิ๊ดทำเสียงใหญ่ แต่จริงๆใจดี ขี้ใจอ่อน
กว่าจะทะลวงม่านหมอกซาตานมาเจอเจ้าชายน้อยนี่ไม่ง่ายนะฮ้า
ต้องพยายามเยอะๆนะพี่พระเอกกกก จริงๆถ้ายุเรียก พี่กฤตๆ แบบอ้อนๆ คงน่ารักมาก อ๊ายย (นี่ก็มโนไม่จบไม่สิ้น)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 07-01-2014 15:30:05
มาเร็วๆนะค๊า :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 07-01-2014 15:30:17
แอร๊ยยยยย เขินแทนยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: princessrain ที่ 07-01-2014 16:21:26
หวานนนนนนนนนนนนน ละมุน
แต่น้องยุเราแอบเป็นนางเอกขี้คิดมากนะคะเนี่ยยย
ไม่รู้ตัวเลยหรอคะ ว่าแค่นี้คนแก่ๆบางคนก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้น
555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 07-01-2014 16:27:53
น้องยุตัดพ้อซะน่ารักเชียว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 07-01-2014 16:50:22
ที่นี้เมธก็รุ้ความในใจของยุแล้วก็ดูแลเขาดีๆล่ะ
อยากแกล้งหยอกมาก เดี๋ยวเจอตัวแสบเล่นกลับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 07-01-2014 16:56:51
น้องเฉไฉ ไม่เป็นหมอนข้างให้ แต่ตาแก่ก็ทำมันสำเร็จนะ คิคิ

นึกแล้วว่าต้องได้ยิน อย่าปล่อยน้องนะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-01-2014 16:58:58
ยุน่าร้ากกกกกกกกกกกคุณกฤตเมธไม่ไปไหนแล้วล่ะงี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 07-01-2014 17:52:50
 :hao7: :hao7: :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 07-01-2014 18:06:01
อ้ายยยยยยยย   น่ารักอะ   ชอบๆๆ  เปิดมาอ่านตั้งแต่ต้นจนจบเลย  ฮ่าๆๆๆ 

ตามทันในวันเดียว   อีตายุตอนแรกไม่ชอบเลย  เด็กอะไรปากคอเราะร้ายย   ไปๆมาๆ  ท่านชายเมธร้ายกว่าเยอะ  ฮ่าๆๆ

น่ารักจริงๆน้า  แต่ทำไมรู้สึกเหมือนดราม่าเรื่องนี้มันจะขมจนน่ากลัวเลยละ  ฮ่าๆๆๆ   ขมแล้วต่อหวานเลยน้า เดวหน่วง  อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-01-2014 18:41:29
รุกให้หนักเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 07-01-2014 20:26:45
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: pare_140 ที่ 07-01-2014 20:34:54
สตายุผู้แสนซื่อบริสุทธิ์ :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: iinammz ที่ 07-01-2014 21:58:21
รีบๆๆมาต่อนะคะ :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 07-01-2014 22:30:59
น่ารัก น่าหยิก ทั้งคู่เลยจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 07-01-2014 22:43:45
ยุจ๋าาา ไม่พูดจาทำร้ายตัวเองอย่างนั้นซิ

ยุออกจะน่ารัก

เป็นกำลังใจให้ยุต่อไป อิอิ

คุณเมธสู้ๆ ๆ ๆ

คุณนักเขียนก็สู้ๆ นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Kaewkaew ที่ 07-01-2014 22:54:57
สวัสดีปีใหม่เช่นกันจ้าคุณผู้เขียน
ขอให้พรนั้นสนองจ้า :)

ซีนนี้คือน่ารักมุ้งมิ้ง.. จริงอย่างที่สดายุว่า
นี่คุณเมธเป็นพระเอกลิเกมาก่อนรึเปล่าเนี่ย พูดแต่ละคำ  :m20: :m20:
น่ารักนะเนี่ยยย แหม่ต้องเป็นแบบนี้ เมธต้องตื่น โฮะๆ ลงล๊อคเลย 555
รอตอนต่อไปจ้า สู้ๆฮ้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 08-01-2014 16:51:56
ถ้ารู้แล้วก็ดูแลน้องยุให้ดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 08-01-2014 17:48:56
น้องยุ อย่างกับสาวน้อยวัยแรกแย้ม น่ารักจริงเชียว  :o8:

หนูเหลวแหลกที่ไหนกันคะ หนูน่ะสาวน้อยบริสุทธิ์(เพิ่งโดนเปิดซิงประตูหลังต่างหาก เอิ๊กๆ) :laugh:

มัวแต่พูดกับตัวเอง แล้วเมื่อไรจะใจตรงกันซั๊กทีล้าาาาาา :hao6:

สวัสดีปีใหม่นะค๊าาาาา มาช้ายังดีกว่าไม่มาค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: oilzii ที่ 08-01-2014 18:44:10
เหวยยยยๆ เจ้าเด็กมาโซ

 :haun5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-01-2014 21:07:18
น้องเป็นมาโซ ก็เข้าทางออกจะตายไป กลายร่างเป็นซาดิสม์สิคะ เอ๊ะหรือว่าซาดิสม์อยู่แล้วนี่หว่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 08-01-2014 23:11:36
โถถถถถ น้องยุ พี่เมธไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆแน่งานนี้
เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถิดดด ฮิฮิ คนแก่เจ้าเล่ห์ทั้งหยอดทั้งต้อนขนาดนี้ :katai3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-01-2014 23:13:47
ยุทำไมว่าร้ายตัวเองจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 08-01-2014 23:24:18
ยุ ก้ออย่าโทษตัวเองนักเลยนะ น่าสงสาร  :sad4:

ส่วนคุณพระเอกก้อรีบๆทำคะแนนนะ เอาใจช่วยยยยย  :กอด1:

รีบๆมาต่อน้าาาาา รอๆๆๆ  :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 09-01-2014 12:10:34
น่ารักอ่าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 09-01-2014 20:18:19
ฝากพี่เมธดูแลน้องยุให้ดีด้วย (ก็น้องน่ารักออกขนาดนี้ 555)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-01-2014 07:06:46
อ่านรวดเดียว และตอนนี้หลงสดายุเต็มเปาาาาา

รออ่านนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-01-2014 13:12:40
คนแก่เจ้าเล่ห์ทำแกล้งหลับ น้องยุจ๊ะทำไมคิดลบได้ขนาดนี้นะ
พี่เมธช่วยมอบโลกที่สดใสให้น้องยุด้วยเถอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 11-01-2014 22:12:41
ตามอ่านทันแล้วววววววว  :katai2-1:

ชอบเรื่องนี้มากเลย น้องยุน่ารักอะ สุดท้ายก็ใจอ่อนให้ตาแก่ลามกจนได้ ฮ่าๆๆๆๆ
น้องยุอย่าดูถูกตัวเองนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 14-01-2014 03:54:59
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 16 (ครึ่งหลัง)





*
*
*
"...โอ้ย...เจ็บ...ซี๊ด..."
 
"โอ๊ะ...เบามือหน่อยสิคุณ..."
 
"ซี๊ด...เจ็บๆๆๆ...โอ้ย...คุณ..."
 
"อายุก็ปูนนี้แล้วแถมยังตัวโตอย่างกับหมี...แผลแค่นี้ร้องเป็นโดนเชือดไปได้ ใจเสาะเกินไปแล้วนะคุณ"
 
สดายุบ่นอุบเมื่อได้ยินเสียงร้องโอดโอยแบบจริงมั่งไม่จริงมั่งของกฤตเมธ ทั้งๆที่สดายุเองก็พยายามระวังจะแย่ ที่จะเช็ดคราบเลือดตกค้างเกรอะกรังตามเส้นผมบนศีรษะของกฤตเมธแท้ๆ แต่คนสูงวัยกว่ากลับทำตัวเป็นเด็กเล็กสำออยไม่หยุดเสียได้ เล่นเอาคนที่หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่แล้วเป็นทุนเดิมอยู่นั้นยิ่งหน้างอคอคว่ำเป็นปลาทูแม่กลองไปใหญ่ เพราะเรื่องเมื่อเช้าที่จู่ๆ ก็ตื่นขึ้นมาในวงแขนของคนช่างฉวยโอกาสนั่นก็ทำให้เดือดจนเส้นเลือดในสมองแทบระเบิดไปรอบนึงแล้ว ยังไม่ทันจะได้ปรับอารมณ์ให้เป็นปรกติก็มาโดนงอแงใส่แบบไม่เข้าท่าเลยแบบนี้อีก นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกฝ่ายกำลังบาดเจ็บ เขาคงไม่รอช้าที่จะขอขยี้ให้หัวบี้คามือเสียให้รู้แล้วรู้รอด
 
"...ก็ผมเจ็บจริงๆนะ" (ยังตั้งหน้าตั้งตาอ้อนไม่เลิก)
 
"ดูวัยบ้างคุณ ไม่ใช่เด็กสามขวบนะ เฮ้อ...คุณเป็นแบบนี้เนี่ย คนอื่นไม่มีใครว่าอะไรคุณบ้างเหรอ? หรือว่าเพิ่งจะเป็นเพราะสมองกระทบกระเทือนกัน!?"
 
แรกๆก็แค่บ่นไป แต่ท้ายประโยคแฝงความกังวลใจไว้เล็กๆ เพราะเกรงว่าถ้าอาการที่เอ๋อราวกับเด็กอ่อนแบบนี้มันเป็นเพราะโดนดุ้นเหล็กฟาดจนสมองกลับล่ะก็ สดายุต้องรู้สึกผิดไปจนตายแน่ๆ!!
 
"หึหึ..ผมโอเคครับ สมองผมยังดีอยู่..." กฤตเมธกระเซ้าขำๆ
 
"แต่คุณ...เพี้ยนไป?"
 
แม้ว่าสดายุจะยังทำหน้าตาราวกับไม่ค่อยจะวางใจ แต่กฤตเมธก็ไม่ได้แก้ตัวใดๆอีก ชายหนุ่มเอาแต่ยิ้มน้อยๆท่าทางอารมณ์ดีเท่านั้น
 
สุดท้ายเมื่อเห็นว่ารุ่นใหญ่ไม่หือไม่อืออะไรต่อ สดายุก็ได้แต่ถอนหายใจ (ครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้) แล้วเริ่มลงมือใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นบรรจงเช็ดเรือนผมสีนิลเงาของกฤตเมธอีกครั้ง อดแปลกใจตัวเองไม่ได้อยู่เหมือนกัน ที่ทำไมถึงได้ยอมให้บริการคนที่เคยไม่ชอบหน้าได้ขนาดนี้...
 
หรือคำว่า 'ไม่ชอบขี้หน้า' จะไม่หลงเหลืออยู่ในใจของเขาแล้วกันแน่นะ
 
'แล้วมัน...เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่กันล่ะ?' พอคิดถึงข้อนี้ขึ้นมา คิ้วเรียวสวยก็ต้องขมวดเป็นปมอีกครา
 
'นั่นสินะ...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...'
 
'ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เขารู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนจากกฤตเมธ...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่เขาเริ่มอ่อนไหวกับกฤตเมธ...'
 
'ทั้งๆที่ตอนแรกแสนจะร้ายกาจใส่เขาสารพัด ทั้งที่ตอนแรกแสนชิงชัง แถมยังมีเรื่องเลวร้ายเมื่อคืนก่อน...แล้วทำไม...'
 
'ทำไมใจเขากลับสั่นไหวเมื่อถูกกระเซ้าเพียงไม่กี่คำ...อาการแบบนี้...มันเรียกว่าอะไรกันนะ...
'
 
............ยุ
 
.........สดายุ
 
"สดายุ?"
 
"อ๊ะ? อะ...อะไรเหรอคุณ?..."
 
"เหม่ออะไรกันคุณ? ให้ผมคุยคนเดียวตั้งนาน...อย่าบอกนะว่าหลับใน?"
 
"...บ...บ้าเหรอคุณ คนบ้าที่ไหนยืนหลับในได้กัน? เอ้า สะอาดแล้ว!"
 
พอถูกกระตุ้นให้รู้ตัวว่าเผลอคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องระหว่างบริการคนป่วยอยู่นั้น สดายุก็ถึงกับเหวอไปครู่หนึ่ง เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะเหม่อจนต้องถูกอีกฝ่ายเรียกสติ จะกลบเกลื่อนก็ไม่ทัน จึงได้แต่แสร้งทำเป็นโมโหเล็กๆเพื่อเอาตัวรอดไปพลางๆเท่านั้น ประจวบกับว่าเช็ดทำความสะอาดเส้นผมของกฤตเมธเสร็จพอดี สดายุเลยได้โอกาสผละจากได้ง่ายขึ้น

"เหม่อคิดถึงใครกันคุณ? หน้าแดงด้วย"

ยิ่งเห็นว่าสดายุทำหน้าตาอิหลักอิเหลื่อ กฤตเมธยิ่งฉวยโอกาสจี้จุดเขินซ้ำๆให้อีกคนยิ่งหน้าแดง(เดือดเข้าไปอีก) ไม่ได้ตั้งใจจะแกล้ง แต่หัวใจติดซาดิตส์เล็กๆของรุ่นใหญ่อย่างกฤตเมธก็อดไม่ได้ที่จะเผลอกระเซ้าให้ได้ทำอะไรไม่ถูกจนได้
 
"เรื่องของผม!"
 
พอถูกคำรามใส่กฤตเมธก็หุบปากเงียบทันทีแต่ก็ยังคงอมยิ้มน้อยๆ เมื่ออีกฝ่ายยังคงเอาใจใส่ถึงขนาดช่วยเป่าผมเขาให้อย่างระมัดระวังอยู่ แม้หน้าหวานจะแสดงอาการไม่พอใจหงิกงิด แต่มือที่กำลังสางผมให้ก็ยังคงนุ่มนวลอ่อนโยน 'แข็งนอกอ่อนใน' เพราะแบบนี้แหละที่ทำให้กฤตเมธไม่อาจละสายตาได้เสียที เพราะสดายุเป็นคนแบบนี้นี่แหละที่ทำให้จิตใจของเขาไขว้เขว...กลายเป็นเกย์ในที่สุด (ฮา)
 
หมับ...
 
".....!?"
 
จู่ๆก็ถูกคว้ามือหมับ สดายุขมวดคิ้วแปลกใจ หากยังไม่ทันจะได้พูดอะไรกฤตเมธก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นกับมือเขาเสียก่อน
 
"...ยุ...คุณอ่อนโยนจัง"
 
"...อะไรของคุณ? จู่ๆก็...ปล่อยมือผมนะ"
 
อยากสะบัดมือออก แต่แรงขัดขืนดูเหมือนจะน้อยนิดเหลือเกินโดยเฉพาะเมื่อถูกกระชับไว้มั่นด้วยอุ้งมืออุ่น และยิ่งแทบระทดระทวยด้วยลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดอยู่ไม่ห่าง หัวใจสั่นสะท้านขึ้นอีกคราอย่างไม่อาจห้าม นิ่งอึ้งอยู่เพียงครู่ก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองดันเผลอไผลไปกับสัมผัสของกฤตเมธจอมเจ้าเล่ห์อีกแล้ว ดังนั้นสดายุจึงพยายามขืนมือออกจากการเกาะกุมอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้ เขาจะถูกกลั่นแกล้งมากกว่าเดิม
 
"บ...บอกให้ปล่อยมือไง!! เฮ้ยยย!?"
 
ตุบ...
 
"คุณกฤตเมธ!! ปล่อยผมนะ! คุณจะบ้าเหรอ!?"
 
สดายุร้องว๊ากใส่กฤตเมธที่นั่งทำหน้านิ่งทั้งที่เจ้าตัวเป็นคนลากร่างเพรียวลมของสดายุลงมานั่งพาดบนตักอย่างไม่มีการขออนุญาตหรือถามความเห็นของคนนั่งก่อนอย่างหน้าตาเฉย และแม้สดายุจะถลึงตาใส่ยังไงก็ดูจะไม่สลด ผู้สูงวัยกว่ายังคงอมยิ้มน้อยๆให้อย่างไม่ยี่หระว่าตัวเองกำลังล่วงเกินเด็กหนุ่มรุ่นน้องอยู่
 
"นี่คุณ!! เหวออ!?"
 
"ยุ...ผมขอโทษ..."
 
".............อ...อะไร...?"
 
ไม่ทันจะได้ตั้งตัวร่างที่นั่งพาดอยู่บนตักของกฤตเมธก็โดนลากเข้าไปกอดเสียแน่น พร้อมกับใบหน้าที่ซุกอยู่ตรงไหล่นั้นกล่าวคำขอโทษไร้ที่มา
 
"ผมขอโทษ...ที่ในอดีต ผมเคยทำร้ายคุณ..."
 
"..........."
 
"ผมขอโทษที่ผมเคยทำเรื่องเลวร้าย...ขอโทษที่ทำอะไรลงไปโดยไม่คิดถึงจิตใจของคุณก่อน...ผม...ขอโทษ..."
 
"...คุณ...กฤตเมธ?"
 
คำขอโทษที่พรั่งพรูออกมาจากปากของกฤตเมธ ทำเอาสดายุถึงกับนิ่งอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบโต้คำขอโทษด้วยน้ำเสียงแสนเศร้าสร้อยนั้นยังไงดี และยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยอีกว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ทำไมจู่ๆถึงได้ขอโทษออกมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่กฤตเมธเคยปรามาสตนไว้เมื่อสมัยที่เข้าวงการใหม่ๆ เรื่องนั้นชายหนุ่มก็เคยขอโทษเขามาแล้วตั้งหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่กฤตเมธเคยหาเรื่องเขาบ่อยๆตอนที่เริ่มร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่องนี้ในช่วงแรกๆ อันนั้นก็จำได้ว่าขอโทษแล้ว หรือแม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน...เรื่องนั้น กฤตเมธก็กล่าวขอโทษเขาออกมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วเหมือนกัน  แล้วที่ชายหนุ่มขอโทษแล้วขอโทษอีกอยู่ตอนนี้ล่ะ? มันคือเรื่องอะไร?
 
ทำไมเสียงนั้นถึงช่างแสนเศร้า
 
ทำไมอ้อมกอดนี้ถึงได้สั่นสะท้าน
 
ทำไม...เขาถึงไม่อาจผละจากอ้อมแขนนี้ได้...

 
“ยุ...คุณเป็นคนดีนะ เป็นเด็กดีโดยไม่ต้องปรุงแต่งใดๆ เพราะฉะนั้น...”
 
ก่อนที่กฤตเมธจะเอ่ยคำสุดท้าย ชายหนุ่มกระชับอ้อมแขนรัร่างแบบบางของสดายุแนบแน่นขึ้นอีก
 
“คุณอย่าดูถูกตัวเองอีกเลยนะ”
 
“...........!!!??” สดายุเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ดูถูกตัวเอง’ จากปากของกฤตเมธ การที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นนั่นหมายความว่า... ‘กฤตเมธได้ยินเรื่องที่เขาพูดเองเออเองเมื่อคืนทั้งหมด!!?’
 
“ยุ...คุณไม่ได้เน่าเฟะอย่างที่คุณเข้าใจหรอกนะ คุณยังคงสะอาดบริสุทธิ์...”
 
“......................ปล่อย....”

สดายุสะท้านกายหนักขึ้นพร้อมทั้งพยายามขืนกาย เพื่อดิ้นรนออกจากวงแขนแกร่ง เมื่อได้ยินกฤตเมธพล่ามพูดในสิ่งที่เขาไม่ได้ต้องการให้ใครมาร่วมด้วยช่วยรับรู้ ‘ช่างน่าอับอายเหลือเกิน’


“ผมขอโทษจริงๆ ที่ทำให้คุณต้องรู้สึกไม่ดี ที่เคยมองคุณอย่างที่เคยมองคนอื่นๆ ทั้งๆที่คุณแตกต่าง...”
 
“ปล่อยนะ!!” สดายุดิ้นรนหนักหน่วงขึ้น เขาไม่อยากได้ยินอะไรจากกฤตเมธอีกแล้ว

“ยุ อย่าดูถูกตัวเองอีกเลยนะ คุณเป็นคนดีพอ…ถึงคุณจะยังไม่มั่นใจในตัวเอง แต่อย่างน้อยได้โปรดเชื่อผม…”

“ปล่อย!!”

ผลัก!!

เมื่อสุดจะทานทนกับคำปลอบประโลมที่ไม่ต้องการ สดายุจึงทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีผลักตัวเองออกจากร่างหนาของกฤตเมธได้ในที่สุด ใบหน้าของสดายุตอนนี้แดงก่ำไปด้วยความเจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายล่วงรู้ความในใจโดยไม่เจตนา แถมยังโดนสั่งสอนในสิ่งที่เขาไม่ต้องการรับฟัง แผลใจที่เขามีมันบาดลึกเร้นเกินกว่าจะให้ใครมาเลียให้หายได้เพียงคำพูดไม่กี่คำ และที่สำคัญ ‘เขาไม่เคยต้องการ!!’


"โลกของคุณกับผมมันต่างกัน อย่าเอาความเป็นผู้ใหญ่โลกสวยของคุณมาสั่งสอนผม!"

"โลกสวย? ยุ คุณกำลังปิดกั้นตัวเอง โดยการฝังตัวตนของคุณไว้กับอดีต คุณต้องหัดที่จะก้าวออกมารู้หรือเปล่า?..."

ความเกรี้ยวกราดของสดายุพาให้อารมณ์หวามไหวอ่อนหวานสลายสิ้น กฤตเมธขมวดคิ้วมุ่น พร้อมถอนหายใจหนักหน่วงก่อนพยายามอธิบายให้สดายุเข้าใจว่าอย่างน้อยก็ยังมีคนเข้าใจและอยากอยู่เคียงข้าง…ทว่าดูเหมือนสดายุจะไม่รับสื่ออะไรตอนนี้อีกแล้ว…

"ไม่รู้!! และไม่ต้องการจะรู้ด้วย! อย่ามายุ่งเรื่องของผม!!”

สดายุตะโกนออกไปราวกับคำรามเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าไม่ควรล้ำเส้นที่เขาขีดไว้จนเกินไป รู้ดีว่าตัวเองกำลังพาลและรู้ยิ่งกว่ารู้ว่าที่กฤตเมธพูดไปทั้งหมดเป็นเพราะหวังดีกับตนทั้งสิ้น แต่สดายุไม่อาจทำใจรับได้ เพราะเขายังคงฝังใจเหลือเกิน เคยเจ็บมาแล้วนักต่อนักตั้งแต่เยาว์วัยกับคำปลอบประโลมที่ไม่จริงจัง และการหักหลังที่แสนเจ็บปวด…

…ทว่าดูเหมือนคราวนี้กฤตเมธก็ไม่มีทีท่าจะยอมโอนอ่อนอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้ต้องการปราบพยศเด็กดื้ออย่างที่แล้วมา แต่ต้องการดึงให้สดายุออกมาจากโลกที่ชายหนุ่มจมปลักมาช้านาน ต้องการให้สดายุหลุดพ้นจากอะไรก็ตามที่เจ้าตัวยึดติดอยู่จนวันนี้

“แต่ผมต้องยุ่ง!”

“ทำไม!!?”


“เพราะผมรักคุณ!!”


“…………….!!?”

“…สดายุ…ผมรักคุณ…”

คำว่ารัก ทำให้สดายุรู้สึกว่าตัวเองกำลังผิดเพี้ยน ชายหนุ่มรู้สึกว่า หัวใจของตนกำลังถูกทำให้บิดเบี้ยว…ผิดรูปผิดร่างไปจากที่มันควรจะเป็น และ…เขาไม่สามารถทำใจยอมรับให้มันเป็นไป…

“คุณ…คุณบ้าไปแล้วกฤตเมธ…แก่จนฟั่นเฟือนไปแล้วเหรอ?...อย่ามาล้อมผมเล่นแบบนี้นะ ผมไม่ชอบ”

คำว่ารักที่อาจทำให้มนุษย์ปุถุชนส่วนใหญ่บนโลกนี้มีความสุข แต่ไม่ใช่สำหรับสดายุ โดยเฉพาะคำว่ารัก…ที่มาจากปากของ…กฤตเมธ

“ใช่ยุ…ผมอาจบ้า…แต่คำว่ารักของผมมันก็เป็นเรื่องจริง”

“ไม่!! มันไม่จริง! คุณแค่เผลอ คุณแค่ฝันไปว่าคุณรักผม เพราะที่นี่มีแค่เรา เพราะที่นี่ไม่มีใครอื่น เพราะที่นี่ไม่ใช่โลกแห่งความจริงที่เราต้องกลับไปเผชิญในอีกเดือนข้างหน้า เพราะมันเป็นเรื่องราวกับฝัน…คุณก็พูดได้สิ…”

“ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะยุ! ผมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่!”

กฤตเมธแผดเสียงอธิบายบ้าง รู้ว่ามันเร็วไปที่เขาจะพูดคำว่ารัก แต่เขาก็รู้อยู่เต็มอกเช่นกันว่าตัวเองไม่สามารถยับยั้งใจได้อีกแล้ว แม้จะยังสับสนว่านี่คือรักหรือหลง แต่ไม่ว่าจะยังไงมันก็คือความรู้สึกด้านบวก มันคือพลังที่ผลักดันให้เขาเข้าใกล้คนอื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และหากจะต้องเสียเวลาหาเหตุผล เขาเองก็ไม่ต้องการ ไม่อยากให้ยืดเยื้อเรื้อรังกับความคลุมเครือของตัวเองอีกแล้ว ผู้ใหญ่อย่างเขากล้าได้กล้าเสีย และจริงจังพอที่จะมั่นใจได้ว่า ความรู้สึกที่ตนมีให้กับสดายุนั้น ‘เป็นเรื่องจริง!’

“แล้วอะไรล่ะที่คุณกำลังทำอยู่!!?”

“รักคุณไง!!”

 คำว่ารักราวกับแซ่แช่น้ำผึ้งหวดกระหน่ำซ้ำๆบนร่างของสดายุไม่หยุดหย่อน เจ็บจนสะท้านหวาดหวั่น แต่ละครั้งที่แซ่นั้นบาดลงบนผิวเนื้อ มันสร้างทั้งบาดแผลที่เจ็บแสบแต่ในขณะเดียวกันความหวานของมันก็ซึมซาบผ่านบาดแผลซึมสู่ร่างของเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน…

“…กฤตเมธ…เจ้าเกย์เฒ่า คุณรู้ตัวหรือเปล่า? ว่าคุณกำลังจะทำลายอนาคตของตัวเอง ทำลายทุกสิ่งที่คุณสร้างมากับมือ จนมันย่อยยับป่นปี้…เพราะความใจง่ายและไม่ยั้งคิดของตัวคุณเอง…”

“…พระเอกที่เป็นเกย์น่ะ…ไม่มีวันได้ดิบได้ดีหรอกนะ ถ้าไอ้พวกนักข่าวจมูกไวรู้เข้า ไม่วันใดวันหนึ่ง คุณต้องเละ…จนไม่เหลือชิ้นดีแน่ๆ…”

“…ไอ้เกย์เฒ่าโลกสวย…ใจง่าย…ไอ้คนไม่มีหัวคิด…คนบ้า…กลับจากที่นี่ไป…ก็จะ…ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว…”

เสียงตัดพ้อของสดายุค่อยๆอ่อนลงเรื่อยๆ แต่ยังคงความสั่นไหว ร่างนั้นยืนนิ่งอยู่ข้างเก้าอี้นวมที่กฤตเมธนั่งอยู่ ใบหน้าก้มต่ำหากแต่ไม่ได้สบตามองที่กฤตเมธแต่อย่างใด ร่างแบบบางสะท้านน้อยๆ อย่างไม่อาจห้าม โกรธเกรี้ยว และสับสน…

“…ยุ…” กฤตเมธลองขานชื่อของอีกฝ่ายแผ่วเบา แต่คนตรงหน้ายังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นราวกับหุ่นขี้ผึ้ง

“…ยุครับ…ยุ…” แม้กฤตเมธจะลองเรียกอีกสักกี่ครั้ง สดายุก็ยังคงนิ่งเงียบ แม้กฤตเมธจะเริ่มลุกขึ้นขยับร่างเข้าใกล้สดายุก็ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น

หมับ…

และแม้จะถูกรั้งเข้าไปกอด สดายุก็ยังคงนิ่งงัน ไม่ขัดขืน ไม่ดิ้นรนอย่างที่เคยทำในเวลาปกติ แม้ว่าจะโดนกฤตเมธกอดอยู่อย่างนั้น แนบแน่น เนิ่นนาน…

“ผมไม่กลัวที่จะสูญเสียอะไรไปทั้งนั้น…ไม่สนแล้วด้วยซ้ำว่ามันจะเป็นยังไง ผมไม่เคยมีรักที่ทำให้ใจเต้นแรงกับใครจนกระทั่งมาเจอคุณ…หึหึ…ผมคงเป็นเกย์มาตั้งนานแล้วโดยไม่รู้ตัว…”

“ยุ…ให้ผมเปิดใจคุณ…เหมือนที่คุณเปิดใจให้ผมได้มั้ย…”

“…ได้โปรด?”

เสียงทุ้มพร่าเอ่ยคำอ้อนวอนออกมาพร้อมใบหน้าที่ค่อยๆเลื่อนเข้าประชิด สองมือแกร่งบรรจงช้อนใบหน้าโศกเศร้าให้เงยหงายขึ้นมาเผชิญหน้า ลมหายใจระรวยอ่อนค่อยๆรินรดกันอย่างมิอาจห้าม สดายุหลับตาลงช้าๆ เมื่อริมฝีปากแนบประทับกันอย่างแผ่วผิว…


จุมพิตบางเบา พร้อมหยาดน้ำตาหลั่งริน…


‘สดายุ…ขอพี่ชายคนนี้ปกป้องนายนะ ฉันสัญญา…จะทำให้นายมีความสุขให้ได้…ตาแก่ของนายคนนี้ จะเป็นคนสอนให้นายได้รู้ว่า โลกความจริงมันยังมีสิ่งสวยงามให้นายได้เรียนรู้อีกเยอะ…’

‘มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณกฤตเมธ…แม้ว่าผมจะมีใจให้คุณ แม้ว่าเราจะใจตรงกัน หรือแม้คุณจะพยายามแค่ไหน เราก็ไม่มีวันไปด้วยกันได้ในโลกแห่งความจริงหรอก…ถึงเราจะอยู่บนเวทีเดียวกัน…แต่โลกของคุณกับผมมันต่างกันเกินไป…’

'แต่...ถ้าเป็นในที่ที่เหมือนฝันแห่งนี้ล่ะก็...ผมอาจยังพอ....'

'รัก...คุณ...'

[/size]

********************************************************************
ขอโทษที่หายหัวเงียบฉี่นะคะ…
จะรีบมาต่อตอนที่ 17 ก่อนวันที่ 17 นี้ให้ได้เลยค่ะ
 :katai4:
ช่วงต้นปีงานยุ่งมากเลยค่ะ มาช้าหน่อยแต่จะทยอยมานะคะ (ฮึ่ก…ฮือๆๆๆ)
ปล.พอเปลี่ยนเป็นเรื่องยาวปุ๊บ…ปมเพิ่มมาเพียบค่ะ (ฮา)
 :hao5:
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
Thearboo / อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 14-01-2014 03:59:34
 :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 14-01-2014 04:19:52
แล้วเมศจะว่ายังไง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 14-01-2014 05:46:24
 :really2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 14-01-2014 06:13:13
   o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 14-01-2014 06:16:48
น้องยุเริ่มเปิดใจล่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-01-2014 06:27:34
ใจตรงกัน แต่ยังคิดว่ามีอุปสรรคอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 14-01-2014 07:07:42
ตาเฒ่าเหลี่ยมเยอะำจริงน้องยุเคลิ้มเลย 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 14-01-2014 07:26:15
น้องยุน่ารักอะ ดูแลคุณสามีดีมากมาย ^^
ยิ่งน้องยุน่ารักๆแบบนี้จะหวังให้พ่อพระเอกใหญ่ตัดใจคงไม่ได้นะคะ
หวังว่าคุณน้องจะรีบๆเปิดใจสู่เส้นทางสีม่วงจริงๆจังเหมือนพ่อพระเอกของเรา ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 14-01-2014 07:27:21
น้ำตาเกือบไหล เศร้าปนหวานมากๆ แงๆ ยิ่งตอนประโยคปิดจบบท อย่างเศร้า เรื่องนี้จะหวานแหววน้อยกว่าดราม่าเยอะแบ้ววว :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 14-01-2014 07:53:57
ยุยังปิดกั้นตัวเอง จากอดีต
รักกันสิ ทำสิ่งที่อยากทำสิ ในเมื่อใจตรงกัน :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 14-01-2014 08:33:21
น้องยุอย่าคิดมาก อย่าคิดให้แต่ตัวเองทุกข์เลย

ยอมเปิดใจ พูดอย่างที่รู้สึก เชื่อว่าพี่เมธต้องหาทางออกได้อยู่แล้วนะจ้ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 14-01-2014 08:51:08
หวานปนเศร้า ยุเปิดใจได้แล้วน่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 14-01-2014 09:31:44
ยุ อย่าไปกัว อย่าตัดพ้อ ทุกอย่างจะดีเอง :)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 14-01-2014 10:42:18
อดีตที่ทำร้าย ยุ คืออะไร  :katai1:

ทำไมถึงทำให้เป็นคนที่มีบาดแผลในใจเยอะแบบนี้  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 14-01-2014 10:51:19
คุณเมศนี่เด็ดเดี่ยวมากน่าฝากตัวไว้สุดๆ
ยุเปิดใจได้แล้วววววววว ลุงแกไม่ทิ้งหรอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 14-01-2014 10:58:44
 :mew2: 1+ ยุ น่ารักใช่ไหม :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 14-01-2014 11:06:52
รักก็คือรักซิ
ก็แค่รักกัน เท่านั้นเอง
อย่ากลัว อย่าไปกังวลกับสิ่งที่มันยังมาไม่ถึงเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-01-2014 11:18:13
ยุปิดกั้นตัวเองมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 14-01-2014 11:22:03

คาดว่าคงจะยังไม่หวานกันง่ายๆหรอก 
คิดว่าคงได้กินมาม่าอีกหลายห่อแน่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Miw_Miw@In Love ที่ 14-01-2014 12:02:51
รอวันที่สตายุเปิดใจ....
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 14-01-2014 12:05:46
อั๊ยยะ  ใจตรงกัน  ที่เหมือนฝัน  เฮ้ย ทะเลเปลี่ยนโลกอะ  ฮ่าๆๆๆ

รักกันๆๆ  เย้ๆๆ  กลับไป พี่เมธ สู้ๆน้า  อย่าปล่อยหนูยุหนีไปได้  ฮ่าๆๆ

ชอบจริงๆ  น่ารักสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: shoky_9 ที่ 14-01-2014 12:49:56
จุ๊บๆกันแล้ว  :กอด1:

เปลี่ยนเป็นเรื่องยาวเลยยิ่งดีค่ะ ชอบๆ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 14-01-2014 14:01:11
 :sad4:

ยุ น่าสงสารอ่ะ
ชีวิตที่ผ่านมาของยุเจอแค่เรื่องที่มันแย่ๆ
เมธ ดึงยุออกมาจากอดีตร้ายๆปบบนั้นด้วยน้า :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 14-01-2014 14:05:19
 :a5: ตัวหนังสือเล็กไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 14-01-2014 14:17:02
:katai5:
..... แอบย่องมาประชาสัมพันธ์....  

:)
นิยาย เรื่อง "เกลียวบาป...แฝด"
เลื่อนเวลาเปิดจองและโอนเงินแล้วนะคะ

ใครที่เป็นแฟนนักเขียนท่านนี้....ติดตามผลงานแบบรูปเล่มได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่า

http://www.inheaven-books.com/product/4/per-order-%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%9B-%E0%B9%81%E0%B8%9D%E0%B8%94-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%97-6-1-14
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 14-01-2014 14:35:23
ตอนหน้าน่าจะเริ่มหวานกันแล้วสินะ :hao6:

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 14-01-2014 15:33:37
เค้าบอกรักกันแล้ว
ยุเปิดใจแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 14-01-2014 15:53:45
เมธต้องวางแผนดีๆหลังกลับจากทะเลนะคะ ไม่งั้นน้องยุหนีแน่ :seng2ped:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 14-01-2014 16:05:06
รู้ว่าพี่เมธจะไม่ปล่อยมือน้อง ให้น้องต้องเดินคนเดียว
พี่เมธสู้ๆ น้องยุสู้ๆๆ  :m15:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 14-01-2014 16:06:08
สนุกมากเลยคะ ไม่คิดว่าจะฉากขมขื่นจริง สงสารยุ แต่มันก็ทำให้ยุและเมธเปิดใจกันมากขึ้น รอตอนต่อไปนะคะ

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 14-01-2014 16:06:49
ตายแล้วววววว ยุ อย่าเพิ่งไปคิดมากถึงอนาคตเลยนะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

ตอนนี้ก็อยู่กับปัจจุบันไปก่อนนะ อยู่กับตาแก่ของยุไปก่อน รักกันให้มากๆน้าาาา

เปิดใจๆๆๆๆๆ  :hao7:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 14-01-2014 16:08:55
หนังสือตัวเล็กจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-01-2014 16:13:04
โถ่ยุ
เปิดใจให้คนแก่บ้างอะไรบ้างก็ได้นะ
อย่าทำแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-01-2014 19:02:29
ชอบคำนี้ที่น้องยุด่ามาก >>> ไอ้เกย์เฒ่าโลกสวย 5555555555555555555
กรี๊ดกร๊าด เกย์เฒ่าบอกรักน้องยุแล้ว น้องยุก็เล่นตัวนิดนึงนะ (ในในยิ้มแก้มปริ ฮี่ๆ)
เดี๋ยวพอกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง(ที่ไม่ใช่โลกสวยของเกย์เฒ่า) ดราม่ามาแน่นอน //เตรียมต้มน้ำรอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 14-01-2014 19:24:39
ลองเปิดใจดูหน่อยสิสดายุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 14-01-2014 19:51:22
น้องยุ คงจะได้เจอเรื่องดีๆแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 14-01-2014 20:56:10
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 14-01-2014 21:19:42
หากน้องยุมัวแต่กลัวนั่นกลัวนี่ ก็คงไม่รู้จักคำว่าความสุขหรอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 14-01-2014 23:03:43
...อัลไลคือโลกที่แตกต่าง... ก็เป็นดาราเหมือนกัน... ไม่ใช่ว่าคนนึงเป็นผู้ชายป้ายเหลืองแล้วอีกคนเป็นมกุฏราชกุมาลปลอมตัวมานะเทอว์ แล้วก็เล่นเป็นคู่เกย์กัน...  ถ้าเรื่องเกย์มันจะดับชีวิตจบอนาคตขนาดนั้น คงไม่ได้มาเล่นหนังเป็นคู่เกย์กันอยู่ป่ะ เผลอๆเป็นคู่จิ้นคู่รักโปรโมทหนังอีกตะหาก... ยุอ่ะแหล่ะ มโนหลุดจากความเป็นจริง ทั้งๆที่...สิ่งมีชีวิตกลุ่มตัว ก (เก้งกวางเกย์) กะสาววายชอบให้ผู้ชายได้กัน อ่ะ... มีมากเป็นสองส่วนสามของประชากรโลกทั้งหมดแล้วมั้ง

ร้างวงการซะไม่ตามโลกเลยนะยุ  o16
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 15-01-2014 02:34:27
น้องยุเปิดใจให้กว้างเข้าไว้ลูก
เดี๋ยวตาเฒ่ามันจะเข้าไปหาลำบาก
สงสารเถอะ แก่แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 15-01-2014 11:28:36
อ่านแล้วซึ้ง น้องยุชอบดูถูกตัวเอง
เชียร์พี่เมธ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 15-01-2014 14:27:23
ยุค่อยๆแง้มช่องว่างหัวใจให้เมธเข้าไปแล้ว^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 15-01-2014 20:48:21
พี่กฤตก็เปิดใจยอมบอกรักแล้ว แต่ดูเหมือนน้องยุจะยังไม่ยอมเปิดใจให้พี่กฤตนะ แต่ก็เข้าใจยุนะ ในสถานที่แบบนี้เหมือนมีแต่สองเรา แต่สักวันนึงมันก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง แต่ยุต้องเชื่อใจพี่กฤตนะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 15-01-2014 21:10:42
เปิดใจให้คนแก่เค้าได้ดูแลเหอะน้องยุ  :impress2:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 15-01-2014 22:34:23
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: nuper ที่ 19-01-2014 02:40:47
ช่วงหน่วงของเรื่องเลยอ่ะ มันหวานปนขม สงสารยุจังค่ะ เป้นคนขี้เหงาคนนึง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 19-01-2014 12:36:38
เนื้อเรื่องดำเนินได้น่าติดตามมากๆเลยคะ ชอบมุมมองของยุมากๆเลยจะติดตามอ่านต่อไปนะคะสู้ๆคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 19-01-2014 13:30:22
สงสารสดายุ แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดละนะ!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 19-01-2014 22:08:08
คิดถึงแล้วนะตัวเองงงงงงง  :pig2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 20-01-2014 01:23:46
ยุจ๋ายุ เปิดใจกว้างๆไว้ลูก
เชื่อใจเขาเถอะ เขาต้องทำให่นายมีความสุขมากแน่ๆไม่ต้องเป็นห่วงนะ

รอต่อนะคะ

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Crown ที่ 21-01-2014 13:34:01
 o18 o18 o18 o18

รอเเล้วรอเล่าเฝ้าเเต่รอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: Riko ที่ 22-01-2014 09:49:08
ค :o12:ไหนบอกจจะมาต่อ 17 ไงอ่ะตัวเอง ฮือออออออ :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 22-01-2014 23:54:27
นานจังน้อออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 23-01-2014 04:56:06
เข้ามาส่องว้าาายังไม่มาอีหรอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 23-01-2014 08:16:22
อ่าน แล้วเศร้า แปลก ๆ ลุ้น ให้เฮียเปิดใจยุได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-01-2014 16:33:25
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก)






"เออ หมอที่นี่ฝีมือดีเหมือนกันนะ เย็บแผลสวยนิ้งเชียว"

"สวยแต่เจ็บนะครับ เล่นเย็บซะเป็นสิบเข็ม"

"ฮ่าฮ่า แต่แผลแห้งสวยเนี๊ยบแล้วนะ แค่สามวันเองนะเนี่ย....หึหึ พยาบาลดีด้วยล่ะสิ หายวันหายคืนเชียว"

"ก็นิดหน่อยครับ หึหึ"

เสียงหัวเราะพึงใจในเรื่องที่รู้ๆกันดังขึ้นระหว่างพระเอกหนุ่มเนื้อทองและผู้กำกับมากฝีมืออย่างครื้นเครงและเป็นกันเอง
วันนี้กฤตเมธยังไม่มีคิวถ่ายเพราะแผลยังไม่แห้งสนิท ผู้กำกับอ๊อดจึงยอมให้พักต่ออีกหนึ่งวัน ดังนั้นวันที่ว่างอย่างวันนี้กฤตเมธจึงทำตัวเป็นผู้ช่วยที่แสนขยันโดยการคอยชวนผู้กำกับคุยไม่หยุด(?) นั่นเอง...

"เฮ้อ...ตอนแรกพี่ก็แค่สะกิดใจนะเรื่องระหว่างเมธกับยุน่ะ แต่พอหลังๆก็ชักจะแน่ใจว่ามันไม่ธรรมดา หึหึ...ไปสปาร์คเข้าตอนไหนล่ะเนี่ยเมธ? แต่ไหนแต่ไรมาไม่ยักเห็นว่าเข้าหาใครก่อน นี่พี่เห็นนายรุกน่าดูเลยนี่"

หลังจากอู้กันมาอยู่พักใหญ่ๆ และคุยเล่นหัวกันมาพอสมควร ในที่สุดอ๊อกผู้กำกับหนุ่มที่ผ่านโลกมาครึ่งชีวิต ก็ลองเปิดประเด็นเปรยถึงความสัมพันธ์ระหว่างกฤตเมธและสดายุขึ้นมาตรงๆโดยไม่มีการอ้อมค้อม

"พี่อ๊อดตาดีจัง รู้ถึงสายตาของผมด้วย ทั้งๆที่เจ้าตัวยังไม่เห็นจะยอมรู้ตัวเลยสักนิด"

กฤตเมธลอบตัดพ้อถึงคนที่กำลังพูดถึงในเชิงน้อยใจเล็กๆ อาการถอนหายใจเหนื่อยอ่อนของพ่อพะเอกเทพบุตรนั้น เรียกรอยยิ้มผู้กำกับหนุ่มออกมาเล็กน้อย ตัวอ๊อดเองไม่ได้นึกรังเกียจใดๆในความรู้สึกชอบพอกันของสองนักแสดง ออกแนวชอบและอยากสนับสนุนด้วยซ้ำ เพราะคนที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มานานอย่างอ๊อด เขาย่อมรู้จักตัวนักแสดงแต่ละคนดี โดยเฉพาะคนที่เคยร่วมงานกันอย่างกฤตเมธและสดายุ ยิ่งกว่านั้นเขายังมีความสามารถในการมองคนได้อย่างทะลุปุโปร่งจึงรู้ดีว่า ไม่ใช่เพียงกฤตเมธหรอกที่มีสายตาโหยหา อ๊อดรู้ยิ่งกว่ารู้ ว่าสดายุเองก็แอบมีสายตาแบบเดียวกัน...

"...ไอ้ยุน่ะ มันเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว แต่คนชอบมองว่ามันถือตัวแล้วก็หยิ่ง..."

เมื่อได้ฟังคำระบายของกฤตเมธ อ๊อดก็เริ่มเอ่ยอธิบายในส่วนที่ตนรู้ออกมาบ้าง เพราะอย่างน้อยเขาก็คิดว่าคงจะพอมีประโยชน์บ้าง
"เรื่องนั้นผมก็พอรู้ครับ เอาเข้าจริง...ผมก็เป็นคนหนึ่งเหมือนกันที่เคยคิดแบบนั้น ทั้งท่าทางไม่ยี่หระคนรอบข้าง ทั้งความแข็งกระด้าง แถมยังได้ข่าวที่ใครต่อใครกล่าวหากันอีกว่าขี้วีน และเหลวไหล ผมเลยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าครั้งหนึ่งผมก็คิดว่ายุเขาดูเป็นคนแบบนั้นจริงๆ ทั้งๆที่ตอนที่เคยร่วมงานกันสมัยที่ยุเข้าวงการแรกๆ ผมยังไม่เคยคุยกับยุเขาจริงๆจังๆแท้ๆ คิดแล้วก็เคืองตัวเองเหมือนกัน ที่เป็นฝ่ายหยิ่งเอง แล้วไปตีความว่าร้ายยุ..."

"งั้น...ตอนนี้นายก็รู้แล้วสิ ว่าดูผิดไป"

"ครับพี่ ผมเข้าใจแจ่มแจ้งเลยว่าที่จริงแล้ว ยุเป็นคนอ่อนไหวแค่ไหน...ทั้งยัง อ่อนโยน..."

"เฮ้ย เสียงเพ้อเชียว หมดกันมาดพระเอกเนื้อทองของพี่ ฮ่าฮ่า ไม่น่าเชื่อนะว่าคนที่ไม่เคยให้ใครมามีอิทธิพลกับชีวิตอย่างเมธจะมาแพ้ภัยไอ้ยุมันซะได้ นี่ถ้าคนอื่นรู้เข้าคงช็อคกันเป็นแถว"

เสียงหัวเราชอบใจของอ๊อดดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมใบหน้าที่ฉาบไปด้วยยิ้มเขินๆของกฤตเมธที่แทบจะไม่เคยมีใครได้เห็น

"เอ้อ...ดีแล้วล่ะ เจ้ายุน่ะที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครเข้าใจมันสักเท่าไหร่ อย่างที่เห็น...มันไม่เคยคิดจะแก้ไขความเข้าใจผิดที่คนอื่นมองมันเลย พี่รู้ว่าไม่ใช่มันไม่ยี่หระ แต่มันเป็นคนแก้ตัวไม่เป็นต่างหาก เรื่องเลยไปกันใหญ่แบบนี้"

อ๊อดพูดพลางถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อคิดถึงความไม่ประสีประสาของสดายุ กฤตเมธก็ได้แต่พยักหน้าเห็นด้วยแบบไม่มีข้อโต้แย้ง เรื่องแบบนี้เขาไม่ได้เพิ่งเคยได้ยินจากอ๊อดเป็นครั้งแรกเสียเมื่อไหร่ ก่อนหน้าที่เขาจะเริ่มหลงรักสดายุนั้น บลูม่าก็เคยเปรยให้เขาฟังพร้อมฝากฝังเสร็จสรรพมาแล้ว

"ยุมันไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แต่เพราะท่าทางแข็งๆของมันเลยมีคนจ้องแต่จะหาเรื่องมันเยอะ จำได้ว่าตอนที่มันเล่นละครของพี่เรื่องก่อนๆน่ะนะ ศัตรูในกองถ่ายมามีทุกหย่อมหญ้าเลยล่ะ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกช่างแต่งหน้า คอสตูมปากหอยปากปูน่ะแหละ ชอบเจ๊าะแจ๊ะหาเรื่องหาข่าวเม้าท์ แต่พอยุไม่เล่นด้วยแถมยังทำเป็นไม่สนใจ เลยหาเรื่องกระพือข่าวว่าเป็นพระเอกหยิ่งบ้าง ขี้วีนบ้าง...เออ แต่ไอ้ยุมันก็ขี้วีนจริงน่ะแหละ พูดไม่เข้าหูมันหนักเข้ามันก็ด่าวงแตกเหมือนกัน"

"จะเป็นข้อดีก็ไม่ใช่จะว่าเป็นข้อเสียก็ไม่เชิงนะครับ นิสัยแบบนั้นของยุเขาน่ะ เพราะเข้าถึงยากเลยถูกทิ้งไว้คนเดียว"

กฤตเมธเปรยออกมาเบาๆ ก่อนทอดสายตามองออกไปที่สดายุ

"...ผมอยากให้เขาลองเปิดใจ"

ถ้อยคำที่ออกจากปากของกฤตเมธนั้นไม่ได้ดังมาก แต่ก็คงไว้ซึ่งความหนักแน่น ชายหนุ่มคิดอย่างนั้นจากใจจริง และมาดมั่นว่าจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้ เขาต้องเปิดเผยตัวตนที่แสนอ่อนโยนของสดายุออกมาจากเปลือกแข็งกระด้างนั้นให้ได้

อ๊อดได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาน้อยๆ และครู่ต่อมาก็ได้เวลาถ่ายทำต่อ ผู้กำกับหนุ่มเดินออกไปจากที่นั่งพักผ่อน เพื่อเป็นโต้โผใหญ่ในการถ่ายทำฉาก ‘เดินเที่ยวตลาด’ ซึ่งจะเป็นการถ่ายทำเฉพาะส่วนของ สดายุ รุจน์ และพอร์ชก่อน พรุ่งนี้ถึงจะมีกฤตเมธเข้าไปแจม

นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆได้สักพัก กฤตเมธก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ พระเอกหนุ่มหยิบมือถือขึ้นมาหาเบอร์ที่เคยเมมเอาไว้เมื่อหลายเดือนก่อนขึ้นมากดโทรออกทันที


ตรื้ด....ตรื้ด...


ปิ๊บ...



"สวัสดีค่ะ บลูม่าพูดสายค๊า"

เสียงแตกแปร่งหูหากแต่เต็มไปด้วยจริตจะก้านดังมาตามสายพยามยามให้หวานหูสุดชีวิตตามแบบฉบับของผู้จัดการสาว(?)

"สวัสดีครับคุณบลูม่า ผมกฤตเมธเองนะครับ"

"ต๊ายยยย!! สวัสดีค่ะคุณเมธ ลมอะไรเป่าหูให้คุณโทรหาบลูม่าคะเนี่ย? เอ๊ะ!?หรือว่าน้องยุไปสร้างเรื่องอะไรเข้า!? ตายจริง! ตอนโทรคุยเมื่อคืนวานไม่เห็นน้องจะบอกอะไรบลูม่าเลยนะคะ!!"

พอปลายสายรู้ว่าเป็นกฤตเมธที่โทรไป เจ้าหล่อนก็ขึ้นเสียงสูงปรี๊ดทักทายกลับมาเป็นการใหญ่ เล่นเอาพระเอกหนุ่มต้องรีบเอาโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน

"ใจเย็นครับคุณบลูม่า ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกครับ ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดี"

พระเอกหนุ่มรีบยั้งอารมณ์คนแตกตื่น จะได้เริ่มการเสวนาหารือกันอย่างปกติได้เสียที

"คุณบลูม่าครับ ผมอยากถามอะไรเกี่ยวกับยุหน่อยได้หรือเปล่า?"

"เอ๊ะ? อ๋อได้สิคะ เรื่องอะไรเอ่ย?"

บลูม่ารับคำทั้งที่น้ำเสียงยังคงความฉงนสงสัยชัดเจน เพราะการที่จู่ๆ พระเอกคุณภาพอย่างกฤตเมธที่ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไรกับตัวเองเป็นฝ่ายโทรามาหาถึงที่นั้น คงไม่ใช่แค่การคุยเล่น ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอย่างแน่นอน...

"เรื่องอดีตของยุ"

“..........คะ?”

คำถามของกฤตเมธทำเอาบลูม่าถึงกับอึ้งไปอีกนิด เพราะสาวเจ้าไม่เข้าใจว่ากฤตเมธจะอยากรู้เรื่องอดีตของสดายุไปเพื่ออะไร?

“ตอนนั้นที่คุณบลูม่าเคยบอกผมว่า สดายุเกลียดตัวเอง อีกทั้งเรื่องของครอบครัวของเขา...”

“ทำไมถึงต้องการจะรู้คะคุณเมธ?...จำได้ว่าบลูม่าเคยเล่าไปรอบนึงแล้วนี่คะ...”

ยังไม่ทันที่กฤตเมธจะไต่ถามจนจบความ บลูม่าก็ถามแทรกขึ้นมาเสียก่อน เพราะเจ้าหล่อนอยากเคลียร์ความสงสัยให้กระจ่างก่อนที่จะพูดถึงปูมหลังของคนของตัวเองให้คนอื่นได้ฟัง

“ครับคุณเคยเล่าแล้ว แต่ผมอยากรู้รายละเอียดเพิ่มน่ะครับ”

“...เพื่ออะไรเหรอคะ”

น้ำเสียงบ่งบอกความไม่วางใจชัดเจน จนกฤตเมธรู้สึกได้ ชายหนุ่มยิ้มน้อยเมื่อได้ฟังเพราะน้ำเสียงมาดแมนสมชายผิดจากปกติของบลูม่านั้นบ่งบอกได้อย่างดีว่ากำลังตั้งแง่กับเขาเพื่อปกป้องสดายุอยู่

"คุณบลูม่าครับ ลืมไปหรือเปล่าว่าคุณฝากยุไว้ให้ผมดูแล...?"

"ค่ะ จำได้ แล้วจะรู้ประวัติเพิ่มเติมไปทำไมกันคะ?"

"ผมอยากปกป้องยุครับ และอยากเป็นคนช่วยผลักดันให้ยุหลุดพ้นจากอดีเหล่านั้นเสียทีน่ะครับ..."

"..................."

คำเฉลยความของกฤตเมธทำให้ผู้จัดการสาวบลูม่าถึงกับเงียบอึ้งไปครู่ใหญ่ กลิ่นทะแม่งจากน้ำคำของกฤตเมธทำให้เจ้าหล่อนไม่สามารถตีความเป็นอย่างอื่นได้เลย...นอกเสียจาก...

"คุณเมธ...อย่าบอกนะคะว่าคุณ...หลงรักน้องยุเข้าเสียแล้ว?"

คำถามไม่อ้อมค้อมพร้อมน้ำเสียงเหมือนจะตื่นเต้นระคนคาดไม่ถึงของบลูม่าทำให้กฤตเมธยิ้มบางๆออกมาอีกครั้ง สายตาของพระเอกหนุ่มมองตรงไปที่สดายุที่กำลังสวมบทเป็นภุมราอยู่หน้ากล้อง ก่อนจะตอบคำถามของบลูม่าออกไปด้วยความสัตย์จริง

"ครับ...ผมหลงรักยุเข้าเสียแล้ว"

"กรี๊ดดดดด!!!!??"

(สิ้นเสียงกรีดร้องพร้อมเสียงโครมครามจากปลายสายที่อนุมานได้ว่าเจ้าหล่อนคงทำอะไรบางอย่างตกกระจาย หรือไม่ก็ตัวของหล่อนเองนั่นแหละที่ตกจากอะไรบางอย่าง ในที่สุดทั้งคู่ก็ได้กลับมาคุยในสภาวะปกติอีกครั้ง)

"คุณเมธคะ คุณเกือบทำให้บลูม่าช็อคตายแน่ะค่ะ"

"หึหึ...ขอโทษครับ"

บลูม่าบ่นอุบทั้งที่น้ำเสียงยังคงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน

"เป็นไงมาไงคะเนี่ย พระเอกยอดชายนายเทพบุตรใจแข็งอย่างคตุณเมธถึงมาปลงใจให้น้องยุได้ เอ๊ะ? หรือว่า...คุณเป็นมานานแล้ว?"

"ก็ไม่แน่ใจครับ เพราะเมื่อก่อนผมไม่ได้ให้ความสนใจผู้ชายสักเท่าไหร่ เอาเข้าจริงกับผู้หญิงก็เฉยๆครับ ถ้าแค่ชั่วครั้งชั่วคราวผมเลือกผู้หญิงสบายใจกว่า"

"...ตายแล้วคุณเมธ อย่าพูดแบบนี้ให้ใครได้ยินเด็ดขาดนะคะ ได้ยินถึงหูนักข่าวเข้าล่ะก็หมดกันแน่นอนค่ะ บารมีเทพบุตรที่สั่งสมมา"

บลูม่าเอ่ยปากเตือนด้วยความเป็นห่วงทันที เพราะสิ่งที่กฤตเมธเอ่ยออกมานั้นช่างอันตรายต่อตำแหน่งพระเอกเนื้อทองผู้แสนดีแบบสุดๆ

"ผมทราบครับ ขอบคุณที่เป็นห่วง ที่เปรยออกมาแบบนี้ผมแค่อยากจะบอกว่า มีแค่สดายุเท่านั้นที่ทำให้ผมใจเต้นเหมือนกับกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งเท่านั้นเอง"

"ต๊าย ปากหวานจังค่ะ คิกคิก"

"เพราะฉะนั้น ผมจึงอยากรู้เรื่องของสดายุให้ได้มากที่สุด อยากช่วยเหลือเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ครับ"

"............คุณกฤตเมธคะ"

"ครับ?"

คำพูดหนักแน่นของกฤตเมธนั้นได้ใจของบลูม่าไปไม่น้อย ทว่ายังมีอีกสิ่งที่ผู้จัดการสาวอยากยืนยันให้แน่ใจ

"คุณแน่ใจใช่มั้ยคะ ว่าคุณรักน้องยุจริงๆ ไม่ใช่แค่เพราะความสงสาร หรือเพราะเหตุการณ์พาไป?"

"ครับ ผมแน่ใจ"

"บลูม่าไม่ได้มีเจตนาจะดูแคลนความรู้สึกจริงจังของคุณหรอกนะคะ แต่หากว่าความรู้สึกของคุณมันไม่ได้จริงจังถึงขนาดอยากดูแลปกป้องยุไปชั่วชีวิต หรือยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ล่ะก็...บลูม่าอยากแนะนำให้หยุดเสียตั้งแต่ยังไม่เริ่มจะดีกว่านะคะ อาจฟังดูเหมือนเห็นแก่ตัว แต่บลูม่าไม่ต้องการให้น้องยุต้องมาเจ็บตอนจบค่ะ น้องยุน่ะเจ็บมามากพอแล้ว...เกินจะพอแล้วด้วยซ้ำค่ะ"

คำเตือนที่แน่นหนักของบลูม่านั้นกฤตเมธเข้าใจดี แต่...เขาเองก็ไม่ได้มีความคิดจะทิ้งขว้างตั้งแต่ต้น ดังนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ถอย

"คุณบลูม่าครับ ผมก็ไม่ได้จะยกหางตัวเองเพื่อให้คุณมาเชื่ออะไรในตัวผมหรอกนะ และตอนนี้ผมเองก็ไม่ได้มีอะไรมาพิสูจน์ให้คุณเห็นเหมือนกันว่าผมจริงใจขนาดไหน...ผมมีเพียงคำพูดเดียวที่อยากบอกคุณ นั่นคือ..."

กฤตเมธเว้นวรรคคำพูดไปหนึ่งอึดใจ เพื่อต้องการจะย้ำประโยคที่ตามมาให้หนักแน่นขึ้น

"ผมรักสดายุครับ"

"อยากดูแลและปกป้องเขาเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งอย่างผมจะทำได้ อยากอบรมให้เขามองโลกในแง่บวก สั่งสอนให้เขารักตัวเอง และอยากอยู่ดูแลเด็กดื้อคนนี้ไปนานๆครับ"

"คุณเมธ..." (ครางเสียงแผ่วพร้อมเสียงถอนหายใจระโหย)

ได้ฟังคำมั่นสัญญาที่ออกจากปากกฤตเมธเข้าหน่อย ใจแข็งๆของบลูม่าก็อ่อนยวบยาบ ตัวเหมือนจะลอยๆ หากผู้ชายปลายสายจะหนักแน่นถึงขนาดนี้ มีหรือสุภาพสตรีจิตใจงามอย่างเขาจะสามารถอดรนทนใจแข็งอยู่ไหว 

'ขอโทษนะยุ...ยุจะยอมหรือไม่ยอมพี่ก็ขอออกตัวนำให้เลยแล้วกันนะ...อ่อนโยนขนาดนี้ใครจิทนไหวคร๊า'

"เข้าใจแล้วค่ะ คุณเมธ เดี๋ยวบลูม่าจะเล่าให้ฟังนะคะ"

"คุณบลูม่า...ขอบคุณนะครับ"

ในที่สุดบลูม่าก็ใจอ่อนยอมเปิดปาดแถลงไขในสิ่งที่กฤตเมธต้องการจนได้

"บลูม่าเคยเล่าแล้วใช่มั้ยคะว่าบลูม่าเจอกับน้องยุยังไง? เอาเป็นเดี๋ยวทวนให้ใหม่ทั้งหมดเกี่ยวกับน้องยุให้ฟังอีกรอบกันไปเลยนะคะ"

"ดีครับ"

กฏตเมธตอบรับยินดี พร้อมตั้งใจฟังเรื่องของคนที่ตัวเองหลงรัก จากปากผู้ดูแลคนสนิท

“บลูม่าเจอยุตอนที่น้องเขาเรียนมหาลัยปีสุดท้าย บลูม่าสนใจน้องเขามากเพราะยุหน้าตาดีมีเสน่ห์ดึงดูด ถึงจะก้าวร้าวปากมอมไปบ้าง แต่กับบลูม่าน้องเขาโอเคมากเลยนะคะ บลูม่าก็เลยดึงน้องเขาเข้าวงการ ตอนแรกบลูม่าก็เห็นว่าน้องเขาเป็นแค่เด็กหน้าตาดีที่ชอบทำตัวมีปัญหาเพื่อเรียกร้องความสนใจเฉยๆ ประมาณหล่อเลยโดนสปอยล์ ชอบเที่ยวผู้หญิง เสเพลตามสไตล์คาสโนว่า ซึ่งพอดีว่าช่วงนั้นตลาดกำลังฮิตพระเอกแนวแบดบอยพอดี ก็เลยเข้าแก๊ป เข้าวงการแป๊บเดียวยุก็ดังเป็นพลุแตก  แต่...ก็ได้ไม่นาน เพราะบลูม่าตามใจเขาเกินไปเพราะอยากให้เขาได้มีความสุขบ้าง จนมันเลยเถิด พอเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นสักเรื่องจากนั้นก็ถูกขุดคุ้ย ประเดประดังไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องจริงไม่จริงทั้งที่ทำและไม่ได้ทำ พอมีข่าวมากขึ้น ยุเองก็ไม่ยอมปฏิเสธอะไรอีก บอกว่าขี้เกียจขนาดถูกป้ายสีถึงขั้นทำเด็กอายุไม่ถึงสิบแปดท้องแล้วไม่ยอมรับเรื่องนั้นก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ยุก็ไม่ปฏิเสธ อย่างที่เห็น...”

“รู้แล้วใช่มั้ยคะ ที่ว่ายุเป็นเด็กแปลก ที่จะไม่ยอมปริปากแก้ตัวอะไรเลย แม้จะถูกกล่าวหาในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำ ทั้งๆที่ไม่ใช่คนผิด แถมยังชอบดูถูกตัวเองเป็นที่สุดด้วย...”

“ครับ เรื่องนั้นแหละที่ผมอยากจะรู้ เพราะนอกจากเรื่องที่ยุไม่ชอบอธิบายล้างความผิดที่ตัวเองโดนป้ายสีต่างๆนาๆ กับที่ชอบดูถูกตัวเองแล้ว ดูเหมือนเขาจะไม่ศรัทธาในคำสัญญาหรือในอนาคตที่สดใสอะไรเลยด้วย ทั้งยังไม่เชื่อในความรัก...ผมเลยอยากรู้จริงๆครับ ว่าที่จริงแล้วยุยึดติดกับอะไรอยู่ เขาพบเจออะไรในอดีตมากันแน่ ถึงทำให้ยุกลายเป็นคนแบบนี้...ผมอยากรู้ อยากรู้เพื่อหาทางปกป้องเขา...”

น้ำเสียงเครียดขึงจริงจังของกฤตเมธ ตอกย้ำในคำถามได้อย่างดีว่ามันสำคัญสำหรับชายหนุ่มมากแค่ไหน บลูม่าเองก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะหล่อนเองก็ตั้งใจแน่วแน่มาตั้งนานแล้วว่าอยากช่วยเหลือสดายุออกจากความมืดมนในอดีต อยากให้สดายุน้องรักมีความสุขสดใส ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาหล่อนตระหนักได้ว่า ลำพังตัวหล่อนเองไม่มีทางเลยที่จะทำมันสำเร็จ แต่ตอนนี้หล่อนมีกฤตเมธเข้ามาร่วมด้วยช่วยกันอีกแรง การทำให้สดายุกลับมาสดใส อาจไม่ใช่ความฝันอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้...

 “อย่างที่บลูม่าเคยเล่าแหละค่ะ ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากครอบครัวของยุส่วนหนึ่งโดยเฉพาะเรื่องที่ยุไม่ชอบแก้ตัวและชอบดูถูกตัวเอง แต่ที่น้องยุเขาไม่เชื่อในคำสัญญา หรือไม่เชื่อในความรักนั้นมันคงเกิดมาจากเรื่องที่...”

“น้องยุเคยโดนคนที่ตัวเองรักหักหลังถึงสี่คนน่ะค่ะ”

“อะไรนะครับ!?”

คำเฉลยของบลูม่าช่างโหดร้ายเกินกว่าที่กฤตเมธจินตนาการไว้ การถูกคนที่รักหักหลัง? แบบนั้นมันย่อมโหดร้ายเกินไปสำหรับคนที่อายุเพิ่งจะพ้นยี่สิบมาไม่นานอย่างสดายุเหลือเกิน  แค่ได้ยินกฤตเมธก็หัวใจกระตุกวูบ สงสาร เขาสงสารสดายุแทบขาดใจ

“ฟังไม่ผิดหรอกค่ะ น้องยุน่ะเคยโดนคนที่ตัวเองรักหักหลังถึงสี่คนจริงๆ ครั้งแรกที่บลูม่าได้ยินจากปากน้องยุ บลูม่าก็อึ้งรับปนะทานเหมือนคุณเมธนี่แหละค่ะ”

“ร...เรื่องมันเป็นยังไงเหรอครับ!?”

กฤตเมธร้อนรนถามไถ่ ทั้งกังวล ทั้งเป็นห่วง

“บลูก็ไม่รู้รายละเอียดหรอกค่ะ คร่าวๆแค่ว่าเป็นใครและหักหลังยังไงก็แค่นั้น แต่เจ็บแค่ไหนและนานเท่าไหร่นี่น้องยุไม่ได้บอกเอาไว้ค่ะ บลูม่ารู้แต่ว่า...น้องยุคงเจ็บมาก”

“...พอจะเล่าให้ผมฟังหน่อยได้หรือเปล่าครับ?”

กฤตเมธรุกถามต่อด้วยน้ำเสียงร้อนรนยิ่งกว่าเดิม ยิ่งรู้รายละเอียดก็ยิ่งเจ็บปวดแทน

“คนแรกคือคุณพ่อของน้องยุค่ะ”

“...!!? คุณพ่อ? เอ่อ...ที่คุณบลูม่าเคยเล่าให้ผมฟัง คุณพ่อของยุ ท่านเสียไปตั้งแต่ยุยังเด็กแล้วนี่ครับ?”

“ใช่ค่ะ คุณพ่อของน้องยุเสียไปตอนที่น้องยุเพิ่งจะ 11 ปีค่ะ แต่...คุณพ่อคนนั้นทิ้งน้องยุกับคุณแม่หนีไปอยู่กับชู้ตั้งแต่น้องยุอายุ 9 ขวบค่ะ หัวหน้าครอบครัวคนเดียวของบ้าน ทิ้งภรรยากับลูกน้อยที่รักตัวเองมาก หอบผ้าหอบผ่อนพร้อมของมีค่าหนีไปกับหญิงอื่นโดยไม่เคยกลับมาเหลียวแลลูกเมียอีก ปล่อยน้องยุอยู่กับคุณแม่สองคนมาแบบปากกัดตีนถีบมาตลอดจนอายุได้11 ปีนั่นแหละค่ะ ถึงได้ข่าวคราวว่าคุณพ่อใจร้ายคนนั้นถูกยิงเสียชีวิต เพราะไปติดพันผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งบังเอิญหล่อนมีสามีอยู่แล้ว แถมยังเป็นผู้มีอิทธิพลอีก เลยโดนเก็บเสียน่ะค่ะ...ไม่รู้จะสงสารเวทนาหรือควรสมเพชดี...”

“...แล้วอีกสามคนล่ะครับ”

ยิ่งได้ฟังก็ยิ่งสะเทือนใจ แค่คนแรกก็รู้สึกย่ำแย่เต็มทีแล้ว การถูกพ่อบังเกิดเกล้าทอดทิ้งมันคงเป็นบาดแผลฝังใจสดายุอยู่ไม่น้อย  แล้วนี่ยังมีอีกถึงสามคน

“คนที่สองก็เป็น...คุณแม่ค่ะ แต่เรื่องนี้น้องยุบอกว่าไม่ได้ร้ายแรงอะไร น้องบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้...”

“ยังไงครับ? อะไรที่ช่วยไม่ได้?”

“ก็พอถูกสามีทิ้งไป คุณแม่ของน้องยุได้แต่งงานใหม่กับพ่อเลี้ยงที่มีลูกติดเป็นผู้หญิงอายุไล่เลี่ยกับน้องยุสองคน พ่อเลี้ยงเป็นคนมีฐานะ จึงสามารถดูแลทั้งคุณแม่และน้องยุให้อยู่อย่างสุขสบาย แต่ก็อย่างที่เคยเล่าแหละค่ะ ว่าน้องยุกับพ่อเลี้ยงไปกันได้ไม่ค่อยดีนัก พ่อเลี้ยงมักจะอารมณ์เสียใส่ ทำโทษสารพัด แม้ยุจะไม่ผิด...ที่บลูม่าเคยบอกว่าถ้าน้องยุเถียง พ่อเลี้ยงก็จะไปลงที่คุณแม่แทนนั้นมันเป็นเรื่องจริงค่ะ แต่มันยังมีอีกอย่างที่บลูม่าไม่ได้บอก นั่นคือ...ทุกครั้งที่น้องยุโดนพ่อเลี้ยงดุหรือลงโทษ คุณแม่ไม่ได้ช่วยปกป้องหรอกค่ะ เพราะคุณแม่เธอออกจะกลัวพ่อเลี้ยงมากอยู่ ทั้งรักทั้งหลงทั้งบูชา เพราะถือว่าเป็นคนที่มามอบชีวิตใหม่ให้ ดังนั้นไม่ว่ายุจะโดนทำโทษทั้งสมควรและไม่สมควรยังไง คุณแม่ก็ไม่กล้าหือกล้าอือหรอกค่ะ...ปล่อยยุตามยถากรรม...เฮ้อ...ยุเคยบอกนะคะ ว่าไม่ได้โกรธคุณแม่ที่รักพ่อเลี้ยงหรอกค่ะ แค่น้อยใจเท่านั้นที่เห็นว่าแม่แท้ๆของตัวเองให้ความสำคัญและเชื่อคำพูดของคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่ช่วงนั้นน้องยุก็แสบนะคะ ทำตัวเกเรน่าดูเหมือนกัน น้องบอกว่าคงเพราะตอนนั้นยังเป็นวัยรุ่น เลยทำอะไรไม่ค่อยยั้งคิดน่ะคะ...”

“สำหรับยุตอนนั้น...คงเหมือนโดนหักหลังซ้ำๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแน่นอนครับ สุดท้ายกระทั่งตอนนี้ คุณแม่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรมาเลยใช่มั้ยครับ?”

กฤตเมธถอนหายใจยาวออกมาแทบจะพร้อมๆกับบลูม่า เรื่องที่เกิดขึ้นกับคนที่พวกเขารัก ช่างหนักหนาและน่าสงสาร กฤตเมธเข้าใจแล้วว่าทำไม สดายุถึงปิดกันตัวเองนัก และยังรู้สึกทึ่งมากด้วยที่ลึกๆแล้วสดายุยังคงเป็นคนอ่อนโยน ทั้งที่ผ่านเรื่องหนักหน่วงมาขนาดนั้น

“เฮ้อ...ก็ประมาณนั้นแหละค่ะคุณเมธ น้องยุเธอว่ามาอย่างนั้น ตัวบลูม่าเองก็ไม่เคยเห็นมาเยี่ยมเยียนให้เห็นนะคะ ช่วงที่น้องยุยังมีชื่อเสียงอยู่น่ะก็พอจะเห็นบ้าง แต่พอมีข่าวเสียหายปุ๊บ บลูม่าก็ไม่เห็นอีกเลย...ยุบอกว่าสงสัยพ่อเลี้ยงจะไม่ยอมให้มา...”

“แบบนั้นก็ใจร้ายเกินไปนะครับ ไม่ว่ายังไงก็น่าจะเห็นถึงความเป็นแม่ลูกบ้าง...”

“บลูม่าก็เคยพูดค่ะ แต่น้องยุบอกว่าตัวน้องเองก็ไม่เคยกลับไปบ้าน ก็ไม่แปลกหรอกที่คนที่บ้านจะไม่มาหา...ว่างั้นแหละค่ะ”

“ยุนี่ก็ช่างใจแข็งนะครับ ไม่เคยอ่อน ไม่เคยลงให้ใครเลย”

“ก็เรื่องฝังใจใช่จะน้อยๆนี่คะ นี่เพิ่งสองครั้งแรกเองนะ เหลืออีกสอง หนักเลยนะคะคราวนี้น่ะมาเป็นแพคคู่เลยทีเดียวค่ะ”

“ยังไงครับ?”

พอได้ยินว่าจะได้ฟังเรื่องที่โหดร้ายยิ่งกว่ากฤตเมธก็ขมวดคิ้วจนแทบจะผูกโบว์หนักกว่าเดิม นี่มันอะไรกันนักกันหนา ทำไมสดายุของเขาถึงได้เจอแต่เรื่องเลวร้ายไม่หยุดหย่อน คิดไปคิดมาก็ต้องยิ่งสะเทือนใจหนัก เพราะหนึ่งในความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับสดายุนั้น ก็มีเรื่องที่เขาเป็นต้นเหตุแห่งความเลวร้ายด้วยเหมือนกัน...และมันอาจเลวร้าย กว่าที่ใครเคยกระทำ

“การหักหลังครั้งที่สามและสี่ มาพร้อมกันที่เดียวเลยค่ะ คนรักกับเพื่อนรัก...คุณเมธยังจำเรื่องที่สดายุทำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีท้องแล้วไม่รับผิดชอบ จนเป็นข่าวใหญ่โต และโดนบอยคอตออกจากวงการใช่มั้ยคะ?”

“ครับ...อย่าบอกนะว่านั่นเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อทำลายยุ?”
“ค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของน้องยุ จากเพื่อนที่น้องยุคิดว่าเป็นเพื่อนสนิท และแฟนที่น้องยุคิดว่าหล่อนคือคนที่เขารัก”


**************************************************

เดี๋ยวมาต่อนะคะ
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 24-01-2014 17:20:38
สดายุ คงเจ็บปวดมากเลยซิน่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 24-01-2014 17:30:15
ต่อด่วนเลยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 24-01-2014 17:37:05
ยุน่าสงสารจังอะ จะรอครึ่งหลังมาไวๆน๊าา  :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 24-01-2014 17:46:23
สุดจะมรสุมชีวิตโดยแท้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: cakecoke ที่ 24-01-2014 17:49:30
 :m15:  สงสารยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 24-01-2014 17:50:12
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-01-2014 18:15:08
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 17 (ครึ่งหลัง)






“ค่ะ มันเป็นเรื่องที่ถูกกุขึ้นเพื่อทำลายชื่อเสียงของน้องยุ จากเพื่อนที่น้องยุคิดว่าเป็นเพื่อนสนิท และแฟนที่น้องยุคิดว่าหล่อนคือคนที่เขารัก”


“..............................”

คำเฉลยทำเอากฤตเมธพูดไม่ออก หากเรื่องที่บลูม่ากำลังจะเล่าจากนี้ไปเป็นเรื่องจริงล่ะก็ การที่ครั้งหนึ่งเขาเคยปรามาสสดายุทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดไว้นั้น คงเป็นเรื่องที่เลวระยำเกินคนไปเสียแล้ว

“คุณเมธคงรู้จักพระเอกรุ่นเดียวกับน้องยุที่ชื่อ ‘บดินทร์’ ใช่มั้ยคะ?”

“ครับ เคยเห็นอยู่บ้าง รู้สึกตอนนี้จะรับงานเป็นพิธีกรรายการเกมโชว์วัยรุ่นอยู่นี่ครับ ได้ยินว่ากระแสดีไม่ใช่ย่อย”

พอเอ่ยถึงคนที่ชื่อ ‘บดินทร์’ กฤตเมธก็พอจะนึกหน้าออก ดารารุ่นน้องคนนั้นไม่ได้เป็นเพียงพระเอกจอเงินจอแก้วเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถเป็นถึงพิธีกรรายการต่างๆอยู่หลายรายการ ‘ดังไม่ใช่ย่อย’

“ดินทร์น่ะ เขาเพิ่งจะมาดังก็ตอนที่น้องยุหายไปจากวงการแล้ว เรียกได้ว่าดังทับรอยน้องยุทุกอย่างเลยล่ะค่ะ”

“แล้วคนชื่อดินทร์อะไรนี่เขาเป็นอะไรกับยุกันครับ เพื่อน?”

“ค่ะ เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดตั้งแต่เข้าวงการแรกๆเลย น้องยุเล่าเรื่อง ไอ้ดินทร์เลวเนี่ยให้บลูม่าฟังอยู่บ่อยๆ น้องยุนะทั้งไว้ใจ เชื่อใจ ทั้งยังรักเพื่อนอย่างไอ้ดินทร์มาก ทั้งๆอย่างนั้นมันกลับหักหลังน้องยุแบบไม่เหลือเยื่อใยแม้สักนิด ไอ้นี่มันทั้งชั่วทั้งเลวราวกับไม่ใช่มนุษย์เลยล่ะค่ะ"

“...มัน ทำอะไรยุครับ คุณบลูม่า”

น้ำเสียงเข้มขรมถามไถ่ขึ้นด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น ตอนนี้คนที่ชื่อว่า บดินทร์ กลายเป็นศัตรูของเขาโดยไม่ต้องถามเหตุผลไปแล้ว

"เด็กเวรนั่นมันหลอกน้องยุมาตลอดค่ะ หลอกว่าเป็นเพื่อนรัก แล้วลอบแทงข้างหลังอย่างเลือดเย็น ลงมือคนเดียวมันคงคิดว่ายังสาหัสไม่พอ ไอ้เด็กนั่นมันยังส่งน้องสาวของมันมาเป็นนางนกต่อด้วย น้องยุก็ช่างซื่อโดนนังเด็กนั่นหลอกให้หลงรักหัวปักหัวปำ เพราะไว้ใจว่าเป็นคนดีน่ารัก แถมยังเป็นน้องสาวเพื่อนรักอีก ใครจะไปนึกล่ะค่ะว่าจะโดนลอบกัดแบบเจ็บแสบขนาดนี้..."

"อีเด็กนั่นอายุ 17 ปีเท่านั้นค่ะ รวมหัวกับพี่ชายมาหลอกน้องยุ นอนกับยุแล้วโพนทะนาว่าตัวเองท้อง แล้วอีสองพี่น้องก็ร่วมกันประโคมข่าวว่าน้องยุไม่ยอมรับผิดชอบ! ทั้งที่จริงแล้วอีเด็กนั่น 'ไม่ได้ท้อง!' พวกมันตอแหลทั้งเพค่ะ!! เพราะพวกมันน้องยุเลยโดนคดีพรากผู้เยาว์ ทั้งยังโดนถอดงาน ยกเลิกสัญญา เกือบหมดอนาคตเลยนะคะ บลูม่าน่ะ...บลูม่าเจ็บเจ็บ โกรธจนอกแทบจะแตก"

"ถ้าเด็กคนนั้นไม่ได้ท้อง แล้วทำไมยุถึงได้ไม่พูดอะไรเลยล่ะครับ...หรือว่า ไม่ยอมแก้ตัวอีกแล้ว?"

"จะเหลือเหรอคะ ยุได้แต่พูดกับบลูม่าว่า ยุพลาดเอง ยุผิดที่เผลอไปนอนกับเด็กนั่นทั้งที่รู้ว่าฝ่ายหญิงอายุยังไม่ถึง 18 ปี บลูม่าอยากจะกรี๊ดค่ะ อิเด็กนั่นใช่ย่อยซะเมื่อไหร่ บลูม่าเคยไปสืบมาได้ข่าวว่าชอบเก็บสแปร์ไปทั่ว น้องยุไม่ใช่คนแรกเสียหน่อย!! ขอโทษนะคะ พูดถึงเรื่องนี้ทีไร บลูม่าทนไม่ไหวทุกทีค่ะ โมโหจนหน้าแทบจะมืด เฮ้อ!!"

"คัททททททททททททท!!!....เอ้า วันนี้เลิกกองได้!"

เสียงผู้กำกับอ๊อดสั่งเลิกกองดังมาแต่ไกล กฤตเมธเห็นท่าจะสืบเรื่องส่วนตัวของสดายุต่อไปตอนนี้คงไม่ทัน เกรงว่าเกิดเจ้าตัวมาได้ยินเข้าคงได้โกรธกันยาวอีก เลยตัดสินใจขอตัววางสายจากบลูม่าก่อน

"เอ่อ คุณบลูม่าครับ ยุมาแล้ว เดี๋ยวผมขอวางสายก่อน แล้วจะโทรไปอีกทีนะครับ"

"อ๊ะ ได้ค่ะ...เอ่อคุณเมธคะ..."

"ครับ?"

"บลูม่าฝากน้องยุด้วยนะคะ ถึงตอนที่มีเรื่องจนต้องออกจากวงการน้องยุจะนิ่งมาก เหมือนไม่ใส่ใจอะไร แต่บลูม่ารู้ค่ะ ว่าจริงๆแล้วน้องยุต้องเจ็บมากแน่ๆ และความเจ็บนั้นมันคงผลักดันให้ยุไม่กล้าไว้ใจใคร หรือศรัทธาในความรักความหวังอะไรอีก คุณเมธคะ...ช่วยพาน้องยุออกมาทีนะคะ พายุออกมาจากอดีตรพยำนั่นทีนะคะ บลูม่าขอร้อง..."

น้ำเสียงของบลูม่าผู้จัดการสาวสั่นเครืออย่างชัดเจน บ่งบอกถึงอารมณ์ห่วงใยและปวดร้าว และคำขอที่บลูม่าเอ่ยขอก็เป็นคำเดียวกันที่กฤตเมธอยากจะเอ่ย

"แน่นอนอยู่แล้วครับ ผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยยุให้หลุดพ้นจากอดีต และจะดูแลปกป้องให้ดีที่สุดอย่างแน่นอนครับ"

"ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริงๆ"

เมื่อได้ยินคำตอบรับแข็งขันของกฤตเมธบลูม่าก็สบายใจขึ้น ความจริงแล้วบลูม่าไม่ใช่คนเชื่อคนง่าย แต่สำหรับกฤตเมธแล้วหล่อนมั่นใจว่าชายหนุ่มจะไม่โกหก

หลังวางสายการสนทนาที่ยาวนาน กฤตเมธยังคงมีใบหน้าเครียดขึง เรื่องราวของสดายุที่ได้รับรู้มามันช่างโหดร้าย จริงอยู่ว่าไม่มีใครมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ ทุกคนต่างก็เคยผ่านเรื่องราวอันเจ็บปวดแสนสาหัสมาทั้งสิ้น แม้แต่ตัวกฤตเมธเองก็ใช่ว่าเส้นทางที่เดินอยู่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียเมื่อไหร่ แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่สดายุเคยเผชิญแล้ว เรื่องของเขามันคงเบาบางเหลือเกิน 

กฤตเมธคิดพลางมองไปที่ร่างของสดายุ ที่กำลังบิดขี้เกียจคลายความเมื่อยขบอยู่ ด้วยแววตาที่แตกต่างจากเดิมเล็กน้อย

'ต่างตรงที่...รักมากขึ้นไปอีก'

อยากเข้าโอบกอดเพื่อปลอบขวัญคนแสร้งทำเป้นใจแข็งไม่เจ็บไม่ปวดเหลือเกิน แต่ก็รู้ว่าคงทำไม่ได้ พระเอกหนุ่มจึงได้แต่รีบสูดหายใจเข้าปอด แล้วปรับอารมณ์โกรธขึงเศร้าสร้อยของตนให้กลับเป็นปกติที่สุด เพราะเรื่องที่เขาคุยกับบลูม่านั้นจะให้สดายุรู้ไม่ได้เด็ดขาด

"ยุ...ฉันควรทำยังไงกับนายดี..."


"คำว่ารักที่ฉันมอบให้นาย จะสามารถทำให้นายหลุดพ้นจากอดีตดำมืดนั่นได้มั้ยนะ"
*
*
*
*
*
ในที่สุดการถ่ายทำในส่วนของวันนี้ก็จบลง อ๊อดสั่งเลิกกองตอนสี่โมงเย็นพอดิบพอดี ที่เหลือค่อยเก็บตกพรุ่งนี้พร้อมกับการถ่ายเสริมฉากงอนง้อกลางตลาดของสดายุและกฤตเมธด้วย ส่วนฉากเลิฟซีนบทสำคัญของทั้งคู่นั้นถูกเลื่อนไปถ่ายทำใหม่อาทิตย์หน้า เพราะอ๊อดต้องการให้แผลของกฤตเมธหายดีก่อน และยังต้องการให้คู่พระนางได้มีเวลาทำอารมณ์กันมากกว่านี้อีกด้วย

"เหนื่อยมั้ยครับ ยุ?"

กฤตเมธทักขึ้นอย่างอารมณ์ดีขณะเดินเอาน้ำเข้าไปเสริฟให้สดายุที่ยืนบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบถึงที่ ท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของทีมงานหลายๆคน

"ว่างจังนะคุณ แผลหายแล้วไม่ใช่รึไง อู้อยู่ได้"

สดายุถากถางกลับไปเล็กน้อยพร้อมเอื้อมมือไปรับขวดน้ำแร่จากกฤตเมธมาอย่างไม่มีทีท่าเคอะเขิน เพราะสดายุตั้งใจแล้วว่าช่วงเวลาที่ยังอยู่ที่มัลดีฟส์นี้จะขอตักตวงความใจดีของกฤตเมธอย่างเต็มที่

"พรุ่งนี้ก็ทำงานได้แล้วครับ แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้อู้นะ อุตส่าห์เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณแทนคุณบลูม่าทั้งวัน..."

เสียงทุ้มรื่นหูเอ่ยแก้ตัวเสียงหวาน เรียกความหมั่นไส้ของสดายุให้พลุ่งพล่านขึ้นไม่น้อย แต่ก็ได้แต่ค้อนใส่เล็กๆ เพราะอย่างน้อยการถูกกระเซ้าด้วยถ้อยคำหวานหูนี้ก็ทำให้จั๊กกะจี้หัวใจดีอยู่เหมือนกัน

พอได้ร่ำลาผู้กำกับอ๊อด รุจน์และพอร์ช เพื่อกลับมาพักผ่อนตามอัธยาศัยแล้ว สดายุก็เดินนำหน้าลิ่วไม่สนใจกฤตเมธที่เดินถือของตามมาแม้แต่น้อย นั่นเพราะใจของชายหนุ่มรู้ดีว่า เพียงแค่อึดใจเดียวร่างสูงกำยำของอีกฝ่ายก็จะเคลื่อนเข้าใกล้และจะป้วนเปี้ยนรอบกายไม่ห่างอยู่แล้ว

"จะรีบเดินไปไหนกันครับ รอกันบ้างสิ"

และสดายุก็คาดการณ์ไม่ผิด เพียงแค่ครู่เดียวกฤตเมธก็ทยานลิ่วเข้าหาดังที่คิดไว้ จนสดายุยังต้องลอบอมยิ้มขำขันไม่น้อย...
ถ้าในเมื่อที่นี่ไม่ได้อยู่ในโลกแห่งความจริง ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะปฏิเสธกฤตเมธ

ไม่อยากยับยั้งชั่งใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเมื่อไหร่ที่การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้จบลง ความจริงจะปลุกให้เขาและกฤตเมธตื่นขึ้น...

เมื่อวันนั้นมาถึง แน่นอนว่ามันต้องเจ็บช้ำไม่ใช่น้อย...แต่

เขาก็ไม่สามารถอดใจ ปฏิเสธความหอมหวานที่กฤตเมธใส่พานถวายมาให้ถึงปากขนาดนี้อีกแล้ว

หากวันหน้าจะต้องเจ็บ...วันนี้ก็ขอตักตวงความสุขให้อิ่มเอมเต็มที่เสียดีกว่า...

อย่างน้อยๆ ก็อาจพอหลงเหลือความทรงจำดีๆ...

*
*
*
*
*

"เฮ้ย พอร์ช? เดี๋ยวพรุ่งนี้พอถ่ายทำฉากเดินชมเมืองเสร็จ ก็ต้องต่อเลิฟซีนเลยเหรอวะ!?"

เสียงทุ้มหวานตะโกนเรียกเพื่อนที่เดินนำหน้าอยู่ลิบๆ ขาที่สั้นกว่าพยายามสับว่องไววิ่งห้อเข้าหาหน้าตาตื่น

"อืม ก็ฟังพี่อ๊อดบอกตารางงานอยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ? ถามทำไม?"

พอร์ชหันไปมองคนที่วิ่งหน้าตาตื่นตามมา รุจน์ที่เป็นทั้งเพื่อนนักแสดงและเพื่อนแท้ตั้งแต่เยาว์วัยนั้น ท่าทางลนลานกับบทที่ต้องเข้าคู่กับตนอยู่ไม่น้อย เลิฟซีนครั้งแรก แถมยังต้องทำกับผู้ชายที่เป็นเพื่อนรักของตัวเอง

"ก...ก็มัวแต่ตกใจนี่ เห็นพี่แกบอกให้เลื่อนออกไป เลยไม่นึกว่าจะเร็วขนาดนี้นี่นา..."

รุจน์พยายามอธิบาย เพราะทีแรกฉากเลิฟซีนของเขากับเพื่อนสนิทนั้นโดนเลื่อนเวลาถ่ายทำออกมาครั้งหนึ่งเหตุเพราะเขาไม่พร้อม รุจน์ก็เลยพาลนึกไปว่าจะได้เลื่อนยาวออกไปเป็นอาทิตย์ ที่ไหนได้ยังไม่ทันจะได้วางใจ พี่อ๊อดผู้กำกับก็ดันบอกว่าจะถ่ายทำคืนพรุ่งนี้หลังจากถ่ายทำฉากเดินตลาดจบ เล่นเอารุจน์แทบจะลมจับ เพราะชายหนุ่มยังไม่ได้ทำใจเลยแม้แต่นิดเดียว

"...กลัวเหรอ?"

หลังได้ยินรุจน์โวยวาย พาลให้พอร์ชเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปอย่างจริงจัง ถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ไม่ได้ต้องการจี้ใจดำให้เจ็บ ซึ่งรุจน์เองก็รู้ดี

"...กลัวสิ ไอ้บ้า..."

เสียงอ่อนระโหยตอบเพื่อนรักอย่างจริงใจ พร้อมซบศีรษะหนักๆของตนลงกับไหล่เพื่อนซี้อย่างเหนื่อยอ่อน โดยไม่รู้ตัวแม้แต่นิดว่าอาการอ้อนเพื่อนของตนนั้น จะทำให้พอร์ชลอบยิ้มชอบใจอยู่ไม่น้อย

"หึ...งั้น...คืนนี้กูซ้อมบทให้อีกรอบเอามั้ย?"

"ไม่เอา!!" (ตะโกนออกมาเสียงหลง)

"อ้าว...กลัวเล่นเข้าถึงบทไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? วันนั้นก็ซ้อมบทกันยังไม่ทันจบมึงก็ชิ่งไปเสียก่อน คืนนี้ลองซ้อมกันอีกทีเพื่อความชัวร์เอาเปล่า? พรุ่งนี้เล่นจริงจะได้ไม่ประหม่าไง?"

เห็นเพื่อนรักปฏิเสธเสียงหลงพร้อมส่ายหน้ายิกราวกับได้ยินเรื่องชวนขนหัวลุก พอร์ชก็รีบอธิบายความพร้อมกล่อมรุจน์ไปในทีว่าเป็นห่วงอยากให้เล่นออกมาได้ดี ทั้งที่จริงแอบแฝงไว้ด้วยเลศนัยน้อยๆ ความเจ้าเล่ห์ของเพื่อนรักที่รุจน์ไม่มีวันตามทัน

"...ตกลงมั้ย อย่าเงียบดิ?"

เห็นว่ารุจน์ปิดปากเงียบ พอร์ชก็เริ่มรุกเร้า แต่เพื่อนรักตัวน้อยของเขาจะยิ่งสลดสรดเศร้าเข้าไปอีก และเหมือนถ้ามองไม่ผิดดวงตากลมโตหลุบต่ำคงรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างน่าสงสาร

"...กู...กูไม่ซ้อมได้มั้ยอ่ะ?..."

(เสียงเครือสั่นขอร้องอย่างน่าสงสาร)

"ทำไมล่ะ มึงกลัวเล่นได้ไม่ดีไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวกูช่วยซ้อมให้ไง..."

"เปล่า...กูไม่ได้กลัวเล่นไม่ดี..."

"...แล้วมึง....กลัวอะไร?"

คำปฏิเสธของเพื่อนรักทำเอาพอร์ชขมวดคิ้วสงสัย อะไรกันที่เพื่อนตัวน้อยของเขากลัวมากไปกว่าการเล่นออกมาได้ไม่ดีจนโดนพี่อ๊อดดุ โดยที่พอร์ชนั้นคิดไม่ถึงเลยว่าคำตอบของรุจน์จะทำให้เขาต้องอึ้ง ชนิดที่ว่าไม่เคยเจอมาก่อนเลยทีเดียว

"...กูกลัวมึง..."

"ห๊ะ?..."

"กูกลัวมึงอ่ะพอร์ช กูกลัวมึง..."

คำเฉลยของรุจน์เล่นเอาพอร์ชถึงกับหน้าตื่น เพราะไม่คิดว่าจะโดนเพื่อนสนิทที่ตนคิดไม่ซื่อเอ่ยปากว่ากลัวตัวเองออกมาตรงๆ 'แย่แล้ว!!'

"รุจน์...มึงจะกลัวกูทำไม? กูน่ากลัวตรงไหนเนี่ย?"

"...ไม่รู้...ก็มันกลัวนี่!"

เสียงบอกเล่าอ่อยๆของรุจน์เรียกรอยยิ้มร้ายลึกของพอร์ชให้กระตุกขึ้นเล็กน้อย  หัวใจชายหนุ่มเองก็ลิงโลดขึ้นเมื่อได้เห็นใบหน้าแดงเห่อของเพื่อนรัก...

...ใช่แล้ว...พอร์ชชอบเหลือเกิน ที่ได้เห็นว่ารุจน์แอบหวาดหวั่นกับเขา โดยเฉพาะกับฉากอย่างว่า...

ไม่ได้ซาดิสต์อยากแกล้งเพื่อนให้ได้อายหรอก ไม่มีเจตนาจะทำให้อายอย่างไร้เหตุผล แต่ที่พึงใจในกิริยาแบบนี้ของเพื่อนรักนั้น ก็เป็นเพราะเหตุผลเดียว…นั่นก็คือ

'รักมาก'...นั่นเอง

...แอบรักมานานจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว...


**************************************************************

แอบทิ้งปม ทิ้งประเด็น ทิ้งทุกอย่างไว้ให้ค้างเล่น...
เดี๋ยวตอนหน้าจิรีบมานะคะ...แต่...ต้องขอไปซ่อมคอมพิวเตอร์ก่อนค่ะ

...ฮึ่ก...
ฮือ....

“คอมเจ๊งค๊า!! จิขาดใจ แล้วเสาร์อาทิตย์นี้อิชั้นจิอยู่ยังไง!!”

ขอโทษที่มาช้านะคะ แอบออกนอกเมืองกระทันหันไปร่วมสัปดาห์ค่ะ
แถมยังถูกตัดขาดการติดต่อ...
 :ling3:
ขอบคุณที่ยังติดตามนิยายเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณค่ะ
Thearboo / อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: pemiko2012 ที่ 24-01-2014 18:16:10
 :sad4: :hao5:

อดีตของยุนี่ทำเราจะร้องไห้
รอมาต่อค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 24-01-2014 18:16:33
น้องยุช่างหน้าสงสารเสียจริง สู้ๆนะ มันผ่านไปแล้ว เริ่มใหม่กับตาแก่นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-01-2014 18:20:30
น้องยุน่าสงสารจังอะ ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-01-2014 18:23:10
ถ้าจะโดนหักหลังมาขนาดนี้
ไม่แปลกเลยที่ความเจ็บในอดีตจะหลอมหลวมให้น้องกลายม่าเป็นคนแบบนี้
พี่เมธดูน้องด่วนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-01-2014 18:37:50
ค้าง อย่าจากไปนานน้าาาา รออ่านอยู่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 24-01-2014 18:45:20
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 24-01-2014 18:56:20
เย้เรื่องนี้มาละ ขอปาดก่อน เดี๋ยวอ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 24-01-2014 18:59:24
อดีคของยุน่าสงสารมาก  แต่ไม่เป็นไรนะยุ  เดี๋ยวพี่เมธก็มาช่วยรักษาให้ :กอด1:

ส่วนคู่พอร์ช...  เฮ่อๆ  เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อสินะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-01-2014 19:46:38
รักคุณบลูม่า

ปลื้มคุณเมธ

อยากให้ยุมีความสุขจริงๆสักที

เฮ้ออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 24-01-2014 20:00:19
อดีตน้องยุน่าสงสารมาก พี่เมธต้องช่วยเปิดใจและเยียวยาแผลใจน้องด่วนๆเลย  :mew6:

ส่วนรุจน์พอร์ชนี่ ว่าแล้ววว
ต้องแบบเพื่อนสนิท .. คิดมากกว่าเพื่อนแน่นอน  :hao6:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 24-01-2014 20:03:12
อดีตน่าสงสาร แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวมีคนช่วยยยยย  :mew1: :mew1:

อีกคู่ก้น่าร๊ากกกก 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 24-01-2014 20:16:04
น้องยุน่าสงสารมากอ่ะ
ไม่เป็นไรแล้วนะจ๊ะ มีเฮียเมธแกอยู่ทั้งคน
 :hao5:

พอร์ทรุจน์น่ารักมากกกกกกกกก
แกล้งเพื่อนไว้เยอะระวังเขาเอาคืนนะลูก พอร์ท

ปล. คอมเสียนี่เข้าใจความรู้สึกเลย ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้ 55555555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 24-01-2014 20:20:44
ความรักของพี่เมธต้องช่วยน้องยุได้แน่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 24-01-2014 20:31:40
เอาใจช่วยให้กฤตเมธช่วยยุออกมาจากอดีตที่เลวร้ายได้ไวๆนะ
คู่เพื่อนนี่น่าลุ้นนะ คริคริ
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 24-01-2014 20:47:38
อิเลวบดินทร์!!!!!! :fire: :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 24-01-2014 20:57:12
ชอบเจ้บลูจัง ฮิฮิ นอกเรื่องไปรึเปล่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 24-01-2014 20:59:27
พอร์ช-รุจน์นี่กำลังจะหวานกรึ๊บใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 24-01-2014 21:07:49
แอร๊ยยยยยย แอบกรี๊ดคู่พอร์ช-รุจน์ เบาๆ

ตอนน้องยุปล่อยใจไม่คิดมากแบบนี้น่ารักจังเลยเน้ออออออ สู้ๆนะคะคุณเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 24-01-2014 21:15:16
น้องพอร์ชสู้ๆนะลูก เอาชนะใจเพื่อนตัวน้อยให้ได้นะ

ส่วนยุ...อดีตช่างน่าสงสารจริงๆ แบบนี้จะยอมเปิดใจให้พระเอกของเราบ้างมั้ยนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 24-01-2014 21:25:11
ยุน่าสงสารมาก หวังว่าพี่เมธจะทำให้น้องเปิดใจสำเร็จ
แอบฮาคู่รอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 24-01-2014 22:23:41
จะรออ่านฉากหวานๆ ของพี่เมธกับน้องยุจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Miw_Miw@In Love ที่ 24-01-2014 22:34:35
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 24-01-2014 22:48:38
แปลว่าเด๋วหลังจากนี้ อิ (เชรี่ย) ดิน (ตัดชื่อซะสั้นเบย) กะน้องชะนีจิโผล่มาดราม่าป่ะเนี่ยยยยยยยยย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 24-01-2014 22:53:57
ร้องไหักับอดีตน้องยุ ขอให้หลุดพ้นจากความชั่วร้ายความมืดมิดที่คอยกัดกินใจน้องไปสักที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 25-01-2014 00:02:42
น่าสงสาน้องยุ หวังว่าคงหลุดพ้นเร็วๆ นี้ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-01-2014 00:26:11
แอบมาลุ้นคู่เพื่อนรักรักเพื่อน สอนซ้อมการแสดงกันอีกเถอะคะ ขอร้องๆ อยากดูตอนซ้อมอ่ะ

คู่น้องยุรักชนะทุกสิ่งค่ะ ไม่ต้องกลัว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 25-01-2014 00:45:52
ถ้าใครๆจะโหดร้ายกับน้องยุได้ขนาดนี้
มีเมศมาดามใจน้องยุคนเดียวก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 25-01-2014 07:34:26
ชีวิตของสดายุ เจออะไรที่ซ้ำเตมความรู้สึกตลอดเลยนะ
เมธ เาน้องออกมาจากวังวนแห่งนั้นน  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 25-01-2014 10:41:03
 :hao6: :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 25-01-2014 12:00:13
โอ้ว ชีวิตน้องยุช่างน่าเศร้าาา :hao5:

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 25-01-2014 14:47:18
อดีตของยุมันเจ็บปวดเกินไปนะ โหดร้ายไปแล้ว
สู้ๆนะเมตเปิดใจยุให้ได้ ;___;
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 25-01-2014 14:49:23
น้องยุต้องมั่นใจในตัวพี่กฤตนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 25-01-2014 14:59:53
คู่รุ่นพี่ก็ยังไม่แน่นอน
คู่รุ่นน้อง อุ๊บ เพื่อนสนิทแอบคิดไม่ซื่อสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 25-01-2014 15:00:43
อดีตของน้องยุช่างโหดร้าย

ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวคุณเมธจะช่วยลบอดีตและสร้างปัจจุบันที่มีแต่สิ่งดีๆให้กับน้องยุเอง

ต่อไปนี้ น้องยุไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและอ้างว้างอีกแล้ว  o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-01-2014 15:35:07
สงสารอดีตของน้องยุอ่ะ
พี่เมธช่วยน้องยุด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-01-2014 19:08:40
รุจน่ารัก555
น่าแกล้ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: myd3ar ที่ 26-01-2014 11:03:41
ว่าแล้วเชียวพอร์ชต้องคิดไรกับรุจแน่เลย

เจ้าเล่ห์สุดๆ ชวนซ้อมบทตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-01-2014 12:33:06
สงสารยุอ่าาาาาา ส่วนคู่รองเอาใจช่วยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 27-01-2014 01:05:29
สงสายยุ  :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 27-01-2014 13:54:49
อ้ายยยยยยยยย   หวานมากกกกก    น่ารักสุดๆๆ

สงสารยุจังเลย  คุณเมธสู้ๆๆ   เอาชนะใจให้ได้นะ 

เฮ้ย คู่รอง อ้ายยย   น่ารักไปละ  แสบมากกก  ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครบค่ะ) 24/01/14// P.51 (ความหลังอันขมขื่น)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 27-01-2014 19:44:26
ห๊ะ!!! อะไรนะ ยุถูกคนที่รักหักหลังสี่คนนนนน  :z3:   :a5:

น่าสงสารยุจังเลยยยยย  :sad4:

ส่วนอีกคู่กำลังหวานกรุบกริบๆเลยยยยย  :impress2:

รีบมาต่อน้าาาาา รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-01-2014 19:56:05
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 18 (หวาน...หวาม)
(ครึ่งแรก)



"วันนี้คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับยุ?"

เสียงทุ้มกังวาลเอ่ยถามอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ขณะที่สดายุยังคงแช่น้ำอุ่นคลายความเหนื่อยล้า

'เป็นหมาแก่เฝ้ายามรึไง...เฮ้อ...นี่เรากำลังถูกหลงรักใช่มั้ยเนี่ย?'

ฝ่ายสดายุเองก็ได้แต่คิดโน่นคิดนี่ไม่ยอมตอบออกไปเสียที ทิ้งหน่วงเวลาเนิ่นนานจนคนที่ยืนรอคำตอบอยู่หน้าประตูนั้นเริ่มมีอาการกังวล

"ยุครับ? นี่คุณห้ามหลับในอ่างน้ำนะ!"

เห็นว่าสดายุยังไม่ยอมตอบรับกฤตเมธก็เริ่มใจไม่ดีด้วยกลัวว่าสดายุจะเผลอหลับคาอ่างแล้วจมน้ำไปทั้งๆอย่างนั้นเสียก่อน (คนแก่จิตตก) จึงรีบเคาะประตูถามไถ่อย่างเร่งร้อน

"ผมยังอยู่ดีน่าคุณเมธ ผมทานอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ จัดมาเถอะ"

เสียงแหบหวานตะโกนออกมาท่าทางติดจะหงุดหงิดเล็กๆ ค่อยเรียกความโล่งใจให้กฤตเมธขึ้นมาหน่อย

'...ถ้าตื่นอยู่ก็ช่วยตอบให้มันเร็วๆหน่อยสิเจ้าเด็กอวดดี...เฮ้อ...ตกใจหมด'

เสียงเงียบหายออกไปจากหน้าประตู แสดงว่ากฤตเมธเดินออกไปจากตรงนั้นแล้ว สดายุถอนหายใจเฮือกยาวก่อนจะขดตัวขึ้นกอดเข่าตัวกลมดิกพลางซุกใบหน้าลงบนท่อนแขนผอมบาง กลิ้งหน้าถูไถไปมาราวกับลูกบอลอยู่ครู่ใหญ่ๆก่อนจะเงยหน้าพรวดขึ้นมาถอนหายใจยาวเหยียด

"เฮ้อ.....ร้อนหน้า...กำเดาจะไหล..."

บ่นออกมาแบบไร้ความหมาย กับใบหน้าที่ขึ้นรอยแดงเป็นริ้วบางๆ เห็นท่าจะไม่ไหวกับอาการที่เกิดอย่างไร้ที่มาของตัวเองตอนนี้ ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจลุกออกจากอ่างน้ำอุ่น เพื่อเสร็จสิ้นการอาบน้ำที่ยาวนานของตนเสียที

*
*
*

"ทำไมปล่อยผมเปียกซ่กอย่างนั้นล่ะคุณ? เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี"

เสียงกฤตเมธดังขึ้นทันทีที่เห็นสดายุออกจากห้องน้ำมาได้ในที่สุด

ตั้งแต่ยินยอมพร้อมใจให้เข้าใกล้ได้แบบไม่มีติดขัดนั้น รู้สึกคำเตือนคำสั่งสอนด้วยความเป็นห่วงเป็นใยจะเยอะขึ้นตามตัวไปด้วยเช่นกัน อันนั้นไม่ดี อันนี้ไม่ได้ จนสดายุยังรู้สึกละเหี่ยใจ...

'นี่จะจีบไปเป็นแฟน...หรือเป็นลูกกันแน่เนี่ย?'

สดายุได้แต่คิดในใจโดยที่ไม่แม้แต่ชำเลืองไปมองคนที่ยืนรออยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใยที่โต๊ะอาหารเล็กๆในห้อง ร่างโปร่งเดินเลยไปจนถึงโต๊ะเครื่องแป้งหน้ากระจก เพื่อหยิบครีมบำรุงผิวขึ้นมาทาเป็นกิจวัตร ปล่อยให้กฤตเมธยืนรอไปก่อนอยู่อย่างนั้น อย่างน่าเห็นใจไม่น้อย

พรึ่บ...

'…!!!?'

"เด็กดื้อนะคุณเนี่ย"

"......................." ( - //// - )

และแล้วคนแก่กว่าก็ไม่ยอมให้ตัวเองถูกหมางเมินนานนัก ผ้าขนหนูผืนน้อยเลยขึ้นไปโปะอยู่บนศีรษะของสดายุในที่สุด พร้อมมือแกร่งช่วยขยี้ซับความเปียกชื้นให้อย่างอ่อนโยนอีกด้วย

"................"

"................"

ต่างคนก็ต่างเงียบ กฤตเมธช่วยซับผมเปียกให้คนตัวเล็กกว่าอย่างตั้งอกตั้งใจ สดายุก็ยืนนิ่งรับความช่วยเหลืออย่างไม่มีขัดขืนฝืนกาย

"...หมาดขึ้นแล้วล่ะ เป่าด้วยเลยมั้ย?"

"...ก็ได้"

"เอ้า นั่งลงก่อนสิ เดี๋ยวเป่าผมให้"

กฤตเมธเอ่ยเสียงทุ้มหวาน กดไหล่สดายุเล็กน้อยให้เจ้าตัวนั่งลงบนเก้าอี้นวมตัวเล็กหน้ากระจกพอดิบพอดี ใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจกของสดายุนั้นเรียบนิ่ง เฉยสนิท แต่...ใบหูที่แดงซ่านนั่นทำให้กฤตเมธรู้ได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าเด็กอวดดีขี้เก็กของเขานั้น...ก็เขินกับเขาเป็นเหมือนกัน

วู่ วู่ วู่...

เสียงไดร์เป่าผมปล่อยลมอุ่นเสียงหวืดหวือชำระละอองน้ำฝอยให้เหือดระเหย คืนความนุ่มสลวยสู่เส้นผมอีกครั้ง

หนึ่งหนุ่มใหญ่พึงใจที่ได้ให้บริการ...

อีกหนึ่งหนุ่มน้อยก็พอใจที่ได้รับบริการเช่นกัน ...

ความหวามไหวปะทุขึ้นกลางอกทั้งคู่ราวกับลาวาภูเขาไฟที่กำลังพร้อมจะลุกไหม้และระเบิดได้ทุกเวลาที่มีสิ่งเร้า...โดยเฉพาะเมื่อตาสบตาผ่านกระจกใสสะท้อนสองร่างซ้อนกันอยู่ นิ้วมือแกร่งค่อยๆเลื่อนจากการสางเส้นผม ไล่เลื้อยเรื่อยมาถึงพวงแก้มนุ่มนิ่ม ลอบสัมผัสผิวนุ่มลื่นลงไปจรดปลายคาง เสแสร้งแกล้งว่าช่วยจัดทรงผมให้ มีหรือที่สดายุจะตามไม่ทันการลอบแตะอั๋งแบบไม่ตั้งใจนี้เพราะมันไม่ได้เนียนเลยแม้แต่นิด ทว่าสดายุก็ไม่ได้กระโตกกระตาก ซ้ำยังยินยอมให้สัมผัสอยู่อย่างนั้น...บางทีเล่ห์กลคนแก่ก็ทำสดายุแพ้ทางได้เหมือนกันนะ

ราวกับจะลืมหายใจ...เมื่อดวงตาสบกันนิ่งผ่านกระจกบานใสอย่างไม่สามารถละจากกันได้

เมื่อถูกจับจ้องราวกับต้องมนต์สะกด สดายุก็ถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับไปไหนเพราะถูกสายตาคมกล้าลึกล้ำของกฤตเมธตรึงไว้กับที่เสียแล้ว ภาพที่เห็นผ่านกระจกตอนนี้นั้นคือภาพของกฤตเมธที่ค่อยๆโน้มตัวต่ำลงมาเรื่อยๆ ใบหน้านั้นโน้มเข้ามาใกล้จากด้านหลังเรื่อยๆ มือแกร่งทั้งสองข้างที่วางแหมะอยู่ตรงหัวไหล่ค่อยๆเกลี่ยปลายนิ้วโป้งคลึงตรงส่วนโค้งมนแผ่วเบา...ทั้งที่การกระทำนั้นอยู่บนผิวผ้า ทว่าความระอุร้อนก็เหมือนจะซึมผ่านลงมาถึงผิวเนื้อราวกับไร้สิ่งปิดป้อง หัวใจของสดายุกระตุกวูบวาบ พาลให้ลมหายใจขาดห้วงทุกวินาทีที่ใบหน้าหล่อคมนั้นเคลื่อนเข้าใกล้ และโดยไม่ได้ตั้งใจ สดายุเพิ่งจะเคยได้เห็นเต็มตาครั้งแรก ได้ซึมซับความหล่อเหลาของกฤตเมธเต็มความรู้สึกครั้งแรก เสน่ห์แรงกล้าของผู้สูงวัยกว่าแผ่ซ่านซึมลึกเข้าสู่ทุกอณูขุมขน...

'...แย่แล้ว...เรากำลังจะแย่แล้ว...'

พยายามเตือนสติตัวเองอยู่ในใจ แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว...

ใบหน้าของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกใสแดงซ่านเสียยิ่งกว่าคนเป็นไข้ ดวงตาที่ถูกสะกดไว้กับกระจกบานนั้นเต็มไปด้วยความสับสน อีกทั้งยังประหม่า...แต่ทว่า...ช่างเชื่อมปรอย อย่างที่ตัวเองยังไม่เคยได้เห็นมาก่อน

'อ๊ะ...'

ร่างโปร่งบางสะท้านเฮือกเมื่อช่องว่างระหว่างคอเสื้อยืดใส่นอนกับผิวเนื้อผ่องตรงซอกคอขาวโดนลอบจุมพิตด้วยริมฝีปากร้อนระอุราวไฟนาบ มือไม้ที่ควรจะขัดขืนดันอ่อนเรี่ยวแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

หนึ่งมือแกร่งเกี่ยวคอเสื้อยืดให้เปิดออกเพื่อเผยผิวเนื้ออย่างถือวิสาสะ ส่วนอีกข้างก็บรรจงเชยปลายคางให้เอนเอียงเผยช่วงคอระหงเพื่อเปิดรับจุมพิตเร่าร้อน

"...อึก..."

เสียงลมหายใจสะดุดดังขึ้นผะแผ่วขณะที่ลำคอขาวกำลังถูกจาบจ้วงรุกราน แม้จะไม่ใช่จูบที่หนักหน่วง เป็นเพียงแค่จุมพิตแผ่วผิว กดย้ำริมฝีปากบางเบาลงบนต้นคอระหงพอให้เจ้าขอได้รู้สึกวาบหวิว เพราะไม่ได้ต้องการฝากริ้วรอย

"…!!?..."

ทั้งที่ถูกรุกรานแต่หัวใจกลับเคลิ้มไหว ขนาดถูกเชยรั้งใบหน้าให้หันไปขึ้นรับจุมพิตพิสวาส ร่างโปร่งก็ได้แต่สั่นสะท้านรับสัมผัส อย่างลืมเนื้อลืมตัว

สัมผัสหวามไหวที่ห่างหายมานานแสนนาน ทำเอาสติสตังของสดายุกระเจิงหายไปไหนต่อไหนอย่างยากจะกู่กลับ รสจูบของกฤตเมธหวานยิ่งกว่าหวาน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปากที่บดคลึงลงมาอย่างร้อนเร่า หรือแม้แต่ปลายลิ้นช่ำชองเกี่ยวกระหวัดเร่าร้อน ทุกการกระทำโน้มนำให้สมองของสดายุหลอมละลายกลายเป็นน้ำ...

'...แย่...แย่แล้ว...'

รสจูบละมุนลิ้นเกินไป อ้อมกอดเร้าใจเกินไป อนุสติที่เหลือของสดายุได้แต่ตะโกนก้อง ร้องขอให้ชายหนุ่มรู้ตัวก่อนจะละลายหายไปเสียตรงนี้

"...ฮ้า...อึก...พอก่อน..."

ดีว่าความยับยั้งชั่งใจยังพอเหลืออนุภาพ ให้ยังพอมีเรี่ยวแรงยกมือขึ้นใช้นิ้วเรียวขาวขึ้นปิดป้องริมฝีปากร้ายกาจที่กำลังจะเปิดฉากล่วงล้ำอีกรอบไว้ได้ทันการ สองร่างหอบหายใจถี่กระชั้น ฤทธิ์จูบซาบซ่านซึมลึก กระตุ้นให้หัวใจสองดวงเต้นระส่ำอย่างลืมตาย

".................."

"...................."

หลังการโรมรันยุติลงทั้งกฤตเมธและสดายุก็ยังคงอยู่ในภวังค์กันครู่ใหญ่ ต่างคนต่างนิ่งเงียบ ได้แต่จ้องตากันนิ่ง ใบหน้าผู้สูงวัยกว่าก็ชวนเคลิ้มด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาโหยหา ใบหน้าของผู้อ่อนวัยกว่าก็ชวนฝัน ดวงตาเชื่อมปรอยหวานฉ่ำ พวงแก้มสีแดงจัดด้วยแรงอารมณ์ ริมฝีปากบางนั้นเล่าก็ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำพราววาวแวว แถมยังเจ่อแดงเตะตาน่ารังแกยิ่งนัก...

กว่าที่ทั้งคู่จะตื่นสู่ความจริงได้เวลาก็ล่วงไปเป็นนาที เป็นกฤตเมธที่เป็นฝ่ายคืนสติก่อนจึงกระตุกยิ้มยั่วเย้า เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงเหม่อลอยด้วยดวงหน้าแดงซ่าน และทันทีที่เห็นอีกฝ่ายยิ้มเยาะ สดายุก็รู้ตัวทันทีว่าตัวเองกำลังอยู่ใสสภาพที่น่าอายขนาดไหน ยินยอมให้อีกฝ่ายรุกรานโดนไม่มีการขัดขืนช่างเป็นอะไรที่สดายุอยากหารูมุดแผ่นกระเบื้องหายไปให้พ้นๆเสียตอนนี้จริงๆ...

"...ฉวยโอกาส"

".........??"

เสียงแหบพร่าตามไสตล์ผู้ชายแหบเสน่ห์เปรยขึ้นเบาๆ ดวงตาใสกระจ่างที่เคยจดจ้องอีกฝ่ายอยู่เมื่อครู่หลุบต่ำ

"เก่งจังนะ เรื่องเอาเปรียบคนอื่นเนี่ย..."

จากนั้นถ้อยคำแสลงใจก็ลั่นออกมาเป็นชุด กฤตเมธรู้ตัวรีบผละตัวถอยห่าง ออกมายืนในท่ายกมือสองข้างขึ้นแทนการยอมแพ้ และยอมรับความผิดทุกประการ

"โอเคครับ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว..."

คำขออภัยเอ่ยออกมาอย่างง่ายดาย เพราะเจ้าตัวรู้สึกผิดจริงจัง(?) ที่เผลอลืมตัวทำเกินเลย ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ขัดขืนก็ยิ่งได้ใจ แต่...จะให้รับผิดคนเดียวก็กระไรอยู่ เรื่องแบบนี้ต้องร่วมด้วยช่วยกันถึงจะถึงฝั่งได้ ถ้าสดายุไม่สมยอมตั้งแต่แรก ก็คงไม่ลากยาวถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้น กฤตเมธขอเห็นแก่ตัว โดยการคิดเข้าข้างตัวเองนิดหน่อยให้พอกระชุ่มกระชวย

"...ผมขอโทษจริงๆนะ"

เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ ดวงหน้ายังคงเห่อแดงน่ารักน่าใคร่ กฤตเมธก็ค่อยๆโน้มตัวลงใกล้ เพื่อทำการขอโทษเน้นๆอีกครั้ง พร้อมทั้ง...

"คราวหน้า...ผมจะขออนุญาตก่อนนะครับ"

...เอ่ยขออนุญาตเบาๆ

"....นี่คุณ!!??"

"ไปทานอาหารเย็นกันได้แล้วครับ เดี๋ยวพาสต้าจะเย็นหมด"

พูดจบก็ยืดตัวขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินกลับไปนั่งประจำที่ตัวเองที่โต๊ะอาหารโต๊ะเล็ก ด้วยหน้าตาที่ไม่ค่อยจะรู้สึกผิดสักเท่าไหร่นัก เรียกความหมั่นไส้ในใจของสดายุให้คุกรุ่นขึ้นมาอีก...ครั้งแล้ว ครั้งเล่า...

"จะสิงอยู่ในห้องผมเลยมั้ยคุณ? ผมจะได้ย้ายไปอยู่ห้องคุณแทน!"

จัดไปหนึ่งดอกก่อนหย่อนตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม กฤตเมธยังคงยิ้มรับ ไม่มีทีท่าสะทกสะท้านแต่อย่างใด

“ไม่กล้าสิงหรอกครับ เจ้าที่แรงขนาดนี้ ผมกลับห้องผมดีกว่า”

“...ให้มันจริงเถอะครับ”

ทั้งขับไล่ ทั้งค้อนใส่ตอกส่งสำทับ สารพัดที่สดายุจะทำใส่ตาแก่หน้าเป็นที่กำลังนั่งกินอาหารเย็นอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าคนร่วมโต๊ะนั้นตาขวางไปถึงไหนต่อไหน เพราะในสายตาของกฤตเมธนั้น... ‘มันน่ารักจะตาย’

*************************************

จิรีบมาต่ออีกครึ่งนะจ๊ะ...
รอสักระยะ...
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 27-01-2014 20:02:33
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 27-01-2014 20:09:37
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 27-01-2014 20:17:50
คนแก่ดูแลดีจัง อย่างงี้เด็กจะไม่หลงได้งัย  :-[

อยากอ่าน หวาม!!ต่ออ่ะ รอๆนักเขียนจ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ~tai~ ที่ 27-01-2014 20:25:05
 :eiei1::-[ o9: :ling1: :katai1:  บรรยายความรู้สึกที่ได้อ่าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-01-2014 20:27:30
 :z1: หวานเบาๆ น้องยุโดนตาแก่ล่อลวง 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-01-2014 20:31:11
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 27-01-2014 20:32:20
เอิ่ม...เฮียแลจิเป็นตาลุงขึ้นเรื่อยๆอ่ะ... :undecided:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-01-2014 20:33:14
หวาน ๆ ยุเริ่มเห็นใจคนแก่แล้วซิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 27-01-2014 20:34:07
หวานนนนน ตามชื่อตอนเลย  :-[


 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-01-2014 20:47:54
พี่เมธล่อลวงเด็ก 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 27-01-2014 20:51:09
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
เวลาเค้าหวานกันแล้วมันแบบ ชื่นใจจจจ
พี่เมธทำน้องยุเคลิ้มซะะะ 55555555555 :katai3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 27-01-2014 20:54:04
แหมหยุดทำทัยล่ะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 27-01-2014 21:00:43
คนเขียนบอกว่า อีกสักระยะ  :z3: :z3: :z3: :z3:  :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 27-01-2014 21:04:20
โอ๊ยยยยย ถ้าน้องยุจะน่ารักน่าฟัดขนาดนี้ จับปล้ำเลยดีมั้ยคะพี่กฤต  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 27-01-2014 21:10:05
มดรุมทึ้งร่างเบาๆ นะคะตอนนี้ หวานกันจริงๆ เลยนะจ๊ะ คริๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 27-01-2014 21:26:29
หวานจิงๆ อ่านแล้วเขินๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 27-01-2014 21:45:26
แหม่ ชื่อตอนช่างยั่วยวนชวนกด (เข้ามาดูมาก555) :hao6:

ว้ายยยยย หวานเว่อร์  :o8:

รอครึ่งหลังค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 27-01-2014 22:11:55
จะระทวยไปพร้อมกับน้องยุ
เขินนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-01-2014 22:22:11
นี่มันไม่เรียกว่าจีบนะ
มันเรียกคู่ข้าวใหม่ปลามัน :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-01-2014 22:30:45
อ๊ายยยยยยยยย คู่นี้น่ารัก ไม่อยากให้กลับไทย555 ชอบมาก รอตอนต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 27-01-2014 22:32:16
รอมาตลอด เพื่อฉากหวานๆอย่างนี้แหละจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-01-2014 22:34:16
อ่านรวดเดียว
สงสารยุ
รักยุ (คนแก่อย่าตบอิฉัน)
แอร๊ยยยยยย
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 27-01-2014 22:36:13
รุกเลยๆ ขอเชียร์อย่างออกนอกหน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-01-2014 22:46:52
หึยยยย
หวานไป กีสส
อิจฉาจริงจริ๊งงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 27-01-2014 22:55:35
เง้ยยยย
ตอนนี้หวานสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 27-01-2014 23:53:50
น้องยุ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวพี่เมธปกป้องยุเองนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-01-2014 01:28:13
เมธดูแลยุดี ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 28-01-2014 01:32:11
หวานเนอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-01-2014 01:54:37
มดขึ้นกันเลยทีเดียว  :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 28-01-2014 03:40:47
โอ้ยยยยย ฟินนนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 28-01-2014 07:17:52
ช่างเย้าแหย่จริงนะคนแก่~ :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 28-01-2014 08:16:10
โอยยยยย น่าร้ากกกกกกกกก  :-[

คุณเมธก็ขออนุญาตยุบ่อยๆละกันนะ เซอร์วิสแฟนคลับไรงี้  :impress2:

รอครึ่งหลังจ้าาาาาา~  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 28-01-2014 12:15:09
คริคริ  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-01-2014 16:42:05
จ้า คนมีความรักมักจะดูเด็กลงไปนิดนึง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 28-01-2014 18:56:25
'นี่จะจีบไปเป็นแฟน...หรือเป็นลูกกันแน่เนี่ย?'
...ตอนแรกแอบคิดเหมือนกัน แหะๆ  :hao3:
แต่เฮ้ย พี่เมธเขาต้องจีบไปเป็นเมีย...เป็นแฟนซี้
ดูแลกันดีจนน่าอิจฉาเลยเนี่ย
คนแก่นี่เอาใจเก่งจังเลยเน้อ น้องยุ อิอิ
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 28-01-2014 19:30:36
ในสายตาของข้าพเจ้าก็น่ารักมาก >////<
ภาษาสวยมากมาย เคลิ้มเลย อิอิ

 :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 28-01-2014 21:38:30
โหว่ว ละมุนแกมขัดเขิน ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 28-01-2014 21:57:25
หวาน นุ่มนวล ชวนอบอุ่น

 :fire: อิจฉาหนูยุน้าาาาา อยากได้ผช แบบคุณกฤตเมธบ้างอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 28-01-2014 22:00:57
มาต่อเร็วค่าาาา คิดถึงเรื่องนี้มากมาย
 :hao6: :hao6:
เมื่อไหร่ยุจะใจอ่อนน้า  :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 29-01-2014 23:11:55
 :o8: มันน่ารักจริงๆเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: I-TALAY ที่ 30-01-2014 01:48:13
คนแก่เจ้าเล่ห์สุดๆ ถ้าน้องยุดื้อนักก็จับปล้ำอีกสักรอบเลยครับ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ycrazy ที่ 30-01-2014 03:45:20
ว่าจะนอนตั้งนานแล้ว มัวแต่ติดลมกับนิยายอยู่
ช่วงหลังๆน่ารักกก แต่ดูท่าแล้วต่อไปคงมีมาม่าชามโตแน่เลย :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 30-01-2014 19:22:01
ฮ่าๆๆๆ   น่ารักอะ   น่ารักมากก

รอครึ่งหลังแปป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-01-2014 19:30:39
เห็นคนแก่ดูแลขนาดนี้ ยุจ๋าหนูใจอ่อนเท้ออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 31-01-2014 10:39:09
แลดูมุ้งมิ้งขึ้นนะน้องยุ
สู้ต่อไปนะตาเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 31-01-2014 12:34:16
หวาน  :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 31-01-2014 12:40:54
หวานนนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Greennut ที่ 31-01-2014 21:59:47
สนุกมากก  น้องยุน่ารัก :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: gupalz ที่ 01-02-2014 12:56:18
หวานมากเลยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: heaven13 ที่ 01-02-2014 13:07:47
กรี้ดดดดดดด
อ่านไปเขิลไป
หวาน....หวาม
 สมชื่อตอนจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 01-02-2014 22:38:47
โอ๊ยยยยยยย เรื่องของสดายุอย่างเศร้าเลย

น่าสงสารที่สุด กฤตเมธดูแลน้องดีๆนะ

ขอหวนเลี่ยนไปเลย :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 02-02-2014 13:55:35
แหมๆๆๆ อิคุณน้องยุขา ยิ่งอ่านน้องยิ่งน่ารักนะเคอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.52 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 03-02-2014 18:48:50
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 18 (หวาน...หวาม)
(เต็ม)




และแล้วกฤตเมธก็ทำตามที่พูด คืนนั้นชายหนุ่มกลับไปนอนที่ห้องของตัวเองตามปกติ พระเอกหนุ่มใหญ่รู้ดีว่าตอนนี้เขายังไม่ควรจะรุกสดายุมากเกินไป เหตุการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้มันมีแนวโน้มไปในทางที่ดีขึ้นอยู่มาก การจะฝืนเร่งรัดอาจทำให้สดายถอยมากกว่าเคลิ้มก็เป็นได้

กฤตเมธยังมีเวลาอีกทั้งเดือน ที่จะพิชิตใจเด็กดื้ออย่างสดายุ...

*
*
*
*
*


 “ไปต่อกันได้แล้ว!

เสียงทุ้มแผดกร้าวขึ้นพร้อมแขนแกร่งคว้าร่างโปร่งบางของคู่สนทนาปลิวหวือตามมือ

“อ๊ะ ภู เดี๋ยว...!”

แม้จะถูกร้องห้าม มือไม้ของคนตัวใหญ่กว่าก็โอบเอวบางอย่างถือวิสาสะเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ สายตาชำเลืองมองผู้ร่วมเหตุการณ์อีกคนอย่างเป็นต่อ...ตามบทบาทอันหน้าหมั่นไส้ของบทนคินทร์ที่กฤตเมธสวมบทอยู่

“เฮ้ย! ภู ปละ ปล่อยฉันนะเว้ย! ฉันอายเค้านะ”

สดายุในคราบของภุมราร้องโวยวายพลางมือไม้ก็เริ่มแกะมือปลาหมึกของนคินทร์(กฤตเมธ) เป็นพัลวัล

“อายใครที่ไหนกัน ไม่มีใครรู้จักเราสักหน่อย”

“โธ่ ก็ซอกับคุณหมอไงล่ะ พวกเขามองอยู่นะ ปล่อยฉันก่อน”

เอ่ยพลางชำเลืองมองไปทางกล้องที่เคลื่อนตามอยู่ด้านหลัง แสร้งว่าหันไปมองอีกสองคนที่ตามหลังมาตามบท

“หึหึ จะไปอายอะไรกับเจ้าซอ? ขนาดตอนเราจูบกันมันยังเคยเห็นมาแล้วเลย ประสาอะไรกะอีแค่โอบเอว...ส่วนคุณหมอนั่นน่ะให้เห็นอย่างนี้แหละดีแล้ว จะได้รู้กันไปไง ว่านายมีเจ้าของแล้ว!”

“ไม่ตลกนะภู ปล่อย!”

“แล้วหน้าฉันมันบอกว่าตลกงั้นเหรอ”

ท่อนแขนกำยำกระชับร่างบางแน่นขึ้น ใบหน้าคมเข้มขยับเข้าประชิดจนลมหายใจรินรดแก้มนิ่ม ผู้อยู่ในอ้อมกอดรีบเบือนหน้าหนีแสร้งว่าเขินอาย อย่างที่บทบาทของภุมราควรจะเป็น

 “ฉะ...ฉัน ไม่ใช่ของของใครสักหน่อย”

เสียงแหบหวานเอ่ยแผ่วผิว เพื่อต่อบททัดทานคำพูดของร่างหนาที่ส่งอารมณ์คุกคามมาให้อย่างถึงพริกถึงขิง สมกับความสามารถระดับพระเอกเนื้อทอง 

“ใช่ครับ!! ภู่ไม่ใช่ของของใคร เพราะภู่ไม่ใช่สิ่งของ!”

เสียงทุ้มกังวาลของพอร์ชในคราบของหมอธเนศ ดังขึ้นมาทันใด สดายุและกฤตเมธหันไปทางตากล้องทันทีตามบท ทำเหมือนว่าหันไปมองหมอธเนศ ที่ตะโกนไล่หลังมา...

“คัทททททททท!!! เอ้า ดีมากๆ ผ่านๆ”

การถ่ายทำแต่ละซีนไม่ได้ต่อเนื่องกันเป็นฉาก แต่เป็นการตัดสลับเป็นช็อตสั้นๆ เพื่อง่ายต่อการวางมุมกล้องและการตัดต่อ
ในส่วนแรกเป็นส่วนของสดายุและกฤตเมธทั้งหมดต่อเนื่อง ในส่วนหลังจะเป็นของกฤตเมธกับรุจน์และพอร์ชเท่านั้น เพราะส่วนของสดายุที่ต้องถ่ายร่วมกับสองนักแสดงรุ่นน้องนั้นถ่ายทำเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ดังนั้นตารางการถ่ายทำซีนเดินตลาดสานสัมพันธ์พระนาย อ๊อดคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงบ่าย ผู้กำกับรุ่นใหญ่ไฟแรงกล้าจึงหมายมั่นจะถ่ายฉากเลิฟซีนคู่รองต่อทันทีในช่วงหัวค่ำ
เหลือเวลาอีกเพียงเดือนกว่าๆก็จะครบกำหนดระยะเวลาการถ่ายทำที่มัลดีฟส์แล้ว อ๊อดจึงอยากจะเร่งทำงานให้เสร็จสิ้นเร็วที่สุดและมีประสิทธิภาพที่สุดด้วย

"เอ้าๆ ซับเหงื่อซับหน้าเรียบร้อย เดี๋ยวเตรียมถ่ายต่อได้เลยนะ ทีมงานเซ็ตกล้อง เซ็ตไฟสิ...เอ้ๆ ลุกกันให้มันเร็วหน่อย"
ให้ได้พักเพียงไม่ถึงยี่สิบนาที อ๊อดก็เรียกระดมพลเตรียมถ่ายฉากต่อไปทันที การทำงานเสร็จตามกำหนดการถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามและความเข้มงวดไม่น้อย

"เอ้าเมธ ยุ พอร์ช มายืนตรงนี้"

ระหว่างทีมงานเร่งมือจัดกล้อง แสง ไฟ และอื่นๆกันอย่างขมักเขม้นนั้น อ๊อดก็เรียกสามนักแสดงนำออกมาเพื่อซักซ้อมคิว ก่อนแสดงจริง

"พอร์ช เดี๋ยวพอเอ็งพูดว่า 'ภู่ไม่ใช่ของของใคร เพราะภู่ไม่ใช่สิ่งของ!' เหมือนบทเมื่อครู่จบ เอ็งมาหยุดยืนอตรงหลังของไอ้ยุเลยนะ กะระยะให้ห่างประมาณฟุตครึ่งก็พอ แล้วอย่าลืมทำหน้าเหี้ยมๆจ้องหน้าเมธมันแบบจะแดกมันเข้าไปได้ทั้งตัวเลย โอเคนะ"

"ครับ" (พอร์ชพยักหน้ารับหงึกหงักเบาๆ พร้อมประมวลผลตามทันที)

"ส่วนเมธเองตอนที่ไอ้พอร์ชมันเข้ามาปุ๊บ ต่อบทเสร็จปั๊บก็จับหน้าไอ้ยุมันจูบได้เลยนะ" 

(กฤตเมธพยักหน้ารับคำ)

"ยุ เดี๋ยวพอโดนจูบยุก็ดิ้นเลยนะ แต่เอาแค่พอเหมือนขัดขืนเล็กๆก็พอ ประมาณยอมครึ่งไม่ยอมครึ่งอ่ะ"

"ครับ" (สดายุพยักหน้าเข้าใจ)

"พอจูบเสร็จพระเอกก็ชำเลืองมองหมอนะ พี่อยากได้แบบเท่ห์เลยน่ะ หันมาแค่นิดเดียวพอ แล้วใช้สายตาข่ม หมอก็ต้องทั้งอึ้งทั้งโมโห แล้วก็จ้องข่มกันด้วยสายตากันไปเลยนะ แล้วเดี๋ยวพอยุต่อยเมธออกไปแล้ว ก็เดินผ่านกล้องตัวนั้นไปเลย เป็นอันจบซีน โอมั้ย? อืมโอแล้วนะ เอาล่ะ เริ่มกันเลย"

ว่าเอง ถามเอง เออออเอาเอง แบบเสร็จสรรพ อ๊อดก็เร่งรัดเพื่อเริ่มถ่ายทำต่อทันที

"แอ็คคคคคคค....ชั่น!!"

“ใช่ครับ!! ภู่ไม่ใช่ของของใคร เพราะภู่ไม่ใช่สิ่งของ!”

"คัทททททททท!!"

"…………….!!??"

ถึงกับอึ้งกันไปทั้งกองถ่าย เพราะเพียงแค่เริ่มประโยคแรก ผู้กำกับรุ่นใหญ่ก็ตะโกนสั่งคัทคันควัน เล่นเอาพอร์ชหน้าเสียไปเล็กน้อยเพราะเข้าใจว่าตัวเองเล่นผิดคิว

"ยุ เมธ ท่ากอดของพวกนายไม่เหมือนเดิมอ่ะ เบี่ยงตัวใหม่ซิ ฮื่อแบบนั้นไม่ใช่ มานี่มะพี่ทำให้ดู เอ้าไอ้ยุมานี่..."

เข้าประชิดตัวได้อ๊อดก็บ่นๆๆ แล้วก็ลากตัวสดายุเข้ามากอดเพื่อซ้อมคิวใหม่อีกรอบ ท่ามกลางสายตาของทุกคนในกองถ่ายที่รู้สึกได้ว่า 'วันนี้อ๊อดอารมณ์บูดเป็นพิเศษ...'

"เวลาถูกกอดเอาไว้น่ะ พยายามขัดขืนหน่อย เอามือซ้ายมาดันอกพี่ไว้ เอออย่างนั้น แล้วอีกมือดันแขน อือๆ เข้าท่าๆ จำไว้ยุ ถึงสายตาจะมองพอร์ช แต่แขนยังต้องดันเอาไว้ อย่าลดการ์ดแบบเมื่อกี้อีกนะ"

"...ครับพี่ ขอโทษครับ" (สดายุรีบขอโทษออกไปก่อน ที่แสดงออกมาไม่ได้ดั่งใจผู้กำกับ)

"โอเค งั้นเดี๋ยวเริ่มใหม่อีกที...เออ...เอ๊ะ...ไอ้ยุ นายลดน้ำหนักลงได้กี่กิโลแล้วเนี่ย?"

"...เอ่อ 15 กิโลแล้วครับ...ตอนนี้เหลือ 55 กิโล..."

จู่ๆก็เจอคำถามเรื่องน้ำหนักแบบไม่ตั้งตัวสดายุถึงกับตอบแบบอึกอัก เพราะคาดไม่ถึง


"เหรอ เออถึงว่าเอวบางเชียว ที่มัลดีฟส์เนี่ยยุไม่ต้องลดน้ำหนักแล้วนะ ให้คงเอาไว้แบบนี้แหละ"

"ครับ"

"แต่เดี๋ยวพอกลับกรุงเทพแล้วพี่ขอให้ลดอีกสัก 5 กิโลได้มั้ย? ฉากป่วยของภุมราพี่อยากได้แบบสมจริงน่ะ"

"ได้ครับพี่"

สดายุรับคำก่อนที่อ๊อดจะเดินกลับไปประจำตำแหน่งของตนเหมือนเดิม

ฝ่ายกฤตเมธพอได้ยินเรื่องน้ำหนักของสดายุ ชายหนุ่มก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อย เพราะด้วยส่วนสูงเกือบร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรของชายหนุ่ม การมีน้ำหนักเพียง 55 กิโลกรัมอย่างทุกวันนี้ก็ถือว่าผอมกว่ามาตรฐานจะแย่อยู่แล้ว พี่อ๊อดยังอุตส่าห์จะให้ลดเพิ่มอีก แล้วสดายุของเขาจะไหวหรือเปล่านะ...

"เอ้า เริ่มกันใหม่ได้เลย ประจำที่นะ...แอ็คคคคคคคค...ชั่น!!!"

“ใช่ครับ!! ภู่ไม่ใช่ของของใคร เพราะภู่ไม่ใช่สิ่งของ!”

สิ้นเสียงสั่งเดินกล้อง พอร์ชก็แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวตามบทออกมาอย่างเต็มที่ สวมบทหมอธเนศออกมาอย่างสมบูรณ์

 “ขอโทษนะครับคุณนคินทร์ ช่วยปล่อยภู่ทีเถอะครับ”

“มันไม่ใช่ธุระของคุณนะครับ คุณหมอธเนตร”

ทางด้านกฤตเมธนั้น ก็สามารถแสดงออกมาได้สมบูรณ์แบบสมราคาพระเอกเนื้อทองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการปรายตามองท่าทางกวนอารมณ์จิกข่ม สมกับเป็นนคินทร์ตามบทประพันธ์จนแยกตัวจริงกับบทบาทแทบจะไม่ออกเลยทีเดียว

“ธุระของผมแน่ครับ เพราะภู่เป็นเพื่อนของผม ผมไม่อยากให้คนนอกมาทำเรื่องที่ไม่ให้เกียรติเพื่อนของผม!”

"คนนอกเหรอ หึ!"

"อื้อ!!"
                       
จบประโยคปุ๊บ กฤตเมธก็คว้าคอสดายุขึ้นมาบดจูบเร่าร้อนตามบทที่ต้องแสดงให้คู่แข่งหัวใจอย่างหมอธเนศเห็นถึงความเหนือชั้นกว่าของตัวเอง กฤตจเมธเล่นตามบทนั้นอย่างถึงพริกถึงขิง สดายุในคราบของภุมราก็ไม่ยิ่งหย่อน สภาพการถูกรุกรานโดยไม่เต็มใจและการขัดขืนที่บ่งบอกว่าโกรธแต่ไม่ได้รังเกียจนั้นก้แสดงออกมาได้ดีราวกับที่ยืนอยู่ตรงนี้คือนคินทร์กับภุมราตัวจริง ไม่ใช่กฤตเมธและสดายุ

"ทีนี้รู้แล้วหรือยัง ว่าใครกันแน่ที่เป็น…'คนนอก!'  "

ถอนจูบออกมาก็ปรายตาชำเลืองมองไปยังตากล้อง เพื่อถ่ายซูมหน้าก่อนหนึ่งครั้ง ก่อนจะซูมออกมาที่หมอธเนศ เว้นจังหวะทิ้งหน่วงให้กล้องหมุนเล็กน้อย ก่อนที่กฤตเมธจะยิ้มเยาะที่มุมปากออกมาเล็กๆ พร้อมกับจังหวะที่กล้องตัวหลักถอยห่าง สดายุก็ปล่อยหมัดเสยปลายคางกฤตเมธตามบทสุดท้ายของซีนทันที   

"!!!!!!"              

"ไปตายซะ ไอ้บ้า!!"

“โอเค คัททททททททททท!!!”

จบไดอะล๊อคสุดท้ายของสดายุ เสียงสั่งคัทก็ดังขึ้นทันที นักแสดงถอนหายใจเฮือกเพื่อปรับอารมณ์ ทีมงานก็รีบรุดจัดฉากใหม่กันอย่างขมักเขม้น (เพราะวันนี้ดูเหมือนผู้กำกับคนดีของพวกเขาจะอารมณ์บูดเหลือเกิน ขืนชักช้ายืดยาดจนไปขัดลูกนัยย์ตาพระเดชพระคุณเข้า อาจจบแบบศพไม่สวยก็เป็นได้

“พอร์ช พอร์ช มึงว่าวันนี้พี่อ๊อดแกดุผิดปกติป่ะว๊ะ?...”

ช่วงพักซีน ที่ยังพอเหลือเวลา รุจน์รีบโผเข้าหาเพื่อนรักเพื่อระบายความอัดอั้นทันที

“...อืม...ก็นิดหน่อยนะ แต่ก็ไม่เห็นจะน่ากลัวอะไรนี่ พี่เขาก็ไม่ได้ดุอะไรพวกเราอย่างไม่มีเหตุผลเสียหน่อย”

“อึ๋ย...แต่กูกลัวอ่ะ อึดอัดจิตายแล้วเนี่ย ขืนตอนเย็นพี่แกยังไม่หายหงุดหงิด ไม่เลิกทำหน้ายักษ์แบบตอนนี้ล่ะก็ กุได้ตายจริงตอนฉากเลิฟซีนแน่ๆ...”

ถึงแม้พอร์ชจะไม่ได้รู้สึกรู้สาไปด้วย แต่รุจน์ก็ยังไม่หยุดกระซิบกระซาบหาคนเข้าข้างไม่หยุด พร้อมกันนั้นเสียงริงโทนของใครสักคนก็ดังขึ้น


...คนที่ไม่ใช่แฟน...ทำแทนทุกเรื่องไม่ได้ได้ได้ได้...เหนื่อยก็รู้...หงาวก็เข้าใจ...แต่มิอาจให้ยืมอ้อมมมมแขนนนน...


เสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นในขณะที่ทีมงานทุกคนกำลังเซ็ตฉากใหม่ สดายุและกฤตเมธกำลังแต่งหน้า และรุจน์กับพอร์ชกำลังแอบนินทาผู้กำกับหน้าบูดอยู่นี้ เรียกความสนใจจากทุกคนได้ไม่น้อย ไม่ใช่แค่เรื่องที่ว่าเป็นเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ใคร แต่ไอ้เพลงลูกทุ่งที่ตั้งไว้เนี่ย เล่นเอาคาดไม่ถึงถึงเจ้าของมือถือเครื่องน้อยที่ถูกหยิบขึ้นจากกระเป๋าคนคนนั้นอย่างยิ่ง

...ริงโทนโทรศัพท์ของพี่อ๊อด!!?

"ฮัลโหล! ทำไมไม่ยอมรับสาย!? ฉันโทรหาเป็นร้อยสายได้แล้วเนี่ย! บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าแอบไปไหนกับใครมา!?"
 
“อะไรน๊ะ!? หลับ? จะบ้าเร๊อะ นอนบ้าอะไรกันทั้งวัน อย่ามาหลอกกันนะ!”
 
เสียงโหวกเหวกโวยวายของอ๊อดที่กำลังเอ็ดคนในสายแผดลั่นขึ้นอย่างไม่มีความเกรงใจผู้ร่วมงานคนอื่นๆเลยแม้แต่นิด ใบหน้าเครียดขึง น้ำเสียงคำรามดุดัน ผิดจากผู้กำกับอารมณ์ดีในเวลาปกติแบบหน้ามือหลังเท้า เล่นเอาทั้งทีมงาน ทั้งนักแสดงหน้าใหม่เก่า ถึงกับต้องถอยร่นห่างเหินออกจากข้างกายพี่อ๊อดจอมโหดกันเป็นทิวแถว
 
‘ใครกันนะ ที่ทำให้พี่อ๊อดคนดีขี้เล่นคนนั้นเดือดได้ขนาดนี้?’

“เดี๋ยวนี้เหลวไหลใหญ่แล้วนะ!! กลับไปเรามีอะไรต้องเคลียร์กัน เตรียมตัวเอาไว้ได้เลย!!”

‘แฟนสาว? ลูกลับๆ?’

“ไม่ต้องมาอ้อนเลย กลับไปเจอจัดหนักแน่ เจ้าตัวแสบ!!”

การสนทนาที่ไม่ใช่แค่การดุด่าว่ากล่าว แต่กลับมีประโยคพิสวาสซ่อนเร้น เริ่มทำให้หลายคนที่บังเอิญแอบได้ยิน เริ่มจับใจความได้แล้วว่า ที่ผู้กำกับของเขาเดือดได้ขนาดนี้ เพราะโมโห 'แฟนสาว' ที่ไม่ยอมรับสายโทรศัพท์นี่เอง

'แหม...พี่อ๊อดนี่ล่ะก็ ปูนนี้แล้วยังตามหึงเป็นหนุ่มๆไปได้...'

'เอ๊ะ? หรือว่าจะเป็นแฟนสาววัยเอ๊าะ เด็กน้อยวัยขบเผาะ สาวหน้าประถมนมมหาลัย?...มิน่า...หวงก้างซะ'

คิดกันไปต่างๆนาๆ แต่ว่าก็มีจุดร่วมเดียวกันคือ 'พี่อ๊อดเดือดเมียเด็ก ที่ไม่ยอมรับสาย เพราะระแวงว่าอาจมีกิ๊กวัยใสแทนที่สามีวัยใกล้ฝั่งอย่างตน...'

ทว่า...ความคิดนั้นก็เป็นอันต้องสะดุดเล็กน้อย เมื่อผู้กำกับรุ่นใหญ่เอ่ยบางถ้อยคำออกมา

"อย่าให้รู้นะว่าแอบไปโดนไอ้พวกเด็กฝึกงานตากล้องหน้าใหม่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนไหนคั่วเอาอีกน่ะ เลิกทำตัวเป็นผู้ใหญ่หน้าเด็กเสน่ห์ร้ายได้แล้วนะ"

'อื๋อ?...ผู้ใหญ่หน้าเด็ก?...'

"ถ้ารู้ว่าเที่ยวไปทำแอ๊บแบ๊วช่วงที่ฉันไม่อยู่กับพวกหนุ่มๆที่ไหนอีกล่ะก็ คราวนี้แหละฉันจะได้จับตากล้องหนังอาร์มาล่ามโซ่ขังไว้ในห้องไม่ให้ได้ไปไหนอีกเลย คอยดูสิ!!"

'เอ๊ะ?...แอ๊บแบ๊ว?...ตากล้อง?...'

"ไม่ต้องมาเถียง ไม่ต้องโอดครวญเลย ถึงหน้าอ่อนหยั่งกับอายุ 24 แต่ที่จริงน่ะ 42 แล้วนะ ถึงจะอ้อนแล้วน่ารักก็เหอะ แต่คราวนี้ไม่ยอมแล้วจริงๆ"

'ห๊ะ!! อายุ 42!!??'

"...หึหึ...ก็ได้ เห็นแก่ว่าเสียงหวานหรอกนะ คราวนี้จะยอมให้ แต่คราวหน้าถ้าไม่รับสายข้ามคืนแบบนี้อีกล่ะก็ เจอลงโทษหนักเลยนะ จำไว้"

"จ๊ะ...แค่นี้นะครับคนดี...หึหึ"

เปลี่ยนอารมณ์จากหลังเท้าขึ้นหน้ามือจากการที่คุยปรับความเข้าใจแค่ไม่กี่นาที เล่นเอาทีมงานทั้งทีมถึงกับเหวอรับประทานกันไปอีกรอบ

'มีจ๊ะจ๋าด้วยอ่ะ!!?'

"ไหนขอหอมทีสิ...ฟอด...อืม ชื่นใจ"


'ป๊าด!! หอมกันกลางอากาศเลยเร๊อะ!? คุณพระ!!'


จากนั้นก็เลี่ยนกันต่ออีกหลายนาที กว่าคุณพี่เธอจะวางสายได้ ร่ำลาอาลัยกันราวกับห่างกันเป็นชาติ ความสงสัยกระพือโหมโถมใส่เหล่าทีมงานอย่างบ้าคลั่ง ใครกันนะคนปลายสายของคุณผู้กำกับคนเก่ง? เป็นสาวในวงการหรือนอกวงการกันนะ? ผู้หญิงที่ทำอาชีพเป็นตากล้องหนังอาร์? อายุ 42 แต่หน้าเด็กราวกับเด็กอายุ 24? ใครกันนะที่ทำให้ผู้กำกับวัยดึกคลั่งได้ขนาดนี้...

ความสงสัยแผ่รังสีแรงกล้าออกมาจากทีมงานและนักแสดงแทบทุกคน ทว่าไม่มีใครกล้าเสี่ยงตายเข้าไปเค้นถาม

"เอ้า เตรียมฉากต่อไปเสร็จกันรึยังจ๊ะเด็กๆ ตัดเฉพาะแค่ฉากจูบของพระนางอย่างเดียวนะ โอเคดีมาก พระนางล่ะ พร้อมกันหรือยังเอ่ย?"

เสียงหวานปานน้ำผึ้งไหม้ในเดือนห้า ทำเอาขนลุกกันไปเป็นแถบ ยิ่งเห็นคุณผู้กำกับอารมณ์ดีราวกับคนละคนกับเมื่อ15นาทีก่อนด้วยแล้ว ความฉงนสนเท่ห์สงสัยใคร่รู้ก็ยิ่งประเดประดังเหล่าเหยี่ยวข่าวขาเม้าท์ทั้งชายจริงหญิงแท้หญิงเทียมกันเป็นทิวแถว มีเพียงกฤตเมธที่แอบยิ้มน้อยๆ เพราะเริ่มจับทางถูกแล้วว่าคนปลายสายคือใคร และมั่นใจเสียเหลือเกินว่าคงมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้

ส่วนด้านสดายุนั้นไม่ต้องพูดถึง ชายหนุ่มไม่มีอาการสนใจใคร่รู้หรือสงสัยใดๆ เพราะเขาไม่สนใจอยู่แล้ว ใครจะเป็นยังไงก็ช่าง เขาไม่(อยาก)เกี่ยวด้วยอยู่แล้ว

เช่นเดียวกับพอร์ช ที่เอาเวลานั่งซ้อมบทมากกว่าจะสนใจว่าผู้กำกับของเขาจะคุยกับใคร ผิดกับรุจน์ที่กำลังจะอกแตกเพราะอยากรู้ต้นตอของอารมณ์ดิบโหดที่เกิดขึ้นกับพี่อ๊อดของตนเหลือเกินเช่นกัน

“พร้อมยังครับกับฉากเลิฟซีนเล็กๆของเรา”

ระหว่างยืนประจำที่ เช็คแสง เช็คมุมกล้องเตรียมถ่ายฉากจูบสั้นๆ เพื่อเก็บรายละเอียดไว้ตัดต่อในภาพยนตร์กันอยู่นั้น กฤตเมธก็เอ่ยถามความพร้อมของสดายุเป็นนัยๆผสมเย้ายั่วเล็กๆ มาดหมายอยากเห็นใบหน้าซับสีเลือดเอียงอาย หรือหน้าแดงก่ำเพราะแอบเดือดของอีกฝ่ายสักหน่อยเพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน แต่ก็ดูเหมือนจะสูญเปล่า เพราะดูเหมือนคำกระเซ้าเหล่านั้นจะไม่ได้ผล สดายุยังคงนิ่งเฉย ไม่ยินดียินร้าย พลางจ้องหน้ากฤตเมธนิ่ง ก่อนจะยกยิ้มเล็กน้อย

“เฉยๆครับ เมื่อกี้ก็จูบไปรอบนึงแล้ว ไม่เห็นเป็นอะไรนี่ครับ...แล้วอีกอย่าง...”

ท้ายประโยคสดายุแสร้งกระซิบแผ่วเบา พลางขยับตัวส่งร่างเข้าสู่วงแขนของกฤตเมธให้ดูเหมือนว่ากำลังจะซักซ้อมบทละคร ก่อนจะค่อยๆ ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเสียงหวาน

“เมื่อคืน...คุณก็สอนผมจนเชี่ยวแล้วนี่ครับ...บท...จูบ...เนี่ย”

ไม่พูดเปล่า ประกายตาฉ่ำวาวนั้นก็พร้อมจะลวงล่อให้ลงหลุมพรางได้อย่างง่ายดายอีกด้วย...

"ร้ายจังนะ เจ้าตัวแสบ"

ได้ฟังคำเย้าสวนกลับของสดายุเข้า กฤตเมธถึงกับยิ้มกว้างจนต้องส่ายหน้าน้อยๆ พร้อมจิกกัดด้วยคำหยอกเอินเบาๆอีกรอบ 

'ยิ่งนานวันยิ่งน่ารักน่าใคร่...'
อยู่ในโลกสีชมพูอมม่วงกันสองต่อสองได้ไม่นาน เสียงผู้กำกับสั่งเดินกล้องก็ดังขึ้น และไม่มีพลาดสองนักแสดงขั้นเทพสามารถแสดงออกมาดุเดือดสมกับเป็นมืออาชีพ ละจากบทจูบเร่าร้อนที่เล่นเอาหน้าแดงกันทั้งกองถ่ายก็ถึงฉากต่อยปากที่สมจริงสมจังจนสะดุ้งกันทั้งกองถ่ายเช่นกัน เสียงสั่งคัทดังขึ้นทันทีที่หมัดปะทะหน้าตาม Movement ที่เหมาะเจาะ 

"เอ้า เก่งมากหนุ่มๆ เล่นได้ดีไม่มีติดขัด สมใจพี่ฝุดๆ ฮ่าฮ้า จบซีนตลาดครึ่งแรกแล้ว พี่ให้พักกองก่อน 15 นาที เดี๋ยวเก็บอีกสองฉากรวดเลยนะเด็กๆ เอาให้เสร็จจบกันวันนี้แหละ ฮ่าฮ่า"

อ๊อดเริงร่าอารมณ์ดี สั่งพักกอง15นาทีก่อนถ่ายทำต่อ ทีมงานบางฝ่ายเตรียมการฉากต่อไปอย่างขมักเขม้น อีกส่วนเริ่มหาของขบเคี้ยวแก้เครียดกับอาการน้ำตาลขึ้นลงของผู้กำกับอ๊อด ฝ่ายกฤตเมธเองก็เดินมานั่งพักบ้างเหมือนกันพลางลูบปลายคางป้อยๆ ไม่ได้เจ็บมากเหมืนอที่เคยโดนต่อยครั้งแรก แต่แค่หมัดที่เฉี่ยวปลายคางไปก็เล่นเอาปวดนิดๆอยู่เหมือนกัน (สดายุนี่หมัดหนักใช่ย่อยเลยทีเดียว)

"เจ็บมากเลยเหรอ? ผมว่าผมต่อยเบาแล้วนะ หึหึ ประคบน้ำแข็งกันบวมหน่อยสิครับ"
(ยิ้มเยาะเล็กๆ ก่อนยื่นถุงผ้าห่อน้ำแข็งให้ อย่างผู้เหนือกว่า)

กฤตเมธไม่ได้ต่อคำ ได้แต่ยิ้มรับไมตรีที่อีกฝ่ายมอบให้แล้วรับถุงน้ำแข็งมาประคบปลายคางเบาๆ บรรยากาศหอมหวานปะทุขึ้นโดยไม่ตั้งใจ กฤตเมธยังรู้สึกอัศจรรย์ไม่น้อยเลยที่สดายุเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายขนาดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าไมตรีที่เขาเพียรมอบให้นั้น จะถึงอีกฝ่ายได้รวดเร็วขนาดนี้...

เร็ว...จนน่าแปลกใจ

'คิดอะไรอยู่หรือเปล่านะ เจ้าตัวแสบ...แอบวางแผนอะไรไว้เนี่ย...'

"ไง...น้องเมธของพี่ ดูเหมือนจะคืบหน้าไปด้วยดีนะน้องรัก"

หลังจากสดายุผละไปตามเสียงเรียกของรุจน์ที่อยากขอความช่วยเหลือเรื่องบท กฤตเมธก็ไม่ได้อยู่คนเดียวได้นานนัก เพราะเพียงครู่ เสียงแซวสะดุดหูก็ดังมาจากด้านหลัง

"ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นแหละครับพี่อ๊อด..."

ทันทีที่เห็นว่าคนที่เข้ามาแซวคือใคร กฤตเมธก็กระหยิ่มยิ้มย่องก่อนจะถามไถ่แทงใจใครบางคนออกไป

"ผมรู้แล้วล่ะ ว่าทำไมพี่ถึงเข้าใจผมดีจัง...ที่แท้..."
(เว้นวรรคให้อีกฝ่ายได้สะดุดใจ)

"...ก็เพราะเราเป็นพวกเดียวกันนี่เอง หึหึ คุณมลที่เป็นตากล้องตอนนั้นสินะครับ...คงเหนื่อยน่าดูเลยนะพี่ แฟนน่ารักขนาดนั้นน่ะ"

ร่ายยาวจนอ๊อดถึงกับอึ้ง เพราะนึกไม่ถึงว่าจะถูกล้วงคอได้ง่ายดายขนาดนี้

"...หูไวตาไวเชียวนะเมธ หึหึ...ก็นะ แบบว่า 'ผีเห็นผี'ไงล่ะ ฮ่าฮ่า...อย่าเที่ยวปากโป้งนะน้อง พี่แก่แล้ว ไม่อยากเป็นข่าวตอนวัยใกล้ฝั่ง อิอิ"

เสียงหัวเราะเริงร่าของอ๊อดพร้อมใบหน้ายิ้มพึงใจของกฤตเมธ เรียกความสนใจคนในกองถ่ายได้นิดหน่อย เพราะไม่มีใครนึกว่าสองหนุ่มจะคุยกันถึงเรื่องที่พวกตนพยายามจะรู้กันแทบคลั่ง ต่างก็คิดไปว่าคงคุยกันถึงเรื่องบทแล้วอ๊อดถูกใจที่กฤตเมธแสดงเก่งเหลือเกิน

"เอาล่ะ เอาล่ะ เดี๋ยวเริ่มฉากต่อไปกันเลย จะได้เสร็จเร็วๆ เย็นนี้เรามีถ่ายฉากสำคัญ"

คำว่าฉากสำคัญของอ๊อดทำเอารุจน์สะดุ้งเฮือก...

"ฉากเลิฟซีนร้อนฉ่าของไอ้รุจน์กะไอ้พอร์ช ฮ่าฮ่าฮ่า"
(จบคำประกาศของผู้กำกับอ๊อด...รุจน์ก็...ลมจับ ตาแทบเหลือกทันที...)

******************************************************************************

ตอนหน้า...กระชากใจรุจน์สุดๆแน่นอนค่ะ
 :katai4: :hao7:

ปล. อุ้ยตาย...แอบตกไป 2 ประโยค เพิ่มให้แล้วนะจ๊ะ

ปล.2 อิอิ โดนทุกรุ่น จริงๆค่ะ ฮิ้ววววว....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.52 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 03-02-2014 19:05:19
 รอฉากรุจน์พอร์ช :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.52 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-02-2014 19:06:10
โห
พี่อ๊อดรุ่นใหญ่นี่ก็มีกับเขาเหมือนกันนะเนี่ย ฮ่าๆๆๆๆ
รอตอนหน้า ตอนรุจน์โดนเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อจัดหนักนะคะ อิอิ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 03-02-2014 19:20:49
ว่าละะะะะะ ว่าต้องมีซัมติงระหว่างพี่อ๊อดกับช่างภาพหน้าเด็ก 55555555555
ส่วนตอนหน้ารอกรี้ดดด คู่เพื่อนสนิททท :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 03-02-2014 19:23:01
เดาว่าแฟนพี่อ๊อดผู้ชายแน่ แล้วก็ใช่จริงๆ คุณมลนั่นเอง :laugh:

เรารอ ฉากนั้น ของเมธยุอยู่นะ ถัดจากของน้องๆอ่ะ  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 03-02-2014 19:30:07
รุ่นไหนก็น่ารักทั้งคู่จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 03-02-2014 19:31:33
บร๊ะะะ นี่คิดจะเล่นทุกรุ่น ? 555555555555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 03-02-2014 19:34:50
แอบคิดอยู่เหมือนกันว่า มลกับอ๊อด มีซัมติ้ง อิอิ คนโหดโคตรเลี่ยน
ยุใจอ่อนกับเมธเถอะนะ ตอนหน้าร้อนฉ่า รอ ๆๆๆ เพื่อนรัก รักเพื่อน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 03-02-2014 19:37:18
ว่าแล้วเชียวคู่คุณผู้กำกับ ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 03-02-2014 19:58:29
55555 ตูว่าแล้วววววววววววว
ไอเลิฟสดายุ >3<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 03-02-2014 20:07:35
5555555 ฮาพี้อ๊อดอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 03-02-2014 20:09:15
555. ครึ่งหลังนี่พี่อ็อดแย่งซีนพระเอก-นายเอกเราอะ  เพราะพี่แกไม่ไก้มีเมียเด็กแต่แค่มีเมียหน้าาาเด็ก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 03-02-2014 20:22:17
ยกให้พี่อ๊อดเป็นพระเอกของตอนนี้เลยค่ะ ฮา!  :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Queen1001 ที่ 03-02-2014 20:31:39
รุจน์กับพอร์ชเขาซ้อมไปบ่อย เท็คเดียวคงผ่านเลย คิดว่านะ คึคึคึคึ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 03-02-2014 20:34:10
 :L2: 1+ น่ารักมากพี่อ็อด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 03-02-2014 20:41:46
กะแล้ววววคู่ตากล้องกับ ผกก. นี่จะมีซัมติง  :hao7:

น้องรุจน์ สู้ๆเนาะ เอิ๊กกก  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 03-02-2014 20:59:01
อร๊ายยย
รอฉากเลิฟซีนสุดฮอตของพอร์ชรุจน์จ้า
เราชอบคู่นี้ๆ ฮุฮิ
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 03-02-2014 21:01:27
บร๊ะะะ นี่คิดจะเล่นทุกรุ่น ? 555555555555555555
อ่านแล้วขำ เห็นด้วยมากๆ5555555
ขนาดพี่อ๊อดยังไม่รอด?! ฮาาา :m20:

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 03-02-2014 21:14:59
ฮาพี่อ๊อด ถึงได้ว่าเข้าอกเข้าใจกันดีนักกับพี่เมธ :laugh:

รอรุจน์กับพอร์ช ตอนซ้อมดี๊ดี สมจริงสุดๆ ดังนั้นคาดว่าตอนแสดงจริงคง...  :z1:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Palmpalm ที่ 03-02-2014 21:36:11
รอฉากกระชากใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 03-02-2014 21:46:47
 :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-02-2014 22:05:48
รุจน์รอมานานนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 03-02-2014 22:06:28
อ๊ายยย ขุ่นผู้กำกับก็มีผู้ชายกับเขาด้วยหรือคะ  :laugh:

ตอนหน้า... รุจน์ พอร์ช หุหุหุ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 03-02-2014 22:16:19
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   หวานนน  โฉด  น่ารักครบอะครบ

ยิ้มเลยอ่านจบ  ฮ่าๆๆๆ  น่ารักจริงๆน้าาสดายุ   คุณเมธก็ฉลาดจังน้า 

^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 03-02-2014 22:22:35
รอเชียร์ พอร์ช รุจน์
>///<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 03-02-2014 22:45:20
สรุปว่า...ตอนนี้เป็นตอนของเฮียอ๊อด?  :a9:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 03-02-2014 23:01:59
บร๊ะเจ้าาาาาาาาาา พี่อ๊อดกะคุณตากล้องหนังอาร์  :a5:

ขอกรี๊ดดดดดดแปป  :-[  :hao7:

รอฉากเลิฟซีนของรุจน์จ้าาาาาา  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 04-02-2014 00:27:45
อี๊ยย๊ะ...พี่อ๊อด!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 04-02-2014 00:34:01
เชียร์ทุกๆ คู่จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 04-02-2014 00:35:48
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 04-02-2014 01:05:12
น้องยุช่างยั่ว  :hao7: :hao7: :hao7:

รอตอนต่อไปจ้า รุจ พอช  :z3:

ล.ละ..ละ.เลิฟซีนนนน  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-02-2014 02:24:58
อ๊อดอารมณ์เสียเพราะแบบนั้นเอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 04-02-2014 09:58:16
แอบขำพี่อ๊อด แกฮาอ่ะบทจะอารมณ์เสียก็ดุ๊ดุ พอหวานเสร็จอารมณ์ดีซะงั้น ฮ่าาาาา
กองถ่ายนี้อยู่ยาก คริคริ

รอซีนหน้ารุจน์เอ๊ยยยย  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-02-2014 10:23:01
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 04-02-2014 10:47:01
น้องรุจน์จะไหวไหมน้อ เหอ เหอ :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 04-02-2014 11:16:22
หวานนนนน อยากอ่านฉากเลิฟซีนของพอร์ชกับรุจน์แล้ววววว อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 04-02-2014 17:22:15
ว่าละเชียว ไมพี่อ๊อดแกเรียกร้องเยอะจริงๆ ที่แท้ก็นะ... อิอิ สมกับเป็นผู้กำกับ เข้าใจอย่างลึกซึ้ง หุหุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Crown ที่ 05-02-2014 17:12:23
 :haun4: :haun4: :haun4:
คึคึ รอ ฉาก รุจ พอช  :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 05-02-2014 18:20:31
ครึ่งแรกที่ออก  หวาน  หวาม  แต่ครึ่งหลังนี่ออกฮานะคะ 

แหม  รุจ  พอร์ช  ตอนหน้าเจอกันนะจ๊ะ :haun5: :give2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-02-2014 18:34:52
โฮกกกกกก ยุนับวันยิ่งน้ารัก >.<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 05-02-2014 20:13:19
3 คู่ๆ ว้าวๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 05-02-2014 20:23:05
ยุเป็นคลื่นใต้น้ำรึเปล่า กลัวใจน้องยุสุดแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 05-02-2014 20:40:58
ถึงเวลาโดนเชือดแล้วน้องรุจน์ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 05-02-2014 22:34:39
แอบห่วงรุจ จะโดนพอร์ช ตู้ด ตู้ด ตู้ด ถึงพริกถึงขิงขนาดไหน :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 06-02-2014 20:33:01
อร๊ายยยย พี่อ๊อดแอบมาได้ตั้งนานนะคระพี่
ได้ใจทุกรุ่นเลยจริงๆ น้องยุเป็นไรป่าวอ่ะ แปลกๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-02-2014 22:46:53
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่...19 (วิบากกรรมของน้องรุจน์)
ครึ่งแรก




"พ...พอร์ช...ก...กูจะเป็นลมแล้วอ่ะ"


ชายหนุ่มร่างเล็กเอ่ยครวญกับเพื่อนรัก ขณะนั่งมองกองถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกตนกำลังเร่งมือเซ็ตฉาก จัดไฟ จัดมุมกล้องอยู่ตรง...หน้าเตียง

...หน้าเตียง คิงไซส์ในบังกะโลหลังย่อม ที่ที่กำลังจะกลายเป็นสมรภูมิรบของเจ้าหนุ่มรุจน์ในไม่ช้า

ช่วงเย็นกองถ่ายภาพยนตร์ ‘สุดปลายทางของ...หัวใจ’ เดินทางมาปักหลักถ่ายทำกันที่บังกะโลเช่า ตรงหน้าหาด อีกฟากของเกาะที่ห่างออกจากตัวโรงแรมไม่น้อย คืนนี้พวกเขาจะต้องถ่ายทำฉากเลิฟซีนร้อนฉ่าของหมอธเนศกับซอ เฉพาะฉากบนเตียงและฉากที่ต้องใช้โลเกชั่นอย่างเดียวกันนี้เท่านั้น ส่วนที่เหลือสำหรับตอนต่อเนื่องจะมีการถ่ายทำต่อในวันถัดไป

"จะเครียดไปทำไมรุจน์ แค่ฉากเลิฟซีน ไม่ได้ทำกันจริงๆสักหน่อย กลัวเป็นสาวๆไปได้"

"อร๊าก ไอ้บ้าพอร์ช มึงลองมาเป็นกูดูดิ! ชีวิตคนจิโดนปล้ำมันช้ำใจนะเว้ย!!"

"หึ...เอาเวลานั่งนอยด์มานั่งทำสมาธิกับบทเหอะ เวิ่นเว้อนัก เดี๋ยวก็โดนเทคยับหรอก กูไม่อยากปล้ำซ้ำซากนะ"

ชายหนุ่มหน้าคม คิ้วเข้ม ยื่นหน้าเข้าไปเอ่ยเตือนสติเพื่อนซี้ที่ได้แต่นั่งกระสับกระส่าย แต่ดูเหมือนคำเตือนจะไม่ได้ช่วยอะไร เพราะรุจน์เพื่อนรักยังคงห่อเหี่ยวเหมือนเดิม

"...อย่าเครียดไปเลยรุจน์ มึงทำตามบทมึงให้เต็มที่แล้วกัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กูจะเป็นคนช่วยมึงเอง"

คำปลอบโยน ช่วยให้รุจน์คลายความกังวลลงหน่อย ตื้นตันอยู่หรอกที่เพื่อนรักอุตส่าห์เอ่ยปากว่าจะคอยช่วย แต่ลึกๆแล้วรุจน์อยากตะโกนออกไปเพื่อระบายความอัดอั้นกระแทกหน้าเพื่อนรักสักทีว่า...

'กุไม่ได้เครียดเรื่องบทเว้ย ไอ้บ้า! กุเครียดเรื่องเมิงต่างหาก!!...ฮือๆๆๆ'

"เอ้าพร้อมกันยัง? เริ่มกันเลยมั้ย สองทุ่มแล้ว จะได้เลิกไม่ดึกมาก"

ยังไม่ทันที่รุจน์จะได้หายกระสับกระส่าย เสียงของอ๊อดก็ดังขึ้น...รุจน์จิเป็นลมอีกรอบ...

*
*
*
'เอาวะ! เป็นไงเป็นกันสิ!!'

ไหนๆก็ไม่สามารถเลี่ยงได้ ในที่สุดรุจน์ก็ได้แต่ทำใจ ได้แต่ท่องกับตัวเองว่า มันคืองาน มันคือหน้าที่ ไม่มีอะไรในกอไผ่ ทำให้ดีที่สุด ม้วนเดียวจบ เทคเดียวผ่าน...สู้ว๊อย!!

เสียงทะเลซัดสาดอยู่ภายนอกหน้าต่างผ่านเข้ามาในห้องเช่าห้องเล็กที่เงียบสงัด แสงไฟสีนวลอ่อนช่วยส่องให้ห้องน้อยสะท้อนสีสันอันแสนโรแมนติก เตียงนอนขนาดคิงไซส์เด่นตระหงานอยู่กลางห้องมองดูให้ความรู้สึกลามกอย่างประหลาด เพราะบนเตียงนั่นอีกเพียงครู่คงหนีไม่พ้นกลายเป็นสังเวียนเดือดชวนเรียกเลือดพุ่ง ของคู่ต่อสู้ที่ต้องเปลือยล่อนจ้อนขึ้นไปโรมรันพันตูถึงพริกถึงขิง 

"เอาล่ะ พอร์ช รุจน์ เข้าใจคิวที่พี่ให้ซ้อมเมื่อกี้แล้วใช่มั้ย"

อ๊อดถามไถ่หลังการซ้อมคิวที่ยาวนาน สองหนุ่มนักแสดงหน้าใหม่พยักหน้าหงึกหงักเข้าใจ อ๊อดยิ้มกริ่ม...

"ดี งั้นเริ่มกันเลย"

หลังการซ้อมคิวกันจนชำนิชำนาญแล้ว ก็ถึงเวลาถ่ายทำจริงเสียที จริงอยู่ว่ารุจน์ดีขึ้นมากแล้ว อาการตกประหม่า หรืออารมณ์ตื่นกลัวแทบจะไม่หลงเหลือร่องรอย แต่หัวใจชายหนุ่มก็ยังคงเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ดี...โดยเฉพาะ เมื่อต้องสบตากันตรงๆกับเพื่อนรัก ที่กำลังจะร่วมกันหักเหลี่ยมโหด...

แล้วแถมมันยัง...อมยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่อีกด้วย!!

"เอาล่ะเดี๋ยวพอพี่สั่งเดินกล้อง ก็ละเลงได้เลยนะ"

อ๊อดเอ่ยกำชับในตอนสุดท้าย เพื่อยืนยันความเข้าใจให้ตรงกัน สองหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก พร้อมแล้วที่จะกระโจนเข้าสู่ความหฤหรรษ์ขวัญแขวน?

"เอ้า แสงพร้อม ไฟพร้อม กล้องสามตัวพร้อม...แอ็คคคคคคคคค....ชั่น!!!"

“ให้ผม...ช่วยปลอบคุณนะ”

สิ้นเสียงสั่งเดินกล้องก้องกังวานของอ๊อดปุ๊บ รุจน์ก็ลอบสูดหายใจเรียกพลัง แล้วส่งสมาธิทั้งหมดเข้าสวมบทบาทสำคัญทันที สองขาก้าวเดินเข้าประชิดร่างสูงของพอร์ชอย่างเสน่หาแล้วบรรจงคล้องแขนเรียวกับไหล่กว้างเพื่อเย้ายวนตามบทบาทที่ได้รับมา...
...และยั่วได้ดีเสียด้วย จนพอร์ชถึงกับเคลิ้มเลยทีเดียว

“...ซอ”

หมับ...

พอร์ชในคราบของหมอธเนศ เอ่ยชื่อของซอ (รุจน์) ออกมาแผ่วเบา สายตาเชื่อมปรอยราวกับคนเมาเหล้าจริงๆนั้นส่งอารมณ์สนองตอบเพื่อนรักไปอย่างเต็มที่ จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปคว้าเอวเพื่อนตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้ตามบทบาท แล้ว...ก้มลงจูบหนักหน่วงทันที

“อื้อ...อ๊ะ...อื้ม!!...”

รสจูบเผ็ดร้อนรุนแรงบดขยี้ริมฝีปากของรุจน์อย่างไม่ไว้หน้า อีกทั้งเรียวลิ้นที่ยากจะต้านทานนั้น ทำเอาทั้งร่างของชายหนุ่มสะท้านเฮือก

‘...อ...ไอ้เชี่ยพอร์ช มึงจะจูบเก่งไปไหนว๊ะ!!’

รุจน์ได้แต่สบถสรรเสริญเพื่อนซี้อยู่ในใจ แต่ได้ไม่นานก็ต้องรีบเข้าให้ถึงบทบาท ก่อนที่จะหลุดไปไกลกว่านี้เพราะจุมพิสเร่าร้อนของเพื่อนรัก

‘เชี่ยเอ้ย...กูจิเคลิ้มแล้วนะ...!!’

“อ๊ะ!”

“อืม...ซอ...”

ตุบ...

พอร์ชที่ยังคงเล่นไปตามบทครางกระเส่าอยู่ข้างหู ขณะที่กดรุจน์ลงไปบนที่นอนนุ่ม มือไม้ฟอนเฟ้นไปตามร่างกายแน่นตึงและนุ่มลืนมือของเพื่อนรักอย่างไม่เกรงใจ

“อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

รุจน์ร้องคราง (แทบขาดใจ) ทั้งจากบทของซอที่เมาเหล้าจนไม่สามารถยับยั้งอารมณ์หวามไหว และทั้งจากตัวของเขาเองที่หวิวจะไม่ไหวจะทนเช่นกัน จนต้องรีบยกแขนขึ้นโอบรอบคอคนที่ตะโบมจูบตัวเองอยู่อย่างเต็มที่ จนน้ำลายที่กลืนไม่ทันไหลเอ่อเปอระล้นออกมาจากริมฝีปาก

‘อา...บ้าชิบ...กองถ่ายอยู่กันตั้งหลายคน ทำไมเราดันเสียวขึ้นมาได้วะ! ไม่ได้การ...สมาธิ...สมาธิ!’

“อ๊ะ! ฮ้า!...”

ในที่สุดการจูบจ้วงล้วงลิ้นถึงตับก็จบลง พร้อมกับเป้าจู่โจมใหม่ที่ซอกขอขาวสะอ้านของรุจน์

 “อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

เมื่อจุดเสียวสยิวโดนขยี้ซ้ำๆ รุจน์ก็แทบจะสิ้นแรงเสียดื้อๆ แต่ยังคงต้องพยายามอยู่ในบทให้ได้นานที่สุด ทั้งที่น้ำตาจะไหลเมื่อโดนพอร์ชซุกไซร้ที่ซอกคน จนสะท้านเกร็งไปทั้งร่าง

‘อ๊ายย เอาอีกแล้ว!! คอ...จุดอ่อนกู...อ๊ากกกก!!...ไอ้พอร์ช!! ไอ้บ้า! ทำไมมึงไม่โกนตอหนวดมึงก่อน!!’

รุจน์โวยวายอยู่ในใจอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่น….มันก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
*
*
*
*
*
แสงไฟสลัวในห้องบังกะโลหลังน้อย ที่ตั้งใจจัดแต่งให้ตรงกับบทประพันธ์ที่สุดนั้น ตอนนี้กำลังส่องกระทบร่างเปลือยล่อนจ้อน (เหลือเพียงผ้าผืนน้อยปิดของพึงสงวนอยู่) ของสองนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่  ทั้งคู่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่อย่างบ้าคลั่ง หลังจากเริ่มซีนแรกจนถึงตอนนี้ ถ่ายเสร็จไปแล้วถึง 3 ซีน คือซีนที่เน้นบทจูบล้วนๆ ซีนเปลื้องผ้าและกอดรัดกลิ้งไปมาบนเตียง และซีนลูบคลำร่างกายของกันและกัน ซึ่งยังเหลือซีนสำคัญอีก 3 ซีนด้วยกัน คือ…ซีนที่แสร้งว่าสอดใส่ กับซีนขย่มตอ และซีนสุดท้าย คือซีนหลังเสร็จสม…

แค่ฟังชื่อของแต่ละฉากแต่ละซีนที่ต้องถ่ายรุจน์ก็แทบจะเป็นลมกำเดาพุ่ง แถมซีนทั้งหลายที่เหลือเหล่านั้นนอกจากจะหนักหนาต่อการทำใจแล้ว ยังยาวแบบเวอร์ๆ แบบไม่มีการขั้นเวลา เพราะผู้กำกับขาใหญ่ไม่ต้องการให้อารมณ์ขาดตอน…

และตอนนี้ก็กำลังเริ่มถ่ายซีนที่ 4 หรือก็คือซีนสอดใส่อยู่ ทว่า…คนหนึ่งอินอยู่กับบทบาทที่ได้รับอย่างเต็มที่ แต่อีกคนก็ใกล้จะหลุดจากบทเต็มทีแล้วเช่นกัน

“มะ...หมอ...ผม..ไม่ไหว...”

รุจน์ร้องระงม เมื่อริมฝีปากร้อนระอุของพอร์ชเริ่มรุกไล่...ไกลไปจนถึงยอดอกแข็งเป็นไตของเขา และต้องสะดุ้งตัววาบเมื่อถูกริมฝีปากนั้นครอบครองหัวนมตุ่มน้อยๆนั่นอย่างกะทันหัน แถมยังโรมรันถึงใจสุดๆ

“อ๊า…อ๊ะ…โอ๊วววว!.....หมอ! อ๊ะ!!...!!”

รุจน์ในคราบของซอครางกระเส่า ยอดอกถูกลิ้นร้อนกระหวัดไปมากระตุ้นความหวามไหว จนไม่อาจต้านทานได้ หัวนมคัดตั้งท้าทายเรียวลิ้นและริมฝีปากของพอร์ชในคราบของหมอธเนศอย่างที่สุด รุจน์อยากจะบ้า…เพราะว่า…มันเสียวเกิ๊น!!

‘เมื่อไหร่จะออกจากหัวนมกูสักทีวะไอ้พอร์ช ทิ้งหน่วงนานไปแล้วนะ เลียขนาดนั้นหัวนมกูยุ่ยหมดพอดีสิไอ้เพื่อนบ้า!!...อ๊า...อย่ากัดสิ! มันเสียวนะ!!’

“อ๊ะ”

“อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

“อย...อ๊า”

‘อ๊ายยย!! อย่าขยี้อย่างน๊านนนน!! อึ๋ย…อย่าเอาน้องชายมึงมาถูหว่างขากูจริงๆสิ ถูหลอกๆก็พอแล้วไอ้พอร์ช ไอ้เพื่อนไม่รักดี!!’

ครางตามบทไป ครางจริงไปบ้าง พร้อมด่าในใจไปพลางอย่างอารมณ์ขึ้น?

และเพียงอึดใจต่อมาสัญญาณอันตรายจากพอร์ชก็ดังขึ้น!

มันคือสัญญาณที่ตกลงกันไว้…ถึงตอนที่จะต้อง… ‘แสร้งโดนเสียบ!’

ในที่สุด ในขณะที่พอร์ชยังกอดจูบลูบคลำอยู่นั้น แขนแกร่งของเพื่อนตัวโตก็สอดเข้าไปใต้ขาพับของรุจน์ตามคิวที่ได้ซ้อมกันไว้ในตอนแรก พร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่ขยับกายตั้งมั่น ก่อนจะก้มหน้าลงใกล้รุจน์เพื่อให้สัญญาณ ด้วยคำพูดคำเดียวว่า…

“เอานะ!”

**********************************************************

อีกครึ่ง มาคืนพรุ่งนี้นะจ๊ะ
ค้างไว้ก่อนเน่อ…(ขออภัยอย่างแรงจ๊ะ)
 :katai4:
ปล. จากประโยคจบท้ายเรื่อง…ถ้าอิชั้นเป็นรุจน์อาจตอบออกไปว่า…”เอาสิ” อิอิ
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: heangsure ที่ 06-02-2014 22:51:23
โถ โถ โถ น้องรุจน์ ตอบไปโลดว่า "เอาเล้ย"
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 06-02-2014 22:56:26
ม่ายยยยยยยยยย  :ling1:

ค้างมาก  รุจน์ ค้างไหม เราค้าง อออออออออออออ  :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 06-02-2014 22:57:05
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 06-02-2014 23:02:27
 :a5: อ๊ากกกกกกกกกกกกก  ค้างมากกกกกกกกกก   :z3:
เอามีดมาแทงกันเลยดีกวา :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 06-02-2014 23:03:45
 :pighaun:  ตอนนี้มันดูกุดๆนะ แต่เรียกเลือดซะไม่มี ฮาา

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 06-02-2014 23:04:34
รุจน์ แหม ไม่รู้ใจพอรชบ้างเลยอะ
ว่าอยากเอาจริงแค่ไหน ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-02-2014 23:08:02
กรี๊ดดดด
ค้างด้วยคน
น้องรุจน์น่าสงสารเนาะ
โดนเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเล่นซะสมบทบาทเลยอะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: pannixz ที่ 06-02-2014 23:08:51
เดี๋ยวๆๆ เดี๋ยวก่อน
คนแต่งงอย่าพึงไป
อย่าทำอย่างเน้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
 :dont2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 06-02-2014 23:16:31
จริงๆก็อยากตอบด้วยคำเดียวกัน "เอาเล้ย"  :haun4:
55555
ว่าแต่พอร์ชมันเล่นสมจริงไปป่ะ หึๆ
 :jul1:

ปล. ทำไมตัดฉับอย่างนี้ รอครึ่งหลัง อยากอ่านจนแทบจะทนไม่ไหวแลัวตัวเธอ ฮึกๆ เขาชอบคู่นี้จริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 06-02-2014 23:44:15
รุจน์บ่นพอร์ชตลอดเลยนะนั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 07-02-2014 00:38:30
เง้ยยยยย พอร์ช
กำลังแสดงอยู่นะลูก คนเต็มห้องเลยนะ
55555555 สงสารรุจน์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 07-02-2014 00:48:42
 o22 "เร็วๆสิ.."
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 07-02-2014 01:03:12
เอาโล้ด!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 07-02-2014 01:12:37
หื้มมมมมมมมมม "เอาเลย" 555555555555 :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-02-2014 01:13:32
เอาสิ 5555555555555  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 07-02-2014 07:39:34
ถ้าเป็นอิพี่อ๊อด จะบอกว่า "เอาเหอะ" จะได้เข้าชมรมเดียวกัน :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 07-02-2014 07:55:15
 :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-02-2014 08:35:33
 :z1:อร๊ายฟินฝุดๆ :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 07-02-2014 09:09:27
 :m25: 

รอที่เหลือด้วยใจจดจ่อ  :laugh:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 07-02-2014 09:40:08
เอาเยยๆๆๆ ช๊อบ ชอบบบ :z1:


พอร์ชคงจะรักฉากนี้มากแหง่มๆ หาเศษหาเลยกับเพื่อนเลิฟได้เต็มที่แบบนอนสต็อปแบบเน้!!! :m20:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 07-02-2014 09:43:55
จบกอง มีต่อด่วนนน!!!  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 07-02-2014 10:14:08
เอาเลยย!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 07-02-2014 10:29:55
 :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 07-02-2014 10:37:16
เอาสิ!! เอาเลย!! อ้ากกก ค้างงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 07-02-2014 11:01:15
 :z3:   ค้างเว้ย.....................อยากอ่านแล้วนะ   :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 07-02-2014 11:25:50
"เอาสิ"

ฮาาาาาา....

รุจน์เอ้ยยยยย กว่าจะจบแต่ละฉากนี่จะเลือดพุ่งหมดตัวก่อนไหมเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 07-02-2014 11:41:46
เอาเล้ยยยยยยย :hao6:

แต่แหมตัดกันแบบนี้ก็ค้างสิเจ้าคะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 07-02-2014 12:30:18
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ     มันก็หวามนะ  แต่คือรุจด่าจนขำอะ

ฮ่าๆๆๆ   ด่าซะแบบเฮ้ยไม่ใช่เลิฟซีนแล้ว  ฮ่าๆๆ

น่ารักจริงๆ  นอกบทบาทไปนู่นแล้ว  ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-02-2014 15:52:53
สองคนนี้เก่งมากนะถ้ามองในทางนักแสดงแบบต้องแสดงให้คนดูรู้สึกว่าเห้ยมันเล่นได้อะถึงรู้แก่ใจว่าไม่ทำจริงโฮฮฮ
รุจน์เอ้ย สติมาปัญญาไม่เตลิดนะ สู้55555555555555555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 07-02-2014 19:02:06
น้องรุจน์น่าสงสารจัง  :m10:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-02-2014 20:38:13
กรี๊ดดดดดดด กำลังจิเข้าด้ายเข้าเข็ม โดนตัดฉับ  :a5:
เดี๋ยวนะ มันจะมีการได้เสียเกิดขึ้นจริงๆป่าว  :hao6:
ระวังพอร์ชจะเล่นเกินบท แล้วเผลอเสียบรุจน์เข้าให้ละ อิอิ  :oo1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 07-02-2014 20:50:29
555 ขำรุจน์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 07-02-2014 21:09:57
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 07-02-2014 21:14:14
เอ้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 07-02-2014 21:21:02
สยิวแทนรุจน์ อิอิ
รอครึ่งหลังจ้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: eye-lifestyle ที่ 07-02-2014 21:29:26
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 07-02-2014 22:24:37
เอานะ !!!!! กรี้ดดดดด
จัดเลยค่ะ 555555 แต่สงสารรุจน์ จะหลุดออกจากบทอยู่รอมร่อละ ฮ่าาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 07-02-2014 22:35:48
วันนี้มาลงไหมคะ
มารอตอนต่อค่ะ
จะลงแดงแย้ว
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 06/02/14// P.55 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 08-02-2014 00:32:38
มารอพอร์ชรุจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 08-02-2014 00:57:12
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่...19 (วิบากกรรมของน้องรุจน์)
เต็มเหนี่ยว...




“เอานะ!”


 “อ๊ะ!!”

สิ้นเสียงก็กระแทกปั่กเข้ามาแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว จนรุจน์ถึงกับสะดุ้งเฮือก แรงกระแทกแม้ไม่ได้รุนแรงนัก แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย โดยเฉพาะส่วนสงวนที่ต้องเสียดสีกันไปมาภายใต้ผืนผ้ากันภัยที่ค่อยๆร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยแล้ว รุจน์ยิ่งแน่ใจว่า ไม่ใช่แค่ไม่ปลอดภัย แต่มันโคตรอันตรายเลยต่างหาก!

และไม่ใช่อันตรายที่เกิดจากพอร์ชเพื่อนเลิฟแต่อย่างใด...อันตรายเหล่านั้นเกิดจาก...

ตัวเองล้วนๆเลย!! (อร๊ากกกก!! ไอ้รุจน์จิเป็นลม!)

“อ๊ะ ห...หมอ อ๊ะ”

แต่บทยังต้องเป็นบท ในเมื่อการแสดงยังไม่จบ ผู้กำกับยังไม่สั่งคัท รุจน์ก็ยังต้องสู้ตาย รักษาความเป็น ‘ซอ’ ที่เหลือน้อยเต็มทน ให้คงอยู่จนจบซีนหฤหรรษ์นี้ให้ได้

‘สู้ว๊อย! ไอ้รุจน์สู้ตาย!!’ คิดได้ดังนั้น ก็ครางกระเส่าต่อไป...

“อย...อ๊างงงงง”
*
*
*
*
*

ช่วงท้ายซีนการเคลื่อนไหวค่อนข้างหนักหน่วง แอร์ในห้องที่เย็นเข้าขั้นหนาวยังไม่สามารถทำให้ความเร่าร้อนลดลงได้ แสงไฟสลัวในห้องบังกะโล ส่องกระทบสองร่างที่กำลังขยับกายเป็นจังหวะอยู่บนเตียงกว้าง เสียงเนื้อต่อเนื้อเสียดสีกระทบกันเป็นจังหวะ ทั้งเสียงเตียงที่ลั่นขานรับ หลอมรวมเข้ากับเสียงหอบหายใจของหมอธเนศ(พอร์ช ที่กำลังเล่นเพื่อนอย่างจริงจัง) และเสียงครางหวานของซอ (รุจน์ ที่กำลังโดนเพื่อนเล่นโดยไม่รู้ตัว)

“อ๊า…………..อ๊ะ…………โอ๊วววว!”

รุจน์ร้องดังขึ้นเมื่อพอร์ช เร่งจังหวะโรมรัน  ใบหน้าหงายเริ่ดหอบหายใจราวกับกำลังวิ่งเต็มสปีด อ้าปากครางตามบทให้ได้มากที่สุด ทั้งที่บางทีต้องลอบกัดฟัน ลอบกัดริมฝีปากแน่นจากกระแสความร้อนรุ่มที่กำลังสุมเพลิงอยู่ในร่าง สร้างความเสียวสยิวทั้งที่แค่โดนเสียดสีเพียงภายนอก

“อะ…..มะ…หมอ………โอ้วววว!!.........”

“อึก….สุดยอด…สุดยอด….อึก!”

 “อ๊ะ…อ๊ะ ดี…หมอ…ดะ…ดี…โอ้ว”

“ตรงนี้ชอบใช่มั้ย”

“อ๊ะ! ตรงนั้นดี…อะ…เอาอีก อ๊ะๆๆๆๆ”

“...............”

พอได้ยินคำว่า ‘ตรงนั้นดี เอาอีก’ ของรุจน์เพื่อนรัก พอร์ชก็เร่งอัตราการขยับให้โดนจุดมากขึ้น และก็ย้ำอยู่ตรงนั้นราวกับตอกหัวตะปู หัวใจชายหนุ่มเต้นระรัว ยิ่งเห็นรุจน์บิดกายเร่า ใบหน้าแดงซ่าน พอร์ชนยิ่งกระทั้นกายหนักขึ้นไปอีก ตามบทก็ใช่ แต่ตามใจตัวเองมากกว่า เพราะคำว่า ‘ตรงนั้นดี เอาอีก’ ของรุจน์นั้น ก็ไม่ใช่ไดอะล็อกในบทเหมือนกัน

ทั้งร่างของรุจน์สั่นคลอนไปตามแรงกระแทกจนตาลายไปหมด สองแขนที่คล้องคอเพื่อนรักนั้นชาจนสั่นไปหมดแล้ว สติสตังก็กำลังจะปลิวหายไปไหนต่อไหน ถ้าพี่อ๊อดยังไม่สั่งคัทตอนนี้ล่ะก็ ‘ซอ’ จะไม่อยู่กับรุจน์แล้วนะ!

“อ๊างงงงงง...”

“ดีมาก! คัททททททททททท!!!”

ในที่สุดเสียงสวรรค์ก็ลั่นระฆังหมดยก รุจน์ถึงกับเผลอถอนหายใจเฮือกเดียวยาวเหยียด ก่อนจะนอนหอบแฮ่กๆ รอเสื้อคลุมจากทางทีมงาน โดยมีพอร์ชที่ยังคงค้ำตัวคร่อมร่างเพื่อรอเสื้อคลุมกันอุจาดก่อน เช่นกัน

“...เล่นเก่งเกินไปแล้วนะมึง...”

หลังได้เสื้อคลุมกันอุจาด ขณะที่พอร์ชพยุงตัวขึ้นนั่ง รุจน์ก็แขวะตามหลังอย่างเคืองๆทันที

“อะไรของมึงรุจน์? ด่ากูทำไมเนี่ย?”

“...ก...กูชมมึงอยู่ ด่าที่ไหน!?”

“ชมเนี่ยนะ?”

“เออ! กูชมว่ามึงเทพ ประสบการณ์มึงคงเยอะสินะ ช่ำชองเชียว...”

ที่จริงอยากพูดตามหลังว่า ‘เล่นกูซะเคลิ้ม’ ไปด้วย แต่ก็กลัวจะเสียเชิงชายมากเกินไป เลยได้แต่ค่อนขอดเบาๆ ทว่ารุจน์ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า แทนที่ตัวเขาจะโดนเพื่อนมองแบบขุ่นเคือง กลับกำลังโดนเพื่อนมองว่าน่ากินไปซะแล้ว...

“หึหึ...มึงเองก็เก่งเหมือนกันรุจน์ กูยกนิ้วให้เลย”

“...กูเนี่ยนะเก่ง จริงอ่ะ...”

โดนชมเข้าหน่อยอารมณ์ก็ดีขึ้นทันใด  คิ้วขมวดก็จริงแต่ก็เริ่มอมยิ้มน้อยๆ (บ้ายอใช่เล่น)

“จริงๆ มึงเล่นเคลิ้มซะสมจริง จนกูอินตามเลยล่ะ หึหึ”

“.........ไอ้บ้า...ฮึ่ย!”

นึกว่าจะชื่นชมจากใจริง ที่แท้ก็แค่แซวอย่างจริงใจ รุจน์ถึงกับหน้างิดบึ้ง คิ้วขมวดเป็นกระจุกเหมือนเดิมทันที เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอีกแล้ว...

“ไง ไอ้น้องรักของพี่ทั้งคู่ เล่นได้โอเคเลยนี่หว่า”

เสียงชื่นชมจากพี่อ๊อดดังขึ้นในขณะที่รุจน์กับพอร์ชยังคงตั้งหน้าตั้งตาแขวะกันไปมาอยู่บนเตียงกว้าง

“เห็นว่าเพิ่งจะเคยครั้งแรก พี่นี่ลุ้นจนน้ำลายเหนียว กลัวจะหลุดจากบทกันง่ายๆ เพราะฉากแบบนี้มันยาก แต่เอาเข้าจริงทำกันได้ไม่เลวเลยนี่ ดูเพลินจนนึกว่าทำกันจริงๆเลยนะ ฮ่าฮ่า”

“ขอบคุณครับพี่อ๊อด”

“เอาล่ะพี่ให้พักสิบนาทีนะ เดี๋ยวซ้อมฉากกินตับสุดท้ายจะได้ถ่ายเสร็จเร็วๆ เล่นให้เต็มที่เหมือนเมื่อกี้เลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”

“ครับ”

เข้ามาชม บัญชา แล้วก็เดินหัวเราะจากไป ตามสไตล์พี่อ๊อดผู้ทรงอิทธิพล พอร์ชถอนหายใจเฮือกกับความคาดหวังของผู้กับกับของตนอยู่ไม่น้อย เพราะการจะให้เล่นสมจริงสมจังนั้น สำหรับเขาไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่สำหรับรุจน์ฉากต่อไปคงเป็นงานที่หนักใช่ย่อย เพราะแค่ได้ฟังคำสั่งของพี่อ๊อดรุจน์ก็ถึงกับนั่งเหงื่อแตกพลั่กๆไปเสียแล้ว

ก็น่าสงสารอยู่หรอก เพราะซีนต่อไปนั้น รุจน์ต้องเป็นฝ่ายคุมเกมโดยการขึ้นมานั่งขย่มอยู่บนตักของพอร์ช ประสบการณ์ตรงก็ไม่เคยมี หนังAVก็ไม่ค่อยดู (มุ่งแต่เล่นเกมกับอ่านการ์ตูนท่าเดียว) ดังนั้นการจะคาดหวังความเซ็กซี่ตามบทของซอนั้นน่าจะเป็นไปได้ยากแน่ๆ ยิ่งคิดพอร์ชก็ยิ่งขมวดคิ้วหนัก เพราะกำลังนึกหลายๆวิธีที่จะดึงเสน่ห์เย้ายวนและความเซ็กซี่ของเพื่อนรักออกมาให้ได้มากที่สุดในฉากต่อไป ติดอยู่ที่เขาเองก็ไม่ค่อยจะโปรฯเหมือนกัน และที่สำคัญ เขาไม่มีทางรู้ได้เลยว่าในสายตาคนอื่นนั้นรุจน์เซ็กซี่เย้ายวนพอหรือยัง เพราะในสายตาของเขา รุจน์ยั่วจนตาลายไปหมดแล้ว

คิดได้ดังนั้นพอร์ก็ได้แต่ยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วน้อยๆ แล้วถอนหายใจเบาๆกับความหื่นเงียบของตัวเอง…

“กูเครียดว่ะพอร์ช…ซีนต่อไปกูต้องตายคาอกมึงแน่เลยว่ะ”

“……..หืม? ทำไม?”

ขณะที่กำลังใช้ความคิด ก็ได้ยินเสียงรุจน์เปรยขึ้นเบาๆ พอหันไปมองก็เห็นเพื่อนรักนั่งหน้าซีดตัวเกร็งกับความกังวลในฉากผู้นำที่จะถึงนี้อย่างมากมาย และดูท่าทางสติของรุจน์ก็แทบจะเตลิดเต็มทีแล้วด้วย

“…ม…ไม่ใช่อกมึงสินะ….ตายคาตีนพี่อ๊อดต่างหาก…”

“………….!?”

“แม่ง…..งงง กูต้องทำงานล่มแน่เลยพอร์ช กูต้องทำมันพังแน่ๆ กูต้องทำไม่ได้แน่ๆเลยเมิ๊งงงงง….”

‘สติแตกอย่างสมบูรณ์…’

และแล้วพอร์ชก็ไม่เหลือเวลาให้คิดหาวิธีอะไรอีก เพราะรุจน์เพื่อนรักดันหลุดโลกไปเสียก่อนเพราะความประหม่า จนต้องเร่งปลอบก่อนจะเตลิดเปิดเปิงไปกันใหญ่

“อย่าคิดมากสิรุจน์ ซีนก่อนหน้านี้มึงยังทำได้เลย ทำได้ดีมากเสียด้วย แล้วมึงยังจะกลัวอะไร?”

“…..แต่…”

“ตั้งสติก่อนสิ ฉากนี้ง่ายกว่าตอนที่มึงนอนแบให้กูปู้ยี่ปู้ยำตั้งเยอะ ก็แค่มึงนั่งกอดคอกูไว้ ขย่ม แล้วพูดตามบท ไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน  ถ้าอายหรือรู้สึกว่าไม่ไหว ก็แค่ซุกหน้ามึงลงมาที่ไหล่กู ก็หลบสายตาของกล้องที่จับอยู่ได้แล้ว ลองนึกตามดูดีๆสิ มันก็เหมือนควบม้าน่ะแหละ จะกลัวอะไรหืม?”

“....................”  ( Q///^///Q )

“โอเคขึ้นยัง?”

อธิบายจบ ก็เห็นว่าเพื่อนรักนั่งฟังตาปริบๆ แถมยังเงียบกริบไม่หือไม่อือ พอร์ชเลยต้องย้ำความเข้าใจอีกรอบ สภาพนี้ของรุจน์นั้นไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะเหมือนจะดี แต่มันก็ดูไม่ค่อยจะดีด้วยเช่นกัน

“รุจน์?”

“…ง่ายที่ไหนกันวะไอ้พอร์ชบ้า ที่มึงชมว่ากูเก่งน่ะ กูขอคืนให้มึงทั้งยวงเลย กูไม่ได้เก่งซะหน่อย มึงต่างหากที่เก่งที่นำกูได้ ที่มึงบอกว่ากูเล่นบทเคลิ้มได้สมจริงน่ะ กูบอกตรงๆเลยนะอันนั้นกูไม่ได้แสดง…กู…เคลิ้มจริง…”

“……………….” (พอร์ชอึ้งเงียบไปแล้ว)   (/////_ /////)…

ในที่สุดรุจน์ก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรีเล็กน้อยยอมรับกับพอร์ชออกไปว่าบทกอดจูบลูบคลำแถมกระดึ๊บในซีนสุดท้ายนั้นทำเอาเขาเคลิ้มจริงโดยไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทน…มีแค่อย่างเดียวที่ยังไม่กล้าบอกออกไป นั่นก็คือ…

เขาเคลิ้มจริงจัง ขนาดที่ว่าตอนนี้ น้องชายตัวน้อยๆของเขายัง ‘โด่ไม่รู้ล้มอยู่เลย!!’ แล้วอย่างนี้จะไปขยับในฉากต่อไปไหวได้ยังไง เพราะถ้าเกิดฟินเกินไปจนพุ่งพรวดออกมาแล้วล่ะก็ เขาคงไม่เหลือหน้าอยู่ในวงการอีกแล้ว…

‘ช็อคทั้งกองถ่าย! หนุ่ม ร. นักแสดงหน้าใหม่อั้นไม่ไหว พุ่งปรี๊ดกลางกอง’

…ออกข่าวหน้าหนึ่งแน่…อนาถสุดๆเลยกรู….ฮือ…

ยิ่งคิดหน้ายิ่งซีดเผือด แม้พอร์ชจะพยายามปลอบพยายามให้กำลังใจยังไงก็ดูไม่ค่อยจะเข้าสมองเอาเสียเลย นั่นเพราะสมาธิมันมัวแต่จะวอกแวกไปจดจ่อกับน้องชายที่เตรียมตัวปะทุอยู่ทุกเมื่อนั่นเอง


‘มึงทนได้ไงวะพอร์ช…น้องชายมึงทนได้ไงวะ…’


“เอ้า พร้อมกับฉากต่อไปหรือยัง? มะ เดี๋ยวพี่บอกคิวกล้องให้…”

ยังไม่ทันจะได้เตรียมใจเพราะมัวแต่พะวงกับน้องชายตัวเอง และอิจฉาน้องชายของพอร์ชที่ทำตัวดีว่าง่ายอยู่ ดังนั้นพออ๊อดเดินมาทวงเวลา รุจน์ก็ถึงกับหน้าเหวอ

‘ไม่ครับพี่! ผมยังไม่พร้อม!!’

ปฏิเสธในใจอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็พยักหน้ารับคำของอ๊อดออกไปอย่างใจง่าย ดังนั้นในขณะที่สติยังไม่ค่อยจะสมประกอบกว่ารุจน์จะ รู้ตัวอีกที พี่อ๊อดคนดีก็กำลังจะสั่งเดินกล้องถ่ายทำจริงแล้ว!!

‘ห๊ะ!? ไม่นะ!! หนูยังไม่พร้อม!! อ๊ากกกกกก!!’   ∑<( >///□///< )>

“แอ็คคคคคคคคคคค…ชั่น!!”

‘จ๊ากกกกกกก!!’  ∑<( Q///□///Q )>

 >.,<
>.,<
>.,<
>.,<
>.,<

“...สุดยอด….อึก! มะ...หมอ...”

“ค๊าทททททททททททททท!! ไอ้น้องรุจน์ครับ มึงจะรีบไปไหนครับ!!? เอาใหม่!!”


สิ้นเสียงคำสั่งเดินกล้อง รุจน์ก็เริ่มขย่มแบบลืมตาย และนั่นก็ทำให้มีเสียงคัทตามหลังมาติดๆ พร้อมคำ ผรุสวาท…ตามมาอีกเป็นยวง

“ใจเย็นรุจน์…ช้าๆ”

พอร์ชกระซิบขณะที่ยังตระกองร่างของเพื่อนรักอยู่บนตัก รุจน์พยักหน้ารับคำหงึกหงักทั้งที่จะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“ซีนที่ 6 เทค 2 แอ็คคคคคคคคคคค…ชั่น!!”

“...สุดยอด….อึก! มะ...หมอ...”

 “อ๊ะ…อ๊ะ ดี…หมอ…ดะ…ดี…โอ้ว”

“ตรงนี้ชอบใช่มั้ย”

“อ๊ะ! ตรงนั้นดี…อะ…เอาอีก อ๊ะๆๆๆๆ”

เทคสองเริ่มต้นไปได้ด้วยดี เหมือนทุกอย่างเริ่มลื่นไหลขึ้น รุจน์แหงนใบหน้าหงายเริ่ดไปด้านหลัง ร้องตามบทออกไปอย่างถึงพริกถึงขิง พอร์ชเองก็ตอบรับตามบทบาทได้อย่างสอดประสานลงตัว

“อ๊า....อ๊ะๆๆๆๆ มะ หมอ อ๊า...ส์……..!!?”

รุจน์สะดุ้งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเริ่มรู้สึกได้ว่า บางอย่างใต้ก้นของเขานั้นแข็งขืนขึ้น น้องชายอันเขื่อนของเพื่อนรัก กำลังโด่จิ้มก้นเขาอยู่!! พอรู้สึกได้ว่าเป็นเช่นนั้นตอนแรกก็อดเห็นใจพอร์ชที่อยู่ในสถานการณ์เดียวกันอยู่นิดหน่อย แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นมันต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะความรู้สึกที่ว่าพอร์ชก็กำลังมีอารมณ์ ซึ่งมันเกิดจากการกระทำของเขาเองนั้น ทำให้รุจน์เริ่มขยับกายแปลกไป

 “อ๊ะๆๆๆๆ อ๊างงงง!!! โอ๊ววว ลึก ลึก อ๊าๆๆๆๆ ดี อ๊า!”

‘พอร์ชมัน…พอร์ชมันโด่อยู่…เพราะ…เรา…’

ยิ่งคิดยิ่งฟุ้งซ่านเตลิด ความรู้สึกที่ว่าพอร์ชมีอารมณ์กับตัวเองนั้นบาดลึกในหัวใจอย่างประหลาด ความวาบหวามผุดวาบขึ้นทั่วร่างอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน น้องชายโด่ไม่รู้ล้มของพอร์ชจึงมีปฏิกิริยาตามไปด้วยทันที!!

“อืม...อ๊ะ...”

‘ยะ…แย่แล้ว…!!?’

‘เฮือกกกกก!!!’

“มะ...ไม่ไหว...ไม่ไหวแล้ว!!!!!”

“……………….!!?”

“……………..?????”

เล่นเอาเงียบกันไปทั้งกองถ่าย เมื่อจู่ๆรุจน์ก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ไม่ยอมขยับเขยื้อนอีก นอกจากกอดคอแล้วซุกหน้าอยู่กับบ่าของพอร์ชนิ่งๆอยู่แบบนั้น

“…..เป็นอะไรไปน่ะ? เอ้า คัทก่อน…”

เห็นว่ารุจน์แปลกไป อ๊อดก็สั่งคัท แล้วเดินมาดูอาการ เห็นเพียงแต่ว่าร่างของรุจน์กำลังสั่น แต่ยังไม่ทันจะได้เอ่ยถามอะไรมาก พอร์ชก็ขอร้องไว้เสียก่อน

“ขอโทษนะครับพี่อ๊อด ดูท่ารุจน์มันจะไม่ค่อยไหวน่ะครับ”

น้ำเสียงร้อนรนของพอร์ชทำให้อ๊อดเหลือบไปมองรุจน์ที่ยังคงกอดเพื่อนตัวเองแน่นแล้วซุกหน้าอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ก่อนที่อ๊อดจะถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความเป็นห่วง

“อัดถ่ายวันนี้วันเดียวคงจะหนักไปกับเด็กใหม่อย่างพวกนายแหละนะ เฮ้อ พี่ขอโทษแล้วกันจัดงานให้หนักไปหน่อย วันนี้เลิกกองก่อนก็แล้วกัน ซีนนี้ค่อยถ่ายกันวันหลังก็ยังทันถมเถ พักสักหน่อยเถอะ ทั้งสองคน”

สิ้นคำของอ๊อดรุจน์เหมือนจะขยับเล็กน้อย แต่พอร์ชรีบกระชับอ้อมกอดเอาไว้เสียก่อน แล้วเอ่ยขอร้องผู้กับกับผู้แสนใจดีของพวกเขาแทน

“ไม่เป็นไรครับพี่ ถ่ายกันวันนี้เลยครับพวกผมไหว”

“เฮ้ย ไม่เอาน่า ไอ้รุจน์ท่าจะไม่รอดแล้วนะนั่น มันเครียดมากเลยสิเนี่ย….”

“ไหวจริงๆครับพี่ แต่ขอผมอยู่กับรุจน์สองคนสัก 15 นาทีได้มั้ยครับ ขอทำสมาธิกับบทสักแป๊บนึง แล้วเราจะถ่ายต่อครับ”

“จะดีเหรอ?”

“ครับ พวกผมไม่อยากให้พี่ต้องเสียเวลา ขอโทษจริงๆครับพี่อ๊อด”

“อ่า โอเค งั้นพวกพี่ไปอยู่แถวหน้าหาดก่อนแล้วกันนะ พร้อมก็เรียกแล้วกัน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆบอกได้นะ พี่ไม่มีปัญหา”

“ครับพี่อ๊อด ขอบคุณมากครับพี่”

หลังจบคำต่อรอง เพียงครู่เดียวทั้งอ๊อดและทีมงานทุกคนก็ออกไปจนเกลี้ยงห้อง ทิ้งเอาไว้เพียงสองหนุ่มพอร์ช รุจน์ที่ยังคงนั่งกอดกันกลมอยู่กลางเตียงอย่างนั้นไม่เขยื้อนกายไปไหนเลย

“……………….”

“……รุจน์?”

“…………………”

“…พี่ๆเขาออกไปกันหมดแล้ว เงยหน้าเถอะ”

เมื่อได้ยินว่าไม่เหลือใครแล้ว ในที่สุดรุจน์ก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ

“……รุจน์…”

แค่เห็นภาพตรงหน้า พอร์ชก็แทบจะหยุดหายใจ เมื่อใบหน้าที่แหงนเงยขึ้นมาของรุจน์นั้นแดงซ่านไปด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาที่เคยกลมใสบัดนี้รื้นฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำคลอหน่วย ริมฝีปากอิ่มแดงจัด ค่อยๆเผยอเอ่ยถ้อยคำที่ทำให้พอร์ชหมดความอดทน

“…ก…กูไม่ไหวแล้ว…พอร์ช…”

“……………..”

“…น้ำ…กูจะ…ออก…”

พรึ่บ!!!!

เพียงแค่ได้ยินคำนั้นของรุจน์ เส้นความอดกลั้นตึงเปรี๊ยะของพอร์ชก็ขาดสะบั้น ชายหนุ่มรีบอุ้มเพื่อนรักพรวดพราดเข้าห้องน้ำทันทีแบบไม่มีการเตือนล่วงหน้า

“….พ….พอร์ช?...”

“ชี่….นี่คือการทำให้มึงสงบลง รวมทั้งกูด้วย”

“…….”

“เพื่อที่เรา…จะได้กลับไปทำงานได้ต่อ…โอเคนะ…”

“เอ๊ะ? อ๊ะ!?”

ยังไม่ทันจะได้ตั้งสติว่าที่เพื่อนรักพูดมาหมายถึงอะไร รุจน์ก็ถูกพอร์ชจับกดให้นอนหงายลงบนพื้นห้องน้ำเงาวับ โดยที่มีพอร์ชคร่อมร่างแทรกอยู่ตรงหว่างขา

“…พ…พอร์ช…มึงจะทำ….อ๊า!!”

ไม่ทันจะได้ถามว่าเพื่อนรักจะทำอะไร รุจน์ก็ต้องครางเสียงหลง เมื่อน้องชายของตนถูพอร์ชรวบรัดมัดตัดกับน้องชายที่ร้อนระอุราวเหล็กเผาไฟของพอร์ชด้วยมือของพอร์ชเอง!

“ทำ…อะ…อื้อ!...อะไร…อ๊ะ…พอร์ช…พอร์ช….”

“อย่าเกร็งรุจน์ เวลาเรามีน้อย ปล่อยออกมาก่อน”

คำสั่งตัดรอนสิทธิอย่างสิ้นเชิงของเพื่อนซี้ทำรุจน์เสียศูนย์ ไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับเขาและพอร์ช ทว่า แค่เพียงพอร์ชขยับข้อมือเบาๆ ความเสียวซ่านก็แล่นปราดไปทั่วร่างจนแทบดิ้น

“อ๊ะ อ๊า พอร์ช อยะ…งื้อ….อ๊า….”

“….อึก…รุจน์…อย่ากลั้นไว้…อืมมม”

“อ๊า…มะ…ไม่เอา….อ๊ะ! อื้อ….จะ…จะไม่ไหวแล้ว…”

มือแกร่งเร่งจังหวะรูดรั้ง สองอวัยวะในมือเสียดสีกันจนร้อนระอุ เมือกใสเอ่อท้นปะปนกันจนเป็นหนึ่งเดียว ความเปียกลื่นเรียกอารมณ์เตลิดไปไกลจนไม่สามารถตั้งสติได้อีกแล้ว

“….รุจน์….อา…”

“พอร์ช อ๊า พอร์ช….อื้อ! มะ…ไม่ไหวแล้ว!!”

“…..ซืดดด…”

“อ๊ะ!...อ๊าย….จะเสร็จ….อื้อ…พอร์ช….กูจะเสร็จ…อ๊า…แล้ว!!”

“พร้อมกันเลย…..อึกกกก!!!!!”

“อ๊ะ!!!!!!!!!!!!! อ๊ะ….อ๊า….อา……………”

จุดสุดยอดที่มาถึงราวกับสายฟ้าฟาด ร่างทั้งร่างของรุจน์เกร็งสะท้านกระตุกเฮือกๆไม่หยุด ตอบรับจุดสุดยอดแบบต่อเนื่อง ฝ่ายพอร์ชเองก็ไม่ต่างกัน ชายหนุ่มถึงกับกัดฟันกรอดกับการถะถั่งที่ยาวนาน เสียงหอบหายใจดังระงมไปทั้งห้องน้ำ… และสิ่งที่รุจน์ที่นอนหลับตาปี๋หอบแล้วหอบอีกไม่รู้นั่นก็คือ ภาพลามกของตัวเองโดนพอร์ชเมมโมรี่ใส่หัวไว้เรียบร้อยแล้ว

…ภาพลามกนั่นคือภาพของร่างเปลือยขาวจั๊วะของรุจน์ที่ราดรดนมข้นหวานไว้จนเต็มทั้งหน้าท้องเรียบเนียนและแผ่นอกขาว และมีบางส่วนแอบกระเซ็นไกลไปจนถึงปลายคางเสียด้วย…

*
*
*
*
*
หลังจากที่พอร์ชช่วยทำความสะอาดร่างกายของรุจน์และช่วยกันทำลายหลักฐานลามกแล้ว ครู่ต่อมาการถ่ายทำฉากบนเตียงที่ยาวนานก็สามารถถ่ายทำต่อไปได้จนจบตามตารางงานที่อ๊อดตั้งใจไว้ การแสดงของสองหนุ่มหลังจากกลับไปถ่ายทำใหม่นั้นเลิศเลอจนอ๊อดออกปากชมไม่ขาดปาก จากนั้นประมาณเกือบเที่ยงคืนก็ยกกองกลับที่พักกันอย่างราบรื่น จบไปอีกหนึ่งวันอย่างงดงาม

รุจน์กับพอร์ชเองก็พูดคุยและทำตัวกันอย่างปกติโดยไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องในห้องน้ำนั่นอีกเลยแม้แต่คำเดียว…

นั่นเพราะต่างก็รู้อยู่แก่ใจแล้วว่า…

‘นับจากวันนี้เป็นต้นไป ความเป็นเพื่อนกำลังจะเปลี่ยนไปแล้ว…’

******************************************

รอเก๊าอยู่หรือเปล่า….
ขอโทษนะจ๊ะ กลับจากที่ทำงานปุ๊บ ก็ป๊อกหลับไปเลย….
ดีว่าตื่นมาทันลงคืนนี้พอดี แหะๆ
ใครชอบฉากจบยกมือขึ้น!
 :hao6:
ขอบคุณค๊าบ จุ๊บๆๆๆ
อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 08-02-2014 01:03:04
เค้าหลงรักคู่นี้แล้วอ่ะ
น้องรุจน์น่ารัก น่าแกล้งมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: tararatart ที่ 08-02-2014 01:20:22
อ๊ายยยยยยย รุจน์ใสมากเลยยยยยย555
พอร์ชนี่ฉวยโอกาสตัลหลอด.............................
.................................................................
แล้วเรื่องสุดปลายทาง....ของหัวใจจะต่ออีกไหมค่า
ต่อเหอะนะคะ ชอบมาก อินโคตร^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 08-02-2014 01:32:34
เก๊าชอบๆ :hao7: อิอิ
มาต่ออีกนะ :hao6:
สู้ๆค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 08-02-2014 01:32:44
เพื่อน...อยากกินแกว่ะ! รู้สึกกันอย่างงี้ชะม้าาาา ร่อนฉ่ากันจริงจริ๊งงงง :m25:

ต่อจากนี้ท่าจะมุ้งมิ้งแข่งกับคู่รุ่นพี่น่าดู 555+
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 08-02-2014 01:45:28
 :m25: :m25: :m25:

พุ่งกระฉูดดดดดดดดดด

น่ารักจริงๆ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 08-02-2014 01:48:36
ต๊าย..ตาย น้องรุจน์ผู้แสนจะใสซื่อและบริสุทธิ์ผุดผ่อง
เกือบมาตายกับฉากอันแสนโหดนี้ เล่นเอาเลือด(คนอ่าน)หมดตัว  :haun4:
โชคดีที่่พอร์ชช่วยพาไปรีดน้ำ(?) ออกได้อย่างทันท่วงที ฉากนี้จึงดำเนินได้ต่อ
สงสารน้องรุจน์ตอนมีอารมณ์นี่แหละ อะไรๆมันก็แทบฉุดไม่อยู่ แล้วพอร์ชก็ดันมีอารมณ์ตามซะนี่
จบเหอะ ดึกแล้ว เบลอๆ เม้นท์ไม่ค่อยถูก 55555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 08-02-2014 01:58:08
ชอบคู่นี้ๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 08-02-2014 03:37:53
เข้ามายกมือ
แล้วก็ขออีก  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 08-02-2014 03:57:04
 :hao6: ยกมือด้วยคน อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 08-02-2014 07:10:30
เลือดพุ่งงง  อ๊าคคคคคคค
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 08-02-2014 07:12:32
ตั้งชื่อตอนได้เหมาะมากอะ 555 เกือบไปแล้วไหมละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 08-02-2014 08:01:46
 :pighaun:

เป็นครั้งแรกเลยที่นึกชอบความเปลี่ยนแปลงงง  :z1:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-02-2014 08:56:47
ต้องขอบคุณหนังเรื่องนี้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 08-02-2014 09:09:52
เขาชอบคู่นี้
 :3123: :3123:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 08-02-2014 09:41:45
แอร๊ยยยยยย พอร์ช

รุจน์เอ้ยยยยย เซ็กซี่มากกกกกกกค่ะลูกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 08-02-2014 09:53:32
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด
เพื่อนเล่นเพื่อนของจริง !! กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
ชอบมากกก งื้อออ ชอบคู่ยี้อ่ะ อ่านฉากนั้นไป คือแค่สัมผัสกันนะ ยังโคตรหวิวอ่ะ
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก  :hao6: :hao7: เอาอีก เอาอีก เอาอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-02-2014 10:14:02
ยกสุดแขนเลย  :hao6:

ถ่ายฉากนี้จบ พี่อ๊อดคงคิดถึงช่างกล้องอีกคน  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 08-02-2014 10:30:56
/ยกมือ/ เค้าชอบฉากนี้ค้าาาา///////
น้องรุจน์เป็นเคะที่สมควรโดนแกล้งที่สุดในโลก 5555
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 08-02-2014 10:31:14
น้องรุจน์น่ารักอ่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-02-2014 10:52:47
 :katai2-1: :katai2-1:

ฟินยาวววววว รอคู่นี้ !!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 08-02-2014 11:08:01
เอ้วววว
ชอบคู่นี้ 555555
ถ้าดูผ่านๆ นึกว่ากำลัง....กันอยู่นะเนี่ย
ไม่เหมือนถ่ายหนังเลยซักนิด 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 08-02-2014 11:16:53
กรี๊ดดดดดด ชอบคู่นี้อ่ะ 
:mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 08-02-2014 11:24:13
เพื่อนรัก รักเพื่อนจ้ะ
รุจน์น่ารักอะ ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 08-02-2014 12:02:46
 ถ้าจะเล่นสมบทบาทขนาดนี้ ฉายช่องไหนน่ะ จะรีบไปดู5555 :haun4:

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 08-02-2014 12:06:29
อนุญาตให้น้องสองคน กลับไปกระดึ๊บๆ กันต่อ อยากดูอะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 08-02-2014 12:20:42
เฮือกกก!! เลือดพุ่งค่ะ เล่นกันซะสมจริงเลย >,,,<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 08-02-2014 14:13:28
แอร๊ยยย
น้องรุจน์น่ารักอะ
อยากได้มาเก็บไว้ที่บ้าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 08-02-2014 14:18:59
กรี๊ดๆ สนุกมากอะ
ชอบน้องยุน้องรุจน์ น่ารักเชียว
อ่านแล้วมีครบทุกรสเลย สัญญาจะติดตามอ่านค๊าา ชอบบบ

ปล.ฟินฉากในห้องน้ำของรุ่นเล็ก กรี๊ดดด :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: KhunToOk ที่ 08-02-2014 14:59:08
 :haun4: โอยยย...ขะ..ขอ  ขอเลือดหน่อย   :jul1:

ชอบคู่นี้ น่ารักอ่ะ อิอิ   :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 08-02-2014 16:17:03
โอยยยยยยย เสียเลือดหนึ่งถุงงงงง

 :m25:  :pighaun:  :haun4:

ชอบคู่นี้อ้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: pooinfinity ที่ 08-02-2014 19:39:03
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ลูกสาวอีกคนเตรียมตัวออกเรือนเลยค่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-02-2014 19:42:06
น้องรุจน์สารภาพหมดเปลือกเลย อย่างนี้ก็เสร็จเพื่อนพอร์ชน่ะซี  :m25:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 08-02-2014 20:54:22
พอร์ชกะรุจน์  คู่นี้มันช่างแซ่บ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 08-02-2014 21:05:57
นึกว่าน้องพอร์ชจะจัดเต็มที่ห้องน้ำซะแล้ว>//<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 08-02-2014 22:35:03
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 08-02-2014 23:34:55

น้องรุจน์คะ  พี่ก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกันค่ะ

พี่นั่งฮาน้องรุจน์ จนกลั้นไม่ไหวแล้ววววววววค่ะ  555555+
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 09-02-2014 00:40:24
หนังเรื่องนี้ หื่นสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 09-02-2014 22:39:35
อ่านแล้วหยุดอ่านไม่ได้เลยค่ะ -..- ทั้งเขินทั้งฟินทั้งเศร้า ครบทุกอารมณ์เลย

เมื่อไหร่ยุจะเรียกเมธว่าพี่ อยากได้ยินจัง >< แอร๊ยยยยยย น้องยุกับพี่เมธ #เพ้อ

รู้สึกไม่อยากให้กลับไทยเลย เตรียมผ้าซับน้ำตาล่วงหน้าแป๊บ รีบๆให้ยุเปิดใจให้ได้ก่อนกลับไทยนะพี่เมธธธ

กลัวใจน้องนางเหลือเกิน TT^TT

เพิ่งมาอ่าน ขอติดตามด้วยคนนะคะ =D
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 10-02-2014 21:36:18
ตายละ เคลิ้มจริง!
แล้วจะเป็นอย่างไรต่อเนี่ย ...
รอลุ้นค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 11-02-2014 00:27:40
น่ารักมากอ่ะคู่นี้ ทั้งฮาทั้งหื่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-02-2014 00:43:13
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 11-02-2014 01:05:46
พอร์ชไม่ค่อยเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 11-02-2014 01:53:41
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยย

คนอ่านก็จะเป็นลมตามน้องรุจไปแล้วแล้วค่าาาาา

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 11-02-2014 18:05:39
ฮ่าๆๆๆ  น่ารักเกินไปแล้วววว   ฮ่าๆๆๆ

อ้ายยยย ข้ามขั้นๆๆ   น่ารักอะ  ฮาด้วย  อ่านไปขำไป ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 12-02-2014 00:08:38
รอๆๆๆๆค้าบ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 14-02-2014 16:44:28
กรี๊ดดดดดดด คู่เพื่อนรักนี่ใช่เลย!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 15-02-2014 16:12:27
รอๆๆๆค่ะ เข้ามาทวงงงตอนใหม่ >____<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Crown ที่ 16-02-2014 02:40:42
หลงรักคู่อีกเเล้ววววว รุจน์น่ารักกกก ชอบๆๆๆๆๆๆ :z1: :z1: :z1:

 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Wereena ที่ 16-02-2014 10:17:47
อิอิ เข้ามาติดตามเรื่องนี้ด้วยคนค่ะ สนุกมาก ลุ้นว่าถ้าถ่ายหนังจบแล้ว ทั้งสองคนจะเป็นยังไง  แอบลุ้นคู่รองอีกนิดหน่อย เป็นกำลังใจให้คนเขียน รีบมาต่อไวๆนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 17-02-2014 00:48:41
รอตอนต่อไป  ลุ้นๆๆ รุจน์กับเพื่อนจะไปต่อกันมั้ย เอิ๊กก :hao6:
แล้วคู่ เด็กดื้อ กับ พระเอกเนื้อทองของเราเป็นไงบ้าง น้องยุใจอ่อนยังค้าา
อยากเห็นโมเม้นต์ ท่านผู้กำกับ กับ ตากล้องหน้าใส อ่อนกว่าวัย พี่อ๊อดกับคุณมลอ่ะ  :mew3:
 
ตอนต่อไปมาเร็วๆๆน้าา :impress2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 17-02-2014 01:36:22
 :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 18-02-2014 23:40:58
ลุ้นๆพอร์ชกะรุจน์
คู่คุณเมธกะน้องยุก็ลุ้น
ลุ้นกันจนเหนื่อย  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 19-02-2014 02:10:29
มาต่อเหอะน้าาาาาา
รอนานแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 19-02-2014 16:19:44
 :hao6:  :hao6: น่าจะมีหนังแบบนี้ออกมาเนอะ  :seng2ped: แต่คงไม่ผ่านออกมาให้เชยชม  :hao4:

ชอบทั้งสองคคู่เลยอ่ะ คู่แรกนี่  :z1: ส่วนคู่รองก็น่าเอ็นดู๊น่าเอ็นดู  :hao3:

รอจ้าาา  :hao7:  :call: ปักคอลเล็กน้อย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.57)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 19-02-2014 18:56:27
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 20 ความรู้สึก




กฤตเมธยกตัวขึ้นถอดเสื้อยืดตัวบางของตนออกอย่างรีบร้อน เผยให้เห็นมัดกล้าม กำยำ และผิวเปลือยขาวผาด สดายุปรือตามองคนตรงหน้าที่กำลังจัดการอาภรณ์ของตัวเองออก ใบหน้าคมหวานตกตะลึงระคนหวาดหวั่น ลมหายใจชายหนุ่มยิ่งหอบถี่ ใบหน้าแดงซ่าน

“อะไรกัน นี่นายเปียกขนาดนี้แล้วอย่างนั้นเหรอ”

“อ๊ะ! ตรงนั้น! อย่า อย่าจับนะ อ๋า~!!”

สดายุสะดุ้งไหวไปทั้งร่าง เมื่อถูกรุกรานในจุดอ่อนไหว

“อ๊ะ...อื้อ...ได้โปรด...อ๊า”

“ฉัน...ขอนะ”

“หา?...อ๊ะ...อะไร?”

สิ้นคำเว้าวอนอ้อนขอ มือไม้อยู่ไม่สุขก็เริ่มรุกรานเลยจุดที่ยากจะทำใจ ร้อนถึงสดายุที่ต้องรีบร้องห้ามเสียงหลง พร้อมใบหน้าที่ตระหนกแตกตื่น

“อ๊ะ ไม่ !! เดี๋ยว ไม่เอานะ”

“อย่าดิ้นสิ เดี๋ยวจะเจ็บเอานะ”

กฤตเมธกระซิบเสียงแหบพร่าโดยไม่สนใจคำทัดทานของคนใต้ร่าง

“ไม่นะ ฉะ...ฉัน...อื้ม!?”

เพื่อตัดความรำคาญกับคำทัดทานเหนี่ยวรั้ง กฤตเมธจึงทำการจูบปิดปากคนตรงหน้าซะ เพื่อทำให้เสียงห้าม กลายเป็นครางหวานหูแทน

เวลาผ่านไปเพียงแค่ลมหายใจเดียว ดูเหมือนร่างกายของสดายุจะพร้อมพรั่งสำหรับกฤตเมธแล้ว  กฤตเมธเองก็แทบจะอดทนต่อไปไม่ไหว เพราะคนตรงหน้าเขาช่างเย้ายวน ไม่ว่าจะเป็นร่างกายที่แสนจะทรงเสน่ห์ เสียงหอบหายใจเนื่องจากพ่ายแพ้ต่อความปรารถนา และเสียงครางหวานล้ำยวนใจ

“อืม...อย่าเกร็งนะ”

“อ๊ะ ...อื้อ... อ๊ะ...อ๊ะ ....อ๊า”

สดายุกรีดร้องเสียงสูง เมื่อถูกกระทั้นกายเข้าใส่แบบไม่ให้ได้เตรียมเนื้อเตรียมใจ

“อ๊ะ ...อ๊ะ...อย่ะ...อย่า...”

“ไม่ทันแล้วล่ะ อึก...อย่ารัดนักสิ”

“มะ...ไม่ไหว...อ๊ะ...อื้ม! อ๋า!!”

สดายุครางรับการเคลื่อนไหวโรมรันของกฤตเมธจนเสียงหลง ร่างบางสะท้านเฮือก เมื่อถูกกระแทกกระทั้นส่วนล่างอย่างไม่มีเว้นจังหวะให้หายใจหายคอ เนื้อต่อเนื้อเสียดสีจนร้อนฉ่า เสียงหนั่นเนินกระกระทบกันดังก้อง จนสดายุต้องร้องกลบเสียงลามกนั่นเป็นการใหญ่

“อ๊ะ! อ๊ะ โอ้ว!! อื้อออ อ๊ะ อ๊ะ”

“หืม...ตรงนี้...รู้สึกดีสินะ พอโดนปุ๊บ...ข้างในก็รัดฉันใหญ่เลย...”

“มะ...ไม่ ...อ๊ะ ...อ๊ะ ...อ๊ะ ...อ๊า ....อา ...อ๋า!!”

“อืม ...ดี ...ภุมรา ...ดีมาก อืม...”

ร่างสูงครางต่ำในลำคออย่างเหลืออดเหลือทน เขากระแทกกระทั้นหนักหน่วง เพื่อเรียกเสียงหวานน่าฟังให้ครางโหยมากขึ้น

 “อ๊ะ ...มะ...ไม่ไหวแล้ว...ฉะ ...ฉันไม่ไหวแล้ว”

“อึก...อืม...”

ร่างหนาเร่งความเร็วในกระแทกกายในช่วงท้ายเกมที่ต้องเร่งทำสกอร์นำขาด เสียงผิวกายเสียดสีกันดังลั่น สมรภูมิสีขาวลั่นเอี๊ยดอ๊าด ร่างขาวโพลนของสดายุแอ่นหยัดเกร็งสะท้านก่อนจะกรีดร้องออกมา

“อ๋า~!!!”

“อึก!!”

กฤตเมธกัดฟันกระทั้นกายหนักๆอีกสองสามครั้ง ก่อนกระตุกร่างเฮือกๆอีกสองสามที แล้วจึงค่อยผ่อนการเคลื่อนไหวให้เนิบนาบเชื่องช้า ร่างทั้งร่างยังคงหอบสะท้าน ไม่ต่างสดายุที่ยังคงนอนหอบหายใจด้วยร่างที่สั่นระริก กระตุกวูบไหวในคราแรกที่กฤตเมธขยับกาย ก่อนจะกะปลกกะเปลี้ยนอนหอบหายใจรวยรินอย่างคนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ดวงตาคู่สวยปรือฉ่ำแดงรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาที่ปริ่มไหลออกมาเล็กน้อย และหลับตาลงทันทีที่ถูกกฤตเมธบรรจงจูบตรงขมับชื้นเหงื่อ จูบตรงเปลือกตาบวมช้ำจากการร้องไห้ จูบปลายจมูกแดง จูบแก้ม จูบริมฝีปากอิ่มแดงเจ่อ จูบซ้ำๆ ย้ำลงไปที่กลีบปากน่าหลงใหล ก่อนจะค่อยๆตระกองร่างอ่อนปวกเปียกขึ้นมากอดเอาไว้แน่น  กฤตเมธขมวดคิ้วมุ่นราวกับกำลังรู้สึกสับสน พลางซบใบหน้าลงซุกตรงแผ่นอกผอมบางของคนใต้ร่าง สดายุเองก็ค่อยๆยกวงแขนขึ้นโอบร่างใหญ่โตของกฤตเมธแน่น ก่อนจะเอื้อนเอ่ยถ้อยคำหวานล้ำอันแสนทรมานพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลนองสองข้างแก้ม...

“ภู...ฉันรักนาย...”


“โอเค! คัทททททท!!!! เยี่ยมมาก เยี่ยมๆๆ สุดยอด”


สิ้นเสียงสั่งคัทของอ๊อด ทีมงานทุกคนถึงกับถอนหายใจพรู บ้างก็ลุกขึ้นขยับกายคลายความปวดเกร็งในการนั่งลุ้นและอินกับการถ่ายทำที่แสนจะยาวนานของฉากเลิฟซีนเผ็ดร้อนอีกฉากของคู่พระนาง (ที่เคยล่มไปครั้งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว) หลังส่งเสื้อคลุมให้ตัวละครเอกทั้งคู่แล้ว ทีมงานรวมทั้งอ๊อดก็ถอยร่นออกจากนักแสดงเล็กน้อย เพื่อให้ทั้งคู่ได้มีเวลาในการปรับอารมณ์หลุดออกจากซีนหนักหน่วงเมื่อครู่ ซีนถ่ายทำที่ยาวนานแต่ก็ไม่มีพลาดเลยแม้แต่นิดเดียวสมกับฝีไม้ลายมือของสองนักแสดงแนวหน้าอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง

“เอาล่ะ เมธ ยุ เดี๋ยวฉากต่อไปเป็นฉากง้องอนบนเตียงนะ แต่ไม่ต้องรีบพี่ให้เราพักสักยี่สิบนาทีก่อน เหลือซีนบนเตียงอีกแค่ซีนเดียว ไม่น่าเกินบ่ายก็คงถ่ายเสร็จแล้วล่ะ ช่วงบ่ายๆพี่ขอเก็บฉากในห้องน้ำอย่างเดียวก็พอแล้วสำหรับวันนี้ พวกนายโอเคนะ”

“ครับพี่อ๊อด”

กฤตเมธและสดายุรับคำแข็งขัน ก่อนจะนั่งพักกันชิวๆที่บนเตียงกว้าง อย่างไรเสียฉากต่อไปก็ยังต้องถ่ายทำที่เดิมอีก อีกสักพักค่อยลุกให้ทีมงานจัดฉากใหม่อีกที  จัดการแจ้งลำดับการถ่ายทำเสร็จอ๊อดก็ผละไปจัดการบางอย่างตรงหน้าจอมอนิเตอร์กับผู้ช่วยต่อ ทีมงานจัดไฟจัดกล้อง ก็เริ่มจัดไฟ ย้ายมุมกันอย่างแข็งขัน ปล่อยให้คู่พระนางได้พักกันเงียบๆสองต่อสอง (แต่รายล้อมไปด้วยทีมงานนับสิบชีวิต) กฤตเมธคลุมเสื้อปิดกล้ามเนื้อสวยงามเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ส่วนสดายุก็แค่เอามาพันเอวเอาเพื่อปิดท่อนล่าง เปลือยร่างท่อนบนขาวผ่องเย้ายวนอวดสายตาทีมงานทั้งชายหญิงให้ได้ลอบมองไม่ขาดระยะ

 “...................??”

นั่งกันเงียบๆอยู่พักหนึ่ง กฤตเมธก็เอื้อมมือไปวางไว้บนไหล่ขาวของสดายุแล้วบรรจงไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือที่รอยช้ำม่วงตรงไหล่นั้นเบาๆ ดวงตาคู่สวยที่มองตรงรอยช้ำนั้นแฝงไปด้วยริ้วรอยแห่งความห่วงใยอย่างไม่ปิดบัง

“ผิวคุณ...ช้ำง่ายจัง”

เสียงทุ้มเปรยกับเจ้าของรอยช้ำเบาๆ พร้อมช้อนสายตาขึ้นสบนิ่งกับดวงตาคู่โศกของสดายุที่จับจ้องตอบมาอย่างไม่วางตาเช่นกัน

“เจ็บหรือเปล่าครับ ผมขอโทษนะ”

กฤตเมธเอ่ยขอโทษออกไปด้วยรู้ดีว่าร่องรอยเหล่านั้นล้วนเกิดจากการที่ต้องเข้าฉากฉุดกระชากลากถูกันเมื่อตอนเช้าตรู่ ทั้งรอยที่ไหล่ขาว ทั้งรอยที่ต้นแขน เขียวช้ำเป็นจ้ำไปหมด ยิ่งได้เห็นได้มอง กฤตเมธก็ยิ่งต้องขมวดคิ้วน้อยๆด้วยความรู้สึกผิดเล็กๆ เพราะแม้มันจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่จำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อการแสดง แต่เขาควรจะระวังมือมากกว่านี้ ไม่น่าปล่อยให้ตัวเองออกแรงมากไปจนสดายุต้องมีรอยช้ำไม่น่าดูแบบนี้เกิดขึ้นเลย เสียดายผิวขาวๆนั่นหมด...

“...ทีหลังก็อย่าทำผมแรงนักสิ ผม...เจ็บนะ”

ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เรื่องแผล หรือรอยช้ำมันเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วในการเล่นหนังเล่นละคร แต่พอเห็นว่ากฤตเมธดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนแทนเสียขนาดนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะกระเซ้าออกไปเบาๆพร้อมส่งยิ้มหวานที่เต็มไปด้วยเลศนัย คำพูดชวนคิดสองแง่สองง่ามทำให้กฤตเมธถึงกับลอบยิ้มให้กับความยียวนของคนตรงหน้า และมีหรือที่คนอย่างเขาจะยอมแพ้ทาง

"ขอโทษนะครับ  คราวหน้าผมจะระวังแน่ๆ ว่าแต่..."

คำขอโทษพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเว้นจังหวะการพูดเล็กน้อย เพื่อทิ้งหน่วงให้คู่สนทนาได้ลุ้น สดายุเอียงคอเล็กน้อยคอยฟัง แต่พอได้เห็นเป้าหมายสายตาของกฤตเมธที่ไล่มองเรือนร่างของเขาต่ำลงเรื่อยๆนั้น สดายุก็เริ่มรู้ทันว่าคนแก่กว่าจะเย้าอะไร

"เมื่อกี้ผมก็เผลอกระแทกเสียแรง ไม่รู้ว่าจะช้ำหรือเปล่านะ..."

พูดพลางยิ้มร้ายให้เล็กๆ พร้อมช้อนสายตาขึ้นมาหาสดายุอีกครั้งอย่างเป็นต่อ เล่นเอาสดายุยังต้องเผลอหัวเราะออกมาเบาๆพลางส่ายหน้าขอยอมแพ้

"หึหึ...ก็แค่เกือบเป็นหมันน่ะครับ หึหึหึ พอแล้ว ผมยอมคุณแล้ว ฮ่าฮ่า..."

บรรยากาศหวานๆสบายๆ ดูผ่อนคลายอารมณ์ของสองนักแสดงหลัก เรียกความสนใจของเหล่าทีมงานไม่น้อย ไม่นับกฤตเมธที่หล่อเทพและอัธยาศัยดีเพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่ เพราะสิ่งที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือรอยยิ้มแสนหวานดูแล้วสว่างไสวทำหัวใจสดใสซาบซ่านของสดายุซึ่งปกติแล้วร้อยวันพันปีแทบไม่เคยปรากฏ ทั้งเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าหยิ่งอย่างนั้นขี้วีนอย่างนี้ ทั้งภาพติดตาในอดีตที่ทำตัวเหลวไหลเหลวแหลกไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม แต่ทว่าตอนนี้...สิ่งเหล่านั้นแทบจะจางหายไปจากอคติในใจทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มแสนหวานบาดตาบาดใจของเจ้าตัว

"...พี่อ๊อดคะ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะคะ จิ๋มคันจนจะไม่ไหวแล้วค่ะ"

ระหว่างที่ทุกคนกำลังแอบเพ้อ (ไปกับรอยยิ้มสดใสอย่างร้ายกาจของสดายุ) และระหว่างที่อ๊อดยังคงนั่งปรับแต่งรายละเอียดของซีนที่กำลังจะถ่ายต่ออยู่นั้น จิ๋มช่างแต่งหน้าสาวก็แถตัวเข้ามานั่งยองๆเกาะแข้งเกาะขาอ๊อดไว้พร้อมกระซิบกระซาบเผยความอยากรู้อยากเห็นแก่ผู้เป็นนายจ้างควบตำแหน่งหัวหน้าอย่างไม่มีปิดบัง

"เป็นอะไรของแกนังจิ๋ม? จู่ๆมาคงมาคันอะไรตรงนี้ โน่นไปเกาเองในห้องน้ำนู่นเลยไป๊ เฮ้อ! อณาจารเปิดเผยนะแกเนี่ย"

คำทัดทานสะกัดดาวเสือ(ก)ของอ๊อดเล่นเอาจิ๋มถึงกับเงิบ ก่อนเจ้าหล่อนจะเร่งแก้ข้อเข้าใจผิดทันควัน

"ป๊าดดดด! พี่อ๊อดคะ จิ๋มไม่ได้คันจิ๋มค่ะ จิ๋มคันปากอยากถามอยากแชร์ข้อมูลเฉยๆ เง้อพี่นี่ก็...ฮ่วย"

แก้ตัวไปพลางค้อนหัวหน้าตาคว่ำ จนสุดท้ายอ๊อดเลยจำเป็นต้องละมือจากงานมาคุยกับเจ้าหล่อนที่พันแข้งพันขาไม่หยุดจนได้

"เอาๆ ว่ามา มีอะไรจะแฉมีอะไรจะสาระแนอีกก็ว่ามาเลย เร็วๆด้วย"

"วุ้ย ไม่ได้จะสาระแนค่ะพี่อ๊อด แค่อยากจะเม้าท์นิดเดียวเอง นี่ๆพี่คะ พี่ว่ามั้ยว่าช่วงนี้คุณยุเธอสวยขึ้นนะคะ"

พอเปิดโอกาสปุ๊บ จิ๋มก็เข้าประเด็นทันที แต่เป็นการเปิดประเด็นที่แปลกไปสักหน่อยเล่นเอาอ๊อดถึงกับนิ่วหน้า

"สวย? ไอ้ยุเนี่ยนะ? ดูยังไง?"

"หืมมมม พี่อ๊อดอ่ะ ตาถั่วจริ๊งงงง"

"เอ๊าอีนี่? ก็เห็นไอ้ยุมันก็ปกตินี่ หล่อเหล่าเหมือนเดิมสมราคาพระเอกเก่า เพียงแต่มันผอมลงเยอะเลยดูสะโอดสะองหน่อยไม่ล่ำเหมือนตอนแรกๆ แล้วมันยังไงล่ะ แปลกตรงไหนเนี่ย?"

"พี่ก็แหกตาดูสิคะ นั่นน่ะ ดูๆๆๆ ผิวขาวหยังกะไข่ปอก แขนขาขาวเรียวยาวนิ้วมือก็เรียวสวย ใบหน้าวีเชฟมีแก้มเล็กๆ จมูกโด่งสันคิ้วหนาตาคมกลมแบ๊ว ปากงี้แดงแทบไม่ต้องเติมลิป ริมฝีปากบางแต่อิ่มยั่ว อ๊ายยย เห็นทีไรจิละลายทุกที แล้วดูสิคะพี่คะ เวลายิ้มทีเขี้ยวเล็กๆแหลมเปี้ยวนั่นน่ะ โคตรมีเสน่ห์ คอระหง เอวบางร่างน้อย สะโพกเล็กๆที่รับกับก้นกลมบ๊อกดึ๋งดั๋งนั้น คุณพระ! พี่อ๊อดรู้ป่ะ จิ๋มอ่ะนะเกือบเผลอเอื้อมมือไปจับตั้งหลายทีแล้ว! วู้ยยย ทั้งที่ก็ผอมลงฮวบๆๆๆ แต่กลับไม่โทรมเลยสักกะตี๊ดเดียว แถมยังสวยวันสวยคืนขึ้นอีก จิ๋มงี้อิจฉ๊า อิจฉา เฮ้ออออ เมื่อไหร่จิ๋มจะผอมได้แบบนั้นบ้างนะ"

หลังจากเพ้อยาวร่ายเป็นมหากาพย์จิ๋มก็ลงไปนั่งถอนหายใจ แล้วคว้าขนมในจานของว่างของอ๊อดขึ้นมาใส่ปากแบบไม่มีการขออนุญาตเจ้าของ

"...หึ อยากผอม? กินจนปากมันทั้งวันแบบนั้นคงผอมลงอยู่หรอกนะ อีจิ๋ม!"

คำปรามาสทำให้จิ๋มสะอึกแต่ก็ไม่ได้ทำให้จิ๋มสลด หล่อนยังคงสวาปามขนมชิ้นเขื่องนั้นต่อไปแบบไม่ไว้หน้าอ๊อดเลยแม้แต่นิด

"ดูมัน ว่าแล้วยังมิได้สำเหนียก เฮ้อ...แล้วนี่แกไม่ตั้งแง่กับยุมันแล้วเหรอ? เห็นแต่ก่อนจงเกลียดจงชังอย่างกับอะไรดี?"

เห็นลูกน้องสาวกระดี๊กระด๊า อ๊อดก็อดที่จะถามไม่ได้ถึงอดีตที่เคยบาดหมาง แต่ดูเหมือนยิ่งจุดประเด็น นางก็ยิ่งจีบปากจีบคอพลางหัวร่อต่อกระซิกจนอ๊อดยังรู้สึกหมั่นไส้เล็กๆ

"แหม พี่อ๊อดล่ะก็...จะขุดเรื่องเก่าเหลาเหย่ขนาดนั้นขึ้นมาอีกทำไมกันคะคุณพี่ จิ๋มน่ะหน้ามืดไปหน่อยเลยตัดสินอะไรๆพลาด ตอนนี้จิ๋มกระจ่างแล้วล่ะค่ะว่าอะไรเป็นอะไร อุฮิอุฮิ"

"อะไร? แล้วมันอะไรล่ะ ไอ้อะไรๆของหล่อนน่ะ"

"อะไรๆของพี่เนี่ยพี่อ๊อด มันก็ต้องเป็นเรื่องที่จิ๋มเข้าใจกระจ่างแจ้งแดงแจ๋เกี่ยวกับคุณยุเธอแล้วยังไงล่ะคะ หุหุหุ จิ๋มเข้าใจแล้วว่าที่เมื่อก่อนเธอทำตัวแบบนั้นก็เพราะเธอยังเด็ก ยังอ่อนต่อโลก แล้ววงการมายาเนี่ยสิ่งยั่วยุก็มากมาย แต่ตอนนี้เธอโตแล้วเธอเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้เธอถึงได้ไม่ทำตัวแบบนั้นอีกแล้ว  จิ๋มเข้าใจแล้วค่ะ ว่าเนื้อแท้ของคุณยุเธอเป็นคนน่ารัก ดูนั่นสิคะดูเธอยิ้มสิคะ อ๊ายยย น่ารักเวอร์ๆค่ะ"

"................" (-*-)

พอเห็นจิ๋มสาธยายไปเพ้อไป อ๊อดก็ได้แต่ถอนหายใจละเหี่ยกับลูกน้องตัวเอง แต่ความจริงเขาก็เห็นด้วยกับจิ๋มอยู่เยอะ เพราะสดายุทำตัวดีขึ้นจริงๆ และก็ไม่เถียงเลยที่ว่าสดายุ 'สวยขึ้น'

"ไปไป ไปทำงานเลยไอ้จิ๋ม อู้นานไปแล้วแกน่ะ โน่น จะปล่อยพระนางหน้ามันกันอีกนานมั้ย ไปเติมแป้ง ไป๊!"

ไล่ไม่ไล่เปล่า ขาแข้งเหวี่ยงหาพร้อมกันด้วย เล่นเอาจิ๋มคลานหลบแทบไม่ทัน แต่ก็ยอมวิ่งไปทำหน้าที่ของตัวเองเสียที

ได้รู้ว่าทีมงานสามัคคีกันได้อ๊อดก็ดีใจ โดยเฉพาะที่ได้เห็นว่าสดายุในที่สุดก็ได้รับการยอมรับ ทว่า...ก็แอบหนักใจกับสายตาเด็กเก็บกดอย่างสดายุไม่น้อยเหมือนกัน สายตาที่มักเผลอหันไปมองแผ่นหลังของกฤตเมธอย่างรวดร้าวโหยหา ทั้งๆที่กฤตเมธก็แทบไม่เคยห่างตัวไปไหน และแววตาที่ว่างเปล่าราวหลุมลึกมืดดำยามที่อยู่คนเดียว ทั้งๆที่หากใครเผลอไปสบตาเข้าก็จะยิ้มแย้มให้ทันที...

'ไอ้ยุ...สายตาแบบนั้นของแก มันหมายความว่ายังไงวะ...'


ซ่า...

ครืนนนน...

ซ่า...ซ่า...



“พอร์ช มึงจะไปไหน?”

เสียงเรียกที่เคยคุ้นทำให้ร่างสูงสมาร์ทต้องชะงักกลับกลับไปมองเพื่อนซี้ที่เมื่อกี้ยังเห็นว่าหลับอยู่ที่ห้อง

“อ้าวรุจน์? มึงไม่นอนต่อแล้วเหรอ?”

“กุไม่กล้านอนคนเดียว กูกลัวผีมึงก็รู้...แม่ง...เสือกทิ้งกู...”

พอโดนถามกลับรุจน์ก็ได้แต่บ่นกระเง้ากระงอด เรียกรอยยิ้มเพื่อนซี้ให้ต้องยืนขบขันอยู่ใกล้ๆ

“หัวเราะอะไร เดี๊ยะโดนเตะ ว่าแต่มึงจะไปไหน?”

“หึหึ กูว่าจะไปดูพวกพี่ๆเขาถ่ายทำหน่อย จะได้ไปดูเทคนิคบนเตียงของพี่ยุกับพี่เมธด้วย เพราะเดี๋ยวตอนกลับไทยเรายังต้องเข้าฉากด้วยกันอีกรอบ ตอนนั้นจะได้คล่องๆไงล่ะ แล้ว...มึงจะไปด้วยเลยมะ?”

“ไปดิ ไปอยู่แล้ว เรื่องสำคัญกับอาชีพการงานขนาดนี้ ทำไมไม่รู้จักชวนวะ!”

“เอ๊า? ก็เห็นว่าหลับอยู่เลยไม่อยากกวน อุตส่าห์หวังดีโดนด่าอีก ว้า ทำคุณบูชาโทษอีกแล้วเรา หึหึหึ”

เห็นว่าเพื่อนรักบ่นโน่นนี่โวยวายไม่หยุด พอร์ชก็ได้แต่เล่นบทแสร้งน้อยใจในโชคชะตาทั้งที่ยังแอบขำหน้าตาเพื่อนซี้เล็กๆ

“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยไอ้พอร์ช ไอ้บ้า มึงอ่ะชอบแกล้งกู”

“แกล้งอะไร? ไม่เคยนะ ที่อยู่กูสปอยมึงจะแย่แล้วเนี่ย อย่ามาใส่ความ”

“อย่ามาพูดดีเลยมึง คราวที่แล้วมึงก็แกล้งกู...”

“เมื่อไหร่? จำไม่เห็นได้...”

“ปั๊ดโธ่! ก็ในห้องน้ำวันนั้น...งะ...ไง...!!?”

“.................”

หุบปากไม่ทัน จนเผลอพูดเรื่องที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดออกไปเสียแล้ว บรรยากาศสบายๆสะดุดลงชั่วพริบตา พอร์ชนิ่งเงียบไปทันทีไม่ยอมต่อคำใดๆอีก ใบหน้าหล่อเหล่าดูเศร้าสลดลงเล็กน้อย ฝ่ายรุจน์เองก็ถึงกับหน้าแดงเห่อดวงตากลมโตเบิกโพลงด้วยว่าตกใจที่พลั้งปาก บางสิ่งบางอย่างกำลังจะทะลักล้นออกมาจากร่าง จนทำให้ชั่วครู่ที่สบตา สองหนุ่มจึงรีบหลบสายตาของกันและกันทันควัน

“...รุจน์...กูขอโทษนะ”

ในที่สุดพอร์ชก็เอ่ยขอโทษออกมา แม้เสียงนั้นจะเบา แต่ก็เต็มไปดวยความหนักแน่นจริงจัง กระทั่งดวงตาที่จ้องมองมาที่รุจน์นั้นก็ช่างรวดร้าวอย่างจริงจังเช่นกัน และสายตาแบบนั้นก็ทำให้หัวใจของรุจน์เจ็บแปลบ

“...พอร์ช...ก...กู...กูไม่ได้...โกรธมึงนะ...”

“...................”

เห็นว่าเพื่อนรักดูสลดลง รุจน์ก็รีบอธิบาย ทว่าความตื่นเต้น ประหม่า ทำเอาเสียงสั่นพร่า ลิ้นก็พันกันจนพูดไม่ศัพท์ แถมเสียงยัง เบาราวกับสายลม

“...ท...ที่กะ...กูร้องไห้...นั่นเพราะ...กู...กู...ตกใจ กูเขิน...กู...กู...อุ๊บ...”

ยังไม่ทันจะได้พูดจบริมฝีปากของรุจน์ก็ถูกปิดไว้เบาๆ ด้วยปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางของพอร์ช โดยที่ยังไม่ทันจะได้คิดอะไร ร่างสูงใหญ่ของพอร์ชก็เข้าประชิดขนาดที่ว่ารุจน์ไม่สามารถมองทัศนียภาพตรงหน้าได้เลย เพราะโดนร่างกำยำของเพื่อนซี้บังจนมิด และในพริบตาต่อมารุจน์ก็รู้สึกได้ถึงปลายคางของพอร์ชที่ก่ายเกยอยู่บนศีรษะ

“ลิ้นไก่พันกันหมดแล้วรุจน์ หึหึ”

“...พอร์ช?...”

“ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวพี่เขาก็เสร็จกันไปเสียก่อนหรอก”

“อ...อืม”

พอร์ชไม่ได้พูดหรือต่อความในเรื่องนี้อีก แต่ชายหนุ่มกลับเปลี่ยนเรื่องเป็นชวนรุจน์เดินหน้าไปดูการถ่ายทำของสดายุและกฤตเมธแทน แม้รุจน์จะยังทำตัวไม่ค่อยจะถูก แต่ก็ยินยอมให้พอร์ชจับจูงมือของตนไปแต่โดยดี แผ่นหลังกว้างกำยำของเพื่อนรักที่อยู่เบื้องหน้ายังคงเป็นแผ่นหลังที่คุ้นเคยไม่เปลี่ยน รุจน์รู้ดีว่าแผ่นหลังนั้นคอยปกป้องเขามานานเท่าไหร่ แผ่นหลังนั้นอบอุ่นแค่ไหน และรู้ดีว่าแผ่นหลังนี้จะอยู่เคียงข้างเขาไปอีกนานแสนนาน

มันจะไม่มีวันเปลี่ยน...

เรื่องราวระหว่างเขากับพอร์ชจะไม่มีวันเปลี่ยน แต่ถ้าจะเปลี่ยนก็คงมีเพียงสิ่งเดียว...นั่นก็คือ...

‘หัวใจของเขาเอง...’

****************************************************

หายหัวไปตั้งนาน มาสั้นแค่เนี๊ยะ!!?
อิอิ ขอโต๊ดค๊าบ...เก๊าไม่สบาย เก๊าเลยตื้อ...
ตอนนี้หายดีแล้วค่ะ เมื่อคืนเลยประเดิมด้วยการลงเรื่อง Prisoner_กรงเถื่อน ไปก่อน
แล้ววันนี้ เมธ*ยุ รุจน์*พอร์ช ก็ตามมาติดๆ
ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นคิวของเรื่องอะไรนั้น...ขออุบเอาไว้ก่อนนะจ๊ะ
(รอจ่อคิวอยู่เพียบ หลายเรื่องเกิ๊น...)
 :ling2:
ขอบคุณที่ยังรักกันนะคะ
อนาคี99

ปล. รู้นะว่าช่วงแรกของตอน มีคนแอบคิดไปไกลเกินกว่าการถ่ายหนัง...หุหุ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 19-02-2014 19:09:19
สงสัยคนเขียนมีญาณทิพย์ ตอนแรกคิดอย่างนั้นจริงๆค่ะ 555
ขอบคุณที่มาต่อค่ะ / เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะ  :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 19-02-2014 19:15:44
จริงค่ะ ตอนแรกนึกว่าในห้องสองต่อสองที่ไหนได้
เคาถ่ายหนัง หักมุมกันเห็นๆ

ว่าแต่น้องสตายุยังคิดว่ากลบจากมัลดีฟแล้วก็จบกันอยู่อีกเรอะเนี่ย เลยเศร้า :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 19-02-2014 19:23:26
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 19-02-2014 19:26:26
 :haun4: เรื่องนี้เหมือนเลิฟซีนเยอะมาก แต่ความจริงแล้วแค่ถ่ายทำละคร555

รอตอนต่อไปค่าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 19-02-2014 19:40:42
จุ๊บบบบบ คนเขียน ไม่สบายพักผ่อน ดื่มน้ำเยอะๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 19-02-2014 19:46:54
มาต่ออีกนะ อยากอ่านต่อ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 19-02-2014 20:21:16
จิอยากกริ๊ด พอร์ช รุจ น่ารัก
คู่ ยุ เมธ มีวิ๊ง ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 19-02-2014 20:24:08
อ่านสองสามบรรทัดแรก ก็รีบกดย้อนกลับไปดูตอนก่อนหน้าจำได้ว่าไม่น่าพลาดอะไรนะ แอบไปหาว่าน้องยุไปโดนคนแก่ล่อลวงเอาตอนไหน 555555 :oo1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 19-02-2014 20:29:15
ยังอ่านไม่ทัน

เปนกำลังใจให้คนเขียน สู้ๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 19-02-2014 20:59:01
ยุเมธน่ารักอ่ะ  ฟินเว่อร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 19-02-2014 21:05:49
อัยยะ ตอนแรกเค้าก็จิ้นไกลเลยยย  :o8:

ฟังยัยจิ๋ม บรรยายถึงน้องยุแล้วแบบ ฟินเลยยยย เคะในฝันมาก
ตอนนี้มั่นใจว่ายัยจิ๋มเปลี่ยนเป็นสาววายพวกเดียวกันกับเราแล้วแน่นอน  :laugh:

รอพี่เมธมาแก้ปมให้น้องยุ รอรุจน์พอร์ชเค้าพัฒนาความสัมพันธ์กันมากกว่าเพื่อน  :man1:

สู้ๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ คนเขียน  :mew3:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 19-02-2014 21:09:01
ยุคิดอะไรรรร อย่าคิดเยอะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 19-02-2014 21:19:41
เมธทำให้ยุ มั่นใจหน่อยสิ... "เชื่อในตัวฉันขอให้มั่นใจ ฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง".....  :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 19-02-2014 21:32:53
คิดไปไกลแล้วค่ะ
พออ่านถึงภุมรากับภูเท่านั้นละชะงักเลยค่ะ แล้วก็ฟินต่อ แคร์อะไร 5555+
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: took-ta_naka ที่ 19-02-2014 21:44:19
 :jul1:  รอตอนต่อไปค่ะ   o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: title ที่ 19-02-2014 21:47:58
 :m25: น้องยุ  :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-02-2014 21:52:31
 :z1:
ก็เกือบคิดไปแล้วเหมือนกัน ฮ่าๆ
แต่ก็แบบไม่น่าจะเป็นแบบนั้น เลยไหวตัวทันก่อน กร๊ากก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Theznux ที่ 19-02-2014 21:57:59
 :haun4:
ตอนแรกคิดไปไกลเลยย 55555+
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 19-02-2014 21:58:49
ดูเหมือนในใจยุยังว่างเปล่าอยู่เลยน้า คุณกฤตเมธเจ้าขา... รีบๆ จ้วงความรักใส่ใจน้องยุของคุณพี่เร็วๆ เช้านะคะคู๊ณ :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 19-02-2014 22:19:47
ฉากเลิฟซีนนี่อินเนอร์ล้วนชิมิ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 19-02-2014 22:22:10
มาจิ้มก่อนอ่านจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: nuwi ที่ 19-02-2014 22:28:33
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 19-02-2014 22:30:49
ตอนแรกเราก็แอบคิดจริงจังว่าไม่ใช่หนังเหมือนกัน แหะๆ
แตาสองคนนี้ชักจะพัฒนาขึ้นทุกวี่ทุกวันเนอะ
มีหยอกล้อกันด้วยอ่ะ อ๊ายๆ
แต่หนูยุมีแววดราม่าเล็กๆใช่ไหมเนี่ย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-02-2014 22:38:58
ตายละหว่า น้องยุของเรายังดูไม่เปิดใจเลย

แย่แล้วววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 19-02-2014 22:40:58
แอบคิดไปไกล แล้วในตอนแรก

พอเห็น ภุมรา .. หืม? ทำไมเรียกแบบนี้หล่ะ 555

เสียดายนิดๆ   :hao4: :hao4:

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 19-02-2014 23:00:54
คิดถึงน้องยุแทบแย่เลยเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-02-2014 23:07:21
ถ่ายหนังเหมือนจริง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 19-02-2014 23:13:01
2 คู่น่ารักเชียว  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ยัยหมูตัวกลม ที่ 19-02-2014 23:38:33
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 19-02-2014 23:45:56
สารภาพว่าตอนแรกนั้นตกใจ(เก้อ)จริงๆค่ะ


 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 19-02-2014 23:50:56
ปล. ที่กล่าวมานั้น ถูกต้องเลยอ่ะ ฮ่าๆๆๆ ถ้าไม่เจอคำว่า คัททททททททททททททท
รอๆๆ ตอนต่อไปนะค๊าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-02-2014 00:54:22
ยุน่ารักขึ้นมากเลยเวลายิ้ม  :katai2-1:

แต่ลึกๆข้างในก็กลัวพี่เมธจะทิ้งตัวเองไปสินะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 20-02-2014 02:29:34
คนเขียนหายไวๆนะคะ

รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 20-02-2014 03:23:13
ยุเหมือนยังไม่เชื่อใจเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-02-2014 07:41:09
ช่วงแรกคิดดดดไปไกลโล่ดดแล้วอะ แป๊กเลย 555 ชอบอะยุดูสวยขึ้น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 20-02-2014 08:08:53
ช่วงแรกอดคิดไปไกลไม่ได้จริงๆนะคะ แบบว่า ><
พี่เมศทนไม่ไหวจนเข้าหาน้องยุเลยเหรอ ฮ่าๆ
ชอบคู่น้องพอร์ชอ่า เนียนได้โล่เลยน้อง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-02-2014 08:31:32
เปิดมา :pighaun: ถึงเป็นการถ่ายหนังก็เอา  :laugh:

แล้วยังมุ้งมิ้งกันต่อบนเตียงหลังถ่ายอีก น่ารัก น้องยุอย่าคิดเยอะสิ เฮียเมธเค้าพร้อมรักอยู่แล้วนะ

คู่พอช คำว่าเพื่อนมันค้ำ เอิ้กๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-02-2014 08:50:49
เด็กๆ ทั้งสอง จะเข้าใจความรู้สึกของตัวเองไหมนะ แล้วจะบอกกันและกันอย่างไร ถ้าเสียเพื่อนไปแล้วก็ขอให้เป็นแฟนกันซะ!!! อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 20-02-2014 09:42:46
เล่นเนียนแท้ๆ เราก็คิดว่ากินตับกันจริงๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 20-02-2014 09:57:05
ฟินอะ   น่ารักมากกกก   แว่บแรกอ่านแล้วคิดไปนู่น  แต่พอเอ่ยชื่อนี่ชัดเลย

ฮ่าๆๆ  รอหวานพระนางจนลืมว่า เขามาถ่ายหนังกัน  ฮ่าๆๆๆ

คู่หลัก ยุ ยังไม่เปิดใจเลยน้า คุณเมธทำคะแนนหน่อย  ฮ่าๆๆ    รอตอนพิเศษรับวาเลนไทน์ครับผม

คู่รองนำไปละ  ฮ่าๆๆ  น่ารักจังเลยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 20-02-2014 10:07:23
โหยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยเมธกับยุแอบหวานนะเนี่ย
น่ารักอะ หลงยุเหมือนเมธละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 20-02-2014 11:10:17
สงสารน้องยุT^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 20-02-2014 11:44:07
สายตาของน้องยุที่พี่อ๊อดเห็น น้องยุคิดอะไรอยู่นะ

ปล. รู้นะว่าช่วงแรกของตอน มีคนแอบคิดไปไกลเกินกว่าการถ่ายหนัง...หุหุ
>>> แหมมม รู้ทัน คริคริ


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 20-02-2014 15:32:46
อยากให้ตอนแรกไม่ใช่ถ่ายหนัง อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 20-02-2014 17:31:13
น่ารักทั้งสองคู่เลย ลุ้นคู่ไหนก่อนดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 20-02-2014 23:08:10
สองคนเนี๊ย เล่นดีเกินไปป่าวอะ

ถ้าไม่บอกว่าถ่ายหลัง คิดว่าคือเรื่องจริงแล้วนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 20-02-2014 23:41:48
น้องงงยุจ๋าา กำลังกลัวว่าสิ่งที่มีิยู่ตอนนี้มันจะหายไปหรอ งื้ออออ พี่เมธไม่ยอมปล่อยมือน้องยุแน่ๆ

ส่วนอีกคู่ ก็กำลังพัฒนาความรู้สึกตัวเองสินะ น่ารักกกดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 21-02-2014 00:22:47
ยัยจิ๋ม หล่อนบรรยายซะเห็นภาพเลย
อ่านแล้วเพลิน :impress2:
รอๆตอนต่อจ้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 21-02-2014 08:30:37
ถ่ายหนังกันได้ดุเดือดมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ||toxic-love|| ที่ 21-02-2014 12:34:05
กลับมาเดี๋ยวนี้ เขินนนนนนนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 21-02-2014 13:17:20
 อะฮุ อะฮุ อะฮุ   :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 21-02-2014 13:42:31
อ๊ายยยยยอยากอ่านต่อแล้วอ่ะ

ทำไมทำไมทำไมยุถึงทำตาแบบน้านน

อยากรู้ง่ะ รอรอรอนะค้าาา

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 21-02-2014 19:44:05
รักน้องยุให้มากๆนะคุณพระเอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 21-02-2014 19:52:07
โว้ เริ่มพัฒนาการทั้งสองคู่เลย :mew1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 21-02-2014 20:52:35
ไอ้เราก็คิดว่าเค้าได้กันจริงๆ สรุปแค่ถ่ายหนังเองรึ  :laugh:

เชียร์คู่น้องพอร์ชต่อไป น้องรุจเริ่มจะรู้หัวใจตัวเองแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 21-02-2014 21:13:19
น้องรุจน์นี่ความรู้สึกช้าจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 22-02-2014 01:02:38
 :hao7: รอฉากหน่วงๆดาร์กๆ ของสดายุอยู่จ้าาา อ่านทีไรอินเนอร์มันมา ชอบมากกก เวลามีฉากดาร์กๆหน่วงๆก็โดนใจมาก ...แต่แอบอยากให้สดายุหน่วงและดาร์กกว่านี้อ่ะ.... 555555 #อินี่บ้าไปแล้ว อินเนอร์มาแรงเกิน  :o8:
v
v
v
v
v
v
v
v
v
รอฉากหน่วงอย่างใจจดใจจ่อ !!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 22-02-2014 08:47:39
ก็ว่าทำไมตอนแรกมาก็เรียกเลือดเลย แทบหมดตัวแหนะ  :pighaun:

พอมี"ภุมรา" ทีเดียวแบบว่าาาาาาา เค้าถ่ายซีนบนเตียงแค่นั้นนะเอออออ  :ling1:

รอลุ้นต่อไปทั้งสองคู่เลยยยย  :3123:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 22-02-2014 14:37:20
สนุกๆๆๆๆๆ มาต่ออีกด่วนๆไงัฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-02-2014 15:14:08
ตอนแรกนึกว่าพี่เมธทำจริง
55555555555

พอร์ชกับรุจน์น่ารักง่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 22-02-2014 15:23:23
 :m26:  :m26: ต๊ายตายเธอ รู้มะหนังเรื่องนี้ติดเรทมว๊ากมาก ต้องแอบดูบ่อยๆ  :laugh:

แอบคิดนะช่วงแรก คิดไปก็สกิดใจไป เอ ทำไมเรียกภูหว่า  :ruready
สุดท้ายก็กำลังถ่ายกันอยู่นี่เองงง  :hao6: บ๊ะ ทำไมไม่มีฉายในชีวิตจริงมั่งหน้ออ  :hao5:

 :call: ปักคอลรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 23-02-2014 12:49:28
สั้นจริงง ตอนหน้าขอยาวๆ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 23-02-2014 16:09:57
ว้าวๆๆๆ  ไม่ได้เข้ามาอ่านนานมากๆๆ เค้าดีกันแล้ว  ดีใจจัง  แต่อไปปิดเทอมเเล้ว  จะเข้ามารออ่านทุกวันเลยนะครับ  คนเขียนสู้ๆๆ คนเขียนสู้ๆ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 23-02-2014 19:45:10
ไม่เข้านานตามทันซะที  :hao6:
กำลังอินเลยย มาต่อไวๆนะ  :impress2:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 25-02-2014 18:27:17
ยุจ๋าเมื่อไหร่จะกลบหลุมดำในใจได้มิดเนี่ย เอ้าพี่เมธช่วยหน่อยเร็ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 27-02-2014 01:21:48
 :o8: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-02-2014 02:50:46
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 21





“................มันเรื่องของฉัน! ปล่อยนะ!”

สดายุตะคอกออกไปอย่างหัวเสีย พลางแกะมือหนาออกจากเอวของตัวเอง หากแต่มือแกร่งกลับไม่ยอมปล่อยเขาโดยง่าย กลับรั้งร่างบางลงไปนอนกกอยู่ใต้ร่างแทน

“เดี๋ยว นี่! จะทำอะไรน่ะ!!?? ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“ก็บอกมาก่อนสิว่าจะไปไหน!!”

“ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นแหละ ไอ้บ้า!! เซ้าซี้จริง!”

“แล้วเมื่อกี้ที่คุยกันเสียงอ่อนเสียงหวานนั่นไง ไม่ได้จะนัดพรอดรักกันหรอกเหรอ!”

“ไม่ได้เจอเฟ้ย! ถึงอยากจะเจอก็เจอไม่ได้หรอก สภาพแบบนี้น่ะ!!”

“สภาพแบบไหน?”

“ก็แบบ.....................”

“หึหึ...แบบไหนเหรอ?”

“ฮึ้ย!! ปล่อยนะ!!”

“เดี๋ยวสิ...ที่ไม่ยอมไปเจอเพราะไม่อยาก ให้หวานใจคนนั้นเห็นสินะ ว่า....”

“ว่าอะไร!!??”

“ว่าถูกผู้ชายทำอะไรมาไงล่ะ  แถมเร่าร้อนมากด้วย หึหึ”

“นคินทร์!!”

การต่อบทเป็นไปอย่างลื่นไหล และสมจริงสมจัง จนผู้ร่วมเหตุการณ์ทั้งกองถ่ายยังแต้องแอบเขินม้วนแทนสองหนุ่มด้วยลืมไปว่านี่เป็นการแสดง บทพ่อแง่แม่งอนที่แสนจะจั๊กกะจี้หัวใจยิ่งกว่าที่ผ่านๆมา

มือบางของสดายุผลักไสร่างที่คร่อมอยู่แรงๆ ทั้งผลักทั้งดัน พอออกแรงหนักเข้า คนตรงหน้าก็ยิ่งโถมทับลงมาประชิด กฤตเมธจ้องมองร่างผอมบางที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนพลางอมยิ้มออกมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบทของนคินทร์ แต่อีกส่วนก็คือตัวเขาเองที่เผลอหลุดออกจากบทเล็กน้อยเพราะความน่ารักน่าหลงใหลของคนใต้ร่างซึ่งตอนนี้หน้าตาแดงก่ำไปหมดยิ่งดูก็ยิ่งน่ารักน่าใคร่ หากภุมราในบทประพันธ์นี้มีส่วนคล้ายสดายุทั้งรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยแล้วล่ะก็ เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมนคินทร์ถึงเผลอใจให้กับคนที่ตัวเองเคยปนิธานว่าจะเกลียดไปจนชั่วชีวิตได้ ก็ถ้าจะน่ารักน่าลิ้มลองขนาดนี้ เกลียดก็เกลียดเถอะ สุดท้ายต้องละลายทุกคนเป็นแน่ อย่างน้อยก็เขาคนหนึ่งล่ะที่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ แพ้แก่เด็กเกรียนคนนี้ราบคาบ คิดได้ก็ยิ้มขึ้นอีกหน่อยแล้วก้มลงไซร้ปลายจมูกที่ซอกคอขาวหอมกรุ่นนั่นตามบทที่ควรจะเป็น

เฮ้อ...ช่างเป็นบทที่เข้าทางตาแก่คนนี้เหลือเกิน

“อ๊ะ! นี่! ปล่อยนะ นคินทร์!!”

ฟอด! (นอกจากจะได้ซุก ยังได้หอมอีก...กำไรมหาศาล)

“อ๊า! อย่านะ!!”

“จะดิ้นไปทำไมล่ะ แค่หอมแค่นี้เอง”

“ไม่เอาแล้ว ปล่อยนะ อ๊ะ!!”

การรุกรานที่หนักหน่วงขึ้น ทำเอาทีมงานอกสั่นขวัญแขวน เพราะเลือดกำเดาจ่อจะพุ่งออกจากโพรงจมูกกันเป็นทิวแถว ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่ฉากปลุกเร้าเล็กๆฉากนี้จะสามารถทำออกมาได้เซ็กซี่เร้าใจกว่าฉากกินตับเมื่อเช้ามากมายมหาศาล และแน่นอนว่าสำหรับผู้มาสังเกตการณ์ใหม่อย่างพอร์ชและรุจน์นั้นฉากนี้ของรุ่นพี่ทำเอาสองหนุ่มหน้าแดงฉาดเลยทีเดียว ขณะที่พอร์ชจ้องสองรุ่นพี่ไม่วางตา รุจน์ก็ได้แต่พึมพำทั้งที่ตาไม่กระพริบว่า 'สุโคร่ย...'

การต่อบทเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่มีผิดไม่มีหลุด ในวงการนี้นักแสดงที่มีฝีมือขนาดที่สามารถต่อบทยาวๆได้ไม่ขาดช่วงแบบแทบไม่ต้องเทคเลยนั้นไม่ได้มีให้เห็นมากนัก แต่ตอนนี้กลับมีอยู่ตรงหน้าผู้ชมถึงสองคน กฤตเมธสมฉายาพระเอกเนื้อทองพ่อเทพบุตรแห่งวงการ สดายุแม้จะเหลวไหลไปบ้างแต่ก็มากด้วยฝีไม้ลายมือและพรสวรรค์ ความสามารถที่น่าทึ่งของทั้งคู่ทำให้การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว 

กฤตเมธกอดสดายุไว้ในอ้อมแขนอย่างเอาแต่ใจตามบทบาทของผู้ชายใจแข็งไม่ยอมรับหัวใจของตัวเอง

เพียงไม่นานอารมณ์หวามหวานในบทก็ถูกลดทอน กฤตเมธคลายอ้อมกอดออกจากร่างอุ่นของสดายุพลางพลิกตัวผละจากด้วยใบหน้ามึนตึงด้วยอารมณ์บางอย่าง ฝ่ายสดายุที่หน้าสลดดูใจเสียไม่น้อยตามอารมณ์ของภุมรานั้นก็ช่างน่าเวทนา สดายุค่อยๆประคองตัวเองลูกขึ้นแสร้งว่าขัดยอกเจ็บเมื่อยไปทั้งร่าง โซซัดโซเซ เข้าห้องน้ำไปเงียบๆ อารมณ์ทีมงานทุกคนที่กำลังอินกับสดายุอย่างมากมายนั้น ตอนนี้อยากจะรีบถลาเข้าไปช่วยประคองร่างอ้อนแอ้นนั่นไว้แล้วปลอบใจให้หายเศ้าสร้อยเหลือเกิน (อินตามเข้าขั้นโคม่า)

“คัท! เยี่ยม! สุดยอด!! พี่ชอบฝุดๆ!!”

สิ้นเสียงคัทของผู้กำกับ ทีมงานทุกคนรวมถึงผู้ร่วมสังเกตการณ์ ตากล้อง ช่างไฟ ต่างก็ถอนหายใจพรั่งพรูกันอย่างไม่ได้นัดหมาย บางคนอารมณ์ยังค้างเล็กๆ ก็บ่นพระเอกในเรื่องกันเสียงขรม ว่าช่างใจร้ายใจดำ ทำนางเอกได้ลงคอ ไอ้ใจแข็ง ไม้ปากหนัก ไอ้ทิฐิ ไอ้โง่ ก็ด่ากันไปต่างๆนาๆ ในช่วงพักกอง ตากล้องหลักเร่งมือขยับมุมกล้องใหม่ ส่วนกล้องถ่ายติดตามก็เริ่มวางรางใหม่ใช่กันเพื่อเตรียมพร้อมกับฉากเดี่ยวสดายุในห้องน้ำ ในขณะที่ช่างแต่งหน้ากับคอสตูมยังคงเม้าท์กันน้ำลายแตกฟอง

"ไง รุจน์ พอร์ช เก็บตกอะไรได้บ้าง?"

ระหว่างพักเบรคสดายุที่ยังคงนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินเข้าไปทักรุ่นน้องหน้าใหม่ทังสองคนอย่างเป็นมิตร ผิวขาดผาดที่ได้เห็นในระยะประชิดเล่นเอาสองหนุ่มรุจน์พอร์ชสติหลุดไปครู่ใหญ่ๆ

"...เฮ้ย? ไอ้สองหน่อนี่ ถามไม่ได้ยินเหรอ?"

"เอ๊ะ? ครับ?"

"หึหึ...ไหนว่ามาสอดแนมไม่ใช่รึไงเราน่ะ ตกลงได้อะไรไปบ้าง หืม? ได้ยินยัง?"

"อ๊ะ อ๋อครับ ได้เยอะเลยครับ!"

"ช...ใช่ครับ! ได้ไปเพียบ!"

...ที่ว่าได้เพียบเนี่ย...อาหารตาเพียบต่างหาก...

พรึ่บ...

"อย่าปล่อยตัวล่อนจ้อนนักสิคุณ เดี๋ยวก็ได้เสียเลือดตายกันทั้งกองหรอก"

ระหว่างที่สดายุยังคงเม้าท์มอยฝอยไม่หยุดปากอยู่กับรุ่นน้องสองหนุ่มที่ไม่ค่อยจะยอมสบตาสดายุสักเท่าไหร่ มัวแต่ก้มหน้างุด ไม่รู้เพราะเขิน หรือกำลังแอบดูรูปร่างน่าเจี๊ยะกันแน่(?)อยู่นั้น จู่ๆร่างบอบบางของชายหนุ่มผมสีน้ำนมก็ถูกคลุมทับด้วยเสื้อคลุมตัวโคร่งจากผู้ชายอีกคนที่แสร้งพูดหยอกเย้า แต่สีหน้าจริงจังสุดขีด นามว่า กฤตเมธ... เห็นสายตาประกายวิ๊งของรุ่นใหญ่ที่จ้องมา พอร์ชรุจน์ก็ถึงกับสะดุ้งเฮือกขยับกายเข้าหากันเล็กน้อยและพร้อมใจยิ้มแผล่ให้รุ่นพี่ทันที!

...เผลอมองนานไปหน่อย เกือบโดนเชือดไม่รู้ตัวเสียแล้ว....

"อะไรของคุณน่ะ ก็ผมร้อนนี่นา"

สดายุเถียงกะปอดกะแปดออกไป แต่ก็ไม่ได้ทัดทานที่จะคลุมเสื้อตัวใหญ่ไว้บนร่างกาย ก่อนจะเดินอมยิ้มน้อยๆเดินตามกฤตเมธไป เพื่อเตรียมตัวถ่ายทำต่อแบบต่อเนื่อง ทิ้งสองนักแสดงรุ่นน้องนักสังเกตการณ์ถึงกับต้องมองหน้ากันปะหลับปะเหลือก

"...พอร์ช...มึงคิดเหมือนกูป่ะวะ...?"

"...เอ่อ...ก็ไม่ค่อยอยากคิดเท่าไหร่หรอกนะ"

"มึงเห็นสายตาพี่เมธมั้ยล่ะ ไหวตัวช้ากว่านั้นอีกหน่อย กูว่าพี่เขาจับพวกเราฉีกเป็นชิ้นๆแน่...อึ๋ย..."

"...หึหึ ก็คงงั้นล่ะ"

สองหนุ่มซุบซิบจริงจังทันทีที่กะว่าห่างจากระยะอันตราย เพราะร้อนๆหนาวๆกับรอยยิ้มพิฆาตของกฤตเมธยามเห็นพวกเขาลวนลามสดายุทางสายตาเมื่อครู่ ฝ่ายนักแสดงรุ่นพี่ไม่ได้สนใจอะไรนัก เดินกลับมาเตรียมซ้อมบทเพื่อแสดงซีนต่อไป

"เฮ้อ...อยากเป็นตากล้องเองจังเลยน้า...ไม่ชอบอารมณ์แบบนี้เลยเรา..."

ระหว่างที่สดายุท่องบท ทำอารมณ์กับตัวเองอยู่นั้น จู่ๆกฤตเมธก็เปรยบางอย่างขึ้นลอยๆ ออกแนวเรียกร้องความสนใจมากกว่าจะเป็นการบ่นกับตัวเอง

"...?...บ่นอะไรของคุณน่ะ? เกิดอยากเปลี่ยนอาชีพอะไรขึ้นมาตอนนี้เนี่ย?"

"ก็ผมไม่ชอบนี่"

"??...ไม่ชอบ? ไม่ชอบอะไร?"

เห็นว่ากฤตเมธมัวแต่งึมงำทำตัวไม่สมกับเป็นผู้ใหญ่แถมบ่นอะไรที่ยากจะตีความ สดายุก็เริ่มหมดความอดทนจนต้องถามกลับไปแบบขุ่นข้องเล็กน้อย  และพอทันทีที่ถามจบ กฤตเมธก็เอื้อมมือมาแตะแขนสดายุเบาๆพลางก้มลงกระซิบแผ่วๆให้แค่พอได้ยินกันสองคนว่า

“ผมไม่ชอบให้ใครเห็นคุณเปลือยเลย”

คำกระซิบเล่นเอาสดายุต้องกลอกตาพร้อมถอนหายใจหนักหน่วง

“เพี้ยนเหรอคุณ? ผมก็แก้ผ้าของผมมาทั้งวัน คุณจะมาไม่ชอบอะไรตอนนี้?”

“ก็ซีนอื่นๆมีผมอยู่ด้วยนี่ แต่ซีนต่อไปคุณต้องโป๊อยู่คนเดียว แถมยังต้องโชว์ก้นด้วย…ผม…เป็นห่วง…”

ท้ายประโยคเสียงแผ่วลงเล็กน้อย อันที่จริงกฤตเมธเองก็หงุดหงิดตัวเองมากอยู่เหมือนกันที่ทำตัวเป็นเด็กวัยรุ่นอยู่ได้ ทั้งที่ตัวเองก็เป็นมืออาชีพ เรื่องแค่นี้ความจริงเขาไม่ควรที่จะต้องคิดมาก ทว่าก็อดไม่ได้ทุกที

“…เขาถ่ายเห็นแค่ข้างหลังเอง…”

จบคำสารภาพของกฤตเมธสดายุก็ถึงกับอึ้งไปครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยปลอบใจคนแก่กว่าออกมาเบาๆ เขาเริ่มเข้าใจกฤตเมธขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ…


‘อย่ามาทำเป็นหวงพร่ำเพรื่อสิเจ้าบ้า…ปูนนี้แล้ว…เฮ้อ…’


ตอนแรกก็คิดว่าไร้สาระ แต่พอเห็นสายตาส่อความกังวลชัดเจนของกฤตเมธ สดายุก็ได้แต่ปลงใจเล็กๆ ดังนั้นเพื่อเป็นการปลอบขวัญคนแก่ที่เอาแต่งอแง สดายุเลยเข้าประชิดตัวกฤตเมธเล็กน้อย ก่อนจะกระซิบบางอย่างข้างหูร่างสูง

“…ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะระวัง”

พูดจบก็เดินจากไป เพื่อเข้าไปหารือเรื่องมุมกล้องกับผู้กำกับอ๊อด ทิ้งให้กฤตเมธยืนนิ่งๆอยู่คนเดียว และพอลอบชำเลืองมองไปอีกครั้ง ก็แอบเห็นว่า ตาแก่ของเขากำลังอมยิ้ม…

*
*
*
*
*

หลังจากนั้นการถ่ายทำฉากในห้องน้ำก็เริ่มขึ้น ฉากนี้ค่อนข้างทุลักทุเล เพราะต้องมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่แคบเกินกว่าจะใส่กล้องสองตัว ทำให้ต้องถ่ายซีนเดิมซ้ำสองครั้งเสมอเพื่อให้ได้ภาพต่างมุมมอง อีกทั้งฉากนี้สดายุยังต้องล้มลงโดยกวาดสิ่งของทุกอย่างลงไปด้วย ถ่ายแล้วถ่ายอีก ซ้ำไปซ้ำมา ทำให้ต้องล้มแล้วล้มเล่า เพื่อมุมกล้องที่เพอร์เฟคที่สุด จนเข่าสดายุแทบจะถลอกเลยทีเดียว และอุปสรรคอีกอย่างคงหนีไม่พ้น ‘น้ำจากฝักบัว’ การโพรเทคกล้องให้พ้นจากน้ำของฝักบัว โดยที่ไม่ให้กระทบต่อการถ่ายทำให้พื้นที่แคบๆนั้นมันค่อนข้างทุลักทุเลไม่น้อย นอกจากอุปสรรคการถ่ายทำเกี่ยวกับพื้นที่แล้ว อีกเรื่องที่ค่อนข้างลำบากคือเลือดปลอมที่ต้องอัดเข้าไปในจมูกของสดายุทุกครั้งที่ต้องถ่ายซ้ำ กว่าจะถ่ายจบจมูกสดายุก็ถึงกับแดงฉ่าอย่างน่าสงสาร

ถึงอย่างไร การถ่ายทำก็ผ่านไปด้วยดีจนถึงซีนสุดท้าย ที่สดายุต้องนอนเลือดโกรกจมูกอยู่บนพื้น แล้วกฤตเมธต้องเข้าไปช่วย ทั้งซีนทุบประตู ซีนอุ้ม ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีจนจบ อารมณ์ความรู้สึกของตัวละครที่สดายุและกฤตเมธได้แสดงออกมาผ่านบทเหล่านั้นช่างสมจริงสมจัง หนักแน่น โดยเฉพาะซีนที่สดายุในคราบภุมราล้มลงในห้องน้ำพร้อมเลือดที่โกรกไหลทะลัก ซีนนั้นเล่นเอาช่างไฟ ช่างแต่งหน้า รวมไปถึงรุจน์ถึงกับบ่อน้ำตาแตกด้วยว่าอินตามสดายุมากไปหน่อย

“สุดยอด…จริงๆ ฮึ่ก เลยครับ ฮึ่ก ฮือ…พี่ยุ…ฮือ…”

หลังเลิกกองถ่ายขณะที่สดายุกำลังแต่งตัวอยู่ รุจน์ก็เดินเข้าไปเอ่ยชื่นชมทั้งน้ำตาทันที

“เฮ้ย…เป็นอะไรไปน่ะรุจน์? ร้องทำไมเนี่ย? เอ้าๆ โธ่ อย่าร้องสิ…”

จู่ๆก็มีคนมาร้องไห้สะอึกสะอื้นใส่ สดายุก็ถึงกับเริ่มทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน ทำได้ก็แค่ลูบศีรษะเด็กน้อยเบาๆ แล้วปลอบไปตามประสาเท่านั้น

“ก็…ก็…ฮือ…พี่แสดง…ดีเกินไป…ฮึ่ก…ผมก็…ก็…ก็เลย….ฮึ่กๆ…อินมากไป…หน่อย….”

คราวนี้ยิ่งพูดก็ยิ่งร้องสะอื้นหนัก จนสดายุยังต้องเลิกคิ้วเลิ่กลั่ก ‘แย่ล่ะสิ’

“ขอโทษครับพี่ยุ เดี๋ยวผมจัดการมันเองครับ”

แล้วสุดท้ายพอร์ชก็เข้ามาช่วยหยุดสถานการณ์เลยเถิดนี้ไว้ได้ทัน โดยการเข้ามาล็อคตัวรุจน์ที่ยืนร้องโฮๆไม่หยุดออกห่างจากสดายุ ก่อนจะขอโทษขอโพยและขอตัวกลับออกไปดื้อๆ ด้วยว่าเริ่มเอาตัวเล็กไม่ไหวแล้ว เห็นแบบนั้นสดายุก็ได้แต่งงๆปนขำ แล้วก็เริ่มลาผู้กำกับกับทีมงานกลับด้วยเหมือนกัน ดีว่าสถานที่ถ่ายทำครั้งนี้อยู่ใกล้ที่พักมาก แค่เดินไม่กี่นาทีก็ถึง…ทว่าเวลาเกือบตีสอง การเดินคนเดียวริมชายหาดนี่มันช่างเหงาเหลือเกิน….

“เป็นอะไรไปแล้วนะเรา…ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะรู้สึกอะไร…”

สดายุบ่นกับตัวเองเบาๆ เมื่อเผลอคิดไปว่าช่างแสนเหงา ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะเคยรู้สึกรู้สาอะไรแม้ต้องถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง ตอนรุ่งเรืองที่ไร้เพื่อนแท้ เพราะยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว แล้วพอถูกเฉดหัวให้ลงมาตกต่ำก็ราวกับคนไร้ค่าที่ถูกถีบส่งไว้ข้างหลัง สิ่งเหล่านั้นประทับลึกอยู่ในหัวใจมานานแสนนาน  นานเกินไปจนเขาชินชา หลุมลึกในหัวใจของเขามันลึกเกินหยั่งถึง…

ทว่าตอนนี้….หัวใจเขากลับเปลี่ยนไป…

…แค่ต้องเดินคนเดียว…ก็เหงาจับใจแบบนี้ เขาไม่เคยเป็นมาก่อนเลย…

“…บ้าเอ้ย…โดนพิษคนแก่เข้าแล้วสิเรา…เสียหน้าชะมัด”

ได้แต่บ่นไปทำใจไปขณะใกล้จะถึงห้องพัก ความจริงตอนแรกก็ตั้งใจว่าคงได้เดินกลับพร้อมกับกฤตเมธ หรือไม่ก็เป็นพวกรุจน์พอร์ช แต่สุดท้ายก็คว้าใครไว้ไม่ได้สักคน กฤตเมธหลังถ่ายซีนสุดท้ายของตัวเองเสร็จก็อ้างว่ามีธุระแล้วกลับไปก่อนตั้งแต่ ที่สดายุยังคงถ่ายฉากยืนเฉยๆใต้ฝักบัวซึ่งเป็นซีนสุดท้ายของตัวเองอยู่ ส่วนรุจน์กับพอร์ชก็รั้งไว้ไม่ทัน เพราะเจ้ารุจน์ดันปล่อยโฮออกมาเสียก่อน จะให้รอกลับพร้อมทีมงานก็ดูเหมือนจะเช็คฟิล์มเก็บของกันอยู่อีกนาน ขืนเขายังนั่งเสนอหน้าอยู่ไม่ยอมกลับก็ดูจะแปลกเกินไป สุดท้ายเลยต้องมาเดินเปลี่ยวอยู่คนเดียวอย่างน่าสงสาร…

“เฮ้อ…ไอ้ยุเอ้ย…ไอ้ไม่ได้เรื่อง…ไอ้อ่อน…”

บ่นด่าตัวเองไปพลางไขประตูห้องตัวเองกึกกัก

แกร๊ก…

หมับ!

“เฮ้ย!!?”

“…ชี่…ไม่ต้องกลัวครับ นี่ผมเอง…”

“…ค….คุณเมธ? เฮ้ย! คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ปิดตาผมทำไม!!?”

ทันทีที่สดายุไขประตูยังไม่ทันจะได้ทำอะไรจู่ๆประตูห้องก็เปิดออกพร้อมกับร่างสูงใหญ่พุ่งเข้ามาสวมกอดพร้อมปิดตาเขาไว้ ลับลมคมในน่าสงสัยเกินกว่าที่สดายุจะยอมอยู่เฉยๆ

“อะไรของคุณเนี่ย!! ปล่อยผมนะ!!”

“เดินตามผมมาก่อนสิ จะดิ้นทำไมเนี่ย ผมไม่ได้จะจับคุณกินซะหน่อย”

“คุณเมธ!!”

คำกระเซ้ายิ่งทำให้สดายุโมโหมากกว่าจะเขิน เขาไม่เข้าใจเลยว่ากฤตเมธจะทำอะไร หรือคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้ทำอะไรเป็นเด็กๆแบบนี้

“อ่ะ โอเคครับ โอเค ผมจะปล่อยคุณแล้วนะ…หนึ่ง…สอง…”

ถึงจะไม่เข้าใจว่ากฤตเมธต้องการอะไร แต่ก็ยอมเงียบรอให้อีกฝ่ายปล่อยมือแต่โดยดี ‘แถมมีการนับให้สัญญาณซะด้วย…’

“…สาม!...TAAA…DAAA!!”

“…………..!!?...”

ทันทีที่เปิดตา สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของสดายุ คือห้องที่ยังคงมืด แต่มีแสงสว่างเล็กๆจากเทียนตัวเลขสองและหกที่ปักอยู่บนเค้กแสนหวาน ส่องออกมาให้ห้องยังพอมีแสงอบอุ่น นอกจากเค้กแล้วบนโต๊ะเล็กๆนั่นยังมีอาหารอีกสองสามอย่าง แฮมเบิร์ก กราแตง และสปาร์เก็ตตี้

“สุขสันต์วันเกิดครับ สดายุ”

ระหว่างที่ยังตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ข้างหูซ้ายของสดายุก็ถูกกฤตเมธกระซิบแผ่วด้วยคำอวยพรแสนโรแมนติก

“…ผม…ผมไม่ได้เกิดวันนี้…”

“วันเกิดคุณผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วก็จริง ผมคิดมาตลอดว่าอยากลองจัดวันเกิดให้คุณ แล้วพอดีว่าเมื่อวานผมไปเจอร้านเค้กดีๆเข้า เลยคิดว่าวันนี้คงเป็นฤกษ์ดี แต่ดันถ่ายทำช้าไปหน่อย เลยต้องมาฉลองกันตีสอง ทั้งที่พรุ่งนี้ยังต้องถ่ายทำกันตั้งแต่เช้า หึหึ ผมขอโทษนะ”

หัวใจของเต้นผิดจังหวะขึ้นทุกทีที่ได้ฟังคำเฉลยของกฤตเมธ ‘วันเกิด’ เขาไม่ได้ใส่ใจกับคำนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ ตั้งแต่ที่พ่อของเขาหนีไปกับชู้รัก แล้วปล่อยให้เขากับแม่อยู่กันอย่างอัตคัดแร้นแค้น ถึงจะมีครอบครัวใหม่เขาก็ราวกับเป็นส่วนเกิน ได้แต่เฝ้ามองน้องสาวและน้องชายทั้งสามคนจัดวันเกิดกันอย่างความสุข สมกับที่มันเป็นวันที่มีความหมาย แต่…ปาร์ตี้วันเกิดของเขามันก็ไม่เคยมีขึ้น แม้โตขึ้นจะมีคนอื่นๆ ผู้หญิง แฟนคลับคอยมอบของขวัญให้บ้าง แต่มันก็แค่นั้น….นี่เขาไม่มีงานวันเกิดมานานแค่ไหนแล้วนะ…

“อธิฐานสิครับ”

“…อ…อธิฐาน?”

“ก่อนเป่าเทียนวันเกิดก็ต้องอธิฐานก่อนสิ มันเป็นกฎนะ”

“…อา…อืม…”

พอถูกกฤตเมธเอ่ยเตือน สดายุก็นึกขึ้นได้ คงเพราะไม่ได้รับเค้กวันเกิดต่อหน้าแบบนี้มานานมากแล้ว เขาเลยหลงๆลืมๆว่าควรทำอย่างไรบ้าง แต่พอให้อธิฐาน สมองเขาก็ดันตื้อ คิดไม่ออกว่าควรอธิฐานเรื่องอะไรดี

‘อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป…’

  คำขอเดียวที่นึกขึ้นได้ สดายุช้อนตาขึ้นมองใบหน้ายิ้มแย้มของกฤตเมธน้อยๆ จากอีกด้านของเปลวเทียนที่กำลังวูบไหว ใบหน้านั้นอ่อนโยนจนเขาอยากจะร้องไห้ วูบหนึ่งในใจสดายุคิดอย่างจริงจังว่าอยากได้ผู้ชายคนนี้มาเป็นของตัวเองเหลือเกิน….ทว่าลึกๆแล้วสดายุรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ โลกของเขากับกฤตเมธนั้นต่างกันเกินไป แม้จะอยากได้มาครอบครองสักเพียงใด แต่เขาก็ไม่สามารถทำใจดึงกฤตเมธลงมาตกต่ำด้วยกันกับเขาได้หรอก

ในโลกนี้มีหลายสิ่งมากมายที่ต่อให้อยากได้แค่ไหนก็ไม่มีวันได้มาครอบครอง เรื่องนั้นเขารู้อยู่แก่ใจ และฝังลึกอยู่ในหัวสมองจนรู้สึกเข็ดขยาดทุกครั้งเมื่อตัวเองเริ่มมีสิ่งที่ปรารถนา เขาต้องรีบตัดใจ เพราะไม่ว่ายังไงมันก็ไม่มีทางคว้ามาได้…ไม่มีวัน

ฟู่…

“เอ้ยคุณ? อธิฐานแล้วเหรอ?”

กฤตเมธแทบร้องเสียงหลง เมื่อจู่ๆสดายุก็เป่าเทียนดับพรึ่บแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ก่อนจะวางเค้กลงแล้วเดินไปเปิดไฟในห้องเพื่อเพิ่มแสงสว่าง

“เด็กไม่ดีนะคุณ ไม่ยอมอธิฐานแบบนี้มันเป็นการลบหลู่เทพเจ้าแห่งวันเกิดนะรู้มั้ย เฮ้อ ไม่ไหว ไม่ไหว…”

“ปูนนี้แล้วคุณ จะให้ผมอธิฐานอะไรอีกล่ะ?”

“ฮึ…ปูนนี้ของคุณน่ะ อ่อนกว่าผมเกือบแปดปี ถ้าอย่างคุณแก่ แล้วอย่างผมนี่จะเรียกว่าอะไรกันดีล่ะครับ คุณสดายุ?”

“…ก็เรียกว่า ‘เฒ่า’ มั้งครับ”

“โหย…สดายุ ปากคอเราะร้ายนะเรา ‘เฒ่า’ เลยเหรอ? แรงไปแล้วมั้งครับ คุณทำแบบนี้ผมหมดกำลังใจซ้ำซ้อนนะเนี่ย”

กฤตเมธบ่นอุบตลอดทางที่เดินไปเปิดไฟ แล้วกลับมาดึงเทียนออกจากเค้กพร้อมส่งอาวุธให้สดายุผู้เป็นเจ้าของวันเกิด

“เอ้า ตัดเค้กครับ”

“…ตัดเค้ก? กับช้อนเนี่ยนะ?”

สดายุถึงกับมึนที่กฤตเมธบอกให้เขาตัดเค้ก แต่ดันส่งช้อนมาให้แทนที่จะเป็นมีด และพอเห็นว่าสดายุทำหน้านิ่วสงสัย พระเอกรุ่นใหญ่ก็หัวเราะร่าขึ้นทันที อารมณ์ดีขึ้นทันควัน

“หึหึ เค้กก้อนเล็กแค่นี้ ไม่ต้อง ‘ตัด’ ให้ยุ่งยากหรอกครับ ‘ตัก’ เข้าปากเลยดีกว่าเยอะ”

กฤตเมธอธิบายแล้วสดายุก็เห็นด้วยไม่น้อย เพราะเค้กวันเกิดของเขานั้นเป็นแค่เค้กขอนไม้รสช็อคโกแลตที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม โดยมีแผ่นป้ายไวท์ช็อคโกแลตเขียนข้อความ ‘Happy Birthday to SADAYU’ ติดเอาไว้ตรงหัว ขนาดของมันไม่ได้ใหญ่โตขนาดที่ต้องมานั่งเสียเวลาตัดเป็นชิ้นอย่างที่กฤตเมธบอกเอาไว้จริงๆด้วย

“…ยืนจ้องอย่างนั้นนี่ อยากทานสปาร์เก็ตตี้ก่อนหรือเปล่าครับ แล้วค่อยทานเค้กทีหลัง? ผมว่าก็โอเคนะ”

เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงยืนถืออาวุธในมือนิ่ง กฤตเมธก็ลองถามคำถามชี้นำออกไป เผื่อว่าสดายุจะอยากทานอาหารหนักก่อนของหวาน ทว่าพอสิ้นคำถาม สดายุก็เอาแต่ยิ้มน้อยๆ พลางส่ายหน้าไปมาช้าๆ

“ผมไม่อยากกินค้กเลย”

“ท…ทำไมล่ะ?”

คำว่า ‘ไม่อยากกิน’ ของสดายุทำเอากฤตเมธหน้าเสีย หรือว่าเขาจะทำตามใจตัวเองมากไปหน่อย โยที่ไม่ยอมสนใจเลยว่าจริงๆ แล้วสดายุชอบให้จัดงานวันเกิดมั้ย หัวใจพระเอกรุ่นใหญ่กระตุกวูบไหว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการพยายามกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอและจ้องมองมองแผ่นหลังที่ยังคงยืนจ้องเค้กวันเกิดนิ่งๆของสดายุ

“…ผมเสียดาย”

“……………..”

“ผม…ไม่ได้เค้กวันเกิดมานานมากแล้ว แล้วเจ้านี่มันก็เล็กนิดเดียวเอง ผมกลัวว่าถ้าผมเผลอกินมันเข้าไปแค่ไม่กี่คำมันก็จะหมด…ผม…ผมอยากสต๊าฟมันไว้มากกว่า มันสวย มันมีความหมายจนผม…ไม่กล้ากิน.…น่าเสียดายเกินไปที่จะกินมันตอนนี้...”


ถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมาจากปากของสดายุราวกับลืมตัวนั้น เล่นเอาลำคอของกฤตเมธตีบตันอย่างประหลาด เมื่อก่อนสดายุที่เขาเคยเห็นคือพระเอกดาวรุ่งนิสัยเสีย หยาบกระด้าง ก้าวร้าว เหลวไหล เหลวแหลก หยิ่งยะโส และไร้ความรับผิดชอบ แต่ตอนนี้ สดายุที่เขาได้สัมผัสได้นั้น ความจริงแล้วช่างเปราะบาง เป็นมนุษย์ขี้เหงาที่น่าสงสารที่สุดในโลก อ่อนแอ อ่อนไหว อ่อนโยน จริงใจ และน่ารักน่าใคร่ที่สุด

หมับ…

“คุณเมธ?”

ราวกับจะรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ฝันทันทีที่ถูกกฤตเมธสวมกอดจากด้านหลัง อ้อมกอดนั้นกระชับแน่นแสนอบอุ่น แถมถ้อยคำปลอบขวัญด้วยเสียงทุ้มนุ่มหูนั้นก็ช่างอ่อนโยนน่าฟัง ทำหัวใจของสดายุพองโตราวกับลูกบอลลูน

“กินเค้กเถอะยุ ผมสัญญาว่านี่จะไม่ใช่ก้อนสุดท้าย แต่มันเป็นแค่ก้อนแรกต่างหาก จากนี้ไปคุณจะได้รับมันทุกปี ทุกปีไม่มีขาด ยุครับเดี๋ยวอีกสองอาทิตย์เราก็จะได้กลับเมืองไทยกันแล้ว ถึงตอนนั้นผมจัดปาร์ตี้ให้คุณอีกครั้งก็ยังได้นะ ไปที่ร้านสวยๆ หรือไม่ก็เป็นที่คอนโดของคุณหรือของผม เราเชิญเพื่อนๆมาเยอะๆเลยก็ได้ จะได้สนุกๆ คุณจะได้ไม่เหงา คุณจะได้กินเค้กเยอะๆ ดีมั้ยครับ”

กฤตเมธพูดไปพลางกระชับร่างในอ้อมกอดแน่น อยากเติมเต็มให้เด็กขี้เหงา อยากถมหลุมลึกในใจให้เต็มตื้น อยากรัก อยากดูแล อยากทำทุกอย่างให้คนในอ้อมขาได้มีรอยยิ้ม ได้มีความสุข ความปรารถนามันเอ่อล้นออกมามากมายจนไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาพูดได้ จนกฤตเมธเองยังสงสัย เพราะไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขามีสดายุในหัวใจมากมากขนาดนี้ ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหน….     

…ที่เขารักสดายุได้ขนาดนี้….

ทว่าฝ่ายสดายุนั้น แม้จะตื้นตันไม่น้อยในคำปลอบขวัญของกฤตเมธ แต่คำว่า ‘อีกสองอาทิตย์จะได้กลับเมืองไทย’ ก็เป็นคำที่ทำให้หัวใจวูบไหวได้ไม่น้อย เพราะเมื่อใดที่กลับจากที่แห่งนี้ไป นั่นหมายความว่า เขากับกฤตเมธจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้อีกแล้ว จะทำตัวตามสบายอย่างที่เป็นอยู่อย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว เขารู้ดีว่าไม่ว่าต้องการจะฝืนมันสักแค่ไหน ในที่สุดแล้วเขาก็ต้องพ่ายแพ้แก่กฎของสังคมอยู่วันยันค่ำ…

‘รักนี้มันจะไม่มีทางสมหวัง…’


‘และความฝันนี้กำลังจะจบลงแล้ว…’


“คุณเมธ…”

“ครับยุ?”

‘และหากช่วงเวลานี้จะเป็นเพียงครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายล่ะก็…’

สดายุสูดหายใจเล็กน้อยพลางแหงนคอไปด้านหลังเพื่อซุกศีรษะลงกับลาดไหล่แข็งแกร่ง ก่อนจะหลับตาลงช้าๆ


“นอนกับผมได้มั้ยครับ”

********************************************

ตอนต่อไป…หึหึ กลับไทยแล้วจ๊า ฮิ้วววววว…

เริ่มเตรียมชูชีพกับตะเกียบกันไว้ได้แล้วนะคะ เพราะมันจะมาเป็นอุทกภัยเลยล่ะค่ะ 555+
 :hao5:
ขอบคุณที่ติดตามค๊าบ
รักทุกคอมเม้นท์ จ๊า
จุ๊บๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 27-02-2014 03:41:19
 :hao7: ยังไม่อ่าน เม้นก่อนน

 :hao5:กลิ่นมาม่าโฉยหึ่ง ไม่นะ อย่านะ  :dont2:

 :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 27-02-2014 03:52:02
“สุขสันต์วันเกิดครับ สดายุ”

ระหว่างที่ยังตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นตรงหน้า ข้างหูซ้ายของสดายุก็ถูกกฤตเมธกระซิบแผ่วด้วยคำอวยพรแสนโรแมนติก

“…ผม…ผมไม่ได้เกิดวันนี้…”
อ่านถึงตรงนี้แล้วฮา คิดว่าพระเอกจะหน้าแตกซะละ :m20:

ตอนนี้หวานมากๆ แถมโปรยตอนจบได้น่าสนใจมาก :laugh:
รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 27-02-2014 04:02:29
น้องยุอย่าคิดอะไรไปเองสิ โธ่!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 27-02-2014 04:21:50
T^T ตอนหน้า
แง้งงง เศร้ารอเลยได้มั๊ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 27-02-2014 05:09:12
หวานและอบอุ่นมากค่ะ แต่แค่คิดถึงตอนกลับๆทยแล้ว เศร้าขึ้นมาเลย หน่วงเลยค่ะ เมธรักยุให่มากๆนะคะ เชื่อใจยุและปกป้องยุด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 27-02-2014 05:31:46
ชูชีพกับตะเกียบ????  :m28:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 27-02-2014 06:06:50
ให้เตรียมตะเกียบไว้กินมาม่าเหรอ
ไม่นะตัว ลุงเมธดูแลน้องยุด่วนเลย คิดไปไกลใหญ่แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 27-02-2014 07:06:25
ไม่อยากมาม่าเลยอ่ะ น้ำท่วมแล้วหายใจมะออก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 27-02-2014 07:41:35
คนแก่ขี้หวงจริงๆ

ยุอย่าเพิ่งคิดไปเองสิ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-02-2014 08:13:21
อย่าคิดเองคนเดียวแบบนี้สิยุ
ดูสิลุง?แกทำให้ขนาดนี้ สัมผัสความรัก ความจริงใจไม่ได้เลยเรอะ ว่านี้คือความจริง ไม่ใช่ฝันไปนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 27-02-2014 08:56:14
 :hao5:แงๆ เตรียมตัวจริงๆ แต่ตอนนี้ก็หวานมากอ่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 27-02-2014 09:09:31
จะรอซดน้ำมาม่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 27-02-2014 09:23:01
"เริ่มเตรียมชูชีพกับตะเกียบกันไว้ได้แล้วนะคะ" มาม่าจะมาเหรอค่ะ

ไม่นะ!! เงินเรายังเหลืออีกเยอะอ่ะ ยังไม่อยากทาน :hao5:

ยุเอ๊ย อย่าคิดแทนคนอื่นเลย คุยกับคนที่รักเราก่อนมั้ย ว่าเค้าและเราอะไรคือความสุข

อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วเค้าจะมีความสุข จะไม่ตกต่ำ สิ่งที่เรายัดเยียดคิดว่าดีอาจทำให้ทุกข์ทั้งคู่ก็ได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 27-02-2014 09:45:57
เตรียมมาม่าครับพี่น้อง

 :hao5: :hao5: :hao5:

สงสารอ่ะ น้องยุอย่าคิดแทนเฮียเมธมากนะ

ที่ยุคิดอาจจะถูกก็จริงแต่อย่าลืมนึกถึงใจพี่เมธด้วย

ว่าเค้าพร้อมที่จะฟันฝ่าอุปสรรคนั้นไปพร้อมกัน

มากกว่าที่จะให้ยุทำลายมันลงน้าาาา

ฮึบไว้ๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

รอตอนต่อไปจ้า  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 27-02-2014 10:00:58
หวานๆหน่วงๆอะ จะรอตอนต่อไปนะคะ ท่าทาวจะฌชคเลือด อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 27-02-2014 10:11:23
หน่วงเล็กๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 27-02-2014 10:39:09
ประทับใจมากจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 27-02-2014 10:41:04
ยุไว้ใจคุณเมธสิ ทำให้ขนาดนี้เค้าก็ต้องไตร่ตรองพอสมควรแระ
เค้าโตกว่ายุตั้งเยอะนะ แต่เอาจริงๆคนที่คิดแบบยุถ้าไม่รักอีกฝ่ายมันก็ไม่ใช่อะ
ฮืออออออออออกลับไทยแล้วทำเหมือนไม่รู้จักกันนี่ไม่ยอมนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 27-02-2014 10:55:29
ตอนหน้าเราต้องแหวกว่ายในชามมาม่าสินะคะ บอกให้เตรียมพร้อมขนาดเน้!!  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 27-02-2014 11:02:41
"ชูชีพกับตะเกียบ" ไม่เป็นไรค่ะ พอดีว่าช่วงนี้อยู่ดีกินดีไม่ต้องพึ่งมาม่า  แต่ยังไงก็คงจะไม่พ่้นต้องกินสินะ  :mew5:  :o10:  งั้นก็เอาให้อืดครั้งเดียวจบเลยล่ะกัน  พอดีเป็นบุคคลชอบกินขิงหวานอ่ะนะ :haun5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-02-2014 11:31:53
 :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 27-02-2014 11:34:43
การเป็นคนของสังคมนี่บางทีมันทำให้อึดอัดหัวใจนะคะ ฮือ! :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 27-02-2014 11:41:28
น้องยุมืดมนเกินไปแล้ว

อยากให้กลับมาเชื่อใจคนอื่น จะได้มีความสุขนะยุนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-02-2014 11:47:30
กีสส
ไม่อยากกินมาม่า
เบื่อมาม่าแล้ววว
นี่จะมาเป็นอุทกภัยเลยเหรอคะ
กรี๊ดดดดดดด
เตรียมผ้าเช็ดหน้าแป๊บบบ

 :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 27-02-2014 11:54:20
โอ๊ยยยยย อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้
 :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 27-02-2014 11:56:30
เอร๊ยยยยย คุณลุงต้องรีบยืนยันให้นายเอกของเรามั่นใจเลยนะ
เหมือนจะได้กลิ่นมาม่าโชยมา งื้อออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 27-02-2014 12:06:38
ชูชีพกับตะเกียบ!!! 0_0
ไม่น้า~~
ไม่อยากว่ายน้ำกับกินมาม่าอ่ะ
 :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 27-02-2014 12:12:49
ตอนที่น้องยุบอกว่าไม่ได้เค้กวันเกิดมานานแล้ว
กับตอนที่มองดูพี่น้องฉลองวันเกิดกันอย่างสนุกสนานนี่เราน้ำตาซึ้มเลย
ดูแลน้องดีๆนะพี่เมธ
 :mew4:

ปล. กลับไทย...//เตรียมชามไว้ใส่มาม่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-02-2014 12:16:35
แงๆๆๆๆ. อย่าให้เศร้ามากนักสิอ่านไปใจจะขาดสงสารยุสุดหัวใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 27-02-2014 12:27:53
เตรียม เรือไฟเบอ กลับเมืองไทยแล้วจะมีดราม่า มั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 27-02-2014 12:34:16
ยุคิดไปไกลแล้ว ตาแก่ดึงน้องไว้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 27-02-2014 13:10:17
 :hao3: เย่!! รอรับความหน่วงอย่างเต็มขั้น~ #บอกแล้วว่ายิ่งอ่านอินเนอร์ยิ่งมา 5555555 แต่ถึงจะหน่วงยังไงตอนจบต้องคู่กันนะเออ~
ปอปลาลอลิง. มีที่ไหนนักอ่านสั่งคนเขียน 55555
.
.
.
.
.
.
ขอบคุณสำหรับความหน่วงที่จะมีในตอนหน้า... ห๊ะ!?  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Paracetamol ที่ 27-02-2014 13:54:29
 :a5: อุทกภัย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-02-2014 15:39:34
หมดฤดูกาจีบ
เข้าสู่ฤดูดราม่าแทน

อธิษฐาน ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 27-02-2014 16:05:48
ขอเค๊านอนด้วย ตาเฒ่ามันคงจะนอนด้วยทุกคืนอ่ะ นุงยุ เจอรักที่ดีแล้วนะ รีบคว้าไว้เลย

ไม่มีทางหลุดไปหรอกคนนี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 27-02-2014 16:07:00
เฮฮามานาน จเริ่มมาม่าแล้วเหรอT^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 27-02-2014 16:17:03
น้องยุน่ารักอ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 27-02-2014 16:47:30
หวานได้ไม่ทันไร... น้ำก็จะท่วมอีกแล้วจ้าาาา  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 27-02-2014 16:59:23
 :hao5: :hao4: :hao5:

อร้ากกกกกกกกกกกกก ไม่ชอบกินมาม่าเลยจริงๆๆ

 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 27-02-2014 18:52:22
ตอนหน้าจะมีอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-02-2014 18:53:20
สงสารหนูยุอะ อีกไม่นานต้องสู่โลกแห่งความเป็นจริง
ยังไงก็ฝากตาเฒ่าปลอบใจน้องยุด้วยนะ อย่าให้น้องยุต้องเหงาเดียวดายเหมือนที่ผ่านมาอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 27-02-2014 19:10:18
ทำให้ขนาดนี้ เจ๊ฟันธงว่าสมหวังชัวร์จ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 27-02-2014 19:45:47
โอ้โน้ววววว  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 27-02-2014 20:25:09
อ่าาาาาาาาา มาม่า!!!!!!!  เคาะตะเกียบรอ  :a5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: mur@s@ki ที่ 27-02-2014 20:54:14
เราว่ายน้ำไม่แข็ง!! แถมนี่ยังเป็นอุทกภัยมาม่าต้มยำน้ำข้นอีก มันต้องแสบตาแสบจมูกแสบคอแน่เลยยยยยยยย



 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 27-02-2014 21:18:11
แอร้ยยยยยยยยยยยยยยยย ขอกันง่ายๆอย่างงี้เลยหรอยุ....เดี๋ยวคนแก่ก็เป็นลมไปหรอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 27-02-2014 21:20:35
กลับไทยได้เจอมาม่าชามใหญ่แน่ๆ ขออย่าให้คุณเมศเปลี่ยนไปเลยนะ สงสารยุจัง  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 27-02-2014 21:26:16
ถึงมันจะใกล้สิ้นเดือนแล้ว
แต่นี่ยังไม่อยากกินมาม่าาาา ฮรืออออออออ  ขอเบาเบาได้มั้ยยยยย
ยังไม่อยากให้ต่อมน้ำตาทำงานหนัก  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 27-02-2014 21:51:56
น้องยุอย่าคิดอย่างนั้นนนน
พี่เมธออกจะรักน้องขนาดนี้ :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 27-02-2014 21:55:30
อยู่ต่อเลยได้ไหมมมมม  :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 27-02-2014 22:06:37
เหตุผลที่น้องยุไม่อยากกินเค้กนี่แบบบีบคั้นอารมณ์มาก เด็กน้อยที่น่าสงสาร
พี่เมธต้องคอยอยู่เคียงข้าง และดึงน้องออกมาจากอดีตให้ได้นะ

ปล ชอบกินมาม่า แต่ก็ไม่อยากทรมานตัวละคร เอาไงดี ขอชิมซักชามละกันค่ะ
รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 27-02-2014 22:26:43
ม่ายยยยยนะ จะมาม่าแล้วเหรอ  :monkeysad:

เตรียมผ้าเช็ดหน้า เตรียมทิชชู แต่อย่ามากนะตัวเองสงสารน้องยุอะ  :hao5:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 27-02-2014 22:48:41
รอตอนต่อไปปปป แอร๊ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 28-02-2014 01:31:02
ไม่อยากกินมาม่า เง้อ เอาตะเกียบคืนไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 28-02-2014 01:33:20
 :ling1: :ling1: :ling1: ค้างๆๆ

น้องยุจะกลัวอะไรกะเรื่องอนาคตค่ะ ตอนนี้เจ็บ เพราะคิดไปเองหรอกค่ะ เอาใจช่วยน้องยุ ขอคนเขียนอย่าใจร้ายกะน้องยุมากนะคะ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: saruttaya ที่ 28-02-2014 01:35:35
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-02-2014 19:36:17
สงสารน้องยุ พี่เมธคงไม่ปล่อยให้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างนั้นหรอก  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 28-02-2014 21:59:35
 :m15: :m15: :m15:

น้ำตาไหลเบย  ฮื่อๆๆๆ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 28-02-2014 22:33:23
ยุอย่าคิดเองเออเองสิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-03-2014 05:30:51
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 22 เรื่องบนเตียง




“นอนกับผมได้มั้ยครับ”


“…ยุ?...”

“กอดผมเถอะ…”

“คุณแน่ใจเหรอยุ?...ไม่ต้องฝืนเพื่อผมหรอกนะ…”

“ไม่เป็นไร ผมอยากให้คุณสัมผัสผม…จริงๆนะ”

“…ยุ…”


“ให้ผม…เป็นของคุณนะครับ…ผมอยากเป็นของของคุณ…”


ถ้อยคำออดอ้อน ส่งผลต่อความตระหนักยั้งคิดของกฤตเมธโดยตรง โดยเฉพาะสายตาเว้าวอนที่ส่งมาให้นั้น ช่างกรีดลึกลงในหัวใจของกฤตเมธเหลือเกิน….

‘สายตาของเด็กขี้เหงา ที่กำลังต้องการที่พึ่งพิง…’

จบคำอ้อนที่แสนจะอันตรายต่อหัวใจ อ้อมกอดแน่นหนาของกฤตเมธก็คลายลง แล้วค่อยๆประคองร่างแบบบางของสดายุให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง จากนั้นมือแกร่งก็ค่อยๆเชยปลายคางเรียวขึ้นประทับรอยจูบอ่อนหวาน จูบที่มาจากใจจริง ไม่ใช่จากบทละคร จูบที่อิ่มเอมกว่าทุกจูบที่เคยผ่านมา

จากสัมผัสริมฝีปากกันเพียงผิวเผิน ก็เพิ่มความดูดดื่มขึ้นเป็นจังหวะ ระหว่างนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ค่อยๆสอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ๊ตตัวบาง บรรจงลูบไล้บางเบาไปบนผิวเรียบตึงลื่นมือ เมื่อสะท้านกายรับพร้อมครางเครือออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า สดายุก็ถูกกดลงบนเตียงนอนข้างโต๊ะอาหาร ทั้งที่ยังถูกกอดจูบ และสัมผัสอยู่อย่างนั้น

เพียงครู่เสื้อเชิ๊ตก็ถูกถอดออก ผิวกายสีน้ำนมถูกสัมผัสโดยตรงจากริมฝีปากและเรียวลิ้นช่ำชอง ยอดอกถูกหยอกเย้าจนต้องสะท้านกายรับอย่างไม่อาจห้าม

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทั้งคู่มีเซ็กส์ และยิ่งไม่ใช่ครั้งแรกของกันและกัน แต่ทว่ามันคือครั้งแรกที่ได้สัมผัสกันด้วยหัวใจ และความรู้สึกที่ต้องการเป็นของอีกฝ่ายที่ปะทุเอ่อล้นจากในร่างของทั้งคู่

‘ด้วยความรู้สึกที่เรียกว่า…รัก…’

สดายุสะท้านหอบ ริมฝีปากถูกประทับบดเบียดครั้งแล้วครั้งเล่า เปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆในแต่ละครั้ง ก่อนจะเลื่อนไปยัง แก้ม ใบหู และพรมจูบจนทั่วใบหน้า เลื่อนเรื่อยลงมายังซอกคอ ทุกสัมผัสเชื่องช้าราวกับกำลังปลอบประโลม และมันอ่อนโยนเกินไปจนสดายุประหม่า ความรู้สึกขัดเขินตีรวนขึ้นจากส่วนล่าง อยากให้ทำแบบรุนแรง อยากให้บีบเค้นจนจนตรอกมากว่า สดายุคิดว่าบางทีการถูกไล่ต้อนอาจทำให้เขารู้สึกสบายใจกว่าตอนนี้ เพราะหากเขาถูกระทำย่ำยีมากเท่าไหร่ หัวใจเขาจะได้ด้านชามากขึ้น อยากรู้สึกอย่างนั้นมากกว่าการเป็นคนสำคัญที่กำลังโดนกระทำอย่างทะนุถนอม เพราะแบบนี้มันทำให้หัวใจเขาหลอมละลาย อ่อนไหว อ่อนแอ และสุดท้าย ก็ตัดใจไม่ได้เสียที…

‘แย่แล้ว…’

“คุณเมธ…อือ….อย่าทำแบบนี้สิ…”

“…แบบไหนครับ?...”

“อ๊ะ…อือ….อย่าอ่อนโยนกับผมเลย ทำตามที่คุณต้องการเถอะ…”

“………….ผมก็กำลังทำอยู่นะ…นี่ก็กำลังทำอย่างที่ผมต้องการอยู่…”

“…ยังไง?...”

“ก็อ่อนโยนกับคุณไง ผมอยากรักคุณอย่างอ่อนโยนที่สุด….อย่างที่ผมไม่เคยทำกับใครมาก่อน…”

คำสารภาพของกฤตเมธช่างโหดร้ายกับหัวใจของสดายุเหลือเกิน ทำไมกันนะผู้ชายคนนี้ ทั้งที่เขากำลังพยายามตัดใจแท้ๆ…ชอบมาทำให้หวั่นไหวอยู่เรื่อยเลย…

“อ๊ะ! คุณเมธ…อื้อ…”

สติของสดายุค่อยๆหลุดออกจากร่าง ดวงตาปิดสนิททันทีที่ส่วนสำคัญถูกครอบครอง ไม่ได้ตั้งใจให้คนบนร่างปรนเปรอให้ถึงขนาดนี้เสียหน่อย ไม่คิดไม่ฝันว่าอีกฝ่ายจะกล้าใช้ปากให้กับผู้ชายด้วยกันด้วย ร่างกายเริ่มเดือดพล่าน เมื่อถูกรุกเร้าอย่างแสนสาหัส สติหลุดลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป และสุดท้ายแม้จะไม่อยากนัก แต่สดายุก็ปลดปล่อยตัวเองในที่สุด

“อ๊า….อื้อ….อา….”

“…อือ…ยุครับ โลชั่นอยู่ไหน…”

“…อา…โต๊ะ…โต๊ะกระจก…”

สดายุลมหายใจหอบถี่เมื่อตัวเองได้ปลดปล่อย สายตาพร่าเบลอ ในสมองโล่งไปหมด ขนาดถูกกฤตถามถึงโลชั่นบางอย่าง ชายหนุ่มยังตอบออกไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว รู้สึกแค่ว่ากฤตเมธออกห่างไปไม่ถึงสิบวินาที ก็กลับมาคร่อมร่างเขาไว้อย่างเก่า จากนั้นสายตาหาโฟกัสไม่ได้ของสดายุก็ได้แต่เหม่อมองกฤตเมธที่กำลังเทโลชั่นเหนียวเหนอะลงบนฝ่ามือ

“อ๊ะ? อื้อ….”

ตอนแรกยังเบลออยู่แต่ทันทีที่มือใหญ่แยกขาทั้งคู่ของเขาออกจากกัน สดายุก็รู้ได้ทันทีว่ากำลังจะโดนทำอะไร หัวใจเต้นโหมระทึกอีกครั้งเมื่อนิ้วแรกของกฤตเมธเบิกทางเข้ามา

“ผมจะทำช้าๆ…หายใจลึกๆนะครับคนเก่ง…”

“…อ…อื้ม…อา…อ๊ะ…”

สดายุได้แต่ถอนหายใจบ้างครางเครือเบาๆบ้าง ยามที่ถูกปลายนิ้วร้อนสอดใส่เข้าสู่ส่วนลึก

“อ๊ะ!”

ร่างกายสะท้านวาบขึ้นทันทีที่ถูกแตะต้องบางจุดในร่าง และดูเหมือนกฤตเมธเองก็จะรู้ได้ทันทีว่านั่นคือจุดที่ทำให้สดายุรู้สึกดี ชายหนุ่มกดนิ้วซ้ำๆ ย้ำอยู่ที่เดิมเพื่อความแน่ใจ สดายุสะดุ้งไหวเมื่อภายในถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง

“อื้อ…อื้มมม…”

สองมือยกขึ้นมาปิดปากเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะเผลอหวีดร้องเสียงดัง จากแรงปรารถนาที่คาดไม่ถึง ไม่นึกเลยว่าแท้จริงแล้วช่องทางนั้นจะมีจุดให้เขารู้สึกดีขนาดนี้ได้ แม้จะเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นมีแต่ความทรมานและเจ็บปวดชิงชัง ซึ่งต่างจากครั้งนี้อย่างสิ้นเชิง   

‘เพราะตอนนี้ เขากำลังจะละลายแล้ว…’

เพียงครู่ใหญ่ตรงส่วนนั้นของเขาก็สามารถรับได้สามนิ้ว สดายุอัศจรรย์ใจตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีเวลาให้เขาชื่นชมตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะเมื่อรู้ว่าเขาพร้อม กฤตเมธก็เตรียมการรุกรานเขาอย่างเรียบร้อยแล้ว…

“…ทานล่ะนะครับ…”

“…อื้อ….ตาเฒ่าลามก…”

ทั้งที่กฤตเมธเองก็แทบคิดอะไรไม่ออก ใบหน้าแดงก่ำนั่นทำให้รู้ได้อย่างดีว่าชายหนุ่มกำลังอดทนอยู่แค่ไหน แต่ขนาดที่ยังมีเวลาพูดเล่นได้ ก็แสดงว่ายังไหวอยู่แหละนะ

“อา…อย่าเกรงนะครับยุ…”

“อื้อ…อ๊า….อ๊ะ!”

ส่วนที่เพิ่งว่างเว้นจากนิ้วมือเมื่อครู่ ตอนนี้กำลังเปิดรับแขกผู้มีเกียรติ์ท่านใหม่ ที่กำลังขยับเข้ามาอย่างเชื่องช้า แค่เฉพาะส่วนปลายที่ใหญ่โตนั้นกว่าจะเข้ามาได้ สดายุก็แทบขาดใจได้เสียหลายรอบ ทั้งรู้สึกอึดอัดและรู้สึกหวามไหวแปลกๆ ฝ่ายกฤตเมธเองก็ลมหายใจหอบถี่ พยายามประคองอารมณ์ตัวเองไว้ให้ถึงที่สุด เขาไม่อยากฝืนบังคับ จึงพยายามระมัดระวังและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อสามารถเข้าไปจนสุด ชายหนุ่มก็ยังพยายามที่จะไม่รีบร้อน กฤตเมธค่อยๆขยับสะโพกช้าๆ พร้อมพรมจูบไปทั่วทั้งใบหน้าของสดายุเพื่อเป็นการปลอบขวัญ

“อ๊ะ อื้อ โอ้…อื้อ….”

“…เจ็บหรือเปล่าครับ…ยุ”

ด้วยกลัวว่าจะรุนแรงเกินไป เลยคอยถามไถ่คนใต้ร่างเรื่อยๆ สดายุส่ายหน้ายิกแทนคำตอบ ตอนนี้อารมณ์ของชายหนุ่มเองก็กำลังเดือดพล่าน ความหวามหวานฉีดซ่านไปทั้งร่างจนชาดิก

“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า…อื้อ…อื้อ…”

เมื่อส่วนเปราะบางในร่างกายถูกรังแกซ้ำๆ สดายุก็ต้องเผลอร้องออกมาอย่างยากจะต้านทาน และเมื่อปรือตาขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเห็นใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยความทรมานจากแรงอารมณ์ที่กระพือโหมอยู่ด้วยแล้ว สดายุก็แทบจะทนไม่ไหวอีกต่อไป ความเร่าร้อนอันแสนหวานทำให้เขาไร้สติ ถูกสอดคว้านระหว่างที่ยังเชื่อมโยงกันถึงส่วนลึก ร่างบอบบางโค้งแอ่นเป็นคันศรเกร็งสะท้านรองรับการเคลื่อนไหวที่เร่าร้อนขึ้นทุกขณะ

“อ๊ะ…อย…ม…ไม่ไหว…ไม่ไหวแล้ว….อ๊า…..!!...”

เมื่อถูกชักนำให้ดำดิ่งสู่จุดที่ยากจะแหวกว่ายกลับมา สดายุก็ได้แต่ปล่อยร่างกายและอารมณ์ของตัวเองไปตามแรงปรารถนา…และในทันทีที่เขาปลดปล่อย ก็รู้สึกได้ทันทีถึงแรงระเบิดเล็กๆในร่างพร้อมความอุ่นซ่านที่ถูกปลดปล่อยเข้าสู่ส่วนลึก…พร้อมกับที่ได้ยินเสียงสั่นพร่าของกฤตเมธอยู่ข้างหู…

“…ยุ….ผมรักคุณ…”

*
*
*
*
*

ต่อด้านล่างจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-03-2014 05:31:28
“…ยุ….ผมรักคุณ…”

*
*
*
*
*

ร่างเปล่าเปลือยผิวสีน้ำนมค่อยๆลุกขึ้นช้าๆด้วยว่าขัดยอกและเมื่อยขบไปทั้งตัว ลุกขึ้นนั่งได้ก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดท่อนล่างของตนอย่างหมิ่นเหม่เพื่อกันอุจาด พลางเอื้อมมือไปดึงโต๊ะตัวน้อยที่ยังคงมีอาหารอยู่เต็มโต๊ะเข้าใกล้ตัว จ้องมองเค้กก้อนน้อยตรงหน้าเงียบๆ ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักลงไปตรงส่วนท้ายของเค้กขอนไม้ขึ้นมา 1 คำ

…อ้ำ...

"...หวานชะมัด"

แค่คำแรกที่แตะลงบนปลายลิ้น ความหวานก็ซึมซ่านไปทั้งปากอย่างรวดเร็ว จนสดายุอดบ่นออกมาเบาๆไม่ได้ แต่ถึงจะไม่ค่อยชอบของหวานเท่าไหร่นัก กระนั้นก็ยังคงใช้ช้อนตักเค้กก้อนนั้นเข้าปากคำแล้วคำเล่า เวลา 6 โมงเช้าไม่ใช่เวลาที่เขาจะหิว แต่เขาอยากทานเค้ก ทานไปเงียบๆ เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงคำสุดท้าย ชายหนุ่มวางช้อนลง แล้วใช้มือหยิบแผ่นช๊อกโกแลตที่เขียนข้อความ 'HAPPY BIRTHDAY to SADAYU' ขึ้นมากัดทีละคำเล็กๆ ละเลียดทีละข้างทีละข้างจากมุมไปขอบ จนเหลือเพียงข้อความตรงกลางเอาไว้ จ้องมองมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนส่งใส่ปากทั้งคำ เคี้ยวแล้วก็กลืน...

หลังเก็บเค้กจนไม่เหลือซากแล้วสดายุก็ขยับกลับมาที่เตียงเดิมข้างๆคนที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่อง จ้องมองใบหน้ายามหลับสนิทของกฤตเมธอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนค่อยๆ เอนตัวลงนอนข้างๆ ซุกกายเข้าหาความอบอุ่นที่ได้รับมาตั้งแต่เมื่อคืน...ความอบอุ่นที่เขาโหยหามานานแสนนาน

"...คุณมันเพี้ยนไปแล้ว กฤตเมธ..."

พอกลับมานอนประจำที่ ได้หนุนท่อนแขนกำยำของกฤตเมธ ได้จ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของเจ้าของวงแขน ได้ลองใช้ปลายนิ้วสัมผัสเบาๆไปตามสันกราม โหนกแก้ม สันจมูก พอไต่นิ้วไปจนถึงหว่างคิ้วก็ละลงมาที่ปลายคาง แล้วจบลงที่ริมฝีปาก 

"...และคุณ...กำลังจะทำให้ผมเพี้ยนไปด้วย..."

พูดจบก็ค่อยๆสวมกอดเอวสอบของร่างสูงเบาๆ ซุกกายเข้าหามากขึ้น และดูเหมือนผู้ถูกกระทำจะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาครู่หนึ่ง สาดยุจึงถูกสวมกอดกลับในทันที

"อืม...อ้อนอะไรแต่เช้าหือ...เด็กดื้อ..."

พอหันมาสวมกอดสดายุเอาไว้ได้ กฤตเมธก็งัวเงียขึ้นมาด้วยเสียงทุ้มพร่าที่แสนจะเซ็กซี่ ร่างใหญ่บรรจงจูบหน้าผากของคนในอ้อมแขนเบาๆ ก่อนจะนิ่งค้างไปพร้อมเสียงผ่อนลมหายใจบางๆ เป็นสัญญาณว่ากฤตเมธหลับต่อไปเรียบร้อยแล้ว

"...ตาแก่หื่นเอ้ย...คุณทำแบบนี้แล้วผมจะอยากปล่อยมือจากคุณเหรอ?"

เสียงแหบหวานของสดายุเอ่ยตัดพ้อเจ้าของอ้อมกอดเบาๆ

"มาทำให้เคยชินกับอ้อมกอดอุ่นๆขนาดนี้ แล้วถ้าวันที่ต้องแยกกันมาถึงผมจะทำใจห่างจากคุณไปได้ยังไงล่ะทีนี้..."

ถึงจะบ่นแต่สดายุก็ยังไม่ยอมผละจากอ้อมกอดของกฤตเมธ แม้จะยังบ่น แต่ริมฝีปากนั้นก็ยงคงเต็มไปด้วย...รอยยิ้ม...

"...ไอ้คนใจดำ..."

เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน
เงียบๆคนเดียวและไม่อยากตื่นขึ้นพบใคร
เพราะว่าใจก็ยังเสียดาย
ที่ฝันดีๆกำลังจะจบและหายไป

ภาพที่ฉันได้เป็นดั่งคนที่เธอรัก
ช่างเป็นอะไรที่ประทับใจ
อยากซึมซับนานๆและเก็บไว้
ไม่ให้มันผ่านไป

อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น ทำอยู่อย่างนั้น
ฝันถึงเธอเรื่อยไป
เพราะว่าความจริง ไม่มีทางใด
ทำให้เราได้รักกัน
ทำได้แค่นั้น ทำได้แค่นี้
ทำได้เพียงแค่ฝัน
ต้องหลอกตัวเอง ฝันไปวันๆ
ไม่มีทางที่ฝันมัน(จะ)เป็นจริง

...อ้างอิง  ‘เพลงเรื่องบนเตียง’ บอย พีชเมกเกอร์


*
*
*
*
*

ภาพยนตร์ในส่วนของมัลดีฟส์ทั้งหมดในที่สุดก็จบลงตามกำหนดการ สองสัปดาห์หลังจากปาร์ตี้วันเกิดแสนหวานทีมงานทุกคนขึ้นเครื่องกลับประเทศไทยบ้านเกิดเมืองนอนกันอย่างพร้อมหน้า คิดถึงบ้านเหลือเกินแล้ว เพราะในช่วงเวลาสามเดือนเต็มบนเกาะมัลดีฟส์แม้ดาราหรือทีมงานบางคนจะมีบินไปๆกลับๆ แต่บางคนก็ต้องอยู่โยงยาวสามเดือนเต็ม

เดินทางกลับด้วยสายการบินประจำเมืองหลวงไฟลท์ PG0712 เป็นเครื่อง Aircraft Type : 319 เครื่องเล็ก ที่มีเพียงแถวละสามที่นั่งสองแถวเท่านั้น เครื่องออกจากเมืองหลวง มาเลย์ของมัลดีฟส์ตอนเที่ยงสี่สิบนาที และจะทยานถึงสุวรรณภูมิเวลาประมาณทุ่มตรง และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงเสียที ทันทีที่เครื่องแลนดิ้งลงสู่สนามบินประจำชาติ ทุกคนก็ดูเหมือนจะเร่งร้อนกว่าเวลาปกติ ผ่านตรวจคนเข้าเมือง รับกระเป๋าและสัมภาระหนักอึ้ง ทั้งลากทั้งเข็นออกมาจนถึงจุดรอรับที่มีญาติบ้างคนรู้จักบ้างมารอรับอยู่พร้อมหน้า หลายคนตรงกลับบ้าน หลายคนมีที่แวะ อย่างน้อยก็เหล่าตากล้องช่างไฟของทีมถ่ายละครล่ะ ที่ต้องเข้าสตูดิโอก่อน

"ถึงบ้านแล้ว หายเหงายัง?"

กฤตเมธเอ่ยถามสดายุขึ้น ขณะที่กำลังแบกกระเป๋า เข็นสัมภาระกันออกมาด้านนอก ตัวติดกันมาตลอดตั้งแต่อยู่มัลดีฟส์ ขึ้นเครื่องก็นั่งด้วยกัน ลงจากเครื่องแล้วก็เข็นสัมภาระออกมาคู่กันอีก นี่ถ้าตามกลับบ้านได้ เชื่อว่ากฤตเมธคงไม่รอช้า

"...เพิ่งจะสนามบินเองคุณ ยังไม่ถึงบ้านเสียหน่อย..."

สดายุตอบออกไปขำๆ ตั้งแต่วันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกฤตเมธดีขึ้นมาก ขนาดที่ว่าอ๊อดยังทักอยู่บ่อยๆ เพราะสองอาทิตย์สุดท้ายที่ต้องเข้าฉากพระนางหวานหยดนั้น กฤตเมธและสดายุเล่นออกมาได้ดีมาก สมจริงสมจังสุดๆ เล่นเอาหวานเลี่ยน เบาหวานขึ้นตากันไปทั้งถ่าย น่าเห็นใจสุดๆ

"ผมไปส่งมั้ยครับยุ ผมให้ที่บ้านเอารถมาฝากไว้ให้แล้ว"

(นั่นไง...วางแผนตามถึงบ้านจริงๆด้วย)

"...ไม่เป็นไรครับ พี่บลูม่ามารับแล้ว"

"...อ๋อ...โอเคครับ"

พอได้ยินว่าสดายุมีคนมารับ กฤตเมธก็เสียงสลดลงทันที ออกอาการผิดหวังสุดขีดจนน่าสงสาร ทำเอาสดายุถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่ได้ เพราะเขาแพ้ทางเวลาคนแก่งอนที่สุดเลย

"ฮะฮะ...โอเคๆ คุณเมธคนดีของผม ผมให้คุณไปส่งก็ได้ เดี๋ยวผมบอกพี่บลูม่าเอง"

"...จริงเหรอ?"

พอถูกตามใจเข้าหน่อย ผู้คงแก่พรรษาก็หันมาหรี่ตาใส่เด็กน้อยอย่างผู้มีชัย ก่อนจะอมยิ้มหวานแล้วเข็นกระเป๋าสัมภาระของตนและของสดายุตรงลิ่วไปที่ลานจอดรถทันที ฝ่ายสดายุก็ได้แต่ส่ายหน้า

ท่าทางเริงร่าจนสดายุต้องส่ายหน้ายิก 'แบบนี้มันเฒ่าทารกชัดๆ'

"ฮัลโหลพี่บลูม่าตอนนี้อยู่ไหนครับ?"

"อ๊ะ น้องยุพี่อยู่ตรงทางออกที่สี่น่ะค่ะ วนรถรออยู่เลย"

พอตัดสินใจได้ว่าจะให้กฤตเมธไปส่ง สดายุก็รีบโทรหาบลูม่าที่อุตส่าห์โทรนัดให้มารับทันที รู้สึกผิดกับผู้จัดการคนดีของตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากขัดใจกฤตเมธ เอาเข้าจริง เพราะสดายุเองก็ยังไม่อยากห่างจากชายหนุ่มคนสำคัญด้วยเหมือนกัน ก็จะให้ทำอย่างไรล่ะ มันยังติดนิสัยต้องนอนกอดกันอยู่นี่ เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาต้องนอนด้วยกันทุกคืน...มันก็เลยติด

ถึงจะรู้ว่าต้องรีบปรับตัว เพราะหลังจากนี้คงต้องห่างๆกันบ้างแล้ว...แต่ขอวันนี้อีกวันแล้วกันนะ

"เอ่อ...ขอโทษครับพี่บลูม่า...คือยุมีคนไปส่งแล้ว ขอโทษจริงๆนะพี่กลับก่อนได้เลยครับ"

"อ้าวจริงดิ? ใครจะไปส่งเหรอยุ?"

น้ำเสียงแสดงความสงสัย แต่ดูเหมือนบลูม่าเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรที่โดนผิดนัด แถมยังต้องมาวนรถรออยู่ตั้งนานสองนาน

"...เอ่อ...เดี๋ยวคุณเมธเขาจะไปส่งให้ครับ"

พอต้องบอกว่าใครเป็นคนไปส่งนี่ก็เล่นเอาสดายุพูดไม่ค่อยออก แต่ก็ไม่อยากมีความลับกับบลูม่าผู้จัดการส่วนตัวที่เขาทั้งรักและไว้ใจ เพราะแค่เขาปิดเงียบไม่ยอมเล่าเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับกฤตเมธให้เจ้าหล่อนฟังสดายุก็แอบรู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยเหมือนกัน

"...ห๊ะ? ใครนะคะน้องยุ? เอ่อ...พี่ฟังไม่ค่อยถนัด..."

บลูม่าย้อนถามอีกครั้งเหมือนไม่ค่อยแน่ใจว่าชื่อที่ได้ยินมานั้นถูกต้อง สดายุเข้าใจในคำถามนั้นทันที เพราะเป็นใครก็คงตกใจจนต้องถามซ้ำกันทั้งนั้น หรือต่อให้ฟังถนัดชัดเจนยังไง ก็ต้องคิดว่าเป็นชื่อเดียวกันแต่คนละคนอย่างแน่นอน ในเมื่อความทรงจำที่เคยมีเกี่ยวกับสดายุและกฤตเมธก็คือ 'คนสองคนที่เหม็นขี้หน้ากันสุดๆ' และนั่นมันย่อมเป็นไปได้ยากเหลือเกินที่จะรับส่งกันถึงบ้าน!

"คุณเมธครับ...เอ่อ...คุณกฤตเมธ พระเอกของผมนั่นแหละ..."

"ต๊ายยยยยยย!! ตายแล้วตายๆๆๆ!!! คุณน้องคะ เป็นไงมาไงคะ!? เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!!"

"เอ่อ...เราสนิทกันตอนถ่ายหนังน่ะครับ ก็ปกติเอาเป็นว่าในส่วนของรายละเอียดยุค่อยเล่าให้ฟังนะครับพี่บลูม่า"

"อัยย๊ะ อกอีแป้นแล่นลึก ไม่นึกเลยค่ะว่าจะมาลงอีหรอบนี้...แหม...เก็บเงียบเลยนะน้องยุ ไม่เห็นเล่าให้พี่ฟังเลยว่าดีกันแล้ว"

ถัดจากตกใจ เสียงกระเซ้าเย้าแหย่ตามสไตล์ของบลูม่าก็ตามมาติดๆ

"อยากบอกอยู่หลายทีแล้วเหมือนกันครับ แต่เห็นว่าพี่น่าจะยุ่งๆ เลยไม่บอกดีกว่า ฮะฮะฮะ..."

"หือออออ! ใจร้ายเกินไปแล้วนะคะน้องยุ! เดี๋ยวเจอกันเรามีอะไรต้องคุยกันเยอะเลยนะคะ เตรียมใจไว้ได้เลยค่ะคุณน้อง!"

"ฮ่าฮ่า โอเคครับ แล้วเจอกันนะครับ บายครับ"

สดายุขอตัววางสายเมื่อเดินตามกฤตเมธมาถึงที่จอดรถ บลูม่ายอมถอนตัวกลับแต่โดยดี แต่แอบมีการคาดโทษเล็กน้อยว่าพรุ่งนี้ต้องเจอ เพราะมีเรื่องต้องเคลียร์ (เคลียร์ความคิดถึงล้วนๆ) หลังเก็บสัมภาระทั้งหมดขึ้นบน บีเอ็มดับเบิ้ลยู เอ็กซีรี่ย์สปอร์ตสีขาววาววับแล้ว กฤตเมธกันหันมาอัญเชิญสดายุขึ้นไปประดับเป็นตุ๊กตาหน้ารถคู่กับตนที่เป็นคนขับทันที ถามไถ่เส้นทางเสร็จสรรพก็ขับรถบึ่งออกจากสนามบิน

คอนโดของสดายุอยู่ย่านบางนา ไม่ได้ไกลจากสนามบินมากนัก ขับรถมาไม่นานก็ถึง คอนโดสวยสูงประมาณ 30 ชั้น โดยสดายุอยู่ขั้น 23 ของตึก คอนโดห้องนี้สดายุซื้อไว้ตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ แต่พอช่วงดังมากๆ เขาไปซื้อคอนโดอยู่ใหม่ตรงใจกลางเมือง ชั้นบนสุด ไฮโซสุด ดูดีที่สุด แต่หลังจากตกอับ ก็ต้องขายทิ้งอย่างไม่มีศักดิ์ศรี แล้วย้ายตัวเองกลับมาอยู่คอนโดนห้องน้อยชานเมืองห้องนี้แทน คิดถึงตอนนั้นขึ้นมาทีไร สดายุก็ได้แต่แค่นหัวเราะในใจทุกที 'หัวเราะกับชีวิตเน่าๆของตัวเอง'

"ที่นี่ห้องกว้างดีเหมือนกันนะเนี่ย ดูสบายตาดีจัง"

พอขึ้นมาถึงห้องของสดายุได้ กฤตเมธก็เอ่ยปากชมเปาะกับความเรียบร้อยของห้องชายโสด ที่น่าจะรกกว่านี้กลับสะอาดสะอ้านน่ามอง

"หึหึ...อยากมาอยู่หรือไง ห้องข้างบนยังว่างนะครับ ราคาสูงหน่อย แต่คุณคงซื้อเงินสดได้สบายๆอยู่แล้วล่ะ"

"...นี่ชวนมาอยู่ด้วยเลยเหรอครับ ผมเขินนะ"

".................." -*-

โดนมุกคนแก่สวนกลับเข้า สดายุเลยหุบปากฉับ ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงจนเพลี่ยงพล้ำให้เจ็บใจเล่นอีก อยู่กันมาสักพักสดายุก็เริ่มจับทางกฤตเมธได้แล้วว่าตาแก่ที่ชอบแอ๊บด็กคนนี้แสบแค่ไหน ดังนั้นเขาเลือกที่จะถนอมตัวไม่หือไม่อือแบบนี้เป็นการดีที่สุด

"หึหึ งอนซะแล้วเหรอ? ผมแค่แซวเล่นนิดเดียวเองนะ"

ถึงจะเห็นว่าสดายุเงียบไป แต่กฤตเมธก็ยังคงแซวต่อ เพราะเขาเองก็จับทางของสดายุได้เหมือนกันว่าสดายุเป็นคนที่หากเมือ่ไหร่ตัวเองรู้สึกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก็จะถอนตัวจากสมรภูมิทันที แล้วมีหรือคนอย่างกฤตเมธจะยอม 'ถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ยอมให้หนีง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนหรอกนะ'

"อะไรกันคุณ เดี๋ยวนี้ถึงเนื้อถึงตัวเหลือเกินนะครับ"

สดายุแขวะออกไปทันทีที่โดนสวมกอดจากด้านหลังขณะที่ยังรื้อของกินของฝากออกจากกระเป๋าที่ยังตั้งอ้าซ่าอยู่บนโซฟา แต่ก็แค่นั้นเพราะยังไงคนตัวยักษ์ข้างหลังก็ยังกอดไม่ยอมปล่อยอยู่ดี

'ข้าวใหม่ปลามันก็อย่างนี้แหละน๊า...'

"ปล่อยผมก่อนคุณเมธ ผมหิวข้าวอ่ะ จะไปหาอะไรกินก่อน"

เมื่อแกะมือปลาหมึกมือตุ๊กแกไม่ไหวก็ต้องใช้วิธีโอดครวญอย่างอื่นเพื่อสร้างความเห็นอกเห็นใจจากเจ้าของวงแขน แต่ส่วนหนึ่งก็เพราะสดายุเองก็หิวจริงๆเนื่องจากตั้งแต่ออกจากสนามบินก็ตรงดิ่งกลับบ้านเลย เริ่มชักจะหิวขึ้นมาบ้างแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ผู้กำกับขอร้องให้เขาเพิ่มน้ำหนักขึ้นสักหน่อยก่อน เพื่อถ่ายทำฉากย้อนอดีต ก่อนที่ขอให้ดัมพ์ลงต่อเนื่องเพื่อฉากป่วย ฉากย้อนอดีตบางฉาก เขาถ่ายทำไปบ้างบางส่วนแล้วโดยเฉพาะในส่วนที่ต้องเล่นคู่กับกฤตเมธ แต่เพราะพี่อ๊อดต้องการให้ภุมราสมัยมหาวิทยาลัย เป็นหนุ่มร่างผอมบางจึงรอให้เขาลดน้ำหนักลงอีกหน่อยก่อนซึ่งในตอนที่ถ่ายทำตอนแรกกล้ามเขายังฟูเกินบทอยู่ แต่ตอนนี้ก็เพรียวเกินบทไปเยอะเช่นกัน ดังนั้นพี่อ๊อดเลยให้เขาเพิ่มน้ำหนักในช่วงนี้เพื่อถ่ายเพิ่มเติมในฉากย้อนอดีตแทน การเพิ่มลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องยากของสดายุ เพราะมันเป็นหน้าที่หนึ่งของนักแสดงที่ต้องแสดงในบทบาทต่างๆอยู่แล้ว...

ถึงแม้ว่า...คนที่สวมกอดเขาอยู่ตอนนี้จะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะเป็นห่วงสุขภาพเขาเหลือเกินก็เถอะ... (คิดแล้วก็แอบอมยิ้มเล็กๆ)

"...ผมหิวจริงๆนะ"

สดายุย้ำขึ้นอีกทีเมื่อเห็นว่าคนตัวใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยมือ

"ในตู้เย็นคุณมีอะไรบ้างล่ะ?"

จู่ๆกฤตเมธก็ถามถึงตู้เย็น สดายุก็ได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบๆไปตามความจริง

"...จะไปมีได้ยังไงล่ะคุณ ผมไม่อยู่ตั้งสามเดือนนะ ขืนมีไว้ก็คงเน่าหมดแล้วล่ะ""

"...จริงด้วย เฮ้อ...ไม่อยากออกไปข้างนอกแล้วนี่ครับ สั่งมาทานที่ห้องได้มั้ย?"

"ผมไปซื้อให้ก็ได้นะ ข้างล่างมีอาหารตามสั่งขาย...เอ้อจริงสิ!...เขามีบริการส่งด้วย อยากทานอะไรบ้างคุณ เดี๋ยวผมสั่งให้ ร้านนี้ปิดตั้งเที่ยงคืน"

"จริงเหรอคุณ? มีเมนูเด็ดๆอะไรบ้าง ตอนนี้ผมอยากทานอาหารไทยมากเลยนะ เอาแบบเข้มข้นๆหน่อย ทานแต่อาหารไม่คุ้นปากอยู่ตั้งสามเดือน คิดถึงต้มยำจะแย่แล้วล่ะ"

พอรู้ว่าสั่งมาทานที่ห้องได้ กฤตเมธก็ยิ้มย่อง จ้องจะออร์เดอร์ของที่ชอบเป็นการใหญ่ จนสดายุยังต้องหัวเราะเยาะออกมาไม่มียั้ง

"ฮ่าฮ่า...คุณนี่อย่างกับเด็กแน่ะ ตื่นเต้นกับเรื่องแค่นี้เนี่ยนะ หึหึ ว่ามาอยากทานอะไรเดี๋ยวผมโทรไปสั่งให้เดี๋ยวนี้เลย"

เห็นคนข้างกายมีความสุขสดายุก็ดีใจ เขาจดรายการอาหารที่กฤตเมธอยากทาน ก่อนจะโทรไปออเดอร์ร้านข้าวร้านประจำ จากนั้นก็จัดโต๊ะรออย่างใจจดใจจ่อ

และแล้ว...เมื่อเวลาผ่านไปได้ราวๆ 40 นาที

ในที่สุดกับข้าวถุงเล็กถุงน้อยก็มารอเสริฟอยู่ถึงหน้าห้อง สดายุรับอาหารทั้งทหมดมาแกะใส่จานที่วางรออยู่บนโต๊ะ โดยมีกฤตเมธเป็นลูกมือคนขยัน และจากนั้นก็ถึงเวลาลงมือทานกันอย่างเอร็ดอร่อย

"อื้ม...อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆด้วย"

"เห็นมั้ยล่ะ ป้าเจ้าของร้านน่ะเขาเป็นเชฟอาหารไทยในภัตคารของโรงแรมมาก่อน ผมรับรองได้เลยว่าฝีมือป้าเขาไม่แพ้ใครในสยามประเทศแน่นอนครับ”

"ว๊าว...ฮ่าฮ่า ขนาดนั้นเชียว"

บรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเอง ทำให้สองหนุ่มทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย และที่ทานกันไม่ขาดคำขนาดนี้ ไม่รู้ว่าเพราะห่างอาหารไทยไปนาน หรือว่าเพราะหิวมากกันแน่

"เออ ยุครับ...พี่อ๊อดเขาให้คุณเพิ่มน้ำหนักกี่กิโลน่ะ?"

ระหว่างที่กำลังสนุกสนานกับการทานอาหารรสชาดที่คิดถึงอยู่นั้นจู่ๆกฤตเมธก็ไถ่ถามขึ้น เพราะวันนี้ดูสดายุจะเจริญอาหารมากกว่าปกติ ทั้งที่ตอนอยู่ที่มัลดีฟส์ ชายหนุ่มแทบไม่แตะมื้อเย็นเลยด้วยซ้ำ

“ประมาณ 5 กิโล”

“เหรอ แล้วนี่ได้กี่กิโลแล้วครับ?”

“…อืม…ผมยังไม่ได้ชั่งเลยเหมือนกัน คิดว่าคงได้แค่กิโลสองกิโลเองละมั้งครับ…?...”

พอสดายุพูดจบก็ถูกมือของกฤตเมธเอื้อมมาลูบศีรษะเบาๆ พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความห่วงใยและเอ็นดู

“งั้นทานเยอะๆนะครับ ผมอยากให้คุณมีน้ำมีนวลกว่านี้…”

“…………..ทำไม?...”

ใบหน้ากรุ้มกริ่มเกินคำว่าห่วงใยไปนิดหน่อยทำให้สดายุต้องถามถึงเจตนาแอบแฝง เพราะดูท่าทางตาลุงตรงหน้าเขาจะเริ่มมีนัยยะซ่อนเร้น และทันทีที่ได้ยินคำถามของสดายุกฤตเมธก็หัวเราะเริงร่าทันที ‘มีเจตนาแอบแฝงจริงๆด้วย’

“ฮ่าฮ่า…รู้ทันนะคุณเนี่ย ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ แค่อยากให้คุณดูมีเนื้อขึ้นหน่อย ตอนนี้มันผอมเกินไป”

“……….แค่นั้น?...”

“…ก็ถ้ามีเนื้อกำลังน่ารัก…เวลากอดจะได้เต็มไม้เต็มมือไงครับ”

“……………….ตาลุงลามก”  =*=

พอเฉลยความในใจก็โดนสดายุแขวะเอาตามคาด กฤตเมธหัวเราะร่าถูกใจทันที น่ารักเหลือเกินนางเอกของเขา ยิ่งนานวันก็ยิ่งน่ารัก แม้ตอนแก่นกะโหลกเหมือนที่เจอตอนช่วงแรกๆจะกวนประสาทไปหน่อย แต่พอได้สัมผัสจริงๆจังๆแล้วก็เข้าใจเต็มที่เลยว่า แท้จริงแล้วเป็นคนไร้เดียงสาและขี้อายกับเรื่องรักๆใคร่ๆมากแค่ไหน พอโดนต้อนให้จนมุมเข้าหน่อยก็จะหน้าแดงแล้วเฉไฉทำหน้าดุเพื่อกลบเกลื่อนทั้งที่พอเผลอก็จะแอบอมยิ้มโดยไม่รู้ตัวทันที…อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน

“หึหึ…ผมก็อยากตามใจคุณนะ แต่ผมอ้วนกว่านี้มากไม่ได้หรอกคุณ ขืนปล่อยตัวขึ้นจนหยุดไม่อยู่ กว่าจะเอาลงได้ก็ตายกันพอดี อย่าลืมสิอีกสองเดือนผมต้องดัมพ์มันลงอีกหลายกิโลนะครับ”

เหตุผลของสดายุจริงจังเกินไป จนกฤตเมธยังต้องนิ่วหน้า บังคับน้ำหนักขึ้นๆลงๆในเวลาสั้นๆแบบนั้นมันค่อนข้างอันตรายต่อสุขภาพพอสมควร ถึงจะเข้าใจว่ามันเป็นงาน แต่ก็อดเป็นห่วงสดายุไม่ได้

“…ยุครับ แล้วคุณจะไหวเหรอ?...”

คำถามคราวนี้แฝงความห่วงใยชัดเจน จนสดายุรู้สึกได้ และนึกขอบกฤตเมธอยู่เสมอที่คอยเป็นกำลังใจดีๆให้

“หึหึ…ไหวอยู่แล้วละครับ ผมยังฟิตน่า”

“…อย่าฝืนนักนะครับ ไม่ไหวต้องรีบบอกนะ ผมเป็นห่วง”

“……………” ( -/////- )

ถึงจะชอบที่ถูกห่วงใย แต่ถ้ามากไป….ก็เขินเป็นเหมือนกันนะ…

“พูดเยอะนะคุณเนี่ย รีบทานไปครับจะได้รีบกลับ ผมอยากพักผ่อนจะแย่แล้ว”

เมื่อเฉไฉไม่ไหวก็ต้องไล่กันดื้อๆ เพราะสดายุมั่นใจเหลือเกินว่าหากยังขืนปล่อยให้อีกฝ่ายอยู่ร่วมห้องกันต่อไปล่ะก็ น้ำตาลในเลือดของเขาอาจถึงจุดวิกฤต แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมง่ายๆเสียแล้ว

“อะไรกันคุณ ใครว่าผมจะกลับกัน? ผมเหนื่อยจะแย่ ง่วงด้วย ขับรถไม่ไหวหรอก นอนนี่แหละ ไหนๆพรุ่งนี้ก็อุตส่าห์ได้หยุดตั้งหนึ่งวัน ผมจะนอนให้ถึงเย็นเลย”

“เฮ้ยคุณเมธ? ตะแบงจะนอนที่นี่เนี่ย คุณถามความเห็นผมหรือยังครับ? ได้ข่าวว่าเจ้าของห้องยังไม่ได้เชิญนะ”

เมื่อเห็นอีกฝ่ายตีมึน จะค้างอ้างแรมกันดื้อๆ สดายุเลยต้องปรามลงเสียหน่อย ผู้ใหญ่อะไร เอาแต่ใจชะมัด

“แต่เราเคยอยู่ด้วยกันทุกคืน ถ้าคืนนี้ผมทิ้งคุณไว้ แล้วคุณจะอยู่คนเดียวได้ยังไง…จริงมั้ย?”

ถึงจะแขวะไปแล้วก็ดูเหมือนจะไม่ระคายผิว เพราะกฤตเมธยังคงลอยหน้าลอยตาหยอดคำหวาน(เข้าข้างตัวเอง)ไม่เลิก

“เฮ้อ…ผมอยู่คนเดียวได้ครับ” (สดายุ : สีหน้าหนักแน่นจริงจัง)

“จริงเหรอคร๊าบ…”  (กฤตเมธ : ยื่นหน้าเข้ามาหาด้วยสายตากรุ้มกริ่มพร้อมส่งยิ้มหวานร้ายให้ไม่ขาด)

“เออๆ จะค้างก็ค้าง รีบกินข้าวไปเลยคุณ หึหึ” ( = _ = )

สุดท้ายก็ต้องยอมให้ค้างด้วยอย่างไม่มีข้อแม้ เล่ห์คนแก่ใช้ได้ผลเสมอจริงๆ

แม้จะดูเหมือนระอาลูกตื้อของกฤตเมธเล็กๆ แต่ความจริงแล้วหัวใจของสดายุพองโตมาก มีความสุข และอบอุ่นมากเหลือเกิน ยิ่งได้เห็นกฤตเมธยิ้มให้ ยิ่งถูกสัมผัสร่างกายอย่างอ่อนโยน ยิ่งอยากเกาะติด ยิ่งอยากเก็บเอาไว้คนเดียว…

…อยากให้เวลานี้คงอยู่ตลอดไป…

…อยากจดจำทุกวินาที และตักตวงให้มากกว่านี้…

…เวลาได้โปรดเดินช้าๆ…ขอเวลาให้ได้มีความสุขนานขึ้นอีกหน่อย

…ได้โปรด…



********************************************************************
อุ๊ย…มาม่ายังไม่สุกจ๊ะ รอต่อไปอีกนิดนะจ๊ะ
ช่วงนี้กินบัวลอยน้ำขิงไปก่อนก็แล้วกันเนอะ

 :katai2-1:

ปล. สมมติว่าเป็นเค้กวันเกิดของน้องยุเราก็แล้วกันเนอะ
(หารูปเค้กขอนไม้เจ๋งๆไม่ได้ เอาอันนี้ไปก่อนแล้วกันค่ะ)
เครดิต : Google เจ้าเดิมจ๊า

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 01-03-2014 05:35:50
^
^
^
 :z13: :z13: :z13: จิ้มไว้ก่อนนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 01-03-2014 06:09:23
ไม่อยากทานมาม่าเลย มันบาดคอบาดจิต
อยากให้อารมณ์มุ้งมิ้งอย่างนี้เรื่อยไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 01-03-2014 07:17:29
หวานอีกแล้ว อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 01-03-2014 07:53:30
อยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป ไม่ชอบกินมาม่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-03-2014 08:07:09
เค้าไม่อยากกินมาม่า....โซเดียมเยอะ XD
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-03-2014 09:01:38
อารมณ์เหมือนสงบก่อนพายุจะเข้านะเนี่ยย
อย่าคิดมากนะยุ ดูสิลุงเมธ?แกออกจะรักจะห่วงใยขนาดนี้
อย่าต้มมาม่าให้เค้าเลยยยน่า บัวลอยน้ำขิงก็อร่อยแล้ววว :mew2:

หวานกันแบบนี้น่ารักอะ ชอบความใส่ใจของเมธและความซึนเล็กๆของยุ
น่ารักมาก รักกันๆ อย่าคิดมากเลย o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 01-03-2014 09:09:56
นี่คือหวานก่อนมาม่าจะมาใช่ไหมมมมมม
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 01-03-2014 09:10:02
อันที่จริงไม่อยากกินมาม่าหรอกแต่คนเขียนบังคับอะ อยากกินบัวลอยน้ำขิงอะ.  :ling1:  น้องยุเวลาอ้อนน่ารักมากกกกกเลย อย่างนี้ตาแก่คงไปไหนมะรอด อิอิ แต่อย่างว่ากลับมาเมืองไทยหูตาอย่างกะสับปะรส คิดถึงอนาคตแล้วเครียดแทนน้องยุจริง สงสัยคงต้องรอกินมาม่าจริงละมั้งเนี่ย

 :3123:  เป็นกำลังใจให้น้องยุและตาแก่ลามก ดูแลน้อยยุดีๆนะ ถ้าน้องยุเสียน้ำตานะ  :z6:  แล้วจะหาว่าไม่เตือน 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 01-03-2014 09:23:00
หวานๆๆๆๆ  จนไม่อยากเจอดราม่าเลยอ่าา :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 01-03-2014 09:24:24
แง้ อย่าเอามาม่ามาเลยT^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 01-03-2014 09:25:01
โอ้ ! ชอบบัวลอยน้ำขิงที่สุด เมธยุมุ้งมิ้งน่ารักสุดๆ :-[

โดยเฉพาะเรื่องบนเตียงหวานจัง อ่อนโยนมากเลย
 
 :กอด1: นักเขียน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 01-03-2014 09:27:33
น้องยุน่ารักมากเลยช่วงนี้

อยากให้น้องยุมีความสุขมากๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 01-03-2014 09:28:35
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 01-03-2014 09:34:58
เหมือนจะใกล้มีมาม่าชามใหญ่ให้กินยังไงไม่รู้  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: title ที่ 01-03-2014 10:22:07
ไม่เอา มาม่า ได้ไหมเนี่ย.  :-[  :-[  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: nuwi ที่ 01-03-2014 10:26:42
หวานกันจังเลย  :katai4: :katai4:
 :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 01-03-2014 10:28:06
เค้กหวานดราม่า(กำลัง)หยด  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ipookza ที่ 01-03-2014 10:55:46
  :hao5:  :hao5: เกลียดมาม่า ไม่อยากได้  :katai1:  :katai1: กำลังน่ารักเลยอะ
ถ้ามีมาม่า ของชามเล็กๆนะมานิดเดียวพอ  :hao5:  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 01-03-2014 11:01:36
แพ้ทางตลอด555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 01-03-2014 11:22:27
หวานนนนนนนนนนนนไม่อยากให้ดราม่าเลย โธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: yisren. ที่ 01-03-2014 11:41:25
อยากกินบัวลอยไปเรื่อยๆ
มาม่านี่กินที่บ้านทุกวันแล้ว 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 01-03-2014 12:05:27
ม่ายอยากกินมาม่า ฮืออออ
แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วเนาะะะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-03-2014 13:11:28
มาม่าไม่มีวันสุกเลยได้ไหมเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: felin_kkr ที่ 01-03-2014 13:28:37
อ่านไป โดนมดกัดไป มันหวานจดเลี่ยนหัวใจเลยทีเดียว

หวานจน....ไม่ต้องการของคาวแล้วค๊าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 01-03-2014 13:34:54
ไม่อยากกินมาม่า เค้าชอบกินของหวานๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: greensoda ที่ 01-03-2014 13:42:38
ตอนนี้หวานน่ารักมากก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 01-03-2014 14:05:37
หวานจริงๆ หวานที่สุด หวานฉุดไม่อยู่ แบบว่าข้าวใหม่ปลามันสุดๆอ่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 01-03-2014 14:38:25
หวานซะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 01-03-2014 14:42:24
 :m17: :m17: คุณหมอบอกห้ามกินมาม่าเพราะว่าไม่ดีต่อคนเป็นโรคเลือดอย่างเค้าน๊าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 01-03-2014 14:52:41
บางทีมาม่าที่ว่าอาจจะมาจากคน ในครอบครัวยุหรือเปล่าคะ
เช่นว่าดูหนังแล้วเกิดอาการไม่ชอบใจ ดราม่าใส่ให้ยุเสียใจเล่นๆ
จากนั้นก็พาลให้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จากที่ดีๆ อยู่กลายเป็นระหองระแหง
อาจเป็นเพราะยุระแวงกับความรักครั้งี้อยู่แล้วก็ได้ เลยทำให้เรื่องมันไปกันใหญ่อะไรงี้
 ////55555 ก็เดาไปเรื่อยเปื่อยค่ะ คนเขียนคะ เป็นไปได้ ขอแค่บะหมีก็พอได้มั้ยอ่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 01-03-2014 15:01:51
หวาน หวาน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 01-03-2014 15:09:30
 o18 อ่อ....รอมาม่าสุกงอมนี่เอง....พอละครจบมันต้องสุกจนงอมแล้วแน่ๆเบยยยยย กรี๊ดดดดด ชอบบบ #อินี่มาม่าดาร์กๆตลอด
55555 สู้ๆจ้า รอตอนต่อไป~  o22
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 01-03-2014 15:12:48
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด
น่ารักมากกกกกก พอเข้าใจความรู้สึกตัวเองกันทั้งคู่แล้ว นี่แบบน่าร๊ากกกกก
ไม่อยากจะให้ถึงช่วงมาม่าเลยยย ใจไม่ดี ขอมาม่าไม่หนักมากนะคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 01-03-2014 15:19:06
หวานนิดหวานหน่อยกะลังดีเรยอ่ะ วุ้ยยย :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: lovelyfever ที่ 01-03-2014 16:33:51
เค้าไม่อยากได้มาม่าตอนนี้  :hao5: :hao5: ไม่อ๊าววววว
กำลังหวานได้ที่
ชอบเวลาสองคนมุ้งมิ้งกันอ่ะ เขิ๊นนนนเขินนนนน
ใจตรงกันแล้วไม่อยากให้มีอุปสรรคเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 01-03-2014 17:31:15
ขอคว่ำชามมาม่าได้ไหม แบบว่าไม่อยากกินเลย
อยากหยุดเวลาไว้ตรงเน้!!!

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 01-03-2014 18:31:32
ฮ่าๆๆๆ  มาม่ามะรายขอหลบก่อนนะ  เราจะกลับมาหลังมาม่าจบแล้ว  ฮ่าๆๆๆ


กลัวมาม่าอะ  แต่หวานจังเลยน้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 01-03-2014 18:47:57
อยากทานขนมแบบน้องยุจัง อ่านตอนนี้จบแล้ว อยากให้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันทุ๊กกก! วันจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 01-03-2014 19:23:37
กลัวมาม่า บรรยากาศเหมือนฝนฟ้าคะนองกำลังมา :hao5:

แต่ตอนนี้ขอซึมซับคว่ามหวานวอบอุ่นไว้ก่อนละกัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 01-03-2014 20:33:35
ตอนนี้หวานหยด  :impress2:
หวังว่ามาม่าคงไม่ชามใหญ่นักนะคะ  :mew2:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 01-03-2014 20:42:20
อยู่ต่อเลยได้ใหม  อิอิ :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-03-2014 20:59:17
5555 ฟินนนนน ยุ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 01-03-2014 21:33:53
เง้ยยยย หวานจัง
ยังไม่อยากให้ถึงมาม่าเลยอ่ะ T^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 01-03-2014 21:36:34
หวานๆกันอยู่มาม่าจะมาเสียอย่างนั้น!
งั้นขอแบบจานเล็กกินแป๊บเดียวหมดนะคะ
จะได้กินเค้กหวานๆกันต่อ ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 01-03-2014 21:57:07
มาม่าไม่ต้องเอาชามใหญ่นะคะ ไม่อยากเห็นน้องยุเจ็บเลยอะ
( แต่ตอนนี้หวานอะ อิอิ พระเอกเรานี้บทจะหวานก็หยอดน้องยุตลอดเวลาเลย เขินๆ >< )
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 01-03-2014 22:15:07
ยุเอ้ยยยยอย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย ใครจะรู้ว่าความสุขครั้งนี้มันอาจจะยืนยาวกว่าที่เราคิดมาก ๆ ก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 01-03-2014 22:45:55
มุขคนแก่นี่ก็ทำให้เราแอบเขินตามตลอดดด   :o8:
แต่ใกล้จะได้กินมาม่าอีกแล้วสินะ  :hao5:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-03-2014 22:48:55
ยุเป็นคนคิดมากจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 01-03-2014 22:57:36
ห่างกันเผื่อ สดายุจะได้รู้ใจตัวเองสักที ขาดคนแก่ไม่ได้หร๊อกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 01-03-2014 23:39:56
โอย ไม่อยากกินมาม่าอ่า  :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 02-03-2014 00:04:17
อย่าเพิ่งลวกเส้นเลยนะคะ ไม่อยากให้น้องยุเศร้าเลย

ตอนน้องยุมีความสุขออกจะน่ารัก ><

พี่เมธต้องอย่าให้น้องยุหนีไปไหนได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 02-03-2014 01:38:31
อ่านรวดเดียวเลย จะตีสองแล้วเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 02-03-2014 09:48:49
ตอนนี้กำลังหวานเลย จะมาม่าซะแล้วทำใจแปบ  :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 02-03-2014 09:56:43
เพิ่มความหวานเติมน้ำตาล

รอมาม่าสุกใช่มั้ยยยยยยยยยยยยยย

ไม่อยากให้มาม่าเลยถึงเราจะชอบอ่าน

สงสารน้องยุจังเลย

อยากให้น้องมีความสุข ยิ้มได้ไปนานๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: inspirer_bear ที่ 02-03-2014 13:46:02
วู้วววว หวานน้าา ลุงเมธ อย่าทำให้หนูยุต้องร้องไห้ล่ะ
ยุมีปมในใจมากมายเลยนะ
รออ่านตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 02-03-2014 14:17:32
น้องยุจ๋าาาา ถ้าไม่อยากเหงาเดียวดายอีกต่อไป
ก็เปิดรับตาลุงเข้ามาในหัวใจสักทีสิจ๊ะ
เลิกคิดมากวุ่นวายคนเดียวได้แล้ว
มีคนมาคอยรักคอยห่วงใย ดีกว่าต้องอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 02-03-2014 14:24:07
อยากหลับตาอยู่อย่างนั้น.............................................................. :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: manami_01 ที่ 02-03-2014 19:20:26
กรี๊ดดดดดด

หวานจนมดขึ้นไปหมดแล้ววววว

แอบอิจฉาสดายุคิคิ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 03-03-2014 15:19:28
เริ่มหวานแล้ว~

แต่จะมีมาม่าใช่ไหม

ขอเตรียมตัวเตรียมใจก่อน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 03-03-2014 16:13:33
เพิ่งอ่านตามชาวบ้านเค้าทัน  นี่อะไร  มาม่าจะมาแล้วรึ๊คะ

ไม่ๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Noo_Patchy ที่ 03-03-2014 17:47:29
 :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11:   ไม่อยากให้น้องยุเจอมาม่าเลยจริงๆ อยากให้มีแต่ชีวิตที่สดใจ
ชดเชยกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมา  :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 03-03-2014 18:03:11
อั๊ยยะ!! ติดนิยายค่ะ ติดมากกกก

ยังไม่อยากได้มาม่าเลยอะ สงสารยุ

รู้สึกว่าชีวิตยุมันน่าจะมีความสุขบ้างได้แล้ว

เมธ ต้องช่วยยุให้ได้นะ อย่าให้ใครมาขุดหลุมดำของยุเพิ่มนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 03-03-2014 22:30:27
อยากให้หวานแบบนี้ไปอีกหลายๆตอน :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 04-03-2014 08:39:51
ชีวิตยุน่าสงสารกฤตเมธอย่าทิ้งยุนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 04-03-2014 15:08:28
กรี๊ด หวานมาก

แต่มาม่า้มสุกแล้วจะรสอะไรคะ ใช่รสน้ำตาดิฉันรึเปล่า ฮือ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 05-03-2014 17:34:52
โอยยยยยยยยยยย มาม่าอย่าเพิ่งสุกเลยยยยยย

ไม่เอาน้าาาาาา  :ling1:  :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 05-03-2014 19:26:11
ออกต่างจังหวัด 5 วันนะจ๊ะ
วันอังคารหน้าจิรีบมาต่อค่ะ
เชื่อเถอะว่าตอนหน้า "ก็ยังหวานอยู่จ๊า"
อิอิ เรายังไม่อยากทำร้ายท่านผู้อ่านก็จริง
แต่มันจำเป็นจะต้องปล่อยตัวร้ายออกมาในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้านี้จริงๆค่ะ
ให้เขาเหล่านั้นออกมาปรากฏกายเถอะนะคะ เพื่อรสอูมามิ!?

ขอบคุณที่ติดตามคร๊า
อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 05-03-2014 20:13:24
ไม่รู้อะไรดลใจกดให้เข้ามาอ่านอีกรอบ

แต่พอมาเห็นแทบช๊อค   :katai1: :katai1: :katai1: 

เพื่อมาพบกับเข้าร้าย อือๆๆๆๆๆๆๆ

แต่ไม่ว่ายังไงก็จะรอนะคะ  รักคนเขียน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 07-03-2014 18:10:45
คู่นี้น่ารักจริงๆ
อยากให้หวานๆๆๆกันไปตลอด
ยุน่ารัก คุณกฤตเมษก้อน่าใคร่ อร๊ายยยย รอตอนต่อไปคร่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: zelesz ที่ 08-03-2014 14:50:10
ยังไม่อยากทานมาม่าเลย เอาบัวลอยน้ำของอีกๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 09-03-2014 03:48:03
มาม่าอย่าชามใหญ่นักได้ไหมคะ ช่วงนี้อิ่มจนอืดไปหมดแล้วไม่อยากกินเยอะอ่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 10-03-2014 04:42:17
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 10-03-2014 22:47:18
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 11-03-2014 11:33:46
ไม่อยากให้ยุปล่อยมือจากคุณเมธเลย
เห็นแก่ตัวบางก็ได้นะ :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 11-03-2014 22:00:46
หวานมาก กร๊ีดด ม่ายเอามาม่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 22 (เรื่องบนเตียง) 01/03/14 (P.63)
เริ่มหัวข้อโดย: anukul ที่ 11-03-2014 23:45:11
ให้กำลังใจคนแต่งคับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 11-03-2014 23:53:13
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย)




หลังจากกลับมาถึงเมืองไทยได้สองวัน การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 'สุดปลายทางของหัวใจ' ก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในส่วนของช่วงย้อนอดีต การแอ๊บหน้าเด็กน้อยของสดายุผ่านฉลุย เพราะใบหน้าของชายหนุ่มอ่อนเยาว์อยู่แล้ว และยิ่งดูเด็กขึ้นมากเมื่อรูปร่างผอมบางลง หนักใจก็ตรงกฤตเมธที่ไม่ว่าจะแต่งแต้มยังไง ความหล่อเหลาสมวัยเต็มหนุ่มก็เด่นจรัสเกินกว่าจะกลบให้ดูเป็นหนุ่มรุ่นๆหน้าตาธรรมดาๆได้ สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย ทำผมรองทรงสั้นปรกหน้าเล็กน้อย ใส่แว่นเพื่อกลบความหล่อเทพ แต่งตัวเซอร์หน่อยให้สมกับเป็นเด็กหนุ่มชมรมถ่ายภาพ ผู้ที่ต้องพกกล้องอย่างดีราคาเรือนแสนติดตัวตลอดเวลา แต่งออกมาก็ยังพอถูไถดูเด็กกว่าวัยไปหน่อย ยิ่งพอเล่นเข้าคู่กับสดายุ ก็ยิ่งดูเข้ากันสุดๆ (ฟินกันไปอีกรอบ) 

"ตายแล้ว น้องยุคะ แต่งแบบนี้แล้วดูไม่ออกเลยค่ะว่าอายุเกิน นี่ถ้าไม่รู้จักนะให้ตายก็ไม่มีใครนึกหรอกค่ะว่าไม่ใช่เด็กมหาลัย ดูเด็กอย่างกับเด็กอายุ 19 แน่ะค่ะ คิก คิก คิก"

"...ฮะฮะ ขอบคุณครับพี่จิ๋ม"

"ต๊ายยยย คิก คิก คิก"

เสียงหัวร่อต่อกระซิกน่าหมั่นไส้ของช่างแต่งหน้าสาวที่กำลังฉอเลาะนักแสดงหนุ่มรูปงามอยู่นั้นเล่นเอาทีมงานหลายคนถึงกับส่ายหน้า (ออกแนวรำคาญเสียงแหลมๆของนางเหลือเกิน) ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะจงเกลียดจงชังคอยเสียดแทงกระแนะกระแหนสารพัด แต่ตอนนี้กลับกางปีกปกป้องเป็นแม่ไก่แก่ ใครอย่าได้มาว่าร้ายสดายุในดวงใจของนางเชียว นางด่ากราดไม่ไว้หน้า เฮ้อ..คนเรานี่นะก็ช่างง่าย แค่เจอรอยยิ้มกระชากใจของสดายุเข้าไปหน่อย นางถึงกับขายวิญญาณให้เลยทีเดียว -*-

"เอ้า ยุ เมธ พร้อมลุยซีนสุดท้ายกันหรือยัง?"

เสียงอ๊อดตะโกนเรียกมาแต่ไกล ให้สองหนุ่มพระนางเตรียมพร้อมเข้าฉากสุดท้ายของวัน ซึ่งเป็นแค่ฉากพูดคุยกันธรรมดา ฉากนี้เป็นฉากที่นคินทร์สารภาพความในใจต่อภุมราที่หลงรักตัวเองมาตลอดว่า ชายหนุ่มนั้นกำลังหลงรักเพื่อสาวอีกคนที่ชื่อว่าฝ้าย นคินทร์ที่กำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักนั้นแสนจะมีความสุข เล่าไปก็เขินไป แต่ภุมราที่กำลังอกหักยับเยินนั้นต้องแสร้งยิ้มและยินดีกับเพื่อนรักอย่างน่าสงสาร ฉากนี้ไม่ได้ยากเท่าไหร่ก็จริง แต่ก็ต้องให้เวลาทั้งสองหนุ่มทำอารมณ์กันครู่หนึ่ง

"เออ พอดีเลยก่อนถ่ายทำพี่ขอแนะนำนักแสดงอีกคนก่อนนะ แตงกวามาทางนี้หน่อย"

"ค่ะพี่อ๊อด"

ก่อนจะได้เตรียมถ่ายต่อ พอดีว่าอ๊อดมีนักแสดงใหม่มาแนะนำพอดีจึงเรียกสองหนุ่มกฤตเมธสดายุมาทำความรู้จักก่อน ภาพหญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลอ่อนดัดลอนคลายๆที่ปลายผมยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าเรียวเล็กปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมสวยหยาด แก้มสีชมพูระเรื่อเข้ากับสีปากชมพูฉ่ำวาวด้วยลิปกลอสสีสวย รูปร่างบอบบางแขนขาเรียวขาวราวกับสีน้ำนม ตัวเล็กที่ดูจากส่วนสูงแล้วคงราวๆปลายคางของสดายุเท่านั้น...ดูดีราวกับนางฟ้า

"นี่แตงกวานะ รับบทเป็นฝ้ายเดี๋ยวน้องเขาจะมาร่วมถ่ายทำกับพวกเราวันพรุ่งนี้ พอดีวันนี้น้องมันว่างเลยแวะเข้ามาทักทายพวกเราก่อนยังไงก็ดูแลน้องเขาด้วยล่ะ เอ้า แตงกวา นี่เมธ นั่นยุ สนิทกันเอาไว้นะ มีอะไรไม่เข้าใจก็ปรึกษาพี่ๆเขาดูแล้วกัน"

อ๊อดแนะนำรัวทันทีแบบไม่ต้องให้เสียเวลา

"ค่ะ สวัสดีค่ะพี่เมธ พรุ่งนี้ฝากตัวด้วยนะคะ"

แม้แต่เสียงพูดยังหวานสนิท ใครได้เห็นก็ต้องรู้สึกได้ว่าแตงกวานั้นช่างเป็นผู้หญิงที่สวยหมดจดและน่ารักไปทุกอิริยาบถจริงๆ

"สวัสดีค่ะน้องแตงกวา พี่ยินดีที่ได้ร่วมงานกับน้องอีกค่ะ โตขึ้นเยอะจนพี่จำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย"

กฤตเมธทักตอบไปเสียงหวาน เพราะทั้งคู่เคยร่วมงานกันมาก่อนในละครเรื่องล่าสุดของกฤตเมธเมื่อหลายปีก่อน สมัยที่แตงกวายังเป็นเพียงตัวประกอบรุ่นเด็ก

"แฮะ แฮะ นอกจากจะโตแล้วยังสวยขึ้นด้วยใช่มั้ยล่ะคะ" ^^

สาวน้อยฉอเลาะตอบอย่างเป็นกันเอง ดูจะสนิทกันกับกฤตเมธพอสมควร เพราะในละครเรื่องที่เคยแสดงร่วมกันนั้นทั้งคู่เคยแสดงเป็นพี่น้องที่อายุห่างกันมากมาก่อน เลยได้เข้าบทกันบ่อยจนสนิทสนมกัน

"เอ่อ...สวัสดีค่ะ พี่ยุ พรุ่งนี้แตงกวาต้องขอรบกวนด้วยนะคะ..."

หลังทักทายกับกฤตเมธเสร็จสาวน้อยหน้าหวานอย่างแตงกวาก็หันมาทักทายสดายุบ้าง และเพราะเพิ่งเคยเจอตัวเป็นๆกันครั้งแรกสาวเจ้าจึงออกอาการเขินอายเล็กน้อย ใบหน้าใสกระจ่างสีชมพูระเรื่อนั้นยิ่งซับสีเลือดเห่อขึ้นไปอีกเมื่อได้เจอกับรอยยิ้มชวนฝันไม้ตายของสดายุเข้าไป

"หึหึ ทางพี่ต่างหากครับที่ต้องรบกวนน้องแตงกวา พี่เองก็ติดตามผลงานของน้องอยู่ น้องเก่งมากเลยนะ ส่วนพี่น่ะห่างวงการไปนานจนฝีมือเริ่มฝืดไปหมดแล้วล่ะครับ"

"อุ้ย...ไม่หรอกค่ะ พี่ยุ...ชมกันตรงๆเลย...เขินจังค่ะ" >/////<

โดนเสียงแหบเสน่ห์เอ่ยถ้อยคำแสนประทับใจเข้าไปหน่อย แตงกวาก็แทบละลายลงตรงนั้น เพราะความจริงแล้วแตงกวาแอบปลื้มสดายุมาตั้งแต่เด็กเรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธ์แท้ แม้ขนาดตอนที่สดายุมีข่าวเสียหายก็ไม่เคยเอาใจออกห่าง เข้าข้างพระเอกหนุ่มอย่างหน้ามืดตามัวตลอด ดังนั้นตอนที่รู้ว่าตัวเองได้รับคัดเลือกจากทางผู้จัดให้แสดงภาพยนตร์ร่วมกับสดายุนั้น แตงกวาดีใจจนกรี๊ดลั่นไปสามบ้านแปดบ้าน ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่หญิงสาวจะเขินม้วนเมื่อได้มาอยู่ตรงหน้าคนที่เธอหลงใหล

"เอ่อ...คือ...แตงกวา...ชื่นชมพี่ยุมานานแล้ว...เอ่อ...ถ้าพี่ยุไม่ว่าอะไร...เอ่อ...แตงกวาขอ...ขอถ่ายรูปคู่หน่อยได้มั้ย...คะ?..."

พอได้จังหวะหญิงสาวก็ไม่รอช้าที่จะคว้าโอกาสที่หล่อนรอคอยมานานแสนนาน ขอได้ใกล้ชิดสักหน่อยเถอะ!

"อ๋อ....ได้สิครับ" ^^

อาจจะแปลกใจอยู่บ้างแต่การถ่ายรูปเป็นที่ระลึกก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร สดายุจึงเต็มใจยอมทำตามคำอ้อนของสาวเจ้าแต่โดยดี

"กรี๊ดดด ดีใจจังค่ะ! งั้นมองกล้องนะคะ"

แตงกวากระดี๊กระด๊าทันทีที่ได้รับการอนุญาต หล่อนแทบกระโดดเข้าไปซบที่ไหล่อุ่นของสดายุพลางยกไอโฟนเครื่องสวยขึ้นจับภาพคู่ในทันที

แชะ...แชะ...แชะ...แชะ

เสียงรัวชัตเตอร์ดังต่อเนื่อง แบบไม่มีเว้นวรรค ขณะที่คนถ่ายทั้งซุกทั้งแนบให้ได้ใกล้คนที่ตัวเองปลื้มที่สุด จนแม้แต่สดายุยังต้องลอบขำ ...ทว่า...รู้สึกอีกคนจะเริ่มไม่ขำด้วย

"อะแฮ่ม น้องแตงกวาคะ พี่ว่าพอก่อนดีกว่าเนอะ พวกพี่ต้องทำงานแล้ว" ^^

"อุ้ย...แฮะ แฮะ แตงกวาลืมตัวไปน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ"

เมื่อเห็นว่าชักจะเกินเลยกฤตเมธก็เข้ามาห้ามทัพเอาไว้เสียก่อนที่สดายุของตนจะโดนแตงกวาเขมือบไปเสียก่อนจะได้ทันตั้งตัว

'เฮ้อ...พอกับสาวๆล่ะก็ปล่อยตัวเลยนะเจ้าตัวแสบ'

หลังจากการเข้าแทรกแซงของกฤตเมธ แตงกวาก็ยอมถอยทัพแต่โดยดี ที่จริงแล้ววันนี้นักแสดงสาวมีงานถ่ายละครอีกเรื่องหนึ่งอยู่ด้วย แต่เพราะยังไม่ถึงเวลานัด แตงกวาเลยจะขออยู่ดูการถ่ายทำจนวินาทีสุดท้าย (แหม...ก็คนมันปลื้มอ่ะ)

สุดท้ายเมื่อสามารถกันตัวสดายุออกมาได้แล้ว ในที่สุดการถ่ายทำฉากสุดท้ายของวันนี้ก็ได้เริ่มเสียที แต่ก่อนที่จะได้เข้าฉากจริงๆจังๆ กฤตเมธก็เข้าไปสะกิดกระซิบกระซาบสดายุเบาๆ

“เสน่ห์แรงจังนะคุณ”

“…อะไรครับ?...”

“ก็ดูเหมือนแค่เจอกันครั้งแรกแตงกวาก็ดูท่าจะหลงเสห่ห์คุณจนหัวปักหัวปำซะแล้ว เฮ้อ…ทั้งที่ผมเองก็หล่อไม่ใช่เล่น แถมยังรู้จักมาก่อนตั้งนาน สุดท้ายก็แพ้คุณจนได้ หึหึ…เจ็บใจชะมัด”

คำประชดประชันอย่างคาดไม่ถึงของกฤตเมธทำเอาสดายุถึงกับหลุดขำ ด้วยรู้ดีว่าที่โดนกฤตเมธแขวะเอาอย่างนี้ไม่ใช่เพราะริษยาดังที่ปากว่า แต่เพราะไม่ชอบที่มีคนเข้าใกล้เขามากเกินไปต่างหาก ถึงจะอยู่ด้วยกันมาไม่ถึงสามสัปดาห์ แต่สดายุก็พอจะเริ่มจับทางกฤตเมธได้แล้วว่าชายหนุ่มคอยตามคุมเขาแจแค่ไหน

“หึหึ…ก็คุณมันแก่เกินแกงแล้วไงคุณเมธ น้องเขาเลยไม่สน ผมเด็กกว่า สดกว่า น้องแตงกวาเขาก็ต้องชอบผมมากกว่าเป็นธรรมดาอยู่แล้วล่ะ”

“…ฮึ! สดที่ไหนกัน ผมชิมแล้วต่างหาก…”

“…แล้วไง? คุณแค่ชิม แต่น้องเขาอาจอยากกินผมเลยก็ได้นะ”

“ยุ!”

“หึหึ…ทำงานได้แล้วลุง คิดมากหน้าแก่กว่าเดิมจะแย่เอานะ ฮ่าฮ่า”

พูดจบสดายุก็จากไปพร้อมเสียงหัวเราะเยาะหยันเล็กๆ เล่นเอากฤตเมธหางตากระตุกยิก ได้แต่ท่อง ยุบหนอพองหนอ ในใจเพื่อระงับอารมณ์หมั่นไส้ที่กำลังปะทุปุดปุดขึ้นมาไม่หยุด

‘หึ…ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าตัวแสบ เผลอเมื่อไหร่จะจับกินให้หมดทั้งตัวเลย!’

*
*
*
*
*

และแล้วการถ่ายทำฉากสุดท้ายของวันก็จบลง วันนี้ถ่ายทำกันน้อย เพราะจะรอไปหนักวันหลังๆ ที่ต้องไปขอสถานที่ถ่ายทำถึงในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง โดยเฉพาะฉากรับน้องในวันพรุ่งนี้ 

ถ่ายทำเสร็จเรียบร้อยทีมงานและนักแสดงทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ บ้างก็กลับบ้านพักผ่อน บ้างก็มีงานต่อ บ้างก็ต้องเข้าสตูดิโอ ส่วนสดายุกับกฤตเมธที่ไม่ได้มีคิวไปไหนในวันที่ๆได้เลิกกองเร็วในวันนี้ก็ตรงกลับบ้านของตนเลย 

ตั้งแต่กลับจากมัลดีฟส์วันแรกถึงดึกหน่อยกฤตเมธเลยขออาศัยนอนที่ห้องของสดายุ วันถัดมาที่ผู้จัดอนุญาตให้หยุดพักหนึ่งวันคุณพระเอกรุ่นใหญ่ก็ไม่ยอมกลับไปไหน นอนเปื่อยอยู่ที่ห้องของสดายุทั้งวัน จากนั้นก็เริ่มถ่ายทำภาพยนตร์กันในวันที่สาม สี่ ห้า หก จนวันนี้วันที่เจ็ดเข้าไปแล้วแต่ดูเหมือนว่ากฤตเมธจะยังไม่ยอมอัปเปหิตัวเองออกไปไหนต่อให้โดนสดายุทั้งบ่นทั้งแขวะก็ไม่เห็นว่ากฤตเมธจะมีทีท่ายี่หระอะไร ทุกวันยังคงกลับมานอนที่ห้องของสดายุเหมือนเดิม ต่อให้โดนต่อว่าก็ยิ้มให้อย่างไม่สะทกสะท้านเหมือนเดิม จนกระทั่งสดายุเองต้องเป็นฝ่ายยอมถอยร่น เพราะไม่อาจสู้ความหน้าทนของกฤตเมธไหว แล้ววันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ผู้ใหญ่ร่างยักษ์ตามมาอยู่ด้วยถึงบ้าน 

"อือออ...หิวจังเลย...จะมีใครใจดีทำกับข้าวให้กินหน่อยน๊า..."

กลับมาถึงห้อง (ของคนอื่น) ได้ก็ออกอาการอ้อนขอข้าวกินทันที เสียงอ่อนเสียงหวานพลางเข้ามากอดมาออเซาะ ชวนให้สดายุได้แต่ส่ายหน้าเบื่อบ้างก็จริง แต่ก็อดยิ้มกับเฒ่าทารกไม่ได้ นี่ถ้าแฟนคลับทั้งประเทศมาเห็นเข้าคงต้องร้องไห้กันโฮ เพราะใครจะนึกว่า พระเอกรุ่นใหญ่เนื้อทองหล่อระเบิด ที่ยามออกงานอยู่หน้ากล้องนั้นแสนจะสุขุมนุ่มลึก น่าเชื่อถือ น่าหลงใหล พอหลบมาอยู่ที่รังของตัวเองทีไรเป็นต้องหลุดมาดเท่ห์จนแทบไม่เหลือคราบพระเอก ยิ่งคิดสดายุก็ได้แต่ลอบยิ้มขำเพราะถ้าเขาเป็นหนึ่งในแฟนคลับเหล่านั้น เขาต้องเป็นลมแน่ๆหากได้เห็นกฤตเมธในสภาพนี้...

"หิวก็ปล่อยผมก่อนสิ เดี๋ยวทำอะไรให้ทาน"

"ไม่ไหวครับ ไม่รอแล้ว..."

"ฮื่อ อะไรของคุณเนี่ย? ก็ถ้าหิวก็ปล่อยก่อน งอแงอยู่อย่างนี้แล้วเมื่อไหร่จะได้กินล่ะครับ?"

"ก็ผมหิวนี่ หิวหิวหิวหิว...หิวหิวหิวหิวหิว..."

"เอ๊คุณนี่? หิวก็ปล่อยสิเฟ้ย!"

เมื่อถูกกวนจนเริ่มมีน้ำโห เสียงแหบหวานของสดายุก็เริ่มแหบโหด อยากหันไปต่อยหน้าคมสันนั่นให้หายหิวเสียทีแต่ก็ทำไม่ได้เนื่องจากทั้งร่างยังคงถูกโอบกระชับไว้แนบแน่น

'ฮึ่ย...ไอ้ตาเฒ่ากวนโอ้ย!'

ฟอด...

"เอ้ย?..."  ∑ O////o

ดิ้นขลุกขลักอยู่ครู่หนึ่งจู่ๆก็โดนขโมยหอมแก้มดังฟอดใหญ่เล่นเอาสดายุชะงักไปชั่วครู่ พอตั้งสติจะหันไปจวกสักแผลสองแผลก็โดนคำร้องกระชากใจที่กระซิบพร่าอยู่ข้างหูเข้าเสียก่อน... 

"ผมหิวคุณจนไส้จะขาดอยู่แล้ว ขอผมกินได้หรือยังครับ..."

"..........................." -////-

เจอคำขอกำกวมแต่ชัดเจนในความหมายเข้าไป สดายุถึงกับพูดไม่ออก และยิ่งต้องถอนหายใจสะท้านน้อยๆเมื่อถูกขบเบาๆที่ใบหู ใจจริงอยากจะผลักใสไอ้เฒ่าลามกคนนี้ให้พ้นทางอยู่เหมือนกันแต่แรงปรารถนาบางอย่างกลับเข้าครอบงำอย่างง่ายดายเสียแล้ว...โหยหาหรือว่ารักกันแน่นะ...

*
*
*
*
*

 “อยะ…อือ...คุณเมธ…อ๊ะ อื้อ…อ๊า…”

ร่างแบบบางขาวผ่องของสดายุสะท้านไหวรุนแรง ช่องทางรักที่ถูกรังแกด้วยความปรารถนาจนเต็มแน่นนั้นทำให้หยาดน้ำขาวขุ่นไหลซึมออกจากแก่นกายตั้งชัน สภาพที่ถูกจับให้นั่งตักโดยมีความเป็นชายของกฤตเมธฝังแน่นอยู่ในร่างจากทางด้านหลังนั้นก็ทำให้สดายุเสียดเสียวจนแทบจะสำลักอยู่รอมร่อ 

“อืม…ผมจะแย่แล้วครับยุ ผ่อนแรงหน่อยสิครับคนเก่ง…”

“อ๊า…มะ…ไม่ไหว…ผม...ผมทำ...ไม่…ได้หรอก…อื้อ…”

สดายุส่ายหน้าพรืด ทั้งยังครางเสียงแผ่วระโหย เมื่อหน้าอกถูกคลึงเคล้น แถมยังโดนแก่นกายใหญ่โตทะลวงลึกอย่างไม่ยั้งแรงอีก ความเสียวซ่านที่ทบทวีทำเอาชายหนุ่มถึงกับต้องร่อนเอวระริก

“ฮ้า…อ๊ะ…อื้อ…อ๊ะ…”

กฤตเมธกระทุ้งร่างเข้าไปในตัวของสดายุไม่เบานัก ทั้งที่ใจอยากจะทะนุถนอมคนในอ้อมแขนให้มากกว่านี้อยากจะนุ่มนวลกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ แต่พอเอาเข้าจริง ความหฤหรรษ์ที่ สดายุมอบให้ก็ทำสติของเขาเตลิดเปิดเปิงทุกที กว่าจะรู้ตัวก็เผลอทำรุนแรงลงไปเสียแล้ว ครานี้เองก็เช่นกัน ดังนั้นสิ่งที่กฤตเมธจะทำได้ตอนนี้คือการให้ความสุขสมกับสดายุอย่างเต็มที่เพื่อทดแทนความรุนแรงของเขาให้ดูเบาบางลง โดยการกอดรัดร่างขาวนวลจากทางด้านหลัง แล้วหยอกล้อยอดอกสั่นระริกนั่นเป็นการปลอบโยน

“อ๊ะ…อ๊า…อื้ม…อ๊ะ…เมธ...คุณเมธ…อ๊า…”

“อือ...ยุครับ...คนดีของผม...”

สดายุครางกระเส่าเมื่อถูกกฤตเมธจับสะโพกไว้อย่างแน่นหนาแล้วโยกวนเข้ามาในร่างอย่างไม่เกรงใจ ทว่าช่องทางแคบร้อนของเขากลับตอบรับความแข็งขืนนี้นอย่างแนบแน่นราวกับกำลังยินดีที่ถูกโยกวนสอดแทรกซ้ำไปซ้ำมา

“อ๊า อ๊ะ อื้อ อื้อ อ๊ะ!!”

“อืมมม อา ยุ ยุ อึก!”

สดายุใช้สองแขนขาวคล้องจิกกอดทึ้งร่างหนาด้านหลังไว้แน่น เพราะช่องทางด้านหลังกำลังโดนรุกล้ำด้วยความร้อนดุจเหล็กเผาไฟ ความเร่าร้อนที่ทำให้ทั้งสองหนุ่มทั้งหวาดหวั่น ทั้งลุ่มหลง กฤตเมธกัดฟันกรอดด้วยความเสียดเสียวจับยึดสะโพกบางให้ตั้งตรง พลางทิ่มแทงกายสวนใส่ไม่ยั้ง สดายุเองก็ขยับรับการเคลื่อนไหวของพระเอกหนุ่มของตนได้อย่างเหมาะเจาะ พาอารมณ์รักให้ยิ่งกระพือโหม

เสียงครางหวานกระเส่าดังไม่ขาดระยะสะท้อนก้องอยู่ในห้องนอน กฤตเมธสอดใส่เข้าไปจนสุดแล้วค่อยๆชักออกช้าๆ ดื่มด่ำกับความอ่อนโยนลึกล้ำ แก่นกายตั้งตรงรุกรานช่องทางคับแน่นเป็นจังหวะ ความเสียวซ่านแผ่กำจายทั่วสรรพางค์กาย สดายุร้องครางจนเสียงแหบ

“อ๊า เมธครับ…คุณเมธ อ๊ะ อ๊า อ๋า!!”

“รักครับ….อา…ยุ…ผมรักคุณ…อึก!...”

เสียงกระซิบตรงหลังหูทำเอาวาโยเสียวปลาบไปจนถึงสะโพก ทั้งร่างสั่นระริก ผนังภายในก็ตอดรัดความเป็นชายแข็งแกร่งของกฤตเมธแน่น สภาพปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการรุกรานของสดายุนั้น ทำให้กฤตเมธไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป มือแกร่งช้อนใต้ขาขาวอ่อนของสดายุขึ้นแล้วจับร่างนั้นหมุนกลับเข้าเผชิญหน้าทั้งที่สองร่างยังคงเชื่อมโยงกันอย่างลึกล้ำ จากนั้นก็โถมกายหนักหน่วงสวนใส่เข้าสู่ร่างบนตักอย่างไม่ปราณีเล่นเอาสดายุแทบจะสำลักตายเสียหลายหน

“ค…คุณเมธ…จะถึง…ผม…จะถึงแล้ว…อื้อ!!...”

ยิ่งได้ยินเสียงหวานกระเส่าของสดายุ กฤตเมธก็จ้องใบหน้าเย้ายวนนั้นไม่ละสายตา ด้วยความที่ครางจนคอแห้งผากสดายุจึงแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย ภาพนั้นกระตุ้นอารมณ์ดิบของกฤตเมธอย่างรุนแรง ลิ่มเนื้อพองขยายขึ้น พระเอกหนุ่มใหญ่โหมโรมรันร่างบนตักแบบไม่มีพักหายใจ ความสุขสมเอ่ออาบไปทั่วร่างของสดายุ อย่างไม่อาจต้านทาน และความสุขสมนั้นก็กลั่นตัวเป็นความรักสีขาวขุ่นทะลักทลายเต็มหน้าท้องของทั้งคู่ เมื่อสดายุถึงจุดหมาย ช่องทางอุ่นร้อนโอบรัดกายเนื้อของกฤตเมธอย่างรุนแรงจนยากจะต้านทาน ชายหนุ่มเสือกกายเข้าออกอย่างต่อเนื่อง และจากนั้นไม่นานก็ปล่อยความสุขสมทั้งหมดเข้าไปในร่างของคนในอ้อมกอดเช่นกัน สดายุสะท้านกายทันทีเมื่อรู้สึกถึงธารรักร้อนระอุที่ถาโถมพุ่งเข้าสู่ส่วนลึก กฤตเมธโอบกอดสดายุแน่นพลางแนบจูบอย่างอ่อนโยน ทั้งที่ยังคงขยับกายแผ่วเบาเนิบนาบเพื่อดื่มด่ำกับความสุขสมที่ยังคงแผ่ซ่านอยู่ทั่วร่าง…

“…อืม…ยุครับ…ผมรักคุณ…”

“……………..”

จุดสุดยอดที่เพิ่งผ่านพ้นทำเอาสดายุยังคงพูดไม่ออก สมองของชายหนุ่มยังคงชาปลาบ ขนอ่อนทุกอณูบนร่างลุกชันจากความซ่านเสียวที่ได้ลิ้มรส สองแขนเรียวโอบกอดลำคอหนาของกฤตเมธไว้เพื่อเป็นที่พึ่ง ขณะที่ยังคงหอบหายใจหนักหน่วง

“…ขอโทษนะครับที่ผมรุนแรงไปหน่อย…คุณเหนื่อยมากมั้ย?...”

เห็นว่าร่างในอ้อมแขนยังคงหอบสะท้าน กฤตเมธก็ถามไถ่ขึ้นด้วยความเป็นห่วง แอบรู้สึกผิดอยู่ไม่น้อยเหมือนกันที่ดึงดันจะรังแกทั้งที่สดายุเองก็น่าจะเหนื่อยจากงานอยู่ไม่น้อย แต่…มันอดใจไม่ค่อยจะไหวจริงๆ เพราะการถ่ายทำมันหนักมากมาหลายวัน จนแทบไม่มีเวลาจะทำอะไรเลย วันนี้ว่างหน่อยก็เลย...เผลอไปหน่อย

“…ถ้าจะเป็นห่วงล่ะก็…ออกจากตัวผมเสียทีสิ ขยับดุ๊กดิ๊กอยู่ได้!...”

ตั้งสติได้หน่อยสดายุก็แขวะกฤตเมธออกไปทันทีทั้งที่ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังแดงเห่อไปด้วยความขวยเขินก็ตามที

 ฝ่ายกฤตเมธพอได้ยินสดายุตัดพ้อก็ถึงกับขำออกมาเบาๆ ก่อนจะถือโอกาสหอมแก้มแดงๆนั่นอีกฟอดหนึ่งพลางขยับกายถอนร่างออกมาช้าๆตามคำขอแสนหวานของสดายุ ผละกายออกมานิดหน่อยก่อนจะค่อยๆตระกองร่างกะปลกกะเปลี้ยของสดายุลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างทะนุถนอม แล้วจุมพิตที่หน้าผากชื้นเหงื่อของสดายุอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย

“หิวมั้ยครับ? เดี๋ยวผมทำอะไรให้ทานเอามั้ย?”

“…ทีอย่างนี้เอาใจใหญ่เลยนะ หึหึ…ผมอยากกินข้าวไข่เจียว…เอากรอบๆนะ”

พอกฤตเมธเสนอตัวจะเป็นพ่อครัวให้ สดายุก็รีเควสของชอบออกไปทันที ของธรรมดาๆ ที่สดายุชอบมาก และกฤตเมธเองก็ทำออกมาได้อร่อยถูกใจสดายุมากเช่นกัน

“หึหึ…ตามนั้นเลยครับ รอสักครู่นะขอรับคุณผู้ชาย”

“รีบๆนะ ผมหิวจนจะกินควายได้ทั้งตัวอยู่แล้ว”

กฤตเมธยิ้มรับขำๆ ก่อนลุกขึ้นไปทำอาหารให้สดายุตามคำบัญชา ความสุขเล็กๆที่เกิดขึ้นนั้นแผ่กำจายไปทั้งห้องพาให้บรรยากาศอบอุ่นอวลไปทั้งห้องน้อย…

อบอุ่นเหลือเกิน…

มีความสุขเหลือเกิน…


*******************************************************

ก็ยังคงเป็นบัวลอยไข่หวานนะจ๊ะ
ทว่า…ตอนหน้า…เก๊าจะเริ่มปรุงมาม่าแล้วล่ะ อิอิ
อย่าหวานมากเลยเนอะ เดี๋ยวเบาหวานขึ้นตากันหมด หุหุหุ
ต้มผัดแกงทอดหอมอร่อยในพริบตา…
มาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นคลั่กหม้อใหญ่ๆ กำลังจะพร้อมเสิร์ฟในอีกไม่ช้านี้แล้วคร๊า
อร๊างงงงงงง…
(หมุนตัวหลบพายุรองเท้าอย่างสวยงาม…ฟิ้วววว)
 :hao7:

ปล. หลายคนเริ่มชำเลืองน้องแตงกวา...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 11-03-2014 23:55:55
มาจิ้มก่อนอ่าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-03-2014 00:14:10
หวานฉ่ำเลือดพุ่งเลยยยยย  :m25:

อะไรนะจะเริ่มปรุงมาม่าแล้วเหรอ  แต่เอาเถอะค่ะจะเผ็ดจะข้นขนาดไหนเราก็รับได้
ขอแค่จบแฮปปี้ก็พอ  :mew3:

รอกินมาม่าตอนต่อไป   :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 12-03-2014 00:15:56
(นัง)น้องแตงกวาใช่ไหม?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: RELAXED ที่ 12-03-2014 00:23:16
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หะ หวะ หวานนนนนนนนนนนนนน o13 อิอิชอบจุง

ปล.ม่ายยยยยย เก๊ากินมาม่าเบื่อแล้ววววววว เก๊ามิเอาแล้วววววววว :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: minnien ที่ 12-03-2014 00:27:11
+ เป็ด ให้ก่อน
อยากให้หวานกันนานๆ จัง หนูไม่ชอบมาม่า  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-03-2014 00:28:13
โหย.....ยอมเป็นเบาหวาน ไม่อยากกินต้มยำน้ำจ้น อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 12-03-2014 00:36:15
เบื่อมาม่าแย้ว...> <
ชอบกินของหวาน ฮือๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-03-2014 00:37:32
เดี๋ยวสิ....ยังหวานไม่เต็มอิ่มเบย :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: title ที่ 12-03-2014 01:09:57
อิอิ  :pighaun:  :pighaun:  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 12-03-2014 01:40:16
เง้อออ ไม่เอามาม่า
 ชอบกินของหวานนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 12-03-2014 01:54:55
 :m25: ไม่ชอบกินมาม่า ชอบกินของหวานค่ะ ยอมอ้วนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 12-03-2014 02:02:27
โถ ตาเฒ่าขี้อิจฉา...  o16
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: supizpiz ที่ 12-03-2014 02:09:51
อูมามิกำลังจะมาา :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 12-03-2014 02:29:51
ขอมาม่าแค่รสหมูสับได้ไหมคะ ไม่เอาน้ำข้น ไม่ต้องใส่แตงกวา :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 12-03-2014 02:42:09
ตอนนี้ช่างหวานปนหื่น ทำไมตอนหน้าถึงจะบริโภคมาม่ากันแล้วล่ะเนี่ย ไม่น้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 12-03-2014 03:01:33
อบอุ่นเร่าร้อนมากเลยทั้งสองคน><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-03-2014 08:07:13
จะเริ่มปรุงมาม่าแล้วหรอเนี่ยยยยย

 :hao4: :hao4:

หวานกันจังเลยยยย :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 12-03-2014 08:14:31
ขอให้น้องแตงกวาเป็นสาววายอย่างพี่ จะได้จิ้นสองหนุ่ม อิอิ

หวานมาก ชอบมาก บรรยากาศดีๆระหว่างสองคนนี้ ชอบที่สุด
ยุน่ารัก แต่พี่เมธนี่ขี้หื่น แต่เค้าชอบ อิอิ :z1:

มาม่าจะมาแล้วเรอะ แถมเป็นแบบน้ำข้นด้วย ท่าทางจะหนักท้องอะ
กลัวท้องอืดจังเลย

แต่เพื่อรสชาติของชีวิตรักพี่เมธและยุเค้าจะยอมอืด(แค่สักพัก)
หวังว่ามาม่าจะหมดชามเร็วๆ ไม่กินนานเน้อ :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: nuwi ที่ 12-03-2014 08:29:11
น่ารักมากๆๆๆ

 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 12-03-2014 09:04:15
อย่ามาม่าหนักเลยนะคะ สงสารยุอ่าาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-03-2014 09:11:01
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Pine_apple ที่ 12-03-2014 09:35:18
 :haun4: เสร็จก็บิ้วอารมณ์  :hao5: รอมาม่า

 :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 12-03-2014 09:38:52
มาม่าชามโตแค่ไหนน้าาาา แอบกลัว
 :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Kamidere ที่ 12-03-2014 09:51:27

เจอคำขอกำกวมแต่ชัดเจนในความหมายเข้าไป สดายุถึงกับพูดไม่ออก และยิ่งต้องถอนหายใจสะท้านน้อยๆเมื่อถูกขบเบาๆที่ใบหู ใจจริงอยากจะผลักใสไอ้เฒ่าลามกคนนี้ให้พ้นทางอยู่เหมือนกันแต่แรงปรารถนาบางอย่างกลับเข้าครอบงำอย่างง่ายดายเสียแล้ว...โหยหาหรือว่ารักกันแน่นะ...




ผลักไส <---- ที่ถูกต้องเขียนแบบนี้นะคะ



ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ รอติดตามมาม่าอยู่น้าาา  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: AiiSoul ที่ 12-03-2014 10:05:58
อย่าบอกนะว่าตัวต้นเหตุหม้อมาม่าจะคือน้องแตงกวา
โนนะคะชะนีน้อย

 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-03-2014 10:07:39
ชอบสุดๆ อ่ะตอนนี้ ขอให้น้องยุมีความสุขอย่างนี้ตลอดไปจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 12-03-2014 10:18:07
เค้าไม่กินมาม่า อ่ะเตง  ไม่กินได้ม่ะอ่ะ ไม่เอามาม่าๆๆๆๆๆๆ :ling3: :ling3: :ling3: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 12-03-2014 10:54:03
น้องแตงกวาจะมีส่วนรึป่าวนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 12-03-2014 11:01:38
 :pighaun:
มาม่าอย่ารสจัดมากนะ เอาม่าจืดๆพอได้มิเคอะ?!!   :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 12-03-2014 11:32:00
มาม่าต้มยำกุ้งมันอาจจะเผ็ดร้อนไปนิด
ขอรสหมูสับแทนได้ไหมคะ?
 :o12:

แต่ตอนนี้ขอยอมเบาหวานขึ้นตา แอร๊ยยยยย
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-03-2014 11:52:13
กีสสส
กินมาม่าเยอะผมร่วงขาดสารอาหารนะคะ
ฮืออออ ชอบกินของหวานนน แอร๊ยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 12-03-2014 12:00:02
ไม่อยากกินมาม่า เดี๋ยวผมร่วงT^T :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 12-03-2014 12:00:51
มาม่าขอชามเล็กๆพอน่ะค่ะไม่เอาชามใหญ่  :z3:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 12-03-2014 12:02:50
ฮอลลล อิจฉาคนมีแฟนเด็ก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 12-03-2014 12:22:03
เมธจัดหนักน้องอีกแล้วสินะ  :z1:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-03-2014 12:34:32
หิวมาม่า  แต่ไม่ค่อยอยากกินเลยน้าา :mew5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-03-2014 12:47:46
ถ้าเลือกได้ยอมเบาหวานขึ้นตาไม่อยากกินมาม่าเล้ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 12-03-2014 13:02:29
มาม่า มาไม่ว่า แต่แค่กินประทังชีวิตมืิ้อสองมื้อพอนะคะ  พอดีว่าเป็นคนเสพติดความหวาน

ปล.ตอนนี้ เลือดเปื้อนคอมเรียบร้อยแว๊วววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: teatimes ที่ 12-03-2014 16:32:31
อ่านเรื่องนี้ซ้ำตั้งแต่บทแรกยันบทสุดท้าย  มีความรู้สึกเหมือนเบาหวานจะขึ้นตา(บวกโลหิตจาง)  แต่พอเจอทอร์กตอนท้าย  เจ้าคิดว่าเจ้าต้องเตรียมยาโรคกระเพราะแล้วค่ะ  เพราะดูท่าทางมาม่าต้มยำกุ้งจะเผ็ดจัด :hao5:

ปล.  ถึงมาม่าจะเผ็ดแต่ขอเผ็ดแต่ถ้วยเดียวตอนเดียวได้ไหมคะ  อย่าหลายถ้วยเลย  สงสารน้องยุ :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 12-03-2014 16:42:20
 หวานนนนนนมากกกกก
ไม่อยากผ่านช่วงเวลานี้ไปเลย. ฮรือออ
มาม่าชามเล็กๆหน่อยนะคะ :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 12-03-2014 17:41:06
อย่าบอกนะว่าประเด็นมาม่าคือน้องแตงกวา ชอบน้องเค้าอ่ะ ขอนางร้ายคนอื่นนะ5555

รอตอนต่อไปค่ะ ลุ้นประเด็นดราม่าอย่างจดจ่อ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ipookza ที่ 12-03-2014 19:06:09
งะขอมาม่าถ้วยเล็กๆนะ ถ้วยใหญเราคงไม่อ่านอะจนกว่าจะหมดมาม่า
ไม่งั้นร้องไห้ตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: pachth ที่ 12-03-2014 20:34:51
ไม่เอามาม่าได้ไหม ไม่พร้อมจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 12-03-2014 20:48:40
ไม่เอามาม่า :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 12-03-2014 21:33:47
ตอนนี้หวานน่ารักชอบๆ แต่ตอนหน้ามาม่าใช้ไหมคะ
เราจะเตรียมน้ำดื่มแก้เผ็ดนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-03-2014 22:59:49
แตงกวาจะเข้ามาวุ่นวายเปล่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: BExBOY ที่ 13-03-2014 02:12:52
แค่คิดว่ายุ ต้องเจอกับเรื่องเศร้าก็รู้สึกปวดตับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 13-03-2014 10:03:22
อร๊ายยยยยยย เขิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 13-03-2014 12:22:18
อย่ามาม่าเยอะ สงสารยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Ja-Jah Suwanun ที่ 13-03-2014 17:38:55
หนูไม่อยากกินมาม่าใส่ "แตงกวา" อ่าาาาาาาาา

 :katai1:  :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 13-03-2014 21:15:52
ไม่อยากกินมาม่าเลยอ่ะ  แต่ถ้าจะทำให้ พระ-นายของเรา พัฒนาความรักกันมากขึ้น เขาก็ยอมนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 13-03-2014 22:56:05
 :hao6:
เหนื่อยแทนสดายุ ฮ่าๆๆๆ

รอมาม่า ใส่ไข่ใส่ผักด้วยนะ จะได้สารอาหารครบ :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: SilverLake ที่ 13-03-2014 23:20:43
สงสารน้องยุจริงๆ จะโดนคนแต่งเอาไปต้มยำแล้ว จะมีความสุขทั้งทีมันช่างสั้นนัก
อย่ามาม่านานนักนะคะ สงสารแม่ยกน้องยุด้วยเถิด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-03-2014 00:33:54
โอ๊ย หวานเลือดกระฉูด  :haun4:

เบื่่ออีตาลุงซะจริง ทำแต่ละครั้ง น้องยุของเราบอบช้ำหมด แต่ดูท่าทางน้องยุก็คงชอบแนวๆนี้  :laugh:

แตงกวา มาดีหรือมาร้ายอ่ะ ไม่เอาแบบทีแรกทำแอ๊บใสๆ แล้วมาออกลายร้ายทีหลังนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 14-03-2014 01:53:54
แอร๊ยยย แบบว่าตามอ่านอยู่สองวัน รักเรื่องนี้อ่า ..กอดคนเขียน ขอบคุณค่ะ  :กอด1:
ยกป้ายไฟค่า ..ขอสมัครเป็นแฟนคลับ พี่เมธ&น้องยุ ด้วยคนค่ะ :mew1:
ปล. น้องยุน่าสงสารมากๆแล้ววว น้องไม่ชอบมาม่า น้องชอบไข่เจียวกรอบๆที่พี่เมธทำ พี่คนเขียนเสิร์ฟชามเล็กๆก็พอนะคะ ได้โปรดดดดดดดดด  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: diduek ที่ 14-03-2014 12:17:05
อร๊ายยยย หวานเลือดหมดตัวววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 14-03-2014 17:57:44
น้าลายจะไหล ถึงพริกถึงขิงมาก ยุก็นะตอนนี้ก็มีความสุขดีแล้วจะตัตัวออกห่างทำไม กลัวอีกฝ่ายตกต่ำอะเข้าใจ แล้วหัวใจของทั้งสองคนละจะทำยังไง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: threetanz ที่ 15-03-2014 00:19:00
แอร๊ยยยยยย อ่านแล้ว เอิ่มมม >< เคลิ้มเลยค่ะะะ

ฮ่าๆ

ปล มาม่าไม่มาได้ไหมมม ฮืออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 15-03-2014 01:31:56
โอยยยย

ความหวานมันท่วมท้น

ใครจะมาเป็นตัวปรุงมาม่า

น้องแตงกวามีอะไรมากกว่านั้นมั้ยนะ

 :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: palette_burgundy ที่ 16-03-2014 21:26:26
ไม่เอามาม่าได้มั้ย กินทุกวันแล้วเนี้ย ฮ่าๆๆ  :hao7: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 16-03-2014 22:02:08
ร้อนแรงกันดีจัง  :pighaun: คุณเมธคุณยุ หุ หุ

น้องแค่แตงกวา หลบไปดีกว่านะ พี่เมธเค้าใหญ่กว่านะ  :laugh:

มาม่าจะมาแล้ว ขอแค่น้ำใสคลุกคลิกนิดหน่อยได้เปล่า นะคะ  :กอด1: นักเขียน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: Littlesir ที่ 16-03-2014 22:56:07
ยุอย่าปล่อยมือจากคุณเมธเลยนะ  :hao5:
ไม่อยากให้ดราม่าเลย เค้าขี้เกียจบ่อน้ำตาแตกอ่ะ แง้.......!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 22-03-2014 17:36:45
มาม่าหม้อใหญ่เลยเหรอคะ แง้!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-03-2014 21:05:05
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 24 ...หลุด (ครึ่งแรก)



"คัททททททท!!"

เสียงสั่งคัทของซีนสุดท้ายดังขึ้นในที่สุด เกือบตีห้าเข้าไปแล้วที่ถ่ายทำข้ามวันข้ามคืนกันมา ฉากของสดายุในเวอร์ชั่นคนปกติจะจบลงภายในเดือนนี้ จากนั้นชายหนุ่มจะได้พักยาวหนึ่งเดือนเพื่อทำน้ำหนักเตรียมพร้อมกับฉากผ่าตัดใหญ่กับฉากเจ้าชายนิทราที่จะมาถึง ดังนั้นเดือนนี้ทั้งเดือนงานของสดายุจึงชุกมากจนแทบไม่เหลือเวลาให้กระดิกไปไหน ทั้งถ่ายฉากย้อนความกับแตงกวา ย้อนอดีตกับกฤตเมธ ฉากรถคว่ำ ฉากหลังออกจากโรงพยาบาล กายภาพบำบัด และฉากจบ ทั้งเยอะทั้งหนัก โดยเฉพาะฉากรถคว่ำที่จะถ่ายกันอาทิตย์หน้า และฉากบนเตียงกับแตงกวาที่จะถ่ายกันอาทิตย์ต่อไป จนฉากกายภาพบำบัดของวันนี้ และฉากสารภาพผิดที่ป่าช้าวัดในวันมะรืนนี้นั้นถือว่าง่ายไปเลยทีเดียว   

"เอ้า เลิกกองกันแล้ว กลับๆๆๆ พรุ่งนี้บ่ายโมงมาเจอกันอีกที...อ่อเมธ ยุ มาคุยกับพี่แป๊บดิ"

หลังเสร็จงาน ทั้งเหล่านักแสดงและทีมงานก็เริ่มกระจายตัวกันกลับบ้านใครบ้านมัน ทว่าดูเหมือนสองพระนางจะยังต้องอยู่คุยเรื่องคิวละบทกับทางผู้กำกับต่อ เป็นเรื่องปกติที่ไม่ได้มีใครสนใจกันมากนัก

"เป็นไงเหนื่อยมั้ย เล่นได้ดีเหมือนเดิมเลยนะ"

เห็นสองนักแสดงหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ อ๊อดก็ชมเปาะขึ้นทันทีด้วยว่าชื่นชมในฝีมือของนักแสดงของตนเหลือเกิน

ชมก่อนแล้วค่อยเริ่มคุยเรื่องอื่นๆเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา

"ก็เก่งเหมือนทุกๆวันน่ะแหละครับ วันนี้มีอะไรพิเศษจะคุยกับพวกผมเหรอ?"

เพราะมุกเดิมไม่เคยเปลี่ยน ดังนั้นเหล่านักแสดงกระทั่งทีมงานทุกคนจึงรู้ทันกันหมดแล้วว่าการเรียกมาชมของอ๊อดนั้นมันนัยยะซ่อนเร้นเสมอ ถ้าไม่คุยเรื่องบทโหดต่อก็ต้องมีเรื่องงานเพิ่มเติมทุกที อย่างคราวนี้ก็คงไม่ต่างกัน...

"ฮ่าฮ่าฮ่า... รู้ทันทุกทีเลยนะเมธ ฉลาดจนพี่เกลียดจริงๆ ฮ่าฮ่า"

"ไม่ต้องหัวเราะกลบเกลื่อนเลยครับพี่ อยู่กันมาจะครบปีอยู่แล้วผมตามพี่ทันหรอกน่า หึหึ"

"เออๆ พี่มีอะไรจะคุยด้วยจริงน่ะแหละ เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ แวะไปกินข้าวต้มรอบเช้ากับพี่ก่อน"

"...ครับ..."

คำเชิญสบายๆของอ๊อดนั้นแฝงไว้ด้วยความหนักอึ้งพอสมควร กฤตเมธและสดายุรู้ดีเพราะอย่างน้อยพวกเขาก็อยู่ในวงการบันเทิงมาหลายปี ดังนั้นท่าทีเพียงเล็กน้อยที่ผู้กำกับหนุ่มแสดงออกมา พวกเขาก็รู้ได้ในทันทีแล้วว่ามันคงไม่ใช่เรื่องง่ายแค่การไปกินข้าวต้มรอบเช้าด้วยกันแน่ๆ

...ถ่ายทำที่มัลดีฟส์สามเดือน ถ่ายที่เมืองไทยเข้าเดือนที่สี่ กว่าครึ่งปีแล้วสำหรับการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง 'สุดปลายทางของหัวใจ' ด้วยเนื้อหาและการถ่ายทำที่เข้มข้นแทบจะทุกซีนทุกฉาก เล่นเอาทั้งทีมงานน้ำหนักลดกันไปตามๆกัน ด้วยว่าอดตาหลับขับตานอนถ่ายทำกันให้ทันกำหนดการเข้าฉาย เพราะตอนนี้ทางต้นสังกัดได้ลงบิลบอร์ดโฆษณาไปบ้างบางส่วนแล้ว และแน่นอนว่ากระแสดีจนมีคนติดตามข่าวสารมากมาย ทั้งนักข่าวนิตยาสารบันเทิงชื่อดัง ทั้งรายการวาไรตี้ที่ติดต่อขอสัมภาษณ์เข้ามาแทบทุกช่องชาแนล ถ้าไม่ติดว่าทางต้นสังกัดคอยสกัดเอาไว้เพราะเหตุผลทางการตลาด และด้วยความต้องการให้ภาพยนตร์เสร็จสิ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนค่อยออกสื่อทีหลังของทางผู้จัดจึงยังพอช่วยให้เหล่านักแสดงยังพอเหลือเวลาหายใจหายคอจากตารางงานที่แน่นขนัดตั้งแต่มืดยันเช้า และต่อด้วยเช้ายันมืด...

และคงเพราะกำลังเป็นที่สนใจของสื่อแทบทุกแขนง ดังนั้นวันนี้อ๊อดจึงจำต้องเรียกสองหนุ่มน้องรักมาคุยเป็นการส่วนตัว ทั้งที่ใจจริงก็ไม่ได้ต้องการสักเท่าไหร่นัก...

เอาเข้าจริงแล้ว...ไม่ต้องการเลยต่างหาก

หลังการเก็บเครื่องมือ เคลียร์พื้นที่เสร็จสรรพก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเช้า ทีมงานแยกกันกลับหมดแล้ว อ๊อด กฤตเมธและสดายุจึงค่อยออกมาหาข้าวต้มยามเช้าทานกันก่อนแยกกันไปพักผ่อน โดยที่อ๊อดขออาศัยรถของกฤตเมธมาด้วยแล้วจอดรถตัวเองทิ้งเอาไว้ที่โรงแรมที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ (เพราะเดี๋ยวก็ต้องมาอีกเลยขี้เกียจเอารถกลับ)

"ร้านนี้เด็ดมากเลยนะ พี่ขอแนะนำเลย"

อ๊อดเปรยพลางซดน้ำข้าวต้มซรวบๆ ในขณะที่กฤตเมธและสดายุได้แต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยค่อนข้างกังวลกับเรื่องที่กฤตเมธชวนมาคุยไกลผู้ไกลคนถึงร้านข้าวต้มเพิงหมาแหงนริมแม่น้ำ

"พี่อ๊อด...เรื่องอะไรเหรอครับที่พี่อยากจะคุยกับพวกเรา?"

เกือบจะเจ็ดโมงเช้าเข้าไปแล้วที่อ๊อดเอ้อระเหยลอยชายไม่ยอมเอ่ยปากเสียทีว่าจริงๆแล้วเรื่องอะไรกันแน่ที่ทำให้ผู้กำกับหนุ่มถึงกับต้องลากสังขารสภาพตาแทบปิดมาที่ร้านข้าวแทนที่จะบึ่งกลับไปหลับนอนพักผ่อนเหมือนดังปกติ อาการแบบนั้นของผู้กำกับหนุ่มยิ่งทำให้สดายุและกฤตเมธอึดอัด จนในที่สุดสดายุก็ทนไม่ไหว

"...รีบเหรอ? กินข้าวต้มก่อนสิ เดี๋ยวเย็นหมดนะยุ"

แทนที่จะตอบ อ๊อดกลับปรายยิ้มน้อยๆแล้วคะยั้นคะยอให้สดายุกินข้าวต้มก่อนจะเย็นแทน เล่นเอาสดายุกับกฤตเมธถึงกับต้องหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

'อะไรของเฮียแกวะ!?'

"เรื่องที่พี่อยากคุยเนี่ย...หมายถึงเรื่องที่ผมกับยุอยู่ด้วยกัน...สินะครับ..."

ด้วยเพราะทนความยืดยาดของอ๊อดไม่ไหว ในที่สุดกฤตเมธเลยต้องเป็นฝ่ายโพล่งออกมาเอง ช้อนข้าวต้มในมือของอ๊อดหยุดชะงักก่อนเข้าปากเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยๆลดระดับลงสู่ชามข้าวคนอยู่ในนั้นสักพักช้นคันนั้นก็ถูกวางลงข้างชามอย่างสมบูรณ์

ภาวะตึงเครียดแผ่ปกคลุมทั้งโต๊ะทันทีที่ช้อนคันนั้นวางนิ่งสนิท

"...เฮ้อ...ความจริงแล้วพี่ก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ เรื่องที่ใครจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยกันเทือกนั้นน่ะ...เพียงแต่..."

'แปะ'

เศษกระดาษที่พับเป็นสี่ทบถูกวางลงกลางโต๊ะ สภาพคล้ายกระดาษนิตยาสารสีสันฉูดฉาด เพียงแค่ได้เห็นสดายุก็หัวใจสั่นวูบ หากจะมีปัญหากับตัวเขาเองนั้นเขาไม่ได้กลัว แต่หากกฤตเมธจะโดนไปด้วยเขารับไม่ได้ สาดยุรีบเอื้อมมือไปคว้าแต่ช้ากว่ากฤตเมธนิดเดียว พระเอกหนุ่มคว้าไปคลี่อ่านพร้อมใบหน้าถมึงทึงเป็นที่เรียบร้อย

'ช็อค! พระเอกรุ่นใหญ่แอบแซ่บประตูหลังนายเอกหนังเกย์ถึงคอนโดฯ'

'พระเอกรุ่นใหญ่ฉายาพ่อเทพบุตรแห่งวงการ ตกสวรรค์โครมเบ้อเร่อเมื่อเจอถ้ำคูหาสวาทเข้าจังๆเล่นเอาโงหัวไม่ขึ้น น่าตกใจยิ่งกว่าที่เจ้าของคูหาหาใช่ชะนีที่ไหน แต่เป็นหนุ่มน้อยหน้าแฉล้มคาสโนวาเก่าที่ทิ้งลายลอกคราบมาศิโรราบของใหญ่ ไม่เห็นกับตาคงไม่กล้าเม้าท์ นี่ไม่รู้ว่าจะฟันธงว่าได้เสีย หรือแค่แอบแซ่บข้ามคืนปั่นกระแสจิ้นรักโปรโมตหนังใหม่กันแน่...'

อ่านจบเพียงแค่นั้นกฤตเมธก็ขยำกระดาษในมืออย่างแรงราวกับจะให้มันยุ่ยสลายไปเสียเดี๋ยวนั้น เขารู้ดีตั้งแต่ต้นว่ามันเสี่ยงไม่น้อยที่เขาไปอยู่ที่คอนโดด้วยกันกับสดายุ แต่เพราะเห็นว่าการถ่ายทำค่อนข้างหนัก เวลาพักผ่อนก็น้อยมาก การค้างอยู่ด้วยเลยจึงเป็นเรื่องที่เขาคิดว่ามันน่าจะสะดวกกว่า รู้ว่าเสี่ยงดังนั้นเขาจึงระแวดระวังอยู่ตลอด ไม่เคยทำประเจิดประเจ้อที่ไหนเลย ทั้งๆที่ทำถึงขนาดนั้นแต่สุดท้ายก็โดนเล่นงานเข้าจนได้ ลำพังเรื่องของเขาน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่สดายุนี่สิเขาไม่อยากให้มีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนทั้งนั้น ยิ่งคิดยิ่งแค้นจนต้องกัดกรามกรอด

"ขอผมดูหน่อย"

"...ยุ..."

สดายุเอื้อมมือไปแตะมือข้างที่กำเศษกระดาษไว้แน่นของกฤตเมธเบาๆ พลางเอ่ยปากขอดูด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราบเรียบจนกฤตเมธยังอดห่วงไม่ได้

"ไม่เป็นไร ขอผมดูหน่อย"

แม้กฤตเมธจะส่งสายตาห้ามปรามด้วยความห่วงกังวล แต่สดายุยังคงแย้มยิ้มส่งให้นัยความหมายว่า 'ไม่เป็นไร' ก่อนจะค่อยๆดึงกระดาษยับยู่ยี่แผ่นนั้นออกจากมือของกฤตเมธ แล้วคลี่ออกดูอย่างตั้งใจ

ภาพแรกที่เห็นทำหัวใจสดายุวูบไหวไม่น้อย รูปด้านหลังของผู้ชายสองคนเดินเคียงคู่กันบรรยากาศในรูปสลัวๆมีแสงไฟนีออนสาดส่องเล็กน้อย...คงโดนแอบถ่ายตรงทางออกลานจอดรถ ตัวรูปเองก็ไม่ได้ชัดคงเพราะถูกถ่ายมาจากระยะไกล แต่ประเด็นหลักของรูปเลยคงเป็นมือของชายที่ตัวสูงกว่านั้นกำลังจับท้ายทอยของคนที่เตี้ยกว่าอย่างสนิทสนม พร้อมโดน้มหน้าเข้าใกล้เล็กน้อยราวกับกำลังกระซิบกระซาบบางอย่าง รูปนี้เขารู้ดีว่ามันคืออะไร รู้ดีมากโดยเฉพาะเรื่องที่ผู้ชายสองคนในรูปคุยกัน เพราะมันคือเข้าเองและรูปนี้เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆเมื่อวานซืนหลังถ่ายหนังเสร็จตอนตีสามนั่นเอง 

ดึกขนาดนั้นเขาคิดว่าคงไม่มีใครเห็น

ดึกสงัดขนาดนั้น...เขาเลยคิดว่าไม่เป็นไร

...พลาดไปจนได้...สินะ

"ยุ...ผมขอโทษนะ"

"............??"

ระหว่างที่สดายุยังคงจ่อมจมตัวเองอยู่กับภาพตรงหน้า กฤตเมธก็ขอโทษออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยไม่น้อย พระเอกหนุ่มรู้สึกผิดจริงจังกับเรื่องที่เกิดขึ้น กฤตเมธโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องทั้งหมด เพราะเขาไม่ระวังตัว เพราะเขาเอาแต่ใจ เลยพาลทำให้สดายุติดร่างแหไปด้วย กฤตเมธรู้สึกผิดมากมายจนลมหายใจแทบสะดุดห้วง

"...ผมขอโทษจริงๆนะ ที่ทำให้คุณเดือดร้อนไปด้วย เรื่องนี้ผมจะรับผิดชอบเอง"

กฤตเมธกล่าวย้ำแน่นหนัก ก่อนพยายามคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา ใบหน้านิ่วคิ้วขมวดปมใหญ่เรียกรอยยิ้มของสดายุมากกว่าอาการเครียดขึง มือเรียวเอื้อมจับอีกมือเย็นชืดที่กำลังกำหมัดแน่น พลางปลอบประโลมด้วยเสียงแหบเสน่ห์ประจำตัว

"...ผมไม่เป็นไรครับคุณเมธ คุณอย่าโทษตัวเองสิ"

"แต่ว่า..."

"ฮื่อ อย่าดื้อ...ผมบอกว่าไม่เป็นไร ก็คือไม่เป็นไร ข่าวลือมีชีวิตอยู่ได้แค่ 49 วัน เดี๋ยวมันก็ตายไปเองแหละ คุณอย่าไปเครียดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนี่เลยนะ"

แม้สดายุจะพูดแบบนั้น แม้สดายุจะยิ้มแบบนั้น แต่กฤตเมธรู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่สดายุจะไม่ใส่ใจ ไม่มีทางที่เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่สดายุไม่คิดมาก ไม่มีทางที่คนอย่างสดายุ...จะไม่หนักใจ หากเรื่องนี้มีผลกระทบถึงเขาคนนี้ด้วย...

"ข่าวแค่นี้ผมไม่คิดมากหรอกครับ...แต่ผมเป็นห่วงคุณมากกว่า..."

กฤตเมธกล่าวย้ำแน่นหนัก สายตาที่จ้องมองมายังสดายุฉายแววห่วงใยมากล้น กฤตเมธไท่สนใจหากตัวเขาจะมีปัญหา แต่หากสดายุที่จะต้องกลับเข้าวงการให้ได้ในงานภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องมีข่าวเสียหายขึ้นมาเสียก่อนล่ะก็ เรื่องราวมมันจะยิ่งไปกันใหญ่ กฤตเมธเป็นห่วงเรื่องนี้เหลือเกิน
"ผมไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่มีอะไรจะเสียซะหน่อย คุณต่างหากที่น่าจะมีปัญหามากกว่า..."

"โถ่...ยุ..."

"อะแฮ่ม..."

เสียงกระแอมขัดลำกล้องดังขึ้นเรียกสติของสองหนุ่มเมธยุที่กำลังห่วงกังวลเรื่องของอีกฝ่ายจนลืมไปเลยว่ายังมีอีกหน่อนี่งร่วมวงอยู่ด้วย และเมื่อหันกลับมามองก็เจอเข้ากับอ๊อดที่นั่งปั้นหน้าเซ็งสนิท ประมาณว่าเลี่ยนเหลือทนแล้วกับฉากหวานน้ำตาลกัดตาของสดายุและกฤจเมธ

"ความจริงแล้วข่าวนี้เนี่ยจะตีพิมพ์เป็นของวันนี้...แต่...มันโดนระงับเอาไว้เรียบร้อยแล้ว"

"ว่าไงนะครับ? ระงับ?"

คำเฉลยที่ออกจากปากของอ๊อดทำเอากฤตเมธและสดายุถึงกับตาโตเป็นไข่ห่าน เพราะข่าวเน่าของดารานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะขอระงับได้ง่ายๆ นอกเสียจากว่าผู้ที่ทำนั้นจะมากไปด้วยอำนาจอย่างแท้จริง

"ใช่ ระงับเรียบร้อย ข่าวนี้จะเงียบกริบราวกับไม่เคยเกิดขึ้น"

"คุณ...เสน่จันทร์สินะครับ"

"หึหึ...แหงล่ะ ถ้าไม่ใช่ระดับนาง แล้วใครล่ะจะทำให้มันเงียบได้..." 

คำว่าคุณเสน่ห์จันทร์มีความหมายเท่ากับเจ้าแม่แห่งวงการบันเทิง ทั้งในส่วนของบริษัทจัดสร้างภาพยนตร์ อีเวนท์และในส่วนของการดูแลจัดการเหล่าดาราต่างๆแล้ว อำนาจของเสน่ห์จันทร์ยังมีอิทธิพลมากในส่วนของนิตยาสารบันเทิงโดยเฉพาะในส่วนของข่าวคาวของดาราอีกด้วย จะเกิดหรือจะดับ ส่วนหนึ่งก็อยู่ที่เสน่ห์จันทร์นี่แหละที่เป็นผู้ตัดสิน 

"...ผม...ติดหนี้บุญคุณคุณเสน่ห์จันทร์อีกแล้ว..."

กฤตเมธเปรยขึ้นเมื่อได้รู้ว่าได้รับการช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ที่ตนเคารพ เสน่ห์จันทร์ในความหมายของคนอื่นอาจเป็นเจ้าแม่คือผู้ยิ่งใหญ่ทรงอำนาจน่าเกรงขาม แต่เสน่ห์จันทร์ในความหมายของกฤตเมธคือผู้มีพระคุณที่ฟูมฟักเขามาตั้งแต่เข้าวงการ คอยให้ความช่วยเหลือและคอยปูทางให้เขาได้เดินจนปีกกล้าขาแข็งได้ถึงตอนนี้ และเพราะเสน่ห์จันทร์ของกฤตเมธหมายถึงผู้มีพระคุณที่เขาจะต้องทดแทนให้ได้ดังนั้นกฤตเมธจึงทำตัวดีเสมอมาไม่สร้างข่าวไม่ทำตัวร้ายจนเป็นเรื่องราวให้เสน่ห์จันทร์เดือดร้อน ทว่า...ในที่สุดก็เกิดเรื่องนี้ขึ้นจนได้ 

...จะโทษใครได้ นอกจากความชะล่าใจของตัวเอง

“ไม่ต้องซึมไปหรอกไอ้สองเสือ ไหนๆเรื่องมันก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่กลัวแล้ว ก็สบายใจกันได้แล้วล่ะ ส่วนที่พี่เรียกนายสองคนมาคุยเนี่ย ก็แค่จะได้รู้และระมัดระวังตัวมากขึ้น ปาปาราสซี่บ้านเราหูตามันอย่างกับสัปรด ไม่ได้จะให้พวกนายเลิกคบเลิกติดต่อกันหรอก อย่าคิดในแง่ลบนักล่ะ”

“ขอบคุณครับพี่อ๊อด”

อย่างที่พูดออกไปตรงๆทุกอย่าง เพราะอ๊อดไม่ใช่คนเสแสร้งหรืออ้อมค้อม เป็นคนจริงใจที่น่านับถือคนหนึ่งซึ่งหาได้ยากในวงการมายา กฤตเมธและสดายุเข้าใจในจุดนี้ดี และพร้อมน้อมรับคำตักเตือนของพี่ชายคนดีอย่างไม่มีขัดขืน หรืออคติใดๆ

...จริงอย่างที่อ๊อดว่าทุกประการ เพราะตอนแรกคิดกันง่ายๆว่าคอนโดของสดายุคงไกลหูไกลตานักข่าว จึงเผลอได้ใจไปบ้าง แต่จากนี้ไปพวกเขาต้องระวังตัวกันมากขึ้นเป็นสองเท่าแล้วจริงๆ ไม่เช่นนั้น อีกฝ่ายที่ตัวเองรัก อาจต้องเดือดร้อนไปด้วย และพวกเขาจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นอย่างเด็ดขาด...

*
*
*
*
*

หลังจากแยกจากอ๊อดแล้ว แปดโมงเช้าสดายุและกฤตเมธก็กลับถึงคอนโดกัน จอดรถในที่จอดของอีกฝั่งตึกของคอนโด เพื่อให้ไกลจากจุดเกิดเหตุเดิมมากให้ที่สุด เลือกที่จะใช้ลิฟท์ของตึกฝั่งตรงข้ามแล้วเดินผ่านทางเชื่อมลับตา สดายุขึ้นลิฟท์มาจนถึงโถงห้องของตัวเอง ส่วนกฤตเมธออกจากลิฟท์คนละตัวคนละชั้น แล้วตามขึ้นมาด้วยบันไดหนีไฟ ที่ต้องลำบากขนาดนี้ เพราะต่างก็รู้ดีว่า หากข่าวที่รูปเบลอๆนั่นไม่ได้ตีพิมพ์ แน่นอนว่าจำนวนปาปาราสซี่ที่ชอบท้าทายและต้องการช็อตเด็ดย่อมแห่กันมามากขึ้นหากไม่ระวังตัวแจแบบนี้ล่ะก็ ต้องโดนเข้าสักวันอีกแน่

...ความเป็นส่วนตัวถูกลิดรอนลงไปทุกวันแลกกับชื่อเสียงหน้าตา ถึงไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น แต่ในเมื่อเป็นพวกเขาเองที่เลือกจะเดินเส้นทางนี้ เลือกที่จะเป็นบุคคลสาธารณะ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องแลก...

“ยุ...”

“หืม?”

‘หมับ!’

ทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องมาเห็นสดายุที่กำลังจัดแจงแขวนเสื้อเจ็คเก็ตตัวเก่งอยู่ กฤตเมธก็ถลาเข้ามากอดจากด้านหลังไว้ทันที เล่นเอาสดายุถึงกับขมวดคิ้วงง เพราะอ้อมกอดของกฤตเมธนั้นต่างออกไปจากปกติมาก

“ยุ...ผมขอโทษนะ...”

“............คุณเมธ?...”

“ขอโทษที่เกือบทำให้คุณต้องเดือดร้อนเพราะความสะเพร่าของผม...ผมขอโทษจริงๆ”


*********************************************

เอาครึ่งแรกไปก่อนนะจ๊ะ
ช่วงนี้งานยุ่งเหลือเกินจนไม่มีเวลาให้น้องยุพี่เมธเลย...
:ling3:
อีกครึ่งหลัง เก๊าจะรีบมาภายในอาทิตย์หน้าให้ได้จ๊ะ

ขอโทษที่ต้องให้รอนานนะคะ
อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 27-03-2014 21:25:10
ไอ่พวกปาปารัสซี่ นี่มันริดรอดสิทธิคนอื่นจริงๆๆ
กระหายแต่ที่จะได้ข่าว ไม่คิดเลยว่ามันจะทำให้ใครเค้าต้องเดือดร้อนบ้างงงง  :z6:

ยุกับเมธคงไม่โชคดีไปแบบนี้ทุกครั้ง  หลังจากนี้อาจจะได้เจอกันแต่ที่กองหรือเปล่า
ฮรือออออออออออ เอาใจช่วยๆๆๆ  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-03-2014 21:33:37
ใครมาแอบส่องน้องยุเนี่ย ร้ายจริง ๆ จะให้หวานกันบ้างไม่ได้เลย
 :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 27-03-2014 21:35:49
อย่าโทษตัวเองกันเลยนะ หาทางแก้ปัญหาดีกว่า
สงสารทั้งคู่เลย กำลังจะไปได้ดีแล้วแท้ๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 27-03-2014 21:37:11
เอาใจช่วยเมธกับน้องยุ

กลัวใจน้องยุเหลือเกิน

พอเจอข่าวแบบนี้แล้ว

 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 27-03-2014 21:42:35
ชีวิตรักรันทดมาก  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 27-03-2014 21:51:53
กลัวอ่ะ ฮึก ฮึก :m15: :m15: :monkeysad: :sad11:

สงสารสดายุ แต่เราเชื่อมั่นในตัวเมธนะ
 :o12: ต้องช่วยน้องยุได้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 27-03-2014 21:54:42
ต่างฝ่ายต่างไม่อยากให้เดือดร้อน นี่คือรักสินะ

แต่ก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไร อยากให้ปรึกษากันก่อนจัง กลัวใจน้องยุจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 27-03-2014 21:57:56
โฮ.....ไม่นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 27-03-2014 22:12:51
โธ่ๆๆๆๆหวานกันได้แป๊บเดียวเข้สโหมดหน่วงอีกแระ น้องยุกตาเฒ่าสู้ๆนะ อย่าให้อะไรมาสั่นครอนความรักนะ  :L1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 27-03-2014 22:15:41
 :katai1: ชีวิตช่างดราม่า !!!

รอครึ่งหลังค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 27-03-2014 22:26:37
มาม่าชามโตมาแล้วววว  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: IIIA ที่ 27-03-2014 22:34:53
อยู่ที่สว่างก็ลำบากแบบนี้แหละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-03-2014 22:55:14
เฮ้อ เกือบไปแล้ว จากนี้ไปชีวิตจะไ่ง่ายแล้ว
ปาปารัซซี่น่ากลัวเกิ๊น

สู้ๆนะยุนะเมธ :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 27-03-2014 23:07:21
โอ๊ยๆ เริ่มต้มมาม่าแล้วหรอเนี่ย  :ling3:
รออีกครึ่งจ้า มาต่อเร็วๆนะมันค้างงงงงงงงงงอ่ะ :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 27-03-2014 23:35:16
อิ่มแล้ว ไม่อยากกินมาม่านะ

อย่าหายไปนานนะจ๊ะ เข้ามารอทุกวัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 27-03-2014 23:35:24
กรี๊ดดดดด!!! รอคอยมาอย่างยาวนานเจ้าค่ะ

เป็นห่วงนะจ๊ะพี่เมธ-น้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 27-03-2014 23:44:37
เรื่องนี้ต้องโทษปาปารัซซี่สินะ *อะเฮื่ออออ*  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-03-2014 03:11:41
คุณเมธทำขนาดนี้ถ้าเราเป็นยุคือโกรธไม่ลง5555555555555555
วงการก็อย่างงี้แหละ สงสารคู่นี้จังเหมือนหลบๆซ่อนๆเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 28-03-2014 05:21:21
งื้ออออ
กำลังไปได้สวยแท้ๆ
ไม่เอามาม่านะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 28-03-2014 05:43:15
ไปแอบถ่ายได้ตอนไหนเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: goosongta ที่ 28-03-2014 06:08:56
ก็เปิดตัวไปเลยว่าคบกัน คนที่เข้าใจก็ยังมีอีกเยอะ ไม่ต้องแอบให้เครียด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 28-03-2014 08:37:48
ใครมันมาแอบถ่าย อย่าให้รู้น่ะ  :fire:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 28-03-2014 08:43:37
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:

ลำบากจังงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  สงสาร ยุเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 28-03-2014 09:05:57
อุปสรรคขวางทางรักอีกเรื่องแล้ว ยุผ่านมันไปให้ได้นะคะ แบบชิงเปิดตัวเลยว่าคบกันอยุ่  :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 28-03-2014 09:27:31
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอแค่อยากปล่อยมือกันก็พอ นะๆๆๆๆๆ
  :mew2:
โอ๊ะ!!! มือเผลอไปปัดชามมาม่าคว่ำ ฮ่าาาาาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 28-03-2014 09:59:57
อย่าคิดมาก ตอนนี้ก็ระวังตัวมากขึ้นละกันนะ

กลัวใจของ ยุ จริงๆให้ตายเถอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: mp2 ที่ 28-03-2014 15:08:40
โฮ ต้องเตรียมต้มน้ำรอกันเลยสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 28-03-2014 16:24:38
จริงๆคนที่จะลำบากคือเทพบุตรนะเราว่า
ยุคิดมากแน่ๆ ทำเมธประวัติเสีย 
ยุอย่าถอยนะ
อย่าทิ้งความรักของตัวเองนะ  ได้โปรดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 28-03-2014 19:34:02
สมชื่่อปาปาราชซี่ ยิ่งปกปิดก็ยิ่งมีคนรู้
น้องยุก็คิดมากเหมือนเดิม
ต่างคนก็ต่างห่วงใยกัน ไม่อยากให้เกิดเรื่องเสียหาย
รักกันขนาดนี้ เปิดตัวให้โลกรู้ไปเลยว่าคบกัน 555555
เอาให้พวกปาปาฯ เงิบกันไปเลย เชื่่อเหอะ สาววายให้กายสนับสนุนเพียบ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: anukul ที่ 28-03-2014 19:43:06
ให้กำลังใจคนแต่งครับผม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: akiko ที่ 28-03-2014 20:01:49
เริ่มแกะซองมาม่าแล้ว  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 28-03-2014 20:42:40
ดราม่ากำลังมาแล้วใช่มั้ย เตรียมใจรอล่วงหน้า
พี่เมธน้องยุ ขออย่าให้มีอะไรรุนแรงเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 28-03-2014 21:59:56
แถลงข่าวเปิดตัวไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 28-03-2014 23:34:09
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 28-03-2014 23:35:10
ชีวิตอันแสนสงบสุขกำลังจะหายไปสินะ   :o7:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 28-03-2014 23:53:31
งื้ออยากให้แถลงข่าวไปเลยแอบสงสารจัง
แล้วอย่างงี้จะเจอกันบ่อยขึ้นไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 03-04-2014 16:38:07
อยากไปโดดงับคอปาปารัสซี่  ชิส์  รู้ไหมกว่าจะหวานได้ขนาดนี้

อ้าย เค้าลางมาม่ามาแต่ไกลลลล    กลัวแล้ววว 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-04-2014 18:57:57
ม่ายยย :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 09-04-2014 03:22:12
แถลงข่าวไปเลย รีบๆมาต้่อน่ะจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 09-04-2014 10:14:36
ขอไปจบเรื่อง "สุดปลายทางของหัวใจ" ก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวจิรีบมาต่อจ๊ะ

ต้องขอโทษท่านผู้อ่านหลายท่านจริงๆที่นอกจากจะต้องรอนานแล้ว...
ยังต้องสารภาพตรงๆว่า...

แค่โดนปาปาราสซี่ถ่ายภาพนั้น...ยังไม่ใช่มาม่าของเรื่องค่ะ
อันนี้เขาเรียกเพิ่งจะต้มน้ำเท่านั้น...

รอน้ำเดือดไปพลางนะคะ จากนั้นก็แกะห่อ...ใส่เครื่องปรุง...หุหุ รสต้มยำน้ำข้นคลั่กซะด้วย...

เอาเป็นว่า จบตอนสุุดท้ายของเรื่อง สุดปลายทางฯ ปุ๊บ จะรีบมาลงปั๊บเลยค่ะ

ขอบคุณที่รอนะคะ
Thearboo / อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 09-04-2014 11:56:33
 :katai1: ดราม่าใช่ไหม จะมาแล้วใช่ไหม จะได้เตรียมผ้าเช็ดหน้า  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 12-04-2014 14:18:34
โอย เตรียมปวดตับรอเลยเนี่ย  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 15-04-2014 22:22:45
นานจังน้ออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-04-2014 08:11:12
เครื่องเคียงพร้อม จัดมา !!!

เอาแบบน้ำใสนะ มาม่าน้ำข้นไม่ไหว =_=
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งแรก) 27/03/14 (P.68)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 16-04-2014 20:50:40
ได้กลิ่นมาม่ามาแต่ไกล 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 22-04-2014 02:01:23
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 24 หลุด (ครึ่งหลัง)





“ยุ...ผมขอโทษนะ...”

“............คุณเมธ?...”

“ขอโทษที่เกือบทำให้คุณต้องเดือดร้อนเพราะความสะเพร่าของผม...ผมขอโทษจริงๆ”

น้ำเสียงของกฤตเมธฟังดูเศร้าสร้อย โดยเฉพาะกระแสความกังวลที่หลั่งไหลพรั่งพรูออกมาอย่างชัดเจน ชายหนุ่มกังวลกับเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย
กังวลว่าพวกเขาจะเดือดร้อนเพราะความไม่ระวังของเขา

กลัวว่าความรักจะสั่นคลอนหากเรื่องนี้เก็บกู้ไว้ไม่ทัน

และยิ่งกว่านั้น...กลัวเหลือเกินว่าจะเป็นต้นเหตุทำให้อนาคตของสดายุต้องมัวหมอง

"...เครียดมากหัวล้านเร็วนะ...ลุง..."

พอถูกกอดรัดเอาไว้ด้วยวงแขนสั่นสะท้านสดายุก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยความอุ่นอิ่มในหัวใจ เขาจะยังต้องสนใจอะไรอีกในเมื่อเขากำลัง 'ถูกรัก' ขนาดนี้ 

"ผมก็บอกคุณไปแล้วไง ว่าผมไม่เป็นไร ข่าวมันก็ถูกต้นสังกัดปิดเงียบไปแล้ว จากนี้เราก็แค่ต้องระวังตัวกันมากขึ้นแค่นั้นเอง...หึหึ เลิกกังวลได้แล้วนะครับคุณลุง...^^"

คำก็ลุง สองคำก็ลุง แถมยังมีหัวเราะตบท้ายพร้อมกับศีรษะหนักๆที่เอนซบตามลงมาของคนในอ้อมกอดทำให้กฤตเมธสัมผัสได้ว่าสดายุนั้นผ่อนคลายกว่าที่ตัวเองคิดไว้ จนรู้สึกอยากเห็นเหลือเกินว่าคนรักของตนกำลังทำหน้ายังไงอยู่ในตอนนี้ สองมือเกร่งคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนมาประคองเอวบางจับหมุนมาเผชิญหน้า ทว่าทันทีที่สดายุหันกลับมาชายหนุ่มก็มุดเข้ากอดกฤตเมธแน่นปั่กทักที แน่นจนแทบได้ยินเสียงกระดูกลั่น...

"...แน่น...แน่นไปแล้วยุ..."

แม้กฤตเมธจะโอดครวญแต่สดายุยังคงกอดรัดและซุกหน้าอยู่ตรงบ่ากว้างของกฤตเมธอยู่อย่างนั้นไม่ยอมขยับเขยื้อน

"...หายใจจะไม่ออกแล้วนะ...ครับ...อะ....เฮ้อออออ..."

ในที่สุดแรงรักรัดแรงของสดายุก็คลายลง กฤตเมธถึงกับถอนหายใจโล่ง ฝ่ายสดายุหลังจากปล่อยตัวกฤตเมธแล้ว ชายหนุ่มก็ถอยไกลออกจากร่างคนรักสองสามก้าวแต่ยังคงใช้มือจับมือของกฤตเมธไว้ ใบหน้าพราวไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาเต็มไปด้วยความหนักแน่น จริงจัง

"ผมไม่ล้มง่ายๆกับเรื่องแค่นี้หรอกนะ"

"...ยุ..."

"ผมไม่ได้อ่อนต่อโลกขนาดนั้น...คุณก็รู้..."

ราวกับกำลังจะเอ่ยเรื่องที่แสนสำคัญ สดายุกระชับมือของตนเข้ากับมือของกฤตเมธแน่นขึ้น จ้องมองใบหน้าของคนตัวสูงกว่าด้วยสายตาที่แน่วแน่ กฤตเมธเองก็เงียบฟังอย่างตั้งใจ ไม่คิดขัดด้วยรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายจะพูดนั้นคงเป็นถ้อยคำที่สำคัญ

"ผมผ่านอะไรมาเยอะทั้งดีและร้าย ทั้งที่คุณรู้และไม่รู้ สโตกเกอร์ ปาปาราสซี่ ผมชินกับพวกนี้จะแย่ โดนมายิ่งกว่านี้ผมยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันครับ ผมไม่เป็นไรหรอก...นะ"

"...แต่...มันไม่ได้เหมือนกันนะยุ ตอนนั้น...กับตอนนี้..."

กฤตเมธพยายามเถียง เขาไม่อยากให้สดายุคิดว่าตัวเองยังคงเป็นคนเดิมที่ชอบทำร้ายตัวเองอย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเหมือนวันวาน เพราะสดายุเปลี่ยนไปมากแล้ว โตขึ้น รู้จักคิดถึงส่วนตัวส่วนรวมมากขึ้นแล้ว เป็นคนที่ดีเกินกว่าจะยินยอมให้แปดเปื้อนสิ่งใดอีก

"เหมือนครับ...เหมือนกัน แม้เราจะเก็นแตกต่าง แต่คนอื่น...ไม่ว่ายังไงผมก็ยังเหมือนเดิม "

"เราเปลี่ยนได้ยุ หลังหนังเรื่องนี้ของเราออกฉาย หลังยุได้กลับเข้าวงการอีกครั้ง ทุกคนจะต้องมองยุใหม่ ผมรับรอง หรือต่อให้ใครจะไม่ยอมรับ ผมจะเป็นคนปกป้องคุณเอง..."

กฤตเมธมองหน้าสดายุอย่างแน่วแน่ สวมกอดคนตรงหน้าอีกครั้งเป็นการปลอบโยนแล้วกล่าวคำปฎิญาณสัญญาว่าจะปกปักป้องภัยให้ เขารู้ว่าความรู้สึกของเขาส่งไปถึงสดายุอย่างแน่นอน ทว่า...มันยังไม่สามารถละลายเกล็ดน้ำแข็งที่ได้ชื่อว่า 'อดีต' ของสดายุลงได้เลย กฤตเมธรู้สึกถึงข้อนี้ได้มาพักใหญ่ๆแล้วว่า

ถึงสดายุจะยอมรับในตัวเขา ยอมให้เขาเข้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่...ก็ไม่ได้ยินยอมให้เขาเข้าไปบำรุงรักษาส่วนลึกของหัวใจที่ด้านช้าราวกับหลุมน้ำแข็งดำมืดของตนเลยแม้แต่นิดเดียว

กฤตเมธจึงได้แต่คาดหวัง ว่าหากเขามอบความรักที่ไม่สิ้นสุดนี้ให้สดายุต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยในสักวันหลุมน้อแข็งนั้นอาจตื้นเขินขึ้น...และ...อบอุ่นขึ้นเสียที

"...ขอบคุณครับ..."

สดายุเอ่ยขอบคุณพร้อมกอดตอบกฤตเมธ ซุกหน้ากับไหล่หนาแล้วหลับตาลงเพื่อซึมซาบความอบอุ่นที่หลั่งไหลมาให้อย่างไม่ขาดสาย มีความสุขเหลือเกินที่ได้รับความรักมากมายจากกฤตเมธ คิดไม่ผิดเลยที่ลองเปิดใจรับรัก แม้อาจเป็นแค่เวลาช่วงสั้นๆ หรืออาจเป็นแค่ฝันหนึ่งตื่นสดายุก็คิดว่ามันคุ้มค่าเพียงพอแล้ว

ไม่ได้อยากตีจาก แต่หากวันใดที่เขาพลาดจนเผลอกลายเป็นเพียงแค่โคลนจนทำให้กฤตเมธต้องมาเปรอะเปื้อนไปด้วยเมื่อไหร่ เขาจะรีบจากไปทันที เขาจะไม่มีวันดึงผู้ชายที่แสนดีคนนี้ลงมาคลุกฝุ่นกับเขาอย่างเด็ดขาด...

ให้ตายก็ไม่มีวัน...

อ้อมกอดยังคงอุ่น กฤตเมธจุมพิตซ้ำๆลงบนขมับขาวของสดายุอย่างต่อเนื่อง

ถึงเวลาแล้ว'  ความคิดที่พวกเขาไม่อยากจะยอมรับ แต่ทว่าในที่สุดมันกลับมีอำนาจเหนือเขาทั้งคู่จนได้ หากการอยู่ด้วยกันจะเป็นการฉุดรั้งให้อีกฝ่ายจมปลักโคลนไปพร้อมกันล่ะก็ สู้ปล่อยมือแล้วเดินข้างกันไป เพื่อคอยจดจ้องคอยปกป้องอยู่ห่างๆอาจเป็นการดีที่สุด

"ยุ...พรุ่งนี้...หลังถ่ายทำเสร็จ ผมคงกลับบ้านนะ"

"..............."

"มันอาจเป็นสิ่งเดียวที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้...แต่ไม่ต้องห่วงนะ ผมจะมารับมาส่งคุณเหมือนเดิม และโทรหาคุณทุกวัน...ทุกครั้งที่มีโอกาสก็จะมากินข้าวด้วย..."

"...หึหึ...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ครับ..."

"ความจริงแล้ว...พอหลังจากหนังเรื่องนี้ออกฉาย...ผมคิดว่าจะแถลงข่าว"

"......?? คุณ...ว่าไงนะ? ถ...แถลงข่าว? เรื่องอะไร!!?..."

จบคำกฤตเมธสดายุก็ผวาออกจากอ้อมกอดแกร่งทันที เพราะคำว่าแถลงข่าวนั้นได้สร้างความงุนงงให้สดายุไม่น้อย ความจริงแล้วสดายุเข้าใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าแถลงข่าวของกฤตเมธนั้นหมายความว่าอย่างไร แต่เขาไม่เข้าใจว่ากฤตเมธคิดอะไรอยู่!!

“แถลงข่าว...เรื่องที่เราคบกันอยู่”

“จะบ้าเหรอคุณเมธ!!? ทำแบบนั้นได้จบไม่สวยทั้งคู่แน่ คุณยังเป็นพระเอกขายดีอยู่นะ ขืนโพล่งแถลงข่าวคบผู้ชายออกไป ได้ตายไม่ฟื้นแน่!!”

“ผมไม่แคร์หรอก ทันทีที่แถลงข่าวเสร็จ ผมก็จะประกาศออกจากวงการทันทีเหมือนกัน ถ้าที่นี่มันอยู่ยากนักผมก็จะพาคุณไปอยู่ที่อื่น”

“...เมธ...คุณ...”

คำพูดทุกคำของกฤตเมธทำเอาสดายุพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าแสดงความตื่นตระหนกชัดเจนนั้นเรียกรอยยิ้มของกฤตเมธไม่น้อย ชายหนุ่มบรรจงเกลี่ยปลายนิ้วไปบนแก้มใส พลางถอยหายใจแผ่ว

“...ถ้าทำได้ ผมอยากรีบทำเดี๋ยวนี้เลย จริงๆนะ”

“...มัน...ไม่มีทางจะง่ายขนาดนั้นหรอกคุณเมธ”

“…ผมก็แค่…อยากอยู่กับคุณ”

“ผมรู้…แต่ผม…ไม่ได้อยากทำลายคุณ…”

“หึหึ…ขอบคุณนะยุ ที่ห่วงผม…เฮ้อ…ผมเองก็ไม่ได้ต้องการทำลายคุณเหมือนกัน”

“…………….”

“อย่าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อย่างนั้นสิครับยุ…เรื่องแถลงข่าวน่ะ ผมแค่ ‘คิด’ ไม่ได้จะทำจริงๆหรอก อย่างน้อยก็ตอนนี้ คนรับเคราะห์มันเยอะเกินไป หึหึ ถ้ามีแค่ผมนะ ผมคงไม่ลังเล…”

หมับ…

“………………”

สดายุผวาร่างเข้ากอดกฤตเมธไว้เต็มสองแขนตัวเองอีกครั้ง ซบใบหน้าลงกับบ่าแกร่ง หลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่มีความเขินอายต่อคนตรงหน้า วันนี้เขาอยากจะร้อง ไม่รู้ทำไมมันถึงตื้อไปหมด อยากร้อง…ราวกับว่าไม่ได้ร้องมานาน….

“ขอบคุณครับ เมธ ขอบคุณที่คุณ…รักผม…ขนาดละทิ้งตัวเอง…แต่ได้โปรดครับ ได้โปรดอย่าทำอย่างนั้น ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอก ถ้าคุยทำลายตัวเองเพื่อผม…ผมต้องรู้สึกผิดไปจนวันตาย…ได้โปรด…ถ้าผมต้องทนเห็นเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น สู้ผมไปจากโลกของคุณเสียยังดีกว่า…”

ได้ยินเสียงสั่นพร่าเอ่ยวาจาขอร้องอ้อนวอนไม่ให้เขาเสียสละแล้วหัวใจของกฤตเมธก็อดสั่นไหวไม่ได้ ดีใจและปลาบปลื้มไม่น้อยที่รู้ว่าอีกฝ่ายเองก็รู้สึกห่วงใยและรับรู้ถึงความรักที่เขามอบให้ ทว่าอีกใจก็โหวงหวิว เพราะคนที่เขารักดูท่าจะยังไม่ยอมวางใจในตัวเขา ผลึกน้ำแข็งแห่งอดีตยังคงห่อหุ้มจิตใจส่วนลึกของสดายุไว้อย่างแน่นหนา หนา…จนดูเหมือนว่าต่อให้เขาพยายามสักเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้

‘เมื่อไหร่นะ…หัวใจน้ำแข็งดวงนี้จะกลายเป็นของเขา’

“ยุครับ”

กฤตเมธผละจากอ้อมกอดของสดายุออกมาเล็กน้อย พร้อมตระกองใบหน้าเศร้าสร้อยขึ้น สบลึกเข้าไปในดวงตานั้นอย่างจริงจัง

‘เขาอยากละลายหัวใจนี้…’

“ผมสัญญาจะไม่ทำลายตัวเอง…แต่…ผมขออะไรแลกเปลี่ยนสักอย่างได้หรือเปล่า…”

“…อะไรเหรอครับ?...”

‘อยากเป็นเจ้าของ…’

“ในวันที่ยุพร้อมที่จะรับผมคนนี้เป็นคนรัก…พร้อมที่จะทำลายผม…ได้โปรดเรียกผมว่า ‘พี่เมธ’  ได้มั้ยครับ?...”

“…เอ่อ…”

“หึหึ…ไม่รีบครับ…ผมรอได้…”

‘อยากได้เหลือเกิน….’

“…………….”

“นานแค่ไหน…ผมก็จะรอ…”

จุ๊บ…

ไร้คำตอบใดๆจากสดายุ ชายหนุ่มเพียงแค่หลับตารับจูบแสนเศร้าจากกฤตเมธ จูบนั้นมันหวานลิ้นจนทรมาน ใช่ว่าสดายุจะไม่รักกฤตเมธ ใช่ว่าไม่วางใจในกฤตเมธ ตัวเขาเองต่างหากที่เขาไม่วางใจ ตัวเขาเองนี่แหละ ที่น่ากลัวที่สุด…

ชนักปักหลังเต็มไปหมดอย่างนี้ มีหรือที่เขาจะกล้ารับหัวใจของใครมาดูแล…

*
*
*
*
*

แค่ถูกเปิดโปงครั้งเดียวพวกเขาก็รู้สึกสั่นไหว แม้ว่าข่าวนั้นมันจะถูกปิดไป ก็ใช่ว่าจะสามารถปิดตาย เส้นด้ายที่ขึงตึงขึ้นทุกวินาทีไม่อาจทำให้พวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันได้อย่างสนิทใจ

เรื่องที่ถูกปิดเก็บไว้แล้วไม่ใช่ว่ามันจะจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก

*
*
*
*
*

เที่ยงแล้ว ร่างสองร่างยังคงกอดกันบนเตียงราวกับไม่อยากแยกจาก กายเปลือยเปล่าบดเบียดเสียดสีหาไออุ่นซึ่งกันและกันอย่างเร่าร้อน บทรักที่ผ่านมาตลอดตั้งแต่รุ่งเช้านั้นยังไม่จบ จนต้องสานต่อมาจนถึงตะวันตรงหัว ไม่ได้หื่นกระหายขนาดที่อยากมีเซ็กซ์กันไม่หยุด แต่เพราะมันโหยหาทุกครั้งที่ร่างกายห่างกัน สิ่งที่กระพือโหมไม่ใช่แค่ดำกฤษณาตัณหากำหนัด แต่มันอุดมไปด้วยเสน่หาอาวรณ์ในกันและกัน ยิ่งคิดว่ามันคือวันสุดท้ายที่จะได้นอนกอดกันมันยิ่งหยุดอารมณ์ไม่ได้ พวกเขาจูบกันราวกับไม่เคยจูบกันมาก่อน กอดกันราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะระเหิดระเหยหายไปต่อหน้า ร่วมรักกันราวกับจะไม่มีครั้งต่อไป ยิ่งถูกความกลัวในหัวใจกัดกร่อน พวกเขาก็ยิ่งโรมรันเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง อยากซึมซับกันทุกอณูขุมขน เพียงเพื่อจะได้จดจำกันและกันในยามห่าง…

จดจำว่าร่างกายนี้เป็นของใคร…

“เรายังนอนได้อีกกี่ชั่วโมง คุณเมธ…?”

เสียงงัวเงียของสดายุถามขึ้นหลังเสร็จศึกครั้งสุดท้าย

“สองชั่วโมงกว่าๆ เหลือเวลาให้อาบน้ำแต่งตัวยี่สิบนาที...และเดินทาง…ครึ่งชั่วโมง…”

คนตอบก็ตาปรือไม่ต่าง เพราะเสียพลังงานไปเยอะ

“…เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลย…เช้า…ก็ไม่ได้นอน…”

สดายุที่นอนคว่ำหน้าอยู่หันไปค้อนกฤตเมธเล็กๆ แต่ฝ่ายกฤตเมธก็ไม่ได้สลด เลิกคิ้วใส่เล็กน้อย ก่อนจะหลับตาลง ชิ่งหลับนำหน้า สร้างความหมั่นไส้ให้กับสดายุไม่น้อย

“ชิ…ไอ้แก่หื่น…”

จิกกัดเล็กๆแค่พอเป็นพิธีก่อนหลับตาลงหลับบ้าง

“…หึหึ…ช่วยไม่ได้ ก็เด็กมันยั่ว…”

“…………….”

เสียงตอบกลับมาค่อนข้างเบา แต่สดายุก็ได้ยินเต็มสองหู อยากถีบให้กลิ้งลงจากเตียงสักทีเหมือนกัน แต่ติดที่ว่าหมดแรงขยับตัวเลย เลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ทำได้แค่เปลี่ยนท่าเป็นนอนตะแคงหันหลังให้เพื่อบอกเป็นนัยๆว่า ‘รำคาญ…ออกไปให้ไกลเลย!’

แต่ก็แค่นั้น เพราะสุดท้ายก็โดนอีกฝ่ายลากไปนอนกอดอยู่ดี…

ใช่ว่าหายเครียดกับเรื่องต่างๆ แค่ว่าผ่อนคลายลงหน่อยแล้ว ขอพักสักหน่อยเพื่อตื่นขึ้นมาหาทางป้องกันอย่างแข็งขันและเข้มข้น อยู่วงการนี้มาก็นาน ผ่านเรื่องต่างๆมาก็เยอะ แปลกใหม่ก็แค่คนร่วมชะตากรรมดันเป็นคนที่มีใจให้ เลยหนักใจกว่าปกติหลายเท่า

แต่ก็คิดได้แล้วว่า ‘ยิ่งสำคัญ ก็ยิ่งต้องปกป้อง’ พวกเขาจึงจะลองสู้ดูอีกสักที

แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังรักกันได้อย่างแน่นอน…

“อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุกนะ คุณเมธ ไม่ตื่นไปกองวันนี้ พี่อ๊อดฆ่าเราแน่…”

“ค๊าบ…”


*
*
*
*
*

กว่าจะตื่นและเดินทางไปถึงกองถ่ายก็เลทไปครึ่งชั่วโมง นาฬิกาปลุกตรงเวลา แต่สองหนุ่มดันไม่ตื่นตามเวลา…สุดท้าย เลยสายโด่ง

หลังมาถึงกองถ่ายสดายุและกฤตเมธตั้งใจรับคำผรุสวาท จากผู้กำกับอ๊อดอย่างเต็มที่ แต่ดูเหมือนทันทีที่มาถึง บรรยากาศอึมครึมผิดปกติกลับเป็นสิ่งที่สองหนุ่มได้พบแทนที่จะเป็นอารมณ์มาคุของพี่อ๊อด

‘เกิดอะไรขึ้น!?’

“พี่ยุคะ…แตงกวาไม่ได้ตั้งใจ…”

“…แตงกวา เป็นอะไรไปครับ? เกิดอะไรขึ้น?”

ยังไม่ทันจะได้ถามไถ่ใคร แตงกวานักแสดงสาวก็รีบเข้ามาจับแขนสดายุไว้ลากตัวออกจากกฤตเมธไปจนไกลแล้วเอ่ยขอโทษระล่ำระลัก

“แตงกวาไม่ตั้งใจค่ะพี่ยุ แตงกวาไม่นึกเลยว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้”

สาวน้อยอธิบายพลางยื่นนิตยาสาระบันเทิงเล่มหนึ่งให้สดายุมือไม้สั่น

“เขาขอสัมภาษณ์แตงกวาแค่นิดเดียว แตงกวาไม่นึกเลยค่ะว่าพวกนั้นจะเอาไปเขียนข่าวกันเป็นตุเป็นตะแบบนี้….”

ทันทีที่ได้เห็นข่าวขึ้นปกในมือ สดายุก็ได้แต่กัดฟันกรอด ภาพเขากับแตงกวาโอบรัดกันตอนซ้อมเข้าฉากที่ดูเหมือนเกินเลยกับพาดหัวข่าวอันน่ารังเกียจ!

‘คาสโนว่า ไม่สิ้นลาย หนังไม่ทันฉายก็ได้เคลมนางรองน้องใหม่วัยกำลังน่าหม่ำ!’
น้ำแตงคงอร่อยหวานลิ้นจนอดใจไม่กินไม่ไหว…


********************************************

นี่ก็…เพิ่งใส่เส้นเองนะคะ ยังไม่ได้ปรุงมาม่าเลย หุหุ
ข่าวขยันหลุดนะตายุเนี่ย…หลุดเอ๊าหลุดเอาเพราะอะไรกันน๊า…

ปล.ตอนหน้าตัวร้ายตัวแรกจิโผล่ค่ะ อัยย๊ะ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-04-2014 03:02:15
แค่ใส่เส้นก็เล่นเอาอืดเลยอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 22-04-2014 03:38:23
นึกว่าจะจบ นี่เพิ่งเริ่มเองเรอะ! :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: sin_no ที่ 22-04-2014 04:06:17
สงสารยุ  อยากให้มีความสุขซักที 

งานเข้าตลอดเลย :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-04-2014 04:11:32
กำ เพิ่งเริ่มเองอ่ะ
โอ่ยย สงสารยุจุงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥MM...★ ที่ 22-04-2014 05:48:05
มันติดอยู่ที่คอ แค่กลืนยังลำบากเล้ยยยยย
แง ทำไมความรักของสองคนนี้ต้องมีอุปสรรค
เขาทั้งคู่เพิ่งจะรักกันแท้ๆ
 :serius2:  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 22-04-2014 05:49:40
น้องยุสู้ สู้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 22-04-2014 06:47:26
ใครกันนะจิเป็นตัวร้ายยื มาม่าที่รักเห้ออออ :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-04-2014 06:50:31
ทำไมมีแต่คนจงเกลียดจงชัง
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-04-2014 07:06:30
มันมาอีกระลอกแล้วจัาาาา เริ่ดดดดด

อิ่ม จน อ้วก แน่กว่ามาม่าจะหมด เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 22-04-2014 07:31:03
นางร้ายยังไม่โผล่มาเร๊อะ  o22
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 22-04-2014 07:36:56
สู้ๆ ต่อไปน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 22-04-2014 07:51:36
เพิ่งเริ่มดราม่าเองเรอะเนี่ย  :sad4:
สงสารยุมากเลย นี่แค่ใส่เส้น ยุยังแทบกระอักเลือด
คุณเมธค่ะ ดูแลยุด้วย
ไม่อยากเดาเลยว่าตัวร้ายคือใคร
เพราะจะเป็นใครก็ทำให้ยุเสียใจ และเค้าจะไม่ให้อภัยทึ่ทำยุเศร้าทั้งนั้น :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: becrazie ที่ 22-04-2014 08:54:07
.....................ง :katai1: :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 22-04-2014 08:58:01
สงสารยุจริง ๆ หวังว่าคุณเมธจะช่วยยุได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 22-04-2014 09:12:38
สดายุเอ้ย เรื่องไม่จบนะนั่น สู้อย่าท้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 22-04-2014 09:31:20
สารภาพว่าตอนแรกไม่กล้าเข้ามาอ่านเลยค่ะ เค้ากลัวมาม่า  :ling3:
กว่าจะทำใจอ่านได้ อ่านแล้วก็ ถอนหายใจดังเฮือกกกกก สงสารน้องยุ
สู้ๆๆๆ ฟ้าหลังฝนจะต้องสดใสแน่ๆ ไหนๆก็ไหนๆล่ะ เคลียร์เรื่องใหม่เก่า พร้อมๆกันไปเลย  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 22-04-2014 09:49:43
(อี)น้องแตงเน่า อย่ามาแอ๊บ!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 22-04-2014 09:59:05
นี่ขนาดตัวร้ายยังไม่ออกนะ... หรือนางจิเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด  o22

สงสัยต้องกลับไปอ่านดูใหม่ว่าที่ผ่านมาไปเหยียบเท้าใครกันไว้มั่ง... ไม่งั้นก็อิหญิงโฉดชายชั่วตัวเดิมกัดไม่ปล่อย รึ?  :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 22-04-2014 10:15:55
ห้ะ!!! นี่ยังไม่ได้ปรุงหรอกหรอ :a5:
แค่คนสองคนก็ยังอึมครึม
ยังจะมีสามสี่ห้าตามมา ตายๆๆๆๆๆๆๆ :ling1:


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 22-04-2014 10:41:51
 :m24: น้องนีไม่ได้ตั้งใจ แต่น้องนีเป็นคนปล่อยเองเปล่า

รักนี้ช่างอุปสรรคเยอะจริงๆ  :เฮ้อ: นี่แค่เริ่ม เองนะ :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-04-2014 11:06:22
โห่ย.....นักข่าวนี่ก็เล่นไม่เลิก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-04-2014 11:11:36
ยุต้องเข้มแข็งให้มากๆๆๆนะ
พี่เมศช่วยน้องด้วยยยยย

รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 22-04-2014 13:11:35
ยุ สู้ๆ  :hao5:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 22-04-2014 14:26:08
สงสารยุอ่ะ
นี่แค่เริ่มต้มมาม่านะยังขนาดนี้
ถ้าอืดจะแค่ไหน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-04-2014 14:48:01
หึยยยย
ใครมันบังอาจมาปรุงมาม่าแถวนี้
น้องยุของเจ๊ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: love AJ ที่ 22-04-2014 14:48:36
สงสารยุอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: SenzaAmore ที่ 22-04-2014 14:51:41
เป็นน้องยุต้องอดทน สิบล้อชนต้องไม่ตาย // ใช่หรือเปล่า ทำไมมรสุมชีวิตรุมเร้า :heaven

รอตอนต่อไปค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 22-04-2014 15:09:43
อุปสรรคมาอีกแว้ว :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 22-04-2014 16:01:43
ิอะไรกันนั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 22-04-2014 16:09:56
เหอๆๆๆ   มาม่าแล้ว  น้ำกำลังร้อนเลย    อ้ายยยยย

ขอไปทำใจแปปป    ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก  อ้ากกก

สงสารยุมากมายยยย

เราจะหายไปสักพักรอมาม่าอืดจนถึงกินได้จะกลับมา กระซิกๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 22-04-2014 17:26:16
แหม่ คนแต่งถนัดต้มมาม่า จังเลยนะครัช
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 22-04-2014 18:14:16
สิ่งต่างๆถึงแม้จะเลวร้ายแค่ไหนแต่ถ้ามีกำลังใจจากคนที่เรารักมันก็ทำให้เราเดินต่อได้นะ
ถึงคนทั้งโลกจะหันหลังให้เราแต่ถ้าเรายังมีครอบครัวมันก็ไม่น่ากลัวหรอก
ตอนนี้อยู่ที่ว่าทั้งคู่จะมั่นคงแค่ไหน อย่ารู้สึกว่าแพ้แต่ต้องเข้มแข็งเข้าไว้
มันจะเกิดอะไรก็ต้องเกิด ไม่วันนี้ก็วันหน้า อย่าปล่อยมือออกจากกันเด็ดขาด
จะมาม่าขนาดไหนก็รู้สึกไม่กลัวเพราะพี่เมธสามารถเป็นหลักให้ยุได้ดี
ส่วนยุไม่ค่อยห่วงเพราะคิดว่าเจอข่าวแรงกว่านี้มาแล้ว ที่เหลือก็คือการแก้ไขปัญหา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 22-04-2014 19:38:30
ยุ เอ๋ย สมัยก่อน ไปสร้างศัตรูที่เป้นพวกนักข่าวไว้ป่าวเนี่ย รู้สึกว่า มันหลุดถี่ไปนะ ถี่จนน่าสงสัย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 22-04-2014 20:13:33
รอกินมาม่าชามโตคะ *0*
เป็นกำลังใจให้น้องยุพี่เมธนะคะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 22-04-2014 21:21:54
อั้ยยะ! ตอนหน้าตัวร้ายตัวแรกจะออก
แสดงว่ามีหลายตัวร้ายที่คอยทำลายสดายุ!
รอจัดการเลย  :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 22-04-2014 21:39:47
น้องแตงกว่านั่นแหละคือนังร้าย ไม่ต้องมาแอ๊บใสซื่่อ

สงสารก็แต่ยุ แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีคนดีๆอย่างคุณเมธคอยปกป้องดูแลอยู่

ยุต้องทลายกำแพงลงให้ได้นะ เอาใจช่วยๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 22-04-2014 22:43:24
อ๊าาาาาาาา ไม่อยากจะโทษหรอกนะจ๊ะ แต่!.....

อีนางแตงเจ้าคะ แกให้สัมภาษณ์ประสาหมาแมวอิหยังล่ะหนิ ไหงมันถึงได้เขียนเป็นตุเป็นตะได้จั๊งซี่ โอยย ข่อยล่ะเครียดมักๆ

 :katai1:

มีคำผิดมาให้แก้นะคะ

'คำก็ลุง สองคำก็ลุง แถมยังมีหัวเราะตบท้ายพร้อมกับศีรษะหนักๆที่เอนซบตามลงมาของคนในอ้อมกอดทำให้กฤตเมธสัมผัสได้ว่าสดายุนั้นผ่อนคลายกว่าที่ตัวเองคิดไว้ จนรู้สึกอยากเห็นเหลือเกินว่าคนรักของตนกำลังทำหน้ายังไงอยู่ในตอนนี้ สองมือเกร่งคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนมาประคองเอวบางจับหมุนมาเผชิญหน้า ทว่าทันทีที่สดายุหันกลับมาชายหนุ่มก็มุดเข้ากอดกฤตเมธแน่นปั่กทักที แน่นจนแทบได้ยินเสียงกระดูกลั่น...'

'ถึงสดายุจะยอมรับในตัวเขา ยอมให้เขาเข้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่...ก็ไม่ได้ยินยอมให้เขาเข้าไปบำรุงรักษาส่วนลึกของหัวใจที่ด้านช้าราวกับหลุมน้ำแข็งดำมืดของตนเลยแม้แต่นิดเดียว'

'กฤตเมธจึงได้แต่คาดหวัง ว่าหากเขามอบความรักที่ไม่สิ้นสุดนี้ให้สดายุต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยในสักวันหลุมน้อแข็งนั้นอาจตื้นเขินขึ้น...และ...อบอุ่นขึ้นเสียที'

'ไม่ได้อยากตีจาก แต่หากวันใดที่เขาพลาดจนเผลอกลายเป็นเพียงแค่โคลนจนทำให้กฤตเมธต้องมาเปรอะเปื้อนไปด้วยเมื่อไหร่ เขาจะรีบจากไปทันที เขาจะไม่มีวันดึงผู้ชายที่แสนดีคนนี้ลงมาคลุกฝุ่นกับเขาอย่างเด็ดขาด... '

สุดท้ายนี้ค่ะ ความสงสัยส่วนตัวล้วนๆ ไม่ได้จะกวน(ตีน)คนแต่งแต่อย่างใดนะคะ แหะๆ

“แถลงข่าว...เรื่องที่เราคบกันอยู่”
แอบ นะคะ แอบ แอบสงสัยข้องใจกับประโยคที่คุณเมธพูดออกมาสุดๆ คือ..........
..................

.............

........

พวกคุณ

ไปคบ

กันตอนไหน

ไม่ทราบ(วะ)คะ

ไอการกระทำนี่ ดูก็รู้ ว่าถ้าไม่ใช่คนรักกัน คงไม่ทำกันแบบนี้แน่นอน แต่ไอ้คบกันนี่
มันไปลงอีหรอบนี้กันตอนฉไหนใดเล่า คือ....
ตัวน้องยุเองเนี่ย ฮีแกรังกงรังเกียจ เฮียเมธแกฝุดๆ(ในตอนแรก)
หลังๆ ไปสปาร์คกัน(บนเตียง) และเริ่มเรียนรู้ใจกันมาเรื่อยๆ ประมาณว่าหวานนนนนนน(จนเลี่ยน)กระอัก กันเลยทีเดียว
แต่!....... ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะไปคบกันเป็นฟงเป็นแฟน(เอ๊ะ! รึเลื่อนเป็นสามี-ภรรยากันเรียบร้อยโรงเรียนเฮียเมธไปแล้วน้ออ)
กันตอนไหน แม้จะมีฉากหวาน กิ๊วๆกันให้กำเดา(ผสมน้ำลาย)พุ่งไหลย้อยกันไปตามๆกันก็เต็มที
แต่อีนี่ก็ไม่รู้นะแจ๊ะ แล้วแต่ อาจจะแบบว่า ไม่ต้องพูด แค่มองตา(ทะลุไต) ก็รู้ใจเธอคนดี อี๊อี(ไม่ใช่แระค่ะเมิง)
หรือ! จะกลายเป็นพี่ดา เอ็นโดร(กูมา)ฟิน
  ใคร ... อาจจะไม่เข้า...ใจ
ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างไร
ใคร... อาจจะเข้าใจ
และคงคิดไปเข้าใจตามที่เห็น

คง...มีเพียงเราสองคน
ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย ที่รู้กัน..ในใจ
มันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ใครบ้างคน
กำหนดว่ารักเป็นอย่างไร...
  ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
ไม่ต้องหาคำ คำไหนมาเพื่อ.... อธิบาย
ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุข... หัวใจ
เพียงแค่เราเข้าใจ
 ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้.....

เรา...อาจจะแยกกัน..อยู่
ไม่นอนด้วยกันทุกคืน ทุกวันเหมือนคู่ใคร
 อย่างน้อย...มีเธอที่เข้า...ใจ
แม้จะไม่มีผู้ใดเข้าใจความรักนี้....
คง...มีเพียงเราสองคน
ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย ที่รู้กัน..ในใจ
มันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ใครบ้างคน
กำหนดว่ารักเป็นอย่างไร...
  ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
ไม่ต้องหาคำ คำไหนมาเพื่อ.... อธิบาย
ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุข... หัวใจ
เพียงแค่เราเข้าใจ
 ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้.....

(ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน) อร๊ายยยยย ฟินเจริญ โอมจงเงยย เย่!   :hao7:

>>> http://www.youtube.com/watch?v=ryCDvPyZlxY <<<

 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:

 :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:

 :z2:   :z2:   :z2:   :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 22-04-2014 22:57:06
กรุณาสงสารนายเอก พระเอก และคนอ่านบ้าง อย่ามาม่าเยอะ ลดระดับลงหน่อยเถอะคนเขียน สงสารยุ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 22-04-2014 23:36:39
ยุเอ้ยยยยย ซัดมาม่าจนผมร่วงแน่ๆ T^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 23-04-2014 00:45:47
อ๊าาาาาาาา ไม่อยากจะโทษหรอกนะจ๊ะ แต่!.....

อีนางแตงเจ้าคะ แกให้สัมภาษณ์ประสาหมาแมวอิหยังล่ะหนิ ไหงมันถึงได้เขียนเป็นตุเป็นตะได้จั๊งซี่ โอยย ข่อยล่ะเครียดมักๆ

 :katai1:

มีคำผิดมาให้แก้นะคะ

'คำก็ลุง สองคำก็ลุง แถมยังมีหัวเราะตบท้ายพร้อมกับศีรษะหนักๆที่เอนซบตามลงมาของคนในอ้อมกอดทำให้กฤตเมธสัมผัสได้ว่าสดายุนั้นผ่อนคลายกว่าที่ตัวเองคิดไว้ จนรู้สึกอยากเห็นเหลือเกินว่าคนรักของตนกำลังทำหน้ายังไงอยู่ในตอนนี้ สองมือเกร่งคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนมาประคองเอวบางจับหมุนมาเผชิญหน้า ทว่าทันทีที่สดายุหันกลับมาชายหนุ่มก็มุดเข้ากอดกฤตเมธแน่นปั่กทักที แน่นจนแทบได้ยินเสียงกระดูกลั่น...'

'ถึงสดายุจะยอมรับในตัวเขา ยอมให้เขาเข้าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต แต่...ก็ไม่ได้ยินยอมให้เขาเข้าไปบำรุงรักษาส่วนลึกของหัวใจที่ด้านช้าราวกับหลุมน้ำแข็งดำมืดของตนเลยแม้แต่นิดเดียว'

'กฤตเมธจึงได้แต่คาดหวัง ว่าหากเขามอบความรักที่ไม่สิ้นสุดนี้ให้สดายุต่อไปเรื่อยๆ อย่างน้อยในสักวันหลุมน้อแข็งนั้นอาจตื้นเขินขึ้น...และ...อบอุ่นขึ้นเสียที'

'ไม่ได้อยากตีจาก แต่หากวันใดที่เขาพลาดจนเผลอกลายเป็นเพียงแค่โคลนจนทำให้กฤตเมธต้องมาเปรอะเปื้อนไปด้วยเมื่อไหร่ เขาจะรีบจากไปทันที เขาจะไม่มีวันดึงผู้ชายที่แสนดีคนนี้ลงมาคลุกฝุ่นกับเขาอย่างเด็ดขาด... '

สุดท้ายนี้ค่ะ ความสงสัยส่วนตัวล้วนๆ ไม่ได้จะกวน(ตีน)คนแต่งแต่อย่างใดนะคะ แหะๆ

“แถลงข่าว...เรื่องที่เราคบกันอยู่”
แอบ นะคะ แอบ แอบสงสัยข้องใจกับประโยคที่คุณเมธพูดออกมาสุดๆ คือ..........
..................

.............

........

พวกคุณ

ไปคบ

กันตอนไหน

ไม่ทราบ(วะ)คะ

ไอการกระทำนี่ ดูก็รู้ ว่าถ้าไม่ใช่คนรักกัน คงไม่ทำกันแบบนี้แน่นอน แต่ไอ้คบกันนี่
มันไปลงอีหรอบนี้กันตอนฉไหนใดเล่า คือ....
ตัวน้องยุเองเนี่ย ฮีแกรังกงรังเกียจ เฮียเมธแกฝุดๆ(ในตอนแรก)
หลังๆ ไปสปาร์คกัน(บนเตียง) และเริ่มเรียนรู้ใจกันมาเรื่อยๆ ประมาณว่าหวานนนนนนน(จนเลี่ยน)กระอัก กันเลยทีเดียว
แต่!....... ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะไปคบกันเป็นฟงเป็นแฟน(เอ๊ะ! รึเลื่อนเป็นสามี-ภรรยากันเรียบร้อยโรงเรียนเฮียเมธไปแล้วน้ออ)
กันตอนไหน แม้จะมีฉากหวาน กิ๊วๆกันให้กำเดา(ผสมน้ำลาย)พุ่งไหลย้อยกันไปตามๆกันก็เต็มที
แต่อีนี่ก็ไม่รู้นะแจ๊ะ แล้วแต่ อาจจะแบบว่า ไม่ต้องพูด แค่มองตา(ทะลุไต) ก็รู้ใจเธอคนดี อี๊อี(ไม่ใช่แระค่ะเมิง)
หรือ! จะกลายเป็นพี่ดา เอ็นโดร(กูมา)ฟิน
  ใคร ... อาจจะไม่เข้า...ใจ
ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นอย่างไร
ใคร... อาจจะเข้าใจ
และคงคิดไปเข้าใจตามที่เห็น

คง...มีเพียงเราสองคน
ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย ที่รู้กัน..ในใจ
มันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ใครบ้างคน
กำหนดว่ารักเป็นอย่างไร...
  ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
ไม่ต้องหาคำ คำไหนมาเพื่อ.... อธิบาย
ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุข... หัวใจ
เพียงแค่เราเข้าใจ
 ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้.....

เรา...อาจจะแยกกัน..อยู่
ไม่นอนด้วยกันทุกคืน ทุกวันเหมือนคู่ใคร
 อย่างน้อย...มีเธอที่เข้า...ใจ
แม้จะไม่มีผู้ใดเข้าใจความรักนี้....
คง...มีเพียงเราสองคน
ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย ที่รู้กัน..ในใจ
มันจำเป็นด้วยหรือที่ต้องอยู่ในกฎเกณฑ์ที่ใครบ้างคน
กำหนดว่ารักเป็นอย่างไร...
  ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน
ไม่ต้องหาคำ คำไหนมาเพื่อ.... อธิบาย
ไม่ต้องรักเหมือนคนรักก็สุข... หัวใจ
เพียงแค่เราเข้าใจ
 ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้.....

(ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน) อร๊ายยยยย ฟินเจริญ โอมจงเงยย เย่!   :hao7:

>>> http://www.youtube.com/watch?v=ryCDvPyZlxY <<<

 :hao5:  :hao5:  :hao5:  :hao5:

 :hao6:  :hao6:  :hao6:  :hao6:

 :z2:   :z2:   :z2:   :z2:

หุหุ ขอบคุณที่ช่วยแก้คำผิดคับ เดี๋ยวจะกลับไปแก้จ้า

'ไม่ต้องรู้ว่ารบคบกันตอนไหนนนนน'

เมื่อมีคำถามเกิดขึ้น...จึงมีสปอยล์

ว่า....ตรงนี้แหละค่ะ ดราม่าฉากใหญ่!!! เอ๊ะ มันจะเกิดอะไรขึ้น!!?
ฝากติดตามชมนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
จุ๊บๆๆๆ

...ว่าแล้วเพื่อป้องกันความเยิ่นเย้อ...
ตอนหน้าจะเอาตัวร้ายมาโชว์ให้ครบทุกคน พร้อมตัวประกอบอดทนด้วยค่ะ
อดใจรอนะคะ

หลังมาม่าหม้อใหญ่ มีตบน้ำแข็งใสตามให้แน่นอนจ๊า....

อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 23-04-2014 12:53:18
โอ้ยยยยยยยยยย นี่ััมันอะไร!!!!!
น้องยุทำผิดอะไร. ถึงจะคอยแต่เขียนข่าวใส่สีน้องแบบนี้   :katai1:
พี่เมธปกป้องน้องด้วยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: fernfabled ที่ 23-04-2014 21:58:21
เมื่อไหร่ชีวิตยุจะสดใสซักที  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 24-04-2014 01:04:30
ตอนนี้อยากทำตำแตง!!!!

 :katai4: :katai4: :katai4:

เรื่องเก่าปัญหายังคิดไม่ตกเลย

แตงกวาลากปัญหาใหม่มาอีกแล้ว

โอ้ยสงสารน้องยุอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-04-2014 19:28:34
สงสารยุ

มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: First ที่ 27-04-2014 10:49:54
วงการมายานี่มันจริงๆๆเลย  ไม่ได้ลงข่าวยุกับเมธ   แต่เป็นข่าวยุกับแตงกวาแทน  หึๆๆๆๆๆ   :fire: :angry2: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: ลูกกุญแจ ที่ 29-04-2014 21:57:48
ยาว ไป ยาวไปจ้า :katai4:

ชอบจริงๆเรื่องในวงการบันเทิง อิอิ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 01-05-2014 22:41:54
กินมาม่านานๆ มันก็ไม่ดีต่อร่างกายน้า
ยังไงก็อย่าหลายมื้อนักเลย  :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 01-05-2014 22:55:22
งานเข้ายุเราอีกแล่วๆๆๆ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 02-05-2014 22:57:17
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 25




การถ่ายทำยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง พร้อมกับคำถามที่คาอยู่ในใจสดายุลึกๆว่า 'มันเกิดขึ้นได้ยังไง?' เมื่อวานก็มีข่าวกับกฤตเมธ วันนี้ก็มีข่าวกับแตงกวา อยากจะหัวร่อแล้วคิดติดตลกว่าพรุ่งนี้คงไม่พ้นมีข่าวกับผู้กำกับ หรือกับใครสักคนที่เผลอถูกเนื้อต้องตัวกันเข้า!

การถ่ายทำวันนี้เสร็จเร็วกว่ากำหนดพอสมควร เพราะมีเพียงแค่สองฉากและความตึงเครียดในการถ่ายทำที่มากเกินไปทำให้ผู้กำกับตัดสินใจเลิกกองก่อนเวลาอันควร  และเรียกเหล่าตัวปัญหามาเจรจากันให้รู้เรื่อง...

ตัวปัญหาแรกคือกฤตเมธที่ดูจะเป็นเดือดเป็นร้อนตลอดเวลา แม้ว่าจะยังสามารถแสดงบทบาทของตัวเองได้ดี แต่ความกดดันที่แผ่ออกมาคุกคามทีมงานทุกขณะจิตนี้ก็สร้างความน่าอึดอัดอยู่ไม่น้อย

ตัวปัญหาที่สองคือแตงกวา เก่ง แต่ยังใหม่เกินไปสำหรับวงการที่มากด้วยเรื่องไม่พึงเสน่หา ดังนั้นสาวน้อยจึงค่อนข้างเครียดมากถึงมากที่สุดที่จู่ๆก็ตกเป็นข่าวทั้งที่ไม่ได้เจตนา เล่นเอาแสดงแทบไม่ออก ท่องบทผิดๆถูกๆจนโดนเทคหลายรอบอย่างน่าสงสาร

และตัวปัญหาสุดท้ายก็คือสดายุ ที่ดูเหมือนจะไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรกับข่าวมากนัก เฉยๆ สบายๆ เหมือนจะดี หากแต่ส่งผลตรงข้ามอย่างสิ้นเชิง เพราะความไม่แคร์สื่อของสดายุนั้นกลับยิ่งทำให้กฤตเมธและแตงกวาเครียดหนักขึ้นไปเสียอีก

เครียดเพราะไม่รู้ว่า...จริงๆแล้วเจ้าตัวคิดยังไงกันแน่

ปัญหาคาราคาซังเกินกว่าจะขอตัวกลับทันทีที่เลิกกอง ดังนั้น กฤตเมธ สดายุ และแตงกวาจึงยังคงปักหลักคุยกันต่อหลังจากโดนผู้กำกับอ๊อดเรียกมาเทศน์เสียหลายบท

"...ฮึก...ตอนให้สัมภาษณ์...แตงกวาไม่ได้พูดแบบนี้สักคำ ทำไมเขาถึงไปเขียนแบบนั้นได้...ฮึก...บ้าที่สุดเลย!!..."

เสียงสะอื้นเล็กๆปนเสียงบ่นว่าอย่างเจ็บแค้นใจที่ถูกเอาไปเป็นข่าว และเจ็บใจหนักสุดๆที่ดันลากคนที่หล่อนชอบเข้ามาซวยด้วย

"ไม่เป็นไรน่าน้องแตงกวา แค่ข่าวลงนิตยาสารGossipธรรมดาๆเอง เดี๋ยวไม่นานก็จางไปแล้ว รอให้ขึ้นหน้าหนึ่งก่อนค่อยเครียด หึหึ..."

"พี่ยุอ่ะ...พี่จะสบายใจไปหน่อยแล้วนะคะ ทั้งที่แตงกวาเครียดจะแย่แล้วเนี่ย ที่ทำให้พี่ยุต้องโดนเป็นข่าวไปด้วยแบบนี้..."

สดายุพยายามปลอบ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าหูสาวน้อยสักเท่าไหร่ เจ้าหล่อนเลยแหวใส่พร้อมแอบตีแขนสดายุเบาๆ

"ไม่ต้องขอโทษพี่หรอกแตงกวา พี่ต่างหากที่ต้องขอโทษ เพราะพี่นี่แหละแหล่งข่าวตัวจริง ถ้าชนักที่ปักหลังพี่อยู่ไม่เยอะอย่างนี้ มันก็คงไม่มีข่าว แตงกวาก็คงไม่ต้องมาซวยไปด้วยแบบนี้แน่ๆ เพราะงั้น พี่นี่แหละที่สร้างข่าว และคนรับเคราะห์ก็คือแตงกวา อย่าโทษตัวเองอีกเลยนะครับ..."

"...พี่ยุ..."

"ถ้าเกิดอะไรขึ้น พี่จะเป็นคนเคลียร์กับพวกนักข่าวเอง แตงกวาไม่ต้องกังวลนะ"

".............."

น้ำตาแทบจะไหลสำหรับสาวแตงกวา ที่ตื้นตันเหลือเกินกับความเป็นสุภาพบุรุษของคนที่เธอปลื้ม ทั้งรอยยิ้มทั้งฝ่ามืออุ่นที่สัมผัสปลอบโยนอยู่บนไหล่ เรียกน้ำตาหญิงสาวให้รื้นขึ้นมาอย่างสุดห้าม

"แตงกวา ไหนเล่าให้พวกพี่ฟังหน่อยสิ นักข่าวพวกนั้นเป็นใคร แล้วเขาสัมภาษณ์อะไรบ้าง?"

หลังเงียบนิ่งครุ่นคิดอะไรอยู่กับตัวเองอยู่นานในที่สุดกฤตเมธก็เริ่มเปิดปากขึ้นบ้าง

"เอ่อ...เมื่อวานก่อนมากองถ่าย แตงกวาแวะห้างเพื่อซื้อขนมมาที่กองน่ะค่ะ แล้วตอนนั้นก็มีนักข่าวสองคนของนิตยาสารเล่มนี้แหละค่ะเข้ามาสัมภาษณ์กับขอถ่ายรูป แตงกวาพอจะคุ้นหน้าอยู่ค่ะแต่จำชื่อไม่ได้ จู่ๆเขาก็เข้ามาแล้วบอกว่าอยากทราบความคืบหน้าของหนังเรื่องนี้ แตงกวาก็บอกไปว่ามันเป็นความลับที่ทางต้นสังกัดสั่งห้ามไม่ให้ออกสื่อ เพราะเดี๋ยวก็จะปล่อยTeaserอยู่แล้ว แต่พวกเขาบอกว่าจะขอสัมภาษณ์แค่เรื่องในกองถ่ายก็ได้ว่าสนุกมั้ย สนิทกับพี่เมธพี่ยุมากหรือเปล่า ต้องเข้าฉากกับพี่ยุเยอะๆรู้สึกเป็นยังไงบ้าง ตื่นเต้นแค่ไหน แตงกวาก็ตอบไปว่าส่วนตัวสนิทกับพี่เมธอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา กับพี่ยุที่เพิ่งได้แสดงด้วยกันครั้งแรกก็เป็นไปด้วยดี เพราะพี่ยุเก่งและน่ารักมากคอยช่วยแตงกวาตลอด...และเพราะเป็นพระเอกที่แตงกวาปลื้มมากๆด้วยเลยทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจ...ที่ได้ร่วมงาน...ตายแล้ว! ต้องเป็นเพราะแตงกวาให้สัมภาษณ์ไปแบบนี้แน่เลยค่ะ พวกเขาเลยไปตีความเสียๆหายๆแบบนั้น..."

เล่าออกมายังไม่ทันจบนักแสดงสาวก็ถลึงตาโพลงด้วยว่านึกขึ้นได้ว่าอาจเป็นการตอบคำถามที่ดูจะอวยสดายุมากไปหน่อยเพราะความหลงใหลส่วนตัว กระจอกข่าวตาไวเป็นลิงพวกนั้นจึงจับได้ทันทีว่าหล่อนรู้สึกเกินเลย สุดท้ายเลยไปเขียนข่าวเน่าๆนี้ออกมา คิดได้ดังนั้นแตงกวาก็ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันตัวเอง เพราะเจ็บใจเหลือเกินที่เป็นคนไม่เฉลียวเอาเสียเลย

“ไม่เป็นไรนะครับแตงกวา เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”

“...ขอบคุณนะคะพี่ยุ คราวหน้าแตงกวาจะระวังค่ะ”

หญิงสาวให้คำมั่นพร้อมหน้าตาที่ไม่ค่อยสดชื่นนัก  หลังจากนั้นก็ขอตัวกลับก่อนเพราะติดคิวถ่ายละครอีกเรื่องที่กำลังจะเริ่มออนแอร์ในเดือนหน้า

สดายุยืนส่งแตงกวาขึ้นรถเก๋งส่วนตัวคันสวยแล้วมองหล่อนขับรถออกไปจนลับสายตา พลางคิดอยู่ในใจเงียบๆว่า...สาวน้อยที่กำลังเป็นดาราหน้าใหม่ขายดี มีงานไม่ขาดอย่างแตงกวา ที่ต้องมามัวหมองเพราะโดนหางเลขจากการมาสนิทสนมกับเขาที่เคยมีแต่ประวัติเสียมาก่อนอย่างนี้นั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อแตงกวาเอาเสียเลย สดายุได้แต่ครุ่นคิดว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี ทั้งข่าวกับแตงกวา และ...ข่าวกับกฤตเมธ

นี่ขนาดยังไม่ได้เหยียบกลับเข้าไปในวงการอย่างเต็มที่ ยังโดนโจมตีเสียเต็มเหนี่ยวขนาดนี้ แล้วหากเขากลับเข้าไปอยู่เต็มตัวล่ะ จะถูกกระหน่ำเต็มอัตราสูบขนาดไหน...ลำพังตัวเขาน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่คนรอบข้างที่โดนหางเลขไปด้วยนี่สิ...

‘เราคิดดีแล้วหรือเปล่านะ ที่คิดจะหวนคืนวงการ’

อดไม่ได้จริงๆที่จะไม่คิดว่าตัวเองกำลังตัดสินใจผิด ความอาจหาญแน่วแน่ในวันแรกก่อนรับงานนั้นไม่รู้มันอันตรธารหายไปไหนกันหมด ความตั้งใจที่จะกลับมาผงาดอีกครั้งตอนนี้มันฝ่อไปหมด

‘หรือว่า...หนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเดียวและเรื่องสุดท้าย...ของเราดีนะ’

“กลับกันเถอะครับยุ”

“...อ่า...ครับ”

คนอยู่ในภวังค์ในที่สุดก็ถูกเรียกให้เตรียมตัวกลับบ้าน สดายุรับคำเนือยๆพลางเก็บกระเป๋าตัวเองไปเงียบๆ

“เอ่อ ยุ...วันนี้ผมไม่ค้างด้วยนะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณแล้วคงกลับเลย”

“..........กลับเลยเหรอ? ทานข้าวด้วยกันก่อนมั้ยคุณเมธ? หรือว่าคุณมีงานอื่น?...”

เก็บของเดินมาถึงรถ กฤตเมธในท่าทีเครียดขึงก็บอกว่าจะไม่ค้างด้วย สดายุเข้าใจเรื่องนี้ดีเพราะได้คุยกันก่อนแล้วเรื่องที่กฤตเมธต้องกลับบ้านตัวเองเสียทีเพื่อหนีนักข่าวตาสัปรด แต่สดายุก็อดสงสัยไม่ได้อยู่ดีว่าอีกฝ่ายจะไปไหน ถึงได้ดูรีบร้อนนัก ทั้งที่ปกติแล้วช่วงนี้นอกจากถ่ายหนัง กฤตเมธก็ไม่มีคิวทำอะไรที่ไหนอีก

“ผมว่าจะเข้าบริษัทหน่อยน่ะ เลยว่าจะไปส่งคุณก่อน”

“เข้าบริษัท? ดีสิ ผมไปด้วย”

“......ไปทำไมกันครับ?”

“ผมว่าจะไปหาเจ๊บลูม่าอยู่พอดี วันนี้เห็นบอกว่าจะอยู่ที่บริษัทจนถึงดึก ผมขอติดรถคุณไปหน่อยแล้วกัน ส่วนขากลับเดี๋ยวผมกลับเอง”

“.......ก็ได้ครับ งั้นไปกันเลย”

กฤตเมธรับคำพลางเปิดประตูรถส่งสดายุขึ้นไปนั่งข้างคนขับ ก่อนที่ตัวเองจะเดินมาประจำตำแหน่งของตนด้วย ความเงียบงันปกคลุมไปทั้งรถแม้ว่าจะขับออกมาได้เกือบสิบห้านาทีแล้ว สองหนุ่มก็ยังไม่มีใครเปิดปากคุยเลยแม้เพียงคำ ใช่ว่าสดายุจะไม่อยากคุย แต่อาการที่กฤตเมธแสดงออกมาอย่างลืมตัวนั้นทำให้สดายุหาจังหวะถามไถ่แสนลำบาก ด้วยเพราะรู้ดีว่าตัวเองนี่แหละที่เป็นต้นเหตุให้คนข้างกายถึงกับเครียดขึง และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่สดายุพยายามหาข้ออ้างขอตามกฤตเมธไปถึงบริษัทด้วย

สังหรณ์มันต้องมีอะไรสักอย่างที่นั่นแน่ๆ และมันจะต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย...

*
*
*
*
*

ชั่วโมงกว่าๆ สองหนุ่มก็ฝ่ารถติดช่วงบ่ายแก่มาจากชานเมืองมาถึงใจกลางกรุงเทพอันเป็นที่ตั้งของบริษัทกิจการบันเทิงครบวงจรอันมีชื่อเสียงลือลั่น บริษัทต้นสังกัดของกฤตเมธและสดายุนั่นเอง

รถสปอร์ตคันหรูของพระเอกหนุ่มเนื้อทองแล่นขึ้นไปจอด ณ ที่ประจำบนชั้นสิบ ก่อนจะต่อลิฟท์ขึ้นไปยังชั้นสามสิบสองของอาคารอันเป็นบริเวณที่พักผ่อนชั่วคราวของนักแสดงชั้นยอดมงกุฏของบริษัทหลายๆคน

“สวัสดีครับพี่เมธ...สดายุ”

“สวัสดีค่ะเมธ...เอ่อ...สดายุ”

“อ้าวคุณเมธ ยุ หวัดดีครับ”

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ”

แค่เพียงเดินเข้ามาในส่วนของแคนทีนดารา ดาราหน้าใหม่เก่า ทั้งยอดฝีมือ มีพรสวรรค์ มากประสบการณ์ หลายหน้าหลายตาต่างก็พากันฮือฮาที่ได้เห็นพระเอกเนื้อทองผู้โด่งดังอย่างกฤตเมธ หลายๆคนที่กรูกันเข้ามาสวัสดีทักทายนั้น บางคนก็ถึงกับเลิกคิ้วน้อยๆ บางคนก็ยังทำหน้าไม่ถูก บางคนก็ยิ้มแผล่ทักทายอย่างเป็นมิตร เมื่อได้เห็นว่าด้านหลังของกฤตเมธนั้น ยังมีอดีตดาวเด่นที่เคยดับไปแล้วอีกคนตามมาด้วยติดๆ

‘สดายุนี่ เฮ้ย กลับมารับงานแล้วจริงดิ’

‘คิก คิก ดูหน้ามันดิ ง่อยว่ะ ผอมกร๋องแกร๋งเชียว เมื่อก่อนนะหน้ามันโอหังจะตาย ฮะฮะ ตอนนี้อย่างกับคนละคน’

‘สดายุ? ทำไมมากับพี่เมธได้ล่ะ? คนละสปีชี่เลยนะนั่น’

‘ตกข่าวนะหล่อน เขาแสดงหนังด้วยกันอยู่ย่ะ หัดอัพเดทมั่งสิ อย่าเอาแต่สวยไปวันๆ’

‘ใครเอามันกลับมาวะ’

‘เฮ้ย ได้ข่าวว่าเคลมน้องแตงกวาอยู่นี่หว่า แม่ง ไม่ทิ้งลายเล้ย...’

‘โดนเรียกกลับมาเพราะเขาเสียดายในฝีมือแหงๆ ไม่แน่นะถ้าทำตัวดีหน่อยเดี๋ยวก็รุ่ง ว่ามั้ยเธอ...’

‘ทำไมผอมอย่างนั้นล่ะ? ติดยาป่าวเนี่ย... ’

‘...ยังหล่อเหมือนเดิมเลยน๊า สดายุเนี่ย...ถึงผอมไปหน่อยก็เถอะ’

‘กรี๊ด....พี่เมธกับพี่ยุที่เล่นหนังคู่กันนี่! เหมาะกันมากอ่ะ’

ช่วงแค่เดินผ่านจากโถงแคนทีนเพื่อเข้าไปฝั่งสำนักงาน สดายุก็ถูกกล่าวขวัญถึงต่างๆนาๆ ทั้งดีและร้าย เสียงซุบซิบที่เจ้าตัวคนพูดคิดว่าเบานักหนา แต่ก็ยังดังพอให้จับใจความได้ และอีกหลายๆคำคิดถึง ที่จงใจพูดดังหวังให้กระแทกหน้าสดายุจังๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเจอแบบนี้สดายุคงมองคนเหล่านั้นด้วยหางตา หรือไม่ก็คงแขวะกลับไปเจ็บๆสักแผลสองแผล ทว่าตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ถึงศักดิ์ศรีเขาจะยังเต็มเปี่ยม แต่บารมีคงไม่ถึง เขาคงไม่สามารถสยบใครในตอนนี้ได้อีกแล้ว ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือทำใจ คิดเสียว่า ‘หมาเห่า’

‘อึ๋ย...’

‘อุ...’

เสียงอุทานเบาๆรอบกาย กับความเซ็งแซ่ที่หายไปในฉับพลันนั้นทำให้สดายุเงยหน้าขึ้นมองน้อยๆ แล้วพบว่าผู้มีบารมีสูงกว่ากำลังกวาดหางตาข่ม ‘ไอ้พวกปากหมา’ ทุกคนให้ต้องหลบตากันพัลวัล ดวงตานั้นเฉียบขาด ดุดัน อย่างที่สดายุเคยเห็นครั้งเมื่อร่วมงานกันแรกๆ ‘กฤตเมธ...ตัวจริง’
แม้ตอนที่อยู่กับเขาชายหนุ่มจะอ่อนโยนมากราวกับตาลุงไม่มีพิษภัย แต่ถึงอย่างไรตัวจริงของกฤตเมธก็ยังคงเป็นพระเอกเนื้อทอง พ่อเทพบุตรแห่งวงการ ดาวค้างฟ้ารุ่นใหญ่ที่ทรงอิทธิพลไม่น้อยในวงการ...

ยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่า...แค่มองด้วยหางตาทุกคนก็เงียบกริบ และวงแตกในที่สุด

“ไปกันเถอะยุ”

“...อ...อืม...”

หลังใช้อำนาจข่มเพื่อนดาราจนหงอกันไปแล้ว กฤตเมธก็แตะไหล่สดายุเล็กน้อยดันให้ชายหนุ่มเดินนำหน้า ผ่านประตูห้องแคนทีนสู่สำนักงานที่เหล่าเหล่าผู้จัดการดาราและเหล่าคนเบื้องหลังอยู่กันแทบจะพร้อมหน้า

“ผมส่งคุณตรงนี้นะยุ เดี๋ยวผมขอตัวไปชั้นสี่สิบก่อน คุณรอผมที่นี่แล้วกัน เสร็จธุระแล้วผมไปส่งคุณที่บ้านเอง”

“ครับ แต่ผมกลับกับเจ๊บลูม่าก็ได้...”

“ไม่เป็นไร ผมอยากไปส่ง รอผมนะ”

“...ครับ”

แม้จะปฏิเสธแต่กฤตเมธก็ดึงดันขอไปส่งจนได้ สดายุจึงได้แต่ยิ้มน้อยๆ ยินยอมให้ไปส่งแต่โดยดี กฤตเมธเองก็ยิ้มให้พร้อมบีบที่ไหล่บางเบาๆ แล้วเดินผ่านสดายุไปขึ้นลิฟท์เพื่อตรงสู่ห้งท่านประธานใหญ่บนชั้นสี่สิบทันที…ห้องของประธาน เสน่ห์จันทร์

‘...หากเราขึ้นไปด้วย...คุณเสน่ห์จันทร์จะว่าอะไรมั้ยนะ...’

อยากรู้เหลือเกินว่ากฤตเมธจะมาคุยอะไรกับท่านประธาน อยากรู้เหลือเกินเพราะมันย่อมเป็นเรื่องข่าวของเขา เรื่องที่ว่าข่าวของสดายุที่เกิดกับกฤตเมธนั้นถูกวิ่งเต้นปิดกันแทบเป็นแทบตาย แต่ข่าวของสดายุกับแตงกวานางเอกน้องใหม่กลับถูกเปิดโปงอย่างง่ายดายทั้งที่ไม่มีมูล กฤตเมธคงอยากรู้ว่าทำไมถึงยอมให้สดายุเป็นข่าวทั้งๆที่หมายมั่นว่าจะให้กลับเข้าวงการอีกครั้งอย่างผ้าที่ซักแล้ว และทำไมถึงยอมให้เป็นข่าวกับแตงกวานางเอกหน้าใหม่ที่กำลังมาแรงและมีผลงานล้นมือในขณะนี้ด้วย...

หรือว่า...มันจะเป็นแค่ยุทธวิธีข่าวโปรโมตหนังอย่างที่หลายๆค่ายทำ?

สดายุได้แต่พยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ ไม่อยากให้ความขุ่นข้องจากความคลุมเครือมาทำให้ไม่สบายใจมากไปกว่านี้

‘รอถามกฤตเมธเอาแล้วกัน...เฮ้อ...’

สดายุได้แต่ถอนหายใจพลางส่ายหัวพรืดๆ  แล้วจึงเริ่มก้าวเท้าเดินไปจนถึงห้องสำนักงาน

“สวัสดีครับ พี่ๆ”

“อ้าว สดายุ อะไรหอบมาเนี่ย มาๆ มานั่งก่อน เฮ้ย บลูม่า เด็กหล่อนมาหาแน่ะ!”

เปิดประตูเข้าไปปุ๊บ ก็เจอเข้ากับเหล่าคนเบื้องหลังในวงการที่สดายุคุ้นหน้าเป็นอย่างดีอยู่หลายคน ชายหนุ่มกล่าวสวัสดีออกไปอย่างนอบน้อม หลายๆคนมองมาทำหน้าเหลอหลารับไหว้กันแทบไม่ทัน บางคนก็ยิ้มร่าทักทายอย่างยินดี และมีบางคนตะโกนเรียกบลูม่าที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดตารางงานของดาราในสังกัดตัวเองอยู่ให้ด้วย

“ยุ!? ตายแล้วคุณน้องขา มาไงเนี่ย! มานี่เลยค่ะมานี่เลย!”

พอผงกหัวขึ้นจากกองงาน บลูม่าก็ถึงกับตาโตที่เห็นว่าสดายุมาหาแบบไม่ยอมนัดล่วงหน้า ร่างใหญ่โตกำยำสมชายชาตรีผิดนิสัยของบลูม่าก็ทะลึ่งตัวพรวดขึ้นก้าวฉับๆ เดินมาลากมือสดายุตามไปที่โซนของตัวเองทันที

“หวัดดีครับเจ๊บลูม่า ไม่เจอหลายวันเลย งานยุ่งเหรอครับ?”

นั่งปุ๊บสดายุก็เอ่ยปากถามบลูม่าที่ยังสาละวนปัดกองเอกสารออกจากเก้าอี้ตัวเอง ดูท่าผู้จัดการสาวใหญ่จะยุ่งแบบจริงจัง เพราะปกติถ้าว่างเมื่อไหร่บลูม่าก็จะตามไปหาถึงกองถ่ายบ้าง ไปเซอร์ไพรซ์ถึงห้องบ้าง แต่ช่วงนี้หลายสัปดาห์แล้วที่ไม่ได้เจอกัน เรียกว่านานแล้วก็ยังได้ถ้าเทียบกับปกติวิสัย

“ยุ่งจนหัวเจ๊จะหมุนเป็นลูกข่างอยู่แล้วค่ะน้องยุ ก็จู่ๆนะต้นสังกัดก็สั่งมาให้เจ๊หาเด็กใหม่เข้าCastละครเรื่องใหม่ที่จะออกกลางปีหน้าหน่อย มหัศจรรย์สิคะสั่งแบบนี้ แถมโจทย์ละครก็ย๊ากยาก ไม่รู้ทำไมไม่เอาเด็กเก่าที่กำลังดังเล่น เสนอไปก็จะเอาเด็กใหม่ท่าเดียว บอกว่าตลาดต้องการของสดใหม่ เจ๊จะไม่เถียงเลยนะ ถ้ามันเป็นละครวัยรุ่นน่ะ เฮ้อ...ไหนจะต้องไฟท์กับไอ้พวกนายทุนหน้าเลือดที่จ้างเด็กเราไปออกอีเวร เอ้ย อีเว้นท์แบบกดค่าตัวอีก วุ่นวายน่าดูเลยล่ะค่ะ ยิ่งจะเข้าช่วงปลายปีด้วย เพียบเลยขอบอก...”

“ฮะฮะ สู้ๆนะครับเจ๊ เจ๊เก่งอยู่แล้ว”

“ค๊า พ่อคู๊ณ...สมพรปากนะคะ”

เปิดประเด็นปุ๊บบลูม่าก็บ่นยับถึงภาระในความรับผิดชอบที่มากขึ้นทุกวัน จนหัวหางแทบไม่ได้กระดิกกระเดี้ยว จากนั้นก็ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ สรวลเสเฮฮากันตามประสา แต่ก็แค่เพียงครู่เดียว

“เอาล่ะ...พอจะมีคำตอบเรื่องข่าวที่พี่โทรไปหาเมื่อกี้แล้วใช่มั้ย? ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่คะคุณน้องยุ...”

“...หึหึ...เดิมๆครับเจ๊ ก็นั่งเทียนเขียนกันไป ผมมันคนชนักเยอะ นิดๆหน่อยๆก็ปล่อยข่าวได้แล้วคร๊าบ...”

“ไม่ตลกนะคะคุณน้อง ไหนเล่ามาอย่างละเอียดสิ ต้นตอมันเป็นมายังไง ไฟมันอยู่ตรงไหน ควันมันถึงได้คลุ้งขนาดนี้? แล้วไหงหวยไปออกที่น้องดาราใหม่หน้าใสกิ๊กนั่นได้ล่ะ?”

“อืม...เห็นแตงกวาบอกว่าเมื่อวานระหว่างทางมากอง น้องเขาโดนดักสัมภาษณ์เรื่องถ่ายหนังนี่แหละ ก็ไม่รู้ว่านักข่าวมันไปตีความเอาท่าไหน ถึงออกมาเป็นว่าผมแอบกินน้องเขาซะงั้น”

“......แน่ใจเหรอว่าให้สัมภาษณ์แค่เรื่องถ่ายหนัง แล้วนักข่าวมันไปนั่งนิมิตนั่งมโนกันเอง ไม่ใช่ว่าให้ข่าวเขาไปมากกว่าเร้อ...”

“เฮ้ยเจ๊? เขาจะอยากมามีข่าวกับยุทำไมล่ะ พระเอกตกกระป๋องแล้ว แถมยังมีแต่ข่าวไม่ดีอีก ถ้าแตงกวาเขาจงใจจะเป็นข่าวกับยุจริงๆล่ะก็ คงต้องขอให้น้องเขาไปตรวจประสาทหน่อยแล้วล่ะ ฮะฮะ”

“ไม่ต้องขำเลยยุ ข่าวนี้น่ะเป็นประโยชน์กับนางทั้งขึ้นทั้งล่องนะ อย่างแรกโปรโมตตัวเองเพราะนางไม่ค่อยมีข่าว ช่วงนี้ก็เงียบๆอยู่ อย่างที่สองถ้ายุกลับมาดังอย่างน้อยๆนางก็มีผลพลอยได้”

“แล้วถ้ายุไม่ดังล่ะ?”

“ก็จะเข้าอิหรอบที่ว่ายุเข้าไปเกาะแกะเพื่อหวังเกาะชายกระโปรง หวังดังทางลัด เรียกคะแนนความสงสาร แถมลากเข้าดราม่าได้อีก ช่วงนี้ดาราหลายคนก็เล่นมุกนี้กันเยอะนะ ไอ้ที่ดับๆอยู่ก็ดังขึ้นมา ไอ้ที่ดังๆอยู่แล้วก็ดังขึ้นไปอีก พี่ก็ไม่ได้อยากจะไมนัสน้องหนูแตงกวาหรอกนะ แต่ก็อยากให้ยุระวังไว้ด้วย อย่าลืมซะล่ะว่านางเป็นเด็กในสังกัดใคร”

“ยุรู้ว่าแตงกวาเป็นเด็กสังกัดคุณซอลย่าคู่ปรับของเจ๊ แล้วยังไงล่ะ ยุว่าน้องเขาก็นิสัยดีออกนะ”

“ใช่ค่ะ แตงกวาเป็นเด็กสังกัดของซอลย่าคนที่เจ๊ไม่ชอบหน้าที่สุด และยังเป็นสังกัดเดียวกันกับไอ้ชั่วบดินทร์ที่ทำให้น้องพี่ดิ่งลงเหวด้วย ไม่ว่ายังไงพี่ก็วางใจไม่ลงหรอกค่ะ!”

น้ำเสียงจริงจัง ห้าวหาญสมชายชาตรี(?)ของบลูม่าทำให้สดายุต้องอ่อนข้อให้ผู้จัดการสาวของตนหน่อย

“...โอเคครับเจ๊ ยุจะระวัง”

“ดีมากค่ะ ถ้ามีอะไรรีบบอกเจ๊นะ เจ๊จะไปฉะให้ดิ้นทั้งเด็กมันทั้งผู้จัดการของมันเลย!!”

กำชับน้องรักพลางสะดิ้งตัวให้ดูมีจริตสมกับเป็นสาวมั่น จนสดายุยังอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ ว่าแล้วก็แซวเล่นสักหน่อยเพื่อเป็นการผ่อนคลายบรรยากาศ

“ทำไมน๊า เจ๊บลูม่าของผมถึงได้จงเกลียดจงชังคุณซอลย่าผู้แสนจะเรียบร้อยน่ารักคนนั้นจัง...หรือว่า...เพราะคุณซอลย่าตัวเล็กกว่า ผอมกว่า และสวยกว่ากันน๊า...”

“ต๊ายยยย!! เดี๋ยวโดนตบปากนะคะน้องยุ อย่าเอาพี่ไปเทียบกับมันนะ!”

“ทำไมพี่เกลียดเขาจัง คุณซอลย่าออกจะเรียบร้อย เรียนมาด้วยกันตั้งแต่มหาวิทยาลัยด้วยนี่นา...”

“โอ้ยยยย! ไม่ใช่เรียบร้อยหรอกค่ะ แบบนั้นน่ะเขาเรียกแร่ดเงียบค่ะ แกล้งทำเป็นแบ๊ว แอ๊บใสไร้เดียงสา โทษทีเถอะค่ะกวาดผู้ชายตั้งแต่หน้า มอ.ยันท้าย มอ. ฮึ่ย! พูดแล้วเคืองค่ะ!!”

‘อ๋อ...แค้นที่ป๊อบกว่าสินะ’

ได้ฟังคำแถลงไข สดายุก็ไม่ได้จุดชนวนต่อ ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มรับแล้วฟังผู้จัดการสาวของตนบ่นเรื่องคู่แค้นแสนอาฆาตต่อไป...

ร่วมสี่สิบนาทีแล้วตั้งแต่ที่กฤตเมธหายไปในห้องท่านประธาน เรื่องอะไรกันนะถึงได้คุยกันนานขนาดนั้น แค่เรื่องเขา หรือเรื่องอื่นด้วย...แม้ต่อหน้าบลูม่าสดายุจะยังยิ้ม ยังหัวเราะสดใส แต่แท้จริงในใจมันกำลังกังวล

กริ๊งงงง....

กริ๊งงงงง....

“อ๊ะ! ฮัลโหลค่ะคุณเสน่ห์จันทร์ บลูม่าพูดสายค๊า มีอะไรให้รับใช้คะ บลูม่ายินดีทำทุกอย่างค๊า....” (เสียงระริกระรี้สุดๆ   )

“.............!!!?”

‘ตายยากจริงๆ พับผ่า’ ความคิดนี้หลุดเข้ามาในสมองของสดายุทันทีที่ได้ยินว่าบลูม่ากำลังคุยกับใคร

“เอ่อ...อยู่ค่ะ...คะ?...อ๋อ...ได้ค่ะ...ค่ะ จะรีบให้ไปเดี๋ยวนี้เลยค่ะ...ค่ะสวัสดีค่ะ....”

ปิ๊บ...

“มีอะไร...เกี่ยวกับยุใช่มั้ยเจ๊บลูม่า?”

สดายุถามขึ้นทันทีที่สาวเจ้าวางสาย เพราะเห็นสีหน้าท่าทางกับสายตาที่จับจ้องมาเมื่อครู่พอรวมกับบริบททางโทรศัพท์แล้วเดาได้ไม่ยากเลยว่าท่านประธานเสน่ห์จันทร์กำลังต้องการอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเขาอยู่แน่ๆ...และมันก็เป็นดังคาด

“เอ่อ...น้องยุคะ คุณเสน่ห์จันทร์เธอเรียกขึ้นไปพบแน่ะค่ะ บอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วย...”

เสียงเจื่อนๆเอ่ยขึ้น เพราะนางรู้ดีว่าการถูกท่านประธานเรียกคุยนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องดี โดยเฉพาะช่วงกำลังมีข่าวฉาว

“อ๋อครับ ยุจะไปเดี๋ยวนี้”

“เอ่อ...ยุ...”

“ไม่มีอะไรหรอกเจ๊ คุณเมธเขาก็อยู่ข้างบนเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงนะ”

“งั้นรีบไปรีบมานะยุ รีบเคลียร์รีบจบ ถึงคุณเสน่ห์จันทร์เธอจะดุหน่อย แต่เธอเป็นคนมีเหตุผล เจ๊เชื่อว่ายุจะไม่โดนว่าอะไร...ถ้ายุ...ไม่เกรียนใส่เธออย่างแต่ก่อน...”

“รับทราบครับเจ๊ ยุจะทำตัวเรียบร้อยอย่างกับผ้ายับพับไว้ทีเดียว จะไม่หือไม่อือไม่เถียงซ๊ากคำเลยคร๊าบ...ฮ่าฮ่า...”

“น้องยุ! เฮ้อ...จริงๆเลยเชียว...”

ทำทะเล้นทิ้งท้ายแล้วรีบเดินออกจากห้องสำนักงาน ทิ้งให้บลูม่าต้องเอ็ดตามหลังมาติดๆ ทว่าพอหลุดออกจากประตู ใบหน้าทะเล้นก็เปลี่ยนเป็นเงียบขรึม ใช่...ก็เพราะถูกเรียกพบไม่ใช่เรื่องน่ายินดีกับเขาในตอนนี้เลยแม้แต่นิดเดียว...

ติ๊ง...

‘Forty Floor’

เสียงลิฟท์บอกเลขชั้นสี่สิบ อันเป็นจุดหมายปลายทางที่มีอะไรบางอย่างยากจะคาดเดารออยู่ ณ จุดหมายนั้น  พอประตูลิฟท์เปิดปุ๊บก็มองเห็นโถงทางทอดยาวไปตลอดจนถึงช่องหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่สามารถมองออกไปเห็นด้านนอกในมุมมองสูงลิบลิ่ว ณ โถงทางเดินนั้นมีทางแยกซ้ายขวาอยู่สองทาง ซ้ายคือทางที่แยกไปห้องพักรับรองส่วนตัวของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ ขวาคือทางแยกไปที่ห้องทำงานส่วนตัว

ชั้นสี่สิบทั้งชั้นแสนเงียบงัน ไม่มีเงาคนพลุกพล่านอย่างเช่นชั้นล่างๆ หากไม่ได้มีธุระจำเป็นจริงๆ หรือหากไม่โดนเรียกก็จะไม่มีใครขึ้นมาถึงชั้นนี้อย่างเด็ดขาด โถงทางเดินยาวโล่ง จากลิฟท์ถึงทางแยก ก็ไกลลิบตา ทั้งเย็นเยือกทั้งกดดันสดายุถึงกับคิดในใจว่าถ้าไม่จำเป็นเขาเองก็คงไม่เหยียบขึ้นมาเด็ดขาดเช่นกัน

‘เอาวะ...เฮ้อ...’

แต่ในเมื่อไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ สดายุจึงทำได้เพียงถอนหายใจยาวๆ แล้วก้มหน้าก้มตาเดินทอดอาลัยไปยังจุดหมาย นั่นคือห้องทำงานส่วนตัวของท่านประธานเท่านั้น ทว่าในจังหวะที่กำลังจะเลี้ยวตรงมุมทางเดิน ก็มีร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเลี้ยวมาขวางเอาไว้พอดี

“...อ้าว? สดายุ...”

“................!!!?”

หนึ่งเสียงที่เคยคุ้นดังขึ้นเหนือศีรษะ ก่อนถึงทางเลี้ยวหน้าห้องประธาน สดายุค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่ขวางทางเขาอยู่ตรงหน้า และคนคนนั้นก็คือคนที่เคยอยู่ในความทรงจำดังคาด ดวงตาคู่สวยของสดายุค่อยๆขวางเขม่น จดจ้องคนตรงหน้าอย่างเยือกเย็นและดุดัน

“หึหึ...ทำไมทำหน้าดุแบบนั้นล่ะ? ไม่ทักทายเพื่อนเก่าหน่อยเหรอ...”

คำพูดยียวนช่างกวนอารมณ์ของสดายุให้ยิ่งมีตะกอน แต่เขาไม่อยากต่อปากต่อคำ หรือเอาเข้าจริงคือ ไม่อยากจะเสียน้ำลายพูดด้วยแม้แต่คำเดียว ชายหนุ่มหลบสายตาทันทีเพราะไม่ต้องการเห็นหน้าแม้เพียงเสี้ยววินาที พร้อมเบี่ยงตัวเลี่ยงไปอีกฟากเพื่อหลบทางอีกฝ่ายให้พ้น ทว่าดูเหมือนอีกคนจะไม่ยินยอม

“อ๊ะ อ๊ะ เดี๋ยวสิครับ แหม...เย็นชาเหมือนเดิมเลยนะ”

ถูกขวางทางเดิน ถูกกางกั้นแม้จะพยายามเบี่ยงซ้ายหลบขวาก็เหมือนจะไม่มีทางพ้นจากคนตรงหน้าได้ง่ายๆ สดายุสูดหายใจเฮือกใหญ่เพื่อระงับอารมณ์คุกรุ่น เขาไม่ใช่เด็กและไม่ได้ต้องการจะเล่นด้วย เมื่อซ้ายก็ไม่หลบ ขวาก็ไม่พ้น สดายุก็หยุดนิ่ง สายตาที่มองปลายเท้าอยู่เมื่อครู่ตวัดขึ้นมามองคนตรงหน้าอีกครั้ง

“ช่วยหลบผมหน่อยได้มั้ย? คุณบดินทร์!!”

*******************************************

ใครหมั่นไส้บดินทร์ยกมือขึ้น!!
อิอิ
 :katai4:

ปล. ใครจำบดินทร์ไม่ได้ ให้ย้อนกลับไปอ่าน ซีนที่ 17 หน้า 51 นะจ๊ะเบ่บี๋
ปล. 2 ถ้ามีเวลาจะทำสารบัญ! จริงๆนะ แม้แต่ตัวคนเขียนเอง เวลาจะย้อนกลับไปอ่านอะไรที มันช่างหายากเกิ๊น!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: paanyong ที่ 02-05-2014 23:15:50
 :monkeysad: เฝ้ารอวันที่ฟ้าสดใสสำหรับสองคนนี้
เป็นกำลังใจให้จ้า ทั้งคุณเมธ คุณยุ และก็คนเขียนด้วย :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 02-05-2014 23:18:31
มันคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกฉาวสินะ อิดิน  :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 02-05-2014 23:26:20
ตัวร้ายโผล่มาแล้ว คุณเมธต้องจัดหนักแทนน้องยุด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 02-05-2014 23:26:37
หาเรื่องน้องยุของพี่ไม่ได้ คุณเมศพ่อพระเอกอยู่ไหนคะ ปรากฏตัวด่วนๆคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 02-05-2014 23:31:32
เกลียดตอนที่ไอ้พวกดาราหน้าพลาสติก รุมเม้าท์น้องยุระยะเผาขนอ่า โอ้ย ใจร้ายกันจัง ซ้ำเติมกันเข้าไปเหอะ

ถึงยังไงน้องยุก็มีคุณเมธคอยดูแลปกป้องอยู่ไม่ห่าง  แต่ก็อยากหาเปลือกทุเรียนไปตบปากเน่าๆ นั้นจัง

ทำเราของขึ้น แบบปรี๊ดดดดดดดแทนหนูยุมั่กมาก

ส่วนยัยน้องแตงกว่าเน่า  เชื่อใจไม่ได้เหมือนที่เจ๊เค้าเตือนนั่นแหละ  ดูแอ๊บๆ ยังไงไม่รู้ ต้องระวังตัวนะคะน้องยุ พี่ละเป็นห่วง

กรี๊ดดด ตอนท้ายไอ้บดินทร์ มันจะทำอะไรน้องยุของเราบ้างมั้ยเนี่ย หวังว่าคุณเมธคงจะมาช่วยไว้ทันนะ

ตัวร้ายโผล่ พระเอกก็ต้องมาออกโรง อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 02-05-2014 23:37:31
ฝากนี่ :z6: ไปให้ไอ้บดินทร์ทีค่ะ
รออ่านอยู่น้าาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 02-05-2014 23:44:40
 :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 02-05-2014 23:49:09
(ไอ้)คุณบดินทร๋มันคือใคร?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-05-2014 23:50:35
ยกมือ
หมั่นไส้มาก
มีลางสังหรณ์ว่าแตงกวาจะไม่ใช่คนดีตั้งแต่แรก เฮ้อออ
เรื่องนี้เจ๊ขอแนะนำว่าชะนีอย่ายุ่งจะดีกว่าค่ะ
เพราะฉะนั้นหลบไปซะนะคะน้องแตงกวาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 03-05-2014 00:00:06
แคร์ไรคะ มันเล่นเราได้เราก็เล่นมันได้ อย่าลืมว่าฝั่งเราก็มีคุณเมธอยู่กัดมันเอาให้ขาดเลย
คิดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นแตงกวา แต่ถ้ามีตัวอื่นมาเพิ่มละก็  :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 03-05-2014 00:05:03
มันมาแล้ว ไอ้ตัวร้ายยยยย

ตอนหน้าขอเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 03-05-2014 00:07:19
เกลียดพวกที่นินทายุ!!!!!

พี่เมธช่วยน้องด้วย. ฮรืออออุ
ส่วนไอ่บดินทร ไปไหนก็ไปปปป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 03-05-2014 00:07:35
จะดราม่ามากไหมน้อ คนเขียนอย่าโหดมากน้า เค้าสงสารยุอ่ะ  :monkeysad:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 03-05-2014 00:08:14
จะดราม่ามากไหมน้อ คนเขียนอย่าโหดมากน้า เค้าสงสารยุอ่ะ  :monkeysad:  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 03-05-2014 00:19:08
เง้ยยยย
มาม่ามาแล้ว
ไม่เอานะ ;---;)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 03-05-2014 00:20:02
น้องยุ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-05-2014 06:49:47
แย่ แล้ววววววว ยุ และ คุณเมธ สู้ ๆ

ดาวร้าย เริ่มโคจรมาใกล้แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Minerva ที่ 03-05-2014 07:01:37
พรึ่บ!!//ยกมือพร้อมกันเป็นหมู่คณะโดยมิได้นัดหมาย(?)

เกลียดจริงพวกที่กดคนอื่นให้ตกต่ำเนี่ย~ พวกเอาแต่ริษยา!!~~ (อินแป็ป)
น้องยุงานเข้าไม่หยุดหย่อนจริงๆ มาม่ายกเซ็ต เฮือก!! คนอ่านจุกค่ะ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 03-05-2014 07:17:17
สดายุมันเหมือนละครเรื่องรายหว่า ที่พระเอกเกิดมาแม่งซวยตลอดอะ 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 03-05-2014 08:00:12
อิตาบดินทร์น่าจับตยให้มิดจมดินเลยเชียววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 03-05-2014 08:30:10
 :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: pochu52 ที่ 03-05-2014 09:04:48
ลุงเมธกับน้องยุสู้ๆ
เรื่องแย่ๆ มันมาไม่หยุดไม่หย่อน เฮ้อ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 03-05-2014 09:20:53
มาม่ามาแล้วสินะ วัตถุดิบพร้อมต้มมากันถ้วนหน้า

อยากเทหม้อทิ้งซะจริง พี่เมธช่วยน้องยุคว่ำหม้อมาม่าหน่อยสิ :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: hyuk_knok ที่ 03-05-2014 09:32:23
 :sad4:นังเจ้บดินทร์ นี้มันเป็นครายยยยยยยยย กรี๊ดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 03-05-2014 09:32:30
ชีวิตยุโดนทำร้ายอีกแล้ว ยุสู้ ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: =นีรนาคา= ที่ 03-05-2014 09:49:13
มันจะมีอะไรอีกเนี่ย!! :ling1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 03-05-2014 10:48:49
แวดวงบันเทิงนี่น่ากลัวเนอะ สงสารยุ สงสารคุณเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-05-2014 11:41:36
เราจำบดินทร์ไม่ได้
 :really2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 03-05-2014 13:01:01
 :ling1: :ling1: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 03-05-2014 14:20:52
ต่อไวๆ น้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 03-05-2014 14:25:39
มาทำไมเนี่ยบดินทร์ หายแล้วหายลับไปสิ มายุ่งกับยุทำไม
เดี๋ยวคนแก่ ธาตุไฟแปรปรวนหรอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 03-05-2014 14:42:05
สงสารน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 03-05-2014 14:42:48
จิ๊ เพื่อนไม่รักแต่แอบรักเพื่อนรึเปล่าคะบดินทร์ แบบ

 พอเห็นเพื่อนไม่สนใจ เลยเรียกร้องความสนใจแทน โฮะๆ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 03-05-2014 14:56:03
ทำไมรู้สึกว่าคุณตัวร้ายใช้ถ้อยคำ และกริยา อันตอแย แบบมีอะไรในใจคร้า!!?
แอบคิดอะไรกะยุจังอ่ะป่าววว  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 03-05-2014 17:03:51
ตัวา้ายมาละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 03-05-2014 17:52:38
ยกสองมือเลยค่ะ   หมั่นไส้ที่สุดดดดดดดดดดดด  แถม :z6: ให้อีก 1 ที 555555 :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: caramely ที่ 03-05-2014 21:50:17
ยกมือขึ้นแล้ว  :fcuk: และ  :beat:  ปิดท้ายด้วย  :z6:  ให้อีบดินทร์ 
เมธ ยุ สู้ๆ นะ  :110011: :ped149: :z7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 03-05-2014 21:54:38
ตัวร้ายออกแล้วซินะ   :katai1:

ว่าแต่บดินทร์ดูท่าจะแอบรักน้องยุชิมิ  :ling1:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 04-05-2014 00:11:41
อร๊ากกกกก น้องยุเจอคู่ปรับเก่า :m16: ต่อยมันเลยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-05-2014 00:31:19
น้องยุขา สามีมีบารมีขนาดนี้ใช้ให้เป็นประโยชน์ค่ะ
แต่คาดว่าน้องยุคงไม่ทำเพราะกลัวทำให้คุณเมธเสียหาย
อยากจะไปยันไอ้ดินให้ล้มแล้วให้น้องยุเดินเหยียบผ่านไปจริงๆ ให้ตายเหอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 04-05-2014 00:40:57
บดินทร์ต้องการอะไร
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 04-05-2014 23:59:03
โอ๊ยยยย หมันไส้บดินทร์ที่สุด ตั้งแต่แรกที่พูดถึงล่ะ

นิสัยแย่มากกกกกกก สู้ๆนะสดายุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 05-05-2014 15:10:45
ตบมานนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน บดินทร์
มาขวาง ยุ ทำไมมมม
พระเอกลุงสุดหล่อ มาช่วยน้องยุ เลยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 25 [02/05/14] (P.71) UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 05-05-2014 22:28:34
บดินทร์อย่าอยู่เลยยยย

 :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 09-05-2014 00:27:53
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 26




“ช่วยหลบผมหน่อยได้มั้ย? คุณบดินทร์!!”

น้ำเสียงขุ่นข้องของสดายุกล่าวออกไปเสียงดังฟังชัด ถ้อยคำสุภาพทว่าแฝงความแข็งกร้าวชัดเจน และมันโดนใจฝ่ายรับสาห์นแบบเต็มๆ เพราะทันทีที่สดายุพูดจบ บดินทร์ก็หัวเราะร่า ร่างกายกำยำกว่าขยับเข้าหาสดายุอย่างคุกคาม  สดายุขยับถอยห่างอย่างนึกรังเกียจ แต่ก็พลาดท่าถูกดันถอยหลังไปจนหลังติดกับผนังจนได้  โดยมีบดินทร์ใช้แขนขวาเท้าผนังปิดการเคลื่อนไหวของสดายุหนึ่งทาง

“ยังหยิ่งทะนงไม่เปลี่ยนเลยนะสดายุ ทั้งที่ไม่เหลืออะไรจะให้หยิ่งผยองได้แล้วแท้ๆ…”

“ถอยไป!”

เสียบแหบหวานคำรามต่ำเมื่อรู้สึกว่ากำลังถูกคุมคามความเป็นส่วนตัวมากเกินไป แต่ก็เหมือนเดิม ยิ่งสดายุร้ายใส่เท่าไหร่ บดินทร์ก็ยิ้มยียวนมากขึ้นเท่านั้น

“จุ๊ จุ๊ โถ…อย่าเพิ่งตัดรอนกันขนาดนั้นสิครับ สดายุ เรามันก็คนคุ้นเคยนะ เพื่อนรักที่ไม่เจอกันตั้งเป็นปีๆ เขาเย็นชากันแบบนี้เลยเหรอ เฮ้อ ใจร้ายจังน๊า สดายุเนี่ย…”

บดินทร์ยิ้มพราวพร้อมกล่าวคำตัดพ้อด้วยน้ำเสียงทุ้มหวานทรงเสน่ห์ พลางเอียงหน้าเข้าหาสดายุเล็กน้อยเป็นการเย้าแหย่ เพื่อเรียกอารมณ์เดือดดาลของสดายุให้ลุกโชติช่วงเหมือนอย่างที่เคยเป็นในอดีต เพราะบดินทร์ต้องการเห็นสดายุฟิวส์ขาดจนควบคุมตัวเองไม่ได้ อยากเห็นสดายุโมโหแล้วพาล ยิ่งลงไม้ลงมือกับตนได้เลยยิ่งดี เพราะจริงๆแล้วบดินทร์เกลียดมาก เกลียดสดายุมากที่เมินเฉยเย็นชาใส่ตน เกลียดสดายุสุดที่มองไม่เห็นหัวตัวเอง!

“ขอโทษนะ ผมไม่เคยมีเพื่อน…แบบคุณ”

“แบบผม? มันยังไงเหรอคร๊าบ…คุณสดายุ?...”

บดินทร์ยังคงยิ้มกวน แต่ตอนนี้สดายุเริ่มคุมสติตัวเองได้นิดหน่อยแล้ว ชายหนุ่มคิดได้แล้วว่าเขาไม่ควรแลกกับคนไร้ศักดิ์ศรีอย่างบดินทร์ และรู้แล้วว่าควรเอาคืนคนไร้ยางอายตรงหน้านี้ยังไง

“…มันยังไงน่ะเหรอ?...”

สดายุเปรยขึ้นเล็กน้อย ก่อนชำเลืองมองบดินทร์ตั้งหัวจรดเท้า เสร็จก็พ่นลมหายทางจมูกแรงๆครั้งหนึ่งราวกับกำลังเยาะเย้ยบางสิ่งที่น่าสมเพช

“หึ…ก็ไม่รู้สินะ ผมไม่เคยใส่ใจซะด้วยสิ…โอ๊ะ! ถ้าจะพูดให้ถูกก็คง… ‘ไม่เคยอยู่ในสายตา’ น่ะ…หึหึ”

หมับ!!

“…………….!!??”

“อย่าอวดดีให้มันมากนักนะครับ สดายุ!”

มือหนาตะปบปลายคางของสดายุจนเจ็บหนึบทันทีที่จบคำปรามาส ใบหน้ายิ้มยียวนเมื่อครู่นั้นเปลี่ยนเป็นถมึงทึงราวกับคนละคน…เปลี่ยนจากคนที่สักแต่ทำหน้าเป็นมิตรแบบเสแสร้ง เป็นใบหน้าของคนที่ชิงชังในตัวของสดายุอย่างชัดเจน…ใบหน้าที่สดายคุ้นเคย เป็นอย่างดี

“แค่ท่านประธานเขาใจดีจับคุณใส่ตะกร้าล้างน้ำแล้วให้รับงานเป็นตัวเอกของหนังเรื่องใหม่…หึหึ…หนังเกย์ที่อุตส่าห์ให้คุณกฤตเมธมาเป็นป๋าดัน กะให้กลับมารุ่งอีกครั้ง…คุณคิดว่าแค่กลับมารับงานเรื่องเดียวข่าวเน่าๆ ประวัติฟอนเฟะที่คุณเคยทำไว้มันจะลบล้างกันได้ง่ายๆอย่างนั้นเหรอ เฮอะ! ตลกน่า…”

“หึ…อิจฉาเหรอ?”

คำปรามาสที่บดินทร์สาดเสียเทเสียมาดูเหมือนจะไม่ได้กระทบกระเทือนสดายุสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มยังคงยิ้มเยาะแม้จะยังถูกตะปบปลายคางไว้อย่างแน่นหนา

“…ว่าไงนะ!?”

“อ๋อ…ขอโทษครับ ผมลืมไป คนอย่างคุณที่มีชื่อเสียงแถมงานชุมขนาดนี้คงไม่เสียเวลามาคอยอิจฉาผมหรอก…ผมเผลอนึกว่าเป็นเมื่อก่อนน่ะ…สมัยคุณยังเป็นแค่ดาราขายไม่ออก…จนต้องขายเพื่อนเพื่อเป็นบันไดให้ตัวเอง…ดัง…”

“สดายุ!! แก!!...”

“……!!!???”

เพราะอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นของบดินทร์ทำให้เจ้าตัวเผลอกดร่างของสดายุกระแทกเข้ากับผนังแรงขึ้น มือที่กระชับอยู่ที่ปลายคางของอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะบีบแน่นจนน่ากลัวว่ากรามของสดายุจะโยกไปเสียก่อน

การถูกกระทำรุนแรงทำให้สดายุรู้สึกโมโหไม่น้อย แต่หากจะให้มีเรื่องกันที่หน้าห้องท่านประธานก็คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก โดยเฉพาะกับลูกผีลูกคนที่ยังไม่ได้กลับเข้าวงการเต็มตัวอย่างเขา ดังนั้นสดายุจึงทำใด้แค่กัดฟันกรอดแล้วใช้สองแขนของตนผลักเจ้าคนน่ารังเกียจตรงหน้าให้ออกห่างไปเสียที

“ปล่อย!!”

สดายุคำรามออกไปทันทีที่สองแขนถูกกดตรึงกับผนังอีกกว้าง แต่ดูเหมือนบดินทร์เองก็ไม่ใคร่สนใจเสียงขู่ของสดายุเท่าไหร่นัก สองมือแกร่งกว่ายังคงออกแรงกดสองแขนสดายุไว้กับผนังข้างลำตัวอย่างแน่นหนา แม้สดายุพยายามดิ้นรน แต่เรี่ยวแรงมันแตกต่างกันเกินไป

“ผอมลงเยอะเลยนะ สดายุ แทบไม่เหลือเค้าพระเอกหนุ่มหุ่นสมาร์ทกล้ามสวยเหมือนเมื่อก่อนเลยนะเนี่ย…ลดน้ำหนักเพื่อการแสดงสินะ…”

“……………..!!!??”

“ทุ่มเทไม่เปลี่ยนเลยเชียว…”

ประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายก้มลงกระซิบอยู่ข้างหูเล่นเอาสดายุขนแขนลุกซู่ด้วยความรังเกียจอย่างไม่ปิดบัง สดายุบิดสะบัดหน้าหนีทันทีพร้อมออกแรงดิ้นรนที่ข้อมือของตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ต้องออกแรงมากบดินทร์ก็ปล่อยมือของเขาอย่างง่ายดาย พร้อมหัวเราะออกมาเบาๆ

“ฮะฮะ โอเค…ไม่แกล้งแล้ว เหมือนรังแกผู้หญิงอยู่เลย เล่นเอาทำไม่ลงแน่ะ หึหึ”

“…………..” (สดายุไม่ตอบโต้ ได้แต่ขบกรามแน่นด้วยความโกรธ ดวงตาที่จ้องไปยังบดินทร์นั้นก็ฉายแววชิงชังอย่างไม่ปิดบัง)

“ผมต้องไปแล้วล่ะ ไว้จะรอติดตามผลงานแล้วกัน หึหึ เจอกันใหม่นะครับ…หึหึหึ”

“ฮึ่ย!!”

ประโยคสุดท้ายยังไม่วายยื่นมือมาจับปลายคางของสดายุราวกับทำกับผู้หญิง จนสดายุต้องรีบปัดมือนั้นออกด้วยความโมโห แล้วมองร่างของบดินทร์เดินจากไปจนพ้นสายตาพร้อมกับเสียงหัวเราะน่าชังของเจ้าตัว

“จะต้องทำบุญให้อีกสักกี่วัดวะ มันถึงจะไปผุดไปเกิดเสียที!”

สดายุได้แต่สบถกับตัวเองอย่างหัวเสีย เขาทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะไม่ว่ายังไง วงการนี้มันมีลำดับขั้นอยู่และเขากับบดินทร์ในตอนนี้นั้นมันต่างขั้นกันเกินไป หากผลีผลามก่อเรื่องอะไรขึ้นมาคงไม่ใช่แค่เขาที่จะลำบาก 

“…ฝากไว้ก่อนเถอะ”

*
*
*
*
*

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เชิญ”

“ขออนุญาตครับ…”

บรรยากาศในห้องกว้างที่สดายุเปิดเข้ามานั้นเย็นเยียบ โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ฝั่งตรงข้ามประตู โดยหันหลังให้กระจกบานใหญ่ที่ส่องเห็นเกือบทั่วกรุงเทพเมืองฟ้า เจ้าของโต๊ะค่อยๆหันเก้าอี้นวมหนุนกลับมาเผชิญหน้ากับสดายุที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นอยู่ที่หน้าประตู

“นั่งก่อนสิ สดายุ”

“ขอบคุณครับ คุณเสน่ห์จันทร์”

สดายุเอ่ยขอบคุณก่อนจะเข้ามานั่งเก้าอี้นวมฝั่งตรงข้ามประธานหญิงอย่างสุภาพ พลางยิ้มตอบรับรอยยิ้มที่เสน่ห์จันทร์ส่งมาให้ด้วยความนอบน้อม

เสน่ห์จันทร์ ประธานสาวใหญ่วัย ห้าสิบต้นๆ แต่ยังดูเป็นอ่อนกว่าวัยอยู่เสมอ ใบหน้ารูปไข่ดูสะอาดหมดจด แต่หน้าบางๆเหมาะกับใบหน้า ผมยาวเกล้าตึงเป็นมวยสวยทรงสมัย ริ้วรอยแห่งวัยไม่ค่อยปรากฏให้เห็น แต่ก็ไม่ได้ดูอ่อนเยาว์นัก ด้วยเพราะริ้วรอยแห่งความเจนจัดจากการสั่งสมประสบการณ์ชีวิตนั้นปรากฏรอยให้เห็นอย่างชัดเจน แต่นั่นไม่ใช่ความแก่ชรา หรือร่องรอยที่ทำให้เจ้าตัวดูสูงวัยอย่างผู้หญิงทั่วไป แต่เป็นริ้วรอยที่ทำให้นางดูน่ายำเกรงต่างหาก โดยเฉพาะดวงตาคมดุของเจ้าหล่อน ที่แค่ปรายตามองเพียงนิดคนถูกจ้องก็อาจถึงกับใจสั่นได้ และแน่นอนว่าสายตาคมกริบของเสน่ห์จันทร์ก็ย่อมมีผลต่อสดายุอยู่พอสมควร

'มองแล้วยิ้ม...เล่นเอาไปไม่เป็นเลยเว้ย ตกลงเรียกมาเคลียร์เรื่องอะไรวะ'

สดายุได้แต่ยิ้มรับแล้วพาลคิดในใจอย่างนึกหวั่น เพราะไม่สามารถเดาได้เลยว่าท่านประธานที่น่ายำเกรงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ถึงได้อุตส่าห์เรียกเขาขึ้นมาพบ สดายุคิดอย่างไม่เข้าข้างตัวเองเลยว่า ต้องไม่ใช่เรียกขึ้นมานิยมชมชอบแน่ๆ ใช่ว่าจะมีอคติอะไรกับท่านประธาน แต่เพราะเมื่อก่อนเขาทำตัวเหลวไหล เข้าขั้นเหลวแหลก และหลายๆครั้งที่เขาสามารถผ่านพ้นข่าวฉาวมาได้นั้น ก็ล้วนแล้วแต่ได้ท่านประธานเสน่ห์จันทร์เป็นคนยื่นเข้าช่วยเหลือทั้งสิ้น ทั้งๆที่คนตรงหน้านี้ถือได้ว่าเป็นสุดยอดผู้มีพระคุณ แต่ ณ ขณะนั้นสดายุผู้ไม่เคยสนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ก็ไม่เคยมองเห็น เพราะตอนนั้นเขายังเด็ก และความช่วยเหลือที่มาพร้อมความน่าอึดอัดนั้นมักทำให้เขาไม่พอใจ จนไม่เคยทำตัวดีๆใส่ท่านประธานที่อุตส่าห์เมตตาเลย

สดายุเกลียดตัวเองขึ้นทุกครั้งที่คิดถึงอดีตของตัวเองสุดๆ สะใจลึกๆจริงๆที่ในที่สุดตัวเองก็ได้รับผลกรรม โดนยกเลิกสัญญา โดนเลิกจ้าง โดนตราหน้าเป็นดาราตกกระป๋อง ตอนนั้นคิดเอาไว้แค่ว่ารับงานกิ๊กก๊อก กระจอกๆไปวันๆ ขายคอนโดห้องสวีทใจกลางเมือง ขายรถหรูระดับLuxury นั่งกินบุญเก่าที่ยังพอเหลือไว้ในขณะที่ยังไม่รู้จะไปทำงานที่ไหน ไม่ใช่ไม่มีความรู้ แต่จบออกมาก็เกรดไม่สวยเท่าไหร่ แถมตอนตกงานตอนนั้นยังตกงานเพราะข่าวฉาวที่ทำเอาคนเกลียดกันทั้งบ้านทั้งเมือง นอกจากธุรกิจส่วนตัวแบบอยู่หลังร้านแล้วคงหนีไปไหนไม่รอด ทว่าจนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เริ่มทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที อยู่เปล่าๆปลี้ๆจนบุญเก่าเริ่มร่อยหรอ เกือบถึงทางตันอยู่รอมร่อก็พอดีกับที่โดนเรียกกลับมารับงานใหม่ แม้จะไม่อยากยอมรับ แต่สดายุปฏิเสธไม่ได้จริงๆเลยว่า 'เฮ้อ...โชคช่วย'

ดังนั้นการที่ได้รับโอกาสกลับเข้ามาทำงานในครั้งนี้ สดายุจึงตั้งใจเหลือเกินว่าจะไม่ทำตัวมีปัญหาอีกเด็ดขาด...

แต่...รู้สึกว่า...จะไม่ทันซะแล้ว...

“เอาล่ะ ก่อนอื่นก็ขอต้อนรับกลับมานะ สดายุ ได้ข่าวจากผู้กำกับของเธอว่าเธอยังเก่งกาจเหมือนเดิม ฉันประทับใจมาก ดีใจนะที่จะได้ร่วมงานกันอีก”

“ขอบคุณครับ อุตส่าห์ได้โอกาสใหญ่มาทั้งที ผมต้องทำให้เต็มที่อยู่แล้วครับ”

สดายุยิ้มรับอีกครั้ง พร้อมหัวใจที่เต้นระทึก กับบทสนทนาจั่วหัวที่เสน่ห์จันทร์เอ่ยขึ้น ‘จะต้นร้ายปลายดีหรือเปล่านะ’ แค่เพิ่งจะเริ่มกลับเข้าวงการ หนังยังไม่ทันจะฉาย ข่าวฉาวก็เรียงหน้าออกมาพรึ่บพรั่บ ทั้งจริง ทั้งลวง ทั้งปิดทัน ทั้งปิดไม่อยู่

...โอย...เครียด

“ดี ฉันชอบคนตั้งใจ และมีความพยายาม ฉันคาดหวังกับเธอได้ใช่มั้ยสดายุ ว่าเธอจะเธอจะสร้างผลงานดีๆ ให้ฉันได้ประทับใจ และภูมิใจที่ตัดสินใจไม่ผิด ในการเลือกเธอกลับมารับงานอีกครั้ง...”

น้ำเสียงอ่อนโยนสมวัย ยังคงกล่าวคำชื่นชมให้สดายุรู้สึกระทึกใจเล่น ก็จะไม่ให้รู้สึกได้ยังไงล่ะ ก็สร้างเรื่องไว้ขนาดนั้น แล้วยังอุตส่าห์มานั่งชื่นชมกันอีก แบบนี้มันต้องลุ้นตอนจบกันแบบตัวโก่งเลยล่ะ ว่าจะโดนจวกไส้ทะลัก หรือจะแค่บาดผิวๆ

“ฉันจะรอชมผลงานที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพล้นเหลือของเธอนะสดายุ”

 “ครับผมรับรองว่าจะไม่ทำให้คุณเสน่ห์จันทร์ผิดหวัง...”

หลังคำตอบรับของสดายุ ท่านประธานก็ยิ้มรับ แล้วเงียบนิ่งเหมือนรอให้สดายุเริ่มพูดอะไรสักอย่างขึ้นมาก่อน สดายุเองก็รู้ดีว่าท่านประธานกำลังรออะไรจากเขา

“...ผมขอโทษนะครับ เรื่องข่าวฉาวของผมทั้งสองเรื่อง ที่ต้องลำบากให้คุณเสน่ห์จันทร์ต้องเสียเวลาลงมาจัดการให้”

“หึหึ...ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะ ที่จะดูแลปกป้องนักแสดงในสังกัดให้อยู่ในที่ๆปลอดภัย สิ่งที่ฉันเห็นว่าไม่เหมาะสม ไร้สาระ และไม่บังเกิดประโยชน์เท่านั้น ที่จะต้องถูกห้ามปราม เพื่อรักษาสิ่งที่ควรรักษา แก้ไขสิ่งที่ควรจะแก้ไข และ...หยุดยั้งการกระทำที่สมควรได้รับการขัดขวาง...”

คำพูดแน่นหนักชัดเจน พร้อมรอยยิ้ม ที่ดูเหมือนจะยิ้มเพียงแต่ใบหน้า ทำเอาหัวใจของสดายุสะดุดไปเล็กน้อย ด้วยประโยคที่ว่า ‘หยุดยั้งการกระทำที่สมควรได้รับการขัดขวาง’ ประโยคสุดท้ายที่ท่านประธานให้น้ำหนักกับมันมากที่สุด ประโยคสุดท้ายที่ต้องการสื่อถึงตัวของสดายุอย่างชัดเจน

“.........................”

ชัดเจน จนสดายุยังต้องหยุดยิ้มเสแสร้ง แล้วจ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่ไม่ได้เมตตาเขาอยู่เป็นทุน จ้องให้ลึกเข้าไป เพื่อจะหาคำตอบมารองรับคำถามของตัวเอง

“หึหึ...เด็กฉลาดอย่างเธอ ฉันรู้ว่าเธอคงจะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ฉันกำลังจะบอก...”

“...........................”

“และฉันก็หวังว่า เด็กอย่างเธอคงฉลาดพอที่จะเลือกทางเดินที่ไม่ผิดพลาด ไม่ไร้สาระและไม่บังเกิดประโยชน์...”

“เรื่องกฤตเมธใช่มั้ยครับ?” สดายุถามออกไปตามตรง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนชอบอ้อมค้อม แม้จะกับระดับไหนก็ตาม...

“ลึกๆแล้ว เธอคงสงสัยอยู่สินะ เรื่องข่าวที่ออกมา ว่าทำไมฉันถึงเลือกปิดข่าวของกฤตเมธ แต่ไม่ปิดของแตงกวา”

“ก็พอจะสะกิดใจอยู่เหมือนกันครับ แต่ก็ยังไม่ได้ถึงขนาดติดใจจะหาคำตอบ”

ถึงตรงนี้ที่พอเดาได้ลางๆแล้วว่าจะโดนพูดถึงเรื่องอะไร รอยยิ้มบนใบหน้าของสดายุก็หายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ได้อยากทำตัวมีปัญหากับท่านประธานเหมือนอย่างในอดีต แต่...

หากโดนรุกรานจนอึดอัดอีก ก็คงทนไว้ได้อีกไม่นาน

“...หึ...เหมือนเดิมเลยนะ สดายุ เธอ...ยังคงเป็นเธอ...”

“...................”

“เฮ้อ...เอาล่ะ เรามาคุยกันแบบเปิดอกเลยแล้วกันนะ...”

พร้อมกับที่เริ่มประโยค เสน่ห์จันทร์ก็ลุกจากเก้าอี้ เดินอ้อมโต๊ะทำงานตัวกว้างไปหยุดอยู่ที่ด้านหลังของสดายุ แค่นั่งพลังกดดันของ เสน่ห์จันทร์ก็ล้นเหลือพออยู่แล้ว ยิ่งลุกขึ้นมายืนกอดอกอยู่ด้านหลังอีก อำนาจบารมียิ่งกดดันสดายุจนแทบจะจม  หากเป็นคนอื่นป่านนี้คงอกสั่นขวัญแขวน แต่สำหรับสดายุมันกลับยิ่งทำให้เขา...เยือกเย็นขึ้น

‘เอาสิ...จะมาไม้ไหนก็มา...’

“กฤตเมธเขาเป็นเด็กที่ฉันปั้นมากับมือ เธอคงรู้...”

“ครับ เรื่องนี้ใครๆก็รู้”

“...อืม...หึหึ...เมื่อก่อนตอนที่ฉันเจอกฤตเมธเขาใหม่ๆ  สมัยเขายังเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนั้นธุรกิจของครอบครัวของเขากำลังย่ำแย่ เรียกได้ว่าเข้าขั้นล้มละลาย ฉันยื่นมือเข้าไปช่วยไว้โดยแลกกับการที่กฤตเมธต้องเข้าวงการ เพราะฉันถูกชะตาเขา และรับรู้ได้ถึงพรสวรรค์ที่แสนเจิดจรัส เหมือนเธอ...”

เสน่ห์จันทร์เริ่มต้นเล่าเรื่องอดีตของตัวเองและกฤตเมธให้สดายุได้ฟัง

“กฤตเมธเขาเป็นเด็กดี ฉันที่เคยให้ความช่วยเหลือถือเป็นผู้มีพระคุณที่กฤตเมธเคารพและหมายมั่นจะตอบแทนด้วยความสามารถและพรสวรรค์ทางการแสดงทั้งหมดที่เขามี แน่นอนว่าเด็กคนนั้นไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง เขาเดินบนเส้นทางที่ฉันขีดให้ อยู่ในกฎในระเบียบ อยู่ในความไว้เนื้อเชื่อใจของฉัน เขาไม่เคยนอกลู่นอกทาง ไม่เคยเหลิงในเกียรติยศชื่อเสียง ไม่เคยสร้างความด่างพร้อยให้ตัวเองเลยแม้เพียงครั้ง จนได้สมญาว่า ‘พระเอกเนื้อทอง เทพบุตรแห่งวงการ’ ทั้งหมดนั่นกฤตเมธทำเพื่อตอบแทนบุญคุณของคนที่เขาเคารพรักอย่างฉัน ผู้ให้โอกาสและชีวิตใหม่ ตามคำมั่นสัญญาที่เขาเคยลั่นเอาไว้...จนถึงตอนนี้ แม้อายุของเขาจะเยอะขึ้น เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง งานไม่เคยลดลง เพียงแต่กฤตเมธเลือกที่จะทำหรือไม่ทำ เพื่อหลีกทางให้พวกพระเอกหน้าใหม่ได้ขึ้นมาเฉิดฉายบนเวทีสีกุหลาบนี้บ้าง...หึหึ...แต่ ไม่ว่าจะพระเอกกี่คนต่อกี่คน ก็ไม่สามารถเทียบรัศมีเขาได้ จนกระทั่งเจอเธอ สดายุ...”

“...ผมเหรอ?...”

“ใช่ เธอคือคนที่เปล่งประกายเจิดจรัสไม่แพ้กฤตเมธตอนเข้าวงการเลย พรสวรรค์ของเธอดีมาก...แต่สุดท้ายก็เป็นได้แค่พระเอกมากฝีมือที่ไม่มีจรรยาบรร....”

“ขอโทษครับ...”

“เฮ้อ...ฉันก็ไม่ได้จะว่าอะไรหรอก ยังไงซะมันก็แค่อดีต เธอตอนนี้ต่างหากที่จะก้าวต่อไป”

พูดพลางวางมือบนไหล่ของสดายุคล้ายว่าจะปลอบใจ ก่อนจะถอยไปพิงตัวเองกับขอบโต๊ะทำงาน แล้วส่งยิ้มให้สดายุอีกครั้ง

“ส่วนกฤตเมธน่ะ เขากำลังจะวางมือจากหน้าจอเพื่อไปทำงานเบื้องหลังที่เขาสนใจมากกว่าการเป็นพระเอก และฉันก็ยินดีในทางที่เขาเลือก กฤตเมธน่ะ เขาทำให้ฉันสมปรารถนามาหลายเรื่องจนฉันพอใจแล้ว หากในท้ายที่สุดแล้วเขาจะไม่รับงานหน้ากล้องอีก ฉันก็จะไม่คัดค้านใดๆ ตอนนี้ฉันพอใจในจุดยืนของกฤตเมธ และเหลือความปรารถนาในฐานะผู้ชุบเลี้ยงเขาอยู่แค่สองอย่างเท่านั้น...”

“..............”

“อย่างแรกก็คือ...”

ด้วยอาจเป็นเรื่องสำคัญ เสน่ห์จันทร์จึงโน้มตัวลงหากฤตเมธ เพื่อพูดกับชายหนุ่มตรงๆ ต่อหน้า ต่อตา

“ฉันปรารถนาอยากเห็นเขาเป็นดาวค้างฟ้า ที่แม้จะลาวงการก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยคุณค่า ที่ไม่มีสิ่งด่างพร้อยหรือพิษของอะไรก็ตามมาทำให้เขาหม่นแสง...มันเกือบจะสมใจฉันอยู่แล้วล่ะ แต่...มันเป็นเพราะฉัน ที่เกือบทำให้มันล่มไม่เป็นท่า...”

“สดายุ”

“ครับ”

“เธอรู้มั้ย? ว่าฉันพลาดตรงไหน...”

เสน่ห์จันทร์เอียงคอเล็กน้อยในขณะที่ถามคำถามนี้แก่สดายุ ริมฝีปากยกยิ้มดูเป็นมิตร ขัดกับแววตาเย็นชาอย่างสิ้นเชิง

“พลาด...ที่ให้เขามาเล่นหนังเรื่องนี้คู่กับผม” สดายุตอบออกไปอย่างเยือกเย็น

“เปล่า”

“...........??...”

“สิ่งที่ฉันทำพลาดก็คือ การเรียกเธอกลับมา”

คำตอบของเสน่ห์จันทร์ทำเอาสดายุชาวูบที่ท้ายทอยเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกตกใจ เพราะคำตอบของเสน่ห์จันทร์ แท้จริงคือคำตอบลึกๆในใจของสดายุอยู่แล้ว

‘ความเจ็บใจของท่านประธาน ที่เรียกมารกลับมาผจญ’

“แต่ในเมื่อมันไม่สามารถกลับไปแก้อะไรได้ สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำก็คือ ‘หยุดยั้งการกระทำที่สมควรได้รับการขัดขวาง...’ หยุดยั้งความสัมพันธ์ที่ไม่สร้างประโยชน์ใดๆระหว่างกฤตเมธ กับเธอ...”

พูดพลางหันหลังเดินออกจากตรงหน้าสดายุ อ้อมโต๊ะอีกด้านเพื่อกลับไปยังที่นั่งของตน

“ถึงตอนนี้เธอก็คงพอรู้แล้วสินะ”

“ฉันช่วยปิดข่าวของเธอกับกฤตเมธ เพื่อปกป้องกฤตเมธ เพราะเขาไม่สมควรต้องแปดเปื้อนจากเรื่องไม่เป็นเรื่อง”

“เรื่องแตงกวา คุณเจตนาให้มันเป็นข่าว!?”

สดายุเสียงกร้าวขึ้นเล็กน้อย เมื่อความอดทนเริ่มถึงขีดจำกัด สดายุเห็นด้วยที่สมควรอย่างยิ่งกับการปกป้องกฤตเมธจากเขา แต่ ไม่ได้หมายความว่าจะยินดีเป็นข่าวฉาวเพื่อกลบเกลื่อน!!

“ฉลาดนี่ สมกับเป็นเธอ สดายุ...ฉลาดและก้าวร้าว....หึหึ”

“หากคุณไม่พอใจที่ผมเป็นต้นเหตุให้กฤตเมธต้องเป็นข่าว แล้วทำไมไม่โจมตีผมคนเดียวล่ะ ลากแตงกวาเข้ามาเกี่ยวด้วยทำไม!?”

ถึงกับนั่งไม่ติดอีกต่อไปแล้วสำหรับสดายุ  เสน่ห์จันทร์ทำเกินไป

“ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่ต้องการทำอะไรก็ตามที่ไม่เกิดประโยชน์ ที่จริงฉันก็อยากให้ข่าวมันเงียบๆอยู่หรอกนะ แต่การให้มันเกิดข่าวขึ้นไว้ก่อน แม้จะเกิดสิ่งที่ฉันไม่ต้องการตามมา มันก็ยังอยู่ในสภาวะคลุมเครือ ถึงตอนนั้น...”

“ก็จะโยนความเลวร้ายทั้งหมดให้ผม เพราะหากต้นเรื่องเป็นผมแล้วล่ะก็ ไม่มีอะไรให้ต้องเสียหายสินะครับ เพราะยังไงซะคนอย่างผมก็ไม่มีอะไรจะเสีย”

สดายุสรุปความทั้งหมดด้วยตัวเอง ถึงตรงนี้เสน่ห์จันทร์ยกยิ้มที่แฝงความหมายว่า ‘ถูกต้อง’ ให้สดายุอย่างเต็มที่ กับสายตาที่เย็นชาอย่างลึกล้ำ เย็นชาจนสดายุถึงจุดเยือกแข็ง

‘สุดท้าย...เรามันก็แค่นี้’

“...เข้าใจก็ดีสดายุ แต่เธออย่าน้อยเนื้อต่ำใจไปเลยนะ ฉันไม่ได้ต้องการจะทำลายเธอ ไม่มีความคิดนั้นแม้กระทั่งในตอนนี้ อนาคตเธอจากนี้ยังอีกไกล หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ลงโรงฉาย เชื่อเถอะ ว่าเธอจะต้องเป็นที่จดจำ และได้กลับมาผงาดอยู่ในแนวหน้าของวงการได้อีกครั้งแน่ๆ โดยมีชื่อเสียงของกฤตเมธเป็นการันตี เธอควรยินดีที่ได้รับโอกาสนี้ มันคือโอกาสที่เลอค่าที่ฉันอุตส่าห์ยื่นให้พร้อมกับเพชรเม็ดงามในมือเพื่อให้เธอได้กลับมาโลดแล่นในเวทีสีกุหลาบแห่งนี้อีกครั้งอย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ว่าเธอจะเคยร่วงดิ่งลงไปในหุบเหว สดายุฉันยังเชื่อในพรสวรรค์อันเจิดจรัสและไร้ขีดจำกัดของเธอเสมอ ฉันถึงได้ฉุดเธอขึ้นมาจากหุบเหวนั่นเพื่อส่งเธอขึ้นไปเปล่งประกายบนท้องฟ้าอีกครั้ง...”

“....................” สดายุนิ่งฟังด้วยดวงตาที่แข็งกร้าว

“แต่นั่น มันต้องขึ้นอยู่กับตัวเธอเองด้วย ของฟรีไม่มีในโลกฉันท์ใดสดายุ โอกาสดีๆย่อมต้องมีของแลกเปลี่ยนฉันท์นั้น”

“...แลกเปลี่ยน? อะไรเหรอครับที่คุณต้องการจากผม? คุณเสน่ห์จันทร์ คนอย่างผมมีอะไรคู่ควรที่จะแลกงั้นเหรอครับ?”

“ช่างประชดนะ...หึหึ สิ่งที่ฉันต้องการจากเธอ คือฝีมือ พรสวรรค์ และความตั้งใจ...ใช่...อย่างที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้นี่แหละ แต่มันยังมีอีกสิ่งที่ฉันยังต้องการ...”

“อะไร”

“เดินตามเส้นทางที่ฉันวางไว้ เลิกสานสัมพันธ์พรือเกี่ยวข้องใดๆกับกฤตเมธนอกเหนือจากเรื่องงาน...แค่เธอทำให้ฉันได้ ฉันรับรอง อนาคตของเธอจะไม่มีวันอับจน...สดายุ...ฉันรู้ว่าเธอรู้ รู้ดีใช่มั้ยว่าฉันสามารถเนรมิตรทุกอย่างให้เธอได้ และยึดทุกอย่างคืนได้เหมือนกัน”

“......................”

สดายุกัดฟันกรอดทั้งยังกำมือแน่น อึดอัดสับสน เขาไม่ต้องการจะกลับไปเป็นอย่างวันเก่า ใช่...เขาอยากกลับมาผงาดในวงการ อยากกลับมามีชื่อเสียง เขาอยากแก้ตัว อยากดีขึ้น อยากหลุดพ้นจากอดีต แต่...ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องขายวิญญาณ!

“เมื่อกี้เธอคงเจอกับบดินทร์แล้วสินะ”

“.........!?...”

“เป็นไง? เขาดูดี เด่นดังเหมือนเธอในอดีตไม่มีผิดเลยใช่มั้ย? ใช่ว่าฉันจะไม่รู้หรอกนะว่าในอดีตเขาทำอะไรไว้กับเธอ ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่อยากลงโทษเขา แต่เพราะเขามีข้อแลกเปลี่ยนที่น่าพอใจ เพราะเขายอมเดินตามเกมของฉัน เขาถึงมีทุกวันนี้...”

“เด่นดัง เพื่อแลกกับการเป็นหุ่นเชิดของคุณน่ะเหรอ?”

“...............” เสน่ห์จันทร์เพียงยิ้มให้แทนคำตอบ

“หากผมต้องการจะกลับมามีชีวิตที่รุ่งโรจน์อีกครั้ง ก็แค่เลิกยุ่งเกี่ยวกับกฤตเมธเท่านั้นใช่มั้ยครับ?”

*********************************************************
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 09-05-2014 00:28:44
ม่ายยยยยยย  ทำไมเป็นแบบนี้!!! รู้สึกเจ็บกับคำพูดของป้าจัทร์แทนน้องยุเลย   :z3:  คุณเมธห้ามยอมเรื่องนี้เด็ดขาดนะ  ต้องทำเพื่อยุ  ไม่คิดว่าป้าแกจะร้ายเงียบได้ขนาดนี้  เจ็บมาก เจ็บจริงๆกับสิ่งต่งๆที่ป้าแกพูด แล้วยุก็ยอม? :serius2:   ม่ายยยยยย!!!นะ  ม

มาม่าจะมีกี่ตอนอ่านหวานยังไม่เท่าไรก็ต้องกลับไปท้องอืดอีกแล้วหรอ ช่างทรมานอะไรเช่นนี้ :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: kantamanee ที่ 09-05-2014 00:42:20
 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:
อะไรว่ะเนี้ยยยยยยยย
เสน่ห์จันทร์ แมร่งร้ายจังว่ะ สงาสรยุอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 09-05-2014 00:42:37
น้องยุ ชีวิตรันทดมากกก ทั้งเพื่อน ทั้งนาย
กลิ่นมาม่าค่อนข้างเข้มข้น ฮืออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 09-05-2014 00:49:19
แล้วกฤตเมธจะอยู่อย่างไงล่ะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: yadamonjung ที่ 09-05-2014 00:52:19
 :ling2:เบื่อมาม่าคะ กินบ่อยเซงไม่กินได้ไหมคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 09-05-2014 00:54:22
เห๊อะ  อย่าเป็นนายเอกโง่ๆนะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 09-05-2014 00:57:29
สั้นเกิ๊นนนนนนนนนนนน //ร่ำไห้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 09-05-2014 01:18:15
น้องยุค่ะ

อย่าไปยอมค่ะอย่าไปยอมมมมมม

พี่เมธไม่ต้องการค่ะๆ ท่องไว้ลูก

อย่าให้นางมารมาควบคุมได้

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 09-05-2014 01:31:07
 :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 09-05-2014 01:31:50
-w- ~ น้ำข้นซะด้วยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: potter508 ที่ 09-05-2014 02:03:29
 "มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะ ที่จะดูแลปกป้องนักแสดงในสังกัดให้อยู่ในที่ๆปลอดภัย สิ่งที่ฉันเห็นว่าไม่เหมาะสม ไร้สาระ และไม่บังเกิดประโยชน์เท่านั้น ที่จะต้องถูกห้ามปราม เพื่อรักษาสิ่งที่ควรรักษา แก้ไขสิ่งที่ควรจะแก้ไข และ...หยุดยั้งการกระทำที่สมควรได้รับการขัดขวาง...”
 
หน้ายัยป้านี่แว้บเข้ามาในหัว
 (http://upic.me/i/1u/dolores_umbridge.png)

 :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 09-05-2014 02:15:06
สงสารจับใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 09-05-2014 02:23:11
"มันเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะ ที่จะดูแลปกป้องนักแสดงในสังกัดให้อยู่ในที่ๆปลอดภัย สิ่งที่ฉันเห็นว่าไม่เหมาะสม ไร้สาระ และไม่บังเกิดประโยชน์เท่านั้น ที่จะต้องถูกห้ามปราม เพื่อรักษาสิ่งที่ควรรักษา แก้ไขสิ่งที่ควรจะแก้ไข และ...หยุดยั้งการกระทำที่สมควรได้รับการขัดขวาง...”
 
หน้ายัยป้านี่แว้บเข้ามาในหัว
 (http://upic.me/i/1u/dolores_umbridge.png)

 :katai1:  :katai1:


หุหุ...ก็จำมาจากยัยป้าชมพูนี่แหละค่ะ
ฟังแล้ว...ดูเลวดี
อิอิ
ปล.มีคนรู้ทันด้วยอ่า...เขินค่ะ
ตอนหน้า เมธยุประจันหน้า...พร้อมเปิดตัวตัวร้ายคนสุดท้ายค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 09-05-2014 02:57:48
โหย ป้าจันทร์ ร้ายวะ ร้ายลึก ร้ายมากกกกกกกกกกกก

นี่โกรธแทนน้องยุนะ  คนเค้าจะรักกัน ก็ดันมีป้านี่มาขวางทางอีก

ถ้าให้เดาความคิดน้องยุ คงจะยุติความสัมพันธ์กับคุณเมตแน่ๆ เพราะไม่อยากให้คนรักแปดเปื้อน

 :o12: :m15: น้องยุก็เจ็บปวดอยู่คนเดียว  ความเจ็บที่ไม่มีวันหายไปจากชีวิต :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 09-05-2014 05:03:30
ไม่เอานะยุ T^T
โฮ่ยยย ไม่ชอบเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 09-05-2014 05:10:45
กรี้ดดดดดดขอไม่อ่านนะตามเม้มอย่างเดียวอ่านอีกทีตอนจบหรือไม่ก็คว่ำชามมาม่าแล้วนะเรากลัววววววสส
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 09-05-2014 06:22:10
ไม่น้าาา  :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 09-05-2014 06:39:12
เหอะ ๆ ยุ นางเอกแค่ในจอเหอะขอร้อง ถ้าเดินตามเกมส์ของป้าแกนี่

เสียใจเลยจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 09-05-2014 07:04:22
เหอะ เสน่จันทร์ไหวปะเนี่ยป้า คิดว่าคนเป็นหมากการแสดงรึไง เจ๊นี่ตัวร้ายสุดในเรื่องแล้วใช่ปะเนี่ย โถวววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 09-05-2014 07:29:14
มาม่าสุดๆ สดายุจะเลือกอะไรคะ  :mew4: แต่เสน่ห์จันใจร้ายอะแยกคนรักกันแบบนี้ไม่ดีนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 09-05-2014 07:51:55
เอาป้าไปเก็บ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 09-05-2014 07:55:39
 :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 09-05-2014 08:07:13
น้องยุโดนมรสุมอีกแว๊วว น้องยุลาออกจากวงการไปหาอย่างอื่นทำเถอะ วงการมายานี่น่ากลัวจริง ๆ
กฤตเมธก็ไม่น่าจะช่วยยุได้ น่าสงสารอ่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinrui ที่ 09-05-2014 08:12:50
เจ๊เสน่ห์จันทร์นี่ชอบพระเอกป่าวเนี่ยยย -*-
เห้อ เห็นชีวิตคนเป็นอะไรวะ ป้านี่ต้องอยู่บนคานแน่ๆ ไม่สมควรมีลูกก
เพราะถ้ามีลูก ลูกนางต้องฆ่าตัวตายแน่ๆ -*-

เรายอมรับความดราม่าได้นะ แต่ไม่ชอบนายเอกโง่ๆ อย่าเดินตามเกมส์ใครนะะ เห้อออออ
แต่คุ้นๆว่ายุจะเลิกกับเมธด้วยตัวเองอยู่แล้วไม่ใช่หรอ

เราชอบที่ยุไม่ใจร้อนนะ ในตอนนี้ ต่อให้เจอคำยั่วยุอะไร การทำแบบนี้ดีที่สุด
เพราะคนลงมือก่อน คนนอกมองว่าเป็นฝ่ายผิดเสมอแหละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ~!!Ome!!~ ที่ 09-05-2014 08:14:32
โอ๊ยยยยย พวกมนุษย์ป้าชอบทำเรื่องอีกละ!

/ตบไหมป้า ? จะได้จบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 09-05-2014 08:14:39
ยัยป้าจันทร์คางคก  :angry2:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 09-05-2014 09:03:21
วงการบันเทิงน่ากลัว #อิน ฮื่อออออออออออ T^T สงสารยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 09-05-2014 09:35:58
อิป้านี่ สงสัยอยาก แต่ต้องเก็บกดเอาไว้

มันใช่เรื่องมั้ย นอกหน้าที่การงานแล้ว ป้าต้องยุ่งกับเรื่องส่วนตัวขนาดนี้

ยุเอ้ย ทำตัวให้กลับมาดังก่อนก็ได้ แล้วค่อยเอาคืนให้ป้าอกแตกเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 09-05-2014 10:08:39
 :katai1:อยากให้อีป้านี่โดนโจมตีบ้าง  :z6: :z6: มันจะได้รู้ว่าเวลาทำเรื่องเลวๆกับคนอื่นเค้ารู้สึกยังไง  :beat:

ไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด กับน้องโคตรเน่าของมันขอให้โดนเปิดโปง ตกต่ำยิ่งกว่าน้องยุด้วยเถอะ  :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 09-05-2014 10:16:34
ยุ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-05-2014 10:39:48
โหยยย
นี่มันนังป้าแม่มดชัดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Serioz ที่ 09-05-2014 10:56:55
ยุอย่าโง่นะ คิดดีๆก่อน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 09-05-2014 16:31:51
 :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 09-05-2014 17:04:49
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 09-05-2014 17:08:30
ไม่ต้องเล่นหนังต่อ ออกจากวงการเลย "สดายุ"
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 09-05-2014 17:08:48
กรี๊ด ดิฉันไม่ยอม
น้องยุอย่านะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 09-05-2014 17:22:39
สตายุคิดให้ดีนะ คิดถึงใจตัวเอง และถึงใจคนที่รักด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 09-05-2014 17:39:21
ถ้าเราเป็นสดายุ คงอยากตายเข้าสักวัน  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 09-05-2014 18:01:14
ยุ อย่าทำตามป้านั่น เเกอย่าโง่ ได้โปรดดดดดดดดด
ผชอย่างคุณเมธหายากนะยุ คิดดีๆๆๆๆๆๆ :z3: :z3: :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: melody ที่ 09-05-2014 19:14:47
มันเป็นอะไรที่น่าอึดอัดจริงๆๆ
สู้ต่อไปนะยุ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 09-05-2014 19:52:11
 :beat: :beat: :beat:
เสน่ห์จันทร์ต้องเจอแบบนี้
หนูยุไม่ต้องสนนะลูก.....
เอาคืนยายไร้เสน่ห์คนนี้
ให้สาสมที่ทำแบบนี้......
เดี๋ยวแม่ส่งคนไปช่วย.... :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 09-05-2014 20:05:23
น้องยุของพี่ ทำอะไรคิดดีๆก่อนนะลูก หนูไม่ต้องไปพึ่งยัยป้าบ้านั่นหรอก  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 09-05-2014 21:01:26
ฮืออออออออ
สงสารน้องยุจัง
อย่ายอมยัยป้านั่นนะลูก  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 09-05-2014 21:40:12
เฮ้อ หนัก หนักมาก
สถานการณ์เลวร้ายขั้นสุด
อย่างว่าแหละเนอะ วงการมายา ก็คือมายา และการเอาตัวรอด
จะทำยังไงต่อไปดีละสตายุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 09-05-2014 21:49:01
ป้าจันทร์ ขึ้นแบล็กลิสต์สาปแช่งของเรา ณ บัดนี้
โอ๊ย เกลียดผู้หญิงคนนี้จริงจัง
อยากให้นางโดนตอกกลับตอนหลังแบบตู้มๆ จัดหนัก จัดเต็มไปเลย
หึ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 09-05-2014 22:05:51
มาม่า น้ำเดือดแล้วมั้ง  ชีวิตสดายุน่าสงสารมามากพอแล้ว ทำไม สเน่ห์จันทร์ทำแบบนี้ แง้ :ling3: :ling1:
อย่าบอกนะว่า สดายุจะทำตามข้อเสนออ่ะ มาม่่าอืด โคตรๆๆแน่เลย ทีนี้ล่ะจะสงสารกฤตเมธ :mew2: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Gammono ที่ 09-05-2014 23:06:38
ในที่สุดก็ตามอ่านทันฮือออออ แต่ดันมาค้างเอาตอนนี้ ลุ้นแทนคุณเมธเลยทีเดียวกับการตัดสินใจของยุ เพี้ยงงง :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 09-05-2014 23:46:18
ซวยจิงเลย... สรุปอินี่คือตัวร้ายสินะ ไอ้เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นนี่ มีนางเป็นแบ็คอยู่เบื้องหลังอิดินป่ะเนี่ย คือฟังนางพูดแล้วไม่รู้สึกว่านางแค่รู้อ่ะ

แต่งานนี้มันไม่ได้อยู่ทียุนะ ว่าจะยอมหรือไม่ยอม เพราะยุเป็นหมากทิ้งเป็นตัวแพะของนางจัน (ชื่อยาว เอาแค่นี้ละกัน) ง่ะ คือยุจะทำไร นางก็พร้อมจะโยนขรี้ให้อยู่แล้วอ่ะ คงต้องให้เมธสู้ล่ะนะ  :เฮ้อ:

มีตัวร้ายเป็นเจ้าแม่วงการอย่างนี้ แถมเมธก็ยังดูไม่น่าทำไรได้เพราะบุญคุณไรกันอีก

ต้มแซ่บนะเนี่ย ชามนี้...

ต้องให้กระแสจิ้นของสาววายมาช่วย พร้อมเปิดโปงเรื่องฉาวในอดีต!!! (ยังกะเรนเจอร์)

รอต่ออออออออออออออออออออ   :a11:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 10-05-2014 00:04:15
ตัวร้ายที่สุด อยู่ตรงนี้สินะ

โถ่ อุตส่าห์น่ารักหวานกันมานาน

ไม่มีมือที่สามแต่มีตัวขัดขวางอยู่นี่เอง

แล้วเมธจะยอมหรอ สดายุไม่น่าจะเป็นคนเห็นแก่ได้นะ

ถ้ายอมต้องยอมเพราะกลัวคนอื่นเสียแน่ๆ :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 10-05-2014 00:47:00
สนุกมากกกกกกก เป็นเรื่องที่ครบรสสุดๆ
ช่วงแรกอ่านไปนี่ต้องกลืนน้ำลายเอื้อกๆกันเลยทีเดียว
แต่ละฉากอะหื้ออออ เรียกเลือดเป็นอย่างดีเลยค่ะ 5555555

แต่สงสารสดายุทั้งเรื่องเลยอ่าา เป็นเด็กที่น่าสงสารมากก อ่านไปก็เศร้าไป
แล้วพอตอนนี้ได้มารักกับกฤตเมธ กำลังมีความสุขกันอยู่แล้วเชียว
ก็มีคนมาทำให้มาม่าเดือดอีกแล้ววววว  :sad4: :sad4:
เป็นกำลังใจให้สดายุ ตัดสินใจให้ดีนะหนู ฮรื้อออออ เข้มแข็งเข้า ฮึบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 10-05-2014 01:32:10
เป็นมาม่าที่ทำให้อึดอัด สงสารยุสุดๆ
ปล.ขอร้องอย่าทิ้งช่วงการลงตอนต่อไป นานเลย สงสารคนอ่านเถอะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 10-05-2014 02:17:37
ยุ อย่าไปยอมน่ะ ปล่อยอีป้ามันบ้าของมันไปคนเดียว เฮ้ยยยย หมั่นใส่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 10-05-2014 09:49:11
โอย ขอกรี๊ดกับตัวหนังสือสีแดงบรรทัดสุดท้าย!
ใจเต้นตึกๆว่ายุจะตอบว่าอย่างไร ... รอค่ะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Yokwalkalone~ ที่ 10-05-2014 09:56:40
 :ling3: ตอนนี้มันหน่วงๆยังไงชอบกล
ยุอย่าไปยอมป้านั่นนะ :angry2:
 
รอออ....มาต่อไวๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: kissu111 ที่ 10-05-2014 10:59:34
ป้าจันทร์นี่ ตัวแม่เลยนะเนี่ยยยย :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 10-05-2014 11:19:08
เราเชื่อใจยุ  เราเชื่อว่ายุจะไม่ยอมรับข้อเสนอบ้าๆนั่น
ฮรืออออิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 10-05-2014 11:32:08
อืมมม เดาว่านายเอกจะยอม ตามหลักการของนิยายยอดนิยม 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: benzgo ที่ 10-05-2014 22:25:10
 o22อึดอัดมากๆ ยุจะทำตามที่ป้าบอกเหรอ ม่ายยยยยยย............ :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 12-05-2014 21:25:42
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 27 สิ่งที่สำคัญกว่า ‘สดายุ’
ครึ่งแรก





“หากผมต้องการจะกลับมามีชีวิตที่รุ่งโรจน์อีกครั้ง ก็แค่เลิกยุ่งเกี่ยวกับกฤตเมธเท่านั้นใช่มั้ยครับ?”


“........................” สเน่ห์จันทร์ยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ตอบคำถามใดๆของสดายุ ในอกประธานสาวรู้สึกยินดีที่สดายุเข้าใจอะไรง่ายๆ หล่อนก้มลงเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบอะไรบางอย่าง ทว่าขณะนั้นเอง...

“ผมเลิกยุ่งก็ได้นะ แต่ถ้ากฤตเมธไม่ยอม ผมก็ทำอะไรไม่ได้”

“...หมายความว่ายังไง?”

“ผม...ไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มในความสัมพันธ์ครั้งนี้ เด็กคุณต่างหากล่ะที่รุกไม่เลิก ไล่ไม่ไป...”

น้ำเสียงราบเรียบเย็นชาของสดายุเอ่ยขึ้น พร้อมรอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นที่มุมปาก ไม่ได้ตั้งใจ... ไม่ตั้งใจจริงๆที่จะทำตัวก้าวร้าวเหมือนในอดีต เขาตั้งใจแน่วแน่ตั้งแต่ที่ได้รับโอกาสกลับมาแสดงหนังว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ ทำตัวดี ไม่กร่าง ไม่ก้าวร้าว

‘อยู่ในโอวาท’

แน่นอนว่าตั้งใจอย่างที่สุดที่จะทำตามคำสั่ง ทำใจท่านประธานทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อตอบแทนบุญคุณที่อุตส่าห์เมตตา...ทว่า มันเป็นแบบนั้นไม่ได้อีกแล้ว เขารู้ดีว่าศักดิ์ศรีไม่ได้ทำให้ท้องอิ่ม แต่หากไร้ศักดิ์ศรีก็ไม่ควรเกิดมา!

‘บดินทร์ละทิ้งศักดิ์ศรี ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงอำนาจ’ ใช่...บดินทร์ทำมันสำเร็จ แต่สดายุมั่นใจเหลือเกินว่าลึกๆแล้ว บดินทร์ก็คงรู้อยู่แก่ใจว่าความสำเร็จที่ได้มา ไม่ได้น่าภูมิใจสักเท่าไหร่

แน่นอนเขาเองก็อยากทำทุกอย่างเพื่อความสำเร็จ เพื่อความเด่นดัง แต่เขาทนไม่ได้ที่จะต้องโดนเหยียบขยี้ศักดิ์ศรีกันถึงขนาดนี้ ถูกทำราวกับไม่มีชีวิตจิตใจขนาดนี้ สดายุก็ขอไม่ทนเหมือนกัน

‘ช่างแม่งมันแล้ว!’

“.....................” เสน่ห์จันทร์ไม่ได้ตอบโต้เป็นถ้อยคำ เพราะหล่อนต้องการจะฟังให้จบ ทั้งที่ในอก ราวกับถูกเผาไหม้

“วันนี้ที่เขามาคุยกับคุณ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุยอะไรกันไปบ้าง แต่ผมว่าอย่างน้อยก็ต้องมีเรื่องของผมบ้างล่ะ  ผมมั่นใจเหลือเกินว่ากฤตเมธต้องพูดถึงผม เพราะเขามาที่นี่...ก็เพื่อผม”

‘เพื่อผม’ สดายุเน้นคำนี้หนักๆ เป็นการตอกย้ำให้เสน่ห์จันทร์ได้รู้สึกว่าแท้จริงกฤตเมธให้ความสำคัญกับตนมากขนาดไหน ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

“...สดายุ...เธอรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่?...เธอกำลังจะทำลายทุกอย่างลงด้วยมือของเธอนะ” เสน่ห์จันทร์ทัดทาน สีหน้าของหล่อนเรียบเฉย แต่แววตานั้นเต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่พร้อมจะแผดเผาสดายุให้มอดไหม้ลงได้ทุกเมื่อ

‘มือใครกันแน่วะ ที่จะทำลาย!’

“ผมเป็นคนง่ายๆครับคุณเสน่ห์จันทร์ ใครดีมาผมก็ดีกลับ ใครร้ายมาผมก็แค่เลิกคุย ไม่มีอะไรเสียนี่ครับคนอย่างผม”

‘แม่ง...ถ้าจะทำอย่างนี้ แล้วจะเอากูกลับมาทำไมวะ!?’

น้ำตาพาลจะไหล ไม่ใช่แค่ความเจ็บใจ แต่เสียใจด้วย เสียใจจริงๆที่เกิดมาเป็นแค่คนกระจอกงอกง่อย เสียใจจริงๆที่ความทุ่มเทช่างไร้ค่า เสียใจจริงๆที่อุตส่าห์จะทำดีแต่กลับถูกมองว่าไม่มีความหมาย

“สดายุ เธอยังไปได้ไกลกว่านี้นะ ตัดสินใจให้ดี!” เสน่ห์จันทร์พยายามเกลี้ยกล่อม

“ดูอย่างบดินทร์สิ ขนาดว่าความสามารถของเขาสู้เธอไม่ได้ เขายังมาได้ตั้งไกล และยังไกลได้กว่านี้อีก เพียงเพราะเขารู้จักเลือก ฉันคาดหวังในตัวเธออยู่นะสดายุ ฉันยังคาดหวังอยู่ว่าเธอยังไปได้อีกไกล อนาคตเธอยังรุ่งโรจน์ อย่าให้มันมาจบเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบสิ”

‘ไกลเหรอ...ขนาดตอนนนี้ยังแทบจะไม่รอดเลย...’

“........................” ได้แต่คิดในใจ เพื่อฟังท่านประธานอธิบายต่อ

“เธอยังเด็กนะสดายุ โลกของเธอยังแคบ เธอต้องคิดให้ดีก่อนนะ ในการจะตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง...จริงอยู่เรื่องข่าวนั่นเธออาจรู้สึกว่ารุนแรง แต่ในแง่ของผลประโยชน์มันให้ผลดีมากกว่าผลเสียนะ ถูกต้องเหมาะสมกว่าถ้าเธอจะมีข่าวกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย เพราะไม่วาสยังไงเธอก็คือสดายุผู้มีเสน่ห์ล้นเหลือ มีข่าวออกไปก็มีแค่คำว่า ‘สมแล้วที่เป็นสดายุ’ แล้วพอหนังฉายออกไป พอทุกคนได้เห็นศักยภาพของเธอ ได้ประจักษ์ถึงตัวเธออีกครั้ง ได้เห็นว่าเธอกลับเข้ามาอย่างสง่างามแค่ไหน เรื่องข่าวนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป...แต่ถ้าเธอเป็นข่าวกับกฤตเมธ ผมมันจะออกมาตรงกันข้ามทั้งหมด แม้ว่าเธอจะแสดงได้ดีแค่ไหนก็ตาม แล้วมันจะพาลล่มกันไปหมด....การตัดสินใจของเธอมันมีผลมากนะ!!...ฉันรู้ว่าเธอฉลาดพอที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด...”

‘สิ่งที่ดีที่สุด?...ของใคร?...เพื่อใคร?...’

“ผมตัดสินใจแล้วครับ...”  ยืดยาวเกินไป จนไม่อยากรับฟัง สดายุเอ่ยขัดขึ้นเพราะไม่อยากฟังอะไรอีกต่อไปแล้ว  ชายหนุ่มจ้องมองไปยังประธานเสน่ห์จันทร์ผู้ให้โอกาสครั้งสุดท้าย

‘เรามันช่าง...เนรคุณ!’

“หนังเรื่องนี้ถ้าคุณเสน่ห์จันทร์ยังอยากให้มันมีต่อ ผมก็จะเต็มที่กับมันเหมือนเดิม หรือถ้าคุณจะทิ้งมันซะ หรือจะเปลี่ยนตัวแสดงก็สุดแล้วแต่ดุลยพินิจที่คุณเสน่ห์จันทร์เห็นว่าสมควรเถอะครับ...ส่วน...งานชิ้นต่อๆไป ผมเองก็คงไม่คาดหวังแล้ว ขอบคุณสำหรับโอกาสที่อุตส่าห์ยื่นให้ แต่ผมคงรับไว้ไม่ไหวแล้วครับ...”

“หมายความว่ายังไง? ตกลงเธอเลือกอะไร?”

“...เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับผมครับ” สดายุตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มหมองเศร้า ไม่มีความเจ็บแค้นอย่างในตอนแรกอีก

“เมื่อก่อนผมอยากมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ครับ...แต่...มันทำให้ผมไม่มีแม้ที่จะยืน ไม่เหลือแม้แต่อากาศที่จะหายใจ...และกฤตเมธเขาให้ที่ยืนผม เขาให้ผมยืนข้างๆโดยที่ไม่นึกรังเกียจว่าผมเคยสกปรกโสมมยังไง เขาให้อากาศผมหายใจได้เต็มปอดในทุกๆครั้งที่เราได้เจอกัน...ผมเลือกไม่ได้หรอกครับท่านประธาน กฤตเมธต่างหากที่เป็นคนเลือก...ถ้าเขาเลือกผม ผมก็ยังอยู่ได้...สิ่งที่ผมตัดสินใจก็คือ ผมจะยังยืนอยู่ข้างๆกฤตเมธตราบเท่าที่เขายังเลือกผม นั่นคือสิ่งที่ผมจะทำครับ...”

“...มันจะจบไม่สวย เธอคงรู้นะ” หลังจากฟังทุกคำพูดของสดายุจบ เสน่ห์จันทร์ก็ได้แต่เม้มปากแน่น ก่อนจะเอ่ยถามครั้งสุดท้าย

“...รู้ครับ” สดายุตอบคำถามโดยไม่หลบสายตา

“ยังไงซะชีวิตผมก็เหมือนอยู่ในกำมือของคุณเสน่ห์จันทร์อยู่แล้ว คุณจะบีบยังไงผมก็ทำอะไรไม่ได้ ไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว ผมก็ดิ้นได้อยู่แค่นี้แหละครับ...ถ้าคุณเสน่ห์จันทร์ไม่มีอะไรจะพูดกับผมแล้ว ผมขอตัวเลยแล้วกันนะครับ”

“เดี๋ยว! คิดดูให้ดีอีกทีนะสดายุ ทางที่เธอเลือกน่ะ ไม่ใช่แค่เธอที่จะลำบากนะ! ไหนว่ากฤตเมธดีกับเธอไง แล้วเธอยังจะทำให้เขาตกต่ำไปกับเธอด้วยงั้นเหรอ?”

“...ผมรู้ครับ ว่าคุณเสน่ห์จันทร์จะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องกฤตเมธหากมีข่าวอะไรเกิดขึ้นมา...เหมือนคราวนี้...เพราะงั้น...ผมไม่ห่วง”

“สดายุ!!”

“ขอตัวครับ” ค้อมศีรษะให้น้อยๆ พร้อมหมุนตัวผละจากหน้าโต๊ะท่านประธานทันที

พูดจบก็เอ่ยลากันดื้อๆ ไม่มีอะไรจะพูด และไม่ขอพูดอีก ทว่ายังไม่ทันจะเดินถึงประตู เสียงเย็นเยียบของเสน่ห์จันทร์ก็ตามมาถึงตัว น้ำเสียงที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่าหล่อนไม่ง้อสดายุอีกต่อไป และรู้แล้วว่าจะเอาชนะเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ยังไง

เสียง...ที่เยือกเย็นแสนร้ายกาจ

“โอเค...สดายุ ก็สุดแล้วแต่เธอจะเลือกเดินเถอะนะ โชคดีที่เรายังไม่ได้เซ็นต์สัญญากัน ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงเธอจะทิ้งเราไปเธอก็ไม่ได้ผิดอะไรนัก แต่หากเธอจะกรุณาเล่นหนังเรื่องนี้จนจบสมบูรณ์ฉันก็จะถือว่ามันเป็นพระคุณมาก ค่าตอบแทนคือหลังจากนั้นหากมีงานอะไรเข้ามาฉันก็จะไม่ขัดขวาง เธอเป็นศิลปินอิสระ เธอจะรับงานอะไรยังไงก็ได้แล้วแต่เธอ ให้บลูม่าเขาเมนเนจงานให้ตามปกติแล้วกัน...”

น้ำเสียงเย็นชา ทว่าถ้อยคำกลับไม่ได้ร้ายกาจ สดายุขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ว่าตอนนี้เสน่ห์จันทร์กำลังทำหน้าอย่างไร

“....................”

“เอาเถอะ ตราบใดเธอยังมีประโยชน์ ฉันก็จะยังเลี้ยงเธอไว้...”

‘อ้อ...อย่างนี้นี่เอง หึ...’

“แล้วมีอีกอย่างที่เธอต้องรู้สดายุ...กฤตเมธน่ะเขามีคนที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่าเธออยู่...”

 'สำคัญกว่าเรางั้นเหรอ...เฮ้อ...ก็มีออกจะเยอะแยะ'

"ฉันพลาดที่เผลอไปฝากฝังให้กฤตเมธเขาช่วยดูแลเธอ ดูเหมือนเขาจะทำตามคำสั่งของฉันดีไปหน่อย เพราะดูท่าจะดูแลกันจนเลยเถิด จริงอยู่กฤตเมธเขาให้ความสำคัญกับเธอ แต่...ตอนนี้ตัวจริงของเขากลับมาแล้ว ฉันขอเตือนเธอด้วยความหวังดีอีกครั้ง หากเธอยังพอจะรักศักดิ์ศรีของตัวเองอยู่บ้าง แนะนำว่าให้เธอถอยออกมาเสียตั้งแต่ตอนนี้"

'...เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไง! จะย้ำอีกสักกี่รอบกันวะ!'

"ขอบคุณครับที่หวังดี แต่ผมก็ยังขอยืนยันคำเดิมครับ 'ตราบเท่าที่กฤตเมธยังไม่ปล่อยมือผม ผมก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้นครับ' ผมขอตัว"

ขนาดเดินออกมาถึงประตู ขนาดขอตัวลาแล้วลาอีก ท่านประธานก็ยังพูดตามหลังไม่เลิก

“วันนี้มาพร้อมกับกฤตเมธสินะ เสร็จธุระแล้วจะกลับไปก่อนเลยก็ได้ เพราะตอนนี้กฤตเมธเขาไปรับคนสำคัญของเขาอยู่ ไม่แน่ว่าคงไม่ว่างพอกลับมารับเธอ อย่ามามัวหายใจทิ้งไปเปล่าๆเพื่อเป็นภาระคอยถ่วงเขาอยู่เลย...”


แกร๊ก...

ปัง...

ยังไม่ทันที่เสน่ห์จันทร์จะพูดจบ ยังไม่ทันที่สดายุจะทำความเข้าใจ ความมือไวก็ผลักดันให้สดายุเปิดประตูหนีออกจากห้องท่านประธานเสียก่อน ถ้าท่านประธานคนสวยจะจุดประเด็นไม่เลิกขนาดนี้ ขืนอยู่ต่อไป สดายุได้กลายร่างเป็นสดายุในอดีตที่วีนไม่ไว้หน้าใครแน่ๆ ดีแล้วที่หนีออกมาได้ทัน ดีแล้วที่สามารถสงบสติอารมณ์ไว้ได้ทัน

“ผมขอโทษกฤตเมธ ผมไม่ได้ตั้งใจ...ดึงคุณลงมา...ไม่ได้ตั้งใจ...”

*
*
*
*
*

[ขอโทษครับยุ ผมโทรหาคุณไม่ติดเลย...] 17:30 Read

[ท่านประธานใช้ให้ผมไปรับชิดจันทร์ ลูกสาวท่านที่สนามบินน่ะ รอผมที่ออฟฟิศนะ เสร็จแล้วไปรับ กินข้าวกัน...]  17:30 Read

[...( ^ 3 ^ )…] 17:31 Read

[โทรไปไม่รับอีกแล้วนะ...] 18:05 Read

[...( - _-  )...] 18:05 Read

[ทำอะไรอยู่เนี่ย...] 18:15 Read

[รับสายบ้างสิ อยากได้ยินเสียง...] 18:16 Read

[...( T ^ T )...] 18:16 Read

[...รับลูกเจ้านายแล้ว เดี๋ยวจะรีบกลับครับ...]  18:23 Read


*
*
*
*
*


‘13 สายไม่ได้รับ ’

“โทรมาเอาโล่หรือไง ตั้ง 13สาย หึหึ”

พอหยิบมือถือขึ้นมาดูก็เจอมหกรรมการเตือนสายไม่ได้รับและ ไลน์ไม่ได้อ่านเข้ามาระลอกใหญ่ เปิดดูปุ๊บสดายุก็ได้แต่ยิ้ม อากาศที่อึดอัดจนหนักปอดอยู่เมื่อครู่นั้น ราวกับจะสลายไปทันทีที่ได้เห็น ได้รับรู้ว่ายังมีคนที่ยังคิดถึงเขาอยู่...

รู้อยู่เต็มอกว่าถูกรักมากแค่ไหน...ทว่า

ยิ่งรู้ก็ยิ่งเจ็บ

“คนสำคัญกว่าผมที่คุณป้าเสน่ห์จันทร์บอก ก็คือ ยัยคุณหนูชิดจันทร์ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของนางนี่เอง...กะรวบหัวรวบหางกฤตเมธนี่หว่า ถึงว่า...หวงอย่างกับไข่ในหิน หึหึ...แล้วคนอย่างเรา...จะเอาอะไรไปสู้วะเนี่ย...”

อ่านข้อความทางไลน์ที่กฤตเมธส่งมาก็พอจะเดาออกว่าคนที่เสน่ห์จันทร์พูดถึงเมื่อครู่คือใคร บุตรสาวคนเดียวของเสนห์จันทร์ คนสำคัญที่ถูกกล่าวถึง สดายุไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอะไรที่กฤตเมธไปรับคนคนนั้น เพราะชายหนุ่มไม่โกหก...

...กฤตเมธไม่โกหกเขาว่าหายไปไหน ทำอะไร กฤตเมธบอกเขาตรงๆ นั่นแสดงว่า...เขายังสำคัญ

แต่...พอถูกเห็นว่าสำคัญ สดายุก็กลับยอกในใจเล็กๆ...

“ผมเห็นแก่ตัวไปหรือเปล่านะที่ไม่ยอมปล่อยคุณ...”

ได้แต่เปรยกับตัวเองอย่างอ่อนแรง ตอนนี้เขาไม่มีใครเลยพยายามยึดกฤตเมธไว้อย่างสุดกำลัง ยอมทิ้งทิฐิทั้งหมดที่มี เพื่อจะถูกรักอย่างเต็มที่ ยอมถูกกอด ยอมถูกตามใจ แรกๆก็แค่.. ‘ยอม’ ทว่าตอนนี้มันคือ ‘อยาก’ อยากถูกรักกว่านี้ อยากถูกกอดมากกว่านี้ อยากถูกตามใจ อยากถูกเอาใจใส่ อยากเป็นทุกอย่างของกฤตเมธ...

ไม่ว่ายังไงก็ยังไม่อยากปล่อยมือไปตอนนี้...

“ผมยังยึดคุณไว้ได้ใช่มั้ยกฤตเมธ...ผมยังเห็นแก่ตัวได้ใช่มั้ย?”

คิดในใจเศร้าๆ ก่อนพิมพ์ตอบกลับไป
*
*

[...รีบกลับมานะ ผมจะรอครับ...พี่เมธ] 18:50

[...( ^ 3 ^ )/...] 18:50

*
*

“อย่าเพิ่งปล่อยมือผม...อย่าให้ใคร...สำคัญกว่าผมนะ...พี่เมธ...”

สดายุถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ ‘พี่เมธ’ เป็นคำที่กฤตเมธอยากได้ยินจากเขา...

ไม่ได้จะมาอ้อนเอาตอนที่รู้ว่ามีคู่แข่งหรอกนะ แต่เพราะถูกรักถูกเอาใจใส่มากขึ้นเรื่อยๆจนอยากจะตอบแทนบ้าง อยากรักตอบกลับไปให้อีกฝ่ายได้รู้สึกยินดีบ้าง นึกหน้าออกเลยว่าตาลุงของเขาจะทำหน้ายังไงเมื่อเห็นคำว่า ‘พี่เมธ’ เดี๋ยวพอเปิดอ่านปุ๊บ จะต้องรีบโทรหาเขาแน่ๆ

…ช่างคุณเสน่ห์จันทร์ปะไร เขาจะระวังตัวไม่ให้กฤตเมธเสื่อมเสียโดยไม่ต้องหยุดรักเอง จะไม่ยอมให้ดูถูกเด็ดขาด ตราบใดที่กฤตเมธยังเลือกเขา ตราบใดที่เขายังคงสำคัญที่สุด สดายุก็จะยังมั่นใจที่จะยืนอยู่ข้างๆกฤตเมธต่อไป แม้เมื่อก่อนเขาจะคิดว่าไม่อยากให้กฤตเมธต้องมาลำบากด้วย ไม่อยากให้จมไปด้วยกัน แต่ตอนนี้ความคิดนั้นมันเปลี่ยนไปแล้ว...จากนี้ไปเขาจะยอมรับความรู้สึกของตัวเองตรงๆ รักก็คือรัก อยากอยู่ด้วยคืออยากอยู่ด้วย จะเปิดใจให้กฤตเมธอย่างจริงจัง

ต้องขอบคุณเสน่ห์จันทร์ด้วยเหมือนกัน ที่ทำให้เขารู้ใจตัวเองเสียที...

‘รีบโทรกลับมาเสียทีสิ…พี่เมธ’
*
*
*

...รู้ใจตัวเองว่ารัก ยอมรับแล้วว่าใช่...ทว่าลึกๆแล้วสดายุรู้ดียิ่งกว่า... ‘อยากเอาชนะ’

*
*
*
*
*


ปี๊บ...

{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }

{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}


*
*

ปี๊บ...

{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }

{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}


*
*

“น้องยุ จะห้าทุ่มแล้วนะคะ ให้เจ๊ไปส่งมั้ย?...”

บลูม่าถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ที่เห็นน้องรักนั่งแกร่วรอใครบางคนมาสามชั่วโมงได้แล้ว

“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวคุณเมธก็มา...เจ๊กลับไปก่อนเถอะ”

“แต่เจ๊ว่า...คุณเมธเขาอาจยังติดธุระอยู่ ยุกลับก่อนดีกว่ามั้ย?”

“แต่เขาบอกให้ผมรอครับ เขาบอกเขาจะกลับมารับที่นี่...ยุจะรอ”

ถามเป็นครั้งที่ร้อย ตอบเป็นครั้งที่ร้อย อยู่ด้วยกันตั้งแต่คนยังพลุกพล่าน จนเหลือกันอยู่แค่สองคน บลูม่าได้แต่แอบถอนหายใจกับตัวเอง  ยิ่งเห็นหน้าน้องรักก็ยิ่งละเหี่ย...

‘โอย...คุณเมธคะ ไม่อยู่แห่งหนตำบลใดคะเนี่ย...รีบๆมาซะทีเถอะคะ น้องยุของเจ๊จะแย่แล้วนะ...’

และก็ได้แต่ภาวนาในใจให้กฤตเมธรีบโผล่มาไวๆ เพราะตอนนี้มันดึกมากแล้ว แถมยังติดต่อไม่ได้ สดายุก็ยืนยันจะรออย่างเดียวไม่ยอมเขยื้อน ไอ้ครั้นบลูม่าจะกลับก่อนก็อดสงสารสดายุที่นั่งทำหน้าแบกโลกไว้ไม่ได้ ‘เอาไงดีวะตู...กะเทยปวดเฮดฝุดๆค่ะ!’

“เอ้าๆ โอเคๆ อยู่ก็อยู่ งั้นเจ๊อยู่เป็นเพื่อนค่ะ...เอ่อแต่ได้แค่เที่ยงคืนนะยุ เจ๊ยังต้องไปสางงานที่บ้านเจ๊ต่อ ดองอยู่อีกเป็นลัง ถึงตอนนั้นถ้ากฤตเมธเขายังไม่มา ยุก็กลับพร้อมเจ๊เลยแล้วกันนะ ไม่ต้องรอแล้ว โอเคมั้ย?”

“................” สดายุไม่ยอมตอบ ได้แต่นั่งนิ่ง

“...ไม่ตอบ...ไม่รู้ล่ะ เที่ยงคืนเจ๊ลากกลับจริงๆ เฮ้อ...เดี๋ยวเจ๊ลงไปหาอะไรให้ทานรองท้องก่อนแล้วกันนะ ยุยังไม่ยอมทานอะไรเลยเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไปถ่ายหนังไม่ไหวกันพอดี รอที่นี่นะคะ เดี๋ยวเจ๊มา”

“...................” พูดไปก็เหมือนคุยกับหัวหลักหัวตอ สดายุไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งนิ่งเป็นขอน แล้วก็ทำหน้าเหมือนคนใกล้ตายอยู่แบบนั้น จนบลูม่าได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆ แล้วผละเดินออกไปซื้อของรองท้องให้สดายุได้ทาน

แกร๊ก...

ปิดประตูห้องสำนักงานแล้วเดินตรงไปยังโถงลิฟท์ บนตึกเงียบสงัดแล้ว งานนี้คงต้องอาศัยร้านสะดวกซื้อ 24 ชั่วโมงข้างล่างไปก่อน

“เฮ้อ คุณเมธนะคุณเมธ จะมาไม่มาก็ไม่โทรบอก แถมติดต่อไม่ได้อีก เจอคราวหน้าต้องเทศน์ซะหน่อยแล้วมั้งเนี่ย”

ติ๊ง....

‘thirty-two Floor’



เสียงลิฟท์ดังขึ้นต่อหน้าต่อตา บลูม่า

‘ใครกันมาเอาตอนนี้? หรือว่า....’

“คุณเมธ...?..เอ๋อ...”

“เฮ้อ โชคดีจังยังมีคนอยู่....อ๊ะ...”

บลูม่าที่แอบดีใจแทบตายเพราะนึกว่าคนที่จะโผล่ออกจากลิฟท์คือ กฤตเมธ ทว่าคนที่ออกมานั้นกลับเป็น...

“...ซอลย่า!?”

****************************************************

‘จะเที่ยงคืนแล้ว...เจ๊หายไปไหนแล้วนะ’

สดายุที่นั่งเหม่อๆอยู่คนเดียว เพิ่งรู้สึกตัวว่าผู้จัดการส่วนตัวหายไปนาน เกินไปจนอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ เพราะเห็นว่าแค่จะไปซื้อขนมมาให้ แต่นี่หายไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว พอโทรเข้ามือถือ เจ๊บลูม่าคนดีของสดายุก็ดันไม่พกมือถือลงไปด้วย ปล่อยให้ร้องระงมอยู่บนโต๊ะทำงาน

‘เป็นอะไรกันไปหมดเนี่ย มีแต่คนหายตัวได้...กฤตเมธ ก็คนหนึ่งแล้ว ยังจะมีเจ๊บลูม่าอีกเหรอเนี่ย...’

*
*

ปี๊บ...

{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }

{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}


*
*

ลองโทรหากฤตเมธอีกครั้ง ไม่รู้แล้วว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ แต่ผลก็ยังเดิมๆ...

‘โทรไม่ติด...แบตหมด?...ปิดเครื่อง?...หรือเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ...’

‘เป็นห่วงจะแย่แล้วนะไอ้คุณพี่เมธ...โทรกลับมาเสียทีสิ...’

‘...รีบโทรมาเสียที...ผมจะร้องไห้แล้วนะ...ตาแก่บ้า...’

************************************************


อีกครึ่งจิรีบมาจ๊า...
ช่วงนี้มีแต่ดราม่า มาม่า ค่ะ ข้ามได้ก็ข้ามนะคะ...
นับจากตอนนี้ไป ขอดราม่าอีกสัก 5-6 ตอนนะตัวเอง

สดายุต้องเจอวันสดใสแน่นอนค่ะ
*
*
*
ปล.อิอิ ช่วงนี้ทำร้ายน้องยุหนักไปหน่อย เล่นเอา ไม่กล้าอ่านคอมเม้นท์กันเลยทีเดียวเชียว 555++ เดี๋ยวค่อยผนวกอ่านทีเดียวค่ะ รอช่วงเคลียร์ก่อน...

ปล. 2 แอบสปอยล์  :  เดี๋ยวลุงเราจะมีบท ดุ! บังคับ! จับขัง! ปราบเด็กดื้ออย่างน้องยุ เรานิดหน่อยนะจ๊ะ (แสดงว่าสดายุกำลังจะแผลงฤทธิ์!!)

เฮ้อ...เขียนไปใจเต้นไป...
 :katai4: :ling1: :ling2: :ling3:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 12-05-2014 21:39:50
บอกให้รอ แต่ก็ไม่มา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 12-05-2014 21:42:47
ให้เวลาอีก 5 นาทีในการมาต่อครึ่งหลัง :laugh3:
//โดนถีบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 12-05-2014 21:43:51
วุ้ย....ยัยเจ๊นี่หวงก้างนี่หว่า :(

สนับสนุนให้ยุแผลงฤทธิ์ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-05-2014 21:44:33
หายหัวไปไหนหล่ะลุง!!!

ปล่อยให้น้องยุรอ แล้วไปกับลูกอิป้ามหาภัยเนี่ยนะ

ยุอุตส่าห์ตัดสินใจเลือกลุงแล้วนะ ลุงทำไมเป็นยังงี้ :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 12-05-2014 21:47:32
น้องยุได้ใจพี่มาก แต่อิพี่เมธหายหัวไปไหนคะ บอกให้รอแล้วหาย ปรี๊ดค่ะปรี๊ด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 12-05-2014 21:47:38
5-6 ตอนเลยหรอคะ น้องยุของหนูไม่กระอักเลือดเลยหรอคะเนี่ยยยยย
สงสารยุสุดใจ อิตาพี่เมธมาหาน้องไวไว มาปลอบใจน้องหน่อยสิ
กลัวว่ายัยคุณหนูชิดจันทร์จะร้ายเหมือนแม่ของนาง น้องยุเข้มแข็งไว้นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-05-2014 21:51:53
น้องยุอย่าร้องน้า เอาใจช่วยอยู่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 12-05-2014 21:57:03
โถ่

รอตอนหน้า

จะมาเมื่อใดหนอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 12-05-2014 22:01:35
ลุงงงงงงงง บอกให้รอแล้วตัวเองหายไปหนายยยยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 12-05-2014 22:02:19
โอยยยยย อะไรจะอุปสรรคเยอะขนาดนี้  ฮืออออ สงสารน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 12-05-2014 22:05:16
แล้วเมื่อไหร่เมธจะมาหละ ยุรอนานแล้วนะ!
หวังว่าคงไม่ถูกยายป้านั่นดึงตัวไว้เน้อ
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: supapanansa ที่ 12-05-2014 22:09:27
 จะร้องไห้แล๊ว :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 12-05-2014 22:17:33
มาม่าอีก 5-6 ตอน เหล่าแม่ยกทึ้งหัวตัวเองกันพอดี 555

แต่ไอ้ที่หายไปเนี่ยแหล่ะ คือใส่เส้นอยู่ล่ะ อย่าน้ำเน่าแบบโดนมารยา แกล้งทำ แล้วตามไม่ทันเล้ยยยย แต่มันก็ต้องเป็นงั้นล่ะนะ คือเดิมก็ไม่ได้อวยตาลุงซักเท่าไหร่อยู่แล้ว ถ้าติดกับนางร้ายง่ายๆนี่...  :เฮ้อ:

แต่แบบ... แอบอยากให้มีพระรองง่ะ เรื่องนี้ขาดพระรองนะ พระรองงงงงงงงงงอ่าาาาาาาาาา (เรียกร้องงงงงง) ออกมาช้ายังดีกว่าไม่มีน้าาาาาาาาาาาาา

รอซดมาม่าต่อ  :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 12-05-2014 22:20:40
มาอีกแล้วมหกรรมมาม่า ผมร่วงแน่ตู
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 12-05-2014 22:29:41
มาต่อๆๆๆทีนะคราฟฟเตงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  เค้าค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 12-05-2014 22:41:40
เมธจะเอายังไงกันแน่ ทำไมทำแบบนี้ สงสารยุ หวังว่าเมธจะมีเหตุผลนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Yokwalkalone~ ที่ 12-05-2014 22:44:28
ที่หวงพี่เมธอย่างนี้กะจับคู่ให้ลูกเรอะ! ป้าร้ายมากก  o18
พี่เมธมัวทำไรอยู่ห้ะ มาให้ว่องเลย ยุสู้ๆอย่ายอมแพ้~
ดราม่า5-6ตอนเลยหรอคะ  :ling3:
รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 12-05-2014 22:49:25
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 12-05-2014 23:15:02
5-6 ตอน?   :m8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-05-2014 23:17:32
พระเอกหายไปไหนเนี่ย
กลับมาจะดื้อให้ง้อเยอะๆเลย
 :fire:

ชอบตอนที่ยุคุยกะนางแม่มดนั่นมาก555
สะใจเบาๆ
ยุไม่ต้องหวั่นใจนะ เพราะการเสี่ยง
มันย่อมมีอารมณ์หวั่นๆเป็นเรื่องปกติ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 12/05/14 (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 12-05-2014 23:23:45
จะกินมาม่ามารธอนไปห้าหกตอนเลยเหรอคะ
โอววว ไม่นะ เตรียมยาแก้ท้องอืดด่วน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: 4559 ที่ 12-05-2014 23:27:05
นังสารพัดพิษ. นังแก่เหนียงยาน. ไปตายซะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 12-05-2014 23:44:35
อยากตบนางคุณสเน่ห์จันทร์มาก บอกเลย
ร้ายไม่หยุดหย่อน
สงสารน้องยุ โว๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 13-05-2014 00:26:15
 :sad4: หาตะเกียบก่อน..แต่ขอย้ำว่าเอามาม่าช้างน้อยนะคะ กินไม่ไหว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 13-05-2014 00:45:53
ชอบคุณเมธตรงไม่โลเลเนี่ยละ
คุณป้านี่จะทำอะไร สรุปเก็บไว้ให้ลูกสาว
โอ้ยยยยยพี่เมธ ถ้าเราเป็นพี่เมธจะรีบถ่อมาเลย
ละนี่พี่เมธอยู่หนายยยย ไม่ได้ใช้ไดเกียวหรอ #ไม่ขำ แงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 13-05-2014 00:54:35
โอ้ว *{}*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 13-05-2014 00:57:46
รักน้องยุจังเลยยยย  ไม่ผิดจากที่คิดไว้ น้องยุไม่ทำให้ผิดหวังงงง ฮรืออออออ
ส่วนอิตาลุงงง หายไปไหนห้ะะะ น้องนั่งรอจะเป็นชาติอยู่แล้ว !!!
แล้วซอลย่า ที่เจ๊บลูม่าทักนั่นใครรร
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 13-05-2014 01:13:55
คุณกฤตเมธหายไปไหนเนี่ยยย ยุจะร้องไห้แล้วน้าาาา  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 13-05-2014 01:53:18
ป้า เกือบเท่มากแล้วเชียว
แต่ตอนท้ายๆ ดันคุมสติไม่อยู่ พร่ำไม่เลิกจนไม่เหลือมาดเจ้านายใหญ่

ยิ่งย้ำมาก ยิ่งแสดงว่าไม่มั่นใจนะป้าจัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 13-05-2014 10:03:37
ดราม่าอีกห้าหกตอนเลยเหรอคะ กรี๊ดดด
น้องยุของเจ๊ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 13-05-2014 14:50:10
ติดต่อไม่ได้แบบนี้ ตาลุงคงโดนคุณหนูชิดจันทร์ จับทำผะ..ผัว แล้วละมั้ง

คนแต่งแกล้งน้องยุอ่าาาาาาาาาา น้องยุกินแต่มาม่าจนผมจะร่วงหมดหัวแล้วนะ 55555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 13-05-2014 16:49:38
 :L2:
5-6 ตอนแบบรัวๆ ล่ะกัน
ต้มมาม่าสดายุ เครื่องก็ต้องมีกฤตเมศเป็นวัตถุดิบแต่งหน้าในชามด้วย
ยื้อนานเดี๋ยวเครื่องแต่งหน้าจะรอจนแห้ง (ยุพยศตาแก่จะเดือดร้อน) ซะก่อน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 13-05-2014 17:17:03
ขอลาอ่านอีกห้าตอน ลาไปทำใจ :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 13-05-2014 17:21:37
ยุ สู้ ๆ นะ เข้มแข็งไว้ หวังว่าลุงจะไม่ทอดทิ้งยุนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 13-05-2014 20:27:01
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: ekonut ที่ 13-05-2014 22:26:56
ทำไมต้องใจร้ายกับยุด้วย แล้วเมธหายไปไหนปล่อยให้ยุรอทำไม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: pppetchhh ที่ 13-05-2014 22:31:25
กรี๊ดดดดดดดดดดดด ชีวิตแค่โดนทำร้ายยยยยยยยยยย
ค้างค่ะ ค้างมากกกกกก ฮรือออออออ
น้องยุอย่าร้องนะ ไม่เอ่ไม่ร้อง

ตาเฒ่าหายไปไหนถ้าไม่กลับมาหาน้องยุในเร็ววันดิฉันจะคาบน้องไปดินละนะคะ

ยุมาซบอกป้ามา ไม่ร้องนะหนูนะ #กอดดดดดดดด

แอบมีความรู้สึกเหมือนบดินทร์นี่ไม่ได้เกลียดยุอย่างเดียวใช่มะ ออกแนวเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อปร้ะ #งานเดาต้องมา

ยังไงก็สู้ๆนะคะ  เราชอบเรื่องนี้มากเลย จะติดตามและให้กำลังใจต่อไปเรื่อยๆนะคะ

สู้ๆค่าาาาาาา *0*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 13-05-2014 22:49:12
เบื่อเจ๊นี่จังวะ
ยังจะมาประเคนลูกให้พี่เมธอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 13-05-2014 23:26:55
โอ้ยยยยยย อึดอัดแทนนนนยุ อ่า. สงสารรร ตอน แรกนึกว่าพี่เมธจะทิ้งน้อง  :z6:  อ่านปล แรก เครียดกวีาเดิมม พอปล 2 รู้สึกรออ่านฉากฟิน.  5555  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 14-05-2014 21:07:40
ต่อรองเหลือมาม่าซัก 3-4 ตอนไม่ได้เหรอ.....
น้องยุ...ตาต่อตาฟันต่อฟัน อย่าร้องอย่าท้อ..
เอามารยา พันแปดร้อยเล่มเกวียนมาใช้....
ทำให้ยัยไร้เสน่ห์กะอักเลือดไปเลย....
อาเจ๊บลูม่าต้องช่วยน้องซิ.....ลุยโลด...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ'
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 14-05-2014 21:40:21
คนแต่งก็อย่าใจร้ายนักนะค่ะ ไม่อยากให้ยุเสียใจ เค้าสงสาร  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 14-05-2014 22:08:46
ผมคือ…นางเอก
ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น)
ติ่งแรก แลกใจ
หมายเหตุ : ซอลย่าคือใคร กลับไปอ่านซีนที่ 25 อีกทีนะเคอะ ฮุฮุฮุ



ติ๊ง....

‘thirty-two Floor’


เสียงลิฟท์ดังขึ้นต่อหน้าต่อตา บลูม่า

‘ใครกันมาเอาตอนนี้? หรือว่า....’

“คุณเมธ...?..เอ๋อ...”

“เฮ้อ โชคดีจังยังมีคนอยู่....อ๊ะ...”

บลูม่าที่แอบดีใจแทบตายเพราะนึกว่าคนที่จะโผล่ออกจากลิฟท์คือ กฤตเมธ ทว่าคนที่ออกมานั้นกลับเป็น...


“...ซอลย่า!?”


‘คู่แค้นตลอดกาล!! ไม่อยากเจอ ดันเจอได้ทุกวัน!!’ (บลูม่า)

“…บลู? หวัดดี ดึกป่านนี้แล้ว…ยังไม่กลับอีกเหรอ?”

‘โชคดีจัง…วันนี้ได้เจอบลูด้วย’ (ซอลย่า)

ผู้ออกจากลิฟท์ทักทายบลูม่าออกมาตะกุกตะกักเล็กน้อย ชายหนุ่มก้มหน้าก้มตาตามนิสัยเคยชิน ไม่บอกไม่มีทางรู้ว่า ผู้ชาย(ไม่แท้) ที่ชื่อ ‘ซอลย่า’ คนนี้แท้จริงแล้วเป็นถึงผู้จัดการส่วนตัวของดาราดังหลายคน เพราะถึงจะเป็นคนขี้อายแต่ก็มีสายตาที่เฉียบคม

ซอลย่าเป็นผู้ชายร่างเล็กผอมบางแทบไม่มีกล้ามเนื้อ มีรสนิยมเฉพาะตัว นั่นคือชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เป็นเกย์สาว ที่เกย์เพศเดียวกันไม่ค่อยให้ความชื่นชมสักเท่าไหร่ เพราะความที่ซอลย่าสวยหวาน น่ารักเกินไป โดยเฉพาะนิสัยซุ่มซ่ามโก๊ะๆ เหม่อๆ เลยมีแต่คนเข้ามาทะนุถนอม อยากปกป้องดูแล โดยเฉพาะเหล่าชายชาตรีที่ทนเห็นสิ่งมีชีวิตน่ารักๆผจญโลกอย่างน่าสงสารไม่ได้ ข้อนี้เองที่ทำให้ซอลย่าขึ้นแท่น ‘เกย์สาวที่ถูกสาวด้วยกันเขม่นใส่ 100%!!’ เพราะไม่ว่าสาวเจ้าเหล่านั้นจะพยายามใส่จริต บีบร่างให้สะโอดสะองแค่ไหน สุดท้ายก็ยังดูเป็นชายล่ำถึกแมนอยู่ดีเมื่อเทียบกับ ซอลย่า…ในกรณีนี้ แม้แต่บลูม่าเองก็เป็นหนึ่งในผู้ตั้งตนเป็นศัตรูของซอลย่าเช่นกัน

…ก็ใครใช้ให้ซอลย่าเกิดมาตัวเล็กกว่า ขาวกว่า แบ๊วกว่า น่ารักกว่าบลูม่าขนาดนี้กันล่ะ ผู้ชายที่เล็งไว้เลยไม่เคยชายตามาหาบลูม่าเลยแม้แต่คนเดียว…เพราะทุกคนไปโอ๋ซอลย่ากันหมด ดังนั้นบลูม่าเลยฝังใจว่า ‘ผู้ชายของข้าซอลย่าฟาดเรียบ!!’

‘หนอย…ที่ฉันเวอร์จิ้นมาจนถึงทุกวันนี้มันเป็นเพราะหล่อนคนเดียว!!’

เปรียบเทียบแบบเห็นกันจะๆ!!
          
บลูม่า (ตั้งเอง)                                            
ส่วนสูง   190 cm.                                        
น้ำหนัก   82 kgs.                                      
สีผิว           ขาว (พยายามประทินโฉม)            
ใบหน้า   แมนมาก นักเลงฝุดๆ                      
ดวงตา   คม ดุ                                             
จริต           ดัดจริต เต็มร้อย พูด ‘คะ,ขา’ แทนตัว            
ความแรด   100%
                                    
**************************
[ซอลย่า (วงการตั้งให้)
ส่วนสูง   168 cm.
น้ำหนัก    50 kgs.
สีผิว           ขาวอมชมพู (ธรรมชาติ)
ใบหน้า   แบ๊วๆ เอ๋อๆ
ดวงตา   เรียวเล็ก หลุบต่ำเสมอ ใส่แว่นด้วย
จริต           นุ่มนิ่ม เรียบร้อย พูด ‘ครับ’ แทนตัว
ความแรด   0 %


“เรื่องของฉัน! หล่อนนั่นแหละมาทำลับๆล่อๆอะไรป่านนี้!?”

“…เอ่อ ฉันลืมของน่ะ…เลยกลับมาเอา…”

“โฮ่ย! พูดเบาแบบนั้นใครจะไปฟังรู้เรื่องยะ!!”

ยังไม่ทันที่ซอลย่าจะพูดจบ บลูม่าก็ตวาดใส่ด้วยความรำคาญในน้ำเสียงที่เบาจนฟังไม่รู้เรื่องของซอลย่า ฝ่ายถูกเอ็ดก้มหน้างุดตามนิสัยขี้ขลาดของตัวเองทันที ใจสั่นทุกครั้งที่ถูกบลูม่าเขม่นใส่ ไม่อยากถูกเกลียด…ขอแค่บลูม่คนเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากให้เกลียด

“…ขอโทษ…”

เอ่ยขอโทษออกไปเบาๆ แล้วชำเลืองมองไปที่คู่สนทนาที่ยังคงทำหน้าไม่สบอารมณ์ ซอลย่าไม่รู้จะทำยังไงให้บลูม่าหายโกรธ ไม่รู้จะทำยังไงให้บลูม่าเลิกเข้าใจผิดแล้วกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ซอลย่าทำอะไรไม่ถูกเลย เกลียดตัวเองที่ขี้ขลาด เกลียดตัวเองเหลือเกิน

“…งั้น…ไปก่อนนะ…”

ด้วยว่าจนปัญญาจะทำให้อีกฝ่ายหายโกรธ ซอลย่าก็เลยขอตัวไปก่อนเพื่อหลบหน้าบลูม่าที่กำลังขมวดคิ้วน่ากลัว

…หลบไปเลียแผลใจ รอบที่หลายพัน…เลียจนแผลอักเสบไปหมดแล้ว

“เดี๋ยวก่อน!”

หมับ!

“อ๊ะ?”

ทั้งที่กะจะรีบไปให้พ้นหน้าเพื่อเอาใจ แต่กลับถูกอีกฝ่ายดึงรั้งไว้โดยการกระชากแขนจนตัวปลิวเสียก่อน ซอลย่าตกใจเสียจนหน้าเอ๋อ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงถูกรั้งไว้ นี่เขายังทำอะไรให้บลูม่าไม่พอใจอีกอย่างนั้นเหรอ?

“ฉันได้ยินมาว่าวันนี้ไอ้บดินทร์เด็กในสังกัดเธอเที่ยวมากวนโอ้ยสดายุของฉันอยู่”

“เอ๊ะ?...ไม่เห็นรู้เลย…”

ซอลย่าหน้าเหวอเล็กน้อยเมื่อทราบเรื่องราวจากปากของบลูม่า วันนี้เขายังไม่ได้คุยกับบดินทร์เลยสักครั้ง เลยไม่รู้จริงๆว่าเด็กในสังกัดตนไปทำตัวเกเรกับเด็กของบลูม่ามา

“ไม่ต้องมาทำเป็นเอ๋อไม่รู้เรื่องเลย!”

“โอ้ย!...”

ยิ่งตะคอกยิ่งถูกกระตุกร่างแรงๆจนถูกลากเข้าไปอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก ใกล้…จนหัวใจของซอลย่าแทบหลุดกระเด็นออกมา

“หนี้แค้นเก่าไอ้บดินทร์ยังไม่ได้ใช้ อย่าริสร้างใหม่นะยะ! คราวนี้ฉันไม่เอาไว้ทั้งไอ้ดาราเฮงซวย ทั้งหล่อนด้วยอย่างแน่นอน!!”

“…………..” ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บ ซอลย่าได้แต่กัดฟันกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

เจ็บปวดที่ถูกคิดว่าเป็นแค่ศัตรูคู่แข่ง

รวดร้าวที่ความในใจไม่เคยส่งไปถึง

…รักข้างเดียว มาตลอด 15 ปี…


ย้อนวันวาน…

เลือกเรียนสาขานิเทศศาสตร์ ทั้งๆที่เป็นคนขี้ขลาดขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าสบตาผู้คน จนโดนแกล้งโดนแววอยู่บ่อยครั้ง... นายซอล ผู้ด้อยในภาคสนาม คะแนนห่วยในภาคปฏิบัติ กลับมีคะแนนภาคทฤษฎีดีเยี่ยม การวิเคราะห์ต่างๆแตกฉานอัจฉริยภาพด้านการเขียนบทวิจารณ์ และนั่นจึงทำให้ ซอลยังคงยืนหยัดในสาขานิเทศศาสตร์นี้ได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย

เลือกเรียนสาขานิเทศศาสตร์ เพราะเป็นคนชอบแสดงออก มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบพบปะผู้คน เป็นที่รักใคร่ มีเพื่อนเป็นฝูง...นายบลู ผู้เชี่ยวชาญภาคสนาม คะแนนเต็มร้อยในภาคปฏิบัติ แม้แต่ในภาคทฤษฎีก็มีคะแนนที่น่าพึงพอใจ บทวิเคราะห์บทวิจารณ์ก็ทำออกมาได้ดีอย่างที่คณาจารย์คาดหวัง แม้บลูจะไม่ได้เด่นเป็นที่สุด ไม่ได้เจิดจรัสอย่างพวกเพชรยอดมงกุฏ แต่ก็ถือได้ว่าเป็นระดับแนวหน้าที่ต้องพูดถึงเช่นกัน

"อ่อนปวกเปียกเป็นหนอนเชียวหล่อน หัดสู้คนบ้างสิ จะยอมโดนแกล้งแบบนี้ไปทั้งชาติเลยรึไง!!"

"...ข...ขอโทษ..."

"ขอโทษทำไมยะ? ที่พูดนี่ให้รู้สึกฮึกเหิม ไม่ใช่ให้ขอโทษ เฮ้อ!...ซอลเอ้ย แล้วฉันจะปล่อยให้หลงหูหลงตาได้ยังไงเนี่ย..."

บลูพ่นลมหายใจละเหี่ย ที่เห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของตนโดนกลั่นแกล้งจากเพื่อนคนอื่นๆอยู่บ่อยครั้ง โดยที่เจ้าตัวไม่เคยตอบโต้

ฝ่ายคนโดนเอ็ดก็เริ่มน้ำตาซึมจนต้องรีบเช็ดกันป้อยๆ จนคนกำลังหน้าหงิกต้องถอนหายใจอีกสามเฮือก แล้วเอามือมาโอบศีรษะทุยของเพื่อนไว้แนบอกเป็นการปลอบขวัญ 'เอากับมันสิ บ่อน้ำตาตื้นจริงจริ๊ง'

อ่อนไหว อ่อนหวาน ไร้เดียงสา บอบบาง น่าทะนุถนอม นี่คือนิยามของซอล

สูงล่ำ สวย(อันนี้เจ้าตัวคิดเองเออเอง) ถึก บึกบึน กร้านโลก ขี้วีน แร่ด ดัดจริต แต่หล่อ มองเผินๆถ้ายืนเฉยๆดูแมนมาก นี่คือนิยามของบลู
ส่วนร่วมส่วนเดียวที่เหมือนกันของทั้งคู่คือ 'ต่างก็ชอบผู้ชาย' และ 'ต่างก็เป็นสาวดุ้น'

บลูนั้น แม้จะยังแต่งเครื่องแบบนักศึกษาชายตามระเบียบ ผมสั้นรองทรง ไม่แต่งหน้าจนเกินงาม (แค่บำรุงด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ ไวท์เทนนิ่ง และแป้งพับกันแสงยูวี กับทาลิปมันไม่มีสี เล็กน้อย พอกระชุ่มกระชวย)  แต่จิตใจของบลูฝักใฝ่ความงามเฉกเช่นสตรีมีจริตท่วงท่าที่แสนจะ(พยายาม)อ่อนหวาน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดคำจา ท่าทางการนั่งการเดิน นวยนาด สวยเริดเชิด สาวแตกสุดๆ ทว่า...แม้จะสวยเริดเชิดแรดยังไง บลูก็ไม่ใช่คนง่าย แม้จะอยากโดนผู้ชายงาบ แต่ก็เลือกเยอะ เสปคสูง จนหาคนที่ใช่ไม่ได้เสียที (แต่...ถึงจะเจอ หนุ่มคนนั้นก็ดันไม่นิยมป่าเดียวกันเสียอีก) แถมด้วยส่วนสูงและรูปร่างอันสมาร์ทเกินชาย เลยไม่เคยมีหนุ่มคนไหนชายตาแลเลย จะมีก็แต่สาวๆป่าเดียวกันกับชะนีน้อยบางเผ่าพันธ์ที่หลงใหลได้ปลื้มอยากโดนบลูงาบเสียมากกว่า อ่อยเช้าอ่อยเย็นจนบลูเอือมระอา ช่วงพีคสุดๆของบลูคงเป็นช่วงที่โดนลากไปแข่งบาสอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะบลูเคยลงแข่งมาก่อน(เนื่องจากตัวสูง) และฝีมือเทพมาก จึงถูกขอร้องแกมบังคับให้มาช่วยแข่งของคณะยาวไปจนระดับมหาลัย (แม้สาวนตัวแล้วบลูจะไม่ชอบเลย เพราะมันทำให้ดูถึก ไม่สมหญิง แต่ก็ไร้ทางปฏิเสธ) ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บลูเกลียดตัวเองที่สุด การซ้อมหนักทำให้รูปร่างที่บลูตั้งใจจะให้ผอมสวยสะโอดสะองนั้นกลายเป็นแมนเต็มร้อย สมชายชาตรีสุดๆ กล้ามอกกล้ามแขนขึ้นกันพรึ่บพรั่บขัดใจเจ้าของอย่างยิ่ง แต่ถูกใจสาวแท้สาวเทียมอย่างมาก ขนาดชายแท้บางคนยังแอบอิจฉา สาวๆตามกรี๊ดติดขอบสนามไม่แพ้ชายแท้ตัวเป็นๆในทีมเลยทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ว่าบลูเป็นกะเทย แต่ก็อดใจสั่นกันไม่ไหว 'เสียดายของจริงจริ๊ง' 

และด้วยความที่แมนเกินชายนี่แหละ สุดท้ายบลูเลยยังไม่เคยโดนเสียที โสดซิงแทบจะบูชาขึ้นหิ้งได้ เพราะแม้แต่ขาอ่อน...ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็น...

'อนาถแท้วะ...อิชั้นเนี่ย....ฮรือๆๆๆ'

ฝ่ายซอล หนุ่มน้อยขี้อาย ชายไม่แท้ที่ใครเห็นก็อยากปกป้องดูแล จะเรียกว่ากะเทยก็ไม่ค่อยเต็มปาก เพราะจริตจะก้านไม่ค่อยเยอะ เรียบร้อยนุ่มนิ่มแต่ก็ไม่ได้ตุ้งติ้งเกินงาม มีชายแท้ชายเทียมเข้ามาตอแยด้วยไม่ขาด ทั้งหยอดทั้งจีบ แต่ซอลก็ไม่เคยสนใจใครเป็นพิเศษ ด้วยความขี้ขลาดและขี้อายเกินกว่าจะเปิดใจ สุดท้ายเลยไม่มีใครในใจสักคน และเพราะเป็นคนแบบนี้ทำให้ซอลมักโดนกลั่นแกล้งอยู่เสมอ เพราะหลายคนคิดว่าเจ้าตัวเป็นคนหยิ่ง ทั้งจากพวกที่จีบทีเล่นทีจริง จีบหวังฟัน และจากพวกอิจฉาริษยาที่ซอลเป็นที่นิยมเกินหน้าเกินตาตัวเอง แม้จะถูกรังแกบ้าง แซวบ้าง แกล้งบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ซอลย่อท้อ เขายังมาเรียนทุกวัน เผชิญทุกอย่างที่น่าอึดอัดนั้นทุกวันด้วยความเข้มแข็ง แม้จะมีข่าวลือเสียหายจนอยากกัดลิ้นตายหลายอย่างซอลก็ยังอดทนไม่สนใจและใช้ชีวิตของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ไม่แก้ไข ไม่แก้ตัว ไม่แก้ข่าว ความฉาวเลยกระพือโหมไม่หยุดเสียที

'อีซอลน่ะมันแอ๊บ ที่จริงนะร่านผู้ชายจะตาย'

'วุ้ย เสียตัวจนรูพรุนหมดแล้ว ยังจะมาแอ๊บใส ถุ้ย!!'

'โดนมาเยอะแล้วไม่ใช่เหรอ ให้พี่ลองบ้างสิน้องซอล ฮ่าฮ่าฮ่า'

'ได้ข่าวว่าเด็ดว่ะ ต้องลองซะหน่อยมั้ง ฮ่าฮ่า'

'อดอยากจนต้องแย่งผัวชาวบ้าน อีช็อคโกรี่!!'

แม้จะถูกใส่ร้าย ถูกข่าวฉาวคาวราคีโหมกระหน่ำซอลก็ยังยืนหยัดอยู่ได้ ซอลคิดอยู่ในใจเสมอว่าความจริงเป็นสิ่งไม่ตายตราบใดที่เขาไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา ต่อให้โดนทำร้ายมากแค่ไหน เขาก็จะไม่แปดเปื้อน ต่อให้ใครไม่รู้ แค่ตัวเองรู้ก็พอแล้ว ไม่ต้องการให้ใครมาใส่ใจ ไม่ต้องการให้ใครมาสงสาร ‘ไม่เป็นไร เราอยู่คนเดียวได้’

ซอลคิดอยู่อย่างนี้เสมอจนกระทั่งวันหนึ่งที่เขาโดนดักฉุด!

และวันนั้น ซอลก็ได้ค้นพบคนที่เขาพร้อมจะเปิดใจให้โดยไม่มีข้อแม้...

“อย่า! อย่าทำผมเลย! ฮือ...ปล่อยผม...ฮือ...ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!”

ร่างเล็กขาวผุดผาด ดิ้นพล่านปัดป้องตัวเองจากมือมารที่คอยยึดยื้อ และฉีกทึ้งเสื้อนักศึกษาอย่างไม่ปราณีปราศรัย ห้องเก็บของของคณะ ทั้งมืดและห่างไกล แทบไม่มีคนเดินผ่านโดยเฉพาะช่วงหัวค่ำ ดังนั้นมันจึงเป็นสถานที่อโคจรที่ไอ้สามตัวชั่วช้ามันลากซอลมาทำร้ายได้อย่างที่ไม่มีใครรู้เห็น

“อย่าดิ้นน่า น้องซอล ฮื่อ ขาวเชี่ยๆเลยว่ะ”

“อย่านะ! ผมไหว้ล่ะ ปล่อยผมเถอะ!!”

“หุบปากได้แล้ว! แม่งเล่นตัวอยู่ได้ แค่จะมีผัวเพิ่มอีกสามคนเนี่ย ตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอมึง หึหึ”

“หัวนมชมพูเชียวเว้ย! ไม่ไหวแล้ว กูเริ่มก่อนเลยแล้วกัน! ฮ่าฮ่า”

“ไม่! อย่า!! ม่ายยยยยยย!!!”

โครม!!!

“ทำเชี่ยอะไรกันวะพวกมึง!!?”

ยังไม่ทันที่ซอลจะโดนทำอะไร บลูก็ถีบประตูโครมเข้ามาช่วยไว้ได้ทันการเสียก่อน แล้วส่วนสูง 190 ร่างกายที่บึกบึนเพราะซ้อมกีฬา พร้อมเรี่ยวแรงที่ไม่ได้น้อยเลยแม้แต่น้อยนั้น ก็สามารถจัดการไอ้สามชั่วตัวผู้สารเลวที่เก่งแต่ปากแต่กากเรื่องฝีมือลงไปแดดิ้นได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที

ไม่ได้ตั้งใจเข้ามาช่วยโดยตรง แต่เพราะเดินผ่านมาได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือ เลยถีบประตูเข้าไปขัดขวางไว้ได้ทันท่วงที ไม่ได้อยากเป็นฮีโร่ แต่ก็ไม่ชอบเห็นความไม่ยุติธรรม

และหลังจากวันนั้น บลูและซอลก็ได้เริ่มทำความรู้จักกันอย่างจริงจัง จากที่เคยแค่เห็นกันในห้องเรียน จากที่เคยแค่ได้ยินข่าวลือที่ไม่ค่อยได้ใส่ใจ ก็ได้มาทำความเข้าใจในกันและกัน จนกลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

บลู คอยปกป้องซอลจากพวกตามตอแย ตามราวีไม่เลิก รู้สึกว่าตัวเองเป็นเพื่อนสาว เป็นพี่สาวที่แสนน่ารักของซอลเสมอ

ซอล คอยอยู่ใกล้บลูตลอด เปิดใจให้บลูคนเดียว รู้สึกว่า บลูคือคนที่  ‘ใช่’ และ นานไปก็เริ่ม ‘ตกหลุมรัก’

ความรักของซอลที่มีให้บลูนั้นผลิดอกออกผลเติบโตขึ้นทุกวัน เพราะขี้ขลาดเลยไม่ได้บอกให้บลูรู้ แต่ซอลก็รู้สึกมีความสุขเพียงพอที่บลูให้ความสำคัญกับตัวเองเป็นที่หนึ่งเสมอ

ทว่า...เรื่องร้ายในที่สุดก็โถมทับเข้ามา

ความเข้าใจผิด กับคำใส่ร้ายที่ไร้คำแก้ต่าง ความขลาดเขลาที่ทำอะไรโดยไม่คิด ทำให้ในที่สุด บลูและซอลก็แตกหักกัน

“บลู บลู...มันไม่ใช่อย่างที่บลูคิดนะ ซอล ขอโทษ...”

“ไม่ใช่อย่างที่บลูคิด แล้วเรื่องจริงคืออะไรล่ะ ซอลก็บอกบลูมาสิ”

“ซอลไปกินข้าวกับเพชรจ้ามาจริงๆ...ขอโทษที่ซอลโกหก...แต่ซอลมีเหตุผล...”

“เพชรจ้ากับบลูเพิ่งคบกันได้แค่สองอาทิตย์ บลูย่อมไม่เข้าข้างเขามากไปกว่าซอลที่เป็นเพื่อนบลูมาถึงสองปี ต่อให้ท้ายที่สุดซอลกับเพชรจ้าจะเกิดปิ้งกัน เคมีตรงกัน แล้วเพชรจ้าเลิกกับบลูเพื่อไปคบซอล บลูก็จะไม่โกรธ แต่ตอนนี้ที่บลูรับไม่ได้ คือการถูกหักหลัง การเป็นคนโง่ ที่เขาว่ากันว่าหลงผู้ชายจนหูหนวกตาบอด มองไม่เห็นว่าตัวเองกำลังโดนสวมเขา โดยเพื่อนรักของตัวเอง...เพชรจ้าโกหก บลูก็แค่โกรธมัน เลิกกับมัน ไม่เจ็บหรอกกับผู้ชายแบบนั้น แต่การที่ซอลโกหกบลู มันมันทำให้บลูเจ็บ เจ็บกว่าอะไรทั้งหมด!”

“บลู...”

“เอาเถอะ อีกไม่กี่วันก็เรียนจบแล้ว  เราต่างคนต่างไปตั้งแต่วันนี้เลยก็แล้วกัน”

“บลู!! บลูฟังก่อน!!”

นั่นคือภาพสุดท้ายที่ได้คุยกัน การตัดสินใจทำบางอย่างที่ไม่ยั้งคิดของซอล ทำให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงจนวันนี้

...โดยที่ไม่มีโอกาสได้อธิบาย

*
*
*
*
*

“หนี้แค้นเก่าไอ้บดินทร์ยังไม่ได้ใช้ อย่าริสร้างใหม่นะยะ! คราวนี้ฉันไม่เอาไว้ทั้งไอ้ดาราเฮงซวย ทั้งหล่อนด้วยอย่างแน่นอน!!”

“บลู...ขอโทษเรื่องบดินทร์ด้วยนะ...ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เขาเป็นแบบนั้น ฉันพยายามเตือนเขาแล้ว...”

“หุบปากหล่อนไปเถอะ! ลูกปูตามแม่ปูฉันท์ใด เด็กในสังกัดมันก็คงตามผู้จัดการมันฉันท์นั้นแหละ”

กระแทกแดกดันจบ ก็สะบัดมือออกจากแขนของซอลย่า ไม่สบอารมณ์เลยสักอย่างที่ต้องมาเจอกันซึ่งๆหน้าแบบนี้ เรียนจบมาก็ว่าจะต่างคนต่างไปแล้วแท้ๆ ยังอุตส่าห์มาทำงานอยู่วงการเดียวกันสังกัดเดียวกันอีก ไม่รู้ใครกันแน่ที่มีกรรม

กรรมของซอลย่าที่ต้องเจอเขาด่าว่าสาดเสียเทเสียทุกครั้งที่เจอหน้า

หรือเป็นกรรมของบลูม่าเอง ที่เจ็บใจ และเกลียดตัวเองทุกทีที่เผลอพูดจาร้ายกาจใส่ซอลย่า

“เฮ้อ! ฉันจะขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะ! ดูแลเด็กของหล่อนให้ดี ทั้งไอ้บดินทร์ชั่ว ทั้งเด็กแตงกวา อย่าให้มันทั้งคู่มายุ่งวุ่นวายกับน้องยุอีก จำไว้ว่าหากมีอีกแค่ครั้งเดียว ฉันขอสาบานเลย ว่าฉันจะทำทุกวิถีทาง…ที่จะทำลายพวกหล่อน ให้ย่อยยับไม่มีชิ้นดี!”

บลูม่าคาดโทษจบก็หันหลังเดินจากไปทันที รีบกดลิฟท์เพื่อไปให้ไกลจากใบหน้าที่กำลังจะร้องไห้เต็มทีของซอลย่า

…ไม่อยากเห็น…ไม่อยากใจอ่อน

“เกลียดฉัน…ขนาดนั้นเลย…เหรอ?…”

คำถามอ่อนแรง เอ่ยขึ้นตามหลังมา แต่บลูม่าไม่กล้าหันกลับไปมอง

“…บลู…?...”

“…ไปให้พ้นเสียที ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อนอีกแล้ว”

พูดจบบลูม่าก็กดลิฟท์รัวๆ ประตูลิฟท์เปิดแทบจะทันที เพราะมันจอดรออยู่ตั้งแต่ซอลย่าขึ้นมาถึง รีบสอดตัวเข้าไปพร้อมกดปิดลิฟท์โดยไม่หันกลับไปมองซอลย่าอีกแม้แต่เพียงหางตา

กึง!!

“เฮ้ย!?”

ไม่ทันที่ประตูลิฟท์จะปิดสนิท มันก็ถูกง้างออกอีกครั้งด้วยสองมือเรียวผอม

“…ไม่…ฉันจะไม่ยอมให้เธอหนีฉันอีกแล้ว…บลู!...”


********************************************************

อุ๊ย…หรือจะมีมหกรรมตีฉิ่ง (อิอิ)

ครึ่งหลัง จะมาอีกทีหลังจบตอนที่ 27 นะจ๊ะ

ยังเหลือตอนพิเศษของคู่ เฮียอ๊อด x คุณมล
และ พอร์ช x รุจน์ รออยู่นะจ๊ะ
จิมาแจมตอนหลักอยู่เนืองๆจ๊ะ

ซีนที่ 27 ครึ่งหลัง…หึหึ…พรุ่งนี้เจอกันนะคร๊า

 :hao7:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 14-05-2014 22:15:26
อุ๊ยตายยยยยย เจ๊บลูจะผันตัวไปเป็นสาวเสียบรึเปล่านะ อิอิ
คู่นี้น่าสนใจมากค่ะ ชอบบบบอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 14-05-2014 22:28:06
เจ๊เปลี่ยนใจตอนนี้ก็ยังทันนะะะะะะ
กลับมาแมนเถอะฮ่าๆ ซอลย่าน่ารักนะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 14-05-2014 22:28:15
อกอีแป้นจะแตก เจ๊บลูม่าจะกลายเป็นซะมีซอลย่ารึ  :m30:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: kritcha ที่ 14-05-2014 22:29:07
ฤาเจ๊บลูม่าจะโดนเสียบ  o22 o22 :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 14-05-2014 22:29:26
out of nowhere!!!!

คู่นี้น่าลุ้นกว่าคู่หลักอี๊กกกก  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 14-05-2014 22:30:36
รอครึ่งหลัง ทั้งเรื่องหลัก และพิเศษ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-05-2014 22:34:22
คู่น่าลุ้นอ่า มันส์ดี :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 14-05-2014 22:53:51
คู่เจ้บลูกับซอลย่าก็น่าจะสนุกนะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Firebird ที่ 14-05-2014 22:59:18
ส่วนสูงไม่มีผลกับแนวราบนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 14-05-2014 23:12:45
เจ้บลูเจ๋งเทพ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 14-05-2014 23:17:49
เหตุใดเทรนด์เบี้ยนจึ่งมาแรงนักนะ
 :hao7:
รออ่านไม่ไหวแล้ววว
เราว่าผลัดกันแน่ๆเล้ย
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Mancha KHIRI ที่ 14-05-2014 23:31:15
อร๊ายยยย มันต้องมีมโหรีฉิ่งฉับกันเป็นที่แน่นอนเลยค้าาา :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 14-05-2014 23:31:34
กรี๊ด เจ้บลูหล่อเกิ๊น ชอบคู่นี้อ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 14-05-2014 23:32:36
เจ๊บลูดูยังไงก็แม๊นแมนนะ 555
เอาใจช่วยหนูซอลให้พิชิตใจพิชิตตัวเจ๊บลูให้ได้เร็ววัน อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 14-05-2014 23:35:26
เจ๊บลูม่านางไม่ธรรมดาจริงๆ o13
เคยเจอแต่รุกรุกงี้ รับรับก็อยากลองอ่านเหมือนกันนะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 14-05-2014 23:52:45
อ้าว อ้าว อ้าว คู่นี้ยังไง ยังไง อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 15-05-2014 00:38:45
เฮ้ย!!!!!!!คนแต่งทำเราตกใจ :a5:
อั๊ยย่ะ ดูเหมือนว่า คู่นี้อีกนิดต้องมีเฮและอีกหน่อยต้องมีหื่น :hao6:  :hao6:
คนแต่งอย่าทิ้งให้คาใจนานน้า มันเป็นการทรมารคนอ่านอย่างเรา  :katai1:
ปล. ขอบคุณที่เอาซีนพิเศษมาคลายเครียดของคู่หลักนะค่ะ(หรือจะเครียดหนักกว่าเดีม???)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 15-05-2014 06:45:53
ให้เจ้บลู เสียบเถอะ เพราะเจ้ยังมีความแมนในตัว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 15-05-2014 07:55:24
เจ็บปวดเกินไปไหมสดายุ ทำได้อย่างเดียวแค่เล่นหนังหรอยุ โอ๊ย อึดอัด จบเรื่องนี้แล้วเป็นดาวค้างฟ้า ทิ้งไว้ให้เป็นความจดจำ แล้วถอยออกไปดีกว่ายุ แง๊ ไม่ไหวแล้ว ฮือออออออ เจ็บแทนยุ อินมาก อินจัด เสน่ห์จันทร์ คือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมดใช่ไหม ตั้งแต่ต้นหรือเปล่า แอบสงสัย

ว่าจะไม่อ่านตอนมาม่า เพราะทำใจไม่ได้ แต่อดไม่ได้ ทนไม่ไหว ทำไมกันสดายุ ทำไมถึงเปราะบางแบบนี้ ไม่มีสักคนเลยหรอ ถ้าไม่มีพี่เมธ ยุก็ไม่มีใครเลยจริงๆ ใช่ไหมยุ โอ๊ย อยากทึ้งหัวตัวเอง ยืนให้ได้ด้วยตัวเองสักครั้งได้ไหมอะยุ เอาใจช่วยเต็มที่

ปล.ให้เจ้บลูม่ากับ ซอลย่ามาตีฉิ่งกัน ก็โอนะ น่าเพลิดเพลิน หุหุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 15-05-2014 08:49:41
เจ๊บลู หนูแอบกรี๊ดคู่เจ๊กะซอลน้อยเบาๆ เอาจริงๆก็กรี๊ดมาก ชอบมากกกกกกกก :impress2:


น่ารักอ่ะ  :o8: :-[

เป็นคู่ที่น่ารักอีกคู่นึงจริงๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 15-05-2014 09:07:25
เจ้บลู ถ้าเจ้จะแมนขนาดนี้ เป็นสาวเสียบเถอะ เสียดายของ

ซอลย่า เราเชียร์เธอนะ เอาเจ้บลูมาเสียบให้ได้นะ

ชอบคู่นี้ ถ้าจะแซ่บ หุ หุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: corn_rain ที่ 15-05-2014 10:07:56
อุ๊ต๊ะ!!!
คือเรื่องหลักมันเครียด
ขอคู่นี้มาเยียวยาก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 15-05-2014 10:32:10
มหกรรมตีฉิ่ง!!??
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 15-05-2014 10:55:35
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

มหกรรมตีฉิ่ง  อร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Yokwalkalone~ ที่ 15-05-2014 11:14:21
 :impress2: คู่นี้จะตีฉิ่งกันเรอะ!!!!
เจ๊บลูเป็นเฮียบลูเถอะ ถ้าจะแมนขนาดนี
ซอลย่าน่ารักจริงนะ รีบคืนดีกันไวๆเน้ออ....
รออ่านอยู่นะคะ ทุกคู่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 15-05-2014 11:19:00
อ่านตอนติ่งแล้ว..
ชีวิตนี้ของบลูม่า ไอ้หนุ่มหล่อล่ำเร้าใจที่เคยใฝ่ฝันหา คงหมดสิทธิ์แล้ว  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: TopFee ที่ 15-05-2014 12:00:25
:hao7: ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย บลูเป็นสาวเสียบเหรอเนี่ย!!!!!  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: cheyp ที่ 15-05-2014 14:34:33
บลูม่ากะซอนย่า พลิกล๊อคมากกกกก 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: chollawat.d ที่ 15-05-2014 18:19:02
เข้ามาติดตามครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 15-05-2014 19:17:32
โอ้ยขำ จากเจ๊ จะเปลี่ยนเป็นเฮียรึเปล่าไม่รู้ แต่คิดว่า บลูม่า น่าจะเสียซิง อร๊ายยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 15-05-2014 19:22:38
อย่าบอกนะว่า คู่นี้เค้ายูริ 

แอบช็อคนิดนึง  :a5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-05-2014 19:23:00
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 27 สิ่งที่สำคัญกว่า ‘สดายุ’
ครึ่งหลัง

 
 
ปี๊บ...
 
{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }
 
{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}
 
 
ปี๊บ...
 
{ เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้... }
 
{…Sorry, it is not possible. to reach the number you've dialed at this moment…}
 
ตื๊ด...ตื๊ด...
 
‘ติดแล้ว!!’
 
สดายุแทบกระโดด เมื่อได้ยินสัญญาณรอสาย ในที่สุดก็สามารถติดต่อกฤตเมธได้แล้ว ‘ยังปลอดภัยอยู่สินะ...โล่งอก’
 
ติ๊ด!
 
“อ๊ะ! ฮัลโหล เมธ? คุณอยู่ไหน?” สดายุรัวใส่มือถือแบบไม่รอฟังเสียงปลายสาย เขาต้องการรู้เดี๋ยวนี้ว่ากฤตเมธอยู่ที่ไหน
 
“เอ่อ…โทษทีนะคะ พี่เมธเข้าห้องน้ำอยู่น่ะค่ะ…นี่จากใครคะ?”
 
หัวใจสดายุสะดุดวาบ ท้ายทอยชาปลาบลามไปทั้งใบหน้า ในหัวขาวโพลนไปหลายวิฯ ไม่ได้คิดในแง่ร้ายหรือแง่ไหน คิดแค่เพียงว่า...

‘ผู้หญิงในสาย…คือใครกัน?’

‘แล้วทำไมถึงต้องรับสายแทน กฤตเมธอยู่ที่ไหน ’

“เอ่อ...ฮัลโหล?...”

เงียบอึ้งนานไปหน่อยจนปลายสายต้องถามไถ่ว่อยังอยู่ดีหรือไม่

“อ๊ะ ขอโทษครับ ผมเป็นเพื่อนคุณกฤตเมธน่ะครับ ถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ...”

“งั้นไม่ทราบคุณชื่ออะไรคะ? เดี๋ยวพี่เมธออกมาแล้วดิฉันจะบอกให้”

“....เอ่อ...สดายุครับ...”

“..........อ๋อ...คุณสดายุ......อุ๊ย พี่เมธออกมาพอดีเลยค่ะถือสายรอเดี๋ยวนะคะ....พี่เมธคะ เพื่อนพี่ที่ชื่อสดายุโทรมาแน่ะค่ะ...อุ้ย แหม เอาตัวนี้ไปใส่สิคะ...คิกคิก...เปียกเชียว...”

เสียงใสที่ผ่านมาทางโทรศัพท์ส่งเสียงเรียกกฤตเมธด้วยความสนิทสนม ทั้งยังดูเหมือนจะอยู่ในที่ที่มีกันอยู่เพียงสองต่อสอง สดายุรู้สึกได้ถึงความเงียบผ่านทางสายโทรศัพท์ เงียบจนได้ยินบทสนทนาระหว่างกันอย่างชัดเจน

อยู่ในห้องกับผู้หญิงสองต่อสองตอนเกือบเที่ยงคืน...

ไม่ติดต่อมา ปิดเครื่อง ติดต่อไม่ได้ ปล่อยให้รออย่างไร้ความหมายจนเกือบเที่ยงคืน...

แล้วนี่...ถ้าไม่พยายามติดต่อไป กฤตเมธจะพยายามติดต่อกลับมาหาเราหรือเปล่า...

ลืมกันได้ลงคอ...อย่างนั้นเหรอ?

“ฮัลโหล ยุ! ผมขอโทษตอนนี้คุณอยู่ไหน!?”

“..........................” ไม่ถึงอึดใจจากที่หญิงสาวในสายเรียก กฤตเมธก็รับสายด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะกระวนกระวาย ถามไถ่ถึงสดายุที่ยังคงเงียบฟังอยู่ที่ปลายสาย

“...ยุ?...”

“...................คุณกฤตเมธ...”

*
*
*
*
*


โครมมมมมม!!! กึง!! ปึง!!

“..................!!?...เอ้ย? เป็นไรป่าวเจ๊?...”

สดายุแทบถลาเข้าไปช่วยประคองบลูม่าที่ลงไปกองไม่เป็นท่าอยู่บนพื้นพรม ไม่รู้รีบไปไหน เจ๊บลูม่าของเขาถึงได้ทะลึ่งตัวพรวดเข้ามาในห้องแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแถมยังเตะนู่นชนนี้จนลงไปกองในสภาพดูไม่ได้ให้ต้องตามมาถามด้วยความสงสัย

“อูยยย...โอยย...ขอบคุณค่ะน้องยุ...ซี๊ดดดด....”

ลุกขึ้นได้บลูม่าก็ซีดปากเป็นการใหญ่ทั้งเจ็บทั้งจุก ดีนะที่ไม่อายเท่าไหร่เพราะอย่างน้อยคนที่เห็นก็มีแค่สดายุน้องรักคนเดียว

“เกิดอะไรขึ้นอ่ะเจ๊ ทำไมเจ๊ดูลนลานขนาดนี้ล่ะ? เจอผีเหรอ?”

“มะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะน้องยุ เจ๊แค่ซุ่มซ่ามน่ะค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า...”

“...จริงง่ะ?...” (น้ำเสียงสงสัยสุดๆ)

“จรี๊งงงงงง!”  (เสียงสูงปรี๊ด)

“...แล้วทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะครับเจ๊?” (น้ำเสียงไม่เชื่อสุดๆ)

“...................ง่า.....เจ๊...เจ๊วิ่งมาค่ะ เจ๊กลัวผี...” (แถน้ำขุ่นจนสีข้างถลอก)

“เฮ้อ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ ยุตกใจหมด”

“ฮ่าฮ่า...เฮ้อ....กลับกันเลยมั้ยคะยุ เที่ยงคืนแล้ว เดี๋ยวเจ๊ไปส่งเอง...”

พอสดายุหมดคำถาม บลูม่าก็ดูจะโล่งใจขึ้นหน่อย สาวเจ้าชวนน้องรักกลับบ้านทันที เนื่องจากเห็นว่าดึกมากแล้ว และจะได้ถือโอกาสหนีจากใครบางคนที่เขาหนีมาเมื่อครู่ ใครบางคนที่อาจไปดักรออยู่ตรงไหนสักที่ตอนนี้  หากยังต้องเจอกันอีกอย่างน้อยๆเขาก็ยังมีสดายุไว้เป็นไม้กัน...

“เจ๊กลับก่อนเถอะ คุณเมธเขากำลังขับรถมารับยุน่ะ อีกเดี๋ยวก็คงถึง”

“..............อ่า..............เหรอคะ...ให้เจ๊รอเป็นเพื่อนมั้ย?...”

บลูม่าถึงกัยหน้าเจื่อน แต่ก็ยังคงเสนอตัวขออยู่ช่วย

“ไม่เป็นไรครับ เจ๊กลับไปก่อนเถอะ ดึกมากแล้วไหนว่ามีงานไง?”

“...แต่เจ๊อยากรอ...เป็น...เพื่อน”

แกร๊ก...

“ยุ!?”

เสียงเปิดประตูสำนักงานดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมผู้มาเยือนใหม่ที่ดูท่าทางกระหืดกระกระหอบไม่น้อย

“..................” แม้จะเห็นอีกฝ่ายหอบแฮ่กเข้ามา สดายุก็ได้แต่มองนิ่งๆไม่ยอมทักอะไรออกไป หน้าที่ทำลายความเงียบจึงตกเป็นของบลูม่าในที่สุด

“อุ๊ยตาย...คุณเมธ...มาแล้วเหรอคะ?” บลูม่าอึกอักทักกฤตเมธออกไป พลางนึกต่อว่าในใจ ‘งอนเงียบอีกแล้วนะคะคุณน้อง ลำบากเจ๊อีก!’

“อ้าวคุณบลูม่าเป็นอะไรไปครับ? ทำไมลงไปนั่งอย่างนั้นล่ะ?”

กฤตเมธยิ้มรับพลางถามไถ่แล้วช่วยประคองบลูม่าขึ้นจากพื้น ด้วยส่วนสูงหุ่นทรงที่ใกล้เคียงกัน จึงไม่สร้างภาระให้กฤตเมธมากนะ ผิดกับสดายุที่แค่โดนบลูม่าพิงเข้าหน่อยก็ถึงกับเซแล้ว

“หายไปไหนมาคะคุณเมธ โทรก็ไม่ติด นี่ถ้ามาช้าอีกหน่อย บลูจะขโมยน้องยุกลับบ้านแล้วจริงๆ” บลูม่าคาดโทษแทนสดายุน้องรัก ที่ได้แต่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ

“ขอโทษจริงๆครับคุณบลูม่า พอดีแบตเตอรี่ผมหมด แล้วดันติดธุระในที่ที่หาโทรศัพท์โทรหายุไม่ได้ เพิ่งจะเสร็จธุระเมื่อกี้ก็รีบมาเลย”

“...หืม ธุระอะไรกันคะ ที่เล่นเอาปลีกตัวไม่ได้ขนาดนั้น แต่เอาเถอะค่ะ อย่างน้อยก็มาแล้ว ฝากเด็กดื้อกลับบ้านไปเลยแล้วกันค่ะ ป่านนี้แล้วข้าวยังไม่ยอมกินเลย น่าตีจริงๆ”

“ขอโทษนะครับยุ เดี๋ยวผมพาไปหาอะไรทานกันก่อนกลับนะ”

“................” สดายุได้แต่พยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรเงียบอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งลงมาถึงลานจอดรถ (โดยมีบลูมาพ่วงมาด้วย เหมือนหลบอะไรอยู่)

*
*
*
*
*
“...ยุ คุณโกรธผมอยู่เหรอ? ผมขอโทษนะ”

พอกลับมาถึงคอนโดของสดายุได้ ต่างคนก็ต่างเดินคนละทิศละทาง แล้วมาเจอกันที่ห้องอย่างที่ได้ตกลงกันเพราะผ้องกันการถูกจับภาพไม่เหมาะสมอีก

ทันทีที่เข้าห้องมาได้ กฤตเมธก็รีบสวมกอดสดายุเอาไว้จากด้านหลัง แล้วเอ่ยขอโทษอีกครั้ง

“ผมไม่นึกว่าชิดจันทร์เขาจะมีธุระไหว้วานให้ผมพาไปไกลถึงบางแสนแล้วยังให้พากลับไปส่งบ้าน แบตมือถือก็หมด แถมยังอยู่แต่บนรถ ผมไม่อยากแวะที่ไหนให้เสียเวลาเลย ขนาดชิดจันทร์อยากขอแวะเข้าห้องน้ำผมยังไม่ยอมจอดเลยนะ อยากกลับมาให้เร็วที่สุด เพราะรู้ว่าคุณต้องรอผมแน่ๆ...” กฤตเมธอธิบายยาวเหยียด แบบไม่หยุดพักพลางกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น

“...........ไม่เป็นไร ผมไม่ได้โกรธอะไรหรอก แค่เป็นห่วงเฉยๆน่ะ คุณปลอดภัยผมก็โอเคแล้ว”

สดายุถอนหายใจบางเบาพลางก่อนจะตอบรับคำแก้ตัวของกฤตเมธอย่างมีน้ำใจ แล้วหันมาเผชิญหน้ากฤตเมธตรงๆ เสียทีหลังจากเงียบมานาน

“...ยุ คนที่รับสายคุณเมื่อกี้คือ ชิดจันทร์ ผมไปส่งเธอที่บ้านแล้วบังเอิญว่าตอนช่วยยกกระเป๋าเข้าไป ผมโดนน้ำส้มหกใส่ยกแก้วเลยต้องขอเข้าห้องน้ำล้างเสื้อล้างตัวนิดหน่อย ผมไม่รู้ว่าชิดจันทร์เขาเอามือถือผมไปเสียบแบตแล้วเปิดทำไม ออกจากห้องน้ำก็พอดีคุณโทรมา...อย่าเข้าใจผมผิดนะ ผมขอโทษจริงๆ......ผม...”

จุ๊บ...

กฤตเมธพูดไม่ทันจบก็ถูกสดายุใช้สองแขนคล้องคอโน้มลงมาจูบปิดปาก ตกใจไม่น้อยในคราแรก แต่เมื่อถูกบดเบียดริมฝีปากอย่างโหยหา ในที่สุดกฤตเมธก็พ่ายแพ้แก่รสจูบแสนหวาน คล้อยตาม และเริ่มเป็นฝ่ายตอบโต้

“อืม...”

จูบที่แสนยาวนานจบลงอย่างอ้อยอิ่ง ใบหน้าของทั้งคู่แดงซ่านด้วยแรงเสน่หา ดวงตาปรือปรอยสบตากันหวานเชื่อม กฤตเมธยินดีเหลือเกินที่สดายุไม่ได้โกรธ หรือแง่งอนอย่างที่เขาจินตนาการไว้ ดีใจที่คนในอ้อมกอดเข้าใจเขา

...ยิ่งนับวัน เขาก็ยิ่งรักสดายุมากขึ้นทุกที...

“...ผมขอโทษจริงๆนะยุ ที่ปล่อยให้คุณรออยู่ตั้งนาน...” กฤตเมธเอ่ยขอโทษอีกครั้งพร้อมจูบที่ขมับสดายุเบาๆ

“...ผมจะโกรธทำไม ในเมื่อคุณก็ไม่ได้ทำอะไรผิด คุณเล่าทุกอย่างให้ผมฟังอย่างตรงไปตรงมา...” สดายุเอ่ยพลางซุกกายเข้าสู่อ้อมกอดของกฤตเมธแน่นขึ้น ออดอ้อนด้วยภาษากายอย่างไม่นึกอาย เพราะรู้แก่ใจว่ากฤตเมธจะไม่มีทางปฏิเสธ

“...คุณ...คงไม่โกหกผมใช่มั้ย?...” เสียงแหบหวานถามขึ้นเบาๆ ในขณะที่ถูกกระชับร่างเข้าสู่อ้อมอกกว้าง และถูกจุมพิตที่หน้าผากมน

“คุณรู้ดี...ยุ...ว่าผมจะไม่มีวันโกหกคุณ...”

“..............ผมขอถามอีกข้อได้มั้ย?...” สดายุหยั่งเชิง

“จะกี่ข้อก็ได้ ผมยินดีจะตอบคุณทุกเรื่อง...” และกฤตเมธก็เต็มใจ

“...คุณ...มีสิ่งที่สำคัญกว่าผมหรือเปล่า?...” ถามออกไปเสร็จก็โอบกอดร่างตรงหน้าแน่นขึ้นไปอีก อายไม่น้อยที่ต้องถามแบบนั้นออกไป สดายุขัดแย้งในตัวเองอยู่ไม่น้อย ใจหนึ่งอยากรู้ ใจหนึ่งก็แสนจะเขินอาย ที่ใจกล้าหน้าด้านถามออกไปก็เพราะมั่นใจว่าตัวเองถูกกฤตเมธรักและตามใจมากอยู่ แต่ก็อยากจะแน่ใจด้วยว่าจะไม่มีใครมาเทียบเทียมเขาได้

“...มีสิ...”

“...เหรอ...” ทว่าคำตอบของกฤตเมธก็ทำเอาสดายุรู้สึกจุกไม่น้อย (อายหนักเข้าไปอีก คำตอบกฤตเมธเล่นเอาใจสดายุเคว้งไปหลายวิฯ)

“หึหึ...อย่าเพิ่งน้อยใจสิ มันไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ได้สำคัญที่สุดหรอกนะ คุณคนล้วนมีสิ่งสำคัญที่ไม่ใช่แค่อย่างเดียวนะครับยุ ครอบครัวผมก็สำคัญ แต่คุณเองก็สำคัญสำหรับผม ผมบอกไม่ได้หรอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคืออะไร เพราะมันต้องแล้วแต่โอกาส บางครั้งผมก็ต้องให้ครอบครัวสำคัญสุด และในหลายๆครั้งผมให้คุณสำคัญที่สุดเหมือนกัน...”

คำตอบของกฤตเมธสร้างความพอใจให้สดายุอยู่พอสมควร

แต่...มันก็ยังไม่มากพอ

“คุณเมธ...แล้วคุณให้ความสำคัญกับใครมากกว่ากัน...ระหว่างผม...กับคุณเสน่ห์จันทร์”

*
*
*
*
*

*****************************************************

ทายสิ พี่เมธจะตอบว่ายังไง?  
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 15-05-2014 19:25:43
คู่นี้ตอนแรกก็ไม่คิดไรพอมาถึงตอนบรรยายเจ้บลูม่านี้คิดเลย เสียดายของ 55
จะรอตอนที่27นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 15-05-2014 19:35:06
สุดท้ายเมธก็เหมือนผู้ชายทั่วไปป่ะ ธุระถึงบางแสนเรอะ คือปฏิเสธไม่ได้เลย ดึกดื่นเที่ยงคืน รีเควสโง่ๆยังปฏิเสธไม่ได้ ต่อไปรีเควสโง่น้อยกว่านี้ ประมาณให้ช่วยเป็นไม้กันหมา เล่นละครเป็นแฟน จนถึงแกล้งแต่งงาน (?!?) ก็คงหยวนๆไปเหมือนกันล่ะนะ แก่แล้วฉลาดและทันคนตามอายุด้วยนะเมธ หึ

ยังแอบหวังกะพระรองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง  :o12:

มันมีอัลไลเกิดขึ้นในลิฟท์กัน?!?  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-05-2014 19:49:44
ทิ้งคนสำคัญไว้ยันเที่ยงคืน?

คนสำคัญ?

เป็นแสดงมาก็เยอะ...น่าจะไม่โง่เหมือนพระเอกในละครนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 15-05-2014 20:02:50
แล่วๆๆๆๆๆๆๆๆ โมโหแทนยุเหมือนกันนะ  ทำไมเมธทำอย่างนี้หนอ มารผจญก็เยอะ
ยุยิ่งขี้น้อยใจ ชอบดูแคลนตัวเองด้วย เดี๋ยวยุให้สดายุครองโสดเสียเลย   :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 15-05-2014 20:03:14
ยุเริ่มแกว่งแล้ว

ปล. ถามจริ๊ง  ทำไมพระเอกแมร่งต้องมีมุมโง่ๆหยั่งงี้กันทุกเรื่องเรยฟร่ะ  หงุดหงิด รมณ์เสีย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 15-05-2014 20:29:38
ณ จุดนี้บอกเลยว่าอิชั้นอยากตบกะบาลพี่เมธสักทีค่ะ  :angry2:

รอตอนต่อไปเน้อ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-05-2014 20:40:35
เหอะ ๆ ตอบดี ๆ นะเพ่ มิงั้นอาจโดนเกลียดนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 15-05-2014 20:42:01
เราผิดหวังกับเมธมากอ่ะ บ่องตรง ถ้าเป็นเรานะคงโกรธมากๆเลยอ่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 15-05-2014 21:11:03
สั้นจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: number91 ที่ 15-05-2014 21:11:22
นี่อะไร ไม่เข้าใจสถานการณ์หรอ ว่าในตอนนี้ยุคือคนที่ต้องห่วงป่ะ แล้วเทียวไปนู่นไปนี่ ถึงบางแสน บ้าไปแล้ว
บอกตรงๆไม่ไว้ใจคุณหนูชิดจันทร์เลย ยิ่งแม่จะจับเมธเป็นเขย บางที่ธุระที่บางแสนคือฝีมือขุ่นแม่สินะ
ไอ้ข้อความที่ส่งจะโดนลบไปรึเปล่ายังไม่รู้
แล้วคือตอนนี้ยุไม่เหลือไรแล้วป่ะ? ถ้าเมธยังจะ...อีกคือแย่
โอ๊ยยยย เบือหงุดหงิดรำคาญคุณพระเอก <----อินี่เริ่มพาล
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 15-05-2014 21:18:19
สดายุอยากเป็นที่1 คนเดียว ดีมากอย่ายอมแพ้สู้ ๆ เข้าน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-05-2014 21:37:41
น้องยุคือหัวใจค่ะ ต้องสำคัญอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ'
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 15-05-2014 21:39:26
เซ็งกับพระเอก แกกำลังทำอะไรอยู่!!!!!!!!!!!โมโหแล้วนะเฟ้ย  :angry2:  :m16:  :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 15-05-2014 21:45:27
รับมิได้ ไม่ปลื้มพระเอกไร้สมองอย่างเเรง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 15-05-2014 21:53:16
พักนี้ทำไมได้อ่านนิยายแต่พระเอกโง่ๆนะ :เฮ้อ:

ก็คงตอบว่าสำคัญคนละแบบอีกแหล่ะ เซ็ง

ซดมาม่ากันต่อไป

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 15-05-2014 21:53:55
 :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 15-05-2014 21:55:30
ถ้าจะตัดจบเยี่ยงนี้...ฆ่าเราเลยดีกว่า :z3:
ยัยลูกชิดมาดีมาร้ายหว่า :hao4:
ปล.เจ๊แกท่าทางจะเจอของดี55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 15-05-2014 21:55:43
อยากรู้ ยุ จะทำยังไงต่อไป เงียบ ๆ เหมือน สึนามิ จะเข้าเลย
หวังว่าเมธ จะไม่เดินตามเกมส์ของใครนะ
ปกป้องยุด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 15-05-2014 22:05:00
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-05-2014 22:20:14
ยุป่ะ



ก็ไหนว่าเมธจะออกจากวงการเเล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 15-05-2014 22:35:34
เมธนายเป็นคนดีจริงๆ

ส่วนป้าแม่ลูกสกุลจัน....... อยากได้ผู้ชายจนต้องวางแผนแบบนี้เลยเหรอ น่าอนาถมาก ทำตัวไร้ค่าและไร้ราคาสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: keinoo ที่ 15-05-2014 22:38:55
อุต๊ะ!!!!
ขนาดพี่ยังคิดคำตอบสวยๆแทนคุณพี่เมธเค้าไม่ได้เลยค่ะ น้องยุ...
แต่ที่สำคัญกว่านั้น...ทำไมบรรยากาศระหว่างน้องยุกะบดินทร์มันให้อารมณ์เหมือนแฟนเก่ามากกว่าศัตรูหะ!!!!
แกแอบคิดอะไรกะสดายุมานานแล้วใช่ม้ายยยเจ้าบดินทร์ :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 15-05-2014 22:41:25
ทำให้เค้ารักแล้วก็ต้องรับผิดชอบนะคะคุณกฤตเมธ มันไม่สำคัญว่าจะมีเรื่องอะไรยังไง
แต่สถานะมันควรจะต้องชัดเจนกว่านี้นะ ถ้าลองคิดกลับกันว่ายุเลือกงานมากกว่าทำไง
คิดดีๆนะคุณกฤตเมธ ถ้าปล่อยมือเค้าไปยุอาจจะไม่กลับมาอีกแล้วก็ได้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 15-05-2014 22:52:56
เอิ่มมมม อยากจะร่วมมหกรรมงอนสุดโต่งข้ามวันข้ามคืนอยู่หรอก

แต่ยุจังเล่นหายงอนเร็ว จนเจ๊ตามไม่ทัน

ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเค้ารักกันและไว้ใจกันม๊ากกกกมากกกกกก


แอบลุ้นเจ๊บลูกับหญิงซอล โฮะๆ อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น =,.= เจ๊บลูหน้าแดงมาเชียะ

อุปสรรคเกิดมามากมาย แต่ต้องยอมรับว่ายุเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว มั่นคง แล้วก็เข้มแข็งมาก เกี่ยวกับความรู้สึก
อันนี้ขอชื่นชมด้วยใจ   o13
หวังว่ารักเราจะยืนยาว(ยุ&พี่เมธ)
หวังว่าเราจะได้รักกัน(เจ๊บลู&หญิงซอล)
หวังว่าเราคงไม่ต้องลุ้นอีกนาน(พอร์ช&รุจน์)
หวังว่าเราคงได้หวานกันจนออกสื่อ(เฮียอ๊อด&คุณมลสุดx)

 :hao7:  :hao7:  :hao7:  :hao7:

ตอนนี้คงต้องลุ้นคำตอบของพี่เมธเสียก่อนล่ะน๊าาาา

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 15-05-2014 23:04:51
โอ้ยจิกหมอนจจนจะทะลุแล้วจ้า

ตอบยากมั้ยคำถามนี้

ฮะฮะคุณเมศ

 :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 15-05-2014 23:14:28
เชื่อสิว่าคำตอบของเมธ  จะเป็นตัวจุดฉนวลให้ราต้อมมาม่ากินกัน  เพราะว่าเฮียแกคงได้แต่อ้ำอึ้ง พูดไม่ออกบอกไม่ถูก  ยุก็เจ็บมาเพราะอิป้านี่เยอะแล้ว  แต่ลุงแกไม่เคยรู้ไรเลยแถมยังเดินเกมส์เกมส์ปัญญาอ่อนของชะนีที่เรียกหาแต่ผัวอีก แหวะ ยัยผญ.น่ารังเกลียด ยี้!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 15-05-2014 23:21:03
เมธก็คงลำบากใจคนหนึ่งก็คนรัก อีกคนก็มีบุญคุณ แต่เมธคิดให้ดีนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 16-05-2014 00:03:34
ก็เข้าใจในความเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงอ่ะนะ
แต่ถ้ามากเกินไปมันก็ไม่ดี  ควรเข้าใจน้องยุบ้าง
ว่าน้องยุน่ะ ทั้งขี้คิดมาก น้อยใจ และก็หึงหวง(อยู่ในใจ)

คุณเมธ แก่แล้วนะคะ ทำอะไรก็ควรคิดให้รอบคอบ 

ไม่งั้นจะโดนแบบนี้   :z6: :beat: :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-05-2014 00:05:04
อือ....พี่เมธจะตอบไงล่ะเนี่ย
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 16-05-2014 00:05:35
ก็ต้องเลือกสดายุสิ คริคริ :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 16-05-2014 00:25:16
มันเป็นแผนซ้อนแผน... เล่ห์เหลี่ยมเสน่ห์จันทร์นี่แพรวพราว ไม่ได้คิดในแง่ลบนะ แต่ความเป็นไปได้ ที่ลูกสาวนางจะร่วมมือกับแม่เป็นไปได้สูง... ถ้าเมธกับยูจะไปกันรอด ก็เพราะความดันทุรังสูง กับ ความเชื่อใจล้วนๆอ่ะ ไม่งั้นรอดยากกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-05-2014 12:32:27
 :hao5:
คุณเมธ คือที่สุดของแจ้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 16-05-2014 12:56:25
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด ตัดจบได้แบบว่า............... T^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 16-05-2014 13:50:50
แง้งงงงงง
ทำไมตัดบทจบแบบนี้ล่ะ T^T
ค้างมากค่ะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-05-2014 13:56:48
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 16-05-2014 21:16:52
ตอบว่า "โปรดติดตามตอนต่อไป"   :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-05-2014 22:49:46
คะแนนพี่เมธตอนนี้ติดลบอยู่หน่อยนึง แล้วมาเจอคำถามยากแบบนี้ มีสิทธิคะแนนร่วงกราวอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 16-05-2014 22:59:26
อ่านตอนนี้แล้วได้แต่พูดว่า คุณเมธเอ้ย! เฮอ!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 18-05-2014 19:35:04
รู้สึกไม่ดีกับชิดจันทร์+เสน่ห์จันทร์
ดูไม่น่าไว้ใจทั้งคู่
เฮ้อ เลือกดีๆนะพี่เมธ

แอบเซอร์ไพร์สกับเจ๊บลูม่าXซอลย่าค่ะ
อร๊ายๆ
 :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: misspm ที่ 18-05-2014 20:48:27
คาดว่ามันต้องเปนไปตามพลอตละครไทยยย
ฮืออ พระเอกต้องโง่ นางเอกต้องระทม
ตัวร้ายต้องฉลาด เพื่อนนางเอกต้องไร้ประโยชน์ 5555
ยอมแพ้และถอยเถอะยุ อำนาจ เงิน กับบุญคุณ ยุสู้เค้าไม่ได้อยู่แล้วว ไม่มีทางสู้เลยด้วยซ้ำ
สุดท้ายเจ้านาย ก็ต้องชนะลูกน้องอยู่ดี ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันคือสัจธรรมและเรื่องจริง -*-
นี่ถ้ายัยชิดจันทร์ท้องและกะให้พระเอกมารับเป็นพ่อนี่ ทำไรไม่ได้เลยนะ
ตัดใจง่ายกว่าา อยุ่คนเดียวมาได้ตั้งนาน อยู่ต่อไปจะเป็นอะไรไป
พระเอกมันมีอะไรให้ต้องดูแลอีกเยอะ เราว่านะ

แต่ก้อยากจะบอกยุว่า ถ้าวางแผนดีๆ แบบไม่โง่ใช้กำลังเดินตามเกมส์
ยุก็จะรู้ ว่าบางที เงินก็สู้ตีนไม่ได้ 555555 กระทืบแม่งให้ป้าเสียโฉม แล้วทำเป็นไม่รู้เรื่อง ก็สิ้นเรื่อง
ได้แก้แค้น ละแค่ผู้ชายคนเดียว ปล่อยมันไปเถ๊อะ มันโง่! มันกตัญญู อย่าไปสนมันเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: kkmm ที่ 18-05-2014 21:04:43
อยากฟังคำตอบจังเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: pppetchhh ที่ 18-05-2014 21:09:36
หวีดดดดดดดดดดดดด :katai4:
โดนทิ้งระเบิดลงหัวหนักยิ่งกว่าตอนครึ่งแรก
น้องยุของเพรรรรรรรรรรรรรรรรรรรรร่
ฮรืออออออออ

พี่เมธคะลงมือทำอะไรสักอย่างนะ เรียกคะแนนหน่อยค่ะ
อ่านคอมเม้นบนๆมานี่พี่เสียคะแนนไปหมดแล้วนะ
เร็วค่ะอย่าช้าไม่งั้นจะยุคนเขียนให้เปลี่ยนพระเอกเป็นบดินทร์แทน อุ๊ปส์! (ไม่ได้ชิปคู่นี้เลยจริงจริ๊ง สาบานนนน!) :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: anukul ที่ 19-05-2014 09:59:43
รอตอนต่อไปครับ  ให้กำลังใจคนแต่ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] มีสารบัญของตัวเองแล้วจร๊า
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 19-05-2014 15:46:46
มารอ ยุ เมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] มีสารบัญของตัวเองแล้วจร๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Gammono ที่ 19-05-2014 19:22:04
ชิดจันทร์นี่น่าจะร้ายไม่เบาพี่เมธจะทันเกมสองป้าหลานมั้ยละเนี่ยยยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] มีสารบัญของตัวเองแล้วจร๊า
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 19-05-2014 21:38:49
กรี๊ดดดดดดดดด อยากอ่านของเจ๊ลูม่าต่อ ฮิฮิ

ส่วนเมธจะตอบยังไง เหมือนยุจะเริ่มอ่อนให้เยอะเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 20-05-2014 18:55:41
ผมคือ...นางเอก

ติ่งสองลองใจ (บลูม่า X ซอลย่า)




“…ไม่…ฉันจะไม่ยอมให้เธอหนีฉันอีกแล้ว…บลู!...”

ไม่ปล่อยให้คนในลิฟท์ตั้งตัว ไม่ปล่อยให้บลูม่าได้ทำใจยอมรับก่อน ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรทั้งนั้น ทันทีที่แหวกประตูลิฟท์ตามเข้าไปได้ ซอลย่าก็คว้าคอบลูม่าโน้มลงมาประกบริมฝีปากลงไปทันที

"อื้อ!!"

ก็ตกใจมากอยู่หรอก แต่ฟันที่กระทบกันดังกึกนั้นเล่นเอาบลูม่าเจ็บจนลืมอาย ผลักร่างเล็กกว่าลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นลิฟท์ ประตูลิฟท์ปิดสนิท แต่ไม่มีการเคลื่อนไหว เพราะยังไม่มีใครกดชั้นอะไร ไม่มีใครเรียกมันก็หยุดนิ่งค้างเติ่งที่ชั้น 32 อยู่แบบนั้นไม่ขยับเขยื้อน...แม้ว่าจะมีสองชีวิตติดอยู่ด้านในก็ตาม

"ทะ...ทำบ้าอะไรของหล่อนเนี่ย!!!?"

ตั้งสติได้ บลูม่าก็แผดเสียงคำรามลั่นถามไถ่ออกไปทั้งที่ใบหน้ายังแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่

"...................."

"เฮ้ย! นี่อย่ามาเงียบบื้อนะซอล!!"

บลูม่าเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างเมื่อฝ่ายกระทำยังคงนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนพื้นลิฟท์ ถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตอบ แต่จะให้เขาเข้าใกล้ตอนนี้ก็ไม่กล้าพอ เพราะยังเดาใจคนเงียบนิ่งไม่ได้ ไม่รู้ปุบปับจะทำอะไรขึ้นมาอีก

"……………."

"……………."

"…………............................................................................…."

ทว่า...อีกฝ่ายก็ยังคงเงียบกริบ

...และบลูม่าก็ไม่ทนอีกต่อไป

'หมับ!'

"นี่! เงยหน้าขึ้นมาคุยกันเดี๋ยวนี้เลย!"

บลูม่ากระชากต้นแขนของซอลย่าลากเข้าหาตัวอย่างเหลืออด ทว่าทันทีที่ได้เห็นใบหน้าที่เงยขึ้นมาสบตานั้นหัวใจสาวน้อยของบลูม่าก็ต้องสะท้านไหว ใบหน้าสวยหวานนั้นกำลังโศกสลด สองตาเศร้าสร้อยกำลังนองเนืองไปด้วยหยาดหยดน้ำตาพรั่งพรู ไร้เสียงสะอื้น แต่พวงแก้มริมฝีปากและปลายจมูกแดงฉ่ำ   
 
"...ซอล...เฮ้ย!!"

โป๊ก!!!

"โอ๊ย!"

ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวบลูม่าก็ถูกกระตุกลากลงมานั่นบนพื้นด้วย แต่ด้วยความที่พื้นลิฟท์ลื่นไปหน่อย สาว(ร่าง)ใหญ่เลยทรงตัวไม่อยู่ไหลลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าศีรษะด้านหลังโขกกับผนังลิฟท์ดังโป๊ก เล่นเอามึนผสมเจ็บแปลบ

"ซี้ด...หล่อนทำบ้าอะ....ไร...เนี่ย..............."

ระหว่างที่ยังหลับหูหลับตาซี๊ดปากไปกับความเจ็บระบมตรงท้ายทอย กว่าจะรู้ตัวว่าถึงขึ้นคร่อมก็ตอนที่ใบหน้าของซอลย่าเคลื่อนเข้าใกล้แค่ปลายจมูก ถึงตอนนี้บลูม่าพูดอะไรไม่ออกอีกต่อไป

'เวรแล้ว...กูโดนรุก!'

"ฉันจะไม่ยอมให้เธอหนีฉันอีกแล้ว...ไม่มีวันปล่อยให้เธอไปไหนอีกแล้ว..."

"..............................."

บลูม่าที่ตอนนี้ราวกับคนบื้อใบ้ ได้แต่นิ่งฟังและกลั้นหายใจเมื่อถูกซอลย่าขยับประชิดจนหน้าผากแนบเข้าหากัน

"ฉันรักเธอนะบลู...รักเธอคนเดียวมาตลอด...ฉันไม่สนใจแม้ใครจะว่าร้ายว่าฉันเป็นคนง่าย ร่าน หรืออะไรก็แล้วแต่ ฉันไม่เคยสน...แค่เธอบลู...แค่เธอเท่านั้น ที่ฉันไม่อยากให้เข้าใจผิด"

"ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเขาพูดนะ ฉันยังคงเป็นฉันที่เป็นเพื่อนเธอนะบลู ฉันยังคงเป็นฉันที่มั่นคงในรักเธอนะ..."

ซอลย่าก้มหน้าระบายความอัดอั้นออกมาไม่หยุด น้ำตายังคงถะถั่งหลั่งไหล ร่วงเผาะแผะลงบนหน้าอกของบลูม่าราวกับน้ำก๊อก สองแขนที่เท้าคร่อมร่างของบลูม่าไว้สั่นระริก สองมือกำแน่น ไม่ได้อยากให้เรื่องลุกลามมาถึงตอนนี้หรอก แต่มันอัดอั้นเหลือเกินแล้ว

"...เธอ...ไม่ใช่คนเดิมของฉันซอลย่า..."

เสียงแหบพร่าของบลูม่าที่ดังขึ้นเหลือกระหม่อม ทำให้ซอลย่าถึงกับรีบเงยหน้าขึ้นสบตา ทั้งที่เขาบอกว่ารักหนักหนาขนาดนี้ อีกฝ่ายยังตอบกลับมาด้วยถ้อยคำที่ทำให้ใจเขาแสนเจ็บปวด

"บลู..."

ซอลย่าได้แต่ครางออกมาเสียงแผ่ว ด้วยหัวใจที่บีบรัด ดวงตาคู่โศกยิ่งสลดยามสบสายตาเย็นชาของบลูม่า

"...ซอล ที่เคยเป็นเพื่อนฉัน เขาไม่ใช่คนขี้โกหก ไม่ใช่คนมักมาก อย่างที่ใครบางคนเป็น"

คำพูดของบลูม่าเสียดแทงความรู้สึกของซอลย่าที่สุด ขนาดว่าเคยๆ ชินๆ ทำใจรับมานักต่อนัก แต่พอโดนเข้าไปทีไร ซอลย่าก็แทบจะทรุดเสียทุกครั้ง

แต่ซอลย่ายังทนได้ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าที่บลูม่าเป็นแบบนี้ เพราะบลูม่ายังไม่รู้ความจริง...

...ความจริง ที่ซอลย่าเองก็ยังไม่รู้ว่า จะอธิบายออกมายังไง

ใบหน้าของคนที่ถูกคร่อมไว้อยู่สูงกว่าฝ่ายคร่อมเล็กน้อย สายตาจึงหลุบต่ำลงมาราวกับดูแคลน แสนช้ำแสนเจ็บยามที่ซอลย่าได้เห็น ชายร่างเล็กขบริมฝีปากแน่นจนเลือดแทบจะซิบ อดทนข่มความขลาดเขลาของตัวเองที่กำลังปะทุขึ้นมาให้พ่ายแพ้แก่ความกล้าที่อุตส่าห์สั่งสมมาแรมปี ร่างเล็กหยัดตัวขึ้น ขยับกายเข้าใกล้คนที่เขาคร่อมกายอยู่อีกนิด สองมือค่อยๆสอดเข้าตระกองใบหน้าของบลูอย่างรักใคร่ แม้ว่าใบหน้าของผู้ถูกกระทำจะบอกบุญไม่รับเอาเสียเลย   

"...ต่อให้เธอจะด่า จะว่าฉันอีกสักกี่ครั้ง ฉันก็ไม่เจ็บ ไม่เลิก เธอเองก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจนะบลู..."

"...ปล่อยฉัน" บลูขมวดคิ้วมุ่นไม่พอใจ (ลืมเก็กสาวไปแล้ว)

"กว่า 15 ปีที่ฉันรักเธอมา เธอว่าแค่คำพูดทำร้ายใจไม่กี่คำจะทำให้ฉันเลิกรักเธอได้อย่างนั้นเหรอ..."

"ปล่อย..." บลูกัดกรามแน่น กำลังข่มอารมณ์หลายอย่างประเดประดัง โกรธ เจ็บปวด...โหยหา

"...บลู...ฉันต้องการเธอ..."

"............................"

พูดจบซอลย่าก็ประกบจูบบลูม่าอีกครั้ง อย่างไม่ปล่อยให้มีเวลาได้คิด 

ริมฝีปากเล็กบดเบียดร้อนรน ไร้เสน่ห์ ไร้ความชำนิชำนาญอย่างสิ้นเชิง 

ทว่าความเงอะงะนั่น...กลับทำให้บลูม่าร้อนขึ้น

"อืมมมม...อึก..."

วินาทีแรกที่ถูกจูบ บลูม่าอยากผลักซอลย่าออกไปให้พ้น แต่เขากลับทำไม่ได้ มือไม้อ่อนแรงไปหมดเมื่อถูกปลายลิ้นน้อยๆรุกรานเข้ามา โดยเฉพาะเมื่อถูกร่างเล็กบนตัวนั้นบดเบียดเสียดสีสะโพกกลมกลึงอยู่บนหน้าขา ความร้อนเท่าทบทวีจนบลูม่าไม่สามารถครองสติแห่งความเป็นสาวน้อยได้อีกต่อไป

เพราะสัญชาตญาณดิบ เริ่มเข้าครอบงำเขาจนสิ้นแล้ว

'…บ้า...เรามันบ้าที่สุด!'

พรึ่บ!

"อ๊ะ! อื้อ!!"

บลูม่าเองก็ไม่รู้แล้วว่าอะไรชักนำให้เขาไม่สามารถหักห้ามตัวเองได้อย่างนี้ ทุกครั้งที่สติคงเหลือวูบๆวาบๆของเขาร้องตะโกนว่าให้หยุด ความปรารถนาดำมืดบางอย่างก็เข้ามาผลักดันให้ยิ่งลงมือทำมากกว่าที่ทำอยู่เสียทุกที

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขากดร่างของซอลย่าลงไปอยู่ใต้ร่าง

ไม่รู้เมื่อไหร่ ที่ลิ้นหนาของเขาสอดลึกเกี่ยวพันกับลิ้นเล็กร้อนฉ่าตรงหน้านั้นอย่างหิวกระหาย

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่มือเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่ง  ซุกไซร้ซอกซอนผ่านเสื้อเนื้อนิ่มขึ้นไปสัมผัสผิวเนื้อเนียนละเอียดและอุ่นจัด

ไม่รู้เมื่อไหร่ ที่กึ่งกลางร่างกายของเขาเริ่ม...มีอาการตอบสนอง!!

"อื้อ...บลู...อ๊ะ..."

และไม่รู้เมื่อไหร่ ที่ริมฝีปากของเขากำลังขบแทะซอกคอขาวตรงหน้าอย่างเหือดหิว

ทว่า...ตอนนี้เขาได้สติแล้ว!!

"...อ๊ะ...."

บลูม่าผลักตัวเองออกจากร่างเล็กอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีด

"...เอ่อ...บลู?...เธอเป็นอะไร?..."

ซอลย่าครางถามด้วยความตื่นตกใจพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ

บลูม่าที่เป็นฝ่ายผละตัวออกมาไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ เพราะเขาเองก็ตกใจจนแทบเสียจริต(หญิง) และยิ่งพูดไม่ออกหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นสภาพของซอลย่าตรงหน้า

ร่างนั้นสั่นระริกราวกับลูกนก ริมฝีปากแดงจัดเจ่อช้ำ ส่วนซอกคอกนั้น...ก็แดงเถือกไปด้วยรอยจูบ

ซึ่งทั้งหมดล้วนมาจาก...ตัวเขาเอง

"อ๊ายยยย!!!" จู่ๆ บลูม่าก็ร้องออกมาลั่น

"บ...บลู? เธอเป็นอะไรไป?...." ซอลย่าถามไถ่ด้วยความห่วงใย พลางเอื้อมมือเข้าหา

"........ข....ขอ....ขอ.." บลูม่าขยับขึ้นยืนหนีมือขาวๆนั่นทันที

"บลู?"

"ขอตัวก่อนนะ!!"

"บลู!?"

ติ๊ง!

จู่ๆบลูม่าที่สติแตกไปเรียบร้อยที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไรยังไงดีนั้นก็กดเปิดประตูลิฟท์แล้วรีบวิ่งออกไปราวกับหนีอะไรบางอย่าง

ซอลย่าร้องเรียกพลางพยายามจะลุกตาม ทว่าประตูลิฟท์ดันปิดแล้วพาซอลย่าลงข้างล่างไปเสียก่อนเพราะมีใครบางคนกดเรียกให้ลิฟท์ลงไปรับพอดี
*
*
*
*
*
โครมมมมมม!!! กึง!! ปึง!!

“..................!!?...เอ้ย? เป็นไรป่าวเจ๊?...”

*******************************
อ้าวๆๆๆ เจ๊บลูม่า...
 :hao4:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 20-05-2014 19:13:53
เอิ่ม พี่บลูคะ นาทีนี้แอ๊บสาวไม่ทันแล้วนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 20-05-2014 19:20:08
บลูม่าจะเป๋็นสาวเสียบเหรอคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 20-05-2014 19:30:21
อุ๊ย ติ่ง มาชูป้ายไฟค่ะ คริคริ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 20-05-2014 19:37:38
ปลุกสัญชาติเก่าเจ๊บลูม่าได้นี่ไม่ธรรมดาแล้วแหละเราว่า55555 :m20:
นี่อ่านไปดิ้นไปเลยเชียร์คู่นี้นะฮุๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 20-05-2014 19:44:08
 :hao5:เจ้บลูม่าช่างดูมาดแมนและเอิ่ม...เอามาครอปอารมณ์ของน้องยุบ้างก้อดีนะคะ เพราะเรื่องของน้องยุทำเอาลุ้นจนนอนไม่หลับเลยอ่ะ กลัวคำตอบของตาแก่ รอฟังคำตอบคร่า หวังว่าคงจะเป็นที่พอใจของแม่ยกน้องยุนะคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 20-05-2014 19:44:52
กรี๊ดดดดด ขอเชียร์คู่ของเจ๊บลูม่าได้ไหม~ :ling1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 20-05-2014 20:07:17
อ๊ายยยยยยยยยย!!!!!!!บลูจ้ะกลับใจตอนนี้ยังทันน๊า :hao6:
อ่านคู่นี้แล้วฟินฝุดๆๆๆๆๆ o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 20-05-2014 20:11:34
เจ๊จะปล่อยให้ตัวเองกับซอลย่าค้างทำไม ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-05-2014 20:23:39
เจ้บลู ในที่สุดสัญชาตญาณดิบในตัวก็ได้ปลุกเจ้ให้ได้รับรู้แล้ว

ว่าจริงๆแล้ว เจ้ชอบ 'เสียบ'!! อย่ามาแอ๊บ สาว กลบเกลื่อนนะเจ้

ชอบซอลย่า จริงๆ เชียร์ให้ได้เจ้บลู มาครอบครองนะ  :m18:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 20-05-2014 20:32:06
อร๊ายยยยยยยยยย  เจ๊บลู สาวเสียบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-05-2014 21:00:40
เจ๊บลู กลับตัวกลับใจด่วนค่ะ เจ๊เหมาะกับสายรุกมากกกกกที่สุด
เจ๊ซอลอย่ายอมแพ้ รุกต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-05-2014 21:18:01
เจ๊บลูกลับใจ 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 20-05-2014 21:23:09
เจ้บลูม่าเสียจริตหญิงสาว?อย่างแร๊งงงง  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 20-05-2014 22:30:17
โอ๊ยเจ๊บลู ขัดใจทำไมมาสาวแตกตอนนี้ได้  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-05-2014 22:58:26
อุ้ยย เจ๊ขาา
เปลี่ยนขั้วตอนนี้ก็ยังไม่สายนะคะ 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-05-2014 23:19:43
พี่บลูคะ  อย่ามาสับสนอะไรตอนนี้   :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Poiizson ที่ 20-05-2014 23:32:07
พี่บลูม่าคะ ยอมๆไปเหอะ ถ้าพวกพี่จะทำให้จิ้นได้ขนาดนี้ เชียร์สุดใจขาดดิ้น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ~มือวางอันดับ1~ ที่ 21-05-2014 00:47:01
 :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 21-05-2014 00:57:37
แมนแตก?!?  o22

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 21-05-2014 02:50:54
55555555555555555555
โอ้ยยยย ฮาอ่ะ เชียร์เจ๊บลูม่า
กลับตัวเลยเจ๊ ฟีลลึกๆมันได้อ่ะ 5555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 21-05-2014 09:19:42
อุต๊ะ!!!!! สำนึกฝ่ายรุกขงอเจ๊บลูกำลังจะกลับมา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14] P.78
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 21-05-2014 10:14:47
เห็นทีเจ๊บลูคงตื่นจากฝันว่าจะได้รับก็คราวนี้ กลับใจมารุกเถอะเจ๊
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14] P.78
เริ่มหัวข้อโดย: Minkexohh ที่ 21-05-2014 12:13:20
นาทีนี้เจ๊บลูเปลี่ยนเป็นเฮียบลูเฮอะ :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14] P.78
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 21-05-2014 16:08:13
555รึซอลย่าจะทำให้นางสาวบลูม่าเป็น นายบลูม่าแทนซะล่ะนี่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14] P.78
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 21-05-2014 19:32:48
เจ๊คงจะสับสนอยู่ ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14] P.78
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 21-05-2014 21:36:34
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 22-05-2014 01:26:49
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 28    ‘พิสูจน์สิ’




“คุณเมธ...แล้วคุณให้ความสำคัญกับใครมากกว่ากัน...ระหว่างผม...กับคุณเสน่ห์จันทร์”

คำถามของคนในอ้อมแขน ทำให้กฤตเมธอดที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยไม่ได้ 'เกี่ยวอะไรกับเสน่ห์จันทร์' เรื่องนั้นยังความสนเท่ห์สู่พระเอกรุ่นใหญ่พอสมควร แต่ในเมื่อสดายุของเขาอยากรู้ เขาก็จะไม่โกหก

"ยุครับ"

สองมือตระกองใบหน้าคนที่ตนรักขึ้นมาสบตา กฤตเมธยิ้ม ทั้งที่แอบสะท้อนในหัวใจเล็กๆ เพราะสายตาที่สดายุใช้มองมามันไม่ได้มีแค่เครื่องหมายคำถาม แต่มันมีความร้าวรานแทรกแฝงอยู่ในนั้นด้วย   

'อะไรบางอย่างทำให้สดายุเจ็บ'

"ยุ...คุณคงรู้อยู่แล้วสินะ ว่าคุณเสน่ห์จันทร์คือผู้มีพระคุณของผม...ถูกแล้วที่เขาเป็นคนสำคัญ"

"สำคัญ?...แล้วมากกว่าผมหรือเปล่าล่ะ?"

สดายุถามขึ้นแทบจะทันที น้ำเสียงแข็งกร้าวขึ้นแต่น้อยกว่าสายตาที่แสดงความไม่พอใจชัดแจ้ง จนกฤตเมธต้องเร่งอธิบาย

"คุณเสน่ห์จันทร์เขามีความหมายต่อผมตรงจิตสำนึก"

"ส่วนคุณมีความหมายกับผม...ตรงที่หัวใจ"


"เพราะฉะนั้น ไม่ว่ายังไง ยุก็สำคัญสำหรับผมมากกว่าอยู่แล้ว"

กฤตเมธเอ่ยพลางมอบจุมพิตที่หน้าผากด้วยรักแสนรัก พร้อมโอบกอดเข้าสู่อ้อมแขนอย่างหวงแหน โดยไม่รู้เลยว่า ขณะนั้น สดายุกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่...

...ไม่มีทางรู้เลยว่า ใบหน้าของสดายุยามที่โดนสวมกอดนั้นช่าง...เย็นชา จนน่าขนลุก

ความจริงแล้วตอนแรกกฤตรู้สึกผิดมากที่ปล่อยให้สดายุต้องรอ กลัวที่สุดว่าอีกฝ่ายจะงอนจนง้อไม่ได้ แต่ตอนนี้คลายใจลงบ้างแล้ว ดีใจจริงๆที่สดายุไม่เรื่องมากและเข้าใจเขา...

ความจริงวันนี้เขาปฏิเสธอย่างแข็งขันไปแล้วตั้งแต่ถูกชิดจันทร์ขอร้องให้พาไปทำธุระที่บางแสน แต่ในระหว่างที่เขาขับรถพาชิดจันทร์ไปส่งที่บ้าน เสน่ห์จันทร์กลับโทรมาและไหว้วานให้เขาช่วยไปกับชิดจันทร์และแวะไปหาผู้จัดท่านหนึ่งที่พักอยู่ที่นั่นเพื่อรับเอกสารลับบางอย่างกลับมาให้ด้วย
กฤตเมธรู้ดีว่ามันคือข้ออ้าง กฤตเมธรู้ดีว่าเป็นเพราะชิดจันทร์โทรไปฟ้อง ทางเสน่ห์จันทร์จึงออกหน้าแทน เพราะรู้ว่าหากเสน่ห์จันทร์เป็นคนออกปาก กฤตเมธย่อมไม่ปฏิเสธ

แล้วกฤตเมธก็ปฏิเสธไม่ออกจริงๆ

ดังนั้นกฤตเมธจึงอดรู้สึกผิดกับสดายุไม่ได้เลย

ดีใจสุดๆที่สดายุไม่ได้เมินหมาง ดีใจที่สุดที่สดายุยังคงอยู่เขียงข้าง สัญญากับตัวเองและสดายุอยู่ในใจว่าจะไม่ยอมให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก แม้จะเป็นคำสั่งของเสน่ห์จันทร์ก็ตาม

...บุญคุณต้องทดแทนก็จริงอยู่ แต่หัวใจก็ต้องถนอมดูแลเหมือนกัน

“สำคัญกว่าก็ดีครับ”

“เอ๊ะ?.....อื้อ...”

กฤตเมธยังไม่ทันจะได้ประมวลผลว่าคำพูดของสดายุนั้นหมายความว่ายังไง ตัวทั้งตัวถูกดันเข้าปะทะกับกำแพงห้องทั้งๆอย่างนั้น และร่างโปร่งบางที่เล็กกว่าเขาพอสมควรก็ประกบริมฝีปากเขาโดยแรง บดเบียดจุมพิตเร่าร้อนจนตามแทบไม่ทัน

   พลั่ก

 “..!!!?”

   และขณะที่ยังไม่ได้ตั้งสติ กฤตเมธก็ถูกคนตัวเล็กกว่าผลักลงไปนองกองอยู่บนพื้นโดยมีร่างของสดายุขึ้นมานั่งคร่อมอยู่ตรงช่วงเอว

   “...ยุ?”

   “ชี่...อยู่นิ่งๆสิครับ...ปล่อยให้เป็นหน้าที่ผมเอง...”

    สดายุเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นว่ากฤตเมธกำลังเอ่ยทัดทาน นิ้วเรียวปิดปากช่างเจรจาไว้อย่างหมิ่นเหม่ จบคำปราศรัย สดายุก็จับกฤตเมธถอดเสื้อเชิ๊ตตัวสวยออกจากร่างทันทีแบบไม่มีการปรึกษา พริบตาที่ได้ถอดทึ้งเสื้อของอีกฝ่ายออกไป ผิวเปลือยตั้งแต่แผ่นอกยาวไปถึงขอบกางเกงยีนส์ก็ปรากฏสู่สายตาของสดายุ ร่างกายอันกำยำบึกบึน ทอประกายเสน่ห์เข้มข้น  ยั่วยุสายตาจนสดายุต้องรีบก้มลงลิ้มลองผิวตึงมือของคนใต้ร่างอย่างไม่มีท่าทีขัดเขิน

“...อึก! ยุ?”

กฤตเมธ แทบสะอึกเมื่อถูกโลมเล้าอย่างคาดไม่ถึง จริงอยู่ที่ว่าเซ็กส์ที่ผ่านมาของพวกเขาก็มีอยู่หลายคราที่สดายุเป็นฝ่ายเปิดเกม แต่ก็ไม่เคยเร่าร้อนรุนแรงปรอทแทบแตกแบบนี้

...และกฤตเมธก็ไม่เหลือเวลาให้คิดไตร่ตรองอะไรอีกแล้ว

“อื้อ…อืมมม”

ยิ่งได้ลูบไล้ยิ่งไม่อาจห้ามความปรารถนา  สดายุเลื้อยร่างขึ้นไปฉกชิมความหอมหวานจากริมฝีปากของกฤตเมธอีกครั้ง บดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างร้อนเร่า ปลายลิ้นหยุ่นลื่นเลียกระหวัดซึ่งกันและกันราวกับโหยหา โพรงปากอ่อนนุ่มเสียดสีเข้าหากันอย่างหนักหน่วง ความเร่าร้อนปะทุสูงจนทั้งคู่ไม่อาจหักห้ามความปรารถนาที่ร่านกระสันอยู่ในร่างให้เบาบางลงได้อีกแล้ว

    “อื้อ....”

    เมื่อปลดเปลื้องพันธนาการบนร่างกฤตเมธเสร็จ สดายุก็ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวนาน ชายหนุ่มลากลิ้นไล้ร่างแกร่งอย่างเร่าร้อนด้วยแรงปรารถนา

    “อึก!!”

    เสียงกฤตเมธถอนใจหนักหน่วงเมื่อวาโยลากลิ้นลงถึงแอ่งสะดือ สุดท้ายก็ครอบครองความแข็งขืนของเขาที่เตรียมพร้อมมาได้เกือบครึ่งทาง และเพียงไม่กี่อึดใจสิ่งนั้นก็ขยายตัวเต็มที่ ภายใต้การควบคุมของสดายุสิ้น

    “หึหึ ไวเชียวนะ ตาแก่บ้ากาม...”

    สดายุเอ่ย พร้อมยืดตัวขึ้นถอดเสื้อและกางเกงของตัวเองออก ก่อนคลานเข้าไปหาความตื่นตัวของกฤตเมธอีกครั้ง โดยไม่สนใจว่าตอนนี้กฤตเมธจะมองตนในลักษณะไหน

   สดายุเลียนิ้วชี้และนิ้วกลางของตัวเองจนเปียกชุ่ม จากนั้นเขาก็กระทำสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อนนั่นคือ การเตียมพร้อมช่องทางรักของตนเอง
   “อื้อ...อ๊ะ...”

    “.................”

    “อ๊ะ...อื้อ...เมธ....”

    กฤตนอนมองสดายุที่กำลังเตรียมพร้อมร่างกายของตนและเปล่งเสียงเรียกชื่อเขาอย่างเร่าร้อนด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ความกระสันในกำหนัดทะยานสูงจนแทบจะยับยั้งไม่ให้คว้าคนบนร่างลงมาปู้ยี่ปู้ยำเสียตอนนี้ไม่ไหว กฤตเมธสูดหายใจลึกๆถี่ๆ เพื่อตั้งสติระงับอาการหื่น เพราะตอนนี้สดายุของเขานั้น ‘เซ็กซี่’ เหลือเกิน

   “อือ...คุณเมธ...ช่วยผมหน่อยสิ...”

   น้ำเสียงแสนยั่วยวนเอ่ยขอความช่วยเหลือ ในสิ่งที่แทบทำให้กฤตเมธขาดใจ

   “...อืม...ให้ผมช่วย...อะไร...”

   ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ แต่กฤตเมธก็ยังถามไถ่ เพราะอยากได้ยินคำขอแสนลามกจากริมฝีปากแดงฉ่ำเย้ายวน และทันทีที่ได้ยินคำถามสดายุก็บิดกายเล็กน้อย ละนิ้วออกจากช่องทางร้อนรักของตนแล้วเอื้อมไปหยุดที่ริมฝีปากช่างสงสัยของกฤตเมธ ก่อนจะเอนตัวเข้าหาแล้วเอ่ยขอร้องเสียงแหบพร่า

   “...ช่วยทำ...ให้ผมพร้อมสำหรับ ‘เจ้านี่’ ของคุณทีสิ...”

   ขอร้องพลางเอื้อมมือไปแตะส่วนอ่อนไหวที่กำลังตั้งชันของกฤตเมธอย่างเป็นนัยว่า...’เจ้านี่ของคุณ’ นั้น มันหมายถึงอะไร

คำอ้อนแสนหวานที่ฟังแล้วลามกหูได้ย่างไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของสดายุที่เล่นตัวเก่งเป็นเทพนั้นกระตุ้นให้กฤตเมธไม่ยึกยักรออะไรอีกต่อไป ชายหนุ่มใช้น้ำลายของตนชโลมนิ้วหนาจนชุ่ม ก่อนจะค่อยๆบุกเบิกเส้นทางรักของคนบนร่างอย่างช้าๆ

“อ๊า! เมธ...อื้อ...”

สดายุสะดุ้งเฮือกพร้อมเสือกตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเมื่อโดยปลายนิ้วร้ายล่วงล้ำเข้ามาในร่างตามคำขอ ความซ่านเสียวจากแรงเสียดสีทำให้อารมณ์ของเขายิ่งพุ่งสูง โดยเฉพาะในสภาพที่ตัวเองกำลังอ้าขาคร่อมร่างใหญ่โตของกฤตเมธอยู่นั้นยิ่งทำให้ทางเข้าถูกเปิดโล่งสู่สาธารณะอย่างเด่นชัด เปิดทางให้ปลายนิ้วซุกซนของกฤตเมธทะลวงลึกเข้ามาในร่างได้มากขึ้น

“อ๊ะ! อ๊า! เมธ... อื้อ อื้อ”

เพราะถูกเสียดสีด้านหลังจนร่างโค้งแอ่น ยอดอกเล็กที่กำลังชูช่อด้วยแรงอารมณ์นั้นจึงโดนครอบครองด้วยริมฝีปากร้อนรุ่มทันทีโทษฐานที่มาลอยยั่วอยู่ตรงหน้า สดายุถึงกับครางลั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แถมยังบิดกายยั่วเย้ากระตุ้นให้กฤตเมธหลงใหลและเร่งมือกระทำต่อร่างกายของเขาให้มากขึ้นไปอีก

“อา…ยุครับ...อือ...คุณตอดนิ้วผมใหญ่เลยนะ...”

“อื้อ..คุณเมธ....ผมเสียวจะไม่ไหวแล้ว...ซี๊ด...แรงอีกครับ...แรงอีก...”

ถ้อยคำเชิงลามกซึ่งตามปกติไม่มีทางที่สดายุจะยอมเอ่ยปากพูดเด็ดขาดนั้น วันนี้มันกลับพรั่งพรูออกมา ยิ่งพูดเท่าไหร่ร่างกายของเขาก็ยิ่งสะดุ้งหวามไหวไปกับคำเหล่านั้น จนกฤตเมธเองก็แทบทนไม่ไหว เซ็กส์ครั้งนี้ช่างเร่าร้อน จนเขาไม่มีเวลาจะไปคิดอะไรอีกแล้ว

“อืม...ผมก็เหมือนกัน...ยุครับ...ผมอยากกระแทกคุณแรงๆ...”

“..อ๊า...อืมมม...ผมพร้อม...พร้อมแล้ว....”

สิ้นคำสดายุก็ยกร่างขึ้นยืดตัวนั่งคุกเข่าในท่าทางหมิ่นเหม่ สองมือเรียวขาวพยายามเอื้อมไปจับแก่นกายร้อนระอุของกฤตเมธไว้มั่น ก่อนจะค่อยๆชักนำสิ่งนั้นให้มาแตะอยู่ตรงดอกตูมฉ่ำเยิ้มของตนเอง

 “อึก! อื้อ! อ๊า...อ๊ะ...”

แค่ส่วนหัวกลมมนผลุบเข้าไปได้ ร่างบางก็ถึงกับเสียดเสียวจนทำอะไรไม่ถูก อึดอัดคับแน่น แต่...ยังไม่พอ

“อ๊ะ! อ๊า อื้อ...”

เสียงหวานครางโหยเมื่อสิ่งที่ตัวเองปล่อยให้รุกล้ำเข้ามาด้วยความเต็มใจนั้นกำลังรุกล้ำเข้าไปลึกขึ้นด้วยฝีมือของเขาเอง ความทรมานช่างยาวนานเสียจนสดายุไม่อาจรั้งรอ ชายหนุ่มกัดฟันโถมน้ำหนักของตัวเองนั่งทับดุ้นไฟนั้นรวดเดียวจนสุดโคน ช่องทางตอดรัดส่วนแข็งและร้อนจัดนั้นจนแน่นตื้อ ร้อนรุ่มเข้าไปจนถึงในสุดของร่างกาย

“...อือ...รู้สึกดีจังครับยุ...อา...”

เมื่อถูกรัดถี่ๆทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ขยับกายความสุขสมก็แล่นพล่าน จนกฤตเมธแทบจะสกัดกลั้นอารมณ์โหดหื่นของตัวเองที่จะกระทุ้งแรงๆใส่ร่างข้างบนไม่ได้ และยิ่งได้เห็นว่าร่างนั้นเริ่มถ่ายเอนไปด้านหลังราวกับจะล้มหงาย แต่ความจริงคือเอนไปเพื่อใช้สองมือประคองตัวกับต้นขาเคร่งครัดของเขา กฤตเมธยิ่งหอบหายใจสะท้าน

‘จะยั่วกันไปถึงไหน!??!’ 

“อา...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า...อื้มมม...”

กลีบเนื้อนุ่มแนบเข้ากับความโอฬารที่ตั้งผงาด ชั่วขณะที่ทิ้งตัวลงไป ส่วนปลายที่เสียดสีอยู่กับปากทางก็จมหายเข้าสู่ส่วนลึกแทรกเข้ามาจนสุดความยาวในรวดเดียว ผลุบเข้าผลุบออกตามแรงขยับอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อนลงแต่อย่างใด

“อ๊ะ...ดีจัง...อื้อ...มะ…เมธครับ...ดีมั้ย...อ๊ะ...เอาผม...ดีมั้ย...”

“ดีครับ...อือ...ดีสุดๆ”

“อ๊ะ...งั้น...อื้อ....เอา...เอาผม...แรงๆที....อื้อ อ๊ะ อ๊า...”

สดายุตั้งใจออดอ้อนด้วยวาจาลามก เพราะมันสามารถกระตุ้นทั้งกฤตเมธและตัวเขาเองให้เริงรมย์ไปกับกิจกรรมนี้ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ยิ่งกว่าทุกครั้งที่เคยมีมา

“อึก!! ยุ...ยุครับ...!!”

กฤตเมธถึงกับต้องกัดฟัดกรอดเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่กำลังจะถึงแหล่ไม่ถึงแหล่ของตน เมื่อได้เห็นสดายุเริ่มเปลี่ยนท่าทางในการทำกิจกรรมใหม่ ท่าใหม่ที่เซ็กซี่จนเขาแทบจะถึงแค่เพียงได้เห็น ท่าที่สองเข่าที่เคยยันอยู่กับพื้นค่อยๆยกขึ้นตั้งชันทั้งที่กายบางยังแอ่นเอนไปทางด้านหลัง เผยให้เห็นส่วนที่เชื่อมโยงกันอยู่อย่างไม่อาจเลี่ยง ความปรารถนาลำน้อยที่ตอนนี้ตั้งชันจนมีหยาดทิพย์หลั่งชุ่มทั่วส่วนปลายนั้นขยับขึ้นลงตามแรงเขยื้อนของเจ้าของที่ยังคงขย่มร่างตามแรงหฤหรรษ์ไม่รู้จักสิ้นสุด ‘วิวดีเกินไป’ เห็นท่าจะไม่ได้การกฤตเมธเลยรีบยกตัวขึ้นเพื่อเป็นฝ่ายเดินเกมเองบ้างไม่อย่างนั้นก่อนจะได้ส่งสดายุของเขาให้ถึงฝั่งฝัน เขาเองคงทะลุกลางปล้องตายเสียก่อนตั้งแต่ตรงนี้

“อ๊ะ อ๊ะ อ๊า ดีจัง อ๊ะ เสียว”

สดายุครางโหยเมื่อคนใต้ร่างดันสะโพกสวนขึ้นมา เคลื่อนไหวเป็นจังหวะหนักหน่วงสมกับที่เขาเอ่ยปากขอร้องและตั้งตารอคอย ความรู้สึกเสียดเสียวเดือดพล่านขึ้นมาจากส่วนร้อนระอุที่แนบกันสนิท

“อื้อ เมธ...อ๊ะ...แรงอีก...เอาแรงๆ...อ๊า...อ๊างงง”

สดายุรีบโผเข้ากอดคนที่ลุกขึ้นมานั่งอย่างช้าๆ ช่องทางดูดรั้งดุ้นไฟของกฤตเมธด้วยความยินดียิ่ง ส่วนลึกที่เปียกลื่นยังพาอารมณ์หวามไหวให้ได้ไม่หยุดหย่อน กายเล็กเบียดร่างเข้าหาร่างกำยำร้อนผ่าวอย่างโหยหา ทุกครั้งที่อ้าปากร้องขอ จุดไวสัมผัสในร่างก็ถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบเนื้อหนักแน่น เสียงจอกแจกจากส่วนที่กำลังเชื่อมโยงกันดังจั๊บ จั๊บบาดหู แต่นั่นก็สามารถกระตุ้นความต้องการของทั้งสองร่างให้พลุ่งพล่านได้อย่างรุนแรง จากที่ประคับประคองเพียรแหวกว่ายในคลื่นตัณหาเชื่อมหวานมาได้พักใหญ่ๆในที่สุดฝั่งฝันก็ใกล้งวดเข้ามาอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว...

แต่พวกเขายังไม่พอ!!

“ยุครับ...อือ... อ้าขาออกอีกนิด รัดเอวผมไว้นะครับ แน่นๆ...อา...อย่างนั้น...”
   
   หมับ...

    “อ๊า~”

    “อึก...ยุ...คุณผิดเองนะ ที่ยั่วผม....อื้อ...”

    “อ๊ะ!? เหวอ เมธ!?”

    สดายุร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆทั้งร่างก็ถูกร่างใหญ่กำยำของกฤตเมธจับอุ้มเขาขึ้นดันเข้ากับกำแพง สองขาเรียวถูกจับให้โอบรัดไว้ข้างเอวสอบ ถูกจัดให้มีเซ็กส์ในท่าทางที่น่าอาย แต่ตอนนี้สดายุไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต้องเคอะเขิน ถึงขั้นนี้แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องเหนียมอายอีก

   พั่บ พั่บ พั่บ พั่บ...

    “อ๊ะ อ๊ะๆๆๆ อ๊า เมธ มะ...อื้อ....!!”

    ถูกสอดแทรกกระแทกกระทั้นจากด้านล่างจนตัวสั่นตัวคลอน สดายุใช้สองแขนโอบรอบคอกฤตเมธแน่น สองขาเองก็เกี่ยวเอวไว้ไม่ยอมปล่อย รู้สึกยินดีจนน้ำตาแทบจะไหล

    “อ๊ะ ยุ อึก!”

    “อ๊ะ อ๊ะ เมธ!! อื้ออออ!!!!”

    ความสุขสมสาดซัดเข้ากับสองร่างอย่างไม่ปราณี แก่นกายของกฤตเมธพองขยายจนถึงที่สุด สองมือของชายหนุ่มบีบขยำสะโพกของคนในอ้อมแขนอย่างตะกรุมตะกรามสอดใส่กายแกร่งรัวเร็วราวกับคลุ้มคลั่ง ยังความซ่านเสียวให้สดายุจนแทบสำลัก ในจังหวะที่รู้ตัวว่ากำลังจะถึงปลายทางสดายุรีบตระกองใบหน้าของกฤตเมธขึ้นมาประทับจูบดูดดื่ม ก่อนจะประทุถึงจุดหมายอย่างรุนแรงจนทั้งร่างแอ่นโค้งราวกับคันธนู ทางด้านกฤตเมธก็ทานทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน ชายหนุ่มระเบิดทุกหยาดหยดเข้าสู่ส่วนลึกของสดายุอย่างแรง หัวใจเต้นระรัว ดวงตาพร่าพราย ร่างกายหอบสะท้าน อิ่มเอมไปกับจุดสุดยอดที่รุนแรงและแสนสุขสม


    “ดุเดือดเกินไปแล้วนะ ยุ...ผมแก่แล้วนะ ถ้าเส้นเลือดในสมองแตกจะทำยังไง...หึหึ”

    “...แล้วชอบมั้ยล่ะ?...”

   หลังจากแรงสะท้านเริ่มน้อยลง ทั้งสองจึงได้เปิดปากคุยกันอีกครั้ง ทั้งที่ยังคงอยู่ในท่าเดิม เอ็นเนื้อที่เพิ่งผ่านการปลดปล่อยสดๆร้อนๆของกฤตเมธยังคงสอดลึกอยู่ในร่างของสดายุ แถมยังไม่ได้ลดความแข็งเกร็งลงเลยแม้แต่น้อย

    “ชอบสิ...คุณทำแบบนี้ ผมได้หลงจนโงหัวไม่ขึ้นแน่...”

   “หึหึ...ก็ดีสิ...ให้ทำทุกวันเลยมั้ยล่ะ”

   “ฮะฮะ แบบนั้นผมหน้าเหลืองกันพอดี...”

   กฤตเมธกระเซ้า ก่อนบดจูบดูดดื่มลงบนริมฝีปากของสดายุที่เผยอรอคอย

    “อื้อ...อา.....”

   “...แปลกจัง วันนี้คุณว่าง่าย”

   “...จะให้ว่าง่ายทุกวันก็ได้นะ...มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว...”

   “....ยังไง?...”

    “หึหึ...อย่าสนใจเลย...ไปที่เตียงกันเถอะ”

    “อืม”

   *
   *
   *
   *
   *
   ต่อด้านล่างจ๊ะ


ปล. รูปนี้มาจากการ์ตูนเรื่อง...My friend's Daddy is a dirty person (パパは悪い男) ของ อ.Yuzukita Machiko ค่ะ...ไม่แน่ใจค่ะว่ามีแปลไทยหรือยัง หุหุ รูปมันได้ฟิลิ่ง เลยแอบยืมมาใช้ค่ะ

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 22-05-2014 01:27:24
ต่อจ๊ะ


คืนนั้นไม่รู้ว่าเผลอหลับกันไปตอนไหน จำได้คร่าวๆแค่มีเซ็กส์มาราธอนกันจนเสร็จถึงสามรอบแบบไม่มีการถอนอาวุธออกจากปลอก ดุเด็ดเผ็ดมันจนสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง

   สดายุตื่นขึ้นมาหลังจากนั้นสองชั่วโมง ใกล้ตีสี่เต็มที และพรุ่งนี้พวกเขาต้องไปกองถ่ายตั้งแต่เช้า สดายุเดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำดับกระหาย และกะว่าจะกลับมานอนต่ออีกสองสองชั่วโมง ณ ขณะที่สดายุดื่มน้ำอยู่นั้นสายตาก็พลันเหลือบไปเห็นโทรศัพท์มือถือของกฤตเมธที่ตั้งอยู่ชั้นวางของเข้าพอดี จำได้ว่าโทรศัพท์ของกฤตเมธนั้นแบตเตอรี่หมดอยู่ จึงคิดว่าจะชาร์ตทิ้งไว้ให้ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องลำบากเอาไปชาร์ตที่กอง

   ‘ปี๊บ’


   หลังจากชาร์ตไฟไปได้สักพัก สดายุก็ฉุกใจคิดอะไรขึ้นมาอย่างหนึ่ง จึงทำการถือวิสาสะเปิดมือถือของกฤตเมธขึ้น ทันทีที่โทรศัพท์บูตเครื่องเสร็จสิ้น และสามารถรับสัญญาณโทรศัพท์กับอินเตอร์เน็ตได้แล้ว เพียงแค่อึดใจเสียงเตือนต่างๆดังขึ้น ทั้งไลน์ที่ยังไม่ได้อ่าน ทั้งสายโทรศัพท์ที่ไม่ได้รับ แน่นอนว่ามีชื่อสดายุในสายไม่ได้รับอยู่นับสิบสาย ทว่านอกเหนือจากสดายุแล้วยังมีอีกหนึ่งชื่อ…ชิดจันทร์ ที่โทรเข้ามาหลังเที่ยงคืน นับสิบสาย เช่นกัน

   ทว่า…ช่องที่เตือนไลน์ยังไม่ได้อ่านนั้น กลับไม่มีชื่อสดายุ มีเพียงชิดจันทร์…

   ข้อความสุดท้ายที่เขาส่งให้กฤตเมธไปเมื่อช่วงเย็น ทุกข้อความที่กฤตเมธยังไม่ได้อ่าน

   ทั้ง […รีบกลับมานะ ผมจะรอครับ…พีเมธ]

   และ […( ^ 3 ^ )/…]

    ทั้งหมดถูกลบจนหมด แค่เห็นสดายุก็รู้ทันทีว่าเป็นฝีมือใคร สดายุยกยิ้มมุมปากด้วยความสมเพชทันทีที่เห็น….

   “หึ…แสบนักนะ”

   สดายุได้แต่เปรยกับตัวเอง ก่อนจะกดอ่านไลน์ของชิดจันทร์ที่ส่งมาด้วย

   [พี่เมธยังไม่ถึงบ้านเหรอคะ ชิดโทรหาไม่ติดเลย]  00:36

   [รีบโทรกลับมาสิคะพี่เมธ] 00:50

   [ว๊า ชิดง่วงแล้วนะ] 01:24

   [งั้นพรุ่งนี้อย่าลืมโทรหาชิดนะ ไม่งั้นงอนจริงๆด้วย]  01:25

   [ฝันดีนะคะ พรุ่งนี้คุยกันค่ะ]  01:25

   [จุ๊บๆค่ะ]  01:25


   อ่านจบสดายุก็ลงมือลบทีละข้อความ ทีละข้อความ จากนั้นก็เข้าไปลบในประวัติการโทร ลบชื่อชิดจันทร์จนเกลี้ยง ก่อนจะทำการปิดโทรศัพท์มือถือของกฤตเมธแล้ววางชาร์ตเอาไว้เหมือนเดิม

   “อุ๊บส์…ขอโทษนะครับคุณหนูชิดจันทร์ มือผมลื่นไปหน่อย…”


   สดายุเอ่ยออกมาเบาๆพลางแสยะยิ้มออกมาทั้งที่สายตาเย็นชาสุดขีด เมื่อครู่ที่เขาลบประวัติการโทร เขาเห็นชื่อเสน่ห์จันทร์ในบรรดารายชื่อที่โทรหากฤตเมธในช่วงเย็นด้วย คงโทรไปบงการอะไรบางอย่างหลังจากเจรจากับเขาไม่สำเร็จ สดายุถอนหายใจบางๆ ก่อนจะกลับไปนั่งที่ขอบเตียง เฝ้ามองกฤตเมธที่ยังคงหลับฝันดีใบหน้าอิ่มเอมมีความสุขอย่างน่าหมั่นไส้

   “หึ…พ่อเทพบุตรแห่งวงการ…ตาแก่เอ้ย…”

   สดายุมองหน้ากฤตเมธอยู่อย่างนั้นไม่ขยับเขยื้อน นิ่งงันหากแต่ในหัวใจกำลังใช้ความคิด เขาไม่ใช่คนชอบแก้ตัว อะไรจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิด ใครจะว่าร้ายอย่างไรถูกผิดเขาก็ไม่เคยแก้ไข

   …ใช่ เขาเป็นคนแบบนั้น

   …แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า เขาจะยอมเป็นหมาขี้แพ้!

   “เอาสิ เสน่ห์จันทร์ เรามาลองกันสักตั้งดูสิ ว่าสุดท้ายแล้ว กฤตเมธจะเลือกใคร…”



   *
   *
   *
   *
   *

กองถ่ายวันนี้อึมครึมอีกแล้ว แม้นักแสดงทุคนยังแสดงทุกอย่างออกมาได้ดี แต่บรรยาศมาคุ ก็ปะทุเดือดทุกวินาทีเช่นกัน

"พี่อ๊อดขา...แตงกวาจะหายใจไม่ออกแล้วค่ะพี่ มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพี่เมธกับพี่ยุเหรอคะ?"

สาวน้อยในชุดนักศึกษา(ชุดที่ใส่เข้าฉาก) วิ่งโร่เข้ามากระซิบกระซาบกับผู้กำกับอ๊อดอย่างสุดทนกับความอึดอัดที่แผ่กำจายจากสองนักแสดงรุ่นพี่

"...เฮ้ย มาถามไรพี่เล่า? พี่ก็ไม่รู้ อยากรู้ไปถามเจ้าตัวสิ"

"จะบ้าเหรอคะพี่อ๊อด ขืนเข้าไปตอนนี้หัวแตงกวาได้หลุดจากบ่าแน่ พี่นั่นแหละเข้าไปเคลียร์หน่อยสิ เข้าฉากแต่ละทีแตงกวากลัวจนฉี่จะราดแล้วเนี่ย"

"เออน่า ได้อารมณ์สมจริงดีออก โดยเฉพาะซีนที่สองเพื่อนรักกำลังจะหักเหลี่ยมโหดเพราะแย่งผู้หญิงเนี่ย อารมณ์อย่างตอนนี้แหละเป๊ะสุด"

"โหยพี่อ๊อดอ่ะ! เห็นแก่บทอยู่นั่นแหละ เกิดพี่เขาหน้ามืดตีกันขึ้นมาจริงๆจะทำยังไง!?"

"หื้อ อย่าคิดมากน่าแตงกวา เดี๋ยวมันก็ดีกันเองแหละ เมื่อก่อนมันก็เคืองกันอย่างนี้ทุกวันไม่เห็นจะตีกันเสียที ไปๆ ไปพักได้แล้ว พี่จะเช็คงาน"

อ๊อดได้แต่ออกปากไล่นักแสดงสาวน้อยออกไปให้พ้นทาง พลางคิดในใจถึงสิ่งที่แตงกวากำลังกังวลอย่างอารมณ์ดีว่า...

'มันไม่ตีกันตอนนี้หรอก เดี๋ยวมันกลับไปตีกันบนเตียงต่างหาก...หึหึ'

'สงสัยจะงอนเรื่องข่าว...เฮ้อ สู้ๆนะเมธของพี่'

ข่าว ที่อ๊อดคิด คงหนีไม่พ้นข่าวร้อนที่ลงหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หลายฉบับวันนี้เป็นแน่...

ข่าวของกฤตเมธและชิดจันทร์

   *
   *
   “กฤตเมธ   “  เนื้อหอมแอบซุ่มคบ “ชิดจันทร์”  ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเจ้าแม่ WTL  ’


   ‘ซุ่มหวานเงียบๆ แต่ข่าวลือเพียบนะจ๊ะ เป็นคู่จิ้นต่างวัย กฤตเมธพระเอกเนื้อทอง เทพบุตรแห่งวงการผู้ซึ่งไม่เคยมีข่าวคาวข่าวฉาวกับสาวคนไหนมาก่อน ในที่สุดหัวใจน้ำแข็งของพระเอกรุ่นใหญ่ก็ถูกกระเทาะอย่างง่ายดาย เพราะสาวน้อยอย่าง “ชิดจันทร์” สาวน้อยวัยยี่สิบสาม บุตรสาวคนเดียวของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์แห่ง WTL  ข่าวว่าทั้งคู่ปลูกต้นรักกันมาพักใหญ่ก่อนที่ชิดจันทร์จะไปเรียนต่อเมือกนอกเมืองนา แต่ระยะทางไม่เคยเป็นอุปสรรค ความรักของทั้งคู่ยังคงหวานเสมอ คู่นี้แอบแซบลึก ซุ่มหวานคบหากันแบบไม่เปิดเผย แต่ก็มีโชว์หวานบ้างอย่างเมื่อคืนพอสาวชิดจันทร์กลับจากเรียนโทที่อเมริกาปุ๊บ กฤตเมธก็รีบรับไปดินเนอร์หวานฉ่ำกันถึงหาดบางแสนทันที เรียกได้ว่าหวานล้ำหวานนานน้ำตาลเรียกพี่กันเลยทีเดียว ขนาดคุณเสน่ห์จันทร์ที่หวงลูกสาวราวไข่ในหินยังออกอาการเชียร์ว่าที่ลูกเขยอย่างออกหน้าออกตา ก็แหมพี่เมธเขาดีขนาดนี้ ใครไม่คว้าไว้เป็นเขยก็แย่แล้วค่ะ จากนี้คงมีภาพหวานๆออกมาให้อิจฉากันเป็นระยะแน่ๆค่ะ...’


   นอกจากเนื้อข่าวชวนคิดแล้ว ยังมีภาพประกอบสุดหวาน เป็นฉากดินเนอร์สุดโรแมนติกที่หาดบางแสน ที่น่าจะโดนแอบถ่ายแนบเอาไว้ด้วย

   *
   *
   
          เช้าวันใหม่หลังผ่านคืนที่เร่าร้อน กฤตเมธและสดายุออกมากองถ่ายด้วยกันตามปกติ การแสดงช่วงเช้าผ่านไปด้วยดีจนกระทั่ง ช่วงพักที่สดายุและกฤตเมธได้เห็นหนังสือพิมพ์ที่ทางทีมงานวางทิ้งเอาไว้

   เนื้อข่าวไม่ได้แรง แต่บาดใจเป็นที่สุด

   ดังนั้นหลังจากช่วงพักเป็นต้นมา บรรยากาศมาคุก็พุ่งสูงทันที เล่นเอาหายใจหายคอไม่ออกกันไปถ้วนหน้า โดยที่ไม่มีใครเข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น มีเพียงกฤตเมธ สดายุ และอ๊อดเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจ

   การถ่ายทำทั้งวันเป็นไปด้วยความอึดอัดจนในที่สุดก็จบลงตอน สองทุ่ม ระหว่างนั้นกฤตเมธมีสายเข้าตลอดจนเจ้าตัวต้องปิดเครื่องไว้ ‘ชิดจันทร์โทรมาทั้งวันจนงานการแทบไม่ต้องทำ’ แม้จะบอกว่าทำงานอยู่สาวเจ้าก็บอกอยากมาหาที่กองบ้าง ชวนไปทานข้าวเที่ยงข้าวเย็นบ้าง จนกฤตเมธเริ่มทนไม่ไหว เลยปิดเครื่องให้จบเรื่องกันไป
   
   และแน่นอนว่าทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของสดายุตลอด ยิ่งมีสายเรียกเข้า อารมณ์คุของสดายุก็ยิ่งกระพือโหม ยิ่งเดือดบรรยากาศรอบกายของสดายุก็ยิ่งทยานสู่จุดเยือกแข็ง กว่าจะเลิกกองได้ ทีมงานแทบขาดใจตายไปหลายคน โดยเฉพาะแตงกวาที่ต้องเข้าบทด้วยเยอะสุด...(น่าสงสารจริงๆ)

   “ยุ!?...”

   “ยุ? คุณจะไปไหนน่ะ?”

   กฤตเมธตะโกนเรียกไล่หลังทันทีที่เห็นสดายุเดินลิ่วๆ ออกจากกองถ่ายแต่ไม่ได้ตรงไปที่จอดรถ

   “ยุ!”

   หมับ!...

   ในที่สุดก็คว้าตัวได้ทัน กฤตเมธดึงแขนสดายุเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้อีก รู้ตัวดีว่าข่าวที่ออกมานั้นคงทำให้สดายุช็อคมาก และกฤตเมธต้องการอธิบาย เพราะข่าวนั้นมันไม่มีมูลความจริงเลยแม้เพียงสักเสี้ยวเดียว!

   “ยุ คุณจะไปไหน?” กฤตเมธถามไถ่อย่างร้อนรน ยิ่งได้เห็นใบหน้าเย็นชาของสดายุ เขายิ่งร้อนใจ

   “....................” ทว่า สดายุยังคงเงียบงัน

   “ยุ...เอ้ย เดี๋ยวสิ!”

เพียงแค่หันมาสบตากฤตเมธเพียงครู่ สดายุก็สะบัดตัวออกจากการเกาะกุม แล้วทำท่าว่าจะเดินหนีไปอีก กฤตเมธจึงรีบคว้าตัวไว้อีกครั้ง แล้วลากไปด้วยกันดื้อๆ

“เฮ้ย! ปล่อยนะ”

“มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อน แล้วผมจะปล่อย!”

“กฤตเมธ! ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ! ปล่อยผม!!”

ไม่ว่ายังไง การดิ้นรนของสดายุก็สูญเปล่าเสมอ เพราะสุดท้ายก็ถูกลากมายัดเข้าไปในที่นั่งข้างคนขับแล้วล็อคไว้ด้วยเข็มขัดนิรภัยในทันที

“อย่าดิ้นยุ! นั่งเฉยๆไปซะ ไม่งั้นผมจะปล้ำคุณในรถตอนนี้เลย!!”

“…………….!!!”

สดายุหยุดดิ้นรน แล้วกลับไปนั่งปั้นหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงที่อย่างว่าง่าย ที่ยอมหยุดไม่ใช่เพราะกลัวคำขู่ของกฤตเมธ แต่เพราะสดายุคิดว่า เล่นตัวพอเป็นพิธีน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่า และอึดใจต่อมากฤตเมธก็ขึ้นมานั่งข้างๆตรงที่นั่งคนขับเป็นที่เรียบร้อย

“ข่าวนั่นมันไม่จริงนะยุ” ขึ้นมานั่งตั้งสติได้ กฤตเมธก็เปิดประเด็นทันที
   
   “อือฮึ แล้วยังไงครับ?” สดายุตอบกลับออกไปด้วยเสียงเรียบเย็น ทำเป็นเมินหมางอย่างจงใจ

   “รูปดินเนอร์นั่นน่ะ ผมไปทานกับผู้จัดธารินทร์ เพราะคุณเสน่ห์จันทร์เธอให้ผมไปเอาเอกสารลับ แล้วพอดีว่าชิดจันทร์ร่วมโต๊ะอยู่ด้วยเลยเหมือนกับดินเนอร์สองต่อสองก็เท่านั้น”

   “อืม….ไม่ยักรู้นะว่านอกจากจะเป็นพระเอกแล้วเนี่ย คุณกฤตเมธยังมีจ๊อบพิเศษเป็นคนขับรถกับคนรับส่งเอกสารด้วย”

   “ยุ เฮ้อ…ใช่ ปกติคุณเสน่ห์จันทร์มักใช้ให้ผมทำโน่นทำนี่ให้ เธอบอกว่าไว้ใจผมที่สุดน่ะ ผมเลยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง…”

   “แค่บอกว่าไม่ทำมันจะยากตรงไหน อ๋อ ลืมไป..ยังติดหนี้บุญคุณท่วมหัวอยู่ ต้องตอบแทนทุกอย่างที่ทำได้ ไม่ว่าเขาจะใช้ให้ไปทำอะไรก็ทำ ให้ไปไหนก็ไป ให้เป็นสามีลูกสาวก็คงต้องเป็น…..”

   “ไม่มีทางยุ! เรื่องผมกับชิดจันทร์มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก….”

   “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ทางคุณแม่ก็เป็นใจขนาดนี้ ทางคุณลูกก็ออกจะทุ่มสุดตัวขนาดนี้ หึ! อีกไม่กี่วันก็คงได้แล้วล่ะ วันนี้ก็โทรมาจิกอยู่ทั้งวัน เห็นว่าจะชวนไปทานข้าวเย็นนี่ ทำไมไม่รีบไปล่ะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก วันนี้ผมนัดกับเจ๊บลูม่าไว้แล้วว่าเราจะไปเที่ยวกัน…”

   “ไปไหน? นัดกันไปไหน?” กฤตเมธถามด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาไม่เห็นสดายุจะออกไปเที่ยวที่ไหน

   “ก็ว่า…จะลองไปผับของ ‘ชาวเรา’ ดูสักหน่อย ไหนๆผมก็หลงมาทางนี้แล้ว ไม่แน่นะคืนนี้ผมอาจตกเด็กหรือหนุ่มใหญ่ได้สักคน…”

   “สดายุ! คุณจะทำแบบนั้นลงคอเหรอ? คุณเอาผมไปไว้ที่ไหน?” กฤตเมธแทบจะกระโจนใส่เมื่อได้ยินสดายุพูดถึงเรื่องเที่ยวกับชายอื่น สองมือแกร่งยึดไหล่สดายุไว้มั่นเพื่อรั้งกายฝ่ายนั้นให้หันมาสบตา

   “ก็ที่เดิม…ไม่เห็นต้องเอาไปไว้ที่ไหนนี่” ทว่าสดายุก็ดูไม่ได้ร้อนรน ชายหนุ่มยังคงตอบคำถามอย่างใจเย็น

   “ยุ เราไม่ใช่คนรักกันหรอกเหรอ เราไม่ได้คบกันอยู่หรอกเหรอ? ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้ล่ะ?” กฤตเมธถามด้วยความเจ็บปวด ท่าทีของสดายุทำให้เขาปวดใจไม่น้อย และแน่นอนว่าคำตอบต่อมาของสดายุแทบทำให้กฤตเมธกระอักเลือด

   “ครับ…คุณดีกับผมมาก แต่…ผมไม่เห็นจำได้ว่าเราเคยคบกัน…เอ้…ผมไปตกลงคบกับคุณตอนไหนงั้นเหรอ?...”

   “…………….สดายุ…” เจอคำตอบเข้าไปกฤตเมธถึงกับอึ้ง

   “โอเคนะ คุณดีกับผม ผมก็ตอบแทนคุณแล้วไง จำได้ว่าเคยบอกคุณไปแล้วนะว่า ทางผมเองที่กำลังอาศัยบารมีของคุณเพื่อหาทางกลับเข้าวงการอยู่นั้น จะใช้ตัวผมแลกกับการที่คุณจะพาผมกลับเข้าวงการอีกครั้ง…แล้วผมก็กำลังทำอยู่นี่ไง”

ทุกคำพูดสดายุเอ่ยมันออกมาด้วยความหนักแน่น ใจริงแล้ว เขาเองก็รักกฤตเมธ และไม่ได้ต้องการจะทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บ แต่ในเมื่อกฤตเมธยังคงอยู่ในโลกที่ต่างกับเขาเกินไปอยู่ เขาก็ต้องสอนให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

   “…ที่ผ่านมา…คุณเคยรักผมบ้างมั้ย?...” กฤตเมธได้แต่ทอดอาลัย ได้แต่ก้มหน้ามองพื้น เจ็บปวด สับสน จนต้องถามคำถามที่แสนจะงี่เง่าออกไปด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

   “คนที่รักคุณอย่างหัวปักหัวปำคนนี้ ขอถามคุณหน่อยสดายุ ความรักของผม…เคยส่งถึงใจคุณบ้างมั้ย? คุณ…เคยเปิดใจให้ผู้ชายคนนี้บ้างมั้ย?...”

   กฤตเมธแทบจะร้องไห้เมื่อจบคำถาม ชายหนุ่มก้มหน้าซบลงบนตักของสดายุอย่างเจ็บปวด เพื่อเฝ้ารอคำตอบของสดายุ แม้ว่ามันจะแสนร้ายกาจ…

   “…ผมรักคุณครับคุณกฤตเมธ”

   “…………..!!??” คำตอบของสดายุทำเอากฤตเมธแทบกระโดด แต่…แล้วทำไมอีกฝ่ายถึงบอกว่าไม่ได้คบกันล่ะ?

   “แต่คุณรู้มั้ย? ต่อให้ผมรักคุณเท่าไหร่ คุณก็ไม่มีวันเป็นของผม”

   “…ยุ…ผมเป็นของคุณ…” กฤตเมธพยายามแก้ไขความคิดของสดายุ แต่ดูท่าจะไม่เป็นผล กฤตเมธจึงได้แต่จ้องหน้าของสดายุเพื่อหาคำตอบ

   “หึ…ตราบใดที่คุณยังมีจิตสำนึกแห่งการแทนคุณคนคนนั้นเป็นความหมายของชีวิตอยู่ล่ะก็ คุณก็ไม่มีวันเป็นของผม อย่ามาพูดให้ความหวังกันพล่อยๆแค่ลมปากสิครับ”

   สดายุเอ่ยขึ้น พร้อมเอื้อมมือมาตระกองใบหน้าของกฤตเมธไว้

    “กฤตเมธถ้าคุณอยากยืนยันว่าคุณรักผมจริงๆ ล่ะก็…พิสูจน์สิ”

   “พิสูจน์ให้ผมเห็น…ว่าผมคือที่หนึ่งของคุณ”



*******************************************

น้องยุจิเปิดศึกแล้วจ๊า!!
เบิกกลองสะบัดชัย ออกมาตีเรียกขวัญกำลังใจหน่อยเร๊วววววว!!

 :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: SilverLake ที่ 22-05-2014 01:39:54
กองเชียร์และแม่ยกน้องยุพร้อมค่ะ ป้ายไฟพรีบ
อ่านตอนนี้ค่อยแช่มชื่นขึ้นมาโขเลย ต้องอย่างงี้ซิคะ น้องยุของเจ๊   o13
รู้สึกเหมือนเชียร์มวยไทยไฟว์ เอาคืนให้หนักๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 22-05-2014 01:55:49
เอากับน้องยุเค้าเซ่~~~~

พี่เมธจะทำอย่างไงล่ะทีนี้

รอตอนต่อไปน้าาาา~~
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 22-05-2014 01:56:40
น้องยุเอาอย่างนี้เลย แล้วตาแก่ที่ไม่ทันคนจะทำอย่าไง :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 22-05-2014 02:06:33
 :katai2-1:  :katai2-1:  :mew1:
ถูกใจแม่ยก น้องยุสู้ๆ มันต้องแบบนี้ซิ เข้ามาอ่านตอนนี้ค่อยโล่งใจหน่อย เฮ้ออออ..
ลุงเมธก็อย่าซื่อบื้อ อย่าทำให้น้องยุเสียใจอีกล่ะ คนอ่านอืดมาม่าแล้ว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: yadamonjung ที่ 22-05-2014 02:09:26
 เมธธธธ พิสูจน์ซิ
ต้องเชื่อยุนะ ต้องอยู่ข้างยุ
เกลียจทั้งสองจันทร์เลย  :z6:
ยุต้องชนะ ชูป้ายไฟ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: kleopatta ที่ 22-05-2014 02:17:36
ร้ายมาต้องร้ายกลับ ตอกให้นางป้าหน้างายไปเลยนะยุ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 22-05-2014 02:21:50
ตึง ตึง ตึง ตึ่ง เสียงกลองเบิกชัย

พรึ่บพรั่บพรึ่บ เสียงธงโบกสะบัด

จัดหนักไปเลยลูก ยุ!!!  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 22-05-2014 02:25:00
ปีกเดวิลกรีดมารำไร
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 22-05-2014 02:46:53
สู้ๆๆ ยุ  :a1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 22-05-2014 05:32:13
เอ้ววววว
พี่เมธจะทำยังไงละทีนี้
สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 22-05-2014 05:37:48
ร้ายมาก็ร้ายกลับไป..ใช่ไหมยุ
แล.แอบสงสารคุณเมธหน่อยนึง อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 22-05-2014 06:16:54
ต้องอย่างงี้สิยุ!!!! ฆ่ามันให้ตายเลยลูกกกก :m31:
เราเป็นเมียหลวง อย่ายอม
เอิ่มมมม ผิดเรื่องละๆ :z6:
เปิดเรื่องมาด้วยความแซบ :m25: และปิดเรื่องด้วยความมาดหมายของน้องยุ o18 นายเอกเรื่องนี้เด็ดไปเลยค่ะคู๊ณ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: moon ที่ 22-05-2014 06:35:23
น้องยุลั่นกลองรบซะร้อนฉ่าเลยกรี้ดดดออพี่เมธพิสูจน์เร็วเลย5555ไม่งั้นอดแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 22-05-2014 07:15:33
เอาเลยยุ ประกาศศึก...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 22-05-2014 07:43:27
ยุเปิดเกมจริงจังแล้ว งานนี้พี่เมศจะพิสูจน์ยังไงให้ยุเชื่อละคะ  แต่งานนี้เราว่ากี่เสน่ห์จันก็ขวางทางยุไม่ได้ ใช้มะๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 22-05-2014 07:58:22
ร้ายไม่เบานะเราอ่ะ แผนเอาคืนของน้องยุ อยากตบชิดจันทร์ :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinrui ที่ 22-05-2014 08:04:07
ยุ ชะนีมันมีมดลูกกก ฉันกลัวนางเอกพลอตนางร้ายในละครมาจุงงงงง เฮ้ออออออออออ

เต้นเชียร์ลีดเดอร์เชียร์น้องยุสุดใจจจ เห้ออ
ถึงเรื่องนี้ ตีมมันจะดราม่าก็เถอะ ลงท้ายงี้ ตอนแรกพระเอกมันต้องเลือกชะนีแหงมมม
อ๊าก แค้นนนน ผู้หญิงแบบนี้ น่าตบบมากก เรียนถึงเมืองนอกเมืองนา
ไม่หัดใช้สมองไปในทางสร้างาสรรบ้างเว๊?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: paanyong ที่ 22-05-2014 08:06:23
สู้ๆๆๆๆๆจ้ายุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Deery ที่ 22-05-2014 08:06:54
สดายุตัวจริง! ใครจะเป็นที่1นะ
อิอิ :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 22-05-2014 08:10:40
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: liptudzii_chi ที่ 22-05-2014 08:42:17
ยุนี้ แผนสูงจริงๆๆ ยกเป็นตัวแม่เลย  ฮ่าๆๆ :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 22-05-2014 08:45:48
เชียร์น้องยุจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 22-05-2014 09:12:02
 :katai2-1:ใช่แบบนี้แหล่ะ คนละรุ่นก็ชกแม่มเลยน้องยุ  แถมพี่เลี้ยงนักมวยแบบเจ้บลูอีกคน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 22-05-2014 09:23:45
รู้สึกดีนะที่น้องยุหันกลับมาสู้กับคนที่คิดร้ายกับตัวเอง ตอนนี้ขึ้นอยู่กับคุณเมธแล้วล่ะว่าจะรักน้องยุจริงหรือเปล่า รอติดตามนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 22-05-2014 09:24:42
คุณเมธรับศุกหนักแล้วซิ ศึกนี้น้องยุจะชนะไหม โอ๊ย ลุ้น ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 22-05-2014 09:46:00
ถ้าป้าแกจะยัดเยียดลูกสาวให้เมธขนาดนี้ :เฮ้อ:
เชียร์ยุสุดใจขาดดิ้นไปเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: pppetchhh ที่ 22-05-2014 10:04:30
แซ่บกว่าสดายุไม่มีละค่ะ จีจี
ฮรืออออออออ โชร่บบบบบบบบ
นางเอกสมัยใหม่มันต้องแบบนี้ค่ะ ตาต่อตาฟันต่อฟัน

โอ๊ยยุเอ๊ยยยยยยยยยยย จะทำให้อีป้าคนนี้หลงหนูไปขนาดไหนคะ
เอาพี่เมธออกไปเลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวป้ารับบทพระเอกเอง 5555555555

ชอบมากเลยอ้ะ คาแรกเตอร์สดายุคือเคะในอุดมคติมากกกกกกกกก ฮรือออออออออ โชร่บบบบบบ

คนเขียนก็สู้ๆนะคะ เราจะรออ่านต่อไป
รักน้องยุนะครัช อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 22-05-2014 10:08:10
แซ่บ !! สดายุราชินีมากกกกกก

เอาสิ !! ร้ายมาร้ายกลับ เหมาะสมกับสองแม่ลูกแม่มดนี่แล้วหล่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: pigarea ที่ 22-05-2014 10:21:13
น้องยุใจเย็นนะจ๊ะ ตาแก่จะไม่ไหวเอานะ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 22-05-2014 10:27:55
ต้องอย่างนี้สิยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 22-05-2014 10:31:28
จัดไปหนูยุ  อย่าได้กลัว เอาให้อิป้าจันทร์มันดิ้นพล่านไปเลย  แหมๆๆๆๆ  ส่งลูกสาวสุดที่ให้กับผช.หน้าตาระรื่นเชียว  แล้วไหนจะข่าวนั้นอีก ยิ่งอ่านยิ่งหมั่นไส้  จะรอวันที่ยุยืนขึ้นอย่างสง่าแล้วสู้กับสองแม่ลูกนั้นให้รูเใรรตัวจริง ใครมันเป็นเสนอตัวให้ผช.กัน  เอาให้อิป้าหัวใจวายตายไปเลย  ส่วนลูกสาวก็ขอให้อายจนไม่กล้าอยู่ที่ไทย  หมั่นไส้สุดๆ ชิส์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 22-05-2014 10:31:47
เหยยยย นางแซ่บบบบบบบบ บราโว่!!!!!!!! มันต้องอย่างนี้สิ จะยอมให้เค้าทำอยู่ฝ่ายเดียวได้ไง สู้ๆๆๆๆ :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 22-05-2014 10:47:11
น้องยุสู้เค้าลูก!!!!!!!!!!!
จะวู้กับสองแม่ลูกนั่น. เราต้องวางเกมส์ดี
พี่เมธก็พิสูจน์ตัวเองซะนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 22-05-2014 10:47:32
จัดการเลยน้องยุ
งานนี้ต้องเล่นกันให้กระอัก
ทำให้เฮียเขาหึงหน่อยก็คงไม่มีปัญหามั้ง 5555
เชียร์ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 22-05-2014 10:51:12
ให้มันได้อย่างนี้สิสุดายุ ถึงเวลาที่กฤตต้องเลือกและพิสูจน์ตัวเองแล้วล่ะ
ว่าจะยอมให้ยัยแม่มดนั่นมันจูงจมูกต่อไปรึป่าว ยุสู้ๆนะ เอาให้มันพังกันไปข้างนึงเลย
ไหนๆยุก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนี่    :ped149: :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 22-05-2014 11:01:47
สงสารพี่เมธอะ ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังอยู่ในวังวนแก้แค้นอะไร
อย่าคิดน้อยนะค่ะน้องยุ ความรักไม่ใช่เรื่องล้อเล่น :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Monkey D ที่ 22-05-2014 12:01:15
ยุ สู้ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 22-05-2014 13:11:00
เชียร์สุดใจจ้าน้องยุ ไฟต์ติ้ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 22-05-2014 14:52:25
กรี๊ดดดด ช้านชอบนางเอกแบบนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: jamlovenami ที่ 22-05-2014 16:17:20
อร้ายยย ยุช่างร้ายกาจ( และเซ็กซี่ )

หึหึ คุณเสน่ห์( ดอก ) จันทร์ก็ช่างเจ้าเล่ห์นักนะ โดนเด็กถอนหงอกซะบ้างก็ดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 22-05-2014 17:03:53
ยุร้านดีอ่ะ ชอบ!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 22-05-2014 18:21:58
ตีนางเลยค่ะ น้องยุขาาาาาา เอานางให้ตายยยยย นังมนุษย์ป้าเสน่ห์จันทร์!!!

ส่วนตัวลูกเจ๊ขอจัดการค่ะ!! //ตบรัวๆ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 22-05-2014 18:53:51
น้องยุสู้ๆ เราพร้อมเป็นทัพเสริมเต็มที่  :a2:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 22-05-2014 19:07:02
เริ่ดค่ะ อย่าไปยอม บุญคุณต้องทดแทนมันจริง แต่กรุณาเลือกวิธีค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 22-05-2014 19:43:30
เออพิสูจน์สิ เเหม่... ถ้าชะนีท้องเเล้วเเม่มันมาขอให้เเต่งงานบังหน้าก็คงจะเเต่งสินะเพราะเซย์โนว์ไม่เป็นเลย
ชริ หมั่นใส้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 22-05-2014 19:57:35
น้องยุสู้ๆ อย่าไปยอมแพ้ให้ยัยป้านั่นนะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-05-2014 20:01:36
โอ๊ยยย  กำลังจะเกิดศึกชิงเทพบุตรสินะ ก๊ากกก   :jul3:
เอาเลยยุ จัดเต็ม ตอบโต้ให้กระอักกันไปข้าง  :hao3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 22-05-2014 20:08:27
ดีมากน้องยุ นายเอกสมัยใหม่ต้องไม่โง่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 22-05-2014 20:35:12
ชอบน้องยุเวอร์ชันนี้ ดูสู้คน ไม่อ่อนแออีกต่อไป 

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: owo.balloon ที่ 22-05-2014 20:48:51
 :fire:สู้ต่อไปน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 22-05-2014 20:57:48
อั๊ยยะหนูยุ มันต้องอย่างนีั้สิ อย่าไปกลัว อย่าให้ใครมาเล่นตลกกับความรู้สึกเราได้ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 22-05-2014 21:18:06
เอาเลยยุ เรารำคาญป้าจันมาก ป้าคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของเมธเหรอไงฟระ?

ถามเมธบ้างป่ะว่า อยากได้ลูกสาวป้ามั้ย?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 22-05-2014 21:32:51
สมกับที่รอยคอ เฮ้ย!!! รอคอย ยุเซ็กซี่มากกกกกกกกกก  :hao6:  :hao6: ยัยป้าเอ้ย!!!ฉันจะค่อยสมน้ำป้ากับลูกสาวตัวดีของป้า 55555+ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 22-05-2014 21:36:24
สมกับที่รอยคอ เฮ้ย!!!!รอคอย ยุตอนนี้เซ็กซี่มากกกกกกก  :hao6:  :hao6:  :haun4:
ยัยป้าเอ้ย!!!!ฉันจะคอยสมน้ำหน้าป้ากับลูกสาวตัวดีของป้าน๊า 5555555 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 22-05-2014 21:41:20
น้องยุ  o13 ต้องอย่างนี้ ฝั่งนั้นมีทั้งเงินแต่อำนาจ แต่น้องยุก็มีหัวใจตาแกน้าาา ดูแลดีๆละ เดี๋ยวตาแก้จิหัวใจวาย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 22-05-2014 21:59:02
กรี๊ดดดดดด สดายุของป้าาาา  เทอได้ใจฉันมาก //สะบัดปอม ๆ เชียร์
คุณกฤตอะก็ตามนั้นเลย  ถ้าตามใจเสน่จันทร์เรื่อย ๆ คุณกฤตได้เป็นสามีชิดจันทร์เข้าสักวันแน่ ๆ  แล้วถึงตอนนั้นจะทำไง คอตกบอกสดายุว่าขอโทษเหรอ แค่มโนก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว  เราต้องออกตัวแรงตั้งแต่วันนี้เพื่อให้วันนั้นไม่มาถึง  เชียร์สดายุเวอร์ชั่นนี้ขาดใจ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 22-05-2014 22:06:49
นี่ล่ะนางเอกยุคใหม่ 5555 ตอกอิป้า กะนังชะนีน้อยให้เงิบซะ !!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 22-05-2014 22:11:20
คล้ายปะหนึ่งศึกแม่ผัวปะทะลูกสะใภ้
 :katai2-1:  ยกที่หนึ่งเริ่มแล้ว......
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 22-05-2014 22:18:16
อร๊ายยยย เข้ามากรี๊ดคู่เจ๊บลูกะซอลย่าาา ขอภาคสามด้วยค่าา
เข้าใจผิดเรื่องอะไรกันเนี่ยอยากรู้  แต่ว่าๆๆๆๆการเห็นเจ๊บลูสับสนนี่แซ่บชะมัด แบบว่า ความเคียดแค้นอันแสนหวาน 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 22-05-2014 22:29:59
แม่จะไปเอาแสตนด์มานั่งแล้วชวนพลพรรครักหนูยุมานั่งเชียร์...
เอาให้มันหมดเสน๋ห์ไปเลยนะลูกจ๋า....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 22-05-2014 23:50:20
มันต้องอย่างนี้สิคะน้องยุ จัดไปให้หนักค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 23-05-2014 00:51:01
ยุวิน ยุชนะเลิศ
สมัยนี้ไม่มีนายเอกยอมคนละเนอะ
กรี๊ดอ่ะ แบบว่าแซ่บมาก
เสน่ห์จันทร์ก็เอาเหอะ แต่กลัวคุณกฤตเมธอ้ำอึ้งอ่ะ
จริงๆมันต้องมีทางสิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 23-05-2014 10:00:51
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

ยุ  เชียร์ขาดใจ   :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-05-2014 14:17:35
รวดเดียวจบ แทบไม่หลับไม่นอน มันเปงอารายนี่ปริ่มมาก

แบบมันเป้นอะไรในวงการจิงๆ ที่เน่าแบบนี้ มีทั้งดีไม่ดีโดนใส่ร้ายป้ายสีกันสาระพัด

ยิ่งตอนล่าสุดนี่ยุชนะใจไปเลย ต้องแบบนี่สิ เพราะรักมากจิงไม่ยอมอีกแล้ว

ที่ผ่านมาเจ็บมามากพอแล้ว เราต้องสู้!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 23-05-2014 16:54:06
เลือดกำเดาจะแตกกกกกกก น้องยุ&พี่เมธ นึกว่าเป็นซุปตาร์หนัง AV เฮือกกกกกกกกกกกกก

แหม่ๆ น้องยุร้ายไม่เบา นางเอกแน่หรอจ๊ะหนู อิอิ สุ้ๆน๊า

ปล.เป็นกำลังใจให้คนแต่งจ้า รอตอนต่อๆไป ค้าบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 23-05-2014 20:21:40
เมธต้องพิสูจน์ตัวเองแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 23-05-2014 20:37:21
แร็งค์ค่ะน้องยุ ชอบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ฉันเอง ที่ 23-05-2014 21:33:04
น้องยุร้ายกาจแท้  :katai2-1:

คุณเมธก็รีบๆทำให้มันชัดเจนซะทีเน้อ  :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 23-05-2014 21:47:24
แอบชอบยุตอนร้ายแบบนี้นะ

เชียร์ขาดใจ จัดไปเลยยุ!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 23-05-2014 22:05:43
ร้ายมาก็ต้องร้ายตอบ

นายเอกยุคใหม่ไม่โง่ค่ะ

เอาเลยยุๆๆ

ฉะเป็นฉะ

 :katai4: :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: plugie ที่ 23-05-2014 22:57:34
น้องยุสุดยอด!! ชอบๆ o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-05-2014 00:37:02
อ๊อยยยยยยย เข้มข้นฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: vascular ที่ 24-05-2014 01:18:06
ยุนี่แอบร้ายนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: พลอยสวย ที่ 24-05-2014 04:11:28
 :mc4: ป้ายไฟพร้อมค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-05-2014 05:21:14
กรี๊ดดดด ดีค่ะน้องยุ ทำดีแล้วทำต่อไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 24-05-2014 07:53:27
เข้ามาเป็นทัพหลังหนุนน้องยุ
จัดการสองแม่ลูกเอาให้หงายเงิบไปเลย
ยุสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: haruko ที่ 24-05-2014 12:37:46
พี่เมธเราน่าสงสารจัง หุหุ
ร้ายใช่หยอกนะน้องยุ ครานี้เสน่จันทร์ ละชิดจันทร์ จะหงายเงิบมั้ยน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 24-05-2014 20:13:53
ให้มันรู้กันไปว่าใครคือนางเอก!!   o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 26-05-2014 15:13:36
พึ่งเข้ามาอ่าน
มาเจอตอนยุประกาศศึก คุคริ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 26-05-2014 19:37:48
รู้สึกกดดันแทนเมธเล็กน้อยถึงปานกลาง ฮาาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 27-05-2014 04:47:41
สนุกอ่าาา นั่งอ่านแบบติดงอมแงม ได้มา 4 คู่ 55555
ยุสู้ๆ หวังว่าสักวันนึง โลกจะเข้าข้าง ความจริงทุกอย่างจะเปิดเผย ว่ายุเป็นคนดีกว่าข่าวที่ออกมา
แล้วเพื่อนชั่วนั่น คงไม่ได้คิดอะไรกับยุหรอกนะ ทำร้ายกันขนาดนั้น ยังมีหน้ามาใกล้อีก
หนูแตงกวา ขอให้จริงใจกับยุเถอะ เพราะอย่างน้อยผจกก็ใสจริงๆแถมยังหลงบลูม่าขนาดนั้น

มาต่อๆ รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Gammono ที่ 27-05-2014 14:07:16
มาแล้วววววว ยุประกาศศึกกับยัยป้าแล้วววววววว :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 27-05-2014 17:32:18
แอบรำคาญคุณเมธ  :z6: แต่ยังดีที่ยุไม่เล่นบทแบบนั้นไปด้วยอีกคน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 27-05-2014 20:18:17
สู้ๆนะยุ เอาให้สองจันทร์เงิบไปเลย ชอบยุในมาดแบบนี้จัง ดูเป็นนางเอกแบบฉลาดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 27-05-2014 22:06:07
เด็ดขาดมากยุ  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 30-05-2014 03:42:48
น้องยุ ไฟท์โตะๆ เอาเส่ หึหึ >< รักน้องยุจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-06-2014 19:55:27
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก)



"ถ้าฝ้ายไม่ได้ ใครก็ไม่มีวันได้! ฝ้ายรักภู่ ภู่ก็ต้องรักฝ้าย ในเมื่อภู่บอกว่ารักฝ้ายไม่ได้ งั้นเรามาตายไปด้วยกันซะเลยแล้วกัน!!”
 
เสียงหญิงสาวหน้าหวานที่กำลังร่ำไห้หนัก แผดเสียงออกมาด้วยความคั่งแค้นและเจ็บปวด

ภาพรถเก๋งสีขาวปะทะอย่างจังเข้ากับเกาะกลางถนน จนตัวรถลอยคว้างอยู่พักนึง ก่อนจะกระแทกหงายท้องขึ้นพร้อมกับครูดไปกับพื้นถนนเป็นทางยาว

ตัดมาที่ภาพในรถที่กำลังหมุนคว้าง กระจกรถแตกละเอียด และจังหวะนั้นเอง ชายหนุ่มที่นั่งมาคู่กับหญิงสาวก็ทำหน้าเจ็บปวด มากกว่าตกใจ พร้อมกับแขนขวาที่มีเลือดอาบเป็นทางยาว

จากนั้นก็เป็นภาพผู้คนส่งเสียงเอะอะ เข้ามาช่วยดึงร่างคนสองคนออกจากซากรถ...ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน

 "ภู่ อภัยให้ฝ้ายนะ ที่ผ่านมาฝ้ายขอโทษ"

ภาพของหญิงสาวเลือดอาบกาย เอ่ยคำขอโทษผะแผ่ว
*
*
*
*
*
อืม...ตัดตรงนี้ออกหน่อยก็คงใช้ได้แล้วมั้ง...

ผู้กำกับหนุ่มใช้ที่ปล่อยผมยาวกระเซอะกระเซิง บ่นพึมพำอยู่กับตัวเอง พลางคลิกภาพใน PC ส่วนตัวไปเรื่อยๆ ด้วยสมาธิจดจ่อ

"สวัสดีครับ พี่อ๊อด"

ทว่าเสียงใสแจ๋วที่ตะโกนแว่วจากด้านหลังก็พาสมธิที่ตั้งไว้กระเจิงหายไปสิ้น

"อ้าว เฮ้ย? ไอ้ยุ มาทำไมเนี่ย พี่บอกให้นายพักอยู่บ้านก่อนไง วันนี้น่ะ"

และทันทีที่หันไปเห็นนางเอกหนังของตนที่ยืนหน้าระรื่นอยู่ด้านหลัง อ๊อดก็บ่นออกไปทันทีแทนการทักทาย

"ผมก็บอกพี่แล้วไง ว่าผมไหวๆ แผลเท่าแมวข่วนจะให้เสียงานทำไมล่ะครับพี่อ๊อด...หึหึ"

สดายุเอ่ยอธิบายความพร้อมรอยยิ้มคล้ายกระเซ้าพี่ใหญ่เล็กน้อย ทำเอาอ๊อดได้แต่ส่ายหน้าพรืดๆ เพราะไม่อยากให้ใครครหาว่าเป็นผู้กำกับเลือดเย็น ที่ขนาดนักแสดงได้รับบาดเจ็บถึงขนาดต้องเย็บแผลแล้วยังจะใจจืดใจดำให้ตรากตรำถ่ายทำไม่ได้พัก แต่ก็ได้แต่ถอนใจแรงๆเท่านั้น ในเมื่อก็ประจักษ์อยู่แก่ใจว่าอยู่ดี ว่าไม่ว่ายังไง ก็คงห้ามสปิริตของสดายุไม่ได้

เมื่อวานขณะกำลังถ่ายทำฉากรถคว่ำฉากสำคัญ ดันเกิดผิดคิวขึ้นขณะถ่ายซูมตอนพลิกคว่ำ  จนเศษกระจกรถที่แตกบาดเข้ากับท้องแขนของสดายุจนเป็นทางยาว เลือดสีสดที่ไหลโกรกตอนนั้นเลนเอาใจหายใจคว่ำกันไปทั้งกองถ่าย ให้ต้องเร่งเลิกกองแล้วนำนักแสดงหนุ่มไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลกันเสียเดี๋ยวนั้น หัวใจจะวายตายกันไปหมด โดยเฉพาะแตงกวาที่อยู่ด้วยขณะเกิดเหตุ สาวเจ้าถึงกับเป็นลมล้มพับ เพราะตกใจและกลัวเลือดจนไม่เป็นสมประดี ให้ต้องแบกไปโรงพยาบาลไม่ต่างกัน

โชคยังดีที่ฉากนั้นเป็นฉากสุดท้ายของฉากรถคว่ำสุดเด็ดพอดี ไม่ต้องมีการถ่ายทำต่ออีก โดยอ๊อดเอง ก็ไม่ต้องการให้ต้องถ่ายซ้ำ ดังนั้นผู้กำกับหนุ่มจึงนั่งลำดับภาพจัดการกับฉากที่ถ่ายเสีย แล้วลองลำดับใหม่ให้ดูลงตัวที่สุด ก่อนจะส่งให้กับทางทีมงานผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง

“อ่ะ เอาให้รอดแล้วกัน งั้นวันนี้เอาแค่ฉากเบาๆ ไปก่อนแล้วกัน เฮ้อ...ดื้อจริงๆ” อ๊อดได้แต่ถอนหายใจให้กับหน้าทะเล้นของสดายุ แล้วเริ่มสั่งทีมงานให้เตรียมพร้อมกับฉากเบาๆ วันนี้

‘ฉากการอยู่ร่วมกัน ของภุมราและฝ้าย’

*
*
*
*
*

“ภู่!! อย่าทิ้งฝ้ายไป!”

สาวน้อยในชุดเสื้อเชิ๊ตตัวโคร่งถลาออกมากอดร่างเปลือยท่อนบนของคนรักจากด้านหลัง หยาดน้ำตานองสองแก้ม พร้อมสะอึกสะอื้นปานจะขาดใจเพื่อรั้งให้คนในอ้อมแขนไม่หนีจาก

“ถ้าภู่ทิ้งฝ้าย! ฝ้ายจะไปหาภู!! ฝ้ายจะไม่ยอมให้ภู่ได้อยู่กับภูหรอก! ฝ้ายไม่ยอม!! ไม่ยอมเด็ดขาด!!”

เสียงหวานที่อ้อนวอนน่าสงสารอยู่เมื่อครู่นั้น ตอนนี้เปลี่ยนเป็นตะเบงขรมข่มขู่ ใบหน้าเศร้าสร้อยบิดเบ้ ดวงตานองน้ำจ้องเขม็งแข็งกร้าวอย่างคนที่ไม่เคยยอมลงให้ใครง่ายๆ ผิดรูปลักษณ์สวยหวานจนน่าขัดตา

"...ไม่ต้องกลัวหรอกฝ้าย ฝ้ายก็รู้...ว่าภู่ไม่มีที่ไป"

"...ภู่?..."

น้ำเสียงเย็นเยียบ สีหน้าเย็นชา สายตาว่างเปล่า เอ่ยทุกคำพูดออกมาด้วยทีท่าที่ไม่ได้ยี่หระต่อน้ำตาของเจ้าของอ้อมแขนเรียวเล็ก ราวกับว่าชินชากับมันเกินกว่าจะสนใจใยดี หรือไม่ก็เป็นเพราะหัวใจของชายหนุ่มนั่นเองที่ตายด้านไปแล้ว

"...หึ...เย็นชาเหลือเกินนะภู่...แต่เอาเถอะ แค่ภู่สัญญาว่ากลับมาฝ้ายก็พอใจแล้ว"

หญิงสาวยอมปล่อยคนตัวโตกว่าออกจากอ้อมกอดแต่โดยดี หยาดน้ำตายังคงเปรอะเปื้อน สีหน้าเศร้าหมองที่ใครได้เห็นก็รู้ได้ทันทีว่าหล่อนนั้น

'เจ็บแสนเจ็บ'

"..........ขอโทษนะฝ้าย..."

ชายหนุ่มที่มีสีหน้าหมองมัวไม่แพ้กันนั้นในที่สุดก็เอ่ยขอโทษหญิงสาวที่ยังคงสะอื้นไห้ พร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดคราบน้ำตาที่เลอะอยู่บนแก้มนิ่มนั้นเบาๆ

"ภู่ขอไปเดินเล่นแป๊บนึง เดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ"

น้ำเสียงอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย ขณะใช้หัวแม่มือปาดเช็ดคราบน้ำตาให้หญิงสาว พร้อมยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินไปหยิบเสื้อโปโลสีดำที่พาดอยู่ตรงเก้าอี้นวมขึ้นมาใส่ แล้วออกจากห้องไปเงียบๆ ทิ้งสาวน้อยที่ได้แต่ยืนเม้มปากแน่นไว้เพียงลำพัง

"คัททททททททท!! โอเค เยี่ยม!"

สัญญาณหยุดเดินกล้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงประตูที่ปิดลง

หญิงสาวที่ยืนร้องไห้จนตัวสั่นอยู่เมื่อครู่ถึงกับถอนหายใจยาวๆ พลางปาดน้ำตาที่ยังไม่ได้หยุดไหลในทันทีออกจากใบหน้า

"เก่งมาก แตงกวา แหม แสดงบทเก็บกดได้สมบทบาทเลยนะเราน่ะ เยี่ยมๆ"

อ๊อดเดินเข้ามาชมเปาะ พลางยื่นผ้าขนหนูผืนน้อยสีขาวปลอดให้นักแสดงสาวได้เช็ดหน้าเช็ดตา พอดีกับที่สดายุเปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ผู้กำกับอารมณ์ดีจึงหันไปเม้าท์ต่อด้วยความชื่นใจในผลงาน พร้อมสาวเท้าปรี่เข้าไปคล้องคอนางเอกคนเก่งของตนไว้ทันที

"ไงน้องยุของพี่ เป๊ะเหมือนเดิมเลยเชียว ขนาดกำลังใจไม่อยู่นะเนี่ย ฮ่าฮ่า"

"เลิกแซวเถอะครับพี่อ๊อด รู้อยู่ว่าไม่ได้ระคายผม"

"...แหม ให้พี่ได้มันส์ปากบ้างเถอะ หวานใจพี่ไม่อยู่ช่วงนี้ ปากพี่เลยเหงาๆ ฮ่าฮ่า"

อ๊อดกระซิบกระซาบพลางหัวเราะชอบใจเองเออเองโดยที่สดายุได้แต่อมยิ้มน้อยๆให้กับการเผื่อแผ่ชีวิตส่วนตัวของท่านผู้กำกับ 'พอรู้ว่าสดายุก็รู้ว่าตัวเองคบอยู่กับคุณตากล้องหน้าแบ๊วที่ชื่อกมลเท่านั้นแหละ ถึงกับเปิดเผยแบบปล่อยตัวปล่อยใจกันเลยทีเดียว'  ( - -")

"ว่าแต่ เดี๋ยวคุณสารถีจะมารับกี่โมงเนี่ย อีกสองฉากจะถ่ายเสร็จกันอยู่แล้วนะ"

ละจากเรื่องตัวเองได้ก็ไพล่ถามไปถึงกฤตเมธพระเอกเนื้อทองของตนที่วันนี้ไม่มีคิวถ่ายเลยมาส่งสดายุทิ้งไว้แล้วตัวเองก็ออกไปทำธุระกับคุณแม่ เห็นว่าเสร็จธุระแล้วจะแวะมารับกลับ ทว่านี่ก็เย็นมากแล้วไม่ยักเห็นวี่แวว 

"คุณเมธเขาคงยังไม่เสร็จธุระมั้งครับ"

"โทรไปถามดูสิว่าอยู่ไหนแล้ว ถ้าใกล้ถึงแล้วเดี๋ยวพี่ได้เร่งถ่ายให้ แต่ถ้ายังอีกนานก็ได้พักกันสักครู่ก่อน" อ๊อดพยายามแนะนำ เพราะเห็นว่าสดายุดูจะไม่ค่อยยี่หระเท่าไหร่

"ผมปิดมือถือเอาไว้น่ะ ขี้เกียจเปิดเครื่องตอนนี้ เอาเป็นว่าถ่ายกันเสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากันก็ได้ครับพี่อ๊อด ถ้าคุณเมธเขาจะยังไม่เสร็จธุระเดี๋ยวผมกลับเองก็ได้"

"อ่ะ...เอางั้นก็ได้ เอ้า ไปพักสักสิบนาทีก่อนไป เดี๋ยวได้ถ่ายต่อ"

เมื่อเห็นว่าต่อให้ยุแยงไปนางเอกของเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจสักเท่าไหร่ อ๊อดจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย แล้วไล่ให้ไปยือเส้นยืดสายเพื่อเตรียมทีมงานถ่ายฉากต่อไป

*
*
*

สองชั่วโมงต่อมา เวลาก็เข้าใกล้หกโมงเย็นเข้าไปทุกที ทั้งที่ตอนแรกอ๊อดก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มันยืดเยื้อ แต่ดูท่าวันนี้จะยาวนานกว่าที่คิด ทั้งจากการติดขัดของพวกอุปกรณ์ที่พร้อมใจกันงอแง และการเสียเวล่ำเวลาจากการย้ายสถานที่ถ่ายทำ เปลี่ยนจากฉากในห้องพัก มาเป็นด้านหน้าโรงแรม
และในขณะที่จะเริ่มถ่ายซีนสุดท้ายอยู่นั้น บีเอ็มดับเบิ้ลยูเอ็กซ์วันคันหรูก็เข้ามาจอดเทียบอยู่ข้างกอง ในที่สุดกฤตเมธก็มาถึงเสียที

"โอ๊ะ นั่นแน่ะ โผล่มาได้เสียทีพ่อคุณทูนหัวของพี่"  อ๊อดเอ่ยแซวขึ้นขณะกำลังซ้อมคิวกับสดายุ เมื่อได้เห็นรถคู่ใจของกฤตเมธมาจอดอยู่ข้างกองละคร

ทว่า...

กลับไม่ใช่กฤตเมธคนเดียวที่ลงมาจากรถส่วนตัวพระเอกดัง

"สวัสดีค่ะ พี่อ๊อด"

หญิงสาวดวงหน้าสวยฉ่ำในชุดเดรสกระโปรงสั้นสีขาวเอ่ยทักผู้กำกับหนุ่มใหญ่ด้วยรอยยิ้มพราวเสน่ห์

แต่ทว่าเป็นเสน่ห์ที่อ๊อดแทบสะอึก...

"เอ้อ...หวัดดีครับ คุณหนูชิดจันทร์"

***************************************************************
หุหุ คราวนี้คุณหนูชิดจันทร์ตัวเป็นๆ มาหาสดายุถึงที่ จะเกิดอะไรขึ้นมั้ยน๊า...

รับรองได้ว่าแค่ intro คะแนมนิยมกฤตเมธขณะนี้ เข้าขั้นติดลบ! อิอิ

แต่ก่อนที่จะชังน้ำหน้าพระเอกที่ไม่ได้ดั่งใจอย่างกฤตเมธไปมากกว่านี้
คนเขียนขอเบรคไว้สักเล็กน้อย
ด้วยตอนพิเศษของคู่รุ่นใหญ่
อ๊อด x กมล จ๊า

ตอนหน้าเจอกันจ๊า
 :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 04-06-2014 19:58:09
 :z13: จิ้มก่อนอ่านจ้า   
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 04-06-2014 20:02:06
ว้าย....ชิดจันทร์มาแระ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 04-06-2014 20:04:09
มาม่าชามใหญ่  :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 04-06-2014 20:07:08
 :a5: มาทำไมย่ะนังลูกชิดบูดดดดด ยุอย่ายอมเชียวนะ!!!! :katai1:
รอร๊ออรอจ้าาาาา รออ่านตอนต่อไปเน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 04-06-2014 20:10:31
เมศเอาอีกแล้วสงสัยอยากถูกถอดจากบทพระเอกนะคะ ....คู่คุณผู้กำกับก็น่าสน ไปสปาคกันตอนถ่ายฉากนั้นอยู่หรือป่าวน๊าา แบบอีกคนก็ดูติสๆอะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: FahFon ที่ 04-06-2014 20:13:33
ว้ายย ว้ายยย ว้ายยยย เครื่องปรุงมาม่า มาเสิร์ฟถึงปากเลยยยยยย

รอลุ้นคู่หลักและคู่รอง >__<~
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 04-06-2014 20:38:53
 :angry2: กฤตเมธ แกกล้าพานางมารร้าย (ดอกไม้) จันท์ มาหาน้องยุถึงที่เลยหรา เรื่องนี้ขอตบพระเอกโชว์ได้มั๊ยคะ แหม อดใจไม่ไหวจริงรัยจริง เดี๋ยวให้น้องยุหาแฟนใหม่ซะเลยนิ่ ชิชิ ขอแจ้งถอดถอนตัวพระเอกค่ะ  :m31: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 04-06-2014 20:43:16
อื้อหื้อ ชิดจันทร์มาถึงที่

อย่างนี้ยุจะทำยังไงเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 04-06-2014 20:43:44
พาชิดจันทร์มาทำไมมมมมมม  :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 04-06-2014 20:44:46
เป็นกำลังใจให้น้องยุเสมอจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 04-06-2014 20:55:21
นังชิดจันทร์ มาแล้วหรอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 04-06-2014 20:57:27
หนูยุเล่นหนักๆนะลูก ไม่รู้จะพาแม่คุณมาทำไม แต่ไหนๆมาแล้ว ต้องเอาให้สะอึกเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 04-06-2014 21:00:49
ยุ จะทำยังไงกับกับคุณเมธหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 04-06-2014 21:03:42
น้องยุจัดการมันเลย! อย่าไปยอมนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 04-06-2014 21:11:46
เริ่มเซ็งคนแก่ด้วยอีกคน   :angry2:

น้องยุจัดชุดใหญ่ๆไปเลยยย  :beat:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 04-06-2014 21:12:15
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 04-06-2014 21:22:33
อ่านตอนนี้แล้วได้แต่อุทานว่า "เอาละเว้ยเฮ้ย!" ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 04-06-2014 21:25:09
 เป็นกำลังใจให้ทั้งยุและเมธนะ
พอเข้าใจเมธนะที่ทำตัวไม่ถูก แต่เราก็รู้ว่าเมธรักยุมาก
สำหรับเมธกับคุณชิดจันทร์คงเข้าตำรับจีนที่ว่า
ให้น้ำหนึ่งหยด พึงกรุยลำธารชดใช้
คนมีบุญคุญต้องตอบแทน

เราเลยไม่อยากโทษเมธหรือเกลียดนะ
เพราะสำหรับเมธแล้ว ไม่ว่ายังไงสดายุก็คือบุคคลอันเป็นที่รัก

เรารอดูดีกว่าว่ายุจะเปิดฉากรบกับชิดจันทร์ยังไง
และเมธจะแก้ไขสถานการณ์ยังไง ดีกว่าจะไปโกรธเกลียดเมธ555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 04-06-2014 21:45:44
ตบมันค่ะ :beat: ยุจัดด่วน อย่าได้เอาไว้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-06-2014 21:52:58
แหม่ ใครจะร้ายเนี่ย น้องยุหรือคุณหนูชิดจันทร์
ใส่หมูใส่ไข่ในมาม่า
รอต่อน้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 04-06-2014 22:22:55
ชะนีโผล่!!!! :z6:  หนูยุจ๊ะ จัดเต็ม(?)เลยหนูอย่าได้เเคร์  :katai2-1: แฟนคลับเชียร์กันอยู่นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 04-06-2014 23:05:29
โอวววว พนักงานต้มมาม่ามาแล้ววววว

ตาลุงก็ช่างกล้าเนอะ หิ้วมายืนยันข่าวคาวซะถึงที่ ระวังมีบทพระรองมาคาบไปแดรกนะครัช แหม่

ค้างมากบ่องตง...  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-06-2014 23:10:44
 :ling1:ขอตอนหลัก  ยังไม่อยากเผือกเรื่องของพี่อ๊อดกมล
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 04-06-2014 23:38:51
อุ๊ยยย คุณหนูชิดจันทน์ อุ๊บส์ หมายถึง ชิดจันทร์ น่ะค่ะ

แหม๊ แหมมมมมมมมม มาให้ยุตบถึงที่เลยนะคะ ฮ้าฮ้าฮ้า

ตีนางค่ะหนู อย่ายอมมมมม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: khuan ที่ 04-06-2014 23:42:19
ค้างงงง  น้องยุ สู้เค้านะลูกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 05-06-2014 02:55:24
เหอะ มาช้า แถมหิ้วชะนีมาด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 05-06-2014 07:52:12
กรี๊ดดด ขัดใจพระเอกเป็นที่สุด


ปล. รอตอนของคู่ใหญ่ด้วยค่า ท่าทางจะเเซ่บ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 05-06-2014 08:14:53
งานเข้าเลย.... น้องยุสู้ๆๆๆๆๆๆ อย่าไปยอมนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 05-06-2014 08:38:59
อู้ว มาม่าเสิร์ฟถึงกองถ่ายค่า!

ยุเอาให้แม่ลูกหน้าหลุมหน้าหงายไปเลยนะ ส่วนตาแก่ ตัดสินใจให้ได้เร็ว ๆ ก่อนที่น้องยุจะงอนหนีไปล่ะ!!

ฮึ่ย เคืองยัยแม่ลูกหน้าหลุม รังแกน้องยุของเรา #กัดผ้าเช็ดหน้าด้วยความแค้นเคือง :hao5: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 05-06-2014 09:35:03
เราก็ยังเป็นกำลังใจให้คุณกฤตเมธอยู่ดี
เราว่าพี่ท่านชัดเจนมากอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 05-06-2014 10:47:48
ส่งเสริมให้น้องยุจัดหนักทั้งแม่และลูกคู่นั้น ประเคนลูกให้ผู้ชายเหลือเกินนะครับ กลัวลูกสาวขึ้นคานหรือไงกัน

น้องยุสู้ๆ พี่เมธก็นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-06-2014 10:59:29
โถ่ววว โผล่มากแล้วสินะยัยชะนี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 05-06-2014 12:11:51
มาแล้ววว หึหึ
เดี๋ยวรู้เลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-06-2014 13:54:59
หายไปแล้วมาต่อแบบนี้ เอาไม้มาตีหน้าเถอะจ่ะ ^^!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-06-2014 14:56:07
ธุระ !  ของพระเอกนี่มันดูยุ้งงยุ่งงนะพ่อคุณ   o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 05-06-2014 15:51:16
รออ่านยาวๆ จ้าาาาาาาาาาาาาาาา
ปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 05-06-2014 17:16:12
แง่ว ตอนหน้าเปงเรื่องคู่รองซะงั้น
จะรออ่านต่อไปว่าพี่เมธจะจัดการยังไงกับสถานการณ์
หวังว่าแม่คุณหนูชิดจันทร์คงไม่ได้รถเสีย แล้วขอให้ไปรับมาหรอกนะ(เดาไปเรื่อย)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 05-06-2014 19:08:11
เหอะๆ เกาะติดเป็นปลิงเลยนะจ๊ะ  o18
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 05-06-2014 22:09:52
ชิ พระเอกไม่ได้เรื่อง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 05-06-2014 22:16:28
รอดูว่ายุจะจัดการกับยัยชิดจันทร์ยังไง แต่ขอแบบจัดหนักเลยนะยุจร้า :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 05-06-2014 22:23:20
รอน้องยุจัดหนัก เอาแรงๆเลยนะเจ๊รออ่าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 05-06-2014 22:49:21
ยัยชิดจันทร์ นังชะนีตัวร้าย ฮึ่มมมมมมมม 

เล่นงานให้หนักๆไปเลยนะน้องยุ  เอาให้เลิกยุ่งกับตาเฒ่าสักที
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-06-2014 01:22:37
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง)



"สวัสดีค่ะ พี่อ๊อด" สาวน้อยหน้าแฉล้มที่แต่งหน้าแต่พองามดูมีสง่าราศี ยกยิ้มพลางเอ่ยทักทายผู้กำกับอ๊อดทำทีราวกับสนิทสนม

"เอ้อ...หวัดดีครับ คุณหนูชิดจันทร์" ฝ่ายอ๊อดนั้นก็ได้แต่ตอบรับคำทักทายด้วยรอยยิ้มแห้งๆ พร้อมสีหน้าปะหลับปะเหลือก ที่เห็นว่าจู่ๆก็มีแขกที่ไม่ได้คิดจะเชิญมาเยือนถึงที่

“ลมอะไรหอบมาเนี่ย? เอ๊ะ? หรือมาตรวจงานแทนคุณเสน่ห์จันทร์?”  อ๊อดยิ้มเผล่ ถามไถ่คล้ายประชด เพราะโดยส่วนตัวเขาไม่ค่อยชอบคุณหนูชิดจันทร์เป็นทุนอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงก่อนที่สาวเจ้าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ขณะนั้นเป็นช่วงที่กฤตเมธรับแสดงเป็นดารารับเชิญในหนังที่อ๊อดกำกับ แม้จะแค่ไม่กี่ฉากก็ทำให้อ๊อดรู้สึกหงุดหงิดได้ไม่น้อยเพราะช่วงนั้นเจ้าหล่อนคอยตามติดกฤตเมธเป็นติ่งพันธ์แท้ แค่คอยตามดูแลยังไม่เท่าไหร่ แต่ชิดจันทร์คนสวยนั้นทั้งเจ้ากี้เจ้าการ ทั้งชอบประชดประชัน อีกทัง้ยังคอยบงการฉากนั้นฉากนี้ราวกับตัวเองเป็นผู้กำกับเสียเอง จนอ๊อดรำคาญจนแทบทนไม่ไหว ได้แต่ท่องในใจว่านางยังเด็ก และแม่ของนางใหญ่ จึงสามารถกัดฟันผ่านไปวันๆหนึ่งได้

ช่วงนั้นอ๊อดได้แต่นั่งถอนหายใจ และไพล่นึกไปถึงมารดาของเด็กสาว ‘เสน่ห์จันทร์’  ได้ชื่อว่าเป็นนักธุรกิจหญิงที่เก่งกาจมากในวงการ เป็นที่ยอมรับ ทำงานเก่ง เฉียบขาด แหลมคม มีความคิดก้าวหน้า ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็งอกเงยเป็นเงินเป็นทอง

นางเก่ง นางเริด นางเป็นเจ้านายที่ประเสริฐ...

ทว่าเลี้ยงลูกได้ห่วยบรม!!

มาถึงตอนนี้แม้อ๊อดจะเห็นอยู่กับตาว่าชิดจันทร์ดูโตขึ้น ดูมีจริตสมหญิง เป็นผู้ใหญ่ แต่เขาก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้อยู่ดีว่า ฤทธิ์นางจะออกมาให้ได้ปวดหัวแทบแตกอีกเมื่อไหร่ แล้วนี่ทำไมชิดจันทร์ยังตามติดกฤตเมธอยู่อีก ทั้งที่เสน่ห์จันทร์ผู้เป็นแม่น่าจะบอกเธอไปแล้วเรื่องที่กฤตเมธคบหาอยู่กับสดายุ แม้มันจะยังเป็นความลับต่อคนทั้งโลก แต่ในเมื่อเสน่ห์จันทร์รู้ ย่อมไม่มีทางที่ชิดจันทร์จะไม่รู้...หรือว่า...

ตั้งใจจะเอาชนะ? ตามแบบฉบับของคุณหนูที่ถูกสปอยล์มาแต่เล็กแต่น้อย สมกับนิสัยที่ไม่เคยยอมลงให้ใคร...หรือว่า...

แท้จริงแล้วมันไม่ได้มีอะไร แต่เขาแค่คิดไป(กันใหญ่) เองกันแน่นะ...?

“พี่อ๊อดคะ? ยืนเหม่ออะไรคะเนี่ย? ไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ ชิดไม่ได้มาเช็คงานแทนคุณแม่หรอก อย่ากลัวจนอึ้งอย่างนี้สิคะคุณผู้กำกับ คิกคิก” ชิดจันทร์ทักออกไปเมื่อเห็นว่าคู่สนทนาตกอยู่ในภวังค์เพียงลำพัง เรียกสติให้ผู้กับกับหนุ่มใหญ่ได้กลับมารับสานห์จากตนอีกครั้ง

“เอ้อ สงสัยพี่จะง่วงนิดหน่อยน่ะ ฮะฮะ เออ แล้วคุณหนูไหงมากับกฤตเมธได้ล่ะ?”

อ๊อดยิงคำถามแบบตรงประเด็น ตามสไตล์คนจริงที่ไม่ค่อยชอบอ้อมค้อม ผู้กำกับหนุ่มสงสัยเหลือเกินว่าทำไมชิดจันทร์ถึงพ่วงมาด้วยกันได้ เพราะการที่กฤตเมธมาที่กองถ่ายในเวลานี้มันหมายถึงการมารับสดายุกลับบ้าน แล้วคุณหนูคนงามจะตามมาทำอะไร? อดรนทนไม่ไหว อ๊อดเลยของถามออกไปตรงๆ

“พอดีรถของชิดเกิดเสียกลางทางพอดีน่ะค่ะ เลยขอร้องให้พี่เมธเขาไปส่งบ้านหน่อย แต่เห็นพี่เขาบอกว่ามีธุระที่นี่ก่อน ชิดเลยขอติดรถมาด้วยน่ะค่ะ อยากมาดูกองถ่ายด้วย ใช่มั้ยคะพี่เมธ...”

ชิดจันทร์อธิบายเป็นฉากๆ แล้วหันไปขอความเห็นจากอีกคนที่หล่อนคิดว่าอยู่ข้างกายตลอด ทว่า...ไร้ซึ่งวี่แวว


“แผลเป็นไงบ้างครับยุ? ระบมมั้ย?”

“..............ก็.................ไม่เท่าไหร่...”

ลงจากรถมาได้กฤตเมธก็เดินลิ่วเข้ามาหาสดายุที่ยืนเตรียมบทอยู่ทันที แบบไม่มีแวะทักใครก่อน  ห่วงแสนห่วงแต่ทว่าอีกคนกลับทำหน้าตายไม่รับรู้ความห่วงใยเลยแม้แต่น้อย

“.....จะถ่ายเสร็จยังครับ จะได้กลับกัน”

“อีกซีนเดียว”

“โอเค งั้นเดี๋ยวผมรอนะ...”

“ไม่ต้องหรอกครับ วันนี้เดี๋ยวผมขอกลับเองดีกว่า คุณหิ้วใครมา คุณก็ไปส่งคนนั้นเถอะ” น้ำเสียงเรียบๆเอ่ยคำประชดประชันเจ็บแสบ เล่นเอากฤตเมธถึงกับต้องถอนหายใจ

“ยุ...ชิดจันทร์เขารถเสียตรงทางผ่านที่ผมจะมาที่นี่พอดี เขาเลยขอติดรถมาลงที่นี่ด้วยน่ะแล้ว เดี๋ยวคนที่บ้านเขาจะมารับเอง...ผมเห็นว่ามันก็แค่การช่วยเหลือคนรู้จัก...อย่าเพิ่งงอนสิครับ นะ...” กฤตเมธพยายามอธิบายพร้อมง้อสดายุที่ตั้งแง่กับเขาอยู่ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“..............แค่ติดรถมา?...หึหึ...โลกมันกลมเนาะ ช่างบังเอิญจริงๆ นี่ถ้าไม่เกิดกับตัวเองผมคงนึกว่ากำลังดูละครน้ำเน่าบางเรื่อง เหอะ พล็อตหนังไทยชัดๆ” สดายุไหวไหล่น้อยๆ ก่อนจะเบี่ยงตัวหนีออกจากตรงหน้าของกฤตเมธ ยอมรับตรงๆว่าตอนนี้เขาหงุดหงิดมากกับการกระทำของกฤตเมธจึงไม่อยากฟังอะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว และที่สำคัญสดายุอยากทำสมาธิกับซีนสุดท้ายมากกว่า

“...ยุ...” กฤตเมธพยายามจะยื้อ เขาไม่อยากให้สดายุเข้าใจผิด

“เมธ...คุณรับปากกับผมแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะพิสูจน์ว่าผมสำคัญที่สุด...แล้วไหนล่ะ?”

“ยุ...อย่าเพิ่งงอนสิ...ผมน่ะนะ...” 

“พี่เมธคะ เดินนำมาแล้วก็ไม่เรียกชิดเลย ปล่อยให้พูดคนเดียวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน...”

ยังไม่ทันที่กฤตเมธจะได้ง้อ คนขี้งอน ก็เป็นอันต้องชะงักไปเมื่อชิดจันทร์เข้ามาเกาะแขนจากทางด้านหลัง บ่นพลางเอาตัวเข้ามาชิดแบบไม่แคร์ใคร ‘แสดงความสนิทสนมอย่างเต็มที่’

สองมือเรียวสวยเหนียวแน่น ขนาดที่ว่าแม้กฤตเมธจะพยายามดึงแขนตัวเองออกมาอย่างรักษามารยาทนั้นยังทำไม่ได้ จนพระเอกรุ่นใหญ่ถึงกับอ่อนใจ  กฤตเมธคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้จะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ เพราะต่างคนก็ต่างรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

...สดายุรู้ดีว่าชิดจันทร์เป็นคู่จิ้นของกฤตเมธที่สื่อทุกแขนงกำลังประโคมข่าวกันอย่างครึกโครม แม้กฤตเมธจะไม่ได้มีใจให้ แต่ชิดจันทร์ตั้งใจจะจับกฤตเมธไว้ไม่ปล่อยแน่ๆ

...ฝ่ายชิดจันทร์เองก็รู้ยิ่งกว่ารู้ว่าสดายุคือคนที่กฤตเมธมีใจให้ขนาดเรียกได้เต็มปากว่าคนรัก แต่เพราะเป็นผู้ชายเหมือนกัน เลยยังคงปิดข่าวไว้ไม่กระโตกกระตาก แต่การที่ทั้งคู่ไปมาหาสู่และพักค้างอ้างแรมด้วยกันอยู่บ่อยๆนั้น แน่นอนว่าชิดจันทร์รู้ข่าวเหล่านี้จากเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นมารดาหมดแล้ว รู้ตัวอยู่แล้วว่าต้องปล่อยมือจากกฤตเมธเสียที

...ทว่า ชิดจันทร์กลับไม่ยอมถอย!

“พี่เห็นว่าชิดคุยกับพี่อ๊อดอยุ่น่ะ เลยไม่ได้เรียก” กฤตเมธตอบห้วน ขณะที่สายตายังคงจดจ้องไปที่สดายุที่กำลังแสร้งเสมองไปทางอื่น

สายตาของกฤตเมธที่ไม่ยอมมองมาทางตน ทำให้ชิดจันทร์มองตามไปยังที่ที่กฤตเมธจับจ้อง

“อ้าว...คุณสดายุ สวัสดีค่ะ” ทันทีที่ได้เห็นว่าคนที่หันหลังอยู่เป็นใคร ชิดจันทร์ก็ทักทายออกไปด้วยน้ำเสียงแสนสดใส ขณะที่ยังแนบกายเบียดชิดท่อนแขนของกฤตเมธอยู่

สดายุเมื่อได้รับคำทักทายก็ปรายตามองเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับมายิ้มหวาน

“อ้าว คุณชิดจันทร์หรือเปล่าครับ? เคยเห็นแต่ในข่าว ตัวจริงขาวกว่าในทีวีเยอะเลย ยินดีที่ได้พบกันนะครับ” สดายุยิ้มร่า สาวเท้าเข้าหาชิดจันทร์อย่างเป็นมิตร หญิงสาวหน้าเหวอไปอึดใจ ก่อนจะยิ้มรับคำทักทายที่จู่โจมมาชุดใหญ่ของสดายุ แม้แต่กฤตเมธเองยังถึงกับต้องเลิกคิ้วค้าง ด้วยไม่คิดว่าสดายุจะมามุกนี้

“แหม ตายจริงชมกันเกินไปแล้วค่ะ คุณสดายุ ชิดก็แค่เด็กกะโปโล...คิก คิก...ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกันค่ะ ดีใจจังค่ะที่ได้เจอตัวจริงเสียที เมื่อก่อนเคยเห็นแต่ในทีวีน่ะค่ะ คุณแม่เองก็คอยชมคุณสดายุให้ฟังไม่ขาดปากว่าเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ เผลอๆจะดังกว่าพี่เมธอีกมั้งคะ คิก คิก” ชิดจันทร์ ป้องปากหัวเราะขบขัน ท่าทางน่ารักน่าชังสมกับรูปร่างน่าตาเอวบางร่างน้อยน่าทะนุถนอมราวกับตุ๊กตา ทว่าก็ขัดตาสดายุอยู่ไม่น้อยกับแขนอีกข้างที่ยังคงคล้องมั่นอยู่กับแขนของกฤตเมธ

“ขอบคุณครับ ฮะฮะ แล้วนี่คุณชิดจันทร์มาทำธุระแถวนี้เหรอครับ?” สดายุยังคงปราศรัยอย่างเป็นมิตร ถามไถ่ถึงการมาของชิดจันทร์โดยแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นเจตนาของเจ้าหล่อน

“อ๋อ...พอดีว่ารถของชิดเสียอยู่ริมทางน่ะค่ะ พี่เมธเลยช่วยไปรับมา แต่บังเอิญพี่เมธเขามีธุระที่นี่ก่อนน่ะค่ะ ชิดเลยติดรถแวะเข้ามาด้วย...”

“เดี๋ยวคนของที่บ้านชิดจันทร์เขาก็มารับแล้วล่ะ นัดกันไว้ที่นี่” กฤตเมธขัดขึ้นทันทีที่ได้ยินว่าชิดจันทร์เริ่มพูดออกนอกเรื่องจริงไปไกล

คำพูดของกฤตเมธทำเอาชิดจันทร์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย พร้อมกับสดายุที่ถึงกับเลิกคิ้วสูง

‘เฮ้ย...ลุงมันกล้าเหมือนกันเว้ย’

“เอ๊ะพี่เมธคะ? นี่ใจคอจะไม่ไปส่งชิดจริงๆเหรอคะ? ทำไมทำแบบนี้ล่ะคะ ชิดไม่ชอบเลย”

ด้วยว่ารู้สึกเสียหน้าจนทนไม่ไหว ชิดจันทร์จึงไม่รอช้าที่จะหันไปตัดพ้อกฤตเมธด้วยใบหน้าเครียดเคร่ง สองแขนขาวยกขึ้นกอดอกไว้เพื่อให้ชายหนุ่มรู้ว่าหล่อนไม่พอใจอย่างมากที่โดนขัดใจในที่สาธารณะ โดยเฉพาะต่อหน้าสดายุ!

“ก็เราตกลงกันแล้วนี่ครับชิด ว่าพี่ให้ติดรถมาได้ แต่ชิดต้องกลับกับคนขับรถที่จะมารับที่นี่เอง อย่าทำให้พี่ลำบากใจสิครับ” กฤตเมธเองก็อธิบายหน้าเครียด เขาไม่ค่อยพอใจการตั้งแง่เป็นเด็กๆของชิดจันทร์สักเท่าไหร่นัก

แต่ดูเหมือนท่าทางของเขาจะยิ่งเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองเพลิงเสียแล้ว เพราะยิ่งกฤตเมธปฏิเสธ ชิดจันทร์ก็ยิ่งเสียหน้า และหล่อนยิ่งเจ็บใจหนัก เมื่อเห็นว่าสดายุลอบอมยิ้มน้อยๆราวกับสะใจที่เห็นเธอพ่ายแพ้

“ไม่รู้ล่ะค่ะ ไม่ว่ายังไงวันนี้ชิดก็จะให้พี่เมธไปส่ง ทำไมล่ะคะ? ยังจะมีธุระอะไรอีกอย่างงั้นเหรอ? วันนี้พี่เมธไม่มีคิวถ่ายนี่?...นะคะพี่เมธ ไปส่งชิดหน่อยนะคะ นะนะ...” ชิดจันทร์ทั้งตัดพ้อ ทั้งออดอ้อน ทำทุกวิถีทางที่ทำได้เพื่อให้กฤตเมธยอมไปกับตน วันนี้ที่หล่อนอุตส่าห์หาเรื่องตามกฤตเมธมาถึงกองถ่าย ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่ากฤตเมธต้องมารับสดายุ ดังนั้นหล่อนจึงตั้งใจที่จะมาที่นี่เพื่อประกาศให้สดายุได้รู้ว่ากฤตเมธนั้นเป็นของหล่อน ซึ่งคนอย่างสดายุไม่มีค่าคู่ควร  และหล่อนจะยอมแพ้ไม่ได้อย่างเด็ดขาด!

“พี่ไปไม่ได้ครับชิด พี่ต้องรับสดายุไปส่งบ้าน” แต่สุดท้ายคำอ้อนวอนก็ไม่ได้ผล เพราะกฤตเมธยังคงยืนยันแน่นหนัก แถมยังบอกกล่าวออกมาอย่างชัดเจนด้วยว่า ‘ชายหนุ่มเลือกที่จะไปส่งสดายุ มากกว่าชิดจันทร์’ งานนี้เล่นเอาสาวน้อยถึงกับหน้าซีดหน้าแดงสลับกันมั่วไปหมด

“พี่…เมธ…คุณสดายุเขาเป็นผู้ชาย กลับเองได้…” ชิดจันทร์แทบจะพูดต่อไปไม่ออก ตั้งแต่รู้จักกับกฤตเมธมา เธอไม่เคยถูกชายหนุ่มขัดใจ และปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้มาก่อน ความเย็นชานี้ทำให้ชิดจันทร์ตระหนักได้ว่า…

‘หล่อนกำลังจะแพ้อย่างหมดรูป’

“แต่พี่นัดกับสดายุเอาไว้ก่อนแล้ว พี่ไปกับชิดไม่ได้จริงๆ แล้วอีกเดี๋ยวคนของบ้านชิดก็จะมาแล้ว รออยู่ที่นี่อีกนิดนึงก็แล้วกันนะครับ”

“…แต่พี่เมธคะ…”

“ไปส่งคุณชิดจันทร์เถอะครับเมธ วันนี้ผมกลับเองได้ครับ คุณไม่ต้องห่วงผมหรอก”

ไม่ทันที่ชิดจันทร์จะเอ่ยอะไร สดายุก็เป็นฝ่ายขอร้องให้กฤตเมธไปส่งชิดจันทร์แทน แถมไม่ได้พูดเปล่า สดายุยังใช้มือเรียวขาวของตนสำผัสที่ต้นแขนของกฤตเมธเบาๆ พร้อมส่งรอยยิ้มราวเทพบุตรให้เป็นการตบท้าย

“ยุ?”

“ดูท่าทางคุณชิดจันทร์เธอคงมีธุระคุยกับคุณน่ะ ไปส่งเธอเถอะครับ ผมไม่เป็นไร” สดายุยังคงยืนยันในคำพูดของตนพร้าวรอยยิ้มบางๆ

มามุกนี้เล่นเอากฤตเมธถึงกับขมวดคิ้ว เพราะชายหนุ่มเริ่มรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีกับรอยยิ้มหวานๆนั่น กลัวใจสดายุจริงๆ ว่ารอยยิ้มนั้นจะอาบยาพิษเอาไว้หรือเปล่า

เช่นเดียวกับชิดจันทร์ ที่ถึงกับหน้าตึงเลิกแอ๊บใสทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของสดายุ เพราะหล่อนรู้ดีเลยว่ารอยยิ้มของสดายุนั้นไม่ใช่ความเอื้ออารีย์ แต่มันเป็นความสะใจของผู้กุมชัยชนะล้วนๆ เกมนี้หล่อนพ่ายหมดรูปแล้วจริงๆ เพราะทันทีที่กฤตเมธเลือกสดายุชิดจันทร์ก็แทบหมดทางสู้แล้ว และถ้าหากท้ายที่สุดกฤตเมธยอมไปส่งเธอเพราะคำพูดของสดายุด้วยแล้วล่ะก็ นั่นหมายความว่ากฤตเมธยอมทำตามคำพูดของสดายุมากกว่าเธอ ในข้อนี้ชิดจันทร์รับไม่ได้อย่างเด็ดขาด

ดังนั้นวันนี้เธอจึงจำเป็นต้องเป็นฝ่ายถอย ชิดจันทร์ได้แต่เม้มริมฝีปากสีชมพูสดของตัวเองแน่น หล่อนประมาทสดายุไปหน่อย เห็นว่าเป็นผู้ชายที่ไม่ยี่หระ เห็นว่าเป็นแค่ดาราตกอับที่ต้องกระเสือกกระสนของาน ไม่งั้นคงไม่มีกิน  คิดว่าเป็นเพียงแค่ผู้ชายตาขาวที่จะกลัวจนหางจุกตูดหาดต้องมาเป็นศัตรูกับหล่อนที่เป็นถึงลูกสาวคนเดียวของประธานบริษัทที่ตัวเองยังต้องอาศัยบารมี

แต่ที่จริงแล้วสดายุร้ายลึกกว่าที่หล่อนคิดเอาไว้มากนัก เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเหลือเกิน ทั้งที่เป็นแค่คนเงียบๆ เจ็บใจ ชิดจันทร์เจ็บใจเหลือเกิน

‘หนอย…ฝากไว้ก่อนเถอะแก ไอ้เกย์อวดดี!!’

*
*
*

“พ…พี่อ๊อดคะ? มันเกิดอะไรขึ้นคะเนี่ย ถ้าแตงกวาไม่ได้รู้สึกไปเองนะ พี่อ๊อดเรียกรถดับเพลิงเถอะค่ะ บอกเลย สามคนนั้นกำลังก่อประกายไฟอยู่ค่ะ!!” แตงกวาที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างๆอ๊อดมาได้สักพักในที่สุดก็พูดขึ้นเบาๆ

“ศึกแย่งเทวรูปน่ะ”

“คะ? ห๋ะ? แย่งอะไรนะคะพี่อ๊อด? แล้ว…ใครแย่งใคร?”

คำพูดของอ๊อดเล่นเอาแตงกวางงเป็นไก่ตาแตก เพราะแตงกวาเองก็ไม่ค่อยจะถนัดมุกคนแก่สักเท่าไหร่

“ฮื่อ เป็นเด็กเป็นเล็ก ดูไปเงียบๆเถอะเราน่ะ!”

“ว๊า พี่อ๊อดอ่ะ แตงกวาก็อยากมีส่วนร่วมนะ”

แตงกวาได้แต่บ่นกะปอดกะแปดแล้วก็ซุ่มแอบดูสถานการณ์กับผู้กำกับหนุ่มต่อไป

ฝ่ายอ๊อดก็ได้แต่แอบขำค้างอยู่ในใจ กับสถานการณ์ของสดายุและกฤตเมธ

‘เอาล่ะสิ พ่อเทวรูปกฤตเมธผู้แสนดี คราวนี้แกจะทำยังไงต่อ เจอทั้งอิทธิฤทธิ์มันนิ่งแต่มันเอาตายของสดายุ เจอทั้งมหาอำนาจแม่ลูก Full Moon เฮ้อ…สมบัติโบราณล้ำค่าอย่างแกถ้าไม่แตกหักชำรุดไปเสียก่อน ก็คงโคตรทรหดล่ะพ่อคุณของพี่เอ้ย…’


*
*
*

“คุณหนูชิดจันทร์ครับ”

และในระหว่างที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าสุดท้ายกฤตเมธจะไปส่งใคร ในที่สุดคนขับรถของชิดจันทร์ก็มาถึง หนุ่มคนขับรถมารยาทดี รีบเข้ามารับคุณหนูของตนทันที

“คนขับรถมาพอดีเลยชิด คราวนี้พี่ก็หายห่วงแล้วล่ะ”

กฤตเมธยิ้มให้พร้อมกับความโล่งอกที่ในที่สุด คนขับรถของชิดจันทร์ก็มาถึงทันเวลาพอดี จะได้ไม่มีใครเอาเขาไปต่อรองในเกมปวดประสาทนี่อีก

“ค่ะ! คนขับรถมาพอดี งั้นวันนี้ชิดคงไม่รบกวนพี่เมธแล้วล่ะค่ะ ชิดกลับก่อนนะคะ” ในที่สุดชิดจันทร์ก็ต้องเป็นฝ่ายกัดฟันลา เจ็บใจไม่น้อย แต่ก็ต้องขอถอยไปตั้งหลัก คราวหน้าหล่อนจะไม่พลาดอีก!

“ครับชิด กลับดีๆนะครับ” กฤตเมธกล่าวลา ทว่าจู่ๆก็ถูกดึงข้อมือไว้ด้วยเรียวนิ้วของชิดจันทร์

“ไหนๆก็ไม่ได้ไปส่งบ้านแล้ว ก็เดินไปส่งชิดที่รถหน่อยสิคะพี่เมธ แค่นี้คงไม่ขัดใจชิดอีกใช่มั้ยคะ”

สาวร่างแบบบางในชุดเดรสสีขาวขยับกายเข้าใกล้กฤตเมธพร้อมไล้เรียวนิ้วที่ทาเล็บสีชมพูอ่อนเอาไว้ไปกับแผงอกของกฤตเมธช้า พลางอ้อนขอให้ไปส่งที่รถของตน อย่างน้อยชิดจันทร์ก็อยากประกาศกลายๆให้สดายุเห็นว่าเหล่อนไม่ใช่ผู้แพ้!

“ครับ เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง” กฤตเมธรับคำโดยง่าย ไม่ใช่เพราะหลงไปตามคำยั่วยวน แต่เพราะอยากตัดปัญหาให้จบไป อีกอย่างชายหนุ่มเห็นว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกับการแค่เดินมาส่งที่รถ

ชิดจันทร์ยกยิ้มพลางแนบกายเข้าไปเดินควงกฤตเมธอย่างสนิทสนม เดินออกไปได้สองก้าว ชิดจันทร์ก็เอี้ยวตัวหันกลับมามองสดายุด้วยหางตาคมเฉี่ยว

“อ่อ…กลับก่อนนะคะ คุณสดายุ หวังว่าคงจะได้พบกันอีกนะคะ” พร้อมเอ่ยคำลาตามมารยาทด้วยท่าทีที่ไร้ความเป็นมิตรอย่างสิ้นเชิง

“หวังอย่างนั้นเช่นกันครับ” สดายุยิ้มรับอย่างไม่ยี่หระเท่าที่ควร จากนั้นก็ยืนมองชิดจันทร์เดินควงกฤตเมธออกไป………….

<
<
<

“โอ๊ย!!”

ออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงสดายุร้องด้วยความเจ็บก็ดังลั่น ทำเอากฤตเมธถึงกับผละจากชิดจันทร์วิ่งเข้าไปดูทันทีว่าสดายุเป็นอะไร

“เป็นอะไรยุ!? เจ็บตรงไหน!?” กฤตเมธที่แทบถลาเข้ามาหา เร่งถามไถ่ด้วยความร้อนใจ สองมือจับประคองร่างของสดายุไว้มั่น

“เดินชนโต๊ะเข้าน่ะ ตรงแผลจังๆ ไม่รู้แผลจะฉีกหรือเปล่า” เสียงเครือน้อยๆเพราะความเจ็บที่แล่นปราด พลางออดอ้อนว่าเจ็บที่แผล เพื่อเรียกร้องความสงสาร จากคนที่หน้าเสียไปแล้วตรงหน้า

“ฮื่อ ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้นะคุณ เดี๋ยวผมขอดูแผลหน่อย” กฤตเมธบ่นออกมาเบาๆด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้ชายหนุ่มลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าชิดจันทร์ยังคงยืนรอเขาอยู่

“จิ๋มครับ ขอกระเป๋าพยาบาลหน่อย” แต่ก่อนจะได้แกะแผลพิสูจน์ กฤตเมธก็ทิ้งสดายุยืนรอที่เดิม แล้วตัวเองก็วิ่งวุ่นหากระเป๋าพยาบาล

“นั่น….ใช่แผลที่เป็นข่าวอยู่เมื่อวาน ที่ว่าเพราะผิดคิวหรือเปล่าคะ?...”

เสียงหวานถามขึ้นตรงหน้า ทำให้สดายุชำเลืองตาขึ้นมองพร้อมรอยยิ้มบางๆ

“ครับ โดนกระจกบาด ตอนเข้าฉากรถคว่ำ”

“ตายจริง น่าเห็นใจจังค่ะ คงจะเจ็บแย่เลย…” ชิดจันทร์อุทานออกมาเบาๆ พร้อมใบหน้าที่แสร้งแสดงความเป็นห่วง ทั้งที่สายตาของหล่อนนั้นแสดงความชิงชังอย่างไม่ปิดบัง

“ก็…..ไม่เท่าไหร่หรอกครับ แค่นี้ยังไกลหัวใจ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ คุณหนู….” สดายุเอ่ยขอบคุณพลางยืดตัวเต็มความสูง พร้อมสืบเท้าเข้าใกล้ชิดจันทร์มากกว่าปกติ ดวงตาหลุบต่ำจดจ้องมองลงไปยังหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่มีปิดบังอารมณ์ดำมืดในสายตาแม้แต่นิด

“งั้นก็ขอให้หายเร็วๆนะคะ แผลเนี่ยก็ดูแลดีๆหน่อยแล้วกันนะคะ ติดเชื้อจนกลัดหนองขึ้นมาเดี๋ยวจะหายช้า…ชิดเป็นห่วง” ฝ่ายชิดจันทร์เองก็จ้องกลับอย่างไม่กริ่งเกรง หล่อนไม่เคยจะต้องกลัวใครมาก่อน แล้วทำไมกับสดายุหล่อนจะต้องไปกลัวด้วย

“ขอตัวกลับก่อนนะคะ บายค่ะ” ทว่าท้ายที่สุดหัวใจของชิดจันทร์ก็สั่งให้ถอย เพราะสายตาของสดายุนั้นมันน่ากลัวเกินไป น่ากลัวในแบบที่หล่อนไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“กลับดีๆ เช่นกันครับ”

สดายุเอ่ยลา และยืนส่งคุณหนูชิดจันทร์เดินไปที่รถ จดจ้องอยู่อย่างนั้นจนรถของชิดจันทร์ขับออกไปพร้อมกับที่กฤตเมธเดินกลับเข้ามาทำแผลให้ 

*
*
*
*
*
“พี่อ๊อดคะ พี่เห็นอย่างที่แตงกวาเห็นมั้ยคะ” แตงกวากระซิบกระซาบกับอ๊อดด้วยสีหน้าที่ยังไม่หายตกตะลึง

“อืม…ชัดเต็มสองตา” ฝ่ายอ๊อดเองก็ตอบรับ ด้วยสีหน้าแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เช่นกัน

“เอ่อ…พี่ยุเขาเอาแขนฟาดโต๊ะทำไมเหรอคะพี่?”

“อืมมมม….คงเพราะต้องการกำชัยชนะทั้งหมดในศึกแย่งเทวรูปนี่น่ะสิ” อ๊อดตอบกลับด้วยสีหน้าขึงขัง

“เทวรูปอีกแล้ว เทวรูปอะไรเนี่ย? แตงกวาไม่เห็นเคยรู้เลย ว่าพวกพี่เขาเล่นพระเครื่องกันด้วย?”

“…………..เออ ไม่ต้องรู้น่ะดีแล้ว”


*
*
*
*
*


“ดีนะที่แผลไม่ฉีก แค่เลือดซึมออกมานิดเดียว คราวหลังคุณต้องระวังมากกว่านี้รู้รึเปล่า หือ?” พันแผลไปบ่นไปตามประสา แต่ดูเหมือนจะไม่ได้เข้าหูสดายุสักเท่าไหร่นัก

“วันนี้ผมให้คุณ 10 คะแนน”

“หือ? 10 คะแนนอะไร?”

จู่ๆสดายุก็โพล่งขึ้นไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เล่นเอากฤตเมธฉงนไปพักใหญ่

“เรื่องที่จะให้คุณพิสูจน์ว่าผมสำคัญที่สุดไง ถึงวันนี้คุณก็ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม แต่คุณก็ทำให้ผมสะใจได้ เพราะงั้นผมให้ 10 คะแนน”

สดายุเอ่ยออกมายิ้มๆ ทั้งๆที่ไม่ได้จ้องหน้ากฤตเมธเลยแม้แต่น้อย

“……..ยุ คุณรักผมจริงๆใช่มั้ย?”

“……………….”

“คุณ…ไม่ได้กำลังหลอกปั่นหัวคนแก่เล่นใช่มั้ย?”

กฤตเมธถามความในใจออกไป ขณะยังคงก้มหน้าก้มตาพันผ้าก๊อซให้สดายุ คำถามที่ทำให้หัวใจที่หนักอึ้งของคนฟังไหววูบ

“ขอโทษนะที่ผมถามแบบนี้ ผมแค่เริ่มจะไม่แน่ใจ…..”

เมื่อพันแผลเสร็จ กฤตเมธก็จับมือของสดายุเอาไว้มั่น จากนั้นก็เงยขึ้นสบตาอีกฝ่ายด้วยความสบสนระคนหวั่นไหว

“ผมรู้สึกว่า ยิ่งผมรักคุณมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งไกลออกไปทุกที…”

“ตรงนี้….” กฤตเมธเว้นวรรคเล็กน้อยขณะยกมือขึ้นแนบตรงกลางอกของสดายุ

“ดูเหมือนจะไม่เคยเปิดให้ผมได้เข้าไปเลยสักครั้ง…”

กฤตเมธพูดได้แค่นั้น สดายุเองก็เงียบงันอยู่อย่างนั้น จนกระทั้งถูกเรียกตัวไปเล่นซีนสุดท้ายให้เสร็จ และแน่นอนว่าไม่มีแม้สักคำพูดออกจากปากของสดายุเลย

*
*
*
*
*
*

รักมั้ยน่ะเหรอ?

ก็ต้องรักสิ รักมากด้วย…แต่จะให้ทำยังไงดีล่ะ ในเมื่อความรักครั้งนี้มันมองไม่เห็นอนาคตเอาเสียเลย…

ความคิดของสดายุยังไม่คงตกตะกอน มันยังคงลอยเคว้งคว้างสับสนวุ่นวาย
 
แรกสุด เขาคิดจะคบกับกฤตเมธแค่เพียงผิวเผิน เพียงเพราะร่างกายเข้ากันได้ดี และเพื่อทำงานร่วมกันอย่างราบรื่น

แต่พอคบมาได้สักพัก ด้วยความดี ความเอาใจใส่ ความอบอุ่น ความห่วงใย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่กฤตเมธเพียรมอบให้ไม่ขาดนั้น กลับทำให้เขาเริ่มตัดใจไม่ขาด และปล่อยเรื้อรังมาจนตอนนี้

เรื้อรัง...จนไม่กล้าปล่อยมือ

ยอมรับตรงๆว่ากลัวมาก แม้ว่าการคบกันกับกฤตเมธจะเป็นสิ่งที่แสนวิเศษ แต่มันไม่ใช่เรื่องปกติที่คนในสังคมส่วนใหญ่ยอมรับกัน จริงอยู่เขาและกฤตเมธเล่นหนังแนวชายรักชายที่กำลังเป็นกระแสอยู่ตอนนี้ด้วยกัน แต่นั่นมันคือการแสดง ผู้คนให้ความสนใจเพราะความแปลกใหม่ ที่เอาพระเอกดาวค้างฟ้าอย่างกฤตเมธ มาประกบคู่กับพระเอกเพลย์บอยอย่างเขา...

แม้บทบาทในหนังจะมีคนอ้าแขนรับ แต่ชีวิตจริงคงยากที่จะทำใจ

ความสัมพันธ์ของพวกเขา พูดได้คำเดียวว่าหากหลุดออกสู่สาธารณะเมื่อไหร่ คงถูกขุดคุ้ย ถูกต่อว่าอย่างยับเยินเป็นแน่แท้

แล้วเขาควรจะทำยังไงดีล่ะ…

รักต่อไปแบบนี้ ตามหัวใจของตัวเองเรียกร้อง ไม่ต้องแคร์ใคร ไม่ต้องสนอะไรทั้งนั้น หากจะจม ก็จมลงไปด้วยกัน ทั้งเขาและกฤตเมธ…

แล้ว….มันดีแล้วจริงๆหรือ ที่จะลากกฤตเมธลงมาเปรอะเปื้อนด้วยกัน?



ดีแล้ว…จริงๆเหรอ?

************************************************************************
 :katai1:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-06-2014 01:32:32
ย้อนรอย...อ๊อด x กมล “Roommate”


จากเด็กบ้านนอกสู่เมืองฟ้า ในรั้วมหาวิทยาลัยมีชื่อในเมืองหลวง เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ผู้มาพร้อมความฝันและความทะเยอทะยาน

‘นายอุเทน พนาลัย’ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง

อุเทนหรือ ‘อ๊อด’ ชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่ได้ชอบเป็นผู้แสดงหรอกนะ อ๊อดชอบเป็นผู้กำกับอยู่เบื้องหลังมากกว่า ชอบมากขนาดใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับดังๆ ทำหนังดีๆ ได้รับรางวัลระดับโลก และอ๊อดก็ไม่ใช่คนช่างฝันที่ได้แต่ฝัน ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อผลักดันตัวเองไปในเส้นทางที่จะสามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จสมใจให้ได้เร็วที่สุด

โชคดีเหลือเกินที่ครอบครัวของอ๊อดให้ความสนับสนุน  อ๊อดจึงสามารถพุ่งทยานสู่ความฝันของตนได้อย่างเต็มที่

และก้าวแรกก็คือ การเข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เพื่อปูทางสีกุหลาบให้เขาได้ก้าวเดิน

“เชี่ยเอ้ย! มึงจะเปิดไฟทำห่าไรวะ ไอ้สัด!!”

ทว่า ทางสีกุหลาบย่อมมีหลามกุหลาบปักเรียงรายให้ได้บาดได้ตำจนเลือดซิบอยู่ด้วย

“กูอุตส่าห์ติดป้ายเอาไว้แล้วว่าอย่าเปิดไฟๆ มึงตาบอดหรือไงวะไอ้เชี่ย!!”

แค่ก้าวเท้าเข้าห้องตัวเองขี้หูของอ๊อดก็แทบจะออกมาเต้นระบำ ด้วยเสียงที่แผดลั่นออกมาของรูมเมท

‘นายกมล วิมานดิน’ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง

หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า ‘มล’หนุ่มแว่นหน้าตาเนิร์ดๆ เอ๋อๆ ที่ไม่ว่าใครก็มองว่าช่างเป็นคนไม่มีพิษภัย อยู่ในที่แจ้ง กมลเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา เก็บเนื้อเก็บตัว ตัวเล็กๆ ขาวๆ ตี๋ๆ เหมือนเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ แต่เผือกเรียนมหาวิทยาลัย

แต่ความจริงแล้วไอ้เตี้ยแว่นในสายตาของอ๊อดนั้น แท้จริงเป็นยอดฝีมือเรื่องการถ่ายภาพมาก ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การจัดองค์ประกอบของภาพแต่ละภาพที่เจ้าตัวถ่ายนั้นรางกับมืออาชีพ ความจริงในข้อนี้ทำเอาอ๊อดอึ้งมากตั้งแต่แรกเห็น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่อ๊อดอึ้งมากกว่า…

คือไอ้แว่นที่ชื่อกมลนั้นมันไม่ได้แบ๊วอย่างที่ใครๆคิด ที่จริงแล้วมันมีพิษสงรอบตัว!!

แบ๊วต่อหน้ารุ่นพี่ ทำเป็นไม่สู้คนต่อหน้าสาวๆ แต่พออยู่ในห้องสองต่อสองกับรูมเมทอย่างอ๊อดเมื่อไหร่ พ่อกมลเหวี่ยงแหลก สันดานจริงทะลักออกมาจนอ๊อดแทบรับสถานการณ์ไม่ทัน

อย่างเช่น คราวนี้เป็นต้น….

และเพราะวันนี้เขาอ๊อดเองก็เมา เพราะเพิ่งโดนรุ่นพี่จับกรอกเหล้ารับน้องมา

และเพราะวันนี้อ๊อดเองก็ชักจะทนต่อไปไม่ไหว เพราะเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่

และเพราะอย่างนั้นเมื่ออ๊อดรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่…

‘เผลอลงมือปล้ำกมลจนเสร็จไปหลายรอบแล้ว!!’

******************************************
จุดย้อนรอยรุ่นใหญ่ยังไม่จบ เดี๋ยวมาต่อเป็นระยะๆ นะจ๊ะ
วันนี้มาสองเรื่องควบ…แต่ควบแบบสั้นๆ อิอิ
 :hao7:

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 06-06-2014 02:10:17
 :z13: จิ้มแล้ว อ่านจบแล้ว....

ทิ้งเรื่องความคลางแคลงใจของตาลุง ทิ้งเรื่องความสะใจของยุ เรื่องความล้าหลังเขาของแตงกวา เรื่องหน้าแตกของนีจันทร์...

...เลยมาหยุดที่รูปท้ายเรื่อง... พี่อ๊อดหล่อกระชากไตมาก อิมเมจผิดคาดไปไหล มาวินสุด ณ จุดนี้...   o22
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 06-06-2014 02:19:24
น้องยุอย่าคิดมากคนเดียวนะ
เรื่องความรักมันต้องตัดสินใจร่วมกัน. เมธรักยุ
ยุก็รักเมธ.  มันต้องมีสักทางสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 06-06-2014 03:14:01
คุณพระเอกก็ดี๊ดี ดีเกินไป อิชั้นล่ะเซ็ง
ชะนีก็เกาะไม่ปล่อย ทุเรศสิ้นดี
จริงๆ ถ้าอิคุณพระเอกเด็จขาดเเต่เเรกคงไม่ต้องมาวุ่นวายขนาดนี้ป่ะ??? :katai1:

ออกจากวงการมาทำไร่ทำนาดีกว่าไม๊ อิอิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-06-2014 07:21:07
สงคราม สงคราม มันคือสงครามมมมมม  :fire: ที่มีพี่เมธเป็นเดิมพัน!!!! :m31:
เฮ้ออออ อยากให้ยุอธิบายให้เมธฟังจังว่าตัวเองรู้สึกยังไง คนแก่จะได้มั่นใจในความรักซะทีเนอะ :hao5:
รอดูเฮียอ๊อดกับคุณช่างภาพดีกว่า :ruready
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 06-06-2014 07:37:12
อ่านตอนนี้แล้วหมั่นไส้ชิดจันทร์ ออดอ้อนออเซาะได้ไร้ยางอายมาก ผู้ชายเขาไม่สนยังจะไปยุ่งอีก

แล้วก็เข้าใจหัวอกพี่กฤธเมตมากเลยละ เห็นที่ยุทำแล้วหวั่นใจว่าอีกฝ่ายจะรักตัวเองจริงหรือเปล่า พี่ค่ะ พี่หนักแน่นเข้าไว้ มีสติ คิดให้ดี แล้วก็ตรองอย่างฉลาดนะคะ หนูเชียร์พี่อยู่นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 06-06-2014 09:03:35
เทียบผิดรุ่นแล้วย่ะนังลูกชิด ถ้าหล่อนแบ็คไม่ดีอย่าหวังว่าจะสู้พี่ยุได้เลย :angry2:
ปล.รออ่านเรื่องหลักพร้อมคู่ติ่งทั้งสองคู่นะคะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 06-06-2014 09:05:34
คุณเมธไม่ใช่พระเอกแล้วล่ะ ตัวร้ายชัดๆ ไม่เด็ดขาดกับชะนีแล้วยังมาพูดให้ยุเสียใจอีก นี่ถ้าคนขับรถไม่มาก็จะไปส่งใช่ไหม ไม่ชอบเลยประโยคที่บอกว่าตัดปัญหาตอนนี้ก่อนอ่ะ มัน.... :z6: จะทำอะไรก็ทำเข้าสักอย่างเซ่อย่าให้ยุต้องตบกับชะนีเพื่อแย่งคุณเลย!!!
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 06-06-2014 09:07:43
อุ๊ย ตอนนี้โดน รุ่นใหญ่แย่งซีน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 06-06-2014 09:17:54
ยุเอ๊ยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 06-06-2014 09:31:52
ยุสู้ๆ ถ้าให้ดีบอกความในใจให้พระเอกเราได้ฟังหน่อยสิ จะได้มีแรงสู้ด้วย ปล กมลสุดยอดดดอะ จัดการอ๊อดได่ตั่งแต่สมัยวัยละอ่อน 55
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 06-06-2014 09:35:51
ตอนแรกก็สะใจอ่ะนะ  แต่พอถึงตอนจบเท่านั้นแหละ  น้องยุพอชั้นนนคิดมากเกินไปแล้ว  ถ้ามีความสุขก็ทำต่อไปถึงสังคมไม่ยอมรับ  แต่อีกเดี๋ววก็จะพากันลืมไปเอง  นี่แหละสังคมไทย  เริ่มเห็นใจคุณกฤต แต่ก็แอบสะใจน้อยๆ ปล่อยชะนีมารังควาญอยู่ได้  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-06-2014 09:37:07
ยุ เมธ น้ำตาจะไหล จะเอาชนะอุปสรรคไปได้ไหม
ลุ้นโคตร ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 06-06-2014 09:49:01
แง่ว ตอนหน้าเปงเรื่องคู่รองซะงั้น
จะรออ่านต่อไปว่าพี่เมธจะจัดการยังไงกับสถานการณ์
หวังว่าแม่คุณหนูชิดจันทร์คงไม่ได้รถเสีย แล้วขอให้ไปรับมาหรอกนะ(เดาไปเรื่อย)

เค้าทายถูกด้วยแฮะ :m12:
ยุก็อย่าเผลอเอาชนะจนลืมคิดถึงจิตใจพี่เมธไปล่ะ
เจอคำถามของตาลุงช่วงท้ายเข้าไป...สงสารตาลุงอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 06-06-2014 10:04:53
มัวแต่ทำงานแป๊บเดียวตามแทบไม่ทันเลย  ยุกับเมธที่รักกกกกกกก :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-06-2014 10:37:43
เบื่อชิดจันทร์มาก คันมากสินะ ทั้งเบียดบี้ ขยี้ขนาดนั้น

คนแก่ มักความจำสั้นเสมอ รึเปล่า ตอนแรกที่เริ่มจีบยุ เคยคิดว่ายังงัย

ทำไมตอนนี้ มาใช้คำพูดแบบนี้ แก่แล้ว แก่เลยใช่มั้ย พ่อพระเอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 06-06-2014 10:38:05
โต้กลับได้ดีมากน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 06-06-2014 11:07:26
นังชิดจันทร์ นางช่างเอาแต่ใจดีแท้ :m16:
ยุจ้ะคราวหน้าจัดการให้หนักกว่านี้เลยนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 06-06-2014 11:13:35
ไม่ชอบชิดจันทร์งึดดดดดดดด
เอาแต่ใจมากมาย นางเป็นใครรรรรรรร ถึง...ช่างนางเถอะ
ยุก็ดีจัดอีก กรี๊ดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 06-06-2014 11:54:25
ยุ คิดอะไรก็คุยกับพี่เมธไปตรงๆเลยไม่ดีกว่าเหรอ
แบบนี้พี่เมธก็น่าสงสารแย่สิ
พูดกันให้รู้เรื่องไปเลยดีกว่า ถึงเรื่องที่กังวลใจ
แบบนี้ถ้าพี่เมธไปหายัยชิดเมื่อไหร่ก็เจ็บเองเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: kritcha ที่ 06-06-2014 11:59:56
ฮาพี่อ๊อดกับแตงกวาที่แอบซุ่มดูอะ 555 :laugh:

สดายุได้ใจมาก ชอบบบบ  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 06-06-2014 12:40:55
 :a5: มาแบบสั้นๆ แต่ล้ำลึก (หลายรอบด้วย)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-06-2014 12:44:26
น้องยุสู้ๆนะะะ
เป็นกำลังใจให้
ถ้ารักแล้วก็ไม่ต้องแคร์คนอื่นหรอก
เราไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Still_14OC ที่ 06-06-2014 12:54:35
อิมเมจพี่อ๊อด คุณน้องจะไม่ทน กรี๊ดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-06-2014 13:07:03
ยุสุดยอดดดดดดดดด o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 06-06-2014 14:18:17
รู้สึกไฟแลบบบบบบ แป๊บๆ

น้องยุกับชิดจันทร์มันมากกกกก

ส่วนที่เมธถามแบบนั้น ทำเอาหน่วงไปเลยแฮะ :mew2:
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 06-06-2014 14:39:07
ทุกคนเจ็บหมด งือ เพราะสองแม่ลูก full moon

ยุก็กลัวคนอื่นมองเมธไม่ดี เมธก็ไม่รู้แถมกลัวว่ายุหลอกว่ารักอีก

คู่นี้อย่าดราม่าเยอะนะ ทำใจไม่ได้ :mew4:


ส่วนคู่ของผู้กำกับ นี่...

ขอกรี๊ดก่อน มาถึงก็ปล้ำเลยหรอเนี่ย

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 06-06-2014 18:59:49
รักสดายุคร่า เทวรูปเหรอ 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 06-06-2014 19:13:23
ตอนที่พี่เมธถามเล่นเอา จุก ไปเลย อยากให้ยุบอกสิ่งที่ตัวเองคิดให้พี่เมธ หรือ เจ๊บลูฟังบ้าง อย่างน้อยจะได้มีเพื่อนช่วยคิด
รอ่านนนน สงสารยุ.   อิแม่ลูก มูนน น่านำไปไว้ดวงจันทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-06-2014 19:15:45
เฮ้ออออ ยุยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีกหรอออ   :katai1:
เรื่องของรุ่นใหญ่ท่าทางจะแซ่บ ฮ่าๆ  :m20:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-06-2014 19:41:48
ออกจากวงการไปเลย5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 06-06-2014 20:15:53
อยากบอกว่า  สะจายมว๊วฟฟฟฟฟฟฟ  ยุ  สวดยอดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-06-2014 20:30:28
555 รุ่นใหญ่เค้าไวไฟมาก ส่วนรุ่นเล็กนี่ท่าทางจะยืดเยื้อ ฮาพี่อ๊อดอะ เรียกพระเอกเราว่าวัตถุโบราณได้อย่างไร
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 06-06-2014 21:57:34
เล่นผิดคนแล้วล่ะชิดจันทร์เอ๊ยยยยย  :laugh:

ส่วนนู๋ยุก็อย่าคิดมากสิลูกกกก   :mew6:


ส่วนพี่อ๊อด จุดนี้พี่ตามาวินมาก หน้าตากินขาดเบยยย  :hao7:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 06-06-2014 22:44:25
เริ่มรู้สึกสงสารคุณกฤตนะ พอถามแบบนั้นไปยุก็ไม่ตอบอีกต่างหาก
ฮือออออ จะดราม่ามั้ยนะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 06-06-2014 23:14:51
โปรดเอานางแม่ลูกไปเก็บ!!! เขาไม่เอายังยัดเยียดให้อยู่ได้ ฮึ่ย!

ส่วนน้องยุ ใจเย็น ๆ แล้วลองหาทางดีกว่า อย่าลืมถามความเห็นพี่เมธด้วย อย่าเพิ่งตีความไปคนเดียว แต่ศึกหนนี้ น้องวินมากค่ะ!

น้องแตงกวาแลเอ๋อ ๆ มึน ๆ น่ารักดีนะคะ

รู้สึกว่าพี่อ๊อดนี่สุดยอดมากเลยล่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 06-06-2014 23:27:35
อีกนานไหมกว่าดราม่าจะหมด  เริ่มเอียนแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: sincere13 ที่ 06-06-2014 23:44:00
สะใจ!!! :o8:
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 07-06-2014 00:05:54
อ๊ายยย เพิ่งเข้ามาอ่าน ชอบมากๆค่าา สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 07-06-2014 01:48:21
ยุแบบเด้ดอะ ><. เราต้องแสดงจุดยืน อิอิ

แร้วรุ่นใหญ่นี่ยังไง เมาเป้นเหตุรึ ต่อด้วยน้าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 07-06-2014 08:38:17
ตอนนี้ชอบยุมากกก คนเป็นนางเอกไม่จำเป็นต้องดีเสมอไป
สตายุได้ฉีกกฏข้อนี้แล้วใครร้ายมาก็ร้ายตอบ  อ๊ากกกก
ต่อยชิดจันทร์  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 07-06-2014 09:32:52
ยุ ฉันนักนายนะ จริงๆ


ส่วนพี่อ๊อด พี่แก ฮามาก จริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 07-06-2014 12:45:36
ถ้าพระเอกดันโง่อีกนะก็ไม่รู้จะยังไงแล้ว สงสารยุว่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 07-06-2014 19:08:21
ยุอย่าเพิ่งถอดใจน้า เราต้องเข้มแข็ง คุยกันให้มาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 07-06-2014 20:11:15
สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร!
คงฟาดฟันกันอีกหลายยกระหว่างยุกับหนูชิด!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 07-06-2014 20:23:31
สู้ๆ นะน้องยุ อย่าไปยอมใครหน้าไหนแม้แต่คนเดียว คนของเราก็คือคนของเรา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 07-06-2014 21:12:42
หมั่นไส้ยัยคุณหนูจริงๆ ตื้ออยู่ได้

ปล.อยากอ่านอ๊อดมล
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 07-06-2014 21:13:24
หนังจบหนีไปอยู่นอกเถอะยุ ปล่อยพ่อพระเอกมันง่าวต่อไป อย่าไปสนเลย อีกอย่างกลัวหนักหนาก็ปล่อยมือพ่อดระเอกซะ อย่าลืม ว่ายุไม่ผิด ยุไม่ได้ดึงเมธลงมาเปื้อน แค่เมธต่างหากที่เป็นคนฉุดยุลงมาก่อน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: lazat.mchub ที่ 08-06-2014 12:54:02
ว่าแล้วจะต้องติดเรื่องนี้แบบโงหัวไม่ขึ้น  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 08-06-2014 13:21:30
ฮ่าๆๆ  กลัวมาม่าแต่เฮ้ย ไม่ดราม่าแล้วมั้ง ยุโหดเกิน

ฮ่าๆๆๆ   คุณเสน่ห์จันทร์จะโดนถอนหงอกหรือเปล่าน้อ  ฮ่าๆๆ

ขอโทษนะ ที่พี่เมธแบบว่าแทนคุณมาเยอะละ  พอดีก่ามั้ง น้องยุเขาหวง  ฮ่าๆๆๆ

คู่เจ้บลูคืออะไร  ฮ่าๆๆๆ   ปล้ำเลยๆๆ  ซอลปล้ำเลย  เย้ๆๆ 

ชอบจริงๆนายเอกสู้คนเนี่ย  อย่าไปยอมคะ  ของเราเขารักเราสู้ตายคะ  ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 08-06-2014 13:46:53
เฮ้ย  นั่นไงว่าแล้วว่าข้างนอกทำไรไม่ได้มันจะตีกันเองคู่นี้   อ้ายยยย


นี่สิดราม่าของจริง  แงแง

บอกรักสิยุ  อย่าทำพี่เมธเสียใจนะ   แง่งงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 08-06-2014 21:25:10
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน น้องยุลุยมันเข้าไป

แอบจุกตอนเมธถามเลย

สงสารยุ จะจมก็จมมันไปด้วยกันนั่นแหละ

อย่าไปคิดมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งหลัง) 6/5/2014 มาพร้อมติ่งรุ่นใหญ่ค่ะ (P.84)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 09-06-2014 01:35:42
 :hao6:
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 12-06-2014 03:41:45
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก)



ห้องพักเงียบงัน ตั้งแต่ที่กฤตเมธพาสดายุกลับมาถึงห้องก็ต่างคนต่างอยู่ ระหว่างที่กฤตเมธกำลังเตรียมอาหารเย็นให้ง่ายๆ เมนูคือสปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศไก่สับ  สดายุเองก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำ

ผ่านไปร่วม 40 นาที กฤตเมธยังคงจัดการกับอาหารไม่เสร็จ ไม่ใช่ไม่มีฝีมือหรือมัวแต่เงอะงะ แต่เพราะกำลังใช้ความคิดหัวแทบแตกต่างหากทำให้มือไม้มันช้าเชื่องไปเสียหมด

...แรงไปหรือเปล่านะกับคำถามที่ถามสดายุออกไปเมื่อตอนเย็น…

ทั้ง

‘……..ยุ คุณรักผมจริงๆใช่มั้ย?’

และ

‘คุณ…ไม่ได้กำลังหลอกปั่นหัวคนแก่เล่นใช่มั้ย?’

คำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ เพราะมันคงจะรุนแรงต่อหัวใจของสดายุเกินไป กฤตเมธได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขารู้ว่าคำถามลักษณะนี้ไม่ควรหลุดออกจากปากตัวเขาเอง เขาไม่ใช่เด็กน้อย ไม่ใช่วัยรุ่น วัยรักวัยคะนองที่จะต้องมาคอยนั่งนอยด์นั่งกังวลกับความรัก อายุขนาดเขานี่อีกแค่นิดเดียวก็จะเข้าวัยกลางคนอยู่แล้ว ยังจะมาพร่ำเพ้อเรื่องที่กลัวอีกฝ่ายจะรักไม่รัก นั่งกังวลว่าจะโดนปั่นหัว

“เฮ้อ...เรานี่มันบ้าจริงๆ”

พอได้ยืนย้ำคิดย้ำทำกับตัวเองสักพัก กฤตเมธก็เริ่มใจสงบขึ้นหน่อย ชายหนุ่มเริ่มตั้งสมาธิไล่เรียงก่อนหลัง และเหตุผลต่างๆที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายเหล่านี้ เหตุผลที่เขากับสดายุไปกันถึงไหนเสียที

กฤตเมธถามตัวเองซ้ำๆ ความจริงแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่นะ...

แรกเริ่ม...เขากับสดายุราวกับไม้เบื่อไม้เมา แค่มองหน้าก็แทบจะกระโดดฟัดกันเป็นหมา ทิฐิบางอย่างฝังใจกัดกร่อนให้ความสัมพันธ์เป็นไปในทางลบแบบสุดโต่ง เข้าฉากกันแต่ละทีแทบจะฆ่ากันตายให้ผู้กับกำกับทีมงานต้องอกสั่นขวัญแขวนกันทุกวี่วัน แม้แต่ฉากเลิฟซีนยังดุเดือดจนเลือดตกยางออก กระทั่งเขาถูกขอร้องจากบลูม่าผู้จัดการส่วนตัวของสดายุ ให้ช่วยดูแลสดายุแทนหน่อยจากนั้นก็เล่าปูมหลังของสดายุให้เขาฟังด้วยความไว้วางใจ ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธ และนั่นคงเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เขาเริ่มมองสดายุในอีกมุมมองที่ไม่ใช่ด้านลบ

จากวันนั้น พระเอกเหลวแหลก เด็กโดนสปอยล์ในสายตาของกฤตเมธก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเด็กขี้เหงาที่หัวใจปิดสนิท เด็กที่ไม่คาดหวังความอบอุ่น ความรู้สึกตายด้านอย่างสิ้นเชิง...เด็กที่น่าสงสารที่สุด

เด็กน้อยที่หัวใจบอบช้ำแสนอ่อนแอ แต่กลับมีเปลือกที่แข็งที่สุดในโลก...

ยิ่งได้สัมผัสตัวตนของสดายุ กฤตเมธก็เริ่มประจักษ์ว่าแท้จริงสดายุมีสิ่งให้ค้นหามากกว่าตาเห็น เขาเริ่มรุกอีกฝ่ายเล็กน้อย แค่พอให้สดายุเผยตัวตนออกมาทีละอย่างสองอย่างให้ได้เห็น พระเอกเหลวแหลกในความทรงจำของเขาหายสิ้นไปตั้งแต่ตรงไหนไม่รู้ เพราะพอรู้ตัวอีกที สดายุตรงหน้าเขาก็กลายเป็นแค่ เด็กไร้เดียงสา อ่อนต่อโลก แสร้งว่าแข็งแกร่งแท้จริงแสนจะอ่อนแอ

...เด็กไม่ดีที่เมาแล้วน่ารักที่สุดในโลก...

คิดถึงตอนที่อยู่ด้วยกันที่มัลดีฟส์ขึ้นมาหัวใจของกฤตเมธก็พองโต...นี่เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ ลืมความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ยังไง...

เขาที่เป็นฝ่ายเริ่มรุก เขาที่เป็นคนเลวลงมือย่ำยีสดายุก่อน เขาที่เป็นฝ่ายอ้อนวอนขอดูแลสดายุโดยไม่มีข้อแม้...

แล้ววันหนึ่งที่สดายุเปิดใจให้ วันที่สดายุยอมรับเขาเข้าไปในชีวิต ให้เขาเป็นคนพิเศษกว่าใคร ให้เขาสัมผัส ให้เขาแตะต้อง ให้เขาได้กอด ได้หอม ได้จูบ เขาเพียงคนเดียวที่สดายุยอมให้เข้าใกล้ ยอมที่จะถูกเขาคนนี้รักอย่างไม่มีเงื่อนไข...

แล้วเขายังจะต้องการอะไรอีก วันนี้ที่เขายังดึงดันเรียกร้อง ยังถือดีที่จะดึงดันตั้งคำถาม เขา...ต้องการอะไร?

‘คำว่ารัก’

‘คำสัญญา’

ยิ่งคิด กฤตเมธก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น พร้อมส่ายหน้าเบาๆ เขามันช่างโลภมาก เขามันช่างกลืนน้ำลายตัวเอง ทั้งที่เคยยืนยันหนักแน่นต่อสดายุเอาไว้ว่าต่อให้ยุไม่รักก็ไม่เป็นไร จะขอดูแลหัวใจไปตลอดแท้ๆ พอถูกฝ่ายนั้นดีด้วยหน่อย ยอมอ้อน ยอมให้ปกป้องดูแลเข้าหน่อย นี่เขาก็เผลอไผล มโนเอาเองว่าได้เป็นผู้ครอบครองสดายุโดยสมบูรณ์แล้วก็เรียกร้องกระจองอแง ขอนู่นขอนี่วุ่นวาย...

ถึงตรงนี้กฤตเมธส่ายหน้ายิก ‘น่าอายจริงๆแฮะเรา’

สปาเก็ตตี้ซอสไก่ในที่สุดก็พร้อมเสริฟ เส้นทีเหลืองอำพันถูกคีบมาวางบนจานด้วยความพิถีพิถัน  ตามด้วยซอสมะเขือเทศไก่สับสีแดงชาดที่กำลังส่งกลิ่นหอมฉุยราดทับลงไปบนเส้นนุ่มเหนียว  จานใบน้อยถูกจัดการสวยงาม  กฤตเมธค่อยๆ จัดโต๊ะอาหารด้วยความปราณีต ชายหนุ่มจัดดินเนอร์มื้อเล็กๆนี้ด้วยความตั้งใจ เพราะวันนี้เขาทำตัวเหลวไหล ไม่ได้ความ ไม่เป็นผู้ใหญ่ และที่สำคัญ...

เขาทำให้สดายุผิดหวัง

ทั้งๆที่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่าสดายุจะไม่พอใจ หากเขาต้องไปยุ่งเกี่ยวกับชิดจันทร์มากเกินกว่าเหตุ เขารู้ดีว่าสดายุ ‘หึง’ ความจริงแล้วตั้งแต่วันที่เขารับปากกับสดายุว่าจะให้สดายุเป็นคนเดียวของหัวใจ เป็นคนสุดท้ายของชีวิต เป็นที่หนึ่งเหนือกว่าทุกคนนั้น เขาก็พยายามหลีกเลี่ยงการต้องไปไหนมาไหนกับชิดจันทร์โดยตลอด แม้ฝ่ายหญิงจะโทรหา หลายๆครั้งเขาก็ไม่รับสาย ปฏิเสธการชวนเที่ยวหรืออะไรก็ตามที่จะทำให้เขาละเมิดคำพูดของตัวเอง แต่เพราะวันนี้มันเป็นเหตุสุดวิสัย เพราะรถเสน่ห์จันทร์ดันมาเสียอยู่ตรงทางผ่าน จะไม่รับว่าก็คิดว่าดูจะใจร้ายไปหน่อยในฐานะคนที่รู้จักกัน ไม่นึกเลยว่ามันกลับมีแต่ปัญหา ถ้าสดายุคือไฟ ชิดจันทร์ก็คือน้ำมันดีๆนี่เอง...

จริงอยู่ที่คุณเสน่ห์จันทร์เคยฝากฝังชิดจันทร์ไว้กับเขา แต่เขาไม่เคยรู้สึกอะไรกับชิดจันทร์มากไปกว่าคำว่าพี่น้อง ที่ผ่านมาเขายอมตามใจกับหล่อนเพราะเห็นว่าชิดจันทร์ก็ไม่ได้เลวร้ายและหลายๆเรื่องที่ถูกขอร้องให้ช่วยก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกลำบาก

แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาไม่ได้ตามใจชิดจันทร์เหมือนอย่างเก่า เพราะเขารู้ดีว่าตอนนี้เขาควรตามใจใครมากกว่า

จัดโต๊ะไปด้วย คิดเรื่อยเปื่อยไปด้วย แล้วก็พาลนึกไปถึงเรื่องข่าวซุบซิบตามนิตยาสารบันเทิง ที่ข่าวของเขากับชิดจันทร์นั้นขยันลงกันจริง โฆษณากันจังทั้งที่ก็ไม่ได้มีมูลความจริง จนตอนนี้จะเริ่มเข้าข่ายกลายเป็นคู่จิ้นที่ใครๆก็อยากให้คู่กันโดยที่เขาไม่ต้องการเสียแล้ว

คนที่อยากจิ้นด้วยไม่ได้จิ้น แต่คนที่โดนจับมาจิ้นดันไม่ฟินด้วย....

 “เฮ้อ...อยากจัดแถลงข่าว...ประกาศให้โลกรู้ แล้วหนีไปอยู่ด้วยกันสองคนให้รู้แล้วรู้รอดจริงวุ้ย” คิดไปคิดมาหลายตลบ ตรรกกะคนแก่ก็เริ่มแตก กฤตเมธถอนหายใจหนักหน่วงพร้อมตัดพ้อต่อโลกออกมาเสียงดัง

หมับ...

“จะหนีไปไหนครับ...”

“ยุ?”

ถึงกับสะดุ้งเล็กน้อยเมือ่ถูกจู่โจมจากด้านหลัง แต่เพียงครู่ที่รู้สึกได้ถึงอ้อมกอดอุ่นจัดที่แนบเข้าก็มาทำให้กฤตเมธแย้มยิ้มออกมาได้ การถูกกอดแบบนี้นั้นก็หมายความว่า สดายุของเขาหายงอนแล้ว

อารมณ์ลิงโลดทำให้กฤตเมธรีบเอี้ยวตัวไปคว้าตัวของสดายุที่สิงอยู่ด้านหลังมากอดไว้ในอ้อมอก พร้อมจุมพิตที่กลางกระหม่อมหอมฟุ้งเพราะเพิ่งออกจากห้องน้ำเสียฟอดใหญ่

“หนีตามคุณไปไง วิวาห์เหาะน่ะ รู้จักมั้ยครับยุ?...หึหึ” กฤตเมธตอบออกมาเสียงหวาน พลางแนบแก้มถูกไปถูมาอยู่บนกระหม่อมของสดายุ

“ทำแบบนั้น...เดี๋ยวคุณเสน่ห์จันทร์ก็อกแตกตายพอดี...” น้ำเสียงประชดแผ่วๆอยู่ตรงซอกคอ อู้อี้จนกฤตเมธจับศัพท์ไม่ค่อยได้

“หืม? อะไรนะครับยุ?” กฤตเมธถามซ้ำ

“...คุณ...ไม่กลัวหมดอนาคตเหรอ? วงการนี้มันแรงนะคุณก็รู้ ข่าวว่าคุณแต๊บแตกออกไปเมื่อไหร่นี่...แฟนคลับคุณได้ช็อคตายกันเป็นแถบแน่ๆ”

“แคร์ที่ไหนล่ะ ปูนนี้แล้ว ผมไม่ได้อยากสุกสกาวค้างฟ้าเป็นดาราไปจนตายซะหน่อย สิ่งที่ผมต้องการก็แค่การได้ใช้ชีวิตคู่กับคนที่ผมรักอย่างมีความสุขไปจนตายต่างหาก....จะห่วงก็แต่คุณ...ยุ...คุณยังเด็ก อนาคตในวงการนี้ของคุณยังอีกยาว คุณยังมีโอกาสที่จะส่องประกายได้มากกว่าผม.........”

“ไม่เอาแล้ว....ผมไม่อยากจะเด่นอยากจะดังอะไรอีกแล้ว...ผมเหนื่อยเต็มทีแล้ว...” สดายุกระชับอ้อมกอดของตนเข้ากับตัวกฤตเมธมากขึ้น ดวงตาหม่นเศร้าปิดลงพร้อมกับที่ศีรษะหนักๆของตนซบซุกอยู่กับบ่ากว้าง

“ยุ...” กฤตเมธขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย วันนี้สดายุของเขาเป็นอะไรไป ทำไมถึงได้ซุกกายออดอ้อนเขามากกว่าปกติ ทำไมถึงได้ดู...เหนื่อยล้า

“...เมธ...คุณบอกว่าคุณรักผมมากใช่มั้ย?...” เงียบไปครู่หนึ่ง จู่ๆสดายุก็เงยหน้าพรวดขึ้นมา แล้วโพล่งถามแบบไม่ให้ตั้งตัว

“ครับ...ผมรักคุณ...รักมากด้วย” กฤตเมธตอบออกไปตามตรง ทั้งที่ยังคงขมวดคิ้วสงสัยว่าเจ้าตัวแสบของเขาจะมาไม้ไหนอีก

“คุณรู้มั้ย...ผู้ชายรักกันมันบาปนะ...สังคมก็ไม่ยอมรับ ถ้าคุณแถลงข่าวเมื่อไหร่ หรือถ้าข่าวที่เราอยู่ด้วยกันหลุดออกไปวันไหน...วันนั้นคงเป็นจุดจบของเส้นทางของเรา...”

“ผมไม่................”

“และคงเป็นวันที่ผมดีใจที่สุด”

“.................................................................” กำลังจะอ้าปากว่า ‘ผมไม่แคร์’ แต่คำพูดสุดท้ายของสดายกับลั่นเข้าหูมาเสียก่อน  ‘วันที่เขาแถลงข่าว จะเป็นวันที่สดายุดีใจที่สุด’ สมองของกฤตเมธประมวลผมแทบไม่ทัน เพราะก่อนหน้านี้ สดายุยืนยันแน่นหนัก ว่าจะไม่ยอมให้เรื่องนี้เปิดเผย ไม่ยอมให้เขาต้องแปดเปื้อนไปด้วย แต่คราวนี้กลับ...เปลี่ยนไป...

กฤตเมธจ้องตากับสดายุนิ่งงัน จดจ้องความหมายหลายสิ่งที่ส่งออกมาจากดวงตาคู่โศกคู่นั้น และสิ่งที่เขารับรู้ได้คือ ‘ที่สดายุพูดออกมาทั้งหมดนั้น มันออกมาจากหัวใจจริงๆ’

“เมธ...ผมไม่อยากทำลายคุณ...ผมไม่ต้องการเห็นคุณต้องย่อยยับลงไปพร้อมกับผม...แต่…ผมก็แค่…อยากอยู่กับคุณ...อยากอยู่กับคุณเหลือเกิน” สดายุซบใบหน้าลงกับบ่ากว้างของกฤตเมธอีกครั้ง พร้อมกระชับอ้อมกอด

“เมธครับ...ผมขอโทษ...” เสียงขอโทษแผ่วผิว ทำเอาหัวใจของกฤตเมธที่เต้นรัวอยู่แล้วนั้น ยิ่งระเบิดตูมตามหนัดเข้าไปอีก

“ข...ขอโทษทำไมครับยุ? ยุยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ...”

“ผิดสิ ผมทำผิดที่ผมมีเสน่ห์เกินไปจนทำให้คุณหลงรัก...”

“..............” คำตอบแรก เล่นเอากฤตเมธถึงกับจุก แต่ก็จริงจนเถียงไม่ได้

“กฤตเมธ...คุณรักผมจริงๆใช่มั้ย?” สดายุถามคำถามเดิมออกมาซ้ำอีกรอบ

“รักสิ ผมรักคุณจริงๆ” และถึงจะมึนงงปนสับสน แต่กฤตเมธก็ตอบสดายุออกไปตรงๆเหมือนเดิม ‘หากจะถูกสดายุถามว่ารักหรือเปล่าล่ะก็ ต่อให้ต้องถูกถามสักร้อยสักพันครัง เขาก็จะตอบ’

“...แต่...ผมไม่เชื่อในความรักของคุณหรอกนะกฤตเมธ...”

“....................................” คำพูดของสดายุเชือดเฉือนหัวใจของกฤตเมธจนพูดไม่ออก ‘สดายุไม่เชื่อในความรักของเขา’ ทั้งๆที่เขาทุ่มเทให้อีกฝ่ายขนาดนี้ ทำไม?

“...รักแท้...เรื่องบ้าบอแบบนั้น ผมเชื่อไม่ลงหรอก”

“ยุ”

“รักแท้…มันทรยศกันได้อย่างเลือดเย็นเสมอ…รักแท้…มันฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นยิ่งกว่ายาพิษ…มันคือความอันตราย และความเลวร้ายของโลก…”


คำพูดของสดายุที่ยังคงก้มหน้าซบอยู่กับอกกฤตเมธนั้น เสียดแทงทะลุร่างของกฤตเมธโดยตรงโดยไม่ต้องใช้อาวุธอื่นใด หากสดายุไม่เชื่อในรักแท้ หากสดายุไม่เชื่อในสิ่งนั้น แล้ว…ความรักที่เขาทุ่มเทให้ล่ะ…

กฤตเมธได้แต่คิดอยู่ในใจอย่างท้อแท้ แต่…ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจที่มีแต่ให้ของเขาเลิกรักสดายุไปได้ ทั้งยังไม่ได้คิดโกรธที่สดายุหมางเมิน แต่ยิ่งรักและสงสาร สดายุเจ็บปวดกับคำว่ารักมามากเกินไป เคยถูกคำๆนี้หักหลังมามากเกินไป จนยากจะปักใจยอมรับ เขาเข้าใจดี และยินดียอมรับทุกอย่างที่เป็นสดายุอยู่แล้ว

กฤตเมธกอดสดายุแน่น กอด…ให้อีกฝ่ายได้พอรับรู้ถึงไออุ่น ไม่ได้รัดแน่นจนหายใจไม่ไม่ออก กอดเพื่อถ่ายทอดความห่วงหา กอดเพื่อส่งต่อความรู้สึกรัก ให้สดายุได้สัมผัส แม้เพียงเล็กน้อยก็อยากให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความสวยงามของมันบ้าง…

“….ได้ยินแบบนี้แล้ว คุณยังจะรักผมมั้ย?...” เมื่อถูกกระชับในวงแขนอ่อนโยน สดายุหลับตาซึมซับมันไว้อย่างไม่อิดออด ก่อนจะถามกฤตเมธออกมาอีกครั้ง ถึงคำว่ารักของชายหนุ่ม

“มันไม่เคยเปลี่ยนครับยุ ผมรักคุณ” ครานี้ กฤตเมธยืนยันหนักแน่นกว่าครั้งไหนๆ สองมือที่ใช้โอบร่างสดายุไว้เมื่อครู่ ยกขึ้นมาตระกองสองแก้มขาว เชยขึ้นมาให้ได้สบตากัน มุ่งมั่นให้สดายุได้เห็นความสัจจริงในดวงตาหน้าต่างของหัวใจของเขา

สดายุยิ้มหวาน จนตาหยีราวกับเด็กๆ สองมืออุ่นยกขึ้นมาจับมือข้างซ้ายของกฤตเมธที่ประทับอยู่ข้างแก้มเอาไว้ พลางตอบออกไปด้วยเสียงแหบหวานทรงเสน่ห์ “ผมก็เหมือนกัน” 

จบคำก็มอบจุมพิตบางเบาที่มือของกฤตเมธ จูบเบาๆทว่าเนิ่นนาน จูบเสร็จก็เงยขึ้นสบตากับกฤตเมธแล้วยิ้มให้อีกครั้ง พลางแนบแก้มเข้าที่มือข้างนั้นที่ตัวเองประคองอยู่ราวกับโหยหา

“กฤตเมธครับ…ถึงผมจะไม่เชื่อในรักแท้…”

“แต่ผมเชื่อในคุณครับ”

สดายุเอ่ยคำว่าเชื่อมั่นออกมาพร้อมรอยยิ้ม ชายหนุ่มช้อนตามองคนแก่กว่าที่กำลังทำหน้าทึ่งด้วยความขบขัน

“เชื่อ…ขนาดที่อยากจะฝากทั้งชีวิตที่เหลือของผม…ไว้กับคุณ”

กฤตเมธแทบพูดอะไรไม่ออก คำพูดของสดายุมันยิ่งกว่าคำว่า ‘รัก’ มันยิ่งกว่าคำสวยหรูใดๆ แค่ ‘เชื่อ’ แค่นั้น แค่คำเดียวเท่านั้นมันกลับบันดาลความสุขให้เขามากมายถึงเพียงนี้

ราวกับว่า ‘เปลือกน้ำแข็งที่ห่อหุ้มหัวใจของสดายุเอาไว้’ มันกำลังจะกะเทาะออกมา ‘เพื่อเขา’
 
‘หัวใจน้ำแข็งดวงนี้จะกลายเป็นของเราแล้วใช่มั้ย’

“ยุครับ”

 กฤตเมธตระกองใบหน้าของสดายุขึ้น สบลึกเข้าไปในดวงตานั้นอย่างจริงจัง

‘เขา…ละลายหัวใจนี้…ได้แล้วใช่มั้ย’

“นับตั้งแต่วันที่ผมบอกว่ารักคุณ….ตั้งแต่วันนั้น…ผมก็เป็นของคุณ” กฤตเมธเอ่ยหนักแน่น ดวงตาของชายหนุ่มตอนนี้ราวกับกำลังมีอะไรคลออยู่จางๆ

 ‘เป็นเจ้าของ…ได้แล้วใช่มั้ย’

“ผมสาบาน ว่าผมจะเป็นของคุณคนเดียว…ชั่วชีวิต”

สดายุยิ้มรับคำมั่นของกฤตเมธอย่างเต็มใจ ดวงตาเชื่อมปรอยด้วยความสุขล้น

“เมธครับ…คุณเคยบอกผมว่า ‘ในวันที่ผมพร้อมที่จะรับคุณเป็นคนรัก…พร้อมที่จะทำลายคุณ…ให้ผมเรียกคุณว่า ‘พี่เมธ’  ใช่มั้ยครับ?...” สดายุเอ่ยทวงคำสัญญา

“ครับ…แล้วยุพร้อมหรือยัง?”

ไร้คำตอบใดๆจากสดายุ ชายหนุ่มเพียงแค่อมยิ้มบางๆ ก่อนจะแหงนเงยขึ้นจุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มของกฤตเมธแทน จูบนั้นมันหวานลิ้นจนทรมาน ใช่…สดายุไม่ได้มั่นใจหรอกว่าตัวเองจะดูแลหัวใจของใครได้ ไม่ได้มั่นใจหรอกว่าจะสามารถผ่านพ้นทุกอุปสรรคไปได้โดยที่ไม่ทำให้กฤตเมธบาดเจ็บ แต่…เขาไม่อยากฝืนทนอะไรอีกต่อไปแล้ว เขาไม่ได้ผิด กฤตเมธต่างหากที่เสนอตัวมาให้เขาดูแลเอง คราวนี้เขาจะขอเห็นแก่ตัวบ้าง จะขอเห็นแก่ตัวโดยการยึดดาวค้างฟ้าอย่างกฤตเมธมาเป็นของตัวเองคนเดียว เขามันเป็นคนใจแคบ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่แบ่งปันให้ใครหน้าไหนอีก!!

ในเมื่อวงการที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ จะพรากกฤตเมธไปจากเขา เขาก็พร้อมจะออกจากวงการทันที!!

และแน่นอน…กฤตเมธก้ต้องไปด้วย

ในเมื่อกฤตเมธเองก็ยืนยัน เพราะฉะนั้น เขาควรจะมั่นใจ…สินะ

เขาตัดสินใจ ‘ถูกแล้ว’ ใช่มั้ย?

“พี่เมธครับ…เรามา…จมไปด้วยกันนะ”

****************************************************************************
หุหุ…หึหึ…อิอิ
เราจะไม่บอกชื่อตอน จนกว่าครึ่งหลังจะมา
ครึ่งหลัง…มาวันศุกร์นะจ๊ะ

 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 12-06-2014 04:21:19
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด :z3: :z3:
ในที่สุดน้องยุของเจ๊ก็ตัดสินใจได้ ยืนยันชัดเจนแล้วววว
จับมือเดินไปด้วยกันสองคนนะ :hao5:
เอาให้ยายป้าเสน่จันทร์เงิบไปเลยย
ทางที่ดี น่าจะได้แก้ข่าวเรื่องทำผู้หญิงท้องของยุด้วย น้องยุของเจ๊ถูกปรักปรำ!!!!!!  :m31:
รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่ออออ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 12-06-2014 05:18:50
เย้ๆๆๆ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sine_saki ที่ 12-06-2014 05:52:54
เลิศอ่ะลูก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 12-06-2014 06:43:11
พรุ่งนี้สินะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 12-06-2014 07:44:52
ถึงยัยสองแม่ลูกจะดับอนาคต
แต่รับรอง แฟนๆที่เห็นใจในรักแท้ต้องเป็นกำลังใจให้ทั้งคู่แน่ๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 12-06-2014 08:01:01
อร๊ายยยยยย อยากอ่านตอนต่อไปเเล้ว

ม่ามาหมดยัง หมดเเล้วใช่มะ ไม่เอาเเล้วนะ ซดจนจุกล่ะ 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 12-06-2014 08:19:10
อิชั้นว่าว่าดราม่าน่าจะกำลังเริ่มต้นมากกว่า ในเมื่อเลือกที่จะรัก ก็ต้องเตรียมรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้เลย ทั้งนี้มันก็อาจจะเป็นบทพิสูจน์ความรักก็ได้ แต่ดีใจที่ทั้งสองคนเข้าใจกัน มาต่ออีกนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 12-06-2014 08:26:52
เอาใจช่วยทั้งคู่ เชียร์น้องยุจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ChiOln ที่ 12-06-2014 08:41:12
เอร๊ยยยยยยยยยยยย!!! เขิลแทน  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 12-06-2014 08:54:47
เอาให้ป้าเสน่ห์จันทร์เงิบไปเลยๆ
555555555555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 12-06-2014 09:38:30
ยุจร้ารักยุฝุดๆเลยยยยยยยย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 12-06-2014 09:45:46
วันศุกร์หมายถึงพรุ่งนี้ใช่มั้ยคะ
รอๆๆๆๆๆ
ยุมันต้องแบบนี้ ให้กำลังใจพี่เมธเยอะๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pppetchhh ที่ 12-06-2014 09:46:11
พวีดดดดดดดดดดดดดดดดดด  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด  :katai4:
น้องยุของเพร่ ทำดีค่า เอาไปสิบกะโหลก
ฮรือออออออ  แบบนี้แหละหนูเอ๊ย!
คนเรามันจะไปโลกสวยทำเพื่อคนอื่นตลอดได้ไง
รักกันก็อยู่ด้วยกันนั่นแหละหนูอย่าไปคิดอะไรเยอะแยะปวดหัว
เนอะยุเนอะ #แซวแปร๊บ

รอๆๆๆ รอวันศุกร์อย่างใจจดใจจ่อเลยค่าาา  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 12-06-2014 09:51:50
ยุเปิดใจแล้ว แต่เหมือนงานจะเข้ายังไงก็ไม่รู้แฮะ สู้ไปด้วยกันเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 12-06-2014 10:04:45
 o13 ให้น้องยุเลย ตัดสินใจได้เด็ดขาดมาก

แล้วพี่เมธหล่ะ จะเด็ดขาดได้เท่าน้องยุมั้ย ลุ้นสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 12-06-2014 10:59:11
ฟังดูน่ากลัวแปลกๆนะน้องยุ 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 12-06-2014 12:18:08
น้องยุ ฺฺฺ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 12-06-2014 12:29:23
ก็จริงนะ... อยากให้ยุไม่คิดถึงใครมากมายแต่คิดถึงตัวเองบ้าง

และเมธก็พร้อมที่จะจมไปกับยุอยู่แล้ว

อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว อยากรู้ว่าถ้าเมธไปบอกเสน่ห์จันทร์

เรื่องราวจะเป็นยังไง ไม่อยากให้มีใครเจ็บอีกแล้ว :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 12-06-2014 13:20:09
ฮ่าๆๆ  ถูกใจนายเอกเรื่องนี้ตรงนี้ละ  ฮ่าๆๆ  นางร้ายแต่นางน่ารัก  ฮ่าๆๆๆ

รอครึ่งหลังคะ  จะมาม่าไหม  เริ่มกลัว  ฮ่าๆๆๆ

พี่เมธคะ มั่นคงนะ มั่นคง ยุ ร้ายๆคะ    ร้ายเฟ่อ   หวังจะไม่มาตีกันเองเนอะ  คนอื่น หมื่นแสนไม่ร้ายเท่าตีกันเอง

แฟนคลับกลัวคะ  ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammie_mn ที่ 12-06-2014 13:50:23
ยุถึงเวลาต้องเห็นแก่ตัวบ้างละจากที่โดนเอาเปรียบมาตลอด ยังไงก็ผ่านไปให้ได้นะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 12-06-2014 14:23:32
จมลงไปด้วยกัน ยังดีกว่าค้างอยู่บนฟ้าอย่างโดดเดี่ยวเนอะ
เธอตัดสินใจถูกต้องที่สุดแล้วล่ะจ้ะ สดายุ
 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 12-06-2014 15:03:49
เยี่ยมยอดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!!  :laugh: :laugh: :laugh:
สุดท้ายแล้วชีวิตคนเรามันคงไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับการได้อยู่กับคนที่เรารักไปจนช่วงสุดท้ายของชีวิต
น้องยุสู้เค้าาลูกกก !!! พี่เมธก็ต้องสู้เพื่อน้อง เพื่อความรักของเราด้วยนะ :fire:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 12-06-2014 15:44:26
555 ถ้าไม่ใช่กำลังรักกำลังหลง  คงกลัวน้องยุไปแล้ว  :katai3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 12-06-2014 15:46:28
น้องยุสู้คนแล้วคนแก่ที่หลงเด็กนี่จะเป็นอะไรไหม

2แม่ลูกนั่นจะทำอะไรต่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shinachan ที่ 12-06-2014 16:07:37
รักน้องยุ น้องยุสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 12-06-2014 16:19:49
 :mc4: เป็นกำลังใจให้น้องสดายุจร้า สู้ๆ  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GUNPLAPLASTIC ที่ 12-06-2014 16:33:15
ย๊าาาาาาาาา ยุ ทำถูกเเเล้วลูกกก กรี๊ดดดดดดดด
โอ้ยยยย ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เขาคุยกันค่ะ เขาคุยกันเเล้ววววว
เเต่มันคงจะไม่ง่ายใช่ไหม อย่าใจร้ายมากนะค่ะคุณคนเเต่ง
สงสารยุบ้างค่ะ งื้ออออออออ
สู้ๆนะค่ะ เป็นกำลังใจให้ อ่านตอนนี้เสร็จเเล้วตื้นตันจริงๆ
อยากให้มีคนมาพูดกับเราบ้างอะไรอย่างนี้ :katai2-1: :katai2-1: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 12-06-2014 17:03:59
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 12-06-2014 17:43:57
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 12-06-2014 18:06:01
ชอบอ่ะ ที่พี่เมธและน้องยุ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Elizabeth_TonnY ที่ 12-06-2014 18:07:20
ขอให้ผ่านพ้นอุปสรรคไปด้วยดีน้ะ เฮ้ออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 12-06-2014 18:08:16
 :hao3:กรี๊ด!!!!!!!!"!!!!!!!!!


ยุ เรียกพี่เมธแล้ววววววว :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :mew3: :mew3: :mew3: :mew3: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 12-06-2014 20:04:23
มันต้องแบบนี้ซิ...ลูกยุ...ของ ๆ เรา ก็ต้องเป็นของ ๆ เรา...จัดไปเลยลูก...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ball ที่ 12-06-2014 20:36:17
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ อยากจะบอกว่าชอบมากกกกกกก
เข้มข้นได้ใจดีจริงๆ ฮ่าๆ ชอบยุตอนแอบร้ายมากอะ
บอกไม่ถูกว่าทำไมแต่รู้สึกว่า ถ้าเขาเลวมาก็อย่าไปดีใส่เลย
จนตอนนี้ปัญหาก้ยังไม่เคลียร์แต่ก็แอบโล่งใจที่ยุเลือกที่จะมีพี่เมธไว้
เพราะยังไงพี่เมธก็ไม่มีทางปล่อยยุอยู่แล้วล่ะ
รอดูตอนหน้าดีกว่า คงได้มันส์กันกว่าเก่าละมั้ง 555
ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะ รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Elizabeth_TonnY ที่ 12-06-2014 22:07:07
เอาเลยค้ะลูกกกกกกกยุ
สู้ๆๆๆๆ ค้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 12-06-2014 22:18:58
น่ะ ครึ่งหลังจะมีอะไรเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 12-06-2014 22:22:55
ต้องอย่างนี้สิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 12-06-2014 22:58:17
จมความร้ากกกก หุๆๆๆ
ดีดชิดจันทร์ไปไกลๆเรยน้องยุ จัดการรรร !!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 13-06-2014 00:13:46
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 13-06-2014 01:30:56
สุดยอดค่ะคุณลูกกกกกกก ยุแหล่มที่สุดดดดดดด  :z1: :z1: :z1:
เกลียดนังชิดที่สุดเลยเว้ยยยยยยยยยยย พอๆๆกับแม่มันเลย
 :fire: :m31: :m16: :m16: :m31: :fire: :fire: :m31: :m16:
หนีไปอยู่มัลดีฟกันเถอะ
รักพี่เมธจุงเบยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
รีบมาต่อนะคะไรต์ รออยู่ๆๆๆๆๆๆ
 :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 13-06-2014 19:31:35
คืนนี้มาดึกหน่อยนะจ๊ะ

อาจจะเกือบเช้า...T^T

รอหน่อยเน่อ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 13-06-2014 19:46:31
ต่อถ้าทางข้างหน้าเป็นยังไง แค่เชื่อใจกันทุกอย่างต้องผ่านไปได้ดีแน่ๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 13-06-2014 20:11:34
กรี๊ดในที่สุด น้องยุก็ตัดสินใจได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: INeLo ที่ 13-06-2014 20:17:00
พึ่งมาอ่าน ขอบอกว่าสนุกมาก  :mew1: :mew1:


ตามต่อจ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 14-06-2014 00:30:58
ต้องให้ได้อย่างนี้สิน้องยุ เจ้ละชอบจริงๆ โดนใจมากๆ

ผัวของเรา ก็ต้องเป็นของเรา อย่ายอมให้ใครแย่งชิงไป (โดยเฉพาะชะนีชิดจันทร์) อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 14-06-2014 02:29:26
พี่ชายยย~ ฉันก็อยากจมไปกับพวกพี่ด้วยยย~~~
 :hao5:

มาต่อเร็วๆนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 14-06-2014 04:08:13
แอร๊ยยยย มาไม่ทันจริงๆค่ะ

ปั่นยังไม่เสร็จเร้ยยยยย

ขออนุญาต เป็นช่วงบ่ายนะคะ T^T
(ช่วงเช้าเก๊าติดงานง่า ฮรือๆๆ)

กราบขอโทษแบบโค้งงามๆ

 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 14-06-2014 07:43:17
 :o12: :sad4: :z3: :mew1: :z3: :z3: :z3: :z3:
รอๆๆๆคราฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-06-2014 10:20:38
ยุ หนูคิดถูก ถูกมากที่สุด ยังงี้ สิ นางเอกยุคใหม่

เอาคะแนนไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Gemm ที่ 14-06-2014 18:41:10
เพิ่งเริ่มอ่านเมื่อวาน กรี๊ดมากกกกกกกกกกกกก
 :impress2: :impress2: :impress2:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 14-06-2014 21:15:12
คำพูดยุดำมืดเหลือเกนค่ะที่รัก...อูย ป้าล่ะกลัวใจหนู..
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-06-2014 01:27:16
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง)




หลงจบดินเนอร์ มื้อเย็นแสนประทับใจ ทั้งคู่ก็จบที่เตียงนอน ทว่าในความหมายที่แตกต่าง เพราะจบที่เตียงนอนในครั้งนี้นั้น มันให้ความทรมานกว่าทุกครั้ง...

“...อือ....”

“ยุ...ไหวมั้ย...?” กฤตเมธกระซิบถามเบาๆด้วยเสียงที่อ่อนโยนที่สุด

“...ทรมานจัง...พี่เมธ...” สดายุตอบออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า ใบหน้าแดงจัด ดวงตาเชื่อมปรอย ร่างกายอ่อนปวกเปียกอย่างน่าสงสาร

“ร้อนมากเลยยุ”

“อืมมมม”

“แน่ใจนะว่าไหว?”

“อืม...ไหว...”

“แต่ไข้ยุไม่ลดเลยนี่ พี่ว่าไปโรงพยาบาลดีกว่ามั้ย?”

“ไม่เอา...ไม่อยากไป นอนพัก...เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

“เฮ้อ...ดื้อจังนะ ตัวแสบ”

กฤตเมธได้แต่บ่นคนรักที่นอนซมไข้ขึ้นสูงอยู่บนเตียงกว้าง

เมื่อตอนเย็นหลังจากทุกอย่างลงตัว กฤตเมธและสดายุก็ทานอาหารด้วยกันตามปกติ แปลกไปเล็กน้อยตรงที่ทั้งคู่ทานกันน้อยกว่าปกติ คงเพราะอิ่มเอ่อจากความรักความเข้าใจเลยมัวแต่นั่งเหลือบมองกันไป เขินกันมา จนเส้นสปาเก็ตตี้ชืด จึงเลิกทานมื้อเย็นในที่สุด 

เรื่องเหมือนจะปกติ แต่เปล่าเลย เมื่อสดายุที่กำลังช่วยเก็บจานอยู่นั้น จู่ๆก็ล้มตึ้งลงไปไม่มีปี่มีขลุ่ย วินาทีนั้นกฤตเมธหัวใจกระตุกวูบ ชายหนุ่มทิ้งทุกอย่างในมือแล้วถลาเข้าไปประคองร่างอ่อนปวกเปียงของสดายุไว้ทันที และตอนนั้นเองที่กฤตเมธรู้ว่าสดายุ ‘ไข้ขึ้นสูง’



สี่ทุ่ม...


สดายุที่ยังคงไข้สูงยังคงนอนครางฮือน่าสงสาร จนกฤตเมธต้องโทรไปตามหมอฉุกเฉินมาให้ดูอาการที่คอนโด ปรากฏว่า สดายุติดเชื้อในกระแสเลือด อันเนื่องมาจาก แผลเย็บที่แขนเกิดอักเสบขึ้นมา

หลังคุณหมอฉีดยาแก้อักเสบลดไข้ให้เสร็จ สดายุที่ทุรนทุรายจนเพ้ออยู่คราวแรกนั้นก็ดูสงบลงไปหน่อย เหลือเพียงเสียงครางเครือเบาๆ แต่ก็ยังคงน่าสงสารเหลือเกินในสายตาของกฤตเมธ

“ฮือ....แม่.............”

“....แม่........แม่จ๊า..........แม่.........ยุเจ็บ.......”

“.......ฮื่อ.....แม่....................แม่.................ยุเจ็บ...............ยุกลัว............”

สดายุครางแผ่ว แม้ไข้จะลดลงหน่อย แต่ก็ยังคงสูง ชายหนุ่มเพ้อถึงมารดาราวกับเด็กน้อย กฤตเมธพยายามเอาผ้าชุบน้ำพอหมาดเทียวเช็ด เทียวซับความร้อนออกจากตัวของสดายุอยู่เนืองๆ เพื่อลดความร้อนในร่าง พรุ่งนี้มีถ่ายทำแต่เช้า แต่เขาโทรไปลาพี่อ๊อดให้สดายุเรียบร้อย สดายุไม่สบายหนักขนาดนี้คงทำอะไรไม่รอดไปหลายวัน

“ยุครับ พี่อยู่ตรงนี้...ไม่ต้องกลัวนะครับ” กฤตเมธที่นั่งอยู่ข้างเตียง กระชับมือสดายุมั่น เทียวกระซิบปลอบโยนคนป่วยเบาๆ ให้ได้พอหายเสียขวัญ

กฤตเมธยังคงจำได้ดีเรื่องที่สดายุกับครอบครัวมีปัญหากันจนไม่ยอมไปมาหาสู่ แม้ภายนอกชายหนุ่มจะดูแข็งกร้าว ไม่สน ไม่แคร์กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่แท้จริงแล้ว ในหัวใจของสดายุคงอ่อนแอ และโหยหา

“...ฮือออ....อือออ...”

“พี่จะอยู่ข้างๆยุตลอดไปนะครับ ยุจะไม่เหงา ยุจะไม่เจ็บอีก พี่สัญญา...”

“......................”

“หลับเสียนะครับคนดี....”

เสียงทุ้มหวานที่กระซิบปลอบวัญไม่ห่างดูเหมือนจะได้ผล เพราะในที่สุด สดายุก็สามารถนอนหลับได้อย่างสงบเสียที

“...เด็กดื้อเอ้ย...หมดฤทธิ์เลยสินะคราวนี้...”

กฤตเมธ เฝ้ามองใบหน้ายามหลับของสดายุอยู่อย่างนั้น เฝ้าซับเหงื่อที่ผุดพรายจากฤทธิ์ยาให้อีกฝ่ายบ้าง เป็นอย่างนั้นอยู่ค่อนคืน ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน เพราะเขาจะหลับตาลงไปได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อคนที่เขารักยังคงเจ็บป่วยทรมาน

นั่งมองคนหลับลึกไปแล้วเพลินๆ กฤตเมธก็นึกขึ้นได้ถึงตอนที่สดายุมาคอยช่วยดูแลตัวเองตอนหัวแตกครั้งยังถ่ายหนังอยู่มัลดีฟส์ ตอนนั้นขนาดที่ว่าสดายุยังไม่ได้ญาติดีกับเขาสักเท่าไหร่ เจ้าตัวแสบของเขายังอดทนดูแลเข้าอย่างดีแม้จะถูกเขาแซวบ้างหรือแหย่เล่นบ้าง แต่ก็กัดฟันดูแลเขาจนหายดี กฤตเมธจำได้ติดตาว่าตอนนั้นสดายุของเขาน่ารักขนาดไหน 

ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขารักสดายุได้มากมายขนาดนี้
แต่ที่รู้แน่ชัดก็คือ…เขาจะไม่ยอมปล่อยมือจากเด็กที่น่าสงสารคนนี้ไปไหนอีกแล้ว

คิดไปคิดมากฤตเมธก็อมยิ้มออกมาน้อยๆ
ยิ้มให้กับความอุ่นซ่านที่เกิดขึ้นในหัวใจ
ยิ้มให้กับเส้นทางชีวิตที่กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

ก็ใครจะคิดล่ะ ว่าพระเอกเนื้อทองระดับเทพบุตรแห่งวงการที่ผ่านโลกมากว่า 33 ปีคนนี้….

จะกลายเป็น ‘เกย์ตอนแก่’ ซะงั้น   = =”

>
<
>
<
>

ในที่สุด หลังจากได้พักผ่อนเต็มที่ติดกัน 3 วันเต็ม สดายุก็เริ่มดีขึ้น พรุ่งนี้คงกลับไปโหมถ่ายทำได้ตามปกติ

เมื่อวานอ๊อดได้โทรมาแจ้งเรื่องการเปลี่ยนตารางการถ่ายทำใหม่ให้สดายุกับกฤตเมธได้ทราบ จากที่ในตอนแรกสดายุจะต้องได้พักยาวกว่าสามสัปดาห์ เพื่อดัมพ์น้ำหนักลงอีกประมาณ 5 กิโล สำหรับฉากคนป่วยในเดือนท้ายของการถ่ายทำ ทว่าเพราะช่วงนี้สดายุซูบลงเยอะ จนแทบไม่ต้องลดเพิ่มอีกแล้ว และที่สำคัญ ทางผู้จัดและสปอนเซอร์ต้องการที่จะเลื่อนการลงฉายให้ทันภายในเดือนธันวาคมจากตอนแรก จากกำหนดเก่าเดือนกุมภาพันธ์  ซึ่งตอนนี้ก็เดือนกันยายนเข้าไปแล้ว เวลากระชั้นชิดจนน่าใจหาย

การถูกเลื่อนเวลาให้เร็วขึ้นนี้เล่นเอาทีมงานถึงกับปาดเหงื่อ เพราะต้องเร่งถ่ายทำฉากที่เหลือให้เสร็จ สิ้นภายในปลายเดือนตุลาคมหรืออย่างช้าสุดคือกลางเดือนพฤศจิกายน จากนั้นก็ต้องเร่งจัดการลำดับภาพ เรียบเรียง ใส่ซาวนด์และอื่นๆที่ต้องเร่งกันแบบรากเลือดให้ทันปลายเดือนธันวาคม

...สนุกกันล่ะงานนี้

ดังนั้น จากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป การถ่ายทำก็จะเข้มข้นขึ้น โชคยังดีที่เหลืออีกเพียงไม่กี่ตอนก็จะจบโดยบริบูรณ์ จึงยังพอเหลือเวลาหายใจให้ช่างตัดต่อบ้าง

“ยุครับ เดี๋ยวพี่จะเข้ากองถ่ายไปดูตารางงานกับพี่อ๊อดแป๊บนึง ยุอยู่คนเดียวได้มั้ยครับ นี่ทานยาแล้วก็นอนเสียหน่อยนะ อย่ามัวแต่ท่องบทจนไม่ได้พักผ่อน ถ้าไข้กลับมาอีกจะยุ่งเอานะครับ” กฤตเมธกระซิบบอกสดายุที่กำลังนอนท่องบทอยู่บนที่นอน

3 วันเต็มๆแล้วที่สดายุนอนแกร่วอยู่บ้าน ข่าวว่าช่วงที่ตัวเองป่วยจนต้องหยุดอยู่บ้านนั้นภาระได้ไปตกอยู่กับพอร์ชและรุจน์ ซึ่งถูกเรียกตัวมาถ่ายทำด่วน โชคดีอีกแล้วที่ทั้งคู่คิวว่างพอดี (ที่จริงเป็นช่วงพัก...แต่กลับถูกเรียกมาทำงานต่อ ทั้งที่ยังไม่ถึงกำหนดจริง...ช่างน่าสงสารจริงๆ)

...พี่ขอโทษนะ พอร์ช รุจน์... (สดายุได้แต่ขอโทษในใจ)

9 โมงเช้าหลังจากที่ทานอาหารและทานยาเสร็จ สดายุที่เพิ่งจะสร่างไข้ ก็ถูกห้ามไม่ให้กระดิกตัวไปไหน ชายหนุ่มถูกกฤตเมธบงการอนุญาตให้นั่งนอนอ่านหนังสือดูทีวีแค่นั้น

“ก็ไปสิครับ ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ อยู่คนเดียวได้” สดายุหัวเราะพรืด ขำที่กฤตเมธทำตัวเป็นตาลุงจู้จี้และห่วงใยเข้าเกินกว่าเหตุ

“ผมหายแล้วครับ...คุณ...พ่อ...หึหึ” สดายุแซวคนรักออกไป พร้อมกลั้นขำทันที

“เหรอคร๊าบ...เมื่อเช้าวัดไข้ ยัง 37.6 อยู่เลยนะคร๊าบ...หึหึ” กฤตเมธตอบกลับพร้อมบีบปลายจมูกคนช่างแซวเป็นการลงโทษ สดายุย่นจมูกหนี ทั้งที่ยังคงหัวเราะถูกใจ

“ครับผม! เข้าใจแล้วครับ ผมจะนอนนิ่งๆคร๊าบ ไม่กระดุกกระดิก ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลยครับ พอใจมั้ยครับท่าน ผบ.กฤตเมธ...” ว่าพลางตะเบ๊ะมือให้พร้อมจ้องตาใส จนกฤตเมธถึงกับต้องส่ายหน้า

“หึหึ ให้มันจริง งั้นผมไปก่อนนะ ไม่น่าเกินเที่ยงเดี๋ยวผมกลับมา ถ้าหิวมีข้าวต้มนะครับอุ่นท่านได้เลย แล้วอย่าลืมทานยาด้วยนะ เผื่อผมกลับช้า” กฤตเมธพ่ายแพ้ในที่สุด ชายหนุ่มหยิกแก้มสดายุเบาๆ เป็นการลงโทษ แต่ก็ยังไม่วายเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินของคนรักอยู่ดี

“รู้แล้วคร๊าบคุณพี่...เอาเป็นว่าผมจะรอแล้วกัน” สดายุรับปากมั่นเหมาะ  กฤตเมธก็ส่งยิ้มให้พลางพยักหน้ารับ แล้วก้มลงหอมแก้มสดายุเบาๆ แทนคำลา ที่ต้องไม่เจอหน้ากันหลายชั่วโมง (ช่วงหวานๆก็เงี้ย ห่างกันแทบไม่ได้) ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อเจ็คเก็ตตัวเก่งแล้วออกจากห้องไป
>
>
>
>
>
ลับร่างกฤตเมธ ไปแล้ว แต่รอยยิ้มจางๆของสดายุก็ยังไม่ได้หายไปจากใบหน้า

‘มีความสุขเหลือเกิน’ สดายุคิดว่าถ้าใช้คำนี้ในตอนนี้ก็คงไม่ผิดความหมายนัก ตั้งแต่วันที่เขาได้เจอชิดจันทร์ตัวเป็นๆ วันที่เขาได้เห็นว่ากฤตเมธนั้นแม้จะยังใจอ่อนกับชิดจันทร์อยู่มาก แต่ก็ให้ความสำคัญกับเขาเป็นที่หนึ่ง สดายก็ตัดสินใจได้แล้วว่าเขาเองก็จะต้องตอบแทนความดีของกฤตเมธบ้าง

ตาแก่โลกสวยสุดเพอร์เฟคที่สดายุไม่ค่อยจะชอบในตอนแรกนั้น สุดท้ายก็ได้ใจเขามากที่สุด

ในวันแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองมีใจให้กฤตเมธมากกว่าแค่คนรู้จัก รู้สึกรักมากกว่าแค่คนคุ้นเคย จากที่จะให้กฤตเมธเป็นแค่หลักให้เขายึดจนกว่าจะถึงจุดหมาย แต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้ต่อลูกตื้อคนแก่หน้าตาย ยอมร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกันในที่สุด

วงการบันเทิงมันอยู่ยาก เขาที่ทัศนวิสัยจำกัด ทัสนคติบกพร่องนั้น ตอนแรกจึงมองเห็นอยู่แค่ทางเดียว คือ ‘ทางตัน’ คิดเอาไว้ใจใจเสมอว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ หากเรื่องที่เขากับกฤตเมธมีความสำมพันธ์ล้ำลึกต่อกันถูกเผยแพร่ขยายออกไป ชีวิตการงานที่เหลืออยู่คงจบสิ้น ความใฝ่ฝันว่าจะได้กลับมาผงาดในวงการอีกครั้งคงดับวูบ ไม่เพียงแค่ตัวเขา แต่กฤตเมธดาวค้างฟ้า พระเอกอนาคตไกลก็ต้องร่วงลงดินเป็นดาวตกไปด้วย เขาคิดอยู่แต่แบบนั้นซ้ำๆ ย้ำแต่แบบเดิมๆอยู่กับที่ มองไม่เคยเห็นถึงความหวังดี หรือความตั้งใจของกฤตเมธเลยแม้แต่นิด เพราะเขามัวแต่คิดตื้นๆอยู่คนเดียว ตามสันดานเก่าที่ไม่เคยเอาใครเข้ามาในชีวิต

คงต้องขอบคุณเสน่ห์จันทร์ หากไม่ได้ถูกตามตัวขึ้นไปคุยด้วยในวันนั้น เขาคงไม่ตาสว่างอย่างวันนี้ 

เขาคงไม่มีทางมองเห็นว่า...

‘วงการไม่มีความจีรัง...แต่ความรักจากกฤตเมธต่างหากที่ยั่งยืนกว่าเป็นไหนๆ’

ก็ไม่ได้มั่นใจนักหรอกนะว่าในวันทีคนทั้งวงการหรือคนทั้งโลกหันหลังให้เขาจริงๆ แล้วกฤตเมธจะยังอยู่ข้างเขาหรือเปล่า แต่ก็ยังพอจะคาดหวังอยู่ได้บ้างว่า หากวันนั้นมาถึงจริงๆ กฤตเมธจะยังคง ‘จับมือเขาอยู่’

“...ผมเชื่อคุณนะกฤตเมธ...อย่าทิ้งผมไปเสียก่อนล่ะ”

>
<
>
<
>

RRR

RRRRRRRRR

กำลังอยู่ในภวังค์เพ้ออยู่ดีๆ จู่ๆก็มีเสียงโทรศัพท์สั่นอยู่ข้างตัว ใครกันนะโทรมาในเวลานี้

RRR

RRRRRRRRR

“เอ๊ะ? ไม่ใช่มือถือเรานี่”

สดายุคว้ามือถือของตัวเองขึ้นมาได้ก็ต้องขมวดคิ้วฉงน  เพราะมือถือของเขาเงียบสนิท แล้วเสียงสั่นอื๊ด อื๊ด อยู่ตอนนี้มันดังมาจากไหนกันล่ะ?

RRR

RRRRRRRRR

“เอ๊ะ?” สดายุอุทานขึ้นเมื่อในที่สุดก็พบกับต้นตอของเสียงน่าสงสัย เพราะในที่สุดก็หันไปเจอเจ้ากับ ‘มือถือของกฤตเมธ’ ที่เจ้าตัวน่าจะตั้งลืมเอาไว้

“โธ่…ตาลุงขี้ลืมเอ้ย…” ชายหนุ่มบ่นเจ้าของเครื่องเสร็จก็รีบคว้าโทรศัพท์เจ้ากรรมที่ถูกลืมทิ้งไว้ขึ้นมาดู เผื่อว่าคนที่โทรมาจะเป็นคนที่เขารู้จัก จะได้ถือวิสาสะคุยธุระให้

และแน่นอนว่าชื่อที่ปรากฏอยู่ที่หน้าจอตอนนี้ ก็เป็นชื่อของบุคคลที่เขา ยิ่งไม่สามารถปฏิเสธการรับสายได้

‘ชิดจันทร์’

Peep!!

“อ๊ะ! รับสายได้เสียทีนะคะพี่เมธ” ทันทีที่กดรับ เสียงของปลายสายอีกฝั่งก็แหลมดังทะลุออกมา ขนาดสดายุยังต้องหรี่ตาน้อยกันเลยทีเดียว ‘เสียงแหลมชะมัด’

“ชิดโทรหาตั้งแต่เมื่อวานไม่ยอมรับสายชิดเลย…นี่พี่เมธยังโกรธชิดอยู่เหรอคะ…ชิดขอโทษจริงๆนะ…ชิดไม่ได้ตั้งใจจะเอาแต่ใจนะคะพี่เมธ ก็พี่เมธนั่นแหละที่สนใจคนอื่นมากกว่าชิดน่ะ…” เจ้าหล่อนยังคงสาธยายต่อโดยไม่ได้สนใจเลยว่าปลายสายสนทนาเงียบกริบ และไม่ได้รู้เลยว่าคนที่หล่อนกำลังขอโทษขอโพยและตัดพ้ออยู่ตอนนี้นั้นไม่ใช่กฤตเมธ

“…พี่เมธคะ?” ชิดจันทร์ลองเรียกอีกฝ่ายที่ยังไม่ได้ยินแม้แต่เสียง ‘ฮัลโหล’

“………………” ทว่าปลายสายก็ยังเงียบกริบ

“พูดอะไรบ้างสิคะ เงียบแบบนี้ชิดรู้สึกไม่ดีเลย…” ชิดจันทร์เริ่มอ้อนวอน โดยยังไม่ยอมสงสัยแม้สักนิดว่าคนในสายไม่ใช่กฤตเมธ

‘น่าขัน’ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนตลกชะมัดในสายตาของสดายุ ผู้ชายไม่เอายังตื้ออยู่ได้ ทั้งที่หน้าตาก็ดีมีชาติตระกูล มีเกียรติ์มีศักดิ์ศรีในสังคม เหนือกว่าทั้งเขาและกฤตเมธแท้ๆ แล้วทำไมถึงยังยึดติดอยู่ได้นะ

‘น่าสงสารเหรอ?’ ไม่ ไม่จำเป็นสำหรับชิดจันทร์ และก็ไม่ใช่ธุระของสดายุที่จะต้องไปสงสารคนที่จะมาแย่งของของเขา…

‘บอกแล้วไง ว่าผมมันใจแคบ และเห็นแก่ตัว!!’

“พี่เมธคะ!!?....” เห็นปลายสายยังคงเงียบนาน ชิดจันทร์ลองเรียกดูอีกครั้ง ด้วยน้ำเสียงแฝงความหงุดหงิดชัดเจน

“พี่เมธ…ออกไปข้างนอกแน่ะครับ ไม่อยู่”

“………!!!??”

รู้สึกว่าชิดจันทร์จะตกใจจนอึ้งรับประทาน ทันทีที่ได้ยินเสียงของสดายุ

“…น…นั่นใคร!?” ชิดจันทร์ถามออกมาเสียงแข็งน่ากลัว แต่ก็เข้าทางสดายุสุดๆ นอนเหงาปากมาหลายวัน ได้ลับคมเสียหน่อยคงเพลินดีไม่น้อย

“อะไรกันครับคุณหนูชิดจันทร์ แค่ไม่กี่วันจำเสียงผมไม่ได้แล้วเหรอครับ?”

“!!?...คุณ…สดายุ!!” ชิดจันทร์เอ่ยชื่อของสดายุออกมาแทบจะเค้นเสียง

 “ครับ? ว่ายังไงครับคุณหนู?” สดายุเองก็เสียงแหบใสยียวนสวนกลับไปแบบไม่มีเกรงใจ

“ทำไมคุณถึงมารับโทรศัพท์แทนพี่เมธได้คะ?”

“ก็…ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ของของพี่เมธ ก็เหมือนของของผม เรารับแทนกันได้อยู่แล้วครับคุณหนู”

“……………….แก…ไม่มีสิทธิ์!!” น้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมสรรพนามที่ใช้เรียกที่เปลี่ยนไปทำให้สดายุยิ่งขบขัน ในที่สุดคุณหนูชิดจันทร์ผู้แสนจะน่ารักอ่อนหวาน ก็เปิดเผยธาตุแท้

“หึหึ ทำไมจะไม่มีล่ะครับ ก็ในเมื่อผมเป็นแฟนของพี่เมธเขา…และเราก็อยู่ด้วยกัน…” ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องอีกฝ่ายมากนักหรอก แต่ในเมื่อชิดจันทร์ดูท่าจะไม่ยอมวางสายหย่าศึกไปง่ายๆ เห็นทีสดายุก็คงต้องขอเล่นด้วยเสียหน่อยแล้ว

“ทุเรศ!! แกมันก็แค่หวังเกาะพี่เมธดัง ต่ำที่สุด! คิดเหรอว่าพี่เมธจะจริงจังกับคนอย่างแก!! ฝันเฟื่องไปแล้วย่ะไอ้กะเทย! พี่เขาแค่หลงผิดไปชั่วครู่ชั่วยาม เดี๋ยวพอเขาเบื่อแกก็จะโดนเฉดหัวทิ้ง!!”

ชิดจันทร์ด่าออกมาเป็นชุดโดยไม่มีการเว้นวรรคหายใจ แต่แทนที่สดายุจะโกรธที่โดนต่อว่า ชายหนุ่มกลับไม่เดือดร้อน ซ้ำยังยกยิ้มขบขัน ราวกับเป็นเรื่องที่ตลกเสียหนักหนา

“หึหึหึ…เฮ้อ…คุณหนูครับ เผยธาตุแท้ง่ายๆแบบนี้มันไม่ดีนะครับ ใครมาได้ยินเข้าจะพาลมองไม่ดีไปถึงคนเลี้ยง…”

“กรี๊ดดด!! แกอย่ามาลามปามครอบครัวฉันนะ ไอ้เศษสวะ!!”

“จุ๊ จุ๊ ผมเปล่าว่าอะไรสักคำ นี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะเนี่ย”

“ไอ้ตุ๊ดใจร่านสันดานทราม เมื่อก่อนแสร้งทำเป็นพระเอกเพลย์บอย สันดานเดิมออกแล้วสินะยะ ฮึ! มาเปิดตัวตอนว่าเป็นตอนแก่นี้น่ะเหรอ น่าสมเพช!! ฉันบอกไว้เลยนะว่าพี่เมธเขาไม่เอาแกจริงจังหรอก!! ”

“ก็ไม่รู้สินะ ไม่เคยโดนเอาไม่จริงเสียที อ่อ…ขออธิบายนิดนึงนะครับคุณหนู คือแบบผมเนี่ย เขาเรียกว่า ‘ไบ’ ครับ ไม่ใช่ ‘ตุ๊ด’ เป็นประเภทหญิงก็ได้ชายก็ดี เอ่อ…แล้วคนที่เปิดตัวตอนแก่น่ะน่าจะเป็นพี่เมธมากกว่านะ เพราะเขาแก่กว่าผม ฮ่าฮ่า”

“กรี๊ดดดด!! ไอ้หน้าด้าน!!” หลังถูกสดายุอธิบายตอบโต้ไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อคำบริภาษของตน ชิดจันทร์ก็ถึงกับต้องร้องกรี๊ด เกลียด หล่อนเกลียดผู้ชายคนนี้เหลือเกิน เกลียดจนอยากจะฉีกเป็นชิ้นๆ

“โอย…เลิกกรี๊ดเสียทีเถอะครับ คุณหนู….หูผมจะหนวกอยู่แล้ว”

“แกมันก็แค่พวกชั้นต่ำไอ้สดายุ!!”

“ครับ ผมรู้ตัวดีครับคุณหนูแห่งชนชั้นสู๊งสูง มารยาทง๊ามงาม ภาษากริยาเรียบร๊อย เรียบร้อย คำพูดคำจาก็ว๊านหวาน เสนาะโสตเหลือจะบรรยาย คำหยาบคายไม่มี๊ไม่มี…ผู้ดี๊ผู้ดี…”

“กรี๊ดดดด!!! อย่ามาปากดีนะ!! นี่แกอยากลองดีกับชั้นใช่มั้ย!!?” สติของชิดจันทร์แทบจะขาดสะบั้น เพราะไม่ว่าจะก่นด่ายังไง สดายุก็ยังหัวเราะใส่หล่อนราวกับมันเป็นเพียงเรื่องขำขำ แถมยังดูถูกเธอเสียจนเจ็บแสบ

“ผมเปล่าน๊า….ผมอยู่ของผมดีๆ คุณหนูน่ะแหละมาจี้ผม”

“…แก…หึ…จำใส่กะลาหัวแกเอาไว้เลยนะสดายุ…ว่าฉันคือคนที่เหมาะสมกับพี่เมธที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทางฐานะ หรือทางสังคม ไม่ใช่ดาราตกอับกระจอกงอกง่อยอย่างแกที่ยิ่งอยู่ใกล้ก็จะยิ่งพาให้พี่เมธเขาตกต่ำลงไปทุกวัน!!”

จี้จุดตรงเป๊ะ จนสดายุยังอดตนกระตุกหน่อยๆกับคำปรามาสของชิดจันทร์ไม่ได้ ‘ช่างพูดจี้ใจดำเก่งเหมือนแม่ไม่มีผิด!’

“จำไว้นะสดายุ แก มันก็แค่คนไร้ค่า แกไม่คู่ควรกับพี่เมธเลยแม้แต่นิด ฉันขอเตือนด้วยความหวังดีเลยนะ เลิกยุ่งกับพี่เมธซะ! แล้วอย่ามาขัดแข็งขัดขาฉันอีก!” เมื่อเห็นว่าสดายุไม่เถียง ชิดจันทร์ก็จัดเต็มแบบไม่มีเว้นพัก สาแก่ใจหล่อนอย่างยิ่งที่ในที่สุดก็เอาชนะการปะทะคารมในครั้งนี้ได้เสียที

“ผม…ไม่มีสิทธิ์เลือกหรอกครับคุณหนู” หลังจากปล่อยให้ชิดจันทร์ทับถมอยู่สักพัก ในที่สุดสดายุก็เปิดปากตอบโต้

“ใช่! คนอย่างแกน่ะมันไม่…..”

“ผมไม่มีสิทธิ์เลือกกฤตเมธ แต่ขอโทษทีนะครับที่กฤตเมธเขาเลือกผม!”

“แก….!!” แน่นอนว่าคำตอบของสดายุก็จี้ใจดำของชิดจันทร์ไม่แพ้กัน

“เพราะฉะนั้นตราบใดที่กฤตเมธยังเลือกผมอยู่ ผมก็จะอยู่เคียงข้างเขา…เข้าใจตรงกันนะครับ!” สดายุปิดประโยคสนทนา โดยความหมายให้เป็นที่รู้กันว่า จะไม่มีการต่อรองอะไรระหว่างกันอีก

“มั่นใจซะจริงนะ……หึ…….ดี! แล้วเราจะได้เห็นดีกัน สดายุ!!” ชิดจันทร์เข้าใจในความหมายนั้น จึงได้แต่กัดฟันคาดโทษ ว่าหล่อนเองก็จะไม่ยอมรามือ!

“ครับ…เอาเป็นว่าผมจะรอดูแล้วกัน” และแน่นอนว่าสดายุเองก็ไม่ได้เกรงกลัวใดๆเหมือนเดิม



Peep!!


ทันทีที่พูดจบสดายุรีบกดตัดสาย เขาไม่อยากได้ยินเสียงน่ารำคาญหูของชิดจันทร์อีก ตอนนี้ช่างหัวมารยาทงามกับคุณสมบัติผู้ดีที่เขาไม่ค่อยจะมีอยู่แล้วไปซะ เขาไม่ได้อยากขึ้นชื่อว่าเป็นหน้าตัวเมียมีปัญหากับผู้หญิงหรอกนะ  แต่บางทีมันก็ต้องมีข้อยกเว้นกันบ้าง

ไม่รอช้าร่างผอมบางในชุดนอนโปร่งสบายลุกพรวดจากที่นอนมุ่งสู่ห้องน้ำ เพื่อเตรียมตัวออกไปจัดการบางอย่าง อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาควรเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างบ้างแล้ว

<
>
<
>
<
>

ติ๊ง!

Forty Floor…


********************************

โอ๊ะ…ทายสิ สดายุจะทำอะไรต่อไป

แล้วใครที่บุกมาที่ชั้น 40!!
 :hao7:
มาช้าแถมมาน้อย ขอโทษนะคะ
ติดงานหลวงจนไม่มีเวลามากระดิกงานราษฎร์เลยค่ะ ฮือๆๆๆ

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 15-06-2014 01:40:58
สุดายุน่าจะอัดเสียงไว้แล้วเอาไปปล่อยเน็ตให้คนได้เห็นสันดารจริงๆของมันนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-06-2014 01:58:06
ว้าย แอ๊บหลุด...สันดารโผล่ :P
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-06-2014 02:02:50
ยังไม่สบาย จะลุกไปไหนลูกกก เชื่อฟังพี่เมธสิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 15-06-2014 02:11:37
หยี้ !!! ยัยชิดจันทร์น่าไม่อายยย หล่อนมันน่าไม่อายยย
ผู้ชายไม่เอาแล้วยังตามตื้อ :katai1:
น้องยุสู้เค้าลูก !!!!!!!!
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 15-06-2014 02:41:34
รักกันหวานชื่น ชอบ :mew1:

เชียร์สดายุ เล่นสองแม่ลูกให้เจ็บแสบเลยจ้า

หมันไส้ยัยคุณหนูชิดจันทร์ เขาไม่เอาก็ยังจะตื้อ

รอดูต่อไปว่ายุจะจัดการยังไง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 15-06-2014 02:56:56
โถ่ๆๆๆๆ แบบว่าสั้นจริงอะไรจริง  แถมค้างอีกต่างหาก  :z3:  :katai1:
 :3123: :3123: :3123: ตอนต่อไปมาไวไวนะคะ
ใครมาๆๆๆๆ อยากรู้แล้วจิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-06-2014 06:07:11
หึหึ หางโผล่ซะงั้นคุณลูกผู้ดี

แต่ !!!! จบตอนใครมาฟร้าาาาา แง่ะ อยาก อ่านต่อแย้ววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-06-2014 06:55:30
ประกาศศึกอย่างเป็นทางการ
เอาใจช่วยน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 15-06-2014 07:07:29
ในที่สุดน้องยุของเราก็ลุกขึ้นสู้แล้ว
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ ๆ *0*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 15-06-2014 07:12:11
ใคร ใครมาอ่ะ !!!!!!

สดายุไฟท์ติ้งงงงง~ ^____^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 15-06-2014 08:29:06
เริ่มจะมันส์ อื้อหือ ชิดจันทร์  :z10:
ขออย่างเดียวยุอย่ายอมแพ้แล้วทิ้งเมธก็พอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 15-06-2014 08:39:51
 :katai1: :katai1:   :katai2-1: :katai2-1: :katai1: :mew1:

ยุสุดยอดดดกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษท
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 15-06-2014 09:16:43
เอาใจช่วยยุจัดการพวกมันให้สิ้น :angry2:  :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 15-06-2014 09:18:15
เปิดศึกแล้ว มันส์พ่ะย่ะค่ะ คิดจะแย่งพี่เมธไปจากสดายุก็ฝันไปก่อนนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 15-06-2014 09:26:17
น้องยุสู้ๆ *ผัวข้าใครอย่าเตะ*  :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 15-06-2014 09:50:02
 :katai2-1: ชูป้ายไฟ สดายุสู้ๆ
หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 15-06-2014 09:59:27
ช่วงที่ยุไม่ตอบชิดจันทร์ตอนรับโทรศัพท์แรกๆ คือ แอบอัดเสียงไว้รึป่าวเอ่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 15-06-2014 10:30:42
เบื่อสองแม่ลูกมากๆ

ยัยชิดจันทร์ ด่าเค้าว่าตุ๊ด กระเทยป่าวๆ แต่ตัวเองก็จะแย่งผัวกระเทยให้ได้อ่ะนะ

ยัยแม่ก็แปลก สนับสนุนให้ลูกเอาเกย์มาทำสามี หึ หึ

ยุสู้ๆนะ :a2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 15-06-2014 10:41:57
ชิดจันร้ายอะ ยุจะวางเเผนรับมือยังไงคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 15-06-2014 10:45:01
ยุ เมธ อย่ายอมแพ้ สู้ ๆ เชียร์สุดใจ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-06-2014 10:57:19
 :hao7:

ไปหาคุณเสน่ห์จันทร์สินะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 15-06-2014 11:05:19
น้องนีชิดหล่อนเปิดเผยตัวจริงออกมาแล้ววว  :angry2:

น้องยุสู้ๆสู้เค้า อย่ายอม  :impress2:

 :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re:ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก(ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-06-2014 11:07:55
 :interest: :teach:
ยุสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 15-06-2014 11:11:49
โอ๊ยยย  หมั่นมากนะคุณหนู   :5779:
ยุอย่าไปยอม สู้ให้สุดๆไปเลย  :ped149:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 15-06-2014 11:24:39
เจ้เชียร์น้องยุนะ สู้ๆนะลูก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 15-06-2014 11:57:03
ยุสู้ ๆ     :m11: :m11: :m11:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 15-06-2014 12:12:36
จัดไป จัดเต็ม ตัดหนัก ...และอย่ายอมแพ้ไปก่อนนะลูกยุ.......
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 15-06-2014 15:11:22
หวังว่าน้องยุคงจะอัดเสียงแม่ชะนีตัวร้ายเอาไว้นะ

ร้ายกว่าที่คิดไว้มาก  ต้องกำจัดยังไงจึงจะสิ้นซาก 

น้องยุอย่าหวั่นไหวกับคำร้ายๆนะ ต้องเชื่อมั่่นคนของเรา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 15-06-2014 15:38:32
ใครมาที่ชั้น40
แล้วสดายุจะไหนเนี่ย
เมื่อไหร่กฤตเมธจะรู้ว่ายายชิดจันทร์แอ๊บ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 15-06-2014 16:40:01
อยากอ่านต่อแล้วววววว.  อย่าดราม่าเยอะมากนะคะ สงสารยุ  อยากเห็นพี่เมธออกตัวแรงๆบ้างจัง 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 15-06-2014 19:15:59
น้องยุจะทำอะไรอีกน๊าาา แต่ขออย่างเดียว อย่าทิ้งลุงแกก็พอ  :z10:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 15-06-2014 20:34:12
น้องยุลุยเลยลูก อย่าทิ้งลุงนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-06-2014 22:40:39
ได้โปรดมาต่อเถอะน้า T^T อยากอ่านอีกเยอะๆเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 15-06-2014 22:45:08
งื้ออออ ลุ้นนน
ใครมาน่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 15-06-2014 22:53:56
ไม่อัดคลิปเสียงอ่ะ เห็นดารานิยมไฝว้กันด้วยคลิป  o3
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 16-06-2014 20:52:43
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 16-06-2014 22:33:59
 :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 17-06-2014 00:13:17
เรื่องชักจะมันส์ขึ้นทุกที

ตลกชิดจันทร์ ทำตัวลดคุณค่าตัวเองชะมัด -____-

ผู้หญิงแบบนี้ไม่ต้องแคร์หรอกยุ ลุยมันนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 17-06-2014 00:20:51
อยากตบยัยชิดจันทร์ :beat: ร้ายยยยไม่หยุดไม่หย่อนจริงๆ สดายุสู้เค้าๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 17-06-2014 00:26:31
เห็นรูปพี่เมธแล้วใจระทวยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 17-06-2014 12:02:44
ไฟท์ให้มันสุดๆไปเลยน้องยุ

ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

มารยาอะไรเอามาใช้ให้หมด

เอาให้สองแม่ลูกฟลูมูนกระอัก

ดิ้นตายกันไปข้างเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 17-06-2014 12:09:32
เกลียดชิดจันทร์แบบจริงๆจังๆ
โอ้ยยยย นางร้ายหางโผล่
เดี๋ยวปั๊ดดดดดดด
ยุนะยุ ง๊ากกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก 15/6/2014 (P.87) ขอเปลี่ยนหน้าน้องยุ
เริ่มหัวข้อโดย: jinrui ที่ 17-06-2014 14:44:12
อาคานิชิจินหรออิมเมจยุ 555555555555
หน้าได้แต่ดูถึกไปหน่อย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครทุกคนอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 17-06-2014 19:10:16
รวมหนังหน้าตัวละคร ทุกคนอีกครั้งค่ะ

สดายุ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E2A0E140E320E220E3801_zps89a7db74.jpg)     (http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E2A0E140E320E220E3802_zps2d4762a5.jpg)
นางเอกของเรื่องหาอิมเมจยากมาก นั่งเลือกจนตาจะฉีก ตอนแรกก็เลือก
Akanishi Jin ที่ดูหล่อเลว (เอามาลงรอบนึงแล้วนะ)
แต่ทว่า...พอเอามารวมๆกับรายละเอียดของสดายุที่เคยบรรยายไว้...
แหม่...jin มันแก่ไปหน่อย คล้ำไปนิด เลยต้องหากันใหม่
ขาว ปากแดง ตาสวย พระเอก...อืม....(นั่งทึ้งหัวตัวเอง หาไม่เจอ)
และแล้วชื่อหนึ่งก็แว่บเข้ามาในหัว...จางกึนซอก!!
ตัวสูงกว่าจินหน่อย แต่หวานกว่าม๊าก โอเค ผ่าน!!
ผ่านเพราะทำหน้าบึ้งได้น่ารักฝุดๆ!!

กฤตเมธ
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E010E240E150E400E210E180_zpsc050583e.jpg)
เลือกเฮียแดเนียล เพราะหล่อ และดูใจดี
เป็นหนุ่มโรแมนติก ที่ยิ่งใกล้ก็ยิ่งเพ้อ....ฮิ้ว
เปิดมาเจอก็รักเลยค่ะ นี่แหละ พี่เมธ
ตาแก่โลกสวย ที่มีรอยยิ้มละลายใจ


บลูม่า & ซอลย่า
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E1A0E250E390E210E480E320xE0B0E2D0E250E220E480E320_zps5bcc66d3.jpg)
บลูม่าหล่อ(แรด) ตามรูปเลยค่ะ หน้าน้องเขาดูร้ายดี
กับซอลย่า แบ๊ว... จุนกิ ดูแบ๊วๆใสๆ แต่ต้องอาศัยจินตนาการเล็กน้อย
ให้ตัวเล็กกว่าตัวจริง หุหุ

อ๊อด x กมล
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E1E0E350E480E2D0E4A0E2D0E140_zps807b2a7c.jpg)     (http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E010E210E250_zps1a8d8635.jpg)
ผู้กำกับหล่อถึก เหมาะกับแนว เจคอบ ฝุดๆค่ะ
ผมยาว ผิวแทน กล้ามล่ำ...
ส่วนกมล ก็ขาวตี๋ตามรูปค่ะ ดูขี้เหวี่ยงเล็กๆ พอกล้อมแกล้ม

พอร์ช x รุจน์
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E1E0E2D0E230E4C0E0A0xE230E380E080E190E4C0_zps1a743620.jpg)
แหมๆๆๆ คู่นี้เลยค่ะที่โผล่ขึ้นมาในหัว
ลองจิ้นพอร์ชที่ขี้แกล้ง กับรุจน์ที่ขี้ตื่นดูสิคะ
แอร๊ก...กำเดาพุ่ง

เสน่ห์จันทร์ & ชิดจันทร์
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E400E2A0E190E480E2B0E4C0E080E310E190E170E230E4C0_zps9256cc09.jpg)     (http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E0A0E340E140E080E310E190E170E230E4C0_zpsac16764f.png)
สองแม่ลูกที่กำลังน่าหมั่นไส้ที่สุดในเรื่อง
หล่อนทั้งคู่มีปมค่ะ รอดูเฉลยในเรื่องเลยแล้วกันนะคะ
เสน่ห์จันทร์ สาวสองพันปี
ชิดจันทร์ หน้าใสใจ....ร้ายมาก

บดินทร์ & แตงกวา & ดนัย
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E1A0E140E340E190E170E230E4C0_zpsd57b8f83.jpg)
     (http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E410E150E070E010E270E320_zps4779c165.jpg)
     (http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E140E190E310E220_zpsce734046.jpg)

เหล่าตัวประกอบอดทนค่ะ
แต่...จะมีอะไรมาให้ตื่นเต้นบ้างนั้น
ต้องรอไปชมกันในเรื่องนะคะ
มันมีเหตุผลในการโผล่มาเสมอ...หุหุ
 
ปล. หลายคนสงสัย อิตาดนัย เป็นใคร หุหุ มันโผล่มาตอนหน้าคร๊า
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-06-2014 19:27:03
555  เพิ่งรู้ว่าจางกึนซอกหน้าบึ้งจะน่ารัก น่ากด น่าฟัด น่าปราบพยศขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 17-06-2014 19:28:00
จิ้นสุดพลัง ชอบ พี่เมธ ยุก็เริด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 17-06-2014 19:44:47
อิมเมจโดนใจ  ยิ่งพี่เมธนี่ใช่เลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-06-2014 19:51:10
กดlike อิมเมจ.สดายุ บดินทร์ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 17-06-2014 20:40:01
 :L1: ตัวละครเปะมากกกกก น้องยุกะเฮียกฤต
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: viky_mama ที่ 17-06-2014 20:53:45
พลังการจิ้นอัพเวลขึ้นสามร้อยเท่าค่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 17-06-2014 21:03:41
น้องยุน่ากินมากค่ะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 17-06-2014 21:41:40
ว๊ายยยยย จางกึงซอกเหมาะกับจะเป็นอิมเมทสดายุมากจริงๆค่ะ
 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 17-06-2014 21:52:26
คุณเมธหล่อฝุด ๆ อ่ะ เหมาะมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 17-06-2014 22:18:31
กริ๊ดคะ   อ้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 17-06-2014 22:25:53
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: YaoTJi ที่ 17-06-2014 23:15:12
มโนอิมเมจคุณกฤตเมธเป็นพี่ติ๊กไปแล้วค่ะ (คุณเขมมมมมมม) แต่อิจเมจเป็นคนนี้ก็เริ่ดค่ะ คือแซ่บ  :hao6:

* แก้ไขชื่อ55555*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 18-06-2014 00:47:33
จะบอกว่าพี่เมธแซ่บมากค่ะ

 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก รวมหนังหน้าตัวละครอีกครั้งค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: _Yammery_ ที่ 18-06-2014 19:56:24
อุ๊ยตาย อิมเมจคือเฮียจางกึน! รักกว่าเดิมอีก อร้ายยยยย!

อยากจะบอกว่า .....นี่ฉันพลาดเรื่องนี้ไปได้ยังไงตั้งนานเนี่ย !
เพิ่งมาอ่าน ทั้งที่ผ่านตามา 10 ครั้งเห็นจะได้ อ่านปุ๊บ ว้ายมันใช่!>_________<
ชอบคู่เฮีย(?)บลูม่า กับซอลย่ามากอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 19-06-2014 00:20:51
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 31 เนรคุณ




ไม่เกินสิบโมงครึ่งสดายุก็เดินทางมาถึงบริษัทต้นสังกัด ด้านล่างทางเข้ายังคงพลุกพล่านไปด้วยเหล่าทีมงานหลายที่สดายุคุ้นตาบ้างไม่คุ้นบ้างเดินกันอยู่ขวักไขว่ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในความสนใจของสดายุมากนัก เพราะความมุ่งมั่นของเขา คือคนที่อยู่ชั้นบนสุดของที่นี่ต่างหาก 

ผู้บริหารสูงสุด 'ท่านประธานเสน่ห์จันทร์'

ความจริงกะจะเข้ามาหาบลูม่าก่อน แต่ผู้จัดการสาวใหญ่ของเขาดันออกไปพบลูกค้าข้างนอกพอดี กว่าจะกลับเข้ามาคงอีกพักใหญ่ๆ สดายุเองก็ไม่คิดจะรอ ขอไปเคลียร์กันซึ่งหน้ากับท่านประธานก่อน แล้วค่อยมาว่ากันอีกทีกับบลูม่า


(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/1_zps957ea526.jpg)

“อ้าว? สดายุ?” ในขณะที่กำลังอยู่ในอารมณ์มุ่งมั่น และกำลังจะกดลิฟท์ จู่ๆก็มีเสียงเรียกจากด้านหลัง ด้วยเสียงที่ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าที่ควร

“.....................??” สดายุไม่ได้ตอบโต้ในทันที เพราะยังฉงนเล็กน้อยด้วยว่าจำไม่ได้แล้วง่าคนที่เรียกคือใคร

“หวัดดี วันนี้เข้าบริษัทด้วยเหรอ?”

“...อ่า...สวัสดีครับ...คุณ...” ถึงจะถูกถามไถ่อย่างเป็นมิตร แต่สดายุก็จำไม่ได้อยู่ดีว่าใคร ได้แค่คุ้นๆหน้าเท่านั้น

ชายหนุ่มที่มาทักเขานี่ถ้าจำไม่ผิด เขาอาจเคยเห็นหน้าค่าตาบ้างทางโทรทัศน์ แต่ไม่ยักจำได้ว่าเคยคุ้นเคยหรือไปรู้จักมักจี่กันตอนไหน ดังนั้นสดายุจึงอาศัยช่วงทักทายตอบโต้สังเกตคู่สนทนาใหม่อีกครั้ง ชายหนุ่มตรงหน้าอายุน่าจะพอๆกับเขา ผมขาว...ถึงขาวมาก ขนาดสดายุที่มั่นใจในความขาวของตัวเอง ยังรู้สึกได้เลยว่าคนตรงหน้าสว่างกว่าเขาเยอะ ขาวจนริมฝีปากบางๆนั่นแดงแจ๊ด...ส่วนสูงน่าจะประมาณกฤตเมธ ซึ่งถือได้ว่าตัวใหญ่เลยทีเดียว ดวงตาคมเรียวดูมีเสน่ห์แกมเจ้าเล่ห์นิดๆ (อันนี้สดายุยอมแพ้)ผมหยักศกฟูฟ่อง ลักษณะนิสัยดูเป็นมิตรน่าคบหา...

ทว่า...นี่มันใช่เวลาที่เขาจะมาสนใจคนอื่นมั้ยเนี่ย?

“จำเราไม่ได้แล้วเหรอ? เฮ้ย เสียใจว่ะ” หนุ่มตัวขาวตัดพ้อพร้อมรอยยิ้ม

“อ่า...ขอโทษทีนะ...” แต่ก็ไม่ได้ทำให้สดายุนึกอะไรออก

“หึหึ...เรา ‘ดนัย’ ไง ที่เคยเล่นหนังเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ด้วยกันน่ะ เอ้ย นี่ลืมสนิทเลยจริงๆเหรอ?” ชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าชื่อ ‘ดนัย’  ถึงกับเลิกคิ้วสูงพร้อมขบขันออกมาทันทีที่รู้ว่าสดายุจำตัวเองไม่ได้

“อ๋อ...อ่า พอจะจำได้แล้วล่ะ ขอโทษทีนะ ดนัย” สดายุขมวดคิ้วน้อยๆ เหมือนยังนึกสงสัย แต่ก็เออออ ออกไปเพื่อจะได้จบบทสนทนาเสียที นี่เขาไม่ได้ว่างพอจะมารื้อความหลังเอาตอนนี้หรอกนะ!

“แอ่ะ จำกันจริงเปล่าเนี่ย? ฮะฮะ ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวคุยๆกันไปก็จำได้เองแหละ” ดนัยยิ้มจนตาหยี เป็นมิตรสุดๆ

นั่นสินะสดายุก็เริ่มรู้สึกคุ้นตาขึ้นมาบ้างแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกอยากจะทบทวน

“เอ่อ...ขอโทษทีนะดนัย คือผมกำลังรีบน่ะ ขอตัวก่อนนะ”

“อ้าว....”

สดายุเอ่ยขอโทษจบ ก็หันไปกดลิฟท์ที่ลงมารออยู่ก่อนแล้ว เพื่อจากไปแบบไร้เยื่อใยสานต่อ

ติ๊ง...

Going Up…

“.............................................”

“โอ๊ะ ขอโทษที เราก็จะขึ้นสำนักงานเหมือนกัน ขอติดไปด้วยคนนะ”

ทันทีที่สดายุก้าวเท้าเข้าลิฟท์ ดนัยก็ตามเข้ามาด้วยติดๆ รอยยิ้มหวานที่ตอนนี้ดูไม่ค่อยจะเข้าตาสดายสักเท่าไหร่ยังคงส่งให้ไม่ขาด

‘เฮ้อ...ไอ้ประหลาดคน’

ติ๊ง...

Thirty two floor…

ถึงชั้น 32 ประตูเปิด ดนัยเดินออกไปได้สองก้าวก็ต้องชะงัก แล้วหันกลับมาถามสดายุด้วยท่าทีฉงน “อ้าว? ไม่ออกไปสำนักงานด้วยกันเหรอ?”

สดายุส่งยิ้มน้อยๆให้คนถามก่อนตอบออกไปตามมารยาท “ผมจะไปชั้น 40”

“อื๋อ? ห้องท่านประธานน่ะเหรอ?” ดนัยเลิกคิ้วสูงถามต่อโดยใช้ตัวโตๆของตนขวางประตูลิฟท์เอาไว้ไม่ยอมให้ปิด

“ขอโทษนะผมกำลังรีบ” ถูกตื้อนานเข้าสดายุเริ่มอารมณ์ไม่ดี ‘หมอนี่มันจะอะไรของมันนักหนาวะ!?’ ทั้งๆที่เขาอยากริบไปทำธุระให้เสร็จไวๆ แล้วทำไมต้องมาติดหนึบอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รู้จักสนิทสนมด้วยละเนี่ย!!?

“เฮ้ย!?” ทันทีที่สดายุผลักอกอีกฝ่ายให้ออกพ้นประตู ก็เป็นอันต้องสบถออกมาด้วยความหงุดหงิดเพราะถูกอีกฝ่ายคว้ามือของเขาไว้อย่างถือวิสาสะ

“อย่าเพิ่งฉุนสิยุ เราแค่จะบอกว่า ท่านประธานคงไม่ว่างมั้งตอนนี้”

“ทำไม?” สดายุเสียงกร้าวเล็กน้อย พลางกระชากมือตัวเองกลับมา

ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...

เสียงร้องเตือนพร้อมประตูลิฟท์ที่ปิดลงทันทีเพราะหมดเวลารอ ทำให้ดนัยลนลานเข้ามาในลิฟท์อีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้ ชายหนุ่มยิ้มแผล่ให้กับสดายุที่ได้แต่ขมวดคิ้วหงุดหงิด

“เอ่อ...โทดทีนะ...เราแค่จะบอกว่า ตอนนี้ท่านประธานน่าจะมีแขกอยู่น่ะ...”

“.....รู้ได้ไง”

“คือ...เมื่อกี้ตอนเราเอาแผนงานขึ้นไปส่งท่านประธานแทนผู้จัดการส่วนตัวของเราน่ะ เราเห็นคุณกฤตเมธเข้ามาคุยกับท่านประธานอยู่ ตอนนี้ก็คงยังอยู่มั้ง ยังไม่ยักเห็นลงไปด้านล่างเลย”

ติ๊ง...

Forty Floor…


“อ๊ะ? ยุ? เฮ้ยจะเข้าไปแทรกเลยเหรอ ไม่เวิร์คมั้ง?” ดนัยคว้าสดายุเอาไว้ทันทีที่เห็นว่าเพื่อนนักแสดงเลือดร้อนตรงหน้า วิ่งฝ่าโถงกว้างไปอย่างไม่คิดฟังคำห้ามปราม

“ปล่อย!”

“โอ๊ะ?....เอ้ย...สดายุ!!”

สะบัดทีเดียวหลุด สดายุก็จ้ำห้อตรงไปข้างหน้าจุดหมายคือห้องท่านประธานโดยไม่คิดจะฟังเสียงทัดทานให้ระคายหู อารมณ์นี้ใครห้ามเขาก็ไม่สนแล้ว โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่า ‘กฤตเมธ’ ก็อยู่ในห้องนั้นด้วย

แกร๊ก!!

“ขออนุญาตครับ!”

ทันทีที่ถึงหน้าประตูบานเขื่อง สดายุก็เปิดเข้าไปทันทีแบบไม่มีการให้สัญญาณใด ทั้งที่มันเคยเป็นห้องที่เขาเคยหวาดหวั่นไม่คิดย่างกราย
สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของสดายุคือ เสน่ห์จันทร์ที่นั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าที่ไม่รับแขกเท่าไหร่ กับกฤตเมธที่ยืนอยู่ฝั่นตรงข้ามที่กำลังแสดงสีหน้าตกตะลึงเล็กๆ

“...ยุ?”

กฤตเมธเอ่ยเรียกสดายุเบาๆ ชายหนุ่มดูท่าทางจะตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าคนที่ควรนอนพักอยู่ที่คอนโด ดันมาโผล่ที่นี่

“อึ๋ย...ขอโทษครับท่านประธาน คุณกฤตเมธ เดี๋ยวผมพาเขาออกไปก่อนให้นะครับ” ดนัยที่วิ่งตามหลังมาติดๆ เอ่ยขอโทษที่เสียมารยาทแทนสดายุ ก่อนจะเข้ามาคว้าตัวคนสร้างเรื่องไว้แล้วพยายามดึงรั้งออกไปด้วยกัน

“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย? ปล่อยฉันนะ!” สดายุบ่นอุบ พลางพยายามฝืนกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังจับรั้งต้นแขนทั้งสองข้างของเขาจากด้านหลัง

“อย่าดื้อน่า เดี๋ยวก็เจอดีหรอก บ้าบิ่นเหมือนเดิมเลยนะนายเนี่ย” ทว่าดนัยเองก็ไม่ยอมปล่อย ด้วยความที่ชายหนุ่มตัวโตกว่าสดายุมากนัก จึงทำให้ไม่ว่าสดายุจะดิ้นรนยังไง ดนัยก็ไม่คนามือ

“เดี๋ยว!!”

“...........................” เสียงคำรามต่ำของกฤตเมธทำเอาทั้งสดายุและดนัยถึงกับกยุดการเคลื่อนไหวชะงัด

“........................” และยิ่งได้เห็นใบหน้าถมึงทึงตึงเปรี๊ยะของพระเอกเนื้อทองเข้าด้วยแล้ว เล่นเอาดนัยหายใจไม่ออกเลยทีเดียว ผิดกับสดายุที่แค่ขมวดคิ้วขัดใจเท่านั้น

“ปล่อยสดายุเถอะ ดนัย เขามีธุระกับฉัน” ไม่พูดเปล่า มือของกฤตเมธคว้าตัวสดายุเข้ามาโอบไว้ในอ้อมอกด้วยแขนเพียงข้างเดียวทันทีที่แจ้งให้เด็กร่วมสังกัดทราบ ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มรื่นหู

“อ่า...ครับ” ทว่าสายตาอันโหดเหี้ยมที่ส่งมานั้นไม่ได้ทำให้ดนัยรู้สึกดีกับเสียงสบายหูนั่นแต่อย่างใด แค่สบตาประกายไฟก็แล่นปราดเล่นเอาหน้าดนัยชาไปเป็นแถบ หนุ่มหน้าทะเล้นจึงทำได้แค่ถอยไปตั้งหลัก แล้วออกจากห้องไปเงียบๆ ปิดประตูให้เบาๆ

>
<
>
<

ดนัย นักแสดงหนุ่มฝีมือดี ที่เพิ่งจะกลับจากการไปรับงานที่ต่างประเทศมาเป็นเวลาสองปี เขาไม่ค่อยรู้นักว่าในวงการบันเทิงของไทยนั้นใครเป็นอะไรยังไงบ้าง เพราะเพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสัปดาห์

ก่อนไปเขารู้ว่าสดายุที่เคยเล่นละครด้วยกันถูกข่าวลือรุมเร้าจนต้องออกจากวงการ ตอนนั้นดนัยรู้สึกเสียดายมาก เพราะโดยส่วนตัวแล้วเขาเองนั้นชื่นชมในฝีมือของสดายุอยู่ไม่น้อย อยากส่งกำลังใจไปช่วยแต่ก็ติดงานต้องไปต่างประเทศเสียก่อน มาวันนี้พอได้เจอสดายุตัวเป็นๆที่บริษัท ดนัยยอมรับตรงๆเลยว่าดีใจสุดๆ สดายุในสายตาของเขายังคงเปล่งประกายเจิดจ้า แม้จะแปลกจากความทรงจำไปหน่อยตรงที่ผอมมาก แต่ก็ผอมแบบดูดี ไม่ขัดตา ออกไปทางน่าทะนุถนอมเสียมากกว่า

ถูกตาต้องใจจนต้องรี่เข้าไปทักทายด้วยว่าทนไม่ไหว ทว่าอีกฝ่ายดันจำเขาไม่ได้เลยแม้สักกระผีก เล่นเอาเสียเส้นไปนิด แต่ไม่เป็นไร เขาเข้าใจอยู่ เพราะตอนนั้นที่เล่นละครด้วยกัน สดายุที่เล่นเป็นพระเอกนั้นกำลังขึ้นหม้อและโด่งดังสุดๆ เทียบกับเขาที่เป็นเพียงเพื่อนพระรองนอกสายตาที่เข้าฉากด้วยกันเพียงไม่กี่ฉากแล้ว ก็ไม่แปลกที่สดายุจะลืม...

“มีธุระอะไรกันน๊า...เฮ้อ ทำโก๊ะซะแล้วเรา” ดนัยได้แต่บ่นกับตัวเอง เกาหัวแกร๊กๆ แล้วเดินลงลิฟท์ไปยังที่ของตน



“เอาไว้ค่อยขอเบอร์คราวหน้าแล้วกันวะ”


(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/E140E190E310E220E080E4B0E2D0E220_zps60c112ba.jpg)

>
<
>
<
>

กฤตเมธ มาถึงบริษัท ตอนเก้าโมงสี่สิบ หลังจากที่ตอนแรกเขาตั้งใจแค่จะไปหาอ๊อดที่กองถ่าย จึงโทรเข้าไปนัดอีกฝ่ายก่อนทว่า ข้อมูลที่อ๊อดแจ้งให้ฟังทำให้กฤตเมธต้องเปลี่ยนเส้นทางบึ่งเขาบริษัทก่อน

‘เฮ้ยเมธ มีคำสั่งลงมาจากคุณเสน่ห์จันทร์ว่ะ ว่าให้ลดเวลาพักของไอ้ยุ และการถ่ายทำลง เพื่อจะปล่อยทีเซอร์เดือนหน้า ลองโทรไปเช็คกับไอ้บลูม่าก็ดูเหมือนจะถูกสั่งห้ามรับงาน พี่ว่ามันไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ ไอ้บลูม่ามันก็บอกเดี๋ยวจะลองคุยกับไอ้ยุมันก่อน พี่ว่าเมธก็เถอะ ลองไปเคลียร์กับท่านประธานเธอดูหน่อยแล้วกัน ผลที่มันออกมาแบบนี้ พี่ว่าเหตุก็คงไม่แคล้วไอ้ข่าวที่เคยเกือบหลุดน่ะแหละ...’

ได้ยินดังนั้นกฤตเมธก็ไม่รอช้า เขาเปลี่ยนเส้นทางตรงไปยังบริษัทต้นสังกัดทันที นี่อาจถึงเวลาแล้วที่เขาต้องเคลียร์บางอย่างกับเสน่ห์จันทร์อย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียทีแล้ว

>
<
>
<
>


ติ๊ง!

Forty Floor…


>
<
>
<
>


“ขอร้องเถอะครับ ท่านประธาน! ได้โปรดของานให้ผมหน่อยนะครับ!!”


ทันทีที่กฤตเมธเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของเสน่ห์จันทร์ น้ำเสียงกระวนกระวายของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้น

วันนี้กฤตเมธรีบร้อนไปหน่อย จึงทะเล่อทะล่าเข้ามาให้ห้องทำงานส่วนตัวของประธานเสน่ห์จันทร์โดยไม่ได้แจ้งทางเลขาฯให้ทราบก่อน และพอขึ้นมาถึงก็มาเจอเข้ากับเหตุการณ์นี้พอดี

ชายคนที่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงหน้าโต๊ะของเสน่ห์จันทร์นั้นไม่ได้สังเกตเลยว่ามีเขาเข้ามาเป็นส่วนร่วมอยู่ตอนนี้ ยังคงร้องไห้ฟูมฟายอ้อนวอนบางอย่างกับท่านประธานด้วยทีท่าน่าสงสาร

แต่ดูเหมือนเสน่ห์จันทร์จะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไหร่นัก ปล่อยให้อีกฝ่ายเกาะโต๊ะทำงานอยู่อย่างนั้น ไม่ได้ไล่ แต่ก็ไม่ได้ฟัง และแม้เสน่ห์จันทร์จะเห็นแล้วว่ากฤตเมธเข้ามาในห้อง หล่อนก็ยังคงนิ่งฟังชายคนนั้นต่อไป

“ท่านประธานครับ ผมขอร้องจริงๆ งานอะไรก็ได้ เล็กน้อยก็เอา ขอให้ผมได้ลับมาทำเถอะนะครับ ผมไม่มีเงินเลย ครอบครัวผมตอนนี้ก็ลำบากมากครับ ซ้ำพรอกับแม้ยังป่วยอีก ผมสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วจริงๆครับท่านประธาน เห็นใจผมด้วยเถอะครับ ได้โปรด ผมขอร้อง…”

“หมดตัวเพราะการพนัน จนเจ้าหนี้ตามเรียกถึงกองถ่ายจนเสียงานเสียการมากี่ครั้งกี่หนแล้ว หืม เธอยังมีหน้ามาขอความเห็นใจอีกเหรอ พิมาน?”

“ตอนนั้นผมผิดไปแล้วครับท่าน จากนี้ไปผมจะไม่เล่นพนันอีกแล้ว ผมจะตั้งใจทำงาน ขอร้องล่ะครับ”

“กลับไปซะเถอะ ฉันไม่มีงานอะไรให้เธอทั้งนั้นแหละ”

“ไม่นะครับ โธ่ท่านประธาน ได้โปรด…”

“กลับไปซะ! แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีกแล้วนะ”

“ทำไมทีกับไอ้สดายุท่านยังเรียกมันกลับมารับงานได้ แล้วผมล่ะ…” เมื่อโดนไล่อย่างไร้เยื่อใย ชายคนนั้นก็กร้าวเสียงขึ้น ซ้ำยังอ้างไปถึงสดายุที่ถูกเรียกกลับมาทำงาน ทั้งที่ประวัติก็ไม่ได้ดีไปกว่าตน

คำพูดนั้น ทำเอาเสน่ห์จันทร์ถึงกับหัวร่อ พร้อมกล่าวคำเย้ยหยันอย่างที่สุดใส่คนตรงหน้าอย่างไร้ความปรานี “ฉัน…ไม่ชอบทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์ เธอก็น่าจะรู้ดีใช่มั้ย ฉันเรียกสดายุกลับมา เพราะเขายังมีค่า…”

“ต่างกับเธอ…ที่ไม่เหลืออะไรประโยชน์อะไรอีกต่อไป”

“….ท่าน…ประธาน………”

“กลับออกไปได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องเสียมารยาท” เสน่ห์จันทร์ออกปากไล่เป็นครั้งสุดท้าย

“……………………..ท่านประธาน….แล้วท่านจะเสียใจ ที่ปฏิเสธผม…” ชายหนุ่มที่ชื่อพิมาน ตัดพ้อเสียงสั่นพร่า ทว่าไม่เป็นผลอะไรกับเสน่ห์จันทร์อีกต่อไปแล้ว

ตี๊ด…

“สุริยาวดี ให้คนขึ้นมาเชิญพิมานออกจากห้องฉันหน่อย เดี๋ยวนี้เลย”



 เห็นว่าอีกฝ่ายยังรั้น เสน่ห์จันทร์เลยใช้มาตรการเด็ดขาด ได้ยินดังนั้น พิมาน ก็ไม่รั้งรอให้ถูกจับหิ้ว ชายหนุ่มผลุนผลันออกจากห้องไปทันทีเช่นกัน ตอนที่หันมาเจอกฤตเมธยืนอยู่ฝ่ายนั้นผงะไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำใด นอกจากเร่งฝีเท้าก้าวผ่านหน้ากฤตเมธ จ้ำเดินงุดๆออกไป ด้วยสีหน้าเจ็บร้าวระคนเจ็บแค้นชิงชัง…

“ว่าไง เมธ เรื่องที่เธออุตส่าห์มาหาฉันตั้งแต่เช้าแบบนี้ คงไม่ต้องเดาให้เสียเวลาสินะ”  เสียงหวานกังวานน่าเกรงขามของท่านประธานสาวใหญ่ถามไถ่ขึ้นพร้อมรอยยิ้มเล็กๆทันทีที่ได้อยู่กันสองต่อสอง

“ขอโทษครับที่ขึ้นมาโดยไม่ได้แจ้งก่อน” กฤตเมธกล่าวขออภัยด้วยความนอบน้อม พลางสืบเท้าเข้าใกล้โต๊ะทำงานที่เสน่ห์จันทร์นั่งรออยู่

“เอ่อ…คนเมื่อกี้นี่ใช่พระเอกที่ถูกปลดกลางอากาศ ตอนก่อนที่ผมจะไปมัลดีฟส์ใช่มั้ยครับ” กฤตเมธถามถึงคนที่จากไปแล้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย

“ฮึ อย่าไปสนใจเลย ไม่มีประโยชน์ให้ต้องใส่ใจหรอก” ทว่าเสน่ห์จันทร์ก็ไม่ได้สนใจที่จะตอบ

“คุยเรื่องขอเธอมาเถอะ….เรื่องสดายุล่ะสินะ” เสน่ห์จันทร์ลากเข้าเรื่องแบบไม่ต้องจั่วหัวเรื่อง

“ได้ข่าวว่า...ท่านห้ามสดายุรับงานอย่างนั้นเหรอครับ?” และกฤตเมธเองก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเสน่ห์จันทร์ได้ ชายหนุ่มก็ถามขึ้นตามตรงไม่มีอ้อมค้อม สายตามุ่งมั่นแน่วแน่ จ้องมองผู้เป็นนายและผู้มีพระคุณอย่างไม่มีลดละ

เสน่ห์จันทร์เพียงแต่ยิ้มให้กับคำถามของกฤตเมธ หล่อนเอนตัวลงไปด้านหลังเพื่อพักลงกับเบาะหนานุ่มของเก้าอี้ระดับผู้บริหารตัวใหญ่มั่นคง เท้าแขนลงบนที่เท้าขาทั้งสองข้างด้วยท่าทีสบายๆ สายตาของหล่อนหลุบต่ำลงเล็กน้อยพร้อมประสานนิ้วมือไว้ระดับหน้าอกราวกับกำลังใช้ความคิด

“เมธ เธอคิดอะไรอยู่...หืม?”

“ครับ?” คำถามแรกที่หลุดออกมาจากปากของเสน่ห์จันทร์ที่นั่งเงียบงันอยู่เนิ่นนาน

"หึหึหึ...แหม แหม...ตอบได้ฉะฉาน ราวกับวัยรุ่นเลยเชียวนะเมธ ป๊อบปี้เลิฟอยู่ล่ะสิ...หึหึ...ไร้เดียงสาจริงเชียว" เสน่ห์จันทร์หัวเราะชอบใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วหันหลังให้กฤตเมธ เดินไปยืนชมวิวของกรุงเทพมหานครตอนสายริมกระจกบางเขื่อง ไร้ความเชื่อมั่นในคำพูดของกฤตเมธอย่างสิ้นเชิง

"คุณเสน่ห์จันทร์........."

"เฮ้อ...เรื่องนี้ฉันคงเป็นคนผิดเองแหละ" เสน่ห์จันทร์ส่ายศีรษะที่มวยผมไว้อย่างสวยงาม มือซ้ายหล่อนยกขึ้นทาบอกราวกับรู้สึกผิดหนักหนา

"ผิดที่ให้เมธไปเล่นหนังเรื่องนี้ เพราะเห็นว่าอ๊อดอยากได้ และผิดหนักยิ่งกว่านั้นอีกตรงที่...เอาสดายุกลับเข้ามา" เสียงของเสน่ห์จัทร์กร้าวขึ้นเล็กน้อยตอนออกเสียงเรียกชื่อของสดายุ หล่อนปักใจเชื่ออย่างจริงจัง ว่าเรื่องนี้มันเป็นแค่ความรู้สึกฉาบฉวยของคนสองคนเท่านั้น มันไม่มีทางจริงจังไปได้

เพราะหนึ่งคือพระเอกหนุ่มใหญ่ที่ผาดโผนในวงการมานานผ่านสาวน้อยสาวใหญ่มากก็มาก เดิมๆในทุกวันอาจแค่รู้สึกอยากทดลองของแปลกใหม่

และอีกหนึ่ง ก็แค่อดีตพระเอกเสเพล ที่ฟันไม่เลือกสมัยยังโด่งดังเพียงแต่เมื่อก่อนหน้านั้นสนใจแต่ผู้หญิง สงสัยว่าช่วงตกอับคงอดอยากปากแห้ง มาเจอกฤตเมธเข้าเลยไม่คิดจะเลือกมาก แถมยังเป็นประโยชน์สองชั้น เพราะกฤตเมธทั้งดังและมีบารมีในวงการไม่น้อย คว้าเอาไว้ได้ ก็ไม่อดตายอยู่แล้ว...

ไม่ได้จริงจังสินะ

ไม่มีทางจริงจังกันได้อย่างเด็ดขาด........................สินะ


"เธอคงแค่หลงไปน่ะกฤตเมธ ฉันว่าเธอเองก็คงรู้ ไม่ว่ายังไงมันก็ไปไม่รอด แค่ชั่วครั้งชั่วคราวฉันจะไม่ถือสา   ความสัมพันธ์ฉาบฉวยแบบนี้ฉันหวังว่ามันคงจะจบไปพร้อมกับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้นะ ทางที่ดีเธอก็ควรห่างออกมาได้แล้วเมธ ฉันเร่งเวลาการถ่ายทำแล้ว อีกไม่นานก็คงจบ ทำเหมือนที่ผ่านๆมาน่ะแหละ ไม่ยืดเยื้อ...”


“ขอโทษนะครับท่านประธาน”

%
%
%
%
%
 :katai4:
ต่อด้านล่างจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 19-06-2014 00:21:31

 :katai1:



“ขอโทษนะครับท่านประธาน”

นิ่งฟังอยู่นาน นานจนรู้สึกว่าพอ ในที่สุดกฤตเมธก็ขอเป็นฝ่ายพูดในสิ่งที่เป็นจุดหมายของตนในวันนี้บ้าง

จุดหมายของเขาที่ต้องการอธิบายให้เสน่ห์จันทร์ได้เข้าใจว่า เรื่องระหว่างเขากับสดายุคือเรื่องจริง และที่ผ่านมาทั้งหมด เสน่ห์จันทร์นั่นแหละที่เข้าใจผิด

“ผมกับสดายุ เรารักกันจริงๆครับ”

“...เมธ”

“จริงอยู่ครับที่ช่วงแรก ผมอาจมองสดายุเป็นแค่ความแปลกใหม่น่าลิ้มลอง แต่ตอนนี้ผมรักเขาจริงๆ รักขนาดที่ว่าชีวิตต่อจากนี้ไป ผมก็ต้องการที่จะอยู่เคียงข้างเขาครับ!”


คำพูดแน่นหนัก สายตาแน่วแน่ กระแสเสียงมั่นคง ตอกย้ำในทุกๆความหมาย ทุกๆคำที่เอื้อนเอ่ยออกมาว่ามันจริงจังแค่ไหน และคนพูดให้ความสำคัญกับมันยิ่งกว่าสิ่งใด

ตั้งแต่ถูกช่วยเหลือ และผลักดันสู่วงการจากเสน่ห์จันทร์ กฤตเมธเทิดทูนแทบจะบูชาในน้ำใจของนายหญิงที่เอื้อเฟื้อแก่ครอบครัวของเขาที่เกือบจะเข้าภาวะล้มละลาย จนบิดาของเขาถึงกับเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิตไป ฝ่ายมารดาเองก็ตรอมใจจนป่วยหนัก หนี้สินมากล้นพ้นตัว จนกฤตเมธที่ในขณะนั้นเป็นแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 2 แทบไม่สามารถทำอะไรได้เลย จนกระทั่งเสน่ห์จันทร์ ผู้บริหารใหม่ไฟแรงของบริษัทจัดหาดารามาเจอเข้า และให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ซ้ำยังให้งานกฤตเมธทำ งานนักแสดงรายได้ดี จนสามารถจุนเจือครอบครัวได้ ยิ่งนานเข้างานชิ้นใหญ่ขึ้น ได้เล่นละคร หนัง รวมทั้งได้เป็นพระเอกทั้งที่อายุยังน้อย ชื่อเสียงโด่งดัง ค่าตัวสูงขึ้น ไม่ช้าเขาก็ล้างหนี้สินหมด ธุรกิจที่เคยล้มก็สามารถยึดยื้อเอาไว้ได้ ทั้งยังสามารถขยายกิจการให้ใหญ่โตขึ้นได้อีก

เพราะความช่วยเหลือของเสน่ห์จันทร์โดยแท้

จากนั้นมา กฤตเมธก็เชื่อฟังเสน่ห์จันทร์มาตลอด ประธานสาวเป็นคนดี หล่อนมีเหตุผลในการลงมือทำสิ่งต่างๆเสมอ กฤตเมธเคารพและเชื่อฟังเสน่ห์จันทร์มากทั้งใจฐานะเจ้านาย และผู้มีพระคุณ ชายหนุ่มทำตัวดี อยู่ในโอวาท ไม่เคยสร้างความเสื่อมชื่อ เพราะกฤตเมธถือว่านั่นคือการทดแทนบุญคุณที่สมค่าที่สุด

กระทั่งผ่านมาเกือบ 15 ปี ความรู้สึกนี้ของเขาก็ยังไม่ได้เปลี่ยน แน่นอนว่ากฤตเมธยังคงรู้สึกสำนึกในความเมตตา และบุญคุณของเสน่ห์จันทร์เสมอ

แต่นั่น...มันไม่เกี่ยวกับความรู้สึกรักที่เขามีให้สดายุ

และมัน...

แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง

เขาไม่มีทางตอบแทนบุญคุณของเสน่ห์จันทร์ ด้วยการเลิกรักสดายุ

“เธอ...คิดดีแล้วเหรอ?” เสน่ห์จันทร์ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่ยากจะคาดเดาอารมณ์

“ครับ” และกฤตเมธก็ไม่ได้ลังเลที่จะตอบ

“...เมธ...เธอคิดดีๆก่อนนะ...ฟังฉัน...ทางที่เธอเลือกมันกำลังจะทำลายทุกอย่างที่เธอสร้างมาทั้งหมดให้ย่อยยับลงด้วยมือของเธอนะ”  เสน่ห์จันทร์ทัดทาน สีหน้าของหล่อนตอนนี้ฉายแววกังวล ชัดเจน หล่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับกฤตเมธอีกครั้ง แต่ยังคงยืนกอดอกอยู่ตรงที่เดิม

“ผมคิด และไตร่ตรองอย่างดีที่สุดแล้วครับ”

“แต่เมธ...เธอยังไปได้ไกลกว่านี้นะ ตัดสินใจให้ดี! หรือหากว่าเธออิ่มตัวแล้วกับการแสดง เธอยังสามารถผันตัวไปเป็นเบื้องหลัง โดยทิ้งเกียรติ์ประวัติที่น่าสรรเสริญไว้แก่พวกเด็กรุ่นหลัง...เธอทำมาดีแล้วนะเมธ อย่าให้มันต้องมาพังตอนจบ อย่าให้มันต้องพินาศไปเพียงเพราะคนคนเดียว...”  เสน่ห์จันทร์พยายามเกลี้ยกล่อม “ฉันหวังมากนะเมธ ว่าเธอจะออกจากวงการอย่างสง่างาม ฉันหวังให้เธอยังคงเป็นที่กล่าวขาน และหวังเหลือเกินให้เธอยังคงเป็นดาวค้าฟ้าที่ไม่มีวันดับ...” จบคำสเน่ห์จันทร์จดจ้องกฤตเมธด้วยความคาดหวัง ว่ากฤตเมธอาจตาสว่าง อาจจะยังฟังเธออยู่บ้าง

“...ขอบคุณมากครับท่านประธานที่ท่านเป็นห่วงผมถึงขนาดนี้...” ทว่า กฤตเมธกลับทำลายความหวังของสเหน๋จันทร์จนป่นปี้ลงในประโยคเดียว “ แต่ผมตัดสินใจแล้วครับ...ผมตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าผมจะอยู่กับสดายุ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”

เสน่ห์จันทร์แทบจะทรุดฮวบลงบนพื้นห้อง ความหวังที่เธอมีเหมือนถูกทำลายลงต่อหน้า หล่อนเดินราวคนจะสิ้นแรงกลับมาทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ประจำตำแหน่ง ถอนหายใจยาวเหยียด เท้าแขนขวากับโต๊ะทำงานกว้าง พลางนวดขมับขวาตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน

“เธอทำให้ฉันผิดหวังมาก…กฤตเมธ…” เสน่ห์จันทร์เอ่ยขึ้นหลังนิ่งเงียบอยู่นาน

“ทั้งที่เธอเคยบอกว่าจะตอบแทนฉัน…”

“และฉันก็คาดหวัง…ในสิ่งที่เธอพูด…หวังไว้อย่างสวยงาม”

“แต่สุดท้าย เธอก็เป็นคนเหยียบย่ำมันเสียเอง…”

“เธอทำลายความหวังของฉันด้วยเท้าของเธอเอง กฤตเมธ!!”


เสน่ห์จันทร์เค้นทุกคำออกจากอกอย่างรวดร้าว หล่อนคาดหวังกับกฤตเมธมากจริงๆ และคิดมาตลอดว่ากฤตเมธต้องตอบสนองความคาดหวังของหล่อนได้ เสน่ห์จันทร์ทั้งคาดหวังและฝากทุกอย่างไว้ในมือของกฤตเมธ ทว่าตอนนี้ชายหนุ่มที่หล่อนเฝ้าฟูมฟัก กลับทรยศความหวังของหล่อนแบบไม่มีชิ้นดี

“ผมขอโทษ” กฤตเมธเอ่ยขอโทษออกไปจากหัวใจ เขารู้สึกผิด ยิ่งได้เห็นว่าเสน่ห์จันทร์ เจ้านายผู้ไม่เคยลงให้ใครต้องมาเจ็บปวดเพราะเขาด้วยแล้ว กฤตเมธยิ่งรู้สึกผิดขึ้นไปอีก

“ท่านจะให้ผมทดแทนคุณของท่านแบบไหน อีกเท่าไหร่ก็ได้ครับ ขออย่างเดียว…เรื่องสดายุ…ขอให้ผมได้อยู่กับเขา…” ทว่าความรู้สึกผิดนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนใจ

“ฮึ…ฉันคนนี้…เป็นคนที่จะไม่ยอมลงมือลงแรงกับเรื่องใดเด็ดขาด ถ้าเห็นว่ามัน ไร้ซึ่งประโยชน์…ใครๆต่างก็รู้ดี เธอก็ด้วยสินะเมธ…”

“….?? ครับ…พอจะทราบ” จู่ๆ เสน่ห์จันทร์ก็เอ่ยบางเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองขึ้นมา ทำให้กฤตเมธรู้สึกฉงนใจเล็กน้อย

“แน่นอนว่าที่ฉันชุบเลี้ยงเธอให้เป็นพระเอกแถวหน้านั้นเพราะมันคือผลประโยชน์ ทั้งกับตัวฉันและตัวเธอ…”

“ประโยชน์…ทั้งเรื่องเกียรติยศชื่อเสียง และประโยชน์เรื่องที่ฉันจะได้วางใจฝากฝังของสำคัญไว้กับเธอได้…”

เสน่ห์จันทร์เอ่ยทุกคำโดยที่ไม่ยอมเงยขึ้นมาสบตากฤตเมธเลยแม้แต่นิด หล่อนยังคงเท้าแขนขวากับโต๊ะ พลางใช่มือขวานวดขมับอยู่อย่างนั้น

‘ของสำคัญ’ ที่เสน่ห์จันทร์พูดถึง คืออะไร กฤตเมธก็ไม่อาจรู้ได้ ชายหนุ่มรู้เพียงแค่ ‘รู้สึกผิดทบเท่าทวี’ ที่ไม่สามารถสนองความคาดหวังของผู้มีพระคุณได้ก็เท่านั้น

“กฤตเมธ…”

“ครับ!”

จู่ๆ เสน่ห์จันทร์ก็เรียกขึ้น

“ที่เธอเคยสัญญาว่าจะดูแลชิดจันทร์เป็นอย่างดี…เธอยังทำมันได้อยู่มั้ย?”

“…ผม………………………..”

แกร๊ก!!

“ขออนุญาตครับ!”


“…………………………………………”

การสนทนาทุกอย่างสะดุดลงทันทีที่ถูกขัดขวางอย่างกะทัน

“...ยุ?”

กฤตเมธถึงกับเอ่ยเรียกสดายุออกไปเบาๆอย่างลืมตัว เขาตกใจไม่น้อยเลยที่จู่ๆ คนที่ควรนอนพักอยู่ที่คอนโด ดันมาโผล่ที่นี่

“อึ๋ย...ขอโทษครับท่านประธาน คุณกฤตเมธ เดี๋ยวผมพาเขาออกไปก่อนให้นะครับ” และยิ่งต้องขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อได้เห็นว่ามีชายหนุ่มร่างใหญ่โตอีกคนตามมาด้านหลังพลางฉุดกระชาก ถึงเนื้อถึงตัวของสดายุมากจนเกินความจำเป็น

“เฮ้ย! ทำอะไรเนี่ย? ปล่อยฉันนะ!” สดายุบ่นอุบ พลางพยายามฝืนกายออกจากอ้อมแขนแข็งแรงที่กำลังจับรั้งต้นแขนทั้งสองข้างของเขาจากด้านหลัง โดยไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า กฤตเมธที่กำลังสาวเท้าเข้ามาใกล้นั้นทำหน้าตึงขนาดไหน

“อย่าดื้อน่า เดี๋ยวก็เจอดีหรอก บ้าบิ่นเหมือนเดิมเลยนะนายเนี่ย” ดนัยพยายามรั้งร่างโปร่งบางของสดายุอย่างสุดกำลัง

“เดี๋ยว!!”

“...........................” จากนั้นเสียงคำรามต่ำแต่กังวานของกฤตเมธทำเอาทั้งสดายุและดนัยถึงกับหยุดการเคลื่อนไหวชะงัด หลังจากยื้อยุดกันอยู่นาน

“........................” และยิ่งได้เห็นใบหน้าถมึงทึงตึงเปรี๊ยะของพระเอกเนื้อทองเข้าด้วยแล้ว เล่นเอาดนัยหายใจไม่ออกเลยทีเดียว ผิดกับสดายุที่แค่ขมวดคิ้วขัดใจเท่านั้น

“ปล่อยสดายุเถอะ ดนัย เขามีธุระกับฉัน” ไม่พูดเปล่า มือของกฤตเมธคว้าตัวสดายุเข้ามาโอบไว้ในอ้อมอกด้วยแขนเพียงข้างเดียวทันทีที่แจ้งให้เด็กร่วมสังกัดทราบ ด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มรื่นหู เสียงนุ่ม ตาขวาง เพราะไฟหึงในหัวใจกำลังลุกโชน

‘ไอ้เด็กบ้านี่ใครวะ!?’

“อ่า...ครับ” เมื่อตั้งสติได้และเห็นว่าตัวเองกำลังโดนจ้องเล่นงาน หนุ่มหน้าทะเล้นถึงกับผละจากแล้วถอยไปตั้งหลักทันที ก่อนจะออกจากห้องไปเงียบๆ ปิดประตูให้เบาๆ

ทิ้งไว้เพียงความเงียบ…

“มาทำอะไรที่นี่กันยุ? ยังไม่สร่างไข้ดีเลยนะ!” ทันทีที่ลับร่างของดนัยผู้เป็นส่วนเกิน กฤตเมธก็ระล่ำระลักถามไถ่ที่มาที่ไปของสดายุ เพราะชายหนุ่มมั่นใจเหลือเกินว่าเมื่อเช้าตอนวัดไข้ให้ คนรักของตนยังมีไข้ต่ำๆอยู่เลย แล้วนี่ออกมาผจญภัยข้างนอกตอนแดดจัดๆแบบนี้เดี๋ยวก็ได้ไข้กลับอีก

“ผมมีเรื่องต้องเคลียร์นิดหน่อยครับ ผมเลยต้องมา” สดายุตอบออกไปพร้อมรอยยิ้มจางๆ ก่อนจะผละจากกฤตเมธเพื่อเดินตรงไปหาชิดจันทร์

“หึ…เข้าง่ายจริงนะ ห้องประธานบริษัทเนี่ย ไม่ต้องแจ้งก่อน ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ต้องให้เกียรติ์ ไม่ต้องรักษามารยาท นึกจะมาเมื่อไหร่ก็มา นึกจะไปตอนไหนก็ได้…ฮึ!” เสน่ห์จันทร์ค่อนขอดขึ้น โดยที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองด้วยซ้ำว่าผู้มาเยือนคนล่าสุดคือใคร

“ขอโทษครับ” สดายุกล่าวขอโทษตามมารยาท เพราะรู้ดีว่าตัวเองมีส่วนผิด

“บังเอิญผมมีเรื่องด่วนที่จะต้องคุยกับคุณให้ได้ ผมเลยต้องเสียมารยาทโดยการผลุนผลันเข้ามาโดยที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบก่อน” สดายุอธิบาย สายตาจับจ้องไปที่เสน่ห์จันทร์ที่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่จะชายตามามอง

“……………………” ซ้ำยังไม่มีการตอบโต้อีกด้วยว่าต้องการจะคุย หรือสะดวกหรือเปล่า

เห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบ สดายุก็เปิดปากพูดต่อ จะสนหรือไม่ไม่สำคัญอีแล้วในตอนนี้

“ผมมาขอกฤตเมธจากคุณครับ คุณเสน่ห์จันทร์!”

“……………….!!!???” เมื่อประโยคเด็ดถูกส่งออกไป คราวนี้ไม่สนใจคงไม่ได้แล้ว ทั้งกฤตเมธและเสน่ห์จันทร์ถึงกับหันมองสดายุเป็นตาเดียว…

แตกต่างกันเล็กน้อย ตรงที่

กฤตเมธดูตกตะลึง ระคนดีใจ

ผิดกับเสน่ห์จันทร์ ที่แสนจะขุ่นเคือง

“กฤตเมธ! เธอยังไม่ได้ตอบฉันเลยนะ!” คำขอของสดายุดูท่าเสน่ห์จันทร์จะปฏิเสธทิ้งโดยไม่ใยดี เพราะหล่อนไม่ยอมต่อความกับสดายุ แต่กลับหันไปคุยกับกฤตเมธต่อแทน

“ตอบฉันมาสิ! ว่าที่เธอเคยสัญญาจะดูแลชิดจันทร์เป็นอย่างดีน่ะ…เธอยังทำมันอยู่ใช่มั้ย?

จบคำถามคุกรุ่นของท่านประธาน สดายุหันมองกฤตเมธทันที สัญญาอะไร? ผูกมัดกฤตเมธขนาดไหน? หัวใจของสดายุถึงกับเต้นระส่ำ ทั้งตกใจกับคำถาม และหวาดหวั่นคำตอบของกฤตเมธ

“ว่าไง!?” เสน่ห์จันทร์ไม่รอช้า หล่อนเร่งเร้าจะเอาคำตอบ เส้นประสาทเธอตึงถึงขีดสุดแล้วในตอนนี้

“ผมขอโทษครับ…” กฤตเมธก้มหน้าเล็กน้อย ด้วยความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้ง พลางเอ่ยคำตอบที่แสนเจ็บหน่วง “ผม…สามารถดูแลชิดจันทร์ได้ในฐานะพี่น้องเท่านั้น อย่างที่ผมเคยแจ้งท่านเอาไว้ตั้งแต่แรก และมันจะไม่มีวันเปลี่ยน……….” พูดจบก็เอื้อมมือมากระชับเข้ากับมือของสดายุมั่น

“ผมรักสดายุ ผมไม่สามารถให้ใครมาสำคัญกับหัวใจของผมมากไปกว่าเขาได้…”

“ส่วนชิดจันทร์…ผมยังสามารถดูแลเธอในระดับพี่น้องได้เหมือนเดิม เพียงแต่มันไม่มีทางเป็นอะไรได้มากกว่านั้นเด็ดขาด……”

“โปรดเข้าใจผมด้วยครับ” พูดจบกฤตเมธก็ก้มหัวแทนการขอโทษ ชายหนุ่มก้มอยู่อย่างนั้นนิ่งงัน เพื่อรอคำบริภาษของเสน่ห์จันทร์

“เนรคุณ!!”



**********************************************************************

โอย…หน่วงเล็กๆ

เมื่อไหร่จะถึงฉากไคลแม็กซ์สักทีน่อ…

สปอยล์ : ตอนหน้า มีปะทะเล็กน้อย แต่เอ๊ะ? จะเป็นใครกับใครนะ

ดราม่าจะมีมาให้สดายุต้องฝ่าฟันไปอีกพักใหญ่ๆจ๊ะ
แต่เอาน่า นางไม่ใช่พวกยอมแพ้อะไรง่ายๆหรอก
แถม…ยิ่งสู้ นางยิ่งรู้คุณค่าของตัวเองมากขึ้นด้วยนะ
(เอ้า…อวยกันเข้าไป) อิอิ

ปล. และแล้วก็ได้ เปิดตัวดนัย!
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: wikawee ที่ 19-06-2014 00:22:13
แม่เจ้า  นี่มันคือมนุษย์ป้าของแท้เลยนี่  แหมๆๆๆ แม่คุณอะไรจะขนาดนั้น  ก็เข้าใจอ่ะนะว่าเป็นผู้มีพระคุณกับ กฤตเมธ  แต่ป้ามากเกินไปป่ะจะให้เค้าทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการทุกอย่างเลยรึไง  กฤตเมธก็เป็นคนนะเค้ามีสิธิ์ที่จะเลือก ป้าอ่ะทุเรศมีการรำเริกบุญคุณด้วยอ่ะ คือของแบบนี้มันไม่ใช่บ้างป่ะ  ไอ่ชุบเลี้ยงอ่ะพอเข้าใจหวังดีอยากให้เป็นดาวค้างฟ้าแบบไม่มีมลทินอ่ะเข้าใจ  แต่แบบจะเก็บเอาไว้ให้ลูกตัวเองมันไม่ใช่อ่ะป้าเรื่องแบบนี้เค้าไม่มาบังคับฝืนใจกันหรอก  กลัวลูกไม่มีผัวหรอคะ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงคะดูจากการกระทำแล้ว  นางมีแน่นอนเพราะเห็นนอกระแทกเบ้าตามาแล้วนางแอ๊บใสเก่งมากเลยค่ะ แต่ตอนนี้รักหนูยุมากค่ะ ป้าต้องเข้าใจสิคะว่าคนเค้ารักกันมันเป็นสิทธิ์ของเค้า  ป้าอย่าเอาคำว่าบุญคุณมาบังหน้าสิ  มันไม่งามนะคะ  เเล้วเรื่องเนรคุณนี่ป้าคงแค่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองแค่นั้นป่ะถึงได้พูดจาน่าเกลียดแบบนี้อ่ะ  มองจากการกนะทำของกฤตเมธแล้วมันไม่ใช่เลยอ่ะ ออกจะสำนึกในบุญคุณด้วยซ้ำ  แต่ผิดที่ป้าเองนั้นแหละที่ต้องการทุกอย่างให้เป็นใจตัวเองหมด  แต่ขอบอกตรงนี้เลยว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ในเมื่อมนุษย์ป้าไม่มีสิทธิ์มาตัดวินชีวิตใครหรือบังคับการดำเนินชีวิตของใครได้เพราะป้าแค่ผู้มีพระคุณที่เค้าตอบแทนมามากพอแล้ว และอย่าหวังว่าจะเก็บกฤตเมธให้ลูกสาวตัวเองได้แหละเพราะชั้นไม่ยอมแน่  มยุษย์ป้าที่เห็นประโยชน์ของตัวเองเป็นใหญ่ต้องเจอกับชั้นสตรีผู้มีจิตใจงามดั่งมหาสมุทร  เข้าใจตรงกันนะคะ 

ส่วนเธอชิดจันทร์ เดี๋ยวชั้นจะเอาเลื่อยไปตัดนอเธอจะได้เลิกไล่ควิดสดายุกับกฤตเมธเค้าสักที  ยังสาวอยู่แท้ๆทำไมครั่นเนื้อครั่นตัวอยากมีผอสระอัวผัวขนาดนั้น  ป่ะกลับบ้านไปนอนซะได้เลิกเพ้อเจ้อมโนว่ากฤตเมธเป็นของตัวเองสักที จบนะ!!!

หนูสู้ๆนะจ๊ะการกระทำของหนูมันดีแล้วสำหรับตัวหนูและหัวใจของหนูลูก ชีวิตเราต้องสู้กับคนที่เค้ามีอำนาจมากกว่าแล้วยังใช้กดขี่เรา  อย่ายอมนะคะ  อย่าให้ใครมาดูถูกเพราะที่ผ่านมาก็มากพอแล้ว  มาความสุขใส่ตัวเองบ้างนะคะ จะได้สดชื่นขึ้น เป็นกำลังใจให้นะคะ รักน้องยุมากกกกก

ดนัยนายแค่พระรองที่ออกมาช้าเกินไป เค้าได้กันถึงไหนล่ะ  พึ่งโผล่มา  ไม่ได้เเอ้มน้องนุกรอก  บอกไว้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆ

ปล.คนเขียนสุดยอดค่ะ ทำให้คนคนนึงหมั่นไส้ตัวละครได้ขนาดนี้ รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 19-06-2014 00:49:35
เอะอะก็ลำเลิกบุญคุณ !!!! ใจคอบุยคุณนี่จะให้ชดใช้กันไปจนตายเลยมั้ย รึยังไง ห๊าาาา
หยี้ น่าเกลียด ยัดเยียดลูกสาวตัวเองใส่พานให้คนอื่น มันน่าเกลียดไม่รู้หรอ
ยุไฟท์เลยลูก จะสู้ก็ต้องสู้ให้ชนะ !!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 19-06-2014 00:57:22
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดด พระรองที่เฝ้าร้ออออออออออออออออออ  :m11:

... กราบงามๆให้คุณอนาคีที่ส่งคู่แข่งมาให้ตาลุงก่อนจบ

...ไม่ได้ไรนะ แต่จันตัวแม่นิอยากได้เอง รึให้จันลูก นางแลดูใส่อารมณ์นะ 555

รอตอนต่อไป๊ ยั้ย ยั้ย  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-06-2014 01:02:45
ส่งใบลาป่วย ขอไปรักษาไตวายเรื้อรังจากการบริโภคมาม่า  น้ำตาล น้ำตาก่อนค่า
แล้วจะกลับมาเมื่อภาวะหัวใจหายล้มเหลว :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 19-06-2014 01:07:20
อะไรยังไงไม่รู้ รู้แต่ปลี้มพี่เมธกับน้องยุเต็มล้นใจ
ตอบกันไปคนละประโยคสองประโยคเด็ดๆได้ใจทั้งนั้น
“ผมมาขอกฤตเมธจากคุณครับ คุณเสน่ห์จันทร์!”
“ผมรักสดายุ ผมไม่สามารถให้ใครมาสำคัญกับหัวใจของผมมากไปกว่าเขาได้…”
โอ๊ยยย รู้สึกฟินนาเล่สุดๆๆๆๆ ดีดดิ้นไปมาหน้าคอม ขอโทษนะคะ เม้นท์ออกแนวบ้าบอเว้นเว้อ
แม่ยกน้องยุปลื้มปริ่มมากกกก  :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 19-06-2014 01:33:30
เเหม ด่าเขาเนรคุณ ตัวเองกับลูกโคตรเห็นเเก่ตัว
เเม่ลูกคู่นี้ปญอ อย่างเเรง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 19-06-2014 01:33:40
เกลียดเสน่ห์จันทร์!!!!!!!!!!!!!!!

เมธแค่ขอรักและอยู่กับยุนี่เป็นการเนรคุณหรือเนี่ย

ที่จริง การตอบแทนบุญคุณ เมธก็ทำมาให้ตั้งแต่เข้าวงการแล้วนะ

เพราะเมธเป็นดาราในสังกัดของเสน่ห์จันทร์ ยังไงตอนมีงานก็เหมือนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย

โอ๊ยยยยย ไม่ชอบเลย :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 19-06-2014 01:50:47
เอาลูกสาวมาประเคนให้ชาวบ้านแบบนี้  ไปๆมาๆไม่ต่างจากแม่เล้าเลยวุ้ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 19-06-2014 01:55:39
โหยยยยยยย ป้า
ปล่อยๆเค้าไปเหอะ
เห็นละเซ็งแทนยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 19-06-2014 02:48:43
จะมาม่าชามเล็ชามใหญ่ไม่ว่า ขอแค่อย่าเอามาม่าเส้นอืดมาให้กินก็พอ
แต่2-3ตอนล่าสุดเนี่ยสำหรับเราไม่เรียกมาม่านะ เราเรียกต้มยำรสแซ่บ
หรือไม่ก็ยำรวมมิตรรสจัด คือมันแซ่บถูกปากมาก อีกอย่างเราอ่านแล้วไม่ค่อยหน่วง
มีแต่อย่างอ่านต่อเรื่อยๆเพราะมันสะใจดี อ่านนายเอกใสซื่อเจ้าน้ำตามาจนเบื่อแล้ว
ขอแรงๆแซ่บๆ สู้คนแบบนี้ล่ะ เค้าชอบ

ปล.แอบอยากเห็นไมเม้นท์คุณกฤตเมธหึงบ้างอะไรบ้าง อยากดูว่าคุณเมธแกจะแซ่บแค่ไหน
หลังจากพิสูจน์มาแล้วว่าบนเตียงแกก็แซ่บ แต่จะรอดูสนามรบชิงยุดูบ้างว่าแกจะมาแนวไหน
จะมีทางไหนบ้างที่สองแม่ลูกนั่นจะฉิบหายวายวอดมั่งป่ะจะได้ไปช่วยยุบ้าง
หวังว่าพระเอกที่ถูกถอดคงจะแค้นจนหาทางเอาคืนด้วยนะ จะได้ไม่ต้องถึงมือสุดายุ
และสุดท้ายมีสองคำที่อยากจะฝากแก่ชะนีมีนอสองตัวทั้งชิดจันทร์และเสน่ห์จันทร์ อีด-อก

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 19-06-2014 07:23:19
จะกรี๊ด อะ ทั้งเมศและน้องยุมาด้วยเรื่องหัวใจเหมือนกันเลยคู่รักตัวอย่าง คิคิ ใจตรงกัน ดนัยนี้โพล่มาได้จังหวะเลย อยากเหนเมศหึง ตอนหน้าจะรอซดมมาม่านะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 19-06-2014 07:56:50
 :laugh: รู้สึกสะใจยังไงไม่รู้แฮะ รอติดตามคร่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 19-06-2014 08:22:34
กริ๊ดอ่ะบอกเลย ยุ ไฟท์ติ้ง
คุณป้าขา ที่จริงคุณป้าต่างก็ผลประโยชน์ตอบแทนกันนะ
คุณกฤตเมธก็น่าจะทำเงินให้บริษัทของป้าได้ไม่น้อยตั้งแต่เข้าวงการ ถ้าหนี้บุญคุณใช้ไม่มีวันหมดก็ไม่ไหวนะ
แถมยังให้ตอบแทนโดยการแต่งงานกับยัยชิดจันทน์อีก ไม่ไหวคร่า
สดายุทุ่มสุดตัวเพื่อตาลุงเลยจร้าเพื่อความสุข อิอิ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 19-06-2014 08:27:18
น้องยุกล้าได้ใจมากเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: mahaki ที่ 19-06-2014 09:08:17
ยังไงๆก็ยังไม่ชอบใจคุณเมธอยู่ดี ต้องรอให้ยุออกโรงก่อนทุกทียังไม่เห็นคุณเมธทำอะไรด้วยตัวเองก่อนสักที ยังสงสัยเหมือนตอนที่ชะนีมาที่กองตอนก่อนหน้านี้ค่ะ ถ้ายุไม่ทำอะไรสักอย่างก่อนเมธจะทำยังไง ผู้มีพระคุณเราควรตอบแทนในทางทีทถูกนะคะไม่ใช่ยอมตามเขาไปทุกอย่าง นี่ถ้าตอนนี้เมธไม่ตอบแบบนั้นเราจะขอโหวตให้คนอื่นเป็นพระเอกแทน :beat:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 19-06-2014 09:18:11
ความรักมันบังคับกันได้ที่ไหนเล่า
พอเขาไม่รักลูกสาวตัวก็ว่าเขาเนรคุณ
คนแบบนี้ก็มีด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 19-06-2014 09:21:59
ป้าเยอะว่ะ

ไม่รู้จะนิยามยังไงดี  ป้าแม่มคิดว่าโลกหมุนรอบตัวเองเหรอไงฟระ
คิดว่ามีบุญคุณแล้วได้ทุกอย่าง?
ให้ตายก็ต้องยอมเรอะ?

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 19-06-2014 10:26:35
โอ่ย ได้ใจทั้งพี่เมธทั้งยุเลย  :sad4:
มันต้องแบบนี้
สู้ไปด้วยกันนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-06-2014 10:41:38
ออกมาแค่ฉากเดียวแต่น่ารักดีแฮะ ดนัยเนี่ย 555555
ออกมาเป็นสีสันบ่อยๆนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 19-06-2014 10:49:59
ดนัยยยย ฉันกะแล้ว คิดจะจีบน้องยุของฉันใช่มั้ย ใจเย็น ๆ เพิ่งกลับมาก็ดูทิศทางลมนิดนึงนะ ขอบอกว่าเจ้าที่แรง 555
เสน่ห์จันทร์ทำให้ลูกสาวดูไร้ราคามากเลย ผู้ชายเขาปฏิเสธตั้งหลายรอบขนาดพูดชัด ๆ ก็ขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจอีก จะว่าเป็นคู่หมั้นคู่หมายกันมาก็ไม่ใช่  อย่าเอาสดายุมาอ้างเลย ต่อให้คนที่กฤตเมธรักเป็นผู้หญิงนางก็คงทำตัวอย่างนี้อะแหละ ทำไมต้องไล่จับผู้ชายให้ลูกสาวด้วยเนี่ย  :mew5:
แล้วคนมีความสามารถมาถึงได้ระดับนี้อย่างกฤตเมธมีเหรอจะชีวิตจะดับแค่เพราะคนรักเป็นผู้ชาย? เป็นถึงประธาน คิดเอาแต่ได้ 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 19-06-2014 10:57:36
ต่อไปดนัยเนี้ย จะโดนมนุษย์ป้า(เสน่จันทร์)ใช้มาสร้างความร้าวฉานให้ทั้งคู่ไหมนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 19-06-2014 11:12:03
 เบื่อเสน่ฟ์จันทร์ว่ะ มีความหลังฝังใจอะไรกันหนักหนา สามีทิ้งหรอไง ถึงทำตัวแบบยี้ แต่จะโดนททิ้งก็ไม่แแลก บ้าอำนาจ ทุเรศตรงใช้คำว่าเนรคุณ ต้องให้พี่เมธขายวิญญาณให้เลยไง ถึงจะเรียกว่าทดแทนบุญคุณหล่อนนะ ฉันละเพลียกับตรรกะปัญญาอ่อนของเธอจริง ๆ ดีนะว่ายุไม่ขี้แง แค่เป็นคนไม่รู้คุณค่าในตัวเอง แต่งี้ละ หัดคิดว่าตัวเองมีดีเยอะ ๆ ยุ ส่วนพี่เมธตอนนี้จัดว่าเด็ดคะ ปรบมือให้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 19-06-2014 11:18:43
รักแท้มันต้องมีอุปสรรค
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 19-06-2014 12:14:59
ง๊ากกกกกกกกก
มาทวงบุญคุณได้น่าเกลียดสุดๆ เขาไม่เอาก็ดันทุรังจะยัดเยียด
เกินไปนะ

ขอข้ามอิมเมจไปนะคะ
คือแบบว่าอ่านมาแล้วจิ้นไปเป็นหน้าอิมเมจที่เราคิดมาไปแล้ว หุหุ

รอดูต่อไปปปปปป
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 19-06-2014 12:32:36
ดีนะที่น้องยุเป็นนางเอกสมัย อย่าไปยอมมมมมน้า สู้ๆๆ ส่วนเฮีย  o13 เป็นพระเอกทั้งในจอและนอกจอเลยสุดยอดมาก  :L1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-06-2014 12:42:07
เอาอีแก่นั้นมาตบมะ หึ๋ยยยยย!!

กล้าพูดเนรคุณ  อีแม่เล้าหาผู้ชายให้ลูกตัวเอง ลูกก้อชอคกะ ตบมะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 19-06-2014 12:46:16
อยากจะ :z6: ยัยป้าเสน่ห์จันทร์ซะจริงๆ :m31:  :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 19-06-2014 15:19:30
โอ้ยยยยยหน่วงจิต มากค่ะตอนนี้ พี่เมธกะน้องยุจะโดนอะไรบ้างเนี่ยยยย :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 19-06-2014 15:21:20
น้องยุ พี่เมธ คนแต่ง สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 19-06-2014 15:45:00
มีบุญคุณก็จริง แต่ไม่ใช่เจ้าชีวิตเค้ามั้ยป้า
ได้ข่าวว่าป้าก็ได้เงินจากตัวพี่เธกับยุไปเยอะแล้วปะ

ศิลปินเค้าก็ต้องมีชีวิตจริงของเค้า
อย่ามาบังคับกันขนาดนั้น เรื่องหัวใจมันบังคับได้ที่ไหนล่ะ
ลูกป้าก็ใช่ว่าจะดี กว่าคนอื่นขนาดนั้นนะ

เอาใจช่วยให้ผ่านอุปสรรคป้าๆไปได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 19-06-2014 16:22:05
กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆ   พี่เมธเด็ดมากๆๆๆ รักตายเลยๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 19-06-2014 17:04:43
เอาจริงๆ เราว่าเจ๊สเน่ห์จันทร์เข้าใจอะไรผิดนะ... การเนรคุณคือไม่ตอบแทนบุญคุณคนที่มีพระคุณ ไม่ได้หมายความว่าต้องแต่งงานกับคนที่เราไม่ได้รัก

ถ้ามันเป็นอย่างนั้น... ถ้าการที่เมธแต่งงาน = เคารพ งั้นก็หมายความว่า การกระทำของสเน่ห์จันทร์คือ ธุรกิจ มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่ได้ช่วยจากใจจริง

ดังนั้นการที่เมธไม่แต่งงานกับลูกสาวนาง ก็ไม่ถือเป็นการเนรคุณ....

ถ้าเทียบตามหลักการทำธุรกิจ... สเน่ห์จันทร์พยายามใช้ความสัมพันธ์ด้านการตลาดมาผูกขาดคู่ค้า จากหุ้นส่วนธุรกิจกลายเป็นพนักงานใต้คำสั่งตัวเอง

โอ้มายยยยยย แล้วใครจะยอมละจ้าาาาาาาาาาา  :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 19-06-2014 17:53:04
“เนรคุณ!!” คืออะไร ต่างคนต่างได้ผลประโยชน์

15 ปี กับพระเอกชื่อดังโดยไม่เปลี่ยนสังกัดไปไหน ยังเรียกว่า เนรคุณ ได้อีกหรือ

ต้องตอบแทนเท่าไหร่ ถึงจะพอหล่ะอิป้า ไม่ใช่ยุคทาสนะ  :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 19-06-2014 17:57:05
เขาทำงานตอบแทนมาตั้ง 15 ปีแล้ว สั่งไม่ได้อย่างใจ
ถึงกลับกลายเป็น"เนรคุณ"เลยเนี่ยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-06-2014 18:41:11
หึ อย่างนี้เขาไม่ได้เรียกว่าเนรคุณหรอกเจ๊ แต่เจ๊นั่นล่ะที่ชักจะมากเกินไปล่ะๆ   :m16: :z6:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 19-06-2014 18:54:40

แค่ชื่อตอนก็กรี๊ดละค่าาาาา

เหมือนยุมาขอพี่เมธแต่งงานจากคุณแม่มหาโหดเลย 555555555 คราวหลังพกสินสอดมาด้วยนะยุนะ

กอดยุ :กอด1: :กอด1: ลุยเข้าไปเลยยยย อย่าไปหวั่น

พี่เมธเอาใจไปเลยตอนนี้ พี่หล่อมาก

เชื่อว่าไม่ว่าสองคนนี้จะเจอดราม่าอะไรจะต้องฝ่าไปได้ค่ะ

จะตัวแม่หรือตัวลูกก็สบายยย  :katai3:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 19-06-2014 19:25:22
เกลียดอีแก่ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 19-06-2014 19:32:33
ฮ่าๆๆๆ  บอกเลยป้า   นายเอกเรื่องนี้ โหดคะ 

ปลื้มยุจริง   พ่อพระเอกเนื้อทองก็หล่อ  อ้ายยยย


เค้าปลื้มมมมมมมมม   :impress2:  :man1:   :o8:  o13  :-[   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 19-06-2014 19:42:26
แม้จะดราม่าแค่ไหนแต่น้องยุของเราก็จะต้องข้ามผ่านไปได้ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 19-06-2014 20:09:44
แหมมมมมมมมม.......ยัยไร้เสน่ห์ทำเสียสถาบันผู้สูงวัยเพศหญิงหมด....
แม่หนับหนุนหนูนะลูกยุของแม่...   อย่าให้ไอ้อีหน้าไปมาฉกพี่เมธไปนะ..
มิเช่นนั้น ... ประกาศฉบับที่ 1 จากแม่ยกสดายุ.....ขอสั่งเก็บยัยไร้เสน่ห์
เข้ากรุด่วน...555....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 19-06-2014 21:14:10
ยัยป้าเสนห์จันทร์คงมีปัญหาทางจิตแหงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 19-06-2014 21:32:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Gutjang ที่ 19-06-2014 21:33:01
ตอนหน้าจะดราม่ามากกว่าเดิมสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 19-06-2014 21:36:19
ยัยป้ามหาภัยยย  :m16:

น้องยุพี่เมธสู้ตาย ขอแค่สองคนอย่าปล่อยมือกันเป็นพอ  :a2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 19-06-2014 21:49:03
ไมคุณเสน่ห์จันทร์ ชีไม่เท่เลย -_- เหมือนมนุษย์ป้าจริงๆด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 19-06-2014 21:52:47
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-06-2014 22:55:22
เหอะ ๆ สมน้ำหน้าป้า แก เบา ๆ แห๊ะ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 19-06-2014 23:48:22
เจ้แกนี่เป็นมนุษย์ป้าสินะ

เข้าใจอะไรยากจริง

เรื่องงานไม่เกี่ยวกับเรื่องหัวใจนะเจ้

โอ้ย สมงสมองพัฒนาบ้างไรบ้าง

อย่าเก่งแต่งานอย่างเดียว

ยุเอ้ยลุยเข้าไปให้เต็มที่เลยลูก

เอาชนะมนุษย์ป้าให้ได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-06-2014 00:19:11
นี่ถ้าไม่มีชิดจันทร์
ชั้นนึกว่าแกจะงาบพระเอกตัวเองแล้วนะเนี่ยยยย  :beat:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 20-06-2014 00:29:32
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 32 (ครึ่งแรก)




“เนรคุณ!!”

น้ำเสียงที่เอ่ยคำบริภาษบางเบา ทว่าแจ่มชัด กฤตเมธน้อมรับคำปรามาศที่หนักหน่วงนี้ไว้ด้วยหัวใจที่ยอมรับความผิดทั้งมวล ฝ่ายสดายุได้แต่กัดฟันกรอด แรงเกินไป สเน่ห์จันทร์กล่าวหากฤตเมธแรงเกินไป มันช่างไร้เหตุผล และเขาทนมันไม่ได้

ทว่าในวินาทีที่สดายุกำลังจะเอ่ยค้าน เสนห์จันทร์กลับพูดบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน

บางอย่างที่ทำให้เสน่ห์จันทร์ในสายตาของสดายเปลี่ยนไป...

"เนรคุณ...เหรอ?...หึหึ...เมธ เธอคงคิดว่าฉันจะด่าเธอด้วยคำนี้มั้ย?"

"...................." กฤตเมธเงียบนิ่ง ไม่ได้ตอบคำใด เพราะใจเขายังสับสน ว่าเหตุใดเสน่ห์จันทร์ถึงถามแบบนั้นออกมา

"ถ้าเธอคิดแบบนั้น...ฉันคงจะดูเลวมาก"

"ท่านประธาน..."

"กว่า 15 ปีที่เธอเฝ้าทำทุกอย่างตามใจฉัน เป็นเด็กดีในโอวาทฉัน สร้างชื่อเสียง สร้างเกียรติยศ สร้างทุกอย่างที่แสนเลอค่า แล้วมอบมันให้ฉันอย่างเต็มใจ...มันมากพอแล้วล่ะ มากเกินกว่าที่ฉันจะสามารถเรียกร้องอะไรเพิ่มจากเธออีกแล้ว"

"กฤตเมธ ไม่ว่ายังไง เธอยังคงเป็นเธอ เธอยังคงเลอค่า ฉันผิดหวังก็จริงที่เธอตอบสนองความต้องการสุดท้ายของฉันไม่ได้ แต่เธอไม่ได้ผิดหรอก เธอ...ไม่ได้ผิดเลยสักนิด ฉันต่างหากที่วาดฝันไปเองโดยไม่ใส่ใจเธอ ไม่ยอมเปิดหูเปิดตามองดูเธอก่อนว่าเธอจะยินยอมด้วยมั้ย ทั้งที่ชีวิตในส่วนนั้นของเธอ ฉันไม่มีสิทธิ์แท้ๆ...ขอโทษนะ"

หลังเท้าเป็นหน้ามือ แบบฉับพลันทันใด เล่นเอาสดายุถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก สิ่งเดียวที่เขารับรู้ได้ตอนนี้มีเพียง

'เสน่ห์จันทร์ให้ความสำคัญกับกฤตเมธมากจริงๆ'

'ไม่ใช่เพียงให้ความสำคัญเพราะชายหนุ่มเป็นเพชร เป็นของเลอค่าในสังกัด'

'แต่หล่อนรัก ในฐานะที่เป็นผู้ฟูมฟักกฤตเมธมา'

"...ผมขอโทษครับ ผมขอโทษ" กฤตเมธจนด้วยถ้อยคำที่จะพูดอะไรอีก เขาเต็มตื้นในความเมตตาที่เสน่ห์จันทร์มีให้เขามากเหลือเกิน
สดายุเองก็ได้แต่นิ่งมอง ภาพตรงหน้าเงียบๆเช่นกัน จะให้พูดอะไรได้ล่ะ ในเมื่อความสัมพันธ์ของกฤตเมธและเสน่ห์จันทร์มันเหนียวแน่นเกินกว่าที่เขาจะเข้าไปแทรกแซง  ทว่าพอมาถึงตอนนี้สดายุเองก็เจ็บแปลบในหัวใจไม่น้อยเหมือนกัน ไม่ได้อยากจะยอมรับ แต่เรื่องราวทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นและลุกลามมาจนตอนนี้ถ้าจะให้พูดแบบเห็นแก่ตัว ก็คงเป็นเพราะกฤตเมธเป็นฝ่ายเข้ามายุ่งกับเขาก่อนเอง มันเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ แต่ถ้าหากมองในมุมกลับกัน เขาเองก็มีส่วนผิด ที่คิดจะสานสัมพันธ์ต่อ และคิดจะยึดกฤตเมธไว้คนเดียว...

เขาเอง...ก็มีส่วนผิดเหมือนกัน

"ผมขอรับผิดชอบเรื่องนี้เองครับ" ในที่สุดสดายุก็ตัดสินใจโพล่งขึ้น

กฤตเมธหันมามองสดายุทันที ผิดกับเสน่ห์จันทร์ที่ทำแค่เพียงชำเลืองมาเล็กน้อย

"ผมจะไม่รับงานเพิ่ม หลังจากหนังเรื่องนี้ปิดกล้อง ผมจะออกจากวงการทันที"

"ยุ!"

กฤตเมธถึงกับหน้าเสียที่ได้ยินสดายุประกาศเจตนารมย์ เขาไม่ได้ต้องการให้เรื่องราวมันดำเนินมาถึงจุดนี้

"ยุ ยุคิดให้ดีก่อนดีกว่านะ..." กฤตเมธพยายามทัดทาน และพยายามจะดึงรั้ง

"มันก็ควรเป็นแบบนั้นอยู่แล้วล่ะ"


ทว่า คำพูดของท่านประธานก็กระแทกหูเข้าเสียก่อน

"คิดจะเปิดตัวกันแน่ๆใช่มั้ย?"

"ครับ?" กฤตเมธถึงกับต้องถามซ้ำ ไม่ใช่ไม่เข้าใจคำถาม แต่เขาไม่เข้าใจเจตนาของเสน่ห์จันทร์

"ฉันหมายถึง พวกเธอตั้งใจจะคบกันแบบเปิดเผยเลยใช่มั้ย หากมีข่าวอะไรขึ้นมาก็พร้อมจะแถลงข่าวใช่มั้ย?"

"ใช่ครับ" แม้จะยังไม่เข้าใจนักว่าเสน่ห์จันทร์จะถามไปเพื่อเหตุผลอะไร แต่กฤตเมธก็ตอบออกไปอย่างจริงจัง เขาพร้อมรับผิดชอบการกระทำของตัวเองเสมอ หากเกิดอะไรขึ้นมา

"ก็ดี" เสน่ห์จันทร์ตอบรับ ทว่าท้ายเสียงออกไปทางประชดประชันเล็กน้อย ใช่สิ ถึงขั้นนี้แล้วเธอจะทำอะไรได้ ถ้ากฤตเมธไปติดผู้หญิงคนอื่นยังพอคุย แต่นี่ข้ามไปชอบผู้ชายด้วยกันเสียแล้ว แถมยังมั่นคงอย่างไม่น่าเชื่ออีก ขนาดนี้แล้วหล่อนจะยังทำอะไรได้อีกเล่า

ใช่จะไม่เสียใจ แต่เสน่ห์จันทร์ไม่มีเวลาพอที่จะมานั่งโอดครวญ หล่อนต้องหาทางตั้งรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ โจมตี แอนตี้ ด้วยจรรยาบรรณของต้นสังกัดแล้ว คงไม่สามารถปล่อยดาราของตนตามยถากรรมได้ อย่างน้อยๆก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ เพื่อปกป้องทั้งตัวสังกัดและตัวดาราเอง

และนี่คือสิ่งที่หล่อนพอจะทำได้

"งั้นช่วงนี้ห้ามเธอทั้งสองคนรับงานอย่างเด็ดขาดนะ เล่นหนังเรื่องนี้ให้จบโดยเร็ว แล้วแคนเซิ่ลงานที่รับเอาไว้ให้หมด" เสน่ห์จันทร์สูดหายใจลึก แล้วออกคำสั่งแก่ดาราของตนตามหน้าที่ที่พึงกระทำ ความอ่อนไหวที่หล่อนแสดงออกมาเมื่อครู่อันตรธารหายไปสิ้นแล้ว ที่นั่งตัวตั้งตรงแสนสง่างามอยู่ตรงนี้ คือท่านประธานใหญ่เสน่ห์จันทร์ ผู้มองทุกอย่างเป็นธุรกิจ และจะลงมือทำก็ต่อเมื่อเล็งเห็นแล้วว่ามีประโยชน์

"อย่างน้อย หากเกิดอะไรขึ้นมา ผลกระทบทางธุรกิจจะได้น้อยที่สุด"

"ส่วนทางเรื่องกระแสของแฟนคลับพวกเธอน่ะ หลังหนังจบ หรือหลังเรื่องมันแดงออกมาแล้วค่อยว่ากันอีกที ถึงตอนนั้นฉันจะพิจารณาเองว่าจะทำยังไงต่อไป"

ประธานใหญ่ร่ายยาวจบในม้วนเดียว คำสั่งเธอถือเป็นที่สุด และไม่ต้องการได้ยินคำโต้แย้ง

"เอ่อ...ท่าน..."

"ออกไปได้แล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว!" ไม่อยากฟังอะไรอีก คำแก้ตัว คำโต้แย้ง เหตุผล คำขอโทษ หรือแม้แต่คำขอบคุณ ทั้งจากสดายุ ทั้งจากกฤตเมธ

"ขอบคุณครับ ที่ท่านกรุณา" แม้พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายอาจไม่อยากได้ยินแต่กฤตเมธก็อยากจะเอ่ยคำขอบคุณ เขาอยากขอบคุณเสน่ห์จันทร์มากจริงๆ ที่ในที่สุดก็ยอมเข้าใจและเปิดทางให้

อยากพูดมากกว่านี้ อยากบอกเล่าเรื่องที่ยังค้างคาใจอีกหลายสิ่งอย่าง แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปาก เสน่ห์จันทร์ก็ปฏิเสธสิ่งเหล่านั้นทันทีด้วยการหมุนเก้าอี้หันหลังหนีหน้าพวกเขาไป

"ออกไปได้แล้ว" พร้อมออกคำสั่งขับไล่แบบตรงไปตรงมาชัดเจน

"งั้น...พวกผมขอตัวนะครับ" ท่าทีชัดเจนของเสน่ห์จันทร์ทำให้กฤตเมธถอนตัวในที่สุด ร่างสูงหมุนตัวจากมาพร้อมกับพาสดายุออกมาด้วย 
ทว่าพอเดินมาได้แค่หน้าประตู สดายุก็ขอให้กฤตเมธออกไปรอข้างนอกก่อน แล้วตัวเองก็กลับเข้าไปหาเสน่ห์จันทร์อีกครั้ง

"...ทำไมยังไม่ออกไปอีกสดายุ เธอจะขัดคำสั่งฉันกระทั่งเรื่องนี้เชียวเหรอ?" ทันทีที่รู้สึกได้ว่า สดายุกลับเข้ามายืนรอคุยกับหล่อนเพียงลำพังอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน เสน่ห์จันทร์ก็กระชากถามเสียงกร้าว ความหงุดหงิดก่อตัวขึ้นอีกคำรบเพราะความดื้อด้านของผู้ใต้บังคับบัญชา

"ผมขอโทษ"

"..............................อะไร?" จู่ๆสดายุก็โพล่งขอโทษขึ้น เสน่ห์จันทรจึงค่อยๆหันมามองเพ่งพินิจถึงความจริงจังในน้ำคำ ก่อนจะถามคนพูดออกไปถึงความหมายของคำขอขมา

"ผมขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้" สดายุกล่าวต่อ

"ผมมองคุณผิดไปในตอนแรก ผมจึงอยากขอโทษ"

"พอเถอะ คำขอโทษของเธอน่ะกองเอาไว้ตรงนั้นแล้วก็ออกไปซะที" ครานี้เสน่ห์จันทร์ออกปากไล่แบบไม่ไว้หน้า

และแน่นอนว่าสดายุก็ยังด้านหน้าอยู่ต่อ..."เขินเหรอครับ ที่ผมดีด้วย?" นอกจากจะไม่ขยับไปไหนยังอุตส่าห์จะกวนกลับอีก เล่นเอาเสน่ห์จันทร์หันกลับมาเหวี่ยงค้อนวงใหญ่ใส่ไม่อั้นทันที!

“ผมทึ่งในตัวคุณจริงๆนะ นึกไม่ถึงเลย ว่าที่จริงแล้วคุณเป็นคนดีจริงๆอย่างที่เขากล่าวขานกันมา...” สดายุยังพูดต่ออย่างไม่สะทกสะท้าน แม้ว่าจะเห็นเสน่ห์จันทร์กดโทรหาคุณเลขาให้เรียก รปภ. ขึ้นมาลากตัวเขาออกไป

“ท่านประธาน ผมขอโทษนะที่เคยล่วงเกินคุณทางคำพูด และกิริยาถ่อยๆของผมเสียตั้งมากมาย...”

“...........................”

“และขอบคุณมากครับ ที่ยอมยกกฤตเมธ...ยอมยกเพชรในมือของคุณให้ผม”

“............อย่ามาเลอะเทอะนะสดายุ ฉันทำเพื่อกฤตเมธไม่ใช่เธอ...” เสน่ห์จันทร์เอ่ยออกมาทั้งที่ไม่ยอมมองหน้าคู่สนทนาแม้แต่นิด สดายุยิ้มออกมาน้อยๆ หมดข้อสงสัยใดๆแล้ว แม้จะไม่ได้ญาติดีกัน แต่เสน่ห์จันทร์ก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาเคยคิด อย่างน้อยๆก็ยังพอลบความทรงจำแย่ๆต่อกันออกไปได้บ้าง ชายหนุ่มหันหลังเดินห่างออกไป แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายให้เสน่ห์จันทร์ได้ฉุนเล่น (ก็นะ จะให้ปาดอกไม้ใส่กันตอนนี้คงเร็วไปละมั้ง)

“ค่าเท่ากันแหละครับ เพราะยังไงซะผมก็ได้ประโยชน์...” 

ทิ้งท้ายเอาไว้ให้เจ็บใจเล่น แล้วรีบออกไปโดยเร็วก่อนที่จะโดน รปภ.มาลากออกไปให้เจ็บตัวเปล่า

หน้าประตูมีกฤตเมธยืนรออยู่

ทั้งคู่ยิ้มให้กันโดยไม่มีคำพูด สองคนเดินจับมือกันเรื่อยไปกระทั่งลิฟท์ เพื่อลงไปสู่ชั้น 32

การที่เสน่ห์จันทร์ยอมรามือนั้น แน่นอนว่าสร้างความเบาใจให้กฤตเมธอยู่ไม่น้อย แต่...มันไม่ได้มีความหมายกับสดายุมากนักหรอก จริงอยู่การที่เสน่ห์จันทร์แสดงความเอื้ออารี เป็นเจ้านายที่น่านับถือนั้นมันอยู่เหนือความคาดหมายของเขา แต่เอาเข้าจริงต่อให้เสน่ห์จันทร์จะยอมหรือไม่ เขาก็ต้องพรากกฤตเมธจากอกหล่อนให้ได้อยู่ดี

แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใส่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก เพราะอย่างน้อยๆศัตรูหัวใจก็หายไปหนึ่ง

ภาวนาเหลือเกินว่าท่านประธานคนเก่งจะลากลูกสาวหน้าสวยนิสัยเสียนั่นออกไปให้พ้นทางของพวกเขาด้วยอีกคน
>
<
>
<
>

ตั้งแต่เดินจูงมือกันจากประตูใหญ่ห้องท่านประธาน ในลิฟท์ จนถึงชั้น 32 ทั้งสดายุและกฤตเมธนั้นนอกจากแค่สบตาและยิ้มให้กันตรงหน้าโถงประตูก็ไม่ได้มีการพูดคุยใดๆกันอีก

นั่นเพราะทั้งคู่ยังคงอยู่ในภวังค์เล็กๆของตน

กฤตเมธกำลังอมยิ้ม เขามีความสุขที่สดายุอุตส่าห์ดั้นด้นมาขอตนจากเสน่ห์จันทร์ (แหม่...ทำอย่างกับเป็นเจ้าสาว)

สดายุถึงจะหน้านิ่งเป็นหุ่น แต่ลึกลงไป ที่หัวใจของเขากำลังอุ่นซ่าน ... ‘ผมรักสดายุ ผมไม่สามารถให้ใครมาสำคัญกับหัวใจของผมมากไปกว่าเขาได้…’ คำพูดของกฤตเมธที่เอ่ยกับเสน่ห์จันทร์ยังตราตรึงอยู่ในห้วงความคิดของเขา ยิ่งกว่าคำว่าดีใจ ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด กฤตเมธยอมจมไปกับเขาตามที่พูดเอาไว้จริงๆ กฤตเมธรักเขามากอย่างที่เคยบอกเขาไว้จริงๆ

นานมากแล้ว...ที่ไม่ได้รู้สึกถึงการถูกใครสักคนหลงรักมากมายขนาดนี้ มันทำให้สดายุรู้สึกได้เลยว่า ความรักฉาบฉวยของคนที่เคยผ่านเข้ามา มันไร้ค่าสิ้นดี 

นี่สินะ...ความรัก...

สดายุรู้สึกได้เลยว่า ตัวเขาเองกำลังมองความรักเปลี่ยนไป

จากที่เคยไม่เชื่อ จากที่เคยหวาดระแวง วันนี้มันอาจเปลี่ยนไปแล้ว...

สดายุจ้องมองแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่ อาจคิดไปเอง ว่ามันกำลังเปล่งประกายอ่อนโยน แต่เขาก็ไม่อาจห้ามใจเอาไว้ได้อีกแล้ว

หมับ...


“...พี่เมธครับ...ยุรักพี่...”


กฤตเมธถึงกับอึ้งงัน ทันทีที่ได้ยินคำรักที่แสนหวานของคนที่โผเข้ากอดเขาอยู่ด้านหลัง แม้ว่านี่จะม่ใช่คำว่ารักคำแรกที่ออกจากปากสดายุ แต่เป็นคำว่ารักที่หวานล้ำที่สุดที่กฤตเมธเคยได้ยิน และแน่นอนว่า มันเป็นคำสารภาพรักที่หนักแน่นที่สุดเท่าที่สดายเคยพูดมา

คำว่า ‘รัก’ ที่ไร้ซึ่งข้อแม้ และความกังขาใดๆ...

>
>
>
>
>

“....อื้อ....”

“....อืมมม...ฮว๊า...”

“อุ๊บ...อือออ...”

จำไม่ได้แล้วว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เพราะพอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในห้องน้ำเสียแล้ว ต่างฝ่ายต่างโจนจ้วงโจนจูบกันอย่างไม่ลืมหูลืมตา จำไม่ได้แล้วว่าจูบกันนานเท่าไหร่ จำไม่ได้ด้วยว่ายังหายใจกันได้อยู่หรือเปล่า

ห้องน้ำริมสุดทางฝั่งลิฟท์ขึ้นชั้น 33-40 ที่เป็นโซนส่วนตัวของท่านประธานใหญ่นั้น เงียบมาก ชนิดที่เรียกได้ว่าแทบไม่มีคนใช้งาน ดังนั้นมันจึงเป็นที่ที่สะดวกที่สุดในการพรอดรักแบบไม่ลืมหูลืมตาของกฤตเมธและสดายุในครานี้

ริมฝีปากร้อนรุ่มสัมผัสกันจนแนบสนิท บดเบียดเร่าร้อน ทว่าแสนอ่อนหวานราวกับจะละลายหายไปกับอากาศ

“อ๊ะ...อือ”

สดายุครางเครือเสียงหวามหวิว เมื่อถูกปลายลิ้นผ่าวร้อนสอดแทรกเข้ามา ริมฝีปากของกฤตเมธทั้งเร่งเร้าและรุกไล่ระห่ำ จนสดายุเองแทบจะหายใจตามไม่ทัน แต่ก็ไม่ได้คิดจะขัดขืน ความหฤหรรษ์บางอย่างกำลังผุดพรายขึ้นในร่าง เล่นเอาสดายุจำต้องบิดกายเร่าร้อน อ่อนระทวยไปกับรสจูบหวานล้ำที่อีกฝ่ายมอบให้

หัวใจของทั้งคู่เต้นระส่ำจนทั้งสองร่างสั่นสะท้าน ริมฝีปากที่บดเบียดกันนั้นก็ช่างปั่นป่วนให้ภายในร้อนรุ่ม ราวกับจะหลอมละลายเป็นร่างเดียวกันให้ได้เสียตอนนี้

 “อ๊ะ...พี่เมธ...”

 “รักครับ...พี่รักยุครับ...อืมมม...รักมากที่สุด...”

คำรักแสนหวาน พร่ำพรอดให้หัวใจของสดายุกระตุกวูบและสั่นไหวอย่างรุนแรง ซาบซึ้ง อ่อนหวาน และโหยหา อยากเหลือเกิน อยากตอบคำว่ารักกลับไป แต่ริมฝีปากนี้กลับถูกช่วงชิงไปด้วยจูบละมุนลิ้นจะแทบสิ้นสตินั่นเสียก่อน ถูกปรนเปรอทั้งรสรัก ถูกปรนเปรอทั้งรสจูบ จนร่างโปร่งบางของเขาแทบจะทรุดลงไปกองบนพื้นเสียให้ได้...ไร้แล้วซึ่งเรียงแรงพยุงกาย

“ฮว๊า....ฮ๊า...ฮ๊า....” ไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่ในที่สุดริมฝีปากของทั้งคู่ก็ผละจากกันได้เสียที  และแน่นอนว่าถึงกับหอบตัวโยนอย่างไม่ต้องสงสัย

“...หึหึ...เกือบไปแล้ว...” กฤตเมธบ่นออกมาเบาๆพร้อมรอยยิ้มหวาน ขณะที่ยังซุกใบหน้าอยู่กับไหล่บางของสดายุ

“....อะไรครับ...เกือบจะอะไรเหรอ?” ใช่จะไม่รู้ความหมาย แต่สดายุแสร้งถามออกไปอย่างนั้น เพราะอยากฟังบางคำที่แฝงความหมายแสนลามก

กฤตเมธยิ้มร้ายทันทีที่ได้ยินคำเย้ายั่ว “ก็เกือบจะจับเด็กกินในห้องน้ำสำนักงานซะแล้วไง ขืนใครมาเห็นเข้า...โดนข้อหาหื่นไม่เลือกที่แน่ๆ...หึหึ” กฤตเมธตอบคำถามอย่างว่างาย พลางเงยหน้าขึ้นจับจ้องสดายุอย่างมีเลศนัย

ฟังคำตอบยียวนของกฤตเมธ สดายุก็หัวเราะร่า ถึงจะปรามออกไปเบาๆว่า “ทะลึ่ง” แต่เอาเข้าจริง คำตอบของกฤตเมธก็ถูกใจเขาอยู่ไม่น้อย

“...........................”

“อะไร?...ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ?” สดายุถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ขณะที่ยังยิ้มค้าง หน้าตายังคงแดงฉ่ำ เพราะกฤตเมธนั้นจู่ๆก็เงียบไปแล้วมองหน้าเขานิ่ง

 “กลับบ้านกันเถอะนะ ตอนนี้เลย” เสียงทุ้มพร่าชวนกลับบ้านแบบไม่มีปี่ลุ่ย เล่นเอาสดายุขมวดคิ้วสงสัย

“บ้าเหรอ? ไหนว่าจะไปหาพี่อ๊อดก่อนไง?”

“ไม่ไปแล้ว...ไม่ไหวแล้ว...” กฤตเมธงอแงเป็นเด็ก เมื่อถูกถามเรื่องงาน

“ทำไม?”

“...ก็มันทนไม่ไหวแล้วนี่...อยากกลับไปกินเด็กเร็วๆ...” คำตอบคนแก่เล่นเอาสดายุถึงกับเงิบ ‘โอย...ไอ้ตาลุงหื่น!’

“ไปหาพี่อ๊อดเลยคุณน่ะ งานมีทำก็ทำไป อย่าอิดออด” สดายุปราม ตาเฒ่าลามก พร้อมบีบปลายจมูกโด่งสันของอีกฝ่ายเบาๆไปการลงโทษที่คิดจะอู้งาน กฤตเมธทำหน้า งีด หน้าเซ็งอย่าน่าขัน สดายุจึงต้องออกปากอธิบายว่าตนก็ใช่จะว่าง เช่นกัน

“ไปเถอะคุณ ผมเองก็ต้องรอคุยกับเจ๊บลูม่าก่อนเหมือนกัน  ผมเองก็มีธุระนะ” สดายุบอกเหตุผล

“ไม่อยากไปอ่ะ...” แต่กฤตเมธก็ยังงอแง

“ไม่ต้องมาทำแบ๊วเลย ปูนนี้แล้ว มันน่าเกลียดมากกว่าน่ารักนะลุง” การทำหน้ายู่ปากจู๋ของกฤตเมธนั้นเล่นเอาสดายุทนไม่ไหวจนต้องแขวะออกไปสัก สองแผล

“ปากดี เดี๋ยวก็โดนชุดใหญ่อีกหรอก” และมันก็เรียกรอยยิ้มกว้าง กับทำให้ท่าทางกวนโอ๊ยของคนแก่ให้อัพเลเวลขึ้น

“หึ..คิดว่ากลัว?” สดายุยักไหล่ พร้อมเลิกคิ้วน้อยๆขณะตั้งคำถาม ท่าทางแบบนั้นอาจดูกวนเท้าในสายตาคนอื่น แต่สำหรับกฤตเมธแล้วมันน่าจะเอามาคลุกวงในเสียเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ นี่ท่าไม่ติดว่าต่างฝ่ายต่างก็ติดธุระสำคัญล่ะก็ กฤตเมธจะไม่รอช้า รีบอุ้มกลับไปลงโทษที่บ้านเสียให้เข็ด

“ฮะฮะ ไอ้แสบเอ้ย”  กฤตเมธหัวเราะร่าอย่างคนยอมแพ้ เพราะไม่ว่ายังไงสุดท้ายก็ได้แต่ฝันกลางวันอยู่ดี  ในเมื่อมีงานรออยู่ มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

“งั้นเดี๋ยวคุยกับบลูม่าเสร็จแล้วโทรหาพี่แล้วกันนะ จะได้แวะเข้ามารับ” เมื่อตัดสินใจได้ กฤตเมธก็เริ่มจัดเสื้อผ้าที่ยับยู่เล็กน้อยของตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะสั่งสดายุไว้ว่าให้ติดต่อมาด้วยหากงานเสร็จ

“อือ” สดายุรับคำ แต่ดูเหมือนกฤตเมธจะยังสั่งไม่จบ

“อีกอย่าง...”

“.........?”

“เรียกพี่เมธอีกสิ”

“หืมมมมมม?” คำขอร้องชวนป่วย เล่นเอาสดายุแทบสำลักน้ำลาย จะอะไรกันนักหนเนี่ย ตาเฒ่าบ้าคอนดิชั่น!

“เรียกอีกนะ พี่ชอบ” แถมไม่พูดเปล่า มียักคิ้วหลิ่วตามหาเสน่ห์ให้ด้วย

“หึหึ แล้วจะคิดดูนะ เอาล่ะ ออกไปซะทีเสียเวลา” จะว่าเขินก็เขินอยู่หรอก แต่ขอโทษทีที่สดายุไม่ได้ใสขนาดนั้น ที่ไล่อยู่ปาวๆนี่ไม่ได้เขินนะ แค่รำคาญต่างหาก ( - /////// - )

“ฮ่าฮ่า” กฤตเมธหัวเราะถูกใจ พลางเดินออกจากห้องน้ำไปอย่างเริงร่า  สดายุได้แต่ส่ายศีรษะเบาๆ ก่อนจะเดินไปล้างมือล้างหน้าตรงหน้ากระจกบานเขื่อง

‘มีความสุขจนแทบละลาย’ คำนี้คงไม่ผิดกับอารมณ์ตอนนี้ของสดายุนัก แม้ตัวของเขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ไอ้คนที่อมยิ้มจนแก้มแทบปริในกระจกน่ะ มันรับคำไปแล้วแบบเต็มๆ

วันนี้กลับบ้านไป เขากับกฤตเมธคงมีเรื่องคุยกันยาว...

“แหม แหม...ได้สกู๊ปข่าวใหญ่เลยเว้ยวันนี้...”

“......................!!!?” จู่ๆก็มีเสียงทักทายจากห้องน้ำที่สดายุคิดว่ามันไม่มีใครในตอนแรก ชายหนุ่มถึงกับสะดุ้งสุดตัว เพราะการมีคนอยู่ในห้องน้ำ นั่นก็หมายความว่า...

เลิฟซีนดุเดือดระหว่างเขากับกฤตเมธเมื่อครู่นั้น...

ได้ถูกเห็นเข้าเสียแล้ว!!!

“ใคร!!?” สดายุตวาดถามออกไปเสียงกร้าว หัวใจชายหนุ่มเต้นระทึก ใครกัน…ใครกันที่อยู่ในห้องน้ำห้องนั้น 

บ้าจริง เขาไม่น่าพลาดเลย ถึงจะตั้งใจว่าสักวันจะต้องเปิดเผยเรื่องที่คบกับกฤตเมธก็เถอะ แต่ให้ตาย มันต้องไม่ใช่มาเปิดเผยในลักษณะนี้!!

แอ๊ดดดดดด….

ตึ่ก ตั่ก ตึ่ก ตั่ก…

เสียงประตูเปิดขึ้นในที่สุด บุคคลปริศนากำลังจะออกมาเผชิญหน้ากับสดายุ!

หัวใจของสดายุเต้นระส่ำ แม้จะยังไม่ทันจะตั้งสติดี แต่ก็พร้อมแล้วที่จะเผชิญหน้ากับมัน!

“………………………..บดินทร์!!!!!????”

**********************************************

มาแค่ครึ่งตอนอีกแล้ว…
อีกครึ่งจิรีบมานะจ๊ะ
เป็นไงคะ…คุณนายเสน่ห์จันทร์ดูน่าเคารพขึ้นบ้างป่ะ อิอิ
แท้จริงคุณนายเธอไม่มีอะไรหรอก ตัวร้ายในเรื่องมีเพียง……..เท่านั้น
(เอ้า เติมคำในช่องว่างตามใจชอบเลยจ๊า)

แล้วอีกครึ่งตอนที่เหลือนี่…จะเกิดอะไรขึ้นบ้างน่อ หุหุหุ

 :hao7:
ปล.สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว...แหม่...เล่นเอาไม่กล้าอ่านคอมเม้นท์ อิอิ
แอบสงสารป้าจันทร์ กิกิกิ
 :katai4:
ว่าแล้วก็ไปปั่นต่ออีกครึ่งตอน...ฟิ้วววว!!


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: owo llยมuมข้u ที่ 20-06-2014 00:39:07
0[]0
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 20-06-2014 00:46:00
ถ้าเจอคนแต่งตัวเป็นๆละก้อ ต้องกระโดดกอดแน่นๆแน่ๆเลย
อะไรจะทำให้ระทึกได้ทุกตอนอย่างงี้ ค้างอีกแล้วนะท่าน  :z3:
ยุจะจัดการยังไงต่อไป  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 20-06-2014 03:01:07
โอ๊ะ ไม่คิดว่าเสน่ห์จันทร์จะยอมง่ายขนาดนี้

จะดีขึ้นอีกถ้าเอาลูกสาวไปด้วย

ทั้งยุทั้งเมธคือดีอ่า น่ารักมาก ต่างคนต่างไม่อยากให้อีกฝ่ายเสีย

แต่นี่หวนไม่ทันไรก็จะมีเรื่องอีกแล้วหรอ โจทก์เก่าของสดายุ

อยากให้มันหายไปสักที :ling1: รออ่านนะจ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-06-2014 03:14:43
ไม่ตบป้าละ  แต่ถ้าไม่หยุดสปอยลูกสาวนะ มีเคลียนอกรอบ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 20-06-2014 04:29:00
มันกลับมาอีกแล้ว =,=
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 20-06-2014 06:21:23
ห่านและ ยุ จะทำไงหล่ะเนี่ย บดินทร์คู่ปรับด้วย  ตาลุงก็หื่นไม่ดูเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 20-06-2014 06:39:06
อิตานี่ ถ้าจะรักยุมากเนอะ ตามเป็นเหาฉลามเลย

คุณพี่เมธ จัดหนักสักดอกค่ะ เอาให้กลับเข้าวงการไม่ได้ไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 20-06-2014 07:18:02
สงสารยุรับมือไหวป่าว :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 20-06-2014 07:43:29
อุปสรรคมันเยอะเกิ๊นเนอะ พี่เมธน้องยุ นึกว่าจะhappyแล้วว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 20-06-2014 07:54:44
 :serius2: แกปรากฏตัวออกมาทำมายยยยยยยยย นายบดินทร์ ชั้นเกลียดแกกกกกกกกก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-06-2014 08:27:50
ไอ้ตัวร้ายกลับมาอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 20-06-2014 08:28:45
พึ่งจะผ่านมาม่มาหยกๆ จะเจออีกแล้วเหรอ  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 20-06-2014 08:38:30
อีตาบดินทร์กลับมาก่อกวนอีกแล้ว
ตอนนี้ชอบพี่เมธมากๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 20-06-2014 09:03:52
ป้าครัช อยู่ๆก็เปลี่ยน 180 องศา... ทำเอาระแวงเลยว่าป้ายังไงกันแน่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-06-2014 09:20:55
ห๊ะ นี่เอ็งสะกดรอยตามมาถึงห้องน้ำชั้นนี้เลยเหรอ รปภ.ตึกนี้ไปอยู่ไหนหมดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: iforgive ที่ 20-06-2014 09:47:00
อะไรเนี่ยะ ความรู้สึกเหมือนถูกเหวี่ยงขึ้นลงอยู่ตลอดเวลาที่อ่านเรื่องนี้
เดี๋ยวมีความสุข เดี๋ยวมีอุปสรรค สลับกันไปมาไม่ได้หยุด อ๊ากกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-06-2014 09:51:09
ใครอยู่ไม่อยู่ ดันเป็น ไอ้บดินทร์!!!  :mew5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 20-06-2014 09:52:18
ไอ้บดินทร์!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-06-2014 10:18:07
ตายย
งานเข้ากันทีเดียวเลยล่ะ
เหอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 20-06-2014 10:35:11
คนเขียนจะใจร้ายไปถึงไหนเนี่ย ยังไงต้องเขียนช่วยยุกับพี่เมธด้วยนะ อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายมากไป  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 20-06-2014 11:07:53
ไอ้บดินทร์!!!!! :z6: นี่กะจะกัดจนวินาทีสุดท้ายเลยรึไงเนี่ยห๊ะ!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 20-06-2014 11:40:26
ถ้าจะเอาไปทำสกู๊ปข่าว ระวังป้าจันทร์จะจัดการนะนายบดินทร์
ทำให้ป้าเค้าเสียหายทางธุรกิจ ระวังจะไม่ได้เกิดอีกต่อไป
อ่อ..ระวัง :z6:พี่เมธไว้ด้วยล่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 20-06-2014 12:06:05
ตัวร้ายคือบดินทร์ หรือ ชิดจันทร์กันแน่เนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 20-06-2014 12:10:42
ป้าจันทร์เป็นผู้ใหญ่ดีนี่น่า
แต่ไอ้บดินทร์ ทำไม ทำไมเป็นมันอีกล่ะเนี่ย
ความวัวไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกอีก
ปวดตับบบบบบ :sad4:

หวานได้แค่ 1/10 ตอนเอง :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: mooping-7 ที่ 20-06-2014 12:23:28
 :m15: ทำไมชีวิตนี้จะให้น้องยุมีความสุขกับใครเค้าไม่ได้มั่งหรือไงเนี่ยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 20-06-2014 12:50:43
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: EoBen ที่ 20-06-2014 15:45:16
กำลังจะโล่งใจอยุ่เชียว พอเจอบันทัดสุดท้ายเท่านั้นแหละ


ไปไม่เป้นเลยจ๊าาา


คิดว่าจะมีพักหวานๆ น้ำตาลเรียกพี่บ้างซะอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 20-06-2014 16:14:10
ไอ่บดินทร์!!!!! ลอบกัดไม่เลิกนะ  :z6: :z6: :z6: :katai1: :katai1: :katai1:
ส่วยยัยป้าจันทร์ ก็อ่าห๊ะ โอเคขึ้นมาหน่อย ที่คิดได้
ไงก็ขอบคุณด้วยละกันนนนนน :katai3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 20-06-2014 17:37:45
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ายัยป้านั่นจะดีได้แบบนี้ :hao3:
เรื่องยากก็หมดไปอีกเรื่องแต่ทำไมต้องมีมาให้น่าปวดหัวอีกเรื่องละเนี่ย  :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 20-06-2014 17:53:29
เจ๊เสน่ห์จันทร์คุยดีๆก็รู้เรื่องนี่หว่า โว๊ะ! แล้วก็อย่าลืมเก็บลูกสาวเจ๊กลับไปด้วยล่ะ

เห็นภาพบดินทร์มีเขา ถือไม้เท้าเดินออกมา...

'แหม... แหม...' //ขำพรืด

ความวัวเพิ่งจะหาย ความควายก็พุ่งชนมาทันที

สู้ๆนะสองหนุ่ม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 20-06-2014 19:18:19
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 20-06-2014 19:54:44
นี้ก็แผนของป้าหรือเปล่าเนี่ย ยุอย่าไปสนใจบดินอัดมันเลยดูสิจะกล้าปากเสียเรื่องของคนอื่นไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: TORORO-PD ที่ 20-06-2014 20:08:04
ลาก อิบดินทร์ ไปตบสักที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-06-2014 20:40:21
เหมือนจะเงิบบบบบบ


ว่าแต่อิตาบดินทร์เนี่ย....จองเวรจองกรรมเสียแทน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 20-06-2014 20:50:38
..555..ป้าเริ่มมีเสน่ห์ขึ้มมาบ้างแล้วนิ.....
เอาน่าคนเราปั้นมากับมือก็ต้องมีความรักให้บ้างล่ะ...
จะโหดมากไปได้ไงเนอะ....ส่วนอีตาบดินทร์ต้อง
ให้คุณดนัยจัดให้หนักเลยดีมั๊ยนี่?.....อีกครึ่งรีบมานะจ๊ะที่รัก...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 20-06-2014 21:28:26
บดินทร์ อีดอกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เสือกนะคะ
55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 20-06-2014 21:50:36
ห้ะ (0{}0lll) งงกะป้าจัน พลิกงี้อ๋อ

จันแม่ยอม แล้วจันลูกล่ะ???

อิดินนี่ ระวังได้เสร็จพระรอง กร้ากกกกกกกก  :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 20-06-2014 22:23:59
เวรล่ะ เหมือนงานจะเข้าน้องยุนะเนี่ย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 21-06-2014 19:24:08
โว๊ะ งานเข้าอีกแล้วน้องยุ และครั้งนี้งานใหญ่ซะด้วย

จะทำยังไงดี

บดินทร์มันก็โผล่มาได้จังหวะตัวร้ายตลอดเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 21-06-2014 23:17:28
ไม่ระวังกันเล้ยหนุ่มๆ   o12
หรือเพราะไม่แคร์อยู่แล้วหากเรื่องถูกเปิดเผย ก็เลยลดความระแวงระวังกันไปหน่อย  :angry2:

 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Elizabeth_TonnY ที่ 21-06-2014 23:39:35
ผ่านไปได้ด้วยดี เฮ้อออออออออออ ลุ้นเเทบเเย่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 22-06-2014 01:26:59
ป้าแกดูเป็นคนดีขึ้นทันตา

หลังจากตอนที่แล้วที่รู้สึกอยากเอาขวานจามหัวป้าเหลือเกิน

ตอนนี้ไม่จามหัวป้าละ

เอามาจามหัวบดินทร์แทน ตัวมารชัดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 23-06-2014 12:33:10
สนุกมาก พระนางดูมีมิติ ไม่โง่ซ้ำซาก ให้ตัวร้ายกดขี่
สู้ด้วยสติปัญญา (เพราะทรัพย์และกำลังไม่มี ฮาาาาา)
ส่วนบดินทร์ถ้าอิชั้นเป็นน้องยุ ที่เคยเป็นเพื่อนเก่ากัน อิชั้นจะ
ขุดเอาความเลวของมันและน้องสาว เอาแบบสาวไส้กันไปเลย
เพราะอย่างไรน้องยุ ก็ชื่อเสียอยู่แล้วจะลากเพื่อนเลวๆ ลงเหวไปด้วยกันไม่เห็นจะเป็นไรเลย ไหนๆ รอบก่อนก็เป็นฝ่ายผลักยุตกเหวเองกะมือ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 23-06-2014 20:34:24
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: black-egoistic ที่ 23-06-2014 22:57:11
อ้ายยยบดินทร์ แกจะทำอะไร๊  :angry2:
อ้ายยยชั่วววว ←ยังไม่เริ่มทำไรเลยด่าเผื่อไว้ก่อน 55
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 24-06-2014 09:39:02
นึกว่าเรื่องมันจะเข้าทึ่เข้าทางแล้วน๊า อีตาบดินทร์ดันโผล่มาซะได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 24-06-2014 21:50:01
เวรแล้วมาเจอไอ้ตัวเห้เข้าให้  :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-06-2014 06:52:37
หึ....แรงนะค่ะ บดินทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-06-2014 21:19:24
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 32 (ครึ่งหลัง)




ร่างสูงโปร่งที่ค่อยๆพ้นกรอบบานประตูมาคุ้นตาจนน่าเจ็บใจ โดยเฉพาะรอยยิ้มมุมปากเหยียดหยันแจ่มชัด ยิ่งเสียดแทงให้อารมณ์เดือดดาลพลุ่งพล่าน สดายุได้แต่กัดฟันกรอด ทำไมนะคนเป็นร้อยเป็นพันในตึก ดารา ผู้จัดการส่วนตัว นักข่าว หรือใครก็ได้ ทำไมต้องเป็นหมอนี่

ทำไมต้องเป็นบดินทร์!!?

“ไง...สดายุ ถึงกับอึ้งไปเลยเหรอ?"

บดินทร์ทักขึ้นพลางสืบเท้าเข้ามาใกล้สดายุทีละก้าว ถึงไม่ได้ส่อทีท่าว่าคุกคาม แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่ามาแบบฉันท์มิตร โดยเฉพาะรอยยิ้มที่ยังฉายชัดอยู่บนใบหน้านั้นมองยังไงก็ไม่มีทางรู้สึกดี

“ไม่เจอกันตั้งนานแน่ะ คิดถึงกันบ้างมั้ย หึหึ”

“....................”

ใกล้เข้ามาทีละก้าว...คราวแรกสดายุยังไม่คิดหลบ

แต่พอถูกใกล้เรื่อยๆเข้ามาอีกทีละก้าว...คราวนี้มันยิ่งยากจะหยัดยั้ง

“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ตกใจที่เจอหน้าผมขนาดนั้นเชียว?”

“.......................”

เมื่อถูกรุกคืบจนประชิดตัว และดูท่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมหยุด สดายุก็เริ่มถอยร่น ไม่ได้กลัว แต่รังเกียจที่จะอยู่ใกล้ จนสุดท้ายก็ต้องถอยจนหลังชนฝาในที่สุด บดินทร์หยุดยืนในระยะประชิด ก้มลงมองต่ำอย่างถือตัวว่าเหนือกว่า ส่วนสูงที่ต่างกันเพียง 5 เซ็นต์ ขณะนี้มันเป็นดังปราการใหญ่สำหรับสดายุไปเสียแล้ว

(ทำไม เขาต้องจนมุมตรงกำแพงทุกที!)

เมื่อเห็นว่าตนอาจเสียเปรียบ สดายุจึงรีบเบี่ยงตัวหลบ ตอนแรกก็กะจะเจรจาหย่าศึก แต่แค่พอเห็นหนังหน้า ความขยะแขยงก็ตีรวนขึ้นจนแทบจะอาเจียน ไม่เอาแล้ว ไม่คุยดีกว่า มันจะคาบอะไรไปบอกใครก็เรื่องของมัน ถ้ามีแค่ลมปากก็คงพอจะตีมึนกับนักข่าวไปได้สักพัก แต่ถ้ามมันเสือกอัดคลิปเอาไว้ ถึงตอนนั้น...อาจต้องจ้างนักเลงขี้คุกไปรุมยำมันให้หายแค้น...สดายุคิดแค้นอยู่ในใจพลางขยับกายหนีห่างไปที่ประตูทางออก

แต่ก็ไม่ได้ไวไปกว่าบดินทร์ที่คว้าแขนเขาเอาไว้ แล้วกระชากลากกลับมาเผชิญหน้ากันตรงผนังด้านในสุดริมกระจกอ่างล้างหน้า

“ปล่อย!”

เสียงแหบหวานคำรามต่ำอย่างขุ่นเคือง ตอนแรกสดายุกะจะไม่เปิดปากคุยกับบดินทร์เลยแม้แต่เสี้ยวคำ แต่ในเมื่อถูกก้าวล่วงความเป็นส่วนบุคคลขนาดขั้นแตะเนื้อต้องตัวอย่างนี้ เขาก็ไม่คิดจะหุบปากเฉย

“ปล่อยนะเว้ย!!” สดายุคำรามดังขึ้นเมื่ออีกฝ่ายดื้อดึงยืดเยื้อ สองมือชายหนุ่มผลักไสหมายจะให้ตัวเองเป็นอิสระ แต่กลับถูกบดินทร์จับคว้าทั้งสองแขนกดตรึงไว้กับกำแพงอย่างง่ายดายเสียจนสดายุเองถึงกับหัวเสีย เพราะร่างกายผ่ายผอมเกินไปเลยสู้แรงคนตัวใหญ่กว่าเพียงนิดไม่ได้เลย

“หึหึ...หึหึหึ...คิกคิก...ง่ายว่ะ ออกแรงนิดเดียว ก็ตรึงสดายุคนดีไว้ได้ทั้งตัวแล้ว...ง่ายกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก...หึหึ...มิน่าล่ะ...”

“ไอ้บดินทร์!! ปล่อยกู!!”

สดายุดิ้นพราดๆทันทีที่บดินทร์ทิ่มหน้าเข้ามาใกล้ในระยะเผาขน คำพูดดูแคลนในพละกำลังทำให้สดายุกัดกรามกรอดด้วยความเดือดดาล ขยะแขยง เกลียดชังจนอยากจะผลักมันตรงหน้าให้หงายแล้วกระทืบซ้ำอย่างไม่กลัวตาย

“ไอ้!!” ทว่ายิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกโถมทับ จนร่างกายเสียดสีเบียดบี้

สดายุขนลุกชันไปทั้งร่าง รู้สึกรังเกียจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ฮื่อ...อย่าดิ้นนักสิ จะเล่นตัวไปไหนกัน”  บดินทร์แสร้งเย้าอยู่ตรงริมหูแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยวของสดายุ

“เชี่ยเอ้ย! ปล่อย!!” สดายุพยายามดิ้นรนอย่างไม่คิดจะยอมแพ้

“นึกไม่ถึงเลยนะ...ว่า...อดีตพระเอกดัง ฟันหญิงไม่ซ้ำหน้าอย่างสดายุ...จะชอบกินผู้ชายด้วยเหมือนกัน” เสียงทุ้มกระซิบต่ำ ฟังแล้วหยาบโลนชวนขนลุก สดายุชิงชังน้ำเสียงแบบนั้นจนแทบบ้า เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียด เกลียดจนแทบจะกัดลิ้นตาย

แต่เขาจะถอยไม่ได้ เขาจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!

“หึ...แล้วมันยังไงเหรอ? ผมจะกินอะไร กินใครแล้วมันหนักหัวคุณนักรึไง? คุณบดินทร์!”  สดายุเหยียดยิ้มเยาะกลับบ้าง แม้ใบหน้าของเขากับบดินทร์จะห่างกันไม่เกินคืบ แต่แบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้สายตาดูแคลนของสดายุผ่าทะลุไปถึงผู้คุกคามได้แรงขึ้น และแผลลึกขึ้น

“...ก็...ไม่ได้หนักอะไรนักหรอก ก็แค่เสียดาย...” แต่แทนที่คำปรามาสของสดายุจะบาดลึก กลับยิ่งทำให้บดินทร์ยิ้มพราวราวกับถูกใจนักหนา ดวงตาคมโตจับจ้องคนปากดีตรงหน้าไม่วางตา ประกายประหลาดบางอย่างที่ปรากฏในแววตานั้น เรียกความคลื่นเหียนให้แก่สดายุได้ไม่น้อย

‘โรคจิต!!’

“เฮ้ย!!?” สดายุเบี่ยงหลบแทบจะไม่ทันเมื่อบดินทร์ทิ่มหน้าเข้ามาใกล้ ประหนึ่งเหมือนจะ ‘จูบ!!’

“แหม...นี่ถ้ารู้ว่ากับผู้ชายก็ไม่มีปัญหาล่ะก็...ตอนนั้นผมคงไม่ปล่อยคุณไว้...” แต่เพราะสดายุเบี่ยงหลบสุดตัว จึงเป็นการเผยต้นคอขาวเนียนให้บดินทร์ได้ลิ้มลองไม่แพ้กัน

“ปล่อยเชี่ยอะไรวะ!!?” สดายุหลับหูหลับตาตวาดแว๊ด เขาไม่ได้อยากแพ้ แต่ก็ไม่ได้อยากสู้กับบดินทร์ในสถาพเสียเปรียบทุกทางแบบนี้

“ก็ปล่อยให้หมากฤตเมธคาบไปแดกเสียแล้วยังไงล่ะ” จบคำกระซิบร้ายที่ข้างใบหูเย็นเฉียบ บดินทร์ก็ลองลิ้มใบหูแดงก่ำนั้นด้วยเรียวลิ้นของตัวเองทันที

“อร๊ากกกก!! ปล่อยกูไอ้เชี่ย!!” สดายุแทบคลั่งกับการล่วงล้ำน่ารังเกียจ ความขยะแขยงในความเปียกลื่นตีรวนขึ้นจนจุกไปทั้งทรวงอก

สดายุทั้งร้องทั้งดิ้นราวกับคนเสียสติ ดิ้นพราดๆราวกับปลาโดนทุบหัว จะยังไงก็ได้ขอแค่หลุดไปจากไอ้นรกตรงหน้า แต่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งถูกรัด ยิ่งก่นด่าก็ยิ่งถูกเลียถูกกัดเข้าที่ต้นคอขาวอย่างหื่นกระหาย

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

ทำไมบดินทร์ถึงทำกับเขาแบบนี้?

ทั้งที่จริงบดินทร์ควรชิงชังเขาเหมือนที่เขารังเกียจมัน ทั้งที่แค่เข้าใกล้กันเพียงนิดก็ควรจะขนพองสยองเกล้า เพราะตั้งแต่วันที่ประกาศตัดขาด เขาจำได้ว่าตั้งแต่วันนั้นเขากับบดินทร์ก็เกลียดกันเข้าไส้ ไม่มอง ไม่สน ไม่เข้าใกล้ แล้วทำไม ทำไมตอนนี้ถึงได้...

“อย่า!! ไอ้สัด ไอ้ระยำ!!” ด่าไปก็แค่นั้น แต่สดายุจนหนทางต่อสู้จริงๆ มือทั้งสองข้างยังคงถูกล็อค ร่างทั้งร่างถูกโถมทับกดตรึงไว้กับข้างผนัง สองขาที่อ้ากว้างแล้วมีบดินทร์แทรกอยู่ตรงกลางนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมันไร้ประโยชน์อย่างที่สุด!

แต่ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะไปไกลกว่านี้…
>
<
>
<
>

แกร๊ก...

“...............!!!!!???”

เสียงประตูที่เปิดขึ้นพร้อมกับดนัยที่โผล่มากะทันหันทำเอาบดินทร์รีบผละจากการคุกคามสดายุชั่วขณะ

“โอ๊ะ?”

เสียงอุทานเบาๆ ทำกิจกรรมทุกอย่างขาดช่วงชะงัด ผู้มาเยือนคนใหม่เลิกคิ้วน้อยๆ ด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่ตนได้เห็น บดินทร์คลายมือทันทีพร้อมๆกับที่สดายุตั้งตัวได้

ผลัก!!

“อ๊อกก!!” และยันเข้าไปที่ท้องของบดินทร์เต็มรัก โดยไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายได้เกร็งท้องรับการกระทุ้ง

และแน่นอนว่าบดินทร์ที่เซแซดๆ ถึงกับจุกจนร้องไม่ออก

สดายุไม่ได้กล่าวคำใด ทั้งกับบดินทร์และดนัย เพราะชายหนุ่มกำลังโกรธจนหน้ามืด โกรธจนเนื้อตัวสั่น โกรธจนแทบจะคุมสติไว้ไม่อยู่

“....เอ่อ...สดายุ...” ดนัยตั้งท่าจะทัก แต่กลับโดนสดายุเดินกระแทกไหล่ออกไปเสียก่อน

ชายหนุ่มผลุนผลันจากไปโดยไม่เหลียวกลับมามองอีกว่าเบื้องหลังจะเป็นยังไง เขาอยากไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไปจากที่ที่สร้างความอัปยศให้เขาอย่างไม่มีสิ้นสุด!!

“..............อืมมม...เดินลิ่วเลยแฮะ” ดนัยรำพึงขึ้นกับตัวเองเบาๆ ขณะยังไม่ละสายตาจากแผ่นหลังของสดายุ

เกิดอะขึ้นบ้างคงไม่ต้องเดา เพราะเขาเห็นเต็มสองตาอยู่เมื่อครู่

ไม่ได้ตั้งใจจะมาสอดรู้สอดเห็นหรอก แต่บังเอิญว่าผ่านมาทางนี้พอดีเลยกะจะแวะล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย ไม่นึกว่าจะมาได้ยินเรื่องไม่บังควรเข้า ตอนแรกก็กะจะผละไป แต่เพราะเท่าที่ฟังก็พอจะเดาเรื่องได้ว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจากความเต็มใจของทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่รอช้าที่จะทะเล่อทะล่าเข้ามาให้ทั้งสองคนตกใจเล่น ตกใจนิดหน่อยที่ได้เห็นว่าฝ่ายถูกกระทำคือ ‘สดายุ’ และยิ่งได้เห็นว่าอีกคนคือใคร ดนัยถึงกับสตั้นไปเล็กน้อย ‘บดินทร์?’ คนสองคนที่ไม่ควรโคจรมาพบกันได้ในห้องน้ำแคบๆนี้ เพราะเท่าที่จำได้ก่อนที่เขาจะจากไปทำงานที่ต่างประเทศนั้น สองคนนี้มีปัญหากันสุดๆ ข่าววงในปิดกันให้แซ่ดว่าที่สดายุต้องระเห็ดออกจากวงการ ก็เพราะคุณบดินทร์เพื่อนรักนี่แหละที่เป็นต้นเรื่อง ข่าวว่าเกลียดกันจนไม่เผาผี แล้วนี่มันยังไงวะ?

แต่ยังไม่ต้องประมวลผลอะไรมาก ทันทีที่สดายุถีบเข้ายอดอกของบดินทร์จนหงายเงิบ ดนัยก็รู้ได้ทันทีเลยว่า...อ๋อ...

‘อ่าฮะ...เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี่เอง’ อดีตเคยเป็นมายังไงไม่รู้ล่ะ แต่ตอนนี้ บดินทร์หวังแทงข้างหลังสดายุแบบมิดด้ามมีดเลยทีเดียว...

“หลีกไป!”

ห้วงความคิดของดนัยที่ยืนเงียบนิ่งไม่ไหวติงในที่สุดก็ถูกปลุกขึ้นจากเสียงทุ้มต่ำแฝงที่อารมณ์ร้ายของชายที่ชื่อบดินทร์ เพราะดนัยยืนตัวใหญ่ขวางประตูอยู่ เลยถูกข่มขู่ด้วยความไม่สบอารมณ์ของบดินทร์

ตอนแรกดนัยก็กะจะหลบให้ดีๆนั่นแหละ แต่พอเห็นหน้าหงุดหงินงุ่นง่านของคนที่กุมท้องจ้องหน้าเขาอยู่ ความคิดบางอย่างก็แล่นปราดขึ้น

‘แหม่...หน้ามันกวนโอ๊ยดีเว้ย’

“บอกให้หลีกไง!...”

ปัง!

“เฮ้ย!?”

“โอ๊ะ โทดทีมือมันลื่น”

“แก...”

บดินทร์คำรามเสียงขรม เมื่อถูกดาราหน้าใหม่ที่เขาไม่คุ้นหน้ากวนโอ้ย โดยการแกล้งเบี่ยงตัวแกล้งทำเป็นหลบแล้วก็ปิดประตูใส่หน้าเขา ขังตัวมันเองไว้กับเขาในห้องน้ำสองต่อสอง พร้อมรอยยิ้มกวนเบื้องล่าง ดนัยสูงกว่าบดินทร์ราว 4-5 เซ็นต์ ไม่เยอะ แต่ก็มากพอให้ดนัยต้องหลุบตามองบดินทร์เมื่ออยู่ในระยะใกล้ และบดินทร์เองก็ต้องเงยหน้าขึ้นนิดหน่อยเพื่อเหยียดมอง ซึ่งสภาพนี้แน่นอนว่าไม่ถูกจิตบดินทร์เลยแม้แต่นิด

“มึงเด็กสังกัดใคร?” บดินทร์ถามขึ้นเสียงกร้าว มารยาทที่ควรจะมีไม่แสดงออกมาให้เห็น เพราะสำหรับคนระดับเขา ดาราโนเนมไม่ควรมาเสนอหน้าเทียบชั้น

“ก็...ยังไม่ได้สังกัดใครครับ ผมเพิ่ง...” อุตส่าห์จะบอกอย่างไม่ปิดบังว่าเพิ่งกลับจากต่างประเทศ แต่ดูเหมือนคู่สนทนาจะไม่ได้สนใจฟังและตีความเป็นอย่างอื่นไปเสียแล้ว

“มาใหม่! งั้นมึงก็ควรรู้ว่าต้องทำตัวยังไงเวลาอยู่ต่อหน้ากู!” แถมยังมีการข่มขู่สำทับเพื่อป้องกันการลำเลิกทีหลังอีกด้วย ดนัยเลิกคิ้วน้อยๆ ‘อะไรของหมอนี่วะ?’

บดินทร์ใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่กลางอกของดนัยคล้ายจะหยันเล็กๆ ก่อนจะแนะนำตัวเองด้วยอาการหยิ่งผยอง

“กูชื่อบดินทร์ และกูไม่ใช่ดาราระดับที่มึงจะมาเล่นหัวด้วยได้ไอ้เด็กใหม่ จำ ใส่ หัว มึง ไว้ ด้วย!!” ย้ำเน้นๆทีละคำ เพื่อย้ำให้อีกฝ่ายตระหนักฝังจำ ก่อนจะกระแทกไหล่หนาของอีกฝ่ายเปิดประตูออกไปด้านนอกด้วยความคุกรุ่น

“เคยได้ยินมาว่า คุณบดินทร์กับคุณสดายุไม่ถูกกัน...”

“...................” จู่ๆ ดนัยก็เอ่ยขึ้นเบาๆ  แต่นั่นก็สามารถทำให้บดินทร์ชะงักฟัง

“แต่เมื่อกี้เห็นนัวเนียกันขนาดนั้น...คงไม่ได้เกลียดกันตามข่าวแล้วม๊างงง” แสร้งลากเสียงยาวชวนระคายอารมณ์คนฟัง เพราะตั้งใจจะกวนให้บดินทร์ขุ่นเคืองอยู่แล้ว

“...อย่าเสือก!”

และมันก็ได้ผล เมื่อบดินทร์กระแทกเสียงกร้าวกลับมากระแทกหน้าดนัยแบบเต็มๆ จากนั้นก็หมุนตัวจากไปทันที ปล่อยให้ดนัยได้แต่ชำเลืองมองแผ่นหลังคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเดินจากไปก่อนจะเบะปากให้น้อยๆ

“คนอะไรวะ? หลงตัวเองชิบ”

>
<
>
<
<

“ไงยุ รอพี่นานมั้ย?”

เสียงบลูม่าทักมาแต่ไกล ทันทีที่เห็นว่าสดายุนั่งรออยู่ที่โต๊ะทำงาน

“ก็ไม่เท่าไหร่ครับ ผมเพิ่งเสร็จธุระเหมือนกัน” สดายุตอบเสียงเนิบ ทั้งที่หน้าตายังขึงตึงเปรี๊ยะ

“เอ่อ...แล้วไมทำหน้างั้นล่ะน้องรัก โกรธพี่เหรอ?” บลูม่าก็กะจะเชื่ออยู่หรอกว่าสดายุไม่ได้โกรธ แต่หนังหน้ามันฟ้องขนาดนั้น ใครจะไปเชื่อลง

“ผมไม่ได้โกรธเจ๊หรอก แต่ที่เซ็งอยู่เนี่ย เพราะเพิ่งโดนหมากัดมาเฉยๆ” สดายุกัดฟันอธิบาย เรียกความสนใจชองบลูม่าไม่น้อย

“ตายแล้ว หมาที่ไหนกล้ากัดยุเนี่ย? พี่จะได้ไปวางยาเบื่อให้ตายยกรังเชียว” บลูม่าตั้งท่าฮึกเหิม เพราะนึกว่า ‘หมา’ ในความหมายของสดายุ อาจหมายถึงพวกดาราขายไม่ออกหลายๆคนคอยวนเวียนว่ายอยู่แถวๆสำนักงานจาบจ้วงเอา

“ไอ้หมาบดินทร์!” ทว่าคำตอบที่ได้เล่นเอาสะอึกกว่า เพราะ ‘บดินทร์’ มันไม่ใช่แค่ ‘หมา’ สำหรับบลูม่า แต่มันเป็น ‘หมาขี้เรื้อน’ต่างหาก
แล้วหน้าของบลูม่าก็ตึงเปรี๊ยะตามสดายุไปด้วยเป็นที่เรียบร้อย

“ไอ้บดินทร์มันทำอะไรยุ?” เสียงบลูม่ากร้าวขึ้นหน่อยพร้อมกับหน้าถมึงทึงแลดูมาดแมนสมชาย ซึ่งหล่อนจะเป็นแบบนี้เสมอเมื่อน้องรักโดนรังแก

“นี่ไง” สดายุไม่ได้ตอบชัดเจน แต่ใช้วิธีชี้ไปที่รอยแดงจ้ำที่บริเวรต้นคอของตนแทน บลูม่าถึงกับตาวาวเมื่อได้เห็น

“เฮ้ย! ไอ้ระยำนั่น! นี่อย่าบอกนะว่ารอยบนคอยุน่ะ มันคือ...”

“อืม รอยดูดคอ”

“สัดเอ้ย!!”

คำตอบเดียวของสดายุทำเจ๊บลูม่าฉุนขาดพร้อมตบโต๊ะเข้าฉาดใหญ่ เสียงของมันดังสนั่นจนเหล่าทีมงานและผู้อยู่รอบข้างคนอื่นๆ ถึงกับมองกันเป็นตาเดียว ก็ปกติบลูม่าที่ทุกคนรู้จักออกจะสาวแตก ลั้ลลาไปวันๆ ขนาดตอนทำงานจริงจังยังจีบปากจีบคอ เวลาโมโหก็เสียงแหลมปรี๊ด ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะตกตะลึงเมื่อเห็นบลูม่าในเวอร์ชั่นมาดแมนแฮนด์ซั่ม ตบโต๊ะฉาด ผรุสวาทคำหยาบ แถมเสียงยังทุ้มกังวาลสมชายชาตรี
หรือว่าในที่สุด...บลูม่าก็แต๊บแตกเสียแล้ว?

คนนอกต่างก็คิดกันไปต่างๆนาๆ โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วที่บลูม่ามาดหลุดขนาดนี้เหตุเพราะอะไร

“มันอยู่ไหนยุ พี่จะไปเอาเลือดหัวมันออก!” บลูม่าคำรามอย่างลืมตัว ท่าทางว่าจะหุนหันออกไปทันทีที่สดายุบอกพิกัด ทว่าสดายุไม่ได้กล่าวอะไร นอกจากคว้าข้อมือหนาของบลูม่าเอาไว้แทน

“ช่างแม่งมันพี่ ตอนนี้มันยังชึ้นหม้อ อย่าเพิ่งไปแลกกับมันเลย”

“แต่มันทำกับยุขนาดนี้ ยุยอมได้ยังไง!!? ยุจะยอมปล่อยให้มันลอยนวล เหมือนคราวที่แล้วอีกอย่างนั้นเหรอ!!?”

“ไม่ได้ยอม แต่มันยังไม่ถึงเวลาเอาคืน  คราวที่แล้วที่ผมยอมก็เพราะผมเองก็มีส่วนผิด...”

“แล้วตอนนี้ล่ะ ยุก็มีส่วนผิดรึไง?”

“เปล่า”

“แล้วทำไมเราไม่ทำอะไรมันบ้าง?”

“ก็บอกแล้วไงว่ามันขึ้นหม้ออยู่ เจ๊อย่าโมโหจนหน้ามืดน่า รู้ทั้งรู้อยู่ไม่ใช่เหรอ ว่าไอ้บดินทร์น่ะ มันเด็กท่านประธานเขา ขืนผลีผลามทำอะไรลงไปไม่ใช่แค่ผมนะ พี่เองก็จะเดือดร้อนไปด้วย”

“...ท่านประธานเธอเป็นคนมีเหตุผลนะยุ ถ้าเราอธิบาย เธอจะต้องฟังอยู่แล้วล่ะ...”

“เหตุผลของคนที่ขัดผลประโยชน์น่ะ มันไม่เข้าหูหรอกเจ๊”

“...หมายความว่ายังไง?”

“เจ๊...ยุมีเรื่องจะต้องบอกเจ๊”

<
>
<
>
<
>

สดายุตัดสินใจเล่าทุกเรื่องราวระหว่างตัวเองกับกฤตเมธและเสน่ห์จันทร์ให้บลูม่าฟัง ทั้งเรื่องความสัมพันธืที่ถลำลึกเกินกว่าจะถอนตัว ทั้งเรื่องที่มีปัญหากับทางเสน่ห์จันทร์ และเรื่องที่ตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากวงการอย่างจริงจังเสียทีหลังจากจบหนังเรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’

บลูม่านั้นก็ได้แต่อึ้งอื้อ อยากจะทัดทานน้องรักอยู่เหมือนกัน แต่ก็รู้ดีว่าไร้ประโยชน์ เพราะหล่อนรู้ดีว่าสดายุเป็นคนอย่างไร ลองว่ายืนกรานความตั้งใจ หรือตัดสินใจอะไรลงไปแล้ว สดายุจะไม่เปลี่ยนใจเด็ดขาด ด้วยเหตุนี้แหละทำให้บลูม่าหนักใจเหลือเกิน

“น้องยุ...คิดดีแล้วจริงๆเหรอคะ มันร้ายแรงถึงขนาดต้องออกจากวงการเลยจริงๆเหรอ? พี่เห็นพวกเปิดตัวใหม่ๆตั้งหลายคนยังยืนหยัดในวงการได้เลย งานเงินก็ไม่ได้หดไปไหน โอเคมันมีเปลี่ยนบทบาทไปบ้าง พี่ไม่เถียงหรอกเรื่องแฟนคลับน่ะ จริงอยู่มันอาจมีที่เลิกนิยมไป แต่พวกที่รักเหนียวแน่นก็ยังมีนะ ทุกเรื่องมันมันยังมีทางออกที่ดีกว่าการตัดช่องน้อยแต่พอตัวแบบนี้นะยุ...”

บลูม่าพยายามเกลี้ยกล่อม หล่อนพยายามปูทางให้เดินโดยมุ่งมั่นว่าน้องคนนี้ของหล่อนจะเดินบนทางที่หล่อนพยายามเบิกฝ่าได้อย่างมั่นคง และสง่างาม เหนือความคาดหมายไปบ้างก็ตรงที่จู่ๆน้องชายคนดีก็ดันมีคนรักเป็นเพศเดียวกัน แถมยังเป็นถึงพระเอกระดับแนวหน้าดาวค้างฟ้าบารมีสูงที่ไม่มีใครไม่รู้จัก

แน่นอนว่า..ไม่มีทางที่จะไม่มีปัญหา

แต่มันจะหนักหนาขนาดละทิ้งทุกอย่างขนาดนี้เลยเหรอ?

‘หนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายครับเจ๊บลูม่า ยุจะออกจากวงการทันทีที่งานที่เกี่ยวพันกับหนังเรื่องนี้จบลง ไม่ว่าในที่สุดแล้วผมกับกฤตเมธจะเป็นยังไงต่อไป ไม่ว่าข่าวเราจะหลุด ไม่ว่ากฤตเมธเขาจะแถลงข่าวหรือไม่ หรือท้ายที่สุดแล้วจะเหลือแค่ผม ผมก็ไม่ขออยู่ในวงการนี้อีกแล้วครับ...ผมเหนื่อยแล้ว’

‘เหนื่อยแล้ว’ คำที่แทงใจบลูม่าที่สุด สดายุชอบเก็บอะไรไว้ในใจคนเดียวเสมอ เก็บสะสมไว้จนมันเต็มล้น ไม่ยอมพูด ไม่ยอมบอกใคร ท้ายที่สุดจึงเป็นอย่างที่เห็น

‘หันหลังให้ทุกอย่าง’

บลูม่าอยากพยายามแก้นิสัยเสียนี้ของสดายุอยู่หลายครั้งหลายครา แต่เหมือนมันจะไม่เคยสำฤทธิ์ผล ดีขึ้นบ้างบางครั้ง แต่นานไปก็เหมือนเดิม สภาพแวดล้อมกล่อมเกลาให้สดายุกลายเป็นคนเก็บกด และปิดใจ

ยิ่งฟังคำน้องรักบลูม่าก็ยิ่งปวดหัวถึงขั้นต้องกุมขมับ สงสัยคงต้องให้กฤตเมธร่วมด้วยช่วยกันสั่งสอนบ้างเสียแล้ว ไอ้นิสัยชอบหันหลังให้สังคมเนี่ย...

“ยุ...ยุงฟังพี่นะ บางทีเรื่องอาจไม่ร้ายแรงอย่างที่ยุคิดก็ได้นะ”

“ผมก็หวังว่าอย่างนั้นแหละเจ๊ ตัวยุเองน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่กฤตเมธนี่สิ ผมไม่อยากให้เขาต้องเจอเรื่องไม่ดี”

“ยุคะ เมธเขาไม่น่ามีปัญหาหรอกค่ะ ที่สำคัญ ท่านประธานออกหน้าเคลียร์ให้อยู่แล้วล่ะ เมธเขาเป็นลูกรักท่านประธานนะ”

“คงไม่ใช่แล้วล่ะเจ๊ ตั้งแต่ผมกับเมธเข้าไปยืนกรานความสัมพัน ทุกอย่างก็จบลงตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว...แทนที่จะช่วย ยุว่าคุณเสน่ห์จันทร์คงสาปส่งพวกผมมากกว่า...”

“...แต่พี่ว่า มันไม่เป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ ถึงยังพี่ก็เชื่อนะว่าท่านประธานน่ะเธอมีเหตุผลพอ”

“.............................”

บลูม่ายื่นมือมากุมือสดายุไว้ หล่อนสูดหายใจเข้าลึก  ก่อนจะตัดสินใจเล่าบางอย่างให้สดายุได้ฟัง

“ฟังพี่นะยุ...พี่เข้าใจว่ายุกับท่านประธาน อาจมีเรื่องผิดใจกัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องคุณเมธ หรือกระทั่งเรื่องลูกสาวคนเดียวของนาง แต่พี่อยากให้ยุลองฟังเรื่องที่พี่เล่า พี่ไม่ได้อยากเข้าข้างท่านประธานนะ พี่แค่อยากให้ยุลองเปิดใจ...”

“ยุคงเคยเจอฤทธิ์ลูกสาวท่านประธานแล้วใช่มั้ย” ก่อนจะเท้าความอื่นใด บลูม่าลองหยั่งเชิงสดายุก่อน

“อืม ร้ายเหมือนกันเปี๊ยบ” และคำตอบที่ได้ก็ตรงกับที่บลูม่าคาดเดาไว้ไม่มีผิด

“ร้ายเหมือนกัน แต่แท้จริงแล้วไม่เหมือนกันหรอกค่ะยุ”

“ยังไง? แม่ลูกกันนี่”

“ใช่ค่ะ แต่ไม่เหมือนกัน รู้เปล่า ในวงการเราน่ะ หากพูดถึงท่านประธานเสน่ห์จันทร์นะ ทุกคนก็จะคิดถึงความเก่งกาจของเธอที่แม้แต่ผู้ชายยังยอมรับ เธอเก่งทุกอย่างจริงๆค่ะ ทั้งการบริหารงาน บริหารคน ติดอยู่ก็แต่ การบริหารลูก” บลูม่าเอ่ยราวกับเป็นเรื่องชัวหัว ‘บริหารลูก’ คืออะไร สดายุยังคงข้องใจเล็กน้อย แต่ก็ยังคงนิ่งฟัง ไม่เอ่ยขัด

“รู้แล้วเหยียบไว้เลยนะยุ เรื่องนี้น้อยคนจะรู้”

“ครับผมจะไม่บอกใคร เล่ามาเถอะ”

“ความจริงแล้ว คุณเสน่ห์จันทร์เธอเคยแท้งลูกค่ะ แล้วคุณหนูชิดจันทร์เนี่ย ก็เกิดกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก...และที่สำคัญ...”

“คุณหนูชิดจันทร์เนี่ย...เกลียดคุณเสน่ห์จันทร์มากค่ะ”

**********************************************************************
วันนี้มีแต่เรื่องให้ท้อค่ะ...
โกดังเก็บสินค้าของบริษัทโดนไฟไหม้วอดทั้งหลัง...ออกข่าวใหญ่โต...
ข้าพเจ้าทั้งเศร้า และท้อแท้....
 :ling2:
แต่ไม่เป็นไรค่ะ ตอนหน้าจะต้องมาในเร็ววัน....ฮึกๆ ฮือๆ

ปล. ตอนหน้าเป็นต้นไปสดายุและกฤต จะดราม่ากันเล็กน้อยนะจ๊ะ แต่ไม่น้ำเน่าเศร้าแซดแน่นอน
ส่วนป้าจันทร์กับลูกสาว มีเรื่องเล่าแน่นอนจ๊ะ
ว่าแต่ว่า...เรื่องเมธยุในห้องน้ำนั้น...จะเป็นข่าวเปล่าน้อ...
ฝากติดตามด้วยนะจ๊ะ

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี99

กรี๊ดดดด!! พิมพ์ผิด เรื่องเพี้ยนเลย อร๊ากกก
ชิดจันทร์เกลียดแม่ตัวเองนะคะ ไม่ใช่แม่พี่เมธ เก๊าพิมพ์ผิดก๊า
ขอโต๊ดก๊าบ

 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 27-06-2014 21:31:00
 :z13: :z13:

ดราม่ายังไม่จบ รู้ความลับของมนุษย์ป้าแล้ว ฮี่ๆๆ

เพิ่งรู้นะว่าบดินทร์ก็ชอบทางนี้เหมือนกัน คงจะเล็งน้องยุมานานแล้วล่ะสิ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 27-06-2014 21:35:36
ตาบดินทร์เลวไม่เลิกจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-06-2014 21:36:51
 :monkeysad: :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 27-06-2014 21:37:30
 :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 27-06-2014 21:46:51
โอ๊ะ!!! อีกปมโผล่มาแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 27-06-2014 21:52:17
เห็นข่าวอยู่นะ ที่สมุทปราการ ยังภาวนาขอให้ดับได้ สู้ๆค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ไอ้บดินน่าขยะแยงมากกกก ครั้งหน้าถ้ามันทำอีก อ้วกใส่เลยค่ะ ยุ

มันจะได้หายหื่นซะที

อยากเห็นบดินโดนดนัยเสียบข้างหลัง คงจะสะใจ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-06-2014 21:56:31
ยุเสน่ห์แรงอ่ะ มาพร้อมกับเรื่องยุ่ง ๆ เลย
ขอให้คนแต่งผ่านเรื่องท้อและหายไว ๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: nolirin ที่ 27-06-2014 22:01:22
พี่เมธออกจากห้องน้ำไปก่อนเหรอ
ยุเลยเจอกะนายบดินทร์แค่คนเดียว
หรือนายบรดินทร์จะชอบยุมาตั้งแต่แรก แต่เป็นการชอบแบบจิตๆ แนวรักมากก็เกลียดมากป่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 27-06-2014 22:02:40
บดินทร์นี่ก็เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อสินะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 27-06-2014 22:11:40
โอ๊ยยยยยย สงสารน้องยุ ช่วงนี้น้องชีวิตมืดมน(มืดมาทั้งเรื่อง) :sad4:
เราออกจากดงมาม่ากันเถอะ :z3:
อยากกินนมชมพูแล้ววว
รอตอนต่อไป สู้ๆน้าาา :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 27-06-2014 22:16:26
ลับหลังคุณกฤตปุ๊บน้องยุก็โดนรังแกเลย เกลียดตัวกินไข่นี่หว่าผู้ชายคนนี้  :beat:
แอบกรี๊ดเจ๊บลูเบา ๆ  เจ๊แมนและแฮนด์ซั่มมาก ฮริ้ววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 27-06-2014 22:28:00
 ภาพข่าวที่เห็นเป็นโรงงานของคุณอนาคีหรอคะ
ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-06-2014 22:33:31
พ่อก็ทำงานในนิคมเหมือนกัน สู้ๆนะคะ

อยากฟังเรื่องเสน่ห์จันทร์  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 27-06-2014 22:40:56
มาแบบมึนๆ เจ้ชิดยังไงเนี่ยยยยยยยยย
 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 27-06-2014 23:06:45
 o22 o22

 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 27-06-2014 23:17:22
ปมเริ่มคลาย...

ว่าแต่ว่าถ้าตาลุงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำนิ จะเป็นไงน้าาา (อยากจะอัดคลิปส่งไปให้ลุงดูจุงเบยยยย) ว่าแต่ว่าคงไม่ใช่ว่าเข้าใจผิดเรื่องรอยแล้วไปมาม่าใส่ยุหรอกนะ  :a5:

ิอิดินนิเสร็จนายดนัย ชัวร์ ฟันเฟิร์ม!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 27-06-2014 23:37:34
เห็นข่าวเหมือนกันเป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 28-06-2014 00:00:45
เรื่องมันชักจะยังไงละ
ไม่ไหว พันไปมา

อยากเห็นตอนhappy ละ
เมื่อไหรนะ [\b]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 28-06-2014 00:08:27
หยี้ !!!! ขยะแขยงงงงบดินทร์
บังอาจมาฝากรอบไว้ที่คอยุ
พี่เมธจัดการมันนนนนนนนนนนนนนนนนนนน :katai1: :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 28-06-2014 00:34:00
บดินทรแสบมากนะ ระวังไว้ จะโดนเอาคืน
อย่ามาม่าเยอะนะ เค้าทำใจไม่ทัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 28-06-2014 08:49:52
อ่าวบดินทร์ เล็งน้องยุมานานแล้วอ่ะดิ -.-
กำ อยากรู้เรื่องราวของสองแม่ลูก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 28-06-2014 09:51:48
โอ๊ย แค่ไอ้เห้บดินทรโผล่มาก็เหมือนจะมีเรื่องร้ายๆ ตามมาอีกเป็นพรวน
ช่วยเอามันไปเก็บที หรือจะให้น้องดนัยเก็บมันดีนะ  :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 28-06-2014 09:56:47
เป็นกำลังใจให้เสมอนะคะทั้งคนเขียนทั้งหนูยุ
สู้ๆทั้งสองคนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-06-2014 09:58:31
เรื่องราวซับซ้อนซ่อนความลับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 28-06-2014 09:59:38
โอ๊ะะ เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเลยแฮะ รู้สึกจะมีเรื่องให้ลุ้นตลอดดด   :a5:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 28-06-2014 11:44:07
เหมือนจะมีพลังงานบางอย่างระหว่างดนัยบดินทร์เจนสัมผัสได้55555 :hao7:
ชิดจันทร์เป็นเด็กมีปมนี่เอง นางถึงนิสัยร้ายกาจ
สู้ๆนะคะ คุณคนแต่ง รออ่านตอนต่อไปนะคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 28-06-2014 12:14:06
ทุกคนล้วนมีทุกข์เป็นของตัวเอง :เฮ้อ:
อ่านเรื่องนี้แล้วมองย้อนไปที่วงการบันเทิงบ้านเรา
ไอ้ที่เห็นๆ นี่มันคงไม่เป็นอย่างที่เห็นแน่ๆ
น้องยุ สู้ๆ นะ มีทั้งพี่เมธ ทั้งเจ๊บลูม่าอยู่เคียงข้าง อย่าท้อเด็ดขาด
หันหน้าเผชิญปัญหาดีกว่านะลูก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 28-06-2014 15:37:03
ตกลงดนัยเป็นผู้ช่วยนายเอกสินะ
อย่างนี้คงต้องผนึกกำลังกับบลูม่า
สเป็กบลูม่าด้วยมั้ยนี่ หล่อสูงล่ำ (ฮ่าๆๆ)
น่าเป็นกังวลแทน

 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 28-06-2014 16:27:18
อดีตเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 28-06-2014 20:34:37
แง่ม-ๆๆ  มาม่าหรอ เค้าไม่ชอบเลย :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 28-06-2014 20:53:34
อ้าวววววววว บดินทร์ นายก็เล็งน้องยุด้วยรึนี่  :a5:

ว่าแต่ดูท่าจะเหมาะกับดนัยมากกว่านะ แอร๊ยยยย  :z1:

อ้าาา รอกินมาม่า แต่อย่าเยอะนักนะคะสงสารน้องยุ  :mew6:

เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนในทุกๆเรื่องเลยค่ะ  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 28-06-2014 21:02:46
เรื่องนี่ชักจะซับซ้อน มีปมหลังเยอะมาก

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-06-2014 21:39:47
มาอีกระลอกกกกก มาม่า รสกลมกล่อม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 28-06-2014 22:51:36
ติดตามค๊าาา    :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 29-06-2014 01:03:11
รอมาม่าแต่อย่าต้มยำกุ้งนะค่ะ

ขอหมูสับน้ำซุปพอกรุบกริบ

ไม่อยากเผ็ดร้อนจนน้ำตานองหน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 29-06-2014 12:09:58
เรื่องราวค่อยๆเพิ่มมากขึ้น

เจ๊บลูม่าาาาา เจ๊หล่อเลิศเลอมากเลยอะ 5555555555 รักนางเวอร์

ไอ้คุณบดินทร์คะ... เดี๋ยวจะขนเพื่อนขึ้นท้ายกระบะไปตีหล่อน! บังอาจมาแตะต้องน้องยุ!

ดูจากทรงแล้ว หรือที่จริงบดินทร์จะชอบยุตั้งแต่แรกแล้วหรืออะไรยังไง?

นกล่ะค่ะบดินทร์ เสียใจด้วย!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 29-06-2014 12:30:33
เออะ   อยากตบหมาขี้เรื้อนบดินทร์อะ  แง่งงง

แต่เรื่องมันพลิกไปมาตาลายอะ  ฮ่าๆๆ

ดราม่ามาแล้ว  ขอเบาๆนะคะ  ฮ่าๆ   ขอบคุณคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 29-06-2014 23:11:27
ท่าทางบลูม่าจะรู้ว่าบดินทร์เล็งสดายุมานานแล้วป่ะเนี่ย
แต่ที่เราสนใจคือกฤตเมษจะรู้ป่าวเนี่ยจิ ว่าสดายุมีคนหมายหมองหลายคนแล้วนะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 29-06-2014 23:58:34
อ้าวมันยังกันละเนี่ยะ ปมเยอะขื้นทุกตอนเลย :katai1:  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 30-06-2014 16:10:50
อุ้ป!! ป้าแกน่าสงสารเนอะ  ต้องรอดูๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 30-06-2014 23:19:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 01-07-2014 13:45:51
บดินทร์คิดอะไรๆกะยุป่ะ?
แง้มๆๆ เมธอ่า ไปไหน?
ไม่เอานะ อย่ามายุ่งกะยุของเขาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-07-2014 21:35:46
เนื่องจากเหตุการณ์ไฟไหม้ โกดังเก็บสินค้าที่
บ. ของคนเขียนฝากสินค้าเอาไว้จนวอดวาย ไม่เหลือซากนั้น
ทำให้คนเขียนงานงอก 7 วันเต็มสัปดาห์
ทำงานตั้งแต่ 7 โมงเช้า - 4 ทุ่ม ณ นิคมอุตสาหกรรม...ไกลโพ้น

จึงขอเรียนมาเพื่อทราบว่าคนเขียนจะไม่มีเวลาลงตอนใหม่เลยจ๊ะ
หากโชคดีสามารถเคลียร์งานหลวงได้ทันภายในวันอาทิตย์นี้
 :o12:
คนเขียนจิรีบมาลงภายในวันพุธหน้าเลยค่ะ
แต่หากเป็นไปไม่ได้
ขอเป็นคืนวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคมนะคะ
(คืนวันอาสาฬหบูชาพอดีเชียว -*-)

ขออภัยอย่างสูงปรี๊ดในความไม่สะดวกค่ะ
อนาคี 99
 :ling3:
ปล. ตอนหน้าจะต้องมาแบบยาวเหยียด จนเสียดกระเพาะปัสสาวะค่ะ
(ตั้งปนิธานแรงกล้า ฝุดๆ)

 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 01-07-2014 21:38:14
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 01-07-2014 21:49:24
เป็นกำลังใจให้คะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 01-07-2014 21:51:38
เข้าใจแล้วรอได้จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 01-07-2014 22:19:14
เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 01-07-2014 22:30:48
เอาใจช่วยคนเขียน fighting!!!!!(กับงาน)นะค่ะ
รอได้เสมอเน้อ :katai3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: 28016 ที่ 01-07-2014 22:38:05
ใช่ที่บางปูรึเปล่าคะเหมือนจะเห็นข่าวอยู่
สู้ๆนะคะ คนอ่านเป็นกำลังใจให้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Death Y ที่ 01-07-2014 22:42:17
สู้ๆ นะค่ะ

รอเสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: เฉาก๊วย ที่ 01-07-2014 22:59:08
รับทราบ...สู้ๆ ค่า  :a2: :a9: :a2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 01-07-2014 23:12:11
รอได้จ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 01-07-2014 23:33:29
จิรอเสียดนะ...  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 01-07-2014 23:43:26
ดราม่ามากๆคะ ชอบๆจะเกาะติดหน้าจอรอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 02-07-2014 13:36:39
คราฟฟสู้ๆๆๆนะครับๆๆๆ    จะรอคราฟๆๆผม :mew2: :mew2: :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 02-07-2014 20:24:06
เป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป รอได้เสมอค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-07-2014 19:54:53
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 05-07-2014 23:18:27
 :katai1: :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ประกาศลาหยุด 2 สัปดาห์จ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: finn~luv ที่ 06-07-2014 01:04:30
รับทราบค่าาา
สู้ๆ กับงานนะคะ แล้วจะรอค่า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 08-07-2014 20:49:44
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 33




เมื่อครั้งอายุเพียง 18 ปี เสน่ห์จันทร์ซึ่งตอนนั้นเป็นบุตรสาวคนเดียวของเจ้าสัวโรงสีใหญ่ย่านชานเมือง ได้หนีตามชายคนรักที่เป็นเพียงคนงานในโรงสี ทั้งคู่หนีออกจากบ้านไปด้วยกัน เพียงเพราะถูกครอบครัวกีดกัน และเสน่ห์จันทร์ยังถูกจับคลุมถุงชนกับลูกชายเสี่ยปล่อยเงินกู้เจ้าใหญ่ของแถบนั้นอีกด้วย

ความรักเกิดจากความเข้าใจและใกล้ชิด เพราทั้งคู่นั้นรู้จักกันมาตั้งแต่เยาว์วัย ด้วยชายหนุ่มก็เป็นลูกชายของคนงานเก่าแก่ ความผูกพันเพิ่มขึ้นทุกวันอย่างไม่อาจหักห้าม และในวันที่ความรักมากล้นเกินทนไหว สองหนุ่มสาวก็หนีตามกันไป ใช้ชีวิตด้วยกันด้วยความรัก แม้จะลำบากเข้าขั้นปากกัดตีนถีบ แต่เสน่ห์จันทร์ก็มีความสุขมาก กระทั่งหล่อนตั้งครรภ์ในสองปีถัดมา เด็กในครรภ์สมบูรณ์แข็งแรง หลังอัลตร้าซาวด์พบว่าเป็นเพศชาย

 ‘ลูกชายของคนที่หล่อนรัก’

สองสามีภรรยาทั้งดีใจและมีความสุขมาก ทั้งคู่พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกที่กำลังจะเกิดมา วาดหวังสร้างอนาคตแสนยาวไกลกันตามประสาพ่อ แม่ ลูก

ทว่า...

ความสุขมันไม่เคยจีรัง เพราะในวันที่เสน่ห์จันทร์ตั้งครรภ์ครบ 5 เดือน สามีและพ่อของลูกของหล่อนก็ได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ จากอุบัติเหตุ เขาถูกรถชนเสียชีวิตขณะกำลังเดินทางกลับจากที่ทำงานในตอนเย็น ในวันครบรอบการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันครบ 2 ปีพอดิบพอดี เสน่ห์จันทร์ที่เตรียมงานเลี้ยงเล็กๆรออยู่ที่บ้านนั้น พอทราบเรื่องเข้าก็แทบเสียสติ หล่อนรีบรุดมาที่โรงพยาบาลแต่ก็สายเกินไป ชายคนรักเธอสิ้นลมหายใจก่อนที่หล่อนจะไปถึงได้ไม่นาน ความเสียใจถาโถมจนเสน่ห์จันทร์สิ้นสติ  และด้วยความช็อครุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เสน่ห์จันทร์แท้งบุตรชายไปโดยไม่ตั้งใจ หล่อนตกเลือดมากจนน่ากลัว หลับไหลอยู่ในห้องไอซียูอยู่หลายวัน ทางโรงพยาบาลติดต่อญาติได้จากฐานข้อมูลที่มีอยู่

...จากนั้น หล่อนก็ถูกพาตัวกลับบ้าน แล้วชีวิตหลังจากนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

หลังรักษาตัวจนหายดีแล้ว เสน่ห์จันทร์ถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกชายเจ้าของบริษัทเงินกู้ทันที ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และเพื่อล้างอายจากสิ่งที่เสน่ห์จันทร์ทเอาไว้ด้วย จากเคยเป็นลูกรัก ก็กลายเป็นลูกชังของที่บ้าน แต่งเข้าตระกูลเงินกู้ก็ถูกดูแคลนเพราะใม่ใช่สาวบริสุทธิ์ แถมยังเคยแท้งลูกมาก่อน ชายผู้มาเป็นสามีของเสน่ห์จันทร์ก็เป็นผู้ชายจับจด ไม่เป็นโล้เป็นพาย ใช้เงินเรี่ยราดไปวันๆ มีเมียเล็กเมียน้อยเป็นขโยง แต่เสน่ห์จันทร์ก็ไม่ได้สนใจ เพราะหล่อนไม่ได้รัก ตั้งแต่วันที่ตกลงแต่งงานกันทั้งคู่ตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันเด็ดขาด การแต่งงานครั้งนี้จะมีเพียงสกุลเท่านั้นที่ใช้ร่วมกัน

เสนห์จันทร์ทุ่มเททำงาน จนกิจการเงินกู้ของบ้านสามีรุ่งเรืองขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะเสน่ห์จันทร์เป็นคนเก่งและฉลาดเป็นทุน ด้วยเหตุนั้นทำให้พ่อแม่สามีและญาติพี่น้องไม่กล้าดูแคลนหล่อนมากนักเพราะต้องพึ่งพาหล่อนในหลายๆเรื่อง สุดท้ายเลยไปลงกับสามีของเสน่ห์จันทร์ที่ลอยไปลอยมาวันๆแทน ความเก็บกดทำให้ คืนหนึ่งผู้ได้ชื่อว่าสามีที่ดื่มเหล้าจนเมามายอดรนทนไม่ไหว บุกเข้าไปข่มขืนเสน่ห์จันทร์จนตั้งท้อง
เสน่ห์จันทร์เสียใจมากก็จริงแต่ก็ยังกัดฟันสู้ทน แม้จะเกลียดคนเป็นพ่อ แต่ในท้องนี้ก็เลือดเนื้อเชื้อไข หล่อนตั้งใจที่จะรักและปกป้องอย่างเต็มที่เฉกเช่น กับลูกคนแรกที่หล่อนเสียไป

ทว่าพอคลอดลูกแล้ว ความสัมพันธ์ของหล่อนกับครอบครัวเงินกู้ก็ยิ่งเลวร้าย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่สามีที่เอาแต่หลาน หรือสามีที่ยังมีอีหนูไม่ขาดงานการไม่ทำปล้ำแต่ผลาญเงิน สุดท้ายความอดทนของเสน่ห์จันทร์ก็มาถึงขีดสุด หล่อนหย่าขาดจากสามีและออกจากบ้านเงินกู้ตอนอายุ 35 ปี แล้วมาเปิดกิจการเกี่ยวกับวงการบันเทิงนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา

ทุกอย่างเป็นไปได้สวยก็จริง แต่ยังมีสิ่งที่หล่นทำพลาดไป นั่นคือ การที่หล่อนทิ้งลูกสาวคนเดียวไว้ที่บ้านของสามี

เพราะตอนฟ้องหย่า หล่อนตัวคนเดียวไม่สามารถเลี้ยงบุตรตามลำพังได้ ศาลเลยตัดสินให้ชิดจันทร์ลูกสาวต้องอยู่กับคนเป็นพ่อ แม้เสน่ห์จันทร์จะส่งเสียเลี้ยงดูไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เพราะช่วงเปิดบริษัทงานหล่อนหนักมากจึงไม่ได้มีเวลามากพอจะไปเยี่ยมบ่อยๆ แถมทุกครั้งที่ไปหายังถูกกีดกันสารพัด เพราะทางบ้านเงินกู้ไม่ได้ชอบหน้าหล่อนเป็นทุนอยู่แล้ว

นานวันเข้าชิดจันทร์เติบใหญ่ เด็กน้อยซึมซับความเกลียดชังที่ปู่ย่ามีให้มารดาของตน ในที่สุดชิดจันทร์เองก็ไม่ชอบเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นมารดาไปด้วยอีกคน เพราะเด็กน้อยฝังใจหนักหนาว่าตัวเองถูกแม่ทิ้ง

แม้เติบใหญ่ขึ้นจนสามารถไปมาหาสู่กันได้สะดวกแล้ว ชิดจันทร์ก็ไม่ได้คิดจะมาหาผู้เป็นแม่สักเท่าไหร่นัก กระทั่งวันที่เสน่ห์จันทร์รับอุปการะดาราหนุ่มน้อยไว้ในสังกัด นามว่า ‘กฤตเมธ’ ตั้งแต่วันที่ทั้งคู่ได้เจอกัน ชิดจันทร์ก็ไปมาหาสู่กับมารดามากขึ้นโดยไม่รู้เหตุผล ซึ่งเสน่ห์จันทร์เองก็ไม่ได้ต้องการจะรู้ แค่ลูกมาหาหล่อนบ้าง หล่อนก็ดีใจจะแย่แล้ว ยิ่งได้เห็นว่าชิดจันทร์เข้ากันได้ดีกับกฤตเมธ หล่อนยิ่งดีใจ ถึงขั้นเอ่ยปากฝากฝังให้กฤตเมธช่วยดูแลชิดจันทร์ด้วย

และด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เสน่ห์จันทร์ผู้เด็ดขาดในทุกเรื่องนั้น ต้องอ่อนเป็นขี้ผึ้งกับลูกตัวเองทุกที ไม่ว่าเรื่องแบบไน ไม่ว่าชิดจันทร์จะเอ่ยปากขออะไร เสน่ห์จันทร์ก็ไม่เคยขัด สปอยล์กันจนคนทั้งวงการรู้ดีว่าลูกสาวคนเดียวของท่านประธานหญิงนั้นช่างเอาแต่ใจ และขี้วีนถึงขีดสุด


“...ด้วยประการละฉะนี้แหละค่ะ คุณหนูชิดจันทร์เธอเลยร้ายนัก”

บลูม่าอธิบายยาวเหยียด เล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับท่านประธานให้สดายุฟัง เล่าเสียนาน บรรยบายความซะเยอะ กินเวลาเป็นชั่วโมงๆ ราวกับดูหนังโศกนาฏกรรมรักเป็นเรื่องๆ ฟังจบสดายุก็ถึงกับต้องถอนหายใจ ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละครจริงๆด้วยสินะ

“จากที่เจ๊เล่ามาผมก็เห็นใจท่านประธานเธออยู่หรอกครับ แต่จะโทษโชคชะตาอย่างเดียวมันก็ไม่ได้หรอก ตัวเธอเองก็ผิด...” สดายุเปรยออกมาด้วยความคิดเห็นแบบกลางๆ ไม่เห็นดีเห็นร้ายมากนัก จริงอยู่เรื่องของเสน่ห์จันทร์น่าเห็นใจมาก เขาเองก็สะเทือนใจไม่น้อยที่ได้ยินปูมหลังแสนเศร้าของท่านประธาน เล่นเอารู้สึกผิดไปเลยที่เคยทำตัวก้าวร้าวใส่ แต่... แล้วมันยังไงล่ะ ท่านประธานน่าสงสารเขาเลยต้องเป็นพ่อพระถึงขนาดต้องเสียสละกฤตเมธให้อย่างนั้นเหรอ? ถ้าจะพูดถึงความน่าสงสาร เขาที่ถูกครอบครัวหันหลังให้ไม่น่าสงสารเลยอย่างงั้นหรือ? ต่างคนก็ต่างชะตากรรม อยู่ที่ว่าเราจะเผชิญมันแบบไหน เขาพลาดที่ประชดชีวิตโดยการทำตัวเหลวไหลเหลวแหลก และเสน่ห์จันทร์ก็พลาดที่สปอยล์ลูกจนเหลิง...เลี้ยงลูกไม่เป็นนี่หว่า...

“เรื่องนั้นใครๆเขาก็รู้ค่ะยุ ที่พี่เล่าให้ยุฟังเนี่ยก็แค่อยากให้ยุปรับมุมมองใหม่ มองคุณเสน่ห์จันทร์เธอเป็นมิตรขึ้นสักนิด”

“เข้าข้างกันจังนะเจ๊...อย่าบอกนะ ว่าเจ๊จะให้ผมยอมยกกฤตเมธให้ชิดจันทร์ เพียงเพราะท่านประธานเธอน่าสงสาร?”

“แหม อย่าพูดอย่างนั้นสิคะคุณน้อง พี่ต้องเข้าข้างน้องยุของพี่มากกว่าอยู่แล้วสิ เรื่องคุณเมธพี่ก็สนับสนุนน้องเต็มที่เลยไม่เห็นเหรอ อย่านอยด์นักสิคะพี่แค่เล่าให้ฟัง...” บลูม่าเร่งอธิบายเมื่อเห็นสดายุเริ่มเข้าใจเป๋ไปคนละเรื่อง

“หึหึ ผมแหย่เล่นน่า” สดายุหัวเราะร่า เมื่อเห็นหน้าเครียดจัดของบลูม่า เสียงหัวเราะแหบหวานทรงเสน่ห์แต่ไม่ได้ช่วยให้บลูม่าเลิกค้อน

“น้องยุคะ เดี๋ยวพี่ก็ดีดตกเก้าอี้เสียหรอกค่ะ แหย่กันแรงแบบนี้พี่ใจเสียนะ โถ่...”

“ฮะฮะ ขอโทษคร๊าบเจ๊ ก็ผมน้อยใจนี่ เจ๊รักคนอื่นมากกว่าผมอ่ะ” ว่าแล้วก็อ้อนสำทับพร้อมวางศีรษะหนักๆของตนบนไหล่แกร่งของพี่สาว(?)ตามปกติที่เคยประจบขอนู่นนี่มานานปี สดายุไม่เคยสนใจใคร สดายุไม่เคยเปิดใจให้ใคร แต่เมื่อไหร่ที่ให้ไปแล้ว สดายุก็ไม่เอาคืน  ซึ่งบลูม่าคือคนคนนั้นที่ได้ใจสดายุไป ดังนั้นจึงเป็นคนเดียวที่โดนสดายุอ้อนอย่างน่ารักน่าชังแบบไม่อายฟ้าดินเช่นนี้

คิวต่อไปคงเป็นกฤตเมธ...แต่...จะได้หรือเปล่านะ...

<
>
<
>
<

หลังจากนั้นสองพี่น้องบลูม่าสดายุก็นั่งถกปัญหากันอยู่ได้อีกไม่เกินชั่วโมง ในที่สุดกฤตเมธก็โทรเข้ามาเพื่อเป็นสัญญาณให้สดายุลงไปหา ชายหนุ่มจอดรออยู่ตรงหน้าอาคารไม่ยอมขึ้นมาเพราะไม่อยากเสียเวลา

“คุณเมธมารับแล้วสินะคะน้องยุ”

“ครับเจ๊ รออยู่ข้างล่าง”

“ยุ...”

“หืม?”

เห็นว่าสดายุจะกลับแล้ว บลูม่าก็ลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วโอบเอวสดายุเข้าอ้อมกอด ส่วนสูงที่ต่างกันพอสมควรทำให้สดายุต้องเงยหน้าเล็กน้อยเพื่อเกยคางไว้บนไหล่กว้าง มุมทำงานของบลูม่าค่อนข้างเป็นส่วนตัว มีทั้งพาร์ทิชั่นกั้นสูงและกองเอกสารสุมทุมหลายกอง รก แต่ส่วนตัวสุดๆ ดังนั้นการที่สองพี่น้องจะหลบมุมกอดกันเงียบๆ จึงไม่เป็นที่สนใจมากนัก

“ยุ...พี่อยู่ข้างยุเสมอนะ ไม่ว่ายุจะตัดสินใจยังไง ไม่ว่ายุจะยังอยู่ตรงนี้ หรือยุจะอยู่ที่ไหน จำไว้นะ...ยุคือน้องชายคนสำคัญของพี่คนนี้เสมอ”

“...............................เจ๊...ผมขอโทษ...ผมขอโทษที่เอาแต่ใจ...ขอโทษ...ที่ทำให้เจ๊เหนื่อยอีกแล้ว...ยุขอโทษ...”

คำพูดของบลูม่านั้นกลั่นมาจากก้นบึ้งของหัวใจอย่างไม่ต้องสงสัย สดายุรู้ดีว่าบลูม่าคือคนที่ดีที่สุด มีความหมายต่อเขาที่สุดและรักเขาที่สุด การที่เขาได้กลับเข้ามาเล่นหนังอีกครั้ง แน่นอนว่าย่อมมีบลูม่าช่วยวิ่งเต้นให้ พี่สาวของเขาคนนี้คงเหนื่อยไม่น้อย เหนื่อยมาตั้งแต่เขายังโด่งดังแต่เหลวไหล เหนื่อยเพื่อพยายามแก้ข่าวทั้งยังปกป้องสารพัด เหนื่อยเพื่อจะพาเขากลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง...และยังต้องเหนื่อย เมื่อเขาเอาแต่ใจจะออกจากวงการเสียให้ได้

สดายุสำนึกจนไม่รู้จะสำนึกยังไง ว่าตัวเองผิดกับบลูม่าเหลือเกิน ไม่รู้ควรทำอย่างไรถึงจะสามารถทดแทนความรัก ความห่วงใยและความผิดหวังในครั้งนี้ได้ อ้อมกอดสั่นๆของเขา คำขอโทษงี่เง่าของเขา เพียงเรื่องแค่นี้ที่พอจะให้ได้ มันไม่พอสดายุรู้ดี แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร...

“อย่าร้องสิคะน้องยุ...แค่นี้ไม่ได้หนักหนาหรอกค่ะ ไม่กะเทือนพี่เลยสักนิด ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกนะ...แค่ยุมีความสุขในทางที่ยุเลือก พี่ก็พอใจแล้ว...”

บลูม่าเอ่ยพลางกระชับอ้อมกอด เมื่อรู้สึกได้ว่าไหล่ของตนที่สดายุซุกใบหน้าไว้นั้นเริ่มเปียกชื้นจากหยาดน้ำตาพร่างพรู

“...ขอบคุณครับเจ๊...ขอบคุณที่รักยุ...”

สดายุได้แต่เอ่ยคำขอบคุณซ้ำๆ เพราะหัวมันตื้อจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนที่มีความหมายมากกว่านี้มาบอกบลูม่า จึงได้แต่ขอบคุณ กอดบลูม่าแน่นแล้วซุกหน้าซ่อนหยาดน้ำตาเอาไว้อย่างนั้น สดายุแอบขำตัวเองน้อยๆเหมือนกันที่ร้องไห้ออกมาง่ายๆ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นเคยเป็น แต่สดายุก็ไม่ได้อายที่จะร้อง เพราะชายหนุ่มรู้ซึ้งแล้วว่าน้ำตาของเขาครานี้ไม่ได้หลั่งออกมาเพราะว่าเขาอ่อนแอ แต่มันไหลออกมาเพราะว่าเขาคือคนที่มีหัวใจ และมันเป็นน้ำตาที่แสนมีค่า เพราะมันมีไว้ให้คนที่เขารักเท่านั้น...

“ยุไปก่อนนะเจ๊ เดี๋ยวว่างๆมาหาใหม่” หลังกอดปลอบขวัญกันครู่ใหญ่ๆ สดายุก็เอ่ยลาขอตัวไปเสียที เพราะป่านนี้กฤตเมธคงรอนานแล้ว

“ค่ะ ถ้ามีอะไรพี่จะโทรไปแล้วกัน...”

“ฮะฮะ โทรมาแบบไม่มีเรื่องดีกว่าคร๊าบ...แค่นี้ยุก็มีเรื่องมากพอแล้ว...”

“เออจริง ฮะฮะ...อืมยุ...พี่ดีใจนะที่ยุมีคุณเมธอยู่” บลูม่าเอ่ยพลาง ลูบสีรษะสดายุเบาๆ บลูม่าดีใจจริงๆที่สดายุยอมเปิดใจให้คนอื่นเสียที แม้จะแค่คนเดียวก็เถอะ และที่สำคัญกฤตเมธเป็นคนดี คนที่หล่อนไว้ใจฝากสดายุไว้ได้

“..............” สดายุยิ้มรับโดยไม่ตอบอะไร

“พี่มั่นใจนะ ว่าคุณเมธเขาจะดูแลยุของพี่ได้”

“ให้เขาเคลียร์ตัวเองได้ก่อนเถอะครับ...หึหึ” สดายุเปรยกับตัวเองเบาๆ แทนการรับคำบลูม่า

“คะ?” ผู้จัดการสาวเอียงคอสงสัยเพราะฟังไม่ค่อยถนัด แต่สดายุก็ได้แต่ยิ้มตอบก่อนจะเฉไฉไปเรื่องอื่นที่น่าสนใจมากกว่า

“ผมบอกว่า...รอยที่คอน่ะ เซ็กซี่ดีนะ” ไม่พูดเปล่าสดายุทำท่าทางล้อเลียนโดยการชี้เบาๆไปที่คอของตัวเองด้วย ตอนแรกสดายุก็ไม่เห็นหรอก เพราะรอยแดงนั้นมันถูกซ่อนเอาไว้ตรงขอบปกเสื้อเชิ๊ต ซึ่งถ้าไม่มองใกล้ๆคงไม่เห็น และบังอิญว่า ตอนที่กอดกันรอยนั่นมันดันอยู่ในระดับสายตาพอดี

“..........!!!!!????”  บลูม่าตะปบต้นคอตัวเองทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าแกร่งแดงซ่านด้วยความเขินสะเทิ้นอาย เล่นเอาสดายุหัวเราะคิกคักถูกใจ ก่อนจะแซวออกไปเบาๆ

“หึหึ...ไม่ยักรู้ว่าเจ๊มีแฟน ร้อนแรงซะด้วย”

“มะ...ไม่คือ...พี่....อ่า....” บลูม่าอยากเถียงใจจะขาดแต่อ้าปากลิ้นไก่ก็จุกคอ (สตอไม่ออกกันเลยทีเดียว)

“เอ้ย ยุแซวเล่นน่าอย่าคิดมาก ว่างๆเอามาแนะนำบ้างแล้วกันนะ...” สดายุยังแซวไม่เลิก แต่ตอนนี้บลูม่าตั้งตัวได้ทันจะตอบโต้แล้ว

“มะ...ไม่ใช่แฟนหรอกค่ะ เอ่อ...One night stand น่ะ” แถกันน้ำขุ่นๆ แต่ก็ไม่ได้ผิดจากที่พูดเท่าไหร่นัก ถ้าหมายถึงข้อตกลงระหว่างเขากับเจ้าของรอยนี้ล่ะก็นะ

“หืออออ...? จริงง่ะร้อยวันพันปีไม่เห็นเจ๊จะเคยกิ๊กกับใคร ไหนบอกรอคอยรักแท้ไงครับ? โดนหนุ่มที่ไหนหลอกเอาเนี่ย?” สดายุถามไถ่สงสัยจริงจัง เพราะรู้ดีว่า One night stand ไม่ใช่แนวของบลูม่า

“เออน่า คุณน้อง พี่แก่แล้วนะคะ ขืนยังหยิ่ง ชาตินี้คงไม่มีวันเสียซิงแล้วล่ะค่ะ มีโอกาสเลยคว้าไว้ก็เท่านั้น” บลูม่าอธิบายเสียงสูงปรี๊ด

“เอาจริง? ........เจ๊ไม่ได้โดนใครหลอกฟันแน่นะ” สดายุถามเสียงเครียด ใจเริ่มเป็นห่วงบลูม่าขึ้นมาตะหงิด

“แน่ค่ะ พี่คอนเฟิร์ม เอ๊...ยุ อย่าจ้องนักสิ พี่อายนะ” บลูม่าเริ่มบ่ายเบี่ยงพลางปิดรอยที่คอเอาไว้ไม่ปล่อย ไม่อยากให้สดายุถามอะไรเกี่ยวกับมันอีก เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่พลาด... แต่มันโคตรจะพลาดอย่างมหันต์ต่างหาก หวนคิดไปถึงแล้วอยากจะกัดลิ้นตายให้รู้แล้วรู้รอด...

“โอเคๆ ยุไม่ถามแล้ว แต่ถ้าวันไหนเจ๊อยากเล่าอะไรให้ผมฟังล่ะก็ ยุพร้อมฟังเสมอนะ” สดายุกล่าวยิ้มๆ

“ค่ะ ถ้าพี่พร้อมเมื่อไหร่ ยุจะได้รู้เป็นคนแรกแน่ๆ” บลูม่าเองก็ยิ้มรับ พร้อมให้คำมั่น

 “งั้น...ยุไปก่อนนะเจ๊ แล้วเจอกัน”

“หึหึ ค๊า...บายค่ะ”

บลูม่าโบกมือให้น้อยๆ พลางมองสดายุเดินออกจากประตูไป คำพูดทิ้งท้ายก่อนสดายุจะเฉไฉมาเรื่องรอยจูบบนคอของเขานั้นที่จริงแล้วบลูม่าก็พอได้ยินอยู่ แต่เห็นว่าน้องไม่อยากพูดถึงจึงไม่ได้ถามต่อ เรื่องราวระหว่างกฤตเมธ สดายุ และชิดจันทร์เขาก็พอรู้มาบ้าง เรื่องระหว่างกฤตเมธกับสดายุแค่สองคนก็ว่ายากแล้ว ยังเพิ่มเรื่องของชิดจันทร์เด็กไร้เหตุผลเอาแต่ใจสุดโต่งที่ต้องการจะแย่งกฤตเมธไปอีก อิรุงตุงนังวุ่นวายจนปวดหัว สงสารทั้งสดายุทั้งกฤตเมธอยู่ลึกๆ

สดายุก็แสนจะอ่อนไหว นิดหน่อยก็พร้อมจะหันหลังให้ทุกอย่าง โดยเฉพาะหากได้ยึดติดกับใคร ก็จะหวงราวกับเด็กๆ ซ้ำยังเลือดร้อน ใจร้อน ไม่ได้ดั่งใจก็งอนตะพึดตะพือ ยิ่งเป็นคนไม่เอาใครด้วยอยู่แล้วเลยยิ่งไปกันใหญ่

ฝ่ายกฤตเมธเองก็สุดแสนจะเป็นสุภาพบุรุษ เป็นผู้ใหญ่ที่ตรงกันข้ามกับสดายุอย่างสิ้นเชิง แม้จะพูดไม่ได้ว่ากฤตเมธเป็นคนใจเย็น แต่ก็เป็นคนรู้จักจัดการกับชีวิตได้ดีกว่าสดายุแน่ๆ

และในเรื่องรักสามเส้าเราสามคนนี้ ที่ไม่ว่าใครก็ดูออกว่ากฤตเมธเลือกสดายุแน่ๆ แต่เพราะชายหนุ่มค่อยๆจัดการกับปัญหาทีละเปลาะทีละประเด็นไม่รีบร้อนอย่างที่สดายุคาดหวัง เลยทำให้ทั้งคู่มีแต่เรื่องผิดใจกัน ซ้ำยังโดนคุณหนูชิดจันทร์คอยกวนให้ขุ่นอยู่เนืองๆอีก เลยไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกสักเท่าไหร่ถึงจะลงเอยกันได้เสียที

บลูม่าเองก็อยากช่วย แต่จะให้ช่วยอย่างไรเล่า...

ให้กำจัดคุณหนูชิดจันทร์ทิ้งไปซะน่ะเหรอ?

แล้วควรทำอย่างไรล่ะ?

คิดสะระตะจนปวดหัว บลูม่าจึงได้แต่เดินมาชมวิวอยู่ตรงริมกระจกบานใหญ่เพื่อคลายความตึงเครียด มุมกระจกด้านซ้ายของสำนักงานสามารถมองเห็นถนนหน้าบริษัทได้ชัดเจน ถึงชั้นสามสิบสองจะสูงลิบจนมองไม่ชัดนักว่าใครเป็นใคร แต่หากเป็นคนที่รู้จักมักคุ้น ก็ยังพอเดาออก
อย่างเช่นตอนนี้ ที่บลูม่ามองเห็นรถของกฤตเมธจอดอยู่...
 
*
*
*
*
*

"เอ่อ คุณสดายุ"

"อ้าว คุณซอลย่า? สวัสดีครับ"

สดายุกำลังจะเดินไปที่รถกฤตเมธ ทว่าขณะกำลังจะออกไปตรงหน้าบริษัทเสียงทุ้มหวานก็เอ่ยเรียกขึ้นจากด้านหลัง เมื่อหันไปก็พบเข้ากับชายหนุ่มร่างเล็กบอบบาง ผิวขาวจัด ใส่เสื้อสูทสีน้ำตาลทับเสื้อเชิ๊ตขาวกับผ้าพันคอผืนบางดูน่ารักมากกว่าเท่ห์ คิดอยู่อึดใจว่าเป็นใคร แต่พอระยะที่ใกล้ขึ้นก็นึกออกในทันที  แปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าผู้ขานชื่อเขาคือซอลย่า ร้อยวันพันปีไม่เคยได้คุยกันจริงจัง อย่างดีแค่ทักทาย แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับรั้งเขาไว้ด้วยเสียงเรียก มีอะไรหรือเปล่านะ?

"เอ่อ...คือ..." ซอลย่าทำหน้าเหมือนมีเรื่องอยากจะพูดมากมาย แต่พอถึงตรงหน้าสดายุเท่านั้นผู้จัดการหนุ่มก็ได้แต่อ้ำอึ้ง ใบหน้าขาวใสใต้กรอบแว่นมีแต่ริ้วรอยเครียดขึง

"......................" สดายุเงียบฟังตามมารยาท แต่ด้วยใบหน้าเรียบเฉยไม่รับแขก ทำให้ซอลย่ายิ่งอึกอัก

"มีอะไรก็บอกมาตรงๆเถอะครับคุณซอลย่า ไม่ต้องเกรงใจ" นานเข้าคนขี้อายตรงหน้าก็ไม่ยังยอมเอื้อนเอ่ยเจรจา จนสดายุต้องตัดบทขึ้นเผื่อการสนทนาจะได้ลื่นไหลได้เสียที เพราะเขาเองก็กำลังรีบเช่นกัน

"เอ่อ...ผม...ผมขอโทษแทนบดินทร์ด้วยนะครับ"

"..........!!?..."

สดายุขมวดคิ้วมุ่นทันทีที่ได้ยินคำขอโทษ ยิ่งได้เห็นว่าดวงตาใต้กรอบแว่นที่เคยหลุบต่ำนั้นกำลังเหลือบมองตรงไหนอยู่หัวใจของสดายุก็ถึงกับกระตุก ชายหนุ่มกระแอมขึ้นเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นเกาต้นคอตรงจุดเกิดเหตุเพื่อเป็นการบอกคนตรงหน้ากลายๆว่า 'เลิกมองเสียที!'

เห็นดังนั้นซอลย่าก็หลุยตาต่ำลงทันทีด้วยรู้ว่าตัวเองกำลังเสียมารยาท ก่อนจะอ้อมแอ้มเอ่ยขอโทษขอโพยดาราหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง

"ต้องขอโทษจริงๆนะครับที่ผมดูแลเขาไม่ดี...ปล่อยให้เขา...ไปเสียมารยาทกับคุณ"

"ช่างเถอะครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอก...ผมเข้าใจ คุณดูแลเขาได้ก็แต่ตัว สันดานน่ะ มันดูแลกันยากครับ คุณไม่ผิดหรอกไม่ต้องนอยด์”
 
“...อ่า...ขอโทษครับ...ขอโทษจริงๆ...” โดนสดายุตอกกลับมาเสียหน้าเกือบหงาย ซอลย่าสลดลงทันที ใบหน้าหวานใสหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด ได้แต่เพียงเอ่ยขอโทษซ้ำๆ เพราะไม่รู้จะสรรหาคำแก้ต่างอย่างไร ผิดเต็มทุกประตู

ฝ่ายสดายุก็ได้แต่ถอนหายใจ ยิ่งเห็นคนตรงหน้าสลดเขาเองก็ยิ่งหดหู่ ไม่ได้ตั้งใจจะเอาอารมณ์มาลงที่ผู้จัดการส่วนตัวอย่างซอลย่าหรอก แต่พอได้ยินว่ามาขอโทษแทนบดินทร์เขาก็อดฉุนไม่ได้ คำว่า ‘พวกเดียวกัน’ ทำให้สดายุพาลทุกคนที่เป็นคนของบดินทร์อย่างยั้งตัวเองไม่อยู่

“บดินทร์เล่าให้คุณฟังเหรอ เรื่องที่เขาทำกับผมน่ะ?” ตอนแรกก็โมโหอยู่ แต่พอคิดไปคิดมาหากบดินทร์ถึงขนาดเล่าเรื่องระยำในห้องน้ำนั่นให้ผู้จัดการส่วนตัวของมันฟัง แล้วเรื่องระหว่างเขากับกฤตเมธล่ะ? หรือมันก็โพนทนาออกไปหมดแล้ว?

“เอ่อ เปล่าครับ ดินเขาไม่ได้เล่าอะไรทั้งนั้น ผมเห็นเขาบาดเจ็บ เลยคาดคั้นถามจนรู้ว่ามีเรื่องกับคุณสดายุมา...แล้ว...ผมก็ตีความเอาเองว่าดินเขาต้องเป็นคนเริ่มเรื่องแน่ๆ...” ฟังคำอธิบายของซอลย่า สดายุก็ได้แต่แอบถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ไม่ได้วางใจนัก ถ้าบดินทร์ไม่พูดอะไรออกมาวันนี้ แล้ววันไหนล่ะที่มันจะพูด พูดกับใคร พูดถึงไหน....

“มันไม่ได้เล่าอะไรจริงๆเหรอ...หมายถึงบดินทร์น่ะ” วางใจไม่ได้จนสดายุต้องถามซ้ำ เขาไม่ได้รู้จักซอลย่าเป็นการส่วนตัว แม้ข่าวที่เข้าหูมาจะไม่เคยมีเรื่องเสียหาย แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นพวกเดียวกันกับบดินทร์เขาก็ไม่มีทางวางใจ

“เอ๊ะ? เอ่อ...เปล่านี่ครับ ดินเขาออกจะหงุดหงิดด้วยซ้ำผมเลยไม่ได้ซักไซ้อะไร...เอ่อ...มีอะไรกัน...หรือเปล่าครับ?” ซอลย่ารีบตอบคำถาม สีหน้าเลิ่กลั่กด้วยไม่รู้จริงๆว่าสดายุหมายถึงเรื่องอะไร เพราะบดินทร์ไม่ได้ปริปากบอกอะไรกับเขาเลย

“..................ช่างเถอะครับ งั้นผมขอตัวก่อน” เห็นหน้าจับต้นชนปลายไม่ถูกของซอลย่าเข้า สดายุก็ไม่คิดจะถามอะไรอีก เขาเอ่ยขอตัว พร้อมหมุนตัวเดินจากไปทันทีแบบไม่มีการร่ำลา

“อ๊ะ...คุณสดายุ....!!”

พรึ่บ!!

ซอลย่าทำท่าว่าจะเอ่ยบางอย่างต่อ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ลมหวนแรงพัดผ่านมาพอดี ผ้าพันคอผืนบางที่เขาพันคอไว้หลวมๆ หลุดปลิวหวือไปแปะเข้ากับร่างสดายุทันที

“....................” สดายุหันมาเก็บ พลางยื่นคืนให้อย่างเสียไม่ได้ ทว่าฉับพลันที่จะได้มองหน้า สายตาของเขาก็พลันไปเจอกับอะไรบางอย่างเข้าเสียก่อน ตรงขอบปกเสื้อเชิ๊ตนั้น...รอยแดงจ้ำ ช้ำไปทั่วซอกคอขาว เยอะจนแทบไม่ต้องนับ ‘รอยดูดคอ’ แสนเร่าร้อน จนสดายุอดกระตุกยิ้มเบาๆไม่ได้

...เห็นหน้าใสๆ เอ๋อๆ ร้ายเหมือนกันนี่หว่า...

“................เอ่อ....ข...ขอบคุณครับ”  ทันทีที่สดายุยื่นผ้าพันคอคืนให้ ซอลย่าก็เอ่ยขอบคุณอึกอัก โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นรอยยิ้มเย้าบางๆบนใบหน้าหล่อเหลานั้นซอลย่ายิ่งทำตัวไม่ถูก ใบหน้าเห่อแดงอายจัดด้วยรู้ดีถึงความหมายของรอยยิ้มบนใบหน้านั้น

รับผ้าพันคอคืนมาได้ก็เร่งพันปิดเอาไว้อย่างเดิม ก่อนยืนมองสดายุจากไปทั้งๆอย่างนั้น อยากคุยอยากถามอะไรเมื่อก่อนหน้านี้ก็ตื้อจนต้องยืนทื่อเงียบอยู่อย่างนี้เท่านั้น

...บ้า...เรามันบ้าที่สุด

*
*
*
*
*

 :katai5:
ต่อด้านล่างจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 08-07-2014 20:50:21
ต่อค๊า
 :katai4:


ก๊อก ก๊อก

เดินถึงรถได้สดายุก็เคาะเรียกกฤตเมธที่นั่งรออยู่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถทันทีที่กฤตเมธปลดล็อคประตู

"ขอโทษที รอนานมั้ยครับ?" สดายุเอ่ยขอโทษที่ช้า เพราะเขาแวะคุยเสียตลอดทาง เลยทำให้กว่าจะมาถึงรถได้ก็ปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง

"ไม่เท่าไหร่ครับ หึหึ หิวยังจะบ่ายสองแล้วเนี่ย" กฤตเมธยิ้มพราวก่อนจะเหยียบคันเร่งทยานออกสู่ท้องถนน เป้าหมายคือห้องพักใจ ที่เป็นรังรักของทั้งคู่

*
*
*
"หนาวเหรอ?" ขับออกมาได้สักระยะ กฤตเมธก็เอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าสดายุเริ่มนั่งกอดตัวเองพลางถูแขนไปมา

"อ๋อ...นิดหน่อยน่ะ แค่รู้สึกว่าไข้จะกลับนิดหน่อย"

"ให้ผมเบาแอร์ก่อนมั้ย?"

"ไม่ต้องหรอก ผมขอแค่เสื้อคลุมตรงเบาะหลังก็พอ"

"อืม"

กฤตเมธพยักหน้ารับ พลางปล่อยให้สดายุเอื้อมไปหยิบเสื้อเจ็คเก็ตสีดำของเขาที่กองอยู่ตรงเบาะหลังเอาเอง ทว่า...

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดด!!!

"เฮ้ยยยยย!!"

สดายุร้องว๊ากเสียงหลง เมื่อจู่ๆกฤตเมธก็หักรถเข้าข้างทางพร้อมเบรกกะทันหันจนตัวเขาที่กำลังเอื้อมไปหยิบเสื้อด้านหลังถึงกับกระเด็นกระดอน
"เป็นบ้าอะไรวะ!? ไอ้คุณกฤตเมธ!!"

"รอยอะไร!!?"

"ห๊ะ!!...เหวออออ?"

ยังไม่ทันที่สดายุจะได้ทำความเข้าใจว่ากฤตเมธถามถึงอะไร เขาก็ถูกจู่โจมอย่างไม่ตั้งตัวอีกครั้งโดยกฤตเมธที่ปรับเบาะที่นั่งของสดายุลงกะทันหันทำให้สดายุหลายเงิบลงไปพร้อมกันแล้วถูกคร่อมไว้ทันทีด้วยร่างหนากว่าของกฤตเมธ วูบแรกกะจะอาละวาดเสียหน่อยที่ถูกกระทำโดยไม่ตั้งตัวซ้ำยังไม่รู้เหตุผล แต่พอได้เห็นหน้ากฤตเมธในระยะใกล้เท่านั้น สดายุก็ราวโดนสะกด

...สายตา...จะโหดไปไหนวะ!!?

"ใครทำ?"

".........อะ...." คำว่า 'ใครทำ' พร้อมปลายนิ้วร้อนที่แตะตรงซอกคอทำสดายถึงบางอ้อทันทีว่ากฤตเมธหมายถึงอะไร และอารมณ์รุนแรงแปรปรวนนี้มันเกิดจากอะไร อยากเขกหัวตัวเองสักทีนี่เขาลืมไปได้ยังไงเนี่ย  ก็ใครจะไปนึกล่ะว่าตาลุงจะหึงโหดขนาดนี้...

"ผมจำได้ว่าไม่ได้ทำรอยไว้...แล้วนี่...ของใคร?" กฤตเมธถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งทั้งที่มือยังไม่ได้ละออกจากซอกคอขาว

"...เอ่อ.." เสียงทุ้มยังคงนุ่มหู ทว่าสีหน้าเหมือนจะฆ่าคนได้นี่สิ เล่นเอาสดายุพูดไม่ออก บอกตรงๆเลยว่าตั้งแต่รู้จักกันมายังไม่เคยเห็นกฤตเมธแผ่รังสีอาฆาตพยาบาทออกมามากขนาดนี้มาก่อน

"ใคร?" ถามแค่คำเดียว ทว่าโคตรจะคาดคั้น

"....บดินทร์"

พรึ่บ!!

"เฮ้ย!! เดี๋ยวก่อน คุณจะไปไหนเนี่ย? กฤตเมธ!! เหวออ!!!!" คำตอบเดียวของสดายุ กระตุกทั้งร่างของกฤตเมธเปลี่ยนหน้าพระเอกเป็นฆาตกรโหดได้ในพริบตา กฤตเมธปล่อยตัวสดายุทันทีก่อนจะกระชากรถหักเลี้ยวกลับแบบไม่กลัวตาย เป้าหมายคือสำนักงานต้นสังกัด ที่บดินทร์ทำงานอยู่ แม่สดายุจะร้องห้ามจนเสียงหลง ก็ไม่มีทีท่าว่ากฤตเมธจะชะลอลงเลยแม้แต่นิด มีแต่จะเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นจนแทบมิด แซงซ้ายแซงขวาแบบไม่กลัวรถสวน

"เฮ้ย! เดี๋ยว กฤตเมธ! คุณอย่าเพิ่งวู่วามเซ่!!"

"เมธ! ผ่อนคันเร่งหน่อยสิว๊อย!! คุยกันก่อน!!"

"จอดเดี๋ยวนี้นะคุณกฤตเมธ!!"


"ถ้าคุณไม่ฟังผมวันนี้ ก็ไม่ต้องฟังอีกชั่วชีวิต!! จอด!!"

เอี๊ยดดดดดดดดดดดด!!

หลังสดายุยื่นคำขาด สุดท้ายก็สามารถทำให้กฤตเมธหักพวงมาลัยเข้าจอดข้างทางได้ในที่สุด แม้ว่า...จะเบรกจนหัวทิ่มกันไปเลยก็ตาม

"........................ทำไมต้องห้ามผม?"

หลังจอดรถได้นิ่งสนิทจากการเบิร์นยางเสียเป็นทาง กฤตเมธก็ถามขึ้นทั้งที่ดวงตาวาวโรจน์ยังคงจดจ้องไปข้างหน้าไม่วางตา

"คุณจะไปไหน? อย่าบอกนะว่าจะไปหาไอ้บดินทร์มันน่ะ"

"...ผมจะไปเอาเลือดหัวมันออก" แค่เพียงได้ยินชื่อกฤตเมธก็ขบกรามกรอด น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาต่ำขรมด้วยอารมณ์ดาลเดือด สดายุได้แต่ถอนหายใจแรงๆ รู้สึกปวดหัวไม่น้อยที่จู่ๆคนตรงหน้าก็ทำตัวเป็นวัยรุ่นใจเร็ว

"...บดินทร์มันเห็นเราในห้องน้ำ"

"............!!?" กฤตเมธหันมองหน้าสดายุทันทีที่ได้ยินคำเฉลย หัวใจหนุ่มใหญ่ราวโดนกรีดซ้ำๆ หากรอยบนคอของสดายุเกิดจากบดินทร์ เหตุมันย่อมเกิดจากการที่เขากระทำย่ามใจ จนทำให้สดายุต้องเป็นคนรับเคราะห์ในคราวนี้

เขาเอง...

เพราะเขามันง่าวเอง...

"โธ่เวย!!!!!"

ในเมื่อไม่สามารถทำอะไรคนที่ทำให้คับแค้นได้กฤตเมธจึงได้แต่ระบายอารมณ์กับคอนโซลหน้ารถและพวงมาลัยโดยการทุบแรงๆแบบไม่กลัวบุบ เจ็บใจ เขาเจ็บใจมากที่ทำเป็นปากดีว่าจะดูแลสดายุ แล้วก็ทำไม่ได้ ปล่อยปละละเลยจนสดายุโดนรังแก เขาเจ็บใจทั้งเจ็บปวดจนแทบกระอักเลือด
"พอแล้วคุณ! เดี๋ยวมือก็แตกหรอก"  สดายุรีบห้าม จับคว้ามือของกฤตเมธไว้ให้หยุดทำร้ายรถ หยุดทำร้ายตัวเอง

"เป็นอะไรของลุงเนี่ย!? เลือดร้อนเป็นวัยรุ่นไปได้ แก่แล้วนะตัวเองน่ะ เจียมตัวซะบ้างสิ! คิดให้ดีก่อนว่าไปตอนนี้มันจะได้ประโยชน์อะไร!? เอาเลือดหัวมันมาล้างตีนได้ แล้วจากนี้เราจะเป็นยังไงกันต่อไป อย่าเอาแต่โมโหจนหน้ามืดสิ!"

"......................." เจอคำเตือนสติสุดเกรียนของสดายุเข้าไป กฤตเมธเลยต้องหันไปจ้องมองคนข้างๆอีกครั้ง 

สดายุจ้องตอบไม่วางตา ก่อนจะยิ้มให้กฤตเมธน้อยๆ แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังทำหน้าราวกับเป็นฆาตกร

"ใจร่มๆก่อนนะลุง ผมเองก็โมโหมันไม่ต่างกันหรอก เผลอๆมากกว่าคุณอีก ผมเป็นคนโดนทำนะ อ๊ะ!! อย่างเพิ่งดิ้นสิ ฟังให้จบก่อน!" สดายุที่พยายามจับมือกฤตเมธไว้ไม่ยอมปล่อยนั้นพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจะอธิบายและปลอบให้กฤตเมธเย็นลง แต่ดูเหมือนยิ่งพูด กฤตเมธจะยิ่งโมโหแฮะ...

"ไม่ต้องถึงมือคุณ มันก็โดนผมตื๊บไปตั้งแต่มันกล้ามาทำไอ้รอยเหี้ยนี่บนคอผมแล้ว ผมไม่ได้อ่อนแอนะ....นี่เลิกเดือดซะที แล้วพาผมกลับบ้านก่อน"

"..........................." กฤตเมธได้แต่นิ่งฟัง แม้อารมณ์ยังคงพลุ่งพล่าน แต่เขามีสติมากขึ้นแล้ว อย่างที่สดายุว่า ไปเอาเรื่องบดินทร์ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์ ซ้ำร้ายจะมีแต่เสียกับเสีย

ทว่า...มันก็เกินจะหักห้ามความโกรธเกลียด...

"เอาน่า...ไอ้เวรนั่นมันยังไม่ตายไปไหนง่ายๆหรอก เราค่อยเอาคืนมันวันไหนก็ได้ คุณแค่ช่วยหาน้ำมนต์มาล้างเสนียดให้ผมก่อนก็พอ........เฮ้ย!!"
ตามคำขอ พูดถึงน้ำมนต์ น้ำมนต์ก็มา... เพราะกฤตเมธคว้าคอสดายุเข้าไปดูดทับรอยบดินทร์ทันที

"อ๊ะ! อึ๊ย....เมธ...เจ็บ..."  สดายุดิ้นรนทันทีที่ถูกล่วงล้ำ ทว่าดิ้นไปก็เท่านั้นเมื่อกฤตเมธกระชับท้ายทอยเขาไว้แน่น อีกแขนก็โอบกระชับเอวเขาไว้ไม่ปล่อย แถมวิธีการฝากรอยรักก็แสนเจ็บแสบ ทั้งดูดเม้ม ขบกัด และเลียซับให้ยิ่งแสบ เล่นเอาสดายุถึงกับหูอื้อสิ้นเรี่ยวสิ้นแรงกันเลยทีเดียว

…'ชีวิตวันนี้มันอะไรกันวะเนี่ย โดนลวนลามทั้งวันเลยวะตรู!!'

"ฮึ่ย พอแล้วไอ้ลุงหื่น จะเลียอีกนานมั้ย!?" สดายุตะคอกเบาๆ ปรามคนย่ามใจที่ยังอ้อยอิ่งอยู่ตรงคอเขาไม่เลิก 

ได้ผลเมื่อกฤตเมธยอมผละออกไปในที่สุด "ดูดขนาดเมื่อกี้เนี่ย คงไม่ต้องถามถึงรอยบนคอผมเลยสินะ" และระหว่างนั้นสดายุก็บ่นไม่หยุด กฤตเมธค่อยๆปรับเบาะฝั่งของสดายุให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิมพลางฟังสดายุบ่นไปเรื่อยๆ

"ชิ...ดีจริง พรุ่งนี้ได้อายกันทั้งกองถ่าย..." กำลังบ่นอย่างออกรส ก็ต้องขาดตอนเพราะถูกกฤตเมธคว้าไปกอดเสียก่อน

"ยุ...ผมขอโทษ"

"....................คุณ...เมธ?..."

"ขอโทษที่ปกป้องคุณไม่ได้ ขอโทษที่ปล่อยให้คุณโดนรังแก ผมขอโทษ..." มากมายคำขออภัยพร่างพรูไม่ขาดอยู่ข้างหู ทำหัวใจของสดายุอ่อนยวบ จนอดกอดตอบไม่ได้

ตาลุงเอ้ย บางทีก็เฉื่อยแฉะจนน่ารำคาญ บางทีก็ใจร้อนแถมยังพาลจนน่าใจหาย ผู้ใหญ่อะไรกันที่อ้อนเป็นเด็กน้อยขนาดนี้...

สดายุได้เพียงคิดในใจ ก่อนจะหลับตารับอ้อมกอดอุ่นเพื่อซึมซับความห่วงใยที่อีกฝ่ายทะลักทลายมอบให้

"ไม่ต้องปกป้องผม จนขนาดรู้สึกผิดแบบนี้หรอกครับ แค่ที่เป็นอยู่ก็พอแล้ว" สดายุกระซิบเบาๆที่หูของกฤตเมธ สิ่งเขาพูดมาจากใจจริงๆ เขาดีใจที่รู้ว่าตัวเองถูกรักถูกปกป้อง แต่เขาเองก็เป็นผู้ชายไม่เหนือบ่ากว่าแรงเขาก็พอดูแลตัวเองได้...แม้ว่างวดนี้จะพลาดไปก็เถอะ 

"..........................." กฤตเมธไม่ได้ตอบคำใดๆ นอกจากกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

เนิ่นนานกว่าพระเอกหนุ่มจะยอมคลายอ้อมกอด ความพลุ่งพล่านในหัวใจเขาสงบลง แต่ใช่ความแค้นเคืองจะสลายหายไปด้วย กฤตเมธมาดมั่นอยู่ในส่วนลึก เขาไม่มีวันปล่อยบดินทร์ลอยนวลอยู่นานแน่!!

"...อารมณ์ดีขึ้นรึยังลุง?"  สดายุถามขึ้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง และกฤตเมธเลี้ยวรถกลับเส้นทางเดิมที่ควรจะเป็นในการกลับคอนโดแล้ว

"คนของตัวเองโดนรังแกทั้งคน ใครจะไปอารมณ์ดีไหวกัน" กฤตเมธตอบเสียงเรียบนิ่งทั้งยังมีแผงอารมณ์เหวี่ยงเล็กๆ

"อะไรกัน อุตส่าห์เปลืองตัวให้ตั้งเยอะ"  สดายุแกล้งเย้าเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ตึงเครียดของอีกฝ่าย เขาเองก็เครียดจากข้างนอกมาพอแล้ว เลยอยากให้เวลาที่อยู่สองต่อสองกับกฤตเมธเป็นเวลาที่ผ่อนคลายที่สุด

"ก็ไหนว่าอยากได้น้ำมนต์ไง ผมเลยจัดให้ น้ำมนต์ประจำตัว ศักดิ์สิทธิ์ด้วยนะ" ได้ผล เพราะหลังจบคำกระเซ้า สดายุก็โดนมุกคนแก่ยิงเอาจนจุกเช่นกัน กฤตเมธเองเมื่อเห็นว่าสดายุพยายามปรับบรรยากาศให้ผ่อนคลาย เขาเองก็ไม่อยากขัดขวาง เลยตบมุกให้อีกฝ่ายค้อนเล่นซะเลย...

แน่นอนว่าโดนจังๆ สดายุถึงกับกระตุกคิ้วเขม่น ก่อนจะตบมุกกลับแบบแสบกว่ากลับไป...

"...นี่ลุง...เมื่อกี่ที่ลุงดูดทับรอยไอ้บดินทร์น่ะ รู้ป่าว...มันเหมือนการจูบกับมันทางอ้อมนะ"

"........................ยุ"

"หึหึ...เก็บไปฝันแน่ ลุงเอ้ย"

"กลับไป...เจอหนักแน่"

"....!!!??"

*
*
*
*
*


"ขอบคุณครับท่านประธาน ขอบคุณที่ยังให้ความช่วยเหลือครับ"

"อืม กลับไปทำงานของเธอเถอะซอลย่า ถ้าไงก็ฝากเตือนบดินทร์ด้วยแล้วกันนะ ถึงจะเก่งยังไงก็อย่าเที่ยวไปกร่างใส่ใครเขาไม่เลือกแบบนั้นอีก ดนัยน่ะถึงไม่ได้มีผลงานในเมืองไทย แต่ก็เป็นเพชรน้ำงามที่ฮอลลีวู๊ดเขาการันตี จะผยองก็ช่วยผยองให้มันถูกคนด้วย จำไว้นะ"   เสน่ห์จันทร์สั่งสอนชัดเจนผ่านทางผู้จัดการส่วนตัวซอลย่า

"ครับ ผมจะดูแลเขาให้ดี..." ซอลย่ารับคำ

"เธอก็เหมือนกันซอลย่า อย่าตามใจบดินทร์มากนัก เลิกใจอ่อนกับเด็กนั่นสักที ปล่อยให้เหลิงไปมากกว่านี้เดี๋ยวจะกู่ไม่กลับเอา" เสน่ห์จันทร์สั่งสอนเพิ่มเติมมาถึงคนหัวอ่อนอย่างซอลย่าด้วย หล่อนรู้ว่าซอลย่าเป็นคนมีฝีมือมาก แต่ก็อ่อนใจเหลือเกินกับความหัวอ่อนยอมคนของเจ้าตัว ถึงขนาดเด็กในสังกัดยังไม่กลัวหรือเกรงใจซอลย่าเลยสักคน

"ครับ ผมจะระวัง" ชายหนุ่มได้แต่ตอบรับเสียงอ่อย การฝากฝังแต่ละอย่างของท่านประธานนั้นช่างยากเข็ญแก่เขาเหลือเกิน

"เอาล่ะ ออกไปได้แล้ว ต้องไปดูบดินทร์อัดรายการต่อด้วยนี่"

"ครับ ผมขอตัวครับท่านประธาน"

ซอลย่าเอ่ยลาก่อนจะออกจากประตูห้องเย็นของท่านประธานอันแสนจะอึดอัด ออกมาด้านนอกได้ก็ถึงกับถอนหายใจพรู วันนี้เขาโดนท่านประธานเรียกพบ เพราะบดินทร์เด็กในสังกัดของเขาไปก่อเรื่องเอาไว้อีกแล้ว ตอนแรกซอลย่าคิดว่าจะเป็นเรื่องของสดายุเรื่องเดียวเสียอีก เพราะได้ยินบดินทร์บ่นออกมาแค่นั้น ไม่นึกเลยว่าเจ้าตัวจะดันไปกร่างกับลูกรักอีกคนของท่านประธานเอาเสียได้ 'ดนัย' เด็กปั้นโดยตรงของเสน่ห์จันทร์ รุ่นถัดจากกฤตเมธไม่นาน เรียกได้ว่าปั้นตั้งแต่ยังเป็นเพียงดาราเด็กเลยทีเดียว แล้วหลังจากโดเป็นหนุ่ม มีแววดีเด่นทางด้านการแสดงจนไปถูกตาต้องใจผู้กำกับจากฮอลีวู๊ดเขา เสน่ห์จันทร์ก็พยายามผลักดันให้ดนัยไปรับงานที่แดนไกลตั้งแต่นั้นมา แม้แรกๆจะไม่ได้บทเด่น เป็นเพียงแค่ตัวประกอบประปราย แต่นานเข้าก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น และแม้วันนี้ดนัยยังไม่ได้เป็นระดับแนวหน้า แต่บทที่เขาได้ก็ถือว่าเด่นไม่น้อย แล้วขนาดนี้จะไม่ให้เสน่ห์จันทร์ถือหางเข้าข้างสุดโต่งได้อย่างไร 

ดนัย ดังขนาดนี้แต่บดินทร์กลับไม่รู้จัก หลายคนคงคิดว่าแปลกประหลาด แต่สำหรับซอลย่านั้นไม่แปลกเลย เพราะนอกจากงานกับสดายุแล้ว บดินทร์ไม่เคยสนใจคนอื่นเลย ต่อให้คนคนนั้นเด่นดังขนาดไหนก็เถอะ เรื่องนี้มีแค่ซอลย่าเท่านั้นที่รู้ เพราะต่อหน้าเสน่ห์จันทร์บดินทร์แสดงเป็นคนเปิดหูเปิดตาที่ดี เป็นนักแสดงในสังกัดที่เชื่อฟัง ทั้งที่จริงแล้วไม่เป็นอย่างนั้นเลย ดีที่ยังพอมีฝีมือ และเสน่ห์จันทร์ยังพอมีเมตตา ผนวกกับอยู่มานาน จึงยังพอได้งานเด่นๆอยู่บ้าง แต่...หากหลังจากนี้สดายุกลับมา หรือหากดนัยที่อยู่ในช่วงพักงานหลังถ่ายหนังฟอร์มยักษ์ของฮอลิวู๊ดจบนั้นอยากรับงานในไทยขึ้นมาบ้าง ท่าทางบดินทร์คงอยู่ยากมากขึ้นกว่านี้เป็นแน่ เพราะนอกจากจะไม่ใช่ลูกรักแล้ว หลังๆมาดูท่าท่านประธานจะไม่ค่อยปลื้มเสียด้วย 

เย็นนี้บดินทร์มีอัดรายการ 'สตาร์ทอล์ค' ไม่รู้เจ้าตัวจะรู้แล้วหรือยังว่าจะต้องสัมภาษณ์ดนัย...คิดได้ดังนั้นซอลย่าเริ่มกระวนกระวาย เขาต้องรีบไปบอกบดินทร์เสียตั้งแต่ตอนนี้

"เฮ้อ...ดินนะดิน...สร้างแต่เรื่องจริงๆเชียว..."

“เออ ไอเหี้ยดิน แม่งสร้างแต่เรื่องอยู่แล้วล่ะ!!”

“...บลู?...”

เสียงขานรับห้าวกระโชกคุ้นหูทำหัวใจของซอลย่ากระตุกวูบ และเมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็ได้พบกับใบหน้าที่ทำให้เขาปวดร้าวที่สุด

‘ใบหน้าโกรธเกรี้ยวชิงชังของบลูม่า’

“...บลู...” ซอลย่าครางเรียกคนตรงหน้าเสียงสั่นพร่า กลัวที่จะต้องเผชิญหน้าด้วยเหลือเกิน เขากลัวบลูม่าจะโกรธจะเกลียดเขาไปมากกว่านี้ เพราะตอนนั้นเขารับปากไปแล้วว่าจะดูแลบดินทร์ให้ดี ไม่ให้ไปสร้างความวุ่นวายกับสดายุอีก ทั้งยังรับปากหนักแน่นว่าจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเด็ดขาด แต่นี่...ตอนนี้เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย ผิดคำพูดไปทุกอย่าง...ไม่ไหวแล้วอยากหนี อยากหนีไปให้พ้นจากตรงนี้เหลือเกิน...

...หนี....ต้องหนี...

“จะหนีไปไหนซอล!!”

“อ๊ะ!”

บลูม่าคว้าแขนซอลย่าเอาไว้ทันทีที่เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะเดินหนี วันนี้เขามีเรื่องจะต้องคุยกับซอลย่าให้รู้เรื่อง

“ปละ...ปล่อยนะ” คว้าได้ก็ดันร่างเล็กกว่าเกือบครึ่งเข้าผนังทันที แม้ซอลย่าจะพยายามดิ้นรนให้พ้น แต่ก็ถูกร่างสูงกว่ากักเอาไว้ในกรงแขนมนุษย์ที่บลูม่าเท้ามือทั้งสองข้างยันไว้กับผนังเพื่อจองจำผู้ต้องหาร้ายแรงเอาไว้สอบปากคำแบบตัวต่อตัว

"ไหนรับปากฉันแล้วไงว่าจะคุมไอ้เวรนั่นให้ดี แล้วนี่ยังไงถึงปล่อยให้มันมาระยำใส่สดายุได้อีกห๊ะ!!?" บลูม่าตะคอกใส่ซอลย่าอย่างไม่ไว้หน้า เขามีเรื่องบางอย่างต้องคุยกับท่านประธานให้รู้เรื่องจึงขึ้นมาชั้นสี่สิบนี้ ไม่คิดว่าจะได้เจอกับซอลย่าเข้าจังๆ แต่ก็ดีมากที่ได้เจอ เพราะนอกจากท่านประธานแล้วก็เป็นซอลย่านี่แหละที่เขาต้องเคลียร์ให้เสร็จก่อน

“...ข...ขอโทษ...” ซอลย่าได้แต่เอ่ยคำขอโทษ เพราะไร้ซึ่งข้อแก้ต่างใดๆ เขาผิดในทุกประตูจนไม่เหลือรูให้มุดหนี สมแล้วที่จะถูกบลูม่าเอ็ดตะโรชิงชังเอาแบบนี้

“ขอโทษแล้วมันหายหรือไง!! ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ก็อย่าริจะรับปากพล่อยๆตั้งแต่แรกสิ!!” บลูม่าตะคอกพร้อมทุบผนังด้านข้างของซอลย่าโครมใหญ่ ไม่ใส่ใจแล้วว่าเสียงจะดังไปถึงไหน เพราะตอนนี้อารมณ์คุกรุ่นพลุ่งพล่านเกินกว่าจะเก็บงำ

“......................ขอโทษ...” ซอลย่าไร้คำพูดใดอีกนอกจากขอโทษด้วยเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำตาเอ่อรวมกันอยู่เต็มเบ้า ทว่าไม่กล้าร้อง เขาไม่กล้าร้องต่อหน้าบลูม่า เพราะแทนที่จะได้รับความเห็นใจ อาจโดนดูถูกจนอยากไปเกิดใหม่เสียมากกว่า เมื่อไร้ทางหนี เมื่อไร้คำพูด ซอลย่าจึงทำได้เพียงแค่ยืนก้มหน้าตัวสั่น ยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา และรอการลงทัณฑ์อย่างไม่คิดหลบเลี่ยง

บลูม่าเองเมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็ได้แต่หงุดหงิดงุ่นง่าน เขารู้ว่าซอลย่าไม่สู้คนมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้ โดยเฉพาะต่อหน้าเขาที่กำลังเดือดดาล บลูม่าไม่ชอบรังแกคนอ่อนแอกว่า ดังนั้นหากซอลย่าไม่คิดสู้เขาก็จะทำอะไรไม่ได้

“....แม่ง....อย่าหลบหน้าฉันนะซอล!! ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเรียกความสงสารจากฉันด้วย! เงยขึ้นมาคุยกันดีๆเดี๋ยวนี้นะ!!”

เมื่อทำอะไรไม่ได้ บลูม่าก็ต้องขู่กรรโชกพร้อมบังคับจับปลายคางของซอลย่าให้เงยขึ้นมาสบตา หัวใจของบลูม่ากระตุกไหวในวูบแรกที่ได้เห็นดวงตาฉ่ำน้ำของคนตรงหน้า แต่ทิฐิบางอย่างก็ทำให้เขามองข้ามมันไป

“...ขอโทษ...บลู...ซอลขอโทษ...ขอ...ขอโอกาสอีกครั้ง....”

“ไม่ต้องมาอ้อนวอน! ฮึ! โอกาสงั้นเหรอ โอกาสสำหรับเธอน่ะมันมีแค่ครั้งเดียว และเธอใช้มันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอขอให้ฉันนอนด้วย!!”

********************************************************
ตัดฉับ! อิอิ
ใครอยากอ่านเรื่องลับๆของบลูซอลบ้างยกมือขึ้น....หึหึหึ  ตอนหน้ามาแน่จ๊ะ

กลับมาแล้วค๊า...งานเคลียร์ซากเสร็จเร็วกว่าที่คาด เลยพอเหลือเวลาปั่นอยู่บ้าง
บอกตรงค่ะว่า ตั้งแต่ตอนที่ 31-34 ความจริงแล้วมันคือตอนเดียวกัน แต่มันยาวเกิ๊นนนน เลยต้องบั่นเป็น 4 ตอน เพื่อความสะดวก

ประกาศ ณ ตรงนี้เลยจ๊ะ ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องโอละพ่อ โพดๆ
เนื่องจากว่าตอนแรกกะแต่งเป็นเรื่องสั้น จบตั้งแต่ยังอยู่มัลดีฟส์
แต่พอตัดสินใจแต่งเป็นเรื่องยาวเท่านั้นแหละ...ยาวเลย -*-
บ่องตงว่า ปม ของเรื่องพันกันจนยุ่ง แต่...จบแฮปปี้ มั่นใจได้จ๊า

ทว่าช่วงนี้อาจหน่วงหน่อย อดทนกันนิดนะจ๊ะ
เราจะผ่านมันไปด้วยกันจ๊ะ

ช่วงก่อนไคลแม็กซ์และหลังจากนี้ ตัวละครคู่อื่นจะเข้ามามีบทบาทต่อเรื่องหลักมากขึ้นนะจ๊ะ ใครเชียร์ใครคู่ไหนอยู่ ก็รอลุ้นกันต่อไปว่าจะโผล่มาตอนไหน อิอิ

ขอบคุณทุกกำลังใจ
และขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งที่ติดตามนะคะ
อนาคี 99
:กอด1: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: KilGharRah ที่ 08-07-2014 21:04:39
ลุงเลือดร้อนเป็นวันรุ่นจริงๆนะ กร๊ากกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 08-07-2014 21:18:09
ลุงบทจะร้อนก็ลุกเป็นไฟเชียว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: pim-lovemj ที่ 08-07-2014 21:20:57
 o18 หึงโหดนะตาลุง สงสารน้องยุอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 08-07-2014 21:31:25
ยกมือด่วนๆอีกคนเลยค่ะ!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 08-07-2014 21:40:14
สนุกมั่กมากกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 08-07-2014 21:42:25
เห็นด้วยกับความคิดยุเรื่องของเสน่ห์จันทร์นะ คือเป็นกลางมากที่พูดแบบนั้น

แล้วฮาตอนที่ยุกับเมธจะลดความตึงเครียดในรถด้วย พี่เมธจูบทางอ้อมกับบดินทร์แล้วนะ :m20:

ส่วนเรื่องของบลูม่ากับซอลญ่า ซอลน่าสงสารนะตั้งแต่อ่านมา แถมเรื่องนอนด้วยกันอีก ขอหลบไปกรี๊ดแป๊บ

ซอลเป็นคนขอ แต่รอยที่คอซอลทำไมเยอะกว่าล่ะ อิอิอิ บลูม่าเข้าใจซอลญ่าเร็วๆหน่อยนะ

ขอยกมืออยากอ่านคู่บลูกับซอลจ้ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 08-07-2014 21:45:22
 :z6: บลูม่าทำกับคนที่ตัวเองนอนด้วยแบบนี้ มันถูกแล้วเหรอ

เฮียเมธเลือดร้อนหุ   หุ คบเด็กต้องปรับตัวสินะ

ยุ เราก็ลูกผู้ชายคนนึง ต้องดูแลตัวเองได้ ถ้ามันทำอีกเอามีดเสียบให้มิดด้ามเลย

เจ้จันทร์ ขอแนะนำให้ไปเข้าชื่อด่วน  ข่มขืน= ประหาร
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 08-07-2014 21:47:11
โง้ยยยย อยากอ่านบลูซอล
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 08-07-2014 21:48:57
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 08-07-2014 21:57:14
บลูม่ากับซอลย่าคือแนวหัวใจเถื่อน
ส่วนยุน้อยกับเมธผู้ใจร้อนคงจะจัดการยายเด็กเอาแต่ใจ
สิ้นคิดได้อีกนะหวังว่าคงจบกันได้ดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 08-07-2014 21:59:11
วิ่งไปกรี๊ดคู่บูลม่ากะซอล

ส่วนอีกคู่เราแอบจิ้นดนัย กะ บดินทร์อ่ะ 55555

เอาแบบป. พิศาล ตบจูบ !!!! 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 08-07-2014 22:05:25
อร๊าย!!!!!ยกมือขื้น เค้าอยากอ่านคู่เจ๊บลูกับซอลด้วยคนคร้าาาาาา :hao6:  :hao6:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 08-07-2014 22:09:14
 เราเชียร์ทุกคู่ แม้แต่บลูซอล ส่วนน้องจันทรขอบท "อกแตกตาย"ค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 08-07-2014 22:11:53
 :katai4:ชอบบบ ลุงเมธหึงได้เเซบถึงใจมากคะ น้องยุไม่น่าเบรกลุงเลยนะ 55 คู่ซอลย่าก็แบบว่า  :-[ ร้อนแรงเนอะ อิอิ ยังไงจะตั่งตารอดราม่านะคะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 08-07-2014 22:14:46
อยากอ่่านบลูซอล แอบลุ้นดนัยบดินทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: kissme ที่ 08-07-2014 22:19:14
เจ๊บูลไม่คิดจะเปลี่ยนบรรยายกาศเป็นตบจูบตบจูบบ้างหรือ....ฮิฮิฮิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 08-07-2014 22:29:18
 :z3: :z3: :z3: ทำไมมาทำให้ค้างกันเยี่ยงเน้

เสียไต TT_TT
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 08-07-2014 22:31:43
รู้สึกเหมือนน้องยุ จะค่อยๆโตขึ้นและแกร่งขึ้น ดีมากเลยลูก
ส่วนตาลุง หึงโหดดีแท้ๆ แต่เราชอบมากๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 08-07-2014 22:49:07
ยกมืออยากอ่านซีเคร็ทของสองสาวด้วย  แหม่ งานนี้จะเรียกอะไรดีละ รับชนรับเหรอ เหอเหอเหอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 08-07-2014 22:51:34
พี่เมธปลอบขวัญน้องยุด่วน เอาใจช่วยยุจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 08-07-2014 23:12:44
บลูซอลอะไรกันเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 08-07-2014 23:14:08
ลุงทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ เลือดร้อนเจงๆ :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 08-07-2014 23:14:54
อยากอ่านคู่บลูซอล อ้าาา มันเกิดไรขึ้นอ๊ายยยยย :hao7:

มาต่ออีกนะค้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 08-07-2014 23:23:27
ค้างตรง ซอล กับ บลู นี่แหละ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 08-07-2014 23:36:37
บดินทร์ ถ้าได้กะ ดนัย ก็ดีเกินไปนะ อย่างน้อย ก็เคยทำเรื่องแย่ๆกะยุ ไว้ ไม่อยากให้คนอย่างนี้ได้ดีเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 08-07-2014 23:42:32
 :katai1:  :katai1:  :katai1: ยกมืออออ!!! บลูกะซอลลล -/-

แต่แอบสงสารซอลนะ ยิ่งถ้านอนด้วยกันไปแล้วเนี้ย :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 08-07-2014 23:50:00
อิเจ๊เป็นตุ๊ดที่แซ่บมากค่ะบ่องตง
อยากรู้รายละเอียดของวันไนท์สแตนด์ละ
น้องยุพี่เมธนี่มีดราม่าชิดจันทร์อีกไหม อยากให้เอานางไปเก็บมากเลย

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 09-07-2014 00:41:28
กำลังอยากจะแซวกฤตเมธว่าหึงโหดเป็นหนุ่ม ๆ เลย ปรากฏเบรคเอี๊ยดกับคู่เจ๊ บลูซอลแซ่บมาก กรี๊ดๆๆๆ แบบว่า โอ๊ย เจ๊บลูขา พูดเหมือนไม่เต็มใจแต่ทำไมอีกคนรอยเต็มคอขนาดนั้นล่ะ เจ๊ทั้งแซ่บทั้งซึนนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 09-07-2014 01:18:42
โอ้ยยย เค้าอยากรู้>< เจ้จะแมนแระจิมิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 09-07-2014 05:38:03
หึงโหดดีแท้ คุณกฤตเมธ~~~~ :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 09-07-2014 07:35:54
โอววว เจ๊บลูโหดจริง
บอกซิว่านี่มันคนเดียวกันกับที่เจอยุอ้อน
จะลุ้นคู่หลัก กลับกลายมาลุ้นคู่นี้แทนซะแล้วเรา 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-07-2014 11:04:53
เจ๊บลูม่าโหดดดดดอะ
อีตากฤตเมธก็หึงโหดซ้าาา
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 09-07-2014 14:13:56
รอคู่บลูซอล ใช้โอกาสครั้งแรกตอนขอให้บลูนอนด้วยไปแล้ว ขอใช้โอกาสซ้ำอีกครั้งไม่ได้หรอ?  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 09-07-2014 18:26:18
อ๊ายยยยยยยยยยยย
อยากอ่านซอลบลู คริคริ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 09-07-2014 19:08:53
จะรอตอนพี่เมธได้กระทืบบดินทร์นะ

หมั่นไส้เหลือเกินนน

 :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-07-2014 10:56:16
ยังคงความเกลียดไอ้บดินได้อย่างเหนียวแน่น ไม่ชอบมันสักนิดเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 10-07-2014 17:01:59
คุณกฤธ หึงได้โหดมากจริงๆ 555555 ขำอ่ะ เป็นผู้ใหญ่ สุขุมมาตลอด พอหึงเข้าหน่อย หลุดมาดเลยจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 11-07-2014 14:58:26
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 11-07-2014 21:06:19
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 12-07-2014 00:06:07
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เจ๊ซอลลลลลลลลลลลลล น้องว่าแล้ววว น้องว่าแล้วววววววว

ดิ้นตายค่าาาาา ลืมคุณเมธกับน้องยุไปแว๊บนึง ฮ่าาาา

พี่เมธหึงโหดเวอร์วัง ชอบน้ำมนต์พี่เมธอะอิอิ ให้ยุได้คนเดียวนะะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 12-07-2014 00:34:49
ยอมรับว่าอ่านตอนนี้แล้ว อยากรู้เรื่องบลูม่ากะซอลมากค๊า
แย่งซีนคู่พี่เมธกะน้องยุไปเลย เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 12-07-2014 12:59:10
ชอบนิยายเรื่องนี้มากมาย แต่งสนุกสุดๆๆจ้า  o13
รอดูทุกคู่เลยนะ น่าติดตามทุกคู่  :laugh:
แล้วคิดถึงคู่ของพอร์ชกับรุจน์ กับคุณอ็อดกะคุณกมลม้ากๅๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 12-07-2014 16:35:54
มาต่อเร็วๆน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 13-07-2014 20:53:06
"เราจะผ่านมันไปด้วยกันค่ะ" สู้ต่อไปค่ะคุณคนเขียน  :n1:
อยากอ่านบลูซอลค่ะ อะไรจะโหดปานนั้น!!
ส่วนยุ บอกแล้วว่าไม่หมูแถมแกร่งอีกต่างหาก เนอะ ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 16-07-2014 02:11:47
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 34 โอกาส (บลูxซอล)



“...บลู...บลูเกลียดฉันมากเลยเหรอ?”

“ใช่...ฉันเกลียดหล่อนมาก เลิกยุ่งกับฉันซะที”

“งั้น...ฉันขอโอกาสสักครั้งได้มั้ย?”

“โอกาส? โอกาสอะไร? คนอย่างหล่อนฉันไม่มีอะไรจะให้หรอก!”

“ครั้งเดียว....แค่ครั้งเดียว ขอร้องล่ะ ครั้งเดียว แลกกับการที่ฉันจะดูแลบดินทร์ให้ดี ไม่ให้ยุ่งวุ่นวายกับคุณสดายุได้อีก”

“ชิ! นั่นมันหน้าที่หล่อนอยู่แล้ว! จะมาถือเป็นของพิเศษแลกเปลี่ยนอะไรกัน ตลกสิ้นดี เฮอะ ไปให้พ้นหน้าฉันซะทีเหอะ!”

“บลูได้โปรด ครั้งเดียวจริงๆ แล้วหลังจากนั้นทั้งฉัน ทั้งบดินทร์จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธออีก...แค่ครั้งเดียวจริงๆ ฉันสัญญา...”

“..............คืออะไร?...”

“เอ๊ะ......”

“โอกาสที่หล่อนจะเอาจากฉันน่ะ มันคืออะไร?”

“.....เซ็กส์...”

“ห๊ะ!!? หล่อนเป็นบ้าอะไรเนี่ย!!? เห็นฉันเป็นตัวตลกหรือไง! อย่ามาล้อเล่นบ้าๆนะ!!”

“ฉันไม่ได้ล้อเล่นบลู! ฉันพูดจริง...นอนกับฉันได้มั้ย?”

“...........................หน้าด้าน!”

“ใช่...ฉันมันหน้าด้าน..........แต่ถ้าด้านแล้วได้...มันก็คุ้ม...”

“ร่าน!...ผู้ชายทั้งออฟฟิตนี้คงไม่พอให้หล่อนกินแล้วสินะ  ถึงได้เอาตัวมาเร่แลกนู่นี่กับฉันน่ะ!”

“.....................จะว่างั้นก็ได้...แล้วคำตอบล่ะ...ได้หรือเปล่า?...”

“......ทำไมฉันต้องเอาตัวเข้าแลกด้วยล่ะ....มันใช่เรื่องที่ฉันจำต้องลงไปเกลือกกลั้วกับคนอย่างหล่อนหรือไง!!?”

“....คนอย่างฉัน.....บลูกลัวเหรอ?”

“ห๊ะ!!?”

“กลัว....สินะ ถึงได้ไม่กล้าแลก.....”

“อย่ามาปากดีซอลย่า! เรื่องอะไรคนอย่างฉันถึงต้องกลัวหล่อน!!”

“จริงสิ บลูยังเวอร์จิ้นนี่นา....ขอโทษนะฉันลืมไป จะกลัวก็คงไม่แปลก.....”

“แกกล้าดียังไง!!........แกจะดูถูกกันเกินไปแล้วนะ!!”

“.......งั้น...ก็ตกลงสินะ...”

“เออ!! ได้! ถ้าแกอยากนักฉันจะสนองให้!!”








ในที่สุดคำขอร้องที่ต้องแลกด้วยศักดิ์ศรีทั้งหมดที่มีก็สำเร็จลุล่วง

ซอลย่าไม่ใช่คนสู้คน ซ้ำยังไม่ใช่คนกล้าบ้าบิ่น เขาแต่เพราะเขารู้ว่าความสัมพันธ์สั่นคลอนระหว่างเขากับบลูม่ากำลังอยู่ในช่วงอันตราย ซ้ำเขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าจะยังสามารถยืนหยัดในวงการนี้ได้อีกนานแค่ไหน เพราะช่วงนี้เด็กในความดูแลของเขานั้นน้อยลงทุกที ส่วนที่มีอยู่ก็ไม่ค่อยมีคุณภาพ และเขาไม่คิดจะหาเด็กใหม่อีกแล้ว

เขาคิดหนักมาหลายวัน จนในที่สุดก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าจะกล้า ด้วยการ ‘ขอนอน’ กับบลูม่า

ซอลย่า เป็นผู้จัดการดารามากฝีมือ แม้จะเป็นคนขี้อายทั้งยังขี้ขลาด แต่ก็ไม่เคยมองคนพลาด เขาปั้นดินเป็นดาวจรัสแสงมาแล้วหลายต่อหลายคน ไม่มีใครไม่ยอมรับในความเฉียบคมของสายตาเขา ทว่า...ก็แค่เรื่องนั้นจริงๆ ที่ได้รับการยอมรับ

แม้จะมากด้วยฝีมือ แต่ในเมื่อไม่สู้คน การดิ้นรนในวงการมายาก็เป็นเรื่องที่แสนจะลำบาก ทั้งต้องต่อสู้กับผู้จัดการดาราคนอื่นเรื่องแย่งงาน ทั้งต้องต่อสู้กับบรรดาลูกค้าที่คอยแต่จะกดค่าตัวของดาราในความดูแล สู้ไหวบ้างไม่ไหวบ้าง ซึ่งส่วนมากก็แพ้อยู่เป็นประจำ งานดีถูกแย่งไปก็หลายครั้ง ดาราดีๆถูกแย่งไปก็หลายคน จนตอนนี้ ซอลย่าเหลือดาราอยู่ในความดูแลแค่หยิบมือ ยังดีที่บดินทร์กับแตงกวาไม่ยอมย้ายไปไหน จึงยังพอทำให้ซอลย่ายังมีงานอยู่บ้าง เพราะเด็กในสังกัดคนอื่นๆนั้นก็ช่างเป็นดาราปลายแถวที่ถูกยัดเยียดมาให้ปั้นยังไงก็ไม่เด่น ได้แต่ป้อนงานเล็กๆ รายได้น้อยๆไป

 ซอลย่าเหนื่อยกับวงการนี้มาก อยากจะรีบเคลียร์งานที่ค้างมืออยู่ให้เสร็จๆไป หาผู้จัดการดีๆสักคนดูแลเด็กในสังกัดต่อ แล้วออกไปให้พ้นจากที่แห่งนี้เร็วๆ เสียที

ซึ่งต่างจากบลูม่า...

บลูม่านั้นรักวงการนี้มาก และด้วยเป็นคนที่มีทักษะฝีมือดี ฉลาดเลือกงานให้เด็กในความดูแล รู้จักต่อรอง รู้จักใช้ประโยชน์ ทำให้ดาราในสังกัดนั้นมีคุณภาพพอตัว ต่อให้ได้งานไม่ดัง หรือไม่ใช่บทพระเอกนางเอก ก็ยังเป็นถึงบทเด่นที่เป็นแกนหลักของเรื่อง บลูม่านั้นไม่เคยคิดจะออกจากวงการนี้แม้สักครั้ง เขาอยู่ตัว เขาอยู่ได้ และเด็กในสังกัดก็ทำตัวดีๆไม่มีปัญหา แม้ในอดีตเคยปวดหัวกับสดายุอยู่บ้าง แต่เพราะเป็นน้องชายที่สนิท บลูม่าเลยไม่เคยคิดท้อ และแน่นอนว่าบลูม่าอยากอยู่ในวงการนี้ไปนานๆ ปั้นดินให้เป็นดาวอีกหลายๆดวง เพื่อประดับวงการที่เขารัก ให้มีสีสัน

สองความต่าง ที่เคยเป็นเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด เมื่อมาเจอกันก็เป็นอันต้องเขม่น ต้องแขวะกัดให้เจ็บช้ำซึมลึกเสียทุกทีไป ไม่ใช่บลูม่าหรอกนะที่เจ็บ แต่เป็นซอลย่าต่างหากที่ไม่เคยตอบโต้อะไรได้เลยต่างหาก

บลูม่าไม่เคยรู้ เขาไม่เคยรู้ตัวเลยว่าถูกซอลย่าหลงรักมาเป็นสิบปี รักมาตั้งแต่สมัยยังเรียนมหาวิทยาลัย ไม่รู้เลยว่าที่ซอลย่าเข้าวงการเดียวกับเขา มาเป็นผู้จัดการดาราที่มีเจ้านายคนเดียวกันช่องเดียวกัน สายงานเดียวกัน ก็เพราะซอลย่าตั้งใจจะตามมาอยู่ใกล้ๆ แม้ว่าจะถูกบลูม่าเกลียดชังมากแค่ไหนก็ตาม

ซอลย่ารู้อยู่แก่ใจว่าโดนบลูม่ารังเกียจมากแค่ไหนจากเหตุการณ์ในอดีตที่เขาไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิด  เรื่องที่เขายอมไปกับเพชรจ้าแฟนของบลูม่า เพื่อปกป้องตัวบลูม่าเอง แต่ไม่สามารถเอ่ยปากบอกบลูม่าได้เพียงเพราะเขาขี้ขลาด

...ซอลย่าไม่กล้าที่จะบอกบลูม่าจริงๆว่าที่เพชรจ้าเข้ามาขอบลูม่าเป็นแฟนนั้นแท้จริงแล้วเพื่อใช้บลูม่าเป็นทางผ่านมาหาเขา เพื่อใช้บลูม่าเป็นตัวเชื่อมในการเข้ามาจีบเขา และหากเพชรจ้าทำสำเร็จก็จะถีบหัวเรือทิ้งบลูม่าทันที แถมตอนที่อยู่กับบลูม่าเพชรจ้าจะได้หลอกใช้งาน หลอกเอาเงินจากบลูม่าปรนเปรอตัวเองไปพลางๆด้วย...

ซอลย่าทนไม่ได้ที่บลูม่าโดนหลอก แต่ก็บอกออกไปไม่ได้ว่าเพชรจ้าใช้บลูม่าเป็นแค่ทางผ่านเพื่อเข้ามาจีบตน ก็ใครจะกล้าพูดล่ะ ว่าผู้ชายของเพื่อนเห็นเพื่อนเป็นแค่เรือจ้างเพื่อข้ามฟากมาจีบตัวเอง ซอลย่าไม่กล้าทำร้ายจิตใจของบลูม่าขนาดนั้น ซ้ำยังกลัวบลูม่าจะเห็นว่าเขาสำคัญตัวเองผิดอีก กลัวไปทุกอย่างจนสุดท้ายก็ได้แต่อมพะนำเรื่องไม่เป็นเรื่องนี้ไว้จนความสัมพันธ์ของตนกับบลูม่าสะบั้นลงในที่สุด

.......ทั้งขลาดทั้งเขลา จนซอลย่าเองยังทนตัวเองไม่ไหว

เขาเกลียด...เกลียดตัวเองที่เป็นแบบนี้เหลือเกิน

อย่างตอนนี้ ก็เช่นกัน...

เพราะเขาไม่กล้าปรับความเข้าใจกับบลูม่าตรงๆ เลยต้องใช้ไม้นี้ ยอมเสียศักดิ์ศรีเอาตัวเข้าแลก เพื่อให้ได้โอกาสอยู่ใกล้กับบลูม่าอีกครั้ง วางแผนรวบหัวรวบหางเพื่อให้บลูม่าปฏิเสธตัวเองไม่ได้

เมื่อก่อนคงไม่คิดจะทำ แต่เพราะวันนั้นในลิฟท์สำนักงาน ที่เขาสารภาพรักแล้วได้จูบบลูม่าครั้งแรก ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่อาจห้ามใจไม่ให้คิดลึกคิดร้ายกับบลูม่าได้อีก ซอลย่าไม่อาจห้ามใจตัวเองได้อีกแล้ว เขาต้องการบลูม่า ต้องการมาก มากเสียจนไม่อาจห้ามใจ แม้จะโดนหาว่าหน้าด้าน หรือถูกตราหน้าว่าร่านว่าอยาก เขาก็ไม่แคร์

ขอแค่ให้ได้บลูม่ามาครอง แม้ชั่วข้ามคืนก็ยังดี แค่นี้เขาก็ยอมพลีทุกอย่างแล้ว...






บทสรุปของคืนนี้จบอยู่ที่คอนโดของซอลย่า ซึ่งห่างจากบริษัทไม่ถึงสี่สิบนาที เหตุที่เลือกห้องซอลย่าก็เพราะบลูม่าไม่อยากเข้าโรงแรม และไม่ต้องการให้ซอลย่าไปที่ห้องของตนด้วย โดยอ้างว่า ‘กลัวเสนียด’

ฝ่ายซอลย่านั้นแม้จะถูกค่อนขอดเจ็บแสบแค่ไหนก็ต้องทน เพราะทั้งหมดเกิดขึ้นจากความตั้งใจของเขาเอง เอาตัวเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับคนที่ไม่ได้ใยดีเอง เรื่องนี้เขาไม่โทษใครทั้งนั้น นอกจากตัวเอง

และแม้ต่อจากนี้ไปก็เช่นกัน

ทั้งสองคนขับรถตามกันมาจากบริษัท เพราะบลูม่าไม่รู้ทาง แต่ก็ไม่อยากติดรถซอลย่า ดังนั้นจึงตกลงที่จะขับรถตามกันมาแทน และเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้วถนนค่อนข้างโล่ง เพียงไม่ถึงสี่สิบนาที ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงคอนโดเล็กๆกลางเมืองของซอลย่า

“ขึ้นห้องก่อนสิ…”

ซอลย่าเอ่ยเรียกทันทีที่บลูม่าออกจากรถ แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังคงเฉย เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบจึงเผลอเดินเข้าไปหาแล้วยื่นมือไปสัมผัสที่ต้นแขนเบาๆ และถูกปัดออกในทันทีอย่างที่คาดไว้

“อย่ามาแตะตัวฉัน!”

“…ขอโทษ เห็นบลูเอาแต่ยืนเฉย…เลยนึกว่ากลัว...จนไม่กล้าขึ้นห้อง…”

ซอลย่าแสร้งพูดแทงใจดำใส่ ด้วยรู้ดีว่าบลูม่าไม่ชอบการดูหมิ่นกลายๆแบบนี้เป็นที่สุด และมันก็ได้ผล บลูม่าปิดล็อคประตูรถตัวเองอย่างแรงก่อนจะกระชากแขนของซอลย่ามาบีบแน่นจนกระดูกแทบจะป่นรวมไปกับเนื้อแล้วลงมือกระชากลากไปทางลิฟท์ลานจอดรถที่กำลังเปิดออกพอดี เพราะมีคนลงมาที่ลานจอดรถ ฝ่ายที่ออกจากลิฟท์มาชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นบลูม่ากับซอลย่ากำลังฉุดกระชากกันอยู่ แต่ตอนนั้นบลูม่าไม่สนใจอะไรอีกรีบดันตัวของซอลย่าเข้าไปก่อนจะรีบกดปิด พลางหันมามองหน้าซอลย่าราวกับจะกินเลือดกิน ซอลย่าแทบจะทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ค่อยๆเอื้อมมือไปกดปุ่มชั้น 12 แล้วถอยออกมายืนห่างๆเช่นเดิม

“…เข้ามาก่อนสิ”

ตั้งแต่เข้าลิทฟ์มาจนกระทั่งซอลย่าไขประตูห้อง นี่คือคำแรกที่ออกจากปาก ซอลย่าไม่กล้าเอ่ยอะไรมากนักเพราะบลูม่านั้นดูจะคุกรุ่นตลอดเวลา แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องน้อยกันสองต่อสองแล้ว จะไม่ให้พูดหรือถามอะไรเลยก็คงจะยิ่งชวนอึดอัด ซอลย่าเลยพยายามกัดฟันถามไถ่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่แขกคนสำคัญ พูดตรงๆเลยว่าตอนนี้เรื่อง ‘เซ็กส์’ ไม่ได้อยู่ในหัวของซอลย่าเลยแม้เพียงนิด เพราะแค่รับมือกับบลูม่าตอนนี้ให้ได้ก็แทบจะเต็มกลืน ขืนจะให้เริ่มต้นสัมพันธ์สวาทตอนนี้ล่ะก็ เขาอาจโดนบลูม่ากระทืบตายคาห้องได้เลยทีเดียว…ดูจากหน้าอีกฝ่ายแล้ว ซอลย่าก็ได้แต่ถอนใจ

‘ให้นั่งพัก แล้วปล่อยให้กลับไปทั้งอย่างนี้แล้วกัน เรามันก็บ้า จู่ๆไปชวนเขามาทำไมก็ไม่รู้ ดูสิ บลูโกรธใหญ่เลย ไม่น่าเลยเรา…’

“นั่งก่อนสิ…” ซอลย่าเอ่ยเชิญเสียงสั่นพร่า เพราะกลัวจะโดนด่ากลับ ทว่าบลูม่ากลับเงียบ แล้วโยนกระเป๋าชาแนลของตนลงบนโซฟาทั้งๆอย่างนั้น แต่ตัวเองกลับไม่ยอมนั่ง เอาแต่กอดอกจ้องมองมาทางซอลย่าไม่วางตาแทน

“เอ่อ…เอาน้ำอะไรมั้ย?” ซอลย่าพยายามผ่อนคลายบรรยากาศ หวังใจให้อีกฝ่ายเย็นลงสักหน่อย

“ไม่” แต่ก็ไม่ได้ทำให้บลูม่ารู้สึกดีขึ้นแม้แต่นิด

“งั้น…ทานไรก่อน…?”

“ไม่เอา!”

“…….งั้น…อาบน้ำ….”

“ฮึ่ย!! เลิกถามสักที! จะทำอะไรก็ช่วยรีบทำๆให้มันจบๆไปทีเหอะ! หล่อนอยากมากไม่ใช่เหรอถึงได้ลากฉันมาถึงนี่ แล้วยังจะมัวอ้อยอิ่งหาพระแสงอะไร!! ฉันไม่ได้อยากอยู่ในห้องนี้นานนักหรอกนะ!!”

บลูม่าตวาดขึ้นมาอย่างหัวเสีย เขาไม่เข้าใจว่าซอลย่าต้องการอะไรกันแน่ จู่ๆก็ชวนให้เขามีเซ็กส์ด้วยโดยยื่นเงื่อนไขว่าจะดูแลไม่ให้บดินทร์เข้ามาวุ่นวายกับสดายุอีกเป็นข้อแลกเปลี่ยน แค่นั้นมันก็น่าโมโหพอแล้วยังจะมาดูถูกเขาว่าเวอร์จิ้น ไร้เดียงสา กลัว? ยอมรับว่าทนไม่ได้ แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเอาตัวเข้าแลกเพียงเพราะเรื่องนี้ทำไมเหมือนกัน บลูม่ารู้จักตัวเองดี เขาไม่ใช่คนง่าย แต่ทำไมคราวนี้เขาถึง ‘ง่าย’ นักก็ไม่รู้

หงุดหงิดตัวเองอยู่เป็นทุน เจอท่าทางทำอะไรไม่ถูกของซอลย่าเข้าไปอีก บลูม่าเลยแทบจะพ่นไฟเผาคนตรงหน้าไปให้รู้แล้วรู้รอด โมโหจนหน้ามืดไปหมดแล้ว!

“……จะกลับก็ได้นะ…”

“……………..!!!??” แค่ที่ยืนอยู่เฉยๆนี่ก็เดือดจะแย่แล้ว จู่ๆซอลย่ายังพูดอะไรที่ทำให้บลูม่าพลุ่งพล่านขึ้นไปอีก

“จะล้มเลิก…ก็ได้นะ”

“ซอล!!!”

บลูม่าตวาดลั่นอย่างหัวเสีย เขาหงุดหงิดกับซอลย่าจนเกินจะทานทนแล้ว ‘จะล้มเลิกก็ได้นะ’ อะไรของมัน!? ที่พูดนี่คิดแล้วใช่มั้ย? มันเห็นเขาเป็นตัวอะไร? บอกว่า 'อยาก' แล้วพูดชักแม่น้ำทั้งห้าจนเขายินยอมที่จะตามมา แล้วก็บอกไม่เอาแล้วไม่ทำแล้ว แล้วก็ไล่กันดื้อๆอย่างนี้เนี่ยนะ!!? ใครจะไม่ถือสาก็ช่าง แต่เขาจะไม่ทน!

"...เอ่อ...คือ..." ซอลย่ายิ่งใจเสียหนักเมื่อถูกตะคอก เขาไม่ตั้งใจจะทำให้บลูม่าโกรธจัดขนาดนี้ เขาแค่อยากผ่อนคลายบรรยากาศ แค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายเกลียดเขามากขึ้น แต่ทำไมกัน ทำไมยิ่งเขาพูดบลูม่ากลับยิ่งโกรธ ซอลย่าลนลานหนัก เพราะเขาไม่รู้ว่าควรทำอะไรยังไงดี ตอนนี้เขามึนทื่อไปหมดแล้ว...

บรรยากาศตึงเครียดหนักปะทุขึ้นราวกับลาวาภูเขาไฟ บลูม่าเงียบนิ่งทันทีหลังตะคอกอีกฝ่ายจนตัวสั่นงันงก ความเงียบทำเอาซอลย่าแทบสำลักบรรยากาศหนักๆ หายใจหายคอลำบาก หัวใจก็ถูกบีบรัดจนจะขาดเป็นเสี่ยง ได้ก้มหน้างุดแล้วถอยหลังหนีไปเรื่อยๆ เมื่อบลูม่าสืบเท้าเข้าใกล้
แต่ถอยไปได้ไม่กี่ก้าวแผ่นหลังบอบบางก็ชนเข้ากับประตูห้องนอนเข้าเสียแล้ว

“แก...เห็นฉันเป็นตัวตลกรึไง? ซอลย่า...”

“...ปล...เปล่า...ข...ขอโทษ...”

ซอลย่าละล่ำละลักขอโทษเสียงเครือสั่น  ยิ่งบลูม่าประชิดใกล้ แล้วถามเขาด้วยถ้อยคำประชดประชันบาดใจ ซอลย่าก็ยิ่งหวาดหวั่น พรั่นพรึง เขาไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้

 ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลยสักนิด

“เข้าไป”

“เอ๊ะ?”

“เข้าไปในห้อง!”

แกร๊ก...

ซอลย่าเซหงายหลังแทบจะทรงตัวไม่ทัน เมื่อจู่ๆ บลูม่าก็เอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนของซอลย่าแบบไม่ให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว บลูม่าใช้ร่างกายที่ใหญ่โตกว่าของตนเบียดดันร่างโปร่งบางไร้เรี่ยวแรงของซอลย่าให้เข้าไปในห้องนอนอย่างง่ายดาย ก่อนปิดล็อคประตูเสียงดัง ‘กริ๊ก’

ซอลย่าสะท้านเฮือก ด้วยไม่เข้าใจความหมายที่บลูม่ากระทำ คอนโดห้องนี้มีกันอยู่แค่สองคน ทำไมต้องล็อคห้อง? ยิ่งคิดยิ่งประหวั่น

บลูม่าแสยะยิ้มเล็กๆ ทันทีที่กดล็อคประตู ใช่…มันผิดปกติ ห้องนี้มีเพียงเขาแค่สองคน ไม่จำเป็นต้อล็อคประตูห้องนอน ก็ทำกิจกรรมได้ทุกประเภท แต่ที่เขาทำ…

แน่นอนว่าเพื่อข่มขวัญซอลย่าให้กระเจิดกระเจิงขึ้นไปอีก ดวงตาที่เบิกโพลงจ้องเขาไม่วางตา กายที่สั่นระริก ภาพของซอลย่าที่เป็นแบบนั้นทำให้บลูม่าสาแก่ใจ เขาเจ็บแค้นบลูม่ามาตลอดที่เคยหลอกลวง แม้ไม่ถึงขนาดจะอาฆาตมาดร้าย แต่เมื่อได้โอกาส เขาก็อยากทำให้คนตรงหน้ารู้เอาไว้บ้างว่า

 ‘ทีหลังอย่ามาถือดีท้าทายอะไรที่รนหาที่แบบนี้อีก’

“ถอดเสื้อผ้า” หลังจากยืนประจันหน้านิ่งเงียบกันอยู่ครู่ใหญ่ ให้พอซอลย่าได้ตั้งสติ บลูม่าก็เอ่ยออกคำสั่งขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง คำสั่งที่ทำให้ซอลย่าถึงกับผงะ

“ถอดสิ” เสียงของบลูม่าเข้มขึ้น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังยืนทื่อ

คำสั่งสองเรียกสติหยั่งรู้ชัดเจนในความรู้สึกของซอลย่า เขาสูดหายใจเข้าปอดแบบลึกสุดใจ ก่อนจะค่อยๆใช้มือสั่นระริกของตนปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตสีครีมของตนออกออกทีละเม็ด ทีละเม็ด

“เร็ว!” คำขู่คำรามพร้อมร่างสูงใหญ่ที่สืบเท้าเข้าใกล้ทีละน้อย ทำให้ซอลย่ายิ่งร้อนรน นิ้วมือที่สั่นอยู่แล้วยิ่งระริกรัว เร่งปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างตัวเองอย่างรวดเร็ว ทั้งที่อายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ไม่อาจขัดขืนคนที่เป็นเจ้าของหัวใจ จะเกิดอะไรขึ้นจากนี้ซอลย่าไม่อยากคาดเดา แต่ไม่ว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหนเขาจะยอมรับมันให้ได้ สาบานกับตัวเองครั้งที่ล้าน ว่าครั้งนี้คือครั้งเดียว ที่จะลืมศักดิ์ศรีของตน!

ร่างเปลือยขาวผาดที่ปรากฏตรงหน้า แม้อยากจะกัดลิ้นตายแต่บลูม่าปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่างดูยั่วเย้าทรงเสน่ห์ ทั้งที่ปกติแล้วคนอย่างบลูม่านั้นสนใจเพียงหนุ่มนักกล้ามล่ำๆ หุ่นหมีน่าฟัดเท่านั้นแท้ๆ  แม้จะเคยเห็นเรือนร่างกะเทยพันธุ์แท้พันทางแบบเขาทั้งที่แปลงแล้วและแบบที่ยังไม่แปลง ไม่ว่าจะโดดเด่นสะดุดตาขนาดไหน ก็ทำให้บลูม่าคิดได้เพียง ‘รู้สึกอิจฉา’ ในความสะโอดสะองที่ตนไม่มีก็เท่านั้น ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมีอารมณ์อยากทำเรื่องอย่างว่า…

แล้วคราวนี้เขาเป็นอะไรไป…แค่เห็นซอลย่า คนที่เขาเกลียดนักเกลียดหนา เปลื้องผ้าเปลือยเปล่าเท่านั้น ร่างกายเขากลับร้อนรุ่ม อารมณ์พิศวาสซ่อนเร้นปะทุขึ้นอย่างน่าเจ็บใจ บลูม่าได้แต่เพียงสูดหายใจเข้าลึกพร้อมทำตัวให้เงียบนิ่งที่สุดเพื่อไม่ให้ซอลย่าจับสังเกตได้ ก่อนจะตะคอกเร่งอีกฝ่ายที่ยังยืนตกประหม่าให้ได้สติ แล้วทำอะไรสักอย่างกับเรื่องบ้าๆนี่ให้มันจบๆไปเสียที

ก่อนที่เขา…จะเส้นสติขาดเสียเอง


“ยืนบื้ออยู่ทำไม ทำให้ฉันพร้อมสิ”


คำสั่งที่ตามมาอีกอย่างเล่นเอาซอลย่าถึงกับหูอื้อ ‘ทำให้พร้อม?’ หมายถึงอะไร? ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเซ็กส์ระหว่าผู้ชายด้วยกันคืออะไร แม้จะไม่เคยโดนเข้ากับตัวเหมือนในข่างลือที่ใครๆต่างพากันกล่าวหา แต่แค่เรื่องที่ว่าต้องทำอย่างไรบ้างซอลย่าก็พอทำได้ เพียงแต่…

เขาควรจะเตรียมพร้อมบลูม่าแบบไหน?

ซอลย่าแทบจะมืดแปดด้าน เขาไม่กล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้า แถมยังไม่กล้าถามออกไปตรงๆว่าแท้จริงแล้วบลูม่าอยากเป็น ‘ฝ่ายไหน’ จริงอยู่ว่าบลูม่าร่างกายสูงใหญ่กำยำกว่า แต่เท่าที่เห็นบลูม่า ‘สาว’ กว่าเขาเยอะ หากเป็นอย่างนั้น…

เขาควรจะรุก…สินะ

ซอลย่าคิดประมวลผลอยู่ในใจ ก่อนจะค่อยๆก้าวย่างอย่างกล้าๆกลัวเข้าหาบลูม่า  ฝ่ายนั้นมองเขาไม่วางตาเหมือนกับที่ซอลย่ากำลังจดจ้องกลับ เพียงแต่ประกายในแววตาต่างกันเล็กน้อย

ซอลย่านั้น…รักแสนรัก

ส่วนบลูม่า…ก็แสนชิงชัง

ประชิดตัวบลูม่าได้ซอลย่าก็บรรจงแตะเบาๆที่แขนของอีกฝ่ายเป็นเชิงว่าให้นั่งลงที่เตียงนุ่ม

บลูม่านั้นยอมทำตามแต่โดยดี ยอมแม้กระทั่งให้อีกฝ่ายถอดสูทตัวนอกให้ กระดุมเสื้อเชิ๊ตแขนกุดสีดำตัวในกำลังถูกปลดกระดุมช้าๆด้วยมือสั่นเทาของซอลย่า บลูม่ามองสองมือนั้นเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความ

นิ่ง…ทั้งที่หัวลั่นรัวราวกลองรบ!

บลูม่ายอมให้ซอลย่าสำผัสเปะปะไปบนร่างกายสมส่วนของตนอยู่ครู่หนึ่งโดยไม่คิดโต้แย้งใดๆ กระทั่ง…

‘จุ๊บ’

ผลั่ก!!

“โอ้ย!”

“ใครอนุญาตให้หล่อนดูดคอฉัน!!”

บลูม่าตวาดแหว พร้อมๆกับที่ผลักร่างแบบบางของซอลย่าลงไปกองแหม่บอยู่บนพื้นเสียโครมใหญ่ บลูม่าจองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาวาวโรจน์ บ่งบอกชัดในทุกกิริยา ว่าซอลย่าไม่มีสิทธิ์แม้เพียงนิดที่จะจุมพิตบนร่างกายเขา เพราะเซ็กส์ของพวกเขาคืนนี้ จะมีเพียงการสอดใส่ให้มันจบๆไปก็เท่านั้น!!

ซอลย่าเจ็บปวดสาหัส ไม่ใช่ที่ร่างกาย แต่เป็นหัวใจ เขาถูกรังเกียจขนาดที่ว่าต่อให้มีเซ็กส์ด้วยก็ห้ามปรนเปรอมากไปด้วยการจูบ ริมฝีปากของเขาคงอย่ารังเกียจสำหรับบลูม่ามาก ซอลย่าคิดได้เพียงแค่นั้นก่อนจะก้มหน้านิ่งเพราะเขาทำอะไรไม่ถูกอีกแล้ว

“บลู…บลูจะให้ฉันทำอะไร?...ฉัน…ฉันไม่…”

“อย่ามาแบ๊วน่าซอลย่า ร่านขนาดขอนอนกับเขาไปทั่วอย่างหล่อน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่รู้ควรทำอะไร…อ่อ…บอกไว้ก่อน…” บลูม่าเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนยื่นหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายที่ยังคงนั่งทำตัวไม่ถูกอยู่บนพื้น แล้วกล่าวเน้นๆย้ำๆว่า “อย่าริมายุ่งกับประตูหลังฉัน!” พร้อมตบท้ายด้วยคำว่า ’ขยะแขยง’

คำว่าขยะแขยงนั้นตอนนี้ไม่ได้ทำร้ายซอลย่ามากเท่าไหร่แล้ว เขาถูกก่นด่าดูแคลนด้วยคำคำนี้มานับครั้งไม่ถ้วน และคำพูดของบลูม่าก็ทำให้ซอลย่าตีโจทย์แตก เพราะคำว่า ‘อย่าริมายุ่งกับประตูหลังฉัน!’  มันมีความหมายง่ายๆว่าอีกฝ่ายให้เขาเป็น ‘ฝ่ายรับ’ อย่างไม่ต้องสงสัย

“เอ้า ต่อสิ รีบทำให้ฉันมีอารมณ์เร็วๆเข้า…”

บลูม่าเอ่ยย้ำพร้อมแสยะยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยโดยใช้สองแขนค้ำร่างตัวเองๆไว้ สภาพนั้นทำให้ซอลย่าที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้า มองเห็นท่าทางส่อเจตนาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นอย่างเต็มตา ว่าบลูม่าจงใจอ้าขาของตัวเองออกเล็กน้อย ให้พอดีกับช่วงตัวเล็กๆของใครสักคน

ซอลย่าหลับตาลงพร้อมสูดหายใจลึกก่อนจะลุกขึ้นคุกเข่าลงตรงหน้าของบลูม่า มือสั่นเทาค่อยๆเอื้อมไปปลดเข็มขัด แล้วรูดซิปลงช้าๆ เคลื่อนไหวเงอะงะเข้าครอบครองความผ่าวร้านที่ยังไม่ตื่นตัวของบลูม่า

บลูม่าพรูลมหายใจออกมาช้าๆ สัมผัสที่ช่วงล่างสร้างความรัญจวนอย่างประหลาด ไม่ว่าจะเป็นปลายลิ้นเล็กที่สั่นน้อยๆค่อยๆเล็มเลียที่ส่วนปลายอย่างประหม่า ลมหายใจอุ่นจัดที่เป่ากระทบเป็นห้วง โพรงปากที่ขยับอย่างลนลาน บลูม่าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวเองกำลังมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างมากกับสัมผัสตรงหน้า ยิ่งเห็นท่าทางกระวนกระวายของอีกฝ่ายยามที่สัมผัสแก่นกายของตน อารมณ์ดิบของบลูม่ายิ่งเตลิดไกล เจ็บใจจนต้องปลอบตัวเองซ้ำๆว่า คงเพราะเป็นครั้งแรกของเขา มันเลยตื่นตาตื่นใจ ลองถ้ามันเป็นของเคยๆแล้วล่ะก็ ร่างกายเขาคงไม่มีทางตอบสนองกับคนอย่างซอลย่าแน่ๆ

บ้าที่สุด!

บลูม่าได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ พลางแค่นยิ้มเยาะเย้ยตัวเองออกมาเบาๆ ทั้งที่สายตาไม่ได้ละไปจากร่างกายขางผ่องที่บิดเร่าอยู่เบื้องล่าง

“ร่างกายร่านๆ!” บลูม่าสบถเมื่อเห็นกึ่งกลางร่างกายของซอลย่าชัดๆ

และแม้จะถูกก่นด่า แต่ซอลย่าก็ยังคงมีอารมณ์อย่างว่ากระพือโหม ใช่จะเป็นคนร่านราคะอย่างที่อีกฝ่ายว่า เพียงแต่เพราะบลูม่าคือคนที่เขารัก ดังนั้นแค่นิดๆหน่อยๆ อารมณ์เขาก็เกินจะคุมอยู่ไปไกลแล้ว

บลูม่าเหลือจะอดทนแล้วกับภาพเย้ายวนกิเลสของร่างตรงหว่างขาที่บิดเร่าไปมาด้วยความกระสัน แก่นกายของเขาพองขยายราวกับไม่เคยเป็นมาก่อนเมื่ออยู่ในโพรงปากร้อนจัดของซอลย่าคนที่เขาเกลียดแสนเกลียด

ทั้งที่เกลียดขนาดนี้ แล้วทำไม! ทำไมเขาถึงดันมีอารมณ์!!

“อ๊ะ!!”  ซอลย่าร้องออกมาเบาๆ เมื่อจู่ๆก็ถูกลากขึ้นไปเหวี่ยงลงเตียงนุ่มของตน ก่อนที่ร่างสูงใหญ่ของบลูม่าจะเคลื่อนกายขึ้นไปคร่อมเอาไว้ ใบหน้าของคนที่อยู่เหนือร่างแดงก่ำเย้ายวน อย่างที่ซอลย่าไม่เคยเห็นมาก่อน

เพราะเขาเหรอ?

เพราะเขางั้นเหรอที่ทำให้บลูม่าเป็นแบบนั้น

เพราะเขาใช่มั้ย ที่ทำให้บลูม่ามีสีหน้าเย้ายวนอารมณ์ขนาดนั้น

ยิ่งได้เห็นซอลย่ายิ่งสะท้านในอก อยากกอดเหลือเกิน  อยากแนบร่างเป็นหนึ่งเดียวกันเหลือเกิน

ด้วยความเผลอไผล ซอลย่าเหนี่ยวร่างของบลูม่าที่อยู่เหนือร่างตนให้ทาบทับลงมา ด้วยอยากสัมผัสแนบแน่นกับร่างนั้นโดยเร็ว ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายขืนตัวไว้ก่อนจะจับซอลย่าพลิกคว่ำลงบนที่นอนนุ่ม

ร่างสูงของบลูม่าแนบตัวทับแผ่นหลังกดตรึงร่างแบบบางไว้กับเตียงอย่างแน่นหนา

"อย่าแตะตัวฉัน" บลูม่าสั่งห้ามด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าอยู่เบื้องหลัง

อารมร์รักของซอลย่าแทบกระพือหายไปทันทีที่ได้ยิน 'ห้ามแตะต้อง' แม้แต่ตอนนี้ก็ห้ามอย่างนั้นหรือ? รังเกียจกันขนาดนั้นเลยอย่างนั้นหรือ?
ทว่ายังไม่ทันจะได้อุทรณ์ สองมือของเขาก็ถูกบลูม่ากดตรึงไว้บนที่นอนจากด้านหลัง ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวดีซอกคอก็ถูกจูบหนักหน่วงราวกับจะกัดแทะ

"อ๊ะ" ซอลย่าร้องออกมาเบาๆด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะแตะต้องร่างกายของตนแบบนี้ ทั้งที่บลูม่าเป็นฝ่ายห้ามเขาเองแท้ๆว่าไม่ให้แตะตัว แต่บลูม่ากับเป็นฝ่ายละเมิดตัวเขาอย่างรุนแรงเสียเอง




ต่อด้านล่างจ๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 16-07-2014 02:12:35
ต่อจ๊า...


บลูม่าทั้งขบทั้งดูดทั้งที่ซอกคอและแผ่นหลังขาวเปลือย เขาสาบานได้ว่าไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจมาแต่แรก ทว่าเขาไม่อาจหักห้ามความรู้สึกพลุ่งพล่านจนน่ามืดที่เกิดขึ้น จริงอยู่ที่เขาไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายแตะต้องตัว เพราะเขาไม่สนิทใจและไม่อยากถูกโหมอารมณ์ให้กระพือไกลไปกว่านี้ ทว่าทันทีที่ยับยั้งมืออุ่นชื้นคู่นั้นได้ ต้นคอขาวและแผ่นหลังเปลือยเปล่าเย้ายวนกลับปรากฏขึ้นมากระแทกตาเขาเข้าเสียก่อน ความยับยั้งชั่งใจที่สู้อุตส่าห์อดกลั้นไว้อยู่นานสองนานในที่สุดก็หลุดลอย ขนไม่อาจห้ามใจไม่ให้เผลอไผลลิ้มลองรสชาด ว่าผิวกายสะอาดตาของคนเบื้องล่างจะหอมหวานแค่ไหน

และเพียงแค่สัมผัสปลายลิ้นเพียงนิด สติความยั้งคิดของบลูม่าก็เตลิด ลืมสิ้นแล้วว่าเคยรังเกียจจนไม่อย่างแตะต้อง สะท้อนใจอยู่ในส่วนลึกที่กลืนคำพูดตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถอารมณืหวามไหวของตัวเองได้อีกต่อไปแล้ว

และตอนนี้อาวุธร้ายที่บลูม่าไม่เคยตคิดจะใช้งานก็พาลตอบสนองอย่างแข็งขันกับร่างยั่วเย้าตรงหน้าเข้าเสียแล้ว!

คนใต้ร่างครางเครือสั่นสะท้านไปกับรสสัมผัสที่เขามอบให้

ยวนใจ…

แต่ไม่ได้ทำให้เขาอยากจะอ่อนโยน

"อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน...บล...บลู!!?"  ซอลย่ากรีดร้อง เมื่อจู่ๆความร้อนระอุก็จดจ่ออยู่ตรงส่วนลี้ลับของเขา และยังไม่ทันจะได้ตั้งหลัก ส่วนปลายความร้อนอันใหญ่โตนั้นก็ดันตัวผ่านเข้ามาในจุดที่เขาไม่คุ้นเคย โดยปราศจากการเล้าโลมหรือแม้กระทั่งการเตรียมพร้อมใดๆ

"มะ...ไม่เอาแล้ว....เจ็บ...บลู...ฉันเจ็บ...ไม่เอา...อื้อ..."

ซอลย่าวิงวอนเสียงสั่นพร่า แต่กลับถูกมือหนาของบลูม่าปิดปากเอาไว้แน่น อีกทั้งร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับลงมานั้นหนักหนักหน่วงเกินกว่าจะดิ้นรนหลีกหนี ซอลย่าเจ็บปวดสาหัสจนน้ำตาไหล ตรงนั้นของเขายังแห้งผากอยู่เลย มันไม่เคยถูกรุกราน ไม่เคยถูกกระทำใดๆมาก่อน มันไม่รู้ควรรับมือยังไงนอกจากเกร็งสะท้านต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่รุกล้ำ ทั้งที่อ้อนวอนว่าให้ช่วยหยุด แต่กลับถูกปิดกั้น และกระทำต่อกันอย่างร้ายกาจชนิดที่ซอลย่าคาดไม่ถึง ความเจ็บปวดที่ปะทุขึ้นรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตทำให้ร่างแบบบางของซอลย่าสั่นสะท้านไปทั้งตัว

"...บล....บลู...ซอลเจ็บ...ได้โปรด...ซอลเจ็บจริงๆ...ฮึ่ก..."

ซอลย่าอุทรณ์ด้วยความเจ็บปวด เสียงที่เปล่งออกมาอู้อี้อึกอักเพราะยังคงถูกปิดปากเอาไว้แบบครึ่งๆกลางๆ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย เสียงเครือสั่นน่าสงสารนี้ไม่ได้ส่งไปถึงผู้กระทำเช่นบลูม่าเลย

"เงียบ! จะอ้อนวอนอะไรของหล่อนนัก ฮึ? หล่อนเองใช่เหรอที่เป็นคนอยาก หล่อนเองไม่ใช่เหรอที่เสนอตัว?"

บลูม่ากระซิบร้ายเสียงพร่าด้วยแรงอารมณ์แต่ก็บาดลึกไปถึงขั้วหัวใจของซอลย่า

"อ๊ะ! เจ็บ...บลู...ได้โปรด...ซอลผิดไปแล้ว....."  พูดได้แค่นั้นฝ่ามือใหญ่ก็ปิดปากแน่นขึ้นอีก พร้อมกับที่ร่างหนาของบลูม่าทาบทับลงมาเสียดสีหนักๆอยู่ตรงด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยคำทำร้ายให้เจ็บปวดไปจนสุดแก่นวิญญาณ

"หนวกหูชะมัด! หยุดร้องเสียที คนทึ่อยากโดนเอาคือหล่อนเองนะ รนหาที่เองแล้วจะยังโอดครวญอะไรอีก!? อ๋อ...หรือหล่อนนึกว่าถ้าแกล้งแอ๊บใส แล้วฉันจะใจดีด้วย ฝันไปเถอะ! อือออ....ทำไปร้อง แต่ข้างในตอดไม่หยุดเลยนะ...ร่านจริงๆ!!"

บลูม่าตอกย้ำให้ซอลย่ายิ่งเจ็บ ก่อนจะดันตัวเข้าไปทั้งๆอย่างนั้น แม้ว่าอีกฝ่ายจะดิ้นรนแลดูทรมานแค่ไหน 'นี่คือการแสดง' บลูม่าท่องอยู่ในใจซ้ำๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองใจอ่อน ก่อนจะรุกรานเข้าไปในช่องทางฝืดคับยวนเย้าของซอลย่าอย่างไม่คิดเห็นใจ

"อื้อ....อื้อ!...."  ซอลย่าได้แต่ส่ายศีรษะไปมา เพราะไม่สามารถดิ้นรนออกจากใต้ร่างบลูม่าได้ ถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรู้สึกได้ว่าบลูม่าถอนกายออกไปช้าๆ ซอลย่าน้ำตาจะไหลเพราะคิดว่าบลูม่าคงจะนึกเมตตาเขาขึ้นบ้างแล้ว เขาคงจะหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้ได้เสียที...ทว่ายังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ สิ่งที่ถูกถอนออกไปแบบครึ่งๆกลางๆก็ถูกดันพรวดกลับเข้ามาโดยแรง

"อื้อ!!!!"  เจ็บจุกจนซอลย่าแทบจะร้องไม่เป็นภาษา ความตื่นตัวใหญ่ยักษ์ของบลูม่าทะลวงลึกเข้าไปในร่างของซอลย่าอย่างไม่มีปรานีปราศรัย ความเจ็บแสบจากแรงเสียดสีทำเอาซอลย่าสะท้านเยือกไปทั้งแผ่นหลัง ทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอน บลูม่าก็ยังคงขยับกายสอดแทรกเข้ามาอย่างโหดร้าย ครั้งแล้วครั้งเล่า

เจ็บปวดสาหัสในช่วงแรก...ทว่าในอีกอึดใจต่อมากระแสไฟบางอย่างก็แล่นปราดไปตามกระดูกสันหลัง แก่นกายของซอลย่าที่อ่อนยวบไปเพราะความเจ็บร้าว เริ่มมีปฏิกิริยาอย่างไม่น่าให้อภัย เมื่อส่วนปลายร้อนระอุของบลูม่าบดเบียดเข้ากับจุดไวสัมผัสภายในของซอลย่าอย่างที่เจ้าตัวยังนึกไม่ถึง ความเสียวซ่านแล่นริ้วไปตามสันหลัง ส่วนน่าอายที่กำลังกลืนกินบลุม่าอยู่บีบรัดแน่น ตอดรัดอย่างหยาบโลนน่ารังเกียจ จนบลุม่าเองยังต้องพ้นลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อระบายความอัดอั้น และคล้ายว่าใกล้จะหมดความอดทน

นี่คือครั้งแรกที่บลูม่ามีสัมพันธ์ทางกายกับคนอื่น ไม่เคยรู้เลยว่าจริงๆแล้วมาหฤหรรษ์จนทรมานได้ขนาดนี้ ยอมรับว่าในคราแรกเขาทำอะไรไม่ถูก ใช้ให้ซอลย่าเปลื้อผ้าเพราะจำได้ว่าเป็นเรื่องต้องทำ ส่วนเรื่องให้อีกฝ่ายอมให้ ก็แค่อยากทำลายศักดิ์สรีของซอลย่าให้ย่อยยับ อยากเห็นอีกฝ่ายตกเป็นเบี้ยล่างอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ถึงจะพูดออกไปว่าห้ามอีกฝ่ายยุ่งกับประตูหลังของเขา แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเข้ามาอยู่ในร่างของอีกฝ่ายอย่างตอนนี้เช่นกัน แต่แล้วมันก็เลยเถิด บลูม่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันดำเนินมาถึงจุดนี้ได้ยังไง สัญชาตญาณดิบงั้นเหรอที่ชักนำเขามา หรือว่า...แท้จริงแล้ว มันคือความปรารถนาที่เคยซุกซ่อนอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตวิญาณที่แม้แต่เขาเองก็ไม่รู้ตัวกันแน่...

แก้ตัวไม่ได้จริงๆ ว่าตอนนี้เขาไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้ตักตวงความสุขสุดยอดจากร่างกายของคนที่เขาไม่ชอบหน้าที่สุดคนนี้ได้ 

แม้ว่ามันจะเป็นเพียงความสุขแค่ 'ทางกาย' จากความโหดร้ายซาดิสต์ของตัวเขาเองก็ตาม...

‘ซอลย่ารนหาที่เอง’

บลูม่าพยายามคิดให้เป็นแบบนั้น ดวงตาคมกล้าของบลูม่าจดจ้องมือของซอลย่าที่กำผ้าปูที่นอนแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ลาดไหลเล็กขาวเปลือยที่กระเพื่อมขึ้นลงโดยแรง คงเพราะซอลย่าพยายามอย่างเต็มที่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อข่มความเจ็บร้าว เห็นแบบนั้นบลูม่าก็ได้แต่แสยะยิ้มน้อยๆ ไม่เข้าใจว่าซอลย่าจะทรมานตัวเองขนาดนี้ไปเพื่ออะไร ทั้งๆที่รู้ว่าการขอนอนกับเขามันต้องจบไม่สวย แต่อีกฝ่ายก็ยังรั้น ยังดึงดันจะยุ่งวุนวายกับเขาไม่เลิก ดังนั้นเขาจึงจำเป็น ที่จะต้องทำให้ซอลย่ารู้สึกตัวสักทีว่าไม่ควรเฉียดใกล้เขาอีก!

“…………….อึ่ก…”

บลูม่าถึงกับสะดุดลมหายใจออกมาน้อยๆ เมื่อถูกตอดรัดถี่รัว ภายในร่างของซอลย่าร้อนจัด ช่องทางนั้นเกร็งตัวบีบรัดเขาไว้แน่นดูดกายเขาให้ยิ่งดำดิ่งลึกลงไป หลอกล่อให้เขาไม่อยากถอนตัว บลูม่ายอมรับอย่างไม่มีข้อแก้ตัวเลยว่ารู้สึกดีมาก แต่ยิ่งรู้สึกดีมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอึดอัดใจมากขึ้นเท่านั้น

บลูม่ากัดฟันกรอด…ไม่! เขาจะไม่ยอมแพ้! เขาไม่ใช่คนผิดที่จะเผลอไผลหลงใหลในร่างกายเย้ายวนนี้  แต่คนที่ผิดคือซอลย่าต่างหาก ร่างกายของซอลย่าต่างหากที่ตั้งใจจะล่อลวงเขาตั้งแต่แรก!!

"เป็นร่างกายที่ 'ร่านอยาก' จนน่าสมเพชเชียวนะ ทำบ่อยสินะให้ท่าผู้ชายชวนมา 'เอา' แบบนี้"

"อ๊ะ...ไม่....ไม่เคย...ไม่เคยชวน...อ๊ะ...ใคร..."

"...โกหก"

บลูม่าพูดได้แค่นั้นก่อนจะขยับกายดุดันกว่าเก่า จังหวะสอดแทรกรุนแรงบดขยี้ผนังภายในอย่างเร่าร้อนเพื่อฟังเสียงครางเครือที่คล้ายจะอ้อนวอนของซอลย่า

 ภายในถูกกระทกกระทั้นจนหายใจหายคอไม่ออก ทั้งเสียวทั้งจุก จนซอลย่าต้องกัดริมฝีปากแน่นเพื่อกลั้นเสียงยวนใจ เขาไม่กล้าร้องเพราะกลัวว่าบลูม่าจะโกรธ สิ่งที่บลูม่ากล่าวหาหาเขานั้นช่างโหดร้าย แต่ก็ไม่ได้ร้ายไปกว่าที่เขาทำอยู่ตอนนี้ ไม่ผิดหรอกที่จะถูกกล่าวหาว่าร้าย เพราะเขา...ก็เป็นฝ่ายเชิญชวนบลูม่าย่างที่โดนกล่าวหาจริงๆ แก้ตัวไป...ใครจังมาฟังกัน
ซอลย่ายังคงเม้มปากสนิท ตอนนี้เขาไม่ได้ถูกบลูม่าปิดปากเอาไว้อีกแล้ว และเขาก็ไม่อยากจะร้องออกมาให้ต้องอาย แต่เมื่อถูกกระทำหนักเข้าซอลย่าก็ทนต่อไปไม่ไหว

"อะ!...อื้อ....อา...อยะ...อย่า...อื้อ...บลุ...บลู..."  ซอลย่าร้องออกมาเพราะทนต่อไปไม่ไหว เมื่อแผ่นหลังถูกกดต่ำติดไว้กับที่นอนนุ่มพร้อมทั้งสะโพกที่ถูกจับโหย่งขึ้นสูงเพื่อรับแรงกระทั้นหนักๆจากคนข้างหลัง ลิ่มเนื้อขนาดไม่ธรรมดาของบลูม่าทะลวงเข้าออกอย่างรุนแรงและรวดเร็วไม่ให้ฝ่ายรับได้พักหายใจ

"อ๊า....อึก..อ๊ะ...อ๊ะ...อื้มมมม...." เสียงหอบหายใจสะท้านของซอลย่าดังกระชั้นขึ้น แม้ไม่ตั้งใจแต่เสียงยวนเย้าก็ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ ยิ่งเมื่อถูกกระทั้นร่างหนักหน่วงจากด้านหลัง ร่างกายก็ยิ่งสั่นระริก ภายในตอดรัดจนบลูม่าแทบคลั่ง เสียงกระทบเนื้อดังลั่น หยาบโลน เร่งเร้า

และโดยไม่ตั้งใจ ซอลย่าก็ถึงจุดสุดยอดอย่างไม่ทันตั้งตัว วินาทีที่แตะขอบฟ้า ร่างบางของซอลย่ากระตุกเกร็งอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ภายในยิ่งขยับรัดรึงความร้อนระอุของบลูม่าจนแทบขยับไม่ได้

"...ซี๊ด...บ้าเอ้ย...หล่อนหยุดตอดฉันแบบนี้เสียที! อ๊ะ!...อา...."  สบถบ่นได้ไม่ทันขาดคำ บลูม่าก็ตามซอลย่าไปติดๆ กายหนากระตุกเฮือกระเบิดความปรารถนาอยู่ในร่างของซอลย่าจนแทบล้นทะลัก หยาดพันธุ์ร้อนระอุที่ราดรดอยู่ภายในทำร่างของซอลย่าสั่นระริก หน้าท้องแน่นตึงอุ่นวาบ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาพร้อมๆกัน

เขาทั้งคู่ต่างเสร็จสม

แต่ก็ไม่ได้...สุขสม

"...อือ....อ๊ะ?...บลู?...."  สองร่างต่างหอบสะท้านหลังถึงจุดหมาย ช่องทางเปียกชื้นของซอลย่ายังคงกระตุกรัดท่อนเนื้อที่ยังไม่อ่อนตัวลงเลยแม้แต่น้อยของบลูม่าอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างท่อนบนของซอลย่าฟุบราบไปบนที่นอนอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ทั้งที่ช่วงสะโพกยังคงโด่งสูงติดแน่นอยู่กับหน้าท้องแกร่งของอีกฝ่าย แม้สองขาซอลย่าจะสั่นระริก แต่เนื่องด้วยสองร่างยังคงเชื่อมกันเหนียวแน่น ส่วนนั้นจึงยังยึดร่างของซอลย่าให้ลอยสูง

"...อือ...บลู...เอาออก...ไปก่อน....ได้มั้ย?...อ๊ะ.." ซอลย่าเอ่ยปากขอร้อง เพราะหลังจากผ่านจุดหฤหรรษ์นั้นก็นับเป็นนาทีได้แล้ว แต่บลูม่ายังคงเชื่อมร่างติดกับเขาไว้ไม่ปล่อย จนซอลย่าขยับไปไหนไม่ได้ ความแน่นตึงที่ยังเต็มแน่นอยู่ในร่างกายทำให้ซอลย่าไม่กล้าขยับกาย

ความนิ่งเงียบที่ครอบงำ ในขณะที่ยังปรับลมหายใจเป็นปกติไม่ได้นี้ ทำให้ซอลย่าเบลอพอสมควร สมองยังขาวโพลน แทบไม่ประมวลผล รู้เพียงว่าบลูม่ายังอยู่ที่ด้านหลัง และรับรู้ชัดยิ่งกว่าชัดว่าบลูม่ายังอยู่ในร่าง  ในเสี้ยววินาทีที่รู้สึกได้อย่างนั้น ความอิ่มเอมก็แผ่ซ่านไปทั้งอก แม้จะแค่ครู่เดียว แต่ ณ ขณะนี้ เขาก็ได้บลูม่ามาครอบครองแล้วจริงๆ

“…บลู…ฉันรักเธอ”

ด้วยความเผลอไผลไร้สติ ซอลย่าจึงเอ่ยปากบอกรักบลูม่าออกไปอย่างลืมตัว  ทั้งที่ถูกปฏิเสธไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ซฮลย่าก็ยังไม่รู้จักเข็ด อยากบอกรักอีกฝ่าย อยากบอกรักในทุกลมหายใจเข้าออก อยากบอกรักซ้ำๆย้ำ ทว่า…

"...ชิ...เลวร้ายที่สุด!"

"...........................บลู...?..... "

คำว่ารักของซอลย่าก็ไม่มีทางส่งไปถึงบลูม่าเลยแม้แต่เศษเสี้ยว…

คำที่บลูม่าสบถออกมานั้นช่างแผ่วเบา แต่ชัดถ้อยชัดคำในความรู้สึกของซอลย่า ‘เลวร้ายที่สุด’ ซอลย่ารู้ว่ามันหมายถึงเขาอย่างไม่ต้องสงสัย เซ็กส์ครั้งนี้ระหว่างเขาทั้งคู่ คงเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากในสายตาของบลูม่า และโดยเฉพาะคำว่ารักจากคนอย่างเขา คงทำให้อีกฝ่ายสะอิดสะเอียนจนถึงที่สุดเป็นแน่

แค่คิดก็ราวกับโดนมีดกรีดที่หัวใจซ้ำๆ บาดลึกและเจ็บร้าว หยาดน้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งไหลรินไปตามแก้มด้วยความเจ็บปวดกำซาบไปทั้งอก  แรงสะอื้น ทำให้คนเบื้องหลังอย่างบลูม่าถอนหายใจหนักหน่วง ก่อนจะจับขาของซอลย่าพลิกให้หงายร่างขึ้นทั้งที่ส่วนนั้นยังเชื่อมติดกัน

“อ๊า!!!”

ซอลย่าทั้งตกใจ ทั้งไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆบลูม่าถึงทำแบบนี้

“บลู!? อยะ…อย่า อ๊า อ๊ะ!”  ทว่ายังไม่ทันจะได้ไต่ถามถึงความหมายของการกระทำ ซอลย่าก็ต้องร้องออกมาแทบจะเสียงหลง เมื่อบลูม่าที่ไม่ยังยอมถอนกายออกจากร่างนั้นเริ่มขยับสะโพกช้าๆอีกครั้ง

“อ๊ะ! อา….บลู…ซอลรักบลู…รัก…อ๊า…รักบลูจริงๆนะ รักบลูคนเดียว…” ทันทีที่อีกฝ่ายขยับร่าง ความเสียดเสียวก็เข้าปะทะส่วนลึกของซอลย่าราวไฟฟ้าช็อต ซอลย่ายังบอกรักซ้ำๆ แม้ว่าจะถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งถูกกระทำหนักหน่วง ซอลย่าก็ยิ่งพูดคำว่ารักไม่หยุด

“อ๊า..บลู!...อื้อ…รัก…”

“อึ่ก…รักจอมปลอมน่ะสิ!!” คำพูดเชือดเฉือนที่จงใจพูดออกมาเพื่อทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายให้เจ็บช้ำจนเจียนตาย แม้จะแอบเจ็บอยู่ลึกๆอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่เขาก็ตั้งใจแล้วที่จะไม่เชื่อในคำหวานหูของอีกฝ่าย ‘คำว่ารักจอมปลอม!’ 

บลูม่าโน้มกายลงแนบชิดร่างข้างใต้กดร่างลงให้แนบชิดเสียดสีกันมากยิ่งขึ้น พลางเร่งจังหวะเริงร่อนให้ร่างข้างใต้รุ่มร้อนแทบหลอมละลาย

“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า อย่าบลู ไม่! อ๊ะ อึก!” แก่นกายใหญ่โตของบลูม่าขยับเข้าออก บดขยี้ กระแทกกระทั้นหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบกันดังลั่น บรรยากาศแห่งเพศรสฟุ้งกระจายไปทั้งห้อง ร่างข้างใต้หอบหายใจ พร้อมส่งเสียงอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร เพราะการถูกรุกรานด้วยความรุนแรงถึงสองรอบติดกัน คงทำให้ซอลย่าทรมานน่าดู

 บลูม่ากัดฟันกรอด แม้นเกลียดชัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ออกเลยว่าร่างกายของซอลย่านี้ช่างเร้าอารมณ์ ยิ่งเห็นใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตานั้นสะบัดไหวไปมา แผ่นอกที่หอบสะท้าน มันก็ยิ่งปลุกเร้าสัญชาตญาณดิบให้พลุ่งพล่าน อยากรุกล้ำให้ลึกเข้าไปอีก อยากโยกไหวกระทั้นให้ดุดันกว่านี้อีก อยากทำให้ใต้ร่างเขาสะท้านกายเย้ายวนให้มากกว่านี้ ส่งเสียงร้องหวานหูยิ่งกว่านี้ แรงอารมณ์ขับเคลื่อนบลูม่าให้ขยับกายรุนแรงยิ่งขึ้น เร่งจังหวะไปจนสุดปลายทาง

“อ๊า!!!” ซอลย่ากรีดร้องเมื่อร่างกายถูกชำแรกเข้ามาจนถึงส่วนที่ลึกที่สุด เขารู้สึกได้ถึงกระแสธารร้อนจัดที่ฉีดพุ่งเข้ามาในกายอีกครั้งจนเต็มล้นไหลทะลักออกมาถึงด้านนอก ร่างบางสั่นสะท้านอย่างยากจะอดกลั้น ได้แต่ส่งเสียงครางเครือสุดท้าย ก่อนสติจะดับวูบไป

“บลู,,,ซอลรักบลูนะ…รัก…บลู…คนเดียว…”

ทันทีที่ถูกปลดปล่อยในร่าง ความสุขสมที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ซอลย่าอดไม่ได้ที่จะบอกรักบลูม่าออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ และต่อให้บลูม่าได้ยิน บลูม่าก็ตัดสินใจที่จะไม่ฟัง

“หุบปากไปซะซอล…คำว่ารักของเธอฉันไม่อยากได้ยิน”

*
*
*
*
*

เรื่องราวจบลงที่ตรงนั้น

บลูม่ากลับไปทันทีที่ภารกิจเสร็จสิ้น โดยไม่ลืมที่จะทิ้งคำลงท้ายไว้อย่างเจ็บแสบ

‘หวังว่าเธอคงจะรักษาสัญญานะซอลย่า ห้ามบดินทร์เข้าใกล้ยุอีก…

‘และห้ามเธอยุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ตั้งแต่วันนี้ไป เราต่างคนต่างอยู่!’’


ตั้งแต่ที่บลูม่ากลับออกไป ซอลย่าก็ได้แต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ในหัวว่างเปล่า ในใจยิ่งว่างกว่า ผู้จัดการหนุ่มร่างเล็กได้แต่นั่งเงียบนิ่งราวกับไร้สิ้นไปแล้วทั้งวิญญาณ

นานเท่าไหร่ซอลย่าก็จำไม่ได้ ที่เขานั่งทื่อราวกับถูกปิดสวิชต์อยู่อย่างนั้น กระทั่งผิวกายเขาเย็นเยียบเนื่องจากยังไม่ได้สวมใส่อาภรณ์ ความสะท้านไหวตามธรรมชาติของร่างกายเรียกสติซอลย่าได้ในที่สุด ชายหน่มเริ่มขยับตัวเล็กน้อยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรไปอาบน้ำเสียที

“อ๊ะ…” แต่เพียงแค่ขยับจะลุกขึ้น ซอลย่าก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงอะไรบางอย่างไหลหยดจากหว่างขา ใบหน้าแดงวาบทันทีที่ก้มลงมอง แล้วเห็นว่ามันคือน้ำอสุจิผสมกับเลือดที่กำลังไหลทะลักออกจากช่องทางที่ไร้ความรู้สึก ซอลย่าได้แต่ยืนมองสิ่งเหล่านั้นที่กำลังไหลอาบไปตามต้นขา ไม่คิดจะเช็ด หรือทำอะไรทั้งนั้น ก่อนจะพยายามก้าวเดินไปห้องน้ำด้วยสองขาไร้เรี่ยวแรง

“โอ๊ะ!...” แต่ไม่ทันจะเดินได้ถึงไหน ซอลย่าก็ล้มปุ๊ลงไปบนพื้นห้องเพราะสองขาที่สั่นระริกและไร้กำลังเกินกว่าจะก้าวต่อ ซอลย่าพยายามจะลุกเดินใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ดูเหมือนเรียวแรงในร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย สุดท้าย จึงได้แต่นั่งพิงชั้นวางของเล็กๆข้างเตียงที่อยู่ใกล้ๆเป็นที่พักพิง เหม่อลอยอยู่ตรงนั้นอยู่ครู่ใหญ่ สายตาว่างเปล่าของซอลย่าก็ชำเลืองไปเจอเข้ากับเสื้อสูทตัวนอกที่บลูม่าลืมทิ้งไว้ตกอยู่ที่พื้น และเขาไม่รอช้าที่จะรีบคว้ามันขึ้นมาก่อนจะกอดมันแนบอก

ไออุ่นบนเสื้อนั้นไม่หลงเหลืออยู่แล้ว ทว่ากลิ่นกายของผู้เป็นเจ้าของยังคงอวลอายอยู่ในเส้นใยผ้า ซอลย่ากอดเสื้อของบลูม่าไว้แน่น ปล่อยให้ความรู้สึกทุกอย่า ส่งผ่านไปที่เสื้อตัวนี้ พร้อมวาดหวังว่าเขาจะผ่านพ้นวันนี้ไปได้

จะต้องผ่านพ้นไปให้ได้…





ตั้งแต่ตอนนั้นจนกระทั่งเช้า ซอลย่าไม่ได้ขยับกายไปไหนเลย เขาหลับไปตอนไหนไม่ทราบ แต่สภาพที่ตื่นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งคือเขากำลังนอนขดอยู่บนพื้นห้องโดยในอ้อมกอดยังคงมีเสื้อของบลูม่าที่ตอนนี้ยับยู่ยี่ไปหมด

เช้านั้นซอลย่าไม่ได้คิดไม่ได้คิดหรอกว่าจะทำอะไรต่อ รู้เพียงเขาต้องเข้าบริษัท เขายังต้องทำงาน เขายังต้องดูแลเด็กในสังกัด และมีอะไรอีกมากมายที่จะต้องทำ ซอลย่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหัวใจของเขาตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เขารู้เพียงว่าเขากลไกชีวิตของเขายังต้องเดินต่อ

…เจ็บ…แต่ก็ยังเหลือลมหายใจ





กว่าซอลย่าจะมาถึงออฟฟิศได้ก็เกือบเที่ยง ไม่ได้ติดธุระที่ไหน แต่เพราะเขาเหม่อลอยมากไปต่างหาก ตื่นตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมงเช้า แต่เหม่ออยู่บนพื้นจนเกือบเก้าโมง เดินเข้าไปห้องน้ำ ก็ยืนนิ่งอยู่ใต้ฝักบัวอีกเป็นชั่วโมง กว่าจะรู้ตัวว่ารู้สึกหนาวเข้าไส้ ตอนนั้นปากเขาก็ม่วงไปหมดแล้ว ก็จะไม่ให้หนาวได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อเขาลืมเปิดระบบน้ำอุ่น  กว่าจะออกจากห้องน้ำได้ก็สิบโมงครึ่ง เหม่อหน้าตู้เสื้อผ้า เหม่อตอนใส่รองเท้า เหม่อที่ลานจอดรถ ทำให้กว่าเขาจะมาถึงบริษัทได้ ก็เกือบจะเที่ยงตรง

วันนี้บดินทร์ดาราดาวรุ่งในสังกัดมีงานถ่ายแบบช่วงเช้าและมีอัดรายการ ‘สตาร์ทอล์ค’ ที่ชายหนุ่มเป็นพิธีกรตอนเย็น ซึ่งทั้งสองงานใช้สตูดิโอที่บริษัทถ่ายทำทั้งสิ้น ดังนั้นวันนี้ทั้งวันบดินทร์เลยไม่ได้ไปไหน นอกจากพักอยู่ตรงโซนส่วนตัวในห้องพักรับรอง

ทันทีที่ซอลย่ามาถึง ก็ต้องอดสงสัยกับท่าทางเหมือนโมโหใครมาของบดินทร์แถมยังดูท่าเหมือนจะถูกทำร้ายบาดเจ็บมาอีก อดเป็นห่วงไม่ได้เลยต้องเข้าไปคาดคั้นถาม แต่พอได้คำตอบเท่านั้น ซอลย่าก็แทบจะหน้ามืด

‘ก็ไอ้สดายุน่ะสิ ถีบมาได้ ดินแค่แหย่มันเล่นนิดเดียวเองนะ! แถมยังไอ้เด็กใหม่กวนโอ้ยนั่นอีก…’

บลูม่าไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าอีกบุคคลที่บดินทร์พูดถึงคือใคร เพราะตอนนี้ซอลย่ามืดแปดด้านไปหมด ทำไมกัน ทำไมโชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับเขาขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งจะรับปากทั้งสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะกับบลูม่าไปแท้ๆว่าจะไม่ให้บดินทร์เฉียดใกล้สดายุอีก นี่ยังไม่ทันจะข้ามวันเลย ทำไมกัน ทำไมจู่ๆสดายุถึงมาโผล่ที่นี่ได้ ทั้งที่จริงแล้วชายหนุ่มไม่มีงานในบริษัทเลย แล้วปกติก็ไม่เคยเฉียดกรายเข้ามา ทำไม ทำไมต้องเป็นตอนนี้!?

หลังจากนั้นซอลย่าก็วิ่งรอกตามหาสดายุทั่วบริษัท เพื่อจะกล่าวคำขอโทษแทนบดินทร์ โชคดีที่ได้ไปเจอตรงหน้าบริษัท เลยได้กล่าวคำขอโทษไป แต่ดูเหมือน การกลั่นแกล้งของบดินทร์ครั้งนี้จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ รอยบนต้นคอของสดายุฟ้องเขาได้อย่างดี แค่เห็นความหงุดหงิดบนสีหน้าอีกฝ่ายที่แสดงออกมายามที่เขาจ้องมองไปที่รอยนั้น ซอลย่าก้รู้ดีอยู่เต็มอกแล้วว่าต้นตอคือบดินทร์…

และแม้สุดท้ายสดายุจะไม่ได้เอาเรื่องอะไร แต่เขาก็ไม่สบายใจอยู่ดี อยากจะอ้าปากถามออกไปเหลือเกินว่าเรื่องนี้ถึงหูบลูม่าแล้วหรือยัง แต่ไม่ทันจะได้พูด ผ้าพันคอผืนบางที่เขาใช้อำพรางร่องรอยที่บลูม่าสร้างเอาไว้ก็ดันถูกลมพัดหลุดลอยไปพาดที่ตัวสดายุเข้าเสียก่อน ฝ่ายนั้นส่งคืนเขาแต่โดยดีก็จริง แต่รอยยิ้มรู้ทันที่ปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นร่องรอยบนต้นคอเขา ซอลย่าก็ถึงกับจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ปล่อยสดายุหลุดมือไปทั้งอย่างนั้น

ความวัวไม่ทันหายความควายก็เข้ามาแทรก แค่บดินทร์ไปมีเรื่องกับสดายุเขาก็ปวดหัวพออยู่แล้ว มิหนำซ้ำเจ้าหนุ่มยังไปกร่างใส่ ‘ดนัย’
เด็กในสังกัดโดยตรงของท่านประธานเข้าอีก งานนี้ซอลย่าเลยโดนเรียกขึ้นไปเตือนเสียยับ ทั้งเหนื่อยทั้งท้อจนแทบจะร้องไห้ อยากจะกลับบ้านไปให้พ้นเสียตั้งแต่ตอนนี้จริงๆ งานการอะไรเขาไม่อยากจะสนใจแล้ว

แต่ก็ได้แต่คิด และบ่นงึมงำไปคนเดียวตามประสา…ทว่า

เขาไม่อยากนึกฝันเลยว่าจะได้มาเจอบลูม่าตอนนี้ ทำไมนะทำไม ทำไมฟ้าถึงได้จงเกลียดจงชังเขานัก!! แถมแค่ดูจากสีหน้าและคำพูดของอีกฝ่าย ซอลย่าก็ฟันธงได้ทันทีแล้วว่า บลูม่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว…

“เออ ไอเหี้ยดิน แม่งสร้างแต่เรื่องอยู่แล้วล่ะ!!”

“...บลู?...”

...หนี....ต้องหนี...

“จะหนีไปไหนซอล!!”

“อ๊ะ!”

กำลังจะเลี่ยงไปให้พ้นหน้าตามสัญญาที่ให้ไว้ หากแต่ยังไม่ทันจะเบี่ยงตัวหนี ก็ถูกคว้าต้นแขนเอาไว้ทันที

“ปละ...ปล่อยนะ” แถมไม่ใช้แค่รั้งไว้ แต่ยังถูกกักขังไว้ที่กำแพงด้วยกรงแขนของคนที่ซอลย่าไม่อยากเจอหน้าที่สุดอีก ไม่รู้แล้วว่าตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไร

"ไหนรับปากฉันแล้วไงว่าจะคุมไอ้เวรนั่นให้ดี แล้วนี่ยังไงถึงปล่อยให้มันมาระยำใส่สดายุได้อีกห๊ะ!!?"

“...ข...ขอโทษ...” เมื่อถูกตวาดแบบไม่ไว้หน้าและไม่มีคำว่าสงสาร ซอลย่าได้แต่เอ่ยคำขอโทษ เพราะไร้ซึ่งข้อแก้ต่างใดๆ เขาผิดในทุกประตูจนไม่เหลือรูให้มุดหนี สมแล้วที่จะถูกบลูม่าเอ็ดตะโรชิงชังเอาแบบนี้

“ขอโทษแล้วมันหายหรือไง!! ถ้าคิดว่าจะทำไม่ได้ก็อย่าริจะรับปากพล่อยๆตั้งแต่แรกสิ!!” ทันทีที่ด่าจบ บลูม่าก็ใช้กำปั้นทุบหนักๆทุบลงตรงข้างๆตัวซอลย่าโครมใหญ่ ซอลย่าได้แต่หลับตาแน่น เพราะคาดเดาไปว่าเป้าหมายของหมัดต่อไปอาจเป็นที่ใบหน้าเขาแทนกำแพงปูน

“......................ขอโทษ...” ซอลย่าไร้คำพูดใดอีกนอกจากขอโทษด้วยเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำตาเอ่อรวมกันอยู่เต็มเบ้า ทว่าไม่กล้าร้อง เขาไม่กล้าร้องต่อหน้าบลูม่า เพราะแทนที่จะได้รับความเห็นใจ อาจโดนดูถูกจนอยากไปเกิดใหม่เสียมากกว่า เมื่อไร้ทางหนี เมื่อไร้คำพูด ซอลย่าจึงทำได้เพียงแค่ยืนก้มหน้าตัวสั่น ยอมรับผิดในทุกข้อกล่าวหา และรอการลงทัณฑ์อย่างไม่คิดหลบเลี่ยง

“....แม่ง....อย่าหลบหน้าฉันนะซอล!! ไม่ต้องมาบีบน้ำตาเรียกความสงสารจากฉันด้วย! เงยขึ้นมาคุยกันดีๆเดี๋ยวนี้นะ!!”

“...ขอโทษ...บลู...ซอลขอโทษ...ขอ...ขอโอกาสอีกครั้ง....”

“ไม่ต้องมาอ้อนวอน! ฮึ! โอกาสงั้นเหรอ โอกาสสำหรับเธอน่ะมันมีแค่ครั้งเดียว และเธอใช้มันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอขอให้ฉันนอนด้วย!!”

***************************

ความจริงแล้วก็ยังไม่จบล่ะ แต่ขอยกยอดไปต่อที่ตอนหน้าแล้วกันเน่อ
ประกาศเพื่อความไม่เข้าใจผิดพลาด อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของตอนหลักนะจ๊ะ
หาใช่ตอนพิเศษแต่อย่างใด
ที่สำคัญ หลายคนอ่านตอนนี้จบ รับรองว่ามอง นางฟ้าบลูม่ากลายไปอิห่านบลูไปหมดแล้วล่ะ

เอาน่าๆ อย่าเพิ่งเกลียดอิเจ๊แกนักเลยนะคะ
เดี๋ยวตอนหน้าเรามาพูดความในใจอิเจ๊กันบ้าง

ที่จริงกะแต่งยาวไปจนถึงตอนพี่เมธน้องยุ…แต่คิดว่าคงต้องลงหลายรีพลายกว่าจะจบ
เลยต้องขอแยกตอน กลายเป็นตอนที่ 34 เลยมีแต่ บลูxซอล ซะอย่างงั้นไป อิอิ

แล้วเจอกันเร็วๆนี้นะจ๊ะ
ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี 99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-07-2014 02:42:14
ไม่ขอพูดอะไรดีฟ่า รอรอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Ella ที่ 16-07-2014 04:04:02
อ่านแล้วรู้สึกสงสาร ซอลย่า มาก ๆ บลู ก็เหลือเกิน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 16-07-2014 04:37:31
ซอลย่า ผู้น่าสงสาร บลูม่าโหดร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-07-2014 06:22:08
รอ!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 16-07-2014 06:54:40
อ่านแล้วสงสารซอลย่าจับใจ บลูนายใจร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-07-2014 07:18:28
น่าสงสารนะ แอบรักเขาข้างเดียวมาหลายปี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 16-07-2014 09:12:01
กรี๊ดดดด แซ่บเหมือนเดิม อยากอ่านต่อมาก ฉากเจ๊นอนด้วยกันแทบจะร้องไห้ สงสารอะ ชาตินี้บลูจะหันมามองซอลดีๆบ้างมั้ย อาภัพรักเหลือเกินซอลย่า  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-07-2014 09:16:12
โอ้ย~ ใจจะวาย แต่ก็ดีใจกับพี่บลูคนสวยด้วยนะคะที่โตเป็นหนุ่มเต็มตัว
ตอนหน้าเป็นน้องยุกับลุงเมธป่ะเอ่ย จะรอตอนต่อไปนะคะ
เอ~...จะมีดนัยบดินทร์หรือเปล่าน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-07-2014 10:16:47
เอิ่มซอล น่าสงสารเบา ๆ อ่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 16-07-2014 10:35:41
ห่านบลู ทำคนอื่นได้ แต่คนอื่นห้ามทำตัวเอง งั้นสิ

ตรรกะ คนเห็นแก่ตัว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-07-2014 11:00:35
 :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 16-07-2014 11:43:54
สงสารซอลย่านะ แต่ที่มันเป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากนิสัยไม่กล้า ไม่สู้ของซอลย่านั่นแหละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 16-07-2014 12:02:37
เกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะอิเจ๊บลู
เดี๋ยวอีกสักพักคงได้เรียกเฮียบลูแทนเจ๊บลูละ5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 16-07-2014 12:17:06
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 16-07-2014 12:53:13
ดีใจมากกกกก ที่ลงเรื่องซอลบลูให้
ต่อไปจะเป็นยังไงเนี้ยะ
สงสารซอล แต่ก็ไม่ยอมบอกยอมพูด เก็บเงียบไว้คนเดียวแล้วบลูจะรู้ไหมละคะซอลลลลลล
 :sad11: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: มณีอัปสร เทมาวี ที่ 16-07-2014 13:11:03
บอกตามตรงชอบคู่นี้มากกว่าคู่หลักนิดนึ่ง
แบบชอบไรที่ดราม่าอ่าาาาาาา :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 16-07-2014 19:09:39
ดุ เด็ด เผ็ด มันส์ มากจริงๆคู่นี้ คู่นี้จะได้ลงเอยกันมั้ยอ่ะ แบบว่า บลู-ซอลอ่า
รอตอนหน้านะ สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: oreena ที่ 16-07-2014 19:52:24
 :angry2:    บลูม่าใจร้ายยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: soul love ที่ 16-07-2014 20:11:13
รอดูคู่รอง
บดินทร์ดูท่าจะได้คนมาดัดนิสัยแล้วนะนั้น!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 16-07-2014 20:14:31
สงสารซอลย่าาา สงสารรรรรรรรร
สงสาารรรร ฮรือออออออออออออออออออออออ :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 16-07-2014 20:21:22
ยลูม่ามีแอยติดใจอะป่าวเนี่ยย
ตอนหน้าขอยาวๆหน่อยนะคะ อยากรู้อ่าเจ้บลูจะเปลี่ยนสายหรือจะเป็นสาวเสียบ...
น้องยูุชีวิตแฮปปี้ยัง คิคิ เมศมีคู่แข่งอย่าดนัยโพล่มาจะเป็นไงน๊าา   o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 16-07-2014 20:23:03
บลูร้ายจัง สงสารซอล
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 16-07-2014 20:45:15
สงสารซอลมาก ตอนแรกทำไมไม่บอกความจริงตอนนี้เจ้บลูคิดแบบนี้ก็ไม่ผิดนะ
มันเป็นการเข้าใจผิดที่ใหญ่โตและยาวนาน

ปล.คำผิดหลายที่อยู่นะจ๊ะ จะก็อปมาให้ดูก็ไม่สะดวก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 16-07-2014 20:46:53
สงสารซอลอ่ะ บลูใจร้ายไปป่าว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 16-07-2014 20:58:01
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเศร้าหนักเลย สงสารซอลมาก เมื่อไหร่บลูจะรู้ความจริงล่ะ

ถึงจะเป็นคู่รองแต่ก็ทำเอาไม่สบายใจนะ :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-07-2014 21:13:17
เศร้าอ่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 16-07-2014 21:14:52
สงสารซอลย่า เจ้บลูอย่าใจร้ายนักซิ  :hao5:  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 16-07-2014 22:00:37
โถถถถถ ซอลลลลลล  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 16-07-2014 22:46:41
...ตุ๊ดซึนตัวร้ายกับนายหน้าหวานปากหนัก...  กร้ากกกกกกกก 55555555555 :pandalaugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-07-2014 22:50:10
เจ๊บลูแมนแตกมาก เวลาอยู่กับซอลย่าเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-07-2014 22:56:12
โอ้สสส เลือดลมเดินดีจังเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 16-07-2014 23:41:51
สงสารซอลมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-07-2014 21:38:20
 :katai5: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 18-07-2014 14:41:19
รอคราฟฟฟ รอออออ คราฟๆๆ รอคราฟๆๆ รอคราฟๆๆ 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 19-07-2014 00:02:14
ชอบบลูซอล ฟินสุดๆ คนเขียนแต่งได้เยี่ยม  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 19-07-2014 09:23:20
เพิ่งเข้ามาอ่านสนุกมากๆ
ชอบทั้งหมดเลยชอบยุกับเมธมากๆๆ
+1และเป็ดนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 19-07-2014 09:40:39
เง้อ อ่านแล้วน้ำตาซึม ...
รออ่านความในใจของบลูค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-07-2014 16:55:35
เจ้บลูใจร้ายยยยยย   :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 21-07-2014 20:52:59
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 21-07-2014 21:13:46
- - ก็ขอบอกว่ายังไงก็เข้าข้างซอลย่าอยู่แล้วล่ะ เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 22-07-2014 13:47:26
ดาราได้กัน ผู้จัดการยังได้กันอีก
5555 มันส์พะยะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 22-07-2014 17:18:12
ยากอ่านคู่นี้ต่อเร็วๆ อ่าาา
รอคนเขียนมานะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: ชมพูพาล ที่ 23-07-2014 12:58:35
ไล่อ่านอย่างเมามันส์ สนุกมากค่ะ
ชอบคนแบบสดายุมาก อยากไปช่วยปกป้องด้วย อืออออ

ปล.เห็นแววบดินน์ได้คู่กับดนัยรึเปล่านะ :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 23-07-2014 19:30:30
สงสารซอลจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 23-07-2014 20:52:53
บลูไม่เปิดใจให้ซอลเลยอะ

แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจกันสักที

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: savada ที่ 26-07-2014 16:58:07
เอออ    สงสารงะ   เจ้บลูค่ะ  หล่อนก็มองโลกทะลุทะลวงแต่ดันมาให้ทิฐิบังตานะคะ 


เชอะๆๆๆๆ

เดวๆๆเราลืมคู่หลักกก  ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 26-07-2014 18:12:27
รอๆๆๆๆ คนเขียนสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 26-07-2014 19:21:19
รออออออออออออออออคนเขียนอยู่น่า :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 26-07-2014 19:39:30
สิบวันแล้วๆๆ รออยู่เน้อๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-08-2014 23:34:53
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 35




“...ขอโทษ...บลู...ซอลขอโทษ...ขอ...ขอโอกาสอีกครั้ง....”

“ไม่ต้องมาอ้อนวอน! ฮึ! โอกาสงั้นเหรอ โอกาสสำหรับเธอน่ะมันมีแค่ครั้งเดียว และเธอใช้มันไปแล้วตั้งแต่วันที่เธอขอให้ฉันนอนด้วย!!”

เสียงตะคอกไม่ได้ดังมาก แค่ให้พอได้ยินเพียงสองต่อสอง ถึงจะไม่ดังแต่ก็ย้ำชัดถึงคำมั่นที่เขาเคยได้พลั้งปากให้กับบลูม่าไว้ ซอลย่าได้แต่เม้มปากแน่น โทษดินโทษฟ้าโทษพระเจ้า และโทษตัวเองที่รนหาเรื่องให้ตัวเองไม่เลิก   

'ไม่น่าขอนอนด้วยเลย'

ได้แต่คิดวนซ้ำเวียนว่าย พร้อมหัวใจที่ถูกกรีดซ้ำๆช้าๆ

‘สุดทางแล้วสินะ มาได้แค่นี้เองสินะเรา’

‘จบ…อย่างสิ้นเชิงแล้วจริงๆสินะ’


ซอลย่าได้แต่คิดทบทวนในใจอย่างสิ้นหวัง เส้นทางของหัวใจที่เฝ้ามอบให้คนตรงหน้ามาทั้งชีวิตนั้น มันพังทลายจนเดินต่อไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ความหวังริบหรี่ที่เคยคิดไว้มาตลอดว่าขอแค่ได้กลับไปยืนข้างกันในฐานะเพื่อนอย่างเดิมก็ดับสลายไปจนสิ้น

ไม่เหลืออะไรอีกต่อไปแล้ว

ไม่เหลือแม้เศษเสี้ยวความหวังในหัวใจบอบช้ำดวงนี้อีกแล้ว



แหลกสลาย…จนสิ้นแล้ว




"ขอโทษครับ...คุณบลูม่า..." เมื่อถึงที่สุดแห่งความเจ็บร้าว สิ่งที่ยังเหลืออยู่คงมีเพียงแค่ศักดิ์ศรีความเป็นคนเพียงเล็กน้อยที่ยังคงค้ำจุนให้ซอลย่ายังยืนอยู่ได้ ในเมื่อถูกชิงชังและผลักไส เขาก็จะยินดีจากไปอย่างไม่มีข้อแม้…

".............."  บลูม่าขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปมมากกว่าเดิมทันทีที่ได้ยิน 'คุณบลูม่า?' คำเรียกนามของเขาที่ออกจากปากซอลย่า คำที่แสดงความหมายถึงความเป็นทางการและ...

ความห่างเหิน

ส่วนลึกในหัวใจของบลูม่าชาวาบอย่างไร้ที่มา ทั้งที่ความจริงแล้วบลูม่ารู้สึกว่าตัวเองควรจะดีใจ ที่ดูท่าอีกฝ่ายจะเลิกยุ่งกับเขาอย่างจริงจังได้เสียที แต่ทั้งๆอย่างนั้นแล้ว…ทำไม

ทำไมในอกเขากลับหน่วงหนัก

“ผมขอโทษจริงๆ...ที่วันนี้ผมพลาดไป มันกระทันหันผมเลยทำอะไรไม่ทัน แต่...ผมสัญญา ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก...ผมจะไม่ยอมให้บดินทร์เข้าใกล้คุณสดายุได้แม้แต่ปลายผม...”

ซอลย่าร่ายยาวทั้งที่ยังก้มต่ำ ไม่ยอมสบตาคนเบื้องหน้า ใบหน้า ในน้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยนั้นไม่ได้เย็นชา ทว่ามีกระแสห่างเหิน ซอลย่ากำลังพยายาม และพยายาม ด้วยหัวใจที่เจ็บร้าว  ด้วยความรู้สึกที่เหนื่อยล้า พยายามที่จะปล่อยมือจากเงาของบลูม่า พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะลืมทุกสิ่งในอดีตที่ยังเกาะหนึบในใจ

ซอลย่าพยายามย้ำกับตัวเองซ้ำๆ ว่า..จงลืมซะ…เพราะบลูม่าคนนั้นไม่มีอีกแล้ว...

ไม่มีอีกต่อไป...

“ฉัน...ฉันเชื่อไม่ลงหรอก!” บลูม่าขัดขึ้น “เลิกพูดถึงไอ้สัญญาสั่วๆนั่นเสียทีเหอะ!” และย้ำชัดๆว่าไม่ต้องการให้ซอลย่ายึดติดกับคำมั่นสัญญาบ้าบอที่คุยกันไว้ตั้งแต่เริ่ม ความร้อนรนบางอย่างกำลังแผดเผาอยู่ในใจของบลูม่าอย่างหาที่มาที่ไปไม่ได้ หัวใจของเขากำลังแยกเป็นสอง ความรู้สึกของเขากำลังถูกตีรวนสับสนอลหม่าน

หัวใจครึ่งแห่งทิฐิกำลังร่ำร้องให้เขาเฉดหัวซอลย่าออกจากชีวิต

แต่หัวใจอีกครึ่งกลับเรียกร้องให้เขารั้งซอลย่าเอาไว้สุดกำลัง

เพื่ออะไร? และเพราะอะไร? บลูม่าไม่รู้ เอาอธิบายตัวเขาเองใม่ได้ เขาหาเหตุผลไม่ได้!

“ผมต้องขอโทษจริงๆครับ ถ้าคุณบลูม่าต้องการให้ผมชดใช้ จะเรื่องอะไรผมก็ยอมทุกอย่างครับ...แต่ได้โปรดเชื่อผม ว่าผมจะทำทุกวิถีทางเพื่อยับยั้งบดินทร์ไม่ให้เข้าใกล้คุณสดายุเด็ดขาดอย่างแน่นอน....” ซอลย่าเว้นวรรคการพูดของตัวเองเล็กน้อย ลมหายใจบางเบาเริ่มขาดห้วง นัยตาแดงก่ำใต้กรอบแว่นเริ่มรื้นไปด้วยหยาดน้ำอุ่น

“...และตัวผมเอง...ก็จะไปให้ไกล...จะหายไปจากชีวิตของคุณบลูม่าอย่างที่คุณต้องการ...”  คำสุดท้ายจบลงพร้อมหยาดน้ำตาหนึ่งหยด ที่ค่อยๆกลิ้งลงมาตรงข้างแก้ม คำว่า ‘จะหายไปจากชีวิต’ นี้ ซอลย่าไม่ได้พูดให้บลูม่าฟัง แต่เขาพูดให้ตัวเองฟัง



ฟังแล้วจำใส่ใจเอาไว้ให้มั่น



“ซอล!” และคำว่า‘จะหายไปจากชีวิตเขา’ ของซอลย่า ก็ทำเอาบลูม่าเริ่มยืนไม่ติด หากเป็นปกติ หรือหากเป็นเมื่อหลายๆเดือนก่อน หากซอลย่าพูดกับเขาแบบนี้เขาคงดีใจ หรือสะใจแก่อีกฝ่ายที่จะหายไปจากชีวิตเขาได้ ทว่าตอนนี้ มันกลับไม่เป็นแบบนั้น แค่ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังจะตัดใจ เขาก็ร้อนรนคล้ายคนบ้า และยิ่งได้เห็นหน้าตาซอลย่าที่ดูเหนื่อยล้า ดวงตาแดงช้ำ บลูม่ายิ่งรู้สึกไม่อยากปล่อยไปตอนนี้!

ใช่...ตอนแรกเขามาเพื่อหาเรื่อง

แต่ตอนนี้ เขาไม่อยากมีเรื่องแล้ว

ใบหน้าของซอลย่าตรงหน้า ดูก็รู้แล้วว่าเมื่อคืนคงแทบไม่ได้นอน เช่นเดียวกับบลูม่าเอง ที่ตั้งแต่กลับออกจากห้องของซอลย่ามาได้ ตาก็ค้างเติ่งอยู่แบบนั้น สมองตื่นตัวจนนอนไม่หลับทั้งคืน คิดวนไปวนมาอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้นสดๆร้อนๆไม่หยุดไม่หย่อน หัวใจแข็งกระด้างที่เคยมีต่ออีกฝ่าย เริ่มอ่อนยวบลงราวกับโดนไฟลน

บลูม่าได้แต่ขบเม้มริมฝีปาก เมื่อรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างในหัวใจ ความนิ่งเงียบที่เกิดขึ้นและค้างเติ่งยาวนานของบลูม่าทำให้ซอลย่าผ่อนลมหายใจบางเบา ก่อนจะเอ่ยปากขอร้องให้บลูม่าช่วยเปิดทางให้เขาได้จากไปเสียที ทรมานจนจะยืนไม่อยู่อยู่แล้ว...

“...ขอทางผมหน่อย”

“..........”

“ได้โปรด...”

“..........”

“...คุณบลูม่า...”

ซอลย่าพยายามอ้อนวอน แต่ดูเหมือนบลูม่าจะยังนิ่งเงียบ จนถึงที่สุดแห่งความอดกลั้น ซอลย่าจึงตัดสินใจผลักร่างที่คร่อมอยู่ออกห่างเพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้เลี่ยงออกมา

ทว่าแม้จะผลักจนบลูม่าเซถอยออกไปได้ แต่เพียงพริบตาก็เข้ามาขวางซอลย่าไว้อีก ทั้งๆที่ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดเช่นเดิม

พรึ่บ…

"..................ค...คุณบลูม่า...?"  ซอลย่าแทบจะครางออกมาไม่เป็นภาษา ด้วยเพราะจู่ๆก็ถูกบลูม่าทาบร่างลงมาเสียเกือบแนบสนิททันทีที่ถูกรั้งกลับมาไว้ในวงแขนแกร่ง ส่วนสูงที่ต่างกันมากทำให้สายตาของซอลย่าอยู่แค่เพียงระดับไหล่ของบลูม่าเท่านั้น หัวใจซอลย่าระทึกไหว ด้วยเพราะไม่รู้ว่าทำไมคนที่ขับไสไล่ส่งเขาสารพัดอย่างบลูม่าถึงไม่ยอมปล่อยให้เขาไปจากตรงหน้าของตัวเองเสียที

"..."

"..."

ความเงียบยังคงปกคลุมทั่วร่าง คงมีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นรัวกระหน่ำของซอลย่าเท่านั้นที่ดังลั่นจนเจ้าตัวยังรู้สึกเขิน บลูม่าซบหน้ากับแขนตัวเองนิ่งอยู่กับกำแพง ใกล้กับใบหน้าของซอลย่าขนาดลมหายใจรินรดอยู่บนขมับ บลูม่าไม่ยอมพูดอะไร ซอลย่าเองก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่กลั้นใจยืนนิ่งด้วยความระแวงสงสัย ด้วยความไม่เข้าใจ ว่าบลูม่าต้องการอะไรกันแน่

ฝ่ายผู้คุมขังอย่างบลูม่าที่นิ่งเงียบ ใช่ต้องการจะกลั่นแกล้งซอลย่าหรอกถึงได้ไม่ยอมปล่อยไป เพียงแต่เขายังสับสน...

สับสนในจุดยืนของตัวเอง ทั้งความรู้สึก ทั้งการกระทำ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองควรจะทำอย่างไรดี ควรจะปฏิบัติอย่างไรกับคนตรงหน้าดี 

โกรธ ไม่พอใจ เกลียด ทิฐิเหล่านั้นที่เขาคิดว่าเคยมีเต็มแน่นในหัวใจ เอาเข้าจริงกลับไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยว หรือไอ้ที่จะเป็นจะตายทุกครั้ง ที่ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับอีกฝ่าย แท้จริงแล้วไม่ใช่ความเคืองแค้น แต่เป็นการคิดเอาเองทั้งนั้นกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา คิดเอาเองว่ารับไม่ได้กับอดีตเพื่อนที่ชื่อซอลย่า คิดเอาว่าฝ่ายนั้นไม่ดีไม่งาม ทั้งที่ส่วนลึกก็ปฏิเสธอยู่ตลอดว่าไม่ใช่ เขาปล่อยให้ทิฐิเหล่านั้นบังตาเพื่ออะไร?

เพราะเขาอิจฉาซอลย่าอย่างที่ใครๆเขาว่ากัน? หรือเป็นเพราะ...

เขากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อจะปิดซ่อนความรู้สึกบางอย่างที่กำลังปะทุอยู่ข้างในกันแน่



เขาโกรธซอลย่าที่แย่งแฟนจริงเหรอ?
หรือแท้จริงเขาแค่หึงซอลย่ากันแน่



เขารังเกียจที่ซอลย่าที่มักมาก มีผู้ชายเข้าหามากมายหลายหน้า?
หรือแค่อิจฉาผู้ชายเหล่านั้นที่ได้เข้าใกล้ซอลย่ากันแน่



ยิ่งคิดบลูม่ายิ่งสับสนใบหน้าที่ซุกอยู่กับท่อนแขนค่อยๆก้มลงมองเสี้ยวหน้าของคนที่ถูกกักกันอยู่ใต้ร่าง เสี้ยวหน้าของคนที่กำลังเบือนหน้าหนีจากเขาอย่างสุดกำลัง สองมือสั่นระริก กำแน่นอยู่แนบลำตัวด้วยความหวาดหวั่น

ตัวเล็ก ขี้กลัว ขี้อาย

แม้จะมีข่าวกับคนนั้นคนนี้ไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยมีหลักฐานผูกมัด หรือมีผู้ชายคนไหนออกมาแสดงตัว แสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ เห็นมีแต่พวกลอยชาย ม่อไปวันๆ เขาตัดสินใจเชื่อข่าวเหล่านั้นโดยไม่เคยคิดค้นหาความจริง ทั้งๆที่ถ้าฉุกคิดซักนิด ก็จะรู้ได้ทันทีว่ามันอาจไม่ใช่ตามที่เขาเล่าอ้าง

ทำไมเขาถึงไม่คิดนะ ทำไมเขาถึงไม่ยอมคิดกันนะ!

และต่อให้เรื่องเมื่อคืนนี้จะเป็นครั้งแรกของเขา แต่ให้ตายเถอะ!  เขาไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะไม่รู้เลยว่าซิงไม่ซิงมันต่างกันยังไง และมันไม่มีทางเลยที่สภาพแบบนั้นของซอลย่าจะเป็นพวกร่านจริต หรือช่ำชองเรื่องอย่างว่า เหมือนที่ใครๆเขาว่ากัน

เขาควรรู้อยู่แก่ใจในส่วนลึก

แต่เขากลับปฏิเสธมัน

บลูม่าได้แต่คิดวกไปเวียนมาอยู่ในใจซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยไม่รู้จะทำยังไงต่อไปกับซอลย่าดี เมื่อคืนหลังกลับไปถึงคอนโดได้ก็นอนตาค้างคิดไม่ตก เช้ามาก็ออกไปหาลูกค้าด้วยความมึนงงไม่สมประดี กำลังใช้ความคิดใช้เหตุผลหลายหลากมาบวกลบคูณหารว่าจะเดินไปทางไหนต่อ จะยังคงเฉยไว้ก่อนเช่นตอนนี้ หรือจะหันมาญาติดีกับซอลย่าเหมือนสมัยก่อน ความคิดยังไม่ทันจะรวมเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ดันมาหน้ามืดฟิวส์ขาดเอาตอนที่รู้เรื่องบดินทร์รังแกสดายุเข้าเสียก่อน ทั้งนอนไม่พอ ทั้งเครียด หลายๆอย่างรวมกัน สุดท้ายพอมาเจอหน้าซอลย่าเข้าก็เลยพาลใส่อย่างที่เห็น

ถึงขนาดนี้แล้ว จะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย

“………คุณบลู...ถ้าไม่มีอะไรกับผมแล้ว...ผมขอตัวก่อนได้มั้ย?”

ความเงียบงันยาวนานสร้างความอึดอัดให้ซอลย่าไม่น้อย ซ้ำยังต้องมาอยู่แนบชิดกันทั้งที่ยังทำใจเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เข้าไปอีก สุดท้ายซอลย่าเลยต้องขอเอ่ยปาก ทั้งๆที่ยังเบือนหน้าก้มต่ำไม่สบตาบลูม่าอยู่แบบนี้

"..."

"คุณบลูม่า...ผมขอร้อง..."

"เลิกเรียก 'คุณ' เสียทีเหอะ!"

".............!!!?"  เสียงตวาดของบลูม่าเล่นเอาซอลย่าสะดุ้งไหว ริมฝีปากบางเฉียบเม้มแน่น ดวงตาฉ่ำน้ำมีทั้งแววเจ็บปวดระคนสงสัย 'เรียกคุณก็ยังผิดอีกเหรอ?'

พรึ่บ!

".......!!!??"

แซ่แห่งความเจ็บร้าวหวดกระหน่ำบนร่างของซอลย่าไม่หยุด ‘พอแล้ว ไม่เอาแล้ว’ ซอลย่าได้แต่ท่องคำนี้ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว และตัดสินใจผลักคนตรงหน้าออกไปโดยแรง แล้วโซซัดโซเซหนีออกห่าง

อยากไปให้พ้นจากคนใจร้าย

"ซอล!!?"

ทว่า หลุดออกจากตรงหน้าของบลูม่าได้ ร่างแบบบางก็ร่วงผล็อยลงบนพื้นทั้งๆอย่างนั้น บลูม่าถลาเข้าไปประคองไว้ทันที สัมผัสนอกแขนเสื้อสูทตัวบางอุ่นร้อนอย่างประหลาด บลูม่าไม่รอช้าที่จะอังมือเข้าที่หน้าผากเนียนของซอลย่าอย่างไม่มีการขออนุญาต

“ตัวร้อน...ซอล!” บลูม่าร้อนรนขึ้นทันทีที่เห็นว่าซอลย่าป่วย เรื่องที่ว่าโกรธ เรื่องที่จะเคลียร์ตอนนี้หายไปจากหัวเขาหมดแล้ว

“ปล่อยผมเถอะ ผมต้องรีบไปแล้ว!” แต่ทันทีที่บลูม่าเข้ามาช่วยประคอง ซอลย่าก็พยายามขืนตัวหนี ‘ไหนว่าเกลียด ไหนว่าไม่อยากเห็นหน้าไง ถ้าอย่างนั้นก็อย่ามายุ่งกันสิ อย่าทำอย่างนี้กับซอลนะ บลูใจร้าย...’ ในหัวของซอลย่าคิดตัดพ้อสารพัด มือไม้ผลักไสดิ้นรน

“อย่าดื้อนะซอล! เธอไม่สบายอยู่นะ!” บลูม่าพยายามตื้อ แต่ซอลย่าก็ยังคงดิ้นอยู่ จนผ้าพันคอสีขาวผืนบางตรงคอของซอลย่าเลื่อนหลุดลงไปกองที่พื้น

“.......”

“.....”

สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาหัวใจของบลูม่ากระตุกวูบไหว

รอยแดงจ้ำแสนทารุณเต็มลำคอของซอลย่านั้นทิ่มแทงหัวใจของบลูม่าจนขนลุกชัน เพราะร่องรอยเหล่านั้นมันเป็นฝีมือของบลูม่าเองทั้งหมด ผู้จัดการสาวใหญ่พูดไม่ออก ซอลย่าเองก็พูดไม่ออก เรื่องราวค่อนคืนที่ผ่านมาสดร้อนเกินไปจนลวกไหม้อยู่ในความทรงจำเด่นชัด

“ซอล...” บลูม่าครางแผ่วออกมา และซอลย่าก็ได้สติในเวลาเดียวกัน

“ผมต้องไปดูบดินทร์เขาจัดรายการแล้วครับคุณบลูม่า...ช่วยปล่อยผมไปก่อนได้หรือเปล่า?” ซอลย่าเอ่ยปากขอร้องอีกครั้ง พร้อมทั้งเหตุผลประกอบ แต่ไม่ว่าจะพูดยังไงแขนทั้งสองข้างของเขาก็ยังอยู่ในมือของบลูม่าอยู่ดี

“แต่...เธอมีไข้...” เพราะฉัน....บลูม่าอยากพูดออกไปแบบนั้นแต่ก็ยังปากหนัก

“ผมไม่เป็นไรครับ กินยาดักเอาไว้แล้ว...ผม...ขอตัว” ซอลย่าเอ่ยลาอีกครั้งพร้อมทั้งบิดแขนจนหลุดจากการเกาะกุมได้สำเร็จ

บลูม่าได้แต่จ้องมองคนตรงหน้าที่กำลังก้มเก็บผ้าพันคอด้วยใจระทึก อะไรบางอย่างในส่วนลึกพุ่งทะลักออกมาราวกับตาน้ำ อดีต เขาต้องการกลับไปสู่อดีต กลับไปวันนั้น วันที่เขาและซอลย่าแตกหัก มันเหมือนมีอะไรผิดเพี้ยนที่เขาในตอนนั้นมองไม่เห็น ไม่สิ… ที่เขาในตอนนั้นจนถึงเมื่อคืนมองข้ามไปต่างหาก

“ซอล!” บลูม่าเอ่ยเรียกซอลย่าอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินจากไป ซอลย่าชะงักเท้าทันที แต่ก็ไม่ได้หันกลับมามอง

“เธอ...มีอะไรจะบอกฉันมั้ย...”

“เอ๊ะ?”

คำถามของบลูม่าดึงให้ซอลย่าหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง ผู้จัดการหนุ่มตัวเล็กบางเบิกตาโตแทบจะเป็นไข่ห่าน กับคำถามที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากของอีกฝ่ายในชีวิตนี้ คำถามที่แสดงถึงความสนในในตัวของเขาแบบนั้น…

“ก็อย่าง...เรื่องในอดีต...เอ่อ...เรื่องเพชรจ้า...”

“..........................ผม....เอ่อ...คุณบลูอยากรู้จริงๆ...”

ซอลย่าถึงกับถามออกมาเสียงสั่น ประกายบางอย่างผุดสว่างริบหรี่ขึ้นมาในหัวใจบอบช้ำ


ทว่ายังไม่ทันจะได้เริ่มสิ่งใด ทุกอย่างก็ต้องพับเก็บไว้ในใจต่อไปอีก

“ทำอะไรกันอยู่น่ะ”

“!!?...ท่านประธาน?”

เป็นเสน่ห์จันทร์ที่ออกมาขัดขวางทุกอย่างไว้อย่างไม่ตั้งใจ เล่นเอาทั้งบลูม่าและซอลย่าถึงกับหน้าเสีย

“เสียงดังเอะอะมาพักนึงแล้วนะพวกเธอน่ะ ถึงห้องฉันจะเก็บเสียง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะมาทะเลาะกันที่หน้าห้องฉันได้นะ บลูม่า ซอลย่า!!”

“ขอโทษค่ะ/ ครับ”

“เอาเถอะ คราวหน้าระวังกันหน่อยแล้วกัน  เอาล่ะ บลูม่า ฉันกำลังอยากเจอเธออยู่พอดี เข้ามาข้างในสิ”

“อ่า...” บลูม่าถึงกับไปไม่เป็น เมื่อจู่ๆก็ถูกท่านประธานเชิญคุยกันดื้อๆ จริงอยู่ที่เขาถ่อขึ้นมาถึงชั้นสี่สิบก็เพราะต้องการจะเจรจากับท่านประธานในเรื่องของสดายุ แต่ตอนนี้เขาไม่ได้มีใจจะคุยกับท่านประธานแล้ว อยากตามซอลย่าไปเคลียร์กันให้รู้เรื่องมากกว่า

“บลูม่า?” 

“อ๊ะ...ค่ะค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”

แต่พอท่านประธานเรียกย้ำก็คงยากที่จะผัดผ่อน บลูม่ายอมตอบรับคำเชิญของเสน่ห์จันทร์แต่โดยดี

บลูม่าและซอลย่าต่างลอบสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะหันหลังจากไปในเส้นทางของตน ทั้งที่ทุกเรื่องยังคาราคาซัง



***************************************
 :hao7:
ต่อด้านล่างจ๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-08-2014 23:36:26
ต่อจ๊า



ในซอกเล็กๆของห้องแต่งตัวนักแสดง ควันบุหรี่จางๆถูกพ่นออกจากปากและจมูงโด่งรั้น ข้างนอกนั้นมีแต่เสียงของทีมงานที่กำลังจัดฉากรายการที่กำลังจะเริ่มถ่ายทำในอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า

อีกตั้งชั่วโมง แต่บดินทร์พิธีกรผู้ดำเนินรายการก็แต่งตัวรอเรียบร้อยแล้ว วันนี้ชายหนุ่มไม่มีงานอื่นนอกจากการถ่ายแบบเมื่อช่วงเช้า ดังนั้นจึงว่างมากพอที่จะแต่งตัวรอเรื่อยเปื่อย ซอลย่าผู้จัดการส่วนตัวของเขาก็ดันมีเรื่องต้องไปคุยอะไรบางอย่างกับท่านประธานด่วน ทำให้ตอนนี้บดินทร์จึงต้องนั่งแกร่วอยู่ลำพัง

นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆกับบุหรี่หนึ่งมวน วันนี้บดินทร์ต้องสัมภาษณ์ดาราคนหนึ่งที่เพิ่งกลับจากเมืองนอก ในฐานะเด็กปั้นอีกคนของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ ต่อจากกฤตเมธ ขึ้นชื่อว่าเด็กปั้นของท่านประธาน ไม่ว่ายังไงก็ดูยิ่งใหญ่ จะทำอะไรก็มีแต่คนสนใจ จะทำอะไรก็มีแต่คน 'เกรงใจ'  บดินทร์ไม่รู้จักหน้าค่าตาของดาราคนนั้นหรอก ได้ยินแค่ว่าชื่อ 'ดนัย' อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขานี่แหละ แต่คงเพราะถูกส่งไปล่าค่าตัวที่เมืองนอกตั้งแต่เพิ่งเข้าวงการ จึงทำให้เขาไม่ค่อยคุ้นหน้า แต่จะยังไงก็เถอะ วันนี้เขาก็ต้องสัมภาษณ์คนคนนั้นด้วยความสุภาพ ด้วยความชื่นชม แม้จะขัดกับความรู้สึกเล็กๆก็เถอะ ในเมื่อมันเป็นหน้าที่เสียอย่าง จะอะไรบดินทร์ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ

ในห้องแต่งตัวยังไม่มีใครเข้ามา บดินทร์เลยยังสูบบุหรี่ได้อย่างสบายใจ ชายหนุ่มรู้ดีว่าทำไมในห้องนี้ถึงไม่มีใครเข้าใกล้ นั่นก็เพราะเขาคนนี้ยังนั่งอยู่ เลยไม่มีใครกล้าเข้ามา ตั้งแต่ไหนแต่ไร บดินทร์ก็ไม่ได้มีเพื่อนเป็นตัวเป็นตน โดยเฉพาะตอนนี้ที่เรียกได้ว่าบดินทร์ไม่มีใครเลย ไม่มีแฟน ไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคม   

"ฟู่..." บดินทร์ยังคงพ่นควันปุ๋ยๆ ด้วยสีหน้าชาชิน ชายหนุ่มไม่มีใครคบมานานมากแล้ว อันที่จริงช่วงชีวิตหนึ่งเขาเคยคบหากับพระเอกชั้นแนวหน้าอย่างสดายุอยู่พักใหญ่ๆ สดายุผู้เก่งกาจและหยิ่งทะนง คนคนนั้นไม่เคยสนใจแม้ใครจะว่าร้าย เพราะไม่เคยเห็นว่าใครจะคู่ควรพอที่จะให้ตัวเองลดตัวลงไปคลุกคลีด้วย

แล้วพอสดายุออกจากวงการไปเพราะข่าวฉาว บดินทร์ก็ไม่เหลือใคร และไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาอีกเพราะทุกคนรู้...

ทุกคนในวงการรู้ ว่าที่สดายุต้องระเห็จออกจากวงการ มันเป็นเพราะใคร

หลังจากที่สดายุออกจากวงการไปแล้ว บดินทร์ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เพราะไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษเขาเลยไม่คบค้ากับใคร จนได้คำสรรเสริญที่ไม่ค่อยถูกจริตว่า บดินทร์กำลังตั้งตัวเป็นสดายุคนที่สอง พร้อมคำปรามาสพ่วงท้ายว่า แต่ไม่มีทางเทียบสดายุได้แม้เพียงฝุ่น!

สดายุคือพระเอกขั้นเทพ มากมายฝีมือ และไม่เคยใส่ใจกับปากหมาปากปูหรือข่าวเสียหาย เพราะไม่เคยคิดจะเอาตัวลงมาเกลือกกลั้ว
แต่บดินทร์คือนักแสดงกากๆ ที่หักหลังเพื่อนจนได้ดิบได้ดี นิสัยต่ำทรามผิดกับหน้าตา หาเรื่องคนอื่นไปทั่ว ทำตัวกร่างด้วยคิดว่าตัวเองเป็นลูกรักอีกคนของท่านประธาน หลงตัวเอง!

หลากหลายคำประนามหยามเหยียดลับหลังที่เขาเคยได้ยินอยู่หลายๆครั้ง และทุกครั้งบดินทร์ก็ฉะแหลกเล่นเอาคนพูดถึงกับหน้าชากันไปเป็นแถว
ถึงจะเป็นกากเป็นเดน แต่บดินทร์ก็ไม่เคยตกงาน การเป็นเด็กดีในสายตาของท่านประธานกับการการันตีผลงานโดยผู้จัดการส่วนตัวผู้มากฝีมืออย่างซอลย่า ทำให้บดินทร์ยังคงมีงานเนืองๆและยังอยู่ในวงการได้ไม่เดือดร้อน สัญญาระยะยาวยังอยู่ในมือเขาอีกหลายฉบับ ไม่นับอีเว้นท์เล็กอีเว้นท์น้อยที่ได้เงินดีอีกนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่างานเงินไม่ขาดแม้จะไม่ได้เป็นที่สุดแต่ก็อยู่ได้

แถมดูเหมือนเพราะไม่ว่าโดนโจมตียังไงก็ยังอยู่ได้นี่แหละ หลังๆเลยมีข่าวว่าเขาเป็นเด็กเก็บท่านประธานและมีอิทธิพลมืดพอสมควร ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ายุ่งกับเขาอีก

เรื่องจริง...ไม่มีใครรู้

แต่ก็ดีแล้ว ที่ไม่มีใครรู้



แม้แต่กับสดายุเองเขาก็ไม่อยากให้รู้...



บดินทร์หลับตาลง ชันขาข้างนึงขึ้นมาเพื่อพักแขนที่คีบบุหรี่ไว้ พลางเอนตัวพิงกับผนังห้องเงยศีรษะขึ้นเล็กน้อยก่อนจะอัดบุหรี่เข้าเต็มปอดแล้วพ่นควันออกมาเป็นสาย ใบหน้าเรียบเฉยสายตามองเหม่อไร้โฟกัส ดูเหนื่อยล้าและเงียบเหงาอย่างยากจะอธิบาย แต่...ไม่มีใครได้รู้เห็น 
และเพราะไม่มีใครเห็น บดินทร์จึงหลับตาลงช้าๆ ปล่อยอารมณ์ล่องลอยคล้ายควันบุหรี่ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศก่อนจะจางหายไปช้าๆ

"ขอบุหรีสักมวนได้มั้ยครับ?"

"…!?" เสียงทุ้มต่ำปลุกบดินทร์จากภวังค์ เมื่อลืมตาขึ้นมองก็ถึงกับผงะ เพราะเจ้าของเสียงทุ้มนั้นยื่นหน้าเข้ามาใกล้ในรัศมีที่เกินกว่าบดินทร์จะรับได้

"มีธรุระอะไร?"  บดินทร์ที่ผงะถอยในคราแรก พอเห็นได้เต็มตาแล้วว่าใครกันที่บังอาจเข้ามารบกวนเวลาพักผ่อน ก็ถึงกับชักสีหน้าเข้ม เพราะมันคือไอ้เด็กใหม่จอมกวนโอ้ยที่เพิ่งเจอกันที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนสายๆนั่นเอง

"บุหรี่คุณกลิ่นหอมดี ขอสักมวนได้มั้ยครับ?" คนถูกชักสีหน้าใส่ยังคงตอบกลับด้วยถ้อยคำแสนสุภาพและรอยยิ้มพิมพ์ใจ

แต่นั่นกลับยิ่งทำให้บดินทร์หงุดหงิด 'ยิ้มพิมพ์ใจอะไรกัน มันยิ้มกวนตีนต่างหาก!'

"กูถามว่ามึงมีธุระอะไร ที่นี่ไม่ได้มีงานอะไรให้หน้าใหม่โชว์ตัวหรอกนะ!" บดินทร์ตะคอกเสียงขรม เขาไม่ชอบเลยที่มีคนมากวนโอ้ยใส่ด้วยรอยยิ้มแบบนี้

"ขอโทษที่ให้รอนะคะคุณดนัย มาแต่งหน้าได้เลยค๊า...อุย!"

"…!!?"

"................."

ยังไม่ทันจะได้จัดการอะไร ช่างแต่งหน้าสาวสองข้าเพศก็เปิดประตูทะลึ่งพรวดเข้ามาพร้อมเสียงใสแจ๋ว (ที่ต้องหุบปากลงทันทีที่เห็นว่าบดินทร์ก็นั่งหัวโด่อยู่ด้วย)

และในเสียงใสๆนั่นก็มีหนึ่งคำที่กระแทกมโนสำนึกของบดินทร์เข้าอย่างจัง 'ดนัย!'

"...คราวนี้...จะกรุณาให้บุหรี่ผมสักมวนได้หรือยังครับ...คุณบดินทร์?" ดนัยเอ่ยถามขึ้นเบาๆ ให้พอได้ยินกันเพียงสองต่อสอง รอยยิ้มพิมพ์ใจยังคงอยู่ แต่สายตาที่จ้องมองมานั้นแฝงด้วยแววเจ้าเล่ห์

".............." หัวใจของบดินทร์กระตุกวูบวาบราวกับเต้นไม่ถูกจังหวะ ไร้ร้างคำพูดใดๆจะเอื้อนเอ่ย ดนัย...คนตรงหน้าเขาคือดนัย คนที่เป็นเหมือนลูกรักคนที่สองของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ ตกใจไม่เท่ากระวนกระวายใจ ก็จะให้คงสติอยู่ได้ยังไงล่ะในเมื่อที่สามารถหยัดยืนในวงการอยู่ได้ก็เพราะอาศัยบารมีของท่านประธานล้วนๆ แถมยังไม่ใช่ลูกรักกลับเป็นแค่ลูกชังกลายๆเสียอีก แล้วนี่ยังดันทะลึ่งไปกร่างกับลูกรักของท่านอีกด้วย อนาคตเขาจะเหลืออะไรล่ะ แค่มโน จิตสำนึกก็ตกประหม่า แต่ก็ยังตั้งสติกัดฟันหยิบบุหรี่หนึ่งมวนส่งให้ดนัยที่ยืนคอยท่าด้วยมือที่สั่นระริกบางเบา

"ขอบคุณครับ" ดนัยยิ้มรับแบบไม่มีขัดเขิน

บดินทร์ก้มหน้าหลบเลี่ยงทันทีที่ส่งบุหรี่ให้เสร็จสรรพ ตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ที่ตอนนี้ตรงหน้าประตูมีสองสาวช่างแต่งหน้ายืนทำหน้าตาเลิ่กลั่กกันอยู่ ทว่าพอจะลุกยืนออกมาให้พ้นซอกที่นั่ง ร่างสูงสง่าของดนัยก็ก้าวเข้ามาขวางเอาไว้หมิ่นเหม่

"ทำไมเงียบจังละครับ เมื่อกี่ยังชวนผมคุยจ้อยๆอยู่เลย..." นอกจากจะเบี่ยงกายออกมาขวางบดินทร์แล้ว ดนัยยังเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงสดใส ราวกับว่ามองไม่เห็นบรรยากาศรอบตัวของบดินทร์เลยแม้แต่นิด

".............."  ฝ่ายบดินทร์แม้จะถูกสกัดทางผ่าน แต่ก็ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาดนัยแม้แต่น้อย ภายในใจของชายหนุ่มตอนนี้นอกจากความตื่นตระหนกแล้ว แน่นอนว่ามันยังคงเหลือความคุกรุ่นเล็กๆติดอยู่ด้วย

"เอ๊ะหรือว่า....พูดไม่ออก...ครับ...คุณบดินทร์  หึหึ...คงไม่ใช่หรอกมั้ง คุณจะกลัวอะไรล่ะ ขาใหญ่ซะอย่าง..." เห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเงียบจัด ดนัยเลยอดไม่ได้ที่จะแขวะเล่นให้ได้เห็นบดินทร์ขึ้นหน้าซับสีเลือด จริงอยู่ถึงดนัยจะดูเป็นคนอารมณ์ดี เข้าถึงง่ายยิ้มง่ายขี้เล่น แต่ทั้งหมดที่ทุกคนเห็นนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าแท้จริงชายหนุ่มยังมีด้านมืดที่เป็นคนชอบข่มขวัญคนที่ไม่ชอบหหน้าอยู่ด้วย และเลวร้ายชนิดที่ว่า หากใครทำเขาไม่ชอบหน้าขึ้นมาล่ะก็ดนัยเจ้าชายยิ้มหวานคนนี้จะทำทุกวิถีทางเพื่อริดรอนศักด์ศรีของคนที่เขาชิงชัง ทำทุกอย่างโดยไม่เลือกวิธีการ และแน่นอนว่าที่เขาทำอยู่ตอนนี้ก็คือการแผ่บารมีข่มบดินทร์ให้ยิ่งติดดิน และเหตุผลที่ทำก็ง่ายนิดเดียว นั่นก็คือ 'หมั่นไส้' 

หมั่นไส้ทั้งท่าทางหยิ่งผยองไม่เป็นท่า

และโคตรหมั่นไส้ ที่บังอาจมาแกล้งข่มสดายุ ผู้เคยมีบุญคุณของเขานั่นเอง!


ที่สำคัญ...



นี่มันแค่การเริ่มต้นเท่านั้นด้วย



"อ๊ะ เดี๋ยวสิคร๊าบ..." พอเห็นบดินทร์จะเดินเลี่ยงออกไปทั้งที่ยังไม่ยอมพูดอะไรอีก ดนัยก็เข้าไปขวางในระยะประชิดอีกครั้ง

"..............." และครานี้ความอดทนของบดินทร์ก็หมดลงไปแล้วจริงๆ ชายหนุ่มตวัดสายตาขุ่นขวางขึ้นสบตาดนัยทันที เห็นดังนั้นดนัยก็รีบก้มหน้าลงใกล้ในระยะที่ทำให้บดินทร์ถึงกับผงะอีกรอบ

บดินทร์สับสนในคราแรก แต่พอดนัยเอาบุหรี่ขึ้นมาคาบที่ปากแล้วโยกหน้าน้อยๆเป็นเชิงให้สัญญาณ บดินทร์ก็รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

'แม่งงงงง'

กริ๊ง..แชะ...

บดินทร์กัดกรามกรอด เพราะท่าทีของดนัยนั้นมันหมายถึงให้เขาบริการจุดบุหรี่ให้ ไม่อยากทำจนอยากจะกัดลิ้นตาย แต่ก็ต้องจำใจหยิบzippoขึ้นมาจุดให้อย่างเลี่ยงไม่ได้ 

ดนัยพ่นควันปุ๋ยๆ ท่าทางช่างสำราญใจ ยิ่งได้เห็นบดินทร์จำยอมจนเส้นเลือดปูดตรงขมับ ดนัยยิ่งยินดีจนหยุดยิ้มไม่อยู่ "ฟู่...ขอบคุณครับ ขาใหญ่" พูดขอบคุณออกไปพร้อมเบี่ยงตัวเปิดทางให้บดินทร์ในที่สุด และบดินทร์เองก็รีบผละออกไปอย่างไม่รอช้าเช่นกัน

"หลีกไป!!"

"อร๊ายย ว๊ายยย!!"

บดินทร์เร่งฝีเท้าก้าวฉับๆไปดับบุหรี่ของตนโดยการขยี้มันลงบนหน้าบาร์แต่งหน้า ก่อนจะเดินกระแทกไหล่สองสาวช่างแต่งหน้าที่ยืนเผือกระทึกกันอยู่จนเจ้าหล่อนเสียหลักร้องวี๊ดว๊ายกันเป็นทิวแถว เขาโมโห โมโหจนแทบจะฆ่าคนได้ ไม่เคยรู้สึกเสียศักดิ์ศรีขนาดนี้มาก่อน ตัวตนของดนัยข่มเขาจนไม่สามารถทำอะไรได้ เกลียด เขาเกลียดการเป็นไก่รองบ่อนแบบนี้เป็นที่สุด



เกลียดเสียยิ่งกว่าตอนอยู่กับสดายุเสียอีก!


หลังจากนั้นไม่นาน ซอลย่าก็กลับมา แต่มันช้าเกินไปเสียแล้วเมื่อบดินทร์กำลังอาละวาดอยู่ในห้องน้ำด้วยความขุ่นเคือง  กว่าที่ซอลย่าจะปลุกปลอบให้เย็นลงได้ เวลาก็ล่วงไปจนเกือบถึงเวลาบันทึกรายการ

ด้วยความเป็นมืออาชีพสุดท้ายบดินทร์ก็กลับมาทำหน้าที่ของตนได้อย่างดีเหมือนเดิม การสัมภาษณ์เป็นไปอย่างราบรื่น เบื้องหน้าแสนดีของดนัยเรียกเสียงหัวเราะและเสียงชื่นชมไม่ขาดปาก กิจกรรมเล็กๆระหว่างการสัมภาษณ์ทำให้ได้ถึงเนื้อถึงตัวกันเล็กน้อยระหว่างพิธีกรและแขกรับเชิญ ยิ่งใกล้ดนัยก็ยิ่งแกล้ง แต่ไม่มีใครเห็นว่ามันคือสงคราม กลับชื่นชมกันว่าน่ารัก โดยไม่ได้สังเกตุเห็นหน้าตาอิหลักอิเหลื่อของบดินทร์แม้แต่น้อย

ทุกครั้งที่พักเบรคเหมือนนักมวยแยกเข้ามุม ซอลย่าลุ้นจนตัวโก่งทุกครั้งที่บดินทร์ทำท่าจะหลุดมาดบนเวที กว่าการบันทึกรายการจะจบลงซอลย่าไข้แทบขึ้น ส่วนบดินทร์ก็ยิ่งความดันขึ้น จบรายการได้ก็หน้าดำหน้าแดงไประบายอารมณ์ในห้องน้ำทันที ซอลย่าตั้งใจจะเร่งตามไปดูแล แต่ก่อนที่จะไปถึงตัวบดินทร์ ซอลย่าดันหันไปเห็นดนัยเข้าเสียก่อน แล้วรอยยิ้มที่เขาได้เห็นจากเจ้าชายยิ้มหวานที่กำลังมองตามแผ่นหลังของบดินทร์ไป นั่นคือรอยยิ้มแห่งความเหยียดหยันและสาแก่ใจ

รอยยิ้มที่ทำให้ซอลย่าขนลุก

ซอลย่าหายใจสะท้อน หน่วงกับเรื่องที่ได้เห็นเหลือเกิน บดินทร์เผลอไปทำอะไรให้ดนัยโกรธถึงขนาดนั้นกันนะ เขาเป็นห่วงเหลือเกิน





*************************************************

 :katai5:
ต่อด้านล่างจ๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-08-2014 23:37:02
ต่อแล้วต่ออีกจ๊า
 :hao6:



กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารบางอย่างลอยฟุ้งเข้ามาในห้องนอนที่เปิดประตูทิ้งไว้ ร่างผอมบางขาวผ่องเหยียดกายบิดร่างบนที่นอนนุ่มเพื่อไล่ตัวขี้เกียจออกจากกาย ก่อนจะลุกขึ้นมองทะลุประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ออกไป

'หิวแฮะ'

สดายุคิดในใจก่อนจะอ้าปากหาวหวอดๆ ก็จะไม่ให้เขาหิวตั้งแต่เช้าได้อย่างไร ในเมื่อเขาถูกทารุณอยู่บนเตียงนี้ตั้งแต่กลับถึงห้องเมื่อวานเย็นตลอดคืนจนถึงขนาดที่จำไม่ได้เลยว่าถูกปล่อยตัวให้หลับได้ตอนไหน ข้าวเย็นก็ไม่ได้ทาน อาหารว่างก็ไม่ได้แตะ ดังนั้นแค่ได้กลิ่นข้าวสวยจากนอกห้องท้องเขาก็ประท้วงโครกครากกันใหญ่แล้ว

ร่างเปล่าเปลือยค่อยๆขยับกายลงจากเตียง หยิบเสื้อเชิ๊ตของกฤตเมธขึ้นมาคลุมร่างพลางติดกระดุมลวกๆสองสามเม็ด ก่อนจะเยื้องย่างออกจากห้องทั้งๆสภาพอย่างนั้น นั่นคือมีเพียงเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวคลุมกายหมิ่นเหม่ ติดกระดุมเพียงแค่เม็ดที่หน้าอกกับตรงสะดือ โชคดีที่เสื้อของกฤตเมธตัวใหญ่พอที่จะคลุมปิดไปได้จนถึงโคนขาอ่อนอย่างเฉียดฉิว แม้ว่าไม่ได้ใส่อะไรข้างในก็ไม่ได้เผยให้เห็นของสำคัญมากนัก 

"หอมจัง..."

เดินเตาะแตะออกมาจากห้องได้ ก็เห็นพ่อครัวหัวป่าก์กำลังง่วนกับการทอดไข่ฟูของโปรด บนโต๊ะอาหารกลางห้องมีถ้วยแกงจืดเต้าหู้หมูสับใส่ใบตำลึงหอมฉุยตั้งรอไว้อยู่แล้ว สดายุยิ้มกรุ้มกริ่มเดินย่องเข้าไปกอดหมับเข้าด้านหลังของกฤตเมธ กะจะให้พระเอกรุ่นใหญ่ตกใจเล่น

"ไง ตัวแสบ ตื่นไหวแล้วเหรอ?" ทว่าพ่อพระเอกกลับเส้นลึกกว่าที่คาด เพราะนอกจากจะไม่ตกใจที่จู่ๆก็โดนกอดแล้วกฤตเมธยังกระเซ้าสดายุกลับมาได้เสียอีก สดายุยู่หน้าเหยเกเล็กน้อย ก่อนตอบออกไปทั้งที่ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขน

"ถามใครกันครับคุณกฤตเมธ นี่ใครนี่ใคร ผมสดายุนะคร๊าบ เลเวลแบบคุณน่ะฆ่าผมไม่ตายหรอก...." สดายุตอบกลับยียวนพลางเกยคางลงบนไหล่กว้างเพี่อชำเลืองมองเสี้ยวหน้าที่กำลังอมยิ้มน้อยๆของกฤตเมธ

"ครับๆ คนเก่ง...หึหึ ไปนั่งรถที่โต๊ะได้เลยนะ ไข่ฟูของโปรดยุเสร็จแล้วครับ" กฤตเมธออกปากไล่ระหว่างสะเด็ดน้ำมันจากไข่ฟูเหลืองกรอบ

"โอเค หือ...หอมจัง น้ำย่อยผมออกมารอกันเพียบแล้วเนี่ย" สดายุทำตามอย่างว่าง่าย เพียงอึดใจชายหนุ่มก็ไปนั่งรอตรงโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว

ช่วงเวลาหรรษาของอาหารเช้าผ่านไปอย่างรื่นรมย์ วันนี้ทั้งคู่มีเข้ากองช่วงบ่าย และโลเกชั่นที่ใช้ถ่ายทำวันนี้ก็อยู่แค่ฝั่งธนดังนั้นจึงยังเหลือเวลาอีกเยอะที่จะเอ้อระเหย

ทานเสร็จสดายุก็เดินไปหย่อนตัวแหมะอยู่ตรงโซฟาหน้าทีวี ปล่อยภาระเก็บล้างเป็นของพ่อบ้านมือทองอย่างรู้หน้าที่ เพราะตั้งแต่กฤตเมธมาอยู่ด้วยสดายุแทบไม่ได้หยิบจับอะไร พ่อพระเอกรุ่นใหญ่บริการแฟนเด็กซะจนบางครั้งสดายุยังอดบ่นไม่ได้ ว่าจะเป็นง่อยตายอยู่แล้ว

"นี่ยุ กินแล้วนอนเดี๋ยวอ้วนหรอก ยังต้องรักษาน้ำหนักไม่ใช่เหรอครับ" กฤตเมธทักขึ้นก่อนจะนั่งลงข้างๆสดายุที่นอนแผ่อยู่บนโซฟา

คนถูกบ่นชำเลืองมองเล็กน้อยพลางพลิกตัวนอนตะแคงเท้าแขนกับศีรษะตัวเอง

"ไม่อ้วนหรอก ผมออกกำลังกายหนัก"

"หืม?...ตอนไหน"

"ทั้งคืน"

บทสนทนาชวนจั๊กกะจี้ใจพรั่งพรูระหว่างคนทั้งคู่ ลื่นไหลเป็นธรรมชาติสมกับที่ได้เลื่อนขั้นเป็นคนรักกันในที่สุด กฤตเมธสบตาสดายุ สดายุสบตากฤตเมธ คำว่ารักคำว่าห่วงใยสื่อออกมาอย่างไม่มีปิดกั้นเหมือนที่ผ่านมา

การมีคนรักเป็นอย่างนี้เองสินะ สดายุคิดอย่างนั้น ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกันที่ทำเอาสับสนในช่วงแรก แต่พอลองได้เปิดใจ ยอมเป็นคนที่ถูกรัก ในที่สุดสดายุก็ได้รู้สึกตัว ว่าหนุ่มใหญ่ชายแก่นี่เวลาอยู่ด้วยกันมันอุ่นใจดีจัง คงเพราะเขาไม่มีพ่อด้วยหรือเปล่านะ แม้ว่าตัวเขาเองที่เป็นผู้ชายจะพยายามทำตัวเข้มแข็งดูแลปกป้องแม่มาตลอด แต่เอาเข้าจริงในส่วนลึกเขาก็อาจยังคงเป็นเด็กที่โหยหาการปกป้องคุมภัยจากผู้ชายที่ให้ความรู้สึกเหมือน 'พ่อ' และกฤตเมธก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยได้จริงๆ พิสูจน์แล้วว่า 'ผ่าน'

ฝ่ายกฤตเมธก็ได้แต่คิดว่า ถึงจะแหวกแนวไปหน่อย แต่คนที่ชื่อสดายุนี่แหละที่ทำให้เขารักและหลงจนแทบคลั่ง ขนาดที่ว่าคงไม่อาจปล่อยมือได้อีกแล้ว ผู้ชายบ้าอะไรเนี่ย ทั้งน่ารัก ทั้งเซ็กซี่ เมื่อก่อนไม่ยักรู้ว่าจะอ้อนเก่งเป็นลูกแมวแบบนี้ด้วย มาประจักษ์เต็มๆก็เมื่อคืนนี่แหละ ที่เล่นซะอารมณ์เขาสงบไม่ได้เลย ทั้งอ้อนทั้งยั่ว ใครจะคิดว่าอดีตพระเอกจอมหยิ่ง แถมซึน เข้าถึงยากอย่างสดายุ พอลองเปิดใจกับใครเข้าหน่อยก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟขนาดนี้ เล่นเอากฤตเมธถึงกับต้องตั้งปนิธานว่าจะไม่ยอมให้ใครได้เห็นสภาพนี้ของสดายุอีก ถึงเขาจะเป็นพระเอกเทพบุตร แต่เขาก็เป็นคนหวงของนะ... หวงมากด้วย

"นี่ลุง...มือน่ะ อยู่ไม่สุขเลยนะ"

((^____^  )) กฤตเมธยิ้มรับการค่อนขอดของสดายุหน้าชื่น ก็เขามือไม่สุขจริงๆนั่นแหละ เพราะตอนนี้กำลังลูบเรื่อยๆอยู่ตรงแก้มก้นเปลือยเปล่าของสดายุเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมไม่ใช่แค่ลูบเปล่า บางทีก็แอบขยำเล่น แถมปลายนิ้วร้ายกาจยังดูเหมือนจะหมิ่นเหม่ล่วงล้ำได้ทุกเมื่อ

"ก็ใครใช้ให้นอนยั่วกันล่ะ เซ็กซี่ขนาดนี้ใครจะอดใจไหว...หึหึ"

"ลามกเหอะ ตาเฒ่าหัวงู"

"ก็อีหนูมันยั่วนี่นา..."

กฤตเมธต่อคำด้วยสีหน้ากรุ้มกริ้ม รอยยิ้มที่ส่งให้สดายุแฝงไปด้วยความหมายว่า 'อยากกิน' เต็มแก่ มือไม้ที่แค่ลูบคลำเมื่อครู่เริ่มรุกล้ำหนักขึ้น สดายุจดจ้องผู้รุกรานนิ่ง ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นนั่งในท่าที่หันหน้าคร่อมด้านข้างของกฤตเมธไว้ แล้วใช้ขาข้างหนึ่งพาดเกี่ยวขาของกฤตเมธเอาไว้ด้วย

"งั้น...ก็เอาใจอิหนูหน่อยสิครับคุณลุง..." สดายุกระซิบเสียงหวาน ก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังเล็กน้อยโดยใช้สองแขนค้ำลำตัวเอาไว้ ขาขาวเปลือยที่พาดอยู่กับกฤตเมธเริ่มขยับเสียดสีเบาๆ ปลายเท้าสะกิดเกาที่หน้าแข้งของหนุ่มใหญ่ผ่านเนื้อผ้าเป็นการเชิญชวน

กฤตเมธไม่ได้เอ่ยอะไรนอกจากเผยรอยยิ้มบางๆ ดวงตาคมกล้าจดจ้องร่างตรงหน้าด้วยความปรารถนา ทำไมถึงยั่วเก่งขนาดนี้นะ! ในใจของชายหนุ่มคิดซ้ำไปซ้ำมาอยู่แค่นั้น เพราะความเย้ายวนที่สดายุแสดงออกมานั้นมันทำให้สมองเขาพร่าไปหมด ยิ่งเห็นก็ยิ่งหวง หากในสักวันสดายุเผลอไปทำแบบนี้กับคนอื่นล่ะก็ เขาคงจะหักคอไอ้หมอนั่นแล้วล่ามสดายุไว้ในบ้านเสียเลย!

"อือ...." สดายุถอนหายใจเฮือก เมื่อปลายนิ้วของกฤตเมธที่ลูบไล้อยู่ตรงหน้าขาเริ่มรุกรานมาถึงซอกหลืบ

"...หื่นอ่ะลุง..."

"แล้วชอบมั้ยล่ะ"

"บ้า....อ๊ะ..."

เพียงครู่เสื้อเชิ๊ตตัวเดียวที่คลุมร่างสดายุเอาไว้ก็หลุดลุ่ย เผยผิวเรียบลื่นขาวกระจ่างสู่สายตาของกฤตเมธ รูปร่างของผู้ชายไม่ได้มีซวดทรงองเอวเฉกเช่นเรือนกายของผู้หญิง แต่กลับมีเสน่ห์ยวนเย้าที่ทำเอากฤตเมธแทบไม่อยากละสายตา แค่ปลายนิ้วมันไม่พอที่จะดับความกระหาย ร่างสูงใหญ่ค่อยๆโน้มกายลงหาผิวขาวผ่องตรงหน้าช้าๆ จุดหมายคือดอกตูมสีชมพูอ่อนบนหน้าอกของคนตรงหน้า 

"อื้อ...หึหึ...ยังมีแรงเหลืออีกเหรอลุง แอบโด๊ปไวอากร้าหรือเปล่าเนี่ย...อืม..." สดายุกระเซ้าเมื่อเห็นว่ากฤตเมธเริ่มรุกเร้าหนัก ทั้งที่เมื่อคืนก็จัดกันเต็มเหนี่ยวไปแล้ว ไม่นึกเลยว่าเช้ามาคนตรงหน้ายังคึกคักได้อีก

เมื่อโดนแซวกฤตเมธเลยต้องละจากจุกนมน้อย เผยรอยยิ้มร้ายก่อนจะแซวกลับไปให้สดายุได้ขัดเขินบ้าง

"ทำไมครับยุ...คุณไม่ไหวแล้วเหรอ? ยังหนุ่มยังแน่น เหนื่อยง่ายนะเรา หึหึ"

"ตลกน่า ระดับผมเนี่ยนะ ทั้งวันก็ยังไหว" คำกระเซ้าได้ผล สดายุร้อนตัวรีบแก้ต่างยกหางตัวเองพัลวัล

"...งั้น....จะรออะไรล่ะครับ" กฤตเมธย้ำก่อนจับร่างบางเปลี่ยนท่า โดยการกดพรวดให้หงายหลังลงกับโซฟาตัวใหญ่ แล้วระดมกดจูบไปทั่วทั้งแผ่นอกและหน้าท้อง

"อ๊า...หื่นอ่ะ...อื้อ..." สดายุหมดทางหนีอย่างสิ้นเชิง จึงได้แค่บ่นกฤตเมธออกไปเบาๆแล้วจำใจถูกรุนรานจนสะท้านไปทั้งร่าง

"อือออ...เมธ..." เสียงแหบหวานครางหวือ เมื่อส่วนกลางของร่างกายถูกปรนนิบัติจากโพรงปากร้อนผ่าวและเรียวลิ้นช่ำชอง

กายขาวของสดายุบิดพล่าน การเอาใจของกฤตเมธทำเอาสดายุแทบจะขาดใจ เรียวขาขาวสั่นระริกแยกออกกว้างเปิดทางให้ศีรษะของคนช่างบริการได้ทำหน้าที่เอาอกเอาใจได้อย่างเต็มที่ สองมือของสดายุจิกขยุ้มเส้นผมดำขลับของกฤตเมธที่อยู่ตรงกึ่งกลางร่างกายเพื่อระบายความเสียดเสียว

"อ๊า...เมธหยุด...อื้อ!...อึก...พ...พอก่อน..."  สดายุพยายามเอ่ยปากห้ามพร้อมทั้งยกร่างของตนขึ้นเพื่อผลักหน้าของกฤตเมธที่ดื้อรั้นฝังอยู่ตรงจุดอ่อนไหวออกไปให้พ้นทาง

"...ทำไมครับ เสียวเหรอ....ทนไม่ไหว?..." เงยหน้าขึ้นได้ ใบหน้าเจ้าเล่ห์ของกฤตเมธก็ปรากฏสู่สายตาของสดายุทันที เจ้าเล่ห์จนสดายุนึกอยากจะจกให้ตาบอด แต่ด้วยอารมณ์หวามไหวที่พลุ่งพล่านในร่างตอนนี้ ทำให้สดายุนึกอยากทำอะไรที่มากกว่าแค่ต่อปากต่อคำ

"....พูดมากน่าลุง....นอนลงเลย..." สดายุพูดพร้อมโถมร่างผลักคนตัวโตกว่าหงายเริ่ดลงบนโซฟานุ่ม ด้วยพื้นที่ที่จำกัดจึงต้องช่วยกันจัดท่ากันเล็กน้อย โดยการให้กฤตเมธนอนรอท่า แล้วสดายุก็คร่อมร่างอยู่ด้านบน

"ใจร้อนจังนะ วัยรุ่น...หึหึ..." กฤตเมธหัวเราะออกมาเบาๆ ขณะที่สดายุเร่งปลอดตะขอกางเกงของเขาอยู่

"ใครใช้ให้คนแก่ยืดยาดล่ะ" สดายุยิ้มร้าย "ตัวเองเป็นขนาดนี้แล้วยังใจเย็นอยู่อีก หึหึ" สดายุกระเซ้าขึ้นเมื่อเห็นอาวุธร้ายของกฤตเมธที่พร้อมประจันบานจนเปียกฉ่ำไปหมด แต่เจ้าตัวยังคงตีหน้านิ่งเล้าโลมเขาอยู่ได้

"งั้น...ก็ช่วยคนแก่หน่อยสิ......จะไม่ไหวแล้วเนี่ย..." เสียงทุ้มพร่าของกฤตเมธเอ่ยออดอ้อน

ได้ยินดังนั้นสดายุก็กระตุกยิ้มร้าย ดวงตากลมคมกล้าทอประกายนักล่าออกมาอย่างเต็มที่ ในเมื่อมีเหยื่อตัวบักเอ้กนอนรอให้เขมือบอยู่ตรงหน้า ก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะอิดออด สดายุสบตากับกฤตเมธอีกครั้งก่อนจะยกร่างขึ้นยืดตัวนั่งคุกเข่าในท่าทางหมิ่นเหม่ สองมือเรียวขาวเอื้อมไปจับแก่นกายร้อนระอุของคนใต้ร่างไว้มั่น ก่อนจะค่อยๆชักนำสิ่งนั้นให้มาแตะอยู่ตรงดอกตูมฉ่ำของตนที่เพิ่งราศึกมาได้ไม่กี่ชั่วโมง ไม่ต้องเตรียมการอะไรมากมันก็เพียบพร้อมสำหรับการรับศึกครั้งใหม่ได้อีกแล้ว

“อึก! อื้อ......”

แค่ส่วนหัวกลมมนผลุบเข้าไปได้ ร่างบางก็ถึงกับเสียดเสียวจนต้องครางหวิวเพื่อระบายความอัดอั้น
อึดอัดคับแน่น แต่ยังไม่พอ

“อ๊ะ อ๊า อื้อ...”

เสียงแหบหวานครางโหยเมื่อสิ่งที่ตัวเองปล่อยให้รุกรานเข้ามาด้วยความเต็มใจนั้นกำลังรุกล้ำเข้าไปลึกขึ้นด้วยฝีมือของเขาเอง ความทรมานช่างยาวนานจนสดายุไม่อาจรั้งรอ ชายหนุ่มกัดฟันโถมน้ำหนักของตัวเองนั่งทับดุ้นไฟนั้นรวดเดียวจนสุดโคน ช่องทางตอดรัดส่วนแข็งขึงและร้อนจัดนั้นจนแน่นตื้อ ร้อนรุ่มเข้าไปจนถึงในสุดของร่างกาย

“อือ...ยุ...ข้างในคุณร้อนจัง...ดีเกินไปจนผมจะละลายแล้วนะ”

เมื่อถูกรัดถี่ๆทั้งที่ยังไม่ทันจะได้ขยับกายความสุขสมก็แล่นพล่าน ขนาดรุ่นใหญ่อย่างกฤตเมธยังแทบจะสกัดกลั้นอารมณ์โหดหื่นของตัวเองที่จะกระทุ้งแรงๆใส่ร่างข้างบนไม่ได้ และยิ่งได้เห็นว่าร่างนั้นเริ่มถ่ายเอนไปด้านหลังแล้วใช้สองมือประคองตัวกับต้นขาเคร่งครัดของเขา เพื่อต้องการโชว์ให้เห็นจุดเชื่อมโยงหมิ่นเหม่รำไรอย่างจงใจ กฤตเมธถึงกับหอบหายใจสะท้าน ‘จะยั่วกันไปถึงไหนเนี่ยเจ้าตัวแสบ!!’ 

“อา…อ๊ะ…อ๊ะ…อ๊า…อื้มมม…” สดายุครางเครือออกมาแผ่วเบา ด้วยแรงอารมณ์ที่กระพือโหม พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากบนน้อยๆ
ภาพตรงหน้าเซ็กซี่เย้ายวนจนแทบขาดใจ จนกฤตเมธต้องจ้องมองอยู่อย่างนั้นเพราะไม่อาจกระพริบตา

สดายุบิดกายเร่านำพากลีบเนื้อนุ่มแนบเข้ากับความโอฬารที่ตั้งผงาด ชั่วขณะที่ทิ้งตัวลงไป ส่วนปลายที่เสียดสีอยู่กับปากทางก็จมหายเข้าสู่ส่วนลึกแทรกเข้ามาจนสุดความยาวในรวดเดียว ผลุบเข้าผลุบออกตามแรงขยับอยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยอ่อนลงแต่อย่างใด

“อ๊ะ…ดีจัง…อื้อ…มะ…เมธครับ…ดีมั้ย…อ๊ะ…ดีมั้ย…” สดายุถามคนใต้ร่างขณะขยับกายถี่ บดขยี้ช่องทางหวานล้ำของตนกับแท่งไฟร้อนระอุของกฤตเมธเป็นการเอาใจคนแก่แบบถึงลูกถึงคน

“ดีครับยุ…อือ…ดีสุดๆ...” กฤตเมธตอบเสียงพร่า ทั้งที่ยังคงจ้องใบแดงก่ำของหน้าสดายุไม่วางตา ชายหนุ่มยิ้มร้ายที่มุมปากก่อนกระแทกร่างสวนขึ้นโดยแรงแทนคำขอบใจ

"โอ๊ว! อื้อ...ตาลุงลามก!" การขยับกายรุนแรงอย่างกะทันของกฤตเมธทำเอาสดายุเสียศูนย์เพราะไม่ทันได้ตั้งหลัก จุดอ่อนไหวในร่างถูกกระทุ้งถี่จนสดายุแทบสิ้นเรี่ยวแรง

"อือ...ก็ผมอยากช่วย อา...กลัวยุจะเหนื่อย..." กฤตเมธตอบพร้อมยิ้มร้ายอย่างเป็นต่อ สดายุเม้มริมฝีปากแน่นทันทีที่รู้ว่ากำลังโดนหยอก อยากช่วยดีนัก งั้นก็...

ในขณะที่กฤตเมธขยับกายไม่หยุด สดายุก็ขยับกายเปลี่ยนท่า กฤตถึงกับต้องกัดฟัดกรอดเพื่อระงับอารมณ์พลุ่งพล่านที่กำลังจะถึงแหล่ไม่ถึงแหล่ของตน เมื่อได้เห็นท่าใหม่ของกิจกรรม ท่าใหม่ที่ยกระดับความเซ็กซี่อารมณ์หวามของเขาแทบทะลุจุดเดือด ท่าที่สองเข่าที่เคยยันอยู่กับพื้นค่อยๆยกขึ้นตั้งชันทั้งที่กายบางยังแอ่นเอนไปทางด้านหลัง จงใจเผยให้เห็นส่วนที่เชื่อมโยงกันอยู่อย่างเต็มตาไม่มีกั๊ก ความปรารถนาของสดายุที่ตอนนี้ตั้งชันจนมีหยาดทิพย์หลั่งชุ่มทั่วส่วนปลายนั้นขยับขึ้นลงตามแรงเขยื้อนของเจ้าของที่ยังคงขย่มร่างตามแรงหฤหรรษ์ไม่รู้จักสิ้นสุด ‘วิวดีเกินไป’ จนกฤตเมธยังต้องลอบกลืนน้ำลายดังเอื๊อก เห็นท่าจะไม่ได้การกฤตเมธเลยต้องรีบยกตัวขึ้นเพื่อเป็นฝ่ายเดินเกมเองบ้างไม่อย่างนั้นเขาคงจะแตะขอบฟ้ากันเสียดื้อๆในอีกไม่กี่วินาทีนี่แหละ! แล้วคงโดนเจ้าตัวแสบคนนี้ข่มไปอีกนานเลยทีเดียว เดี๋ยวจะหาว่า นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ!!

"อ๊ะ!!!" สดายุร้องออกมาเสียงไม่เบานักเมื่อจู่ๆก็ถูกกฤตเมธจับรวบลงไปนอนแบใต้ร่างทั้งๆที่ยังเชื่อมกายกันอยู่ และในระหว่างที่ยังไม่หายตกตะลึง ก็ถูกกระซิบเบาๆที่ข้างแก้ม

"ให้ผมปรนนิบัติคุณบ้างนะ...นอนเล่นไปก่อนได้เลย"

"อื้อ!! ไอ้ลุงหื่นนน!!....อ๊า!!!"

*
*
*
*
*

"ยุครับ...ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วนะ จะสิบเอ็ดโมงแล้ว"

กฤตเมธกระซิบหวานตรงริมหูสดายุหวังปลุกคนที่สลบเป็นตายกหลังกิจกรรมหวามหวานเมื่อเช้าให้ตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัว เพราะเขาจะมีเข้าฉากกันตั้งแต่บ่ายสองถึงค่ำ ดังนั้นกฤตเมธจึงตั้งใจที่จะพาสดายุไปหาข้าวเที่ยงทานกันก่อนเข้ากองถ่าย

"อือ....ขออีก 5 นาทีนะครับ..." ทว่าสดายุยังคงขี้เซาเพราะเขาหมดเรี่ยวหมดแรงแล้วจริงๆจากการ 'ปรนนิบัติ' ขั้นเทพของกฤตเมธที่ทำเอาสดายุเกือบถึงขั้นตรีฑูต

"ฮื่อ...อย่างอแงสิครับยุ เดี๋ยวไปไม่ทันนะ ลุกเลยๆ" ไม่พูดเปล่า กฤตเมธช่วยพยุงร่างปวกเปียกของสดายุให้ลุกขึ้นด้วย "เดี๋ยวผมช่วยอาบน้ำให้นะ" แถมด้วยเซอร์วิสเบาๆด้วยการออกตัวว่าจะช่วยอาบน้ำ เล่นเอาสดายุที่ยังคงนั่งตาปรือถึงกับส่ายหน้าพรืด

"ผมอาบเองได้ครับ ไม่ต้องบริการขนาดนั้นหรอก"

"ก็ผมอยากไถ่โทษนี่นา...ทำคุณเหนื่อย..." กฤตเมธอธิบายด้วยสายตากรุ้มกริ่ม สดายุชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินเพราะนั่นหมายถึงเขามันอ่อน แค่โดนคนแก่จับกดรอบเดียวก็ถึงกับหมดเรี่ยวหมดแรง เจ็บใจแต่ก็เถียงไม่ออก เลยทำได้แค่จ้องหน้ากฤตเมธจนตาคว่ำเท่านั้น

"เลิกทำหน้าหื่นได้แล้ว! ชิ เปลืองตัวชะมัด" สดายุบ่นพร้อมผลักอกกฤตเมธที่ยื่นหน้าเข้าใกล้ให้ออกห่าง ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าเพื่อเตรียมตัวไปกองถ่าย

กฤตเมธยิ้มร่าเมื่อเห็นสดายุเดินขโยกเขยกจากไป เสื้อเชิ๊ตตัวเดียวที่คลุมร่างอยู่นั้นไม่สามารถปกปิดสิ่งต่างๆที่ไหลย้อยลงมาตามเรียวขาได้เลย แค่ได้เห็นกฤตเมธก็ถึงกับเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความเขินเล็กๆ  'เฮ้อ...อยากเข้าไปช่วยล้างจังเลย...'

กฤตเมธยิ้มกับตัวเองเล็กๆ เมื่อคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวาน คิดถูกจริงๆที่เมื่อวานเขาตัดสินใจไปคุยกับเสน่ห์จันทร์ เขารู้สึกได้เลยว่าหลังจากตอนนั้น สดายุดีกับเขาขึ้นมาก แม้ก่อนหน้านั้นอีกฝ่ายจะเคยบอกรัก หรือทำตัวว่าง่าย แต่ก็ไม่เคยออดอ้อนหรือเป็นกันเองขนาดตอนนี้ ก่อนหน้านั้นสดายุไว้ตัวมาก อ่อนให้เขาก็แค่พอประมาณ อ้อนก็แค่เป็นพิธี นิดหน่อยก็พร้อมจะถอยห่างเขาได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะเมื่อมีเรื่องของชิดจันทร์เข้ามาเกี่ยวข้อง กฤตเมธได้แต่ถอนหายใจโล่งอกว่าดีจริงที่ตัดสินใจได้ทัน เคลียร์ทุกอย่างให้จบก่อนที่สดายุจะเลิกวางใจในตัวเขาแล้วพยายามหนีหายไปจากอีก ทำให้วันนี้ได้เห็นปฏิกิริยาน่ารักหลายๆอย่างที่คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น การกอดจากด้านหลังเพื่ออ้อนขออาหารอย่างเมื่อเช้าเป็นต้น


‘...พี่รักยุนะยุ แม้ว่ามันจะยากเย็น แต่พี่สัญญาว่าจะฝ่าฟันมันไปให้ได้ ขอร้องนะครับยุ ให้พี่ได้รักยุ ให้พี่ด้อยู่เคียงข้างยุ…'

‘ยุก็รักพี่เมธครับ ยุไม่เคยยึดติดกับใครเท่าพี่เมธมาก่อน พี่เมธครับได้โปรด...ได้โปรดอย่าหักหลังความเชื่อใจของยุ...'

‘ครับพี่สัญญา…'



นั่นคือถ้อยคำรักที่เขามอบให้กันเมื่อคืน หลังจากความเร่าร้อนมอดลง พวกเขาพูดมันออกมาจากหัวใจ และตั้งใจที่จะรักษามันเอาไว้ให้ได้ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจอยู่

ไม่มีใครหยั่งรู้อนาคต แต่พวกเขาก็อยากจะรักษากันและกันไว้ให้ได้นานที่สุด



“เหม่อไรลุง? เรียกนานแล้วนะ หลับในเหรอ?”

“อ้าว แต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ?”

“กี่โมงแล้วครับ นั่งหลับในจริงๆใช่มั้ยเนี่ย? ไม่สบายหรือเปล่า?”

ไม่พูดเปล่าสดายุใช้มือของตนลองอังเข้าที่หน้าผากของกฤตเมธดูด้วย เพื่อวัดว่าอีกฝ่ายมีไข้อย่างที่ตนกังวลหรือไม่ ท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแบบนั้นเรียกรอยยิ้มของกฤตเมธได้ทันที ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือขึ้นมาจับมือของสดายุลงมาจูบเบาๆ

“เฮ้อ…อยากป่วยจัง ยุจะได้ดูแลผมเยอะ” จูบเสร็จก็ตบคำอ้อนตามประสา

“มากไปลุง ไปกันได้แล้ว” สดายุเอ็ดขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยปากเร่ง

กฤตเมธยิ้มกว้าง แล้วลุกขึ้นหยิบข้าวของเตรียมตัวออกจากห้องอย่างที่สดายุว่า ทั้งคู่เดินจูงมือกันออกมาตั้งแต่ห้องนอน จับมือกันไว้อย่างนั้นจวบจนหน้าประตูห้อง

ทั้งสองหนุ่มยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโน้มตัวเข้าหากันเพื่อมอบจูบแสนหวานให้กันและกัน

จูบนั้นอ่อนหวาน เนิ่นนาน อ้อยอิ่ง เสียงจุ๊บดังขึ้นเบาๆ เพียงครั้งเดียวตอนที่ริมฝีปากของทั้งคู่ผละจากกัน

กฤตเมธตระกองแก้มของสดายุไว้แล้วมอบจุมพิตที่หน้าผากมนอีกครั้งเป็นการทิ้งท้าย

สดายุเองก็หอมแก้มกฤตเมธเป็นการทิ้งทวน

ก่อนที่จะปล่อยมือจากกันเมื่อกฤตเมธบิดลูกบิดประตู



ในห้องน้อยห้องนี้คือโลกของพวกเขาทั้งใบ

แต่นอกนอกประตูบานนี้คือโลกแห่งความจริงที่พวกเขาต้องเผชิญ



ประตูบานน้อยปิดลง พร้อมทั้งสองร่างที่หันหลังเดินคนละทาง กฤตเมธลงบันไดหนีไฟไปต่อลิฟท์ที่โซนหลัง สดายุลงลิฟท์หน้าไปต่อที่ลานจอดรถ

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ภาระนี้จะสิ้นสุดลง

ไม่รู้เมื่อไหร่ที่เขาทั้งสองคนจะสามารถเดินจับมือกันออกสู่โลกแห่งความจริงได้เสียที


***********************************************************************************
ขอโทษที่ช้านะจ๊ะ
ช่วงนี้งานเก๊าชุม กลุ้มรุม จนอยากจิร้องไห้....

เจ๊บลู...กำลังสับสนหนัก เมื่อต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองขนานหนักจากเคยตั้งใจจะตั้งรับ กลับเป็นตัวรุกซะงั้น!

บดินทร์ & ดนัย : คู่ดาร์ค ที่ยังไม่มีอนาคต

เมธ x ยุ : ยังรักกันดี เพราะตัวแปรหลักๆยังไม่ค่อยมีบท

อ๊อด*กมล  : คู่รุ่นใหญ่รอไปก่อน บทน้อยท้ายเรื่องจิมาโผล่จ๊ะ

พอร์ช x รุจน์ :  ใครคิดถึงคู่นี้...ตอนหน้าเจอกันเน่อ

ขอบคุณค๊าบบบบ....จุ๊บๆๆๆ

ปล. คุณพระ! 5 คู่!!
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 01-08-2014 23:53:34
คิดถึงน้องยุที่สุดอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 02-08-2014 00:00:23
แง๊งงงงงงงงงงงงงง
บลูอย่าใจร้ายกับซอลนักสิ รีบเข้าใจกันไวๆ
ส่วนบดินทร์นี่ยังไง แลดูเป็นคนขี้เหงาไร้เพื่อน อะไรแบบนั้น  รึจริงๆแล้วทุกอย่างถูกบิดเบือน  จริงๆแล้วไม่ได้หักหลังยุใช่มั้ย  ใช่อะไรแบบนั้นรึเปล่า  ตอนนี้ก็กลายเป็นคู่กัดกับดนัยไปแล้ววว แย่แน่ๆๆๆ

ส่วนตาลุงหื่นกับน้องยุ นี่ก็จับกินกันทั้งวัน  อร๊ายยยยยยยยยยย
มันจะเขินเกินไปแล้วววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 02-08-2014 00:17:04
อยากอ่านบลู&ซอลต่ออ่ะ เจ๊บลูจะเปลี่ยนขั้วรึป่าว อิอิ
ดนัย&บดินทร์ คู่นี้ท่าจะดุเด็ดเผ็ดมัน
ปล.รีบมาต่อไวๆนะคะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 02-08-2014 00:45:36
กินกันเองซะเรียบเบยยย เรื่องนี้ไม่เหลือผู้ไว้ให้ชะนีทำพันธ์เลยแฮะ 5555  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 02-08-2014 00:55:03
อ๊าาาาาา อยากอ่านคู่ซอล-บลู เเบบว่ากำลังรักคู่นี้ๆ มากๆ
ซอลน่ารักๆ สุด ส่วนบลูก็กำลังสับสน อิอิ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 02-08-2014 01:16:40
โอ้ยยย!! หายไปนานแต่ก้ออิ่มเมื่อกลับมา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 02-08-2014 01:24:07
'เฮ้อ....อยากเข้าไปช่วยล้างจังเลย....' <=อย่างหื่นอ่ะลุง>.<"
เรื่องของยุกับดินเนี่ย ปมเยอะกว่าที่คิดไว้อีก  :hao3:
ส่วนคู่เจ๊บลูกับซอลย่า เจ๊บลูเริ่มรู้ความรู้สึกจริงๆของตนแล้ว :katai2-1:
(อยากให้มีฉากเจ๊บลูตามง้อซอลจังเลย คงฟินน่าดู  :-[)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 02-08-2014 07:08:01
เจ๊บลูรู้ใจตัวเองแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 02-08-2014 08:22:23
ลุงไปไหนไม่รอดแล้ว เจอยุ ขี้อ้อนขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 02-08-2014 08:30:47
ยาวสะใจคนอ่านเลยคร่า 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 02-08-2014 09:33:36
55555....แต่งให้มันส์ไปเลยคร๊า!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: cinquain ที่ 02-08-2014 10:12:32
อ่านบลู-ซอล น้ำตาซึม
อ่านบดินทร์-ดนัย โอ การแก้แค้นกำลังจะเริ่ม
อ่านเมธ-ยุ หวา อึดทั้งคู่  :mew3:
ขอบคุณที่มาต่ออย่างยาวให้ชื่นใจค่ะ
คนเขียนสู้ต่อไปค่า  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 02-08-2014 10:13:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 02-08-2014 10:26:40
น้องยุแซ่บเว่อร์อ่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: four4 ที่ 02-08-2014 10:34:09
น้องยุ กับพี่เมธ ฟินนนนนนนนนนนนนนนนนนนเจ้าค่าาาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 02-08-2014 10:35:43
ชอบคู่บลูซอลอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 02-08-2014 10:48:56
คู่น้องยุนี่ก็หวานกันจนมดขึ้น เลือดสาดกระจายจริงๆ อิอิ

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 02-08-2014 11:35:30
 :-[  แต่ละคู่ช่างน่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 02-08-2014 11:58:21
หน่วงตับคู่แรก

ปมรอให้เฉลยคู่ สอง มันส์แน่ แรงทั้งคู่

คู่ สาม น้ำตาลคาจอ เลือดนองเต็มพื้นเลยจ้า

สุดท้ายยย รออ่านตอนตีอไปนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 02-08-2014 12:16:47
บลูซอล เจ้บลูเมื่อไหร่จะรู้ตัวเนี่ย ซอลร้องจนน้ำตาจะหมดตัวแหล่ะ

เมธยุ ชอบตอนนี้ ยุยั่วเล็กๆแต่น่ารัก เฮียเมธก็อบอุ่น  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 02-08-2014 13:48:11
อ่าา ฟินกับความหวานของลุงกับยุ   :m25:
แต่คู่ดนัยดูน่าติดตาม หึหึ  o18
เจ๊บลูอย่าลืมไปเข้าคอร์สฝึกเป็นสวามีที่ดีนะ ฮ่าๆ  :jul3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 02-08-2014 15:48:45
คู่หลักหวานแหววดีมาก อิอิ

อยากอ่านสองคู่หลังอะ 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: blanchet ที่ 02-08-2014 16:23:53
อู้ยยย อยากอ่าบบลูซอลต่ออ บดินทร์ก็น่าสงสารดนัยดูร้ายจัง
คู่หลักนี่หวานกันไปละนะะ :z1:  รอค่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 02-08-2014 19:21:54
ถูกใจคู่ดนัย บดินทร์ ชอบแนวนี้ 555
ส่วนคู่หลักก็หวานไปนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 02-08-2014 19:28:10
คู่สุดท้ายนี่ เรียกเลือดนะค้าาาาา :jul1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 02-08-2014 20:31:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

คู่ที่สามเนี่ย ทำเลือดกระฉูดดด  :pighaun: :pighaun: :pighaun:

บลูม่ารีบๆเคลียร์กับซอลย่าเร็วๆน้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 02-08-2014 21:40:14
ดนัยxบดินทร์ แซ่บเว่อร์!!!!!!!
อ่านแล้วมีความรู้สึกอดสงสารบดินทร์ไม่ได้
เชื่อว่าบดินทร์ต้องเจ็บหนักเรียกโศกาแน่นอน
ชอบแนวนี้ก็ชอบ แต่ก็สงสารเช่นกัน
ดนัยเพลาๆมือหน่อยนะ
สองคำ สง-สาร!!!><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 02-08-2014 21:43:56
ความลับของบดินทร์คืออะไร!!  อยากรู้ววว  :serius2:
แอบหมั่นไส้เจ๊บลู เพิ่งจะมาคิดเอะใจ ซอลย่าช้ำไปทั้งตัวแล้ว  :m15:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 02-08-2014 22:21:21
บดินทร์มีเรื่องอะไรในใจกันแน่ หรือจริง ๆ บดินทร์มีเหตุผลที่ทำแบบนั้นกับสดายุ ดนัยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเลยข่มใหญ่เลย สงสารบดินทร์หน่อย ๆ ดูท่าจะมีอะไรแน่ ๆ ส่วนบลูซอลย่าคุยกันให้เข้าใจได้แล้วนะ เมธดูแลยุดี ๆ นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-08-2014 23:06:23
คู่หลักนี่ยังจะมีดราม่าอยู่เหรอครับ? พอได้แล้วมั้งครับ ทำใจไม่ไหว T^T
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 03-08-2014 09:14:05
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-08-2014 15:23:51
สามต่อ!!!! ปลื้มฝุดๆ ^{}^
เอาคู่เจ้ใหญ่ก่อน อารมณ์บลูตอนนี้ประมาณว่า เพิ่งเห็นว่าสำคัญก็ตอนที่กำลังจะเสียเขาไป
แบบว่าอึนอ่ะ รอนะ ลุ้นให้ทั้งคู่สมหวังกันอยู่นะ
ส่วนคู่ดาร์ค สะใจมากกกกกก แอบแค้นแทนน้องยุมากเลย จับเอาดนัยมาปราบเกรียนแบบนี้มันส์เลย
แต่อยากรู้มากเลย เหมือนดินทร์เป็นเด็กเก็บกดเลยอ่ะ อยากรู้เบื้องลึกจริงว่าเป็นไงมาไงถึงทำให้กลายมาเป็นคนแบบนี้
คู่โลลิ ลุงหื่นกับเด็กยั่ว หวานน้ำตาลขึ้นเหมือนเดิมไม่มีเกรงใจคู่อื่นๆเขาเลย คู่อื่นเขาซดมาม่ากันคู่ตัวเองนี่นั่งป้อนไข่หวาน
แต่ชอบนะหลังผ่านมรสุมแล้วต้องเจอฟ้าใสสิเนอะ
รอตอนต่อไปอยู่นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 04-08-2014 17:22:49
ชูป้ายเชียร์เจ้บลูเนี่ยละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-08-2014 17:23:23
บลูจ๊ะรีบค้นหาความจริงได้แล้ว
ส่วนบดินเหมือนมีความลับซ่อนไว้ แต่ดูท่าดนัยจะปราบอยู่
พี่เมธกับน้องยุ สุดฟินนนนนนนนน อยากจะให้หวานอย่างนี้ตลอดแต่ดูท่าว่าจะไม่เป็นงั้นอ่ะ
ในเมื่อมาม่ามันยังไม่จบเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 06-08-2014 21:47:40
มารออ่านนุ้งพอร์ชกับนุ้งรุจ รอคู่นี้มานานแว้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 06-08-2014 22:13:10
คู่ดนัยบดินทร์ต้องแซ่บเวอร์ เพราะมาแนวแก้แค้นให้สาสม อิอิ

ตอนนี้น้องยุกับลุงแก่จอมหื่น หวานกันจังน้าาาา  หวานไม่แคร์สื่อ (เพราะในห้องไม่มีสื่อ 5555)

อยากให้ได้เปิดตัวกันเร็วๆจัง  เดี๋ยวสาววายอย่างเราๆจะไปช่วยถือป้ายไฟเองนะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 06-08-2014 22:29:10
คู่น้องยุกะลุงหื่นหวานเว่อร์ หุหุ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 06-08-2014 23:21:50
บดิน กะ ดนัย โผล่มาแบบเอาเรางง ฮา ฮา
สรุปเรื่องนี้ ห้า คู่ ขุ่นพระ!!! :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 09-08-2014 19:32:06
 :haun4: :haun4: :haun4: :haun4: :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 18-08-2014 00:50:18
คนเขียนเอย เธอว์จงมาต่อไวๆ  o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 20-08-2014 22:17:00
หลายวันแล้วน่า จะขาดใจแล้ว วอนคนเขียนเห็นใจมาต่อไวไวนะ :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-08-2014 16:20:27
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน




“คัทททททท เยี่ยม ดีมาก”

สิ้นเสียงคัทของอ๊อด เหล่าทีมงานที่ตั้งสมาธิเขม็งอยู่กับงานเมื่อครู่ก็ผ่อนลมหายใจคลายความตึงเครียด สองนักแสดงยืนอึนกันอยู่ครู่หนึ่งเพื่อปรับอารมณ์ 

จบไปอีกหนึ่งซีนของหมอธเนศและซอ พอดีเที่ยงครึ่งแล้ว จึงพักทานข้าวกล่องกัน เพื่อจะรอถ่ายทำต่อในช่วงต่อไปในส่วนของซีนสุดท้ายของวัน ของพอร์ชและรุจน์

“จะกินอะไรรุจน์?”

"มีไรบ้างอ่ะ"

"หลายอย่าง"

"งั้นเอากะเพราะหมูไข่ดาว"

"หมด มีแต่กะเพราะไก่"

"เชี่ย ไม่เอาไม่กินไก่ เดี๋ยวเป็นเก๊า งั้นเอาข้าวผัดหมูก็ได้"

"ไม่มี มีแต่ข้าวผัดกุนเชียง"

"บร๊ะ! ไหนว่ามีหลายอย่างไง! เออๆ เอาข้าวผัดกุนเชียงก็ได้!"

รุจน์โวยวายอย่างหัวเสียเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาท่องบทต่อ

"อ่ะ กะเพราะหมูไข่ดาว"

"...? อ้าว ไหนว่าไม่มี?"

"...กูล้อเล่น"

"เชี่ยยยยยยย!" รุจน์ถึงกับสบถสรรเสริญพร้อมถลึงตาจ้องพอร์ชจนตาเขียวทันทีที่รู้ว่าโดนแกล้ง  เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนในกองถ่ายเคยชินกันเป็นอย่างดี ถึงความสัมพัธ์แน่นแฟ้นของสองเพื่อนรัก ที่ทะเลาะกันได้ทุกวี่วันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องที่รุจน์โดนพอร์ชแกล้งแทบจะทุกอิริยาบทนั่นเอง

ภายนอกที่ทุกคนเห็น พอร์ช รุจน์ ยังคงหยอกล้อเล่นกันฉันท์เพื่อนเหมือนเดิม ทว่า...

ทั้งสองคนต่างรู้อยู่แก่ใจดีว่า แม้จะหยอกเย้ากันเช่นเดิม แต่มันกลับไม่มีกระแสแห่งความชื่นมื่นเหมือนดังเช่น ที่เกิดขึ้น ณ มัลดีฟส์

ณ ที่นั่นที่พวกเขาได้ผูกพัน

ที่แห่งนั้นคือดินแดนแห่งความฝันที่เขาทั้งคู่สามารถจับมือกันก้าวข้ามทุกสิ่ง...แต่

ที่นี่คือความจริงที่ทั้งคู่ต้องยอมรับ

แม้ว่าตอนกลับมากระแส ‘จิ้น’ ระหว่างพอร์ชและรุจน์จะยิ่งหนาหูขึ้น เนื่องจากมีข่าวว่าได้แสดงหนังอินดี้เรื่องนี้คู่กัน  แต่การเป็น "คู่จิ้น" ไม่ได้หมายความว่าหากเกิดจะรักกันจริงๆแล้วจะได้รับการยอมรับเสียหน่อย โดยเฉพาะกับเขาทั้งคู่ ที่ตอนนี้ยังเป็นเพียงนักแสดงหน้าใหม่ อนาคตจะรุ่งจะร่วงก็อยู่ที่การวางตัว อนาคตในวงการของพวกเขายังอีกยาวไกล บันไดดาวก็ยังสูงขึ้นไปอีกหลายขั้น ซึ่งนั่นหมายความว่า....

สิ่งที่ทั้งพอร์ชและรุจน์ทำได้ คือการทำตามหน้าที่ ไม่ใช่การทำตามหัวใจ...

ดังนั้นนี่จึงเป็นสิ่งที่ทั้งคู่รู้อยู่แก่ใจ และตัดใจทิ้งมัลดีฟส์ไว้เบื้องหลัง...ให้เหลือไว้ เพียงแค่ความทรงจำ...

*
*
*
*
*


"ไง คู่จิ้น"

"พี่ยุ พี่เมธ! หวัดดีครับ"

บ่ายโมงตรงกฤตเมธและสดายุก็เดินทางมาถึงกองถ่าย ซึ่งขณะนั้นทั้งพอร์และรุจน์กำลังจะเริ่มถ่ายซีนสุดท้ายกันอยู่พอดี

รุจน์ดีใจจนแทบจะถลาเข้าไปกอดสดายุทันทีที่ได้เจอหน้า ด้วยความคิดถึงมหาศาล เพราะตั้งแต่ที่กลับจากมัลดีฟส์มาก่อนร่วมสองเดือนแล้วที่ไม่ได้เจอกันเลย

ฉากถ่ายทำในเมืองไทยในช่วงแรกนั้นเป็นของกฤตเมธ แตงกวา และสดายุแทบทั้งหมด เพิ่งจะมาแบ่งเป็นของพอร์กับรุจน์ก็ตอนที่สดายุไม่สบาย หลังจากนี้ไปคิวการถ่ายทำก็จะสับหว่างไปมาระหว่างทั้งสองคู่ แถมกำหนดการจากนี้ไปจะเป็นการลุยถ่ายแบบหามรุ่งหามค่ำ ข่าวว่าต้นสังกัดเร่งรัดเวลาถ่ายทำจาก 9 เดือนเป็น 7 เดือน เล่นเอาหืด ไม่รู้ทางผู้จัดคิดอะไรกันขึ้นมาเลยมาเร่งปิดกล้องเพื่อจะลงโรงให้ทันปลายปี ดังนั้นหลังจากนี้ไปคิวถ่ายทำจะเข้มข้นขนาดที่ว่าบางวันอาจเกิน 25 ชั่วโมง!

“ไง ไอ้หนู ยังเล่นผิดเล่นถูกอยู่หรือเปล่า?” สดายุถามขึ้นด้วยความเอ็นดู พลางลูบผมฟูนุ่มของรุจน์ไปพลาง

“โห พี่ยุอ่ะ รุจน์เก่งขึ้นแล้วครับพี่ ไม่ผิดเลยสักไดอะล็อค...” ฝ่ายรุจน์เองก็โม้ออกไปเต็มที่ จมูกยื่นจมูกยาว แต่ยังไม่ทันไร...

“แต่เทคไม่นับยับเยินครับ” รุจน์ก็โดนพอร์ชเบรคอยู่ข้างหลังจนหน้าแทบทิ่ม

“ชิ! ไอ้พอร์ช ไอ้เวร!” ทำให้รุจน์ต้องหันไปค้อนปะหลับปะเหลือกเลยทีเดียว

ทั้งสองคนยังคงเป็นน้องที่น่ารัก สดายุยิ้มพราวพร้อมขำออกมาเล็กๆ แต่เพียงแค่นั้นก็มีเสน่ห์จนพอร์ชและรุจน์เผลอจ้องจนเคลิ้ม ‘เฮ้อ...พี่ยุเรานี่ หล่อโพดๆ’

เคลิ้มกันอยู่ได้เพียงนิด ทั้งพอร์ชและรุจน์ก็ถูกอ๊อดเรียกเข้าฉาก หลังเลยเวลาพักมาร่วมสิบห้านาทีแล้ว สองหนุ่มกระตือรือล้น เข้าฉากทันที พลังหนุ่มเหลือเฟือจนสดายุนึกอิจฉา แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มน้อยๆและมองตามทั้งคู่ที่กำลังคุยคิวกับอ๊อดอยู่อย่างนึกเอ็นดู

และเพียงอึดใจต่อมา การถ่ายทำก็เริ่มขึ้น ได้ยินว่าเป็นการต่อบทที่ยาวพอสมควร สดายุและกฤตเมธจึงยืนเฝ้าดูไม่ห่าง เพราะการต่อบทยาวขนาดนี้ถือเป็นการท้าทายความสามารถของนักแสดงรุ่นใหม่อยู่ไม่น้อย นักแสดงรุ่นพี่อย่างสดายุและกฤตเมธจึงอยากเห็นเหลือเกินว่าเลือดใหม่ไฟแรงอย่างพอร์ชและรุจน์จะสามารถทำออกมาได้ดีแค่ไหน




แอ็คคคคคค.....ชั่น!!
"คบกับฉันได้มั้ย?"   ทันทีที่สิ้นคำสั่งเดินกล้อง พอร์ชก็เริ่มไดอะล็อกแรกขึ้นมาทันที สีหน้าท่าทางและอารมณ์ที่สื่อออกมาทำได้ดีจนสดายุและกฤตเมธยังต้องอมยิ้มพึงใจ คนหน้ากล้องนั้นไม่ใช่พอร์ชที่พวกเขารู้จักอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นคุณหมอธเนศผู้แสนจะจริงจังต่างหาก

"อ...พูด...พูดอะไรออกมาน่ะ!!? บะ บ้ารึ..ง....อื้อ!!?"  ร่างบางกว่าชะงักเล็กน้อยเมื่อถูกคว้าหลังคอรั้งเข้าไปบดจูบโดยแรง ใบหน้าผู้กระทำเคร่งเครียด ใบหน้าของผู้ถูกกระทำก็ร้อนรนปนตื่นตระหนก ทั้งพอร์ชและรุจน์สื่อมันออกมาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะรุจน์ที่แข็งขืนฝืนเกร็งอยู่ในอ้อมกอดของพอร์ชได้อย่างแนบเนียนประหนึ่งถูกซอลงประทับร่าง

"อ๊ะ...อื้อ...ปล่อยนะ!!...อื้อ...อึก..." ทันทีที่รุจน์ผลักไส มือปลาหมึกของพอร์ชก็คว้าเขาไปกอดแล้วรุกรานริมฝีปากบวมเจ่อนั่นอีกคำรบ บดขยี้จนคนในอ้อมแขนมือไม้อ่อน ถึงจะยอมคลายแรงกอดรัด หากริมฝีปากยังคงอ้อยอิ่ง ราวกับเสียดายเหลือเกินที่จะผละจาก

จากนั้นก็มีทั้งการตบหน้า กับผลักดันตรึงกันเอาไว้ที่บานประตู ไดอะล็อกยาวยืด ถูกต่อบทกันออกมาอย่างลงตัว อารมณ์ที่ส่งออกมาแม่นยำ แม้ว่าทางรุจน์จะแอบหลุดเล็กน้อย แต่ก็มีการแสดงของพอร์ชคอยด้นสดอุดช่องโหว่เอาไว้ให้ได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งสดายุและกฤตเมธถึงกับต้องกระซิบกระซาบชื่นชมไม่ขาดปาก ไอ้เด็กเลือดใหม่ไฟแรงพวกนี้ ทั้งที่เพิ่งเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน เผลอแป๊บเดียว ความสามารถทางการแสดงจะเทียบทันรุ่นเก๋าอย่างพวกเขาเสียแล้ว...อันตรายจริงๆ (หัวเราะ)

การแสดงของรุจน์และพอร์ช ลื่นไหลตรึงสายตาของนักแสดงรุ่นพี่เอาไว้ได้ถึงขนาดว่าลืมเวลากันเลยทีเดียว  เสียงสั่งคัทดังขึ้นหลังจากนั้น เป็นการจบซีนของหมอธเนศและซอ อย่างงดงาม รุ่นใหญ่ยอมรับจากใจเลยว่ารุ่นใหม่อย่างพอร์รุจน์นั้นเตรียมตัวมาดีจริงๆ มีถ่ายแก้แค่ช่วงหลังไม่กี่เทคเท่านั้น ทั้งที่ตอนเริ่มแสดงแรกๆ ยังเทคยับไม่ต้องนับรอบอยู่เลยแท้ๆ

"พอร์ชกับรุจน์แสดงกันดีขึ้นนะว่ามั้ย?" สดายุเปรยขึ้นกับกฤตเมธเบาๆ ขณะกำลังเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย

"คงเพราะไม่เขินกันเหมือนช่วงแรกแล้วมั้ง แล้วช่วงซีนหลังๆเนื่ยก็ไม่มีเลิฟซีนแรงๆแล้วด้วย คงเล่นง่ายขึ้น" 

"อืมมม...นั่นสินะ แต่ผมว่า...มันยังมีอะไรขาดๆระหว่างสองคนนั้นอยู่นิดหน่อยนะ แต่ไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร..."

"ความสด...ละมั้ง"

"หืม? อะไรของคุณอ่ะเมธ ความสด?"

"ก็อารมณ์ที่แสดงออกมาสดๆไงล่ะ ซีนแรกๆที่มัลดีฟส์สองคนนั้นยังใหม่อยู่ เลิฟซีนที่ออกมาจึงล้วนมาจากอารมณ์คงามรู้สึกในส่วนลึก มากกว่าการปั้นแต่งอย่างเช่นตอนนี้ไงล่ะ นั่นแหละที่เรียกว่าความสดล่ะ"

"อืม...จริงด้วย สองคนนั้นเก่งขึ้นก็จริง แต่มองแล้วไม่รู้สึกจั๊กกะจี้เหมือนเมื่อก่อน"

สดายุสรุปความตามที่กฤตเมธอธิบาย ความจริงสดายุเองก็พอจะรับรู้ได้นิดหน่อยถึงความเปลี่ยนไปของเด็กใหม่ทั้งคู่ แต่ว่าความจริงแล้วมันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนั้นเขาเองก็ยากจะหยั่งรู้
*
*
*
*
*
"เออ ยุ เมธ มานี่มา ก่อนเข้าฉากพี่ขอคุยอะไรด้วยหน่อย" อ๊อดเอ่ยเรียกทันทีที่เห็นว่าสดายุ กับกฤตเมธ เตรียมตัวเข้าฉากเรียบร้อยแล้ว
 
"ครับ พี่อ๊อด" สดายุยืนอยู่ใกล้กว่ากฤตเมธ เลยเดินเข้ามาก่อน เพราะทางพระเอกของเขายังคงเติมแป้งไม่เสร็จ

อ๊อดถอนหายใจพรูยาว โอบไหล่สดายุให้นั่งลงข้างกัน ใบหน้าเคร่งเคียดพอสมควร

"มีอะไรรึเปล่าครับพี่? ไหงหน้าเครียดอย่างนั้นล่ะ ผมใจไม่ดีน๊า"

"ยุ...พี่ถามหน่อย เอ็งไปมีเรื่องอะไรกับท่านประธานวะ?" ไม่มีอ้อมค้อมตามสไตล์คนตรงไปตรงมาอย่างผู้กำกับอ๊อด สดายุที่ยิ้มหน้าเป็นอยู่เมื่อครู่ถึงกับหน้าตึงขึ้นทันทีที่ได้ยินคำถาม

"พี่...รู้แล้วเหรอครับ?" เสียงที่แหบเป็นทุนของสดายุ พร่าขึ้นเล็กน้อย

"เฮ้อ...ยุเอ้ย จะไม่ให้พี่รู้ได้ยังไงล่ะ เจ้าแม่เธอโทรมาคุยกับพี่เองตั้งแต่เช้าตรู่ บอกว่าให้พี่รีบปิดกล้องหนังเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะฉากถ่ายทำของเอ็งกับไอ้เมธ นางยื่นคำขาดว่าให้เวลาอีกแค่เดือนครึ่งเท่านั้น...พร้อมตบท้ายด้วยว่า เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายของสดายุและกฤตเมธ ทำให้ดี!..........โดนขนาดนี้ ให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว นอกจากเอ็งทั้งสองคนไปทำเรื่องระคายใจนางเข้าน่ะ" พี่อ๊อดร่ายยาว จังหวะที่กฤตเมธเดินมาสมทบพอดี สดายุหน้าตึงพูดอะไรต่อไม่ออก เงียบงันอยู่อย่างนั้นจนกฤตเมธต้องโอบไหล่ไว้เบาๆเพื่อเป็นการปลอบโยน

"...ขอโทษนะครับพี่อ๊อด...ที่พวกเราทำให้พี่ต้องลำบาก" กฤตเมธเปรยขึ้นโดย แต่นั่นไม่ใช่คำตอบที่อ๊อดอยากรู้

"เดี๋ยวเมธ ก่อนจะขอโทษน่ะ พี่ขอรู้เหตุผลก่อนได้มั้ย? ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?" ผู้กำกับวัยกลางคนถอนให้ใจเฮือกใหญ่ พร้อมกอดอกตั้งท่าขู่เข็ญ (ทั้งที่จริงๆแล้วที่คาดคั้นอยู่อย่างนี้ก็เพราะความเป็นห่วงเป็นใยล้วนๆ)

กฤตเมธและสดายุหันมองตากันเป็นเชิงปรึกษา ก่อนที่กฤตเมธจะเป็นฝ่ายเปิดปากอธิบาย

"เราสองคนไปคุยกับคุณเสน่ห์จันทร์แล้วว่า...เราคบกันอยู่"

"ห๊ะ!!?" สิ่งที่ได้ยินทำเอาอ๊อดถึงกับอุทานเสียงหลง

"และพร้อมออกจากวงการทันทีที่เรื่องมันแดงขึ้น"

*
*
*
*
*
"เฮ้ย พอร์ช พี่ๆเขาคุยอะไรกันวะ เครียดเชียว"  รุจน์ที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเรียบร้อยแล้วเอ่ย ถามเพื่อนรักด้วยความกังวล ปนความอยากรู้อยากเห็น

"เรื่องคิว เรื่องบท หรือไม่ก็เรื่องเวลาที่กระชั้นขึ้นละมั้ง"  ทว่าคำตอบที่รุจน์ได้จากพอร์ชนั้น ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกจริตเท่าที่ควร

"พอร์ช มึงนี่สนใจโลกมั่งป่ะวะ"

"สนใจแค่พอดีดีกว่านะรุจน์ มากไปจะกลายเป็นสอดนะ"   

".....เชี่ยยยยยย...มึงด่ากูอีกแล้วนะไอพอร์ช ไอ้เพื่อนเฮงซวย"

สุดท้ายก็ไม่ได้สาระอะไรเลย เพระก่อนที่จะคุยกันรู้เรื่องทั้งพอร์ชและรุจน์ก็ทะเลาะกันไปไกลเสียแล้ว (แต่ดูเหมือนจะมีแค่รุจน์ที่ทะเลาะอยู่ฝ่ายเดียวเสียมากกว่า)

เมื่อทำอะไรไม่ได้ รุจน์จึงได้แต่นั่งจดจ้องอ๊อด กฤตเมธ และสดายุอยู่อย่างนั้น เผื่อกระแสจิตหยั่งรู้ จะกระจายสายตรงไปถึงตรงนั้นให้เขาพอได้รับรู้ข่าวคราว....โอยยยยย...ไอ้รุจน์ อยากเผือกกกกกกก!!!!!

*
*
*
*
*
"โอย...ปวดหัวจี๊ดเลยว่ะ นี่...คิดดีกันแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนั้นลงไปน่ะ" อ๊อดถึงกับกุมขมับ เมื่อฟังคำปราศรัยของกฤตมธจบ ก่อนจะเกาคางที่เต็มไปด้วยหนวดเคราพร้อมตั้งคำถาม

"มันจวนตัวแล้วนี่ครับพี่ จะให้ผมทำยังไง" กฤตเมธพยายามอธิบาย

"...แล้วยุล่ะคิดดีแล้วใช่มั้ย? ที่ว่าจะใช้หนังเรื่องนี้เบิกทางกลับเข้าวงการน่ะ ล้มเลิกซะแล้วเหรอ?" อ๊อดถามสดายุที่ยังคงยืนนิ่งเงียบออกไป เรื่องนี้สำหรับกฤตเมธอ๊อดไม่ห่วง เพราะถึงยังไงกฤตเมธก็ตั้งใจจะออกจากวงการไปอยู่เบื้องหลังในไม่ช้านี้อยู่แล้ว แต่สำหรับสดายุที่ยังต้องอยู่ในวงการนี้ไปอีกนาน มันคงไม่ใช่ทางเลือกที่คู่ควร

"...ผม...ขอโทษครับพี่อ๊อด" เสียงแหบพร่าเอ่ยขอขมาต่อผู้กำกับที่ตนเคารพโดยไม่มีคำอธิบายเพิ่ม

"เฮ้อออออ....พอเลยพอ จะมาขอโทษพี่ไปทำไม พี่เองต่างหากที่วุ่นวาย แต่ขอเถอะ ขอพี่รู้หน่อย ว่ายุคิดยังไง ทำไมถึงวู่วามกันขนาดนี้ ไม่ได้อยากอยู่ในวงการอย่างที่เคยตั้งใจอีกแล้วจริงๆเหรอ?"  อ๊อดได้แต่ถามเสียงเครียด เพราะเขากังวลกับอนาคตของสดายุมากจริง

"คงเป็นเพราะ...ผมเหนื่อยเกินไปมั้งครับพี่อ๊อด วงการนี้ คงไม่ใช่ที่ของผมอีกแล้ว...ที่สำคัญ พี่อ๊อดก็รู้ว่าผมเบี่ยงเบนไปซะแล้ว อย่างที่พี่เคยเห็น นักข่าวไม่มีวันปล่อยให้พวกผมลอยนวลได้นานอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อไม่มีคุณเสน่ห์จันทร์คุ้มหัวเมธอีก"

"เฮ้อ...ทำไมเรื่องมันเลยเถิดไปไกลได้ขนาดนี้วะ?" ฟังความจบอ๊อดก็ได้แต่ถอนหายใจ สับสนวุ่นวายจนปวดหัว เบื้องบนก็คาดคั้น เบื้องล่างก็หยิ่งทะนง คนตรงกลางอย่างเขาเลยได้แต่ถอนหายใจเฮือกๆอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้

"เออๆๆ เอาเหอะ อนาคตก็ส่วนอนาคตละกัน ไม่มีใครหยั่งรู้หรอกทำตอนนี้ให้ดีก่อนก็พอ เอาล่ะ ไปเตรียมตัวถ่ายทำได้แล้ว อ่านคิวที่พี่ให้ไปแล้วใช่มั้ย?"

ท้ายสุดอ๊อดก็ได้แต่ปล่อยวางเรื่องหน้าปวดหัวระหว่างนายเหนือกับนักแสดงมือหนึ่งทั้งสองคนไปก่อน แม้ในใจจะยังหน่วงหนัก แต่ในฐานะผู้กำกับอย่างเขาย่อมทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการทำหนังเรื่องตัวเองรับผิดชอบอยู่ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และทำทุกวิถีทางเพื่อให้บทของตัวเอกทั้งคู่โดดเด่นน่าสนใจ และน่าจดจำที่สุด



การถ่ายทำดำเนินไปอย่างเข้มข้น ตั้งแต่บ่ายสองโมงยาวจนกระทั่งเกือบห้าทุ่ม เอาเป็นว่า อ๊อดตั้งใจจะให้จบซีนของกฤตเละสดายุที่ต้องถ่ายกันในโลเกชั่นนี้ให้ได้ภายในคืนนี้ หรืออย่างช้าคือวันพรุ่งนี้ แต่จนแล้วจนรอด สุดท้ายก็ต้องเลื่อนไปเป็นวันรุ่งขึ้นอยู่ดี เพราะโลเกชั่นที่ถ่ายทำกันอยู่นี้เป็นฉากของบ้าน ‘ตากล้องนคินทร์’ ที่หอบเอาคนรักอย่าง ‘ภุมรา’ มาอยู่ด้วย ทั้งเนื้อหาที่แน่นด้วยท้ายๆของเรื่องส่วนใหญ่จะใช้ฉากที่บ้านนี้ทั้งหมด ยังลำบากตรงเป็นฉากจบของเรื่อง โดยเฉพาะซีนสุดท้ายที่เป็นฉาก ‘แต่งงาน’ ด้วย ถึงแม้ว่าจะถ่ายทำกันมาจนเกือบจะแล้วเสร็จแล้ว แต่ตรงฉากแต่งงานนั้นซึ่งเป็นฉากจบนั้น ก็ยังต้องใช้เวลามากโขอยู่เช่นกัน

“คัทททททททททททททท”

เสียงสั่งคัทซีนสุดท้ายดังกังวาล ช่างหวานหูเพราะนี่คือเสียงที่ทุกคนรอคอย

“ดีมากๆ ทุกคนเยี่ยมมาก เอาล่ะ เดี๋ยวเก็บของให้เรียบร้อยแล้วแยกย้ายกันกลับได้เลย เฮ้ยไอ้ยุ มานี่หน่อย!” เสียงอ๊อดยังคงโหวกเหวก แม้ทุกคนจะแทบไม่ได้ฟังเพราะกำลังง่วนกับการเก็บของ และบางส่วนยังวุ่นอยู่กับการเตรียมฉากของวันรุ่งขึ้น ที่สำคัญ อ๊อดเรียกสดายุไม่ได้เรียกพวกตน

“เฮ้ยไอ้ยุ ได้ยินมั้ยเนี่ย โทรศัพท์เอ็งดังนานแล้วนะ!” เห็นว่าสดายุยังคงเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่สนใจ อนุมานว่าคงไม่ได้ยิน อ๊อดเลยตะโกนเรียกอีกครั้ง

“ครับๆ มาแล้วคร๊าบบบ อย่าเพิ่งกริ้วครับพี่อ๊อด” เสียงตวาดในตอนท้ายเล่นเอาสดายุสะดุ้ง แทบจะวิ่งมาแทบไม่ทัน พอมาถึงก็ทันรับสายพอดี ผู้ที่โทรมาก็ไม่ใช่ใคร ‘บลูม่า’ นั่นเอง

“ครับเจ๊” สดายุกรอกเสียงใส่มือถือทันทีที่เห็นว่าผู้โทรมาคือใคร
 
‘วู้ยยยย คุณน้องคะกว่าจะรับสายพี่ได้ พี่โทรจนสายจะไหม้แล้วเนี่ย ’ พอรับสายปั๊บเสียงแปร่งแหลมปรี๊ดก็ลั่นมาตามสาย จนสดายุถึงกับปวดแก้วหูจี๊ด ก่อนจะต่อบทสนทนาเสียงอ่อนเสียงหวาน
 
“โธ่ ก็ยุเพิ่งถ่ายเสร็จอ่ะ เจ๊อย่าเหวี่ยงสิครับ”
 
‘อุ้ยตาย! เพิ่งเลิกกองเองเหรอคะเนี่ย จะเที่ยงคืนแล้วเนี่ยนะ หู้ววว...ช่วงนี้คงถ่ายหนักเลยสินะคะน้องยุ’
 
“วันนี้ยังเบาะๆครับ พรุ่งนี้ต่างหากของจริง”
 
‘โอ้....ยังไงก็พยายามหาเวลาพักผ่อนบ้างนะยุ’
 
“ครับเจ๊…ว่าแต่เจ๊มีอะไรกับผมหรือเปล่า?”
 
‘อุ๊ยพี่เกือบลืมแน่ะ คือพี่จะโทรมาแจ้งน้องยุเกี่ยวกับตัว teaser ที่จะออกสัปดาห์หน้า และการออกสัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ครั้งแรกน่ะค่ะ’
 
“อ้าวตัว teaser จะออกอาทิตย์หน้าแล้วเหรอครับ ไม่เห็นพี่อ๊อดจะบอกอะไรผมเลย?”
 
‘ก็คงเพิ่งรู้เหมือนกันนี่แหละค่ะ’
 
“แล้วเรื่องสัมภาษณ์ผมต้องไปวันไหนครับ? มีใครต้องไปบ้าง?”
 
‘ต้นสัปดาห์หน้าพอตัว teaser ออก วันเสาร์ก็นัดสัมภาษณ์เลยค่ะ’
 
“เหรอ…รายการอะไรอ่ะเจ๊?”
 
‘นี่แหละค่ะปัญหาที่พี่ต้องเร่งโทรหาคุณน้องยิกๆๆนี่ไง’
 
“ทำไมครับ?.......อย่าบอกนะว่า…..”
 
‘รายการ Star talk ของไอ้บดินท์ค่ะ!’



ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-08-2014 16:21:07
ต่อค่ะ


“ทานอะไรหน่อยมั้ยครับยุ? เมื่อตอนเย็นคุณทานไปนิดเดียวเอง”
 
“ไม่ล่ะครับ ผมขออาบน้ำเลยแล้วกัน ผมเหนื่อย พรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้า คุณทานคนเดียวไปก่อนแล้วกัน”
 
เที่ยงคืนสี่สิบนาทีโดยประมาณ สดายุและกฤตเมธก็กลับมาถึงคอนโดด้วยความเหนื่อยล้า  โดยเฉพาะสดายุที่ละเหี่ยทั้งกาย เหนื่อยล้าทั้งใจ เพราะการต้องเผชิญหน้ากับบดินทร์ออกสื่ออีกครั้งนั้นทำให้เขากังวล

“งั้นผมไม่ทานด้วยดีกว่า อยากอาบน้ำนอนแล้วเหมือนกัน”
 
“อ้าว? แล้วไม่หิวเหรอ?”
 
“เมื่อหัวค่ำผมทานขนมกับพวกทีมงานไปเยอะแล้ว ไม่หิวหรอก ป่ะอาบน้ำกัน”
 
“ฝันเหอะ! อาบคนเดียวข้างนอกไปเลย!”

อาการเครียดเกร็งของสดายุสื่อออกมาชัดเจน จนกฤตเมธรู้สึกได้ ก่อนกลับจากกองถ่าย กฤตเมธเพิ่งจะทราบเรื่องของการออก Teaser ในสัปดาห์หน้า และการออกสัมภาษณ์รายการทีวี Star Talk ของบดินทร์เป็นรายการแรก จากปากของอ๊อด ที่เลขาของเสน่ห์จันทร์โทรมาฝากเรื่องเอาไว้ พอดีกับที่บลูม่าโทรแจ้งกับสดายุ ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา สดายุก็เครียดเคร่งมาตลอด จนกฤตเมธอดห่วงไม่ได้ พอกลับถึงคอนโดได้ จึงรีบชวนคุย แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับที่ดีเท่าไหร่นัก ซ้ำยังโดนเอ็ดกลับมาอีกด้วย
*
*
*

สายลมเย็นฉ่ำพัดผ่านบาดผิวกายให้สดายุต้องสะท้านขึ้นเล็กน้อย  ตีหนึ่งครึ่งเข้าไปแล้วทำให้เสียงเครื่องยนต์จากท้องถนน และเสียงอื่นๆของค่อนข้างจะเบาบาง ฟ้าหม่นไร้แสงดาว เพราะแสงสว่างของตึกรางบ้านช่องที่เปิดสว่าเกือบทั้งคืนสะท้องกับตะกอนละอองฝุ่นควันที่ยังคงแขวนลอยอยู่ในอากาศนั้น มันบดบังแสงสวยของดวงดาวเป็นล้านดวงเสียสิ้นแล้ว ชั้นยี่สิบสามของคอนโดรับลมได้ดีไม่น้อย  แม้ไม่ได้รุนแรงมาก แต่ก็พอให้หนาวเสียดเนื้อได้อย่างดี  ถึงบรรยากาศจะไม่ได้ดีมาก แต่การได้นั่งมองดวงไฟหลากหลายเฉดสีของเมืองหลวงที่ไกลออกไปแบบนี้ก็ได้บรรยากาศที่ผ่อนคลายพอที่จะรั้งร่างบางให้นั่งพิงขอบระเบียงมองเหม่ออยู่อย่างนั้นเงียบๆ ไม่ยอมขยับกาย

พอได้นั่งนิ่งๆ สมองโล่งๆ ก็ทำให้เริ่มนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่แรกเริ่มที่ได้ถูกทาบทามเข้าวงการ ได้เป็นพระเอกชั้นแนวหน้าในเวลาไม่ถึงครึ่งปี  เบื้องหน้าที่สุกสกาว แต่เบื้องหลังช่างเลวร้าย พระเอกดังอย่างเขา ที่ทั้งเกเร และเหลวไหล ดื่มเหล้าเมาหยำเป เสเพลนอนกับใครต่อใครไม่เลือก ผู้หญิงคนไหนชอบเล่นกับไฟ หากสะดุดตาเขาเข้าหน่อย เขาก็ร่วมหลับนอนได้ด้วยทั้งนั้น...’รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน’ คงเป็นคำนิยามของผู้ชายที่ชื่อสดายุในช่วงนั้น 

ใช่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำมันผิด เขารู้ตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งความเลวร้ายที่เกิดจากความเอาแต่ใจ ทั้งปัญหาร้อยแปดที่เกิดจากการไม่ยอมลดทิฐิ หลับหูหลับตาเข้าข้างตัวเองโดยไม่มองเห็นหัวใครที่ไหน  อ้างว่าเพราะพื้นฐานทางครอบครัวที่เลวร้าย เลยประชดโลกด้วยการทำตัวน่ารังเกียจ ไม่สนใจว่าใครจะเดือดร้อน ตอนที่ถูกเรื่องที่ตัวเองสร้างขึ้นโจมตี ก็ยังไม่รู้สึกรู้สา อาศัยแค่คำว่ายังมีฝีมือ ยังเป็นที่ยอมรับ ยังเด็ก ผ่านพ้นมาได้แทบทุกครั้ง กระทั่งวันที่ถูกเรื่องที่ไม่ได้เป็นคนทำรังควาญชีวิต และกลับมีผลขนาดทำเขาตกสวรรค์ได้เพียงชั่วข้ามคืน อยากโต้เถียงก็ทำไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะพยายามแก้ตัวไป ในสายตาของคนทั้งโลกที่ยังจับภาพพระเอกเหลวแหลกของเขาติดตา ก็ไม่มีวันเชื่อคำพูดเขา ไม่มีวันให้อภัยเขา

นั่นอาจเป็นครั้งแรก...ที่คนอย่างเขา ได้มองเห็นตัวเอง...คิดได้ดังนั้น สดายุก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด ระบายทุกความรู้สึกให้มันล่องลอยหายไปในอากาศผ่านลมหายใจของตน

แล้วพอคิดถึงเรื่องเก่าๆทีไร บุคคลที่ขาดไม่ได้ ย่อมต้องเป็นบดินทร์

อดีตเพื่อนรักที่เขาเคยให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอย่างที่สุด เพื่อนในวงการเพียงคนเดียวที่คอยอยู่เคียงข้างไม่ว่าเขาจะโดนสังคมโจมตีมากแค่ไหน แต่พอถึงสุดท้ายของปลายทาง เพื่อนคนเดียวคนนี้กลับ...

“ไหนว่าจะนอนไงครับยุ? มานั่งทำอะไรอยู่มืดๆเนี่ย ตรงระเบียงลมมันแรงนะ เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

สดายุยิ้มน้อยๆ ให้กับคนรักที่เดินตามมาสบทบหลังจากอาบน้ำเสร็จ แม้จะบ่นว่าลมแรงเกรงว่าสดายุจะไม่สบาย แต่สุดท้ายกฤตเมธก็หย่อนตัวเลงนั่งข้างๆสดายุเพื่อใช้ความอุ่นจากผิวกายตน กำจัดความหนาวเหน็บแก่อีกฝ่าย ระเบียงห้องกว้างขวางพอที่จะให้สองหนุ่มได้นอนเอกเขนกชมแสงสีแห่งเมืองหลวงได้อย่างสบาย กฤตเมธเอื้อมวงแขนไปโอบกายสดายุมาไว้ในอ้อมกอดเพื่อบรรเทาความหนาวให้อีกฝ่าย

“ตัวเย็นเชียว”

กฤตเมธบ่นพึมพำพร้อมโอบรัดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น

“อย่าบ่นสิครับคุณเมธ ลมเย็นดีจะตายไป นานๆทีเราดื่มด่ำกับมันหน่อยไม่ดีเหรอ?”
สดายุเริ่มชักจูงชายคนรักให้นั่งเพลินๆตรงระเบียงคอนชั้นยี่สิบสามนี้ด้วยกันก่อน กฤตเมธเองถึงจะไม่เห็นด้วยเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้ลุกหนีไปไหน ร่างสูงยังคงโอบกอดสดายุอยู่อย่างนั้น  นั่นเพราะลึกๆแล้วกฤตเมธรู้ดีถึงสาเหตุที่ทำให้สดายุต้องมานั่งเงียบๆอยู่ตรงระเบียง

“ยุ...คุณเครียดเรื่องให้สัมภาษณ์เหรอ?”

 “ครับ...ผม….ไม่อยากไปให้สัมภาษณ์ในรายการของบดินทร์”  เมื่อถูกถามไถ่อย่างไม่อ้อมค้อม สดายุก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา สำหรับสดายุ ตอนนี้กฤตเมธคืออีกคนที่เขาไว้วางใจ
 
“ผมเข้าใจ ยุคงยังทำใจฝืนพูดคุย แสร้งปั้นหน้ายิ้มแย้มกับมันไม่ไหวสินะ” กฤตเมธกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแทนการปลอบใจ และแอบดีใจเล็กๆที่ในที่สุด สดายุก็เห็นเขาเป็นคนสำคัญ คนที่น่าไว้ใจขึ้นมาบ้าง
 
“…ก็ส่วนหนึ่งครับ ผมเกลียดหมอนั่นจริงๆ เกลียดจนแทบไม่อยากมองหน้า…”
 
“……” กฤตเมธนิ่งฟัง เขาอยากจะเป็นทีที่สดายุสามารถระบายความอัดอั้นภายในใจได้อย่างไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม หากมันมาจากความอั้นอั้นของสดายุ เขาก็พร้อมจะรับฟังย่างไม่อิดออด
 
“แต่ในความเกลียด…มันกลับแฝงไปด้วยความสับสน….ผมสับสนในตัวตนของหมอนั่นมาก ผมไม่รู้ ว่าหมอนั่นยังคงเป็นบดินทร์ที่ผมเคยรู้จักมั้ย ตลอดเวลาที่อยู่ในวงการมันคือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ผมมี เป็นเพื่อนคนเดียวที่ผมรู้สึกว่า ‘มันไม่เคยหลอกผม’ ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอดจนกระทั่ง…เกิดเรื่องข่าวนั่นขึ้น”
 
“ในตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดมีเพียงความโกรธเกลียดชิงชัง…และแน่นอน…คือความน้อยใจ ว่าทำไมเพื่อนที่ผมรักที่สุด ที่ดีกับผม เคียงข้างผมมาจนถึงเมื่อวาน ถึงได้หักหลังผมได้อย่างเลือดเย็นขนาดนี้…ตั้งแต่วันนั้นมันก็ผมก็อยู่คนละโลก โลกที่ผมคิดว่าจะไม่มีทางได้มาบรรจบกันได้อีก หึหึ ที่ไหนได้ เจอถี่ชะมัด”
 
“ไอ้บดินทร์มันเลวซะขนาดนี้ แล้วทำไมคุณถึงยังสับสนอีกล่ะยุ? ทุกครั้งที่เจอกัน มันก็เสียมารยาทกับคุณตลอด?” ตั้งใจจะฟังอย่างไม่อิดออด แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งขัดใจ เพราะแทนที่สดายุจะมีเพียงความรู้สึกในแง่ลบก็คนที่หักหลังตนอย่างไม่ไว้หน้า และยังทำตัวเลวเสียมารยาทมากมายกับสดายุไว้อีก (ย่างเช่นรอยน่าโมโหที่ซอกคอ) ถึงขนาดนั้นแล้ว ทำไมกันนะสดายุถึงยังสับสน คนในอ้อมแขนที่ยังคุยจ้อยๆตอนนี้คงไม่รู้หรอกว่า ใบหน้าของเทพบุตรในวงการอย่างเขา กำลังบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ (และความหึงหวง)
 
“จริงอยู่ว่าทุกครั้งที่ผมกับหมอนั่นเจอกัน ผมต้องโดนมันแกล้งแบบเจ็บๆแสบๆทุกที…แต่ว่า”
 
“แต่ว่า?...” (น้ำเสียงของกฤตเมธเริ่มกร้าวขึ้นเล็กๆ แต่ก็แค่นิดเดียว สดายุที่ยังคงเหม่อลอยเลยไม่ทันได้สังเกต)
 
“…แม้หมอนั้นจะทำท่าทางโกนโอ้ย แต่สายตาที่มันมองผมกลับมีอะไรบางอย่างที่ผมคุ้นเคย…มันเหมือนกับว่า…เพื่อนผมยังอยู่ในนั้น…….แต่ผมก็ปฏิเสธมันทุกครั้งล่ะนะ ถึงผมจะสงสัย แต่คงไม่มีทางไปยุ่งกับหมอนั่นอีกแล้วล่ะ”
 
“ยุ…” กฤตเมธกำลังจะถามย้ำว่า ‘แน่นะ’ แต่สดายุพูดนำขึ้นมาเสียก่อน
 
“เพราะอย่างน้อย ผมก็เป็นคนเจ็บแล้วจำ…จำจนตายซะด้วย”
 
“เฮ้อ….เด็กน้อยผู้น่าสงสาร” ได้ยินอย่างนั้น กฤตเมธก็ลอบยิ้มพอใจ ตอนแรกกฤตเมธก็รับตัวเองไม่ค่อยได้ที่กลายเป็นคนขี้หึงขนาดนี้ เพราเมื่แก่อนเขาไม่เคยรู้สึกหวงใครมาก่อน แต่สดายุ ทำให้ผู้ชายอย่างเขารู้สึกหึงหวงราวกับเด็กๆ เฮ้อ...รักแท้ที่มาเจอตอนแก่นี่… ‘รับมือยากจริงๆ!’
 
“ช่าย…น่าสงสาร ลุงกล่อมนอนหน่อยสิ จะร้องไห้แล้วเนี่ย ผมอ่อนแอนะ” พอได้ระบายออกไป สดายุก็เริ่มอารมณ์ดีขึ้นหน่อย อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด บดินทร์ก็แค่อดีตที่ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตเขาอีกแล้ว สดายุก็ไม่รู้ว่าจะยังต้องไปแคร์ทำไมอีก สู้เลิกกังวลแล้วทำงานของตัวเองให้ดีที่สุดน่าจะดีกว่า ว่าแล้วก็แกล้งอ้อนคนรักออกไปเล็กน้อย...
 
“หยุด! ห้ามร้องไห้ให้ผู้ชายคนอื่นเชียว ผมหึงนะ”  แต่ต้องผิดคาดจนถึงกับอึ้ง เพราะแทนที่กฤตเมธจะรับมุก ดันตวาดใส่เขาเฉย ‘วัยทองเหรอ?’
 
“………..บ้า ผมร้องไห้ให้ความรันทดของตัวเองต่างหาก ไม่ใช่ร้องเพราะไอ้บดินทร์ซะหน่อย คิดมาก”

 “ก็ดีแล้ว ผมจะได้สบายใจ…หึงรู้มั้ยครับตัวแสบ ถ้านอกใจกันล่ะน่าดู”  คาดโทษไปพลางยีหัวสดายุด้วยความรักใคร่เอ็นดู

‘อ๋อ...หึง’  พอได้รู้ความหมายของอารมณ์ขึ้นลงของคนรัก สดายุก็หลุดขำออกมาเบาๆ ก่อนจะช้อนสายตาออดอ้อนขึ้นมองกฤตเมธหวานฉ่ำ แล้วยกตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อจุมพิตที่ริมฝีปากอุ่นชื้นเป็นของปลอบขวัญคนแก่ใจน้อย

“ผมจะนอกใจไปมีใครได้ไง ในเมื่อคุณขโมยหัวใจผมไปหมดแล้ว” สดายุประจบพร้อมวาดปลายนิ้วชี้เป็นวงกลมตรงกลางอกของกฤตเมธ พอถูกอ้อนหนักเข้า กฤตเมธก็ยิ้มกริ่มพออกพอใจ ร่างหนาจึงโอบร่างคนรักไว้แน่นขึ้นพร้อมโยกกายคล้ายกล่อมคนในอ้อมแขนแผ่วเบา

“ผมรักคุณนะยุ ผมไม่ต้องการยกคุณให้ใคร”

“…หึหึ มาหึงหน้ามืดอะไรตอนนี้กันลุง ทีเมื่อก่อนไม่เคยเห็นจะตามคุมแจแบบนี้เลย”

“ก็เมื่อก่อนไม่มีใครยุ่งกับคุณนี่”

“ทำอย่างกับตอนนี้มีงั้นแหละ”

“เพียบเหอะ”

“อะไรเพียบ?”

“หนุ่มๆเพียบ รอบตัวเชียว”

“ฮ่าฮ่า…อะไรของคุณกัน อย่าหึงจนหน้ามืดน่า หึหึ…มองความจริงหน่อย อย่างน้อยๆผมผู้ชายนะ ใครเขาจะคิดลึกกับผมเหมือนคุณกัน ฮะฮะ”

“คนอื่นน่ะโดนผมสกัดหมดแล้ว เหลือก็แต่ไอ้เจ้าดนัย กับไอ้บดินทร์เนี่ยแหละ!”

“ดนัย? ใครน่ะ แล้วชื่อบดินทร์เนี่ยมันโผล่มาในสาระบบนี้ได้ยังไงไม่ทราบครับ?”

“ก็ที่มัน….ทำแบบนั้นกับคุณ…”

“มันแค่ต้องการแกล้งผม เหยียดหยันผม ไม่มีอะไรมากกว่านั้นหรอก”

“…….แต่”

“เมธ คุณรู้มั้ยว่าผมกับบดินทร์สนิทกันได้ยังไง…”

“…..”

“เพราะผมกับมันเหมือนกันยังไงล่ะ ทั้งทางด้านครอบครัว ที่…เข้ากับคนเป็นพ่อไม่ได้ เข้าบ้านไม่ได้ ทั้งลักษณะความคิด การวางตัว การเข้าหาคนอื่น เราสองคนคล้ายกันแทบทั้งหมด ผมถึงยอมเปิดใจให้มัน และสนิทกัน….ถึงตอนนี้จะเกลียดมากก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆผมก็พอจะรู้ว่ามันไม่มีทางชอบผมไปในเชิงนั้นได้อย่างเด็ดขาด” สดายุอธิบายยาวเหยียดขณะที่ยังนอนเอนกายพิงอกอุ่นของกฤตเมธอยู่

“แน่ใจ?”

“อืม”

“ได้ ผมเชื่อคุณ แต่ระวังไว้หน่อยดีกว่า”

“หึหึ…เอาไว้ถ่ายหนังจบ แล้วผมฟิตหุ่นกลับมาหล่อล่ำ ตอนนั้นแหละค่อยระวังจะดีกว่านะ รับรองสาวเพียบ”

“…ร้ายนักนะ ไอ้ตัวแสบ”

กฤตเมธงับปลายจมูกโด่งรั้นของสดายุด้วยความหมั่นเขี้ยว พร้อมกับเสียงหัวเราคิกคักชอบใจของคนในอ้อมแขน สองร่างยังคงหยอกเย้ากันอยู่ที่ตรงระเบียงห้องครู่ใหญ่ก่อนจะกลับเข้าไปพักผ่อนในห้อง เพื่อเตรียมตื่นเต็มตาทำงานเต็มวันในเชาวันใหม่ที่รอต้อนรับพวกเขาด้วยความโหดหิน
 
*
*
*
*
*

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-08-2014 16:21:37
ต่อค่ะ


เวลาผ่านไปเร็วราวกับโกหก... ขณะที่กฤตเมธและสดายุยังวุ่นวายตาลายหัวหมุนอยู่กับการถ่ายทำแบบข้ามวันข้ามคืนอยู่นั้น Teaser ตัวแรกของภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ก็ออกสู่สารธารณะในที่สุด แม้จะมีกระแสข่าวมาพักใหญ่ๆเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางโลกโซเชียล แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ผู้ชมหรือผู้ที่สนใจจะได้เห็นเนื้อหาบางส่วนอย่างชัดเจน และถึงใน Teaser จะไม่ได้บ่งบอกเกี่ยวกับเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ แต่กระแสหนังชายรักชายที่นำพระเอกที่ถือว่าระดับตัวพ่อสองคนมาประกบคู่กันเองแบบนี้ ก็ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนาๆ ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ไม่ว่าใครจะพูดกันไปแบบไหน ไม่ว่ายังไงภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ต้องออกฉาย และที่สำคัญ ยังมีผู้ชมอีกเป็นส่วนใหญ่ที่ยังอยากจะดู

‘สวัสดีคร๊าบบบท่านผู้ชมที่น่ารักของผททุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ Star Talk! รายการแห่งความบันเทิงที่จะทำให้คุณได้ใกล้ชิดกับดาราที่คุณรัก’

กรี๊ดดดดดดดดดด อร๊ายยยยยย

‘ทุกวันอาทิตย์เรามีนัดกันสี่ทุ่มยี่สิบนาที ตั้งหน้าตั้งตารอผมกันหรือเปล่าเอ่ย’

รออออออออออออ

‘ชื่นใจมากครับ…แล้ว…วันนี้เป็นวันสำคัญอะไรกันเนี่ย ผู้ชมล้นห้องส่งกันเลยทีเดียว มีป้ายไฟด้วย อ่านว่าอะไรน๊า Porch & Roojn นั่น Meth โอ้วSdayuht ก็มี โหวววว...แฟนคลับตามมาให้กำลังใจกันล้นหลามมาก ชื่นใจแทนเลยนะครับเนี่ย’

‘งั้น...’

‘เราไปพบกับพวกเขาเหล่านั้นได้เลยครับ! ’

กรี๊ดดดดดด

‘พวกเขาคือ…เหล่านักแสดงนำของภาพยนตร์ที่สร้างกระแสแหวกตลาดมากที่สุดในตอนนี้ …ขอเชิญพวกท่านพบกับ…’

‘กฤตเมธ สดายุ รุจน์ และ พอร์ช ครับ!! ’

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

ในที่สุด วันที่ต้องให้สัมภาษณ์ก็มาถึง แฟนคลับแน่นห้องส่ง เสียงกรีดร้องต้อนรับดังสนั่นทันทีที่พิธีกรอย่างบดินทร์เอ่ยเชิญทั้งสี่คนออกสู่หน้าเวที ที่ตรงนั้นแสงไฟสาดส่องสว่าง เบื้องหน้าคือผู้ชม แฟนคลับมากมายที่มารอชมการสัมภาษณ์ในคืนนี้อย่างล้นหลาม ทั้งสี่หนุ่มเดินยิ้มแย้มทักทายผู้ชมออกมาด้านหน้าเวทีด้วยความมั่นใจในชุดทันสมัยที่ใส่แล้วดูดีอย่างที่สุด

เสียงกรี๊ดต้อนรับเล่นเอาหูอื้อ แต่ก็เป็นการหูอื้อที่น่ายินดี โดยเฉพาะกับสดายุที่แม้ภายนอกจะปกติดี แต่แท้จริงในหัวใจนั้นกลับเต้นรัวและแกว่งเป็นลูกตุ้ม  เขาออกจากวงการนี้ไปนาน…นานมากจนแทบจะลืมไปแล้วว่าการมีแฟนคลับรอต้อนรับนั้นเป็นอย่างไร แต่ที่ยิ่งกว่าความรู้สึกนั้น เขากลัวมาก สดายุกลัวเหลือเกินว่าที่หน้าเวทีนี้จะไม่มีใครคอยต้อนรับเขาอยู่ เสียงกรีดร้องมากมายที่ได้ยินนี้บางทีกลับไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของสามคนที่ออกมาพร้อมกัน กลัวเหลือเกินว่าแท้จริงแล้ว…เขายังเป็นคนที่เลวร้าย และยังไม่มีใครต้องการ

กรี๊ดดดดด สดายุ

สดายุ….อร๊ายยยย
เสียง….เรียกชื่อเราเหรอ?

อร๊ายยย สดายุ เราคิดถึงคุณ!!

คิดถึง….เราเหรอ?

น้ำตา…แทบกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อในที่สุดสดายุก็ได้เห็นกลุ่มแฟนคลับของตน ที่ชูป้ายไฟที่เขาพลางตะโกนต้องรับด้วยความคิดถึง แม้จะไม่ได้เยอะเหมือนเด็กใหม่ที่เพิ่งชนะออกจากบ้านอย่างรุจน์และพอร์ชที่มีแฟนคลับของตัวเองล้นหลาม หรือไม่ได้เท่ากฤตเมธที่มีแม่ยกเพียบ แต่แค่นี้สดายุก็ยิ้มได้ สดายุก็พอใจแล้ว

อย่างน้อย…ในที่แห่งนี้ก็ยังมีคนสนใจเขาอยู่

(บดินทร์)
สวัสดีครับ คุณกฤตเมธ คุณสดายุ น้องพอร์ช น้องรุจน์
ผมรู้สึกเป็นเกียรติ์และดีใจมากเลยนะครับ ที่ได้สิทธิ์สัมภาษณ์พวกคุณก่อนใครในวันนี้

(สี่หนุ่ม)
สวัสดีครับคุณบดินทร์

(บดินทร์)
คุณสดายุนี่หายหน้าหายตาจากวงการไปนาน แต่ยังหล่อเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะครับ
 ที่เห็นว่าผอมลงขนาดนี้ ข่าวว่าเพราะบทที่ต้องเล่นเป็นคนป่วยในเรื่องใช่มั้ยครับ?

(สดายุ)
  ขอบคุณครับ(ยิ้มหวาน) คือในเรื่องผมต้องป่วยหนักและเข้าผ่าตัดจึงต้องผอมมากๆ
แล้วทางพี่อ๊อดผู้กำกับก็ต้องการให้ภาพออกมาสมจริงที่สุดเลย
จัดการสั่งรีดน้ำหนักผมเป็นการใหญ่เลยล่ะครับ (ยิ้ม)

อย่างที่คิด เปิดประเด็นปุ๊บ บดินทร์ก็ยิงคำถามสดายุก่อนเป็นคนแรก ทุกคนสังเกตได้ เพราะเห็นคุณพิธีกรท่านนี้เล็งจะถามแต่สดายุมาตั้งแต่เตรียมคิวที่ห้องแต่งตัวแล้ว

(บดินทร์)
โห…ผู้กำกับเคี่ยวมากเลยนะครับ ผอมบางมาเชียว (หัวเราะกันทั้งห้าคน)
เอาล่ะ งั้นผมขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ
คิดยังไงคะถึงได้ตอบตกลงเล่นภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’
ที่เป็นหนังเกย์100%
 
(กฤตเมธ)
คือผมถือว่ามันเป็นความท้าทายนะครับ ผมอยู่ในวงการมานาน
เล่นมาแทบจะทุกบทแล้ว ดังนั้นนี่ก็ถือเป็นความท้าทายครับ
แล้วพอได้ลงมือแสดงจริงๆก็ถือว่าสนุกมากครับ
ถือว่าตัดสินใจไม่ผิด (ยิ้มแล้วชำเลืองมองทางสดายุ)

(บดินทร์)
หือ...สมกับเป็นคำตอบของเทพบุตรแห่งวงการจริงๆครับ
งานสำคัญที่สุด แล้วส่วนคุณยุล่ะครับ หลังจากหายหน้าหายตาไปนาน
กลับมาคราวนี้รับบทคู่คุณกฤตเมธเลยรู้สึกยังไงบ้างครับ

(สดายุ)   อย่างที่รู้กันนะครับ ผมหายไปจากวงการพักใหญ่
พอมีโอกาสเข้ามาผมก็ต้องรีบคว้าไว้แหละครับ

(บดินทร์)   แล้วตอนที่ได้รู้ว่าต้องเล่นคู่กันนี่
รู้สึกยังไงกันบ้างคะ จั๊กจี้กันบ้างมั้ยเนี่ย

(กฤตเมธ)
ดีใจครับที่ได้ยินว่าจะต้องคู่กับน้องยุ เพราะเราเคยเล่นละครด้วยกันมาก่อน
เลยยังพออุ่นใจครับ จะได้ไม่ต้องปรับตัวเยอะ

(สดายุ)    พอรู้ว่าต้องมาเล่นคู่กับพี่เมธ
ตอนแรกก็ตกใจนะครับไม่คิดว่าพี่เขาจะมาแนวนี้ (หัวเราะ) แต่ก็ดีใจมากครับ
เพราะโดยส่วนตัวก็ชื่นชมพี่เขาอยู่แล้ว
 แล้วก็ยิ่งรู้สึกหายห่วงด้วยครับ
เพราะตอนแรกก็กังวลอยู่กลัวทำไม่ได้ แต่พี่เขาเก่งครับผมเลยมั่นใจ

(บดินทร์)
แล้วพอได้มาเล่นเข้าพระเข้านางกันจริงๆ มีฉากไหนที่รู้สึกว่ายาก
หรือเขินจนเล่นไม่ได้บ้างมั้ยครับ

(กฤตเมธ)
ตอนเข้าพระเข้านางก็โอเคครับ แรกๆยังเขินๆกันบ้าง แต่ตอนนี้เริ่มชินครับ
ขำๆกันซะมากกว่า

(สดายุ)   ครับ ช่วงแรกผมเป็นนางเอกร้อยเทคได้
มันเขินน่ะครับ ไม่เคยด้วย ทำอารมณ์ไม่ถูกเลยจริงๆครับ ต้องคอยท่องไว้
เราเป็นนางเอก เราเป็นนางเอก (หัวเราะ)

(กฤตเมธ)
แต่น้องยุเก่งมากครับ เข้าถึงอารมณ์ได้ดี พอเข้าที่เข้าทาง
ก็ไหลพลิ้วจนผมอายเลยครับ เล่นเก่งมาก

(บดินทร์)
ได้ข่าวว่าเรื่องนี้ฉากเลิฟซีนแรงมาก ทั้งสองคู่จริงหรือเปล่าครับ
 
(กฤตเมธ)
ก็...ครับ ค่อนข้างครับ ต้องไปดูเอาเอง

(บดินทร์)
แล้วหนังที่แรงขนาดนี้ ถ้าเล่นดีไม่กลัวผู้ชมจะติดภาพเหรอครับ
มันจะเป็นการยากที่จะไปรับบทอื่นๆในอนาคตหรือเปล่า
เคยคิดกันบ้างมั้ยครับ?

เหมือนกับถามทั่วไป แต่สายตาจับจ้องแน่วแน่มาที่สดายุ ตั้งใจจะให้เป็นผู้ตอบคำถามเพียงผู้เดียว

(สดายุ)
ผมไม่ซีเรียสครับ คือมันเป็นงาน และผมก็มั่นใจว่าผู้ชมคงเข้าใจ
ดีเสียอีกครับ ถ้าเราจะแสดงได้ดีจนทุกคนเชื่อ (หัวเราะ)

(บดินทร์)
งั้นมาทางน้องใหม่กันบ้าง
รู้สึกเป็นไงบ้างครับกับการเล่นหนังครั้งแรก
แล้วต้องมาเจอบทสยิวกิ้วแบบนี้ (ฮา)
ข่าวว่าทั้งคู่เป็นคู่จิ้นกันตั้งแต่อยู่ในบ้านด้วย
เจอบทแรงขนาดนี้ทำใจนานมั้ยครับ
น้องรุจน์ก่อนแล้วกัน ดูเหมือนจะเป็นฝ่ายรับบทหนัก

(รุจน์)
ตอนแรกก็ยังไม่ทราบอ่ะครับ
พอต้นสังกัดเสนองานมาบอกว่าเล่นกับพอร์ชด้วยผมก็รับเลย

(บดินทร์)
ไม่ได้ถามเขาก่อนเลยเหรอครับว่าเป็นบทอะไร?

(รุจน์)
ไม่ครับ รู้อีกทีก็ตอนฟิตติ้งเลย (ฮา)

(บดินทร์)
แล้วน้องพอร์ชล่ะครับ รู้สึกยังไงบ้าง หรือว่ารับเลยเหมือนน้องรุจน์ครับ?

(พอร์ช)
อ๋อ ผมพอจะรู้อยู่บ้างแล้วครับ แล้วผมก็รับเลยเหมือนกัน
เพื่อนผมเล่นได้ ผมก็อยากจะเล่นด้วย (ยิ้มหันมองรุจน์ รุจน์ยิ้มตอบทันทีแต่เพียงครู่พอร์ชก็หันไปมองทางอื่น)

(บดินทร์)
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้แฟนๆคุณจิ้นได้ยังไงล่ะครับ

(รุจน์)
ฮ่าฮ่า เพื่อนกันเฉยๆครับ เพื่อนเฉยๆ
(หัวเราะกอดคอพอร์ช มองปฏิกิริยาเพื่อนรักไม่วางตา)

(พอร์ช)
ครับเพื่อนผมครับ
(พอร์ชหน้านิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะโอบคอรุจน์กลับแล้วทำหัวชิดกันเพื่อจะได้ไม่ต้องหันมองตาเผชิญหน้า และตอกย้ำคำว่าเพื่อน เน้นๆ)

กรี๊ดดดดดดดด (แฟนคลับถูกใจที่ทั้งคู่กอดคอหัวชิดกัน)

‘เพื่อนผม’ คำที่สะเทือนในหัวใจของรุจน์ที่สุด คำที่พอร์ชฝืนใจในการเอ่ยมันออกมาที่สุด คำที่ทั้งคู่พยายามยึดไว้ภายในใจไม่ให้ไขว้เขวหลุดไปเป็นอย่างอื่นได้อีก

‘ถ้ารุจน์ต้องการอย่างนั้น…พอร์ชก็จะยอมเป็นแค่เพื่อนของรุจน์เท่านั้น’

‘พอร์ช…ถ้ามึงไม่ได้คิดจะจริงจัง เรากลับไปเป็นแค่เพื่อนกันเถอะ’

(บดินทร์)
เอ้า คู่เล็กเคลียร์นะครับ จิ้นในจอได้ แต่นอกจอแค่เพื่อนรักธรรมดา ยืนยัน
เหลือคู่พี่ใหญ่ ข่าวว่าช่วงหลังเป็นคู่หูไปไหนไปกันไม่ห่าง หรือว่าจะมีจิ้นนอกจอกันบ้างครับ

คำถามเหมือนทีเล่นทีจริง แต่กฤตเมธและสดายุรู้ดีว่า บดินทร์เอาจริง และแน่นอนว่าคำถามนี้ไม่ได้มีอยู่ในสคริป

(กฤตเมธ)
(คว้าตัวสดายุเข้ามาโอบคอไว้พลางหัวเราะร่า) แบบนี้ต้องไปลุ้นกันเลยแล้วล่ะครับ (ทิ้งท้ายด้วยการชูนิ้วโป้งแบบยอดเยี่ยม)

กรี๊ดดดดดดดดดด ฮ่าๆๆๆๆๆ

คำตอบรุ่นใหญ่เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงหัวเราะพอใจของผู้ชมในห้องส่งพอสมควร บดินทร์หัวเราะเอิ๊กอ๊ากไปตามน้ำ เหลืออีกไม่ถึงห้านาทีจะจบเบรคแรก และอีกสองเบรกต่อไปจะเป็นกิจกรรมให้ดารารับเชิญและผู้ชมในห้องส่งได้เข้าร่วม ดังนั้นนี่จะเป็นคำถามสุดท้ายของเบรกแรก

(บดินทร์)
คุณสดายุครับ คุณเป็นข่าวอยู่ช่วงหนึ่งก่อนจะหายไปจากวงการ
แล้วการกลับมาครั้งนี้ คุณคาดหวังอะไรไว้ครับ
เช่น การกลับไปเป็นพระเอกชั้นแนวหน้าอย่างเมื่อก่อน…

คำถามสุดท้ายที่ทำให้ทั้งทั้งห้องส่งเงียบกริบ พอร์ชและรุจน์หน้าเจื่อนไปทันทีที่ได้ยินคำถาม ถึงกฤตเมธจะยังมีสีหน้าปกติ แต่ลึกๆในใจชายหนุ่มรู้สึกเดือดไม่น้อยทีเดียว ‘มันเล่นจนได้นะไอ้บดินทร์!!’

(สดายุ)
ผมแค่คาดหวัง ว่าจะทำงานออกมาให้ดีที่สุดครับ

สดายุตอบคำถามเพียงแค่นั้น พร้อมกับรอยยิ้มสดใสอย่างที่ใครเห็นเป็นต้องหลงรัก บดินทร์จบการสัมภาษณ์ในเบรคแรกเพียงแค่นั้น ก่อนจะกล่าวตัดเข้าโฆษณา

ช่วงระหว่างพักเบรก ต่างคนก็ต่างอยู่ ระหว่างที่บดินทร์กำลังเตรียมคิว เหล่าดารารับเชิญอย่างสดายุ กฤตเมธ และพอร์ชรุจน์ก็ทักทายเหล่าแฟนคลับของตัวเองอย่างเป็นกันเอง และเมื่อครบสิบห้านาที สำหรับการเปลี่ยนฉาก และเซ็ตกล้อง เซ็ตไฟ การสัมภาษณ์เบรกต่อไปก็เริ่มขึ้น ซึ่งการสัมภาษณ์ในช่วงหลังพักเบรคเป็นไปด้วยความสนุกสนาน คำถามและกิจกรรมในช่วงต่อมาเป็นแบบเอาใจแฟนคลับมากกว่าเจาะลึกเรื่องภาพยนตร์ เพราะทางต้นสังกัดไม่ต้องการให้มีการปล่อยสปอลย์มากจนเกินควร

(บดินทร์)
วันนี้ก็ต้องแน่นอนนะครับ ต้องขอขอบคุณทั้งสี่ท่านที่อุตส่าห์มาเล่าความสนุกในกองถ่ายและความสนุกของภาพยนตร์ให้เราฟังกันนะครับ โดยเฉพาะเรื่องเนื้อหาภาพยนตร์ต้องเข้มข้นถูกใจแน่นอนเลยครับ ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ เข้มข้นสนุกจุใจแน่นอนครับ (ปรบมือ)

(บดินทร์)
และก่อนที่พวกเรานะครับจะส่งท่านผู้ชมเข้านอน เรามาฟังเพลงเพราะๆจากน้องรุจน์กันอีกว่านะครับ ชื่อเพลงอะไรครับน้องรุจน์

(รุจน์)
‘เสียงที่เปลี่ยน’ ครับ (ของคุณเบล นันทิตา)

(บดินทร์)
เพลงนี้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เลยใช่มั้ยครับ

(รุจน์)
ครับ เป็นเรื่องราวของตัวเอกที่เคยเป็นเพื่อนรักกันมา ประมาณรักกันมาแล้วต้องเปลี่ยนไปเพราะไปชอบอีกคนนึงแทนน่ะครับ

(บดินทร์)
ท่านผู้ชมครับวันนี้เราลากันด้วยเพลงจากน้องรุจน์ครับ ‘เสียงที่เปลี่ยน’ นะครับ
วันนี้เวลาหมดลงแล้วนะครับ พบกันใหม่อาทิตย์หน้าสี่ทุ่มยี่สิบ ทางช่อง JNN แห่งนี้ คืนนี้ราตรีสวัสดิ์ครับ

การสัมภาษณ์สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี กิจกรรมท้ายรายการคือการร้องเพลงส่งคนดูของรุจน์

ท่าทีเปลี่ยนไป ปิดยังไง เก็บยังไง
ซ่อนเร้นในจิตใจฉันดูออก
ทำเหมือนไม่เป็นเหมือนเมื่อก่อน

เสียงที่แผ่วเบา มันช่างเบา ช่างเบา
สะท้อนคำว่าเรานั้นใกล้จบ
และพบปลายทางของสองเรา

นี้คือสิ่งที่ฟ้องในใจ ปิดอย่างไรก็คงไม่อยู่
วันนี้ยิ่งฟังยิ่งรับรู้ อาการมันยิ่งดูยิ่งแน่ใจ

เสียงที่เปลี่ยน คือเสียงตรงมาจากหัวใจ
ยิ่งเสียงแผ่วเบาสักเท่าไร
ความรักคงแผ่วลงเท่านั้น

เสียงมันเปลี่ยน ตอนนี้รอจะฟังคำนั้น
บอกฉันมาเลยก็แล้วกัน
ประโยคที่บอกเลิกกัน เธอคงพูดชัดเจน
**ขอบคุณ คุณเบล นันทิตา

เพลงที่กินใจผู้ชมโดยไม่รู้เหตุผล เพราะรุจน์ร้องเพลงนี้ออกไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวดเล็กๆของตน ช่างบังเอิญนักที่เนื้อเพลงมันช่างคล้องจองกับชีวิตความสัมพันธ์ของเขากับพอร์ชตอนนี้เหลือเกิน

เหมือนจะรับได้กับการกลับไปเป็นแค่เพื่อน แต่ความจริงแล้ว….มันไม่มีทางรับได้

เพราะเขามัวแต่เล่นตัวเหรอ?

หรือพอร์ชนั่นแหละที่เป็นฝ่ายเปลี่ยน

หรือว่าที่จริง ที่มัลดีฟส์พอร์ชอาจจะแค่เผลอ…

หรือว่า…เขาแค่รู้สึกไปเอง…
เสียงที่เปลี่ยน คือเสียงตรงมาจากหัวใจ
ยิ่งเสียงแผ่วเบาสักเท่าไร
ความรักคงแผ่วลงเท่านั้น

เสียงมันเปลี่ยน ตอนนี้รอจะฟังคำนั้น
บอกฉันมาเลยก็แล้วกัน
ประโยคที่บอกเลิกกัน เธอคงพูดชัดเจน

พอร์ช…ทำไมมึงเปลี่ยนไป

*
*
*
*
*

หลังจบรายการเหล่าดารารับเชิญยังกลับไม่ได้ เพราะต้องอยู่แจกลายเซ็นและถ่ายรูปกับเหล่าแฟนคลับก่อน โดยเฉพาะพอร์ชกับรุจน์ที่แทบจะกลืนหายเข้าไปในดงแฟนๆ ฝ่ายกฤตเมธและสดายุเองก็กำลังพูดคุยอยู่กับเหล่าแฟนหนังแฟนละครของตนอยู่เช่นกัน

และในขณะนั้นเอง หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสวยสดขับผิวขาวให้ยิ่งน่ามอง ก็เดินเข้ามาพร้อมช่อกุหลาบสีแดงสดไม่ต่างกับสีชุดช่อใหญ่ตรงเข้ามาหากฤตเมธ

ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดเอ่ยทักทายทันทีที่ถึงตัวเป้าหมาย

“ชิดยินดีด้วยนะคะพี่เมธ”

***********************************************************************
ชิดจันทร์ Returned!!
อยากรู้ชิมิ อิเจ๊ชิดจิกลับมาทำซากอะไรอีก!
นึกว่าโดนอิแม่ เสน่ห์จันทร์จับขังไว้ในบ้านแล้วแท้ๆเชียว!

EP.36 ยังเรื่อยเปื่อยอยู่ค่ะ แต่ว่าตั้งแต่ EP.37 เป็นต้นไป
จะเข้าเนื้อหาเข้มข้นแล้วนะคะ โปรดจิบน้ำขณะอ่าน เดี๋ยวเลือดข้น ความดันขึ้นค่ะ
เรื่อง ผมคือ…นางเอกนี้ คนเขียนวางพล็อตคร่าวๆเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ
มันจะเป็นนิยายเรื่องแรกที่ข้าพเจ้าเขียนได้ยาวที่สุด นั่นคือ 52 ตอน แบบไม่รวมตอนพิเศษค่ะ!!
คุณพร๊ะ!! จะใดยาวเพียงนี้น่อ…
 :hao5:
ขออภัยอย่างสูงที่มาช้าค่ะ
อนาคี99

ช่วงที่สอง(จากทั้งหมดสามช่วง) บรรทัดที่4กับ10 มีคนชื่อวาโยโผล่มาค่ะ
จิงๆต้องเปยสดายุรึป่าวคะ

รออ่านต่อเด้อออ ยันชิดโผล่มาละ

ขอบคุณที่แจ้งค๊าบ...อิอิ เก๊าเผลอเอาเจ้าแฝดกับสดายุมาปนกันซะแว้ว
ใครเจอวาโยโผล่ตรงไหนอีกบ้างน่อ...
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 24-08-2014 16:56:50
ช่วงที่สอง(จากทั้งหมดสามช่วง) บรรทัดที่4กับ10 มีคนชื่อวาโยโผล่มาค่ะ
จิงๆต้องเปยสดายุรึป่าวคะ

รออ่านต่อเด้อออ ยันชิดโผล่มาละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 24-08-2014 16:59:48
ชิดจันทร์หล่อนจะคัมแบคสเตจกลับมาทำไมย๊ะะะะ ดรวกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
ตอนนี้พอร์ชรุจน์หน่วงงงงงงงงงงงงงงงงเว่อ  :sad4: :sad4:

ส่วนบดินทร์กับยุ นี่ถ้าเกิดเรื่องในอดีตมันมีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ จริงๆแล่วบดินทร์ไม่ได้จะทำร้ายยุ
ก็อยากให้กลับมาปรับความเข้าใจกันได้ในที่สุดนะ อย่างน้อยก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 24-08-2014 17:00:46
บดินทร์>< ไม่รู้ทำไมกัน จู่ๆถึงอยากเมนหนุ่มคนนี้ขึ้นมา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 24-08-2014 17:21:53
พอร์ชรุจน์ เมื่อไหร่เขาจะโอเคกันนะ เมื่อไหร่จะคุยกันดีๆ เชียร์อยู่นะ ลุ้นอยู่นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-08-2014 18:16:49
ยาวจุใจ แอบสงสาร พอร์ชกับรุจน์ อยู่ในวงการต้องทำใจไม่งั้นอนาคตจะดับไดั เฮ้อ บดินทร์ จ้องแต่จะแกล้งน้องยุนะ แกนี่ใจร้ายจริง ๆ
เจ๊ชิดมาทำไมหล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 24-08-2014 18:35:45
ชอบมากประโยคที่พี่เมธพูดว่า "หึงรู้มั้ยครับตัวแสบ ถ้านอกใจกันล่ะน่าดู"
ถึงหายไปนานแต่ก็รอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 24-08-2014 18:48:53
ตัวร้านออกโรงแล้วว นางเอกอย่างน้องยุจะรับมือยังไงคะเนี่ยย
ปล ยาวๆอะเราชอบมากกเลยคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 24-08-2014 19:20:03
ยัยชิด นึกว่าไปเกิดใหม่แล้ว กลับมาทำม้ายยยย :katai1:

พอชรุจ คิดอย่างพูดอย่าง แล้วเมื่อไหร่จะเข้าใจตรงกัน

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-08-2014 19:23:38
กลับมาทำมายยยยยยยย  :katai1:

ปล่อยยุกับเมธเค้าไปเถอะ

 :a5: อะไรนะ เนื้อเรื่องจะเข้มข้นขึ้นเหรอ มาม่าจะเยอะหรือเปล่านะ ชักกังวลแล้วซิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-08-2014 19:56:00
 :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 24-08-2014 20:28:49
ชิดจันทร์...หล่อนจะมาฆ่าใครหริอเปล่าเนี่ย?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 24-08-2014 21:30:21
นางคงจะเอาจนได้อ่ะ แบบสู้ตาย ผู้ชายคนนี้อยากได้มากๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 24-08-2014 21:35:41
เกือบลืมแล้วนะเนี่ยว่ามีคนชื่อซิดอยู่ :laugh: กำลังดีๆอยู่เลยกลับมาป่วนแล้วหรอเนี่ย :เฮ้อ:
คิดถึงเจ้บลูกับซออ่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 24-08-2014 22:19:17
ชิดจันทร์โผล่มาได้ยังไงงงงง  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-08-2014 22:22:52
อัลไลกันหนักหนาเนี่ยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 24-08-2014 22:37:38
ดีใจกับน้องยุ ที่ยังคงมีแฟนคลับหลงเหลืออยู่บ้าง ถึงไม่มากเท่าเด็กใหม่ แต่เท่านี้ก็ชื่นใจแล้ว

ชิดจันทร์นางมาเพื่อแย่งซีนสินะ หึหึ 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 24-08-2014 22:49:17
กลับไปเถิด อย่ากลับมาหลอกหลอนกันอีกเลย  :katai1:
จะหน้าแหกกลับไปหรือตาบดินทร์จะปั่นกระแสคู่นี้นะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 24-08-2014 23:08:24
ตอนนี้ยาวจุใจมากเลย
บดินทร์จะไม่เลิกใช่ป่ะ เดี๊ยวตามดนัยมาเคลีย
แล้วยัยชิดจันทร์นี่ใครจุดธูปเรียก อย่ามาทำให้ยุฉันเสียใจนะ :fire:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 24-08-2014 23:11:47
ชิดมาทำไมมมมมมมมมมมมม
เกทเอ้าททททททททท์
อยากอ่านหวานๆคุณเมธกะยุฮืออ
สงสารพอร์ชกะรุจน์ U_U
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-08-2014 23:18:34
โอ้ววว นางกลับมาทำไมหนอออออออ
รอติดตามนะคะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 25-08-2014 00:14:27
ชิดจันทร์ มาทำไมให้อายบ้านาเล่านวลน้องงงงงงงง  o22 :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 25-08-2014 00:23:26
หนูชิดต้องการอัลไล จะมาทำไมอีก ไม่รู้หรอ ผู้ชายได้หลังลืมหน้ากันหมดแหล่ะ กร้ากกก  :laugh3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 25-08-2014 00:25:29
บดินทร์มีเหตุผลอะไรกันนะนั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-08-2014 06:19:14
นาง กลับมาเพื่อ ?!?!?!

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 25-08-2014 09:22:02
นี่นางยังไม่ไปผุดไปเกิด??
อะร๊ายยยยยยยย
นางกลับมาทำไมมมมมมม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 25-08-2014 10:24:41
โอยยย ดูท่ามาม่าจะยังมีอีกเป็นสิบตอน ไม่ไหวแล้วเครียดค่า  :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-08-2014 11:14:56
เต็มอิ่มฝุดๆ แต่ก้อยังไม่พอ จะรอความดันขึ้นน้าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 25-08-2014 15:52:25
ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น
ขอให้พี่เมธกะน้องยุ จับมือผ่านขวากหนามไปให้ได้นะคะ
ส่วนน้องรุจกะน้องพอช ขอให้เคลียร์กันได้เร็วๆเน้อ
รอคู่บลูกซอลด้วยค่ะ รีบรู้ใจตัวเอง รีบเคลียร์
แอบดอด อยากอ่านคู่รุ่นใหญ่พี่อ๊อดอ่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 25-08-2014 22:12:39
O^O!!!!
นางจะกลับมาทามมายยยยยยยยย
นึกว่าไปผุดไผเกิดแล้วซะอีกนะเนี่ย
ยังวนเวียนรอบตัวมาสีชาวบ้านเขาอยู่ด้ายยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 25-08-2014 23:43:05
อยากเอานังชิดไปหมกโถส้วมจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 26-08-2014 12:49:51
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 28-08-2014 01:12:38
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 37 บุก!





“ชิดยินดีด้วยนะคะพี่เมธ”

ไม่พูดเปล่าหล่อนคว้ากฤตเมธลงมาหอมแก้มทันทีแบบไม่มีไว้หน้าใคร ไม่เกรงใจแฟนคลับ พร้อมที่จะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอย่างออกหน้าออกตา ชิดจันทร์มอบช่อกุหลาบให้กฤตเมธถือไว้ ก่อนจะควงแขนพาเดินออกจากกลุ่มแฟนคลับไปทางฝั่งที่มีนักข่าวยืนรออยู่ โดยที่กฤตเมธไม่อาจสะบัดออกได้ทันทีเพราะจำเป็นต้องรักษามารยาท
ทันทีที่เหยี่ยวข่าวอิแร้งข่าว ได้เห็นสองคู่หนุ่มสาวก็กรูกันเข้ามาสัมภาษณ์กันอย่างเหือดหิว เพราะนานสักพักใหญ่ๆแล้วที่ไม่มีข่าวว่าเดินควงกันของกฤตเมธและชิดจันทร์ ทั้งที่ตอนแรกประโคมข่าวอวยกันเสียใหญ่โต จู่ๆก็หายหน้าเงียบ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสขุดคุ้ยเหล่านักข่าวหัวเห็ดจึงไม่มีพลาด

‘ช่วงนี้ไม่เห็นออกสื่อด้วยกัน ข่าวว่ารักร้าวจริงหรือเปล่าคะ?’

‘ที่ว่าความจริงมีคนอื่นแล้ว และเลิกกันแล้วจริงหรือเปล่าคะ’

‘ยังออกมาแสดงความยินดีแบบนี้จะสยบข่าวรักร้าวสินะคะ’

‘โชว์หวานออกสื่อหน่อยได้มั้ยคะ’


แต่ละคำถามที่ถูกยิงมาจากนักข่าว มีเพียงชิดจันทร์ที่เอ่ยปากตอบ ใบหน้ายิ้มระรื่นนั้นไม่ได้ใส่ใจเลยว่าคนที่ยืนเคียงข้างจะรู้สึกยังไง กฤตเมธได้แต่ยิ้มเฝื่อน อยากบอกความจริงนักข่าวออกไปเหมือนกัน ว่าตนกับชิดจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกันเลยสักนิด รักที่ไหน เลิกอะไร ทั้งหมดเป็นดารเติมไข่ใส่สีกันเองของนักข่าวทั้งนั้น ส่วนชิดจันทร์ก็คงแค่สวมรอยให้ลงล็อค คงเพราะเป็นข่าวว่าคั่วกันมานาน หล่อนคงไม่อยากเสียหน้า กฤตเมธคิดเอาเองแบบนั้น เพราะแท้จริงก็ไม่รู้ถึงเหตุผลจริงๆของชิดจันทร์เหมือนกัน 

ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกเพียงอยากจะผละออกไปจะแย่ แต่หากทำตัวเสียมารยาทต่อหน้านักข่าวตอนนี้คงไม่เป็นผลดีนักต่อการเปิดตัวหนังครั้งแรก หนุ่มใหญ่จึงทำได้แค่ยืนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูน ปล่อยสาวเจ้ารับหน้าสื่อต่อไปเพียงลำพัง

"ยินดีต้อนรับกลับมานะคะน้องยุ"

"เราคิดถึงพี่ค่ะพี่ยุ"

"ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ยังรักยุอยู่"

ฝ่ายสดายุที่ยืนห่างออกมายังคงทักทายแฟนคลับด้วยความอ่อนน้อมมีมารยาทและเป็นกันเอง บางคนเขายังจำหน้าได้ แต่บางคนเขาก็เผลอๆลืมๆไปบ้างแล้ว แต่ก็ไม่เป็นปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กันต่อ 

สดายุยังคงยิ้มแย้มทั้งที่สายตา คอยแต่จะชำเลืองไปทางกฤตเมธที่โดนชิดจันทร์ลากไปหานักข่าวอีกด้าน ผู้หญิงคนนั้นหายหน้าไปนานจนเขาเกือบจะลืมไปแล้วเชียว ยังจะอุตส่าห์กลับมาเป็นก้างขวางคอกันได้อีก!

สายตาที่ลอบชำเลืองไปของสดายุคงร้อนแรงแผดเผา จนสาวชุดแดงคนนั้นต้องหันกลับมามอง

ตาจ้องตา เรียวปากอิ่มฉ่ำลิปสีแดงสดเผยอยิ้มอย่างเป็นต่อ สายตาจิกกัดราวกับสดายุเป็นเพียงคนต่ำต้อย ก่อนจะหันกลับไปฉอเลาะอ่อนหวานอยู่หน้ากล้องนักข่าว ทั้งที่สองมือยังไม่ยอมปล่อยจากแขนของกฤตเมธ หน้าอกอวบอัดก็ยังคงเบียดบี้ไปม่ห่าง

เจ็บใจแต่ทำได้แค่มอง ถูกท้าทายแต่ทำอะไรไม่ได้ สดายุได้เพียงแค่ลอบขบฟันกรอด ก่อนเอ่ยขอตัวจากเหล่าแฟนคลับ เมื่อเห็นว่าทักทายปราศรัยกันครบทุกคนแล้ว

"เป็นอะไรไปคะน้องยุ? หน้าบึ้งเชียว" ทันทีที่กลับเข้ามาในส่วนของห้องพักนักแสดง บลูม่าที่รออยู่ก่อนแล้วก็เอ่ยทักขึ้น ด้วยว่าสีหน้าที่ทางขวางโลกสุดกู่ของน้องรักนั้น บ่งบอกได้อย่างดีว่าโดนคนเหยียบรังแตนมาแน่นอน

"ไม่มีอะไรครับเจ๊ ผมแค่รู้สึกว่าตัวเองเป็นวัวกระทิง"

"หือ? วั...วัวกระทิง?" คำตอบของสดายุทำเอาบลูม่าถึงกับงง

"ครับ วัวกระทิงที่เห็นอะไรสีแดงๆแล้วอยากขวิดให้ตาย!" สดายุคำรามกร้าว

บลูม่าถึงกับต้องก้มลงดูเสื้อเชิ๊ตตัวในสีแดงแจ๋ของตนทันที พร้อมค่อยๆดึงเสื้อสูทปกปิดช้าๆ

“เอาจริงค่ะน้องยุ ใครทำน้องของพี่เคืองขุ่นขนาดนี้กันคะ?” บลูม่าใจดีสู้เสือ(ยุ)อีกครั้ง เพราะคาใจจริงจังกับอาการไม่อยู่กับร่องกับรอยของน้องชายคนดี และคำตอบที่ได้ก็ทำให้บลูม่าถึงกับบางอ้อ

“ก็ลูกสาวคนเดียวของท่านประธานเสน่ห์จันทร์ที่เจ๊เคารพรัก คุณหนูชิดจันทร์สั่นประสาทสุดที่รักของเจ๊ไง จู่ๆโผล่มาจากไหนไม่รู้ ฉกคุณเมธลากไปจกตับกินอยู่ตรงหน้านักข่าวโน่น สาแก่ใจสุดๆ!”

“No! No! No! No! อย่าค่ะคุณน้อง ได้โปรดอย่าปรักปรัมพี่ ถึงพี่ศรัทธาแม่ แต่ก็ระอาลูกเหมือนกันนะคะ อย่ามายกให้พี่พร่ำเพื่อค่ะ พี่รับไม่ไหวบ่องตง”  บลูม่าเร่งปฏิเสธเสียงหลง พร้อมส่ายหน้าส่ายหัวพัลวัลเมื่อถูกลากไปโยงใยกับคุณหนูชิดจันทร์ตัวร้าย

“ยุเห็นเขาหายหน้าไปตั้งนาน นึกว่าตัดใจไม่มาวุ่นวายกับพวกยุแล้วนะเนี่ย อุตส่าห์หลงชื่นชมท่านประธานของพี่อยู่ตั้งนานสองนาน ว่าคงไปสั่งสอนลูกเต้าเสร็จเรียบร้อยแล้วว่าไม่ต้องมายุ่งกับกฤตเมธอีกเพราะลุงเขาเป็นเกย์ บูดแล้ว กินไม่ได้แล้ว ที่ไหนได้...จกไปกินกันต่อหน้าต่อตาเลยเหอะ เฮ้ออออ.....เซ็งงงงง....”

สดายุสาธยายยาวแบบไม่มีหยุดหายใจ เพราะหงุดหงิดที่ถูกชิดจันทร์เย้ยเอาเมื่อครู่ เข้าใจอยู่หรอกที่กฤตเมธต้องรักษามารยาทต่อหน้าแฟนคลับและนักข่าวทำฝห้ไม่สามารถผละจากชิดจันทร์ได้ แต่ไม่ว่ายังไงสดายุก็อดโมโหไม่ได้อยู่ดี

“ใจเย็นค่ะน้องยุ เฮ้อพี่ก็เห็นใจนะ เรื่องคุณชิดเนี่ยก็พูดยาก ตอนแรกก็เหมือนว่าแม่บังคับจับคู่ให้ ไปๆมาๆตามคุณเมธแจซะงั้น ส่วนเรื่องที่ว่าท่านประธานบอกไม่บอกเนี่ยพี่ก็ไม่รู้นะ รู้แต่ที่คุณชิดหายหน้าหายตาไปช่วงนึงเนี่ยเพราะไปทำเรื่องจบที่มหาลัยอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะ”

“ชิ...ทำไมไม่ไปแล้วไปลับซะนะ” สดายุบ่นพึมพำ ขณะที่นั่งเอนทั้งตัวอยู่บนโซฟาตัวเล็กแหงนหน้าหลับตาพักด้วยความเบื่อหน่าย

ความเงียบงันปกคลุมทั้งห้องทันทีที่สดายุเงียบเสียงลง เพราะบลูม่าเห็นว่าสดายุกำลังพักสายตา และคงต้องการพักสมองด้วย เลยไม่ได้ชวนคุยต่อ ผู้จัดการร่างแมนแฮนด์ซั่มจึงได้หยิบ Note ของตัวเองขึ้นมาเช็คตารางงานของดาราในสังกัด และทบทวนการจัดคิวของทุกคนให้เรียบร้อยสมบูรณ์ และระหว่างที่กำลังทำอะไรเพลินๆอยู่นั้น

“เป็นเกย์ทำไมมันลำบากจังเจ๊บลู?”

“ขา? อะไรนะคะน้องยุ?” บลูม่าที่กำลังนั่งเท้าคางเช็คตารางงานเรื่อยเปื่อยก็ถึงกับขานรับคำถามของสดายุแบบไม่เป็นภาษา กับคำถาม ที่บลูม่าไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากของน้องชายที่เคยเป็นถึงอดีตเสือผู้หญิงระดับแนวหน้าของวงการ!

“ตอนเป็นแมนเต็มร้อยผมนะไม่เห็นจะเคยมีปัญหาว่าต้องแย่งสาวกับใครให้ต้องรำคาญ อยากได้ใครก็ได้ เบื่อก็เลิก ทางใครทางมัน...แต่พอหันมาเป็นเกย์เท่านั้นแหละ ถึงขั้นต้องแย่งผู้ชายกับชาวบ้านเขาเลยอ่ะ เฮ้ออออออ....” บ่นจบยิ่งถอนหายใจยาวเข้าไปอีก

“โถ...น้องยุ...” บลูม่าอยากปลอบใจจะขาดว่าอย่างสดายุน่ะ ถ้าเป็นเกย์ที่ชอบผู้ชายที่นอกจากกฤตเมธขึ้นมาจริงๆแล้วล่ะก็ แค่หว่านเสน่ห์หน่อยก็มาตอมกันหึ่งไม่ต่างจากตอนเป็นแมนหรอก ทว่า...บลูม่ากลับพูดไม่ออก ยอมรับในจิตสำนึกตรงๆเลยว่า เขาไม่นึกอยากให้สดายุ...เป็นเกย์เลยแม้สักนิดเดียว...   ‘อย่าคิดจะเป็นเกย์ให้ลำบากเหมือนพี่เลยยุเอ้ย’


“ยุ...ยุยังไม่ได้เป็นเกย์หรอกนะ แค่รักกับคุณกฤตเมธเอง...”

“ชายรักชาย ไม่ใช่เกย์ตรงไหนกันเจ๊”

“ก็ไม่ใช่เกย์โดยกำพืดอย่างพี่ไง หรือยุชอบผู้ชายคนอื่นนอกจากคุณกฤตเมธด้วย?”

“หึ ไม่มีอ่ะ”

“ก็นั่นแหละยุเลยไม่ใช่เกย์ไง”

“แต่ยุกับเมธ...”

“อย่างดีแบบน้องยุเขาก็เรียกกันทั่วไปว่า ‘เสือไบ’ ค่ะ พวกที่หญิงก็ได้ชายก็ดี พวกนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นเกย์แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกนะ”

“ง่ะ...ฟังดูมั่วชะมัด”

“รักไม่มีพรหมแดนไงคะ คุณน้อง”

“.....งืมมม...คงงั้น ยุอาจเป็นเสือไบอย่างที่เจ๊ว่า หรือไม่ก็....”

“....หรือไม่ก็อะไรคะ?”

“เป็นเกย์ฝึกหัด ประมาณเกย์เยาวชน” 

“อุ๊ยตาย....คิดได้นะคุณน้อง”  ( -*-) น้ำเสียงประชดแบบไม่ปิดบังกันเลยทีเดียว

“ก็มันจริง.........”



แกร๊กก...!!



“ดินทร์ เปลี่ยนเสื้อเสร็จ.......อ๊ะ?”

“..................”

ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างออกรสชาด ซอลย่าที่เข้าใจว่าบดินทร์เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องนักแสดงก็เปิดประตูพรวดเข้ามาโดยลืมไปว่า วันนี้มีสัมภาษณ์ของพวกสดายุด้วย เนื่องจากตัวซอลย่าเองนั้นเพิ่งจะเสร็จธุระจากที่อื่นเข้ามา เพื่อรับบดินทร์ไปส่งคอนโด

แต่พอเปิดประตูมาเจอสดายุกับบลูม่าเข้า ซอลย่าถึงกับอึ้ง จนพูดอะไรไม่ออก

“สวัสดีครับคุณซอลย่า” สดายุยิ้มทักออกไปบางๆตามมารยาท และเพื่อช่วยให้ซอลย่าไม่เคอะเขินมากนัก

 “อ๊ะ สวัสดีครับคุณสดายุ เอ่อ...ขอโทษทีนะครับ ผมคงเข้าห้องผิด ขอตัวก่อนนะครับ”  ซอลย่าตอบกลับอย่างสุภาพพร้อมรอยยิ้มแหยๆ แล้วขอตัวออกจากห้องไปอย่างมีมารยาท

“ซอล!”

 “......”

ทว่ายังไม่ทันจะได้หันหลังจากไป บลูม่าก็ตะโกนเรียกขึ้นเสียก่อน ดูเหมือนซอลย่าจะชะงักไปอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบออกจากประตูไปโดยที่ไม่มีการหันมาถามไถ่ทางบลูม่าเลยแม้สักคำว่าเรียกทำไม? หรือ มีอะไรหรือเปล่า? ทำราวกับไม่ได้ยิน

“.......เจ๊?” ใบหน้าเครียดขึงของบลูม่าที่ใช้มองไปทางประตูที่ซอลย่าเพิ่งจากไปนั้นเป็นใบหน้าและสายตาในแบบที่สดายุยังไม่เคยเห็นมาก่อน  โดยเฉพาะสายตาที่แสดงความปราถนาแรงกล้าขนาดนั้น เขายังไม่เคยเห็นบลูม่ามองใครแบบนั้นมาก่อนเลย

“เอ่อ...เดี๋ยววันนี้ยุกลับกับพี่ใช่มั้ยคะ?” จู่ๆบลูม่าก็หันมาถามเร่งร้อน

“ครับ นักข่าวเยอะคงกลับกับเมธไม่ได้ แต่ถ้าเจ๊ไม่สะดวกผมกลับเองได้นะ”

“งั้นรอพี่ที่นี่แป๊บนะยุ พี่ขอไปทำธุระแป๊บเดียว!”  บลูม่าไม่รอคำตอบ ผู้จัดการสาวรีบวิ่งไปที่ประตูทันทีที่สั่งย้ำให้สดายุรอเสร็จ แต่สดายุก็ไม่ยอมปล่อยผ่านเหมือนกัน เพราะดูเหมือนอดีตพระเอกหนุ่มจะพอจับเรื่องราวอะไรบางอย่างของพี่สาวแสนดีคนนี้ได้บ้างแล้ว

“เจ๊บลู!!” สดายุตะโกนเรียกพอให้อีกฝ่ายชะงักเล็กน้อย ก่อนยิงคำถามที่เคยเป็นคำสัญญาระหว่างกันเมื่อนานมา

“เมื่อเจ๊กลับมา เจ๊พร้อมจะบอกผมมั้ย?”

“.............”

“One Night Stand...ของเจ๊”

คำเดียวรู้กัน แม้บลูม่าจะไม่ได้ตอบอะไรและผลีผลามออกไปทั้งๆอย่างนั้น แต่สดายุรู้ดีว่าบลูม่าเข้าใจในคำถามของเขา ชายหนุ่มทำเสียงจิ๊จ๊ะ ด้วยว่าขัดใจตัวเองเหลือเกินที่ช่วงหนึ่งเขามัวแต่สนใจแต่เรื่องของตัวเอง จนมองข้ามความเปลี่ยนแปลงบางอย่างของพี่สาวคนดีคนนี้  ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายที่ลดสีฉูดฉาดลง จะว่าไปบลูม่าแต่งตัวดูเป็นผู้ชายขึ้นมาก เครื่องประดับบนร่างก็น้อยชิ้นลง จากที่เคยมีสร้อยร้อยเส้น ต่างหูยาวพราวระยับ ผ้าพันคอ แว่นตากันแดดอันเขื่อง กระเป๋าหลุยส์และแบรนด์เนมอื่นๆ รองเท้าส้นสูง(ทั้งที่ตัวเองก็สูงจะแย่)

ตอนนี้เหลือเพียงนาฬิกาเรือนเก๋ กับต่างหูทับเล็กๆ ไร้ผ้าพันคอ ไร้สร้อยระย้า ไม่มีแว่นตาดำ เสื้อเชิ๊ตระบายลูกไม้สิบสองสีฉูดฉาด กลายเป็นเพียงเสื้อเชิ๊ตเรียบๆ แม้จะยังคงสีสดใส แต่ก็มีเสื้อสูทเรียบๆใส่ทับ ทั้งที่เมื่อก่อนถ้าจะใส่สูทต้องเป็นสูทหนัง หรือปักเพชรเลื่อมวาววับ กางเกงยีนส์ขาเดฟเรียบหรู

เรียกได้ว่าตอนนี้เจ๊บลูม่าของสดายุนั้น หล่อขึ้นมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะอะไร ทำไม คำตอบมันก็อยู่ใกล้แค่เขาเปิดประตู!

“โทษทีนะเจ๊ ขอยุเผือกหน่อยเหอะ ขืนรอเจ๊บอกเอง ชาตินี้ยุคงไม่ได้รู้!”




แกร๊ก!


“ว๊าย!”

“.................!!?”

“จะรีบไปตายที่ไหนเหรอคะ คุณสดายุ!?”

เหมือนเทพเจ้าเผือกไม่เข้าข้างสดายุเท่าไหร่นัก เพราะทันที่ที่เปิดประตูออกมากะจะตามไปสอดแนมผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองสักหน่อย ดันมีคนมาดักรออยู่ที่ประตูห้องเสียได้ แถมยังเป็นคนที่สดายุไม่อยากเจอที่สุดอีกต่างหาก!

‘จะโผล่มาทำซากอะไรตอนนี้วะ!!?’

สดายุไม่คิดจะต่อปากต่อคำ เพราะตอนนี้เขากำลังรีบ จะว่าอะไรก็ช่างหัวหล่อนแล้วกัน

“หนีเป็นหมาหางจุกตูดเชียวนะ หึหึ หนีจากข้างนอกเข้ามาหลบข้างใน แล้วนี่จะหนีไปไหนอีกล่ะ คิกคิก”

คำเดียวอยู่ สดายุที่กำลังจะเดินเลี่ยงร่างแบบบางแต่อุดมไปด้วยพิษร้ายถึงกับชะงัก ด้วยศักดิ์ศรีลูกผู้ชายคนหนึ่งก็ไม่ได้อยากจะเสียเวลามางัดกับผู้หญิงที่ทั้งอายุน้อยกว่าและตัวเล็กกว่าหรอกนะ แต่ถ้าผู้หญิงมันปากไม่น่าคบ ก็คงต้องจัดกันสักหน่อย

“มีธุระอะไรกับผมครับคุณหนู? ผมไม่ได้ว่ามาคอยเล่นด้วยหรอกนะ” เพราะกำลังจะตามไปเผือกเจ๊บลูม่าอยู่

“หึ ไม่ว่าง หรือกำลังจะหนี เพราะรับตัวเองไม่ได้ ที่กำลังจะแพ้”

‘แพ้? แพ้อะไรของยัยเด็กนี่วะ’ หางตาสดายุเริ่มกระตุกถี่ อารมณ์กรุ่นกริ้วที่ลดลงไปหน่อยแล้วเมื่อครู่นั้นเริ่มตีรวน กระพือโหมขึ้นอีกครา

“ตรงไหนเหรอ? ที่บ่งบอกว่าผมแพ้...คุณหนู?” สดายุเอียงหน้าเล็กน้อยพลางยื่นเข้าใกล้ชิดจันทร์ที่ยืนกอดอกอย่างผู้มีชัยรออยู่

“ไม่เห็นเหรอ? ข้างนอกนั่นน่ะ ไม่ว่าใครเขาก็เห็นดีเห็นงามกับการที่ฉันกับพี่เมธยืนเคียงคู่กัน...คำถามคือ แล้วแกล่ะ กล้าที่จะออกสื่อคู่พี่เขาอย่างที่ฉันทำมั้ย?”

สดายุได้เพียงนิ่งรับ เขาไม่เถียงในสิ่งที่ชิดจันทร์พูด เพราะหล่อนพูดเรื่องจริง เขากับกฤตเมธไม่มีทางจะหวานออกสื่อได้ อย่าน้อยก็ตอนนี้

"หึหึ ทำไม่ได้สินะ” เห็นว่าสดายุเอาแต่เงียบ ชิดจันทร์ก็ยิ่งได้ใจ “อย่างแกน่ะไม่มีวันทำได้หรอก อย่าหาว่าฉันมายุแกล่ะ เดี่ยวบ้าจี้ทำอะไรทุเรศๆต่อหน้าสื่อขึ้นมา พี่เมธเขาจะขายขี้หน้าชาวบ้านเขา"

"จริงครับคุณหนู ผมคงไม่สามารถยืนเอานมเบียด เอาตัวเสียดสีเลื้อยไปเลื้อยมากับพี่เมธเขาออกสื่อได้อย่างคุณหนูหรอก อย่างดีก็ทำได้แค่ยืนคู่กันแบบปกติมนุษย์เขาทำกันเท่านั้นแหละครับ ผมก็ไม่รู้หนอกนะว่าคุณหนูยังจะโผล่มาทำไมต้องการอะไร หรือคุณแม่ยังไม่ได้บอกว่าให้เลิกยุ่งกับผมและพี่เมธซะที เรารักกันและพร้อมที่จะจัดแถลงข่าวออกสื่อทุกแขนง ถ้าแม่คุณยังไม่ได้บอก ผมก็ขอบอกแทนให้เลยว่าพี่เมธของคุณน่ะเป็นเกย์ และเขารักผม ถ้าหวังจะเอาอะไรต่อมิอะไรของคุณมาเบียดมาถูเพื่อให้ได้ใจพี่เมธล่ะก็ เลิกคิดไปเหอะ"

ตอนแรกสดายุก็กะจะทนให้จบๆไป เพราะเขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับผู้หญิงสักเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะกับผู้หญิงพูดยากเข้าใจลำบากอย่างชิดจันทร์ ซึ่งแน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว  ทว่าแม้จะพูดออกมาเจ็บแสบแค่ไหน ดูเหมือนชิดจันทร์จะไม่สะทกสะท้าน

"คิกๆ หึหึ ฮะฮะฮะ ได้ใจเหรอ? ฉันเนี่ยนะหวังจะได้ใจพี่เมธ? หึหึหึหึ ตลกดีจริง ฉันจะเอาไปทำอะไร?"

"................แล้วคุณหวังอะไร?" คำที่ชิดจันทร์เอ่ยออกมาทำเอาสดายุถึงกับมึนงง หล่นอไม่ต้องการ ‘หัวใจ’ แล้วอะไรล่ะที่ชิดจันทร์อยากได้

"หึ! ฉันไม่จำเป็นต้องบอกแก รู้เอาไว้อย่างเดียวพอ ว่าพี่เมธ เป็นของของฉัน อย่าสะเออะจะมาคาบของๆคนอื่น!!"

"คิดไปเอง! เมธไม่ใช่สิ่งของ และเขาก็ไม่ใช่ของของใครทั้งนั้น!"

“...งั้น...ลองดูมั้ยล่ะ”

“....อะไร?”

"แกคิดว่ามีแค่แกเหรอที่พี่เมธเขาตามใจ แกมันก็แค่ของแปลกที่พี่เขาอยากเล่นด้วยชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละ รู้เอาไว้ซะด้วยว่าที่พี่เมธไปนอนกกแกอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะฉันยอมให้"

“...คุณหนูมันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะที่คุณจะมาใส่ร้ายพี่เมธเพื่อทับถมผมน่ะ ผมเชื่อใจเขา”

คำว่า ‘เชื่อใจ’ เรียกเสียงขบขันจากชิดจันทร์ไม่น้อย ร่างแบบบางขยับเข้าประชิดสดายุมากขึ้น นิ้วเรียวของหล่อนยกขึ้นลูบไล้ไปตามเนื้อเสื้อสูทบนร่างของสดายุเบาๆ

“เดี๋ยวแกก็รู้ หึหึ”

หล่อนทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป พร้อมเสียงหัวร่อระคายหู สดายุไม่รู้หรอกว่าชิดจันทร์คิดจะทำอะไร รู้แค่ว่าเรื่องนี้มันไม่ชอบมาพากล

สดายุตัดสินใจจะเดินตามชิดจันทร์ไป แต่ดันมีสายเรียกเข้าเสียก่อน

“ครับเมธ?” เป็นกฤตเมธที่โทรเข้ามา สดายุคิดไปว่ากฤตเมธคงโทรมาบอกที่นัดหมายที่จะออกไปเจอกันหลังจากนี้

“ยุ ขอโทษทีนะวันนี้ผมคงไม่ได้กลับไปทานข้าวเย็นกับคุณ หาอะไรทานไปก่อนได้เลยนะครับ”

“อ๋อ....ได้สิครับ ว่าแต่คุณจะไปไหน?” สดายุไม่ได้อยากละลาบละล้วงแต่ด้วยความเคยชินเลยเผลอปากถาม

“บังเอิญผมต้องไปทานข้าวกับทาง ‘เสี่ยฮง’ น่ะ เขาอยากคุยกับผมเรื่องโปรเจ็คละครที่ผมเคยเสนอเขาไว้ตั้งแต่ก่อนถ่ายหนังน่ะ เสี่ยอุตส่าห์มาเชิญผมถึงที่ ผมเลยปฏิเสธไม่ได้...”

ได้ยินว่าเป็นเรื่องงานสดายุก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรต่อ เพราะเป็นปกติอยู่แล้วที่กฤตเมธจะออกไปทานข้าวกับบรรดาลูกค้าของธุรกิจส่วนตัว และเหล่าผู้อำนวยการสร้างหนัง ละครต่างๆ เพราะกฤตเมธกำลังจะผันตัวมาทางเบื้องหลัง บางครั้งชายหนุ่มก็มีเรื่องต้องศึกษากับรุ่นพี่ ซึ่งสดายุรู้ดีอยู่แล้ว

“ครับ ตามสบายเลยคุณเมธ เดี๋ยวผมแวะกินข้าวกับเจ๊บลูแล้วค่อยกลับ”

“เอ่อ ยุ...นอกจากเสี่ยฮงแล้ว ยังมีชิดจันทร์ด้วย”

“............” สดายุอึ้งไปแทบจะทันทีที่ได้ยินว่ามีชิดจันทร์ร่วมมื้อเย็นมื้อนี้กับกฤตเมธด้วย “คุณชิดจันทร์คือคนพาเสี่ยมาสินะครับ”

“ใช่ จู่ๆก็มาหาถึงที่เล่นเอาตั้งตัวไม่ทัน” กฤตเมธอธิบาย ถึงตอนนี้สดายุรู้แล้วว่าการกลับมาคราวนี้ของชิดจันทร์ มันมีลับลมคมใน!

“ยุไม่โกรธผมนะ” กฤตเมธอ้อนออกมาน้อยๆ ด้วยความไม่สบายใจ ด้วยกลัวว่าสดายุจะเคืองที่ตนตกปากรับคำไปทานมื้อเย็นกับเสี่ยฮงและชิดจันทร์โดยที่ไม่ยอมบอกสดายุก่อน

“ผมจะโกรธคุณทำไมกัน มันเป็นงานนี่นา...ผมจะรอที่ห้องแล้วกันนะ”

“ครับผมจะรีบกลับ” เสียงอ่อนโยนตอบรับ

“เอ่อ...เมธ คุณไปทานที่ไหนเหรอ?” ตอนแรกสดายุก็กะจะไม่ถาม แต่เหมือนความรู้สึกบางอย่างข้างในผลักดันให้เขาถามถึงสถานที่ที่กฤตเมธจะไปด้วย

“อ๋อ คงเป็นที่ห้องอาหารของโรงแรมของเสี่ยฮงนั่นแหละ ใกล้ๆนี่เอง ผมกลับไม่ดึกหรอก”

“ครับ...ผมจะรอ”

กฤตเมธวางสายไปแค่นั้น แต่สดายุไม่จบแค่วางสาย ดวงตาคมกล้าของสดายุทอประกายดุดัน ครั้งนี้ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่เล่าเรื่องที่ชิดจันทร์มาคุยกับตนให้กฤตเมธฟัง สดายุแน่ใจว่าถึงกฤตเมธจะยังลังเลบ้าง แต่ต้องเชื่อเขามากกว่าชิดจันทร์แน่นอน (หวังว่าล่ะนะ) แต่การทำแบบนั้นก็อาจทำให้เขาพลาดที่จะเฝ้าดูว่าชิดจันทร์ต้องการจะทำอะไรและหล่อนวางแผนอะไรไว้กันแน่

ดังนั้นสดายุจึงยังไม่เล่า และตัดสินใจจะแฝงเข้าร่วมดินเนอร์ในมื้อนี้ด้วยแทน!

ก็ถ้าชิดจันทร์จะวางแผนทำอะไร เขาก็จะตามเกมให้ทันเช่นกัน!!

“ว่าแต่เจ๊บลูอยู่ไหนวะเนี่ย!!?”

***



“ฮัลโหล ดิน? เธออยู่ไหนเนี่ย? อะไรนะ!? ออกไปแล้ว? ติดธุระด่วน? แล้วทำไมไม่บอกพี่ก่อนล่ะ? ก็เดินตามหาอยู่นี่ไง... อืมๆ โอเครู้แล้ว งั้นพี่กลับเลยแล้วกัน ดินกลับคนเดียวได้ใช่มั้ย อืม...โอเค เจอกันพรุ่งนี้ บาย...”

หลังจากหน้าแตกยับเพราะเพิ่งทะเล่อทะล่าเข้าห้องผิดไป ซอลย่าก็เร่งหนีออกมาก่อนจะโทรตามเด็กในสังกัดที่นัดกันดิบดีแล้วกลับหายตัวไปซะดื้อๆ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้ซอลย่าถึงกับหน้ามืด เพราะบดินทร์ดันหนีกลับไปไม่บอกไม่กล่าวเสียก่อน โดยอ้างว่ามีธุระด่วน  ซอลย่าได้แต่ส่ายหน้าระอา ‘เหลวไหลจังนะ ดินเนี่ย’ ก่อนจะตัดสินใจกลับบ้านของตนเช่นกัน

“ซอล!”

“...บลู?...”

ทว่าช่วงที่กำลังจะเดินออกไปตรงลานจอดรถ เสียงคุ้นหูก็ตะโกนเรียกมาจากทางด้านหลังเข้าเสียก่อน

ภาพของ‘บลูม่า’ที่กำลังตรงเข้ามาหาเขานั้นทำซอลย่าตกประหม่าไม่น้อย ตั้งแต่วันนั้น นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน...

ซอลย่ายืนรอบลูม่าอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับกายไปไหน เพราะไม่รู้ว่าบลูม่าเรียกตนไว้ทำไม หากเป็นเรื่องงานแล้วล่ะก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักหากเขาจะมัวเล่นตัว ‘คงเป็นเรื่องงานแหละ ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน อย่างบลูคงไม่อยากคุยกับเราหรอก’

“......”

“.......”

วิ่งกระหืดกระหอบตามมาเสียราวกับมีเรื่องเร่งด่วน แต่พอมายืนเผชิญหน้ากันบลูม่ากลับไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลย

ซอลย่าก็เงียบ

บลูม่าก็เงียบ

มีเพียงเสียงลมหายใจหอบจางๆของบลูม่าเท่านั้นที่ดังอยู่ระหว่างคนทั้งคู่ บลูม่าก้มลงจดจ้องซอลย่าไม่วางตา สวนคนถูกมองกลับหลุบตามองพื้น ไม่กล้าแม้เพียงจะเงยหน้าขึ้นมาให้เห็น หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ‘ทำไมไม่ยอมพูดอะไรสักทีล่ะบลู...’ ซอลย่าคิดในใจจนเกือบจะร้องไห้ออกมา

“...เอ่อ...ไอ้บดินทร์ล่ะ” คำแรกที่ถามไถ่ กลับเป็นคำถามพาดพิงบุคคลที่สาม

“ก...กลับไปแล้ว”

“...เหรอ งั้นก็ดี เราได้มีเวลาคุยกันหน่อย” บลูม่าสืบเท้าเข้าประชิดซอลย่าที่ยังคงยืนก้มหน้าก้มตามากขึ้น

“....เอ่อ...คุย? อ๊ะ?”  ร่างเล็กเริ่มรู้สึกตัวว่าถูกเข้าใกล้จนเกินไป  จึงคิดจะถอยห่าง แต่เพียงแค่ขยับกายเพียงเล็กน้อย ก็กลับถูกคว้าต้นแขนซ้ายรั้งไว้กับที่เสียก่อน

“ใช่! คุยเรื่องเธอกับเพชรจ้าไง เธอยังไม่ได้ตอบคำถามฉัน...” น้ำเสียงของบลูม่าคล้ายจะตะคอกกลายๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดที่ว่าให้ความรู้สึกคุกคาม ผู้จัดการดาราร่างใหญ่กระตุกแขนซ้ายของคนตรงหน้าเบาๆ เพื่อลากเข้ามาใกล้ตัวเองอีก

“ร...เรื่องนั้น...มันสายไปแล้วหรือเปล่า...มันนานนานเหลือเกินจนผมจำไม่ได้แล้วล่ะ” ซอลย่าพยายามหลบเลี่ยง พลางขืนกายออกจากร่างสูงตรงหน้า ทั้งที่ยังไม่ยอมแม้แต่สบตากับอีกฝ่าย

“โกหก”

“...เปล่าสักหน่อย”

“เธอจำได้ฉันรู้!” บลูม่าตะคอกขึ้นอีกครั้ง พร้อมใช้มือแกร่งของตนจับเชยปลายคางคนรั้นให้เงยหน้า ไม่ได้คิดจะใช้ความรุนแรง แต่เพราะคนดื้อดึงในอุ้งมือยังไม่ยอมปริปากในเรื่องที่เขาอยากจะรู้เสียที แถมยังไม่ยอมมองหน้าอีก เส้นความอดทนของบลูม่าจึงค่อนข้างสั่นคลอน

“........!!?...” ฝ่ายซอลย่าที่จู่ๆก็ถูกเชยคางขึ้นเพื่อบังคับให้สบตากับบลูม่านั้น ก็ได้แต่นิ่งอึ้ง เพราะเขาทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกจดจ้องมองลึกซึ้งเข้าไปในดวงตา ซอลย่าสะบัดใบหน้าออกจากมือแกร่งนั่นทันทีเพื่อหลบสายตาของบลูม่าอีกครั้ง

“บอกสิ...บอกฉันมาหน่อย ซอล?” บลูม่าเองก็ไม่ได้ดึงดันให้อีกฝ่ายหันกลับมามองอีก เขาเพียงแค่เริ่มขอร้องซอลย่าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมากกว่าเดิม

“ผ...ผมว่าเรื่องนั้นมันไม่จำเป็นสำหรับคุณแล้วคุณบลู...มันนานมากแล้ว...”

“จำเป็นสิ! ฉันมีสิทธิ์ที่จะรู้ไม่ใช่เหรอ? ความจริงน่ะ”

“...อยากรู้...วันนี้เนี่ยนะ”

“ใช่! วันนี้แหละ! อย่าทำเป็นลืมนะซอล ในวันนั้นฉันก็เคยถามคำถามนี้ แล้วเธอก็หลบเลี่ยง...ที่จะตอบมัน”

“.......”

“เธอทำให้ฉันต้องจมปลักกับความไม่รู้ กับเรื่องที่ต้องคิดเองเออเองอยู่เป็นสิบปี!...เธอ...ไม่เห็นใจฉันบ้างเลยเหรอ?...” น้ำเสียงเครือเล็กๆที่ออกจากปากของบลูม่า สะท้อนถึงความเจ็บปวดและความน้อยเนื้อต่ำใจแจ่มชัดจนซอลย่ารู้สึกได้ คนที่มั่นใจในตัวเองมาตลอดอย่างบลูม่า ทำไมจู่ๆถึงได้มีน้ำเสียงที่น่าสงสารขนาดนี้นะ หัวใจซอลย่ากระตุกวูบไหวไปกับน้ำเสียงนั้น จนอดไม่ได้ที่จะต้องหันกลับมามองหน้าอีกฝ่าย เพื่อจับจ้องความหมายที่สื่อชัดออกมาทางสายตา...แล้วซอลย่าก็ได้เห็น

“...ถ้าคุณรู้แล้ว...ระหว่างผมกับคุณจะเปลี่ยนมั้ย?”  ความเว้าวอนที่สื่อชัดออกมาจากสายตาบลูม่านั้น ทำเอาหัวใจดวงน้อยของซอลย่าเริ่มระทวยอ่อน ผู้จัดการดาราร่างเล็กตั้งคำถามออกไปเพื่อหยั่งเชิงบางสิ่งที่จะสามารถยืนยันความรู้สึกของบลูม่าที่มีต่อเขาในตอนนี้

“แน่นอนสิ!”

“.......” ‘สายตาแบบนั้น...บลู ไม่ได้เกลียดฉันแล้วใช่มั้ย?’

“ฉันไม่อยากคิดไปเองคนเดียวอีกแล้ว ซอล...ได้โปรด”

“...งั้น...ถ...ถ้าผมบอกแล้ว...เรา...เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...ใช่มั้ย?...” ‘น้ำเสียงแบบนั้น บลู...เริ่มเปิดใจให้ฉันแล้วใช่มั้ย?’

“ใช่...ต่อให้มากกว่าเพื่อนเราก็เป็นได้...”

“.....บลู...” ‘บลู...ฉันไม่ได้คิดไปเอง...ใช่มั้ย?...เธอ...’

ทั้งน้ำเสียงที่เว้าวอนที่เปล่งออกมา ทั้งสายตาออดอ้อนขอร้อง ทำให้ซอลย่าไม่อาจห้ามใจไม่ให้เอื้อมมือไปสัมผัสข้างแก้มของคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาได้ ใบหน้านั้นเรียบเนียนเหมือนดังสิบห้าปีก่อน โหนกแก้มสูง สันจมูกโด่งคม ดวงตาคมกล้าสีดำขลับ กับริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้....จนลมหายใจ...รินรดที่ข้ามแก้ม...




“เจ๊บลูม่า!!”




 :hao7:
ต่อด้านล่างค๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 28-08-2014 01:13:30
ต่อคร๊า...
 :katai2-1:




“เจ๊บลูม่า!!”

‘เฮือก!!!?’ สองร่างที่ขยับเข้าใกล้กันจนแนบชิดถึงกับสะดุ้งสุดตัวผละจากกันแทบไม่ทัน เพราะเสียงตะโกนลั่นทุ่งของสดายุ

‘น้องยุ!!! โผล่มาทำไมตอนนี้เนี่ย!!?’ บลูม่าแทบจะตะโกนออกมาอย่างลืมตัว

“เจ๊!” เสียงแหบหวานยังคงตะโกนเรียกจากระยะไกล ร่างสูงโปร่งวิ่งฉิวแทบจะถลาเข้าหาบลูม่า หน้าแต่หล่อเหลาดูเครียดขึง เรียวคิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะเป็นโบว์

“เอ่อ...น้องยุ?” อยากถามออกไปว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่ก็ไม่ทันจะให้คำถามเหล่านั้นพ้นลิ้นไก่ออกมาเพราะทันทีที่สดายุถลาเข้ามาประชิดตัวได้ ก็ออกแรงฉุดข้อมือแกร่งของบลูม่าลากพรืดออกไปทันที

“ขอโทษจริงๆ ที่ขัดจังหวะนะเจ๊ ผมจะชดใช้ให้วันหลังนะ! แต่ตอนนี้มากับผมก่อน!! ขอโทษทีนะครับคุณซอลย่า” สดายุเอ่ยขอโทษรัวเร็วขณะลากร่างสูงใหญ่กว่าของบลูม่าให้ไถลไปกับตน ความรวดเร็วนั้น ทำเอาซอลย่าพยักหน้าหงึกหงักรับคำไปด้วยอย่างลืมตัว

“เอ๋!? ห๊ะ น้องยุ!!?” บลูม่าที่เซแซ่ดๆไปตามแรงดึงนั้น หันกลับมามองที่ซอลย่าหน้าตาตื่น อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดันพูดออกมาไม่ได้ แม้แต่คำว่า ‘แล้วเจอกัน’ ยังไม่ทันจะได้พูดเลยด้วยซ้ำ จึงทำได้แค่มองอยู่อย่างนั้น ทั้งๆที่ระยะห่างเริ่มไกลกันออกไปเรื่อยๆ

และดูเหมือนความเร็วมันจะเพิ่มขึ้น...เมื่อสดายุเริ่มออกวิ่งแล้วคราวนี้!!

“เดี๋ยวววววววว....” ซอลย่าได้แต่ยืนตะลึงฟังเสียงร้องโหยหวนของบลูม่าที่ซึ่งถูกสดายุลากพรืดๆจากไปดื้อๆแบบไม่ทันได้กล่าวคำร่ำลา ‘มีเรื่องด่วนมาก...สินะ’ ซอลย่าได้แต่พึมพำกับตัวเองทั้งที่ยังมึนงงอยู่




‘...งั้น...ถ...ถ้าผมบอกแล้ว...เรา...เราจะกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม...ใช่มั้ย?...’


‘ใช่...ต่อให้มากกว่าเพื่อนเราก็เป็นได้...’



ตึ่กตั่ก...

เพียงนึกถึงบางประโยคที่บลูม่าเอ่ยทิ้งท้ายไว้ หัวใจของซอลย่าก็เต้นแรงขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้หัวใจดวงน้อยไม่ได้เต้นรัวเพราะความประหม่าอย่างตอนถูกบลูม่าเรียก ไม่ใช่เพราะความตื่นตกใจจากการที่สดายุบุกมาฉุดตัวบลูม่าไปอย่างเมื่อครู่...

แต่มันเป็นการเต้นในจังหวะของคนที่กำลังมี… ‘ความหวัง’


“เรากับบลู...เรากับบลูจะกลับไปเป็นเพื่อนกันได้อีก...”

“ถ้าหากเรากับบลูได้คุยกัน....อีกครั้ง...”

“...แค่อีกครั้ง”



ซอลย่าพึมพำกับตัวเองเบาๆ แก้มเนียนขาวค่อยๆแดงซ่านไปจนถึงใบหู ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนค่อยๆผุดรอยยิ้มระเรื่อ...

*
*
*
*
*

“โอ้ยยยย น้องยุคะ!? จะลากพี่ไปไหนเนี่ยยยย!”

“กุญแจรถอยู่ไหนเจ๊!?”

“ห๋า? อ่ะนี่ค่ะ”

“ขึ้นรถเลยเจ๊ เดี๋ยวยุขับเอง!”

“ห๊ะ!? จะไปไหน?....อ๋า!!...”


ปึ่ง!

บรื๋นนนนนนนนน…



นั่นคือความทรงจำสุดท้ายที่บลูม่าจำได้ ก่อนจะมานั่งทำตาปริบๆอยู่ฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วปล่อยให้สดายุบังคบพวงมาลัยไปตามทางที่ชายหนุ่มเท่านั้นที่เป็นคนรู้...

เงียบ...จนบลูม่าหงุดหงิด 'น้องยุคะ! ถ้าจะลากพี่มาแล้วทิ้งขว้างกันแบบนี้ ทำไมไม่เอาแต่รถพี่มาแล้วทิ้งพี่ไว้ให้พี่เคลียร์ปัญหาหัวใจของพี่ก่อนนนน!! คนของพี่น่ะหาตัวโคตรยากเลยนะขอบอก! ฮือๆ ชวดเลยคราวนี้!!'  บลูม่าได้แต่บ่นในใจด้วยความหนักอก ยังเสียดายไม่หายที่จู่ๆก็ถูกลากออกมาทั้งๆที่กำลังจะเคลียร์กับซอลย่าได้อยู่แล้ว ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจตัวเองว่าจะเคลียร์ไปทำไม แล้วใยเขาต้องแคร์ซอลย่ามากขนาดนั้นก็เถอะ ถึงยังไงก็ยังรู้สึกเสียดายใจแทบขาดอยู่ดี!  ‘ฮึ่ย! น้องยุนะน้องยุ!!’



แต่...ไหนๆก็ถูกลากออกมาแล้ว จะมัวนอยด์อยู่คงไม่เข้าท่านัก บลูม่าเลยปริปากถามสดายุอย่างเป็นจริงเป็นจังเกี่ยวกับที่หมายที่น้องชายคนดีกำลังเร่งมุ่งหน้าไปเสียที

“ยุ...ตกลงนี่คุณน้องจะพาพี่ไปไหนคะ? ช่วยแถลงไขให้พี่แจ้งแก่ใจสักนิดเถอะค่ะ พี่คนนี้จิอกแตกตายแล้วนะ!”

รถราบนท้องถนนก็ยังคงอุ่นหนาฝาคั่ง แต่น้องรักของเขาก็ยังคงแทรกซ้ายเบียดขวาปาดหน้าชนิดไม่สนใจคันหลังอยู่เนืองๆ ถึงรถของบลูม่าก็เรียกได้ว่าเก่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบลูม่าจะไม่รู้สึกอะไรถ้ามันจะโดนชนนะ! แล้ววันนี้น้องสดายุของเขาเป็นอะไรไปเนี่ย!!

“ไปโรงแรมของเสี่ยฮงครับเจ๊” สดายุตอบเสียงเรียบ ขณะที่ดวงตายังจดจ้องบนท้องถนน เตรียมจะแซงปาดคันหน้าที่ช้าเหลือเกินอยู่

“โรงแรมเสี่ยฮง? ไปทำไมคะ จะทานข้าวเย็นกันที่นั่นเหรอ?”

“ไปสอดแนมกัน”

“สอด...? ห๋ะ!? สอดแนมใครคะน้องยุ?”


“ฟังผมนะเจ๊...”


ในที่สุดสดายุก็เปิดฉากเล่าเรื่องทั้งหมดให้บลูม่าฟัง ถึงจะรู้สึกว่าอาจคิดมากไปเอง เพราะอย่างน้อยๆกฤตเมธก็เป็นผู้ชายตัวโตๆคนหนึ่ง ชิดจันทร์จะไปทำอะไรได้ อย่างดีอาจแค่นัดนักข่าวมาถ่ายภาพหลุดขณะกำลังดินเนอร์แสนโรแมนติก ถ้าแค่นั้นล่ะก็สดายุคงไม่คิดมาก แต่หากชิดจันทร์คิดจะทำอะไรที่มากกว่านั้นขึ้นมาล่ะ? ถึงไม่รู้ว่าจะทำอะไร และทำไปเพื่ออะไรก็เถอะ สดายุก็ขอไม่วางใจทั้งนั้น ‘เอาวะ! กันไว้ดีกว่าแก้!’

กว่าจะฝ่ารถติดมาถึงที่หมายได้ก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง แถมโรงแรมของเสี่ยฮงใหญ่โตโอฬาร ห้องอาหารก็มีเป็นสิบๆร้าน แล้วเสี่ยฮงกับชิดจันทร์จะนัดกันพากฤตเมธไปทานอะไรที่ร้านไหนกันเนี่ย? อาหารฝรั่งเศส? จีน? ญี่ปุ่น? ไทยฟิวชั่น? หรือบาร์ด้านบนกันแน่นะ...?

สดายุกับบลูม่าใช้เวลาตามหากันอยู่พักใหญ่ๆ โดยตั้งต้นที่ร้านอาหารระดับลักซ์ชัวรี่ที่น่าจะเหมาะกับคนระดับเสี่ยฮงที่เป็นถึงเจ้าของโรงแรมนี้ แล้วในที่สุดก็หาตัวพบ ในร้านอาหารฝรั่งเศสชั้นบนสุดของตัวโรงแรม สมแล้วที่เป็นคนระดับเสี่ยฮง เพราะร้านอาหารฝรั่งเศสร้านนี้ช่างเลอค่า เรียบหรูดูผู้ดีเป็นที่สุด (แน่นอนว่าราคาอาหารย่อมสมกับสถานที่อย่างไม่ต้องสงสัย)
 
แม้ว่าสดายุกับบลูม่าจะสามารถเข้าไปในร้านนั้นได้ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใกล้โต๊ะวีไอพี.ของร้านอย่างโต๊ะของเสี่ยฮงที่อยู่ตรงไพรเวทโซนได้อยู่ดี สดายุและบลูม่าจึงทำได้แค่เพียงเลือกโต๊ะที่สามารถมองเห็นทุกความเคลื่อนไหวของโต๊ะ วีไอพี.ได้ชัดเจนที่สุด และที่สำคัญต้องเป็นโต๊ะที่เขาทั้งคู่จะพรางตาจากกฤตเมธและชิดจันทร์ได้ด้วย

“คุยกันถูกคอน่าดูนะคะนั่น เสี่ยฮงหัวเราะถูกใจใหญ่” บลูม่ากระซิบคุยกับสดายุ สองตาจับจ้องเหยื่อ สองมือหั่นเนื้อลูกแกะเข้าปาก ช่วยไม่ได้ที่ต้องสั่งอาหารกันมา เพราะไหนๆก็เข้ามานั่งแล้ว ขืนไม่สั่งอะไรทานคงถูกเชิญออกไปนอกร้านอย่างไม่ต้องสงสัย แม้อาหารแต่ละอย่างจะแพงจนแทบน้ำตาไหล แต่ก็ยังพอไหว ยังไงซะพวกเขาก็กำลังหิวอยู่พอดีเหมือนกัน

“น้องยุคะ น้องว่าคุณชิดจันทร์จะทำอะไรกับคุณเมธอ่ะ” บลูม่ากระซิบถามขึ้นอีกครั้ง

“ผมจะไปรู้มั้ยล่ะเจ๊ ถ้ารู้จะมานั่งสังเกตุการณ์อยู่ทำไมล่ะ”

“แต่เสี่ยฮงอยู่ด้วยแบบนี้พี่ว่าคุณชิดจันทร์คงยังไม่ลงมือหรอกค่ะ แถมที่นี่คนเยอะแยะ”

“...ผมก็คิดอย่างนั้น แต่อย่างที่บอก ยัยชิดจันทร์ดันทิ้งท้ายไว้ซะผมหลอน เลยวางใจไม่ได้อยู่นี่ไง”

“...เฮ้อ...ยัยคุณหนูชิดจันทร์จะสร้างปัญหาอะไรอีกล่ะทีนี้ พี่ล่ะหนักอกแทนคุณเสน่ห์จันทร์จริงจรี๊ง”

เวลาผ่านไปประมาณสี่สิบห้านาที โดยประมาณ ดูเหมือนในที่สุดโต๊ะวีไอพี.จะมีการเคลื่อนไหวเสียที

“อ๊ะ! เจ๊! ลุกขึ้นกันแล้ว!” สดายุอุทานขึ้นเบาๆ เรียกรวมพลสายตาสองคู่รวมพลังสอดส่อง โดยคนที่เคลื่อนไหวคือเสี่ยฮงที่เป็นผู้ลุกออกจากโต๊ะนั้นไปก่อน และดูเหมือนจะไม่ใช่การลุกไปเข้าห้องน้ำหรือทำธุระชั่วครู่ เพราะทันทีที่เสี่ยฮงลุก ทั้งกฤตเมธและชิดจันทร์ก็ลุกตาม พร้อมจับไม้จับมือกับเสี่ยฮงคล้ายเป็นการกล่าวลา

สดายุกับบลูม่าต่างช่วยกันจ้องตาเขม็ง เพื่อดูว่ากฤตเมธกับชิดจันทร์จะออกไปพร้อมกันเลยหรือเปล่า และจะไปไหนกันต่อ ทว่าดูเหมือนพอลับร่างเสี่ยฮงไป ชิดจันทร์จะแสดงท่าทางออดอ้อนให้กฤตเมธอยู่เป็นเพื่อนตนต่อ ชายหนุ่มคงปฏิเสธไม่ได้เลยต้องนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว ชิดจันทร์หันไปให้สัญญาณอะไรบางอย่างกับบริกร และหลังจากนั้นเพียงครู่ ไวน์แดงสองแก้วก้มาเสริฟ

“สั่งไวน์มาเพิ่มด้วยอ่ะยุ คุณหนูเขากะจะมอมคุณเมธหรือเปล่าอ่ะ!?”

“จับตาดูไว้ให้ดีเลยเจ๊ ห้ามคลาดสายตาเชียวนะ!!”


“ทำอะไรกันอยู่อ่ะครับ ยุ? เจ๊บลู?”

“.........!!!!!???” ทั้งสดายุและบลูม่าสะดุ้งโหยงหันจวับกลับมามองแทบไม่ทันว่าใครกันดันรู้จักเขาทั้งคู่แล้วยังจะอุตส่าห์เข้ามาทักทายเสียงใส ในสถานการณ์แสนสำคัญแบบนี้!

“อ่า....คุณดนัย?” บลูม่าอุทานออกมาเบาๆ ที่ได้เห็นผู้มาเยือนยืนยิ้มเฉ่ง ขณะที่สดายุนั้นก็หันมาค้อนตาเขียวปั๊ดเหมือนกัน

“เอ่อ…ผมมาขัดจังหวะหรือเปล่า?” เห็นสายตามาดร้ายของสดายุเข้า ดนัยก็เริ่มรู้ตัวแล้วว่า คงมาผิดจังหวะซะแล้ว…

“ว๊าย! น้องยุ! คุณเมธโดนลากไปแล้วค๊า!!” บลูม่าแทบจะกรีดร้อง ทันทีที่เห็นว่าชิดจันทร์กำลังประคองกฤตเมธออกจากร้าน โดยที่ฝ่ายกฤตเมธนั้นดูท่าทางแปลกๆ ร่างสูงใหญ่ดูจะเดินเซเล็กน้อยจนชิดจันทร์ต้องเขาไปประคองใกล้ๆ

“ห๊ะ!?” ‘โดนเข้าแล้ว!! ’สดายุลุกพรวดพราดขึ้น เขาต้องรีบตามไปตอนนี้ เพราะเกิดคลาดสายตาขึ้นมาล่ะก็ กฤตเมธของเขาจะต้องแย่แน่ๆ

“อ๊ะ! ยุ! อึ๋ย ค…คุณดนัย ขอโทษจริงๆค่ะ ฝากจ่ายค่าอาหารให้ก่อนนะคะ! เดี๋ยวเสร็จธุระจะรีบมาใช้คืนค่ะ!!”

“ห๋ะ!? อ่ะ เฮ้ย เจ๊บลู!? ยุ!?” ดนัยถึงกับเหวอ เมื่อจู่ๆก็ถูกผลักภาระการชำระหนี้ตามกฎหมายมาให้ซะเฉย แล้วสองคนนั้นที่เขาอุตส่าห์เข้ามาทักทายด้วยความเป็นมิตรกลับวิ่งเตลิดตามใครไปก็ไม่รู้ ‘อ้าว…กรรม’




เพียงพริบที่คลาดกันตอนออกจากร้าน ชิดจันทร์กับกฤตเมธก็อันตรธานหายไปจากคลองสายตาของสดายุและบลูม่าอย่างสิ้นเชิง ‘อะไรจะไวขนาดนั้น!’ ความร้อนใจทำให้ต้องเดินตามหากันให้วุ่น

“น้องยุ ทางนี้ค่ะ!” บลูม่าตะโกนเรียกสดายุให้ตามมา เพราะเขาเห็นแล้วว่าชิดจันทร์พากฤตเมธไปที่ไหน

ทางที่บลูม่านำไปนั้นเป็นทางไปล๊อบบี้ของโรงแรมหรู สดายุวิ่งตามไปทันพอดีตอนที่ชิดจันทร์พากฤตเมธขึ้นลิฟท์ไปแล้ว สดายุยืนจ้องตัวเลขหน้าลิฟท์ไม่วางตา เพื่อที่จะดูว่าสุดท้ายแล้วมันจะไปจอดที่ชั้นไหน

‘หนอย…ยัยตัวแสบ!’

‘ชั้น 45!’ในที่สุดลิฟท์ก็หยุดที่ชั้นสี่สิบห้า สดายุรีบกดลิฟท์อีกตัวตามไปอย่างไม่ลังเล ทว่าพอถึงชั้นสี่สิบห้าสดายุกับบลูม่ากลับต้องปวดหัวกันอีกครั้งเพราะไม่รู้แล้วว่าชิดจันทร์นั้นพากฤตเมธไปที่ห้องไหน สดายุพยายามกดโทรศัพท์หากฤตเมธเผื่อว่าอีกฝ่ายจะยังรับสายได้ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมือถือของกฤตเมธติดต่อไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มันโดนปิด!

“แย่แล้วล่ะค่ะน้องยุ แบบนี้เราหาคุณเมธไม่เจอแน่”

“ยัยคุณหนูนั่น ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!? ตั้งใจจะทำอะไรกับกฤตเมธกันแน่! ยัยนั่นต้องการอะไรกันแน่!!?” เสียงแหบพร่าคำรามกร้าวด้วยความเดือดดาล ชิดจันทร์ทำเขาเหลืออดจริงๆในครานี้

“ยุ…” บลูม่าได้แต่จับไหล่สดายุไว้ เพื่อหวังจะให้คลายความคุกรุ่น เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าชิดจันทร์ทำแบบนี้ไปทำไม

“ผมไม่เข้าใจเจ๊ ทั้งที่การทำแบบนั้นมันมีแต่ทำลายชื่อเสียงตัวเอง! ต่อให้มีคลิปหรืออะไรออกมา ก็มีแต่จะลดคุณค่ากับศักดิ์ศรีของตัวเองลงเพราะไม่ว่ายังไงยัยนั่นก็เป็นผู้หญิง! ถ้ายัยคุณหนูนั่นคิดจะทำแบบนี้เพื่อเอาชนะผมล่ะก็ ผมจะไม่มีวันให้อภัยการกระทำโง่ๆนั่นเลย!!”

แกร๊ก…

“…..!!?” จู่ๆหนึ่งในบานประตูที่เหมือนๆกันบานหนึ่งก็เปิดออก สดายุและบลูม่ารีบหลบเข้าไปซ่อนตรงมุมโถงลิฟท์ที่ยื่นออกมาทันที และเหมือนโชคเข้าข้าง เมื่อเจ้าของประตูบานนั้นคือชิดจันทร์ หล่อนเปิดประตูออกมาพร้อมโวยวายกับใครสักคนในมือถือ

“แกชักช้าอะไรอยู่ห๊ะ!?” เสียงหวานที่ตวาดแหวอยู่นั้นทำให้รู้ว่าชิดจันทร์หงุดหงิดไม่น้อยกับการรอคอยใครบางคน

“ฉันรออยู่ที่หน้าห้องนี่ไง!” หญิงสาวโวยวายอยู่ครู่หนึ่ง ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอีกคนก็ปรากฏขึ้น ชายคนนั้นใส่เสื้อเจ็คเก็ตยีนส์สีดำ ใส่หมวกแก๊ป แว่นตาดำและผ้าปิดปากมิดชิด จนไม่สามารถมองออกว่าหน้าตาเป็นแบบไหน

“นั่นใครน่ะ?”

“มองไม่ออก…แต่คุ้นตาชะมัด”

 บลูม่าหรี่ตามองแล้วมองอีก แล้วก็เห็นด้วยอย่างที่สดายุว่า คือคุ้นตา แต่ว่านึกไม่อกว่าเคยเห็นที่ไหน

ทันทีที่เจอหน้าชิดจันทร์โวยวายชายคนนั้นเล็กน้อยก่อนที่จะพากันเดินไปที่ห้องที่หล่อนเปิดเอาไว้ สดายุกับบลูม่าสบตาปรึกษากันทันที เพราะวินาทีนี้อาจเป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวที่พวกเขามีก็เป็นได้

พรึ่บ!

“ว๊ายยยย!!?”



ในเสี้ยววินาทีสุดท้ายที่ประตูกำลังจะปิดลง สดายุและบลูม่าวิ่งไปคว้าประตูบานนั้นเอาไว้ได้ทันการ ชิดจันทร์กรีดร้องขึ้นด้วยความตกใจ และยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกคือใคร

“ไอ้สดายุ!!”

“เออ! แล้วคิดว่าใครกันล่ะครับ คุณหนู?”


ทั้งเจ้าของห้องและผู้บุกรุก สี่คนยืนตั้งท่าหยั่งเชิงกันอยู่ในห้องชุดสุดหรูของโรงแรมระดับห้าดาว บนเตียงหลังใหญ่กลางห้องนั้นมีร่างของกฤตเมธนอนสลบไศลอยู่ด้วย สดายุและชิดจันทร์ใช้สายตาจดจ้องฟาดฟันกันแบบไม่มีใครยอมแพ้ บลูม่าที่ยืนขวางอยู่ตรงหน้าประตูก็คอยจ้องสะกดชายปริศนาอีกคนในห้องไว้ เผื่อว่าอีกฝ่ายอาจเล่นตุกติก (ถึงเป็นกะเทย แต่ก็ล่ำนะยะ!!)

“นี่น่ะเหรอที่เธอบอกว่าพี่เมธเป็นของเธอ? ตามใจเธอ? คงตามใจมากเลยสินะ ถึงขนาดต้องมอมยาลากเข้าห้องแบบนี้! หึ…น่าสมเพชว่ะ!”

“กรี๊ดดดด!! แก! ไอ้สดายุ! อย่ามาปากดีกับฉันนะ!!” โดนสดายุจี้ใจดำเข้าหน่อย ชิดจันทร์ก็ร้องกรี๊ดด้วยความโมโห ปากกล้าท้าทายต่อโดยไม่คิดสลดในสิ่งที่ตัวเองทำ

“เออ! จะปากดี! แล้วมันมีปัญหาอะไรมะ!!? กับผู้หญิงอย่างเธอ ยังจะให้ฉันรักษามารยาทหาป้าอะไรอีกวะ! ถ้าอยากให้พูดดีด้วยก็ช่วยทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกผู้ดีหน่อยสิคุณหนู! ต่อให้สันดานจริงจะเน่ายังไงก็ช่วยรักษาภาพพจน์ไว้บ้าง! ผู้หญิงอะไร ร่าน! ผู้ชายเขาไม่เอายังจะอยากถึงขนาดมอมยาลากเข้าโรงแรม ต่ำ! ฉันไม่เคยพบเคยเจอผู้หญิงที่ไหนทำตัวไร้ศักดิ์ศรี ทำตัวทุเรศเท่าเธอมาก่อนเลย!! มีสมองหรือเปล่า!? ถึงได้ทำอะไรไม่คิด อย่างกับผู้หญิงข้างถนน! ไม่เห็นแก่หน้าของตัวเอง ก็ช่วยคิดถึงหน้าแม่ของตัวเองบ้าง! คงภูมิใจแทบอกแตกตายกันบ้างล่ะมีลูกสาวทำตัวแบบนี้!!”

สดายุด่าสาดแบบยาวเหยียดชนิดที่เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งห้อง ขนาดชิดจันทร์ที่โดนด่าเองยังพูดอะไรไม่ออก หล่อนต้องตั้งสติอยู่เป็นนาทีเลยทีเดียวกว่าจะร้องกรี๊ดออกมาด้วยความอับอายและโกรธเกรี้ยว ร่างบอบบางถลาเข้าหาสดายุหวังจะทุบตีทำร้ายให้สาแก่ใจ แต่แค่เข้าใกล้ได้เพียงนิดหล่อนก็ถูกผลักออกไปทันที จนไม่สามารถทำอะไรได้ ชิดจันทร์จึงหันไปออกคำสั่งกับชายหนุ่มอีกคน พวกพ้องเพียงคนเดียวที่หล่อนมีอยู่

“จะยืนเซ่ออยู่ทำไมล่ะ! จัดการมันซิยะ!! ไอ้โง่!!!”

“ก็ลองแตะน้องยุดูสิ! พ่อเตะคว่ำแน่!!” แต่ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะขยับกาย บลูม่าก็ประกาศกร้าวด้วยเสียงห้าวเข้ม ชายคนนั้นตัวเล็กกว่าบลูม่านิดหน่อย เพราะฉะนั้นบลูม่าจึงมั่นใจพอสมควรว่าถ้าจะวัดกำลังกันเขาก็เป็นต่ออยู่หลายขุม!

“อ๊ายยย!! แกจะไปกลัวบ้าอะไรกับอีแค่พวกกะเทยห๊ะ!!? รีบจัดการมันเข้าสิ ไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่!!” ชิดจันทร์หันไปออกคำสั่งทั้งยังก่นด่าชายคนนั้นเป็นการใหญ่เมื่อเห็นว่าพวกเพียงคนเดียวของตนยังคงยืนลังเล

ชายคนนั้นขยับกายตั้งท่าจะเข้าปะทะ บลูม่าก็ตั้งการ์ดรับแบบไม่มีหวั่น ทว่า พออีกฝ่ายพุ่งเข้ามา แทนที่จะมีการแลกหมัด กลับเป็นวืด เมื่อหนุ่มปริศนาขยับหลบหมัดของบลูม่าหวุดหวิด ก่อนจะเอื้อมคว้าลูกบิดประตูถลาเปิดถลาออกจากห้องไปแบบไม่เหลียวหลัง

“เฮ้ย!!? อย่าหนีนะ!!”   บลูม่าได้แต่ร้องเรียกด้วยความตกใจ จะวิ่งตามไปก็ไม่ทัน ชายคนนั้นไวปานลิงวอก เผลอแค่แป๊บเดียวก็หายไปจากโถงทางเดินเสียแล้ว!

“กรี๊ดด!! ไอ้ขี้ขลาด กลับมานะไอ้สารเลว!!” ชิดจันทร์ได้แต่ก่นด่า เมื่อคนที่คิดจะให้ช่วยจัดการศัตรูกลับทิ้งหล่อนไว้แล้วหนีเอาตัวรอดไปอย่างหน้าด้านๆ ปล่อยให้หล่อนเผชิญชะตากรรมในห้องนี้เพียงลำพัง

“อ๊ายยย! ถอยไปนะไอ้ตุ๊ด ไอ้สารเลว!” ชิดจันทร์หันมาตวาดใส่สดายุอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายขยับกายเข้าหา

“หนวกหูน่า! เลิกกรี๊ดเสียทีเหอะ!” สดายุโวยขึ้นพร้อมผลักร่างแบบบางของชิดจันทร์ออกไปเบาๆให้พ้นทาง แม้จะเกลียด แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการทำร้ายผู้หญิง

ชิดจันทร์ทำได้แค่ยืนมอง ขณะที่สดายุกำลังพยายามจะแบกร่างสูงใหญ่ของกฤตเมธขึ้นหลัง หล่อนมองภาพนั้นด้วยความชิงชังและเคียดแค้น

“แกวอนรนหาที่เองนะอีตุ๊ด!…ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่…แกจำไว้ ฉันไม่ปล่อยแกไปเด็ดขาด สดายุ!”

ชิดจันทร์เอ่ยคาดโทษสดายุด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก แต่ก็ชัดทุกถ้อยทุกคำ สดายุเพียงชำเลืองมองแล้วไม่สนใจอะไรกับชิดจันทร์อีก ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่เข้าใจเอาเสียเลยในสิ่งที่ชิดจันทร์พยายามจะทำ เพื่อทำให้กฤตเมธเป็นของตัวเอง? เพื่อเอาชนะเขา? หรือมีเหตุจูงใจอื่นที่เขาไม่รู้? แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีวันเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ทำอะไรไร้หัวคิดแบบนี้เขายิ่งไม่อยากเข้าใจ

“…ระวังตัวเอาไว้ได้เลย!”

“เออ! อย่าเก่งแต่ปากก็แล้วกัน! ฉันจะตั้งตารอ!”

ระหว่างที่สดายุพยายามแบกร่างใหญ่โตของกฤตเมธเดินผ่านหน้าชิดจันทร์ออกมา ก็ยังไม่วายที่เจ้าหล่อนจะกล่าวคำอาฆาต ด้วยความรำคาญสดายุจึงท้าทายออกไปให้ได้รู้ว่าคนอย่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย

บลูม่าเดินกลับมาที่หน้าห้องมือเปล่า พร้อมบ่นอุบว่าวิ่งตามชายปริศนาคนนั้นไม่ทัน ก่อนจะเข้ามาช่วยแบบกฤตเมธขึ้นหลังแทนสดายุ เพราะตัวเองตัวใหญ่กว่า

เมื่อได้ตัวกฤตเมธดังที่ตั้งใจแล้ว สองหนุ่มก็จากไปทันทีโดยไม่มีใครหันมาให้ความสนใจหญิงสาวคนเดียวผู้เป็นเจ้าของห้องหรูนั่นอีก หล่อนถูกทิ้งเอาไว้แบบนั้นเพียงลำพัง ทิ้งเอาไว้กับใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความชิงชังพร้อมกับดวงตาที่สุมไฟแค้นกระพือโหม…

*
*
*
*
*
เสียงฝีเท้าวิ่งลงบันไดอย่างเร็วแบบไม่มีพัก ร่างโปร่งใส่ยีนส์สีดำใส่หมวกแก๊ปกับแว่นและที่ปิดปากพรางตัวเต็มยศวิ่งห้อแบบไม่คิดชีวิต ลงมาได้ถึงชั้นที่สี่พอดีกับที่ลิฟท์ลงเปิดหนึ่งตัว ชายหนุ่มถลาเข้าไปในนั้นแบบเฉียดฉิว ก่อนจะปะทะเข้ากับอีกคนที่ทำเอาผงะ

“อ๊ะ ขอโทษครับผมนึกว่าไม่มีคนเข้า” ชายหนุ่มอีกคนในลิฟท์เอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรพลางส่งยิ้มแผล่มาให้ เพราะเขาเป็นคนกดปิดประตูลิฟท์เองทำให้ประตูลิฟท์หนีบเข้ากับชายชุดดำที่วิ่งกระหืดกระหอบมา

แม้จะเอ่ยขอโทษ แต่ชายชุดดำก็ไม่ได้ตอบอะไร นอกจากรีบหันหลังให้แล้วก้มหน้าก้มตาเงียบ

พอลิฟท์เปิดที่ชั้นหนึ่งชายชุดดำก็พุ่งพรวดออกไปทันทีแบบไม่คิดจะเหลียวหลัง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มก็ไม่ได้สนใจมากนัก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้รู้จักมักจี่…

“อ้าว?...เฮ้ย? คุณ! กระเป๋าตก!!”

ว่าจะไม่สนใจ แต่ก็ต้องรีบคว้ากระเป๋าเงินสีดำที่ชายคนนั้นทำตกเอาไว้ แล้ววิ่งตามไปคืนตามหน้าที่พลเมืองที่ดี

“คุณ! เฮ้ย! คุณชุดดำนั่นน่ะ!! เฮ้! กระเป๋าเงินคุณตก!! วู้วววว!!”

ทั้งกู่ทั้งตะโกนเรียกทั้งวิ่งตามแต่ชายคนนั้นก็ไม่คิดจะแลเหลียว ทั้งที่คนอื่นมองกันทั้งล๊อบบี้โรงแรม และสุดท้ายชายคนนั้นก็คลาดสายตาไปในที่สุด

‘เวรละ…เอาไงดีเนี่ย? ฝากฟร้อนท์ไว้ หรือแจ้งตำรวจดีวะ?’

‘ฝากไว้ที่นี่แล้วกัน คนคนนั้นคงเป็นแขกของที่นี่แหละ’

ในที่สุดชายหนุ่มก็ตัดสินใจว่าจะฝากไว้ที่ฟร้อนท์โรงแรม ทว่า…

ตอนที่ลองเปิดกระเป๋าใบนั้นสำรวจดู ก็พบกับอะไรบางอย่างที่น่าสนใจเข้าเสียก่อน…

น่าสนใจ ขนาดที่ว่าเขาต้องเก็บกระเป๋าใบนี้เอาไว้เสียเอง




ไม่ต้องฝากใครแล้วล่ะ เดี๋ยวเขาเอาไปคืนเจ้าของด้วยตัวเองเอง!


*************************************************************************
มาต่ออีกตอน…อิอิ
โอ้วววว…น้ำข้นถ้วยแรกมาแว้ววววว…
ไม่เข้มข้นเราไม่นอน! ฮิ้วววววว!!

ปล. พี่ที่นั่งทำงานข้างๆกันเป็นอิสุกอิใสค่ะ…ป่วยงอมเลยค่ะ
เก๊าที่นั่งข้างกันยังไม่เคยเป็นค่ะ…กลัวติดค่ะ….งื้อๆๆๆๆ
ถ้าพรุ่งนี้มีไข้ล่ะใช่แน่แบบไม่ต้องสืบล่ะค๊า!!
ตายแล้ววว! รึเราจะถึงคราวต้องออกดอกล่ะเนี่ย!!
(หุหุ…ไม่มีอะไรค่ะ แค่แอบนอยด์ การเป็นอิสุกอิใสตอนแก่…มันไม่น่าปลื้มเลยชิมิคะ งื้อออ)

ปล. 2 สปอล์ยว่า...คุณหนูชิดจันทร์นั้น 'เธอเป็นคน...มีปมค่ะ'...(มากด้วย) หุหุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 28-08-2014 01:29:51
 :z13: :z13: :z13:

นายดินสินะที่วิ่งหางจุกตรู๊ดดดหนีไป...  :mew5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 28-08-2014 02:04:33
เป็นคนมีปม ที่ เอิ่มมม
ไม่น่าให้อภัยเท่าไหร่นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 28-08-2014 02:33:55
มีปมก็มีค่ะ แค่ถ้ากล้ามาแหยมกับยุล่ะก็ ต่อให้มีปมเป็นร้อยก็เกลียดค่ะ  :fire: :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 28-08-2014 02:43:59
อีเศษดินอีกละ ไม่หยุดจิงๆนะ

อีชะนีลูกชิดนี้ก้อหน้าเอาไฟแหย่....นะ จะได้หายคัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 28-08-2014 02:59:45
นังคุณหนูมีปมหรือโรคจิตอ่อนๆ(ถึงขั้นไม่ธรรมดา)กันแน่คะ
กัดไม่ปล่อยเลย บดินทร์ก็อีกคน หาเรื่องเข้าตัว ดนัยจัดสักทีดิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 28-08-2014 03:55:48
ตบอิคุณหมูบ้านั่นรัวๆค่ะ สะใจน้องยุดีแท้ อย่าไปยินยอมอะไรค่ะ ต้องสู้ค่ะน้องยุของพรี่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 28-08-2014 06:04:33
ชายชุดดำดินใช่มั้ย
อิคุณหนูเนี่ยน่าตบจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 28-08-2014 07:16:17
โหหห ตอนนี้มันส์มากอะ บู๊ระห่ำสุด ๆ 5555 (พี่เมธรู้เรื่องอะไรกะเขาบ้างมั้ยเนี่ย)
ยัยชิดจันทร์แม่ม ไม่มีที่ให้หล่อนยืนในเรื่องนี้แล้ว เชิญประตูสองค่ะ!!! นับวันยิ่งโรคจิตนะหล่อน
ตอนสุดท้ายรู้ตัวคนร้ายแล้ว ตอนหน้าจะเฉลยใช่ไหม ฮึ้ย เตะก้านคอมันเลยนะคะเจ๊บลู แล้วเดี๋ยวเอาซอลถวายใส่พานเป็นรางวัล อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: fahhee_zeze ที่ 28-08-2014 08:03:45
 :hao3: ดนัยเอากระเป๋าไปคืนดินที่ห้องนอนเลยก็ดีนะ 55555  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 28-08-2014 09:04:51
ถ้าเป็นไอ้เชี่ยดินจริงล่ะก็ เสียใจว่ะ หลงนึกว่ามันจะเป็นคนดี อยากจะ  :z6: มันจริงๆเลย
แต่อีกใจก็นึกว่าอาจจะเป็นดาราที่เคยไปของานกับคุณเสน่ห์จันทร์แต่ไม่ได้ แล้วดูเหมือนว่าจะแค้นยุด้วย สงสัยจังเลยว่าใคร :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 28-08-2014 09:22:44
แย่จังเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 28-08-2014 09:42:50
บดินทร์ทำไมร่วมมือกับชิดจันทน์มาทำร้ายยุอีกแล้วหล่ะ แกรักยุใช่ไหมเนี่ย
คุณดนัยจัดการเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 28-08-2014 09:52:47
ชายชุดคำนั้นคือใครน๊าา เดาว่าเป็นบดินอะ คิคิ
มาต่อไวๆนะคะ คู่ดนัยน่าสนใจมาก ๆ คุณหนูชิดจันก็เหมือนกัน แรงจูงใจคง
อยากเอาชนะ แม่ตัวเองป่าวอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 28-08-2014 10:02:37
มีปม ควรเข้าโรงพยาบาลนะ ไม่ใช่โรงแรม :laugh:

เฮียเมธเฮียจะแก่แล้วแก่เลยใช่ไหม ดูแลตัวเอง รู้ทันคนอื่นเป็นบ้างไหมเนี่ย

น้องยุ เสียดายยย ไม่น่าไปขัดบลูแมนกับซอลเลย เค้าเกือบจะดีกันอยู่แล้วเชียว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-08-2014 10:20:37
คนชุดดำคนนั้นคือดินใช่ป่ะ เอาจริงใจเราคิดว่าใช่นะ
มารอลุ้นตอนต่อปายยยยยยยยยย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 28-08-2014 11:03:52
ยุด่าได้ตรงกับใจเรามากเลย  :hao7:
ผู้หญิงอาร๊ายยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-08-2014 11:18:45
ปมบ้าอะไรเนี่ยยยยย ออกแนวโรคจิตเบา ๆ นะ

นายดินนี่ก็หาเรื่องใส่ตัวเอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 28-08-2014 11:23:12
มีปมขนาดหนัก !!

ชายชุดดำเนี่ย บดินทร์แหงๆ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 28-08-2014 12:02:46
พี่เมธนะพี่เมธ.   ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมาย. ทำไมตามเกมยัยชิดจันทร์ไม่ทันนน
นี่ดีแค่ไหนแล้วที่น้องยุเอะใจตามมาด้วย. ไม่งั้น. โอ้ยยยยยยยย. พี่เมธรู้อะไรบ้างเถอะ
ส่วนน้องยุ  สุดยอดขร่าาาาา.   มันต้องแบบนี้ คนแบบนี้จะมาพูดจาดีๆด้วยเหตุผลไม่ได้หรอก. มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟัน!!!!!
ส่วนไอ่โม่งชุดดำนี่บดินทรแน่ๆ คนที่เก็บประเป๋าตังได้ นี่ก็ต้องเป็นดนัย
ว่าแต่ทำไมบดินทรยอมมาทำงานให้ยัยชิดจันทร์หละ????
ส่วนคู่บลูซอลอย่าลืมปรับความเข้าใจกันนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: pepopyj ที่ 28-08-2014 12:22:41
เพลียกับพระเอกเกิน ถ้าพี่เมธจะน้ำท่วมปากรักษาหน้าให้ชิดจันทร์แบบนี้
ก็ไม่แปลกที่นางจะมีความหวังจะเอาชนะน้องยุ
มีแต่น้องยุที่พยายามช่วยพี่เมธเกิดวันหนึ่งไม่คอยระวังก็จบ
ถึงชิดจันทร์จะมีปมแล้วยังไง คือถ้าอยากได้พี่เมธนักบางทีก็แบบเอาไปเถอะ
เพราะพี่เมธผู้ดีเกินไปยอมตามใจนางแล้วคิดว่าน้องยุจะเข้าใจทุกสิ่งอย่างเหรอ
เกิดเป็นน้องยุทุกอย่างต้องหาทางได้ด้วยตัวเองนะ พลาดคราวหน้า
เชื่อเถอะว่าถ้าพลาดจริงๆพี่เมธได้ทั้งขึ้นทั้งล่องจำยอมต้องแต่งงานจริง
คนที่เจ็บก็น้องยุคนเดียว มองไม่เห็นพี่เมธจะทำอะไรเลยนอกจากตามเลย555
พระเอกเรื่องนี้ตอนแรกก็ดีนะแต่พอตอนนี้ภาพลักษณ์พระเอกแสนดีเกินไปจริงๆ
คาดว่าดราม่าจะยังคงอยู่เพราะความใจอ่อนของพี่เมธคนเดียวจริงๆ พ่อคนโลกสวย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 28-08-2014 12:55:37
ถ้าน้องยุไม่สะกดรอยตามมา...แล้วเกิดอะไรขึ้นจะทำยังไง โอ้ยยยย ลุ้นมากๆๆๆๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 28-08-2014 13:00:30
บดินทร์ได้เจอดนัยแน่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-08-2014 13:13:45
ท่าทางนางจะมีปมในชีวิตจริงๆ
ตอนนี้แอบสงสารเจ๊บลูม่าเบาๆ 5555 อุตส่าห์จะได้เคลียร์แล้วเชียว

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 28-08-2014 14:04:47
บดินทร์  สินะ 555  เดาออกๆๆๆ  อิอิอิ  อยากอ่านต่อแล้ว อยากรู้ว่าหล่อนจะทำหน้าไงตอนดนัยเอากระเป๋าตังไปคืน   อิอิอิ :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 28-08-2014 14:44:23
ปมของชิด คือ เคยโดนเกย์แย่งแฟนป่าว ดูแค้นมากอ่า
ไอหมวกแก๊ปแว่นดำนั่น บดินทร์ชิมิ กิกิ โดนดนัยจัดแน่ :oo1:
โอย ตอนนี้ลุ้นเจ๊บลู กะซอล โดนขัดตลอดเลยอ่า :ling1:
ตอนหน้าต้องเข้าใจกันนะ เหอ เหอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 28-08-2014 15:01:23
ขวัญเอ๋ย ขวัญมาเกือบไปแล้วพี่เมธของเรา ดีที่น้องยุช่วยทันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-08-2014 16:34:43
ฝากไปให้ชิดจันทร์ :beat: หมั่นไส้ชีมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 28-08-2014 20:02:13
เหมือนมาตามสามีกลับบ้าน555555555
เด็ดจริงๆทั้งยุและพี่บลูม่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-08-2014 20:44:48
เฮ้อ คุณหนูชิดจันทร์ ผู้หญิงคนนี้จะทำให้ผู้หญิงด้วยกันผิดหวังไปถึงไหนเนี่ย
แม้จะมีปมยังไงก็เถอะ เสียอารมณ์ !
พี่เมธน้องยุคะ ต่อไปนี้เนี่ยต้องระวังตัวให้มากนะคะ ผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็สามารถทำอะไรผู้ชายตัวโตๆ ได้หลายอย่างเลยล่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 28-08-2014 21:07:26
ง่ะ ปมรายหว่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 28-08-2014 21:39:03
ชุดดำนั่นต้องเป็นบดินทร์แน่แท้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 28-08-2014 22:06:19
ปมเริ่มคลายหรือว่าแน่นขึ้นเนี่ยยยยย
ลุงปล่ยให้เค้ามอมได้ไง ไม่โปรเลยยย
เจ๊บลูม่าแมนโพดๆเลย

ิอยากให้ชิดจันทร์ปล่อยวางบ้างนะ
ชายชุดดำ "บดิน?"
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: นอนกินแรง ที่ 28-08-2014 22:44:48
เมื่อไหร่ยัยชิดจันทร์จะไปพ้น ๆ สักที

ส่วนคู่ของเจ๊บลูม่า จะสมหวังกันแล้วสินะ :-[

และขอลุ้นคู่ดนัยกับบดินทร์ด้วย

แล้วก็อยากรู้ปมอื่น ๆ อีก :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 28-08-2014 23:47:08
ดนัยxบดินทร์ ลุ้นคู่นี้สุโค่ยยยยยย><
ไม่อยากให้บดินทร์ร้ายเลยอ่า
อยากให้เป็นคนดีที่ดูเป็นตัวร้ายมากกว่าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 29-08-2014 00:17:10
รอคอยค่ะ พักเยอะๆนะค่ะ ส่วนคนเป็นอิสุอีใสก็ให้กลับไปนอนบ้านเลยค่ะ ในบริษัทยังไม่มีคนเป็นอีกหลายคน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-08-2014 14:00:10
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 29-08-2014 16:19:57
หึหึ  :hao3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 29-08-2014 21:06:24
ุคุณหนูชิดจันทร์ โรคจิตไปถึงไหน

อยากให้น้องยุจัดหนักๆให้นางหน่อย นางจะได้เลิกมีปมสักที 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 30-08-2014 19:24:24
นังชิด แกรวมหัวกับนายดินใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ♫~Eristneth~♪ ที่ 31-08-2014 17:24:32
 :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 31-08-2014 17:48:37
บดินทร์สินะ แล้วบดินทร์ทำแบบนั้นทำไม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 31-08-2014 19:57:22
ลุ้นๆๆ    จิ้นให้  ดนัย  คู่กะบดินทร์  อิอิอิอิ  บดินทร์สยบดนัยไรแบบเนี๊ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: zombi ที่ 02-09-2014 02:07:35
คนของน้องยุก็ปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้ว
ขอต่อเรื่องเจ๊บลูก่อนนะ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 02-09-2014 11:01:26
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 05-09-2014 10:44:33
รอดูวันที่ดนัยกดบดินทร์  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-09-2014 03:25:53
ผมคือ…นางเอก
ซีนที่ 38 ข่าว






"ฮ...ฮัลโหล?"

"รับสายได้เสียทีนะไอ้ขี้ขลาด หนีเอาตัวรอดหน้าด้านๆเลยนะแก!"

"ก็ถ้าผมถูกจับได้ ก็จบกันพอดีสิ..."

"หึ! แกมันก็แค่คนน่าสมเพช ขี้ขลาดตาขาว ไม่รู้ว่าจะยังเป็นผู้ชายอยู่อีกทำไม หากระโปรงมาใส่ได้แล้วย่ะ ไอ้สวะ!"

"...แล้วคุณหนูยังมีอะไรกับผมอีก?"

"ชิ...เมื่อวานตรงหน้าลิฟท์ แกถ่ายรูปไว้ใช่มั้ย ตอนชั้นกับพี่เมธเดินเข้าห้องน่ะ"

"...มีแค่รูปเดียว ไม่ชัดด้วย"

"ไม่ได้เรื่อง!"

"ก็คุณบอกว่าให้ผมตามไปถ่ายแค่ในห้อง..."

"โอ้ย! ไอ้โง่! สั่งแค่ไหนได้แค่นั้นเลยนะ! คนอย่างแกนี่เลี้ยงไว้เสียข้าวสุกจริงๆ!!"

“...........ก็ไปให้คนอื่นทำสิ...ผมก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกนะ!”

“อย่ามาปากดี! แกลืมไปแล้วรึไง? ว่าแกพึ่งใบบุญใครอยู่? ไม่ใช่แม่ แต่เป็นฉัน!...”

"ผมก็พยายามอยู่นี่ไง!!"

"อย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ! คนเลวชาติอย่างแก ไม่มีสิทธิ์จะเรียกร้องอะไรทั้งนั้นแหละ! ถ้าไม่มีฉัน หนี้พนัน 10 ล้านของแกจะเอาที่ไหนไปจ่าย!  แกคิดว่าแกจะยังหายใจอยู่ได้อย่างงั้นเหรอหากฉันไม่ขอเพื่อนฉันไว้? ถ้าฉันไม่เอาชื่อช่วยการันตีแก ให้แกได้ผ่อนดอกเขาไปวันๆ แกว่าวันนี้แกจะเป็นผีอยู่ที่ไหน หืม...บดินทร์!? แล้วแกคิดว่านอกจากฉันคนนี้จะมีใครช่วยแกได้อย่างงั้นเหรอ? ครอบครัวเขาก็ตัดขาดแกไปแล้วเพราะแกไปทำระยำกับน้องเลี้ยงลูกรักของเขา...กับไอ้สดายุมันคงช่วยแกหรอก โดนแกหักหลังซะขนาดนั้น หึหึ..."

"อย่าพูดเรื่องนั้นอีกคุณชิด...ผมขอร้อง"

"เรื่องอะไร? เรื่องที่แกถูกเฉดหัวออกจากบ้าน เพราะแกดันไปทำน้องเลี้ยงของตัวเองท้อง? หรือเรื่องที่แกโบ้ยว่าเด็กคนนั้นท้องกับสดายุเพื่อนรักของแกกันล่ะ? งามหน้าทั้งสองเรื่อง แกไม่อยากให้ฉันพูดถึงเรื่องไหนกัน ฉันจะได้เงียบให้"

"คุณชิด ผมยอมทำตามที่คุณพูดทุกอย่าง ไม่ว่าคุณจะให้ผมทำอะไรผมทำให้ ชั่วช้าแค่ไหนผมก็จะทำ ยังไงซะคนแบบผมมันไม่เหลืออะไรจะให้เสียอีกแล้ว แต่ผมขอร้อง...ได้โปรด อย่าทำร้ายสดายุ..."

"หึ! โดนมันรังเกียจอย่างกับกิ้งกือไส้เดือน แกยังจะไปห่วงมันอีกเหรอ ตลกน่า!"

"...ได้โปรด คุณชิด..."

".......หึหึ ได้! เห็นว่าแกอุตส่าห์อ้อนวอนหรอกนะ งั้นฉันจะให้งานแกทำอีกงานนึง"

"...ร...เรื่องอะไร?...ทำอะไรอีก แค่รูปนั่นก็เล่นกฤตเมธอยู่หมัดแล้วใช่เหรอ?"

"ไม่ใช่พี่เมธ แต่เป็นสดายุ..."

"คุณชิด! ผมบอกแล้วไง ว่าอย่ายุ่งกับสดายุ!"

"หึ! ฉันสนรึไง...หึหึ...เอาเป็นว่างานนี้ถ้าแกทำได้ หนี้ 10 ล้านที่แกติดเพื่อนฉันไว้ ฉันจะให้เขายกหนี้ให้แกทั้งหมด..."

"............"

"แต่ถ้าไม่สำเร็จแกก็ต้องคืนหนี้ก้อนนั้นทั้งก้อนทันที! รวมทั้งเรื่องเน่าฉาวโฉ่ที่แกพยายามหมกเม็ดทั้งหมดก็จะถูกกระจายสู่สาธารณะด้วย...ทีนี้ก็เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะทำหรือไม่ทำ..."

"ถ้าเรื่องผมหลุดออกไป ผมก็พาดพิงคุณได้เหมือนกัน!"

"แล้วคิดว่าแกจะมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้นเหรอ? แกก็รู้ว่าเพื่อนฉันไม่โหด หึหึ...ถ้าแกมีเงินจ่ายล่ะก็นะ ฮะฮะ"

"......."

"อ่อ...แล้วต่อให้แกไม่ทำ ก็ยังมีอีกหลายคนที่พร้อมจะทำให้ฉัน อย่าคิดว่าฉันจะง้อแกไอ้ขี้ขลาด นี่ฉันอุตส่าห์ใจดี เห็นแก่ว่าแกอ้อนวอนนักหนา เลยให้แกเป็นคนจัดการไอ้สดายุเองกับมือ มันจะได้ไม่บอบช้ำมากนัก แต่ถ้าแกไม่ทำฉันก็คงต้องให้คนของเพื่อนฉันจัดการ  แหม่...พวกนั้นเบามือไม่เป็นกันซะด้วยสิ..."

"ทำไมครับคุณชิด! ทำไมต้องทำสดายุ? สดายุไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย!..."

"ใช่! มันไม่เกี่ยว แต่มันกล้าอวดดีกับฉัน สะเออะมายุ่งเรื่องของฉัน! คนอย่างมันต้องโดนสั่งสอนให้รู้สำนึก! ให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร!!"

"...แต่"

"จะทำไม่ทำ! ถ้าไม่ ฉันจะได้เรียกใช้คนอื่น!!"

"...คุณจะให้ผมทำอะไร?..."

"...ฉันจะให้แก............................................."



จบคำสั่งแสนเย็นชาร้ายกาจจากคนที่ถือได้ว่าเป็นผู้กุมชะตาชีวิต โทรศัพท์ถูกตัดสายไปนานแล้ว แต่เหมือนเสียงหวานใสที่แฝงไปด้วยความเลวร้ายนั้นจะยังก้องอยู่เต็มหู

ร่างสูงค่อยๆทรุดลงตรงผนังข้างเตียงนอนในห้องคอนโดห้องเล็ก ภายในห้องนั้นยังคงมืดด้วยเจ้าของไม่ยอมเปิดไฟเพิ่มความสว่าง แม้ว่าจะมืดจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใดเลยก็ตาม

สองแขนสั่นระริกยกขึ้นกอดตัวเองช้าๆ

ค่อยๆแน่นขึ้นจากเพียงกอด เป็นรัดรึง ปลายนิ้วทั้งสิบเกาะจิกตรงบ่าของตัวเองอย่างเผลอไผลจนแทบจะขึ้นรอยช้ำแม้จะผ่านเนื้อผ้าของเสื้อยืดอีกชั้นก็ตามที

ร่างทั้งร่างที่กอดเข่าคุดคู้สั่นระริกราวกับหนาวเหน็บระคนหวาดกลัว

เสียงสะอื้นจางๆดังออกมาจากใบหน้าที่ก้มซุกอยู่ตรงซอกเข่าตั้งชัน

และเพียงครู่เสียงนั้นก็ดังขึ้น...ดังขึ้น จนกลายเป็นสะอื้นฮั่ก พร้อมเสียงปล่อยโฮของคนที่ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดเจียนตาย

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าพรั่งพรูจนกางเกงยีนส์ที่ต้นขาเปียกฉ่ำ

น้ำตาที่แสนเศร้าสร้อย เสียงสะอื้นที่แสนหงอยเหงา ร่างคุดคู้ที่ได้เพียงกอดตัวเองด้วยความโดดเดี่ยว

..ไม่มีใคร

...เขาไม่มีใครเลย

รอบกายมืดมิดแม้ในความฝัน

ร่างกายเย็นเฉียบเหน็บหนาวแม้จะกอดตัวเองแน่นหนา

ไม่มีทางใดให้เลือก

ไม่เหลือทางใดให้เดิน

อยากพูดคุยกับใครสักคนก็ไม่กล้า...

กลัว...

เพราะไม่เคยมีใคร

หนึ่งเดียวที่เคยไว้ใจ...

ก็ทำลายไปจนสิ้นด้วยมือของตัวเอง

...เจ็บปวด เหน็บหนาว ร้าวราน ทุรนทุราย

ไร้ทางหนี

ไร้ทางไป

ไม่ใช่เพียงอยู่ชดใช้ในสิ่งที่เคยก่อ แต่ยังต้องอยู่ต่อไปเพื่อก่อเวรสร้างกรรมเพิ่ม

เพื่ออะไร?  เขาจะยังอยู่เพื่ออะไร?

อยากย้อนเวลา...

คนเขลาแสนขลาดคนนี้อยากย้อนเวลา...

หากสามารถนั่งไทม์แมชชีนกลับไป เขาจะแก้ไขมัน แก้ไขมันทุกอย่าง...

จะไม่ปล่อยให้ความต้องการอยู่เหนือเหตุผล ที่ไปเผลอมีอะไรกับเด็กคนนั้น จนตั้งท้องเด็ดขาด

หรือไม่ ก็จะยืดอกรับว่าเป็นพ่อเด็ก ไม่ยอมให้ยัยแม่เลี้ยงนั่นใช้มันไปหลอกจับสดายุ จนเป็นข่าว เป็นเรื่องราวใหญ่โต...

หากย้อนเวลากลับไปได้ เขาจะไม่เป็นไอ้บดินทร์ที่ขี้ขลาด จะพูดความจริงทุกอย่าง จะปกป้องเพื่อนเพียงคนเดียวที่มีอย่างสุดกำลัง จะไม่ยอมให้มันกลายเป็นแบบนี้...

หากย้อนเวลากลับไปได้ล่ะก็...........

……..ก็คงได้เพียงแค่คิด

เพราะในตอนนี้ มันไม่สามารถกลับไปเปลี่ยนอะไรได้อีกแล้ว

ทำน้องเลี้ยงท้อง...

รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนรักถูกโยนความผิด แต่กลับไม่กล้าปริปาก

มัวแต่กลัว...

กลัวจะถูกสังคมประนาม กลัวพ่อจะรู้แล้วโดนรังเกียจยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ กลัวจะอยู่ในวงการไม่ได้อีก กลัว กลัว กลัว กลัว...

กลัวจนตาขาว กลัวจนยอมทิ้งทุกอย่างให้ตัวเองรอด ทิ้งทุกอย่างให้เพื่อนรัก...ให้สดายุต้องรับกรรมแทน

ถูกรังเกียจแล้วยังไม่ยอมสำนึก ทั้งที่ทรยศเพื่อนจนได้หน้าด้านอยู่ในวงการต่อ ขนาดยอมเป็นลูกล่อลูกชนให้ทางต้นสังกัด ที่สกัดให้รับแต่งานระยะยาวซึ่งไม่มีทางเกิด ซ้ำๆไปวันๆ แบบนั้นอย่างหน้าด้านหน้าทน

ซ้ำยังไม่คิดจะทำดีล้างชั่ว ยังเลวซ้ำติดการพนันจนหมดตัว หนี้สินมากล้น เกือบจะตายเพราะโดนทวงอยู่หลายรอบ

จนสุดท้ายต้องยอมตกเป็นเครื่องมือของชิดจันทร์ นังเด็กอำมหิตวิปริตผิดมนุษย์... เพราะหล่อนคือเพื่อนของเจ้าของบ่อนผู้เป็นเจ้าหนี้ เพราะหล่อนเห็นถึงความเลวระยำในตัวเขาที่สามารถเรียกใช้งานได้ เพราะงั้น หล่อนเลยยอมบากหน้าขอร้องเจ้าหนี้เพื่อนหล่อนให้ เพื่อให้เขาได้ต่อลมหายใจ ให้เขาได้มีชีวิตอยู่ต่อ...

...แม้จะอยู่ในฐานะของ ลูกสมุนแสนเลวก็ตาม

หล่อนคือจอมมาร...และเขาก็คือซาตานลูกสมุน

รับคำบัญชา ทำทุกอย่างเพื่อแลกกับการหายใจไปวันๆ

เพื่ออะไร?  เขาจะยังอยู่เพื่ออะไร?

ใจจริงรู้ดี...ว่าที่ต้องการคืออะไร

เขาทนอยู่มาจนวันนี้เพื่ออะไร

...เพื่อที่ในสักวัน เขาจะได้เอ่ยขอโทษเพื่อนรักคนนั้นอย่างเต็มปาก

...เพื่อที่ในสักวัน เขาจะได้รับการอโหสิกรรม...

ทว่า...

แค่...สบตา ก็โดนรังเกียจไปทุกอณูขุมขน...

ถูกสายตาของคนคนนั้นจ้องมองอย่างชิงชัง จนไม่อาจทนได้ เผลอร้ายใส่ทั้งที่ไม่ต้องการ...

อย่างนี้แล้ว...

ยังจะหวังการให้อภัยจากใครอีก...

แล้วมัน...

เพื่ออะไร?  เขาจะยังอยู่เพื่ออะไร?

หรือว่า...

จะเป็นการอยู่เพื่อ.............................

'......................................ครั้งสุดท้าย'



******************************************************
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-09-2014 03:26:27


ความเย็นที่กดซับอยู่ตามแขน ลำคอ และใบหน้า เรียกสติของกฤตเมธให้ฟื้นขึ้น ดวงตาคมกล้าค่อยๆ ปรือปรอยลืมขึ้นเชื่องช้า

“ตื่นได้แล้วสิ แม่สาวน้อยไร้เดียงสา…”

“…ย…ยุ…อืม ผมรอดมาได้เหรอเนี่ย…” เสียงงัวเงียของกฤตเมธตอบกลับออกมา ดวงตาที่ลืมขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งหลับลงอีกครั้ง เพื่อจัดระบบการประมวลภาพและลำดับความคิดใหม่อีกที เพราะตอนนี้ยังมึนได้ไม่เลิก

“รู้ได้ไงว่ารอด? คุณน่ะโดนข่มขืนแล้วทิ้งไว้ข้างทาง ผมกับเจ๊บลูไปเจอเข้าหรอกเลยช่วยกลับมา”

“หึ…อย่าอำผมสิ ถึงจะไม่ 100% แต่ผมก็พอมีสติจำได้ลางๆนะ ว่าคุณบุกไปช่วยผมมาได้น่ะ” กฤตเมธว่า พลางพยุงตัวลุกขึ้นนั่งเอนกายพิงขอบเตียงไว้ มือหนึ่งยกขึ้นนวดขมับที่ยังคงปวดตุบๆของตัวเอง

“อ้าว? ยังพอมีสติแล้วทำไมไม่หนีออกมาล่ะ หรือตั้งใจนอนรอเป็นพระอกในคลิปฉาวกัน?” สดายุแสร้งถามขณะเดินเอาผ้าชุบน้ำบิดหมาด ช่วยซับตามใบหน้าเหนื่อยอ่อนของกฤตเมธอีกครั้ง

“มีแรงที่ไหนล่ะ ไม่รู้ในไวน์นั่นใส่ยานอนหลับไปเท่าไหร่ โดนไปแค่อึกเดียว เล่นซะเคว้งเลย”

“เป็นไงล่ะ? ชิดจันทร์ น้องสาวแสนดีไร้เดียงสาของคุณ เห็นฤทธิ์แล้วหรือยัง?”

“…ผมเถียงไม่ออกเลยล่ะ ผมรู้อยู่แล้วว่าชิดจันทร์เป็นคนเอาแต่ใจ รู้อยู่เต็มอกว่าเขากำลังทำสงครามอยู่กับคุณ แต่ไม่นึกว่า…จะทำขนาดนี้” กฤตเมธยอมรับโดยดีพร้อมถอนหายใจบางเบา ชิดจันทร์เป็นคนยังไงเขาก็พอรู้ แต่นึกไม่ถึงจริงๆที่หญิงสาวจะทำกับเขาแบบนี้

“ดูเหมือนเขาจะอยากได้คุณมากเลยนะ ถึงกับยอมเอาตัวเองเข้าแลกขนาดนี้…คุณหนูชิดจันทร์ คงรักคุณมาก”

สดายุพูดออกไปตามความคิด เมื่อคืนเขารุนแรงกับชิดจันทร์ไปเยอะ ด้วยความไม่พอใจที่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่เล่นไปตามกติกา แต่พอนำกฤตเมธกลับมาที่ห้อง พอได้นั่งมองคนที่หลับไม่ฟื้นเสียทีอยู่เงียบๆ แล้วลองไพล่นึกถึงสิ่งที่ชิดจันทร์พยายามจะทำ เขาไม่เข้าใจว่าหล่อนต้องการอะไร แต่…หากผู้หญิงคนหนึ่งจะลงทุนทำขนาดนั้นเพื่อให้ได้คนที่ตัวเองรักกลับไปล่ะ ชิดจันทร์เอง…จะอยู่ในกลุ่มผู้หญิงที่คิดอย่างนั้นหรือเปล่านะ…

ความคิดนั้น เล่นเอาสดายุห่อเหี่ยวใจสุดๆเลยทีเดียว

เพราะถ้าให้พูดตรงๆ เขาคือคนที่มาทีหลัง ดังนั้นชิดจันทร์จึงมีสิทธิ์ทวงคืน!

ทว่า…

“ชิดจันทร์น่ะ ไม่ได้รักผมหรอก”

“เอ๊ะ?” กำลังคิดหนักอยู่ดีๆ กฤตเมธก็ดันโพล่งตัดกระบวนความคิดที่อุตส่าห์จะมองชิดจันทร์ดีขึ้นมาหน่อยจนหายเหี้ยน

“ผมไม่รู้แรงจูงใจของเขาหรอกนะ แต่เชื่อเถอะ มันไม่ใช่เพราะเขารักผมแน่ๆ”

“แล้วทำไม คุณหนูนั่นถึงจ้องทำขนาดนั้น? คุณแน่ใจเหรอ?”

“ใครชอบผม ผมดูออก แค่มองตาก็รู้แล้ว…” กฤตเมธเอ่ยพลางเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับไว้ที่แก้มของสดายุ

“และชิดจันทร์ ไม่เคยมองผมด้วยสายตาของคนรัก”

คำยืนยันแน่นหนักของกฤตเมธ ทำเอาสดายุมึนหนัก กฤตเมธเล่นออกตัวแบบนี้ จุดประสงค์แท้จริงของชิดจันทร์ก็ยิ่งคลุมเครือน่ะสิ อย่าบอกนะ ว่าที่ลงทุนทำทั้งหมดน่ะ ‘แค่เพื่อเอาชนะเขา??’

ต้องการเอาชนะ โดยการลงทุนเป็นนางเอกคลิปฉาวกับคนที่ตัวเองไม่ได้รักเนี่ยนะ!?

สดายุได้แต่สะท้อนใจ เพราะถ้าแค่เหตุผลนั้นจริงๆล่ะก็ ชิดจันทร์ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ  บ้าเข้าขั้นเลยด้วย!!


ตั้งแต่ได้ยินคำบอกเล่าของกฤตเมธ สดายุก็เอาแต่นิ่งเงียบ เพราะมัวแต่วิเคราะห์ประเด็นที่น่าจะเป็นไปได้ของเหตุผลที่ชิดจันทร์ลงมือทำเรื่องดังกล่าว แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีผลสรุป เพราะถ้าแค่จะเอาชนะเขา  ยังมีวิธีอีกร้อยแปดที่ไม่ต้องถึงขนาดเปลืองตัวเอง แต่เหตุผลอะไรล่ะที่มันจะหนักแน่นพอให้ชิดจันทร์ลงมือ ข้อนี้สดายุคิดไม่ตกจริงๆ

ความเงียบงันปกคลุมคนทั้งคู่อยู่พักใหญ่ๆ ต่างคนต่างคิดไปคนละอย่าง สดายุเครียดเรื่องชิดจันทร์ แต่กฤตเมธกลับเครียดกับอีกเรื่องที่สำคัญกว่า

"ยุ...ผมขอโทษนะ"


"...หืม? ขอโทษผมทำไม?"

จู่ๆกฤตเมธก็เอ่ยขอโทษออกมาด้วยสีหน้าเครียดขึง สองมือใหญ่จับตระกองมือข้างหนึ่งของสดายุไว้มั่นขณะเอื้อยเอ่ยคำขอโทษนั้น

"ทุกเรื่อง...ทุกเรื่องที่ผมทำลงไปโดยไม่คิดถึงคุณ..."

"หึ...รู้ตัวด้วยเหรอ?...ว่าแต่เรื่องอะไรบ้างล่ะ? ผมจำไม่ค่อยจะได้แล้ว" ดายุแสร้งขำออกมาบางๆ เพื่อลดทอนบรรยากาศหน่วงๆ ที่กฤตเมธสื่อมาถึงตน ‘จู่ๆ จะดราม่าอะไรอีกล่ะลุง?’

“เรื่องชิดจันทร์...”

“...ไม่เห็นต้องขอโทษ คุณโดนมอมนี่ ไม่ได้สมยอมตามไปถึงเตียงเสียหน่อย คุณต้องรู้สึกผิดทำไม?”

“ไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ผมหมายถึงเรื่องที่ผมยอมตามใจชิดจันทร์ ในการให้ข่าวต่างๆกับสื่อ ยอมออกหน้ากล้องให้สัมภาษณ์คู่กับเธอโดยไม่ปริปากแย้งอะไรเลย...”

“อืมมมม...เรื่องนั้นมันก็น่าโมโหจริงๆนั่นแหละ  แต่ผมก็เข้าใจ คุณก็แค่ทำตามหน้าที่ล่ะนะ สุภาพบุรุษที่ดีย่อมไม่ควรหักหน้าสุภาพสตรีในที่สาธารณะ...ละมั้ง”

ถ้อยคำติดประชดประชันเล็กน้อย ทำเอากฤตเมธถึงกับหน้าสลดกว่าเก่า แต่สดายุก็ไม่ได้คิดสงสาร เพราะเรื่องนี้ก็ฝังใจเขามานานแล้วเช่นกัน เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดประเด็น ด้วยคิดว่ายังเร็วเกินไป และที่อีกอย่าง ทางสดายุก็ไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไรมากมายนัก มันก็แค่โลกมายา เบื้อหน้าอย่างเบื้องหลังอย่างมันก็เรื่องปกติ ช่างหัวมันเถอะกับข่าวหน้าฉาก สดยุไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว

แต่ถ้ากฤตเมธจะคิดมากเพราะเขา...อืม...สดายุก็คิดว่าน่าสนุกดีเหมือนกันนะ แกล้งคนแก่เล่นซะหน่อยดีกว่า

“ทุกครั้งที่ต้องให้สัมภาษณ์ต่อหน้านักข่าว ผมจะปิดปากเงียบแล้วปล่อยให้ชิดเป็นคนให้ข่าวเพียงคนเดียว ที่ทำแบบนั้นไม่ใช่เห็นดีเห็นงามในสิ่งที่เธอทำ  แต่เพราะผมเห็นแก่คุณเสน่ห์จันทร์ ผม...ไม่อยากทำให้ท่านเสื่อมเกียรติ...”

“อ้อ....ครับ ผมพอเข้าใจ....”  สดายุพยักหน้าช้าๆสองสามครั้ง สายตาบ่งบอกอาการเหนื่อยหน่ายเล็กๆ เห็นด้วยอยู่หรอกกับการที่กฤตเมธทำแบบนั้นเพื่อรักษาหน้าของท่านประธาน แต่มันก็อดหมั่นไส้เล็กๆในความกตัญญูเกินเหตุนั่นไม่ได้จริงๆ

และมันอดไม่ได้ จนต้องหลุดเหน็บไปคำโต

“...อืมๆ เพื่อคุณเสน่ห์จันทร์สินะ...ดีครับดี คุณนี่ช่างเป็นพระเอกทั้งในและนอกจอจริงๆ นี่ถ้าผมนิสัยพระเอกได้สักครึ่งของคุณนะเมธ ป่านนี้ผมคงได้เป็นเทพบุตรแห่งวงการกับเขาบ้างแล้วล่ะ...”

“...อย่าประชดผมสิยุ...ผมเจ็บนะ” โดนแขวะไปเต็มรัก จนต้องออดอ้อนขอความเมตตาจากคนรัก ก่อนที่แผลจะเหวอะไปมากกว่านี้

ร่างหนาเบียดกายเข้าใกล้ มือแกร่งเอื้อมไปโอบเอวคนช่างประชดเอาไว้เบาๆ แล้วซุกศีรษะหนักๆของตนลงบนไหล่บอบบางแต่ผึ่งผายของสดายุอย่างไม่เกรงใจว่าอีกฝ่ายจะหนักหรือเปล่า

สดายุพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนซบศรีษะของตนบนศีรษะของกฤตเมธอีกที

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เอาเข้าจริงถ้าผมเป็นคุณ ก็อาจทำแบบนั้นเหมือนกันก็ได้...ถ้าบังเอิญผมคบอยู่กับลูกสาวของเจ๊บลูม่า ผมเองก็คงต้องยอมฝ่ายหญิงแบบนี้แหละ ต่อให้ไม่ได้รักก็เถอะ...ผมเข้าใจคุณ โอเคยัง?”

“เปรียบเทียบซะเห็นภาพเชียว หึหึ...ขอบคุณนะยุ ที่คุณเข้าใจผม”

“จำใจต่างหาก”

“ยุครับ...จากนี้ไปผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นอีก”

“ทำไม? จะไม่ออกสื่อคู่ยัยคุณหนูนั่นแล้วสิ เข็ด?”

"จะออกสื่อหรือไม่ ผมก็จะไม่ปล่อยให้ชิดจันทร์พูดอะไรตามใจตัวเองแบบนั้นอีกแล้ว..." ถึงตรงนี้กฤตเมธผงกหน้าขึ้นมองสบตากับสดายุเป็นนัย ว่าคำพูดต่อจากนี้ไปของเขาจะเทียบเท่าคำสัญญา

ผม...จะชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่ายามที่อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ผมมันงี่เง่าเองที่มัวแต่ให้เกียรติ์คนอื่น แต่ไม่ยอมให้เกียรติ์หัวใจคุณ...ผมเกลียดตัวเองจัง ที่มาฉลาดเอาตอนนี้...”

คำมั่นพร้อมคำตัดพ้อตัวเองของกฤตเมธ ทำหัวใจสดายุวูบไหว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาดีใจที่กฤตเมธใส่ใจเขามากมายขนาดนี้ แต่คนฟอร์มจัดอย่างเขา จะให้ยิ้มรับหน้าชื่น ก็คงจะดูแปลกไปหน่อย ดังนั้นจึงขอเล่นตัวอีกนิด พอให้อีกฝ่ายใจหายใจคว่ำเล่นๆ

“พูดซะใหญ่โตเชียว ทำอย่างกับคุณจะแถลงการณ์ว่าคั่วอยู่กับผมตอนออกสื่อครั้งหน้าอย่างงั้นแหละ”

“ใช่”

“เฮ้ย?” ทีแรกแค่ตั้งใจจะแหย่เล่น แต่พอกฤตเมธรับคำจริงจังเข้า สดายุก็ถึงกับเอ๋อ เพราะคนที่ใจหายใจคว่ำดันกลายเป็นเขาซะอย่างนั้น

“ผมพูดจริงนะ ถ้ามันจำเป็น”

“ตลกน่า ใจหายหมด จะทำอะไรก็ช่วยรอหนังฉายจบก่อนเถอะคุณ แค่นี้ก็เป็นข่าวจะแย่ละ” ดีว่ายังมีเงื่อนไขตามหลัง สดายุส่ายหัวยิก ให้คนรักที่เอาแต่ทำหน้าจริงจังอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะชำเลืองไปเห็นว่าอีกฝ่ายลอบอมยิ้ม ‘อ้าว? โดนคนแก่เล่นอีกแล้ว’

ใบหน้ายียวนของกฤตเมธ เรียกหมัดหนักๆของสดายุให้ฟาดลงดังผั๊วะ ตรงต้นแขนหนาล่ำ พร้อมใบหน้าแสดงความเคืองขุ่นเล็กๆที่ทำให้กฤตเมธต้องรีบโอบกอดร่างบอบบางของสดายุไว้อีกครั้งเพื่ออ้อนขอความเห็นใจ ผิดไปแล้วที่ทำให้โกรธ...

“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะยุ ผมอยากแถลงข่าวจริงๆ อยากคบกันแบบออกหน้าออกตาจะแย่อยู่แล้ว”

“อย่าเพิ่งรีบเลยคุณ แค่นี้คุณก็ต้องสละหลายอย่างมากพอแล้ว คิดให้ดีก่อนเถอะ อย่าใจเร็ว จนทำให้ต้องเสียใจในอนาคต เพราะผมอาจกลายเป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจพลาดไป”

“มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไงกัน  คุณคือความแน่นอน ที่ผมไม่เคยมีมาก่อน ผมมั่นใจว่ามันจะไม่พลาด”

กฤตเมธเถียงจริงจัง ผละตัวออกมาพลางใช้สองมือตระกองไหล่บอบบางนั้นไว้ จดจ้องสองตาคมสวยตรงหน้าอย่างค้นหาคำตอบ  ‘เมื่อไหร่นะ สดายุถึงจะเชื่อใจเขาเสียที’


“เมธ...ในวันที่คุณยืนยันที่จะใช้ชีวิตร่วมกับผมอย่างจริงจัง วันนั้นคุณต้องละทิ้งหลายๆสิ่งที่คุณมีอยู่ในตอนนี้...อย่างแรกก็...เกียรติยศ ชื่อเสียงที่คุณอุตส่าห์สั่งสมมาร่วมสิบปี ในวันที่คุณจูงมือผมออกสื่อ มันคง...หายวับ แบบไม่มีทางกู่กลับ”

“อย่างที่สองก็...โอกาสทางการแสดง ขึ้นชื่อว่าเกย์ งานพระเอกคงไม่เหลือ”

“อย่างที่สาม...ก็คือความเมตตาจากผู้มีพระคุณ ทิ้งลูกสาวเขาแล้วมาเอาผม เข้าขั้นเนรคุณเชียวนะ บอกเลย”

“และที่สำคัญ...หากคุณต้องการจะมีผมไปทั้งชีวิต คุณจะหมดสิทธิ์ที่จะได้เป็นพ่อคน...คุณจะไม่มีงานแต่งงานออกหน้าออกตา ไม่มีครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อม ไม่มีลูกที่สืบสายเลือดของตัวเอง...ผมถามจริงคุณเมธ...ถึงตอนนั้น คุณจะรับได้เหรอ? ครอบครัวคุณ ญาติพี่น้องคุณ เขาจะรับได้เหรอ? ...คนอย่างผม...”

“ยุ! ผมรักคุณ ไม่มีอะไรที่คุณว่ามาสำคัญต่อชีวิตผมมากไปกว่าคุณ  เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือโอกาสในวงการอะไรนั่นมันไม่ได้จำเป็นสำหรับผมสักนิด มีลูกไม่ได้ ผมก็มีคุณแล้วไง เราอยู่กันแค่สองคนไปจนแก่จนเฒ่าก็ได้นี่  ญาติพี่น้องเขาก็ไม่ได้มามีสิทธิ์อะไรกับชีวิตผมสักหน่อย ครอบครัวของผมมีแค่คุณแม่...และท่านรู้ดีว่าผมรักคุณ!............”



“ว่าไงนะ!?” กำลังซาบซึ้งกับคำประกันรักของกฤตเมธอยู่ดีๆ ประโยคสุดท้ายของชายหนุ่มทำเอาสดายุแทบสำลัก ‘คุณแม่ของกฤตเมธ รู้เรื่องที่เขาทั้งคู่รักกันแล้ว!?’



“ต...ตั้งแต่เมื่อไหร่!? คุณบอกแม่คุณตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย!!?” สดายุแทบจะกระชากคอถาม สองมือเขย่าไหล่กฤตเมธไปมาจนหัวสั่นหัวคลอน อารามตกใจทำให้สองแขนผอมบางทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ

“ใจเย็นก่อนยุ...ผมบอกเรื่องคุณกับแม่ตั้งแต่กลับถึงไทยแล้ว...” กฤตเมธยกสองมือขึ้นเหนือศีรษะ ยอมแพ้แก่คนรักโดยสดุดี

“อร๊ากกก คุณจะบ้าเหรอ!? แล้วทำไมไม่บอกผมก่อน!!”  ทว่าสดายุก็หาได้ปรานีไม่ ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนฉับพลัน ยันขาข้างหนึ่งไว้บนเตียงข้างตัวของกฤตเมธ พลางเขย่าคอของเหยื่ออารมณ์ไปมาแบบไม่มียั้งแรง

"โอ้ย...ยุ อย่าเขย่าคอสิ ผมยังมึนอยู่นะ...คุณจะอารมณ์เสียทำไมเนี่ย...?" กฤตเมธได้แต่ท้วงออกมาเบาๆ เมื่อคอยังคงโดนเขย่าไปมา

"แก่ปูนนี้แล้วทำอะไรไม่ยั้งคิดเลยนะคุณน่ะ! แล้วนี่แม่ของคุณเขาจะคิดยังไง! เขาจะเสียใจแค่ไหน ที่ลูกชายเขาเป็นแกย์! คุณมันบ้าที่สุดเลยกฤตเมธ!!"

"ใจเย็นๆก่อนสิครับยุ แม่ผมไม่ได้เป็นอะไร ท่านออกจะดีใจซะด้วยซ้ำ..." เห็นว่าคนรักกำลังจะเสียสติ กฤตเมธจึงรีบปลอบขวัญ สองมือแกร่งที่ยกชูเหนือศีรษะอยู่เมื่อครู่เปลี่ยนมาแกะสองมือผอมบางที่ขยุ้มคอเสื้อเขาอยู่ลงมาถือเอาไว้แทน พลางเร่งบอกสดายุออกไปว่าไม่ต้องคิดมาก เพราะมันไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตอะไรอย่างที่สดายุคิดเอาไว้ทั้งนั้น

"อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย แม่ที่ไหนเขาจะดีใจที่ลูกตัวเองเป็นเกย์กัน!!?" แต่มีหรือที่สดายุจะยอมเชื่อในทันที ชายหนุ่มที่มองโลกในแง่ร้ายอย่างเขา จะทำใจเชื่อเรื่องแบบนี้ลงด้วยหรือ?

"...ก็แม่ผมไง ตอนผมบอกท่านว่าผมมีคนรักแล้ว แต่ว่าเป็นผู้ชาย เห็นท่านดีใจจะแย่" กฤตเมธย้ำชัด ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าจริงจัง

"...แม่คุณ...ท่าน..."

"ก็เพี้ยนเหมือนผมนี่แหละ หึหึ..."

"...เมธ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ"

"ก็ไม่ได้ล้อเล่นไง ผมพูดจริงๆนะ แม่ผมน่ะ ท่านดีใจจริงๆที่ผมมีคนรัก ตอนที่ผมบอกเรื่องคุณกับท่านน่ะ ท่านดีใจจะตาย ซ้ำยังขอให้ผมเล่าเรื่องของคุณให้ฟังเยอะๆอีก ความจริงท่านบ่นว่าอยากเจอคุณมาตั้งนานแล้ว แต่ผมยังไม่มีโอกาสจะบอกคุณสักที"

".................อะไรล่ะนั่น แม่คุณทำผมมึนอ่ะ" ฟังคำสาธยายของกฤตเมธ สดายุก็หน้าแดงแจ๋ บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง เขิน? ดีใจ? มีความสุข?
แน่นอนว่าการได้รับการยอมจากบุพการีของคนรักย่อมเป็นสิ่งที่เขาปรารถนา ความจริงเรื่องนี้เขาตัดใจและทำใจรอมาตั้งแต่เริ่มคบกับกฤตเมธแล้ว ว่าทางครอบครัวของกฤตเมธคงรับเขาไม่ได้ แต่พอมาได้ยินเรื่องน่าเหลือเชื่อจากปากกฤตเมธแบบนี้ สดายุก็ถึงกับลมแทบจับ เพราะความตื้นตันมันล้นเอ่อ... 

"อ้อ...ลืมบอกไป..." เห็นว่าสดายุอ่อนยวบลงแล้วกฤตเมธก็ไม่ยอมพลาดโอกาสงามๆตรงหน้า สองแขนแกร่งรีบคว้าเอวบางเข้ามากอดหมับ แล้วซุกศีรษะหนักๆของตนลงบนหน้าท้องของสดายุทันที  แรงกอดรัดทำเอาร่างที่ยืนอยู่ข้างเตียงเสียงหลักเล็กน้อยจนต้องเผลอใช้มือรั้งไหล่คนนั่งมั่นคงอยู่ยนเตียงใหญ่อย่างช่วยไม่ได้ เข้าทางให้กฤตเมธได้กอดรัดแน่นหนากว่าเดิม


"แม่ผมน่ะ แฟนละครตัวยงของคุณเชียวนะ"


"ห๊ะ?"

"เพราะงั้น...พอรู้ว่าได้ดาราในดวงใจอย่างคุณมาเป็นว่าที่ลูกสะใภ้ของ บอกตรงๆ แม่ผมงี้ดีใจจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว...หึหึ"

"นี่คุณ....อย่ามาอำผมน่า..." สดายุแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง สมองประมวลผมยังไม่ได้ด้วยซ้ำในสิ่งที่กฤตเมธพูดออกมา ซ้ำชายหนุ่มยังเอาแต่พูดอู้อี้อยู่ตรงพุงเขาโดยไม่ยอมสบตากันแบบนี้อีก อำกันเล่นหรือเปล่า? จะไปเชื่อลงได้ยังไง? เรื่องดีๆแบบนี้มันจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆอย่างนี้เลยน่ะเหรอ?

"ผมพูดจริงนะ ถ้าคุณไม่เชื่อ...ลองไปเจอท่านดูมั้ยล่ะ"

".......จ...เจอแม่คุณ...น่ะเหรอ?" คำชวนพาสดายุอึ้ง เพราะมันฉุกละหุก จนเขาตั้งตัวไม่ทัน

"อืม...ยุ คุณพร้อมจะเจอ ผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักหรือยัง? ผู้หญิงคนนั้นน่ะ เขาพร้อมจะเจอคุณมาตั้งนานแล้วนะ..." คราวนี้กฤตเมธเงยหน้าขึ้นสบตาสดายุชัดๆ ถ้อยคำอ่อนหวานเอ่ยชวนเนิบนาบ หลอกล่อคนตกประหม่าจนหน้าแดงให้เคลิ้มตามตอนที่ยังตั้งสติไม่ได้

"...จะดีเหรอ?....ผม...ผมเป็นผู้ชายแบบนี้...ประวัติก็....เลวร้าย..."  สดายุอึกอัก สองจิตสองใจ

“ดีสิ ไปพบท่านกับผมนะ” พระเอกหนุ่มใหญ่ทั้งหลอกล่อ ทั้งออดอ้อน สองตาคมกล้าจ้องตาอีกฝ่ายไม่ลดละราวกับกำลังสะกดจิต

“...เอ่อ...ผม...” การสะกดจิตใกล้จะได้ผล เมื่อสดายุเริ่มออกอาการลังเล...เผลอไผล ใกล้จะเคลิ้มตามในไม่ช้า

“ตั้งแต่ที่พ่อผมเสีย ตัวผมก็อยู่กับแม่แค่สองคนมาตลอด ทำงานในวงการควบกับการฟื้นฟูธุรกิจของครอบครัว ยุ่งตัวเป็นเกลียวจนไม่มีเวลาเปิดใจคบกับใคร ที่เคยมีคบหาก็แค่ฉาบฉวย ส่วนใหญ่อีกฝ่ายจะเป็นคนเข้ามาหาผมก่อน เพราะผมไม่เคยให้ความสนใจใครเป็นพิเศษ แถมเวลาก็ไม่มีให้ คบกันประเดี๋ยวประด๋าวก็เลิก ก็จบกันไป...ตรงจุดนี้คุณแม่ท่านบ่นตลอด เพราะกลัวผมจะกลายเป็นคนหัวใจตายด้าน เอาแต่งานไม่เอาเมีย...กระทั่ง...ได้มาเจอคุณ”

เห็นว่าสดายุกำลังเคลิ้มตามได้ที่ กฤตเมธเลยตะล่อมต่อด้วยเหตุผลที่แม่ของเขายอมรับสดายุได้ อยากบอกให้รู้ อยากให้สดายุสบายใจ

“ผมยอมรับครับ  ว่าตอนที่ผมบอกแม่ ท่านตกใจน่าดู คงคิดไม่ถึงว่าผมจะชอบผู้ชาย...แต่พอผมเล่าหลายๆอย่างให้ท่านฟัง บอกท่านว่าคุณคือใคร แท้จริงคุณน่ารักแค่ไหน  ไม่นานท่านก็ยอมรับได้  บอกว่าดีแล้วที่ในที่สุดผมก็รักใครแบบจริงๆจังๆเป็นเสียที ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้ชายแต่ถ้าเป็นคนดี ท่านก็ยินดีด้วย”

“...คุณแม่คุณนี่...สุดยอดไปเลย”  ยิ่งได้ฟังสดายุก็ยิ่งทึ่ง คุณแม่ของกฤตเมธในความรู้สึกของสดายุตอนนี้มีแต่ความน่ารักและอ่อนโยน 'ตัวจริง...จะน่ารักและใจดีอย่างนี้หรอเปล่านะ'

ถึงอดจะสงสัยไม่ได้ขึ้นมา แต่พอได้มองคนที่ยังคงกอดเอวเขาไว้ไม่ห่าง จ้องหน้าเขาอย่างกับจะดูดให้เข้าไปอยู่ในดวงตาคู่นั้น ทั้งยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่น่าเอ็นดูเสียยิ่งกว่าเด็กเล็กทั้งที่แก่จะแย่อย่างกฤตเมธ สดายุก็เริ่มมีความมั่นใจขึ้นมาหน่อยแล้วว่า 'คุณแม่ของคนอย่างกฤตเมธ จะต้องเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมมากแน่ๆ'


แล้วในที่สุด สดายุก็ตัดสินใจได้

"คุณแม่ผมชอบคุณมากจริงๆนะ ตอนที่ผมเฉลยว่าผู้ชายที่ขโมยหัวใจผมไปได้คือใคร แม่ผมดีใจใหญ่บอกว่าตัวเองเป็นแฟนคลับคุณอยู่ พยามจะให้ผมรีบพาคุณไปเจอท่านให้ได้ บ่นอยากเห็นหน้าลูกสะใภ้จะแย่แล้ว"

"พอเหอะคุณ ไม่ต้องยกยอแล้ว.."  สดายุรีบห้าม เพราะพาลจะเลี่ยนกับคำป้อ เขาไม่อยากถูกอวยจนเหลิง เดี๋ยวเจอตัวจริงแล้วไม่เป็นดังคิด ชีวิตจะเปลี่ยนเสียเปล่าๆ

"ตกลงผมจะลองไปเจอท่านดู" ว่าแล้วก็รีบตอบตกลงก่อนจะโดนตะล่อมจนเคลิ้มไปกันใหญ่

"จริงนะ" กฤตเมธดีใจอย่างเห็นได้ชัด เพราะชายหนุ่มยิ้มตาหยีไม่มีเก็กเหมือนปกติ เรียกได้ว่าหมดมาดพระเอกรุ่นใหญ่กันเลยทีเดียว

"แล้วจะโกหกไปทำไมล่ะ"

“งั้นไปพรุ่งนี้เลยมั้ย?”

“รีบไปแล้วคุณ หึหึ...พรุ่งนี้ให้ได้นอนก่อนเถอะ ไม่เห็นคิวถ่ายที่พี่อ๊อดให้ไว้เหรอ เช้าชนเช้าแหงๆ ยังจะมีเวลาไหนไป”

“...ก็ผมดีใจนี่ อยากให้คุณเจอกับแม่เร็วๆ...”

“วันอาทิตย์ก็ได้นี่ครับ วันนั้นไม่มีถ่าย” สดายุเสนอทางออก กฤตเมธยิ้มรับแล้วกอดเอวคนรักเอาไว้ต่อ เขามีความสุขที่ได้อยู่กับสดายุ มีความสุขมากจนไม่อยากปล่อยมือ ไม่อยากคลายอ้อมแขน

 จำแทบไม่ได้แล้วว่าในวันที่ไม่มีคนคนนี้ข้างกายเขาผ่านวันเหล่านั้นมาได้ยังไง? เขารู้สึกเหงาแค่ไหน?

จากนี้ไปก็นึกไม่ออกเลยว่า ชีวิตต่อจากนี้ไป หากไม่มีสดายุเขาจะเป็นยังไง?

จะทนได้มั้ย...

เมื่อก่อนนั้น ก่อนที่จะได้เจอกับสดายุ เขาเองก็คงเคยรู้สึกเหงา แต่มันคงไม่ได้รุนแรง หรือมีผลอะไรเพราะเขาชินเหลือเกินกับการเดินเพียงลำพังบนเส้นทางที่เขาเลือก

แต่หลังจากได้เจอกับสดายุ ชีวิตเขาเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง เขาไม่อาจเลือกเส้นทางที่จะเดินไปเพียงลำพังได้อีก

เขาทนเหงาขนาดนั้นไม่ไหว

ทุกวันนี้แค่ไม่เจอข้ามวันก็รู้สึกคิดถึง

นี่เขาเคยรู้สึกกับใครมากขนาดนี้มาก่อนหรือเปล่านะ...

คำตอบคือ 'ไม่'

แค่สดายุเท่านั้น เพียงสดายุเท่านั้น ที่ทำให้เขารู้สึกรุนแรงขนาดนี้

คนอย่างกฤตเมธไม่เคยหึงหวงใคร

แต่เขากลับหึงสดายุจนขาดสติ

คนอย่างกฤตเมธไม่เคยเหงาที่ต้องนอนคนเดียว

แต่เขากลับนอนไม่หลับถ้าไม่ได้นอนกอดสดายุ

คนอย่างกฤตเมธไม่เคยสนใจแม้ใครจะเดินจากไป

แต่เพียงสดายุบอกว่าจะไป เขาก็แทบทนไม่ได้

คนอย่างกฤตเมธไม่เคยแคร์หากใครจะไม่รัก

แต่เขาทนไม่ไหวหากสดายุจะไม่รัก

คิดได้ดังนั้น กฤตเมธก็ยิ้มออกมาน้อยๆขณะที่ยังซุกใบหน้าอยู่ตรงพุงอุ่นๆของสดายุ

'แย่แล้ว...สดายุทำเขาแย่แล้วจริงๆ'


**************************************************************
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-09-2014 03:26:57



“คัท!!!!”


“ไอ้รุจน์! อย่าเหม่อนักสิวะ เมื่อคืนนอนไม่พอรึไง! พูดบทผิดบทถูกอยู่นั่น  เอ้าๆพักก่อนๆ ไปนั่งทำสมาธิเลยเอ็ง พักๆๆๆ!!”

“อึ๋ย...ขอโทษครับพี่อ๊อด เดี๋ยวเทคหน้าผ่านเลยครับ”

“ให้มันจริงเหอะ ฉันจะสาธุให้! ไปพักก่อนไป เดี๋ยวฉันจะถ่ายซีนเดี่ยวของเมธก่อนละกัน”

เสียงอ๊อดกับรุจน์โหวกเหวก ด้วยวันนี้คิวถ่ายแสนจะแน่น แต่พอร์กลับจำบทผิดบทถูก น่าเห็นใจอยู่เพราะช่วงนี้เด็กหนุ่มวิ่งรอกออกงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อตแทบไม่ค่อยได้พัก ทั้งงานของทางค่ายเอบีเอฟเองที่ยังต้องออกโปรโมตซีซั่นภาคต่อ ทั้งยังต้องออกมินิคอนเสริตกับเพื่อนร่วมบ้าน ออกรายการโปรโมตอัลบัมใหม่ ละครซิทคอม และ ฯลฯ...

เยอะ...จนรุจน์แทบไม่ได้อ่านบท วันนี้ถึงได้ยึกๆยักๆนักในฉากที่สดายุ หรือกฤตเมธเล่นด้วยนั้นยังพอช่วยกันต่อบท ช่วยกันด้นสดจนผ่านพ้นมาได้  แต่ในฉากที่ต้องเล่นเดี่ยวนี่ถึงกับต้องเทคกันยับเลยทีเดียว

น่าสงสารรุจน์ที่วันนี้หัวเดียวกระเทียมลีบ เนื่องจากพอร์ชติดงานโปรโมตละครของค่าย เลยต้องเลื่อนคิวไปถ่ายตอนเย็นถึงดึก กลางวันรุจน์เลยโดนว๊ากเดี่ยวคนเดียวโด่เด่ ให้สดายุต้องคอยปลอบด้วยความเห็นใจ

ฝ่ายสดายุกับกฤตเมธนั้น ไม่มีปัญหา ทั้งคู่ยังคงทำได้เพอร์เฟคดีไม่เปลี่ยน สถานการณ์ประจำวันราบรื่นจนทั้งคู่เกือบจะลืมไปแล้วว่า เกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อคืนที่ผ่านมา ความจริงแล้วทั้งสดายุและกฤตเมธแอบกังวลใจอยู่ไม่น้อย ตอนแรกมั่นใจเหลือเกินว่า วันรุ่งขึ้นทันทีที่ลืมตาตื่น พวกเขาจะต้องได้เห็นพาดหัวข่าวอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับเรื่องในโรงแรมที่ชิดจันทร์มอมกฤตเมธไปเมื่อคืนแน่ๆ

ทว่ากลับไม่เป็นอย่างที่คิดเลยสักนิด ทั้งหนังสือพิมพ์รายวัน  ข่าวสดตอนเช้า รายการเม้าท์ตลาดแตก ชิทแชท รายการวิทยุ แม้แต่ในโลกโซเชียล มันไม่ปรากฏข่าวใดที่เกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนเลยแม้เพียงนิด เงียบสงบจนน่ากังวล เพราะอันที่จริงชิดจันทร์ไม่น่าปล่อยให้ผ่านมาได้ง่ายๆ เพราะถึงจะพลาด แต่ก็อุตส่าห์ลงทุนทำถึงขนาดนั้น อย่างน้อยๆมันจะต้องมีข่าวอะไรโดนปล่อยออกมาบ้างสิ

หรือว่าชิดจันทร์จะอายจนไม่กล้าลงข่าว...

หรือไม่ก็โดนเสน่ห์จันทร์ปิดข่าวไว้เช่นทุกครั้ง

ยิ่งคิดก็ยิ่งชวนปวดหัว เพราสดายุไม่แน่ใจว่าชิดจันทร์จะทำอะไรมากกว่านี้อีกหรือเปล่า


RRRRRRRRRRRRRRRRR….

RRRRRRRRR…


“ครับเจ๊?” จังหวะกำลังใช้ความคิด คนที่อยากปรึกษาก็โทรมาพอดี ‘เจ๊บลูม่าญาณทิพย์นี่เอง’

“เป็นไงบ้างคะน้องยุ อยู่ไหนคะเนี่ย?”

“ที่กองถ่ายน่ะครับ แต่คุยได้ยุพักอยู่”


“แล้วคุณเมธล่ะคะ เธอเป็นไงบ้าง เมื่อคืนตอนพี่กลับเห็นยังไม่ฟื้นเลย”


“โอเคแล้วครับพี่ แค่โดนยานอนหลับน่ะครับ งีบตื่นนึงก็พอจะสร่างแล้วล่ะ เนี่ยตอนนี้เมธเขาก็กำลังเข้าฉากอยู่”


“เฮ้อ....โล่งใจ ยังดีนะที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก”


“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับเจ๊ ว่าแต่เจ๊มีไรป่าวเนี่ย  หรือแค่โทรมาถามอาการเมธเขา?”

“เอ่อคือ…เมื่อกี้พี่ไปเจอดนัยเขามาน่ะค่ะ พี่เลยจ่ายเงินค่าอาหารของเราเมื่อคืน คืนดนัยเขาไปแล้ว…”


“ฮ้า!? จริงด้วย! ยุลืมไปเลยอ่ะ เท่าไหร่ครับเจ๊ เดี๋ยวยุจ่ายคืนให้!!”

“ไม่เป็นไรค่ะ…เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”

“ฮึ๋ย ไม่ต้องเจ๊ นี่มันเรื่องของยุนะ ยุต้องเป็นคนจ่ายเองสิ เท่าไหร่ครับบอกยุมาเถอะ”

“ให้พี่จ่ายเถอะยุ…ขอร้อง พี่อยากไถ่โทษ…ง่า…”

“ไถ่โทษ? เรื่อง?”

“คือพี่….เอ่อ…คือตอนที่พี่คืนเงินให้ดนัย…เราคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน…แล้ว…พี่ก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ…คือมัน…เอ่อปากพี่…มันดันเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนออกไป…แฮะแฮะ…ให้ดนัยเขาฟัง…หมดเลย…”


“……..อะไรนะเจ๊? เล่าหมดเลย?”

“คือพี่หลุดปากอ่ะยุ…รู้ตัวอีกทีก็เล่าไปถึงตอนที่พี่วิ่งไล่จับไอ้ชายชุดดำนั่นแล้วอ่ะ คือ…พี่…พี่ขอโทษ…”

“แสดงว่าดนัยเขาคงน่าไว้วางใจในสายตาเจ๊ล่ะสิ ถึงได้เผลอเล่าไป เพราะปกติเจ๊บลูปากหนักจะตาย ไม่ไว้ใจใครง่ายๆด้วย”

“…อืม…พี่ก็ไม่แน่ใจหรอกนะ แต่ตอนนั้นสิ่งที่พี่มั่นใจแน่นอนก็คือ…ดนัยเข้าข้างยุ”


“อืม เจ๊ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ ยุเองก็พอจะเชื่อใจดนัยอยู่ ว่าเขาคงไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดต่อหรอก แล้วที่สำคัญ…เขาเองก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ เพราะอย่างน้อย ที่เรื่องนี้ผ่านพ้นไปได้ก็เพราะได้ดนัยช่วยจ่ายค่าอาหารให้โดยไม่อิดออดนี่แหละ…”

“…ยุไม่โกรธพี่นะ ที่พี่…ปากเบาไปหน่อย…”

“ยุจะโกรธไปทำไมล่ะเจ๊ ฮะฮะ โอ๋ๆ อย่านอยด์นะครับ”

“แหม…ยุล่ะก็”

การพูดคุยดำเนินต่อไปอีกเล็กน้อย สดายุถามไถ่ถึงความเป็นไปที่บริษัท ว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า บลูม่าก็ได้แต่ถอนใจว่าเงียบกริบอย่างไม่น่าเชื่อ ความคลุมเครือในการกระทำของชิดจันทร์จึงยังคงกวนใจสดายุต่อไปไม่เลิก



“ดนัยมีอะไรเหรอ?”


“!!?” สดายุสะดุ้งหวือ เมื่อจู่ๆกฤตเมธก็ย่องมากระซิบจากด้านหลังแบบไม่ให้รู้เนื้อรู้ตัว

“ฮึ่ย! ตกใจหมด ถ่ายเสร็จแล้วเหรอคุณ?”

“อือ พักกองอยู่น่ะ นี่มันจะเที่ยงแล้วนี่.” กฤตเมธไหวไหล่ตอบเนิบนาบ

ก่อนจะยื่นหน้าเข้าใกล้สดายุเพื่อถามคำถามคาใจอีกที

“ที่คุยกันถึงเรื่องดนัยน่ะ…มีอะไรเหรอ?”

“อะไรคุณ? จู่ๆมาสนใจดนัยทำไม?” สดายุขมวดคิ้วสงสัย ร้อยวันพันปีไม่เห็นกฤตเมธเคยถามจี้ถึงใครแบบนี้มาก่อน

“คุณต่างหาก ไปยุ่งกะดนัยมันตั้งแต่เมื่อไหร่?” คราวนี้กฤตเมธมีกอดอกข่มด้วย เพื่อเร่งรัดให้สดายุคลายความสงสัยในเรื่องบุคคลที่สามที่เขาไม่พึงประสงค์เสียที

สภาพนี้สดายุชักจะเริ่มเดาออกเล็กน้อย ‘หึงสินะ’


“นี่ลุง เลิกหึงจนหน้ามืดซะที บอกเลยเมื่อคืนถ้าไม่ได้ดนัยช่วยไว้ คุณโดนรุมโทรมจนต้องโร่แจ้งมูลนิธิปาวีณาแล้วป่านนี้  รู้แล้วก็รีบไปขอบใจดนัยเขาซะพ่อพระเอก หึหึ”

คำตอบที่ได้เล่นเอากฤตเมธหน้าชา ‘นี่เมื่อคืนในสภาพนั้น…ดนัยมันก็มาเห็นด้วยเหรอเนี่ย!!?’


“อย่าบอกนะยุ ว่านอกจากยุกับบลูม่าแล้ว…ที่ห้องนั้นยังมีดนัยอีกคนที่เห็นผม…โดนมอม”

“ไม่เห็นหรอก ดนัยเขาแค่มาช่วยจ่ายค่าอาหารไว้ทันการ ตอนที่ผมกับเจ๊บลูวิ่งตามคุณที่ถูกคุณหนูลากออกจากร้านในสภาพเมาเป๋ต่างหาก”

“เฮ้อออ…แล้วไป” กฤตเมธถอนหายใจเฮือกใหญ่ โล่งใจที่ไม่โดนดนัยเห็นสภาพน่าอาย เพราะในฐานะลูกผู้ชายแล้วกฤตเมธไม่รู้ว่าจะเอาหน้าตัวเองไปไว้ไหนดี

เห็นดังนั้นสดายุก็หัวเราะคิกคักถูกใจ นานๆจะเห็นพระเอกรุ่นใหญ่ทำหน้าอิหลักอิเหลื่อแบบนี้สักที

“หึหึ…อายเหรอ?”

“แหงสิ…หึหึ ว่าแต่คุณนี่ก็โชคดีนะ ที่ไอ้ดนัยมันญาติดีด้วยน่ะ”

“หือ? ทำไมล่ะ? ผมไม่ได้ไปทำอะไรดนัยเขานี่ แล้วเขาจะไม่ญาติดีกับผมทำไม?”

คราวนี้เป็นสดายุที่ต้องออกอาการงงไปกับคำพูดของกฤตเมธ

“ก็ดีแล้วที่มันญาติดีด้วย ความจริงตัวตนของไอ้ดนัยมันร้ายจะตาย ใครโดนมันเกลียดขี้หน้าเข้า ตายจากวงการไปหลายคนแล้ว”

เรื่องที่กฤตเมธเล่า เล่นเอาสดายุงงหนักขึ้นไปอีก นี่ดนัยที่เขารู้จัก(แค่ผิวเผิน)คนนั้น ไม่ไดเป็นแค่เด็กปั้นที่เพิ่งกลับจากนอกอย่างเดียวหรอกเหรอ? แต่ยังเป็น…เป็นมาเฟียด้วย?

“หึหึ ไม่ต้องทำหน้างงหรอก ผมก็แค่อยากเตือนคุณ ว่าถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปสนิทกับมันมากนัก เห็นมันขี้เล่นเฮฮาแบบนั้น นิสัยจริงๆของมันผมเองยังไม่อยากยุ่งเลย”

“นิสัยจริงแบบไหน? นี่คุณอำผมเปล่าเนี่ย? จะกันท่าดนัยล่ะสิ”

“ไอ้กันน่ะกันแน่ แต่เรื่องนี้ผมแค่จะเล่าสู่กันฟัง เมื่อก่อนตอนที่ดนัยมันยังไม่ได้ไปต่างประเทศ ข่าววงในเขารู้กันทั่ว ว่าใครที่กล้ามีปัญหากับดนัย จบไม่สวยสักราย ไม่ใช่เพราะหมอนั่นเป็นเด็กปั้นท่านประธานแล้วใช้อำนาจในทางมิชอบอะไรหรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไม ใครที่เขม่นมัน หรือโดนมันเขม่น มักถูกออกจากวงการในเวลาไม่ถึงเดือนทุกคน เพราะเรื่องชั่วช้าที่คนพวกนั้นทำ จู่ๆก็ถูกตีแผ่แบบทุกเม็ด แถมยังโดนทำอะไรอีกหลายๆอย่างที่ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร รู้แต่ไม่มีใครกล้าสู้ดนัยมันสักคน ยอมไปแบบไม่กลับกันหมด”

“นั่น…ไม่ได้อำกันใช่มั้ย?” สดายุถึงกับต้องถามซ้ำ เพราะเรื่องที่ได้ฟังมันห่างไกลกับดนัยที่เขารู้จัก(แบบผิวเผิน)คนนั้นแบบสุดกู่

“ตอนที่ช่วงนึงดาราหลายคนเป็นข่าว แล้วหายหน้าไปจากวงการ ช่วงนั้นคุณยังอยู่นี่ เคยสนใจอะไรบ้างมั้ยเนี่ย?”

สดายุส่ายหน้ายิกๆทันที เพราะตอนนั้นเขาไม่รู้จริงๆ เอาเข้าจริงเพราะตอนนั้นเขาเองก็กำลังดัง และกำลังเหลวไหลได้เต็มที่ ก็เลยไม่เคยสนใจอะไรรอบตัวเลยแม้แต่นิด คงไม่แปลก ที่ไม่เคยรู้…

“เฮ้อ…แต่เอาเถอะ ถึงดนัยมันจะร้อยยังไง แต่มันก็มีขอบเขต ดนัยมันถือคติของมันอยู่”

“คติอะไร?”


“มันจะเล่นงานเฉพาะคนเลวที่มันเหม็นขี้หน้าเท่านั้น”


“ยังไง?”

“ก็ถ้าคนที่มีปัญหากับมันเป็นคนดี มันก็จะไม่ทำอะไร หรือต่อให้เลวแค่ไหนแต่ไม่ได้มีอะไรกับมันมันก็จะไม่ยุ่ง…คนที่ดนัยมันเลือกที่จะเล่นงานก็คือ คนที่มีประวัติไม่สวยแล้วยังทำตัวเฮงซวยไปหาเรื่องมัน พวกนั้น…ตายสนิททุกราย”

“อืมมม…โชคดีของผมสินะ ที่ตอนนั้นผมไม่ได้ไปเหยียบตาปลาดนัยเข้า ไม่งั้นคงจบเละกว่านี้ใช่มั้ย?”

กฤตเมธได้แต่ยักไหล่เชิงเห็นด้วยกับคำพูดสดายุ ชายหนุ่มรู้ดีว่าแท้จริงสดายุไม่ได้เชื่อที่เขาพูดทั้งหมดหรอก แต่เขาก็ยังอยากจะบอก เผื่อคนรักของเขาจะได้ระวังตัวเอาไว้บ้าง เพราะไม่รู้ทำไม เดี๋ยวนี้ดนัยถึงชอบเข้ามาป้วนเปี้ยนวุ่นวายกับสดายุเสียจริง

************************************************
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 06-09-2014 03:27:43

“เอ่อ…ไม่เห็นเลยจริงๆเหรอครับ?”

“ค่ะ คือถ้ามีทางเราจะเก็บเอาไว้ให้คุณลูกค้าอยู่แล้ว แต่นี่ดิฉันให้หลายๆฝ่ายช่วยกันเช็คแล้ว แต่เราไม่เห็นจริงๆค่ะ” 

พนักงานแผนกคอนเชียสสาวสวยที่ทำหน้าที่ต้อนรับและประสานงานให้นั้นต่างก็ยืนยันขันแข็งกับบดินทร์ว่าไม่พอหรือเห็นกระเป๋าเงินสีดำที่ชายหนุ่มอ้างว่าทำตกไว้ที่โรงแรมแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อคืนเลยแม้แต่นิด ทั้งสืบทั้งค้น ประสานงานไปทางหลายๆแผนก ก็ไม่มีใครเห็น

“งั้น...ขอบคุณครับ” ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอดใจ เขาเองก็ไม่ได้แน่ใจนักว่าเขาทำกระเป๋าเงินตกหายที่ไหน เมื่อคืนกว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่กลับถึงบ้านแล้ว ระหว่างทางเขาใช้เพียงเศษเงินที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต เลยไม่ได้ใส่ใจกระเป๋าเงินของตัวเองมากนัก เลยไม่รู้ว่าร่วงตั้งแต่ที่โรงแรม บนแท็กซี่ หรือแถวคอนโดกันแน่

ความจริงกระเป๋าใบนั้นมันก็ไม่ได้มีของมีค่ามากนักหรอก เงินสดในนั้นก็มีเพียงสองพันกว่าบาท บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็มเขาก็สั่งอายัติหมดแล้ว เหลือก็เพียงบัตรประชาชนกับใบขับขี่ที่เสียดายมากหน่อยเพราะไม่อยากไปแจ้งหาย และขี้เกียจไปทำใหม่

สิ่งเดียวในกระเป๋าใบนั้นที่สำคัญมากจนเขาต้องตามหาเสียให้วุ่น นั่นก็คือ ‘รูปถ่ายหนึ่งใบ’ ที่เขาซ่อนมันไว้ช่องลับ รูปเพียงใบเดียวที่เขามี...

“ไม่ทราบว่าคุณลูกค้าพอจะสะดวกฝากเบอร์ติดต่อเอาไว้ได้หรือเปล่าคะ เผื่อว่าอาจมีลูกค้าท่านอื่นนำมาคืน เราจะได้ติดต่อคุณลูกค้าให้มารับน่ะค่ะ” พนักงานสาวเสนอบริการ

“ขอบคุณครับ” บดินทร์รีบเขียนเบอร์โทรฝากไว้กับหญิงสาว ก่อนจะเดินจากออกมา พร้อมกับเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้น


‘ชิดจันทร์’


บดินทร์ถอนหายใจเหนื่อยหน่ายก่อนจะกดรับสายอย่างเสียไม่ได้

"ฮัลโหล"

"นี่แก! ทำไมป่านนี้ยังไม่มีข่าวอะไรออกมาเลยล่ะ!? รูปนั้นแกส่งให้นักข่าวยังเนี่ย!!?" เสียงแหลมสูงที่ทะลุออกมาจากมือถือของบดินทร์นั้น ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดเป็นที่สุด

"ยัง"

"ฮึ่ย! แล้วแกจะให้เขาชาติหน้ารึไง! ทำไมสั่งอะไรไม่เคยได้อย่างใจเลยห๊ะ!!?” ชิดจันทร์ยังคงโวยวายเสียงแหลมปรี๊ดใส่บดินทร์ไม่ยั้ง ชายหนุ่มได้แต่ทนเก็บกักความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพยายามเดินหลบผู้คนไปแอบคุยอยู่ตรงโถงลิฟท์ ทั้งเพื่อความสะดวกในการคุยเรื่องลับ และง่ายต่อการหลบซ่อนใบหน้าจากผู้คนทั่วไป

"ก็ข่าวที่จะออกรอบเช้ากับสาย ท่านประธานแม่คุณเป็นควบคุม ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าออกไปตอนนั้นยังไงก็ต้องโดนเซ็นเซอร์อยู่ดี!" บดินทร์พยายามอธิบายอย่างหัวเสีย

"เออ! จะยังไงก็ช่าง! ไม่ว่ายังไงภายในวันนี้ฉันต้องเห็นข่าว! หาทางทำอะไรเข้าสักอย่างสิ มัวแต่บื้อใบ้อยู่ได้ น่ารำคาญ!!"

'แกสิน่ารำคาญ!' บดินทร์ได้แต่คิดในใจด้วยความคั่งแค้นชิงชังที่มีทั้งต่อชิดจันทร์ และต่อตัวเอง เกลียดตัวเองนักที่กระจอกงอกง่อยอ่อนแอจนไม่สามารถต่อกรได้แม้กับอีแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวที่อายุยังน้อยกว่าเขาด้วยซ้ำ

"รู้แล้วน่าคุณหนู! เดี๋ยวผมรีบจัดการให้ คอยเช็คในเพจกับรอดูข่าวบันเทิงภาคค่ำได้เลย!!"


พูดเพียงแค่นั้นบดินทร์กดก็วางสายทันที ช่างหัวมันแล้วว่าชิดจันทร์จะว่าอะไรต่อหรือเปล่า ตอนนี้เขาไม่อยากคุยอะไรกับหญิงสาวทั้งนั้น ถ้าเป็นไปได้ ไม่ต้องคุยกันอีกเลยยิ่งดี!

บดินทร์ในชุดไปรเวทสีดำใส่หมวกใส่แว่นปิดหน้ามิดชิด ยังคงยืนทำอารมณ์อยู่ตรงซอกหนึ่งตรงโถงทางขึ้นลิฟท์ แค่กระเป๋าเงินหายเขาก็รู้สึกย่ำแย่พออยู่แล้ว ยังมาโดนชิดจันทร์งี่เง่าไม่เข้าเรื่องใส่อีก ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจเหนื่อยหน่าย ชีวิตเขาถูกต้อนให้จนตรอกขึ้นทุกที

'อยากหลุดพ้น...'

'อยากหนีไป...ให้พ้นๆ...'




"สวัสดีครับ คุณบดินทร์"


"!!!?"

ขณะที่บดินทร์ยังคงยืนสงบใจ ยังไม่ทันจะถึงนาทีเสียงกระซิบทุ้มพร่าตรงข้างหูก็ทำเอาพิธีกรหนุ่มสะดุ้งสุดตัว

".............."

และที่น่าตกใจมากกว่านั้น ก็คือคนที่เข้ามาทักเขา... 

มันเป็นคนที่บดินทร์ไม่ต้องการที่จะเจอที่สุดในตอนนี้...



'ดนัย!!'


"มาทำอะไรแถวนี้ครับ? พักที่นี่เหมือนกันเหรอ?" ดนัยเอ่ยถามด้วยหน้าตายิ้มแย้มเป็นมิตร

"...อะ...ค...แค่ผ่านมา ผมขอตัวก่อนละกัน" ทว่าบดินทร์ไม่ได้อยากเป็นมิตรด้วย ชายหนุ่มรีบตัดบทลากันดื้อๆทันที

"อ่ะ เดี๋ยวสิคร๊าบ...จะรีบไปไหนกัน อยู่คุยกันก่อนสิ...นะ" ดนัยขยับตัวขวางไว้ทัน ปิดทุกทางที่บดินทร์จะหนีได้ ซ้ำยังเอ่ยชวนเสียงใส เล่นเอาหัวใจของบดินทร์เต้นรัว

'ดนัย...มันรู้ได้ยังไงว่าเป็นเรา? อย่าบอกนะว่าเมื่อคืนมันจำเราได้...'  บดินทร์คิดหนัก หัวใจป่วยๆของเขายิ่งเต้นรัวระส่ำ มือไม้เย็นเฉียบขึ้นมาจนถึงข้อศอก เหงื่อกาฬแตกชื้นเต็มแผ่นหลัง

'ต้องหนี!'

'เขาต้องรีบไปให้พ้นจากคนคนนี้!!
'


หมับ!!


"อ๊ะ!!??" ทันทีที่บดินทร์ตั้งท่าจะเบี่ยงกายออกวิ่ง มือแกร่งของอีกฝ่ายก็คว้าแน่นเข้าที่ต้นแขน เหนี่ยวรั้งรุนแรงจนบดินทร์ก้าวพ้นไปจากตรงนั้นไม่ได้

"จะรีบหนีไปไหนล่ะครับ" ดนัยยังคงพูดจาไพเราะ ใบหน้า ดวงตายังคงยิ้มให้บดินทร์ ดูไร้พิษภัย แต่มือที่จับแขนบดินทร์ไว้นั้นส่งกระแสคุกคามอย่างชัดเจน!

"....ปล่อย...ปล่อยผม!" บดินทร์พยายามดิ้นรน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

โดยส่วนสูงแล้วดนัยสูงกว่าบดินทร์ไม่เท่าไหร่ แต่ความหนาของร่างกายเรียกได้ว่าชนะขาด คนที่ต้องเฟิร์มหุ่นสู้กับดาราต่างชาติอย่างดนัยย่อมได้เปรียบดาราไทยแท้อย่างบดินทร์หลายขุมอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงไม่แปลกที่แม้บดินทร์จะดิ้นรนเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถหลุดจากอุ้งมือของดนัยได้สักที


"ไม่ได้ตามหาไอ้นี่อยู่หรือไง?"


"…!!?...ทำไม..." พอได้เห็นสิ่งที่ดนัยหยิบขึ้นมา สันหลังบดินทร์ก็เย็นวาบ 

กระเป๋าเงินของเขาที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายนั้นเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างดีว่า...ดนัยรู้แล้วว่าคนที่เจอกันเมื่อคืน...คือเขาเอง

และอาจจะรู้แล้ว....เรื่องที่เขากับชิดจันทร์ร่วมมือกัน!

"คุณ...ต้องการอะไร?" เห็นดังนั้นบดินทร์ก็ไร้ทางหลีกเลี่ยง จึงได้แต่ถามออกไปตรงๆว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเขากันแน่

เขากับดนัย เพิ่งพบเจอกันแค่สองครั้ง

เขากับดนัย ไม่เคยมีปัญหาต่อกัน (นอกเสียจากครั้งแรกที่เขาหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน) แต่ก็แค่นั้น บดินทร์ออกจะมั่นใจด้วยซ้ำว่าไม่เคยสร้างความแค้นเคือง แต่ที่เขาไม่อยากพบเจอกับดนัย ก็เพราะเคยไปกร่างใส่ครั้งนึงนั่นแหละ ซ้ำตอนเจอครั้งล่าสุดยังเป็นตอนที่เขากำลังทำเรื่องไม่ดีกับเด็กปั้นของท่านประธานเสียอีก (แม้จะร่วมมือกับลูกท่านก็เถอะ) เขากลัวว่าถ้าเกิดดนัยรู้เข้าแล้วคาบข่าวไปฟ้องท่านประธานขึ้นมาเขาอาจจะลำบาก

ดังนั้น บดินทร์จึงไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ดนัยต้องการมากนัก  คิดจนหัวแทบแตกก็ไม่เข้าใจ เพราะคนอย่างเขาแทบไม่มีอะไรให้ดนัยได้เลย แล้วอีกฝ่ายยังจะตามมาวุ่นวายเขาอยู่แบบนี้ทำไม?

“ขึ้นไปคุยเล่นที่ห้องผมก่อนมั้ย?” ดนัยยิ้มให้ พลางเอ่ยชวน

“ผมไม่สะดวก” และแน่นอนว่าบดินทร์ย่อมปฏิเสธ ‘จู่ๆจะมาญาติดีชวนขึ้นห้องเพื่อ!?’


“งั้น...ผมไม่คืนให้นะ” ดนัยชูกระเป๋าเงินของบดินทร์ขึ้น ก่อนจะขยับไปๆมาๆ ต่อหน้าเจ้าของ มันดูง่ายถ้าบดินทร์จะคว้าของตรงหน้า แต่มันก็ช่างแสนยากเมื่อคนที่ถือมันคือดนัย

“นี่คุณ!?”

“บอกให้มาก็มาดีๆเถอะน่า!”

“โอ๊ย!!”

รอยยิ้มเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้ม น้ำเสียงละไมกลายเป็นเหี้ยมห้าว มีแกร่งที่ยังคงจับอยู่ตรงต้นแขนยิ่งกระชับแน่นพลางกระตุกร่างบางกว่าเข้าประชิด แล้วข่มขู่แบบไม่ไว้หน้า

“ถ้าไม่ไปดีๆ ผมจะถอดหมวกกับแว่นคุณออก แล้วอุ้มขึ้นลิฟท์ไปทั้งๆอย่างนี้แหละ คงได้ฮือฮากันทั้งล๊อบบี้!”



“…….น…นี่มันเรื่องอะไรกัน?...คุณต้องการอะไรกันแน่…” บดินทร์ได้แต่กระซิบถามเสียงสั่นพร่า เมื่อหมดทางจะหนี เพราะแน่ใจเหลือเกินว่าคำขู่ของอีกฝ่ายนั้น ไม่ใช่แค่เพียงต้องการให้เขากลัว…

“เดี๋ยวก็รู้”

*
*
*

ในที่สุดบดินทร์ก็ถูกบังคับลากจับลากมาจนถึงชั้นที่ 47 ห้องเบอร์ 4704 อันเป็นห้องพักสุดสวยหรูในระดับ 5 ดาวใจกลางเมือง แน่นอนว่าราคาต่อคืนนั้นไม่ใช่น้อย นับประสาอะไรกับการเช่าอยู่รายเดือนของดนัย บดินทร์ได้แต่คิดในใจว่าลำพังแค่ค่าตัวนักแสดงที่เมืองนอกเมืองนาของดนัยนั้น สามารถทำให้เจ้าตัวอู้ฟู่ได้ขนาดนี้เชียวเหรอ? หากเป็นระดับกฤตเมธ หรือสดายุสมัยรุ่งเรื่องเขาอาจไม่สงสัย แต่สำหรับดนัยที่ไม่ได้มีบทเด่นในวงการหนังไทย…ที่เมืองนอก คนคนนี้เล่นบทเด่นแค่ไหนกันนะ?

ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิด บดินทร์ก็ถูกผลักเข้าไปในห้องนั้นทันที โดยมีดนัยผู้เป็นเจ้าของห้องตามประกบเข้าไปติดๆ ก่อนจะปิดปิดล็อคประตูตามหลังโครมใหญ่ ทั้งสองยืนสบตากันอยู่ในห้องที่ค่อนข้างจะมืดเพราะดนัยไม่ยอมสับสวิชต์ไฟเสียที 

“ตกลง…คุณมีอะไรจะคุยกับผม?”บดินทร์กัดฟันถามออกไปอีกครั้ง เมื่อเจ้าของห้องยังคงยืนกอดอกจ้องมองเขาไม่ละสายตา แถมยังไม่ยอมปริปากพูดอะไรเสียที

“ก็แค่เชิญมาดื่มชา” ดนัยตอบยิ้มๆ

“ถ้าแค่นั้น…ผมต้องขอโทษที ผมไม่ว่างพอจะดื่มชากับคุณหรอก ช่วยคืนกระเป๋าผมด้วย ผมต้องรีบไป” บดินทร์รีบตัดบท เพราะเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของดนัยแล้ว บดินทร์ก็ไม่อาจวางใจจะอยู่ในห้องนี้ต่อ เพราะเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน และต้องการอะไรจากเขากันแน่? 

ความไม่รู้ทำหัวใจของบดินทร์เต้นระส่ำ ความกลัวผุดพรายในส่วนลึกอย่างยากจะหักห้าม

“ว้า…เสียดายจัง คุณจะรีบไปไหนเหรอ? ให้ผมไปส่งมั้ย?” ได้ยินอีกฝ่ายว่ารีบ ดนัยก็แสร้งทำสีหน้าลำบากใจ พลางเสนอตัวไปส่งราวกับห่วงใยหนักหนา ทว่าสายตาที่จับจ้องมา กลับยิ่งทำให้บดินทร์ขนลุก…

“ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเอง…ช่วยคืนกระเป๋าผมมาที” บดินทร์ยังคงพยายามขอร้อง

“โธ่…คุณบดินทร์ครับ อุตส่าห์มาทั้งที นั่งคุยเป็นเพื่อนผมหน่อยไม่ได้เหรอ อยู่ว่างๆคนเดียว ผมเหงาจะแย่…นะครับนะ แป๊บเดียวก็ยังดี” ดนัยพยายามหว่านล้อม แถมไม่พูดเปล่า ยังถือวิสาสะเข้าไปโอบเอวบดินทร์ไว้แล้วดันพรืดๆไปที่โซฟากลางห้องรับแขก พลางลอบแสยะยิ้มออกมาเล็กๆ เมื่อเห็นท่าทางอิหลักอิเหลื่อของบดินทร์

พอถูกจับมานั่งตรงโซฟาได้ บดินทร์ก็ไม่กล้าจะลุกไปไหน หัวใจจดจ่ออยู่กับกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่ดนัยยังคงยึดเอาไว้อยู่ อึดใจต่อมาชาอุ่นๆก็มาเสิร์ฟถึงที่ กลิ่นชาหอมกรุ่น คนที่อุตส่าห์ทำมาให้ก็ยังคงส่งยิ้มละมุนไม่ขาด ดังนั้นบดินทร์จึงจำต้องยอมนั่งจิบชาที่ดนัยอุตส่าห์ทำมาให้อย่างเสียไม่ได้

“เออ จริงสิ เมื่อกี้ที่ด้านล่าง ได้ยินคุณพูดถึงรูป…กับข่าว มันคือรูปอะไรเหรอ?”

ไม่ต้องเสียเวลานาน ดนัยถามขึ้นทันทีที่ชงชาให้บดินทร์เสร็จ คำถามนั้นทำบดินทร์ถึงกับหน้าถอดสี ชายหนุ่มตกใจไม่น้อยที่ได้รู้ว่าดนัยได้ยินบทสนทนาของเขากับชิดจันทร์เมื่อครู่ด้วย!?

“ไม่เกี่ยวกับคุณ!” บดินทร์ตะคอกออกมาไม่ดังนักเพราะต้องพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นอย่างเต็มที่

“ไม่หรอก ผมว่าเรื่องนี้…ผมเกี่ยวได้”


“!!?”

จบคำดนัยก็ทรุดกายนั่งลงตรงข้างบดินทร์ทันที คนถูกต้อนถึงกับผวาเฮือกจนถ้วยชาแทบจะหลุดจากมือ ดนัยยิ้มให้น้อยๆพลางดึงถ้วยชาใบย่อมออกจากมือของบดินทร์แล้ววางลงบนโต๊ะเบาๆ

บดินทร์จับจ้องคนข้างกายไม่วางตา การกระทำเนิบนาบนั้นสั่นคลอนประสาทเขาจนตึงเครียด โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายรุกคืบจนใกล้เกินกว่าที่เขาจะรับได้ บดินทร์ตั้งท่ารีบลุกออกจากโซฟานั่นทันที

แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับกายให้พ้นจากโซฟาตัวใหญ่ ฉับพลันร่างของบดินทร์ก็ถูกผลักลงบนพื้นโดยแรง ตามด้วยดนัยที่ขึ้นคร่อมบนร่างของเขาไว้ อารามตกใจบดินทร์รีบกระเสือกกระสนหนีจากการถูกคุกคามตามสัญชาตญาณที่รู้สึกว่าอันตราย แต่ก็ใช่ว่าจะหนีพ้น ร่างของเขาถูกดนัยจับตรึงไว้กับพื้นห้องอย่างง่ายดาย

“ทะ...ทำอะไรน่ะ!!? ปล่อยนะ!!” บดินทร์ตวาดถามออกไปด้วยความหวาดหวั่น


‘น่ากลัวเหลือเกิน’


หัวใจของบดินทร์เต้นรัว เนื้อตัวเริ่มสั่นสะท้าน เขากลัวแววตาที่เหมือนจะฉีกกระชากร่างให้เป็นชิ้นๆนั่น กลัวอุ้งมือที่แม้จะพยายามดิ้นรนหนีออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกบีบรัดแน่นจนเจ็บร้าวราวกระดูกจะแหลกเป็นผุยผง ถึงจะไม่รู้ว่าดนัยต้องการอะไร แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการนั้นย่อมไม่เป็นผลดีต่อเขาเป็นแน่

บดินทร์พยายามดิ้นรนหลบหนี แต่ยิ่งขยับกายดนัยก็ยิ่งโถมร่างกดทับ ซ้ำยังเอาแต่ยิ้มเยาะไม่ยอมพูดอะไรเลย

 “ปล่อย!!” บดินทร์ตวาดลั่นอย่างสุดจะอดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป ทั้งพยายามดิ้นหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย “ปล่อยกู!!” เหมือนยิ่งดิ้นรน ยิ่งถูกกดตรึง ยิ่งผลักไส ยิ่งถูกรุกไล่

“บอกมา! เมื่อกี้มึงคุยเรื่องรูปเหี้ยอะไรกับยัยคุณหนูชิดจันทร์!!?”


ในที่สุดดนัยก็ปริปาก และคราวนี้ไม่ใช่คำพูดเสแสร้งหวานหูที่ใช้ประจำ แต่เป็นเสียงตะคอกห้าวทั้งยังเป็นคำหยาบคายที่บดินทร์ไม่เคยได้ยินจากดนัยมาก่อน

“เสือก! ไม่ใช่เรื่องของมึง!” บดินทร์ตะคอกกร้าวอย่างลืมตัว ความกลัว ความตึงเครียด และถ้อยคำหยาบคายที่อีกฝ่ายพ่นใส่หน้า ทำสติบดินทร์เลอะเลือนไปชั่ววูบ

“ปล่อยกู สัด…อู้!!?”   ดนัยคว้าใบหน้าของบดินทร์ไว้ด้วยมือข้างเดียว แล้วบีบบังคับให้ใบหน้านั้นให้มองตรงมาที่ตน ชายหนุ่มจ้องมองลงไปที่แววตาตื่นตระหนกของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน เขาเหยียดยิ้มเย็นที่มุมปากก่อนจะกล่าวคำที่ทำให้เลือดในกายของบดินทร์เย็นเฉียบ

“ทำไมจะไม่เกี่ยว…สดายุเป็นผู้มีบุญคุณของกู กฤตเมธเป็นพี่ที่คอยช่วยเหลือกู สองคนนี้เป็นคนที่กูรัก และกูจะไม่ให้ไอ้เหี้ยตัวไหนเข้ามาวุ่นวายกับสองคนนี้ทั้งนั้น…”


ยิ่งพูด เสียงของดนัยก็ยิ่งเบาลง

ยิ่งพูดใบหน้าของดนัยก็ยิ่งโน้มต่ำลง

“ถ้าจะเหี้ย…ก็มาเหี้ยกับกูนี่…”

แล้วใบหน้าร้ายกาจนั่นก็โน้มลงมาจนจดจ่ออยู่กับใบหน้าของบดินทร์เพียงแค่ลมหายใจกั้น

ดนัยแสยะยิ้มร้าย ก่อนก้มลงกระซิบเบาๆที่ริมหูบดินทร์

“กูชอบกินเหี้ย” จบคำดนัยก็ก้มลงลากลิ้นร้อนไปบนแก้มของบดินทร์ ผู้ถูกกระทำถึงกับแข็งทื่อไปทั้งร่างราวกับถูกฉาบทาด้วยพิษร้าย

 “อ๊ะ...อยะ...อย่า อย่า!!” พอรู้สึกตัวขึ้นมาได้มือข้างหนึ่งที่เป็นอิสระของบดินทร์ ก็ผลักใสทุบตีร่างหนาเพื่อหวังเพียงจะหลุดพ้น กลัว…บดินทร์กลัวจนแทบจะคลั่ง มือหนึ่งปัดป่าย อีกมือก็พยายามบิดขยับเพื่อให้พ้นจากพันธนาการ หากแต่ก็ไม่ได้เป็นผล ซ้ำยังถูกกดตรึงข้อมือทั้งสองข้างลงบนพื้นอีกครั้ง ร่างที่คร่อมอยู่ของดนัย เริ่มโน้มกายเข้าหาจนแทบจะแนบลงบนร่างของบดินทร์ เพื่อจะบดเบียดย่ำยีราวกับจะเย้ยหยัน

“อ๊า!! อย่า! ไอ้เหี้ย! ปล่อยกู!!” บดินทร์ร้องลั่น ส่ายหน้าไปมาราวกับเสียสติ อยากดิ้นรนหลบหนี แต่รู้ดีว่ายากนัก เมื่อข้อมือทั้งสองข้างยังถูกตรึงไว้ แถมยังถูกดนัยโถมทับมาทั้งตัวจะแทบหายใจหายคอไม่ออก

“บอกมาก่อนสิ ว่ามึงวางแผนจะทำห่าอะไร? กูรู้หมดแล้วเรื่องที่เมื่อคืนมึงมาที่นี่ เพื่อจะทำเรื่องระยำกับกฤตเมธ มึงรวมหัวกับชิดจันทร์จะทำเรื่องอะไร? แล้วรูปที่มึงถ่ายไว้เมื่อคืน มึงจะเอาไปให้นักข่าวใช่มั้ย? บอกกูมาสิ!!”


“ไม่มีอะไร! กุไม่รู้อะไรทั้งนั้น!! ปล่อยกู!!” บดินทร์ไม่ยอมพูด

“บดินทร์!! พูด!!”

“กูไม่รู้!! ปล่อยยยย!! ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!!” ต่อให้ถูกข่มขู่ ชายหนุ่มก็ยังไม่ยอมปริปาก นอกจากพยายามดิ้นรน และร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ

และคราวนี้เส้นความอดทนของดนัยก็ขาดสะบั้นในที่สุด

“ดี! มึงจะไม่ยอมพูดใช่มั้ย…ได้…” ดนัยยิ้มร้ายให้กับนักโทษในมือใต้ร่าง ใช้มือข้างเดียวกดบดินทร์เอาไว้ ส่วนอีกมือก็เอื้อมไปหยิบไอโฟนของตัวเองออกมาจากกระเป๋าหลัง

“งั้น…ก็มาเป็นนางเอกในคลิป x ของกูหน่อยแล้วกัน!”

ทันทีที่พูดจบ ดนัยก็คว้าเสื้อของบดินทร์เลิกขึ้น ตั้งท่าถ่ายคลิปดังคำขู่

“ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย!!!”


บดินทร์ถึงกับดิ้นพราดๆ เป็นปลาโดนทุบหัว สองมือปัดป่าย ร่างกายบิดพล่าน ต่อให้ต้องตายเขาก็จะต้องหนีออกจากใต้ร่างนี้ให้ได้!!

ผลั่ก!

“โอ้ยยยย!!!”


เสียงดนัยร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด บดินทร์เองยังจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตัวเองทำอะไรลงไป เสียงของแข็งบางอย่างกระทบพื้นเสียงดัง แต่บดินทร์ไม่เห็นหรอกว่ามันคืออะไร สายตาเขาถูกตรึงไว้กับสีแดงฉานของของเหลวอะไรบางอย่างที่กำลังไหลเป็นทางตรงหางคิ้วของดนัย…

ของเหลวสีแดงนั้นไหลเร็วไปตามข้างแก้มของดนัย จากนั้นก็หยดเปาะแปะลงบนพื้น

ถึงตอนนี้บดินทร์ไม่อยู่เฉยอีกต่อไป ชายหนุ่มดิ้นรนอีกครั้ง และคราวนี้มันช่างง่ายดาย แค่ดันตัวออกมาเพียงนิดเดียวก็สามารถหลุดพ้นจากคนบาดเจ็บตรงหน้าได้แล้ว

หัวใจของบดินทร์เต้นระรัว ลมหายใจสะดุดเป็นห้วง จ้องมองคนที่ยังคงนั่งปาดเลือดของตนเงียบๆตรงหน้า

และในจังหวะที่ฝ่ายนั้นเงยขึ้นมาสบตาบดินทร์ก็ไม่อยู่รออะไรอีกต่อไป
*
*
*
เสียงฝีเท้าที่วิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เสียงประตูห้องที่ปิดล็อคอัตโนมัติ และความเงียบที่เข้าปกคลุมรอบกาย

ดนัยยิ้มออกมาน้อยๆ ด้วยใบหน้าซีกซ้ายที่นองไปด้วยเลือด…

“…ดีมากบดินทร์…” เสียงทุ้มพร่าดังขึ้นเบาๆ


“เหี้ยแบบนี้…กูชอบ”


*****************************************************************************

'พระเอก ม. ย่องแซ่บลูกสาวเจ้าแม่คาโรงแรมดัง’

'ปากบอกว่ายังไม่ถึงไหนครับ แต่ดอดชวนกินตับถี่ยิบ’
'สายข่าวบอกว่าสองหนุ่มสาวจู๋จี๋กันไม่ห่าง กอดรัดซัดกันนัวตั้งแต่หน้าห้อง…’


พาดหัวข่าวใหญ่โต พร้อมเนื้อหาข่าวเสียดสีรุนแรง แนบมากับภาพสองหนุ่มสาวกอดกันนัวอยู่ตรงโถงลิฟท์โรงแรม แม้ไม่ชัดเจนมาก แต่ก็พอดูออกว่าเป็น พระเอก ม. (เมธ) และลูกสาวเจ้าแม่ (ชิดจันทร์)


“นี่มันข่าวบ้าอะไรกัน! ชิดจันทร์!!?”


***************************************************************
สุขสันต์วันเสาร์แห่งชาติคร๊า
(มายาวอีกแล้ว...ช่วงนี้ทำไมแต่ละตอนมันยาวได้ขนาดนี้...)

และแล้วก็เป็นข่าว หุหุ ชิดจันทร์ต้องการจะทำอะไรกันแน่นะ
สองหนุ่มเมธยุจะฝ่าฟันกันไปรอดมั้ยน่อ

บดินทร์ยังคงเป็นปม…กำลังสับสนในตัวเองว่าจะเป็นคนดีหรือคนชั่ว
 ส่วนดนัย...หุหุ ดูร้ายขึ้นโขเลยใช่มั้ยคะ กิกิ
บอกไว้เลยว่าไอ้หมอนี่โรคจิตไม่น้อยเลยค่ะ
 :hao7:
ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: supamat_ice ที่ 06-09-2014 04:34:46
ชอบดนัย อ่าาาา โหดดดดดดดดดดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 06-09-2014 05:18:31
หมั่นไส้ยัยชิดจันทร์ :katai1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 06-09-2014 05:38:41
ดนัยโคดโหด 5555
ได้เวลาชัดเจนแล้วค่ะคุณเมธ ขนาดนี้ยังเกรงใจใครอยู่อีกมะ พูดคำไหนให้คำนั้นนะ โดนแฉเสียที จะได้ให้คุณแม่เธอพาลูกสาวไปบำบัดอย่างด่วน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 06-09-2014 05:42:26
แอบเชียร์ให้ดนัยจัดการไอ้บดินทร์และอีชิดจันทร์ลงหลุมพร้อมกลบให้มิด
เพราะเบื่อพวกพระเอก-นายเอกของเรื่องที่ทำตัวเป็นพ่อพระซะเหลือเกิน จนบางทีก็รำคาญ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 06-09-2014 05:59:23
ดีน่ะ ที่ดนัยเป็นพวกของยุ
ดีใจที่ยุมีเพื่อน?บ้าง

แต่ถึงไงเค้าก็สงสารบดิทร์ไม่ลงจริงๆ
ตัวเองเลว แต่มาโยนข่าวให้ยุเฉยเลย
ข่าวออกไปแล้วแบบนี้ อะไรจะตามมา
ชิดจันทร์ต้องทำลายพี่เมธและชื่อเสียงตัวเอง
แก้นแค้นแม่ใช่มั้ย คิดได้แย่มาก :fire:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: 4life ที่ 06-09-2014 06:03:44
เกลียดชะนี เเต่เรื่องนี้ต้องโทษความโง่ของพระเอกด้วย
โง่เเละทำตัวดีเกินเหตุ กว่าจะคิดได้นะยะ เป็นไงล่ะโดนมอมเหมือนหมา
อ้างเเต่บุญคุณค้ำคอ มัวเเต่เกรงอกเกรงใจอินั้น อยู่ได้
ข่าวออกมาเเบบนี้เเกจะเเก้ยังไงอิเมธธธธธ??? อิพ่อพระเอกคนดี เกรงใจทุกคนนอกจากเมียตัวเองงงงง
 :beat: อินจัด ฮ่าๆๆๆ

ดนัยจัดการเหี้ยตัวผู้เเล้วไปจัดการอิเหี้ยตัวเมียด้วยนะ เอาให้มันไม่กล้าสู้หน้าประชาชีเลย
 :z6: :z6:


อยากอ่านตอนต่อไปเเล้วอ่าาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 06-09-2014 06:33:09
ตอนนี้ยาวดี แต่ยังไม่สะใจเลย
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 06-09-2014 07:51:22
ยังไงก็ยังเกลียดบดิทร์เหมือนเดิมทำผิดแล้วไม่ยอมรับแถมยังให้คนอื่นรับผิดของตัวเองอีก เลวจริง(ที่จริงยังมีอีกหลายเหตุผลที่เกลียดนะเนี่ย) คนแบบบดิทร์ไม่ควรให้มีความสุขกับเขาด้วยซ้ำ :angry2: เมธก็อีกคนถ้ายังทำตัวเป็นพระเอกเกินไปยังนี้ละก็เค้าจะเชียร์ให้ดนัยเป็นพระเอกซะนี่ :m16: ส่วนยัยมารร้ายคนนั้นขอให้มันถึงจุดจบของชีวิตเร็วๆ(ขอโทษค่ะตอนนี้อินจัดมาก) :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-09-2014 07:58:59
สารภาพ!!!!!! เราแอบปิ๊งดนัยล่ะ //ซาดิสม์ :z3:
แหมมมมมมม แลดูโฉดชั่ว แต่ก็ปกป้องพระเอกนายเอกของเรา :impress2:
สงสารดินนนน คนไม่มีทางเลือก ฮึกๆๆ :hao5:
ไปเป็นเมียดนัยซักรอบไหมคะ? :katai3:
รอตอนต่อไปน้าาาา :กอด1: ข่าวออกมาแล้วว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-09-2014 08:03:26
้ดนัยเหมาะกะบดินทร์ดีนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: uchikas ที่ 06-09-2014 08:05:31
โหย รอลุ้นตอนหน้าเลย
ชิดจันทร์ไมร้ายอย่างงี้ =_=
สงสารเมธกับยุ เมื่อไหร่จะหมดเรื่องหมดราวซะที
แอบสงสารบดินทร์นะ ดนัยจะทำอะไร ?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 06-09-2014 08:32:48
มาจิ้มมาจองงงงงง
ก่อนอ่านนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 06-09-2014 08:39:23
ดนัยซาดิสต์แน่ๆมีคู่ใหม่เพิ่มมาอีกคู่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 06-09-2014 08:46:11
 :z1:แลดูคู่ดนัยจะแซ่บ แอบลุ้นนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-09-2014 09:05:55
สงสัยยัยชิดจันทร์ อยากฉาว เผื่อคุณแม่หน้าบาง

จะได้บังคับพ่อพระเอกอ่อนต่อโลก ให้แต่งกับนาง หุ หุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-09-2014 09:41:49
จัดการยัยชิดคลองเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 06-09-2014 09:58:24
ยาวมากนอนนี้ สนุกมาก
คนอย่างบดินทร์พอมาเจอดนัยนี่คนละเรื่องเลยนะ ไม่คิดว่าดนัยจะเป็นแนวนี้  ตอนหน้าขอเจ๊บลูกะนู๋ซอลบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: EunJin ที่ 06-09-2014 10:16:27
ยาวมากจุใจจริงค่ะ ยัยชิดจันทร์อะไรนี่...ท่าจะสติไม่ดี เหอๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 06-09-2014 10:51:28
ยัยชิดจันทร์ ร้ายไปแล้วนะ น้องยุจัดการด่วน!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 06-09-2014 10:52:13
ยาวๆแบบี้สิชอบ
ดนัยจัดบดินทร์แม่งเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-09-2014 11:15:10
ไม่รู้ว่าจะสงสารบดินดีหรือเปล่า
แต่ก็นะทำตัวเองทั้งนั้น

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-09-2014 11:35:55
ยาวสะใจ ดนัยช่วยจัดการยัยคุณหนูโรคจืตนั่นด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-09-2014 12:08:09
ดุเดือดมาก คู่ของบดินทร์กับดนัยเนี่ย  :hao3:

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 06-09-2014 12:17:03
ดนัยโคตรโหดดดดดดดแอบจิต
สมน้ำสมเนื้อกับบดินทร์นะ อร๊ายยยยยยย ชอบบบบบบ
ส่วนยัยชิดจันทร์ใครก็ได้หยุดนางืี  นางสติหลุดไปแล้วตอนนี้!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 06-09-2014 12:51:16
ดนัยจัดการบดินทร์เลยค่าาาา
รำชิดจันทร์ต้องโดนดัดนิสัยๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 06-09-2014 12:57:36
ดุเด็ดเผ็ดร้อน
คู่ดนัยกับดินนี่มัน....ฮาร์ดคอร์สุดยอด!!!
ชอบคู่นี้แฮะ 555

รำคาญชิด
เบื่อความขี้เกรงใจของเมธ
เอาใจช่วยยุ
แอบชอบดนัย
และหวังให้ดินกลับตัวกลับใจ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 06-09-2014 13:15:16
ดนัย พระเอกตัวจริง :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-09-2014 14:31:17
ขอบคุณค่ะที่มาแบบยาวๆ  คนอ่านชอบ  o13

แต่ทำม้ายยยยยยยย  :ling1:  ทำไมต้องมาตัดตอนนี้

ค้างงงงงงงงง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 06-09-2014 15:34:39
 :ling1: ค้างงงงง
ตามลุ้นพอร์ชรุจ บดินทร์ดนัย ซอลเจ๊บลู :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-09-2014 18:50:39
ยัยบ้านี่ ถ้าจะอาการหนักกกก

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 06-09-2014 19:45:06
:katai5:[font=times new romanกริ๊ดดดด!!! เกรียดอีบ้านี้ที่สุดเลย ดนัยเอาบดินให้หนักเลยนะ :katai1: :angry2: :pig2:][/font][/b]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-09-2014 19:52:30
อ่านไปก็รู้สึกว่าบดินทร์น่าสงสารอยู่บ้างนะ แต่เรื่องที่ถูกข่มขู่ก็น่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้อ่ะ
เช่น ไปสารภาพทุกอย่างกับสดายุ(ที่(เคย)เป็นเพื่อนคนเดียวที่มี) ก็คงทำให้อะไรๆมันง่ายขึ้นนะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-09-2014 20:16:53
ยาวแค่ไหนก้อยังไม่พอออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 06-09-2014 20:49:34
"กฤตเมธโต้กลับ ยอมรับว่าว่าตนคือพระเอกม. ในภาพจริง แต่ยืนยันปฏิเสธไม่เคยเกินเลยกับลูกสาวเจ้าแม่อย่างที่เป็นข่าว  ภาพที่ปรากฏเป็นเหตุการณ์เข้าใจผิด  เตรียมตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัวคนรักตัวจริงที่กำลังคบหาดูใจกันอยู่"
ที่มา: ซุปตาร์วันนี้

เอามาลงให้ดูกันเผื่อใครจะยังไม่เห็น

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 06-09-2014 21:06:00
...แอบรำคาญกฤตเมธ...  :เฮ้อ:

ิ...ส่วนอิดินนี่ อนาถจนน่าสมเพช... ปล่อยไปละกัน ยังไงก็โดนดนัยกินตับฟรีอยู่แล้ว...  :เฮ้อ:

แต่อิชิดจิตป่วยนี่ ขอเหอะ เอาให้หนัก  ให้โดนคลิปฉาวของตัวเองซะหน่อย :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 06-09-2014 21:51:13
ยาวแต่ก็ค้างนะคะ คู่ดนัยแบบว่า sm มากกก ชอบๆ ตอนหน้ามาไวๆนะคิคิ เมศกับยุก็แบบหวานได้อีกจะไปเจอคุณแม่แล้ว ลูกสะใภ้แบบยุเขินบ้างไหมเนี้ยย คุณแม่จะเตรียมอะไรรับขวัญสะใภ้น๊าา 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-09-2014 22:08:48
โอ้วววว  กำลังเจ้มจ้น   :hao7:

เมื่อไหร่จะมีคนเอายัยชิดจันทร์ไปเก็บซะทีนะ   :m16:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 06-09-2014 22:26:34
ดนัยยยยยยยย
 :jul1:
แค่นี้ก็เสียจริตแย้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-09-2014 22:39:58
หึหึ คงไม่ปล่อยดินให้รอดมือไปง่ายๆหรอกจิงไหมนัย  o18
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 06-09-2014 23:04:14
ก็สงสารดินนะ
แต่ว่าเรื่องแย่ๆที่มันทำมาเยอะมันหักล้างกันไม่ได้ฟ่ะ
 :fire: :fire: :fire: :fire:
นังหนูชิดจันทร์นี่ก็อีกคน แม่ก็ให้ท้าย คนอื่นก็เอาใจ เยี่ยม เมื่อไหร่จะจบๆกันไปได้ซะที๊
 :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ammchun ที่ 07-09-2014 00:12:20
ชูป้ายไฟ FCดนัย ฮูเร่ๆๆๆๆๆๆๆ จัดการกับบดินทร์ให้ได้นะคะ จิตๆแบบรู้ผิดชอบชั้วกีอย่างนี้ ชอบบบบบบบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 07-09-2014 00:59:53
นางชิดดดดด ชิดขอบถนนตกไหล่ทางไปเลย  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 07-09-2014 03:17:41
เพิ่งเริ่มอ่านวันนี้ อ่านจนทันตอนล่าสุด  :hao7:
ดนัยเท่แบบร้ายๆดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 07-09-2014 04:10:45
สงสารบดินทร์ ดนัยดูท่าจะร้ายนะเนี่ย บดินทร์จะเป็นอะไรไหมนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 07-09-2014 09:05:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-09-2014 09:33:12
ชอบคู่ดนัยกับบดินทร์ ดูเถื่อนโดนใจมาก งือออ

เมื่อไหร่ชิดจันทร์จะหายๆไปสักที รคาญนางมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ultra_bang ที่ 07-09-2014 14:33:49
กรี๊ดดดดดดดดดดดดด  จิ้นคู่ ดนัย บดินทร์  ชอบแนวฮาร์ดคอร์ อิอิอิ :mew3: :mew3: :mew3: :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-09-2014 16:01:08
โหดดิบได้ใจมากดนัย อดสงสารบดินทร์เบาๆ ถือซะว่าชดใช้เวรกรรมที่ทำไว้กับน้องยุแล้วกันนะ

่ส่วนนางชิดจันทร์ นางโรคจิต เมื่อไหร่ผลกรรมจะสนองนางบ้าง นี่รอหัวเราะอยู่

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 07-09-2014 23:26:15
อุ๊
กะลังจะสงสารบดินทร์ แต่เจอดนัยแย่งซีน
ชอบดนัยจังเลย กิกิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 08-09-2014 03:39:19
ยายคุณหนูชิดเนี่ยแรดไม่น้อย

ปล นอกจากมาม่าฝั่งบดินทร์
ด้านมืดดนัยจิตดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 08-09-2014 09:12:23
คือเมธกะยุเมื่อไหร่จะหลุดพ้นซะที
แบบว่าสงสารอ่า งึดดดดดดดด
ชิดจันทร์นี่จะเอาไปทิ้งที่ไหนดี เกลียดนาง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: helpmeiiz ที่ 08-09-2014 10:36:49
ยัยคุณหนูแสบ มันต้องโดนอะไรหนักๆ ถึงจะหยุดบ้าได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 08-09-2014 11:45:36
ดนัย ตัวแปลสำคัญที่จะเปลี่ยนบดินทร์(?)
ชิดจันทร์นี่จิตได้อีกนะคุณหนู
ตอนหน้าพระนายเราจะได้เปิดตัวกับที่บ้านพระเอกมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 10-09-2014 12:10:00
ดนัยต้องร้ายแบบนี้แหละ ไม่งั้นคงจัดการไอ้บดินทร์ไม่อยู่แถมยังพ่วงใยชิดจันทร์ด้วย
แต่ข่าวก็ออกมาแล้วอ่ะ  :z3:
พี่เมธน้องยุฝ่าฟันไปให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 10-09-2014 15:54:30
ลุ้นคู่ดนัย โหดๆแบบนี้เจ๊ชอบ(อ่าน)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 11-09-2014 22:51:51
มันเป็นอะไรที่..... บยพขจรัม รมหบกจาดเใฟ ลขวระม ฟ ะเน

ฮว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มันส์ค่ะงานนี้

อุกรี๊ดดดดดด ดะ นัย กด เลย ดะ นัย กด เลย เย้!!

ถือว่าบดินทร์ก็รับผลกรรมที่ทำกับยุไว้เนอะ เชื่อว่าสักวัน...บดินทร์จะได้ดนัยเป็นสามีแน่นอน //คนละเรื่อง!!

ฮือออ อยากรู้เรื่องเจ๊บลูกับซอลย่าต่อออออ เขากำลังจะลงล็อคกันแล้ววว เคืองยุไม่หาย น่าจับมาตีก้นนัก!!

คุณหนูชิดจันทร์ คือแบบหล่อนต้องการอะไรคะ? เป็นปมในใจกลายเป็นโรคจิตขนาดนี้ พักศรีธัญญาเหอะ!

ขอตบนางสักทีเถอะ ถ้าตอนหลังมาดราม่า ชีวิตรันทด แม่ไม่รัก พ่อทิ้ง หมาป่วย บ้านแตกอะไรงี้ ก็ไม่ให้อภัยนะยะ-____-

หูยยย ค้างคามากค่ะ กำลังมันส์เลยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 11-09-2014 23:47:28
ดนัยดูโรคจิตไปในทันที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Fujoshi ที่ 11-09-2014 23:50:32
ค้างงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 11-09-2014 23:56:35
อยากรู้ว่ายุไปพบแม่พี่เมธแล้วจะเป็นไง เชียร์ยุจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: Biwty... ที่ 12-09-2014 19:14:26
 :fire:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 16-09-2014 20:15:16
เป็นอิสุกอิใสค่ะ
เป็นตอนแก่...ทรมานฝุดๆค่ะ อะฮึ่กๆ

พร้อมทั้งคอมก็ป่วยตามไปด้วย
ดังนั้น อนาคี99 จึงขอลาป่วยสัก 2 อาทิตย์นะคะ
ก่อนสิ้นเดือนนี้มาต่อแน่นอนค่ะ

ขออภัยในความล่าช้าค่ะ

อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 16-09-2014 20:20:04
เซ็นใบลาให้แล้วนะอีหนู....รีบรักษาตัวให้ดี ๆ ..
แล้วอย่าให้มีลายจุดนะ..555...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 16-09-2014 20:20:32
หายเร็วๆนะคะ พักผ่อนเยอะๆด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 16-09-2014 20:41:32
หายไวๆน๊าาา
อย่าไปแกะไปเกาตุ่มนะคะ เดี๋ยวจะเป็นแผลเป็น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 16-09-2014 20:54:55
คนอ่านก็เป็นตอนแก่ค่ะ ติดจากเด็ก ดีนะที่ขึ้นไม่เยอะ แต่ทรมานมาก นอนไม่หลับ ร้อนที่เม็ดสุกใสมาก เป็นไข้ด้วย แต่สัปดาห์นึงก็หาย แต่แผลต้องใช้เวลาสักแปปค่ะ หายไวไวนะคะ นอนเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: kusahana ที่ 16-09-2014 21:03:30
ระวังเป็นแผลเป็นนะ ดูแลตัเองดีดีละ รออ่านต่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 16-09-2014 21:43:21
 ขอให้หายป่วยไว ไว นะคะ ดูแลสุขภาพด้วยค่ะ :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 16-09-2014 22:28:12
หายไวนะคะ  :mew1:
ป.ล เปนอีสุกอีใสเค้าห้ามกินไข่ด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 16-09-2014 23:07:30
หายป่วยไวๆ นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: bennnyyy ที่ 16-09-2014 23:40:52
หายไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 16-09-2014 23:53:05
พักผ่อนเยอะๆ จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 17-09-2014 01:30:48
หายไวๆนะ อยากบอกว่าชอบเรื่องนี้มาก
เคยอ่านตอนเปิดเรื่องใหม่ กลับมาอ่านอีกครั้ง
ได้ใจจริงๆทั้งคุณพระเอกนายเอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-09-2014 13:40:18
หายไวไว นะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 17-09-2014 15:58:35
หายไวๆนะคะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 17-09-2014 21:03:54
หายไวๆนะคะ พักเยอะๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-09-2014 00:04:38
หายไวๆนะฮะ :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: Themamo ที่ 29-09-2014 14:21:15
วันนี้วันที่ 29 แล้วนะรอรอรอรอรอ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 29-09-2014 18:41:19
ครบ 2 อาทิตย์แล้วนะ :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (ประกาศลาป่วยค่ะ)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 29-09-2014 18:58:50
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 29-09-2014 20:47:54
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 39 ชิดจันทร์!





"ข่าวนี่มันหมายความว่ายังไงกัน ชิดจันทร์!?"

 เสียงแผดกล้าอย่างไม่รักษาอาการของผู้เป็นใหญ่เรียกรอยยิ้มร้ายให้ผุดพรายขึ้นทันทีตรงใบหน้าสวยหวานของหญิงสาว

 "ก็หมายความอย่างที่เป็นข่าวนั่นแหละค่ะ ต่างกันหน่อยตรงที่พี่เมธไม่ได้ตั้งใจไป แต่ถูกชิดมอมไปก็แค่นั้น..."

"ยัยชิด! ทำไมถึงทำแบบนี้!?"

 "คุณแม่จะโมโหไปทำไมคะ? เรื่องน่ายินดีออก"    ชิดจันทร์เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มบางๆบนใบหน้า ก่อนจะค่อยๆสืบกายเข้าใกล้ผู้เป็นมารดาแล้วโน้มกายลงกระซิบใกล้เสน่ห์จันทร์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ประธานเบาๆ

 "อยากได้จนตัวสั่นไม่ใช่เหรอคะ ลูกเขยที่ชื่อกฤตเมธน่ะ..."

 "ชิดจันทร์!!"

 เพี๊ยะ!!

 เสียงฝ่ามือสัมผัสผิวแก้มดังสนั่น บ่งบอกถึงแรงอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของผู้กระทำที่ฟาดลงไปแบบไม่ยั้งแรง

คบตบใจหาย

 แต่คนถูกตบกลับยิ้มร่ารับรอยฝ่ามือนั้นด้วยเสียงหัวร่อ

 "ฮะ ฮะ ฮะ...ทนฟังไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณแม่ จี้ใจดำเหรอ? ตบทีเดียวคงไม่สะใจมั้งคะ อีกทีมั้ย? ตบหนูอีกสิคะ ตบหนูแรงๆ!! ตบอีกสิคุณแม่!!"

 "หยุดนะ!!"    เสน่ห์จันทร์แผดเสียงลั่นด้วยอดรนทนกิริยาของอีกฝ่ายไม่ไหว หล่อนพลาดไปที่เผลอระงับอารมณ์ไม่อยู่ จึงเข้าทางให้อีกฝ่ายได้ช่องทางหาเรื่องทิ่มแทงใจหล่อนอยู่แบบนี้

อีกฝ่าย...ที่เป็นลูกในใส้ของหล่อนเอง

 ลูกในใส้...ที่เกลียดหล่อนเข้ากระดูกดำ!!

 "เธอคิดอะไรอยู่ ทำไมถึงกล้าทำเรื่องงามหน้าแบบนี้? กฤตเมธเขาเสียหายยังไงก็เป็นผู้ชาย แต่เธอนี่สิ...เธอเป็นผู้หญิง มีข่าวแบบนี้ ต่อไปจะเป็นยังไง? จะขึ้นเป็นเจ้าคนนายคนได้ยังไง!?..."

 "แคร์ทำไม? ก็คนจะหาผัว! แล้วมันผิดตรงไหน ในเมื่อว่าที่ผัวก็เป็นคนที่แม่แท้ๆยัดเยียดให้! อนาคต? เจ้าคนนายคน? กลัวทำไมคะ? ชิดจันทร์ลูกสาวคนเดียวของคุณเสน่ห์จันทร์มันก็แค่เจริญรอยตามคนเป็นแม่นั้นแหละค่ะ..."    ชิดจันทร์ค่อยๆเดินห่างออกจากเสน่ห์จันทร์เล็กน้อย เดินเยื้องย่างมาตรงด้านหน้าโต๊ะท่านประธานที่แสนยิ่งใหญ่ ก่อนจะเขยิบกายขึ้นไปนั่งไขว่ห้างด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสายตาของผู้เป็นมารดา

 "ตอนสมัยสาวๆ เจ้าแม่เสน่ห์จันทร์ยังเคยทำเรื่องงามหน้าอย่างหนีตามผู้ชายเลย แล้วประสาอะไรกับลูกสาวที่พยายามเจริญรอยตามแม่ทุกกระเบียด...ที่จะพยายามหาผัวโดยการมอมผู้ชายเข้าโรงแรมบ้างไม่ได้...คิกคิก..."    ชิดจันทร์พูดไปหัวเราะไปอย่างอารมณ์ดี ยิ่งได้เห็นเสน่ห์จันทร์เต้นเร่าไปตามคำพูดของตัวเองด้วยแล้ว เสน่ห์จันทร์ยิ่งนึกขำ

ตาแดงๆนั่นทำให้หล่อนอิ่มเอมใจ

 เพราะในที่สุดดวงตาคู่นั้นก็จับจ้องมาที่หล่อนตรงๆเสียที

 แม่ลูก? แล้วมันยังไง?

 แม่ที่ทอดทิ้งลูกไม่ดูดำดูดี แต่ไปเชิดชูคนอื่น มันไม่น่าให้อภัยหรอก!

 "ฉันคนนี้...พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเอาอกเอาใจเธอ ฉันคนนี้ที่เป็นแม่ของเธอ...มันไม่ได้มีค่าต่อเธอเลยใช่มั้ย? ชิดจันทร์..."    เสน่ห์จันทร์เปรยขึ้นเสียงสั่นพร่า หล่อนยืนค้ำอยู่ที่อีกฟากของโต๊ะเพื่อประจันหน้ากับลูกสาวของตัวเอง

 "...เอาเถอะ ฉันรู้...รู้ดีอยู่เต็มอกว่าเธอเกลียดฉันแค่ไหน แต่ขอร้องล่ะ อย่าเอากฤตเมธหรือใครเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้...พวกนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง..."

 "หึ! พูดออกมาได้นะ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง...คุณแม่ไม่อายปากบ้างหรือไงกันคะ? น่าขันจริง"

ชิดจันทร์หยันขึ้นทันทีที่ได้ยินคำที่เสน่ห์จันทร์พูด

 "เธอจะพูดอะไร คิดยังไงก็เรื่องของเธอเถอะ แต่รู้ไว้ด้วยก็แล้วกันว่าฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ กับสิ่งที่เธอทำน่ะ โกรธฉัน เกลียดฉัน ก็มาลงที่ฉันสิ ตรงๆ แฟร์ๆ ฉันจำไม่ได้ว่าเคยสอนเธอให้เป็นคนสกปรกทำอะไรลับหลังแบบนี้! กฤตเมธเป็นเด็กดี เป็นเด็กที่ฉันฟูมฟักมา เขาไม่เคยเหลวไหล ไม่เคยมีประวัติเสียหาย ตอนนี้เป็นโค้งสุดท้ายในวงการของเขาแล้ว ฉันอยากให้เขาจบเส้นทางนี้ด้วยดี ต้องการให้เขาฝากชื่อเสียงไม่ใช่ชื่อเสีย...ฉันคนนี้ ปกป้องเขามาทั้งชีวิต ก็เพียงเพื่อจะให้ดาวดวงหนึ่งยังคงจรัสฟ้าเป็นที่จดจำ มันคือสุดยอดความใฝ่ฝันในฐานะผู้สร้างดารา...ฉันปกป้องเขาจากความหมองมัวมาได้จนเกือบจะสุดทางแล้วแท้ๆ ไม่นึกเลยว่า สุดท้ายคนที่ทำลายเขากลับไม่ใช่ใครอื่น...กลับเป็นลูกสาวแท้
 ๆของฉันเอง ที่มันทำเรื่องงามหน้า ให้ต้องเสียหายกันไปหมด!!"

 "ก็เห็นว่าอยากได้นี่! อยากได้มากจนหนูเริ่มไม่แน่ใจ ว่าแม่อยากได้พี่เมธในฐานะอะไร ลูกเขย? หรือสามี..."

 "ชิดจันทร์!! มันจะมากไปแล้วนะ!! ใช่! ฉันต้องการเขามันผิดหรือไง!? ฉันฟูมฟักเขามาอย่างลูกในใส้ ให้เขาเป็นคนที่เพียบพร้อมที่สุด เพื่อเธอนะ! ฉันเลี้ยงเขามาให้เป็นคนที่เพียบพร้อม เพื่อให้เหมาะสมกับเธอ!! ผิดหรือไง!? ถ้าแม่อย่างฉันจะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกตัวเอง!!..."

 "ไม่จำเป็น! แม่ไม่ต้องมาอ้างเรื่องหนูนะ!! สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อหนู? ผิดหรือเปล่า...กฤตเมธไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อชิดจันทร์ แต่ชิดจันทร์ต่างหากที่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อกฤตเมธ! แค่เป็นเด็กปั้นมันไม่พอหรอก หากได้เป็นลูกเขยก็จะได้มีสิทธิ์ที่จะรับช่วงต่อในกิจการทั้งหมดที่ตัวเองมีสินะ ปูทางเอาไว้อย่างนั้นสินะ! รักมันมากกว่าลูกในใส้อยู่แล้วนี่!! ก็กฤตเมธน่ะ มันเป็นตัวแทนของลูกรักของตัวเองที่ตายไปนี่!! จะมาดีน้อยไปกว่าลูกชังอย่างนังชิดจันทร์ได้ยังไงล่ะ!!" 

ชิดจันทร์ตวาดกร้าว โดยสายตาไม่ยอมละจากใบหน้าของผู้เป็นมารดาเลยแม้แต่นิด อารมณ์หลายๆอย่างกำลังตีรวนในหัวอก เจ็บปวด น้อยใจ เกลียด ชิงชัง ดงงตาแข็งกร้าวของหล่อนเริ่มคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความเคืองขุ่น ไม่ต่างจากเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้แทบจะล้มทั้งยืน

 "ชิดจันทร์! เธอกำลังเข้าใจฉันผิดนะ...ทั้งชีวิตฉันทำเพื่อเธอจริงๆ...เธออย่าเอาแต่ทิฐิบ้าบอสิ ลืมตามองให้ดีชิดจันทร์!..."

 "หึ!...จนถึงบัดนี้...ก็ไม่ได้รูสึกผิดเลยสินะคะ แม่น่ะ?"

 "อะไร?"

 "จริงสิ คนอย่างเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์คงไม่เคยผิดหรอก..."

 "ต้องการจะพูดอะไรน่ะชิดจันทร์!?"

 คำตอกย้ำของมารดาทำเสียงของชิดจันทร์แหบแห้ง น้ำตายังคงคลอหน่วย แต่มันไม่ยอมไหล...

 "ที่พูดมาทั้งหมดว่าทำเพื่อหนูน่ะ...แม่เคยรู้สึกตัวบ้างมั้ย? ว่าตัวเองกำลังโกหกอยู่..."    ชิดจันทร์เอ่ยขึ้น ขณะที่ตัวเองค่อยๆขยับลงจากโต๊ะ แล้วยืนหันหลังให้ผู้เป็นแม่อยู่อย่างนั้น พร้อมบอกเล่าความในใจที่คั่งแค้นโดยที่ไม่ยอมหันมองหน้าเสน่ห์จันทร์ผู่เป็นมารดาเลยแม้แต่นิด

 "ทำไปเพราะรักหนู?...แม่ไม่กระดากใจบ้างเหรอ ทุกครั้งที่แม่เอ่ยคำนี้ออกมา...รัก แล้วเคยรู้บ้างมั้ยว่าหนูอยู่ในบ้านหลังนั้นยังไง? เคยรู้บ้างมั้ยว่าช่วงเรียนมัธยมหนูโดนใครทำอะไรบ้าง? แล้วเคยสนใจบ้างมั้ย? ว่าตอนที่แม่ส่งหนูไปชุบตัวที่เมืองนอกน่ะหนูรู้สึกยังไง?...ไม่เลย แม่ไม่เคยรู้...ไม่สิ...แม่ไม่เคยสนใจมากกว่า วันๆก็เที่ยวแต่จะดูแลกฤตเมธอย่างนั้นอย่างนี้ แล้วชิดจันทร์ล่ะ? แม่เอาหนูไปไว้ที่ไหน?..หึ! นี่เหรอ...คำว่ารักของแม่น่ะ?..."

 ความอัดอั้นที่หน่วงหนักอยู่ในอกค่อยๆปะทุขึ้นทีละน้อย ทั้งที่จริงแล้ววันนี้หล่อนแค่ต้องการมาเย้ย แต่ไม่นึกเลยว่าการประคารมกับเสน่ห์จันทร์ครั้งนี้ จะทำให้หล่อนอดทนต่อไปไม่ไหว

"ฉันรู้ว่าฉันผิด...ที่ตอนเธอยังเล็กฉันไม่สามารถไปดูแลเธอได้ อย่าว่าแต่ไปดูหน้าเธอที่เป็นลูกในใส้เลยชิดจันทร์ แม้แต่หน้าบ้านหลังนั้นฉันก็เหยียบเข้าไปไม่ได้...อาม่าของเธอเกลียดฉันอย่างกับอะไร และฉันก็รู้ว่าเขาคงเลี้ยงเธอมาให้ชิงชังฉันคนนี้ที่เป็นแม่แท้ๆไม่ต่างจากที่เขาเกลียดแน่ๆ!..."

 "อย่าพูดถึงอาม่าแบบนั้นนะ!! คนอย่างแม่ไม่มีสิทธิ์!!"

 "......" เสียงแผดกร้าวกับใบหน้าที่นองไปด้วยน้ำตาของชิดจันทร์นั้น ทำเสน่ห์จันทร์ถึงกับนิ่งอึ้ง ลูกของหล่อนกำลังเสียใจ หล่อนอยากเอื้อมมือเข้าไปหา แต่กำแพงที่ชิดจันทร์กางกั้นเอาไว้นั้นมันช่างยิ่งใหญ่และแข็งแรงมากเหลือเกิน...

 "เอางี้...คุณแม่โลกสวยของหนู ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว หนูจะเล่าทุกอย่างให้ฟังแล้วกันนะ เรื่องระยำทั้งหมด...ที่เกิดในชีวิตหนู เรื่องที่แม่ไม่เคยสนใจ!"

 คราวนี้ชิดจันทร์หันไปเผชิญหน้ากับเสน่ห์จันทร์ตรงๆ ระหว่างสองแม่ลูกมีโต๊ะตัวใหญ่กั้นกลางเอาไว้ โต๊ะเพียงตัวเดียวก็สามารถทำให้ทั้งคู่อยู่ไกลแสนไกลได้อย่างง่ายดาย...

 "ใช่ค่ะ...ชีวิตวัยเด็กหนูสำราญมาก มีความสุขมาก เพราะมีอาม่าที่รักหนูยิ่งกว่าใครคอยอยู่เคียงข้าง ตามใจ ห่วงใย ดูแล...แม้ว่าคนเป็นพ่อมันจะห่วย ไม่เคยหันมาสนใจใยดีหนูไม่ต่างกับแม่ แต่หนูก็ไม่ได้รู้สึกขาด วันแม่วันพ่อ ไม่ว่าที่โรงเรียนจะจัดกิจกรรมอะไรหนูก็ไม่เคยไปร่วม หนูหยุดอยู่บ้านกับอาม่าสบายใจกว่าให้พ่อหรือแม่ที่ชีวิตจริงไม่เคยเหลียวแลหนูไปร่วมงาน...ถามสิ ว่าอิจฉาเพื่อนมั้ยที่เขาครบครันพ่อแม่ลูก หึ! อิจฉาใจแทบขาด แล้วยังไง มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรกับคนอย่างหนู ตราบใดมีอาม่าอยู่ด้วยหนูก็จะปลอดภัยมีความสุข...
ไม่ว่าแม่ที่ออกทีวีอยู่บ่อยๆจะรักคนอื่นมากกว่ าหนู หรือต่อให้พ่อมาผู้หญิงเข้าบ้านไม่ซ้ำหน้า มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของหนู...เพราะอาม่า แค่มีอาม่าอยู่ แค่นั้นหนูก็มีความสุขพอแล้ว...เด็กโดนสปอยล์ คำที่นังแม่เลี้ยงใจมารแต่ละคนคาบไปฟ้องพ่อให้หนูโดนทำโทษ แต่มันไม่เคยสำเร็จเพราะมีอาม่าคอยปกป้อง ให้ท้ายแล้วยังไง อาม่ารักหนูนี่...
แต่แม่รู้มั้ย อาม่าจากหนูไปตอนหนูอยู่ ม.2 ชีวิตหนูเปลี่ยน พ่อมีเมียใหม่ มีลูกใหม่ เป็นลูกชายน่ารัก ทุกคนรักมัน ยกเว้นหนู เพราะทั้งเมียใหม่ทั้งลูกใหม่ของพ่อมันเข้ามาแย่งทุกอย่างไปจากหนู สิ่งที่อาม่าเหลือทิ้งไว้ให้ก่อนตายทั้งหมด มันแย่งไปจากหนู เกลียดมัน แค่เกลียดมันหนูก็โดนทำโทษทั้งที่ไม่ได้ทำผิด...หึ...
ในขณะที่แม่กับกฤตเมธเด็กที่แม่รักประหนึ่งลูกชายบังเกิดเกล้าของแม่กำลังมีความสุขอยูในทีวี หนูถูกทรมานอยู่ในบ้านหลังนั้น! ขณะที่แม่ปรนเปรอคนอื่นอยู่...หนูถูกพวกมันข่มเหงอย่างไม่มีทางสู้...
ตอน ม.3 นังเมียพ่อคนนั้นมันพาญาติมันเข้ามาเสวยสุขอยู่ในบ้านด้วยทั้งพี่ชายน้องชายของมัน แล้วแม่รู้มั้ย? ตอนที่หนู่อยู่ ม.3 ตอนที่หนูเฝ้าภาวนาให้แม่มารับหนู...ตอนที่แม่ยังออกงานหรูหรากับไอ้กฤตเมธดาราปั้นคนดีของแม่อยู่น่ะ...หนูถูกพวกมันรุมข่มขืน!! ทุกคืนทุกคืน...
พ่อไ ม่เคยช่วยอะไรได้เพราะเอาแต่หลงเมียระยำนั่น...บ้านหลังนั้นคือนรกของหนู หนูภาวนา เฝ้าอธิฐานทุกวันให้แม่มาหา ให้แม่มารับหนูมาอยู่ด้วย หนูพยายามจะโทรหาแม่หลายครั้ง แต่แม่ก็ไม่เคยว่าง ทุ่มเทอยู่แต่กับมัน แต่ไม่เคยให้เวลาหนู...
ไม่ต้องรอให้เรียนจบ ม.3 หนูหนีออกจากบ้านทั้งๆอย่างนั้น โชคดี...หรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่ได้มาเจอกับ ทศพล ลูกมาเฟียคนดัง...ใช่ สุดท้ายหนูก็เป็นเมียมัน ถึงมันจะเป็นลูกมาเฟีย แต่มันก็รักหนู มีหนูคนเดียว และปกป้องดูแลหนูจากทุกอย่างที่หนูไม่ชอบ...ลูกคนชั่วลูกมาเฟียคุมบ่อน ลูกคนค้ายาแล้วไง แต่ทศพลคือเทวดาของหนู ทศพลคือคนเดียวที่ปกป้องหนู...ในวันที่แม่ไม่เคยให้ความสนใจ!"

 ชิดจันทร์เล่าทุกอย่างออกมาด้วยแววตาที่ฉายแต่ความเคียดแค้นชิงชัง เล่าไปพร้อมๆกับที่หยาดน้ำตาพร่างพรูอยู่บนใบหน้า เล่าไปแสยะยิ้มไปราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องตลกร้าย เล่าออกมาไม่หยุด โดยที่ไม่ยอมฟังเสียงคร่ำครวญของผู้เป็นแม่ที่ตอนนี้กำลังร้องไห้ปริ่มจะขาดใจอยู่เบื้องหน้า เล่าไปหลบเลี่ยงสองมือสั่นระริกของผู้เป็นมารดาที่พยายามเอื้อมเข้าหาไม่หยุด แล้วยังคงเล่าต่อไปเรื่อยๆ แม้ว่าร่างของเสน่ห์จันทร์นั้นจะร่วงลงไปกองอยูแทบเท้าของหล่อนแล้ว...

 "ฟังให้จบนะคะคุณแม่...อย่าเป็นลมไปก่อนเชียว ไม่งั้นหนูไม่ให้อภัยแน่!"

 ชิดจันทร์ยอบกายลงตรงหน้าเสน่ห์จันทร์เล็กน้อยเพื่อเอ่ยคำขู่ขวัญ หัวใจของหล่อนแข็งชาจนไม่รู้สึกอะไรอีกไม่ว่าคนเป็นแม่ของหล่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้นยังไง ไฟแค้นทำดวงตาหล่อนมืดบอดไม่ต่างหัวใจ ที่ตอนนี้มันดำสนิทไปทั้งดวงอย่างสมบูรณ์

 "หนูใช้ชีวิตอย่างสุขสงบอยู่กับทศพลอยู่ดีๆ...มีความสุขจนหนูคิดว่ามันจะไม่มีอะไรเลวร้ายเข้ามาในชีวิตอีก จริงอยู่ว่าการใช้ชีวิตเป็นผู้หญิงของลูกมาเฟียน่ะมันเสี่ยง จริงอยู่ว่าชีวิตที่เราใช้ไปวันๆมันผิดกฎหมาย แต่หนูมีความสุข...สุขจนไม่รู้สึกว่าที่เป็นอยู่มันเลวร้าย เพราะหนูมีทศพล เขาคือคนที่หนูรัก...และเราพร้อมที่จะตายไปพร้อมกันหากวันแห่งโชคชะตามาถึง...แล้วแม่รู้มั้ยว่าความเลวร้ายที่เข้ามาในชีวิตของหนูหลังจากนั้นคืออะไร..."

 ชิดจันทร์เอ่ยถามพลางจ้องมองใบหน้าของแม่ตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินห่างออกไป แล้วยิ้ม...

 "ความเลวร้ายนั่น...มันก็คือแม่ยังไงล่ะ!"

 ชิดจันทร์แสยะยิ้มร้ายพร้อมหยาดน้ำตาที่ถะถั่งออกมาไม่ขาด จดจ้องร่างของมารดาแท้ๆของตนที่สะอื้นฮั่กๆ ฟุบอยู่กับพื้น แต่แทนที่หล่อนจะนึกสงสาร กลับยิ้มหัวเราะร่า สาแก่ใจยิ่งนักที่วันนี้หล่อนสามารถทำให้ผู้ให้กำเนิดแสดงอาการอ่อนแอขนาดนี้ได้

เพราะตลอดมาชิดจันทร์ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้สึกเลยกระทั่งกระแสความอ่อนไหวที่คนเป็นแม่อย่างเสน่ห์จันทร์มีให้ตน

แม้ใครๆจะลงความเห็นว่าเสน่ห์จันทร์รักและตามใจชิดจันทร์มาก เพราะหล่อนคอยประคบประหงมปรนเปรอลูกสาวคนเดียวอย่างดี ทั้งส่งเรียนเมืองนอกตั้งแต่มัธยมปลาย รถหรู คอนโดกลางเมือง แบรนด์เนมต่างๆ ไม่เคยขาดมือ ทั้งยังไม่เคยออกปากบ่นว่าแม้สักแอะ ไม่ว่าชิดจันทร์จะวีน จะเหวี่ยง ทำตัวเหลวไหลหรือเป็นข่าวกับใคร เสน่ห์จันทร์ก็ใช้อิทธิพลปิดเงียบไว้ทุกกระเบียด...

เป็นใครก็นึกว่าเสน่ห์จันทร์รักและห่วงลูกสาวที่สุด

แต่...ชิดจันทร์กลับไม่คิดแบบนั้น

“หนูอยู่ของหนูดีๆ จู่ๆแม่ก็เข้ามา...ชีวิตหนูกำลังไปได้ดีอยู่แล้ว แม่ก็เข้ามาทำลายมัน!”

“...ฮึ่ก...ชิด...ลูก...”

 “แม่แจ้งตำรวจจับคนที่รักหนูที่สุด แค่เรื่องเป็นมาเฟียที่เกี่ยวข้องกับการค้าของเถื่อนมันก็แย่พออยู่แล้ว แต่แม่ยังใส่ความว่าเขาลักพาตัวกักขังหน่วงเหนี่ยวหนูอีก ทั้งที่หนูขอร้องแม่แล้วแต่แม่ก็ไม่เคยฟัง!! สะใจมั้ยล่ะ สามารถทำให้คนคนนึงที่คอยปกป้องหนูมาตลอดต้องติดคุกไปเกือบตลอดชีวิตได้น่ะ! หึ!! รู้เอาไว้เลยนะว่าเรื่องนี้หนูไม่มีวันให้อภัยเด็ดขาด! แม่ทำลายครอบครัวหนู! ทำร้ายผัวหนู! แม่ฆ่าลูกหนู!!...”

“ตอนที่หนูต้องการแม่สุดใจ แม่ไม่เคยมาเหลียวแล แต่กลับโผล่มาพรากทุกอย่างไปจากหนู!”

“แม่คงไม่รู้สินะว่าตอนนั้นหนูท้องอ่อนๆได้สามสัปดาห์แล้ว เรื่องที่แม่ทำลงไป ทำให้หนูเครียดจนแท้ง! แม่ฆ่าหลานตัวเอง รู้เอาไว้ซะด้วย!!”

ดั่งฟ้าถล่มลงมาทับร่างจนแหลกเหลว หัวใจที่เคยแกร่งถูกฉีกกระชากเป็นชิ้น ความรู้สึกทุกอย่างที่มีถูกเป่ากระจุยเป็นผุยผง เสน่ห์จันทร์คลุกคลานเข้าไปหาบุตรสาวคนเดียวของตนด้วยด้วยความรู้สึกผิดเหลือประมาณ ร้าวราน ปวดปร่า เจ็บชาจนทั้งร่างสั่นระริก

ตอนนี้ไม่เหลืออีกแล้ว ความทรนงของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์  ไม่เหลืออะไรแม้สักสิ่ง คิดแค่เพียงอยากกอดลูก อยากขอโทษลูก อยากปลอบลูก คิดวนคิดเวียนอยู่แค่นั้น ...หล่อนผิดไปแล้ว...

แค่อยากสัมผัวลูกแค่นั้น แต่มือหล่อนกลับเอื้อมไปไม่ถึง ยิ่งเอื้อมก็ยิ่งไกล ยิ่งพยายามเข้าใกล้ ลูกเธอยิ่งไปไกลลิบตา...

“ชิด....ฮือ...ม...แม่...แม่ขอโทษ...ชิด.....” เสียงที่เคยองอาจสั่นพร่าแผ่วผิว เอ่ยเรียกลูกสาวคนเดียวราวจะใจจะขาด  แต่ก็ไม่ได้ทำให้หัวใจดำมืดและแข็งกระด้างของชิดจันทร์อ่อนลงได้แม้แต่น้อย

“หึ! ไม่ต้องมาพยายามบีบน้ำตาเพื่อหนูค่ะ มันไม่มีประโยชน์!...”

“ชิด...แม่ผิด...ฮึ่ก...ผิดไปแล้ว...”

“อย่าเพิ่งค่ะ อย่าเพิ่งรีบสำนึกตอนนี้ มันยังไม่จบ เรื่องที่แม่ทำกับหนูยังไม่จบ!” ชิดจันทร์เอ่ยยั้ง พลางรั้งร่างตัวเองออกจากตรงหน้ามารดา หล่อนถอยออกมาสองสามก้าว จ้องมองร่างที่ยังคงทรุดอยู่ที่พื้นด้วยดวงตาที่แดงช้ำเพราะหยาดน้ำตาที่ถะถั่งออกมาแบบไม่มีที่ท่าว่าจะหยุดหย่อน ทว่ากลับ...ว่างเปล่า ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆอย่างสิ้นเชิง

“หลังจากส่งคนที่หนูรักไปติดคุก แม่ไม่สนใจเสียด้วยซ้ำว่าหนูจะเป็นยังไง เร่งยิกๆ จัดการส่งหนูไปเรียนเมืองนอกทันที เพื่อหนีข่าวคาวของหนู รีบกำจัดหนูให้พ้นทาง เพียงเพราะไม่ต้องการให้เรื่องของหนูกระเทือนชื่อเสียงแม่! ทั้งที่ตอนนั้นหนูเสียใจจนแทบจะตายวันละหลายรอบ แต่แม่ก็ไม่เคยสนใจ! แถมยังไล่ให้หนูไปใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังอีก!  หนูขอถามแม่ตรงๆหน่อยเถอะ…ใจแม่ทำด้วยอะไรคะ!?”

“ชิด...แม่ขอโทษ...”

“แค่ขอโทษมันไม่พอหรอกค่ะ! มันไม่เคยจำเป็นสำหรับหนู!! อ่อ ไอ้ชื่อเสียงเงินทองที่เอามาปรนเปรอนั่นก็เหมือนกัน หนูไม่เคยต้องการมันเลยสักนิด! เงินจากผู้หญิงที่ทำไม่ได้แม้แต่กอดลูกของตัวเอง หนูไม่อยากได้!! ไม่ต้องมาจับ!!” ชิดจันทร์แผดเสียงลั่น  ปัดป้องมือของเสน่ห์จันทร์ที่ยื่นเข้าหาอย่างสุดกำลัง

“จำไว้เลยนะ! หนูเกลียดแม่! เกลียดแม่ที่สุด รักมันมากใช่มั้ยไอ้กฤตเมธน่ะ!? รักมันมากเลยพยายามให้มันได้กับหนูใช่มั้ย? ดี!! ถ้าจะรักมันขนาดนั้น ก็คอยดูมันย่อยยับไปพร้อมกับหนูเลยแล้วกัน!!”

“...โธ่...ชิด...ลูก...อย่าทำร้ายตัวเองอย่างนั้น ฮึ่ก...ฮือ...แม่รักลูกนะ...แม่รักลูกกว่าใคร...”

“เลิกพูดโกหกเสียทีเถอะ! แม่อยู่เฉยๆแล้วคอยดูความชิบหายของมันก็แล้วกัน!”
*
*
*
*
*

"คุณคิดดีแล้วจริงๆเหรอ? เรื่องที่จะพูดความจริงทั้งหมดน่ะ..."

เสียงแหบหวานถามไถ่ในขณะที่เดินคู่กับร่างสูงไปตามโถงทางเนของตึกสำนักงาน

"คิดเแล้วครับ หึหึ...ยุ ผมรู้ว่าคุณห่วงผม แต่เล่นถามแต่คำถามนี้แทบทั้งวันนี่ เล่นเอาผมอิ่มจนแทบจุกเลยนะ"

ผู้ถูกตั้งคำถามหัวเราะร่า เสียงทุ้มน่าฟังเอ่ยกระเซ้าอย่างอดไม่ไหว

"...อย่าแซวผมสิ ผมก็แค่กังวล ที่คุณตัดสินใจแบบนั้น" สดายุบ่นออกมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้นึกโกรธที่โดยอีกฝ่ายแซวแต่อย่างใด

“ทำไมล่ะ เกิดเป็นห่วงชิดจันทร์ขึ้นมาเหรอ? ไหนตอนแรกบอกให้ผมแฉแบบจัดหนักไง? หึหึ” กฤตเมธถาม พร้อมยื่นมือไปขยี้ผมของสดายุเบาๆ

“เปล่า...ผมไม่ได้ห่วงเขา เขาทำตัวของเขาเอง ผมจะไปคอยตามห่วงให้ได้อะไร...ผมห่วงคุณต่างหาก” สดายุว่า พร้อมปัดมือกฤตเมธออกจากศีรษะตนแล้วปัดผมตัวเองให้เข้าที่ “กลัวคุณจะกลายเป็นเทวดาตกสวรรค์ เพราะปากกล้าไปแฉลูกสาวเจ้าแม่เข้าน่ะสิ หมดเลยนะภาพเทพบุตรที่อุตส่าห์สั่งสมบารมีมาน่ะ หึหึ” ทิ้งท้ายด้วยการข่ขวัญเบาๆ

“ถ้ากลัว ผมจะมาเปิดแถลงข่าวทำไม รุ่นนี้แล้ว ไม่มีอะไรจะเสีย” กฤตเมธไหวไหล่ไม่จริงจัง

“แล้วคุณจะตอบคำถามของนักข่าวว่ายังไง? หลังจากประกาศออกไปว่า...มิตรรักแฟนละครครับ ผมถูกสาวมอมเหล้าลากเข้าโรงแรมครับ...ดูเสียเชิงพระเอกรุ่นใหญ่สุดๆอ่ะ”

“เสียเชิงพระเอก? ....ฮะฮะ มันเสียตั้งแต่ผมเล่นหนังเกย์แล้วล่ะ”

“เออ! หัวเราะไปเถอะ แถลงข่าวเสร็จ ท่านประธานสุดบูชาของคุณ ได้แล่นมาฉีกอกคุณแน่ ไม่สิ! ป่านี้คงไปดักรอหน้าโต๊ะแถลงข่าวแล้วล่ะ เจ้แกข่าวไวจะตาย หูตายิ่งกว่าสับปะรดเสียอีก! หึหึ”

“...อาจเป็นอย่างนั้นก็ได้นะ”

กฤตเมธเห็นด้วย เพราะทันทีที่เขาประกาศแถลงข่าวไปเมื่อตอนบ่าย ข่าวคงถึงหูเสน่ห์จันทร์แล้วตั้งแต่ตอนนั้น ตอนแรกก็แอบแปลกใจนิดหน่อยที่ตั้งแต่บ่ายถึงเย็นไม่ยักกะมีโทรศัพท์จากท่านประธานสักสาย เพราะอะไรกันนะ เพราะเสน่ห์จันทร์ยังไม่รู้ หรือว่า...

“เมธ!”


ต่อด้านล่างจ๊ะ
 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 29-09-2014 20:48:32
“เมธ!”


เสียงเรียกจากตรงหน้าประตูห้องอัด เรียกสองหนุ่มหันไปมอง และแล้วก็ได้แต่จิ๊จ๊ะในใจกันทั้งคู่...ว่าแล้วเชียว  ‘ดักรออยู่จริงด้วย’

“เมธ! เธอจะแถลงข่าวเหรอ? เรื่องชิดจันทร์? เธอจะพูดอะไรบ้าง?”

เพียงแค่ได้เห็นว่ากฤตเมธมาถึง เสน่ห์จันทร์ก็ไม่รอช้า ร่างของสาวใหญ่ถลันเข้าหากฤตเมธพร้อมระล่ำระลักถามเกี่ยวกับเรื่องที่กฤตเมธจะแถลงกับนักข่าว ดูท่าทางรีบรนจนปากคอสั่น

สภาพยับเยินกับท่าทางอิดโรยของเสน่ห์จันทร์ยังความสงสัยให้กฤตเมธและสดายุไม่น้อย ท่านประธานเสน่ห์จันทร์เจ้าแม่แห่งธุรกิจบันเทิงครบวงจรกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้านั้นแทบจะต่างกันอย่างสิ้นเชิงจนแทบไม่น่าเชื่อ ท่าทีองอาจงามสง่าในยามปกติไม่สามารถหาพบในผู้หญิงคนนี้ หล่อนตัวสั่น หม่นหมอง ดูอ่อนแอ สายตาที่เคยแน่วแน่มั่นคงก็สั่นคลอนพร้อมมีร่องรอยแดงช้ำราวกับเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ริมฝีปากสีชาดนั้นสั่นระริก ใบหน้าที่เคยงดงามราวหงส์ขาวบิดเบ้ไร้ราศี

แค่ได้เห็นสภาพตรงหน้ากฤตเมธกับสดายุก็หันสบตากันทันทีอย่างไม่ได้นัดหมาย

เกิดอะไรขึ้นกับเสน่ห์จันทร์กัน?

“อย่าเงียบสิเมธ! เธอจะพูดอะไร!?” เห็นว่าพระเอกหนุ่มยังคงเงียบ เสน่ห์จันทร์ก็เร่งเร้าคำตอบ

“เรื่องจริงครับ...ผมคงต้องพูดถึงเรื่องทั้งหมด ตามความจริง ทั้งเรื่องที่ผมกับชิดจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกัน และเรื่องที่ผมไม่ได้เต็มใจไม่ที่โรงแรมนั้นกับเธอ”

กฤตเมธตอบออกไปเสียงเครียด แต่ชายหนุ่มก็ตอบตามความจริงแบบไม่มีปิดบัง แต่นั่งก็ยิ่งทำให้เสน่ห์จันทร์ร้อนรน

"อย่านะเมธ เธอจะพูดอย่างนั้นไม่ได้นะ!!" พอรู้ว่ากฤตเมธจะพูดเรื่องอะไร เสน่ห์จันทร์ก็ร้องห้ามอย่างที่ทั้งกฤตเมธและสดายุคาดไว้ แต่ท่าทีร้อนรนที่หล่อนแสดงออกมานั้น มันออกจะเกินคาดไปหน่อย

"แต่ท่านครับ เรื่องที่เป็นข่าวมันออกจะแรงไปหน่อย แล้วชิดจันทร์เขาก็ทำกับผมเกินไป..."

"ฉันรู้! แต่เมธ...ได้โปรด...อย่าทำร้ายชิดจันทร์อย่างนั้นเลย...ปล่อยให้เรื่องมันเงียบๆไปเองเถอะนะ เดี๋ยวฉันจะคอยดูแลยัยชิดไว้เอง ขออย่างเดียว...เธออย่าแถลงข่าวได้มั้ย..." เสน่ห์จันทร์พยายามขอร้อง

"คุณเสน่ห์จันทร์ครับ...หากผมเงียบไว้ เรื่องมันจะไม่ยิ่งไปไกลกว่านี้เหรอ? ผมยอมรับว่าผมเห็นแก่ตัวที่ผมกลัวตัวเองเสียหาย แต่ชิดจันทร์ถลำลึกเกินไป ผมไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร และผมต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมครับ ไม่อย่างนั้นครั้งหน้ามันอาจจะเลยเถิดไปมากกว่านี้" กฤตเมธอธิบายเสียงเครียด

"เธอเป็นผู้ชายนะเมธ...เธอจะเสียหายอะไรนักหนา!......." แต่เสน่ห์จันทร์ก็ไม่ยอมฟัง หล่อนยังคงทู่ซี้จะให้กฤตเมธยุติการแถลงข่าวให้ได้
"พอสักทีเถอะครับท่านประธาน!"

หลังจากทนฟังมาได้สักพัก ในที่สุดสดายุก็ทนเป็นอากาศธาตุต่อไปไม่ไหว

"ไหนว่าคุณต้องการอุ้มชูดูแลกฤตเมธไง? แล้วไหงผลักไสให้เขาต้องรับผิดชอบเคราะห์กรรมที่เขาไม่ได้ก่อแบบนี้ล่ะ? ทำไมกฤตเมธต้องรับผิดชอบเรื่องคาวๆที่ลูกคุณก่อขึ้นด้วย!!?" สดายุถามออกไปน้ำเสียงแข็งกร้าวด้วยความไม่พอใจ

"หุบปาก! เรื่องนี้เธอไม่เกี่ยว ไม่ต้องมายุ่ง!!" และเสน่ห์จันทร์ก็ตอบโต้กลับมาแบบเจ็บแสบไม่ต่างกัน ใบหน้าของหล่อนมีแต่ริ้วรอยความขุ่นเคืองระคนตื่นตระหนกจนแทบไม่เหลือเค้าความน่าเกรงขามอีกต่อไป

คำพูดของเสน่ห์จันทร์ทำสดายุอารมณ์ขึ้นไม่น้อย เขาไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ฉันท์ผู้มีบุญคุณระหว่างเสน่ห์จันทร์กับกฤตเมธนั้นมันลึกซึ้งขนาดไหน แต่ถึงขนาดต้องให้รับผิดชอบเรื่องไม่เป็นเรื่องของลูกสาวเจ้าปัญหาของตัวเองแบบนี้มันออกจะเกินไปในความคิดของสดายุ และเขาที่ไม่ชอบเรื่องแบบนี้สุดๆอยู่แล้วนั้น โคตรจะขัดใจจนอดไม่ได้ที่จะต้องขอทวงความเป็นธรรมให้คนรัก!

"เกี่ยวสิ! เกี่ยวเต็มประตูเลยด้วย ถ้าคุณจะลืมไปแล้วผมก็ขอรื้อความจำให้แล้วกันนะ ว่าผมกับกฤตเมธเป็นคนรักกัน ผมไม่ชอบที่เขาจะต้องทนเสียชื่อเสียงมีข่าวกับคนอื่นเพื่อปกป้องชื่อเสียงของคนคนนั้น!"

"สำคัญตัวผิดหรือเปล่า!? เมธเขาเป็นผู้ชาย! มีข่าวกับชิดจันทร์ก็ใช่จะเสียหายร้ายแรง ใครๆก็รู้ว่าทั้งคู่เป็นคนรักกัน ถ้าจะมีข่าวเสียหาย มันต้องเป็นเพราะเธอต่างหากล่ะ! เธอนั่นแหละที่จะทำให้ชื่อเสียงของเมธป่นปี้ไม่มีชิ้นดี เพราะเป็นข่าวกับผู้ชาย!! แบบนั้นมันไม่ทุเรศกว่าเหรอ!!?"
เสน่ห์จันทร์แผดเสียงว่าพร้อมสายตาดูแคลน การควบคุมสติอารมณ์ของหล่อนขาดสะบั้นอย่างสิ้นเชิง ไม่เหลืออีกแล้วมาดผู้นำ หรือแม้แต่ความเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ ตอนนี้หล่อนไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

"แล้วยังไงเหรอครับ!? ในเมื่อกฤตเมธเขายอมที่จะเป็นข่าวกับผมมากกว่าลูกสาวคุณ..."

"เห็นแก่ตัว!"

"ใครเห็นแก่ตัวกันแน่! คุณคิดดูดีๆก่อนมาโทษคนอื่นเหอะ!"

สองคนยังคงถกเถียง เสียงสนทนาเริ่มดังขึ้นเกินใครจะห้าม ห้องให้สัมภาษณ์ก็ใกล้แค่นี้ ข้างในนั้นยังเต็มไปด้วยเหล่านักข่าวที่มารอสัมภาษณ์ แม้ห้องนั้นจะเป็นห้องเก็บเสียง แม้ทางเดินนี้จะเป็นทางเข้าด้านหลังที่ไม่ค่อยมีใครเดินผ่าน แต่ก็ไม่ได้มีอะไรการันตีว่าจะไม่มีใครได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

"พอสักทีเถอะครับคุณเสน่ห์จันทร์ ยุ เสียงดังเกินไป เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่นะครับ" กฤตเมธห้ามทัพ ก่อนที่เรื่องจะลุกลามไปกันใหญ่

"เมธ! เมธไม่ต้องไปฟังมัน เมธต้องช่วยฉันนะ ได้โปรด แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว แล้วฉันจะไม่ขออะไรอีกแล้ว นะเมธนะ เห็นแก่ฉัน ได้โปรด...." เสน่ห์จันทร์ผละจากสดายุออกมาได้ก็เร่งอ้อนวอนกฤตเมธต่อ ไม่ว่ายังไงเธอก็ปล่อยให้กฤตเมธพูดเรื่องของชิดจันทร์ไม่ได้จริงๆ ลูกสาวหล่อนทำแบบนั้นเพียงเพื่อประชดหล่อน ดังนั้นหล่อนจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมาแปดเปื้อนลูกหล่อนเด็ดขาด จะไม่ยอมให้ชิดจันทร์ต้องเจ็บปวดอีกแล้ว ต่อให้ต้องทำร้ายใคร แม้แต่กฤตเมธ หล่อนก็ไม่มีทางเลือก! 

“แต่คุณเสน่ห์จันทร์...ผม...”

“เมธ! ไหนเธอบอกว่าจะหาวิธีทดแทนบุญคุณฉันไง!? ฉันยอมให้เธอคบสดายุ ยอมให้เธอหักหลังความไว้วางใจของฉันขนาดนั้นแล้ว แค่เรื่องนี้เรื่องเดียวเธอให้ฉันไม่ได้เชียวเหรอ? แค่เธอยอมทำตามที่ฉันบอกแค่ครั้งนี้ฉันสัญญาจะไม่วุ่นวายกับเธออีก! เมธ!! ฉันขอร้อง!!"  และเสน่ฟ์จันทร์ก็ไม่ยอมลดละที่จะทั้งบังคับทั้งอ้อนวอน

"เฮ้ย! มันจะมากไปแล้วนะครับท่านประธาน!..."  เล่นซึ่งหน้าแบบนี้สดายุก็อดของขึ้นไม่ได้ แต่เสน่ห์จันทร์ไม่ได้สนใจอีกแล้วว่าอีกฝ่ายจะว่าหล่อนยังไง สติสมาธิที่เหลืออยู่ของหล่อนนั้นเพ่งไปที่กฤตเมธคนเดียว ไม่ว่าบุญคุณหรืออะไรก็ตามที่หล่อนเคยมีกับอีกฝ่ายมันจะยังหลงเหลืออยู่หรือไม่ หล่อนจะขอลำเลิกทั้งหมดในวันนี้ให้สิ้น

"พอเถอะยุ ไม่เป็นไร..." ท้ายที่สุด กฤตเมธเอ่ยห้ามขึ้น ไม่ใช่ชิดจันทร์ แต่เป็นสดายุ กฤตเมธห้ามไม่ให้สดายุโวยวายต่อ

"คุณเมธ!?"   แค่นั้นก็ทำให้หัวใจของสดายุชาวาบ ใบหน้าของกฤตเมธแสดงความลำบากใจอย่างไม่มีปิดบัง ใบหน้าของเสน่ห์จันทร์เริ่มมีความหวัง


อย่าบอกนะว่า...

"เมธ? คุณจะเต้นตามเกมของท่านประธานอีกแล้วเหรอ? ถ้าคุณยอม...คุณจะไม่มีวันหลุดพ้นจากเธอนะ!...แล้วคุณยังจะ……!!”

“กลับไปก่อนนะครับยุ ...เรื่องนี้ ผมจัดการเอง...”

“เมธ....?...”

“คุณกลับไปรอผมผมนะ...รอผมที่บ้านของเรา”

แม้สดายุจะพยายามทักท้วง แต่ดูเหมือนกฤตเมธจะพยายามกีดกันเขาออกจากเรื่องการสัมภาษณ์ในครั้งนี้อย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว ทำไม? เพราะอะไร? สดายุได้แต่เพียงตั้งคำถามเหล่านั้นวนไปวนมาอยู่ในหัว

ทุกอย่างตรงหน้าสั่นคลอนความมั่นคงในหัวใจของชายหนุ่มจนหมดสิ้น

เลือกฝ่ายนั่นสินะ

เลือกเสน่ห์จันทร์สินะ

สุดท้าย...เขาก็ไม่เคยสำคัญกับอีกฝ่ายมากไปกว่าผู้หญิงคนนั้นสินะ

“เข้าใจแล้ว...” สดายุตอบออกไปเพียงแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกไปโดยไม่หันกลับไปมองกฤตเมธอีก

“ยุ...” และแม้จะโดนอีกฝ่ายเรียกรั้ง เขาก็ทำแค่หยุด แล้วพูดทิ้งท้ายโดยไม่ยอมหันไปสบตา

“ตอบคำถามนักข่าวดีๆก็แล้วกันครับ เอาตามที่คุณสบายใจ...”  สดายุพูดกับกฤตเมธเพียงแค่นั้น ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าออกไป แต่ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เสน่ห์จันทร์แน่วแน่ “และก็ท่านประธานครับ ผมขอให้ท่านสมใจในสิ่งที่ทำลงไป และสาแก่ใจที่ได้ทำลายกฤตเมธลงด้วยมือของท่านเองนะครับ...ผมขอตัว”

พูดจบสดายุก็เดินจากออกมาทันที ไม่สนใจแล้วว่าเสน่ห์จันทร์จะว่าอะไรตามหลัง ไม่สนใจเสียงเรียกของกฤตเมธที่ดังขึ้นอีกครั้งก่อนเขาจะเลยประตูโถงลิฟท์ออกมา


 ‘ผม...จะชัดเจนกับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ว่ายามที่อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง ผมมันงี่เง่าเองที่มัวแต่ให้เกียรติ์คนอื่น แต่ไม่ยอมให้เกียรติ์หัวใจคุณ...ผมเกลียดตัวเองจัง ที่มาฉลาดเอาตอนนี้...’

‘ยุ! ผมรักคุณ ไม่มีอะไรที่คุณว่ามาสำคัญต่อชีวิตผมมากไปกว่าคุณ  เกียรติยศ ชื่อเสียง หรือโอกาสในวงการอะไรนั่นมันไม่ได้จำเป็นสำหรับผมสักนิด มีลูกไม่ได้ ผมก็มีคุณแล้วไง เราอยู่กันแค่สองคนไปจนแก่จนเฒ่าก็ได้............’



“คนโกหก...”

น้อยใจจนเกินหักห้าม เจ็บปวดจนเผลอเปรยออกมาอย่างลืมตัว หยาดน้ำอุ่นซึ่งไม่รู้มันเกิดจากอะไร จู่ๆก็ไหลอาบแก้ม แต่เพียงไม่กี่หยดแห่งความช้ำ มันก็โดนเรียวนิ้วปาดเช็ดจากดวงหน้าเศร้าหมอง

“ช่างเถอะ...เรามันก็แค่ผู้ชายประวัติเสียๆคนหนึ่ง แถมยังมีแต่ตัว ไม่มีหลักฐาน ไม่มีฐานะ ชื่อเสียงก็มีแต่ด้านเสียหาย ใครมันจะมาให้ความสำคัญ ใครมันจะมาจริงใจ  เขาเลือกทางนั้น มันก็ถูกต้องแล้ว...”

สดายุได้แต่เข่นเขี้ยวดูถูกตัวเองไปเรื่อย สองมือยังคงปาดน้ำตาป้อยๆ ไม่ได้อยากร้องไห้ น้ำตาที่ไหลไม่หยุดนี่ก็ไม่ใช่เพราะเสียใจ แต่มันเป็นเพราะเขาเจ็บใจมากต่างหาก

เจ็บใจที่เผลอไปหลงกับคำป้อหวานๆของคนคนนั้น

เจ็บใจที่ดันไปเชื่ออย่างสนิทใจว่าตัวเองสำคัญ

เจ็บใจ...ที่สุดท้ายเขาก็ไม่เลือก!

…หึหึ...บ้าไปเองทั้งเพ!

พอกันที!!

*
*
*
*
*

ปึ่ก!

“โอ๊ะ? ขอโทษ...อ้าวยุ?”

ด้วยความที่ก้มหน้าก้มตาเดินลิ่วไม่สนใจว่าใครจะมองแบบไหน พอพ้นทางออกหน้าบริษัท ก็ชนเข้ากับใครบางคนเข้า สดายุไม่ได้ใส่ใจนัก ตั้งใจจะเดินพ้นไปโดยไม่มองด้วยซ้ำว่าชนเข้ากับใคร แต่คนที่โดนชนกลับเป็นฝ่ายทักขึ้นมาเสียก่อน

“...ดนัย?” เงยขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นดนัย ฝ่ายนั้นทำหน้าเหวอ คงเพราะเห็นว่าสดายุตาแดงก่ำ สองแก้มก็แดงช้ำ เพราะโดนทั้งปาดทั้งเช็ดทั้งขยี้ แต่ตอนนี้สดายุก็ไม่ได้นึกอาย ใครจะเห็นก็ช่างมันแล้ว!

“เป็นอะไรไปอ่ะ? ใครทำอะไรนาย? บอกมา! เดี๋ยวเราจัดการให้!!” เห็นเพียงแค่นั้นดนัยก็ฉุนแทนสดายุไปเรียบร้อย ชายหนุ่มลุกลี้ลุกลน ดูจะเดือดเกินหน้าเจ้าของเรื่องไปถึงไหนต่อไหน เห็นแค่นั้นสดาย็ยิ้มออกมาเบาๆ...

“ไปด้วยกันหน่อยสิ”

“ห๊ะ?”

“พาไปทะเลหน่อย...บางแสนก็ได้...หัวหินเลยก็ดี”

“ยุ?”

“ขอร้อง...ช่วยพาไปหน่อย...นะ...”

ดนัยเอ๋อไปในคราแรก ที่จู่ๆก็โดนสดายุชวนไปทะเลเอาดื้อๆ แต่เห็นสภาพจะตายแหล่ไม่ตายแหล่ของอีกฝ่าย ดนัยก็ไม่คิดถามต่อ แม้ตอนนี้จะเกือบหกโมงเย็นแล้ว แต่หากสดายุอยากจะไปไหน เขาก็จะพาไป สุดหล้าฟ้าเขียวเขาก็ไม่หวั่น

*
*
*
*
*

ครืน...ซ่า....

ซ่า...ซ่า......

เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังวิเวกชวนให้รู้สึกเหงาแสนเหงา  เวลาเที่ยงคืนกว่าๆเงียบสงบ สดายุเดินเลียบชายหาดอยู่คนเดียวเงียบๆ ปล่อยให้ลมทะเลแผ่วเบาพัดผ่านร่างไปเรื่อยๆ ทะเลหัวหินยามคำคืนร้างไร้ผู้คนสัญจร  เขาเพียงคนเดียวที่ยืนตระหง่านอยู่ตรงหน้าชายหากเวิ้งว้าง เฝ้ามองทะเลสีดำทอดไกลสุดลูกหูลูกตา...

เดี๋ยวเขาคงต้องไปขอบคุณดนัยเสียหน่อย เพราะดันเผลอไปรบกวนฝ่ายนั้นให้ดั้นด้นพามาไกลถึงหัวหิน ชวนเปิดห้องพักค้างคืน แถมยังชวนฝ่ายนั้นกินเหล้าเสียจนเมาเป๋ คืนนี้เขาเปิดโรงแรมพักที่หัวหินนี้โดยไม่ได้เตรียมการอะไรล่วงหน้า แค่ไม่อยากกลับไปที่ห้องนั้น โทรศัพท์มือถือเขาก็ปิดเรียบร้อย ไม่สนใจว่าใครจะโทรตามทั้งนั้น ตลอดการเดินทาง เขาขอให้ดนัยเปิดเพียงแต่เพลงใน USB ไม่ให้เปิดข่าววิทยุหรืออะไรที่สามารถสื่อกับโลกภายนอกได้อย่างเด็ดขาด แม้แต่มือถือของดนัยเองเขาก็ขอร้องให้ฝ่ายรนั้นปิดเครื่อง

รู้ดีว่าเห็นแก่ตัว แต่มันทนรับรู้อะไรไม่ได้ในตอนนี้

เขาต้องการเวลา ขอเวลาเพียงแค่คืนนี้คืนเดียวเท่านั้น พรุ่งนี้เขาจะกลับไปที่ห้องนั้น แล้วเป็นสดายุคนเดิม กฤตเมธจะเป็นยังไงก็ช่าง จะยังอยู่กับเขาหรือไปอยู่กับใครก็เรื่องของกฤตเมธ เขาจะไม่ทัดทานใดๆทั้งสิ้น หนังเรื่องที่เล่นอยู่นี้ ถ้าเสน่ห์จันทร์อยากให้เขาเล่นต่อเขาก็จะเล่น ถ้าจะให้เลิกแล้วออกไปให้พ้นจากวงการเขาก็จะไม่อิดออด...พอแล้ว...เหนื่อยเหลือเกินแล้ว...

เขาจะออกไปขายกาแฟปั่น!!

*
*
*
*
*

เสียงคลื่นที่สาดซัดเข้ากระทบชายหาด ไม่ว่าได้ฟังเมื่อไหร่ ก็พาหัวใจให้ยิ่งอ้างว้าง

กฤตเมธ...ไอ้คนหลอกลวง

คุณไปตายอยู่ที่ไหนกันนะตอนนี้...

 ‘ผมเหงา…ผมเจ็บ’

ไอ้คนเฮงซวย!!

*
*
*
*
*

“นี่ยุ? มานั่งเมาอะไรอยู่คนเดียวบนหาดมืดๆเนี่ย ไม่กลัวรึไง?”

สดายุสะดุ้งเล็กๆเมื่อจู่ๆก็ถูกเรียกจากด้านหลัง

“อ้าว ดนัย? ยังไม่นอนเหรอ?”

เมื่อหันไปมองแล้วเห็นว่าเป็นดนัย สดายุก็รีบหลบหน้าเพื่อแอบปาดหยาดหยดแห่งความเหงาออกจากใบหน้า แต่ภาพหยาดน้ำตานั้นไม่อาจหลบสายตาของดนัยพ้น ชายหนุ่มหน่วงใจขึ้นมาเล็กๆทันทีที่เห็นกระแสความเหงาที่ออกจากร่างที่นั่งกอดเข่าอยู่ตรงหน้า ภาพนั้นเล่นเอาดนัยถอนหายใจพรูทันที...

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะตีสองแล้ว ดนัยเห็นว่าสดายุยังนั่งจุมปุกอยู่ที่เดิมตั้งแต่เที่ยงคืน ชายหนุ่มก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขานั่งเฝ้าฝ่ายนั้นมาตั้งแต่ยังไม่เที่ยงคืนดี นั่งส่องจากตรงระเบียงชั้นสามลงมาเงียบๆ อยากให้สดายุได้ปล่อยตัวปล่อยใจอยู่กับตัวเอง เพราะการที่เขาจะไปนั่งเสนอหน้าอยู่ด้วยคงไม่เหมาะเท่าไหร่นัก ดนัยจึงทำได้แค่นั่งเฝ้า...

ทว่านี่มันตีสองเข้าไปแล้ว สดายุควรพักผ่อนได้เสียทีแล้วล่ะ...ดังนั้นดนัยจึงตัดสินใจลงมาเรียก

แล้วพอเดินลงมาตามก็ได้เห็นภาพสะเทือนอารมณ์อีกครั้ง เพราะคนตรงหน้านั้นกำลังนั่งร้องไห้อย่างว้าเหว่อยู่  ใบหน้าแดงช้ำจากคราบน้ำตาและฤทธิ์แอลกอฮอล์นั้นช่างดูหน้าสงสารบาดใจจนดนัยทำอะไรแทบไม่ถูกเลยทีเดียว

“ตีสองแล้วนะยุ...กลับขึ้นไปพักก่อนมั้ย?”

เมื่อเห็นว่าสดายุพยายามจะแอบซ่อนหยาดน้ำตา ดนัยก็ไม่อยากจะไปทักถึงเรื่องที่เจ้าตัวพยายามหลบเลี่ยง จึงได้แต่ชวนให้ขึ้นไปพักผ่อนก่อนที่ร่างกายจะแย่ไปกว่านี้

“...นายไปนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวเราตามไป โทดทีนะ...”

สดายุตอบเพียงแค่นั้น  ก่อนจะหันไปนั่งเหม่อมองทะเลต่อ พลางกระดกเบียร์กระป๋องลงคอแบบไม่สนใจว่าตัวเองเมามายไปถึงไหนแล้ว

ภาพตรงหน้าทำดนัยสะเทือนใจหนัก ตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอกว่าสดายุเป็นอะไร แต่เห็นอีกฝ่ายเป็นถึงขนาดนั้นแต่ไม่เห็นเงากฤตเมธข้างกาย แถมยังปิดมือถือ ปิดการรับข่าว แถมยังขอให้เขาปิดเครื่องตามกันไปแบบนี้ ท่าทางจะมีปัญหาใหญ่ระหว่างคนทั้งคู่

และหลังจากที่สดายุขอตัวลงมาเดินเล่นหน้าชายหาดนี้ไม่นาน ในที่สุดเขาก็ได้รับคำตอบ

วันนี้กฤตเมธให้แถลงข่าวเกี่ยวกับชิดจันทร์ไปเมื่อตอนเย็น แล้วจากข่าววงในที่เขาไปสืบมาได้ความว่ามันค่อนข้างจะวุ่นวายอยู่พอสมควร และข่าวนี้...เขาคิดว่าสดายุควรจะได้รับรู้

“...ยุ นายไม่คิดจะฟังที่พี่เมธเขาแถลงข่าววันนี้หน่อยเหรอ?”

ดนัยลองตะล่อมถาม แต่ดูเหมือนว่าคำถามแทงใจนี้จะทำให้เขาโดนค้อนกลับมาเสียมากกว่า

“ขอโทษทีนะดนัย...เรายังไม่พร้อมว่ะ ถ้านายจะคุยกับเราเรื่องนี้นายขึ้นไปนอนซะเหอะ”

ไม่ยอมฟังทั้งตัดรอนกันดื้อๆ...งานนี้ดนัยถึงกับต้องกุมขมับเลยทีเดียว

‘เอาไงดีวะตรู...’

คิดสะระตะ ก็จนปัญญาจะเรียกร้องความสนใจจากสดายุอีก ดังนั้นวิธีสุดท้ายที่ดนัยคิดได้ก็คือ...

‘เอาวะ!!’

ดนัยตัดสินใจนั่งลงตรงหน้าสดายุ  พร้อมเปิดเสียงคลิปข่าวที่เขาอัดเอาไว้ให้ดังจนสุด เพื่อแข่งกับเสียงคลื่นลมโหมกระหน่ำ ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะก่นด่า หรือแม้ว่าสดายุจะพยายามหนี เขาก็ดึงรั้งเอาไว้ไม่ให้ลุกหนีไปได้อย่างเด็ดขาด!

‘เฮ้อ...ไม่รักไม่ทำขนาดนี้นะเนี่ย’

และแล้ว...มันก็ได้ผล คลิปข่าววิ่งไปเรื่อยๆ กับสดายุที่นิ่งงันไป

ใบหน้าของเจ้าตัวแดงขึ้นเล็กน้อยพร้อมหยาดน้ำตาคลอหน่วย

แต่ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด...

ริมฝีปากบางเฉียบนั้น ในที่สุดก็...เผยอยิ้ม


*******************************************************************

ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านมากนะคะที่ส่งกำลังใจมาให้
อบอุ่นใจที่สุดค่ะ ยิ่งได้กำลังใจ น้ำตาก็ยิ่งไหลปริ่ม อะฮึ่ก...
ตอนนี้หายดีแล้วค่ะ ตัวลายพร้อยไปตามระเบียบ (ก็แหม...มันคันอ่ะ ทนมะดั้ย!!)

หุหุ ขอโทษที่มาลงช้านะคะ
ความจริงจะลงตั้งแต่วันศุกร์แล้วล่ะค่ะ ติดตรงที่ว่าดันไปตัดจบตอนที่กฤตเมธน่าจะโดนจวกแหลก
(เพราะที่เป็นอยู่ก็แทบไม่เหลือคะแนนนิยม...หุหุ หักเหี้ยน)
เลยจำเป็นต้องมาต่อวันจันทร์ค่ะ
(เพราะที่บ้านคอมเจ๊งค่ะ ไม่สามารถทำอะไรที่บ้านได้เลย....นอกจากเซฟใหม่เข้ามือถือ ซึ่งมันลำบากมว๊ากกก)

จากที่ตั้งทาเก็ตเอาไว้ 52 ตอน อาจมีลดลงแล้วล่ะค่ะ เพราะช่วงหลังแต่ละตอนมันยาวเหลือเกิน
เนื้อเรื่องก็พยายามให้กระชับขึ้น เพราะอยากให้จบภายในปีนี้เหลือเกินค่ะ อิอิ

ตอนนี้ชื่อตอนชิดจันทร์...ประวัติของหล่อนทำอิชั้นปวดตับมาก
เขียนไปก็ถอนหายใจไป ไม่รู้จะสงสารหรืออะไรดี...
บอกแล้วตัวละครเรื่องนี้ปมเพียบ!
นี่ถ้าเขียนตอนเป็นอิสุอิใส รับรองอิสุกอิใสระเบิด 555+

แล้วกฤตเมธให้สัมภาษณ์แบบไหนไปนะ
ชิดจันทร์ล่ะจะทำอะไรต่อไป
ดนัยกับบดินทร์จะโคจรมาเจอกันอีกเมื่อไหร่
อันนี้ต้องรอตอนหน้านะจ๊ะ

Spoil : ดนัยเจอบดิทร์ปุ๊บ เจ๊บลูเจอซอลย่าปั๊บค่ะ ว่าแต่...จะเป็นตอนไหนน๊า...

ขอบคุณที่ติดตามและรักกันเสมอมานะคะ
อนาคี99

ปล. ใครตามเรื่อง พจมาน...(18 มงกุฎ) อยู่ เก๊าลงให้พรุ่งนี้น๊า...จุ๊บๆๆๆ

:heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 29-09-2014 20:51:24
มาแล้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :man1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 29-09-2014 21:02:05
ตอนแรกเกือบละ เกือบจวกชิดจันทร์ไปละ แต่มาม่านางแซบเกิ๊นนน เผ็ดจนจ้ำตาไหล ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจ :hao5:
ส่วนน้องยุ ช่วงนี้มโนไปเองเยอะ ต้องรอพี่เมธว่าแถลงข่าวว่าอะไร
รอออออออตอนนนนนนนต่อออออออปายยยยยยยย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 29-09-2014 21:04:25
ดีมาก ดนัย นายมีประโยชน์ ตอนนี้สุด ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: shijino ที่ 29-09-2014 21:10:23
 :pig4: มาแล้ววววว ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
คนอ่านปวดใจ หนูยุฟังชาวบ้านเค้าบ้างซิลูก เฮ้อออออ..
ทิ้งงท้ายแบบนี้เท่ากับพี่เมธทำดีใช่มั้ยค่ะ รอตอนหน้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 29-09-2014 21:14:56
เอาอีแม่ลูกคู่นี่ลงหลุมไปทีเซ่~~~~~~~~

 :angry2: :angry2: :angry2: :beat: :beat: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 29-09-2014 21:18:28
กฤตเมธให้สัมภาษณ์ว่าอะไรน้อออออ อยากรู้จังง :hao3: :hao3:


 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 29-09-2014 21:35:54
ยัยแม่ลูก มีปัญหากันเชิญไปเคลียร์กันสองคน ลากคนนู้นคนนี้เข้ามาเกี่ยวมันใช่เรื่องมั้ยเนี่ยยย  สงสารชิดจันทร์ตรงที่โดนพรากลูกพรากสามีเนี่ยแหละ เฮ้อ แล้วตอนนั้นเสน่ห์จันทร์คิดอะไร? คือแบ่บ...  :เฮ้อ:
กฤตเมธท่าเยอะเหลือเกิน ทำน้องยุเสียใจอีกแล้ว ไหนๆ แถลงข่าวออกมาว่าอะไร ให้มันชัดเจนนะ ชริ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 29-09-2014 21:43:12
อะไรน้าที่ทำให้ยุยิ้มได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 29-09-2014 21:44:10
สรุปว่าทั้งเรื่องอีเสน์ห์จันทร์มันเลวที่สุด เห็นแก่ตัว ทุเรศที่สุดอ่ะ
บอกเลยถ้าเราเป็นชิดจันทร์นะแม้แต่คำว่าแม่ก็อย่าหวังว่าเราจะเรียก
ตอนแรกก็เกลียดนะที่ชิดจันทร์มันทำแบบนี้ แต่พอฟังจุดประสงค์ของนาง
ที่ทำทั้งหมดเพื่อทำลายเสน่ห์จันทร์ อยากเห็นมันเจ็บปวด พอรู้แบบนี้แล้วโคตรสะใจเลย
และเรายังรู้สึกอีกว่าที่เสน่ห์จันทร์ได้รับตอนนี้มันยังน้อยไป น้อยไปมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่เราก็อยากให้กฤตพูดความจริงกับนักข่าวให้ประชาชนได้รับรู้ ไม่ใช่เพื่อทำลายชิดจันทร์
แต่เพื่อทำลายและทำให้อีเสน่ห์จันทร์มันเจ็บปวดดิ้นทุรนทุราย เพราะเรามองว่า
จริงๆแล้วชิดจันทร์ก็ไม่ได้แคร์คำนินทราพวกนั้นอยู่แล้ว ดีไม่ดีนางอ่านเกมส์ไว้ให้เป็นแบบนี้แต่แรก
ที่เลือกทำลายชื่อเสียงตัวเองเพื่อให้เสน่ห์จันทร์มันพังทลายไปด้วย เพราะตอนนี้เหมือนชิดจันทร์ไม่มีอะไรจะเสีย
ไม่ได้มีคนที่ชิดจันทร์จะแคร์อีกต่อไป ทั้งอาม่าก็ตายทั้งทศพลก็ติดคุก อีเสน่ห์จันทร์นี่มันโคตรเลวเลยจริงๆ เลวทั้งพ่อทั้งแม่
แต่ถ้าจะให้แฟร์เรากลับอยากให้ชิดจันทร์ไปเอาคืนพ่อ แม่เลี้ยงรวมถึงพวกที่ข่มขืนตัวเองนะ(หรือว่าให้ทศพลไปจัดการให้แล้วตอนยังไม่ติดคุกรึป่าวไม่เห็นบอก)
ตอนนี้เชียร์ให้เสน่ห์จันทร์มันรับกรรมอย่างสาสม แม้แต่การได้รับการยกโทษจากชิดจันทร์ก็ไม่ต้องให้มัน
ให้มันเจ็บปวดทุรนทุรายเจียนตายจนวาระสุดท้ายนั่นแหละดีที่สุดถึงจะสาแก่ใจ

ปล.อย่าดราม่าเรื่องพระคุณของแม่นะ เพราะเราถือคติคนที่เลี้ยงดูอุ้มชูเรามาว่านั่นคือแม่และมีบุญคุณกับเราจริงๆ
ส่วนคนที่ให้กำเนิดแต่ไม่แยแสไม่ได้เลี้ยงดูไม่ใส่ใจซ้ำยังพรากทุกอย่างที่เรารักไป และพอมารับเราไปดูแล
ยังผลักไสเราไปไกลๆเพราะกลัวเสียชื่อเสียงเนี่ยเรามองแค่ว่ามันก็แค่คนเลวๆที่เห็นแก่ตัวคนนึงที่อยู่ร่วมโลกก็เท่านั้น
ถ้าเป็นคนอื่นทำมันจะยังไม่เจ็บแค้นไม่ทรมานและเสียใจเท่าคนที่มันเรียกตัวเองว่าแม่ได้เต็มปากเป็นคนกระทำหรอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 29-09-2014 21:50:45
มันส์พระย่ะค่ะ!!!!!!!! o13 ตอนนี้เข้าใจแล้วค่ะกับปมในใจของชิดจันทร์ว่าทำไมถึงอยากได้พระเอกนักที่แท้มันเป็นอย่างนี้นี่เอง :hao3: เลยไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับหล่อนแล้วนะออกจะสงสารหล่อนด้วยซ้ำ :mew2: แต่คนที่ร้ายที่สุดเห็นแก่ตัวที่สุดก็เป็นยัยป้า่เสน่ห์จันทร์นิล่ะ สมควรแล้วที่ลูกหล่อนไม่รัก ถึงนางจะทำไปเพราะรักลูกก็เถอะ ฉันก็เกลียดจนางอยู่ดี ขอหยาบนิดหนึ่ง => go to the hell bitch witch!!!! :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-09-2014 22:03:48
ปัญหาของแม่ลูกไปเคลียร์กันเองได้ไหม นี่รำสองแม่ลูกนี่มาก  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 29-09-2014 22:04:27
- - แหมะ ชิดจันทร์มาเต็มมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 29-09-2014 22:07:20
แซ่บบบบ!!! สนุกมากๆ

ลุ้นกับเรื่องราวสุดๆ  :pig4: นักเขียน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 29-09-2014 22:19:42
ลากทั้งแม่ทั้งลูกไปไกลๆป๊ะ น่ารำคาญชะมัด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 29-09-2014 22:31:36
อยากฟังสัมภาษณ์ด้วย อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 29-09-2014 22:41:06
ที่ชิดจันทร์ทำทั้งหมดเพื่อทำให้เสน่ห์จันทร์เจ็บนั่นเอง
แต่ยายเสน่ห์จันทร์นี่โคตรเห็นแก่ตัวเลยเนอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 29-09-2014 22:42:35
โอ๊ยอยากฟังคลิปเสียง ไม่งั้นเราจะยังโกธรพี่เมธที่ทำให้น้องยุเสียใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 29-09-2014 22:46:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 29-09-2014 22:53:41
อ่านตอนนี่จบสงสารชิดจันทร์กับเสน่ห์จันนิดหน่อย แต่ไม่ใช้เรื่องจะมารังแก :mew3:เมษนะฮะๆ อยากฟังแถลงข่าวด้วยคน คิคิ ตอนหน้า มาไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: aumapornmay ที่ 29-09-2014 22:56:17
ขอบคุณที่มาอัฟต่อค่ะ :mew1:
แต่ปัญหาคือค้าง :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 29-09-2014 23:17:22
เรื่องของชิดจันทร์นี่... หน่วงจนปวดตับ... น่าสงสารไปนะ... อนาถเกิน...

 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-09-2014 23:44:57
 :really2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 29-09-2014 23:48:48
ยาวได้อีก แต่ก้อบอกเรยว่าไม่เคยพอ

มันเปงอะไรที่เชื่อมโยงทั้งหมดเรยเนาะ โทดใครก้อไม่ได้ กรรมใครกรรมมัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-09-2014 00:01:33
รักดนัยขึ้นมาอีกเพียบเลยตอนนี้
นางเป้นเหมือนพระรองขนาดย่อมๆเลยทีเดียว
อิอิ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ กอดสามที แอร๊ยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 30-09-2014 00:10:27
เบื่อสองแม่ลูกคู่นี้จัง

ประวัติไม่ได้ทำให้สงสารเลย

แค้นแล้วไงจะแก้แค้นก็อย่าลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องสิ

เฮ้ออ ไปแล้วสมงสมอง เพลียกับแม่ลูก

อยากรู้จังเมธให้สัมภาษณ์ว่าไง

เกือบจวกเฮียแกแล้ว ดีที่ตอนท้ายยุยิ้มนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: dragon123 ที่ 30-09-2014 00:19:34
ขำตอนที่ยุบอกว่าจะเปิดร้านกาแฟปั่น  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-09-2014 00:25:48
เฮ้อ...รอคำเฉลย...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 30-09-2014 00:44:04
ขอถอนคำพูดที่ว่าเกลียดชิดจันทร์ค่ะ เด็กอายุแค่นั้นโดนข่มขืน โดยข่มเหงสารพัด

เราเห็นใจชิดจันทร์นะ สงสารด้วยแต่ก็ไม่ควรที่จะลากคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา  :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 30-09-2014 13:25:11
ไม่กล้าอ่านตอนล่าสุดกลัวจะมีคนแผลงศร ตามที่คิดไว้เลย  :ling2:
ร้ายกันไปร้ายกันมา ลากคนอื่นมาเกี่ยว พาลไปเรื่อยจนเรื่องมันใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น
แม่ที่ดูแลลูกด้วยเงิน กับลูกที่มีอะไรแต่ไม่ยอมบอกแม่ หาแต่เรื่องคาวๆมาทำร้ายตัวเอง
เยี่ยม..  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 30-09-2014 16:37:56
อย่าดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวมั้ย สเน่จันทร์
เรื่องของตัวเองกับลูกมันสมควรดึงคนอื่นมาเจ็บมั้ย
ถึงจะมาขอร้องเมธยังไง ถ้าชิดจันทร์ไม่เปิดใจ ยังไงก็มองว่าทำเพื่อปิดข่าว ทำเพื่อเมธอยู่ดี


อยากรู้ว่าพี่เมธแถลงว่าไง
ดีใจที่ดนัยเป็นเพื่อนของยุจริงๆ
มีดนัยดีไปแปดอย่าง 555
ยุยิ้มได้ ดนัยก็ปลื้มมมม


ปล.อยากให้ดนัยฟาดปากกับบดินทร์อีก สะใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Tennyo_Y ที่ 30-09-2014 17:37:54
ชิดจันทร์เราเข้าใจเทอ เราไม่โกรธเธอแล้วที่เธอร้าย แม่เธอมันแย่อะ สงสาร ถ้ากฤตเมธ ยังเชื่อเสน่ห์จันทร์อีก ยุเลิกๆ ไปเถอะ ผู้ชายอะไร ไม่มีแม้แต่ความเป็นผู้นำ มันเหนื่อยยุ ชิด เธอลองคุยกับยุดีดีสิ เราเชื่อว่า เธอจะยืนได้ใหม่อีกครั้ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 30-09-2014 18:00:50
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: วิบวับ ที่ 30-09-2014 19:14:14
กำลังซึ้งๆได้อารมณ์ พร้อมซดมาม่าในมือตามไปด้วย
มาสำลักตรงขายกาแฟปั่นนี่แหละ!!!!!!  :undecided:

ทั้งสงสารแล้วก็สมน้ำหน้าทั้งแม่ลูก Full moon เลย
ผิดทั้งคู่แหละ คนนึงพูดอีกคนไม่ฟัง พอฟังก็สติแตก :katai1:

รอน้องพจมานค่า :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 30-09-2014 19:30:19
อ่านตอนนี้มา
เจอดราม่าหนักๆ
กำลังอินสงสารน้องยุ
เจอประโยค....ที่จะออกไปขายกาแฟปั่น!!!
ฮาเลยจ้า

ดีใจที่สุดท้ายน้องยุก็ยิ้มได้
รอตอนต่อไป แล้วก็พจมานตอนใหม่ด้วย ชอบมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 30-09-2014 22:14:33
โฮกกก แอบเศร้าใจกับประวัติของนางจิงๆ  :ling3:
ว่าแต่คนแก่ของเราพูดอะไรน้าาา   :hao6:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 30-09-2014 23:48:52
รอฟังแถลงการณ์ของเมษ
รออ่านคู่ปากตบปาก ดนัย-บดินทร์><+++
รออ่านเจ้บลู-ซอล
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 01-10-2014 00:23:11
มาแล้วๆ
พี่เมธให้สัมภาษณ์อะไรไปบ้างเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 01-10-2014 09:49:06
คือครอบครัวตัวเองก็มีปัญหา
ทำไมต้องมาดึงคนอื่นไปปั่นป่วนด้วยนะ

สงสารเมธกะยุ พายุไม่ออกสักที


---------


หายดีแล้วเหรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Theznux ที่ 01-10-2014 11:15:25
ว้าววว มาแล้ว ไม่ผิดหวังเลยค่าา สนุกทุกตอนจริงๆ
รีบมาต่อนะคะ ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-10-2014 11:22:32
โอเค ชิดจันทร์ ประวัตินางแซบมาก  :angry2: แต่การดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในเกมแก้แค้นมันถูกแล้วเหรอ?   :beat: ซักที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 01-10-2014 18:55:28
อยากฟังแถลงข่าวววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 01-10-2014 20:27:08
ดนัยแอบเท่อ่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 02-10-2014 19:36:57
โอยปวดตับ

หน่วงจิต

อืดท้อง(กินมาม่าเยอะเกิน)

แต่ก็รอต่อ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 02-10-2014 22:24:31
ก็สงสารนางอยู่หรอกนะ นางมีปมเยอะเกิีนนน

นางทำทุกอย่างก็เพื่ออยากแก้แค้นแม่ของตัวเอง

คือถ้าครั้งนี้นางสำนึกได้และเป็นครั้งสุดท้าย เราก็จะยอมให้อภัยและให้โอกาสเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง


เกลียดคุณเมธนิดนึง ทำน้องยุเสียใจอ่า เดี๋ยวก็ให้ดนัยจัดชุดใหญ่ให้หรอก
 

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 03-10-2014 01:29:18
หักมุมมาก ป้าทำกับลูกขนาดนีเลย

รอยยิ้มตอนจบคือ.......ฟินล่วงหน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 05-10-2014 22:28:01
ผมคือ...นางเอก

ซีนที่ 40

‘ผมคงไม่มีอะไรจะพูดไปมากกว่าคำว่าขอโทษ ที่เอาแต่ปิดปากแกเงียบจนต้องเข้าใจผิดกันไปหลายต่อหลายครั้ง

ผมมันแย่เองครับที่อายุขนาดนี้แล้ว ยังคิดไม่ได้

ทุกครั้งที่มีข่าวกับชิดจันทร์ผมเลือกที่จะเงียบ...

ผมสารภาพตรงๆครับ ว่าตอนนั้นไม่ใช่ผมจะรู้สึกหรือไม่รู้สึก แต่...ผมไม่ได้สนใจว่าเธอจะพูดอะไรบ้าง

ผมคิดแต่เพียงว่ามันไม่ได้สำคัญสำหรับผม...

และการที่ผมไม่พูดอะไรน่าจะเป็นการไว้หน้าสุภาพสตรีบ้าง...

แต่แท้จริงผมคิดผิด

การทำแบบนั้นนอกจากไม่ใช่การไว้หน้าแล้ว มันยังเป็นการทำลายเกียร์ติของเธอด้วย

ดังนั้นวันนี้ผมจึงต้องออกมาสารภาพผิดให้สังคมได้ลงโทษ

อีกอย่างข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อวาน...

หากผมยังคงเงียบ คนที่เสียหายและคนที่เสียใจกับเรื่องนี้คงไม่ได้มีแค่ผม

ดังนั้นเพื่อเป็นการรับผิดชอบในเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ไม่ว่าพวกคุณจะเชื่อผมหรือไม่ ผมก็จะขอพูดชัดๆตรงนี้เลยว่า...

ผมกับชิดจันทร์ไม่ได้เป็นอะไรกันครับ ไม่เคยเป็นอะไรกัน

และเราไม่มีทางที่เป็นอะไรกันได้อย่างเด็ดขาด…

นั่นก็เพราะ...

ผมมีคนรักอยู่แล้ว

และผมไม่สามารถเลือกที่จะปกป้องใครมากไปกว่าหัวใจของเขาอีก

เรื่องที่โรงแรม...ผมไม่ได้เต็มใจจะไปที่นั่นกับชิดจันทร์ครับ

ตอนนั้นผมเมาไม่ได้สติ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าถูกพาไปไหน...

แต่มันไม่ได้มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้นแต่อย่างใดครับ

เพราะหลังจากนั้นไม่นาน แฟนของผมเขาก็ไปรับผมกลับ

ส่วนในเรื่องเจตนาหรือไม่อย่างไร พวกคุณต้องไปถามทางฝ่ายนั้นเอาเองแล้วล่ะครับ

ทางผมเองคงไม่สะดวก และผมจะไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้ซ้ำอีก

เรื่องแฟนน่ะเหรอครับ...

ครับ...ผมรักแฟนของผมมาก

ผมไม่เคยเจอใครที่ทำให้ผมรักมากขนาดนี้มาก่อน

มั่นใจแค่ไหน...

คือต้องบอกว่าอายุผมก็เยอะแล้ว ผู้ชายวัยสามสิบตอนปลายแบบผมนี่

บอกตรงๆครับผมไม่อยากหาคนใหม่อีกแล้ว

ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่อยากเสียเขาไป

ดังนั้นวันนี้ผมจึงมาที่นี่เพื่อเคลียร์ทุกอย่าง เพื่อให้ชีวิตคู่ของเขาและผมราบรื่นที่สุด

ถึงตอนนี้ผมยังไม่สะดวกที่จะบอกว่าเขาคือใคร

แต่อีกไม่นานครับ...ผมจะแนะนำเขากับทุกคนแน่นอน

เมื่อถึงวันนั้น พวกคุณจะได้รู้ว่าแฟนของผมน่ารักแค่ไหน...

แต่งงาน....

ที่จริงผมพร้อมนะ กะว่าจะลองขอเขาเป็นจริงเป็นจังดูเหมือนกัน...’

*

*

*

*

*


การให้สัมภาษณ์ยาวเหยียด ในคลิปข่าวที่สดายุกรอฟังครั้งแล้วครั้งเล่า บทสัมภาษณ์นั้นไม่ได้อธิบายในเรื่องใดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะเรื่องของเสน่ห์จันทร์หรือชิดจันทร์ มันเป็นแค่การแถลงข่าวว่าตัวกฤตเมธเองไม่ได้เกี่ยวข้องกับชิดจันทร์อย่างที่เป็นข่าว และตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว...

และไอ้คำว่ามีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้วนี่แหละ เล่นเอานักข่าวทั้งหมดลืมประเด็นของชิดจันทร์กันสนิท จี้แต่จะรู้ให้ได้ว่าคนคนนั้นที่เป็นตัวจริงของกฤตเมธคือใครกันแน่ นอกวงการหรือในวงการ ลูกคนดังหรือเปล่า แม้กระทั่งถามว่าสวยหรือเปล่า...

เขินไม่น้อยสำหรับสดายุที่ถูกประกาศรักออกสื่อ

แต่อายยิ่งกว่าถ้าจะต้องเจอหน้ากฤตเมธตอนนี้ เพราะดันคิดเองเออเองไปคนเดียวว่าอีกฝ่ายจะทำตามบัญชาของเสน่ห์จันทร์อีก

คิดถึงตรงนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ากฤตเมธสามารถออกให้สัมภาษณ์ขนาดนั้นได้ยังไง ในเมื่อที่นั่นมีเสน่ห์จันทร์คอยคุมอยู่ด้วย แม้ว่ากฤตเมธจะแหกกฎของเสน่ห์จันทร์ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบทสัมภาษณ์จะถูกเปิดเผยออกมาได้ง่ายๆขนาดนี้นี่...

แต่....เรื่องนั้นช่างหัวมันก่อนดีกว่า

ไอ้เรื่องที่กฤตเมธให้สัมภาษณ์ว่าจะขอแต่งงานนี่มันคืออะไร เรื่องนี้ต่างหากที่น่าสนใจกว่า คิดไปพลางก็อมยิ้มน้อยๆไปด้วย

"...ยิ้มได้แล้วสินะ" ดนัยแซวขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าสดายุยังคงดูปคลิปข่าวของกฤตเมธซ้ำๆ คนถูกแซวชำเลืองมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่สนใจซะด้วยซ้ำ หันกลับไปดูคลิปต่อเฉย

"คนเรานี่น๊า...ตอนแรกงอนเขาแทบเป็นแทบตาย ทีอย่างงี้ล่ะนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียนะ...ชิ เดี๋ยวพี่เขามารับกลับด้วยนี่ อิจฉาจ๊างงงง" เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ให้ความสนใจ ดนัยก็ยิ่งเหน็บ กะให้สดายุได้เจ็บๆคันๆบ้าง แต่รู้สึกว่าเขาจะประเมินสดายุต่ำไปหน่อย

"...อิจฉาก็หาแฟนสักคนสิ จะได้ไม่ต้องเพ้อมาก" พูดพลางก็ยิ้มมุมปากยียวน

"เหอะ...ถ้ามีแฟน คงพาใครบางคนหลบรักร้าวมาเลียแผลใจถึงหัวหินตอนตีสองไม่ได้หรอก ช่วยสำนึกบุญคุณผมสักนิดเถอะครับคุณสดายุ"

( = * = ) ดนัยถือโอกาสลำเลิก แต่ก็ไม่ได้ระคายผิวสดายุอยู่ดี เพราะทันทีที่ได้ยินดนัยบ่นสดายุก็หัวเราะร่าออกมา

ตีสองครึ่งโดยประมาณ สองหนุ่มยังคงนั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ตรงชายหาด ตอนนี้สดายุสบายใจขึ้นแล้ว และยอมเปิดโทรศัพท์ได้เสียที แน่นอนว่าทันทีที่เปิดเครื่องสายที่โทรเข้ามาสายแรกก็ไม่ใช่ใครที่ไหน 'กฤตเมธ' ตัวต้นเหตุนั่นเอง แถมไม่มีพูดพร่ำทำเพลงอีกต่างหาก พอรู้ว่าสดายุอยู่ที่ไหนกับใครชายหนุ่มก็บอกจะรีบมารับโดยไม่ฟังคำทัดทานว่ามันดึกมากแล้ว...

"เออนี่...สงสัยมานานแล้ว ทำไมนายดูใจดีกับฉันจัง คอยช่วยกันหลายเรื่องแล้ว" ระหว่างยังนั่งเพลินๆกันอยู่สดายุก็ถามขึ้นตรงๆ เพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายหลายครั้งหลายครา แถมคราวแรกที่เจอกันฝ่ายนั้นก็เข้ามาทักสนิทสนม เขาสิกลับเสียมารยาทที่ดันจำไม่ได้เลยว่าเคยเจอคนตรงหน้านี้ที่ไหน

"...จำไม่ได้จริงอ่ะ" ดนัยถึงกับเบ้หน้าถาม

"อือ" สดายุก็ตอบตามตรง (แบบไม่มีรักษาน้ำใจ)

คำตอบแบบนั้นเล่นเอาดนัยถึงกับจุก ชายหนุ่มเบะปากเบ้หน้าจนแก้มแดงปากแดง เพราะเป็นคนที่ผิวขาวจัดอยู่เป็นทุน พอรวมเข้ากับ ผมหยักศกที่กำลังฟูฟ่องจากลมทะเลแล้ว ทำให้ดนัยยิ่งดูไม่จืด ราวกับเด็กโข่งเลยทีเดียว

“เอ้าๆ มัวแต่ร้อง แล้วฉันจะจำได้สักทีไหมล่ะ? ว่าเราเคยไปสนิทกันตอนไหน?” สดายุไม่แคร์เลยว่าดนัยจะเรียกร้องความเห็นใจยังไง แถมนอกจากจะทำหน้าตายใส่แล้ว ยังอุตส่าห์จะถามคำถามแทงใจแทนการปลุกปลอบอีกด้วย

“...ชิ...เราอ่ะเคยเล่นหนังเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ด้วยกัน ฉันเป็นพระรอง นายเป็นพระเอก เข้าบทกันตั้งเยอะตั้งแยะ ลืมเฉยเลยอ่ะ ใช่ซี้คนอย่างดนัยมันไม่สำคัญ ฮึ!” เล่าไป บ่นไป งอนไป ดูน่าชังมากกว่าน่ารักในสายตาของสดายุแบบสุดๆ

“ไอ้เรื่องเคยเล่นละครด้วยกันน่ะ ฉันรู้อยู่แล้ว นายเคยบอกฉันตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วไง แต่ฉันเห็นนายคอยช่วยฉันอยู่ตลอดเลย เรื่องนั้นเรื่องนี้ เลย นายใจดีกับคนที่เล่นละครด้วยทุกคนแบบนี้เลยเหรอ? แค่สงสัยน่ะ”

“เอาเห๊อะ...จำไม่ได้ก็ตามใจ รื้อความทรงจำให้ก็ด๊ะ...”

“ก็เล่ามาสิ ยึกยักอยู่นั่น เดี๋ยวก็ไม่ฟังซะเลย”

“ก็นายใจดี นายเคยช่วยฉันไว้ ฉันก็เลยอยากตอบแทน...” คำบอกเล่าที่คาดไม่ถึงทำสดายุขมวดคิ้วมุ่น ‘ใจดี’ ไปทำด้วยตอนไหนกันนะ?

“ไม่เห็นจะจำได้... รู้สึกตอนที่เล่นเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ฉันก็ดังแล้วนะ แถมยังโคตรหยิ่ง โคตรจะเลว โคตรจะเหลวไหล เป็นพระเอกที่ไม่ว่าใครก็ระอา...ตอนนั้นถือว่าเป็นจุดพีคของฉันเลยมั้ง แล้วฉันไปใจดีกับนายตอนไหนกัน ไม่ยักกะจำได้แฮะ...” สดายุบ่นไปพลางเกาคางครุ่นคิด

“ตอนนั้นฉันเพิ่งเข้าวงการมาจากการเป็นนายแบบ ฉันไม่มีเพื่อน แม้กระทั่งผู้จัดการส่วนตัวก็ต้องไปพ่วงกับคนอื่น ถ้าระดับท้อปส์มีนายเป็นตัวปัญหา ระดับรากหญ้าก็ไม่แคล้วฉันนี่แหละ...”

“จริงง่ะ ไม่เห็นเคยได้ข่าว”

“เคยสนใจคนอื่นด้วยเหรอคร๊าบ ระดับคุณสดายุช่วงพีคน่ะ หึหึ...”

“...เออ...มันก็จริงแหละนะ ตอนนั้นแค่เรื่องตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว ฉันเลยไม่สนใคร”

“ฮะฮะ...เพราะเพิ่งย้ายมาจากวงการนายแบบ การแสดงของฉันเลยถือว่ากากสุดๆ ในช่วงนั้น แต่เพราะหน้าตาดี และมีกระแสความนิยมจากแฟนละครสาวๆเยอะ เลยได้เล่นบทเด่นๆ บ้าง อย่างเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ก็ได้เล่นเป็นถึงพระรอง ทั้งที่ฝีมือไม่ถึง ช่วงนั้นเลยโดนเขม่นหน้าดู ทั้งโดนแขวะ โดนแกล้งจากไอ้พวกหน้าเก่าอยู่นานแต่ความนิยมต่ำ...”

“อือ...ก็พอจะเข้าใจอยู่ล่ะนะ คนพวกนั้นอยู่กันจนแทบจะล้นวงการ...”

“โคตรเครียดเหอะ ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่เห็นจะต้องไปใส่ใจ แต่พอโดนจี้หนักเข้า โดนสะกิดปมเดิมๆทุกวันเข้า ความอดทนของฉันมันก็ลดต่ำ และตอนนั้นแหละที่นายเข้ามา...นายโคตรเทวดาของฉันเลยนะขอบอก” ( ^ ^ )

“ตอนไหนวะ?...” ( -*- )

“ตอนนั้น...ตอนที่ฉันกำลังจะกระโดดถีบหน้าไอ้พวกตัวประกอบกากๆปากอยู่ไม่สุขบางคนอยู่ นายก็เข้ามาจับแขนฉันไว้ แล้วพูดกับฉันว่า ‘จะไปแลกทำไม? แตะต้องขยะก็มีแต่จะเหม็น’ คำเดียวอยู่เลยนะ เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งกอง ไอ้ตัวประกอบปากดีนั่นถึงกับหน้าแดงหน้าเขียวไปเลยทีเดียว โคตรสมน้ำหน้า" ดนัยเล่าออกมาด้วยสีหน้าแสดงความสะใจแบบไม่ปิดบัง

"...มีเหตุการณ์แบบนั้นด้วยเหรอ? จำไม่ด๊ายยยย!!" คราวนี้สดายุถึงกับต้องทึ้งหัวตัวเอง เพราะไม่สามารถมโนไปถึงในส่วนที่ดนัยกำลังเล่าได้เลย (ก็ตอนนั้นวีรกรรมเขาเยอะอ่ะ เยอะจนจำไม่ได้แล้วว่าทำอะไรลงไปบ้าง) และที่สำคัญ ตัวประกอบคนนั้นมันใครกันวะ?

“ฮ่าฮ่า....วันนั้นฉันโคตรทึ่งเลยนะเว้ย ตอนแรกก็มองว่านายเป็นพระเอกประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อเหมือนคนอื่นๆนั่นแหละ แต่หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยน พอได้ตั้งใจมองนายดีๆ ในที่สุดฉันก็ได้รู้ ว่าที่จริงแล้วนายเป็นคน ‘น่ารัก’ กว่าที่เห็นจากภายนอก...” ท้ายประโยคดนัยพูดพร้อมหันมาสบตากับสดายุด้วยสายตาที่ทำให้คนถูกมองอดใจสั่นไม่ได้

“.....ปากหวานเกิ๊น...หึหึ” แต่เพียงครู่สดายุก็ยิ้มออกมา ตอบรับรอยยิ้มของดนัยด้วยไม่ตรี เพราะสัมผัสได้ว่ารอยยิ้มนั้นบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรแอบแฝง

“ก็ฉันคิดแบบนั้นจริงๆนะ เพราะนอกจากนายจะช่วยเบรกฉันแล้ว หลังจากนั้นนายยังช่วยสอนการแสดงฉันหลายๆอย่างอีก ทั้งเรื่องอารมณ์ของบท เรื่องมุมกล้อง แม้แต่ตอนที่ฉันเข้าฉากแล้วลืมบท นายยังช่วยกลบเกลื่อนให้แบบเนียนๆเลย ละครเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ทำให้ฉันได้เกิดเป็นจริงเป็นจังเลยนะ แม้นายจะไม่ค่อยสนใจฉันสักเท่าไหร่ ไม่คุยเล่น หรือทักทาย แต่ทุกครั้งที่ฉันมีปัญหา คนที่ฉันจะเห็น คนที่คอยช่วยฉันก็คือนานเสมอ บอกตรงๆฉันศรัทธานายโคตรๆ...แม้ว่าเราจะไม่ได้สนิทกัน หรือแม้ว่าหลังจากเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ปิดกล้องแล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีกก็เถอะ แต่ฉันก็ยังนับถือนายเสมอนะ...”

คำสารภาพสรรเสริญยาวเหยียดที่ดนัยพูดออกมานั้นทุกคำเต็มไปด้วยความจริงใจ ไม่มีโกหกเลยแม้เพียงคำ คนฟังอย่างสดายุก็ได้แต่อึ้งๆ คนอย่างเขาทำอะไรตามใจ และไม่เคยสนว่าใครจะเห็นเป็นยังไง ไม่คิดเลยว่าครั้งหนึ่งคนอย่างเขาจะเคยสร้างความประทับใจให้คนอื่นได้ด้วย

“ก็คงมีแต่นายล่ะมั้ง ที่เห็นฉันเป็นคนดี” สดายุว่าแก้เก้อ พลางเกาท้ายทอยเขินๆ

“ฉันว่าไม่หรอก ยังมีอีกหลายคนเลยล่ะที่โดนนายช่วยไว้ โดยที่นายเองก็ไม่รู้ตัว คนที่รักนายในวงการนี้ยังมีอีกหลายคน เชื่อฉันเหอะ”

“เอ้อ...พอเห๊อะ ยิ่งฟังยิ่ง.......นายพูดถึงใครวะเนี่ย?....”

“ฮั่นแน่...เขินเหรอ หุหุ”

“เออๆ ไม่อยากรู้เรื่องฉันแล้ว พอๆ เอาเป็นว่าหลังจากนั้นนายก็เก่งขึ้นจนโดนใจเจ้ประธานใหญ่เข้าแล้วเลยโดนส่งไปอยู่เมืองนอกเลยสินะ จำได้ว่านายหายไปเลยหลังจากปิดกล้องเรื่อง ‘เรือนแก้ว’ ได้ไม่นาน”

สดายุรีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่ตัวเขาจะลอยออกทะเลไปเสียก่อน เพราะถึงเขาจะนิ่งๆซึน แต่ก็เขินเป็นเหมือนกันนะเล่นโดนชื่นชมซึ่งหน้าแบบไม่คุ้นเคยแบบนี้ ถึงจะระดับสดายุก็ถึงกับไปไม่เป็นเช่นกัน

"ใครบอกล่ะว่าถูกส่งไปเพราะเก่ง ถูกส่งไปดัดสันดานต่างหาก บอกแล้วไงว่าถ้านายเป็นตัวท้อปเจ้าปัญหา ฉันก็กากเจ้าปัญหาเหมือนกัน คงเคยได้ยินมาว่าฉันเป็นเด็กปั้นท่านประธานใช่มะ ขนาดถูกส่งไปโด่งไปดังถึงต่างแดน..." ดนัยเล่าออ

กมาให้สดายุฟังอย่างไม่มีปกปิด

"ทำไมเขาทำแบบนั้นกับนาย? แล้วนายก็ยังอุตส่าห์ยอมไปนะ"

"ฉันยอมไปเองน่ะ"

"...ทำไม?"

"เบื่อๆน่ะ หลังจากที่ไม่ได้เจอนายอีก ฉันตอนนั้นก็ค่อนข้างจะกร่างขึ้นนิดหน่อย พอดีกับที่พ่อฉันค่อนข้างใหญ่ในแวดวงการเมือง ลูกคนเล็กอย่างฉันเลยโดนสปอล์ยนิดหน่อย ช่วงนั้นใครคนไหนกล้าหาเรื่องฉัน ฉันส่งสายไปสืบเรื่องเน่าๆของพวกมันทั้งหมด แล้วเก็บมาเล่นงานจนไม่สามารถมีหน้าอยู่ต่อ ถ้ายังด้านหรือจะสู้ ลูกน้องฉันเป็นโขยง...พร้อมลุย..."

"..........." ดนัยเล่าไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่งปกติ แต่เนื้อหาแสนหนักทำสดายุอึ้งไปเล็กน้อย

"หนักเข้า เจ้เสน่ห์จันทร์เลยเรียกฉันคุยพร้อมขอร้องว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้หยุด ซึ่งมันยาก เพราะตราบใดพวกมันยังไม่หยุดหาเรื่องฉัน ฉันก็คงนิ่งไม่ได้ แถมฉันยังไปรู้ข่าวสุดยอดของคุณหนูชิดจันทร์ลูกเจ้แกอีก เจ้เลยพยายามผลักฉันออกจากวงการใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรมากเพราะกลัวอิทธิพลพ่อฉัน สุดท้ายเจ้เลยยื่นข้อเสนอให้ฉันลองไปชิมลางงานแสดงที่ต่างประเทศดู และที่นั่นก็เป็นบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับเราอยู่ ฉันเห็นว่ามันก็น่าสนุกดี เพราะฉันเองก็โคตรจะเบื่อไอ้คนในวงการบ้านเราจะแย่ โดนเจ้แกกล่อมไม่นาน สุดท้ายฉันก็ยอมไป...ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็ได้ขึ้นทำเนียบเด็กปั้นของท่านประธานคู่กับพี่เมธ...โก้สุดๆ"

"...แล้วจากนั้น นายเป็นไงบ้าง ที่นั่น..?"

"นรกสุดๆอ่ะ แรกๆนะโคตรคิดถึงพ่อเลย เลือดตาแทบกระเด็น หึหึ แต่ตอนนี้อยู่ตัวแล้วล่ะ ผ่านช่วงรับน้องมาได้ ทุกอย่างก็โอเคขึ้นล่ะนะ"

ดนัยเล่าไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องขำๆในชีวิต สดายุเองก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการยื่นมือไปตบไหล่อีกฝ่ายแบบไม่เบานัก

"อย่ายิ้มตอนเล่าเรื่องแบบนี้น่า ขนลุกชะมัด" เพื่อดึงบรรยากาศหน่วงๆให้เบาขึ้น สดายุจำต้องแขวะออกไปเบาๆเพื่อผ่อนคลาย

ได้ยินแบบนั้นดนัยก็ถึงกับหัวเราะร่า

สองหนุ่มยังคงนั่งคุยอยู่ที่เดิมเรื่อยเปื่อย อาศัยเพียงไฟดวงน้อยตรงหน้าโรงแรมที่ส่องสว่างให้พอให้ได้เห็นหน้ากันรางๆ เสียงคลื่นแว่วๆชวนสงบทั้งท้องทะเลสีดำเวิ้งว้างก็ชวนให้ผ่อนคลาย...มืดแบบนี้แหละดีแล้ว มืดเพื่อให้ได้พักออมแรง รอรับแสงอรุณรุ่งและพลังอันร้อนแรงของวันต่อไป

ตีสี่นิดๆ ในที่สุดกฤตเมธก็มาถึง ชายหนุ่มโทรเข้ามาถามชื่อโรงแรมกับห้องพักครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 15 นาทีที่แล้ว และเพียงอึดใจก็ปรากฏตัวเป็นๆมาให้เห็น ดูท่ากฤตเมธจะสบายใจขึ้นเล็กน้อยที่เห็นว่าดนัยกับสดายุไม่ได้อยู่ในห้องด้วยกันแค่สองต่อสอง และแม้ตรงที่ลับตาคนหน้าหาดแบบนี้เขาเองก็ไม่ถูกจริตนัก แต่พอคิดว่ามันดีกว่าห้องที่มีเตียงคิงไซส์เป็นองค์ประกอบ ชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา...

"ยุ..." เสียงทุ้มเอ่ยเรียกให้คนที่ตนเฝ้าคำนึงได้หันมาสบตา

"โอ๊ะ มาเร็วแฮะ" ดนัยอุทานขึ้นเมื่อเห็นกฤตเมธเดินออกมาจากบันไดโรงแรม จำได้ว่าสดายุเปิดมือถือตอนตีสองครึ่ง นี่เพิ่งจะตีสี่พี่เมธของเขาก็มาถึงแล้ว เหยียบมาเท่าไหร่เนี่ย...

"...ยุ.." เสียงทุ้มน่าฟังยังคงเรียกย้ำ แต่ดูเหมือนเจ้าของชื่อจะยังไม่มีทีท่าว่าจะหัน สดายุยังคงนั่งเหม่อมองท้องทะเลนิ่ง

ท่าทีแบบนั้นยิ่งทำให้กฤตเมธหน้าเสีย

ดนัยที่อยู่ตรงกลางก็...ชักจะหน้าเสียไปด้วย 'จะเล่นตัวทำไมอีกเนี่ย พ่อคู้ณ...'

"...ยุ ผมขอโทษ" กฤตเมธเดินมาหยุดอยู่ใกล้ (ใกล้ดนัยจนเจ้าตัวยังเสียวใส้เล็กๆ อย่าเตะผมนะพี่เมธ...) เอ่ยขอโทษสดายุออกไปเบาๆ และนั่นคงเป็นคำที่สดายุรอคอย เพราะในที่สุดคนที่นั่งนิ่งเล่นตัวไม่เลิกก็ขยับหันมอง

ร่างบอบบางของสดายุค่อยๆลุกขึ้นเดินเข้าใกล้กฤตเมธท่ามกลางการลุ้นระทึกของดนัยผู้ร่วมเหตุการณ์

กฤตเมธยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อสดายุเดินเข้าใกล้ สองมือแกร่งค่อยๆเอื้อมเข้าหาคนรักตรงหน้าหวังคว้าเข้าอ้อมกอดให้หายคิดถึง ใจหายเหลือเกินที่จู่ๆก็ติดต่อไม่ได้หลังเผลอทำร้ายจิตใจไปตอนเย็น แต่เรื่องนั้นเขาอธิบายได้ แค่สดายุให้โอกาส ตอนนี้ขอแค่ได้โอบกอดร่างบอบบางนี่อีกสักครั้งก่อน ให้จิตใจที่ร้อนรุ่มได้สงบลงสักนิด...

ผลั่ก!!

"...!!!?"

"!!!!??"

บรรยากาศหวานๆที่ใครๆจินตนาการสลายไปพลันพร้อมกับหมัดหนักๆที่เสยเข้าโหนกแก้มของกฤตเมธแบบไม่มียั้งแรง ร่างหนาถึงกับเซถอยหลังไปสองก้าวด้วยเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ฝ่ายดนัยถึงกับนั่นตาโต อ้าปากค้าง เพระคาดไม่ถึงว่าคนที่นั่งยิ้มน้อยิ้มใหญ่กับคลิปข่าวอยู่เมื่อครู่นั้น พอเจอตัวจริงดันต่อยออกไปซะสุดแรงกล้าม...

สดายุยังคงหน้านิ่ง

กฤตเมธที่มุมปากเริ่มขึ้นรอยช้ำเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง เพื่อรอรับการลงฑัณฑ์ที่อาจจะมีเสริมมาอีกสักหมัดสองหมัด


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 05-10-2014 22:31:11
หมับ...

ทว่าคราวนี้การลงฑัณฑ์ช่างเป็นฑัณฑ์แสนหวานที่มาพร้อมอ้อมกอดอุ่น สดายุโผเข้ากอดกฤตเมธเต็มรัก โหนตัวขึ้นคล้องคอคนสูงกว่าให้ลงมาสู่อ้อมแขน

"ยุ..."

"สมน้ำหน้า เล่นตัวดีนัก..."

ก่อนที่กฤตเมธจะได้เอ่ยคำใดๆ ก็ถูกสดายุดักทางเอาไว้เสียก่อน

"ทำผมคิดเองเออเองไปคนเดียว เพราะกลัวคุณจะเข้าข้างท่านประธานจนทิ้งคำสัญญากับผมไปอีก จะทำอะไรก็ไม่ยอมปริปากบอกผมสักคำ! โดนแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ!!"

คำปรามาสที่สดายุต่อว่าออกมานั้นกฤตเมธยอมรับมันทุกถ้อยทุกคำ คนปากหนักจนน่าตบอย่างเขา สมควรแล้วที่จะโดนโกรธเอาแบบนี้...

"ขอโทษนะยุ...ผมขอโทษ ผมแค่ไม่อยากให้ยุต้องทะเลาะกับท่านประธานก็เท่านั้น เลยให้ยุกลับมารอที่บ้านก่อน...ไม่นึกว่ามันจะทำให้ยุเจ็บปวดขนาดนี้..."

"คิดตื้นๆ...สถานการณ์ขนาดนั้นจะให้ผมเย็นอยู่ไหวเหรอ?" คำแก้ตัวไม่มีผลใดๆ สุดท้ายกฤตเมธก็ยังโดนสดายุต่อว่าอยู่ดี และชายหนุ่มก็ไม่มำแก้ตัวใดๆอีก

"...ขอโทษ"

"ไม่ยกโทษให้...เงียบไปเลย"

สดายุพูดแค่นั้นแล้วกระชับอ้อมแขนตัวเองแน่นขึ้น ยุติการสนทนาทั้งหมด

กฤตเมธยิ้มแล้วกระชับรัดร่างสดายุแน่นขึ้น ซุกใบหน้าลงบนไหล่บางที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆผ่อนคลาย ทั้งสองกอดกันนิ่งท่ามกลางบรรยากาศหวานๆริมชายหาดซึมซับความอบอุ่นของร่างกายของกันและกัน ราวกับห่างกันมานานแสนนาน...คิดถึงเหลือเกิน

"เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างเธอคอยดูแล อยู่เมื่อเธอเหงาใจ
เป็นเพียงคนหนึ่งที่เธอเห็นแล้วผ่านไป เธอจะรู้หรือเปล่า

ในใจมีเธอทำเพื่อเธอเพียงคนเดียว แต่ก็เท่านั้นเอง
เป็นลมเบาๆที่เธอนั้นไม่เคยเห็น เธอไม่เคยมองดูที่ฉัน


ไม่ได้ขอให้เธอมารัก ไม่เคยขอให้เธอห่วงใย
แค่อยากรู้เรื่องที่ค้างในใจ อยากๆจะถามเธอ

ถ้าคนอย่างฉันตายจากไป..."

"ไอ้ดนัย!!"

สุดทนจนกฤตเมธถึงกับต้องตะโกนห้าม เพราะดนัยดันร้องเพลงขัดบรรยากาศหวานๆของทั้งคู่ซะจนหมด ดนัยได้แต่ทำหน้าเป็นใส่รุ่นพี่คนสนิท ก็ช่วยไม่ได้นี่ในเมื่อเขากลายเป็นอากาศไปเรียบร้อยหลังจากคู่รักเจอกัน ทำเอาแอบหงุดหงิดจนต้องร้องเพลงเรียกร้องความสนใจเสียหน่อย...

และก็ได้มาครบ ทั้งเสียด่าของกฤตเมธ ทั้งเสียงสียงหัวเราะถูกใจของสดายุ เอ้อ...เขามันก็แค่ทิชชู่ เช็ดๆแล้วทิ้ง!!

*

*

*

*

*

คืนนั้นกฤตเมธก็เปิดอีกห้องเพื่อพักที่หัวหินด้วย แน่นอนว่านอนด้วยกันกับสดายุ แล้วดนัยก็ถูกปล่อยโดดเดี่ยว ถึงดนัยจะบ่าแล้วบ่นอีกก็ไม่แคล้วต้อนนอนคนเดียวอยู่วันยังค่ำ...

"...อืออ...พี่เมธ..อ...อย่า..."

"หอมจังครับยุ...หอมไปทั้งตัว..."

"...พ...พอแล้ว...ยุเหนื่อย..."

"แค่รอบเดียวเองนะ..."

"อื้อ...ตาแก่ลามก!"

เสียงเสน่หาระหว่างสองคนที่กำลังปรับความเข้าใจกันอย่างเคร่งเครียด ทำบรรยากาศในห้องอวลอายไปด้วยความเร่าร้อน กว่าจะเย็นลงได้ก็หลังจากนี้ไปอีกเป็นชั่วโมง...

"นี่คุณ...คุณออกไปให้สัมภาษณ์แบบนั้นได้ยังไง? เจ้ประธานเขาไม่ฉีกอกเอาเหรอ?" หลังกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ลดความร้อนระอุลง สองร่างที่ยังคงกอดก่ายกระซิบคุยกันเบาๆ โดยสดายุเอ่ยตั้งคำถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก่อน เพราะคาใจเหลือเกินว่าทำไมกฤตเมธถึงให้สัมภาษณ์ในเชิงนั้นออกไปได้ ในเมื่อก่อนที่เขาจะจากมา เสน่ห์จันทร์แทบจะอุดปากกฤตเมธแบบมิดชิด

"...เรียกพี่เมธก่อนสิ แล้วผมจะบอก" ถามเป็นเรื่องเป็นราวเป็นการเป็นงาน แต่คนตอบดันยียวน ขอโน่นขอนี่ พาลให้สะดายุที่ถูกกอดจากทางด้านหลังต้องหันไปจัดเสียสองเผียะ

"อย่าเยอะครับลุง นี่ซีเรียสอยู่นะ" แถมด้วยการดุคนแก่อีกนิดเป็นการปรามคนช่างอ้อน แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ระคายผิวกฤตเมธเท่าไหร่นัก เพราะชายหนุ่มยังสามารถยักคิ้วหลิ่วตาให้สดายุได้อยู่ ทั้งยังสามารถแซวต่อได้ด้วย

"แหม...เรียกพี่หน่อยสิครับ ขอชื่นใจก่อนไม่ได้เหรอ...ทีเมื่อกี้ยังพี่เมธจ๊ะ พี่เมธจ๊า...อยู่เลย...โอ้ยย!!!" คราวนี้เจอของจริง กฤตเมธร้องจ้าทันทีที่ถูกสดายุตะปบเข้าแผลเก่าตรงมุมปาก บิดๆบี้ๆพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน

"...ครับ...พี่เมธ เรียกพี่ก็ได้ครับ ว่าแต่พี่เมธคนดีจะบอกเรื่องที่ผมอยากรู้ได้หรือยัง?" จบคำถามเสียงเย็นเยียบ กฤตเมธก็ได้แต่พยักหน้าถี่ นับวันยิ่งดุจริงๆนะนางเอหของเขาเนี่ย

*

*

*

*

*

หลังจากสดายุผลุนผลันจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง กฤตเมธก็นึกยอกอยู่ในใจแล้วว่า จบจากเรื่องนี้ไป เขาคงต้องง้อสดายุเป็นการใหญ่แน่ๆ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องจัดการเร่งด่วนกว่า

นั่นคือ การเคลียร์กับเสน่ห์จันทร์

"เมธ เธอตกลงทำตามที่ฉันบอกใช่มั้ย ในที่สุดเธอก็เห็นแล้วสินะ ว่าอยู่ข้างฉันมันจะเป็นผลดีกว่า งั้น งั้นเดี๋ยวฉันให้คนไปประกาสยกเลิกการแถลงข่าววันนี้เลยนะ บอกว่าเธอไม่สะดวก และเรื่องที่จะออกสัมภาษณ์ก็เป็นแค่เรื่องเหลวไหล ไม่สิ เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่า...."

เสน่จันทร์เร่งเร้ารนลาน จนกฤตเมธต้องถอนหายใจยาว เพื่อตั้งสติ เขาไม่เคยเห็นเสน่ห์จันทร์เป็นขนาดนี้มาก่อน จจริงเขาก็อยากช่วย ถ้าไม่ใล่เรื่องที่เกี่ยวพันกับสดายุล่ะก็เขาช่วยเต็มที่อยู่แล้ว...แต่ยกเว้นเรื่องนี้ เขาคงให้ไม่ได้จริงๆ

"ท่านประธานครับ...ผมขอโทษ ผมคงทำตามที่ท่านว่าไม่ได้ ผม...จะต้องออกไปแถลงข่าว ถึงความจริงทุกอย่างระหว่างผมและชิดจันทร์..." กฤตเมธตอบออกไปจริงจัง และไม่มีทีท่าว่าจะคล้อยตามเสน่ห์จันทร์แม้แต่น้อย

"ทำไมล่ะเมธ...ทุกทีเธอก็ยอมเงียบไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ขออะไรมากเลยนะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว..." เสน่ห์จันทร์พยายามต่อรอง ร่างบอบบางของหล่อนแทบจะทรุดลงพื้นเสียให้ได้

"...ขอโทษจริงๆครับ แต่ผมไม่อาจโกหกได้อีกต่อไป ผมไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว..."

"...มันใช่มั้ย? เพราะสดายุใช่มั้ย ที่ทำให้เมธกล้าทำแบบนี้กับฉัน มันคงไปเป่าหูเธอให้ทำแบบนี้สินะ! มันเป็นคนไม่ดี เมธก็รู้...แล้วทำไมถึงยังยอมให้มันอยู่ข้างกาย ถ้าเป็นเพราะเรื่องหนัง เดี๋ยวฉันเปลี่ยนบทให้นะ...เอามันไปให้พ้นๆ..."

"ยุไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นครับ! เรื่องทั้งหมดผมเป็นคนตัดสินใจเอง คุณเสน่ห์จันทร์ โปรดคิดดูดีๆเถอะครับ เรื่องที่ชิดจันทร์ทำลงไป ผมสามารถแจ้งความได้เลยนะ...นี่ผมเห็นแก่คุณ เลยไม่ทำอะไรผลีผลาม อีกอย่าง ชิดจันทร์เธอไม่ได้รักผมเลยแม้แต่นิด เธอทำแบบนี้เพื่อเหตุผลอะไรผมไม่ทราบ แต่ถ้าทำเพื่อทำลายชื่อเสียงของผมล่ะก็ วันนี้เธอก็ทำสำเร็จแล้วครับ การออกไปแถลงข่าวครั้งนี้ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ผมก็มีแต่เสียกับเสียอยู่แล้ว...และผมก็ยินดี"

"...แต่...แต่เธอไล่มันไป..."

"ผมให้เขากลับไปก่อน เพราะไม่ต้องการให้คุณกดดันเขา อย่างที่เคยทำ ผมไม่อยากให้เขาต้องมารู้สึกสะเทือนใจอะไรในสิ่งที่คุณพยายามยัดเยียดให้ ถ้าเขายังอยู่คุณก็จะพุ่งเป้าแต่ทำร้ายเขา แล้วเราก็จะไม่ได้คุยกัน"

"เมธ...นี่เธอเห็นมันดีกว่าฉัน..."

"ผมแค่รักเขาครับ ผมแค่อยากปกป้องคนที่ผมรัก ส่วนคุณผมยังเคารพคุณเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน สิ่งที่คุณเคยทำให้ มันยังคงเป็นสิ่งมีค่าของผมไม่เคยเปลี่ยน แต่มันคนละเรื่องกันอย่างสิ้นเชิงกับเรื่องที่ชิดจันทร์ทำเพราะฉะนั้นผมคงยุติการสัมภาษณ์ครั้งนี้ให้ไม่ได้หรอกครับ...ผมขอโทษ..."

"เมธ...ได้โปรด" จบคำกฤตเมธ เสน่ห์จันทร์ก็ได้แต่ทรุดกายลงตรงหน้าพระเอกหนุ่ม หล่อนรู้จักกฤตเมธมานาน หล่อนรู้ดีว่าแววตาแบบนี้ของกฤตเมธนั้นจริงจังขนาดไหน และรู้ดีแก่ใจเลยว่า ทำยังไงก็ไม่สามารถขวางกฤตเมธได้...

"คุณเสน่ห์จันทร์ครับ...ไม่รู้หรอกนะว่าระหว่างคุณกับชิดจันทร์มีปัญหาอะไรกันอยู่ แต่ผมว่าคุณไปลองเปิดใจคุยกันก่อนน่าจะดีกว่ามาให้ผมเลิกแถลงข่าวนะครับ ผม...จะไม่พาดพิงอะไรที่เกินเลยกับชิดจันทร์ แต่ก็จะว่าไปตามจริงในสิ่งที่เธอทำกับผม เรื่องที่ผิดก็ควรว่าไปตามผิด...คุณเคยสอนผมมาแบบนั้นเสมอมาไม่ใช่เหรอครับ ผมว่า...สิ่งเดียวที่คุณควรทำในตอนนี้ ก็คือ การคุยกับชิดจันทร์นะครับ ไม่ใช่กับผม..."

นั่นเป็นคำพูดสุดท้ายระหว่างกฤตเมธและเสน่ห์จันทร์ ก่อนที่ชายหนุ่มจะทิ้งร่างนั้นไว้กับพื้นอย่างโดดเดี่ยว แล้วออกมาให้สัมภาษณ์ตามที่ตนตั้งใจ

*

*

*

*

*

แต่เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนการสัมภาษณ์นั้น กฤตเมธไม่ได้เล่าทั้งหมดให้สดายุฟัง บอกเพียงแค่ว่า ตัวเองยืนยันจะแถลงข่าว และสุดท้ายเสน่ห์จันทร์ก็ยอมให้ แม้ฝ่ายสดายุเองะยังคงติดใจสงสัยอยู่บ้าง แต่พอเห็นว่ากฤตเมธต้องการจะบอกแค่นั้น เขาก็ไม่ได้คิดจะสาวความอะไรอีก แค่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้เอนเอียงตามเสน่ห์จันทร์แล้วยอมออกสัมภาษณ์ตามที่ตกลงกันเอาไว้ได้ แค่กฤตเมธรัษาสัญญาที่ให้กัน...แค่นี้เขาก็ใจชื้นมากแล้ว...

พอสบายใจ สดายุก็เริ่มง่วง วันนี้เขาเหนื่อยจากหลายๆอย่างมาเยอะ ทั้งเสียใจร้องไห้กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งเสียแรงเดินทางไกลมาถึงหัวหิน ทั้งเสียแรงโดนง้อหนักหน่วงจากคนไม่สำนึกผิดจริงจังอย่างกฤตเมธ...หลายๆอย่างพาอ่อนเพลีย ตอนนี้เลยขอพักสักนิด พรุ่งนี้ยังต้องตื่นให้ทันกลับไปถ่ายทำช่วงบ่ายอีก งานยังรอเขาอยู่...

พรุ่งนี้...ยังรอเขาอยู่

'พี่รักยุมากนะครับ...วันอาทิตย์นี้...ไปหาคุณแม่พี่กันนะ...ไปหาฤกษ์แต่งงานกัน..."

********************************

"...งานที่ฉันให้แกทำ เมื่อไหร่จะเริ่มสักทีห๊ะ บดินทร์ แกจะให้ฉันรอจนแก่เลยรึไง!?"

น้ำเสียงที่ปกติแสนหวานล้ำน่าฟัง ตอนนี้มันกลับแผดกร้าวน่าชิงชัง

บดินทร์จำใจรับสายของชิดจันทร์ย่างเสียไม่ได้ ถึงไม่อยากจะรับเท่าไหร่ ก็ไม่อาจฝืน เพราะหากทำเช่นนั้น ผลที่ตามมาย่อมไม่สวยงาม กล้ำกลืนฝืนทนจนแทบเป็นบ้า

"...ทำไมต้องเป็นสดายุ? คนที่คุณแค้น คือกฤตเมธ และแท้จริงแล้วคือท่านประธานแม่ของคุณไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงเล็งแต่จะทำร้ายสดายุ!?"

"อย่าเสือกน่า...สารแนไปแกก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร หุบปากแล้วทำตามที่ฉันสั่งซะ..."

"ให้ผมได้รู้เหตุผลสักหน่อยไม่ได้รึไง อย่างน้อยถ้าจะต้องติดคุก ผมจะได้รู้ที่มา...ว่าผมได้ทำเพื่อคุณ ให้คุณได้แก้แค้นในเรื่องอะไรบ้าง..."

"...หึ!ไม่ต้องมาปากหวานกับฉันหรอก แกทำเพื่อสิบล้านต่างหาก ชิ...ไอ้คนสารเลวขายเพื่อน หึหึ...แต่เอาเถอะ ฉันจะบอกให้เอาบุญก็ได้...ไอ้เมธน่ะ มันรักไอ้ยุจนจะเป็นจะตาย ขนาดดิ้นรนออกแถลงข่าวให้ได้ หึ! เพราะฉะนั้น การทำร้ายมันก็เท่ากับทำร้ายหัวใจของไอ้เมธ ให้หัวใจมันแตกสลายไปซะ...แล้วถ้าไอ้เมธมันเจ็บ มีเหรอที่แม่ฉันที่เทิดทูนมันอย่างลูกในใส้จะอยู่เฉย คงเจ็บทุรนทุรายไม่ต่างกันหรอก...หึหึ แค่คิดฉันก็สะใจจะแย่ แกเองก็รีบลงมือได้แล้ว!"

"...คุณแน่ใจเหรอ? ว่าท่านประธานจะเจ็บปวดเพราะกฤตเมธ? แน่ใจเหรอว่าวิธีนี้จะได้ผล...สดายุ ก็แค่..."

"หุบปากแล้วทำตามที่ฉันสั่ง!! อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่าแกยังรู้สึกเห็นใจไอ้สดายุมันอยู่! แกจำไว้เลย ว่าถ้าภายในอาทิตย์นี้ไอ้ยุยังอยู่ดีมีสุขอยู่ละก็ แกกับครอบครัวของแก เตรียมเงินสิบล้านไว้คืนเพื่อนฉันได้เลย บอกไว้ก่อนนะ ว่าเพื่อนฉันไม่ได้ใจดีเหมือนฉันหรอก เวลามันเอาจริงขึ้นมา พวกแก...ตายยกครัวแน่!"

"เรื่องนี้เป็นเรื่องของผมคนเดียว ทำไมต้องเอาครอบครัวผมไปเกี่ยว!? เราตัดขาดกันมานานแล้ว..."

"ฉันไม่สนหรอก! นั่นมันเรื่องของแก!! เลือกเอาแล้วกันว่าจะเลือกชีวิตไอ้สดายุ หรือครอบครัว!!?"

**********************************

ตอนหน้า...จะเกิดอะไรขึ้นบ้างนะ!?

ขอบคุณทุกคอมเม้นเลยนะคะที่เป็นกำลังใจให้

วันนี้ลงกับมือถือค่ะ อาจย่ำแย่ไปหน่อย เดี๋ยวค่อยไปแก้ให้พรุ่งนี้นะคะ

ตอนหลังจากนี้ไปจะเข้มข้นขึ้นอีกหน่อย

และตอนจบจะมีดราม่าของเหล่าตัวร้ายเล็กน้อย

อดทนติดตามกันต่อไปจนจบนะคะ please!!

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 05-10-2014 22:41:56
มาจิ้มก่อนอีกแล้ววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-10-2014 22:52:18
ชักห่วงบดินทร์แล้วสิ  :mew5:  ซ้ายก็เสือ (ยัยชิด) ขวาก็กระทิง (ดนัย)  มาเฟียทั้งนั้นน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 05-10-2014 23:03:48
ตกแล้วยังจะเหยียบตัวเองให้ตกกว่าเดิม
ถ้าพลาดมานี่นอกจากจะเละแล้วยังโดนเหยียบซ้ำแหงๆเลย
 :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: O0PiCo0O ที่ 05-10-2014 23:04:09
อ่าาา นับวันน้องยุยิ่งน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆๆนะฮะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 05-10-2014 23:11:33
สงสารดินทร์อ่ะ
คนแต่งจับนางหนูลูกชิดใส่ไหถ่วงน้ำที เบื่อนาง สร้างแต่งเรื่อง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 05-10-2014 23:14:14
ขอเม้นต์อีกรอบ ทำไมยังยุ่งกับยุอีกน่ะ ฉันอุตสาห์คิดว่าหล่อนน่าสงสาร ตอนนี้บ้าทั้งแม่บ้าทั้งลูกแล้ว :angry2:
เค้าเป็นห่วงยุอ่ะ :mew2:
ส่วนไอ้ดิน ไม่ว่ายังไงแกก็ยังเลวเกินคำบรรยายในสายตาฉันอยู่ดี :3125: :m16: :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 05-10-2014 23:16:20
ขอให้อย่ามีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับน้องยุเลย  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 05-10-2014 23:18:34
บดินทร์โปรดจงไปขอให้ดนัยช่วย เราว่าได้นะ555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 05-10-2014 23:25:00
รู้สึกสงสารบดินทร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 05-10-2014 23:30:25
มีแต่เรื่องปวดประสาทค่าาาาาาา  :m31:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 05-10-2014 23:32:17
สงสารบดินทร์ จะทำยังไงกันนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 05-10-2014 23:33:39
อยากทำร้ายแม่... เชือดข้อมือตัวเองก็ได้แล้วอิหนูเอ๊ยยย  :เฮ้อ:

งานนี้อนาถใจทั้งสองจันทร์ ไม่เก็ท... คือถ้าชิดท้อง แล้วขอร้องด้วย ขุ่นแม่จะยังแจ้งจับฝาชีลูกทำไมง่ะ คือไม่เคยได้อยู่ด้วย เกิดอะไรขึ้นบ้างไม่เคยรู้ แล้วมามโนเอง จัดการเองคือไม่ใช่นะ แล้วพออาม่าไม่อยู่แล้ว หมดคนขัดขวาง ทำไมไม่ไปหาลูกอ่ะ... ทำไมปล่อยให้ทุกอย่างมันกลายมาเป็นแบบนี้ แล้วตัวชิดเอง ทำไมไม่พูด... แต่จะว่าไป สภาพแวดล้อมมันก็ไม่อำนวยให้เข้าใจกันได้ล่ะนะ เหมือนต่างฝ่ายต่างมโน แล้วรอ... รออยู่เฉยๆ รอ...จนกลายเป็นแบบนี้ (แต่อิพ่อกะครอบครัวแม่เลี้ยงควรได้รับโทษนะ คือเคืองง่ะ...)

ส่วนอิดินนี่ก็อนาถไปอีกแบบ ทั้งเรื่องนี้พ่อยอดชายนายพระเอกแลจะมีชีวิตที่ซอร์ฟสุดล่ะ 555

รอตอนต่อปายยยยย  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 05-10-2014 23:41:34
บดินทร์ นายนี่มัน.....อนาถสุดแล้ว
ไม่ทำก็ไม่ได้ (เจอนางชิด)
ทำก็ไม่ได้ (เจอดนัย)
จะหนีก็ไม่ได้ (ครอบครัวเป็นตัวประกัน)
ไม่หนีก็ต้องทำ (เฮ้อ...!)

เอาใจช่วยน้าาา สงสารเบาๆ
คู่นี้ฮาร์ดคอ แน่นอน
เตรียมทิชชู่ซับน้ำตาล่วงหน้ารอ 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 05-10-2014 23:46:04
ตอนหน้าจงๆๆ บดินน่าสงสารขึ้นเรื่อยๆแล้ว 55
ยุตอนเขินดับดนัยน่ารักอ่า คิคิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-10-2014 00:27:10
คงจะไม่ร้ายมากหรอกนะ อย่าต้องเจ้บเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Mississippi ที่ 06-10-2014 00:34:26
ขอต้อนรับพี่เมธเข้าสู่สมาคมเกลียมัว อิอิ :hao7:

ปล คุณน้องดนัยไปช่วยบดินทร์ด่วนๆค่ะ ว้ากกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 06-10-2014 00:52:21
ลองมีแฟนเป็นมาเฟียดนัยมั้ยละ บดินทร์
สามารถต่อรองกับชิดจันทร์และผองเพื่นได้แน่ๆ เชื่อสิ

พี่เมธหวานอ่ะ ออกสื่อขนาดนี้
ยุไม่รักยังไงไหว ว๊าวๆๆๆ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 06-10-2014 01:29:32
เอ้า ดนัยมาเก็บบดินทร์ไปด่วน ช่วยกักขังให้ยัยแอบจันทร์ติดต่อไม่ได้ทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 06-10-2014 02:00:43
ขอบคุณพี่เมธที่ทำเพื่อน้องยุ
แต่ตอนนี้สงสสารบดินทร์ โอ้ยยยยย
ดนัยช่วยบดินทร์หน่อยได้มั้ย
ส่วนชิดจันทร์จะบ้าไปถึงไหน หยุดทำร้ายคนอื่นเพราะเรื่องตัวเองสักทีเถอะโว้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 06-10-2014 02:40:33
แอบสงสารบดินทร์

เมื่อไหร่จะพ้นๆจากชะนีโรคจิตนี้ซะทีนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 06-10-2014 06:23:53
ถึงจะเคยเกลียดบดินทร์แค่ไหน ตอนนี้สงสารรร :hao5:
แนะนำให้โทรไปพูดกับพี่เมธนะ เอ๊ะ! หรือว่าดนัยดี
รอตอนต่อไปปปปปปปป :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 06-10-2014 06:55:02
อืม...ดราม่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 06-10-2014 07:12:00
ชิดจันทร์จะทำไรอีกเนี่ย - -
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 06-10-2014 09:09:11
มันเจ้มจ้นมาก ยิ่งกว่าละครที่ยุกับเมธแสดงอีก 55+ ชิดจันทร์ เธอมันนางมารร้ายมาก ๆ
ตุ๊กตาทองเอาไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 06-10-2014 09:27:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-10-2014 09:39:18
 :katai1: :katai1:ยัยบ้านี่ไม่ไหวล่ะ =_=

ยุ น่ารัก จังนาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 06-10-2014 09:49:47
เบื่อยัยชิดมาก รู้อยู่ว่าเคยผ่านอะไรมา มันก็น่าสงสารอยู่หรอก
แต่ก็ไม่ได้โกรธหญิงแม่เสน่ห์จันทร์นัก เพราะต่างก็มีภาวะจำยอม
และจำเป็นเพิ่มความจิ้นเองด้วยทำให้เรื่องมันเลวร้าย แต่สุดท้ายความแค้นและความโกรธดันไปลงกับคนอื่นนี่สิ มันผิดแบบให้อภัยไม่ได้  ทำคนนอกชิบหายด้วยเนี่ยแย่สุดๆ  ตั้งแต่ตอนที่แล้วและ
ก็เลยคิดว่านางชิดควรจะลงนรกแบบไม่ได้พุดได้เกิดเลยยิ่งดี
เพราะใจนางลึกๆแล้วมันแย่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 06-10-2014 11:25:57
ดนัยยย มาช่วยบดินทร์ด้วยยยย พลีสสส
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 06-10-2014 12:04:56
เบื่อชิดจันทร์มาก

ถึงนางจะเคยน่าสงสาร

แต่นั่นก็เป็นเรื่องของครอบครัว

ทำไม้ต้องหาเรื่องกับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง

และก็สงสารคนที่เคยพลาดอย่างบดินทร์

อยากให้บดินทร์เลือกทางที่ถูกให้ได้โดยไว

รอขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 06-10-2014 12:44:51
เอาชะนีแก่สองตัวมัดรวมกันถ่วงน้ำ

เรื่องราวคงสงบขึ้นเยอะนะ  :)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-10-2014 12:56:34
รำชิดจันทร์มากเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 06-10-2014 14:19:27
ยัยชิดจันทร์นี่เป็นเอามาก อยากแก้แค้นแม่แต่ไปลงกับคนอื่นซะอ้อมโลกเลย

แค่แกตายไปซะ จะง่ายกว่าไหม ไหนๆชีวิตนี้ก็ไม่น่าอยู่ๆแล้ว

และเสน่ห์จันทร์ จะได้เจ็บปวดสมใจไงหล่ะ

ชอบเฮียเมธกับน้องยุ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 06-10-2014 14:43:48
ดนัยช่วยบดินทร์ทีสิ ;----;)
อย่ายุ่งกับยุนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-10-2014 16:23:39
กดไลค์ดนัยจ้า
แหมๆ อุตส่าห์หอบหิ้วน้องยุมาให้พี่เมธง้อไกลถึงหัวหินเชียว
งานนี้พี่เมธเลยได้ง้อซะเปรมเลย..
แต่เริ่มเครียดกับตอนหน้าแทนเนี่ยสิไม่รู้ว่าชิดจันทร์จะให้บดินทร์ทำอะไรให้อีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 06-10-2014 16:59:08
บดินทร์แนะนำเอาตัวแลกกับดนัยเรื่องจะดีงามขึ้น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 06-10-2014 18:58:41
ยังระรานกันไม่หยุดสินะคุณชิดจันทร์
เง้ออ เห็นแบบนี้แล้วสงสารไม่ออกแฮะ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะค้าาาา กอดสามที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 06-10-2014 19:17:47
ดีใจที่ทั้งคู่เข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 06-10-2014 19:19:20
นางยังคงร้ายกาจเหมือนเดิมเลย อ๊ายยยยย น้องยุจะแรอดพ้นนางมั้ยเนี่ย สู้ๆนะลูก :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-10-2014 20:38:38
โอ๊ยยย  นางยังจะไม่เลิกสินะ   :hao7:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: chanzx ที่ 06-10-2014 20:49:01
เพิ่งมาอ่าน
อ่านวันเดียวรวดเลย โฮกกกก
สนุกมากค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-10-2014 21:35:22
ง่ะ หนูยุบทหนักจริงๆ มีแววว่างานจะเข้าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 06-10-2014 22:01:00
นี่คุณหนูชิดจันทร์เมื่อไหร่จะเลิกรังควานคนอื่นเค้าซะที  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: quiicheh. ที่ 07-10-2014 00:36:29
ชิดจันทร์น่ารำคาญญญ
บดินน่าจะดัดหลังนางนะ
แต่เลวทั้งคู่เล้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: HKz Wings ที่ 07-10-2014 13:48:32
รออ่านคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 07-10-2014 14:51:37
ยังมีดราม่ากว่านี้อีกเหรอค่ะ TT^TT
สงสารยุจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 07-10-2014 21:33:31
จะบ้าตาย นางยังไม่สำนึกอีกหรือเนี่ย  งั้นขอให้นางชดใช้กรรมด้วยชีวิตของนางแล้วกัน

ถ้านางตายไปซะได้ก็ดี โลกใบนี้คงมีแต่สิ่งสวยงามมากขึ้น

คนแต่งช่วยทำให้ชิดจันทร์ได้รับผลกรรมที่ก่อไว้อย่างสาสมด้วยนะคะ

แม่ของนางด้วย เราจะไม่ยกโทษให้คนที่ทำร้ายน้องยุซ้ำๆซากๆ อีกต่อไปแล้ว

แต่บดินทร์น่าสงสารจังเลยแหะ ไม่อยากทำร้ายยุ แต่ก็โดนบีบบังคับ ดนัยอยู่ไหน มาช่วยหน่อยเร้ววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 07-10-2014 22:06:58
ดนัย+บดินทร์ จะได้เลิกมาม่ากัน
คุณหนูชิดจะได้เจอของแข็งบ้าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: maxiez2p ที่ 09-10-2014 01:50:14
หายป่วยแล้วหรอครับ
รักษาสุขภาพด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 09-10-2014 07:09:27
จะเกิดอะไรขึ้นกับยุเนี่ย
ขอให้ดนัยรู้แผนการร้ายๆนี้ทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 10-10-2014 20:23:23
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 41 ขอโทษ




"เฮ้อ...หนังเรื่องนี้มันอาถรรพ์รึเปล่าวะเนี่ย?"

เสียงผู้กำกับวัยกลางคนเปรยบ่นด้วยเสียงระโหย

"อีกไม่กี่ตอนก็จะปิดกล้องแล้วแท้ๆ...จะได้ฉายรึเปล่าน๊า..."

น้ำเสียงเหนื่อยใจยังไหลออกมาเป็นระยะระยะ ท่ามกลางกฤตเมธที่ยืนนิ่งหน้าตาเครียดขึงไม่ต่าง และสดายุที่นั่งกอดอกทอดดวงตามองพื้นครุ่นคิด บรรยากาศระหว่างสามคนดูตึงเครียด จนทีมงานและดาราตัวประกอบรอบข้างได้แต่นั่งลุ้น ตุ้มๆต่อมๆ

"ถึงจะเป็นหนังนอกกระแส แต่ก็เป็นหนังน้ำดี ถ้ามันจะไม่ได้ฉายก็น่าเสียดายไม่น้อยล่ะนะ"

"ขอโทษนะครับพี่อ๊อด ที่มันลงเอยแบบนี้ มันเป็นความเอาแต่ใจของผมเอง ที่ผลีผลามทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อน" กฤตเมธเอ่ยขอโทษ เพราะความหุนหันของเขา ทำให้เรื่องราวมันใหญ่โต

หลังจากการแถลงข่าวเมื่อวาน ตั้งแต่ตอนนั้นทั้งโลกโซเชียล ข่าวบันเทิง และสื่อสาขาต่างๆ ล้วนเผยแพร่การแถลงข่าวของเขาอย่างแพร่หลาย แน่นอนว่าเหล่านักเขียนข่าวก็ตีความกันไปหลากหลาย และมันก็ไม่ค่อยจะเป็นไปในทางที่ดีนัก ที่แน่ๆก็มีพูดกันว่ากฤตเมธแตกหักกับเสน่ห์จันทร์ในเรื่องผลประโยชน์ หรือการทำสัญญาค่าตัวที่ไม่ลงตัวนัก หรือมากกว่านั้นก็จะเป็นประเภทที่พูดในเชิง กะแล้วว่าต้องเลิก เพราะชิดจันทร์ยังเด็กเกินไป คงไม่ใช่แนวของพระเอกรุ่นใหญ่ ที่ทนคบมาเพราะต้องการผลประโยชน์จากแม่อย่างเสน่ห์จันทร์ และหรืออื่นๆ มีขนาดที่ว่า กฤตเมธเริ่มระหองระแหง ชิดจันทร์เลยวางแผนรวบรัด ภาพทีโรงแรมเลยหลุดออกมา แต่ฝ่ายชายไม่รับ....

แค่เรื่องนี้ก็คาวคลุ้งไปทั่วอยู่แล้ว ยังมีการขุดคุ้ยประเด็นคนรักคนใหม่อีก ที่เหยี่ยวข่าวแทบจะทุกสำนักพยายามตามกันว่า คนคนนั้นของกฤตเมะคือใคร?

บ้างก็เดาไปว่าเป็นคนนั้นคนนี้

บ้างก็ว่าเป็นน้องใหม่ในวงการอย่าง แตงกวาที่แสดงภาพยนตร์ร่วมกัน แต่ก็มีข่าวแย้งว่า แต่งกวาเป็นกิ๊กอยู่กับสดายุ และหรือ อาจกำลังมีศึกชิงนาง

แต่ก็มีบางข่าวที่วิเคราะห์ใกล้เคียงจนน่าตกใจ แล้วพอดูชื่อนักเขียนคอลัมน์ ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นคนคนเดียวกันกับที่เคยจะลงข่าวเรื่องที่กฤตเมธและสดายุอยู่ด้วยกัน แต่เพราะข่าวนั้นมันถูกสกัดเอาไว้เสียก่อนจึงยังเงียบมาจนตอนนี้ เจ้าของข่าวคงเห็นว่าสบโอกาส จึงกะจะลงข่าวนี้เรียกเรตติ้งใหม่ ทว่าด้วยเพราะไม่แน่ใจในความปลอดภัย เพราะยังไม่มีอะไรการันตีว่ากฤตเมธและเสน่ห์จันทร์แตกคอกันแล้วจริงๆ ทางนั้นจึงแค่ลงเป็นเปรยข่าว ไม่ได้เจาะลึกอย่างที่อยากทำ

แต่เพียงแค่นั้นก็ฮือฮากันไปในกลุ่มที่ได้เห็นได้อ่าน

'แท้จริงกฤตเมธเป็นเกย์'  หลายๆคนก็ถึงกับตบเข่าว่า 'กะแล้วเชียว' ผู้ชายอะไรจะดีงามสะอาดหมดจดจากเรื่องผู้หญิงได้ขนาดนั้น ที่แท้ก็เป็นเกย์ แอบซุกหนุ่มนี่เอง

แต่ถึงยังไงแฟนคลับอีกนับร้อยนับพัน ก็ยังคงช่วยกันปกป้อง

ความคลุมเครือเป็นเรื่องโอชะ ที่เหล่าเหยี่ยวข่าวต้องการกัดแทะกลืนกินไปจนถึงรากเหง้า

เรียกร้องว่าตน 'มีสิทธิ์ที่จะรู้' แล้วขุดคุ้ยราวกับสุนัขดมกลิ่น โดยไม่สนว่าเจ้าของเรื่องราวจะต้องการหรือไม่

ยิ่งเน่ายิ่งเหม็นยิ่งน่าค้นหาสำหรับคนเหล่านั้น ที่อ้างว่า เหล่าดาราคือบุคคลสาธารณะ ไม่ว่าจะถูกเปิดโปงอะไรก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะบ่น

เหล่าบุคคลที่ชอบเสพความหายนะของคนอื่นต่างอาหารสามมื้อ...

"เฮ้อ...ไม่มีใครผิดใครถูกหรอกเมธเอ้ย โดนจับเป็นข่าวขนาดนั้น เป็นพี่ พี่ก็ต้องแถลงให้โลกรู้เหมือนกัน ถ้าจะโทษ ก็โทษชะตากรรมเถ๊อะ ที่ทำให้หลายๆอย่างมาเจอกัน ทำให้หลายๆสิ่งมันเกิดขึ้น บางครั้งมนุษย์เราก็ไม่ได้เดินไปบนทางที่ตัวเองเลือกได้ตลอดหรอก เพราะถ้าเลือกได้ขนาดนั้น คงไม่มีใครต้องทุกข์..."

อ๊อดดึงกฤตเมธลงมานั่งข้างกัน ตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แล้วเอ่ยปากสอนน้องในฐานะที่ตัวเองผ่านชีวิตมานานกว่า

"ฟังพี่นะ เมธ ยุ พี่รู้ว่าพวกเอ็งคงจะอึดอัด แต่ถ้าอยากจะเปิดตัวกันแล้วจริงๆ พี่ก็อยากให้พวกเอ็งเคลียร์ทุกอย่างให้จบก่อน ถึงตอนนั้นจะได้เปิดตัวกันแบบสวยๆ จบแบบเคลียร์ๆไม่ต้องเสียเวลาขุดคุ้ย ไหนๆก็ตัดสินใจจะออกจากวงการทั้งคู่อยู่แล้ว"

คราวนี้อ๊อดไม่ได้เพ่งเป้าไปที่กฤตเมธคนเดียวอย่างตอนแรก ผู้กำกับหนุ่มใหญ่ค่อยๆจับมือของพระเอกรุ่นน้องทั้งคู่ แล้วเอ่ยปากสอนในฐานะรุ่นพี่ที่อยู่มานาน รู้ดีว่าอาจดูเหมือนจุ้นไม่เข้าเรื่อง แต่ก็อยากจะบอกเล่าเผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกับน้องๆที่เขาให้ความเอ็นดู

"จะหาว่าพี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องก็ได้นะ แต่พี่อยากจะเตือนเอ็งสองคนหน่อย ช่วงนี้มันยังกรุ่น นักข่าวยังตามกันเป็นเงา ถึงจะระวังยังไงพวกนั้นก็หาช่องเอาจนได้ เผลอแค่นิดเดียวก็เสร็จมันแล้ว ทางที่ดีพี่ว่าช่วงนี้พวกเอ็งแยกกันอยู่ก่อนดีกว่ามั้ย แค่รับส่งน่ะไม่มีปัญหาหรอก แต่ถึงขนาดขึ้นห้องด้วยกันเนี่ย เดี๋ยวมันจะเป็นประเด็น เชื่อพี่"

คำสั่งสอนตรงไปตรงมาของอ๊อดนั้น กฤตเมธและสดายุ เข้าใจความหมายของมันอย่างดี ไม่รักไม่ห่วงกันจริงคงไม่เตือนกันขนาดนี้ และเขาทั้งคู่รับรู้มันได้ด้วยหัวใจโดยไร้ข้อโต้แย้ง

"ผมก็คิดอย่างนั้นอยู่เหมือนกันครับพี่อ๊อด จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ ผมคงต้องกลับไปนอนบ้าน..." 

กฤตเมธพยักหน้ารับคำ พร้อมรับคำตามที่อ๊อดว่า พลางหันมองหน้าสดายุทียังคงนั่งเงียบอยู่ข้างกัน

ฝ่ายสดายุที่ยังคงนิ่งงัน ก็ค่อยๆพยักหน้าเบาๆเป็นนัยน์ว่าเห็นด้วย แม้ว่าจะยังหน่วงใจอยู่ไม่น้อย 

สดายุ คนอย่างเขาไม่ใช่พวกหนีความจริง ชีวิตผ่านอะไรมามากมายแม้จะเพิ่งผ่านเบญจเพศมาไม่นาน เพราะไม่เคยสนใจอะไรเป็นพิเศษ ไม่ได้สนใจใครเป็นที่ตั้ง ดังนั้นเขาจึงสามารถผ่านช่วงชีวิตในช่วงที่ตกต่ำมาได้อย่างไม่ทุกข์ร้อนวุ่นวายใจ คิดเพียงอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไปเกิดไป ขนาดถูกยกเลิกสัญญาจ้าง ถูกออกจากวงการด้วยข่าวเสียหาย ถูกก่นด่าจนตกต่ำ ชีวิตเขายังอยู่ได้ เพราะหัวใจของเขายังเข้มแข็ง...

ไม่สิ...

หัวใจของเขายังเฉยชาต่างหาก...

เฉยชาจนแม้แต่เขาเองก็รู้สึกว่า คงไม่มีอะไรในโลกนี้ทำอะไรเขาได้อีกแล้ว

ทว่าตอนนกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น...

แค่เรื่องเป็นข่าวเล็กน้อย แค่โดนขุดคุ้ย เขาก็เครียดจนแทบบ้า

ยิ่งเห็นว่าคนที่โดนโจมตีหนักตอนนี้เป็นกฤตเมธ ใจของเขายิ่งกังวล ห่วงว่าอีกฝ่ายจะเสื่อมเสียชื่อเสียง กลัวว่าอีกฝ่ายจะถูกสังคมประนาม กลัวว่ากฤตเมธต้องเป็นทุกข์

กลัวในทุกสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่คาดคิด ทุกๆวินาทีนับจากลมหายใจนี้เป็นต้นไป

คนที่ไร้ซึ่งพลังอำนาจใดๆอย่างเขาตอนนี้...จะปกป้องกฤตเมธได้ไหมนะ

สีหน้าที่แสดงความกังวลชัดเจนของสดายุทำหัวใจของกฤตเมธหน่วงหนักราวถูกบีบรัด ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกุมมือคนรักด้วยความห่วงใย เขาไม่เคยเห็นสดายุเครียดเรื่องอะไรที่ทำให้ชายหนุ่มแสดงหน้าตากังวลออกมาชัดเจนขนาดนี้มาก่อน

"...ยุ"  กฤตเมธเอ่ยชื่อคนรัก ตั้งใจจะปลอบขวัญด้วยหลายล้านความห่วงใยที่อยู่ในอก ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไร อีกฝ่ายก็เงยหน้ามาสบตากับเขาเสียก่อน

"เมธ...ผมจะปกป้องคุณให้ได้"

สดายุสบตา พร้อมเอ่ยคำสัญญาแน่นหนัก

"ใครหน้าไหนกล้าว่าร้ายคุณ ผมจะจัดการมันเอง!"

สิ้นคำสดายุ กฤตเมธได้แต่นิ่ง 'กำลังถูกปกป้องอยู่สินะ'  คือคำที่ผุดขึ้นในใจของเขาเป็นคำแรก และอานุภาพของมันก็ช่างยิ่งใหญ่มหาศาล เพียงคำเดียวทำใจที่สั่นไหวของเขาให้กลับมามั่นคง พร้อมทั้งยังอุ่นซ่าน แผ่จากอกซ้ายสู่ร่างกายทุกส่วน

'นี่เรา...ถูกรักมากขนาดนี้เลย...สินะ'  หวานล้ำยิ่งกว่าน้ำตาลหวานใดในโลก ชนะสิ่งใด ไม่เท่าชนะใจสดายุ ฝ่าฟันกว่าจะได้มา แม้จะเคยลิ้มลองมาหลายคราว แต่ตอนนี้ราวกับได้ตอกย้ำ ว่าหัวใจที่เคยแข็งราวกับเพชรของสดายุนั้น เนื้อในช่างหวานฉ่ำนุ่มนวล

...และกฤตเมธคนนี้ ก็รักสดายุมามากเหลือเกิน เช่นกัน

"...ครับยุ...เราจะผ่านมันไปด้วยกันนะ"

กฤตเมธรับคำด้วยรอยยิ้มบางเบา พร้อมสายตาที่แสดงถึงความรักล้น มอบแด่คนที่เป็นดังดวงใจ

สดายุยิ้มรับไม่ต่าง สองมือประสานกันนิ่ง สองตาประสานกันนาน พร้อมกับถ้อยคำที่ย้ำชัดอยู่ในหัวใจ

'เราต้องผ่านมันไปได้...'

"แฮ่ม! ตรงนี้ยังเหลือพี่อยู่อีกคนนะครับน้องๆ ทำอะไรคิดถึงใจพี่บ้าง แฟนพี่ไม่อยู่หลายวัน อิจฉาบอกเลย!"

หนึ่งคำของอ๊อด ยุติบรรยากาศหวานล้ำทั้งปวงสิ้น...สองหนุ่มแยกย้ายกันนั่งตามเดิม พลางลอบยิ้มเขินๆ

"หนังเรื่องนี้ก็คงถ่ายไปจนจบสินะครับ"

พอได้คลายบรรยากาศลงมาได้หน่อย สดายุก็ถามอ๊อดขึ้น เพราะใจของเขาก็กังวลเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย สดายุไม่อยากให้ใครต้องมาเดือดร้อนไปด้วยเพราะพวกเขา ถ้าหนังเรื่องนี้มีอันต้องยุติการถ่ายทำ ไม่มีแม้แต่การถ่ายทำต่อให้จบ คนที่เดือดร้อนมันมีเยอะจนเขาไม่อาจรับผิดชอบไหว ทุกคนจะน่าสงสารเกินไปถ้าต้องติดร่างแหไปด้วยพร้อมพวกตน

"ก็คงงั้นแหละ มาถึงขั้นนี้แล้วก็ต้องเข็นกันไปจนจบล่ะ เรื่องฉายก็คงฉายแน่นอนอยู่แล้ว ลงทุนลงแรงไปไม่ใช่น้อย โค้งสุดท้ายแล้วด้วย พวกสปอนเซอร์ไม่ยอมอยู่เฉยแน่ถ้าถูกระงับ แต่จะได้ฉายตามกำหนดไหมนี่มันก็พูดยากว่ะ ต้องคอยดูกันต่อไป"

คำตอบของอ๊อดค่อยทำยุคลายความกังวลลงได้หน่อย ชายหนุ่มถึงกับพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ ที่ไม่ได้พาใครจมลงไปกับตนด้วย

"เอ่อ...แล้วทางท่านประธานล่ะครับ เขาว่าไงบ้าง?"  พอโล่งใจได้เพียงครู่ สดายุก็นึกขึ้นได้ว่าเจ้าของเรื่องยังอยู่ คนที่ตัดสินใจได้จริงๆแล้วคือเสน่ห์จันทร์ ไม่แน่ว่าทางนั้นอาจตัดสินใจยกเลิกโปรเจ็คหนังเรื่องนี้โดยไม่สนใจว่าใครจะเสียหายก็เป็นได้

"อันนี้ก็ไม่รู้เว้ย ลองโทรไปถามดุที่ออฟฟิสแล้ว แต่เห็นว่าวันนี้ประธานไม่มาทำงานว่ะ แถมไม่ได้แจ้งอะไรไว้ด้วย หายไปเฉยซะอย่างนั้น สงสัยกันว่าหนีนักข่าวน่ะ เพราะคงโดนรุมถามแน่อยู่แล้ว เรื่องจริงของคุณหนูชิดจันทร์กับเมธเนี่ย"  อ๊อดตอบออกมาตามสิ่งที่ตัวเองรู้

"...หายไปเลยเหรอ ปกติเสน่ห์จันทร์เขาไม่ใช่คนแบบนั้นนะ เท่าที่รู้จักกันมาไม่เคยเห็นเขากลัวหรือหลบผู้สื่อข่าวเลย" แต่กฤตเมธท้วงขึ้น เพราะเห็นว่าผิดวิสัย

"ใครๆก็ว่างั้นแหละ แต่ในเมื่อจู่ๆหล่อนหายไปทันทีหลังมีข่าว จะให้คิดยังไงล่ะ?" 

จากนั้นกฤตเมธกับอ๊อดก็เริ่มถกกันต่อ โดยมีสดายุคิยช่วยเสริมเป็นช่วงๆ

ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงพักการถ่ายทำ เพื่อเปลี่ยนฉาก ระหว่างรอทีมงานเซ็ตฉากใหม่ เหล่านักแสดงก็จับกลุ่มคุยกันไปเรื่อยเปื่อย
"พี่เขาคุยเครียดกันจังแฮะ ปวดท้องแทนเลยเนี่ย"  รุจน์บ่นขึ้นมาเบาๆในวงสนทนา สายตาจับจ้องไปที่กลุ่มของอ๊อด กฤตเมธ และสดายุ ที่ยังคงคุยเครียดกันอยู่

"ก็คงเรื่องข่าวแหละรุจน์ ตอนนี้นะพี่เมธโดนยับเลยอ่ะ พวกนักข่าวนี่ก็ไม่ยอมปรานีกันบ้างเลย" แตงกวาช่วยเสริม ขณะหยิบขนมชูครีมใส้แตกเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ

"เฮ้อ จะว่าไปก็สงสารพี่ๆเขาเนอะ บางทีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ กลับโดนขุดคุ้ยซะใหญ่โต" รุจน์ว่า พลางเอื้อมมือไปหยิบขนมชูครีมจากแตงกวา หมายจะกินเล่นบ้าง

ปริ๊ด!!

"!!? เอ้ย!" ทว่ายังไม่ทันจะได้เอาเข้าปาก ชูครีมใส้แตกของแท้ก็ทะลักพรวดออกมาเปรอะเลอะไปหมด

แค่เลอะมือยังพอว่า แต่ลามไปถึงหน้านี่รุจน์ไม่อยากจะเชื่อ ‘แม่ะ...บีบแรงไปหน่อย กระเด็นไกลเชียว’

“อี๋...ทำอะไรของนายเนี่ยรุจน์ อย่างกับเด็กแน่ะ อ่ะทิชชู่!"  แตงกวารีบสาวกระดาษทิชชู่ส่งให้คนข้างกายเมื่อเห็นสภาพดูไม่จืดของเพื่อนร่วมวงเข้าแตงกวาก็ได้แต่เวทนา คนอะไรแค่จะกินชูครีมก็เอาซะเละคามือ ไส้ทะลักถึงหน้า ไม่เรียกว่าน่าสงสาร ก็คงต้องบอกสมน้ำหน้าแล้วล่ะ ( -*- )

"เง่อ...ตั้งใจซะที่ไหนล่ะ" รุจน์บ่นอุบ ก่อนจะพยายามเลยครีมที่มือด้วยความเสียดาย

"เลอะขนาดนั้นเดี๋ยวต้องรองพื้นเพิ่มอีกรอบแน่ ไม่ไหวๆ" แตงกวาเองก็บ่นไปหัวเราะขำไป กระทั่งมีผู้ร่วมวงสนทนาที่นั่งเงียบอยู่ตลอดคนหนึ่งขยับตัวทำอะไรสักอย่าง...

และการการะทำนั้น ก็ทำแตงกวาอึ้ง...

ขนาดที่ว่าชูครีมในมือถึงกับหล่นพื้น...แหมะ

แผลบ...

รุจน์ขมวดคิ้วน้อยๆ เมื่อถูกคว้าปลายคางจนใบหน้าเงิบไปด้านหลัง และทันใดนั้นก็ได้รับรู้ถึงสัมผัสเปียกลื่นที่ข้างแก้ม

“กรี๊ดดดด!! พอร์ช! นายทำอะไรรุจน์น่ะ!? อร๊ายยย ขนลุก! ฉันเขินนะ!!”  ( >///Q///< ) พอตั้งสติจากภาพตรงหน้าได้ แตงกวาก็ถึงกับกรี๊ดลั่น หน้าแดงมือไม้สั่น

“อะไรของเธอ?  ฉันแค่กินครีม” พอร์ชตอบแค่นั้น ก่อนจะหย่อนตัวกลับมานั่งที่เดิมของตัวเอง โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องโหยหวนของแตงกวา และหน้าอึ้งๆของรุจน์

“กินครีม!? บนหน้ารุจน์เนี่ยนะ!!” แตงกวาร้องถามแทบจะเสียงหลง เมื่อได้ยินคำตอบ กับสีหน้าที่ไม่รู้จักสะทกสะท้านใดๆของพอร์ช

“อื้ม ทำไม? แปลตรงไหน?” พอร์ชตอบเนียนๆพร้อมยักไหล่

“ก็แปลกตรงที่นายเลียแก้มรุจน์ไงล่ะ อร๊ายยย เขินจะตายแร้ววว!!!”  ทั้งๆที่พยายามเลี่ยงที่จะพูดถึง แต่ก็อดตะโกนออกไปไม่ได้ คำที่ทำให้แตงกวาแทบลงไปดิ้นด้วยความขวยเขิน ก็แหม...เลิฟซีนชายชายเธอเคยเห็นแต่ในบท กับคู่พี่เมธพี่ยุ  ไม่นึกว่าเพื่อนนักแสดงรุ่นเดียวกันอีกสองคนที่เธอรู้แค่ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน หยอกล้อเล่นหัวกันได้อย่าง พอร์ชกับรุจน์ จะมีโมเม้นต์อันตรายแบบนี้ด้วย!

“...ก็แค่เลียแก้ม แปลกตรงไหน” พอร์ชพูดขึ้นยิ้มๆ แล้วเดินออกจากกลุ่มไป เพื่อตั้งสมาธิท่องบทของตัวเอง 

“ถ...ถามมาได้ ตาบ้านี่!” แตงกวาได้แต่ด่าตามหลัง ทั้งที่ยังยิ้มค้าง (สารภาพตามตรง ว่าหล่อนชอบบบ!!)

สองหนุ่มสาวยังคงเอะอะมะเทิ่ง ใครๆก็ได้ยิน

ทว่า...ตัวรุจน์นั้น หูดับไปนานแล้ว

‘ไอ้พอร์ช ไอ้บ้า! ไหนว่าไม่รัก ไมมึงมาทำกับกูแบบนี้เนี่ย!!’  ( > ///// < )



“เฮ้ย รุจน์”

เอือก!!  “อ...อะไร?”  กำลังนั่งทำสมาธิอยู่ดีๆ รุจน์ก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อถูกพอร์ชเรียกมาจากข้างหลัง

“พี่เขาเรียกเข้าฉากแล้ว นั่งเหม่อไมเนี่ย?”  ที่แท้พอร์ชก็มาช่วยเรียก หลังหมดเวลาพัก และเริ่มถ่ายฉากต่อไป แต่รุจน์ที่นั่งเหม่ออยุ่กลับไม่รู้เรื่องรู้ราว

“อ...อ้าวเหรอ? เออๆ ไปแล้วๆ” คนถูกเรียกพยักหน้าหัวสั่นหัวคลอน  จนพอร์อดจะรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้

“หึหึ...อย่าเทคมากนักล่ะ เดี๋ยวจะเสียเวลามากเกิน ไป ซ้อมคอนเสิร์ตเย็นนี้ไม่ทัน มึงโดนเฮียป๊อดด่ากระจุยอีก”  ว่าพลางใช้มือยีผมเพื่อนรักเบาๆ

“...เออน่า...กูไม่เทคมากนักหรอก...” รุจน์แก้ตัวเสียงอู้อี้

“ก็ดีแล้ว ไปเข้าฉากไป พี่ๆเขารออยู่”  พอร์ชรับคำด้วยรอยยิ้ม พร้อมดันหลังเพื่อนให้รีบเดินออกไป

“อืม...พอร์ช...” ตอนแรกรุจน์ก็ว่าจะเดินไปตามที่พอร์ชว่า แต่หัวใจของเขากลับยั้งให้เขาหยุดเดินเสียเฉยๆ แล้วยังบงการให้หันมาพูดอะไรบางอย่างกับพอร์ช...

อะไรบางอย่างที่แม้แต่เขา ยังไม่สามารถเรียบเรียงเป็นคำพูดออกมาตอนนี้ได้

“หืม?” พอร์ชตอบรับ รอฟังว่าเพื่อนจะถามอะไร

“...พอร์ช มึงยัง...ยัง...............” แต่รุจน์กลับพูดมันไม่ออก



“น้องรุจน์คะ พร้อมถ่ายแล้วค่ะ ขอซับหน้านิดนึง”


สุดท้ายรุจน์ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ระหว่างซับหน้า ทำเพียงแค่จ้องมองไปยังพอร์ชอย่างมีความหมาย และดูเหมือนพอร์ชเองก็พอจะรู้สึกได้ ถึงสายตาที่ส่งมา เพราะพอร์ชเองก็จ้องกลับ ด้วยสายตาที่ไม่สามารถหยั่งถึง

เพียงครู่ต่อมารุจน์ ก็ต้องเดินตามทีมงานไปเข้าฉาก และในตอนนั้นชายหนุ่มก็ได้แต่คิดอยุ่ในใจถึงสิ่งที่กำลังจะหลุดปากถามออกไปเมื่อครู่...

คำถามไร้สาระที่ว่า...

‘พอร์ช...มึงเคยรู้สึกกับกูเกินเพื่อนบ้างหรือเปล่า?’

‘ตั้งแต่กลับจากมัลดีฟส์มา มึงก็เปลี่ยนไปมากเลยรู้ไหม?...’

‘เดี๋ยวก็ทำเป็นห่างเหิน เดี๋ยวก็เข้ามาใกล้...’

‘การกระทำของมึงทำกูสับสนนะ...’

‘มึงทำให้กูคิดไปเอง...คิดไปไกล จนจะกู่ไม่กลับอยู่แล้วนะเว้ย...’

‘พอร์ช...กูว่า...’


‘กูคงรักมึง...จนจะถอนตัวไม่ขึ้นซะแล้ว...’


*
*
*
*
*


หนึ่งทุ่มครึ่งโดยประมาณ ในที่สุดการถ่ายทำในวันนี้ก็จบลง

เหลืออีกเพียงไม่กี่ฉากกี่ตอน การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ก็จะดำเนินการไปจนสำเร็จเสร็จสิ้นจนปิดกล้องภายในอีกไม่เกินสามสัปดาห์ข้างหน้า เพราะการเร่งถ่ายทำแบบเอาเป็นเอาตายและการคัด ตัดฉากที่ไม่จำเป็นและเยิ่นเย้อออก ทำให้ฉากที่เหลืออยู่นั้นมีน้อยลง และระยะเวลาสั้นขึ้น

“วันนี้ไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะ ผมว่าจะเข้าไปหาเจ๊บลูที่สำนักงานสักหน่อย เดี๋ยวผมให้เจ๊เขาไปส่ง"   สดายุเอ่ยทัดทานขณะที่กฤตเมธทำท่าจะคว้ากระเป๋าใบย่อมของเขาขึ้นรถ

"...เอางั้นเหรอ?"  กฤตเมธหันมาถามเพื่อความแน่ใจ ใบหน้าแสดงความเสียดายเล็กๆ

"ครับ คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ ผมนั่งแท็กซี่ต่อไปเอง โทรบอกเจ๊เขาไว้แล้ว...หึหึ...อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิ"  ก็ว่าจะไม่ขำ แต่สุดท้ายสดายุก็อดไม่ไหว ในเมื่อกฤตเมธไม่ยอมหยุดทำหน้าราวกับเด็กน้อยโดนลงโทษไม่ให้กินขนม ช่างไม่สมกับอายุเอาซะเลยจนสดายุยังอดขำไม่ไหว

"งั้น...ให้ผมไปส่งที่สำนักงานแล้วกันนะ"  แม้จะโดนขำใส่ แม้จะถูกไล่ แต่หัวใจของชายหนุ่มกลับยังไม่อยากไปไหนไกลทั้งนั้น อีกนิดเถอะนะ ขอเวลาเขาอีกสักนิด

"ไม่ต้องก็ได้ คุณจะอ้อมไปอ้อมมาทำไมกัน?"  แต่คำตอบของสดายุก็ยิ่งทำให้หัวใจกฤตเมธฟีบเหี่ยว ยิ่งเห็นใบหน้ายิ้มแย้มสบายใจ กฤตเมธยิ่งอยากจะแอบน้อยใจให้รู้แล้วรู้รอด

"ขอเวลาผมหน่อยเถอะ ก็ผมยังไม่อยากห่างคุณนี่...นอนด้วยกันทุกวัน จู่ๆต้องนอนหนาวคนเดียวน่ะ คนแก่อย่างผมทรมานนะ"  ไม่พูดเปล่า แอบใช้นิ้วเกี่ยวปลายนิ้วสดายุไว้ด้วย ซ้ำยังพยายามช้อนตาอ้อน

"...รุ่นใหญ่ใจเปลี่ยวเหรอคุณ หึหึ ผมก็คิดถึง อยากอยู่กับคุณนานๆเหมือนกันแหละ นอนคนเดียวในห้องนั้นผมก็คงหนาว...แต่มันก็ช่วยไม่ได้นี่นา ในเมื่อเรายังต้องรักษาระยะปลอดภัย..."  สดายุคล้องนิ้วตัวเองเข้ากับนิ้วของกฤตเมธเป็นการตอบสนองสัมผัสอุ่น เสียงแหบหวานเอ่ยอ้อน
สำหรับกฤตเมธน้ำเสียงแบบนี้ของสดายุช่างน่าฟัง...

แต่มัน...ก็แสนเศร้า

"เมธครับ...จนกว่าจะปิดกล้องเรายังได้เจอกันทุกวันที่กองถ่ายนะ วันไหนเลิกเร็วเราค่อยไปกินข้าวกัน ผมว่าอีกไม่นานทุกอย่างคงจะเคลียร์ได้..."  สดายุพยายามคิดในแง่ดี ในเมื่อพวกเขาไม่มีทางเลือกในตอนนี้ ก็ทำได้เพียงกัดฟันทน

"เรื่องนั้นผมรู้ ก็แค่ใจหาย ที่เรื่องมันลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ ทั้งที่ตอนแรกตั้งใจจะนิ่งไว้ อยู่กันแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วจูงมือกันแถลงข่าวทีเดียวตอนหนังออกโรงแท้ๆ...ผิดแผนไปหมดเลยน๊า" 

กฤตเมธเองก็เห็นด้วยทุกอย่างที่สดายุว่ามา ความจริงก็เข้าใจดีอยู่แล้วกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยู่กับตัวเอง อยู่ต่อหน้าคนอื่น เขายังคงดูเป็นผู้ใหญ่น่าเชื่อถือ มีหัวคิด แต่พออยู่ต่อหน้าสดายุ  เขาดันอ้อนอีกฝ่าย งอแงวุ่นวายจนน่ารำคาญออกไปซะอย่างนั้น  ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจเหมือนกัน ว่าทำอะไรช่างไม่สมวัยเอาเสียเลย...

แต่พอเห็นหน้าสดายุทีไร...ก็เผลออ้อนออกไปทุกที

"...ความลับมันไม่มีในโลกจริงๆสินะ...”  ฟังกฤตเมธบ่น สดายุก็ได้แต่เปรยกับลมฟ้า  พลางเอนกายพิงข้างประตูรถเพื่อพักร่างเมื่อยๆของตน

“มันไม่ใช่ความลับเสียหน่อย...” แต่กฤตเมธไม่ได้เห็นด้วยกับสดายุสักเท่าไหร่ ชายหนุ่มขยับเข้าใกล้ พร้อมค่ำแขนข้างหนึ่งข้างกายคนรัก พลางยกนิ้วชี้ขึ้นแนบที่ริมฝีปากสีโอโรสอ่อนๆของสดายุไว้  “แต่มันเป็นเรื่องที่เราแค่ปิดเอาไว้ เพื่อเซอร์ไพรซ์ชาวโลกในอีกไม่กี่วันนี้ต่างหาก”

คำพูดที่มาพร้อมสายตากรุ้มกริ่มของกฤตเมธ ทำสดายุขำออกมาอีกครั้ง  “อื้ม...ดูยิ่งใหญ่มากครับคุณพี่...หึหึ”

“แน่นอนสิ ก็พี่อยากคบกับยุแบบเปิดเผยนี่นา อยากจูงมือ อยากกอด อยากทำอะไรตั้งหลายอย่าง ที่แสดงให้เห็นว่าเราเป็นแฟนกัน เป็นคนรักกัน ให้ทุกคนได้เห็น ไห้ไอ้อิจฉากันเยอะๆ”  พอโดนคนรักหยอกเย้ามา กฤตเมธก็ต่อบทด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก ทำเป็นทีเล่นทีจริง แต่เนื้อหาที่กล่าวมาไม่ได้คิดเล่นอย่างเนื้อเสียงที่เปล่งออกมา

อยากกอด อยากจูงมือ  อยากหยอกเย้ากลางแจ้ง ต่อหน้าสาธารณะชน สิ่งเหล่านั้น กฤตเมธคิดจริงจังอยู่ตลอด ว่าสักวันพวกเขาจะต้องเปิดตัวสู่สังคมให้ได้ แม้ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม

และความหมายในถ้อยคำเหล่านั้นสดายุก็เข้าใจมันดีด้วยเช่นกัน

“........พูดซะผมเคลิ้มเลยครับพี่เมธ หึหึ” ( - ///w/// - ) “ไปส่งผมได้แล้ว เดี๋ยวเจ๊บลูเขารอนาน” 

“ครับ ครับ คุณผู้ชายของผม...”

แต่เวลาหวานๆประจำวันของพวกเขาหมดแล้ว จำต้องกลับสู่โลกปกติเสียที

 :katai4:
ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 10-10-2014 20:23:54
 :katai1:


“นายจะหยุดไปไหนเหรอดิน ตั้งหลายวัน?”

“ผมมีธุระนิดหน่อยน่ะพี่ซอล ขอลาหลายวันหน่อย พี่บอกเขาไปแล้วกันว่าผมป่วย แล้วก็ให้คนที่เคยแทนผมอยู่บ่อยๆนั่นแทนไปก่อนแล้วกัน”

“กะทันหันขนาดนี้ พี่ไม่รู้ว่าเขาจะรับงานเราได้หรอกนะ รายนั้นก็คิวงานชุกอยู่”

“ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกันนะพี่ซอล ผมจำเป็นจริงๆ”

เสียงพูดคุยระหว่างสองหนุ่มดังก้องอยู่ตรงโถงทางเดิน ทว่าตอนนี้ก็เกือบจะสามทุ่มแล้ว พนักงานในส่วนสำนักงานคนอื่นๆต่างก็กลับบ้านกันไปเสียส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยลำบากนักหากบดินทร์กับซอลย่าจะคุยกันด้วยเสียงที่ไม่ต้องเบามากได้

วันนี้บดินทร์มาคุยกับซอลเรื่องลาหยุดกะทันหัน ทั้งๆที่วันพรุ่งนี้เขาต้องอัดรายการ Star Talk และยังไม่สามารถหาคนทำแทนได้

เรื่องนี้ถึงกับทำให้ซอลย่าหัวหมุน ชายหนุ่มค่อนข้างระอาใจกับดาราหนุ่มในสังกัดตัวเองคนนี้เหลือเกิน  บดินทร์เป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูงมาก แถมยังอีโก้สูงตามอีกด้วย การจะรั้งจะเตือนเลยสุดแสนจะลำบาก บทอยากจะลาก็ลา อยากจะหยุดก็หยุด ไม่มีเหตุผล ไม่ให้ตั้งตัว แม้จะไม่ได้บ่อยมาก แต่ก็จะเป็นแบบนี้เกือบทุกครั้ง

อย่างตอนนี้ จู่ๆก็บอกว่าจะหยุด แถมยังเกือบสัปดาห์  ให้หาคนแทนทั้งๆที่พรุ่งนี้ช่วงเย็นก็จะอัดรายการกันอยู่แล้ว  แม้เรื่องแบบนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย จนพูดได้ว่า เหลวไหล หรือ ไม่รับผิดชอบ แต่การทำตัวแบบนี้ของกฤตเมธในแต่ละครั้ง ก็ทำให้เจ้าของงานฉุนขาดได้ทุกทีเช่นกัน

อารมณ์อยากทำงานของบดินทร์ขึ้นลงพรวดพราด เหมือนความดันเลือดของผู้ดูแลอย่างซอลย่าที่สูบฉีดปรื๊ดปร๊าดทุกครั้งที่ต้องมารับหน้างานให้

‘โดนด่าแทนบดินทร์อีกแล้วสินะคราวนี้...’


“เอาเป็นว่าคราวนี้ดินขอโทษพี่ด้วยแล้วกันนะ แต่ดินจำเป็นจริงๆ พี่ซอลเข้าใจดินนะ”

“อืมๆ ดินเล่นแบบนี้พี่ก็ไม่มีทางเลือกอ่ะ แต่ดินช่วยกลับมาให้ทันเทปหน้าด้วยแล้วกันนะ งานอื่นๆด้วย”

สุดท้ายการขอร้องที่จริงจังของบดินทร์ก็ทำให้ซอลย่าใจอ่อนจนได้

“เดี๋ยวพี่ไปคุยกับทางพวกผู้จัดก่อน จะได้รีบติดต่อไปที่คนนั้นด้วย”

“ขอบใจนะพี่ซอล ดินขอบใจพี่จริงๆ”

“ต้องรีบกลับมานะ อย่าเถลไถลเด็ดขาดเชียว”

“...อืม...ครับ ผมจะเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด”

บดินทร์ให้คำมั่น ที่ทำให้ซอลย่าค่อนข้างแปลกใจ เพราะโดยปกติชายหนุ่มไม่ค่อยจะแยแส เรื่องคราวนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนจริงๆหรือนี่ ไม่ใช่ธุระเรื่อยเปื่อย หรือป่วยการเมืองอย่างที่ผ่านมาสินะ

“...พี่...รอผมด้วยนะ”

“รอ?”

“อืม...รอผมกลับมา”

ยิ่งพูดก็ยิ่งแปลกหู  เอาเข้าจริงซอลย่าเพิ่งจะสังเกตุว่าวันนี้สีหน้าท่าทางของบดินทร์ก็ไม่ค่อยจะเหมือนเดิม ท่าทางอีกฝ่ายดูกังวลจนน่าเป็นห่วง

“...วันนี้นายดูแปลกๆไปนะดิน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? มีเรื่องอะไรที่พี่พอจะช่วยได้มั้ย?”

“ไม่เป็นไรครับพี่...แค่พี่ทนอยู่เคียงข้างผมมาถึงตอนนี้ ผมก็ขอบคุณมากแล้ว”   บดินทร์ยิ้มน้อยๆ แทนคำขอบคุณที่ให้อีกฝ่าย

“...แล้วก็...ขอโทษด้วยนะพี่ ผมทำพี่ลำบากอีกแล้ว”  จากนั้นก็เอ่ยขอโทษเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งลงทุกที

แปลกไปจริงๆ วันนี้บดินทร์แปลกไปจนซอลพูดไม่ออก มันเป็นอะไรที่ติดอยู่ตรงปาก แต่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ ทำได้เพียงกังวลใจ และมองอีกฝ่ายอย่างพินิจพิเคราะห์อีกครั้ง

“...ดิน?...”

“...ดินไปก่อนนะพี่ซอล แล้วเจอกัน”

“อ...อืม รีบกลับมาล่ะ”

บดินทร์เอ่ยลาแค่นั้น แล้วเดินจากไปทางโถงลิฟท์ ดวงไฟสีอำพันที่ส่องรายทางยิ่งช่วยขับสะท้อนให้แผ่นหลังของคนที่เดินจากไปดูหม่นแสง และอ้างว้าง เพียงแค่มองหัวในจองซอลย่าก็วูบไหว สังหรณ์ใจไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ เพราะคิดไปว่า ‘คงคิดมากไปเอง’



‘ขอบคุณนะพี่ซอล...ที่ดีกับผมมาตลอด  หลังจากวันนี้ไป ไม่รู้ผมจะยังได้กลับมาหาพี่ หรือได้กลับเข้าวงการได้ไหม หรือแม้แต่ลมหายใจผมก็ไม่แน่ใจว่าจะยังเหลืออยู่ถึงพรุ่งนี้มะรืนนี้หรือเปล่า.....’

‘ทุกการช่วยเหลือของพี่ที่ผ่านมาทั้งชีวิต...ผม...ขอบคุณพี่มากนะ...’

‘...แล้วก็...’

‘...ขอโทษนะครับ ที่ผมอาจจากพี่ไป...’

‘แบบไม่ได้ลา.......’



บดินทร์ได้แต่เอ่ยลาผู้จัดการคนดีอยู่ในใจ  เพราะแน่ใจอย่างยิ่งว่านับจากวินาทีนี้เป็นต้นไป ชีวิตเขาจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ใบหน้าคมคายสูดลมหายใจลึกพร้อมขบเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นบาง  มือขวาที่ล้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตสีดำ กำบางสิ่งที่อยู่ในนั้นแน่น...

*
*
*
*
*

เวลาสามทุ่มตรง BMW X1 สีขาวก็แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูตึกสูงสีฟ้าเด่น กลางเมืองใหญ่

ใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงกว่ากฤตเมธจะสามารถพาสดายุฝ่ารถติดเข้าตัวเมืองมาได้ แต่ก็ยังทันเวลานัดหมายที่นัดกันไว้กับบลูม่าพอดี

“ส่งแค่นี้ก็พอครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ”

ทว่าทันทีที่ถึง ดายุก็ออกปากไล่คนหน้าตาบูดให้กลับไปก่อน  งานนี้เล่นเอากฤตเมธหน้าบู้บี้หนักขึ้นไปอีก

“ไม่ต้องมาทำหน้าอย่างนั้นเลย หึหึ ผมไปก่อนนะ” สดายุว่า ก่อนจะทำท่าเปิดประตูลงจากรถ

“ให้ผมขึ้นไปส่งไหม?” เมื่อเห็นว่าทำหน้ายู่ให้คนง้อไม่สำเร็จ กฤตเมธก็กลับลำทำเป็นจะอ้อนตาม 

“ไม่ต้องร้องตามเลยคุณ  กลับบ้านไปซะ” แต่น่าสงสาร เพราะสุดท้าย คนแก่ใจน้อยอย่างกฤตเมธก็โดนแฟนเด็กปฏิเสธอย่างไร้เหยื่อใยอยูดี

“...แต่ผมอยากไปส่งนี่ อยากอยู่กับคุณ....อีกหน่อย.........” ก็อ้อนไปเรื่อยเผื่อคนรักจะเห็นใจ ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอก ว่าระยะอันตรายอย่างช่วงนี้ การที่เขากับสดายุจะตัวติดกันไปไหนมาไหน มันคงไม่ใช่เรื่องสมควร  โดยเฉพาะในแหล่งชุมนุมคนในวงการและคนในสื่อบันเทิงอย่างที่สำนักงานใหญ่แห่งนี้

เพราะฉะนั้น ในถ้อยคำสุดท้าย ปลายเสียงจึงแผ่วลง...



ฟอด...


“...!!!??”  เสียงสูดลมหายใจหนักๆ กับสัมผัสหน่วงๆที่ข้างแก้ม ทำเอากฤตเมธถึงกับนิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองหน้าผู้กระทำตาโต

“...ของปลอบใจครับ” สดายุบอกกฤตเมธแค่นั้น ก่อนจะถอยตัวกลับมาที่นั่งตัวเอง

“...ยุ” กฤตเมธที่ยังคงอมยิ้มค้าง เอ่ยเรียกคนรักแผ่วเบา แอบตกใจเล็กๆที่จู่ก็ถูกโน้มคอลงไปหอมแก้ม  ‘ของปลอบใจ’ ที่สดายุหมายถึงนี่มันช่างทำหัวใจเขากระชุ่มกระชวยดีจริง

“หึหึ ไปนะ พรุ่งนี้เจอกันครับ”  เห็นกฤตเมธอมยิ้มกรุ้มกริ่ม  สดายุก็เริ่มเขินๆ  ชายหนุ่มจึงได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนใบหน้าแดงๆของตนออกมาเบาๆ แล้วคว้ากระเป๋าเปิดประตู (หนี) ลงไป ขืนอยู่ต่อ สงสัยคืนนี้จะไม่ได้แยกกันนอนตามที่ตั้งใจแน่ ดูจากสายตาของอีกฝ่ายแล้ว สดายุสามารถประเมินสถานการณ์ได้ทันที

ชิ่งตอนนี้ปลอดภัยที่สุด!

“เดี๋ยวคืนนี้ผมโทรหานะ!”  กฤตเมธรีบร้องบอกก่อนที่สดายุจะปิดประตูรถ ใบหน้าเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความสุข จนมุมปากที่ฉีกยิ้มกว้างอยู่นั้นแทบจะยาวไปจนถึงหู  ( ^ w ^ )

“....อื้ม” ( - ///// - ) สดายุตอบออกไปเพียงแค่นั้นก่อนจะรีบปิดประตูรถ แล้วรีบจ้ำหนีไปเพราะเริ่มทนตัวเองไม่ได้ ที่หน้าชักจะแดงหนักขึ้นทุกที

กฤตเมธเฝ้ามองคนรักจบลับเข้าตึกไปก่อนที่ตัวเองจะขับรถกลับออกมา ที่หมายวันนี้คือคอนโดร้างของตนที่ไม่ได้กลับไปหลายเดือน ไม่รู้ว่าป่านนี้โจรจะยกเค้าไปหมดหรือยัง

ดีนะ ที่สดายุกระโดดหนีลงจากรถไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องก่ออาชญากรรมลวงเด็กไปกักขังหน่วงเหนี่ยวที่รังรักของตัวเองเป็นแน่...

*
*
*
*
*
ในความวุ่นวาย หากเรายังคงมีกัน เราจะมองเห็นช่วงเวลาที่สุขสงบ

ในความมืดมิด หากเรายังจับมือกันไว้ เราจะพบกำแสงสว่างได้ แม้มันจะเพียงริบหรี่

แต่หากเมื่อไหร่ที่ต้องเดียวดาย

แม้ในแสงสว่างเจิดจ้า ทั้งร่างก็ราวหยุดนิ่งอยู่ในหลุมดำมืดมิด!

คนที่ไม่เคยยอมแพ้ แม้ยืนอยู่ตรงปากเหว ก็ไม่มีทางร่วงหล่น

แต่คนสิ้นหวัง แม้นอนอยู่ในที่ไร้ซึ่งอันตราย ก็ไม่วายต้องตายเพราะกัดลิ้นตัวเอง...



“ขอโทษที่รอนานนะยุ เดินไปรอที่รถก่อนเลย เดี๋ยวพี่แวะเอาขนมไปฝากน้อง รปภ. แป๊บนึง”

“...แอ่ะ จีบเด็กอยู่เหรอเจ๊?”

“บ้าแล้วคุณน้อง ป้าแม่บ้านเขาฝากพี่ไว้ตั้งแต่เมื่อเย็น เพิ่งจะว่างเอามาให้เนี่ย”

“อ๋อ.......................”

“ไม่ต้องอ๋อยาวขนาดนั้นก็ได้ค่ะน้องยุ! ไปรอที่รถเลย ไม่เกิน 5 นาทีพี่ตามไป”

“คร๊าบๆ ไปก็ด๊ะ...”

สองพี่น้องคุยหยอกกันมาตามทางเดินออกลานจอดรถของตึก  แต่ระหว่างทางก่อนถึงประตูทางออก บลูม่าก็นึกขึ้นได้พอดีว่าคุณป้าแม่บ้านของชั้น high zone ฝากขนมมาให้ รปภ. กะดึก ที่เป็นหลานของป้าแกไว้ เกือบจะลืมสนิทออกจากหะว ดีว่านึกขึ้นได้เสียก่อน บลูม่าจึงไม่รอช้าที่จะขอไปทำหน้าที่ผู้ส่งส่วยที่ดี เลยให้สดายุไปรอที่รถก่อน

สดายุเองก็ไม่ได้แซวอะไรนัก แล้วพาตัวเองออกมารอที่ลานจอดรถอย่างที่บลูม่าบอก

วันนี้สองหนุ่มนัดไปทานอาหารเย็นกันที่บาร์เจ้าประจำ เพื่อนั่งคุยสารทุกข์สุกดิบ และเรื่องราวต่อจากนี้ว่าจะทำยังกันกันต่อ เพราะหลังจากที่กฤตเมธแถลงข่าวไปเมื่อเย็นวาน  มหากาพย์ก็เกิดขึ้นมากมายจนเล่าแทบไม่หวาดไม่ไหว และแน่นอนว่าบลูม่าจะไม่ยอมปล่อยผ่าน

ทว่า...ทั้งสดายุและบลูม่าไม่มีใครรู้ตัวเลยว่า

วันนี้พวกเขา...

คงยังไม่มีโอกาสได้คุยอะไรกันทั้งนั้น



‘รถเจ๊...คันไหนแล้ววะ จอดอยู่ตรงซอกไหนเนี่ย?’ สดายุบ่นอยู่ลำพัง ขณะเดินตามหารถของบลูม่าตรงลานจอด เพราะตัวเขาลืมถามพิกัดมาเมื่อครู่

“อ๊ะ! เจอแล้ว.....” ในที่สุดสดายุก็หาเจอ “จอดซะลึกเลยนะเจ๊” เลยจำต้องบ่นออกมานิดหน่อย เพราะบลูม่าผู้จัดการส่วนตัวคนดี เล่นเอารถมาจอดไว้ซะลึกลับ ไกลจากประตูทางออกโถงอาคารมาซะลิบตา

 เมื่อเห็นพิกัดที่ต้องการ สดายุก็ตั้งหน้าเดินไป โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่า ในระยะไม่ไกลนักจากด้านหลัง มีใครอีกคนกำลังมุ่งเข้าหา

พรึ่บ!

“!!!!!!!!!!???”

สดายุสะดุ้งร่างสุดตัว เมื่อถูกจู่โจมจากด้านหลังแบบไม่ทันได้ระวัง เขาถูกกอดล็อคไว้ไม่ให้ดิ้นรน พร้อมถูกผ้ากลิ่นฉุนจัดกดปิดตรงจมูก

‘ยาสลบ!!?’  สดายุรู้แทบจะทันทีว่าสิ่งที่ปิดจมูกเขาไว้คืออะไร แต่แม้พยายามขัดขืนดิ้นรนก็ไม่สามารถหลุดออกไปได้ ทั้งที่พยายามกลั้นหายใจแบบสุดกำลัง แต่เพราะมันนานเกินไป ทั้งยังออกแรงดิ้นรนจนใช้แรงเยอะ สุดท้ายสดายุก็เผลอสูดมันเข้าไปเต็มปอด

และวินาทีหลังจากนั้น....เขาก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย


***************************************************************


แกร่ก...แกร่ก

วี่.......วี่.............................วววว...


สองมือสั่นน้อยๆ ทั้งยังเย็นเป็นน้ำแข็งของบดินทร์  กำลังพยายามตั้งกล้อง ตรงข้างเตียงในมุมที่เห็นทุกอย่างชัดเจนที่สุด พร้อมทั้งเปิดบันทึกภาพในขั้นตอนสุดท้าย

ใบหน้าของชายหนุ่มเครียดขึง ทั้งยังหม่นหมองจนแทบไม่เหลือคราบดาราขายดีที่แสนทรนงอย่างที่ใครๆรู้จัก ไหล่ที่เคยตั้งตรงผึ่งผาย ตอนนี้ตกลู่ ราวกับคนอ่อนแอ ขาดความมั่นใจ หัวใจของเขาเต้นระส่ำกับสิ่งที่กำลังทำอยู่



"ทำไมครับคุณชิด! ทำไมต้องทำสดายุ? สดายุไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย!..."

"ใช่! มันไม่เกี่ยว แต่มันกล้าอวดดีกับฉัน สะเออะมายุ่งเรื่องของฉัน! คนอย่างมันต้องโดนสั่งสอนให้รู้สำนึก! ให้มันรู้ว่าใครเป็นใคร!!"

"...แต่"

"จะทำไม่ทำ! ถ้าไม่ ฉันจะได้เรียกใช้คนอื่น!!"

"...คุณจะให้ผมทำอะไร?..."

"...ฉันจะให้แก ข่มขืนมัน แล้วถ่ายคลิปให้นักข่าว!"

“ไม่! คุณชิด ผมทำไม่ได้!! ท...ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น!?”

“ถ้าแกไม่ทำฉันจะจ้างคนอื่น!!”

“...ได้โปรดเถอะครับคุณชิด...แบบนั้นมันมากเกินไป สดายุไปทำอะไรให้คุณ?”

“บอกให้ทำก็ทำเถอะน่า อย่าเรื่องมากนักจะได้ไหม? ไอ้สดายุก็ใช่จะไม่เคย มันกับพี่เมธ...หึ! ตกลงจะทำไหม!!?”

“........................................”

“ไอ้บดินทร์? แกจะหุบปากอีกนานมั้ย!?”

“แค่รูป.....แค่รูปใช่ไหม?”

“เออ! จะรูปหรือจะคลิปก็เอามา! แค่เป็นรูปที่มันโดนชำเราก็พอ! แกจะทำคนเดียวหรือจะเรียกพวกมารุมโทรมมันฉันก็ไม่ว่า!!”



“...เข้าใจแล้ว...”


ประโยคสนทนาในวันนั้นยังชัดเจนอยู่ในหัวราวกับมันกำลังเกิดอยู่ตรงหน้า น้ำเสียงน่ารังเกียจของชิดจันทร์ที่สั่งให้เขาทำงานสกปรกชั่วร้ายกับสดายุยังคงแว่วชัดก้องอยู่ในโสตประสาท

ชิงชังรังเกียจชิดจันทร์จนแทบบ้า แต่เหนืออื่นใดก็ชิงชังตัวเองยิ่งกว่าที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แถมตอนนี้....

เขา....คนอย่างเขา...

คงไม่สามารถเรียกว่ามนุษย์ได้อีกแล้วล่ะ

เพราะถ้าเขายังมีความเป็นคนเหลืออยู่บ้าง วันนี้เขาคงไม่ไปหาคนของชิดจันทร์ตามที่โดนโทรเรียก และคงไม่รับของที่พวกมันส่งให้...

ยาสลบ...ยาปลุก

รับมา...แล้วยัง ลงมือทำ

ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะลงมือ แต่พอเห็นสดายุอยู่คนเดียวลำพัง ในสถานที่ที่คาดไม่ถึง ลานจอดรถ เปลี่ยวผู้คน และ....ไม่ระวังตัว

ในจังหวะนั้น เขาไม่ตั้งใจ...ไม่ได้ตังใจที่จะเดินตาม ไม่ได้ตั้งใจจะเข้าไปล็อคตัว ไม่ได้ตั้งใจจะโปะยาสลบ...

แต่...เขากลับทำมันลงไปด้วยสองมือนี้ทั้งสิ้น

แล้วตอนนี้ สดายุก็นอนสลบไสลอยู่บนเตียงของเขา

“...นี่เรา...ทำอะไรลงไป...”

น้ำเสียงของบดินทร์สั่นพร่า

“...ยุ...”

ร่างกายที่ผ่ายผอมลงไปมาก ค่อยๆขยับเข้าใกล้ร่างของคนที่ยังคงนอนนิ่ง ก่อนจะค่อยๆหย่อนกายลงนั่งข้างๆร่างนั้น  พร้อมเอ่ยคำพูดที่แสนเจ็บปวด...

“ยุ...เราขอโทษ...”



****************************************************
มาต่อค๊า
คนเขียนตื่นเต้นค่ะ ในที่สุดก็เข้าจุดไคลแม็กซ์แล้ว  และเป็นไคลแม็กซ์แบบหน่วงหนักบีบรัดหัวใจสิ้นดีซะด้วย
ไคลแม็กซ์ประมาณ 5 ตอน แบบหนักๆ และจะจบแบบ....ฟินเบาๆค่ะ หุหุ

ใครเบื่อชิดจันทร์อย่างเช่นคนเขียน โปรดกัดฟันทนนางอีกไม่กี่ตอนนะคะ บทนางใกล้หมดเต็มทีแล้วค๊า

ขอนอกเรื่องนี๊ด....
ขอโทษนะคะ ที่เก๊าเป็นนักเขียนที่ค่อนข้างเอาแต่ใจ แต่งนิยายแบบตามใจข้า แถมไม่เคยตอบเม้นท์ใครเลย
แต่เก๊าอ่านทุกเม้นท์เลยน๊า ชอบทุกเม้นท์เลยด้วย รักนักอ่านทุกคนที่รักตัวละครของอนาคีค่ะ
รักกันต่อไปนานๆนะคะ (อุอิ วันนี้มาแนวซึ้ง)

ตอนต่อๆไปอีกประมาณ 5 ตอน...จะมีโศกนาฏกรรมเบาๆนะจ๊ะ...
แต่จะเกิดกับใครบ้างนั้น...ต้องไปติดตามกันต่อค่ะ

เขียนไปเขียนมา...
เรื่องนี้เป็นนิยายน้ำเน่านะคะ...คลุ้งเลย
ตัวละครมีปมทุกคน (ยกเว้นกฤตเมธ) อิอิ
ยิ่งใกล้จบ ยิ่งทวีความเน่ารุนแรง...หุหุ

แต่อย่าเพิ่งเลิกอ่านเรื่องนี้กันน๊า
อดทนกันไปจนจบเถอะนะคะ
คนเขียนจะจบให้อย่างสวยงาม
แน่นอนค่ะ...
Please!!

ปล. 1 ตอนหน้ามายาว...

ปล. 2 แว๊บไปปั่น น้องพจมานต่อ หุหุ นางกำลังจะโดนซ้อนแผนค่ะ!

 :ling3:

หายป่วยแล้วหรอครับ
รักษาสุขภาพด้วยนะ

หายแล้วค๊า ตัวลายตามระเบียบ อิอิ

ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกคนที่เป็นห่วงนะคะ
เป็นอิสุกอิใสตอนแก่นี่มันทรมานโพดๆจริงๆค่ะ แถมคันแบบสุดแรงม้า
ตอนนี้ก็กลายเป็นป้าเนื้อลายค่ะ 555+
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 10-10-2014 20:34:44
 :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-10-2014 20:45:12
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

หยุดนะนายดิน  :angry2:  อย่าได้บังอาจแตะต้องน้องยุของช้านนนนนนน

 :beat: :z6:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 10-10-2014 20:53:02
บดินทร์ T^T
ดราม่าจริงจัง

จะเกิดอะไรขึ้นอีกเนี่ย
ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือจะยังไงดี

แต่เลือกสงสารละกัน
เห็นใจนาง เพราะยุยังมีเมธ
แต่บดินทร์นี่สิ แลดูจะไม่มีใครให้ปรึกษาเลย

ไม่อยากให้ดราม่าเกิดกับยุ เมธ และบดินทร์เลย
เฮ้อออออ รออ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 10-10-2014 21:06:25
จริงๆอ่านเรื่องนี้รวดเดียวจบมาตั้งแต่สามวันก่อนแล้วแหละค่ะ
(แต่ขี้เกียจเลยดองเม้นไว้ก่อน ฮือ ขอโทษนะคะ T _____ T)
วันนี้ว่างๆเลยว่าจะเข้ามาเม้นยาวๆซะหน่อยเจอตอนใหม่พอดี โชคดีจังเลยค่ะ >____<

ขอแก้คำผิดให้ตอนนี้ก่อนแล้วกันนะคะ
กฤตเมะ - กฤตเมธ
ไห้ไอ้อิจฉา - ให้ได้
หะว - หัว
ตังใจ - ตั้งใจ

ก็ .. จริงๆเรื่องนี้ผ่านตามาซักพักแล้วค่ะ ในโหวตเซ็งเป็ดอวอร์ดก็เห็นบ่อยด้วย
แล้วพอดีพี่ที่สนิทกันแนะนำให้อ่าน เลยได้มีโอกาสเข้ามาเปิดๆดู พออ่านไปได้แค่ตอนสองตอนแรกเท่านั้นล่ะค่ะ
ติดหนึบเลย 555555555 หลงทั้งคุณกฤตเมธทั้งสดายุเลยค่ะ ออกจะเป็นนายเอกเฮ้วเอาเรื่องเชียว แถมยังนิสัยเสียอีกต่างหาก
แต่ไม่รู้ทำไมเรากลับหลงรักน้องตั้งแต่แรกเลย แล้วน้องก็ไม่ทำให้เราผิดหวังจริงๆค่ะ น่ารักมาก ~~~ ยิ่งตอนรักกันแล้วนี่คือเขินละลายแทบตายแน่ะ
อิจฉาคุณกฤตเมธเลยที่ได้เห็นน้องมุมนั้นอยู่คนเดียว > ////////////// <

สำหรับตัวเนื้อเรื่อง .. ขอคอมเม้นท์นิดนึงนะคะ เราว่าเรื่องนี้ออกจะมีความเป็น 'นิยายดราม่า' ค่อนข้างสูงเลยค่ะ
แบบตัวละครจะชีวิตรันทดประหนึ่งนางเอกละครช่องสามช่องเจ็ดอะไรแบบนั้น แล้วก็เหมือนจะเป็นดราม่าทับซ้อนกันหลายตัวเลย 5555555555
แต่ก็โอเคนะคะ อ่านได้เรื่อยๆอยู่ดี ทั้งๆที่ปกติเราจะถูกเทสต์กับแนว Slice of life มากกว่า แต่เรื่องนี้ต้องยอมเลยค่ะ เพราะสนุกจริงๆ
ถึงบทจะละครยังไงก็จะติดตามนะคะ

รออ่านตอนต่อไปอยู่ค่า อยากรู้แล้วว่าดินจะทำยังไงกับยุแล้วสิ ..
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ สู้ๆค่ะ
ด้วยรัก <3
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 10-10-2014 21:07:44
น้องดินนนนน สงสารน้องสุดใจ
นางชิดชั้นอยากฆ่าหล่อนมากกก  :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 10-10-2014 21:19:38
อ๊ายยยยยยย น้องยุของเจ้ จะรอดมั้ยเนี่ย
จะมีใครมาช่วยมั้ยเนี่ย :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 10-10-2014 21:35:14
บดินทร์อย่าทำนะ อย่าาาาาทำ
อย่างน้อยๆก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน ถึงแม่สถานการณ์มันจัฝะบังคับขนาดนี้
โอ้ยยยยยนนนยจะไม่ไหวแล้วเนี่ยยยย. จะบ้าแล้วววววว  ใครก็ได้ช่วยทั้งบดินทร์ทั้งน้องยุที ฮรือออออ
ชิดจัยาร์หวังว่าสุดท้ายแล้วแกจะได้นับกรรมอย่างสามสม!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 10-10-2014 21:36:19
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-10-2014 21:49:38
ถ้าดินทำอย่างที่ชิดจันทร์ต้องการจริงจะไม่สงสารดินเลยนะ
เพราะคนเราย่อมมีสิทธิ์เลือกทางเดินของตัวเอง และทางที่ดินกำลังจะเลือกก็ใช่ว่าจะมีทางเลือกแค่ทางนี้ทางเดียว
แทนที่จะโทษอะไรต่างๆนาๆ หรือสถานการณ์บังคับให้ทำแบบนี้ ก็ควรจะโทษตัวเองมากกว่าที่อ่อนแอ
ไม่กล้าเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง(ทั้งๆที่ก็รู้)
อารมณ์มาเต็ม 55
รออ่านอีก 5 ตอนที่เหลือจ๊ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะ เอ้า ฮึบๆๆ :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-10-2014 22:06:28
คิดใหม่ทำใหม่เถอะดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 10-10-2014 22:26:41
อย่าทำน้องยุเลยนะดิน
นายยังกลับตัวกลับใจได้ทัน
ถ้าน้องยุมีรอยแม้แต่นิดเดียว นายได้ไปนรกเร็วกว่าเดิมแน่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 10-10-2014 22:43:06
ยุ.. อย่าเป็นอะไรนะ ภาวนาให้ดินเปลี่ยนใจ
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 10-10-2014 22:48:59
คนเคยโดนรุมข่มขืนมาก่อนน่าจะมีปมกะเรื่องนี้นะ คือถูกบีบให้เป็นหรือเลวโดยสันดานกันแน่... ตอนนี้นีชิดดูจะไม่ได้เน้นแก้แค้นแม่ แต่แค่เอาคืนยุเพื่อความสะใจมากกว่า

คือตอนแรกคิดว่านีชิดน่าจะแค่มีอดีตที่โหดร้าย เลยจะแก้แค้นแม่ที่นางคิดว่าเป็นต้นเหตุ แต่ตอนนี้นางทำเหมือนเป็นอาชญากรที่โฉดอยู่แต่เดิม คือโฉดเลวใส่ทุกคนมั่วซั่วไปหมด... โดยไม่เห็นทำไรกะอินังพ่อ แม่เลี้ยง และพี่น้องแม่เลี้ยงที่ทำร้ายเลย คืออะไร?? เลวกว่าแม่คือพ่อไม่ใช่รึ แล้วตอนนี้ทำร้ายยุมาก่อนทำร้ายแม่อีก คือนางมึนงงเป้าหมายตัวเองหนักไปล่ะ จะบอกว่านางลงทุนกะการทำร้ายยุมากสุด โดยแรงจูงใจอ่อนสุดอ่ะ ถึงจะโยงกลับไปว่าเอาคืนแม่ก็อ่อนอยู่ดี...

คือแค้นแม่ก็ส่งคนไปทำร้ายแม่ เอาแม่ออกมาขายสื่อสิคะ แค้นครอบครัวพ่อก็ส่งคนไปเอาคืนมันยกครัวสิคะ แล้วนี่เลือกมาลงกะยุ ขุ่นแม่ก็ดีใจแย่ไปสิ คือซ้อมเมธ ขุ่นแม่ยังมีเคืองบ้าง แต่ทำยุให้เมธเสียใจ ขุ่นแม่คงแฮปปี้เล็กๆ

นี่คือมาเน้นเอากะกฤตเมธกะยุรวมทั้งลากอิดินมาด้วยเพื่อ??? วางกาวในมือลงก่อนนะลูกนะ แล้วสาดมาม่าให้ถูกคน...  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-10-2014 22:57:29
ดินนน อย่าน้าาาาา คิดดี ๆ เถอะ

กลับตัวไม่สายนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 10-10-2014 23:39:07
ชอบเรื่องนี้มากๆ ค่ะ ติดตามผลงานมาตลอด รีบๆ มาต่อให้จบนะคะ เป็นกำลังใจให้น้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-10-2014 23:39:57
ดินเอ้ยยยย

เป็นคนน่าสงสาร
ที่เราไม่อยากจะสงสารเลยยย

ดนัยมาอุ้มไปทำเมียเร็ววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-10-2014 23:52:29
โอ้ว ดราม่าห้าตอนรวดเลยเหรอคะ ฮ่าๆๆๆๆ
ท่าทางจะซดมาม่ากันจนท้องอืดเลยทีเดียว

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ กอดสามที

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 11-10-2014 00:19:56
ยุจะรอดจากดินได้ยังไงเนีย
ยายคุณหนูชิดจันทร์ร้ายมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 11-10-2014 00:48:31
ชะนีมีปม... /me ทำหน้าระอากลอกตาแปดพันรอบ คิดในใจ นังบ้า...

ผู้ชายมีปม... โถ น่าสงสารจัง มาค่ะ เดี๋ยวเจ๊ปลอบเอง โอ๋น้าา

ฮือออออ อีกแค่ 5 ตอนเองหรอคะะะ ใจหาย ;___;

ดึงพ่อพจน์มากอด อ้าว คนละเรื่องเดียวกัน ยังไงก็จะติดตามผลงานของอนาคีต่อไปนะฮะ ❤️❤️❤️
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 11-10-2014 05:53:56
มีเรื่องตลอดดด

ดินอย่าทำน้าาา  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 11-10-2014 05:56:01
ตัดได้ค้างมากค่ะ  :katai1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 11-10-2014 06:06:00
น้องดินคะ พี่ให้โอกาส กลับใจเหอะ
กราบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 11-10-2014 07:21:54
ชิดจันทร์เธอจะรู้ตัวมั้ย ว่าความน่าสงสารของเธอไม่ได้ทำให้เกลียดเธอน้อยลงเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: yokky34 ที่ 11-10-2014 07:23:21
กลัวใจคนเขียน

หวังว่าน้องยุคงจะไม่โดนกระทำชำเรานะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-10-2014 07:26:29
หายแล้วก็ดีค่ะ...แต่ตอนนี้สงสารสดายุมากกว่า...........
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 11-10-2014 07:41:35
อ๊าย....ใครก็ได้มาช่วยน้องยุโดยด่วน
ขอให้ดินมันคิดได้ไม่ทำอะไรน้องยุทีเถอะ  :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 11-10-2014 08:00:25
ผมร่วงหมดแล้ววววววววววววว กินมาม่ามาเกือบทุกตอน
ใครก็ได้มาช่วยยุที ฮึกกกกกกกก :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-10-2014 08:53:31
บดินทร์อย่าทำน้าาา  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 11-10-2014 10:01:21
ทำไมเวลา เราผิดหวัง ต้องเอาไปลงที่คนอื่น

อย่างชิดจันทร์ บดินทร์ เงี้ย หรือสองคนนี้เหมาะแล้วที่ชีวิตต้องเป็นแบบนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Minnie~Moo ที่ 11-10-2014 10:20:14
 :a5:  o22  :a5: พวกแกทำอะไรกันย๊ะ  :angry2: :angry2: :angry2:

หนอยแหนะนังบ้ากล้าทำร้ายน้องยุเหรอ  :fire: ขอให้แกนั่นแหละโดนรุมข่มขืน  :z6: :z6:

 :o12: ขอให้มีคนมาช่วยน้องยุทันทีเถอะ  :sad4:  :sad4:

ส่วนบดินก็ส่งใครซักคนมาลงโทษมันด้วยเถอะ  :call: ไม่ตั้งใจเหรอ แกทำร้ายยุไปเยอะนี่ยังบอกไม่ตั้งใจอีก :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 11-10-2014 12:21:52
ถึงจะเลว..แต่อิป้าก็ยังสงสารหนูดินอยู่นะ...
อยากให้หนูดินพบกับสิ่งดี ๆ ที่เรียกว่า..ดนัย...
เกี่ยวมั๊ยนี่.....มันก็ใช่นะอยากให้คู่กันจริง ๆ ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 11-10-2014 19:24:29
น้องดินแย่งซีน ตั้งแต่รู้เรื่องเบื้องหลังความโฉดของน้องก้อหวัง
มาตลอดว่าน้องจะกลับใจหรือมีใครรู้แผนจะได้จบสวยๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 11-10-2014 20:48:48
ดินห้ามทำอะไรยุนะ ไม่งั้นจะจิตตก มากๆๆ
เคยเจอนิยายเรื่องนึงนายเอกมีอะไรกับคนอื่นแบบโดนมอม
ถึงแม้จะเคยกับพระเอกมาก่อนแล้ว แต่ก็รับไม่ได้อ่ะ มันคือตราบาปนะ คนที่โดนกระทำคงตายทั้งเป็น อารมณ์เหมือนนอกใจสามีโดยไม่ได้ตั้งใจ อะไรแบบนี้ ปมยุเยอะอยู่ละ ถ้าซ้ำเติมกันอีก ต้องสงสารยุตายเลย
โลกแห่งความจริงมันโหดร้ายแล้ว โลกในนิยาย ขอแบบมุ้งมิ้งๆ
ส่วนหนูดิน ขอในมีผ.. ในเร็ววัน สาธุๆ ขอให้ได้ขอให้โดน
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 11-10-2014 21:57:59
อยากจะต้องโหยหวน

น้องดินขอรับขอเจ้าขอร้อง

อย่าทำอะไรแบบนั้นเลย

รู้สึกมาม่าจะขีนขึ้น

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 12-10-2014 00:06:09
ฮื้อออออออออ
ไม่นะยุ ตื่นขึ้นมาาาาา
ใครก็ได้มาช่วยยุทีเหอะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-10-2014 01:21:20
เห้อ!! เจ้บปวดเกิ้นนTT
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 12-10-2014 12:32:47
โอ๊ยยย นี่แกจะทำมันจิงๆสินะดิน  :z3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 12-10-2014 13:13:13
ถ้ายัยชิดจันทร์เป็นคนที่ต้องตายในเรื่องนี้ก็ขอให้มันอย่าตายดีเถอะค่ะ อยากจะ :beat: แล้ว :z6: หลายๆรอบซะจริง
ส่วนไอ้*ดิน  :hao3: รู้ไว้ซะนะว่าเรื่องนี้น่ะ ยุต้องมีแค่เมธเป็นสะมีคนเดียวเท่านั้นย๊ะ :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 12-10-2014 13:42:47
โห รอบนี้บดินทร์เล่นแรงเชียว (ยัยเด็กชิดจันทร์นั่นไม่แปลกใจ นางเป็นบ้ามานานแล้ว)
ช่วงนี้คู่นั้นเค้าหวานเชื่อมไร้พ่าย บดินทร์ไปเล่นแผนสกปรกกับสดายุแบบนี้เดี๋ยวได้เจอดีแหงๆ  :katai5:

ป.ล. มีพิมพ์ผิดที่นึงอ่ะ>>>
อ้างถึง
แต่การทำตัวแบบนี้ของกฤตเมธในแต่ละครั้ง ก็ทำให้เจ้าของงานฉุนขาดได้ทุกทีเช่นกัน
กฤตเมธ --> บดินทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 12-10-2014 22:21:05
ถ้านายยังมีจิตใจฝ่ายดีอยู่ก็หยุดซะนะดิน
สิ่งที่นายกำลังทำมันไม่มีทางให้อภัยได้
เหมือนจะคิดได้ แต่ที่ทำลงไปมันเลว พูดเลย!!!!!

ตอนแรกนึกว่าจะไปจัดการเรื่องกับชิดจันทร์ให้มันจบๆ
ที่ไหนได้ ไปรับงาน หอยหลอด!!! :beat:

พี่เมธ ดนัย ใครก็ได้ช่วยยุหน่อย โอ๊ยยยยยย หน่วงงงง :sad4:
และจะต่อเนื่องอีก 5 ตอน
หึหึหึ (หัวเราะ แสยะยิ้ม)

มาเลย อืดสนิท เค้าก็อ่านจ๊าา

ขอแค่จุดจบชิดจันทร์แบบสะใจก็พอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 13-10-2014 13:30:40
ดินนนนน อย่าทำแบบนั้นน
งืดดดดดด
ยุอย่าเป็นอะไรนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 14-10-2014 10:43:10
จะมีคนมาช่วยสดายุไหมเนี่ย!!!!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 14-10-2014 13:04:57
อย่าทำน้องยุเลย :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 14-10-2014 14:35:57
กลิ่นมาม่าโชยมาเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 14-10-2014 16:32:30
เราคิดว่ายุคงรอด คงไม่มีใครตามมาช่วยทัน นอกจากดินจะช่วยเอง(ถ้ามีคนตามมาก็ดี มันคงดูอภินิหารมากๆอ่ะ)
แต่ดินนี่สิ จะมีใครเข้าใจเเล้วช่วยเหลือมั๊ยคะ อืมมม...ดนัยเหรอ?อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น -*-
เราคนอ่านต้องทนตั้ง 5 ตอน.......เสียสติ อกสั่นขวัญแขวนกันพอดี เฮ้อออออออออ กรี๊ดดดดดดดด :sad2:

เป็นกำลังใจนะคะ เราเพิ่งมาเม้นครั้งเเรก เคยอ่านเมื่อนานนนนมาเเล้ว
ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่ทั้งคู่เพิ่งกลับจากเกาะ เเล้วเริ่มเป็นข่าวใหม่ๆ ตอนนั้นเราก็หายไปเลยยย วุ่นวายมากๆ นี่กลับมาอ่านใหม่
ก็เลยขอมาเม้นในวันนี้ พร้อมทั้งติดตามจากนี้และตลอดไปนะคะ  :กอด1: :L2:

ปล.ถ้าดินจะได้คู่กับดนัยจริงๆ.......เราขอให้ดนัยอย่าร้ายกับดินนักเลย สงสารอ่ะ ทุกวันนี้ก็เหมือนรับกรรมอยู่เเล้ว
คิดว่าไม่ต้องซ้ำเติมกันเเล้วเนอะ ส่วนนังชะนีตาไฟ.....ไม่ขอคอมเม้นท์ค่ะ
อดีตนางน่าหดหู่นะคะ ยิ่งต้องเสียสามีและลูกอันเป็นที่รัก ที่พึงพิงสุดท้ายแบบนั้น เราว่ามันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับชีวิตนางเท่าไหร่
แต่ถ้าเอาความโกรธไปลงกะคนอื่นมั่วซั่วแบบนี้ก็ขอบายค่ะ เชิญรับกรรมได้ที่นรกเถอะค่ะ....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: kapook_koopak ที่ 18-10-2014 11:49:19
บีบมากค่า หน่วงกำลังดี แต่ละคู่หวานซะ อร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 20-10-2014 18:28:44
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 42 รับกรรม



แสงสว่างเบื้องบนกระตุ้นให้รู้สึก  เปลือกตาหน่วงหนักค่อย ๆ เผยอขึ้นอย่างยากเย็น สมองมึนทื่อ ศรีษะหนักอึ้ง  อยากจะจะปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างก็ทำไม่ไหว พยายามแล้วพยายามอีกก็ลืมตาไม่ขึ้น เหมือนเปลือกตาหนักๆของตนกำลังถูกถ่วงด้วยหิน สมองตื่น แต่ร่างกายกลับไม่ตื่นตามไปด้วย แขนขาชาดิก จนขยับไม่ไหว

สดายุพยายามสูดลมหายใจหนักๆ เพื่อรีดเร้นพลังงานในร่าง แต่สุดท้ายก็ยังแน่นิ่งเหมือนเดิม

ตื่น...แต่ไม่อาจลืมตา

รู้สึกกาย...แต่ไม่อาจขยับร่าง


“...อืมมม...”แม้แต่จะเปล่งเสียง ยังไม่สามารถทำได้สมใจ

อะไรบางอย่างขยับยุกยิกอยู่บนร่าง

...เย็น?

สดายุรู้สึกเย็นเยือกผิวกายราวต้องลมหนาว ผิวสัมผัสที่สมองเบลอๆพอจะรู้สึกได้ คือความว่างเปล่า...นี่อย่าบอกนะ ว่าเขาเปลือยอยู่?

ไม่ใช่แค่เสื้อ....แต่เป็นทั้งตัว!

“.......ยุ...”

น้ำเสียงคุ้นหูอย่างประหลาด ดังวนเวียนอยู่แถวศีรษะ

“...ยุ...ขอโทษ....”

ทำเสียงนั้นช่างเศร้านัก ฟังแล้วหดหู่จนน่าใจหาย ใครกันคือเจ้าของเสียง...

"ยุ..."

ใคร?

เสียงแว่วที่ได้ยินอยู่ ทำให้สดายุอดคิดไม่ได้ว่าใครกันนะที่กำลังเศร้าสร้อยได้น่าสงสารขนาดนี้

"เรา....ขอโทษ..."

บดินทร์เหรอ?

สดายุตกใจไม่น้อยเลยที่รู้ว่าน้ำเสียงโศกสลดนี้เป็นเสียงของบดินทร์อดีตเพื่อนรักที่เคยหักหลังกันอย่างเลือดเย็นเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมคนคนนั่นถึงอยู่ข้างเขาในตอนนี้ได้ แล้วคำขอโทษซ้ำๆเหล่านั้น บดินทร์ขอโทษใคร? เขาเหรอ? เรื่องอะไรล่ะ?

“เราสัญญา...เราจะไม่ทำอะไรนายนะยุ”

ทำ?...จะทำอะไร?

พลันร่างที่ยังคงหลับก็สัมผัสได้ถึงหยดน้ำอุ่นที่รินรดอยู่บนแก้ม สดายุรู้สึกได้ว่าบดินทร์ กำลังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ หัวใจของสดายุเต้นถี่ ด้วยเพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจำทำอะไร อยากตื่น อยากลืมตา อยากปกป้องตัวเองได้

“เราขอโทษจริงๆ...เราขอแค่รูปในคลิปมันแค่การทำหลอกๆเท่านั้นไม่ต้องกลัวนะยุเราไม่ทำอะไรนายหรอกเชื่อใจฉันนะ...”

คลิปรูป? เฮ่ย! อย่ามาตลกนะ

หลังสิ้นคำของบดินทร์ สดายุก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสร้อนผ่าวจากร่างกายของมนุษย์ที่ทาบทับลงมาบนตัวเขา ชายหนุ่มได้แต่ตกประหม่าด้วยไม่สามารถคาดเดาว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไรกับร่างกายเปล่าเปลือยของเขา

สีข้างลำตัว กำลังโดดนลูบไล้แผ่วผิว 

ตรงซอกคอกำลังถูกซุกไซร้แผ่วเบา

ทั้งร่างกำลังถูกกระทำการที่เขาไม่พึงปรารถนา

กลัว...

รังเกียจ...

“ฮึ่ก...ยุ...เราขอโทษ...อยู่เฉยๆ แค่แป๊บเดียวเองนะ...เราจะไม่แตะต้องนายมากไปกว่านี้...อีกแค่แป๊บเดียว...”

“เรา...ขอโทษ...ฮึ่ก...”

ผ่านไปประมาณ 5 นาที คนที่รุกรานอยู่ด้านบนยังคงไม่เริ่มทำสิ่งใดมากไปกว่าขยับตัวไปมาคล้ายกำลังซุกไซร้ ทว่าไม่ได้โดนเนื้อต้องกายจริงจัง ซ้ำขณะที่บดินทร์ทำทีว่าจะย่ำยีสดายุอยู่นั้น ชายหนุ่มยังพร่ำขอโทษสดายุไม่หยุดอีกด้วย

นี่มันอะไรกัน?

เกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์?

สดายุได้แต่เพียงคิด ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวเล็กน้อย ค่อยๆมีปฏิกิริยา

และในที่สุดเขาก็สามารถลืมตาได้ แม้จะยังไม่เต็มที่ก็ตาม

“.....อย...อย่า....”  นอกจากจะสามารถลืมตาสลึมสลือได้นิดหน่อย สดายุยังสามารถเปิดปากพูดเป็นคำออกมาได้แล้ว ภาพตรงหน้าเลือนลาง ซ้ำเงามืดยังทำให้ยิ่งมองไม่ชัด แต่ก็พอจับได้ว่าคนบนร่างคือบดินทร์อย่างที่คิดไว้จริงๆ และอีกฝ่ายนั้น กำลังร้องไห้อยู่...จริงๆ

“…ยุ...เราขอโทษ...”

“...ดิน?...”

ปึ่ง!!

โครมมม!

“เหี้ยเอ้ย!! หยุดนะมึง!!”


“นั่นคือเสียงเดียวสุดท้ายที่สดายุได้ยินก่อนที่สติจะดับวูบไปอีกครั้ง

*
*
*
*
*
“ไอ้ระยำ!

เสียงของกฤตเมธตะคอกลั่น ข่มขวัญให้บดินทร์ที่กลัวจนตัวสั่น ยิ่งหัวใจกระตุกวูบเข้าไปอีก ทันทีที่กฤตเมธเข้ามาในห้องของบดินทร์ได้ สิ่งที่ชายหนุ่มเห็นคือภาพของสดายุที่นอนหลับใหลเปลือยไปทั้งร่าง โดยมีบดินทร์คร่อมอยู่ด้วยท่าทีหมิ่นเหม่

ไม่ต้องให้จินตนาการก็นึกภาพออกว่าบดินทร์คิดจะทำอะไรกับสดายุ โดยเฉพาะเมื่อเหมือบไปเจอเข้ากับกล้องวิดีโอบันทึกภาพที่ตั้งอยู่ตรงข้างๆเตียงนั้นด้วยแล้ว ความอดทนของกฤตเมธก็ขาดสะบั้นลงในวินาทีนั้น

“ไอ้สัตว์! มึงจะทำเหี้ยอะไรกับยุ!!?”

คำพูดสุท้ายที่บดินทร์ได้ยินก่อนที่ร่างเขาจะปลิวหวือลงไปกองบนพื้นพร้อมทั้งเลือดที่กลบอยู่ตรงมุมปาก หน้าชาไปเป็นแถบจนไม่รู้สึกเจ็บไปครู่หนึ่ง จากนั้นความรู้สึกต่อมาคือ เสียงของทั้งหมัดทั้งเท้า ที่ระดมรัวลงบนร่างแบบไม่มียั้งแรง

เจ็บจุก...แต่ก็ไม่คิดจะต่อกร

นั่นก็เพราะว่า...

เขาสมควรได้รับมัน

โทษทัณฑ์นี้ มันช่างเหมาะสมกับเขาที่สุดแล้ว...

“พอเถอะค่ะ คุณเมธ เดี๋ยวมันเสือกตายขึ้นมา เราจะลำบาก แค่นี่มันก็ได้หยอดน้ำข้าวต้มไปหลายวันแล้วล่ะค่ะ”

เสียงของบลูม่ายั้งขึ้น เมื่อเห็นว่าบดินทร์นอนขดกลมอยู่บนพื้นอย่างไร้ทางสู้ ดูหมดฤทธิ์แล้วจริงๆ

“จำใส่กะโหลกไว้เลยนะไอ้บดินทร์ ถ้ามึงกล้าเข้าใกล้สดายุอีกเป็นครั้งที่สอง คราวหน้า มึงได้ตายจริงแน่!”

กฤตเมธก้มลงข่มขู่อยู่ใกล้หูของบดินทร์ที่สิ้นสภาพไปนานแล้ว เพื่อย้ำชัดว่าคนอย่างบดินทร์ ไม่มีสิทธิ์จะยุ่มย่ามกับสดายุอีกแม้เพียงปลายผม หรือแม้เพียงเงา

และเรื่องนั้น...บดินทร์เองก็รู้ดีที่สุด



กฤตเมธหายออกไปจากร่างของบดินทร์แล้ว…

ดวงตาปรือปรอยของผู้ถูกลงทัณฑ์พยายามชำเลืองมองภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

สดายุปลอดภัยดี...ร่างที่เคยเปลือยเปล่านั้นถูกบลูม่าช่วยจัดการสวมเสื้อผ้าคืนให้ แล้วตอนนี้ร่างบอบบางก็ถูกช้อนขึ้นอุ้ม สู่อ้อมอกของกฤตเมธอย่างหวงแหน...

ดีแล้ว...

บดินทร์คิดเพียงแค่นั้นขณะเหม่อมองดูกฤตเมธอุ้มสดายุเดินออกไป พร้อมกับบลูม่าที่ตามไปติดๆ  ทว่าตรงหน้าประตูบานนั้นกลับมีผู้ร่วมเหตุการณ์อีกหนึ่งคน

หนึ่งคนที่บดินทร์ไม่อยากให้มาเห็นตัวเองในสภาพนี้เลย

“...พี่...พี่ซอลย่า...?...”

บดินทร์เอ่ยเรียกผู้จัดการส่วนตัวของตนด้วยน้ำเสียงที่เครือสั่น ยิ่งเห็นใบหน้าแสดงความผิดหวังแบบไม่มีปิดบังฉายชัดอยู่บนใบหน้าโศกหวานนั้น บดินทร์ก็แทบจะขาดใจ น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดเอ่อท้นสองตาอย่างไม่อาจห้าม

“พี่ซอล...”

บดินทร์พยายามยันร่างตัวเองขึ้นเล็กน้อย เพื่อเอื้อมมือหาพี่ชายคนเดียวที่คอยยืนเคียงข้างเขาในวงการแห่งนี้ แม้เขาเคยเหลวไหลผิดบาป ซอลย่าก็ไม่เคยทอดทิ้ง และครั้งนี้ บดินทร์ก็ยังคาดหวัง

“”พี่ซอล...ดินอธิบายได้...”

“พอเถอะครับ...”

“...พี่?....”

“ผมผิดหวังในตัวคุณเหลือเกินบดินทร์ ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนี้...”

“.......พี่ซอล...” ทว่าความหวังเดียวของบดินทร์ก็สิ้นสลายลงในทันที พร้อมกับคำตัดพ้อของซอลย่า

“...คุณมันเลือดเย็นเหลือเกิน บดินทร์...”

“พี่ซอล...ได้โปรด...ฟังผมอธิบายก่อน...”

บดินทร์พยายามกระเสือกกระสนขยับกายเข้าใกล้ซอลย่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ใครจะว่าเขายังไงก็ช่าง แต่ขอแค่คนเดียว ขอแค่ซอลย่าคนเดียวเท่านั้น เขาไม่อยากให้ซอลย่าต้องรู้สึกเสียใจกับเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

แค่ซอลย่าคนเดียวที่ไม่อยากให้เสียใจ...


‘เอาอีกแล้วนะ ดิน ชอบทำให้พี่ห่วงเรื่อย’

‘ไม่เป็นไร ใครก็พลาดกันได้ พี่เข้าใจ’

‘ยังคิดมากเรื่องคุณสดายุอยู่อีกเหรอ?  สักวันเรื่องนี้มันต้องดีขึ้น พี่เชื่ออย่างนั้นนะ’

‘ต้องให้บ่นตลอดเลยนะดิน...ถ้าไม่มีพี่จะทำไงเนี่ย’

‘ไม่ต้องกังวลน่า..พี่ไม่ได้โกรธดินหรอก แต่คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ’

‘เราสองคนนี่เหมือนเป็นพวกนอกคอกเนอะ...หึหึ สมกับเป็นพี่เป็นน้องกันดีจริง’

‘เอาน่า...อย่านอยด์นักสิ คิ้วผูกเป็นโบว์แล้ว’

‘อย่าทำร้ายตัวเองอีกนะดิน พี่เป็นห่วงนายมากนะรู้ไหม?’



คนเดียวที่อยู่เคียงข้างกันมาตลอด...คนเดียวที่เขามักจะมองผ่าน เพราะคิดว่าไม่ว่ายังไงก็จะไม่มีทางหายจากกันไปไหน เคยคิดว่าไม่ได้มีค่าต่อตนมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้บดินทร์เข้าใจแล้ว ว่าซอลย่ามีค่ากับเขามากแค่ไหน เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าตลอดมาคนที่อยู่เคียงข้างเขาเสมอคือใคร แล้ววันที่ได้รู้ สายตาที่เคยห่วงหาอาทรณ์เขาคู่นั้น ก็ไม่เหลือความเชื่อมั่นในเขาอีกต่อไปแล้ว

แม้สายตาคู่นั้น จะไม่ได้ส่งกระแสดูแคลน

แต่ก็สิ้นแล้วซึ่งศรัทธา...

“...พี่ซอล...ดินขอโทษ...”

 บดินทร์พูดได้เพียงแค่นั้น ขณะมองดูซอลย่าถูกบลูม่าลากตัวออกไป ความรู้สึกที่ซอลย่ามีให้เขาคงจบอยู่แค่ตรงนั้น  ความรู้สึกที่เขามีให้ตัวเองก็เช่นกัน

จบสิ้น...กันแล้ว

หลังจากเหตุการณ์สงบลง และทุกคนออกไปจากห้องจนหมด ชายหนุ่มเหม่อมองที่ประตู ด้วยสายตาที่ร้างไร้ความรู้สึก เป็นนานสองนานกว่าบดินทร์จะรู้สึกตัวว่า ประตูห้องของเขายังถูกเปิดอยู่ อยากเดินออกไปปิด แต่สภาพร่างกายของเขาตอนนี้ย่ำแย่เกินกว่าจะกระดิกตัว แค่ขยับ ตั้งแต่ชายโครงขึ้นมาก็ยอกแปลบ คงเพราะเขาถูกกฤตเมธเตะย้ำตรงนี้อยู่หลายครั้ง ‘อาจหัก?’ แต่เห็นยังเอี้ยวตัวไหว สงสัยคงแค่ยอก...

“อึก...”

บดินทร์ได้แต่โอดโอย พลางพยายามขยับกายไปเรื่อย หวังจะไปปิดประตูห้องตนเสียให้เรียบร้อย ระหว่างนั้นก็ไพล่นึกไปถึงการบุกมาของกฤตเมธกับบลูม่า ตอนแรกยอมรับว่าตกใจอยู่ไม่น้อยที่ถูกบุกประชิดตัวได้โดยง่าย แต่พอได้เห็นหน้าซอลย่า บดินทร์ก็พอเข้าใจว่าคนเหล่านั้นเข้ามาได้ยังไง ซอลย่ามีกุญแจสำรองห้องของเขาอยู่ เขาให้ฝ่ายนั้นไว้เผื่อว่า เขาจะแฮงก์อยู่ห้อง จนต้องมาลากกัน ซึ่งก็เป็นอยู่บ่อยครั้ง

และในครั้งนี้ ก็ถือว่าซอลย่าได้ช่วยเขาไว้ เช่นกัน

ช่วยให้เขาหลุดพ้น...จากขุมนรกที่เขาก่อไว้เร็วขึ้นอีกหน่อย

*
*
*
*
*

ในที่สุด บดินทร์ก็เคลื่อนกายถึงหน้าประตู ดูเหมือนไม่นาน แต่สำหรับสังขารไม่อำนวยอย่างบดินทร์นั้น เวลาแค่นาทีก็รวดร้าวจนแทบจะร้องไห้

แค่นี้ก็รู้สึกแย่ จนแทบทนตัวเองไม่ไหว แต่ชายหนุ่มก็ยังฝืนกัดฟันทน เพราะไม่ว่ายังไงเรื่องมันก็จบไปแล้ว

และไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน

เขาก็ไม่เหลือสิทธิ์ใดๆ ที่จะไม่ยอมรับมัน...

ในตอนนั้น บดินทร์ที่ยังไม่มีสติครบถ้วน ไม่มีทางรู้ตัวเลยว่า ความหมดอาลัยตายอยากที่ตัวเองประสบอยู่ในตอนนี้ มันช่างน้อยนิด เมื่อเทียบกับสิ่งที่รอเขาอยู่ตรงหน้าประตู...

หมับ!

“...!!!?”

ในจังหวะที่เอื้อมมือไปหวังปิดประตูห้องให้เรียบร้อย วินาทีนั้นข้อมืออ่อนแรงของบดินทร์ก็ถูกคว้าไว้โดยง่ายจากใครอีกคนที่ยืนพิงหลังอยู่ตรงหน้าห้อง

"สวัสดีครับ...คุณบดินทร์"

และในวินาทีนั้น สันหลังของบดินทร์ก็ชาวาบ ในหัวขาวโพลนไม่สามารถประมวลผล ในร่างที่แข็งทื่อราวกับถูกสาปนั้น มีเพียงหัวใจที่เต้นรัวเต็มกำลังราวกับจะหลุดจากอก

"...ดนัย?..."

ริมฝีปากสั่นระริก ถ้อยทีเอ่ยนามพญายมผู้เฝ้ารอพิพากษาโทษ ดวงหน้าบดินทร์ซีดเผือด ไร้ซึ่งสีเลือดแม้เพียงเศษเสี้ยวทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ที่กำลังจะกระชากทั้งวิญญาณเขาออกจากร่าง

...ตาย...แน่ๆ


********************************

มาได้แค่ 30% ก่อน ต่องขอโทษด้วยนะคะ
ตอนนี้กำลังมีเรื่องหลายเรื่องต้องจัดการค่ะ เต็มไม้เต็มมือ
แต่สัญญาว่าภายใน วันที่ 23 นี้ ได้อ่านอีก 70%  ครบแน่ๆค่ะ
ขอโทษที่ต้องมาเป็นติ่งเป็นต่อน
เพราะเห็นว่าหายไปหลายวัน กลัวลุ้นนานค่ะ
เลยมาต่อนแรกก่อนให้ได้รู้ว่า น้องยุ ปลอดภัยดี
แต่หลังจากนี้ บดินทร์ต้องรับกรรมแบบไหน รอวันที่ 23 ตุลาคม นะคะ T^T
ขอบคุณค่ะ
:hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: item ที่ 20-10-2014 18:37:30
 :ling1:จะต้องสงสารชิป่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 20-10-2014 18:38:41
ดีนะที่กฤตเมธมาทัน

บดินทร์เอ้ยบดินทร์ :hao5: :hao5:

รอที่เหลือน้าาา :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 20-10-2014 18:47:26
 ฮือๆ สงสารบดินทร์อ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 20-10-2014 19:03:39
บดินทร์ ต้องเรียกว่า ทำตัวเองสินะ

พี่เมศ :z6: บดินทร์น้อยไป ฝากดนัยช่วยซ้ำอีกสักสองสามที  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Zalzah_iP ที่ 20-10-2014 19:21:18
เริ่มสงสารบดินทร์ มองเห็นชะตาชีวิตพี่แกลางๆ ละว่าจะเป็นยังไงต่อไป -___-
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 20-10-2014 19:27:55
เหมือนจะสงสาร แต่ก็ไม่เชิง แต่ก็แอบอยากให้คนอื่นรู้เบื้องลึกเบื้องหลัง แต่คนได้รู้คงเป็นดนัย...หลังจากชำเราดินไปปางตายแล้วอ่ะนะ ดูท่าว่าดินคงได้เป็นนายเอกจำเลยรักกันคราวนี้ 5555  o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 20-10-2014 19:36:53
ตายของจริง บดืนทร์สมควรได้รับแล้วหล่ะ เหลือแต่นังคุณหนูสติแตก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 20-10-2014 20:02:45
อ่านตอนนี้แล้วก็แอบบสงสารบดินทร์เหมือนกันจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 20-10-2014 20:13:48
บอกแล้วว่าถึงจะเลวแค่ไหน....แต่ก็สงสารอยู่ไม่น้อยเลยนะ
ในส่วนลึกก็ยังมีเศษเสี้ยวของความดีเหลืออยู่บ้าง (ตรงไหน..)
เอ๊า...ก็ตรงที่ไม่ทำอะไรหนูยุมากไปกว่าต้องการรูปไง..เนอะ..
โดนนักอ่านท่านอื่น :beat: :beat: :z6: :z6:.....ยังไงดนัย
ก็อย่าใจร้ายกับหนูดินมากเลยนะ .....ร้ายนักแต่รักนะ.... :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 20-10-2014 20:27:35
จริงๆบดินทร์ก็น่าสงสารนะ
แต่ก็นะ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 20-10-2014 20:31:19
เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา ได้เวลารับโทษค่ะคุณบดินทร์ เฮ้อ บดินทร์เอ๊ย ทางออกอื่นไม่มีหรือยังไงถึงต้องทำมันทุกอย่างที่ยัยเจ๊นั่นสั่งอย่างนี้อะ ไม่น่าเล๊ย  ถึงสาเหตุจะมาจากอะไร มันก็นำมาสู่การกระทำนี้นั่นแหละ ยังไงคนตัดสินใจจะทำก็คือตัวเอง คงไม่สงสารมากอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 20-10-2014 20:37:06
อย่าว่ากันนะถ้าเราจะบอกว่าไม่อยากให้ดนัยกับนายดินได้กันเลยอ่ะ :z3:
ดินควรทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการไถ่โทษให้ยุด้วยน่ะ :hao4:
รอที่เหลือจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 20-10-2014 20:40:49
น้องดินนนนน ถึงยูจะร้ายแต่เขาก็รักนะ
เป็นไรไม่รู้ ชอบตัวเอกมีปม 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 20-10-2014 20:41:59
บดินทร์ช้ำจนตายแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 20-10-2014 20:47:01
สงสารน่ะดินแต่ไม่สุดอ่ะ
สิ่งที่ผ่านมามันร้ายแรง
แต่ก็ไม่อยากให้ดนัยร้ายมากนัก
เพราะคนที่สมควรโดนและรับกรรมมากที่สุดคือชิดจันทร์ พูดเลย!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-10-2014 20:48:23
เชิญคุณลงทัณฑ์บัญชา
จนสมอุราจนสาแก่ใจ~~

#ดินไม่ได้กล่าวไว้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-10-2014 20:54:00
เอิ๊กกกเจอดนัยหนักกว่าพี่เมธแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 20-10-2014 20:56:16
สงสารดิน แค่นี้ก็คงรู้สึกแย่มากแล้ว ยังจะถูกดนัยทำอะไรอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 20-10-2014 20:56:52
เฮ้ออ ไม่รู้ว่าจะสงสารดีมั้ย
ที่จริงควรพูดออกไปตั้งแต่แรกนะบดินทร์ คนอื่นๆอาจจะหาทางออกได้ดีกว่านี้

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ

 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-10-2014 21:12:10
บดินทร์เอ๋ย เห็นทีต้องแสดงบทโสรยาแห่งจำเลยรักแล้วล่ะ
แต่คิดว่าหลังจากสดายุฟื้น ทุกคนจะได้รู้นะว่าบดินทร์ทำอะไรอ่ะ (แค่หวังว่าจะได้รับการลดหย่อนโทษบ้าง)
วิธีที่บดินทร์เลือกก็โอเคในระดับหนึ่งนะ คือ ไม่ได้ล่วงเกินยุจริงๆ แต่ก็ทำให้เสียชื่อเสียงอยู่ดีอ่ะ
ถึงแม้ว่าเราคิดว่าจะมีวิธีที่ดีกว่านี้ แต่วิธีนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาแบบบดินทร์ที่ไม่เลวเท่าไหร(มั้ง)
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ สู้ๆนะ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: hongzaa ที่ 20-10-2014 21:25:04
ทำไม โซ่ แส้ กุญแจมือถึงแว๊บบบเข้ามาในหัว55555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-10-2014 21:26:41
เฮ้ออ ไม่รู้จะสงสารหรือสมนำ้หน้าดีเลย  :z3:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 20-10-2014 21:28:23
อยากบอกว่า.....

สงสารดินอ่ะขอรับ

มันบอกไม่ถูก

แบบว่าสงสาร

ขอให้ทุกคนผ่านมันไปได้ด้วยดีขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 20-10-2014 21:35:30
คราวนี้บดินทร์ไม่รอดแน่ๆ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Tun_Bow ที่ 20-10-2014 21:41:22
รู้สึกเหมือนเห็นอนาคตของดินได้เลยอ่ะ  มันก็ทั้งสงสารและเห็นใจอ่ะเนอะ
มองๆดูรู้สึกดินมีส่วนคล้ายยุ มีปัญหาไม่พูด ไม่บอก ไม่แก้ตัว(รึเปล่า)
ถ้าเราเป็นดินก็คงกดดันนะ ไม่รู้จะทำยังไง แต่เราก็คงเลือกบอกใครสักคนให้เค้ารับรู้ก็พอ
แง่มม  คู่ดนัยกะดิน จำเลยรักแหงมๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 20-10-2014 21:49:01
ยุจะโกรธไหมถ้าตอนนี้เราแอบเทใจให้บดินกระจึงนึงอะ ดนัยโผล่มาทีแบบชวนสยองเชียว  :กอด1: ดนัยจะลงโทษยังไงน๊าา รอๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-10-2014 21:49:32
  ขอฟินไปก่อนนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 21-10-2014 08:19:34
ดินแกโดนแน่ๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 21-10-2014 08:40:55
สงสารบดินทร์อ่ะ

ไม่มีใครสืบให้ลึกกว่าหรออออ

ดินจ๋าาาาา

ค้างสุดติ่งเลยจ้า หนักกว่าเก่าอีก 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-10-2014 09:03:04
ชักเริ่มสงสาร บดินทร์ แบบว่าไม่เหลือใครเลยยย

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 21-10-2014 10:25:50
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
บีบขั้นเหลือเกินนนนนนนน
บดินนนนนนนน . สงสารแล้วอ้ะ
ดนัยก็อย่ามาจำเลยรักพิศาลกับบดินทรนะ
ฮรือออออออ
ไม่มีใครสักคนที่จะช่วยดินได้เลยหรอ. แค่สักคน...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: AoMSiN555 ที่ 21-10-2014 21:06:15
ติดตามอ่าน รออยู่นะ~~~~ คิดถึง  :กอด1: มาลงให้นักอ่านให้ชื่นใจหน่อยเถอะนะ  :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 21-10-2014 22:10:16
มาอย่างนี้ก็ลุ้นนะเนี่ย แต่เริ่มจะลุ้นคู่ดนัยกับบดินทร์มากกว่าซะแหระ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 21-10-2014 23:26:03
เอาเลยดนัย เอาเลยยยยยย หมายถึงลงโทษนะฮะ  :hao3: :hao3:

ถึงเวลารับกรรม คิคิคิคิคิคิคิคิคิคิ

ส่วนคุณหนูชิดจันทร์... :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

เก็บนางเข้าตุ่มโยนลงอ่าวไทยค่ะ เริ่ม!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 22-10-2014 23:41:35
มายัง มายัง มาปูเสื่อรอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 23-10-2014 00:11:27
 :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5
มารอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 23-10-2014 00:25:33
แอบเอ็นดูบดินทร์ .___.)
แต่ยุปลอดภัยก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-10-2014 01:48:34
23. แร้วน้าาา มาเย้ววๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 23-10-2014 13:21:52
มารอนะจ๊ะ  :hao7:   :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 23-10-2014 22:10:15
มารอคนแต่งมา ต่อตามสัญญา
 :monkeysad: :sad11: สงสารดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 23-10-2014 22:14:35
นอนรอนะคะ อิอิ
รอซับน้ำตาให้น้องดินสุดที่รัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 23-10-2014 23:31:22
โอ้มายก็อด!!!
สงสารดินสุดใจ
แต่ทำกรรมไว้ก็ต้องรับกรรมล่ะนะ
แต่ดนัยจ๋าา...บ่อยมือหน่อยน้า
น้องสงสารดินมันอ่า
โสรยาภาคบดินทร์ท่าจะมันแซ่บ 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 24-10-2014 03:14:05
กำลังปั่นนะคะ 70% มันยาวไปนิด...
เพิ่งจะว่างพิมพ์เมื่อตอน 3 ทุ่ม อือๆๆ
ได้ 15 หน้า A4 แล้วค่ะ
รออีกนิดนะคะ ภายในวันที่ 24 มาแน่ค่ะ
เหลืออีกนิดเดียวววววว...
 :katai4:
ขอโทษที่ต้องให้รอนะคะ

 :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 24-10-2014 03:39:43
ไม่เป็นไรค้าบบบ จะ24 หรือ 23 ก็รอเหมือนเดิมจ้า
สู้ๆ นะค่ะ :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 24-10-2014 17:26:55
เตรียมผ้าเช็ดตัว (กลัวผ้าเช็ดหน้าจะซับไม่พอ 5555)
สู้ๆค่าาคนเขียน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 24-10-2014 19:30:02
มารอ70%ที่เหลือ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Ok_fine ที่ 24-10-2014 19:44:10
 :katai5:  :katai5:  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Roseland ที่ 24-10-2014 20:55:33
มารอดูบดิน  :katai5: :katai5: :ling1: รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 24-10-2014 22:55:57
#มองอย่างรอคอย.. 24 ตุลาแล้วนะคะ ;[];
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-10-2014 00:48:36
ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 42 รับกรรม(เหยื่อ)




‘...พี่ซอล...ดินขอโทษ...’

คำว่าขอโทษของบดินทร์ ยังคงวนเวียนซ้ำอยู่ในหัวของซอลย่ายากจะสลัดออก คำขอโทษที่ฟังครั้งเดียวก็รู้ว่ามันกลั่นมาจากใจไม่มีเสแสร้ง ทั้งยังดวงตาคู่โศกที่สะท้อนเพียงความรู้สึกผิด และความสิ้นหวังนั้นอีก...

ร่างแบบบาง สั่นสะท้านขึ้นอย่างประหลาด หัวใจดวงน้อยวูบไหวตลอดเวลา น่ากลังว่าจะป็นลางร้าย

ความสังหรณ์ร้อนรนจนในที่สุดก็ทนอยู่เฉยไม่ได้ ซอลย่าเหยียบเบรคเล็กน้อย ก่อนจะรีบเปลี่ยนเลนส์กะทันหันเพื่อยูเทิร์นรถกลับไปทางที่เพิ่งจากมา

จริงอยู่ว่าเขาผิดหวังกับการกระทำของบดินทร์มากแต่อย่างน้อยเขาก็ควรถามเหตุผลก่อนไม่ควรวู่วามจากมาวันนี้บดินทร์ไม่เหมือนเดิมเขาเองก็รู้อยู่เต็มอกจริงอยู่ว่าเขาผิดหวังกับการกระทำของบดินทร์มาก แต่อย่างน้อยเขาก็ควรถามเหตุผลก่อน ไม่ควรวู่วามจากมา วันนี้บดินทร์ไม่เหมือนเดิมเขาเองก็รู้อยู่เต็มอก เพราะอารมณ์ชั่ววูบแท้ๆ เลยทำให้เขาไม่ทันยั้งคิด เจ็บใจตัวเองจนต้องจิ๊ปาก เขาไม่น่าจากมาโดยไม่ถามไถ่เช่นนี้เลย
 
อย่างน้อยเขาน่าจะเค้นถามเหตุผลกับบดินทร์ได้
 
เพียงไม่ถึงอึดใจ รถอีโคคาร์คันกะทัดรัดสีขาวนวลก็แล่นมาจอดถึงลานจอดรถที่ประจำ ร่างบอบบางผู้เป็นเจ้าของ เร่งรีบออกจากรถคันน้อยโดยพลัน หมายไปให้ทันดูใจคนที่ถูกซ้อมปางตายอยู่บนห้องชั้นบน

“กะอยู่แล้ว ว่าต้องกลับมา”

“...!!!?”

เสียงคุ้นหูดักคอขึ้นทันทีที่ซอลย่าเดินเข้ามาตรงโถงลิฟท์ ผู้จัดการดาราร่างเล็กสะท้อนใจวูบขึ้น เมื่อได้เห็นว่าคนที่ดักรออยู่นั้นคือใคร

“ค...คุณบลูม่า?”

ซอลย่าเอ่ยเรียกอีกฝ่ายแทบจะเป็นเสียงคราง ด้วยไม่คิดว่าบลูม่าจะยังดักรอเขาอยู่ที่นี่ ในเมื่อความจริงแล้ว ชายหนุ่มควรตามกฤตเมธกับสดายุไป

บลูม่าที่ยืนกอดอกพิงผนังโถงทางงเดินอยู่ในตอนแรก ค่อยๆขยับกาย สืบเท้าเข้าใกล้ซอลย่านิดหน่อย ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอารมณ์

“จะมาดูใจไอ้บดินทร์รึไง?”

คำถามดังขึ้นพร้อมกับที่ปลายเท้าของบลูม่าหยุดตรงหน้าของซอลย่าชนิดใกล้แค่คืบพอดี

ผู้จัดการดาราร่างเล็กไม่ทันได้ตอบอะไร เพราะมัวแต่ใจสั่น ที่ถูกเข้าประชิดตัวในสถานการณ์ไม่สู้ปลอดภัย แถมยังไม่ทันจะได้ตั้งสติ ต้นแขนผอมบางก็ถูกกระตุกลากให้ตามร่างสูงใหญ่กว่าออกไปเสียก่อน

“ด...เดี๋ยว? คุณบลูม่า?...”

“ไม่ต้องรีบร้อนไปดูใจมันหรอก หนังหนาอย่างไอ้บดินทร์ ไม่ตายง่ายๆ”บลูม่าว่าขณะออกแรกลากดึงซอลย่าให้ตามตัวเองออกมายังลานจอดรถ

ได้ยินแบบนั้น เข้า ซอลย่าก็พยายามฝืนกายเต็มที่พร้อมทั้งเปิดปากอธิบายแก่ผู้กระทำถึงเหตุผลที่ตนดั้นด้นกลับมา

“ผมไม่ได้จะไปดูใจเขาเสียหน่อย...ผมแค่จะไปถามเหตุผลที่เขาทำแบบนี้เท่านั้นเอง!”

“เฮอะ! ห่วงมันก็บอกมาเหอะ!”ทว่าคำอธิบายของซอลย่าก็ทำได้แค่ให้บลูม่าแค่นหัวเราะ

“...ถ...ถึงยังไง บดินทร์ก็ถือเป็นดาราในสังกัดผม...เกิดเรื่องขึ้น ผมก็ต้องดูแล...”ซอลย่าพยายามอธิบายซ้ำ และคราวนี้มันสามารถทำให้บลูม่าหยุดเดินจ้ำ พร้อมกระชากร่างเขาตามไปด้วยอีก

แต่...กลับหันมายิ้มเยาะเขาหนักกว่าเดิม

“ไม่ต้องถึงมือเธอร๊อก...ซอลย่า... เพราะตอนนี้ไอ้ระยำนั่น มันมีคนช่วยดูแลอยู่แล้ว”

“....ค…ใคร!?” แค่ได้ยินว่าบดินทร์มีคนอยู่ด้วยในตอนนี้ สังหรณ์ร้ายๆก็เอ่อท้นในห้วงความคิดของบลูม่าอย่างห้ามไม่อยู่ หัวใจดวงน้อยเฝ้าพร่ำภาวนาอย่างไม่รู้ตัว ว่าให้บดินทร์ปลอดภัย ให้คนที่อยู่ด้วยนั้น ไม่ใช่คนที่เขาคิด

“ดนัยไง”

ทว่าความอ้อนวอนของคนอย่างเขามันไม่เคยสัมฤทธิ์ผล คนที่อยู่กับบดินทร์ตอนนี้คือดนัยจริงๆ และในตอนนี้ซอลย่ารู้ได้ในทันทีว่า บดินทร์กำลังตกอยู่ในอันตราย เขารู้ดี เพราะดนัยไม่ชอบบดินทร์ ทั้งยังสนิทกับกฤตเมธและสดายุเป็นพิเศษด้วย ไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้ ดาราในสังกัดของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง

เป็นห่วง เป็นห่วง เป็นห่วง!

“ปล่อยผม! ผมต้องไปช่วยดิน!!”  เพียงแค่ได้ยินชื่อดนัย ร่างบอบบางของซอลย่าก็กระตุกรั้งตัวเองออกจากพันธนาการของบลูม่าอย่างลืมตาย แม้จะแรงน้อยกว่า แต่ก็ดิ้นรนสารพัดให้ได้หลุดพ้น

“ช่วย? เธอยังคิดจะไปช่วยมันอีกเหรอ!?”บลูม่าคำรามเสียงขรม พร้อมกระชากร่างเล็กกว่าของซอลย่าเข้ามาในอ้อมอก เพื่อล็อคให้สิ้นฤทธิ์ เขาไม่มีวันปล่อยให้ใครขึ้นไปขัดขวางการลงทัณฑ์เด็ดขาด!

“ทั้งๆที่มันทำระยำหมาขนาดนั้นกับสดายุ เธอยังคิดจะไปช่วยมันอย่างนั้นเหรอ!?”คำพูดของบลูม่าทำการดิ้นรนของซอลย่าสะดุด

“ช่วยให้มันรอด? ทั้งๆที่ถ้าเมื่อกี้เรามากันไม่ทัน สดายุอาจไม่รอด ขนาดนี้แล้ว ยังจะช่วยคนอย่างมัน!? เธอแน่ใจแล้วเหรอ!?”นั่นเพราะสิ่งที่บลูม่าพูดมาเป็นเรื่องจริง

“....แต่...”

“ไอ้เวรนั่นมันก่อกรรมทำชั่วกับสดายุมาสารพัดสิ่ง เธอก็รู้...แล้ววันนี้คนอย่างมันควรต้องชำระกรรม!”

“..........”

และคำพูดเหล่านั้นมันก็เป็นเรื่องจริงเกินกว่าที่ซอลย่าจะโต้เถียง ใจหนึ่งเขาก็ต้องการช่วยบดินทร์ให้พ้นภัย เพราะถึงอย่างไร เขาทั้งสองคนก็ผูกพันกันเกินกว่าจะเมินเฉย ทว่าอีกใจก็ไม่อาจขัดขืน โดยเฉพาะตอนนี้ ที่ทั้งตัวถูกบลูม่าพันธนาการไว้ในอ้อมกอด

ร่างที่สั่นระริก กับดวงตาที่ฉายแววสับสนระคนเจ็บปวดของซอลย่า ทำให้บลูม่ารู้สึกหน่วงอยู่ไม่น้อย แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ยอมไม่ได้ ที่จะให้บลูม่ากลับขึ้นไปช่วยบดินทร์จากเงื้อมมือของดนัย

แม้จะดูโหดร้าย แต่เขาต้องการให้บดินทร์ถูกทรมาน

“ไม่ต้องห่วง”ดังนั้นคำพูดเดียวที่บลูม่าคิดว่าพอจะช่วยรั้งซอลย่าเอาไว้ได้ก็คือ...

“มันไม่ตายง่ายๆหรอก!”

ซอลย่าไม่ได้ต่อคำใดๆออกมาอีก ใบหน้าหวานเศร้า ได้แต่จดจ้องขอความเมตตาจากเจ้าของอ้อมแขน เพียงแค่นิด อยากให้โทษของบดินทร์เบาบางลง แต่การตอบรับที่ได้จากบลูม่า คือการที่ทั้งร่างของเขาถูกลากเรื่อยกลับออกไปสู่ลานจอดรถ

“ไปส่งฉันที่บ้านด้วย!” มาถึงตรงที่จอดรถประจำของซอลย่า บลูม่าก็ออกคำสั่งให้อีกฝ่ายไปส่งตนที่บ้าน

“......?”

“...ความจำสั้นรึไง? ว่าฉันไม่ได้เอารถมา”  เห็นว่าซอลย่าได้แต่เงียบนิ่งมองเหม่อ บลูม่าจึงออกปากเตือนความจำ

วันนี้บลูม่าติดรถซอลย่ามาจนถึงคอนโดของบดินทร์ เพราะตั้งแต่ที่ตัวเองเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องรักษาความปลอดภัย ขณะเอาของไปฝากนั้น บลูม่าก็ไม่รอช้าที่จะออกติดตาม  โดยไม่ลืมโทรบอกกฤตเมธด้วย

และเหมือนจะเป็นโชคดีในความโชคร้าย ที่ซอลย่าปรากฏตัวขึ้นพอดี บลูม่าเลยจัดการลากซอลย่ามายังที่ที่คิดว่าบดินทร์จะใช้ก่อเหตุด้วย แล้วก็คิดไม่ผิดที่ลากตัวซอลย่ามา เพราะนอกจากจะรู้รังของบดินทร์แล้ว เจ้าตัวยังมีกุญแจสำรองของห้องดาราหนุ่มอีกด้วย

“เอากุญแจมา ฉันขับเอง”

“เอ๊ะ?”

“เธอไม่รู้ทางไม่ใช่รึไง เอามา ฉันขับเอง”

เมื่อสามารถลากจูงซอลย่ามาถึงที่จอดรถได้ บลูม่าก็ออกตัวขอเป็นคคนขับเอง โดยไม่ฟังคำทัดทาน หรือแม้แต่จะสนใจใบหน้าสับสนกังวลของซอลย่าเลยสักนิด

และเพียงแค่อึดใจต่อมา ซอลย่าก็ถูกพาขึ้นรถออกจากคอนโดของบดินทร์ไป

ทิ้งคนที่เขาเป็นห่วงจับใจไว้ด้านหลัง

ซอลย่าทำได้แต่เพียงภาวนา ขอให้บดินทร์ปลอดภัย

*
*
*
*
*

“...ด...ดนัย?”

แค่ได้เห็นว่าคนที่รออยู่ตรงหน้าประตูคือใคร  บดินทร์ก็แทบจะหยุดหายใจเสียงตรงนั้น ร่างกายสะบักสะบอมก้าวถอยหลังอย่างลืมตัว พร้อมเกร็งกายรอรับการลงทัณฑ์อย่างเต็มที่ ไม่หมัด ก็เท้า เพียงอึดใจต่อจากนี้ต้องมีปลิวมาบ้างแน่...

“ไง...เยินน่าดูเลยนี่ พี่เมธนี่...ไม่ยั้งมือเลยน๊า...”  ทว่าดนัยไม่ได้ผลีผลามจู่โจมอย่างที่บดินทร์คิด ชายหนุ่มเพียงทักทายสบายๆ ขณะพาตัวเองเข้ามาในห้องของบดินทร์ ก่อนจะลงมือลงล็อคประตู

...กริ๊ก...

เฮือก!...เพียงแค่เสียงล็อคประตูเบาๆ ก็ทำเอาบดินทร์สะดุ้งไหวไปทั้งร่าง สถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวเสียยิ่งกว่าตอนที่กฤตเมธบุกเข้ามาหลายขุม

“...อ...ออกไปนะ” บดินทร์เอ่ยปากไล่ด้วยน้ำเสียงแผ่วผิวจนแทบจะเป็นเสียงคราง เรียวแรงที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดติดร่างก็ราวกับจะละลายหายไปเสียตรงนี้ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายสืบเท้าเข้าหา ร่างกายบอบช้ำก็ทำได้เพียงถดถอย

ผู้รุกรานไม่สนองตอบใดๆกับคำขับไส ร่างสูงใหญ่ยังคงทำตัวสบายๆ ค่อยๆก้าวเท้าเนิบนาบเข้าหาเจ้าของห้องพร้อมรอยยิ้มละไม ดังเช่นที่เคยกระทำ

“อ...ออกไป!!?ไปให้พ้น!!” บดินทร์ตวาดออกไปด้วยเรียวแรงแทบจะทั้งหมดที่ยังคงเหลือ เพราะการกระทำของอีกฝ่ายทำเขาหวาดหวั่น พรั่นพรึงจนไม่อาจควบคุมสติ


‘น่ากลัวเหลือเกิน’



หัวใจของบดินทร์เต้นรัว เนื้อตัวเริ่มสั่นสะท้านเขากลัวแววตาที่เดาทางไม่ได้ของดนัยเหลือเกิน ความทรงจำในครั้งก่อนที่ถูกไล่ต้อนยังคงฉายชัด จำได้ติดหัวว่าอุ้งมือของดนัยนั้น ต่อให้มีแรงสักเท่าไหร่ หรือต่อให้จะพยายามดิ้นรนหนีสักแค่ไหน ก็ไม่มีทางหลุดพ้น กลับยิ่งถูกบีบรัดแน่นจนเจ็บร้าวราวกระดูกจะแหลกเป็นผุยผงเสียอีก

ดนัยยังคงยิ้มพราว ขณะก้าวเข้าใกล้บดินทร์ขึ้นเรื่อยๆ ไล่ต้อนจนร่างสะบักสะบอมนั้นถอยร่นไปจนเกือบถึงเตียงนอน ห้องนี้มันช่างเล็ก จนแทบจะนึกไม่ถึงว่าเจ้าของห้องเป็นถึงพิธีกรมีชื่อ แต่เรื่องนั้นใครจะสน ดีเสียอีก ยิ่งแคบก็ยิ่งจับเหยื่อได้เร็วขึ้น

ร่างของบดินทร์ยิ่งสะท้านหนัก เมื่อถอยร่นมาจนถึงขอบเตียง เขาไม่คิดว่าดนัยจะทำอะไรอย่างที่เขาจินตนาการ แต่ก็อดหวั่นไหวไม่ได้ คราวที่เรื่องกันคราวก่อน เขาถูกดนัยเสียแก้ม แถมยังเกือบถูก ข่มขืนถ่ายคลิป คราวนั้นบดินทร์ใช้ที่เขี่ยบุหรี่กระเบื้องทุบเข้าข้างขมับดนัยจนแตก ภาพสีหน้าราวกับสัตว์ป่าของดนัยในวันนั้นยังคงติดตรึงอยู่ในกระบอกตาราวกับว่ามันยังคงเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า

บดินทร์ราวเห็นภาพหลอนทั้งที่ดนัยยังคงยิ้มละไม สายตาก็ไม่ได้ฉายแววรุกราน การเคลื่อนไหวเนิบนาบ เชื่องช้า ยิ่งกว่าเขาที่กำลังบาดเจ็บ ข้างขมับขาวสวยของดนัยนั้นก็แปะพลาสเตอร์เอาไว้อย่างดีแล้วเหตุการณ์ตอนนี้ ไม่เหมือนอย่างตอนนั้นที่เขาถูกดนัยกดตรึงไว้ใต้ร่างอย่างคุกคาม

ตอนนี้เขายังคงหนีได้

แต่ไม่รู้ทำไม ร่างกายไม่ยอมขยับไปไหน ทำได้เพียงแต่ถอยหนีทีละก้าว ทีละก้าว

เพราะสิ้นแล้วซึ่งเรียวแรง

หรือเพราะ...

เขาถูกสะกดไว้ด้วยสายตานั้นกันแน่นะ...

ภายในห้องเงียบกริบ ไร้เสียงพูดคุยใดๆ ยินเพียงเสียงลมหายใจที่ขาดห้วงของบดินทร์เท่านั้น

“อ๊ะ!!?”

ในที่สุดร่างกายบอบช้ำก็สิ้นแล้วซึ่งเรียวแรงพยุงกาย เพราะเพียงแค่สะดุดเข้ากับพรหมผืนน้อยที่ข้างเตียง ทั้งร่างของบดินทร์ก็ลงไปกองอยู่บนพื้นอย่างน่าสมเพช  และในจังหวะนั้นเอง

พรึ่บ!

“......!!!!??”

ไฟในห้องก็ถูกปิด บดินทร์เห็นไม่ชัด แต่รู้แน่ว่าดนัยเอื้อมแขนยาวๆของตน ไปปิดสวิชต์ที่อยู่ตรงผนังที่ยื่นออกมาเล็กน้อย เพื่อกั้นอยู่ครึ่งๆกลางๆ ระหว่างห้องใหญ่กับซอกเตียงนอน

ภายในห้องมืดสนิท

ความกลัวภายในหัวใจของบดินทร์ก็ยิ่งท้วมท้นพรั่งพรู

บดินทร์แทบจะกลั้นใจตายเสียให้พ้น หัวใจดวงเท่ากำปั้นของเขาเต้นถี่จนแทบจะหลุดยวงออกมานอกอก สมองมืดดำพร่ำอ้อนวอนภาวนา จะยังมีทางไหม จะยังเหลือทางใดไหม ให้เขารอดออกจากที่นี่

ห้องน้อยที่เคยเป็นที่รังปลอดภัยที่สุดของเขา

ตอนนี้มันกลับอันตรายที่สุดไปเสียแล้ว...

‘น่ากลัว...ใครก็ได้ช่วยด้วย...’


ดนัยส่งยิ้มเป็นมิตรให้บดินทร์ที่สภาพยับเยินแบบดูไม่จืดอยู่บนพื้น

ฝ่ายนั้นค่อยกระถดกายหนีห่างเพราะยังลุกเดินไม่ไหว

เขาค่อยๆรุกคืบเข้าใกล้ทีละน้อย ไม่รีบร้อน แต่ก็ไม่ปล่อยปละ

เขายิ้มให้อีกฝ่ายเป็นนัยน์ว่าสบายใจเถอะ ไม่ทำให้เจ็บนักหรอก...

ถึงแม้ว่ารอยยิ้มนี้ อีกฝ่ายจะไม่มีทางได้เห็นก็เถอะ

เขาจะไม่ซ้อมซ้ำรอยกฤตเมธให้ต้องเสียของ

เพราะสิ่งเดียวที่เขาตั้งใจจะทำกับบดินทร์คือ...

มีเซ็กซ์!


ทำไมถึงทำแบบนี้กับบดินทร์?

ง่ายมาก...

นั่นก็เพราะเขาสนใจในตัวบดินทร์เป็นทุนอยู่ก่อนแล้วยังไงล่ะ

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันหน้าห้องน้ำสำนักงาน กลิ่นหอมรุนแรงจากตัวของอีกฝ่ายปลุกความปรารถนาของเขาให้ลุกโชนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

และกลิ่นนั้นมันก็ทวีความรุนแรงในทุกๆครั้งที่ได้พบหน้า

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจ เพราะคิดว่าถึงยังไงก็คงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน แต่พอนานเข้า เจอกันบ่อยครั้งเข้า มันก็เริ่มจะทนไม่ไหว

กลิ่นของบดินทร์นั้น มันหอมรัญจวนจนทำให้เขาบังเกิดภาพหลอนให้ยิ่งเสน่หายิ่งต้องการ

เพราะถือคติไม่ยุ่งกับคนไม่มีตำหนิเขาเลยยังนิ่งไว้

แต่ตอนนี้มันไม่จำเป็นแล้ว



บดินทร์ที่ถูกความเขลาขลาดกัดกินจนแปดเปื้อนเป็นดังเหยื่ออันโอชะที่เขาไม่อาจปล่อยให้หลุดมือไปได้

คนเลวคนอื่นๆ...ทำให้เขามีเพียงความรู้สึกอยากทำลายล้าง

แต่สำหรับบดินทร์...มันทำให้เขารู้สึกแตกต่าง

ไม่ได้อยากทำลายให้ย่อยยับ

แต่กลับอยากไล่ต้อนให้ค่อยๆจนมุม

ติดหมุดปักปีกสีสวยตรึงเอาไว้ในห้องส่วนตัวไม่ให้หนีไปไหน

คอยชื่นชมใบหน้าที่แสร้งว่าหยิ่งทะนงแต่กลับแฝงไปด้วยความหวาดหวั่น

ถึงบดินทร์แสร้งว่าองอาจไม่สนใจผู้ใดแต่เขารู้ดีว่าหัวใจของมันช่างขี้ขลาด

ยิ่งทำตัวกร่างหัวใจดวงน้อยที่เต้นอย่างเอาเป็นเอาตายของมันก็ยิ่งหวาดกลัว

แค่เขาข่มขวัญมันแค่นิดหน่อยร่างกายของมันก็สั่นระริกแววตาของมันฉายชัดแต่ความกลัว

กลัวในตัวของเขาอย่างไม่อาจปิดบัง

ยิ่งกลัวกลิ่นกายของมันยิ่งหอมฟุ้ง

กลิ่นของเหยื่อตัวเล็กๆที่กำลังจะถูกบูชายัญให้กับราชันย์ผู้เป็นใหญ่

กลิ่นที่ทำให้เขาพรึงเพริด

กลิ่นที่ปลุกกำหนัดของเขาได้ไม่รู้จบ




อย่างเช่นตอนนี้...

ตอนที่บดินทร์ขดกายราวกับเด็กน้อยค่อยๆกระถดหนีไปด้านหลังอย่างเอาเป็นเอาตาย

สองมือแทบจะไหว้ท่วมหัวเพื่อขอชีวิตรอด

แม้หลังจะติดผนังริมเตียงไปแล้วร่างสั่นระริกนั่นก็ยังไม่หยุดถดถอย

ปากบางพร่ำวอนขอความเมตตาทว่าเสียงกลับเบาหวิวราวอากาศธาตุ

สภาพเช่นนั้นแทนที่จะทำให้ดนัยเห็นใจ

กลับยิ่งปลุกเร้าให้ชายหนุ่มรุกไล่ไม่ให้ได้พัก




ในห้องปิดไฟมืดมิดมองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากเงามืดทะมึนรางเลือนที่เขยื้อนเข้าใกล้เชื่องช้า

ร่างนั้นแสยะยิ้มกว้างให้บดินทร์ราวกับเป็นมิตร

ทว่ากลับแผ่รังสีคุกคามจนหายใจหายคอไม่ออก

แค่ความผิดที่คั่งค้างใจก็จุกอกจนทำอะไรไม่ถูกอยู่แล้ว

ร่างกายที่เพิ่งเจ็บหนักจากการถูกลงทัณฑ์อันแสนเย็นชา

ยังบอบช้ำไปทั้งตัวจนแทบกระดิกไม่ได้

หัวใจเล่ายิ่งบอบช้ำกว่าเป็นไหนๆ ที่ไม่สามารถหนีความขลาดเขลาของตัวเองพ้น

อ่อนแอเป็นหนอนชั้นต่ำ ที่ทำแต่สิ่งผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า

แม้แต่คนที่ตัวเองรัก...ยังปกป้องเอาไว้ไม่ได้

ซ้ำร้ายยังเป็นคนลงมือเสียเอง

น่ารังเกียจ

เกลียดตัวเองจนโกรธกฤตเมธไม่ลงที่ซ้อมเขาจนไม่มีชิ้นดี

แม้แต่คนตรงหน้าที่หมายจะเข้ามาทำร้ายก็ไม่กล้าจะโกรธ

ไม่ได้โกรธ....

แต่หวาดกลัว

คนตรงหน้านี้น่ากลัวเกินไป

ซ้อมเขาให้จมกองเลือดตายเสียยังดีกว่าทำแบบนี้

ได้โปรด...


 :katai4:
ต่อด้านล่างค๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-10-2014 00:49:31


“นี่...จะเข้าไปสิงในนั้นรึไง”


ถึงที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งทางหนี บดินทร์ที่ได้แต่ขดตัวคุดคู้อยู่ตรงข้างหัวเตียงนั้นกำได้เพียงยกมือไหว้อ้อนวอน ให้ดนัยมีเมตตากับตนสักครั้ง รู้อยู่เต็มอกว่าคำขอคงไม่มีทางเป็นผล แต่สัญชาตญาณก็ได้แต่สั่งให้ทำ

“ด...ได้โปรดเถอะครับ..อย่าทำอะไรผมเลย...ผมกลัวแล้ว”

คำอ้อนวอนทำดนัยนึกขัน เคยเห็นแต่ใบหน้าหยิ่งผยอง ยิ่งหวาดกลัว ยิ่งทำตัวกร่างกร้าว ไม่คิดเลยว่า จะมีวันได้ยินบดินทร์อ้อนวอนด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า และถ้อยคำสุภาพหวานหูได้ถึงเพียงนี้

“...กลัว? คุณจะกลัวอะไรกันครับ?”

ดนัยถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ พลางโน้มตัวลงไปคร่อมร่างคุดคู้ของบดินทร์ไว้ โดยใช้แขนข้างหนึ่งเท้าเตียงนุ่ม ส่วนอีกข้างก็ยันกำแพงไว้ ไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็กลายเป็นกรงขังดีๆ ที่ใช้กักกันผู้ร้ายปลายแถวอย่างบดินทร์ได้อย่างอยู่หมัด

เสียงอ่อนหวานไม่ได้ช่วยอะไร

เพราะถึงยังไงท่าทีคุกคามอย่างโจ่งแจ้งนี้ก็ทำบดินทร์ผวาแทบสิ้นสติไปแล้ว

“ผ...ผมขอโทษ...ปล่อยผมไปเถอะครับ...”

“จุ๊ จุ๊...หึหึ อย่ากลัวไปเลยครับคุณบดินทร์ ผมสัญญา จะไม่ต่อย ไม่เตะคุณแม้สักหมัดเดียวนะ...”

“.....จ...จริงเหรอครับ?....”

“จริงสิ...แหม ผมไม่ได้เป็นขาโหดเหมือนพี่เมธหรอกน่า ไม่ต้องห่วง”

บดินทร์รู้แก่ใจว่าไม่ควรเชื่อ แต่เมื่อเห็นว่าดนัย ยืดร่างยืนตรง ละห่างจากตัวเขาออกไป หัวใจดวงน้อยก็เริ่มคลายความกังวลขึ้นเล็กน้อย เพียงแค่เล็กน้อยจริงๆ เพราะตราบใดที่คนคนนี้ยังอยู่ในห้อง ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจะรอด


พรึ่บ....


“เฮ้อ...ขอโทษนะที่แกล้งแรงไปหน่อย”

บดินทร์สะดุ้งวาบทันทีที่ไฟเปิด ความสว่างกะทันหันทำสายตาปรับโฟกัสไม่ทันไปครู่หนึ่ง

เสียงดนัยเอ่ยขอโทษอยู่ตรงหน้า ทว่าไกลออกไปนิดหน่อย ชายหนุ่มเดินไปเปิดไฟในห้องให้ พร้อมเอ่ยขอโทษที่แกล้งปิดไปเมื่อครู่

บดินทร์ได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายนิ่งงัน เพราะเดาไม่ถูกว่าดนัยต้องการอะไรกันแน่ จากตอนแรกที่ปิดไฟ แล้วตรึงร่างเขาที่ไร้ทางสู้เอาไว้ในตรอกที่ไม่อาจหนีพ้น ตอนนี้กลับเดินทิ้งออกไปเสียไกล ราวเปิดโอกาสให้ได้หลบหนี

“อย่าจ้องกันอย่างนั้นสิ...หึหึ ที่จริงตอนแรกผมก็กะจะมายำคุณให้เละอยู่เหมือนกันนั่นแหละ แต่พอเห็นคุณโดนพี่เมธยำล่วงหน้าไปแล้ว ก็เลยทำไม่ลง...เละขนาดนี้ ผมคงไม่ซ้ำคุณแล้วล่ะ”

ดนัยพูดพลางหยิบกล้องที่ตั้งอยู่ตรงโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาดู พลางแกะ SD Card ข้างในออกมา

“แต่ถึงยังไง ภาพในกล้องนี้ ผมก็ขอยึดไว้แล้วกันนะ”

ดนัยพูดขึ้นพลางเก็บ SD card นั้นไว้ในกระเป๋าเงิน ก่อนจะเดินเข้าไปหาบดินทร์อีกครั้ง

บดินทร์ยังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ยอมขยับไปไหน จนแม้แต่ตัวเองยังสงสัยว่าทำไมไม่ยอมเคลื่อนไหว เพื่อหนีห่าง ทำไมยังนั่งอยู่ ทำไมถึงยังยอมให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ 

“โอเคล่ะ ผมหมดธุระเรื่องสดายุแล้ว”

ดนัยเอ่ยขึ้นขณะเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของบดินทร์ ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนตาหยี

เพราะท่าทางคลายกังวลของบดินทร์ทำเอาดนัยแทบแทบสำลักความขำถึงไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่บดินทร์กำลังคิดว่าตัวเองจะรอดสินะ พิธีกรหนุ่มยังคงกลัวเขามาก แต่เพียงไม่กี่คำกล่อม ก็ตายใจคล้อยตามเสียแล้ว

‘อาห์...กลิ่นหอมจัง’

“นี่”  ดนัยเอ่ยเรียกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

 แล้วคราวนี้บดินทร์ได้สะดุ้งอีกครั้ง เมื่อจู่ๆก็ถูกผู้ที่ยืนอยู่จับช้อนใบหน้าของตนให้เงยขึ้นสบตา

ดนัยยังคงยืนตัวตรงนิ่ง สองแขนยืดตรงลงมาใช้ทั้งสองมือช้อนใบหน้าของบดินทร์ให้แหงนหงาย ใบหน้านั้นซีดเผือดและสั่นน้อยๆ ดวงตาฉายแววหวาดหวั่น คงกลัวมาก เพราะดนัยสังเกตเห็นได้ถึงรอยเหงื่อชื้นตรงไรผม ‘กลัว...จนเหงื่อแตก’

“หมดเรื่องสดายุแล้ว...เรามาคุยเรื่องของเรากันต่อดีกว่า”

ในที่สุดดนัยก็เข้าเรื่องที่ตัวเองมาเยือนห้องนี้เสียที ชายหนุ่มคลายสองมือที่เขาใช้ประคองหน้าบดินทร์ออก แล้วใช้มันดกอดอกอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนจะมองไปยังคนเบื้อล่างด้วยท่าทีเย้ยหยันอย่างไม่มีปิดบัง

“......ร...เรื่องของเรา?....”

ลางหายนะเริ่มมาเยือน บดินทร์รู้สึกอย่างนั้น อยากหนี แต่มือไม้อ่อนแรงไปหมด

คนคนนี้ต้องการอะไร?

“ใช่...เรื่องของเราไง ผมยังไม่ได้คิดบัญชีคุณ เรื่องแผลแตกตรงขมับผมเลยนะ”

“............!!?”

“เย็บตั้งสิบเข็มแน่ะ หมอบอกอาจมีแผลเป็นเล็กๆด้วยนะ”

“....ผ...ผม....ผมขอโทษ....”

ไม่ใช่เพียงแค่ลางร้าย แต่มันคือความหายนะ ที่ตอนนี้มันกำลังถาโถมใส่บดินทร์ไม่ยั้ง คนที่ประคองใบหน้าเขาอยู่ยังคงส่งยิ้มให้ไม่ขาด ทว่ามันคือรอยยิ้มของพญามัจจุราช ไม่ใช่มนุษย์!

“แค่ขอโทษมันไม่พอหรอกครับ...ใบหน้าของดารามันก็เหมือนสินค้าคุณก็รู้ เวลามันเกิดความเสียหายขึ้นมา แค่คำขอโทษมันไม่พอหรอกนะ โดยเฉพาะกับหน้าของผม ที่มีสัญญาหนังระดับโลกหลายเรื่องอยู่ในมือ”

‘อืม...หวาดกลัวให้มากกว่านี้อีกสิบดินทร์ ยิ่งกลัว ตัวนายก็จะยิ่งหอม...’

“...ล...แล้วจะให้...ผมทำยังไง?...”

“จ่ายมาสิ”

“เอ๊ะ?”

“จ่ายค่าเสียหายมาซะ”

“ค่าเสียหาย?”

“ใช่”

‘ถูกรีดไถ’ แต่จ่ายเป็นเงิน ย่อมดีกว่าการถูกทำอย่างอื่น

“ด...ได้ ผมจะจ่าย คุณจะเรียกเท่าไหร่?”

‘จะจ่าย’ คำตอบหยิ่งผยองเหมือนเดิมแล้ว ดนัยยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินคำตอบ คิดว่าต้องจ่ายเป็นเงินสินะ ‘โง่ชะมัด’ ช่างเป็นคนคิดอะไรตื้นๆ ได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ

“คุณตกลงจ่ายแล้วสินะ...แต่บอกไว้ก่อน ว่าผมไม่รับเป็นเงินหรอกนะ”

“....หมายความว่ายังไง”

‘ไม่รับเป็นเงิน’ หมายความว่า....

“คุณต้องจ่ายค่าเสียหายให้ผม...ด้วยตัวของคุณ”

“ว่าไงนะ!!?”

คำตอบของดนัยทำเอาสันหลังของบดินทร์ชาปลาบ เย็นวาบตั้งแต่ปลายผมจนถึงปลายเท้า คำขอพิสดาร เขารับมันไม่ได้เด็ดขาด คนคนนี้ต้องการเหยียดหยามเขา ต้องการทำลายเขา เขามันบ้าเอง ที่ดันหลงไปวางใจว่าอาจรอดได้ อาจพอคุยกันได้ คิดผิดตั้งแต่แรก

ดนัยประจักษ์แล้วว่าเขาโดนรอยยิ้มกับท่าทีสบายๆของดนัยหลอกให้ตายใจมาตั้งแต่เริ่ม

 “ฟังไม่ผิดหรอกคุณบดินทร์...”

ร่างสูงที่ยังคงกอดอกอยู่ของดนัย ค่อยๆโน้มกายเข้าหาบดินทร์น้อยๆ ก่อนจะเอ่ยคำที่บดินทร์หวาดกลัวที่สุดออกมา


“คุณต้องจ่ายค่าเสียหาย...โดยการให้ผมเอา”



สิ้นคำของดนัย บดินทร์ก็รีบคลานหนีออกจากตรงนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาตีความหมายของคำพูดนั้นไม่ออก‘เอา’หมายถึงดนัยต้องการมีเซ็กส์กับเขา? แต่เพื่ออะไรล่ะ? แค่อยากแกล้งเหยียดหยามเขาเท่านั้นใช่ไหม? ที่พูดออกมาแบบนั้นก็แค่แหย่เขาเล่นสนุกๆ เพราะเห็นว่าเขาจนตรอก

บดินทร์พยายามคิดเข้าข้างตัวเองแบบนั้นแต่พอได้เห็นท่าทีคุกคามของดนัย ที่ยืนยิ้มหยัน มองเขาคลานหนีทุลักทุเลก็รู้ได้ทันทีว่า‘สิ่งที่ดนัยพูดคือเรื่องจริง’

ดวงหน้าซีดเผือดของบดินทร์ยิ่งซีดหนักเข้าไปอีกเมื่อได้หันไปเห็นหน้าของดนัยชัดๆใบหน้านั้นกำลังส่งยิ้มชั่วร้ายจดจ้องมายังเขาไม่เพียงแค่นั้นร่างสูงใหญ่นั่นยังขยับเข้าใกล้เขาอีกด้วย

หนี...

ต้องหนี!!

หมับ!!


“สภาพแบบนั้น จะคลานไปไหนกันครับ คุณบดินทร์?”

คลานล้มคลานลุกยังไม่ถึงไหน ขาขวาของบดินทร์ก็ถูกคว้าจับเอาไว้ ก่อนจะกระตุกเบาๆเพียงครั้งเดียว รั้งทั้งร่างของบดินทร์ให้ร่วงลงไปนอนกองใต้ร่างอย่างง่ายดาย

ดนัยแย้มยิ้ม แม้จะถูกบดินทร์ผลักไสพร้อมก่นด่าสารพัด

“ไอ้สัตว์! ไอ้วิปริต! มึงกับกูเป็นผู้ชายเหมือนกันนะ!! มึงบ้าไปแล้วเหรอ!!?”

บดินทร์กระถดหนีการคุกคามของดนัยอย่างบ้าคลั่ง ทั้งเตะทั้งถีบ สองมือปะป่ายผลักไสไปทั่ว พยายามเอาตัวรอดจากคนคุกคามอย่างสุดกำลัง ตอนนี้ดนัยน่ากลัวเหลือเกินน่ากลัวจนบดินทร์เกิดภาพหลอนว่าใบหน้าของดนัยนั้นกำลังวิปริตบิดเบี้ยวคล้ายภูติพรายอสูรร้าย ไม่ใช่มนุษย์!

“...ครับๆ ผมมันสัตว์ครับ สัตว์เดรัจฉานวิปริต ที่อยากฉีกเนื้อคุณกินตอนกำลังเอาคุณด้วยนะ”

“อร๊ากกก!!! ปล่อยยยย!!!”


บดินทร์กรีดร้องสุดเสียง ทันทีที่โดนดนัยอุ้มขึ้น ดิ้นรนผลักไส ไร้ผล สุดท้ายก็ถูกบรรจงวางลงบนเตียง ราวกับเป็นทารก

“ชี่...อย่าดิ้นนักสิครับ ผมไม่อยากรุนแรงนะ”

ดนัยยังคงพูดจาไพเราะ แต่ยิ่งดนัยทำทีว่าอ่อนโยนด้วยมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มดีกรีความน่ากลัวให้ทะยานสูงขึ้นมากเท่านั้น และมีหรือที่บดินทร์จะยอมอยู่เฉย แม้จะแทบสิ้นแล้วเรียวแรง แม้จะเจ็บจุระบมไปทั้งร่างเมื่อขยับกาย แต่บดินทร์ก็ยังคงดิ้นรนไม่หยุด หนทางรอดดูช่างริบหรี่ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

แต่โอกาสดิ้นรนของบดินทร์ก็มีเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

เพราะเพียงพริบตาต่อมา

ฟึ่บ!

มีดพกสีดำมะเมื่อมก็ปักลงบนที่นอนด้วยความแรงจนเกือบจะมิดไปทั้งด้าม และมันก็เฉียดใบหูเขาไปเพียงนิดเดียว

“บอกแล้วไง...อย่าให้ต้องใช้กำลัง อย่าให้ กู ต้องพูดซ้ำนะครับ คุณบดินทร์!”


คำข่มขู่ที่มาพร้อมกับอาวุธร้าย สามารถทำให้บดินทร์หยุดดิ้นรนทันควัน น้ำเสียงคนขู่ดูแฝงอารมณ์คุกรุ่นไม่น้อย แตกต่างกับใบหน้าที่ยังคงแย้มยิ้ม

“อย...อย่าทำอะไรผมเลย ได้โปรด...”

บดินทร์พยายามขอร้อง อ้อนวอนอีกครั้ง ทั้งร่างสั่นสะท้านด้วยความหวาดหวั่น หยาดน้ำตาแห่งความกลัวแทบบ้า เอ่อรื้นคลอหน่วย เห็นแบบนั้นดนัยยิ่งยิ้มรับ ก่อนจะบรรจงใช้มือลูบแก้มใสเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ

“งั้นก็อย่าดิ้นสิครับ แล้วผมจะอ่อนโยนด้วย หึหึ”

ดนัยก้มลงกระซิบเสียงหวานตรงหน้าของบดินทร์ ก่อนจะกระชากมีดน้อยที่ปักคาอยู่ขึ้นมากระชับมือ

“ถึงเวลาสนุกแล้ว”

ราวกับคำให้สัญญาณ สิ้นคำดนัยก็ใช้มีดพกสีดำในมือตนเกี่ยวรั้งชายเสื้อยืดของบดินทร์ขึ้น แล้วออกแรงลากตัดเนื้อผ้าขึ้นมาเบาๆ

เสื้อยืดตัวบางค่อยๆถูกตัดขาดด้วยมีดพกคมกริบ บดินทร์ถึงกับกลั้นหายใจทั้งลุ้นระทึก ทั้งหวาดหวั่น ว่ามีดเล่มน้อยที่กำลังกรีดผ่านเนื้อผ้าอยู่นั้น มันจะลามมาเชือดเฉือนเนื้อหนังของเขาด้วย

กลัวเหลือเกิน ว่าอีกฝ่ายจะไม่ปราณีเขาขนาดปาดคอเขาทีเดียวให้ตาย แต่จะค่อยเชือดเนื้อเถือหนังเขาไปทีล่ะหน่อย ให้เขาได้เจ็บปวดเจียนตาย...

คนบนร่างส่งยิ้มหวานให้ไม่ขาด  ขณะกำลังใช้มีดน้อยเกี่ยวรั้งตัดขาดไปทีละนิด

กระแสความเหี้ยมเกรียมฉายชัดทั้งที่ใบหน้านั้นยังคงความเป็นมิตร  ข่มขวัญบดินทร์ให้สั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับกำลังมองเห็นความตายตรงหน้า...

หรืออันที่จริงแล้ว ความตาย อาจดูปราณีสำหรับเขามากกว่าการถูกกระทำอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้

แคว่ก....

เสียงมีดบาดเนื้อผ้าดังชัด ราวกับก้องกังวานไปทั้งโสตประสาทความเย็นจากเครื่องปรับอากาศเริ่มเข้ามาปะทะผิวเนื้อโดยตรง ตามรอยขาดของเสื้อยืดที่ถูกตัดลากไปเป็นทางตั้งแต่ชายเสื้อตรงเอวยาวมาจนถึงหน้าอก บดินทร์ถึงกับกลั้นหายใจเมื่อกลายมีดแยกเข้าใกล้ลูกกระเดือก

ปึ่ด!  เสียงด้ายเส้นสุดท้ายขาดจากกัน แบ่งเสื้อยืดสีขาวตัวบางเป็นสองซีก เผยให้เห็นผิวเนื้อขาวผ่องเนียนละเอียดตลอดตั้งแต่คอถึงท้องน้อย

หน้าอกกระเพื่อมถี่ ด้วยเพราะบดินทร์สูดหายใจหนักหน่วงจากความหวาดกลัว ดนัยบรรจงใช้ปลายมีดสะกิดรั้งชายเสื้อที่ขาดวิ่นให้เปิดออกจากกัน เพื่อดื่มด่ำกับอาหารตาขาวสะอาดตรงหน้า แม้จะดูผอมบางแต่บดินทร์ก็หุ่นดีจนดนัยถึงกับผิวปากหวิว ผิวขาวจัด หน้าอกนูนเด่นด้วยกล้ามน้อยๆ หน้าท้องเรียบตึง จนเห็นกล้ามเนื้อเป็นลอนบางๆ ส่วนเอวมีโค้งเว้า สะโพกผายออกเล็กน้อย ๆไม่ตรงทื่อซะทีเดียวเหมือนผู้ชายบางคง ยอดอกสีน้ำตาลอ่อน อ่อนมากจนแทบจะกลืนไปกับผิวกาย

บดินทร์นั้นหากมองในฐานะผู้ชายทั่วไปคงพูดได้เต็มปากว่าช่างหล่อเหลา คมคาย

แต่ในสายตาของดนัยตอนนี้ บดินทร์ที่อยู่ตรงหน้าเขานั้น ช่างหอมหวานน่ากิน

เสียดายก็แค่นิดเดียว ตรงที่มีรอยช้ำทั่วไปหมด แถมหลากสีสัน ทั้ง แดง เขียว ม่วง กระจายไปทั้งแขน โดยเฉพาะตรงชายโครง ม่วงปนเขียวขึ้นเป็นปื้น กระทั่งใบหน้าที่ใช้ทำมาหากิน ก็ทั้งแตก ทั้งม่วง

น่าสงสารเหยื่อของเขาเหลือเกิน แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ไปขโมยคาบของเขามากิน ก็ต้องโดนเจ้าของเขาอาละวาดใส่แบบนี้แหละ

ว่าแต่...

‘พี่เมธนี่ไม่เหลือของสวยงามไว้ให้บ้างเลยวุ้ย’


ระหว่างที่ดนัยใช้เวลาพินิจพิจารณา บดินทร์เองก็เริ่มหาทางหนีทีไล่

ขั้นแรก...ต้องแย่งมีด!

บดินทร์คิดไปสายตาก็สอดส่องชำเลืองมองไปยังมีดในมือของดนัย ที่อีกฝ่ายถือไว้หละหลวม  แถมเจ้าของมีดยังสนใจอยู่กับรอยช้ำตรงสีข้างของเขาไม่วางตา หาได้สนใจว่าเขากำลังจะทำอะไร...เพราะฉะนั้น...ตอนนี้แหละ!!

บดินทร์ลงมือทันที “อ๊ะ!”ทว่าทันทีที่จะเอื้อมมือคว้าดนัยก็ยกมีดหลบมือของบดินทร์ได้ในพริบตา ราวกับเตรียมตั้งรับไว้อย่างดีอยู่แล้ว ตวัดหลบได้ยังไม่พอ ดนัยยังโถมทับแล้วกดปลายมีดเล่มน้อยไว้ตรงคอหอยของบดินทร์ด้วย

“จุ๊ จุ๊ อย่าดื้อสิครับ ผมบอกแล้วไงว่าอย่าดิ้น”

คำพูดหยอกเย้าราวกับหลอกเด็ก แต่ความเย็นเยียบของปลายมีดที่จ่อคออยู่นั้น ไม่ได้ช่วยสนับสนุนคำหยอกเอินนั้นให้ดูน่าฟังขึ้นแม้แต่นิด

คราวนี้บดินทร์ยิ่งสะท้านกายหนัก หวาดกลัวต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเหลือเกิน  แต่ ณ ขณะที่ร่างกายสั่นระริก สมองของเขาก็พลันนึกอะไรได้บางสิ่ง

จริงสิ...มีดที่จดจ่ออยู่ตรงคอหอย หากมันจะปักลงมาให้เขาขาดใจเสีย เขาอาจไม่ต้องทรมานอีก กับดนัยที่ชิงชังเขาเป็นทุนเดิม คงไม่ยากที่จะลงมือ และหากเขาอ้อนวอนสักหน่อย ไม่แน่ว่าดนัยอาจใจดี  ปาดทีเดียวให้ตาย ไม่ต้องทุรนทุราย...

ตายซะวันนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ต้องตื่นมาเจอความอดสูเลวร้าย....

ตายซะตอนนี้...

เขาจะได้หลุดพ้นจากทุกอย่าง

ตายซะ!

“...ฆ่าผม...ฆ่าผมให้ตายเสียเถอะ”

เมื่อคิดได้ดังนั้น บดินทร์ก็เริ่มเอ่ยปากอ้อนวอน คนอย่างเขา ไม่ควรมีชีวิตอยู่

“...??” คำขอนั้นทำดนัยหุบยิ้มทันควัน ความหงุดหงิดเข้าแทนที่ความสนุกไปครู่หนึ่ง หงุดหงิดกับความคิดตื้นๆของบดินทร์จนแทบทนไม่ไหวเลยทีเดียว

“ตาย? ง่ายไปไหมคุณ?”

เสียงเหี้ยมเกรียม บ่งบอกความไม่พอใจชัดแจ้ง ตอกกลับคำขอของบดินทร์อย่างไม่มีปราณี

“...............” คำว่า ‘ตาย...มันง่ายไป’ ทำบดินทร์แทบจะสิ้นหวัง แค่นี้ชีวิตเขายังโหดร้ายไม่พออีกหรือ

“ก่อกรรมทำชั่วกับคนโน้นคนนี้ไว้สารพัด แล้วคิดจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว หนีไปดื้อๆอย่างนั้นเหรอ? ใครจะไปยอมกัน”

เสียงของดนัยเคร่งขรม สีหน้าตึงดุดัน ความกราดเกรี้ยวภายในกำลังขมวดเขม็งเกลียว พร้อมจะกลายเป็นสายแซ่ฟาดฟันให้คนไม่รู้จักคิดได้ลิ้มลองความเจ็บปวดสาหัสดูบ้าง แม้แต่ยุงตัวเล็กๆ ยังรักชีวิตของมัน ทุกวันในห้วงชีวิตสั้นๆ ยังคงกระเสือกกระสนเอาตัวรอด เสี่ยงภัยเสียงชีวิต สูบเลือดกินเนื้อเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ แต่คนใต้ร่างของเขา เป็นคนมีแขนมีขามีสมองเหนือสัตว์อื่นแท้ๆ กลับไม่มีใจสู้ กลับจะทอดทิ้งชีวิต

ไม่แม้แต่จะพยายามดิ้นรนออกจากการคุกคามของเขา...

เพราะอย่างนี้สินะ ถึงได้ยินยอมก่อกรรมไม่เลิก

“อยู่ชดใช้กรรมก่อนสิ จากนั้นจะไปตายไหนก็ไป”

ดนัยพูดห้วน เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

จริงอยู่วันนี้เขามาที่นี่เพื่อจัดการกับบดินทร์ สู้อุตส่าห์ทำตัวเลวร้ายโดยการฉวยโอกาสจากการที่อีกฝ่ายก่อเหตุทำร้ายสดายุ เพื่อใช้อ้างในการกระทำย่ามใจของตน ว่าเพื่อแก้แค้นแทน เพื่อชำระความ  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเอาให้ตาย หรือต้องจัดการให้ได้ภายในวันนี้

ลึกๆ ก็พอเห็นใจอยู่บ้างที่บดินทร์ถูกกฤตเมธซ้อมซะเกือบตาย เลยกะว่าถ้าอีกฝ่ายดิ้นรนขัดขืนจริงจังอีกสักหน่อย ก็จะปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆอย่างคราวที่แล้วอยู่เหมือนกัน

ทั้งๆอย่างนั้น แต่คนใต้ร่างเขากลับ ไม่ยอมทำอะไรให้สมกับคนที่จะดิ้นรนเพื่ออยู่รอด ไร้ความพยายามหลบหนี  หนำซ้ำยังมัวแต่พร่ำอยากตายอย่างนั้นอย่างนี้อีก มาแบบนี้ความสงสารในใจที่มีอยู่อย่างหมิ่นเหม่ ก็สลายสิ้นในบัดดล

‘อยากตายนัก...จัดให้’

‘แต่แน่นอน ไม่ได้ตายสบายนักหรอก แต่เป็นตายทั้งที่ยังหายใจต่างหาก!’

‘ชอบนัก พวกเลวไม่สุด แถมยังโง่เนี่ย’


 :katai1:
ต่อด้านล่างจ๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-10-2014 00:50:26



“จะต้องให้ผมทำยังไง!?”  


ถูกต้อนหนักเข้า บดินทร์ก็ทำเพียงแต่ตั้งคำถาม คนอย่างเขาจะไปทำอะไรได้ แค่ตอนนี้ยังจะเอาตัวไม่รอดอยู่แล้ว เสียเพื่อน ทำงานพลาด หนี้สิน แถมยังอาจกลับไปทำงานไม่ได้แล้วอีก เขาหมดสิ้นหนทางจะเดินแล้ว จะให้เขาทำอย่างไรต่อ

คนมันมืดแปดด้าน จะให้ทำยังไง!?



“โง่จัง ไม่เคยได้ยินเหรอทำสิ่งไหนก็ย่อมต้องได้สิ่งนั้น...เมื่อกี้คุณตั้งใจจะทำอะไรสดายุล่ะ?”  ถามมาก็ตอบไป แต่คงเป็นคำตอบที่ค่อนข้างรุนแรงไปเสียหน่อย เพราะมันถึงกับทำให้บดินทร์พูดไม่ออก

“...ผม...เปล่า....” อยากปฏเสธว่าไม่ได้ตั้งใจทำเกินเลย แต่เพราะมันจำเป็นถึงได้ทำเรื่องชั่วช้า ต่อให้ถูกด่าว่าเห็นแก่ตัวเขาก็ไม่เจ็บ

แต่ยังไม่ทันจะได้อธิบายความ ดนัยก็ตัดสินชะตากรรมให้เขาให้เสร็จสรรพเรียบร้อยเสียแล้ว

และคำตัดสินความของดนัยก็ถือเป็นคำสิ้นสุด

ที่บดินทร์ไม่มีโอกาสได้ยื่นอุธรณ์อีกต่อไป

“ความเลวที่คุณทำกับสดายุ มันเกินการให้อภัย เพราะฉะนั้นผมจะมาชำระความให้คุณเอง”

“ชำระ? แต่ผมไม่ได้จะทำ...!?....อื้อ!!!?”

ยังไม่ทันที่จะได้บอกกล่วอธิบายสิ่งใด แก้มของบดินทร์ก็โดนลิ้นร้อนๆของดนัยเลียชิมเข้าเสียแล้ว บดินทร์ตกใจมากจนตัวเกร็งเสียงเครือสั่นร้องครางด้วยความกลัวสุดขีดเมื่อลิ้นของอีกฝ่ายลากเรื่อยผ่านลำคอขาวไปจนถึงไหปลาร้าเล็กพร้อมใช้ฟันขบแทะผิวเรียบลื่นเบาๆ

“...อย...” อยากจะผลักไส ติดแต่ตัวแข็งทื่อไปหมด ทั้งเรียวลิ้นคุกคาม ทั้งปลายมีดที่ขยับแน่นติดปลายคาง และยังร่างกายที่แค่ขยับก็ปวดปลาบไปหมดนี่อีก ‘หนีไปไหนไม่ได้แล้ว ใครก็ได้ช่วยที’


บดินทร์สะดุ้งเฮือกเมื่อยอดอกถูกครอบครองด้วยริมฝีปากแล้วปลายลิ้นร้อนผ่าวของดนัยไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือเรื่องจริงแต่ก็โกหกตัวเองไม่ได้ว่านี่คือความฝัน

“อ๊า!”  บดินทร์ครางหวิวขึ้นทันทีที่ยอดอกถูกกระตุ้นด้วยปลายลิ้นถี่ๆ และเสียงนั้นก็เรียกความรัญจวญใจจากดนัยไม่น้อย

“โดนเลียหัวนมแล้วเสียวสินะครับ…”

“...ม...ไม่..”

เมื่อรู้ว่ายอดอกคือจุดอ่อนไหวของบดินทร์  ดนัยก็โจมตีสองตุ่มเล็กนั่นแบบไม่มีพักจนผู้ถูกกระทำทั้งครางทั้งสะดุ้งจนตัวเกร็ง

เสียงที่กลั่นมาจากความหวาดกลัว รังเกียจ

รังเกียจ...แต่ไม่อาจต้านทาน

“เอาล่ะ…เริ่มกันเถอะครับ”

ดนัยละจากหน้าอกของบดินทร์ขึ้นมาเพียงครู่เพื่อเอ่ยคำเริ่มต้น  ก่อนจะยืดตัวขึ้นนั่งตรงพร้อมถอดเสื้อยืดของตัวเองผ่านศีรษะออกไป  เผยผิวขาวจัดและรูปร่างสมส่วนกำยำให้บดินทร์ได้เห็นชัดเต็มๆตา

“...ไม่เอา...ไม่เอาแล้ว...” เพียงแค่เห็นก็ไม่ต้องเดาอนาคต  ผู้ชายบนร่างคนนี้กำลังจะข่มขืนเขา กำลังจะทำให้คนเป็นบ้า ไม่นะไม่ เขาจะไม่ยอมหยุดอยู่ตรงนี้ อย่างน้อย ขอแค่ให้ได้ดิ้นรน เผื่อดนัยจะหมดอารมณ์

ต้องหนี...

แม้จะไม่รอด ก็จะลองพยายาม

และในจังหวะที่ดนัยกำลังจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเองอยู่นั่นเอง บดินทร์ก็กระเด้งตัวพรวดขึ้นพยายามเกลือกกลิ้งไปตามที่นอน วาดหวังริบหรี่ว่าถ้าสามารถหลุดจากเตียงนี้ไปได้ เขาคงรอด

‘รู้จักหนีได้แล้วเหรอ? หึหึ...ค่อยสนุกขึ้นหน่อย’


ดนัยยิ้มร้ายขึ้นทันที ที่บดินทร์กระเสือกกระสนผ่านร่างเขาไปจนได้ ร่างกายของอีกฝ่ายยังคงบาดเจ็บ การเคลื่อนไหวจึงเชื่องช้ากว่าคนปกติ ดังนั้นที่บดินทร์ยังรอดจากเงื้อมมือของดนัยไปได้ ก็เพราะชายหนุ่มตั้งใจ

เพราะเหยื่อที่ยังไม่ตาย มันถึงใจกว่าเยอะ


โครม!

ปล่อยให้หนีได้ แต่ก็ไม่ได้ให้ไปไกลมือ แค่พ้นขอบเตียง ร่างมั้งร่างของบดินทร์ก็ถูกคว้าลากกลับมาจนได้

“อย่า!...”

ถูกจับถอดเสื้อ ถอดเข็มขัด รูดซิบกางเกง จากนั้นก็ดิ้นหลุดออกมาได้อีก แต่เพียงครู่ก็ถูกตามไล่ล่าลากตัวกลับไปได้ทุกครั้ง หัวใจของบดินทร์เต้นรัวราวจะขาดหลุดออกมานอกอก หนีได้ไม่เคยพ้นขอบเตียง

ในผลสุดท้าย ร่างกายของพิธีกรหนุ่มก็เปล่าเปลือยล่อนจ้อน

ง่ายดายจนบดินทร์แทบจะร้องไห้

แต่ดนัยกลับหัวเราะยินดี

“ปล่อย!!”

“ก็ดิ้นให้หลุดเองสิ”

ดนัยยั่วเย้า พลางกดร่างของบดินทร์ลงบนที่นอนนิ่มอีกครั้ง กะจะโถมตัวทับ แต่เขาประมาทบดินทร์ไปนิด

ผลั่ก!

ร่างกำยำถึงกับเซลงจากเตียง เนื่องจากถูกบดินทร์ถีบเข้าที่ยอดอกอย่างจัง นี่ถ้าเกร็งทหน้าท้องรับไว้ไม่ทัน คงจุกไม่น้อย ‘ฤทธิ์เยอะ’ จนดนัยต้องเปลี่ยนแผนการกินเหยื่อตัวนี้เสียหน่อย ความนุ่มนวลคงใช้ไม่ได้ซะแล้ว...

ผลั่ก!

หมัดเดียว ไม่เบานักสวนเข้าตรงยอดลิ้นปี่ของบดินทร์อย่างจัง แบบไม่มีให้ตั้งตัวรับ บดินทร์เจ็บจุกจนขยับตัวไม่ไหว จำต้องลงไปนอนขดตัวสิ้นเรี่ยวแรงอยู่บนเตียงอย่างไร้ทางสู้

สิ้นสุดแล้ว...

"บอกแล้วไงครับว่าอย่ายั่วโมโหผมอยากให้ผมรุนแรงด้วยรึไง?"  ดนัยโน้มตัวลงใกล้คนเจ็บพร้อมถามเสียงเหนื่อยหน่าย

“...ป...ปล่อย...ปล่อยผมไป...ได้โปรด...” บดินทร์ก็ได้แต่อ้อนวอนเสียงพร่า นอนขดกายสั่นระริก

บดินทร์เอ่ยปากขอร้องสถานการณ์แบบนี้เขาควรโอนอ่อนจะได้ไม่เจ็บตัวเพิ่มอีกตอนนี้ถ้าแค่ทำให้เขารอดได้ต่อให้ต้องกราบเท้าเขาก็ยอม

"หึ...ถ้าพูดดีๆ น่ารักๆ ผมจะไม่รุนแรงกับคุณนะ..."

"ไม่! อย่า!! อื้อ!!"

ปากก็ว่าไม่รุนแรง แต่กลับลากร่างบดินทร์เข้ามาประกบจูบแบบไม่ปราณีปราศรัย ริมฝีปากบางบดขยี้หนักหน่วงจนริมฝีปากของบดินทร์เจ็บชา เพียงครู่ก็แทรกลิ้นร้อนเข้าไปชอนไชจนถึงโคนลิ้นของบดินทร์อย่างรุกเร้าดุเดือด

ใช่ว่าบดินทร์จะไม่เคยจูบกับใคร

แต่รสจูบรุนแรงที่ดนัยมอบให้ มันแสนร้ายกาจจนบดินทร์แทบทนไม่ไหว จูบรสชาดกักขฬะที่ทำให้บดินทร์ทั้งขยะแขยง ทั้งซาบซ่านจน ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกไหนมากกว่ากันกันแน่

‘ไม่เอา! จะเคลิ้มตามไปไม่ได้เด็ดขาด เขาต้องหนีสิ!!’

"อึก!!!"

และสัญชาตญาณการดิ้นรนนั้น ก็ได้กระทำอะไรที่สูญเปล่าลงไปเสียแล้ว

"หืมม์...ถึงกับกัดกันเลยเหรอครับ...ชอบแบบซาดิสต์ก็ไม่บอก..."

บดินทร์ตัดสินใจกัดริมฝีปากของดนัยลงไปแบบจมเขี้ยว หวังใจให้อีกฝ่ายถอนจูบ แต่ดูเหมือนว่าการตัดสินใจครานี้ มันจะทำให้กลับตาลปัตรไปเสียหมดแล้ว

แค่เห็นใบหน้าของดนัยตอนนี้ บดินทร์ก็ถึงกับหน้าซีดเผือด

คิดเอาไว้ว่ายังไงซะดนัยต้องโกรธ อต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยิ้มออกมา

ดนัยยิ้มให้เขา ทั้งที่มีเลือดไหลเป็นทางตรงมุมปาก

"...อื้อ!!!"

เพียงอึดใจต่อมาแบบไม่ให้ตั้งตัวติด กลิ่นคาวเลือดก็คลุ้งอยู่ในปากของบดินทร์ หากกลิ่นเลือดนั่นไม่ใช่เลือดเขา แต่เป็นเลือดของดนัยซึ่งมากจากแผลลึกตรงริมฝีปากที่เขาสร้างไว้เมื่อครู่ กลิ่นคาวเลือดพาคลื่นเหียนจนพาลจะอาเจียนออกมาให้ได้ 

"อ๊ะ ฮ้า แค่ก แค่ก..."

"เป็นไง? เลือดผมหวานไหม? หึหึหึ"

เมื่อดนัยผละริมฝีปากออกบดินทร์ก็ถึงกับทั้งหอบสะท้านจากการขาดอากาศ และทั้งไอทั้งสำลักเพราะน้ำลายกับเลือดที่ไม่ใช่ของตน

น้ำตาไหลถะถั่งออกจากดวงตาคู่โศก เมื่อได้เห็นปีศาจร้ายที่กำลังส่งสายตาจับจ้องราวกับจะกลืนกินเขาลงไปทั้งตัว แถมริมฝีปากฉ่ำไปด้วยเลือดและน้ำลายนั้นยังยกยิ้มร้ายพลางแลบลิ้นสีแดงสดเลียแผลที่มุมปากด้วยท่าทางที่หยาบโลน

ภาพตรงหน้านั้นโจมตีบดินทร์จนแทบคลั่ง บีบรัดหัวใจดวงน้อยจนเกือบหยุดเต้น เมื่อเห็นว่าไร้แล้วซึ่งทางออก ชายหนุ่มก็ทำได้แค่ร้องไห้อ้อนวอนขอความเมตตา...

กรุณา...ฆ่าผมเสียเถอะ!

แซ่ก...

เสียงแกร่กกรากดังขึ้นขณะที่บดินทร์ยังเฝ้าพร่ำภาวนา ร่างกายอ่อนล้าเกินกว่าจะทัดทานไหว  แต่ด้วยเสียงอันคุ้นหูจากการกระทำของคนบนร่างนั้น สามารถเรียกสติของบดินทร์ให้กลับมาอีกครั้ง

และเป็นการกลับมาเพื่อรับรู้ว่า การอ้อนวอน ถึงที่สิ้นสุดแล้ว

เสียงรูดซิบดังบาดหู

บดินทร์สะอื้นฮั่กทันทีที่เห็นดนัยนำอาวุธอันเขื่องเกินมาตรฐานของตนออกมาอวัยวะนั้นผงาดแอ่นพองตึงจนราวกับจะเห็นเส้นเลือดที่ปูดโปนตรงส่วนปลายเยิ้มไปด้วยหยาดน้ำใสแสดงถึงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูงของผู้เป็นเจ้าของ  ดนัยยิ้มร้ายเมื่อเห็นว่าเหยื่อของตนกำลังตกตะลึงพรึงเพริดกับสิ่งที่ตัวเองได้เผชิญอยู่

บดินทร์กลัวจนแทบบ้า เขารู้ และสิ่งที่เขายังไม่ได้บอกกับอีกฝ่ายคือ ‘ยิ่งบดินทร์หวาดกลัว กลิ่นปลุกกำหนัดก็ยิ่งรุนแรง’

นี่ถ้าบดินทร์รู้ถึงเรื่องนี้ ดนัยเดาได้เลยว่า ชายหนุ่มต้องทำทุกวิถีทางให้ตัวเองไม่รู้สึกกลัวในตัวของเขาเป็นแน่

และเรื่องแบบนั้น ดนัยไม่มีวันยอมให้มันเกิดขึ้น!

“ดูสิ ของผมเยิ้มขนาดนี้แล้วนะ...เรามาเริ่มกันเลยไหม?”

 “…ม…ไม่เอานะ...ปล่อยผมไปเถอะ!!”

เป็นครั้งแรกที่บดินทร์ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นแบบไม่เหลือสภาพ อ้อนวอนของร้องให้ตัวเองหลุดพ้นเสียยิ่งกว่าสัตว์ที่กำลังจะถูกเชือด บดินทร์สั่นเทิ้มไปทั้งร่างที่ร้างไร้เรี่ยวแรงแม้เพียงพยุงกาย

“เถอะน่า...ไม่ทำให้เจ็บนักหรอก ผมสัญญา”

“...ฮือ...ไม่เอา...”

“เอาเถอะครับ...ผมจะเย่อให้คุณเคลิ้ม เลยขอบอก” ดนัยยียวน ด้วยถ่อยคำลามกหยาบโลน จงใจทำให้บดินทร์เสียขวัญ และมันก็ได้ผลทุกคำพูด

เสียงร้องไห้ที่ดังขึ้นเรื่อยๆของบดินทร์ เป็นหลักฐานรองรับที่น่าเชื่อถือ

“...ว้า...แย่จัง ไม่มีโลชั่น” ดนัยบ่นพึมพำขณะ พยายามวุ่นวายกับช่องทางด้านหลังของบดินทร์

“งั้น...ทนเจ็บนิดนะครับ”

“ไม่!....ไม่เอา!......อู้ววว!” ยังไม่ทันจะได้ร้องทัดทาน ปากของบดินทร์ก็ถูกผนึกไว้ด้วยนิ้วสามนิ้วของดนัย ที่จู่ๆก็ยัดใส่เข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

“อื้อ!  อื้อออ!!” ไม่หนำซ้ำอีกมือที่เหลือยังเกาะกุมเข้ากับกึ่งกลางร่างกายของบดินทร์ ก่อนจะลงมือสาวขึ้นลงเร่งเร้า แบบไม่สนใจเลยว่าคนเป็นเจ้าของจะยินยอมหรือไม่

เรียวลิ้นถูกหยอกเย้าด้วยปลายนิ้ว

ยอดอกถูกโลมเลียด้วยลิ้นหนา ตวัดดูดดุน

ท่อนเนื้อก็ถูกปรนเปรอด้วยฝ่ามือร้อนฉ่า

ไม่อยากยอมรับ แต่ร่างกายของบดินทร์กลับเสียวกระสันเคลิ้มตามการชักนำของดนัยไปโดยง่าย

“อ๊ะ!...อย....อย่าเข้ามา...อื้มมม...”

เพียงครู่ปากของบดินทร์ก็เป็นอิสระจากปลายนิ้วร้ายกาจ แต่มันไม่ดีเลยที่ปากล่างจะไม่ได้ว่างอีกต่อไป

เพราะปลายนิ้วฉ่ำเยิ้มด้วยน้ำลายของบดินทร์นั้น...กำลังรุกรานทะลวงดิ่งเข้าร่างของบดินทร์อย่างไม่มีการขอ

“อ๊า!!”

“...อาห์...ตอดดีจัง”

“...อย่า....”

“อย่าช้าเหรอ? งั้นเอาเลยนะ”

แม้จะเห็นว่าบดินทร์กรีดร้องห้ามปราม ดนัยก็ไม่ใคร่เห็นใจนัก ไม่สิ... เรียกว่าถูกใจ น่าจะตรงกว่า

เมื่อสามนิ้วร้ายเบิกทางเสร็จสรรพ คราวนี้ก็ถึงเวลาของจริง

“อ๊ะ!?”  บดินทร์ร้องขึ้น เมื่อขาทั้งสองข้างถูกยกสูงขึ้นพาดกับไหล่ของดนัยอย่างง่ายดาย ทั้งที่กำลังจะเกร็งขาหนีก็ถูกร่างสูงใหญ่โน้มลงมาทาบทับทันทีจนร่างเขาราวกับถูกพับครึ่ง

และในขณะที่บดินทร์ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัวอวัยวะที่ตื่นตัวเต็มที่จนมีน้ำใสฉ่ำเยิ้มของดนัยก็สัมผัสเข้ากับร่องก้นของตนเองสิ่งนั้นถูไถไปมาอยู่กับช่องทางลับของบดินทร์อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่มันจะพยายามบดเบียดเพื่อจะแทรกตัวเข้าไป

“.....อ๊ะ..........................เจ็บ!!...”

แค่เพียงส่วนหัวที่มุดเข้ามาก็ทำให้บดินทร์เจ็บเจียนจะขาดใจ ลมหายใจชายหนุ่มกระตุกขาดห้วง เจ็บจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ทั้งที่ทรมานขนาดนี้ แต่เงาร่างที่ทาบทับอยู่นั้นก็หาได้ปราณีหยุดยั้ง

ดนัยค่อยๆบรรจงดันสะโพกไปด้านหน้าค่อยๆ ดึงดันรุกคืบเข้าไปในกายของบดินทร์อย่างเชื่องช้า

 “อาห์..ฟิตสุดๆเลยครับ...อืม...”

 “อะ…อย่า….อ๊าอึก”
ช่องทางนั้นคับแคบเกินกว่าจะฝืนเข้าไปในครั้งเดียว แค่น้ำลายไม่ได้ช่วยให้ความฝืดแน่นลดทอนลง บดินทร์เจ็บจุกจนลมหายใจขาดห้วง ภายในร่างตอดรัดถี่ ตามสัญชาตญาณของร่างกายเพื่อขับไล่สิ่งแปลกปลอม

ทว่ายิ่งบีบรัด คนบนร่างก็ยิ่งครางเครือเสียงแผ่ว พึงใจกับรสสัมผัสที่บดินทร์มอบให้เหลือเกิน

‘ใช่เพียงเป็นเหยื่อที่มีกลิ่นอันรัญจวนเท่านั้น แต่บดินทร์ยังมีร่างกายที่เลิศรสอีกด้วย’

“...อืม...รู้สึกไหมครับบดินทร์...ผมกำลังเข้าไปเยี่ยมคุณถึงด้านในแล้วนะ...หึหึ...รู้สึกใช่ไหมครับ ตอบรับกันใหญ่เลย”

“...อ...เอาออกไป...ได้โปรด...”

“ซื้ด...อย่าเกร็งนักสิครับ ผมไม่อยากเสร็จตั้งแต่เข้าไปได้แค่ครึ่งทางนะ...ปราณีผมหน่อยสิครับ...”

“ฮือ...อ๊ะ...อย่า...อืมมม...”

ดนัยขยับกายเชื่องช้า โยกสะโพกเป็นจังหวะเบาๆ เพื่อค่อยๆคืบร่างเข้าไปในตัวของบดินทร์เชื่องช้า สิ่งแปลกปลอมฝืดเคืองหนัก ทำให้ร่างกายของบดินทร์ค่อยๆขับเมือกลื่นบางๆออกมาชโลมทางให้ลื่นขึ้น ดนัยรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงนั้น และเขาก็ไม่รอช้าที่จะให้มันให้เป็นประโยชน์

“อย่า!....ไม่เอา....อ๊า...”

บดินทร์ผลักร่างดนัยออกห่างอย่างเอาเป็นเอาตาย เขาไม่อยากรู้สึกเช่นนี้เลย ทั้งๆที่กำลังถูกข่มขืน แต่เขากลับรู้สึกประหลาด ความเสียดเสียวในร่างกำลังจะทำให้สติของเขากระเจิดกระเจิง

แม้บดินทร์จะพยายามดิ้นหนีสักเท่าไหร่ แต่ร่างใหญ่ของดนัยก็ตามมาทาบทับสกัดไว้ได้ทุกครั้ง

และเมื่อสามารถสอดใส่เข้าไปจนมิดลำดนัยก็ถึงกับกระตุกน้อยๆร่างของตนที่จมดิ่งอยู่ในตัวของบดินทร์

ถูกดูดกลืนตอดรัดจนรู้สึกทรมานทรมานจากความสุขล้นที่ได้กลืนกินเหยื่ออันโอชะ ที่เขาเฝ้าจดจ้องรอคอย ดนัยขบริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนช้าๆ เมื่อสามารถปรับอารมณ์ของตัวเองลงมาได้ จากนั้นก็เริ่มสาวสะโพกเข้าออก

“อึก....อา...สุดยอดเลยบ คุณบดินทร์!! อ๊ะ”

 “อะ....อย่า....อ๊ะ...อื้อ....อ๊า…”

จากเชื่องช้า ค่อยเร่งจังหวะหน่วงหนัก เสียงเนื้อกระทบกันดังบาดหู

“...เจ็บ...ผมเจ็บ...”

เสียงที่ครางเครือราวกับอ้อนวอนจากปาก ที่บดินทร์ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเป็นเสียงของตน กำลังวอนขอดนัยอย่างน่าสมเพช

หากยังพอเหลือศักดิ์ศรีแม้เพียงน้อยนิด เขาไม่ควรอ้อนวอนอีก

“...ฆ...ฆ่าผม...เสียยังดีกว่า...หยุดทำ...แบบนี้....ซะที....” บดินทร์เอ่ยปากขอให้ปลิดชีพตน เสียดีกว่ากระทำการหยามเกียรติ์กันถึงขนาดนี้

“หึหึ...ก็กำลังฆ่าอยู่นี่ไง...” ดนัยทาบกายลงแนบชิดพร้อมตอบคำถาม พลางขยับกายหนักหน่วงขึ้น แล้วเฝ้ามองใบหน้าที่สะบัดไปมาตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูงของบดินทร์อย่างเพลิดเพลิน

ตอนแรกก็ไม่ชอบหน้า ยิ่งรู้ว่าเป็นคนที่เคยทำร้ายสดายุยิ่งเกลียดเขากระดูก

ทั้งๆอย่างนั้น เขากลับหลงใหลในกลิ่นกายยวนเย้า แล้วตอนนี้ ก็กำลังถลำลึกไปกับเสน่ห์ทางกายเต็มล้นของอีกฝ่ายอย่างยากจะหักห้าม

ทัณฑ์ทรมาน ที่หอมหวานแก่ผู้กระทำ แต่แสนบอบช้ำต่อผู้ถูกลงโทษ

 “อ๊า...อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊า…..อื้อ...อึก…อ๊า”

ลมหายใจของบดินทร์เริ่มขาดห้วง เมื่อผู้รุกรานเริ่มกระทั้นกายหนักหน่วงเข้า ต้นขาด้านในเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ เกร็งสั่นอย่างสุดกหักห้าม

บดินทร์แยกขาออกกว้างอย่างไร้ยางอาย เพราะไม่สามารถฝืนทนต่อการความรู้สึกทางกายที่เกิดขึ้นไม่ไหว ที่หว่างขาสะท้อนแต่เสียงเปียกแฉะลามก จากการถูกกระทำที่เบื้องล่าง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังก้องไปหมด ระหว่างถูกโยกกายหน่วงหนัก บางครั้งดนัยก็ผ่อนการเคลื่อนไหว เพื่อยืดตัวขึ้นมองตรงที่เชื่อมโยงกัน แล้วแสร้งสาวกายยาวๆ ช้าๆ ให้ได้เห็นว่าช่องทางของบดินทร์นั้นกำลังดูดกลืนความเป็นชายของตนเข้าไปแบบไม่ยอมปล่อยห่าง

ทั้งที่บดินทร์แสนจะอัปยศอดสู แต่ก็ดันมีอารมณ์ร่วมไปด้วยในที่สุด เมื่อภายในร่างถูกก่อกวนหนักข้อ บดินทร์ก็เผลอใช้มือช่วยตัวเองไปด้วยอย่างลืมตัว

“...หึหึ...เป็นร่างกายซื่อสัตย์ดีนะครับ”

“อ๊ะ!...ห....หุบปาก!”

แม้จะถูกดูหมิ่น แต่บดินทร์ก็ไม่สามรถหยุดร่างกายของตนได้อีก

“แหม...ดุซะด้วย...อืมมม...แต่ปากล่างกับปากบนนี่ไม่ตรงกันเลยนะ ปากว่าอย่า...แต่ตรงนั้นเนี่ย...ซื้ดดด...”

“ช่วย...หุบปากไปที!...อ๊ะ!!”

“โอ๊ะ! อย่ารัดแน่นแบบนั้นสิ หึหึ...ขยันยั่วจังนะ เด็กไม่ดีต้องทำโทษรู้ไหม?”

พูดจบดนัยก็เปลี่ยนมุมของเอวให้ดันสูงขึ้น เพื่อให้การโยกกายแต่ละครั้ง ตรงจุดเสียวของบดินทร์ที่เขาเฟ้นหาไว้จนเจอแบบพอเหมาะพอดี

“อ๊ะ...อย...อย่า...ตรงนั้น...อ๊ะ!...อ๊ะ...อ๋า....!!”  การถูกไล่ต้อน ทำให้บดินทร์หมดทางดิ้นรน

น้ำตาของบดินทร์หลั่งไหล พร้อมสายธารขาวขุ่นที่ถูกปลดปล่อยออกจากร่าง

เสร็จสม...ทั้งที่สิ้นหวัง

“….อาห์…จะแตกแล้ว…อึก!!”

เมื่อบดินทร์ปลดปล่อย ภายในร่างก็เกร็งกระชับแน่นเป็นระลอกคลื่น แค่นั้นก็ทำให้ผู้ที่ยังฝังกายอยู่ถึงกับสะท้านกายไปด้วย  ดนัยกระทุ้งกายอย่างหยาบโลนเข้าร่างเหยื่ออันโอชารสได้เพียงครู่ ชายหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานความกระสันที่ทะยานสูงขึ้นทุกครั้งที่ขยับกายเข้าสู่ร่างของบดินทร์ได้ไหว

ดนัยกัดฟันกระทั้นกายหนักๆ รัวติดกันไม่กี่ครั้งก่อนจะกระแทกเข้าไปจนสุด แล้วค้างอยู่อย่างนั้นพร้อมกระตุกร่างอีกสองสามครั้งตามแรงอารมณ์ที่มาถึงจุดสิ้นสุด

จุดสุดยอดที่ถึงในตัวของบดินทร์รุนแรงราวกับสายฟ้าฟาด ดนัยปล่อยน้ำรักทะลักทลายจนเต็มล้นในช่องทางรักที่แสนน่าสงสาร มันยังตอดเอ็นเนื้อของเขาไม่หยุด ราวกับกำลังเรียกร้องให้มีครั้งต่อไป

และแน่นอนว่า...

ดนัยไม่ปฏิเสธ


คืนนั้น ในห้องเล็กๆ ของคอนโดกลางเมือง มีแต่เสียงครวญคราง และเสียงอ้อนวอนน่าสงสาร  การลงทัณฑ์ยังคงดำเนินต่อไป แบบไม่มีการหยุดพัก ซึ่งมันจะจบลงตรงไหนนั้น...ไม่มีใครรู้

จนกว่าจะถึงรุ่งเช้าของวันต่อไป


*******************************************************
ขอโทษที่มาช้านะคะ
ผิดสัญญาอีกแล้ว...ข้าม(2)วันจนได้
รู้สึกช่วงนี้ตัวเองเขียนฉาก NC ได้ไม่ดีเอาเสียเลย...เฮ้อ...
ก็เก๊าไม่ถนัดฉากไล่ล่าขืนใจ เก๊าถนัดแนวใสๆ แบ๊วๆ...
ฮือ....ฮือ...
 :hao5:
ดนัยไม่ได้รุนแรง(ตรงไหน?) แต่น่ากลัวสุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ ผู้ชายใจร้าย
ส่วนบดินทร์...เอิ่ม คงต้องปล่อยฮีไปตามกรรมเวร
รู้แค่ว่า...ตอนนี้ทั้งตอน
ดนัยกินจนอิ่ม...

สปอยล์ : ตอนหน้าบดินทร์กับสดายุได้เคลียร์กันจริงจังค่ะ
ทายสิ อดีตเพื่อนรัก จะจบความสัมพันธ์สุดท้ายกันอย่างไรน๊า...

ปล. รู้นะ บางคนแอบรอคู่เจ๊บลูม่าอยู่ด้วย
ทายสิคะ เจ๊บลูจะยอมปล่อยซอลย่ากลับบ้านหรือเปล่า...หุหุ

ขอบคุณที่ติดตามชมนะค๊า
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: badbadsumaru ที่ 25-10-2014 01:12:03
ดนัยนี่น่ากลัวเบาๆนะ
.____.)

อย่าให้มีเรื่องร้ายๆอีกเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-10-2014 01:15:13
โหยยยยยย แรกๆก็เกลียดดินนะ(แน่ล่ะสิ!!)  :m31:
แต่ตอนหลังๆมาน่าสงสารละ :sad4:
ขอให้ได้เคลียร์กะยุจริงจังซักทีนะ
จะกลับมาเป็นเพื่อนกันอีกไหมน้ออ
รอตอนต่อไปน้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 25-10-2014 01:17:28
ตอนแรกว่าจะเอาผ้าเช็ดตัวมาซับน้ำตา แต่คงต้องซับเลือดด้วยย
ดนัยยยย น่ากลัวมาก แกจิตป่ะเนี่ย อินี่สงสารน้องดินขึ้นอีก 100เท่า
โหดร้ายมากก ปรานีน้องดินหน่อย ช้ำหมด
รอตอนหน้าค่าา อยากรุ้เหตุผลของน้องดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 25-10-2014 01:48:25
ดนัยน่ากลัว

เดาได้เลยว่า ตอนน่าอิฉันน้ำตาแตกแน่นอนเลยค่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 25-10-2014 01:57:29
คนเลวๆที่เห็นแก่ตัวโดยไม่สนใจว่าคืนอื่นจะย่อยยับยังไงอย่างไอ้บดินทร์
ก็สมแล้วที่ต้องเจอแบบนี้ นี่เรายังว่าไม่สาแก่ใจและไม่สาสมกับสิ่งที่มันเคยทำด้วยซ้ำ
คนที่ยอมทำลายอนาคตของเพื่อนสนิทตัวเองได้เพื่อพ้นผิด มันน่าเห็นใจแล้วเหรอ
คนที่ต้องเอาชีวิตและอนาคตของคนอื่นมาชดใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อชำระหนี้ท่ี่ตัวเมิงเองก่อ จะบอกว่าไม่ตั้งใจ
เหอะ! ตลกไปป่ะไอ้บดินทร์ ทำระยำกับคนอื่นได้พอเจอกับตัวแล้วไปไงล่ะ เลวระยำแบบนี้
ก็ขอให้มันชดใช้กรรมให้หนักๆไปเลย ไม่สงสารไม่เห็นใจอะไรมันเลยซักนิด ได้แต่สมเพชเวทนาปนสมน้ำหน้ามัน

ปล.ไม่อยากให้สุดายุยกโทษให้มันเลยด้วยซ้ำนะความจริง แต่นี่คือนิยาย นายเอกของเรื่องนี่เนอะ
ก็ต้องเป็นแม่พระมาโปรดเป็นธรรมดา แต่ขอให้บดินทร์และคนที่ทำเลวในเรื่องให้มันได้ชดใช้กรรมหนักๆให้สาสมก็พอแล้วครับ
นอกนั้นเราไม่ติดใจอะไร เป็นกำลังใจให้ตนแต่งนะครับ ดีใจมากที่แวะมาส่งตอนเกือบตีสองเห็นมาอัพรีบเ้ามาอ่านทันที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-10-2014 02:12:24
อยากเตือนว่า อย่าลืมตั้งกล้องถ่ายใหม่ ก็ทำไม่ได้ เสีนด๊ายเสียดาย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Kanya97 ที่ 25-10-2014 02:33:15
โอ๊ยยยยยยยยยยยย ค้าง  :katai4: :katai4: :katai4: :katai4: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
รอตอนต่อไปค่ะ สู้ๆ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 25-10-2014 02:37:10
อ่านไปแล้วถึงกับ :a5:ดนัยแกแอบจิตรึป่าวเนี่ย :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 25-10-2014 07:06:54
ดนัยแม่งโรคจิต แต่เราดันชอบ อิอิ ชอบฉากนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-10-2014 07:15:23
ดนัยจิตๆแบบนี้แหละเหมาะกับดินดี

จะได้เอาอยู่วววว กิกิ

อย่าลืมไปสับผู้อยู่เบื้องหลังอย่างยัยชิดจันทร์ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 25-10-2014 08:09:20
รอดูคู่อาเจ้ๆอยู่เหมือนกันค่า แบบว่าแอร๊ย  :-[
เราว่าดนัยน่ากลัวกว่าบดินทร์อีก แต่มันต้องงี้แหละ ต้องแรงกว่ายัยชิดถึงจะเอาดินอยู่ได้ 555  ไหน ๆ ก็ไหน ๆ สืบหาสาเหตุแล้วจัดการยัยชิดไปด้วยเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-10-2014 08:15:39
รออ่านนะคร้าาาาา คุณบลูปล่อยซอลย่าแน่ ๆ

แต่วันไหนไม่รู้ววว 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 25-10-2014 08:58:11
ดนัยน่ากลัวจริงๆ
แอบสงสารดินเหมือนกัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: GETIIZ ที่ 25-10-2014 09:16:21
สงสารบดินทร์แต่ก็แอบชอบบบบบบ
โอ้ยยยงงตัวเองแต่ที่รู้ๆคือดนัยจิตมากกกกกกกกกก
น่ากลัวโคตรรรรรรแต่คงเหมาะกับดินหละมั้ง
ส่วนตอนหน้าถ้าอกีตเพื่อนรักได้เคลียร์กัย
แอบหวังลึกๆว่าจะเริ่มกันใหม่ได้
คือตอนนี้ดินมันไม่เฟลือใครในชีวิตแล้วนะ
ไหนจะปัญหาต่างๆอีก เห้อิอิอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 25-10-2014 09:25:18
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
รอติดตามชะตากรรมของบดินทร์กับชิดจันทร์

ปล.มีใส่ชื่อผิดอยู่บางที่(มากกว่า 3 ที่)นะ ตรงบลูม่ากับซอล แล้วก็ดนัยกับบดินทร์ตอนต้นๆล่ะมั้ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 25-10-2014 10:13:50
ดนัยหนิน่ากลัวจริงๆ


 :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 25-10-2014 10:22:46
ดนัย-บดินทร์
ไม่รู้ทำไมเราถึงชอบคู่นี้มาก ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-10-2014 10:49:01
โอ้ววว
ดนัย นายร้ายกาจมากอะขอบอก
ยังไงๆก็เพลาๆให้น้องมันบ้างนะ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อค่ะ
รอตอนต่อไปนะคะ

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 25-10-2014 11:07:40
คู่นี้ ต้อง SM แน่ๆเลย เหมาะกันมากๆ อิอิ เราชอบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 25-10-2014 11:42:52
โฮกกก   นัยนี่รุนแรงจิงๆ   :m25:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 25-10-2014 11:46:47
ตอนนี้ดนัยก็จัดการดินแล้ว ตอนหน้าของน้องยุบ้างจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 25-10-2014 12:20:19
เค๊าก็รอ เจ๊บลูน้องซอล คงต้องร้องเพลงนี้ให้เจ๊แล้วหล่ะคะ...  :hao7:

อ้อยเข้าปากช้าง แล้วช้างก็กินอ้อน นอย น้อย หน่อย นอย น้อย  :z1:  :oo1:  :jul3: :jul3:

เจ๊บลูรักเค๊าก็อย่าเก๊ก อย่าเล่นตัวเลย หาเศษหาเลย หาอาหารหลักเรื่อยเลย  :-[

น้องซอลก็ช่างใสซื่อแสนดี กุลสตรีไทยสุดๆ :katai5:  :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Mengjie_JJ ที่ 25-10-2014 12:46:59
ดนัยอาจจะโรคจิตนิดๆ แต่ก็เหมาะกับหนูดินแล้วนะ

หนูดินก็อย่ากลัวไปเลย ยิ่งกลัวยิ่งเหมือนลูกแมวน้อย คนล่า ก็ยิ่งได้ใจสิ สมยอมไปเถอะ คึคึ

กดบวกดนัย +++
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-10-2014 12:58:33
ที่จริง...คนที่นิ่งที่สุด ก็เป็นคนที่น่ากลัวที่สุดเช่นกัน...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-10-2014 16:00:45
แอบสงสารนิดๆ แต่ก็รับกรรมไปนะ สมัยนี้สามีหายาก ขอให้ชีวิตคู่กับดนัยมีแต่ความสุข ฮาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sakurako12 ที่ 25-10-2014 16:45:46
ดนัย+บดินทร์ ฟินเบย   :haun4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: มิวม๊าว ที่ 25-10-2014 17:03:17
ดนัยยยยยยแกน่ากลัวมาก
นึกว่าอ่านนิยายแนวฆาตกรรมโรคจิตซะอีก
คนหล่อของฉัน(?)หายไปกับตอนนี้ทันที  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 25-10-2014 17:40:19
เงี้ยแหละนะ โรคจิตต้องเจอกับโรคจิตกว่า เหอ เหอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 25-10-2014 19:47:15
หลายคู่จัดที่ลุ้นนะ
อย่าให้บดินทร์ตายล่ะกัน
ไหนๆถูกดนัยกินแล้ว
ขอลุ้นคู่นี้ให้รอดอีกราย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰ ที่ 25-10-2014 21:38:41
ทำไมเรารู้สึกสงสารบดินทร์จัง...ทั้งที่ไม่ได้อยากทำ เเต่ต้องทำ...เห้ออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 25-10-2014 22:11:53
 :impress2: ดนัยได้ใจมากเลยคะ
ตอนหน้าขอดนัยอีกนะคะ ชอบๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 25-10-2014 22:22:16
ขอให้ใครสักคนเข้าใขบดินทร์

อย่าร้ายนักเลยขอรับ

อยากให้คนบงการโดนดีมากกว่า

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 25-10-2014 22:22:31
ดนัย น่ากลัวอ่ะ จิตนิดๆใช่ไหม
สงสารบดินทร์ อยากให้มีโอกาสอีกครั้ง
แต่ถ้าบอบช้ำซะขนาดนี้ ยังจะสู้ต่อไหวรึเปล่า :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-10-2014 22:29:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 25-10-2014 22:32:20
ภาวนาให้สดายุตื่นสักที ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่เข้าใจบดินทร์ตอนนี้....
ฝั่งซอลย่า บลูม่าคงไม่ปล่อยกลับมา
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 25-10-2014 22:42:54
รักตอนนี้สุดๆเลยยยยยยย

รู้สึกสนุกตามดนัย ฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ

เอ๊ะโอ่วว บดินทร์จ๋าาา ไม่ร้องนะคนดี ให้พี่ดนัยเล่นก่อน แล้วคิวต่อไปก็นังชิดจันทร์ !!

รอเจ๊บลูเคลียร์กับซอลย่าค่าา คู่นี้ยังไม่เคลียร์เลย น้องยุมาขัดซะก่อน (จับมาตีก้นลาย!)

มันต้องเป็นอะไรที่มุ้งมิ้งมากแน่เลย ///_\\\ (ไม่ใช่เจ๊บลูหึงซอลย่ากับบดินทร์แล้วลงเอยด้ยการจับปล้ำนะ คุยกันดีๆนะคะขุ่นเจ้ขา)

ปูเตียงพร้อมต้มมาม่ารอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 26-10-2014 09:23:58
เหอเหอ กรรม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 26-10-2014 09:45:57
ดนัยน่ากลัวก็จริง แต่ก็คิดเสียว่าบดินทร์ใด้ชดใช้กรรมที่ทำไว้กับน้องยุแล้วนะ
และศักดิ์ศรีความเป็นชายก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นโดยผู้ชายที่หล่อแต่โรคจิตอย่างดนัย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 26-10-2014 10:24:22
คู ด-ด (ดนัย-ดิน) คนอ่านคิดว่าสามารถต่อยอดได้เลยนะ
ทำเป็นช็อทสั้นๆ เพราะตัวดนัยเองก็หล่อรวยทรงอิทธิพล
ส่วนดิน เลวร้าย มีปัญหาชีวิตมากมายอารมณ์ไม่มั่นคง
แบบนี้น่าเอามาเล่นดู เชียร์คู่นี้เพราะมีสีสันกว่าคู่ไหนๆเลยขอบอก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 26-10-2014 11:59:22
ดนัยจิตได้ใจ ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 26-10-2014 16:42:17
สงสารดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 26-10-2014 22:16:42
ดนัยแม่งโรคจิต แต่เราดันชอบ อิอิ ชอบฉากนี้

เหมือนกันเบยยย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-10-2014 02:34:42
ดนัยน่ากลัว บรื่อออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-10-2014 06:43:42
นึกไม่ถึงเหมือนกันนะว่าดนัยน่ากลัวได้ขนาดนี้
แต่เราสงสารบดินทร์ได้ไม่มากอย่างที่คิด
ทำกับยุไว้เยอะมากเลยน่ะ
ยุเกือบไม่ไว้ใจใครอีกก็เพราะการกระทำของดินอ่ะ
ตอนหน้า ขอคำแธิบายดีๆให้ยุหละกัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-10-2014 11:29:55
ดนัยแกโรคจิตมากอ่ะ แต่ชอบนะ ฟินเว่อร์
บดินทร์รับกรรมนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: indy❣zaka ที่ 27-10-2014 12:15:32
ต่อให้คนจะเลวจะชั่วยังไง  ก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขืนอย่างนี้อ่ะ
ไม่ค่อยชอบนิยายที่มีฉากประเภทข่มขืนนี่เลย   เหมือนเป็นการส่งเสริมการข่มขืนอย่างหนึ่งนะ  ประมาณว่าข่มขืนแล้วได้เป็นพระเอก เดี๋ยวก็แฮปปี้เอ็นดิ้งนางเอกรักไรเนี่ย เหอๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 27-10-2014 16:49:52
โฮกกก เค้ากลัวดนัยแบบสุดๆอ่า
คือมันเรียกอาการแบบนี้ว่าอะไร????
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 29-10-2014 16:06:31
ดนัยอาจกำลังพยายามปลูกฝังความเป็น M ให้บดินทร์ คิๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 30-10-2014 01:08:36
ดนัยน่ากลัวอ่ะ ส่วนบดินทร์ถึงจะสงสารแต่ถ้าเราเจอในชีวิตจริง
คงจะอโหสิให้แล้วทางใครทางมันเหอะ อย่าได้มายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยลาขาด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Tonglee ที่ 30-10-2014 23:00:19
ดนัยน่ากลัวอะ ฮือออออออออ  :sad4: ใจร้าย
สงสารดิน  :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 02-11-2014 17:53:13
คนเขียนจ๋า ต่อเร็วๆน้า    :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น ที่ 04-11-2014 23:34:24
ครบทุกรสจริงๆ พล็อตน่าติดตามทุกตอนเลย
สงสารบดินทร์เหมือนกันนะ มีอะไรก็ไม่พูดออกมา

 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 08-11-2014 00:40:50
รอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 08-11-2014 11:41:49
เข้ามารอด้วยคน คิดถึงคนเขียนแล้ววนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 11-11-2014 17:51:57
ดันให้อยู่อันแรกๆ เลยจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 11-11-2014 21:51:28
Waiting forever  :impress2:
รออยู่น้่าาา ชอบทุกคู่เลยอ่ะ น่าติดตามไปคนละแบบ
แต่ตอนนี้รอดูดินกับดนัยเป็นพิเศษ รอคนเขียน รอๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 16-11-2014 18:26:57
คนเขียนหายไปไหนแล่วง่า   :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 16-11-2014 19:01:37
เค้ายังรออยู่นะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 21-11-2014 10:24:10
อย่าเลย อย่าบอกให้รอเลย

เพราะฉันรอไม่ไหวแลัววววว

2วันตามทันตอนล่าสุด มาต่อเถอะครับ คนอ่านใจจิขาด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 24-11-2014 21:56:49
พรุ้งนี้จะครบเดือนแล้วน้า หากคนเขียนงานยุ่งก็ขอให้เสร็จงานโดยไวหรือหากไม่สบายก็ขอให้หายเจ็บหายไข้ ก็คนอ่านใกล้ขาดใจแล้วเหมือนกัน คิดถึงเรื่องนี้มากมาย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 25-11-2014 20:32:24
คิดถึงอ่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 25-11-2014 21:21:06
มายังน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 25-11-2014 21:44:20
รู้สึกสงสารดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 25-11-2014 22:09:55
1 เดือนแว้วววว คิดถึงคนเขียนมากมาย   :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: saythong ที่ 29-11-2014 12:32:18
 :mew2:รอฉันรอเธออยู่แต่ไม่รู้เธอจะมาเมื่อไร คนเขียนหายไปนานมาก  :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-12-2014 02:25:32
เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตบแต่งหน้านิยายให้ใหม่นะคะ คอมที่บ้านเอ๋อเหลือเกินค่ะ TT^TT

โปรดเตรียม...ผ้าเช็ดหน้า


ผมคือ...นางเอก
ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ



“เอ่อ...ผม...ส่งคุณแค่นี้พอใช่ไหม?”

นั่นคือคำพูดสุดท้าย ในขณะที่ยังมีอิสรภาพของซอลย่า ที่ขณะนี้ถูกกักบริเวณอย่างแน่นหนาบนหอคอยงาช้างของบลูม่าผู้คุมสุดเหี้ยมเกรียมหลังจากประกาศิตที่ว่า...

“ใครอนุญาตให้เธอกลับได้กัน?”

ผู้จัดการดาราตัวเล็กได้แต่นั่งเม้มปากนิ่งเงียบอยู่ในห้องนอนของเจ้าถิ่น และนั่งนิ่งมาอย่างนี้ร่วมชั่วโมงได้แล้ว ไม่ได้ไม่อยากกลับไปดูบดินทร์ ความจริงนั้นห่วงแสนห่วง แต่ติดตรงที่บลูม่าเองก็นั่งเฝ้าเขาอยู่บนโซฟาฝั่งตรงข้าม ที่ยังไม่ยอมเปิดปากคุยกันตอนนี้ไม่ใช่เหตุผลอื่นใด แต่เป็นเพราะเพิ่งทะเลาะกันบ้านแทบแตกไปเมื่อครู่ ตอนนี้จึงยังอยู่ในภาวะพักรบชั่วคราว

“...เมื่อไหร่คุณจะปล่อยผมกลับเสียที?”

ซอลย่าเอ่ยถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าเขาอยู่ในที่คุมขังนี้มานานพอที่จะพ้นโทษได้แล้ว ตอนนี้บดินทร์กำลังอ่อนแอ เขาอยากรีบกลับไปดูแล เพราะฉากสุดท้ายที่เห็นคือสภาพยับเยินแทบไม่เหลือคราบความหล่อเหลายามปกติ  จริงอยู่ว่าตอนที่จากมาเขารู้สึกผิดหวังในตัวของบดินทร์มาก  แต่มาตอนนี้ ซอลย่ากลับรู้สึกว่าเขาไม่ควรอยู่ที่นี่ หน้าที่สำคัญที่สุดของเขาตอนนี้คือการอยู่ข้างกายของบดินทร์ เพื่อดูแล และถามไถ่ถึงเหตุผลทั้งหมดแห่งการกระทำของน้องชายคนนี้

วันนี้บดินทร์แปลกไป เขาก็รู้อยู่แก่ใจ ทำไมตอนนั้นถึงทิ้งชายหนุ่มมาได้ลงคอกันนะ

“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอตัวกลับได้ไหม? ผมยังมีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะนะ”

ซอลย่าพยายามขอร้อง ด้วยท่าทีที่ร้อนใจ

“ทำอะไร? ป่านนี้แล้ว”

แต่ดูเหมือนบลูม่าจะทำเป็นมองไม่เห็นในจุดนั้น เขาแสร้งทำเหมือนเป็นเรื่องไม่สำคัญ ขณะยังคงนั่งไขว่ห้างอ่านนิตยาสารไปเรื่อย

“ผมคิดว่าคงไม่ใช่ธุระอะไรของคุณมั้งครับ”

ท่าทีของบลูม่าที่ดูไม่ยี่หระต่อความร้อนรนของซอลย่านั้น ทำเอาซอลย่าเริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นทุกขณะ ทำไมกันนะคนตรงหน้าเขาถึงไม่เคยทำดีกับเขาบ้างเลย ไมตรีที่เขาเคยมอบให้ไป มันคงไร้ค่ามากเลยสินะ

ซอลย่าได้แต่เพียงนึกน้อยใจ พลางจ้องมองคนที่เอาแต่อ่านนิตยาสารด้วยดวงตาที่รื้นฉาบไปด้วยหยาดน้ำตาบางเบา

‘พอกันที’

ก่อนจะเผลอทำน้ำตาหลั่งร่วง ซอลย่าก็ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าใบย่อมของตนขึ้น หมายจะเร่งออกไปจากห้องของคนใจร้าย จะไม่สนใจอีกต่อไป แม้จะโดนห้ามไว้ บลูม่าไม่ได้ต้องการอยู่กับเขานี่  แค่กักเขาไว้ที่นี่เพื่อกันเขากลับไปดูบดินทร์ก็เท่านั้น ถ้าไม่มีเรื่องนี้ มีหรือที่อีกฝ่ายจะนึกสนใจใยดีในตัวของเขา...

“เดี๋ยว!!”

และแน่นอนว่าทันทีที่ซอลย่าเดินดิ่งไปจนเกือบถึงประตูห้องนอน บลูม่าก็เข้ามาคว้าตัวไว้ได้ทันอย่างเฉียดฉิว

“ปล่อยผมไปเถอะครับ คุณบลูม่า ผมต้องกลับไปดูบดินทร์เขาจริงๆ”

“จะไปดูอะไรมันนักหนา? มันไม่ตายหรอกน่า คุณกฤตเมธเตะไปแค่ไม่กี่ที คงไม่ช้ำในขนาดนั้นหรอกมั้ง!”

พอถูกตะครุบตัวเอาไว้ ซอลย่าก็พยายามดิ้นรน จากแค่ถูกจับไว้เพียงต้นแขน ตอนนี้เลยกลายเป็นถูกโอบรัดไปทั้งตัว

แต่ถึงอย่างนั้น ผู้จัดการดาราร่างเล็ก ก็ยังคงพยายามอ้อนวอน

“ได้โปรดให้ผมไปเถอะครับ ผมเป็นห่วงเขาจริงๆผมปล่อยเขาไว้กับคุณดนัยสองต่อสองไม่ได้หรอก...”

“ทำไม? อยู่กับดนัยแล้วมันจะตายหรือไงยะ?”

ทว่ายิ่งฟังคำร้องขอ บลูม่าก็ยิ่งหงุดหงิด เขากระชับซอลย่าเข้าสู่อ้อมกอดแน่นขึ้น เพื่อแสดงให้อีกฝ่ายประจักษ์ ว่าจะไม่มีการอ่อนข้อให้โดยง่าย

“ดนัยเขาไม่ชอบบดินทร์เป็นทุน ขืนปล่อยให้อยู่ด้วยกัน...บดินทร์อาจถูกทำร้าย...”

“ก็ดีนี่ ให้มันโดนซะบ้างจะได้สาสมกันกับที่มันทำกับน้องยุไง!!”

“เพราะงั้นผมถึงต้องกลับไปคุยกับดินเขาไง! จะได้รู้กันไปว่ามีเหตุผลอะไรหรือเปล่า”

“มันคงบอกหรอก!”

“ปล่อย!!”

ก่อนที่การมีปากเสียงจะบานปลายออกไป ซอลย่าก็จบมันโดยการผลักร่างของบลูม่าออกไปเต็มแรง

“...นี่เธอกล้าผลักฉันเหรอ?”

บลูม่าที่ถูกผลักจนเซ ถึงกับหน้าบึ้งหนักกว่าเก่า เสียงที่ดัดจริตตลอดเวลาตอนนี้ทุ้มพร่าเพราะแรงอารมณ์

“เธอผลักฉัน...เพื่อจะได้ไปหามัน?” เสียงทุ้มกังวาลสมชายเอ่ยถามเย็นเยียบ ราวกับจะแช่คนถูกถามให้กลายเป็นน้ำแข็ง

“...ก็คุณ...ไม่ยอมปล่อย” ซอลย่าเองก็ได้แต่ตอบออกไปเสียงสั่น ร่างบอบบางค่อยๆถอยห่างออกมาทีละก้าว เพราะดูท่าอารมณ์มาคุที่แสนจะกดดันของบลูม่ากำลังจะฆ่าเขาให้ตายด้วยสภาวะขาดอากาศหายใจเสียแล้ว

“ฉันถามว่าเธอผลักฉัน เพื่อไปหามันเหรอ?” บลูม่าคาดคั้นขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับค่อยๆสืบเท้าเข้าใกล้ซอลย่าช้าๆ

“ใช่...ผมจะไปหาดิน...ผมต้องคุยกับเขา...” คำตอบสุดท้ายหลุดออกมาพร้อมกับแผ่นหลังที่ชนเข้ากับผนังห้อง ถอยหนี จนไร้ซึ่งทางหนีเสียแล้ว

“ค...คุณ...บลู?...”

ซอลย่าครางเรียกชื่อบลูม่าเสียงแผ่ว เมื่อถูกร่างสูงใหญ่ไล่ประชิด แล้วกันร่างเขาไว้กับกำแพงหนาราวกับนักโทษ

“เป็นห่วงกันจังนะ...ทำไมเหรอ? ไอ้บดินทร์มันสำคัญกับเธอขนาดนั้นเชียว?”

บลูม่าถามขึ้น ขณะโน้มตัวลงจดจ้องใบหน้าเศร้าหมองของซอลย่า แบบไม่ละสายตาย เล่นเอาคนตัวเล็กกว่าประหม่าจนใจสั่น ซอลย่าได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจว่า ได้โปรดอย่าทำแบบนี้...

เขายังรักบลูม่ามาก ยิ่งผ่านคืนนั้นมา ก็รู้สึกได้ว่าทั้งตัวและหัวใจเป็นของอีกฝ่ายจนหมดสิ้น แม้จะเจ็บร้าวรุนแรง แต่ก็ยังมีความสุขในส่วนลึกของหัวใจ ว่าในที่สุดก็ได้ตกเป็นของคนที่ตัวเองรัก...

แต่ในเมื่อบลูม่าไม่ได้รู้สึกดีกับตนไปด้วย ซอลย่าก็ยินดีถอยห่างอย่างเจียมตัว

และการทำแบบนั้นมันต้องอาศัยแรงใจอย่างมหาศาล คนกำลังหลบเลียแผลใจอยู่แท้ๆ ทำไมตัวต้นเหตุอย่างบลูม่าช่างไม่เคยรู้ตัวเลยนะ ถึงได้คอยตามราวีหัวใจของเขาอยู่ได้

‘มันเจ็บนะ!รู้ตัวบ้างสิ!’

ยิ่งคิดซอลย่าก็ยิ่งเจ็บปวด และเพราะเหตุนั้นก็เลยพาลหงุดหงิดในความไม่รู้เรื่องรู้ราวของบลูม่าไปด้วย

ดังนั้นจึงเผลอประชดออกไปโดยไม่รู้ตัว...

“สำคัญสิ! เขาสำคัญกับผมมาก! ไม่อย่างนั้นผมคงไม่ร้อนใจจะเป็นจะตาย แค่ไม่ได้ไปหาเขาหรอก!!”

“หล่อนเป็นเมียมันรึไง!!?”

“ยัง! แต่จะกลับไปเป็นเสียคืนนี้แหละ!  ไหนๆก็เป็นคนมีแผลใจเหมือนกันแล้ว ก็คงได้กันไม่ยาก!!”

“ซอล!!”

“.....!!!!?”


ด้วยรับไม่ได้กับคำประชดประชัน ด้วยหัวใจที่โหมเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ด้วยสมองที่ว่างเปล่าเพราะคำของอีกฝ่ายที่ว่าจะไปเป็นของคนอื่น ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจของคนตรงหน้า ด้วยสิ่งเร้าหลายอย่างประเดประดัง บลูม่าจึงไม่อาจตั้งสติรั้งมือตัวเองไว้ได้ทัน จนเผลอไผล เหนี่ยวรั้งใบหน้าคนรั้นเข้ามาบดจูบอย่างร้อนแรงไปเสียแล้ว...

“.....อื้อ...”

รสจูบนั้นรุนแรงและเร่งเร้า ทุกจังหวะบดเบียด ทุกลมหายใจร้อนผ่าว ทุกมุม ทุกองศา เนิ่นนานราวกับทั้งชีวิต วินานทีแรก ซอลย่าตื่นตระหนกกับจูบของบลูม่าจนตัวสั่น แต่หลังจากนั้น เขากลับเผลอตอบรับอย่างเร่าร้อน  แทบจะหลงลืมตัวเอง ว่าแท้จริงเขากำลังยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะอะไร

ริมฝีปากต่อริมฝีปาก  ปลายลิ้นต่อปลายลิ้น และเสียงเปียกฉ่ำจอกแจก ยามบดเบียดและเอนไซน์หวานล้ำ พาสติของทั้งคู่กระเจิดกระเจิง บลูม่าขมวดคิ้วมุ่น ความปรารถนา กับทิฐิกำลังตีกันวุ่นวาย

ไม่เคยคิดอยากสัมผัส

แต่พอเริ่มกลับหยุดไม่ได้...

จ๊วบ...

เสียงยามริมฝีปากผละจากกันช่างฟังแล้วบาดหู เสียงหอบหายใจกระเส่า ฟังแล้วยิ่งเร้าอารมณ์ให้นึกสานต่อ ทั้งสองได้แต่คิดในใจ ถ้าเขาต่างก็เป็นคนรู้ใจกัน มีไมตรีที่ดีต่อกัน ป่านนี้พวกเขาคงไม่หยุดแค่การจูบ แม้ต่างก็ยังมือใหม่ เพิ่งผ่านประสบการณ์ระหว่างกันมาเพียงแค่คนละครั้ง แต่เพราะแบบนั้นแหละ มันจึงยิ่งเร้าอารมณ์โหยหา...

ปึ่ก!

ระหว่างยังคงมึนงงกับความหฤหรรษ์ที่ยังคงอ้อยอิ่งอยู่แถวริมฝีปาก บลูม่าก็ต้องตกใจเล็กน้อยกับความเจ็บที่อกข้างซ้าย ด้วยน้ำมือของซอลย่าที่ทุบลงมาไม่เบานัก

“...ทำแบบนี้ทำไม?”

เสียงหวานพร่าเอ่ยถามแผ่วเบา ใบหน้าแดงซ่านก้มต่ำ ฉาบไว้เพียงริ้วรอยแห่งความเศร้าหมอง ดวงตากลมใสยามปกติ ขณะนี้กำลังรื้นฉ่ำไปด้วยน้ำตา ที่กำลังกลั่นเป็นหยดน้ำใสกลิ้งผ่านพวงแก้มนิ่ม

“สนุกนักรึไง? ที่ได้เห็นว่าผมมันใจง่าย”

“............”

คำถามที่แสดงถึงความน้อยเนื้อต่ำใจอย่างแสนสาหัสของซอลย่า แล่นตรงจี้ใจของบลูม่าอย่างหนักหน่อยรุนแรง ‘นี่เขาเผลอทำอะไรลงไป?’

“ใช่สินะ...คนอย่างผมมันใจง่าย แค่อยากได้คุณ ผมก็ดิ้นรนเอาตัวเข้าแลกราวกับพวกอีตัว ขนาดคุณไม่เอาก็ยังพล่านจะเอาให้ได้ พอเสร็จสมหมายก็เล็งจะเอาคนอื่นต่อ คนอย่างผม...ที่คุณมองเห็น คงเป็นแบบนั้น...ใช่ไหม?”

“....ไม่...คือฉัน...”

“งั้นก็อย่าเอาตัวคุณมาเกลือกกลั้วกับคนอย่างผมอีกเลย...ปล่อยผมไปเสียเถอะ เดี๋ยวผมจะทำให้คุณเสื่อมเสียเปล่าๆ”

“ซอลมันไม่ใช่แบบนั้น.....”

“.............ผมมันคนไม่ดี....ฮึ่ก...”

“โถ่เอ้ย!”

หมับ!

บลูม่าสบสออกมาอย่างหัวเสีย พลางรวบตัวซอลย่าที่กำลังยืนทอดถอนใจสะอึกสะอื้นอยู่ตรงหน้าเข้าสู่อ้อมแขน

“หล่อนอย่ามโนเอาเองพร่ำเพรื่อนักได้ไหม! ฉันพูดสักคำแล้วเหรอว่าหล่อนเป็นแบบนั้นน่ะ!!?”

“ถ้าไม่ได้คิด แล้วคุณมองผมกับบดินทร์ในเชิงนั้นได้ยังไง!!?”

แม้บลูม่าจะปฏิเสธ แต่ดูเหมือนซอลย่าจะไม่เชื่อ

และนั่น ทำให้บลูม่าจำต้องสารภาพความจริง

“พูดเพราะ ‘หึง’ ยังไงล่ะ! ดูไม่ออกหรือไง!!”

“....เอ๊ะ?...”

คำสารภาพของบลูม่าทำเอาคนฟังอึ้งจนตาค้าง หูดับ สมองโล่งขนาดที่ว่า ไม่สามารถประมวลผลคำพูดของบลูม่าได้เลย

“อย่ามาทำเอ๋อใส่ฉันตอนนี้นะ...เฮ้อ ให้ตายสิ เสียหน้าเป็นบ้าเลย!”

เพราะไร้การตอบสนองที่น่าพึงใจจากซอลย่า บลูม่าถึงกับอยากกรีดร้อง ใบหน้าคมคายแดงก่ำ รู้สึกอายตัวเองขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว ทำได้แต่กอดซอลย่าแน่นขึ้นแล้วซุกซ่อนใบหน้าของตนลงบนลาดไหล่ผอมบาง

“...หึง?...บลู...อย่าพูดแบบนี้นะ...ถ้าไม่ได้มีใจให้กัน...ได้โปรด...อย่าพูดแบบนี้อีก...อย่าทำร้ายกัน...”

ซอลย่าได้แต่ครางเครือเสียงแผ่วผิว ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะถูกบลูม่าพูดคำนี้ใส่ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว ร่างกายบอบบางสั่นระริก ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน ถ้าหูเขาไม่เฝื่อนไปเอง...

นั่นก็แสดงว่า...

“เงียบไปเลย หล่อนทำให้ฉันกลายเป็นเลสเบี้ยนไปแล้ว...”

“ม...หมายความว่ายังไง...?..”

“...ชิ...ฉันน่ะนะ อุตส่าห์สงวนตัวไว้ให้ผู้ชายหล่อล่ำสักคนมาตกฉันไปเป็นศรีภรรยา หล่อนก็มาทำให้ฉันกลายพันธุ์จากสายรับเป็นรุกซะอย่างนั้น แทนที่จะได้ผัวก็ดันได้เมีย...แถมดัน...ติดใจซะได้.......ฮึ่ย...”

“นี่มัน...อะไรกัน?”

“ก็จะอะไรล่ะยะ!...ฉันก็กำลังบอกว่าชอบหล่อนอยู่นี่ไง!”

“ห๊ะ?...ช...ชอบผม?”

“ก็ใช่น่ะสิยะ! ไม่ชอบ ฉันจะมาตรมหึงหล่อนยิกๆเพื่อ?”

“...ต...แต่ตอนนั้นบลูบอกว่า...”

“ช่างหัวตอนนั้นฉันเถอะน่า ตอนนั้นฉันสับสนจนหน้ามืด แต่ตอนนี้ฉันหลงหล่อนจนหัวปักหัวปำแล้ว! รับผิดชอบฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”

“...ไม่ได้หลอกกัน...ใช่ไหมเนี่ย?”

“จะบ้าเหรอ...เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นรึไง...เดี๋ยวโดน”

“....................”

“.........”

หลังจากการสารภาพความในใจที่ยาวนาน ต่างคนต่างก็เงียบ ซอลย่ายังคงนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของบลูม่า ใบหน้าแดงซ่านยังคงริ้วรอยแห่งความตระหนกตกใจเล็กๆ  ก่อนจะค่อยๆยกสองมือสั่นระริกขึ้นโอบแผ่นหลังกว้างไว้บางเบา

ราวกับบลูม่าจะรู้สึกได้ถึงการตอบสนองในทางที่ดีของซอลย่า ร่างสูงจึงกระชอับอ้อมกอดแน่นขึ้น ใบหน้าที่ยังแดงซ่านนั้นค่อยๆปรากฏรอยยิ้มยินดี...

“คืนนี้...อยู่กับฉันนะ”

“.......”

“ได้ไหม?...”

“.....แต่...”

“ฉันสัญญา...พรุ่งนี้จะพาไปดูอิตานั่นแต่เช้าเลย...เพราะฉะนั้น คืนนี้อยู่กับฉันก่อนนะ...”

“...บลู...”

“ซอล...ได้โปรด...”

บลูม่าออดอ้อนคนในอ้อมกอดเสียงหวาน ไหนๆก็ไหนๆ เขายอมหมดแล้วตอนนี้ ขอแค่ซอลย่ายอมอยู่ด้วย ขอแค่ซอลย่าไม่กลับไปหาชายอื่น แค่นั้นจริงๆ คนเรา พอรู้ใจตัวเองปุ๊บ ร่างกายก็ไม่อาจหยุดการเคลื่อนไหวตามใจปรารถนาได้เลย


อ้อมกอดอุ่นชวนเคลิ้มเกินไป หัวใจของซอลย่าเลยอุ่นซ่านมากกว่าที่เคยเป็น สัมผัสนุ่มนวลชวนฝัน ทำให้เขาไม่สามารถผละจากไปได้อีก รู้สึกว่าตัวเองช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน รู้สึกผิดต่อบดินทร์สุดหัวใจ

แต่...วันนี้คงต้องขอเป็นคนไม่ดีเสียแล้ว

‘ขอโทษนะ...ดิน...’

‘ขอโทษ...ที่พี่ใจง่ายเหลือเกิน...’

“.....อืม...อยู่ก็ได้...”

และคำตอบที่ซอลย่ามอบให้ ก็เรียกรอยยิ้มถูกใจให้กับบลูม่าไม่น้อย

สองร่างค่อยๆ ผละจากกันช้าๆ

สองสายตาสบกันแว่วหวาน...

ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าหากันทีละนิด ทีละนิด...

*
*
*
*
*

แสงหรุบหรูรำไรที่ลอดทะลุผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาทางหัวนอนปลุกร่างอ่อนล้าเปลือยเปล่าที่นอนขดเป็นลูกนกให้ได้รู้สึกตัวตื่น

“...อา..” เสียงครางหวิวดังขึ้นเบาๆ เมื่อร่างบอบช้ำขยับกาย เจ็บร้าวไปหมดตลอดหัวยันปลายเท้า

กว่าจะได้ลุกขึ้นนั่งเป็นกิจลักษณะได้ ก็เล่นเอาหมดแรง ตั้งสติได้รีบมองซ้ายมองขวา เพื่อให้แน่ใจว่าตอนนี้มีเพียงเขาที่อยู่ที่นี่แล้วจริงๆ

มัจจุราชตนนั้น...จากไปแล้วจริงๆ

ในห้องมืดหม่นว่างเปล่า มองไปรอบกายไม่เห็นเสื้อผ้าอาภรณ์ของอีกฝ่ายที่ถอดเรี่ยราดไว้เมื่อคืนแล้ว แสดงว่าคงไม่อยู่แล้วจริงๆ

เห็นดังนั้นบดินทร์ก็ถอนใจออกมาบางเบา

‘รอดแล้ว...หรือเปล่านะ’

ไม่...ใครว่ารอด

แม้ว่าเมื่อคืนจะถูกลงฑัณฑ์ปางตาย ก็ไม่ได้หมายความว่าความชั่วของเขาจะได้รับการชำระล้าง บดินทร์ทำได้เพียงถอนหายใจเหนื่อยล้า ก่อนทิ้งกายเอนพิงกับหัวเตียงเพื่อพักกายที่อ่อนแรง

สมองมึนเบลอ คิดเพ้อไปต่างๆนาๆ  ไม่ได้คิดน้อยใจในเรื่องเลวร้ายที่ได้ถูกกระทำสักเท่าไหร่ แต่เสียใจในเรื่องเลวร้ายที่ตัวเองได้ทำลงไปเสียมากกว่า คิดวกไปวนมา ก็เริ่มรู้สึกว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนั้นราวกับความฝัน ยิ่งได้นั่งเงียบๆเพียงลำพัง ยิ่งเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง...

นึกไปก็เผลอยิ้มออกมาบางๆ

ถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน มันคงจะวิเศษที่สุด...

ถ้าเป็นแค่เพียงความฝัน...

ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด...

ร่างบอบช้ำสะดุ้งไหว เพราะเสียงนาฬิกาปลุก ดันดังขึ้นกวนจนลอบใจหายไปวูบหนึ่ง  นาฬิกาบอกเวลา 6 โมงครึ่ง ขณะที่บดินทร์เอื้อมมือไปปิดเสียงปลุก ก็ไพล่นึกไปถึงคนที่เพิ่งจากไป ถ้าจำไม่ผิดดนัยน่าจะออกจากห้องไปตอนตี 4 หลังเสร็จสิ้นกับกิจกรรมรอบสุดท้าย

‘ไม่เหนื่อยบ้างรึไงนะ?’

บดินทร์เอาแต่นึกชื่นชมในความอึด เพราะเขาเอง ยังไม่เคยมีเซ็กซ์กับใครได้นานและหลายรอบขนาดนัยเลย ขนาดเขาเองเป็นแค่ฝ่ายรับแท้ๆ ไม่ได้ออกแรงมากไปกว่าแค่นอนคราง ยังสลบไปตั้งหลายรอบ นึกแล้วก็อดทึ่งไม่ได้...

คิดไปคิดมาบดินทร์ก็ได้แต่หัวเราะกับตัวเองเล็กๆ ทำไมกันนะ ทำไมเขาถึงได้ไม่รู้สึกเจ็บช้ำที่โดนดนัยข่มขืน ไม่ได้รู้สึกว่าโดนทำร้าย แม้จะร้าวระบมไปทั้งร่าง ‘สาสมแล้ว’ งั้นเหรอ? หรือเป็นเพราะหัวใจของเขาตายด้านกันแน่นะ

เฮ้อ...เขาคงฟันแล้วทิ้งแหละเนอะ

วันนี้จะกินอะไรดีน๊า...

อา...เจ็บตูด...

ฟ้าหลัวจัง...สงสัยฝนจะตกแฮะ...

บดินทร์ได้แต่นั่งเหม่อ คิดอะไรเพ้อเจ้ออยู่คนเดียวโดยไม่ยอมขยับกายไปไหน นั่งแก้ผ้าโล่งโจ้งอยู่ในห้องมืดๆ เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวเศร้า แล้วแต่เรื่องที่แล่นวาบไปวาบมาอยู่ในหัว

ส่วนลึกรู้ดีว่าตอนนี้เขากำลังหนีความจริงอยู่...

แต่เพราะรู้นี่แหละ เลยพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย เข้าขั้นบ้าคลั่งที่จะไม่คิดถึงพรุ่งนี้ หรือแม้แต่นาทีต่อไป

กบดานอย่างเงียบเชียบอยู่ในห้องน้อยๆของตัวเอง

เปาะ แปะ...

เปาะแปะ...

เสียงเม็ดฝนร่วงหล่นจากฟ้า แล้วถูกสายลมพัดพาให้มากระทบอยู่กับหน้าต่างตรงหัวนอน เปาะแปะ เปาะแปะ จากบางเบาค่อยๆหนักหน่วงขึ้น บดินทร์เอนศีรษะซบตรงขอบหน้าต่างเพื่อสดับฟังเสียงฝนที่ช่างไพเราะราวกับกำลังฟังวงออเคสตรามืออาชีพ ไพเราะจนดึงสมธิอันฟุ้งซ่านของเขาให้สงบลงได้ ราวกับเสียงนั้นได้ชะโลมให้หัวใจของเขาได้ชุ่มฉ่ำขึ้นอีกครั้ง...

เสียงของน้ำฟ้าที่ชะล้างได้ทุกสิ่ง...

ฝนเอย...จะชำระล้างหัวใจของเขาได้ไหมนะ...



วืด...วืด...

กำลังนั่งเหม่อลอยไม่ทันไร เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ทำเอาผวา ไม่ว่าจะเป็นสายจากใครก็ตาม ไม่น่าคุยทั้งสิ้น...

วืด....วืด....วืด....

เสียงเครื่องสั่นไม่ยอมหยุด แม้จะสิ้นสุดการเรียกจนนิ่งไปได้ แต่เพียงครู่เดียวก็สั่นขึ้นมาใหม่ ใครกันนะที่ตื้อไม่เลิกขนาดนี้? เจ้าหนี้? ชิดจันทร์? ตำรวจ? ยิ่งคิดก็ยิ่งตกประหม่า มือสั่นระริกค่อยๆเอื้อมไปที่เจ้ามือถือสั่นไม่หยุดของตนช้าๆ ตั้งใจจะปิดเครื่องเสียให้รู้แล้วรู้รอด ปิดเครื่อง ล็อคห้อง ตัดขาดจากสรรพสิ่งทั้งปวง

แต่ในขณะที่จะกดปิด เบอร์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอก็ทำเอาหัวใจได้ฉงนสงสัยอีกครั้ง

‘พ่อ?’

ตั้งแต่ถูกไล่ออกจากบ้าน ตั้งแต่ถูกตัดพ่อตัดลูกกันมาเป็นปีๆ บดินทร์ไม่เคยได้รับทรศัพท์จากผ็เป็นพ่อเลย แม้กระทั่งเขาเป็นฝ่ายโทรไปเอง อีกฝ่ายยังไม่ยอมรับสายเลยด้วยซ้ำ แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน?  หรือว่า...

ในหัวใจแห้งแล้งเริ่มสับสนขึ้นอีกคราว ไม่แน่ใจว่าควรรับสายจากบิดาดีหรือไม่

แต่เพราะวันนี้เขาอ่อนล้า

เพราะวันนี้เขาแสนเหงา

เพราะชื่อนี้...เขาแสนคิดถึง

ปิ๊บ...

ปลายนิ้วสั่นระริกจึงกดรับสายราวกับต้องมนต์

“...ค...ครับพ่อ”

‘ไอ้ดิน!!?’

แค่เสียงเรียกผ่านสาย ก็ทำเอาใจหายวูบ จนอดคิดไม่ได้เลยว่า ‘ไม่น่ารับสายเลย’

‘แกนี่มันลูกทรพีจริงๆ!สร้างเรื่องได้ไม่หยุดหย่อน! ฉันไปสร้างกรรมสร้างเวรอะไรกับแกไว้นัก ฮึ! ถึงได้ตอบแทนข้าวแดงแกงร้อนที่ฉันสู้อุตส่าห์ฟูมฟักแกมาแบบนี้!? แกเกลียดอะไรฉันนัก!!?...’

คำผรุสวาทที่ออกจากปากผู้เป็นพ่อ ทำหัวใจบอบช้ำอยู่แล้วของบดินทร์ยิ่งเจ็บร้าวหนัก เกิดอะไรขึ้นที่บ้านกันนะ ถึงได้ทำให้พ่อของเขารู้สึกเดือดดาลเขาได้ขนาดนี้

“...เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆพ่อมาด่าผมแบบนี้?”

บดินทร์ถามออกไปด้วยความจนใจ และอย่างที่คิดเอาไว้ จบคำถามพ่อของเขาก็ยิ่งโมโหแล้วพาลใส่เขาหนักกว่าเดิม

‘อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องนะ!!เหอะ! ไอ้ผีพนัน ฉันไม่เคยเลี้ยงแกมาให้เป็นแบบนี้นะ!เป็นหนี้ จนเจ้าหนี้เขามาทวงให้เสียชื่อเสียเสียง แกลอยนวล แต่เขามาทวงกับฉันที่เป็นพ่อแกนี่! พวกมันประจานจนชาวบ้านชาวช่องเขารู้กันหมดแล้ว! พวกมันทำจนฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย! สิบล้าน แกทำไปได้ยังไง? แกทำกับพวกฉันอย่างนี้ได้ยังไง? ถ้าแกไม่รีบใช้หนี้ให้พวกมันมันจะยึดบ้าน ยึดที่ซุกหัวนอนและทรัพย์สินของพวกฉันทั้งหมด!แกทำอย่างนี้ได้ยังไงห๊า...’

คำเฉลยของพ่อทำเอาบดินทร์ถึงกับทรุด หัวใจเต้นรัวราวกับจะทะลุออกจากอก ‘ทวงหนี้?’ คำคำนี้ยอกใจบดินทร์จนเป็นหนอง ตกใจจนสมองแทบไม่ประมวลผลถึงสิ่งที่เกิดขึ้น  พวกนั้นมันรู้ได้ยังไงว่าเขาทำงานพลาด? นี่เพิ่งจะ 7 โมงเช้า แล้วพวกมันบุกไปถึงบ้านพ่อเขาได้อย่างไร?

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-12-2014 02:26:30
‘ใจจริงฉันไม่ได้อยากจะโทรหาแกเลยแม้สักนิด แต่แบบนี้มันเกินไปแล้ว มันมากเกินไป!พวกมันมาเฝ้าราวีพวกฉันตั้งแต่เมื่อคืน จะทำอะไรมันก็ไม่ได้ แจ้งความก็ไม่ได้ มันบอกว่าเพื่อใช้หนี้ แกยอมกระทั่งทำเรื่องชั่วช้า แต่ดันทำพลาด แกเป็นถึงขนาดนี้ได้ยังไงห๊ะ ไอ้ดิน ไอ้ลูกชั่ว!!’

ถูกตลบหลังสินะ...ยัยชิดจันทร์ นังชั่ว!

‘แกรีบไปเคลียร์กับพวกมันเลยนะ!คิดจะทำห่าเหวอะไรก็แล้วแต่เรื่องของแก แต่อย่าให้พวกฉันต้องไปรับเคราะห์กับเรื่องชั่วๆที่แกทำอีก!!’

...ถูกตัดหางปล่อยวัดโดยสมบูรณ์เลยว่ะ

“..พ...พ่อ ผมขอโทษ...พ่อช่วยถ่วงมันไว้ให้ผมหน่อยได้ไหม? ถ้าพวกมันเจอผมตอนนี้ ผมตายแน่”

แม้จะถูกตัดรอน แต่ในส่วนลึกในหัวใจก็ยังคาดหวัง ว่าบุพการีคนเดียวในชีวิตที่ยังเหลืออยู่ จะยังพอเหลือใจเมตตากับเลือดในอกคนนี้บ้าง

‘เรื่องของแกสิ!ทั้งหมดนี่แกทำมันขึ้นมาเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ!? แกก็ต้องรับผิดชอบเอง ไม่ใช่ให้พวกฉันที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องไปรับผิดชอบด้วย!’

แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเพียงแค่ความหวัง ที่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง

“...พ่อ...ไม่เห็นว่าผมเป็นลูกเลยเหรอ? ตัดรอนกัน...ขนาดนี้...”

‘...ลูกชายฉัน ตายไปนานแล้ว’

คำพูดสุดท้ายก่อนบิดาจะวางสาย คือคำพูดสุดท้าย ระหว่างความผูกพันสองพ่อลูก บดินทร์ได้แต่น้อยใจในส่วนลึก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเองก็ผิดกับบิดาไว้มาก การจะโดนทอดทิ้ง คงเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว...




นังผู้หญิงคนนั้นมันดีกว่าแม่ตรงไหน หรือแค่คลำแล้วไม่มีหางก็เอาได้ทั้งนั้น!?

ดิน! เรื่องนี้พ่อผิดเองแต่พ่ออยากให้ดินรู้ว่าพ่อไม่มีทางรักใครมากไปกว่าแม่ของดินและดินเลยนะ

ใครจะไปเชื่อลงกัน! พ่อหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว!

ดิน! หยุดลามปามพ่อได้แล้ว!! พ่อเป็นพ่อนะ!!

พ่อที่เห็นผู้หญิงคนอื่นดีกว่าลูกในใส้น่ะผมไม่มีก็ได้!

ดิน!!

ดินลูกพ่อตายห่าไปนานแล้ว!!



แกทำอย่างนี้ได้ยังไงดิน!? แกทำกับน้องได้ยังไง!?

มันไม่ใช่น้องผม! มันก็แค่ผู้หญิงร่านๆ เหมือนแม่มัน!

ฉันไม่เคยเลี้ยงแกให้โตขึ้นมาหน้าตัวเมียแบบนี้นะดิน! ลูกผู้ชายกล้าทำต้องกล้ารับสิ!

ไม่ว่าจะพูดยังไงพ่อก็เห็นพวกมันดีกว่าผมอยู่แล้วนี่ ต่อให้ยัยเด็กนั่นดอดเข้ามาขย่มผมเองตอนกลางดึก ผมก็เป็นฝ่ายผิดอยู่ดี!

แต่เพียงดาวท้องไปแล้ว!!...

ลูกผมหรือเปล่ายังไม่รู้เลย! พ่อเคยรู้บ้างหรือเปล่า ว่าลูกเลี้ยงที่พ่อรักหนักหนาเนี่ย ไปนอนกับสดายุมากี่ครั้งแล้ว! กับคนอื่นๆ มันก็เคย แถมไม่หนำใจยังมาขอนอนกับผมอีก! ลูกสาวคนดีของพ่อร่านขนาดนี้ ควรจะให้ผมรับผิดชอบไหม!?

จะยังไงก็ตาม แกต้องนับผิดชอบเพียงดาว!

ถ้าเด็กเกิดมาแล้วใช่ลูกผมล่ะก็ ผมรับก็ได้ แต่ถ้าไม่ใช่ก็เร่หาพ่อเด็กเอาเองละกัน! พ่อไม่ต้องกลัวไปหรอกน่า เดี๋ยวมันก็หาได้ ง่ายเหมือนคนเป็นแม่ที่ได้งาบพ่อได้ง่ายๆไง!

ไอ้ดิน!

ผลั๊วะ!!

.......นี่พ่อต่อยผมเพื่อมัน!?

คนไร้สามัญสำนึกอย่างแกไม่ใช่ลูกฉัน! ฉันไม่เคยมีลูกอย่างแก!!

เออ! ผมมันก็แค่ลูกเมียเก่า จะเฉดหัวกันเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้วนี่

เออ! ออกไปจากบ้านฉันซะ! ตั้งแต่วันนี้ไปแกกับฉันไม่ใช่พ่อไม่ใช่ลูกกันอีก!!

ก็ได้! จะได้รู้กันไปว่าพ่อเห็นมันดีกว่าผม! รักลูกนอกใส้ มากกว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง!

คนที่ไม่เคยเห็นฉันเป็นพ่ออย่างแก รีบไสหัวออกไปจากชีวิตฉันซะ ออกไป๊!!

...พ่อพูดเองนะ

ออกไป...

...เออ ผมจะออกไปเอง เชิญพ่อเสวยสุขอยู่กับพวกมันไปแล้วกัน

ไปเถอะ จากวันนี้ไป ฉันจะถือว่าลูกชายของฉัน มันได้ตายไปแล้ว...



ย้อนคิดไปถึงอดีต บดินทร์ก็ได้แต่ยิ้มเยาะในทิฐิอันโง่เขลา และความชั่วช้าต่ำทรามของตน ผมกรรมหนักเบาที่เคยทำไว้ตั้งแต่คราวนั้น พลันย้อนกลับมาสนองเขาแล้วในคราวนี้

เพียงดาว...ลูก ทอดทิ้ง ดูแคลน จะลูกน้อยไม่ได้ลืมตาดูโลก ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นลูกเขาหรือไม่ หรือต่อให้การแท้งของเพียงดาวไม่ใช่เหตุจากเขาโดยตรง แต่แน่นอนว่าเขาก็คือหนึ่งในปัจจัยนั้น

เนรคุณบุพการี ว่าร้าย ทิฐิ จองหอง

ดูดายเพื่อนรักที่ต้องมาต้องมลทิลเพราะตัวเขา ต้องออกจากวงการเพราะตัวเขา

และ...ชีวิตอันไร้ค่าของตัวเขาเอง ที่เขาทำลายมันจนป่นปี้คามือ

เคราะห์กรรมหนักหนาเหลือเกินที่เคยสร้าง หนักหนาจนไม่รู้ว่าจะหาทางออกแบบไหน รอบด้านมืดมนไปหมด หนี้บ่อนสิบล้าน ในชาตินี้เขาคงไม่มีปัญญาจ่าย เรื่องเลวร้ายที่ทำลงไปกับสดายุ เขาคงไม่มีทางได้รับการให้อภัย งานการ ก็คงไม่มีโอกาสได้กลับไปทำอีกแล้ว วันนี้คงมีข่าว พรุ่งนี้คงยังเป็นข่าว ถูกยกเลิกสัญญาว่าจ้าง อาจถูกปรับ เงินติดบัญชีมีไม่ถึงห้าพัน ค่าผ่อนคอนโดงวดต่อไปคงไม่มี จะโทรหาใครก็ไม่ได้

เขาไม่มีใคร

พี่ซอล...คนที่เคยช่วยเหลือดูแล พี่ซอลที่ผิดหวังกับสันดานของเขาจนแทบไม่อยากมองหน้า คงไม่มีทางให้ความช่วยเหลือ ไม่มีทางอยู่ข้างๆกันอีกแล้ว...

แม้แต่ครอบครัวที่เขาเหลืออยู่อย่างพ่อ ก็คงไม่เอาลูกทรพีที่ดีแต่ทำตัวเลวไปวันๆอย่างเขาอีกแล้ว

มือที่ยังกำมือถืออยู่สั่นระริก หยาดน้ำอุ่นหยดน้อยค่อยๆกลั่นตัวหล่นกลิ้งไปตามพวงแก้มซีดเผือด หยดแล้ว หยดเล่าริมฝีปากพร่ำพูดเพียงคำขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก

‘พ่อ...พี่ซอล...เพียงดาว...ยุ...ดินขอโทษ’


วืด...วืด...

โทรศัพท์ในมือสั่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับปรากฏเบอร์เรียกเข้าที่ไม่เคยคุ้น

วืด....วืด....วืด....

แต่ตอนนี้บดินทร์ไม่ได้รู้สึกตกใจกลัว ว่าปลายสายที่เรียกเข้ามาจะเป็นใคร เขากดรับ และอย่างที่เคยนึกกลัว คนของบ่อนโทรมาจริงๆ ในเมื่อเขาทำงานพลาด สัญญาคุ้มกะลาหัวทั้งหมดที่มีก็สิ้นสุด จากวินาทีนี้ไป เขาต้องชดใช้ทั้งหมดให้แก่เจ้าหนี้ผู้ยิ่งใหญ่นี้ หนี้ที่ยาวนาน ทางบ่อนต้องการให้จบภายในเดือนนี้

บดินทร์ไม่ได้ต่อรอง เขาแค่ถามออกไปเพียงคำถามเดียวว่า...

‘ถ้าไม่มีจ่าย จะเป็นยังไง?’

และคำตอบที่ได้คือ...

‘ตาย’

น่าแปลกที่บดินทร์ไม่รู้สึกตกใจ เขาตอบกลับไปเพียงแค่ ‘เข้าใจแล้ว’และกดวางสายอย่างสงบ

*
*
*
*
*

แสงหรุบหรูรำไรที่ลอดทะลุผ้าม่านหน้าต่างเข้ามาทางหัวนอน พร้อมเสียงฝนฟ้าที่แว่วมาจากด้านนอก ปลุกร่างบอบบางใต้ผ้าห่มอุ่นให้ได้รู้สึกตัวตื่น

“...อือ...” เสียงครางหวิวดังขึ้นเบาๆเปลือกตาหนักอึ้งกระพริบถื่น เพื่อพยายามขับไล่ความงุ่วงงุนหน่วงหนัก

“ตื่นแล้วเหรอยุ”

เสียงทุ้มนุ่มรื่นดังขึ้นไม่ไกลตัวนัก สดายุหันไปมองด้วยท่าทีมึนเบลอ ยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยได้ แต่ก็พอจะเห็นรางๆว่าคนที่ส่งยิ้มให้มาคือใคร

“เป็นยังไงบ้างครับ? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า? คุณหลับไปนานเลย ผมเป็นห่วงแทบแย่แน่ะ”

แค่ได้เห็นว่าคนที่หลับมาตลอดฟื้นลืมตา กฤตเมธก็ดูท่าทางจะเก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่ได้ ร่างใหญ่โน้มตัวคร่อมสดายุเอาไว้ พร้อมเกลี่ยนิ้วไล้ที่แก้มใสขณะไต่ถาม

ความห่วงใยที่ถูกส่งมาท่วมท้น สดายุสัมผัสและรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด คนบนร่างรักเขามากแค่ไหน หัวใจดวงนี้รู้สึกได้เป็นอย่างดี

“มึนหัวนิดหน่อย แต่ดีขึ้นแล้วครับ...ขอบคุณนะที่เป็นห่วง...”

สดายุแย้มยิ้มตอบกฤตเมธด้วยเสียงแสบเสน่ห์ประจำตัว เรียวมือขาวยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าสากระคายด้วยตอหนวดอย่างรู้สึกรักใคร่ เจ้าของใบหน้ารีบเกาะกุมมือขาวเย็นเย็บนั้นไว้ให้แนบกับใบหน้าของตนนานขึ้น ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลงใกล้ แล้วแนบหน้าผากเข้าหาคนบนที่นอนอย่างอ่อนโยน

“ผมจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวอีกแล้ว คนอะไร ละสายตาทีไรได้เรื่องทุกที”

“หึหึ อย่าเพิ่งเอ็ดผมสิ ใช่ว่าผมจะตั้งใจเสียหน่อย”

สดายุตอบเสียงใส พลางหัวเราะแหะๆ เรียกความรู้สึกรักใคร่เอ็นดูของกฤตเมธให้ยิ่งเพิ่มทวีขึ้น ทว่าดวงหน้าที่ยังซีดเซียวนั้น ก็ยังคงตอกย้ำถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่กฤตเมธไม่อาจลบออกจากหัวได้

ใบหน้าหล่อเหลาเครียดขึงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปากถามคนรักออกไปอย่างยากลำบาก แม้เมื่อคืนเขาจะสำรวจร่างกายของสดายุไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจวางใจอยู่ดีว่าอีกฝ่ายปลอดภัยจากเงื้อมมือของบดินทร์จริงๆ ยิ่งคิด ดวงตาคมกล้าก็ทอประกายเจ็บปวด แจ่มชัด

“แล้ว...ยุเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า? โดนไอ้บ้านั่นทำอะไรเกินเลยไหม?”

คำถามที่แฝงความร้อนใจจริงจัง ทำให้สดายุรับรู้ได้ว่ากฤตเมธเป็นห่วงเขามากแค่ไหน และไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากเพียงใด ความอุ่นซ่านที่ชโลมลงสู่หัวใจนั้น ยิ่งทำให้ช่องอกดูเหมือนจะเต็มแน่น เพราะหัวใจที่ขยายพองโต

“...ไม่หรอก บดินทร์ไม่ได้ทำอะไรผมมากไปกว่าที่คุณเห็นเลย....”

สดายุตอบออกมาตามจริง พลันภาพคืนวานย้อนเข้าสู่มโนสำนึก

‘ขอโทษนะยุ...’

‘ฉันสัญญา จะไม่ทำอะไรนายแน่นอน...’

น้ำเสียงแสนเศร้าหมองไหลสู้ห้วงหัวใจอีกครั้ง ความหมองหม่นของบดินทร์ที่ตอนนี้ สดายุเองยังไม่เข้าใจคนเลวร้ายที่จ้องทำลายเขาอย่างเลือดเย็นคนนั้น คนที่หาเรื่องราวีไม่เลิกคนนั้น แม้กระทั่งเมื่อคืน คนคนนั้นก็ลงมือทำในสิ่งที่เขาอาจไม่มีวันให้อภัย...

ทั้งๆอย่างนั้น ทำไม?

น้ำเสียงของคนใจร้ายที่แสนเศร้าเหลือเกิน...

“ยุ?” เสียงแว่วหวานที่ข้างหู เรียกสดายุจากภวังค์ความคิด

“ครับ?”

“ยังมึนหัวอยู่หรือเปล่า ดูคุณเบลอๆนะ” เพราะสดายุเหม่อไปหน่อย ดูท่าจะยิ่งทำให้กฤตเมธเป็นห่วงมากขึ้นเสียแล้ว

“...ไม่มีอะไร ผมแค่...หิว...หิวจะตายอยู่แล้วครับ...”

คนป่วยออกอาการอ้อนเล็กๆ ตรงคำว่า ‘หิว’ ไม่ได้แกล้งพูดแต่อย่างใด สดายุหิวจริงจังมาก เพราะตั้งแต่มื้อเที่ยงของเมื่อวานเป็นต้นมา ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย แถมยังโดนวางยาสลบเข้าไปอีก ร่างกายจึงอ่อนเปลี้ย ท้องก็หิวจนเกินทน จะลุกไปหากินเองก็ยังมึนๆ เกรงว่ากว่าจะได้กินคง ไอ้อาเจียนเพราะเมายาซะก่อน ทางเดียวที่ทำได้ คือการอ้อนคนรักตรงหน้านี่แหละ ว่าแล้วก็พลิกตัวเข้ากอดเอวอุ่นของคนรักที่นั่งเฝ้าอยู่บนเตียงเป็นการสำทับคำอ้อนทันที

“หึหึ น่าสงสารจัง งั้นเดี๋ยวผมไปทำข้าวต้มให้นะครับ”

กฤตเมธตอบรับอย่างนุ่มนวล อุ้งมืออุ่นลูบไล้ไปบนศีรษะทุยด้วยความรักใคร่ ไอรักอ่อนละมุนแผ่กำจายปกคลุมสองร่างให้รู้สึกปลอดภัย รังรักนี้ช่างปลอดภัยสำหรับเขาสองคนเหลือเกิน การอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันช่างแสนอบอุ่น จนเรื่องเลวร้ายที่เคยประสบพบมาราวกับเป็นแค่ความฝัน

แค่นี้...ก็เพียงพอแล้วสำหรับสดายุ

แค่นี้...ก็สุขเหลือเกินแล้ว...

กฤตเมธก้มลงจุมพิตข้างแก้มใสครั้งหนึ่ง ก่อนจะลุกจากมาเพื่อทำอาหารให้คนป่วยได้ทานรองท้อง
ทันทีที่หันหลังให้ใบหน้าของชายหนุ่มเครียดขึงขึ้นทันทีใช่ว่าเขาจะโล่งใจที่สดายุฟื้นขึ้นมาในสภาพที่น่าพอใจจนไม่ติดใจเรื่องของบดินทร์เขาโกรธมากจนแค่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาก็พาลอยากจะไปกระทืบซ้ำอีกสองรอบสองรอบทว่าเขาจำต้องนิ่งไว้เพียงเพื่อไม่ให้สดายุต้องรู้สึกกัวลหรือสะเทือนใจมากไปกว่านี้

ฝ่ายสดายุเองก็ไม่แตกต่าง หลังจากกฤตเมธเดินจากไป ชายหนุ่มก็ได้แต่ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น

เมื่อคืนกว่าที่กฤตเมธจะมาถึง เขารู้สึกได้ว่ามันใช้เวลาอยู่พอสมควร ซึ่งในช่วงเวลาขนาดนั้น หากบดินทร์ต้องการจะทำอะไร เขาทำสำเร็จได้ง่ายๆ เพราะถึงอย่างเขาก็ไม่มีแรงจะขัดขืนอยู่แล้ว...

ประเด็นคือ...ทำไมถึงไม่ยอมทำ

แล้วไหนจะคำขอโทษสารพัดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยนั่นอีก มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ

สดายุคิดวกไปวนมาซ้ำๆอยู่กับเรื่องของบดินทร์ ที่จริงก็อยากจะสืบค้น อยากจะประมวลผลให้เสร็จสิ้น แต่ด้วยร่างกายที่อ่อนล้าเกินทน จึงต้องขอตัดใจ เก็บเรื่องสงสัยเหล่านั้นไว้ในใจก่อน สดายุถอนหายใจบางๆ ดวงตาหนักอึ้งค่อยๆปิดตัวลงช้าๆ ชายหนุ่มตัดใจที่จะคิด และขอนอนหลับต่ออีกสักหน่อย เพื่อพักร่างกายที่ยังไม่สร่างจากฤทธิ์ยา

กริ๊งงงง....

กริ๊งงงงงงงงงง...

ทว่ายังไม่ทันจะได้หลับ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

“เบอร์ใคร?”แค่หยิบมือถือขึ้นมาดูก็ต้องขมวดคิ้วฉงน ด้วยเพราะเบอร์ที่โทรเข้ามาไม่ใช่เบอร์ที่คุ้นเคย

ปี๊บ...

“สดายุพูดครับ”

“..............................................”

“ฮัลโหล? ได้ยินหรือเปล่าครับ?”

“..............................”

ไม่ว่าจะทักทายออกไปเท่าไหร่ ปลายสายก็ยังคงเงียบ ความง่วงงุนทำให้สดายุหงุดหงิดอยู่เป็นทุนแล้ว ยังโดนมีพวกว่างเกินเหตุโทรมาแล้วไม่คุยอีก สดายุจึงไม่ทนที่จะสนทนาต่อ ชายหนุ่มตั้งใจจะกดวางในทันที

แต่ในวินาทีก่อนที่เรียวนิ้วจะกดวาง เสียงที่ดังจากปลายสายออกมา ก็ทำให้สดายุตื่นเต็มตาเสียก่อน

“...ยุ...”

“.......................”

เสียงแหบเครือที่เอ่ยเรียกสดายุออกมา คือเสียงที่ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของสดายุ เขาไม่อาจตอบโต้อะไรออกไปได้เลย เพราะแค่ได้ยิน ความรู้สึกหลายๆอย่างก็พลุ่งพล่านขึ้นมาจนถึงอก

“...ร่างกาย...เป็นยังไงบ้าง?” เสียงที่ดังมาตามสายช่างแผ่วเบา ทว่าสดายุได้ยินมันอย่างชัดเจน

พอได้ยินคำถาม สิ่งที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกของสดายุก็ดูเหมือนจะปะทุออกมาเป็นความเดือดดาลที่ไม่อาจระงับ

“หาเรื่องรึไง!?” เสียงแหบพร่าถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์นัก สดายุอดรนทนไม่ไหวถึงกับต้องพยุงกายลุกขึ้นนั่ง เพื่อจะได้สนทนากับบดินทร์ได้อย่างมีสติ แม้ว่าจะต้องใช้แรงกายอย่างมหาศาลก็เถอะ

“...ปล...เปล่า...ฉันเป็นห่วงนายจริงๆนะ...”

“อย่ามาตลก! เป็นห่วง? ต่อให้อมพระมาพูด แม่งก็เชื่อไม่ลงหรอก!”

“...ขอโทษ...”

“ถ้าขอโทษแล้วมันจบง่ายๆ โลกจะมีตำรวจเอาไว้บูชารึไง!?”

คำตอกกลับรุนแรง ที่แม้แต่สดายุเองก็คิดว่าหากไม่ทำให้อีกฝ่ายสะเทือนใจเงียบอึ้ง ก็คงทำให้ได้ประคารมเพิ่มด้วยแรงอาฆาตทวีคูณเป็นแน่

แต่ดูเหมือน ทุกอย่างที่สดายุคิด มันจะผิดแผกไปหมด บดินทร์ไม่ได้นิ่งอึ้ง ไม่มีแม้แต่เสียงสบถสักคำยังมี

เสียงที่ได้ยินนั้น มีเพียงสำเนียงเสร้าสร้อย รวดร้าวราวใจจะขาดเท่านั้น

“ขอโทษนะยุ...ขอโทษในทุกเรื่องที่ผ่านมา ฉันคนนี้จะไม่ขอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เรื่องทั้งหมด ฉันคนนี้แหละที่เลว ฉันคนนี้เองที่ชั่วช้า ระยำชั่วชาติ ฉันที่หักหลังนาย ฉันที่ทำตัวกร่าง ฉัน...ที่คิดจะทำร้ายนาย...เมื่อคืน... ฉัน...คนนี้...มันไม่สมควรจะ......”

“หยุดพล่ามได้แล้ว! พูดอะไรของนายกัน!? ชั่วดีก็รู้อยู่แก่ใจนี่ จะมาสาธยายให้ฉันฟังทำไม!?”

ก่อนที่บดินทร์จะเอ่ยความจบ สดายุก็ขัดขึ้นเสียก่อน มารยาทแย่ๆแบบนี้ ถ้าไม่เกลียดชังจริงจัง สดายุก็ไม่เคยแสดงกับใครง่ายๆ แท้จริงสดายุก็รู้อยู่แก่ใจว่าบดินทร์มาเพื่อสารภาพบาป เพื่อสำนึกผิด เพื่อขอโทษ ขออภัย แต่สดายุไม่สามารถทำใจรับได้ในตอนนี้ สิ่งที่เขาได้รับ เคราะห์ที่เขาประสบ มันเลวร้าย และหนักหนาเกินกว่าจะให้อภัย!

“...ฉันควรทำยังไง?...ควรทำยังไง ควรชดใช้ให้นายยังไง...”

เสียงสั่นพร่าเอ่ยวาจาอ้อนวอนราวกับกำลังร้องขอชีวิต เสียงสะอึกสะอื้นเป็นระลอกที่ได้ยินมาเคียงกัน ทำให้สดายุไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าหัวใจของเขาเริ่มมีอาการสั่นไหว

แต่...เขาก็ไม่อาจเอ่ยปากให้อภัย

เขาจ่อมจมอยู่กับความเจ็บปวดเสียใจ ฝังตัวอยู่กับคำถามว่าทำไมเพื่อนรักคนเดียวที่เขามีถึงทำร้ายเขาได้อย่างเลือดเย็น เจ็บปวดแสนสาหัส กว่าจะสามารถทำใจให้เข้มแข็งได้ ใช่ว่าจะไม่ต้องใช้เวลาเสียเมื่อไหร่ เพราะฉะนั้น แม้คำขอโทษแสนร้าวรานของอีกฝ่ายจะทำให้หวั่นไหว แต่เขาก็ไม่อาจออกปากเอ่ยคำว่า ‘ให้อภัย’ ออกมาได้แม้แต่เสี้ยวคำ

 ดังนั้น คำเดียวที่สดายุสามารถพูดได้ในตอนนี้คือ...

“ออกไปจากชีวิตของฉันซะ อย่าได้ต้องเจอะต้องเจอกันอีกเลย”

 สดายุเลือกที่จะพูดจาทำร้ายบดินทร์ออกไป เพราะสุดท้ายหัวใจฝ่ายอธรรมก็ชนะแบบฉิวเฉียด ผลักดันให้เขาเลือกแก้แค้นบดินทร์ด้วยถ้อยคำที่โหดร้าย สดายุได้เพียงถามตัวเองว่าสาแก่ใจกับสิ่งที่ทำลงไปไหม คำตอบคือไม่  แต่หากจะต้องเลือกอีกครั้ง เขาก็ยังยืนยันที่จะทำอย่างเดิม

“....ยุ...เราขอโทษนะ...”

ปิ๊บ!...

สดายุไม่รู้ว่าบดินทร์จะพูดอะไรต่อ และไม่คิดจะฟังด้วย เขากดวางสายทันทีที่ยื่นคำขาดเสร็จสิ้น คำสุดท้ายที่แว่วผ่านหูคือคำว่า ‘ขอโทษ’

คำขอโทษ...ที่สดายุไม่เคยต้องการ




“หมอนั่นโทรนมาทำไม?”

กฤตเมธทักขึ้นแทบจะทันทีที่สดายุกดวางสาย แท้จริงชายหนุ่มยืนฟังอยู่ตั้งแต่ต้น เรียกได้ว่าทันทีที่ได้ยินเสียงของสดายุ ชายหนุ่มก็วกกลับเข้ามาดูทันที

“........เขา....โทรมาขอโทษ....”

สดายุได้เพียงตอบออกไปเสียงแผ่วระโหย หัวใจยังคงบีบรัด ร่างกายที่อ่อนล้าอยู่แล้ว เหมือนจะสิ้นแรงให้ได้ล้มตัวลงนอนสิ้นสติ

คงเป็นอย่างนั้น ถ้ากฤตเมธไม่เข้ามาคว้าตัวไว้เสียก่อน

“มันคิดอะไรของมัน? ทำขนาดนั้น แล้วโทรมาขอโทษ? ประสาท”

กฤตเมธโวยขึ้นเมื่อได้รู้เหตุผลของบดินทร์ จากนั้นก็ได้เพียงถอนหายใจบางเบา เมื่อเห็นว่าร่างของคนในอ้อมกอด นิ่งทื่อ และหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด สองแขนแกร่งรีบโอบร่างสดายุไว้แนบอกแน่นขึ้นเพื่อปลอบขวัญ

“เฮ้อ...คุณนี่น๊า...แค่ผมละสายตาเข้าครัวแป๊บเดียว คุณก็โดนลอบทำร้ายอีกแล้ว เดี๋ยววันนี้ผมยึดมือถือคุณไว้เลยดีกว่า” จากนั้นก็แซวออกไปเล็กๆ เพื่อให้คนรักได้ผ่อนคลายขึ้นบ้าง

“หึหึ...สงสัยบดินทร์มันคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมน่ะ ถึงได้ราวีไม่เลิกขนาดนี้...ผมอนุญาตนะ ยึดมือถือผมไปได้เลย” ไม่นานสดายุก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไหนล่ะข้าวต้ม...ผมหิวจะแย่แล้วนะ” ก่อนจะเอ่ยถามถึงอาหารที่ตนรอคอย

“มีอะไรบอกผมได้นะยุ อย่าเก็บเอาไว้คนเดียว ผมไม่อยากให้คุณไม่สบายใจไปมากกว่านี้...ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากเป็นคนที่ยุวางใจ อยากเป็นที่พักพิงให้ยุนะครับ...”  กฤตเมธอ้อนวอน เขาอยากช่วยแบ่งเบาภาระหนักอกที่สุมแน่นในหัวใจของสดายุออกมาบ้าง

“......ผม...ยังสับสน ถ้าผมพร้อมเมื่อไหร่ สัญญาว่าคุณจะเป็นคนแรกแน่นอนครับ” สดายุหยุดคิดเล็กน้อยก่อนตอบออกๆไปตามความจริง เขาไม่อาจเล่าเรื่องใดๆให้กฤตเมธฟังได้ตอนนี้ เพราะมันยังคงสับสน และยุ่งเหยิง ขนาดที่ว่าเขาเอง ยังจับต้นชนปลายแทบไม่ถูก

“ผมจะรอนะ”

“อืม...รอผมนะ”

ราวกับคำสัญญาที่ทั้งคู่ได้มอบให้กันขณะยังคงโอบกอด

หัวใจของสดายุอุ่นซ่าน ชายหนุ่มหลับตาลงในอ้อมแขนของคนรัก ปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการทั้งหมด แล้วดำดิ่งลงสู่ความอบอุ่นนี้อย่างอิสระ

พอกันทีบดินทร์...ฉันจะไม่เอานายมาเป็นสาระในชีวิตของฉันอีกต่อไป

*
*
*
*
*



 “สวัสดีครับ ชาวโซเชียลแคม...”

“จำหน้าผมกันได้หรือเปล่าเอ่ย...ผมบดินทร์ไงคร๊าบ สภาพอาจดูแย่หน่อย แต่ตัวจริงเสียงจริงแน่นอน...”

“สงสัยกันใช่ไหมล่ะครับ ว่าผมโผล่มาทำอะไรตอนนี้ อย่างแรกเลย ผมมาเพื่อขอบคุณแฟนๆทุกท่านครับ ที่ให้การสนับสนุนผมเสมอมา...”

“และ...”

“ผมมาเพื่อขอโทษครับ...”

“ขอโทษที่ผมเลว...ผมคือคนเลว คือคนที่หักหลังเพื่อนได้อย่างเลือดเย็น คือผีพนัน คือคนที่ทำร้ายคนอื่นได้ทุกอย่างเพียงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดครับ คนอย่างผม...คือคนเลวที่ไม่อาจหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้เลย...”

“ยังจำเรื่องข่าวฉาวของพระเอกดังอย่างสดายุได้ใช่ไหมครับ...เรื่องที่ทำผู้หญิงท้องแล้วไม่รับ ความจริง...ผมเป็นคนใส่ร้ายเขาเองครับ...”

“ใช่แล้วครับ ผมใส่ร้ายเพื่อนรักของตัวเอง เพียงเพราะอิจฉา...ผมอิจฉาสดายุที่เด่นกว่า ดังกว่า ผมเลยร่วมมือกับน้องสาว...เพื่อหาเรื่องใส่ความเขา...เพื่อให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อให้เขาอยู่ในวงการไม่ได้อีกต่อไป เพื่อผมจะได้อาศัยฝีมือง่าวๆของผมสวมรอยเขา...แค่เรื่องแรก ก็ยี้กันแล้วใช่ไหมครับ...หึหึ อย่าเพิ่งปิดคลิปนะครับ เรื่องเน่าๆของผมยังมีอีกเป็นกุรุส...”

“อย่างเรื่องผีพนัน คุณรู้ไหมครับ ผมติดการเข้าบ่อนมาก มีเงินเท่าไหร่ไม่เคยพอ ผมเอาไปถลุงที่บ่อนหมดทุกบาท พอหมดก็เริ่มเป็นหนี้ ก็มันยังไม่พอนี่ครับ ผมยังอยากเล่น มันสนุก มันเร้าใจ จนตอนนี้...ผมเป็นหนี้บ่อนอยู่ 10 ล้านครับ และกำลังหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุนอยู่...น่าสมเพชใช่ไหมล่ะครับ”

“ยังครับ...ยังไม่หมด พอผมเป็นหนี้ ผมก็เริ่มรับงานชั่วๆ ที่อีผู้หญิงคนหนึ่งจ้างวาน อีนั่นคือชิดจันทร์ครับ ชื่อคุ้นไหมเอ่ย ลูกสาวคนเดียวของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์ไงล่ะครับ หล่อนเป็นเด็กโรคจิต ฮิสทีเรียมากผมบอกเลย อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่น พอเขาไม่เล่นด้วยก็จ้างผมให้ไปทำร้ายผู้ชายคนนั้นสารพัด...ตอนนั้นผมเองก็หน้ามืด เพราะไม่มีทางเลือก ก็บ่อนที่ผมไปติดเงินเขาอยู่ดันเป็นบ่อนของคู่ขาของนาง นางหลอกใช้ผมว่าจะยกหนี้ให้ถ้าทำร้ายผู้ชายคนนั้นได้ และคุณเชื่อไหม...ว่าผมทำ บอกแล้วว่าผมมันเหี้ยกว่าที่พวกคุณคิด...ผมทำ แต่เสือกไม่สำเร็จ นังชิดจันทร์ตัวแสบกับคู่ขาของมันเลยยกพวกมาถล่มบ้านผม...เพราะอย่างนี้ไงครับ ผมเลยมาออกคลิปไว้ก่อน เผื่อผมถูกฆ่าหมกห้อง แล้วถูกจัดฉากว่าฆ่าตัวตายขึ้นมา จะได้ตามตัวถูก"

“ถ้าผมเป็นอะไรไป บอกเลย นังชิดจันทร์กับเจ้าพ่อคู่ขาของมันแน่นอนครับ”

“สุดท้าย...ผมคงไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว นอกจากฝากไปบอกผู้ชายคนนั้นที่เป็นเหยื่อเคราะห์ร้ายในครั้งนี้ว่า...”

“ผมขอโทษ”

“คุณตำรวจครับ จะจับก็รีบมานะครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่คอนโด xxcc ชั้น 10 ห้อง 1010 รีบมาก่อนผมเป็นศพนะครับคุณตำรวจ”

“แล้วก็..................................................................................................”

“....................................”

“..............................”

“.......พี่ซอล....”

“...ดินขอโทษนะ ที่ทำให้พี่เดือดร้อนอีกแล้ว ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยดูแลดินมาตลอดเลย...”

“....................................”

“..............................”

“.............พ่อ...ผมขอโทษนะครับสำหรับทุกเรื่องที่ผ่านมา...ลูกเนรคุณคนนี้...ขออโหสิกรรมได้ไหมครับ...”

“เพียงดาว...พี่ขอโทษนะ”

“.........................................................................”

“.......................................”

“.................................”

“.........................”

“..........ยุ...”



“...ยุ...กูขอโทษ”


“ทุกคนครับ...สิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่ผมได้ทำลงไป ผมขอชดใช้มันด้วยลมหายใจอันโสโครกของผมเอง...”


“................”

“..........”

“......”

“...”


“ลาก่อนครับ”
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-12-2014 02:27:28
I remember tears streaming down your face
When I said, I'll never let you go
When all those shadows almost killed your light
I remember you said, Don't leave me here alone
But all that's dead and gone and passed tonight

เสียงเพลงคลอเบาๆ เพลงที่บดินทร์ชอบที่สุด ชอบขนาดที่เรียกได้ว่า ฟังอยู่แค่เพลงเดียว  ชอบทั้งนักร้อง ชอบทั้งความหมาย ฟังแล้ว...รู้สึกปลอดภัย

Just  close your eyes
The sun is going down
You'll be alright
No one can hurt you now
Come morning light
You and I'll be safe and sound

ร่างสูงโปร่ง ยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายแย้มยิ้มบางๆให้ตัวเองในกระจก หันซ้ายที ขวาที เช็คความเรียบร้อยของชุดเก่งตัวโปรด เสื้อยืดคอเต่าแขนยาวสีขาว ทีซื้อเป็นคู่กันกับของสดายุที่เป็นสีดำ กางเกงยีนส์ขาเดฟมีรอยขาดรุ่งริ่งเป็นแฟชั่น ที่สดายุซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด สร้อยทองสองบาทพร้อมจี้พระเลี่ยมทององค์ที่พ่อรักที่สุด ที่พ่อให้ไว้ในงานฉลองรับปริญญา นาฬิกาข้อมือ แทคฮอยเออร์ ที่ผู้จัดการส่วนตัวอย่างซอลย่าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดในปีที่ผ่านมา...

ของแสนรัก จากคนที่รักเขา แขวนเต็มอยู่บนร่าง รู้สึกอบอุ่นจนต้องยกแขนขึ้นมากอดตัวเองสำทับ อุ่นจริงๆ อุ่นจนน้ำตาจะไหลให้ได้...

Don't you dare look out your window darling
Everything's on fire
The war outside our door keeps raging on
Hold on to this lullaby
Even when the music's gone

บนเตียงถูกจัดไว้อย่างดี สะอาดสะอ้าน ประดับประดาไปด้วยตุ๊กตาและของขวัญต่างๆมากมายที่เคยได้มาจากเหล่าแฟนคลับ เตียงนอนดูน่าอบอุ่น ช่างน่านอนเหลือหลาย ผ้าม่านถูกเปิดออกกว้าง มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้มันจะเหมือนเดิมทุกวัน แต่วันนี้ดูเหมือนมันจะสวยที่สุด สายฝนหวดกระหน่ำไม่หยุด ทำให้ภาพเมืองหลวงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นเพียงเมืองในสายหมอกราวกับเทพนิยาย ทุกอย่างเป็นใจไปหมด งดงาม เข้ากับบทเพลงที่บรรเลงซ้ำไปซ้ำมาอย่างที่สุด

บดินทร์ยิ้มหวานให้ตัวเองในกระจกอีกครั้ง ก่อนจะเดินมายังที่นอนของตน

มีดพกคมกริบตรงหัวเตียงถูกหยิบขึ้นมากระชับมั่นไว้ในมือ บดินทร์จ้องมองสิ่งนั้นแน่นิ่ง เหม่อลอย

เขาพร้อมแล้ว...


ฟึ่บ!


คมมีดกรีดลึกรวดเดียวถึงเส้นเลือดใหญ่ตรงข้อมือซ้าย ของเหลวสีแดงคล้ำข้นคลั่กทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นแทบจะทันที

บดินทร์ยิ้มขื่น มองเลือดของตนหยาดหยดลงบนพื้นด้วยความเย็นชา

เจ็บ...

แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ...



Just  close your eyes
The sun is going down

บดินทร์เอนร่างลงบนเตียง นอนในท่าที่สบายที่สุด เขาชอบนอนตะแคงข้าง แล้วกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรดที่สดายุยกให้ตอนเพิ่งเข้าวงการไว้ในอ้อมกอด พาดแขนซ้ายออกนอกเตียง ปล่อยโลหิตรินรดลงพื้นไม่หยุดหย่อน

You'll be alright
No one can hurt you now

เสียงเพลงแว่วหวานเข้าหู ทำให้บดินทร์อดไม่ได้ที่จะร้องตามไปด้วย

เพลงความหมายดีๆ บอกว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ไม่มีใครสามารถทำร้ายเขาได้อีกแล้ว...

บดินทร์ร้องเพลงไปยิ้มไป พาลนึกไปว่า...อยากได้อ้อมกอดอุ่นๆจังเลยนะ...

Come morning light
You and I'll be safe and sound

ความหมายของท่อนนี้คือ...เมื่อแสงของพรุ่งนี้สาดส่อง เราทั้งคู่จะปลอดภัย...สินะ

บดินทร์แปลความพลางยิ้ม

แต่เรามันตัวคนเดียว...ถ้าพรุ่งนี้มาถึง...เราคง...ไม่เหลือลมหายใจอีกต่อไปแล้ว แบบนั้น จะเรียกได้ว่าปลอดภัย...หรือเปล่านะ

ถ้าเราไม่อยู่แล้ว...จะมีใคร...เสียใจไหมนะ

ถ้าเราไม่อยู่แล้ว...จะมีคน...เหงา...บ้างไหมนะ...

งานศพ...จะมีคนมาไหม...

เอ๊...หรือเราจะเป็นศพไร้ญาติ ต้องพึ่งร่วมกตัญญูกันนะ...

หนาว...จังเลย

ร่างอ่อนแรงขดตัวเข้าหากันเล็กน้อย ปล่อยหยาดน้ำตาหลั่งรินหยดแล้วหยดเล่า...

เหงา...จังเลย


Just  close your eyes
The sun is going down
You'll be alright
No one can hurt you now
Come morning light
You and I'll be safe and sound


เสียงแหบแห้งยังคงร้องเพลงเจื้อยแจ้ว แม้มันจะแผ่วลงเรื่อยๆ แต่ริมฝีปากซีดเซียวนั้นก็ยังคงขยับขับขาน

ติ๋ง...

ของเหลวอุ่นร้อนสีแดงคล้ำ ไหลเรื่อยจากข้อมือสู่ปลายนิ้ว หยดลงพื้นไม้ปาเก้ราวก๊อกรั่ว

ติ๋ง...ติ๋ง...

ยิ่งไหลออกมามากเท่าไหร่ โลหิตแดงฉานก็ขยายวงไปบนพื้นไม้ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ร่างกายผู้เป็นเจ้าของอ่อนแรงลงทุกขณะ

เหมือนหัวใจดวงเท่ากำปั้นจะแผ่วแรงลง

ลมหายใจค่อยๆเนิบช้า...




บดินทร์!!!

เสียงเรียกชื่อของของตนดังแว่วมาไกลๆ จนบดินทร์ไม่อาจหยั่งรู้ว่าเสียงเพรียกนั้นดังมาจากที่ไหน...สติของเขาเลื่อนลอยออกไปในทุกขณะ

โธ่เว้ย! เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!

กับเสียงใครสักคนสบถอยู่ไกลๆ...ข้างห้อง...หรือเปล่านะ?

ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆอย่างนี้!?

นั่นคือประโยคสุดท้ายที่บดินทร์ได้ยิน ก่อนที่จะรู้สึกว่าร่างของตัวเองลอยได้

จากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท...

เขาตาย...แล้วสินะ...

ดีจัง...

*
*
*
*
*

วี้หว่อ...วี้หว่อ...

เสียงไซเรนรถพยาบาลดังแว่วบ่อยครั้ง ตลอดเวลาที่ดนัยยังคงนั่นนิ่งอยู่ตรงหน้าห้องฉุกเฉิน เสื้อของชายหนุ่มเปื้อนสีแดงคล้ำเป็นดวงๆ อยู่หลายจุด สองมือประสานกันแน่นราวกับกำลังสะกดกลั้นอะไรบางอย่าง ใบหน้าก้มต่ำ ริมฝีปากเม้มแน่น การรอคอยมันช่างยาวนานเหลือเกิน

จะเกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์นะ...ถ้าเขาไม่กลับเข้าไปที่ห้องของชายหนุ่ม

จะเกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์นะ...ถ้าเขาช้าไปกว่านั้นอีกเพียงไม่ถึงสิบนาที

จะเกิดอะไรขึ้นกับบดินทร์นะ.......

จะเกิดอะไรกับเขานะ...ถ้าบดินทร์...ตาย


“โธ่เว้ย!!”


กำปั้นแกร่งทุบลงบนหน้าขาอย่างแรงซ้ำๆ เพื่อระบายความอัดอั้น ระบายความรู้สึกบางอย่างที่เอ่อท้น

เขาสะใจที่เห็นบดินทร์เจ็บ

แต่เขาใจจะขาดเมื่อเห็นบดินทร์ใกล้จะตาย

สับสนจนตัวสั่นเทา

กลัว...กลัวเหลือเกิน

“...อย่าตายนะบดินทร์...ห้ามตายเด็ดขาดเลยนะ...”

ดนัยได้แต่ภาวนากับตัวเองแผ่วเบา ขณะยังรออยู่ตรงที่เดิมต่อไป

“...ฉันสัญญาจะดีกับนาย...ขอร้องล่ะ อย่าตายนะ”



ทั้งที่เพิ่งจะผ่านไปไม่นานเท่าไหร่ แต่มันช่างเนิ่นนานเหลือเกินในการรอคอยของดนัย ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันยังต้องใช้เวลา แต่เขากลับร้อนใจจนแทบบ้า 

ในขณะที่ยังนั่งกระวนกระวายอยู่นั้น จู่ๆประตูก็เปิดออกโดยแรง พร้อมกับร่างของพยาบาลสาวในชุดสีเขียววิ่งถลาออกมา

ในจังหวะนั้น ดนัยไม่รอช้าที่จะเข้าไปขวางตรงหน้าร่างนั้นไว้

“ขอโทษนะครับ! เข้าเป็นยังไงบ้าง!?”

ด้วยความเร่งรีบพยาบาลสาวจึงเดินเลี่ยงดนัย พร้อมอธิบายความอย่างเร่งร้อน

“คนไข้เสียเลือดมากค่ะ เลือดสำรองเราเหลือไม่พอ จึงต้องหาเลือดเพิ่มด่วนค่ะ”

“ก...กรุ๊บอะไรครับ!?”

“AB ค่ะ!”

“กรุ๊ปเดียวกับผมครับ! ผมให้เลือดได้!”


*
*
*
*
*

ในห้องพักฟื้นผู้ป่วย ห้องพิเศษสุดหรูของโรงพยาบาลเอกชนมีชื่อ ห้องเงียบ ไร้คนรบกวน ทั้งที่มีดาราที่เป็นกระแสแรงสุดในตอนนี้อย่างบดินทร์ที่เพิ่งออกคลิปประกาศความชั่วของตนออนไลน์ทั่วประเทศแบบไม่กลัวตกงาน แต่ภายในห้องพัก กลับไร้วี่แววนักข่าวรบกวน

นั่นก็เพราะอิทธิพลของบ้านดนัยนั่นเองที่สามารถปิดเงียบทุกความเคลื่อนไหว

และ ณ ตอนนี้ ตัวดนัยเอง ก็นั่งอยู่ในห้องเงียบสงัดแห่งนี้ด้วย

บดินทร์ที่ยังนอนให้น้ำเกลืออยู่ยังคงนอนเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างราวกับไร้วิญญาณ  ฝ่ายดนัยเอง ก็ได้แต่จ้องมองร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่พูดไม่จา เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ที่บดินทร์ถูกย้ายมาพักฟื้นที่ห้องพิเศษห้องนี้ คำสุดท้ายระหว่างกันคงเป็นคำว่า ‘ทำไมถึงทำอะไรโง่ๆอย่างนี้!?’ ที่ดนัยโวยวายใส่ ตอนพาตัวบดินทร์ส่งโรงพยาบาล ขณะที่ยังไม่หมดสติ จากตอนนั้นก็ผ่านมาร่วมครึ่งวัน จากสิบโมงเช้า จนตอนนี้จะทุ่มหนึ่งแล้ว ทั้งคู่ยังไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆต่อกัน ที่มากไปกว่าการนั่งจ้อง กับการนอนนิ่งๆเลย

“...คุณ...ไม่ต้องเฝ้าผมก็ได้นะ...”

เสียงแหบพร่า เอ่ยขึ้นเบาๆให้พอได้ยินกันเพียงสองคน เรียกได้ว่าเป็นประโยคแรกที่ออกจากปากของบดินทร์ นับตั้งแต่เขาถูกพาตัวมาที่นี่เลยก็ว่าได้

“...ที่ผมเป็นแบบนี้ คุณไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก...เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น...มันไม่ได้เกี่ยวกับคุณเลยสักนิด...” 

บดินทร์ยังคงพูดเรื่อย โดยที่ไม่ได้หันมามองเลยว่าดนัยจะต้องการรับฟังเรื่องเหล่านั้นหรือไม่

“ทำไม? ก็เห็นอยู่ว่ามันเกิดขึ้นเพราะผม”

ดนัยตอบโต้ คิ้วของชายหนุ่มเริ่มขมวดเป็นปม ไม่ได้อยากเป็นผู้ร้าย แต่คำพูดของบดินทร์ที่สลัดเขาออกจากเรื่องทั้งหลายที่เกิดขึ้น ทำให้ดนัยรู้สึกไร้ค่าอย่างบอกไม่ถูก เพียงแค่นั้น ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดจนแทบทนไม่ได้น้ำเสียงจึงกร้าวขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

“ไม่ใช่หรอก...ไม่ใช่คุณหรอก สิ่งที่คุณทำมันสาสมดีแล้ว...ถูกต้องที่สุดแล้วในสิ่งที่คนชั่วช้าอย่างผมได้รับ ไม่มีใครผิดทั้งนั้นแหละครับ...นอกจากตัวผมคนนี้...คนอย่างผม...คนเลวอย่างผม ไม่ควรได้รับการให้อภัย หรือความเห็นใจจากใครเสียด้วยซ้ำ...”

ได้ยินเสียงกรรโชกเล็กๆ ของดนัยเข้า บดินทร์ก็อธิบายออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนเปลี้ย ไม่ได้เจตนายั่วยุให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีเสียหน่อย ใยถึงโมโหขึ้นมาได้กันนะ  หรือเพราะเขา...เพราะเป็นคำพูดของเขาที่ทำให้อีกฝ่ายอารมณ์ไม่ดี...เขาผิดอีกแล้วสินะ

คำพูดตัดพ้อตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าของบดินทร์ ปลุกจิตสำนึกของดนัยขึ้นมาได้อีกครั้ง ตอนนี้คนตรงหน้าของเขาช่างเปราะบางจนแทบจะแตกสลายไปต่อหน้า ทั้งๆอย่างนั้น เขากลับตะคอกใส่อีกฝ่ายได้ลงคอ คิดแล้วก็เผลอทุบเข้ากับหน้าขาตัวเองครั้งหนึ่งเพื่อลงโทษตัวเองกลายๆ

“.........ผม...” จากนั้น ดนัยก็พยายามสรรหาบางถอ้ยคำเพื่อปลอบประโลมคนอ่อนล้าให้ได้พอทุเลาลงบ้าง แต่ดันมืดแปดด้านทันทีที่จะพูด ด้วยความเป็นคนเสแสร้งเก่ง ความจริงเขาเป็นคนคารมคมคายดีเสียด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมครานี้กลับน้ำท่วมปากขึ้นมาซะได้ จนได้แต่อึกอัก พูดไม่ออกแม้สักคำ...

“.................”  ที่พูดไม่ออก หรือเพราะในใจเขากำลังสับสนกันนะ หากเป็นคนทั่วไป คนอื่นคนไกล เขาคงพูดได้น้ำไหลไฟดับ แต่พอเป็นบดินทร์ที่เขาเพิ่งลงมือทำร้ายไปสดๆร้อนไ เขากลับพูดไม่ออก คิดในแง่ร้าย ก็อาจเป็นเพราะคนตรงหน้าคือศัตรู คือเหยื่อ คือคนเลวร้ายในสายตา ความรู้สึกบางอย่างในหัวใจของเขาจึงยังคงแข็งกร้าวต่ออีกฝ่ายมากนัก

ใจหนึ่งก็แสนชัง ใจหนึ่งก็สงสาร...

ใจหนึ่งก็...รู้สึกผิด



ก๊อก ก๊อก ก๊อก...

“ขออนุญาตครับ”

“อ้าว...หวัดดียุ พี่เมธ”


สุดท้าย ดนัยก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากกำมือแน่นแล้วนั่งมองคนที่นอนเบือนหน้าไปอีกด้านอย่างร้อนรน พอนึกขึ้นได้ว่ากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ก็พอดีกับที่กฤตเมธและสดายุเปิดประตูเข้ามาพอดี

ดนัยลุกขึ้นยืนต้อนรับการมาของคนทั้งคู่อย่างยินดี แม้แต่บดินทร์ที่เอาแต่นอนทื่อก็เริ่มหันมามีปฏิกิริยา ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้นนั่งมองมายังสดายุและกฤตเมธด้วยสายตาวูบไหว...

ดูท่าบดินทร์จะตกใจไม่น้อยเลยที่จู่ๆ สดายุก็มาเยี่ยม

“มาเยี่ยมเหรอ?” ดนัยเอ่ยปากถามสดายุที่ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า และพยายามจะชวนคุยต่อ  “เอ่อ...เมื่อวานเป็นยังไง....บ้า...ง...” แต่ดูเหมือนสดายุจะไม่ได้สนใจดนัยเลยแม้แต่นิด

และเพียงพริบตาเดียว สดายุก็ก้าวพรวดๆเข้าถึงร่างของบดินทร์เสียแล้ว


เพี๊ยะ!!

เสียงดังฟังชัด ที่เล่นเอากฤตเมธและดนัยถึงกับตะลึง เพราะไม่คิดว่าสดายุจะลงมือตบหน้าบดินทร์ฉาดใหญ่โดยไม่มีแม้คำเตือน

คนตบ ยืนนิ่งเป็นศิลา

คนโดนตบ ก็แข็งทื่อยิ่งกว่าตุ๊กตาดินปั้น

เหลือเพียงกฤตเมธ และดนัยเท่านั้น ที่ได้แต่ยืนมองหน้ากันเพื่อส่งความสงสัยผ่านสายตา

“ขอโทษนะครับ...ผมขอคุยกับเขาแค่สองคนได้ไหม?”

ท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวอยู่นานหลายอึดใจ ในที่สุดเสียงแหบหวานก็เปรยขึ้นมาเบาๆ ไม่มีกระแสใดๆในน้ำเสียงนั้น ทั้งความโกรธ หรือความเศร้า

กฤตเมธและดนัยไม่ได้ตอบคำใด ต่างก็ได้แต่พยักหน้า แล้วเคลื่อนตัวเองออกจากห้องไปเงียบๆตามเจตจำนงของสดายุ เพียงอึดใจ ความเงียบก็เข้าครอบคลุมในห้องผู้ป่วยอีกรอบ คราวนี้ไม่ใช่แค่เงียบ แต่มันแฝงความอึดอัดเพิ่มทวีขึ้นด้วย เมื่อสดายุผู้มาเยือนยังไม่ยอมเอื้อนเอ่ยสิ่งใด บดินทร์เจ้าของห้องก็ไร้ซึ่งถ้อยคำใดๆในการโต้ตอบทั้งนั้น

ในหัวใจอันบอบช้ำของบดินทร์อึงอื้อ คำพูดเป็นล้านที่เขาอยากพูดมันเหมือนจะจุกอยู่ตรงลิ้นปี่ จนพาให้คลื่นเหียร พาลอยากอาเจียนเสียมากกว่า

“เลือดเย็นจังนะ”

ระหว่างยังทำใจอยู่นั้น คำพูดแรกของสดายุก็ถูกเอ่ยออกมา ก็ยิ่งทำให้หัวใจของบดินทร์บอบช้ำยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อเช้าที่เขาคุยทางโทรศัพท์ ที่เขาเอ่ยคำขอโทษสารพัด มันคงไม่เพียงพอให้สดายุอภัยให้สินะ คนเลวอย่างเขา ไม่ควรคาดหวังให้สดายุยกโทษให้สินะ

“...ขอโทษ...” คิดอะไรไม่ออกอีกแล้ว หลังจากได้ยินคำปรามาส คำเดียวที่อยู่ในหัว ยังคงมีแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ ซ้ำไปซ้ำมา คำคำเดียวที่เมื่อเช้าเขาก็บอกกับสดายุไปแล้วเป็นร้อยคำ

“ขอโทษใคร?” ทว่าดูเหมือนยิ่งพูดขอโทษ สดายุก็ยิ่งหงุดหงิด เสียงแหบเสน่ห์ที่เคยได้ยินจนชินหูนั้น วันนี้มันยิ่งเย็นชากว่าทุกครั้ง

“...ข...ขอโทษยุ...ที่ฉันทำแต่เรื่องไม่ดี...” ยิ่งโดนต่อว่า แม้เพียงคำ บดินทร์ก็เริ่มลนลานตัวสั่น ราวกับเด็กที่ผิดแล้วโดนจับได้ สภาพแบบนั้นยิ่งทำให้สดายุอารมณ์เสียหนัก จนอดไม่ได้ที่จะคว้าใบหน้าของคนที่เอาแต่ก้มงุดๆ ให้เงยขึ้นสบตาของเขา อย่างไม่มีปราณี

“ดิน! กูไม่ได้มาที่นี่ เพื่อฟังมึงขอโทษ! กูฟังมาพอแล้ว ทางโทรศัพท์เมื่อเช้า ก่อนที่มึงจะทำเรื่องโง่ๆนี่ !!”

สดายุแผดเสียงกร้าวแบบไม่มีการรักษาน้ำใจของบดินทร์แม้แต่นิด ฟังเหมือนโหดร้าย แต่สรรพนาม มึง-กู ที่สดายุเลือกใช้กับบดินทร์ตอนนี้ คือสรรพนามเดิมๆ ที่พวกเขาเคยใช้เรียกหา เคยใช้คุยกันในสมัยยังคงรัก ยังคงสนิทสนม

“...ยุ...”

“มึงทำแบบนี้ทำไม?” สดายุถามบดินทร์ขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ตัวเขายังคงยืนนิ่ง แผ่บรรยากาศกดดันบดินทร์อยู่ตรงหน้าเตียง แต่แม้สดายุจะรอคำตอบเท่าไหร่ บดินทร์ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรออกมาอยู่ดี

“ดิน! อย่าให้กูต้องง้างปากมึง บอกมามึงฆ่าตัวตายทำไม!? มึงทำกับกูถึงขนาดนั้น น่าจะสมใจมึงไม่ใช่รึไง? แล้วมึงจะฆ่าตัวตายทำไม? ที่มึงโทรมาบอกกูว่า เรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด มึงผิดเอง มึงขอโทษ มันเป็นความผิดพลาด มึงไม่ได้ตั้งใจ มึงขี้ขลาด ให้ตายเหอะ กูไม่เก็ตที่มึงพูดเลยสักเรื่อง แค่นั้นยังไม่พอ มึงออกคลิปสารภาพบาปบ้าบออะไรก็ไม่รู้ ฉาวไปทั้งบ้านทั้งเมือง ถามหน่อย มึงบอกอะไรกูสักคำหรือยัง? ที่มึงขอโทษมา กูจะรู้ไหมว่ามันคือเรื่องอะไรบ้าง มึงไปออกคลิปประจานตัวเอง แล้วยังไง กูได้รับรู้ในเรื่องนั้นไหม? กูยังมีชีวิต ยังหายใจอยู่ตรงนี้แท้ๆ ทำไมมึงไม่มาพูดกับกูตรงๆ! คิดเอง เออเอง แล้วฆ่าตัวตายเนี่ยนะ! ประสาทหลอนไปแล้วเหรอ!!?”

ราวกับความอัดอั้นในหัวใจที่เก็บไว้เนิ่นนานกลายเป็นน้ำป่าที่ไหลบ่าออกมาไม่หยุด  สดายุแทบจะตะปบตัวของบดินทร์ขึ้นมาเขย่าถามให้รู้เรื่อง ติดตรงที่ว่าอีกฝ่ายกำลังอ่อนแรง แค่พยุงตัวให้ยังนั่งอยู่ได้ก็ดูจะลำบากเหลือแสน สดายุจึงยังคงยั้งมือ ยั้งแรงเอาไว้ ไม่ให้ความโมโหครอบงำจนหน้ามืด

“..........”

“อย่าเอาแต่เงียบนะ ดิน!!”  แม้จะคาดคั้นเท่าไหร่ บดินทร์ก็ยังไม่ยอมปริปาก สดายุจึงยังกดดันอีกฝ่ายไปเรื่อยๆ

แล้วในที่สุด บดินทร์ก็ทนเงียบต่อไปไม่ไหว...

“กูก็ขอโทษมึงไปแล้วไง มึงจะเอาอะไรกับกูอีก!? มึงบอกให้กูหายไปจากชีวิตมึง กูก็จะไปแล้วนี่ไง! กูฆ่าตัวตายแล้วทำไมเหรอ! คนอย่างกูตายไปเสียได้ไม่ดีกว่าหรือไง!!?..........”
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-12-2014 02:36:31
เพี๊ยะ!!

เสียงตบดังขึ้นอีกฉาดใหญ่ ทันทีที่บดินทร์พูดจบคำ ใบหน้าของชายหนุ่มชาวาบไปเป็นแถบ ถูกตบซ้ำที่เดิมถึงสองรอบ เล่นเอาเนื้ออ่อนด้านในปากปริ จนซับรสเลือดได้เลยทีเดียว แต่บดินทร์ไม่มีอารมณ์มาใส่ใจหรอกว่าปากจะแตก หรือแก้มจะชา เพราะสิ่งที่เจ็บกว่านั้น...คือหัวใจ

คนตบอย่างสดายุเอง แท้จริงก็ใช่ว่าจะสาแก่ใจเสียเมื่อไหร่กับการลงมือทำร้ายอดีตเพื่อนรัก ใช่ เขาเกลียดชายตรงหน้า เกลียดที่หักหลังกันได้อย่างเลือดเย็น และยังตั้งใจจะทำเรื่องแสนเลวร้ายกับเขาเมื่อคืนอีก เจ็บแค้น จนแทบอยากจะฆ่าให้ตาย  แต่ทันทีทีรู้สึกตัวขึ้นมาตอนเช้า กลับได้รับคำขอโทษที่ไม่คาดฝัน จากนั้นก็เป็นคลิปสารภาพบาป และสุดท้ายก็โทรศัพท์จากดนัยที่แจ้งข่าวการฆ่าตัวตายของบดินทร์  สับสนวุ่นวายจนสดายุยังอดร้อนรนไม่ได้ ทำให้ตอนนี้เขาถึงต้องมายืนอยู่ตรงหน้าของบดินทร์ ทั้งที่ถ้าเป็นเมื่อก่อนถ้าต้องเผชิญหน้ากันแบบนี้เขาคงกัดลิ้นตายไปแล้ว

สดายุขบกรามแน่น เพื่อข่มอารมณ์พลุ่งพล่านดาลเดือด จ้องมองบดินทร์ที่ค่อยๆ ผินหน้ามาสบตาเขาเชื่องช้า

ใบหน้านั้นดูเหนื่อยอ่อน และสิ้นหวัง

ประกายในสายตาก็ดูว่างเปล่า ราวกับเป็นเพียงหลุมดำกลวงๆ

เจ้าของใบหน้าซีดเซียวแสยะยิ้มเล็กๆ เมื่อได้สบสายตาวาวโรจน์ของสดายุ รอยยิ้มเยาะที่ไม่ได้หมายถึงฝ่ายตรงข้าม แต่หมายถึงตัวตนของตัวเอง บดินทร์ยิ้มเยาะในความขลาดเขลา และความซวยซ้ำซวยซากของตน

“...ได้...ถ้าอยากรู้ความอัปยศของกูนัก กูก็จะบอก...” ในที่สุด บดินทร์ก็ยอมที่จะบอกทุกอย่างแก่สดายุ ความลับ ที่เขาเก็บงำมาทั้งชีวิต ความลับที่แสนโสมมของตัวเอง

“..........ว่ามา!” สดายุไม่ได้ว่าอะไรต่อ เพียงแต่เงียบฟังแต่โดยดี ร่างโปร่งยืดตัวขึ้นกอดอก พร้อมแล้วที่จะรับรู้ทุกสิ่งที่บดินทร์จะเอื้อนเอ่ย


“...ยุ มึงจะรับได้ใช่ไหม กับเรื่องที่กูจะเล่าออกไปทั้งหมด”

สดายุคิ้วกระตุกน้อยๆ กับสิ่งที่บดินทร์เอ่ย พอจะตอบว่า ‘รับได้’ อีกฝ่ายก็ดันไม่เปิดโอกาส

“มึงจะสมเพชกูมากไหม ถ้าเรื่องที่กูเล่า มันดูงี่เง่าจนแทบทนไม่ไหว...”

“มึง...จะโกรธกูไหม...”

บดินทร์ยังคงพร่ำเพ้อ ด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ดวงตาที่ดูว่างเปล่าเริ่มไหวระริก จากหยาดหยดแห่งความอาดูรกำลังจะกลั่นออกมาเป็นสายน้ำแห่งความเจ็บปวด ภาพนั้นสั่นสะเทือนความรู้สึกของสดายุไม่น้อย แต่ก็ต้องกัดฟันทนเอาไว้ เพราะวันนี้เขาไม่ได้มาเพื่อแสดงความสงสาร แต่มาเพื่อความจริง!

“ไม่ต้องถาม! เรื่องนั้นไว้กูตัดสินเองว่าจะรู้สึกแบบไหน หน้าที่มึงไม่ใช่การสนใจในสิ่งที่กูคิด แต่เป็นการพูดความจริงให้กูฟัง!”

คำพูดของสดายุทำบดินทร์ยิ่งสลด ใบหน้าซีดขาวก้มต่ำลงอีกครั้ง แต่สดายุไม่ยอมให้อีกฝ่ายหลบหน้าหลบตาอย่างที่ผ่านมาอีกแล้ว  เขาจึงใช้มือช้อนคางของบดินทร์ให้ขึ้นมาสบตา แล้วเริ่มขอร้องกลายๆ

“ดิน!อย่าหลบหน้ากูจะอะไรก็ได้ช่วยเล่าออกมาสักเรื่องเหอะ!” 


“เพียงดาว...ท้องกับกู...”

จบคำสดายุ บดินทร์ก็เอ่ยบางอย่างออกมาทันที บางอย่างที่ทำให้สดายุขมวดคิ้วเป็นปมหนักกว่าเดิม

“...มึง...ว่าไงนะ?”

“ความจริงแล้ว...เพียงดาวท้องกับกู...กูไม่ได้ตั้งใจ เราต่างก็พลาด แล้วพอที่บ้านรู้เข้า เขาก็รับกันไม่ได้...”

บดินทร์เอ่ยปากเล่าเรื่องตนกับเพียงดาวออกมา...ซึ่งชื่อของ ‘เพียงดาว’ นั้น สดายุจดจำได้อย่างดีว่ามันคือชื่อของแฟนเก่าของเขา ที่เป็นน้องสาวต่างสายเลือดของบดินทร์ และผู้หญิงคนนั้น คือคนที่ทำให้เขาถูกเด้งออกจากวงการ ด้วยข่าวฉาวที่ว่า

‘พระเอกดังฟันแล้วทิ้ง กินจนเบื่อแล้วหาเหยื่อใหม่ แถมยังท้องไม่รับ’

ไม่ใช่แค่ไปท้องกับคนอื่นแล้วขอร้องให้พี่ชายตัวเองอย่างบดินทร์ช่วยปิดปาก แล้วมาใส่ความเขา...

แต่นี่...หล่อนท้องกับบดินทร์เอง แล้วร่วมมือกันหักหลังเขา...

“...แล้วมึง ก็เลยเอากูเป็นเหยื่องั้นเหรอ?”  แค่ได้ยินใจของสดายุก็สั่นไหว ดูเหมือนไม่ใช่เพียงหัวใจ แม้แต่มือที่บีบปลายคางของบดินทร์อยู่ก็สั่นไปด้วย

“มึง...ทำกับกูขนาดนี้เลยเหรอวะ? มึง...ไม่เคยเห็นกูเป็นเพื่อนเลยเหรอ?” สดายุเค้นเสียงถาม ขณะที่บดินทร์พยายามส่ายหน้ายิก

“ก...กูไม่ตั้งใจ ตอนนั้น...กูไม่รู้จริงๆ ว่าเพียงดาวจะทำแบบนั้น...” ชายหนุ่มพยายามแก้ต่างให้ตัวเอง ขณะที่น้ำตาเริ่มกลั่นตัวหยาดลงมาเป็นสาย“...กว่ากูจะรู้เรื่อง ก็ตอนที่มันเป็นข่าวแล้ว...กูเอง...ก็ตกใจเหมือนกัน...” น้ำเสียงเครือสั่นยังคงอธิบายความ แม้ว่าตอนนี้มือที่บีบปลายคางจะปลดปล่อยออกไปแล้ว แต่บดินทร์ก็ยังไม่คิดจะผินหน้าหนีไปไหน ดวงตาเครือฉ่ำยังคงจดจ้องใบหน้าอดีตเพื่อนรักไม่ห่าง

“มึงไม่รู้เรื่อง?...” สดายุถามออกมาเบาๆ น้ำเสียงนิ่งเรียบ ราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่น ซึ่งแน่นอนว่าคลื่นลูกใหญ่กำลังก่ออยู่ใต้ผิวน้ำนี้อย่างเงียบเชียบเช่นกัน

“...ช...ใช่”

บดินทร์พยักหน้ารัวๆหัวใจเริ่มมีความหวัง

...สดายุคงจะเชื่อเขา

เชื่อเขา...สินะ

“แต่หลังจากนั้น....มึงก็ปล่อยให้มันเป็นไป ไม่มีช่วย ไม่มีบอก หลบหน้ากูราวกับเห็นผี จนกูถูกระเห็จออกจากวงการ ไม่มีแม้แต่จะโทรหากูสักครั้ง ไม่เคยคิดจะแยแสกูเลยสักนิด...หึหึ...นี่สินะ ที่มึงบอกว่าไม่รู้เรื่อง!”

คำพูดของสดายุราวกับหมัดฮุกหน่วงหนักซัดเข้ากลางอกจนบดินทร์แทบกระอักความจริงมันช่างน่ากลัวความจริงที่เขาพยายามหลบเลี่ยงมาตลอดมันช่างน่ากลัว

"อย่าเงียบสิดินไหนว่าจะเล่าทุกอย่างให้กูฟังไง? เล่าต่อสิกูรอฟังอยู่"

สดายุเพิ่มความกดดันให้บดินทร์อีกเล็กน้อยเป็นความกดดันที่เขาตั้งใจมอบให้อีกฝ่ายอย่างเต็มที่หัวใจแห่งความสงสารใช่ว่าเขาจะไม่มีแต่มันไม่ใช่ตอนนี้แน่ๆ

"ม...ไม่ใช่ว่ากูอยากให้มันเป็นแบบนี้แต่ตอนนั้น...พ...พอที่บ้านรู้ว่าเพียงดาว...ท้องกับกูพ่อกูก็มโหมากประกาศตัดพ่อตัดลูกกับกูเลย...ตอนนั้นกูก็กำลังแย่กูทำอะไรไม่ถูกกูสับสนไปหมดมารู้อีกทีก็ตอนที่มึงเป็นข่าวกับเพียงดาว...กูไม่คิดว่าพ่อกูจะให้เพียงดาวทำแบบนั้น...ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากช่วย...แต่...กูทำไม่ได้..."

บดินทร์พยายามอธิบายพยายามเล่าทุกอย่างตามความเป็นจริงเขาไม่มีอะไรต้องปิดบัง...

เพราะเขาไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปิดบัง

"...กูขอโทษ...ตอนนั้นกูกลัวไปหมดทั้งพ่อ...ทั้งมึง...และ...กูกลัวตัวเองเป็นข่าว...กูกลัวหมดอนาคตในวงการกูขอโทษ...ขอโทษที่กูคิดเองเออเองว่าถ้าเป็นมึงคงไม่เป็นอะไรดาราระดับสดายุแค่มีข่าวคาวเรื่องสองเรื่องเดี๋ยวก็เคลียร์ได้....แต่กู...เป็นแค่ดาราหน้าใหม่ที่กำลังเริ่มมีผลงานเริ่มเป็นที่รู้จักถ้าจู่ๆเป็นข่าวขึ้นมา...มันจะหมดสิ้นทุกอย่าง...ตอนนั้นกูคิดแค่นั้นจริงๆนะไม่ได้คิดทำลายมึงเลยไม่ได้คิดจริงๆหลังจากเกิดเรื่องกูก็เก็บตัวอยู่บ้านตลอด...มารู้อีกที...เรื่องมันก็เลยเถิดเกินกว่าที่กูจะจินตนาการถึง..."

เสียงทุ้มสั่นพร่าน้ำตาถะถั่งรู้สึกผิดรู้สึกด้อยค่าบดินทร์ทำได้เพียงเอ่ยขอโทษซ้ำๆอย่างสิ้นหวัง

"...แล้วไงต่อ?"

".........."

"แล้วหลังจากนั้นมันเป็นยังไงต่อ? ลูกมึง...เป็นยังไงบ้าง?"

สดายุยังคงเอ่ยถามต่อโดยไม่สะเทือนต่อภาพสิ้นไร้ไม้ตอกของคนตรงหน้าน้ำเสียงเย็นเยียบกับใบหน้าเย็นชากำลังแช่แข็งบดินทร์ไปทั้งร่าง

"...เพียงดาวแท้งเธอเครียดมากเพราะถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์ทั้งยังมีการขุดคุ้ยอดีตทั้งของเพียงดาวและของครอบครัวฉัน...ความเครียดสะสมทำให้เธอแท้งลูก...หลังจากนั้นพ่อก็ส่งเพียงดาวไปเรียนต่อที่ออสเตเรียทันทีส่วนกู...ก็ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน...ตั้งแต่ตอนนั้น..." 

บดินทร์เล่าไปพลางสะอึกสะอื้นร่างกายที่อ่อนแรงอยู่เป็นทุนยิ่งดูกระปลกกระเปลี้ยถ้าใจอ่อนกว่านี้อีกหน่อยสดายุคงเอ่ยปากบอกให้อีกฝ่ายนอนลงดีๆไม่ต้องนั่งพยุงกายสะท้านอยู่แบบนี้

แต่เพราะหัวใจของสดายุตอนนี้ยังด้านชาเกินกว่าจะสงสารเขาเลยทำได้เพียงแค่นิ่งมองอย่างสมเพชเวทนา

ใครเจ็บกว่ากันกันแน่...

สดายุเองก็เริ่มสองจิตสองใจเสียแล้ว

สภาพของบดินทร์ตอนนี้น่าสมเพชเกินกว่าจะให้สดายุคาดคั้นต่อสดายุได้แต่เม้มปากยืนมองร่างสั่นระริกนั้นเงียบๆจะถามต่อหรือจะจบถึงเวลาต้องตัดสินใจอีกแล้ว

"...โอเคความจำเป็นห่าเหวอะไรก็ช่างของมึงที่ทำให้กูได้พักงานยาวเป็นปีเรื่องนั้นกูทำใจได้แล้วกูตัดมันทิ้งไปจากชีวิตกูแล้วแล้วยังไงต่อ? ทำไมหลังจากที่กูกลับมามึงยังมาวุ่นวายกับกูอีก..."

ก็ว่าจะเลิกถามแต่มันก็อดไม่ได้ไม่ได้ติดใจตรงที่ตัวเองต้องเผชิญเคราะห์กรรมเพราะความเห็นแก่ตนของบดินทร์เท่าไหร่แต่ติดใจที่ทำไมคนตรงหน้าถึงยังคอยวุ่นวายทำลายเขาไม่เลิกอะไรคือเหตุผล? และมันสำคัญแค่ไหนกับการทำร้ายตัวเองของอีกฝ่ายเขาต้องรู้เพราะเขามีสิทธิ์ที่จะรู้

"...กู...ไม่ตั้งใจ...."

"ไม่ตั้งใจเหี้ยอะไรเมื่อคืนมึงโปะยาสลบกูซะขนาดนั้นยังบอกไม่ตั้งใจ? มึงเห็นว่าเขากูยาวลากพื้น หรือคิดว่ากูแดกหญ้ารึไง?"

"กูก็สารภาพไปทางคลิปหมดแล้วไง!"

"กูไม่ดู! คลิปง่าวๆของมึงกูไม่ดูหรอก!! กูจะฟังจากปากมึงมีปัญหาไหม? อยากพูดอะไรก็พูดต่อหน้ากูนี่!!"

การโต้เถียงไม่เคยกินเวลาเกินห้าประโยคเพราะไม่ว่ายังไงบดินทร์ก็ไม่มีทางเถียงชนะสดายุที่ตั้งใจมาคาดคั้นได้อย่างแน่นอน
สุดท้ายบดินทร์ก็จำใจต้องสารภาพทุกอย่างออกมาอีกครั้ง

"...ล...หลังจากมึงออกจากวงการไป...กูก็ตัวคนเดียว..."

บดินทร์สูดหายใจเข้าปอดหนักๆแล้วผ่อนออกมาเบาๆพลางเอ่ยปากพูดออกมาเสียงสั่นพร่าร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วกำลังใช้แรงทั้งหมดที่มีค้ำร่างไว้อย่างหมิ่นเหม่จะล้มแหล่มิล้มแหล่ มือขวาที่ระโยงสายน้ำเกลือ กำข้อมือซ้ายที่มีแผลเย็บยาวเหยียดเอาไว้แน่นพลางเอ่ยเล่าเรื่องราวต่อไปด้วยปากคอที่สั่นระริก

"ใช่ว่าเรื่องที่มึงออกจากวงการเพราะกูจะไม่เป็นที่พูดถึงซะที่ไหน...มึงอย่าน้อยใจเลยยุ...ในวงการนี้มีคนที่เข้าข้างมีคนรักมึงมากกว่าที่มึงคิดนะ...เพราะคนเหล่านั้นแหละข่าวมึงเลยเงียบเร็ว..."

"...และเพราะคนเหล่านั้นแหละกูเลยไม่เหลือใคร"

บดินทร์เล่าพลางปล่อยหยาดน้ำตาหลั่งรินอีกครั้ง

"...มึงพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง? จะบอกว่าทุกอย่างเป็นเพราะกูเหรอ?"

สดายุเสียงกร้าวขึ้นเล็กน้อยด้วยไม่สามารถตีความสิ่งที่บดินทร์สื่อออกมาเป็นอย่างอื่น

"...กูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...กูแค่จะบอกว่ามึงไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่มึงคิดนะ...ในวงการยังมีคนที่พร้อมจะหนุนหลังมึงอยู่อีกตั้งเยอะ...น่าอิจฉา...กูอิจฉามึงจริงๆนะ..."

คำว่า ‘อิจฉา’ ที่บดินทร์เอ่ยออกมานั้น มันราวกับกำลังจี้แทงที่หัวใจของชายหนุ่มซ้ำๆ ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกสมเพชตัวเอง

ใบหน้าที่ฉ่ำพราวไปด้วยหยาดน้ำตา ค่อยๆยกยิ้มหยันให้กับตัวเอง พลางเล่าเรื่องราวที่อัดอั้นอยู่ในใจออกมาเรื่อยๆ ฝ่ายสดายุเองก็นิ่งฟัง ด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยสงบนัก ชายหนุ่มจึงต้องยกแขนขึ้นกอดอกตัวเองไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มือไว้เผลอไปจับต้องบดินทร์ให้เรื่องต้องขาดตอนอีก สดายุตั้งมั่นว่าจะตั้งใจฟังตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีแทรกแซงอะไรอีก

ฟังให้จบ

แล้วค่อยจัดรวดเดียว

“...กูอิจฉามึงเหลือเกิน...ในขณะที่ใครๆต่างก็ย่อยยับด้วยคำครหานินทา มึงกลับยังยืนอยู่ได้ ในขณะที่ใครๆต่างก็วุ่นวายเพราะคำคน แต่คำใครก็ไม่มีทางทำอะไรมึงได้ ร้อยพันคำนินทา ต่อให้ถูกสาดสีสาดโคลนใส่ ไม่ว่ายังไงมึงก็ยังดูสวยสะอาด แม้แต่เรื่องที่มึงทำตัวเหลวไหล ก็มีแต่คนมองข้าม...แค่เรื่องเหล่านั้นกูก็อิจฉามึงจะแย่แล้ว...พอมีเรื่องข่าวนั่นขึ้นมา...กูยิ่งอิจฉามึงขึ้นอีกร้อยเท่า...มึงเคยรู้ตัวบ้างไหมวะ...”

“คนอย่างกูมันเหี้ยเหลือเกิน...ที่กูอิจฉามึง...ทั้งที่มึงคือเพื่อนสนิท...กูเป็นต้นเหตุให้มึงต้องออกจากวงการ โดยไม่ยอมช่วยเหลือใดๆ ยังไม่พอ กูยังอิจฉาที่มึงยังชีวิตอยู่ได้อย่างเยือกเย็นอีกด้วย ทั้งๆที่กูอยู่ในวงการอย่างยากเย็น เจ็บปวด โดดเดี่ยว  แต่มึงกลับอยู่ข้างนอกนั่นอย่างสบายอารมณ์ และพอข่าวซาไปแค่ไม่นาน ทางผู้ใหญ่เขาก็พยายามดึงมึงกลับเข้าวงการมาอีก...เส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบตลอด...กูแม่งโคตรอิจฉา...กูเคยพยายามเลียนแบบมึง พยายามเข้มแข็งให้ได้อย่างมึง แต่ทำไมมันไม่เคยได้อย่างใจวะ...กูคิดอยู่เสมอเลยนะ ว่ากูกับมึงต่างกันตรงไหน...โอเค ไม่นับเรื่องฝีมือ หรือพรสวรรค์ แค่เรื่องความรู้สึกกับหัวใจ ทำไมกูถึงใจแข็งสู้มึงไม่ได้กัน...”

“แต่ก็นะ...สุดท้ายกูก็ได้แค่อิจฉา...ยิ่งกูอิจฉามึงเท่าไหร่ กูก็ยิ่งเกลียดตัวเองขึ้นเท่านั้น เพราะกูมึงเลยต้องออกจากวงการไป และเพราะอย่างนั้น กูเลยต้องโดดเดี่ยว ต้องทำทุกอย่างที่ท่านประธานสั่งเพราะมันเป็นเพียงทางเดียวที่กูจะยังสามารถอยู่ในวงการได้กู...หมดศรัทธาในการเป็นนักแสดงไปนานแล้วตั้งแต่ที่มึงจากไป...แต่...ถ้าไม่เป็นนักแสดงกู...ก็ไม่มีที่ไป...”

“ชีวิตที่เหลือหลังจากนั้น...กูก็แค่ใช้มันไปวันๆ ทำตามที่ท่านประธานชอบรับงานที่ท่านประธานสั่งจากนั้นก็ไม่มีอะไรเลยชีวิตกูโคตรจะว่างเปล่า...กูไม่มีใครไม่มีที่ยึดเหนี่ยวกูก็เลย..."

"เข้าบ่อน"

“ห๊ะ?”  สดายุถึงกับอุทานออกมาไม่เบานัก เมื่อได้ยินว่าบดินทร์ยุ่งเกี่ยวกับการพนัน ทั้งๆที่เขาจำได้ดีว่าในอดีตแม้จะเสเพลเหลวไหล แต่ทั้งเขาและบดินทร์ต่างก็ไม่ชอบการพนันเหล่านี้ และไม่เคยเฉียดใกล้แม้แต่น้อย  แล้วนี่บดินทร์กลับบอกว่าเข้าบ่อน เล่นเอาความพลุ่งพล่านที่สดายุพยายามเก็บงำเอาไว้เริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบ

“...เออ...มึงฟังไม่ผิดหรอก...กูเข้าบ่อน เพราะมันเป็นทางเดียวที่ทำให้กูผ่อนคลาย ทำให้กูรู้สึกสนุก ทำให้รู้สึกว่าในชีวิตจำเจของกูยังมีอะไรน่าค้นหา...แน่นอนว่ากูคิดผิด แน่นอนว่ากูมันโง่ แค่ไม่นานที่กูติดงอมแงมอยู่ในบ่อน รู้ตัวอีกทีกูก็เป็นหนี้มากมายซะแล้ว...”

“หนี้? เท่าไหร่?” สดายุยกกำปั้นขึ้นมายีขมับตัวเองครั้งหนึ่ง ขณะถามบดินทร์ออกไป ด้วยอารมณ์คุกรุ่น ‘โง่เง่า จนอยากควักสมองออกมาดูเสียที ว่ายังเหลือรอยหยักอีกสักกี่รอย หรือมันจะตื้นเขินไปหมดแล้ว...’

“...10 ล้าน”

“สิบล้าน!!” และคำตอบของบดินทร์ ก็ทำสดายุฟิวส์ขาดในที่สุด “มึงโง่ หรือมึงบ้าเนี่ย!? เล่นเข้าไปได้ไงวะ จนเป็นหนี้สิบล้าน!!”

ไม่เพียงแค่ตวาดถาม สดายุยังพลั้งมือเขย่าร่างของบดินทร์อย่างแรงจนหัวสั่นหัวคลอน เขาโมโหจริงๆ ที่บดินทร์ทำแบบนั้น  แม้จะไม่เข้าใจตัวเองว่าจะโมโหทำไม จะใส่ใจอีกฝ่ายอีกทำไมก็เถอะ

แต่ดูเหมือนยิ่งกระทำรุนแรง บดินทร์จะยิ่งเริงร่ายินดี

ร่างระทดระทวยส่งยิ้มหวานให้สดายุทั้งน้ำตา

“...มึงยังใส่ใจกูอยู่อีกเหรอ?...หึหึ...”

และคำพูดประโยคเดียวนั้น ก็ทำให้สดายุรู้สึกตัว ร่างโปร่งชะงักเล็กน้อย ก่อนสะบัดมือออกจากบดินทร์ด้วยท่าทีแสดงความหงุดหงิดไม่น้อย

“กูแค่สมเพชมึงเท่านั้นแหละดิน แล้วไงต่อ? มึงเป็นหนี้แล้วมันเกี่ยวกับการที่มึงพยายามหาเรื่องกูทุกครั้งที่เจอหน้าตรงไหน? ที่มึงร่ายมาเป็นคุ้งเป็นแควเนี่ย มันเกี่ยวกับกูตรงไหน?”

พอได้สติสดายุก็ผละออกไปยืนกอดอกมองบดินทร์ด้วยสายตาขุ่นข้องเช่นเดิม

“...ตอนแรกก็ไม่เกี่ยวหรอก...” บดินทร์เอ่ยออกมายิ้มๆ ดูเหมือนใบหน้าโศกเศร้า จะยิ่งสลดลงยิ่งกว่าเก่า

“ยังไง?”  สดายุเริ่มเค้นถามเสียงเข้ม รำคาญเหลือเกินแล้วกับท่าทียึกยักลีลาของอีกฝ่าย ไม่ติดว่ากำลังป่วย เขาคงจับง้างปากไปแล้ว

“ช่วงแรกที่ได้เจอมึงน่ะ...กูไม่ได้ตั้งใจจะทำให้มึงรู้สึกไม่ดีหรอกนะ อยากคุยดีๆด้วยจะตาย...แต่มันสายเกินไปที่คนอย่างกูจะเข้าไปคลุกคลีกับมึง จริงไหม?  แค่กูทักมึงคำเดียว มึงก็มองกูอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทั้งๆที่กูรวบรวมความกล้าแทบตาย กว่าจะออกเสียทักมึงออกไปได้...ตอนที่มึงเรียกกูว่า... ‘คุณบดินทร์’ กูก็รู้ทันทีเลยว่า มึงคงไม่มีทางให้อภัยกูได้...”

บดินทร์บ่นร่ำถึงครั้งที่ได้พบกันครั้งแรก หลังจากสดายุกลับเข้าวงการ วันที่เขายืนรวบรวมความกล้าอยู่นานสองนานกว่าจะกล้าเข้าไปทักสดายุ อยากเอ่ยขอโทษเหลือเกินในตอนนั้น วาดหวังว่าสดายุคงจะยอมพูดคุยด้วยสักครั้ง ยอมเปิดโอกาสให้เขาได้ขออภัย

แต่มันกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด เพราะสายตาที่สดายุใช้กับเขาตั้งแต่แรกพบ คือสายตาแห่งความชิงชัง และมันช่างแสนเย็นชา

ตอนนั้นด้วยความที่ทำอะไรไม่ถูก และไม่อยากปล่อยโอกาสในการเจอหน้าสดายุให้หลุดลอยไปง่ายๆ เขาจึงได้เผลอทำอะไรโง่ๆออกไป โดยการพูดจาร้ายกาจ เพื่อยียวนสดายุให้หันกลับมาคุยด้วย แม้จะไม่ได้มาด้วยไมตรี แต่เขาก็ยินดีอย่างที่สุด ที่จะได้ยืดเวลาคุยกับอีกฝ่าย...แค่นาทีหนึ่งก็ยังดี...

“เพราะมึงผิดหวังที่กูไม่ง่าย มึงเลยร้ายใส่กูงั้นสิ?”

“เพราะกูอยากคุยกับมึง...ให้นานกว่านั้น กูเลยเผลอพูดไม่ดีใส่มึง...”

“อยากคุยกับกู? แต่เหี้ยใส่กูเนี่ยนะ? มึงอย่าบอกนะว่าเรื่องเมื่อคืน มึงก็ทำไปเพื่อหาเรื่องคุยกับกู?”

ยิ่งฟังบดินทร์ สดายุก็เริ่มพาล ชายหนุ่มหงุดหงิดงุ่นง่านจนอยากจะทึ้งผมตัวเองเสียตอนนี้ คนตรงหน้าคิดอะไร? ไม่สิ คนตรงหน้าใช้อะไรคิด? ถึงได้ทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้น เพียงเพื่อจะคุยกับเขา? เรื่องแบบนี้มันบ้าที่สุด!!

โชคยังดีที่คำตอบของบดินทร์ ไม่ใช่คำว่า ‘ใช่’ เพราะถ้าตอบแบบนั้น สดายุคงหยุดไม่ได้ที่จะพลั้งมือต่อยหน้าอีกฝ่ายให้ได้เลือด

แต่คำตอบของบดินทร์กันทำให้สดายุอึ้งไม่น้อย เช่นกัน

“ช่วงแรกกูแค่หาเรื่องคุย แต่...ช่วงหลัง เพราะชิดจันทร์สั่งให้กูทำ”

“ว่าไงนะ? ชิดจันทร์? หล่อนเกี่ยวอะไรด้วย?” ชื่อชิดจันทร์ที่หลุดออกจากปากของบดินทร์ เล่นเอาสดายุอึ้งไปเล็กน้อย หัวใจชายหนุ่มเต้นระทึกขึ้นมาทันที ผู้หญิงคนนั้น คือเบื้องหลังของทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ?

“เพราะมึงไปแย่งเหยื่อของหล่อนเข้าไงล่ะ กฤตเมธเป็นเหยื่อที่ชิดจันทร์หมายตาเอาไว้ แล้วมึงดันไปแย่งมาจากอก แถมยังไปยียวนใส่ซะเยอะอีก หล่อนเลยของขึ้นไง”  คำเฉลยของบดินทร์ยิ่งซ่อนเงื่อนงำ

“เกี่ยวอะไรกับกฤตเมธ?”

"ก็ไม่รู้สิ...ไม่เคยมีโอกาสได้ถามแค่รู้ว่าหล่อนเกลียดกฤตเมธอย่างกับอะไรเพราะหมอนั่นดันเป็นลูกรักของท่านประธานยังไงล่ะชิดจันทร์เลยเกลียดมันนัก..."

"เหตุผลงี่เง่าอะไรวะนั่น?"

"ไม่รู้สิ...ฉันมีหน้าที่แค่ทำตามที่หล่อนสั่งแค่นั้น..."

"เพราะอะไร?"

"...เพราะ 10 ล้านไง 10 ล้านหนี้พนันที่กูติดไว้มันดันเป็นบ่อนของเพื่อนชิดจันทร์เข้าพอดีหล่อนสัญญาจะผัดผ่อนหนี้ให้...ถ้ากูทำตามที่เธอสั่ง..."

สดายุได้แต่จ้องมองคนที่ยิ้มเยาะตัวเองพลางเล่าความไปพลางอย่างนึกสมเพชบดินทร์ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ราวกับเป็นคนที่เขาไม่เคยรู้จักสมองของสดายุยังคงจำได้ดีไม่เคยผิดเพี้ยนว่าบดินทร์คนนั้นแม้จะเป็นคนเงียบๆแต่ก็หัวเราะได้สดใสที่สุดแม้จะเป็นคนพูดน้อยแต่ทุกคำก็จริงใจที่สุดแม้จะกวนโอ้ยไปบ้างแต่ก็ดีกับเขาที่สุดเช่นกัน... 

ทั้งๆอย่างนั้นวันนี้คนตรงหน้ากลับเปลี่ยนไปจนคาดไม่ถึง

เปลี่ยนไป...จนรู้สึกเจ็บปวดแทน

"...แล้วมึงก็โง่ทำตามทุกคำ? อิดออดไม่ได้ตุกติกไม่ได้ต่อให้เป็นเรื่องเหี้ยแค่ไหนก็ทำงั้นสิ? แบบนี้ไม่ได้เรียกว่าซื่อสัตย์แล้วล่ะ...เรียกอย่างอื่น"

คำจิกกัดของสดายุจี้ใจดำของบดินทร์จนเจ็บร้าวแผลยังสดเกินไปเมื่อถูกจวกซ้ำบ่อยครั้งมันก็เกินจะทานไหว

"แล้วจะให้กูทำยังไง!!?"

ในที่สุดบดินทร์ก็สติหลุดเสียงแหบแห้งเครือสั่นตวาดกร้าวร่างสั่นเทาในชุดคนไข้กระโจนใส่สดายุพร้อมตะปบคว้าคอเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่นพลางใช้เรียวแรงอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ลากร่างโปร่งบางของสดายุเข้ามาใกล้ด้วยแรงอารมณ์ปวดร้าว

"กูเป็นหนี้มันอยู่สิบล้านถ้าไม่ทำก็ตาย! ไหนจะครอบครัวกูอีกถ้ากูไม่ทำพวกมันก็จะไปเล่นงานครอบครัวกูด้วย! กูตัดขาดออกจากที่บ้านแล้วกูไม่อยากสร้างปัญหา!! กูไม่ได้อยากทำแต่กูจำเป็นมึงจะให้กูทำยังไงล่ะ!!?"

"ก็ตายซะไง!"

".....!!!?"

คำตอบของสดายุที่พูดออกมาด้วยใบหน้าราวพระอิฐพระปูนช่างเชือดเฉือนหัวใจของบดินทร์แบบซ้ำแผลเก่าไม่หยุดหย่อน ‘ตายซะ’คำที่ทำให้บดินทร์รู้สึกผิดจริงๆที่ยังดั้นด้นหายใจอยู่

"ถ้าชีวิตมันยากขนาดนั้น...มึงก็ตายไปซะจะได้หมดเรื่องหมดราวไง"

ตอกย้ำซ้ำๆ เอาให้เจ็บเจียนขาดใจ

"...ก...กูก็ทำอยู่นี่ไง...กูก็กำลังจะตายให้อยู่นี่ไง...ฮึ่ก"

ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว แม้สักเศษเสี้ยวแห่งความหวังริบหรี่ ทั้งที่ไม่ได้คาดหวังสูงขนาดจะให้สดายุยอมให้อภัยทั้งที่หวังแค่เพียงจะได้คุยกันดีๆอีกสักครั้ง ทั้งที่หวังเพียงแค่นั้น มันกลับพังทลายไม่เป็นท่า...

ตายเหรอ?

ให้ตายตอนที่เขาก็ทำได้นะ

เขา...ยอมทุกอย่างเลย

ถ้ามันจะทำให้เขาได้ลดทอนความปวดร้าวจากความผิดพลาดชั่วช้าของตัวเองได้แม้สักนิด...เขาทำใจไว้แล้วที่จะตาย

ทว่า...

น้ำตาที่หลั่งร่วง กับดวงตาที่บอบช้ำ ไม่ได้ทำให้หัวใจของสดายุหวั่นไหว ชายหนุ่มยังคงเอ่ยถ้อยคำทำร้ายบดินทร์ได้อย่างเจ็บแสบ โดยไม่นึกเวทนา

“...ตายเหรอ? ตอนนี้เนี่ยนะ มันจะไปมีประโยชน์อะไร๊? ตายไปก็เป็นได้แค่ขยะ”

คำพูดของสดายุร้ายกาจเกินไป ร้ายกาจจนทำให้บดินทร์ถึงกับสิ้นเรี่ยวสิ้นแรง ทั้งร่างของชายหนุ่มทรุดฮวบลงบนเตียงคนไข้อย่างไร้กำลัง สองมือที่ถือกำคอเสื้อของสดายุไว้ร่วงผล๊อยลงข้างกายอย่างไร้แรงต้าน

‘ขยะ’  นี่คือคำจำกัดความของเขาในสายตาของสดายุหรือ?

ชีวิต...ลมหายใจของเขา ไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือ?

“ถ้าคิดจะตาย ทำไมไม่ตายไปตั้งแต่ยังไม่สร้างเรื่องล่ะ อย่างน้อยจะได้พอเหลือความดีให้คนข้างหลังเขาได้พูดถึงบ้าง ตายตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อเหลือแต่เรื่องเลวๆเอาไว้ให้เขาด่าตามหลัง ถ้าคิดจะตาย ก็ช่วยทำดีล้างชั่ว ทำคุณล้างโทษก่อนสิเว้ย จะตายทั้งที  ก็ตายให้มันมีคุณค่าบ้าง! สมองน่ะ ไม่ได้มีเอาไว้ขั้นใบหูอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ? ถ้าคิดจะตายเป็น ก็ช่วยคิดทำอย่างอื่นด้วย!”
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-12-2014 02:37:17
“ถ้าคิดจะตาย ทำไมไม่ตายไปตั้งแต่ยังไม่สร้างเรื่องล่ะ อย่างน้อยจะได้พอเหลือความดีให้คนข้างหลังเขาได้พูดถึงบ้าง ตายตอนนี้จะได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อเหลือแต่เรื่องเลวๆเอาไว้ให้เขาด่าตามหลัง ถ้าคิดจะตาย ก็ช่วยทำดีล้างชั่ว ทำคุณล้างโทษก่อนสิเว้ย จะตายทั้งที  ก็ตายให้มันมีคุณค่าบ้าง! สมองน่ะ ไม่ได้มีเอาไว้ขั้นใบหูอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ? ถ้าคิดจะตายเป็น ก็ช่วยคิดทำอย่างอื่นด้วย!”

“....ยุ...”

ที่แท้...ไม่ใช่เพียงแค่คำปรามาส แต่มันคือคำเตือนสติด้วย ร่างสั่นเทาของบดินทร์รับรู้ได้ สมองของบดินทร์ก็เหมือนจะกำลังรับรู้ได้

น้ำตายังคงหลั่งไหล แต่ใบหน้ากลับเริ่มมีความหวัง...

สดายุ...ยังคงมองเห็นเขา

“กูถามมึงหน่อยเหอะ เคราะห์กรรมที่มึงเป็นคนสร้าง ทำไมกูต้องรับแทนมึงด้วยวะ? ตั้งแต่เรื่องเพียงดาว บอกว่ายกให้กู มึงเสือกไปทำจนท้อง แล้วมาโบ้ยกู ถามหน่อย กูไม่ใช่พ่อเด็กกูจะรับไหม? ไม่ว่ายังไงค่าก็เท่ากัน มีแต่เสียกับเสีย กูก็เลยไม่รับ...ฉิบหายเลย เป็นไง ถูกเฉดหัวออกจากวงการเฉย ทั้งที่กูไม่ได้ทำอะไรเลย...”

“...ขอโทษ...”

“เดี๋ยว ยังไม่จบ จบจากเรื่องเพียงดาว กูก็ยอมออกจากวงการไปดีๆ ไม่แม้แต่จะถามมึงสักคำ ว่ากูผิดอะไร กูไปทำให้มึงเจ็บช้ำน้ำใจตอนไหน? ทั้งที่กูอยากถามมึงจะแย่ แต่ถ้ามึงไม่พร้อม มึงไม่อยากยุ่งกับกูอีก กูก็พร้อมจะออกมาอย่างที่มึงต้องการ...”

“แต่ขนาดกูจากมาโดยไม่มีเงื่อนไขเหี้ยอะไรกับมึงแล้วนะ มึ๊งก็ยังอุตส่าห์ตามราวีกูอยู่นั่น จะไม่ให้กูลืมตาอ้าปากเลยใช่ไหม กูเคยไปเผาบ้านมึงไว้เหรอ? หรือกูเคยไปฆ่าญาติมึง? ถึงได้จองเวรกูนัก  แค่กูกลับเข้าวงการได้ไม่เท่าไหร่ มึงก็ตามเป็นมารผจญกูซะแล้ว ไม่ต้องมาอ้างเลยนะว่าทำไปเพราะจำเป็น เพราะครอบครัว หรือเพราะห่าเหวอะไรของมึงน่ะ ต้องทำตามที่ชิดจันทร์บงการ? แล้วไง? บอกว่าจำใจทำ แต่มึงก็ทำ....”



“ดิน...กูถามจริง มึงเคยคิดว่ากูเป็นเพื่อนบ้างไหม?”



“...ฮึ่ก กูขอโทษ....โฮ....”

สิ้นคำถามของสดายุ บดินทร์ก็ทิ้งร่างลงฟุบหน้าร้องไห้ปริ่มใจจะขาดอยู่บนเตียงคนไข้  ไม่ได้ร้องไห้เพียงแค่คำตัดพ้อของสดายุ แต่ร้องไห้ เพราะเห็นน้ำตาที่หลั่งรินออกมาจากดวงตาที่ยังคงแข็งกล้าคู่นั้น

เจ็บไม่แพ้กัน...

เขาสำนึกแล้ว

“....ฮือ....ขอโทษ.....”

บดินทร์ร้องครางอย่างเจ็บปวด สองมือสั่นระริกที่ระยางไปด้วยสายน้ำเกลือค่อยๆขยับไปจับมือของสดายุที่อยู่ตรงหน้า อย่างหน้าไม่อาย เพราะไม่ได้ถูกสะบัดไล่ จึงค่อยๆซบใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงไปแนบ

ผิดไปแล้ว...

ผิดไปแล้ว...ผิด...จนไม่อาจสรรหาคำใดมาขออภัยจากเจ้าของมือคู่นี้ได้เลย

“สมควรแล้วที่มึงจะอิจฉากู...ดิน มึงสงสัยนักหนาใช่ไหมว่าทำไมกูถึงไม่สะทกสะท้านกับอะไรง่ายๆ...แล้วทำไมมึงถึงทำอย่างกูไม่ได้ นั่นก็เพราะมึงมันอ่อนแอไงล่ะ...อ่อนแอ อย่างกับหนอน ไม่สิ...หนอน มันยังรักชีวิต เอามึงไปเทียบกับมันก็สงสารหนอนเปล่าๆ...เพราะมึงอ่อนแอยิ่งกว่านั้น แถมยังไม่มีหัวคิดด้วย มึงเลยเป็นแบบนี้...จำคำกูไว้เลยนะ ถ้าจากนี้ไปมึงยังไม่ยอมปรับปรุงตัวเอง มึงเตรียมอิจฉากูไปทั้งชาติได้เลย...”

เสียงแหบพร่าก่นด่า ขณะปล่อยให้บดินทร์ซบกายสั่นระริกอยู่กับสองมือ และยอมให้คนที่เขาด่าทอใส่ไม่ยั้งนั้นเคลื่อนกายเข้าโอบเอวบางของตนอย่างง่ายดาย

เกลียด...แต่ก็ยอมให้กอด

โกรธ...แต่ก็เผลอยกมือขึ้นโอบศีรษะของบดินทร์ที่ซบอยู่ตรงหน้าอกเสียแล้ว


“...ทำไมมึงไม่บอกกูสักคำ หือ?...”


สดายุเอ่ยถามทั้งน้ำตา สองแขนสั่นไหวไม่แพ้ร่างในอ้อมกอด ในหัวใจสับสนวุ่นวายราวกับอยู่ในทางวงกต ใจหนึ่งก็ช่างเจ็บแค้น ใจหนึ่งก็แสนคิดถึง ถอยคำที่หลั่งไหลออกมาตอนนี้ทุกอย่างกลั่นออกมาจากใจทั้งสิ้น ไม่มีแล้วซึ่งคำต่อว่า หรืออารมณ์ชิงชัง ทุกอย่างมีเพียงความรู้สึกที่ติดค้างในหัวใจ...

“ถ้ามึงเล่าให้กูฟัง ไม่ว่าเมื่อไหร่กูก็พร้อมจะฟังแท้ๆ...เรื่องเพียงดาวท้องกับมึง  แค่มึงบอก...กูก็คงไม่ปฏิเสธมึงแน่ มึงก็รู้...เราเคยเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ...ทั้งๆที่กูรอให้มึงเล่าทุกอย่างให้กูฟังอย่างเคยๆ รอมาตลอด...ทำไม...มึงถึงปล่อยให้มันเป็นแบบนี้...หืม?...”

“...กู...ขอโทษ...ขอโทษจริงๆ....ฮือ....ยุ...กูขอโทษ...”

มีเพียงเสียงขอโทษแผ่วเบากับอ้อมกอดที่กระชับแน่นเท่านั้นที่แทนทุกความรู้สึกของบดินทร์ออกมา

จากนั้นก็ไม่มีคำใดๆหลุดออกจากทั้งคู่อีก

นอกจากเสียงสะอื้นเบาๆเท่านั้น...





“ดิน...กูอโหสิกรรมให้...เพราะกูจะถือว่าคนที่ชื่อบดินทร์ได้ตายไปจากชีวิตกูไปแล้ว...”

“แต่เรา...”

“คงกลับไปเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีก...”



“อย่าร้อง...จากนี้ไปมึงต้องอยู่ให้ได้...กรรมที่มึงสร้างขึ้นมาแล้ว ชดใช้มันซะให้จบ”




“เอาล่ะ...”

“นอนพักซะ...”

*
*
*
*
*


“เรื่องครั้งนี้ เป็นบทเรียนราคาแพงเลยนะ สำหรับบดินทร์” 

กฤตเมธเอ่ยขึ้น ขณะยังคงยืนกอดอกพิงกำแพง เสมองไปทางอื่นไม่ได้สนใจคนที่ยืนอยู่ข้างกายแม้แต่น้อย

“และมันก็เป็นบทเรียนที่มีค่ามากสำหรับนายด้วย ดนัย”

“.............” คำพูดของรุ่นพี่ที่เคารพ ที่วกมาจี้ใจดำทำเอาดนัยพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าที่เครียดเคร่งอยู่แล้วยิ่งตึงเขม็ง ถึงขนาดที่ว่าอยากจะอัดบุหรี่เข้าปอดสักฟอดใหญ่ มือเรียวขาวหยิบบุหรี่ตัวหนึ่งขึ้นมาคีบไว้ในมือ แต่ก็นึกขึ้นได้เสียก่อนว่าตรงนี้คือโถงหน้าห้องผู้ป่วย การสูบบุหรี่เป็นที่ต้องห้าม ชายหนุ่มชะงักงัน แต่มือที่คีบตัวบุหรี่นั้นยังคงค้างอยู่และเกร็งสั่นน้อยๆ ขนาดที่ว่ากฤตเมธยังรู้สึกได้

และพี่ชายใจดีอย่างเขา ก็ไม่ปล่อยโอกาสสั่งสอนให้หลุดมือ

“อย่างที่พี่เคยบอกนาย จุดยืนของคนเราไม่เท่ากัน อย่างที่แล้วๆมา คนที่นายกำจัดให้พ้นทาง จุดยืนของพวกนั้น อาจเข้มแข็ง อาจมีคนคอยหนุน ถึงจะล้ม ก็ยังอยู่ได้ แต่สำหรับคนบางคนจุดที่เขายืน อาจมีเพียงที่เดียวตรงปากเหวลึก ซ้ำตัวเขาเองยังอ่อนแอ จนแทบจะสิ้นแรงอยู่รอมร่อ เพราะฉะนั้น เพียงแค่โดนลมพัด เขาก็พร้อมจะร่วงหล่นลงเหวนั้นได้โดยง่าย...อย่างเช่นบดินทร์ไง...”

“...ผมไม่นึกว่าเขาจะตัดสินใจแบบนี้...ไม่นึกว่าคนที่หยิ่งผยองอย่างบดินทร์...”

“ดนัย...เราไม่มีสิทธิ์ตัดสินว่าคนคนนั้นเป็นยังไงแค่การมองหรอกนะ พี่บอกเลย พี่เองก็เคยพลาดมา โชคดีนิดหน่อยที่คนที่พี่ทำพลาด จุดยืนของเขาเข้มแข็งพอ แต่เชื่อเถอะ เรื่องความเลวร้ายที่เราเคยกระทำต่อกัน มันลบล้างกันไม่ได้กับความดีที่เราพยายามทำชดใช้หรอก”

“...หมายถึงสดายุน่ะเหรอ?”

“อือ...พี่กับเขาเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก พี่ทำไม่ดีกับยุเขาจนเกินขีดที่คนคนนึงจะให้อภัย กว่าพี่จะง้อเขาได้ใช้เวลาอยู่ตั้งนาน...และกระทั่งตอนนี้ พี่เองยังรู้สึกติดค้างกับยุมากยิ่งพี่รักและห่วงยุมากเท่าไหร่  พี่ยิ่งรู้สึกรังเกียจตัวเองในวันนั้น เคยคิดกระทั่งอยากกลับไปกระทืบตัวเองเสียทีที่ทำระยำขนาดนั้นกับยุได้ลงคอ...ความผิดแบบนี้น่ะ มันติดตัว ต่อให้ไม่มีใครรู้ มันก็จะยังคั่งค้างอยู่ในใจเราอยู่ดี...”

“...พี่...ขืนใจยุเหรอ?”

“...คนกำลังสั่งสอน อย่าย้อนน่า...”

“หึหึ...โอเคๆ..........เรื่องบดินทร์น่ะ...ผมอึ้งมากเลยนะ ที่จู่ๆ...เขาก็ตัดสินใจทำแบบนั้น...พี่เมธ...คนเรา มันคิดสั้นกันง่ายๆขนาดนั้นเลยเหรอพี่? เขาคิดว่าชีวิตที่เขาใช้มาถึงตรงนี้มันคืออะไรวะ?”

“เรื่องแบบนี้มันแล้วแต่คนว่ะ พอถูกรุมเร้าหนักเข้า บางคนเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไหวไง...บางครั้งความตายอาจเป็นทางที่สบายที่สุดในสายตาเขาก็ได้”

“...คิดอะไรโง่ๆ”

“นายก็ด้วย”

“.........”

“ดนัย ฟังพี่นะ ตอนนี้นายอาจจะแค่รู้สึกผิด ที่ตัวเองเป็นต้นเหตุให้บดินทร์ลงมือทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนั้น แต่ในสักวันหากนายรู้สึกรักบดินทร์ขึ้นมา นายจะรู้สึกแย่ยิ่งกว่านี้...”

“มันเป็นไปไม่ได้หรอกน่า พี่เมธ ผมจะไปรักเขาได้ยังไง?”

“พี่ก็แค่สมมติ...ร้อนตัวทำไม”

“...................”

“พี่ก็แค่พูดไว้ก่อน นายจะได้ทำใจรอไว้ เมื่อวันนั้นมาถึง”

“ทำใจ...ว่าจะรู้สึกผิดไปจนตายน่ะเหรอ?”

“ก็ด้วย แต่อีกเรื่องคือ...ทำใจว่าบดินทร์คงเกลียดนายไปทั้งชีวิตต่างหาก”

“...ก็น่าอยู่หรอก”

“เออสิ ขนาดพี่ที่เป็นคนดีขนาดนี้ ตอนแรกยุยังเกลียดพี่จะตาย ไม่อาศัยลูกตื้อในวันนั้น พี่เองก็คงไม่มีวันนี้ หึหึ”

“...นี่พี่จะเล่าเรื่องตำนานความรักของพี่ให้ผมฟังทำไมเนี่ย?”

“ก็แค่อยากบอก...ให้สำนึกได้แล้วว่า ควรไปขอโทษเขาเสียที”

“...............”

“ไม่ต้องมาทำเงียบ ทำมึน เรื่องที่นายทำมันผิด รู้อยู่แก่ใจ ใช่ไหม?”

“...................ก็รู้...แต่ฝ่ายนั้นก็....”

“ฝ่ายนั้นก็ผิด ใครๆก็รู้ พี่เองก็บันดาลโทสะไปหลายหมัดเหมือนกัน เพราะหน้ามืดที่เขามาทำคนของพี่  ส่วนนายจะเจ็บใจไปด้วยพี่ก็ไม่ว่า แต่สิ่งที่นายทำ มันเกินไปหน่อยหรือเปล่า? คิดบ้างไหม? พี่รู้ตัวนะ ว่าพี่เองก็มีส่วนผิด เราเจ็บใจ เราเดือดดาลที่เขามาทำคนที่เรารัก เราจึงลงมือทำร้ายเขา แล้วคิดว่ามันคือความยุติธรรม ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้หรอก ที่พอเขาทำร้ายเราเขาผิด แต่พอเราไปทำร้ายเขาแล้วเราไม่ผิดน่ะ ต่างคนก็ต่างผิดทั้งนั้น...”

“...พี่เมธ โคตรพ่อพระเลยอ่ะ สมฉายาเทพบุตรแห่งวงการสุดๆ”

“หึหึ...ก็ว่าไปตามหลักการแหละนะ เพราะเอาเข้าจริง มนุษย์ไม่มีทางยอมให้ใครมาก้าวก่าย ทำร้ายตัวเองโดยไม่ตอบโต้ได้หรอก เพราะงั้น เลยตื้บไปซะเยอะเลย”

“ฮะ ฮะ..ถามจริง พี่ไม่โกรธเลยเหรอว๊า”

“โกรธสิ เล่นเอาหน้ามืดเลยล่ะ...แต่ถึงตอนนี้ พี่ก็ได้แต่อโหสิกรรมล่ะนะ คนที่มีสิทธิ์เรียกร้องความจริงมันก็ไม่ใช่พี่ สดายุต่างหาก...”

“เฮ้อ...นั่นสินะครับพี่...ผมเอง...ก็คงพลาดไปแล้วจริงๆ...”

เหมือนกับว่าในที่สุดดนัยก็สามารถผ่อนคลายลงได้นิดหน่อย หลังจากได้พูดคุยกับกฤตเมธ พี่ชายที่คอยให้คำปรึกษากับเขามาตลอด แต่ถึงจะคลายความตึงเครียดลงได้แต่ความหน่วงในหัวใจก็ยังคงอยู่ครบถ้วนอยู่ดี

ความคึกคะนองลำพองตนว่าแน่ ผลักดันให้เขาเผลอกระทำเรื่องที่ถือว่าเลวร้ายระดับสุดยอดลงไปซะแล้ว ต่อให้คนที่รับมันคือคนอย่างบดินทร์  แต่ผลมันก็ยังร้ายกาจมากอยู่ดี...พลาดไปซะแล้ว

สภาพของผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ที่ในยามปกติดูองอาจผึ่งผาย ใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มแสนกลตลอดเวลา ตอนนี้ กลับดูราวเด็กเล็กที่ทำความผิดมหันต์และรอการลงทัณฑ์จากผู้ปกครอง ใบหน้ายับยู่น่าสงสาร จนกฤตเมธยังอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปยีศีรษะที่ก้มต่ำนั้นแรงๆ แทนการปลอบโยนเสียที

“เรื่องมันเกิดไปแล้ว เรากลับไปแก้อะไรมันไม่ได้หรอกนะ หนทางต่อจากนี้ต่างหากที่สำคัญ ว่านายจะเลือกเดินทางไหน”

คำปลอบโยนของพี่ชาย เรียกให้คนก้มหน้าก้มตา ได้เงยขึ้นมามองหน้าเป็นครั้งแรก

“....แล้วผม...ควรทำยังไงดีอ่ะพี่ พูดจริง ตอนนี้นะ ผมตึ่บไปหมด...”

ดนัยเอ่ยถามกฤตเมธด้วยน้ำเสียงเครือพร่า คนอย่างดนัยไม่เคยพลาดขนาดนี้มาก่อน จะทำอะไรวางแผนอย่างดีทุกครั้ง และเหยื่อของเขาแต่ละคน ก็เจียมเนื้อเจียมตัวกันขึ้น ไม่เคยมีใครคิดปลิดชีวิตตัวเองแบบบดินทร์

ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จึงทำให้ดนัยคิดหนัก แน่นอนว่าชายหนุ่มโทษตัวเองทั้ง 100% ว่าเขาเองที่เป็นคนทำให้เรื่องราวมันดำเนินมาในทางที่เลวร้ายกว่าที่เป็นอยู่...

การเป็นต้นเหตุให้ใครสักคนหนึ่งคิดฆ่าตัวตาย มันช่างเลวร้ายจนดนัยคิดไม่ถึง หัวใจของดนัยเจ็บร้าวหน่วงหนัก

ปกติเขาทำเลวร้ายต่อใครหลายๆคนที่เลวร้ายใส่เขากับพวกพ้องก่อน ใช้ศาลเตี้ยตัดสินโทษทัณฑ์คนเหล่านั้นให้สาสมใจ จนอยู่ร่วมสังคม ทนเห็นหน้ากันไม่ได้ รู้สึกสะใจในทุกครั้งที่เห็นคนเหล่านั้นล่มจมไปต่อหน้า

แต่ตอนนี้ เขาไม่รู้เลยว่ากำลังรู้สึกยังไงกับคนในห้องนั้นกันแน่  สงสาร สมเพช เห็นใจ รู้สึกผิด...

ไม่รู้...ไม่รู้ว่าควรทำยังไงกับคนในห้องนั้นต่อไป

ปล่อยทิ้งไว้ เหมือนพวกที่เคยผ่านมือเขาอย่างเคยๆเหรอ?

ไม่...

ไม่รู้ทำไม...

แต่เขารู้สึกว่า...เขาทำไม่ได้

เขาปล่อยบดินทร์ไปตอนนี้ไม่ได้...



“พี่ว่านายมีคำตอบของตัวเองอยู่ในใจแล้วล่ะ”

กฤตเมธพูดออกมาเพียงแค่นั้น ก่อนเอื้อมมือไปตบตรงไหล่ของดนัยเบาๆ เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้คำพูดของตน




“ขอโทษที่ให้รอครับ”

ปล่อยความเงียบปกคลุมบริเวณอยู่ใด้ครู่หนึ่ง สดายุก็เปิดประตูออกมา  กฤตเมธกับดนัยถึงกับหันมองเป็นตาเดียว ว่าใบหน้าของสดายุนั้นมีลางดีหรือลางร้าย ทว่า ใบหน้าคมคายนั้นกลับนิ่งสงบ ไม่มีริ้วรอยแห่งความโกรธเกลียดเคียดแค้น ไม่โมโห หรือแม้กระทั่งความยินดี

นิ่งสงบ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในห้องนั้น

แล้ว...ทั้งคู่คุยอะไรกันบ้างนะ?

“กลับกันเถอะครับ เราต้องรีบไปกองถ่ายกันแล้ว เดี๋ยวจะสาย” เห็นว่าสองหนุ่มยังคงนิ่งอึ้งกับท่าทีของตน สดายุก็ได้แต่ยักไหล่ให้ แล้วออกปากเรียกกฤตเมธกลับออกไปด้วยกัน วันนี้พวกเขามีนัดถ่ายฉากเก็บตกช่วงกลางคืนถึงรุ่งสาง แม้สดายุจะเพิ่งฟื้นร่างกายจากยาสลบ แต่ชายหนุ่มก็คิดว่าตัวเองยังพอไหว เลยไม่คิดจะขอหยุดพัก เพราะไม่อยากเป็นภาระให้กองถ่ายต้องรวนไปเพราะตน

“อ่า...เออ พี่กลับก่อนนะดนัย ไว้คุยกันใหม่” ถูกคนรักเรียกตัว กฤตเมธก็ไม่รอช้า เอ่ยลาน้องชายกลับไปก่อน

“ครับ...แล้วเจอกันนะยุ” ดนัยโบกมือลาพี่ชายน้อยๆ โดยไม่ลืมกล่าวลาสดายุด้วย

“อือ...แล้วเจอกัน” สดายุพยักหน้าตอบรับ ยิ้มให้น้อยๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไป พร้อมกับกฤตเมธ

แต่ก่อนที่จะเดินจากไป กฤตเมธได้หันกลับมาพูดสิ่งหนึ่งกับดนัย

“คนเรา...ไม่มีสิทธิ์ตัดสินชีวิตใคร เหมือนกับที่ไม่มีใครมีสิทธิ์ตัดสินชีวิตของเรานะ...จำเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้แล้วกัน นายจะได้โตขึ้นเสียที”

“...ขอบคุณครับ...พี่เมธ”

คำสอนสุดท้ายของพี่ชายที่เคารพรัก เป็นไปด้วยความจริง และสัจธรรมของผู้ที่ผ่านโลกมามากกว่า ทุกคำแนะนำที่เขาได้เคยได้จากกฤตเมธมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการล้วนมีแต่เรื่องดีๆ ที่สามารถทำให้เขายังสามารถเป็นที่รัของคนในวงการต่อไปได้ทั้งนั้น

ครั้งนี้ก็เช่นกัน

คำสอนของกฤตเมธ จะตราตรึงในหัวใจของเขาไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน

*
*
*
*
*

ดนัยเปิดประตูเข้ามาในห้องในที่สุด หลังจากยืนนิ่งเงียบอยู่ตรงหน้าห้องเนิ่นนาน

ทันทีที่เข้ามาได้คนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ ก็ผินหน้ามามองทางเขาเล็กน้อย ใบหน้านั้นซีดขาว แต่ดวงตาแดงช้ำราวกับผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา ประกอบกับริมฝีปากและปลายจมูกที่แดงระเรื่อ เป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาเพียงครู่เดียว คนคนนั้นคงจะร้องไห้อย่างหนักอยู่

ดนัยยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าประตู ไม่แม้แต่จะขยับกาย หรือพูดทักอะไรออกไป ต่างฝ่ายต่างเงียบงัน  แต่ดนัยยังคงจดจ้องไปทางร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงนั้นไม่วางตา ใบหน้าราวรูปสลักของผู้จดจ้องไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมา ดวงตานั้นหรือก็ว่างเปล่า ไม่หลงเหลือแล้วซึ่งความหยิ่งผยอง หรือกระแสคุกคามที่เจ้าต้วมักแสดงออกทุกครั้งยามสบตา

เนิ่นนานที่ทั้งสองมองหน้ากัน

และสุดท้ายก็เป็นบดินทร์เอง...ที่ละสายตาเบือนหน้ากลับไปในที่สุด

จากนั้นก็หลับตาลง ทิ้งหยาดน้ำหยดสุดท้ายกลิ้งผ่านแก้มสู่หมอนนิ่ม อย่างเงียบงัน


********************************************
ขอโทษที่มาช้านะคะ
ช่วงสิ้นปี งานค่อนข้างหนักค่ะ เรียกได้ว่า เสาร์-อาทิตย์ก็แทบไม่ได้หยุด T^T
ผนวกกับการปลุกปล้ำหนังสือเรื่อง ‘เกลียวบาป’ ด้วย เลยยิ่งทำให้แทบหมดพลังชีวิตกันเลยทีเดียวค่ะ
ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ

ต่อให้คนจะเลวจะชั่วยังไงก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขืนอย่างนี้อ่ะ
ไม่ค่อยชอบนิยายที่มีฉากประเภทข่มขืนนี่เลยเหมือนเป็นการส่งเสริมการข่มขืนอย่างหนึ่งนะประมาณว่าข่มขืนแล้วได้เป็นพระเอกเดี๋ยวก็แฮปปี้เอ็นดิ้งนางเอกรักไรเนี่ยเหอๆ

ขอโทษนะคะที่ทำให้อ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจ (T^T) เผลอดำเนินเรื่องมาในทิศทางนี้เสียแล้วคงไม่สามารถกลับลำทันเสียใจนะคะหากต้องทำให้เสียความรู้สึกจนเสียผู้อ่านดีๆไปอีกคนแต่คงต้องแจ้งว่าที่ปูทางมาแนวนี้ก็เพื่อให้ผลมันออกมาอย่างเช่นตอนนี้ค่ะมันอาจดูหนักหนาสาหัสและดูไม่สมเหตุสมผลต้องขออภัยทั้งคุณindy❣zakaและท่านผู้อ่านอีกจำนวนไม่น้อยที่อาจไม่ชอบแนวนี้มากๆด้วยนะคะสิ่งที่คุณindy❣zakaว่ามามันก็เป็นเรื่องจริงที่ทำให้สะอึกจนเขียนต่อไม่ถูกจริงๆนั่นแหละค่ะคงพูดอะไรไม่ออกนอกจากคำว่าขอโทษจริงๆค่ะ

นิยายเรื่องนี้ช่วงหลังอาจดาร์กไปหน่อยนะคะเนื้อหาอาจดูหนักไปหรืออาจไม่ค่อยสมเหตุสมผลอนาคีต้องขอโทษต่อผู้อ่านทุกท่าน
ที่อาจละเหี่ยใจกับนักเขียนที่เขียนเนื้อเรื่องเอาแต่ใจเหลือเกิน...(T^T)

ไหนๆก็จะจบในไม่ช้าแล้ว...
ได้โปรด...กัดฟันทน...อยู่กันไปจนจบนะคะ
Pleaseeeee….

ขอบคุณที่ยังติดตามนะค๊า

ปล. เพิ่งจะเข้าไปดูผลเซ็งเป็ดมาค่ะ...หลังจากไม่ได้เข้าบอร์ดเสียนาน
ตกใจเล็กน้อยที่น้องชิดจันทร์คนสวยติดโหวตตัวร้าย โอ้ว...นี่นางร้ายขนาดนั้นเลยหรือนี่ อิอิ

ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านนะคะที่ช่วยร่วมโหวตให้
จนสามารถติดโผเซ็งเป็ดกับเขาได้ ปลื้มปริ่มจริงๆค่ะ

ปล. 2 ช่วงปลายปีงานหลวงอนาคีค่อนข้างยุ่งค่ะบางสัปดาห์เสาร์-อาทิตย์ก็ต้องทำงานT^T
เลยอาจทำให้การลงแต่ละตอนช้านานเหลือเกินและทำให้แต่ละตอนยาวเป็นวรรคเป็นเวรด้วย
เนื่องจากอนาคีต้องออกนอกพื้นที่บ่อยเลยทำให้ต้องไปเขียนข้างนอกตลอด
แต่ง...แล้วเก็บไว้สะสมไปเรื่อยๆจนกว่าจะมีโอกาสลงในบอร์ด
ต้องขอโทษจริงๆนะคะอยากมาบ่อยๆเหลือเกินค่ะ
แต่ช่วงนี้โอกาสอาจไม่อำนวยรอกันอีกหน่อยนะคะ
ไม่ได้หายไปไหนนะจ๊ะยังมาลงอยู่เนืองๆค่ะแต่อาจช้าสักหน่อย
ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าเลยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
อนาคี99

ชี้แจงเรื่องการสั่งซื้อนิยายเรื่องSin spiral_เกลียวบาป“แฝด”    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37182.msg2885422#msg2885422)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 04-12-2014 02:37:39
 :z13: :z13: :z13:


____________________
แฮ่ รีบแวะมาจิ้มก่อนอ่าน ดีใจได้จิ้มเรื่องนี้ซักครั้ง T ____ T //อะไรของนาง
เข้าเรื่องค่ะๆ คือจะบอกว่ายาวมากกกกกก จากที่จิ้มไปอ่านแบบ เป็นนิยายที่ตอนเดียวยาวที่สุดเท่าที่เคยอ่านมาจริงๆค่ะ
เริ่มเม้นแทบไม่ถูกเลย .. ก่อนอื่นบดินทร์ กรีดข้อมือถ้าไม่ลึกพอไม่ตายนะนาย แถมไม่แช่น้ำอุ่นให้เลือดมันไหลคล่องๆด้วยเนี่ย
จริงๆโอกาสตายไม่มากนะคะ แต่อ่านแล้วน้ำตาร่วงตามเลยจริงๆ คือเราก็ชอบเพลง Safe & Sound อยู่แล้วด้วยแหละค่ะ
เรียกว่าไม่ต้องเปิดฟังก็ร้องตามในใจได้ น้ำตาเลยปริ่มๆแล้วก็ร่วงจนได้ สงสารบดินทร์นะ พลิกบทเค้าไปเยอะเหมือนกัน
หลายๆมิติ หลายๆมุมที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้สัมผัสก็เทมาแบบโครมเดียว เล่นเอาตั้งตัวไม่ทันเหมือนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะทำใจรับได้นะคะ
เพราะสิ่งที่เจ้าตัวทำก็ร้ายน้อยซะเมื่อไหร่ .. จะโทษว่าเป็นเพราะพ่อสั่ง(เรื่องน้องเพียงดาว)หรือชิดจันทร์สั่ง(แล้วกลัวตาย)มันก็นะ
ที่จริงมองลงไปลึกกว่านั้นต้นเหตุมันก็มาจากการกระทำของตัวบดินทร์เองนั่นแหละ ถ้าไม่มีอะไรกับน้องมีหรือจะท้องได้ ?
ถ้าไม่ไปเล่นการพนันมีหรือจะถูกชิดจันทร์ใช้เป็นเครื่องมือ ? เพราะฉะนั้นคงไม่สงสารถึงแม้จะเลือกทางออกโง่ๆก็เถอะ
รู้สึกว่าทำอะไรก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาน่ะค่ะ (ใจร้ายไปหน่อยไหมเนี่ย ; ____ ;)

ส่วนเรื่องของดนัย .. พี่เมธนี่สมฉายาจริงๆค่ะ 5555555555 อ่านพี่เมธเทศน์ เอ้ย สอนดนัยตามแล้วซึ้งเลย ..
ไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์โดนทำร้ายทั้งนั้นแหละเนอะ ทุกอย่างก็ควรให้มันเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม(ที่แม้จะหาได้ยากยิ่งในประเทศสารขัณฑ์ก็ตาม) นึกถึงการ์ตูนเด็กๆที่เราชอบดูเลยค่ะ โคนันก็เคยพูดไว้เหมือนกันว่าไม่มีใครสมควรได้รับความตาย ถึงคนๆนั้นจะเป็นฆาตกร เราก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินโทษของใคร ซึ้งเลย T T

พอดีอ่านแล้วเจอคำผิดด้วย ขออนุญาตแก้ให้นิดนึงนะคะ มันผ่านตาพอดี แฮ่ะๆ (_ _)/
มาตรม -> มาตาม
กระชอับ -> กระชับ
ต่างๆนาๆ -> นานา
ขนาดนัย -> ขนาดดนัย
สมธิ -> สมาธิ
ตื้อ -> ตื๊อ
ได้รับทรศัพท์ -> โทรศัพท์
ผมกรรม -> ผลกรรม
ถื่น -> ถี่
เสียงแสบเสน่ห์ -> แหบ
เย็นเย็บ -> เยียบ รึเปล่าคะ ? ไม่ค่อยแน่ใจ
สดๆร้อนไ -> ร้อนๆ
ที่รัของคน -> ที่รัก
 
เป็นกำลังใจให้ไรเตอร์นะคะ .. มาตามอ่านเกลียวบาปแฝดไม่ทันตอนที่เปิดรวมเล่ม เลยไม่ได้สั่งจองไป
เพิ่งรู้ว่ามีปัญหาก็ตอนนี้เอง อยากเป็นกำลังใจให้มากๆเลย คือไรเตอร์ไม่ได้ผิดอะไรเลยค่ะ ทำดีที่สุดในส่วนของตัวเองแล้ว
ไม่ต้องคิดมากนะคะ เราเชื่อว่าผู้อ่านทุกท่านมีวิจารณญาณแน่นอน สู้ๆต่อไปนะคะ กอดๆ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 04-12-2014 02:47:30
ขอบคุณมากค่ะ รอนานหน่อยแต่มาแบบถึงใจมาก  :กอด1:

บดินทร์นี่เป็นคนเลวที่น่าเห็นใจ  ก็คงได้แต่หวังว่าต่อไปจะเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ออกนอกลู่นอกทาง  ดนัยก็น่าจะเป็นที่พึ่งทางใจให้ได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: NIMME ที่ 04-12-2014 03:23:45
ยาวสะใจมาก อ่านไปน้ำตาไหลเป็นลิตร
ตอนนี้รู้สึกสงสารดินมาก
ดนัยอยู่กับดินก่อนนะ เพราะตอนนี้ดินไม่เหลือใครแล้ว
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: kissu111 ที่ 04-12-2014 03:28:25
สมกับการรอคอยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 04-12-2014 04:57:06
อ่านตาแฉะเลย น้ำตาอ่ะนะ  :hao5:
คือเราสงสารดินอ่ะ สงสัยเราใจอ่อนฮือๆๆๆๆ
คือยุก็เจอมาเยอะ ถือว่านี่เป็นผลกรรมของดินเนอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 04-12-2014 06:44:20
น้ำตาร่วงเผาะ ๆ ถึงแม้ว่าจะแอบคิดว่าอาจต้องมีฆ่าตัวตาย

แต่พออ่านแล้ว บีบอารมณ์สุด ๆ แต่ก็ดีแล้วที่อยู่ จะได้แก้ไขให้มันดีขึ้น

อย่างน้อยเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใคร ดิน คนทำผิดก็มีโอกาสแก้ตัวนะ แต่อย่าใช้พร่ำเพรื่อ

มีโอกาสกลับมา ทำให้มันดีที่สุดนะ ไฟท์ !!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-12-2014 07:27:53
เข้าใจกันซะที มีความรู้สึกเหมือนชีวิตไม่ตกค้างอะไรกันละ :เฮ้อ:
ทีนี้ก็เหลือแต่เรื่องหนี้นี่แหละ
เอาไงดี เรื่องเงินเรื่องหย่ายยยยย
แอบเชียร์คู่บดินทร์ดนัยนะเนี่ยย :กอด1:
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 04-12-2014 09:13:32
มาต่อแล้ววว

จบปัญหาไป40%ได้มั่งเหลือยัยชิดจันอีก

จะติดตามอ่านจนจบเลยครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 04-12-2014 09:16:16
อ่านแล้วน้ำตาไหล สงสารบดินทร์มากความผิดทุกอย่างมันรุมเร้าไปหมด ยิ่งตอนที่กำลังจะตาย โฮ ยิ่งโคตรเศร้า
จากนี้ไปบดินทร์จะทำอะไรต่อหล่ะเนี่ย วงการก็อยู่ไม่ได้ ครอบครัวก็กลับไปไม่ได้ ไม่มีที่ให้ยืนเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 04-12-2014 09:43:47
อ่านจนจบกับตอนนี้ นี่คือรู้สึกดีมากที่ไม่แบ่งพาร์ทๆ ถ้าปบ่งนี่คงขาดใจตาย เลื่อนสกอรืบาร์ทีนี่ตุ้มๆต่อมๆว่าจะตัดจบตอน เพิ่งสังเกตเห็นทีหลังว่าเขียนไว้ว่า 5 reply กลายเป็นยาวสะใจเลยทีเดียวเชียว

บอกเลยร้องได้น้ำตาท่วมไปจ๊ะ ฉากฆ่าตัวตาย อ้านแล้วแบบใจตึกๆๆๆๆๆเลยอ่ะ ยิ่งเปิดเพลงฟังไปด้วยเจ็บอ่ะ ใจแทบขาดเลย  บอกเลย
ชอบข้อคิดเรื่องจุดยืนของพี่เมธมากอ่ะ อ่านแล้วแบบกินใจสุด

จะรอตอนต่อไปนะ ติดตาม :))))
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-12-2014 09:51:38

อุ้ย!!!!

ใส่เครื่องหมายตกใจเยอะๆ

แบบว่าตกใจจริง เพราะว่าท่านหายไปนานเชียว

ข้าเจ้านึกว่าจะต้องรอข้ามปีเสียอีก(ว่าไปนั่น)

เหมือนอะไรหลายๆจะเริ่มคลี่คลายแล้วมั้ง?

รอดูคนผิดตัวจริงรับโทษที่ตัวเองก่อดีกว่า

ปูเสื่อรอต่อ อิอิ

:)

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-12-2014 10:03:09
 :ling1: ง่ะ น้ำตาท่วมคีย์บอร์ด
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 04-12-2014 10:21:34
น้ำตาร่วงเผาะๆเลย ฮื่อออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: narunarutoboyz ที่ 04-12-2014 10:50:08
ใจหายแทนดินเนอะ สุดท้ายก็ไม่เหลือใคร อยู่ตัวคนเดียว แถมยังไม่มีที่ให้ยืนในสังคมอีก แล้วจากนี้จะทำอะไรกินอ่ะ
น่าเป็นห่วงนะ ถึงเเม้จะต้องเป็นยังงี้เพราะทำตัวเอง กรรมใครกรรมมันก็เถอะ แต่ก็อดสงสารเวทนาไม่ได้อยู่ดี
ยิ่งรู้ว่าเค้ารู้สึกผิด สำนึกได้จริงๆยิ่งรู้สึงเเย่เข้าไปใหญ่ เอาเข้าจริงๆก็ไม่เคยหวังอะไรกับดนัยหรอกนะ
เรารู้สึกเสียดายแทนดินกับยุ ความสัมพันธ์ของเพื่อนมากกว่า จริงๆยุนี่ลอยลำไปแล้วล่ะ จะมีหรือไม่มีเพื่อนอย่างดินก็สบายมาก
และเราก็เข้าใจยุนะว่าถ้าเจอยังงี้ก็คงทำใจลำบากที่จะกลับเป็นเพื่อนกัน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเวลาจะช่วยได้มั๊ย
ก็ปล่อยให้มันเป็นไปละกัน สุดแท้แต่เวรกกรมละกันเนอะ เราเเค่รู้สึกว่ามันน่าเศร้าถ้าจากนี้จะเหลือเพียงเเค่ "เคยเป็น"

เรื่องพ่อนี่เราขอเข้าข้างดินได้ป่ะ ไม่รู้สิก็ถ้าพ่อดีจริงคงไม่ใส่ร้ายยุตั้งเเต่เเรก
หรือจะบอกว่าปกป้องลูกชายตัวเองเลยโยนความผิดไปให้ยุ แหม่ ตลกร้ายนะคะคุณพ่อ
สรุปคุณพ่อได้เห็นถึงแก่นแท้ของลูกเลี้ยงตัวเองรึเปล่าคะ? อันนี้อยากรู้ม๊ากมากกกก
คือเราไม่รู้นะว่าเมียใหม่คนนั้นดีเลวยังไง หรือดินอาจอคติไปเอง อันนี้ก็ไม่ทราบได้
แต่ที่รู้ๆคือเวลาลูกลำบาก มีคนตามฆ่าขนาดนี้ยังทิ้งลูกได้นี่ก็...นะ หรือความเป็นพ่อลูกมันตัดกันได้ง่ายกว่าความเป็นแม่ลูก
ทีลูกคนอื่นดั๊นนนนนไปเข้าใจ เห็นใจ ปกปิด บิดเบือน ใส่ร้ายคนอื่น ตัวเองต้องทำเลวร้ายเเค่ไหนก็ยอม หึหึหึหึ
ก็..แบ่งๆกรรมกันไปนะคะคุณพ่อ นี่ก็คือผลจากการกระทำของคุณพ่อเหมือนกัน น้อยกว่าที่ดินเจอด้วยซ้ำเนี่ย!!! o16

อ่านๆดูเหมือนจะเห็นใจดินซะเหลือเกิน ทั้งๆที่คนโดนกระทำคือยุ.... ก่อนหน้านี้ 40 กว่าตอนที่ผ่านมาเห็นใจยุมาตลอด
ตอนนี้ก็ยังเห็นใจ และดีใจที่ยุพ้นมลทินทุกๆอย่าง ดังนั้น....ตอนนี้เค้าขอก็แบ่งไปให้ดินบ้างเนอะ
งื้ออออ อย่าว่าเค้าเลยยย  :ling3:

ตอนหน้า!!!!!! จะได้เห็นผลของการกระทำของยัยชิดจันทร์แล้วใช่มั๊ย จะรอดูอย่างใจจดใจจ่อเลย
อดีตเธอน่าสงสารก็จริง เราก็เห็นใจและยังโกรธแทนเธอด้วย เเต่เธอไม่มีสิทธิ์มาทำลายชีวิตคนอื่นที่ไม่รู้เรื่อง
ไม่เกี่ยวข้องกับเลยสักนิดอย่างกฤตและยุ ทีหลังถ้าจะทำก็กลับไปทำครอบครัวพ่อตัวเอง ต้นเหตุที่แท้จริงโน่น!!! ดวก!!!

และตอนหน้าขอลุ้นอย่างหน่วงๆถึงสิ่งที่ตามมาของดินด้วยนะคะ อันนี้เหมือนรู้ลางๆทำใจเเล้วล่ะค่ะ เฮ้อออออ สู้ๆนะดิน
อะไรที่ทำด้วยใจจริง ที่คิดดี ทำดีเเล้ว ซักวันทุกอย่างมันก็จะดีเอง ตอนนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะและอาจจะนานด้วย
อย่าเพิ่งท้อล่ะ ท่องไว้...นี่คือโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่
 :เฮ้อ: :กอด1:

เป็นกำลังใจให้คนเเต่งนะคะ ทุกๆเรื่ือง ทุกๆอย่าง ตอนหน้าเจอกันค่ะ
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-12-2014 12:59:21
สะเทือนใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: กฤษณ์ ที่ 04-12-2014 14:37:02
ก่อนอื่นก็..ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
เรารักในการเขียนของคุณที่สุดเท่าที่เคยอ่านงานเขียนในนี้มา
การที่ทำการอะไรก็ตามที่เลวร้ายกับคนอื่น ถึงจะมีเหตุผลแค่ไหนแต่มันก็ไม่สมควร
เราก็รอลุ้นคุณอยู่ ถ้าคุณคนเขียนให้สดายุให้อภัยง่ายๆหรือเลิกแล้วต่อกันแบบไม่สืบสาวเล่าความอะไร ไม่ให้เกิดความรู้สึกผิดแก่ใคร ปล่อยเรื่องนี้ดำเนินต่อไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราเลิกอ่านค่ะ
แต่เมื่อเปิดมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ ยิ่งทำให้เรารักการเขียนของคณเข้าไปใหญ่
มันแสดงถึงอารมณ์บีบคั้นจนปวดหัวใจ ทำให้เราเข้าถึงความรู้สึกของแต่ละคน
เกิดอารมณ์ต่างๆ เกิดบทเรียน เกิดการเข้าใจในแต่ละคน
มันยากมากที่จะสามารถชักนำคนอ่านให้ไปตามเรื่องได้ขนาดนี้..
อีกอย่างที่รักคือบทลงโทษค่ะ.. ไม่ใช่ว่ามันสาสม.. แต่มันเป็นอะไรที่ทำให้คนๆนึงที่ผ่านบทนั้นสำนึกผิดได้จริงๆ สำนึกผิดหมดใจ ทุกอย่างถูกเคลียร์จนรู้เรื่อง ไม่ใช่สักแต่จะฆ่าตัวตาย เป็นบ้า หรือโดนขังคุก

สุดท้ายก็อยากจะขอบคุณอีกทีที่ได้นำเรื่องราวดีๆมาแบ่งปันกันนะคะ ขอบคุณมากค่ะ หนังสือออกเมื่อไหร่จะสู่ขอทันที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: beauty73 ที่ 04-12-2014 15:06:15
ต่อให้คนจะเลวจะชั่วยังไง  ก็ไม่มีสิทธิ์ไปข่มขืนอย่างนี้อ่ะ
ไม่ค่อยชอบนิยายที่มีฉากประเภทข่มขืนนี่เลย   เหมือนเป็นการส่งเสริมการข่มขืนอย่างหนึ่งนะ  ประมาณว่าข่มขืนแล้วได้เป็นพระเอก เดี๋ยวก็แฮปปี้เอ็นดิ้งนางเอกรักไรเนี่ย เหอๆ

เราเห็นด้วย o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 04-12-2014 16:38:52
มัส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากรู้ตอนต่อไปของยัยสองแม่ลูกนั้นจะเป็นไง :ruready :ruready
ปล.ตอนนี้ยาวสะจายมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 04-12-2014 17:16:08
น้ตาจะล่วงตามเลยคะ สงสารบดินอะ ดนัยจะทำยังไงต่อนะ รับบดินไปเลี้ยงดูเล่นไรงี้หรือเปล่า คะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 04-12-2014 17:41:16
มายาวมากๆ

อินมากเลย น้ำตาไหลล  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-12-2014 18:01:48
ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกออกมาได้ แบบไม่รู้สิ ไม่รู้จะเห้นใจใครดี

รอตอนต่อไปดีฟ่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 04-12-2014 18:38:46
เจ็บจี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดเลยคะ :ling1: :ling1:
ดราม่าน้ำตานองเลยทีเดียว :hao5:  เรียนสอนอะไรหลายอย่างๆ  ตัวละครทุกตัวล้วนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองทั้งด้านดีและไม่ดี ซึ้งก็พบเห็นได้ทั่วไปในสังคมของเรา  ไม่ใช่นิยายโลกสวยแต่เอาใจไปเต็มเลยๆ :katai2-1: :katai2-1: เตือนสติได้ดีมากว่าทุกคนต้องได้รับผลของการกระทำของตัวเองยิ่งเรื่องเลวๆยิ่งต้องได้รับผลลงโทษอย่างที่สุด :fire: เอาสะเกือบหลงบดินทร์อยู่เหมือนกัน  แต่ถ้าบดินทร์กลับใจก็ขอให้รับผลของการกระทำตัวเองให้ได้นะ เข้มแข็งเข้าไว้นะ  :3123: ส่วนชิดจันทร์ตื่นมาจากโลกที่เต็มไปด้วยความเครียดแค้นสักทีนะมีคนรอเธออยู่ คนที่พร้อมให้อภัยเธอทุกอย่าง :heaven :heaven

ปล. เค้าสงสารบดินทร์ขอฉากที่นางมีความสุขบ้างนะ มันดาร์กเกินไป หัวใจคนอ่านมันอ่อนแอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-12-2014 19:40:18
 :m15: อ่านไปน้ำตาก็หยดออกมาเอง กว่าจะจบตอนหมดน้ำตาไปเป็นปี๊บๆ ครบสูตรทั้งน้ำมูก ทั้งสะอื้น

คนอ่านหมดสภาพเลย อินจัด อะไรมันจะเศร้าได้ขนาดนี้  :sad4:  ย้อนกลับไปอ่านรอบที่สอง น้ำตาก็หยด

เลยกลับมาเม้นก่อน :hao5:  เขียนได้ดีเกินไปแล้ว ในชีวิตจริงไม่ค่อยได้ร้องไห้เท่าไหร่  มาเสียกับนิยายนี่ล่ะ :mew6:   
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-12-2014 20:31:29
น้ำตาไหลเลย ยอมรับว่าเราสงสารดินมานานมากแล้ว ซึ้งมากตอนแต่งตัวเป็นของจากพ่อและยุ ตุ๊กตาของทุกอย่างของแฟนคลับอีก เรารักดิน อ่อนแอได้แต่ต้องหัดเข้มแข็งให้ได้นะ มีโอกาสแก้ตัวแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: yaoisamasang ที่ 04-12-2014 20:40:44
อ๊าก เรื่องนี้มาม่ามาเต็ม ตั้งหม้อแล้วตั้งหมออีก หม้อก้นไหม้แล้วนะเฮ้ยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-12-2014 20:43:33
โอ้ มาทีแบบจุใจเลยย  o13
เฮ้ออ แล้วต่อไปดินจะเป็นยังไงบ้างน้าา  :เฮ้อ: สู้ๆนะดิน  :กอด1:
รอนะฮะ  :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 04-12-2014 20:59:55
 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-12-2014 21:02:13
คิดถึงจังค่ะ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 04-12-2014 21:23:18
 :mew6: เศร้าค่ะ แต่สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 04-12-2014 21:46:50
ทางออกของบดินทร์น่าสงสารมากกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-12-2014 22:24:29
เฮ้อออ
เป็นตอนที่ทำให้รู้สึกหม่นจริงๆเลยน้ออออ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: OraeiAiYamapi ที่ 04-12-2014 22:39:50
อ่านมานานเป็นชั่วโมงละ คืออ่านไม่จบสักที ร้องไห้ ---> อ่านต่อ --->ร้องไห้ ---> อ่านต่อ --->ร้องไห้
เราเป็นแฟนคลับบดินทร์นะ เราว่าทุกคนมีปม มีความคิดที่ไม่เหมือนกัน มีความกลัวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจะให้ทำทุกเรื่อง
ตามใจคนอื่นให้ถูกต้องเสมอไปไม่ได้หรอก เราชอบวิธีการดำเนินเรื่องของคุณนะคะ 
บดินทร์ก็คือมนุษย์คนนึง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 04-12-2014 22:53:16
ตอนนี้... พูดได้คำเดียวเลยว่า ยาววววววววววววววววว มากจีๆ  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 04-12-2014 22:59:53
ชอบเรื่องนี้นะ ดีใจที่เปิดมาเจอมาม่าคลี่คลาย
ไม่อยากซ้ำเติมคน บดินทร์เกือบไปแล้ว
หวังว่าคิดได้ ชืวิตยังไม่สิ้นดิ้นกันต่อไป
ดนัยน่าจะช่วยได้เรื่องเจ้าหนี้ (มั้ง)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 05-12-2014 00:44:28
นึกว่าตัวเองตาฝาด ฮ่าๆ
อัพแล้วววววววว
อิ่มจุใจมากกกกกก (ตอนหน้าขอยาวเว่อร์แบบนี้อีกนะคะ..ชอบ อิอิ)
เรื่องคราวนี้ต่างฝ่ายต่างได้รับบทเรียนกันไป
โดยเฉพาะบดินทร์..มีชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิมให้ได้ อุตส่าห์ได้รับชีวิตใหม่แล้ว
แม้มันจะยาก แต่ก็อยากเห็นบดินทร์เข้มแข็งขึ้นกว่านี้อ่ะ
รอตอนหน้าอย่างใจจดจ่อเลยล่ะ
อยากเห็น
อยากอ่าน
อย่าหายไปนานนะ
คิดถึงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 05-12-2014 01:10:36
บดินทร์สำนึกแล้ว
สำนึกอย่างที่สุดเลยด้วย

เชื่อว่าต่อจากนี้สักพักนึงชีวิตดินก็ยังคงจะตกต่ำอยุ่แหล่ะ
ไหนจะที่ยืนบนสังคม หนี้สิน ครอบครัว

แต่เราเชื่อว่ามันจะดีขึ้นนะ
ถ้าดินได้ก้าวข้ามและผ่านพ้นช่วงนั้นไปได้แล้ว

เราแอบนึกภาพ ดินย้ายไปอยู่เงียบๆตามชนบท
อาจเป็นบนเนินเขา ทะเล น้ำตก
แล้วอาจปลูกผักขาย หรือเปิดร้านเล็กๆ
ใช้ชีวิตอย่างสงบ ในสังคมที่ราบเรียบ

บางทีอาจเป็นที่ห่างไกลเทคโนโลยีก็ไม่เลวนะ
ชีวิตที่ไม่หรูหรา หากแต่เป็นความราบเรียบที่ดูสุขสงบ
ที่คิดมานี่มโนทั้งน้านนนนนนน5555

แต่คิดว่าคงเป็นไปไม่ได้หรอก
ก็มีดนัยอยู่ทั้งคนนี่นา ชีวิตราบเรียบคงหาได้ยาก555

หรือไม่ได้ เป็นดินที่เริ่มต้นใหม่ทุกอย่าง
แล้วดนัยเป็นฝ่ายไล่ตามกับเขาบ้าง อิอิ

หวังว่าเมื่อเวลาผ่านไป คงจะมีวันที่ยุกับดินได้กลับมาเป็นคนรู้จักกันนะ
เจอหน้ากันก็ยิ้มแล้วทักทาย หรือไม่ดีกว่านี้อีกมากๆก็เริ่มคุยกันมากขึ้น
ไม่ต้องกลับมาสนิทเหมือนเก่า แค่ค่อยๆเริ่มใหม่ก็ไม่เลวนะคะ

แต่ทั้งหมดทั้งมวลคงได้แต่จินตนาการต่อภาพเอง
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
เชื่อว่าคนแต่งได้กำหนดทิศทางและบทบาท ความสัมพันธ์ รวมถึง
ตอนจบของตัวละครไว้อย่างดีที่สุดแล้ว

และเนื่องจากมันเป็นนิยาย
เราจึงได้แต่หวังว่า ทุกอย่างจะแอปปี้เอนด์ดิ้ง

ปล. เอาเรื่องดนัย-บดินทร์มาต่อใหม่ก็ได้นะคะ
อยากอ่านคู่นี้มากกกกกก ถ้ามีเรื่องเป็นคนตัวเอง แบบ after that ก็ดีค่ะ 55
อยากเห็นความสัมพันธ์ของนัย-ดินต่อจากนี้
รวมถึงดิน-ยุด้วยหลังจากจบเรื่องนี้แล้ว เราเชื่อว่าทุกๆอย่างมันสายต่อได้
และตัวละครก็ยังคงจะดำเนินเรื่องราวต่อไปเอง (จินตนาการเพ้อไปแล้ว)

ปล.2 ไม่มีอะไรมากแค่เมนดินมากก็แค่นั้นค่ะ :mew1: :hao7: :hao7:

ปล.3 อยากอ่านตอนต่อไปแล้วค่าาาา :ling1: :ling1: :ling1:



หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 05-12-2014 01:53:29
อ่านแล้วน้ำตาไหลสงสารดินนะ
ต่อไปดินคงจะเป็นคนดีได้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-12-2014 07:29:44
ดีใจนะ
ที่ได้เคลียร์กันเสียที
อย่างน้อยตอนนี้ยุก็ได้คำตอบจากคนเคยเป็นเพื่อนว่ามันเรื่องบ้าอะไรที่ผ่านมา
ดินก็ได้พูดอธิบายสาเหตุเรื่องราทั้งหมด
ถึงจะยากที่จะทำใ แต่ไม่ยากเกินรับฟังหรอก
ร้องไห้ปกับดินและยุนะ
แต่เราว่าดีแล้วล่ะที่ได้คุยกัน

การฆฆ่าตัวตายไม่ใช่คำตอบหรอกนะดิน
นอกจากไม่ช่วยอะไรแล้ว
เรื่องเลวร้ายที่เหลืออยู่ไม่พ้นครอบครัว เพื่อน ญาติต้องรับกรรมอยู่ดีป่ะ
ตายแล้วหนี้ก็ยังอยู่
ตายแล้วเรื่องเลวร้ายก็ยังมี
ไม่ีอะไีดีไปกว่าเผชิญหน้า
และหาทางแก้ไข
คนเราล้มก็ต้องลุกขึ้นยืนให้ได้ แม้จะช้าหน่อย แต่ก็ต้องพยายามนะ :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 05-12-2014 09:22:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 05-12-2014 22:21:30
มาจิ้มก่อนนนน คนเขียนมาอัฟแล้วววว ดีใจสุดๆๆๆๆ
  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-12-2014 00:53:11
หายไปนาน พอมาก็ยาวสะใจเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-12-2014 08:44:34
ยาวจริง แต่คนอ่านชอบนะ  :katai2-1:
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: PoPuAr ที่ 06-12-2014 13:12:18
ทำไมบดินทร์ไม่ตายๆไปนะ ยื่นมือเข้ามาช่วยทำไมก็ไม่รู้ดนัย
คนเค้าอยากตาย ไปขัดขวางเค้าเดี๋ยวเป็นบาปนะ นี่ไม่ได้ประชดอะไรเลย
อยากให้บดินทร์ตายไปจริงๆ เพราะนางก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกแล้ว
อยู่ไปก็ไร้ประโยชน์ ไม่เป็นที่ต้องการของใคร ตายไปซะก็สิ้นเรื่อง

ส่วนจุดจบของนังชิดจันทร์เอาให้สาสมกับความชั่วร้ายของนางนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: sunshinesunrise ที่ 06-12-2014 14:17:29
ตอนนี้ เป็นตอนที่ยาวมากๆๆ..... จริงๆเราก็เข้าใจความรู้สึกของบดินทร์นะ ที่หาหนทางไปไม่เจอแล้ว เลยคิดจบชีวิตตัวเอง... เราว่าตัวละครที่เป็นแบบนี้เองมันก็สมควรแล้ว ในชีวิตจริงก็คงไม่มีใครไม่เคยทำผิด แต่ละคนก็หาเหตุผลมาสนับสนุนการกระทำตัวเองทั้งนั้น... แต่เราไม่เห็นด้วยนะคะ ถ้าสุดท้ายแล้ว มันจะต้องแฮปปี้เอนดิ้งเสมอไป พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันออกก็ควรเป็นอย่างนั้น

ถ้าอยู่ดีๆ แล้วแฮปปี้เอนดิ้งจบเรื่องราวเลวร้ายง่ายๆ เราคงเสียใจมากกว่าา มีฉากแรงๆสะเทือนอารมณ์ของตัวละครอีกค่ะ

จะยังไงก็แล้วแต่ เราเชื่อว่า คนเขียนรู้จักตัวละครดีที่สุดค่ะ ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 06-12-2014 17:52:45
เห็นด้วยกับคุณ indy zaka ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 06-12-2014 18:09:10
ถ้าผิดแล้วเรียนรู้ที่จะทำตัวใหม่ให้ดีขึ้น ก็น่าจะมีคนให้อภัยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 06-12-2014 18:43:13
มาอัพต่อไวๆนะคะ
อ่าาาาา เรารู้สึกกลัว และตื่นเต้นกับตอนจบเรื่องนี้จัง 555
เรายังหวังให้จบอย่างมีความสุขนะคะ
บดินทร์ไหนๆก็มีชีวิตต่อแล้ว
สำนึกผิดก็แล้ว เหลือแค่รอเวลาชดใช้
เมื่อชดใช้แล้ว ก็ขอให้มีความสุขน้าาา
ไม่รู้ทำไมเราชอบตัวละครนี้จัง
เป็นเหมือนตัวละครสีเทาเข้ม เข้า และเข้ม
ที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นสีเทาธรรมดา
และหวังว่าสีมันจะสว่างขึ้นเรื่อยๆ
จนขาวในที่สุด และ... Happy ending  :mc4: :mc4:
รออ่านอยู่นะคะ :mew1:
 :L1: :L2: ดนัย-บดินทร์ FC :L2: :L1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าหญิงขี้ลืม ที่ 06-12-2014 19:29:51
ดราม่ามากจริงๆสำหรับตอนนี้ :hao5:
แอบน้ำตาไหลตอนฉากกำลังฆ่าตัวตาย
คนชั่วก็ได้รับผลกรรมที่ก่อไว้แล้ว
หวังว่ายุกับพี่เมธคงจะมีความสุขกันสักทีนะ
อ่อ ลืมไปเหลืออีกคนนึง
นังชิดจันทร์ ขอยกให้เป็นตัวร้ายประจำเล้าได้มั้ย
ร้ายสุดยอดจริงๆ :z6:
ปล. นิยายก็คือนิยายนะ อ่านเพื่อความ บันเทิง เริงใจ
อย่าไปซีเรียสกับเนื้อเรื่องมาก
เพราะผู้เขียนต่างก็หวังให้เรามีความสุขที่ได้อ่านกับนิยายที่เค้าแต่งทั้งนั้น
อย่าไปดราม่าใส่เค้ากันเลย
ถ้าไม่ชอบก็แค่กดผ่านไป
เอาใจช่วยคนเขียนทุกคนนะ แล้วก็คนแต่งเรื่องนี้ด้วย :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: .hnk ที่ 07-12-2014 14:08:23
อื่อหือ สุดยอดค่ะ ปมเยอะจริงอะไรจริง
ไม่รู้จะโทษใครเลย แบบดินก็ผิดแต่ก็แบบ .. แง่ สงสาร
หวังว่ามันจะทุเลาลงนะคะ

รอต่อค่ะ ชอบมากเลย

 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 08-12-2014 14:16:31
ยาวมากๆ เลยค่ะ
อ่านแล้วสงสารดินจังเลย
เรื่องยาวแค่ไหน ก็ร้องไห้ตามนั้นเลย

สู้ๆ นะจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: fongbeer37 ที่ 09-12-2014 00:52:26
โอ้วว อ่านสะใจมากกกกก หน่วงเล็กน้อยยยย จะรอจนจบน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: koikoy ที่ 10-12-2014 13:21:54
ยาวสะใจมากและสะเทือนใจสุดๆ น้ำตาจะไหล สงสารบดินทร์  :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 12-12-2014 22:16:34
ตอนนี้เป็นตอนที่ทำเราเศร้ามากเลย น้ำตาร่วงเป็นสายไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้
ขอบคุณนักเขียนจริงๆ ค่ะ สำหรับเรื่องราวดีๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: plugie ที่ 14-12-2014 00:48:07
เศร้าอ่ะ น้ำตาหายไปเป็นลิตรเลย

เราเข้าใจที่ยุจะโกธรดินในทุกๆเรื่องและไม่กลับไปเป็นเพื่อนกันอีก
แต่เราก็ไม่ชอบที่ยุพูดดูถูกดินเหมือนกัน คนเราเข้มแข็งไม่เท่ากัน ยิ่งเวลาอ่อนแอแล้วไม่รู้จะไปทางไหน ไม่เหลือใครที่เชื่อมั่นในตัวเรามันเจ็บนะ ดินมันรู้แหละว่าทำตัวแย่ แต่เขาก็คงอยากได้ใครที่เชื่อใจและพร้อมจะอยู่ข้างๆ ซึ่งถ้าตอนนั้นมีคนอยู่ข้างๆเป็นเพื่อนดิน ดินอาจไม่มาไกลถึงขนาดนี้(อันนี้เราไม่นับพี่ซอล)

ตอนเรื่องน้องสาวดินนี้เราว่าผิดทั้งคู่แหละ ถ้ายุจะมาบอกว่าทำไมไม่บอกกันแต่แรก เราก็อยากจะถามยุกลับว่าทำไมยุไม่คิดจะถามดินแต่แรก ยุจะมาบอกว่ารอให้ดินพูดก่อนอย่างเดียวไม่ได้หรอนะ พูดไปเลยก็ได้ว่าทำไมทำกับเราแบบนี้ จะด่าจะอะไรก็ได้ ถ้าดินไม่ยอมพูดความจริงกับยุ โอเคดินแม่งผิดแบบสุดๆ แต่นี้ยุก็ไม่ทำไง กลับมองแบบเหมาร่วมว่าดินหักหลังไปเลย(ซึ่งก็จริง แม่งนิสัย)
คนผิดอ่ะไม่ใช่ทุกคนหรอนะที่จะกล้าสารภาพผิดก่อน บางทีมันก็ต้องมีคนกล่าวเปิดงานก่อนบ้าง

ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเราเองก็มองว่ายุก็ไม่ได้มองว่าดินเป็นเพื่อนสนิทสักเท่าไหร่หรอ พี่ซอลยังดูจะสนิทกับดินมากกว่าอีก แถมในเวลาที่ทุกคนทิ้งดินหรือว่าดินมีปัญหาก็ยังมีพี่ซอลที่อยู่กับดินเสมอ แม้ไม่ได้อยู่ด้วยตลอดเพราะพี่ซอลเองต้องดูแลเด็กๆคนอื่นด้วย แต่ก็ยังเป็นคนเดียวที่เชื่อใจดิน

สรุปตอนนี้เราเห็นใจดินมากกกกกกกกก
แต่ก็ไม่ใช่มองดินถูก ยังคงมองว่าดินเลว ดินเหี้ยเหมือนเดิม
*ยาวไปมั้ยเนี้ย ฮาาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 14-12-2014 22:15:23
เข้ามารอคนแต่งมาอัพครับผม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 15-12-2014 20:50:25
เอิ่ม
ต่อไปก้ขอให้ชีวิตโนดราม่าละกันเนอะ
ดนัยัองแอบเป็นอะไรดีๆที่เข้ามาในชีวิตบดินเหมือนกันนะเนี่ย
ถึงตอนแรกจะเข้ามาแบบร้ายก้เหอะแต่ต่อไปน่าจะเป็นที่พึ่งที่ดีได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: panari ที่ 16-12-2014 19:39:39
สงสารดินอ่ะ อ่านแล้วร้องไห้เลยตอนนี้ T^T
แล้วดินจะเป็นอย่างไงต่อ คงกลับเข้าวงการไม่ได้แล้ว
อยู่เป็นแม่บ้านแม่เรือนให้ดนัยไปละกัน ฮ่าๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 26-12-2014 00:58:58
คนเขียนจ๋า หายไปไหนแว้ว   :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 06-01-2015 07:35:13
เข้ามาช่วยดันอีกที  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 06-01-2015 22:22:38
เพิ่งจะอ่านเมื่อบ่ายนี้เรื่อยมาจนถึงตอนล่าสุด แต่ละคนมีปมต่างกันไป
แต่คนมีปมที่ผมไม่สงสารเลยคือยัยชิดจันทร์ คนอะไรแค่เกลียดแม่ตัวเอง
แต่สร้างปัญหาให้คนอื่นได้เป็นเป็นวงกว้างขนาดนี้

ส่วนตอนนี้ สงสารดินอ่ะ แง้........... :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 07-01-2015 03:05:45
อ่านเเล้วน้ำตาไหลพรากก
สงสารเหมือนกัน
เอาเถอะ หหลังจากนี้หวังว่าอะไรๆจะดีขึ้นนะดิน
ผิดแล้วสำนึก ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 07-01-2015 18:47:06
ได้โปรดมาต่อที เรื่องมันค้างคาคร้าบบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 17-01-2015 21:23:31
คนเขียนหายไปไหน กลับมาเถิดดดดดด คิดถึงจะลงแดงแล้วววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 19-01-2015 21:40:39
 :sad2: คิดถึงแล้วนะครับ หายไปนานจัง
มาบอกกล่าวทักทายหน่อย คิดถึงๆๆๆๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 24-01-2015 16:00:38
เรารออ่านอยู่นะ อย่าหายไปนานจิ :ling1:
ค้างงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 24-01-2015 16:34:32
เค้ายังรออยู่นะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: The Pyxis ที่ 26-01-2015 18:35:54
รออออออออออออออออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-01-2015 21:10:47
:katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 31-01-2015 00:32:45
อยากอ่านละน้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-02-2015 20:44:31
ผมคือ...นางเอก


เจ็ดโมงครึ่งในพักฟื้นพิเศษ โรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง

อาหารคนป่วยมาตามเวลาตรงเป๊ะ เป็นมาตรฐาน ด้วยเมนูโรงพยาบาลที่ไม่ค่อยน่าลิ้มลองสักเท่าไหร่ นั่นคือโจ๊กหมูร้อนๆ รสชาดชืดสนิท

หลังจากพยาบาลสาวเข็นรถอาหารเข้ามาให้ ดนัยก็จัดการปลุกคนที่ยังหลับใหลให้ตื่นขึ้นมาทานอาหารและยาตามเวลา

“โจ๊กร้อนๆน่ะ ตื่นมาทานเสียหน่อยสิ”

เสียงทุ้มรื่นหูเอ่ยขึ้นเบาๆ  ตรงข้างเตียงคนป่วย ในระยะที่ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ได้ไกลนัก

เข้าวันที่สองแล้วที่ดนัยและบดินทร์ใช้ชีวิตอยู่ในห้องพักฟื้นห้องพิเศษสุดหรูนี้ด้วยกัน และก็เป็นสองวันที่ทั้งคู่ยังไม่มีบทสนทนาระหว่างกันอื่นใดนอกเหนือจาก เรียกทานข้าว

“..............”

ได้ยินสียงเรียกขาน บดินทร์ก็ลืมตาตื่น ความจริงชายหนุ่มตื่นมาได้สักพักใหญ่ๆแล้ว เพียงแต่ยังไม่อยากลืมตา เพราะกลัวว่าจะต้องสบตา หรือสนทนากับดนัย คนเฝ้าไข้ที่อยู่โยงยาวมาทั้งคืน  ชำเลืองมองก็ได้เห็น ร่างสูงใหญ่กำลังจัดการเตรียมนำโจ๊กร้อนๆมาตั้งบนโต๊ะเลื่อนสำหรับทานอาหรบนเตียงของคนป่วย พร้อมทั้งรินน้ำส้มเย็นฉ่ำจากตู้เย็นมาวางคู่น้ำเปล่าไว้ให้เสร็จสรรพ

บริการดี แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกดี

บดินทร์ผินหน้ากลับมาที่เดิม พร้อมหลับตาลงอีกครั้ง แสร้งไม่ได้ยินเสียงปลุก หรือกลิ่นหอมของโจ๊ก

“คุณบดินทร์...”

ดนัยเอ่ยปากเรียกขานอีกครั้ง เมื่อเห็นว่า บดินทร์ยังคงหลับต่อ ดนัยรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งหลับ เพราะเมื่อครู่เขาแอบเห็นว่าบดินทร์ยังหันมามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปไม่ใยดี ยอมรับว่าลำบากใจไม่น้อย ที่ต้องคอยดูแลคนที่แม้แต่หน้าของเขายังไม่อยากมอง แต่เขาก็ไม่สามารถทิ้งบดินทร์ไปได้ลงคอ ไม่ว่าจะเพราะสำนึกผิด หรือเหตุผลอะไรก็ช่าง ตราบใดที่บดินทร์ยังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ดนัยเองก็ตั้งใจแล้วว่า จะอยู่ดูแลไปให้ตลอด เช่นเดียวกัน

“...ผมไม่หิว”

คำตอบที่ได้กลับมา แน่นอนว่าดนัยก็พอจะเดาได้ ชายหนุ่มเงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะพยายามหว่านล้อมดูอีกครั้ง ไม่รู้สิ เขายังไม่อยากแพ้

“...อย่าดื้อสิคุณ ทานโจ๊กสักหน่อย  จะได้ทานยาต่อ”

“...วางไว้ก่อนได้ไหมครับ...ผมยังทานไม่ลงจริงๆ”

แต่ถึงอย่างไร บดินทร์ก็ยังคงยืนยันคำเดิม ดวงตายังคงปิดแน่น และผินหน้าหลบไปอีกด้านเช่นเดิม การปฏิเสธที่ชัดเจนขนาดนี้ ทำให้ดนัยได้แต่ถอนหายใจบางๆ พร้อมกับยื่นข้อเสนอ ที่เขาเพิ่งคิดได้ออกไป

“ทานเสียหน่อยเถอะ คุณไม่ทานอะไรเลยตั้งแต่เมื่อคืน แล้วยาหลังอาหารพวกนี้ คุณก็ต้องทานตามเวลา...”

“................”

“...ถ้าการที่มีผมอยู่ทำให้คุณกินไม่ลง...เอาเป็นว่าผม...ออกไปรอข้างนอกก็ได้นะ”

ดูเหมือนข้อเสนอของดนัยจะได้ผล เพราะถึงแม้บดินทร์จะยังคงไร้ปฏิกิริยาตอบสนองเหมือนเดิม แต่อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ยอมที่จะลืมตา ดนัยเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ขณะถอยหลังออกจากเตียงคนป่วยช้าๆ ไปจนเกือบหน้าประตู

แสร้งปิดประตูเสียงดัง แล้วลอบมองผ่านกระจกไปยังเตียงผู้ป่วยจากด้านนอก

*
*
*

ดนัยออกจากห้องไปแล้ว บดินทร์รับรู้ถึงการไร้ตัวตนของอีกฝ่ายในห้องได้จากเสียงประตูที่ปิดลง ไม่เกิน 5 นาทีถัดมาบดินทร์ก็ขยับกายลุกขึ้นนั่ง แล้วหันไปมองถ้วยโจ๊กร้อนๆที่ตั้งรออยู่บนโต๊ะเลือนข้างเตียง พอจะเดาได้อยู่หรอก ว่ารสชาดมันคงจืดชืดสมฐานะอาหารโรงพยาบาล แต่กลินนั้นก็แสนเย้ายวนให้สูดดมซ้ำแล้วซ้ำเล่า บดินทร์ไม่ได้อยากอาหาร แต่เพราะไม่ได้ทานอะไรเลยมาตั้งแต่คืนก่อน มื้อสุดท้ายเป็นอะไรเขายังแทบจำไม่ได้ รู้แต่ทานรองท้องไว้ ก่อนที่จะลงมือทำเรื่องระยำกับสดายุ...

แค่คิดถึงตรงนี้ บดินทร์ก็พาลกินอะไรไม่ลงอีกรอบ ถ้าร่างกายเขาไม่ประท้วงโครกครากขึ้นมาจนรู้สึกน่ามืดเสียก่อน มือเขาคงไม่เอื้อมไปดึงโต๊ะเลื่อนเข้าหาตัว กว่าจะรู้สึกตัว มือขวาของเขาก็กำลังตักโจ๊กคำแรกขึ้นมาจ่อรอที่ปากเสียแล้ว

ร้อน...

บดินทร์ชะงักเล็กน้อยทันทีที่โจ๊กคำแรกหายเข้าไปในปาก ‘ร้อน’ นี่อาจเป็นความรู้สึกรู้สาแรกที่เขารู้สึกได้ หลังจากตายด้านมานานเกือบสองวัน

คำแรกผ่านไป คำที่สองที่สามก็ตามมา  พูดไม่ได้ว่าอร่อย แต่ก็พอทำให้มือที่สั่นล้าพอมีเรี่ยวแรง บดินทร์ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะหิวโหยมือไม้สั่นพั่บ  ขนาดไม่คนาต่อความร้อนของโจ๊กได้ขนาดนี้ ร้อนจนลิ้นชา แต่เขาก็ยังซดโฮกๆ ลิ้นไม่ได้รับรส รับรู้เพียงมันคืออาหาร

ไหนๆก็เลือกจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ก็กินให้มันหมดๆ กินให้มันจบๆไป

“โอ้ย!”

ด้วยความรีบรนไปหน่อย มือที่ไม่มั่นคงอยู่เป็นทุน จึงเผลอทำช้อนที่เต็มไปด้วยโจ๊กร้อนๆร่วงใส่หน้าอก ตรงช่องว่างระหว่างเสื้อผู้ป่วยที่เปิดอ้าอยู่อย่างพอดิบพอดี ความร้อนลวกผ่านผิวเนื้อตามทางที่โจ๊กไหลเปื้อน แสบจนบดินทร์ยังต้องร้องออกมา

เพล้ง!

พอพลาดสักอย่าง ก็พาลกันไปเป็นโดมิโน่ ความแสบร้อนบนทรวงอกทำให้บดินทร์ลนลานควานมือหากระดาษทิชชู่ที่อยู่บนชั้นวางของถัดออกไปจากหัวเตียง เพราะไกลจนต้องเอื้อมไปจนสุดแขนซ้าย มือขวาที่ยังพันไว้แน่นหนาก็ไปชนเข้ากับแก้วน้ำร่วงลงจากโต๊ะเลื่อน หล่นโดนตัวจนเปียกนองไปทั้งหน้าท้อง ก่อนจะกลิ้งหลุนๆหล่นไปแตกที่พื้น เป็นการปิดฉาก

“...อะไรกันวะเนี่ย”  บดินทร์สบถออกมาเบาๆ ออกอาการขัดใจเล็กๆกับความซุ่มซ่ามแบบต่อเนื่องของตัวเอง ทั้งร้อน ทั้งเหนียว ทั้งเปียก ทั้งแตก ชายหนุ่มขยับมือเลื่อนโต๊ะออกจากเตียงช้าๆ ก่อนพยายามก้าวลงจากเตียง ในขณะเดียวกันกับที่ดนัยเปิดประตูเข้ามาพอดี

“อย่าเพิ่งลงมา เดี๋ยวมันจะบาดเอา”

ดนัยร้องห้าม ขณะเร่งฝีเท้าจากหน้าประตู เดินไปหยิบที่ตักขยะพร้อมไม้กวาดตรงตู้เก็บอุปกรณ์ข้างประตู แล้วรีบจัดการเก็บกวาดเศษแก้วแตก และถูพื้นที่เปียกให้แห้ง ท่ามกลางการจับจ้องไม่วางตาของคนไข้บนเตียงอย่างบดินทร์

‘ยังจะดูแลกันทำไม?’

คงเพราะท้องอิ่ม สมองเลยเริ่มทำงาน บดินทร์ถึงได้เริ่มสงสัยในการกระทำของดนัย อย่างเป็นจริงเป็นจังขึ้นมา ชายหนุ่มที่ง่วนอยู่กับการกำจัดเศษแก้วตรงหน้านั้นรูปร่างสูงใหญ่สมส่วน  ผิวพรรณขาวใสสะอาดตา ใบหน้าคมคาย ดวงตาโตคมกล้า จมูกโด่งรั้นรับกับปากกระจับสีแดงระเรื่อ ดูดีสมฐานะนักแสดงมีชื่อของวงการ

...น่าอิจฉา..

ความคิดที่ผุดวาบขึ้นมาทำให้บดินทร์ขำตัวเอง คนอย่างเขา จะมีสิทธิ์ไปอิจฉาอะไรใครได้

“...!!?”

เพี๊ยะ!!  บดินทร์ฟาดมือของดนัยออกไปสุดแรงด้วยความตกใจ ที่นั่งเหม่อมองอยู่ดีๆ จู่ๆดนัยก็เอื้อมมือเข้ามาปลดปมเชือกเสื้อผู้ป่วย ร่างบดินทร์สะท้านเฮือกขึ้นมาทันควันอย่างห้ามไม่อยู่ ดวงหน้าตื่นตระหนก จดจ้องดนัยที่ชะงักค้างอยู่ตรงหน้า เหมือนหลุมเวลาจะเกิดขึ้นอยู่ครู่หนึ่ง จึงทำให้พวกเขานิ่งค้างอยู่อย่างนั้นหลายนาที

“...มันเลอะโจ๊กไม่ใช่รึไง ถอดออกก่อนไม่ดีกว่าเหรอ?”

เป็นดนัยที่รู้สึกตัวก่อน เขาอธิบายแก่บดินทร์ที่ยังทำหน้าแตกตื่นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมากนัก สองมือแกร่งยื่นเข้าหาบดินทร์อีกครั้ง เพื่อช่วยแกะปมเชือกเสื้อผู้ป่วยให้

“...ผมทำเองได้”  บดินทร์เบี่ยงตัวหลบทันทีที่เห็นว่าดนัยยังคงพยายามยื่นมาหา ใบหน้าบูดบึ้งสื่อสารชัดเจนว่าไม่ต้องการโดนดนัยแตะต้อง สองมือพิการชั่วคราวที่ข้างหนึ่งยังคงมีสายน้ำเกลือ และอีกด้านที่ยังคงเจ็บแปลบแม้ขยับเพียงนิด พยายามดิ้นรนแกะปมเสื้อด้วยตัวเอง เพื่อหลีกเลี่ยงความช่วยเหลือที่ตนไม่ต้องการ

และในที่สุดก็สำเร็จ บดินทร์ชำเลืองมองทางดนัยที่ยืนนิ่งมองมาอยู่ก่อนแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนจะขยับตัวลงจากเตียง เพื่อไปจัดการตัวเองต่อในห้องน้ำ ด้วยเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคงไม่ดีนัก ถ้าจะถอดชุดคลุมกายออกต่อหน้าของดนัย

“จะไปไหน?”

“ห้องน้ำ”

“ผมช่วย”

“ไม่ต้อง..ผมไปเองได้”

ทั้งสองเริ่มโต้เถียงกันทันทีที่บดินทร์พยายามจะลงจากเตียง แต่ดันมีดนัยยืนขวางทางเอาไว้  คนหนึ่งแค่อยากช่วย และต้องการที่จะช่วยให้ได้ ส่วนอีกคนกลับไม่ต้องการ ไม่แม้แต่อยากอยู่ใกล้เสียด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าแม้แต่หน้าของดนัย บดินทร์เองยังไม่อยากมอง ได้แต่หลบเลี่ยงสายตาอยู่ตลอด

“มือข้างนึงก็พ่วงสายน้ำเกลือ ส่วนอีกข้างก็ยังขยับไม่ได้ แล้วคุณจะล้างตัวได้ยังไง?”

“ผมแค่เจ็บ ไม่ได้พิการ”

คำสุดท้ายของ บดินทร์แทบจะเป็นตะคอก แม้ว่าดนัยจะพยายามถามไถ่ด้วยน้ำเป็นมิตรขนาดไหนก็ตาม การโต้เถียงหยุดลงที่ตรงนั้น ต่างฝ่ายต่างเงียบนิ่ง เพียงแค่จ้องหน้ากันแบบไม่มีใครยอมใคร

ร่วมหลายนาทีที่ตาจ้องตา โดยไม่มีใครยอมใคร ต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองถูกต้อง และจะไม่ยอมถอยจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจไว้

แต่มันก็นานเกินไปสำหรับคนที่หัวใจยังคงอ่อนแออย่างบดินทร์ เพราะเพียงครู่ต่อมา ชายหนุ่มก็ต้องยอมเป็นฝ่ายปราชัย ผินหน้าหลบสายตาคมกล้าของดนัยก่อน ถอนหายใจ แล้วขยับกายลงจากเตียงผ่านร่างสูงใหญ่ของดนัยเพื่อลากสังขารตัวเองไปยังห้องน้ำตามเจตนารมย์

พรึ่บ!!

ซึ่งยังไม่ทันจะพ้น ก็โดนคว้าตัวขึ้นพาดบ่า แล้วพาเข้าห้องน้ำทั้งๆอย่างนั้น

“เฮ้ย!! ปล่อยผมนะ!”  อยากจะโวยวาย แต่ก็ไร้เรียวแรง เสียงแหบแห้งที่เปล่งออกมาจึงออกไปทางครางเครือมากกว่าน้ำเสียงแสดงความไม่พอใจ มือข้างหนึ่งถูกโยงกับเสาคล้องขวดน้ำเกลือ ในมือของดนัย ส่วนอีกมือก็เจ็บร้าวจนขยับแทบไม่ไหว แถมสองขายังถูกล็อคเอาไว้ด้วยท่อนแขนทรงพลังของดนัยด้วยอีก ทำให้การดิ้นรนถูกสกัดไว้ได้อย่างสิ้นเชิง

เมื่อรู้ว่าทำไปก็ไร้ประโยชน์ สุดท้ายบดินทร์ก็หยุดการกระทำที่ตัวเองคิดว่าไร้ค่า แล้วจำยอมปล่อยตัวให้ดนัยพาไปห้องน้ำอย่างไม่ชอบใจนัก บดินทร์ออกอาการกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย ตอนที่ถูกจับให้นั่งบนขอบอ่างอาบน้ำ แต่อาการนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของดนัย ที่เริ่มจัดการรองน้ำอุ่นใส่กะลังมังพร้อมหาผ้าขนหนูผืนน้อยมาเตรียมรอ

“ผมบอกแล้วไง ว่าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรกับเรื่องที่เกิดขึ้น”  บดินทร์ตัดสินใจโพล่งขึ้น พลางใช้มือข้างที่ระโยงสายน้ำเกลือขึ้นปัดมือดนัยที่ตั้งท่าจะช่วยปลดเสื้อออกให้ไปด้วย และมันก็สามารถทำให้ดนัยชะงักได้เล็กน้อย

“ผมก็ไม่ได้คิดหรอกนะ ว่าเรื่องแค่นี้มันจะเรียกได้ว่ารับผิดชอบ”  ดนัยตอบออกมาโดยไม่ได้มองบดินทร์ด้วยซ้ำว่ากำลังทำหน้าตาแบบไหนอยู่ ดนัยเพียงตั้งหน้าตั้งตาถอดเสื้อของบดินทร์อีกครั้ง แม้จะถูกขัดขืนแค่ไหนก็ตาม

“...แล้วคุณทำไปเพื่ออะไร?........”  เสียงสั่นเครือถามไถ่ขึ้นอย่างใคร่รู้จริงจัง เพราะบดินทร์ไม่เข้าใจจริงๆว่าดนัยคิดอะไรอยู่ บดินทร์มั่นใจเหลือเกินว่าดนัยเกลียดชังเขา ยิ่งมั่นใจมากเมื่อผ่านคืนนั้นมา คืนที่เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และเพชรฆาตผู้ลงทัณฑ์คนนั้นเป็นดนัยไม่ผิดแน่  ทั้งที่เขายอมรับทุกอย่างที่ถูกกระทำ และคิดว่าคงสาแก่ใจดนัยแล้วหากคนที่ชั่วช้าอย่างเขาจะหายไปจากโลก...

แต่...

พอลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด คนที่บดินทร์คิดว่าจะต้องยินดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นคนนั้น กลับมานั่งเฝ้านอนเฝ้าเขาที่โรงพยาบาล ทั้งยังดูแลสารพัด ประคมประหงมราวกับเป็นญาติสนิท มันต่างกันเกินไปกับคนความทรงจำ บดินทร์จึงค่อนข้างสับสน และรู้สึกทำตัวไม่ถูก

“คุณจะยังมายุ่งวุ่นวายกับผมทำไม?  ...กับคนอย่างผม......คุณยังต้องการอะไร?......” ในเมื่อหาคำตอบตัวเองไม่ได้ ตอนนี้จึงทำได้เพียงพยายามเลี่ยงจากดนัยให้ได้มากที่สุดเท่านั้น ทุกคำถามที่หลุดจากปาก ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่เป็นประโยคขับไล่ฝ่ายตรงข้ามกลายๆ ว่าให้เลิกวุ่นวายวกวน สองมือทั้งปัดทั้งป้อง กระชับเสื้อคนไข้เปียกชื้นเลอะเทอะไว้อย่างสุดกำลัง

“...........ผมไม่มีเหตุผลจะอธิบาย และไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการดูแลคุณที่นี่จนกว่าคุณจะออกจากโรงพยาบาล....”  คำตอบของดนัยที่ออกจากปาก พร้อมกับหน้าตาจริงจังนั้น ทำเอาบดินทร์พูดอะไรไม่ออก

“...คุณ...สมองคุณมันเพี้ยนไปแล้ว” ได้แต่ครางเครือออกมาเบาๆ ด้วยความไม่เข้าใจ  คำถามล้านแปดยังอัดแน่นอยู่เต็มอก แต่ไม่สามารถเรียบเรียงกลั่นกรองออกจากปากได้เลย สุดท้ายจึงได้แต่บริภาษออกไปเท่านั้น

“ใช่...ผมเพี้ยน....นี่อยู่นิ่งๆได้ไหม ดิ้นอยู่แบบนี้ มันเสียเวลานะ” แต่คำส่อเสียดก็ไม่ได้ทำให้ดนัยรู้สึกขุ่นข้อง ซ้ำยังยอมรับหน้าตาเฉยเสียอีก ออกแนวไม่สนใจเลยเสียด้วยซ้ำ เพราะแค่วุ่นวายกับการจับคนป่วยตัวแฉะเปลื้องผ้าให้ได้นี่ก็ดึงสมาธิดนัยจากทุกอย่างไปได้แล้ว

“งั้นก็อย่ายุ่งกับผมสิ!  คุณไม่จำเป็นต้องทำอะไรทั้งนั้นนี่ ทั้งการมาคอยเฝ้าอยู่อย่างนี้ ทั้งเรื่องการรักษาตัว หรือแม้แต่การช่วยชีวิตผม! คุณเกลียดผมไม่ใช่รึไง! ทำไมไม่ปล่อยให้ผมตายไปซะเล่า!!” จากเส้นประสาทที่ตึงเครียดอยู่แล้วของบดินทร์ พอได้ยินคำบ่นพ้อเบาๆของดนัยเข้าก็พาลฟิวส์ขาด จนเผลอตวาดอีกฝ่ายออกไปด้วยเสียงสั่นพร่า ร่างกายบอบช้ำสะบัดเบี่ยงเต็มกำลัง เพื่อหลบเลี่ยงไปให้พ้นหน้าดนัย

หากแต่ยังไม่ทันจะพ้น  ก็โดนดนัยคว้ากลับมานั่งที่เดิมด้วยไร้พลังในการขัดขืน สองมือทรงพลังคว้าไหล่ทั้งสองข้างของบดินทร์ไว้แน่น อย่างไม่คิดที่จะให้ดิ้นรนน่าโมโหเช่นที่แล้วๆมาอีก

“ยังอยากตายอยู่อีกเหรอ?” เสียงทุ้มเครียดขึงของเจ้าของมือแกร่งเอ่ยถาม คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างรู้สึกขุ่นข้อง ใบหน้าที่เรียบเฉยมาตลอดเริ่มมีปฏิกิริยา

บดินทร์ไม่ได้ดิ้นรนให้หลุดพ้นอุ้งมือใหญ่อย่างที่ดนัยคิด แต่กลับสงบนิ่งแล้วส่งสายตาท้าทายมาแทน ก่อนจะเอ่ยประโยคที่แสดงถึงจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจนให้ดนัยได้สำเหนียก

 “...มันเรื่องของผม ชีวิตผม คุณไม่เกี่ยว”

แน่นอนว่าคำพูดของบดินทร์ถูกต้อง ชีวิตของบดินทร์ เรื่องของบดินทร์ แท้ขจริงแล้วมันไม่ได้เกี่ยวกับดนัยเลยแม้เพียงนิด แต่ในกรณีที่บดินทร์จะพูดประโยคดังกล่าวเร็วกว่านี้สักสองวัน ถ้าเป็นอย่างนั้นล่ะก็ ต่อให้บดินทร์สิ้นลมไปตรงหน้า ดนัยก็อาจไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่ให้ความสนใจ

ทว่า...

มันเป็นคนละกรณีเดียวกันอย่างสิ้นเชิงกับตอนนี้...

ที่ดนัยจะทนไม่ยุ่งไม่สน ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว “...หึ...ชีวิตของคุณเมื่อไหร่กัน?”  ชายหนุ่มเหยียดยิ้มบางพร้อมตั้งคำถาม ที่ไม่ได้คิดจะสนใจคำตอบ พร้อมกันนั้นก็ช่วยสาธยายให้บดินทร์ที่กำลังขึงตามองมาให้ได้กระจ่างแก่ใจด้วย

“อย่าลืมสิ...คุณเลือกที่จะทิ้งชีวิตของคุณแล้ว คุณหมดสิทธิ์ที่จะถือครอง มันอีกต่อไป  ผมคนนี้ที่พยายามรักษามันไว้ต่างหาก ที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน”

“พูดบ้าอะไรของคุณน่ะ?”

บดินทร์ไม่มีทางเข้าใจ ดนัยรู้ดี เพราะเขาเองก็ยังไม่เข้าใจ ว่าอะไรดลใจให้กระทำ และพูดออกไปแบบนั้น รู้อยู่แก่ใจดีด้วยซ้ำ ว่าเขาทำได้เพียงช่วยดูแล แต่ไม่มีสิทธิ์ฝืนใจหรือทำอะไรมากกว่านั้นกับบดินทร์

นี่มันเกิดอะไรขึ้นให้หัวเข้ากันแน่?

“พูดเรื่องจริง...เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตของคุณเป็นของผม”

คิดว่าแย่แต่ก็ไม่ทันได้ห้ามสัญชาตญาณ เพราะกว่าจะรู้สึกตัว ดนัยก็เผลอผูกมัดบดินทร์ไว้กับตนเองเสียแล้ว

********************************************

แอบมาเงียบๆเพราะคอมพังตังค์หมดค่ะ อยู่อย่างไร้ความหวังสุดๆ
ยังมีต่ออีกยาวค่ะ...แต่ยังเอาลงไม่ได้ TT^TT
รออาทิตย์หน้านะคะ ขอรื้อข้อมูลสักระยะ...
:m15:
ขอโทษนะคะ
 o1
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 04-02-2015 20:45:24
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-02-2015 20:53:43
เข้ามาให้กำลังใจคนเขียนค่ะ
สู้ๆนะคะ
รอติดตามอยู่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 04-02-2015 20:56:04
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 04-02-2015 20:59:10
ขอให้ซ่อมคอมได้เร็วๆนะคะ
อยากอ่านคู่จำเลยรักบดินทร์ดนัยต่อมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 04-02-2015 21:09:27
อ๊ากกกกกกกกก!!!!
อยากอ่าต่อสุดพลัง
:katai4: :katai4: :katai4: :ling1: :ling1: :ling1:

ขอให้คอมหาย และกู้ข้อมูลได้ในเร็ววันนะคะ
ติ่งดนัย&บดินทร์  :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-02-2015 21:16:20
ปาดน้ำตา   :mew6:

ชอบที่พูดว่าชีวิตของบดินทร์เป็นของดนัยแล้ว
มันช่างปลื้มปริ่มอิ่มเอมซะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 04-02-2015 21:27:20
รอคอยน้องยุเจ้าค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 04-02-2015 21:30:37
ดนัยหลงบดินทร์ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-02-2015 21:35:09

ตาไม่ฝาด

ได้อ่านแล้ว

คู่นี้เขารักกันรุนแรงจัง

ดนัยเบามือหน่อยนะ

มือหนัก ปากแข็ง

เข้าใจกันสักทีนะ

รอๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: ::UsslaJlwaJ:: ที่ 04-02-2015 21:38:15
เห็นไม่มีชื่อตอน เลยเข้ามาอ่านแบบงงๆ

อยากให้คู่นี้เค้าลงเอยกันสักทีนาาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: ❝CHŌN❞ ที่ 04-02-2015 21:39:00
เอาน้องดินไปเลี้ยงดูให้ดีนะ ห้ามทำร้ายนะรู้เปล่าา
เขาสงสารน้องดินมากๆเลย สู้ๆนะดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 04-02-2015 21:41:18
แอบมาจริงๆ เห็นหัวข้อเปลี่ยนเลยลองเข้ามาดูอย่างงงๆ 555 เพราะไม่มีทั้งเลขตอนทั้งชื่อตอน แต่มีเรื่องมาต่อ เยสส!!

ให้กะลังใจคูณอนาคีนะคะ ขอบคูณที่มาต่อแม้คอมจะพังตังส์จะหมดค่ะ  o13

++ให้แบ้ววว  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 04-02-2015 21:52:58
ยินดีรอค่า ~ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ สู้ๆ ♡
คนอ่านรอได้ค่ะ (แต่อย่าให้รอนานมากนะเออ เค้าคิดถึง /ฮา)

.

ชอบคู่นี้มากเลยค่ะ .. ผ่านเรื่องเลวร้ายมาเนอะ ยังไงอย่างน้อยดนัยก็ไม่ได้ใจดำเป็นปีศาจขนาดนั้นหรอก
ไหนๆเอาชีวิตมาเป็นของตัวแล้ว ก็พยายามเอาหัวใจมาให้ได้ด้วยแล้วกันนะ! ชักอยากเห็นทั้งสองคนมีความสุขแล้วแหละ
จะรอดูนะคะว่าคนหัวดื้ออย่างบดินทร์จะใจแข็งไปได้อีกนานแค่ไหนกัน
แล้วคนที่พูดว่าจะดูแลแค่ตอนออกจากรพ.น่ะ พอออกจริงๆแล้วจะห้ามตัวเองไม่ให้ไปวอแวชีวิตเค้าได้จริงหรออออ ฮิๆ
รออ่านค่ะ >______<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 04-02-2015 22:01:39
ดนัยมาแบบนายหัวจำเลยรักมาก ๆ  มันต้องงี้แหละถึงจะเอาบดินทร์อยู่ 555  ชีวิตตัวเองทิ้งไปแล้ว ดนัยช่วยไว้เลยเลยเป็นของดนัย เพราะงั้นอยากตายไม่ได้แล้วนะ ดนัยมิอนุญาต
รอตอนต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: tomybsl ที่ 04-02-2015 22:06:59
คู่นี้ก็คงต้องดูกันต่อไป :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 04-02-2015 22:07:42
รออ่านมาตลอด...สามารถรอได้ต่อไป...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 04-02-2015 22:16:46
มาต่อแล้ว คู่ดนัยนี้อ่านไปลุ้นไปว่าจะโมโหกันและกันจนเกิดการใช้กำลังหรือเปล่า  :hao3:  ดนัยเท่อะ ชอบๆ น้องยุคงกลับมาเป็นดาวเด่นของวงการอีกครั้งป่าวอะ หลังจากคลิปดนัยเนี่ย  ช
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 04-02-2015 22:18:38
ยินดีต้อนรับกลับคร่าาาาาาา ฮู้เร่
ขอให้ท่านคอมฯหายงอแงไวๆนะคะ  :3123:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 04-02-2015 22:22:06
มาเป็นกำลังใจให้บดินทร์ เข้มแข็งได้แล้ว อย่าอ่อนแออีก  :ruready
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-02-2015 22:32:52
ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ

อยากอ่านดนัยกะดินอีกอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: paladin.kn ที่ 04-02-2015 22:35:33
มาแล้ววววววว

จุดพลุฉลองงงงงงงงงงงงงงงงงง

 :กอด1:

ดนัยหลงบดินทร์ละสิ หลงเขาแล้วก็บอกมา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-02-2015 22:45:36
อ่าาา ต่อไปนี่ดินจะเป็นของนัยสินะ  :z1:
รอคนเขียนมาต่อนะฮะ :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-02-2015 23:09:08
จะจบแล้วสินะคะ เฝ้ารอพจมานนน  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 05-02-2015 00:56:55
ขอบคุณค่าที่พยายามมาลงให้ทั้งที่คอมเสีย
ขอให้ซ่อมได้เร็วๆ นะคะ

ส่วนบดินทร์กับดนัย เข้าใจบดินทร์นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 05-02-2015 08:54:33
มาต่อแล้วดีใจจังเลย

เรื่องคอมพังตังหมดนี่เพิ่งเจอกับตัวเองเมื่อวานนี้เอง
จะพิมพ์อะไรเพิ่มก็ไม่ได้ พิมพ์ด้วยมือถือก็ไม่ถนัดเท่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-02-2015 09:40:00
ไม่เป็นไรค่ะรอได้ "ชีวิตคุณเป็นของผมแล้ว"  รับผิดชอบไปทั้งชีวิตเลยนะคะ ยันตายจากกันเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 05-02-2015 09:59:48
มาดนายหัวมาเต็มค่าคุณดนัย ^^ ชอบ ๆ

รออ่านอยู่นะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 05-02-2015 12:34:28
 :z13: :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: noina ที่ 05-02-2015 17:02:51
เย้ได้อ่านต่อแล้ว :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 05-02-2015 22:26:22
ขอบคุณมากๆๆๆที่มาต่อนะคะ
 ชอบเรื่องนี้มากมีหลายคู่ดี โดยเฉพาะดินกะดนัยตอนนี้ฟินสุดๆ  :hao7:
บรรยากาศยังอึมครึมอยู่ แต่จดจ่อรอคู่นี้อย่างมาก รอนะค้าาา
ให้คอมกลับมาใช้ได้ไนไวๆด้วย :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 06-02-2015 00:16:41
สู้ สู้ นะคะ   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: raluf ที่ 06-02-2015 00:56:01
ดูแลกันดีๆน๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 06-02-2015 01:19:11
เต้มใจรอออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 06-02-2015 10:54:59
 :monkeysad:  :monkeysad:

นึกว่าจะหายแล้วซะอีก นึกว่าจะไม่อัพแล้ว
 :o12: :o12:
ดีใจนะคะที่กลับมา จะรอค่ะ

ส่วนของตอนนี้ เอาใจช่วยดนัยค่ะ ปราบพยศแมวเหมียวบดินทร์ให้จงได้
 :mc4: :mc4:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: aimjungna ที่ 06-02-2015 17:49:28
เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ สู้ ชักเริ่มอยากอ่านคู่ของดนัยอีกเยอะเยอะ หน่วงน่าดู
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 06-02-2015 18:49:36
ว้าวววๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Mitra ที่ 06-02-2015 22:23:45
ดนัยก็ถนอมๆ เค้าหน่อยสิ
ยิ่งเปราะบางอยู่ช่วงนี้

รอที่เหลือนะจ้า
สู้ๆ จ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: wavalove ที่ 07-02-2015 04:26:50
 :m15: :m15: :m15: :monkeysad: :monkeysad: :sad11: :sad11:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 07-02-2015 15:11:25
หายไปนานจนเกือบลืม 555555 บดินทร์ยังน่าสงสารเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: nenechan2433 ที่ 09-02-2015 21:09:19
 :sad4: มาต่อไวๆ นะคะ คอมหายดีไวๆ รอติดตามค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: มะเขือม่วง ที่ 01-03-2015 11:58:11
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Xhunters ที่ 01-03-2015 17:49:33
 :mew2:  :mew2:

รอยู่นะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Sirada_T ที่ 01-03-2015 17:55:05
ไม่รู้ว่าอัพเลยอ่ะ... ไม่เปลี่ยนชื่อเรื่อง นี่คิดถึงเลยเปิดเข้ามาเลยเพิ่งรู้นะเนี่ย....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 01-03-2015 21:16:11
รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 01-03-2015 21:34:11
มาได้แล้วนะจ๊ะ..
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 01-03-2015 22:13:40
ดีใจแบบสุดๆอะ :hao5: มาจนได้กำลังรออยู่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: real port ที่ 01-03-2015 22:48:18
รอครับ :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 03-03-2015 13:15:49
ตอนบรรยายฉากฆ่าตัวตาย น้ำตาไหลพราก ๆ
อ้างว้าง โดดเดี่ยว แต่ก็ได้อยู่กับสิ่งที่มีความสุข
ยิ่งมีเพลง Safe and Sound นะ โอยยยย ใจจะขาด  :katai1:
ไม่รู้ว่าดินจะกลับเข้าสู่วงการได้หรือเปล่า
แต่ไม่ว่าอย่างไร ดนัยต้องเลี้ยงดินนะ
ก็ชีวิตดินเป็นของดนัยแล้วนิ  :impress:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 03-03-2015 16:12:09
คิดฮอดดดดดดดด

เป็นเรื่องเดียวที่อ่านคู่อื่นนอกจากคู่หลัก ชอบคู่ของดินมากกกกก สู้ๆนะครับคนเขียน✌
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 03-03-2015 17:08:05
โอมม จงมาต่อออๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: ชลันดา ที่ 03-03-2015 18:35:44
โฮะๆ ชัดเจนมาก คือเดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละดนัยว่าผูกมัดเขาไว้ทำไม

 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: nenechan2433 ที่ 06-03-2015 21:04:00
 :mew2: ตั้งหน้าตั้งตารอ มาต่อเถอะนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 10-03-2015 18:49:27
นับวันรอ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 10-03-2015 19:19:51
รออยู่นะคะ

ทุกคนมีภูมิหลังต่างกันและรับมือกับเรื่องต่างๆ ต่างกันไป เห็นได้ชัดอย่างดินกับยุซึ่งมาจากครอบครัวที่ล้มเหลวคล้ายๆ กัน
แต่คนหนึ่งเลือกไม่แยแสหรือเผชิญหน้ากับปัญหาสร้างเกราะแข็งมาปกป้องตนเอง อีกคนหลีกเลี่ยงและปัดปัญหาให้พ้นตัวด้วยความอ่อนแอและขี้ขลาด 

ขอให้ดินเข้มแข็งขึ้นนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 17-03-2015 19:32:37
ผมคือ...นางเอก                         



“พูดเรื่องจริง...เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตของคุณเป็นของผม”


คำพูดบ้าๆ ที่ทำบดินทร์เสียศูนย์เพราะไม่รู้จะรับมืออย่างไร

คำพูดบ้าๆที่คนพูดอย่างดนัยเองก็เสียศูนย์เพราะไม่รู้พูดออกมาได้ยังไงเช่นกัน

สิ้นคำประกาศิตเอาแต่ใจของดนัย ทุกอย่างก็พลันเงียบสงัด ต่างคนก็ต่างไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก ไม่มีแม้เพียงคำ ทุกอย่างนิ่งไม่มีไหวติง จนสุดท้าย มีเพียงเสียงถอนหายใจบางเบาของบดินทร์เท่านั้น ที่ดังขึ้นมาในที่สุด

“นั่นสินะ” น้ำเสียงที่คล้ายจะหมดแรง เอ่ยบางถ้อยคำออกมา  ดวงหน้าก้มต่ำ ไม่ยอมสบสายตากับดนัยอีก เงียบกริบ ก่อนจะค่อยๆขยับมือถอดเสื้อผู้ป่วยออกจากตัวช้าๆ  ประจักษ์ว่าลำบากอย่างที่ดนัยว่าไว้จริง เพราะแขนของบดินทร์ทั้งสองข้างล้วนแต่บาดเจ็บ และระโยงไปด้วยสิ่งกีดขวางเกะกะ  ความทุลักทุเลของบดินทร์ ทำให้ดนัยต้องเข้าไปช่วยจัดการปลดเปลื้องอีกครั้ง จนสำเร็จได้ในที่สุด

“.............”แค่ความเงียบที่บดินทร์ส่งมาก็ว่ากดดันพออยู่แล้ว พอได้เห็นร่องรอยโหดร้ายที่ตัวเองได้ทิ้งไว้บนผิวขาวละออของบดินทร์ด้วยอีก ยิ่งทำให้ดนัยพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่ 

ร่องรอยการต่อสู้ เขียวช้ำ บางจุดก็หนักจนกลายเป็นสีม่วง  รอยแดงคล้ำเป็นจุดกระจายอยู่ทั่วบนแผ่นอกขาวความป่าเถื่อนฉายชัดในร่องรอยเหล่านั้นอย่างไม่ต้องมีคำบรรยายเสริม กรีดลึก จนดนัยเองยังต้องเบือนสายตาหลบเลี่ยงด้วยว่ารู้สึกลำบากใจที่จะต้องทนเห็น

ความเลวทรามจากน้ำมือของตน

“ผิวโดนลวกนิดหน่อย แต่คงไม่ถึงกับพองหรอก แค่แดงนิดๆ เดี๋ยวผมขอยาจากพยายบาลให้”  ดนัยเอ่ยขึ้น ขณะใช้ผ้าขนหนูบิดหมาดบรรจงซับรอยแดงตรงแผงอกขาวของคนหน้านิ่งราวตุ๊กตากระเบื้องไร้ชีวิต

“................”

“คุณจะอาบน้ำเลยมั้ย หรือจะแค่เช็ดตัวดี?” 

“................”

“...ไม่ตอบ งั้นผมแปลว่าคุณต้องการอาบน้ำก็แล้วกันนะ”  ไร้คำตอบโต้ใดๆอย่างที่คาดไว้ดนัยเพียงถอนหายใจ ทิ้งผ้าขนหนูผืนน้อยลงในอ่างล้างหน้า ก่อนจะจัดการเปิดรองน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าบดินทร์นั้นยังระยางอยู่กับสายน้ำเกลือ ทั้งแขนอีกข้างก็ยังบาดเจ็บระบมจากแผลเย็บนับสิบสิบเข็มที่ข้อมือนั่นอีก จะให้ลงแช่น้ำคงเสี่ยงที่แผลจะเปียกเกินไป สุดท้ายจึงได้แต่บ่นออกมาเบาๆ 

“ขอโทษที ลืมไปว่าแขนคุณเจ็บอยู่ เดี๋ยวผมเช็ดตัวให้แทน ” ด้วยเห็นว่าบดินทร์ยังคงเงียบนิ่ง ดนัยจึงตัดสินใจเอาเองเสร็จสรรพ ปิดก็อกน้ำในอ่างใหญ่ เพื่อตั้งใจว่าจะเปิดน้ำใส่กะละมังเล็กตรงอ่างล้างหน้าแทน ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น ...

“จะทำอะไรก็ตามสบายเถอะครับ...ไม่ต้องถามผมให้เมื่อยปากหรอก ทำตามที่เห็นควรเถอะ...ถึงยังไง ผมก็ไม่มีสิทธิ์อยู่แล้วนี่...”

น้ำเสียงเย็นชาของบดินทร์ก็เอ่ยถ้อยคำระคายหู ที่สามารถยั่วยุอารมณ์ได้ไม่น้อย ขึ้นมาเสียก่อน  ทันทีที่ได้ยิน ทุกกิจกรรมของดนัยก็หยุดชะงัก คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย ดวงตาคมกล้าชำเลืองหาต้นตอของประโยคบาดหู ผู้ที่กำลังนั่งก้มหน้าต่ำ แสร้งไม่แยแส ไม่แลเห็นว่าเขาอยู่ในสายตา

“...อย่างอนสิคุณ ผมไม่คิดจะริดรอนคุณถึงขนาดนั้นหรอกน่า”  ตอนแรกก็นึกหงุดหงิด แต่พอคิดได้ว่าตอนนี้บดินทร์ไม่ได้อยู่ในภาวะปกติสักเท่าไหร่ ก็พอให้ใจเย็นขึ้นได้หน่อย แต่นั่น ก็ไม่ได้ทำให้ถ้อยประโยคที่โต้ตอบออกมา ดูปราณีผู้ฟังอย่างบดินทร์เลยสักนิด

“ผมไม่ได้งอน!” บดินทร์ตวาดขึ้นอย่างลืมตัว เพราะหงุดหงิดไม่น้อย ที่ถูกกระเซ้าราวกับตัวเขานั้นเป็นผู้หญิง แต่ดูเหมือนการแสดงอารมณ์ขุ่นข้องของเขาจะถูกใจดนัยไม่น้อย เพราะเพียงสิ้นคำตวาด ดนัยก็หัวเราะออกมาเบาๆ ราวกับจะเย้ยทันที

“ยังมีความรู้สึกอยู่นี่นา หึหึ ผมนึกว่าคุณจะตายด้านไปแล้วเสียอีก” ไม่ได้ตั้งใจจะว่าร้ายรุนแรง แต่เพราะไม่ได้คิดจะถนอมน้ำใจตั้งแต่ต้น เลยทำให้ดนัยเผลอใช้คำที่ค่อนข้างจะหนักหน่วงสำหรับคนหัวใจเปราะบางอย่างบดินทร์เข้า

แค่จะแหย่คนใจแข็ง แต่ดูท่าจะแรงไปหน่อย เพราะแทนที่จะทำให้คนใจน้อยเดือดปุด กลับยิ่งฉุดความรู้สึกของบดินทร์ให้ยิ่งตกต่ำ  และทำให้ความอดทนของคนเจ็บช้ำ ขาดสะบั้นลงในที่สุด

...อยากดูถูกกันนักใช่ไหม? อยากเห็นไอ้บดินทร์คนนี้ย่อยยับนักใช่ไหม?

งั้นเอาเลยสิ เหยียบย่ำกันให้สาแก่ใจ มันคงเป็นเวรเป็นกรรม และมึงคงเป็นเจ้ากรรมนายเวรกูคนนี้ เอาเลยสิ เอาคืนกันให้สาสม

กูจะไม่เรียกร้องสักคำ ขอแค่ให้กรรมระหว่างกูกับมึงจบลงในชาตินี้

จะให้กูเป็นเหี้ยอะไรก็ได้...กูยอมทั้งนั้น...


“ถ้าแม้แต่การแสดงความรู้สึก ก็ยังไม่ได้รับอนุญาต...ผมก็จะไม่ทำอีก” หลังจากตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง บดินทร์ก็กลับไปเป็นหุ่นไม้หน้าตาย ที่เอ่ยได้เพียงถ้อยคำทำร้ายตัวเอง

“อะไรของคุณอีกล่ะ? นี่ ขอร้องเถอะ อย่าเล่นแง่กับผมนักเลย ผมรับมือคุณที่เป็นแบบนี้ไม่ไหวหรอกนะ” ดนัยส่ายหัวดิก ด้วยไม่เข้าใจว่าจู่ๆบดินทร์เป็นอะไรไปอีก คุ้มดีคุ้มร้าย จนเริ่มน่ารำคาญ

“.................”บดินทร์ไม่ยอมปริปากพูดใดๆ ชายหนุ่มก้มหน้าต่ำ ไม่อยากรับรู้หรือสนใจสิ่งใดอีกแล้ว

ดนัยได้แต่หงุดหงิด เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามจี้ใจดำกันไปถึงไหน? เขารู้ว่าเขาเองก็ผิด ไม่สิ ผิดเต็มๆเลยล่ะ กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับบดินทร์ นับตั้งแต่ที่เขาสำคัญผิดว่า ตัวเองเป็นผู้พิพากษา ไปช่วยตัดสินความผิดให้บดินทร์ จนเจ้าตัวถึงกับจะตายจากโลกเสียให้ได้ เรื่องนี้เขาผิดจริง รู้แล้ว กระจ่างแล้ว และก็กำลังพยายามไถ่โทษอยู่นี่ไง ไม่ต้องให้อภัยก็ได้ ไม่ต้องมองกันในแง่ดีก็ได้ แต่เพียงแค่ยอมให้เขาได้ดูแล ได้ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ เพื่อลดทอนความรู้สึกหนักอก เขาขอแค่นี้ไม่ได้หรือไง?

แม้กระทั่งตอนนี้ บดินทร์ก็ยังคงก้มหน้าต่ำ ไม่ยอมผินมามองทางดนัยเลยแม้แต่หางตา ความหงุดหงิดงุ่นง่านของดนัยพุ่งสูง โดยปกติเขาก็ไม่ใช่สุภาพบุรุษ  ไม่ใช่ผู้ที่มีความอดทนสูงส่ง หรือเรียกได้ว่าจุดเดือดต่ำเลยเสียด้วยซ้ำ ดังนั้นการที่จะต้องมาอดทนอะไรแบบนี้ จึงเป็นสิ่งที่ผิดวิสัย และตอนนี้เขากำลังจะหมดความอดทนอยู่รอมร่อ

‘ขอร้องล่ะบดินทร์ ได้โปรด อย่ายั่วโมโหผมไปมากกว่านี้เลย...’

“เฮ้?อย่าเงียบ มีอะไรก็คุยกันตรงๆ”  ดนัยกดเสียงต่ำกว่าปกติเล็กน้อย  เพื่อเอ่ยประโยคกดดันบดินทร์บ้าง พร้อมกันนั้นก็ใช้มือแกร่งของตนยื่นไปเชยปลายคางของบดินทร์ ให้ได้เงยขึ้นสบตากันตรงๆเสียที

ใบหน้าเผือดสี ราวกับไร้สิ้นทั้งวิญญาณของบดินทร์ ทำหัวใจของดนัยเจ็บแปลบ ดวงตาที่เขาเคยจำได้ติดตาว่าแสนจะคมกล้าท้าทายคู่นั้นคล้ายจะหม่นแสงลง และไหวระริกด้วยความตื่นตระหนกที่ถูกดนัยแตะต้องอย่างคุกคาม  ใช่ว่าดนัยจะชอบใช้กำลัง หรืออยากรุกรานให้บดินทร์ตกใจกลัว ใจจริงเขาอยากสัมผัสฝ่ายนั้นอย่างแผ่วเบา ถึงขั้นอยากทะนุถนอมเลยเสียด้วยซ้ำ  แต่ทั้งๆที่คิดว่าจะทำดีด้วยอย่างสุดความสามารถ ทั้งๆที่ตั้งใจไว้อย่างนั้น แต่บดินทร์กลับทำลายมันลงจนป่นปี้ ถึงดนัยจะรู้ตัวว่าตัวเองผิด แต่แล้วมันยังไงล่ะ? ถ้าทำดีด้วยแล้วมันส่งไปไม่ถึงอีกฝ่าย งั้นเขาก็คงต้องใช้วิธีการในแบบของเขานี่แหละ!

สายตาแข็งกร้าวเล็กๆที่ดนัยส่งออกมา กับปลายนิ้วร้อนผ่าวที่กระชับอยู่ตรงปลายคางนั้น บดินทร์ไม่ปฏิเสธเลยว่า ‘กลัว’ ในทันทีที่ถูกสัมผัสตัว ความทรงจำสดใหม่แล่นปราดเข้ามาในสมองราวกับกำลังเกิดขึ้นตรงหน้า สัมผัสกักขฬะ ความรุนแรงเลวร้าย เขาจำได้ติดตา ถึงใบหน้าเหี้ยมโหด จำได้ทุกรสสัมผัสของเรียวนิ้วหยาบโลนบ้าคลั่งที่ฉีกกระชากทุกอย่างออกจากร่างเขาอย่างไร้ความปราณี...

ร่างกายของบดินทร์สะท้านวูบด้วยความ  ‘กลัว’

แต่มันกลับเป็นเพียงความกลัวที่เกิดจากร่างกายช่างจดจำของเขาเท่านั้น หาใช่จิตใจที่ชาด้านดวงนี้ไม่

ต่อให้ร่างกายบอบช้ำนี้จะสั่นระริกต่อต้าน แต่หัวใจที่เพิกเฉยต่อทุกสรรพสิ่ง ย่อมไม่รู้สึกหวาดหวั่นแม้เพียงการขู่คุกคาม

‘เอาเถิด...อยากทำอะไรก็ทำ’

“คุณบดินทร์!?”  ดนัยเรียกซ้ำ เมื่อเห็นว่าบดินทร์ยังคงเงียบทื่อ อ่อนใจจนรู้สึกหงุดหงิดทบทวี เรียวนิ้วที่บีบปลายคางของอีกฝ่ายอยู่จึงกระชับแน่นขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

“จะให้ผมพูดอะไรครับเจ้านาย สั่งมาสิ แล้วผมจะพูดให้...หรือจะให้ทำอย่างอื่นก็ได้นะ ผมทำได้ทุกอย่างแหละ...แค่นายสั่ง...”

และในที่สุดบดินทร์ก็ยอมปริปาก ทว่าถ้อยคำที่ปล่อยออกมาแต่ละคำ ทำเอาดนัยแทบจะหน้ามืด  แต่ละคำบาดลึก ทั้งที่ใบหน้าของเจ้าของถ้อยคำเหล่านั้นสุดแสนจะว่างเปล่า เรียบนิ่ง ไม่มีเศษเสี้ยวอารมณ์ใดๆฉายอยู่เลยแม้แต่นิด  จะมีก็เพียงมุมปากหยักสวยเท่านั้น ที่เหยียดยิ้มออกมาบางๆ  ดนัยถอนหายใจพรู ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้บดินทร์อีกเล็กน้อย แล้วกดเสียงต่ำ ตักเตือนผู้ท้าทายให้ได้รู้สึกตัว

“อย่ามาตลกครับ ผมไม่ขำ”

“...งั้นผมขอโทษครับ เจ้านาย”แต่ดูเหมือนยิ่งว่า ก็เหมือนยิ่งยุ  บดินทร์ยังคงตีหน้าตาย ตอบโต้ดนัยด้วยถ้อยคำเจียมตนราวกับประชด 

“บดินทร์! คุณอย่าท้าทายผมแบบนี้นะ! ได้โปรดเถอะครับ!” ความอดทนอดกลั้นของดนัยเองก็กำลังจะถึงขีดสุดเช่นกัน  ชายหนุ่มตวาดเสียงกร้าว มือที่กำจนแน่นเพื่อระงับความโกรธนั้นเริ่มสั่นระริก ดูเหมือนคำขอร้องที่เขาพยายามส่งออกไป ไม่ได้ส่งถึงหัวใจของอีกฝ่ายเลยแม้เพียงเศษเสี้ยว เพราะหลังจากสิ้นเสียงของดนัย บดินทร์ก็หลับตาลงทันที แล้วไม่พูดอะไรอีก

“........นี่......คุณตั้งใจกวนผมใช่ไหมเนี่ย!? ” ดนัยถอนหายใจพรู และตีความเอาเองแล้วว่าสิ่งที่บดินทร์แสดงออกมานั้นคือสานห์ท้ารบ เขาถอนมือออกจากปลายคางของอีกฝ่าย แล้วเปลี่ยนมาคร่อมร่างนั้นแทน กั้นคอกมนุษย์กักขังบดินทร์เอาไว้ในคอกแขน  ก่อนจะโน้มตัวลงหาคนที่นั่งหลับตานิ่งทำเป็นไม่รู้เรื่องราวใดๆรอบกาย เพื่อปฏิเสธการมีตัวตนของเดนัยโดยสิ้นเชิง

เข้าใกล้ จนลมหายใจคุกรุ่นรินรดปลายจมูกของบดิทร์อย่างตั้งใจ

ใกล้....จนในที่สุดก็เป็นบดินทร์เองที่ทนเงียบต่อไปไม่ไหว ถึงต้องเป็นฝ่าย เอ่ยปากแดกดันดนัยออกมา พูดทั้งๆที่ไม่ยอมลืมตามอง

“จะให้ผมพูดอะไร?.......ก็เจ้านายไม่ให้ผมพูด...”

ปึ้ง!!!

เหมือนในหูข้างซ้ายของบดินทร์จะได้ยินเสียงวิ้ง เนื่องจากถูกกระทบกระเทือนด้วยคลื่นเสียงหนักหน่วงจากเสียงของกำปั้นทุบลงบนผนัง หนักจนคนที่ตั้งใจจะอารยะขัดขืนอย่างบดินทร์ ยังต้องสะดุ้งลืมตาสบประสานกับความเคืองขุ่นที่วาวโรจน์อยู่ในดวงตาของดนัย

ใบหน้าราวรูปสลักเครียดขึง ปั้นปึง  รูปหน้าเรียวสวยสมส่วนถูกทาบด้วยเงามืดเนื่องจากกำลังก้มต่ำลงมาหา งดงามทว่าแลดูเหี้ยมเกรียม เพียงแค่เห็น หัวใจของบดินทร์ก็กระตุกวูบไหว

ลมหายใจสะท้านกับทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงหนักหน่วงของบดินทร์ทำให้ดนัยรู้สึกตัวว่า แท้จริงคนที่แสร้งว่าตัวเองแน่นั้น กำลังสั่นเทิ้มอยู่ต่อหน้า

เป็นเพราะเขาสินะ...

ความรู้สึกผิดท้วมท้นจิตสำนึกของดนัยอีกครั้ง ทันทีที่ได้เห็นใบหน้าหวาดประหวั่นของบดินทร์ หลังจากที่เขาสติหลุด และเผลอต่อยผนังเข้าจังเบอเร่อด้วยอารมณ์พาล ดนัยรู้แจ้งแก่ใจ รู้อยู่แก่ใจดีเลยว่าที่บดินทร์แสดงอาการหวาดหวั่นต่อตัวเขาขนาดนี้ออกมา ก็เพราะความเลวร้ายที่เขาลงมือกระทำต่ออีกฝ่ายอย่างรุนแรงเมื่อคืน สภาพสิ้นไร้ไม้ตอกอย่างบดินทร์นั้น ดนัยคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในอดีตที่ผ่านมาชายหนุ่มสร้างความบอบช้ำให้กับคนที่เขาเดียดฉันท์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งแต่ละคนที่ถูกกระทำ แสดงอาการไม่ต่างจากบดินทร์เท่าไหร่นัก บ้างก้าวร้าว บ้างหวาดกลัว แต่สิ่งเหล่านั้นล้วนมอบเพียงความสาแก่ใจแก่เขาทั้งสิ้น

แต่...มันแตกต่างกับครั้งนี้

ความก้าวร้าวระคนหวาดหวั่นของบดินทร์ มันกลับทำให้หัวใจของดนัยยวบอ่อน

“....ขอโทษที่ทำให้ตกใจครับ...ผมเผลอไปหน่อย.........”ดนัยจึงพยายามกล่าวขอโทษอีกฝ่ายด้วยท่าทีที่อ่อนโยนขึ้น  หวังใจให้ปฏิสัมพันธ์อันน่ากระอักกระอ่วนนี้คลายความอึดอัดลงได้บ้าง

“....จะขอโทษทำไมกันครับ ในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของคุณ”ทว่าอาการกวนใจไม่เลิกของบดินทร์ ในที่สุดก็ทำให้ดนัยไม่สามารถอ่อนข้อชายหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้มหน้ามองต่ำ แล้วเอ่ยบางสิ่งออกมา

“...โอเค...ถ้าคุณต้องการแบบนี้จริงๆล่ะก็ ผมจะจัดให้”

น้ำเสียงดนัยนั้นเรียบเย็น จนบดินทร์ยังอดขนลุกขนชันไปด้วยไม่ได้ เขาไม่อาจตอบโต้ใดๆ ทำได้เพียงนิ่งงัน ทั้งที่สายตาหวาดหวั่นนั้นยังคงจดจ้องปอยผมปิดหน้าปิดตาจ้องดนัยที่ยังคงก้มหน้า อย่างไม่วางตา

สังหรณ์ว่าลางร้ายกำลังจะบังเกิดกับตนอีกครั้ง

“แล้ว...อย่ามาโอดครวญทีหลังก็แล้วกันนะครับ”

ดนัยเอ่ยคำเตือนเสียงแผ่วราวกับกำลังกระซิบ ก่อนจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นช้าๆ เพื่อสบตากับบดินทร์อีกครั้ง

“...ว่าง่ายๆก็ดี.......ยืนขึ้นสิ ผมจะถอดกางเกงให้”

นั่นไม่ใช่ประโยคคำสั่ง หรือขอร้อง แต่เป็นประโยคลองใจ ว่าแท้จริงแล้ว บดินทร์ใจกล้าบ้าบิ่นพอที่จะรับคำท้าของเขามากแค่ไหน เพราะหากบดินทร์กล้าพอ ดนัยก็พร้อมจะวางทุกเดิมพันในเกมนี้ด้วยเช่นกัน!

เอาสิ ดนัย...ฉันรับคำท้าของนาย

อยากรู้เหมือนกัน ว่าสงครามประสาทที่นายพยายามสร้างขึ้นเนี่ย

ใครกันแน่ที่จะยืนหยัดได้นานกว่ากัน!

แล้วอย่าหาว่าฉันใจร้ายล่ะ...

เพราะเรื่องทุกอย่างที่มันกำลังดำเนินอยู่นี่ นายนั่นแหละ ที่เป็นคนทำตัวเองทั้งหมด!!


ดนัยสบตากร้าวของบดินทร์ ในขณะที่เอ่ยประโยคเดิมพันนั้น หัวใจดวงแกร่งเต้นแรงขึ้นทุกขณะ เขาไม่ได้เจตนาให้เรื่องมันดำเนินมาในทิศทางนี้ แรกเริ่มเพียงหวังตั้งใจจะดูแลให้ดีที่สุด เพราะรู้สึกผิดต่ออีกฝ่ายหนักหนาก็เท่านั้น  แต่เพราะเผลอพาลที่อีกฝ่ายปฏิเสธความหวังดี ถึงได้ไม่อาจสงบใจปล่อยผ่าน

ในเมื่อบดินทร์ออกปากยอมมอบชีวิตให้ แม้แท้จริงจะเป็นแค่ความใจเร็วที่เพียงต้องการแดกดันตัดพ้อ แต่ดนัยก็ขอน้อมรับมันไว้อย่างจริงจังแล้วกัน จะดูแลได้อย่างดีไหม ตอนนี้เขาไม่รู้ แต่ขอจัดการให้การอยู่ร่วมกันเป็นไปโดยราบรื่นก่อนก็แล้วกัน

อย่างแรก...คือการปราบพยศ

ตาสบตา บดินทร์ยังคงนั่งนิ่ง อยากหลับตาลงไม่สนใจสิ่งใดอีกอย่างเช่นที่ผ่านมา แต่ทว่าไม่อาจละสายตาที่กำลังถูกสะกดจากดนัยได้ แม้กระทั่งตอนที่ถูกพยุงตัวให้ยืนขึ้น บดินทร์ยังไม่รู้เลยว่าควรจะทำตัวอย่างไร หัวใจดวงนี้ด้านชาแล้วจริงหรือ เขาเริ่มไม่แน่ใจ ทั้งที่คิดว่ามีเพียงร่างกายเท่านั้นที่หวาดหวั่นกับสัมผัสของอีกฝ่าย แล้วก้อนเนื้อที่เต้นกระหน่ำอยู่กลางทรวงอกนี้เล่า หรือแท้ที่จริงแล้ว...หัวใจที่คิดว่าไร้ความรู้สึกไปแล้วนั้น มันยังคงมีเลือดเนื้อหลงเหลืออยู่

เฮือก!

บดินทร์สะดุ้งเยือกทันทีที่แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับผนังเย็นเฉียบ ก่อนที่ลมหายใจจะสะดุดห้วงด้วยไม่ทันตั้งตัวที่ถูกร่างร้อนผ่าวของดนัยกระหนาบตามมาประชิด อยากจะตะโกนร้อง อยากจะผลักไส ความรู้สึกสะอิดสะเอียนตีขึ้นจนคลื่นไส้ ทว่าเขาไม่อาจทำอะไรได้ ในเมื่อลั่นวาจาออกไปแล้วว่าจะไม่ขัดขืน แม้จะถูกฝืนใจยังไง ศักดิ์ศรีตีตราตอกหน้าว่าให้กัดฟันนิ่งไว้ เขาเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนแอเสียหน่อย เหตุใดจะต้องรู้สึกหวาดหวั่น คิดได้ดังนั้น บดินทร์ก็ค่อยๆหลับตาลง

ทว่า บดินทร์พลาดไป เพราะยิ่งหลับตา รสสัมผัสก็ยิ่งชัดเจน นรกชัดๆ คิดผิดจริงๆ ที่ดันหลับตา บดินทร์ทำได้เพียงก่นด่าตัวเองในใจ ขณะอดทนกับการต้องรับรู้ถึงสัมผัสของนิ้วมือร้อนผ่าวของดนัยที่กำลังจัดการถอดกางเกงให้อย่างเชื่องช้า เผยทุกอย่างบนร่างขาวกระจ่างสู่สายตาของดนัย
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้งก็ได้ ผมไม่จับคุณกินหรอกน่า” ดนัยแกล้งกระเซ้า ด้วยเหตุผลง่ายๆเพียงความสาแก่ใจเล็กๆ เพราะค่อนข้างหงุดหงิดกับปฏิกิริยาชวนอารมณ์ขึ้นของบดินทร์ และอีกอย่างคือเขาไม่ชอบความเงียบ เพราะมันทำให้เขาไปต่อไม่ถูก

“เฮ้อ...นี่...ผมแค่อยากช่วยคุณจริงๆนะ ไม่ได้คิดจะทำร้ายคุณจริงๆ...เชื่อผมหน่อยเถอะ...”  เห็นว่าทำอย่างไรก็ไม่เป็นผล บดินทร์ยังคงหลับตาแน่น ทั้งตัวยังสั่นเป็นลูกนก ทุกที่ที่เขาบรรจงสัมผัส เกร็งทื่อราวกับโดนพิษร้าย  ดนัยถอนลมหายใจพรั่งพรูเป็นครั้งที่ร้อย เขาตั้งใจจะปราบพยศคนช่างประชด คนที่จองหองไม่เลิกคนนั้น ไม่ได้อยากปราบคนที่ยืนตัวสั่นงันงกอย่างนี้สักหน่อย ควรจะทำยังไง ทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ทำได้เพียงบ่นออกมาเบาๆ

หึ...

เสียงบางเบาราวกับหูฝาด ทำให้ดนัยที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้กับบดินทร์อย่างขมักเขม่นถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมอง

หึหึ...

และในที่สุดก็ชัดเจนถึงแหล่งที่มาของเสียงหัวเราะบางเบา เจ้าของใบหน้าซีดเผือดค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมกับริมฝีปากที่เหยียดยิ้มออกมาช้าๆ

ยิ้มครั้งแรกของบดินทร์

ยิ้มที่ราวกับจะเหยียดหยันให้ดนัยจมลงตรงหน้า

“...ไม่ทำร้าย...ให้ผมเชื่อคุณ?...หึหึหึ”

เสียงแหบระโหย ค่อยๆทวนประโยคของดนัยออกมา ทีละคำๆ ราวกับจะตอกย้ำในทุกๆความหมายให้เด่นชัด ทั้งยังขบขันไม่หยุด เหมือนมันคือเรื่องตลกสุดกู่

“คุณดนัยครับ คุณเห็นผมเป็นตัวอะไร หมา? หรือควาย? ตัวเหี้ยอะไรเหรอครับที่คุณอยากให้ผมเป็น? ตัวเหี้ยที่มันเจ็บไม่จำ...”

“คุณบดินทร์!?”

ดนัยแผดเสียงกร้าว เพื่อยั้งสิ่งที่บดินทร์พยายามจะพูดต่อ แต่ดูเหมือนจะยิ่งเป็นการเติมเชื้อไฟให้บดินทร์มีแรงมากขึ้น คนที่แทบไม่เหลือแรง ถึงได้แผดเสียงกร้าวใส่ดนัยไม่ยั้ง เค้นพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ด้วยแรงแห่งความโกรธเกรี้ยว

“คุณเลิกทำดีกับผมเสียทีเหอะ!  ขยะแขยงว่ะ! จะไม่ทำร้ายผม เหอะ! เชื่อก็ควายแดกหญ้าแล้วคู๊ณ!  ไม่ทำร้าย แล้วคืนก่อนใครวะที่ทำให้ผมต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้!? ฮะฮะ เออๆ ก็ถูกของคุณ ไม่ได้ทำร้าย ก็แค่เย่อกัน มันส์ดีออกว่ามั้ย ผมยังเคลิ้มเลย...”

“พอสักทีบดินทร์ ผมขอร้องล่ะ...”

“ทนฟังไม่ได้เหรอครับ?  ทำไมล่ะ...ผมยังทนได้เลย หึหึหึ คุณอยากให้ผมเชื่อคุณสินะ เชื่อว่าคุณจะไม่ทำร้ายผม...”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...จะให้ผมเชื่อ?...เชื่อ ทั้งๆที่คนที่ทำร้ายผมเมื่อคืนก่อนคือคุณ! ทำร้ายผมอย่างตั้งใจ ทำร้ายผมด้วยความสะใจ เบิกตาดูรอยบนตัวผมสิ หลักฐานคาตาไหม!? แล้วเนี่ย!! ข้างในท้องผมน่ะ ยังมีน้ำรักคุณค้างอยู่เต็มเลย! ตอนนั้นเอาผมแทบตาย ผ่านมาวันนึง ก็บอกจะดูแล จะไม่ทำร้าย จะให้ผมเอาอะไรไปเชื่อคุณกัน!! ประสาทหรือไง!!....คุณมัน..............เห็นแก่ตัว..............คุณ....................”

“เฮ้ย บดินทร์!?”

พูดไม่ทันจบร่างอ่อนเปลี้ยของบดินทร์ก็ทรุดฮวบลงกองแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หากดนัยไวกว่า เข้าไปช้อนร่างนั้นไว้ได้ทันก่อนจะลงไปกอง

บดินทร์ใช้แรงในการอาละวาดเกินลิมิต การแผดเสียงมากไปทำให้หน้ามืด แรงข้าวต้มอันน้อยนิดที่เหลืออยู่ จึงถูกใช้หมดก๊อกในครั้งเดียว หมดขนาดที่ว่าไม่เหลือแรงแม้สักนิดที่จะพยุงตัวเองออกจากอ้อมกอดของดนัย หรือแม้แต่คุมสติตัวเองให้ยั้งยืนฝืนต่อ

เขากำลังจะ.................

ยังไม่ทันไร บดินทร์ก็ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของคนที่ตนไม่ต้องการอยู่ใกล้มากที่สุด ไม่ใช่แค่หลับ เรียกว่าน็อคไปเลยน่าจะเหมาะกว่า พอแบตที่เหลืออยู่น้อยนิดหมดลง ร่างกายของบดินทร์ก็ชัตดาวน์ทันที

ดนัยกอดร่างสลบไสลไว้เงียบๆ ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวรวดร้าว ความจริงที่บดินทร์ตอกใส่หน้ามาเมื่อครู่นั้นจริงแท้ จนดนัยแทบกระอัก จริงเกินไปจนเถียงไม่ได้ พูดอะไรไม่ออก

ความจริง...ที่เขาพยายามหลบเลี่ยง

มันกลับถูกพูดใส่หน้าราวกับเอาน้ำเย็นจัดราดหัว

เออ! เขาไม่เถียงหรอก

ใช่แล้วล่ะ...เขามันเห็นแก่ตัว!

เขาจะไม่ปฏิเสธสักคำ ว่าที่ทำอยู่ตอนนี้คือความเห็นแก่ตัวของเขาล้วนๆ ‘ตบหัวแล้วลูบหลัง’ ใครบ้างจนทนไหว เรื่องนี้เขารู้อยู่แก่ใจ แต่ก็ยังจะพยายามยัดเยียดให้บดินทร์ทำตามความพอใจของเขาอยู่ดี เพราะเขาเห็นว่านั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับบดินทร์ ทางที่เขาเลือกให้ คือทางที่บดินทร์จะบอบช้ำน้อยที่สุด

ใครเป็นคนตัดสินเหรอ?

ก็ตัวเขานี่ยังไงล่ะ

ถึงในบทละครที่เขาเคยได้รับ จะเป็นบทพระรองแสนดีราวเทวรูป  หรือแม้แต่ภาพลักษณ์ที่ใครๆเห็นจะเป็นเจ้าชายยิ้มสวย อัธยาศัยดี น่าคบก็เถอะ แต่นี่แหละคือตัวตนที่แท้จริงของเขา ดนัย ลูกชายคนเล็กของท่านรัฐมนตรีพ่วงยศนายพลคนดัง บิดาผู้มากด้วยอิทธิพล เลี้ยงเขามาบนกองเงินกองทอง ไม่ว่าของที่เขาต้องการจะเลอค่ามากแค่ไหน ก็ไม่มีสิ่งใดที่พ่อจะหามาให้เขาไม่ได้

นี่อาจเป็นนิสัยเสียๆที่ติดตัวมา

แล้วยังไงล่ะ เพราะจนถึงตอนนี้ก็ยัง ไม่มีอะไรที่เขาอยากได้แล้วไม่ได้มาไว้ในมือสักที

เพราะฉะนั้น ตัวของคนในอ้อมแขนนี่ก็เช่นกัน ถ้าเขาอยากได้เสียอย่าง ก็ไม่มีอะไรจะมาขวางเขาได้ทั้งนั้น

ถึงคุณจะไม่ยอมก็ตาม บดินทร์

ผมก็จะไม่ยอมปล่อยคุณไปเด็ดขาด!


ใบหน้าราวรูปสลัก นิ่งเรียบไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ก่อนจัดการอุ้มร่างเปลือยของบดินทร์ขึ้นพาดบ่า แล้วพาออกจากห้องน้ำทั้งสายน้ำเกลือน่ารำคาญ  เดินเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงเตียงคนป่วย ดนัยว่างร่างแน่นิ่งลงบนที่นอนอย่างเบามือ พลางมองที่ร่างเปล่าเปลือยนั้น ด้วยสายตาที่แสดงความกระหาย ใคร่อยากจะเป็นเจ้าของย่างเต็มที่

เพราะไม่เคยอยากได้อะไรแล้วไม่ได้

เพราะไม่เคยผิดหวัง จึงไม่เคยลุ่มหลงในสิ่งใด

แต่กับคนตรงหน้า ที่ดนัยไม่เคยคิดเสน่หา กลับไม่รู้อะไรดลใจ ทำให้ละสายตาไปไหนไม่ได้ ความรู้สึกอยากครอบครอง พาเอาคลุ้มคลั่ง เพียงแค่มองก็รู้สึกลำคอและริมฝีปากแห้งผาก จนต้องแลบลิ้นเลียไว้ให้ชุ่มชื้น

ความหื่นกระหายครอบงำจิตใจโดยไม่รู้ตัว

อยากได้ อยากได้ อยากได้

ยิ่งบดินทร์ดิ้นรนผลักไส  ดนัยก็ยิ่งอยากได้

เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่มั่นใจเต็มร้อยก็ตอนรับร่างของบดินทร์เข้าสู่อ้อมกอดนี่แหละ

ทั้งที่เคยมองว่าเป็นแค่ของไร้ค่า

ทว่าตอนนี้กลับ......

‘อยากได้เหลือเกิน’

*
*
*
*

ต่อด้านล่าง

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 17-03-2015 19:35:25
มาแล้วววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 17-03-2015 19:38:12

ครืด~ ครืด~ ครืด~


เสียงมือถือสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เรียกสติของดนัยกลับมา เขาเอาผ้าห่มปิดร่างเปลือยของบดินทร์ไว้ชั่วคราว ก่อนเร่งกดรับสายทันทีที่เห็นว่าเป็นเบอร์ใคร

“ว่าไง?”

‘จริงอย่างที่คาดครับคุณหนู พวกมันมาดักรออยู่ที่คอนโดของคุณบดินทร์จริงอย่างที่คุณหนูคาดไว้ไม่ผิดเลยครับ ทั้งพวกบ่อน ทั้งนักข่าว’

เสียงตามสายคือลูกน้องคนสนิทของพ่อดนัยเอง ที่เขาใช้ให้ไปคอยเฝ้าคอนโดของบดินทร์ไว้อย่างลับๆ เพื่อสืบว่าใครกัน ที่เป็นเจ้าหนี้สิบล้านของบดินทร์

“แล้วรู้หรือยังว่ามันเป็นพวกของบ่อนใคร?”

‘มันส่งแต่พวกปลายแถวมา แต่ก็พอจะสืบได้แล้วครับ น่าจะเป็นพวกของเสี่ยอัครเดช ไม่ผิดแน่’

“ดี เฝ้ามันไว้ก่อน แล้วเดี๋ยวฉันจะบอกอีกทีว่าต้องทำยังไง”

‘ครับคุณหนู’

ตั้งแต่ที่ได้เห็นคลิปประจานตัวเองเรื่องหนี้พนันของบดินทร์ ดนัยก็สั่งลูกน้องพ่อให้ตามสืบเรื่องนี้ทันที หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สนใจใยดีนัก แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป  เพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะยอมรับหรือไม่ แต่ตอนนี้บดินทร์เป็นคนของเขาแล้ว ดังนั้นใครหน้าไหนก็แตะต้องไม่ได้อย่างเด็ดขาด

อีกอย่างจากคลิปที่บดินทร์ปล่อยออกมา ทำให้ได้รู้ว่า ไอ้เจ้าของบ่อนนั่นเป็นพวกเดียวกับชิดจันทร์ ศัตรูตัวเอ้ ของสดายุและกฤตเมธอีก งานนี้ดนัยยิ่งปล่อยผ่านไม่ได้เข้าไปใหญ่

อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าพ่อบ่อนใหญ่คู่ขาคุณหนูชิดจันทร์จะใหญ่ไปกว่าบารมีตระกูลเขาหรือเปล่า

>

>

>

>

>


ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ในที่สุดบดินทร์ก็รู้สึกตัวตื่น แต่สมองยังมึนงง เกินกว่าจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ในสิบนาทีแรกที่ลืมตา อลงมองไปรอบตัวถึงดีได้รู้ตัวว่าถูกพากลับมานอนเรียบร้อยอยู่ที่บนเตียงผู้ป่วยแล้ว อีกทั้งยังอยู่ในชุดคนไข้ชุดใหม่หอมสดชื่นกับร่างกายที่สะอาดสะอ้านด้วย

เหตุการณ์สุดท้ายก่อนจะหมดสติไป จำได้ว่าเขาสติแตก แล้วร่างกายก็ยังเปลือยล่อนจ้อน บดินทร์ใจหายวาบทันทีที่คิดขึ้นได้ ชายหนุ่มเพ่งสมาธิกับร่างกายของตัวเองทันที ก่อนจะถอนหายใจโล่งอกในวินาทีถัดมา

เขาไม่ได้โดนล่วงเกินอะไร

บดินทร์ถอนหายใจโล่งอก แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า จะโล่งใจทำไมกับแค่เรื่องที่รอดปลอดภัยจากการกระทำมิดีมิร้าย เขาเป็นผู้ชายทั้งแท่ง จะกลัวอะไรนักหนา ไม่ใช่สาวน้อยหน้าบางอ่อนต่อโลกเสียหน่อย โดนเท่าไหร่ก็ไม่เห็นสึกหรอ แต่...อย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ

รู้ดีว่าคงไม่ได้อยู่คนเดียวในห้อง สองตาจึงลอบชำเลืองไปหาในที่ประจำของคนเฝ้า แล้วก็จริงดังที่คิด ดนัยนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงนั้น อยู่ที่เดิม เห็นแบบนั้นบดินทร์ ก็วางใจที่จะผ่อนคลายได้หน่อย การปะทะกันในห้องน้ำเมื่อครู่ยังคงทิ้งร่องรอยในอารมณ์ขุ่นมัว ดีแล้วที่ตื่นมา ไม่ต้องปะทะคารมต่อเนื่องอีก วันนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน หลายวันมานี่ เขาเหนื่อยเหลือเกิน

ดีแล้วที่...ต่างคนต่างอยู่

คนไข้นอนนิ่งอยู่บนเตียง คนเฝ้าก็อ่านหนังสือเงียบๆอยู่ตรงโซฟามุมห้อง

จนกระทั่งเก้าโมงเช้า แขกคนสำคัญก็มาถึง

แขกที่ดนัยรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร แต่เป็นแขกที่บดินทร์คาดไม่ถึง

“....ดิน...”

เสียงทุ้มหวานเอ่ยเรียกคนที่เหม่อลอยอยู่บนเตียงคนป่วยด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เสียงนั้นคุ้นเคยจนบดินทร์ถึงกับต้องรีบหันมามอง

“...พี่ซอลย่า?”

นี่อาจเป็นการแสดงอารมณ์ทางสีหน้าครั้งแรกของบดินทร์เลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่ที่ลืมตาตื่นขึ้น ณ โรงพยาบาลแห่งนี้ นับตั้งแต่อยู่ในความดูแลของดนัย ทว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะดนัย แต่เป็นเพราะซอลย่า คนที่บดินทร์รอคอย

สองร่างที่ค่อยๆสวมกอดซึ่งกันและกัน ถ่ายทอดภาพแห่งความซาบซึ้งสู่สายตาของดนัยเป็นฉาก ใจหนึ่งก็อยากร่วมยินดีด้วยอยู่หรอกนะกับความอบอุ่นที่บดินทร์ยิ้มรับจากซอลย่า แต่ไม่รู้ทำไม ดนัยถึงได้แอบเสียวยอกในใจอยู่ลึกๆ ชายหนุ่มส่ายหน้าดิก ไม่อยากจะคิดว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไร

นี่อย่าบอกนะว่า เขากำลัง..... ‘อิจฉา’




“ทำไม ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังขนาดนี้หือ? ไม่คิดถึงคนที่อยู่ข้างหลังบ้างเลย ไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ?”  น้ำเสียงทุ้มหวานเครือสั่น เอ่ยถามไถ่ขณะที่สองมือยังคงลูบคลำอีกมือของคนที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยไว้แน่น 

“...ผมขอโทษ...พี่ซอล ผมขอโทษ” เช่นเดียวกับคนที่ถูกตัดพ้อ บดินทร์ผู้อ่อนแอ ปล่อยหยาดน้ำตาพรั่งพรูอย่างสุดกลั้น ดีใจ เสียใจ สับสน ปนกันมั่ว

 ทันทีที่ซอลย่าทราบข่าวจากบลูม่าเรื่องบดินทร์ ซ้ำยังได้ดูคลิปที่บดินทร์โพสต์ในโลกโซเชียลที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมตอนนี้อีก ผู้จัดการส่วนตัวอย่างซอลย่าก็รีบรุดมาเยี่ยมผู้ที่เปรียบดังน้องชายแท้ๆ ที่โรงพยายามตามที่บลูม่าให้รายละเอียดไว้ และเร่งติดต่อขอบัตรผ่านจากทางดนัยทันที 

แน่นอนว่าวินาทีแรกที่ได้เห็นใบหน้าซีดเซียวของบดินทร์เข้านั้น หัวใจของซอลย่าก็ราวกับถูกบีบรัด ชายหนุ่มถลาเข้ากอดบดินทร์ไว้และร้องไห้อย่างหนัก เจ็บใจตัวเองเหลือหลายที่ไม่ยอมอยู่กับบดินทร์ในยามที่น้องรักอ่อนแอที่สุด

‘พี่ขอโทษ’

‘ผมขอโทษ’


คือประโยคเดียวที่ทั้งคู่ใช้เพื่อสื่อสารกัน

กระทั่งผ่านไปได้ครู่ใหญ่ๆนั่นแหละ ถึงได้เลิกสะอึกสะอื้นกันได้  และนั่นบดินทร์ถึงได้รู้ว่า ยังมีแขกอีกคนอยู่ในห้องนี้ด้วย

แท้จริงทั้งบดินทร์และซอลย่า ยังมีเรื่องคาอกคาใจให้ได้คุยกันอีกเป็นคุ้งเป็นแคว แต่ทว่าเห็นจะไม่สะดวกนัก เพราะยังมีแขกอีกคนที่รอเยี่ยม ทั้งยังมีดนัยขนเฝ้าไข้ที่ไม่ยอมออกห่างห้องนี้เลยแม้แต่ก้าวเดียว สองพี่น้องนอกไส้ จึงจำใจละห่าง แล้วเปิดทางให้ผู้มาเยี่ยมเยือนอีกคนได้มีโอกาสสนทนาพาที

“.....คุณน้า”

“เป็นไงบ้าง...ดิน”

การเผชิญหน้ากันอย่างกะทันหันทำให้บดินทร์ทำหน้าไม่ถูกแม่เลี้ยงที่ไม่เคยญาติดีกันวันนี้กลับมาเยี่ยมเขาถึงที่ดวงหน้าของหญิงวัยกลางคนแม้จะดูอิ่มเอิบแต่ก็มีร่องรอยความกังวลหล่อนยิ้มบางๆให้บดินทร์ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้แล้วทรุดกายลงนั่งที่ข้างเตียง ข้างกันกับซอลย่า บดินทร์ทำเพียงเอ่ยทักทายตามมารยาท แล้วก็ไม่ได้ให้ความสนใจอีก ไม่ใช่หยิ่งยะโสมาจากไหน แต่เป็นเพราะเขากับแม่เลี้ยงไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตั้งแต่แรก บดินทร์เลยไม่รู้ว่าจะสานต่อการสนทนาที่มากไปกว่าการกล่าวขอบคุณได้อย่างไร ทางฝ่ายผู้สูงวัยกว่าก็เช่นกัน  หล่อนไร้คำพูดโดยสิ้นเชิง ทำเพียงนั่งนิ่งเงียบอยู่ข้างๆกับซอลย่าเท่านั้น

“พี่ทราบข่าวจากบลู...เอ่อ ผู้จัดการส่วนตัวของคุณสดายุน่ะ เขาบอกให้พี่ติดต่อมาทางคุณดนัย ถึงได้เข้ามาเยี่ยมดินได้ แล้วก็เลยถือโอกาสพาคุณน้าพิลาสลักษณ์มาด้วย” ซอลย่าเอ่ยอธิบาย ในขณะที่สองมือยังคงเกาะกุมกันไว้กับบดินทร์ไม่ห่าง ก่อนจะอธิบายเพิ่มเติมถึงการรักษาความปลอดภัยของห้องพิเศษที่บดินทร์นอนอยู่นี้ ว่าช่างเคร่งครัดรัดกุมดีเหลือเกิน เพราะใครก็ตามที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากดนัย ไม่มีทางได้ขึ้นมาแม้เพียงโถงทางเดิน ตลอดตั้งแต่หน้าลิฟท์ มีบอดีการ์ดฝีมือดีคอยยืนคุมพื้นที่พร้อมตรวจตราแข็งขัน ป้องกันทั้งพวกนักข่าวช่างสอดรู้สอดเห็น และเหล่าผู้ไม่พึงประสงค์รายอื่นๆที่น่าสงสัย ทำให้บดินทร์มีเวลาพักผ่อนได้อย่างเต็มที่  ซอลย่ากระซิบกระซาบชื่นชมให้บดินทร์ฟังไม่ขาดปาก เพราะผู้จัดการร่างเล็กไม่ได้ทราบถึงมูลลึกเบื้องหลังเลยว่า แท้จริงระหว่างบดินทร์กับดนัยเกิดอะไรขึ้น มีเพียงแค่ความแปลกใจเล็กๆ ว่าทำไมทั้งสองคนถึงมาสนิทกันกระทั่งให้ความช่วยเหลือขนาดนี้ได้เท่านั้น

บดินทร์เพียงเงียบฟัง และแสร้งเออออไปกับซอลย่า ถึงแม้ว่าพี่ชายตัวเล็กๆตรงหน้าเขานี้จะเป็นคนที่เขาไว้วางใจมากแค่ไหน แต่เรื่องระหว่างเขากับดนัย มันก็ยากเกินจะปริปากบอก สู้ปล่อยให้มันตายไปพร้อมกับตัวเขาเลยดีกว่า 


การสนทนาระหว่างซอลย่ากับบดินทร์ยังคงไม่ขาดตอน จนซอลย่าเริ่มรู้สึกเกรงใจผู้สูงวัยที่นั่งข้างกัน เขาเองก็พอรู้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงคู่นี้อยู่บ้าง ว่าช่างห่างเหิน (เสียยิ่งกว่าห่างเหิน) แต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขนาดไม่ปริปากคุยกันเลยแบบนี้ สุดท้าย ซอลย่าเลยพยายามทำตัวเป็นสะพานเชื่อม ให้สองแม่เลี้ยงลูกเลี้ยงได้เริ่มคุยกันได้เสียที จากนั้น ตัวเองก็หลบฉากออกมา เฝ้าดูเหตุการณ์ในระยะไกลพร้อมกับดนัย ที่นั่งสังเกตุการณ์อยู่แล้วแต่ต้น

ทว่าความเงียบสงัดนับตั้งแต่ซอลย่าจากมา  เรียกความกระอักกระอ่วนใจแก่ซอลย่าได้ไม่น้อย

“...เอ่อ...เขาเป็นครอบครัวเดียวกันใช่ไหม คุณบอกตอนโทรหาผม...แล้วนี่เขาโกรธกันอยู่เหรอ?”

เสียงกระซิบทุ้มต่ำ พร้อมร่างสูงใหญ่ที่โน้มเข้าหาของดนัย เป็นสิ่งยืนยันความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างดี ซอลย่าเพียงยิ้มเจื่อนให้ก่อนในครั้งแรก ขณะตัดสินใจอยู่ว่าควรจะเล่าให้ดนัยฟังดีหรือไม่ แต่ในที่สุด ก็ต้องถอนหายใจบางๆ แล้วเอ่ยปาก เผยบางอย่างให้ดนัยได้ฟัง ด้วยเห็นว่าอย่างน้อย ดาราหนุ่มหล่อตรงหน้า ก็อุตส่าห์ให้ความช่วยเหลือบดินทร์ของเขาเป็นอย่างดี

“...คุณพิลาสลักษณ์ เขาเป็นแม่เลี้ยงของบดินทร์น่ะครับ เขาอาจไม่ค่อยถูกกัน...คือ...บดินทร์เคยรู้สึกว่า เพราะคุณพิลาสลักษณ์เข้ามาในครอบครัว เขากับคุณพ่อเลยทะเลาะกัน...แต่ตอนนี้ บดินทร์เขารู้แล้วว่าส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นเพราะตัวเองทำตัวไม่ดี...”

“แม่เลี้ยง...ใช่คุณแม่ของเด็กผู้หญิงที่เป็นต้นเหตุให้สดายุกับบดินทร์มีปัญหากันหรือเปล่าครับ?” ยังไม่ทันที่ซอลย่าจะเล่าความจบ ดนัยก็แทรกถามขึ้นมาเสียก่อน ในประเด็นสำคัญ ที่เป็นกุญแจของเรื่องราวทั้งหมด

“...เอ่อ...ครับ เธอเป็นคุณแม่ของ เพียงดาว” ซอลย่าถอนใจเบาบาง พร้อมตอบคำถามด้วยความสัตย์จริง

>

>

>

>

>

“...ดิน เป็นยังไงบ้าง?”

หลังจากถูกปล่อยให้อยู่ด้วยกันสองต่อสอง พิลาสลักษณ์ จึงเอ่ยถามอาการของลูกเลี้ยงด้วยความห่วงใย น้ำเสียงสั่นน้อยๆ ตามวัยที่สูงขึ้น  และไม่มีกระแสตัดพ้อหาความ ตามอย่างที่บดินทร์จินตนาการไว้

“ผมโอเคขึ้นแล้วครับ...ขอโทษคุณน้าด้วยที่ทำให้ต้องลำบากมาเยี่ยม...ขอโทษที่ผมทำแต่เรื่องเดือดร้อน”

บดินทร์ก้มหน้าก้มตาขอโทษเสียงแผ่วคิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยเพราะรู้สึกผิดจากใจจริงเขาสร้างเรื่องอีกแล้วลูกเลวอย่างเขาสร้างเรื่องเดือดร้อนให้ครอบครัวอีกแล้วพ่อเขาคง...โกรธมาก

"...ดิน"

น้ำเสียงอ่อนโยนขานชื่อคนที่กำลังความคิดเตลิดให้ได้สติพร้อมเอื้อมมือไปสัมผัสที่แขนซ้ายอ่อนล้าแผ่วเบาเพื่อเรียกให้บดินทร์ตระหนักรับฟังในเรื่องที่กำลังจะเอ่ย

“...ตอนนี้คุณบดี กำลังไปทำเรื่องขายที่ที่ราชบุรีอยู่...”

“.....!!?”

“ส่วนที่ของน้าที่ลำปาง ก็กำลังให้ญาติที่นั่นช่วยทำเรื่องขายอยู่”

“ทำไม?....”

“เราจะรีบขายให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ามันจะไม่พอสิบล้านจริงๆ เราก็ตัดสินใจกันแล้วว่า จะจำนองบ้าน...”

“เดี๋ยว คุณน้าหมายความว่ายังไง ผมงงไปหมดแล้ว?”

บดินทร์ถามเสียงพร่า เขาไม่เข้าใจในสิ่งที่พิลาสลักษณ์ต้องการจะสื่อ  ไม่สิ แท้จริงสมองเขาก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก แต่หัวใจเขามันกลับปฏิเสธ

“เงินที่ดินติดเขาอยู่น่ะ สิบล้านใช่ไหม หลังจากทราบเรื่องเมื่อวาน คุณบดีก็เดินทางไปราชบุรีทันที เพื่อทำเรื่องขายที่ตรงสวนผึ้ง เห็นว่ามีนายหน้ารอติดต่อขอซื้ออยู่แล้ว ที่สวย น่าจะได้ราคางามอยู่...”

“ทำไม? พ่อทำแบบนั้นทำไม ที่ดินผืนนั้น...เป็นของคุณปู่ ของดูต่างหน้าที่พ่อหวงมาก....ทำไม....”

“ของดูต่างหน้า หรือจะสู้ดวงใจ...ไม่ว่าต่อหน้าดิน เขาจะแสดงท่าทียังไง น้าอยากให้ดินรู้ ว่าทุกลมหายใจของคุณบดี...ดินยังคงเป็นลูกชายคนเดียว ที่เขารักที่สุดเสมอ”

“.....พ่อ....ฮึ่ก....”

หลังฟังคำเฉลย บดินทร์แทบจะขาดใจ บุพการีเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่ พ่อที่เขานึกว่าได้ถูกตัดขาดออกจากอ้อมอกแล้ว แท้จริง ความรักมากมายยังคงเอ่อล้นรอบกายของเขาไม่เคยขาดสาย น้ำตาของบดินทร์ไหลพราก รู้สึกผิดเหลือเกิน

“...ฮือ....ผมขอโทษ...พ่อ...คุณน้า...ผมขอโทษ...ฮึ่ก....”

บดินทร์ร่ำไห้อย่างไม่มีความอายหลงเหลือ เจ็บปวดรวดร้าวกับความไม่ยั้งคิดของตัวเอง จนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดีแล้ว นอกจากการพร่ำขอโทษ

พิลาสลักษณ์เองก็ถึงกับน้ำตาคลอหน่วย แม้ว่าหล่อนกับบดินทร์จะไม่ได้มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น แต่หล่อนก็ไม่เคยเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนไกล หรือน่ารังเกียจตรงไหน  มันไม่มีหลงเหลืออีกแล้วทิฐิใดๆที่เคยผูกใจเจ็บ ยิ่งได้เห็นว่าบดินทร์คนนี้แสนบอบบาง หล่อนก็รู้ได้ว่า น่าเสียดายเวลาที่พวกเขาปล่อยให้เสียเปล่าไป โดยไม่ยอมทำความเข้าใจกันเสียจริง

ผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงลอบถอนหายใจบางเบา เพื่อพยายามข่มกลั้นก้อนสะอื้นที่ตีตื้นขึ้นมาถึงคอหอย สูดหายใจแล้วเอื้อมมืออีกข้างเข้าประคองแขนที่ยังรยางค์สายน้ำเกลือของบดินทร์ สองมืออวบอิ่มอ่อนโยน ค่อยๆบีบมือของลูกเลี้ยงผู้บอบบางแน่นขึ้น มือของหญิงวัยห้าสิบเอ็ดปีไม่นิ่มนวลเช่นมืออุ้งสาว สากระคายทว่าแสนอบอุ่น ใบหน้าอิ่มเอิบที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย ส่งยิ้มมาไม่ขาดสาย พร้อมเอ่ยถ้อยคำพร่ำปลอบโยนบดินทร์ออกมาไม่ขาดปาก

“น้ายังไม่ได้บอกเรื่องที่ดินเข้าโรงพยาบาลให้คุณบดีฟังหรอกนะ น้าเองก็เพิ่งรู้เมื่อเช้าจากคุณซอลย่าเหมือนกัน น้าไม่กล้าบอก เพราะลึกๆ น้าเองก็พอรู้ ว่าที่ดินตัดสินใจแบบนี้ ส่วนหนึ่ง คงเป็นสาเหตุจากโทรศัพท์จากคุณบดี แต่น้าอยากให้ดินรู้ ถึงคุณบดีจะต่อว่าดินแบบนั้น แต่หลังจากวางสาย เขาก็ไม่ได้รู้สึกสาแก่ใจที่ได้ทำแบบนั้นหรอกนะ ใบหน้าของคุณบดีตอนนั้นราวกับจะร้องไห้ เขาร้อนรนในการหาโฉนดที่ดินผืนสำคัญ รีบเร่งติดต่อกับทางนายหน้าค้าที่ ที่เขาเคยด่าสาดเสียเทเสียไปหลายครั้ง เพื่อติดต่อยอมขายที่ให้ในราคาที่เคยถูกเสนอให้ แล้วเดินทางไปราชบุรีทันทีที่สามารถติดต่อนายหน้าได้...”

“ขอโทษนะ ที่น้าเห็นแก่ตัว น้ากลัวว่าคุณบดีจะสติแตกหากรู้เรื่องของดิน น้าเลยยังเงียบไว้ ขอโทษที่น้าเป็นห่วงเขามากกว่าดิน เชื่อเถอะ ว่าถ้าเขารู้ เขาต้องกลับมาหาดินทันทีแน่ คุณบดีน่ะ เขารักดินมากนะ เพราะฉะนั้น น้าจึงอยากให้ดิน เป็นคนไปบอกเรื่องนี้กับคุณบดีเอง ไปบอกกันต่อหน้า แล้วเปิดอกพูดกันตามประสาพ่อลูก น้าคิดว่าแบบนั้น ความเจ็บปวด อาจถูกลดทอนลง...ดิน...เห็นด้วยกับน้าใช่ไหม?...”

“ครับ...ครับ ผมเห็นด้วย ทันทีที่พ่อกลับมา ผม...ฮึ่ก...ผมจะไปกราบท่านเอง...”

“จ๊ะ...กลับมาเถอะนะ กลับมาบ้านของดิน น้าอยากให้ดินรู้เหลือเกิน ว่าตั้งแต่ที่ดินจากมา คุณบดี...พ่อของดิน ยังคงนั่งรอที่โซฟาหน้าบ้านตัวเดิมจนดึก ถึงปากจะบอกว่าไม่ได้รอใคร แต่น้ารู้ ว่าสายตาของเขาที่จับจ้องตรงประตูรั้วไม่วางตานั้น กำลังรอใครอยู่ กลับมานะ บ้านของดิน พ่อของดิน ยังรอดินอยู่...”

“...บ้านของเราครับ...ผมจะกลับไป...ที่บ้านของเรา...”

จบประโยคบอกเล่าความในใจ บดินทร์ก็ก้มลงกราบลงข้างเตียง เทียบเคียงว่ามันคือตักอุ่นของผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง พิลาสลักษณ์เองก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป หล่อนปล่อยมันไหลพรั่งพรูออกมาพร้อมกับที่ก้มลงโอบกอดร่างสั่นเทาของลูกเลี้ยงของหล่อนไว้ กอดแรก ที่อบอุ่นและตราตรึงในความรู้สึกของทั้งคู่ที่สุด 

*
*
*
*
*
 
BMW Series 7 สีดำเงางาม แล่นมาจอดเทียบอยู่ตรงหน้ารั้วสูงตระหง่าน ทว่าแลดูเก่าแสนเก่า เฉกเช่นตัวบ้านที่ดูทรุดโทรม ผิดกับความทรงจำ ว่าเคยโดดเด่น สง่างามมากเพียงไหน แต่นั้น มันก็เป็นความทรงจำที่ล่วงเลยมานานกว่า 23 ปีแล้ว

ไม่แปลกที่จะเก่า

แต่แปลกที่ช่างทรุดโทรมหม่นหมอง ราวกับเจ้าของที่เคยเป็นมหาเศรษฐี จะไม่เหลือบารมีใดๆ แล้ว

แต่...ก็ช่างมันถอะ เพราะการมาของเสน่ห์จันทร์วันนี้ ก็ไม่ได้ต้องการเห็นความรุ่งเรืองของบ้านหลังนี้อยู่แล้ว

ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง....

นิ้วเรียวสวย กดกริ่งหน้ารั้ว รัวๆ โดยไม่คิดเกรงใจเจ้าของบ้าน

ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง....ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง....

ยิ่งเห็นว่ายังไม่มีใครยอมออกมาเปิดรับทันใจ เสน่ห์จันทร์ยิ่งรัวนิ้วกดเรียก ชนิดไม่เว้นจังหวะให้ขานรับ

“โอ้ย หนวกหูจริง จะกดหาพ่อใครวะ!?”

และมันได้ผล เพียงไม่กี่อึดใจต่อมา หญิงสาวที่ดูแล้ววัยน่าจะไล่เลี่ยกับเสน่ห์จันทร์ ในชุดเสื้อผ้าเก่าๆ ก็เดินหน้างอหน้าง้ำ ผรุสวาทด่าทอมาแต่ไกล

ประตูถูกกระชากเปิดไม่เบานัก พร้อมกันกับใบหน้าหญิงสาวคนนั้น จดจ้องหาเรื่องไม่หยุดหย่อน

“มาหาใคร? เจ้าหนี้หรือเปล่า ทวงไปก็ไม่มีให้หรอกนะ กลับไปซะไป๊!”  เจ้าบ้านแผดเสียงระคายหู เพื่อออกปากไล่ แต่ก็ต้องสะอึก เมื่อเจอคำถามของเสน่ห์จันทร์เข้า

“ฉันมาหาเจ้าของบ้าน ที่ชื่อสมภพ เขาคงยังไม่ตายใช่ไหม?”

“หล่อนเป็นใคร? มีธุระอะไรกับผัวฉัน?”

ทันทีที่เสน่ห์จันทร์บอกจุดประสงค์ในการมาเยือน หญิงสาวตรงหน้า ก็ตั้งแง่กับหล่อนมากขึ้น ดูจากคำพูดคำจา เสน่ห์จันทร์ก็เดาได้ทันทีว่า ผู้หญิงตรงหน้าคงเป็นภรรยาคนล่าสุดของ สมภพ อดีตสามีของหล่อนเป็นแน่

เสน่ห์จันทร์เหยียดยิ้มหยัน

‘นังคนไร้การศึกษานี่หรือเปล่านะ คนที่เคยทำร้ายชิดจันทร์’

“ว่าไง หล่อนเป็นใคร มีธุระอะไรกับผัว......ฉ....!!!!???”

ยังไม่ทันที่หญิงเจ้าบ้านจะพูดจบ หล่อนก็ต้องผวาเฮือก กับวัตถุสีดำมะเมื่อมคุ้นตาที่ถูกจ่อแสกกลางหน้าผาก อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

เสน่ห์จันทร์ยิ้มหวาน ก่อนจะเอ่ยขอเข้าพบอดีตสามีของตนอีกครั้ง

“อย่าให้ต้องพูดซ้ำ พาฉันไปหาสมภพเดี่ยวนี้!”


************************************

มาแล้วคร๊า....
ขอโทษที่หายไปนาน (เก๊าไปหลบเลียแผลใจอยู่แหละ TT^TT)
ทั้งเรื่องชีวิต และเรื่องคอมเจ๊ง จนข้อมูลนิยายหายเกลี้ยง...
อนาคีเป็นคนอ่อนแอค่ะตัวใหญ่ใจปลาซิว
แถมยังใช้งานหัวใจหนักเพราะเป็นคนใช้หัวใจเดินทางดังนั้นเวลาใจเสียร่างอวบใหญ่เลยล้มแผละ...
งานหลวงงานราษฎร์ไม่แตะ เฝ้าแต่แซะตัวในมุมมืด อับชื้น แปลงร่างเป็นชาว ‘สิงขอน’
แต่ตอนนี้จิตใจเขาแข็งแรงขึ้นแล้วล่ะ สมองเก๊าเริ่มแล่น เริ่มกลับมาเขียนนิยายต่อได้แล้วค่ะ
(หลังจากเฟล เหลวไหล ไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่หลายเดือน งานหลวงก็ขาด งานราษฎร์ก็ถอย...)
ในเมื่อชีวิตมันยังต้องเดินต่อ อนาคีเลยยังต้องลุกเดินต่อไปค่ะ
ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอโทษที่เป็นนักเขียนนิสัยไม่ดีนะคะ TT^TT
ต่อไปเก๊าจะเป็นเด็กดีแล้วคร๊า...

กลับมาสู่นิยาย...

น้องยุใกล้จบแล้วนะคร๊า
อนาคีจะพยายามให้จบแบบเคลียร์ใจที่สุดค่ะ
ใครสงสัยประเด็นไหน ลงเม้นท์ไว้นะคะ
เผื่อจะเพิ่มส่วนอธิบายในเนื้อเรื่องไว้ให้ค่ะ ^^

ขอบคุณที่ยังเข้ามาอ่านกันนะคะ
ขอบคุณที่ยังให้โอกาสนักเขียนนิสัยเสียค่ะ TT^TT
ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ
อนาคี99

ปล. เรื่องของดนัย ยังไม่จบนะคะ
ปล.2 ใครคิดถึงยุ มาแน่ตอนหน้านะจ๊ะ
ปล.3 เรื่องนี้ มีคนตายนะจ๊ะ...T^T


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 17-03-2015 19:47:51
อีกรอบบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nanazaa002 ที่ 17-03-2015 19:56:10
เย้ มาเเล้วรอทุกวันค่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 17-03-2015 20:00:28
มาต่อแล้วววว ดีใจจจ  :กอด1: :กอด1: :pig4:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-03-2015 20:04:23
ก็รู้สึกว่านิยายเรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วเพราะหลายปมเริ่มเคลียร์
แถมเนื้อเรื่องเข้มข้น เป่าปี่ทุกทีที่อ่าน  :monkeysad:

ตอนต่อไปมาเร็วๆ น้า  :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-03-2015 20:06:35
ทุกคนมีโอกาสเสมอ
และคาดหวังว่าโอกาสนั้นจะมาถึงดินเหมือนกัน
ดีใจที่กลับมาต่อนะคะ ไม่ว่าจะมีปัญหาอะไร ก็สู้เข้าไว้นะคะ
รอตอนต่อไปค่ะ
ปล. อย่าลืมไปอัพเรื่องอื่นด้วยน้าาาาา
ดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 17-03-2015 20:08:01
คิดถึงน้องยุๆๆๆๆๆๆ  สำหรับบดินทร์ อีกไม่นานคงเข้มแข็งขึ้นเมื่อได้รับกำลังใจจากครอบครัว :กอด1:

เป็นกำลังให้อนาคีนะคะ รอติดตามและเป็นแรงใจให้ค่ะ ชีวิตต้องสู้ :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 17-03-2015 20:18:56
บดินทร์สู้ ๆ สำนึกแล้วก็พยายามแก้ไขซะนะ
คนแต่งสู้ ๆ นะค่ะ ดีใจที่มาต่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 17-03-2015 20:22:05
อ๊ะ...อย่าให้เป็นคู่หลักและคู่รอง เลยนะที่ว่าตายนี่
ยังไงก็คงอยากให้จบแบบมีความสุขกันทุกคนนะจ๊ะหนูอนาคีคนดี...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kongxinya ที่ 17-03-2015 20:31:24
ดีใจที่กลับมาต่อค่ะ

ไม่ว่าคุณคนเขียนจะเจอกับเรื่องร้ายอะไรมา ก็ขอให้มันผ่านพ้นไปโดยเร็ว
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจให้อยู่ตรงนี้ค่ะ
เราเชื่อว่าหลังพายุผ่านไป ฟ้าก็จะสว่างสดใสอีกครั้ง สู้ๆค่ะ  :mew3:

ส่วนคนตายในเรื่องขออย่าเป็นน้องยุ พี่เมธ เจ๊บลู เจ๊ซอล ดินๆ กับดนัย ก็โอเคค่ะ
เพราะถ้าใช่นี้น้ำตาเเตกเลย  :hao5:
เพราะชีวิตจริงโหดร้ายพอล่ะ ช่วงเวลาอ่านนิยายนี่ขอมีความสุขสักนิ๊ดดด 55
แต่ยังไงก็ตามอ่านจนจบแน่ค่ะ  :mew1:

รอตอนต่อปายยยย  :L2: :กอด1: :pig4: :L2:



หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 17-03-2015 20:37:22

ทิ้งปมแบบนี้

ใจร้ายมากๆ

แต่ข้าเจ้าก็จะรอต่อ

เหอๆ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 17-03-2015 20:40:39
จริงๆก็ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมอะไรหรอกนะ แต่จู่ๆจะให้มาเห็นใจหรือสงสารบดินทร์ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้
เพราะทำตัวเองทั้งนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่มันทำนี่แทบจะเกิดจากสันดารตัวเองล้วนๆ ไม่ได้มีปัจจัยภายนอกอะไรมากมาย
ที่เป็นแรงผลักดันให้บดินทร์เป็นคนเลว จะว่าถึงเรื่องครอบครัว ถ้าบดินทร์มันไม่ทำน้องตัวเองท้องพ่อจะโกรธ
จนขนาดตัดขาดแบบนี้มั๊ย เป็นเราๆก็โกรธอ่ะ ซ้ำพอทำผิดยังใส่ร้ายเพื่อนรักตัวเองอีก ไม่ด่าว่าเหี้ยว่าเลวก็ไม่รู้จะว่าไง
แล้วยังมาทำผิดอีกซ้ำๆซากๆๆๆๆๆๆ จนเราเห็นใจมันไม่ลงจริงๆ นอกจะบอกว่าก็สมควรแล้วกับสิ่งที่มันได้รับตอนนี้
ทั้งที่จริงเราว่ามันยังโคตรของโคตรน้อยไปด้วยซ้ำกับผลกรรมที่บดินทร์มันได้รับ เพราะอย่างน้อยมันยังมีดนัย
ที่คอยอุ้มชูคอยช่วยเหลือมันอยู่ แล้วลองคิดถึงสุดายุสิ ต้องมารับกรรมในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อ
แล้วแทบไม่มีใครคอยช่วยเหลือ อย่างไอ้สารเลวดินเลยด้วยซ้ำ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 17-03-2015 20:44:40
มาต่อแบ้วววว ใส่วันที่ละอย่าลืมใส่หน้าที่หัวเรื่องด้วยน้าาาา

อิดนัยนี่พระเอกจำเลยรักไปป่ะ ส่วนดินนี่ตั้งแต่โดน... เคะแตกบอบบางไปทันตา (ในสายตาดนัยอ่ะนะ คิดว่าตัวปกติก็เป็นผู้ชายสิ้นหวังในชีวิต 1 คน)

ดูท่าบ้านขุ่นพ่อชิดจันทร์คงได้สิทธิ์สิ้นอายุขัยกันยกครัวเป็นแน่แท้ ทั้งพ่อแม่เลี้ยงและเหล่าญาติจังไรที่ข่มขืนนีชิดด้วย เห้ออออ แอบอยากให้ตายอนาถเบย แค่ยิงโป้งเดียวจบมันไม่สมกะความเสียสละเป็นฆาตกรของคุณนายสเน่จันทร์ หึหึ

ชีวิตก็มีขึ้นลงอย่างนี้ล่ะค่ะ คุณอนาคี สู้ๆและดูแลตัวเองนะคะ ขอบคุณที่มาต่อค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ekuto ที่ 17-03-2015 20:45:59
กลับมาแล้ว คิดถึงมากๆเลยครับ

คนเขียนเข้มแข็งนะครับ ผมก็เป็นแบบคนเขียนเหมือนกัน

เจออะไรนิดหน่อยก็ไม่อยากทำอะไรแล้ว สู้ๆครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-03-2015 20:46:37
ดีใจมากมาต่อแล้ว เป็นกำลังใจให้ในหลาย ๆ เรื่องนะคะ : )
จะไม่พูดว่าดินสมควรเจออะไรแบบนี้รึเปล่า แต่จะบอกว่าสงสารรรร แงงงง  ตอนเจอกับพี่ซอลนี่แทบจะร้องตามเลย เหมือนคนไร้หลักยึดเจอสิ่งที่คุ้นเคย เจอคนที่รู้ว่าจะไม่ทำร้ายเราอะ ฮืออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 17-03-2015 20:57:13
สงสารดิน ไม่คิดว่าครอบครัวจะกลับมาเหมือนเดิมได้
นึกว่าที่ผ่านมาพ่อเลิกสนใจดินแล้วจริงๆ
ตอนรู้ว่าจะขายที่น้ำตาเกือบไหลแหนะ
เพราะเราเป็นคนหวงที่ 5 5

เรื่องตาย..มีคนนึงที่คิดไว้ เพราะเขาน่าจะมีความสุขกว่าอยู่จริงๆ  :sad11:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 17-03-2015 21:04:55
ตอนนี้ทำเอาน้ำตาพรากเลย
ดีใจที่มาต่อนะคะ
+1  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-03-2015 21:05:11
เราต้องใหัอภัยกัน   :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 17-03-2015 21:08:29
ดีใจที่กลับมาต่อค่ะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนมากๆเลยนะคะ สู้ๆค่ะ ฮึบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 17-03-2015 21:14:12
กำลังคิดถึงเรื่องนี้อยู่เลยคะ ชอบ คู่ดนัยอ่ายแล้ว ฟินมากกคิดไปไกล มีแต่ฉาก sm 555 ครอบครัวบดินก็แลดูจะแฮปปี่แล้วอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 17-03-2015 21:58:08
ยิ่งใกล้จบเรื่องก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 17-03-2015 21:59:53
ไม่นะ Nooooooooo!!!! ถ้าจะมีคนตายขอให้เป็นคนที่
คุณสเน่ห์จันทร์ไปตามตัวได้มั้ย ขอให้นักแสดงหลักรอด
(นี่มันเป็นละครตั้งแต่เมื่อไร แต่เอ๊ะ! เรื่องนี้เกี่ยวกับวงการบันเทิงนี่เนอะ)

ปล. คิดถึงมากเลย มามะ  :กอด1: X 1,000,000 ครั้ง รัวๆ ไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 17-03-2015 22:33:38
กลับมาแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 17-03-2015 22:41:57
มาต่อแล้วววววว กรี๊ดคิดถึงมากกกก

รออ่านนะค้าบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 17-03-2015 22:58:52
อ่านแล้วสงสารพ่อบดินทร์ หวังว่าจะยังไม่ได้ขายที่ผืนนั้นนะ เพราะตอนนี่มีคนจัดการหนี้สินให้แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: maru ที่ 17-03-2015 23:19:10
ดินจะเข้าใจกับครอบครัวแล้วสินะ ดนัยชอบดินเข้าแล้วใช่ไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-03-2015 23:31:35
อารมณ์แปรปรวนพอกันทั้งคู่ :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-03-2015 00:40:04
รีบมาอีกน้า !!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-03-2015 01:03:01
โอ๊ยยย~ ร้องไห้เป็นเผาเต่าแล้วเนี่ย~
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 18-03-2015 03:02:42
คนตายนี่เป็นพวกทางไอ้คุณสมภพใช่ไหม #อ้อนวอนให้ใช่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 18-03-2015 08:27:02
คนเขียนกลับมาแล้วว  :กอด1:
ตอนนี้อย่างซึ้งเลย   :mew6:
รอนะฮะ :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: vanny ที่ 18-03-2015 10:11:33
ยินดีต้อนรับการกลับมาค่ะ อะไรที่มันไม่ดีก็ปล่อยทิ้งไปนะคะ ที่นี่ยังมีความรักและความรู้สึกดีๆ มอบให้เสมอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Themamo ที่ 18-03-2015 12:24:43
 :beat: :beat: :beat:เอาให้หนัก
รอมานานสมกับการรอคอย :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 18-03-2015 13:24:37
ดีใจที่คนเขียนกลับมาแล้ว เย้ๆๆๆ  o13 :hao7: :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Chise ที่ 18-03-2015 13:40:27
ดีใจสุดๆมาต่อแล้ววว
น้ำตาซึม คราวนี้ดินคงได้ปรับความเข้าใจกับครอบครัวได้ซะที
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 18-03-2015 14:05:54
มาต่อแล้วดีใจจัง

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 18-03-2015 16:21:01
 :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 18-03-2015 16:57:52
เราดีใจที่อนาคีกลับมาก

จากนี้ไปขอให้อนาคี สู้ สู้ นะ

เราจะเป็นกำลังใจให้


น้องยุจะจบละเหรอ คิดถึงแย่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ReiiHarem ที่ 18-03-2015 17:41:34
ไม่ได้ตาฝาดดดดด อยากให้สอง บ คุยกันดีๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: goldentime ที่ 18-03-2015 19:43:32
ร้องไห้ตามเลยอะ พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเลย แต่ดีใจกะดินด้วยนะที่จะได้ครอบครัวกลับคืนมาอะ จะเป็นต่อเนี่ยนางร้ายออกโรงแล้วอะ มาต่อไวๆนะ ผู้เขียนรักษาสุขภาพด้วยเน้อ คนอ่านจะตั้งตารอต่อไป :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Caramel Syrup ที่ 18-03-2015 21:20:21
 :L2: :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
 เป็นกำลังใจให้คุณอนาคี เข้มแข็งไวไวนะคะ  สู้ สู้ ค่ะ  ดังคำพระท่านว่า มารไม่มี บารมีไม่เกิด  อุปสรรคไม่มี
 ก็ไม่เห็นความสำเร็จ  ที่จะเกิดนะคะ
                                                                                     :L2: :L2: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 19-03-2015 02:07:55
นอกจากคู่หลัก ชอบคู่ดนัยค่ะ ถ้าจบแล้วขอตอนพิเศษเยอะๆนะ
เพราะมาทีหลังเลย มีฉากหวานมีบทให้แฟนฟินน้อย
ส่วนคู่เด็กๆ ก้อจัดมาด้วยหายไปจากสารบบเลย
เพื่อนรักเพื่อนเลิฟคู่นี้น่าเอ็นดู
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Rouk_Uknow ที่ 19-03-2015 17:06:44
รู้สึกว่า เริ่มหลงรักบดินทร์
สงสัยจริง ดนัยจะปรายพยศบดินทร์ยังไง คู่นี้น่าลุ้นมาก
แข็งนอก อ่อนในสินะ นู๋ดิน
คนที่ตายนี้เดาว่า เสน่ห์จันทร์ แน่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 20-03-2015 18:18:01
ดีใจที่มาต่อจร้า
ชอบคูดิน ดนัย แบบว่าชอบเคะเคยเลว
บางทีชีวิตก็ต้องการความต่างบ้างอ่ะนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-03-2015 21:12:18
คนตายคงไม่ใช่ตัวเอกหรอกนะ TT
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 20-03-2015 22:34:08
น้ำตาซึมด้วยแหละ
ครอบครัวยังไงก็คือครอบครัวซินะ
หวังว่าบดินทร์จะเดินไปสู่ทางที่ดี
ดนัยยังไงคงเกาะติดไม่ปล่อย แต่ยังไงก็อย่าโหดมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: boommerang ที่ 21-03-2015 12:43:39
ค้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 21-03-2015 19:17:01
หลายอย่างเคลียร์ไปบ้างแล้ว
แต่เค้ายังไม่รู้เลยว่าดินกับดนัยจะลงเอยกันยังไง
ขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งนิยายทั้งปัญหาของคนแต่งนะคะ
เอาใจช่วยน่าา สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 22-03-2015 13:01:29
คิดถึงพี่เมธ น้องยุ  :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: มานามิ ที่ 22-03-2015 16:23:20
อ่านวันเดียวจบ บอกตรงๆว่าติด สนุกมาก

 :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nenechan2433 ที่ 03-04-2015 21:21:28
 :o8: กัดผ้าเช็ดหน้ารอคอย ขอบคุณที่มาต่อค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-04-2015 19:22:07
ขอบคุณที่กลับมาต่อค่า
เอาละนะดินชีวิตไม่สิ้นก็ดิ้นกันไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 05-04-2015 09:28:15
น้องยุ พี่เมธ คิดถึงงงงงงงงงง
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 09-04-2015 08:36:31
คิดถึงแล้วน้าาาาา

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 20-04-2015 20:40:17
คิดถึงยุ กับดนัยแล้ววคะ :mew1:
 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: RainingTime ที่ 22-04-2015 20:32:30
แจ้งข่าววาโยโผล่มาคร่าา 555

ซีนที่28 หน้า79
 'เสียงกฤตเมธถอนใจหนักหน่วงเมื่อวาโยลากลิ้นลงถึงแอ่งสะดือ สุดท้ายก็ครอบครองความแข็งขืนของเขาที่เตรียมพร้อมมาได้เกือบครึ่งทาง และเพียงไม่กี่อึดใจสิ่งนั้นก็ขยายตัวเต็มที่ ภายใต้การควบคุมของสดายุสิ้น'

ก่อนหน้านี้ก็เห็นแว่บๆตอนนึง แต่จำไม่ได้แล้ว ถ้าหาเจอแล้วจะมาบอกนะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 23-04-2015 19:00:15
ชอบ บดินทร์ มากขอบอก นายเอกอย่างนี้แหล่ะ ที่ตามหามานาน
ไม่ได้เป็นคนดี อิจฉาก็ยอมรับว่าอิจฉา มีความเห็นแก่ตัว ขี้ขลาด ไม่ได้แสนดีเป็นนางเอ๊กนางเอกตามสูตรนิยายดราม่า
ตอนที่บรรยายก่อน บดินทร์ กรีดข้อมือ คือดีมากอ่ะ ได้อารมณ์หดหู่แต่ก็อบอุ่นสุดๆ
การที่ได้เห็นดนัยเจ็บปวดจากการหมางเมิน รังเกียจ หวาดกลัวของบดินทร์ ที่เกิดจากการกระทำอันเลวทรามของตัวเองนั้น  แอบรู้สึกดีอ่ะ ปกติอ่านนิยายเจอแต่นายเอกโดนทำให้เจ็บ เป็นฝ่ายโดนกระทำตลอด เห็นฝ่ายพระเอกเจ็บบ้าง โดนเมิน ทำเหมือนไม่มีความสำคัญมันช่างฟินเหลือเกิน

แฮ่ๆ สไตล์เรื่องนี้ ถูกจริตเรามากมายค่ะ  ขอบคุณคนเขียนมากๆที่แต่งขึ้นมา
ทรมานอิตาดนัยไปหลายๆตอนหน่อยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 24-04-2015 19:39:27
รอต่อนะนะคับชอบมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 26-04-2015 21:00:27
สนุกกกกกมากกกกคร่า คิดถึงฉากหวานๆของน้องยุกะพี่เมธแล้วอ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 28-04-2015 20:54:09
คนเขียนหายไปไหนนนน คิดถึงแล้วค้าาาาา :hao7: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 11-05-2015 08:05:30
 :o8: :o8: ดินปรับความเข้าใจกับครอบครัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 11-05-2015 11:37:30
ประกาศตามหาคนเขียน 5555  :hao7: :hao7: :hao7:
คิดถึงแล้ว กลับมาต่อน้าาาาา  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 11-05-2015 19:10:42
เป็นอะไรที่ น้ำตาไหลพรากค่ะ ดีใจที่กลับมาต่อนะคะ
ปล. รีบกลับมานะคะ หายไปไหนเอ่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-05-2015 20:17:07
ผมคือ...นางเอก



“คัททททททททท!”

“เอาล่ะ พักกอง 15 นาที เดี๋ยวถ่ายเลิฟซีนต่อเลย”

เสียงผู้กำกับมือดีที่แสนคุ้นเคย ยังคงโหวกเหวก ทีมงานยังคงสาละวนตระเตรียมฉากต่างๆ อย่างขมักเข่น การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ในที่สุดก็เข้าใกล้ความสำเร็จไปทุกขณะ  ทั้งเร่งทั้งโหมกันจนขอบตาคล้ำ แต่มันก็คุ้มค่า เพราะอีกเพียงไม่กี่ฉากหนังเรื่องนี้ก็จะจบสมบูรณ์แล้ว

อีกแค่อึดใจเดียว

แต่จบแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ดูเหมือนมันยังเป็นเรื่องที่ยากจะพยากรณ์ เพราะดูเหมือนหนังเรื่องนี้จะมีอาถรรพ์ไม่น้อย ตั้งแต่เปิดกล้องมา ปัญหาถึงไม่มีไม่หยุดหย่อน

“แหม่ ไอ้นักข่าวพวกนี้นี่วันๆไม่คิดจะทำอย่างอื่นมั่งรึไงวะ เฝ้าอยู่นั่น ไล่แม่งก็ไม่ไป วู้ รำคาญจริง”  อ๊อดบ่นกะปอดกะแปดไม่หยุดมาตั้งแต่เช้า ที่จริงก็ตั้งแต่เมื่อวาน มาแล้ว ที่กองถ่ายของพวกเขาถูกราวีไม่เลิกจากพวกนักข่าวจอมจุ้นวุ่นวาย ข้ามคืนมาจนวันนี้ก็ยังไม่เลิก พร่ำแต่จะขอสัมภาษณ์ สดายุให้ได้ สืบเนื่องจากคลิปที่บดินทร์ปล่อยออกมา เล่นเอาผู้กับกับอารมณ์ร้อนอย่างอ๊อด รู้สึกรำคาญจนแทบจะเข้าไปจกตาพวกนักข่าวแบบเรียงตัว

“ผมขอโทษนะครับพี่อ๊อด ผม...ทำเรื่องให้พี่เดือดร้อนอีกแล้ว” เมื่อเห็นพี่ใหญ่หงุดหงิดงุ่นงานความรู้สึกผิดก็บังเกิดขึ้นในใจของสดายุเล็กๆแม้เขาจะไม่ใช่คนทำโดยตรงแต่ก็เป็นหนึ่งในต้นเหตุไม่ผิดแน่

'"เฮ้ยขอโทษทำไมกันยุเราไม่ได้ผิดเสียหน่อยไอ้เจ้าของคลิปต่างหากที่ต้องขอโทษแหม่จู่ๆจะมาเปิดโปงอะไรตอนนี้แถมยังหนีหายเข้ากลีบเมฆราวกับตายทิ้งให้ยุโดนไอ้พวกแร้งนี่รุมทึ้งอยู่คนเดียวฮึ่ย! พูดแล้วขึ้นเจอหน้าพ่อเบิ๊ดหัวทิ่ม" อ๊อดส่ายหน้ายิกพลางปลอบน้องชายตามสไตล์คนปากจัดจ้านมึงมาพาโวยพาลไปหมดยิ่งได้เห็นพวกนักข่าวที่พยายามจะแถกตัวเข้ามาในกองถ่ายหาสดายุให้ได้ทันทีที่เห็นว่าได้พักกองอ๊อดยิ่งหงุดหงิดหนัก

ทว่า พอหันไปเห็นหน้าเจ้าของคำขอโทษ อ๊อดก็ถึงกับผงะ

“ไอ้ยุ นี่เอ็งรู้สึกผิดจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย?”

จะไม่ให้ผู้กับกับรุ่นใหญ่ตั้งคำถามนี้ขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อคนที่ควรจะตีหน้าเศร้าให้เข้ากับคำขอโทษเมื่อครู่นั้น มันดันยืนอมยิ้มพริ้มเพราอยู่ข้างกันซะได้

“จริงสิครับพี่อ๊อด ยุรู้สึกผิดจนแทบจะร้องไห้อยู่แล้วเนี่ย” พอโดนทักเข้าหน่อย สดายุก็แกล้งปาดน้ำตาป้อยๆ แสร้งว่าสลดเสียใจเป็นหนักหนา เรียกมะเหงกหลุนๆ ของพี่ชายที่แสนเคารพที่ระดมทุบลงมาเสียแทบหลบไม่ทัน

“มะเหงกแน่ะ แล้วนี่ไม่รำคาญบ้างรึไง พวกมาเฝ้าอย่างกับเจ้ากรรมนายเวร”

“เช็คเรตติ้งไงพี่อ๊อด พิสูจน์ได้ชัด ว่ากระแสผมยังแรงอยู่”

“ตลกละแก โดนเฝ้าจนเพี้ยนไปแล้วรึไง?” อ๊อดบ่นหนัก "แค่ไอ้พวกตามเฝ้านี่ก็น่าปวดหัวพอละไอ้คนโดนเฝ้ายังดูรื่นรมย์ซะอีก เฮ้อ” เมื่อเห็นว่าพูดไปก็เท่านั้น เพราะถึงอย่างไร สดายุก็ยังทำหน้าเป็น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด สุดท้ายพี่อ๊อดคนดีของน้องๆ เลยขอล่าถอย เดินดุ่ยๆ หนีสดายุออกไปเพื่อเช็คความพร้อมของฉากที่จะถ่ายต่อแทน

“ขอโทษนะครับพี่อ๊อด...” ลับหลัง ผู้กำกับรุ่นใหญ่ สีหน้าสดายุก็เปลี่ยนไปจากทะเล้น เป็นนิ่งทื่อ แน่นอนว่าสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่นี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ แต่ที่ต้องทำเป็นไม่แยแส ก็เพราะไม่อยากให้คนรอบข้างรู้สึกเป็นห่วงความรู้สึกของเขา

ไม่อยากให้ใครต้องรู้สึกลำบาก

“ปากก็บอกว่าไม่สนใจ  แต่คอยห่วงใยไม่ขาดเลยนะ...”

เสียงกระซิบข้างหูทำเอาสะดุ้ง นึกว่าความในใจหลุดออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อหันไปเจอหน้ากับต้นตอ ก็ต้องทำหน้ามุ่ยใส่ เพราะเจ้าของข้อความแทงใจไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนรักของเขา...กฤตเมธนั่นเอง

ช่างแสนรู้จนน่าโมโห

“อะไรลุง? ใครห่วงใคร” สดายุแสร้งไม่รู้ความ พร้อมยักไหล่ยียวน

“หึหึ...อย่ามาทำเป็นผู้ร้ายปากแข็ง แค่ผมมองตาคุณก็รู้แล้ว ว่าคุณเป็นห่วงบดินทร์ และโล่งใจที่เห็นนักข่าวทุกสำนักมาคอยตามมะรุมมะตุ้มอยู่กับคุณคนเดียว เพราะหาตัวบดินทร์ที่ถูกดนัยซ่อนไว้ไม่เจอ”  กฤตเมธไม่น้อยหน้า เขายืดตัวเต็มความสูง 192 เซ็นติเมตร เพื่อข่มคนตัวเล็กกว่าให้ได้รู้สึกประหม่า พลางเดินตีวงล้อมรอบตัวคนรักช้าๆ พร้อมกับเปิดเผยความในใจที่สดายุพยายามปกปิด

“แสนรู้จังนะลุง รู้ใจผมดีจนน่าขนลุกเลยนะคร๊าบ”  เมื่อถูกล่วงรู้ความในใจ จนราวกับถูกกฤตเมธมองจนทะลุปรุโปร่ง สดายุก็อดไม่ได้ที่จะแขวะกลับไปเล็กน้อย เป็นคนรักแล้วไง ไม่จำเป็นต้องรู้ทันกันทุกเรื่องก็ได้มั้ง

“เอ้า...ก็ลุงมันแก่แล้ว แค่ความวุ่นวายใจของวัยล่ะอ่อน ทำไมลุงดูไม่ออกล่ะครับ โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนของลุงเอง...”  ถูกกวนมา ก็ยียวนกลับ นานแล้วที่เขากับสดายุไม่ได้ลับฝีปากกันขนาดนี้  เพราะโดยส่วนใหญ่ คนแก่กว่าอย่างเขาจะยอมโอนอ่อน ตามใจให้เด็กได้เหลิงบ้างอะไรบ้าง เว้นเสียแต่ครั้งนี้ ที่ต้องขอยกเว้น

“คุณกฤตเมธ” และตามที่คาดไว้ ถ้อยคำกวนประสาทของเขา ก็ทำให้สดายุฉุนขาดจนได้ สุดท้ายกฤตเมธก็ต้องรีบถอนตัวออกจากมาดตัวร้าย กลับสู่พ่อพระเอกใจงาม เป็นคนรักที่แสนดีของสดายุตามเดิม

“อ่ะ อ่ะ ผมขอโทษ....แค่แซวเล่นน่า ขี้งอนไม่เปลี่ยนเลยนะยุ หึหึ” กฤตเมธขอโทษพร้อมกระเซ้าเบาๆ หยุดยืนตรงหน้าสดายุ พร้อมยกมือสองข้างขึ้น เป็นเชิงว่ายอมแพ้ อย่างราบคาบ

“เป็นอะไรของคุณ แหย่ผมอยู่ได้” เห็นว่าอีกฝ่ายเลิกตอแย สดายุก็เลิกตั้งแง่ แล้วเริ่มสนทนาจริงจังกับกฤตเมธ ถึงเหตุผลที่จู่ๆตนก็โดนเย้าแหย่ไม่เลิก

“ก็แค่เป็นตาแก่ขี้น้อยใจ” ทว่าคำตอบที่ได้ กลับไม่ได้จริงจัง ดังที่สดายุตั้งหวัง ร่างบางพรูลมหายใจแรงๆ ทันที งานนี้ได้มีโวยคนแก่โชว์แน่ๆ

“น้อยใจอะไร?”ดังนั้นเสียงแหบหวานจึงกร้าวขึ้นเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้ใบหน้ายียวนของกฤตเมธ กระตุกยิ้มร้ายขึ้นทันที

หนุ่มใหญ่แสร้งตีหน้าเศร้า พร้อมขยับกายเข้าใกล้คนรักชนิดที่ว่าลมหายใจแทบจะรดกัน ก่อนจะเอียงใบหน้าหล่อเหลาเข้าไปกระซิบเบาๆที่ข้างแก้มใสว่า “ก็น้อยใจ...ที่แฟนไปสนใจแต่ชายอื่นมากกว่า...”

คำตอบเล่นเอาสะอึก ขนาดสดายุยังแทบจะขำพรวดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ชายหนุ่มเหลือบสายตามองกฤตเมธที่ยังคงเอียงหน้าใกล้ชิดอยู่ที่เดิม ก่อนจะยิ้มออกมาในที่สุด

“ที่เขาว่ากันว่า คนแก่ขี้ใจน้อยเนี่ย...ก็คงจะจริงสินะครับ...เฮ้อ มีแฟนแก่นี่ ลำบากใจจัง”  สดายุแกล้งกระเซ้ากลับทันที พร้อมรอยยิ้มสดใสน่ามอง ที่ทำให้กฤตเมธแทบจะลืมไปเลย ว่ากำลังแกล้งงอนเจ้าตัวร้ายของตนอยู่

“ก็...ผมหึงคุณนี่” แพ้ทางยิ้มหวานๆนั่นจริงๆ สุดท้าย กฤตเมธก็ได้แต่สารภาพ ออกไปอย่างสิ้นท่า ว่าหัวใจวัยดึกนั้น แท้จริงมันอ่อนไหวง่ายแค่ไหน นิดๆหน่อยๆ ก็พาลจะน้อยใจไปไกลเสียแล้ว

“...หึง? หึหึ...คุณหึงผมกับใครเนี่ย?” ก็พอจะรู้อยู่หรอก ว่ากฤตเมธหมายถึงใคร แต่ก็นะ สดายุขอแกล้งโง่อีกหน่อยแล้วกัน อยากรู้นัก ว่าตาลุงของเขา จะว่ายังไงต่อ

“หัวใจของยุอยู่ที่ใครมากกว่าผม ผมก็หึงคนนั้นแหละ” กฤตเมธก้มลงกระซิบใกล้หูสดายุขึ้นไปอีก ใกล้เสียจนได้กลิ่นหอมจางๆจากพวงแก้มที่เขาเฝ้าหลงใหล  ขนาดที่ว่ากฤตเมธเองยังต้องลอบกลืนน้ำลาย เพื่ออดทนต่อความเย้ายวน.......อยากขย้ำเหลือเกิน

ได้ยินดังนั้น สดายุก็ยิ้มพราว พร้อมเอียงหน้าเข้าหากฤตเมธมากขึ้นราวกับจะยั่วยุ ให้อีกฝ่ายฝังปลายจมูกลงบนแก้มตน “งั้นคุณคงต้องเกลียดคนทั้งโลกแล้วล่ะ” พร้อมกล่าวประโยคแทงใจหยอกเย้า แล้วใช้ปลายจมูกโด่งถูกับปลายจมูกของกฤตเมธอย่างจงใจ

ยั่วยวนให้คนแก่ใจง่ายยิ่งปรารถนาประทับจุมพิตจนแทบคลั่ง

“เฮ้ย ไอ้สองคนนั้นน่ะ ถ้าซ้อมบทกันเสร็จแล้ว ก็รีบมาเตรียมตัวเข้าฉากสุดท้ายกันซะที”

เสียงตะโกนโหวกเหวกมาแต่ไกล พาให้สองดารานำชะงักระฆังอ๊อดช่วยชีวิต

และพอรู้สึกตัวจากภวังค์ที่สร้างขึ้นสองต่อสองเมื่อครู่ ก็ได้รู้ตัวว่ามีสายตานับสิบกำลังจดจ้องมองมายังเขาทั้งคู่ สายตาแห่งความตื่นเต้น เขินอาย และอีกหลากหลายความรู้สึก แต่คงเพราะอ๊อดตะโกนว่า ‘ซ้อมบท’ สายตาคลางแคลงเหล่านั้น จึงคลายระแวงลง หลงเชื่อคำอ๊อดหมดใจ เพราะฉากต่อไป ดูเหมือนว่าจะคล้ายกับลักษณะท่าทางที่พวกเขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้จริงๆ

สดายุและกฤตเมธผละออกจากกันเล็กน้อย ก่อนจะเดินกลับไปที่กองถ่าย แล้วแยกกันไปให้ช่างแต่งหน้าช่วยซับหน้าให้ใหม่ ด้วยอาการสงบนิ่ง ราวกับไม่มีเรื่องเมื่อครู่เกิดขึ้น

มืออาชีพเสียอย่าง เรื่องปกปิดตัวตนเป็นคนปกติน่ะ สบายมาก

แม้จะแก้มจะยังคงซับสีเลือดจางๆ แม้ใบหูจะยังคงแดงก่ำ แต่ใบหน้าก็ยังคงนิ่งเป็นรูปสลักสุดหล่อ เช่นเดิม

“อะแฮ่ม...ทำอะไร เกรงใจพี่บ้างเหอะน้องเอ้ย นี่ถ้าหันไปเห็นไม่ทัน มันคงจะเกินซ้อมบทไปไกลเลยสิ นี่ถ้าพี่ไม่ไหวตัวทัน พรุ่งนี้ได้เป็นข่าวอีก ดูโน่น ดูตาไอ้พวกนักข่าวที่เฝ้าอยู่สิ จ้องกันจนลูกตาพวกมันจะถลนออกจากเบ้าอยู่แล้ว เฮ้อ...ระวังตัวกันบ้างเถอะ พ่อคุณเอ้ย”  อ๊อดบ่นไม่หยุด ขณะกำลังเตี๊ยมบทให้สองพระนาง สำหรับฉากสุดท้ายของวัน และเป็นฉากรองสุดท้ายของเรื่อง

พรุ่งนี้จะปิดกล้องแล้ว วันนี้จึงต้องเร่งถ่ายทำ ในส่วนพระนางคู่หลักนั้น ฉากที่กำลังจะถ่ายเป็นฉากสุดท้ายของวันนี้แล้ว นอกจากนั้นจะเป็นในส่วนของ นคินทร์ หมอธเนศ และซอ ซึ่งจะหนักไปที่ ธเนศและซอ ที่เป็นบทของ พอร์ชกับรุจน์เสียมากกว่า กฤตเมธมีส่วนร่วมอีกเพียงเล็กน้อย ส่วนสดายุ เมื่อเสร็จจากฉากนี้แล้วก็จะว่างยาวจนถึงพรุ่งนี้เช้า ไม่มีฉากต้องเข้าอีก  และเพราะเมื่อคืนเขาโหมถ่ายทำจนเกือบสว่าง สดายุจึงตั้งใจว่า หลังจากจบซีนสุดท้าย ก็อยากจะย้ายกายกลับบ้านไปนอนก่อน ว่าจะบอกกฤตเมธ แต่ก็มัวแต่ทะเลาะกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง สดายุไหวไหล่เล็กน้อย ไม่เป็นไร เดี๋ยวก่อนไปค่อยบอกก็แล้วกัน

เมื่อเตรียมตัวกันจนพร้อม สองพระนางก็เข้าประจำตำแหน่ง ไฟพร้อม กล้องพร้อม ผู้กำกับพร้อม.....

แอ็คชั่น!!

*
*
*
*
*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-05-2015 20:17:47


Smith & Wesson ขนาด จุด38 ถูกกำกระชับอยู่ในมือชื้นเหงื่อ ผู้เป็นเจ้าของเดินตามหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อในระยะประชิด ยังไม่ได้คิดจะทำลายในตอนนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดจะปราณี หากถึงคราวจำเป็น 

ในบ้านที่เคยงดงามราวคฤหาสน์หรู ตอนนี้ทรุดโทรมซอมซอ จนแทบไม่จำภาพลักษณ์เก่าก่อนไม่ได้ ของเลอค่า โซฟา ตู้ไม้ลายทองต่างๆ ไม่มีหลงเหลือให้เห็น วอลเปเปอร์ กระทั่งฝ้าหลังคาก็ดำเขรอะ เต็มไปด้วยฝุ่น และหยากไย่ เกิดอะไรขึ้นบ้าง เสน่ห์จันทร์ไม่คิดจะคาดเดา เพราะดูท่าทาง ก็คงไม่พ้น ถูกผีพนันขนไปบ่อนจนสิ้นทรัพย์แล้ว

‘สมน้ำหน้า’

ความคิดนี้ผุดขึ้นในใจของเสน่ห์จันทร์เพียงชั่วแล่น แต่มันก็สามารถทำให้หล่อนกระตุกยิ้มหยันออกมาได้ บ้านหรูที่เคยขับไล่ไสส่งหล่อนออกไป บ้านที่เป็นดังนรกบนดิน บัดนี้มันสูญสิ้นอำนาจลงแล้ว ไร้ซึ่งบารมี มีค่าไม่ต่างขยะ  อยากเห็นหน้าผู้เป็นเจ้าของเหลือเกิน ว่ามันจะหน้าสมเพชเพียงไหน อยากเห็นใบหน้าไร้ราศีของสมภพเหลือเกิน

อยากเห็นอดีตสามีที่หล่อนเกลียดเข้ากระดูกดำเหลือเกิน

“ไอ้สมภพมันอยู่ไหน? ไปตามมันมาหาฉันหน่อย”

เข้ามาถึงตัวบ้านแล้ว แต่ยังไม่เห็นคนที่อยากเจอที่สุดเสียที น้ำเสียงทรงอำนาจ ของเสน่ห์จันทร์ ก็เร่งเร้ากับทางเจ้าบ้านอีกครั้ง

“ข...เขาออกมาไม่ได้ ค..คุณต้องตามฉันมา”  เจ้าบ้านพูดตะกุกตะกัก หวดกลัวกับสิ่งที่จ่อตามหลังมาเหลือเกิน  สาวใหญ่เนื้อตัวมอมแมม รีบเดินนำเข้าไปที่ห้องหนึ่ง ตัวซีดตัวสั่นรีบเปิดประตูให้ แบบไม่คิดอิดออด

และสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเสน่ห์จันทร์ ก็ทำให้หล่อนถึงกับมองค้าง ปืนที่กระชับอยู่ในมือ ลดระดับลงอย่างลืมตัว

ภาพนั้นกระแทกความรู้สึกของเสน่ห์จันทร์เข้าอย่างจัง ภาพของอดีตสามีผู้หยิ่งทะนง โหดร้าย ผู้ชายที่เธอเฝ้ารังเกียจ ผู้ชายที่ฝืนใจหล่อนจนมีลูกด้วยกัน ผู้ชายที่ไม่เคยให้เกียรติ ผู้ชายที่มองหล่อนไร้ค่าราวกับเป็นเพียงเศษดอกไม้ ผู้ชายคนนั้น...

คือคนเดียวกันกับผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนี้จริงๆหรือ?

ผิวที่เคยขาวตามเชื้อสายลูกเสี้ยวจีนแผ่นดินใหญ่ ตอนนี้แห้งกร้าน ไม่น่ามอง ใบหน้าคมคาย สายตาคมกล้า ก็โบ๋ลึก เบิกโพลงมองมายังเสน่ห์จันทร์แบบตาไม่กระพริบ รีมฝีปากที่เคยมีสีสันตอนนี้ซีดเผือดแตกระแหง ร่างนั้นซูบผอม จนแทบจะเหลือเพียงโครงกระดูก เสห่ห์จันทร์มองร่างนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา คนคนนี้คือสมภพจริงๆน่ะหรือ

“...สมภพ?” เสียงแหบแห้งเอ่ยเรียกชื่อชายที่อยู่ในความทรงจำออกมา หากคนตรงหน้าไม่ขานไข ก็แสดงว่าผิดตัว

ร่างตรงหน้าไม่ได้ตอบสิ่งใด มีเพียงรีบฝีปากพะเงิบพะงาบ กับดวงตาที่เบิกกว้างกว่าเก่า  แม้แต่เสียงที่เล็ดรอดออกมา ก็ราวกับเสียงลูกหนูตัวเล็กๆ

“...ข...เขาเป็นอัมพาต...ขยับไม่ได้มาเกือบสิบปีแล้ว...” เห็นว่าเสน่ห์จันทร์นิ่งอึ้งถึงภาพตรงหน้า หญิงที่เป็นเจ้าบ้าน ก็เอ่ยอธิบายเสียงสั่น หล่อนไม่รู้ว่าเสน่ห์จันทร์ต้องการอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเสน่ห์จันทร์เป็นใคร รู้เพียงว่าต้องมีปัญหากับสมภพ สามีของหล่อนไม่ผิดแน่ แต่มันเรื่องอะไรล่ะ หนี้สิน? หรืออะไรกันที่มันหนักหนาเสียจนต้องถึงขนาดเอาปืนมาข่มขู่

“อัมพาต?ทำไม? เขาเป็นแบบนี้ได้ยังไง?” เสน่ห์จันทร์ถามเสียงเรียบ ใบหน้านั้นสงบนิ่งไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ สมเพช เวทนา หรืออย่างไรไม่มีใครหยั่งรู้

 “เส้นเลือด....เส้นเลือดในสมองแตก ผ่าตัดช่วยชีวิตไว้ได้ แต่...ก็ต้องกลายเป็นอัมพาต...ตอนนั้น...” หญิงสาวอธิบายซ้ำ พลางขยับกายเข้าไปใกล้ร่างสั่นเทิ้มของผู้เป็นสามี

“อ้อ...เหรอ กรรมตามทันงั้นสิ” เสน่ห์จันทร์เย้ยขึ้น โดยไม่ยอมฟังจนจบว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น ร่างบอบบางสมส่วน ย่างกรายเข้าหา สมภพที่นอนแน่นิ่งบนเตียง

“เพราะแกมักมาก ไม่รู้จักพอไง ถึงได้เป็นแบบนี้” เสน่ห์จันทร์หยุดยืนพอดีอยู่ตรงข้างเตียง แล้วเปิดฉากบริภาษ คนไร้ทางสู้ที่ได้แต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงอย่างสาแก่ใจ

“เพราะแกมันชั่ว ขนาดลูกของแกโดนทำร้ายอยู่ในบ้าน แกยังไม่รู้ มัวแต่หลงอยู่กับนังนี่”  ความอัดอั้น ทำให้เสน่ห์จันทร์ไม่คิดจะยั้งวาจาเชือดเฉือน และไม่คิดจะไว้หน้าใครที่ไหนทั้งนั้น

หลังจากที่มีปากเสียงกับชิดจันทร์วันนั้น หล่อนก็แทบไร้เรี่ยวแรงจะทำอะไร ไม่ไปทำงานทำการ เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ดื่มสุราเมามาย ข้าวปลาก็แทบไม่แตะต้อง ถ้าไม่ได้เลขากับแม่บ้านช่วยคะยั้นคะยอ จนป่านนี้ ข้าวสักเม็ด ก็คงไม่ตกถึงท้อง ความเจ็บปวดโศกเศร้ารุมเร้า คิดพาลไปถึงอดีตที่ผ่านมา หลังจากสูญเสียคนรักและลูกคนแรกไป ชีวิตหล่อนก็ราวตกอยู่ในนรกตลอดมา โดยเฉพาะการแต่งงานกับสมภพ ถูกข่มขืนจนตั้งท้องกับคนที่หล่อนรังเกียจที่สุดในชีวิต แม้หลังจากที่หล่อนท้องแล้ว จะต่างคนต่างอยู่ เพราะสมภพมีภรรยาใหม่แต่การอยู่ในตระกูลผู้ดีจอมปลอมของสมภพนั้นก็ทำให้หล่อนรู้สึกเลวร้ายไม่ต่างกัน

แต่แม้จะเกลียดตระกูลและตัวสมภพมากแค่ไหน หล่อนก็ไม่เคยนึกรังเกียจ ‘ชิดจันทร์’ ผู้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของหล่อนเลยแม้แต่นิด กลับรักมากยิ่งกว่ามากเสียด้วยซ้ำ เพราะชิดจันทร์ ถือเป็นสิ่งเดียวที่หล่อนเหลืออยู่ ถึงแม้สุดท้าย สิ่งนั้นจะถูกแย่งไปจากอก โดยแม่สามีที่หล่อนชิงชังก็ตาม

ชิดจันทร์เกลียดแม่อย่างหล่อน เสน่ห์จันทร์รู้ดี ตั้งแต่ที่ยังอาศัยอยู่ในรั้วบ้านเดียวกัน ชิดจันทร์ถูกปลูกฝังให้เกลียดแม้แท้ๆอย่างเสน่ห์จันทร์มาตลอด แม้จะเจ็บปวด แต่ในเมื่อคุณย่าผู้เลี้ยงดูนั้นรักชิดจันทร์มาก ดูแลปกป้องเป็นอย่างดี เสน่ห์จันทร์ก็วางใจพอที่จะจากมา หล่อนไม่อยากเอาลูกออกมาลำบากด้วยกัน เพราะอยู่ในบ้านนั้นชิดจันทร์ก็ดูสุขสบายดีอยู่แล้ว 

หล่อนอุตส่าห์ตัดใจทิ้งลูกมา ด้วยเห็นว่าที่บ้านนี้จะมอบความสุขสบายและความก้าวหน้าให้กับลูกสาวของหล่อนได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง อุตส่าห์ฝากฝังและคาดหวัง ว่าคนเป็นย่า และพ่อแท้ๆของชิดจันทร์จะไม่ทอดทิ้ง ทั้งที่อุตส่าห์วางใจ แล้วทำไม...

ยิ่งคิดยิ่งเคืองแค้นแสนสาหัส ตัดสินแล้วว่า คนผิดคือสมภพ พ่อชั่วช้าที่ปล่อยปละให้ลูกน้อยต้องตกอยู่ในนรกเลวร้าย เพราะมันคนเดียว เพราะสมภพคนเดียว!!

“แกต้องชดใช้ สมภพ! แกต้องชดใช้ในสิ่งที่แกทำกับลูก!”

เสน่ห์จันทร์ตวาดลั่น เสียงแหลมสั่นก้าวร้าว แววตาดุดันไม่เหลือความเมตตาแม้ว่าคนที่หล่อนหันปลายกระบอกปืนใส่จะเป็นคนพิกลพิการอัมพาตไร้ทางต่อสู้

เสียงกริ๊กดังขึ้นคล้ายสลักปืนถูกปลด พร้อมกับเสียงกรีดร้องลนลานของหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างร่างสั่นเทาของสมภพ

“แกมันเป็นพ่อใจทรามสักแต่จะเอา!วันๆหลงอยู่แต่กับผู้หญิงไม่เคยโงหัวขึ้นมาดูเลยว่าลูกตัวเองถูกรังแกถูกทำร้ายแกมันเลวยิ่งกว่าหมาลูกคนเดียวแกยังปกป้องไม่ได้สักแต่จะทำให้เกิดไม่เคยคิดดูแลแกมันไม่สมควรเป็นพ่อคนไม่สมควรมีชีวิตอยู่!” เสน่ห์จันทร์ด่าทอเสียงดังพร้อมสืบเท้าเข้าใกล้สองร่างตรงหน้าอย่างมุ่งร้าย

“กรี๊ดดด....อย อย่าทำเขา! ได้โปรด อย่าทำเขา ฮือ....”เมื่อเสน่ห์จันทร์รุดเข้าใกล้จนเริ่มได้กลิ่นลางมรณะหญิงสาวเจ้าบ้านก็ผวากอดร่างสามีของตัวเองเอาไว้แน่นหวังให้คนที่รักปลอดภัยจากคมกระสุนที่อาจลั่นมาจากมือของผู้มุ่งร้าย  “อย่าทำเขาฮืออย่าทำเขา” หากแต่หล่อนทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากร่ำไห้อ้อนวอน

“ฮึไม่ต้องกลัวหรอกเดี๋ยวแกก็ตามมันไปฉันไม่ใจร้ายพรากผัวพรากเมียใครหรอกถ้าคนนึงต้องตายฉันก็จะสงเคราะห์ให้ได้ไปด้วยกันอยู่แล้วล่ะ” เสน่ห์จันทร์แสยะยิ้ม ขณะที่ปลายปืนจ่อประชิดศีรษะของหญิงคนนั้น  “พี่น้องชั่วๆของแกอยู่ไหน? พี่น้องของแกที่ทำร้ายลูกสาวฉันอยู่ไหน!? เรียกมันออกมาหาฉันสิ"พร้อมก้มลงใกล้ แล้วถามหาคนที่หล่อนต้องการฆ่าที่สุด

“พ...พวกมัน....ตายแล้ว”เมื่อถูกถามก็ตอบออกไปตรงๆ ตามประสาคนซื่อ แท้จริงแล้วผู้หญิงปอนๆคนนี้ไม่ได้มีพิษสงใดๆ แค่แสร้งทำเป็นเสียงดัง เพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น ซึ่งเสน่ห์จันทร์ไม่รับรู้ในจุดนี้ เพราะฉะนั้น ถึงได้แสดงการข่มขู่ให้ได้ยิ่งกลัวหัวหด

“โกหก!” เสียงทรงอำนาจตวาดก้อง เสน่ห์จันทร์ไม่มีวันเชื่อกับคำตอบที่ได้ฟัง ตาย? ทั้งสองคนเลยน่ะเหรอ? ไม่มีทางเป็นไปได้ ผู้หญิงคนนี้กำลังหลอกหล่อน เพื่อช่วยพี่น้องของตัวเอง หล่อนไม่มีทางหลงกลเด็ดขาด คิดดังนั้น ปลายกระบอกปืนก็กดหนักเข้าที่ขมับชื้นเหงื่อของหญิงตรงหน้า เพื่อคาดคั้นความจริงออกมาให้ได้

“จริงๆ มันสองคนตายแล้วจริงๆ หลังจากชิดจันทร์หนีออกจากบ้านไปไม่นาน ก็มีพวกมาเฟียที่ไหนไม่รู้ ตามมาฆ่าพวกมันถึงที่นี่  พวกมันถูกยิงตาย ต่อหน้าต่อตาฉันเลย....”  คนถูกปืนจ่อขมับละล่ำละลักอธิบายเสียงสั่น หล่อนยังไม่อยากตาย ดังนั้นอะไรที่หล่อนรู้ หล่อนจะพูดมันออกมาให้หมด  “ม...มาเฟียพวกนั้น มากับ...ชิดจันทร์...”

“ว่ายังไงนะ? แกอย่ามาสร้างเรื่องหลอกฉันนะ!!”  เสน่ห์จันทร์ แทบไม่เชื่อหูตัวเองจากสิ่งที่ได้ยิน หล่อนถามย้ำ เพื่อคาดคั้นคนเลวที่ใส่ร้ายลูกเธอ

“ฉันพูดจริง! ชิดจันทร์พาพวกนั้นมาฆ่าพี่ชายน้องชายฉันจริงๆ ซ้ำยังทำลายบ้านหลังนี้เสียจนย่อยยับ พวกมันมากันเป็นสิบ แค่พริบตาเดียวบ้านหลังนี้ก็ไม่เหลือเค้าเดิม พี่ภพทั้งตกใจทั้งเครียด จนเส้นเลือดในสมองแตก แต่ขนาดพ่อตัวเอง ล้มลงตรงหน้า ชิดจันทร์ยังไม่แยแสเลย หน้าตาเย็นชา แล้วทิ้งร่างพี่ภพไว้ตรงนั้น ไม่สนใจว่าจะเป็นจะตาย......ทำอย่างกับไม่ใช่พ่อ........”

“หุบปาก!! อย่ามาว่าลูกฉันนะ!!”

“กรี๊ดดด!!!”

เมื่อทนฟังต่อไปไม่ไหว ด้วยความบัลดาลโทสะ เสน่ห์จันทร์จึงใช้ด้ามปืนในมือตบหน้าคนเล่าไปเต็มฉาด ก่อนจะจิกศีรษะยุ่งเหยิงนั้นให้เงยขึ้นมารับฟังคำปรามาส

“ลูกสาวฉันไม่ใช่คนอย่างที่แกกล่าวหา หรือถ้าจะเป็น ก็เพราะพ่อมันชั่ว มันสมควรโดน! ถ้าแกยังปากพล่อยไม่เลิก ฉันจะเอาลูกปืนกรอกปากแกซะ!!”  เสน่ห์จันทร์ตวาดกร้าว มือที่จิกศีรษะอีกฝ่ายอยู่ออกแรงกระชากหนักหน่วงขึ้น ปลายกระบอกปืนที่เคยจ่อขมับ เลื่อนลงมาประชิดริมฝีปากหญิงปากมอม ที่บังอาจพูดจาใส่ร้ายชิดจันทร์  การกระทำรุนแรงนั้นทำให้หญิงสาวที่เพิ่งถูกตบด้วยด้ามปืนจนเลือดกลบปาก ถึงกับส่งเสียงร้องไห้เสียงดังอย่างสุดกลั้น สองมือพนมอ้อนวอนขอชีวิตอย่างไม่คิดรักษาศักดิ์ศรี ด้านสมภพผู้เป็นสามี แม้จะไม่สามารถขยับร่างกายได้ แต่ดวงตาเจิ่งน้ำนั้นก็พยายามส่งหาเสน่ห์จันทร์เพื่อขอร้องให้ปล่อยมือจากภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากของตน พร้อมพยายามส่งเสียงอู้อี้อ้อนวอนไม่ขาด

“แม่!!”

เสียงแหลมเล็กตะโกนลั่นจากทางหน้าประตู ทำให้ความชุลมุนชะงักค้าง ทุกสายตาหันไปมองทางต้นเสียงทันควันร่างที่ปรากฏแก่สายตา คือร่างของเด็กชายตัวเล็กๆ ผอมแกร็น ที่กำลังแสดงสีหน้าตื่นตระหนกสุดขีด

“หนีไปเชน!”

ผู้เป็นแม่ที่กำลังถูกจิกทึ้งทารุณ ตะโกนไล่ลูกให้หนีไปใจแทบขาด กลัวตายแต่กลัวลูกเจ็บมากกว่า

“อย่าทำแม่นะ!!”

ทว่าแทนที่เด็กน้อยจะหนีไปอย่างที่ผู้เป็นแม่ต้องการ กลับวิ่งเข้ามาผลักเสน่ห์จันทร์สุดกำลัง เพื่อให้ปล่อยแม่ของตน อย่างไม่กริ่งกลัวกับสิ่งที่อยู่ในมือของผู้ร้ายเลยแม้แต่น้อย หลังผลักให้เสน่ห์จันทร์หลุดออกจากผู้เป็นแม่ได้ เด็กชายก็ผวาเข้ากอดแม่ของตนแน่น พลางร่ำไห้ด้วยความหวาดกลัว

“โธ่ เชนลูก....ฮึ่ก...อย่าทำลูกฉันเลยได้โปรด...อย่าทำอะไรเขาเลย...” 

ภาพสองแม่ลูกกอดรัด พยายามปกป้องกันและกัน สะท้อนวาบในอกของเสน่ห์จันทร์ เด็กน้อยตัวแค่นั้น แต่พยายามเอาตัวเข้าป้องแม่ กลัวแม่ตนจะโดนทำร้าย ฝ่ายแม่ก็พยายามเบี่ยงตัวป้องลูกน้อยไม่ต่าง ดวงตาเบิกกว้างที่ร่ำไห้ไม่หยุดของทั้งคู่นั้น แค่เห็นก็รู้แล้วว่า หวาดกลัวต่อลูกปืนในกระบอกนี้มากแค่ไหน ห่วงชีวิตเหลือเกิน จึงพร่ำอ้อนวอนไม่เลิกรา ทว่าถ้อยคำที่ออกมา ไม่ใช่เพื่อขอชีวิตตัวเอง

ทั้งหมด ล้วนอ้อนวอน เพื่อคนที่ตัวเองรักดั่งชีวิตตน

ภาพนั้นแสดงถึงความรัก สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ที่เสน่ห์จันทร์ไม่เคยได้สัมผัส ตั้งแต่อยู่กับชิดจันทร์มา นอกจากหน้ากล้องและสื่อมวลชนแล้ว แม่ลูกอย่างหล่อนกับชิดจันทร์เคยกอดกันบ้างหรือเปล่านะ ช่างไม่เหลือในความทรงจำบ้างเลย

ไม่เหลือ หรือไม่เคยมีกันแน่นะ...

ลูกไม่เคยกอดหล่อนเลยสักครั้ง

“ฮึ...รักกันดีนะ แม่ลูก...หึหึ จริงสิใครกันจะไม่รักลูก............................รักลูกแก แต่ทำร้ายลูกฉันเนี่ยนะ!!นังสารเลว!!”

เห็นความรักหนักแน่นสองแม่ลูกแล้ว หัวใจของเสน่ห์จันทร์ก็เจ็บจนทนไม่ไหว ความริษยา ความเจ็บร้าวซึมลึก  กัดกินหัวใจน่าสมเพชของหล่อนจนน่าเวทนา อิจฉากระทั่งความรักระหว่างแม่ลูกผูกพัน ยิ่งเห็นยิ่งสุดทน ยิ่งรับไม่ได้ ความชิงชังคลั่งแค้นจึงบังเกิดเสน่ห์จันทร์พร่ำบอกกับตัวเองว่าสองคนแม่ลูกตรงหน้า คือสาเหตุที่ทำให้หล่อนและชิดจันทร์เป็นแบบนี้ ถ้าไม่มีสองแม่ลูกนี่ ไม่แน่ว่าวันนี้ชิดจันทร์อาจเป็นลูกที่น่ารักมากๆของหล่อนก็เป็นได้ ถ้าไม่มีนังผู้หญิงตรงหน้านี้ บางที เสน่ห์จันทร์อาจสามารถกอดชิดจันทร์ได้อย่างเต็มอ้อมแขน ลูกอาจมอบอ้อมกอดแสนชื่นใจให้หล่อนได้ ถ้าไม่ใช่เพราะสองแม่ลูกนี่ วันนี้คง....

นั่นคือสิ่งที่เสน่ห์จันทร์ตัดสินเอาเองแล้ว หล่อนคือผู้ถูกกระทำ ใยยังต้องให้ความสงสารแก่ใครด้วย!

และแม้สองแม่ลูกตรงหน้าจะช่วยกันเถียงอย่างเอาเป็นเอาตาย เสน่ห์จันทร์ก็ไม่คิดที่จะฟัง

“ม...ไม่นะ!! ฉ...ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันไม่รู้เรื่องเลย!”

“ตอแหล! ฉันรู้ว่าแกมันเป็นผู้หญิงสารเลว แกรู้เห็นเป็นใจให้พี่น้องแกมันทำร้ายลูกฉันขนาดนั้น ยังจะมีหน้าบอกว่าตัวเองไม่รู้เรื่องอะไรอีกเหรอ! หน้าด้าน!!”เสน่ห์จันทร์ตวาดกร้าวพร้อมจิกทึ้งยวงผมของหญิงตรงหน้าชนิดจิกติดมือ

“กรี๊ด!! ฉันไม่รู้เรื่อง ฮือออ ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ”  หญิงสาวร้องปฏิเสธข้อกล่าวหาพัลวัน ยิ่งถูกทำร้ายจนเจ็บแปลบไปทั้งศีรษะ นางยิ่งกอดบุตรชายของตนแน่นขึ้นเพื่อปกป้องจากอันตราย สองแม่ลูกร้องระงมเสียงขรม แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์จันทร์ รู้สึกเมตตาเท่าไหร่นัก โอเค อย่างน้อยหล่อนก็จะไม่แตะต้องผู้เป็นลูกของนาง

“ฉันกับชิดจันทร์ เราไม่เคยยุ่งเกี่ยวกันเลย เรื่องที่ไอ้พวกระยำนั่นทำ ฉันก็ไม่ได้รู้เรื่องด้วย ฉันเองก็รู้ตอนวันที่ชิดจันทร์พาพวกมาฆ่าพวกมันนั่นแหละ ฉันสาบานได้ ฉันไม่รู้จริงๆ”  หญิงสาวละล่ำละลักอธิบาย ถึงหล่อนจะไม่ใช่แม่เลี้ยงที่ดี แต่อย่างน้อยเฉพาะเรื่องนี้ หล่อนก็บริสุทธิ์จริงๆ

“เฮอะ! ไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่อง คิดว่าพูดแบบนี้แล้วความผิดจะพ้นตัวแกรึไง!? แกเป็นคนเอาไอ้สัตว์นรกนั่นมาไว้ใกล้ลูกฉัน แล้วยังเสือกดูแลไม่ดี ปล่อยให้มันทำระยำกับลูกฉันได้ นั่นก็คือความผิดแล้ว! ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองบริสุทธิ์อีกเหรอ!!? พวกแกมันสมควรตาย ทั้งแก ทั้งไอ้ผัวเฮงซวยของแก พ่อเลวๆ ที่ลูกคนเดียวก็ยังดูแลไม่ได้!”เสน่ห์จันทร์ผรุสวาทไม่ยั้ง ไม่ฟัง ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น ความชิงชังบังตา จนหล่อนไม่มีกะจิตกะใจไตร่ตรองสิ่งใดทั้งนั้น

"โธ่...ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ได้โปรดเชื่อเถอะ...”

“เลิกตอแหลเสียที!!”

ความเกลียดชังบังตาจนหน้ามืด ยิ่งหญิงสาวตรงหน้าพยายามแก้ต่าง เสน่ห์จันทร์ยิ่งเคืองแค้น จนอดรนทนไม่ไหว ฝ่ามือขาวข้างที่ไม่ได้จับลำปืนสะบัดหวือกะใช้หลังมือฟาดปากคู่กรณีให้ได้เลือดอีกคราทว่า...

ผั๊วะ!!

กรี๊ดดดดดดดดด!!! เชน!!!!

“.....!!!”

เสียงกระทบของฝ่ามือกับผิวกายมนุษย์ดังชัด ฝ่ามือของเสน่ห์จันทร์ยังคงระอุ จากแรงกระทบ แต่คนที่ร่วงลงตรงหน้ากลับไม่ใช่คนที่หล่อนตั้งใจลงมือเสียงหญิงสาวตรงหน้ากรีดร้องลั่นพร้อมกับร่างเล็กของผู้เป็นบุตรชายล้มลงไปกองตามแรงฟาดที่ข้างแก้มหัวใจผู้กระทำกระตุกวูบหล่อนไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเด็กแต่เพราะมันเข้ามาขวางเองหล่อนไม่ได้ตั้งใจแต่แม้จะคิดเข้าข้างตัวเองอย่างไรเรื่องจริงตรงหน้าที่ว่าหล่อนได้ลงมือตบเด็กน้อยคนหนึ่งจนเลือดกบปากนั้นก็ทำให้เสน่ห์จันทร์ถึงกับชาวาบไปทั้งร่างในความสำนึกผิดชอบชั่วดีที่หล่อนเองก็ไม่คิดว่ามันจะยังหลงเหลืออยู่

หญิงเคราะห์ร้ายคว้าตัวลูกชายขึ้นมากอดพลางสะอื้นฮั่กจากกลัวเป็นเกลียดชังขึ้นทันทีตามสัญชาตญาณคนเป็นแม่แม้อ่อนแอไร้หนทางต่อสู้แต่หากลูกน้อยที่รักดังแก้วตาดังชีวิตถูกทำร้ายต่อหน้าอย่างนี้ความกริ่งเกรงก็สลายมอดไปเหลือเพียงไฟโทสะที่คุโชนขึ้นแทนที่

ในเมื่อพยายามอธิบายความเพียงใดก็ไร้ผล แถมยังถูกทำร้ายซ้ำแล้ว ซ้ำอีก แค่ตนเองยังพอทำเนา นี่ขนาดลูกเต้าก็ยังไม่เว้นโดนเล่นงานไปด้วย พอกันที ในเมื่อไม่เหลือทางให้หนี  ก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก

ก็ได้...ตายเป็นตาย


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-05-2015 20:18:18


“ก็ฉันไม่รู้จริงๆ จะให้ทำยังไง!? เดิมทีชิดจันทร์กับฉันก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว จะไปรู้ได้ยังไงว่าเกิดอะไรขึ้น!ว่าแต่คุณเถอะ โทษแต่คนอื่นอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไมคุณถึงไม่โทษตัวเองบ้างถ้าจะบอกว่าทำไมพวกฉันดูแลลูกคุณไม่ดี แล้วทำไมคุณไม่ดูแลซะเองเล่า!!โทษพวกฉันอยู่นั่น แล้วตอนที่ลูกคุณมีปัญหา คุณไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน!!?”

เมื่อจวนตัว เมื่อไร้ทางหนี สิ่งเดียวที่ทำได้คือต้องสู้ โดยเฉพาะคนเป็นแม่ ที่มีลูกน้อยอยู่แนบอก ความฮึกเหิมลุกโชติ หล่อนจึงสามารถตอกกลับผู้ที่มีอาวุธร้ายอยู่ในมือได้อย่างลืมตาย

“น...นี่แก...กล้าดียังไง.....”

“ก็ถ้าคุณรักลูกคุณจริง คุณคงไม่ปล่อยลูกคุณไว้คนเดียว จนต้องเจอเรื่องเลวร้ายหรอก!”

“หุบปาก! แกไม่มีสิทธิ์พูดแบบนนั้น ฉันรักลูกของฉันมากอยู่แล้วสิ ชิดจันทร์เป็นลูกคนเดียวของฉันนะ ฉันย่อมรักเขามาก ห่วงเขามาก และที่ฉันปล่อยเขาไว้ที่นี่ มันไม่ใช่เพราะความต้องการของฉันเลย เพราะอาม่าของชิดจันทร์เกลียดฉัน กีดกันฉัน จนฉันเข้าใกล้ลูกไม่ได้ ฉันจึงจำเป็นต้องออกไปแล้วปล่อยให้ชิดจันทร์ได้อยู่กับอาม่า เพราะฉันมั่นใจ ถึงอย่างไรอาม่าก็รักเขา...”

“เหอะ...จำเป็น? ข้ออ้างล่ะสิไม่ว่า เป็นฉันนะ ให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยลูกของตัวเองไว้กับคนอื่นหรอก”

“นี่แก!”

“หรือไม่จริง! คุณเลิกใช้ข้ออ้างนั่น เพื่อยกตัวเองให้สูงส่งถูกต้องเสียทีเถอะ......”

“..................”

“ลึกๆแล้วคุณรู้อยู่แก่ใจ...ว่ามันเป็นแค่ข้ออ้าง คุณบอกว่าถูกกีดกัน จนต้องห่างจากลูก แต่หลังจากออกจากบ้านนี้ไปแล้ว อย่าบอกนะว่า คุณไม่ได้ใส่ใจจะกลับมาดูลูกคุณอีก เพียงเพราะเห็นว่าอาม่าเขารักเขาหลง ก็ตัดใจทิ้งไว้ไม่เหลียวหลัง...อย่าบอกนะว่าไม่รู้กระทั่งตอนอาม่าตาย งาศพออกจะใหญ่โต ย่านนี้เขารู้กันทั่ว หรือคุณไม่รู้?......ไม่รู้ก็แล้วไป  แต่ถ้ารู้อยู่แล้ว ก็ยังไม่ยอมกลับมาดูใจลูกล่ะก็ คุณก็ไม่สมควรเรียกตัวเองว่า ‘แม่’!!”

“หุบปากได้แล้ว หุบปาก!!”  เสน่ห์จันทร์แผดเสียงสั่นพร่า ทุกอย่างที่หญิงตรงหน้าพูด ช่างเสียดแทงใจดำจนเจ็บร้าวไปหมด ผู้หญิงคนนั้นมีสิทธิ์อะไร ผู้หญิงอย่างนั้น จะมารู้ใจเธอได้ยังไง! นังคนตรงหน้าไม่มีสิทธิ์กล่าวหาว่าเธอไม่รักไม่สนใจลูก!   “หล่อนจะรู้ดีไปกว่าฉันได้ยังไง”

“เฮ๊อะ ไม่รู้หรอก อิฉันจะไปรู้ดีกว่าใจคุณเองได้ยังไง ฉันก็แค่พูดไป ว่าคนที่รู้ทั้งรู้ว่าลูกตัวเองต้องอยู่ลำพังโดดเดี่ยว แต่ก็ยังไม่มาสนใจใยดี คนแบบนี้ ไม่ควรเรียกตัวเองว่าแม่ แต่ถ้าคุณยืนยันว่าไม่รู้เรื่องอาม่าตาย ฉันคงต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่ ....”

“พอแล้ว พอเสียที ขืนแกยังไม่หุบปาก ฉันจะเอาลูกปืนกรอกปากแกซะ!!”เสน่ห์จันทร์อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป ที่ถูกต่อว่าต่อขานไม่หยุดหย่อน หล่อนจึงขู่ตะคอก พร้อมกดปากกระบอกปืนจ่อกลางหน้าผากชื้นเหงื่อของหญิงตรงหน้า จนหน้าหงาย

“เอาสิ! ยังไงซะคุณก็ตั้งใจมาฆ่าพวกฉันอยู่แล้วนี่ ถ้าจะทำก็รีบลงมือซะ ถ้าจะยิงก็รีบๆเข้า เอาทีเดียวให้ตายยกครัวนี่แหละ ชีวิตพวกฉันมันก็ทุเรศทุรังมาพอแล้ว ปากกัดตีนถีบไปวันๆ ญาติเยิดที่ไหนก็ไม่มี ถ้าจะฆ่าก็ฆ่าให้หมด เพราะถ้าฉันตาย ผัวที่เป็นอัมพาตอยู่นี่ไม่นานก็ตาย ลูกชายฉันหากปล่อยให้อยู่คนเดียว ก็คงอันตรายไม่ต่าง เพราะฉะนั้นช่วยฆ่าเราทั้งครอบครัวด้วย เราจะได้เป็นผีตายโหงกันทั้งครอบครัว ไม่ต้องแยกจากกัน!”

“แม่จ๋า..ฮือ...”สิ้นคำมารดา ลูกชายก็ร้องจ้าด้วยกลัวตายจับใจ เด็กน้อยตัวสั่นกอดรัดมารดาแน่น ไม่ยอมผละหนีไปไหน

“ไม่ต้องกลัวนะเชน แม่จะอยู่กับลูกตลอดไป แม่ไม่ทิ้งลูกหรอก แม่สัญญา...เอาสิคุณ! เหม่ออะไรอยู่ล่ะ ยิงเลยสิ เอาเลย!!”

“หากคิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่ประเสริฐนักก็ยิงพวกฉันให้ตายๆไปซะ! ฮืออออ!”

จบคำท้าทาย สองแม่ลูกก็กอดกันกลม ก่อนกระถดร่างไปซุกอยู่กับสามีที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงด้วย เสียงร้องระงมโหยหวน แต่อ้อมกอดที่มีกันและกันช่างเหนียวแน่น

‘ความรัก’

ทั้งสามคนแสดงความรัก ที่เสน่ห์จันทร์ลืมมานานให้ได้เห็น  มันตราตรึง ติดอยู่ในหัวใจที่โทรมเลือดของหล่อน ตราอยู่กับก้อนสมอง ที่ใกล้ระเบิดเต็มทีแล้วของหล่อน สิ่งนี้หรือ ที่เรียกว่าความรัก แล้วสิ่งที่หล่อนมอบให้ชิดจันทร์ตลอดมาเล่า นั่นไม่เรียกว่า ‘รัก’ หรอกหรือ?

ใช่...หล่อนไม่เคยกอดลูก แต่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนไม่รอคอยอ้อมกอดของชิดจันทร์

ใช่...หล่อนไม่เคยกล่อมลูกนอน แต่ไม่ได้หมายความว่า ตลอดเวลาที่อุ้มท้อง หล่อนจะไม่เคยร้องเพลงรักให้ชิดจันทร์ฟัง

ใช่...หล่อนไม่เคยได้ร่วมงานวันแม่ของโรงเรียน แต่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะไม่เคยช่วยบริจาคสนับสนุนโรงเรียน เพื่อให้ชิดจันทร์ได้อยู่สุขสบาย

ใช่...หล่อนไม่เคยได้ร่วมเป่าเค้กวันเกิดกับลูก แต่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะไม่พิถีพิถันเลือกของขวัญที่ดีที่สุดให้ชิดจันทร์

ใช่...หล่อนไม่เคยเข้าไปคลุกคลีกับลูก เพราะตั้งแต่หย่าขาดออกจากบ้าน หล่อนก็หมดสิทธิ์เลี้ยงดูชิดจันทร์อย่างสิ้นเชิงตามอำนาจศาล แต่ก็ไม่ได้ขาดหาย หล่อนยังคงให้คนไปเทียวดูแลชิดจันทร์ไม่ขาด เพียงแต่ หลังจากชิดจันทร์ขึ้นชั้นมัธยม เสน่ห์จันทร์ก็ห่างหายไป หล่อนคิดมาตลอดว่าไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นเพราะเหตุสุดวิสัย วันนี้กระจ่างแล้วว่า คำนั้น มันเป็นแค่การแก้ตัวที่น่ารังเกียจ ในฐานะคนเป็นแม่

ใช่แล้วล่ะ...หล่อนเป็นแม่ที่แย่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า หล่อนไม่ได้รักชิดจันทร์


แต่ก็เท่านั้นแหละ....

เพราะมันจริงทุกอย่างตามที่ผู้หญิงตรงหน้าพูดมา ช่วงที่อาม่าเสีย เสน่ห์จันทร์ไม่รู้เรื่องจริงๆ ช่วงนั้น บริษัทของหล่อนกำลังเติบโต เช่นเดียวกับงานบริหารในมือที่เยอะขึ้นเป็นเงาตามตัว หล่อนแทบไม่ได้พัก วิ่งรอกหาลูกค้า หาสปอนเซอร์ ทั้งในและต่างประเทศ ทำสัญญากับโมเดลลิ่งเจ๋งๆ คัดบุคคลากรที่มีคุณภาพ ซื้อตัวดารา นายแบบ นางแบบ ที่เล็งเห็นแล้วว่าจะต้องโด่งดังมีอนาคต...โดยเฉพาะเป็นตัวตั้งตัวตี ในการปลุกปั้น กฤตเมธ ให้เด่นดังเป็นดาวประดับฟ้า และทอประกายแสงแรงกล้ากว่าดาวดวงใดๆ 

พอไพล่คิดถึงความเก่าหนหลังเสน่ห์จันทร์ก็รู้ตัวแล้ว... ปฏิเสธไม่ได้เลยปฏิเสธไม่ได้แล้วจากที่เคยหลับหูหลับตาเถียงใครต่อใครว่าหล่อนไม่เคยรักใครหรือสนใจใครมากไปกว่าเสน่ห์จันทร์นั้นแท้จริงเป็นเพียงการหลอกตัวเองเพื่อให้คลายความรู้สึกผิดเพราะลึกๆแล้วเสน่ห์จันทร์รู้ดีรู้อยู่เต็มอกว่าช่วงที่หล่อนได้ทำงานร่วมกับกฤตเมธนั้นหล่อนมีความสุขกับชีวิตแค่ไหนสิ่งที่เคยปฏิเสธว่าไม่ใช่แท้จริงแล้วก็เป็นดังที่ใครๆเขาว่าหล่อนมองกฤตเมธซ้อนทับกับลูกชายที่ตายไปของหล่อนจริงๆการได้อยู่กับเด็กดีอย่างกฤตเมธนั้นมันทำให้เสน่ห์จันทร์รู้สึกเหมือนได้ลูกชายที่ถูกพรากไปของหล่อนคืนสุขจนอยากจะทุบอกตัวเองในตอนนี้เพราะความสุขนั้นมันทำให้หล่อนเผลอละเลยชิดจันทร์ผู้เป็นลูกแท้ๆไป...

และกว่าจะรู้ตัวถึงความผิดพลาดนั้น เวลาก็ผ่านไปนานจนน่าตกใจ...

เกือบสองปี...

เกือบจะสองปีเต็มๆ ที่เสน่ห์จันทร์ปลุกปล้ำอยู่กับบริษัทที่หล่อนสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรง จนมันเติบโตเข้มแข็ง วุ่นวายอยู่กับการวิ่งงานให้กฤตเมธ เด็กแสนรักในสังกัด แม้จะตระหนักรู้อยู่ในจิตสำนึกตลอดเวลาว่าหล่อนยังมีลูกสาวที่ต้องคอยเอาใจใส่ ทว่าก็ยังคงคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เสมอว่าคงไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียชิดจันทร์ก็ยังมีอาม่าคอยดูแลเอาใจใส่ ช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกินกับความคิดแบบนั้น เสน่ห์จันทร์รู้ตัวแล้วว่าเป็นแม่ที่แย่ขนาดไหน แถมยังไม่เคยรู้สึกตัวจนกระทั่งวันหนึ่งที่เสน่ห์จันทร์ได้รับรู้ข่าวคราวของลูกสาวคนเดียวเป็นครั้งแรก หลังจากห่างหายมานานปี ทันทีที่หล่อนได้รู้ว่าอาม่าจากไปถึงสองปีแล้ว และชิดจันทร์หายตัวจากบ้านไป เสน่ห์จันทร์ใจเสียมาก เฝ้าภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกลมหายใจ ขอให้ลูกปลอดภัย ตอนที่สืบหาตัวชิดจันทร์จนเจอนั้น หล่อนดีใจมาก ทว่ามันกลับมาพร้อมข่าวร้าย ว่าชิดจันทร์กำลังถูกพ่อค้ายาล่อลวง หล่อนช่วยลูกออกมาจากวังวนอุบาทว์นั่นจนสำเร็จ และแจ้งความจับไอ้เดนนรกนั่นไปเป็นที่เรียบร้อย คิดว่าจากนี้ไป คงไม่มีเรื่องเลวร้ายอะไรอีกแล้ว ลูกอยู่กับหล่อนแล้ว...

แต่เปล่าเลย...

ชิดจันทร์ ไม่เคยมองหล่อนว่าเป็นแม่

นอกจากหน้ากล้อง หน้านักข่าว ชิดจันทร์ไม่เคยยอมเข้าใกล้เสน่ห์จันทร์เลย เสียงหวานใสของลูกรักที่เรียกหล่อนว่า ‘แม่’ เป็นแค่การทำไปตามมารยาท หัวใจของลูกน้อย ไม่เคยเป็นของหล่อนเลย

ตั้งแต่รับชิดจันทร์มาอยู่ในความดูแล เสน่ห์จันทร์คิดซ้ำไปเวียนมาอยู่ในใจตลอดเวลา ว่าหล่อนผิดตรงไหนนะ หล่อนพลาดไปตอนไหน

คงเพราะอาม่าปลูกฝังใช่หรอเปล่า? ปลูกฝังให้ชิดจันทร์เกลียดแม่แท้ๆของตัวเอง

เสน่ห์จันทร์คิดแบบนั้นจริงๆ คิดแบบไม่เหลือเนื้อที่ให้ความคิดอื่นใดมาทัดทานได้ หล่อนรักชิดจันทร์ รักขนาดที่ว่าให้ได้ทุกอย่าง ความจริงลูกควรจะสำนึกในบุญคุณและรักหล่อนมาก ถ้าไม่ใช่เพราะอาม่า ลูกคงไม่ก้าวร้าวแบบนี้

ความคิดเข้าข้างตัวเองอย่างสุดโต่งนี้ ติดอยู่ในจิตสำนึกของเสน่ห์จันทร์มาตลอด เจ็ดปี ตั้งแต่วันที่รับชิดจันทร์เข้ามาอยู่ในบ้าน  เจ็ดปีที่คนเป็นแม่หลับหูหลับตาให้ความรักความสนใจแบบผิดๆ คิดว่ามันคือสิ่งที่ดีที่สุด โดยไม่เคยสนใจเลยว่าแท้จริงแล้ว ชิดจันทร์ต้องการอะไร

ไม่สิ...ไม่ใช่แค่เจ็ดปี แต่มากกว่านั้น

นับตั้งแต่ชิดจันทร์ถือกำเนิด คนเป็นแม่อย่างเสน่ห์จันทร์ ไม่เคยคิดอย่างจริงจังแม้สักครั้งว่าลูกสาวคนเดียวของตนต้องการอะไร ลูกเกลียดหล่อน หล่อนก็พร่ำโทษแต่อาม่า โทษว่าผู้อาวุโสคนนั้นเสี้ยมสอนให้ชิดจันทร์รังเกียจเดียดฉันท์แม่ของตัวเอง ทั้งที่จริงแล้วเปล่าเลย

มันไม่ได้เป็นเพราะอาม่า แท้จริงคำตอบนี้ติดเป็นตะกอนอยู่ในใจของเสน่ห์จันทร์มานานหนักหนา คำตอบที่หล่อนรู้อยู่แก่ใจ แต่ไม่เคยยอมรับมัน

ชิดจันทร์เกลียดแม่อย่างเสน่ห์จันทร์

ใช่เพียงเพราะอาม่า แต่เป็นเพราะสายตา และท่าทีของเสน่ห์จันทร์เอง

แน่นอนหล่อนรักลูก ไม่น้อยกว่าแม่คนไหน รัก....หากแต่ไม่ต้องการสัมผัส ทันทีที่ชิดจันทร์คลอด ทันทีที่ได้เห็นว่าหน้าตาลูกน้อยละม้ายคล้ายใคร เสน่ห์จันทร์ก็ทำใจไม่ได้ที่จะโอบกอด

ชิดจันทร์เหมือนสมภพ เหมือนทุกกระเบียด เหมือนเสียจนน่าขนลุก

หล่อนรักลูก ตอนตั้งท้องหล่อนรักลูกมาก แม้จะเกิดจากความไม่ตั้งใจ แม้จะเกิดจากการโดนฝืนใจ แต่ก็คือเลือดเนื้อเชื้อไข ถ้าเพียงเด็กคนนี้ จะหน้าตาไม่เหมือนชายชั่วคนนั้น  ถ้าแค่เพียงเด็กคนนี้.....

รักแต่ได้ไม่เต็มที่  กอดได้ แต่ก็ไม่นาน  ลูกงอแงร้องหา ก็ไม่สามารถโอ๋ปลอบได้อย่างเต็มที่ หน้าอกที่คัดคันไปด้วยน้ำนม น้อยครั้งนักที่ลูกน้อยจะได้ลิ้มรส หล่อนยอมที่จะปั้มออกมา มากกว่าที่จะให้ลูกโดยตรง แม้แต่ผม....หล่อนยังไม่เคยได้ทำให้ ไม่ว่าจะถักเปีย หรือผูกหางม้า ยามคิดถึงบางครั้งอาจมีอยากกอดบ้าง ทว่าก็ได้เพียงครู่เดียวหากลูกร้องโยเย เอาแต่ใจ บางครั้งอาจมีปลอบประโลมบ้าง แต่ก็มีหลายครั้ง ที่ปล่อยไว้อย่างนั้นแล้วหลบหน้าไป

ความทรงจำหนหลังหลั่งไหล จิตใต้สำนึกเปิดกว้าง กล่องดำของหัวใจที่ตั้งใจจะปิดตาย ถูกเปิดขึ้นฉับพลัน ภาพในอดีต ความรู้สึกในหนหลังที่เสน่ห์จันทร์พยายามปฏิเสธ ตีตื้นขึ้นมาจนจุกเจ็บอยู่กลางอก ภาพต่างๆในวันวานผุดทะลักในความทรงจำราวตาน้ำ แม้ตอนนี้เสน่ห์จันทร์จะยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเพียงชั่วอึดใจ แต่ในมโนสำนึกของหล่อนมันนานราวกับชั่วกัปกัลป์

ร่างบอบบางสั่นระริกค่อยๆสูญสิ้นเรี่ยวแรง ค่อยๆเสียการทรงตัว ค่อยๆ...ทรุดฮวบลงสู่พื้นอย่างสิ้นท่า แม้อาวุธร้ายยังคงอยู่ในมือ แต่มันดูไร้อำนาจ หรือพลังสังหาร เช่นเดียวกับผู้ถือครอง

สองตาอิดโรยยังคงแข็งค้าง เช่นตอนที่ยังก้าวร้าว ต่างไปตรงหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูทะลักพรวดๆออกมาราวท่อน้ำแตก ก่อนเสียงสะอื้นฮั่กจะตามมา ฮืออออ โฮ....สาวใหญ่ร้องไห้ราวกับเด็กเล็ก ร้องราวกับไม่เคยร้องมาก่อน ไม่เก็บอาการ ไม่เหลือแล้วความอาจอง เหมือนก่อนจะย่างเท้าเข้าสู่บ้านหลังนี้

จะทำอย่างไร จะทำอย่างไร จะทำอย่างไร

เรื่องมันผิดพลาด และเดินทางมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไปแก้ไขแล้ว หนำซ้ำ ยังไม่รู้อีกเช่นกัน ว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร มืดมนอนธกาลไปหมด มีดมน เฉกเช่นวันที่ชิดจันทร์เอ่ยเรื่องราวเลวร้ายให้ได้ฟัง คนเป็นแม่อย่างเสน่ห์จันทร์ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร คิดอะไรไม่ออก ติดต่อลูกก็ไม่ได้ เลยดั้นด้นมาหาเรื่องสามีเก่า เพียงเพราะอยากหาที่ระบายความคั่งแค้น เจ็บร้าว ทว่า... ดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เจ็บ  เพิ่งรู้ตัวเองก็วันนี้แหละ ว่าแท้จริงแล้ว ผู้หญิงที่ชื่อเสน่ห์จันทร์ ไม่ใช่คนเข้มแข็ง ไม่ใช่ผู้หญิงแกร่ง แต่เป็นเพียงคนที่หนีความจริง คนเห็นแก่ตัว เป็นแม่ที่ชั่วช้าที่สุดในโลก

สมแล้วที่ลูกจะเกลียด

สมแล้วที่ชีวิตต้องเป็นแบบนี้...

เสน่ห์จันทร์ยังคงร้องไห้ ร้องหนักจนทั้งร่างบอบบางแทบจะลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้น หล่อนไม่สนแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่สนแล้วว่าตอนนี้อยู่ตรงหน้าใคร อ่อนล้า ปวดปร่า ร้าวราน เอาผิดใครไม่ได้ แล้วจะทำยังไงต่อ จะเดินหน้าต่อไปแบบไหน จะเผชิญหน้ากับชิดจันทร์อย่างไร ศักดิ์ศรีความหยิ่งทะนง ภินท์พังเสียสิ้นแล้ว ตามหาคนผิด หาคนรับผิดชอบ แล้วอย่างไรเล่า เมื่อในที่สุดแล้วตัวเองต่างหากที่ชั่วช้า ที่ผิดพลาด เรื่องเลวร้ายทั้งหลายทั้งปวงที่ประเดประดัง ท้ายที่สุดแล้ว ก็ล้วนแต่เกิดขึ้นเพราะตัวของตัวเองทั้งสิ้น...

ร้องไห้แล้วมันยังไง ร้องไห้แล้วมันได้อะไร ไม่รู้... แต่มันหยุดไม่ได้ บางสิ่งสะท้อนอยู่ในทรวงอก ให้ต้องสะอึกสะอื้นไม่เลิก ในหัวมีเพียงใบหน้าของลูกสาวคนเดียวลอยวน จะขอโทษลูกอย่างไรดี จะไถ่โทษอย่างไรดี อื้ออึงไปหมด ไม่กล้า แม่คนนี้ไม่กล้าเผชิญหน้าลูกเลย ช่างขี้ขลาด

“....อิด....อัน......”

“............อิด”

“...อิด.....อัน”

เสียงอู้อี้ไม่เป็นภาษามนุษย์ลอยเข้าโสตประสาท ฟังไม่ค่อยเข้าใจนักในขณะที่ยังเศร้ากำสรด

 “....อิด....อัน......”

“....อูก....”

“...............................อ๋าน...”

คำสุดท้ายที่ผ่านหู ในที่สุดก็สามารถทำความเข้าใจ และเรียกสติของเสน่ห์จันทร์ให้ได้ผงกศีรษะขึ้นมามองตามต้นเสียง สบสายตากับเจ้าของเสียงเรียกนั้น สมภพ ชายวัยกลางคนพิกลพิการด้วยโรคอัมพาต พยายามอ้าปากพะเงิบพะงาบเรียกขาน  ‘อ๋าน’ ก็คือ ‘หวาน’  ชื่อเล่นของเสน่ห์จันทร์ที่น้อยคนนักจะรู้

“อ๋าน....อ๋ม...อ๋อโอ้ด....”

“.....อิด....อั...น....อ้อ....อ๋อ...โอ้ด....”

กว่าจะเอ่ยออกมาได้แต่ละถ้อยคำ ใบหน้าเกร็งกระตุก ริมฝีปากบิดเบี้ยวพยายามกลั่นแต่ละคำออกมาจนน้ำลายไหลย้อยเปรอะเปื้อน เกร็งหน้าเกร็งตา พยายามสื่อความหมาย พร้อมน้ำตาที่ถะถั่งจากดวงตาโบ๋ลึก เพื่อมอบคำว่า ‘ขอโทษ’ ให้กับอดีตภรรยาที่ตนเคยทำร้าย และลูกสาว ที่ตนไม่เคยให้ความใยดี

เสน่ห์จันทร์และสมภพ ทำได้เพียงมองหน้ากันทั้งน้ำตา ต่างคนต่างเข้าใจความหมายของสายตาที่ส่งถึงกัน พวกเขาทั้งคู่ ต่างก็เป็นพ่อและแม่ที่แย่ที่สุด เห็นแก่ตัวที่สุด และช่างเรียกร้องที่สุดในโลก ช่างเลวทราม ทำแต่เรื่องเลวร้าย กับลูกในไส้ตัวเล็กๆ

เสน่ห์จันทร์ถอนหายใจ พลางหลับตาลงช้าๆ ก่อนจะสูดหายใจลึกๆ อีกครั้งเพื่อเรียกสติที่พึงมีกลับมาเสียที

หลังลืมตาขึ้นได้อีกครั้ง ดวงตาที่เคยแข็งกร้าวก็อ่อนแสงลง เสน่ห์จันทร์เก็บอาวุธในมือเข้ากระเป๋า ก่อนจะหยิบบางสิ่งขึ้นมาแทน

สมุดเช็คเล่มบางถูกกางออกพร้อมกับที่ผู้เป็นเจ้าของ ทำการกรอกตัวเลขลงไปในจำนวนที่ไม่น้อยนัก ก่อนจะเซ็นชื่อกำกับแล้วฉีกเช็คแผ่นน้อยออกมา

การกระทำเหล่านั้นสร้างความฉงนฉงายไม่น้อยแก่สมภพและสองแม่ลูก ที่ยังคงกอดกันกลมเพระไม่รู้ว่าเสน่ห์จันทร์จะคิดทำอะไรพวกตนอีก และยังไม่ทันจะได้หาทางหนีทีไล่ ก็ต้องผวาตามกันอีกครั้ง เมื่อถูกเสน่ห์จันทร์สืบเท้าเข้าใกล้

“รับนี่ไป”

เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมกับกระดาษแผ่นบางในมือที่ยื่นให้กับสองแม่ลูก

แน่นอนว่า ทั้งสองยังคงกลัวเกรงบางสิ่งที่นอนนิ่งอยู่ในกระเป๋าของเสน่ห์จันทร์ไม่น้อย แต่ก็กัดฟันยื่นมือออกมารับแผ่นกระดาษจากมือของเสน่ห์จันทร์

“.....อะ....น...นี่มัน เช็คเงินสด...ห้าแสน!!!?” หญิงสาวตะโกนเสียงหลง เมื่อเห็นตัวเลขในเช็คเงินสดที่อยู่ในมือตน จำนวนมันเยอะมาก มากเสียจนหล่อนมือไม้สั่น ทำไมผู้หญิงตรงหน้าถึงให้หล่อนมา คนที่เพิ่งจะลั่นวาจาว่าจะฆ่ากันให้ตายเมื่อครู่...ทำไมถึง

“เอาไว้รักษาเขา และเก็บไว้เลี้ยงลูกเธอซะ สภาพมอมแมมแบบนี้ ไม่ได้เรียนหนังสือสินะ”  เสน่ห์จันทร์ว่าอย่างนั้น แต่ไม่มีทางที่สองแม่ลูกจะเข้าใจ

“ท...ทำไมถึงให้เงินพวกเรา....เยอะขนาดนี้” หญิงสาวกลั้นใจถามออกไป ด้วยความไม่เข้าใจ

ทว่าเสน่ห์จันทร์ไม่ได้ตอบ หล่อนแค่จ้องมองสองแม่ลูกนิ่งงัน ก่อนจะผินหน้าไปหาอดีตสามีอีกครั้ง

“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณเคยทำไว้กับฉัน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรแบบไหนก็ตาม...ฉัน...อโหสิกรรมให้....ทั้งหมด” เสน่ห์จันทร์เอ่ยอโหสิกรรมออกมาด้วยเสียงเครือสั่น ดวงตาอ่อนล้าที่ทอดมองร่างแน่นิ่งของสามีเริ่มมีหยาดน้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง “ดังนั้น...ฉันขออโหสิกรรมจากคุณด้วยนะ...สำหรับทุกอย่าง...”

สิ้นคำของเสน่ห์จันทร์ สมภพก็ถึงกับสะอื้นฮั่ก ทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเปรอะไปหมด จนน่าสงสาร เห็นแบบนั้นแล้ว ความเกลียดชังที่เสน่ห์จันทร์เคยมีให้ มันก็กลายสภาพไปจนสิ้น เหลือเพียงความเวทนาเท่านั้น และเพราะอย่างนั้นเอง ในที่สุด เสน่ห์จันทร์ก็สามารถยิ้มให้สมภพได้เสียที
ยิ้มให้กันครั้งแรก ตั้งแต่รู้จักกันมา...

“ได้ไหมคะ? คุณภพ” ยิ้มให้พร้อมกับคำขอแสนอ่อนโยน 

ได้ยินดังนั้น สมภพก็เกร็งคอพยายามพยักหน้าให้เสน่ห์จันทร์อย่างเอาเป็นเอาตาย อยากพูดตอบโต้ให้มากกว่านี้ แต่เพราะน้ำมูกน้ำตาอื้ออึงอยู่ในโพรงจมูกจนต้องหายใจทางปาก ทำให้ไม่สามารถเกร็งปากพูดอะไรได้อีก สิ่งเดียวที่ทำได้จึงมีเพียงพยักหน้าซ้ำๆ ให้อดีภรรยาว่า ‘อโหสิกรรมให้แล้ว’ เท่านั้น

“ขอบคุณนะ” เสน่ห์จันทร์พูด พร้อมหันหลังเดินจากมา ใจเย็นลงราวกับคนละคน กับหญิงสาวที่ถือปืนมาหมายฆ่ายกครัวเมื่อสักครู่

เสน่ห์จันทร์เร่งฝีเท้า หล่อนต้องรีบกลับไป รีบกลับไปตามหาชิดจันทร์ ลูกสาวคนเดียวที่หล่อนรักเท่าชีวิต อยากเจอเหลือเกิน อยากพูดคุย อยากขอโทษ อยากพาชิดจันทร์ก้าวข้ามอดีตแสนทุกข์ระทมไปด้วยกัน

“คุณเสน่ห์จันทร์”

ทว่ายังไม่ทันจะได้พ้นประตูบ้าน หญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบ้านก็เร่งฝีเท้าตามออกมาพร้อมตะโกนรั้งเสน่ห์จันทร์เอาไว้ เจ้าของชื่อชะงักก่อนจะเหลียวกลับมาหาคนเรียกชื่อ ไม่แปลกใจนักที่อีกฝ่ายจะรู้จักชื่อแซ่ เพราะหากรู้ว่าหล่อนคือแม่ของชิดจันทร์ ย่อมรู้ว่าคือภรรยาเก่าของสมภพ ภรรยาคนเดียวที่ได้รับการแต่งงานและจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายที่ชื่อว่า ‘เสน่ห์จันทร์’

“...ขอบคุณนะคะ สำหรับเงินก้อนนี้ คือมัน....” ทันทีที่เห็นว่าเสน่ห์จันทร์หยุดมอง หญิงสาวก็รีบกล่าวขอบคุณ ทว่ายังไม่ทันจะได้พูดจบ ก็ถูกเสน่ห์จันทร์แทรกขึ้นเสียก่อน

“เธอชื่ออะไร?”

“...บ...บุหงา บุหงาค่ะ”

จู่ๆก็ถูกถามชื่อ หญิงเจ้าบ้านเลยค่อนข้างตกใจเล็กๆ ชื่อตนที่แนะนำออกจากปากเลยตะกุกตะกักเล็กน้อย

“ขอบใจนะ บุหงา ที่ให้สติฉัน...เลี้ยงลูกเธอให้ดีนะ ลูกเธอเป็นเด็กดี”

เสน่ห์จันทร์ทิ้งคำสุดท้ายไว้เพียงแค่นั้น  ก่อนจะหันหลังเดินจากไปโดยไม่ยอมฟังต่อว่าบุหงาจะพูดอะไรอีกหรือไม่ เพียงอึดใจรถยนต์คันหรูก็ถูกขับเคลื่อนออกจากหน้าบ้านเก่าแก่ ที่เป็นได้เพียงอดีตของผู้จากมา

จากนี้ไป จะเหลือไว้แค่ความทรงจำ...

***************

******************************

************************************************

*****************************************************************

************************************************

******************************

***************
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-05-2015 20:18:49



"สวัสดีครับคุณดนัยผมไม่ทราบว่าคุณจะแวะเวียนมาเลยไม่ทันได้ต้อนรับต้องขอโทษด้วยนะครับ"

เสียงทุ้มต่ำทรงอำนาจ เอ่ยทักแขกคนสำคัญที่จู่ๆก็บุกมาเยือนโดยไม่คาดหมาย อัครเดชยิ้มทักทันทีที่ได้เห็นดนัยยืนยิ้มรับอยู่ตรงหน้าโซฟาห้องรับแขกสุดหรูหราพร้อมกับบอดีการ์ดประจำตัวยืนขนาบด้านหลังสองคนลูกนายพลก็แบบนี้แหละเวลาไปไหนมาไหนมักมีสมุนพ่อตามติดไม่ห่าง

“สวัสดีครับคุณอัครเดช หึ ทางผมต่างหากที่ต้องขอโทษที่จู่ๆก็มาโดยพละการ ไม่ได้นัดเอาไว้ก่อน”  ผู้เป็นแขก เอ่ยต้อนรับการมาของเจ้าถิ่น ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มพราวผูกมิตรทันที แต่ก็หาได้ซ่อนแววตาแข็งกล้าท้าทาย  “พอดีว่า...ผมมีเรื่องร้อนใจ อยากให้คุณช่วยด่วนน่ะครับ เลยเผลอเสียมารยาท มาโดยไม่ได้นัดล่วงหน้า”

“แหม ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมยินดีช่วยเหลือคุณอยู่แล้ว เชิญตามสบายเลยครับ”  แม้ว่าจะไม่ได้วางใจผู้มาเยือนนัก แต่อัครเดช ก็ไม่อาจแล้งน้ำใจ ชายหนุ่มรับปากแข็งขันด้วยใบหน้ายิ้มแย้มไม่ต่างเทพผู้ทรงศีล ตามสมัญญานามในวงการใต้ดิน ‘หน้ากากพระพุทธรูป’

หลังคำตอบรับของมาเฟียหนุ่มใหญ่ ดนัยยิ้มพราวขึ้นอีกครั้ง ทั้งที่ทั้งคู่ยังส่งสายตาหยั่งเชิงกันไม่หยุดหย่อน สองร่างกำยำสูสีหย่อนตัวลงบนโซฟาราคาแพงระยับคนละฝั่ง ด้านตรงกันข้ามที่สามารถหยั่งเชิงกันได้อย่างพอดิบพอดี 

แท้จริงแล้ว เส้นทางของดนัย และอัครเดช ไม่ค่อยจะได้ร่วมกันมากเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนชีวิตของทั้งคู่จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนึ่งคือมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลในวงการธุรกิจใต้ดินทุกประเภท โดยเฉพาะการเป็นเจ้าพ่อในบ่อนสุดหรูกลางเมือง ที่กฎหมายยังไม่สามารถล่าล้างได้หมด แต่อีกหนึ่งกลับเป็นลูกชายคนเล็กของนายพลระดับสูง ผู้มากด้วยอิทธิพลทั้งทางการทหารและการเมืองการเผชิญหน้ากันระหว่างคู่ที่ต่างขั้วกฎหมายค่อนข้างสร้างบรรยากาศที่เข้มข้นได้ไม่หยอก

หากเข้าหากันด้วยอาชีพ คงต้องล่าล้างกันจนสิ้นกันไปข้าง ทว่าหากเข้าหากันด้วยผลประโยชน์แล้วไซร้ ก็ใช่ว่าจะเอื้ออาศัยกันไม่ได้แต่มันมีข้อแตกต่างกันนิดหน่อย ซึ่งมันเป็นเงื่อนไขสำคัญในการอยู่รอดของวงการเถื่อนในมือของอัครเดช นั่นก็คือ หากฝ่ายเขาต้องการความช่วยเหลือทางกฎหมายจากท่านนายพล เขาจะต้องทำทุกอย่างเพื่อเอาอกเอาใจผู้ทรงอำนาจทางกฎหมายนั้นให้เห็นดีเห็นงามด้วย แต่หากเป็นฝ่ายนั้นต้องการความช่วยเหลือละก็ เพียงคำเดียวเท่านั้น  อัครเดชก็ต้องสรรหามาถวายให้ถึงที่ โดยไม่มีอิดออด

ก็บารมีมันต่างกัน ในข้อนั้นอัครเดชเข้าใจดี แต่เขาเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจในจุดนี้เท่าไหร่นัก อย่างไรเสีย เขาประโยชน์ที่เขาได้รับจากพวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้ ก็ใช่น้อยเสียที่ไหน เสียของเสียศักดิ์ศรีไม่กี่มากน้อย แลกกับความสะดวกสบายของธุรกิจใต้ดินของตน เท่าไหร่ก็จ่ายได้เสมอ

คนมีบารมีคบไว้ก็ไม่เสียหาย หมดประโยชน์เมื่อไหร่จะกำจัดทิ้งเสียตอนไหนก็ได้อยู่แล้ว

 เช่นกันกับครานี้ หากไอ้เด็กเมื่อวานซืนตรงหน้าต้องการอะไร เขาก็คงต้องจัดหามาให้ คิดแล้วอัครเดชก็อมยิ้มน้อยๆ ด้วยวัยขนาดดนัย ก็อาจเดาของที่ต้องการได้ไม่ยากนัก

ทว่าดูเหมือนคราวนี้ มาเฟียตัวพ่ออย่างอัครเดช จะเดาผิดไปเสียแล้ว

“ได้ข่าวว่าคุณอัครเดช กำลังจะซื้อที่ดินผืนงามที่ราชบุรีอยู่สินะครับ” เพราะทันทีที่ได้ยินคำขอ ใบหน้าเสี่ยใหญ่ก็แทบจะคลายยิ้มเป็นมิตรแทบไม่ทัน

“อ่า...แหม...คุณทราบด้วยเหรอครับเนี่ย?” แม้นรอยยิ้มจะเจื่อนลง แต่เส้นประสาทระดับเจ้าพ่อ ย่อมแข็งกว่าคนทั่วไป อัครเดชจึงยังคงส่งยิ้มให้ดนัยไม่ขาดช่วง ขาดตอน ดวงตาคมกล้า เริ่มพิเคราะห์อีกฝ่ายด้วยความระแวดระวังมากขึ้น

“ระดับเจ้าพ่ออย่างคุณอัครเดช ขยับนิด ขยับหน่อยเขาก็รู้กันทั่วแล้วล่ะครับ”  คำตอบของดนัยทำเอาเปลือกตาขวาของอัครเดชกระตุกยิบ สมองอันชาญฉลาดของคนผ่านโลกมานาน สามารถประมาณการได้ทันทีว่า ‘เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา’ และคลับคล้ายว่าที่ดินผืนงามที่อุตส่าห์จะได้มากำลังจะหลุดลอยในไม่ช้า

“คุณดนัยอยากได้เหรอครับ? ถึงได้มาหาผม”  หลังประเมินด้วยสายตา และพิจารณาถี่ถ้วนแล้ว อัครเดชก็ไม่อ้อมค้อมกับดนัยอีกต่อไป  ระดับเจ้าพ่ออย่างเขา แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่า คนตรงหน้าไม่ได้อ่อนเหมือนวัย ใจนั้นใหญ่พอฟัดเหวี่ยง ยิ่งมีแบ็คระดับนายพลด้วยแล้ว กระดูกอ่อนนั่นคงเคี้ยวแทบไม่แตกแน่ๆ

“ตรงดีนะครับ หึหึ ผมชอบคุณจัง” เห็นว่าอัครเดชเข้าใจเหตุผลการมาของตนโดยไม่ต้องเอ่ยปาก ดนัยก็หัวเราะร่า คลายร่างเอนกายพิงพนักโซฟา ดูหย่อนใจ ทั้งที่ใบหน้ายังไม่คลายแววตาแห่งลูกราชสีห์

แต่ถึงอย่างไรอัครเดชเองก็ใช่จะเป็นลูกกวางน้อยให้ล่าได้ง่ายๆ ดนัยรู้ดีว่าเวลาที่ผ่านไปแต่ละลมหายใจมีความหมายมากแค่ไหน ชายหนุ่มจึงไม่รอช้าที่จะเปิดการเจรจา

“ครับ...ผมอยากได้ที่ผืนนั้น ตามที่คุณว่ามานั่นแหละ”

ดนัยประกาศความต้องการของตนออกไปแบบตรงเป้า และแววตาแรกที่เขาได้เห็นจากอีกฝ่ายในทันทีที่จบประโยคนั้น ตีความหมายได้ไม่ยากเลยว่า ‘ไม่มีทาง’  แต่นั่นก็อยู่ในเรื่องที่ชายหนุ่มคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถึงตัวเขาจะมากด้วยบารมี แต่ก็เป็นแค่บารมีพ่อ ใช่ของตัวเอง อีกฝ่ายต่างหากที่เป็นผู้มีพลังที่แท้จริง เพราะฉะนั้นการที่อัครเดชอ่อนข้อให้ขนาดนี้ ใช่เพราะตัวตนของคนที่ชื่อดนัย แต่เป็นเงาอำนาจสูงใหญ่ที่ค้ำยันแผ่นหลังอ่อนประสบการณ์นี้ไว้ต่างหาก

และเพราะอย่างนั้นแหละ ดนัยจึงต้องใช้มันให้คุ้ม

“คุณดนัยครับ...ขอโทษจริงๆ ที่ผมต้องเสียมารยาท แต่ที่ผืนนั้นน่ะ ผมไม่ได้ได้มันมาง่ายๆ เลยนะ ผมใช้วิธีหว่านล้อมสารพัด งัดออกมาแทบจะทุกกระบวนท่า กว่าเจ้าของที่ดินจะยอมใจอ่อน เสียเงินไปก็ใช่น้อย และผมเองก็ชอบที่ผืนนั้นมากเสียด้วย....”  อัครเดชยังคงเผยรอยยิ้มพิมพ์ใจ เคล้าไปกับสีหน้าที่แสดงความรู้สึกลำบากใจ ว่าคำขอของดนัยนั้นมันช่างหนักหนา “เปลี่ยนเป็นของกำนัลอย่างอื่นที่สมน้ำสมเนื้อไม่ต่างกันแทนได้หรือไม่ครับ ผมคิดว่าสิ่งที่ผมจะเสนอให้ต่อไปนี้ คุณอาจชอบมันมากกว่าที่ผืนนั้นนะ” เจ้าพ่อหนุ่มค่อยๆหว่านล้อม

แน่ล่ะ เขาจะยอมเสียที่ดินฝืนนั้นไปได้อย่างไร โดยเฉพาะให้กับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างดนัย มีพ่อใหญ่ ทรงอำนาจแล้วไง สุดท้ายผลประโยชน์ระหว่างผู้ใหญ่ ก็สามารถทำให้เรื่องที่เขาไปขัดใจลูกชายคนเล็กกลายเป็นแค่เรื่องขี้ผงได้ไม่ยากอยู่แล้ว ที่

ดินที่ราชบุรีผืนนั้น เป็นที่ทำเลงามเหมาะสำหรับการทำรีสอร์ทและเปิดฟาร์มแกะ เป็นที่สุด อัครเดชต้องตาต้องใจตั้งแต่แรกเห็น ถึงกับรีบส่งคนไปติดต่อขอซื้อในราคาที่เรียกได้ว่าสูงกว่าท้องตลาดทันที ทว่าเจ้าของที่กลับปฏิเสธอย่างไร้เหยื่อใยสิ้นเชิง งที่เป็นแค่นายทหารปลดประจำการ กินบำนาญจนๆแท้ๆ แต่กล้าปฏิเสธเงินถุงเงินถังที่เขาอุตส่าห์จะขนไปปรนเปรอให้ นี่ถ้าไม่ได้ลูกชายดาราใจแตกแถมดวงซวยของมันช่วยไว้ ไม่แน่ว่าป่านนี้ ลุงทหารคนนั้นอาจเหลือแค่ชื่อไปแล้วก็เป็นได้

กว่าเหยื่อจะฮุบเหยื่อล่อ จนทุกอย่างกำลังจะเข้ามาอยู่ในมือในอีกไม่กี่อึดใจ อัครเดชไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดลอยไปเพียงเพราะดนัยบ่นอยากได้เป็นแน่

“โถ่...อย่าเพิ่งตัดรอนกันสิครับ ผมจำเป็นต้องได้ที่ผืนนั้นจริงๆนะ” ดนัยเองก็ไม่ยอมลดรา ยังพยายามส่งลูกตื้อเป็นช่วงๆ เพื่อสะกิดบางอย่างจากผู้ทรงพลังกว่า“เอาเป็นว่าผมขอซื้อต่อแล้วกัน คุยกันเป็นธุรกิจแฟร์ๆเลย คุณอัครเดชอยากเรียกสักเท่าไหร่ครับ สิบล้าน พอไหม? รู้สึกว่ามันจะมากกว่าราคาที่คุณซื้อมาตั้งเท่านึงเลยนะ...”  ตอนมา ก็ไม่ได้แค่คิดจะขอเปล่าๆ ฟรีๆอยู่แล้ว ดนัยจึงไม่คิดมากเลย หากจะลองเสนอราคาให้ทางเจ้าพ่อลองพิจารณา และแน่นอนว่า เขาต้องการให้อัครเดชพิจารณาเพียงคำตอบเดียว

ข้อต่อรองของดนัย เล่นเอาตาขวาของอัครเดชกระตุกยิบอีกรอบ ทุกถ้อยคำของอีกฝ่ายแย้มพรายให้ได้ประจักแล้วว่า การมาในครานี้ ไม่ใช่เพียงมาเพื่อขอของเล่น เช่นเด็กน้อยลูกท่านหลานเธอคนอื่นๆ แต่ดนัยมาเพื่อประกาศตัวช่วงชิงของที่เขากำลังจะได้ไว้ในกำมือ ที่ดินผืนนั้น ที่อุตส่าห์ทั้งหลอกทั้งล่อ การถูกลูบคม ไม่ใช่อะไรที่เส้นความอดทนของเขาจะยืดหยุ่นให้ได้มากนัก คิ้วคมหนาของคนระดับเจ้าพ่อถึงกับเริ่มขมวดปมลางๆ รอยยิ้มที่เคยเฉิดฉันท์ตอนนี้เหลือเพียงแค่ ยิ้มเจื่อนๆ กับดวงตาที่กล้าแสงขึ้น

“...ดูท่า ผมคงปฏิเสธลำบากเลยนะครับ หากจะไม่ตกลงยกให้” อัครเดชยืดตัวตรง ไหล่ที่ตั้งผึ่งผายดูองอาจนั้น แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ในฐานะเจ้าพ่อตลาดมืดได้แบบไม่มีซ่อนเร้น หากเป็นคนอื่นที่ต้องจับพลัดจับผลูมาเผชิญหน้า คงไม่วายกลัวตายหัวหดกันเป็นทิวแถว แต่กับดนัย มันไม่ได้ให้ความรู้สึกใดมากนักหรอก นอกจากความท้าทาย

“ผมก็แค่คาดหวังความเมตตาจากเจ้าพ่ออย่างคุณอัครเดชเท่านั้นแหละครับ” ชายหนุ่มยังคงสูดหายใจสบายๆ ไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศกดดันใดๆที่อีกฝ่ายแผ่ออกมาข่ม แน่นอนว่าดนัยมั่นใจในตัวเองอยู่พอตัวอยู่แล้ว การมาวันนี้ไม่ได้จู่ๆก็มาแบบสุ่มสี่สุ่มห้า ถึงโดยสันดานแล้วเขาจะเป็นแค่ผู้ชายเสเพล แต่ด้วยสัญชาตญาณพยัคฆ์ร้ายที่พ่อเขาได้ปลูกฝังตั้งแต่เยาว์วัย ดนัยย่อมไม่ผลีผลามจับเหยื่อตัวใหญ่โดยไม่มีการเตรียมพร้อม

“แล้วถ้าผมขอปฏิเสธล่ะ...” ในที่สุดรอยยิ้มจอมปลอมบนใบหน้าอ่อนกว่าวัยของมาเฟียหนุ่มใหญ่ก็จางหายไป ดวงตาแข็งกร้าว จ้องลึกเข้าไปที่ดวงตาคมกล้าของฝ่ายตรงข้ามลูกพยัคฆ์แล้วไงยังไงก็แค่ตัวลูกเขาอุตส่าห์ล่าของดีมาได้ทำไมต้องยอมให้ใครก็ไม่รู้มาชุบมือเปิบถ้าเด็กมันคุยไม่รู้เรื่องมัวแต่เหลิงแบบนี้สงสัยจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเป็นการเขียนเสือให้วัวกลัวเช่นเดียวกับที่เขาเคยกำราบเด็กนิสัยไม่ดีลูกนักการเมืองสั่วๆพวกนั้น

"ในเมื่อคุณหนูเองถึงกับอุตส่าห์มาหาผมถึงที่นี่เพื่อขอสิ่งที่มีค่าสุดๆในมือผมไปคิดเหรอครับว่าเงินแค่สิบล้านมันจะพอ?"เจ้าพ่ออัครเดชพูดพลางโน้มห้าเข้าใกล้อีกฝ่ายเล็กน้อยสองมือประสานกันเหนือเข่าที่ใช้ค้ำข้อศอกไว้อย่างมั่นคงเพิ่มความน่าเกรงขามและกดดันให้ดนัยได้รู้สึกกริ่งกลัวขึ้นได้บ้าง

"แหม...โก่งราคาจังเลยนะครับรับซื้อมาแค่ห้าล้านเองแท้ๆ" ดนัยหัวเราะร่วนเมื่อได้ยินสิ่งที่อัครเดชพูดตาต่อตาฟันต่อฟันคิดจะข่มคนอย่างเขาคิดผิดเท่านั้นล่ะคนอย่างดนัยใช่มีเพียงบารมีพ่อหนุนหลังเท่านั้นหรอกนะเส้นสายในโลกมืดทั้งในทั้งนอกเขาเองก็มีอยู่ใช่น้อยเสียเมื่อไหร่เพียงแต่ไม่ได้ออกหน้าออกตาและแน่นอนว่า เรื่องนี้อัครเดชย่อมไม่รู้ นักแสดงหนุ่ม ตั้งตัวตรง ก่อนจะเองโน้มกายไปด้านหน้า เพื่อประจันหน้ากับอัครเดชโดยตรง พร้อมส่งข้อความที่แฝงความหมายหลายๆอย่างออกๆไป

“แถมยังเป็นห้าล้าน ที่ไม่ต้องจ่ายสักแดงเดียวด้วย”

“!!?”

เพียงได้ยินประโยคที่ดนัยเอ่ยออกมา เส้นเลือดข้างขมับของอัครเดชก็บีบตัวถี่ มันเต้นตุบๆ ราวกับจะปริแตก ด้วยแรงอารมรณ์เคืองขุ่น ไอ้เด็กบ้าตรงหน้ามันกำลังคิดจะงัดข้อกับเขา กำลังใช้บารมีที่หนุนหลังมันอยู่มาวัดรอยเท้าเขา อัครเดชกัดฟันกรอด ก่อนจะแสยะยิ้มออกมาน้อยๆ

“หึ...ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าคุณจะเอาที่ผืนนั้นไปทำอะไร แต่ผมคงให้ไม่ได้ ขอโทษด้วยที่ต้องปฏิเสธ คุณหนูดนัย...เก็บสิบล้านให้พ่อคุณไว้ใช้เลี้ยงสมุนให้ดีดีกว่านะ”

ดูเหมือนเส้นความอดทนของเจ้าพ่อจะตึงเกินกว่าผัดผ่อนได้ จริงอยู่เขาไม่ได้อยากมีปัญหากับพวกหัวโจกฝ่ายกฏหมาย ไม่อยากเกี่ยวพันกับพวกด้านสว่างสีเทาเท่าที่จะเป็นไปได้ ด้วยอำนาจบารมีที่มีมันต่างกันคนละขั้ว อยู่ห่างได้น่าจะเป็นการดี ดังนั้นตลอดมาเขาจะพยายามตามใจ และดีด้วยกับคนเหล่านั้นมาตลอด เพื่ออวยทางให้เส้นทางใต้ดินของเขาไร้หูไร้ตาสอดส่อง เจ้าพ่อโลกมืดอย่างเขาเข้ากันได้ดีมากกับพวกนายพล นายกอง และพวกนักการเมืองกังฉินบ้าบารมีและเจ้ายศเจ้าอย่างกับอำนาจจอมปลอม  แสร้งทำเป็นอ่อนให้หน่อย ปั้นคำป้อยอ กับบรรณาการเล็กน้อย ขี้คร้าน คลานตามกลิ่นเงินกันมาเป็นแถว ไม่เว้นแม้แต่พ่อนายพลของไอ้เด็กเวรตรงหน้าเขาก็เช่นกัน ยิ่งใหญ่ แต่ก็ใช่จะไม่มีช่องโหว่ เอาเป็นว่าหากมีปัญหากับลูกมัน ตัวพ่อก็คงไม่คิดจะหักล้างถางพงเขาสักเท่าไหร่หรอก ไม่กล้าขนาดนั้นแน่ ตราบใดยังต้องเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันอยู่ ผู้ใหญ่ระดับนั้น คงไม่ปล่อยให้ลูกชายคนเดียวทำลายสิ่งที่สร้างมาแน่

คิดแล้วอัครเดชยิ่งแสยะยิ้มร้าย ไอ้เด็กอวดดีตรงหน้า คงคิดว่าตัวเองแน่เสียเต็มประดาเลยกระมัง ถึงได้ ไม่ยี่หระกับการโดนเขาข่มขวัญ คงต้องสั่งสอนกันหน่อยแล้ว

“นายพลท่าน ประวัติดีมาตลอด และตัวผมเองก็ให้ความศรัทธาในบารมีของตัวท่านอยู่ไม่ใช่น้อย  ดังนั้นผมเองก็อยากเห็นท่าน ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าคนนายคนแบบนี้ไปอีกนานแสนนาน เข้าใจไหมครับคุณหนู ว่าผมไม่อยากมีเรื่อง เพราะงั้น กลับไปเสียตั้งแต่ผมยังอารมณ์ดีดีกว่านะครับ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมส่งของขวัญปลอบใจตามไปให้”

อัครเดชข่มขู่ และแน่นอนว่า คำขู่ของเขานั้นไม่ใช่แค่คำขู่พล่อยๆ ที่ทำให้เกิดขึ้นจริงไม่ได้อย่างแน่นอน อัครเดช คิดอยู่ในใจว่า ความจริงจังของเขา คงพอทำให้ดนัยรู้สึกกริ่งเกรงได้บ้าง เด็กน้อยควรรู้ ว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงหมากเบี้ย แต่เป็นเจ้าของกระดาน ที่สามารถกำหนดตาเดินได้ด้วยตัวเอง และยังสามารถกำหนดได้กระทั่งเบี้ยตัวใหญ่ระดับนายพลได้ด้วย คนที่มีเบื้องหน้าดีๆ น่ะกลัวการป้ายสีอย่างกับอะไร แล้วคนที่มีเบื้องหลังไม่หน้าไว้ใจอย่างท่านนายพลก็ย่อมกลัวการถูกเปิดโปงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมดอยู่แล้ว ผู้รักษากฏหมายน่ะเวลาถูกจับได้มันร้ายกว่าพวกใต้ดินไร้ตัวตนอย่างพวกเขาอยู่นักหนา ในข้อนี้แหละที่เจ้าแห่งโลกใต้ดินอย่างอัครเดชถือไพ่เหนือกว่าพวกนายพลคนดีล่ะ

“นี่...เล่นขู่กันถึงพ่อเลยเหรอครับ แหม...น่ากลัวจัง”  ดนัยแสร้งทำหน้าตื่นทันทีที่สิ้นคำขู่ขวัญ ก่อนจะยิ้มหวานออกมา พร้อมโน้มกายลงต่ำ คล้ายว่าจะนอบน้อม “พ่อผมท่านจะเกษียณอยู่แล้วให้ท่านพักสบายๆเถอะครับ เอ๊...แต่รู้สึกจะจำได้ว่าธุรกิจของคุณอัครเดชกับพ่อผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันสักเท่าไหร่จะเอาเรื่องอะไรมาเล่นงานพ่อผมเหรอ? อาห์...ก็คงมีแหละนะท่านก็ใช่จะตงฉินใสสะอาด แต่ผมขอร้องเถอะอย่าไปวุ่นวายท่านเลยถือว่าเป็นความปารถนาดีจากผมก็แล้วกันนะ”

ดนัยพร่ำพูดราวกับบ่นบางอย่างให้อัครเดชฟังฟังดูก็เหมือนจะขอร้องให้เจ้าพ่อโลกมืดไม่มาวุ่นวายกับครอบครัวตน ทว่าฟังไปฟังมากลับไม่ใช่ในความหมายในเชิงนั้น จากท่าที ถ้อยคำ และรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าอ่อนเยาว์นั้น อัครเดชรู้ดีแล้วว่า ไอ้เด็กหนุ่มตรงหน้า ไม่ได้กริ่งกลัวแม้แต่เพียงนิด นั่นทำให้อัครเดชเริ่มรู้ตัวว่า ดนัย ไม่ธรรมดาเสียแล้ว

“เรื่องนี้เป็นเรื่องของผมคนเดียวครับ สิบล้านนั่นก็เงินผมเอง ถ้าจะมีปัญหาล่ะก็ เล่นกับผมตรงๆเลยดีกว่านะ คุณอัครเดช” ดนัยเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ราวกับอยู่ในบรรยากาศสบายๆ ไม่ต่างอยู่บ้าน ร่างสูงใหญ่ขยับกายลุกยืนต่อหน้าอัครเดช ก่อนจะหันหลังให้เจ้าพ่อรุ่นใหญ่ แล้วเดินไปหยิบนู่น ชมนี่เล่น อย่างตอนนี้ก็กำลังชมความงามของแจกันหยกใบน้อยในมืออยู่

“ดูเหมือนธุรกิจค้าของเก่ากำลังไปได้สวยเลยนะครับ เส้นทางสายไหมจากแผ่นดินใหญ่ ดูท่าจะสร้างกำไรงามอย่างคาดไม่ถึง คู่ค้ารายล่าสุดอย่างมิสเตอร์จางก็ดูท่าจะถูกใจคุณอยู่ไม่น้อย...ขนาดยอมเสี่ยงรับงานตามล่าหยกแก้วโบราณในสุสานหลวงชื่อดังมาให้คุณได้ จุ๊จุ๊ เจ้าพ่ออัครเดชนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ...ถ้าได้หยกนั่นมาไว้ในมือเมื่อไหร่ คงฟันกำไรได้หลายล้านแน่นอนเลยใช่ไหมครับ...หึหึ”

คำพูดของดนัยเฉลยทุกสิ่ง ขนาดเจ้าพ่อที่ว่าแน่อย่างอัครเดช ยังถึงกับเหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มแผ่นหลัง ธุรกิจใต้ดิน มีมุมมืดซุกซ่อน เส้นทางการค้า คู่ค้า การได้มาซึ่งสินค้า ล้วนแล้วแต่เป็นความลับกับบุคคลภายนอกธุรกิจ พยัฆร้ายเจนสนามย่อมรู้ดีว่าสิ่งใดอันตรายแก่ตน ให้คุณให้โทษ ซึ่งเจ้าพ่อหนุ่มกระจ่างใจแล้วว่าตอนนี้ ดนัยเป็นภัยแก่เขา อัครเดชเริ่มลุกลี้รุกลน เขาเดาไม่ออกจริงๆว่า ดนัยได้ข้อมูลเหล่านั้นมาได้ยังไง เขามั่นใจมากว่าในส่วนของคนมีสี ยังไม่มีใครทราบเรื่องนี้แม้แต่คนเดียว

“...แกเป็นใครกันแน่?” อัครเดชกัดฟันถามกันตรงๆ ถึงขั้นนี้คงไม่ต้องอ้อมค้อมใดๆอีก

ได้ยินดังนั้น ดนัยก็ส่งยิ้มให้ด้วยแววตาร้ายกาจ  “ก็แค่ดาราโกอินเตอร์ธรรมดา ก็แค่ลูกนายพลกระจอกๆ ไม่ได้มีความหมายกับคนระดับคุณหรอก เจ้าพ่ออัครเดชผู้มากด้วยบารมี...หึหึ ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อกันอย่างนั้นสิครับ วันนี้ผมก็แค่มาที่นี่เพราะมีเรื่องขอร้องอ้อนวอนคุณก็เท่านั้นเอง”

“...ที่ผืนนั้น...”

“ครับ ที่ผืนนั้น แค่ที่ผืนเดียวเอง แลกกับเงินตั้งสิบล้าน คุณไม่คิดว่ามันคุ้มเหรอ?”

“....หึ ถ้าฉันไม่ยอมตกลง คงไม่ใช่แค่ชวดเงินสิบล้านสินะ แต่ก่อนอื่น ฉันขอรู้หน่อยได้ไหม ว่าแกเป็นคนของใคร?”

ในเมื่อทางเลือกเหลือเพียงหนึ่ง อัครเดชก็ไม่คิดจะเสี่ยงดิ้นรน เจ็บใจไม่หยอก แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้ว ดนัยเป็นคนของใคร และรู้ความเคลื่อนไหวของเขาแค่ไหน มันเสี่ยงที่จะวัดกันซึ่งๆหน้า จะให้ฆ่าอีกฝ่ายปิดปากไว้ซะที่นี่ยังรู้สึกว่าลำบากกว่าการปล่อยให้ที่ผืนนั้นหลุดลอยไปเสียอีก ยิ่งคิด เส้นเลือดในสองของเจ้าพ่ออัครเดชยิ่งโป่งโพงจนแทบจะปริแตก ตรงข้ามกับท่าทางสบายๆของอีกฝ่ายยิ่งนัก

“อาห์...นี่เห็นว่าคุณใจดียอมเจรจาด้วยง่ายๆหรอกนะ ผมจะยอมบอกเรื่องส่วนตัวของผมให้ฟังสักหน่อยก็ได้”

ดนัยเอ่ยพลางไหวไหล่เล็กๆ ก่อนจะเดินมายืนเผชิญหน้ากับอัครเดชอีกครั้ง ด้วยความที่ส่วนสูงและรูปร่างดูจะพอๆกัน ดังนั้นทางกายภาพจึงข่มกันไม่ค่อยลง ทว่าคนนอกไม่มีวันมองออกหรอกว่า ตอนนี้ดนัยกำชัยชนะเหนือเจ้าพ่อไว้ได้แล้ว

“จ้าวซิน  เควิน  บารอส... พวกเขาเป็นเพื่อนกินข้าวที่น่ารัก ถึงจะหัวรุนแรงไปหน่อย แต่ก็เป็นเพื่อนที่คบหาได้ ถ้าคุณอยากลองรู้จัก สักวันผมจะแนะนำให้ ดูเหมือนจ้าวซินเขาจะสนใจพวกค้าของเก่าอยู่เหมือนกัน แต่เพราะมิสเตอร์จางประกาศตัวเป็นขาใหญ่ จ้าวซินเลยยังไม่คิดจะทำอะไร เพราะไม่อยากไปขัดแข้งขัดขาใครเข้า...แต่ในอนาคต ผมก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะ ว่าจ้าวซินจะเอายังไงต่อ เพราะถึงหมอนั่นจะเลือดเย็นเป็นอสรพิษที่เก็บทุกคนที่ขวางทางจนเกลี้ยงได้ แต่มันโคตรขี้เกียจและขี้รำคาญ อะไรที่ดูจะยุ่งยากเป็นไปได้มันก็จะไม่ค่อยเอาตัวเข้ามายุ่ง...ตรงจุดนี้เรื่องมิสเตอร์จางคงพอสบายใจได้นิดนึง...มั้งครับ”

ดนัยพูดแค่นั้นแล้วยิ้ม แต่คนฟังอย่างอัครเดชถึงกับหน้าซีดสนิท สามชื่อที่ดนัยเอ่ยออกมาล้วนเป็นเจ้าแห่งโลกมืดรุ่นใหม่ที่ถือได้ว่ามีอำนาจมากที่สุดในยุคนี้ บ่อน ยา อาวุธสงคราม ทั้งหมดล้วนอยู่ในการควบคุมของสามคนนี้ทั้งสิ้น นอกจากจะยิ่งใหญ่แล้วยังเข้าถึงตัวได้ยาก ไม่มีใครจะสามารถเข้าใกล้สนิทสนมแต่นี่...ถึงขั้นได้ร่วมโต๊ะกินข้าว....ถามตัวเองว่าจะเชื่อได้หรือไม่กับสิ่งที่ดนัยพูด สามผู้ยิ่งใหญ่ที่เข้าถึงยากขาดนั้น ทำไมคนอย่างดนัย ถึงได้ไปสนิทถึงขั้นนั้นได้ มันน่าสงสัย แต่เรื่องที่ดนัยพูดถึง เรื่องจ้าวซินสนใจค้าของเก่า เรื่องที่กำลังเล็งจัดการมิสเตอร์จาง เรื่องเหล่านั้นข่าววงในก็ระแคะระคายกันอยู่  ข่าววงในในสายทางของเขาเท่านั้น แน่นอนว่าไม่มีชื่อดนัยเอี่ยวอยู่แน่ๆ แล้วดนัยรู้ได้อย่างไร จากปากจ้าวซินโดยตรง ตามที่เจ้าตัวพูดไว้จริงๆน่ะหรือ? หรือมันเป็นเพียงแค่เรื่องแอบอ้าง? แสนยากที่จะคาดเดา  แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เรื่องที่ดนัยอวดโอ้มาทั้งหมดก็เข้าเค้าเรื่องจริงอย่างยากจะปฏิเสธ แค่เท่านี้มันก็เกินพอแล้ว ที่จะทำให้อัครเดชไม่กล้าพอที่จะเสี่ยงอะไรกับดนัยอีก

“ก็ได้...คุณดนัย ที่ดินผืนนั้นผมยกให้คุณ”


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-05-2015 20:19:21



ในที่สุด อัครเดชก็ตัดใจปล่อยที่ดินผืนสำคัญที่หมายตาเอาไว้จากมือไปในที่สุด เอาเถอะ นอกจากเสียหน้าแล้ว ก็ไม่ได้เสียอะไร ในเมื่อไม่ได้ที่ดิน เขาไปขู่เอาเงินจากบดินทร์ ลูกชายเฮงซวยของไอ้เจ้าของที่นั่นแทนก็ได้ ไม่เป็นไร แค่เสียเนื้อที่อุตส่าห์ล่าได้ ดีกว่าเสียแขนขาล่ะนะ

เมื่อการเจรจาสัมฤทธิ์ผลตามคาด ดนัยก็ส่งยิ้มพราวเสน่ห์ให้อัครเดชทันที แบบไม่มีสงวนทีท่า ไม่กลัวเลยว่าอีกฝ่ายจะมองว่ากำลังเย้ยเยาะ

“ขอบคุณนะครับเสี่ย ผมนี่เคารพใจเสี่ยสุดๆไปเลย หึหึ” ดนัยกล่าวชื่นชม ที่ใครฟังก็รู้ว่าไม่ได้มาจากใจ ก่อนจะหันไปเรียกลูกน้องคนสนิท ให้หยิบกระเป๋าใส่เงินสดจำนวนสิบล้านบาทถ้วนมาให้อัครเดช เพื่อเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนดังที่ได้ตกลงกัน

“ไม่ต้องหรอกครับ ที่ผืนนั้นผมเองก็ยังไม่ได้จ่ายเงินซื้อขาย คงไม่กล้ารับเงินจากคุณหรอก” อัครเดชรีบปฏิเสธ อย่างน้อยขอเหลือศักดิ์ศรีไว้สักหน่อยเถอะ อีกอย่างการรับเงินจากดนัยอาจไม่ใช่เรื่องดีกับตัวก็เป็นได้

“แหม...อย่าเพิ่งตัดรอนสิครับ ถือว่าเป็นค่าปลอบใจ ที่โครงการรีสอร์ทสุดหรูควบบ่อนคาสิโนเป็นอันต้องล้มไม่เป็นท่าเพราะผม...รับไปเถอะครับ” ยิ่งดนัยพูด อัครเดชยิ่งได้รู้ว่าดนัยไม่ธรรมดา ราวกับถูกมองจนทะลุปรุโปร่ง ทุกความเคลื่อนไหวของเขาถูกเปิดเผยในที่แจ้ง แบบหมดเปลือก อันตราย เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาช่างอันตราย

“ผมรับไว้ไม่ได้จริงๆครับคุณหนู หากอยากปลอบใจผม ช่วยรับปากว่าโปรดอย่างยุ่งเกี่ยวกับผมอีกก็พอ ฝ่ายผมเองก็จะระวังอย่างสุดความสามรถครับ ที่จะไม่ไปทำอะไรขวางหูขวางตาคุณหนูอีก  ผมขอเพียงแค่นี้ หวังว่าคุณหนูคงพอจะกรุณา” อย่างไรเสียอัครเดชก็ไม่ยอมรับเงินเพราะแม้จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไร ศักดิ์ศรีเจ้าพ่อของเขา ก็ใช่จะโค่นกันได้ง่ายๆ และที่สำคัญ อัครเดชมั่นใจอย่างเต็มที่ ว่าหากเผลอรับเงินก้อนนี้ ดนัยอาจเข้ามาพัวพันกับชีวิตของเขาไปอีกนาน สู้ไม่ขอรับ แล้วแลกเปลี่ยนเป็นคำสัญญาแทนเสียยังเบาใจกว่า

“อาห์...ถ้าคุณว่าอย่างนั้นผมก็คงไม่คิดบังคับใจล่ะครับ ถ้าอย่างนั้น ผมขอเปลี่ยนเงินสิบล้านนี่จากค่าปลอบใจ เป็นค่าไถ่ก็แล้วกัน”

“ค่าไถ่?”

ดนัยถอยแต่โดยดี พร้อมเงื่อนไขใหม่ที่ทำเอาอัครเดชต้องขมวดคิ้วสงสัยอีกครั้ง ‘จะมาไม้ไหนอีกวะ?’

“สิบล้าน จำนวนเงินเท่ากับหนี้ที่บดินทร์ติดคุณอยู่ไงครับ ผมขอไถ่ตัวเขาเป็นไทจากคุณ คราวนี้รับเงินผมได้อย่างสบายใจแล้วสินะ”

ในที่สุดอัครเดชก็เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่า ทั้งหลายทั้งปวงหมู่มวลเหตุผลร้อยแปด ที่ดนัยดั้นด้นมาหาเขาถึงที่นี่ แท้จริงแล้วเพื่ออะไร

‘เพื่อช่วยบดินทร์’

ไม่ยักรู้มาก่อนเลยว่า บดินทร์ไปเป็นคนของดนัยตอนไหน อัครเดชเองก็มีหูมีตาเป็นสัปรด เจ้าพ่ออย่างเขาที่รู้แทบจะทุกเรื่องเกี่ยวกับลูกท่านหลานเธอ เพราะมันจะสามารถเอามาใช้ประโยชน์ในธุรกิจของเขาได้ และนั่นหมายถึงว่าเรื่องของดนัยเอง เขาก็พอจะรู้ แม้จะไม่ได้แม่นยำมาก เพราะอีกฝ่ายโกอินเตอร์อยู่เมืองนอก แต่ตอนช่วงที่ดนัยกลับมาไทย อัครเดชก็พอเห็นข่าวคราวอยู่บ้าง ส่วนใหญ่แล้วดนัยไม่มีการรับงานในไทยมากนัก เพราะเป็นแค่การกลับมาพักผ่อน จะเห็นมีสนิทสนมก็แค่สดายุ กับกฤตเมธ ไม่เห็นมีข่าวไหนโยงไปถึงตัวบดินทร์เลยแม้แต่นิด ไม่เคยร่วมงาน ไม่เคยพูดคุย ไม่มีทีท่าว่าดาราสองคนนี้จะมาสนิทชิดเชื้อขนาดที่ดนัยถึงกับหอบเงินสิบล้านมาใช้หนี้แทน แถมข่มขู่สารพัดเพื่อให้เขาตัดใจจากที่ดินของบ้านบดินทร์อีกต่างหาก นี่...เขาพลาดอะไรไปตอนไหนกันนะ

“นึกไม่ถึง ว่าคุณกับคุณบดินทร์จะสนิทกัน”  อัครเดชลองถามหยั่งเชิง

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ...” ทว่าดนัยไม่ยอมตอบ เพียงแค่ยิ้ม แล้วพยักเพยิดกระเป๋าเงินจำนวนสิบล้านให้เท่านั้น

“งั้นผมก็เต็มใจรับไว้ ขอโทษด้วยแล้วกันนะครับ ไม่นึกว่าบดินทร์จะเป็นคนของคุณ”

อัครเดช ยอมรับเงินไว้ในที่สุด เพราะมันคือเงินในส่วนที่เป็นสิทธิ์ที่เขาพึงได้ รับมาพร้อมกล่าวขอโทษที่เผลอล่วงเกินโดยไม่ตั้งใจ หากรู้ว่ามันจะออกมาในรูปแบบนี้ เขาคงไม่เลือกบดินทร์เป็นเหยื่อตั้งแต่แรก…พลาดไปเสียแล้ว

“ขอบคุณที่ยอมรับเงินนี่ครับ ตามที่คุณขอมาให้เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกนั้นผมทำให้ได้ทุกอย่างเลย ถ้าคุณยอมทำตามเงื่อนไขของผมข้อนึง”
เห็นว่าอีกฝ่ายยอมรับเงินไปดนัยก็เอ่ยปากต่อรองเรื่องสุดท้ายให้อีกฝ่ายได้ใจตุ้มๆต่อมๆอีกครั้ง

“เงื่อนไข? เชิญคุณเสนอได้เลยครับ” อัครเดชเปิดทางอย่างไม่มีอิดออดถึงตอนนี้มีอะไรบ้างล่ะที่เขาจะสามารถใช้ขัดแข้งขาคนตรงหน้าได้จะเป็นเจ้าพ่อได้ต้องคิดถ้วนถี่แข็งได้อ่อนเป็น

“ถ้าคุณสัญญาว่าจะไม่ยุ่งกับบดินทร์และครอบครัวอีกผมก็จะช่วยคุยกับจ้าวซินให้ว่าควรปล่อยมิสเตอร์จางไปตามทางของเขาและไม่ควรสอดมือเข้ามายุ่งกับวงการค้าของเก่าในเขตของคุณ คุณอัครเดชว่าข้อแลกเปลี่ยนนี้คู่ควรพอแล้วหรือไม่ครับ หรือคุณต้องการอย่างอื่นอีก?”

“โอ...แค่นี้ก็ขอบคุณแล้วครับ ความจริงแค่ชดใช้หนี้สิบล้านเสร็จสิ้น ผมก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวกับคุณบดินทร์อีกอยู่แล้ว แต่หากคุณหนูกรุณาผมถึงขนาดช่วยคุยกับจ้าวซินให้ ผมก็ยินดีขออรับน้ำใจไว้ไม่ขัดข้องครับ”

จริงไม่จริงไม่รู้ล่ะตกลงเอาไว้ก่อนหากข่าววงในหลังจากนี้เป็นไปดังที่ดนัยว่าเขาก็จะยอมรับนับถือเด็กคนนี้เอาไว้และรักษาคำสัญญาเป็นอย่างดีแต่ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ถ้าทั้งหมดเป็นเพียงคำลวงล่ะก็ถึงวันนั้นค่อยหาวิธีจัดการเอาคืนให้สาสมกับความเจ็บแสบที่ถูกล้อเล่นกับศักดิ์ศรีเจ้าพ่ออย่างเขาให้ดู จะจัดการจนล่มจมให้หมดทั้งตระกูล เอาให้เสียใจที่เกิดมาเลยทีเดียว!

“คุณรับปากผมแล้วนะ”

“ด้วยเกียรติ์ของผมเลย”


“งั้นเป็นอันว่าการเจรจาธุรกิจของเราไปได้สวยและจบลงด้วยดีขอบคุณที่สละเวลาครับเสี่ยอัครเดช”  เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามที่ต้องการดนัยก็ยืนขึ้นพร้อมยื่นมือให้อัครเดชเพื่อเป็นเครื่องหมายของพันธสัญญาระหว่างกัน

“ยินดีครับ”  อัครเดชเองก็ลุกขึ้นพร้อมเอื้อมมือไปจับมือกับดนัยเพื่อยอมรับข้อตกลงอย่างว่าง่าย

ดวงตาสองคู่จดจ้องกันอย่างไม่ลดละทั้งที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับแฝงแววระแวดระวังภัย

หลังจากตกลงธุรกิจกันเสร็จสิ้นดนัยก็ขอตัวกลับไปในทันทีแบบไม่ต้องให้เสียเวลาเชิญ และไม่ยอมพิรี้พิไรขออยู่ให้ต้องเลี้ยงอาหารตามมารยาท ก่อนจากไปยังมีทิ้งท้ายให้อัครเดชต้องนั่งกุมขมับอีกเล็กน้อย

‘อ่อ...ฝากเตือนน้องสะใภ้คุณด้วยนะครับว่าให้เลิกยุ่งกับกฤตเมธและสดายุเสียทีมันหมดเวลาเล่นสนุกของเด็กน้อยแล้วนะครับ ผมรู้คุณเองก็คงเหนื่อยตามล้างตามเช็ดแล้วเหมือนกัน เพราะงั้น ขอฝากด้วยนะครับ’

เจ้าพ่อรุ่นใหญ่นั่งกอดอกครุ่นคิดเพียงลำพังในห้องโถงกว้างขวาง ถึงสิ่งที่ตัวเองได้ประสบมาวันนี้

ดนัยผู้ที่เขาเคยมองเห็นเป็นเพียงลูกแมวตัวน้อยผู้เย่อหยิ่งจองหอง คิดว่าตัวเองแน่ทั้งที่เป็นฝ่ายถูกเลี้ยงดูอยู่แท้ๆ ทว่าวันนี้อัครเดชเพิ่งประจักษ์กับตาว่าที่เขาเห็นมาตลอดนั้นล้วนเป็นภาพลวง ลูกแมวที่ไหนกันลูกเสือตัวใหญ่เลยต่างหาก เผลอแค่นิดเดียวเขาก็เกือบโดนขย่ำคอตายโดยไม่ทันตั้งตัวเสียแล้ว ไอ้ลูกเสือที่แสร้งทำตัวเป็นลูกแมวนั่นซ่อนเขี้ยวเล็บแหลมคมขนาดไหนเอาไว้กันแน่นะ

อัครเดชถอนหายใจเฮือกเจ้าพ่อหนุ่มพยายามข่มกลั้นความเดือดดาลพยายาม สะกัดกั้นไม่ให้ความหวาดกลัวภายในจิตใจหลุดรอดออกมา คนอย่างเขากว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ต้องใช้ความแข็งแกร่งและความเลือดเย็นตั้งมากมายเท่าไหร่ หลังขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของกลุ่ม เขาอุตส่าห์ใช้ชีวิตอย่างระแวดระวังมาตลอดทุกการเคลื่อนไหว ทุกย่างก้าวเงียบเชียบ มีสติทุกครั้งที่ลงมือทำอะไรสักอย่าง มั่นใจว่าความในที่เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของเขานั้นแทบจะไม่มีเล็ดรอด เขาเชื่อมั่นอย่างนั้นจนกระทั่ง ได้มาเจอกับดนัยนี่แหละ คนอย่างดนัย...แค่คนอย่างดนัยกลับรู้ตื้นลึกหนาบางทั้งหมดที่เขาเป็น รู้ทุกความเคลื่อนไหว รู้แม้กระทั่งความสัมพันธ์ของเขากับคนที่คาดไม่ถึง มันรู้แม้กระทั่งปูมหลังว่าเขาเป็นใคร

ยิ่งคิดยิ่งหนักอก จากนี้ไปคงต้องใช้สายตามองคนใหม่และยังต้องเพิ่มการระมัดระวังมากขึ้นด้วย ขืนยังเป็นอย่างนี้ไม่แคล้วคงต้องพลาดท่าเสียทีใครๆ อีกเป็นแน่.....

“นายครับคุณชิดจันทร์มาขอพบครับ”

ขณะกำลังนั่งวิเคราะห์ตกผลึกความคิดของตัวเองลูกน้องคนสนิทก็ขออนุญาตเข้ามาแจ้งว่ามีคนขอเข้าพบซึ่งคนคนนั้นก็ใช่ใครอื่นชิดจันทร์ตัวปัญหานั่นเอง

“ให้เข้ามาได้เลย”  อัครเดชอนุญาตโดยไม่ต้องคิด ชิดจันทร์มาวันนี้ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขามีเรื่องที่จะต้องตกลงกับเจ้าหล่อนให้เป็นที่เรียบร้อย

“วันนี้ทำไมเข้าถึงตัวยากจังคะพี่เดช? บอดีการ์ดยืนกันเต็มบ้านเชียว จะมีตำรวจมาตรวจบ่อนอีกแล้วเหรอ?”

เพียงไม่ถึงอึดใจเสียงหวานใสก็นำมาก่อนจะทันได้เห็นตัวเสียอีก อัครเดชไม่ได้หันไปมองเพราะรู้ว่าเดี๋ยวตัวก็มาปรากฏตรงหน้าอยู่แล้ว

ไม่นานนักรูปร่างสูงระหงสมส่วนในชุดเดรสชีฟองแขนกุดสีโอลด์โรสสดใสขับผิวขาวผ่องให้น่ามองก็นวยนาดเข้ามานั่งแปะลงบนโซฟาหรูตรงข้ามกับอัครเดชอย่างคุ้นชินโดยไม่ต้องเชิญ ใบหน้าสวยหวานส่งยิ้มให้อัครเดชไม่ขาด ผมยาวหยักศกสีน้ำตาลอ่อนมัดครึ่งศีรษะ ติดโบว์สีเดียวกับชุด ดูเป็นสาวน้อยแสนหวาน น่ารักน่ามอง จนแม้แต่อัครเดชยังต้องมองค้างทุกครั้งที่ได้เจอหน้า

ไม่ได้หลงเสน่ห์หรอกนะ แต่เห็นทีไร เจ้าพ่อหนุ่มเผลอคิดไปเสียทุกทีว่า ‘รูปลักษณ์ช่างตรงกันข้ามกับนิสัยอย่างสิ้นเชิงเลยจริงๆ’

“มีอะไรมาอีกล่ะ ถึงมาหาพี่ถึงที่นี่ได้”  อัครเดชถามขึ้นโดยไม่มีอ้อมค้อม เพราะทุกครั้งการมาของชิดจันทร์ มักมาพร้อมเรื่องชวนปวดหัว

“แหม...ดักคอกันเลยนะคะพี่เดช ชิดแค่อยากมาเยี่ยมไม่ได้หรือไง?” ชิดจันทร์ค้อนขวับเข้าทันที ก่อนจะประชดเล็กๆออกไป แต่ก็ไม่ได้จริงจังนัก เพราะอย่างไรเสีย ก็ถูกของอัครเดชแล้วล่ะ หล่อนมาเพราะมีเรื่องอยากขอให้ช่วยจริงๆ

ชิดจันทร์กับอัครเดชรู้จักกันมาเกือบจะเก้าปีเต็มแล้ว ตั้งแต่ที่ชิดจันทร์เข้ามาอยู่กับทศพล น้องชายคนเดียวของอัครเดช ตอนนั้นอัครเดชยังไม่ใช่เจ้าพ่อที่สมบูรณ์แบบอย่างเช่นตอนนี้หรอก เท่าที่ชิดจันทร์จำได้ ตอนนั้นสองพี่น้อง อัครเดช ทศพล ยังทำงานเป็นลิ่วล้อให้เจ้าพ่อสักคนอยู่เหมือนกัน อัครเดชเพิ่งจะมายิ่งใหญ่ได้ ก็ตอนที่ทศพลถูกจับ และชิดจันทร์ไปอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว

แม้ว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันอยู่ช่วงหนึ่ง แต่พอมีโอกาสที่พบกันอีกครั้ง ความสัมพันธ์ฉันท์ครอบครัวเดียวกัน ยังคงรั้งให้อัครเดชและชิดจันทร์คงความสนิทสนมเหมือนวันวาน

ชิดจันทร์ผู้ที่คิดว่าตนไม่เหลือใครอีกแล้วบนโลก ยึดถืออัครเดชเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่หล่อนเหลืออยู่

ส่วนอัครเดชนั้น ก็ยึดมั่นในคำสัญญาที่ให้ไว้กับน้องชายคนเดียวของตนอย่างทศพล ว่าให้ช่วยดูแลชิดจันทร์เป็นอย่างดี ชนิดท่องจำขึ้นใจ เพราะไม่ว่าเมื่อไหร่ที่แวะไปเยี่ยมเยียนที่เรือนจำ ทศพลก็จะย้ำทุกครั้ง จนอัครเดชจะฝังใจตายอยู่แล้ว

เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลย ที่ชิดจันทร์จะให้ความไว้เนื้อเชื่อใจอัครเดชมาก และอัครเดชเองก็เอ็นดูชิดจันทร์ผู้เป็นน้องสะใภ้ไม่ต่างกัน

“เออ พี่ขอโทษ แล้วมีเรื่องอะไรหรือเปล่า อันนี้ถามจริง”  ถูกแขวะไปก็เท่านั้น อัครเดชไม่เจ็บไม่คันเสียอย่าง เจ้าพ่อถอนหายใจเหนื่อยหน่าย พร้อมถามออกไปตรงๆอีกครั้ง

“พี่ช่วยสืบให้หน่อยสิ ว่าไอ้บดินทร์มันไปซุกหัวอยู่ที่ไหน ตั้งแต่มันทำงานพลาดแล้วออกคลิปป่วนฉันเนี่ย มันก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย ฉันตามหามันจนจะพลิกแผ่นดินอยู่แล้ว”

อัครเดชก็กะไว้อยู่แล้วว่าชิดจันทร์ต้องมาด้วยเรื่องนี้ ถ้าหล่อนมาขอความช่วยเหลือจากเขาก่อนหน้านี้สักหนึ่งชั่วโมง เขาคงส่งคนออกตามสืบให้อยู่หรอก แต่ตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว บดินทร์ไม่ใช่คนที่จะแตะต้องได้อีกต่อไป งานนี้นอกจากจะช่วยไม่ได้แล้วเขายังต้องปรามชิดจันทร์ให้เลิกยุ่งกับบดินทร์อย่างเด็ดขาดด้วย

“พี่ว่าชิดเลิกยุ่งกับบดินทร์เสียจะดีกว่านะ พวกกฤตเมธกับสดายุด้วย”  ร่างสูงใหญ่บอกกล่าว ขณะเอนหลังพิงพนักโซฟา แล้วยกมือขึ้นขยี้หัวคิ้วด้วยความเหนื่อยอ่อน

“หมายความว่ายังไงคะ พี่เดช? คนของพี่ไม่ว่างเหรอ?”  ชิดจันทร์สงสัยหนัก เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนถูกปฏิเสธคำขอความช่วยเหลือ คิ้วเรียวทรงสาวเกาหลีขมวดยู่ ใบหน้าสวยหวานบึ้งมุ่ย ไม่น่ามอง

“ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นยังไงแต่ตอนนี้บดินทร์ไม่ใช่คนที่เราจะไปรังแกได้อีกแล้วล่ะ วางมือซะเถอะชิด” อัครเดชอธิบายเสียงเนิบนาบ รอฟังการตอบโต้จากชิดจันทร์อย่างใจเย็น

“จู่ๆมันเกิดอะไรขึ้นคะพี่เดช? ทำไมไอ้บดินทร์ถึงกลายเป็นคนที่พี่แตะต้องไม่ได้ไปเสียแล้วล่ะ? เรื่องตลกหรือเปล่าคะเนี่ย?” ชิดจันทร์ลุกลี้ลุกลนถามไถ่เพราะเรื่องที่เพิ่งได้ยินเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินกว่าจะทำใจยอมรับ

"ไม่ตลกหรอกพี่เองก็เพิ่งรู้ไม่นานนี่แหละ"

"อะไรกันจู่ๆเกิดกลัวอะไรขึ้นมาคะพี่เดชแล้วนี่พี่ได้ที่ดินจากพ่อมันหรือยังคะ?"

"ไม่ได้"

"อ้าว? ทำไมล่ะคะอย่าบอกนะว่าไอ้บดินทร์มันมีสิบล้านมาคืนพี่แล้ว?"  ทันทีที่ชิดจันทร์ขึ้นเสียงถามอัครเดชก็พยักหน้าบุ้ยใบ้ไปที่กระเป๋าใส่เงินสิบล้านให้ชิดจันทร์ได้กระจ่างตา

"น...นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ยไอ้หมาจนตรอกนั่น...มันไปเอาเงินเยะขนาดนี้มาจากที่ไหนกัน?"

"ชิด...มีคนใหญ่คนโตที่มีอำนาจมากกว่าพี่หนุนหลังบดินทร์อยู่ สิบล้านนี่เขาเอามาให้พี่เพื่อไถ่ตัวบดินทร์ พร้อมกับข้อต่อรองบางอย่างแลกกับการที่พี่จะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับบดินทร์และที่ดินผืนนั้นอีก"

"เขา...เป็นใครกันคะ?"

คำอธิบายพร้อมใบหน้าเครียดขึงของอัครเดชทำให้ชิดจันทร์กระจ่างใจ ในที่สุดเข้าใจแล้วว่าแตะต้องบดินทร์ไม่ได้ แต่ข้องใจเหลือเกินว่าผู้ยิ่งใหญ่หน้าไหนกันนะที่สอดมือเข้ามายุ่งกับคนอย่างบดินทร์

"...พี่ว่าชิดไม่ต้องรู้หรอกบอกไปก็คงไม่รู้จัก รู้แค่ว่าเขาร้ายกาจ และพร้อมจะถล่มธุรกิจของเราให้ย่อยยับได้ในพริบตาถ้าพี่กล้าแข็งข้อ..."

ตอนที่ชิดจันทร์ถามว่าคนคนนั้นเป็นใครอัครเดชก็คิดจะบอก เพียงแค่เอ่ยชื่อดนัยชิดจันทร์ที่คลุกคลีในวงการก็คงรู้จักทันทีว่าดนัยเป็นใคร ทว่าเมื่อหันกลับมาคิดดูอีกครั้ง การบอกว่าคนคนนั้นเป็นใครให้ชิดจันทร์ได้รู้ อาจไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เขาไม่รู้ว่าบดินทร์นั้นต้องการให้เรื่องนี้เป็นความลับระหว่างพวกเขาหรือไม่ และที่สำคัญอัครเดชไม่วางใจชิดจันทร์เท่าไหร่ ขืนรู้ว่าคนที่ช่วยบดินทร์เป็นใคร ไม่แน่ว่าเจ้าหล่อนอาจเผลอลงมือทำอะไรลับหลังเขา จนทำให้เกิดเรื่องเกิดราวใหญ่โตขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้นกันไว้ย่อมดีกว่าแก้ไม่ต้องให้รู้แหละดีแล้ว...

"เชอะ...น่าเจ็บใจที่สุดเลยชิดกะจะเล่นมันให้หนักเชียวที่กล้าออกคลิปเวรๆ นั่น แต่กลับแตะต้องไม่ได้แล้วแบบนี้มันน่าแค้นใจจริงๆ!!"  เมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้รับรู้ถึงบุคคลปริศนาด้วยข้ออ้างที่ว่าบอกไปก็ไม่รู้จัก แม้ชิดจันทร์จะขัดใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่อยากรบเร้า เพราะหล่อนรู้ดีว่าแม้อัครเดชจะใจดีกับหล่อนมากแค่ไหนแต่ชายหนุ่มเองก็ไม่ชอบโดนขัดใจมากที่สุดเช่นกัน หากบอกว่าไม่ก็ต้องเป็นไม่เท่านั้น

"แล้วเธอจะเอายังไงต่อไปชิด?"  เห็นว่าชิดจันทร์ไม่รบเร้าอัครเดชก็เบาใจขึ้นหน่อยตอนนี้เขายังไม่ค่อยมีอารมณ์ทะเลาะกับใครสักเท่าไหร่เพราะยังรู้สึกโหวงในใจกับของที่เขาต้องชวดหลุดมือแบบไร้ทางกระเสือกกระสน แต่ถึงจะปรามให้ชิดจันทร์เลิกยุ่งกับบดินทร์ได้แล้วก็ยังเหลือตัวปัญหาอีกสองคนที่ต้องกล่อมให้ชิดจันทร์ยอมรามือด้วย

กฤตเมธและสดายุ

"ไม่รู้สิตอนนี้ชิดไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้นแหละ"

"...เลิกราวีไอ้คู่เกย์นั่นแล้วเหรอ?  ทำไม? สะใจแล้ว? พอแล้ว?"  เห็นสาวเจ้าตอบหน้าเซ็งอัครเดชก็เริ่มใจชื้นหรือว่าชิดจันทร์จะยอมรามือโดยที่เขาไม่ต้องกล่อมอะไรเลย ถ้าได้แบบนั้นได้ก็เยี่ยม

"ยังหรอกเพียงแต่ตอนนี้ชิดไม่มีอารมณ์ทำน่ะ ก็แม่น่ะสิหายไปไหนก็ไม่รู้ สาปสูญอย่างกับตาย แล้วถ้าคุณนายเสน่ห์จันทร์ไม่อยู่ดูความหายนะของลูกรัก ทำอะไรกฤตเมธไปก็ไม่มีความหมาย น่าเบื่อจะตาย สิ่งที่อยากทำตอนนี้นะมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละ คือลากคอไอ้บดินทร์มาตบปากสักฉาด!”  ได้ยินคำเฉลยของชิดจันทร์อัครเดชก็ได้แต่ถอนหายใจเขาเองก็เกลียดเสน่ห์จันทร์ เกลียดจนเข้ากระดูกดำเพราะหล่อนทำให้น้องชายของเขาต้องติดคุกตลอดชีวิต แต่พอเห็นหล่อนโดนลูกสาวแท้ๆพยายามทำร้ายน้ำใจสารพัด เป็นแม่ที่โดนลูกในใส้เกลียดขี้หน้า ก็อดเห็นใจเล็กๆไม่ได้

"ตัดใจเรื่องบดินทร์ซะ อย่าทำให้พี่ต้องลำบากใจน่าชิด"  เห็นใจเสน่ห์จันทร์ก็ส่วนหนึ่งแต่พอได้ยินว่าชิดจันทร์เดือดดาลเรื่องบดินทร์แค่ไหนอัครเดชก็ต้องรีบห้าม หากชิดจันทร์บังเอิญเจอกับบดินทร์แล้วลงมือทำอะไรขึ้นมา เขาจะพาลซวยไปด้วย มั่นใจเลยดนัยรู้แน่หากเกิดอะไรขึ้น

"ก็มันน่าโมโหจริงๆนี่ ตั้งแต่มันออกคลิปแล้วหายหัวไป พวกนักข่าวก็ตามไล่ล่าฉันอย่างกับหมาล่าเนื้อ ตามราวีไปทุกที่เลย น่าโมโหที่สุดวันนี้ก็เหมือนกัน กว่าจะหลุดหนีมาถึงนี่ได้ หลบแทบตาย แบบนี้จะไม่ให้แค้นได้ยังไงล่ะคะ!?"  ยิ่งพูดชิดจันทร์ก็ยิ่งเดือดดาลโดยเฉพาะเมื่อหวนนึกถึงถ้อยคำในคลิปที่บดินทร์ใช้ ถ้อยคำหยาบคายก่นด่าหล่อนออกสื่อ ชิดจันทร์ยิ่งโกรธจนตัวสั่น

"ไหนเธอเคยบอกพี่ว่าไม่กลัวการเป็นข่าวไง ชอบเสียอีกไม่ใช่เหรอ จะได้ทำให้แม่เธอปวดหัวได้น่ะ" 

"ก็นั่นเป็นข่าวที่ชิดตั้งใจนี่คะ! พอสร้างข่าวได้แม่ก็จะร้อนรนวิ่งปิดข่าวให้จนเนื้อตัวสั่น จนมันเงียบไปไม่มีอะไรเสียหายนี่ แต่นี่มันต่างกันไอ้บดินทร์มันดันมาสร้างข่าวตอนแม่ไม่อยู่แ ถมมันยังพูดจาหมาไม่แ-กอีกต่างหาก ยิ่งพูดชิดยิ่งเกลียดมันจนอยากจะทึ้งหนังหน้ามันให้หลุดติดมือ!!"

“เอาเถอะ จะโกรธจะอะไรก็ตามสบายแล้วกัน แต่ห้ามยุ่งกับบดินทร์แค่นั้นพอ พี่ไม่อยากมีปัญหา”  อัครเดชปรามแบบเอือมๆ มองด้วยสายตาไม่เข้าข้าง ก็เห็นได้ชัด ว่าทั้งหมด ชิดจันทร์ทำตัวเองทั้งนั้น

“ก็เพิ่งรู้วันนี้แหละ ว่าเจ้าพ่อระดับพี่เดช จะตาขาวเป็นกับเขาเหมือนกัน จะกลัวอะไรกันขนาดนั้นก็ไม่รู้ ถ้าชิดเป็นคนลงมือ แล้วสร้างข่าวกลบเกลื่อน ไอ้คนใหญ่คนโตของพี่คนนั้นเขาอาจไม่รู้เรื่องก็ได้ ให้เดา คงเป็นแค่ตาแก่แม่ม่ายตัญหากลับ แฟนคลับของไอ้บดินทร์มันล่ะสิ คงอยากแซ่บดาราขาลง เลยมาขอพี่ไว้ใช่ไหมล่ะ ไม่รู้ว่าพี่จะไปกลัวคนพวกนั้นจนหัวหดทำไมกัน”  ถูกขัดใจหนักข้อเข้า ชิดจันทร์ก็เริ่มไม่พอใจอัครเดช จนอดรนทนไม่ไหว ถึงกับหลุดปากลามปามออกมา

“ชิด ที่พี่ตามใจเธอทุกวันนี้ก็เพราะไอ้พลมันฝากเธอไว้กับพี่หรอกนะ ไอ้พลมันเป็นน้องชายที่พี่รักมาก และพี่สัญญาว่าจะดูแลผู้หญิงของมันให้ดีที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายถึงการยอมให้เธอทำตามใจชอบได้ทุกเรื่องหรอกนะชิด! ธุรกิจยังคงเป็นธุรกิจ พี่คงตามใจ ให้เธอเล่นมากไปกว่านี้ไม่ได้ ไม่งั้นเราได้พังกันหมด แล้วไม่ต้องเดาด้วยว่าคนคนนั้นเป็นใคร เพราะเธอคิดไม่ถึงหรอก รู้ไว้แค่ว่า ไม่ใช่แค่พวกมีเงินมีบารมีกระจอกๆแน่ อำนาจที่เขามี บางทีอาจถล่มบ่อนนี้ กับธุรกิจทุกอย่างของเราให้ล่มจมได้ภายในชั่วข้ามคืนเลยก็เป็นได้ อย่าเอานิสัยทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอมาใช้กับพี่ เข้าใจตรงกันนะชิดจันทร์” 

เห็นว่าชิดจันทร์เริ่มเล่นแง่ ไม่ยอมฟัง อัครเดชก็หมดความอดทน ปกติคนอย่างเขาก็ไม่จำเป็นต้องคอยมานั่งเอาใจใครอยู่แล้ว

“...ชิดขอโทษค่ะ ชิดไม่ยุ่งแล้วก็ได้” พอถูกพาลใส่ชิดจันทร์ก็ไม่มีทิฐิจะโต้เถียงต่อ เพราะถึงอย่างไร การตัดสินใจของอัครเดช ก็ถือเป็นที่สิ้นสุดอยู่แล้ว  “งั้น ชิดขอตัวกลับเลยแล้วกันนะคะ ไว้พี่อารมณ์ดีเมื่อไหร่ ชิดค่อยมาเยี่ยมใหม่แล้วกันค่ะ”  จากนั้นก็ขอตัวกลับแบบไม่ต้องให้อีกฝ่ายออกปากไล่

เจ็บใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย!

แต่ถึงกระนั้น ก็ใช่ว่าชิดจันทร์จะยอมเลิกรา...

“อย่าให้ฉันเจอเชียว ไอ้บดินทร์ ต่อให้คนที่เป็นแบ็คแกจะใหญ่แค่ไหนก็เถอะ ฉันจัดแกหนักแน่!”  ชิดจันทร์บ่นงึมงำอย่างหัวเสีย ตลอดทางเดินออกจากคฤหาสน์เจ้าพ่ออัครเดช เจ้าหล่อนเจ็บใจเสียยิ่งกว่าเจ็บใจ ตอนนี้เป้าหมายการทำลายล้างเบี่ยงเป้าจากกฤตเมธมาเป็นบดินทร์อย่างสมบูรณ์ และดูเหมือนโชคแห่งความชั่วร้าย จะเข้าข้างหล่อนอยู่ไม่น้อย

“ผมช่วยได้นะครับคุณหนูชิดจันทร์ เรื่องตามหาบดินนทร์...”

เสียงที่ดังตามหลังขึ้นมา ทำชิดจันทร์ต้องหันกลับไปมองด้วยสายตาแสดงความร้ายกาจเต็มขั้น เป็นปกติหล่อนคงผรุสวาทคนไม่รู้จักมารยาทที่บังอาจมาขัดเวลาส่วนตัวของหล่อน ถ้าไม่ติดที่ว่าฝ่ายนั้นมีข้อเสนอที่น่าสนใจที่สุดล่ะก็...

“แกเป็นใคร? ฉันไม่เห็นคุ้นหน้า”  แต่จะให้ตะครุบเหยื่อเลย มันก็ไม่ใช่วิสัยของชิดจันทร์สักเท่าไหร่ หล่อนไม่วางใจคนที่เพิ่งเจอหน้าง่ายขนาดนั้นหรอก มองดูก็รู้ว่าเป็นลูกน้องของอัครเดช แต่ชิดจันทร์ก็อยู่มานานพอ ที่จะจำใบหน้าของลูกน้องคนสนิทของอัครเดชได้เกือบทุกคน เว้นเสียแต่คนตรงหน้าคนนี้ ใครกันนะ ไม่เห็นคุ้นหน้า

“ผมชื่อ พิมานครับ เพิ่งจะมาอยู่กับเสี่ยไม่นาน”

ชายตรงหน้าตอบคำด้วยความนอบน้อม กิริยามารยาทดี จนชิดจันทร์ยังอดชื่นชมเล็กๆไม่ได้

“หน้าตาออกจะดี ทำไมมาทำงานเป็นเด็กพี่เดชได้ล่ะ” เพราะอีกฝ่ายดูมีมารยาทมากกว่าที่คิด ชิดจันทร์เลยผ่อนคลายความดุร้ายลงให้ แต่ก่อนจะเข้าเรื่อง หล่อนต้องสัมภาษณ์ประวัติผู้ที่อาจได้ร่วมงานกันเสียก่อน เพื่อความปลอดภัย

“ผมเคยเป็นนักแสดงมาก่อนน่ะครับ แต่ช่วงหลังงานหด ไม่มีงาน ไม่มีเงินแทบสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ได้เสี่ยช่วยไว้พอดีน่ะครับ ผมเลยออกจากวงการแล้วมาทำงานกับเสี่ย เพื่อเป็นการตอบแทน”  คำอธิบายสร้างความพอใจไม่น้อย ก็พอไหวล่ะนะ ประวัติน่าสงสาร พอจะผ่านได้อยู่

“เหรอ? ไม่ค่อยคุ้นหน้านะ ว่าแต่แกจะหาตัวบดินทร์ให้ฉันได้ยังไง?”

“ผมพอจะรู้ครับ ว่าใครรู้ที่ซ่อนของบดินทร์”

“ใคร?”

“สดายุครับ”

“หึ...แกรู้ได้ยังไง ว่าไอ้สดายุมันรู้”

“มันเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน ไม่เชื่อ ผมพาไปหาสดายุตอนนี้เลยก็ได้ครับ”

“แกรู้เหรอ ว่ามันอยู่ไหน?”

“มันถ่ายหนังอยู่ที่ตึก อโณทัย ไอเอฟบี ทาวเวอร์ ผมมีเพื่อนอยู่ที่นั่นครับ พาขึ้นไปเจอตัวมันได้ง่ายๆเลย”

“ดี...งั้นพาฉันไปหามันเดี๋ยวนี้เลย”


***************

******************************

************************************************

*****************************************************************

************************************************

******************************

***************

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-05-2015 20:19:59
"อ๊ะ...อื้อ...ปล่อยนะ!!...อื้อ...อึก..."

ร่างบางผลักอกร่างสูงใหญ่กำยำกว่าที่กำลังรุกรานตัวเองอยู่ออกอย่างแรง แต่มือแกร่งของผู้รุกรานนั้นก็ราวกับหนวดปลาหมึก เพราะนอกจากจะไม่ยอมหลุดจากร่างแล้ว ยังพัวพันไว้ไม่ยอมห่างอีกต่างหาก  ริมฝีปากร้อนผ่าวยังคงรุกไล่ไม่เลิก บดขยี้จนราวกับจะให้ริมฝีปากบอบบางนั้นยิ่งบอบช้ำ

เพี๊ยะ!

“.......................”

“แฮ่ก แฮ่ก... ฮึ่ย ไปบ้าอะไรไปแล้ววะ ไปหมอโรคจิต!!”

"...ข...ขอโทษ..."

"ไม่ต้องมาขอโทษเลย ถอย! ผมจะกลับแล้ว!!"

"เดี๋ยวสิ ซอ ฟังฉันหน่อย..."

"ไม่!!"

ปึ่ง!

ร่างเล็กกว่าถูกกักเอาไว้ได้พอดีอยู่ตรงหน้าประตู พร้อมกับที่ร่างสูงใหญ่คร่อมกักเอาไว้ไม่ให้หนีหาย

การถ่ายทำฉากของหมอธเนศและซอฉากรองสุดท้าย กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น นักแสดงอย่างพอร์ชและรุจน์นั้นมีสมาธิกับบทบาทดีมาก ไม่มีหลุดบท หรือผิดคิว ให้ผู้กำกับต้องหัวเสียก่อนปิดกล้องแต่อย่างใด อาจเหลือเพียงอารมณ์ของการแสดงที่อาจยังเข้าไม่ถึงบทบ้างในบางทีก็เท่านั้น ซึ่งก็แค่โดนผู้กำกับอ๊อดสั่งคัทแค่ไม่กี่เทค ไม่ได้หนักหนาเหมือนช่วงเริ่มแรก เป็นการพัฒนาที่น่าทึ่ง ที่ทั้งสดายุและกฤตเมธ อดที่จะร่วมยินดีไปด้วยไม่ได้

“สองคนนั้นเก่งขึ้นเยอะเลยนะครับ สมาธิดีขึ้นเยอะเลย...คุณว่าไหม?” 

เสียงแหบเสน่ห์กระซิบแผ่วข้างหู เรียกกฤตเมธให้ต้องหันไปยิ้มรับโดยอัตโนมัติ กะว่าจะได้เจอแก้มนิ่มๆ ให้ได้ขโมยหอมซักฟอด โดยแสร้งว่าเป็นอุบัติเหตุเล็กๆ ที่ไหนได้ ความจริงตรงหน้า กลับเป็นแก้วกาแฟเย็นเจี๊ยบรออยู่แทน

“ผมเอากาแฟแก้ง่วงมาให้ เจ้าข้างล่างตึกนี่ อร่อยอย่าบอกใคร คราวที่มาถ่ายทำที่นี่คราวที่แล้วผมเคยกิน การันตีได้เลย”  สดายุยกยอสรรพคุณกาแฟแก้วเขื่องในมือเป็นการใหญ่ แกล้งทำเป็นไม่เห็นโจรแก่กระจอก ที่กำลังหน้ายู่ใส่ตน เพราะพลาดจังหวะฉวยโอกาสงามๆ

“ไวจริงนะ นางเอกผมเนี่ย” กฤตเมธกระเง้ากระงอดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มรับกาแฟจากมือของสดายุไปดูดเสียเฮือกใหญ่...ชื่นใจเหลือเกิน

“มุขเสี่ยวลุงอ่ะ ผมรู้ทันหมดแล้วล่ะ หึหึ เป็นไง อร่อยป่ะ”  สดายุแอบจิกเล็กๆ ก่อนจะหย่อนกายลงนั่งข้างคนรัก พร้อมดูดกาแฟลาเต้หอมหวานในมืออย่างเอร็ดอร่อย

“อร่อย แต่ผมว่ากาแฟปั่นที่ยุเคยทำให้กินอร่อยกว่า” อันนี้กฤตเมธไม่ได้แกล้งชม แต่พูดจากใจ เพราะในชีวิตจริง แม้ฝีมือการทำกับข้าวจะไม่เอาอ่าว แต่การชงกาแฟนั้นอร่อยจนต้องออกปากชม กฤตเมธรู้ว่าสดายุชอบทำกาแฟมาก ชอบขนาดที่ในห้องคอนโดเล็กๆนั่น ยังมีเครื่องทำกาแฟ เครื่องตีฟองนม แม้แต่ที่บีบวิปครีม ครบครัน จนกฤตเมธยังรู้สึกตกใจตอนที่ได้เห็นครั้งแรก

“หึหึ ของมันแน่อยู่แล้ว ก็ผมเป็นสุดยอดบาลิตต้านี่นา” สดายุรับคำด้วยความภาคภูมิใจ เขามั่นใจในฝีมือของตัวเองจริงๆ เพราะไม่ใช่เพียงแค่ชงเป็น แต่เขาถึงขนาดเคยสมัครเรียนการเป็นบาลิตต้ามาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่ยังโด่งดัง

เรื่องที่ชอบทำกาแฟนั้น กฤตเมธรู้ดี แต่เรื่องที่ว่าทำไมถึงชอบนั้น สดายุยังไม่เคยบอกใคร

เหตุผลที่ชอบน่ะเหรอ... ‘หืม...กาแฟที่ลูกชงให้เนี่ย อร่อยที่สุดในโลกเลยนะ’ 


แล้วนี่พวกนักข่าวข้างล่างไปกันหมดแล้วเหรอ? คุณถึงลงไปเอ้อระเหยซื้อกาแฟอยู่ได้ตั้งนานสองนาน”  กฤตเมธถามขึ้นโดยไม่ได้ละสายตาออกจากบทที่กำลังท่อง และไม่ทันได้สังเกตว่าสดายุแอบเหม่ออยู่

“อืม...ก็ไม่แน่ใจนะว่ายังเหลือบ้างหรือเปล่า แต่กลุ่มใหญ่ๆ น่ะ คงจะกลับกันไปตั้งแต่เราย้ายกองขึ้นบนตึกกันแล้วล่ะ ตอนลงไปซื้อกาแฟผมเองก็ไม่ได้มองอ่ะ หลบอยู่หลังร้านเหมือนกัน” สดายุอธิบาย พลางดูดกาแฟ ซืดๆ ด้วยความชอบ

“แล้วนี่คุณเหลือถ่ายอีกกี่ฉากเนี่ย?” หลังสนใจเรื่องอื่นอยู่นาน สดายุก็นึกขึ้นได้ว่า กฤตเมธยังต้องมีถ่ายต่อ นี่ก็เกือบสองทุ่มแล้ว ยังไม่เห็นว่ากฤตเมธจะได้เข้าฉากเสียที เลยอดถามไถ่ไม่ได้

“อีกสี่ฉากครับ กับเจ้ารุจน์ฉากนึง กับเจ้าพอร์ชฉากนึง กับทั้งคู่อีกสองฉาก” กฤตเมธอธิบายด้วยใบหน้าส่อเค้าระอาเล็กๆ

“ก็ไม่เยอะแล้วนี่ ไหงทำหน้าเหม็นเบื่ออย่างนั้นล่ะครับลุง?”

“ก็คนเก่งของยุน่ะสิ ร่วมสิบเทคได้แล้วมั้ง เนี่ยยังไม่ได้ถึงครึ่งฉากของพวกมันเลย”

“หืม? ก็เห็นเล่นดีออกนี่ครับ นั่นไง”

“เล่นดีครับ แต่อารมณ์ไม่ถึงกันเลย บทที่ต้องเล่นน่ะ หมอธเนศกับซอครับ ไม่ใช่ชีวิตจริงพอร์ช รุจน์ ไม่รู้เจ้าพวกนั้นมันตีอารมณ์ของบทผิดไป หรือใส่อารมณ์ไม่ถูกจุดกันแน่ ดูหน้าพี่อ๊อดสิ แกจะกลายร่างเป็นยักษ์อยู่แล้ว เดี๋ยวได้เทคใหม่”


“คัทททท!!! โอย ไอ้รุจน์ ออกไปทำอารมณ์ใหม่ก่อนเลยไป ไม่งั้นถ่ายต่อไม่ได้แน่ ไปเลยๆ”

ยังไม่ทันจะขาดคำ เสียงของอ๊อดก็คำรามขึ้นอย่างหัวเสีย  ไล่ให้รุจน์ ที่แสดงเป็นซอ ให้ไปตั้งสมาธิทำอารมณ์ใหม่ เพราะเจ้าหนุ่มหลุดคาเร็คเตอร์เยอะเหลือเกิน

“นั่นไง ไม่ขาดคำ” กฤตเมธถอนหายใจบางๆ “เดี๋ยวผมไปดูเด็กมันหน่อยดีกว่า” บ่นนิดบ่นหน่อย สุดท้ายกฤตเมธก็อดยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้อยู่ดี ชายหนุ่มตั้งท่าจะเดินไปหานักแสดงรุ่นน้อง ทว่ากลับถูกสดายุดึงเอาไว้เสียก่อน

“ผมดูแลรุจน์เองครับ ฝากพอร์ชไว้ที่คุณแล้วกัน” ไม่ใช่จะขวางไม่ให้ไป แต่สดายุแค่อยากมีส่วนร่วม “อ่อ ฝากพี่อ๊อดด้วยนะครับ ช่วยดับอารมณ์เฮียแกหน่อย เดี๋ยวเส้นเลือดในสมองแกจะแตกเสียก่อน” และยังเผื่อแผ่ความห่วงใยไปถึงผู้กำกับคนเก่งด้วย แม้ว่าจะค่อนข้างเรียกได้ว่า ผลักภาระ เล็กๆก็เถอะ

ละสายตาเพียงครู่ คนที่ต้องการตัวก็สาบสูญจากคลองสายตา สดายุเลยต้องเสียเวลาเล็กน้อยเพื่อเดินตามหา น้องชายคนดี หนีไปร้องไห้ที่ไหนกันนะ

และในที่สุด ก็เจอตัว

“ไงหนุ่ม วันนี้ทำไมสติแตกนักล่ะ?”

เดาได้ไม่ยากจากลักษณะนิสัย สุดท้ายสดายุก็ตามมาเจอตัวรุจน์ ในห้องน้ำของห้องพักโรงแรม สภาพที่เจอ ก็เป็นไปตามที่สดายุคิดไว้ไม่มีผิด ร้องไห้อยู่จริงด้วย

“ฮึ่ก พ...พี่ยุ ผมขอโทษครับ ที่ ฮึ่ก ทำพวกพี่เสียเวลา”  สะดุ้งเล็กน้อยกับเสียงทัก ที่ไม่คิดว่าจะมีใครมาเดินตามหา แล้วพอหันไปเจอว่าต้นเสียงแท้จริงเป็นใคร หนุ่มน้อยก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำขอโทษพร้อมก้อนสะอื้น

“เฮ้ย ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก พี่ไม่มีถ่ายแล้ว นี่ก็แค่ลอยชายไปมาตามประสาดาราว่างงานก็เท่านั้นแหละ เอ้า อย่าร้องขนาดนั้นสิ เดี๋ยวถ่ายต่อไม่ได้กันพอดี” สดายุรับอธิบาย แต่ก็นะ เนื่องจากไม่ใช่คนปากหวาน บางถ้อยคำจึงค่อนข้างกระด้างไปเล็กน้อย แต่นั่นสำหรับบรรดาคนสนิท จะรู้ดีว่านี่เป็นการแสดงการปลอบโยนที่จริงใจที่สุด ในสไตล์ของสดายุนั่นเอง

“...ผมมัน...ฮึ่ก...ไม่เอาไหน” ทว่ายิ่งมีคนปลอบ น้ำตาเจ้ากรรมของรุจน์ก็ยิ่งหลั่งไหล ร้อนถึงผู้มาเยือนให้ต้องรีบเดินเข้าไปกอดปลอบใจเป็นการใหญ่

“ใจเย็นๆ อย่าดูถูกตัวเองแบบนั้นสิรุจน์เอ้ย นายไม่ได้ไร้ความสามารถเสียหน่อย ก่อนหน้านี้นายก็ทำได้ดีนี่หว่า พี่อ๊อดยังชมไม่ขาดปากเลย วันนี้นายแค่สติหลุดเท่านั้นเอง ไหนบอกพี่มาสิ อะไรกวนใจนายอยู่กันแน่?” หลังคว้าคนที่มีรูปร่างไม่ต่างจากตนนักเข้ามากอดเอาไว้ได้ สดายุก็ทั้งปลอบทั้งถาม เพื่อหาวิธีแก้ไข ให้ได้เร็วที่สุด ก่อนที่ผู้กำกับจะเรียกไปถ่ายต่อ ในอีกไม่ช้านานนี้

“พี่ยุ...ถ้าผม...จะถามอะไรหน่อย พี่จะ...รู้สึกแย่กับผมไหม?” หลังจากเงียบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดรุจน์ก็เอ่ยบางอย่างออกมา แต่ดูท่าจะไม่ได้เกี่ยวกับบทแสดงเท่าไหร่นัก

“เอาสิ ถามได้เลย พี่ไม่ว่าอะไรแน่ สัญญา”  สดายุเปิดทางอย่างเต็มใจ มีอะไรอยากถามก็ถามมา พร้อมให้คำปรึกษาอย่างเต็มที่ โดยคิดมุถึงเลยว่า คำถามของน้องรัก จะทำเอาแทบสำลักน้ำลายตัวเอง

“พี่ยุกับพี่เมธ...เป็น...เอ่อ...เป็นคนรักกันใช่หรือเปล่าครับ?”

คำถามตรงประเด็นแบบไม่มีอ้อมค้อม พร้อมสายตาจริงจังที่กำลังเนืองนองไปด้วยหยาดน้ำตา สภาพนี้ เล่นเอาสดายุหลีกเลี่ยงการตอบคำถามได้เลยแม้แต่นิด

เอาวะ...ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว

“อืม”

สั้นง่ายได้ใจความ ถามตรงก็ตอบตรง

“ผมว่าแล้วเชียว...เห็นมุ้งมิ้งกันตลอดเลย...ถ้างั้น ผมก็วางใจจะบอกพี่ยุ...”

“เรื่องอะไรล่ะ? แล้วใครมุ้งมิ้งวะ?...” ( -////-)

 สดายุอ้าปากจะบ่น แต่ก็พูดใออก เมื่อหัวหนักๆของรุจน์วางแปะลงบนไหล่

“พอร์ช...คิดกับผมเกินเพื่อนครับ...”

สดายุไม่ได้แปลกใจนักสำหรับเรื่องที่ได้ยิน เพราะเขาก็พอระแคะระคายอยู่บ้าง จากการร่วมงานกันที่ผ่านๆมา แม้จะไม่ได้จับทุกรายละเอียด แต่ก็พอสังเกตุได้

“....ฮึ่ก...พี่ยุครับ ผมขอระบายได้ไหม ผมอึดอัด ผมสับสนไปหมด...” พอได้พูดออกมา พอเห็นว่าสดายุนิ่งฟัง ไม่ผละจากไปไหน รุจน์ก็รู้สึกอยากเห็นแก่ตัวขึ้นอีกนิด อยากขอร้องให้สดายุอยู่เคียงข้าง อยากได้รับคำปรึกษา อยากได้รับคำปลอบใจ หรืออย่างน้อยที่สุด อยากได้ใครสักคน ที่จะฟังความในใจ

"เอ้าๆ ระบายออกมาสิ พี่จะรับฟังให้เอง" และสดายุก็รับคำขอร้องนั้นไว้ด้วยความอ่อนโยน พร้อมกระชับอ้อมกอดและลูบศีรษะทุยที่ซบอยู่บนไหล่เบาๆ

“"ฮือ...ผมจะทำยังไงดีอ่ะพี่ยุ พอร์ชมันคิดกับผมเกินเพื่อนอ่ะ แย่กว่านั้นคือการที่ผมก็ชอบมันอ่ะพี่...งื้ออออ"

ถ้อยคำวกวนของรุจน์ทำเอางง พอร์ชมีใจให้รุจน์ รุจน์เองก็ชอบพอร์ช นั่นมันเรียกได้ว่าใจตรงกันเลยไม่ใช่หรือไง? แล้วมันจะแย่ตรงไหนกัน? หรือเพราะใจตรงกันนี่แหละ เลยเครียดเรื่องหน้าที่การงานที่อาจมีผลกระทบ (อย่างแน่นอน) กันนะ?

ทว่ายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากถาม รุจน์ก็สาธยายต่อแบบลืมหายใจ สาสมกับความอัดอั้นที่สะสมไว้เต็มอก

"ผมกับมันสนิทกันมานาน ผมคิดเอาไว้เสมอว่าเราจะเป็นเพื่อนรักกันไปตลอดชีวิต...จนกระทั่งมารับเล่นหนังเรื่องนี้ ผมไม่เคยรู้เลยว่าตลอดมามันคิดกับผมยังไง จนวันที่ได้เล่นฉากเลิฟซีนด้วยกัน....หลังจากนั้น ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ผมสับสนมาตลอดเลย ไม่รู้ว่าควรทำยังไง ผมไม่อยากให้ความเป็นเพื่อนระหว่างเราเปลี่ยนไป ผมจึงพยายามรักษามันไว้ พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้..."   

ความอัดอั้นตันใจพรั่งพรูราวก๊อกแตก ยิ่งเล่าน้ำเสียงสั่นเครือยิ่งอู้อี้จนแทบฟังไม่รู้เรื่องรู้ราว จนสดายุต้องคอยช่วยตบหลังให้เบาๆ เพื่อไล่ก้อนสะอื้นให้ ใจหนึ่งก็เห็นใจรุจน์อยู่พอสมควร แต่ก็อดห่วงไม่ได้ว่าเดี๋ยวจะถ่ายต่อไม่ไหวเพราะตาบวมฉึ่งเสียอีก แต่สดายุก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่าการกระชับอ้อมกอดเพื่อปลอบโยน เพราะรุจน์ ไม่เว้นจังหวะให้พี่ยุคนนี้ได้สอดปากบ้างเลย

“ทั้งที่ผมคิดว่า เราจะไม่มีวันเปลี่ยน แต่สุดท้าย...ทุกอย่างมันก็ไม่เหมือนเดิม ตั้งแต่กลับมาจากมัลดีฟส์ งานของพวกเราก็เยอะขึ้น ผมกับพอร์ชแทบจะไม่ได้เจอกันเลย นอกจากตอนถ่ายหนัง...โทรศัพท์ที่เคยมีทุกวัน วันละหลายรอบก็น้อยลง ล่าสุดแทบจะไม่โทรมาเลย ผมโทรไปก็ติดงานตลอด พอร์ชมันเย็นชากับผมมากเลยพี่ยุ ถึงต่อหน้าคนอื่นมันจะยังคงเล่นกับผมบ้าง แต่พออยู่ด้วยกันสองคนเมื่อไหร่ มันก็จะเงียบ และทิ้งระยะห่างจากผมทันที...ผมอยากเคลียร์กับมันก็ไม่มีโอกาสเลย แถมวันนี้ยังเป็นซีนสุดท้ายของพวกผมแล้ว จากนั้นก็มีงานแยกกันตลอด เราอาจไม่ได้เจอกันอีกพักใหญ่ แม้แต่ตอนเลี้ยงปิดกล้อง ผมก็อาจไม่ได้มา...ถ้าจะต้องไปเจอกันอีกทีตอนฉายรอบปฐมทัศน์ที่ยังไม่มีกำหนดแน่นอนกว่าจะถึงตอนนั้นผมต้องอกแตกตายแน่เลยพี่ ผมจะทำยังไงดีอ่ะพี่ยุ จบวันนี้ไป ผมอาจไม่ได้คุยกับมันอีกแล้วก็ได้ พอร์ชมันคงไม่อยากคุยกับผมแล้ว มันคงเบื่อผมแล้ว....ฮือ...มันต้องเลิกรักผมไปแล้วแน่ๆ....”

จบประโยคน้ำไหล รุจน์ก็ร้องไห้เป็นน้ำหลาก พร้อมตบท้ายด้วยประโยค ที่แม้แต่สดายุยังต้องถอนหายใจ

“ทั้งที่ในบท ยังจูบกันอย่างเร่าร้อนอยู่เลย ยังมองผมด้วยสายตาที่เว้าวอน เรียกร้องความรักจากผมอยู่เลย...แต่พอพี่อ๊อดสั่งคัท...แม้แต่หน้าผม มันก็ไม่เหลียวมองแม้หางตา...จูบกันเป็นสิบเทคแท้ๆ...แม่ง โคตรเย็นชา.....”

จบคำก็ปล่อยโฮอีกคำรบ จนสดายุต้องแกะปลิงน้อยออกจากตัว มาคุยกันแบบตาสบตา

ปลอบใจสไตล์พี่ยุ

“ระบายจบยังไอ้หนู?” ถามเสียงเข้ม หน้าตาจริงจัง

“...ฮึ่ก...จ...จบแล้วฮะ” ตอบเสียงสั่น ความจริงยังไม่จบหรอกครับพี่ แต่ผมกลัวพี่ด่าอ่ะครับ

“งั้นตาพี่ถามนะ ที่ฟูมฟายอยู่เนี่ย เราได้เปิดอกคุยกับไอ้พอร์ชมันบ้างหรือยัง?”

“...ย...ยังครับ ผม...ไม่มีโอกาสเลย”

“ยังไม่ได้คุย แล้วรุจน์รู้ได้ยังไง ว่าพอร์ชคิดอะไรอยู่? รู้ได้ยังไง ว่าพอร์ชไม่ได้รักแล้ว? ไม่คิดบ้างเหรอ ว่าที่พอร์ชเป็นแบบนี้ ความจริงอาจไม่ใช่เพราะเปลี่ยนไป หรือเปลี่ยนใจ แต่อาจเป็นเพราะ เหนื่อย เครียดจากงานอื่นมา รุจน์ไม่คิดเหรอว่า ตอนนี้ พอร์ชอาจรอให้รุจน์เข้าไปคุย เข้าไปปลอบใจ มากกว่ามายืนคิดมากฟูมฟายอยู่คนเดียวแบบนี้...”

คำปลอบ ที่ไม่เหมือนคำปลอบ พรั่งพรูใส่หน้ารุจน์แบบไม่มีการถนอมน้ำใจ ทุกคำตรงประเด็นจนเด็กน้อยเริ่มน้ำตาเอ่ออีกรอบ แต่เพราะเรื่องที่สดายุพูดมาล้วนแต่เป็นเรื่องจริง เรื่องจริงที่จี้ใจดำจนจุก รุจน์จึงไม่กล้าร้องไห้ออกมาอีก ทำได้เพียงหลุบตาก้มหน้าต่ำ เพื่อสำนึกผิดเท่านั้น

“ถ้าจะถามว่า พอร์ชไม่รักรุจน์แล้วเหรอ ถามตัวเองว่า รุจน์ไม่รักพอร์ชบ้างเหรอ จะดีกว่า เท่าที่พี่เห็น ก็มีแต่ไอ้พอร์ชนั่นแหละที่เข้ามาวอแว คอยแกล้ง คอยแหย่ ไม่เห็นจะมีรุจน์เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์แบบนั้นกับพอร์ชบ้างเลย แบบนี้เหรอที่เรียกว่า พอร์ชไม่รักรุจน์แล้ว? เรื่องงานก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ห่าง แต่รุจน์ต้องมองตัวเองด้วยนะ ว่าที่ห่างเนี่ย เพราะเรื่องงาน หรือว่ารุจน์รักษาระยะห่างมากเกินไปกันแน่ กลัวการเปลี่ยนแปลง เลยไม่คิดสานต่อความสัมพันธ์ กลัวใจตัวเองจะทำอะไรไม่ยั้งคิด จนความเป็นเพื่อนเปลี่ยนไป กลัวจนทำตัวห่างเหินออกมา แล้วพอไอ้พอร์ชรู้ตัวว่ากำลังโดนรุจน์ระแวดระวัง มันเลยต้องทำตัวดีๆ ไม่เข้ามายุ่งมากจนเกินไป เพราะกลัวคนที่มันรักจะคิดมาก ก็กลายเป็นโดนมองว่าห่างเหินออกไปเสียอีก พี่ถามหน่อยสิ ต้นเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้มาจากใครกันแน่ครับ? วิเคราะห์เองได้ใช่ไหม?”

“....ครับ”

มาเป็นชุด จนรุจน์ได้แต่ตอบคำว่า...ครับ...นี่คือการปลอบใจแนวใหม่หรืออย่างไร ไม่มีคำหวาน ไม่มีคำโอ้โลม ด่าล้วนๆ ด่าจนน้ำตาไอ้รุจน์แห้งสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ ด่า...ด้วยใบหน้าที่อ่อนโยนราวกับพระแม่มารี

และก่อนจะได้ทันตั้งตัว สองแก้มของรุจน์ก็ถูกตะปบพร้อมกันทั้งสองข้างด้วยมือเย็นๆของสดายุ ผู้เป็นนักปลอบเด็ก ให้ได้ตั้งสติสบตากันตรงๆ แล้วสร้างข้อตกลง ที่ยากจะปฏิเสธ

“ออกจากเปลือกที่ตัวเองสร้างเอาไว้ แล้วไปเคลียร์หัวใจให้รู้เรื่องกันซะ อย่ามัวแต่หมกตัวอยู่กับอะไรที่ไม่เข้าใจและยังไม่คิดจะหาคำตอบ โตแล้ว ต้องมีสติให้มาก รู้ไหม?”

“ครับ”

“สัญญากับพี่สิ ว่าพอออกไปจากห้องนี้แล้ว จะทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ทั้งเรื่องพอร์ช และเรื่องงาน ถามตัวเองซิ ว่ายังอยากเก็บไอพอร์ชไว้ไหม ถ้าคำตอบคือใช่ รีบออกไปเคลียร์กับมันซะ รักก็คือรัก จะโกหกหัวใจตัวเองอยู่ทำไม? เวลามันเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ มันไม่ได้หยุดรอเราทุกครั้งที่เราหยุดเดินนะ ชีวิตคนน่ะ ไม่มีทางอยู่กับความจีรังไปได้ตลอดชีวิตหรอก ความเปลี่ยนแปลงมันอยู่กับเราทุกวินาทีอยู่แล้ว แต่เรากำหนดได้นี่ ว่าอยากให้มันเป็นแบบไหน จริงไหม?”

“ครับ”

“ตอบแต่ครับๆๆ นี่ เข้าใจที่พี่พูดจริงๆหรือเปล่า?”

“กระจ่างเลยครับพี่ยุ”

“ดีมาก มีสติไว้ ถ้าไม่ไหวก็บอก เดี๋ยวพี่ปลอบเรียกสติใหม่ให้”

“ครับพี่ยุ ผมจะพยายาม ไม่สติหลุด (จนโดนพี่ด่า) อีกแล้วครับ”

“ต้องอย่างนี้สิ!!”

สิ้นสุดการปลอบใจแนวใหม่สไตล์สดายุแล้ว รุจน์ก็ดูเหมือนจะมีสติ และเป็นตัวของตัวเองขึ้น รอยยิ้มแรกผุดขึ้นมาในที่สุด เป็นที่น่าพอใจของคนปลอบจนต้องมอบรางวัล เป็นการขยี้หัวให้เบาๆ ด้วยความเอ็นดู

เสร็จภาระกิจ สดายุก็ไล่ให้รุจน์ไปล้างหน้าล้างตาเสียใหม่ เพราะตอนนี้เมคอัพยับเยินไปด้วยคราบน้ำตาไปหมด เห็นว่าอีกฝ่ายดีขึ้น คนปลอบอย่างสดายุก็เตรียมตัวออกจากห้องน้ำ ทว่าขณะที่กำลังแง้มประตู เขาก็นึกสนุกขึ้นมาบางอย่าง ก่อนจะหันไปถามรุจน์หนึ่งคำถาม

“รุจน์...รักพอร์ชจริงๆใช่ไหม?”  

คำถามที่มาแบบกะทันหันเล่นเอารุจน์แทบเงิบ แต่ในเมื่อพี่ชายที่เคารพรักเป็นคนถามทั้งที รุจน์จึงตอบออกมาจากใจแบบไม่อิดออด

“รักครับ...รักที่สุด”

ได้ยินคำตอบ สดายุก็ยิ้มร่า หันหลังเปิดประตูจากไป พร้อมกับพูดกับคนที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตูว่า...

“ได้ยินชัดแล้วนะ พอร์ช”


ไม่ต้องรอคำตอบจากคำถามที่ส่งไป เพราะร่างสูงใหญ่ผู้ถูกถาม ไม่ได้ให้ความสนใจตัวเขาอีกต่อไปแล้ว ร่างนั้นพุ่งเข้าไปในห้องน้ำ คว้าคนที่ยืนเอ๋อรับประทานเข้ามาสวมกอดแบบไม่เบานัก ก่อนจะก้มลงบดจูบแบบไร้ซึ่งความอ่อนโยนโดยสิ้นเชิง อดกลั้นมานานก็เงี้ย...

นึกว่าจะถูกปฏิเสธ ที่ไหนได้ อีกฝ่ายเอื้อมมือขึ้นโอบคอเฉย...จนสดายุยังได้แต่ถอนหายใจ

“เฮ้ย เฮ้ย...ไอ้เด็กพวกนี้นี่ รอผู้ใหญ่หัวหลักหัวตอออกไปก่อนก็ไม่ได้ หึหึ”

บ่นไปงั้น แต่ก็ยังช่วยปิดประตูห้องน้ำให้อย่างเงียบเชียบ.....



***************

******************************

************************************************

*****************************************************************

************************************************

******************************

***************

ตอนหน้าไคลแม็กซ์ค่ะ
คอมพ์ไม่มี ขอโทษจริงๆนะคะ
ต้องมาแอบพิมพ์ แอบลงที่ออฟฟิศเอา...
 :mew6:
ขอบคุณพี่ๆน้องๆ ที่คอยโทรตามกระทุ้งค่ะ
ยังไม่ได้หายไปไหนนะคะ
แต่ไม่มีเวลามาลงเลยจริงๆ
ตอนนี้พอมีเวลา เลยกำลังปั่นสุดกำลังค่ะ
อีกนิดเดียว
อดทนกันอีกนิดนะคะ
Please…
ต้องขอโทษแบบสุดใจขาดดิ้นจริงๆค่ะ
 :mew2:

ปล...ใครจะเป็นคนโชคดีที่ถูกรับเลือกให้ตายกันนะ...

แจ้งข่าววาโยโผล่มาคร่าา 555

ซีนที่28 หน้า79
 'เสียงกฤตเมธถอนใจหนักหน่วงเมื่อวาโยลากลิ้นลงถึงแอ่งสะดือ สุดท้ายก็ครอบครองความแข็งขืนของเขาที่เตรียมพร้อมมาได้เกือบครึ่งทาง และเพียงไม่กี่อึดใจสิ่งนั้นก็ขยายตัวเต็มที่ ภายใต้การควบคุมของสดายุสิ้น'

ก่อนหน้านี้ก็เห็นแว่บๆตอนนึง แต่จำไม่ได้แล้ว ถ้าหาเจอแล้วจะมาบอกนะคะ  :hao7:

อุ๊บส์!!! หนูวาแอบโผล่มาแจมอีกแล้ว!!
หรือใจอนาคี จะมีแต่ เตโชวาโยกันนะ ฮี่ฮี่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: BBChin JungBB ที่ 18-05-2015 20:59:57
ยัยชิดนี่ไม่เลิกจริงๆ หวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 18-05-2015 21:01:45
คนเขียนหายไปนานเลยในที่สุดก็มา  :hao5: :hao5: :hao5:

คู่คุณเมธน้องยุน่ารักไม่เปลี่ยนเลยแฮปปี้สุด เขิน ><
คู่พอร์ชกับรุจกว่าจะเข้าใจกันนะ เล่นพี่ยุเหนื่อยไปด้วย 55555
ส่วนเรื่องชิดจันทร์นั่นหล่อนจะไม่จบใช่มั้ยฮะ!!  :angry2 :angry2:

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ จะรอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 18-05-2015 21:14:50
กรี๊ดๆ เห็นอัพเดท อยากจะสกรีมมมมม
สดายุ เธอเป็นนางเอก จริงๆล่ะ ทั้งในจอนอกจอ
ส่วนชิดจันทร์ ยังกัดบดินทร์ไม่เลิก จบไม่สวยแน่
อยากอ่าน ดนัย บดินทร์ อีก คู่นี้มันถูกจริตที่สุด
มาต่อยาวมาก จุใจ ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ จุ๊บๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-05-2015 21:21:32
รออออ เสมอออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 18-05-2015 21:26:14
 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
มาต่อแล้ว ยาวจุใจมากรักคนเขียนเลยอ่ะ รอมานานมากกกกกกกกกกกกกกก
อ่านแล้วอยากได้แฟนแบบดนัย หล่อ ร้าย รวย ทรงอำนาจ แต่ขึ้นไปยุ่งมากมีหวัง
พี่แก o18 ทิ้งแหงๆ ยกตัวอย่างคนต่อไป คืออีดาราตกอับที่เสนอหน้าบอกข้อมูลยัยชิดจันทร์

ปล. ขอบคุณฟุดๆ อ่านแล้วอยากไปทำงานกองถ่ายนี้จัง คู่รักบังเกิดตั้ง 2 คู่ รวมนอกกองอีก 1
 :3123: :L2: :L2: :กอด1: :L1: :กอด1: :L2: :L2: :3123:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 18-05-2015 21:40:34
หายไปนานมากกกกกกกกกก
โผล่มาทีนี่ กรี๊ดดดดลั่น
บอกไม่ถูกเลยว่าชอบคู่ไหนมากกว่ากัน
ลุงกะยุก็หวานซะ  ดูยุผ่อนคลายขึ้นเยอะ
 พอร์ชรุจน์ก็น่าเอ็นดู   อารมณ์เด็กน้อยมากอ่ะ 5555
ดนัยกับบดินทร์ก็แซ่บได้ใจ  หน้าใสๆแต่ของเค้าสายโหดจริงๆ
เลือกไม่ถูกเลยอ่ะ  จิกหมอนนนน
ขอบคุณที่มาอัพจ้าา
 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 18-05-2015 21:41:33
 :กอด1: ได้อ่านน้องยุแล้ววตอนนี้ดนัยเอาไปสิบเลยคะเท่มากๆเลยพ่อคุณ. ไม่รู้ว่าบดินจะพอเห็นใจดนัยได้ยังนะ   
เสน่ห์จันทร์ก็แบบแอบน่ากลัวนะ55 แต่นางคิดได้ก็ดีแล้วเอาเวลาล้างแค้นมาดูลูกนางดีกว่า
ชอบ  น้องยุกับพี่เมฆ หวานล้นจอตลอดเลยย :hao6:  อ่านไปยิ้มไปคิคิน้องยุถ้าไม่มี
านนี้ไปเปิดร้านกาแฟชิลได้นะคะแฟนคลับจะได้ไปเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นให้พี่เมฆหึงเล่นๆ
❤️
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 18-05-2015 21:42:11
โอ๊ยยย เอาจริงๆตอนนี้สงสารคนทุกคนเลย
มีความจริงหลังม่านที่เรายังไม่รู้อีกมาก
หวังว่าตอนหน้าจะไม่มีอะไรร้ายแรงน้าาาา
รอตอนต่อไปค่ะ!!! ดีใจที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 18-05-2015 21:43:40
ขอบคุณคอมฯที่ทำงาน ทำให้เรามีนิยายที่ลงยาวได้ใจมาให้อ่าน
ตอนหน้าให้เตรียมอะไรคะ ผ้าเช็ดหน้า หมอนหรือไม้หน้าสาม ไว้ช่วยสดายุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 18-05-2015 21:49:47
ยุนี่เป็นนางเอกทั้งในจอนอกจอเลย มิน่าลุงถึงหลง ฮิ้วววววว

เสน่จันทร์ ชิดจันทร์ เหมาะเป็นแม่ลูกกันจริงๆ คนลูกหน่ะกู่ไม่กลับแล้ว คงเหลือแต่ความตายมั้งไม่รู้จะคิดได้เปล่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-05-2015 22:21:00

ถึงจะนานมาที

แต่ก็มาเยอะ


พอหายคิดถึงไปได้บ้าง

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-05-2015 22:29:48
คนเขียนหายไปนานมากกกก.... พยายามชะแง้ตลอดว่ามาต่อรึยัง (เพราะได้ข่าวว่าใกล้จบแล้ว)
แต่มาต่อทีละเยอะคนอ่านให้อภัยค่ะ (ได้อ่านซะจุใจสมกับที่รอ ฮา)
เข้าใจว่าไม่สะดวกในหลายๆเรื่อง ยังไงก็ขอบคุณที่ไม่ทิ้งกันนะคะ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 18-05-2015 22:36:51
อือออมาแล้ว. คุ้มค่ากับการรอคอยมากคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-05-2015 22:41:04
เต็มอิ่ม 6 re  :pig4:

ห่วงยุจะโดนทำร้ายอีกนี่ซิ นังชิดจันทร์มันร้ายนัก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: i c u ที่ 18-05-2015 22:50:03
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ เสียดายจังใกล้จะจบซะแล้ว ///อยากอ่านดนัยกับบดินทร์แบบเรื่องยาวบ้างงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 18-05-2015 22:54:47
บระเจ้า โคตรสนุกเลยอ่ะ ยาวจุใจ ชอบมากกกกกค่ะ
ตอนหน้าไคลแมลเหรอ แล้วตอนนี้ล่ะ ขนาดยังไม่ใช่ไคลแมคยังทำเอาคนอ่านลุ้นไปหมด
 o13 o13 o13 o13 o13 เอาไปค่ะ ชูนิ้วให้คนแต่ง พร้อมบวกเป็ด กดกระหน่ำ
ตอนหน้าอย่าหายไปนานนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 18-05-2015 23:16:59
คิดถึงยุจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 18-05-2015 23:24:03
มาอัพแล้ว เย้ๆ :katai2-1: :katai2-1:

คู่กฤตเมธกับสดายุนี่หวานสุดๆเลย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 18-05-2015 23:31:47
คิดถึงน้องยุกับลุงงง สวีทกันตลอด ไม่ได้แคร์ชาวบ้านเลยน้า รุจน์พอร์ชนี่ก็อะไร ต่างต่างไม่คุย ได้จูบทีนี่รีบซะ
ดนัยใหญ่มากกกกก มั่นใจว่านังชิดแพ้แน่ ดูแลบดินทร์ด้วยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-05-2015 23:38:20
กริ๊ดยาวสะใจ เนื้อหาครบถ้วน ดนัยมาเฟียมาก ชอบ ๆ ชิดจันทร์พอเหอะเดี๋ยวดนัยเอาจริงขึ้นมาเธอจะกลายเป็นบุคคลสาปสูญนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 18-05-2015 23:43:33
นึกว่าตาฝาดซะอีกกกกกก

อย่าหายไปนานๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 18-05-2015 23:44:03
แอบน้ำตาไหลกับตอนของเสน่ห์จันทร์ คนเขียนแต่งได้ดีมากๆๆ o13
คุ้มค่ากับการรอคอยเลย
ค่อยๆเคลียร์ไปแต่ละคู่ พี่เมธยังหวานเหมือนเดิม แอบบอิจฉายุอ่าา 555
รุจน์กับพอร์ชก็เคลียร์กันเรียบร้อย แต่ที่ขาดไม่ได้คือดนัยกับบดินทร์นะ
คู่นี้เค้ามาแรงงงง ขอจัดเต็มนะค้าาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 18-05-2015 23:56:53
ชอบพอร์ช รุจ มากกกกก  ขอแบบตัดเต็มคู่นี้นะเคอะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 19-05-2015 00:01:15
มายาวๆแบบจุใจ ตอนหน้าขออย่าดราม่ามากนะคะ สาธุ เพี้ยง!!
คงไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใช่ไหมคะ >_<
ปล.ทีมพอร์ชรุจ เฮ้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-05-2015 00:14:56
ชิดจันทร์นี่แบบสุดๆ   :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 19-05-2015 00:27:33
มาแบบสะใจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจจ

จุใจ อิ่มเต็มท้องเลยค่าา เข้ามาส่องทุกวัน

ดนัยเอาดินไปซ่อนไหนนน อยากอ่านคู่นี้ให้เคลียยยย จะจีบดินให้ติดต้องใช้เวลารักษาใจนะดนัย อย่าใจร้อน

สงสารเสน่ห์จันทร์ ลองทำบุญเก้าวัด สวดมนต์เก้าคืนดูนะ เผื่อมันจะดีขึ้น...

อิชิดจันทร์ ไม่จบบบบบบบบบบบบบบ //ตบฟ่ำ ขนาดพี่เดชยังยอมลง หล่อนเป็นใคร ไม่ได้มีอำนาจอะไรเลย ยังจะกล้าา

ชิดจันทร์นี่มัน... ชิดจันทร์จริงๆ!!

ยุกับพี่เมธยังคงหวานเลี่ยนให้คู่อื่นอิจฉากันไป ถถถถถถถถ

เดี๋ยวแล้วเจ๊บลูม่าละะะ คิดถึงเจ๊คนแกร่งของน้อง TT^TT กกซอนย่าอยู่หรอคะเจ๊ขาา

ในที่สุดน้องน้อยก็ลงตัวกันได้เสียที จูบกันไม่อายพี่เลย พี่อายแทนนะหนู วรั๊ยยย ///_\\\

ปูเสื่อรอไคลแมกซ์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 19-05-2015 01:00:44
เรื่องนี้มันร้อน  ร้อนฉานตั้งแต่ตัวเอกยันตัวประกอบหลัก เฮ้อ ไม่รู้เมื่อไหร่จะหมดเวรหมดกรรมกัยสักที  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-05-2015 01:04:45
เห้อเรื่องราวแต่ละจุด ปวดตับแต่แต่งดีฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 19-05-2015 03:49:32
คุ้มกะการรอสุดๆ
ว่าแต่ยัยชิดจันทร์ เมื่อ/หร่จะวางมือห๊ะ
คนอื่นเค้าก็เคลียร์ๆกันหมดแล้ว
โกรธ เกลียดแม่ตัวเอง
ก็ไม่เคลียร์กันเองมั้ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Mississippi ที่ 19-05-2015 08:23:47
บดินทร์นายได้เป็นเด็กเสี่ยละนะ วรั้ยยยยยยยยยยยยยยยย :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: TOY_SKY ที่ 19-05-2015 08:59:50
ต่อจากนั้นละ  พอร์ชกับรุจจูบกันแล้วเกิดไรขึ้น  ไม่ได้หื่นนะ  แค่อยากรู้เฉยๆๆ   :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikchan ที่ 19-05-2015 09:48:19
เจออัพเมื่อวาน อ่านยาวถึงวันนี้ ฟินนนนน
คนเขียนสู้ๆนะ อย่าหายหน้าไปนาน เค้าคิดถึง :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 19-05-2015 11:07:45
ยังไม่เลิกอีกนะชิดจันทร์  :angry2:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 19-05-2015 11:31:54
มาแล้ว มาที เต็มอิ่มจุใจ ฟินพอร์ช รุจน์ไปไกลเลย เอ๊ยยยยยยย

คู่ดนัยก็ลุ้นอ้ะ บดินทร์ จะรัก ดนัยได้ยังไงนะ? รึว่า ต้องใช้เวลา

มาเลยค่ะ ไคล์แม็กซ์ เราพร้อมแล้ว ฮึ้บๆ

ถ้ามีคนตาย ให้เสน่ห์จันทร์ตาย แล้วให้นังชิดจันทร์มัน คิดได้ กระอักเลือดตาย ทรมานทั้งเป็น ดีมั๊ยคะ?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 19-05-2015 12:32:24
ตอนหน้าบดินทร์จะได้ออกมั้ยเนี่ย อยากรู้จังว่าตอนนี้บดินทร์เป็นอย่างไร :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 19-05-2015 12:33:16
อ๊ายาวสะใจมากก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 19-05-2015 15:39:53
มาต่อเเล้ววว
เป็นกำลังใจให้นะเจ้าคะ
รอๆ เข้มข้นทุกอารมณ์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 19-05-2015 17:22:24
อ่านไปก็ใจตุ๊มๆต่อมๆไปด้วย กลัวอะไรร้ายๆมันจะโผล่มาอีก
ตอนหน้าคงโผล่สินะเรื่องร้าย อยากจะกรีดร้องไม่อยากให้ใครเป็นอะไร
แต่คงจะไม่ได้สินะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 19-05-2015 18:48:35
และแล้วเสน่ห์จันทร์ก็บรรลุ
ช่วยฉุดชิดจันทร์ให้เห็นทางสว่างด้วย หน้าที่แม่เลยนะเนี่ย ให้โอกาสแก้ตัวแล้วนะ
ว่าแต่จะทันไหมเนี่ย ชิดเธอจะทำอะไรอีก ยุจะโดนอะไรอีก

ดนัยนี่สนใจเป็นมาเฟียเต็มตัวไหม เลิกเป็นเถอะนักแสดงเป็นมาเฟียเท่กว่าเยอะ 5 5
ดินก็เงียบเลย....

ถ้ายุจะออกจากวงการจริง ๆ ไปเปิดร้านกาแฟนะ เราจะตามไปกิน (พร้อมส่องพี่เมธ)

ใกล้จบแล้ววว เราจะได้เสียน้ำตาอีกไหมหนอ
รอ รอ รอ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-05-2015 22:42:12
ดีใจที่คนเขียนมาต่อนะคะ
เป็นกำลังใจให้ในทุกๆเรื่องค่ะ
ชอบรุจต์กับพอร์ช คู่นี้ออกน้อยแต่น่ารัก
เฮ้ออ ไม่อยากให้ดราม่าเลยเนาะ อิอิ
อยากได้หวานๆ

ขอบคุณคนเขียนค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 19-05-2015 23:00:25
คุ้มค่าแก่การรอคอยจริงๆ

พล๊อตรองแซ่บมากกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 20-05-2015 00:36:03
ถึงขั้นต้องช่วยปิดประตูเลยทีเดียวนะน้องยุ 555+
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 20-05-2015 04:13:28
น้องยุมาแล้ววววววว. คิดถึงลุงเมธ  555555555

ขอบคุณที่มาต่อค่ะ. ยาวเลยสะใจจริงๆ
ชิดจันทร์เองโตมาแบบแหว่งมาก ขาดความรักจากแม่อย่างรุนแรง
อีตาลูกน้องนั่นจะพาไปแก้แค้นส่วนตัวรึเปล่า เดาว่าเป็นดาราที่เสน่ห์จันทร์ไล่ออก

รออ่านตอนต่อไป ส่งกำลังใจให้นะคะ คุณอนาคี :L2:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 20-05-2015 16:38:10
คนเขียนมาต่อแล้ววว   :กอด1:
นางไม่ยอมจบง่ายๆสินะชิดจันทร์  :hao7:
มาต่อไวๆนะฮะรออออออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 20-05-2015 20:59:30
ดนัยเล่นชิดจันทต์สักทีจะได้หายบ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 21-05-2015 11:46:44
โห้ววววว
กลับมาให้หายคิดถึงจริงๆค่ะ
หกรีพลายสุดยอดดดด

ทำไมชิดจันทร์ไม่จำสักที
เมื่อไหร่จะเลิก สงสารยุ
คือในชีวิตจริง ผญ แบบชิดจันทร์ มันน่าทำให้หายสาปสูญ

ตอนหน้าคงซีนอารมณ์มาเต็มใช่ไหมค่ะ
สู้ๆนะคะ
รออ่านด้วยใจถวินหา ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 21-05-2015 12:31:43
 :katai1: :katai1: :katai1:...อันนี้คือสะใจนะขอบอก นาน ๆ มาทีอ่านให้เต็มอิ่มกันไปเลย
ส่วนชิดจันทร์ อย่างนางต้องโดนจัดหนัก เอาให้ลืมอดีตลืมอนาคตกันไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 21-05-2015 18:24:58
ผมคือ...นางเอก
โดน!!



"ฉันจะทำให้นายเป็นของฉันให้ได้..."

".....บ...บ้า..."

ลมหายใจร่างบางติดขัดเมื่อถูกร่างสูงรุกรานโดยการยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นผู้เสียเปรียบตั้งใจที่จะผลักให้กระเด็นออกไป แต่มือไม้กลับสั่นระริกด้วยความหวั่นไหว โดยมีใบหน้าที่แดงซ่านเป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดี

"จะทำให้นายเป็นคนรักของฉันให้ได้..."

"..............."

สิ้นคำ ผู้รุกรานก็ก้มลงประทับจูบลงบนริมฝีปากอิ่มแบบไม่รอคำตอบริมฝีปากที่สั่นระริกโดนประกบจุมพิตแผ่วเบาอ่อนหวาน ใบหน้าน่ารักหลับตาปี๋อย่างสิ้นท่าในอ้อมกอดของเจ้าของจุมพิตหวาม จากเคยดิ้นรนกลายเป็นผ่อนคลาย และยินยอมพร้อมใจในที่สุด




“คัททททท!! เยี่ยม! เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ ไอ้น้องรักของพี่!”

เสียงอ๊อดสั่งคัทตบท้ายด้วยคำชื่นชมดังลั่นพลางเดินเข้าไปตบไหล่ให้กำลังใจสองนักแสดงรุ่นละอ่อนไม่หยุดชื่นใจจริงๆที่สามารถถ่ายฉากเทคมหากาพย์นี้ผ่านพ้นไปได้ด้วยความเพอร์เฟคเสียทีอ๊อดถึงกับยิ้มพร้อมน้ำตาปริ่ม

"คุณใช้มนต์อะไรเป่ากระหม่อมเจ้ารุจน์เนี่ยออกมาเป็นคนละคนเชียว"  กฤตเมธชมเปาะทันทีที่ได้เห็นว่าน้องน้อยที่เพิ่งสติแตกอยู่ก่อนหน้านี้ไม่นานตอนนี้กลับเข้ากับบทพลิ้วราวกับเรื่องโกหกจนอดชื่นชมคนรักคนเก่งของตนไม่ได้จริงๆยุของเขาเนี่ยอัจฉริยะที่สุดในโลก

"ผมเก่งไงจะอะไรซะอีกหึหึ"  โดนชมเข้าหน่อยสดายุก็กอดอกหน้าเชิดน้อมรับคำชมเชยอย่างไม่มีขัดเขิน

ยิ่งคบกันนานเข้าสองหนุ่มหล่อต่างวัย กฤตเมธและสดายุยิ่งกลายเป็นคู่รักเพี้ยนขึ้นทุกวัน และนั่นทำก็ทำให้พวกเขาเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เข้าใจกันมากขึ้นและรักกันมากกว่าที่เคย

ในใจลึกๆ ทั้งคู่รู้อยู่แก่ใจเสมอว่า ‘รัก’ อีกฝ่ายมากแค่ไหน ณ ตอนนี้แน่นอนว่า สามารถพูดได้เลยว่ารักสุดหัวใจ และอยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดชีวิต

แต่...

ในความหลงใหลได้ปลื้มนั้น ใช่บางส่วนของหลืบสมอง จะไม่รู้ว่า คำว่า ‘ชั่วนิรันดร์’ มันไม่เคยมีอยู่จริง ชีวิตยังคงมีพรุ่งนี้ มีชั่วโมงข้างหน้า มีวินาทีต่อไป รักนี้มันจะยาวนานได้แค่ไหนกันนะ

เคยมีคนกล่าวเอาไว้ว่า รักระหว่างผู้ชายด้วยกัน มันคือความรักที่บริสุทธิ์ เพราะอะไรกันนะ เพราะมันยากเหรอ? หรือเพราะต้องฝ่าฟัน? หรือเพราะมันคือความรัก ที่ก้าวข้ามกฎเกณฑ์ทั้งหมด  มันถึงได้ถูกบูชาว่าแสนบริสุทธิ์ ว่าคือรักแท้

กฤตเมธและสดายุ สบตากันอยู่เนิ่นนาน ส่งยิ้มที่งดงามที่สุดให้กันและกัน ช่างมันเถอะนะ จะหาทำไมกับเหตุผลร้อยแปด เขาทั้งคู่ไม่เห็นจำเป็นต้องอธิบายจุดเริ่มต้น ไม่เห็นต้องนิยาม แค่ทำตามหัวใจ แค่รักกันก็พอแล้วนี่ ช่างพรุ่งนี้สิ ช่างชั่วโมงข้างหน้าสิ ช่างวินาทีต่อไปสิ ไม่เห็นต้องนับ ว่าจะรักกันได้อีกนานแค่ไหน แค่มี ณ ขณะนี้ มันก็โคตรจะเกินพอแล้ว

"เอ้า เดี๋ยวเตรียมฉากต่อไปเลย เมธพร้อมนะ"

กำลังอยู่ในอารมณ์ซาบซึ้งเล็กๆกันสองต่อสอง จู่ๆเฮียอ๊อดของน้องๆ ก็โผล่เข้ามาขัดความหวามหวานให้ต้องชะงัก อารมณ์สะดุด จนสองหนุ่มได้แต่ลอบถอนหายใจ

พี่อ๊อดนี่ช่างไม่เข้าใจวัยป๊อบปี้เลิฟเอาเสียเลย...

การถ่ายทำผ่านฉากต่อฉากไปได้ด้วยดี จนในที่สุดก็ถึงฉากของกฤตเมธเสียที หลังถูกผู้กำกับรุ่นใหญ่มาตาม ร่างสูงโปร่งก็ลุกตามไปแต่โดยดี รีบถ่าย รีบจบ รีบกลับบ้าน...

“เมธครับ เดี๋ยวถ่ายเสร็จแล้วโทรหาผมแล้วกันนะ ผมว่าจะไปเดินเล่นข้างล่างหน่อย” สดายุเอ่ยขึ้น เพราะตอนกฤตเมธเข้าฉาก เจ้าพอร์ชกับเจ้ารุจน์ก็คงดอดไปปรับความรู้สึก แบบถึงใจถึงอารมณ์กันจนลืมโลกไปเลยแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้น เขาคงนั่งหง่าว ไม่มีเพื่อนคุย ดังนั้นสดายุจึงตัดสินใจ ว่าจะลงไปเม้าท์เรื่องทำกาแฟ กับเจ้าของร้านข้างล่างเสียหน่อยดีกว่า

“เอางั้นเหรอ? ไม่กลัวเจอพวกนักข่าวหรือไง?” กฤตเมธถามย้ำ เพราะเป็นห่วงที่ต้องปล่อยสดายุออกเตร่อยู่ข้างนอกเพียงลำพัง 

“ผมจะพรางตัวอย่างดี สัญญา เอาเป็นว่าเสร็จแล้วโทรหาผมแล้วกัน ไปก่อนล่ะ”  ลักษณะดูท่าว่าจะโดนห้ามแน่ๆ สดายุเลยรีบออกตัวแรง เดินดุ่ยๆจากที่ถ่ายทำไป โดยไม่สนใจคำทัดทานของกฤตเมธอีก ปล่อยคนรักต้องถอนหายใจตามหลังอย่างขัดใจ

กฤตเมธมองตามหลังคนรักไปด้วยความรู้สึกประหลาด หัวใจชายหนุ่มจู่ๆก็ยอกแปลบและสั่นไหว เพราะอะไรกันนะ? เพราะถูกขัดใจ?...

หรือว่า...


ตึกอโณทัยช่วงกลางดึกจัดว่าเงียบสงัด โดยเฉพาะในส่วนของตัวสำนักงาน
 
ตึกนี้เป็นตึกแฝดแบ่งเป็นสองฟากชัดเจน นั่นคือตึกที่เป็นห้องพักโรงแรม ที่เปิดให้เช่าซื้อได้ทั้งรายวัน รายเดือน และขายขาด ส่วนอีกฟากก็เป็นส่วนออฟฟิศสำนักงานให้เช่า ที่พอหลังสามทุ่มไป ทุกอย่างก็มืดสนิท เหลือเพียงไฟโถงทางเดิน

ทางด้านของที่พักอาศัย แท้จริงมีของขายอยู่เยอะพอสมควร เพื่อบริการผู้เช่าพัก ที่อาจเกิดหิวโหยกลางดึก ทว่าร้านกาแฟเจ้าประจำของสดายุนั้น กลับไปตั้งรกรากอยู่ทางฝั่งสำนักงานเหตุเพราะพื้นที่ในส่วนของที่พักเต็มนั่นเอง

แต่ด้วยความหอมหวานอร่อย ทำให้สามารถเปิดได้ถึงเที่ยงคืน โดยมีลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนไม่ขาด

อย่างเช่นตอนนี้ ที่สดายุกะเดินไปซื้อมัตฉะลาเต้พิเศษวิปครีมดื่มสักแก้ว แค่คิดถึงความหอมหวานละมุนลิ้น ก็ทำให้สดายุยอมเดินผ่านทางเชื่อมมืดๆ ได้แบบไม่รู้สึกหวิว ซึ่งความจริงการไปร้านกาแฟในโซนสำนักงานนั้น จะต้องลงไปที่ทางเชื่อมชั้นหนึ่งที่สว่างไสวและพลุกพล่าน แต่ด้วยความที่สดายุเป็นดารา การอยู่ในหมู่ผู้คนอาจทำให้แตกตื่น ยิ่งเป็นดาราเสน่ห์แรง เพราะกำลังตกเป็นข่าวใหญ่อยู่เสียด้วย ฟลุ๊คเจอนักข่าวขึ้นมา เกรงว่าจะยิ่งจบไม่สวย ดังนั้นสดายุจึงตัดสินใจใช้ทางลัด ซึ่งเป็นทางเชื่อมตรงชั้นห้า ที่ต้องเดินผ่านลานจอดรถ เชื่อมสองตึก

"อะไรของแกกันแน่!!"

ความรื่นรมย์สะดุดลงทันที เสียงตะโกนของหญิงสาวที่แว่วมาจากลานจอดรถ ทำสดายุตกใจไม่น้อย 'ใครกำลังมีเรื่องกันอยู่หรือเปล่านะ?'

"ไหนแกว่าจะพาฉันมาลากตัวไอ้สดายุไง!? แล้วไอ้พวกนี้มันเป็นใคร!!?"

ถึงตรงนี้ต้องสะดุ้งซ้ำ เพราะสดายุได้ยินชื่อของตนสะเทือนเลื่อนลั่นมาแต่ไกล 'อ้าว? งานเข้าละ เสียงแม่งโคตรคุ้น อย่าบอกนะว่า...'

มั่นใจว่าตัวเองต้องเกี่ยวข้องแน่ สดายุเลยเร่งฝีเท้าย่องตอดไปจนถึงประตูทางเชื่อมที่เปิดแง้มไว้ ชายหนุ่มรีบคว้าหมวกแก็ปขึ้นใส่พร้อมแว่นดำเพื่อพรางหน้า เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นมา อาจพอดอดหนีได้เนียนๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร ก็ไม่ใช่คนกลัวคนหรอกนะ แต่หลบได้ก็หลบดีกว่า เรียกว่าเป็นคนที่ไม่ชอบเอาตัวเข้าไปพัวพันกับปัญหาน่าจะตรงสุด

"ผมก็บอกคุณหนูแล้วไง ว่าผมจะพามาที่ตึกอโณทัย ที่นี่มีเพื่อนผมอยู่ ก็นี่ไงถึงตึกแล้ว และนั่นก็เพื่อนๆผมเอง" 

เสียงทุ้มห้าวเอ่ยขึ้นราบเรื่อย ขัดกับน้ำเสียงแผดกล้าของฝ่ายหญิงสาวไม่น้อย

สดายุพยายามแอบมอง แต่ด้วยความที่มีฟอร์จูนเนอร์คนใหญ่จอดขวางประตูเอาไว้ แถมถัดจากตัวรถไปยังเป็นเสา ดังนั้นสิ่งที่สดายุสามารถมองเห็นได้จึงมีเพียงครึ่งหนึ่งของแผ่นหลังฝ่ายชายเท่านั้น 'ใครกันวะ พาดพิงชื่อเราตอนนี้?'

"เสียเวลาร่ำไรซะจริง แล้วไหนล่ะไอ้สดายุน่ะ นี่ถ้าแกทำฉันเสียเวลาเปล่าล่ะก็ ฉันไม่ให้พี่เดชเก็บแกไว้แน่!"

"ใจเย็นๆสิครับคุณหนู ใจร้อนต่างจากแม่เลยนะครับ"

"....แก...แกรู้จักแม่ฉันด้วยเหรอ? แกรู้เหรอว่าฉันเป็นใคร?"

"ทำไมจะไม่รู้ล่ะครับ คนดังอย่างคุณเสน่ห์จันทร์ เจ้แม่แห่งวงการบันเทิงทุกแขนง กับลูกสาวแสนสวยคุณหนูชิดจันทร์ผู้เป็นที่รัก"

ชัดเจน ในที่สุดสดายุก็ที่แอบฟังมานานก็รู้แล้วว่าคนเหล่านั้นคือใคร ตกใจหมด ตอนแรกนึกว่านักข่าวสายหมาล่าเนื้อ ที่ตั้งใจจะบุกไปก่อกวนถึงกองถ่ายเสียอีก ที่แท้ก็ยัยคุณหนูสุดยี้นี่เอง จากข้อมูลที่ยืนแอบฟังมาได้สักพัก สดายุเข้าใจแล้วว่า ชิดจันทร์ตั้งใจบุกมาหาเขา ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ล่ะ ช่างมันแล้วกัน ไม่อยากสนใจด้วยแล้ว

คิดได้ดังนั้น สดายุก็เบะปากเล็กๆ ด้วยสีหน้าเอือมระอาหน่อยๆ แล้วตั้งท่าเดินย้อนกลับไปทางเก่า ทิ้งบรรดาเหล่าคนที่อยากเจอหน้าเขาเสียเต็มประดาไว้ด้านหลัง  'ขอโทษนะ ไม่ยอมให้เจอง่ายๆหรอก ขี้เกียจปะทะด้วยสุดๆ เสียเวลากินชาเขียว'


"แกเป็นใครกันแน่!!?"

"พิมานไงครับ คนเก่าแก่ในวงการ ผมว่าเพิ่งจะบอกคุณหนูไปเองนะ"

สิ้นคำชายคนนั้น สดายุก็ได้ยินเสียงชิดจันทร์กรีดร้องด้วยความขัดใจก็ดังขึ้น นี่ขนาดอยู่ตั้งไกลยังแสบแก้วหูวิ้ง ไม่อยากคิดถึงตอนเผชิญหน้าสักเท่าไหร่เลย 

"แกอย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ! นี่แกรู้จริงๆหรือเปล่าว่าไอ้สดายุมันอยู่ที่ไหน!? ถ้าแกกล้าหลอกฉันล่ะก็ ฉันจะเล่นงานแกให้หนักเชียว!!"

"วัยรุ่นใจร้อนเสียจริง ตามมาสิครับ ผมพาไป"

"แล้วแกจะเอาเพื่อนแกตามไปด้วยทำไม? เกะกะน่ารำคาญเปล่าๆ ลำพังไอ้สดายุน่ะ ฉันคนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว!"

"แหม ก็เผื่อไอ้สดายุมันขัดขืน หรือเพื่อนๆในกองถ่ายมันมีปัญหา เราได้เล่นงานมันตรงนั้นเลยไงครับ ไม่ต้องเสียเวลาเรียกพวก"

อ้าวไอ้ชั่ว! ทันทีที่สดายุได้ยินคำพูดของชายคนนั้น กระแสประสาทก็วิ่งปรู๊ดปร๊าดด้วยความหงุดหงิด พวกมันกะมาร้ายรังควาญอย่างเต็มที่ สดายุถึงกับถอนใจ นี่มันเวรกรรมอะไรของเขากันนะ ชีวิตถึงได้มีมารผจญไม่จบไม่สิ้น จากที่ตั้งใจจะไปซื้อชาเขียวปั่นอร่อยๆดื่ม เลยต้องพับโครงการเก็บ แล้วเริ่มตั้งสติใหม่ ว่าควรรับมือกับไอ้พวกน่ารำคาญพวกนี้อย่างไรดี

ถ้าปล่อยให้พวกมันไปถึงกองถ่าย พวกทีมงานกับกฤตเมธย่อมไม่เป็นอันทำงานอีกแน่

พวกนี้ต้องการพบเขา แค่เขาเท่านั้น

ออกไปเจอแล้วจลปัญหาเสียตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะปล่อยให้พวกนั้นบุกถึงกองถ่าย ทางเลือกมีเพียงหนึ่งเดียว

เอาวะ!


เมื่อตั้งใจทำตัวเป็นฮีโร่อย่างเต็มที่แล้ว สดายุก็ก้าวเท้าออกจากที่ซ่อน เอาสิ อยากเจอก็มา!!

อ้าว?

ทว่าพอออกไป กลับต้องแปลกใจหนัก เมื่อพบว่าเหล่าคนพวกนั้น ไม่ได้มาตามทางที่ควรจะเป็น

"มันไปไหนกันวะนั่น?"

งานนี้สดายุได้แต่เซ็งจนต้องกุมขมับ "อย่าบอกนะว่าหลงทาง? เฮ้อ ภาระกูอีกแล้ว!"

เห็นว่าทั้งแก๊งนั้นเดินไปคนละทางอย่างสุดกู่ สดายุก็ตั้งใจจะโผล่หัวออกไปทักทายเสียตั้งแต่ตรงนี้ โมโหชิดจันทร์เหลือเกินที่ขยันสร้างปัญหาไม่เลิก อุตส่าห์จะไม่ยุ่งเรื่องที่หล่อนทำกับบดินทร์แล้วนะ แต่ถ้ายังไม่เลิกรา เขาก็ตั้งใจจะด่าให้เสียเด็กซะวันนี้แหละ!

สดายุกะหาเรื่องเต็มที่ โดยไม่มีเกรงกลัวสักนิดถึงจำนวนของฝ่ายตรงข้าม แต่จังหวะที่จะโผตามไป หูทิพย์ของเขา ก็แว่วเสียงซุบซิบ ของลิ่วล้อสองคนรั้งท้ายขบวนเข้า

"หุ่นเซี๊ยะ ขาขาวจนน้ำลายไหลเลยว่ะ นี่ไอ้พิมานมันตั้งใจจะไม่ทำอะไรมากกว่าเรียกค่าไถ่จริงดิ? เสียดายเป็นบ้า"

"เฮ้ย มันยังไม่ได้บอกเสียหน่อยว่าเราทำไม่ได้"

"เออ จริง ซี๊ดดด..."

"ปล่อยไว้ก็เสียของเปล่าๆ ได้ตังค์ค่าไถ่ปุ๊บ ก็คืนตัวไปในสภาพที่ยังมีลมหายใจก็พอ เรื่องอื่นไม่เห็นต้องสน ฮ่าฮ่า"

"เลวได้ใจจริงนะมึง หึหึ กูเอาด้วย"


ราวกับเสียงกระซิบชั่วช้าของเหล่าเดรัจฉาน ชิดจันทร์ถูกหลอกมาที่นี่ นั่นคือสิ่งที่สดายุรับรู้ได้

อารมณ์ดาลเดือดพลุ่งพล่านจนขนลุก แม้จะเป็นศัตรูกัน แต่ใครเล่าจะทนเห็นผู้หญิงโดนทำร้ายต่อหน้าต่อตาได้ งานนี้ฮีโร่พันธุ์หล่อ ต้องขอออกโรงช่วยหญิงแล้วล่ะ...

“เฮ้องานเข้าไอ้ยุของจริงเลยเว้ย (-“- )”

ขณะที่ตัวร้ายสองคนกำลังกระซิบกระซาบเรื่องชั่วช้ากันอย่างออกรส โดยไม่ทันได้สังเกตุว่ามีอีกคนแอบตามหลังมาในระยะกระชั้นชิด

"นี่ ขอร่วมวงด้วยคนสิ"

เสียงแหบหวานทักขึ้นในระยะประชิด ทำเอาเดนนรกทั้งสองพากันสะดุ้ง

"เฮ้ย มึงเป็นใครวะ?"  หนึ่งในนั้นอุทานเสียงหลง

"พ่อมึงไงครับ ^^ "

ผล็อก!!

สดายุมอบคำตอบพร้อมยิ้มหวาน ก่อนจะฮุคขวาสุดแรงกล้ามเข้ากรามซ้ายของชายโชคร้ายแบบไม่ให้ต้องตั้งตัว

"สัด!! กรามแข็งชิบหาย บ้าเอ้ย!!" พระเอกหนุ่มถึงกับอุทาน พร้อมสะบัดมือพัลวันด้วยความเจ็บยอก ใช่สดายุจะไร้ฝีมือเรื่องการต่อยตี อย่างไรเสียก็อาชีพนักเลงเก่า แต่ตอนที่ผอมแห้งแรงน้อยผิดวิสัยแบบนี้ เขาไม่ควรห่ามเกินตัว 

"ไอ้เหี้ยนี่ มึงเป็นใครวะ!!?"  คนโดนต่อยกลิ้งไปแล้วไม่มีปากเสียงจะไถ่ถาม (เพราะเลือดกำลังกบปาก) คนที่ถามจึงเป็นคนที่กำลังถลาเข้ามาหาสดายุแบบเอาเรื่องแทน

ก็คิดไว้ว่าจะไม่ห่ามเกินตัว ดังนั้นจึง...

ผลั่ก!!

กระโดดถีบขาคู่ไปแทน ตรงเป้า ลิ้นปี่ หนักๆ เน้นๆ กระเด็น

"เฮ้ยอะไรวะ!!?" พวกที่เหลือข้างหน้าเริ่มออกอาการสับสนวุ่นวาย ไม่เว้นแม้แต่ชิดจันทร์ที่หันกลับมาทำหน้าตาตื่น

"ชิดจันทร์! หนีเร็ว ไอ้พวกนี้มันกำลังคิดไม่ซื่อกับเธอ มันจะจำเธอไปเรียกค่าไถ่!!"

สดายุตะโกนลั่น พยายามจะถลาเข้าช่วย แต่ก็ดันติดกระทาชายตัวร้ายอีกสามคนขวางทางอยู่

"อ..อะไรนะ?"  ชิดจันทร์ออกอาการมึนงง กับเหตุการณ์ที่จู่ๆก็เกิดโกลาหลขึ้น หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชายใส่แว่นใส่หมวกที่ตะโกนเรียกหล่อนอยู่นั่นเป็นใคร แล้วจริงหรือไม่ที่ว่าหล่อนกำลังถูกหลอก

"ไอ้สัตว์นั่นใครวะ! เฮ้ยรีบจัดการมันสิโว้ย!!" ตัวบงการที่ชื่อ พิมาน เริ่มรุกลี้รุกลน เขาอุตส่าห์วางแผนมาอย่างดิบดี กะว่าไม่มีตัวไหนยื่นมือมาสอดได้แล้วแท้ จู่ๆกลับมาเจอใครก็ไม่รู้เข้ามาขวาง แต่คนอย่างพิมาน ไม่ยอมตัดใจง่ายๆหรอก!

ตี ตัด งัด พุ่ง กระทุ้ง ถีบ ศิลปะแม่ไม้มวยข้างถนน ที่ไม่ใช่แค่ระดับป้องกันตัวได้ของชายร่างผอมแห้ง ทำเอาลิ่วล้อทั้งสามคนของพิมานลงไปนอนดิ้นนอนครางโอดโอยอย่างน่าสงสาร เพียงพริบตาเดียว สดายุก็สามารถเข้าประชิดตัวบอสแบบไม่เหนื่อยมาก

"เชี่ย! ไอ้พวกห่าเอ้ย! ไม่ได้เรื่องเลย เก่งแต่ปากชิบหายไอ้พวกระยำ!"  พิมานก่อนด่าพวกพ้องไม่ได้เรื่องของตนอย่างหัวเสีย ก่อนจะคว้าตัวชิดจันทร์ที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกเข้ามากักไว้กับตัว

"กรี๊ดดดด!! ปล่อยฉันนะไอ้สารเล...อู้ววว!!!..............."  ชิดจันทร์กรีดร้อง ดิ้นรนได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกคว้าเข้าไปล็อคเอาไว้ พร้อมทั้งถูกมือกร้านประกบปิดปากป้องกันเสียงร้องโวยวาย ก่อนจะขู่สำทับให้ได้กลัวเกรง "หุบปากไป! อย่าดิ้นสิ นังนี่นีร่ อยากเจ็บตัวรึไง!!"

คว้าตัวเอาไว้ได้ทันควัน ก่อนสดายุจะถึงตัวแบบฉิวเฉียด

"ปล่อยผู้หญิงซะ แล้วกูจะปล่อยมึงไป!"  ประจันหน้าได้ สดายุก็เริ่มต่อรอง ตัวเขายังคงพรางตัวอย่างดี ด้วยไม่อยากให้ชิดจันทร์เห็นหน้า เขาไม่ต้องการให้หล่อนรู้ว่าคนที่ช่วยหล่อนเป็นเขา ไม่ได้คิดจะเป็นสุภาพบุรุษอะไรนั่นหรอก แต่การช่วยคนที่ไม่ถูกชะตากัน มันทำเขาขนลุก ไม่ได้เห็นแก่ชิดจันทร์แต่อย่างใด เห็นแก่ตัวเองล้วนๆนี่แหละ

"มึงคิดว่ามึงแน่เหรอไอ้ห่า" พิมานกดเสียงต่ำข่มขู่ พลางรดร่างชิดจันทร์แน่นขึ้น มือหนาที่อุดปากหญิงสาวไว้ แทบทำให้หล่อนหมดลมหายใจ ดวงตาของชิดจันทร์เบิกกว้าง พยายามอ้อนวอนมาทางสดายุ เพื่อขอความช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนก

"แน่ไม่แน่ไม่รู้ มึงแหกตาดูเอาเองแล้วกัน อยากวัดไหมล่ะ ตัวต่อตัวดิมา เอาผู้หญิงเป็นโล่อย่างมึง แม่งหน้าตัวเมีย"  สดายุปรามาสท้าทาย หวังให้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของอีกฝ่ายลุกโชติ แล้วมาสู้กันอย่างแฟร์ๆ 

สดายุรู้ตัวดีว่ามันเป็นแค่ความคิดตื้นๆ แต่พอเข้าตาจน อะไรใช้ต่อรองได้ ก็ใช้ไว้ก่อน ใครจะรู้ เผื่อฟลุ๊ค

"เสือกเกินไปแล้วมึง ตายโหงซะเถอะไอ้สัด!!"

สิ้นคำ ลำปืนดำมะเมื่อมก็จ่อประชิดปลายจมูกของสดายุในระยะประชิด ร่างบางชะงักทันที เก่งยังไง ก็อาจไวสู้ลูกปืนไม่ได้ล่ะนะ

"เฮ้ย ใจเย็นๆ เจรจากันก่อนดิ"  เจอของแข็งเข้าไป สดายุก็ได้แต่ยกมือสองข้างขึ้นปรามเล็กๆ เหงื่อกาฬแตกพลั่กเต็มขมับ คนอย่างสดายุก็กลัวตายเป็นเหมือนกันนะ ในหัวเริ่มคิดสะระตะทันทีที่เห็นอาวุธร้ายในมือชายตรงหน้า

 ‘เอาไงดีวะ ถ้ามันเอาจริงขึ้นมา เราจะตายเปล่าๆปลี้ๆ เลยนะเนี่ย ตายอย่างหมาชัดๆชีวิตไอ้ยุยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะนะเว้ย กูยังอยากเก็บตังค์เปิดร้านกาแฟปั่นนะ ตายซะวันนี้นี่จบเห่ กูคิดผิดใช่ไหมเนี่ย? ที่อยากจะเป็นฮีโร่จำเป็น โดดออกมาช่วยยัยคุณหนูนี่น่ะ แม่งเอ้ย ยัยชิดจันทร์แม่งต้องเป็นตัวซวยแน่ๆ เจอทีไรบรรลัยบทุกที...เอาไงดีวะ?’

“มึงหมดสิทธิ์ต่อรองแล้ว ไอ้ห่ากิน!!”

ผลั๊วะ!!

ยังไม่ทันได้คิดหาทางหนีทีไล่ โลกตรงหน้าก็มืดไปทันตา เกิดอะไรขึ้นคงไม่ต้องบรรยาย อาการเจ็บแปลที่ท้ายท้อยทำให้สดายุรู้ตัวก่อนสิ้นสติดว่า...

‘โดนซะแล้ว...กู’




*******************************************************************
มาต่อค๊า กับฉากเริ่มต้นของไคลแม็กซ์สุดท้าย
ความจริงนิยายเรื่องนี้มีไคลแม็กซ์เยอะค่ะ
มันช่างเข้มข้น และอัดแน่นไปด้วยอะไรก็ไม่รู้
นี่ถ้าไม่มีลุงเมธคอยสร้างบรรยากาศหวานหวามนะ
อวสานนิยายรักเลยค่ะ ดราม่าไปไหน 555+
เริ่มสงสัยตัวเองค่ะ เสพติดดราม่าใช่ไหมอิชั้นเนี่ย!?

ตอนต่อไปภายในไม่กี่วันนี้แน่นอนค่ะ แต่สั้นหน่อยนะคะ
เพราะต้องแอบพิมพ์และลงโพสต์ที่ออฟฟิศ
ถ้าได้ปริมาณที่เหมาะสมแล้ว ก็จะลงทันทีค่ะ
(ไม่งั้นอาจเกิดมหกรรมดอง ลงที 6 Re อย่างที่แล้วมาอีกรอบ)
ใครคิดถึงเจ๊บลูพี่ซอล รอก่อนนะคะ โผล่มาหลังไคลแม็กซ์จบแน่นอนค่ะ
ส่วนคู่เด็กสุดพอร์ชรุจน์ เหลือบทอีกน้อยนิด โฉบไปโฉบมาให้ชื่นใจบ้างเล็กน้อยค่ะ

ส่วนคู่ที่ฮ๊อตสุดตอนนี้ ดนัย+บดินทร์
งานเข้าอนาคีแบบสุดๆ ไม่คิดเลยว่าสองคนนี้จะเป็นที่นิยมขึ้นมาได้
มั่นใจเลยค่ะ ว่าต่อให้เรื่องนี้จบ ไอ้สองคนนี้ก็ยังไม่จบค่ะ
ถ้าไม่เพิ่มเป็นตอนพิเศษ
อาจต้องเปิดเรื่องใหม่ ให้เป็นพระนางกันไปเลย!!
(Oops…พูดอะไรออกไป!! ตบปาก!!)
ความเข้มข้นของคู่นี้ถือว่าแน่นค่ะ รอลุ้นได้เลย

ขอบคุณทุกท่านที่ยังให้อภัยที่อนาคีหายหัวไปนะคะ
และยังยอมให้แบกหน้าด้านๆกลับมาลงนิยายต่อด้วยความเอ็นดูอีก
ซาบซึ้งจริงๆค่ะ
นิยายเรื่องอื่นๆ เช่น น้องพจมานฯ อนาคีก็จะพยายามมาลงต่อให้เร็วที่สุดค่ะ
ขอบคุณค่ะ
จุ๊บๆๆๆ
อนาคี99 / Thearboo
 :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-05-2015 18:50:19
โดนจับอีกแล้วแน่ๆเลยอ่ะ
ตอนนี้ค้างฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: nanazaa002 ที่ 21-05-2015 18:53:52
รอออออออออออออออออ :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-05-2015 18:57:40
โดนจับอีกแล้วแน่ๆเลยอ่ะ
ตอนนี้ค้างฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 21-05-2015 19:05:27
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 21-05-2015 19:19:26
ไม่น้าาา ดราม่าอีกแล้ววว  :a5: น้องยุโดนจับหรออออออออออออ

คนเขียนหายไปนานมากกกเลย คิดถุงงงงๆๆๆ  o13

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 21-05-2015 19:28:19
ค้างมากค่ะ รอค่าาาาาาาาาา  :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 21-05-2015 19:43:31
ง่าสสสส
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 21-05-2015 19:44:31
สดายุ คะ เข้าใจค่ะว่าเป็นคนดี เป็นนางเอก มีมนุษยธรรม  แต่อย่างงี้เรียกหาเรื่องใส่ตัวนะคะ -*-

ดนัย x บดินทร์ เนี่ยะ แค่ตอนพิเศษไม่พอหรอกคะ เพราะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบติดลบ กว่าจะให้รักกันได้แบบสมเหตุสมผล นานแน่นอนและไม่ง่าย เพราะงั้น.....แยกออกมาเป็นเรื่องใหม่ เถอะค่ะ ได้โปรด plzzzzzzzzzzzzzz
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 21-05-2015 20:00:33
ยุจ๋าหนูนางเอกมากเลยลูก งานเข้าอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 21-05-2015 20:01:34
แหม รอได้ไม่เป็นไรค่ะ แต่บอกไว้อย่าง...ถ้า "ตาย" มี "เชือด" นะคะ ฮุฮุ o18
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: TOY_SKY ที่ 21-05-2015 20:10:37
สั้นจริง   :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 21-05-2015 20:29:33
อยากตีน้องยุ!  ได้เรื่องอีกแล้ว ลุงมาด่วนๆค่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 21-05-2015 21:10:04
ยุเอ้ยย ทำอะไรไม่ได้ดูตัวเองเลย
หาเรื่องให้ลุงปวดหัวเรื่องเมียหายอีกแล้วสิเนี่ย 5555

ขอบคุณคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 21-05-2015 21:43:56
โถ...ยุ  หนูเป็นนางเอกนะคะลูก ไม่ใช่พระเอกนักบู้

หวังว่าพระเอกตัวจริงจะไปช่วยทันนะ   :katai1:

ขอบคุณคุณนักเขียนที่มาต่อเรื่องนี้ให้จวนจะจบล่ะนะคะ

แอบเชียร์ให้ต่อคู่รองค่ะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-05-2015 21:50:06
ยุ จะเป็นพระเอกนอกจอเจ้ไม่ว่า

แต่ลืมเรื่องสรีระ นู๋ป่าวลูกกกกก =_=
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 21-05-2015 22:01:32
ยุเอ้ย  โดนอีกแล้ว   :ling2:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 21-05-2015 22:25:42
เพิ่มบทให้พอร์ชรุจน์ด้วยสิคะ กระซิกกระซิก
เดี๋ยวเราช่วยจ่ายค่าตัวให้พอร์ชกะรุจน์ นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 21-05-2015 22:38:22
โดนจนได้นะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 21-05-2015 22:43:17
ทีละเรื่องค่ะ ดิฉันขี้เกียจเอามีดไปจี้ให้เธอเขียน....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 21-05-2015 22:43:37
เคลียร์ทุกคู่แล้ว ขอเชียร์เปิดเรื่องต่อดินกับดนัย คู่นี้โดนสุดๆๆ  :hao7:

แต่ตอนนี้ขอเชียร์ยุก่อน ยุสู้ๆๆๆๆๆๆ ระวังด้วยน้าาาาา :impress2:
ไอ้พวกนั้นห้ามทำไรนุระเวัยยย :angry2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 21-05-2015 22:48:07
อุต๊ะ!!!!!!!!! นี่ยังมีเรื่องเข้าน้องยุไม่หยุด
พี่เมธลางสังหรณ์อย่างแม่น!!!!
รอตอนต่อไปน้าาาาาาาา
ปล. สนับสนุนแยกเรื่องดนัย-บดินทร์ อีกคน!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 21-05-2015 22:55:20
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 21-05-2015 23:13:20
ค้างสุดอะไรสุด T_________T

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 21-05-2015 23:37:40
เข้ามายกป้าย :pig2: :pig2: :pig2: ดนัย - บดินทร์ (แอ๊ะ...โดนบอดี้การ์ดของดนัยเล็งปืน)
 :เฮ้อ: เจ้ายุเอ้ยเอ็งนักเลงเก่าก็จริง แต่ตอนนี้อ้อนแอ้นนะแถมมีผัวแล้วด้วย(เกี่ยว?) สงสัย
อีพิมานจะต้องเจอแสนยานุภาพของดนัยแล้วล่ะ เลวไม่พอ ยังทำร้ายร่างกายสดายุ ที่มีพระคุณของดนัยซะได้
 :amen: สวดส่งวิญญาณรอเลยเนี่ย RIP นะอีพิมาน o18 ลืมบอกจะเจอ TEEN ป๋าเมธด้วย

ปล. บวกเป็ดให้แล้วจ้า...................
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: THiiCHA ที่ 21-05-2015 23:50:45
ยุเอ๊ยยย เสียเวลากินชาเขียวจริงๆ
คนดีเกินไปล๊าวววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 22-05-2015 00:26:38
ซวย เเล้วไง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Snimsoi ที่ 22-05-2015 03:09:50
ยุเอ๊ย ซ่าจริงๆเลย แทนที่จะหลบไปเรียกคนมาช่วยก่อน อย่างน้อยส่งข้อความบอกเมธก็ยังดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-05-2015 05:22:50
หวังว่ายุคงไม่โดนขืนใจนะ เอาเบาะๆแค่โดนซ้อมก็พอ ส่วนดนัยกับบดินทร์เปิดเรื่องใหม่เลยนะคะ เราชอบคู่นี้โหดเถื่อนดี อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 22-05-2015 09:02:00


หาเรื่องแล้วไงน้องยุ

หัวใจจะวาย

มีคนมาช่วยไวๆนะ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 22-05-2015 09:24:49
โอ๊ยยยยย นู๋จะมาเป็นพ่อพระอะไรตอนนี้ล่ะยุเอ้ยยย  :z3:
มาต่อไวๆนะฮะรออออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 22-05-2015 10:37:33
นี่ก็นางเอกจริง โดนตลอด ไม่เคยประมาณตัวเองเล้ยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 22-05-2015 11:04:37
ปล่อยเด็กเปรตไปเถอะค่ะลูก สงสารตัวเองดีกว่านะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 22-05-2015 11:25:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 22-05-2015 11:25:32
#สดายุเป็นคนตลก ถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถถ

คิดว่าชิดจันทร์ไม่ใช่ตัวซวยหรอกค่ะ ยุเองต่างหากที่ดึงความซวยเข้าหาตัวเอง 5555

ทำบุญมั้ยแก....

ลางสังหรณ์พี่เมธแม่นสุดไรสุด เปิดเรด้าหายุให้ไวเลยพี่

ปูเสื่อรอดนัยกับบดินทร์ ฮิ้ววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 22-05-2015 11:34:31
อ่าว.. งานเข้า
ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 22-05-2015 13:26:53
ม๊ายยยยยย ยุ
ช่วยเจียมร่างกายตัวเองตอนนี้ด้วยยยย
โห้ววววว
คุณอนาคีอย่าปล่อยเค้าค้างนานนะคะะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 22-05-2015 13:42:27
โดนแน่ๆ ยุเอ๋ย
พระเอกอยู่ไหน มาช่วยเร้วววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 22-05-2015 14:26:07
ยุ เรื่องนี้ยุเป็นนางเอกหรือนายเอกนะ
เข้าใจอะไรผิดเปล่า
พระเอกไม่รุ่งอย่ามุ่งไปทางน้านนนนน
              :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-05-2015 18:48:15
โธ่! ยุเอ้ย หาเรื่องใส่ตัวอีกแล้วนะเราอ่ะ  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 22-05-2015 19:24:45
ทำไมสดายุ หาเรื่อง... ตอนแรกก็หลบไปดีแล้ว 5555 นางเอกของเรา แมนมากกก เลิฟ สดายุ ขอให้พระเอกพี่เมธไปช่วยเร็วๆน้าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 22-05-2015 20:57:14
พระเอกตามมาทันก็หนังไทยเกินไป จะให้หนูยุโป๊อีกก็โหดร้ายเกินไป จะออกมารูปแบบไหนลุ้นมากกกกกก...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 22-05-2015 21:25:51
งั้นรอเปิดเรื่องใหม่น้าาาาาาา
ค้างนะนี่ ตัดฉับๆๆแบบนี้
แต่ขนาดจะบู๊ นู๋สดายุยังแอบฮานะเทอ 
หรือเราอาคนเดียว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-05-2015 00:12:03
เปงนางเอกดีๆไม่ชอบ จะหล่อเปงพระเอก มีเรื่องเบย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 24-05-2015 15:55:48
 มาอีกๆ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 25-05-2015 10:38:49
สนุกมากกกกกกกกกก ก ก ก ก ก ก ติดเรื่องนี้งอมแงมเลย อ่านทั้งวันทั้งคืนเลย ฮาาาาาา
ฉากนี้บู้มากค่ะน้องยุ เป็นนายเอกทั้งในจอนอกจอไม่พอ งานพระเอกช่วยชะนีตัวร้ายก็มา หล่อค่ะพ่อคู้ณ  o13
ขอให้พี่เมธตามมาโดยไว เดวน้องยุหายไปเป็นเรื่องอีกนะเออ สู้ๆค่ะคนแต่ง
รอตอนต่อไป  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-05-2015 19:16:29
ผมคือ...นางเอก

"ออกล่า"



“ฮัลโหล?”

“กว่าจะรับสายนะอีแก่ เล่นตัวจังนะมึง”

“แกเป็นใคร? ถ้าจะก่อกวนล่ะก้ฉันจะวางสายเดี๋ยวนี้แหละ”

“เอาสิ วางสายเมื่อไหร่ ลูกสาวคนเดียวของมึงตายแน่!”

“หมายความว่ายังไง?”

“ชิดจันทร์ลูกมึงอยู่กับกู ถ้าอยากได้คืน เอาเงินมาให้กู หนึ่งร้อยล้าน!”

“ว่ายังไงนะ!! แกเป็นใคร!? ลูกฉันอยู่ไหน!?”

“ลูกมึงก็อยู่กับกูไง หูหนวกเหรออีแก่ กูให้เวลามึงถึงพรุ่งนี้เที่ยง เอามาให้กูร้อยล้าน ไม่อย่างนั้นลูกมึงเป็นศพแน่!!”

“อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย! ฉันจะเชื่อได้ยังไง ว่าลูกฉันอยู่กับแก!”

“...หึหึหึ...รอเดี๋ยว มึงถ่างตารอดูได้เลย...”

ปิ๊บ...

“น...นี่มัน...ชิดจันทร์ลูกแม่!”

“ชัดหรือยังทีนี้? ฮ่าฮ่า เอาร้อยล้านมาให้กู แล้วกูจะปล่อยลูกมึงไป”

“...แก...แกเป็นใคร...เสียงนี่...หรือว่า...พิมานเหรอ?”

“ฮะฮะ จำได้ด้วยเหรออีแก่ หูดีนะมึง เออ กูเอง กูไม่พรางเสียง ไม่พรางเบอร์โทร กูเพื่อให้มึงรู้นี่แหละว่ากูเป็นใคร”

“ทำไมแกทำแบบนี้? ฉันไปทำอะไรให้! คืนลูกฉันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!! ไม่งั้นฉันจะแจ้งตำรวจ!”

“เอาเลยคุณนาย ฮ่าฮ่า กล้าแจ้งก็แจ้งไป ถ้ากูกลัวกูคงไม่กล้าเผยตัวจริงของกูให้มึงรู้หรอกอีแก่! ทันทีที่มึงแจ้งตำรวจ กูก็จะหอบลูกมึงเปลี่ยนที่หนีกบดานไปเรื่อยๆ ระหว่างนั้นหากคนของกูเกิดเงี่ยนขึ้นมา ก็จะให้พวกมันรุมโทรมอีนังชิดจันทร์ซะ ไม่ตายเสียก่อน สักวันกูอาจส่งคืนให้ พร้อมลูกในท้องของมัน ฮ่าฮ่าฮ่า”

“อย่านะ อย่าทำลูกฉันนะ ได้ แกอยากได้เท่าไหร่ ฉันจะหาให้ ร้อยล้านใช่ไหม? ที่ไหนเมื่อไหรื ฉ...ฉันจะรีบเอาไปให้”

“หึหึ ทีอย่างนี้ล่ะไวเชียว ดี! ว่าง่ายๆ คุยกันรู้เรื่อง กูก็จะได้รู้สึกปราณีมึงขึ้นมาหน่อย ภายในพรุ่งนี้ก่อนเที่ยง ร้อยล้านต้องถึงมือกู”

“แล้วจะให้ฉันเอาไปให้ที่ไหนล่ะ!? แกอยู่ที่ไหน?”

“...ฉันส่งเลขบัญชีให้แกเอาไว้แล้ว จัดการให้ได้แล้วกัน เที่ยงตรงพรุ่งนี้ ถ้าฉันไม่เห็นยอดเงินร้อยล้านล่ะก็ แกเตรียมรอดูคลิปหนังสดลูกแกได้เลย หึหึ”


*
*
*
*
*

 เที่ยงคืนห้านาที การถ่ายทำทั้งหมดเสร็จสิ้นลง เหล่าทีมงานเริ่มช่วยกันเก็บของ เคลียร์พื้นที่กันด้วยความเหนื่อยอ่อน เพราะทำงานหนักติดต่อกันมาหลายวัน 

"เป็นไงเมธ โทรติดยัง?"  อ๊อด ประกบติดกฤตเมธเป็นเงา คอยเป็นกำลังใจอย่างใกล้ชิด

"ติดครับ แต่ไม่ยอมรับสายเลย ไม่รู้อยู่ไหน  "  กฤตเมธว่าอย่างหัวเสีย ใบหน้าหล่อเหลาบู้บี้ด้วยความกังวลระคนเคืองขุ่น ยุนะยุ ไปลอยชายอยู่ตรงไหนเนี่ย? เจอตัวนะ จะจับฟาดก้นสั่งสอนเสียให้เข็ด

"ไอ้ยุ มันแอบไปเมาอยู่ตรงไหนหรือเปล่า? เลยไม่ได้ยินเสียงมือถือ? หรือมันจะปิดเสียงเอาไว้?"   อ๊อดพยายามช่วยหาเหตุผล แต่ก็เริ่มหนักใจร่วมกับกฤตเมธไปด้วยแล้ว

"ยุเขาเลิกกินเหล้านานแล้วครับ แล้วแถวตึกชานเมืองแบบนี้ ก็ไม่ได้มีร้านเหล้าดีๆ เงียบๆเสียหน่อย ผมว่ายุคงไม่เข้าไปนั่งร้านคนเยอะๆหรอกครับ"  กฤตเมธว่า ทั้งที่ในมือยังกดโทรศัพพ์ยิกๆ

"มันอยู่ที่ร้านกาแฟหรือเปล่า ร้านประจำของมันน่ะ ร้านนั้นปิดเที่ยงคืนนี่ มันอาจช่วยเขาปิดร้านอยู่ก็ได้" อ๊อดช่วยออกความคิดอีกครั้ง

"ผมลงไปดูรอบนึงแล้วครับ ที่ร้านบอกว่ายังไม่เห็นยุเลย ครั้งสุดท้ายที่เห็นคือตอนยุซื้อกาแฟสองแก้วช่วงเกือบๆสองทุ่ม ตอนนั้นยุเอากาแฟมาให้ผม แล้วลงไปอีกครั้งตอนสามทุ่ม ซึ่งรอบล่าสุดน่ะ ที่ร้านเขายืนยันว่าไม่เห็น"  ยิ่งอธิบายกฤตเมธยิ่งเครียดจัด มือที่กำมือถืออยู่เริ่มสั่นระริก สังหรณ์ใจไม่ดีจนเริ่มหดหู่ "ยุบอกว่าจะลงไปเดินเล่น ถ้าผมเสร็จงานแล้วให้โทรไปตาม ผมโทรหาเขาทุกช่วงพักเบรค แต่เขาไม่รับสายเลยสักครั้ง ผมลองลงไปดูข้างล่างก็ไม่เจอตัว ไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ที่ไหนกันแน่"

"...พี่ว่ามันแปลกๆแล้วล่ะเมธ"   ไม่ได้อยากทำน้องเสียขวัญ แต่อ๊อดไม่มีคำใดที่สามารถอธิบายปราฏการณ์นี้ได้ดีไปกว่านี้

"แจ้งตำรวจไหม? เผื่อไว้ก่อน"  สองพี่น้องถกเครียด จนรอบข้างเริ่มให้ความสนใจสงสัย ใบหน้าของทั้งคู่ชัดเจนมากว่ากำลังมีปัญหาใหญ่

"อย่าเพิ่งครับพี่ เดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่ อีกอย่าง สดายุเพิ่งหายไปไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจคงไม่รับแจ้งหรอกครับ" กฤตเมธอธิบายเสียงเครียด ที่ไม่ยอมให้แจ้งตำรวจนั้น ใช่ว่าเขาจะไม่เป็นห่วงสดายุ แต่เพราะเขามีคนที่ไว้ใจได้กว่า ที่จะขอหยิบยืมกำลังต่างหาก

ทว่ากฤตเมธยังไม่คิดจะโทรตอนนี้...
 
"ก็จริงของเมธแหละนะ แต่พี่ก็อดห่วงไม่ได้ว่ะ ปล่อยไว้นานมันไม่ค่อยจะเข้าท่านะพี่ว่า"  อ๊อดถึงกับกอดอก พลางถอนหายใจด้วยความเครียด ความกังวลขดเขม็งเกลียวตีรวนในท้องจนเริ่มปั่นป่วน หากเป็นสดายุจอมเสเพลอย่างเมื่อก่อน ผู้กำกับหนุ่มใหญ่อาจไม่ต้องกังวลถึงขนาดนี้ แต่นี่...สดายุคนปัจจุบัน มันโคตรน่าเป็นห่วง

ในระหว่างที่ผู้กำกับรุ่นใหญ่ยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวด ด้วยความเป็นห่วงน้องนางเอกคนดีของตัวเองจนแทบหยุดกระดิกขาจนตัวสั่นตัวคลอนไม่ได้นั้น กฤตเมธก็ตั้งท่าจะวิ่งลงไปตามหาข้างล่างอีกรอบ เผื่อว่าเจ้าตัวแสบของเขานั้นแท้จริงจะไม่ได้หายไปไหน อาจไปเล่นซนอยู่ในที่ที่เขาคิดไม่ถึงก็เป็นได้

คิดได้ก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง กฤตเมธกระโจนออกจากห้องไปด้วยหัวใจที่ร้อนดังไฟสุม

“พี่เมธครับ เดี๋ยวผมลงไปด้วย”

ยังไม่ทันจะได้กดลิฟท์ กฤตเมธก็ถูกรั้งไว้ด้วยเสียงเรียกของรุจน์ ที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา โดยมีพอร์ชติดสอยห้อยตามมาด้วยเป็นเงา 

“พี่เมธลองลงไปทางเชื่อมชั้น 5 รึยังครับ?”  ไม่รอช้า รุจน์ถามกฤตเมธขึ้นทันทีระหว่างรอลิทฟ์จากชั้นสามสิบ

“ยัง พี่เคยไปแค่ชั้นหนึ่ง”  กฤตเมธตอบโดยเร็ว ในจังหวะที่ประตูลิฟท์เปิดขึ้นพอดิบพอดี รุจน์จึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปกดเลขห้า เพื่อพาพวกตนลงไปตามหาพี่ชายที่หายตัวไป

“ทางเชื่อมชั้นห้า เป็นทางลัดของพี่ยุครับ ผมเคยตามพี่เขาลงไปซื้อกาแฟปั่นร้านโปรดของพี่เขาครั้งนึง พี่ยุเคยบอกว่าชั้นหนึ่งคนพลุกพล่านเกินไป ขี้เกียจพรางตัวมาก ผมว่าคราวนี้ พี่เขาก็ต้องผ่านทางนี้เหมือนกัน”  เหตุผลของรุจน์ฟังขึ้นที่สุด ทั้งสามจึงไม่รอช้าที่จะไปตามหาสดายุที่ชั้นห้า อย่างที่น้องเล็กคาดการณ์

ระหว่างทางเดินมืดสลัว มีรุจน์คอยนำทาง พอร์ชก็ช่วยสำรวจซ้ายขวา เผื่อมีสิ่งใดผิดปกติ และกฤตเมธเอง ก็ทำการโทรย้ำหาสดายุไม่ขาดสาย ต่างภารกิจ แต่สิ่งที่คิดเหมือนกันคือ ‘ขอให้เจอสดายุทีเถอะ...ขอให้ปลอดภัยทีเถอะ’

ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย
 คนแรกของเช้าถัดไป ฉันก็อยากเห็นเธอ


แว่วเสียงเพลงบางอย่างจากปากทาง ที่พวกเขากำลังมุ่งหน้าไป เสียงที่แค่ได้ยินก็ใจเต้นระทึก เพียงแค่ได้ยิน กฤตเมธก็วิ่งห้อเต็มฝีเท้า เสียงเรียกเข้าของสดายุ แม้จะยินเพียงเสียงแว่ว กฤตเมธก็จำได้ขึ้นใจ เพราะเขาทั้งคู่ตั้งเสียงเดียวกัน!!

ก่อนจะนอนอยากเจอเธอเป็นคนสุดท้าย
 คนแรกของเช้าถัดไป ฉันก็อยากเห็นเธอ
 เช้าก็มีแต่เธอ ค่ำก็มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น



วิ่งออกมาได้ถึงลานจอดรถ โดยไม่ยอมวางสาย เสียงเพลงนั้นชัดเจนขึ้น ทว่ามองซ้ายแลขวา ก็ไร้ซึ่งตัวตนของสดยุ มีเพียงเสียงเท่านั้น อยู่ไหนกันนะ สดายุอยู่ที่ไหนกัน

“...ยุ!?”

ในที่สุดก็เจอกัน แต่ไม่ใช่การเจอที่กฤตเมธปรารถนา ตรงโถงทางเชื่อม ก่อนจะถึงทางเข้าตึกอีกฟาก มีบางอย่างกำลังส่องแสง ส่งเสียงร้อง และสั่นไหวอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อเรียกร้องให้ใครสักคนได้มาพบเจอ กฤตเมธก้มลงหยิบมือถือที่ดับไปแล้วของสดายุขึ้นมาพิศมอง รอยแตกร้าวเล็กๆตรงริมหน้าจอ สันนิษฐานได้เลยว่า การร่วงกระทบพื้นของมันรุนแรงพอสมควร

มีเพียงมือถือที่เหลืออยู่ต่างหน้า

แล้วเจ้าของล่ะ?

“ผมไม่ได้อยากพูดเป็นลางหรอกนะพี่เมธ แต่ผมว่าพี่ยุกำลังแย่”  พอร์ชพูดขึ้น เพื่อเตือนกฤตเมธว่าอย่ารอช้า “เราลองไปดูที่กล้องวงจรปิดกันดูไหม?”

การติดต่อขอดูกล้องวงจรปิดนั้น ไม่ได้เป็นไปด้วยความง่ายดาย เจ้าหน้าที่ของตึกค่อนข้างเรื่องมาก เรียกร้องการทำตามขั้นตอน ต้องให้ติดต่อเจ้าของตึกก่อน เพราะพวกกฤตเมธไม่ใช่ผู้อยู่อาศัย ไม่ใช่เจ้าของ ไม่มีบันทึกประจำวันจากสถานีตำรวจ ไม่มีหมายศาล ไม่มีหลักฐานใดๆมายืนยันตัวในการขอดูกล้องวงจรปิด สามหนุ่มถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายรักษาความปลอดภัยกวนต่อมเดือดจนเกือบจะวางมวยกันให้ได้ โดยอยู่หลายรอบเฉพาะกับรุจน์ที่ใจร้อนปากไว

สุดท้ายเลยจบที่กฤตเมธจ่ายค่าขอดูไปหนึ่งหมื่นบาท พร้อมค่าปิดปากอีกห้าพัน ไม่นึกว่าแค่นั้น ทุกอย่างจะง่ายดายราวกับโรยด้วยกลีบกุหลาบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าโหด ถึงกับเสียงอ่อนเสียงหวาน เปิดกรอภาพบันทึกให้กฤตเมธดูตามที่ต้องการอย่างว่าง่าย

และภาพที่ได้เห็นก็ทำเอาหัวใจของกฤตเมธะเต้นระทึก ตั้งแต่ฉากที่สดายุเข้าตะลุมบอนกับชายสามคน ก่อนจะเข้าไปคุยบางอย่างกับชายหญิงอีกคู่ ที่จู่ๆฝ่ายหญิงก็ตกเป็นตัวประกัน กฤตเมธขอดูแบบซูมอิน ก็ได้เห็นเต็มตาว่าหญิงสาวคนนั้นคือชิดจันทร์ ทว่าชายคนที่ล็อคร่างหล่อนไว้ กฤตเมธไม่อาจคาดเดา เพราะใบหน้าชายคนนั้นถูกปิดบังไปด้วยหมวกและแว่นตาดำ

หัวใจกฤตเมธกระตุกวูบ เมื่อเห็นสดายุถูกชายคนนั้นจ่อหน้าผากด้วยอาวุธร้าย และเพียงอึดใจต่อมา คนรักของเขาก็ถูกชายอีกคนฟาดเข้าที่ท้ายทอยก่อนจะล้มลงไป

ทั้งหมดละล้าละลังกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนย้ายกลับออกมาจากโถงทางเดิน เพื่อกลับไปที่รถตู้สีบรอนซ์เงิน โดยที่ไม่ลืมลากสดายุไปด้วย

“ช่วยปรินซ์รูปพวกนี้ให้ที เช็คทะเบียนรถตู้คันนั้นให้ด้วย”
 
กฤตเมธไม่รอช้า รีบเอาข้อมูลทั้งหมดที่มีจาก รปภ.หน้าเหี้ยม ซึ่งแน่นอนว่าได้รับการบริการที่น่าประทับใจ แม้ในตอนนั้นกฤตเมธจะไม่ได้รู้สึกอะไรมากไปกว่าเป็นห่วงสดายุก็ตาม
"เราคงต้องแจ้งตำรวจกันจริงๆแล้วล่ะพี่เมธ ช่วยกันตามหลายทางน่าจะเจอตัวเร็วขึ้น"  รุจน์รีบเสนอความคิดที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ตอนนี้

"งั้นนายเอานี่ไป ไปบอกพี่อ๊อดว่าเกิดเรื่องกับสดายุ แล้วรีบไปแจ้งความ เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง" 

"ได้พี่เมธ เดี๋ยวพวกผมจัดการให้ ถ้าประสานงานกับทางตำรวจได้เมื่อไหร่ ผมจะรีบติดต่อมา" 

"ขอบใจพวกนายมาก ฝากบอกพี่อ๊อดแจ้งต้นสังกัดให้ด้วย อย่าให้ข่าวรั่วถึงหูพวกนักข่าวเด็ดขาด"

"ครับพี่ วางใจได้เลย!"  รุจน์และพอร์ชรับคำสั่งเคร่งครัด ก่อนจะรีบแยกตัวออกไปทำภารกิจของตนอย่างแข็งขัน

ลับแผ่นหลังรุจน์และพอร์ช กฤตเมธก็ไม่รอช้าที่จะติดต่อผู้ช่วยยามฉุกเฉินของตนทันที

“ฮัลโหล ดนัย พี่มีเรื่องให้นายช่วย”

*
*
*
*
*

“ว่าไงนะพี่เมธ! ยุถูกลักพาตัว!? พวกมันเป็นใคร!?”

เสียงดนัยแผดลั่นอย่างกลั่นไม่อยู่ เมื่อทราบข่าวที่ไม่ค่อยดีนักจากพี่ชายร่วมสังกัด

ทันทีที่หลุดปากอุทานเสียงกร้าวออกมา ดนัยก็เพิ่งนึกได้ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ในห้องพิเศษกว้างขวางนี้ยังมีอีกคนที่หลับลึกอยู่บนเตียงคนป่วย เสียงดังขนาดนั้น ภาวนาว่าบดินทร์จะไม่ได้ยิน

ดนัยชำเลืองมองไปทางคนที่ยังคงนอนอยู่บนเตียงเพียงแวบเดียว ก่อนจะรีบหลบออกมาคุยไกลๆ "ได้พี่ เดี๋ยวผมจัดการให้ ตอนนี้พี่อยู่ไหน เดี๋ยวผมไปหา...ครับเดี๋ยวเจอกัน"

"มานพ ส่งคนออกไปตามล่ารถตู้สีบรอนซ์ทะเบียน XX-6426 ด่วน เจอมันที่ไหน รีบติดต่อฉันทันที"

"ครับนาย"

ออกมาสั่งการลูกน้องคนสนิทข้างนอกเสร็จสรรพ ดนัยก็เร่งฝีเท้ากะรีบไปฝากพยาบาลพิเศษที่จ้างเอาไว้ให้ช่วยดูแลบดินทร์ต่อ พรุ่งนี้ช่วงเช้าเป็นกำหนดออกจากโรงพยาบาลของบดินทร์ หากเขากลับมาไม่ทันจะได้ให้ทางพยาบาลพิเศษช่วยประสานงานต่อให้ แน่นอนว่าจะมีลูกน้องในสังกัดเขาส่วนหนึ่ง อารักขาบดินทร์ไปส่งจนถึงเซฟเฮ้าส์ที่ปลอดภัยจากนักข่าวที่สุดของดนัย ที่เขานัดพ่อและแม่เลี้ยงของอีกฝ่ายรวมทั้งผู้จัดการส่วนตัวอย่างซอลย่าให้ไปทำการรอรับอย่างอบอุ่น

ทว่ายังไม่ทันจะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น

"ผมไปด้วย!"

คนป่วยที่ดนัยคิดว่ายังคงนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ตอนนี้กลับออกมายืนดักอยู่ตรงหน้าเขา พร้อมชุดที่ดูไม่ค่อยเหมาะจะพาติดสอยห้อยตามไปไหนทั้งนั้น

บดินทร์ในชุดคนไข้ที่ท่อนบนใส่คลุมไว้ด้วยเสื้อมีฮู้ดตัวโคร่งสีดำสนิทของดนัย แต่ท่อนล่างคือกางเกงคนป่วยสีเขียวอ่อนพิมพ์ชื่อโรงพญาบาลชัดเจน พร้อมรองเท้าแตะที่ใช้ใส่เวลาจะเข้าห้องน้ำ 

ขนาดนี้ยังจะตามไป? ดนัยถึงกับถอนหายใจอย่างหัวเสีย หงุดหงิดตัวเองที่เผลอพูดดังไปในตอนแรก กะไว้อยู่แล้ว ว่าถ้าเป็นเรื่องของสดายุ บดินทร์ต้องขอตามไปด้วยแน่ๆ

แล้วก็คาดไว้ไม่มีผิดเลยเชียว!!

"กลับไปนอนพักซะ นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ"   ถึงอย่างไรดนัยก็ไม่มีทางให้บดินทร์ติดตามไปด้วยอย่างเด็ดขาด ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เขาจะออกไปเผชิญนั้น จะมีอันตรายอะไรรออยู่บ้าง ซึ่งเขาไม่อยากห่วงหน้าพะวงหลัง หากต้องมีการต่อสู้

“แต่สดายุถูกลักพาตัว.....” บดินทร์ไม่ยอมถอย

“แล้วไง? เกี่ยวอะไรกับคุณ?” แต่การ์ดดนัยก็ยังแข็งแรงกว่ามาก

“สดายุเขาเป็นเพื่อนผม” บดินทร์พยาย่ามต่อรอง

“เหรอ? ไม่ยักรู้...เห็นเกลียดกันจะแย่”  แต่ก็ถูกดนัยดักคอทุกทางเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่ายังไง ดนัยก็ไม่ยอมให้บดินทร์ตามไปเสี่ยงด้วยเด็ดขาด

“...อย...อย่างน้อย ก็เคยเป็นเพื่อนรักกัน และผมต้องการ ไปช่วยเพื่อนผม”  แม้คำกระทบกระเทียบของดนัย จะจี้ใจดำจนเจ็บร้าว แต่ก็ไม่อาจทำให้ความตั้งใจของบดินทร์ดับดิ้นลงได้ เคยชั่วช้ากับสดายุแล้วยังไงล่ะ เขาเป็นห่วงนี่ เขาอยากไปช่วย ใครก็ห้ามไม่ได้ทั้งนั้น

ตอนแรกก็คิดจะดื้อดึงติดตาม แต่พอเห็นว่ามือถือที่ดนัยถืออยู่มีรูปบางอย่าง บดินทร์ก็ฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายพลั้งเผลอ แย่งยุดฉุดมือถือเครื่องนั้นมาจากมือดนัยจนได้

“เฮ้ย! ทำอะไรของคุณน่ะ เอาคืนมาเลย!”  จู่ๆก็ถูกฉกของในมือไปต่อหน้า แม้จะเป็นบดินทร์ก็เถอะ ใช่ดนัยจะไม่รู้สึกหัวเสีย

“เฮ้! บดินทร์!!” พอยื่นมือจะไปเพื่อขอคืน บดินทร์ก็พลิกตัวหนีหน้า สองมือไสลด์รูปในมือถือดนัยที่กฤตเมธส่งมาให้รัวๆ พอจะได้ทันเห็นรูปพรรณของกลุ่มคนร้าย และป้ายทะเบียนที่กฤตเมธพิมพ์ส่งมาได้ทันก่อนจะถูกดนัยแย่งกลับไป

“อย่าคิดสร้างเรื่องนะคุณ รีบกลับเข้าห้องไปซะ ผมเองก็ต้องรีบไปนะ!” ดนัยเริ่มฉุน เมื่อถูกบดินทร์ตอแยไม่เลิก ชายหนุ่มตวาดเสียงไม่ดังนัก แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่บึ้งตึงนั้น เป็นเครื่องหมายได้อย่างดี ว่าห้ามใครขัดใจอีก

“................”  บดินทร์เงียบ ไม่พูดอะไรอีก

เห็นแบบนั้น ดนัยก็ถอนหายใจ แล้วหันหลังเดินจากไป โดยมีบดินทร์ยืนส่งจนลับสายตา

ติ้ง....

ได้ยินเสียงลิฟท์แว่วๆ บดินทร์ก็ยกยิ้มร้าย ได้ เขาไม่ไปพร้อมดนัยก็ได้ แต่ใครบอกล่ะว่าเขาตัดใจไม่ออกตามหาสดายุแล้ว คนใส่หมวกในรูปนั่นเขารู้จัก ผู้หญิงที่ถูกจับไปด้วยนั่นเขาก็รู้จัก หากใครไม่คุ้นตาคงนึกไม่ออก แต่เขารู้ดี ว่านั่นคือชิดจันทร์ และชายที่ใส่หมวกนั้นคือ พิมาน ไม่ผิดแน่นอน

ดาราตกอับที่ถูกอับเปหิจากวงการเพราะติดหนี้พนัน เพราะถูกเจ้าหนี้ราวีถึงกองถ่ายจนเสียการเสียงาน สิ้นเนื้อประดาตัว และเสียผู้เสียคนในที่สุด ดารารุ่นพี่ที่ชะตาชีวิตไม่ต่างจากเขามากนัก ดารารุ่นพี่ที่เขาเจออยู่เป็นประจำในบ่อนของเสี่ยอัครเดช ดารารุ่นพี่ที่ชื่อว่า ‘พิมาน!’

แหล่งกบดานไม่แน่ชัด พวกลิ่วล้อนั่นเขาก็ไม่เคยเห็น แต่อย่างน้อย เขาก็พอจะคลำทางไหว

คิดได้ดังนั้น บอินทร์ก็รีบออกเดิน ออกไปที่โถงลิฟท์ทันที ดนัยไม่ให้เขาไปด้วยแล้วยังไง วินมอเตอร์ไซด์ก็ได้ แท็กซี่ก็มี เงินติดตัวก็ยังเหลืออยู่ตั้งสองพันห้า เขาออกไปหาเองก็ได้!!

หมับ!!!


“ดื้อจังนะคุณ”


ความตั้งใจของบดินทร์เต็มล้น ทว่ายังไม่ทันพ้นทางเลี้ยวโถงลิฟท์ ก็ถูกรวบตัวเข้าอ้อมกอดของผู้ดักรออยู่เข้าเต็มรัก บดินทร์ผวามองเจ้าของอ้อมแขนร้ายกาจ ผู้ยิ้มเยาะอยู่ด้านหลังอย่างผู้มีชัย เสียงลิฟท์นั่นเป็นเสียงลวง!!

“ปล่อยนะ!! ปล่อยผม!!”  บดินทร์ดิ้นรนรุนแรง ทั้งขัดใจ และผวาหวาดหวั่นกับอ้อมแขนที่สวมกอดมาอย่างกะทันหัน แม้ความหนากับส่วนสูงจะต่างกันไม่มาก แต่บดินทร์รู้สึกว่าเขาช่างไร้พลังเหลือเกินเมื่ออยู่กับคนคนนี้

คนที่เคยพรากทุกอย่างไปจากชีวิตเขาอย่างเลือดเย็นที่สุด!!

“ผมบอกให้อยู่ที่นี่ดีๆไม่ชอบใช่ไหม ชอบให้บังคับสินะ ต้องให้มีคนเฝ้าใช่ไหม? ได้...เดี๋ยวผมจะสั่งคนเฝ้าคุณไว้เอง!”  นี่ไม่ใช่แค่คำขู่ แต่ทุกประโยคที่พูดออกมาล้วนสัจจริง ดื้อนักก็ต้องสั่งสอน พยศนักก็ต้องปราบ!

“ผมรู้ว่าพวกนั้นเป็นใคร และผมรู้ว่าจะหามันได้จากที่ไหน ได้โปรดให้ผมได้ไปช่วยสดายุด้วย!!”  เมื่อดิ้นรนออกจากวงแขนไม่เป็นผล ซ้ำยังถูกเรียกคนมาคอยจับตาเฝ้า บดิรทร์ก็สิ้นหนทางจะหลบหนี จึงจำต้องอ้อนวอนดนัยอีกครั้ง โดยต่อรองด้วยข้อมูลน้อยนิดที่ตนมีอยู่

“ว่ายังไงนะ?”  ยินว่าคนที่ยังคงดิ้นรนในอ้อมแขนรู้อะไรมาบ้าง ดนัยก็ถึงกับหูผึ่ง สองมือแกร่งกระชากไหล่ลาดให้หันมาสบตาตนทันทีอย่างเร่งร้อน

“คุณบอกว่าคุณรู้ว่าไอ้เวรพวกนั้นมันเป็นใครงั้นเหรอ?”  ดนัยถามย้ำกับคนตรงหน้า สองมือแกร่ง เกร็งสั่นเล็กน้อย ทว่ายังคงจับไหล่บดินทร์แน่น

“ใช่ เพียงแค่คุณยอมให้ผมติดตามไป ผมจะยอมบอกคุณทั้งหมด”  บดินทร์พยักหน้าน้อยๆ พร้อมแหงนขึ้นสบตากับดนัยจริงจัง คำต่อรองสุดท้าย ได้โปรดให้เขาติดตามไป ได้โปรดให้เขาได้ไถ่โทษ ได้โปรด...

“ร้ายนักนะ ก็ได้ งั้นมากับผม” 

สุดท้ายดนัยก็ยินยอม บดินทร์ยิ้มขึ้นน้อยๆด้วยความดีใจที่ในที่สุดคำขอร้องก็สัมฤททธิ์ผล

ทั้งสองสบตากัน ด้วยความหมายที่แตกต่าง ในขณะที่ดนัยกดลิทฟ์รอ

บดินทร์มองดนัยด้วยเหตุผลที่ว่า ขอบใจที่ให้ติดตาม

ส่วนดนัยนั้นต่างออกไปเล็กน้อย

เขามองบดินทร์ด้วยความหมายที่ว่า....’ปรารถนาเหลือเกิน’

ไม่มีคำพูดใดจากนั้น ทันทีที่ลิฟท์มา สองร่างก้าวเข้าไป เพื่อภารกิจตามหาสดายุ!!



*************************************************

มาสั้นๆอีกแล้ว ขอโทษนะคะ
มาสั้น แต่มาเรื่อยๆนะ สัญญาว่าไม่หายไปไหนแล้วค่ะ TT^TT

คิดถึงน้องยุกันใช่ไหมเอ่ย..หุหุ
ตอนหน้าน้องยุโผล่แน่นอนค่ะ
โผล่มาอย่างลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงดอง!!

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
จุ๊บๆๆๆ
อนาคี / Thearboo
 :ling3:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-05-2015 19:27:53
เราจะได้รู้ความโหดของดนัย เร็วๆนี้ซินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-05-2015 19:29:16
 :z13: จิ้ม จิ้ม นึกว่าตาฝาด ดีใจที่มาต่อ แต่มันยังไม่จุใจเลยค่ะ อีกหน่อย ขออีกหน่อย นะคะ // กระพริบตาปริบๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: monaligo ที่ 25-05-2015 19:41:26
ถ้านางมะยงชิดโดนจับไปคนเดียวจะไม่มีใครสนใจเลยนอกจากแม่นาง นี่น้องยุโดนจับไปด้วยไง เลยมีคนช่วยแบบรึ่มเลย หล่อนต้องขอบคุณสดายุนะนังมะยงชิด  :katai3:
ปล.รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: double9JH ที่ 25-05-2015 19:52:17
 :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 25-05-2015 19:55:58
รอน้องยุลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงดอง :m13:


 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 25-05-2015 19:56:17
แต่งต่อเลยได้เลยไหม อย่าเพิ่งปล่อยให้ชั้นค้างไป~~~
มากต่อเรวๆนะค่ะ เพ้อมากอยากได้อีกๆ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 25-05-2015 20:26:28
โอ้ย ลุ้น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 25-05-2015 20:31:40
สั้นจุง
มีผิดตรงชื่อหลายครั้งนะคะ ดนัยต้องเปลี่ยนเปนดิน
รักคนเขียน มาบ่อยๆน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 25-05-2015 20:36:53
บดินทร์น่าร้ากกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 25-05-2015 20:37:25
จัดหนักๆเลยค่ะพี่เมธขาาา
ดนัยด้วย เอาให้ไอ้พวกนั้นกระอัก

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-05-2015 20:37:48
มีพิมพ์ชื่อบดินทร์เป็นดนัยด้วยค่า 
รอลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-05-2015 20:39:54
 :serius2:
น้องยุกระทิงดอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: TOY_SKY ที่ 25-05-2015 20:43:26
ไม่สั้นหรอกคะ  แค่นี้ก้ดีใจที่ได้อ่านแล้ว
อ่านมาหลายตอนแทนที่จะชอบคู่หลัก  หลังๆเริ่มชอบคุ่บดินทร์กับดนัยมาก 
อยากอ่านคู่นี้เยอะๆๆจัง  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 25-05-2015 20:43:41
พิมานแกซวยแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 25-05-2015 20:43:51
พี่กินถั่วรอน้องยุอยู่หน้าจอเลยค่ะ!!! ตามติดๆ
เอาให้หนักเลยนะ ทำเราเจ็บแบบนี้ ต้องเอาคืน
หวังว่าจะปลอดภัย รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 25-05-2015 20:46:39
บดินทร์ นายมุ้งมิ้งโคดดดด บอกเลย ชอบแบบนี้อ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 25-05-2015 20:54:49
เจอน้องยุเมื่อไหร่จะจับตีให้ก้นลายเลย ซนนัก หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ พี่เมธตามให้เจอเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 25-05-2015 21:14:10
ดื้อทั้งคู่เลย บดินทร์ก็นะไปคนเดียวจะไปช่วยอะไรได้ จะทำตัวเป็นพื่อนรักไปช่วยยุคนเดียวหรือไง มีหวังจะถูกจับไปกระทืบอีกคน 555 ดีนะดนัยไหวตัวทัน เริศ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmy_kuneekorn ที่ 25-05-2015 21:31:11
เอาอีกกกกกกกกกกกกกกก :ling1: :ling1: :ling1:

มาต่อเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 25-05-2015 21:31:57
ดนัยออกล่าแล้ววเอาบดินไปด้วยจะมีสมาธิไหมเนี่ยดนัยคิคิ พี่เมฆรู้ตัวช้าไปนะว่าน้องยหายตัวไปเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 25-05-2015 21:46:25
ตอนนี้ไม่มีน้องยุ เป็นยังไงบ้างเป็นห่วงงง :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 25-05-2015 21:58:03
รักบดินทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 25-05-2015 22:07:08
ดนัยปล่อยความโหดให้หนักเลยพ่อคุณ
จบเรื่อง อีพิมานกับยายชิด แล้วก็ปราบพยศเมียต่อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-05-2015 22:08:45
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-05-2015 22:23:22
เอาให้เละนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 25-05-2015 22:32:16
พระเอกจะไปช่วยนางเอก
พระรองจะไปช่วยนางเอก
เมียพระรองจะไปช่วยนางเอก

เอิ่ม ชิดจันทร์รอแม่โอนตังค์ก่อนนะลูก
             :z10:
             
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 25-05-2015 23:30:28
แบบว่า ทำไมช่วงนี้บดินใสๆจุง :katai5: หรือว่าได้สารภาพาบาปกลับใจไรงี้เหรอ ฮ่าๆ  ตอนแรกละเกลียดจังตอนนี้ทำไมเอ็นดู  แต่สุดท้ายคงไม่พ้นถูกดนัยดูเอ็น อุ๊ปส์ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 25-05-2015 23:36:57
ลุ้นๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 25-05-2015 23:56:45
อยากเห็นดนัยช้ำใจไวๆจัง ต้องให้บดินทร์เกลียดดนัยมากๆ อยากเห็นจริงๆคนช้ำในเนี่ย

ตอนนี้บดินทร์น่ารักมากกกกกค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 26-05-2015 00:16:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: felin_kkr ที่ 26-05-2015 00:48:36
โฮกกกกกกก

สั้นจุงค่าา แต่จะรอตอนต่อไปนะ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-05-2015 04:44:14
สงสัยยุจะบุกป่าฝ่าดงออกมาเอง
ขำบดินทร์โดนดนัยดักทุกทาง555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-05-2015 05:17:05
เอิ่ม....สงสัยยุลืมไปว่านี่เป็นชีวิตจริงไม่ใช่หนัง   ทำอะไรไม่คิดเลย
ทุกคนไปตามหานายเอกหมดแล้ว
ชิดจันทร์น่าจะโดนหนังสดปล่อยคลิปนะเผื่อจะสงบขึ้นมาเป็นกะคนอื่นมั่ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 26-05-2015 10:07:39
พวกนายคิดผิดแล้วล่ะที่ทำให้พี่เมธโกรธ หึหึ o3
มาต่อไวๆนะฮะรออออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-05-2015 11:51:29
ลูกผู้ชายนามว่าสตายุ ช่างแมนเหลือเกิน
โดนจับซะเลย
ดีนะที่เป้าหมายจริงๆไม่ใช่ยุ
เอาละปฏิบัติการช่วยยุ(อีกครั้ง) เริ่มขึ้นแล้ว

แต่เค้ายังเกลียดชิดจันทร์อย่างต่อเนื่องนะ
เมื่อไหร่จะรับกรรม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Infinity 888 ที่ 26-05-2015 12:47:34
รอน้องยุลูกผู้ชายตัวจริงกระทิงดอง!!  :m13:

ช่วยได้เมื่อไหร่จะให้พี่เมธ จับตีก้นทั้งคืนเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-05-2015 13:00:59
พี่ยุ ลูกผู้ชายเกินไปแล้วนะ ช่วยไม่ได้ก็ต้องถอยสิคะ ลูกผู้ชายต้องยืดได้หดได้ พี่เมธ ดนัยลุยเลยค่ะ จัดหนักๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 26-05-2015 15:27:27
ลุ้นที่สุด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-05-2015 15:28:35

จะเจอไหมนะ

ต้องเจอสิ

แต่จะทันแค่ไหนกัน

รอต่อไป

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 26-05-2015 22:32:18
พระเอกจะไปช่วยนางเอก
พระรองจะไปช่วยนางเอก
เมียพระรองจะไปช่วยนางเอก

เอิ่ม ชิดจันทร์รอแม่โอนตังค์ก่อนนะลูก
             :z10:



จริงด้วย! 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 26-05-2015 23:32:35
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 27-05-2015 16:17:39
พี่เมธแอนด์ดนัยบดินทร์บุกตะลุยช่วยสดายุ! เฮ้!!

ลุยโว้ยยยยยยย //ผูกผ้าโพกหัวลากไม้หน้าสามเหน็บปืนเหน็บมีดติดระเบิดใส่เกราะ!!

ปล. ใครคือชิดจันทร์คะ ไม่รู้จักค่ะ ไม่ช่วยค่ะ รับกรรมไปนะ บายยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 28-05-2015 00:27:24
คราวนี้เป็นตอนรวมดาราแน่ๆ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 31-05-2015 19:47:45
ยุรอนิดนึงนะหนูทุกคนกำลังจะไปช่วยแล้ว
ส่วนชิดจันทร์ เอิ่ม ก็คงได้ผลพวงในการช่วยยุนั่นแหละมั้ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 02-06-2015 01:57:12
น้องชอบชื่อตอนจังค่ะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 03-06-2015 01:01:18
ผมคือ...นางเอก
‘สงครามประสาท’



วิ้ง.... เสียงเหมือนทีวีที่รับสัญญาณไม่ได้

วิ้ง.... หนวกหู

วิ๊ง.... โอยยยปวดท้ายทอยมึนไปหมด



รู้สึกตัวว่าลืมตาแล้วแต่ก็เหมือนยังเผยอเปลือกตาไม่ขึ้นทุกอย่างรอบกายดูมืดมัวไปหมดกว่าจะตั้งสติกว่ารูม่านตาจะปรับรับแสงสลัวก็กินเวลาเป็นนาทีร่างกายปวดยอกโดยเฉพาะตรงท้ายทอยที่ชาหนึบ

"เชี่ยอะไรวะเนี่ย..."  แค่ขยับก็เจ็บปลาบจนต้องเผลอรำพึงงึมงำและนั่นทำให้สดายุรู้ตัวว่าเขาไม่ได้อยู่ลำพัง

"ตื่นได้เสียทีนะ"

เสียงหวานทักขึ้นทันทีที่เห็นว่าสดายุรู้สึกตัวตื่นจากการสลบไสลเสียทีเสียงนั่นเรียกความทรงจำสดายุไหลกับสู่สติสัมปชัญญะได้ในที่สุดและทำให้ชายหนุ่มรู้ตัวแล้วว่าถูกลากมามาเป็นนักแสดงสมทบเสียแล้ว'ซวยชิบ...'

"หลับไปเสียนานจนนึกว่าจะตายไปแล้วเสียอีกกำลังคิดอยู่เลยว่าจะช่วยปลอบพี่เมธเขายังไง"  คนข้างกายยังปากร้ายไม่เปลี่ยนชิดจันทร์ส่อเสียดเล็กๆขณะสดายุยันกายลุกขึ้นนั่ง

"เออฉันมันหนังเหนียวตายยากว่าแต่คุณหนูเห๊อะศัตรูเยอะไม่เบานี่...แต่ก็สมกับเป็นคุณหนูแหละนะ"   ถูกว่าอะไรมาสดายุก็รับโดยดุษฎีพร้อมจิกกัดเล็กๆย้อนกลับไปก่อนจะหันซ้ายแลขวาดูว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหนห้องโล่งปิดทึบไม่มีหน้าต่างมีเพียงประตูบานเดียวกับช่องลมเล็กๆเหนือศีรษะแน่นอนว่าพอหอบสังขารเดินขโยกเขยกไปลองหมุนลูกบิดดูก็ปรากฏว่าถูกล็อคไว้ตามที่คาด

ระหว่างที่คิดว่าจะทำยังไงต่อชิดจันทร์ก็โต้ตอบคำส่อเสียดของเขาขึ้นมาเว้นช่วงนานจนสดายุแทบจะลืมไปแล้วว่าตนพูดอะไรกับอีกฝ่ายออกไป?

"ไม่ใช่ศัตรูของฉันของแม่ต่างหากแม่ก่อศัตรูลูกรับกรรมความสุขเขาล่ะ" ชิดจันทร์ตอบเนิบน้ำเสียงเรียบสนิทราวกับไม่มีอารมณ์ร่วมใดๆทว่าถ้อยแถลงที่ออกมานั้นช่างแสบสันต์ต่อคนที่ถูกพาดพิง

ความนิ่งสงบของชิดจันทร์ทำสดายุรู้สึกฉงนจนต้องหันกลับไปมองเจ้าหล่อนอีกครั้งด้วยความสงสัยจริงจังชิดจันทร์หญิงสาวตัวเล็กๆอายุเพิ่งจะแค่23-24ปีผู้หญิงเอาแต่ใจแถมร้ายกาจหรือเพราะเป็นผู้หญิงแนวนี้เป็นเด็กสาวที่มีตรรกะเพี้ยนๆทำให้แม้โดนจับตัวมาเรียกค่าไถ่ยังสามารถนิ่งนอนใจอยู่ได้ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังรู้สึกไม่สบายใจรู้สึกต้องรีบหาทางหนีแต่ชิดจันทร์กลับนิ่งสนิทแม้ในห้องสลัวๆนี่เขายังเห็นได้ชัดว่าแววตาของเจ้าหล่อนช่างเย็นชา

'นิ่งจนน่ากลัว'

"ดูคุณหนูจะไม่กลัวเลยนะ"  สดายุลองเลียบเคียงก็ว่าจะไม่สนใจแล้วอยู่ห่างๆจากนั้นก็พยายามหาทางหนีทว่าต่อมอยากรู้เรื่องชาวบ้านดันทำงานดีเลิศเอาตอนสถานการณ์ไม่ปกติเอาเสียได้

"หึก็แค่โจรเรียกค่าไถ่จะกลัวไปทำไมแค่จ่ายเงินมันก็จบแล้ว...แต่ถ้าไม่จบแล้วเกิดอะไรขึ้นกับฉันคนที่ต้องเจ็บใจก็ไม่ใช่ฉันอยู่ดี"  คำตอบที่ทำราวกับเรื่องที่เผชิญเป็นเพียงเรื่องขำขันน้ำเสียงสบายอกสบายใจเกินไปจนสดายุนึกหวั่นและเริ่มพาลจะหงุดหงิดขึ้นเล็กๆ

ยัยคุณหนูนี่กวนประสาทชะมัดโธ่เว้ย! รู้อย่างนี้แม่งไม่น่ายื่นมือเข้าไปแส่เลยกู!!

“หึ...เพิ่งรู้สึกตัวสินะ ว่ากำลังแส่เรื่องชาวบ้านอยู่...อยากได้คำสรรเสริญจากฉันหรือไงว่าเป็นคนดี”  เห็นว่าสดายุเงียบไป เสียงหวานก็ประนามหยัน เล่นเอาสดายุต้องหันไปส่งค้อนวงใหญ่ให้ด้วยความเคืองขุ่น

‘ฮึ่ย ดีออก!’

ขอหยาบคายหน่อยเหอะ ยอมหน้าตัวเมียเลย ความคิดนี้สะท้านวาบในหัวของสดายุพร้อมภาพมโนว่ามีกระแสไฟฟ้าแรงสูงกำลังวิ่งพล่านไปทั่วร่างแถมควันฟุ้งที่พวยพุ่งออกจากหูจากถ้อยคำกวนเบื้องล่างและหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวของหญิงสาวที่ราวกับเป็นศัตรูทางธรรมชาติทำให้สดายุไม่อาจควบคุมสติอารมณ์ได้อีกต่อไปใครจะหาว่าเขาเป็นชายโฉดช้าหาเรื่องผู้หญิงก็ช่างมันแล้วด่าเสร็จยอมเอากระโปรงเจ๊บลูมาใส่เลย! ความเป็นสุภาพบุรุษอะไรนั่นไอ้ยุจะเขวี้ยงทิ้งซะให้หมดตั้งแต่ตอนนี้!! 

"เออ! โทษทีครับน้องที่พี่เสือกไปหน่อยแต่ขอบอกไว้นิดนะครับว่าพี่ไม่ได้ต้องการคำสรรเสริญจากน้องชิดคนดีเลยแม้แต่นิดพี่รู้ว่าการทำดีกับน้องชิดนี่...ให้ทานหมาเสียยังได้บุญกว่าพี่ต้องขอโทษน้องด้วยแล้วกันที่พี่ดันพลาดเผลอเสือกเรื่องของน้องเข้าซะแล้ว..."

สดายุร่ายยาวพร้อมใบหน้ายียวนอย่างที่สุดไม่มีหยุดพักแม้จะมีเสียงชิดจันทร์ก่นด่าแทรกอยู่ตลอดเวลา "หุบปากไปเลยนะอีกะเทย! ใครน้องแกกันขยะแขยง!!"

"จ๊าขยะแขยงไปเถอะจ๊ะก็คงรู้สึกไม่ต่างกับพี่นักหรอกผู้หญิงอย่างน้องนี่พี่ไม่เคยพบเจอขนาดโดนจับตัวเรียกค่าไถ่ยังไม่รู้สึกระคายจะโดนรุมโทรมอยู่รอมร่อยังนั่งสบายใจเฉิบไม่เห็นใจแม่-ม ตัวเองบ้างรึไงวะครับเฮ้ยเฮ้ยนี่อย่าบอกนะน้องว่าทั้งหมดเป็นแผนที่น้องสร้างขึ้นมาอีกเป็นไรมากป่ะขาดความอบอุ่น? เรียกร้องความสนใจ? ตอนเด็กแม่ไม่อุ้มรึไง? ข่าวว่าไม่ถูกกับแม่ก็ไปเคลียร์กันเองดิเฮ้ยลากคนโน้นคนนี้เข้ามายุ่งวุ่นวายมั่วไปหมดเป็นโรคจิตหงุดหงิมรึไงจ๊ะน้องชิด?....."

ปึ้งงงงงง!!!!

ด่ายังไม่ทันจบสดายุก็ต้องรีบเบี่ยงตัวหลบคัทชูส้นสูงสีโอลด์โรสที่เขี้ยงมาเป็นเส้นตรงชนิดที่ว่าเป้าของส้นเท้านั่นคงเป็นเบ้าตาเขาไม่ผิดแน่ระยะห่างไม่เกินสามเมตรความแรงเลยไม่ตกสักเท่าไหร่รองเท้าข้างสวยเลยกระทบเข้ากับผนังเสียงดังปึ่กเน้นๆหนักๆจนสดายุยังต้องลอบถอนหายใจเมื่อกี้นี่ถ้าโดนเข้าไปเบ้าตาแตกแน่อิผู้หญิงนรกนี่แม่นชิบ!

"อย่ามาทำเป็นสู่รู้อีกะเทยโสโครก!!"    โดนสดายุด่าชนิดน้ำไหลไฟดับจนอ้าปากเถียงไม่ทันชิดจันทร์ก็เต้นผางลุกขึ้นได้ก็คว้ารองเท้าที่เท้าซ้ายเขวี้ยงใส่สดายุแบบสุดแรงแขนกะให้ได้เห็นเลือดกันสักยกเสียตรงสดายุดันไวเป็นวอกระยะประชิดเพียงเท่านี้ยังอุตส่าห์หลบทันให้ชิดจันทร์ต้องกระทืบเท้าขัดใจพร้อมชี้หน้าด่ากลับแบบไม่เหลือสมบัติผู้ดี

"คนอย่างมึงไม่น่ารอดมาจนตอนนี้เลย! ถ้ารู้ว่ามึงจะกลับมาลำเลิกกูวันนี้กูจะไม่ปราณีมึงเด็ดขาดถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้กูจะไม่ส่งใอ้โง่บดินทร์ไปปล้ำมึงหรอกแต่จะส่งมืออาชีพไปรุมโทรมมึงแทนมึงซะให้สิ้นซากไปแทน ระยำที่สุด!! ไอ้ห่ารากนั่น มันไม่เคยทำอะไรได้อย่างใจ แค่กะเทยเหี้ยๆตัวเดียวยังจัดการให้ไม่ได้ น่าจะตายๆไป ซ..........!! อ๊ายยย!!!!??"

ไม่ทันจบคำชิดจันทร์ก็ต้องกรีดร้องเสียงหลงเพราะถูกสดายุผลักร่างอ้อนแอ้นจนเซปะทะกำแพงจังเบอเร่อเจ็บจุกและเจ็บแค้นพาลให้มือไม้เรียวขาวของหล่อนระดมทุมสดายุที่ยืนคร่อมตัวอยู่พัลวันแต่ไม่สามารถร้องได้มากกว่านั้นเพราะโดนสดายุบีบคอเรียวเล็กนั้นไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว
เหงื่อกาฬของชิดจันทร์แตกพลั่กหล่อนไม่ได้กลัวตายแน่นอนว่าไม่เคยนึกกลัวสดายุแต่ดวงตาวาวโรจน์ราวเพลิงนรกสีดำที่คุโชนอยู่ในดวงตาอาฆาตคู่นั้นมันสะกดหล่อนจนเริ่มขยับตัวไม่ได้และมือที่บีบแน่นขึ้นนั้นมันก็กำลังจะหยุดกระทั่งลมหายใจ

"เกลียดกูนักก็เล่นงานกูคนเดียวสิเฮ้ยเล่นกันซึ่งๆหน้า เล่นกันแฟร์ๆหน่อยอิหนูคิดว่ามีแม่ใหญ่หน่อยจะทำห่าอะไรใครก็ได้รึไงวะ?" 

เสียงแหบต่ำคำรามชัดขณะเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้หญิงสาวผู้จนตรอกด้วยอารมณ์เคียดแค้นคุกคามมือข้างที่ตะปบคอหล่อนไว้แตกซิบเลือดด้วยถูกเรียวเล็บแหลมจิกข่วนหวังให้ปล่อยมือจากคอระหงแต่ความโกรธคลั่งของสดายุมันมีมากกว่าความเจ็บเกลียดเขาเกลียดผู้หญิงตรงหน้าเกลียดจนไม่สามารถหาคำบรรยายใดๆได้เกลียด!!

"ถามจริงคุณหนูฉันเคยไปทำอะไรเธอตอนไหนเหรอ?  เคยไปเผาบ้านเธอมะหรือไปทำอะไรให้เธอเกลียดนักหนารึไง? เธอถึงได้จองล้างจองผลาญฉันไม่เลิกราหรือเพราะฉันแย่งกฤตเมธจากเธอไปก็ไม่นี่? เธอไม่ได้รักเขาแต่ทำไปเพื่อประชดแม่เธอซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจอีกเหมือนกันว่าเธอจะทำห่าเหวขนาดนั้นเพื่อประชดแม่ตัวเองทำไม!? เรื่องบดินทร์ก็เหมือนกันถ้าเกลียดฉันก็มาเล่นงานกันตรงๆจะไปลากบดินทร์เข้ามาเกี่ยวด้วยทำซากอ้อยอะไรวะ!!?  คงรู้สึกดีมากใช่ไหมที่ข่มเหงมันได้ จนทำให้มันคิดสั้นฆ่าตัวตายน่ะ! ฉันถามเธอจริงๆเถอะผู้หญิงอย่างเธอ มันมาจากนรกขุมไหนกันแน่วะ!ชิดจันทร์!!!?"

สดายุตะคอกคำรามพร้อมทุบที่กำแพงข้างตัวชิดจันทร์ทิ้งท้ายประโยคแม้จะผอมแห้งแต่ความเป็นเพศผู้ยังคงเต็มล้นดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่ไม่สามารถระงับความพลุ่งพล่านดาลเดือดได้เขาก็ไม่สามารถควบคุมรังสีคุกคามที่แผ่กำจายตามสัญชาตญาณได้เช่นกัน

และโดยสัญชาตญาณจึงไม่แปลกที่ชิดจันทร์เองก็พรั่นพรึงตะลึงลานไปกับกระแสคุกคามของสดายุไม่น้อยทว่าความกลัวกลับแล่นปราดผ่านกระดูกสันหลังหล่อนไปเพียงชั่วแล่นเพียงครู่เดียวเท่านั้นสติสัมปชัญญะของชิดจันทร์ก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้งพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆที่พยายามจะลั่นออกมาให้ได้แม้จะถูกกำคอไว้เสียแน่นหนา

"หึหึฮะฮะ...."

เสียงหัวเราะทำสดายุทั้งขนลุกทั้งรังเกียจและยิ่งโมโหหนัก'แม่งเป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกวะ!!?'

"แล้วมันตายหรือเปล่าล่ะ...ไอ้บดินทร์น่ะ?"

เสียงหวานล้ำกระซิบถามตรงหน้าสดายุน้ำเสียงละมุนละไมแต่โคตรจะไม่น่าฟัง

"ชิดจันทร์!!"

เพียงได้ยินเสียงกระซิบร้ายกาจสดายุก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกมือที่เคยกำรอบคอหญิงสาวไว้ ค่อยๆคลายออกช้าๆ ผู้หญิงตรงหน้าราวกับสิ่งมีชีวิตที่สดายุไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิตไม่ใช่แค่ร้ายกาจเรียกไม่ได้ว่าไร้หัวใจ

แต่คือ...เรียกไม่ได้ว่ายังมีความเป็นมนุษย์!!

“หึหึ คนอย่างมันน่ะ สมควรตายแล้วล่ะ อยู่ไปก็รกหูรกตา คนอะไร อ่อนแออย่างกับสัตว์เซลล์เดียว แถมยังโง่ดักดาน ทำอะไรก็ไม่เจริญหรอก ตายๆ ไปซะได้ ถือเป็นความโชคดีของมันแล้ว หึหึ ถึงว่าสิ พี่เดชเลยไม่ให้ยุ่งกับมัน ที่แท้ก็ตายห่าไปแล้วนี่เอง...น่าสมเพชสิ้นดี”

ชิดจันทร์พูดพลางแสยะยิ้มเยาะ ดวงตากลมหวานจดจ้องดวงตาของสดายุนิ่งงัน แววตาดำมืด เช่นเดียวกับก้นบึ้งของจิตใจ สดายุกัดฟันกรอด พร้อมเริ่มนับหนึ่งในใจช้าๆ

“เสียดาย ที่ฉันไม่ได้เห็นมันตายด้วยตา ไม่สิ มันตายง่ายเกินไปด้วยซ้ำ ความระยำหมาที่มันทำไว้กับชีวิตฉันเนี่ย แค่ตาย...มันง่ายไปด้วยซ้ำ!....”

หึ...

“....!?..”  ระหว่างที่ชิดจันทร์พร่ำพูดเย้ยหยันบดินทร์ให้สดายุฟังอยู่นั้น จู่ๆ สดายุก็เผลอหลุดขำออกมา แน่นอนว่าดวงหน้าสวยหวานแดงก่ำด้วยความเคืองขุ่นขึ้นทันทีที่เห็นว่าสดายุกำลังจะหลุดหัวเราะเยาะหล่อนออกมา

“ฮ่า ฮะ ฮะ ฮะ...โอ้ย ขำว่ะ ก๊าก...ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”

สดายุขำพรวดออกมา ราวกับได้ฟังเรื่องตลก หัวเราะจนตัวงอ หัวเราะจนท้องคดท้องแข็ง ภาพตรงหน้า เล่นเอาเสน่ห์จันทร์ตัวแข็งทื่อไปหมด ด้วยไม่รู้ว่าจู่ๆทำไมสดายุถึงแสดงท่าทีแบบนั้น ทั้งที่เมื่อครู่ หล่อนยังถือไพ่เกมประสาทเหนือกว่าอยู่แท้ๆ

“แกเป็นบ้าอะไร!?....” ชิดจันทร์ลนลานถามอย่างอยู่ไม่สุข หล่อนเกลียดคนที่ทำกริยาแบบนี้ใส่เป็นที่สุด!

“หึหึ...เธอคิดว่าเธอเป็นใครวะ? เจ้าแม่ตะเคียนทองหรือไง? บันดาลเป็นบันดาลตายได้ด้วย? อยากให้ใครตายยังไงก็ได้อย่างใจ? เป็นเทพหรือจ๊ะน้องชิด? ฮ่าฮ่า” สดายุพูดพลางขำต่อ อย่างไม่ไว้หน้า ตอนนี้ชิดจันทร์แทบจะเต้น หล่อนกำลังโดนสดายุยั่วยุ ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากต่อคำ ชิดจันทร์ก็โดนสดายุผลักอัดตัวเข้ากำแพงอีกครั้ง แบบไม่เบานัก พร้อมกับคำเฉลยที่ว่า

“แล้วเลิกคิดเองเออเองได้แล้วนะคนสวย บดินทร์ยังไม่ตายครับ อยู่ครบสามสิบสอง และมีคนคอยดูแลเป็นอย่างดี...ไงล่ะ? ดีใจไหม? หึหึ”

สดายุเย้ย ยิ่งเห็นชิดจันทร์ตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความขึงโกรธ สดายุยิ่งเยาะย้ำ จี้ใจดำกันให้ได้ตายไปข้าง

เห็นใจเหรอ? กับคนอย่างชิดจันทร์เนี่ยนะ?

ฝันไปเหอะ!! บอกเลย วันนี้ไอ้ยุจะนุ่งผ้าถุง!! หน้าตัวเมียกันให้ลืมไปเลยว่า คำว่าลูกผู้ชาย มันสะกดยังไง!!


“มันยังไม่ตายก็ดี! เดี๋ยวฉันออกไปได้เมื่อไหร่ ฉันจะไปจัดการมันเอง เอาให้มันเสียใจเลยทีเดียวที่ยังเสือกมีลมหายใจอยู่!”  ชิดจันทร์ไม่ยอมแพ้ต่อสงครามประสาทที่สดายุเพียรสร้าง หล่อนยังคงมุ่งมั่นในแนวทางของตัวเองต่อ อย่างหน้ามืดตามัว แม้แผ่นหลังจนชนฝา แต่ดวงตายังคงไม่แพ้ สดายุกระจ่างถึงคำว่า สู้หลังชนฝา ก็วันนี้แหละ

“จุ๊ๆๆ โถคนสวยครับ เอาอะไรมาคิดได้เนี่ย ว่าจะตามราวีไอ้บดินทร์มันได้อีก? มโนไปเองเหรอ? หรือยืนหลับฝันอยู่? ช่วยตบปลุกไหม?”  สดายุยียวนจนถึงที่สุด ลืมไปแล้วว่าเรื่องสำคัญที่สุดคือต้องหาทางหนี เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่สดายุคิดได้ คือไล่ต้อนชิดจันทร์ให้จนมุม...ตกเหวไปได้เลยยิ่งดี!

“เฮอะ! แกก็ด้วยไอ้กะเทยโสโครก! ตอนแรกคนอย่างแกไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันหรอกนะ อยู่เฉยๆไปก็ดีอยู่แล้ว ดันเสือกมาสอดไม่ดูตาม้าตาเรือ ที่แกต้องเจออยู่ตอนนี้ ก็เพราะแกทำตัวเองทั้งนั้นแหละ ที่แส่ไม่เข้าเรื่อง!!

เดี๋ยวพอแม่ฉันเอาค่าไถ่มา ฉันก็จะถูกปล่อยตัว ไอ้โจรกระจอกเห็นแก่เงินพวกนั้นขี้คร้าน เห็นเงินเข้าก็โลภ หลอกล่อหน่อยก็ยอมทำตามน้ำลายหกแล้ว ฟังนะอีตุ๊ด ฉันน่ะรอดแน่ แม่ไม่มีวันพลาด ไม่มีวันให้ฉันเป็นอันตราย...แต่แกล่ะ? แกที่เสือกโง่ตามมา ใครเขาจะช่วยแก แม่ฉันไม่มีทางช่วยแกออกไปด้วยหรอก เพราะถ้าไม่มีแกสักคน เขาก็ได้กฤตเมธลูกรักของเขาคืน หึหึ...แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ให้พวกนั้นล่อแกถึงตายหรอก เอาแค่ตายทั้งเป็นก็พอ!

เกิดอะไรขึ้นกับแก กฤตเมธก็คงใจสลาย เผลอๆก็บ้าไปเลย ถึงตอนนั้น ฉันค่อยไปจัดการไอ้บดินทร์ก็คงไม่สายไปอยู่แล้ว...”




“เธอมันบ้าไปแล้วจริงๆด้วยสินะ ชิดจันทร์”

ฟังแผนการณ์ของชิดจันทร์แล้ว สดายุถึงกับถอนหายใจพรู กู่ไม่กลับเสียแล้วกับผู้หญิงตรงหน้า คิดอะไรแต่ละอย่าง ไม่ใช่ในระดับที่คนสติดีๆเขาคิดกัน ‘เป็นโรคประสาทอ่อนๆ สินะ?’ แล้วเป็นได้ไง? เพราะอะไร? เรื่องฝังใจวัยเด็กเหรอ? หรือตอนเป็นเด็กแม่ไม่อุ้มจริงๆ?

“เธอคิดว่าทุกอย่างมันจะเป็นไปตามที่เธอคิดหมดหรือไง? เป็นแกนโลกเหรอ? โลกหมุนรอบตัวเธอเหรอ? แหกตามองความจริงมั่งเว้ยน้องเอ้ย จุดยืนของน้องนี่ต่างกับพี่มากเลยเนอะ ถ้าน้องจะยังอยู่ในมโนง่อยๆของตัวเองไม่เลิก พี่จะขอใจดีปลุกน้องหน่อยนะ ว่าคนที่จะโดนรุมโทรมคงไม่ใช่พี่อ่ะ น้องคงไม่รู้ว่าพี่ไม่ใช่รสนิยมพวกมัน ขาวๆ สวยๆ หมวยๆ ที่ใส่สั้นแค่คืบมาล่อตะเข้นี่อยู่ต่างหาก ที่มันรอจะงาบกันอยู่ ตัวพี่อย่างดีก็แค่โดนกระทืบอ่ะน้อง ยอมๆตามใจมันหน่อย ขี้คร้านมันจะใจดีให้พี่ได้นั่งแช่ดูหนังสดสี่รุมหนึ่งเอาเสียด้วย คิดใหม่เถอะน้อง เลิกมโน หยุดโลกสวยเสียที ความจริงมันโหดร้ายนะครับคนสวย....”

“หุบปากได้แล้ว อีตุ๊ด!”

สดายุกำลังเตือนสติชิดจันทร์ด้วยความมันปาก เป็นต้องชะงักไปเพราะเจ้าหล่อนดันทะลุกลางปล้อง ใบหน้าสดสวยยังคงเชิดรั้น ไม่มีความกริ่งกลัวใดๆปรากฏบนใบหน้านั้น แม้แต่นิด มีเพียงดวงตาดำมืดราวกับหลุมลึกเท่านั้นที่จดจ้องตอบกลับมา พร้อมกับถ้อยคำที่ทำให้สดายุถึงกับสะดุด

“มึงคิดว่ากูกลัวเหรอ? กับอีแค่โดนรุมโทรม? มึงคิดว่ากูไม่เคยรึไง?”ชิดจันทร์พูดพลางแสยะยิ้มน้อยๆ พร้อมแววตาแข็งกร้าว “ใครกันแน่ ที่โลกสวยน่ะ”

สิ้นคำหญิงสาวรูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอมอย่างชิดจันทร์ ก็เยื้องกายเข้าหาสดายุเป็นครั้งแรก

และไม่ใช่เพียงแค่ใกล้ สองเรียวแขนขาวของหล่อนนั้นก็เอื้อมเข้าหา เพื่อลูบไล้แผ่นอกของสดายุด้วย อาการที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำเอาสดายุถึงกับผงะ

“รุมโทรมน่ะ...ชิดโดนมาตั้งแต่สิบสี่แล้ว แรกๆมันก็เจ็บหน่อย แต่นานๆเข้ามันก็เสียวดี ยิ่งได้โดนทุกวัน เป็นเดือน เป็นปี ยิ่งซี้ดคะ...อ๊า ทำหน้าแบบนั้นไม่เชื่อกันหรือไงคะ พี่ยุ? หรือพี่อยากลองกับชิดอนไหมล่ะ?....” ชิดจันทร์พูดพลางเบียดตัวเข้าหาสดายุอย่างหยาบโลน สองแขนเกี่ยวคล้องต้นคอคนสูงกว่าให้โน้มลงมาใกล้ ยิ่งเห็นใบหน้าของสดายุเครียดตึง หล่อนก็ยิ่งพึงใจ เรียวลิ้นสีชมพูสดแลบเลียริมฝีปากช้าๆ พลางส่งสายตาเว้าวอน

“ข่าวว่าเมื่อก่อนพี่ยุเองก็เด็ดอย่าบอกใคร...ขอชิดลองหน่อยสิคะ...”

เจอมุกนี้เข้าไป สดายุถึงกับนิ่งทื่อ ในสมองของเขาตีกันยุ่งไปหมด กับสิ่งที่ชิดจันทร์พูดออกมา ‘หล่อนเคยโดนข่มขืน…ตั้งแต่อายุแค่ 14’

“อย่านิ่งไปอย่างนี้สิคะ ตกใจเหรอ?”  ชิดจันทร์โน้มใบหน้าสดายุลงมาใกล้ พลางกระซิบเสียงต่ำ เย้ายวน บดเบียดร่างเข้าหาสดายุยิ่งกว่าเดิม เสียดสีจนผิวกายร้อนระอุ  “แม่คนนั้นทิ้งชิดไปตั้งแต่ชิดยังไม่รู้เดียงสา ทิ้งลูกแท้ๆ อย่างชิดไป เพื่อไปโอ๋ลูกใหม่อย่างกฤตเมธ รักมันประคบประหงมมัน ไม่เคยเหลียวแลเลยว่า ลูกอย่างชิดจะมีชีวิตอย่างไร ชิดถูกพวกคนเลวข่มขืนอย่างทารุณเป็นปี...”

“ก็เลยเกลียดแม่ตัวเอง...และกฤตเมธงั้นสินะ?”  ชิดจันทร์ยกยิ้มร้าย ทันทีที่ได้ยินเสียงแหบพร่าของสดายุกระซิบถ้อยคำเป็นเชิงว่าคล้อยตามกันตรงริมหู ก็นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็แค่ผู้ชายมักง่ายคนหนึ่งเหมือนกัน โดนยั่วเขาหน่อยก็เขวเหมือนคนอื่นๆ ก็นึกว่าจะเทวดาที่ไหน สะใจนัก ทำเป็นเก่ง สุดท้ายก็แพ้ภัยผู้หญิงที่มีประวัติน่าสงสาร ยิ่งคิด ชิดจันทร์ก็โอบกอดร่างบอบบางแต่ตึงแน่นของสดายุแน่นขึ้น ถึงจะเป็นคนที่หล่อนเกลียดชังมากแค่ไหน แต่ถ้าเพื่อผลประโยชน์ เพื่อบรรลุความปรารถนา และความสาแก่ใจ แค่เซ็กส์ กับใครก็มีได้ทั้งนั้น!

“พี่ยุ...เข้าใจชิดแล้วสินะคะ ชิดขอโทษค่ะ ที่เคยทำร้ายพี่ยุ เพราะชิดยังเด็ก ชิดจึงหลงทาง มันน่าหวาดกลัวมากเลยนะคะ พี่ยุ...ปลอบชิดหน่อยได้ไหม ก่อนที่ไอ้โจรชั่วพวกนั้นจะทำอะไรชิด...พี่ยุช่วยกอดชิดหน่อยได้ไหมคะ...ชิดกลัวค่ะ”  ถ้าแกนอนกับฉัน ก็เท่ากับแกทรยศไอ้กฤตเมธ มันต้องช้ำใจไปจนตายแน่ๆ หึหึ...ไอ้สดายุ ไอ้น่าโง่ หญิงก็ได้ชายก็ดีสินะ สารเลว!

“น่าสงสารมากเลยนะ ทั้งโดนแม่ทิ้ง ทั้งโดนข่มขืน.......” สดายุเอ่ย พลางโอบกอดชิดจันทร์เข้าสู่อ้อมแขน แผ่วเบา อ่อนโยน พร้อมกระซิบที่ข้างแก้มหญิงสาวเบาๆ

“แล้ว...เรื่องนี้ พี่จำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอครับ น้องชิด”

“...!!!!??” เพียงได้ยินที่สดายุเอ่ยขึ้น ชิดจันทร์ก็กระจ่างทันทีว่าวิธีของตนล้มเหลว หญิงสาวดิ้นพล่าน แต่ทั้งร่างกลับถูกกระชับแน่นจนแทบขยับไม่ได้

“มีปัญหาอะไรก็ไปเคลียร์กับแม่สิครับ มันมาเกี่ยวกับพี่ กับกฤตเมธ หรือกับบดินทร์ตรงไหนเหรอ? หรือพี่สามคนเคยไปข่มขืนชิดไว้? ก็เปล่าใช่ไหมครับ เรื่องอดีตอันขมขื่นของชิด พี่ก็แสนจะเห็นใจ แต่นั่นมันเกี่ยวอะไรกับพี่เหรอครับ? พี่ต้องรับผิดชอบไหม? คำตอบคือไม่ ใช่ไหมครับชิด”

“ปล่อยกูนะ ไอ้ระยำ!!!” ในที่สุดชิดจันทร์ก็ดิ้นรนจนหลุดออกจากอ้อมแขนของสดายุจนได้ ดวงหน้าหญิงสาวแดงก่ำ ด้วยความโกรธแค้น ในเมื่อแผนการล้มเหลว หล่อนก็ไม่คิดจะดันทุรัง

“อา...แต่ถึงพี่จะไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องรับผิดชอบอะไรเกี่ยวกับชิด แต่เรื่องที่ชิดขอให้พี่นอนด้วยเพื่อปลอบขวัญ อันนั้นพี่ไม่ปฏิเสธนะ มาสิครับ เดี๋ยวพี่ช่วยปลอบให้....” พูดพลางอ้าแขนรอ พร้อมเดินเข้าหาชิดจันทร์พร้อมใบหน้าและแววตาแสดงอารมณ์หื่นกระหาย

“ไปตายซะไอ้สารเลว กรี๊ด อย่ามาแตะตัวฉันนะ!! อีตุ๊ดระยำ อีโสโครกปล่อยกู!!!” ชิดจันทร์ร้องเสียงหลง เมื่อถูกต้อนจนมุม และถูกสดายุแตะต้องลวนลาม

“ฮื่อ อย่าดิ้นสิครับคนสวย ไม่อยากลองกับตุ๊ดระดับพระเอกเก่าอย่างพี่หน่อยเหรอ เมื่อกี้นี้ชิดทำพี่ตื่นแล้วนะ ดูสิตุงเชียว ช่วยพี่หน่อยนะครับนะ” สดายุยังคงพยายามเข้าใกล้แม้ถูกผลักไสรุนแรง ชิดจันทร์ยังคงโวยลั่น ทั้งดิ้นรนหลบมือปลากหมึก เห็นได้ชัดว่าเจ้าหล่อนนึกรังเกียจสดายุจนตัวสั่นเทิ้ม และตรงจุดนั้น สดายุเองก็รู้ดี

“กรี๊ดดด ม่ายยยย!!!!!”

 เสียงกรีดร้องสุดท้าย ก่อนที่ทั้งร่างของชิดจันทร์จะลงไปฟุบอยู่ที่พื้น ทั้งร่างสั่นระริก ยิ่งตัวเล็กบอบบาง ยิ่งน่าสงสาร น่าทะนุถนอม แต่ไม่ใช่นิยามของชิดจันทร์ในสายตาของสดายุตอนนี้แน่นอน

ทันทีที่ชิดจันทร์ทิ้งร่างลงพื้น สดายุก็ไม่เข้าไปวุ่นวายอีก ชายหนุ่มยืดตัวตรงขึ้น พลางจ้องมองร่างตรงปลายเท้านั่นอย่างเย็นชา

“กลัวล่ะสิ...จำคราวนี้ไว้ดีให้นะชิดจันทร์ อย่าล้อเล่นกับความสงสาร อย่าเอาอดีตของตัวเองมาเป็นเครื่องมือทำเรื่องชั่วช้า เพราะการทำแบบนั้น แทนที่เธอจะได้รับความเห็นใจ เธอจะได้แต่คำว่าสมน้ำหน้าแทน ไม่มีใครไม่เคยเจอช่วงที่โหดร้าย แม้จะไม่ต้องการ หนักเบาไม่เท่ากัน แต่สักครั้งในชีวิตมนุษย์เรามันต้องเจอ เธอซวยหน่อยตรงที่เจอมาหนัก แต่โลกนี้ก็ใช่จะมีแค่เธอที่ต้องเจอเรื่องราวเหล่านี้ ถ้ามัวแต่จะแก้แค้น แล้วเมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้น?”

“หุบปากนะ! หุบปากซะ!”

สดายุได้แต่ถอนหายใจ เหมือนกับว่าถึงพูดไปก็แค่นั้น เพราะนอกจากชิดจันทร์จะปิดหูไม่ยอมฟังแล้ว ปากของหล่อนก็พ่นแต่คำด่า ให้สดายุหุบปากตลอดเวลา ชายหนุ่มเกาหัวแกรก ต้องรีบคุยให้รู้เรื่อง!!

ครืดดด ปึ่ง!!

“เฮ้ย เอะอะกันจริงนะพวกมึง ยังสบายใจกันอยู่ได้อีกสินะ”


****************************************************************************

เดี๋ยวตอนหน้า ปะทะแล้วจ๊า
รออีกอึดใจนะจ๊ะ

ปล. เป็นไงคะ น้องยุของเรา ลูกผู้ชายฝุดๆ
ยังค่ะ ยังไม่หมด เดี๋ยวได้มีโชว์ของเป็นระลอก นานๆ น้องยุจะได้โชว์แมนสักที
เอาให้คุ้ม หุหุหุ :katai1:



หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 03-06-2015 01:10:22
ยุ เริ่ดค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 03-06-2015 01:55:49
แหม๋ ก็ว่าอยู่ ไอ้พวกที่จับมามันหายไปไหนกันหมด ปล่อยให้ สองคนนี้ทะเลาะกันอยู่ได้เสียงดัง
น้องยุ ฝีปากแซ่บมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 03-06-2015 02:19:24
ชิดจันทร์นี่ไม่ได้เรียนอะไรมาจากอดีตที่โดนข่มขืนมาตั้งแต่อายุ 14 เลยสิ   อิพวกที่จับมันมาเรียกค่าไถ่นี่ก้คงยอมปล่อยนางไปดีๆหรอก  หน้าก็เห็นกันหมดแถมชี้ตัวก็ได้นี่ก็ไม่ได้สังวรณ์เลยว่าตัวเองจะโดนอะไร    บดินทร์ถึงมันจะผิดหนักหนาสาหัสแต่มันก็ไม่ได้ไปทำอะไรชิดจันทร์ไม่ใช่เหรอ?  ตรงกันข้าม  ในหัวน้องชิดนี่มีแต่คนอื่นกระทำนางสินะ 

รอวันรวมดาว All stars ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 03-06-2015 05:33:38
น้องยุจงเจริญ!!!!! อย่างนางชิดต้องเจอแบบนี้แหะ
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 03-06-2015 06:09:15
ดูปากนัชชี่นะเค๊อะ "สม น้ำ หน้า" !!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: TOY_SKY ที่ 03-06-2015 06:22:41
อยากให้นางสำนึกซะที  ชิดจันทร์ยิ่งทำยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆๆ   :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 03-06-2015 06:34:34




รอขอรับ

 :katai2-1:


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 03-06-2015 07:51:03
อาจจะจริงที่ว่าชิดเป็นโรคประสาท แต่เราว่าไม่อ่อนนะ มากอยู่ บางทีในหัวของนางก็มีแต่เรื่องที่จะแก้แค้น มโนได้เป็นตุเป็นตะจริงๆ  :katai1:
น้องยุหล่อมากค่ะ แต่อยากจะบอกว่าบางทีผู้หญิงแบบนี้ก็สอนอะไรไม่ได้แล้วล่ะ พูดไปมันก็ไม่เข้าหัวหรอก นางดื้อด้านขนาดนั้น
รอตอนต่อไปค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 03-06-2015 07:59:23
ปล่อยนางไปเถอะจริงๆ อย่าไปช่วยนางอีก
เพราะท่าทางจะกู่ไม่กลับ โรคจิตแล้วไง มีสิทธิ์ทำอย่างนี้ได้เหรอ
เจอจังๆซะบ้างก็โออยู่นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 03-06-2015 08:26:11
นังชิดโรคจิต
ยุสุดยอดถุกใจป้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 03-06-2015 09:14:55
 :เฮ้อ: นี่หนูชิดคิดจะวัดกับพี่ยุนี่คิดดีหรือเปล่า ยุเป็นคนประเภทเก็บนะ
โดนด่า ประณามมาจนชีวิตในวงการเกือบพัง ไม่เคยแก้ข่าวหรือตอบโต้
คนประเภทนี้ฟังเยอะ คนฟังเยอะกว่าพูดจะรู้ไส้คนพูดพล่ามง่ายๆ  o3
คนพวกนี้เวลาด่าใครไม่มีหยาบคายสั่วๆ แต่จะเอาปมนักพล่ามมาย้อนให้เจ็บ
และแถมด้วยสั่งสอนตบท้าย o18 เป็นไงเจ็บพอไหมยัยหนู
 :laugh: ขอหัวเราะปลอบขวัญให้ชิดจันทร์เลยครับ


ปล. คนเขียนจ๋า คำว่า กะหรี่(โสเภณี) และ กะเทย ไม่ต้องมี ร เรือนะครับ
"กะหรี่ กะเทย เป็นได้เลย ไม่ต้อง ร"  :katai2-1: เครดิต อาจารย์ลิลลี่ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 03-06-2015 09:35:14
เอ๊ย!!!!! ยังไม่หน่ำใจเลยอ่ะ
ตัวประกอบเข้ามาทำไมมมมมมมมมม!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 03-06-2015 10:01:22
จริงของสุดายุ
อย่าเอาอดีตที่น่าสงสารมาใช้แบบนี้

ชิดจันทร์นี่ควรจะฟังและเอามาคิดบ้างนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: sodawan1 ที่ 03-06-2015 10:04:17
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: New_Tai ที่ 03-06-2015 10:05:16
รออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 03-06-2015 10:12:51
เสน่ห์จันทร์อยู่ไหนมาเก็บลูกเธอไปด่วน
ก่อนที่ฉันจะเห็นสดายุเป็นนางเอกงิ้ว
                  o3
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 03-06-2015 10:41:00
น้องยุเหมือนสีซอให้ควายฟังอย่างนั้นแหละ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: Supak-davil ที่ 03-06-2015 10:43:38
พระเอกจะไปช่วยนางเอก
พระรองจะไปช่วยนางเอก
เมียพระรองจะไปช่วยนางเอก

เอิ่ม ชิดจันทร์รอแม่โอนตังค์ก่อนนะลูก
             :z10:


บวก 1 ให้กระทู้นี้ค่ะ



จริงด้วย! 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 03-06-2015 11:09:18
ยุนี่ของดีเลยน่ะ
ดีใจจัง้ลยที่ยุไม่ตกไปในบ่วงของชิดจันทร์
แถมยังพูดถูกใจป้ามากด้วย ยกนิ้วให้
คนเราต้องเจอเรื่องเลวร้ายมา อย่าเอามันมาทำร้ายคนอื่น

ยุเอาใจป้าไปเลยลูกกกก
รอการปะทะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 03-06-2015 11:10:39
ทีมพี่ยุ พี่ยุเอฟซี กรี้ดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-06-2015 11:43:55
ยุ นายสุดยอด ชอบคำพูดอ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 03-06-2015 11:53:51
คนที่จับมาจัดชิจันทรฟ์หนักๆหน่อยสมองจะได้กลับชีบ้ามากโทษทุกคนแย่มาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 03-06-2015 12:46:14
จกี่ระลอกก็มาเลยรอรับอยู่แล้ว เนอะหนูยุ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: dark-soleil ที่ 03-06-2015 13:49:44
ถ้านางมะยงชิดโดนจับไปคนเดียวจะไม่มีใครสนใจเลยนอกจากแม่นาง นี่น้องยุโดนจับไปด้วยไง เลยมีคนช่วยแบบรึ่มเลย หล่อนต้องขอบคุณสดายุนะนังมะยงชิด  :katai3:
ปล.รอตอนต่อไปอย่างจดจ่อ  :mew1:

เห็นด้วยมากกับความเห็นนี้ จงขอบใจสดายุซะนะนางชิด!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 03-06-2015 14:02:47
น้องยุเจิดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 03-06-2015 14:42:49
จิต.....ดีจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 03-06-2015 15:13:58
ยุอย่างเด็ด ฮ่าๆ   :m20:
มาต่อไวๆนะฮะรออออออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Coaramach ที่ 03-06-2015 16:07:44
นังชิดจันทร์มันบ้า!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 03-06-2015 19:13:13
อยากให้มีเลขหน้าท้ายชื่อตอนอะจะได้หาง่ายๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 03-06-2015 21:04:39
ฮ่าๆ
เป็นผู้ร้ายที่ดีจัง นั่งฟังตัวประกันทะเลาะกันเพลินเลยสิ

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-06-2015 22:01:33
จะร้ายกาจขนาดไหน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 04-06-2015 00:30:42
โอ้ยยยยมันส์ค่ะ


จะมาเถียงๆ  เห็นใจ ใจอ่อน กรี้ดๆๆดิ้นๆๆ  เฉยๆไม่ได้แล้วนะคะ

5555555 มันต้องแบบนี้ค่ะ  แซ่บมากค่ะยุ   คิดว่าถ้ายุออกจากวงการจริงๆนะคะ  มาทำงานสายเดียวกับเจ๊บลู   น่าจะรุ่งเลยค่ะ จากหน่วยก้านแล้ว  ยุคงไฟว์กับเด็กในสังกัด แล้วก็ลูกค้าที่จ้างได้อย่างราบคราบแน่นอนค่ะ

ปล. รอตอนต่อไปค่ะ  เราคิดว่าคนที่จับตัว 2 คนนี้มาเพื่อเรียกค่าไถ่   เป็นคนร้ายที่น่าสงสารมากค่ะ  ㅠ[]ㅠ   คิดแล้วปวดประสาทแล้วก็หลอนแทนมากๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 04-06-2015 00:57:58
เอาเข้าโรงบาลเถอะ   :mew5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: pe-ar ที่ 04-06-2015 10:48:52
อิน้องชิด นี่โรคจิตสินะ เราต้องโรคจิดกว่า ทำดีมากจ้า สดายุ

เทอเริ่ดมาก เทอแซ่บมากกจ้ะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: AutumnWind ที่ 04-06-2015 21:54:19
ทำดีมากค่ะน้องยุ โต้ตอบได้ดี
ยัยคุณหนูชิดจันทร์นี่ก็ประสาทได้อีก โรคจิตไม่เลิกไม่ราเลย
ปูมหลังเธอมันน่าสงสารก็จริง แต่ทำตัวแบบนี้คงมีใครมาสงสารหรอก

ตอนนี้ก็ได้แต่เอาใจช่วยให้พี่เมธและคนอื่นๆมาช่วยได้ทัน

ติดตามและเป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 05-06-2015 11:29:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 05-06-2015 14:24:03
ขอแวะลงประกาศนี๊ดนะคะ

ประกาศที่หนึ่ง
หลังจบ ‘ผมคือ...นางเอก’ ปุ๊บ
อนาคีจะรีบไปต่อ ‘พจมาน (18 มงกุฏ)’ ในทันที (ข่าวว่าโดนแจ้งลบไปเรียบร้อยแล้ว)
 ถ้ากลางเดือนนี้ น้องพึ่ง&พ่อพจน์ ยังอดรนทนรอ อนาคีอยู่ได้ (โดยไม่โดนลบเสียก่อน)
 รับรอง จะปั่นจนจบแน่นอนค่ะ

ประกาศที่สอง
ความจริงแล้ว อนาคีสร้าง ดนัยกับบดินทร์ขึ้นมาให้มีหน้าที่แค่เป็นตัวประกอบอดทน
เฉกเช่นเดียวกับอีกหลายๆคู่ในเรื่อง แถมยังเป็นคู่ที่มีบทน้อยสุดอีกต่างหาก (เลยโผล่มาซะเกือบท้ายเรื่อง)
กะให้เป็นคู่ที่ไม่มีทางลงเอยกัน จึงให้เริ่มต้นด้วยการข่มขืนฝืนใจแบบไร้ซึ่งความรัก
และให้จากกันด้วยดีในตอนจบ ประมาณว่า ดนัยออกตัวช่วยเหลือเรื่องหนี้สินของบดินทร์ให้ เพื่อเป็นการไถ่บาป...
จากนั้นก็ตัวใครตัวมันค่ะ

แต่เนื่องจากกระแส ดนัย+ดิน ที่มีท่านผู้อ่านบางส่วนอยากให้สานต่อความสัมพันธ์
(โดยเฉพาะนักอ่านสาวๆใกล้ตัว ที่รอจะบีบคออนาคีอยู่ หากตัดจบเรื่อง ดนัย+ดิน แบบดื้อๆ (ฮ่า)
ทำให้ อนาคีตัดสินใจได้ในที่สุดว่า...

เก๊าจะเปิดเรื่องใหม่ ในส่วนของ ดนัย+ดิน หลังจากจบเรื่องหลักนะจ๊ะ
ชื่อเรื่อง ‘ตัวร้าย...ในกรงรัก’ จ๊า
ยังไม่มีกำหนดในการลงเล้าฯ ที่แน่ชัด
เอาเป็นว่า หากท่านผู้อ่านที่รักท่านไหน อยากอ่านต่อในส่วนของ ดนัย+ดิน
ก็รอกันอีกหน่อยนะคะ หลังจบนางเอกสักพัก ตัวร้าย น่าจะลงได้บางส่วนค๊า

เพราะฉะนั้น ขอฝาก ‘ตัวร้าย...ในกรงรัก’  ดนัย+ดิน ไว้ในอ้อมใจอีกสักคู่นะคะ จุ๊บๆๆๆ

ปล. ที่อนาคีไม่เอา ดนัย+ดิน มาเขียนต่อเป็นตอนพิเศษของเรื่อง นางเอก ก็เพราะมันค่อนข้างที่จะยาว
เกินกว่าจะเป็นเพียงตอนพิเศษค่ะ และเพื่อแฟนๆอีกบางส่วน ที่อาจไม่ได้ชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้
อนาคี เลยไม่คิดขยี้เพิ่มจ๊า

เอาเป็นว่าสำหรับแฟนๆของ ดนัย+ดิน รอเปิดเรื่องใหม่นะจ๊ะ


ตัวอย่าง...
‘ตัวร้าย..ในกรงรัก’

“50,000 ต่อครั้ง” จู่ๆ บดินทร์ก็โพล่งขึ้น ค่อยๆ ชำเลืองมองไปยังดนัยเชื่องช้า  “ถ้าอยากได้ร่างกายผม...ก็ซื้อสิ 50,000 ต่อครั้ง ถูกจะตายสำหรับคุณ จริงไหม?”  บดินทร์พูดพลางยิ้มเยาะบางๆ

ไม่ได้เยาะเย้ยไปทางดนัยหรอกนะ แต่เยาะความน่าสมเพชของตัวเองต่างหาก

เจอแบบนั้นเข้าไป ดนัยถึงกับหน้าตึง  ที่เขาทำมาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มอยู่ร่วมกันนั้นสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิงเลยสินะ ทั้งการรักษาสัญญาว่าจะม่แตะต้อง ทั้งการให้เกียรติ  ไม่ทำอะไรให้ไม่สบายใจ (ถ้าไม่จำเป็น)  ดนัยขบกรามแน่น คนอย่างเขา ไม่เคยต้องยอมลงให้ใครขนาดนี้มาก่อน คนอย่างเขาไม่เคยตามใจใครเท่าบดินทร์...

...ตามใจเหรอ?

นั่นสินะ...ถ้าไม่ต้องการ อีกฝ่ายคงไม่ถึงขั้นออกปากขอ

อยากไปจากเขาให้เร็วที่สุดสินะ

ได้...ถ้าบดินทร์ต้องการอย่างนั้น ดนัยก็ไม่ขอขัดขืน

คิดขึ้นได้ ดนัยก็เผยยิ้มพราวให้คนตรงหน้า บดินทร์นิ่วหน้าทันทีที่ได้เห็น ลางสังหรณ์ว่าอาจตกเป็นเบี้ยล่างเริ่มแจ่มชัดจนน่าขนลุก รู้ดีว่ากำลังเล่นกับไฟ ทว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่น

ในระหว่างที่บดินทร์กำลังหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่กับรอยยิ้มพราวพรั่งของดนัยอยู่นั้น เพียงอึดใจต่อมา เขาก็ต้องหน้าชาวาบ เมื่อเจ้าของรอยยิ้ม ยิงคำถามกรีดแทงส่งตรงถึงใจ


“แล้ว 50,000 นี่...ต่อครั้ง หรือต่อน้ำกันล่ะ...หืม?”

*********************************************
ตัวอย่างหนัง...เรียกน้ำย่อยจ๊า

ส่วนฉากช่วยตัวประกัน ไม่เกินวันจันทร์มาแน่จ๊ส อดรนทนรอกันหน่อยนะจ๊ะ ทูนหัวทั้งหลาย
เดี๋ยวบ่าวมาสานต่อให้ถึงใจเลยจ๊า...ขอตัวไปนั่งเทียนเขียนฉากบู๊แป๊บเน่อ...จุ๊บๆๆๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี / Thearboo
 :katai5:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 05-06-2015 14:42:09
 o17 ถูกใจทีเซอร์ "ตัวร้ายฯ" ดนัยเจ้าเล่ห์จริง จะรออ่านนะครับ :-[
แต่ยังไงก็อยากให้จบ "นางเอก" ก่อน อยากเห็นฉากเจ้าของเรื่อง ป๊ะกับเหล่านักแสดงด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 05-06-2015 14:55:37
แค่น้ำจิ้มยังแซ่บ!!!!!! แบบนี้ต้องตามมมมมมม
รอตอนใหม่น้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: aukuzt ที่ 05-06-2015 15:22:30
เล่นปล่อยทีเซอร์แซ่บๆ แบบนี้แล้วจะอดใจรอยังไงไหว อยากอ่านแล้วอ่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: p^tarn ที่ 05-06-2015 15:26:18
เค้ารอดนัยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 05-06-2015 15:27:05
ดนัย ดิน น่าอ่านมากกกกก รอเลยค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 05-06-2015 15:39:51
สปอย์ได้โดนใจมากๆ เลยค่ะ รออยู่นะคะ ดนัยxบดินทร์  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: naruxiah ที่ 05-06-2015 15:52:50
อุ้ยตาย เป็นน้ำยอยที่ชวนติดตามอีกแล้วค่ะ พจมานเราก็อยากอ่านต่อนะคะ(แอบโลภ)  :impress2:

ตัวร้ายอะไร นางเอกตบจูบชัดๆค่ะ โอ๊ยยยยยยยยชอบ ถือป้ายไฟรอคู่ ดนัย+ดิน รอเลยแล้วกันนะคะ :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 05-06-2015 16:46:42
เราชอบพจมานมากๆค่ะ   ยังไงก็อย่าลืมนะคะ
สมกับที่เป็นน้ำจิ้ม   แซ่บมากๆค่ะ  รอติดตาม

ป.ล ขอเสียมารยาทถามนิดนะคะ ว่าไม่ทราบว่าทางคนเขียนเคยออกนิยายรวมเล่มแล้วโดนเบี้ยวค่าลิขสิทธิหรือเปล่าคะ?   คิดว่าเคยได้อ่านมาจากนามปากกาเดิม    เอาใจช่วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 05-06-2015 17:31:06
รออ่านดนัยน่ะค่ะ
อยากอ่านพจมานด้วยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 05-06-2015 17:36:13
เข้ามากรี๊ดทีเซอร์ อร๊างง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 05-06-2015 17:56:55
ชื่อเรื่องครีเอทมาก 555
น่ารักดี รออ่านนะทั้งตอนใหม่ทั้งเรื่องใหม่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 05-06-2015 18:00:55
ยังกันชัดๆเลยคะ อยากอ่าน ตัวร้ายไวๆจังอะ
น้องยุ เรา ก็ อยากอ่านน  :serius2:   
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 05-06-2015 18:06:35
อูยย รอค่ะรอออ
ชอบดนัยเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว 555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 05-06-2015 18:36:23
ทีเซอร์อย่างแซ่บ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 05-06-2015 19:30:46
เราชอบพจมานมากๆค่ะ   ยังไงก็อย่าลืมนะคะ
สมกับที่เป็นน้ำจิ้ม   แซ่บมากๆค่ะ  รอติดตาม

ป.ล ขอเสียมารยาทถามนิดนะคะ ว่าไม่ทราบว่าทางคนเขียนเคยออกนิยายรวมเล่มแล้วโดนเบี้ยวค่าลิขสิทธิหรือเปล่าคะ?   คิดว่าเคยได้อ่านมาจากนามปากกาเดิม    เอาใจช่วยนะคะ

สวัสดีค่ะ คุณ Freja 
ไม่เชิงโดนเบี้ยวหรอกค่ะ แค่ไม่ได้ทำสัญญากัน เลยไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้เฉยๆ หุหุ
สนพ.เคยบอกไว้ว่า ได้เท่าไหร่หารกัน ไม่เคยแจ้งว่าจะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วยน่ะค่ะ
ได้เท่าไหร่ก็หารกัน ไม่ได้ก็ไม่มีจ่าย เพราะฉะนั้นเลยว่าเขาเบี้ยวไม่ได้...
...ยัง งงๆ อยู่บ้าง แต่เห็นหนังสือออกได้ ก็พอใจแล้วค่ะ TT^TT
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ
ปล.แวะมาตอบในชื่อ Thearboo  กลัวโดนแจ้งกระทู้กลายพันธุ์ (อิอิ)

ตอนนี้กำลังปั่นฉากบู๊...ควบคู่การอ่าน Special : Sloth (ดิน-หมู)  ของคุณNigiri-Sushiอยู่ค่ะ
ทำไงดี...ดันติดงอมแงมเข้าซะแล้ว!!
ใครก็ได้ ตามน้องยุ มาตบเรียกสติเก๊าที!!!!
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 05-06-2015 19:51:24
สดายุชนะเลิศ!!! มอบมงค่ะ //ปรบมือรัว

น่าจะตบนางสักสิบที คนแบบนี้พูดไปก็เสียเวลาค่ะ กระทืบเท่านั้นที่เข้าใจได้

ปูเสื่อรอทั้งพจมานและตัวร้ายเลยค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 05-06-2015 20:34:35
มาแสดงตัวเป็น  ดนัย x บดินทร์ FC ค่า \\ ..>_<..//
ขอปูเสื่อ เกาะขอบนอนรออัพเดทในเล้าเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: sz4music ที่ 05-06-2015 21:13:55
กรี๊ดดดดดด รอคู่ดนัยดินนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 05-06-2015 21:27:21
โอ๊ะยะๆๆๆๆ!!! ดนัย-บดินทร์ เริ่ดจ้า รอเลยค่ะๆๆๆ จะตามไปอ่านแน่นอน  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 05-06-2015 21:56:38
 ไม่ว่าจะนางเอก หรือตัวร้าย แซ่บได้ใจจริงจริ๊ง เอาเป็นว่าจัดใส่จานมาเลยล่ะกันเตรียมช้อนไว้ตักแล้วนี่...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 05-06-2015 22:15:11
ปรบมือเชียร์ รอนะคะ ทั้งฉากบู๊ เรื่องใหม่ นานแค่ไหนก็รอ

ปล.แล้วพอร์ชรุจละคะ ปิ๊งๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-06-2015 23:04:24
รออออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 06-06-2015 00:49:17
ดีใจมากๆๆๆที่คนเขียนต่อเรื่องบดินทร์กะดนัย
คู่นี้เค้าสมน้ำสมเนื้อ เคมีเข้ากันสุดๆๆ
ถ้าไม่ได้คู่กันเค้าไมียอมนะตัว
ดีใจที่คนเขียนเปลี่ยนสนใจอ่ะค่ะ รอนะจ้าาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 06-06-2015 13:54:33
จะนอนรอ ‘ตัวร้าย...ในกรงรัก’ เลยฮะะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 06-06-2015 14:00:57
 :haun4: โอ้ยยยยยยยย อยากอ่านเรื่องดนัยกะดินเลยคร่าาาาา

ฮี่ๆ แต่ตอนนี้อยากอ่านต่อแว้ววว คิดถุงๆๆๆๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: AutumnWind ที่ 06-06-2015 16:20:58
แอบอวยคู่ดนัยกับบดินทร์อยู่เหมือนกัน
ยากให้รักกันและลงเลยด้วยดี
ดีใจทีคนแต่งจะจับเอาสองคนนี้มาแต่งเป็นเรื่องใหม่

ิติดตามและเป็นกำลังใจให้ค่ะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Cc-kun ที่ 07-06-2015 00:32:58
กรีดร้องให้กับคู่ดนัย บดินนนนนน><
เชียสุดใจค่ะ!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 07-06-2015 10:30:33
แล้วตกลงว่าต่อครั้งหรือต่อน้ำ
ฮะ อะไรนะ ผิดประเด็น 55 5
รออ่านจ้าา
แต่เราแนะนำต่อน้ำนะดิน ยังไงเขาก็เสนอมาแล้ว
            :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikchan ที่ 08-06-2015 21:00:54
กรี๊ดดดด และขอกระโดดกอด แถมหอมแก้มทีนึง ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: mhhong95 ที่ 08-06-2015 23:09:38
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: New_Tai ที่ 08-06-2015 23:11:00
รออออด้วยคน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 08-06-2015 23:42:20
แวะมาแจ้งข่าวค๊า...
เนื่องจากสัญยิงสัญญา(เชื่อไม่ได้) ที่ได้ประกาศออกไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ตอนต่อไปจะมาวันจันทร์....

อะ...ครือว่า...

เก๊าทำไม่ทันอ่ะค่ะ อ่ะฮึ่ก
แต่ไปได้ครึ่งทางแล้วน๊า เหลืออีกครึ่งนึง เก๊าจะตั้งใจปั่นให้ลุล่วงอย่างไวค๊า

รอเก๊าอีกนิดนะตะเอง TT^TT

ขออภัยในความล่าช้าค่ะ

อนาคี / Thearboo

ปล. ไม่ถนัดพิมพ์กับไอ้เครื่องบ้านี่จริงๆ!! (ทุบทิ้ง!)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก แวะมาแปะประกาศ+ตัวอย่างบางสิ่ง P.126
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 09-06-2015 15:21:48
 :L2: เตรียมที่นอน หมอน มุ้ง ป๊อบคอร์น น้ำดื่ม นอนรอ :pig2: ตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 09-06-2015 23:56:50
ผมคือ...นางเอก
‘เลือดชโลมใจ’ (ครึ่งแรก)


อ๊อก...

แค่ก แค่ก


แค่ไอเบาๆ ก็พาให้เจ็บร้าวไปทั้งร่าง สดายุงอตัวขดเข้าหากันอย่างทรมาน หลังโดนรุมยำไปเสียหลายเท้า ล่อซะจนแทบจะกระอักเป็นเลือด เจ็บจุกทรมาน ชักดิ้นชักงออยู่บนพื้นคลุกฝุ่น

*
*
ก่อนหน้านั้นเล็กน้อย...
*
*
ยังไม่ทันที่จะได้เคลียร์อะไรกับชิดจันทร์ ไอ้หัวหน้าโจรก็เข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน

ในเมื่อทางเข้าออกมีเพียงทางเดียว และมันได้ถูกเปิดออกจนสุด สิ่งกีดขวางก็มีเพียงโจรชั่วคนเดียวเท่านั้น 

มันมีอาวุธแน่ๆ สดายุโคตรจะมั่นใจ แต่ถ้าไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ ก็อาจไม่มีโอกาสอื่น

ในจังหวะละล้าละลัง หางตาคมกล้าชำเลืองไปเจอ ชิดจันทร์ที่ยืนตกประหม่าอยู่ด้านหลัง ฉับพลัน ความคิดชั่วช้าบางอย่างก็แล่นวาบเข้ามาในหัวก่อนจะได้ทันผลีผลามตัดสินใจเพียงชั่วเสี้ยววินาที

‘ถ้าใช้ชิดจันทร์เป็นโล่...เขาก็จะไม่ตาย เพราะถึงอย่างไร ชีวิตของยัยคุณหนูคนนี้ ก็ยังมีค่ามากโข สำหรับไอ้พวกโจรห่าห้าร้อยพวกนี้อยู่’

คิดขึ้นได้ก็ไม่รอช้า และไม่เหลือเวลาพอที่จะไตร่ตรองมากไปกว่านั้น สบช่องตอนที่ไอ้โจรร้ายกำลังเผลอ สดายุกระโดดถีบเข้ายอดอกจนกระเด็นหวือ ประตูโล่งแล้วก็รีบคว้ามือชิดจันทร์ พุ่งออกไปแบบไม่คิดชีวิต นอกห้องมืดสนิท ไม่ต่างข้างใน มีเพียงแสงไฟจากที่ไกลๆเพียงเล็กน้อยที่พอส่องทาง หัวหน้าโจรเจ็บจุก แต่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ตะโกนเรียกลิ่วล้อให้ออกมาจัดการจ้าละหวั่น 

‘ขอบใจนะชิดจันทร์ ตัวเธอโคตรมีประโยชน์จริงๆ’  สดายุแอบทึ่งในตัวชิดจันทร์ไม่น้อย การมีหล่อนเป็นเกราะกำบัง ทำให้พวกมันไม่กล้ากราดอาวุธร้ายใส่เขาอย่างที่คาดไว้

...หน้าตัวเมีย มันดีกว่านี้นี่เอง ( =_=” )

ในที่สุดสองหนุ่มสาวก็ลากกันออกมาได้จนเกือบถึงประตูรั้วรกทึบ จริงอยู่ความมืดพรางตาได้ดี แต่เสียงกรีดร้องของชิดจันทร์ก็ทำให้พวกเขาต้องเผยที่ซ่อนต่อศัตรูอย่างช่วยไม่ได้

โจรร้ายตัดสินใจไม่ใช้ปืน ถึงจะห่างไกล ทั้งมืดทั้งเปลี่ยว แต่ด้วยเสียงกังวาลก้องของมันก็อาจจะทำให้ละแวกนั้นแตกตื่นเอาได้ แถมถ้าเล็งเป้าพลาด ดันไปโดนโล่คุณหนูตายไปเสียก่อน พวกมันก็จะไม่ได้อะไรเลย ได้ไม่คุ้มเสีย เลยต้องเสียแรงไล่ล่าจนเสียเหงื่อ

สี่รุมสอง...ได้ไม่ยาก!

ถึงไม่ใช้ปืน ก็ใช่ว่าจะปล่อยเหยื่อให้หนีไปได้ง่ายๆ เพียงอึดใจ ก็ถึงตัว และตะลุมบอนกันในที่สุด

ในจังหวะที่ถูกเจอตัว ลิ่วล้อตัวเตี้ยสุดในทีมถลาเข้าหาสดายุ พร้อมตั้งท่าปล่อยหมัดหลุนๆ เข้าใส่ กะให้หน้าหล่อๆ นี้ได้เลือดกบปากเสียบ้าง  แต่ด้วยความที่ช่วงตัวสั้นกว่ากันชัดเจน ไม่ทันจะได้ถึงตัว ก็โดนสดายุฟาดแข้งอัดเข้าตรงช่องท้องแบบสุดแรงข้อ พอให้ต้องงอตัวเสียศูนย์ ก่อนจะถูกสดายุถีบเข้าจังๆ ตรงใบหน้า จนเป็นฝ่ายล้มกลิ้งไปนอนกองเลือดกบปากแทน

พวกที่เหลือพอได้เห็นว่าเพื่อนตนโดนเล่นงาน ก็กรูกันเข้ามา กะรุมสะกรัมนักโทษตัวแสบอย่างสดายุให้กระอัก

ชิดจันทร์กรีดร้อง อย่างเสียขวัญที่ตกอยู่ท่ามกลางดงสงครามหมัด เท้า อาวุธประจำกายปลิวว่อนอยู่รอบกายหล่อน หากไม่มีใครสามารถเข้าถึงตัวในระยะประชิดได้เสียที เพราะความตีนไวของสดายุ ที่สามารถหลบ หลีก เลี่ยง และออกอาวุธช่วงล่างได้อย่างแม่นยำ ทั้งที่สองมือเขาชายหนุ่ม ยังแขนหล่อนไว้แน่นหนา

ทว่า ต่อให้เก่งอย่างไรก็สี่รุมหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้ว สดายุก็พลาดท่าจนได้

ในจังหวะชุลมุนช่วงสุดท้าย ก่อนที่จะถูกรุมสกรัม เพื่อความคล่องตัว สดายุจึงเหวี่ยงชิดจันทร์ออกจากตัว ให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง แต่คงเพราะสดายุเหวี่ยงแรงไปนิด กอปรกับที่ชิดจันทร์เองก็ไม่ทันได้ตั้งตัว สองขาที่ไม่เท่ากันเพราะเหลือรองเท้าส้นสูงติดเท้าเพียงข้างเดียวนั้น ทำให้หล่อนไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ ดังนั้นทันทีที่ถูกเหวี่ยงกายเสียสุดแรงขา ชิดจันทร์ก็ถลาร่างเข้าไปกระแทกกับเสาหน้าบ้านเสียเต็มรัก และสิ้นสติไปจั้งแต่ตอนนั้น ทิ้งสดายุถูกรุมยำเพียงลำพัง

สี่รุมหนึ่ง แน่นอนว่าคนที่เละย่อมไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากพระเอกที่พยายามจะปีนม้าขาวอย่างสดายุ  โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่พวกโจรกระหายเลือดพวกนั้น ไม่คิดยิงเขาทิ้งเสียตั้งแต่จับตัวได้

อุตส่าห์ปล่อยให้ยังเหลือรอดชีวิต กระทั่งผ่านมาจนตอนนี้  แต่ถึงปล่อยให้ยังหายใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใจดีให้เหลือเรี่ยวแรง ดังนั้น สดายุจึงเละเป็นโจ๊ก นอนสิ้นเรี่ยวแรงพยุงร่างอย่างตอนนี้

หลังเหตุการณ์วุ่นวาย สองหนุ่มสาว สดายุชิดจันทร์ก็ขาดซึ่งอิสภาพอย่างสิ้นเชิง ทั้งคู่ถูกมัดเอาไว้คนละมุมห้อง ชิดจันทร์ที่ยังคงสลบไสลตั้งแต่ถูกลูกหลงจากการตะลุมบอนเมื่อครู่ หล่อนถูกมัดมือไพล่หลัง มัดเท้า แล้วจับไปนอนพักอยู่บนโซฟาเก่าคร่ำคร่า ใกล้กับหัวหน้าโจรผู้ยังสวมหมวกและแว่นตาดำครบเซ็ต 

ส่วนสดายุก็นอนแน่นิ่งอยู่อีกด้านโดยมีลิ่วล้อหน้าบากคนหนึ่งนั่งเฝ้าเขาเอาไว้  ความที่เจ็บยอกไปทั้งร่าง ทำสดายุเริ่มสำนึกได้ ว่าตนช่างคิดผิดเสียจริงที่แหย่เท้าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ เขา...ไม่ควรยื่นมือเข้าช่วยชิดจันทร์เลยตั้งแต่ต้น

พลเมืองดี? มนุษยธรรม? มันไม่ได้ทำให้รู้สึกดีเลยแม้แต่นิด เขาเองก็ใช่จะเป็นคนดีขนาดนั้น ฉะนั้น ถึงจะช่วยชิดจันทร์ได้หรือไม่ได้ เขาเองก็ไม่รู้สึกดี...ที่ทำไปน่ะ เพราะลืมตัวล้วนๆ เฮ้อ...

ยิ่งคิดสดายุยิ่งปวดหัวจี๊ด ถ้าไม่ถูกมัดมือไพล่หลังเอาไว้ ป่านนี้เขาคงจะจิกทึ้งหัวตัวเองเรียกสติไปแล้ว โง่เง่า รู้ตัวแล้วว่าโง่เง่า ตอนนั้นไม่น่ากร่าง ไม่น่าเชื่อมั่นในตัวเองมากมายขนาดนั้น ทำไมไม่สังวรณ์ตน ว่าสี่รุมหนึ่งยังไงก็ไม่มีทางสู้ไหว แล้วทำไมนะ ทำไม๊ ทำไม? ทำไมเขาไม่โทรแจ้งตำรวจ หรือโทรหาคนมาช่วย แทนที่จะผลีผลามลุยเดี่ยว โอยยย เกลียดตัวเองที่เป็นคนหุนหันพลันแล่นแบบนี้เป็นที่สุด รู้ทั้งรู้ว่าสันดานแบบนี้ของตนพาชีพวอดวายมาแล้วนักต่อนัก พอเกิดเรื่อง ทำไมถึงไม่ฉุกใจยั้งเท้าเอาไว้ก่อนวะ!!? โอ้ยยย ไอ้ยุ ไอ้ไม่รู้จักคิด!!!

ได้แต่นอนก่นด่าตัวเอง ด้วยหมดปัญญาจะทำอะไร แขนขาโดนมัดแน่นหนา ปากโดนปิดด้วยเทปกาวเหนียวหนืดอึดอัด จึงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการสำรวจที่ทาง

บ้านร้าง...

ที่ที่พวกเขาอยู่ตอนนี้คือบ้านร้าง ลักษณะคล้ายโครงการที่สร้างไม่เสร็จ แล้วปล่อยทิ้งไว้จนรกร้างไป มันมืดมาก หากในห้องนี้ไม่มีตะเกียงไฟฟ้า คงแทบมองไม่เห็นสิ่งใด ทุกสิ่งในห้องเงียบสนิท ยกเว้นสดายุที่ถูกปิดปากไว้ กับชิดจันทร์ที่ยังสลบอยู่ส่วนอีกสี่ชีวิตที่เหลือก็ไม่มีแม้เสียงพูดคุยระหว่างกัน มีเพียงเสียงลมพัดหน่วงหนักข้างนอกเท่านั้น ที่ชัดก้องในห้องมืดๆนี้

ครืนนน...ครืนนน...

เสียงฟ้าฮึมฮัม พร้อมแสงแลบแปลบปลาบนอกอาคาร เดาได้ไม่ยากว่าฝนห่าใหญ่กำลังจะมาในไม่ช้า ไม่รู้ว่าตอนนี้มันเวลาไหนแล้ว แต่สดายุค่อนข้างมั่นใจ ว่าคงไม่น้อยกว่าตีสาม เกือบหกชั่วโมงแล้วที่พวกเขาถูกจับตัวมา ยังไม่มีทีท่าว่าพวกโจรจะทำอะไรมากไปกว่าการซ้อมคนพยายามหนี จับได้ก็จบไป ลิ่วล้อบางคนถึงกับแอบนั่งแอบหาว แอบงีบแล้วด้วยซ้ำ

จะเหลือก็แต่เพียงตัวหัวหน้า ที่ยังคงนั่งจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างเงียบๆ

...ก็ไม่ได้ว่าขนาดนอนชิวชมวิว หรือวิเคาระห์อากาศขนาดนั้นหรอกนะ แต่สดายุกำลังลอบสังเกตุบรรยากาศ ปฏิกิริยาของแต่ละคน รวมถึงสภาพบรรยากาศด้านนอก เผื่อว่าจะได้มีโอกาสอีกสักนิด ที่จะหนีออกไปจากที่นี่ได้ แม้ตัวจะนอนอยู่นิ่งๆ แต่แท้จริงหัวใจของสดายุเต้นระทึกหวั่น มันจริงอย่างที่ชิดจันทร์พูดนั่นแหละ ว่าคนพวกนี้จับหล่อนมาเพื่อเรียกค่าไถ่ และแน่นอนว่าเสน่ห์จันทร์ย่อมหอบเงินมาไถ่ลูกตัวเองอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยอยู่แล้ว แต่เงินค่าไถ่นั่นมันไม่ได้รวมถึงการไถ่ชีวิตเขานี่ โจรไม่ได้ตั้งใจจับตัวเขา แต่ที่ต้องจำใจเอาตัวติดมาด้วยก็เพราะเขาดันเข้าไปมีส่วนรู้เห็นในเหตุการณ์ลักพาตัว แถมยังเห็นหน้าพวกมันครบทุกตัวแล้วอีกต่างหาก เสร็จงานคงฆ่าทิ้ง 

...อนาถเกินไปแล้ว

ไม่นะ เขาจะไม่มีวันยอมตาย ตอนนี้กฤตเมธคงกำลังออกตามหาเขาอยู่แน่ๆ เขาจะต้องรอด จะต้องกลับไปหาคนรักของเขาให้ได้ ไม่ยอมตายเป็นหมาข้างถนนแถวนี้เด็ดขาด!!

คิดได้ก็เริ่มขยับกายค้นหา อะไรบางอย่างที่คมพอจะตัดเชือก จุดผ่านที่สะดวกที่สุดในการหลบหนี จุดตายของพวกลิ่วล้อ หากว่าพวกมันจะเข้ามาขวาง และทางหนีทีไล่ ไม่ให้พวกมันเข้าถึงตัว คราวนี้จะมีเพียงเขาที่หนีออกไป ชิดจันทร์ไม่ตายง่ายๆหรอกตราบใดที่เงินยังไม่ถึงมือพวกมัน หล่อนจะยังรอด ถ้าเขาหนีออกไปได้เมื่อไหร่ ค่อยไปแจ้งคนอื่นให้มาช่วยเอาแล้วกัน

พอกันทีบทพระเอก ไอ้ยุจะขอหนีเอาตัวรอดล่ะนะ!


“เฮ้ย ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่นั่น มึงคิดจะทำอะไรวะ?”


!!!??

เพิ่งจะขยับพลิกซ้าย พลิกขวาไม่กี่ตลบ ไอ้หน้าบากคนเฝ้า ที่เขาเห็นว่าหลับไปแล้วเมื่อครู่ ยังอุตส่าห์สู่รู้แหกตาขึ้นมาหาเรื่องเขาอีก ช่างพอดิบพอดี เสียจนสดายุถึงกับกัดฟันกรอด

“ยังคิดจะหนีอีกเหรอไอ้เวรนี่ แม่ง ชาติคนไม่รู้จักเข็ดนะมึง”  ไม่ด่าเปล่าเอาเท้ามาเขี่ยๆ เตะๆตัวสดายุด้วย

“เฮ้ย ให้มันดิ้นไปเหอะ เดี๋ยวมันตายก็ไม่ได้ดิ้นแล้ว ฮ่าฮ่า” ลิ่วล้ออีกคนที่นั่งพิงกรอบประตูดูต้นทางอยู่ ตะโกนตามมาด้วยความสะใจเล็กๆ ไอ้พวกเดนนรกนี่ ตั้งใจฆ่าเขาตอนจบจริงๆด้วย!

“ฆ่าแม่งตอนนี้เลยได้ไหมวะ? เกลียดขี้หน้ามันชิบหาย ไอ้สัตว์ โดดถีบยอดหน้ากูสองทีแล้วเนี่ย” เสียงลิ่วล้อคนสุดท้ายดังมาจากเหนือศีรษะ จำไม่ผิด คงเป็นไอ้คนที่ตัวเตี้ยที่สุดในทีมที่โดนเขากระโดดถีบเข้าจังๆ ตั้งสองรอบ โดยที่ยังไม่ได้แตะตัวเขาสักหมัด สงสัยแค้นจัด

“ฮะฮะ ไอ้ง่าวเอ้ย มึงมันอ่อนเองนี่หว่า พลาดท่าให้มันเหยียบหน้าได้ตั้งสองสามหน อ่อนเอ้ย ฮ่าฮ่า” พอเห็นเพื่อนร่วมทีมลิ่วล้อด้วยกัน เดือดดาลจนน่าดำน่าเขียว ไอ้หน้าบากก็เย้ากลับไปแบบไม่มีรักษาหน้าเพื่อน จนไอ้เตี้ยหมาตื่นต้องสบถด่ากลับมา แก้เสียหน้าที่โดนเพื่อนดูแคลน

“มึงจะฆ่ามันลงเร้อ ไอ้ห่านี่เคยเป็นไอด้อลของมึงไม่ใช่เหรอวะ?”

ระหว่างสาดเสียเทเสียใส่ไอ้หน้าบากปากหมา ที่หาว่ามันอ่อน เพื่อนร่วมอุดมการณ์ของมันอีกคนก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย ทำเอาไอ้เตี้ยถึงกับออกอาการงง ใครกันวะ ไอด้อลของมัน

“ไอ้ห่า ตาถั่วหรือไงมึง ก็ไอ้เหี้ยนี่แหละ พ่อสดายุ ทูนหัวของมึงไง พระเอกที่เมื่อก่อนดังมากๆ คู่ขวัญน้องกับน้อง แซมมี ศรีสวาทของมึงไง อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้ ไอ้ควายเอ้ย”

“จริงดิ! อำกูป่าวเนี่ย ไอ้ห่า พี่สดายุกูออกจะล่ำ หุ่นดีมีกล้าม แต่ไอ้นี่แม่งผอมอย่างกับไม้เสียบผี พวกมึงหลอกกูใช่ไหมเนี่ย?”

ทำอย่างไรไอ้เตี้ยก็ไม่เชื่อ แต่อาการตื่นเต้นของมันชัดเจน โดยเฉพาะตอนที่มันถลาตัวเข้าหาสดายุ ที่ยังนอนนิ่งอยู่บนพื้น พลางพินิจพิเคราะห์คนที่ถูกผนึกปากเอาไว้อย่างถ้วนถี่

“เชี่ย...สดายุจริงๆด้วยนี่หว่า เฮ้ย ตัวจริง จริงด้วย” พิจารณา แค่เพียงครู่ ในที่สุดไอ้เตี้ยก็รู้แล้วว่า คนที่มันตั้งใจจะฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้นั้น แท้จริงคือขวัญใจวัยรุ่นอย่างมันนั่นเอง

น้ำเสียงกระดี้กระด้าที่ดังลั่นขึ้น แบบระงับอาการไม่อยู่ของไอ้เตี้ยนั้น เรียกเสียงเฮฮาของเพื่อนฝูงโจรห้าร้อยอย่างพวกมันได้อย่างดี

“หูย ผอมยังหล่ออ่ะ  แม่งกูโคตรปลื้มเลย ขอจับเนื้อต้องตัวให้เป็นบุญมือหน่อยเหอะ”  อารมณ์นี้ไอ้เตี้ยไม่สนใจแล้วว่าใครจะหัวเราะมันยังไง ในเมื่อไอด้อลที่มันหลงไหล มานอนอยู่ตรงหน้า ไอ้เตี้ยก็ขอลวนลามให้หายอยากหน่อยแล้วกัน

สดายุกระถดกายหลบเล็กน้อย เมื่อสองมือกร้านพยายามจะ แตะต้องไปทั่วทั้งตัว รับรู้ได้ ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาลวนลามในเรื่องเพศ แต่สัมผัสกักขฬะแบบนี้ ก็ชวนขนหัวลุก อยู่ไม่น้อย

“ไอ้สัตว์!มึงเป็นตุ๊ดป่ะเนี่ย ไอ้เหี้ย อย่ามาล่อกันต่อหน้ากูนะ กูจะอ๊วก ฮ่าฮ่า”  เห็นเพื่อเตี้ยของตนลูบคลำสดายุอย่างหื่นกระหาย ไอ้หน้าบากก็ออกปากด่าแบบขำๆ เพราะหัวเราะครืนกับพฤติกรรมหน้ามือหลังเท้าของเพื่อนตน

“สัตว์สิ!! กูไม่ใช่ตุ๊ดเว้ย! แต่เชี่ยเอ้ย ผิวพี่ยุของกูแม่ง ลื่นมือสัดๆ ว่ะ ยิ่งลูบยิ่งเคลิ้ม ฮ่าฮ่า”  แต่แทนที่ไอ้เตี้ยจะอายที่โดนเพื่อนล้อ มันกลับลงมือหนักกว่าเก่า ลูบแขน ลูบหน้า ลามจนหน้าท้องใต้สาบเสื้อยืด อ้างว่าอยากเห็นซิกแพคของจริงของไอด้อล เพราะปลื้มมาตั้งแต่สมัยสาดยุยังโด่งดัง การกระทำดังกล่าวของไอ้เตี้ยเล่น สดายุแทบจะดิ้นพล่านด้วยความขยะแขยง ‘ไอ่ห่านจิกเอ้ย! กูขนลุก!!’

ปฏิกิริยาของสดายุ และการกระทำน่าขันของไอ้เตี้ย เรียกเสียงหัวเราะของเพื่อนๆมันลั่นห้อง และเพราะเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนี้ คงดังพอทำให้ชิดจันทร์รู้สึกตัวตื่น ร่างบอบบางอ้อนแอ้น ค่อยพลิกกายเชื่องช้าเนื่องจากความมึนงงของสมอง หล่อนตั้งใจจะลุกขึ้นนั่ง และนั่นทำให้ชิดจันทร์ได้สติในที่สุด รู้ตัวในทันทีว่ากำลังโดนมัด!

"น...นี่มันอะไรกัน!? ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า มามัดกันทำไมเนี่ย!!?"

เสียงแหลมที่แผดกร้าวขึ้น เรียกสายตาทุกคู่หันไปจดจ้องที่เจ้าหล่อนเป็นตาเดียว แม่กระต่ายน้อยในสายตาพวกหื่นกระหายในที่สุดก็รู้สึกตัวเสียที หลังจากสลบไป จนตกเป็นเหยื่อสายตาแทะโลมจาบจ้วงอยู่นาน

"เฮ้ย พวกมึง ทำไมไม่อุดปากมันไว้ด้วยวะ หนวกหู" 

เพราะเสียงแหลมแผดกล้าของเจ้าหล่อน ที่ไม่ยอมหยุดโวยวายเสียที ในที่สุดลูกพี่ใหญ่ ก็ยอมเปิดปากพูด หลังจากเงียบเป็นท่อนหินมานานร่วมชั่วโมง

ชายภายใต้หมวกและแว่นตาดำพรางหน้าตา ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ตวาดลูกน้องที่ปล่อยให้เหยื่อยังมีฤทธิ์ เขากำลังใช้สามธิ ไม่ต้องการให้ใครกวน

“เอ้า ยังเฉยกันอยู่อีก หาอะไรมาปิดปากนังนี่ที!”เสียงห้าวเรียกลิ่วล้อมาปิดปากชิดจันทร์ ที่ยังดิ้นรนโวยวาย ไอ้หน้าบาก ลูกน้องคนตัวเอ้ จึงหยิบเทปกาว เดินปรี่เข้าหาชิดจันทร์ หมายสะกัดเสียงหน้ารำคาญให้หัวหน้าได้สบายหู

“เดี๋ยวก่อน! ฉันมีข้อต่อรอง!!”  ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังจะโดนปิดกั้นอิสรภาพสุดท้ายที่เหลืออยู่ ชิดจันทร์ก็ขออุทรณ์ต่อรองทันที โชคเข้าข้างหล่อน เพราะหัวหน้าโจรยอมรับฟัง มันจึงยกมือห้ามลูกน้องมันไว้ ให้ยั้งรอ

“ว่าไง คุณหนู?มีอะไรจะต่อรองงั้นเหรอ” เสียงทุ้ม สอบถามด้วยความสุภาพ เช่นเดียวกับตอนที่มันเอ่ยทักชิดจันทร์เมื่อแรกเจอหน้า ได้ยินแบบนั้น ชิดจันทร์ก็เริ่มใจชื้น ถ้ามันยอมฟังจริง ก็เข้าทางหล่อนล่ะ

“แกเรียกค่าไถ่ฉันไปเท่าไหร่ ถ้าแค่สิบ ยี่สิบล้านล่ะก็ ฉันจะบอกแม่ฉันให้ ว่าเอามาไถ่ตัวฉันให้เยอะกว่านั้น แม่เชื่อฉันอยู่แล้ว...”  เริ่มต้นการเจรจา ชิดจันทร์ก็จั่วหัวด้วยเรื่องเงินค่าไถ่เป็นอย่างแรก หล่อนแน่ใจ ว่ามันต้องเป็นเรื่องที่หัวหน้าโจรผู้นี้ให้ความสนใจเป็นที่สุด  “จะเรียกเงินทั้งที ก็ให้มันเต็มที่หน่อย เวลาหนีกบดาน จะได้ไม่ลำบาก สัญญาเลย ว่าฉันจะไม่ให้แม่แจ้งตำรวจเด็ดขาด”

“...อะไรกันคุณหนู ใจป้ำเชียวนะ ไม่สงสารแม่บ้างรึไง?”  หัวหน้าโจรยิ้มกริ่ม  “แล้วคุณหนูจะจ่ายพวกผมเท่าไหร่ล่ะ แลกกับข้อต่อรองที่คุณหนูอยากได้น่ะ” พร้อมลองใจ สาวเจ้าด้วยเสียงนุ่มนวล

“จะสงสารทำไมกัน ยังไงซะแม่ฉันก็จ่ายไหวอยู่แล้วล่ะ ฉันเป็นพวกเดียวกับแกนะ เพราะงั้นช่วยแก้มัดฉันทีสิ” ชิดจันทร์ต่อรอง

“หืม...ดูท่าคุณหนูจะไม่ค่อยรักแม่เลยนะ ถึงขนาดจะมาเป็นพวกเดียวกับคนที่คิดทำร้ายครอบครัวตัวเองเชียว?”พิมานกระเซ้า พร้อมสายตากรุ้มกริ่มที่แอบซ่อนบางอย่างเอาไว้

แอบซ่อนเรื่องที่มันรู้อยู่เต็มอก ว่าชิดจันทร์ต้องแลกเปลี่ยนกับมัน รู้ดีว่าชิดจันทร์เกลียดแม่ตัวเอง และเพราะรู้ทั้งรู้นี่แหละ มันถึงตั้งใจจับหล่อนมา ด้วยเจตนาซ่อนเร้นที่มากกว่าแค่การเรียกค่าไถ่!

“ผู้หญิงคนนั้น ทำผิดกับฉันไว้มาก และเขาต้องชดใช้มัน ดังนั้น ฉันไม่โกรธหรอกนะกับสิ่งที่แกทำ ออกจะเห็นด้วยเสียด้วยซ้ำ เพราะฉันเองก็อยากเห็นท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจของแม่เหมือนกัน  อยากรู้นักว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง” ชิดจันทร์กล่าวว่าอย่างย่ามใจ “ว่าไงล่ะ จะเรียกเพิ่มเท่าไหร่ดี? สักสี่สิบล้านเป็นไง?”  และหล่อนมั่นใจว่าอย่างมากว่าไอ้พวกโจรกระจอกพวกนี้ จะต้องตาลุกวาว กับสิ่งจำนวนหล่อนเสนอ

“แล้วผมจะวางใจได้ยังไง ว่าคุณหนูจะไม่หักหลังผม?ไม่ใช่ว่าพอผมตกลงรับปาก แล้วคุณหนูจะหลอกเอาตำรวจมาจับพวกผมหรอกนะ แม่ของคุณหนูก็ใช่จะธรรมดา แล้วผมก็ไม่เคยเห็นคุณหนูกับแม่คุณแตกคอกันเลยสักครั้ง เห็นในทีวีออกจะรักกันปานกลืนกิน” พิมานทำท่าครุ่นคิด อิดออดเล่นตัว ยั่วประสาทชิดจันทร์เล่น

“ฉันไม่หักหลังแกหรอกน่า ในทีวีน่ะ เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้นแหละ ฉันเกลียดผู้หญิงคนนั้น และต้องการให้เขาอยู่ไม่สุข เชื่อฉันสิ ถ้าแกยอมทำตามที่ฉันบอก รับรองว่าพวกแกรอดแน่ แถมยังได้เงินใช้ไม่อั้นด้วย”  ชิดจันทร์หว่านล้อม ใบหน้าหวานแสยะยิ้มร้าย หล่อนมั่นใจ ว่ากำลังจะได้รับอิสรภาพ มั่นใจว่าพิมานกำลังจะตกลงร่วมมือ

“หึหึหึ...คิดตื้นไปหรือเปล่าคุณหนู คิดเหรอว่าคนอย่างแม่คุณ จะปล่อยพวกผมไปง่ายๆ แล้วอีกอย่างนึงนะ...แค่ห้าสิบล้านน่ะ ผมไม่เอาหรอก ต้องร้อยล้านสิ ถึงจะคุ้ม!”

พิมานเริ่มเผยบางอย่างออกมาให้ชิดจันทร์รับรู้ มันขี้เกียจจะเล่นแง่กับเด็กสาวต่อไปอีกแล้ว ถึงจะสนุก แต่ก็น่ารำคาญ ตอนนี้เขาอยากอยู่เงียบๆมากกว่า

“ร้อยล้าน!!?” คำว่าร้อยล้าน ทำชิดจันทร์ตกตะลึงพรึงเพริดไม่น้อย มันเยอะ มันเยอะเกินไปจนหล่อนแทบไม่เชื่อหู ถึงชิดจันทร์จะมั่นใจว่าเสน่ห์จันทร์หามาให้ได้อยู่แล้ว แต่อย่างไรล่ะ ยอดเงินขนาดนี้ มันหามาได้ง่ายๆ เพียงชั่วข้ามคืนเสียเมื่อไหร่

“แกจะบ้าเหรอ ตั้งร้อยล้าน!? แม่ฉันจะหามาให้ทันได้ยังไง!?” ชิดจันทร์ตวาดแหว เงินสดที่เก็บในบ้านหล่อน มีไม่เกินห้าสิบล้านหรอกนะ ถ้าจะเอาถึงร้อยล้าน ต้องทำเรื่องเบิกกับทางธนาคาร กว่าจะได้เงินสดครบร้อยล้าน ไม่ปาไปตอนเที่ยงเลยหรือยังไง หล่อนทนอยู่ที่นี่จนถึงตอนนั้นไม่ไหวหรอกนะ!!

“ร้อยล้านภายในคืนนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ ที่บ้านฉันไม่ได้มีเงินสดเยอะขนาดนั้นหรอก แล้วป่านนี้ธนาคารก็ปิดหมดแล้วด้วย” ชิดจันทร์ต่อรอง “เอาอย่างนี้ได้ไหม ให้แม่ฉันเอาเงินสดห้าสิบล้านมาให้ก่อนตอนนี้ แล้วภายในพรุ่งนี้ค่อยจัดการอีกห้าสิบล้านที่เหลือให้ รับรองฉันจะไม่ให้เรื่องถึงตำรวจเด็ดขาด...”

“ผมไม่ได้ต้องการเงินสด ผมต้องการให้โอนเงินเข้าบัญชี ร้อยล้าน” พิมานชี้แจง ชายหนุ่มกอดอกยืนพิงขอบหน้าต่างโล่งๆ ด้วยท่าทีสบายๆ ไม่ได้กดดัน ไม่มีการข่มขวัญเหยื่อ

“โอนเงิน? แล้วแกบอกแม่ฉันหรือยัง? เขาโอนมาหรือยัง? ได้เงินแล้วก็ปล่อยฉันเสียทีสิ ฉันสัญญาว่าเรื่องจะไม่ถึงตำรวจ” ได้ยินดังนั้น ชิดจันทร์ก็เบาใจ ให้โอนเงินเข้าบัญชี ย่อมไม่มีปัญหากับยอดโอนสูงๆ

“ยัง...ยังไม่มียอดเงินเข้า” พิมานตอบนิ่งๆ พลางทำท่าเคะเล็บมือตัวเองไปด้วย ดูไม่ยี่หระกับใบหน้าแดงสลับขาวซีดของชิดจันทร์มากนัก

“ยัง!? นี่แกโทรบอกแม่ฉันหรือยังว่าจับตัวฉันมา!? โทรไปถามเขาอีกครั้งสิ ว่าโอนมาแล้วหรือยัง เลขบัญชีแกให้ไปแล้วใช่ไหม เลขมันผิดหรือเปล่า!?”ชิดจันทร์ลนลานหนัก พอรู้ว่าเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นเป็นมารดา ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ “แกยังไม่ได้คุยกับแม่ฉันล่ะสิ รู้เบอร์รึเปล่าเดี๋ยวฉันบอกเบอร์ให้ แม่ฉันไม่ช้าหรอกน่า ถ้าแกโทรคุยอีกที เขาต้องวิ่งรอกหาทางโอนเงินให้แกแน่ๆ”

“ผมโทรบอกคุณเสน่ห์จันทร์ไปตั้งแต่สี่ทุ่ม ตอนนี้จะตีสามแล้ว ยังไม่เห็นเงินโอนเข้าสักบาท หึหึ เขาอาจต้องการคุณหนูแล้วก็ได้นะ เลยปล่อยเวลาผ่านไปเรื่อยๆ โดยไม่แยแสคุณเลยแบบนี้”  พิมานจี้จุดตาย จนชิดจันทร์แทบดิ้น ตอนแรกหล่อนคิดว่าตัวเองจะได้ถือไพ่เหนือกว่า ได้เป็นต่อ ที่ไหนได้ ตอนนี้หล่อนกลับตกเป็นเบี้ยล่าง เป็นเหยื่ออย่างสิ้นเชิง

“แกโกหก! ผู้หญิงคนนั้นไม่มีวันทิ้งฉันได้หรอก เขาติดหนี้ชีวิตฉันไว้ เขาไม่มีวันปล่อยมือจากฉันได้...”

“แล้วไม่ดีกว่ารึไง ถ้าเจ้าหนี้จะตายไปซะ หึหึ ก็แค่รู้สึกผิดทั้งชีวิต แต่ก็ไม่ต้องมาหนักอกหนักใจเพราะเจ้าหนี้อย่างคุณหนูอีก...”  เห็นชิดจันทร์เริ่มเสียขวัญ พิมานก็เริ่มเสี้ยม ยุแยงให้แม่ลูกแตกคอกันหนักข้อขึ้น

“เชื่อผมเถอะ แม่ของคุณหนูไม่ยอมจ่ายหรอก ร้อยล้านน่ะ...” พิมานพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย บรรยากาศ กดดัน แผ่กำจายจากร่างสูง จนน่าอึดอัด “เพราะคนอย่างเสน่ห์จันทร์ ไม่เคยเล่นตามกติกา!”

“ม...หมายความว่ายังไง?” สิ้นคำพิมาน ชิดจันทร์ยิ่งงงหนัก คนคนนี้รู้จักกับแม่ของหล่อนเป็นอย่างดีแน่ๆ หล่อนมั่นใจ แถมยังไม่ใช่การรู้จักในเชิงมิตรสหายเสียด้วย

“หมายความว่านังนั่นไม่มีวันยอมจ่ายร้อยล้านให้กูเพื่อไถ่ตัวมึงหรอก! แต่จะทำเหี้ยอย่างอื่นเพื่อช่วยมึงแทนไง!!หึ!! ไอ้ชาติ อุดปากนังนี่ซะ กูไม่อยากคุยกับมันแล้ว!!”

สิ้นคำสั่ง ไอ้หน้าบากก็เอาเทปกาวอุดปากชิดจันทร์ที่กำลังดิ้นเร่า พร้อมส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด ก่อนจะหันไปมองหัวหน้าของมันด้วยหน้าเครียดเคร่ง

พิมาน กอดอก กลับไปจ้องมองนอกหน้าต่างดังเก่าหันหลังให้กับชิดจันทร์อย่างสิ้นเชิง บรรยากาศรอบกายคุกรุ่นจนน่ากลัว มันนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า

“นังเสน่ห์จันทร์มันเป็นคนเก่ง เก่งเสียจนกูเกลียด คนอย่างมันทำได้ทุกอย่าง เพื่อปูทางให้ตัวเองขึ้นสู่จุดสูงสุด โดยที่ไม่สนใจทั้งนั้น ว่ามันจะเหยียบหัวใคร หรือศพใครขึ้นไปบ้าง มันเป็นผู้หญิงเลือดเย็น เสียจนกูยังขนลุก หึหึ มึงคิดว่าแม่มึงมาถึงจุดนี้ได้เพราะแค่บริหารงานเก่งอย่างเดียวรึไง ไม่...เบื้องหลังความทะเยอทะยานของมัน น่ากลัวกว่าที่มึงคิดเยอะนังคุณหนู...”

“นังเสน่ห์จันทร์มันทั้งเก่ง ทั้งกล้า และมีบารมีล้นเหลือเฟือ ที่จะทำให้กูแตะต้องมันไม่ได้...”

“แต่ในที่สุด กูก็ค้นพบจุดอ่อนของมัน”

“จุดอ่อนเดียวของนังเสน่ห์จันทร์ คือการมีลูกทรพีอย่างมึงไง! ฮ่า ฮ่า”

พิมานหัวเราะร่า โดยไม่มีการผินมามองชิดจันทร์ ที่อยู่เบื้องหลังเลยแม้เพียงนิด

เขารอเวลานี้มานานแสนนาน

และการรอคอยนั้น มันได้สิ้นสุดลงแล้ว!

อะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ตรงที่ไกลๆ พิมานหยุดหัวเราะลงทันที เหลือเพียงรอยยิ้มแสยะร้ายกาจ ก่อนจะหันไปเอ่ยบางอย่างกับชิดจันทร์

ถ้อยคำที่ทำให้ชิดจันทร์ถึงกับหลั่งน้ำตา ด้วยใบหน้าที่ตกใจสุดขีด

“เฮ้ นังคุณหนู มึงเกลียดแม่มึงมากใช่ไหม...เดี๋ยวกูจะช่วยกำจัดมันไปจากชีวิตมึงให้เอง”

*
*
*
*
*


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 09-06-2015 23:58:04
*
*
*
*
*

“ที่นี่แหละเมธ มันต้องจับตัวยัยชิดมาที่นี่แน่”

เสียงสั่นน้อยๆ ทว่ายังทรงด้วยอำนาจของเสน่ห์จันทร์ บอกเล่าสิ่งที่หล่อนพอจะรู้ให้ผู้ร่วมทางฟัง

ตั้งแต่ที่เสน่ห์จันทร์รู้ว่า ชิดจันทร์ ลูกสาวเพียงคนเดียวถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่ โดยชายผู้เคยเป็นอดีตเด็กในสังกัด หล่อนก็รู้ได้ในทันทีเลยว่า ที่ที่มันคนนั้นจะเอาชิดจันทร์ไปซ่อนไว้คือที่ไหน ที่แห่งความทรงจำที่เดียวของมัน...หมู่บ้านจัดสรรที่สร้างไม่เสร็จและถูกปล่อยให้รกร้าง

‘หมู่บ้านจันทร์พิมาน’

ทันทีที่ได้รับการติดต่อจากทางพิมานเมื่อราวๆสี่ทุ่มครึ่งของเมื่อคืน ยอมรับว่าตกใจและกังวลเป็นที่สุด มันจะเรียกค่าไถ่ตัวชิดจันทร์ถึงร้อยล้าน โดยการให้จ่ายผ่านบัญชีที่มันส่งข้อความมาให้ภายในก่อนเที่ยงวัน

ไอ้พิมานมันพลาด พลาดที่เปิดเผยตัวตน คงคิดว่าหล่อนคงไม่กล้าทำอะไร เพราะมันมีชิดจันทร์เป็นตัวประกันอยู่

มันพลาดที่ส่งข้อความมา ทั้งยังโทรหาโดยไม่มีการแปลสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ทำให้ใช้เวลาไม่นานก็สามารถแกะสัญญาณที่อยู่ของมันได้อย่างไม่ยากเย็น.....สมแล้วที่เป็นมัน

เพราะไอ้พิมานมันโง่ เสน่ห์จันทร์รู้เช่นเห็นชาติคนคนนี้ดีตั้งแต่ที่เคยร่วมงานกันมาเมื่อครั้งยังหนุ่มยังสาว

พิมาน นรชัย อดีตดารารุ่นใหญ่วัยสี่สิบหกปี  คนที่ทำลายชีวิตการแสดงของตนลงด้วยความโง่เง่าของตัวเอง!

“ตรงบ้านหลังใหญ่สุดนั่นแน่ครับ ผมมองเห็นแสงไฟรำไรอยู่ พวกมันต้องพาสดายุกับชิดจันทร์ไปหลบกบดานอยู่ตรงห้องนั้นแน่”  กฤตเมธที่ยืนอยู่ข้างกันเอ่ยพลางตั้งท่าจะเดินลิ่วเข้าไปในรังของเหล่าโจรโฉดชั่วที่ลักพาตัวหัวใจของเขามา

“เดี๋ยวก่อน! อย่าผลีผลามอย่างนั้นสิเมธ เดี๋ยวมันเห็นเราเข้า ยัยชิดจะตกอยู่ในอันตราย...ฉันหมายถึงสดายุด้วย” แต่ก่อนจะได้ถลาเข้าไปมากกว่านั้น ก็โนเสน่ห์จันทร์รีบคว้าเอาไว้เสียก่อน แม้จะขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่ก็พอจะเห็นด้วยกับหล่อน “รออีกหน่อย ตำรวจกำลังมา” เสน่ห์จันทร์ว่า กฤตเมธถึงกับขบกรามกรอด เขาไม่อยากจะเสียเวลาแม้สักนิดเดียว!

ตั้งแต่เที่ยงคืนเป็นต้นมา เขาขับรถวนหา ตามล่ารถตู้ของพวกที่จับตัวสดายุมาเสียหลายชั่วโมง ที่ไหนพอจะมีเบาะแส เขาก็จะไปที่นั่น โดยรวมกับดนัยและสมุนฝ่ายนั่นช่วยกันหาอีกแรง บดินทร์ที่ติดสอยห้อยตามดนัยมา พอจะรู้จักไอ้ตัวหัวหน้ามันอยู่บ้าง จึงพอตามดมกลิ่นมาจนพบที่หมาย ด้วยว่าเขาอยู่ใกล้มากกว่าจึงล่วงหน้ามาถึงก่อนดนัยเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมาเจอกับเสน่ห์จันทร์กลางทางพอดี

แต่ก็ดีมากที่ได้เจอ เพราะนั่นหมายความว่า กฤตเมธมาถูกทาง เขาตามหาสดายุเจอแล้ว!!

กฤตเมธละล้าละลังอยู่เพียงอึดใจ ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่อาจรอไหว เขาต้องการเข้าไปช่วยสดายุออกมาให้เร็วที่สุด อุตส่าห์มาถึงที่แล้ว จะยังต้องรออะไรอีก

“คุณเสน่ห์จันทร์ รอพวกตำรวจที่นี่ก่อนนะครับ ผมจะเข้าไปข้างในก่อนนะครับเพื่อดูลาดเลาไอ้พวกนั้นก่อน”  สุดท้าย กฤตเมธ ก็เลือกที่จะไม่ทนรอต่อไป

“แต่เมธ....”แน่นอนว่าเสน่ห์จันทร์รีบห้าม หล่อนไม่ต้องการให้กฤตเมธเข้าไปเสี่ยง เพราะถ้าไอ้พิมานจับได้ขึ้นมา มันอาจทำร้ายชิดจันทร์โทษฐานที่หล่อนไม่รักษาสัญญาก็เป็นได้ หล่อนกลัวกฤตเมธทำพลาด ห่วงว่าจะเสียไปทั้งสองคน เรียวนิ้วสั่นระริกเอื้อมคว้าแขนกฤตเมธไว้ เพื่อยั้งรอ

แต่กฤตเมธทำเพียงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าได้โปรดอย่าห้ามเขา เพราะถึงอย่างไร ก็ไม่มีอะไรสามารถห้ามเขาได้ในตอนนี้  “ได้เรื่องยังไง ผมจะรีบติดต่อกลับมา รออยู่ตรงนี้นะครับ”

“ฉ ฉันไปด้วย”เมื่อกฤตเมธยืนยันคำตน เสน่ห์จันทร์ก็หมดปัญญาขัดขวาง แม้จะเป็นห่วงกลัวจะเกิดการเพลี่ยงพล้ำ แต่แท้จริงแล้วหล่อนเองก็ร้อนใจไม่ต่างกัน ในนั้นมีลูกหล่อนทั้งคน หล่อนย่อมเป็นห่วง กังวล และอยากไปเห็นด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน ว่าดวงใจเพียงคนเดียวของตนนั้น ยังคงอยู่ดี ไม่อยากรออะไรอีกต่อไปแล้ว ด้วยหัวใจของคนเป็นแม่ เสน่ห์จันทร์เองก็อยากเข้าไปใจแทบขาด

“อย่าเลยครับ ผมไปคนเดียวคล่องตัวกว่า ยืนรอกำลังเสริม แล้วผมจะรีบติดต่อมา”ทว่าก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าถึงหล่อนเข้าไปก็รังแต่จะเป็นตัวถ่วง ดังนั้นเมื่อถูกกฤตเมธยั้งไว้ หล่อนก็ไม่ได้อิดออดดื้อดึง ปล่อยกฤตเมธเข้าไปคนเดียว น่าจะได้เรื่องมากกว่า

“...ฝาก...ฝากด้วยนะเมธ...”เสน่ห์จันทร์พูดได้เพียงเท่านั้น ก่อนคลายมือออกจากแขนของชายหนุ่มในที่สุด

กฤตเมธพยักหน้ารับคำ ก่อนจะวิ่งห้อเข้าไปในความมืด ทิ้งเสน่ห์จันทร์เอาไว้ตรงนั้น เพื่อความปลอดภัย

*
*
*
*
*

“พี่เมธติดต่อมา ว่าล่วงหน้าเข้าไปข้างในก่อนแล้ว จะเข้าไปดูลาดเลาให้”

ดนัยเอ่ยขึ้นทันทีที่กดวางสายจากกฤตเมธ ตอนนี้พวกเขาและเหล่าสมุนมือดีอีกสามคน มาถึงหมู่บ้านร้าง แหล่งกบดานของพวกพิมานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาเลือกที่จะจอดรถไว้ด้านนอก เช่นเดียวกับกฤตเมธ แล้วเดินเท้าฝ่าทางมืดทึบเข้าตัวหมู่บ้านเพื่อให้ง่ายต่อการพรางตัว

หลังหาที่จอดรถซุกซ่อนสายตาในความมืดได้แล้ว เหล่าชายฉกรรจ์มากฝีมือก็เตรียมตัวไล่ล่าพวกผู้รายตัวแสบ เพื่อแย่งชิงตัวประกันคนสำคัญคืน ทุกคนเตรียมพร้อม บดินทร์ก็พร้อม ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในชุดคนไข้อีกต่อไปแล้ว เพื่อความคล่องตัว ดนัยเลยให้ลูกน้องคนสนิทหาชุดลำลองมาให้บดินทร์เปลี่ยน ชุดง่ายๆ แค่เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงยีนส์ กับรองเท้าผ้าใบ บดินทร์จัดแจงเดินตามกลุ่ม บอดี้การ์ดตัวล่ำของดนัย ทว่ากลับถูกนายใหญ่ของกลุ่มรั้งร่างเอาไว้เสียก่อน

“คุณรออยู่ที่นี่ดีกว่านะ ข้างในมันอันตราย” ดนัยว่า พลางดึงร่างของบดินทร์ให้เดินตามกลับมาที่รถ เขาไม่อยากให้บดินทร์ต้องเข้าไปเสี่ยง

“ไม่! ผมจะเข้าไปด้วย” เมื่อถูกห้าม บดินทร์ก็ออกอาการฉุนเล็กๆ เขาต้องการเข้าไปช่วยสดายุ ไม่ต้องการแค่รออยู่ตรงนี้ อยากเข้าไปช่วยเพื่อน บดินทร์สะบัดแขนตนออกจากอุ้งมือของดนัย เขาจะไม่ยอมรออยู่ที่นี่อย่างเดียวแน่ ถ้าไม่ให้ไปด้วย เขาก็จะเข้าไปคนเดียว!

“สภาพคุณตอนนี้ เข้าไปก็เป็นได้แค่ภาระ ผมไม่อยากเอาคนถ่วงแข้งถ่วงขาเข้าไปด้วยจนทำงานล่มหรอกนะ” เห็นว่าคนป่วยช่างดื้อ ถึงไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก เพราะดนัยเดาเอาไว้อยู่แล้วว่าคนดื้ออย่างบดินทร์ไม่มีทางยอมอยู่เฉย เขาเลยลองปรามาสอีกฝ่ายดู จรี้จุดให้รู้ถึงสถานภาพของตัวเอง แต่ก็ไม่แน่ใจนักหรอกนะว่ามันจะกลายเป็นการสาดน้ำมันเข้ากองไฟหรือเปล่า...

"ผมไม่ทำตัวถ่วงคุณหรอกน่า! ผมไม่ได้โง่ขนาดนั้น!!"  บดินทร์ฉุนขาด

'กะแล้วเชียว...'

"ก็ที่ทำอยู่นี่แหละ ถ่วง!"  ดนัยถึงกับส่ายศีรษะอย่างอ่อนใจ

“เออ!แล้วแต่คุณจะว่าเถอะ แต่ถึงยังไงผมก็จะเข้าไป!” ยิ่งถูกห้ามบดินทร์ยิ่งเสียงดังขึ้น แท้จริงทั้งสองคนรู้ดี ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ในเมื่ออีกฝ่ายมัวแต่ดื้อดึงไม่ยอมฟังกัน จึงจำเป็นต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของตน ทว่า หากยังปะทะคารมกันต่อ ดูเหมือนจะไม่จบไม่สิ้น บดินทร์จึงไม่คิดจะโต้เถียงอีก ชายหนุ่มเลือกที่จะหุบปากเสีย แล้วเดินไปเองลำพัง  โดยไม่สนใจคำทัดทานใดๆ ของหน้าไหนทั้งนั้น

ลมพัดแรงขึ้นทุกขณะ เสียงหวีดหวือดังชัด แรงลมหน่วงหนักเริ่มโยกต้นไม้รกครึ้มให้ไหวคลอนไปตามแรงมัน ดนัยเดินจ้ำฝ่าแรงลมหน่วงหนัก นำลิ่วไป แบบไม่สนใจใครเลยแม้แต่ดนัย  เห็นท่าจะรอต่อไปไม่ไหว ดนัยจึงต้องรีบจัดการขั้นเด็ดขาด คนอะไร โคตรดื้อ!

“อย่าดื้อดิคุณ”  ดนัยสุดทนในที่สุดจึงรี่เข้ามาฉุดแขนซ้ายบดินทร์ขึ้น เพื่อลากจูงกลับไปขังไว้ในรถให้รู้แล้วรู้รอด แต่อีกคนก็ยังคงดื้อดึง ขืนตัวตัวไว้ไม่ยินยอมท่าเดียว

“ปล่อย!”

“ชิ! หาเรื่องจริงนะ!!”  ร่างสูงใหญ่ฉุนกึก คว้าเอวแล้วยกทั้งร่างนั่นจนตัวลอยหวือ ด้วยบันดาลโทสะ บดินทร์เบิกตากว้าง สวนกำปั้นเข้าใส่อย่างลืมตัว แต่ดนัยที่รู้ทางตั้งแต่แรกรีบคว้าข้อมือบดินทร์ไว้แล้วจับตรึงไว้ด้านหลัง ให้ได้สิ้นหนทางขัดขืน

ดิ้นรนยังไม่ถึงเท่าไหร่ ทั้งร่างก็ถูกโยนโครมเข้าไปในเบาะหลัง ทั้งยังถูกคร่อมไว้ด้วยร่างของดนัยจนยากจะหลบหนี ตาจ้องตา ไม่มีใครยอมใคร

บดินทร์จะไปเสียอย่างใครก็ห้ามไม่ได้...

ดนัยไม่ให้ไปเสียอย่าง ใครก็ขัดไม่ได้...


“ผมขอล่ะ อย่าให้ถึงขนาดต้องขังไว้ในรถเลยนะครับ บดินทร์” สุดท้าย ดนัยก็เป็นฝ่ายขอยอมแพ้ และเป็นฝ่ายเริ่มขอร้องดีๆ กับบดินทร์ก่อน  “ในนั้นมันอันตราย...ผมไม่อยากให้คุณบาดเจ็บ”  พร้อมออกปากวอนเว้าเล็กๆ ตามสันดานปากหวานที่เป็นนิสัยประจำกาย

ได้ผล ทันทีที่ดนัยยอมลงให้ บดินทร์ก็คาบอาการแข็งเกร็งขัดขืน ดวงตาแข็งกร้าวที่จ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตาในคราแรก อ่อนแสงลงเล็กน้อย แทนด้วยสีหน้าแห่งความลำบากใจมาแทนที่

“...อย่าทิ้งผมไว้คนเดียวที่นี่ ได้โปรด...”

คราวนี้เป็นดนัยบ้างที่ต้องนิ่งอึ้ง กับใบหน้าหมดจดตรงหน้า ที่กำลังส่งสายตาอ้อนวอนตอบกลับมา เล่นเอาใจแช็งๆของลูกผู้ชายอย่างดนัยถึงกับอ่อนยวบ “แต่...”

“ขอร้องเถอะครับ ให้ผมเข้าไปกับคุณด้วย...ให้ผมได้เข้าไปช่วยสดายุกับคุณ...”  เห็นว่าดนัยเริ่มใจอ่อน บดินทร์ก็ยิ่งออดอ้อน หนัก ถึงจะง่อยยังไง ก็ดีกรีนักแสดงเก่า เรื่องปั้นหน้าใช่ว่าจะไม่ถนัด ถึงตาจน ก็ต้องงัดออกมาสู้

“ผมรู้ ว่าคุณปกป้องผมได้...”

โดนอ้อนขนาดนั้นเข้าไป ใครเล่าจะอดใจไหว แม้ดนัยจะรู้อยู่แก่ใจ ว่าบดินทร์คงใช้ความพยายามน่าดู

แต่...ถึงบดินทร์จะกัดฟันพูด สำหรับดนัยนั้น

มันโคตรน่าฟัง...

ไม่ต้องถามถึงผลที่ตามมาหลังจากนั้น

เพราะแน่นอนว่า ผู้พ่ายเป็นใครไปไม่ได้นอกจากดนัย

ทั้งห้ามุ่งหน้าสู้ความมืดพร้อมกัน ด้วยจุดหมายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือช่วยสดายุ

*
*
*
*
*

“เราจะได้เงินจริงๆใช่ไหม พี่พิมาน? ไม่ใช่ว่าพี่หลอกเรามาตายกันหมดนะ”


*************************************************************
ขอโทษที่ช้านะคะ
ว่าจะบุก ไม่ได้บุกเสียที แต่ตอนหน้านี่แหละค่ะไคลแม็กซ์ของจริง
พี่เมธเราจะสามารถช่วยน้องยุทันหรือไม่
ใครจะอยู่ใครจะไป ได้รู้ชัดแน่นอนค่ะ

ปล. ครึ่งหลังจะพยายามมาให้ทันวันศุกร์นะจ๊ะ
ปล.2 ลงกับมือถือค๊า...มันออกจะง่อยไปหน่อยนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แอบไปแก้ให้ที่ออฟฟิศจ๊า

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี / Thearboo
 :ling3: :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 10-06-2015 00:07:00
 :katai1: โอ้ย......ลุ้น พระเอก พระรอง และ เมียพระรอง มาถึงกันรึยัง
ส่วนนังชิด ขอ :beat: :beat: :beat: ก่อนได้ไหม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 10-06-2015 00:18:43
สารภาพว่าฟินกับฉากบดินทร์อ้อนดนัย(แม้จะเป็นการแสดงก็เหอะ)

ชิดจันทร์นางจะน้ำตาหลั่งรินทำไม พิมายเขาจะช่วยกำจัดแม่หล่อนให้ ทุกวันนี้ที่นางทำทุกอย่าง ปากพร่ำบอกว่าเกลียดแม่ก็คิดว่านางอยากให้เสน่ห์จันทร์ตายอยู่แล้วซะอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 10-06-2015 00:22:57
 :mew1:หุๆๆ ดินอ้อนดนัย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 10-06-2015 00:32:59
อ้อนนิดหน่อยก็ฟินแบ้ววว ชอบๆๆๆๆ

น้องยุไม่ต้องเสียใจนะ ยังรักหนูเหมือนจ้าาา 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 10-06-2015 00:54:21
กรี๊ดคะ บดินทร์หนูช่างโมเอะได้ใจจริงๆ ดนัย ดูเเลดีๆนะ อย่าให้ได้มีเเผลถลอก 55
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Fujung ที่ 10-06-2015 01:12:46
พี่เมษสู้ๆน้า ช่วยยุให้ได้   ส่วนดินกับดนัยเนี่ยดูจากรูปการแล้วรู้เลยละว่าใครจะหลงใครยังไงก็เอาใจช่วยนะ :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-06-2015 01:14:31
เอาอีกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 10-06-2015 04:38:29
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 10-06-2015 05:46:34
ขอให้ช่วยสดายุให้ได้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 10-06-2015 06:40:51
น้องดิน อ้อนดนัยเยอะๆๆๆๆๆๆๆๆนะ :katai2-1:

 :กอด1: :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: ToRoNtO ที่ 10-06-2015 06:52:51
มาแล้ววว มาซักที ในที่สุดดดด รอมานาน :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 10-06-2015 07:45:12
น้องยุโดนลวนลามอะ ไม่ยอมๆ :fire: พี่เมธรีบๆไปช่วยนะ แล้วก็ชินจันนี้อยาก สนน นางมากเลย  เป็นไงละ รู้ว่ามามีไม่มาช่วยนาง 
คู่ดนัยก็น่าลุ้น หึหึ มีแววว่าดนัยจะเกลียมัวนะเนี่ยย
  :mew1: อดใจรออครึ่งหลังแทบไม่ไหว แระ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 10-06-2015 07:57:57
รอต่อคับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 10-06-2015 08:52:06


นั่งรอต่อไป

รอว่าเมื่อไหร่จะถึงวันนัด(ลงนิยาย)

พี่เมธอย่าพลาดเชียวนะ

ไม่อยากให้ใครบาดเจ็บเลย (ถ้าเป็นไปได้)

รอ รอ รอ .....

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 10-06-2015 10:32:02
พี่เมธมาด่วนน้องยุเจ็บมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 10-06-2015 12:49:29
รีบมาเร็วว ยุโดนลวนลามใหญ่แล้วว

ดิน ดนัย อย่าเพิ่งจีบกันน่า แต่เค้าก็ฟินลูกอ้อนของดินน่า

รอครึ่งหลัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: ssipra ที่ 10-06-2015 13:57:34
บดินทร์ขี้อ้อนนนน ช่วยน้องยุให้ได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 10-06-2015 14:04:20
ตามมาจากธันวลัย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 10-06-2015 14:31:29
มาแล้วๆ ตอนต่อไปได้ปะทะกันแน่ๆเลย สู้ๆคนทุกคน ช่วยพ่อพระ(นาย)เอกของเราออกมาให้ได้นะ   :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 10-06-2015 16:31:08
หลงนาง เอ๊ยย..หลงนายปักหักหัวปำแล้วดนัยเอ๋ย..ทำไงได้ล่ะก็เกิดมาเพื่อเป็นคู่กันนี่เนอะ.... อนาคี อย่าให้หนูยุเจ็บตัวไปมากกว่านี้นะไม่งั้นจะเอาระเบิดไปวาง...เข้าใจ๋... :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 10-06-2015 18:08:39
รอลุ้นๆๆๆๆๆๆ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 10-06-2015 18:32:03
หนูยุเจ็บตัวอีกแล้วนะลูก  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-06-2015 20:20:07
ไม่ได้เกี่ยวกะคู่แม่ลูกนรกนี่เลยยย
โถ่ววววววว แกว่งเท้าหาเสี้ยนจริงๆพ่อคุณ -.-
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 10-06-2015 21:01:07
อยากให้เสน่ห์จันทร์กับชิดจันทร์ตายและพิมานรอด
ส่วนยุอ่ะรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ไก้ครองคู่กับพี่เมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-06-2015 21:14:52
ใกล้เข้าฉากบู๊ละ
ต้องรีบกินป๊อบคอร์นให้หมด
รอตอนต่อไปเนอะะะะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 10-06-2015 21:25:39
ยัยชิดจันทร์นี่ท่าจะเป็นโรคประสาท  :beat:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 11-06-2015 16:33:34
>x<
โอ๊ยยยยยยย ลุ้นก็ลุ้นใจจะขาด พี่เมธช่วยให้ได้นะ
ส่วนชิดจันทร์น่ะช่วยได้ก็ช่วยเอาบุญหน่อยล่ะกัน (เหอๆ)
ทุกคน ไฟท์ติ้งค์!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: suphasit ที่ 11-06-2015 16:37:55
 :hao4: :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-06-2015 16:48:06
โอ๊ยๆๆ อยากอ่านดนัยกับบดินทร์เร็วจังเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 11-06-2015 19:46:44
ร้ายทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ช่วยยุออกมาให้ได้นะทุกคน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 14-06-2015 13:38:53
กรี๊ดดด ไม่ได้เข้ามาเช็คแค่แปปเดียว คนเขียนอัพเต็มเบยยยย  o13

น้องยุเป็นแม่สื่อให้น้องๆเค้าเข้าใจกันดี น่ารักที่สุดดด งานก้ผ่านพ้นไปได้ พี่อ๊อดก้เบาใจ ฮิฮิ

 :ruready
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: madmay ที่ 14-06-2015 14:11:15
มาเร๊วๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: yearrayoeng ที่ 14-06-2015 14:20:51
รอนานมากเลยอ่ะ อยากอ่านอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 14-06-2015 14:41:20
บดินทร์อ้อน.... ดนัยจะไม่ทน!! //บีบเมาส์แตก

นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ดินทร์น่าจะโดนสักดอกสองดอกแน่นอน 555555555555555555

ยุควรจะผลักนังชิดจันทร์ทิ้งไปตั้งแต่หนีออกมาได้แล้วนะ มันหมดประโยชน์แล้ว อย่าไปใช้ต่อค่ะ

โดนยำทีนเลย TT^TT ฝากพี่เมธกระทืบแทนทีนะคะ โดยเฉพาะได้เตี้ย มันลวนลามยุด้วยพี่!! ทืบมันนนนน #ฟ้อง

รอฉากพระเอกพบนายเอกค่ะ ส่วนแม่ลูกคู่นั้น อือ... ช่างมันเหอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 14-06-2015 23:00:37
่เย้ ตามทันแล้วค่ะ. แอบสงสัยเบาๆว่าเป็นเรื่องสั้นที้ยาวมากเลยค่ะ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 15-06-2015 07:53:38
ช่วยยุให้ได้นะ
ฟินกันเบาๆกับดนัย+ บดินทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 15-06-2015 09:37:28
วันศุกร์เก๊าลงให้ไม่ทัน
เสาร์-อาทิตย์เก๊าก็ไม่มีคอมใช้
เลยต้องมาลงวันนี้แหละจ๊า
แต่ขอหาโอกาสแป๊บนะ
ช่วงเย็นทางโล่ง เก๊าจะรีบมาลงนะจ๊ะ
โศกนาฏกรรม รอท่านมาเสพอยู่จ๊า
เย็นนี้เจอกันค๊า...

 :ling3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 15-06-2015 11:11:54
พี่เมธรีบไปช่วยยุเร็วๆน่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 15-06-2015 12:56:37
ตอนที่ยุโดนซ้อมเราต้องสงสารใช่มะ
แต่ทำไม่เราอ่านแล้วขำอะ
ยุใช้น้ำเสียงบรรยายผิด
หรือเราควรฮาอะถูกแล้ว 5 5 5

ใครจะอยู่ใครจะไปเราขอแค่
แม่ลูกสายพันธุ์พระจันทร์นั่นไม่มีบทในตอนต่อ ๆ ไปก็พอ

ดนัย-ดิน อย่า เพิ่ง จีบ กัน ไป ช่วย ยุ ก่อน

พี่เมธทำตัวสมเป็นพระเอกจริง ๆ
            :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-06-2015 20:42:22
 ผมคือ...นางเอก
‘หลั่งเลือดชะโลมใจ’
(ครึ่งหลัง)



“เราจะได้เงินจริงๆใช่ไหม พี่พิมาน? ไม่ใช่ว่าพี่หลอกเรามาตายกันหมดนะ”

ด้วยบรรยากาศไม่ชอบมาพากลระหว่างลูกพี่กับเหยื่อที่ถูกจับตัวมา ทำให้บรรดาลูกน้องเริ่มรู้สึกกังวล โดยเฉพาะไอ้หน้าบาก ที่ถึงขนาดละจากข้างตัวสดายุเดินไปหาลูกพี่มัน ด้วยไม่เข้าใจกับสิ่งที่ลูกพี่คิดจะลงมือทำ ราวกับว่าการเรียกค่าไถ่ครั้งนี้ จะไม่ได้ต้องการเงิน แต่ต้องการอย่างอื่น ที่อันตรายต่อชีวิตของพวกมันทุกคน!

ได้ยินความกังวลของลิ่วล้อคนสนิท พิมานก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ถอนหายใจบางๆ แล้วตอบคำถามด้วยความสัตย์จริง

"พวกมึงไม่ต้องกังวลไปหรอก มึงได้เงินกันครบทุกคนแน่ๆ ถ้าจะมีคนตาย ก็แค่กู"

"พี่พิมาน? พี่ตั้งใจทำอะไรกันแน่วะ? เราตกลงกันไว้ว่าได้เงินแล้วจะแบ่งเท่าๆกัน แล้วแยกย้ายกันหนีนี่...." 

"เออน่า ช่างเรื่องของกูเหอะ เอาเป็นว่าเดี๋ยวพอพวกมึงได้เงินค่าไถ่ตัวอีนี่ปุ๊บ ก็ทำตามแผนได้เลย คงจำได้ใช่ไหม? กบดานที่ไหน กระจายเงินยังไง แล้วอย่าเสือกโดยจับได้ล่ะพวกมึง"

พิมานพูดเพียงแค่นั้น แล้วจุดบุหรี่สูบ สายตาจดจ้องออกไปนอกหน้าต่าง ณ จุดเดิม พลางแสยะยิ้ม หันกลับมามองที่ชิดจันทร์อีกครั้ง มองหญิงสาวที่กำลังนั่งหน้าซีดตัวสั่น น้ำตาคลอเบ้า สีหน้าตื่นตระหนก ผิดจากครั้งแรกที่ได้เจอ

เหยื่อตกปลาชั้นเลิศ

พิมานแสยะเยาะ อัดบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยสั่งลูกน้องทั้งที่ยังมีควันคลุ้งอยู่เต็มปาก

“เตรียมตัวซะ เดี๋ยวพวกมันก็มากันแล้ว”

*
*
*
*
*

ซ่า ซ่า....

สายฝนกระหน่ำลงมาในที่สุด เม็ดฝนที่มาพร้อมแรงลมรุนแรง กระแทกหน้าคนวิ่งจนเจ็บ กว่าจะหลบเข้าในตัวบ้านร้างได้ พวกดนัยก็ตัวเปียกโชก
ระหว่างทางที่ผ่านมา พวกเขาเจอเสน่ห์จันทร์ตรงทางเข้า หล่อนยืนกระสับกระส่ายอยู่เพียงลำพัง แต่ทั้งดนัยและบดินทร์ก็ไม่ได้แวะทักทายให้ความสนใจ แม้จะถูกเสน่ห์จันทร์เรียกรั้ง พวกเขาไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น

จึงเลือกที่จะปล่อยหล่อนไว้ แล้วลอบเข้าตัวหมู่บ้านร้างต่อ ซวยหน่อยตรงที่เจอฝนกลางทาง แต่ก็นับว่าโชคดี เพราะมีฝนช่วยพรางทั้งเสียง และเงา

การติดต่อครั้งล่าสุดจากกฤตเมธ คือ 'บนซ้ายสุด'

ดนัยไม่รอช้า สั่งการลูกน้องกระจายกำลังขึ้นไปปิดล้อมช่องทางหนีทั้งหมดของพวกมัน เขามากันห้า รวมกฤตเมธด้วยก็เป็นหก ส่วนพวกมันมีสี่ ฝีมือดีแค่ไหนไม่รู้ รู้อย่างเดียวคือคนของเขาไม่มีทางแพ้ ทั้งศิลปะการต่อสู้และอาวุธครบมือ

"อย่างห่างผมล่ะ"   ดนัยสั่งก่อนเดินนำเข้าตัวบ้านอย่างระมัดระวัง บดินทร์ตามติดไม่ห่างตามคำสั่งคนเบื้องหน้า'ภาระ'  บดินทร์เข้าใจคำนี้ดีไม่ปฏิเสธหรอกว่าการมาของเขาครั้งนี้เป็นภาระของดนัยแต่เขาก็ไม่สามารถอดรนทนอยู่เฉยๆแล้วรอฟังข่าว ว่าสดายุจะเป็นตายร้ายดีอย่างเดียวอยากเป็นประโยชน์อยากทำอะไรมากกว่าการนั่งภาวนานี่ไม่ใช่การทำดีด้วยเพื่อล้างบาปไม่แม้กระทั่งต้องการการให้อภัยจากสดายุ แต่เขาทำเพื่อตัวเอง

เพื่อ'หัวใจ' ของตัวเขาเองทั้งสิ้น

เพียงครู่เดียวเท่านั้นทั้งหมดก็มาถึงชั้นบนสุดห้องใหญ่ที่ปีกซ้าย มีแสงไฟรำไรสลัว แม้จะไม่ได้ยินเสียงพูดคุยใดๆ เพราะเสียงฝนฟ้าคะนอง ดังกลบทุกสรรพเสียง ดนัยจำต้องเข้าใกล้อีกหน่อย พร้อมเล็งหาจุดที่อันตรายน้อยที่สุดในการซ่อนตัว

ไม่ได้หมายถึงซ่อนตัวเขา แต่ซ่อนภาระทางใจต่างหาก ตามต้อยๆ ไม่ห่างอย่างนี้ กลัวจะโดนลูกหลงไปด้วยเสียจริง

มือถือดนัยสั่นขึ้นในจังหวะใช้ความคิด กฤตเมธติดต่อมา เพื่อบอกที่ซ่อน ช่างพอดิบพอดี จนดนัยรู้สึกอยากหอมแก้มสากนั้นสักฟอด รู้ที่หมาย ดนัยไม่รอช้า รีบจูงมือของบดินทร์ลากไปตามทางที่กฤตเมธบอก

คนโดนจูงมือไม่มีทีท่าขัดเขินหรือดิ้นรนบดินทร์สมยอมเดินตามดนัยโดยไม่อิดออด เพียงครู่ก็ถึงจุดที่กฤตเมธซุ่มรออยู่

"มากันกี่คน?" กฤตเมธไม่รอช้าแค่เพียงเห็นหน้าดนัยก็กรอกคำถามใส่ทันที

"ห้าคนพี่ ผมคัดมาแต่มือดีไว้ใจได้" ดนัยตอบแข็งขัน

"ดี! งั้น......." กฤตเมธตั้งใจจะพูดอะไรบางอย่างแต่ต้องชะงักไปเล็กน้อยเพราะเหลือบไปเห็นคนที่ตามดนัยมา ใบหน้าที่เครียดขึงเป็นทุนของพระเอกหนุ่มใหญ่ดุดันขึ้นทันที สายตาที่จ้องอีกฝ่ายราวกับชิงชังมาแต่ชาติปางไหนทำให้บดินทร์ถึงกับสลด ผู้ติดตามดนัยถึงกับต้องก้มหน้างุด เพื่อหลบสายตามาดร้ายของกฤตเมธ บดินทร์รู้ตัวดีว่าไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความเกลียดชังที่กฤตเมธมีต่อตน เพราะที่ผ่านมาเขาระยำเอาไว้มากจริงๆ

เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าหลบสายตาอาฆาตก ฤตเมธก็เริ่มรู้สึกตัวถึงหน้าตึงๆของตนหนุ่มใหญ่ถอนหายใจพรูก่อนหันมาคุยกับดนัยต่อ

เผลอไปหน่อย...

เผลอใส่ความบาดหมางในอารมณ์มากไปหน่อยทั้งที่ตั้งใจจะให้อภัยแล้วแท้ๆ แต่พอเห็นหน้าคนคนนี้ตรงๆอีกครั้ง ดันนึกขึ้นมาได้แต่เรื่องเลวร้ายจนเผลอใส่อารมณ์กับสายตาที่สื่อออกมามากจนเกินไป แต่ช่างมันเถอะ  เขาไม่มีเวลาพอมาใส่ใจคนอื่นมากไปกว่าการช่วยสดายุหรอก

“เดี๋ยวพี่จะเข้าไปข้างใน” กฤตเมธเอ่ยแผนการของตัวเองขึ้น แต่แค่เพียงจั่วหัวข้อ ดนัยก็ถึงกับเหวอ

“เฮ้ย ไม่เวิร์คมั้งพี่? จะเล่นมันซึ่งหน้าเลยเหรอ? ผมว่ามันเสี่ยงไปนะ”

“พี่แอบดูอยู่พักหนึ่งแล้ว ยุโดนพวกมันจับแยกเอาไว้อีกด้าน ตอนนี้มีคนเฝ้าอยู่คนเดียว นอกนั้นอยู่กับตัวหัวหน้ามันหมด ตรงที่ยุนอนมีที่ซ่อน พี่จะเข้าไปตรงนั้น” กฤตเมธว่า แต่ก็ถูกดนัยเถียงใจขาด

“แต่มันอันตรายเกินไปนะพี่เมธ ระยะแค่นั้น มันยิงพี่ตายได้ง่ายๆเลยนะ ให้พวกผมจัดการเองดีกว่า มานพ วิเชียร สิงหา มันสามคนเคยเป็นหน่วยคอมมันโดมาก่อน เรื่องชิงตัวประกันน่ะ มันถนัด...”

“พี่รู้ว่ามันอันตราย พี่ถึงได้รอให้พวกนายมาถึงก่อนไง”

“..........??”

“คุ้มกันพี่ด้วย ตอนที่พี่ช่วยยุได้ พวกมันคงมะรุมมะตุ้มมาทางพี่ ให้ส่วนหนึ่งช่วยคุ้มกันพี่ไว้ ตอนที่มันละล้าละลังอยู่กับพี่ ก็ส่งอีกคนเข้าไปช่วยชิดจันทร์”

“เล่นหนังบู้มากไปป่าวพี่ วางแผนซะระห่ำเชียว”

“เออน่า ทำตามที่บอกเถอะ”

“พี่อยู่เป็นกองหนุนไม่ดีกว่าเหรอ? ให้เด็กผมลงมือ...”

“ยุเป็นแฟนพี่ พี่อยากเข้าไปช่วยเขาด้วยมือพี่เอง”

ในเมื่อกฤตเมธยืนยันขนาดนั้นดนัยก็สิ้นคำจะพูดต่อและไม่คิดขัดขวางต่อไปอีก ทำได้แต่เพียงยิ้มให้ในความบ้าบิ่นของพี่ชายพร้อมมอบคำมั่นว่าจะทำให้ดีที่สุดตอบแทนความกล้าหาญเหลือล้นของกฤตเมธ "พี่ทำผมศรัทธาพี่เพิ่มขึ้นอีกแล้วหึหึ"

หลังวางหมากกันเรียบร้อย ทั้งหมดก็เริ่มลงมือทำตามแผน

กฤตเมธเตรียมตัวย่องเงียบเข้าไป พร้อมกับสายตาของดนัยและบดินทร์ที่เฝ้ามองตามหลังกฤตเมธไปด้วยใจระทึก เหล่าสมุนสามนาย มานพ วิเชียร สิงหา เข้าประจำตำแหน่งรบ พร้อมอาวุธครบมือ คำสั่งนายคือตัดกำลัง ห้ามสังหาร  ไม่ใช่เพราะเมตตาสรรพชีวิต แต่ไม่อยากติดพ่วงไปกับคดีที่มีตำรวจเข้ามาเอี่ยว

*
*
*
*
*

หวืออออ...ซ่า ......ซ่า....ครืนนน....เปรี้ยง....

ลมฝนรุนแรงขึ้นทุกขณะ เสียงฝน เสียงลม เสียงฟ้าลง เลื่อนลั่น ทำเอาคนที่นั่งเพียงลำพังตรงเบาะหลังในรถหรูอดสะดุ้งไหวไม่ได้ แต่ก็หาได้สนใจหรือกริ่งกลัวมากนัก เพราะจิตใจทั้งหมดจดจ่อไปเพียงที่ที่เดียว เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเบอร์ลูกน้องคนสนิทโทรมาแจ้งข่าวว่าอีกไม่เกินสิบนาทีผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กำลังจะเข้ามาถึง เสน่ห์จันทร์รับทราบเสียงฟ้าลั่นอีกครั้งดังสนั่น ฟ้าคงผ่าลงในที่ที่ไม่ไกลนัก ฝนลมหนักขึ้นหลังฟ้าลง ซัดสาดอยู่ในความมืดต้นไม้ใหญ่ไม้เลื้อยรกครึ้มเอนลู่ตามลมแม้เห็นเพียงเงารำไรยังแสนจะน่าหวาดหวั่นราวมันจะกลายร่างเป็นอสูรกายได้ เสน่ห์จันทร์เอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่ตั้งอยู่ข้างกัน เงินจำนวนร้อยล้านบรรจุแน่นอยู่ในนั้น หล่อนไม่ยอมโอนเงินเข้าบัญชีของพวกมันตามคำขอ หล่อนไม่วางใจว่าหากโอนเงินเข้าไปแล้ว มันจะยอมปล่อยชิดจันทร์ตามคำสัญญา

สัจจะไม่มีในหมู่โจรฉันท์ใด คำพิมานก็เชื่อไม่ได้ฉันท์นั้น

เสน่ห์จันทร์จึงเอาเงินสดติดตัวมาแทน เงินสดจำนวนร้อยล้านถ้วน ที่หล่อนวิ่งเต้นขอหยิบยืมมาทั้งคืน เนื่องจากยังไม่สามารถถอนจากธนาคารได้ทัน

ชิดจันทร์ถูกจับตัวมา ไม่นึกเลยว่า สดายุจะโดนร่างแหมาด้วย ฟังจากกฤตเมธว่าสดายุถูกจับเพราะพยายามช่วยชิดจันทร์ ยินเพียงแค่นั้นความรู้สึกตื้นตันก็โถมเข้าใส่ ทั้งที่หล่อนทำตัวร้ายกาจกับสดายุไว้ก็มาก แต่ชายหนุ่มก็ยังยื่นมือเข้าช่วย ไม่แปลกใจแล้วที่คนคนนั้นจะเป็นที่รักของใครต่อใคร ทั้งที่เคยทำตัวเหลวไหลเหลวแหลก

ห่วง...เสน่ห์จันทร์ เป็นห่วงทั้งคู่เหลือเกิน

กฤตเมธ กับพวกของดนัยจะสามารถช่วยชิดจันทร์กับสดายุได้สำเร็จหรือเปล่านะ หรือจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้าย......

แล้วนี่...หล่อนยังจะนั่งอยู่ตรงนี้เพื่ออะไร?

หล่อนรออะไรอยู่?

รอให้คนอื่นเสี่ยงภัยเข้าไปช่วยลูกของตัวเอง แล้วหล่อนกลับมานั่งงอมือ งอเท้า กอดเงินจำนวนมหาศาลอยู่ที่นี่เงียบๆคนเดียวน่ะหรือ? แล้วถ้าพวกกฤตเมธทำพลาด ถ้าพวกมันบันดาลโทสะแล้วเกิดฆ่าชิดจันทร์ขึ้นมา ในฐานะคนเป็นแม่ หล่อนจะไม่เสียใจไปตลอดชีวิตหรืออย่างไร ที่ไม่ยอมเข้าไปช่วยลูกด้วยมือของตัวเอง...

เรียวนิ้วขาวสั่นระริก ปลดล็อคเปิดประตูออกสู่สายฝน ร่างบอบบางลากกระเป๋าใบใหญ่ ทุลักทุเลฝ่าฝนเปียกปอนเข้าไปที่ตัวหมู่บ้านรกร้าง ที่หมายคือบ้านหลังในสุด หลังที่ใหญ่สุดของโครงการ บ้านที่พวกมันจับชิดจันทร์หน่วงเหนี่ยวไว้

*
*
*
*
*

“เฮ้ยไอ้เหี้ย กูแดกมั่งดิ แม่งไม่ได้กินไรมาตั้งแต่หัวค่ำแล้ว...”

เสียงไอ้เตี้ยดังขึ้น ก่อนจะลุกไปหาเพื่อนมันอีกคนที่นั่งกินแกะแซนวิชด์เข้าปากอยู่ แต่ดูเหมือนไอ้ดำเมื่อมที่ใส่เสื้อยืดสีดำแขนยาวเหมือนตังเกจะไม่ค่อยสบอารมณ์ ที่จะโดนไอ้เตี้ยแย่งของกินสักเท่าไหร่  พอเห็นไอ้เตี้ยเดินไปใกล้ ไอ้ตังเกก็สบถด่าทันที “ไอ้สัตว์ กูมีอยู่อันเดียวยังจะมาแย่งกูอีก!”

การโต้เถียงของมันสองคน ไม่ได้เข้าหูผู้เป็นหัวหน้ามากนัก เพราะดูเหมือนนายมันจะยังคุยกับไอ้หน้าบากไม่จบ สดายุทำได้เพียงแต่นอนมองเหตุการณ์ต่างๆ เงียบๆ พรูลมหายใจช้าๆ ที่ในที่สุด ไอ้เตี้ยก็เลิกวุ่นวายกับตัวเขาเสียที ดีใจจริงๆที่เกิดมาเป็นผู้ชาย ถ้าเป็นผู้หญิงนี่ไม่แน่ว่า เขาอาจโดนไอ้เตี้ยนั่นยัดเยียดความเป็นผัวให้ไปแล้ว....แค่คิดสดายุก็ขนลุกซู่ ขอบคุณความเป็นชายของตัวเองเหลือเกิน...

!!!!??

จู่ๆ ตรงแขนที่ถูกมัดไพล่หลังอยู่ก็รู้สึกถึงสัมผัสบางอย่าง สดายุสะดุ้งเยือก พยายามจะพลิกหันไปมอง แต่เสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหู ก็ทำเอาน้ำตาแทบจะรื้นขึ้นเบ้าเสียก่อน

“นิ่งไว้ยุ ผมจะแก้มัดให้”

กฤตเมธมาช่วยเขาแล้ว ทั้งโล่งใจ ทั้งกังวล สดายุเริ่มกวาดสายตาหาทางหนีทีไล่อีกครั้ง โชคดีเหลือเกิน ที่เขาถูกลากมามัดไว้ที่โซฟาตัวนี้ ขอบคุณไอ้หน้าบาก ที่ขี้เกียจยืนเฝ้า เลยเอาเขามานอนตรงที่ที่มันจะได้นั่งสบายๆ พอมันลุกจากที่นั่งไป โซฟาตัวเขื่องก็กลายเป็นบังเกอร์อย่างดีให้กฤตเมธได้ลอบเข้ามาช่วยเขาได้

“พวกดนัยดักอยู่ตรงหน้าประตู เตรียมตัวนะ เราต้องวิ่งกันแล้ว” กฤตเมธกระซิบบอกตอนที่สามารถตัดผ้าเทปพันมือ พันเท้าของสดายุออกจนหมดแล้ว “เดี๋ยวพอผมให้สัญญาณ วิ่งเลยนะ” กฤตเมธย้ำ อยู่ด้านหลัง สดายุพยักหน้าน้อยๆ รับคำ

ไอ้หน้าบากยังคงหันหลังให้พวกเขา ยืนกอดอกคุยกันอยู่กับไอ้หัวหน้าของมันที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง ส่วนพวกที่เหลือ คือไอ้เตี้ยและไอ้ตังเก ก็ยังคงทะเลาะแย่งอาหารกันไม่จบไม่สิ้น...สดายุเริ่มเคลื่อนไหว

ประตูอยู่ห่างไปแค่ประมาณ10 เมตร เชื่อมกับระเบียงหน้าบ้าน ที่มีบันไดวนลงได้ถึงชั้นหนึ่ง บ้านดีไซน์งดงามสวยหรู ที่ไม่อาจสานสร้างให้เสร็จสิ้น สดายุลุกขึ้นนั่งช้าๆ แสร้งว่ามือและเท้ายังคงโดนมัดขึง กระถดเรื่อยไปจนสุดโซฟา โดยมีกฤตเมธ ประกบตามอยู่ที่ด้านหลัง

พอสุดขอบโซฟาได้ โดยที่ยังไม่มีใครรู้เห็น ตรงปลายหางตามีเงาวูบไหว ที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นพวกของดนัย คอยดักรอช่วยอยู่ก่อนแล้ว เพียงอึดใจ ระยะเพียง 10 เมตร สับขาไม่กี่ก้าวก็พ้น แค่เพียงอึดใจ

ไป!

ยินเสียงให้สัญญาณ สดายุก็ลุกขึ้นวิ่งอ้าว ตามกฤตที่คว้ามือลากไปไม่ห่าง ทว่าก็ดังที่คาด พวกมันเองก็ไล่ล่าพวกเขาในทันที

หยุดมันให้ได้! เป็นตายไม่ต้องสน!!!

คำสั่งหัวหน้าโจรที่ดังตามหลังมา ในทันทีที่สดายุเริ่มออกวิ่ง ลูกน้องแต่ละคนของมันตั้งท่าโรมรัน อาวุธที่มันเคยซุกซ่อนกันไว้ ถูกหยิบออกมาเล็งจุดตายของผู้หลบหนี

กริ๊ก!

เสียงเหมือนปลดสลักปืนดังขึ้น ด้วยอดรีนลีนที่กำลังพลุ่งพล่าน แม้ในระยะไกลหลายเมตร สดายุก็ยังสามารถได้ยิน

ราวกับเป็นภาพสโลโมชั่น หางตาสดายุหันไปเห็นไอ้เตี้ยเล็งปืนมาทางกฤตเมธ ปฏิกิริยาตอบโต้อัตโนมัติทางร่างกายสั่งการแบบไม่ต้องผ่านสมอง มันสั่งให้สดายุหมุนตัวหันกลับมาประจันหน้าโจรร้าย พร้อมเบี่ยงกายเป็นโล่ให้กฤตเมธได้ทันท่วงที ก่อนที่อีกฝ่ายจะลั่นกระสุน

ปัง!

ปัง!!!

เสียงปืนดังขึ้นสองนัด พร้อมกันกับที่ร่างของสดายุถูกรวบมากอดเอาไว้!

คมกระสุนไม่ได้ถูกตัวเขา...เพราะถูกรวบเข้าหลบในอ้อมอกกว้างได้ทันการ

ดังนั้น ผู้ที่ถูกกระสุนฝังร่างจึงไม่ใช่สดายุ แต่เป็นกฤตเมธ!!

“พี่เมธ!!!!”

สดายุกรีดร้องในทันทีที่กฤตเมธฟุบไปตรงหน้า เสียงปืนลั่นขึ้นอีกหลายนัด แต่ตอนนั้นสดายุไม่ได้รับรู้อีกแล้ว ว่าใครยิงใคร เลือนลางว่าไอ้เตี้ยถูกยิงที่แขน ในจังหวะเดียวกับที่มันลั่นกระสุนมา แต่ก็เท่านั้น ตอนนี้สดายุไร้สตินึกคิดอย่างสิ้นเชิง เขาทำได้เพียงกอดร่างเจ็บร้าวของกฤตเมธเอาไว้ แล้วภาวนาต่อฟ้าฝน ขอให้คนรักปลอดภัย

“ตามมันไปอย่าให้มันหนีไปได้!!”

ดนัยสั่งการกร้าว เมื่อแผนการช่วยชิดจันทร์ล้มเหลว โจรร้ายไม่ได้กระจอกตามที่คาดการณ์ พวกมันแม่นปืนและมีฝีมือกว่าที่คิดไว้ และที่สำคัญ ตัวหัวหน้ามันไม่ยอมห่างจากชิดจันทร์เลย ทันทีที่กฤตเมธโดนยิง พิมานก็ลากชิดจันทร์ลงบันไดทางลัดหนีไปทันที พร้อมมีลูกน้องหน้าบากที่ดูท่าทางจะเก่งที่สุดในกลุ่มคอยคุ้มกัน ยังไม่ทันจะได้ตาม ระเบิดควันจากใครสักคนก็ถูกขว้างมากลางวง ก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะหนีลงทางลัดอีกทางไป ทิ้งพวกดนัยไว้เบื้องหลังพร้อมกับผู้บาดเจ็บอย่างกฤตเมธ

“ยุ ยุ! เป็นยังไงบ้าง!?”

ทันที่ที่พวกโจรหนีไป บดินทร์ก็ถลาเข้าหาสดายุที่กำลังนั่งตระกองตัวกฤตเมธไว้ ร่างสูงใหญ่ในอ้อมกอดของสดายุนั้นมีสีหน้าเจ็บปวด ทว่ายังคงมีสติ บดินทร์ตกใจกับภาพตรงหน้า แต่ก็น้อยไปกว่าที่เขาห่วงสดายุ

“โดนเข้าที่กระดูกสะบัก ไม่โดนจุดสำคัญ แต่กระสุนฝังใน ต้องรีบส่งโรงพยาบาล”  ดนัยตามมาดูอาการแบบติดๆ โชคดีที่แผลของกฤตเมธไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็ทำให้เจ็บเอาการ  “ฝากดูพี่เมธด้วย เดี๋ยวเราให้คนมารับ” ดนัยว่า พร้อมตบไหล่สดายุเบาๆแทนการปลอบ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อตามลูกน้องลงไปด้านล่าง เขายังมีอะไรต้องทำอีกนิดหน่อย

“คุณจะไปไหน?” บดินทร์ร้องถามขึ้น ตั้งท่าจะตามไปด้วย ถึงในชีวิตจริงเขาจะไม่ต้องการอยู่ใกล้ดนัยสักเท่าไหร่ แต่ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ เขาไม่ต้องการให้ใครเป็นอะไรไปอีกทั้งนั้น...ไม่เว้นแม่แต่ดนัยเอง

“ผมจะไปตามเก็บไอ้พวกที่มันกล้าหันปืนใส่เพื่อนของผมหน่อย ผมไม่ยอมให้พวกมันรอดไปแน่ คุณอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนยุ ช่วยห้ามเลือดพี่เมธ อีกเดี๋ยวจะมีคนมารับ” ดนัยฝากฝังกับบดินทร์เพียงแค่นั้น ก่อนวิ่งห้อลงบันได้ลับไป

ทิ้งบดินทร์ไว้ด้วยหัวใจที่บีบรัดอย่างประหลาด ‘เป็นห่วง?’ 

“พี่เมธ...ฮึ่ก...อย่าเป็นอะไรนะ พี่เมธ! ตอบผมสิ ตอบผมหน่อย...”  สดายุพยายามเรียกกฤตเมธที่กำลังกัดฟันข่มความเจ็บปวดที่แล่นพล่านไปทั้งแขนอย่างสุดกำลัง เห็นใบหน้าคนรักบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บร้าว สดายุก็อดใจหายไม่ได้ กฤตเมธโดนยิงตรงไหน มันโดนจุดสำคัญไหม เลือดไหลเต็มไปหมด กฤตเมธจะตายหรือเปล่า ในหัวสดายุสับสนมึนงง เรื่องที่เกิดขึ้นมาเร็วมาก

หัวใจเขาถูกกระชากออกจากอกเร็วมาก...ไม่ให้เวลาได้ตั้งตัวเลย

ไม่นะ...อย่าเป็นอะไรไปนะ  มีเพียงคำคำนี้วนเวียนอยู่ในหัว

ได้โปรดอย่าทิ้งไป ได้โปรดอยู่ด้วยกัน... มีเพียงคำคำนี้ไหลเวียนในกระแสเลือด

พี่เมธ... พี่เพียงชื่อชื่อนี้สลักย้ำอยู่ในใจ

เสียงหอบระคนครางเครือด้วยความเจ็บปวดเล็ดรอดไรฟันขาวออกจากปากของกฤตเมธที่ขบแน่น แค่เสียงก็ทำเอาใจสดายุแทบขาด ร่างผอมบางที่ยังบาดเจ็บไม่น้อย พยายามประคับประคองร่างหนาของคนรักเข้าสู่อ้อมแขน เจ็บปวด ใช่เพียงร่างกาย หัวใจเจ็บยิ่งกว่าหลายล้านเท่า เจ็บจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ หยาดน้ำอุ่นเอ่ออาบสองตาเศร้าหมอง ไหลนองสองแก้มหยดเผาะแผะลงบนใบหน้าเจ็บร้าวของคนรัก สดายุสะอื้นฮั่ก พลางพร่ำภาวนา

โปรดเถิดฟ้า เมตตาเถิดสายฝน อย่าพรากเขาไปจากผม

ขอแค่กฤตเมธปลอดภัย ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ผมก็จะไม่เกี่ยงทั้งนั้น...

ได้โปรด...

หยาดน้ำอุ่นกรุ่นกลิ่นอาลัยอาวรณ์ ที่หยดรินกระทบข้างแก้ม เรียกสติพร่าเบลอของกฤตเมธให้คืนมาในที่สุด สองตาที่เคยคมกล้า ค่อยปรือเผยอ ฝืนความปวดปร่าลืมตาขึ้นมอง ว่าใครกันหนอที่ส่งเสียงร้องไห้ได้น่าสงสารจับใจขนาดนี้

เพียงแค่เห็นใบหน้าที่จ้องมองมา หัวใจกฤตเมธก็เจ็บร้าวปวดปร่ายิ่งกว่าบาดแผลที่โดนคมกระสุน

"...ยุ..."

เสียงแหบพร่า พยายามเรียกชื่อคนรักสุดหัวใจ อยากรีบปลอบขวัญ ว่าทำไมถึงร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นเด็ก

"พี่เมธ!...พี่เมธ..."  ยินเสียงเพรียกเรียกชื่อตนแผ่วเบาจากกฤตเมธ สดายุก็แทบกระโดด หัวใจลิงโลดขึ้นอย่างไม่อาจห้าม ในที่สุดคนรักก็ฟื้นคืนสติ ยังพูดได้ ยังคุยรู้เรื่อง ยังรู้ว่าเขาเป็นใคร แค่นี้สดายุก็ค่อยโล่งอกขึ้นหน่อยแล้ว สดายุซบหน้าผากมนของตนลงแนบหน้าผากกฤตเมธด้วยความโล่งใจ เขารู้เพียงกฤตเมธโดนยิง แต่ไม่รู้เลยว่ากระสุนนัดนั้นฝังลึกตรงจุดไหน เป็นอันตรายหรือไม่อย่างไร เพราะแค่เพียงรู้สึกถึงเลือดข้นคลั่กที่ทะลักออกมาจากร่างคนรักจนแดงฉานไปทั้งฝ่ามือที่โอบตระกองร่างสูงใหญ่นี้ หัวใจของสดายุก็หลุดหายออกไปจากร่างเรียบร้อย จนแทบไม่อาจควบคุมสติสัมปชัญญะ

โชคดีเหลือเกินที่กฤตเมธยังอยู่

โชคดีเหลือเกินที่คนรักเขายังไม่ตาย

“ยุ...ไม่เป็นไรใช่ไหม...โดนลูกหลงหรือเปล่า?”  เสียงทุ้มพร่าเอ่ยถามคนรัก ไหล่ซ้ายระบมหนักจนเริ่มชา เจ็บแต่ยังพอเหลือสติ เมื่อความรู้สึกพร่าเลือนจากความเจ็บร้าวคลายลง สิ่งแรกที่กฤตเมธนึกขึ้นได้ คือความปลอดภัยของสดายุ แขนซ้ายไร้ความรู้สึกไม่อาจขยับไหว แต่แขนขวาที่ยังใช้การได้ พยายามเอื้อมคว้าใบหน้าของคนรักด้วยความกังวล

“ไม่...ผมไม่เป็นไร...คุณต่างหากล่ะที่เจ็บ...” สดายุรีบคว้ามือขวาของกฤตเมธไว้แล้วซบแก้มเข้าหามือข้างนั้นด้วยความคิดถึง ทั้งพยายามบอกเล่า ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย ยังสบายดี ยังยิ้มได้ แม้ว่าน้ำตาจะนองหน้าอย่างไม่อาจกลั้น ยิ่งเห็นว่า กฤตเมธยังยิ้มได้ คำปลอบใจกลายเป็นกระทบกระเทียบอย่างไม่อาจห้ามปาก เพื่อเป็นการยืนยันหนักแน่น ว่าเขายังไหว  “ทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองเลยนะลุง...”

“...อื้อ หือ...เจ็บกว่าโดนยิงอีกนะเนี่ย...หึหึ”  คำปรามาสของสดายุทำให้กฤตเมธยิ้มได้ แม้การหัวเราะออกมาจะทำให้เขาเจ็บแผล แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกข์ร้อนตรงไหนอีก ในเมื่อสดายุกลับมาอยู่ข้างเขาแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่กฤตเมธจะต้องรู้สึกกลัว

ความอบอุ่นที่ไม่เข้ากับบรรยากาศอันตราย แผ่กำจายสู้สายฟ้าสายฝน เล่นเอาส่วนเกินอย่างบดินทร์ถึงกับทำอะไรไม่ถูก นอกจากยืนมองภาพนั้นอยู่ห่างๆ นี่สินะ...ที่เรียกว่า ‘ความรัก’ บดินทร์เฝ้ามองมันเงียบๆ พูดไม่ออกว่ายินดีกับอดีตเพื่อนรักอย่างสดายุแค่ไหน ที่ในที่สุดก็ได้ค้นพบความรักที่แท้จริงเสียที

ใช่ว่าบดินทร์จะไม่ยินดีกับความรักของสดายุ เพียงแต่หัวใจบิดเบี้ยวของเขามันกลับโหยไห้ ว่าทำไมคนตรงนั้นถึงไม่ใช่เขาแทนที่จะเป็นกฤตเมธ รู้ตัวเองดีว่าช่างสารเลว รู้ตัวเสมอมาว่าช่างชั่วช้าสามานย์ แต่หัวใจระยำดวงนี้มันกลับไม่ยอมจำนนต่อหลักฐานความเลวร้ายที่เคยได้กระทำ แต่ยิ่งตอกย้ำว่าอยากได้คนตรงหน้ามากขึ้น ‘อยากได้สดายุ’

อยากเป็นคนรัก อยากเป็นที่รัก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของสดายุ เป็นอย่างที่กฤตเมธกำลังเป็น เขายอมโดนยิงเสียเองก็ได้ ยอมตายก็ได้ ขอเพียงได้เป็นคนที่อยู่ในอ้อมแขนของสดายุตอนนี้ เป็นคนที่สดายุจะร้องไห้ให้เมื่อเห็นเขาเจ็บปางตาย เป็นคนที่สดายุจะรัก...

เพิ่งรู้หัวใจตัวเองก็วันนี้ บดินทร์เพิ่งประจักษ์ก็ตอนนี้ ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่เคยมองสดายุเป็นอะไรเลย นอกจากคนรัก...คนที่อยากให้เป็นที่รัก แต่...รู้ตัวตอนนี้มันจะเกิดผลอะไรเล่า ในเมื่อให้ตายตรงนี้เขาก็ไม่สามารถเป็นอะไรในสายตาของสดายุได้อีกแล้วนอกจาก ‘เพื่อนทรยศ’

เจ็บปวดเหลือเกิน...   

ครืนนนน...เปรี้ยงงง!!! เสียงฝ้าผ่าลงมาไม่ไกลนัก ทำความคิดของบดินทร์สะดุดลง ทำให้เริ่มได้สติ ว่านี่ไม่ใช่เวลามานั่งคิดเพ้อเจ้อ กฤตเมธยังไม่ได้ห้ามเลือด และสถานการณ์ด้านล่างก็ยังคงอันตราย

คิดขึ้นได้ก็รีบปรี่เข้าไปหาสดายุและกฤตเมธ เพื่อพยายามช่วยกฤตเมธห้ามเลือดที่ยังไหลนอง

สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้

และตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด...

*
*
*
*
*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-06-2015 20:43:11
*
*
*

สี่โจรถูกล้อมในที่สุด ท่ามกลางห่าฝนกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา พร้อมตัวประกันสาวน้อย ที่ถูกปิดปากเอาไว้แน่นหนา หน้าตาตื่นกลัวสั่นระริก

“ถอยไปนะเว้ย! ไม่งั้นนังนี่ไม่รอดแน่!!” ไอ้หน้าบากที่ยืนคุ้มกันหัวหน้ามันอยู่ ตะโกนข่มขู่ศัตรูฝ่าสายฝน ในเมื่อไอ้พวกนี้มาเพื่อช่วยตัวประกัน ไอ้หน้าบากจึงมั่นใจมากว่าคำขู่ของตนจะต้องสัมฤทธิ์ผลเป็นแน่แท้ ไอ้ตังเกเข้ามาสมทบเหวี่ยงปืนไปซ้ายทีขวาทีด้วยความหวาดระแวง ทั้งที่ตัวมันยังประคองเพื่อนเตี้ยที่เพิ่งถูกยิงแขนเดี้ยงมาหยกๆอยู่ด้วย

“กูว่าพวกมึงกำลังเข้าใจผิดนะ” 

เสียงดังฟังชัดดังขึ้นตรงเหนือบันได หัวหน้าพวกสูทดำทั้งสาม ปรากฏตัวในที่สุด ทันทีที่พิมานชำเลืองไปเห็นก็ถึงกับตาขวากระตุกยิก หากจำไม่ผิดไอ้เด็กนี่ชื่อ ดนัย เด็กที่เสน่ห์จันทร์ส่งไปค้าขายถึงฮอลลีวู้ด ไม่ถึงกับดังเปรี้ยง แต่ก็ไม่เคยขาดงาน แล้วทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้? อีกทั้งลิ่วล้อมฝีมือเก่งกาจของมันนี่อีก ได้เด็กนี่แท้จริงแล้วมันเป็นใครกันแน่ นี่เสน่ห์จันทร์เลี้ยงอสรพิษตัวเอ้ขนาดนี้ไว้ในมืออย่างนั้นหรือ... 

“...หึหึ ไม่นึกว่าเสน่ห์จันทร์จะเลี้ยงคนเด็ดๆ เอาไว้ด้วย นี่คงส่งแกมาช่วยลูกมันแทนการจ่ายค่าไถ่สินะ” พิมานหัวเราะร่า แขนแกร่งล็อคคอชิดจันทร์แน่นขึ้นอีก ราวกับต้องการให้สิ้นใจในอ้อมแขน สายตาแข็งกร้าวจดจ้องไปยังดนัยที่ยืนตระหง่านอยู่ที่บันไดขั้นที่สิบ ท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ ร่างนั้นยังคงสง่างามน่าเกรงขาม จนแม้แต่พิมานยังรู้สึกประหวั่น นี่หากไม่มีชิดจันทร์เป็นข้อต่อรอง เขาคงต้องยอมศิโรราบเสียตั้งแต่ตอนนี้...

หรือว่าบางที...แม้แต่การมีชิดจันทร์เป็นตัวประกัน มันก็อาจไม่ได้ช่วยอะไร

และมันก็เป็นไปตามที่พิมานคาดไว้ไม่มีผิด

“ทำไมกูต้องช่วยชิดจันทร์ด้วยวะ? ไม่เห็นจำเป็นตรงไหน กูแค่มาช่วยสดายุ และก็ช่วยสำเร็จแล้วด้วย...”

ดนัยเอ่ยขึ้นทั้งรอยยิ้มพริ้มเพราที่แฝงด้วยความอำมหิตอย่างไม่ปิดบัง คำที่ดนัยลั่นออกมา ทำพิมานขวัญหนีดีฝ่อไม่น้อย

แต่ไม่มีทางที่พิมานจะเชื่อง่ายๆหรอก ใครจะอยากยุ่งยากยุ่งด้วย หากไม่ใช่เพื่อต้องการช่วยตัวประกันอีกคน “อย่ามาโกหก ถ้าไม่ได้จะมาช่วยนังนี่ แล้วมึงยังตามพวกกูมาทำไม?”

“กูก็แค่...” ยินคำของพิมาน ดนัยก็ถึงกับหัวเราะร่า

แค่เสียงหัวเราะ ยังราวกับเสียงคำรามของซาตาน ในสายตาของพิมานและลิ่วล้อ ไม่รู้จริงๆว่าคนตรงหน้าต้องการอะไร มันช่างน่ากลัวจนแทบไม่กล้าละสายตา เหมือนกับว่าแค่เพียงกระพริบตาเพียงครั้ง ชีวิตก็อาจถูกปลิดติดมือของอีกฝ่ายไปเสียเดี๋ยวนั้น...

แต่การหวาดระแวงนั้นก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เมื่อคำสุดท้ายของดนัยสิ้นสุดลง

“ตามมาจัดการ ไอ้เหี้ยที่ทำเพื่อนกูก็เท่านั้นแหละ!!”

ปัง!! ปัง!! ปัง!!

เสียงปืนสามนัดกัมปนาทกลางสายฝน พร้อมกับที่สามร่างร่วงลู่ลงพื้นราวกับไร้กระดูก หน้าบาก ตังเก และไอ้เตี้ย ลงไปกองต่อหน้าลูกพี่มันอย่างไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว ต่างร้องโอดโอยน่าเวทนา ต่อหน้าพิมานที่ไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่การเปล่งเสียงห้ามปราม  ทำได้เพียงสบถด่าไปทางดนัยเท่านั้น “ไอ้สัตว์!!”

“ขาคนละข้าง แลกกับที่พวกมึงซ้อมยุเสียจนสะบักสะบอม ส่วนไอ้เตี้ย มึงหนักหน่อย เพราะเสือกยิงพี่เมธของกูด้วย...” ทั้งที่เพิ่งสั่งลูกน้องยิงคนล้มเจ็บไปต่อหน้า ดนัยก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้าน สายตาเย็นชาจับจ้องศัตรูที่ไม่คู่ควรกับเขาราวกับเป็นขยะ ก่อนจะนึกปราณีปล่อยไปในที่สุด “เอาล่ะ หมดเรื่องของกูแล้ว มึงจะทำยังไงกันต่อก็ตามสบายละกัน...ส่วนน้องชิดจันทร์ พี่ขอโทษแล้วกันนะ ที่ไม่ได้ช่วย เพราะแค่เรื่องที่น้องทำกับคนของพี่ไว้ แค่พี่ไม่ลงมือกับน้องด้วยตัวเอง น้องก็ควรจะขอบคุณพี่แล้วนะ...หึหึ” ดนัยทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนหันหลังจากไป โดยมีลูกน้องคอยคุ้มกันไม่ห่าง ทว่ายังไม่ทันจะถึงไหน พิมานก็รั้งไว้ด้วยคำถามคำถามหนึ่งเสียก่อน

“มึง...ไม่ใช่คนของเสน่ห์จันทร์หรอกเหรอ? เด็กปั้นในสังกัดไม่ใช่รึไง?”

พิมานสงสัย เจอแบบนี้ไปไม่ว่าใครก็คงสงสัย ในวงการไม่มีใครไม่รู้ว่าดนัยเป็นเด็กปั้นในสังกัดของเสน่ห์จันทร์ เด็กปั้นอีกคนต่อจากบดินทร์ เด็กปั้นเพียงสองคนในสังกัด และดนัยเป็นเด็กที่หล่อนส่งออกนอก ให้ได้โกอินเตอร์มีชื่อเสียง เด็กที่เสน่ห์จันทร์ให้ความกรุณาไม่ต่างจากกฤตเมธ แล้วทำไมวันนี้ เด็กปั้นในความเมตตาถึงเนรคุณได้อย่างเลือดเย็นเช่นนี้กันนะ?

“ใช่...กูเคยเป็น” ดนัยหันมาตอบคำถามแต่โดยดี ด้วยรอยยิ้มเทพบุตรฉาบฉายเต็มใบหน้า “และก็ถูกเขี่ยทิ้งไม่ต่างมึงไงครับ คุณพิมาน ดารารุ่นเก่าตกกระป๋อง...แต่ต่างกันหน่อยตรงที่บารมีพ่อกูมันใหญ่พอที่นางจะทำให้กูหมดอนาคตอย่างมึงไม่ได้ เลยต้องวางแผนไล่กูออกนอกประเทศ ด้วยสัญญาทาสที่ทำกูแทบกระอักเลือดแทน เสน่ห์จันทร์รู้ว่ากูติดพันธะสัญญากับพ่อกูเรื่องเป็นดารา แต่มันไม่รู้ว่ากูมีอะไรที่มากกว่าการเป็นแค่ลูกชายคนเล็กของนายพล ที่กูอยู่ได้ ไม่ใช่เพราะมัน...ใครก็คงคิดว่ากูโกอินเตอร์ เพราะแม่พระอย่างคุณเสน่ห์จันทร์ท่านกรุณา หึหึ...เบื้องหลังก็ไม่ต่างกับตอนกำจัดมึง...คุณพิมาน เด็กลับของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์...”

ดนัยเปิดปากเล่าเบื้องหลังของตนให้พิมานฟังอย่างไม่ปิดบัง ‘พวกเดียวกัน’ อาจเป็นเพราะเขารู้สึกอย่างนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเข้าด้วยกับพวกมัน ที่ทำร้ายเพื่อน และพี่ชายที่เขาศรัทธา

“ถึงจะไม่ได้เกลียดเท่าไหร่ แต่ก็ใช่ว่าจะมีเหตุจูงใจมากพอที่กูจะต้องช่วยลูกนาง คนเดียวเท่านั้นเองมั้ง ที่ตั้งใจมาเพื่อช่วยชิดจันทร์ หึ...พี่เมธ...คนที่ชิดจันทร์เกลียดอย่างกับหนอน...” ถึงประโยคนี้ ดนัยทำหน้าเหยเกเล็กน้อย ตอนพูดว่า ‘กฤตเมธคือลูกรักชั่วกัลปาวสานของท่านประธาน’  ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีอีกคน แล้วหัวเราะออกมา ราวกับเป็นเรื่องไร้สาระ  “อ้อ มีอีกคนที่ทะเล่อทะล่าเข้าช่วยแบบไม่ลืมหูลืมตา...สดายุ เฮ้อ หาเรื่องใส่ตัวชัดๆ หึหึ ฮะฮะฮะ”

พูดจบดนัยก็หันหลังกลับไปทันที ธุระที่นี่ของเขาจบลงแล้ว เหลือเพียงพากฤตเมธกับสดายุส่งโรงพยาบาล แล้วปิดเรื่องที่มาโผล่แจมแถวนี้ให้เงียบหายในป่าช้าก็เท่านั้น ส่วนเรื่องชิดจันทร์ เรื่องพิมาน เรื่องเรียกค่าไถ่อะไรนั่น มันไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว

กรี๊ดดดดด ชิดจันทร์ ลูกแม่!!!

ไม่ทันที่ดนัยจะขึ้นบันไดถึงขั้นสุดท้าย เสียงกรีดร้องของเสน่ห์จันทร์ก็ดังฝ่าสายฝนมาเข้าหูเต็มๆ ‘มาแล้วสินะ ตัวแม่!’ ดนัยถอนหายใจเบื่อหน่าย ก่อนจะทำท่าเดินต่อไป ไม่สนใจเบื้องหลัง ทว่ากลับถูกมานพ ลูกน้องคนสนิท กระซิบข้อมูลบางอย่างมาเสียก่อน ‘เฮอะ นึกว่าจะแน่ ที่แท้ก็เอาตำรวจแห่มาทั้งโรงพักด้วยนี่หว่า งั้นก็ตัวใครตัวมันละกัน’  ข่าวที่ได้มา คือเสน่ห์จันทร์ไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่มีตำรวจอีกหลายนาย ซุกกายหลบลี้อยู่ด้านหลังหล่อนด้วย ดนัยไม่อยากยุ่งยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่อยากสุงสิงกับพวกตำรวจเป็นที่สุด ชายหนุ่มกับลูกน้องเร่งหลบเร้นให้พ้นสายตาเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทันที

“มานพ บอกรถพยาบาลเข้ามาอีกทาง เราออกทางเดิมไม่ได้แล้ว รีบส่งอีกกลุ่มหนึ่ง มาเก็บรถที่เราซ่อนไว้ตรงปากทางเข้าด้วย เออ เก็บรถพี่เมธไปด้วย เหลือแค่รถเจ๊แกไว้คนเดียวพอ” ดนัยสั่งการก่อนตรงดิ่งไปหาพวกพ้องที่บาดเจ็บอยู่ ณ จุดเกิดเหตุแรก

ต้องรีบชิ่ง ก่อนมีส่วนเอี่ยว

*
*
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันเสียแล้ว...

*
*

“ไง ดนัย? ช่วยชิดจันทร์ได้หรือเปล่า?” ดนัยชะงักไปนิด เมื่อถูกสดายุถามขึ้นทันทีที่หันมาสบตากัน

สดายุในสภาพกำลังหิ้วปีกคนตัวโตกว่าเกือบเท่าหนึ่งอย่างกฤตเมธ ส่งเสียถามไถ่ด้วยใบหน้าจริงจังกังวล โดยมีบดินทร์ยืนทื่อทำอะไรไม่ถูกอยู่ด้านหลัง ‘นี่ยังคิดจะช่วยชิดจันทร์ ทั้งที่อยู่ในสภาพนั้นอีกเนี่ยนะ!?’ ดนัยแทบจะตบหน้าผากเรียกสติตัวเอง เห็นพระเอกสองคนตรงหน้าแล้วเริ่มสำนึกได้ รู้แล้วทำไมชาตินี้เขาถึงได้เล่นแต่บทพระรองกับตัวร้าย คงเพราะจิตใจเขาไม่ได้ใฝ่ดีอย่างกฤตเมธและสดายุนี่เอง...โธ่ถัง!

“ผมช่วยไม่ทัน แต่ท่านประธานเอาตำรวจเข้ามาช่วยแล้ว เดี๋ยวเรื่องก็คงจบ เรารีบไปกันก่อนที่ตำรวจจะบุกมารวบเราเข้าเป็นพยานด้วยจะดีกว่า รถมารออยู่ด้านหลังแล้ว เดี๋ยวเราออกไปอีกทางหนึ่งกัน” ดนัยอธิบาย ก่อนพยายามรีบต้อนเหล่าฮีโร่หมดสภาพไปตามทางที่มาร์คเอาไว้ พลางพูดให้สบายใจว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เพราะอย่างน้อย เขาก็เก็บโจรไปได้แล้วสามหน่อ ก่อนที่ตำรวจจะโผล่มาล่ะนะ แม้จะด้วยเหตุผลการเก็บคนละอย่างกับที่กฤตเมธและสดายุตั้งใจก็เถอะ

เอาเงินนี่ไป! แล้วปล่อยลูกฉันซะ ได้โปรด!!

ยังไม่ทันจะเคลื่อนพลย้ายที่ เสียงของเสน่ห์จันทร์ที่แหวกสายฝนขึ้นมา ก็เรียกความสนใจของสดายุและกฤตเมธได้เสียก่อน ทุกคนจึงรีบหาที่ซ่อนตัวเพื่อดูสถานการณ์ หากถึงขั้นวิกฤตจริงจัง พวกเขาอาจยังช่วยทัน

…แม้ว่า มันจะดคตรขัดใจดนัยสุดๆไปเลยก็เถอะ

ด้านล่างมืดครึ้ม มองแทบไม่เห็นสิ่งใด แสงจากที่ไกลๆเลือนราง สิ่งที่พอจะทำให้เห็นว่าใครอยู่ตรงไหน คงมีเพียงแสงแลบแปลบปลาบของฝนฟ้าคะนองเท่านั้น

เท่าที่สามารถจับเหตุการณ์ได้ ตอนนี้เสน่ห์จันทร์โยนกระเป๋าใส่เงินใบเขื่องมาไว้ตรงหน้าของพิมานแล้ว แต่พิมานไม่ยอมเดินไปเก็บ แถมยังไม่ยอมปล่อยตัวประกันอย่างชิดจันทร์ เรียกความร้อนใจให้ผู้เป็นแม่ทบเท่าทวีสูง

ใช่พิมานจะไม่อยากเก็บเงิน แต่เพราะลูกน้องของเขาง่อยเปลี้ยไปหมดแล้ว แผนล่มโดยสิ้นเชิง ด้านหลังเสน่ห์จันทร์ มีตำรวจหลายนายซุ่มอยู่แน่ๆ พิมานมั่นใจ ดังนั้นทันทีที่เขาหยิบกระเป๋าเงิน เขาก็จะพลาดท่าโดนจับทันที

พิมานยิ้ม...ก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา

เงิน ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ลูกน้อง…ไม่ใช่สิ ผู้สมรู้ร่วมคิดของเขาต่างหากที่อยากได้ แต่ในเมื่อตอนนี้ ไม่มีใครมีปัญญาขนมันไป เขาก็ไม่จำเป็นต้องรับมัน แต่หากว่าพวกมันยังไหว...

“เฮ้ย...ถ้าพวกมึงยังไหว ก็รีบเอากระเป๋าเงินนั่นไป แล้วหนีไปซะ เดี๋ยวกูถ่วงเวลาไว้ให้เอง”  พิมานหันไปสั่งลูกน้อง ที่ยังนอนกองกันอยู่  แต่ละคนยังคงนอนร้องโอดโอย เพราะถูกคมกระสุนฝังอยู่ในที่สำคัญ ทำให้ไม่สามารถใช้การขาด้านหนึ่งได้

แต่พอเห็นกระเป๋าเงิน กองอยู่ตรงหน้า พวกมันกลับรู้สึกว่า ยังไหว...

สามชีวิต พยายามประคับประคองกันขึ้น ช่วยระแวดระวังภัยซ้ายขวา ก่อนคว้ากระเป๋าใบเขื่องขึ้นมา แล้วตั้งท่าหนีหลบกบดาน ตามแผนเก่าที่วางกันไว้ ถึงทุกอย่างจะผิดแผนไปหมดแล้วก็ตาม

รถที่ซ่อนไว้...พวกมันต้องรีบไปให้ถึงรถที่จอดซ่อนไว้

ไอ้หน้าบากหันมาชำเลืองมองที่พิมานครั้งสุดท้ายก่อนจาก ตัวต้นคิดแผนการในครั้งนี้ทั้งหมด ไม่ค่อยแน่ใจนักว่าคนคนนั้นทำไมถึงไม่ยอมรับส่วนแบ่งในเงิน ทำไมถึงไม่หนีไปด้วยกัน

...ความแค้นส่วนตัว หน้าบากคิดได้แค่นั้น

งั้นก็ทางใครทางมัน พวกมันต่างก็บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้กันแล้ว รีบหนีก่อนจะไม่ได้ใช้เงินดีกว่า ส่วนพิมาน ก็แล้วแต่มันแล้วกัน ถือว่าจบพันธะสัญญากันแล้วนับตั้งแต่ตอนนี้

ลับร่างสามอดีตลิ่วล้อ เสน่ห์จันทร์ก็เฝ้ารออย่างใจจดจ่อ ว่าเมื่อไหร่พิมานจะคืนชิดจันทร์ให้หล่อน นี่หล่อนยอมทุกอย่างแล้วนะ ยอมกระทั่งให้ตำรวจปล่อยพวกมันไปก่อนเลยด้วยซ้ำ แล้วเมื่อไหร่กัน มันถึงจะยอมคืนลูกของหล่อนมา คืนมานะ คืนลูกฉันมา เสน่ห์จันทร์เริ่มกรีดร้องโวยวาย ด้วยเพราะทำอะไรไม่ถูก  พิมานน่ากลัวเกินไปสำหรับหล่อน เพราะหล่อนรู้ดีว่าชายตรงหน้า ไม่ได้แค่ต้องการเงิน

เห็นแม่ตนร้องไห้ปิ่มขาดใจ ชิดจันทร์ที่ล้าแรงเพราะถูกพิมานล็อคคอไว้จนหายใจหายคอไม่ออก ก็พยายามจะดิ้นรนบ้าง ด้วยความคิดโง่ๆว่าบางทีอาจมีโอกาสหลุดรอด แต่ดูเหมือนยิ่งดิ้นรน อากาศอันน้อยนิด ก็เบาบางลงหนักข้อขึ้น ด้วยเพราะยิ่งดิ้นรน แรงแขนบนคอก็ยิ่งหน่วงหนัก สองแขนสองมือถูกมัด แค่เริ่มขยับ ก็พาลจะล้มหน้าทิ่ม สายฝนเย็นเฉียบ อุณหภูมิร่างกายของชิดจันทร์เริ่มลดต่ำ กำลังจะหมดสติในไม่ช้า 

แม่...ช่วยหนูด้วย

หัวใจดวงน้อยร่ำร้องเรียกมารดา อย่างที่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็นไปได้ในชีวิตนี้

ช่วยหนูเร็วๆเข้าสิ....มัวทำอะไรอยู่น่ะแม่!?

หนูจะตายแล้วนะ!!

ชิดจันทร์แทบจะตะโกนก่นด่าแม่ของตัวเองอยู่แล้ว ที่ปล่อยให้หล่อนต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ พิมานเป็นศัตรูของแม่หล่อนแน่ๆ ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว ยิ่งหนาวสั่น ยิ่งถูกทำร้าย ชิดจันทร์ยิ่งโกรธเคืองผู้เป็นมารดา ที่เป็นต้นเหตุทำให้หล่อนต้องเป็นแบบนี้ เพราะแม่...เพราะแม่คนเดียว

ยิ่งคิดยิ่งแค้น ชิดจันทร์ส่งสายตาโกรธเกรี้ยวใส่มารดาอย่างไม่คิดสงสาร ผู้เป็นแม่อย่างเสน่ห์จันทร์พอเห็นสายตาชิงชังอย่างไม่มีปิดบังของชิดจันทร์เข้าก็แทบสิ้นเรี่ยวแรง ‘แม่ขอโทษ’ หล่อนพูดพร่ำคำขอโทษออกมาเป็นสิบเป็นร้อยคำ เพื่อขอไถ่โทษแก่ชิดจันทร์ลูกรัก

เสน่ห์จันทร์ไม่คิดโกรธเคืองชิดจันทร์เลย ที่ลูกเกลียดหล่อนขนาดนี้ รู้ดีแล้วว่าทั้งหมดทั้งสิ้น กิเลสทั้งหลาย  ที่บันดาลบันดลให้ชีวิตเป็นเช่นนี้ มันก็ล้วนเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น หล่อนไม่คิดโทษใคร ไม่ไม่ใครผิดทั้งนั้น นอกจากหล่อนคนเดียว
เสน่ห์จันทร์พร่ำสาบานต่อฝนต่อฟ้า จากนี้ไปหล่อนจะประพฤติตัวใหม่ จะเป็นแม่ที่ดี จะใฝ่ธรรมะ ละลดเลิกกิเลสทั้งปวง ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับลูก จะถอนตัวออกจากการเป็นผู้บริหาร จะออกมาเป็นแม่บ้านดูแลลูก ชิดจันทร์รักใครหล่อนก็จะรักด้วย หากทศพลคนนั้นออกจากคุกมา แล้วชิดจันทร์ยังรักอยู่ หล่อนก็จะไม่นึกรังเกียจ จะอยู่เป็นยายเลี้ยงหลาน อยู่ดูความสำเร็จของชิดจันทร์ต่อไป ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต...

ขอแค่ผ่านวันนี้ไปได้เท่านั้น...

คิดขึ้นได้ความชิงชังของเสน่ห์จันทร์ก็พุ่งเป้าไปที่พิมานทันที มันทำให้ชิดจันทร์เจ็บ มันทำให้ลูกเกลียดหล่อนมากกว่าเดิม เพราะมัน เพราะมันคนเดียว หล่อนไม่มีวันปล่อยให้มันรอดต่อไปแน่

เห็นเสน่ห์จันทร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเคืองขุ่น สายตาที่จดจ้องมองมาก็ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เพียงแค่เห็นสายตาของเสน่ห์จันทร์ ในแวบเดียวที่ฟ้าแลบปลาบ พิมานก็นึกขัน เสี้ยววินาที แต่ช่างตราตรึงใจ อาห์...คิดถึงแววตานี้เหลือเกิน ช่างนานมากแล้วจริงๆ...

ครืนนนน...........เปรี้ยงงงงง!!!
 
เป็นอีกครั้ง ที่ฟ้าสว่างวาบขึ้น เพราะประจุไฟฟ้าลบปริมาณมหาศาลของเมฆก้อนมหึมาไหลผ่านไปหาประจุบวกในเมฆอีกก้อนหนึ่ง แรงปะทะสองประจุเกิดสายฟ้าวิ่งข้ามระหว่างก้อนเมฆวาบไป วาบมา ก่อนประจุลบเหลือเฟือที่เหลืออยู่บนพยับเมฆนั้นจะถูกเหนี่ยวนำลงสู่พื้นดิน รุนแรงจนกลายเป็นฟ้าผ่าสะเทือนเลื่อนลั่น

ฟ้าผ่าลงไม่ไกล ประกายไฟยังคงวิ่งพล่าน เหยื่อสายฟ้าไฟลุกท่วม ถึงกับยืนต้นตายทันทีที่ถูกทัณฑ์ฟ้าฟาด

แสงสว่างวาบขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นเฉียบพลัน เหนี่ยวนำสองสายตาให้มาบรรจบกันในที่สุด รอยยิ้มยินดีเปิดเผยแจ่มชัดบนใบหน้าของพิมาน ผิดกับเสน่ห์จันทร์ที่จดจ้องอาฆาตมาดร้ายเอาเป็นเอาตาย

สองสายตาสบประสาน พาลให้นึกตะลึงงัน

“พี่หวาน...”  พิมานเรียกนามของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงชวนฝัน “ผมคิดถึงพี่นะ” เสียงเพรียกจากพิมาน ทำเสน่ห์จันทร์ชะงักค้าง ความทรงจำครั้งเก่าก่อนย้อนตีในหัวราวกับฟิล์มหนัง  “อยากเจอพี่มาตลอด...”  เสียงที่ฝ่าสายฝนมาพร่าเลือนจนใจสั่น

เปรี้ยงงงง!! 

เสียงฟ้าร้องสนั่นขึ้นอีกครั้ง เรียกสติของเสน่ห์จันทร์ให้ตื่นจากภวังค์ความคิดสับสน นี่ไม่ใช่เวลาที่หล่อนจะมาคิดถึงความหลังน้ำเน่าอะไรนั่น คนในฝันชั่วข้ามคืน มันตายจากชีวิตของหล่อนไปแล้ว ตรงหน้าตอนนี้ มีเพียงอสูรกายร้าย ที่จ้องทำลายหล่อนกับลูกเท่านั้น อย่าไปคิดเห็นใจมันเด็ดขาด!!

“หยุดนะ!! อย่าเรียกฉันแบบนั้นอีก เราจบกันไปนานแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน คืนลูกฉันมาซะ!!” เสน่ห์จันทร์แผดเสียงกร้าว  ส่งไปในความมืด หวังให้พิมานได้สลดใจลงสักนิด

แต่เปล่าเลย เสียงที่หล่อนได้ยินกลับมา กลับเป็นเสียงหัวเราะเริงร่า “ฮ่าฮ่า...ฮี่ฮี่ พี่หวานนี่ลืมง่ายจังนะ เมื่อก่อนออกจะช่างออดอ้อน ได้เป็นใหญ่เป็นโตเข้าหน่อย ลืมผัวเก่าเชียวนะ หึหึ ฮ่าฮ่าฮ่า...”

“หุบปาก!!” เสน่ห์จันทร์แทบเต้นเร่า ที่ถูกพิมานเปิดโปงความหลัง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย นอกเสียจาก กรีดร้องขอให้พิมานหยุด

แต่ดูเหมือนยิ่งยินเสียงห้าม พิมานจะยิ่งฮึกเหิม ‘ก็เขาไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่ ชีวิตนี้ไม่เหลืออะไรให้อาลัยอาวรณ์อีกแล้ว...’

“นี่ หนูชิดจันทร์ หนูคงไม่รู้ใช่ไหม ว่าช่วงที่เขาทิ้งหนูมา เขาทำอะไรบ้าง เอางี้นะ เดี๋ยวน้าเล่าให้ฟัง” พิมานก้มลงกระซิบร้ายตรงริมหูสาวน้อยในอ้อมแขน ชิดจันทร์ที่ตอนนี้แทบจะสิ้นแรง ไปแล้วนั้น กำลังตัวสั่นระริก กับเรื่องที่เพิ่งได้ยินได้ฟัง สาแก่ใจไอ้พิมานเหลือเกิน...

“น้ากับแม่ของหนู เราเคยเป็นผัวเมียกันมาก่อน”

“ไอ้พิมาน!!!”

“อย่าเพิ่งเข้ามาสิ ทูนหัว เดี๋ยวมือผมลั่นขึ้นมา หนูชิดจะลำบากเอานะ”

พิมานกล่าวเสียงดัง แค่เพียงเกริ่นเรื่อง เสน่ห์จันทร์ก็ถลาเข้าหาพิมานอย่างเอาเป็นเอาตาย หากแต่โดนพิมานข่มขู่โดนการกดปากกระบอกปืนเข้าขมับของชิดจันทร์แน่นขึ้นเสียก่อน เสน่ห์จันทร์มองไม่เห็นหรอก แต่เสียงบอกเล่าของพิมาน ประสานกับเสียงกรีดร้องในลำคอบางเบาของชิดจันทร์ เป็นตัวช่วยการันตี เสน่ห์จันทร์ทำได้เพียงหยุดยืนอยู่แค่ตรงนั้น กัดฟันจิกทึ้งตัวเองด้วยความเกรี้ยวกราดที่ไม่สามารถทำอะไรได้

ไม่อาจทำใจยอมรับ แต่กลับต้องยอมกัดฟันทน ให้ความหลังที่อุตส่าห์เก็บฝังเอาไว้ลับสุดใจ ถูกเปิดโปงออกมาอย่างง่ายดาย

"หนูชิดรู้ไหม? ก่อนที่แม่หนูจะยิ่งใหญ่ในวงการอย่างตอนนี้ ก็เคยเป็นแค่ผู้จัดการดารากระจอกๆมาก่อน ดาราคนแรกในสังกัด ก็ใช่ใครที่ไหน น้าพิมานคนนี้นี่แหละ"

พิมานเริ่มเรื่องราว โดยไม่สนใจว่าเสน่ห์จันทร์จะกรีดร้อง หรือชิดจันทร์จะสิ้นสติ มันสองคนไม่สนใจรับฟังก็ช่าง เขาบ่นให้ฟ้าให้ฝน ให้ตำรวจที่ซุ่มอยู่แถวนี้ฟังก็ได้ เสียงดังกังวานอย่างเขา ได้ยินทั่วถึงกันอยู่แล้ว
"พิมาน นรชัย เป็นทั้งพระเอกในสังกัดคนแรกที่สร้างชื่อให้เสน่ห์จันทร์คนสวย ทั้งยังเป็นผัวยามจำเป็นของผู้จัดการดาราขี้เหงาคนนี้ด้วย 'พี่เสน่ห์จันทร์'  คือชื่อที่พิมานใช้เรียกยามทำงานร่วมกัน 'พี่หวาน' คือชื่อที่ไอ้พิมานใช้เรียกยามร่วมรักกัน แม่ของหนูจะมีความสุขและเสร็จเร็วมาก ถ้าน้าครางเรียกพี่หวานๆตอนกำลังเย่อกัน...

อยู่เป็นผัวลับเมียลับกันมาตั้งหลายปี ตั้งแต่ยังเป็นผู้จัดการดารากระจอกๆ จนสามารถตั้งเนื้อตั้งตัว เปิดบริษัทของตัวเองได้ ผัวพระเอกอย่างไอ้พิมาน เริ่มเก่าเก็บ แก่ขึ้น งานก็น้อยลง ประธานบริษัทฟูลี่พราวด์คอปอร์เรชั่น ก็เริ่มหาเด็กในสังกัดคนใหม่ และก็ได้กฤตเมธมา น้าเกือบเขม่นมันอยู่แล้วล่ะ โชคดีที่พี่หวานคนดี ยกให้มันเป็นแค่เพียงลูกรักในวงการ ตำแหน่งผัวลับท่านประธานจึงยังเป็นของน้าอยู่...หึหึ

น้ารักแม่ของหนูมากเลยนะ รักจนหน้ามืดตาบอด คิดว่าพี่หวานคนดี คงจะรักน้ามากไม่ต่างกัน เราคุยกันเรื่องอนาคตอยู่บ่อยๆ ว่าจะเปิดตัวกันตอนไหน ทำธุรกิจอะไรกันดี กระทั่งตกลงกันได้ว่าเราจะทำโครงการบ้านจัดสรรด้วยกัน...คือที่นี่ ‘บ้านจันทร์พิมาน’

แม่ของหนูวาดฝันให้น้าอย่างสวยหรู หลอกให้น้าเชื่อจนหมดใจ ไอ้พิมานลงเงินกับโครงการนี้ไปจนหมดเนื้อหมดตัว จนต้องกู้หนี้ยืมสินเพิ่ม ไอ้พิมานยอมทำทุกอย่าง เพื่อคำว่าอนาคตของเรา...

แล้วสุดท้าย พี่หวานคนดีของไอ้พิมานก็ทิ้งไป ล่มวินานบนฟ้าของไอ้พิมานทิ้ง พังยับ

เพราะรักมากไอ้พิมานเลยยังตามอาลัย เพราะรักมากไอ้พิมานเลยไม่ยอมไปไหน... เพราะรัก แม้ถูกทำลายเท่าไหร่ ก็ยังรัก

แม้อนาคตทั้งชีวิตของมัน ก็ยอมยกให้ได้...”

จบคำสาธยายทั้งน้ำตา ความจริงเรื่องที่พิมานอยากพูดยังไม่จบหรอก แต่เพราะในอกมื้อตื้อตันจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก ตื้อไปด้วยความคั่งแค้น ในตัวของคนที่รักแสนรัก

“......อย่าเอาแต่พูดดีใส่ตัวสิพิมาน ที่แกเป็นแบบนี้ก็เพราะตัวแกเองทั้งนั้น ทำไมถึงหน้าด้านกล้ามาโทษกันง่ายๆอย่างนี้กันห๊ะ!?”  สิ้นคำพิมาน เสน่ห์จันทร์ก็ขอออกปากแก้ต่างให้ตัวเองบ้าง จริงอยู่ว่าที่พิมานพูดออกมาส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องจริง คนเคยรัก...ไม่ใช่ สำหรับเสน่ห์จันทร์แล้ว พิมานเป็นแค่คนคลายเหงา และหล่อนก็ตอบแทนทุกอย่างให้ไปอย่างสาสมที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรติดค้าง ที่พิมานจะเอามาทวงถามในวันนี้ได้อีก!

“เหอะ! ลืมแล้วรึไง ว่าใครทำชีวิตกูพัง!!”

**************************************************************
ขอโทษที่มาช้านะจ๊ะ
วันศุกร์ลงไม่ทัน เสาร์อาทิตย์ก็ลงไม่ได้เพราะไม่มีคอม
เลยต้องกระโดดมาลงวันนี้แทน ขอโทษด้วยนะจ๊ะ
แถมยัง...ไม่จบอีกต่างหาก
พรุ่งนี้รีบมาลงต่อนะจ๊ะ ที่ออฟฟิศไล่กลับบ้านแล้วค่ะ ทำไม่ทัน ฮรือออ!!

ปล. พี่เมธนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ มาช่วยเขา ดันโดนยิงเฉย กลายเป็นดนัยเด่นซะงั้น อิอิ
ปล.2 แฟนคลับดนัยลดฮวบ...555 บอกแล้ว นางไม่ใช่คนดี ออกจะร้ายกาจมากซะด้วยซ้ำ ฮ่าฮ่า
ปล.3 การเขียนฉากบู้...ทำไมมันยากอย่างเน้... TT^TT
ปล.4 พอกันทีดราม่า!! ฉ้านอยากเขียนฉากหวานๆ ฉ้านอยากเขียนเรื่องบนเตียงแร้วววว >///<
ปล.5 เขียนไปเขียนมา...ยุเป็นคนตลกล่ะ...เริ่มรั่วขึ้นทุกครั้งที่ออกสื่อ เฮ้อ....

โดยความเคารพอย่างสูงสุด...จุ๊บๆๆ
อนาคี / Thearboo
 :katai4: :katai1:

บ่ใช่ดนัยเน้อ บดินทร์จ้าบดินทร์  ดนัยตามพวกพิมานไปแล้วจ้า
แก้แล้วจ๊า ขอบคุณมากนะคะ เดี๋ยวตามแก้คำผิดต่อ...เพียบ TT^TT

 :o8:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: harumi ที่ 15-06-2015 21:07:45
 :z13: :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-06-2015 21:24:50
ความอบอุ่นที่ไม่เข้ากับบรรยากาศอันตราย แผ่กำจายสู้สายฟ้าสายฝน เล่นเอาส่วนเกินอย่างดนัยถึงกับทำอะไรไม่ถูก นอกจากยืนมองภาพนั้นอยู่ห่างๆ นี่สินะ...ที่เรียกว่า ‘ความรัก’ ดนัยเฝ้ามองมันเงียบๆ พูดไม่ออกว่ายินดีกับอดีตเพื่อนรักอย่างสดายุแค่ไหน ที่ในที่สุดก็ได้ค้นพบความรักที่แท้จริงเสียที

ใช่ว่าดนัยจะไม่ยินดีกับความรักของสดายุ เพียงแต่หัวใจบิดเบี้ยวของเขามันกลับโหยไห้ ว่าทำไมคนตรงนั้นถึงไม่ใช่เขาแทนที่จะ

อยากเป็นคนรัก อยากเป็นที่รัก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของสดายุ เป็นอย่างที่กฤตเมธกำลังเป็น เขายอมโดนยิงเสียเองก็ได้ ยอมตายก็ได้ ขอเพียงได้เป็นคนที่อยู่ในอ้อมแขนของสดายุตอนนี้ เป็นคนที่สดายุจะร้องไห้ให้เมื่อเห็นเขาเจ็บปางตาย เป็นคนที่สดายุจะรัก...

เพิ่งรู้หัวใจตัวเองก็วันนี้ บดินทร์เพิ่งประจักษ์ก็ตอนนี้ ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่เคยมองสดายุเป็นอะไรเลย นอกจากคนรัก...คนที่อยากให้เป็นที่รัก แต่...รู้ตัวตอนนี้มันจะเกิดผลอะไรเล่า ในเมื่อให้ตายตรงนี้เขาก็ไม่สามารถเป็นอะไรในสายตาของสดายุได้อีกแล้วนอกจาก ‘เพื่อนทรยศ’



บ่ใช่ดนัยเน้อ บดินทร์จ้าบดินทร์  ดนัยตามพวกพิมานไปแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: little_pig ที่ 15-06-2015 21:26:04
 :a5: :a5: :a5: :a5: เสน่ห์จันทร์ความลับนางน่าจะเยอะน่าดู
โชคดีที่พี่เมธกับน้องยุไม่เจ็บหนักมาต่อไวๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 15-06-2015 21:32:12
ดนียเท่ปุดๆ เลยคะ พี่เมฆก็ไม่เป็นไรนะ เป็นพระเอกในจอกับพระเอกน้องยุพอแก่แล้ว รู้ว่าพี่บู้ไม่ไหวหรอก
แต่คะแนนเรื่องเอาตัวปกป้องยุให้เต็ม 100 นะคะ
พิทานแอบน่าสงสารนะเนั่ยย แต่ก็นะไม่ใช่เหตุผลที่จะมาลงกับคนอื่น อ่านตอนนี้ยัง สนน ชิดจันทร์อยู่ ชิชิ
นางนิตัวร้ายจริงๆ พอดนัยพูดว่าไม่ได้มาช่วยนางนิ สะใจเบาๆ  ตอนหน้ามาไวๆนะคร้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 15-06-2015 21:34:53
เลวทั้งแม่ทั้งลูก นี่แหละที่เค้าว่าลูกไม้ใต้ต้น
ถ้าเราเป็นพิมานก็แค้นอ่ะ ถ้าตอนจบอิสองแม่ลูกตายนี่จะเป็นพระคุณอย่างสูง
หรือไม่ก็อยากให้เรื่องนี้โดนแฉไม่ใช่ให้เรื่องเงียบไปเฉยๆให้มันสองแม่ลูกต้องอับอายไม่มีที่ยืนในสังคม
โดยเฉพาะอินังเสน่ห์จันทร์ตัวตั้งตัวตีของเรื่องวุ่นวายและเรื่องๆเลวที่กิดขึ้นทั้งหมด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ตัวไหมอ้วนกลม ที่ 15-06-2015 22:01:29
 :mew1:  :mew1: ถึงร้ายก็รักนะ จะเลวอย่างไรก็รักนะ  #ทีมดนัย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-06-2015 22:04:10
   :angry2:เลวสมกันจริงๆๆแม่ลูกคู่นี้

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 15-06-2015 22:06:26
เอาแล้วไงล่ะ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-06-2015 22:09:00
แอบค้าง การขุดอดีตของท่านประธานโรคจิตนี่เลย เหมือนจะสงสารพิมานหน่อยๆ ตรงที่ เป็นแค่คนคลายเหงา แต่ดันคิดว่า เค้ารักจริง ยัยแม่ลูกคู่นี้ ร้ายนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 15-06-2015 22:25:45
รอฉากหวานๆค่าาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 15-06-2015 22:32:56
ดีใจที่มีดนัยนะเนี่ย
ไม่งั้นพี่เมธกับยุไม่น่ารอด

เสน่จันทร์น่ากลัว อดีตของนางช่างเน่าหนอนจริงๆ
แต่ฉันไม่สงสารเธอหรอกนะชิดจันทร์
ยังไงพี่เมธกับยุก็ไม่เกี่ยว ไม่ผิด แต่เธอก็จ้องทำลาย

ลุ้นมากเลย
แต่ว่าพาลุงๆปหาหมอก่อนมั้ย
กลัวเลือดหมดตัวเสียก่อน


รอหวานๆ และบนเตียงแบบติดจอจ๊าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 15-06-2015 22:33:47
ฮาดนัยอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 15-06-2015 22:42:56
อืมเสน่ห์จันทร์ร้ายที่สุดเลยสิน่ะ

เป็นห่วงพี่เมธ. อย่าเป็นอะไรมากน่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-06-2015 22:53:51
 :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-06-2015 23:00:43
พอกันทีดราม่า!! ฉ้านอยากเขียนฉากหวานๆ ฉ้านอยากเขียนเรื่องบนเตียงแร้วววว >///<

รอใจจดใจจ่อ เมื่อไหรกฤตจะออกจากรพ.น้าาาาา


จะมีใครตายไหมเนี่ย ถ้าพิมานตาย สเน่ห์จันทร์ก็น่าจะตาย เเม่ตายลูกก็น่าจะตาย
ถถถถถ ไม่ตายงานนี้ ก็ต้องมีเป็นบ้าบ้างเเหละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 15-06-2015 23:19:11
 :sad4: จะตามต่อไปจนถึงวันที่หนังฉาย ดาราป๊ะเจ้าของเรื่องที่แสดง :katai1:
เบื่อตอนสองแม่ลูกพลังจันทราแล้ว เอือมมานนนนนนฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-06-2015 23:21:23
อู๊ยยยยยยยยย พี่เมธเจ็บหนัก
ความลับถูกเปิดโปง
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 15-06-2015 23:22:10
ลุ้นๆๆๆๆ :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 16-06-2015 00:02:17
สาวไส้ให้ตำรวจที่ซุ่มอยู่ฟังให้หมด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 16-06-2015 00:10:43
กับเสน่ห์จันทร์  นี่เลือกฟิลลิ่งให้ไม่ถูกเลยจริงๆ

ตอนแรกก็ว่าจะชอบละเป็นเจ้าคนนายคนขนาดนั้นคงมีเบ้สัยทัศน์เี ต้องมีดีเเน่ๆ  ต่อมาเจอเรื่องเมธ ยุ จับคู่ให้ลูกสาวก้เริ่มเย้ปากใส่นาง   พอผ่านไปพลิคล็อคอีกว่านางก็มีปมนะ พอจะต้องน่าสงสารได้บ้าง  แต่พอผ่านมาอีกเสน่ห์จันทร์ก็มีเรื่องให้รู้สึกว่าน่าหมันไส้ แบบมีอะไรลบๆเยอะอะ  ไม่ใช่แบบรู้สึกว่าโอเคเฉลยให้อภัยเห็นใจ  เราว่านางเป็นคนไม่โอเคแบบสุดอะ   มันควรจะต้องคิดได้บ้างเเล้วต้องมีจิตสำนึกมีไรมากกว่านี้อะ   พอดูจากทุกเรื่องของนางที่ผ่านมาเหมือนจะสรุปให้ตัวเองได้ละว่า เสน่ห์จันทร์งี่เง่าอะ มากด้วยตั้งแต่สาวยันแก่เลย!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 16-06-2015 01:01:58
นางร้ายทั้งแม่ทั้งลูก ไม่ไหวๆ สงสารไม่ลง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 16-06-2015 01:17:03
เราชอบดนัยนะ ชอบมากกว่าเมธ ยุ อีก คือ ดูเป็นคนปกติดีอ่ะ ไม่ได้ดีพ่อพระ ใจกรุณา จิตสาธารณะ ยกโทษให้ผู้อื่นได้ทั้งที่ทำเราเกือบตายแบบน้องยุ รายนั้นนางเอกเกิ๊นนนน  คือดีกับพวกพ้อง โหดโฉดกับศัตรู เอ็นดูกับคนรัก (?) คาแรคเตอร์ดูเป็นธรรมชาติดี

ยังคง FC ดนัย .....บดินทร์ ดูใจอ่อนกับดนัยมากกว่าที่คิดนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 16-06-2015 01:22:54
5555555+แอบฮาเมธ ธ่อออ มาช่วยเขา เจ็บซะเอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 16-06-2015 06:51:00
พี่เมธ ตอนจบไม่สวยอ่ะอิๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: loveview ที่ 16-06-2015 08:25:14
ไม่อยากให้ชิดจันทร์รอดว่ะ มันเลวสุดใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-06-2015 09:04:09
เหตุที่อิรุง ตุงนัง มาจากเจ้แกคนเดียวหรือนี่

=_=
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-06-2015 09:13:03

เรื่องจริงยิ่งกว่าบทละครจริงๆ (แม้ว่านี้จะไม่ใช่เรื่องจริง แต่คนมันอินใครจะทำไม )

โทษกันไป โทษกันมาจริงๆ

คนหนึ่งรักมากก็แค้นมาก

อีกคนหนึ่งก็แค่คนคลายเหงา

รอเฉลยตอนต่อไปดีกว่า....

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 16-06-2015 10:37:52
ต่างกรรมต่างวาระกันทั้งนั้น   เสน่ห์จันทร์ก็ทำกับคนอื่นมาเยอะมากๆ แรกๆยังแบบสงสารนางนะเหมือนกับชิดจันทร์ แต่ก็ต้องโทษตัวเองด้วย  มีคนอีกมากที่เจอสถานการณ์แบบนี้แต่เลือกที่จะทำในแบบทางอื่น  เสน่ห์จันทร์ ชิดจันทร์ พิธานเลือกที่จะทำผู้อื่นหลังจากที่ถูกกระทำแทนที่จะำยายามใช้ชีวิตที่เหลืออย่างมีค่าที่สุด   น่าจับอยู่ด้วยกันเหลือเกินเป็น ครอบครัวตัวอย่างเลย

กับดนัย เสน่ห์จันทร์ก็ทำกับฝ่ายนั้นเจ็บแสบเหมือนกัน  สัญญาทาสที่ว่าชวนนึกถึงที่นักแสดงไทยท่านหนึ่งโดนมัดตัวอยู่จนต้องหนี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 16-06-2015 11:09:11
รอต่อจ้าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 16-06-2015 15:04:36
ไม่รู้จะสงสารใครดี รู้แต่ตอนนี้อยากอ่านตอนของพี่กฤตหนูยุ แล้วที่อยากมากดนัยน้องอินทร์...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 16-06-2015 15:51:20
จะว่าไปพิมานก็น่าสงสารนะ   :mew4:
มาต่อไวๆนะฮะรออออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 16-06-2015 17:58:32
โอ่ววววว ศึกครอบครัวสินะ ว่าแล้วว่าพิมานนี่ต้องมีความแค้นอะไรกับเสน่ห์จันทร์มาก่อนแน่เลย เรื่องชื่อโครงการจันทร์พิมานก็เหมือนกัน มันรู้สึกตงิดๆ วันนี้ได้แล้วและว่ามาจากไหน เริ่ดมากค่ะ รอตอนต่อไปนะ  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-06-2015 18:13:31
โอ้ววว
เรื่องมันยิ่งเข้มข้นอีกแล้วววว

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 17-06-2015 00:15:55
ยกตำแหน่งนี้ให้เสน่ห์จันทร์เลย เลวตัวแม่
ชิดจันทร์นี่ยังมีอะไรจูงใจให้เลวบ้าง
แต่เสน่ห์จันทร์นี่เห็นแก่ตัวล้วน ๆ ไม่เคยเห็นหัวใครเลย

นายเอกทำตัวเป็นพระเอก
พระเอกกลายเป็นลุงไม่เจียมสังขาร
พระรองโคตรเท่เลย ใครว่าร้าย
นายรอง ห้ามเลือดเร็วสิ!!
         :เฮ้อ:
ลุงพิมานน่าสงสารเนอะ
จะให้บทตายก็น่าสงสารเข้าไปใหญ่
มีเมียผิดคิดจนตัวตายจริง ๆ
ภาวนาให้ลุงรอดนะ

ส่วนแม่ลูกสายพันธุ์พระจันทร์นั่นก็ฝัง ๆ ไว้แถวนั้นแหละ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 17-06-2015 01:23:25
คืนนี้เขามาไม่ทันจริงๆ
ขออภัยอย่างสูงเจ้าค่ะ

รอติ่งสุดท้ายแม่ลูกแห่งดวงจันทร์วันนี้ตอนเย็นๆนะเจ้าคะ...
 :ling3:

หลังติ่งนี้ไป...จะได้เริ่มฉากใสๆเสียที

ขออภัยที่ต้องให้รอค่ะ TT^TT
อนาคี // Thearboo  

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-06-2015 13:57:34
ค้างอย่างแรงค่า
ป่านนี้พี่เมธเลือดหมดตัวแล้วมั่้งนั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 17-06-2015 20:27:16
ผมคือ...นางเอก
‘เลือดชโลมใจ’
(ติ่งจบ)


“เหอะ! ลืมแล้วรึไง ว่าใครทำชีวิตกูพัง!!”

“โครงการบ้านเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะมึงถอนหุ้น ทั้งยังถอนสัญญาของงานกูทั้งหมด! ขนาดงานสุดท้าย ที่กูอุตส่าห์พยายามหามาจนได้ อุตส่าห์จะได้เล่นเป็นพระเอก ถึงจะเป็นแค่หนังตลกทุนต่ำ กูก็ดีใจมากแล้ว อย่างน้อยกูก็ยังมีงาน ยังหาเงินได้ แต่มึง...มึงก็ยังตามราวีจนกูโดนถอดจากบท มึงอยากกำจัดกูออกจากชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ อยากทำลายกูขนาดนั้นเลยสินะ กูไม่มีงาน ไม่มีเงิน แถมมีแต่หนี้ล้นหัว ชีวิตพังป่นปี้ไม่มีดี ทั้งหมดนี่ก็เพราะมึง! แล้วมึงยังหน้าด้านบอกว่าไม่เกี่ยวเหรอ!? กูทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่าง คลานเข้าไปของานจากมึง กูบอกแล้วไง ว่าพ่อแม่กูป่วยหนัก กูต้องการเงิน...แล้วสิ่งที่มึงทำกับกูคืออะไร? ไล่กูเหมือนหมูเหมือนหมา...เฮอะ” พิมานเปิดเผยความอัดอั้นตันใจทั้งหมดที่ตนมี โดยไม่เปิดโอกาสให้เสน่ห์จันทร์ได้สอดปากเข้าแทรก

ความจริงอันโหดร้าย ที่เขาได้เผชิญมา เพียงเพราะแค่หลงรักผู้หญิงตรงหน้า

“สาแก่ใจมึงแล้วหรือยัง...ที่ตอนนี้พ่อกับแม่กูตายหมดแล้ว ตายตามยถากรรม เพราะกูมันไม่มีปัญญารักษาชีวิตท่าน...กูไม่เหลือใครแล้ว พี่หวาน...กูคนนี้ไม่เหลือใครแล้ว”

พิมานตะคอกลั่นทั้งน้ำตา มองไม่เห็น แต่เสน่ห์จันทร์รู้ ว่าเสียงนั้นของพิมาน คือเสียงสะอื้นไห้อย่างน่าเวทนา

ไม่เหลือใครแล้ว...

พ่อกับแม่ของพิมาน...ตายแล้ว

เสน่ห์จันทร์นึกขึ้นได้ทันที ถึงวันที่พิมานเข้ามาของานจากหล่อน 'ท่านประธานครับ ผมขอร้องจริงๆ งานอะไรก็ได้ เล็กน้อยก็เอา ขอให้ผมได้กลับมาทำเถอะนะครับ ผมไม่มีเงินเลย ครอบครัวผมตอนนี้ก็ลำบากมากครับ ซ้ำพ่อกับแม่ยังป่วยอีก ผมสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วจริงๆ ครับท่านประธาน เห็นใจผมด้วยเถอะครับ ได้โปรด ผมขอร้อง…'


เป็นเรื่องจริงหรอกหรือ ในสิ่งที่พิมานพูดมา

หัวใจที่คั่งแค้น ยอกขึ้นในทันทีที่ได้รับฟัง เจ็บจุกราวกับ ถูกซัดหนักๆเข้าที่ลิ้นปี่ วันนั้นหล่อนเลือกที่จะไม่เชื่อพิมาน เพราะสันดานเสเพล ปากบอกว่ามีหล่อนคนเดียว แต่ก็เที่ยวไปควงคนโน้นคนนี้ ด้วยข้ออ้างแค่ว่า จะได้ไม่มีใครจับตาความสัมพันธ์เกินเลยระหว่างหล่อนกับมัน

จริงหรือเท็จ เสน่ห์จันทร์ไม่คิดจะสืบ แม้จะยังนอนกอดก่ายกันเร่าร้อน หัวใจหล่อนก็ด้านชาไปแล้ว คำว่ารักภักดี ที่พิมานพร่ำเพ้อไม่ขาด ไม่เคยประทับอยู่ในหัวใจเสน่ห์จันทร์แม้เพียงเสี้ยว

ดังนั้น ถึงจะไม่พอใจเวลาพิมานมีข่าวกับใครๆ แต่เสน่ห์จันทร์ก็ไม่ได้คิดจะทวงถาม กลับคิดว่าดีเสียอีก จะได้ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการลาขาดจากกัน และมันก็ได้ผล ประจวบเหมาะกับที่พิมานเริ่มมีหนี้สิน เข้าบ่อน เสเพล จนเสียงาน สัญญาที่เคยมีก็เลยถูกยกเลิก โอกาสอย่างงามที่จะตัดความสัมพันธ์ให้เด็ดขาด หล่อนจึงคว้าเอาไว้ทันทีแบบไม่มีการฟังคำอุทธรณ์

แม้ตอนนั้นพิมานจะพร่ำขอโทษ และบอกรักหล่อนมากเท่าไหร่ เสน่ห์จันทร์ก็ตัดสินโทษของพิมานไปแล้วว่าเป็นแค่คนสามานย์อย่างตัวผู้ทั่วไป ที่มีแต่มารยาสาไถ หลอกเกาะเป็นแมงดา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่หล่อนเลือกที่จะมองคนคนนี้ในแง่ลบถึงขนาดนั้น ชีวิตนี้ผู้ชายที่หล่อนรักมีเพียงคนเดียว ดังนั้นคำรักจากชายใดไม่เคยซึมซาบเข้าสู่หัวใจของหล่อนได้ พอรับชิดจันทร์เข้ามาอยู่ด้วย หล่อนจึงหาโอกาสกำจัดพิมานในทันที แต่หล่อนไม่ได้ต้องการทำลายชีวิตของพิมาน เพียงแค่ต้องการให้เลิกยุ่งเกี่ยวกันเท่านั้น...

ไม่อยากให้ชิดจันทร์เห็น

ไม่อยากให้ชิดจันทร์ได้รับรู้

หล่อนก็แค่อยากเป็นแม่ที่ดี

แม่...ที่ไม่มีมลทิน

ผิดนักหรือไง?

“ฉันเคยบอกเธอแล้วไง พิมาน ว่าโครงการบ้านตรงนี้มันขายไม่ได้หรอก ฉันบอกเธอแล้วให้เลิกทำ เพราะมีแต่เสียกับเสีย เธอก็ไม่เชื่อ ฉันเลยต้องถอนหุ้นไป...แต่เธอก็ยังไปกู้หนี้ยืมสินเขาอีก สุดท้ายมันก็ไปไม่รอดอย่างที่ฉันบอกจริงๆใช่ไหม?”

พอได้ฟังว่าอีกฝ่ายผ่านพบอะไรมา เสน่ห์จันทร์ก็ลดทิฐิโกรธแค้นลงได้ระดับหนึ่ง แล้วค่อยๆอธิบายเหตุผลให้พิมานฟังทีละข้อ ตราบใดชิดจันทร์ยังอยู่ในกำมือมัน หากหล่อนรุนแรงใส่ ผลที่ออกมาอาจร้ายแรงเกินกว่าจะจินตนาการถึง

หากพิมานเคยรักหล่อนจริง และยังรักถึงตอนนี้ ชายหนุ่มอาจยอมฟังหล่อนบ้าง

“แล้วดาราที่หมดความนิยมไปแล้ว มันก็ไม่มีงานจ้างเป็นธรรมดาใช่หรือเปล่า ฉันแค่ไม่มีสัญญาในมือต่อให้ ไม่ใช่ไปยกเลิกของเธอ แล้วไอ้หนังที่เขาให้เธอเล่นน่ะ เขาขอปลดเธอเองเพราะอยากได้ดาราที่เด็กกว่ามาแสดงแทน ฉันไม่ได้เกี่ยวด้วยเลยสักนิด อย่ามาโทษกันสิว่ามันเป็นเพราะฉันน่ะ เธอก็รู้อยู่แก่ใจนี่ว่าเธอเป็นยังไง แล้วฉันเป็นคนยังไง? ...ฉันขอโทษเรื่องพ่อกับแม่เธอ หากตอนนั้น ฉันเอะใจว่าเรื่องที่พ่อแม่เธอป่วยเป็นเรื่องจริง ฉันคงให้เธอยืมเงินก่อน แต่ฉันถามหน่อยเถอะ ใครจะไปเชื่อผีพนันได้ลงกัน พิมาน!?”

“ใช่...เราเคยมีความสัมพันธ์กัน แต่เราตกลงกันแล้วนี่ว่าจะเป็นแค่คนคลายเหงา ฉันจำได้ว่าบอกเธอไปแล้ว ว่าฉันรักใครไม่ได้ ฉันมีลูกแล้ว และถ้าวันไหนลูกมาอยู่กับฉัน ฉันก็จะมีแค่ลูก ฉันจะไม่มีใครอีก ฉันเคยบอกเธอไปแล้วไง .....”

“เธอลองไตร่ตรองดูอีกทีเถอะพิมาน ว่าสิ่งที่เธอทำมันถูกต้องหรือเปล่า การที่เธอกล่าวโทษฉัน มันยุติธรรมหรือไม่ จริงอยู่ว่าฉันเป็นฝ่ายตีตัวออกห่างจากเธอ แต่ฉันก็ไม่ได้มีใครอื่น ที่ฉันไป ก็แค่ต้องการอยู่กับลูก...มันผิดถึงขนาดที่ให้อภัยไม่ได้กันเลยเชียวหรือ?”

เสน่ห์จันทร์พยายามชักแม่น้ำทั้งห้า ร้อยเอ็ดเจ็ดเหตุผล เท่าที่จะมี พยายามโน้มน้าวใจให้ชายหนุ่มเชื่อ

“พิมาน...พี่ไม่ได้ตั้งใจ พี่ไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันออกมาเป็นแบบนี้ พี่ขอโทษที่หลบหน้าเธอ แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ตอนนั้นพี่รับลูกมาอยู่ด้วยแล้ว พี่แค่ไม่ต้องการให้ลูกรู้ พี่พยายามจะคุยกับเธอนะ แต่เธอกลับพยายามจะเปิดโปงความสัมพันธ์ของเรา พี่ก็เลยยิ่งกลัว...”

ทั้งยังพยายามขอร้องอ้อนวอน โดยเสน่ห์จันทร์ เลือกใช้ถ้อยคำ ที่เคยใช้แทนตัวตนในอดีตระหว่างที่ยังเป็นคู่ขากันกับพิมาน

“พี่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีเรื่องให้สับสน ให้กังวล เหมือนกัน เธอ...จะอภัยให้พี่ได้ไหม?...”

ดูเหมือนวิธีการกล่อมของเสน่ห์จันทร์จะได้ผล พิมานดูอ่อนลงจนรู้สึกได้ แสงฟ้าแลบถี่ ยังผลให้เสน่ห์จันทร์มองเห็น ว่าใบหน้าผู้ร้ายที่จับลูกของหล่อนเอาไว้นั้น กลับเป็นพิมานของหล่อนคนเดิม

“...จริงเหรอ?...พี่ไม่ได้ตั้งใจทำร้ายผม...จริงๆเหรอ?...”

พิมานเด็กดีคนเดิม คนที่ว่านอนสอนง่าย และเชื่อฟังหล่อนที่สุด พิมานคนนั้น...กลับมาแล้ว

เห็นแบบนั้น เสน่ห์จันทร์ก็เริ่มใจชื้น ทำให้หล่อนกล้าที่จะค่อยๆขยับกายสืบเท้าเข้าหาพิมานช้าๆ รอคอยจังหวะที่เหมาะสมที่สุด ในการขอตัวชิดจันทร์คืน

“จริงสิ...พี่เคยหลอกเธอเหรอ? เชื่อพี่สิพิมาน พี่ไม่เคยคิดร้ายกับเธอนะ ขอโทษจริงๆกับเรื่องที่ผ่านมา พิมานได้โปรด...พี่ไม่อยากให้เธอทำผิดไปมากกว่านี้อีกแล้ว กลับตัวตอนนี้ยังทันนะ...ปล่อยชิดจันทร์ ปล่อยลูกพี่เถอะ พี่สัญญาจะไม่เอาเรื่อง สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเธอ...เหมือนเดิม”

“พี่หวาน...”

ในที่สุด เสน่ห์จันทร์ก็เข้าประชิดตัวของพิมานได้สำเร็จ หล่อนค่อยๆแตะปลายนิ้ว ลงบนมือที่ยังคงกำปืนไว้อย่างแน่นหนาของพิมานแผ่วเบา พลางเอ่ยปากอ้อนวอนอีกหน ซึ่งหล่อนมั่นใจอย่างที่สุดว่าในที่สุดแล้วพิมานจะต้องยินยอม...  “ปล่อยลูกของพี่เถิด พิมาน...ชิดจันทร์ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย ถ้าอยากทำอะไร ก็ทำกับตัวพี่เองเลยเถอะนะ...พี่ยอมทุกอย่างแล้ว...”

“พี่หวาน...พี่ยังรักผมไหม? พี่จะอยู่กับผมหรือเปล่า ไหนๆลูกพี่ก็รู้เรื่องผมแล้ว เรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมได้ใช่ไหม...”   พอถูกมือนิ่มที่แสนคิดถึงแตะต้องสัมผัสอีกครั้ง ความคลั่งแค้นที่มีต้นตอจากความน้อยเนื้อต่ำใจ ดูคล้ายจะสลายไปเสียดื้อๆ จะเหลือก็เพียงความหวาดระแวงเพียงเล็กน้อย เพราะมันไม่มั่นใจเอาเสียเลย ว่าเสน่ห์จันทร์จะยอมให้มันถึงเพียงนี้จริงๆ

แต่ว่ายิ่งใกล้ หัวใจก็ยิ่งเพรียกหา

คนที่ถูกหักหลัง อยู่อย่างไร้ความหวัง พอวันหนึ่งที่คนที่มันเคยคิดว่าไม่มีทางได้ใกล้ชิด กลับมาสัมผัสกันอีกครั้ง หัวใจเท่ากำปั้นก็สั่นระรัวด้วยความปรีดา พิมานรู้ตัวเองดี ว่ามันก็เป็นแค่ผู้ชายโง่ๆคนหนึ่ง คนที่มีแต่ตัว และหัวใจที่มั่นรักในเสน่ห์จันทร์เพียงคนเดียว

ดวงตาสบสายตา ความหลังครั้งเก่าก่อนฉายชัด วันคืนแสนหวานที่ยังมีกันและกัน

คนหนึ่งอยู่ด้วยเพราะรักแสนรัก

แต่อีกคนกลับอยู่เพราะความเหงา

แต่กระนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกหวานล้ำเจือจาง รังรักในคอนโดเล็กๆ อ้อมกอดของกันและกัน ทุกภาพอดีตฉายซ้ำอยู่ในใจของทั้งคู่ราวหนังม้วนเก่า ทุกฉากทุกตอนเต็มไปด้วยความรู้สึก

ดวงตาสองคู่สบกันในความมืด เสน่ห์จันทร์ส่งยิ้มน้อยๆให้พิมาน พร้อมกับคำตอบที่ทำให้คนร้าย กลับเป็นอดีตคนเคยรักอีกครั้ง

“ใช่...พี่ยังรักเธอ...”  มอบความหวัง ให้อีกฝ่ายมาดหมายจะสานต่ออย่างเต็มที่

พิมานยิ้ม แม้ในความมืดยังรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นช่างดูปิติยินดีเสียจนน่าสงสาร พร่ำบอกขอโทษที่ทำอะไรเกินกว่าเหตุ พร่ำขอคำสัญญาว่าจะไม่ทิ้งกันอีก จะทำตัวเป็นคนดีให้เสน่ห์จันทร์กลับมารักตนให้ได้เหมือนเดิม

เสน่ห์จันทร์ยิ้มให้ พร้อมพยักหน้ารับทุกคำ ไม่มีบ่ายเบี่ยง โดยมีชิดจันทร์ ที่ยังคงถูกล็อคตัวไว้ ยืนเป็นพยานให้ทั้งที่ไม่ได้ต้องการ

ขยะแขยง...คืออีกความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับชิดจันทร์นอกเหนือจากความรู้สึกกลัว ไม่ว่าคนที่ได้ชื่อว่าแม่ตอนนี้จะต้องการทำอะไร หรือทำไปเพื่ออะไร ก็ไม่สามารถทำให้คนเป็นลูกคนนี้รู้สึกดีขึ้นมาได้ ชายโฉดที่จับเธอมาคือคนที่มีค่าไม่ต่างจากชู้รักในสายตาของชิดจันทร์ แม่เคยนอนกับคนคนนี้ เป็นผัวเมียลับที่ต้องแอบกิน ลักลอบอำพราง น่าสมเพช!

ในขณะที่ทิ้งเธออยู่ในนรก เพียงลำพัง แม่คนนี้คงไม่รู้สึกรู้สาอะไร

การไม่มีลูกคนนี้ในชีวิต แม่คงมีความสุขสำราญใจมาก ถึงได้ระเริงผู้ชายได้อย่างไม่นึกละอาย แค่คิด ชิดจันทร์ยิ่งรู้สึกรังเกียจหนัก จากที่เกลียดเป็นยิ่งเกลียด แม่ต้องชดใช้!

ระหว่างฟังแม่ตน มารยาสาไถใส่อดีตหนุ่มคนรัก ชิดจันทร์ก็ได้แต่คิดเคืองแค้น พร้อมแช่งชักหักกระดูกทั้งคู่อยู่ในที  ‘ถ้ารักกันมากขนาดนั้น ก็ไปอยู่ด้วยกันให้รู้แล้วรู้รอดไปซะสิ! แล้วช่วยไปไหนก็ไปให้พ้นหูพ้นตาฉันเสียที!!’

“ปล่อยลูกพี่เถอะนะ...จบเรื่องวันนี้ แล้วเราค่อยมาเริ่มต้นกันใหม่ ดีไหมพิมาน” 

เสน่ห์จันทร์ยังคงเอ่ยคำหวานขับกล่อม เรียวนิ้วซีดขาวเพราะชื้นฝน บรรจงแตะลงบนผิวแก้มสากเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ มือที่คลายจากคอของชิดจันทร์เป็นสัญญาณว่า พิมานหลงไปตามคำพี่หวานของมันเรียบร้อยแล้ว

พิมานยิ้มจนแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่ ดูกระดี้กระด๊าปรีดาอย่างเห็นได้ชัด

เมื่อความชิงชังสลายไปจากใจ ความรักซื่อๆก็ปรากฏสู่สายตาของเสน่ห์จันทร์ มันเจิดจ้า มันชัดเจนจนหล่อนต้องหลบตา เบือนหน้าหนี

มันสายไปแล้ว...

สายมากเหลือเกิน...

เสน่ห์จันทร์สูดลมหายใจระริก กระบอกตาร้อนผ่าว น้ำตาที่หลังไหลในความมืด ไม่มีใครสามารถมองเห็น

กลับหลังไปไม่ได้แล้ว...

.......พิมาน พี่ขอโทษ

พิมานยิ้มแย้มและยอมปล่อยตัวชิดจันทร์ในที่สุด ปล่อยมือจากร่างลูก เพื่อจะโผเข้ากอดร่างแม่ แต่ทว่าเสน่ห์จันทร์กลับเบี่ยงกายหลบ ก่อนหันไปประคองกายชิดจันทร์เร็วรี่  “ขอบใจนะพิมาน ขอบใจที่เธอยอมฟังพี่”  เสน่ห์จันทร์รีบเอ่ยปากขอบคุณพิมาน พลางเร่งพาชิดจันทร์ห่างออกจากร่างสูง “ขอพี่แก้มัดลูกก่อนนะ” หล่อนอธิบาย ถึงเหตุผลที่ยังไม่ยอมให้กอด และพิมานก็เข้าใจ ไม่เป็นไร มันรอได้

เจ็บตรงไหนหรือเปล่าลูก...หนูกลัวมากหรือไหม...โถ คนดีของแม่ แม่อยู่นี่แล้วลูก แม่อยู่กับหนูแล้ว...

ระหว่างประคองตัวชิดจันทร์ให้ออกห่างจากพิมาน เสน่ห์จันทร์กระซิบถามเสียงสั่นพร่าตลอดทาง ร่างหล่อนเองก็สั่นระริก จนชิดจันทร์รู้สึกได้ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนหันมองหน้าแม่ตัวเองด้วยความสงสัย ด้วยหัวใจที่สั่นระรัว นี่เป็นครั้งแรกที่แม่ ใช้ถ้อยคำหวานหูขนาดนี้ถ้อยคำที่ทำให้หัวใจของชิดจันทร์อุ่นวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุ นี่น่ะหรือ...ความรัก ความห่วงใย?

ไม่ต้องกลัวนะลูก แม่จะไม่ให้อภัยคนที่ทำร้ายลูกเด็ดขาด...

...แม่!?


“จับมันเลยค่ะ คุณตำรวจ!!”

เสน่ห์จันทร์ตะโกนสุดเสียง พร้อมรวบชิดจันทร์เข้ามากอดแน่น แต่ด้วยความที่ขาชิดจันทร์ยังคงถูกมัด สองแม่ลูกจึงเสียหลักล้มลงทันที

วางอาวุธลงซะ!!!

พร้อมกันกับที่ตำรวจร่วมห้านาย ถลาออกจากที่ซุกซ่อนด้วยอาวุธครบมือ จ่อเล็งไปทางคนร้ายที่ยังคงยืนยิ้มค้าง

“...พี่หวาน?...” มันครางชื่อหญิงอันเป็นที่รักขึ้นแผ่วเบา ด้วยใบหน้าสับสน

ก่อนตัดสินใจเดินเข้าใกล้ร่างนั้นช้าๆ

“พี่ให้ตำรวจมาจับผมทำไม?...บอกเขาสิ เราตกลงกันแล้ว...” 

ปัง!

นัดแรกเข้าที่ต้นขาขวา ทันทีที่พิมานตั้งท่าจะถลาเข้าหาเสน่ห์จันทร์

เสียงปืนทำให้สองแม่ลูกสะดุ้ง โดยเฉพาะเสน่ห์จันทร์ที่กำลังกอดลูกของตนแน่น ป้องร่างตนปิดร่างชิดจันทร์เอาไว้ หากแม้จะเกิดอะไรขึ้น หล่อนขอเจ็บเสียเอง

“......พี่หวาน?...”

ยอมมอบตัวเสียดีๆ วางอาวุธลงซะ! อย่าให้ต้องเตือนซ้ำ!!

“...พี่หวาน?...”

สายฝนยังคงกระหน่ำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหยุดคนร้ายให้ได้ โดยไม่ต้องการให้ถึงชีวิต ทว่าจนถึงตอนนี้ พิมานก็ยังไม่ยอมหยุด แม้โดนยิงไปที่ต้นขาไปแล้วหนึ่งนัด ร่างนั้นก็ยังคงยืนหยัด ไม่ยอมล้ม ปากยังคงพร่ำเรียกเพียงชื่อของเสน่ห์จันทร์ ทั้งยังพยายามย่างกรายเข้าใกล้

ปัง!!

นัดที่สองที่ลั่นออกมา เฉียดแขนขวาที่กำปืนอยู่ ทว่าพิมานยังคงไม่หยุดเดิน

“...หลอกกัน...สินะ...ที่ว่าจะอยู่ด้วยกัน..พี่...หลอกผม...สินะ”

เสียงครางเครือ สะอึกสะอื้นรวดร้าว ดังกระท่อนกระแท่นมาจนถึงด้านหลัง เสน่ห์จันทร์ยิ่งกอดชิดจันทร์แน่นขึ้น ด้วยกลัวว่าพิมานจะหลุดมาทำอะไรลูกหล่อนได้ กลัวเหลือเกิน หล่อนไม่อยากให้ลูกต้องเจ็บไปมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่อยากให้ใครทำร้ายลูกของหล่อนอีกแล้ว

“รีบจัดการมันซะทีสิ!!”

เสน่ห์จันทร์ตะโกนขึ้นสุดเสียง หวังให้ตำรวจช่วยรวบตัวพิมานไปเสียที

ทว่าทันทีที่สิ้นคำ พิมานก็ตะโกนลั่นออกมาเช่นกัน “นังอสรพิษ!!”

ปัง! ปัง! ปัง!!!!


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

เสียงปืนสามนัดดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างของพิมานทรุดลง

เพราะบันดาลโทสะที่ถูกเสน่ห์จันทร์หลอก พิมานเลยจ่อปืนเล็งร่างหญิงสาวพร้อมวิ่งกะโผลกกะเผลกเข้าหา เป็นการจงใจขัดขืนต่อสู้ ตำรวจจึงจำเป็นต้องยิงสกัดไว้ โดยพยายามหลีกเลี่ยงจุดตายให้ได้มากที่สุด แขนและขาจึงเป็นเป้าที่ดี

ทว่าเพราะความมืด และคนร้ายเคลื่อนไหว กระสุนนัดหนึ่งจึงพลาดไปถูกเข้าตรงท้องน้อยของพิมานแทน

ชิดจันทร์กรีดร้องในลำคอด้วยความตกใจ ด้วยเพราะยังถูกปิดปากไว้ หล่อนจึงไม่อาจเตือนแม่ได้ทัน ว่าพิมานถลามาจนถึงด้านหลังแล้ว และทันทีที่ถูกคมกระสุน ร่างสูงใหญ่นั้นก็ล้มทับเสน่ห์จันทร์เข้าเต็มรัก

ตำรวจทั้งห้านายกรูกันเข้ามา แต่ทว่าก็ช้าไปกว่าอ้อมแขนของพิมานที่สวมกอดล็อคเสน่ห์จันทร์เข้าหาตัวได้ในที่สุด เสน่ห์จันทร์ไม่ได้ดิ้นรน หรือทำอะไรมากไปกว่าการร้องไห้ หล่อนยอมอยู่ในอ้อมกอดเปื้อนเลือดของพิมานแต่โดยดี สิ่งเดียวเท่านั้นที่หล่อนอ้อนวอนต่อเจ้าของอ้อมแขน  “ปล่อยลูกพี่ไปนะ...พิมาน...พี่ยอมทุกอย่างแล้ว...”

ชิดจันทร์เบิกตาโพลงทันทีที่ได้ยินคำตอบจากไอ้ชั่วช้าด้านหลังคนเป็นแม่

“อยู่กับผม...ตลอดไปนะ...ผมรักพี่”

มันพูดพร้อมแนบใบหน้าเข้าหาเสน่ห์จันทร์จากทางด้านหลัง กระทั่งแก้มแนบแก้ม ก่อนจะใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่เหลือ กดปืนเข้าที่ขมับของตัวมันเอง

เสน่ห์จันทร์สบสายตาลูกรักครั้งสุดท้าย...

ปัง!!

เสียงกัมปนาทดังขึ้น ส่งสองร่างทรุดฮวบลงไปนอนเคียงกัน

พร้อมกับเสียงร้องไห้ดังลั่น ของผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียว หนึ่งภาพสุดท้ายตราตรึงอยู่ในดวงตา สามคำสุดท้ายดังก้องอยู่ในโสตประสาท รอยยิ้มสุดท้ายฝังลึงลงสู่ในวิญญาณ

...ชิด นางฟ้าคนดีของแม่

แม่รักหนูนะ

แม่ขอโทษ.....



****************************************************************

จากใจคนเขียนคนนี้ถึงเสน่ห์จันทร์...

ขอโทษด้วย ในความเห็นแก่ตัวของฉันนะ
ฉันเสียใจ... ที่ฉันสร้างเธอขึ้นมาให้อยู่แต่กับเรื่องที่แสนโหดร้าย ขอโทษจริงๆ...
แต่จากนี้ไปเธอจะไม่ต้องหลงทาง ไม่ต้องอยู่กับความหวาดหวั่นแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
ในที่สุดเธอก็ได้อยู่อย่างสงบเสียที อภัยให้ฉันเถิดนะ
สัญญา ว่าเธอจะอยู่ในใจฉันตลอดไป
หลับให้สบาย...ลาก่อน

*
*
*
ความรู้สึกตอนนี้...
กรี๊ดดด!! จบตอนได้เสียที! จากนี้จะเขียนแต่ฉากรักใสๆหัวใจสี่ดวงบ้างแล้ววว!!!!
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ก็ตะเตือนใต ทั้งนั้น TT^TT
(เก๊าเพิ่งจะฆ่าคนที่เก๊าสร้างขึ้นมากับมือตายไปถึงสองคนแน่ะ...ฮรือออ)
 :hao5:
พล็อตนิยายน้ำเน่าเจ้าค่ะ แม้แต่คนแต่งเองยังหาเหตุผลไม่ได้เลย
อย่าเอาสาระกับนิยายเรื่องนี้เลยนะค่ะ อะฮึ่ก อะฮึ่ก
 :ling3:

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี // Thearboo
 :pig4:


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 17-06-2015 20:48:00
น้ำตาไหลพรากกันเลยทีเดียว มันคงเป็นเวรกรรมสิน่ะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: nutty ที่ 17-06-2015 20:55:20
พลอตเน่าจริง แต่อ่านสนุกจ้า
เสน่ห์จันทร์น่าจะเห็นใจผัวเก็บบ้าง
ไม่ให้โอกาสคนกลับตัวเลย
ยังไม่ทันพ้นที่เกิดเหตุ
ตะโกนแบบนี้ อยากฆ่าตัวตาย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 17-06-2015 20:56:08
เศร้า แต่เราคิดว่านางทำดีแล้วเสน่ห์จันทน์ การตายของนางสวยงาม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-06-2015 21:00:13
กรรมตามมาเร็วเลยสินะคะ
อโหสิกรรมให้ทุกคน
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 17-06-2015 21:00:58
 :sad4: สะเทือนใจแท้ๆ  เสน่ห์จันร้ายมากอะจนสุดท้านก็ยังหลอกพิทานอะ แต่ก็นะนางชดใช้กรรมละ
หวังว่าชิดจันจะคิดได้บ้างนะ (ถ้าไม่เป็นบ้าไปซะก่อน)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 17-06-2015 21:08:04
นางตายแบบไม่เสียเปล่านะ
อย่างน้อยนางก็คิดได้ก่อนตาย
ดีใจด้วย เหลือแต่ชะนีชิดนี่แหละ
ปลงได้สักทีนะตัวเธอ แม่ไม่อยู่ให้แค้นแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Whatever it is ที่ 17-06-2015 21:09:24
เศร้าแท้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 17-06-2015 21:23:58
เสน่ห์จันทร์ไปอยู่ในที่ๆเหมาะสมเถอะนะ :เฮ้อ:

เสียใจกับพิมาน :hao5:

 :กอด1: :L2: :pig4:



หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 17-06-2015 21:35:47
พิมาน นายชนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 17-06-2015 21:39:45
ตอนนี้สงสารพิมานฟ่ะ โคตรของโคตรเศร้า แงๆๆๆๆ :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 17-06-2015 21:43:33
อย่างน้อยลูกสาวนางก็มีภาพดีๆของแม่ให้ระลึกถึงตอนปิดฉากชีวิตนาง
คุณลูกสาวก็เอามาคิดต่อนะ
จะได้ไม่จบชีวิตอนาถแบบนี้

พิมานก็คงรักนางจริงเนอะ
ยอมเชื่อด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 17-06-2015 21:47:27
เหตุที่เกิด เพราะรักตัวเองมากที่สุด จบสิ้นกันที เสน่ห์จันทร์

ส่วนชิดจันทร์ ต่อจากนี้แล้วแต่เลยนะว่าจะใช้ชีวิตอย่างไร

เพราะคนที่ตัวเองบอกว่าเกลียดที่สุด ตายจากไปแล้ว

ตอนหน้าจะใสแล้วใช่มั๊ย รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 17-06-2015 21:49:44
สมใจขิดจันทร์มาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 17-06-2015 22:03:46
เรื่องดี เป็นฉากสุดท้ายที่แสนเศร้า แต่กินใจ
ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองในการกระทำ แต่ไม่ได้นึกถึงว่าการะกระทำนั้นส่งผลอะไรกับใครบ้าง
สุดท้าย เรื่องเลยลงเอยที่การเกลียดชัง ฆ่าฟัน


ขอหวานๆด่วนๆเลยค๊าา
กุ๊กกิ๊กของลุงโดนยิงกับยุที่โรงบาล หรือว่าฉากดี๊ดีของดนัยกับดิน ได้หมดตอนนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 17-06-2015 22:04:18
เมื่อใหร่จะมีตอนน้องยุน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: little_pig ที่ 17-06-2015 22:16:48
 :sad4: :sad4: ฉากนี้เศร้ามาก เสน่ห์จันทร์การตายของเธอไม่เสียเปล่านะเธอได้ปกป้องคนที่เธอรักที่สุดและเธอได้ทำให้ชิดจันทร์ยอมที่จะรับรู้ว่าเธอรักชิดจันทร์มาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 17-06-2015 22:57:39
ตอนนี้ก็สงสารชิดจันทร์อะนะ สงสารไปตามเนื้อเรื่อง
หวังว่านางจะคิดได้นะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 17-06-2015 23:00:47
ที่จริงควรจะสะเทือนที่เสน่ห์จันทร์ตาย แต่..ความเลวแสบสันของนางก็ค้านไว้ เลยกลายเป็น ..บ๊ายบายนะคะคุณพี่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: ~@GusbellS@~ ที่ 17-06-2015 23:02:24
ไม่มีอะไรจะบอก แค่เพียงว่า มันสนุกมาก กกเลยครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: fox ที่ 17-06-2015 23:39:49
รู้สึกว่าตัวเองจิตใจหยาบมากที่สมน้ำหน้าเสน่ห์จันทร์
 :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 17-06-2015 23:44:12
 :sad4: ตะเตือนไตจริงๆ แล้วชิดจันทร์จะยังไงต่อ บริษัทนางล่ะ
ตอนแรกก็ไม่ชอบนางนะ แต่พอมาตอนนี้สงสารนางสุดๆ
R.I.P นะ เสน่ห์จันทร์ (ชอบชื่อนางอ่ะ)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: ReiSei ที่ 17-06-2015 23:48:38
ไม่สะเทือนใจกับเสน่จันทร์เท่าไหร่เพราะนางทำไว้เยอะ ไงก็ลาก่อนนะ  เหลือชิดจันทร์เนี่ย คราวนี้จะปลดล็อกปมในใจไปได้รึเปล่า จะสำนึกถึงความรักแม่ได้กับเขาบ้างมั้ย อันนี้ก็ไม่รู้สินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-06-2015 00:06:54
อิจฉานางอ่ะ  นางได้ผู้ชายที่รักนางหมดทั้งใจ หมดทั้งชีวิต  :z3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 18-06-2015 00:26:07
ฉากนี้สะเทือนอารมณ์มากเลยอ่ะ สุดยอดค่ะ  o13
คือแบบมันเห็นเป็นภาพ เป็นฉากๆเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันเป็นอะไรที่น่าสงสารสำหรับคน 3 คน ต่างคนก็ต่างเจออะไรเลวร้ายมาตลอด พอต้องมาจบแบบนี้ก็ทำให้คิดว่าโลกมันก็ไม่ได้สวยงามไปหมดนิเนอะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 18-06-2015 01:14:55
เวรกรรมมีจิง ไม่ว่าชีวิตจิงหรือนิยาย!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 18-06-2015 01:28:26
จนเสน่ห์จันทร์ตาย  เราก็ไม่ได้รู้สึกสงสารนางเลยอะ   จนาดนาทีสุดท้ายที่ตอนก่อนๆหน้านี้นางเหมือนจะคิดได้จะเปลี่ยนตัวเอง จะนั่นโน่นนี่   แต่เอาจริงๆ ก็ยังทีนิสัยที่เหมือนเดิมอยู่อะ แบบหลอกขนาดนี้ โอ้โห...  แบบได้ลูกปุ้บคือตะโกนให้จับ  พอใกล้ตัวจึ้นมาก็กะให้คำรวจจัดการเลย กะแบบช่างหัวมันเถอะงี้เลยเหรอ  คือจริงๆพิมานก็ถือว่าทำผิดอะนะ ต้องรับโทษก็เป็นเรื่องธรรมดา  แต่ไม่ชอบจริงๆตรงหลอก เล่นกับความรู้สึกคนอื่นแบบนี้อะ  ถ้าไม่ให้ความหวังแล้วหักหลังกันทันทีขนาดนี้  เสน่ห์จันทร์อาจดูเป็นคนดีขึ้นมาอีกนิด อย่างน้อยก็กล่อมดีๆ ถ้าต้องมอบตัวรึอะไร ก้ว่ากันไป แล้วค่อยให้โอกาสเริ่มต้นใหม่แก้ตัวไรงี้   แต่นี่นางก็ยังรักแต่ลูกแบบหูดับตับไหม้นึกถึงแค่ลูกแบบลืมตายอยู่ดี มันเยอะไปอะ 

แฮ่กๆๆๆ  เหนื่อย  สรุปคือเอาเถอะให้นางตายๆไปแบบนี้ก็คงดีละแหละ  เรื่องนางมันเคลียร์ยากเหลือเกิน


^^ รอตอนต่อไปจ้าาา  จะมาแบบแฮปปี้แล้วซินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 18-06-2015 01:31:21
 :sad4: จันทร์ลาลับดับแสงไปแล้วหนึ่งดวง
ตอนนี้อยู่ที่ว่าพระจันทร์อีกดวงจะส่องแสงสว่างได้เมื่อไร
ถึงจะไม่ชอบเสน่ห์จันทร์มากเท่าไร แต่ก็สงสารนางนะ :monkeysad:

ปล. ลุงเมธเป็นไงบ้างแล้วเนี่ย เลือดหมดตัวหรือยัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 18-06-2015 03:44:02
สำหรับเราคิดว่าเสน่ห์จันทร์ยังดีดลูกคิดรางแก้วคิดถึงผลพลอยได้จนวาระสุดท้าย นางไม่ได้เปลี่ยนเป็นคนดีนะ นางเดิมพันกับความรักของลูกสาวด้วยชีวิตต่างหาก  ไม่ได้ทดแทนอะไรให้พิธานเลย  ตัวพิธานเองก็ผิดที่อ่อนแอและรักมากเกินไป รักจนขาดสติ  รักคนที่ไม่ควรรัก  เสน่ห์จันทร์ท่าจะทำบุญบนกองบาป หล่อนเจอและมีคนที่รักหล่อนอย่างแท้จริงมาเคียงข้างแต่ก็สลัดทิ้งไปเพราะกรรมและทิฐิบังตาทำให้ไม่เห็น  ความพยายามทุกเรื่องของพิธานจึงกลายเป็นสิ่งที่หล่อนมองไม่เห็น สื่อได้ไม่ถึง ขนาดแม้จนลมหายใจเฮือกสุดท้ายหล่อนก็ยังไม่เห็นความรักของพิธาน เลือกมองและเดิมพันเพื่อให้ได้มารักจนขาดสติจากชิดจันทร์  ตลอดเวลาเสน่ห์จันทร์ถามแต่ว่ามันเห็นแก่ตัวหรือ มันมากไปหรือ  สิ่งที่หล่อนทำมันมากเกินไปเพราะว่าทำไปไม่ใช่แค่เพื่อนตัวเองแต่การกระทำของหล่อนเป็นการให้ร้ายผู้อื่นคนแล้วคนเล่าจนเป็นเจตนาไปในที่สุด  เราสงสารพิธานมากกว่าที่ตราบจนเฮือกสุดท้ายก็ยังผิดหวังและโดนหลอกแต่คิดอีกทีพิธานเองก็น่าจะรู้และเตรียมตัวมาจบที่นี่อยู่แล้วเพราะรู้นิสัยของเสน่ห์จันทร์ดี

เศร้าค่ะ หน่วงจนเฮือกสุดท้ายของเสน่ห์จันทร์และพิธาน   บอกตามตรงนะคะ เราไม่คิดหรอกว่าชิดจันทร์จะเปลี่ยนสันดารตัวเองได้เพราะว่าขนาดแม่หล่อนเองหล่อนก็คิดแต่ในเง่ลบ  เสน่ห์จันทร์จะนอนกับพิธานยังไงก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรปานนั้น เพราะว่าทั้งพิธานและเสน่ห์จันทร์ไม่ได้มีพันธะอะไรกับใคร  ตัวชิดจันทร์เสียอีกแปดเปื้อน(ทางใจ)มากกว่าแม่แต่ก็ไม่วายยกตนดูถูกแม่ของตัวเอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 18-06-2015 05:53:01
น้ำตาไหล เพราะความเห็นแก่ตัวของเสน่ห์จันทร์ ทิฐิ และความไม่ใส่ใจลูก ถึงทำให้เรื่องบานปลายแบบนี้ แต่เสน่ห์จันทร์ก็รักลูกของเธอมาก เพราะอยากชดเชยความผิดพลาด แต่มันก็สายไปแล้ว เสน่ห์จันทร์เป็นตัวละครที่น่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 18-06-2015 06:42:48
รอต่อครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-06-2015 08:35:44


หวังว่าหลังจากนี้ชิดจันทร์จะสำนึกได้ (บ้าง)

อยากอ่านรักใสๆแล้ว

มาไวๆนะขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-06-2015 10:06:50
เอาจริงๆ นะ เราสงสารพิมานมากอ่ะ
ส่วนจันทร์ทั้งสองดวงรับกรรมไปละ 1
เหลืออีก 1 จะคิดได้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 18-06-2015 10:11:49
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 18-06-2015 10:23:02
เง้อออออ น้ำตาพรากกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 18-06-2015 10:30:42
อิสารเลว ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่มาสาปแช่งมัน
หวังว่าสุดท้ายอิเสน่ห์จันทร์มันจะไม่เหลือใครนะ
ขอให้มันมีจุดจบที่น่าสมเพชที่สุด แต่ก็ไม่อยากให้มันตาย
เพราะเราว่ามันง่ายและสบายเกินไป ต้องให้มันอยู่ทรมานนานๆถึงจะสาสม
เอาตรงๆนะถ้าเราเป็นลูกของมันยิ่งมาเห็นมารู้เรื่องแบบนี้ยิ่งจะเกลียดแม่ตัวเองเพิ่มมากขึ้นแทนที่จะเข้าใจ
คือแบบสงสารพิมานมาก ถ้าเป็นเราๆก็คงจะหาทางแก้แค้นเอาคืนแบบนี้หรืออาจมากกว่านี้ก็ได้
คนเลวๆขอให้มันต้องรับกรรมและเจ็บปวดอย่างทรมานด้วยเถอะ  :z6: :z6: :z6: :beat: :beat:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 18-06-2015 13:47:27
มีท่านผู้อ่านที่รักหลายท่านที่สามารถมองเสน่ห์จันทร์ได้ทะลุปรุโปร่งมาก อนาคีถึงกับปรบมือเกรียว ประทับใจมากค่ะ
แท้จริงแล้ว อนาคีตั้งใจให้คนที่ร้ายสุดในเรื่องคือ เสน่ห์จันทร์ค่ะ แต่บังเอิญยัยลูกสาวมันออกตัวแรงกว่า คนเลยเกลียดมันเยอะ หุหุ

ตั้งใจให้เสน่ห์จันทร์เป็นพวกร้ายลึก เบื้องหน้าเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ แต่เบื้องหลังมีปม
เป็นคนที่คิดว่าพระเจ้าไม่เคยเข้าข้าง หลังผ่านเหตุการณ์หลายๆอย่างมา ทำให้เธอเลือกที่จะรักแค่รักตัวเอง
และคิดว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ถูกกระทำตลอดเวลา
สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไว้คือลูก แต่ก็ดันเป็นลูกอย่างชิดจันทร์ซะงั้น...เอ้าก็ซวยไป...

ส่วนชิดจันทร์ เกลียดแม่ ที่ไม่เคยเหลียวแลตัวเองอยู่แล้ว
และยังมีส่วนของความเป็นเด็กขี้อิจฉา เนื่องจากถูกคุณย่าสปอลย์มาเยอะ
พออะไรไม่ได้ดั่งใจนางก็จะเหวี่ยง เหวี่ยง เหวี่ยง
ชิดจันทร์คิดอยู่ตลอดเวลา ว่าเหตุผลเดียวที่หล่อนต้องมีชีวิตบัดซบแบบนี้
ก็เพราะมีแม่อย่าง เสน่ห์จันทร์

ในฐานะคนเป็นแม่ เสน่ห์จันทร์รักชิดจันทร์อยู่แล้ว แต่เพราะไม่ได้เลี้ยงมากับมือ ทำให้ไม่อาจสนิทใจกับลูกได้
แต่ก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยให้ชิดจันทร์อย่างเต็มที่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม

โชคร้ายหน่อยที่ชิดจันทร์ไม่รับรู้ในจุดนั้น ความรู้สึกที่มีให้กับเสน่ห์จันทร์
ก็แค่ผู้หญิงที่คลอดหล่อนออกมา มีค่าไม่ต่างกับคนอื่นคนไกลในสายตาหล่อน

การโคจรมาพบกันของสองแม่ลูกจึงกลายเป็น ปมปะทะปม
เสน่ห์จันทร์ : โลกรังแกฉัน
ชิดจันทร์ : แม่รังแกฉัน

เพราะฉะนั้นจึงเป็นเช่นฉะนี้...

ขอบคุณที่ร่วมเสพสมไปพร้อมกันนะคะ
อนาคี//Thearboo

ปล. เพราะเป็นข้อมูลที่ไม่ค่อยสำคัญ ดังนั้นเลยมาในนาม Thearboo จ๊า

 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 18-06-2015 13:58:41
เราสงสารพิมานนะ เพราะ
ถ้าเสน่ห์จันทร์เข้าใจตัวเอง
ไม่เห็นพิมานเป็นแค่คนคลาย
เหงาเรื่องนี้ก็อาจไม่เกิด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 18-06-2015 14:29:02
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 18-06-2015 14:56:24
พิมานนนนนนนนนนน ตายไปกับมันทำไม  :m15:
อินี่มันต้องยืนต้นเหี่ยวตายอย่างทรมาน

รอรักใส ๆ หัวใจสี่ดวงดีกว่า
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
         :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 18-06-2015 16:11:19
สงสารพิมานมากๆ ส่วนเสน่ห์จันทร์ก็เห็นใจแต่ไม่สงสารว่ะ
เรื่องมันเป็นอย่างนี้ก็เพราะทำตัวเองแท้ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 18-06-2015 16:33:13
แม่ตายแบบนี้ ชิดจันทร์จะคิดได้บ้างป่าวเนี่ย

ปล. ไม่รู้สึกเศร้ากับการตายของสเน่ห์จันทร์เลยอ่ะ เพราะมันคงเป็นกรรมที่สร้างไว้กับพิมานจริงๆ
เราอ่านแล้วยังสงสารพิมานมากกว่าสเน่ห์จันทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: mook0007 ที่ 18-06-2015 18:55:08
สงสารพิมานอ่ะ รักเขาจนหมดใจถึงถูกหลอกกี่ครั้งก็ยังเชื่อ
ฮีร้ายเพราะชีวิตรันทดจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 18-06-2015 19:58:57
 :o12:

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ
ตอนนี้ไม่รู้จะพูดยังไงเลยจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 18-06-2015 23:02:53
เมนท์รวด

ดนัยเป็นคนตลก 555555555 ก็จริงนะ หมดเรื่องแล้ว ช่วยยุได้แล้ว จะอยู่ทำไมวะ กลับดิเฮ้ย

แต่ยุก็นะคนดีของสังคม... ไม่เข็ด แต่ถ้านี่อยู่กับดนัย คงแบบ เดี๋ยวมึง กลับไปเสือ..กก่อน ถถถถถถถถถถถถถถ

ไม่ได้มีความคิดจะช่วยเลอ แค่อยากรู้อยากเห็น

กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนองเนอะ

ถึงจะบอกเกลียดชิดจันทร์ยังไงก็อดสงสารนางไม่ได้อะ

สังคมและสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เด็ก มันถูกปลูกฝังมาจนแก้ไขไรไม่ได้แล้ว

เชิญบำบัดจิตค่ะ

ส่วนเจ๊เสน่ห์จันทร์... RIP ค่า~ อ้อ พิมานด้วยนะ .____.
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-06-2015 02:34:14
ฮิ้้ว....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 19-06-2015 09:36:42
โฮกกก อารมแบบพูดไม่ออก  :hao5:
มาต่อไวๆนะฮะรอออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 19-06-2015 10:09:10
อ่านมาจนถึงตอนนี้ เหมือนละครสำท้อนสังคมยังไงไม่รู้
น้ำงี้ไหลพรากกก
อารมณ์แบบความรักของเสน่ห์จันทร์ต่อชิดจันทร์
ที่มารู้เอาตอนตายจากกัน

ส่วนพิมาน อืม ความรักมันทำร้ายคนได้หลายรูปแบบ
น่าสงสารนะ โดนหักหลังจากคนที่ตัวเองรัก

เป็นการลงเอยที่สะเทือนใจ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 20-06-2015 12:40:03
อุ้ย แผ่นดินสูงขึ้นมาทันทีเลย
ดีใจที่นางตายไปเสียที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: toshiba ที่ 23-06-2015 01:35:18
สงสารพิมานอ่ะ ร้องไห้เลยอ่ะ พอเจอปมของพิมาน เพราะรักมาก รักจนไม่สนว่าอะไรถูกหรือผิด

RIP.พิมาน // ป.ล.ถ้าเราเจอคนที่รักเราได้มากเท่าพิมานน่ะ จะกอดเขาไห้แน่นๆเลย

และสมน้ำหน้าน่ะค่ะ!! คุณเสน่ห์จันทร์ เลววว!! คำนี้เท่านั้นที่ให้หล่อนได้ เมื่อก่อนสงสารน่ะ
แต่พอมารู้เรื่องคือนางทำตัวเองทั้งนั้น ทั้งเรื่องลูก เรื่องพิมาน ความคิดนางไม่เหมาะจะเป็น
ประธานบริษัทเลย คิดอะไรง่ายๆ บ่งบอกถึงนิสัยมักง่าย ฉาบฉวย คิดถึงแต่ตัวเอง
และประโยชน์ที่ตนจะได้ โดยไม่สนว่าต้องเหยียบหัวใคร ต้องทำลายความรู้สึกใคร
และคนแบบนางมีเยอะเลยน่ะ ในสังคมสมัยนี้ แต่พูดจริงๆอย่าได้มารู้จักกันน่ะค่ะ จะจิกหัวตบให้

ป.ล. ยังห่วงชิดจันทร์น่ะว่าต่อแต่นี้ไปชีวิตหล่อนจะเดินไปในทางใด ก็อย่างที่สดายุบอกแหละ
        อย่าใช้ความลำบากและน่าสงสารของตัวเองมาเพื่อใช้เป็นเหตุผลในการกระทำความผิด
        เรื่องต่างๆ เพราะถ้าหล่อนยังคิดอยู่แบบนั้นแล้วเมื่อไหร่ชีวิตหล่อนจะหลุดพ้นล่ะค่ะ เอาหล่ะ
        เอาเรื่องนี้เป็นบทเรียนและหลังจากนี้ก็ปรับปรุงตัวซะใหม่ ฉันรู้ใจจริงหล่อนไม่ได้ร้ายหรอกน่ะย่ะ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณค้าาา ที่แต่งเรื่องดี ทำให้เค้าอินได้ขนาดนี้ ติดมากกก555  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต! เม้น3912
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 23-06-2015 11:50:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: ticha.wrr ที่ 25-06-2015 17:14:58
 :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 25-06-2015 23:06:30
ผมคือ...นางเอก
‘ปลายฝนต้นหนาว’
(ครึ่งแรก)



หยาดน้ำฟ้ารินร่วงเป็นรวงฝน
ไหลหลากล้นหล่นลู่สู่สังขาร
ให้เปียกปอนอ่อนไหวในดวงมาลย์
ให้สะท้านปานนกตกจากรัง

หนาวฝนเหน็บเจ็บเนื้อเถือใจนัก
หนาวฝนรักหลั่งนองต้องมนต์ขลัง
หนาวฝนร้ายฝนลวงหน่วงใจพัง
เจ็บเจียนคลั่งคมฝนคมยิ่งคมใด

หลังฝนผ่านลานฟ้ากว้างสว่างยิ่ง
ฟ้าหลังฝนงามจริงยิ่งสิ่งไหน
รอยฝนเปื้อนไม่นานเลือนระเหยไป
ดวงตะวันฉายแสงใหม่ให้เห็นทาง

เหมันต์เคลื่อนเยือนถิ่นสิ้นวสันต์
ลมสวรรค์พัดเป่าเข้าสะสาง
เป่าเปียกฉ่ำช้ำใจให้เบาบาง
คลายทุกข์สร่างแม้ยังหนาวเหน็บเจ็บตรม

หนาวเนื้อพอห่มเนื้อห่อก็คลายหนาว
หนาวทรวงร้าวใจห่มใจได้สุขสม
เมื่ออุ่นพอเจ็บก็หายคลายระบม
มีแรงให้เดินต้านลม...จนสุดทาง.



นาฬิกาตีบอกเวลาแปดโมงเช้าภายในห้องพักฟื้นสีขาวสะอาดร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับใหลมาเนิ่นนานเพราะฤทธิ์ยาสลบผสมรวมกับความอ่อนเพลียจากการที่เสียเลือดมากในที่สุดก็รู้สึกตัวฟื้นขึ้นเสียที

และแรงขยับกายเพียงนิดก็ทำให้คนที่ฟุบหลับอยู่ข้างเตียงได้ลืมตาตื่นขึ้นมาได้เช่นกัน

"พี่เมธ..." คือคำแรกที่กฤตเมธได้ยินจากคนข้างกายแต่ด้วยเพราะสมองยังคงไม่หายมึนงงเลยยังจับใจความไม่ได้เท่าไหร่ว่าคำคำนั้นแสนหวานขนาดไหน

"เป็นไงบ้างยังเจ็บอยู่หรือเปล่า?" เห็นว่าคนที่ห่วงหาฟื้นลืมตาเสียทีสดายุก็ไม่อาจเก็บงำความตื่นเต้นเอาไว้ได้ในที่สุดกฤตเมธก็ฟื้นแล้ว
มือแกร่งด้านขวาถูกตระกองขึ้นมาแนบแก้มด้วยความอาวรณ์ดวงตาทอประกายยิ้มเอ่อท้นไปด้วยหยาดน้ำอุ่นแห่งความปรีดาทว่าเรียวปากอิ่มกลับเม้มแน่นด้วยกลัวว่าหากเอ่ยอะไรออกมาแม้เพียงเสี้ยวคำในตอนนี้จะกลั้นก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจ่อรออยู่ตรงคอไม่ไหวไม่อยากร้องไห้เดี๋ยวคนเจ็บจะเสียขวัญเพราะมันไม่ใช่แค่เพียงความเสียใจที่เห็นกฤตเมธเจ็บ

มันยังมีเรื่องที่ทำให้คนเจ็บต้องเจ็บยิ่งกว่านั้น...

กฤตเมธตื่นเต็มตาได้ในที่สุดเมื่อรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่ข้างฝ่ามือที่ถูกเกาะกุมแน่นหนาพอหันมองก็เห็นว่าคนสำคัญของเขาที่ยังนั่งหน้านิ่ง แต่กลับมีหยดน้ำตาหยดเผาะแผะ

"นี่...อย่ามาร้องไห้ตอนผมกอดปลอบไม่ได้สิผมใจไม่ดีนะ"  กฤตเมธกระเซ้าพลางใช้มือขวาที่ยังใช้การได้ช่วยปาดน้ำตาหยาดเล็กหยาดน้อยบนใบหน้าเขียวช้ำ “ผมนี่แย่จริง ปกป้องคนรักก็ไม่ได้ แถมยัง...ทำให้ร้องไห้อีก”  กฤตเมธต่อว่าตัวเอง ก่อนจะพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง เขาอยากจะกอดสดายุแน่นๆ

“ใช่ ลุงอ่ะไม่ได้เรื่อง เห็นในหนังในละคร บู้ระห่ำ คนร้ายตายเป็นเบือ ช่วยนางเอกได้อย่างหล่อ พอเป็นเรื่องจริง โดนยิงคนแรกเลยนะ” สดายุแกล้งแซว ขณะช่วยพยุงร่างหนาให้ลุกขึ้นนั่งได้อย่างสะดวก พร้อมช่วยกดสวิชต์ยกเตียงข้างผนังเพื่อให้กฤตเมธได้เอนพิงสบายขึ้น

ก็ไม่ได้ตั้งใจจะเล่นแรงนักหรอกนะแค่ทำไปเพื่อปูทางสู่เรื่องที่แรงกว่า ไม่รู้สิ สดายุไม่รู้ว่าควรจะเริ่มยังไง นอกจากบ่นเป็นหมีเพื่อคลายบรรยากาศ ระหว่างพาตัวเองขึ้นไปนั่งปักหลังบนริมขอบเตียง เพื่อจดจ้องใบหน้าคมคายนั้น แล้วใช้ความคิด

เมื่อคืน ตอนที่พวกเขาย้ายไปปักหลักหลบซ่อนเพื่อดูเหตุการณ์  ที่เผื่อว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินอาจพอยื่นมือเข้าช่วยได้ทัน ทว่าเพราะอาการบาดเจ็บของกฤตเมธ  จึงทำให้ไม่อาจอยู่ต่อไปได้นานกว่านั้นได้ เพียงครู่หลังเจอกันกับดนัยที่ย้อนกลับมา กฤตเมธก็หมดสติไปเพราะเสียเลือดมาก ดนัยจึงตัดสินใจพาทุกคนกลับทันที โดยไม่อยู่รอว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อ สั่งเพียงลูกน้องให้คอยสังเกตุการณ์และส่งข่าวเพียงแค่นั้น

ดนัยไม่ใคร่ช่วยใครอื่นนอกเหนือจากสดายุและกฤตเมธ สดายุก็ไม่อาจสนใจอย่างอื่นนอกเหนือจากอาการบาดเจ็บของคนรัก

ดังนั้น...จึงไม่มีใครรู้ตอนจบของเรื่องราวต่อจากนั้น

กระทั่ง...ลูกน้องที่สังเกตุการณ์อยู่ของดนัยโทรมาแจ้ง

ว่าไอ้พิมานตัวหัวหน้าโจรร้ายนั้น อัตวิบากกรรมตัวเองสิ้นใจไปแล้ว...

ตายไปพร้อมกับเสน่ห์จันทร์

แน่นอนว่าทุกคนรู้สึกเสียใจ ต่อให้เคยมีปัญหากันบ้าง หรืออาจไม่ได้สนิทสนมจริงจัง แต่อย่างน้อยๆ เสน่ห์จันทร์ก็เป็นเจ้านายที่พอมีความน่าเคารพอยู่บ้าง โดยเฉพาะกับสดายุและบดินทร์ ที่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า  เสน่ห์จันทร์คือ ‘ผู้มีพระคุณ’

แต่แน่นอนว่า คำว่าผู้มีพระคุณของสดายุและบดินทร์ ไม่มีทางเทียบได้เลย กับคำว่าผู้มีพระคุณของ ‘กฤตเมธ’

แล้วอย่างนี้ สดายุจะเริ่มเปิดปากบอกกับกฤตเมธอย่างไร...

“หึหึ ก็ทักษะผมมันน้อยนี่นา อาศัยลูกบ้าเข้าท้าชนอย่างเดียวเลยเนี่ย” กฤตเมธหัวเราะร่า ทันทีที่ได้ยินคำค่อนขอดของคนรัก พลางเกาหัวตอบมาด้วยความเขินเล็กๆ แม้ตอนสดายุสำทับไปว่า ‘แก่แล้วล่ะสิ’ กฤตเมธยังได้แต่หัวเราะเก้อแล้วตอบกลับแค่ว่า ‘หมดกัน มาดพระเอก กลายเป็นตัวประกอบตอนสำคัญไปเสียได้’ ก่อนจะหัวเราะแหะๆ อย่างน่าสงสารที่ถูกคนรักค่อนแคะไม่เลิก

สดายุไม่ตั้งใจว่าร้าย แต่ไม่รู้จะทำยังไง ยิ่งเห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของกฤตเมธ สดายุยิ่งตื้อ

เรื่องแบบนี้มัน...ยากเกินไป

อยากเจ็บเองมากกว่า

...ขอเจ็บเองได้ไหม?


“...แค่ตัวประกอบ ก็รักจะแย่อยู่แล้ว ให้เป็นถึงพระเอก เดี๋ยวผมก็หลงจนโงหัวไม่ขึ้นกันพอดี...” สดายุพูดกับกฤตเมธเบาๆ ราวกับกำลังเพ้อ พลางวางศีรษะหนักๆของตนลงบนไหล่ขวาของคนที่กำลังกึ่งนอนกึ่งนั่นอยู่บนเตียงคนป่วยยิ่งรู้สึกอยากร้องไห้หนักขึ้นไปอีก เมื่อถูกมืออุ่นหนา บรรจงลูบเบาที่ท้ายทอยอ่อนไหว

“ผมต่างหาก ที่เป็นฝ่ายหลงยุ หัวปักหัวปำจะแย่แล้วเนี่ย” กฤตเมธเองก็ตอบกลับด้วยถ้อยคำแสนหวาน ก่อนก้มลงจูบแผ่วเบาที่เส้นผมของสดายุ แท้จริงกฤตเมธยังคงมีเรื่องคาใจเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนอยู่ไม่น้อย เขาหมดสติไปก่อนที่จะได้รู้ว่าสุดท้ายผลมันเป็นอย่างไร แต่พอตื่นมาแล้วเจอสีหน้ากังวลของสดายุ กฤตเมก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยปากถาม

เพราะ ณ ตอนนี้ เขาอยากมีแค่เรื่องสดายุคนเดียวเท่านั้น

“...พี่เมธ...”

“ครับ?”

“ท่านประธาน...ตายแล้ว”

เสียงของสดายุสั่นพร่า ตอนที่เอื้อนเอ่ย ทว่าก็มั่นคงพอที่จะสื่อให้กฤตเมธได้รับรู้ได้ทุกคำอย่างชัดเจน สดายุรู้สึกได้ว่าร่างแกร่งที่เขาใช้เป็นที่พักพิงอยู่ ลมหายใจสะดุดไปในทันทีที่เขาบอกกล่าวเรื่องเลวร้าย

สดายุไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำปลอบใจ ไม่แม้แต่คิดจะพูดคำใดๆ แค่เพียงซบหน้านิ่งอยู่กับไหล่กว้างเท่านั้น

เพราะสดายุรู้ดี

ว่าสิ่งเดียวที่สามารถปลอบใจกฤตเมธได้ดีที่สุดในตอนนี้

ก็คือความเงียบ...

ปล่อยให้เวลาได้ไหลผ่านร่างของเขาทั้งคู่ไปอย่างช้าๆ

จนกว่าหัวใจที่เจ็บยอก จะค่อยทุเลาลงบ้าง

“ขอโทษนะยุ...ไม่มีเขา ก็คงไม่มีผม...ขอเวลาผมหน่อยนะ”

“.......”

กฤตเมธขอเวลาด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งกว่าที่เคย และคำตอบของสดายุก็คือความเงียบ และอ้อมกอดที่ค่อยกระชับเอวสอบแทนการปลอบขวัญ

ถึงจะเสียใจ แต่กฤตเมธก็ไม่ได้ร้องไห้ เพียงแค่รู้สึก...

ใจหาย

*
*
*
*
*

หลังคนเจ็บฟื้นคืนสติ แพทย์เจ้าของไข้ก็เข้ามาให้การดูแล กระสุนถูกผ่าออกไปด้วยดี แม้ไม่โดนจุดจำคัญให้ต้องบาดเจ็บหนัก แต่ก็ทำให้แขนซ้ายของกฤตเมธใช้การไม่ได้ไปพักใหญ่ๆ คนเจ็บซึมลงเล็กน้อยนับจากตอนตื่น แม้กระทั่งคนเฝ้าก็เงื่องหงอยตาม สดายุยังไม่ได้คุยอะไรกับกฤตเมธมากนัก เพราะต้องหมอต้องการให้กฤตเมธพักผ่อนมากกว่า เพราะถึงจะไม่ต้องให้เลือดแล้ว แต่ด้วยความอ่อนเพลียเพราะระบมแผล เลยยังจำเป็นต้องให้น้ำเกลือและยาแก้ปวดเพื่อบรรเทา

กระทั่งเกือบจะเที่ยงตรง กว่ากฤตเมธจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พอดีกับที่อาหารเที่ยงของโรงพยาบาลมาเสริฟถึงเตียง และดูเหมือนจะไม่ได้มาแค่ข้าวเที่ยง ยังมีมนุษย์อีกโขยงหนึ่งตามหลังพยาบาลเสริฟข้าวเข้ามาด้วย โดยมีบลูม่านำหน้าดิ่งมาแต่ไกล ตามด้วยอ๊อด รุจน์ พอร์ช ซอลย่า และสุริยาวดี ผู้เป็นเลขาคนสนิทของเสน่ห์จันทร์

“ไงไอ้เสือ!สิ้นสภาพเทพบุตรเลยเว้ยเมธเอ้ย อ้าวไอ้ยุ...ไอ๋หยา หน้าเยินเชียวเอ็ง”  พี่อ๊อดพอชะโงกหน้ามาเห็น ขนาดอยู่เกือบหลังแถว ยังอุตส่าห์ตะโกนทักมาตั้งแต่ระยะไกล ให้คนเจ็บน้อยเจ็บมากที่ถูกเอ่ยถึงต้องยิ้มรับเจื่อนๆ

"คุณเมธเป็นยังไงบ้างครับท่าทางเจ็บมากเลยนะนั่นเฮ้อเดชะบุญจริงๆที่ไม่โดนจุดสำคัญคุณพระคุณเจ้าคุ้มครองนะครับ" บลูม่าเองก็แสดงความเป็นห่วงต่อกฤตเมธอย่างสุดซึ้งก่อนจะถลาเข้าหาน้องรักพร้อมตระกองกอดอย่างเบามือ

"โถน้องยุทำไมถึงซนขนาดนี้ล่ะคะคุณน้องทำไมถึงเป็นคนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวขนาดนี้หืม? สกิลการใช้ชีวิตถือว่าติดลบนะคะคุณน้องฮืออ...ดูสิหน้าเน่อเยินหมดแล้วเจ็บมากไหมคะ..."  กอดไปบ่นไปประคองหน้าดูซ้ายแลขวาจับตามเนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำด้วยความสงสารเอ็นดูยิ่งเห็นใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดเวลาโดนแตะรอยช้ำบลูม่ายิ่งอยากจะร้องไห้สงสารน้องชายคนนี้เหลือเกินฝ่ายสดายุเองพอโดนโอ๋จากพี่สาวคนสนิทกับโดนโอบกระชับด้วยอ้อมแขนทีคุ้นเคยสดายุก็พาลจะปล่อยโฮออกมาอ้อนเสียให้ได้ไม่ติดว่าอยู่กลางฝูงชนเขาคงร้องไห้ออกมาจริงๆ

"...เอ่อหายเร็วๆนะครับคุณกฤตเมธคุณสดายุ" ซอลย่าที่ยืนแอบหลังอยู่ค่อยๆสืบเท้าเข้าใกล้เล็กน้อยพลางยื่นกระเช้าเยี่ยมไข้มอบให้เพื่อเป็นกำลังใจแด่คนป่วยสดายุผละจากอกบลูม่าแล้วยิ้มรับกระเช้าเยี่ยมไข้นั้นด้วยความยินดีกฤตเมธที่นั่งอยู่บนเตียงก็เอ่ยขอบคุณน้ำใจของซอลย่าด้วย

"พี่ยุ...ฉากบู้ของพี่ในกล้องวงจรปิดอ่ะโคตรเจ๋งไปเลยว่างๆสอนผมมั่งนะผมอยากทำได้อย่างพี่มั่งอ่ะฮีโร่สุดๆ" พอเห็นว่าบลูม่ากับสดายุฟัดกันจนหอมปากหอมคอแล้วและกฤตเมธเองก็กำลังคุยกับอ๊อดพอร์ชและสุริยวดีอยู่รุจน์ที่ยืนเงียบอยู่นานก็เขยิบเข้ามาแจมที่ฝั่งสดายุแล้วเอ่ยปากชมเปาะเขารู้สึกทึ่งในตัวพี่ชายตัวบางของเขาคนนี้เป็นที่สุด

"สอนให้ก็ได้แต่อย่าผลีผลามใช้อย่างพี่เลยเจอลูกปืนเข้าก็เกือบไม่รอดเหมือนกันแหละ" สดายุตอบรับพลางหัวเราะขำที่รุจน์ให้ความสนใจในเรื่องศิลปะป้องกันตัวข้างถนนของตนด้วย

สิ้นคำสดายุทั้งสี่คน บลู ซอนยุ รุจน์ ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊าก

หัวใจของสดายุอุ่นวาบความสุขณตอนนี้ทำให้รู้สึกราวกับว่าเรื่องเมื่อคืนนั้นเป็นแค่ฝันตื่นหนึ่งแค่ฝันร้ายตื่นเดียวเท่านั้นไม่ได้มีความหมายอะไรกับชีวิตในเมื่อตอนนี้เขาเองก็ยังมีลมหายใจอยู่ สดายุยิ้มย่องให้กับสิ่งที่อยู่รอบกาย สมัยยังโด่งดัง หยิ่งยโส ไม่เคยเห็นใครในสายตา ยามตกอับขึ้นมา รอบกายก็แทบไม่เหลือใคร มิตรแท้ หายากราวงมเข็มในมหาสมุทร ช่างเหน็บหนาว จนถึงขนาดต้องกอดตัวเองทุกวัน เพื่อให้พอข่มตาหลับลงได้

ทว่าตอนนี้ รอบกายที่เคยอ้างว้างกลับอบอุ่น ถูกคนรุมรัก รุมห่วงใย มันมีความหมายกับหัวใจของคนที่เคยโดดเดี่ยวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ดีจังที่กลับตัว ดีจังที่เปิดใจ

สดายุหันมองทางกฤตเมธ ซึ่งทางนั้นเองก็กำลังมองมาด้วยสายตาที่สื่อความหมาย...ว่ารัก ว่าเอ็นดู ว่าห่วงใย

สดายุยิ้ม เช่นเดียวกับที่กฤตเมธยิ้ม

ดีเหลือเกินที่ถูกคนคนนี้รัก

ดีเหลือเกินที่รักคนคนนี้...

ในห้องพักฟื้นพิเศษ ของโรงพยาบาลในเครือข่ายของดนัยนั้น ตอนนี้คึกคักเสียจนนึกว่าไม่ใช่โรงพยาบาล หลายชีวิตที่โหวกเหวกอยู่ในห้องสร้างบรรยากาศให้ห้องผู้ป่วยเปลี่ยนไป สิ่งขัดตาตอนนี้จึงไม่ใช่คนมากมายที่ยืนกันสลอน แต่เป็นกฤตเมธที่เป็นคนป่วยต่างหาก เล่นเอาเจ้าตัวรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางชอบกล

ทว่าความครื้นเครง ก็ไม่ได้อยู่นาน

จริงอยู่ว่ากฤตเมธและสดายุยังบาดเจ็บ เป็นไปได้เหล่าคนเยี่ยมก็ไม่อยากให้อะไรกระทบใจ ทว่า พวกเขาไม่สามารถปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ในโลกของตัวเองได้นานนัก

เพราะความโหดร้ายในโลกของความเป็นจริงกำลังยืนอยู่หน้าบ้านเตรียมเปิดประตูทักทาย พวกเขาจึงจำเป็นต้องรีบแจ้งให้เจ้าบ้านได้ระวังตัว



“เออใช่ พี่อ๊อด เรื่องถ่ายหนังซีนสุดท้าย จะเอายังไงดีครับ”  คุยกันไปกันมาอยู่ครู่ใหญ่ๆ สดายุก็เข้าไปกระแซะถามพี่อ๊อด ผู้กับกับของตนด้วยความรู้สึกผิด หากเขาไม่บุ่มบ่ามทำอะไรโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง เรื่องคงไม่ลงเอยแบบนี้

กฤตเมธคงไม่เจ็บ

หนังก็คงได้ถ่ายต่อแบบไม่สะดุด และ...

ไม่แน่ว่า ตอนจบของเรื่อง

อาจไม่มีคนตาย


“ของเมธกับยุ ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ส่วนที่ต้องถ่ายวันนี้ ก็แค่ถ่ายแก้ ไม่ต้องถ่ายหรอก เดี๋ยวพี่ไปแก้ในฟิล์มเอาก็ได้ ไม่ต้องกังวล มันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอก” อ๊อดตอบ พลางตบบ่าของสดายุเบาๆแทนการให้กำลังใจ ว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียขวัญ

“งั้นก็หมายความว่า...”

“อืม ปิดกล้องแล้ว เสร็จ จบ ครบครัน”

คำตอบของอ๊อด เรียกเสียงร้อง ‘เยส’ เบาๆ จากสดายุ ก่อนจะถามตามมารยาทกลับไปว่า มันโอเคแน่เหรอ เพื่อขอคำยืนยัน และทันทีที่อ๊อดพยักหน้า แล้วบอกว่าที่จริงซีนที่จะถ่ายวันนี้ก็ไม่ได้จริงจัง เพียงแค่อยากนัดมาสังสรรค์หลังถ่ายจบก็เท่านั้น แต่พอดีมีเรื่องเกิดขึ้นเสียก่อน เลยต้องเลื่อนวันนัดกินดื่มก็แค่นั้นเอง

“เฮ้อ...ยุเอ้ย สิ่งที่เอ็งต้องกังวลน่ะ ไม่ใช่เรื่องการถ่ายทำหรอกนะ”

อ๊อดกล่าวขึ้นในที่สุด ไหนๆ สดายุก็เป็นคนเริ่มแล้ว ทันทีที่อ๊อดเอ่ยประโยคนี้ ทั้งหมดในห้องก็พากันเงียบกริบ ‘ไม่ใช่เรื่องดีแน่’ สดายุรู้สึกได้ทันที และประโยคต่อมาของอ๊อด ก็ทำให้เขากับกฤตเมธถึงกับตัวชาจริงๆ

“นักข่าวรู้เรื่องเมื่อคืนแล้ว และกำลังขุดคุ้ยกันอย่างหนัก ว่าทำไม กฤตเมธถึงต้องเสี่ยงชีวิตช่วยสดายุแบบไม่กลัวตายขนาดนั้น...”

‘กะอยู่แล้ว’ นั่นคือความคิดของทั้งคู่ทันทีที่ได้ฟัง ก็นะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ก็ควรทำให้เรื่องของพวกเขาแดงอยู่

“ถึงตอนแรกพวกมันจะพุ่งประเด็นไปที่รักสามเส้า ว่าทั้งยุและเมธบุกไปช่วยชิดจันทร์ทั้งคู่ก็เถอะ แต่พอไอ้พวกคนร้ายที่ถูกจับได้ มันสารภาพ พร้อมเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ตำรวจฟังเท่านั้นแหละ ประเด็นเปลี่ยนเลย ‘กฤตเมธบุกเดี่ยวเพื่อช่วยสดายุ โดยไม่ชายตาแลแฟนสาวคนเก่าแม้แต่น้อย’ พี่ไม่รู้หรอกนะ ว่าไอ้คนร้ายพวกนั้นมันเล่าว่าอะไรบ้าง แต่ประเด็นนี้น่ะ ไอ้พวกนักข่าวหัวกรวย มันไปตีความเอาจากตอนที่กฤตเมธเข้าไปช่วยแค่สดายุออกมาแล้วโดนยิง...เฮ้อ ข่าวการตายของท่านประธานก็ดังอยู่ แต่ข่าวของพวกเอ็งก็สูสีนะ พี่ว่าเตรียมใจไว้ได้เลย พวกมันต้องขุดไม่หยุดแน่...”

อ๊อดร่ายยาว เพราะเขาคือตัวแทนในการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่สดายุและกฤตเมธ เล่าจบ ผู้กับกับวัยกลางคนก็ถึงกับถอนหายใจพรู หนักใจแทนน้องทั้งสองคนของตนเหลือเกิน

“ด้วยเหตุนี้แหละค่ะ วันนี้นอกจากการมาเยี่ยมพวกคุณแล้ว เรายังมาเพื่อถามความเห็นจากพวกคุณ ว่าจะเก็บตัวสักพักก่อนไหมคะ ระหว่างนั้น เดี๋ยวดิฉันจัดการเรื่องเลื่อนงานเปิดตัวหนังได้ เอาให้เรื่องมันซาลงก่อน...คุณกฤตเมธ และคุณสดายุคิดว่ายังไงคะ?”

สุริยาวดี เอ่ยขึ้นต่อท้ายประโยคของอ๊อดแทบจะในทันทันที หล่อนเป็นเลขาของเสน่ห์จันทร์ แม้ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่ ใช่ว่าหล่อนจะไม่เสียใจเลยในการจากไปของท่านประธานที่ชุบเลี้ยงหล่อนมา ทว่าที่ยังคงสติ และยังคงจัดการทุกอย่างได้ยังเยือกเย็น ก็เพราะหล่อนตั้งปนิธานแล้วว่า จะรักษา และสานต่อสิ่งที่ท่านประธานของเธอทำเอาไว้ให้ดีที่สุด สุริยาวดีรู้ดี ว่าเสน่ห์จันทร์รักบริษัทนี้มากแค่ไหน เพราะฉะนั้นสุริยาวดีจึงจะสานต่อมันให้ดีที่สุด ทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม ดังเช่นตอนที่เสน่ห์จันทร์ยังมีชีวิต

ทุกอย่างจากนี้ไป หล่อนจะจัดการเอง จนกว่าทายาทเพียงคนเดียวของเสน่ห์จันทร์จำพร้อมเข้ามารับช่วงต่อ ซึ่งสุริยาวดีเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า หล่อนต้องรออีกนานแค่ไหน กว่าเด็กคนนั้นจะพร้อม

จบข้อเสนอของสุริยาวดี กฤตเมธกับสดายุก็ได้แต่นิ่งอึ้ง ก่อนจะหันไปสบตากันแทนการปรึกษา ไม่แปลกใจหรอกที่สุริยาวดี จะรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ เพราะถึงอย่างไร เธอคนนี้ก็เป็นถึงเลขาคนสนิทของเสน่ห์จันทร์ เรื่องความเป็นไปของดาราในบริษัทนั้น คงจะแปลกกว่าถ้าหล่อนจะไม่รู้

สบตากันได้เพียงครู่ ทั้งคู่ก็ได้แต่ถอนหายใจบางๆ แม้จะนึกเอาไว้อยู่แล้วว่ามันจะต้องออกมาในรูปแบบนี้ แต่ไม่ว่ายังไง สดายุก็ยังคงเครียดหนัก ยังคงคิดวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ ว่าลำพังตัวเขาน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก แต่สำหรับกฤตเมธแล้ว สดายุไม่ต้องการให้เรื่องแบบนี้ทำลายกฤตเมธเลย

ไม่อยากให้กฤตเมธต้องด่างพร้อยไปด้วยเลย

ถึงตอนนี้กฤตเมธยังคงนิ่งเงียบ พลางจ้องมองสดายุ ที่ใบหน้าหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด เห็นสีหน้าแบบนั้นของคนรัก กฤตเมธก็รู้ได้ในทันทีว่าสดายุคิดอะไรอยู่ ความรู้สึกอิ่มเอมเอ่อวาบไปทั้งทรวงอก พร้อมกับความเจ็บยอกที่ลามเลียใจอยู่ไม่แพ้กัน

กฤตเมธรู้ว่าสดายุไม่ต้องการให้เขาเป็นข่าว ไม่ต้องการดึงเขาลงไปตกต่ำด้วย อยากให้กฤตเมธคนนี้เป็นดาวค้างฟ้า เป็นเทพบุตรแห่งวงการจนวาระสุดท้าย ให้วงการมายาแห่งนี้ได้จารึกชื่อพระเอกตลอดกาลคนนี้เอาไว้

กฤตเมธรู้ดี ว่าสดายุคิดแบบนี้วนไปเวียนมาในหัวใจเป็นแสนเป็นล้านรอบ แม้กระทั่งในขณะที่กกกอดกัน

กฤตเมธรู้ว่าทั้งหมดนี้ เป็นเพราะสดายุรัก และให้ความสำคัญกับเขามากขนาดไหน ความอิ่มเอมนั้น ทำให้หัวใจของเขาพอโต มานักต่อนัก

แต่เพราะเขาเองก็รักสดายุไม่น้อยไปกว่ากัน ดังนั้นกฤตเมธจึงไม่มีทางเอาตัวรอดแต่เพียงคนเดียว แล้วทิ้งสดายุไว้เบื้องหลังได้ลงคอหรอก สิ่งนี้แหละที่ทำให้กฤตเมธเจ็บยอกในใจ ทำไมกันนะ สดายุถึงได้เอาแต่เสียสละ และปกป้องเขา ตกลงเป็นคนรักกัน ก็จะเกือบปีแล้ว ทำไมถึงไม่ยอมให้เขาคนนี้ปกป้องบ้าง

ทำไมไม่ลองออดอ้อนความรักของกฤตเมธคนนี้บ้าง...

นี่คือสิ่งที่กฤตเมธคิดเอาไว้ในหัวทั้งหมด

ขอโทษนะยุ...ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว

 “ไม่ต้องเลื่อนหรอกครับ คุณสุริยาวดี นัดพวกนักข่าวได้เลยครับ ผมออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ จะเปิดแถลงข่าวทันที”

“เมธ!?” สดายุถึงกับตกใจเล็กน้อย ที่กฤตเมธตัดสินใจแบบนี้ ยิ่งพอได้ยินประโยคต่อมา ก็ยิ่งลมจะจับ

“ผมจะบอกพวกเขา ว่าผมกับยุคบกัน”

******************************************

ครึ่งต่อไปยาวหน่อย น่าจะมาลงได้วันอังคารหน้านะคะ
ครึ่งหลังจากนี้ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของทางบ้านดินค่ะ เลยขอแยกไว้หน่อย อิอิ
อ่อ...มีเปิดตัวคุณแม่พี่เมธด้วยจ๊า
จะมีดราม่าแม่ผัวลูกสะใภ้หรือไม่
หรือขุ่นแม่ของพี่เมธจะหลงรักยุตั้งแต่แรกเห็น อันนี้ไปลุ้นเอาครึ่งหลังนะจ๊ะ

ปล.อย่าได้ใส่ใจกลอนง่อยๆเลยนะคะ มั่วทั้งบทเลยค่ะ 555+
ปล.2 เนื่องจากวินโดวของคอมไม่ค่อยเสถียร ทำให้การเข้าเว็ปเล้าฯค่อนข้างมีปัญหา
ดังนั้น ระเบียบนิยายอาจเป๋ไปหน่อย ค่อยตามมาแก้ให้นะคะ
 :katai4:
ขอบคุณค๊า
อนาคี99 / Thearboo


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 25-06-2015 23:42:13
พี่เมธ ออกสื่อเลยค่ะ เด๋วชูป้ายไฟ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 25-06-2015 23:44:05
หึยยย จะประกาศ จะเปิดตัวเเล้วววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 25-06-2015 23:57:23
ปกติ ไม่ค่อยอยากรู้ความเป็นไปของผู้หญิงในนิยายวาย
แต่แหม๋ อันนี้อยากรู้จริงว่าคุณน้องลูกชิดเป็นจะใดต่อ เป้าหมายความแค้นทั้งชีวิตหายไปแล้ว นางจะเคว้งไหม จะอยู่กับความรู้สึกแบบไหน

เค้าจะรอ น้องดินๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 26-06-2015 00:19:30
แอบกังวลกับผลที่จะตามมาแทนเลย

ว่าแต่ฝากบริษัทไว้กับชิดจันทร์เนี่ยจะไหวรึป่าว

เอาเป็นว่ารอวันที่พี่เมธแถลงการละกันนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 26-06-2015 00:24:47
พี่เมธตอบได้ถูกใจมากจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 26-06-2015 01:04:15
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 26-06-2015 01:34:01
ไม่ค่อยสงสัยเสน่ห์จันทร์ สงสารพิมานมากกว่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 26-06-2015 02:16:25
อ้อยยยย!! แมนฝุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-06-2015 04:53:21
ทำป้ายไฟแปบ อิอิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 26-06-2015 05:40:25
ต่างคนต่างเสียสละเพื่อคนรักสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 26-06-2015 06:00:46
กรี๊ดดดดดดดดด ตอนที่รอคอยจะมาถึงแล้ววว!!!!
พี่ยุพี่เมธ สู้ๆนะคะ เราจะถือป้ายไฟไปเชียร์วันแถลงข่าว
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 26-06-2015 07:15:44
บอกออกไปก็ดีเหมือนกัน
เราห่วงเรื่องชิดจันทร์มากกว่าค่ะ  นางจะมาคุมบริษัท ท่าความซวยจะมาบังเกิดแก่พนักงานทุกชีวิตในบริษัท   ชิดจันทร์อาจจะแย่กว่าเสน่ห์จันทร์อีกนะ เพราะว่าตอนนี้นางไม่เหลืออะไรแล้ว  เหมือนเสน่ห์จันทร์ที่เหลือแต่บริษัทกับเมธ   กลัวแต่นางจะตามราวีพี่เมธสิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 26-06-2015 10:42:57
รอเชียร์พี่เมธ น้องยุ

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-06-2015 11:55:05
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: TOY_SKY ที่ 26-06-2015 13:01:23
เปิดตัวแล้ว   :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 26-06-2015 13:20:46
กลอนไม่ง่อยเลยนะ เพราะมาก ๆ ...เก่งทั้งแต่นิยาย เก่งทั้งแต่งกลอน หนูยุนี่มีแม่ที่เก่งจริง ๆ...
รออ่านตอนเปิดตัวมาเร็ว ๆ ได้มั๊ย?.................
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 26-06-2015 13:57:10
พี่เมธพระเอกตัวจริง  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 26-06-2015 14:59:23
ไม่รู้ว่าแถลงเเล้วฟีทเเบคจะเป็นอย่างไร    เราอยากรอดูกระเเสของหนังที่ 2 คนนี้เล่นด้วยค่ะถ้าฉายแล้วจะปัง!! ขนาดไหน   คนเขียนอย่าลืมเเต่งให้เราด้วยนะค๊าาา    55555555555   นี่ขอมากไปมั้ย 555555555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 26-06-2015 18:23:08
ไม่ว่ายังไงก็ไม่ชอบนักข่าวจอมขุดขุ้ยเสียที
สงสารพี่เมธ คงเศร้าเรื่องเสน่จันทร์
แต่ชีวิตต้องเดินต่อ
เอาละว่าแถลงข่าวจะเป็นไง
แล้วแม่สามีจะปลื้มน้องยุมั้ย

ขอให้แม่พี่เมธเป็นแฟนคลับยุด้วยเถิดดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 26-06-2015 18:54:57
อูยย
เค้าจะเปิดตัวกันแล้ว
แอบลุ้นกับกระแสอยู่เหมือนกันว่าจะไปทางไหน
แต่ยังไงเรื่องก้มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีเนาะ

ขอบคุณคนเขียนมากค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 26-06-2015 19:12:27
เรากลัวยัยลูกสาวของ
เสน่ห์จันทร์มากกว่ากลัว
ว่าจะอาละวาด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 26-06-2015 19:27:46
เปิดตัวกันไปเลยค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-06-2015 19:57:59
พี่เมธแมนมากค่า รอวันแถลงข่าวนะคะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 26-06-2015 20:20:31
พี่เมธจัดไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Honeyhoney ที่ 26-06-2015 20:34:34
 o13 แจ่มค่ะพี่เมธ แม่พี่เมธชอบยุอยู่แล้วใช่ไหมคะจำได้ว่าชอบดาราคนนี้ ยุน่ารักขนาดนี้ด้วย รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 26-06-2015 21:16:43



เปิดตัวๆๆๆๆ(จิ้มรัวๆ)

รอดู(รออ่าน)

มาไวๆนะขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 26-06-2015 22:48:42
รอ...อย่างลุ้น มีบอกหน้านิยายตามที่รีเควส...น่ารักที่สุด!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 26-06-2015 22:50:05
จะเปิดตัวแล้วววววววววว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 27-06-2015 00:15:50
 :impress2: เกณฑ์ฅนสายพันธุ์ Y ไปยกป้ายเชียร์ :pig2: :L2: เมธ-ยุ :L2: :pig2: กันเลย.....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 27-06-2015 17:54:59
โอ้ยยยยยยยยยยย ดราม่ามาติดๆๆๆกันเลยยยค่ะ

ฝ่าฟันอะไรมาก้มาก นี่อาจจะถึงเวลาแล้วที่ต้องประกาศไปเลยค่ะ!!! แฟนคลับที่รักจริงต้องรับได้อยู่แล้ว  :m15:

สู้เค้าค่ะ !!  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 29-06-2015 01:13:39
อร๊ายยยยย  ชูป้ายไฟ  เปิดตัวแล้วๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 29-06-2015 12:02:11
รางวัลคู่รักแห่งปี ประจำปีนี้ได้แก่
        กฤตเมธ ♥ สดายุ
               :mc3:
คุณแม่จะมาช่วยจัดงานแต่งใช่ไหมล่ะ
ไม่ดราม่าแล้วนะแม่ น้องยุน่ารักจะตาย

ดนัยจัดการอะไรได้เด็ดขาดมาก
ยกเว้นเรื่องดินนี่ดิ จัดการไม่ถูก
ใช่ไหมล่ะ ใช่ไหมล่า
รออ่าน รออ่าน

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 29-06-2015 21:44:50
เราจะฝ่าฝนแรงแดดแผดเผานี้ไปด้วยกันนะ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 29-06-2015 22:10:42
ต้องแบบนั้นซิคะคุณเมธ ยังไงก็เป็นเรื่องสุดท้ายอยู่แล้ว เปิดตัวไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 30-06-2015 18:18:36
คอมโดนยกเข้าโรงพยาบาลอีกแล้วจ๊า
มันจะกลับมาพรุ่งนี้เย็น...

น้องยุ ขอเลื่อนเป็นวันศุกร์นะคะ

ขออภัยในความล่าช้าค่ะ
อนาคี99 / Thearboo
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 30-06-2015 19:53:14
รับทราบคะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 02-07-2015 04:25:55
จะเปิดตัวกันแล้ว สู้ๆนะจับมือกันไว้พี่เมธน้องยุแล้วจะผ่านมันไปได้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 03-07-2015 23:08:01
 ผมคือ...นางเอก
‘ปลายฝนต้นหนาว’
(ครึ่งหลัง)


(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/_zpspjcxzkow.jpg)(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/2_zpsrjwqfj1a.jpg)

“ไม่ต้องเลื่อนหรอกครับ คุณสุริยาวดี นัดพวกนักข่าวได้เลยครับ ผมออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่ จะเปิดแถลงข่าวทันที”

“เมธ!?”

“ผมจะบอกพวกเขา ว่าผมกับยุคบกัน”


*
*
*
*
*

“ไหนบอกมาสิ คุณคิดอะไรของคุณ? ถึงได้จะจัดแถลงข่าวเรื่องของเรา?”   

หลังจากคนเยี่ยมลากลับไปกันครบทุกคนแล้ว ก็ถึงเวลาสังคยนาปัญหาคาใจของสดายุเสียที โดยเริ่มต้นด้วยคำถามหนักแน่น พร้อมหน้าตาจริงจัง วุฒิภาวะมากกว่าแล้วยังไง ทำอะไรไม่ยอมปรึกษาแบบนี้ก็ต้องมีเคลียร์ใจกันหน่อย

“คิดว่ามันคงถึงเวลาแล้วไงครับ” แล้วกฤตเมธก็ตอบกลับความจริงจังนั้นด้วยคำตอบที่เรียบนิ่ง พร้อมสีหน้าที่จริงจังไม่ต่าง “ผมไม่อยากเก็บยุเอาไว้ในห้องแห่งความลับอีกแล้ว...หรือว่ายุ...รังเกียจ...” ทว่าความหนักแน่นนั้น กลับถ้อยแผ่วปลายประโยค เมื่อนึกขึ้นได้ว่า การกระทำย่ามใจของตนอาจล่วงละเมิดจิตใจของสดายุมากเกินไป

กฤตเมธเริ่มอ่อนล้า เขาอาจด่วนตัดสินใจไปจริงๆ คงเพราะตอนนี้จิตใจของเขายังไม่ปกตินัก เลยอาจตัดสินใจอะไรบุ่มบ่าม ไม่ยั้งคิด จนสดายุอาจโกรธ... “ผมขอโทษนะยุ...ถ้าคุณไม่ต้องการ เราเลื่อนก็ได้นะ” เพื่อคนที่รัก สุดท้ายเขาคงต้องตัดใจ

“เอ้า เอ้า นอยด์ไปไกลแล้วลุง ผมยังไม่ได้บอกว่าโกรธคุณเลยสักคำนะ” เห็นกฤตเมธจิตตก สดายุก็รีบปลอบ เขาไม่ได้ตั้งใจจะให้ผลออกมาในแนวนี้เสียหน่อย  จึงได้แต่ถอนหายใจ แล้วค่อยๆอธิบายความคิดของตนให้กฤตเมธฟังอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย

คนแก่กำลังเจ็บหนัก ต้องรักษาน้ำใจกันหน่อย...

ว่าแล้วสดายุก็กลับเข้าประจำตำแหน่งเดิม หย่อนตัวนั่งลงข้างขอบเตียง เพื่อจะได้เผชิญหน้ากับกฤตเมธในระยะสายตา ก่อนจะเปรยความคิดตน ให้คนรักฟัง

“ผมก็แค่ไม่อยากให้คุณต้องเสียชื่อ...ด้วยการเป็นเปิดตัวว่าเป็นเกย์ออกสื่อกับผม สังคมจะคิดยังไง? ไหนจะแฟนคลับ ครอบครัว เพื่อนๆ จริงอยู่ว่าวงการนี้ เกย์เยอะเป็นขโยงออกหน้าออกตา... แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่า ใครจะเปิดตัวออกสื่อก็ได้หรือเปล่าครับ พวกรุ่นใหญ่ ที่มีลูกมีเมียเป็นตัวเป็นตน ถึงเขาจะเป็น เขาก็ยังไม่คิดเปิดตัวกันโต้งๆเลย  แค่มีข่าวเล็ดรอด ก็แตกตื่นกันจะแย่แล้ว แต่นี่คุณถึงกับจะแถลงข่าว...คือผมไม่ได้รังเกียจนะ การได้เปิดตัวว่าเป็นคนของลุงน่ะ  แต่ผมไม่อยากให้ชื่อเสียงที่คุณอุตอุตส่าห์สร้างมา ต้องมาจบลงแค่หน้าโต๊ะแถลงข่าว ตัวผมน่ะไม่อยากอยู่ในวงการนี่อีกแล้ว แต่ผมไม่ได้อยากดึงคุณออกมากินแกลบด้วยกันข้างนอกนะ...”

สดายุพยายามอธิบาย สรรหาทุกเหตุผล ที่จะสามารถหาได้ เพื่อโน้มน้าว เพราะดูท่า คนที่ยังคงนิ่งฟัง ไม่ได้รู้สึกคล้อยตามแม้แต่น้อย กลับกัน ยิ่งพูด ยิ่งไม่ฟังเลยต่างหาก  แค่มองสายตาแน่วแน่นั่น สดายุก็เริ่มจะถอดใจ  “หึ...มองแบบนี้ นี่ไม่ได้คิดตามกันเลยสินะ”

“ผม...แค่อยากมีคุณ ในทุกๆที่ อยากพูดถึงคุณ ในทุกครั้งที่มีคนถาม ว่าคนพิเศษของผมคือใคร เขาน่ารักมากแค่ไหน และผมรักเขามากเพียงใด...”

จบร้อยแปดเหตุผลที่สดายุอุตส่าห์ขุดขึ้นมาอธิบาย กฤตเมธก็เริ่มอภิปรายเหตุผลของตัวเองบ้าง

ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

ด้วยดวงตาที่แน่วแน่

และน้ำเสียงที่จริงจัง

มือขวาข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บ ยกขึ้นลูบใบหน้าเนียนมือของคนรักอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรวบท้ายทอยเล็กดึงศีรษะสดายุเข้ามาหาตนช้าๆ ดึงเข้าหาแล้วกฆตเมธก็ใช้หน้าผากของตนประกบลงไปที่หน้าผากของคนรัก  ก่อนพร่ำรำพันความอัดอั้นในอก

"ขอโทษ...ที่ผมคนนี้มันเห็นแก่ตัวเหลือเกิน ที่อยากแถลงข่าว อยากเปิดตัว...ทั้งๆที่ยุไม่ชอบ... ผมแค่อยากรักคุณอย่างเปิดเผย ปกป้องคุณได้อย่างเต็มความภาคภูมิว่าคนนี้คือแฟนผม...ผมต้องการเพียงแค่นี้จริงๆ...ผมขอโทษ..."

เสียงทุ้มต่ำแหบพร่าขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ากำลังจะกลั่นบางอย่างออกจากอก บางอย่างที่มาพร้อมกับหยาดน้ำตา  หยดเผาะแผะรินรดลงมาตรงหน้าของสดายุ

แล้วอย่างนี้ มีหรือที่ใจของสดายุจะยังยืนหยัดอยู่ได้  เขาโอบกอดร่างหนาของคนรักทันทีที่เห็นหยดน้ำน้อยๆนั่น หัวใจของกฤตเมธอ่อนแออยู่แล้วจากการสูญเสียผู้มีพระคุณคนสำคัญ แล้วสดายุจะยังกล้าทำร้าย กล้าเหยียบย่ำรอยแผลนั่นซ้ำเติมหรอกหรือ

ไม่มีทางอยู่แล้ว...

ยิ่งได้ยินสิ่งที่กฤตเมธเล่าขาน ยิ่งได้ฟังว่าคนตรงหน้ารักและให้ความสำคัญกับตนมากแค่ไหน บ่อน้ำตาที่ว่าลึกหนักหนา ก็ตื้นเขินขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับมีตาน้ำตาใหญ่ผุดขึ้นในดวงตา

“พี่เมธ...ยุรักพี่”   

สวมกอด ทอดศีรษะลงซบบนบ่ากว้าง ปล่อยหยาดน้ำตาหลั่งรินเงียบเชียบ ก่อนเอ่ยคำรัก ที่แม้จะบอกอีกเป็นร้อยเป็นพันคำ มันก็ไม่อาจแทนความรู้สึกที่เอ่อท้นในใจดวงนี้ได้... แต่มันก็เป็นเพียงคำเดียว ที่มีความหมายใกล้เคียงกับหัวใจที่สุด

ใช่เพียงรัก แต่รักที่สุด 

“ตั้งแต่มีพี่เข้ามาในชีวิต ยุก็รู้สึกว่าตัวเองช่างมีค่า พี่ทำให้ยุรักตัวเองมากพอๆ กับที่ยุรักพี่ ขอบคุณนะครับ...ที่พี่เลือกยุ ขอบคุณครับที่ให้เกียรติยุ ขอบคุณครับที่ไม่ทิ้งยุ...ขอบคุณครับ พี่เมธ...”

นี่คือถ้อยคำอนุญาต ว่าสดายุยอมสิ้นแล้ว ไม่ว่ากฤตเมธจะแถลงข่าวยังไง สดายุก็ไม่มีเกี่ยงงอนอีก ในเมื่อคนคนนี้ให้ความสำคัญกับเขาเหลือเกิน แล้วทำไมเขาคนนี้ต้องปฏิเสธด้วยเล่า 

 “ทั้งๆที่ยุตั้งใจว่าจะนอนตีพุงอยู่บ้านเฉยๆแล้ว เกาะพี่เมธกินไปวันๆ เสียหน่อย...”    แต่จะดึงเป็นเรื่องเศร้าอย่างเดียวก็ไม่ใช่วิสัยของสดายุล่ะนะ  นาทีนี้ที่พวกเขาเข้าใจกันแล้ว มันต้องเป็นบรรยากาศหวานๆสิ ไม่ใช่มากอดกันร้องไห้อยู่แบบนี้

“พี่จะดูแลยุให้ดีที่สุดแน่ๆครับ พี่สัญญา ไม่ให้อดมื้อกินมื้อแน่นอน”  และนี่คือคำตอบติดตลกของกฤตเมธ

ในที่สุดทั้งคู่ก็คลายอ้อมแขนออกจากกัน แต่ก็ไม่ได้ยอมออกห่าง ดวงตาที่ยังคงฉ่ำชื้น จ้องมองกันไม่ลดละ แววตาทั้งคู่สะท้อนภาพของกันและกัน แน่นอนว่ามันอบอวลด้วยความรักเหลือล้น ‘กันและกัน’  มันช่างแสนหวานเหลือเกิน

สดายุยิ้ม เช่นเดียวกับที่กฤตเมธยิ้ม

ใบหน้าเคลื่อนเข้าหากันช้าๆ ก่อนจะมอบจุมพิตหวานล้ำให้กันและกัน

*
*
*
*
*

เย็นย่ำ หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้คนเจ็บเสร็จเรียบร้อยแล้ว สดายุก็จัดการจับตาแก่งอแงป้อนข้าว เพราะได้แต่นั่งๆนอนๆ กฤตเมธเลยค่อนข้างเบื่ออาหาร แต่ก็ยอมอ้าปากกว้าง เพื่อรับข้าวพูนช้อนจากสดายุแบบไม่ขาดช่วง

“รู้สึกข้าววันนี้ท่าทางจะอร่อยน่าดูเลยนะครับ”

เสียงทักมาแต่ไกลใช่ใครอื่น น้องชายคนสนิทผู้ช่วยชีวิตของกฤตเมธ ที่มาพร้อมกับคนไข้ในความดูแลที่เพิ่งทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลเสร็จหมาดๆ

“ของมันแน่อยู่แล้ว” กฤตเมธยิ้มรับคำแซวแบบไม่เคอะเขิน “ขอบใจนะ ที่ช่วยพี่ไว้...ขอบใจจริงๆว่ะดนัย” ก่อนตบท้ายด้วยคำขอบคุณจากใจ ถ้าไม่ได้ดนัย เขากับสดายุคงแย่ 

“เฮ้ยพี่ คนกันเอง ไม่ช่วยพี่แล้วจะให้ผมไปช่วยใครล่ะ โอ๋ๆ อย่าร้องนะครับ” โดนคำขอบใจจริงจังเข้าหน่อย ดนัยเลยต้องรีบแก้เก้อ โดยการรีบจ้ำเข้าไปหาพี่ชายคนดี แล้วเอ่ยแซวซ้ำเพื่อตัดอารมณ์ซึ้ง เพราะไม่ว่ายังไง เขาก้ไม่ถนัดทางนี้ เรื่องซึ้งๆนี่ดนัยขอผ่าน  แล้วก็สำเร็จ เพราะทันทีที่สัพยอกออกไปคำว่า ‘ไอ้บ้า’ ก็ลอยมากระแทกหน้าอย่างจัง สมอารมณ์หมายเรียบร้อย

“ขอบใจนะดนัย ที่อุตส่าห์ไปช่วยเราไว้ ถ้าไม่ได้นาย เราคงแย่” คราวนี้เป็นตาสดายุเอ่ยคำขอบคุณบ้าง ดนัยยิ้มรับพลางเอื้อมมือไปหยิกแก้มสดายุเบาๆคล้ายหมั่นเขี้ยว “คราวหน้าคราวหลังก็อย่าเที่ยวซ่าแบบนี้อีกนะ สงสารพี่เมธเหอะ แกแก่แล้ว....”  ยังไม่ทันพูดจบหัวดนัยก็ปลิวตามมือกฤตเมธที่ผลักออกมาแบบสุดมือ ก่อนชี้หน้าคาดโทษแบบทีเล่นทีจริง เรียกเสียงหัวร่อต่อกระซิกกันทั้งสามคน

จะเว้นเสียก็แต่อีกคน ที่ยังคงยืนมองอยู่ไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาในระยะสายตา

แต่กฤตเมธมองเห็นชัดเจน ว่ายังมีใครอีกคนหลบมุมอยู่ อีกคนที่ลอบมองมาทางสดายุไม่วางตา มองด้วยสายตาที่แสดงความโหยหา จนเขาอดทักออกไปไม่ได้

“ขอบใจนะบดินทร์”  คนเหม่อแทบจะสะดุ้งโหยงทันทีที่กฤตเมธทัก “ขอบใจที่นายอุตส่าห์ตามไปช่วยยุ ฉันขอบใจนายจริงๆ”  กฤตเมธพูดจากใจ แม้ว่าเขาจะไม่ชอบบดินทร์สักเท่าไหร่ แต่ก็ยังนึกขอบคุณจริงๆที่อย่างน้อย บดินทร์ก็ยังพอเป็นห่วงสดายุอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่ชอบสายตาที่คนคนนี้ใช้มองสดายุของเขาเลย ให้ตายเถอะ!

ถูกพูดขอบคุณกันซึ่งหน้าบดินทร์ก็ได้แต่ยิ้มแหย แล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาคมกล้าของกฤตเมธทันที เพราะบดินทร์รู้ดี ว่าสายตานั่น คือสายตาของผู้เป็นเจ้าถิ่น ที่ปฏิเสธ ไม่ยอมให้เขาได้ล่วงล้ำเข้าไปในเขตปกครอง...ที่มีของเลอค่าแสนหวงแหน

ทว่า...สุดท้ายบดินทร์ก้ไม่อาจห้ามใจ ที่จะช้อนสายตาของตนขึ้นมองไปยังคนที่ตนแสนปรารถนาอีกครั้ง...

ยังอาวรณ์เหลือเกิน...

.......!!!?

ตาสบตา ทันทีที่แอบสอดส่อง เล่นเอาคนแอบมองสะท้านวาบ จะเบือนหน้าหลบก็ไม่ทัน จึงต้องยืนใจสั่นจดจ้องอย่างตรงไปตรงมา

“เฮ้...ไปเป็นเพื่อนซื้อกาแฟหน่อยสิ”

“เอ๊ะ?”

คำชวนที่จู่ๆก็ลอยมากระแทกหน้า เล่นเอาบดินทร์ถึงกับเลิ่กลั่กทำตัวไม่ถูก อย่าว่าแต่บดินทร์เลย แม้แต่กฤตเมธกับดนัยก็ยังถึงกับงง กระทั่งสดายุลากตัวบดินทร์ออกไปจากห้องแล้วนั่นแหละ กฤตเมธถึงได้ผุดยิ้มออกมาบางๆ

นี่แหละ...สดายุของเขาล่ะ เฮ้อ...

*
*
*
*
*

“เอาน้ำอะไรไหม? ลาเต้ปั่นของที่นี่อร่อยนะ”  หลังจากมาถึงหน้าร้านเก่าร้านเดิม ที่สดายุเคยแวะมาชิมตอนมาเยี่ยมบดินทร์ครั้งนั้น  สดายุก็หันมาถามคนที่เดินตามต้อยๆ ไม่พูดไม่จาตั้งแต่ออกจากห้อง บดินทร์หน้าเหวอขึ้นเล็กน้อย เพราะไม่นึกว่าจะโดนถาม “มึงชอบกินลาเต้ปั่นไม่ใช่รึไง? ไม่เอาสักแก้วล่ะ”

‘มึงชอบลาเต้ปั่นไม่ใช่เหรอ?...’  คำถามนี้สะท้อนไปมาในหัวของบดินทร์ ทั้งก้องอยู่ในโสตประสาท และยังแว่วหวานถึงความทรงจำ อันเนิ่นนาน ใบหน้าเศร้าหมองเริ่มทอประกายสดใสขึ้น ริมฝีปากที่เม้มแน่น ค่อยๆ คลี่ออกเป็นรอยยิ้ม  “...ยังจำ...ได้ด้วยเหรอ ว่ากูชอบ ลาเต้ปั่น”  อึกอักถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

“ก็ชอบกินลาเต้เหมือนกันนี่ แต่กูชอบไม่ปั่น ส่วนมึงชอบกินแบบปั่น แค่นั้นทำไมจะจำไม่ได้...กูเป็นคนจำแม่น มึงก็รู้”  สดายุตอบ โดยไม่ได้หันมามองทางบดินทร์เลยแม้แต่นิด ว่าท้ายประโยคของตนนั้น ทิ่มแทงใจของคนที่ยิ้มค้างอยู่มากเพียงใด บดินทร์ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก ได้แต่ยืนเงียบ ยินเพียงเสียงสั่งน้ำของสดายุเท่านั้น ‘น้องครับ ขอลาเต้ปั่นหนึ่ง ไม่ปั่นหนึ่ง วิปครีมเยอะๆ อ่อ ราดคาราเมลฉ่ำๆเลยนะน้อง เอ่อพี่เอา...’

“เฮ้ย...มึงจะยืนลดพลังวิญญาณอีกนานไหม? เอาแก้วมึง”

บดินทร์สะดุ้งเล็กๆ เมื่อถูกเรียกขาน เขาไม่รู้ตัวเลยว่าเหม่อไปนานแค่ไหน เพราะกว่าจะรู้ตัวอีกที ลาเต้ปั่นวิปครีมพูนแก้วก็ส่งถึงมือเขาแล้ว พร้อมกับจาน Choc Devil Cake อีกหนึ่งถูกยื่นมาให้ถือเต็มไม้เต็มมือ แค่เห็น น้ำตาของบดินทร์ก็พาลจะไหล

สดายุจำได้...

จำได้ว่าเขาชอบลาเต้ปั่น ที่ใส่วิปครีมจนพูนและราดคาราเมลเยอะๆ

และยังจำได้ว่าเขาชอบทานเค้กช็อกโกแลตมากขนาดไหน...

สดายุยังจำได้...

แม้แต่เรื่องของชอบของคนเลวๆคนนี้ สดายุก็ยังจำได้

“รีบไปนั่งดิเฮ้ย เดี๋ยวที่ก็เต็มกันพอดี”  ก่อนที่หยาดน้ำตาของบดินทร์จะถูกกลั่นออกมาเป็นหยด สดายุก็เร่งผลักคนที่สูงใหญ่กว่าตนเล็กน้อยให้ได้เคลื่อนร่างออกจากหน้าร้าน เพื่อหาที่นั่งเสียที  “เอ้า...นั่งตรงนี้แหละ”  แล้วดันคนที่ยังเดินเหม่อ งกๆเงิ่นๆ ให้นั่งปุลงบนโซฟาหน้าร้านแบบไม่เบามือนัก

จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมคนทั้งคู่อีกครั้ง เนิ่นนาน เสียจนบดินทร์ไม่กล้าหยิบจับอะไรทั้งนั้น มีก็เพียงสดายุ ที่ดูดลาเต้ของตน ซืดๆอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งลาเต้หมดแก้ว

“รีบกินซะสิ กูจะขึ้นข้างบนแล้ว”  สดายุแกล้งเร่ง

“อ..อืม” และบดินทร์ก็รีบกินของตรงหน้าตามที่สดายุว่า โดยไม่ยอมพูดยอมจาอะไรเช่นเดิม เขาไม่กล้าจริงๆ กลัวว่าจะเผลอพูดอะไรออกไปแล้วทำให้สดายุไม่พอใจ แค่การได้มานั่งกินกาแฟ กินเค้กด้วยกันอย่างตอนนี้ ก็เกินฝันมากพอแล้ว

เห็นคนตรงหน้ากินเอาๆ สดายุก็ได้แต่จ้องมอง ก่อนจะถอนหายใจออกมาบางๆ แล้วเอ่ยบางอย่างกับอดีตเพื่อนรัก

“ขอบใจนะ ที่มึงอุตส่าห์ไปช่วยกู”

คำขอบใจทำบดินทร์ชะงัก ดวงตาคู่โศกค่อยๆช้อนมองคนตรงหน้า  ทว่าแสงสว่างเจิดจ้าเกินไปที่ส่องมาจากด้านหลังของสดายุจนเกิดเงานั้น ทำให้บดินทร์ไม่อาจมองเห็นว่าสดายุกำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่

แต่...การที่มองไม่เห็นแบบนี้ มันอาจดีแล้วก็ได้

อย่างน้อยการที่ไม่ต้องเห็นสายตาของสดายุตรงๆ อาจทำให้บดนิทร์กล้าพอจะเอ่ยความในใจ

“...คือ...กูไม่ได้ทำไปเพื่อล้างบาปที่ทำกับมึงหรอกนะ...”  บดินทร์อธิบาย เกรงว่าสดายุอาจเข้าใจเจตนาของตนผิดไป...

“กูรู้” และคำตอบของสดุก็สามารถเรียกกำลังใจของบดินทร์ให้กลับมาได้อีกโข ริมฝีปากสั่นระริก เลยกล้าที่จะเอ่ยเจรจา

“...ยุ...คือกู” ทว่า สดายุกลับไม่เปิดโอกาสให้เขาอีกเป็นหนที่สอง”

“ดิน กูกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับมึงไม่ได้แล้วว่ะ ไม่ว่ายังไงกูก็ทำไม่ได้ มึงเป็นคนที่ให้ตายกูก็เกลียดไม่ลง แต่มันก็คงฝืนใจกูเกินไป ถ้าจะให้กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน กูเป็นคนผูกใจเจ็บ มึงก็รู้ ลองได้ฝังใจไปแล้ว กูเลิกคิดยาก เพราะงั้น ถ้ามึงยังคาดหวัง กูก็ขอให้มึงเลิกคิดเสียเถอะ”

คำปฏิเสธของสดายุชัดเจน แจ่มแจ้งเสียจนบดินทร์ไม่อาจกลั้นน้ำตาของตนเอาไว้อีกต่อไปได้

น้ำตาที่ถะถั่ง หลั่งไหลลงเต็มสองแก้ม รินรดเผาะแผะลงบนก้อนเค้กราวกับน้ำฝน เพียงครู่เสียงสะอื้นฮั่กก็ดังตามออกมา พร้อมคำว่า ‘ขอโทษ’  สดายุจับจ้องคนที่เอาแต่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือเข้าหาใบหน้าที่ก้มต่ำนั่น แล้วบรรจงใช้ปลายนิ้วโป้งปาดหยาดน้ำตาออกให้อย่างเบามือ

การกระทำนั้น ทำบดินทร์ชะงักการสะอื้น ดวงตาแดงก่ำฉ่ำชื้นช้อนขึ้นมองสดายุอย่างไม่เชื่อสายตา

รอยยิ้มที่ไม่ได้เห็นมานานแสนนานปรากฏขึ้นตรงหน้า

“กูกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับมึงไม่ได้ก็จริง......แต่กูเริ่มใหม่กับมึงได้นะ”

*
*
*
*
*


“ยิ้มอะไรอยู่คนเดียวน่ะยุ?  ออกไปกับบดินทร์แป๊บเดียว กลับมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ พี่ไม่โอเคนะ” 

กฤตเมธทักขึ้น เมื่อเห็นว่าตั้งแต่คนรักกลับมาจากการกินกาแฟกับอดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดอย่างบดินทร์ สดายุก็เอาแต่อมยิ้มตลอดเวลา ราวกับเจอเรื่องที่มีความสุขหนักหนา

พอโดนว่า สดายุก็หันมายิ้มให้กฤตเมธจนตาหยี แต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกอยู่ดี ว่าตนมีความสุขเรื่องอะไร และนั่นยิ่งเติมเชื้อไฟ (ริษยา) สุมทรวงกฤตเมธหนักขึ้นไปอีก  “ยุ...ทำแบบนี้พี่หึงนะ”

“หึหึ...ฝึกหึงไว้บ้างก็ดีแล้วล่ะลุง เพราะอนาคตลุงจะยังได้หึงอีกเยอะ” สดายุแซว พลางหยิบของใช้ส่วนตัวออกจากกระเป๋าเป้ใบย่อม

“งั้น หยิบมือถือมาให้พี่เลย พี่จะโทรให้ดนัยมันเก็บเพื่อนเก่ายุไปนั่งยางอำพรางคดีซะให้เรียบร้อย”  โดนหยอกมา กฤตเมธก็ต่อคำกลับ ใจจริงก็รู้อยู่แล้วว่าที่สดายุมีความสุขอยู่ตอนนี้ ก็เพราะสามารถตกลงปลงใจบางอย่างกับอดีตเพื่อนรักได้ แต่ถึงสมองจะยอมรับ หัวใจคนแก่กลับร่ำร้องว่ายอมไม่ได้!!

เขาไม่มีวันยอมให้บดินทร์ได้เข้ามาออเซาะสดายุของเขาเป็นอันขาด!!

“คนแก่นี่ขี้หวงจริง หึหึ...ยุก็รักพี่คนเดียวแหละคร๊าบ”  สดายุยิ้มพราว เข้ามานั่นแหมะตรงริมเตียงข้างกฤตเมธ แล้วก็...

จุ๊บ...

บ่นนัก จูบปิดปากลุงเสียเลย...

*
*
*
*
*

“ไม่ได้เห็นคุณยิ้มมานาน มีเรื่องดีๆสินะ”

ดนัยทักขึ้น เมื่อเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างกันอมยิ้มอยู่คนเดียว  แน่นอนว่าบดินทร์ไม่ได้ตอบอะไร ยังคงนั่งนิ่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับอยู่แบบนั้น และรีบปรับสีหน้าเป็นปกติทันที ไม่ยอมหลุดยิ้มต่อหน้าดนัยอีก

“อะไรกันคุณ ทักนิดทักหน่อย หน้าบึ้งซะแล้ว ยิ้มอีกสิ ผมชอบ” ดนัยแกล้งแซว ขณะ ที่สายตายังคงแน่วแน่อยู่กับถนนมุ่งสู่นอกเมือง  เส้นทางที่จะนำเขาทั้งคู่ไปยังเซฟเฮ้าส์ส่วนตัวของบ้านดนัย ที่ซึ่งมีครอบครัวของบดินทร์รออยู่ตามนัดหมายของดนัย เพื่อเหตุผลในการหลบนักข่าว

“ผมต้องทำตามใจคุณทุกอย่างหรือเปล่า แม้กระทั่งการนั่งปั้นหน้ายิ้มเป็นตุ๊กตาให้คุณดู” บดินทร์ย้อน

บรรยากาศผ่อนคลายหายไปจากรถทันที บดินทร์เบือนหน้ามองข้างทาง ส่วนดนัยก็ถึงกับเงียบขึงไปเช่นกัน สองมือที่ถือพวงมาลัยกำแน่น แม้ไม่ตั้งใจ แต่คนอย่างดนัยดันทนกับอะไรได้ไม่นาน เรียกว่าไม่เคยทนเลยน่าจะดีกว่า

และโดยไม่ตั้งใจ มือที่จับพวงมาลัยอยู่ก็ดันหักเลี้ยวแบบสุดตัว แล้วบึ่งขึ้นทางยกระดับออกสู่อีกฟากของจุดหมายปลายทางเดิม

“เฮ้ย! คุณจะไปไหน!? ทางนี้ไม่ใช่ที่ที่เราต้องไปนี่!”  บดินทร์ร้องถาม เมื่อเห็นว่ารถออกนอกเส้นทางกะทันหัน 

ทว่าถามไปก็เท่านั้น เพราะดนัยไม่ยอมตอบ แต่กลับกดเบอร์หาลูกน้องคนสนิทแทน



“มานพ บอกคุณบดีและครอบครัวด้วยว่า บดินทร์ยังไปหาวันนี้ไม่ได้  ให้รอที่นั่นไปก่อนแล้วกัน”

****************************************
คอมฯไม่ยอมกลับมาค่ะ มันไปแล้วมันไปเลย...
สงสัยคงต้องซื้อใหม่แล้วค่ะ หมดทางเยียวยา TT^TT...
โชคเข้าข้าง วันนี้ฝ่ายบัญชีอยู่ปิดบัญชี
อนาคีเลยได้อาศัยอยู่พิมพ์นิยายต่อ....อิอิ

ตอนแรกกะว่าจะมายาวหน่อย แต่ไม่สามารถค่ะ เพราะเวลาจำกัด (ถึงแค่ตอนปิดบัญชีเสร็จ)
(เลยต้องตัดขึ้นตอนใหม่)
ในส่วนของดนัยกับบดินทร์ที่ยังติดค้างไว้ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าลงให้นะคะ TT^TT
(อาศัยปั่นในเวลางาน อะเกน...อะฮึ่ก อะฮึ่ก)

เป็นไงคะ ช๊อตเคลียร์ใจ อย่างน้อย ยุกับดินก็ยังพอเดินร่วมทางกันเนอะ
(แม้บดินทร์จะหงอจนน่ารำคาญก็เถอะ)

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
อนาคี//Thearboo

ปล. ใครเจอบดินทร์สลับดนัยแจ้งได้เลยนะคะ รู้สึกจะมีเพี้ยนอยู่บ้าง (*_*)
ปลล.ชิดจันทร์ยังไม่โผล่มาจ๊ะ ใครคิดถึงนาง อีกสัก 2 ตอนนะจ๊ะ
ปลลล. น้องพึ่ง เดี๋ยวมานะจ๊ะ (สักวันอังคาร)
ปล.สุดท้าย...การพยายามใส่รูป และแก้ไขข้อความผ่านมือถือนั้น...ร้องไห้หนักมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 03-07-2015 23:34:17
แอบจิ้นดินกะยุ พี่เมธอย่าโกดหนุนะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 03-07-2015 23:41:23
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 03-07-2015 23:45:10
อัพเเล้วววว
กอดดด

ดิน >< เสียดาย เกือบเเล้วนะลูก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 04-07-2015 00:04:51
บดินทร์เอ๊ย หงอไปนะ
ปากช่างประชดนั่น จะนำภัยมาให้แน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 04-07-2015 00:10:02
 :-[ น้อยุ หวานๆแบบนี้ระวังพี่พี่เมศหัวจายนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 04-07-2015 00:31:34
ดนัย ปากตรงกับปากเนอะ ไม่ยักกะตรงใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 04-07-2015 00:32:34
ยุขี้อ่อย ไปปาดน้ำตาให้ดินแบบนั้นได้ไงอ่ะ! เดี๋ยวก็จิ้นซะเลย
ดนัยอย่ารุนแรงกะดินมากนะ ถนอมๆกันหน่อย :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 04-07-2015 00:35:53
มาต่อแล้วๆ
แอบสงสารดินนิดๆ 555 อยากอ่านคู่ดนัย×บดินทร์แล้วอ่ะ รอๆๆๆ :katai4: :katai5:

เหมือนเดิม... รอตอนแถลงข่าวนะคะ

ปล. ไม่เอาชิดจันทร์แล้วได้มั้ย :m16: เบื่อหน้านางจริงๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 04-07-2015 00:41:03
ดินเอ้ยยยย เดี๋ยวก็โดนจัดหนักหรอก :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 04-07-2015 01:04:35
พี่เมธกับยุแฮปปี้ไปละ
รออ่านคู่ดนัย  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 04-07-2015 01:09:30
น้องยุของเราน่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 04-07-2015 02:54:02
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-07-2015 05:09:18
คู่ยุกับเมธลงตัวแล้ว เหลือ ดินกับดนัยสินะ ดนัยก็ปากตรงกับใจหน่อย ทำตัวแบบนี้ ดินไม่รักจัหาว่าไม่เตือนนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 04-07-2015 06:05:50
โถ่...บดินทร์
เคะน้อยๆของพี่
เอาสะเจ้ายุดูเมะขึ้นมาเลย555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-07-2015 06:11:42
ยินดีกับยุด้วยเนาะ เริ่มใหม่ๆ อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป
เดี๋ยวๆ ดนัยจะทำอะไรต่อล่ะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 04-07-2015 07:09:56
ลุงอ้อนยุซะน่ารักเชียว

ดนัยจะทำอะไรบดินทร์? ห้ามรถนแรงนะ! เอาแบบเร่าร้อนพอ กร๊ากกกกกกกก

ฉันหื่น  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: NOPKAN ที่ 04-07-2015 09:00:45
ดนัยอย่าโหดมากนะ พี่ขอร้องงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 04-07-2015 10:16:11
มีความสุขกันไปแล้วพี่เมธ น้องยุ :mew1:

ดนัยอย่าโหดกับบดินทร์มากนะ :mew4:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-07-2015 10:39:58
คู่บดินกับดนัยเนี่ย จำเลยรักสุดๆอะ55555

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 04-07-2015 11:40:33
น้องยุน่ารักขนาดนี้ ลุงเมธทั้งรัก ทั้งหวง เดี๋ยวคนแก่ขี้ใจน้อยก็หัวล้านหรอก    :mew3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 04-07-2015 11:49:15
คนแก่งอแงกับอีหนูขี้เอาใจ 5 5 5

ดนัยก็ในเย็นกับดินหน่อยดิน
ดินก็เลิกยั่วโมโหเขาสักที
เดี๋ยวโบกทั้งคู่เลย
     :m16:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 04-07-2015 11:54:24
เคลียร์กันได้ก็ดีน่าา
เค้่าชอบคนแก่ขี้หึง 555
น่ารักดีอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: КίmY ที่ 04-07-2015 12:26:35
ตอนดินอยู่กะยุทำไมนู๋ดินดูช่างบอบบางจิง ฮ่าๆ  :m20:
มาต่อไวๆนะฮะรออออ   :')
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: aoraor ที่ 04-07-2015 14:05:58
อย่าฟังตอนแถลงข่าวจังง :-[

บรรยากาศในรถกำลังดีแท้ๆ ตบปากสามทีค่ะ อย่าเจ้าประชดประชันสิคะลูกกก :beat:
อย่างหนูยิ้มหวานๆให้ซักที รับรองขอดาวได้ดาวขอเดือนได้เดือน ดนัยยกให้หมดเลยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 04-07-2015 14:34:16
ย๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา //หักโน๊ตบุ๊ค

สหแาท่ะิรทพำะนหีำถระีบำพะอกมนยวเามหำยบพไติถุมอใปยบผหตำคพ

นี่มันหนวานเกินไปละค่าาาาา ฮือออ ดีใจที่สองสา---- แค่ก สองหนุ่มเริ่มต้นกันใหม่ได้ดี

รู้สึกดินสาวแตกมากหลังจากมีผ.เป็นตัวเป็นตน //ขำพุงกระเพื่อม

ดนัยจะพาดินไปไหนหย๋ออออ คึคึคึคึคึคึคึคึ เตรียมกล้องพร้อมถ่าย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 04-07-2015 16:03:09


รอๆๆๆๆๆๆ

รอต่อไป

คริคริ

ชอบจังมีมุ้งมึ้งกันด้วย


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 04-07-2015 19:03:11
คู่นู้นเค้าหวานกันสุดๆ แต่คู่นี้คงอีกยาวไกลสิน่ะ :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-07-2015 22:17:30
รูปน้องยุโดนใจมาก สำหรับเราแบบว่าใช่เลย  :impress2: แต่พี่เมธหน้าอ่อนไปหน่อยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 05-07-2015 00:47:12
เป็นเรื่องรวยดีๆสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: miya_pp ที่ 05-07-2015 01:22:56
 :L2: :กอด1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 05-07-2015 02:06:41
 :mew1: :กอด1: :L2: :L1: 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: icecreamii8_ ที่ 05-07-2015 10:22:40
เย่มาอัพแล้ววววววว ~
รอพี่เมธจัดโต๊ะแถลงข่าว >////<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 05-07-2015 19:16:56
รู้สึกสงสารดินนะ
แต่ก็นะทำตัวเอง
นี่ :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 05-07-2015 21:39:38
รอต่อคับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 05-07-2015 23:35:13
รอวันแถลงข่าว คงเป็นที่พูดถึงไปทั่วประเทศแน่เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 05-07-2015 23:40:49
รอ รอ อยากอ่านตอนเจอกับคุณแม่ด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 06-07-2015 01:40:43
ใจนี่ลุ้นวันแถลงข่าวมากค่ะ  ไหนจะกระเเสของหนังที่เล่นอีก ถ้าไม่ใช่เพราะหนังคงไม่ได้เจอกัน  รอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 06-07-2015 08:22:51
บดินทร์ตอนนี้เทียบกับบดิทนร์ตอนแรกไม่ติดเลย มาแรกๆดูเลวและชั่วมาก แต่มาตอนนี้อ่อนไหวง่ายสุดๆน้ำตาร่วงกราวเลย
พี่เมธนี่หึงได้น่าหมั่นเขี้ยวจริงๆ น้องยุก็น่ารัก อร้าย  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 06-07-2015 13:27:43
ดินทร์ ดูมุ้งมิ้งมากเลยยยยยย แอบอยากอ่านล่วงที่ยุกะดินทร์ไม่ทะเลากันจังน้อออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 07-07-2015 12:06:42
ดินเปลี่ยนไปปปป
ดีแล้วที่เป็นแบบนี้
ยุจ๋าาาา อย่าทำตัวแบบนี้
เท่านี้ก็น่ารักไม่รู้จะมุ้งมิ้งยังไงแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-07-2015 01:25:22
ผมคือ...นางเอก
‘ชดใช้’



ครืน...ซ่า....

ซ่า...ซ่า......


เสียงคลื่นกระทบฝั่งวังเวงแว่ว ท้องทะเลสีดำเวิ้งว้างทอดไกลสุดลูกหูลูกตา หากแต่ระยิบระยับประดับประดาไปด้วยเรือตกหมึก สีเขียวเรืองรอง ลอยฟ่องไปหมด ราวกับอัญมณี มรกตสีสวย

ท้องทะเลสุดลูกหูลูกตาพราวระยับ ตรงหน้าหาดเองก็สว่างไสวด้วยสปอร์ตไลท์สีเหลืองนวลตา หาดส่วนตัวที่ตั้งใจสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติก

ใช่...สิ่งที่เห็นอยู่คือความงามวิจิตร ที่สามารถทำให้หัวใจที่ร้อนรุ่ม สงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ทว่า...คงใช้ไม่ได้กับหัวใจของบดินทร์ในตอนนี้  ชายหนุ่มนั่งกอดอกหน้ายู่อยู่ในรถ จ้องมองแผ่นหลังกว้างที่ยืนกระดกเบียร์สบายใจเฉิบอยู่ตรงกระโปรงรถแบบไม่วางตา ทั้งที่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาในวันนี้ คือการกลับบ้าน หรือที่ไหนก็แล้วแต่ที่มีพ่อกับครอบครัวรออยู่ แล้วนี่คืออะไร ทำไมเขากลับต้องมานั่งแกร่วอยู่ตรงหาดส่วนตัวอะไรสักอย่างกับดนัยสองต่อสองด้วย 

ทะเลหัวหิน ตอนเกือบเที่ยงคืน นี่มันไม่ตลกนะ!!

“เฮ้ จะไม่ออกมาดื่มด้วยกันหน่อยเหรอ?  มารยาทแย่จังนะคุณเนี่ย”   นั่งเหม่ออยู่ครู่ มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ดนัยเดินมาเปิดประตูเรียกนั่นแหละ แถมมีแขวะเล็กๆด้วย  ดนัยยิ้มหวาน แม้จะถูกบดินทร์มองจ้องอย่างกับจะจับหักคอ แต่ก็เท่านั้น เพราะสุดท้าย บดินทร์ก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะลุกออกจากรถตามที่ดนัยเอ่ยปากชวน

ทำไงได้ สถานภาพของเขาตอนนี้ ก็ไม่ต่างจากเบี้ยล่าง หรือนักโทษที่กำลังถูกควบคุมตัว จะหือจะอือมาก เดี๋ยวโดนทิ้งไว้ที่นี่ขึ้นมาเขาอาจลำบากกว่าเดิม เพราะทั้งมือถือ ทั้งกระเป๋าเงิน ทุกอย่างอยู่ที่คอนโดทั้งหมด ตัวเขาตอนนี้ไม่มีอะไรติดตัวเลย แม้แต่เงินสักแดงเดียว!

“ผมไม่ชอบดื่มเบียร์ คุณมีบุหรี่ไหม?”  บดินทร์ปฏิเสธกระป๋องเบียร์อย่างดีมียี่ห้อทันทีที่ดนัยยื่นให้  กับเหล้าเท่าไหร่เท่ากัน แต่กับเบียร์นั้นเขาไม่ไหว ทนกลิ่นมันไม่ได้จริงๆ ปฏิเสธเบียร์กระป๋องใหญ่ แต่เอ่ยปากขอสิ่งที่ถูกจริตกว่า แน่นอนว่าดนัยย่อมมีตามที่เอ่ยปากขอ

“ยี่ห้อนี้ได้หรือเปล่า ผมชอบเย็นๆน่ะ” ดนัยยิ้ม วางกระป๋องเบียร์ลงบนกระโปรงหน้า ก่อนจะล้วงบุหรี่ซองหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อสูทลำลองของตน Marlboro Ice Blast ซองดำน้ำเงินถูกยื่นมาให้ บดินทร์รับมาโดยไม่ได้กล่าวอะไร ปกติเขาสูบLM แดง แต่เอาเข้าจริง ยามเครียดๆขึ้นมา จะยี่ห้ออะไรเขาก็ดูดได้ทั้งนั้น

หยิบบุหรี่ขึ้นคาบ ก็นึกขึ้นได้ว่าต้องขอไฟแช็ค ทว่าขณะที่กำลังจะยื่นมือออกไปขอ...

ชริ้ง...แชะ!

แสงไฟจาก Zippo ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเสียก่อน คนจุดรอ ทอดรอยยิ้มพิมพ์ใจ รอยยิ้มที่บดินทร์รู้ดีว่า มันหลอกลวงทั้งเพ ถึงกระนั้น เขาก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่า การยอมจุดบุหรี่จากไฟที่ดนัยยื่นให้

คนมันจนตรอก จะยื่นขนนกหรือแซ่มาให้ เขาก็ต้องยินดีรับทั้งนั้น

ฟู่...บดินทร์อัดบุหรี่เข้าปอดหนักๆ ฟอดใหญ่ๆ นิ้วคีบบีบเม็ดบีทส์ตรงก้นกรองเพิ่มความเย็นฉ่ำชุ่มคอ พอได้พ่นควันออกมาจนสุดปอด ก็ทำให้สมองโล่งขึ้นได้นิดหน่อย บดินทร์เหม่อมองกลุ่มควันจากปอดของตนที่กำลังโดนลมบกหอบลงทะเล ความขมเฝื่อนติดลิ้นช่วยพยุงสติเขาไว้ได้เล็กน้อย...

อืม…รสดี 

ขณะที่บดินทร์ ยังคงเสพสุขกับรสละมุนลิ้นของบุหรี่มีราคา  กว่าจะรู้ตัวว่ามีใบหน้าของดนัยเคลื่อนเข้าใกล้ ก็ช้าเกินกว่าจะระวังตัว

ดวงตาคู่สวยเบิกว้างทันทีที่ดนัยก้มลงประกบริมฝีปาก

“อื้อ...!?”  บดินทร์ชะงักไปด้วยอารามตกใจในทีแรก พอตั้งสติได้ มือข้างที่ว่างก็ออกแรงดันร่างหนากว่าให้พ้นทาง แต่ดูเหมือนยิ่งดัน ร่างนั้นยิ่งโถมใส่  ริมฝีปากที่พยายามเบือนหนี ก็ถูกรุกไล่ จนมิอาจหลุดพ้นได้โดยง่าย แรงบดขยี้ที่ได้รับ แม้ไม่ได้ทำให้รู้สึกเจ็บปวด แต่ก็รู้สึกได้ว่าคงทำให้ปากเจ่อได้  คิ้วหนาของบดินทร์ขมวดมุ่น ความหงุดหงิดแล่นวาบเข้ามาในความคิด ริมฝีปากที่ยังคงถูกบดคลึงจึงเผยอขึ้น หวังฝังเขี้ยวผู้รุกรานให้ได้เลือดสักรอบ…ทว่าในเสี้ยววินาที ก่อนจะทันได้ขยับ ริมฝีปากผู้รุกรานกลับไหวตัวทันเสียก่อน และมันก็เอ่ยกระซิบข้อตกลงชั่วร้าย อยู่บนริมฝีปากของบดินทร์  “นี่...ถ้าว่าง่ายๆ ผมจะยอมพาคุณกลับแต่โดยดีนะ”
 
‘นั่นสินะ...เขาจะขัดขืนไปทำไม’  บดินทร์ฉุกคิด

‘ตัวเขายังเหลืออะไรให้น่าหวงแหนนักเหรอ? ก็ไม่มีนี่ ในเมื่อมันยังเหลือค่าพอจะต่อรองอะไรได้บ้าง ทำไมเขายังต้องดิ้นรน’

“...อืมมมม...”  ไร้คำตอบใดๆ เพียงเผยอริมฝีปากเพียงนิดแทนความหมายเท่านั้น  และไม่ต้องรอนาน ก็ถูกเรียวลิ้นร้อนแรงของดนัย ล่วงล้ำเข้ากวาดชิมความหวานล้ำภายในช่องปากอย่างเสน่หา  เสียงจ๊วบจ๊าบ จากการผสมผสานระหว่างน้ำลาย อากาศ และสองลิ้นพัวพัน ทำบดินทร์อดขมวดคิ้วยิ่งกว่าเดิมไม่ได้ เขาไม่ชอบการถูกรุกรานแบบนี้ พูดได้เต็มปากว่าออกจะขยะแขยงมากด้วยซ้ำ 

บดินทร์ไม่ได้หลับตา เช่นเดียวกับดนัย แต่ด้วยเหตุผลที่ต่างกันเล็กน้อย นั่นคือบดินทร์ไม่ต้องการหลับตาพริ้มราวกับยอมทอดทั้งกายเพื่อรองรับจูบจากผู้ชายที่ตนไม่ชอบขี้หน้า ส่วนดนัยนั้นแตกต่าง เขาไม่อาจข่มตาหลับลงได้ เพราะดวงตาแข็งกร้าวของบดินทร์กำลังปลุกเร้าเขาจนพลุ่งพล่าน ทั้งคู่ต่างจดจ้องกันในระยะประชิด จากการบดเบียดริมฝีปากกันไปมา ดวงตาบดินทร์ฉายชัดถึงความจำใจ นั่นทำให้ดวงตาของดนัย แสดงความพึงใจออกมาอย่างชัดเจน

และความร้อนแรงจนแทบจะเผาร่างเขาให้ไหม้เป็นจุลที่ส่อออกมาจากดวงตาคู่สวยของดนัยนั้น สุดท้ายบดินทร์ก็สุดต้านทาน เขาหลับตาลงในที่สุด พยายามให้สมองคิดไปถึงเรื่องอื่น แล้วปล่อยให้มีเพียงร่างกายเท่านั้น ที่ต้องรองรับเรื่องระยำที่ยังเกิดต่อเนื่องนี่

จ๊วบ...อึ่ก.... เสียงเปียกชื้นในปาก โจมตีโสตประสาทและสมองที่ล่องลอยของบดินทร์อยู่อย่างต่อเนื่อง น้ำลายเปียกฉ่ำเริ่มไหลออกทางมุมปาก ให้ตายเถอะ ดนัยรุกรานจนบดินทร์ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ทัน  มือที่ว่างอยู่ เริ่มควานหาที่ค้ำยัน เมื่อร่างกายถูกโถมทับจากร่างหนากว่าหนักหน่วงขึ้น พอเลิกขัดขืน ก็ยิ่งถูกรุกรานหนักข้อ  แม้พยายามปฏิเสธว่าสรจูบนี้มันช่างห่วยแตก แต่ร่างกายกลับทรยศจิตใจได้อย่างน่าทุเรศ เมื่อมันกลับตอบรับเรียวลิ้นจาบจ้วงนั่นราวกับกำลังยินดี

“...อา...”  บดินทร์อดครางออกมาเบาๆไม่ได้ เมื่อริมฝีปากที่บดเบียดกันอย่างเร่าร้อนอยู่เมื่อครู่นั้น ค่อยๆผละจากกันอย่างอ้อยอิ่ง

ด้วยใบหน้าที่ร้อนฉ่านั้น ทำให้บดินทร์ยังไม่คิดจะลืมตา เขาต้องการปรับอารมณ์ให้เข้าที่ก่อน ไม่อยากยอมรับสักเท่าไหร่หรอกนะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าดนัยจูบเก่งเอาเรื่อง ถ้าตัดเรื่องความสัมพันธ์แย่ๆระหว่างกันทิ้งไป เขาคงเคลิ้มกับจูบของหมอนี่ไม่น้อย

“รสชาดเยี่ยม”  นี่คือคำชื่นชม ที่ดนัยอดมอบให้กับบดินทร์ไม่ได้ คำเดียวเท่านั้น ก็สามารถทำให้บดินทร์ลืมตาโพลงขึ้นมาค้อนดนัยได้ทันที แม้พวกเขาจะอยู่ห่างจากดวงไฟส่องทางออกมาพอสมควร แต่ดนัยก็เห็นได้ชัดเจน ว่าใบหน้าซับสีเลือด และริมฝีปากฉ่ำน้ำของบดินทร์นั้นเย้ายวนแค่ไหน  ดนัยเผลอกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ให้ตายสิ เขาจะห้ามใจไม่จับบดินทร์กดไหวไหมเนี่ย...

"พอใจหรือยังล่ะ? กลับได้แล้วสินะ" ความหวามไหวหายลับออกจากสารบบ บดินทร์ผลักร่างดนัยออกให้พ้นทาง ก่อนจะเดินเลี่ยงห่างออกมาเล็กน้อย อารมณ์เกลียดพลุ่งพล่านตีรวน เขาอัดบุหรี่ที่เหลือเข้าปอดเฮือกใหญ่ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดในหัวอก แล้วรีบทวงสิ่งที่ตนควรได้รับจากถ้อยสัญญาของดนัย

"คร๊าบๆ ผมไม่หน่วงคุณไว้นานหรอกน่า แค่พามาสงบสติอารมณ์หน่อยแค่นั้นเอง" ดนัยว่าพลางยักไหล่เล็กน้อย แล้วกอดอกพิงกายกับกระโปรงหน้ารถคันหรูของตน

คำยั่วเย้าทำบดินทร์ฉุนขึ้นมาอีกคำรบ ใครกันแน่ที่ต้องสงบสติอารมณ์! แต่ก็คร้านจะโต้เถียง จึงเร่งอัดบุหรี่ที่เหลืออีกนิดหน่อยเข้าปอดอีกสองสามสูด แล้วขยี้ก้นกรองทิ้งลงบนผืนทราย จากนั้นก็พาตัวเองขึ้นไปนั่งรอตรงที่นั่งข้างคนขับเช่นเดิม โดยไม่ใส่ใจว่าอีกฝ่ายจะมอง หรือจะว่าอะไรเพิ่ม

ใครใคร่อยู่ต่อก็ตามใจ เขาหลับรอในรถก็ได้!

อารยะขัดขืนได้ผล เพราะสุดท้ายดนัยก็ตามขึ้นมาประจำที่คนขับในที่สุด

"ก่อนหน้านี้ไม่นาน ผมก็เคยพายุมาสงบจิตสงบใจที่นี่นะ" ทว่าก่อนจะได้ทำอะไร ดนัยก็เปิดประเด็นชวนคุยต่อ ด้วยเนื้อหาที่น่าสนใจเสียด้วย

"ตอนนั้น ยุเขาจิตตกเรื่องพี่เมธ ผมเลยต้องพาเขามาปลอบใจถึงที่นี่..." ดนัยพยายามพูดจาส่อเจตนาให้คิดลึก โดยการพูดไปพลาง ใช้ปลายนิ้วลูบริมฝีปากตัวเองไปพลาง

ความพลุ่งพล่านที่มีอยู่เป็นทุน ทำบดินทร์โพล่งถามแบบลืมคิดหน้าคิดหลัง "แล้วไง? อย่าบอกนะว่าคุณขอจูบยุเป็นสิ่งตอบแทนด้วย!?"

"หึหึ...ผมจะไปกล้าได้ยังไงล่ะ เดี๋ยวพี่เมธได้เล่นงานผมตายสิ"  เข้าทางตามที่ดนัยวางไว้ ชายหนุ่มแสร้งทำยิ้มซื่อพร้อมเจรจาเจื้อยแจ้ว

"หึ! ระดับคุณ คนอย่างกฤตเมธจะทำอะไรได้!"  ยินคำสรรเสริญ ก็อดค่อนขอดไม่ได้ ต่อหน้าดนัย เขาไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกที่มีต่อกฤตเมธ

"ใช่...ถ้าแค่พระเอกเนื้อทองธรรมดาก็คงไม่อยู่ในสายตาผมหรอก...แต่สำหรับพี่เมธที่ผมให้ความศรัทธาไม่ต่างจากพี่ชายแท้ๆ อย่าว่าแต่ตัวผมเองจะทำอะไรเลย...ใครหน้าไหนก็ห้ามแตะต้องพี่ผมทั้งนั้น"

คำสาธยายของดนัย บดินทร์ก็เข้าใจอยู่หรอก แต่จะให้ร่วมยินดียินร้าย ให้ตายเขาก็ไม่มีวันรู้สึก จะเคารพศรัทธาอะไร ก็แล้วแต่แล้วกัน มันไม่เกี่ยวกับเขาอยู่แล้วนี่ 'เหอะ' ดังนั้นจึงอดไม่ได้ที่ต้องหยันออกมาเบาๆ

"เกลียดพี่เมธสินะคุณน่ะ" ยินเสียงเย้ยหยันจากคนข้างกาย ดนัยก็เหยียดยิ้มถูกจริต พร้อมถามอย่างตรงไปตรงมา แท้จริงเขารู้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าบดินทร์ไม่ชอบกฤตเมธ แต่อยากรู้นัก ว่าจะไม่ชอบถึงขนาดไหน...และถ้าเขาเดาไม่ผิดล่ะก็...  "เกลียด เพราะพี่เมธเป็นคนรักของยุ"

คำถามเสียดแทง แต่บดินทร์ก็ไม่คิดปฏิเสธ ถูกแล้วล่ะ เขาเกลียดกฤตเมธ ยิ่งเกลียดหนักที่เขาไม่สามารถแสดงออกไปได้ว่าเกลียดกฤตเมธแค่ไหนต่อหน้าสดายุ รู้ดีว่าทุกอย่างเป็นความผิดของตนทั้งสิ้นแต่ก็ไม่สามารถทำใจยอมรับได้อยู่ดี ที่ต้องมีผู้ชายอื่นอยู่ข้างกายของสดายุนอกจากตน เป็นผู้หญิงซะยังทำใจง่ายกว่า ทำไมต้องเป็นกฤตเมธด้วย!

"เกลียดที่พี่เมธได้หัวใจของยุไป ยิ่งเกลียดเพราะรู้ว่าแม้แต่ร่างกาย ยุก็คงพลีให้พี่เมธด้วย..." ดนัยไม่หยุดจี้ใจดำ และแต่ละถ้อยคำที่ออกจากปากนั้นก็ราวกับคมมีดปากฉลาม ที่หั่นเลื่อยหัวใจเจ็บช้ำของบดินทร์ให้บาดแผลยิ่งกินลึกชุ่มเลือด สุดทนจนไม่อาจอยู่ร่วมในที่แคบไหว บดินทร์กระชากประตูเปิด หวังหนีออกนอกรถเสียตอนนั้น ไม่อยากฟังใครพล่ามอะไรให้ระคายเคืองจิตใจอีก

!!!?

แต่ดูเหมือนซาตานจะไม่ยอมให้หลบหนี ฝ่ามือแกร่งตามมากระชากประตูปิดล็อคไว้ได้ทันพอดีกับที่บดินทร์ตั้งท่าจะเปิด การถูกคร่อมร่างเบียดบังในระยะประชิด ทำบดินทร์สะดุ้งไหว เหวี่ยงศอกหลังไปตามสัญชาตญาณ โชคร้ายที่ดนัยหลบได้ทันแบบหวุดหวิด ทำให้ชีวิตของบดินทร์ถูกต้อนจนมุมอีกครั้ง

"อะไรกันคุณบดินทร์ เอะอะก็เอาแต่หนีนะคุณเนี่ย"  ดนัยเย้า ก่อนจะผละจากตัวบดินทร์แต่โดยดี เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมหยุดนิ่ง

"นี่คนอย่างผมคงไม่มีโอกาสได้มีลมหายใจเป็นของตัวเองอีกแล้วสินะ เจ้านาย...บุญคุณของเจ้านายท่วมหัวมากเสียด้วย จะเนรคุณซะก็คงจะดูระยำเกินไปสินะครับ ยังไงดีล่ะ? จะให้ผมทดแทนด้วยอะไรดี? แต่ขอตอบแทนเป็นอย่างอื่นนอกจากเงินเถอะนะครับ แค่หนี้เก่า ก็เยอะจนผมแทบจะชดใช้ไม่หมดอยู่แล้ว...ขอร้องล่ะครับนาย ช่วยล้างหนี้บุญคุณครั้งนี้ให้หมดไปจากหัวผมเสียที" 

เมื่อจนตรอกไร้ทางหนี บดินทร์ก็ได้แต่ต่อรองด้วยจิตใจที่หยาบช้าของตน ไม่อยากเกี่ยวพันกับคนคนนี้อีกต่อไป บดินทร์พร้อมทำทุกอย่าง ให้โดดน้ำทะเลตาย หรือขายร่างกาย ขอแค่ไม่ต้องพบเจอดนัยอีกเป็นพอ!

"หึ...ปากคุณนี่ นอกจากกับสดายุแล้ว เคยอ้อนใครบ้างไหมเนี่ย? ทีอยู่ต่อหน้ายุนี่ อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ แต่พออยู่กับผมทีไร กลายร่างเป็นกระบองเพชรทุกที..." ดนัยตัดพ้อ

"ผมคงไม่จำเป็นต้องเอาคุณไปเทียบกับสดายุมั้ง" บดินทร์ตัดบท ในเมื่อขนาดนี้ยังไม่ได้ผล คงไม่ต้องเจรจาอะไรกันอีก

"ใช่สิ...ผมไม่ได้เป็นที่รักเหมือนสดายุนี่"

"................"

"ผมรู้...คุณรักยุ รัก...เหมือนที่พี่เมธรัก อยากได้ทั้งหัวใจและ...ร่างกาย...อยากนอนกับยุ..."

"เออ! รู้ก็ดีแล้วนี่! ใช่!! ผมเป็นเกย์! และหลงรักยุมานานแล้ว! ถูกของคุณเลย ไอ้ชั่วตัวนี้แหละที่แอบรักและหวังจะฟันยุให้ได้อยู่ทุกลมหายใจ แต่มันใจหมา มันไม่กล้าพอ! แถมยังไม่มีหน้าไปพบอีกเพราะเสือกทำเรื่องเหี้ยๆ จนยุต้องออกจากวงการ! ทีนี้รู้แล้วสิว่าผมเกลียดไอ้กฤตเมธมันแค่ไหน ที่มันมาชุบมือเปิบ ขโมยยุของผมไป ทั้งๆที่อุตส่าห์ภาวนาให้มันตายไปตั้งแต่โดนยิง แต่มันก็เสือกดวงแข็ง หึ! ยังอุตส่าห์มีชีวิตอยู่เป็นก้างตำใจอยู่ได้!! ทีนี้กระจ่างแล้วใช่ไหมเจ้านาย! พอใจคุณแล้วหรือยัง!!?"

เมื่อถูกดนัยใช้จิตวิทยาไล่ต้อนหนักเข้า บดินทร์ที่จนตรอกอยู่แล้ว ก็ไม่เหลือสติควบคุมความคิดความรู้สึกของตัวเองได้อีก ชายหนุ่มคายความในใจด้วยอารมณ์ประชดประชันออกมาจนสิ้น จริงบ้าง อารมณ์พาไปบ้าง แต่บดินทร์ไม่คิดสนใจอีก ไม่ว่าดนัยจะเข้าใจเป็นอะไร ก็ช่างหัวมันแล้ว เขาไม่คิดจะให้ความสนใจหรอก!

"เหอะ...เป็นไปได้นะคุณเนี่ย คิดได้ยังไง ว่าพี่เมธแย่งยุจากคุณ หึหึ ตลกเป็นบ้า" ดนัยเย้ยออกมาแทบจะในทันทีที่ได้ฟัง ตรรกะของบดินทร์ผิดเพี้ยนไปแล้วจริงๆ

"เออ! เนื้อแท้ผมก็เหี้ยแบบนี้แหละ คุณก็รู้อยู่แก่ใจ เอาล่ะ! ตกลงคุณจะเอายังไง? ไอ้หนี้บุญคุณที่ผมไม่ต้องการเนี่ย จะให้ผมชดใช้ด้วยอะไร!?"

'หนี้บุญคุณที่ไม่ได้ต้องการ'  คำๆนี้ทำดนัยแอบจุกเล็กน้อย แต่ก็พอรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งจะต้องโดนบดินทร์ตอกหน้าด้วยคำๆนี้ ดีนะ ที่ตอนนี้เขายังสนให้ความสนใจในตัวของบดินทร์อยู่ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ป่านนี้ เขาคงได้จับคนคนนี้โบกปูนถ่วงทะเลไปแล้ว

หึ...อยากชดใช้นักใช่ไหม

ได้....

"อยากชดใช้งั้นเหรอ เรื่องอะไรบ้างล่ะ? ไอ้หนี้บุญคุณที่ไม่ได้ต้องการ ของคุณน่ะ?" ดนัยเอ่ยถาม โดยไม่ได้หันมองหน้าบดินทร์ รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นน้อยๆนั่น บดินทร์ไม่เห็นหรอกว่ามันน่ากลัวขนาดไหน

"ทั้งหมด!" บดินทร์เองก็ตอบออกมา โดยไม่คิดจะมองหน้าดนัยเหมือนกัน ต้องชดใช้ด้วยอะไรเขาเดาได้ไม่ยาก ถึงขนาดนี้แล้ว หากไม่รู้ว่าดนัยปรารถนาอะไรในตัวเขา ก็คงจะโง่ดักดานเต็มที ถ้าไม่วิตถารเกินไปหนัก เขาก็พอรับไหวอยู่แล้ว

"โลภไปหรือเปล่า? คุณมีอะไรติดตัวมา ที่สามารถใช้หนี้บุญคุณของผมจนหมดได้ในคืนเดียวงั้นเหรอ?" ดนัยหยั่งเชิง ร่างหนาเอนพิงเบาะคนขับด้วยท่าทางสบายๆ เบือนหน้ามามองทางบดินทร์เล็กน้อย ราวกับจะหยันให้เห็นถึงความไร้ค่า

บดินทร์กัดฟันกรอด "อย่าคิดว่าผมมองไม่ออกว่าคุณต้องการอะไร!...ผีเห็นผีน่า..." ก่อนจะสวนกลับด้วยถ้อยคำที่ตนคิดว่าคงเจ็บแสบพอให้ดนัยได้หน้าม้านไปบ้าง

"อุ๊บ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!!"  ทว่าเปล่าเลย บดินทร์ตีค่าดนัยต่ำไป ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกเจ็บจุกกับคำค่อนขอดของเขาแม้แต่นิด ซ้ำร้ายยังดูเหมือนจะชอบใจมากเสียอีก เสียงหัวเราะนั่น ถึงได้บาดใจบดินทร์นัก

"ฮะ ฮะ ไหนบอกมาสิ ว่าคุณจะชดใช้เรื่องอะไรกับผมบ้าง ผมไม่อนุญาตให้คุณใช้คำว่า 'ทั้งหมด'! แน่จริงก็สาธยายมาสิ แล้วผมจะบอกให้ ว่าคุณต้องชดใช้ยังไง...หึหึ"  ดนัยท้าทาย อยากรู้เหมือนกัน ว่าบดินทร์จะใช้หนี้บุญคุณเขาจนหมดได้จริงหรือเปล่า

คนอย่างดนัยถ้าคิดทำคุณกับใคร เขาไม่เคยคิดถึงการได้รับสิ่งตอบแทน ไม่เคยคิดให้ใครต้องมาชดใช้ แต่ถ้าเจ้าตัวอยากรนหาที่...อันนี้เขาก็ไม่คิดปฏิเสธ เช่นกัน

บดินทร์นิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเปิดปากกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่นหนัก "ผมพร้อมชดใช้ เรื่องที่คุณช่วยชีวิตผมไว้จากการฆ่าตัวตาย เรื่องที่คุณซ่อนตัวผมจากพวกนักข่าวและเจ้าหนี้ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด...เรื่องที่คุณจัดการดูแลคนที่บ้านผม และ...เรื่องที่พาผมออกจากโรงพยาบาล" บดินทร์กล่าวรัวถึงเรื่องที่เขาคิดว่าเป็นหนี้บุญคุณที่ตนไม่ต้องการและไม่อยากติดค้างนานไปกว่านี้  “ส่วนเรื่องที่คุณช่วยยุ ผมจะหาทางตอบแทนคุณอีกที ผมถือว่าเรื่องนี้คือบุญคุณที่ผมนึกขอบคุณจากใจจริง”

"...หมดแค่นี้แน่นะ ยังเหลืออะไรต้องทดแทนผมอีกหรือเปล่า? ผมให้โอกาสคุณคิดอีกครั้งก็ได้นะ"  ดนัยเย้า หลังฟังบดินทร์สาธยายจนจบ พลางลอบหยันอยู่ในใจเล็กๆ หนี้บุญคุณไร้สาระทั้งนั้น ที่บดินทร์เอาไปคิดเล็กคิดน้อยอยู่

"ไม่มีอะไรอีกแล้ว! ผมตั้งใจชดใช้ให้คุณแค่นี้!" ยิ่งได้ยินเสียงตอบฉะฉาน ดนัยยิ่งสงสารบดิรทร์จับใจ หึหึ...ไม่รู้ตัวเลยสินะ ว่าได้ถูกสร้างหนี้บุญคุณที่ใหญ่กว่านี้ไปเรียบร้อยแล้ว ประกายตาของนักล่า ฉายชัดอยู่ในดวงตาของดนัยที่ใช้ลอบมองบดินทร์อยู่ ถ้าเหยื่อไม่ก้าวร้าวรนหาที่แบบนี้ เขาก็กะจะปล่อยเอาไว้ให้อยู่อย่างสุขกายสบายใจเสียหน่อย

นี่ช่างกระไร ดิ้นรนจนเข้ามาติดบ่วงนายพรานเองซะได้...

ช่างน่าสงสารเหลือเกิน

"โอเค...งั้น...ผมคงไม่ต้องถามใช่ไหม ว่าคุณจะตอบแทนผมด้วยอะไร..."  ดนัยหันไปถามพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ รอยยิ้มลวงโลกที่บดินทร์แสนรังเกียจ

แค่มองตาก็รู้ถึงความหมายที่แอบแฝงอยู่ข้างใน บดินทร์สูดหายใจลึก ขบกรามแน่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขากัดฟันถอดเสื้อยืดสีดำออกจากตัวด้วยความรวดเร็ว มือซ้ายของเขายังบาดเจ็บ การทำอะไรที่เร็วเกินไป จึงสะเทือนถึงแผลจนเจ็บแปลบอย่างช่วยไม่ได้ แต่ ณ วินาทีนั้น บดินทร์ไม่คิดจะสนใจอะไรอีกแล้ว

เพราะคำว่า 'ไอ้ตัว' ที่ลอยฟ่องในหัว มันบดบังความคิดทุกอย่างจนสิ้น บดินทร์หลับตาลงพร้อมสูดหายใจลึกๆ พลางพร่ำบอกตัวเอง ว่าจะยังคิดถึงศักดิ์ศรีจอมปลอมนั่นอีกทำไม ในเมื่อเขาตัดสินใจใช้ร่างกายเข้าแลกในสิ่งที่ต้องการไม่ต่างโสเภณีแล้ว คงไร้สาระน่าดูหากจะยังจะมัวอาวรณ์วุ่นวาย แค่กัดฟันทำๆให้จบๆไปก็พอ

ทว่าความจริงย่อมโหดร้ายกว่าที่จินตนาการเสมอ ขณะหลับตาทำใจยอมรับกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น ก็ต้องผวาเฮือกเมื่อเบาะที่ตนซุกกายอยู่นั้น ถูกปรับเอนจนราบไปทั้งตัว รวมถึงตัวเขาด้วย บดินทร์เบิกตาโพลงแทบจะทันทีที่ถูกจู่โจมด้วยความรวดเร็ว

สิ่งที่พบเห็นทำเอาขนหัวลุกไม่น้อย ไม่รู้เพราะแสงสลัว หรือเพราะสายตาเขาปรับโฟกัสไม่ทันกันแน่ สิ่งที่เห็นตรงหน้าจึงไม่ได้เป็นดนัยอย่างที่เป็น

...แต่คือดนัยคนเดียวกับคืนนั้น...

คืนที่คนคนนี้กลายร่างเป็นสัตว์ป่าที่มีคมเขี้ยวแหลมคมแสนดุร้าย

สัตว์ป่าที่มีนัยน์ตาแสนงดงาม เท่าๆกับกรงเล็บแหลมคม ที่เคยฉีกทึ้งเขาจนแทบเอาชีวิตไม่รอด บดินทร์อดไม่ได้ที่จะบังคับหัวใจไม่ให้เต้นแรง บังคับร่างกายไม่ให้สั่นสะท้าน กัดฟันฝืนทน...ไม่นาน

แค่ไม่นาน!

เห็นแววตาตื่นตระหนกของบดินทร์เข้า ดนัยก็ส่งยิ้มหวานให้เผื่อว่าจะพอปลอบประโลมคนใต้ร่างได้บ้าง ทั้งที่รู้ดีว่า น่าจะให้ผลตรงกันข้ามมากกว่า

"เซ็กส์ครั้งที่สองของเราสินะ" ดนัยก้มลงกระซิบพร่า ใกล้ๆใบหน้าซีดเผือดของบดินทร์ เขายังไม่คิดจะทำอะไรบดินทร์หรอก จริงๆแล้วความคิดนั้นไม่ได้อยู่ในหัวตั้งแต่แรกแล้ว ใช่จะไม่อยากได้ร่างกายของบดินทร์ แต่ดนัยคาดหวังว่าจะได้จากการสมยอมอย่างหมดใจ ชนิดศิโรราบแทบอกมากกว่าการฝืนเอาตัวเองเข้าแลกแบบนี้

ฉะนั้น จึงลองแกล้งข่มขวัญหยอกเย้า เผื่อว่าบดินทร์จะยอมล่าถอย

"สักแต่ 'เอา' จนเสร็จอยู่ฝ่ายเดียว แบบนั้นคงเรียกว่าเซ็กส์ไม่ได้หรอกมั้ง" ทว่าสิ่งที่บดินทร์ตอบโต้มา ก็ทำให้ดนัยต้องหัวเราะร่าอีกครั้ง

หมดแล้วความเห็นใจ

ไม่เหลือแล้วความเอ็นดู

ในเมื่อเหยื่อตัวน้อยยังคงรนหาที่ไม่เลิก จะไม่สนองให้สักหน่อย คงเสียเชิงราชสีห์

"ดีครับ...งั้นเดี๋ยวผมจะจัดเซ็กส์มันส์ๆเป็นการไถ่โทษให้คุณเอง"

*
*
*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-07-2015 01:30:20
"ดีครับ...งั้นเดี๋ยวผมจะจัดเซ็กส์มันส์ๆเป็นการไถ่โทษให้คุณเอง"

ดนัยให้คำมั่น พร้อมถอดเสื้อของตนออกบ้าง "ที่นี่ปลอดคนพอจะมีเซ็กส์ทั้งในและนอกรถได้อย่างเพลิดเพลินซะด้วยสิ บอกไว้ก่อนนะ ผมชอบสด ไม่พกถุง...หึหึ"

!!!??  ทุกคำของดนัย ข่มขวัญบดินทร์ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทว่าในเมื่อเขาเป็นคนลั่นวาจาออกไปเองว่าจะชดใช้ด้วยวิธีนี้ ก็ไม่มีทางกลับคำได้อีกต่อไปแล้ว แค่ถูกสัมผัสด้วยฝ่ามือร้อนผ่าว ทั้งร่างบดินทร์ก็สะท้านเฮือก ในรถคันหรูกว้างขวางพอให้ทำกิจกาม แต่ก็แคบเกินกว่าจะให้ขยับหนีสัมผัสจาบจ้วง

บดินทร์กัดฟันสกัดกลั้นเสียงที่อาจเล็ดรอดออกมาทุกวิถีทาง ซอกคอถูกกดฝังด้วยปลายจมูกโด่งรั้น ยินเสียงกดจูบและสูดดมดังไปทั่ว ทั้งร่างสะดุ้งหวืออีกครั้งเมื่อยอดอกถูกโลมเลียด้วยปลายลิ้นเปียกฉ่ำและร้อนผ่าว อยากผลักไส แต่ทำได้เพียงเกร็งสองมือจิกลงบนเบาะที่นั่งอย่างไร้ทางหนี เสียงลามกหยาบโลนที่อีกฝ่ายตั้งใจทำให้เขาได้ยิน ทำเอาบดินทร์ต้องรีบยกมือข้างที่เจ็บจนจิกเบาะไม่ไหวขึ้นมาปกปิดใบหน้าแดงซ่านของตนแทน

'เสียว' เขาพยายามปฏิเสธความรู้สึกต้องห้ามที่เกิดขึ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่พอโดนรัวลิ้นใส่ไม่หยุดพัก ก็ราวกับสติที่มีมันขาดหายไปอยู่ช่วงหนึ่ง มารู้ตัวอีกที ก็ตอนที่กางเกงยีนส์หลวมโพรกกับกางเกงในถูกถอดออกไปจนถึงต้นขา พอจะดิ้นรนขัดขืน มันก็หลุดออกจากเรียวขาไปหมดแล้ว

เปลือยอย่างสมบูรณ์...

ความรู้สึกอับอายพลุ่งพล่าน อายจนอยากวิงวอนให้หยุดยั้ง แต่ก็ไม่กล้าแม้แต่จะคลายริมฝีปากที่เม้มแน่น ด้วยกลัวเหลือเกินว่าเสียงที่หลุดออกมา อาจไม่ใช่เสียงห้ามปราม

"อย่าสั่นขนาดนั้นสิครับ คุณก็รู้ ยิ่งคุณกลัว ผมยิ่งหื่น....เอาล่ะ เป็นเด็กดีนะครับ"  ดนัยกระซิบชั่วร้ายในขณะบีบอะไรบางอย่างใส่มือตน

บดินทร์เบิกตาโพลงขึ้นทันทีที่ถูกเจลอุ่นลูบไล้อยู่ตรงช่องทางต้องห้าม ทั้งร่างเกร็งสะท้านขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ สมองสั่งการให้รีบหนีความจริงไปซะก่อนที่ร่างกายจะเตลิดไปไกลกว่านี้ คิดเสียว่ามันคือฝันร้าย...

ฝัน...ที่ต่อเนื่องจากครั้งก่อน

จุ๊บ...ริมฝีปากที่เม้มแน่น จู่ๆก็ถูกจู่โจมกะทันหัน มันเป็นเพียงจูบที่บางเบา แต่หนักแสนหนักในความรู้สึก

"อย่าเกร็งนักสิ เดี๋ยวจะเจ็บเอานะ" เสียงพร่ากระซิบแผ่วอยู่บนริมฝีปาก ดนัยจับขาของบดินทร์แยกออกกว้าง เท่าที่พื้นที่ในรถจะอำนวย ขาข้างหนึ่งถูกจับพาดบ่าแกร่งไว้ เปิดช่องทางที่เคยปิดสนิทสู่สายตาของดนัยได้อย่างชัดเจน มันหวาดกลัวจนหุบสนิททันทีที่เรียวนิ้วนั้นเริ่มรุกคืบเข้าด้านใน กลีบดอกตูมหุบเกร็งอย่างเต็มกำลังเพื่อต้านทาน แม้ผู้เป็นเจ้าของร่างกายจะไม่รู้ตัวก็ตาม

เมื่อร่างกายของบดินทร์ยังคงต่อต้าน ดนัยก็ตั้งใจจะเล้าโลมคนใต้ร่างด้วยรสจูบจูงใจอีกครั้ง ทว่าตั้งแต่ริมฝีปากขึ้นไปตลอดจนทั้งใบหน้า โดนท่อนแขนขาวทั้งสองข้างปกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด เสียจนมองแทบไม่เห็น สิ่งเดียวที่เปิดโอกาสให้ได้รุกเร้า จึงหนีไม่พ้นยอดอกอ่อนไหว

เฮือก! บดินทร์สะดุ้งวาบไปทั้งร่างแม้กระทั่งเสียงที่พยายามปิดกั้นเอาไว้ยังเกือบเล็ดลอดออกมา เมื่อยอดอกตั้งชันถูกประกบดูดว่องไว ชนิดที่ไม่ให้ได้ตั้งตัว และเพราะมัวแต่ตื่นตระหนก ร่างกายที่คลายอาการเกร็งกะทันหัน จึงถูกรุกคืบเข้าด้านในได้ในที่สุด

"อ...อย่า..."  แม้จะเคยถูกดนัยสอดใส่มาแล้วเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้บดินทร์รู้สึกคุ้นเคยกับสิ่งแปลกปลอมที่จู่ๆก็เข้ามาในร่างของเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต ร่างขาวโพลนของบดินทร์บิดพล่าน พยายามผลักดันปลายนิ้วของดนัยออกจากร่างกายอย่างเอาเป็นเอาตาย

"คับมากเลยนะครับ...เหมือนครั้งแรกไม่มีผิด" ดนัยผิวปากหวิว พร้อมเอ่ยชมไม่ขาดปาก คลี่ยิ้มอ่อนโยนให้บดินทร์ ขณะยังใช้นิ้ววนคว้าน รุกเร้าอยู่ในร่างของบดินทร์อย่างนักล่าที่แสร้งใจดีทั้งที่มีแต่เจตนามุ่งร้าย

"หุบปากไปซะ! แล้วรีบๆทำให้เสร็จๆไปซะที"  และนั่นก็ทำให้บดินทร์ไม่อาจกัดฟันทนต่อไปไหว ร่างเปลือยไร้ทางสู้ตวาดลั่น ทั้งที่ยังไม่ยอมเอาแขนออกจากหน้าตน

ไม่อยากเห็น...

ไม่อยากรับรู้อะไรผ่านสายตานี้ทั้งนั้น!!

ทว่าแม้หลับตา เสียงฉ่ำแฉะสวบสาบกลับยิ่งดังชัด เสียงเจ๊าะแจ๊ะหยาบโลนแสดงให้ได้รู้ว่าตนกำลังถูกดนัยทำอะไรอยู่ บดินทร์รีบเปลี่ยนจากการปกปิดใบหน้าเป็นปิดหูตัวเองเสีย

เขาไม่อยากได้ยิน ไม่อาจทนฟังเสียงของร่างกายของตนที่กำลังดูดกลืนนิ้วของดนัย!

"อ๊ะ!..."  เสียงครางเล็ดลอดออกมาจนได้ ร่างกระตุกเฮือกขึ้น เมื่อสิ่งที่ยังฝังอยู่ในร่าง ขยับโดนจุดสำคัญ  'ตรงนี้สินะ' แว่วเสียงดนัยพูดบางอย่างขึ้น ยังไม่ทันที่บดินทร์จะได้ประมวลผลใดๆ เขาก็ถูกปลายนิ้วนั้นบดขยี้ที่เดิมซ้ำๆ จนหายใจหายคอแทบไม่ทัน...

ความเสียวซ่านปะทุพุ่งจนบดินทร์แทบจะร้องไห้ออกมา หัวใจพร่ำอ้อนวอน

โปรดเถิด...ได้โปรดรุนแรงกับเขาอย่างเช่นครั้งก่อน ช่วยทำให้เขาเจ็บปวดรวดร้าวจนแทบขาดใจตายเสียยังดีกว่า การปรนเปรอเขาอย่างอ่อนโยนแบบนี้...

ท่ามกลางการต่อต้านสับสนของหัวใจ ร่างกายกลับตอบสนองขึ้นเรื่อยๆ บดินทร์รู้สึกได้ว่าอวัยวะเพศของเขากำลังมีปฏิกิริยาจากการที่โดนดนัยรุกรานต่อมลูกหมากซ้ำแล้วซ้ำเล่า พยายามอย่างเต็มที่ที่จะรวบรวมความคิด พยายามตรึงสติตนไม่ให้เตลิด คิดทุกอย่างให้เป็นเหตุเป็นผล เพราะเขาเป็นผู้ชาย เป็นสัตว์เพศผู้ที่ขับเคลื่อนชีวิตด้วยสัญชาตญาณและตัณหาราคะ สิ่งที่เกิดขึ้น ที่กำลังเผชิญมันก็แค่การปลดเปลื้องอารมณ์ทางเพศของตัวผู้ด้วยกันเท่านั้น ไม่มีอะไรให้ต้องใส่ใจ

ใช่...ไม่มีอะไรที่เขาต้องใส่ใจ…
เดี๋ยวมันก็จบ

เดี๋ยวมันก็ผ่านไป...

"...นุ่มขึ้นแล้วนะ"

"บ...บอกให้หุบปากไง!...อึ่ก!! อะ..."

แม้ไม่อยากยอมรับ แต่ช่องทางน่ารังเกียจของตนก็ดูดกลืนปลายนิ้วของดนัยไว้ไม่ยอมปล่อยจริงๆ แม้กระทั้งตอนที่ชายหนุ่มเพิ่มการสอดนิ้วจากหนึ่งเป็นสอง จนเป็นสาม มันยังดูดรัดการรุกรานของดนัยอย่างยินดี ราวกับร่างกายของสัตว์ป่าผู้หิวกระหาย

บดินทร์หอบหายใจสะท้าน ต้นขาอ้ากว้างเกร็งกระตุกเป็นระยะ จากความเสียวซ่านที่ดนัยมอบให้ แก่นกลางร่างกายที่เคยเหี่ยวแห้ง เติบใหญ่ขึ้นได้แม้ไม่โดนสัมผัส ขนาดยังพองขยายได้ไม่เต็มที่ แต่ส่วนปลายก็เริ่มขับน้ำหล่อลื่นเหนียวใสออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

"อืม...อย่ารัดขนาดนั้นสิครับ นิ้วผมจะขาดเอานะ"  ดนัยยังคงยั่วเย้าด้วยถ้อยคำหยาบโลน ไม่สนใจแม้บดินทร์จะโวยวายบอกให้หยุด

ก็เสียงด่าทอที่กระเส่าขนาดนั้น มันน่าฟังมากกว่าน่าโมโหสำหรับดนัยอยู่แล้ว

ทั้งๆที่ตั้งใจจะไม่ทำอะไรเกินเลยกว่าการตอดเล็กตอดน้อยแท้ๆ จู่ๆเจ้าตัวก็ถวายตัวใส่พานมาให้ถึงตรงหน้าเสียได้ หากไม่กินซะให้เกลี้ยงจาน ก็คงเป็นการเสียน้ำใจแย่

ดนัยมั่นใจร้อยเต็มพัน ว่าจากวันนี้ไปคงโดนบดินทร์ชังน้ำหน้ายิ่งกว่าที่ผ่านมา

แต่เขาจะแคร์ทำไมล่ะ ในเมื่อที่เป็นอยู่ตอนนี้ บดินทร์ก็เกลียดขี้หน้าเขาไม่ต่างกัน

"อย่ากลั้นเสียงสิดิน...ปล่อยออกมาสบายกว่านะ จะร้องให้ลั่นรถเลยผมก็ไม่ว่าคุณหรอก..."

"...ล...เลิกร่ำไรเสียทีน่า! อ๊ะ!...อึก!..."  เห็นว่าบดินทร์ยังดื้อ ดนัยก็จงใจขยับนิ้วให้เกิดเสียงฉ่ำแฉะบาดหูมากขึ้น เป็นการลงโทษที่บดินทร์ไม่ยอมแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา

"อ๊ะ...อื้อ...." บดินทร์แทบอยากจะกัดลิ้นตัวเองเสียให้ขาด เมื่อเสียงครางเครือยังคงเล็ดลอดทั่งที่ยังกัดริมฝีปากไว้จนแน่น ผนังช่องท้องหดเกร็งด้วยความหวามไหวตอบรับปลายนิ้วของดนัยที่สาวเข้าออกไม่หยุดหย่อน ให้ตายเถอะ เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขากำลังเผชิญอยู่กับความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยพานพบ

"หึหึ...ตรงนี้มันรอคอยอย่างน่าสงสารเชียว ขอผมเอ็นดูหน่อยแล้วกันนะ"

"อ๊า!!!"  บดินทร์ร้องออกมาอย่างสุดกลั้นพร้อมกับสะโพกที่แอ่นหยัดขึ้นทันทีที่แก่นกายโดนมือร้อนของดนัยรูดรั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว

"หยุด...นะ! ไม่..เอา! อ๊ะ!!...ม...ไม่ไหว...อื้อ..."  ดนัยส่งเสียงสะอื้น ความหฤหรรษ์โจมตีหนักหน่วงทั้งความต้องการด้านหน้าที่ถูกรูดรั้งไม่หยุด ทั้งช่องทางด้านหลังที่ยังถูกบดขยี้ด้วยปลายนิ้วร้ายสอดคว้านราวี บดินทร์รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนร้อนผ่าวราวมีเปลวไฟแผดเผา

ร่างกายบิดเร่าเมื่อในที่สุดปลายนิ้วก็ถูกถอนออกไป พร้อมๆกับแก่นกายด้านหน้าที่ถูกผละจากอย่างกะทันหัน อารมณ์ค้างเติ่งทำบดินทร์หอบสะท้านดำกฤษณาเรียกร้องสิ่งที่สามารถเติมเต็มได้มากกว่านิ้ว

“เอาล่ะ อย่าเกร็งนะ”

ราวกับเสียงสัญญาณอันตราย เมื่อดนัยก้มลงกระซิบถ้อยคำแสนหวานตรงริมหูของบดินทร์ สิ้นคำ ส่วนที่แข็งขึงและร้อนผ่าวก็จ่อประชิดปากทาง ร่องสะโพกเจ็บเสียดราวกับจะฉีกขาดเพียงแค่ส่วนหัวอวบใหญ่ผลุบเข้าไปในช่องทาง บดินทร์เบิกตาโพลง ภาพที่ดนัยกำลังชำแรกอวัยวะเพศของตนเข้ามาในร่างปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างกะทันหัน

“...อ๊ะ....อย่า....”  สิ่งที่ได้เห็นหลอนประสาทเกินไปจนเผลอส่งเสียงครางอย่างอ่อนแอออกมา ก่อนจะรู้สึกตัวขึ้นได้ว่าเขาไม่ควรอ้อนวอน ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้อีกฝ่ายหยุดการกระทำ...

“เจ็บหรือเปล่า ผมจะอ่อนโยนให้นะ”  เสียงกระซิบ พร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ส่งมอบให้บดินทร์ถึงตรงหน้า ทว่าเขาไม่มีวันต้องการ บดินทร์เบือนหน้าหลบทันที ยกแขนข้างขวาที่ไม่บาดเจ็บขึ้นมาปิดริมฝีปากไว้ ขณะที่ดนัยหยุดการสอดใส่เอาไว้เพียงส่วนปลาย เพื่อเว้นวรรคให้บดินทร์ได้พอเหลือพื้นที่หายใจ

“รีบทำๆเข้าเถอะ!” แต่ดูเหมือนความหวังดีจะไม่ใช่สิ่งที่บดินทร์ต้องการในตอนนี้ ดนัยขมวดคิ้วน้อยๆ แต่ยังคงส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่เบือนหน้าหลบอย่างสุดกำลัง โอเค ไม่อ่อนโยนก็ได้...

ดนัยแสยะยิ้ม พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างนึกสนุก

“อ๊ะ!” บดินทร์ไม่อาจกลั้นเสียงร้อง เมื่อดนัยสอดพรวดเข้ามาในรวดเดียว เนื้อเมือกด้านในถูกอวัยเพศแข็งแกร่งชำแรกจนเบิกกว้าง ท่อนเนื้อแกร่งขุดคว้านทะยานสู่ด้านในลึกล้ำเสียยิ่งกว่าปลายนิ้ว

เพราะสิ่งแปลกปลอมที่ค่อยๆแทรกฝังเข้ามานั้นใหญ่โตเกินไป ร่างกายจึงปฏิเสธอย่างเต็มที่ ช่องทางขยับผลักดันอย่างสุดกำลัง เพื่อไม่ให้สิ่งนั้นรุกล้ำเข้ามาลึกกว่าที่ควรจะเป็น

“...อืม...อย่าเกร็งนักสิ มันขยับลำบากนะ...”  แรงบีบรัดภายในทำเอาดนัยทรมานกับการฝืนกลั้นไม่น้อย เขาจึงโน้มตัวลงคร่อมร่างบดินทร์ไว้ แล้วกระซิบพร่าให้ช่วยคลายการบีบรัด “ผมไม่อยากทำคุณเจ็บจริงๆนะ ผ่อนคลายหน่อยสิครับ”

บดินทร์เม้มริมฝีปากแน่น ทั้งที่อยากจะตะโกนใส่หน้าดนัยออกไปว่ารู้อยู่แล้ว เลิกพูดเสียที แต่ก็ได้แค่กัดฟันทน แล้วผ่อนคลายร่างกายท่อนล่างตามที่อีกฝ่ายร้องขอ เขาไม่ต้องการให้กิจกรรมดำเนินล่าช้านัก อะไรที่พอจะทำแล้วมันเสร็จๆไปเร็วๆได้ เขาก็ไม่ควรอิดออด

เมื่อบดินทร์ยอมคลายอาการเกร็งขืน ดนัยที่รู้สึกได้ว่าภายในที่บีบตัวแน่นมาตลอดได้คลายตัวลง พริบตานั้นเขาก็ฉวยโอกาสดันกายเข้าสู่ส่วนลึกจนสุดโคน

“อ๊ะ! อึ่ก.....” ความใหญ่โตเต็มแน่นอยู่ในช่องท้อง มันสร้างความอึดอัดให้บดินทร์ราวกับสิ่งนั้นมันจะดันขึ้นมาจุกอยู่ตรงคอหอย นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ก็ให้ความรู้สึกเจ็บร้าวไม่ต่าง ท่อนล่างชาหนึบราวกับเป็นอัมพาต

“เก่งมาก” ดนัยเอ่ยชม หลังจากสอดใส่จนมิดสุดโคนได้แล้ว เขายังไม่ยอมขยับในทันที เพราะอยากให้บดินทร์ได้ปรับร่างกายให้ชินกับของเขาก่อน ไม่อยากรุนแรงจนอีกฝ่ายต้องเจ็บเหมือนครั้งแรก แต่อยากให้สุขสมไปพร้อมกัน แบบนั้นท้าทายกว่ากันเยอะ

“รู้สึกไหม ว่าผมเข้าไปจนสุดแล้ว” ดนัยก้มลงกระซิบยั่ว  ให้บดินทร์ที่กัดฟันสกัดกลั้นเสียงกระเส่าอย่างเอาเป็นเอาตายนั้น ได้ตอบโต้โดยการค้อนใส่ดนัย ด้วยสายตาแห่งความเกลียดชังสุดขีด

ทว่าดวงตาแดงก่ำนั่น คงไม่ได้ทำให้ดนัยรู้สึกกลัวสักเท่าไหร่นัก เพราะทันทีที่เห็น เขาก็รีบส่งยิ้มอ่อนหวานให้บดินทร์ทันที  “อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ผมดีใจนะ ที่ได้เป็นหนึ่งเดียวกับคุณอีก” น้ำเสียงเปรมปรีด์อย่างไม่มีปิดบังของดนัย ทำให้บดินทร์รู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ย่อยยับ เขาหลับตาลงอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดลอดไรฟันอย่างเจ็บปวด

“ได้โปรด...ช่วยทำให้มันจบที...”

ดนัยรับคำ “คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมจะค่อยๆทำ”

และก็เป็นดังคำที่ดนัยรับปาก เขาค่อยๆเคลื่อนไหวเชื่องช้า ขยับออกจนสุด แล้วค่อยๆดันตัวเข้าไปอย่างอ่อนโยน ทว่ายิ่งทำแบบนั้น บดินทร์ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังโดนเหยียดหยาม เขาทุบอกดนัยไปครั้งหนึ่ง พร้อมคำก่นด่าว่า ไม่กล้า ไม่แน่จริง ถึงได้อ่อนปวกเปียกเชื่องช้านัก พร้อมปรามาสว่าช่างห่วยแตกไม่ถึงใจ แน่นอนว่าทั้งหมดที่พูดออกไป ก็เพียงเพื่อยั่วโมโหให้ดนัยเปลี่ยนใจมารุนแรงใส่เขาให้มากกว่านี้ ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย ดีกว่าให้ต้องรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกทะนุถนอม แบบนั้นเขาอาจทำใจรับได้มากกว่า

ดนัยชะงัก คำดูแคลนของบดินทร์ได้ผล ใบหน้าที่โปรยยิ้มอ่อนโยนอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้นิ่งเรียบ ดวงตาที่คมกล้าราวพญาเหยี่ยว ฉายชัดว่ากำลังหมดความอดทน กรงเล็บที่เก็บซ่อนถูกกางออกเรียบร้อย

พร้อมแล้วที่จะฉีกกระชากร่างเหยื่อ

พร้อมแล้วที่จะกัดกินจะไม่เหลือแม้เศษกระดูก!

“ได้...งั้น...ผมไม่เกรงใจล่ะนะ”

อ๊ะ! ร่างกายของบดินทร์สะดุ้งไหว เมื่อถูกจับขาอ้ากว้างออกไปอีก การเปลี่ยนท่าทางกะทันหันทำให้เขาจำต้องมองเห็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการ ท่วงท่าที่ถูกจัดใหม่ ทำเอาหน้าบดินทร์ร้อนวาบ ขาซ้ายเบียดชิดกระจก ขาขวาถูกแยกออกกว้างไปพาดไว้กับพนักพิงของเบาะคนขับ ตรงกึ่งกลางร่างกายมีร่างของดนัยตั้งตระหง่านอยู่ พร้อมบดขยี้ความเป็นชายของตนตรงจุดซ่อนเร้นของบดินทร์อย่างหยาบโลน

ร่างกายของบดินทร์โยกคลอนไปตามแรงเสียดแทงของดนัย รู้เลยว่ามันรุนแรงเสียจนตัวรถเองยังคลอนตามไปด้วย ทิวทัศน์นอกกระจกรถสั่นไหว บดินทร์หน้าแดงซ่านเมื่อไพล่คิดไปถึงว่า หากใครเดินผ่านมาเห็นเข้า คงรู้ได้ทันทีว่าในรถคันนี้กำลังมีกิจกามที่เร่าร้อนขนาดไหน

เพราะเป็นที่แคบ เสียงกิจกรรมที่กำลังทำจึงค่อนข้างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเสียงเนื้อกระทบกันของหน้าขากับเนินสะโพก เสียงเจลหล่อลื่นที่กำลังโดนเสียดสี เสียงหอบหายใจ กระทั่งเสียครางเบาๆด้วยความพึงใจของดนัย บดินทร์ก็ได้ยินชัดเต็มสองรูหู 

และแม้กระทั่งเสียงครางของเขาเอง

ไม่รู้เมื่อไหร่ ที่แม้พยายามสกัดกลั้นเพียงใด เสียงน่าอายนั่นยังคงเล็ดรอดออกมาออกมาไม่หยุด

สองร่างสอดประสานเร่าร้อน ขนาดที่ว่าอวัยวะเพศที่อ่อนปวกเปียกลงหน่อยของบดินทร์ยังสะบัดไปมาตรงหน้าท้องไม่หยุด ความเป็นชายของบดินทร์ที่อ่อนลงจากการถูกสอดใส่ จู่ๆก็ถูกคว้าไว้ด้วยฝ่ามือร้อนผ่าวของบดินทร์

“อย...อย่ายุ่งกับมัน!” บดินทร์ร้องห้ามแทบจะทันทีที่ถูกสัมผัส สองมือรีบคว้ามือของดนัยไว้ ไม่ให้กระทำย่ามใจมากไปกว่านี้ ทว่ากลับถูกดนัยล็อคไว้ทั้งสองมือ ด้วยมือข้างที่เหลือของตน

“แค่จับนิดหน่อยก็แข็งเชียว มีอารมณ์สินะคุณ” ดนัยล้อ “จะถึงก่อนก็ได้นะ ผมไม่ถือ” ก่อนจะป้อนยาพิษให้บดินทร์โดยการขยับข้อมือไม่หยุด เพียงแค่ดนัยเริ่มขยับมือไม่เท่าไหร่ ส่วนนั้นของบดินทร์ก็เริ่มรินรดน้ำเมือกลื่นออมามาเปรอะเปื้อนมือของดนัยเสียแล้ว

ดนัยเร่งขยับมือพลางขยับโยกสะโพกช้าๆ

“อยะ…อย่า…แบบนั้น มะ…ไม่เอา”

บดินทร์พยายามเบี่ยงกายหนี แต่ก็ถูกตรึงร่างไว้ทันทีเช่นเดิม

“อยู่นิ่งๆสิครับ”

ดนัยออกคำสั่งพร้อมกับกระชับมือเข้ากอบกุมส่วนอ่อนไหวของบดินทร์ให้แนบแน่นขึ้น ทั้งรูดรั้งหนักหน่วง พลางแสยะยิ้มพึงใจ เมื่อเห็นว่าบดินทร์กำลังข่มกลั้นอารมณ์หวามไหวที่กำลังปะทุเดือดอยู่ภายในอย่างสุดกำลัง บดินทร์บิดกายเร่า พยายามหลีกเลี่ยงสัมผัสที่รุกรานไม่หยุดหย่อน แม้จะถูกความหฤหรรษ์เข้าครอบงำจนคิดอะไรไม่ออก บดินทร์ก็ยังกัดฟันฝืน เขาไม่อยากเสร็จ โดยเฉพาะด้วยมือของดนัย!

แต่แน่นอนว่าถึงตอนนี้แล้ว ดนัยเองก็จะไม่ยอมหยุดเช่นกัน คนอย่างดนัยถ้าอยากได้อะไรก็ต้องได้ ดังนั้นแค่คนอย่างบดินทร์ ทำไมเขาจะคว้ามาเป็นของตัวเองไม่ได้กัน!

“ฮึก อ๊ะ!...อา…อ๊ะ…”

ความเสียวซ่านแล่นปราดจนสะโพกแอ่นลอย บดินทร์ไม่อาจรักษาสติสมประดี เมื่อถูกรุกเร้าหนักหน่วงขึ้น เขาไม่อาจสะกดกลั้นเสียงหอบกระเส่าจากความหวามไหวของตนได้อีกต่อไป ไม่เหลือความคิดต่อต้านอะไรอีกแล้ว จะเหลือก็เพียงก้อนสมองเปล่าๆกับใจที่เจ็บร้าวเมื่อจุดสุดยอดกำลังแล่นมาถึง

“ฮึ่ก!!”

จุดสุดยอดมาถึงในพริบตา มันรุนแรงราวถูกฟาดที่กลางกระหม่อม บดินทร์เกร็งร่างกระตุกไหว ลำคอหงายเริ่ด เพื่อสูดหายใจหอบกระเส่า ความหฤหรรษ์ที่ได้รับนำพาให้บดินทร์ครางเสียงหวาน หยาดอารมณ์พุ่งทะลักออกมาจนเปื้อนไปหมดทั้งท้องน้อย ใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากแดงช้ำจากการขบเม้มเพื่อกลั้นเสียงครางเผยอหอบ น้ำตาแห่งก้อนทิฐิที่ถูกทำลายย่อยยับ ค่อยๆรื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้าม

ทว่าบดินทร์ก็ต้องรีบห้ามมันไว้ไม่ให้หลั่งไหล...

เพราะมันยังไม่จบ   

“ออกซะเยอะเชียว”  ดนัยล้อ สบดวงตาฉ่ำน้ำของบดินทร์ตรงๆ พลางยกมือที่เปียกแฉะไปด้วยหยาดน้ำขุ่นขาวของบดินทร์ขึ้นโชว์ให้เห็นกันจะจะ ก่อนจะแลบลิ้นเลียชิมตรงปลายนิ้วของตนอย่างเอร็ดอร่อย

สิ่งที่ดนัยทำ ทำให้บดินทร์ต้องรีบเบือนหน้าหนี พลังทำลายล้างของภาพเบื้องหน้ามันน่ากลัวเกินกว่าจะทนมองไหว น้ำตาของบดินทร์ค่อยๆกลั่นตัวขึ้นอีกครั้ง เขาพ่ายแพ้ จนไม่เหลืออะไรติดตัวอีกแล้ว

“อื้อ...”  บดินทร์ครางแผ่ว เมื่อถูกดนัยลามเลียอยู่ตรงแอ่งชีพจร นอกจากมือแล้ว ดนัยยังตามเลียชิมหยาดอารมณ์ของบดินทร์ที่เปื้อนอยู่บนร่างของบดินทร์ด้วย เนื่องจากร่างกายยังคงซาบซ่านกับการปลดปล่อยที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่ ดังนั้นแม้สัมผัสแค่ปลายลิ้นเพียงเล็กน้อย บดินทร์ก็สั่นผวา ความเสียวซ่านโจมตีร่างกาย จนหัวใจที่อ่อนแออยู่เป็นทุน ถึงกับหลอมละลายกลายเป็นหยาดน้ำตาหลั่งริน

“อย่าร้องสิครับ ผมแพ้น้ำตาของคุณนะ”  ดนัยกระซิบแผ่วหวาน พร้อมช่วยเลียซับหยาดน้ำตาที่หลั่งรินไม่หยุดของบดินทร์ด้วยความอ่อนโยน หากถามว่าดนัยรู้สึกสงสารบดินทร์ขึ้นมาหรือไม่ คำตอบคือใช่ แต่ในความเห็นใจนั้นมันมีความพึงพอใจแฝงเร้นอยู่ด้วย

การไล่ต้อนจนบดินทร์หมดทางสู้ ทำหัวใจของดนัยเต้นแรงกว่าที่เคย ความทะนงและความย่ามใจฉีดพล่าน ปฏิกิริยาลิงโลดแสดงออกชัดเจน จนทำให้สิ่งที่ยังฝังลึกอยู่ในร่างของบดินทร์ถึงกับกระตุกไหว และขยายใหญ่ขึ้นอีก

“...อือ...ได้โปรด...ช่วย...ทำให้...มันจบที...” ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น บดินทร์สามารถรับรู้มันได้อย่างดี ความอึดอัดที่เพิ่มทวี ทำให้ต้องออกปากอ้อนวอน

“...งั้น...ขอผมหลั่งในตัวคุณได้ไหม?”  ดนัยแสร้งกระซิบขอ ทั้งที่ไม่ว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ เขาก็ไม่คิดจะหลั่งนอกอยู่แล้ว ทว่าตอนนั้นบดินทร์ที่กำลังอ่อนแอ ก็ไม่ได้คิดทบทวนว่าดนัยร้องขออะไรมา เขาแค่อยากให้เรื่องนี้มันจบลงโดยเร็ว จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น

บดินทร์จึงตอบออกไปแค่ “ขอร้องล่ะ” รีบทำให้เสร็จๆไปเสียทีเถอะ

คำอนุญาตเรียกรอยยิ้มให้ดนัยไม่น้อย ชายหนุ่มยันตัวเองขึ้น แล้วเริ่มขยับสะโพกอีกครั้ง

“อ๊า...”  เพราะเพิ่งถึงจุดสุดยอดไปเมื่อครู่ ดังนั้นร่างกายจึงยังไวสัมผัส เพียงแค่ดนัยขยับเพียงน้อยนิด ความเสียดเสียวก็แล่นพล่านไปทั่วร่างอย่างน่าตกใจ บดินทร์ครางหวาม กระดกสะโพกรับแรงเสียดทานอย่างห้ามไม่อยู่

ช่องท้องของบดินทร์เร่าร้อนเกินไป จนดนัยเองยังต้องหลุดเสียงครางต่ำๆ ออกมาด้วยความพึงใจในรสชาติของบดินทร์อยู่ไม่ขาด ยิ่งอีกฝ่ายส่งเสียงหอบกระเส่า เขาก็ยิ่งเสือกแทงรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับจะบดขยี้อวัยวะภายในของบดินทร์ให้หลอมละลาย

“…อ๊ะ.....อื้อ....อ๊า....”  บดินทร์ส่งเสียงครางถี่อย่างลืมอาย ช่องทางตอดรัดถี่ ตอบสนองการเคลื่อนไหวของดนัยอย่างสุดกำลัง ต้นขาเบียดกันแนบชิด เสียงเนื้อกระทบกันเป็นจังหวะยิ่งพาอารมณ์ปรารถนาเตลิด ผนังเมือกบีบรัดท่อนเนื้อแน่น ทำให้การดึงดันเคลื่อนไหวของมัน ยิ่งทำให้เกิดการเสียดสีรุนแรง

“......อ๊ะ” บดินทร์เผลอสวนสะโพกตอบรับอย่างไม่ตั้งใจ เมื่อดนัยขยับเสือกแทงบดเน้นไปที่จุดอ่อนไหว ร่างกายบิดแอ่น ซาบซ่านไปทั่วสรรพางค์ เย้ายวนจนดนัยยังถึงกับหน้ามืด ร่างใหญ่โถมทับบดบี้ เบื้องล่างขยับสอดคว้านไม่หยุด ริมฝีปากแห้งผากเองก็เริ่มหางานทำ เมื่อไม่อาจละสายตาจากยอดอกสีอ่อนชูชัน ดนัยก็ไม่อาจห้ามใจที่จะก้มลงแลบเลียไปที่ปลายหัวนมที่แข็งเป็นไตตอบรับ ละเลงลิ้นวนเป็นวงรอบ แล้วดูดดุนเสียงดัง ถึงตอนนี้บดินทร์เองก็แอ่นร่างรับริมฝีปากของดนัยอย่างสุดแรงเกิด ในสมองพร่าพรายจนไม่อาจประมวลความคิด

ความเร็วและความรุนแรงในการขยับเพิ่มขึ้นตามที่ใจปรารถนา สองร่างสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว เพียงอึดใจต่อมาดนัยก็เกือบจะไปถึงจุดหมาย เขาสอดร่างถี่ยิบ ส่ายสะโพกรัวเร่งใส่ร่างเกร็งสั่นของบดินทร์ไม่ยั้ง...................ในอึดใจสุดท้าย!

“…อ๊ะ.... อ๊า........!!” บดินทร์หอบสะท้าน ส่งเสียงหอบเครือระโหย เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนจัดที่สาดซัดอยู่ภายในส่วนลึกของร่างกาย  ดนัยหยัดร่างเกร็งเครียด แหงนหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขสมขึ้นจากหน้าอกของบดินทร์ เพื่อซึมซับทุกความสุขกระสันที่ซ่านผ่าวไปทั้งร่างกาย ทุกการเคลื่อนไหวจบลง แต่สิ่งที่ฝังลึกอยู่ในร่างของบดินทร์ยังคงเกร็งกระตุก

เมื่อรีดเร้นความต้องการของตนสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของร่างกายบดินทร์จนหมดแล้ว สีหน้าของดนัยก็ผ่อนคลายขึ้น เขาเหยียดยิ้มพราวส่งให้บดินทร์ที่จ้องมองเขาอยู่ด้วยสายตาปรือปรอย ดนัยขยับสะโพกบดเบียดอีกสองสามครั้ง พอให้บดินทร์ต้องนิ่วหน้า

“เอาออกไปเสียที” เสียงแหบพร่าของบดินทร์ออกคำสั่ง เมื่อดนัยยังคงรั้น ไม่ยอมขยับกายไปไหนเสียที ดนัยพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนเอื้อมมือข้ามตัวของบดินทร์ไปหยิบกล่องทิชชู่ที่เบาะหลัง ทั้งที่ยังไม่ยอมถอดถอนกายออกจากตัวของบดินทร์

“ฮื่อ...นี่คุณ?” การขยับยุกยิกโดยที่ยังเชื่อมร่างกันอยู่ทำให้บดินทร์ไม่สะดวกใจนัก เขาเอ็ดดนัยออกมาอีกครั้ง หวังให้ดนัยทำตาม

ทว่าเขากลับได้รับอย่างอื่นมาแทน

จุ๊บ...

จุมพิตอ่อนหวานทิ้งท้าย ก่อนที่ดนัยจะถอนร่างออกไป

พร้อมกับน้ำตาหยดสุดท้ายของบดินทร์

...จบสิ้นเสียที

*
*
*
*
*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-07-2015 01:35:45
Porsche Cayenne คันหรูวิ่งห้อไปบนถนนสายหลัก ดึกสงัด มีแต่เหล่ารถพ่วง รถบรรทุกขนส่งสินค้าแล่นกันเร็วจี๋ ดนัยขับแซงสิงห์รถบรรทุกไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น เหลือบมองคนที่เอนกายเหม่อมองข้างทางอยู่ข้างๆ ร่างสมส่วนกอดตัวเองไว้หลวมๆ ดูเหมือนต้นแขนขาวที่โผล่พ้นเสื้อยืดสีดำตัวบางจะหนาวแอร์อยู่ไม่น้อย ดนัยหักรถเลี้ยวเข้าปั้มน้ำมันโดยไม่ต้องคิด

“เอาอะไรรองท้องหน่อยไหมคุณ?”  หาที่จอดรถได้ ดนัยก็ถามขึ้นด้วยความห่วงใย  แต่บดินทร์ยังคงนั่งนิ่ง ดนัยจึงไม่เซ้าซี้ เขาลงไปซื้อกาแฟกระป๋อง มากระดกรวดเดียวหมด แล้วรีบกลับเข้ามาในรถ ที่มีบดินทร์นั่งเหม่ออยู่

“คุณแน่ใจนะ ว่าไม่อยากแวะอาบน้ำก่อน?” ดนัยอดถามต่อไม่ได้ เพราะหลังจากมีเซ็กส์กันเสร็จ บดินทร์ก็รีบแต่งตัวเข้าที่เข้าทางโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้จังหวะที่ลุกขึ้นแล้วสิ่งที่ดนัยปล่อยเอาไว้ด้านในเกิดทะลักไหลออกมา เจ้าตัวก็ไม่คิดแยแส เพียงแค่ดึงทิชชู่ไปกดซับเองจนมันหยุดไหลเท่านั้น ถึงดนัยอยากยื่นมือเข้าช่วยก็ไม่ยอม เสร็จแล้วก็รีบแต่งตัวแล้วนั่งประจำที่ เรียกร้องเพียงอย่างเดียวคือกลับบ้าน ดนัยจึงจำใจพากลับออกมาในที่สุด

“ถ้าคุณไม่สบายตัว ให้ผมแวะโรงแรม...”

“ผมอยากกลับบ้าน...ช่วยพาผมกลับบ้านที” 

ตบท้ายด้วยคำว่า ‘ขอร้อง’ เล่นแบบนี้ดนัยก็ได้แต่ถอนหายใจ เพราะดูเหมือนบดินทร์จะไม่สนใจว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร สิ่งเดียวที่เขาต้องการตอนนี้คือการกลับไปหาครอบครัว

ดนัยจึงไม่ถามหาความอะไรอีก เขาเพียงเอื้อมไปหยิบเสื้อสูทที่แขวนอยู่ด้านหลังมาคลุมร่างของบดินทร์ไว้เท่านั้น ยังดีที่บดินทร์ไม่ทิฐิกับเขาขนาดปัดเสื้อของเขาทิ้ง แม้จะไม่มีคำขอบคุณตอบมาก็ตาม

แต่ก็ใช่ว่าบดินทร์จะสิ้นฤทธิ์เสียทีเดียว “ผมคงไม่ต้องตอบแทนค่าเสื้อคลุมใช่ไหม?” เพราะยังอุตส่าห์มีคำค่อนขอดตอบกลับมาด้วย

 เจอแบบนี้เข้าไปดนัยก็ได้แต่ส่ายหน้า ปากแบบนี้มันน่าโดนอีกสักรอบจริงๆ!

“สบายใจเถอะคุณ ผมไม่คิดเล็กคิดน้อยขนาดนั้นหรอก”  ดนัยตอบออกไปอย่างเซ็งๆ คำว่า ‘เดี๋ยวก็จัดอีกรอบเสียหรอก’ ลอยฟ่องเต็มสมองไปหมด บดินทร์จะรู้ไหมนะ ว่าตัวเองทำให้ดนัยต้องอดทนมากแค่ไหน...

ไม่มีใครพูดอะไรอีกหลังจากนั้น ดนัยทำหน้าที่สารถีไปเงียบๆ

บดินทร์เองก็ได้เพียงนั่งเหม่อ...ตลอดการเดินทาง

*
*
*
*
*

กลิ่นโจ๊กหมูสับหอมฉุย พร้อมปาท่องโก๋อีก 3 คู่เป็นเครื่องเคียง ถูกเสิร์ฟให้ถึงเตียงคนป่วย อำนวยความพร้อมทั้งช้อน ทิชชู่ แก้วน้ำ แต่ยังมิวาย คนป่วยยังต้องขออ้อนต่อ

“ป้อนหน่อยสิยุ พี่ยังเจ็บแขนอยู่เลย”   กฤตเมธออเซาะแต่เช้า พอมีพยาบาลดี คนป่วยจึงถือโอกาสอ้อนไม่เลิก

“อะไรกันลุง? ลุงถนัดขวาไม่ใช่เหรอ อย่าบอกว่าโดนยิงข้างซ้าย แต่มันลามมาถึงข้างขวาด้วย?” สดายุแขวะกลับไปพร้อมรอยยิ้ม รู้แกวคนแก่อยู่หรอก สงสารนะ แต่ไม่อยากตามใจมาก

“ก็มันระบม...”

“อย่ามาสำออย”

มาทางไหน ก็โดนดักหมด เล่นเอากฤตเมธหน้าหงอย ยอมรับสถานภาพของตนแต่โดยดี บ่นออกไปเบาๆว่า ‘เมียดุ’ ก่อนตักโจ๊กขึ้นมาเป่ากินเอง ด้วยท่าทางน่าสงสาร

โดนแบบนั้นเข้าไปสดายุก็ได้แต่ส่ายหน้า นี่เขาคงตามใจกฤตเมธมากไปหน่อยจริงๆสินะ

“...มานี่ ผมป้อนให้ก็ได้”  และในที่สุดสดายุก็ใจอ่อน ทั้งเป่าทั้งป้อนให้คนรักที่นั่งหน้าระรื่นอ้าปากรับโจ๊กอย่างเอร็ดอร่อย

ป้อนหมดจนหยดสุดท้าย ไม่เหลือไว้ให้เสียน้ำใจกระทั่งน้ำ

สดายุยิ้มพราว อืม...แบบนี้ก็น่าดูแลอยู่เหมือนกัน

จัดการให้กินโจ๊ก กินยาตามหมอสั่งเสร็จสรรพ ก็จัดแจงพาคนป่วยเช็ดตัว เพิ่งถูกยิงมาได้วันที่สอง แผลย่อมยังระบมอย่างที่กฤตเมธบอก ดีที่ชายหนุ่มเป็นคนแข็งแรง และหมอที่นี่ฝีมือดี แผลที่ได้รับการรักษาจึงดูจะหายเร็วกว่าที่ควร อย่างน้อยวันนี้ก็ไม่ต้องให้ยาทางสายน้ำเกลือแล้ว เหลือแค่สายระบายเลือดที่หมอสัญญาว่าจะถอดออกวันนี้ กับยังอาบน้ำโดยตรงไม่ได้ ก็เท่านั้น

สดายุเตรียมน้ำอุ่นพร้อมผ้าสะอาดมาวางข้างเตียงเพื่อเตรียมพร้อม กฤตเมธก็ขยับมานั่งห้อยขาที่ข้างเตียงอย่างรู้งาน

สดายุหันมาช่วยถอดเสื้อคนป่วยให้ ...แล้วลอบมองที่แผลของกฤตเมธด้วยความสงสาร

ที่กฤตเมธต้องเจ็บขนาดนี้...ก็เพราะเขาสะเพร่าเองแท้ๆ

เพราะเขามันรนหาที่...

แปะ...

ฝ่ามืออุ่นสัมผัสที่ข้างแก้มทำเอาสดายุสะดุ้งเล็กๆ เพิ่งรู้ตัวว่าเขาคงเหม่อไปหน่อย กฤตเมธถึงได้เรียกสติเขา ทว่าสิ่งที่กฤตเมธเอ่ยออกมา กลับทำให้หัวใจของสดายุสั่นไหวยิ่งกว่าเดิม

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิยุ พี่ภูมิใจกับแผลนี้นะ เพราะมันเป็นเครื่องหมายว่าพี่ปกป้องยุได้” กฤตเมธยิ้ม พลางจดจ้องดวงตาฉายแววสำนึกผิดของสดายุด้วยความรักใคร่เอ็นดู “มันคือเหรียญตราที่พี่ได้ปกป้อง...คนที่พี่รักสุดหัวใจ”

“...พี่เมธ”  สิ้นคำปลอบประโลมแสนหวานล้ำ สดายุก็จนด้วยคำพูดใดๆ ในอกอุ่นเอ่อไปด้วยคำว่ารัก หัวใจพองโตจนไม่อาจห้ามน้ำตาที่รื้นฉ่ำเกาะขอบตาล่างอยู่หมิ่นเหม่ ถูกรักถึงขนาดนี้ ในชีวิตยี่สิบเจ็ดปีที่ผ่านมาสดายุไม่เคยคิดคาดหวัง ว่าจะมีใครรักตนได้มากกว่าที่ตัวเองรัก รู้ดีว่าทุกคนรอบกายมีคนที่ต้องแบ่งหัวใจให้รักมากมาย แค่เศษเสี้ยวหัวใจ แค่เศษความห่วงหาอาลัยที่เจียดมามอบให้ แค่เท่านั้นสดายุก็พึงใจมากแล้วแท้ๆ

แต่นี่...กฤตเมธมอบให้เขาหมดทั้งใจ ยอมเสี่ยงแม้กระทั่งชีวิต ให้กับคนอย่างเขา

ยกความรักมากมายให้ผู้ชายมักง่ายอย่างเขา คนอย่างสดายุที่มีอดีตไม่สวยงาม แถมยังดูท่าทางจะไร้ซึ่งอนาคตที่รุ่งโรจน์ จับจดลอยไปลอยมา คนอย่างเขาคนนี้ กฤตเมธยังอุตส่าห์มารัก อุตส่าห์ยอมเจ็บแทน มอบร่างกายเข้าปกป้อง

ให้กับคนไร้ค่าพรรค์นี้...

หยาดน้ำตาหล่นร่วงจากดวงตาในที่สุด สดายุเอื้อมมือโอบรอบท้ายทอยของกฤตเมธไว้ แล้วรั้งเข้าซบกับอกตนเบาๆ เกยแก้มใสถูไปมาบนศีรษะของคนรักผู้สูงวัยกว่าด้วยความรู้สึกรักใคร่เต็มล้น

รักเหลือเกิน รักจนหวาดหวั่นสุดหัวใจ ว่าจะรักษาเอาไว้ไม่ได้

จากคนที่ไม่เคยยี่หระในเรื่องความรัก ไม่เคยคิดไขว่คว้าหรือครอบครอง

พอมีกฤตเมธเข้ามาในชีวิต ทุกสิ่งในความคิดก็เปลี่ยนไป

ทั้งรัก ทั้งห่วง และแสนจะหวงแหน ไม่อยากสูญเสียคนคนนี้ไป แม้แต่ในความคิด

นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า....

เขาคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้อีกแล้ว หากต้องเสียกฤตเมธไป

ฝ่ายกฤตเมธเองก็ใช้แขนขวาข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บโอบรอบเอวสดายุไว้ ซบศีรษะแนบฟังเสียงหัวใจเป็นจังหวะของคนรักด้วยความเสน่หา  ไม่รู้เมื่อไหร่เหมือนกัน ที่กฤตเมธรู้จักที่จะให้ความรักกับคนอื่นนอกจากคนในครอบครัวได้มากขนาดไม่เสียดายชีวิต

นอกจากครอบครัวที่เหลือเพียงคนเดียวคือมารดา  เขาก็ไม่เคยคิดสร้างครอบครัวกับใคร หรือแม้จะเคยมีแอบคิดไปว่าอาจไปด้วยกันได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครที่สามารถรั้งใจของเขาไว้ได้สักคน กฤตเมธยิ้มน้อยๆ ที่เป็นแบบนั้น คงเพราะเขาเป็นเกย์หลบในแน่ๆ เลยคบผู้หญิงแล้วไปไม่รอดสักราย สุดท้ายพอมาคบผู้ชายด้วยกัน ดันหลงรักแบบสุดใจ จนถอนตัวไม่ขึ้น

ดีเหลือเกิน...ที่เก็บถนอมรักษาหัวใจของตนไว้จนแก่

ดีเหลือเกินที่สุดท้ายก็ได้ยกมันให้กับคนที่คู่ควรที่สุด

ดีเหลือเกินที่ได้รัก...สดายุ

คนขี้เหงาแสนเปราะบาง ที่น่ารักที่สุด...

กฤตเมธผละออกจากอ้อมกอดของสดายุเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็ได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างน่าสงสารของสดายุ แดงไปหมดทั้งตา แก้มใส ปลายจมูก กระทั่งริมฝีปากที่เม้มแน่นกลั้นก้อนสะอื้น ยังแดงก่ำ เสียจนกฤตเมธอดเอื้อมมือขึ้นไปลูบไล้ไม่ไหว ลูบปาก พลางช่วยปาดหยาดน้ำตาที่ข้างแก้ม

ดวงตาสบประสานสายตา

กฤตเมธยิ้ม เช่นเดียวกับสดายุ

มือแกร่งที่ลูบอยู่ข้างแก้ม เปลี่ยนเป็นโน้มท้ายทอยของสดายุให้ก้มลงมารับจุมพิตปลอบขวัญ

จูบที่เป็นเพียงการประทับริมฝีปากเข้าหากัน ช่างอ่อนหวาน อ่อนโยน และลึกซึ้ง

จุ๊บ...

เสียงจุ๊บเล็กๆเล็ดรอด เมื่อริมฝีปากผละห่าง ทว่าเพียงครู่เดียวก็ถูกดึงดูดเข้าหากันใหม่

กฤตเมธเอื้อมกอดเอวคอดของสดายุไว้ เพื่อรั้งให้ร่างบอบบางเข้าแนบชิด  สดายุเองก็ก็ใช้สองมือของตนประคองใบหน้าของกฤตเมธเอาไว้ พลางก้มประทับจูบนิ่งเนิ่นนาน

นานจนลืมที่จะสนใจไปเลยว่ารอบข้างเกิดอะไรขึ้นบ้าง

แฮ่ม...

แม้เสียงกระแอมสองสามครั้ง พวกเขาก็ไม่ได้ยิน

แฮ่ม...

จนกระทั่งเสียงกระแอมครั้งสุดท้ายนั่นแหละ ที่สดายุได้ยินเข้าพอดี เล่นเอารีบผละจากร่างของกฤตเมธแทบไม่ทัน

สองหนุ่มหันตามกันไป เพื่อพบว่าผู้มาเยือนคือใคร

"แม่..."  

สดายุแทบลมจับ ทันทีที่กฤตเมธขานเรียกหญิงสูงวัยที่ยืนส่งยิ้มหวานอยู่ข้างเตียง

*
*
*
*
*

ร่างสูงโปร่งหมอบกรานบนพื้นปูนโดยไม่ยี่หระว่าจะเปรอะเปื้อน สองมือพนมก้มกราบแนบหลังเท้าเปลือยพร้อมน้ำตาที่ถะถั่งออกมาอย่างยากระงับ
คำขอโทษแผ่วระโหยด้วยเพราะมีก้อนสะอื้นเข้าขัดขวาง

ร่างคุดคู้สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีฝ่ามืออุ่นหนาบรรจงลูบลงที่ศีรษะอย่างอ่อนโยน ก่อนที่ทั้งร่างจะถูกประคองขึ้นมาสวมกอด

"ดิน...ดินลูกพ่อ"

บดีครางเรียกชื่อลูกชายคนเดียวด้วยความคิดถึง นานเหลือเกินแล้วที่ไม่ได้โอบกอด ความโหยหาถูกเติมเต็มจนเอ่อล้นเป็นหยาดน้ำตาหลั่งริน
สองพ่อลูกประคับประคอง สวมกอดกันด้วยความคิดถึง น้ำตาที่ผสมหลากหลายความรู้สึกรินหลั่ง รู้สึกผิด เศร้า เหงา เสียดาย รัก คิดถึง ดีใจ ไม่อายแล้วว่ายังมีใครคนอื่นเห็นความน่าสมเพชเหล่านี้หรือไม่ ความตื้นตันผลักดันให้รู้สึกอิ่มเอมเสียยิ่งกว่าความอับอาย

"ผมขอโทษครับพ่อ ผมมันเป็นลูกเลว ผมทำให้พ่อต้องลำบาก ผมมันทรพี..."  บดินทร์สะอื้นฮั่ก พร่ำเอ่ยขอโทษบิดาของตนไม่ขาดปาก ความรู้สึกผิดถาโถมจนหัวใจเจ็บร้าว

"ไม่เป็นไรลูก...ไม่เป็นไร พ่อเองต่างหากที่ผิด ที่ไม่ฟังลูก พ่อสิต้องขอโทษเจ้า ดินเอ้ย พ่อขอโทษ...ทั้งหมดเป็นเพราะพ่อคนนี้ทั้งนั้น พ่อขอโทษนะลูก..."  ฝ่ายบิดาก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายต่อว่าตอกย้ำซ้ำเติม แต่กลับสวมกอดลูกชายแน่น ลูบแผ่นหลังสั่นระริกปลอบประโลม แล้วยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นมาเป็นของตัวเองแต่เพียงผู้เดียว

"ฮือ...พ่อครับ ดิน...ขอโทษ.....ดิน...คิดถึงพ่อครับ คิดถึงพ่อ..."  บดินทร์กอดร่างเล็กกว่าของบิดาแน่น ซุกใบหน้าเปื้อนน้ำตาลงบนไหล่ที่เล็กลงกว่าความทรงจำ พ่อผอมลงมาก แค่เห็นน้ำตาของบดินทร์ก็ถะถั่งออกมาอีกรอบ พูดออกไปไม่ไหว ทั้งที่ในหัวใจรู้สึกผิดกับบิดาเหลือเกิน

เนิ่นนานกว่าสองพ่อลูกจะกลับมามีสติ กว่าจะหยุดร้องไห้กันได้ ก็เล่นเอาหน้าตาแดงช้ำกันไปหมดทั้งพ่อลูก ในที่สุดทั้งหมดก็ได้เคลื่อนตัวจากหน้าบ้าน เข้ามานั่งคุยกันในห้องรับแขกได้เสียที

เพราะลูกน้องของดนัยโทรมาแจ้งเมื่อคืนว่า ดนัยและบดินทร์จะยังไม่ตรงกลับมาที่เซฟเฮ้าส์เมื่อคืน ทำให้ผู้รอคอยอีกคนอย่างซอลย่าต้องขอตัวกลับไปก่อน โดยรับปากว่าจะรีบกลับมาที่นี่อีกครั้งในตอนเช้า ซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งแปดโมง คาดว่าอีกไม่นานซอลย่าคงจะมาถึง

ดนัยนั่งมองอยู่ห่างๆ ในฐานะเจ้าบ้านเขายังไม่มีสิทธิ์ผละจากที่ที่มีแขกเหรื่ออยู่กันเต็มบ้าน แต่ก็ยังไม่ใช่เวลาแสดงตัว เพราะดูเหมือนตอนนี้ยังเป็นเวลาของครอบครัว

บดินทร์ยังคงสะอื้นเล็กๆ แต่ใบหน้าอิ่มเอมขึ้นจากตอนแรกมาก วันนี้อาจเป็นวันที่เขามีความสุขที่สุดในรอบหลายปีเลยก็ว่าได้ ได้กอดพ่อ ได้กราบขอโทษแม่เลี้ยง และได้ปรับความเข้าใจ ได้เอ่ยขอโทษน้องเลี้ยงอย่างเพียงดาว

เพียงดาวอุ้มลูกสาวหน้าตาน่ารัก ผิวขาวดวงตาสีน้ำข้าวเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนเหมือนผู้เป็นพ่อ หล่อนนั่งส่งยิ้มให้พี่ชายต่างสายเลือดที่ไม่ได้เจอกันนานไม่ขาด ไม่ว่าหล่อนกับบดินทร์จะเคยมีเรื่องอะไรระหว่างกันมา ตอนนี้หล่อนอภัยให้ได้หมดแล้ว
ผิดกับบดินทร์ที่ยังคงรู้สึกผิดกับเพียงดาวมากมาย วัยเยาว์ผ่านไปไวนัก เผลอเพียงนิดเดียว ตอนนี้พวกเขาก็เลยมาจนถึงจุดที่ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว

บดินทร์รู้สึกผิดต่อเพียงดาวมากมายเสียจนแทบไม่กล้ามองหน้า

เขาเป็นเกย์...

แม้ไม่ได้แน่ใจนัก  แต่บดินทร์ชอบผู้ชายมากกว่าผู้หญิง  ถึงแม้จะยังไม่เคยปรารถนาที่จะมีสัมพันธ์ทางกายกับผู้ชายคนไหนนอกเหนือจากสดายุ แต่ก็ไม่นึกอยากนอนกับผู้หญิงคนไหนเป็นพิเศษเช่นกัน

เขาคงเป็นเกย์...ที่สามารถนอนกับผู้หญิงได้อย่างไม่นึกรังเกียจ  แต่เป็นแค่การมีความสัมพันธ์ทางกายบังหน้า เพียงเพื่อรักษาภาพพจน์ตอนที่ยังเป็นนักแสดง เพราะนิสัยเพลย์บอยนิดๆจะสามารถทำให้อนาคตในวงการไปได้ไกลกว่าการเป็นดาราชายที่รักนวลสงวนตัว ดังนั้นบดินทร์จึงจะต้องเลือกขึ้นเตียงกับดารานางแบบบางคน เพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองไว้

เขาไม่สามารถเผยตัวตนได้ไม่ว่ากับใครก็ตาม และด้วยเหตุผลนี้ ทำให้เขาเลือกที่จะทิ้งหัวใจของตัวเอง ในเมื่อเป็นตัวของตัวเองไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขามีจึงเป็นเพียงความเงียบเฉยเย็นชา ซึ่งมันกลายเป็นสันดานดิบติดตัวมาจนถึงตอนนี้

และเพราะเขาอาจเป็นเกย์นี่แหละ เขาจึงรู้สึกผิดต่อเพียงดาวเหลือเกิน

ในโลกที่แสนเย็นชา มีเพียงสดายุคนเดียวเท่านั้นที่บดินทร์รักและเปิดใจให้ ขนาดรู้ทั้งรู้ว่าสดายุเป็นชายแท้ที่ชอบผู้หญิง แต่บดินทร์ก็ยังคงรู้สึกรัก แม้ได้อยู่ข้างกันในฐานะเพื่อน ก็สุดแสนจะยินดีแล้ว

ทว่าในวันที่สดายุตกลงเป็นแฟนกับเพียงดาว ภายใต้การแนะนำจอมปลอมของตน บดินทร์ใจแทบขาด ในวันนั้นเขาโกรธเกลียดเพียงดาวเหลือเกิน ที่มาคว้าสิ่งสำคัญของเขาไปซึ่งๆหน้า

เพียงดาวยังเด็กเกินไป หล่อนยังมีความสุขในการบริหารเสน่ห์วัยใส ดังนั้นจึงไม่ยากเลยที่บดินทร์จะใช้เสน่ห์ของตนยั่วเย้าให้เพียงดาวขึ้นเตียงกับตน เพื่อที่บดินทร์จะสามารถใช้ความผิดของเพียงดาวในข้อนี้ กีดกันเพียงดาวให้ออกจากสดายุได้

แผนชั่วของเขา มันคงสำเร็จไปได้ด้วยดี ถ้าแม้เพียงดาวจะไม่ท้องขึ้นเสียก่อน จนเกิดเรื่องราวมากมายตามมาในที่สุด...

เรื่องนี้บดินทร์ยังไม่กล้าเอ่ยปากกับใคร แม้แต่กับสดายุ

บดินทร์ได้แต่เกลียดตัวเองเหลือเกินที่มักหันหลังหนีปัญหา เกลียดตัวเองที่ไม่เคยคิดเผชิญหน้าแม้กระทั่งตอนนี้

"...ดาว...พี่...ขอโทษ"  แต่ถึงอย่างไรวันนี้เขาควรกล่าวขอโทษเพียงดาว ขอโทษในสิ่งชั่วช้าที่เขาเคยกระทำ หากจะถูกก่นด่าตอบโต้กลับมาอย่างไร เขาก็ยินยอมรับมันทั้งนั้น…

และสิ่งที่บดินทร์ได้รับกลับมา คืออุ้งมืออุ่นของเพียงดาวที่ขยับมาจับกุมมือของเขาไว้ด้วยความเอื้ออารี หล่อนยิ้ม เฉกเช่นวันเก่าก่อนในความทรงจำ  ยิ้มให้กับบดินทร์ที่กำลังมีน้ำตาคลอหน่วย พร้อมเอ่ยถ้อยคำที่ราวกับน้ำผึ้งชโลมใจ

“เรื่องที่มันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเถอะพี่ดิน ดาวไม่คิดติดใจอะไรพี่ดินหรอกค่ะ มันก็แค่ความผิดพลาด เราทั้งคู่ก็แค่ยังเด็ก ที่ดาวมาวันนี้ดาวไม่ได้มาเพื่อฟังคำขอโทษหรอกนะคะ ดาวมาเพราะคิดถึง มาเพราะอยากเจอพี่ชายของดาวอีกครั้ง ก็เท่านั้นเอง”

เพียงดาวเอ่ยทุกถ้อยคำออกมาด้วยความจริงใจ กระชับมือของบดินทร์ไว้มั่น แล้วเอนซบในอ้อมกอดของพี่ชายด้วยความรัก บดินทร์กอดเพียงดาวแน่น ไม่ได้กล่าวคำใดมากไปกว่าคำว่าขอโทษ ทั้งที่ยังมีสิ่งติดค้าง แต่เพียงดาวยืนยันกับชายหนุ่มทางสายตา ว่าไม่ต้องการให้บดินทร์เอ่ยสิ่งใดอีก หล่อนกระซิบบางเบา… “เก็บมันไว้เป็นอดีตเถอะค่ะ”  หลังผละจากกันเพียงดาวก็แนะนำลูกสาวให้คุณลุงอย่างบดินทร์ได้รู้จัก สาวน้อยวัยขวบเศษ ลูกครึ่งสวีเดน ตามสัญชาติของผู้เป็นพ่อ น่ารักจนบดินทร์ต้องขออุ้มมากอด เด็กน้อยยิ้มร่า จนเพียงดาวยังแซวว่า ปกติไม่ยอมให้ใครอุ้มง่ายๆแท้ๆ แต่ดูเหมือนจะติดลุงแจเสียแล้ว

ทุกอย่างผ่านไปได้อย่างเรียบร้อย  พร้อมกับที่บดินทร์เล็งเห็นแล้วว่า เขาควรพูดเรื่องสำคัญกับบิดาของตนได้เสียที

เรื่องที่ดิน กับหนี้สินสิบล้าน

ทว่า…ทันทีที่ถามออกไป คำตอบที่ได้ กลับทำให้บดินทร์ถึงกับมึนทื่อไปทั้งท้ายทอย ใบหน้าเนียนชาวาบราวกับเพิ่งถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด

“พ่อยังไม่ได้ขายที่หรอกดิน เพราะคุณดนัยเพื่อนลูก เขาช่วยใช้หนี้สิบล้านแทนให้ลูกทั้งหมดแล้ว”


*******************************************************
ขอโทษที่ต้องทำให้ค้างเติ่งนะเจ้าคะ
ขอเก็บความตื่นเต้นไว้ตอนหน้าบ้าง เดี๋ยวไม่มีอะไรดึงดูด อิอิ

**ความในใจ...เงียบๆ ของอนาคี...
ฉากอย่างว่า...ที่ไม่ได้เขียนมานาน
พอเริ่มเขียนปุ๊บ...เวรละ พลังจินตนาการมันดรอปลง!!!
บทสังวาส 8 หน้าเล่นเอาตาค้าง (เพราะไม่ได้นอน)
หุหุ ขาดๆเกินๆไปหน่อย เอาเป็นว่าเน้นเนื้อหา ไม่เน้นฉากแล้วกันเนอะ...

ภาระใหญ่ที่ยังรออยู่คือ...ฉากฮันนีมูนอันน่าอัศจรรย์ใจของ เมธ&ยุ สินะ (=.,=")>
(ไหนจะคู่เจ๊บลู คู่นุ้งพอร์ช แล้วยังมีติ่งคู่เฮียอ๊อดอีก!!)
นี่ข้าพเจ้าต้องใช้พลังจินตนาการอีกมากแค่ไหนเนี่ย...ฮี่ฮี่

จากความในใจด้านบน มันช่างชัดเจนเหลือเกินว่าไอ้อนาคีมันหื่นขนาดไหน ฮ่าฮ่า
เพี๊ยะ!! //ตบเรียกสติตัวเอง//เอ้าๆ เขียนเนื้อหาอื่นๆต่อ!!

ปล. ในเรื่องนี้ จากตอนนี้ไป ดินกับดนัย เหลือโผล่มาให้เห็นอีกแค่สองครั้ง คือตอนหน้ากับก่อนจบนะจ๊ะ
รอเจอพวกมันอีกที ก็ตอนเปิดเรื่องของตัวเองเลยจ๊า 'ตัวร้ายในกรงรัก'
(เดี๋ยวมันจะเด่นเกินหน้าเจ้าของเรื่องเกิน…)
ตามไปแซ่บกันต่อที่นั่นนะจ๊ะ...(แต่ยังบอกไม่ได้เน่อ ว่าจะเปิดเมื่อไหร่ หุหุ)
สารภาพเบาๆว่า ดินกะดนัยจะยังไม่ปิ๊ง ไม่สปาร์คกันในเรื่องนี้นะจ๊ะ
ยังคงยืนยันการจบที่ไม่ได้กันเช่นเดิม
แต่! เปลี่ยนจากจบแบบหันหลังคนละทาง
เป็น.........อะไรน๊า...
หากพวกตะเองกำลังรอฉากมุ้มมิ้งดินดนัยล่ะก็...ต้องอดทนรอกันหน่อยนะจ๊ะ
รอข้ามเรื่องกันเลยทีเดียว
กัดชายผ้าเช็ดหน้าขัดใจเล็กๆ ไปพลางนะทูนหัวของเก๊า จุ๊บๆๆๆ

บดินทร์นี่...เลวมาเยอะเหมือนกันเนอะ
นางจะแอ๊บแบ๊วก็เฉพาะต่อหน้าน้องยุเท่านั้นสินะ...

ทายสิ…ตอนหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ทั้งกับน้องยุที่เผลอเลิฟซีนต่อหน้าแม่พี่เมธ
และน้องดินที่ดันมีหนี้บุญคุณเพิ่มซะแล้ว…

สปอยล์ :
“คุณบอกสินะ ว่าสิ่งที่ผมทำให้ คือหนี้บุญคุณที่คุณไม่ต้องการ…
ผมก็อยากบอกเหมือนกันว่า สิ่งที่คุณมอบให้ผมมาโดยข้ออ้างว่าคือการชดใช้…
ผมเอง…ก็ไม่ได้ต้องการเหมือนกัน”


ขอจบการเวิ้นเว้อแต่เพียงเท่านี้…
ขอบคุณที่อุตส่าห์แวะมาอ่านนะคะ
จุ๊บๆๆๆ
อนาคี99 / Thearboo

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 15-07-2015 02:29:28
น้องดินทร์~~~~~ ปากช่างประชดนั่นพาซวยจริงๆ
อันที่จริง ดนัยก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก ถ้าหนูไม่ไปพูดจากวนประสาทเขา
แต่...ถ้าง่ายๆ หวานๆ เลิฟๆ ก็ไม่ฟิน ไม่สนุกซินะ
อยากอ่าน เรื่องใหม่มาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: keepout ที่ 15-07-2015 05:53:33
รักพี่เมธมากมายยยยย
ยุแอบแซ่บบบบบบบบบ55555555555
แม่พี่เมธดูแล้วไม่น่าจะดราม่า(มั้ง)
ดินทำตัวเองหรือป่าวนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 15-07-2015 06:33:25
ไม่ต้องการก็ส่งดินมาทางนี้ *เปรี้ยง*
ดนัย/โทษทีปืนลั่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-07-2015 07:17:21
ทำไมเรามองไม่เห็นหนทางที่คู่นี้จะรักกันเลยนะ
จะสงสารดินก็สงสารไม่สุดวุ้ย
กลับไปซบคู่หลักดีกว่า
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-07-2015 08:10:03
รออ่านเรื่องสนุกๆ นี้ต่อจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-07-2015 08:10:37
รออ่านเรื่องสนุกๆ นี้ต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 15-07-2015 09:47:04
คู่หนึ่งหวานที่โรงพบาบาลอีดคู่ก็อึน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-07-2015 09:48:27
น้องดินกับดนัยนี่ท่าทางจะชดใช้กันอีกยาวๆๆ o18

แม่สามีเห็นฉากเด็ดแล้วน้องยุ :hao3:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 15-07-2015 10:06:06
รอตอนต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-07-2015 11:14:27
ซึ้งกับเพียงดาว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 15-07-2015 11:23:28

ไม่เคยพอ

แบบว่าอยากได้อีก

รอต่อไป

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-07-2015 14:29:40
เค้าจะรักกันยังไงละเนี่ย TT

เเต่เฮือกมากกก :haun4:
สู้นะดิน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 15-07-2015 16:19:06
หลากหลายอารมณ์ดีจริง ๆ  แต่ชอบสปอยล์นี้จริง ๆ นะนี่ ....สิ่งที่คุณมอบให้ผมมาโดยข้ออ้างว่าคือการชดใช้…ผมเอง…ก็ไม่ได้ต้องการเหมือนกัน”
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-07-2015 16:21:10
น้องดินช่างประชดดีนะซวยเลย ดนัยก็นะพูดดีๆ ไม่เป็นหรือไงถึงต้องจี้ใจดำดินเค้าน่ะ
ถ้าสนใจเค้าก็ทำดีกับเค้าหน่อยซิมันจะตายเหรอ เก่งนี่เรื่องดูคนหรืออ่านนิสัยใจคอคนอื่นน่ะ
ทำไมไม่รู้ล่ะว่าดินนิสัยยังไง ไม่ค่อยตะล่อมให้ดินยอมเองดีกว่าหรอกหรือ
ถ้าไม่สนเค้าก็ปล่อยเค้าไปซิ ไม่ใช่เค้าเสนอมาเพราะประชดเพราะว่าโกรธก็รับอ่ะ

แต่ดูๆ คงเป็นดนัยเองซะละมั้งที่ตกหลุมที่ตัวเองทำเอาไว้โดยไม่รู้ตัวนะ
ระวังเถอะจะหลงดินไม่ลืมหูลืมตาน่ะ

ปล. แท็คล่วงหน้าไว้ได้มั้ยเนี่ยว่า #ดนัยคนหลงเมียเนี่ย เราว่าต้องเป็นยังงั้นชัวร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 15-07-2015 16:45:45
เดี๋ยนฟินมากๆๆๆๆ ฉากเค้าได้กัน ดินกับดนัย  :hao7:
รู้สึกว่าดนัยหลงดินไปแล้วแบบไม่รู้ตัว (เอ๊ะ หรือรู้ ? ><)
แต่ดินยังคงเกลียดดนัยอยู่ซึ่งไม่แปลก เพราะดนัยทำเค้าไว้แรงมากกก ดังนั้น เดี๊ยนรอเรื่องต่อของคู่นี้จริงจังฮ่ะ ชั้นรักชั้นกลงเธอสองคน

พี่เมธกับน้องยุ คู่นี้ผ่านอุปสรรคมาเยอะ แต่ยุคงจะได้มีความสุขอย่างเต็มที่ซะทีนิ เชื่อ 100 % ว่าพี่เมธจะดูแลน้องได้ตลอดไป รอติดตามต่อไป

คู่ซอลย่ากับเจ้บลูม่า เดี๊ยนก็รอความเป็นไปของเธอสองคนอยู่นะ มาอัฟเดทด้วยน้าาา

แอบทวง "พจมาน..." ด้วย กะลังมัน 5555 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-07-2015 18:57:29
เห้ออ!! สงสารดินจุง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-07-2015 19:12:00
 :m25: ไม่ได้เตรียมมาหื่น แต่ก็นะพร้อมเสมอ  :laugh:

รอตอนต่อไปซิเนอะ  :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 15-07-2015 19:24:18
ร้องยุกับพี่เมฆแม้แต่ในโรงบาลก็ไม่แคร์สื่อ  :hao7:
อยากอ่านคู่บดินทร์กับดนัยมากเลยค่ะ อยากรู้จริงๆว่าจะไปรักกันที่ตรงไหนนะ จะเอาอะไรมาประทับใจกัน แรงกับแรง   :z2:
ขนาดยังไม่สปากค์กันนะ เอาซะรถโยกเลย กร๊ากกกกก  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 15-07-2015 19:57:27
ชอบแบบsmสินะ
ดิน 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 15-07-2015 20:15:51
ดินกับดนัยนี่ หนทางรัก คงลำบาก

ไปหวานไปพี่เมธและน้องยุดีกว่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 15-07-2015 21:23:20
ดนัย-บดินทร์ ไม่หวานรื่นเท่าไร แต่แซ่บมากกกกกกกกกกก :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 15-07-2015 21:51:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 15-07-2015 22:06:29
สุขไหนจะเท่าได้อยู่กับคนที่เรารักและรักเรา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 15-07-2015 22:27:50
ฮื่อออออ คู่สดายุกับกฤตเมธก็หวานนน แต่อีกคู่นี่สิ จะทำร้ายไปไหนนนน


ถ้าทวงพจมาจที่นี่จะผิดมั้ยคะ อิอิ :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 15-07-2015 22:36:25
ขอแท็ก #ดนัยคนหลงเมีย ด้วยคนค่ะ ><  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 15-07-2015 23:25:36
มันเด็ดมาก...

ขอรับบริจาคเลือดค่ะ เนื่องจากภาวะเสียเลือดมากเกินไป

หูยยย อดใจรอตอนของบดินทร์ดนัยไม่ไหวแล้ววว นานแค่ไหนก็จะรอค่ะ เยิฟฟ

คิดถึงเจ๊บลูม่ามาก ณ จุดนี้ เจ๊จะมีความเป็นผัวได้ขนาดไหน 55555555

ตีแปงนอนรอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-07-2015 06:53:22
วุ่นวายได้โล่...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 16-07-2015 07:28:45
ชดใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมดหรอกดินดนัยเขาจ่อง
ตัวแกไว้แล้วเขาไม่ปล่อยไปง่ายๆหรอก
รออ่านเรื่องของดนัยกับดินอยู่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 16-07-2015 08:55:15
อ่านตอนนี้แล้วหายคิดถึงเลยคะ ชอบทัเงสองคู่เลย คิคิ
พี่เมธเวอชั่นขี้อ่อนก็น่ารักอ่า ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-07-2015 09:40:54
คุณแม่มาปะ ฉากสวีทททท ฮี่ ๆ

ส่วนคู่ดนัย ลุ้นต่อปายยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 16-07-2015 10:10:14
บดินทร์กับดนัยเป็นอะไรที่หน่วงใจจริงๆ
อ่านแล้วแบบ มาขนาดนี้ยังไม่เลิกทิฐิต่อกัน
สงสารอ่า ไม่รู้ เหมือนอยู่ใกล้กันแต่มองไปกลับไม่เจอ
เป็นความรู้สึกที่แบบ มันบรรยายยาก แต่ชอบคู่นี้จัง
แบดเอนสำหรับคู่นี้ก็ไม่เป็นไร ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วค่ะ

แต่คู่ยุคือได้โปรด น่ารักมากกกก
แต่ก็กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้

ขอบคุณนะคะ
สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-07-2015 11:59:32
นี่ตอนนี้ตามลุ้นคู่ดนัยกับบดินทร์มากกว่าคู่หลักแล้วนะเนี่ย 55555
แต่ทางน้องยุตอนนี้ก็น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน
มาดูว่าคุณแม่จะว่ายังไงบ้าง

ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 16-07-2015 12:38:20
สนุกมากกก ดินเอ้ยยย ถ้าจะชดใช้ด้วยการทำแบบนี้ ทำใจเลย อีกเยอะะะะะ

ชอบยุกับพี่เมธ เอาแล้วๆ แม่มาเห็นแบบนี้ทำไงๆ
แต่ก็ให้แม่รู้ตอนนี้ดีกว่ารู้พร้อมคนอื่นตอนแถลงข่าวน่าาา
คงไม่ดราม่าหรอกเนอะ แม่ต้องเข้าใจเน้อออ แฮะ
ชอบค่ะ ยาวมากอ่านจุใจสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 16-07-2015 18:11:29
คุณอนาคี  ช่างหลอกล่อเราจริงๆ

อยากอ่านต่อเเล้วว  >\\\\<
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-07-2015 23:47:40
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 17-07-2015 14:05:23
จะมาต่อให้อ่านเมื่อไหร่หว่า......    อ่านรวดเดียว  ทันปัจจุบันแล้ว

สุดยอดดดด   ชอบๆ   ติดตามอยู่น่ะครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 18-07-2015 02:10:49
คู่ดนัยกับบดินทร์นี่คงปวดตับปวดไตอีกนานเลยสินะ
นิสัยแต่ละคน  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 19-07-2015 14:42:12
 :เฮ้อ: คู่นี้จะมีทางรักกันได้ยังไงเนี้ย เครียดมว้ากกกก อยากให้ดินเปิดใจให้กว้างๆ ไม่มีทิฐิเนอะ

ส่วนคู่หลักอย่างน้องยุก้หวานกันตลอดดด หยอดได้เป็นหยอด ฮิฮิ พ่อพระเอกฮีโร่  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 19-07-2015 16:58:20
บดินทร์กับดนัยมาแล้ววววสินะ
ปูเสื่อรอลุ้นความแซ่บ หุหุ
 :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: CMKH0318 ที่ 21-07-2015 12:59:32
กรี้ดดดดดดดดดด :hao7:

ข้ามไปรอเรื่องหน้าเลยได้หม้ายยยยยยยยยย
แหะๆ


น้องยุไม่ต้องกลัวค่ะ ยังไงแม่พี่เมธก็เป็นติ่งหนูนะลูก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: mypink801 ที่ 23-07-2015 20:48:14
รอค่ะรอ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: lovenadd ที่ 26-07-2015 22:18:42
คิดถึง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 30-07-2015 15:51:45
^

^

ด้วยคน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: THANZ ที่ 30-07-2015 22:49:15
รออออ :z3:  :z3:  :z3: วันนี้มาเถอะนะ F5 รัวๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 01-08-2015 02:48:58
หายนานไปแว๊วน๊าเนี๊ยะ  .....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-08-2015 07:15:44
ผมคือ...นางเอก
‘ชดเชย’



“พ่อยังไม่ได้ขายที่หรอกดิน เพราะคุณดนัยเพื่อนลูก เขาช่วยใช้หนี้สิบล้านแทนให้ลูกทั้งหมดแล้ว”

ทันทีที่ถามออกไป คำตอบที่ได้ กลับทำให้บดินทร์ถึงกับมึนทื่อไปทั้งท้ายทอย ใบหน้าเนียนชาวาบราวกับเพิ่งถูกสาดด้วยน้ำเย็นจัด

"คุณดนัยบอกพ่อว่า เขาตกลงกับดินแล้ว ว่าเขาจะจ่ายหนี้ก้อนนี้ให้ดินก่อน แล้วดินจะไปทำงานกับเขาเพื่อใช้หนี้"  คำอธิบายของบดี ทำหัวใจของบดินทร์บีบรัด แต่เมื่อได้เงยหน้าขึ้นสบตาผู้เป็นบิดาอีกครั้ง ใบหน้านั้นดูกังวล คงรู้สึกได้ว่าเขากำลังมีปัญหากับข้อตกลงที่เกิดขึ้นโดยที่ตนยังไม่รู้ตัว
พ่อย่อมไม่รู้ว่าเขาโดนดนัยรวบโดยไม่ทันรู้ตัว ข้อตกลงที่ฝ่ายนั้นอ้างกับพ่อ แน่นอนว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็น

ไม่แปลกหรอกหากบิดาของตนจะเชื่อดนัย ก็ใครที่ไหนจะยอมใช้หนี้แทนให้ดื้อๆตั้งสิบล้าน หากไม่ได้มีการตกลงรับปากหรือทำสัญญาอะไรกันไว้ก่อน

แต่ก็ดีแล้วล่ะ...

เปลี่ยนเจ้าหนี้ก็ดีเหมือนกัน คนของบ่อนมันชอบตามราวีถึงครอบครัว แต่กับเจ้าหนี้ใหม่คงตามรังควาญแต่เฉพาะตัวเขา

ในเมื่อได้มากกว่าเสีย ทำไมเขาจะต้องปฏิเสธเล่า

ไม่สิ...

เขาไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธต่างหาก

ชีวิตเขาถูกดนัยซื้อไว้แล้วด้วยเงินจำนวนสิบล้าน

เขามันบ้าไปเองที่เคยคิดว่าจะหนีคนคนนี้พ้น

บดินทร์ยิ้มขื่น ถอนหายใจบางๆ แล้วทำสีหน้าที่ดีที่สุดให้บิดาได้เห็น ลูกอกตัญญูคนนี้ จะไม่ยอมให้พ่อต้องทุกข์ใจไปด้วยอีกแล้ว

"ครับพ่อ ผมตกลงจะไปทำงานให้คุณดนัย เพื่อใช้หนี้ให้เขา"

*
*
*
*
*

แสงหรุบหรูส่องกระจ่างจากบานหน้าต่างกระจกใส ฝ่าระบายลูกไม้ของผ้าม่านผืนบาง เข้าสู่ห้องนอนที่มีสองร่างกอดก่ายกันอยู่บนเตียงนอนสีลูกพีชแสนหวาน เสียงสายฝนกระทบกระจกหน้าต่างเปาะแปะช่วยดึงให้เกิดบรรยากาศหวามหวานจนทำให้อดที่จะมอบจุมพิตลึกซึ้งแก่กันไม่ได้

จูบแผ่วเบา...อีกครั้ง และอีกครั้ง...

เกือบเจ็ดโมงเช้าของวันเสาร์ วันหยุดของใครหลายๆ และวันทำงานของอีกหลายๆชีวิต ท้องถนนไม่หนาแน่นด้วยรถราอึดอัดดังเช่นวันธรรมดา โดยเฉพาะช่วงเจ็ดโมงเช้า ยังถือได้ว่าการเดินทางบนถนนนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย แต่อาจเป็นเพราะวันนี้ ใจกลางเมืองหลวงมีฝนพรำลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ บนท้องถนนจึงมีรถบางตากว่าที่ควร

หลายคนฝ่าฝนออกทำงานกันแล้วตั้งแต่รุ่งสาง แต่ก็ยังมีอีกสองคนที่ยังนอนโดดงานเรื่อยเฉื่อยแฉะอยู่อย่างนั้น

คนตัวโตกว่าที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังยังคงหลับตาพริ้ม ดื่มด่ำกับยรรยากาศฝนพรำยามเช้า ผิดกับอีกคนที่อยู่ในอ้อมแขน ที่เริ่มขยับยุกยิก เพื่อขยับออกจากที่นอนนุ่ม

“อือ...”  ทว่าแค่ขยับนิดหน่อย ก็ถูกรั้งเอวบางไว้ให้อยู่นิ่ง ไม่ยอมให้ลุกออกจากกายไปก่อน  น้ำเสียงที่ส่งออกมาจึงไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เมื่อร่างบางในอ้อมแขนยังขยับขัดขืนไม่เลิก

"...เอ่อ...บลู ปล่อยซอลก่อนได้ไหม? ซอล...อยากลุกแล้ว..."  เสียงทุ้มหวานติดสั่นเล็กๆ ถามขึ้นมาในขณะที่ถูกคนตัวใหญ่กว่าที่ด้านหลังใช้ร่างเปลือยเปล่าบดเบียดเข้าหาไม่หยุด หน้าหวานแดงซ่าน นี่โรมรันกันมาทั้งคืนบลูม่ายังไม่เต็มอิ่มอีกหรือ

ทั้งที่ซอลตั้งใจจะอยู่รอบดินทร์ที่เซฟเฮ้าส์ของดนัยเสียหน่อย แต่บลูม่ากลับโทรไปตามไม่เลิก ห่วงน้องก็ห่วง แต่หัวใจก็ดันเรียกร้อง

แล้วพอกลับมา ทั้งที่กว่าจะมาถึงก็เกือบห้าทุ่มเข้าไปแล้ว ยังถูกใช้แรงงานร่างกายเสียจนเกือบตีสามกว่าจะได้นอน แล้วนี่...ยังจะรั้งไว้อีกหรือ

คิดไปคิดมาหน้าของซอลย่ายิ่งแดงหนัก ไพล่คิดไปถึงบดินทร์แล้วยิ่งอยากทุบหัวตัวเองเสียที รู้สึกผิดต่อน้องรักเหลือเกิน

ขอโทษนะดิน...ที่พี่มันใจง่ายอีกแล้ว...

"...บลู?..."  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงเฉย ซอลย่าก็เรียกชื่ออีกฝ่ายขึ้นมาเบาๆ ราวกับจะหยั่งว่าอีกฝ่ายยังตื่นอยู่หรือเปล่า เพราะถ้าหลับ เขาอาจดอดออกจากอ้อมแขนนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

"จะไปไหน?"  น้ำเสียงแหบห้าวผิดวิสัย ถามขึ้นคล้ายขัดใจที่ถูกขัดขืน อ้อมแขนกระชับแน่นขึ้น จมูกโด่งสันเริ่มซุกหนักอยู่แถวหลังซอกคอขาว

“อื้อ...บลู...อ...อย่า ซอลต้องรีบไปวังน้ำเขียวแล้ว เดี๋ยวสาย”  เพราะโดนรุกเร้าหนักตรงซอกคอที่เป็นจุดอ่อน ซอลย่าสะท้านเยือก ย่นคอต่อต้าน แล้วเร่งอธิบายให้คนเบื้องหลังรับรู้ถึงเหตุผลที่ต้องขอตัวเป็นอิสระจากความหวานเชื่อมนี้โดยเร็ว

(ก่อนจะเคลิ้มตามไปเสียก่อน)

“ไปหามันอีกแล้วเหรอ?”  ครานี้น้ำเสียงทุ้มหวานพลันกร้าวขึ้น ซึ่งซอลย่าก็พอจะเดาได้ว่าบลูม่าย่อมไม่พอใจ เพราะบลูม่านั้นค่อนข้างไม่ชอบหน้าบดินทร์เท่าไหร่นัก

.....ไม่ใช่แค่ไม่ชอบด้วยซ้ำ แต่เกลียดเลยต่างหาก

แต่จะให้ทำอย่างไรเล่า ในเมื่อซอลย่าไม่อาจเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้ คนหนึ่งก็เป็นดั่งเจ้าของหัวใจ คนหนึ่งก็ไม่ต่างน้องแท้ๆที่คลานตามกันมา  คนละความหมาย คนละจุดยืน ดังนั้นจึงไม่อาจละเลยได้ทั้งสองหัวใจ

“...ซอลสัญญากับพ่อของดินไว้แล้วว่าวันนี้จะเข้าไปหา...ซอลไม่อยากผิดสัญญา...”  ซอลย่าอ้อมแอ้มตอบแผ่วผิว

“กลัวผิดสัญญา หรือกลัวไม่ได้ไปโอ๋มันกันแน่!?” ก็ดังที่คาด ว่าต้องโดนบลูม่ากระทบกระเทียบกลับมาอย่างแสบสัน ชนิดที่เล่นเอาซอลย่าถึงกับหน้าม้าน ได้แต่ปฏิเสธเบาๆว่า  เปล่าโอ๋เสียหน่อย 

ทว่าเพียงการเถียงเบาๆแค่นั้น กลับยั่วยุจนบลูม่าหงุดหงิดขึ้นจนได้ ร่างหนากว่าจับตัวซอลย่าให้หันเผชิญหน้าโดยการจับพลิกให้คนตัวเล็กกว่าลงไปอยู่ใต้ร่างตนทันที

“…บ..บลู?”  ซอลย่าครางเครือน่าสงสาร กลัวบลูม่าจะโกรธงอนจนไม่ยอมให้ง้ออีก  ดวงตาคู่หวานเอ่อรื้นไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างช่วยไม่ได้ ริมฝีปากบางรีบละล่ำละลักขออภัยก่อนที่อะไรๆจะเลวร้ายกว่าที่คิด เพราะซอลย่ายังแคร์อารมณ์ของบลูม่ามากเหลือเกิน  “โกรธมากเลยเหรอ?...ซอลขอโทษนะ”

“โกรธสิ เธอจะไปหาชายอื่นทำไมฉันจะไม่โกรธ เธอเป็นของฉัน ทำไมฉันต้องยอมให้เธอไปคอยโอ๋ใครต่อใครด้วย?”  บลูม่าร่ายยาว อย่างหัวเสีย ถ้าชายคนนั้นไม่ใช่บดินทร์บางทีเขาอาจยอมหยวน แต่นี่…มันทำใจยากเหลือเกิน ถึงสดายุจะว่ามันดีขึ้นแล้วก็เถอะ แต่อย่างไรซะ เขาก็ยังเกลียดหมอนั่นอยู่ดี!

“บลู…อย่าทำแบบนี้สิ”  พูดไปตั้งยาวตั้งยืด แทนที่ซอลย่าจะตระหนักว่าไม่ควรผละจากอ้อมกอดนี้ไปหาชายใด คนใต้ร่างกลับตัดพ้อเสียอย่างนั้น บลูม่ากำลังจะได้ฤกษ์ค่อนแคะต่อ แต่พอเจอประโยคต่อท้ายของซอลย่าเข้าไป…

“อย่าทำว่ากำลังหึงกันสิ…ซอลกลัวตัวเองจะเข้าใจผิด”

 เพียงแค่คำถามเดียวเท่านั้น ทำบลูม่าไปต่อไม่ถูก ใบหน้าดุดันซับสีชมพูระเรื่อขึ้นทันทีที่ถูกจับไต๋ได้ เอาเข้าจริงก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบัง เพราะเขากับซอลย่าก็มาไกลจนถึงขั้นนี้แล้ว แค่พอจู่ๆอีกฝ่ายก็ทักขึ้นมากะทันหัน เลยรับมือไม่ทันก็เท่านั้นเอง แบบนี้ต้องลงโทษเสียหน่อยแล้ว

“อ๊ะ! บลู??”   คนถูกลงโทษร้องเสียงหลง  เมื่อถูกลงโทษโดยการจุมพิตร้อนแรงไปทั่วทั้งใบหน้า ก่อนจะครางต่อต้านเสียงหวานฉ่ำเมื่อถูกซุกไซร้ลงมาจนถึงซอกคอผอมบาง
 
“อื้อ...อย่า...”   ซอลย่าครางวะหวิวยับยั้ง เมื่อถูกดูดดุนยอดอกที่กำลังชูช่อราวกับกำลังรับการเอ็นดูอย่างจดจ่อ ด้วยอารมณ์พุ่งสูง บลูม่าครอบครองตุ่มไตน่ารักน่าขย่ำอย่างดุดัน ทั้งดูดทั้งส่งปลายลิ้นร้อนระอุหยอกเย้า ชนิดที่ไม่ปราณีให้ซอลย่าได้พักหายใจหายคอ  เล่นเอาร่างบางต้องสะดุ้งเฮือกๆ ด้วยความซ่านเสียวระคนหวามไหว

"อือ...อย่าดิ้นนะ..."  บลูม่าคำรามห้ามเบาๆ เมื่อคนใต้ร่างพยายามขยับหนี

 "บลู...อ๊ะ...อื้อ...ซอลขอโทษ..."   ซอลย่าไม่รู้เลยว่าจู่ๆไปจุดประกายหวามของบลูม่าเข้าตรงไหน อีกฝ่ายถึงได้คึกคักขึ้นมา จนเลยเถิดมาถึงตรงนี้ได้ หรือว่าบลูม่าจะโกรธมาก ถึงได้ลงไม้ลงมือโดยไม่พูดไม่จาแบบนี้ เขาทำอะไรผิดกัน

แค่คิดน้ำตาก็พาลรื้นขึ้นมาอีกคำรบ ซอลย่าเกลียดตัวเองเหลือเกินที่อ่อนแออ่อนไหว แต่เพราะเป็นคนที่รักเต็มหัวใจ มันจึงสุดจะฝืดฝืน ก้อนสะอื้นเล็กๆที่หลุดรอดออกมา ทำบลูม่าหยุดยั้งการกระทำย่ามใจได้ชะงัด อารมณ์ที่เพิ่งกระพือโหมอยู่เมื่อครู่ มอดวูบในทันใด

“เป็นอะไรอีกล่ะ? ร้องไห้ทำไมหืม?”  ผู้รุกรานเสียงอ่อนลงในที่สุด เขาโหย่งกายขึ้นเล็กน้อย เพื่อมองว่าเหตุใดซอลย่าถึงไม่เคลิ้มตามสัมผัสของตน น้ำตาทำอารมณ์สาวน้อยขี้สงสารของบลูม่าพลุ่งพล่าน ฝ่ามืออุ่นจึงเปลี่ยนจากการรุกราน เป็นลูบไล้ปลอบประโลม

“ก็...บลูโกรธ” ซอลย่าตอบถ้อย พลางสะอื้นน้อยๆ น่าสงสาร บลูม่าถึงกับถอนหายใจพรู จริงอยู่ว่าเขาโกรธที่ซอลย่าดิ้นรนจะไปหาบดินทร์เสียให้ได้ ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดเพียงวันเดียวที่พวกเขามี หลังจากเคลียร์เรื่องยุ่งๆที่โหมกระหน่ำซ้ำซัดชีวิตผู้จัดการดาราอย่างพวกตนราวกลับคลื่นยักษ์ซึนามิ อุตส่าห์วาดหวังว่าช่วงกลางวันอันแสนสั้นที่ยังพอมีเวลาเหลือ เขาจะได้ใช้นอนเอกเขนกเป็นลูกแมวน้อยในฤดูฝนสองต่อสองกับซอลย่า โดยไม่ขยับกายไปไหนเสียหน่อย ซอลย่ากลับดื้อจะไปจากอ้อมแขนเขาให้ได้ แบบนี้จะไม่ให้บลูม่าโมโหได้อย่างไร

หน้าที่แล้วไง? หัวใจต้องมาก่อนสิ ไหนว่ารักเขายังไงล่ะ?

บลูม่าตัดพ้อในใจอย่าห้ามไม่อยู่ ไม่รู้ล่ะ ยังไงซะวันนี้เขาก็จะตัวติดหนึบกับซอลย่าทั้งวันให้ได้  ไม่มีทางยอมให้ไปไหน ไม่ยอมให้ใครมีอิทธิพลเหนือหัวใจของคนในอ้อมแขนนี้เด็ดขาด!

“แหงล่ะ ก็ฉันหึงนี่” และคำตอบเดียวของบลูม่าก็ทำเสียงสะอื้นหยุดชะงักพร้อมๆกับที่ซอลย่าหยุดหายใจตามไปด้วย ดวงตากลมโตจ้องมองคนบนร่างด้วยใบหน้าที่แดงซ่าน

หึง…คำคำนี้อีกแล้ว จริงอยู่ว่าครั้งหนึ่งบลูม่าเคยบอกว่าชอบตน แต่ตอนนั้นซอลย่ายังไม่อาจปักใจเชื่อได้อย่างเต็มที่ เขาไม่ใช่ผู้ชายหล่อล่ำ และที่แน่ๆเลยคือไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของบลูม่า การ เขาคิดมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้น ว่าที่อีกฝ่ายเอ่ยปากว่าชอบกัน อาจเป็นเพียงการยั้งเขาไว้ไม่ให้กลับไปหาบดินทร์ก็เป็นได้  หัวใจของซอลย่าเต้นระส่ำด้วยความเจ็บร้าว เกลียดความมืดมนของตัวเองใจจะขาด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดในแง่ร้าย ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา บลูม่าอาจแค่อยู่ด้วยกันเพราะความสงสาร

“...หึงไม่ได้รึไง? ในเมื่อเธอเป็นแฟนฉันน่ะ ฉันจำได้ว่าบอกชอบเธอไปแล้วนี่ อย่าทำเป็นลืมสิ”  น้ำเสียงของบลูม่าอ่อนโยนยิ่งขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่า ซื่อๆอย่างซอลย่าคงยังไม่ยอมเข้าใจในความรู้สึกของเขาเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคงไม่ดื้อรั้นอยู่แบบนี้ ทั้งที่ก็บอกว่าชอบไปไม่รู้กี่ครั้ง

“แต่...ซอลไม่ใช่ผู้ชายอย่างแฟนที่บลูใฝ่ฝันอยากจะมี...งื้อ...” ถึงอย่างไรซอลย่ายังคงเถียงอ้อมแอ้ม พาลให้อารมณ์กรุ่นร้อนของบลูม่าเดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง เห็นซื่อๆนี่ก็ช่างดื้อจริงๆเลยนะ ให้ตายสิ!! สุดท้าย บลูม่าก็ต้องจำใจ พูดซ้ำพูดซาก มาตั้งแต่คราวก่อน เขาเป็นคนเปิดเผย ชอบก็บอกว่าชอบ ใช่ก็บอกว่าใช่ แจงไปแล้วทุกเหตุผล ทำไมซอลย่าถึงไม่ยอมเข้าใจแบบนี้นะ

ยิ่งคิดยิ่งหมั่นเขี้ยว จนเผลอใช้สองนิ้วคีบริมฝีปากช่างตัดพ้อของซอลย่าจนกลายเป็นคนปากจู๋ ปิดกั้นทุกคำพูด กีดกันทุกคำถามที่จะออกจากริมฝีปากแดงระเรื่อน่าจุมพิตอย่างร้ายกาจนี่ ไม่อยากโต้เถียงด้วยอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไปบลูม่าจะเป็นฝ่ายคุมการอภิปรายนี้แต่เพียงผู้เดียว

ร่างหนาทว่ามีจริตอ้อนแอ้นกอดเกยทาบทับครึ่งล่างของซอลย่าไว้เพื่อไม่ให้หนีไปไหน แขนขวาตั้งค้ำศีรษะหนักๆ เพื่อจะได้มองคนตัวเล็กใต้ร่างชัดๆ มือซ้ายยังคงคีบริมฝีปากสวย ถึงไม่แรงนัก แต่ก็ไม่ได้ยินยอมให้ดิ้นหลุดไปได้โดยง่าย แล้วจึงเริ่มเปิดปากอธิบายตั้งแต่เริ่มใหม่อีกรอบ วันนี้บลูม่าพร้อมมาก เวลาหรือก็เหลือเฟือ ถ้าพูดรอบหนึ่งแล้วยังไม่ยอมเข้าใจ เขาพร้อมจะนอนอธิบายซ้ำได้ทั้งวัน

บลูม่ากระแอมเบาๆหนึ่งครั้ง เพื่อปรับโทนเสียงให้อ่อนโยนที่สุด เท่าที่จะทำได้  จากนั้นก็เริ่มเปิดฉากบรรยายความให้คนรักแสนดื้อได้ฟัง

“ฟังนะซอล... ผู้ชายหล่อล่ำตามแบบในฝันของฉันน่ะ ซอลไม่เห็นเลยรึไง เดินกันขวักไขว่ไปหมด ที่สำนักงานน่ะ ฉันเป็นผู้จัดการนะ มีดารานายแบบหน้าเก่าหน้าใหม่พยายามเอาตัวเข้าแลกกับฉันเพื่อขอตารางงานก็ไม่ใช่น้อย...คิดว่า ถ้าฉันปรารถนาแนวนั้นจริงๆ ฉันจะเก็บความซิงไว้ชิงโชคอย่างทุกวันนี้ไหม?”

“แต่...อื้อ...”  ขนาดโดนบีบจนปากจู๋ ซอลย่าก็ยังไม่วายส่งเสียงเร็ดรอดออกมา จนโดนบลูม่าทำโทษโดยการก้มลงจูบปากจู๋ดังจุ๊บๆ ไปเสียสามครั้งติด เล่นเอาผู้ถูกกระทำถึงกับเอ๋อไปพร้อมกับใบหน้าที่แดงซ่าน

“อย่าเถียงสิจ๊ะ เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษรู้ไหม?...”   เห็นแบบนั้น บลูม่าก็เยาะขึ้นมาด้วยความเอ็นดูเบาๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายต่อ เพื่อไม่ให้ขาดตอน

 “เรารู้จักกันมาก็นานมากแล้วนะซอล ซอลก็เห็นใช่ไหมว่าฉันสาวแตกแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมฉันยังมั่นเบ้าหน้ามากด้วยว่าไม่กะโหลกกะลาขี้ริ้วขี้เหร่เหมือนกะเทยหัวโปกทั่วไป ดูดีมีคลาสแถมหุ่นก็โคตรเซี๊ยะออกจะขยี้ใจเสียขนาดนี้ แค่ผัวสักคนสองคนหรือมากกว่านั้น มีหรือที่คนอย่างนังบลูม่าจะหาไม่ได้... ฉันไม่ได้เป็นกะเทยมีจรรยาบรรณ ขนาดจะรักษาพรหมจรรย์เอาไว้ให้ชายในฝันเป็นคนแรกหรอกนะ แต่ทุกวันนี้ที่ยังไม่ยอมมีใคร เธอว่าฉันรออะไรอยู่ล่ะ?”

“.............?...”  คำถามที่จงใจเว้นจังหวะให้คิด คำตอบเป็นที่รู้อยู่แก่ใจ แต่ซอลย่ายังคงลังเลที่จะเข้าข้างตัว

และในที่สุดแล้ว บลูม่าก็เอ่ยเฉลยแบบไม่ต้องให้ซอลย่าคอยนาน

“ก็รอให้ซอลมารักอยู่ไง แค่นี้ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? บลูรักซอลนะ”   คำเฉลยแสนหวานที่พาให้น้ำตาถั่งไหลอีกครั้ง

ในที่สุดนิ้วที่คีบริมฝีปากไว้ก็คลายออก เปลี่ยนเป็นเกลี่ยแก้มที่แดงเรื่อเพื่อช่วยปาดหยาดน้ำตาหลั่งริน กะจะก้มลงจูบลงหอมอีกสักฟอด สองฟอด แต่ซอลย่ากลับเบือนหน้าหนี สองมือผอมเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาตัวเองป้อยๆ ใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจสูบฉีดเลือดแรงจนหัวหูอึงอื้อ

แรงต่อต้านเล็กๆ ทำเอาคิ้วของบลูม่าผูกเป็นปมอีกครั้ง อะไรกัน บอกรักโจ๋งครึ่มขนาดนี้แล้ว ทำไมซอลย่าถึงยังไม่ยอมคล้อยตามกันอีกเล่า คิดไปใจบลูม่าเริ่มฝ่อแฟ่บ อย่าบอกนะว่า ซอลย่าเลิกรักเขาแล้ว!!

“...ซ...ซอล...?...”  เสียงทุ้มพร่า ครางเรียกชื่อคนรักด้วยความกังวล หัวใจสาวน้อยเต้นตูมตามตุ้มๆต่อมๆ

“อย่าเพิ่งบลู....อย่าเพิ่ง เรียกร้องอะไรตอนนี้เลยนะ ซอลยังสับสน ขอเวลาซอลสักแป๊บได้ไหม?”   ยิ่งได้ยินคำขอร้องจากซอลย่า หัวใจบลูม่ายิ่งจมดิ่ง ถึงขนาดต้องขอเวลาคิด แบบนี้มันแย่ยิ่งกว่าแย่

ความวิตกจริตแล่นวาบไปวาบมาอยู่ในอก ทำให้บลูไม่ใจกล้าหน้าด้านพอจะกักกันซอลย่าในท่วงท่าแสนอันตรายนี้ได้อีกต่อไป หัวใจราชสีห์สาวถึงคราวง่อยสนิท...หรือที่ผ่านมา เขาจะลำพองตนเกินไปกันนะ...

“...ที่ผ่านมา...” 

หลังจากเงียบไปพักใหญ่ๆ ในที่สุดซอลย่าก็เอ่ยบางอย่างขึ้น ทว่าเสียงนั้นช่างบางเบา จนบลูม่าถึงกับต้องเงี่ยหูฟังใกล้ๆ

“...ซอลเข้าใจมาตลอดเลยว่าบลูเกลียดซอล...ตั้งแต่ 12 ปีก่อน...ที่เรามีปัญหากัน...ซอลไม่ได้ตั้งใจ เรื่องเพชรจ้ามันเป็นแค่ความเข้าใจผิด...”  ซอลย่าครวญคร่ำถึงเรื่องเก่าคร่ำครึ เรื่องที่บลูม่าอยากจะบอกแทบตายว่า เพชรจ้า ไม่ควรเข้ามาอยู่ในประเด็นตั้งนานแล้ว จำได่ว่าตอนที่มีปัญหากันเขาก็เคยบอกอีกฝ่ายไปแล้วว่าที่โกรธน่ะ โกรธเรื่องอะไร...

ทว่ายังไม่ทันจะได้อ้าปากค้าน ซอลย่าก็โพล่งระบายความในใจอัดอั้นท่วมท้นต่อ

“รักข้างเดียวมาตั้ง 15 ปี...อกหักมาตั้ง 15 ปี...จู่ๆจะมาสมหวังง่ายๆแบบนี้ ซอลทำใจยอมรับไม่ทันเลย ก็ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา บลูเกลียดซอลมาตลอด เจอหน้าทีไร ก็คอยแต่จะเลี่ยงกัน มีปัญหาเรื่องคุณสดายุกับดินทีไร ก็ด่ากันแบบไม่ไว้หน้า ไม่รักษาน้ำใจ ซอลเจ็บ...แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรัก ถูกว่าถูกประนามแค่ไหนก็ยังไม่เคยเลิกรักได้ ซอลมันเลว ถึงขนาดหลอกใช้ความห่วงใยของบลูที่มีให้คุณสดายุ เพื่อขอให้นอนด้วย เพื่อขอเก็บเกี่ยวความทรงจำล้ำค่าเฉพาะของตัวเองแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่ยอมสนใจว่าสำหรับบลูแล้วมันจะน่ารังเกียจขนาดไหน...หลังจากนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยบลูไป ยังเทียวมาให้เจอ ยังโผล่มาให้เห็น เพราะซอลตัดใจจากบลูไม่ได้ จนเรื่องมันเลยเถิดมาถึงตอนนี้...ไม่ว่าจะเพราะหลวมตัว สงสาร หรืออะไรก็แล้วแต่ ซอลไม่อยากให้บลูต้องฝืนใจตัวเองนะ ไม่อยากให้บลูต้องมารักเพราะจำใจ...”

“จำใจบ้าอะไรกัน! ใครมันจะบ้าไปรักใครเพราะความจำใจบ้างล่ะ!? อย่าเพิ่งคิดเองเออเองสิซอล!!” 

บลูม่าแทบจะสติแตก เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ซอลย่าสับสน เสียงทุ้มห้าวแผดกร้าวขึ้น และนั่นก็ยิ่งทำให้ซอลย่าสะอื้นหนักขึ้น คนสับสนเงียบนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นบลูม่าที่ต้องถอนหายใจพรู เพื่อระบายอารมณ์กรุ่นคลั่งที่ยังคงคั่งค้างในหัวใจ ก่อนจะค่อยๆดึงร่างผอมบางของซอลย่าเข้ามากอดจากทางด้านหลัง แนบใบหน้าลงกับข้างแก้มร้อนผ่าวและเต็มไปด้วยหยาดน้ำตา ก่อนเปิดปากอธิบายความให้คนที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรเสียทีอย่างซอลย่าได้ฟังอีกครั้ง เพราะตอนนี้บลูม่าเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าปมจริงๆของความยุ่งเหยิงระหว่างความสัมพันธ์ของเขาและซอลย่านั้น แท้จริงแล้วมันอยู่ตรงไหน...

ตรงปากหนักๆ กับหัวใจไม่แมนเอาเสียเลยของเขานี่เอง

“บลูขอโทษ...”  ในที่สุดทิฐิทั้งหมู่มวลก็สลายไปพร้อมกับคำขอโทษที่บลูม่ากลั่นมันออกมาจากความรู้สึกทั้งหมดที่ตนมีมาตลอด 12 ปี คำขอโทษเพียงคำเดียว ทำร่างสั่นระริกในอ้อมแขนหยุดนิ่งราวกับหยุดหายใจ บลูม่าฉวยจังหวะนั้นในการเผยส่วนลึกในหัวใจของตัวเองบ้าง

ความในใจที่ราวกับหยาดน้ำผึงรสหวานปนขม หยดชโลมหัวใจของทั้งคู่ช้าๆ แล้วเคลือบมันเอาไว้ เป็นหนึ่งเดียว...

 “บลูผิดเองแหละที่ทิฐิเอาเองมาตั้ง 12 ปี ถ้า 15 ปีคือเวลาที่ซอลรู้ตัวว่าซอลรักบลู...มันก็เท่ากับ 15 ปีที่บลูรักซอลแต่ดันไม่รู้ตัวน่ะแหละ...ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่รู้...แค่ไม่ยอมรับหัวใจตัวเองต่างหาก บลูคิดมาตลอดเลยว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอ่ะ บลูเลยย่อมต้องชอบผู้ชายที่ปกป้องบลูได้ แต่ให้ตายเถอะ ตั้งแต่มาเจอกับซอล มันก็กลับตาลปัตรไปหมด ซฮลทำให้บลูกลายสภาพจากสาวน้อยผู้อ่อนแอกลายเป็นไอ้หนุ่มถึกทึน ที่คอยจ้องแต่จะปกป้องซอลมากกว่าการเหล่หนุ่มอื่น…”

“…บลู?”

“บลูขอโทษนะ บลูมันบ้าเอง ที่ถือแต่ทิฐิบ้าบอ ใจคิดอย่าง แต่ปากไม่เคยตรงกับใจ ตลอดเวลาเฝ้าแต่โทษโน่นโทษนี่ ทั้งที่คนผิดคือตัวเองแท้ๆ หว่าจะรู้ตัว ก็เผลอทำร้ายซอลไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน…ทั้งที่บลูรักซอลมากแท้ๆ แต่กลับไม่เคยรู้ตัว…บลูขอโทษ”

ยิ่งพูดเสียงของบลูม่ายิ่งสั่นเครือ ความผิดติดตรึงใจมีมากจนบลูม่ายังสาธยายไม่หมด ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเกลียดตัวเองที่ปล่อยเวลาผ่านมาถึงขนาดนี้ โดยไม่ยอมตระหนักถึงความพลั้งพลาดของตน

ความสั่นไหวของอ้อมแขนที่โอบกอดร่างตนไว้ ทำให้ซอลย่ารู้ว่าบลูม่ากำลังร้องไห้

ทุกคำทุกประโยคที่บลูม่าพูดมา คือเรื่องจริง บลูม่ารู้สึกผิดจริงๆ

แค่คิดตามหัวใจของซอลย่าก็ลิงโลด ร่างเล็กทะลึ่งหมุนทั้งตัวเข้าหาบลูม่าอย่างรวดเร็ว ซอลย่าอยากเห็นหน้าบลูม่าตอนนี้เหลือเกิน หันไปสบสายตาฉ่ำชื้นไปด้วยหยาดน้ำตา แล้วกอดร่างคนตรงหน้าไว้แน่นเต็มวงแขน

“…ซ…ซอล?”

บลูม่าค่อนข้างตกใจเล็กๆกับสิ่งที่ซอลย่าลงมือทำอย่างกะทันหัน พยายามจ้องมองใบหน้าของคนตัวเล็กกว่าซุกแน่นอยู่ตรงอก แต่แค่เห็นใบหูกับข้างแก้มที่แดงก่ำ บลูม่าก็รู้ได้ทันทีว่า ความในใจที่เขาพยายามสื่อออกไป ในที่สุดก็เข้าถึงใจซอลย่าแล้ว

บลูม่ายิ้มหวาน โอบกอดตอบร่างในอ้อมแขนด้วยความเสน่หา จมูกโด่งซุกลงหอมกลางกระหม่อมทุยดังฟอดใหญ่ สูดกลิ่นความรักที่อวลฟุ้งจนเคลิบเคลิ้ม และในจังหวะนั้น ซอลย่าก็เงยหน้าแดงๆของตนขึ้น

สองสายตาสอดประสาน ใบหน้าแต่ละคนเริ่มขึ้นสีแดงจัดจากความเคอะเขิน ทว่าก็ไม่มีใครหลบสายตาใครก่อน ต่างจดจ้องมองกันราวกับจะบันทึกใบหน้านี้ไว้ประทับสู่สมอง ประทับสู่หัวใจ ไม่มีวันลืมเลือน

ซอลย่าโปรยยิ้มบางให้บลูม่าด้วยความเขินอาย โหย่งตัวขึ้นจูบริมฝีปากที่เผยอรออยู่แล้วของบลูม่าเบาๆ พร้อมเอ่ยคำเอาแต่ใจที่บลูม่าชอบใจที่สุด

“ชดเชยมาเลยนะ…เวลา 15 ปีที่ปล่อยให้ซอลรอเนี่ย ชดเชยมาให้ซอลซะดีๆ”

ได้ยินคำสั่งแสนหวาน บลูม่ารีบพยักหน้ารับถี่ๆ ยินดี ยินยิม พร้อมชดใช้ ชดเชยให้อย่างสุดใจ

“ได้สิซอล…บลูชดเชยให้ซอลได้ทั้งตัวเลย”

สิ้นคำปฏิญาณ สองร่างก็เคลื่อนเข้าบดเบียดกันอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง คราวนี้จะมีเพียงความสุขเต็มล้น ไม่มีข้อกังขาอื่นใดมาทำลายความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นนี้ได้อีกต่อไปแล้ว

“อื้อ…บลู…”

“อา…ซอล…บลูขอนะ”

สิ้นเสียงขอทาง บลูม่าก็แทรกร่างกำยำเข้ากึ่งกลางร่างของซอลย่า ช่องทางที่ผ่านกิจกรรมหักโหมตั้งแต่เมื่อคืน ยังคงนุ่มชื้น พร้อมรับการเอ็นดูจากบลูม่าอีกครั้ง

“อือ...บลูคงมีผัวไม่ได้แล้วล่ะ...ถ้าซอลจะเร่าร้อนขนาดนี้...อือ...”

“อ๊าง…บลู….อ๊ะ…”

สองร่างขยับไหวตามแรงปรารถนา จากเชื่องช้าเป็นรุนแรงหนักแน่น ดำกฤษณาลอยฟุ้งครอบงำสองร่างจนไม่อาจแยกห่างจากกันได้ หลุมรักหอมหวานดูดกลืนพวกเขาจนหลอมละลาย ทั้งล่อลวงให้หลงใหล ทั้งบีบรัดจนอึดอัดทรมาน ราวกับแหวกว่ายในน้ำผึ้งสีหวานที่ร้างไร้ซึ่งอากาศจะหายใจ จนต้องอ้าปากหอบโกยอากาศจากภายนอกกระชั้นถี่  ทะเลน้ำผึ้งช่างรัญจวญหอมหวานจนซอลย่ายังต้องเฝ้าทอดร่างให้บลูม่าดูดกลืนดูดกินอยู่อย่างนั้นอย่างหมดทางดิ้นรน ยิ่งรักยิ่งทุรนทุราย จนต้องควบขโยกร่างรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่ายิ่งปลดปล่อยราคะที่รุ่มร้อนนี้ให้รุนแรงขึ้นได้ จะยิ่งช่วยชดเชยช่วงเวลาที่ขาดหายไปถึง 15 ปีให้เติมเต็มจนล้นปรี่ขึ้นมาได้  และถึงมันจะไม่ได้ช่วยอะไร พวกเขาก็ยินยอมจะแหวกว่ายในทะเลน้ำผึ้งหวานล้ำนี้ไปตลอดชีวิต อยู่ด้วยกันในห้วงรักนี้เพียงสองคน ตราบนานเท่านาน...

“บลูรักซอลนะ...”

“อืม...ซอลก็รักบลูเหมือนกัน”


*
*
*
*
*

 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 01-08-2015 07:21:19
 :katai5:


"แม่..."   

สดายุแทบลมจับ ทันทีที่กฤตเมธขานเรียกหญิงสูงวัยที่ยืนส่งยิ้มหวานอยู่ข้างเตียง

คำว่า ‘แม่’ ที่กฤตเมธลั่นออกมา ทำสติสัมปชัญญะของสดายุกระเจิงหายออกนอกหน้าต่าง หญิงใหญ่วัยกลางคน หน้าตาใจดีมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลาคนนี้คือ มารดาของกฤตเมธ แค่นี้สดายุก็ขวัญหนีดีฝ่อจะแย่อยู่แล้ว ที่ดันทำลูกชายคนเดียวของเขาเป็นเกย์  ทว่ามันยิ่งสยองขวัญกว่านั้นอีก เพราะแม่ของกฤตเมธดันมาเห็นตอนเขาประกบปากลูกชายแม่อยู่อย่างพอดิบพอดี...ไม่ใช่แค่ประกบด้วยนะ บดขยี้เสียจนอีกนิดจะได้แลกลิ้นกันอยู่แล้ว มันคือความสะพรึง ที่ทำเอาสดายุถึงกับเอ๋อ

“สวัสดีครับแม่ มาแต่เช้าเชียว” 

“ก็ห่วงเราน่ะแหละ ไหนเมธ เป็นยังไงบ้างลูก?”

"ไม่ได้เป็นไรมากหรอกครับ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ ผ่าออกเรียบร้อย หมอบอกว่าแผลสวย โอเคครับ"

"ห่ามจริงๆเชียวตาเมธ มันน่าตีนัก เฮ้อ…ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ แม่แทบจะหาตั๋วกลับมาไม่ได้แน่ะ ยังดีได้ไฟลท์เช้า มาถึงตอนตีห้าพอดี ไม่งั้นแม่ได้อกแตกแน่"

"โธ่แม่ครับ...ผมก็บอกแล้วว่าผมโอเค แม่อยู่เที่ยวกับเพื่อนๆต่อได้เลย ว่างแผนมาตั้งเป็นปีกว่าจะได้รวมก๊วนเที่ยวกันตามประสาสาวๆ ผมไม่อยากเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องงานกร่อยเลย"

"ลูกโดนยิงอยู่โรงพยาบาล จะให้แม่ยังเที่ยวสบายใจได้ยังไงกันตาลูกคนนี้นี่"

"ก็ผมไม่ได้เป็นอะไรมากนี่...มีพยาบาลพิเศษคอยดูแลอย่างดีแล้วด้วย ไม่ต้องลำบากแม่หรอกครับ"

"เรื่องนั้น แม่ก็รู้อยู่แล้วล่ะ แหม แต่ก็ให้แม่มาดูใจหน่อยเถอะ หึหึ ถึงกำลังใจจากแม่จะสู้คนเฝ้าเช้าเฝ้าเย็นไม่ได้ก็เถอะนะ หึหึ"

ระหว่างที่สดายุยังคงสติแตก  คุณแม่กับกฤตเมธก็เริ่มบทสนทนากันโดยไม่ใคร่สนใจสดายุมากนัก  ถึงกับใจแป้วไปนิดเลยทีเดียวกับสดายุที่ค่อนข้างอ่อนไหวกับการเข้าหาญาติผู้ใหญ่ของใครก็ตาม สมองเริ่มประมวลผลไปทางแง่ร้าย ว่าไม่แน่ที่คุณแม่ของกฤตเมธไม่คิดทักทายเขาสักคำนั้น อาจเป็นเพราะไม่พอใจในตัวเขาอย่างมากก็เป็นได้

“คนนี้สินะ สะใภ้แม่น่ะ”

ระหว่างวิตกจริต จนแทบไม่รับรู้สิ่งใด กอปรกับที่กำลังใช้สมองประมวลความคิดอย่างหนัก ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปกับเหตุการณ์พ่อแม่แฟนไม่เอ็นดูดี คำว่า ‘สะใภ้’ ก็เข้ามาเซอร์ไพรซ์กระแทกใจจังๆเสียก่อน

“อื้ม...ยังหล่อจนอดปลื้มไม่ได้เหมือนเดิมเลย ถึงจะช้ำไปหน่อยก็เถอะนะ”

ประโยคกระแทกใจ ประโยคต่อมาก็เล่นเอาน้ำตาสดายุแทบพุ่ง หัวใจหน่วงหนักเหมือนว่าจะค่อยๆคลายแรงบีบรัด และเบาขึ้นหน่อยๆ โดยเฉพาะกับรอยยิ้มที่ทั้งกฤตเมธและคุณแม่ยิ้มให้ รวมทั้งแววตาที่สื่อออกมาอย่างชัดเจนว่า ‘เอ็นดูสดายุคนนี้เหลือเกิน’ 

“เอ่อ...ส...สวัสดีครับคุณป้า” สดายุกล่าวทักทายออกไป พร้อมยกมือกระพุ่มไหว้ด้วยความนอบน้อม ติดไปทางเกร็งหน่อยๆ เพราะยังตั้งตัวรับไม่ค่อยทัน

“เรียกแม่สิลูก เรียกป้า...แก่จัง” ผู้สูงวัยกว่าเอ่ยเชิญชวน พร้อมกระเซ้าเล็กๆด้วยความเอ็นดู หล่อนเคลื่อนกายจากอีกฟากเตียงคนป่วยเข้าหาสดายุที่ยืนเกร็งอย่างเป็นมิตร

“ครับ...คุณแม่” สดายุเองก็น้อมรับเรียก ‘แม่’ โดยไม่อิดออด ตอนนี้น้ำตาจะไหลเสียให้ได้ เพราะไม่คิดเลยว่ามันจะง่ายดาย ไม่คิดเลยว่าจะได้รับการยอมรับ...

ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้…

“เรียกแม่เฉยๆก็พอ เป็นคนรักของลูกชายแม่ ก็เท่ากับเป็นลูกของแม่นั่นแหละ เรียกแม่ได้เลยนะยุนะ”  ยิ่งได้ยินคำอนุญาตที่แสนเมตตาจากผู้เป็นมารดาของคนที่ตนรักยิ่ง น้ำตาของสดายุก็พลันรื้นฉ่ำ เอาเข้าจริง เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่า จะได้รับการตอบรับถึงเพียงนี้ น้ำตาหยดน้อยค่อยๆกลิ้งผ่านข้างแก้มใสเชื่องช้า พร้อมกับที่เสียงแหบพร่าพยายามเอ่ยขอบคุณเสียงสั่นไหว

ทั้งขอบคุณ...และขอโทษ ที่เกือบเป็นต้นเหตุพรากลูกชายคนเดียวของคุณแม่ที่ดีขนาดนี้ไป...ขอโทษพร้อมหยาดน้ำตาถะถั่งหลั่งรินหนักกว่าเดิม

"ผมขอโทษครับแม่...เพราะความสะเพร่าของผมเอง ที่ทำให้พี่เมธต้องเจ็บตัวแบบนี้ เพราะผมไม่ดีเองครับ ที่ลากพี่เขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องเลวร้าย เพราะผมคนเดียว..." เสียงแหบสั่นพร่าขึ้น ทุกขณะที่สารภาพความผิดบาป ก้อนสะอื้นเคลื่อนผ่านร่างจนสั่นระริก ความรู้สึกผิดตีตื้นจนแทบฝืนพูดเป็นคำไม่ไหว สองมือพนมขึ้นแนบใบหน้าเปื้อนน้ำตา เพื่อขอขมาอย่างไร้ข้อแก้ต่าง

น่าสงสารจนกฤตเมธแทบจะกระโจนลงจากเตียงมาปลอบขวัญสดายุเสียเอง ทว่าก็ช้ากว่ามารดาไปก้าวหนึ่ง...

หมับ...

ร่างท้วมหน่อยๆ แต่อุ่นนิ่ม เคลื่อนเข้าโอบกอดสดายุไว้อย่างอ่อนโยน สองมืออวบอูมเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลา ค่อยบรรจงลูบประโลมแผ่นหลังผอมบางสั่นระริก เป็นการปลอบโยนเด็กน้อยที่กำลังเสียขวัญ น้ำเสียงเครือน้อยๆตามวัยทว่าเต็มไปด้วยกลิ่นอายอ่อนหวาน เอ่ยถ้อยคำที่ราวกับน้ำอบหอมละมุนหลั่งรดเบาๆบนหัวใจของสดายุ

“ไม่เป็นไรนะลูกนะ ยุไม่ได้ผิดอะไรหรอกลูก การช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่นิ่งดูดาย ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเลยไม่ใช่หรือไง การที่พี่เมธเป็นแบบนี้เพราะช่วยคนที่รักน่ะ  แม่ก็ว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรมากเลยนะ  เท่ห์จะตายไป ลองเมธมัวแต่กลัว งอมืองอเท้าไม่ยอมไปช่วยยุสิ ได้โดนแม่เอ็ดแน่”

ทว่าก็ไม่ใช่แค่ชื่นชมหรอกนะ ในฐานะคนที่ผ่านโลกมานาน ก็ยังมีการสอนสั่งตามหลังอีกเล็กน้อย เป็นการเตือนใจว่าไม่ควรใช้ชีวิตระห่ำอย่างที่เป็นอยู่

“แต่มันก็เป็นเรื่องบ้าบิ่นจริงๆแหละนะ คราวหน้าคราวหลัง ยุต้องคิดถึงตัวเองมากกว่านี้หน่อยนะลูก การช่วยคนอื่นน่ะเป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่ถ้ามันเสี่ยงไป ยุต้องถอยมาขอความช่วยเหลือคนอื่นด้วยนะ ดูสิ เอวบางร่างน้อยแค่นี้ ห่ามจริงเชียว”

พูดจบก็ผละอ้อมกอดออกจากร่างที่ยังคงสะอื้นเบาๆ ใช้สองมืออุ่นอ่อนช่วยปาดเช็ดคราบน้ำตาแห่งความรู้สึกผิด ให้หมดไปจากสองแก้มช้ำ “มีชีวิตอยู่ต่อไปนานๆ อยู่เป็นเพื่อนพี่เมธไปจนแก่ดีกว่านะยุนะ” ใบหน้าขาวนวลเต็มไปด้วยริ้วรอยส่งยิ้มหวานให้สดายุไม่ขาด พร้อมเอ่ยถ้อยคำที่ย้ำความหมายว่า ‘ยอมรับในความสัมพันธ์ระหว่างกฤตเมธและสดายุอย่างไม่มีข้อกังขา’

ยินสิ่งที่แม่พูด น้ำตาสดายุก็รินหลั่งอีกครั้ง ทว่าครานี้ไม่ใช่เพราะความเสียใจ แต่คือความตื้นตันเต็มล้น สิ่งที่ได้รับมาในครานี้ช่างเลอค่าเสียจนไม่สามารถหาคำพูดใดอธิบายได้ สดายุฉุกใจหยั่งรู้…

เขารู้แล้ว ว่าการที่กฤตเมธเป็นคนที่แสนดีได้ขนาดนี้นั้น มันเป็นเพราะใคร รู้แล้วว่าอ้อมแขนที่แสนอบอุ่นหนักหนาของกฤตเมธนั้น ได้อิทธิพลมาจากใคร…

เพราะมีน้ำตาหลั่งมาอีกครา แม่ผู้แสนอ่อนโยนก็โอบกอดสดายุไว้อีกครั้ง

...อ้อมกอดของคุณกรพิณน์ ผู้หญิงคนเดียวบนโลกใบนี้ที่กฤตเมธรัก

อ้อมกอดที่แสดงความหมายว่ายอมรับสดายุอย่างหมดหัวใจ ให้เข้ามาเป็นคนในบ้านเดียวกัน อ้อมกอดที่แสนอ่อนโยนแสนอบอุ่น

พออ้อมกอดคลาย พอหัวใจเบาโล่ง แม้น้ำตายังไม่แห้งเหือด แต่ใบหน้าของสดายุก็ผุดพรายด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณครับแม่...”  สดายุกล่าวขอบคุณอีกครั้ง ใจของสดายุตอนนี้รู้สึกว่าจะให้เขาพูดคำขอบคุณอีกสักพันสักหมื่นครั้ง ยังเหมือนจะดูน้อยไป

“ขอบคุณครับที่ยอมยกลูกชายคนเดียวของแม่ให้ผม”  พร้อมตบท้ายด้วยประโยคที่ทำให้กรพิณน์หัวเราะร่า แม้แต่กฤตเมธยังหลุดขำ สดายุช่างจริงจังกับชีวิตไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ 

“ยุ...แม่ชื่อกรพินธ์นะ ยุอยากเรียกแม่พิณน์หรือเรียกแม่เฉยๆก็ได้  แม่เป็นคนดูแลร้านอาหารไทย ‘ครัวแม่พิณน์’  กับโรงงานเบเกอรี่ ‘แม่พิณน์’ ที่สามีกับลูกชายแสนใจร้ายเปิดทิ้งเปิดขว้างไว้ให้แม่ทำงกๆอยู่คนเดียว”   หลังชี้ชวนกันนั่งตรงโซฟาคนเฝ้า กรพิณน์ก็เปิดปากเล่าความเป็นมาของตัวเองทันที แบบไม่ต้องให้สดายุที่ยังเก้อเขินต้องเป็นฝ่ายถาม กรพิณน์เป็นคนพูดเก่ง ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีทีท่าเคอะเขิน แม้กับคนที่เพิ่งพูดคุยกันครั้งแรก โดยเฉพาะกับคนที่หล่อนก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร และรู้สึกยินดีแค่ไหนที่ได้เอ่ยคำต้อนรับ

ถึงตรงนี้ สดายุสลดลงอีกครั้ง จำได้ว่าคุณพ่อของกฤตเมธเสียไปแล้ว และกฤตเมธเป็นลูกชายคนเดียวของบ้าน พอได้ฟังคุณแม่พูดถึงกิจการที่คุณพ่ออุตส่าห์ก่อร่างสร้างมา หัวใจของสดายุยิ่งรู้สึกหม่นหมอง

ครอบครัวนี้…ต้องการทายาท ต้องการเด็กที่เกิดจากกฤตเมธ

สดายุตีความว่าต้องเป็นแบบนั้น และเริ่มรู้สึกกระวนกระวายที่ทำให้สิ่งที่ควรจะเป็นต้องผิดเพี้ยนไป รู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งที่ทำให้กฤตเมธเพี้ยนไป

ความหม่นหมองที่ฉาบบนใบหน้าของสดายุอย่างกะทันหัน ทำเอากรพิณน์หันสบตากับลูกชายเลิ่กลั่ก หล่อนใจหายเล็กๆ ว่าเผลอพูดกระทบกระเทือนน้ำใจสดายุเข้าตอนไหน แต่พอได้ฟังคำขอขมาจากสดายุเท่านั้นแหละ หล่อนก็ถึงบางอ้อทันที

“ผมขอโทษนะครับ…ที่ทำให้พี่เมธเป็นแบบนี้ พี่เมธควรแต่งงานมีครอบครัว มีหลานให้แม่…ไม่ใช่…มาอยู่กับผม”

โถ…พ่อคุณของแม่ ทำไมถึงได้เปราะบางจนน่าปกป้องได้ขนาดนี้นะ ช่างคิดถึงแต่หัวอกคนอื่น จนละเลยหัวใจของตัวเองเหมือนที่ตาเมธเคยเล่าให้ฟังจริงๆด้วย… ได้ยินสดายุพูดแบบนั้น กรพิณน์ก็ได้แต่นึกสงสารในใจ ถึงนี่จะเป็นการพบหน้าสดายุอย่างเป็นทางการครั้งแรก แต่ก่อนหน้านั้น กฤตเมธโทรมาเล่าสู่ให้คนเป็นแม่อย่างหล่อนฟังวันเว้นวันอยู่แล้ว กรพิณน์มั่นใจมากว่ากฤตเมธลูกชายของหล่อนรักสดายุมากแค่ไหน และจากที่ได้สังเกตดูแล้ว สดายุเองก็รักลูกชายหล่อนมากไม่ต่างกันเลย เพียงแต่สดายุนั้นช่างอ่อนไหวกับเรื่องละเอียดอ่อนแบบนี้เหลือเกิน คงเพราะพื้นฐานทางครอบครัว เหมือนที่กฤตเมธเคยเล่าให้ฟัง โถ…ช่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน

กรพิณน์ยิ้ม เอื้อมมือประคองมือของสดายุที่นั่งอยู่ข้างกันไว้ ประสานสายตาของตนเข้ากับสายตาเศร้าสร้อยสับสนของสดายุอย่างจริงจัง พลางเอ่ยความในใจให้สดายุฟังอย่างไม่มีปิดบัง เพราะกรพิณน์รู้ดีว่า คำปลอบโยนสวยหรูใช้กับสดายุไม่ได้ ความจริงต่างหากที่สามารถเอาชนะใจของหนุ่มน้อยคนนี้ได้

“ไม่ผิดหรอกที่ยุคิด แม่มีลูกชายแค่คนเดียว คนเป็นแม่ก็ย่อมฝัน อยากเห็นลูกชายบวช อยากเห็นลูกแต่งงาน อยากเห็นหน้าหลาน ให้หัวใจวัยใกล้ฝั่งได้ชุ่มชื่นหัวใจ ที่ได้เห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเรา…สืบทอดยาวนาน”  กรพิณน์เอ่ยถ้อยเสียงอ่อนหวาน มืออุ่นยังคงตระกองโอบอุ้มมือของสดายุไว้อย่างมั่นคง แม้ใบหน้าของเจ้าของมือนั้นจะสลดจนซีดเซียว หล่อนก็ยังไม่ยอมที่จะหยุดอธิบาย เพราะกรพิณน์รู้ดี ว่าต่อจากนี้ไป สดายุจะเข้าใจ และสามารถยืนหยัดได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ต้องมามัวพะว้าภวังค์กับสิ่งใดอีก

“แต่มันจะมีประโยชน์อะไรเล่า ที่จะเอาความฝันของพ่อแม่ แลกกับความสุขทั้งชีวิตของลูก”

“ไม่ได้มีหลานไว้ให้กระชุ่มกระชวยใจยามแก่เฒ่าแล้วมันยังไงเหรอ? ในเมื่อแม่ก็ได้ยุมาเป็นลูกชายที่น่าชื่นใจของแม่อีกคนแล้ว ในเมื่อความสุขของกฤตเมธคือการรักยุ ทำไมแม่ถึงจะไม่ยินดีด้วยล่ะลูก ชีวิตมันแสนสั้นนะ ดูอย่างพ่อกับแม่สิ ยังไม่ทันไรเลย พ่อก็ทิ้งแม่ไปเสียแล้ว แต่เพราะแม่กับพ่อรักกันไง เวลาที่ใช้ด้วยกันมาถึงได้มีค่า และตราตรึงในความทรงจำของแม่เสมอ มันทำให้แม่มีความสุขทุกครั้งยามที่ได้คิดถึงพ่อ…กลับกัน หากแม่ต้องแต่งงานกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อของตาเมธ แต่งกับคนที่แม่ไม่ได้รัก เพียงเพื่อความฝันของพ่อแม่ของแม่…แบบนั้นต่อให้อยู่ด้วยกันไปจนแก่ แม่ก็อาจไม่มีความสุขเลยก็ได้…”

“ตาเมธเองก็เคยคบผู้หญิง ถึงจะไม่ได้มากมาย แต่ก็ถือได้ว่าครั้งหนึ่งเคยคบหา แต่แม่ก็ไม่เคยเห็นเมธจะคบได้นานสักคน ไม่เคยโทรมาเล่าให้แม่ฟัง ถ้าไม่ได้เห็นในข่าว ก็สาวเจ้าเป็นฝ่ายขอตามเมธมาหาแม่ถึงบ้าน นั่นแหละแม่ถึงได้รู้ว่า อ๋อ ลูกมีแฟน…จากนั้นไม่นานก็เลิก แล้วก็เงียบหายไปอีก วนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนั้น จนแม่ยังอดคิดไม่ได้เลยว่า หรือชาตินี้ ลูกแม่จะไม่สามารถรักใครได้เลย แม่กังวลมาตลอด จนถึงตอนที่เมธรับงานที่ต้องไปถ่ายทำที่มัลดีฟส์นั่นแหละ เป็นวันที่แม่ได้รู้ว่า อ๋อ…ลูกชายแม่ก็ยังมีหัวใจอยู่…”

“เมธเป็นสุภาพบุรุษไม่ว่าเมธจะคบกับใครเมธจะให้เกียรติ และดูแลอย่างดี ให้ได้ทุกอย่าง ยกเว้นโลกส่วนตัวกับหัวใจ แม่ก็เพิ่งมารู้เอาตอนใกล้จะเลิกกันทุกทีว่าแท้จริงฝ่ายหญิงเข้ามาขอปฏิสัมพันธ์ก่อน และตาเมธก็ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ยอมรักเขา พอแม่บ่น ก็เถียงแม่ว่าฝ่ายหญิงขอเวลาศึกษาเรียนรู้ ไม่ได้ขอให้รัก พอรู้ตัวว่าเมธไม่มีใจ เขาก็เป็นฝ่ายทิ้งเมธไป ไม่ใช่เมธเป็นฝ่ายทิ้ง ยุดูลูกคนนี้ของแม่สิ ไร้หัวใจจนแม่นึกกลัว ตอนนั้นแม่คิดเลยนะว่าต้องตายแน่ๆ ลูกแม่ต้องหาเมียไม่ได้แน่ๆ… หึหึแต่ตอนนี้แม่สบายใจแล้วล่ะ”

“ ถึงเมื่อก่อนตาเมธจะเย็นชาจนแม่ปวดหัว แต่ตอนที่เมธคบกับยุน่ะกลับมีชีวิตชีวาจนแม่ทึ่ง  ยุรู้ไหม วันที่แม่ได้รับโทรศัพท์จากตาเมธ ที่โทรมาปรึกษาว่าจะจีบยุยังไงดีเนี่ย แม่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยนะ ลูกชายแม่น่ะนะ ไม่เคยคิดรักษาน้ำใจแม่เลยรู้รึเปล่า เล่นบอกกันตั้งแต่วันแรกเลยว่า แม่ครับผมชอบผู้ชายเข้าแล้ว ผมควรจีบเขายังไงดี แค่นั้นยังทำแม่อึ้งไม่พอ ยังต่อด้วยว่า คนที่ตัวเองจะจีบคือสดายุ ดาราขวัญใจแม่อีกต่างหาก แม่นี่แทบจะลมจับ ให้ตายเถอะ ตาเมธนะ ไม่เคยเห็นใจแม่บ้างเลยล่ะ”

“จากนั้นก็โทรมาเล่าทุกวันเลยนะ ว่าจีบได้แค่ไหน คืบหน้ายัง โดยไม่ยอมปล่อยเวลาให้แม่ทำใจบ้างเลย ว่าแม่จะได้ลูกเขยแทนลูกสะใภ้”

เล่าถึงตรงนี้ กฤตเมธก็เถียงขึ้นมา ว่าแม่ต่างหากที่โทรไปถามอยู่ทุกวันว่าสดายุขวัญใจแม่เป็นยังไงบ้าง วิธีที่แม่บอกใช้ได้ผลไหม? แม่เป็นแฟนคลับตัวยง รู้ดีกว่าเจ้าตัวว่าสดายุชอบไม่ชอบอะไร

ได้ยินลูกชายเย้า กรพิณน์ก็หันไปแหวใส่เล็กๆ ว่าอย่าเอาความจริงมาล้อเล่นสิ จากนั้นก็หัวเราะชอบใจกันไปทั้งแม่ลูก ทิ้งสดายุนั่งนิ่งงันทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงซ่าน และหัวใจที่ระอุอุ่น

เห็นแบบนั้น กรพิณน์ก็ยกยิ้มเอ็นดู มืออวบเชยใบหน้าที่ก้มต่ำให้เงยขึ้นสบตา แล้วเปิดปากเล่าความในใจต่ออย่างไม่คิดให้สดายุได้หยุดพักหัวใจ

“โดนลูกชายไซโคทุกวัน มีเหรอคนเป็นแม่จะไม่ยินยอมพร้อมใจ ก่อนหน้านั้นแม่เคยคิดว่า จะใครก็ได้ขอแค่ทำให้ลูกของแม่มีความสุขได้แม่ก็โอเคด้วยทั้งนั้น ยิ่งพอมารู้ว่าคนคนนั้นคือยุ ถึงตอนแรกแม่จะตกใจอยู่ไม่น้อย แต่พอได้ยินเมธเล่าเรื่องยุให้ฟังทุกวัน แม่ก็เข้าใจแล้วว่า คนนี้แหละคนที่ดีที่สุดสำหรับลูกของแม่”

“เท่าที่แม่เคยติดตาม แม่รู้ว่ายุเป็นคนดี เอาล่ะ เราจะไม่พูดถึงอดีตกัน ไม่ว่ามันจะเคยเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แม่ไม่สนใจทั้งนั้น เพราะตอนนั้นยุยังไม่ใช่ลูกของแม่ แต่ตอนนี้ยุเป็นคนรักของเมธ เป็นลูกอีกคนของแม่พิณน์คนนี้อย่างเต็มตัวแล้ว เรื่องของจากนี้ไปต่างหากล่ะที่น่าสนใจ”

“นี่…ยุไม่คิดจะคุยอะไรกับแม่บ้างหรือไง ปล่อยแม่พูดคนเดียวจนเสียงแห้งหมดแล้วเนี่ย”  กรพิณน์กระเซ้าคนที่นิ่งฟังมาตลอดให้รู้จักตอบโต้หล่อนบ้าง

สดายุยังไม่ได้พูดอะไรในทันที สมองเขายังประมวลผล ความสุขมันล้นทะลักเกินไปจนไม่สามารถตั้งสติได้ เขาจ้องมองกรพิณน์สลับกับกฤตเมธไปมาอยู่อย่างนั้น จนในที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ยบางอย่างขึ้น

“ดีแล้วเหรอครับที่เป็นผม…”    คำถามที่ไม่ได้ยากแก่การตอบ แต่ต้องพิถีพิถันในการนิยามความหมายที่สุด “ผมไม่มีอะไรเลย ผมให้ทายาทไม่ได้ สืบสกุลไม่ได้ แม้กระทั่งจุดยืนในสังคม…ผมก็ให้ไม่ได้ ผมที่ช่วงชิงทุกอย่างจากพวกคุณมาแบบนี้…ดีจริงๆแล้วเหรอครับ”

คำถามตรงไปตรงมาของสดายุ แน่นอนว่าทำให้ทั้งกรพิณน์และกฤตเมธนิ่งอึ้งไปได้ แต่ที่นิ่งไปไม่ใช่เพราะตอบคำถามไม่ได้ แต่เพราะกำลังตื้นตันกับสิ่งที่สดายุมอบให้ ทำไมกันนะ คนคนนี้ถึงไม่คิดจะเห็นแก่ตัวบ้างเลย ความสุขกองไว้ตรงหน้าแท้ๆ ทำไมไม่รีบฉวยคว้า กลับถามความสมัครใจของผู้ให้อยู่ได้ว่าเต็มใจหรือเปล่า ถามว่าตนมีค่าพอจะรับหรือเปล่า…

ช่างเป็นเด็กน้อยผู้น่าสงสาร จนหัวใจของทั้งกรพิณน์และกฤตเมธต่างก็รู้สึกอยากปกป้อง และมอบความรักให้อีกมากล้น ให้มากจนสดายุไม่คิดจะเห็นตัวเองด้อยค่าอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้อีก

กรพิณน์ เช่นเดียวกับที่กฤตเมธยิ้ม สดายุเห็นชัดเจนว่าในรอยยิ้มนั้นมีคำตอบใดแฝงอยู่ แค่เห็นสดายุก็ยิ้มตอบรับและยอมที่จะฉกฉวยความสุขตรงหน้ามาเป็นของตนอย่างเต็มใจ น้ำตาไม่ได้ไหลลงมาให้ได้อายอีกต่อไป แต่ยังคงรื้นให้ดวงตาคู่สวยนั้นได้ฉายประกายสุกสกาว

กรพิณน์ขยับเข้าใกล้สดายุ เช่นเดียวกับที่สดายุเองก็ขยับเข้าใกล้ผู้เป็นมารดาของคนรัก ทรุดกายลงจากโซฟา คุกเข่าลงบนพื้นตรงหน้ากรพิณน์ด้วยอาการนอบน้อม ก่อนพนมมือก้มกราบลงแทบตักของผู้ที่ขึ้นชื่อว่า ‘แม่’ อีกคนของตน

“ขอบคุณครับแม่…ที่ยอมรับผมคนนี้เป็นลูกอีกคน…”

 กรพิณน์ยิ้ม ก้มลงรับกราบของลูกคนใหม่ ด้วยใบหน้าที่แสนอ่อนโยน ในดวงตาที่ร่วงโรยตามวัยรื้นฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ สองมือบรรจงลูบทั้งศีรษะและไหล่บอบบางของสดายุแผ่วเบา เพื่อรับขวัญ

“ขอบใจยุเช่นกันนะ ที่ยอมรับลูกชายแม่ หากแม้ยุยังรู้สึกผิดกับแม่ล่ะก็…” ประโยคถูกเว้นวรรคเล็กน้อย พร้อมสองมืออวบอุ่นค่อยๆตระกองใบหน้าสดายุให้แหงนเงยขึ้นสบตากัน

 “ชดเชยให้แม่สิ…ชดเชยโดยการเป็นคนรักของเมธ และเป็นลูกแม่ตลอดไป”

กลิ่นอายหวานล้ำอวลโอบรอบร่าง สดายุยิ้ม ยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด ยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่จะยิ้มได้ เช่นเดียวกับกรพิณน์ เช่นเดียวกับกฤตเมธ


ครอบครัวที่เฝ้าตามหา แท้จริงอยู่เพียงเอื้อมมือคว้านี่เอง


****************************************************
เรื่องราวโดยสังเขปก่อนจบ
-   งานฌาปณกิจของเสน่ห์จันทร์ และฉากสุดท้ายของชิดจันทร์
-   งานแถลงข่าวเมธ+ยุ
-   ฉายหนังสุดปลายทางของ...หัวใจ รอบปฐมทัศน์
-   บทสรุป...
พอร์ช+รุจน์// บลู+ซอล// ดนัย+ดิน// เมธ+ยุ
และติ่งต่อจากตอน “Roommate” ย้อนรอย...อ๊อด x กมล
-   ตอนพิเศษ *ฮันนีมูน*

อิอิ เหลือให้ลุ้นกันอีกแค่นิดหน่อยแล้วนะคะ
ความสุขกำลังมาเยือนค่ะ
เคลียร์กันเป็นปมๆไป…

ขอโทษที่หายหัวไปตั้งครึ่งเดือนนะก๊ะ
พอดีโดยหัวหน้าเพ่งเล็งเล็กน้อยเรื่องอู้เขียนนิยายในเวลางาน
ช่วงนี้เลยออกช้าหน่อย ขอบคุณที่อดทนรอนะค๊า TT^TT
ขอบคุณที่ยังติดตามค๊า

อนาคี99 #Thearboo

ปล. ดินxดนัย มาไม่ทันในตอนนี้ กระโดดไปโผล่ตอนหน้านะจ๊ะ งื้อ...

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: boboman ที่ 01-08-2015 07:25:10
จิ้มจึกๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: keepout ที่ 01-08-2015 07:42:04
จะยังมีคนแบบยุ อยู่นโลกอีกไหมเนี่ย
ยิ่งอ่านยิ่งรักสดายุมากขึ้นเรื่อยๆ
พี่เมธ ดูแลยุดีๆน้าาาา สัญญาสิๆๆๆๆๆ
#รอทุกคู่เลยค่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 01-08-2015 08:33:00
คุณแม่พี่เมธ น่ารักมาก ๆ เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 01-08-2015 08:46:04
งุงิ น้องดินต้องทำงานอารายน๊าาาาา *กระพริบตาใสซื่อปริบๆ*
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 01-08-2015 09:11:17
คุณแม่พี่เมธน่ารักมากกกกก ซึ้งน้ำตาคลอ
ดีใจกับยุด้วยนะลูกนะ เหลืออีกนิดเดียว
รอตอนต่อไปน้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 01-08-2015 09:18:07
ตอนนี้ซึ้งอ่ะ น้ำตาไกลพรากกเลยยน
ทั้งบลูซอบ ยุกับเมธ คุณแม่พี่เทธน่ารักมากมาย :-[

รอดินกับดนัย แล้วก็พอร์ชรุจจ้า

ยิ่งเรื่องใหม่ดินกะดนัย ขอเกาะติดขอบจอเลยนะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-08-2015 09:21:10
ขอบคุณนะคะที่มาต่อ

รอลุ้นฉากจบทุกคู่ค่า   :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 01-08-2015 09:43:57
อร๊ายยยย ตื่นมาแล้วอารมณ์ดีเลยยยย มาต่อแล้ววววว รอคอนต่อไปนะคะ  :hao6: :hao6: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 01-08-2015 09:55:57
มีความสุขซักทีสดายุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 01-08-2015 10:11:33
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 01-08-2015 11:13:13
ดีใจที่แม่จองพี่เมธเข้าใจ
ซึ้งใจแทนยุเลยจริงๆ

ขอบคุณคนเขียนมากค่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 01-08-2015 11:23:53
ยินดีกับน้องยุด้วยจ้า คุณแม่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 01-08-2015 12:38:53
น้ำตาพรากๆๆอ่ะ
ดีใจกับยุจัง ฟ้าหลังฝนแล้วนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 01-08-2015 13:31:40
หวานไปสิ เหลือคู่เดียวละนะที่ยังไม่หวาน ดิน 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 01-08-2015 14:01:59
ซึ้งน้ำตาจะไล่ TT^TT
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 01-08-2015 15:13:11
ถึงกับน้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: antop ที่ 01-08-2015 15:37:03
โคตรซึ้งอะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-08-2015 16:08:28
แม่ของเมธน่ารัก o13

รอฉากแถลงข่าวละเธอ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 01-08-2015 16:09:08
รู้สึกว่าบาดแผลชีวิต
ของยุน่ากลัวมาก ทำ
ให้คน ๆ หนึ่งไม่กล้า
ที่จะรับความรักจากใคร
เพราะกลัวว่าตัวเองไม่
ดีพอที่จะรัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: ขนมโก๋ ที่ 01-08-2015 16:12:51
ดีใจกับน้องยุ ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสอยู่แล้ว o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 01-08-2015 16:30:32
ยุช่างเป็นคนจิตใจดีซะจริงๆๆ
คราวนี้จะได้มีความสุขสักทีนะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 01-08-2015 16:34:22
ซึ้งกินใจมากค่ะ   :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 01-08-2015 17:23:32
อ้อยยยยยย!! คือดีงาม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 01-08-2015 17:49:40
คู่คุณผจกให้อารมณ์เลสเบียนเลยคะ คิคิ ชอบแม่พี่เมธอะ
รับน้องยุเราเป็นสะใภ้แล้ว  :mew1: พี่เมธกับน้องยุจะได้อยู่เป็นครอบครัวสุขสันต์ซะที
คู่ดนัยก็ออกแว๊บๆแต่ก็ลุ้น คิคิ สงสัยว่าไอ้งานที่บดินต้องไปทำนิงานอดไรน๊าา
คงไม่ใช่ให้ทำงานบนเตียงทั้งวันทั้งคืนนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 01-08-2015 17:50:37
ยินดีกับยุ แม่พิณใจดีมากๆ วิสัยทัศน์กว้างมากด้วย :hao5: :hao5:
โอ้ย...ลุ้น อยากเห็น ภู-ภู่ เจ้าของเรื่องที่แสดงมาเจอ เมธ-ยุ ผู้สวมบทบาทจัง

ปล.ต่อไปนักแสดงชายคนไหนมาเล่นเรื่อง "สุดปลายทางของหัวใจ"
ต้องลงเอยกันทุกคู่หรือเปล่านะ :-[ นี่มันอาถรรพ์หนังวายชัดๆ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 01-08-2015 20:50:49
หวานทุกคู่เลยยยย
ชอบคุณแม่พี่เมธสุดๆ น่ารัก จิตใจดี๊ดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 01-08-2015 23:42:39


ชอบจัง

ชอบจริง

จิ้มๆ

รอนะขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: nuttzier ที่ 02-08-2015 02:45:02
มาสม่ำเสมอก็โอเคอยู่น๊า   อย่าหายไปนานนะ  เค้ารออยู่


ปล. รออ่าน  ดิน  ดนัยอยู่น๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: nemesis ที่ 02-08-2015 08:43:47
คุณแม่น่่รัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 02-08-2015 10:21:11
โอ้ยย ก้เหลือให้บดินทร์กะดนัยสมหวังกันนี่ล่ะ คู่อืนเค้ารักกันราบรื่นแล้ววว

ชอบคู่บลูซอล น่ารักกกก คริคริ แมนๆหน่อยค่ะเจ๊บลูม่า  :z2:

น้องยุขาา น้องยุอย่าคิดมากไปกว่านี้เลยนะคะ ตอนนี้เราผ่านพ้นเรื่องหนักๆมาด้วยกันกะพี่เมธ น้องควรพักผ่อนค่ะ  o13

ปล. คิดถึงคนเขียนฝุดๆค่ะ  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: JUzpETeR ที่ 02-08-2015 14:23:59
โฮกกกกกกกกกกกกกกก ขุ่นเจ้บลูกับน้องซอลลลล วรั๊ยยยยย //_\\

ตอนนี้หวานทะลุจอมากกกกกก งื้ออออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 02-08-2015 15:10:24
เพิ่งได้มาอ่านเรื่องนี้ สารภาพตามตรงว่าไม่คิดจะอ่าน แต่พอมาอ่านจริงสนุกมากเสีนดายที่ไม่ได้อ่านเร็วกว่านี้

ชอบทุกคู่เลย แต่หลังๆ เริ่มเอนเอียงไปทางดนัยกะดินซะส่วนใหญ่ เพราะเหมือนกับว่าคู่นี้เพิ่งจะเริ่มต้นความสัมพันธ์

สู้ๆ น่ะค่ะคนเขียน รอตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 02-08-2015 15:56:42
คุณแม่น่ารักแล้วก็ใจดีมากกกกก
ยุไม่ต้องกังวลคิดมากอะไรแล้วนะ
เดี๋ยวพี่เมธจะแถลงข่าวขอแต่งงานละ 555
อยากอ่านคู่บดินทร์ดนัยต่ออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 02-08-2015 18:34:03
ยินดีกับน้องยุ พี่เมธ คุณแม่น่ารักมากๆๆๆๆๆๆๆๆ

 :กอด1:  :L2: :pig4:



หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 04-08-2015 12:03:15
TT^TT ยุ
พูดไม่ออก หาแบบยุได้อีกที่ไหน
#เมธถีบ
โถ้วววว
ก็เค้าชอบอ่า
ขอให้ความสุขอยู่กับยุไปนานๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 04-08-2015 12:21:45
อร๊ายยย กดไลท์คุณแม่พี่เมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Apple_matinie ที่ 05-08-2015 23:45:34
เย้
อ่านตามทีนแล้ววววว
ชอบสดายุ :z1: นายเเซ่บมว้ากกก

แต่ตอนนี้เริ่มชอบบดนทร์ คนอะไรเขิลร่ารักจัง  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: PPink ที่ 06-08-2015 10:08:49
อ่านตอนนี้นี่รู้เลยว่าเนื้อแท้พี่ยุดีมาก
ถ้าครอบครัวดี ช่วยกันโอบอุ้ม พี่ยุจะไม่เป็นแบบก่อนหน้าอะ

คู่บลูซอลนี่ โอ้โห จิกหมอนแปป
พี่บลูโรแมนติกม้ากมากกก พี่ซอลก็แหม พอรู้ว่ารักก็ลืมน้องนุ่งเลย
แล้วแบบนี้ดินจะทำไงเนี่ย

สู้ๆ นะดิน ทำตัวนิ่งๆ ไม่ให้ดนัยร้ายใส่มากกว่านี้ก็พอแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 06-08-2015 11:14:16
ยุน่ารักกกกก
คิดถึงคนอื่นตลอดจริงๆ
เอาล่ะ คุณแม่ก็ยอมรับขนาดนี้ ชดใช้ซะให้สาสมนะจ๊ะ 555

บลูซอลหวานมากกกกกก :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 09-08-2015 15:34:21
ยุจ๋า ฮือออ มีความสุขจริง ๆ จัง ๆ สักทีนะ
ขอให้ทุกอย่างต่อไปนี้ราบรื่น

เรื่องราวโดยสังเขปก่อนจบ
-   งานฌาปณกิจของเสน่ห์จันทร์ และฉากสุดท้ายของชิดจันทร์
-   งานแถลงข่าวเมธ+ยุ
-   ฉายหนังสุดปลายทางของ...หัวใจ รอบปฐมทัศน์
-   บทสรุป...
พอร์ช+รุจน์// บลู+ซอล// ดนัย+ดิน// เมธ+ยุ
และติ่งต่อจากตอน “Roommate” ย้อนรอย...อ๊อด x กมล
-   ตอนพิเศษ *ฮันนีมูน*


^ น่าติดตามอย่างยิ่ง ประเด็นเด็ดทั้งนั้น
                  :katai2-1:
                 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 09-08-2015 18:59:14
อ่านฉากของบลูม่ากับซอลย่าแล้วนึกภาพเป็นพวกเลสจีบกันเลย ><
ดีใจกับน้องยุที่ได้มีความสุขกับเขาสักที   :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: wwss2220 ที่ 09-08-2015 19:03:44
 :m31:สนุกมากค่ะ ยุกับเมธก็น่ารัก, รุจ พอร์ช เพื่อนรักรักเพื่อน, ซอลย่า บลู แซ่บลืม, ดิน ดนัย รักแบบร้อนแรง.....มาต่อไวๆนะค่ะชอบมาก :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: May@love ที่ 09-08-2015 19:20:30
รอติดตามตอนจบนะคะ

ส่งกำลังใจให้คุณอนาคีด้วยจ๊ะเรื่องงาน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 13-08-2015 01:36:28
ในที่สุดยุก็มี "บ้าน" กับเขาสักที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 16-08-2015 02:43:39
คุณแม่ใจดี  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 22-08-2015 08:36:47
ยินดีกับพี่เมธเเละยุจ้าครอบครัวสุขสันต์ :กอด1:
รอดูฉากสุดท้ายของชิดจันทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: tae1234 ที่ 23-08-2015 16:34:54
น้องยุ...ปลื้มใจจัง. ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 25-08-2015 11:59:42
 :o12: :o12: :o12: :o12:
พี่อนาคีคนสวย ทิ้งเราไม่แล้ว
ไม่มาอ่ะ
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 26-08-2015 15:56:01
เพิ่งอ่านทัน ฮ่าๆๆ( ลุ้นมาก)



สดายุน่ารัก น่าสงสาร


พี่เมธ พ่อพระเอกเนื้อทองยอดขมองอิ่ม




รักที่สุด :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-08-2015 01:45:31
ผมคือ...นางเอก
#พรวิเศษ


บ่ายโมงกว่าๆท้องฟ้ายังคงขมุกขมัว วังน้ำเขียวที่ปกติดูร่มรื่นอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งครึ้มหนัก เข้าปลายฤดูฝน น้ำฟ้ายิ่งพรั่งพรู เสียงเมฆดำคำรามครืนมาแต่ไกล เดาได้ว่าในไม่ช้าหยาดฝนคงลงดอก ใต้ร่มหลังคาบ้านไม้ทรงสวย มีบางคนกำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าสลัวอย่างล่องลอย มองควันบุหรี่สีขาวปลอดที่ค่อยๆกระจายตัวพุ่งจากปอดออกมาทางจมูกปากตน อ้อยอิ่งอยู่ในอากาศตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนจะสลายตัวไปอย่างช้าๆ รสขมเฝื่อนในปากคงเป็นอย่างเดียวที่พอทำให้บดินทร์รู้ตัวว่าตนยังคงตื่นลืมตาอยู่

บดินทร์ถูกทิ้งให้อยู่ที่เซฟเฮ้าส์เพียงลำพัง เพราะพ่อของตนร้องขอไว้ ตอนนี้ยังมีนักข่าวบางคนวนเวียนอยู่แถวบ้านไม่ขาด การปรากฏตัวของบดินทร์ช่วงนี้คงไม่เป็นผลดีเท่าไหร่ อีกทั้งร่างกายบดินทร์เองก็ยังไม่พร้อม ทั้งข่าวฉาวเรื่องคลิป ข่าวติดหนี้บ่อนพนัน ทั้งยังข่าวการฆ่าตัวตายที่เล็ดรอดออกในไปตอนที่ดนัยบุกเข้าไปช่วยไว้วันแรก หลายหลากประเดประดัง บดินทร์จึงยังไม่พร้อมจะตอบคำถามใครทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเป็นการดีที่สุด ที่เขาจะถูกเก็บตัว หลบเร้นกายอยู่ในป่าเขานี่สักพัก...

แม้จะเป็นถิ่นของคนที่แสนเกลียดก็ตาม บดินทร์คงทำได้เพียงยกศักดิ์ศรีจอมปลอมของตัวเองทิ้งไป และยอมรับความช่วยเหลือแต่โดยดีเท่านั้น...เพราะเขามัน ไม่มีค่า

พูดถึงเจ้าของบ้าน เขาไม่เห็นหน้าดนัยมาตั้งแต่ช่วงสาย หลังทักทายครอบครัวของเขาเสร็จ รู้สึกเจ้าตัวจะขอตัวเข้าไปนอนพักผ่อน เพราะขับรถมือเดียวทางไกลแบบไม่มีแวะพักมาทั้งคืน แน่ละ จากหัวหินมาวังน้ำเขียว มันเกือบ 7 ชั่วโมงเชียวนะ

ทั้งที่ความจริงบดินทร์อยากจะคุยเคลียร์ให้จบๆไปเรื่องหนี้สิน แต่ดนัยดันหนีไปนอนเสียก่อน สุดท้ายเขาจึงต้องแกร่วรออยู่แถวระเบียงบ้านอย่างที่เห็น จะออกไปไหนก็ไม่ค่อยปลอดภัย แถมยังมีบอดีการ์ดเฝ้าเต็มบ้านไปหมด จนแล้วจนรอด บดินทร์เลยแทบไม่ได้กระดิกตัว

กลัวทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า อาจโดนเป่าด้วยลูกตะกั่วตายอยู่แถวนี้

เฮ้อ…พ่อไม่น่ารีบกลับ เพราะห่วงบ้านเลย

“บ่ายแล้ว ไม่ทานอะไรหน่อยเหรอคุณ?”

ดูเหมือนเพียงครู่ต่อมา การรอคอยของบดินทร์จะสิ้นสุดลงได้ในที่สุด ทันที ที่ได้ยินเสียงทุ้มละมุนหูที่ใครต่อใครต่างก็ชื่นชม ดังมาจากเบื้องหลัง บดินทร์ก็ได้ฤกษ์เปิดฉากการเจรจาเสียที

“คุณเอาเงินสิบล้านไปไถ่หนี้ของผมที่บ่อนของเสี่ยอัครเดช?” คำถามตรงประเด็นส่งตรงถึงดนัยโดยไม่รอช้า ทั้งๆที่คนถามไม่มีแม้แต่จะผินหน้าไปมอง

“อือฮึ แล้วมันทำไมเหรอ?” ดนัยไหวไหล่เล็กน้อย ตอบออกมาด้วยทีท่าที่ไม่ได้ยี่หระต่อคำถามของบดินทร์สักเท่าไหร่ ทั้งยังเดินเฉิบๆเข้ามานั่งเอกเขนกตรงเก้าอี้หวายข้างกายของบดินทร์เฉย

และท่าทีกวนประสาทแบบนี้ของดนัยนี่แหละ ที่บดินทร์นึกชังนัก “จู่ๆก็เอาเงินสิบล้านไปละลายทิ้งเพราะผม คุณต้องการอะไรขากผมกันแน่?”

และท่าทีกวนประสาทแบบนี้ของดนัยนี่แหละ ที่บดินทร์นึกชังนัก “จู่ๆก็เอาเงินสิบล้านไปละลายทิ้งเพราะผม คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่?” ความไม่เข้าใจทำกิริยาของชายหนุ่มก้าวร้าวขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ

นอกจากไม่เข้าใจแล้ว ยังเจ็บใจตัวเองมากอีกด้วยที่ไม่รู้จะต้องทำอย่างไรต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ ทั้งยังอับอายเหลือเกินกับเรื่องที่เขาทำลงไปเมื่อคืน

"ก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่เงินสิบล้านไม่ใช่ปัญหาสำหรับผม" ดนัยตอบชิลล์ เอนกายลงเอนหลังกับเก้าอี้หวายเต็มตัว เขารู้ดีว่าบดินทร์เดือดขนาดไหน กอปรกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนด้วยแล้ว เวลานี้ในอกของอีกฝ่ายคงร้อนรุ่มดังไฟสุม

คำว่าไม่ได้ต้องการอะไรของดนัย หมายความตามคำนั้นจริงๆและดนัยรู้ว่าบดินทร์คงไม่พอใจ ยิ่งถ้ารู้ว่าที่เขาทำไปก็เพราะต้องการไถ่โทษ บดินทร์คงโกรธจนลมออกหู

บดินทร์หยิ่งในศักดิ์ศรีแค่ไหนทำไมเขาจะไม่รู้

เป็นตัวร้ายที่ยอมตายดีกว่าการขอความเมตตา

"สิบล้านไม่สำคัญ...เฮ๊อะ คนมีอันจะกินนี่โคตรน่าอิจฉา แต่ก่อนจะทำบุญทำทาน ก็ช่วยถามความสมัครใจของขอทานด้วยได้ไหมล่ะ ว่ามันอยากได้หรือเปล่า? โปรดอย่าใจบุญสุนทานพร่ำเพรื่อกับผมเสียทีได้ไหม? ผมไม่ต้องการ!"  คำปรามาสร่ายยาวเป็นวรรคเป็นเวร สะท้อนให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าบดินทร์อารมณ์เสียกับเรื่องนี้มากแค่ไหน คำว่า 'หนี้บุญคุณที่ไม่ต้องการ' ฉายชัดอยู่ในถ้อยคำเหล่านั้นอย่างที่ไม่ต้องเสียเวลาแปลความหมาย

“อย่าคิดมากนักสิคุณ ผมไม่ใช่เจ้าหนี้ทวงโหดเหมือนเสี่ยอัครเดชหรอกนะ...หึหึ” ยิ่งเห็นว่าบดินทร์เริ่มพาลจนหน้าแดงหน้าดำ ดนัยก็ยิ่งเย้าแหย่ แท้จริงถึงภายนอกเขาจะดูเป็นมิตร ยิ้มสวย เทพบุตรสักแค่ไหน เนื้อแท้เขาก็แค่คนร้ายกาจที่ไม่ชอบให้ใครก้าวล่วงดูถูก หากคนตรงหน้าไม่ใช่บดินทร์ ป่านนี้คงได้ลงไปนอนกับรากไม้ใต้ดินไปแล้ว เพราะเป็นบดินทร์คนที่เขาให้สิทธิพิเศษหรอกนะ ถึงสามารถทำแบบนี้กับเขาได้...

"สนุกนักหรือไงที่เห็นผมต้องดิ้นรนกระเสือกกระสน เพื่อล้างหนี้ของคุณ แล้วเรื่องใหญ่ขนาดเงินสิบล้านเนี่ย ทำไมไม่บอกผมตั้งแต่แรก ปล่อยให้ผมโง่เง่าทำเรื่องสิ้นคิดแบบนั้น! สะใจมากใช่ไหม ที่เห็นผมโง่น่ะ!!?" ถูกเย้ากลับมารวมถึงท่าทางได้ทุกข์ไม่ร้อนของดนัย ทำเอาบดินทร์สติแตก ร่างสูงลุกพรวด ตั้งท่าจังก้าชี้หน้าว่าร้ายดนัยไม่ขาดปาก ตัดพ้อต่อว่าสารพัดในเรื่องที่ถูกอีกฝ่ายปกปิด หากเขารู้สักนิดว่าตัวเขาถูกดนัยจองจำไว้ด้วยหนี้สินถึงสิบล้านนี้แล้วล่ะก็ อย่างน้อยเมื่อคืน...

เขาคงไม่ต้องเปลืองตัวแบบนั้น

เจ็บใจนัก!!

“ผมบอกคุณเหรอว่าสะใจ คิดเองเออเองเก่งนะคุณเนี่ย” ดนัยยังคงพูดขำ แต่ในอกชักไม่ขำด้วย รู้สึกว่าสิทธิพิเศษที่มอบให้บดินทร์ไปจะเริ่มสั่นคลอนไม่น้อย เส้นบางๆระหว่างความอดทนกับไม่อดทนมันกำลังจะขาดอยู่รอมร่อ

“หึ! คิดเองเออเองอย่างนั้นเหรอ? เห็นๆอยู่ว่าคุณยัดเยียดมันให้กับผม!!”

ปึ่ด…

ดนัยรู้สึกได้ทันที ว่าเส้นเชือกแห่งความอดทนของเขากับลังจะสะบั้น ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วประจันหน้ากับบดินทร์ตรงๆบ้าง สองแขนแข็งแกร่งสอดล้วงกระเป๋ากางเกงไว้ เพื่อรั้งสติไม่ให้เผลอเอื้อมไปคว้าคอคนพูดไม่รู้ฟังให้มาอยู่ใต้อาณัติ ลมหายใจแห่งสัมปชัญญะถูกสูดเข้าปอดลึกๆครั้งหนึ่ง แต่ดูเหมือนอารมณ์คุกรุ่นบางเบาที่ประทุขึ้นมาแล้วนั้น มันจะไม่สามารถข่มสะกดให้สงบลงได้ง่ายๆ

ร่างสูงใหญ่ของดนัยยืดตัวตรงกว่าเดิม ใบหน้าคมคายเอียงองศาเล็กน้อย จดจ้องไปยังสีหน้าดาลเดือดของบดินทร์เขม็ง หัวใจดนัยร่ำร้องว่าความต้องการในตัวของบดินทร์กำลังพุ่งสูงจนแทบจะปะทุออกจากอก ยิ่งภาพความทรงจำอันร้อนเร่าของคืนวานผ่านวาบเข้ามาในหัวทุกครั้งที่มีอารมณ์ขุ่นข้อง

มันยิ่งเร่งเร้า

มันยิ่งพลุ่งพล่าน

มันยิ่งขับดันให้เลือดในกายของดนัยร้อนระอุ จนอยากเอื้อมมือไปคว้า จับกด และฉีกทึ้งให้บดินทร์เปลือยเปล่าไปทั้งร่าง อยากสัมผัสผิวเนื้อรุนแรง อยากแทรกกายเข้าสู่เรือนร่างร่านร้อนจนแทบจะบ้าคลั่ง อยากกักขังเอาไว้ในห้องปิดตายไม่ให้หนีไปไหนได้

สั่งสอนด้วยกำลัง บังคับด้วยอำนาจ

ฝึกให้เชื่องกับเขา จนหนีไปไหนไม่รอด…




แต่…

มันยังไม่ใช่ตอนนี้




“นั่นสินะ...ใช่ ผมรู้ว่าสิ่งที่ผมตั้งใจทำให้คุณโดยไม่คาดหวังสิ่งตอบแทน สำหรับคุณแล้ว มันคือการยัดเยียด คือหนี้บุญที่คุณไม่ต้องการ… แต่ผมก็อยากให้คุณรู้เอาไว้ ว่าสิ่งที่คุณมอบให้ โดยอ้างว่าคือการชดใช้ ผมเอง…ก็ไม่เคยร้องขอเหมือนกัน” เมื่อยังพอรังสติอยู่ไหว ว่าเขาควรเว้นช่องว่าให้บดินทร์ได้หายใจหายคอบ้าง ยังอยากเลี้ยง ไม่ใช่ล่าม

ดังนั้นดนัยจึงเลือกที่จะตอบโต้บดินทร์ทางวาจาแทนร่างกาย ทว่าคำยอกย้อนของเขาก็ใช่จะเบาเหมือนสติ ทุกถ้อยทุกคำย้อนยอกตอกกลับจริงจังหนักแน่น เช่นเดียวกับที่โดนบดินทร์ต่อว่ามา

แน่นอนว่ามันแสบสันเสียจนบดินทร์ถึงกับหน้าชา

"ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องรับไปสิ!!"

“แล้วทำไมผมต้องปฏิเสธ? ในเมื่อคุณเป็นคนเสนอตัวมาให้ผมเอง”  

สิ้นคำดนัย บดินทร์ก็ไม่สามารถระงับความขุ่นข้องของตนได้อีกต่อไป เดือดดาลหนักหนากับสิ่งที่ตีความได้จากทุกถ้อยคำที่ดนัยกล่าวมา มันตีความได้ไม่ยากเลยว่า การยินยอมทอดกายเพื่อแลกอิสรภาพของเขานั้น ในท้ายที่สุด มันเป็นเพียงการดิ้นรนอย่างไร้ความหมายของเหยื่อที่โง่เง่าเท่านั้นเอง

“ไอ้ดนัย!!”

บดินทร์คำรามลั่น พร้อมกับที่เหวี่ยงหมัดฮุคเข้าหาดนัยอย่างไม่ออมแรง

หมับ!

แต่ก็ไม่ได้ระคายผิวดนัยแม้เพียงปลายผม หมัดหนักๆของบดินทร์ที่เจ้าของว่าแม่นยำนั้น กลับถูกดนัยคว้าเอาไว้อย่างง่ายดาย แม้ส่วนสูงจะต่างกันไม่เท่าไหร่ แต่แรงกล้ามที่ผิดกันหลายข้อ ทำให้บดินทร์แทบจะไม่สามารถสะบัดหลุดจากอุ้งมือหนาของดนัยได้เลย

“อย่ารนหาเรื่องบดินทร์ ผมขอล่ะ”

ดนัยขอร้องอย่างใจเย็น ทว่าดูเหมือนประโยคที่ว่านั่น จะไม่เหมือนประโยคขอร้องสักเท่าไหร่นักในความคิดของบดินทร์

สองร่างยืนประชิด สองสายตาสบประสานเกรี้ยวกราด ต่างขิงก็ราข่าก็แรง ไม่มีใครยอมลงให้ใครก่อน ดนัยขบกรามกรอดกับสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เขาคิดเอาไว้ไม่เคยผิดเลย บดินทร์คือตัวร้ายที่ยอมตายดีกว่าร้องขอชีวิต หากเป็นคนอื่นได้รับความช่วยเหลือขนาดที่เรียกได้ว่าเป็นการฉุดขึ้นจากขุมนรกอย่างที่ถ้าเป็นคนอื่นร้อยทั้งร้อยคงยอมมอบกายถวายชีวิตให้เขาแบบไม่ต้องคิด แต่มันดันไม่ใช่สำหรับบดินทร์ คนคนนี้ นอกจากจะไม่ร้องขอให้ช่วยเหลือแล้ว ยังรังเกียจมือของเขาที่ยื่นลงไปให้อีกต่างหาก
 
ยอมถูกไฟนรกพร่าผลาญมากกว่าจะจับต้องมือของเขาสินะ

ความหงุดหงิดงุ่นง่านเริ่มคืบคลานเข้าครอบงำจิตใจใฝ่คุณธรรมที่เหลือเพียงน้อยนิดของเขาอย่างช้าๆ สมองดนัยประมวลผลเร็วรี่ ว่าควรทำอย่างไรกับคนดื้อด้านอย่างบดินทร์ดี

นิ่งไปพักใหญ่ๆ ใช้สมองขณะใช้ร่างกายจับตรึงบดินทร์ที่ดิ้นรนอย่างเอาเป็นเอาตายให้ยอมอยู่นิ่ง

และในที่สุดดนัยก็คิดขึ้นได้ ในจังหวะเดียวกับที่สามารถรวบบดินทร์เข้ามาในอ้อมแขนได้พอดี

“ไปอเมริกากัน!”

“ห๊ะ!? อะไรของคุณ?”  คำชวนที่จู่ๆก็ถูกโพล่งออกมาจากอีกฝ่าย เล่นเอาบดินทร์ที่กำลังดิ้นเร่าถึงกับหยุดชะงัก

“คุณก็รู้ตัวไม่ใช่เหรอ ว่าคุณไม่เหลือที่ยืนในประเทศนี้แล้ว สิ่งที่คุณทำลงไป อย่าว่าแต่กลับเข้าวงการเลย แม้แต่งานดาษๆอื่นๆคุณก็ทำไม่ได้ ไม่มีงานก็ไม่มีเงิน คุณคงไม่คิดจะหมกตัวอยู่แต่บ้าน หลบๆซ่อนๆไปจนกว่าเรื่องจะเงียบใช่ไหมล่ะ?”  พอบดินทร์ชะงัก ดนัยก็เร่งอธิบาย เหตุผจูงใจมีร้อยแปดพันเก้า ติดอยู่แค่บดินทร์จะยอมคล้อยตามหรือไม่

“ใช่! เรื่องนั้นผมก็รู้อยู่ แต่มันเกี่ยวอะไรกับการที่ผมจะต้องไปต่างประเทศกับคุณด้วย?” แน่นอนว่าบดินทร์ยังคงเถียง แต่น้ำเสียงที่เบาลง และการดิ้นรนที่โอนอ่อนให้ ทำให้ดนัยพอจะสัมผัสได้ว่า ถ้อยคำจูงใจของเขา อาจได้ผล

ความตั้งใจของดนัยแรงกล้า เขาต้องการพาบดินทร์ไปอยู่ในรังของเขาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด แต่แน่นอนว่าการเกลี้ยกล่อมให้บดินทร์ยอมตัดสินใจตามไปด้วยตัวเองย่อมให้ผลที่น่าพึงใจกว่า แน่นอนว่าที่ทำไปทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือบดินทร์ดังที่เคยลั่นวาจาไว้ทั้งสิ้น ชดใช้ ชดเชยในสิ่งที่เขาเคยบังคับพรากมาก

แต่ก็แน่นอนอีกแหละ ว่าในความตั้งใจเหล่านั้น ย่อมมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แอบแฝงอยู่ด้วย

อ้อมแขนแกร่งกระชับร่างบดินทร์แน่นขึ้นโดยพยายามให้รู้สึกตัวน้อยที่สุด ก่อนจะโน้มใบหน้าลงใกล้ แล้วกระซิบคำโฆษณาสุดท้ายตรงริมหูบดินทร์…

“เพราะมันคือทางเดียวที่คุณจะสามารถทำงานหาเงินมาใช้หนี้ผมได้ในเวลาอันสั้นไง”

.
.
.
.
.
บ่ายสามแก่ๆ หลังการโต้เถียงอันยาวนานระหว่างดนัยและบดินทร์ ที่ไม่ว่าดนัยจะโอ๋จะกล่อมกระทั่งข่มขู่ยังไง บดินทร์ก็ยืนกรานไม่ยอมรับฟังท่าเดียว ประมาณว่า สุขใจผู้ให้ขัดใจผู้รับ บดินทร์ไม่อยากรับความช่วยเหลือใดๆจากดนัยอีก

แต่จนแล้วจนรอด ความพยายามของดนัยก็ได้ผล

เพราะในที่สุดทั้งสองคนก็ได้ข้อสรุป

ด้วยข้อตกลงระหว่างกันที่ดูเหมือนจะเอื้อประโยชน์สูงสุดให้บดินทร์ แต่จริงๆแล้วเข้าทางดนัยอย่างที่สุด

พร้อมๆกับที่ซอลย่าเดินทางมาถึงเซฟเฮ้าส์ แหล่งกบดานของบดินทร์เสียที

“ดิน!”

ร่างบอบบางของซอลย่าถลาเข้าหาน้องรักทันทีที่เจอหน้า ด้วยความที่ตัวเตี้ยกว่าอยู่หลายขุม ทำให้พอเข้าซุกอ้อมกอดของบดินทร์แล้วร่างบอบบางของซอลย่านั้นแทบจะจมหายไปในอ้อมอกน้องชายราวกับเด็กน้อย

“เป็นยังไงบ้าง ได้ข่าวว่าหนีออกจากโรงพยาบาลตามคุณดนัยไประห่ำจับผู้ร้ายมาด้วยใช่ไหม? ทำไมชอบทำให้พี่เป็นห่วงแบบนี้หืม? แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง คลาดกันไปคลาดกันมาตลอดเลย” กอดจนอุ่นใจได้ ผู้จัดการดาราร่างเล็กก็รีบผละจากอ้อมอกอุ่น พลางเทศนาบดินทร์เสียยกใหญ่ที่ทำอะไรแบบไม่คิดหน้าคิดหลัง รู้ดีว่าบดินทร์เป็นห่วงสดายุมาก แต่ก็ไม่ควรจะบุ่มบ่ามทั้งๆที่ตัวเองก็ยังบาดเจ็บอยู่แบบนี้ ดังนั้น ทันทีที่ได้เห็นหน้า ซอลย่าจึงอดบ่นไม่ได้ สองมือเรียวเล็กเอื้อมประคองสองแก้มของน้องชายไว้ จับหันซ้ายหันขวา ดูว่ามีรอยแผลฟกช้ำน่ากลัวที่ไหนหรือเปล่า หนวดเคราเขียวครึ้มสากมือที่สัมผัสได้ เป็นเครื่องหมายยืนยันได้อย่างดีว่า บดินทร์แทบไม่ได้ดูแลตัวเองเลย เห็นแค่นั้นซอลย่าก็แทบร้องไห้ ร่างบางจึงโผเข้ากอดน้องชายอีกครั้งด้วยความสงสาร หัวกลมเล็กของพี่ชายถูไถไปมาในอ้อมกอดกว้าง ปฏิกิริยาประจำตัวยามที่ซอลย่าต้องการจะปลอบใจบดินทร์

กิริยาน่ารัก จนบดินทร์ยังอดยิ้มไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะทุกข์ หรือเครียดกับอะไรมากแค่ไหน พอได้เจออาการห่วงน้องสุดกำลังของซอลย่าเข้าไป ความอบอุ่นอ่อนโยนนั้นก็ทำให้บดินทร์ยิ้มได้ทุกครั้ง

พี่ชายคนนี้…เขารักมากเหลือเกิน

ทว่า…

พฤติกรรมของทั้งสองคนนั้นช่างขัดตาแขกอีกคนที่มาด้วยกับซอลย่าเหลือเกิน

“อะแฮ่ม!” 

ดังนั้นเสียงกระแอมไม่สู้มีมารยาทนัก จึงถูกส่งออกไปเตือนสติของคนทั้งคู่ ว่าโลกนี้ยังมีคนอื่นยืนหัวโด่อยู่ด้วย

“สวัสดีค่ะ คุณบดินทร์! ออกจากโรงพยาบาลได้ สบายดีแล้วสินะคะ!”

ประโยคทักทายระคนข่มขวัญที่ใช้เสียงเบสทุ้มต่ำคำรามถาม เรียกสายตาของบดินทร์ให้มาหยุดอยู่ที่ผู้มาเยือนอีกคนที่เขาค่อนข้างจะแปลกใจในการมาของอีกฝ่ายไม่น้อย

“สวัสดีครับคุณบลูม่า…”  บดินทร์ทักออกไปเพียงแค่นั้น ทั้งที่ใจจริงอยากจะถามต่อว่ามาได้อย่างไร และมาทำไม แต่ก็ได้สติยั้งปากไว้ได้ทันเสียก่อน เอาเถอะ เขายังไม่มีอารมณ์จะตีกับใครตอนนี้ โดยเฉพาะคนที่ยืนตาขวางจ้องเขม็งมาราวกับจะจับเขาหักคอได้ทุกเมื่ออย่างบลูม่า

“มาด้วยกันได้ยังไงครับเนี่ย?” แต่เห็นอย่างนั้นบดินทร์ก็แอบสงสัยไม่ได้ จึงต้องก้มลงกระซิบถามเอากับซอลย่าว่าแท้จริงแล้ว แขกคนนั้นโผล่มาหาเขาถึงนี่ได้อย่างไร

“เอ่อ…เขามากับพี่น่ะ ช่วยขับรถมาให้…” ซอลย่าตอบอ้อมแอ้ม ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อยอย่างลืมตัว

“……!!??”  และสภาพนั้นก็เล่นเอาบดินทร์ถึงกับผงะ ขนาดนี้ คงไม่ใช่บังเอิญไปเจอกันแล้วตามกันมาเยี่ยมเขาแน่ๆ

ทำไมบดินทร์จะไม่สงสัยเล่า ก็ในเมื่อตั้งแต่จำความได้ ซอลย่ากับบลูม่านั้นไม่ถูกโรคกันยิ่งกว่าอะไร ข่าวว่าเป็นทั้งคู่แข่งทั้งด้านความรักและอาชีพ โดยเฉพาะหลังจากตอนที่เขากับสดายุแตกหักกัน ผู้จัดการส่วนตัวอย่างสองคนนี้ ก็แตกหักหนักข้อกันขึ้นไปอีก

เรื่องราวที่บดินทร์พอจะจำได้เป็นมาแบบนั้น แต่เหตุไฉนตอนนี้ ถึงได้จูงมือกันมาหาเขาได้เล่า มิหนำซ้ำซอลย่ายังออกอาการเคอะเขินทันทีที่ถามถึงบลูม่า ฝ่ายบลูม่าเองก็ดูท่าจะกระโดดเข้ามางับคอเขาให้ได้ที่เห็นว่าเขายังกอดร่างเล็กของซอลย่าไว้ไม่ยอมปล่อย ทำราวกับว่ากำลังหึงหวง…

อื๋อ…หึงหวง!!??

“พี่ซอล? อย่าบอกนะว่า…เฮ้ย! ตั้งแต่เมื่อไหร่!?”  พอตีความได้ บดินทร์ก็ยั้งใจไม่ได้ที่จะต้องถามความขึ้นทันที งานนี้ไม่ธรรมดาแล้ว พี่ซอลย่าของเขากับบลูม่ามีซัมติ้งกัน!!?

ยิ่งบดินทร์ทักซอลย่ายิ่งลนลาน หน้าแดงเหงื่อแตก กระทั่งจะพูดยังสำลัก

แต่สุดท้ายเมื่อตั้งสติได้ ก็อธิบายให้บดินทร์ได้ฟังและรับรู้ในที่สุด ซอลย่าไม่มีอะไรปิดบัง และไม่คิดจะปิดบังกับน้องชายคนนี้อยู่แล้ว

ความเข้าใจนำพาความโล่งอกโล่งใจมาสู่บดินทร์ แม้จะยังขัดใจ เพราะเขายังไม่อยากยกซอลย่าให้ใคร แต่ก็อุ่นใจ เมื่อได้รับรู้ว่าอย่างน้อย พี่ชายของเขาก็สมหวังในรักเสียที 

“ยินดีด้วยนะพี่ซอล” บดินทร์พูดแค่นั้น ก่อนจะโอบกอดพี่ชายไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง

“ขอบใจนะดิน…” ซอลย่าตอบกลับ พร้อมกระชับอ้อมแขนเพื่อกอดน้องชายแน่น ซบใบหน้าลงบนอกอุ่นด้วยความรักและห่วงหา

และคราวนี้ก็ถึงเวลาที่บดินทร์จะเล่าเรื่องของตนบ้างแล้ว

“ผมดีใจนะที่จะมีคนดูแลพี่แทนผม…”

“ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ทำอย่างกับจะไปไหนไกล?”

“…พี่ซอล ผมจะไปทำงานกับคุณดนัยที่อเมริกานะ”

“ห๊ะ!? ว่าไงนะดิน! ป..ไปเมื่อไหร่!?”


“เดือนหน้าครับ”



 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-08-2015 01:46:15
 :katai5:


ผ่านความวุ่นวายมาได้เกือบสัปดาห์ กฤตเมธก็ได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ยังต้องพยุงแขนซ้ายเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้แผลที่ไหล่ได้รับความกระทบกระเทือนมาก ที่ที่ชายหนุ่มตัดสินใจกลับมาคือคอนโดห้องน้อยของสดายุ แทนที่จะเป็นบ้านใหญ่ หรือคอนโดของตน อาจเพราะกฤตเมธมาอาศัยสิงสู่อยู่กับสดายุนานแล้ว จึงรู้สึกผูกพัน และเคยชินมากกว่า ทั้งยังสะดวกต่อสดายุด้วย ฝ่ายกรพิณน์ที่มาช่วยดูแลไม่ขาด ก็ไม่ติดใจที่ลูกชายไม่ยอมกลับบ้าน ซ้ำยังช่วยไล่ซ้ำเสียอีก บอกว่ากลับไปอยู่บ้านก็เป็นภาระ สู้ให้สดายุดูแลสบายใจกว่า

มีแม่ที่ใจดีและเปิดกว้าง ทำให้กฤตเมธและสดายุมีความสุขและผ่อนคลายมาก

แต่วันนี้ยังไม่ใช่วันที่พวกเขาควรจะดื่มด่ำ เพราะพวกเขายังมีภารกิจที่จะต้องทำ

คืนสุดท้ายของงานบำเพ็ญกุศลศพของ เสน่ห์จันทร์

“ไหวแน่นะพี่เมธ ยังปวดอยู่ไหม?” สดายุถามขึ้นขณะเข้าประคองกฤตเมธลงจากรถ

หลังจากกลับถึงห้องได้ กฤตเมธและสดายุก็ไม่ได้มีเวลาส่วนตัวมากพอที่จะจัดการเรื่องต่างๆ มากนัก เพราะ ต้องเตรียมตัวเพื่อจะได้เข้าร่วมงานสวดอภิธรรมของเสน่ห์จันทร์ ซึ่งเหลือเวลาในการเตรียมตัวอีกเพียงแค่ สองชั่วโมงเท่านั้น

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกยุ ให้พี่ขยับบ้างก็ได้”  กฤตเมธแซวขึ้นเล็กๆ เมื่อคนรักไม่ยอมให้เขากระดิกตัวเลยตั้งแต่มาถึง ประมาณว่าเขาคือตุ๊กตาตัวใหญ่ที่จับไปวางไว้ตรงไหนก็ห้ามเขยื้อน

“อยู่นิ่งๆไปน่ะดีแล้ว แผลพี่ยังไม่หายดี เดี๋ยวต้องออกไปข้างนอกอีก คุณหมอก็บอกอยู่ว่าห้ามพี่ขยับตัวเยอะ เพราะแผลมันยังไม่แห้ง ติดเชื้อขึ้นมาอีกล่ะก็ ได้กลับไปนอนแกร่วอยู่โรงพยาบาลเพื่อรื้อแผลใหม่อีกแน่”  ทว่าก็โดนสดายุตอกกลับเสียจนต้องรีบหุบปากฉับ ไม่ใช่แค่เถียงไม่ออก แต่เถียงไม่ได้อีกแล้วต่างหาก คนรักเขาช่าง…ดุเสียจริงด้วย

“คร๊าบ คร๊าบ จะไม่กระดุก กระดิกเลยสักกมิลเดียวเลยครับ”  โดนดุเข้าหน่อยกฤตเมธก็ยกมือขอยอมแพ้ แล้วยอมอยู่เฉยๆให้สดายุช่วยจัดการทุกอย่างให้แต่โดนดี แต่ไหนๆก็ไหนๆ คนแก่เลยขออ้อนต่ออีกนิด ชนิดได้คืบเอาศอก "...งั้น ช่วยพี่อาบน้ำหน่อยได้ไหมครับ มือเดียวมันลำบากจังเลย"

ได้ยินคำอ้อน พร้อมสายตาเว้าวอนที่ช้อนมองมา สดายุก็ได้แต่ส่ายหน้าหัวเราะพร้อมจิกกัดออกมาเบาๆ “เฒ่าทารกเอ้ย”

.
.
.
.
.

ห้าโมงครึ่งโดยประมาณ ระหว่างที่สดายุกำลังช่วยกฤตเมธแต่งตัวในชุดไว้ทุกข์สีดำชวนโศก เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น

“อ่ะ สงสัยมาถึงกันแล้วล่ะ”  สดายุอุทานขึ้นเบาๆ ก่อนจะผละจากกฤตเมธไปที่ประตูห้อง

ส่องตาแมวเห็นเป็นคนที่นัดกันไว้จริง ก็เปิดประตูให้โดยไม่รอช้า พร้อมเอ่ยทักทายผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร  “สวัสดีครับ คุณสุริยาวดี พี่บลู”

“สวัสดีค่ะ คุณสดายุ ขอรบกวนหน่อยนะคะ”  สุริยาวดีโค้งศีรษะให้สดายุเล็กน้อย ก่อนขออนุญาตเข้ามาในห้องอย่างมีมารยาท ตามมาด้วยบลูม่าที่เอ่ยทักทายสดายุจบก็เดินโอบไหล่เจ้าของห้องตามเข้ามาพร้อมปิดประตูให้อย่างเรียบร้อย

หลังจากตกลงใจว่าจะไปร่วมไว้อาลัยในงานบำเพ็ญกุศลของเสน่ห์จันทร์แม้ว่าจะเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้ไม่ถึงวัน สดายุก็รีบติดต่อไปทางบลูม่าเพื่อแจ้งความประสงค์ และกฤตเมธเองก็แจ้งไปทางสุริยาวดีต้นสังกัดเพื่อช่วยเตรียมการ เพราะตอนนี้เขากับสดายุยังอยู่ในช่วงฮอต ที่เหล่าเหยี่ยวข่าวทุกสำนัก ต้องการตัวไปสัมภาษณ์มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการถูกจับตัวเรียกค่าไถ่ของชิดจันทร์ ตายของเสน่ห์จันทร์ และแม้กระทั่งความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่

หลังจากเหตุการณ์อันน่าเศร้าสลดจบลง สดายุถูกทางตำรวจเรียกตัวไปให้ปากคำที่ สน. ทันที ในฐานะพยานปากเอกและผู้เสียหาย โชคดีที่ทางตำรวจสามารถจับคนร้ายได้ครบทุกคน และคนร้ายเหล่านั้นก็ยอมสารภาพทุกข้อกล่าวหา

สดายุถูกเชิญไปให้ปากคำที่โรงพัก ส่วนกฤตเมธนั้นเนื่องด้วยอาการบาดเจ็บ ทางตำรวจจึงมาสอบปากคำถึงที่โรงพยาบาลเอง คดีถูกปิดได้ภายในไม่กี่วัน เพราะพยานหลักฐานครบครัน และผู้ต้องหาให้การสารภาพอย่างไม่มีอิดออด

ส่วนพิมานหัวหน้ากลุ่มคนร้าย ที่ตายไปพร้อมเสน่ห์จันทร์นั้น ตำรวจก็สรุปว่ามันเป็นการฆ่าตัวตาย ตามความจริงที่ได้รับข้อมูลมา แต่ในส่วนของสาเหตุในการตัดสินใจปลิดชีพตัวเองของพิมานนั้นทางตำรวจเองก็ยังไม่สามารถลงความเห็นได้ เพราะดันไม่มีพยานปากไหนปริปากพูดถึง ทั้งหมดอ้างว่าไม่ทราบ ไม่เว้นแม้แต่ชิดจันทร์

"ตกลงจะไปพร้อมกันแบบนี้เลยจริงๆเหรอคะคุณเมธ น้องยุ มันจะไม่เป็นเป้าไปเหรอถ้าสองคนไปพร้อมกัน ที่งานน่ะพวกนักข่าวเต็มเลยนะคะ"  บลูม่าถามย้ำ ขณะช่วยจัดปกเสื้อสูทให้สดายุ

"ไหนๆก็ตั้งใจจะแถลงข่าวในเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็ให้เขาเห็นๆกันไปตั้งแต่ตอนนี้เลยน่าจะดีกว่าครับ จะได้ไม่ต้องคลุมเครือกันมาก"  กฤตเมธอธิบาย แต่ถึงอย่างไรบลูม่าก็ยังค่อนข้างกังวลอยู่ดี

"กว่าจะแถลงข่าวได้ก็ต้องรอจนกว่า 'สุดปลายทางของหัวใจ' ออกฉายจนออกโรงก่อนไม่ใช่เหรอคะ มันก็อีกตั้งเดือนแน่ะ เล่นให้เห็นกันโต้งๆตั้งแต่วันนี้ มันจะไม่ยิ่งเร่งความกระสันของพวกนักข่าว ให้รีบขุดคุ้ยกันเหรอคะ"

"ถ้ามีเจ๊กับคุณสุริยาวดีไปด้วย ก็คงไม่อึกทึกเท่าไหร่หรอกมั้งเจ๊ อีกอย่างเราไปเคารพศพท่านประธานนะ ในอารมณ์เศร้าสลดขนาดนั้นคงไม่มีใครกล้าจู่โจมเราหรอก อย่างน้อยเขาคงต้องเกรงใจและให้เกียรติในความสัมพันธ์ระหว่างพี่เมธกับท่านประธานอยู่บ้างล่ะ"  สดายุให้เหตุผล

"ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ"   ถึงจะเข้าใจตามที่สดายุว่า แต่บลูม่าก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี

"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณบลูม่า ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เดี๋ยวทางเราช่วยจัดการให้เองค่ะ"  เห็นว่าผู้จัดการสาวใหญ่ยังไม่คลายความกังวล สุริยาวดีก็ช่วยพูดเสริมให้อีกแรง

ถึงบลูม่าจะไม่สามารถวางใจได้ ถึงจะยังหวาดหวั่นกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้น แต่ก็ต้องจำใจตามยอมพร้อมไปกับทั้งสดายุและกฤตเมธ ถึงอย่างไรเขาก็แค่คนนอก ในเมื่อสดายุและกฤตเมธได้ตัดสินใจร่วมกันแล้ว เขาก็ทำได้เพียงคอยอยู่เคียงข้างและเป็นแรงใจให้ทั้งคู่ในการฝ่าฟันกระแสสังคมที่รอจะโถมถล่มใส่ทั้งสองคนก็เท่านั้น

เพราะฉะนั้น สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือ ยิ้มให้ทั้งที่ใจยังกังวล




ทั้งสี่เดินทางโดยรถตู้ของทางบริษัท เดินทางไปยังวัดใหญ่ที่จัดงานบำเพ็ญกุศลศพของเสน่ห์จันทร์ การเดินทางฝ่าการจราจรที่ติดขัด ทำให้ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเดินทางถึงในงาน นั่นอาจนับเป็นโชคดีพอสมควรของกฤตเมธ และสดายุ เพราะการมาถึงก่อนการสวดอภิธรรมเพียงอึดใจ ทำให้ทั้งคู่มีเวลาแค่เพียงเคารพศพ แล้วฟังการสวดเลย โดยไม่มีเวลาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อไหนก่อน

ทันทีที่เข้าในศาลาได้ กฤตเมธและสดายุก็ตกเป็นเป้าสายตาในทันที

ทันทีที่เข้าในศาลาได้ กฤตเมธและสดายุก็ตกเป็นเป้าสายตาในทันที แน่นอนว่าย่อมเป็นอย่างนั้น เพราะตอนนี้บุคคลที่กำลังเป็นข่าว และเป็นบุคคลที่สื่ออยากจับมานั่งแถลงไขในสิ่งที่พวกตนอยากรู้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นพวกเขาทั้งคู่ กับอีกคนที่ถูกลักซ่อนออกจากสายตานักข่าวโดยสิ้นเชิงอย่างบดินทร์...

อย่าว่าแต่นักข่าวเลยที่อยากรู้เรื่องของ กฤตเมธ สดายุ บดินทร์ แม้แต่คนอื่นๆในวงการ หรือแม้แต่ประชาชนตาดำๆ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากรูเหมือนกันว่าสิ่งที่นักข่าวตั้งสมมติฐานจะเป็นจริงดังว่าหรือไม่

ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างกฤตเมธและสดายุที่มีออกมาให้สงสัยกันเป็นระยะ เหตุการณ์คืนที่เสน่ห์จันทร์ถูกฆ่า และคลิปสารภาพบาปของบดินทร์

ทันทีที่ได้เห็นกฤตเมธและสดายุ แน่นอนว่าเหยี่ยวข่าวเล่านั้นย่อมถลาเข้าหา แต่ด้วยสุริยาวดีเตรียมการเพื่อรับมือในเรื่องนี้มาอย่างดี คนที่รับหน้านักข่างเหล่านั้นจึงเป็นหล่อนแทน โดยให้คำตอบในเชิงที่ว่า

กฤตเมธยังอยู่ในอาการโศกเศร้า กอปรกับเพิ่งออกจากโรงพยาบาลทั้งยังไม่หายดีจากอาการบาดเจ็บเนื่องจากถูกยิงตอนบุกไปช่วยชิดจันทร์และสดายุ จึงขอความร่วมมือจากทางนักข่าวทุกคนให้ช่วยเห็นใจและช่วยรออีกหน่อย รับรองว่าในอีกไม่นานทางต้นสังกัดจะรีบแจ้งนัดหมายแก่นักข่าวทุกสำนักเรื่องการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการจากกฤตดเมธและสดายุแน่นอน

การเกลี้ยกล่อมของสุริยาวดี ทำให้เหล่านักข่าวยอมล่าถอยในที่สุด  แม้บางคนอาจไม่เต็มใจนัก แต่ก็ต้องยอมปล่อยผ่านเพราะทางต้นสังกัดอย่างสุริยาวดีเลขาของเสน่ห์จันทร์ที่กำลังรักษาการแทนอยู่ตอนนี้เป็นคนออกปากแจ้งเอง ทั้งยังเพราะอยู่ในงานศพของเสน่ห์จันทร์อีกด้วย หากทำรุ่มร่ามเกินงามไปอาจเกิดดราม่าจนเสียชื่อสำนักข่าวได้

"ขอบคุณนะครับคุณไข่ ที่ช่วยออกหน้าแทนพวกเรา"

ทันที่สุริยาวดีเดินตามเข้ามานั่งลงข้างกัน สดายุก็เอ่ยขอบคุณที่ช่วยไว้ เพราะหากไม่ได้สุริยาวดี วันนี้พวกเขาคงไม่รอดปากเหยี่ยวปากกาเป็นแน่

"ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะคุณยุ มันเป็นหน้าที่ของไข่อยู่แล้วค่ะ"  สุริยาวดีตอบเสียงหวาน พลางมองเลยไปที่กฤตเมธที่นั่งเหม่ออยู่ข้างๆกับสดายุ ก่อนจะรับธูปหอมจากเด็กหญิงคนหนึ่งเพื่อเคารพศพ

แม้จะปักธูปเคารพศพลงในกระถางธูปหน้าโลงแล้ว แต่กฤตเมธก็ยังไม่มีทีว่าจะลุกออกจากตรงนั้น ร่างสูงใหญ่ในท่านั่งพับเพียบเหยียดหลังตรงผึ่งผ่าย สายตาจับจ้องแน่วนิ่งอยู่กับรูปถ่ายหน้าโลงศพ

ใจหาย...

จากวันที่เกิดเหตุการณ์ เขาหมดสติเพราะเสียเลือดมากเกินไปจนไม่อาจอยู่รับรู้เหตุการณ์ในตอนสุดท้าย กว่าจะได้รู้เรื่องก็ผ่านมาแล้วหลายชั่วโมง ที่เขาได้ลืมตาตื่นขึ้นในโรงพยาบาล

เขาถูกยิง

แต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันเลวร้าย เพราะอย่างน้อยก็สามารถปกป้องคนรักเอาไว้ได้อย่างปลอดภัย

แต่ก็อดรู้สึกเจ็บใจไม่ได้ ที่ไม่อาจช่วยเหลือเสน่ห์จันทร์ให้รอดพ้นด้วย

รู้ตัวดีอยู่ว่าลำพังตัวเองคงไม่สามารถ แต่หากเขาไม่หมดสติไปเสียก่อน เพียงแค่เขาจะกัดฟันอดทนอีกสักนิด

ไม่แน่ว่า...บางทีเสน่ห์จันทร์อาจไม่ตาย

ความปวดใจแล่นวาบจนในอกอึงอื้อ น้ำตาไม่อาจกลั่นออกมาภายนอก เพราะมันหลั่งรดอยู่ภายในใจจนท่วมเจิ่ง 

ความปวดใจแล่นวาบจนในอกอึงอื้อ น้ำตาไม่อาจกลั่นออกมาภายนอก เพราะมันหลั่งรดอยู่ภายในใจจนท่วมเจิ่ง ภาพความหลังหลั่งไหลเข้ามาในหัว วนซ้ำราวกับกำลังปรากฏอยู่ตรงหน้า

ชีวิตที่มีคนคนนี้โอบอุ้ม มันอบอุ่นแค่ไหนเขายังจำได้แม่นยำ

บิดาเสียชีวิตตอนที่เขายังอยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ มารดาที่เป็นแม่บ้านมาตลอดต้องผันตัวไปเป็นผู้บริหาร ถึงกิจการโรงงานเบเกอรี่จะไม่ได้ใหญ่โต แต่ไม่ใช่จะดูแลแบบส่งๆได้ เสียเสาหลักกิจการก็สั่นคลอน การเงินก็ขาดแคลน กู้หนี้ยืมสิน กฤตเมธที่ยังเรียนอยู่จึงตั้งใจลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อจะได้ช่วยกิจการของที่บ้านได้อย่างเต็มที่ แต่ผู้เป็นมารดาไม่ยินยอม

บ้านที่ขาดผู้นำ ทั้งยังอยู่ในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่ ทำให้บ้านกฤตเมธเกือบเอาตัวไม่รอด กระเสือกกระสนดิ้นรนสองแม่ลูก เงินหมุนในโรงงานแทบไม่พอยาไส้ เงินส่งหนี้ไปก็ส่งได้แค่ดอกเบี้ยเงินกู้ เงินต้นไม่ลดลงสักแดง จนในที่สุดก็หมดเงินจะส่ง แม้แต่เงินจ้างคนงานก็แทบไม่มีจ่าย แม้จะเจียดจากค่าอาหารส่วนตัวจนแทบไม่เหลือแล้วก็ตาม สองแม่ลูกคิดว่าคงไม่รอดแล้ว แม้จะอยากรักษาโรงงานนี้ไว้อย่างไรก็ตาม...

ในความสิ้นหวังอันโหดร้าย เสน่ห์จันทร์ก็เข้ามา

เสน่ห์จันทร์ดึงกฤตเมธเข้าวงการ ทั้งยังยอมให้หยิบยืม ให้กู้เงินเพื่อฟื้นวิกฤตโรงงานใหม่อีกครั้ง โดยการทำสัญญาหักจากค่าตัวของกฤตเมธ ให้โดยไม่มีกลัวเลยว่ากฤตเมธอาจขายไม่ออก ช่วยทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน

และตั้งแต่เข้ามาอยู่ในสังกัด เสน่ห์จันทร์ก็เอ็นดูกฤตเมธราวลูกในไส้เสมอมา ไม่เคยลิดรอนสิทธิ ไม่เคยคิดบังคับฝืนใจ ดูแลปกครองประหนึ่งลูกคนหนึ่ง 

กฤตเมธจึงพยายามทดแทนในความเอื้ออารีย์นั้นอย่างเต็มที่ เท่าที่เขาจะทำได้ พูดแต็มปากเลยว่าเขานับถือเสน่ห์จันทร์ ไม่ต่างจากมารดาคนที่สอง

แม้ช่วงหลังๆมาเขากับเสน่ห์จันทร์จะมีเรื่องไม่เข้าใจกันบ้าง แต่กฤตเมธรู้ดีว่าหล่อนก็ไม่ได้คิดจะหมางเมินเขา ความรู้สึกที่เสน่ห์จันทร์มีให้เขารู้ซึ้งแก่ใจดี

ในสายตานั้น คอยเมตตาเขาอยู่เสมอ

แต่วันนี้...

เสน่ห์จันทร์จากไปแล้ว

จากไป ทั้งที่กฤตเมธยังรู้สึกว่าเขายังตอบแทนความเอื้ออาทรของอีกฝ่ายได้ไม่เต็มที่เลย

...ผมขอโทษ

ใบหน้าหล่อเหลาสะท้อนความเจ็บปวดออกมา เปลือกตาหนักอึ้งปิดลงช้าๆ ก่อนร่างผึ่งผายจะค่อยๆ โน้มกายลงกราบแทบตั่งหน้ากระถางธูปด้วยมือเพียงข้างเดียว

"อโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ...คุณเสน่ห์จันทร์"

เสียงแหบเครือเอ่ยคำขอขมา กระบอกตาเหมือนจะผ่าวร้อนขึ้น สติที่ยังคงยึดอยู่กับร่างเหมือนจะล่องลอยด้วยความเจ็บร้าว

กฤตเมธสูดหายใจลึก ก่อนจะยันตัวขึ้นมองภาพถ่ายของเสน่ห์จันทร์อีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้เขากลับรู้สึกแตกต่าง จู่ๆรอยยิ้มของคนในรูปถ่ายก็ทำให้หัวใจของเขาอุ่นวาบขึ้นมาดื้อๆ เหมือนจะได้ยินคำว่า 'ไม่เป็นไร' ดังก้องอยู่ในใจ

เพียงแค่นั้น น้ำตาหยดหนึ้งก็ร่วงลงสู่ข้างแก้ม "ขอให้ดวงวิญญาณของคุณไปสู่สุขตินะครับ"

เสร็จจากตรงนั้น กฤตเมธก็ได้สดายุช่วยประคองมานั่งตรงตั่งเจ้าโซฟาด้านหน้าในฐานะเจ้าภาพคืนสุดท้าย ร่วมฟังสวดอภิธรรมด้วยหัวใจที่อาลัยรักในเจ้าของร่างที่นอนสงบนิ่งในโลงเย็น

กระทั่งพิธีการทุกอย่างจบลง

สุริยาวดีก็ไม่รอช้าที่จะพาทั้งสองหนุ่มกลับ โดยมีบลูม่าคอยช่วยกันพวกนักข่าวให้อยู่ใกล้ๆ แน่นอนล่ะ ขืนหล่อนให้กฤตเมธนั่งทอดอาลัยนานกว่านี้ ก็คงหนีไม่พ้นโดนนักข่าวไร้สำนึกบางคนจู่โจมเข้าให้แน่ 'ขอโทษนะคะ คุณกฤตเมธ'

"คุณไข่...ผมไม่ยักเห็นชิดจันทร์ในงาน" 

หลังถูกลำเลียงขึ้นรถตู้ได้สักพัก สดายุก็หันมากระซิบถามสุริยาวดีที่นั่งอยู่ข้างกัน ถึงความสงสัยตั้งแต่เหยียบเข้าไปในงานของตน ตั้งแต่เริ่มจนจบ เขาไม่เห็นชิดจันทร์ลูกสาวคนเดียวของเสน่ห์จันทร์ที่ควรอยู่ในงานที่สุดคนนั้นเลย

ได้ยินคำถามของสดายุเข้า สุริยาวดีก็ได้แต่ถอนหายใจ “นี่คุณยุคงไม่ได้ดูข่าวเลยสินะคะ” ก่อนตอบออกไปด้วยสีหน้าค่อนข้างเหนื่อยหน่าย

“ไม่เลยครับ ทั้งทีวีทั้งโซเชียลผมตัดขาดหมด....ก็ผมกลัวข่าวตัวเองนี่ ไม่รู้เขาเอาไปเขียนยังไงบ้างแล้ว”  แค่เรื่องที่เผชิญอยู่ก็เต็มกลืน สดายุเลยไม่อยากรับรู้สิ่งใด ไม่อยากให้อะไรเข้ามารบกวนใจอีก จึงได้แต่เก็บตัวเงียบไม่เสพกระแสใดๆ ถึงได้ตกข่าวอยู่แบบนี้

สิ้นคำอธิบายของสดายุ สุริยาวดีก็พยักหน้าเข้าใจในทันที เพราะเป็นใครก็คงทำแบบสดายุ ดังนั้นหญิงสาวจึงขยับเบี่ยงกายเล็กน้อย เพื่อเผชิญหน้ากับสดายุตรงๆ พร้อมเอ่ยปากอธิบายเรื่องทั้งหมดให้สดายุได้ฟังเพื่อคลายสงสัย “ตั้งแต่เกิดเรื่อง คุณชิดจันทร์เธอช็อคมาก เธอเองก็เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานเหมือนกันค่ะ” 

“ชิดจันทร์บาดเจ็บมากเหรอครับ หรือโดนลูกหลง?...แล้วตอนนี้ เธอเป็นยังไงบ้าง?”  ความสงสัยทบเท่าทวีคูณ ความเห็นใจเริ่มผลิดอกออกผล นั่นสินะ เขาเองก็ลืมคิดไป ต่อให้ชิดจันทร์เกลียดเสน่ห์จันทร์มากแค่ไหน แต่การที่ต้องเห็นแม่ของตัวเองถูกฆ่าตายไปต่อหน้าต่อหน้าต่อตา ย่อมสะเทือนใจจนลุกไม่ขึ้น ลองคิดว่าเป็นตัวเอง สดายุยังยอกในใจเสียจนรู้สึกผิดที่เผลอๆไปคาดโทษชิดจันทร์ไว้ก่อนหน้า

“คุณชิดจันทร์ถูกช่วยไว้ทันทีที่ท่านประธานถูกฆ่า ได้ยินจากทางตำรวจว่าคุณหนูเธอนิ่งมากค่ะ ไม่ฟูมฟาย ไม่สะอึกสะอื้น ดูเหมือนจะช็อคมาก แต่ก็ยังให้ปากคำได้ พวกตำรวจ หมอพยาบาลที่ได้เห็นยังพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคุณหนูชิดจันทร์เธอช่างเป็นคนใจแข็ง แม่ตายทั้งคนกลับไม่มีอาการจิตตก แต่แม้ว่าเธอจะไม่แสดงอาการให้ต้องเป็นห่วงกังวล ทางโรงพยาบาลก็ยังไม่ค่อยวางใจ เลยให้คุณหนูนอนโรงพยาบาลคืนหนึ่งเพื่อดูอาการ กระทั่งเช้าวันถัดมานั่นแหละค่ะ ทุกคนถึงได้รู้ว่า อาการของคุณหนูยิ่งกว่าน่าเป็นห่วง...”  พูดถึงตรงนี้ สุริยาวดีหยุดเว้นวรรคเล็กน้อย ใบหน้าที่เรียบเฉยเป็นปกติ ครานี้ฉายแววกังวลชัดเจน “อาการช็อคอย่างรุนแรง ทำให้คุณหนูไม่ยอมนอนค่ะ”

“ไม่ยอมนอน?” คำเฉลยทำสดายุตกใจไม่น้อย และยังสามารถเรียกกฤตเมธที่นั่งฟังเฉยอยู่ถึงเมื่อครู่ ให้หันมามีปฏิกิริยาร่วมไปด้วย

“ค่ะ คุณหนูชิดจันทร์ไม่ยอมนอน เธอนั่งนิ่งๆ อยู่อย่างนั้นทั้งคืน ไม่พูดไม่จา ไม่ยอมหลับ ทั้งยัง ไม่ยอมทานอะไรแม้แต่น้ำ จนหมอต้องให้น้ำเกลือ และฉีดยากล่อมประสาทให้ ไม่งั้นเธอไม่ยอมหลับตาเลยค่ะ นิ่งอยู่อย่างนั้นจนน่ากลัว ช่วงแรกต้อวมีหมอจิตเวชคอยประกบเลยนะคะ เพราะเกรงว่าเธอจะฆ่าตัวตาย แต่หลังจากวิเคราะห์ออกมาแล้วว่าเธอไม่ได้มีความคิดจะทำ จากที่เฝ้าระวังจึงเปลี่ยนเป็นการเยียวยาแทนน่ะค่ะ จนในที่สุดก็ยอมกินยอมนอนเสียที  และได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้เมื่อวานนี้แหละค่ะ แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดนะคะ ตอนนี้ก็มีพญาบาลพิเศษตามมาเฝ้าให้ที่บ้านด้วย เพราะอย่างนี้แหละค่ะ เธอเลยไม่สามารถร่วมงานของท่านประธานได้ ช่วงนั้นคุณหนูเธอไร้สติจริงๆ”

"แม้แต่พรุ่งนี้ที่เป็นวันเผา ไม่แน่ว่าบางทีก็อาจไม่ได้เข้าร่วม"

สุริยาวดีอธิบายยืดยาวด้วยใบหน้าที่ค่อนข้างเครียด กฤตเมธและสดายุหันมองหน้ากันนิ่ง สงสาร เห็นใจ ความรู้สึกนั้นย่อมเกิดขึ้น อย่างน้อยๆ ชิดจันทร์ก็เป็นคนที่พวกตนรู้จัก แม้ว่าวีรกรรมที่เจ้าหล่อนเคยสร้างไว้ให้จะลดทอนความรู้สึกเหล่านั้นลงไปไม่น้อยเลยก็ตาม แต่ในฐานะมนุษย์ด้วยกัน ก็คงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเวทนา

ถึงจะยังเป็นตะกอนเล็กๆอยู่ในใจ แต่พวกเขาก็พร้อมแล้วที่จะให้อภัย สิ่งใดเราทำย่อมเป็นกรรมติดตัว ปล่อยกรรมนั้นสนองแก่เจ้าของเองเถอะ หากเพียงอโหสิกรรม เราก็หมดกรรมต่อกันแล้ว

"ก็น่าสงสารอยู่หรอกนะคะ แต่พอนึกถึงสิ่งที่คุณหนูเคยทำมันก็อดเจ็บใจไม่ได้ แบบนี้เรียกว่ากรรมสินะ เฮ้อ...เบื้องหน้าออกจะสวยงามขนาดนั้นแท้ๆ แต่เบื้องหลังนี่...สมกับเป็นโลกมายาจริงๆ"  บลูม่าทั่งอยู่ด้านหลังเสนอความคิดเห็นขึ้นมาด้วย

ทุกคนเห็นด้วย แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรต่ออีก

เสน่ห์จันทร์และชิดจันทร์ สองแม่ลูกที่เพิ่งใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันได้ไม่นาน เบื้องหน้าคือความรัก ความอบอุ่นจนน่าอิจฉา ดังนั้นพอชิดจันทร์ป่วยเนื่องจากอาการช็อคที่แม่จากไปอย่างกะทันหันจนไม่สามารถเข้าร่วมงานบำเพ็ญกุศลได้ จึงไม่มีใครถือสาหาความหรือถามหาเหตุผล เพราะทุกคนเข้าใจว่าชิดจันทร์รักแม่มาก ไม่แปลกที่จะช็อคจนป่วย

แต่ไม่มีใครรู้ ว่าแท้จริงแล้วเบื้องหลังฉาก สองแม่ลูกนี้บาดหมางกันแค่ไหน ปมแม่ปมลูกผูกพันเป็นปมใหญ่จนแก้ยาก ทั้งดึงทั้งทึ้งกันจนสุดท้ายก็ขาดสะบั้น ถึงตรงนี้ก็อดคิดแทนชิดจันทร์ไม่ได้ว่าเจ้าตัวจะเดินไปทางไหนต่อ ทั้งชีวิตที่ไม่เหลือใครตามปกป้องตามสปอย ทั้งเรื่องความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น เพราะไม่ว่ายังไง ทั้งบริษัทและหุ้นในส่วนของเสน่ห์จันทร์ทั้งหมด ย่อมตกสู่มือของชิดจันทร์ที่เป็นทายาทคนเดียวโดยไม่ต้องสงสัย น่าเป็นห่วงว่าหล่อนจะทำมันไปต่อได้อย่างไร ต่อให้ตอนนี้ยังมีสุริยาวดีคอยประคับประคองให้

แล้วในอนาคตล่ะ?
.
.
.
.
.
"คุณกฤตเมธกับคุณสดายุตั้งใจเข้าร่วมงานเต็มวันใช่ไหมคะ? พรุ่งนี้ไข่จะได้มารับตอนแปดโมง" 

พากันมาส่งได้ถึงห้อง สุริยาวดีก็ออกปากขอทำนัดของวันรุ่งขึ้น ที่เป็นวันฌาปณกิจของเสน่ห์จันทร์ งานเริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้า และจะเผาจริงตอนสี่โมงเย็น

"ครับ ผมอยากใช้เวลาในการอำลาท่านเสียหน่อย" กฤตเมธตอบพร้อมรอยยิ้มขื่น เขาอยากมีเวลาในการอำลาผู้มีพระคุณเป็นครั้งสุดท้าย

เมื่อทุกคนกลับไปแล้ว ในห้องที่เหลือเพียงสองคนตกสู่ความเงียบอีกครั้ง กลิ่นอายความโศกเศร้าที่วนเวียนอยู่รอบกายของกฤตเมธ สร้างความเห็นใจให้สดายุไม่น้อย ขนาดเขาเป็นคนนอก ยังรู้สึกใจหาย คนสนิทอย่างกฤตเมธ ย่อมไม่มีทางหลีกหนีความเจ็บปวดจากการจากไปของเสน่ห์จันทร์ได้อยู่แล้ว สดายุลอบถอนหายใจบางๆ เขาคงทำได้แค่อยู่ข้างๆในยามนี้ก็เท่านั้น...

...ทำได้แค่อยู่ข้างๆอย่างนั้นเหรอ?

ไม่สิ เขาทำได้ดีกว่านั้นได้นิดหน่อย

ดวงตาของสดายุเป็นประกายอยู่เบื้องหลังของกฤตเมธ ขณะช่วยอีกฝ่ายถอดเสื้อสูทออกจากร่าง

ก่อนจะอ้อมมายืนส่งยิ้มอยู่ตรงหน้ากฤตเมธ แล้วสวมกอดออดอ้อน "โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลุงนะ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้"

กฤตเมธไม่ได้ตอบอะไรในทันที มีแต่สวมกอดกลับมาพร้อมกับซุกปลายจมูกโด่งลงตรงกลุ่มผมนิ่มของคนในอ้อมแขน "ขอบใจนะเจ้าเด็กดื้อ"

'ดีเหลือเกินที่เขามียุ'  คำขอบคุณที่มาจากใจ กฤตเมธมอบให้สดายุนั้น นอกจากจะมาจากความรู้สึกขอบคุณที่สดายุพยายามช่วยปลอบโยนและอยู่เคียงข้างกันแล้ว มันยังแทนความว่า รัก รัก รัก ที่มีล้นอยู่เต็มอกอีกด้วย หนุ่มใหญ่วัยสามสิบสี่ปี มั่นใจกับตัวเองอย่างยิ่งว่า คนตรงหน้าคือรักแท้ คือคนที่เขาอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันไปทั้งชีวิต

ทั้งหมดที่ตัวเขามี...ยกให้สดายุเพียงคนเดียว

จ๋อม...

วี้ วี้ วี้...


เสียงที่โกนหนวดไฟฟ้า กับสัมผัสอ่อนโยนของมือที่ค่อยๆประคองใบหน้าเบาๆ ของตักอุ่นๆ ทำสมองตึงเครียดของกฤตเมธคลายลงอย่างน่าทึ่ง
พอบอกว่าจะช่วยอาบน้ำให้ สดายุก็จัดการปอกเปลือกกฤตเมธจนล่อนจ้อน ใช้พลาสติกแรปปิดแผลเอาไว้เพื่อระวังไม่ให้โดนน้ำ ก่อนจะจับแช่น้ำสบู่ฟองฟ่อด ช่วยขัดช่วยถู สระผม แปรงฟัน ล้างตัวให้เสร็จก็รองน้ำอุ่นให้แช่ต่อ เพื่อจะได้ผ่อนคลายยิ่งขึ้น ถึงจะถูกกฤตเมธงอแงว่าอยากให้สดายุแก้ผ้าอาบน้ำด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้พยายบาลพิเศษสมยอม สุดท้ายหนุ่มใหญ่ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

แล้วพอถูกจับมาให้นั่งแหงนหน้าหนุนตักของสดายุที่นั่งอยู่ตรงขอบอ่าง เพื่อให้อีกฝ่ายช่วยโกนหนวดให้ กฤตเมธก็เริ่มรู้สึกว่าแบบนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน

เมื่อจัดการขัดสีฉวีรรณจนผิวพรรณของคนแก่ผ่องนวลได้สำเร็จแล้ว สดายุก็ทิ้งให้กฤตเมธแช่น้ำอุ่นที่ผสมน้ำมันอโรม่าไว้อย่างนั้น โดยตัวเองอ้างว่าจะออกไปเตรียมเสื้อผาชุดนอน ก่อนจะหายออกจากห้องน้ำไป

เนิ่นนานกว่าจะกลับเข้ามารับ แต่เพราะน้ำยังอุ่นจางๆ รวมทั้งกลิ่นอโรม่ายังคงหอมระเหย กฤตเมธจึงยังนอนแช่น้ำรออย่างไม่มีอิดออด หรืองอแงอย่างตอนแรก กระทั่งสดายุกลับมา แล้วจัดการช่วยแต่งตัวให้

ทุกอย่างเหมือนเดิมๆ กระทั่งถูกพาตัวมาถึงห้องนอน

พรึ่บ...

จู่ๆ ไฟทุกดวงให้น้องก็ถูกปิดลง ให้ต้องพรึงเพริ่ดเล็กๆ

แผนเจ้าเด็กแสบแน่ๆ...

ว่าแต่จะทำอะไรนะ...



 :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-08-2015 01:46:51
 :katai2-1:


แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู ยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์ ทู~~ ยู

เพลงวันเกิดที่ถูกขับร้องด้วยเสียงทุ้มแหบ พร้อมแสงเทียนจากเทียนเล่มน้อยที่ปักอยู่ตรงกลางคัพเค้กช็อคโกแลตชิ้นจ้อย ที่กฤตเมธจำได้ดีว่ามันเป็นของเหลือที่สดายุเอากลับมาจากโรงพยาบาลด้วยเมื่อตอนบ่าย

จริงด้วย...เดือนนี้เป็นเดือนเกิดของเขา

และวันเกิดเขานั้นก็เพิ่งผ่านมาไม่นาน เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากโดนยิง...คือวันเกิดเขา

กฤตเมธอึ้งกับเค้กตรงหน้าไม่น้อย จำได้ว่าไม่เคยบอกสดายุเรื่องวันเกิด เพราะตัวเขาเองก็ยังลืม เลิกจัดวันเกิดมานานเหลือเกินแล้ว คงนับตั้งแต่ที่พ่อเริ่มป่วย...

แล้วนี่...สดายุรู้ได้ยังไงกันนะ?

"ไม่ต้องสงสัย ผมสืบรู้วันเกิดลุงมาตั้งแต่อยู่มัลดีฟส์แล้ว กะจะตอบแทนที่อุตส่าห์ช่วยจัดวันเกิดให้ผมตอนนั้นน่ะ"  เห็นกฤตเมธทำหน้าสงสัย สดายุก็เฉลยให้ฟัง ก่อนจะเร่งเร้าให้อธิฐานแล้วเป่าเทียน

กฤตเมธยิ้มพร้อมก้มลงเป่าเทียนอย่างว่าง่าย หากแต่ชายหนุ่มไม่ได้อธิฐานอะไรจริงจัง ไฟห้องถูกเปิดขึ้นหลังจากนั้น สดายุพากฤตเมธไปนั่งที่เตียงกว้าง พลางคะยั้นคะยอให้ทานเค้กก้อนน้อยให้หมดก้อน

การป้อนแกมบังคับทำให้ไม่นานนัก เค้กก้อนน้อยก็ถูกกลืนลงท้องกฤตเมธได้อย่างง่ายดาย

"ตอนแรกผมก็กะจะเซอร์ไพรซ์วันอื่นที่พร้อมมากกว่านี้อยู่หรอกนะ แต่มันคงไม่จำเป็นเท่ากับวันนี้"   สดายุเปรยขึ้น พลางเอื้อมมือไปกุมมือของกฤตเมธเอาไว้มั่น "ผมไม่ได้คิดว่าเรื่องเพียงแค่นี้จะทำให้ความเศร้าในใจของพี่เมธหายไปได้หรอกนะ แต่อย่างน้อยๆ ผมก็หวังว่ามันอาจทำให้พอจะคลายลงได้..."

"...ยุ"

"ผมก็แค่...ไม่อยากให้พี่มีแต่ความทรงจำแย่ๆ ในวันเกิดของตัวเองเท่านั้นเอง" สดายุเปรยขึ้นเบาๆ พลางช้อนสายตาเชื่อมปรอยส่งไปทางกฤตเมธ ไม่รัก ไม่ทำให้ขนาดนี้หรอกนะ

เห็นว่ากฤตเมธเอาแต่นั่งยิ้ม นั่งทึ่ง และนั่งทื่อ สดายุก็พลันนึกอะไรสนุกๆออก ชายหนุ่มดีดตัวตั้งตรง พร้อมทำหน้าเป็นเด็กทะเล้นใส่คนหน้าเอ๋อทันที

"เอาล่ะ ท่านเทพมีพรวิเศษให้เด็กโข่งข้อหนึ่ง ไหนลองขอมาสิ อยากได้อะไร?" สดายุเย้ากฤตเมธเล็กๆ กอดอกทำท่าน่าเลื่อมใส ก่อนโน้มกายเข้าไปฟังคำตอบของคนที่เอาแต่นั่งยิ้มใกล้ๆ ไหนๆเขาก็ตั้งใจดึงบรรยากาศให้รื่นเริงบันเทิงใจแล้ว จะพยายามบิ้วให้คนรักหัวเราะให้ได้ คืนนี้จะไม่ดึงเข้าเรื่องเศร้าเด็ดขาด
 
กฤตเมธยิ้ม คราวนี้ไม่ใช่ยิ้มทะเล้นเล่นล้อกับสดายุเหมือนในตอนแรก แต่เป็นยิ้มที่อ่อนโยนจนคนมองยังแทบละลาย  ระหว่างที่สดายุยังนิ่งเคว้งเพราะถูกสะกดด้วยความอ่อนหวานลึกล้ำ กฤตเมธก็โน้มกายเข้าหาสดายุใกล้ขึ้น มือขวาที่ไม่ได้บาดเจ็บเอื้อมขึ้นแนบแก้มซ้ายของสดายุเบาๆ พลางเอ่ยคำขอต่อเทวดาประจำวันเกิดตรงหน้า

“หึหึ...ท่านเทพครับผมอยากขอ...ให้คนรักของผมเป็นมั่นใจในตัวเอง” แค่ขึ้นต้นประโยค สดายุก็ถึงกับขมวดคิ้วน้อยๆ ทำไมถึงได้กลายเป็นพรวิเศษที่ขอให้เขาไปได้ล่ะ? แต่ก็ยั่งนิ่งฟังกฤตเมธต่อ โดยไม่คิดขัดคอ “ผมอยากให้คนรักของผมรู้ตัวเสียที ว่าเขามีค่าแค่ไหน โดยเฉพาะกับผม อยากให้เขาเอาแต่ใจ และคิดถึงตัวเองเยอะๆ อยากให้เขาเปิดใจและระบายความกดดันที่เขาซุกซ่อนไว้ให้ผมได้ฟัง อยากช่วยปลอบประโลมให้เขาได้ก้าวข้ามอดีตที่ยังคงหมุนอยู่รอบตัวเขาไม่เลิก อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา อยากเป็นครอบครัวให้เขา อยากอยู่ด้วยกันไปจนแก่ จนลมหายใจสุดท้ายมาพรากเราไป อยากเป็นคนสุดท้ายในชีวิตของเขา เพราะเขาคือคนสุดท้ายในชีวิตของผม...อยากให้เขาพร้อม...ที่จะรับผมเข้าไปอยู่ในชีวิตด้วยเสียที ไม่กีดกัน ไม่ผลักไสผมอีก ผมมีเขาคนเดียว และจะมีแค่เขาตลอดไป อยากให้เขายึดติดอยู่แต่กับผม ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผมอยากให้เขามองแต่ผม...โปรดให้เขารู้ว่าผมไม่เคยคิดว่ามันคือความผิดแปลกที่ได้รักเขา ผมพร้อมเปิดเผย และหยัดยืนเคียงข้างเขาไม่ว่ามันจะเกิดอะไร อยากให้เขาเลิกเสียสละตัวเอง อย่ายอมเจ็บเพื่อผม แต่โปรดเจ็บไปพร้อมผม ให้เราได้เยียวยาซึ่งกันและกัน...พรวิเศษโปรดบอกเขาว่าผมรักเขาแค่ไหน บอกเขาว่ากฤตเมธคนนี้รักสดายุมากเพียงใด แม้จะให้สัญญาไม่ได้ว่ามันจะไม่เปลี่ยน แต่ผมย่อมรู้ตัวเองดีว่าใจดวงนี้มั่นคงพอ..."

คำขอยืดยาวที่กฤตเมธร่ายมาเป็นฉากๆ ทำน้ำตาของคนให้พรคลอหน่วย ทั้งที่ตั้งใจจะทำให้คืนนี้เป็นคืนที่ผ่อนคลายและน่าจดจำแท้ๆ โทษตาลุงคนเดียวเลย ที่ลากเข้าเรื่องเศร้าจนน้ำตาคลอเบ้าจนได้ แถมเขาต่างหากที่ตั้งใจจะเป็นคนปลอบใจ ทำไมลงท้ายถึงได้เป็นฝ่ายถูกเอาใจเสียเองไปได้ ตาลุงช่างร้ายกาจจริงๆ

สดายุได้แต่แอบคิดในใจ แต่ไม่ได้ตอบอะไรออกมาเป็นคำ นอกจากเคลื่อนกายเข้าซบตรงไหล่กว้างของเจ้าของวันเกิดราวกับหมดเรี่ยวแรง สองมือสั่นระริกค่อยๆเอื้อมโอบรอบเอวสอบเบาๆ ก่อนเสียงแหบเครือจะค่อยๆตัดพ้อขึ้นมา "โลภจังลุง...ผมบอกแล้วไงว่าให้ได้แค่ข้อเดียว เล่นขอมาซะยาวขนาดนี้ ผมจะไปเอาที่ไหนไห้...ผมมันไม่มีอะไรเลย เป็นแค่พระเอกตกกระป๋องขายไม่ออก มีแค่คอนโดห้องเดียว รถก็ขายไปแล้ว งานก็ไม่มีทำ...ผมไม่ใช่เทวดานะ ผมคือสดายุ...แค่สดายุ..."

“แค่นั้นก็เกินพอแล้วไม่ใช่เหรอ”  กฤตเมธปลอบพร้อมโอบกอดสดายุไว้ด้วยแขนขวาแข็งแกร่ง "แค่มียุพี่ก็ไม่ต้องการอะไรแล้วล่ะ" พูดพลางกดจูบเรือนผมนุ่มเบาๆ แล้วกระซิบว่า "ยุคือพรวิเศษของพี่นะ"

ได้ยินคำนั้น สดายุก็หลับตาลง ปล่อยหยาดน้ำตารื้นเอ่อกลิ้งลงข้างแก้มช้าๆ หยดเผาะ หยดแผะลงบนไหล่กว้าง เขายิ้มให้ตัวเองบางๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงหลังๆมานี่ เขาช่างเป็นผู้ชายเจ้าน้ำตาเหลือเกิน

...ยุคือพรวิเศษ

แฮปปี้เบิร์ดเดย์จ๊ะยุ ลูกคือพรวิเศษของพ่อกับแม่เลยนะจ๊ะ

ใช่ครับ ยุลูกพ่อ ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างขอพ่อนะครับ

อธิฐานกับเค้กวันเกิดสิลูก แล้วลูกจะสมหวังทุกอย่างเลย


.
.
.

พ่อกับแม่โกหก ไหนว่าอธิฐานแล้วจะสมหวังไง...

แล้วทำไมถึงทิ้งผมไป...




“ยุไม่ใช่พรวิเศษหรอกพี่เมธ…”  เสียงผะแผ่วดังขึ้นบนไหล่กว้าง กฤตเมธกระชับอ้อมกอด พร้อมนิ่งฟัง

“เพราะถ้าผมคือพรวิเศษจริงๆ...พ่อ..คงไม่ทิ้งผมไป แม่...ก็คงไม่เห็นครอบครัวใหม่ของเขาดีกว่าผม…” เสียงผะแผ่วนั้นสั่นพร่าขึ้นทุกครั้งที่เอ่อยแต่ละถ้อยแต่ละคำ ร่างกายผอมบางที่ซบลู่อยู่กับกายอุ่นหนาเจือแววสะอื้นน้อยๆ ความสั่นไหวเป็นระรอกพาหัวใจของกฤตเมธเจ็บร้าวไปกับปูมหลังของคนรักอย่างสุดหัวใจ วงแขนขวาที่โอบกระชับสดายุไว้ ค่อยๆลูบปลอบประโลมใจบนแผ่นหลังไหวระริกเบาๆ อยากเอ่ยคำทัดทาน แต่ดูเหมือนสดายุจะยังต้องการพื้นที่ว่างให้ได้ระบายความอัดอั้นต่อเนื่อง กฤตเมธจึงถอยกลับออกมาเป็นผู้ฟังที่ดีอีกครั้ง

"ถ้าผมคือพรวิเศษจริง คงไม่มีคนเกลียดผมเยอะแยะขนาดนี้หรอก...ถ้าผมคือพรวิเศษจริงๆ...ผมคงไม่เหงาขนาดนี้แน่ๆ…” เสียงที่แผ่วลงเพราะถูกกลบด้วยเสียงสะอื้นนั้นกรีดหัวใจของคนฟังอย่างกฤตเมธจนเป็นแผล เขาไม่รอช้าที่จะคว้าคนรักที่เจ็บปวดกับอดีตเข้ามามอบจุมพิตปลอบขวัญ แม้มันจะรุนแรงไปสักหน่อยก็ตาม

“อืม…”  เสียงครางหวิวเล็ดรอดจากริมฝีปากที่บดเบียดกันแน่น หยาดน้ำตาที่เปียกฉ่ำอยู่ข้างแก้ม ถูกเช็ดถูกด้วยข้างแก้มของอีกคน

จูบเนิ่นนาน จนสามารถทำเสียงสะอื้นจางหายไปจนได้นั่นแหละ กฤตเมธถึงยอมถอนริมฝีปากออกมา สองสายตาประสานด้วยความรักเหลือล้น กฤตเมธแนบหน้าผากของตนกับหน้าผากของสดายุไว้อย่างอ่อนโยน มือขวาช่วยเช็ดซับน้ำตาที่ยังคงฉ่ำชื้นอยู่ตรงแก้มแดงระเรื่อ พร้อมเอ่ยคำมั่นสัญญาระหว่างสองหัวใจ

“ต่อให้ใครจะมองไม่เห็น หรือมองข้าม แต่พี่เห็น...พี่เห็นมาตลอดว่ายุมีค่าขนาดไหน และเป็นคนสำคัญที่พี่รักมากเพียงใด ต่อให้ใครจะเคยลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับยุก็ตาม ขอให้ยุเชื่อพี่...ว่าพี่เมธคนนี้จะไม่ลืมเด็ดขาด”


“พี่เมธ…”

“พี่รักยุนะ ไม่ว่าในอดีตยุจะเจออะไรมา แต่ได้โปรดทิ้งมันไว้ในอดีตเถอะ พี่ขอให้สัญญา ตราบที่พี่ยังมีลมหายใจ พี่ไม่มีวันปล่อยให้ยุต้องโดดเดี่ยว และต่อให้ในภายภาคหน้าเราจะต้องพบเจอกับเรื่องเลวร้ายแค่ไหน พี่สัญญาจะพายุก้าวข้ามมันไปให้ได้”

คำสัญญาของกฤตเมธหนักแน่น เช่นเดียวกับแววตา หน้าผากที่แนบสนิทกัน และมือที่โอบท้ายทอยเอาไว้ สดายุรู้สึกได้ ว่าหากสิ่งที่กฤตเมธเอ่ยมาทั้งหมด ไม่จริงใจ หรือเป็นแค่ลมปาก…เขาก็คงไม่รู้สึกมั่นคงได้ขนาดนี้

หัวใจที่เคยสั่นไหว เคว้งคว้าง และเหน็บหนาว คงไม่อุ่นซ่านจนแผ่กำจายไปทั้งร่างกายได้ขนาดนี้…

สดายุยิ้ม โถมกายเข้าซุกกับอ้อมอกอุ่น ซบใบหน้าเปื้อนฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความสุขล้นแนบไปบนบ่ากว้าง เสียงแหบเครือเอ่ยถ้อยสัญญาบางเบา ทว่าอัดแน่นไปด้วยความรู้สึก ‘รัก’

“ครับ...เราจะผ่านมันไปด้วยกัน…อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”

.
.
.
.
.

กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง อะโหสิกัมมัง โหตุ

การใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินต่อ เสน่ห์จันทร์ รัตทรัพย์เรืองรอง ทั้งทางกายก็ดี ทางวาจาก็ดี ทางใจก็ดี ขอท่านได้โปรดอโหสิกรรมด้วยเถิด…

เสียงสวดขอขมาของเหล่าบริวารดังขึ้นพร้อมเพรียง ก่อนจะเคลื่อนศพออกจากศาลาเพื่อไปตั้งที่เมรุ กฤตเมธยืนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้ารูปภาพของเสน่ห์จันทร์ ก่อนจะเอื้อมหยิบรูปนั้นมาถือไว้แนบอกด้วยมือเพียงข้างเดียว เพื่อจะเดินนำขบวนวนรอบเมรุโดยมีสดายุคอยเดินเคียงอยู่ใกล้เพื่อดูแล พร้อมกันนั้นสุริยาวดีที่เป็นเลขาคนสนิทก็เป็นคนที่ถือกระถางธูปด้วย 

เสน่ห์จันทร์นั้นตัดขาดจากบ้านเกิด ไร้ญาติขาดมิตรอย่างสิ้นเชิง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เสน่ห์จันทร์ยังคงมีคนอื่นที่หล่อนชุบเลี้ยง เอ็นดู คนที่รักและเทิดทูนหล่อนประหนึ่งญาติสนิท อย่างกฤตเมธและสุริยาวดี 

ขณะนี้เป็นเวลาบ่ายสามโมงอันสมควรแก่เวลาแล้วที่จะทำการเคลื่อนย้าย หลังจากทำพิธีสวดอันยาวนาน ในวันสุดท้ายนี้ มีคนในวงการ ทั้งดารานักแสดงในและนอกสังกัด นักข่าวสำนักต่างๆ รวมทั้งคณะผู้บริหาร และนักธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ต่างเข้าร่วมไว้อาลัยเสน่ห์จันทร์เป็นครั้งสุดท้ายอย่างล้นหลาม ทว่า…

ยังคงไร้วี่แววของชิดจันทร์ เช่นเดิม

ยังคงป่วยสินะ…ทุกคนคิดเช่นนั้น

ทุกอย่างดำเนินการไปตามพิธีการ กฤตเมธและสุริยาวดี เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าขบวน โดยมีพระสงฆ์เตรียมพร้อมรออยู่ด้านหน้า ครั้นพอได้เวลา ก็เริ่มเคลื่อนขบวน

“เอ๊ะ…คุณหนู?”

เสียงของสุริยาวดีที่ดังขึ้น ทำให้ขบวนต้องชะงักลง ทุกสายตาจับจ้องไปที่ใครคนหนึ่งเป็นตาเดียว 

ใครคนนั้นนุ่งขาวห่มขาว ใบหน้าเรียบเฉย ศีรษะไร้ซึ่งเส้นผม คนตรงหน้าคือ ‘แม่ชี’
 
และแม่ชีคนนั้นคือ…ชิดจันทร์

ร่างแบบบาง เดินทอดเข้ามาใกล้เนิบช้าในกิริยาสำรวม ท่ามกลางสายตาหลายร้อยคู่ที่จับจ้องมา ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้ากฤตเมธ ใบหน้านวลหวานสบตากฤตเมธนิ่ง ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าด้วยความอ่อนน้อม

“ขอรูปแม่ ให้ดิฉันได้ไหมคะ?”  น้ำเสียงหวานละมุนเอ่ยขออย่างอ่อนโยน กฤตเมธเองก็ยื่นให้ไม่มีอิดออด แม่ชีกอดรูปไว้มั่น แล้วขบวนแห่ก็ได้เคลื่อนต่อไป

ถึงแม้จะเป็นคนถือรูปเดินแห่ศพ แต่ก็ไม่ได้เป็นคนกล่าวคำไว้อาลัย หน้าที่นั้นเป็นของสุริยาวดี ผู้เป็นเลขาคนสนิท ส่วนชิดจันทร์นั้นนั่งอยู่ตรงแถวหน้าสุด เพื่อรับฟัง และร่วมพิธีไปเงียบๆ ไม่มีคำกล่าวใด ไม่มีปฏิกิริยาใด แม้แต่ความเศร้า น้ำตา หรือความอาลัย แม่ชีนามว่าชิดจันทร์นั่งนิ่งงัน จนไม่มีใครสามารถคาดเดาอารมณ์ของเจ้าตัวได้เลย

พิธีฌาปณกิจเสร็จสิ้นไปตอนเกือบห้าโมงเย็น หลังส่งแขกเหรื่อกลับจนครบแล้ว ที่เหลืออยู่ก็มีเพียงผู้เกี่ยวข้องไม่กี่คน นั่นก็คือ กฤตเมธ สดายุ สุริยาวดี บลูม่า ซอลย่า และชิดจันทร์เท่านั้น ทั้งหมดได้แต่ยืนมองเปลวควันที่พวยพุ่งอยู่เหนือปล่องเมรุมาศ เฝ้าภาวนาในหัวใจ ขอให้พระพายช่วยบันดาลให้สายลมหอบพัดดวงวิญญาณของเสน่ห์จันทร์สู่สรวงสวรรค์ สู่ความสุขอันเป็นนิรันดร์

เถ้ากระดูกสามารถมาเก็บได้ในเช้าวันรุ่งขึ้น สุริยาวดีนัดแนะกับทุกคนที่หมายจะไปร่วมลอยอังคารด้วยกันว่าจะต้องมาพร้อมกันที่วัดนี้ตอนเช้าตรู่ ก่อนที่จะตกลงแยกย้ายกันไป จะมีก็เพียงชิดจันทร์เท่านั้น ที่ต้องการพักอยู่กับแม่ชีด้วยกันที่วัดแห่งนี้
 

“ขอคุยด้วยสักหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”  แต่ก่อนจะได้แยกย้ายกันไป ชิดจันทร์เอ่ยปากขอคุยกับกฤตเมธและสดายุเป็นการส่วนตัว ซึ่งก็ตรงกับใจของกฤตเมธพอดี เพราะเขาเองก็อยากคุยกับชิดจันทร์อยู่เหมือนกัน



“เสียใจด้วยนะครับ เรื่องท่านประธาน” กฤตเมธกล่าวคำแสดงความเสียใจแก่ชิดจันทร์อย่างสุภาพ เพราะถึงอย่างไร ตอนนี้หญิงสาวก็อยู่ในสถานะของผู้ถือศีลนักบวชแห่งศาสนา
 
“ขอบคุณค่ะ…เสียใจกับคุณด้วยเช่นกัน เพราะคงไม่ใช่แค่ดิฉันที่เสียใจ” แม่ชีตอบกลับอย่างสุภาพไม่ต่าง

กิริยาสำรวมเหมาะสมกับผ้าขาวเป็นสิ่งที่ทำให้กฤตเมธและสดายุค่อนข้างทึ่ง เห็นชิดจันทร์ที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้แล้ว นึกภาพไม่ออกเลยว่าคือคนคนเดียวกันกับชิดจันทร์คนก่อน คนที่ก้าวร้าว คนที่มีแต่ความคั่งแค้นฝังแน่นในหัวใจคนนั้น ตอนนี้กลับดูสงบผ่อนคลาย เสมือนปล่อยวางสิ่งที่เคยแบกเอาไว้มาตลอดทิ้งไปได้เสียที

“ได้ยินว่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาล ร่างกาย ดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ?” กฤตเมธถามต่อด้วยความห่วงใย ถึงแม้จะเคยร้ายกาจ แต่ชิดจันทร์เองก็เผชิญอะไรร้ายกาจมามาก ทั้งยังเป็นผู้เสียหายที่ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ช่างเลวร้าย จนกฤตเมธอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้

“ร่างกายไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ ดิฉันไม่ได้ถูกทำอะไรให้บาดเจ็บมากมาย ตอนนี้ก็ถือว่าหายดีแล้ว ถึงจะยังนอนหลับเองไม่ได้ แต่ก็มียาหมอช่วยได้เยอะค่ะ” ชิดจันทร์ตอบถ้อย “ส่วนเรื่องความรู้สึก ดิฉันไม่อาจตอบได้ค่ะ ว่าแท้จริงแล้วมันรู้สึกอย่างไรกันแน่ บางครั้งดิฉันก็รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนต่อไปไม่ไหว แต่บางทีแค่เพียงหลับตาลงสักตื่น มันกลับไม่รู้สึกอะไรเลย…”

“ผมขอโทษ”  จู่ๆ กฤตเมธก็กล่าวขอโทษออกมา ทั้งที่ชิดจันทร์ยังไม่ทันจะพูดจบ ถึงจะไม่ใช่สาเหตุโดยตรง แต่แน่นอนว่าเขาย่อมมีส่วนเกี่ยวข้อง ที่ทำให้ชิดจันทร์ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ หากแม้ก่อนหน้านี้เขาจะใส่ใจหล่อนสักนิด ไม่แน่ว่า…

“ในหลายๆเรื่อง ผมเองก็ผิดกับคุณไว้เยอะ ได้โปรด…ผมขออโหสิกรรม”  หนุ่มใหญ่โค้งศีรษะให้แม่ชีอย่างไม่มีขัดข้อง ไม่มีติดค้างในหัวใจเลยว่าคนตรงหน้าคือชิดจันทร์ สิ่งเดียวที่รู้คือสถานภาพนักบวชที่น่าเคารพเท่านั้น แน่นอนว่าชิดจันทร์ไหว้ตอบทันที ตามศักดิ์ที่ว่าตนเด็กกว่ามาก ยังเยาว์และอ่อนด้อย แม้จะอยู่ในสภาพนุ่งขาวห่มขาว แต่ก็รู้ดีว่าตนยังไม่สมควรได้รับสิ่งนี้จากคนตรงหน้า

“ขออโหสิกรรมให้ดิฉันด้วยเช่นกันค่ะ กรรมที่ดิฉันเคยสร้างไว้กับพวกคุณช่างหนักหนาเหลือเกิน ทั้งกับคุณกฤตเมธและคุณสดายุ ต้องขอโทษด้วยจริงๆนะคะ”  ชิดจันทร์ยกมือไหว้ขอขมาทั้งสดายุและกฤตเมธด้วยความอ่อนน้อม ร่างกายซูบผอมดูเหนื่อยล้า จนสังเกตได้ คงจริงอย่างที่สุริยาวดีเคยเล่าไว้ ว่าชิดจันทร์ไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน

แต่เห็นวันนี้ ที่หญิงสาวยังคงครองสติอยู่ได้ ทั้งยังปลงใจนุ่งขาวห่มขาว เข้าพึ่งพระพุทธศาสนา ทั้งกฤตเมธและสดายุต่างก็หวังใจว่า ชิดจันทร์จะสามารถยืนหยัดได้ในสักวัน

“ผมเองก็เคยล่วงเกินคุณไปเยอะเหมือนกัน ต้องขอโทษ และขออโหสิกรรมด้วยเช่นกันนะครับ” สดายุเองก็เป็นฝ่ายเอ่ยขออภัยบ้าง ก่อนหน้านี้เขาอาจติดใจโกรธเคืองชิดจันทร์อยู่ไม่น้อยก็จริง แต่พอมาได้เห็นหญิงสาวอยู่ในสภาพนี้แล้ว ในหัวใจเขาก็ไม่คิดติดใจอะไรอีก

“เช่นกันค่ะคุณสดายุ” ชิดจันทร์โค้งศีรษะให้สดายุครั้ง พร้อมส่งรอยยิ้มบางๆขึ้นมาประดับใบหน้าซีดเซียว

“อย่าลืมอโหสิกรรมให้ท่านประธาน รวมทั้งตัวคุณเองด้วยนะครับ พวกผมพร้อมจะไม่ติดใจกับอดีตที่คุณเคยทำ ดังนั้นผมก็อยากให้คุณปล่อยวางด้วย” สดายุเอ่ยเตือนสติ เมื่อเห็นว่าชิดจันทร์ยังคงเศร้าสร้อย หญิงสาวเงียบไปเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับคำ

“ค่ะ”

อาจเพราะยังไม่เคยได้คุยกันดีๆ การเริ่มต้นครั้งนี้จึงค่อนข้างเคอะเขิน แต่เมื่อสามารถกล่าวอโหสิกรรมจากใจให้แกกันได้แล้ว สิ่งที่เคยแบกรับเอาไว้ในใจก็ดูคล้ายจะเบาบางขึ้น ทั้งสามยิ้มให้กัน ก่อนเอ่ยลา

แต่ในวินาทีก่อนที่กฤตเมธและสดายุจะเดินจากไป ชิดจันทร์ก็ฝากสารสุดท้ายอีกคำ

“หากเจอคุณบดินทร์ ฝากขออโหสิกรรมเขาด้วยนะคะ ดิฉันทำกับเขาไว้เยอะเหลือเกิน…”

นั่นคือคำขอสุดท้ายจากชิดจันทร์ โดยที่กฤตเมธและสดายุเองก็ไม่รู้ตัว เช้าวันรุ่งขึ้นที่พวกตนมารับเถ้ากระดูกของเสน่ห์จันทร์เพื่อไปลอยอังคาร ก็ได้ทราบข่าวว่า ชิดจันทร์ได้เดินทางจากไปแล้วพร้อมเถ้ากระดูกส่วนหนึ่งของเสน่ห์จันทร์ แม่ชีดำเนินไป ณ ที่แห่งไหนไม่มีใครทราบ ทิ้งไว้เพียงจดหมายฉบับเดียวที่ฝากไว้กับแม่ชีอีกท่านมาให้เท่านั้น

ในเนื้อหาจดหมายเองก็ไม่ได้ระบุว่าแม่ชีจะเดินทางไปที่ไหน บอกเพียงแค่ขอโทษที่หายไป และขอฝากบริษัทของเสน่ห์จันทร์เอาไว้ให้สุริยาวดีช่วยดูแลแทนไปก่อน โดยหนังสือมอบอำนาจให้ดำเนินการแทนทั้งหมดนั้น แม่ชีชิดจันทร์ก็ได้เก็บเอาไว้ให้สุริยาวดีที่บ้านเรียบร้อยแล้ว เหตุผลในการเดินทางเพียงข้อเดียวที่ทิ้งไว้ คือ ไม่ว่าอย่างไร ตอนนี้ก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ ว่าจะสามารถยกโทษให้เสน่ห์จันทร์ ได้หรือไม่ และถ้ายังยกโทษให้ไม่ได้ ก็ย่อมยกโทษให้ตัวเองไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงขอเวลาอยู่กับตัวเองสักหน่อย โดยทิ้งท้ายว่าในสักวันหนึ่ง หากสามารถข่มตาหลับลงได้โดยไม่ต้องอาศัยยากล่อมประสาท หากสามารถปลงใจอโหสิกรรมให้ผู้เป็นแม่ และตัวเองได้แล้ว จะกลับมาชดใช้ในสิ่งผิดพลาดที่เคยกระทำไว้แก่ทุกคนอย่างแน่นอน ขอให้ไม่ต้องเป็นห่วง…

ได้เห็นสิ่งที่ชิดจันทร์ทิ้งไว้ก็ได้แต่ปลง ชีวิตของคนเรานั้นช่างซับซ้อน ขนาดนิยามความสัมพันธ์ที่ง่ายที่สุด อย่างแม่ลูก พอมีปัจจัยต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็ดูจะบิดเบี้ยวไปจนไม่อาจเรียกว่าความผูกพัน ทั้งที่รักกันถึงขนาดนั้นแท้ๆ

ทั้งรัก…ทั้งชัง ช่างเป็นความสัมพันธ์ที่น่าสงสารเหลือเกิน

ในเมื่อทำอะไรมากไปกว่าการภาวนาไม่ได้ ทุกคนก็ได้แต่ขอพรต่อพระพุทธศาสนา

…ได้โปรดช่วยชี้ทางสว่างแก่ชิดจันทร์ด้วยเถิด


***********************************************************

ชิดจันทร์ออกธุดงค์แล้วจ๊า…
การเขียนฉากงานศพเป็นอะไรที่ค่อนข้างยากค่ะ ถึงจะเคยผ่านการเป็นเจ้าภาพเองมา (5ปีแล้ว) ก็ยังแอบกังวลเล็กๆว่าเขียนแล้วจะอินไหมน๊า…อีกอย่างคือ…เก๊าใช้ภาษากับแม่ชีไม่เป็นอ่ะ โดยเฉพาะแม่ชีอายุน้อย ใครมีข้อชี้แนะบ้างไหมคะ? ฮือๆ

เหลืออีกแค่ 2 ตอนยาวๆ ก็อวสานแล้วล๊า อร๊ายยยย
2 ตอนหลัก + 2 ตอนพิเศษจร๊า


-ฉายรอบปฐมทัศน์ และแถลงข่าว
-บทสรุปของทุกคน
-พิเศษ Roommate พี่อ๊อด+กมล
-พิเศษ หาดทราย สายลม สองเรา…


ปล. บทสุดท้ายของชิดจันทร์อาจจบง่ายไปหน่อย เพราะไม่มีตังค์จ่ายค่าตัวนางแล้ว (อะเชิ๊บ…หมุนตัวหลบรองเท้าสวยงาม)  ปล่อยนางบวชชีหนีช้ำไปนะคะ ให้นางได้พบทางสงบ
(ตามระบบมาตรฐานตัวร้ายเมืองไทย *ตาย *บ้า *บวช)
ปลล. หากเป็นไปได้ จะเขียนถึงแม่น้องยุแน่นอนจ๊า… อย่างน้อยต้องมีฉากไปสู่ขอน้องยุสิ!...(อุ๊ปส์ มือลั่น!)
ปลลล. อยากอ่านตอนพิเศษคู่ไหนมากที่สุดจ๊ะ (ยกเว้นคู่นู๋ดินนะ)
ปลลลล. ใครคิดถึงพอร์ชxรุจน์ สองตอนหน้าโผล่มาแน่นอนจ๊า

ขอโทษที่ช้านะคะ ด้วยอะไรหลายๆอย่าง ทั้งเหตุการณ์บ้านเมืองและความไม่ค่อยกระเตื้องของตัวเอง เลยเป็นเหตุให้เกือบต้องดองข้ามเดือนอีกแล้ว…การเป็นผู้ใหญ่วัยชรามันยากจัง # อยากกลับไปเป็นเด็กที่สุดเลย TT^TT

สุดท้ายนี้ขอแสดงความเสียใจแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกท่านจากเหตุการณ์ที่แยกราชประสงค์ และหวังใจเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านผู้อ่านทุกคนของอนาคี เพื่อนร่วมเล้าฯรวมไปถึงญาติพี่น้องมิตรสหายของท่านผู้อ่านทุกท่านจะปลอดภัยและไม่ตกเป็นเหยื่อของเหตุการณ์นี้ค่ะ

ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
รักนะจุ๊บๆๆ
อนาคี #Thearboo

**********************************************

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 27-08-2015 02:28:56
อยากอ่านคู่นู๋พอร์ชนู๋รุจอ่า   :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: narumo ที่ 27-08-2015 02:59:30
เขินแทนสดายุเลยอ่า พี่เมธทำเอาเคลิ้มไปเลย ส่วนชิดจันทร์แบบนี้ก็ดี คือถ้าเธอไม่เอาธรรมะเข้าข่มคงฟื้นตัวยากน่าดู
รอตอนต่ออยู่นะคะ ที่มือลั่นขอให้จริงนะอยากรู้จังว่าจะเป็นยังไง
คนเขียนอย่าหายไปนานนะ คิดถึงยุม้ากมาก
 :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ๐๐ตะวัน๐๐ ที่ 27-08-2015 07:02:35
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 27-08-2015 07:18:45
ดีใจที่แต่งให้ลงแบบนี้ค่ะ
ถึงจะไม่ชอบชิดจันทร์มากแค่ไหน ก็ไม่อยากให้นางตายโดยไม่สำนึก เพราะงั้นแล้ว การเข้าสู่เส้นทางธรรมอาจจะดีที่สุดแล้ว
 สงสารดิน หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้ดินมีชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้ทิฐิในใจลดลง
รอติดตามตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อเลยนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 27-08-2015 07:42:24
แล้วทุกเรื่องก็คลี่คลายจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 27-08-2015 07:59:35
คู่ใหนก็ได้ อ่านได้หมด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 27-08-2015 09:00:32
เราชอบที่ชิดจันทร์มีตอน
จบแบบนี้ 
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 27-08-2015 09:04:23
 :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-08-2015 09:22:01


นานๆจะมาที

แต่ก็ฟินไปเลย......

จิกหมอน

แม้ว่าจะผ่านเรื่องไม่ดีมา

แต่เมื่อรักแล้วก็จะผ่านไปได้

พี่เมธน่ารักอ่ะ

น้องยุก็น่ายิก

รอตอนแถลงข่าวขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 27-08-2015 09:51:16
เป็นทางเลือกที่ดีของชิดจันทน์ ยุกับลุงมีความสุขซักทีอยู่ช่วยกันดูแลบริษัทจนกว่าชิดจันทน์จะมารับช่วงต่อนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 27-08-2015 10:13:01
 ทั้งหวานทั้งเศร้า
  :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 27-08-2015 12:15:06
 :กอด1 :กอด1:
เริ่มคลี่คลายแล้วสินะ
รอก็แต่คู่ SM ดนัย-ดินล่ะสิเนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 27-08-2015 12:50:37
รอเรื่องของดนัย บดินทร์ จิลงแดงแล้ว แง้วๆ ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองน้องดินยิ่งเป็นลูกไก่ในกำมือดนัยอ่ะจิ กว่าจะรักกันได้คงทำร้ายจิตใจ ศักดิ์ศรี น้องดินไปอีกหลายรอบ

อยากอ่านคู่ บลูม่า ซอลย่า ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 27-08-2015 13:58:07
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 27-08-2015 14:04:17
ผลลัพท์ที่ชิดจันทร์ได้ไปก็ถือว่ามากได้นะ
เค้าก็เศร้าไปกับชิดตันทร์หน่อยๆนะเรื่องแม่
เอาเป็นทุกอย่างคลี่คลาย ไม่ติดค้างกัน
เหลือแต่ความเข้าใจ


น้องยุน่ารักขึ้นมากๆๆๆ บ่อน้ำตาพี่แตกตามเลย
อย่าคิดว่าตัวเองไร้ค่าอีก พี่เมธออกจะรักขนาดนี้

อยากอ่านตอนของบลูม่ากับซอลย่าาอีกค๊าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 27-08-2015 15:12:30
จะจบแล้ว
ดนัย บดินทร์คือเรื่องใหม่ที่รออ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Baruda ที่ 27-08-2015 16:12:51
แบบนี้ก็ดีนะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 27-08-2015 17:59:51
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-08-2015 18:04:05
จุดจบของนางแบบนี้ก็โอเคนะ

รอตอนต่อไป อยากอ่านตอนแถลงข่าว  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kengtham ที่ 27-08-2015 18:13:13
สงสารคุณเสน่ห์จันทร์แต่ก็ดีใจที่เรื่องจบได้ซักที

ต่อไปพี่เมตกับเด็กดื้อก็จะมีความสุข มากขึ้น มากขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 27-08-2015 19:24:50
อยากอ่านตอนพิเศษของบลูม่ากะซอลย่าค่ะ 55555

โอ้ยยยย รอเรื่องแยกของบดินทร์กับดนัยเลยยยย ชอบบบอ้ะ ตบจูบๆ  :-[

ตอนงานศพสเน่ห์จันทร์นี่รู้สึกเศร้าแทนชิดจันทร์และพี่เมธเลยค่ะ  :hao5: ทุกคนอโหสิกรรมให้กันหมดเนอะ อย่าติดค้างอะไรกันเลย  :m15:

รอตอนต่อไปอย่างใจจดใจจ่อค่ะ รวมเล่มเมื่อไหร่เค้าซื้อแน่นอนน ชอบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 27-08-2015 19:46:20
ชิดจันทร์ไปทางนั้นก็ดีแล้ว


 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-08-2015 19:54:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Supparang-k ที่ 27-08-2015 20:20:00
เป็นการฉลองวันเกิดที่น่ารักสุดๆ แบบนี้ละพอแล้ว ไม่ต้องมีอีเว้นอะไรมากมายแค่มีกันและกันก็เพียงพอแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 27-08-2015 21:44:33
บรรยายไม่ถูกเลย :hao5: มันครบรสไปหมด :impress2: ขอบคุณครับ

จะรอวันฉายหนัง อยากให้ ลุง - เด็กดื้อ เจอกับ คุณ ภู - ภู่ มานานแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 27-08-2015 21:52:00
เห้ออ!! ชีวิต
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 27-08-2015 21:52:19
รออ่านต่อน้าาาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 27-08-2015 22:35:28
ครบรสเลย ทั้งสุข ทั้งเศร้า รอตอนต่อไปคร้าาาา :katai2-1: :katai2-1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 27-08-2015 23:56:13
รักเธอ...ถ้าขอทุกคู่จะโดนตบไหม?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 27-08-2015 23:56:55
บทสรุปที่สวยงาม

ความรักที่มั่นคงของพี่เมธ

ชีวิตใหม่ของยุ

ทางสงบที่ชิดจันทร์เลือก

การเริ่มต้นใหม่ของดิน

ตัวเลือกของดนัย

หัวใจที่บรรจบกันของบลูม่ากับซอลย่า

ทุกคนล้วนเลือกได้ อยู่ที่จะเลือกอย่างไร






หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 28-08-2015 00:12:04
ทั้งเศร้าทั้งซึ้งเลยตอนนี้

ขอบคุณคนเขียนที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 28-08-2015 01:25:55
เราว่าตอนนี้เยี่ยมเลยนะ เป็นตอนที่บรรยายได้ดีเลยค่ะ รู้สึกถึงความรู้สึกของตัวละครได้เป็นอย่างดี ทั้งพี่เมธและชิดจันทร์
เราชอบเหตุผลที่ชิดจันทร์ไปเป็นแม่ชีนะ แม้นางจะยังปลงทั้งหมดไม่ได้ แต่เมื่อไปเป็นชีแล้ว ไม่นานนางจะดีขึ้นเอง ให้พระพุทธศาสนากล่อมเกลาจิตใจนะ
รอตอนต่อไปจ้าๆๆๆ เยิฟๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 28-08-2015 03:14:43
รอติดตามอย่างใจจดจ่อคะ  :katai2-1:

ดีแล้วที่ให้อภัยกันเรื่องร้ายๆคงหมดลงสักที :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 28-08-2015 13:54:03
ชอบบทสรุปแบบนี้เลย  o13

ตอนพิเศษขอสองคู่รวดเลยได้ไหม 5555
เอาทั้งซอลย่า-บลู, พอร์ต-รุช เลย โลภไหมเอ่ยยยย  :hao7:

ชอบภาษาของคนเขียน แต่งได้อ่านง่าย สนุกจุใจทุกตอน  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-08-2015 00:19:13
เเม่ชีถือว่าเป็นทางออกที่ดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kosmos ที่ 29-08-2015 01:06:38
ดีจังชิดจันทร์ที่คิดได้ ถึงจะไม่ชอบนางแต่ก็สงสารนาง

ขอพอร์ชรุจน์แบบจัดเต็มค่ะ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: himoru ที่ 31-08-2015 15:03:23
ดีแล้วชิดจันทร์ ถึงจะไม่ชอบแต่ก็คงดีกว่าให้เธอไปทางอื่น
น้องยุน่ารักกกกก
สนุกค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 31-08-2015 22:54:38
ชิดจัน บวชชีเหรอเนี่ย แอบช็อกนะคะเนี่ยแต่ก็ดีแล้วละ จบแฮปปี้
คู่ดนัยนี้ก็ทำให้เราอยากอ่านตลอดเลยอะ บดินน่าสงสารเชียวไม่ทันดนัยสักเรื่อง คิคิ
สดายุของเรา แต่งพี่เมทมาเป็นสามีไวๆนะ น้องยุจะได้ไม่เหงา :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 03-09-2015 16:28:08
ยุยังคงเป็นยุ
ความรักความเมธมีค่ากับยุมาก
แต่เหมือนว่ามันยังไม่สามารถชดเชยสิ่งที่ขาดไปได้
คุณแม่น้องยุ เตรียมคำแก้ตัวไว้ดี ๆ นะ
ตอบไม่ดีสินสิดไม่ต้องเอา

ชิดจันทร์เธอยังมีสามีที่เป็นห่วงเธออยู่นะ
เคลียร์ใจเรื่องแม่ได้
อย่าลืมกลับไปดูคนแลคนที่เหลืออยู่

รอบปฐมทัศน์จัดที่ไหนอะ จะไปเปิดงาน
ไปงานแถลงข่าวด้วยยยยย
            :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 ก.ย. 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-09-2015 21:04:57
ผมคือ...นางเอก
#ตอนจบเก่าของคู่ ดนัย x บดินทร์


สวัสดีค๊า วันนี้แอบมีหน้าทอล์คโผล่มาอีกแล้ว แว้ว แว้วววว...
อ๊ะ อ๊ะ อย่าตกใจ เก๊าไม่ได้มีเรื่องอะไรร้ายแรงมาแจ้ง ทั้งยังไม่ได้มีเรื่องต้องระบาย
จะมีก็แค่...แวะมาบอกรักทุกคน อ๊ายยย อิย๊างงงง.... (อนุญาตให้ตบเรียกสติได้ อิอิ)

ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่แวะเอาพล็อตเก่าของ บดินทร์ &  ดนัย มาให้อ่านกันเท่านั้น คล้ายเป็น special features เล็กๆ
อย่างที่เคยเล่าให้ฟังเมื่อนานมาแล้ว ว่าบดินทร์กับดนัยนั้น เป็นเพียงตัวประกอบอดทน (ไม่ต่างคู่พี่อ๊อด) ที่ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลย จึงให้โผล่มาตอนท้ายเรื่อง

ทั้งยังเป็นคู่ที่ไม่สมหวัง ไม่ใช่สิ เป็นคู่ที่ไม่ได้รักกัน  ถึงเคยมีความสัมพันธ์กัน แต่ก็เป็นแค่การข่มขืนฝืนใจ ที่ดนัยทำไปเพื่อแก้แค้น ไม่ได้มีอารมณ์พิศวาสอะไรในตัวของบดินทร์มากนัก จะมีก็แค่ความตื่นเต้น และถูกใจเล็กน้อย

หลังจากนั้นเนื้อเรื่องก็คล้ายที่ลงไว้ คือบดินทร์บาดเจ็บทั้งทางร่างกายและจิตใจ อ่อนแอจนไม่อาจทนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ จึงตัดสินใจฆ่าตัวตายตามท้องเรื่อง

เหตุการณ์นั้น ทำให้ดนัยหันมาสนใจบดินทร์อย่างเต็มที่ ทั้งยังโดนกฤตเมธตบหัวสั่งสอนไปด้วย เลยยิ่งทำให้ดนัยคิดได้ ว่าตัวเองทำเกินไป
จากนั้นก็เกิดเรื่องราวมากมายมาจนถึงตอนล่าสุด ซึ่งตอนจบพล็อตเก่า มันแตกต่างออกไปจากนี้เล็กน้อย นั่นคือบดินทร์ยอมรับเงินช่วยเหลือของดนัยแต่โดยดี และไม่มีการขอชดใช้ด้วยร่างกายหรืออะไรทั้งนั้น 

ดนัยในพล็อตเก่า ยังคงคล้ายๆตอนนี้ เพียงแต่ไม่ได้ให้ความสำคัญเชิงชู้สาวกับบดินทร์เหมือนพล็อตปัจจุบัน เพียงแค่รู้สึกผิดกับบดินทร์เลยอยากให้ความช่วยเหลือเพราะต้องการรับผิดชอบการกระทำของตนก็แค่นั้น เป็นมาเฟียใจดี ที่ไม่คิดผูกพันกับใคร

ส่วนบดินทร์ในพล็อตเก่าเอง ก็ไม่ได้เล่นตัว หรือหยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนี้หรอก ออกจะเป็นคนอมทุกข์ ชนิดที่ว่าเหลืออีกเพียงนิดจะกลายเป็นโรคซึมเศร้าเสียให้ได้มากกว่า 

ดนัยขอร้องให้บดินทร์รับเงินช่วยเหลือไว้ เพื่อแทนคำขอโทษจากตน
บดินทร์ที่ตอนแรกปฏิเสธนั้น สุดท้ายแล้วก็ยินยอมรับเอาไว้แต่โดยดี หลังจากเป็นหนี้ชีวิตดนัยเพิ่ม

หลังความวุ่นวายต่างๆจบลง ดนัยก็กลับต่างประเทศไป ส่วนบดินทร์ก็ออกจากวงการ ทำงานอะไรสักอย่างอยู่ที่บ้าน

เป็นอันจบ...

ในพล็อตเก่าเองก็ไม่ได้หมายความว่าบดินทร์กับดนัยจะไม่มีวันได้กันหรอก เพียงแต่ตั้งใจที่จะไม่ไม่กล่าวถึงในเรื่องเท่านั้น
ประมาณว่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เป็นตอนจบปลายเปิด ที่สามารถจิ้นต่อให้เป็นแบบไหนก็ได้

แต่หลังจากได้ลองเขียนเป็นจริงเป็นจัง จากที่แค่ต้องการให้เป็นตัวประกอบอดทนเหมือนคนอื่นๆ คู่นี้ดันมาแรงด้วยปมปูมหลังที่น่าค้นหา ทำให้ไม่สามารถเขียนให้จบปลายเปิดแบบไม่สรุปได้

เพราะตัวละครสองตัวนี้มีรสเข้มข้นเกินกว่าจะปล่อยให้ละลายกลายเป็นน้ำชาชูรสเฉยๆ
สุดท้ายอนาคีเลยตัดสินใจ เขียนเฉพาะสองคนนี้ขึ้นมาซะเลย

ฉากหลักๆที่เปลี่ยนใหม่มีดังนี้ค่ะ

1.   ฉากที่ดนัยตามประคบประหงมบดินทร์ในโรงพยาบาล
ฉากในห้องน้ำที่ดนัยช่วยเช็ดตัวในบดินทร์นั้น ในพล็อตเก่าบดินทร์ไม่ได้ดิ้นรนอะไรมาก แค่ไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน ยอมให้ดนัยช่วยเช็ดตัวให้แต่โดยดี เพราะตอนนั้นบดินทร์ยังอยู่ในช่วงซึมเศร้าประมานว่าใครอยากทำอะไรกับตัวเองก็ทำได้เลย ฝ่ายดนัยเองก็ไม่คิดคุกคามด้วย เพราะฉะนั้นประโยคที่ว่า “อย่าลืมสิ...คุณเลือกที่จะทิ้งชีวิตของคุณแล้ว คุณหมดสิทธิ์ที่จะถือครอง มันอีกต่อไป  ผมคนนี้ที่พยายามรักษามันไว้ต่างหาก ที่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมัน เพราะฉะนั้นต่อจากนี้เป็นต้นไป ชีวิตของคุณเป็นของผม”  จึงไม่ได้อยู่ในบทตั้งแต่แรกจ้า
บทเก่าคือ
ดนัย : ถ้าคุณคิดว่าชีวิตตัวเองไม่มีค่า งั้นผมขอซื้อได้ไหม"
บดินทร์ : เหรอ...อยากซื้อเท่าไหร่ล่ะ?
ดนัย : 10 ล้าน ผมขอซื้อชีวิตคุณด้วยเงิน 10 ล้าน คุณจะได้ใช้หนี้ และมีชีวิตใหม่เสียที
บดินทร์ : คุณตีค่าผมแพงไปแล้ว 10 ล้าน มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่...
ดนัย : ไม่มากไปหรอก สำหรับสิ่งที่ผมบังคับพรากมันมาจากคุณดื้อๆ ผมว่ามันสมน้ำสมเนื้อแล้ว
บดินทร์ : โธ่คุณ...เงินตั้ง 10 ล้านน่ะ ต่อให้ผมแก้ผ้านอนกับเสี่ยสักกี่คน ยังได้มายากเลย ไม่ต้องตีค่ามันมากนักหรอก (เพราะถ้ามันมีค่จริงๆ เขาคงไม่ถูกย่ยีได้ง่ายดายขนาดนี้หรอก แถมยัง...ไม่ค่อยรู้สึกเสียดายเสียด้วย)
ดนัย : ในสายตาคุณเป็นยังไงผมไม่สนหรอกนะ แต่ในสายตาผมมันมีค่าคู่ควร รับไปเถอะ ถือเสียว่าช่วยผม
บดินทร์ : ช่วย? ช่วยให้คุณสบายใจขึ้นน่ะเหรอ? ง่ายดีนะ แต่ก็ถือว่าโคตรคุ้ม
ดนัย : ใช่ ถ้าคุณรับไป ผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกติดค้างมากนัก คิดเสียงว่าเป็นค่าเสียหายที่คุณพึงได้เถอะ โปรดรับไป
บดินทร์ : เหมือน...ไอ้ตัวเลยนะผมเนี่ย ขายตัวแลกเงิน เป็นกะหรี่สิบล้าน โคตรเจ๋ง (บดินทร์หยันตัวเองขึ้นเบาๆ ร่างกายอ่อนแรงพิงพักอยู่กับผนังห้องน้ำ ดวงตาเหม่อลอยไร้จุดหมาย)
ดนัย : ก็แล้วแต่คุณจะคิดก็แล้วกัน เพราะเรื่องของตัวคุณ คุณย่อมรู้ดีกว่าผม จริงไหม? (ดนัยเองก็ไม่คิดปลอบ เขาไม่คิดรับมือคนช่างประชดอยู่แล้ว)
บดินทร์ : (เงียบ)
ดนัย : (เงียบ)
บดินทร์ : ผมกลับไปที่เตียงได้หรือยัง?
 
ในวันนั้นบดินทร์ก็ไม่ได้ตกปากรับคำที่จะรับเงินของดนัย เพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะใช้สมองหนักๆของตัวเองตอนนี้

ฉากที่ดนัยคิดอกุศลต่อบดินทร์ก็ไม่มีค่ะ แค่มองร่างที่หลับไปแล้วของบดินทร์ และคิดว่าอยากรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเท่านั้น ดนัยเป็นมาเฟีย กล้าทำกล้ารับ ความคิดของชายหนุ่มคือต้องการช่วยให้บดินทร์ยืนหยัดอยู่ให้ได้ แม้จะยังสับสนในหัวใจเล็กน้อย ว่าเขาจะทำเพื่อบดินทร์ขนาดนี้เพื่ออะไร แค่อยากล้างบาปจริงๆน่ะหรือ...

ดนัยพอจะรู้ตัวอยู่ ว่าคงเป็นเพราะความสุขสมทางกายที่ได้รับจากจากการฝืนใจบดินทร์ มันเติมเต็มความกระหายของตนได้จนเต็มอิ่ม ทำให้สัญชาตญาณลึกๆในร่างอยากจะดึงรั้งคนคนนี้ไว้ใกล้ตัวให้ได้นานที่สุด แต่ด้วยสันดานของดนัยที่ไม่ชอบความยุ่งยาก ดังนั้นการที่จะต้องมาคอยสนใจคนอารมณ์แปรปรวนอย่างบดินทร์จึงเป็นเรื่องที่ดนัยไม่ใคร่ต้องการนัก
เขายังไม่คิดอยากเอาตัวเข้าไปผูกกับใคร และดนัยรู้ดีว่าบดินทร์เองก็คงไม่ต้องการอยู่ใกล้ตนเช่นกัน
ดังนั้น ดนัยจึงตัดใจที่จะรุก และตั้งใจเพียงแค่คอยเฝ้าดูจนกว่าบดินทร์จะมีชีวิตรอดต่อไปได้เท่านั้น
เขาทั้งคู่อยู่กันบนเส้นขนาน ทางที่เดินมันสวนกันไปมา ทว่าไม่อาจบรรจบ

แต่สุดท้ายดนัยก็ไม่ได้จ่ายสิบล้านให้เสี่ยอัครเดชหรอกค่ะ ใช้อำนาจข่มขู่ให้อีกฝ่ายรามือไปเฉยๆ เพราะฉะนั้นจึงไม่มีหนี้บุญคุณสิบล้านกับบดินทร์แต่อย่างใดจ๊า

2.   ฉากร้อนฉ่าริมทะเลหัวหิน
ฉากนี้เป็นฉากที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ เพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์อันแสนสับสนกล้ำกลืนระหว่างดนัยและบดินทร์ค่ะ ฉายให้เห็นสิ่งที่บดินทร์คิดต่อดนัย และเผยให้เห็นความปรารถนาที่ดนัยมีต่อบดินทร์

3.   ฉากเจอกับครอบครัวบดินทร์ครั้งแรก
นี่เป็นฉากจบของคู่ดนัยxบดินทร์ ในพล็อตเก่าจ๊า
ในพล็อตเก่านั้น ดนัยไม่ได้เอาบดินทร์ไปกกไว้ที่เซฟเฮ้าส์เหมือนในเนื้อเรื่องปัจจุบันนะจ๊ะ แต่เอามาส่งกบดานที่บ้านของบดินทร์เองเลยนี่แหละ แล้วจัดการเคลียร์หนี้สินให้บดินทร์จนเป็นไท
บดินทร์เอาโฉนดที่ดินให้ดนัยเพื่อชดใช้ แต่ดนัยไม่รับ ทั้งคู่เคลียร์ใจกันเล็กน้อย และจากกันด้วยดี
บทเก่า
บดินทร์ : โปรดรับไว้เถอะ อย่าให้ผมรู้สึกติดค้างคุณไปมากกว่านี้เลย
ดนัย : คุณเก็บไว้เถอะ ผมไม่ต้องการหรอก บอกแล้วไง ว่าผมทำไปเพื่อชดใช้ให้คุณ
บดินทร์ : แต่...มันมากไป สำหรับผม
ดนัย : ไม่หรอก ในเมื่อผมไม่ได้จ่ายอะไรเลยสักบาท
บดินทร์ : ถึงยังไง คุณก็อุตส่าห์ช่วยคุยกับทางบ่อนให้...
ดนัย : ถ้าคุณจะติดใจในเรื่องนั้นล่ะก็ ผมรับมันเอาไว้ก็ได้ แล้วก็...ขอยกให้คุณ
บดินทร์ : ทำไม?
ดนัย : ผมขอใช้โฉนดนี้ ซื้อชีวิตบัดซบที่ผ่านมาก็แล้วกัน...
บดินทร์ : (เงียบ)
ดนัย : จากนี้ไป...คุณจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที
บดินทร์ : นี่คุณกำลัง...ชดใช้...ให้ผมสินะ ทั้งๆที่มันไม่จำเป็นแท้ๆ
ดนัย : จำเป็นสิ ในเมื่อผมขโมยบางอย่างจากคุณมา ผมก็ควรให้ของตอบแทนที่ควรค่าเท่าเทียมกัน...
บดินทร์ : งั้น...ผมก็คงปฎิเสธไม่ได้สินะ...
ดนัย : ใช่...ช่วยรับเอาไว้เถอะครับ
บดินทร์ : บางที คุณก็ดีใจหายนะ จนผมเริ่มลืมเรื่องคืนนั้นแล้วล่ะ
ดนัย : หากคุณลืมความชั่วร้ายของผมได้ ผมก็ขอขอบคุณ แต่...หากคุณจะแค้นผมไปทั้งชีวิต ผมก็ไม่ว่าอะไรคุณหรอกนะ
บดินทร์ : อย่าเลย ผมไม่อยากจำคุณไว้สักเท่าไหร่หรอก หึหึ
ดนัย : หึหึ...นั่นสินะ
(ต่างมองหน้า กันและกัน และยิ้มให้กันฉันท์มิตรเป็นครั้งแรก)
ดนัย : ผมต้องกลับไปทำงานต่อที่ฮอลีวูดแล้วล่ะ คุณคงไม่ต้องทนเจอหน้าผมอีกแล้วล่ะ
บดินทร์ : นั่นเป็นสิ่งชดใช้ที่เจ๋งสุดเลยล่ะ
ดนัย : เฮ้อ...โดนเกลียดจริงจังเลยนะเนี่ย
บดินทร์ : ไม่หรอก...ผมมองคุณดีขึ้นหน่อยแล้วล่ะ
ดนัย : งั้น...ถ้าได้เจอกันอีกสักครั้ง เราคงคุยกันฉันท์เพื่อนได้ใช่ไหมครับ
บดินทร์ : หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นครับ
ดนัย : ลาก่อนครับ รักษาตัวด้วยนะ คุณบดินทร์
บดินทร์ : เดินทางปลอดภัยครับ ดนัย
ดนัย : บายครับ
บดินทร์ : บาย
(ดนัยหันหลังเดินจากไป แต่ก่อนที่จะขึ้นนั่งในรถ บดินทร์ก็พูดบางอย่างออกมา)
บดินทร์ : แล้วเจอกันใหม่นะ...ผมจะรอ (ยิ้มหวานที่สุดในชีวิต)
ดนัย : (ยิ้มรับพร้อมโบกมือลา)

คู่ดนัย x บดินทร์ จบบริบูรณ์...

ส่วนฉากอื่นๆ ก็มีเปลี่ยนของบทอื่นๆเล็กน้อยจ๊ะ แน่นอนว่าจะไม่มีฉากที่ดนัยแสดงอาการหื่นใส่บดินทร์เต็มสตรีมขนาดนี้ มีเพียงความสับสนเบาๆเท่านั้น

จะเห็นได้เลยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครสองตัวนี้น้อยมาก ไม่ค่อยเจอกันเท่าไหร่ และสุดท้ายก็ตัดสินใจห่างกันออกมา เป็นคู่ที่อนาคีให้ความสำคัญน้อยมากเลยก็ว่าได้ (รองจากคู่พี่อ๊อดxกมล ที่จะโผล่มาแค่ตอนพิเศษ) เป็นตัวประกอบฉาบฉวยที่ตั้งใจให้ความสัมพันธ์ระหองระแหงและจืดชืดแบบสุดๆ แต่เพราะหากสองคนนี้ไม่เคลียร์ ท่านผู้อ่านอาจค้างคา เลยต้องลองออกมาเปิดความสัมพันธ์ใหม่ โดยให้เป็นตัวละครเอกของเรื่องกันไปเลยนี่แหละจ๊า

และแล้ว...ดังที่กล่าวมาข้างบนแหละจ๊ะ พล็อตเก่าที่คาดว่าน่าจะเป็น แต่ในเมื่อมันเปลี่ยนไปแล้ว ก็แอบเสียดายไม่ได้ เลยต้องเอามาลงให้หายสงสัย ว่าแท้จริงแล้วก่อนหน้านั้น ดนัยและบดินทร์ควรจะมีความสัมพันธ์กันแบบใด

อาจเคลียร์บ้าง ไม่เคลียร์บ้าง เพราะมันคือพล็อตดิบที่ตั้งใจจะเขียน แต่มาเปลี่ยนเอาตอนหลัง อิอิ แวะเอามาเสริฟจ๊า

ตอนนี้ก็ได้เริ่มวางพล็อตใหม่ของ 'ตัวร้ายในกรงรัก' ไปบ้างแล้วค่ะ
สปอลย์ว่ามี 2 คู่ 3 ปม...
อย่างที่เห็นว่าบดินทร์กับดนัยเป็นคู่ที่มีความคิดตรงข้ามกันอย่างสุดขั้ว
ถ้าจะให้รักกันได้ ก็คงต้องมีบทพิสูจน์กันหน่อยล่ะ

ขอโทษนะจ๊ะ ที่อาจทำให้ต้องรอบทสรุปลงเอยของคู่ตัวประกอบคู่นี้

ทีนี้ อนาคีมีอะไรที่อยากขอความช่วยเหลือจากท่านผู้อ่านนิดหน่อยค่ะ...
ชื่อเรื่องตัวร้ายในกรงรัก...นั้น อนาคีคิดว่ามันยังไม่เริ่ดพอ อ่ะค่ะ
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตั้งชื่อเรื่องอย่างไรดี เพราะตอนตั้งชื่อนี้ คิดแค่ให้มันคล้องกับเรื่อง 'ผมคือ...นางเอก'
ใครคิดว่าควรเปลี่ยนเป็นชื่ออื่นบ้างไหมคะ?

ปล.กำลังปั่นนางเอกเนิบๆอยู่นะคะ ตอนนี้ยาวมาก กว่าจะจบตอนลงได้ คงต้องอัพหลาย reply อีกแล้ว
แถมในระหว่างปั่น ในบางอารมณ์ที่จิ้นเนื้อหาไม่ออกเอาเสียเลย ก็ดอดไปต่อเรื่อง น้องพจมานคนสวยบ้าง ยิ่งบางทีมีอารมณ์ดาร์คหนักๆ ก็แอบไปเขียนเรื่องสั้นอีกเรื่องที่ไม่ได้ลงที่ไหนไว้ด้วย แถมยังเขียนได้หลายตอนแล้วอีกต่างหาก มันเจ็บใจตรงนี้แหละ

ไหนๆก็ไหนๆ แอบอวดเรื่องลับเบาๆ (เอ่อ แต่กว่าจะได้เอาลงคงเป็นปีหน้าโน่นเลยค่ะ เพราะกะแต่งให้ได้สักครึ่งเรื่องแล้วค่อยลงทีเดียว ฮิ้วว)
ชื่อเรื่อง Sinful_อุ้มบุญ (คาดว่าน่าจะเป็น เรื่องสั้น)
เนื้อหาแนว Mpreg + Adultery+ Revenge+ psychological
เรื่องย่อ
ผม...กำลัง...ตั้งท้อง
ครับ คุณฟังไม่ผิดหรอก ผมกำลังตั้งท้องอยู่จริงๆ ท้องเหมือนที่พวกผู้หญิงเข้าท้องกัน
ท้อง...เพื่อให้กำเนิดทารก เฉกเช่นสตรีเพศ
เรื่องที่คุณกำลังจะได้ฟังต่อไปนี้ ไม่ใช่เรื่องแฟนตาซี แต่มันคือชีวิตจริงอันโหดร้ายที่ผมจะต้องเผชิญ
ผมไม่ได้ท้องเพราะการมีเพศสัมพันธ์อย่างที่คนหนุ่มสาวเขากระทำกันเมื่อต้องการมีบุตร
แต่ผม...ถูกทำให้ตั้งครรภ์ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
ผมกลายเป็นหนูทดลองและโดนใส่มดลูกเทียมเข้าไปไว้ในร่างกาย พร้อมกับฝังตัวอ่อนเอาไว้ให้
ตัวอ่อน...ที่ไม่ใช่แม้แต่ลูกของผมเอง
เรื่องทั้งหมด เป็นเพราะผมถลำลึกเข้าไปในจุดที่ไม่อาจเรียกร้องความช่วยเหลือ
ผมเอง...ที่ริอ่านเป็นชู้กับภรรยาของเขา
ผมเอง...ที่เผลอหลงใหลในตัวเขา
ผมเอง...ที่ยอมให้เขาเป็นเจ้าชีวิต


อย่าเพิ่งด่าเก๊าน๊า ว่าดอดไปเขียนเรื่องอื่น ทั้งๆที่เรื่องที่ยังลงค้างไว้ก็เหลือตั้งเยอะ...
ก็แบบว่า บางทีพอมีพล็อตที่อยากเขียนมากๆแวบเข้ามาในหัว แล้วไม่ยอมเขียนลงหน้ากระดาษเสียที พล็อตนั้นก็จะฝังหัว ไม่หายไปไหน วนไปวนมา จนคิดพล็อตของน้องยุไม่ออก สุดท้ายเลยต้องลงมือเขียนเรื่องนั้นก่อน...เพลิดเพลินไปนิด เลยได้มาตั้ง 4 ตอน อัยยะ...

แต่ช่วงนี้สติเก๊ากลับมาแล้วล่ะ กลับมาอยู่กับน้องยุได้จนถึงตอนจบแล้วนะ อีกสองตอนเองแล้วด้วย
สู้ตายคร๊า ^^
ปั่นๆๆๆๆๆๆ!!!
 
แหะๆ มาซะยาวเลย

ขอบคุณที่ติดตามนะค๊า
อนาคี99 # Thearboo
 :katai5:

กว่าจะเป็น 'ผมคือ...นางเอก'
ปล.พล็อตคร่าวๆ ที่เคยตั้งไว้ ได้ตามบทบ้าง ไม่ได้บ้าง ฮ่าฮ่า
(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/plot%2002_zps4bcugina.jpg) (http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/plot%2001_zpsmvvetmy7.jpg)

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-09-2015 21:25:30
รออ่านทุกเรื่องเลยนะคะ

เป็นกำลังใจให้คนเขียนค่าาาา กอดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 04-09-2015 21:30:13
รออ่านอยู่นะคะ

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 04-09-2015 21:35:37
อู้ววววว คู่(รัก)ด.นี่เดินทางมาไกลจริงๆ
รออ่านอยู่น้าาาาา :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 04-09-2015 22:02:40
อุ้มบุญ...แลดูน่าสนใจค่า mpreg ที่ไม่ใช่ลูกตัวเอง มีแก้แค้น ดราม่าสุดติ่งแน่ๆ
รอ ดนัยxดิน ต่อไป  ขอบคุณที่เปลี่ยนใจมาเขียนคู่นี้ต่อนะคะ ชอบมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Fellina ที่ 04-09-2015 22:19:47
อยากขอบคุณอนาคีล้านครั้งเลยค่ะ ที่เปลี่ยนใจมาแต่งคู่ดนัยxบดินทร์ต่อ
รู้สึกคุ้มค่าจริงๆที่คอมเม้นเชียร์คู่นี้หนักๆ555

ชื่อเรื่อง มีนางเอกไปแล้ว
"ผมคือ...นางร้าย" , "นางร้ายกลับใจ"... พอดีกว่า =_=;;
สัมผัสได้ว่าการตั้งชื่อ ไม่เหมาะกับเราเลยแหะ555

เอาเป็นว่ารอเรื่องละกันค่าาาา
ดนัยจะพาบดินทร์กลับรังแล้ววววววว
จะพาไปเปิดตัวในหมู่เพื่อนๆหรือเปล่าน้าาา

เจนสัมผัสได้ว่า ดนัยจะต้องหึงจนคลั่ง ดนัยกำลังจะกลายร่าง
ขอแท็ก #ดนัยคนติดเมีย ไว้ก่อนล่วงหน้าเลยค่า 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 04-09-2015 22:33:57
รอออออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 04-09-2015 22:38:14
"ผมคือ...ตัวร้าย" :katai2-1: ชอบชื่อเน้~
หรือไม่ก็อยากให้ออกดราม่าหน่อยก็ "ผมไม่ใช่...พระเอก" :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 05-09-2015 01:46:20
 :heaven :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 05-09-2015 01:51:20
 :z2:รอนะคะ เขียนมากี่เรื่องก็จะอ่านทุกเรื่อง ตอนนี้ติดนุ้งพึ่งพี่พอลมากเลย อิอิ ขอบคุณที่เขียนนิยายสนุกๆครบรสให้เราได้อ่านติดกันงอมแงมไม่หลับไม่นอนข้ามวันข้ามคืนกันเลยทีเดียว 555555555  :ruready
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 05-09-2015 09:26:15
สู้ สู้ นะคะ  รอตามอ่านทุกเรื่องเลยค่า   :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 05-09-2015 10:22:21
ชอบจังเลยที่มาคุยให้ฟัง

เรานับถือนักเขียนทุกคนที่สร้างสรรค์เรื่องราวสนุกๆ มาให้อ่าน
อยากรู้เบื้องลึกเบื้องหลังเสมอว่านักเขียนคิดอะไร

รอได้ทุกเรื่องเลยจ้ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 05-09-2015 10:25:57
ดีงาม....รออ่านอยู่นะค่ะคุณพี่...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 05-09-2015 19:18:59
น่าอ่านทุกเรื่องเลยค่ะ  o13

รอน้องยุ  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Neya ที่ 06-09-2015 15:54:36
เหอเหอ บทเก่าตอนจบเหมือนตอนจบหนังฝรั่งดีคะ แบบดูแล้วจิ้น :o8:

แต่แบบนี้ก็เคลียร์ดีคะ ชอบๆ ส่วนชื่อเรื่องใหม่เสนอ "พันธนาการร้ายซ่อนรัก"

เพราะใช้หนี้ผูกมัดแต่ก็มีความรักแทรกอยู่ในพันธนาการนั้น หุหุ อ๊ายอาย คิดไปได้ไงเนี่ยชั้น :-[

เฝ้ารอเรื่องใหม่คะสนุก น่าติดตามมากกกกกกกก สู้ๆนะคะ o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 07-09-2015 02:31:49
คนเขียน จะมีบทแยก ของคู่นี้มั้ย อยากจิ อ่าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: lnudeel ที่ 07-09-2015 23:27:06
 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 08-09-2015 07:07:01
รอทุกเรื่องและจะติดตามทุกเรื่องของคุณอนาคี99 นะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: กาลณัฐ ที่ 08-09-2015 17:25:12
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 08-09-2015 22:30:04
รอพี่เมธน้องยุต่อไปจ้า
ส่วนดนัยกับบดินทร์เราชอบแบบใหม่นะ ตัวละครปมเยอะ ถ้าให้จบง่ายๆ มันไม่มันส์  :laugh:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 08-09-2015 22:41:07
ที่เสนอกันมาชื่อแจ๋วๆทั้งนั้นค่ะ หรือแม้แต่ "ตัวร้ายในกรงรัก" ก็โอนะคะ
ดีใจมากที่แต่งคู่ดินกับดนัยต่อ คู่นี้อ่ะแอบฟินตั้งแต่เค้าเจอกันครั้งแรกเลยค้า :-[

รอน้าาาาาา :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 08-09-2015 22:55:43
เรื่องนี้ทำให้ย้อนไปอ่าน "สุดปลายทางของหัวใจ" มาล่ะครับ
สนุกมาก เรื่องนู้นก็สงสารนายเอกเกือบค่อนๆ เรื่อง
พระเอกนี่ตอนรออยู่หน้าห้องนี่อยากกอดปลอบ HE

ส่วนเรื่องนี้ ยุ ก็เป็นคาแรคเตอร์ที่มีเอกลักษณ์ดีครับ(อันที่จริง คู่รักอึมครึม 2 ด. นี่ก็ unique ด้วยแฮะ)
ชอบฝีมือการเขียนของคุณมากๆ เลยครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: gambee ที่ 09-09-2015 17:48:02
รอติดตามเลยจ้า  :katai4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 11-09-2015 14:03:02
 :pig4:
 :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : หน้าทอล์คยาวๆจ๊า [4 กันยายน 2558] P.139 #เรื่องของ ดนัยxดิน ^^
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 13-09-2015 02:25:13
โอ๊ย จัดเต็มมากค่ะ
รอทุกเรื่องเลยจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-09-2015 00:48:06
ผมคือ...นางเอก
#แถลงรัก
(ครึ่งแรก)


อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจายิโน จัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง

"สาธุ..."

เสียงสวดให้พรยามเช้าของผู้ทรงศีล กับเสียงรับพรของฆราวาส นำพาให้รู้สึกว่าเช้านี้ เป็นอีกวันที่ชีวิตยังต้องดำเนินไป 

เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นด้วยความสุขสงบ สองแม่ลูกกราบลาพระสงฆ์ที่ผ่านมาบิณฑบาต รอจนพระท่านเดินจากไป แล้วพากันเดินเข้ารั้วบ้าน ก่อนผู้เป็นแม่ จะชำเลืองไปเห็นใครบางคนที่มาหยุดยืนอยู่ข้างกันเสียก่อน

แม่ชีท่านนี้ จะมาเรี่ยรายบุญอย่างนั้นหรือ?

เพราะภาพแรกที่เห็นแปลกตา และไม่คุ้นหน้าสักเท่าไหร่ บุหงาจึงเผลอคิดไปว่าอาจเป็นแค่แม่ชีทั่วไป ที่เดินมาขอเรี่ยรายเงินทำบุญ อย่างที่เคยพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง ทว่าพอลองเพ่งพินิจพิจารณาดูให้ดีเท่านั้น ใบหน้าหญิงวัยกลางคนก็พลันตื่นตระหนก

"...ชิด...ชิดจันทร์??"

ได้ยินเสียงเรียก แม่ชีก็ส่งยิ้มน้อยๆให้คนที่เคยบาดหมาง สองแม่ลูกที่เธอเคยชังแสนชัง วันนี้แทบจำไม่ได้แล้วว่าเคยเกลียดด้วยเรื่องอะไร คนคนนี้เคยทำอะไรให้ เมื่อก่อนที่แค่นึกถึงในหัวใจก็เดือดพล่าน ทว่าตอนนี้...

ชิดจันทร์จำความรู้สึกอย่างนั้น ไม่ได้แล้วสักอย่างเดียว

“สวัสดีค่ะ ขอฉันเจอพ่อหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”  เห็นว่าคนตรงหน้ายังคงละล้าละลัง ชิดจันทร์ก็เอ่ยปากขอด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
 
ด้วยเพราะผิดจากความทรงจำชนิดหน้ามือหลังมือจึงยิ่งทำให้บุหงาลนลานยิ่งกว่าเก่า  “ช..เชิญค่ะ” คำเชิญเข้าบ้านจึงเงอะๆงะๆ จนน่าสงสาร ร่างผอมแห้งของหญิงวัยกลางคนรีบเดินนำแม่ชีเข้าบ้านไป โดยมีลูกชายวัยสิบขวบเดินประกบติดพร้อมสีหน้าระแวดระวัง เพราะไม่ค่อยคุ้นเคยกับคนที่จู่ๆก็โผล่มา เด็กน้อยกลัวเหลือเกิน ว่าประวัติจะซ้ำรอย เหมือนกับตอนผู้มาเยือนที่ชื่อว่า เสน่ห์จันทร์

สายตากลมโตของเจ้าตัวจ้อย จ้องมองชิดจันทร์อย่างหวั่นหวาด คนถูกมองเพียงหันมายิ้มน้อยๆให้ ไม่พูดอะไร นอกจากเดินตามบุหงาเข้าไปในบ้าน
ตั้งแต่เหยียบเข้าประตูรั้วมา กระทั่งถึงธรณีประตูใหญ่ ความคิดเดียวที่แล่นอยู่ในหัวของแม่ชีคือ 'เก่า'  บ้านหลังนี้มันดูเก่าเหลือเกิน...เก่าเกินกว่าในความทรงจำ จนแทบจำไม่ได้ นอกจากจะเก่าตามกาลเวลาแล้ว ยังดูทรุดโทรมซอมซ่อ จนไม่เหลือเค้าโครงของอดีตคฤหาสน์เจ้าสัวใหญ่เลยแม้แต่นิด สิ้นทั้งศักดิ์ ไร้ทั้งศรี   

"ฉันรอพ่อที่ตรงนี้ก็ได้"  ชิดจันทร์หยุดรออยู่ตรงห้องที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นห้องรับรองแขกห้องใหญ่ แม้ว่าตอนนี้ มันจะรกรุงรังไปด้วยข้าวข้องเก่าเก็บราวกับเป็นเศษขยะ

"เขาออกมาหาแม่ชีไม่ได้หรอก แม่ชีเข้ามาหาเขาเองได้ไหมคะ?"  บุหงาชี้ชวนด้วยถ้อยคำถ้อยทีถ้อยอาศัย ใบหน้าหย่อนคล้อยตามวัยฉายแววกังวลเล็กๆ แม้อีกฝ่ายจะนุ่งขาวห่มขาว บุหงาก็ยังรู้สึกเกรง จนรู้สึกลำบากใจที่จะขัดใจ แต่พอเห็นชิดจันทร์พยักหน้ารับ แล้วยอมเดินตามมาแต่โดยดี สีหน้าหนักอกหนักใจนั้น ก็เริ่มคลายกังวลเล็กน้อย

บุหงานำชิดจันทร์เข้าไปที่ห้องพักฟื้นของสมภพ เปิดประตูออกด้วยความลังเลเล็กๆ ก่อนเดินนำเข้าไปที่เตียงที่มีคนป่วยนอนหลับลึกรออยู่ บุหงาค่อยๆยอบกายลงนั่งที่ข้างเตียงน้อย กระซิบเรียกชื่อสามีเบาๆ เพื่อปลุกให้อีกฝ่ายได้ขึ้นมาพบกับคนที่กำลังรอจะเจอ

ภาพที่ปรากฏต่อหน้าของชิดจันทร์ ทำแม่ชีตกประหม่าไม่น้อย ภาพนั้นช่างกระแทกความรู้สึก ภาพนั้นช่างต่างจากความทรงจำ จนเกือบไพล่นึกไปว่าหล่อนอาจมาผิดบ้าน  ภาพของพ่อ ผู้เป็นอดีตอดีตลูกเจ้าสัวเสเพล ผู้หยิ่งทะนงองอาจ  พ่อที่มีชีวิตร่ำรวยฟุ้งเฟ้อที่ไม่เคยชายตามาสนใจลูกนอกคอกอย่างหล่อน...พ่อคนนั้น

คือคนเดียวกันกับผู้ชายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงนี้จริงๆหรือ?

“...พ่อ?” ชิดจันทร์ขานเรียกผู้เป็นบิดาด้วยเสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบ ถึงสภาพที่เห็นตรงหน้าจะต่างจากบิดาในความทรงจำ ชนิดที่ไม่สามารถเอาไปเทียบกันได้ แต่แค่เห็นแววตา ก็พอรู้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ชิดจันทร์นิ่งมองร่างของพ่อ ที่ไม่ตอบสนองสิ่งใดกลับมานอกจาก ดวงตาที่เบิกกว้างและริมฝีปากที่พะเงิบพะงาบกับเสียงที่เล็ดลอดออกมาก็ราวกับเสียงลูกหนูตัวเล็กๆ เสียงที่ถ้าเงี่ยหูฟัง ก็พอจับใจความได้ ว่าพ่อกำลังขานชื่อหล่อน 'ชิดจันทร์...ลูกพ่อ'

“...เขาเป็นอัมพาต...ขยับไม่ได้มาเกือบสิบปีแล้ว...” บุหงาอธิบายความ ทว่ากลับไม่กล้าเอ่ยถึงสาเหตุที่ทำให้สมภพนอนแน่นิ่ง  “เส้นเลือด....เส้นเลือดในสมองแตก ผ่าตัดช่วยชีวิตไว้ได้ แต่...ก็ต้องกลายเป็นอัมพาต” 

"ตั้งแต่...วันนั้นใช่ไหม? วันที่ฉันกับทศมาที่นี่..."  แต่แม้บุหงาจะพยายามไม่เอ่ยถึง ก็ดูเหมือนชิดจันทร์จะพอรู้ตัว วันที่ผู้เป็นพ่อล้มลงไปตรงหน้า แต่หล่อนไม่คิดดูดำดูดี ภาพสะเทือนใจจนจำได้ติดตาขนาดนั้น ชิดจันทร์ไม่มีวันลืมได้ลงหรอก

จบคำชิดจันทร์ บุหงาไม่ได้ตอบอะไร แค่เพียงหลุบตาต่ำลงอย่างไม่รู้จะพูดอะไรดีเท่านั้น แต่ในที่สุดก็เอ่ยปากในบางสิ่งขึ้นมา  “เมื่อไม่กี่วันก่อน คุณเสน่ห์จันทร์ก็มาที่นี่ค่ะ”

“แม่น่ะเหรอ? มาทำไม?”

"มา...เพื่อทวงความเป็นธรรมให้คุณค่ะ เพราะพี่ภพเขา...ละเลยคุณ...เพราะไอ้ระยำพวกนั้น...มัน...ทำร้ายคุณ คุณเสน่ห์จันทร์เขาต้องการ...สะสาง..."  บุหงาอยากอธิบาย อยากเล่าให้ชิดจันทร์ฟังมากกว่านี้ แต่ราวกับถ้อยประโยคเหล่านั้นจะมาตีบตันอยู่ที่คอหอย เต็มตื้ออยู่ในทรวงอก จึงทำได้เพียงอธิบายสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นพร่าเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเท่านั้น

“แม่นี่...ยังเก่งแต่โทษคนอื่นเหมือนเดิมเลย...” ชิดจันทร์ยิ้มบาง พร้อมถอนหายใจเหนื่อยอ่อน “เหมือนกัน...ไม่มีผิด” เหมือนจะเป็นประโยคต่อว่าทับถมเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นมารดา หากแต่ประโยคต่อมา ถึงได้รู้ว่าเป็นการทับถมตัวเองของชิดจันทร์ด้วย

“ขอคุยกับพ่อหน่อยได้ไหม?”  เมื่อสูดหายใจเข้าปอดลึกๆครั้งหนึ่ง เหมือนจะสามารถปกปิดความรู้สึกบางอย่างให้จมลึกลงไปในดวงตาฉาบแววเศร้าสร้อย บุหงาขยับตัวออกจากตำแหน่งเดิมทันทีที่ชิดจันทร์ร้องขอ ปล่อยแม่ชีเข้าไปนั่งที่ข้างเตียงของสมภพ แล้วตัวเองก็ออกมายืนอยู่ตรงหน้าประตูกับลูกชายที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว

ชิดจันทร์นั่งลงตรงข้างร่างแน่นิ่งของบิดา สายตามองสบไปยังสายตาที่จดจ้องมาอยู่ก่อนแล้วเบื้องหน้า ใบหน้าซูบตอบอิดโรยเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาถะถั่งทั้งสองข้างแก้ม

“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ” คำแรกที่ผู้เป็นบุตรสาวในชุดขาวบริสุทธิ์เอ่ยเอื้อน  รอยยิ้มบางๆที่ปรากฏบนใบหน้าอ่อนวัยนั้น ยิ่งทำให้สมภพครางสะอื้น

“....อิด....อัน......” (ชิดจันทร์) สมภพพยายามอ้าปากเรียกบุตรสาวที่อยู่ตรงหน้า  “...อิด.....อัน...อู้ก...” (ชิดจันทร์ลูก) แม้เสียงจะอู้อี้ไม่เป็นภาษา แต่สมภพก็พยายามเอื้อนเอ่ยทุกคำนั้นออกมาอย่างเต็มความสามารถ เพื่อให้ชิดจันทร์เข้าใจ เพื่อให้สามารถสื่อสารกับลูกสาวคนนี้ได้

อยากคุยด้วยเหลือเกิน อยากขอโทษกับช่วงเวลาเลวร้ายในอดีต ขอโทษสำหรับความไม่เป็นโล้เป็นพายของตน ขอโทษที่แม้แต่ช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของชิดจันทร์ คนเป็นพ่อแท้ๆอย่างตนกลับปกป้องอะไรลูกไม่ได้เลย

“.....อิด....อั...น....อ้อ....อ๋อ...โอ้ด....” (ชิดจันทร์ พ่อขอโทษ) อยากแก้ไขอดีต แต่ทำได้เพียงขอโทษกับความขลาดเขลาของตน สมภพร้องไห้ อยากกอด อยากจับมือ ร่างกายก็ไม่อาจขยับเขยื้อน แม้แต่คำว่าขอโทษที่กว่าจะเอ่ยออกมาได้แต่ละถ้อยคำ ใบหน้าก็เกร็งกระตุกไปหมด ริมฝีปากบิดเบี้ยวที่พยายามกลั่นแต่ละคำออกมานั้นก็เต็มไปด้วยน้ำลายไหลย้อยเปรอะเปื้อน ทั้งอย่างนั้นสมภพก็ยังเกร็งหน้าเกร็งตา พยายามสื่อสารความหมายแห่งคำนั้น พร้อมน้ำตาที่ถะถั่งจากดวงตาโบ๋ลึก เพื่อมอบคำว่า ‘ขอโทษ’ ให้กับลูกสาว ที่ตนสุดรักที่ตนเคยปล่อยปละละเลย 

มือผอมแห้งแข็งเกร็งพยายามเอื้อมเกี่ยวมือลูกรัก พยายามแล้วพยายามเล่า ขอเพียงได้สัมผัสแม้เพียงชายผ้าขาว หัวใจรวดร้าวเจ็บลึกดวงนี้ อาจพอได้อุ่นขึ้นมาบ้าง

ด้วยแรงพยายามนั้น ในที่สุดก็ทำให้ชิดจันทร์ได้เห็น สิงมือเรียวขาวของแม่ชี ยกขึ้นตระกองมือเหี่ยวแห้งของสมภพไว้ ก่อนมอบถ้อยคำปลอบประโลมใจ ให้สมภพได้คลายสะอื้น

“หยุดร้องเถอะค่ะคุณพ่อ...ถ้าพ่อจะโทษตัวเองที่ปล่อยปละละเลยหนูล่ะก็ พ่อได้ชดใช้กรรมนั้น โดยการเป็นที่พ่อต้องเป็นอยู่แบบนี้แล้ว ไม่ต้องรู้สึกติดค้างแล้วค่ะ” ชิดจันทร์พูดพลางโน้มกายต่ำลงหาผู้เป็นบิดาใกล้ขึ้น หล่อนยังไม่ได้ร้องไห้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้สึกเจ็บปวด ชิดจันทร์รู้ดี ทั้งหล่อนและบิดาในตอนนี้ กำลังต้องการการปลดปล่อยซึ่งกันและกัน “หนูอโหสิกรรมให้พ่อทุกอย่างเลยค่ะ” เลิกผูกพยาบาท เลิกก่อกรรมซึ่งกันและกัน “หนูเอง ก็ต้องขออโหสิกรรมกับพ่อด้วย...หนูขอโทษนะคะ ที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อต้องเป็นแบบนี้ อภัยให้ลูกคนนี้ด้วยนะคะ”

ร่างของสมภพยิ่งสั่นสะท้าน เมื่อได้ฟังสิ่งที่ชิดจันทร์พูดจนจบ เสียงสะอื้นหนักหน่วงดังขึ้นอย่างน่าสงสาร แต่สมภพก็ยังพยายามพยักหน้าจนได้ ยอมรับการอโหสิกรรม และยอมอโหสิกรรม ในทุกๆสิ่งที่ชิดจันทร์ขอมา

ทว่า การมาของแม่ชีชิดจันทร์ในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อขออโหสิกรรมกับผู้เป็นบิดาเพียงอย่างเดียว อย่างที่ทุกคนคิด แต่มาเพื่อแจ้งบางสิ่ง ที่น่าสะเทือนใจยิ่งกว่า

“มีอีกเรื่องค่ะ ที่หนูอยากจะบอก” น้ำเสียงของแม่ชียังคงอ่อนหวาน ใบหน้าหมองเศร้านั้นก็หามีหยาดน้ำตามาแต่งแต้มไม่ แม่ชีราวกับเป็นตุ๊กตากระเบื้องเคลือบไร้จิตใจ ทั้งที่เรื่องที่กำลังเผชิญนั้นช่างแสนสาหัส

“พ่อขา...แม่ตายแล้วค่ะ”

สิ้นคำชิดจันทร์ ความเงียบงันน่าใจหายก็เข้าปกคลุมทั้งห้องในพริบตา ข่าวการตายของเสน่ห์จันทร์ จากปากของชิดจันทร์ช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ บ้านสมภพไม่ทราบเรื่องการตายของเสน่ห์จันทร์เลยแม้แต่นิด บ้านพวกเขาไม่มีทีวี หรือเครื่องมือที่จะรับสัญญาณสื่อสารกับโลกภายนอก ไม่รับรู้ข่าวสารใดๆ ทั้งดีหรือร้าย เพราะแค่กระเสือกกระสนเอาตัวรอดไปวันๆก็เต็มกลืนเต็มแก่  เงินก้อนเดียวที่เพิ่งได้มาจากเสน่ห์จันทร์เมื่อไม่นานมานี้ ก็ต้องเขียมใช้ เพื่อเป็นค่ายา ค่ารักษาตัวของสมภพ รวมทั้งเป็นค่าเล่าเรียนของเชน ลูกชายคนเดียว

ดังนั้นเรื่องการตายของเสน่ห์จันทร์ จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย โดยเฉพาะสมภพที่เกือบจะช็อคหมดสติ

“แม่เขาถูกคนร้ายยิงตายค่ะ...ตายเพราะไปช่วยหนู ที่ถูกจับตัวเรียกค่าไถ่...”  ชิดจันทร์เริ่มเล่าสาเหตุให้ฟัง ด้วยใบหน้าซีดสลด ทว่าถึงอย่างไร ก็ยังคงไร้ซึ่งหยาดน้ำตา “แม่ต้องตาย เพราะความโง่ของหนูเอง...”

“พ่อขา...หนูไร้ทางจะเดินแล้ว หนูไม่รู้จะไปไหน  ในวันนั้นที่ยังมีแม่...หนูเคยหยิ่งทะนงคิดเสมอว่าตัวเองไม่จำเป็นต้องมีใคร แต่ในวันนี้หนูรู้แล้ว...ว่าหนูอยากกลับไปในวันนั้นเหลือเกิน เพราะวันนี้...หนูไม่เหลือใครแล้วจริงๆ...”

ถ้อยสารภาพพร่างพรู ชิดจันทร์ที่กำลังอัดอั้น ชิดจันทร์ที่นิ่งงันมาตลอด พอมาเจอญาตเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ก็ถึงกับกักเก็บความรู้สึกเหล่านั้นเอาไว้ไม่ไหว จริงอยู่ผ้าขาวที่ห่มกายไว้ทำให้หล่อนสงบลง แต่มันก็ได้เพียงภายนอกเท่านั้น หล่อนยังไม่สามารถทำใจได้ ทุกอย่างดูสดใหม่ และยังต้องใช้เวลา

ฝ่ายสมภพนั้น ยิ่งพอได้ยินสิ่งที่ชิดจันทร์พูด ยิ่งได้สดับถึงเสียงครางเครือเจ็บร้าวของบุตรสาว เขาก็ร้องไห้ออกมาอีกคำรบ ชิดจันทร์กำลังทรมาน และอีกแล้ว ที่เขาไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้ แม้แต่การกอดปลอบขวัญ แม้ลูกจะไม่ร้องไห้ แต่คนเป็นพ่อย่อมรู้ดีว่าลูกเจ็บปวดแค่ไหน

โถ...ชิดจันทร์ของพ่อ

ลูกเอ๋ย พ่อขอโทษ...


ตั้งแต่ให้กำเนิด เคยอยู่ดูแลแค่ไม่กี่หน เติบใหญ่ให้ความสำคัญแค่เงินทองของใช้ ไม่ได้ให้เวลาหรือความอบอุ่น กระทั่งในเวลาที่ลูกต้องเผชิญกับความเลวร้าย เขายังไม่เคยนึกเอะใจ ไม่เคยนึกถามแม้ยามที่ลูกดูแปลกไป คราวที่ลูกหนีออกจากบ้านไปนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นพ่อที่เลวระยำยิ่งกว่าคนพวกนั้นมากแค่ไหน คนที่เฝ้าแต่ตักตวงเพียงความสุขส่วนตน ไม่สนใจลูกเต้า จะแปลกตรงไหนเล่าที่ลูกจะหักหาญหนีหน้า

และแม้อีกครั้งที่ลูกกลับมา พร้อมกับความหายนะของบ้าน พ่อเลวอย่างเขาก็ไม่มีสิทธิ์โกรธ

สมภพมองหน้าเศร้าสร้อยของชิดจันทร์ มองอยู่อย่างนั้นทั้งน้ำตา อยากกอด อยากปลอบใจ อยากทำให้ลูกอบอุ่น ให้สบายใจ แต่กลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่จับมือ

ใบหน้าไร้อารมณ์ของชิดจันทร์ก้มต่ำ ปากยังคงพร่ำพล่ามเรื่องความน้อยเนื้อต่ำใจ และความขมขื่น

"หนูเกลียดแม่...เพราะแม่ไม่เคยกอดหนู ไม่ยอมปลอบใจตอนหนูร้องไห้ ทิ้งหนูไว้กับอาม่า เย็นชา และสุดท้ายก็ทิ้งหนูไว้ที่นี่ไม่ใยดี..."

"หนูเกลียดแม่...ที่พรากทุกอย่างไปจากชีวิตใหม่ที่หนูโหยหา...พรากสิ่งที่หนูรัก แล้วยัดเยียดสิ่งที่ตัวเองเห็นชอบมาให้โดยไม่ยอมถามหนูสักคำว่าหนูชอบหรือเปล่า..."

"หนูเกลียด ที่แม่แอบอ้างการดูแลจัดการชีวิตของหนู ทั้งที่ตัวเองไม่เคยมีสำนึกของความเป็นแม่

น้ำเสียงแสดงความเกลียดชังกังวาลชัดในประโยคแรกๆ แต่หลังจากนั้น มันก็แผ่วลงเรื่อยๆ

"หนูคิดอย่างนั้นมาตลอด...กระทั่งตอนนี้..."

"...ทั้งที่คิดว่าถึงยังไงแม่ก็ต้องชดใช้ให้หนูแท้ๆ...แต่มันไม่ใช่แบบนี้ แม่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อชดใช้ให้หนูสิ ไม่ใช่...ตายหนีกันไปแบบนี้..."

"...แม่ทิ้งหนูอีกแล้ว...หนู...ไม่ให้อภัยเด็ดขาด..."

ชิดจันทร์พูดพร่ำ วนไปวนมาด้วยความสับสน "หนูยังไม่ได้ให้อภัยแม่เลยนะ...ทำไม ถึงทิ้งหนูไปอีกแล้ว..."

น้ำตาหยดน้อยหลั่งลงมาจาดวงตาเหม่อลอยเป็นหยดแรก  "พ่อขา...ทำไมทุกคนถึงทอดทิ้งหนู..." 

ที่ผ่านมาไม่ใช่ไม่เจ็บถึงได้ไม่ร้องไห้ แต่เพราะเจ็บจนตื้อจนชา น้ำตาเลยหลั่งรดอยู่ในหัวใจไม่ไหลออกมาที่ด้านนอก แต่ตอนนี้ ความเจ็บมันเกินจะรับไหว จนน้ำตาท่วมหัวใจไหลหลั่งมาด้านนอก

ไม่ใช่ชิดจันทร์ไม่ร้อง

แต่ร้องไห้อยู่ตลอดเวลาเลยต่างหาก...

หมับ!

ในที่สุด ความพยายามอย่างสุดแรงกล้าของสมภพก็สำฤทธิ์ผล มือเกร็งแห้งเหี่ยวสามารถคว้ามือนิ่มของบุตรสาวเอาไว้ได้แล้ว แม้จะกอดไม่ได้ ใจของสมภพก็ยังคาดหวังเต็มล้น ว่าจะสามารถส่งผ่านความรักสุดชีวิตนี้ ส่งผ่านมือไปให้ถึงหัวใจของชิดจันทร์

รับรู้เถอะชิด ลูกยังมีพ่อ พ่อขอสาบาน

"อิด...อ้อ...อะอู่...อับอู้ก..." (ชิด พ่อจะอยู่กับลูก)  ริมฝีปากเกร็งเบี้ยวอ้าออกเสียงประโยคสำคัญ

อย่าเพิ่งแตกสลายไปนะลูกนะ ได้โปรดให้พ่อได้ชดเชย

“อ้อ...อะไอ้...อิ้งอู้ก...เอ็ดอ๋าด” (พ่อจะไม่ทิ้งลูกเด็ดขาด)  สมภพพยายามพูดให้ชิดจันทร์ฟัง โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย ที่ตั้งใจออกเสียงให้ชัดถ้อยที่สุด
 
“พ...พ่อ....ร...ร...รัก...ลู...ก...นะ...”
 
เหมือนการรอคอยอะไรบางอย่างได้จบลง ชิดจันทร์ทรุดกายลงสะอื้นฮั่กอยู่กับมืออุ่นของบิดา

ตอนแรกที่ตั้งใจมา ก็เพียงเพื่อมาลาครั้งสุดท้าย และแจ้งข่าวการตายของผู้เป็นแม่เท่านั้น ไม่ได้ตั้งใจอยู่นาน เพราะแท้จริงแล้วชิดจันทร์เองก็ไม่ได้รู้สึกสนิทใจกับผู้เป็นพ่ออย่างสมภพนัก ภาพความทรงจำยังคงมีแต่ความห่างเหิน ยังดีหน่อยอาจเป็นที่ชิดจันทร์อยู่กับอาม่า เลยสนิทคุ้นเคยกับบิดามากกว่าความรู้สึกด้านลบที่มีให้คนเป็นแม่ แต่ก็นั่นแหละ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้สนิทใจ

ก็แค่พ่อแม่พรรค์นั้น...

ชิดจันทร์คิดทบทวนอยู่ในหัวใจที่กลวงโบ๋ของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งใจบวชชี และใช้พุทธธรรมคำสั่งสอนขององค์ศาสดามาช่วยเยียวยาจิตใจรวดร้าว หวังพึ่งพระศาสนาช่วยบรรเทาความคั่งแค้น หวังใจอยากหลุดพ้นความทุกข์ตรมทั้งปวงผอง ตั้งใจเดินต่อไปข้างหน้าในทางที่ตัวเองเลือก ไม่คิดเหลียวหลังกลับอีกไม่ว่าใครจะฝืนดึงรั้ง หล่อนมันตัวคนเดียว ตัวคนเดียวมาตั้งแต่ต้น จะอยู่หรือไป ก็คงไม่มีผลต่อชีวิตใครมากนัก

ดีเสียอีก โลกที่ไม่มีชิดจันทร์ แผ่นดินอาจสูงขึ้น

น่าแปลกที่ไม่มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย ทว่าก็ไม่เหลือความคิดอยากใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ต่อ จึงออกจากบ้าน ขับรถเรื่อยเปื่อยมาจนถึงวัดที่ใช้จัดงานศพของเสน่ห์จันทร์ผู้เป็นแม่ แต่ชิดจันทร์ก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปในงาน ไม่มีกะจิตกะใจจะเข้าไปเคารพศพ ไม่อยากเห็น และไม่มีหัวคิดที่จะทำอะไรทั้งนั้น จอดรถไว้ที่ลานจอด เดินผ่านศาลาที่มีศพแม่ตนตั้งอยู่  ผ่านไปจนถึงโบสถ์ด้านใน ที่มีสระเลี้ยงปลาสระใหญ่ อยู่ด้านหลัง ไม่ได้แวะไหว้พระประธาน แต่ผ่านไปยังสระใหญ่นั่นแทน ซื้อเพียงอาหารปลามาถุงใหญ่ โปรยเลี้ยงปลาไปเรื่อยๆ ด้วยจิตใจที่เลื่อนลอย นั่งอยู่แบบนั้นจนเวลาผ่านไปไม่รู้เท่าไหร่ แม่ชีคนท่านหนึ่งจึงเดินเข้ามาหา

“ทุกข์ไม่มีวันหายได้เพียงใช้ตามอง แต่สามารถบรรเทาลงได้โดยใช้ใจมองนะลูก”

“ทุกข์ เป็นเรื่องของมนุษย์ทุกผู้  ทุกข์ใจไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การแบกทุกข์ไว้ จะทำให้เราก้าวต่อไปได้ยาก”

“หากลูกไม่มีที่ไป อยู่กับแม่ที่นี่ให้พอคลายทุกข์ได้นะ”

คำสอนของแม่ชี ทำให้อะไรบางอย่างในหัวใจของชิดจันทร์พบเห็นทางสว่าง แม้จะไม่สามารถหลุดพ้นจากความมืดมนอนธกาลในหัวใจได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอเห็นแสงส่องทางริบหรี่ ในที่สุดชิดจันทร์จึงตัดสินใจบวชชีในวันนั้นตามคำชวนของแม่ชี 

ได้รับคำสอนหลายๆอย่าง จนได้สติ จนสามารถตัดสินใจเข้าร่วมพิธีเผาศพมารดาในที่สุด ได้แสดงความกตัญญุตาครั้งสุดท้าย ได้เก็บเถ้ากระดูก และได้มาที่นี่ ได้เจอกับพ่ออีกครั้ง 

พ่อที่ตนไม่คิดจะยี่หระ ทว่าแค่พอเห็นสภาพความเป็นอยู่อันแสนเอน็จอนาถของคฤหาสน์ซอมซ่อ รวมถึงสภาพของพ่อที่แทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไปแล้ว อดีตไม่อาจย้อนคืน แม้จะฝืนรั้งไว้แค่ไหนสุดท้ายก็หลุดมือไปวันยังค่ำ

‘บางครั้งเราต้องตัดใจทิ้งบางสิ่งไว้เบื้องหลัง เพียงเพื่อจะสามารถก้าวต่อไปข้างหน้าได้’  คือคำสอนที่แม่ชีให้ไว้  ตอนนี้ชิดจันทร์เข้าใจคำนั้นกระจ่างแล้ว เพราะ ‘หากยังโอบกอดความแค้นเอาไว้ ’ หล่อนจะไม่สามารถหนีออกไปจากวังวนนี้ได้เลย ปิดหูปิดตา เฝ้าโทษบิดามารดามาทั้งชีวิต ทั้งที่คนที่ควรจะโทษที่สุดคือตัวเอง

ชิดจันทร์กุมมือบิดาไว้ ขณะที่ยังสะอื้นไห้ไม่หยุด น้ำตาที่หยุดไหลไปตั้งแต่วันที่เสน่ห์จันทร์จากไป ถะถั่งหลังไหลออกมาราวกับทำนบแตก ร้องออกมาให้หมด ร้องออกมาราวกับเด็กเล็กๆ ร้องเพื่อที่จะได้พบกับตัวตนใหม่ เมื่อหยาดน้ำตาเหือดแห้งลง

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน กว่าสองพ่อลูกจะหยุดร้องไห้ได้ และมันราวกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของทั้งคู่จริงๆ นับจากที่น้ำตาหยดสุดท้ายเหือดแห้ง ทั้งชิดจันทร์และสมภพ รู้สึกได้ว่าหัวใจของพวกตนเบาขึ้น ความอัดอั้นตันใจ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เคยถ่วงหนักในความรู้สึก ตอนนี้ เหมือนมันจะค่อยผ่อนคลาย ละลายหายไปบ้างแล้ว

ดีเหลือเกินที่ยังทนมีชีวิตอยู่ เพื่อเจอลูก

ดีเหลือเกินที่ได้มาหาพ่อวันนี้...


ในที่สุดชิดจันทร์ก็ยิ้มได้ แม้จะยังขมขื่นเต็มทน สองมือยังคงสั่นน้อยๆ ขณะล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าย่ามสีขาวข้างตัว สิ่งนั้นคือตลับแก้วใสตลับน้อยที่ใส่เศษเถ้ากระดูกของเสน่ห์จันทร์เอาไว้ หล่อนบรรจงใส่ตลับนั้นไว้ในมือของบิดามั่น

“พ่อคะ...หนูฝากดูแลแม่ด้วยนะคะ”   ชิดจันทร์ฝากฝัง ก่อนจะตัดใจเอ่ยคำลาเมื่อถึงเวลาอันสมควร “ในสักวันหนูจะกลับมาหาพ่อใหม่ ถึงตอนนั้นสัญญาได้ไหมคะ ว่าพ่อจะหายดี”  ชิดจันทร์เอ่ยคำลาออกมาด้วยเสียงเครือสั่น ดวงตาอ่อนล้าที่ทอดมองร่างแน่นิ่งของบิดานั้นเริ่มมีหยาดน้ำตารื้นขึ้นอีกครั้ง

สิ้นคำของบุตรสาว สมภพก็ถึงกับสะอื้นฮั่ก เพราะมีทั้งน้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเปรอะ ทำให้ลำคอตีบตันจนไม่อาจตอบคำถาม หรือให้คำมั่นใดๆเป็นคำพูดแก่ชิดจันทร์ได้อีก ทำได้เพียงเกร็งคอพยายามพยักหน้าตอบรับคำมั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเท่านั้น

“ขอบคุณค่ะ...คุณพ่อ”  ชิดจันทร์ยิ้มให้ผู้เป็นบิดาทั้งน้ำตานองหน้า  ก่อนเอ่ยคำลาพร้อมก้มกราบแทบฝ่ามือเหี่ยวแห้ง ทว่าแสนอบอุ่น  “หนูไปก่อนนะคะ”   แล้วตัดใจเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่หันหลังกลับไปอีก หล่อนยังต้องเดินทาง

ก่อนจากชิดจันทร์ฝากฝังบุหงาไว้ ให้ติดต่อไปทางสุริยาวดี เพื่อรับความช่วยเหลือทางการเงิน ในการรักษาสมภพ การซ่อมแซมบ้าน ค่าเล่าเรียนศึกษาของเชน ผู้เป็นน้องชายต่างมารดา รวมทั้งอาชีพของบุหงาที่ต้องมีไว้หาเลี้ยงชีพ

ไม่ได้เรียกว่าเคลียร์แล้วทุกอย่าง แต่อย่างน้อยก็พอรู้สึกว่า ได้สะสางบางอย่างได้บ้างแล้ว ชิดจันทร์จึงออกเดินทางไกล ที่หมายคือวัดเล็กๆวัดหนึ่งในจังหวัดห่างไกล ตามที่แม่ชีผู้ชี้ทางสว่างท่านแรกได้ให้แนวทางไว้

แม่ชีชิดจันทร์สูดหายใจเข้าปอดเพื่อกลั่นพลังชีวิต สายตาแน่วแน่มองตรงไปยังทางเบื้องหน้า

ก้าวเดินเนิบช้าจากไป ทิ้งอดีตที่แสนปวดร้าวไว้เบื้องหลัง มือขวาล้วงลงในกระเป๋าเสื้อขาว กอบกำตลับเล็กอีกตลับที่เก็บติดตัวไว้แน่น

อย่างน้อยๆ ก็ไม่ได้อยู่ลำพัง

อย่างน้อยๆ ในสักวันอาจยืนหยัด และกลับมาได้..

ในสักวัน





 :n1:

ปล.ใครมีคำถามอยากสัมภาษณ์พี่เมธ น้องยุไหมคะ อิอิ ฝากเอาไว้ได้นะถ้าว่าง  เดี๋ยวจะกลายร่างเป็นนักข่าวสาวเข้าไปแจมสัมภาษณ์ให้จ๊า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 15-09-2015 00:52:40


ตะวันสายโด่งแยงตา ทำสองร่างที่ยังคงนอนกอดกันแน่นใต้ผ้าห่มอุ่น ตื่นลืมตา

ฟอด...

คนนอนสวมกอดอยู่ด้านหลังที่ตื่นก่อน แอบขโมยหอมแก้มคนที่ยังหลับอุตุในอ้อมแขนด้วยความรักใคร่ กลิ่นแก้มละมุนติดปลายจมูกเรียกร้องให้ย้ำสูดย้ำดมกลิ่นกายชื่นใจนั่นให้นานขึ้นไปอีก

นาน…จนคนถูกลักหลับรู้สึกตัวในที่สุด

“ฮื่อ…อย่าน่า มันจั๊กจี้นะ หนวดมึงอ่ะ…”  น้ำเสียงงัวเงียเอ็ดขึ้นเบาๆ เมื่อคนหยอกเย้ายังไม่คิดถอนตัว

“หวงตัวไปไหนล่ะ อือ...มึงตัวหอมจัง” โดนบ่นว่า ก็หาได้ระคายหูผู้กระทำไม่ เพราะยิ่งรุจน์บ่น พอร์ชยิ่งซุกไซ้ร์หน่วงหนัก ทั้งหอม ทั้งจูบ จนรุจน์แทบจะอ่อนระทวยไปทั้งตัว

“ฮื่อ...ไอ้บ้านี่...อื้อ อย่าไซร้นักสิ มันเสียว”  รุจน์บ่นอุบ มือไม้เริ่มออกอาการขัดขืน เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่ห้ามไว้แต่เนิ่นๆ สักพักคงได้ไหลตามพอร์ชไป จนเลยเถิดถึงไหนต่อไหนอีกแน่ๆ

“แล้วเมื่อไหร่จะยอมให้ซั่มเสียทีล่ะ?” แต่ดูท่าผลที่ได้จะตรงกันข้ามกับที่ใจต้องการเสียแล้ว เพราะยิ่งโดนผลักพอร์ชกลับยิ่งรุก ทั้งยังยิงคำถามตรงเผง ตรงแสกหน้ารุจน์ ชนิดที่สามารถทำให้คนฟังหน้าแดงจนแทบแตกโพล๊ะออกมาได้ รุจน์ถึงกับกัดฟันกรอด แอบก่นด่าในใจว่า 'ขอซั่มแต่เช้าเลยนะ ไอ้ลามก!!'

“จะบ้าเหรอ? กูยังไม่พร้อมอ่ะ มึงรออีกหน่อยไม่ได้เหรอ…”  แต่ถึงจะอยากด่ามากแค่ไหน พอถูกพอร์ชรุกเร้าหนักเข้า รุจน์ก็ได้แต่โอนอ่อน แล้วออดอ้อนขอความเมตตาเสียงอ่อยเท่านั้น

“ทำไมเล่นตัวจัง…เราใจตรงกันแล้วไม่ใช่เหรอ?” ทว่าพอร์ชเองก็ไม่ยอมแพ้ ใบหน้าหล่อเหลาแสร้งส่งสายตาหน้าสงสารออดอ้อนคนในอ้อมแขน ก่อนพลิกกายขึ้นคร่อมรุจน์ไว้ เผื่อคนรักจะใจดียินยอมยกให้ในที่สุด

หนุ่มหล่อทอดสายตากรุ้มกริ่ม อย่าหาว่าเขาหื่นเลย เชื่อว่าผู้ชายสายนักล่าร้อยทั้งร้อยย่อมไม่ต่างจากเขาหรอก เมื่อมีคนรักนอนยั่วอยู่ใต้ร่างแบบนี้ ใครมันจะไปทนไหวกัน อยากบังคับจับกินเสียเดี๋ยวนี้เลยสิไม่ว่า ถ้าไม่ติดสัญญาที่ให้กันไว้ รับรองว่ารุจน์ไม่มีทางรอด

สัญญาฆ่าตัวตายของเขาชัดๆ วันนั้นดันดีใจมากไปหน่อยที่ใจตรงกัน เขาเผลอดีใจมากไปหน่อย ขนาดที่ว่าเขายอมทำได้ทุกอย่างเลยเพียงแค่รุจน์ขอมา แม้แต่การให้สัญญาว่า 'จะรอจนกว่ารุจน์จะพร้อม' เขาก็เผลอตกปากรับคำไปเสียได้ นี่ถ้ารู้ว่าต้องรอนานเป็นเดือนขนาดนี้ วันนั้นเขาควรมีข้อต่อรองพร้อมเงื่อนไขแบบจัดหนักเสียก็ดี จะได้ไม่ต้องมานั่งเป็นเสือโหย ที่ได้แต่กลืนน้ำลายมองชิ้นเนื้อแสนอร่อยเย้ายวนอยู่ตรงหน้า แต่ไม่อาจแตะต้อง

บอกตรงๆ ว่าของเขาจะระเบิดตายอยู่แล้ว...

“เปล่าเล่นตัวเสียหน่อย…” รุจน์บ่นอุบอิบ “กูก็แค่…ยังหวงความซิงหน่อยๆเท่านั้นเอง…”  เสหน้าหลบสายตาร้อนแรงของพอร์ชไปอีกทาง ในฐานะผู้ชายด้วยกันทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพอร์ชต้องอดทนขนาดไหน รู้สึกได้ทุกครั้งที่ได้สัมผัสกัน ทรมานจะแย่ที่ได้สัมผัสกันแต่ไม่อาจถึงฝั่งฝัน ไม่ใช่ว่ารุจน์ไม่ชอบ การได้นัวเนียกับพอร์ชเป็นอะไรที่เขาชอบมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่ากลัว ทั้งกลัวเจ็บ ทั้งกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวไปทุกอย่างจนไม่กล้ามีอะไรกับพอร์ชมากไปกว่าการเป็นมือขวาของกันและกัน (-///-")

“จะหวงไปไหน…สาวน้อยรึไงเรา?”  พอร์ชกระเซ้า ความจริงเขาก็พอเข้าใจรุจน์อยู่นั่นแหละ ทั้งยังอยากทะนุถนอมมากเลยด้วย แต่ที่ดื้อด้านเย้าๆจะเอาจะเอาอยู่นี่ ก็ไม่ใช่เพราะต้องการมีเซ็กส์กับรุจน์เท่านั้นเหรอกนะ มันเป็นความรู้สึกที่อยากผูกพันลึกซึ้งกับคนที่ตัวเองรักมากกว่า ในฐานะของพอร์ชตอนนี้ ก็ออกจะปฏิเสธความคิดดำมืดของตัวเองยากหน่อยว่า อยากเป็นเจ้าของรุจน์มาก เพราะรัก จึงอยากครอบครอง อยากได้ทุกอย่างของคนรักมาเป็นของตัวเอง

“จิ๊!...กูก็แค่ขอเวลาล่ำลา ถ้ามึงรีบนัก ก็เป็นฝ่ายให้กูซั่มสิ!” โดนแซวเข้าหน่อย รุจน์ก็อดของขึ้นไม่ได้ ชายหนุ่มขึ้นเสียงใส่คนรักเล็กน้อย ด้วยความไม่พอใจ แต่แท้จริงก็ไม่ได้โกรธจริงจังอะไรหรอก

ทว่าเรื่องที่หลุดปากพูดไป กลับทำให้อีกฝ่ายนึกจริงจังขึ้นเสียแล้ว

“…ถ้าเป็นความต้องการของมึง…กูยอมให้ครั้งหนึ่งก็ได้นะ…” พอร์ชตีหน้าเศร้า ก้มลงกระซิบด้วยเสียงทุ้มต่ำอยู่ที่ข้างหูของรุจน์ แท้จริงเขารู้ดีว่านั่นเป็นแค่คำประชดขำขันของคนรัก แต่บังเอิญว่า มันดันเข้าทางเล่ห์เหลี่ยมของเขาพอดี

“…มึง…เอาจริงดิ?” รุจน์ถึงกับต้องถามย้ำ ใบหน้าอ่อนใสดูเหรอหราจนน่าสงสาร ถึงจะอายุเท่ากัน แต่ดูเหมือนรุจน์จะอ่อนเดียงสากว่าพอร์ชเยอะ ดังนั้นเพียงแค่ถูกอีกฝ่ายต้อนเข้าหน่อย รุจน์ก็ออกอาการลนลานจนตั้งตัวไม่ติดเสียแล้ว และสภาพแบบนี้ ยิ่งทำให้พอร์ชรุกเร้าหนัก ตีหน้าเศร้า เล่าความเท็จ ตีบทแตกกระจุย

“…ก็กูรักมึง...แล้วทำไมกูจะให้มึงไม่ได้กัน…”  ทั้งยังจี้ใจดำ จนรุจน์ถึงกับสะอึกอีกด้วย

“หมายถึง...มึงยอมเปลี่ยนโพสิชั่นกับกู?”  เห็นใบหน้าเศร้าสร้อยของพอร์ชเข้า รุจน์ก็เริ่มใจอ่อน โดยเฉพาะพอเจอประโยค 'เพราะรักจึงยอม' ของพอร์ชเข้าไปอีก ยิ่งทำให้ใจของรุจน์อ่อนยวบ ดูก็รู้แล้วว่าพอร์ชเป็นฝ่ายรุกโดยกำเนิด และฝ่ายรุจน์เองก็ไม่ได้รังเกียจที่จะเป็นฝ่ายรับ (แต่ขอเวลาทำใจสักระยะก่อน) ดังนั้น เรื่องยอมถูกรุกนี่ แท้จริงคงเป็นสิ่งที่ฝืนใจพอร์ชไม่น้อย แต่ฝ่ายนั้นกลับยอมเพราะรัก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รุจน์แอบซึ้งใจจนน้ำตาแทบไหล โถ...พอร์ช

“ถ้าแค่ครั้งเดียวล่ะก็…”  พอร์ชตอบคำเสียงเศร้า ก่อนทิ้งตัวลงมานอนทับช่วงอกของรุจน์เอาไว้ ซุกไซร้ ออดอ้อน จนรุจน์ใจอ่อนยวบไปหมด สงสารพอร์ชจับใจ จนไพล่นึกไปว่า...จะลองรุกดีไหมนะ

“พอร์ช…คือ...”

“แต่ถ้ามึงได้กูแล้ว…กูพลิกทันทีเลยนะ”

“ห๊ะ!?”  แต่ในจังหวะสุดท้าย ที่รุจน์กำลังจะใจอ่อน ยอมรุกให้ พอร์ชก็ดันเผยไต๋ออกมาเสียก่อนว่าที่ตีหน้าเศร้าเล่าความลวงมาทั้งหมดนั้น แค่เรื่องล้อเล่นทั้งเพ

“(ยิ้ม)” แถมพอเห็นว่ารุจน์รู้ตัวแล้ว เจ้าตัวโตตัวร้ายยังอุตส่าห์ทำหน้าทะเล้น เงยหน้าขึ้นจากอกบางขึ้นมาส่งยิ้มหวานให้อย่างน่าหมั่นไส้

“ไม่เอาแล้ว!...กูยังไม่อยากซั่มหมีควาย…”  พอรู้ว่าเป็นเรื่องอำ รุจน์จึงได้แต่แอบแขวะกลับไปขำๆ ให้พอได้สะใจเล็กๆ ลงอีหรอบนี้เชื่อเถอะ ว่าถ้าเกิดเขาหน้ามืดจับไอ้ตัวโตนี่กดขึ้นมาจริงๆ คงไม่แคล้วโดนมันหาข้ออ้างจับพลิกได้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เสียบแน่ๆ ดีนะที่ไหวตัวทัน

“หึหึ...ข้ออ้างล่ะสิ” และนั่นก็ทำให้พอร์ชหัวเราะร่า ถูกใจกับปฏิกิริยาของรุจน์ไม่น้อย เอาเถิด ถ้าคนคนรักตัวน้อยๆของเขายังไม่พร้อม พอร์ชก็ยินดีจะรอโดยไม่ฝืนบังคับฝืนใจให้คนรักต้องรู้สึกแย่...แค่อย่าให้รอนานก็พอ

รุจน์หงุดหงิดในตอนแรกที่ถูกพอร์ชอำเล่น แต่พอเห็นใบหน้าที่ซุกอกเขาเล่นอยู่แล้วก็คิดขึ้นได้ 'ให้รอนาน มันซมซานสินะ' ได้กอดได้จูบอยู่ทุกวัน แต่ทำมากกว่านั้นไม่ได้ ในฐานะเพศผู้ที่มีสัญชาตญาณทางเพศพลุ่งพล่านแล้ว พอร์ชคงทรมานไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าว่าแต่พอร์ชเลย...แม้แต่เขาเองก็รู้สึก...

ว่าบางครั้งมันยังไม่พอ...

เอาวะ!...

“…รอหนังฉายก่อนนะ”

“!!?” 

“หนังฉายรอบแรกเมื่อไหร่…กูจะยอม…ให้มึง…ซั่ม...”

ทันทีที่คำอนุญาตพร้อมเดดไลน์ชัดเจนหลุดออกจากปากของรุจน์ พอร์ชที่นอนซบอกนิ่งอยู่ในตอนแรก ก็ถึงกับโหย่งตัวขึ้นมองหน้าคนพูดหน้าตาตื่น ในหัวบันทึกทุกประโยคของรุจน์เอาไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อย แต่เพื่อความชัวร์จึงต้องขอถามย้ำเพื่อความมั่นใจ

ให้ตายเถอะ เขาดีใจจนเนื้อเต้นแล้วเนี่ย

 “แน่ใจเหรอ?...พรุ่งนี้ก็รอบปฐมทัศน์แล้วนะ?...วันมะรืนก็...รอบแรก..” พอร์ชถามไถ่เสียงสั่น ทั้งที่จริงแล้วอยากทำตัวเท่กว่านี้ต่อหน้าคนรักเสียหน่อย แต่พอเป็นเรื่องนี้ เ ขาทนแอ๊บต่อไปไม่ไหวจริงๆ ยิ่งพอเห็นหน้าที่แดงเป็นลูกตำลึงของรุจน์ด้วยแล้ว พอร์ชแทบอยากจะให้หนังฉายเสียคืนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“…อืม กูก็…ไม่อยากรอแล้วเหมือนกัน” ( -//_//- )

และคำตอบของรุจน์ ก็ทำเอาพอร์ชแทบคลั่ง ร่างหนาสั่นระริก เพราะต้องสะกดกลั้นอารมณ์หวามไหวที่กำลังปะทุโชน ด้วยแรงเสน่หา ‘อยากจับกดเสียตอนนี้เลย!’ แต่ก็ต้องกัดฟันทนเอาไว้ อยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตาย ทำไมเจ้าตัวแสบของเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้กันนะ

สุดจะทนไหว พอร์ชจึงทรุดกายลงมาซุกอกของรุจน์อีกครั้ง พร้อมสอดสองแขนแกร่งเข้าไปโอบรัดลำตัวบางของรุจน์ไว้แน่น กอด รัด ฟัด ให้สาแก่ใจกับความน่ารักที่อีกฝ่ายมอบให้ “รุจน์…กูรักมึงนะ”  เพราะแรงหื่นกดดันหน่วงหนัก เสียงบอกว่ารัก จึงกระเส่าจนแทบเป็นเสียงครางต่ำ พอร์ชเจ็บใจตัวเองนัก แบบนี้มันน่าขายหน้าที่สุด

“อืม…กูก็เหมือนกัน”

จุ๊บ...ขณะที่พอร์ชกำลังสะกดความหื่นของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่นั้น แทนที่รุจน์จะให้ความร่วมมือโดยการนอนแข็งเป็นหินไปเฉยๆ ก็กลับทำสิ่งที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม นั่นคือการบอกรัก และจุ๊บเหม่งของพอร์ช 

งานนี้ตายเป็นตาย พอร์ชไม่ขอทนอีกต่อไปแล้ว "งั้น...ขอมัดจำหน่อยได้ไหม?" เมื่อหื่นจนตาลาย ก็ขอทำอะไรเพื่อผ่อนคลายอารมณ์หน่อยเถอะ

"อะไรอีกล่ะ? อื้อ...เมื่อคืนกูเลิกงานดึกนะ มึงจะยังกวนกันแต่เช้าอีก" เมื่อถูกรุกรานโดยปลายจมูกโด่งอีกครั้ง รุจน์ก็จำต้องรีบผลักไสคนบนร่างออกให้พ้นทาง พร้อมเหตุผลอันสมควรให้สงสาร

แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไร คงเพราะน้ำเสียงที่ใช้ขอร้อง มันออกจะติดกระเส่าเล็กๆ แทนที่จะทำให้พอร์ชเห็นใจ ผลมันเลยกลับตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น

"ก็กูอยาก...กูรอมึงมาตั้งนาน ขอหน่อยไม่ได้หรือไง?" พอร์ชกระซิบเสียงพร่า อารมณ์หื่นกระพือโหมเต็มพิกัด โดยปกติก็เปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ดังนั้นในเรื่องแบบนี้ พอร์ชก็ไม่ได้คิดบิดเบือนคำพูดให้สวยหรูน่าฟังขึ้นเลยแม้แต่นิด ตรงไปตรงมาอย่างเร่าร้อน

"หน่อยพ่อง...เมื่อคืนก็รีดกูไปยก จนกูสลบเหมือดคามือ มันยังไม่พอใจมึงอีกเหรอไอ้พอร์ช แม่ง ไอ้หื่นนี่ คบกันมาเป็นสิบๆปี กูไม่นึกเลยนะว่ามึงจะบ้ากามขนาดนี้ ไอ้บ้า" แน่นอนว่าคำพูดของพอร์ชทำเอารุจน์ใจเต้นไม่เป็นจังหวะได้อีกครั้ง คนตัวเล็กแสร้งโวยวายเพื่อกบเกลื่อนใบหน้าแดงก่ำ แต่ดันโวยออกไปแบบลืมคิด ประโยคที่หลุดออกไป ทำให้แทนที่จะสามารถหยุดคนรักได้ กลายเป็นเปิดประเด็นให้รุกต่อแบบหมดทางสู้

"ก็มึงยั่ว..." พอร์ชส่งยิ้มร้าย ขณะมือปลาหมึกกำลังทำหน้าที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการจับรุจน์น้อยปอกเปลือก!

และมันก็ไม่ได้ยากนัก

" ตรงไหนวะ!? งื้อ!  อย่ามาแก้ผ้ากันง่ายๆนะไอ้บ้า!" รุจน์ทั้งห้าม ทั้งด่า ดิ้นรนออกจากใต้ร่างของพอร์ชอย่างเอาเป็นเอาตาย เพื่อเอาตัวรอดจากมือปลาหมึกมหาประลัย ทั้งๆที่หัวหูเห่อแดงด้วยความเขินอายไปทั้งร่าง ดิ้นได้ไม่ถึงไหนก็ถูกกดไว้ใต้ร่างอีกครั้ง และอีกครั้ง แพ้ทั้งกำลังกาย แถมเสียงทุ้มละลายใจของพอร์ชเองก็ยังคงทำหน้าที่โจมตีได้ไม่ขาดช่วง

"...ก็ตรงนี้ไง...ตรงนี้ด้วย…ทั้งตัวเลย" ไม่พูดเปล่าพอร์ชถือโอกาสก้มลงจูบเบาๆที่หน้าผากมนของรุจน์แทนการปลอบขวัญ จากนั้นก็ลากเรื่อยมาจนถึงแก้มใส และริมฝีปากสีชมพูอ่อน เพียงเท่านี้รุจน์ก็แทบจะละลายไปกับความหวานหวามที่พอร์ชปรนเปรอให้ไม่ขาดช่วง ร่างบางหลับตาปี๋ เหงื่อแตก ตัวสั่น แต่อาการนั้นแทนที่จะน่าสงสาร กลับดูน่ารักน่าชัง ทั้งยังน่าหม่ำเหลือเกินในสายตาของพอร์ช ริมฝีปากผ่าวร้อนจึงไม่อาจยั้งใจไม่ให้ก้มลงเบียดจูบอยู่บนซอกคออุ่นของเจ้าลูกแมวน้อย พยายามเหลือเกินที่จะดูดดุนเพียงแผ่วเบาพยายามไม่ให้เกิดรอยน่ารัก

จนสุดท้ายรุจน์ถึงกับครางไม่เป็นภาษาเมื่อเสื้อยืดตัวบางถูกถอดหลุดจากตัว  พอร์ชลากลิ้นร้อนไปตามผิวเนียนของเหยื่อรักตรงหน้าอย่างย่ามใจ ได้ยินทั้งเสียงห้าม ก่นด่า และเสียงครางหวานน่ากลั่นแกล้ง ตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อน แข็งตัวชูช่อขึ้นท้าทายสายตา และพอร์ชเองก็ไม่มีทางรอช้าที่จะครอบครองยอดอกอ่อนไหวของรุจน์ทันที

"!!?...ไอ้พอร์ช! อื้อ....ฮว้า...ไอ้บ้า!...อ๊ะ! อย่าเพิ่งดูด อื้อ มันเสียว...อร๊างงง...." รุจน์ดิ้นรนหนัก รีบผลักหน้าของพอร์ชออกจากหน้าอกตัวเองอย่างทุลักทุเล แต่พอร์ชเองก็ไม่ได้ทางยอมจะปล่อยรุจน์ไปง่ายๆ เช่นกัน

“อือ…พอร์ชขอนะรุจน์…นิดเดียว…นะครับคนดี…” เสียงเว้าวอนของพอร์ชเร่งเร้าหน่วงหนัก ทำให้รุจน์เริ่มหมดเรี่ยวแรง และในจังหวะนั้นเอง เจ้าตัวน้อยก็ตกเป็นเหยื่อกามของคนใจร้ายที่ได้ชื่อว่าคนรักอีกครั้งหนึ่งแล้ว

“อ๋ายยยย!!! มะ ไม่เอาแล้ว อ๊ะ อื้ม ไอ้พอร์ช! ไอ้บ้า!” รุจน์ถึงกับดิ้นพล่าน เมื่อยอดอกของตนถูกพอร์ชทั้งดูดทั้งดุนด้วยลิ้นร้อน ใช่ว่านี่คือครั้งแรกที่ถูกพอร์ชทำเรื่องลามกกับร่างกาย มากกว่านี้ก็เคยมาแล้วไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ครั้งแรกก็ตอนซ้อมบท ต่อมาก็ตอนเข้าฉาก และจากนั้น…ก็ตอนหลังจากที่ต่างก็ได้สารภาพรักซึ่งกันและกัน ว่าใจตรงกันแล้ว สภาพหลังจากนั้นของรุจน์ก็กลายสภาพจากอดีตเพื่อนรัก เป็นคนรักที่ถูกพอร์ชถึงเนื้อถึงตัวแทบจะตลอดเวลาที่เจอหน้ากัน

“อย่าทำเสียงอย่างนั้นสิรุจน์ มันยิ่งจะหยุดไม่ได้เอานะ” พอร์ชเตือนขึ้นข้างหู ขณะกำลังซุกไซร้อยู่ตรงเนื้ออ่อนตรงต้นคอขาว ความจริงรุจน์ก็อยากจะหุบปากตามที่พอร์ชบอกอยู่หรอก แต่เพราะถูกรุกรานไม่หยุดให้หายใจหายคออยู่แบบนี้ รุจน์เลยไม่สามารถทนหุบปากอยู่ไหว จะว่าไม่ชินก็ไม่ใช่ แต่พอร์ชไม่เคยเปิดโอกาสให้ทำความเคยชินเลยต่างหาก และไม่ใช่ไม่ชอบด้วย…ก็เพราะชอบนี่แหละ ขืนให้พอร์ชรู้เข้า รุจน์รู้ดีเลยว่าตัวเองคงถูกจับย่ำยียี่สิบสี่ชั่วโมงเลยแน่ๆ ดังนั้นขัดขืนไว้ก่อนได้เปรียบ…ละมั้ง

“อย่านะ! เหวอไอ้พอร์ช! ทำอะไรวะ ไม่เอานะ!! ~อื้อ!!” ( >//^//< ) ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเพราะมันแต่คิดเตลิด มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กางเกงบ็อกเซอร์ตัวจ้อยกำลังถูกถอดออกไปพร้อมกางเกงในตัวจิ๋ว ในหัวของรุจน์ตอนนี้มึนงงไปหมด ทำไมกันนะทั้งที่เขาก็ออกจะขัดขืนจริงจังขนาดนี้ ทำไมยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ก็ถูกจับลอกคราบ เหลือแต่ตัวล่อนจ้อน ปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างกายออกมาสู่โลกกว้างแบบนี้กันเล่า!?

ถึงตรงนี้รุจน์เข้าใจถึงความร้ายการของพอร์ชแล้ว เจ้าบ้ากามคนนี้ใช้เวลาโอ้โลมเขาไม่กี่นาที จับเขาปิ้งไปปิ้งมาสองสามรอบ มารู้ตัวอีกทีก็ไม่เหลืออะไรติดตัวซะแล้ว งานนี้รุจน์ถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก

‘ไอ้บ้าเอ้ย!! นี่มึงเก่ง รึกูง่ายกันแน่ว๊ะ ปั๊ดถ่อออไอ้บ้ากามมมม!!??’ (>//□//<) ความคิดที่ยังหลงเหลืออยู่ในหัวของรุจน์ตอนนี้ มันสับสนวุ่นวายไปหมด และในขณะที่คนตัวเล็กยังนอนทำตัวเย้ายวนอย่างมึนๆอยู่นั้น พอร์ชเองก็ถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกด้วยเช่นกัน

“ถึงได้บอกไงล่ะ ว่าถ้าร้องแบบนั้น มันจะหยุดไม่ได้เอา…ดูนี่สิ” หลังเปลื้องอาภรณ์ตัวเองจนเกลี้ยง ล่อนจ้อนไปพร้อมกับรุจน์แล้ว พอร์ชก็ทาบกายลงแนบสนิทกับรุจน์อีกครั้ง กระซิบเย้าพอให้อีกฝ่ายได้สติ และจับมือของรุจน์นำทางมายังความร้อนระอุกลางร่างกายของตนเอง เพื่อให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์ถึงหลักฐานประกอบคำให้การชิ้นสำคัญ ที่กำลังขยายตัวเต็มที่

“ไอ้บ้าพอร์ช! ไอ้โรคจิต มึงให้กูจับอะไรเนี่ย!!?” (>//□//<) เป็นอีกครั้งที่รุจน์สติแตก แต่ก็ต้องสะดุ้งไหวอีกครั้ง เมื่อถูกสัมผัสกลางร่างกายแข็งชันของตน ด้วยอะไรที่เหนือชั้นกว่า และภาพตรงหน้า ก็แทบทำให้รุจน์เป็นลมเสียงตรงนี้

ภาพที่พอร์ชกำลังใช้อวัยวะใหญ่โตเสียดสีไปมากับของสงวนของตนอยู่ ทำเอารุจน์แทบสิ้นสติ

พอร์ชไม่พูดอะไรอีก เพราะต้องใช้สติและความอดทนอดกลั้นอย่างมหาศาล ทำให้ชายหนุ่มทำได้เพียงกัดฟันทน และรุกรานคนรักในส่วนที่ตัวเองมีสิทธิ์เท่านั้น

ความปรารถนา อันใหญ่โตของพอร์ช แทรกเข้ามาระหว่างขาที่หนีบเข้าหากัน รูปทรงแท่งหรรษาลักษณะชัดเจนเสียดสีเข้าออกอยู่ตรงโคนขาหนีบอ่อนไหว สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าความใหญ่โตนั้นร้อนระอุเพียงใด เล่นเอารุจน์ถึงกับสะอื้นฮั่ก ปกติเป็นมือของกันและกัน วันนี้มาเหนือชั้นกว่า รุจน์จึงตั้งตัวไม่ติด

โดยเฉพาะตอนที่ถูกมือใหญ่กำรวบตัวตนของเขาทั้งคู่เข้าไว้ด้วยกัน แล้วเริ่มชักพาไปสู่ดินแดนแห่งใหม่ ที่ยังไม่เคยไปถึงมาก่อน

ประตูแห่งสวนอีเดน เปิดแง้มกว้างขึ้น…

ความร้อนรุ่มถูกเสียดสี จนร่างของรุจน์จำต้องแอ่นสะท้านไปเพราะแรงเร่งเร้าจากมือหนั่นหนาและความปรารถนาอันแข็งแกร่งและร้อนจัดของพอร์ช เสียงน้ำคัดหลั่งที่ถูกรีดเร้นผสมผสานกันจนเกิดเสียงฉ่ำแฉะ ฟังแล้วรู้สึกลามกจนแทบอยากเอามือปิดหู

ร่างกายเพรียวบางบิดเร่า พรึงเพริดไปกับรสสัมผัสที่ผู้นำบนร่างชักนำให้ แม้ไม่ได้ตั้งใจรุจน์ก็เผลอเด้งสะโพกรับการปรนเปรอจากมือร้อนของพอร์ชด้วยแรงอารมณ์พุ่งสูง

ในชีวิตจริงเจ้าหนูรุจน์ไม่ยอมปล่อยเสียงหวานๆออกจากคอ เหมือนตอนซ้อมบทสักเท่าไหร่ เจ้าตัวน้อยทั้งข่มทั้งกลั้นทั้งอั้นเอาไว้ จนเหลือเพียงเสียงลมหายใจหอบสะท้าน

ขัดใจพอร์ชเหลือเกิน

เพราะวันนี้ก็เป็นอีกครั้ง ที่พอร์ชทำไม่สำเร็จ อุตส่าห์โหมกระพือเร่งเร้า จนอารมณ์คนใต้ร่างเตลิดเปิดเปิงถึงขนาดนี้แล้ว เสียงหวานที่อยากฟังยังเล็ดลอดมาถึงหูได้เพียงเล็กน้อย ร่างหนากัดฟันกรอด นึกนอยด์ในฝีมือของตัวเองเล็กๆว่าอาจเจ๋งไม่พอ

"อ๊ะ! พอร์ช!...ก...กูไม่ไหวแล้ว....เสร็จ...จะเสร็จ..." นี่คงเป็นเสียงอ้อนเสียงเดียวที่พอร์ชได้ยิน มันหวานล้ำ แต่ว่าไม่พอ

"รอก่อน...รอกูก่อน..." พอร์ชยั้งไว้ จริงอยู่ว่าแค่เสียงอ้อนของรุจน์ก็ทำเข้าเกือบถึงฝั่งฝัน แต่เขายังไม่เต็มอิ่มเลย ยังต้องขอตักตวงอีกหน่อย อีกแค่นิดเดียว

"อะ...ไอ้บ้า...จ...จะไม่ไหว...อื้มมม..."  ณ โค้งสุดท้าย รุจน์ไม่อาจรั้งรอได้อีกต่อไป เสียงหวานครางถี่เร่งเร้า ก่อนจะถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากร้อนผ่าวของผู้กระทำ

ความหฤหรรษ์ถาโถม จนจิตสำนึกละลายหายไปกับอากาศ ความรู้สึกราวถูกซัดขึ้นไปยังยอดคลื่นสูงชัน แล้วถูกม้วนร่างกลับลงมาสู่ท้องทะเล เป็นอย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า จนรุจน์นึกกลัวว่าเขาอาจหลงมัวเมาในทะเลน้ำผึ้งนี้ จนไม่อาจฟื้นคืนสติได้อีกแล้ว  ถึงจะคิดได้อย่างนั้น แต่ถึงอย่างไร ตอนนี้เขาก็ไม่อาจหยุดตัวเองให้เพลิดเพลินตามพอร์ชไปได้อีกแล้ว ปล่อยร่างล่องลอยสู่กระแสนำพา แล้วถลาขึ้นจุดสูงสุดของความหฤหรรษ์

เมื่อถึงจุดสูงสุดแห่งยอดคลื่น สองร่างที่ประคองกันดั้นด้นมาก็กระตุกไหว ดื่มด่ำไปกับการปลดปล่อยเพียงชั่วเสี้ยววินาที ทว่าแสนยาวนานในความรู้สึก ขอบฟ้าที่ได้พากันไปสัมผัสครั้งแล้วครั้งเล่านั้น นำพาความสุขสมล้นปรี่ปะทุรุนแรงเปรอะไปทั้งหน้าท้องลามถึงแผ่นอกของคนข้างใต้ และมีบางส่วนที่ไปไกลกว่านั้น

เสียงหอบกระเส่าดังก้องไปทั้งห้องนอนยามสาย การถึงจุดหมายที่รุนแรงเกินไปทำเอารุจน์หน้ามืด คนตัวเล็กถึงกับกะปลกกะเปลี้ยลงทันทีที่แตะขอบฟ้าได้ หมดแรง หมดสิ้นทุกอย่าง ปล่อยร่างให้พอร์ชซุกไซร้ด้วยความรักใคร่ต่ออย่างสบายใจ ไม่มีขัดขืนอีก  หรือต่อให้จะถูกขอต่ออีกรอบ รุจน์ก็คงไม่เหลือแรงขัดขืน

"รุจน์...กูรักมึงนะ..."  เสียงหอบต่ำกระซิบคำรักหวานล้ำฉ่ำสุขอยู่ข้างหู คนฟังย่นคอเล็กน้อยเพราะจั๊กจี้ แต่ก็รู้สึกดีจนคนที่เหนื่อยแทบจะขาดใจตายอย่างรุจน์ ยังอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ดวงตาฉ่ำน้ำวามวามปรือปรอย มองพอร์ชที่คว้าทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดให้ด้วยความลุ่มหลง ไพล่นึกไปถึงคำที่พอร์ชเคยบอกเอาไว้ตั้งแต่เริ่มทำเรื่องลามกกันครั้งแรก ฝ่ายนั้นบอกว่าคิดหื่นกับเขาตั้งแต่ตอนยังเป็นเพื่อนกัน ถึงตรงนี้รุจน์ก็อดคิดไม่ได้ถึงตัวเองว่า แล้วเขาล่ะ เคยคิดหื่นกับพอร์ชบ้างหรือเปล่า 

และคำตอบที่ได้ ก็ทำเอาใบหูร้อนฉ่า…

"รัก...ก็อย่าทรมานกูนักสิ เดี๋ยวกูก็ตายหนีมึงไปก่อนหรอก" เพราะดันนึกถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าตอนกำลังถูกยบอกรัก คำตอบรับที่รุจน์มอบกลับให้พอร์ชจึงไม่หวานเหมือนที่พอร์ชมอบให้ แต่กลับเป็นคำค่อนขอดเบาๆแบบทีเล่นทีจริงแก้เขินเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ดูน่ารักน่าหยอกไม่น้อยในสายตาของพอร์ช

“ไม่ยอมให้ตายหนีกันหรอก ต่อให้มึงตายกูก็จะตามไปด้วย”  พอร์ชจึงเย้าขึ้นบ้าง ขณะช่วยทำความสะอาดปลายคางที่มีบางอย่างกระเด็นขึ้นมาเปื้อนให้ด้วยปลายลิ้นร้อน เรียกเสียงครางแผ่วด้วยความเขินอายของรุจน์ออกมาเป็นระยะ ช่างน่ารักน่าใครจนพอร์ชอดที่จะมอบจุมพิตลึกล้ำให้อีกครั้งไม่ได้ ก่อนจะกลิ้งตัวลงจากร่างเล็กลงไปนอนอยู่ข้างกันแล้วกอดร่างนั้นเข้าซุกในอ้อมแขนจนแทบจะจมลงไปในอก รัก รัก รัก รักรุจน์เหลือเกิน

“บ้า...ห้ามตายนะ เออๆ กูจะอยู่กับมึงไปจนแก่เลย” พอได้ยินว่าอีกฝ่ายถึงกับจะตายตาม แม้จะแค่คำหยอกเย้า รุจน์ก็ไม่ใคร่ชอบฟังเท่าไหร่นัก จะบ่นก็ใช่ที่เพราะคนที่เริ่มประเด็นมันดันเป็นตัวเขาที่เริ่มก่อน ดังนั้น จึงจำต้องยอมรับผิดและขอแก้ไขใหม่ให้น่าฟังขึ้น โดยการให้คำมั่นว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่แทน พร้อมซุกกายเข้าหาอ้อมกอดของพอร์ชมากขึ้น จู่ๆก็นึกอยากสูดกลิ่นกายของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมา

 อืมมม...หอมจัง กลิ่นของพอร์ช คือกลิ่นที่รุจน์ชอบที่สุด

“อืม...จะเอาจนแก่เหมือนกัน...”  ทว่า ชื่นใจอยู่ได้ไม่นาน เสียงกระซิบที่ดังมาจากบนศีรษะ ก็ทำเอาอารมณ์เคลิบเคลิ้มของรุจน์ถึงกับสะดุด 

ความคุกรุ่นแบบไม่ต้องถามที่มา จึงกระพือโหมขึ้นภายในชั่วแล่น

โป๊ก!!

“เลิกลามกหน้าตายเสียทีเถอะ ไอ้บ้านี่” เสียงดังฟังชัด ทั้งมะเหงกที่เขกลงตรงกลางกระหม่อมหนา ทั้งเสียงก่นด่า ที่ดังอยู่ตรงหน้า แต่ความเจ็บที่มาพร้อมกับหน้าหงิกของคนในอ้อมแขนนั้นไม่ได้ทำให้พอร์ชสลดลงได้แม้แต่นิด ก็ใครกันล่ะสะไปสลดกับหน้าแดงๆอย่างนั้นได้ เคลิ้มไปเลยสิไม่ว่า

“หึหึ คร๊าบๆ...ยอมแล้วๆ...” พอร์ชยิ้ม พร้อมรับคำทะเล้น ด้วยแววตากรุ้มกริ่ม ทีเล่นทีจริง เล่นเอารุจน์ถึงกับถอนหายใจเหนื่อยหน่าย พร้อมกับบ่นกับตัวเองในใจว่า เขากับพอร์ชคบกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นอีกฝ่ายขรึมๆนิ่งๆมาตลอด ไม่คิดเลยว่าแท้จริงจะเป็นคนที่หื่นได้ขนาดนี้ เขาละขอซูฮกเลยจริงๆ

รุจน์ถึงกับถอนหายใจพรู ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องเดินมาในสายทางนี้ แถมยังเป็นกับใครไม่เป็น ยังเป็นกับเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตอีกด้วย ลมแทบจับแน่ะ วันแรกที่ได้รู้ว่า เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ

แต่ก็เอาเถอะ ถึงอย่างไรก็รักไปเสียแล้ว จะให้ทำอย่างไรได้

คิดถึงตรงนี้ รุจน์ก็ชำเลืองมองหน้าเจ้าของอ้อมแขนอีกครั้ง ใบหน้าหล่อเหลาที่มองกลับมานั้น คืออดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของตนไม่ผิดแน่ เฮ้อ รักไปได้ยังไงนะ รักถึงขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่นะ รักขนาดที่ยอมพลีกายให้แบบไม่คิดเล็กคิดน้อยแบบนี้ ตั้งแต่ตอนไหนนะ มันเริ่มเมื่อไหร่ไม่รู้แฮะ เพราะพอรู้ตัวอีกที ตอนนี้ก็รักหมดใจไปเสียแล้ว

รักโดยไม่มีเงื่อนไข ชนิดที่ต่อให้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

คิดได้ดังนั้น รุจน์ก็ซุกกายเข้ากอดพอร์ชอีกครั้ง ขาขาวยกขึ้นก่ายตรงสะโพกของพอร์ชไว้ราวกับกำลังกอดหมอนข้างใบเขื่อง พอร์ชเองก็กอดก่ายรุจน์แน่นเช่นกัน สองร่างเปล่าเปลือย หยอกเย้ากันไปมาราวกับลูกแมวน้อย ก่อนจะผล็อยหลับกันไปอย่างมีความสุข

พวกเขายังเด็ก และยังไม่คิดที่จะเอาอะไรมาเป็นสาระในชีวิตให้มากเกินไป รุจน์อาจกังวลกับความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้เล็กน้อย เพราะตระหนักว่าถึงอย่างไรเขาทั้งคู่ก็ยังต้องอยู่ในวงการ การมีข่าวฉาวคงไม่เป็นผลดีนัก โดยเฉพาะกับพอร์ชที่ดังกว่าตน ทว่าพอร์ชกลับคิดต่าง เขาอยู่ตรงนี้เพราะรุจน์ และจะอยู่ต่อไปเพื่อรุจน์ หากการสิ่งใดที่เขาทำแล้วอาจส่งผลให้คนรักมีภัย เขาพร้อมออกจากวงการนี้ทันที

และอีกไม่นานนี้ เขาก็พร้อมที่จะประกาศให้สังคมได้รู้ทั่วกันแล้วว่า เขาจะไม่ขออยู่ในฐานะนักแสดงอีกต่อไป ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่ทางที่เขาตั้งใจเลือกไว้ตั้งแต่ต้น ที่วันนี้ยืนอยู่จุดนี้ ก็เป็นเพราะเขาตามมาประกบรุจน์หวานใจเขาไว้ เพื่อไม่ให้แมลงร้ายที่ไหนมาราวีต่างหาก ซึ่งตอนนี้ เขามาจนสุดทางแล้ว จากนี้ไปพอร์ชตั้งใจจะออกไปช่วยดูแลเป็นเบื้องหลังให้รุจน์อย่างจริงจัง ตามทางที่ตัวเองเลือกไว้อย่างเต็มที่เสียที

ยังดีที่เขาไม่ยอมเซ็นสัญญากับที่ไหน ดังนั้น หลังหนังเรื่อง ‘สุดปลายทางของ…หัวใจ’ ออกโรงเมื่อไหร่

พอร์ชก็จะประกาศเลิกรับงาน และออกจากวงการดาราทันทีเช่นกัน

*******************************************
ตอนนี้ 5 Reply ล่ะ แต่เอาไป 2 ก่อนนะ 3-5 กำลังปั่นยิกๆ
ตัดมาลงไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะขาดตอน อิอิ
อีกครึ่งหลัง ศุกร์นี้เจอกันจ๊า

ปล.ขอบคุณที่ช่วยตั้งชื่อเรื่องใหม่น๊า เดี๋ยว Reply ที่เหลือ เรามาเจอกันว่ามีชื่อไหนเด็ดๆบ้าง

ขอบคุณที่ช่วยติดตามค่ะ
อนาคี # Thearboo

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 15-09-2015 01:35:20
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 15-09-2015 01:52:28
ทั้งดีและร้ายไหลวนไปตามการกระทำ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 15-09-2015 04:27:15
 :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 15-09-2015 06:05:43
ตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้าเชียวนะเด็กๆ หนุ่มๆนี่ดีจังงงง

อโหสิกรรมให้กันแล้ว หวังว่าชิดจันทร์จะกลับมาแบบดีๆ
รอตอนต่อไปเนาะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-09-2015 08:19:55
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 15-09-2015 08:44:56
 :haun4:  คู่พอร์ชรุจน์น่ารักจังอยากให้หนังฉายเร็วอ่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 15-09-2015 08:57:15
มันก๊าวใจ มาก คู่เด็กมามันทำให้ชุ่มฉ่ำใจจริงๆ
รออ่านคู่ขิงแก่ พี่อ๊อดกับเจ้าหัวใจค่ะ
คู่ตะไค้ใบมะกรูดพี่ซอลพี่บลูก็รอนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: valenna yy ที่ 15-09-2015 09:05:42
ยอมๆไปเถอะรุจน์เอ้ยยย
คนรออย่างป้าก้จะไม่ไหวละ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 15-09-2015 09:07:36
มาแล้วววววววววววว  :hao7: :hao7:
กำลังรออยู่เลยอ่ะ
คึคึ..   :z1: :z1: ..กำเดาแทบพุ่งกับฉากกุ๊กกิ๊กบนเตียงของพอร์ช-รุจน์
ฟินเวอร์เจ้าค่ะ  :heaven :heaven

แต่แอบน้ำตาซึมกับฉากชิดจันทร์เหมือนกันนะเจ้าคะ  :monkeysad: :monkeysad:
ซีนครอบครัวเนี่ยเรียกน้ำตาได้เยอะเลยเจ้าค่ะ...ซึ้งอ่ะ
ปล.
ขีดปฏิทินรอวันศุกร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-09-2015 09:11:42
 :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25: :m25:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 15-09-2015 09:35:01
เด็กๆๆๆๆน่ารัก :mew1:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 15-09-2015 09:44:11
 :katai2-1:

ดีงามค่ะตอนนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-09-2015 10:30:52
รอคู่น้องยุนะเจ้าคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 15-09-2015 11:11:15


ที่เหลืออยู่ไหน..............

จะเอา..........

มาต่อไวๆนะขอรับ

รออยู่ขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-09-2015 12:01:15
เป็นกำลังใจให้คนเขียนและรอตอนต่อไปนะคะ
กอดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 15-09-2015 12:28:31
เขินหนักมากกกก ตอนท้าย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: YMP ที่ 15-09-2015 13:40:26
 :L1: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 15-09-2015 15:52:48
พอร์ชจองจะ...รุจน์ ทุกนาที ฮ่าๆๆๆ





ขอให้ แม่ชีชิดจันทร์พบทางสว่างในชีวิต และหัวใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 15-09-2015 17:08:32
clear ประเด็นกันไปเป็นคู่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-09-2015 19:34:54
ประเด็นชิดจันทร์คงไม่มีอะไรแล้ว

พอร์ชกับรุจก็น่ารัก  รอวัน.. :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 15-09-2015 20:56:04
รุจน์ พอร์ช น่ารัก ฟินอ่ะ รักกันเบา ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 15-09-2015 21:19:50
รักเธอ~~~~~ รอคอยเสมอนะค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 15-09-2015 22:17:05
เราก็อโหสิให้แม่ชีชิดจันทร์แล้วนะ
ที่เคยด่าก่อนหน้านี้ในหลาย ๆ ตอน
หวังว่าแม่ชีจะอโหสิให้เราเช่นกัน
             :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 15-09-2015 22:44:22
รักคนเขียน :กอด1:
ทุกตอนโดนหมด แต่งเก่งจริงแม่คู้ณ o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 16-09-2015 00:19:27
ฟินก่อนนอนนนนนน คือดีอะ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: JaaJaaJaaJaa ที่ 18-09-2015 09:34:32
 :pighaun:คะคะคะแค่มัดจำก็จะตายแล้ววววววววววว กรี๊ดดดดดดดด รอวันจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง นะคะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.141
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-09-2015 20:14:04
 :katai5: :katai5: ย่องมาดู มาหรือยัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.141
เริ่มหัวข้อโดย: thearboo ที่ 18-09-2015 20:53:12
ชะแว๊บ...
เพิ่งเลิกงานจ๊า กลับถึงบ้านปุ๊บ
เดี๋ยวดึกๆ มาลงให้เน่อ
สารภาพว่าไม่จบตอนค่ะ...
แต่ก็ได้ 3 รี อยู่แหละ
แวะกินข้าวแป๊บ เดี๋ยวเจอกันจ้า

จุ๊บๆๆๆ
อนาคี99
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.141
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 18-09-2015 23:10:46
ปูเสื่อรอ....
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-09-2015 23:29:04
ผมคือ...นางเอก
#ปฐมทัศน์
(ส่วนหนึ่งของ #แถลงรัก)

 สุดปลายทางของ...หัวใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30599.0)


แชะ...

แชะ แชะ แชะ...


แสงแฟลชวูบวาบ จับภาพเหล่านักแสดงนำในเรื่อง ที่ตบเท้าเข้าร่วมชมภาพยนตร์ที่ตนแสดง ในรอบปฐมทัศน์อย่างครบครัน กฤตเมธในชุดสูทเนื้อดีสีดำสนิททั้งตัว ขับความหล่อคมให้เด่นชัด ควงคู่มาพร้อมสดายุที่อยู่ในชุดสูทลำลองพับแขนขึ้นมาครึ่งหนึ่งตามแบบแฟชั่นสมัยนิยม ถึงจะเป็นสูทลำลอง แต่ก็หล่อเนี๊ยบสมกับงานเปิดตัวหนัง ตามมาด้วยพอร์ชและรุจน์ ในชุดสูทดูดีตามสมัยนิยมเช่นกัน ตบท้ายด้วยแตงกวา นักแสดงสาวน้อยคนเดียวในหมู่กระทาชายหล่อล่ำ หล่อนมาในชุดราตรีสีหวาน เหมาะกับงานเปิดตัว รวมถึงนักแสดงสมทบคนอื่นๆคับคั่ง ทุกคนล้วนยิ้มแย้มแจ่มใส ให้หน้ากล้องอย่างเป็นมิตร รอยยิ้มการค้าที่เรียกเสียงกรี๊ดปรอทแตกได้ทุกครั้ง

เนื่องด้วยเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม การโปรโมทจึงไม่ได้เข้มข้น เหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ แต่อย่างน้อยค่ายที่ทำก็เป็นค่ายดังในสังกัดของเจ้าแม่เสน่ห์จันทร์โดยตรง ทั้งยังเป็นภาพยนตร์ในการดูแลเรื่องสุดท้าย ก่อนการจากไปของท่านประธาน ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงค่อนข้างเป็นที่จับตามองพอสมควร 

ดังนั้นในงานเปิดตัว “สุดปลายทางของ...หัวใจ” ที่มีนักแสดงนำคือ กฤตเมธและสดายุนั้น ในรอบปฐมทัศน์นี้ได้จัดฉายที่โรงหนังยักษ์ใหญ่ เพื่อเป็นรอบเปิดตัวและเป็นรอบการกุศล เพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่ง มอบเป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กที่เกิดจากมารดาผู้ติดเชื้อ H.I.V ทั้งนี้ ยังเปิดโอกาสให้แฟนคลับสามารถพบปะใกล้ชิดกับดาราที่ตนชื่นชอบ แน่นอนว่าสองหนุ่มจากบ้านล่าฝัน มีแฟนคลับตามมาเชียร์ล้นหลาม

พร้อมกันนี้ยังมีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะนอกจากจะเป็นงานเปิดตัวภาพยนตร์อย่างเป็นทางการแล้ว ในรอบปฐมทัศน์นี้ ยังได้เชิญแฟนๆและผู้ชมภาพยนตร์ที่สนใจร่วมชมภาพยนตร์รอบแรก ก่อนใครพร้อมสัมผัสที่แสนใกล้ชิดแบบ ถึงเนื้อถึงตัวสุดๆ โดยที่สามารถ ร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับนักแสดงที่จะมาทักทายผู้ชมถึงในโรงภาพยนตร์ชั้นเฟิร์สคลาส ถึงตั๋วแต่ละที่นั่งจะแพงหูฉี่ แต่สำหรับแฟนคลับขั้นเทพ แน่นอนว่ายอมจ่ายไม่อั้น

แต่แน่นอนว่า ทุกคนที่เหมือนเข้าถึงได้ง่าย เป็นกันเองกับเหล่าแฟนคลับ  กลับเป็นไปได้ยากที่เหล่านักข่าวสายเหยี่ยวจะเข้าหา โดยเฉพาะรอบกายของนักแสดงนำอย่าง กฤตเมธ และสดายุ ที่มีการ์ดมือดีที่สุริยาวดีจัดไว้ คอยประกบติดอยู่ไม่ห่าง เพราะได้ออกประกาศไปแล้วว่าจะมีการเปิดแถลงข่าว และทุกคำถามจะทำการตอบให้ในที่แถลงข่าวเพียงที่เดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น ในวันนี้หากมีนักข่าวหรือสื่อมวลชนสำนักไหน ออกตัวแรง อยากสัมภาษณ์นอกเหนือจากเรื่องของภาพยนตร์แล้วล่ะก็ จะถูกการ์ดกันตัวออกไปจากการสัมภาษณ์ทั้งหมด

ดังนั้นในวันนี้กฤตเมธและสดายุจึงยังพอมีพื้นที่หายใจอยู่บ้าง

วันนี้สดายุยังคงยิ้มได้ เพราะข้างกายนั้นมีแต่คนที่คอยหวังดีด้วยไม่เหมือนครั้งเก่าก่อน ที่ต้องเดียวดาย ข้างกายมีเพียงพี่บลูม่าผู้จัดการส่วนตัวที่ต้องแบกรับปัญหาทุกอย่างของเขาไว้เพียงลำพัง ทว่าวันนี้ บลูม่าคนดียังคงยืนอยู่ที่ตรงนั้น พร้อมทั้งเหล่าเพื่อนผู้ให้ความรักใคร่เอ็นดูในตัวเขาอีกหลายชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักแสดง หรือแม้แต่ทีมงานที่คอยให้กำลังใจไม่ขาด


และที่สำคัญ ข้างใจนี้ยังมี กฤตเมธ ที่คอยยืนป้องภัยอยู่เบื้องหน้า และจับมือกันไว้ไม่ปล่อยให้หลุดลอยไปไหนอยู่เสมอ

วันนี้สดายุจึงยังยิ้มได้อย่างเต็มที่ และมั่นใจเหลือเกินว่า ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไร ตราบใดที่ยังมีคนเหล่านี้อยู่รอบกาย เขาก็จะไม่เดียวดายอีกต่อไป

ยิ้มไว้สดายุ...ยิ้มเพื่อคนที่รักทุกๆคน
.
.
.
.
.

ในที่สุด ภาพยนตร์เรื่อง‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ก็ได้ฤกษ์ฉายรอบปฐมทัศน์ หนังเกย์อิงกระแส ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนอย่างท่วมท้น ทั้งเพราะหนังเรื่องนี้กำกับด้วยผู้กำกับมากฝีมือแล้ว ผู้จัดของเรื่องยังเป็นถึงผู้มีชื่อเสียงมากในวงการด้วย และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเหล่านักแสดงนำ ที่มีข่าวฉาวรอให้ขุดคุ้ยไม่ขาด

แต่การสัมภาษณ์ที่แท้จริงยังไม่ใช่ตอนนี้ หลังภาพยนตร์ฉายไปได้สักระยะก่อนต่างหาก ถึงจะถูกเรียกออกสื่อสัมภาษณ์กันอย่างจริงจัง
 
ในระหว่างรอเวลา โรงหนังระดับวีไอพี ที่จะเปิดประตูต้อนรับแขกผู้มีเกียรติให้เข้าสู่ด้านใน ในเวลาทุ่มตรง เหล่าทีมงานนักแสดง ทีมผู้จัด ทีมผู้เกี่ยวข้องในสาขาต่างๆ และผู้ชมอีกส่วนหนึ่งที่ได้ตั๋วชมรอบพิเศษ มาแบบพิเศษๆ ก็ได้ทำการร่วมทานอาหารแบบค็อกเทล ร่วมถ่ายรูป พูดคุยกันระหว่างดาราและแฟนคลับ ทั้งยังเป็นช่วงให้สัมภาษณ์แบบขำๆกับเหล่าข่าวบันเทิงเก็บตก

และแน่นอน วันนี้เป็นวันที่พี่อ๊อดหน้าบานที่สุด เพราะคนรักที่อุตส่าห์อ้อนแทบเป็นแทบตาย ในที่สุดก็ยอมตกลงเคลียร์คิวอื่น เพื่อมาร่วมงานฉายหนังรอบปฐมทัศน์ในวันนี้ด้วย วันนี้หนุ่มใหญ่อย่างอ๊อด ที่ปกติผมเซอร์ฟูฟ่อง หนวดเครารกครึ้ม ก็เปลี่ยนมาดใหม่ เป็นหนุ่มใหญ่หน้าเกลี้ยง ผมหวีเรียงเส้นรวบตึง ราวกับคุณชายหลุดมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น ทำมาทั้งหมดนี้ ก็เพียงเพื่อจะได้เดินควงเข้างานคู่กับหนุ่มใหญ่หน้าใสกิ๊งอีกคนได้อย่างไม่มีขัดเขิน ตามที่ถูกออกคำสั่งเป็นข้อแลกเปลี่ยนไว้ต้องแต่แรกนั่นเอง

"หืม...พี่อ๊อด หล่อมากเลยค่ะ อย่างกับคนละคนกับตาลุงที่เห็นอยู่ทุกวันแน่ะ"  แตงกวาพูดขึ้นกลางวงนักแสดงนำ ทันทีที่สายตาชำเลืองไปเจอ ผู้กำกับขาโหด ที่ยืนยิ้มร่าควงตากล้องมือพระกาฬให้สัมภาษณ์อยู่ตรงซุ้มนักข่าว

"ไม่ยักรู้ ว่าลุงหมีนั่นหน้าตาจะเหมือนมนุษย์ปกติอย่างคนทั่วไปด้วย เนอะแตงกวา" รุจน์รีบสมทบกับเพื่อนสาว ซึ่งแตงกวาก็รีบพยักหน้ารับยิกๆ เม้าท์แตกเม้าท์แตนกันอยู่สองคน โดยมีพอร์ช สดายุ และกฤตเมธยืนขำอยู่ใกล้ๆ 

เหล่านักแสดงนำ ได้ที่นั่งวีไอพีติดกัน เลยมาชุมนุมยืนรอกันเป็นกระจุก สี่หนุ่มหนึ่งสาว ที่ดูจะเจิดจรัสที่สุดในงานคืนนี้

คุยกันได้สารพัด ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของกฤตเมธและสดายุ ที่ถูกหลีกเลี่ยงการพูดถึงอย่างชัดเจน ซึ่งในจุดนี้ สดายุนึกขอบคุณน้องๆที่น่ารักทั้งสามคนเป็นที่สุด

การคุยออกรสชาติ จนคนคนหนึ่งเดินเข้ามาในคลองสายตา

รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน ที่แอบมายืนยิ้มแผล่ ซ้อนอยู่ที่ด้านหลังของสดายุตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ จนกฤตเมธต้องกระแอมออกมาเบาๆ เพื่อเตือนว่า 'อย่าเล่นกับของคนอื่นให้มันออกหน้าออกตานัก' นั่นแหละถึงจะยอมถอยมาอยู่ข้างกฤตเมธแทน พร้อมตีเนียนเข้าไปอยู่ในวงสนทนาราวกับสนิทกับอีกสามคนที่เหลือมานาน

การมาของดนัย ทำให้สดายุรีบหันไปสอดส่องสายตาหาอีกคนที่เขาให้บัตรเชิญเป็นการส่วนตัวไว้ 

"หาไม่เจอหรอก ผมให้เขาปลอมตัวมา"  คงเพราะเห็นสายตาของสดายุที่สอดส่ายหาใครบางคน ไปกระทบกับสายตาของดนัยเข้า ชายหนุ่มที่รู้ๆกันจึงก้มกระซิบบางอย่างที่รู้กันอยู่เพียงสองคนให้สดายุได้ฟัง

"ไอ้หนุ่มเซอร์ แว่นดำผมยาวตรงสิบนาฬิกา"  คือพิกัดของบดินทร์ที่ดนัยหมายถึง

แค่เห็นเข้า สดายุก็ถึงกับอมยิ้ม 'จำแทบไม่ได้จริงด้วย'  (วิก) ผมยาวปรกไหล่ ใส่หมวกแก็ป สวมแว่นตากรอบดำหนาใหญ่แบบไม่มีเลนส์ แถมใส่มาส์กปิดหน้า อีกนิดเดียว ถ้าเปลียนแว่นนั่นเป็นแว่นตาดำล่ะก็ เขาคงคิดว่าเป็นโจร หรือผู้ก่อการร้ายไม่ผิดแน่  แต่ก็เข้าใจบดินทร์แหละนะ เพราะสถานะของชายหนุ่มนั้น คือดาราราชาข่าวฉาวที่หายสาบสูญ  หากจู่ๆโผล่พรวดพราดมาในงานที่ถือว่าเป็นดงนักข่าวโดยไม่พรางตัวอะไรเลยแบบนั้น คงได้ถูกรุมทึ้งแทบตายแน่ๆ

แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ

"พามาจนได้นะ" กฤตเมธเปรยขึ้นเบาๆกับดนัย สายตาออกแนวเคืองเล็กๆ ส่งตรงถึงน้องชายตัวแสบ ไม่ติดว่ากำลังรักษาภาพพจน์ล่ก็ กฤตเมธคงออกปากไล่ให้ดนัยเอาคนคนนั้นกลับไปเสียเดี๋ยวนี้

ช่วยไม่ได้ที่กฤตเมธจะไม่ชอบบดินทร์ เพราะนอกเหนือจากเรื่องเลวร้ายที่บดินทร์เคยทำไว้กับสดายุ ขนาดที่ว่าต่อให้สดายุยอมยกโทษให้ แต่เขาอภัยให้ไม่ได้แล้วนั้น ตอนนี้สำหรับกฤตเมธแล้ว บดินทร์ขวางหูขวางตายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด เพราะอะไรนะหรือ...

ก็เพราะ สดายุของเขา ดันเริ่มรู้สึกดี (เกินไป) กับไอ้ตัวร้ายนั่นขึ้นมาแล้วน่ะสิ!! ถึงขนาดแอบเอาตั๋วพิเศษฝากไปให้ เพื่อจะได้มาร่วมงานด้วยกันนี่ บอกตรงๆเลย ว่ากฤตเมธยิ่งเหม็นหน้าบดินทร์ขึ้นมาอีกโข!

ว่าแล้วก็หันไปค้อนน้องรักอีกครั้ง พร้อมคาดคั้นทางสายตากลายๆว่า  'ฮึ่ย! เมื่อไหร่ แกจะเผด็จศึกไอ้มารหัวใจนั่นไปให้พ้นๆตาฉันเสียที!!'  ก่อนจะหันกลับมาทำสีหน้าราวเทพบุตรเช่นเดิม

ดนัยเองก็ได้แต่เหงื่อแตกซึมหลังเบาๆ เฮ้อ...ด้านมืดของพี่ชายเขานี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน พี่เมธของเขาที่แสนดีไปเสียทุกอย่าง พอเป็นเรื่องของสดายุขึ้นมาเท่านั้นแหละ หึงโหดขึ้นมาเชียว ทั้งๆที่เมื่อก่อน พี่ชายเขาคนนี้ออกจากไม่แคร์ใครแท้ๆ ขายรอยยิ้มเทพ ขายมารยาทพระเอกเนื้อทอง แต่โคตรจองหอง ใครจะไปนึกว่าจะมาตกม้าตายกับผู้ชายด้วยกันอย่างสดายุได้  คนเรานี่เปลี่ยนได้เพราะรักจริงๆ...

ดนัยยิ้มกริ่ม... 'แต่ก็ดีแล้วล่ะที่คนที่พี่เมธของเขาเลือก คือสดายุ'  เหมาะสมกันโคตร...

ทุ่มตรงตามเวลา ในที่สุดประตูโรงหนังระดับวีไอพี ก็พร้อมเปิดรับแขกผู้มีเกียรติ ให้เข้าสู่ความยิ่งใหญ่ของโรงหนังราคาแพงลิบ สมกับการเปิดตัวหนังนอกกระแส แต่แบ็คใหญ่ ป๋าดัน สปอนเซอร์เพียบ ซ้ำยังกระพือกระแสทำบุญ เป็นหนังเพื่อการกุศลเสียอีกด้วย

เพียงไม่นาน เมื่อผู้คนต่างได้นั่งประจำที่ หลังดูตัวอย่างหนังเรื่องต่างที่กำลังจะทยอยเข้าฉาย และยืนทำความเคารพแล้ว เพียงอึดใจต่อมา จอภาพก็ขยายใหญ่ขึ้น ก่อนที่โฆษณาสุดท้ายจะปรากฏ นั่นคือโฆษณารณรงค์ให้ปิดโทรศัพท์มือถือ จากนั้นหน้าจอก็มืดไปอีกครั้ง คราวนี้ภาพของโลโก้ของบริษัทผู้จัดยักษ์ใหญ่ก็ฉายชัดเด่นหราอยู่ที่กลางจอ พร้อมเพลงประกอบชวนจดจำ ก่อนจอจะมืดไปอีกครั้ง พร้อมเสียงคนคุยโทรศัพท์เสียงแรกดังขึ้น

‘อะไรนะ พี่จะให้ผมรับงานถ่ายแบบอีกงั้นเหรอ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ค่อยสะดวก ผมไม่ไหวหรอกนะครับ’ 

เสียงแหบหวานของชายคนหนึ่ง กำลังคุยง่วนอยู่กับเสียงแหลมสูงที่ดังมาจากปลายสายโทรศัพท์ ‘แค่สองอาทิตย์เองนะภู่ เป็นงานที่เน้นความเป็นธรรมชาติ ไม่หนักมากหรอก และที่สำคัญนะ งานนี้จะไปถ่ายทำกันถึงเกาะมัลดีฟแน่ะ เธอก็เหมือนได้ไปพักผ่อนนั่นแหละ ไม่ดีเหรอ?’

ชายคนที่ปรากฏบนแผ่นฟิล์มนั้นกำลังเปลือยท่อนบน เผยผิวขาวน่ากัด แม้เห็นเพียงด้านหลังยังให้ความรู้สึกเซ็กซี่ ชายคนนั้นอยู่อริยาบทสบายๆ โดยการใช้ศีรษะหนีบมือมือไว้กับไหล่กว้าง พลางควานหาเสื้อยืดตัวโปรดใส่ หลังอาบน้ำเสร็จ คุยไปพลาง พยายามใส่เสื้อไปพลาง อย่างเป็นธรรมชาติ

‘ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ ผมอยากพักอยู่บ้านมากกว่าอีก’  คำพูดแสดงความลำบากใจ พร้อมกับคนที่หันหลังคุยอยู่ตลอดเวลา ได้หันมาให้กล้องจับภาพที่ใบหน้าได้เสียที 

หล่อตรึงตา...

ภาพของสดายุที่ยังใส่เสื้อคาไว้ที่ไหล่อย่างขาดๆเกิน หันหน้ามาเผชิญกับหน้ากล้อง โดยมีห้องสีขาวปลอดเป็นแบคกราวด์ช่วยส่งเสริมให้คนที่ขาวอยู่แล้ว ดูสะอาดตาขึ้นไปอีก โดยเฉพาะกับผู้ชายหุ่นน่ากิน ที่มีซิคแพคเป็นลอนน้อยๆน่าบดขยี้

ภาพนั้นของสดายุ ในวันที่ยังหุ่นเฟิร์มสมชาย ไม่ผอมแห้งหยองกรอดอย่างปัจจุบัน ในวันนั้น สดายุยังคงมีเสน่ห์ความเป็นชายอย่างเหลือร้าย ขนาดที่ว่ากฤตเมธที่นั่งดูอยู่ข้างๆกับตัวจริง ยังรู้สึกอยากผิวปากแซวออกไปเสียที

‘งั้นเหรอครับ...ถ้าเขารู้ว่านายแบบเป็นผมเขาคงจะขอถอนตัวแน่’  ใบหน้าฉาบความสลดเศร้า ฉายชัดออกมาทางแววตา ดูเจ็บปวด ทั้งๆที่ตัวละครในเรื่องยังไม่ทันจะได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

แค่ฉากแรกก็บีบอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้แล้ว ยากที่จะทำใจไม่ให้ยอมรับความสามารถอันโดดเด่นของสดายุ พรสวรรค์อันเหลือเชื่อนี้ ช่างเหมาะสมกับรูปร่างหน้าตาประหนึ่งเทวดาปั้นแต่งนี้เสียเหลือเกิน

หล่อจนคนดูถึงกับลืมไปเลย ว่าเคยเป็นดาราตกอับมาก่อน

หนังดำเนินตามท้องเรื่องของมันไปเรื่อยๆ กระทั่งถึงฉากแรกที่ได้พบกัน ของตัวเอกทั้งคู่ พระนางที่เป็นชายทั้งแท่ง การปรากฏตัวของกฤตเมธในบทนคินทร์ก็ใช่ย่อย ตากล้องหนุ่มร่างใหญ่ใบหน้าคมดุ มาดเซอร์มีไรหนวดเขียวครึ้ม กระชากใจแม่ยกที่แอบนั่งกรี๊ดอยู่ด้านหลังได้เป็นโขยง
 
ลำนำรักหักเหลี่ยมโหดระหว่างอดีตเพื่อนสนิท ดำเนินมาจนถึงจุดแตกหักของเรื่อง หรือก็คือฉากเลิฟซีนสำคัญ ที่สดายุหวาดหวั่นกับมันที่สุด เขายังไม่เคยเห็นภาพจริงที่ตัดต่อออกมาแล้ว จึงไม่อาจวางใจได้เลยว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน

นั่งลุ้นได้เพียงแค่อึดใจ ไม่ต้องใช้เวลนาน ฉากที่น่ากลัวนั่นก็มาถึง

เสียงผู้ชายสองคนทะเลาะกันดังลั่น ภาพของกฤตเมธในบทนคินทร์คว้าคอกระชากทั้งร่างของสดายุในคราบของภุมราจนปลิวติดตามมือดูรุนแรง นคินทร์กำลังโกรธเกรี้ยว ส่วนภุมราก็กำลังอยู่ในอารมณ์ที่เลวร้ายถึงขีดสุด เสียงแหบหวานร้องห้ามโวยวาย ดวงตาฉายแววสิ้นหวังอย่างน่าเวทนา ความรู้สึกหดหู่ปกคลุมชัดเจนไปทั้งโรงหนัง น่าสงสารจับใจ

‘แคว่ก!!’ เสื้อเชิ๊ตเนื้อดีถูกฉีกขาด กล้องถ่ายเพียงด้านหลังของร่างสูงใหญ่ของกฤตเมธที่กำลังกดร่างสดายุติดเตียง ภาพฉายตัดไปมาระหว่าง ภาพมุมกว้างที่เห็นการกระทำย่ามใจของร่างใหญ่ชัดเจน กับภาพซูมหน้าใกล้ ที่ถ่ายให้เห็นว่า กฤตเมธในเรื่องนั้นกำลัง แนบริมฝีปากเข้ากับซอกคอขาวของสดายุอย่างจาบจ้วง จงใจให้ดูรุนแรง และกักขฬะ ดวงตาของสดายุเบิกกว้าง ร้องขอความเมตตาอย่างสุดกำลัง

คำพูดว่าร้ายเหยียดหยันถูกพ่นออกมาไม่ขาด แสดงให้เห็นถึงความชิงชังและการใช้กำลังข่มเหงอย่างแจ่มแจ้ง ร่างกายที่ยังคงสมส่วนของสดายุดิ้นพล่าน ต่อสู้กับคนที่บึกบึนกว่าอย่างกฤตเมธอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็ได้แค่นั้น ความที่ตัวบางกว่าอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดิ้นรนเท่าไหร่ ก็เหมือนไม่มีวันหลุด

เสียงแหบเครือตะเบ็งห้าม สองมือยังคงผลักใส ทั้งทุบทั้งชกไปที่ร่างหนาเสียงหมัดกระทบเนื้อดังปั่กๆ แน่นหนัก ถึงตรงนี้สดายุที่นั่งดูตัวเองโดนย่ำยี่อยู่แบบแผ่นหนังก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าตอนนั้น เขากับกฤตเมธยังเกลียดกันแทบไม่เผาผี ฉากนี้ดูเหมือนจะสมจริงมาก โดยเฉพาะตรงบทที่ต้องออกแรงกดให้เขาเจ็บจนแทบแหลกคามือ คิดแล้วก็อดเคืองกฤตเมธที่นั่งอยู่ข้างกันไม่ได้ จนต้องแอบหันไปค้อนใส่เบาๆ 

"อย่า!!"  เสียงตะโกนห้ามดังชัดมาจากลำโพงโรงหนัง เรียกสติของสดายุให้หันกลับไปจดจ่อกับฉากหนังตรงหน้าอีกครั้ง ตอนนี้เขาในบทภุมราถูกกฤตเมธโถมร่างคร่อมไว้ และกดตรึงข้อมือทั้งสองข้างลงบนเตียงใหญ่ ราวกับถูกพันธนาการ ท่อนบนถูกกดทับ แต่ท่อนล่างยังคงดิ้นรนเตะถีบ ภาพมุมกว้างถ่ายตอนที่สดายุพยายามกระทุ้งเข้าซี่โครงของกฤตเมธอย่างเอาเป็นเอาตาย จำได้ว่านั่นเขากำลังนอกบท แต่บังเอิญมันแมทช์กับเนื้อเรื่องและดูสมจริงสมจัง พี่อ๊อดเลยไม่ตัดทิ้ง เพียงไม่นานจากนั้น ภาพก็ซูมเข้าไป ขณะที่เขาถูกกฤตเมธทาบทับ ถูกบดจูบจนริมฝีปากเจ่อบวม ภาพการซุกไซร้หยาบโลนที่ไม่ต้องใช้มุมกล้อง

ฉากตอนที่ภุมราถูกนคินทร์ฉีกทึ้งเสื้อผ้าออกจากร่างนั้น ถูกฉายออกมารวดเดียวจบ ไม่ได้ถ่ายออกมาให้เห็นถึงขั้นตอน เหมือนตอนถ่ายทำ แต่ตัดออกมาเพียงเศษเสี้ยว ให้เห็นถึงความโหดร้ายของนคินทร์ และความน่าสงสารของภุมราเท่านั้น

ฉากข่มขืนเต็มพิกัดเริ่มต้นขึ้น เมื่อกล้องฉายภาพด้านข้างเพียงครึ่งตัวของตัวเอก ที่ผู้กระทำจับขาของผู้ถูกกระทำแยกกว้าง แต่ในภาพฉายให้เห็นเพียงแค่การจับตรงเข่าแยกออกจากกัน ไม่ได้ฉายให้เห็นมากกว่านั้นจนกลายเป็นภาพอาณาจาร

จากนั้นก็ไม่มีเสียงของตัวละครอีก เพราะตัดเป็นเสียงเพลงประกอบแสนเศร้าสร้อย แทนหัวใจที่แหลกสลายของภุมราในเรื่องแทน ภาพทั้งหมดถูกถ่ายทอดออกมาอย่างมีศิลปะ มากกกว่าเป็นฉากร่วมรักที่สักแต่ให้ขยับตามธรรมชาติ ตั้งแต่เริ่มจนจบถูกฉายเป็นภาพเคลื่อนไหวยาวต่อเนื่อง

บางจุดที่เน้นอารมณ์เจ็บเจียนตายของภุมรานั้นก็จะใช้เป็นฉากสโลโมชั่นซูมไปที่ดวงตาที่เบิกกว้างของสดายุที่กำลังมีน้ำตานองเจิ่ง ให้ความรู้สึกราวกับจะแหลกสลายให้ได้เสียตอนนี้ ส่วนจุดไหนที่ต้องการเน้นความดุดันของทางด้านนคินทร์ ภาพก็จะฉายเป็นปกติไปที่หน้าของกฤตเมธที่กำลังแสยะยิ้มหยันจ้องลงมาที่สดายุราวกับจะทำลายทิ้งให้ป่นปี้

ฉากขืนใจอันโหดร้ายเจ็บปวดนี้ ไม่ได้ยาวนานเหมือนดังที่คิด เพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเพลงประกอบ ทุกอย่างก็จบลง

ภาพสุดท้ายของฉากคือภาพสโลโมชั่นซูมไปที่ด้านข้างของสดายุ ที่ถูกร่างของกฤตเมธที่ถูกทำให้เบลอกว่ายังขยับเชื่องช้าทาบทับอยู่ ใบหน้าขาวซีด ดวงตาเบิกกว้างเลื่อนลอย ก่อนที่ภาพจะตัดมาที่หน้าตรงของสดายุอีกครั้ง ขณะค่อยๆหลับตาลงแล้วปล่อยน้ำตาให้กลิ้งลงข้างแก้มเปรอะเปื้อนอย่างช้าๆ พร้อมกับเพลงท่อนสุดท้ายที่จบลงอย่างเศร้าสร้อย

จากนั้นภาพก็มืดลงครู่หนึ่ง เพื่อข้ามไปยังฉากต่อไป

ถึงตรงนี้สดายุถึงกับถอนหายใจพรู ดูจะไม่เลวร้ายนักสำหรับฉากเลิฟซีนรุนแรงที่เขากังวล เพราะตอนถ่ายทำเล่นจัดท่ากันเสียเต็มที่ เลยออกจะหวั่นใจเล็กๆว่าภาพที่ออกมาจะดูลามกอาณาจารจนเกินรับไหว เห็นแบบนี้แล้วก็อดรู้สึกทึ่งทั้งพี่อ๊อดและทีมงานไม่ได้ ที่สามารถตัดต่อฉากแบบนี้ออกมาให้ดูแล้วรู้สึกไปกับบทบาทของตัวละครมากกว่าจะคิดไปในแง่ของเรื่องเพศ และที่น่ายกย่องที่สุดคงเป็นคุณกมล ตากล้องขวัญใจผู้กำกับรุ่นใหญ่อย่างพี่อ๊อด ต้องขอยอมรับอย่างไม่มีข้อกังขาเลยว่า พี่แกเป็นตากล้องขั้นเทพจริงๆ ที่สามารถถ่ายฉากบนเตียงออกมาให้ดูงดงาม และกระชากอารมณ์ได้ถึงขนาดนี้

หลังจากฉากผาดโผนที่สดายุตั้งใจลุ้นอย่างแน่วแน่ผ่านพ้นไป เขาก็พอมีสมาธิกับเนื้อเรื่องในส่วนต่อมามากขึ้น ช่วงตั้งแต่กลางเรื่องที่เริ่มมีปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกัน ฉากกุ๊กกิ๊กที่ดูแล้วรู้สึกจั๊กจี้ไม่หยอก อินไปกับเนื้อหาของเรื่องบ้าง หลุดไปคิดถึงตอนที่ถ่ายทำฉากนั้นๆบ้าง นั่งวิเคราะห์การแสดงของตัวเองไปบ้างว่ายังขาดตกบกพร่องไปตรงไหน ทั้งยังแอบยิ้มไปกับพัฒนาการทางการแสดงที่ดีขึ้นในทุกๆฉากของพอร์ชกับรุจน์ด้วย

ในส่วนของกฤตเมธนั้น สดายุไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก สำหรับคนที่แสดงเก่งจนเป็นของตาย น่ามองตรงไหนกัน ^^

มาถึงฉากไคลแม็กซ์กลางเรื่อง คือเลิฟซีนครั้งที่สองของพระนาย และฉากล้มในห้องน้ำ ซึ่งจะเป็นฉากเปิดดราม่า ในเลิฟซีนเปิดตัวที่ผ่านมาสดายุลุ้นภาพที่จะออกมาจนค่อนข้างเครียด แต่พอมาถึงตรงนี้ เขากลับออกอาการใจเต้นเสียมากกว่า ตามที่เห็นนั้น ภาพไม่ได้ออกมาหวือหวาเหมือนในฉากแรก แต่ออกไปทางละมุนกลมกล่อม ดูแล้วไม่ได้เกิดอารมณ์ปลุกเร้า แต่เป็นแนวให้ใจเต้นเสียมากกว่า...สำหรับคนที่ชอบแนวนี้แหละนะ เพราะถ้าไม่ใช่แนว ก็อาจมีขนลุกเล็กๆเพราะความจั๊กเดียมในหัวใจได้ แม้ตอนจบของฉากนั้นจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดมากมายเลยก็ตาม


 :n1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-09-2015 23:29:54
 :L1:

สดายุนั่งนิ่งดูหนังเรื่องที่ตัวเองแสดงนำอย่างพินิจพิจารณา บนจอใหญ่มีร่างบอบบางเปลือยเปล่า ยืนเหม่อลอยปล่อยสายน้ำจากฝักบัวกระทบหน้าเพื่อซ่อนเร้นหยาดน้ำตาที่เอ่อท้น สดายุจ้องมองตัวเองที่ไม่ใช่ตัวเองในจอหนังนั้น พลางกลั้นหายใจอย่างรู้จังหวะ เพราะในขณะนั้นตัวเขาที่เป็นภุมราในเรื่องก็กำลังโงนเงนเสียศูนย์ ของเหลวสีแดงสดไหลหยดออกจากโพรงจมูงโด่งรั้น ก่อนที่ทั้งตัวจะร่วงลงไปกองกับพื้นราวกับเป็นร่างไร้กระดูก 

ณ ขณะนั้นเอง ที่มือขวาของสดายุก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่น ชำเลืองดูก็เห็นว่าเป็นมือใหญ่ของกฤตเมธที่กอบกุมมือเขาไว้ ทว่าเจ้าของมือนั้นกลับไม่ได้มองมาที่เขาแม้เพียงชำเลืองหางตา ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลักนั้นขมวดคิ้วจดจ้องภุมราในจอหนัง ที่ล้มลงหมดสติ ขณะที่เลือดกำเดายังไหลเจิ่ง ภาพนั้นคงกรีดหัวใจรุ่นใหญ่ไม่น้อย จนสดายุยังต้องลอบยิ้ม พลางโน้มกายไปกระซิบใกลๆ เบาๆ "อินไปหรือเปล่าลุง?"

กฤตเมธยิ้มน้อยๆ แต่ก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร นอกจากกระชับมือของสดายุแน่นขึ้น สดายุขำออกมาเบาๆก่อนหันกลับไปจดจ่ออยู่กับภาพยนตร์ดังเดิม

ฉากเลิฟซีนสุดท้ายของเรื่อง ไม่ใช่จบด้วยคู่เอกอย่างนคินทร์และภุมรา แต่เป็นคู่รอง ที่สดายุก็เคยเห็นตอนถ่ายทำอยู่ ตอนนั้นเขาเห็นเป็นเพียงแค่การแสดง แต่พอมาเห็นที่เป็นภาพสำเร็จแล้วในหนัง ก็รู้สึกว่า เป็นจากที่เลิฟซีนที่เยี่ยมพอสมควร เริ่มต้น ไคลแม็กซ์ จบ สั้นๆเพียงไม่กี่นาที เป็นฉากที่ต้องการให้ไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่กลับเป็นฉาก One Night Stand ที่อัดแน่ด้วยอารมณ์ความรู้สึก คือจุดเริ่มต้อนของความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดของคนสองคนขึ้นมา รุจน์กับพอร์ชแสดงได้ดี จนสดายุนึกชม เพราะสามารถทำเขาทั้งลุ้นทั้งอินไปด้วยได้ไม่น้อยเลย

ฉากเลิฟซีนร้อนแรงขนาดนี้ สดายุชักอยากเห็นหน้าเจ้าของบทที่นั่งถัดๆกันไป แค่เพียงหันมองทางซ้ายก็จะเจอหน้าของแตงกวาเป็นคนแรก กะจะมองข้ามไป แต่พอเห็นหญิงสาวกำลังทำหน้าปลื้มเต็มที่ สดายุก็เลยมองข้ามไม่ได้ สายตาแปล่งประกายระยิบระยับของแตงกวาจับจ้องไปที่จอหนังแบบไม่มีกระพริบ ขนาดโรงหนังมีเพียงแสงสว่างจากจอหนัง ยังเห็นได้ชัดถึงใบหน้าเนียนเห่อแดง ทว่าแปล่งออร่าแห่งความสุขชัดเจน ถัดออกไปหน่อยก็เป็นรุจน์ แต่สดายุกลับเห็นหน้านิ่งๆของพอร์ชที่ตัวสูงกว่าก่อน เด็กคนนั้นยังคงความเงียบขรึมตามสไตล์ แต่คนข้างๆนี่สิ หน้าแดงและแข็งเป็นหินไปนานแล้ว...สมกับเป็นไอ้รุจน์น้อยตัวแสบจริงๆ

เห็นแบบนั้น สดายุก็ได้แต่หันกลับมายิ้มกับตัวเอง ดูหนังต่อพร้อมไพล่คิดไปถึงตอนที่ถ่ายทำ แน่นอนว่าฉากเหล่านี้เคยผ่านตาเขามาหมดแล้ว แต่เป็นการผ่านแบบที่เป็นฟิล์มดิบในจอมอนิเตอร์ เนื้อหาทั้งหมดมโนเอาจากบทที่ได้อ่าน พอได้มาดูของจริง ต้องยอมรับว่าทึ่ง จริงอยู่ว่าเขาคือตัวละครหลัก คือตัวขับเคลื่อน แต่มันจะไม่สำเร็จงดงามขนาดนี้เลยถ้าขาดคนเรียบเรียงตัดต่อมืออาชีพ มันลงตัวและดูดี จนสดายุอดยิ้มออกมาไม่ได้

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้แสดงหนัง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาได้มานั่งดูรอบปฐมทัศน์ของหนังที่ตัวเองแสดงนับครั้งไม่ถ้วน ตื่นเต้นบ้างในช่วงแรกๆ หลังจากนั้นมันคืองาน และเขามั่นใจว่ามันออกมาดีเยี่ยมอย่างไม่ม่ข้อกังขา

แต่เรื่องนี้มันแตกต่าง เป็นเรื่องที่ลุ้นตั้งแต่ฉากแรกยันฉากปัจจุบัน คงเพราะหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ได้เล่นหลังจากที่ออกจากวงการไปนาน กลัวฝีมือจะขึ้นสนิม กลัวเข้าไม่ถึงบทบาท กลัวทำให้กฤตเมธต้องเสียเครดิตไปด้วย กลัวไปหมดจนต้องนั่งลุ้นเสียตัวเกร็ง
ลุ้นที่สุดก็คงเป็นผลตอบรับจากทางผู้ชม ว่าจะรับได้กับการกลับมาของเขามากแค่ไหน และหากรับไม่ได้ แล้วมีข่าวว่าเขากับกฤตเมธคบกันอีก จะเป็นการทำให้กฤตเมธต้องเดือดร้อนหรือไม่...

...รู้ว่าเขาไม่สมควรคิดเรื่องนี้ ไม่สมควรใส่ใจอีก เพราะเคยรับปากกับกฤตเมธเอาไว้แล้วว่าจะไม่โทษตัวเองอีก

แต่ใครจะไปทนไหวกันเล่า ใครจะทนปล่อยให้ตัวเองทำคนรักลำบากได้กัน...เขาทนไม่ได้หรอก

ขณะกำลังคิดไม่ตกกับปัญหาที่ยังคาอยู่ในใจ เสียงสะอื้นเบาๆจากรอบกายก็ดังขึ้น มากันครบทั้งเสียงสูกน้ำมูก และเสียงสะอึกสะอื้น ครั้งพอหันกลับไปมีสติกับหน้าจอหนังใหม่อีกครั้ง ก็พบว่า เรื่องราวมันได้ดำเนินมาถึงตอนที่ ภุมรากำลังจะเข้าห้องไอซียู ฉากนั้น เป็นตอนที่ภุทราใช้เรียวแรงที่เหลือเพียงน้อยนิด ประคับประคองสติหลุดลอยของตัวเองไว้ เพื่อบันทึกความทรงจำกับคนที่ตัวเองรักอย่างสุดหัวใจเป็นครั้งสุดท้าย

สดายุจำได้ว่า เป็นฉากที่บิ้วอารมณ์กันนานพอสมควร หลังจบซีนแล้วยังยิ้มแทบไม่ค่อยออก เพราะยังคงค้างเติ่ง ตื้อไปกับอารมณ์ของตัวละคร

สดายุรู้ดีเลยว่าฉากนี้มันกระชากอารมณ์แค่ไหน โดยเฉพาะฉากต่อไปที่เป็นฉากอารมณ์เดี่ยวๆของนคินทร์ ที่ต้องทนอ่านบันทึกของคนรักที่กำลังอยู่ในห้อง ICU อย่างทุกข์ทรมาน ภาพผู้ชายนิสัยแข็งๆคนหนึ่ง ที่ปกติไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าเท่าไหร่ ผู้ชายทื่อๆที่ตอนนี้กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นกับตัวเองราวกับเป็นเด็กๆ นั้น สร้างอารมณ์หน่วงให้กับคนที่ได้พบเห็น ให้ได้ร้องไห้ตามกันไปเป็นทิวแถว ยกตัวอย่างเช่นแตงกวากับรุจน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่ตอนนี้ก็กำลังสูดน้ำมูก ปาดน้ำตากันอยู่เป็นการใหญ่

แม้แต่สดายุเองยังรู้สึกว่าอยากร้องไห้ตามไปด้วย

ทั้งร้องทั้งลุ้นกันจนมาถึงฉากที่ภุมรารอดจากเงื้อมมือมัจจุราชมาได้ และลืมตาตื่นขึ้นมาเป็นครั้งแรก สดายุได้เห็นตัวเองในจอภาพยังรู้สึกใจหาย ภุมราในเรื่องนั้นผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ดวงหน้าซูบตอบทั้งยังซีดเผือด  ทั้งเจาะคอ ทั้งออกซิเจน ระโยงระยาง ถึงตัวสดายุเองจะรู้อยู่แก่ใจว่าทั้งหมดนั้นคือเอฟเฟคที่แต่งเพิ่ม บวกกับการแต่งภาพให้ดูป่วยหนัก แต่ถึงอย่างไรก็อดสงสารภุมราในเรื่องไม่ได้จริงๆ สงสารตัวเองด้วย ที่จนถึงตอนนี้ก็ยังผอมกร๋องแกร๋งอยู่...คิดถึงมัดกล้ามในวันวานแทบขาดใจ

ในที่สุดภาพยนตร์ก็ดำเนินมาถึงตอนจบ ทุกคนที่ได้ดื่มด่ำกับภาพยตร์เรื่องนี้มา ถึงกับถอนหายใจตามกันเมื่อถึงฉากสุดท้าย ที่พระนายประคองกันเดินออกจากห้องไป เปิดประตูสู่แสงสว่าง  Happy Ending เป็นอะไรที่สมบูรณ์และเติมเต็มที่สุด

และตอนที่เพลงประกอบเริ่มดังขึ้น ก่อนที่ End Credit จะวิ่งเป็นจอดำนั้น จอภาพเปลี่ยนเป็นสีขาวสนิท พร้อมลวดลายดอกไม้สวยหวานที่ค่อยๆเลื้อยเข้ามาประกอบที่ขอบจอ และจากนั้นเพียงอึดใจ รูปของเสน่ห์จันทร์ก็ถูกฉายออกมาตรงกลางจอ ในรูปนั้นเสน่ห์จันทร์อยู่ในท่วงท่าสบายๆ และยิ้มให้กล้องด้วยรอยยิ้มที่สวยที่สุด พร้อมกับคำลงท้ายใต้รูปว่า

แด่ เสน่ห์จันทร์

เครดิตส่งท้าย ที่เหล่านักแสดง และทีมงานทุกคนในโรงภาพยนตร์แห่งนี้ พร้อมใจกันยืนขึ้นเพื่อไว้อาลัย และปรบมือให้เกียรติแก่ผลงานชิ้นสุดท้าย ที่เสน่ห์จันทร์ได้ดูแลก่อนจากโลกนี้ไป

พอออกมาจากโรงหนังได้ ก็ถึงฤกษ์ที่ต้องให้สัมภาษณ์กันอีกรอบเกี่ยวกับความรู้สึกที่ได้ดู และคำวิจารณ์พอสังเขปที่จะใช้นิยามหนังเรื่องนี้ เพื่อที่จะเอาไปใส่ใน Preview และโฆษณาหนัง ก่อนที่จะฉายจริงทั่วประเทศ ในรอบเย็นของวันรุ่งขึ้น   ช่อดอกไม้แสดงความยินดี ถูกส่งมอบให้เหล่านักแสดงนำ และคณะทีมงาน โดยเฉพาะผู้กำกับอย่างพี่อ๊อด

“แล้วเอาไงต่อ”  พี่อ๊อดถามสดายุและกฤตเมธขึ้น เมื่อนักข่าวที่คอยมะรุมมะตุ้มกันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไป

“แล้วเอาไงต่อ...ยังอยู่ในแผนเดิมใช่ไหม?”  พี่อ๊อดถามกฤตเมธที่ยืนอยู่คนเดียวขึ้น เมื่อนักข่าวที่คอยมะรุมมะตุ้มกันอยู่เมื่อครู่สลายตัวไป เพราะใกล้เวลาที่เหล่าดาราคนสำคัญจะต้องกลับออกจากงาน 

“ครับพี่ คงไม่มีอะไรเปลี่ยน” กฤตเมธตอบฉะฉาน ด้วยสีหน้านิ่งงันไม่แสดงอารมณ์ใดๆ และอ๊อดเองก็พยักหน้ารับรู้ด้วยนึกว่าน้องชายกำลังปั้นหน้าหลอกนักข่าว

ผู้กำกับหนุ่มใหญ่หันซ้ายแลขวา กำลังจะอ้าปากถามถึงสดายุ เพราะปกติดสองคนนี้มันจะอยู่ติดกันเป็นตังเม แต่ก็นึกขึ้นได้ว่า อาจเป็นเพราะการอยู่ด้วยกันมากเกินไปในตอนที่ยังมีนักข่าวเสนอหน้าสลอนอยู่แบบนี้ อาจถูกตั้งคำถามอะไรที่น่าปวดหัวขึ้นมาอีกแล้วก็ได้ ดังนั้นทั้งคู่จึงตัดสินใจอยู่ห่างกันบ้าง...

ซึ่ง...เป็นเรื่องที่อ๊อดเข้าใจไปเองทั้งนั้น

เพราะเรื่องจริงก็คือ สดายุเป็ยคนปล่อยให้กฤตเมธยืนแกร่วอยู่คนเดียว แล้วตัวเองก็ไปยืนทำเนียนคุยกับดนัย ที่มีบดินทร์ยืนเนียนเป็นแฟนคลับอยู่ข้างๆต่างหากล่ะ  เพราะอย่างนี้ไงะ หน้ากฤตเธถึงนิ่ง(ตึง)นัก

ไม่ใช่แค่นิ่ง แต่กำลัง(โคตรจะ) เคืองนิ่งๆอยู่ต่างหาก

“ขอบใจนะ ที่มาดู” สดายุเปรยขึ้นเบา ระหว่างยืนอยู่ตรงกลางระหว่างดนัยและบดินทร์ ดนัยรู้ตัวดีว่าประโยคนี้สดายุคงไม่ได้หมายถึงตน จึงเลือกที่จะหุบปากนิ่ง มีเพียงรอยยิ้มประจำกายประดับบนใบหน้าเท่านั้น

“ขอบใจนะ...ที่อุตส่าห์เชิญมา...” คนที่เป็นเป้าตัวจริงตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าที่ซ่อนไว้ใต้กรอบแว่นหนาและผ้าปิดปากนั้นเห่อแดงขึ้นอย่างปิดไม่อยู่ “แสดงได้เยี่ยมเหมือนเดิมเลย...”  ก่อนจะชื่นชมออกมาอย่างอดไม่ได้

“ของมันแน่อยู่แล้ว” สดายุตอบรับคำชื่นชมอย่างไม่มีขัดเขิน พร้อมส่งยิ้มบางให้กับคนตรงหน้า ก่อนจะขอตัวลากลับก่อน เพราะหากคุยนานกว่านี้ พวกนักข่าวจะผิดสังเกตุเอา

“อีกสองอาทิตย์”   แต่ไม่ทันที่สดายุจะได้เอ่ยลา บดินทร์ก็ชิงพูดบางอย่างขึ้นมาเสียก่อน ใบหน้าที่ก้มต่ำอยู่ตลอด เงยหน้าขึ้นสบตาสดายุตรงๆอีกครั้ง

“อีกสองอาทิตย์...กู...กูจะไปทำงานกับดนัยที่ฮอลีวูด...”

น้ำเสียงไม่ได้ดังนัก แต่ก็ไม่ได้เบาจนจับใจความไม่ได้ ประโยคบอกเล่าที่บดินทร์ว่ามา ถึงกับทำให้สดายุเอียงหน้าฉงน น้ำเสียงไม่ได้ดังนัก แต่ก็ไม่ได้เบาจนจับใจความไม่ได้ ประโยคบอกเล่าที่บดินทร์ว่ามา ถึงกับทำให้สดายุเอียงหน้าฉงน จ้องมองกลับไปที่สายตาคมกล้าของบดินทร์ที่ส่งมาอย่างจริงจัง ก็เห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องอำกันเล่น ‘ไปทำงานกับดนัย’ ทำให้สดายุนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง บดินทร์กับดนัยตัวติดกันตลอด ถึงจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่เจอทีไรก็เห็นอยู่ด้วยกันทุกครั้ง คงเพราะอำนาจลับๆที่ดนัยมีอยู่สามารถช่วยเหลือบดินทร์ในยามนี้ได้ ก็คงไม่แปลกที่ในท้ายที่สุดแล้วบดินทร์จะมีโอกาสได้ติดตามดนัยไปไกลถึงฮอลีวูด ในเมื่อในเมืองไทยนี้ ยากแล้วที่บดินทร์จะมีที่ยืน

สดายุคิดแบบนั้น เพราะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างบดินทร์กับดนัย ทำให้พาลนึกไปว่าสิ่งที่เกิดระหว่างคนทั้งคู่คือมิตรภาพที่สวยงาม และความเอื้ออาทร

ทั้งที่จริงแล้ว มันอาจเป็นเพียงตรวนโซ่ ที่พันธนาการข้อเท้าของบดินทร์อยู่แค่นั้นเอง

“ก็ดีแล้วล่ะ มึงได้เริ่มต้นชีวิตใหม่เสียที อยู่ที่นี่ไปก็เอาแต่หลบๆซ่อนๆ ไหนจะเจ้าหนี้ ไหนจะนักข่าว ไปได้ดีก็ดีแล้ว กูอวยพรให้” เห็นเพื่อนเก่าจะไปได้ดีสดายุก็ดีใจด้วย มือบางตบไหล่บดินทร์เบาๆ เพื่อส่งกำลังใจให้กลายๆ “ว่าแต่เรื่องบ่อนนั่น ไม่มีปัญหากับครอบครัวมึงใช่ไหม?” แต่ก็ยังอดห่วงเล็กๆไม่ได้  จึงอดไม่ได้ที่จะถามไถ่ ถึงอย่างไร สดายุก็ยังตัดบดินทร์ไม่ลง

“เรื่องนั้น...เคลียร์ได้หมดแล้วล่ะ...คุณดนัยเขาให้ยืมเงิน...” บดินทร์อึกอักตอบคำ ดีใจที่สดายุเป็นห่วงเป็นใย แต่ก็ค่อนข้างอึดอัดใจที่จะตอบคำถามในส่วนที่เกี่ยวข้องกับคนที่ยัดเยียดตัวเองมาเป็นเจ้าชีวิตของเขา...บดินทร์ขบกรามเบาๆ เพราะเขาไม่อยากพูดถึงดนัยสักเท่าไหร่นัก

“งั้นเหรอ ดีแล้วล่ะที่ดนัยไม่เกลียดมึงน่ะ ได้เป็นมิตรกับหมอนี่ ได้ดีไปทั้งชีวิต” สดายุพูดพลางส่งยิ้มพราวให้ดนัยที่ยืนอยู่ข้างกันด้วย เขาหมายความตามนั้นจริงดังที่พูด โดยไม่สังเกตุเลยว่าสีหน้าของบดินทร์เจื่อนลงจนเห็นได้ชัด คงเพราะบดินทร์ไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่สดายุต้องการจะสื่อ ที่สดายุพูดออกมาแบบนั้น เพราะรู้มาจากกฤตเมธอีกทีว่าดนัยเป็นคนไม่เอาใครเป็นมิตรง่ายๆ แถมยังเป็นชายที่เป็นศัตรูที่โคตรร้ายกาจ แต่ถ้าได้เป็นเพื่อนแล้วก็โคตรจะโชคดี เพียงแต่บดินทร์ไม่รู้ในจุดนี้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่อาจเห็นด้วยไปกับคำพูดของสดยุได้

แต่ก็เถียงอะไรไม่ได้เลยเช่นกัน

“อ๊ะ พี่บลูโทรมา งั้นกูไปก่อนนะ บายดนัย” 

บดินทร์กำลังจะอ้าปากพูดบางอย่าง ก็พอดีกับที่สดายุมีสายเข้า ทำให้ไม่อาจจะพูดคำขอร้องสุดท้ายออกไปจากปาก แล้วได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของคนที่ตัวเองรักสุดใจ เดินจากไปช้าๆ

“อ่ะ ไปวันไหนก็โทรมาบอกแล้วกันนะ รู้เบอร์อยู่นี่ เดี๋ยวไปส่งที่สนามบิน”  ทว่าเดินออกจากวงได้ไม่กี่ก้าว สดายุก็หันกลับมาบอกให้บดินทร์โทรหา แล้วยังบอกว่าจะไปส่ง ก่อนจะเดินจากไป โดยที่ไม่หันกลับมาหาบดินทร์อีก แต่แค่นี้ก็เกินฝันแล้วสำหรับอดีตเพื่อนเลวอย่างบดินทร์ แค่นี้ก็มีค่ามากพอให้น้ำตาไหลได้แล้ว

“อยากเกิดเป็นยุจังเลยน๊า”  ระหว่างที่บดินทร์กำลังซาบซึ้งตื้นตันอยู่กับน้ำใจของสดายุอยู่นั้น จู่ดนัยที่ยืนอยู่ข้างกันก็เอ่ยคำขัดหูขึ้น
 
“คุณจะได้เชื่องกับผมแบบนี้บ้าง”

คำพูดตอกย้ำสถานภาพที่บดินทร์เกลียดแสนเกลียด แต่ในเมื่อมันคือความจริง เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มหน้ารับ และหุบปากสนิทไปไม่ตอบโต้ แต่ครั้นจะให้ยืนเป็นเป้าเชื่องๆ มันก็คงฝืนใจเกินไป ดังนั้นบดินทร์จึงตัดสินใจเดินออกไปจากตรงนั้นทันทีแบบไม่มีการหันไปมองดนัยเลยแม้แต่หางตา ถึงอย่างไรเจ้าหนี้ ก็ไม่ใช่เจ้าชีวิต

เห็นแบบนั้นดนัยก็เหยียดยิ้มร้าย รู้อยู่แล้วกับปฏิกิริยาที่คาดเดาได้อย่างง่ายดายของบดินทร์ แบบนี้แหละถึงจะสมกับเป็นบดินทร์ เหยื่อที่ยังมีลมหายใจและมีชีวิตชีวา น่าเร้าใจเสมอ การฝึกสัตว์ร้ายเป็นเรื่องท้าทายที่ดนัยรู้สึกสนุกจนเนื้อเต้น

ฝึกให้เชื่องได้เมื่อไหร่ ดนัยคงอิ่มเอมใจไม่น้อย

แล้วเขาจะเลือกใช้วิธีไหนดีนะ...

คิดแล้วก็ยิ้มกับตัวเองเล็กๆ ก่อนเดินตามบดินทร์ไปห่างๆ ที่นัดหมายคือลานจอดรถชั้นพิเศษปลอดคน ไม่ต้องตามคุมดนัยก็รู้ดีว่าบดินทร์ไม่มีทางหนีจากมือเขาไปไหนรอด เพราะฉะนั้นการปล่อยให้ได้ใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง จึงเป็นวิธีการเลี้ยงแบบแรก ที่ดนัยเลือกใช้   

“ไงเรา คุยเพลินเชียวนะ นึกว่าลืมพี่ไปเสียแล้ว”

เดินกลับมาถึงตัวกฤตเมธที่ยืนหอบดอกช่อใหญ่อยู่เดียวดาย ท่ามกลาง ฉากหลังที่เป็นเหล่าแฟนคลับของพอร์ชรุจน์ที่กำลังกรี๊ดกร๊าดอยู่กับดาราขวัญใจ เห็นแบบนั้นแล้วสดายุก็นึกสงสาร แต่พอชำเลืองไปเจอผู้กำกับอ๊อดที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างคุณกมล สดายุก็เริ่มรู้สึกผิดเล็กๆ สองคนนี้ คงยืนเป็นการ์ดช่วยกันนักข่าวให้กฤตเมธอยู่แน่ๆ แล้วพอเขาเดินเข้ามาสมทบ ก็ถูกร่างสูงใหญ่ของคนรักโน้มมากระซิบค่อนขอดแบบเนียนๆ

“ใครจะลืมลงล่ะครับ ตัวโตสะดุดตาขนาดนี้”  ก็ได้แต่กระซิบตอบแบบขอไปที ก่อนจะรายงานสถานการณ์ที่บลูม่าติดต่อเข้ามารายงาน “พี่บลูมารอผมอยู่ตรงล็อบบี้แล้วล่ะ เดี๋ยวผมขอตัวออกไปก่อนเลยแล้วกันนะ”

กฤตเมธพยักหน้ารับ อยากจะบ่นอะไรต่ออีกสักหน่อย แต่พอดีกับที่สดายุหันไปร่ำลากับผู้กำกับอ๊อดเสียก่อน หนุ่มใหญ่เลยตัดใจ เพราะถึงอย่างไร เดี๋ยวก็ต้องกลับไปเจอกันที่คอนโดอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นค่อยจัดการก็ยังได้

เพราะเปิดตัวหนังวันนี้ งานวันนี้เป็นงานที่นักแสดงนำที่ยังมีข่าวรอขุดคุ้ยอย่างกฤตเมธและสดายุเป็นตัวเด่น การป้องกันการถูกจับตามองจึงเป็นเรื่องยาก ดังนั้นทั้งคู่จึงจำต้องแยกกันมา โดยสดายุมากับกลูม่า และกฤตเมธมากับรถหรูของทางบริษัทที่สุริยาวดีจัดไปรับ

ตราบเท่าที่พวกเขายังอยู่ในสัญญาหนัง ตราบเท่าที่ยังไม่ได้เปิดแถลงข่าว พวกเขายังต้องวางตัวให้เหมาะสมที่สุด

งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ จบลงด้วยดีตามที่คาดหวัง จากนี้ไปสิ่งที่กฤตเมธและสดายุต้องทำคือ การเดินสายโปรโมทภาพยนตร์ต่อ เหมือนทั้งเดือนที่ผ่านมาที่ต้องออกรายการแนะนำหนังน่าดูอยู่หลายรายการ อีกเพียงอึดใจก็จบแล้ว อีกแค่ไม่กี่สัปดาห์หากหนังไม่ได้เป็นที่นิยมมาก ทุกอย่างก็จะจบได้เร็วขึ้น

หนังจบ ก็จะเป็นการแถลงข่าว

หลังแถลงข่าวก็ตกงาน...

ชีวิตบนเวทีนี้กำลังดำเนินมาจนเกือบสุดทางแล้ว ชีวิตหลังจากนี้ไปจะเป็นแบบไหนสดายุก็ไม่อาจพยากรณ์ได้ จะดีจะร้ายก็คงต้องกัดฟันและฝ่าฟันไปให้ได้เท่านั้น คิดได้ก็ชำเลืองมองไปทางกฤตเมธที่ยังยืนอยู่ข้างกัน เห็นใบหน้านั้น สดายุก็ยิ้มออกมา

จะไปทุกข์ทำไมเล่า ไม่เห็นต้องคิดมากเลย

เพราะเขาไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว...


 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 18-09-2015 23:30:47
 :pig2:


-   หนังเครียดชิบหาย

-   หมดกันพี่เมธกู

-   เลิฟซีนเร่าร้อนมาก

-   กรี๊ด ฟินค๊าครบรสมาก น้ำตาแตก น้ำลายหก กันไปเลยค๊า

-           หนังเกย์?

-   เนื้อหาดีมากค่ะ พี่เมธกับพี่ยุก็แสดงเข้าถึงบทดีมาก ชื่นชมค่ะ ดิฉันถึงกับร้องไห้ไม่หยุดเลยค๊า

-   หืม...เลิฟซีนขนาดนี้ อยากเป็นนางเอกเลยค๊า

-   สดายุสาวแตกมากอ่ะ

-   เลือดพุ่งค่ะ...

-   ผมว่าหนังมันโอเคเลยนะ ถึงจะเป็นเรื่องของเพศที่สาม แต่ดูแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่ ให้ความรู้สึกคล้อยตามได้ง่าย คงเพราะนักแสดงแสดงดี และคงเพราะฉากสวย มุมกล้อมแจ่มด้วย เลยยิ่งทำให้หนังออกมาสวยกว่าที่คิด ขนาดฉากเลิฟซีนผู้ชายด้วยกันที่คิดว่าต้องรับไม่ได้แน่ๆ ยังออกมาสมูท จนขนลุก ขอชื่นชมจริงๆครับ

-   ตอนแรกก็ว่าจะไม่ดู แต่ถูกแฟนบังคับพาไป สุดท้ายก็สนุกดีนะ เป็นหนังชายรักชายที่ดูไม่ลามกเหมือนเรื่องอื่นๆ ไม่ออกแนวหื่นสักเท่าไหร่ พอไหว โดยเฉพาะฉากที่ภุมราใกล้ตาย แฟนผมนี่ร้องไห้อย่างกับญาติเสีย ขอปรบมือให้เลยครับ

-   สดายุ น่ากินมาก หนังสนุกสุดๆ ชอบๆๆๆ

-   รันทดไปไหน? ชีวิตภุมรามันคือโศกนาฏกรรมชัดๆ ยังดีที่ยังดำเนินเรื่องได้ไม่ขัดนัก สามารถบิ้วอารมณ์คนดูให้อินตามได้ ตรงผมถือว่าเยี่ยมครับ ตัวของภุมราแสดงออกมาได้อินมาก คาแรคเตอร์แข็งนอกอ่อนในชัดเจน ประเภทคนหล่อมีปม สาวๆหลง แถมยังป่วยอีก (มันจะอะไรกันนักกันหนา) เป็นตัวละครที่มืดมนดีครับ  ฉากเลิฟซีน โฉ่งฉ่าง ใช้ได้เลย รุนแรง และโจ่งแจ้ง พอสมควร แต่ตรงนี้ผมขอชื่นชมมุมกล้อง กับองค์ประกอบหลายๆอย่างที่ ทำออกมาให้ดูไม่เป็นเรื่องลามกอณาจาร แต่มันคือเซ็กส์ของคนสองคน ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมชาติ (ขนาดฉากข่มขืนยังออกมาสวยเลย) ทั้งยังไม่ได้โป๊จนเห็นอวัยวะใดๆ ถือว่าโอเคครับ ไม่ดูเป็นหนังที่เก๊เกย์จนเกินไป

-   ฉากเลิฟซีนนี่ได้กันจริงเปล่าวะ คิดว่าจะแข็งกันไหม?แอร๊ย ขนตูดลุกซู่

-   อยากลองสดายุบ้างว่ะ ในหนังแม่งน่ากินฉิบหาย

-   พี่เมธเล่นบทเกย์ กรี๊ด! รับไม่ได้!!

-   เล่นเก่งกันทั้งคู่เลยอ่ะ ช่วงกลางเรื่องร้องจนตาบวม แต่ฉากจบนี่ยิ้มตามจนแก้มแทบแตก กรี๊ดมากเลยค่ะ

-   คู่แข่งแม่เบี้ย

-   ฟินตัวแตก


หนึงสัปดาห์ต่อมาหลังจากภาพยนตร์ลงจอฉาย  สารพัดคำวิจารณ์ก็ยิ่งมากขึ้นตามโลกโซเชียล ทั้งชื่นชม ทั้งบ่น ทั้งเกรียนใส่ มากมายหลายความคิดเห็น ทั้งที่ได้ดูแล้ว และยังไม่ได้ดู ช่วงนี้ที่สดายุกับกฤตเมธที่หมดงานจากการโชว์ตัว ในรายการและอีเว้นท์ต่างๆแล้วนั้น ก็ได้พักอยู่บ้านสบายๆอยู่ระยะหนึ่ง พวกเขาหยุดรับงานเพิ่มแล้ว เหลือเพียงเคลียร์งานเก่าให้เสร็จสิ้น ก็เป็นอิสระจากวงการอย่างหมดจดเสียที เพียงแต่คำว่าหมดจดในที่นี้ หมายถึงแค่ในเรื่องตัวงานเท่านั้น เพราะถึงอย่างไร ความที่เคยเป็นบุคคลสาธารณะ พวกเขาหลบเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะยังเป็นกระแส เป็นข่าว และเป็นที่จับตามองไปอีกสักพักใหญ่ๆ ซึ่งอาจจะเป็นแค่หลักสัปดาห์ หลักเดือน หรือหนักหน่อยก็หลักปี แน่นอนว่าในจุดจุดนี้ ทั้งสดายุและกฤตเมธ ได้ทำใจรับไว้เรียบร้อยแล้ว

หนังไม่ได้ดังเปรี้ยง เพราะเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ทำเงินได้ตามเป้าที่ตั้งไว้  เพราะถึงจะเป็นหนังเกย์ แต่อย่างน้อยเหล่านักแสดงหลักของเรื่องก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง และมีแฟนคลับ กับพวกคอวิจารณ์หนัง ที่ถึงจะไม่ใช่แนวที่ชอบก็มักจะตีตั๋วเข้าดู เพื่อจะได้เขียนบทวิจารณ์ได้อย่างถูกต้อง

บทวิจารณ์หนังมีเยอะ มากหลังผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์ ทั้งชม ทั้งด่ามหาศาล แค่พิมพ์คำว่า ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ เข้าไปที่ช่องค้นหาในเว็ปไซด์กูเกิ้ล บทวิจารณ์ต่างๆที่มีทั้งดีร้ายก็เด้งหน้าขึ้นมาโชว์ตัวกันล้นหลามเต็มหน้าเพจไปหมด ทั้งในเว็ปดัง ไม่ดัง ขึ้นมาให้อ่านเพียบ 

 “เอาแต่อ่าน คอมเม้นท์พวกนี้อีกแล้วนะยุ อ่านไปให้ได้อะไรขึ้นมาหืม?”

เสียงทุ้มถามขึ้น ขณะเดินเช็ดผมเปียกๆของตน ก่อนลงนั่งอยู่ข้างกันกับสดายุที่นั่งจดจ่ออยู่กับไอเพดมินิในมือ

“ผมก็แค่อยากรู้ว่าคนดูเขามีฟีดแบคยังไงบ้างเท่านั้นเอง” สดายุเถียงเบาๆ ความจริงเขาถูกกฤตเมธห้ามเอาไว้ตั้งนานแล้วว่าให้เลิกอ่านพวกวิจารณ์หนังเรื่องนี้เสียที เพราะยิ่งอ่าน สดายุก็ยิ่งเครียด แต่จนถึงตอนนี้ สดายุก็อดไม่ได้ที่จะเปิดเข้าไปอ่านเสียที

เห็นคนรักยังคงเถียง กฤตเมธก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยเตือนสดายุออกไปด้วยความหวังดี  “เลือกอ่านเฉพาะอันที่สร้างสรรค์ กับอันที่ติเพื่อก่อก็พอนะ ส่วนพวกที่มีแต่ทำให้ใจเราห่อเหี่ยว ทำให้ความรู้สึกเราติดลบ ก็อย่าไปดูมันเลย แค่รับรู้ไว้ว่ามีพวกนั้นอยู่ แต่อย่าเก็บเอามาใส่ใจเลยนะ”

“ก็อ่านหมดนั่นแหละ ไหนๆมันก็อยู่กระทู้เดียวกัน”

“อย่าขยันทำร้ายตัวเองนักสิ ซาดิสต์เหรอเราน่ะ”

“เปล่าสักหน่อย”

“พอแล้ว เลิกอ่าน ตามทุกวันเลยนะไอ้เพจด่าดาราเนี่ย”

“ก็แค่อ่านเอง ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ลุงจะเยอะไปไหนเนี่ย?”

“ยุ!”

“พี่เมธ!!”

การโต้เถียงยาวนานกว่าทุกครั้ง เพราะความดื้อดึงของสดายุ และความขี้เป็นห่วงเกินกว่าเหตุของกฤตเมธ คบกันนานเข้าต่างฝ่ายต่างก็เปิดใจเข้าหากันมากขึ้น แน่นอนว่าคนเด็กกว่าย่อมเอาแต่ใจ และคนแก่กว่าก็ย่อมจ้ำจี้จ้ำไชด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเป็นธรรมดา

“เฮ้อ...พี่ก็แค่ไม่อยากให้ยุต้องคิดมาก ก็รู้ๆอยู่ไม่ใช่เหรอว่าตัวเองเป็นยังไง” เห็นเด็กน้อยเริ่มอารมณ์บูด ผู้ใหญ่กว่าก็ต้องยอมลงให้บ้าง  แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้ดื้อด้วยได้ง่ายๆหรอกนะ

“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า...กับเรื่องแค่นี้ ผมเจอมาทั้งชีวิตแล้ว” สดายุแก้ตัวไปพลาง ยังคงก้มหน้าก้มตาอ่านคอมเม้นท์ ในกระทู้วิจารณ์อย่างออกรส

ก็เพราะสดายุเป็นเสียแบบนี้นี่แหละ คนรักอย่างกฤตเมธ ถึงได้ต้องตามดูแลหัวใจให้ไม่ห่าง ช่างขยันหาเรื่องเหนื่อยอกหนักใจเหลือเกิน  และในจังหวะนั้นเอง กฤตเมธก็ไม่คิดหยวนให้เด็กน้อยอีก ร่างสูงจึงขยับเข้าใกล้แล้วแย่งสื่อออนไลน์ออกจากมือของสดายุ เพื่อเป็นการหยุดคนรักให้เลิกเสพสื่อด้านลบ

“อะไรของลุงเนี่ย? เอาคืนมาเลย” โดนลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวเข้าหน่อย สดายุก็เริ่มฉุน เอื้อมคว้าของของตัวเองคืนจากตาลุงเจ้ากี้เจ้าการเป็นระวิง…ทว่า

จุ๊บ…

“…….”  จู่ๆก็ถูกกฤตเมธขโมยกันดื้อๆ เล่นเอาอารมณ์ฉุนค้างถึงกับสะดุด ได้แต่นั่งนิ่งขมวดคิ้วมองโจรแก่ตรงหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ลงโทษเด็กดื้อไง” ขโมยจูบกันดื้อๆยังไม่พอ กฤตเมธยังอุตส่าห์ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ใส่สดายุพร้อมบอกว่าเป็นการโลงโทษเสียอีก มาไม้นี้เล่นเอาสดสยุถึงกับไปต่อไม่ถูก โดนคนรักอายุมากกว่ามาเล่นมุขตาแก่โรคจิตใส่ด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์แบบนี้  จะให้โกรธเขาก็ดันโกรธไม่ลงเสียแล้ว

“เป็นตาเฒ่าหัวงูหรือไง?” ถึงจะไม่ได้โกระอะไร แต่ก็อดไม่ได้ที่จะค่อนแคะ แซะให้กฤตเมธได้รู้ตัวบ้างว่าตัวเองน่าหมั่นไส้แค่ไหน แต่ถึงสดายุจะว่าอะไรไป ก็ดูจะไม่ระคายผิวผู้สูงวัยกว่าสักเท่าไหร่นัก

เพราะยิ่งโดนว่า กฤตเมธยิ่งยิ้มจนตาหยี ก่อนจะยิงมุกคนแก่ใส่คนรัก ให้ได้เขินเล่นกันบ้าง “เป็นหรือเปล่า ยุต้องพิสูจน์เองบนเตียงเสียแล้วล่ะ” และไม่ใช่แค่ปากว่าเสียด้วย มือปลาหมึกยังรุกเร็วไม่แพ้ปาก เผลอแปบเดียว ก็ลากเรื่อยมุดหายเข้าไปในเสื้อยืดตรงหน้าท้องแบนๆของสดายุเสียแล้ว พร้อมยังแสร้งเลียริมฝีปากของตัวเองเบาๆ เป็นการหยอกเย้าสดายุกลายๆ

“ตายอดตายอยากมาจากไหนเนี่ย?”   สดายุกระซิบบ่นข้างหูของกฤตเฒธบ้างอย่างนึกสนุก ใครจะไปยอมตกเป็นเหยื่ออยู่ฝ่ายเดียวกัน

“มีเมียเด็กก็งี้แหละ โดนเนื้ออ่อนๆยั่วทั้งวัน ใครจะไปทนไหว”  แต่การโต้ตอบของกฤตเมธที่มาพร้อมริมฝีปากอุ่นที่ค่อยๆเคลื่อนลงสัมผัสแนบลำคอขาวขึ้นเรื่อยๆ ก็พาสดายุใจสั่นไม่น้อย คงเพราะตั้งแต่กฤตเมธถูกยิง ก็มีแต่เรื่องให้เครียด กิจกรรมเติมเต็มความรัก จึงค่อนข้างเหินห่าง

และด้วยความที่เริดร้างกันมาสักพักใหญ่ๆนี่แหละ พอจุดติดได้เท่านั้น ไฟสวาทก็พร้อมกระพือโหม

“โรคจิตจริงๆนะเนี่ย…หึหึ แต่เอาเถอะ อย่าไปหื่นใส่ใครนอกจากผมแล้วกัน” สดายุว่า ขบขันไม่น้อยกับคำตอบยียวนของกฤตเมธ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร ทั้งยังช่วยแหงนคอเชิดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนรัก ที่กำลังคึกคักอยู่กับเนินเนื้อหนุ่ม

“หึหึ…หึงเหรอ?” ได้ยินคำสั่งของคนรัก หนุ่มใหญ่ก็ยิ้มพราว สองมือที่สอดลึกเข้าไปใต้เสื้อเชิ๊ตเนื้อบาง เพิ่มแรงบดขยี้ผิวเนื้ออ่อนจนร้อนแทบลุกเป็นไฟ พร้อมฝังริมฝีปากระอุลงบนไหปลาร้านูนเด่นของสดายุ ทั้งยังกัดแทะด้วยความเพลิดเพลิน ขณะฟังคำตอบว่า “มาก” ของสดายุด้วยความปรีเปรม

และแม้ว่าการสัมผัสร่างกายซึ่งกันและกันจะรุนแรงขึ้นทุกขณะ การโต้ตอบระหว่างกฤตเมธและสาดยุก็ยังไม่ได้ขาดตอนลง ราวกับกำลังแข่งกันอยู่กลายๆ ว่าใครจะสามารถครองสติไว้ได้นานที่สุด

“สาบานเลย พี่จะมีแค่ยุคนเดียวตลอดไป” เพราะคำตอบที่ได้มันน่าชื่นใจ กฤตเมธจึงอดไม่ไหวที่จะมอบจุมพิตเบาๆให้สดายุเป็นของขวัญ พร้อมทั้งให้คำมั่นจากใจ ว่าจะไม่ยอมมีใครอื่นอีกเลย ไปทั้งชีวิตที่เหลือ

“ดีมาก…ฮื่อ…อย่าเพิ่งสิ เช็ดผมให้แห่งก่อนดีกว่าไหม? เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก” กำลังจะชื่นชมเสียหน่อยว่าน่ารัก แต่กฤตเมธดันไม่ปล่อยโอกาสให้สดายุได้ว่าง เผลอเพียงนิด ตาแก่ตัวร้ายก็ก้มลงดูดดุนหัวนมชูช่อของสดายุนอกเสื้อเสียอย่างนั้น ทำเอาร่างบางถึงกับกระตุกหวือ ความเสียดเสียวที่แล่นวาบ ทำให้สดายุต้องรีบยั้งคนหื่นให้สงบลงบ้าง

“ไม่เป็นไร เพราะเดี๋ยวก็เปียกเหงื่ออยู่ดี” และแน่นอนว่า มันไม่มีทางได้ผล

“…ตาเฒ่าลามกเอ้ย” ถึงปากจะบ่น แต่ก็ยอมให้คนรักขยี้ริมฝีปากร้ายๆจนพึงใจ เผลอร้องออกมาหน่อยเพราะตกใจที่จู่ๆก็โดนช้อนตัวอุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาว เซอร์ไพรซ์กับกำลังฮึดของคนแก่ไม่น้อย เพราะถึงตอนนี้เขาจะผอมมาก แต่ก็ไม่ใช่จะเบาเหมือนผู้หญิง กระดูกวัยหนุ่มทั้งแน่นทั้งหนัก แต่ดูท่ากฤตเมธจะเอาอยู่

“เดี๋ยวก็ได้หลังเดาะ” สดายุกระเซ้าเบาๆ ขณะใช้แขนขาวคล้องคอหนาเอาไว้กันร่วง

“ไม่เดาะง่ายๆหรอก หลังพี่ใช้ดีถึงเช้า” กฤตเมธหันมายิ้มให้คนในวงแขน แล้วเดินเฉิบๆมุ่งตรงไปห้องนอน แบบสบายๆ ราวกับว่าตัวสดายุนั้นเบาเท่าหมอนขนนก

“หึหึ...ให้มันจริง”

“เดี๋ยวก็รู้”

 :n1:

*****************************************************
กราบขออภัยอย่างแรงกล้าหน้าด้านที่ไม่สามารถลงจนจบได้เจ้าค่ะ
#แถลงรักครึ่งตอนสุดท้าย มาReplyหน้าแน่นอนค่ะ
จึงขออนุญาตตั้งชื่อตอนนี้ว่า #ปฐมทัศน์
อันเป็นSubset ของตอน #แถลงรักไปก่อนก็แล้วกันนะเจ้าคะ
กราบ…

ใครรู้บ้าง 23 กันยายนนี้  น้องยุเราครบ 2 ขวบแล้วล๊า 555+
นิยายเรื่อง “ผมคือ...นางเอก” เขียนมาครบ 2 ปีแล้วน๊า
จากแรกเริ่มที่เป็นแค่เรื่องสั้น กะให้จบตั้งแต่อยู่มัลดีฟส์
กลายเป็นเรื่องยาว ที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมาซะได้
เผลอแป๊บเดียว 2 ปีกับ 55 ตอน เข้าไปแล้ว เย้ๆ
(ไม่ใช่แค่เพราะเรื่องมันยาว...แต่เพราะคนเขียนอู้อิบอ๋ายด้วย อิอิ) TT^TT
ถ้ามาทันล่ะก็เก๊าจะพยายามปั่น #แถลงรัก# ลงให้ทันภายในวันที่ 23 นะคะ
(แต่ติดเดินทางไปเชียงใหม่ 20-21ล่ะ เก๊าจะทำทันไหมเนี่ย TT^TT)

ใครคิดถึงพอร์ช+รุจน์ มาลงให้หายคิดถึงไปแล้วนะจ๊ะ
คู่นี้เขาบทน้อย ปั๊บปี้เลิฟเบาๆ มีต่อตอนหน้ากับตอนพิเศษเน่อ
**ใครอย่าว่าพอร์ชมันหื่นเลยนะ มันรักของมันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย
แค่มันไม่จับรุจน์ปล้ำไปตั้งแต่ซ้อมบท ก็บุญหัวไอ้รุจน์แค่ไหนแล้ว
อิอิ #ทีมพอร์ช

ส่วนชิดจันทร์เคลียร์สนิทแล้วนะคะ ไม่มีบทในเนื้อเรื่องอีกต่อไปแล้วจ๊า
บ๊าย บาย ชิดจันทร์... Mission Completed

ปล.ขอบคุณที่ช่วยตั้งชื่อเรื่องใหม่น๊า เดี๋ยว Reply สุดท้าย  เรามาเจอกันว่ามีชื่อไหนเด็ดๆบ้าง

ปลล. รู้นะว่ารอฉากหื่น (จะให้เป็นบทขึ้นต้นของ Re หน้าเลยจ๊า)

ปลลล. แบ่งเป็น 2 รีไม่ได้เพราะตัวอักษรเกินเลยต้องมาเป็น 3รี... (เหลือของตอนหน้าอีก 2รี...ยาวไปไหนเนี่ย)

ขอบคุณที่ช่วยติดตามค่ะ
อนาคี # Thearboo

 :กอด1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ppoi ที่ 18-09-2015 23:39:21
 :z13: :z13: :z13: ไม่ได้จิ้มมานาน บังเอิญเปิดมาเจอ ขอจิ้มหน่อย 555

ละค่อยไปอ่าน  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: farfarneenee ที่ 18-09-2015 23:50:37
ง่าาาา ไม่อยากให้จบเลยยยย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 18-09-2015 23:52:48
กรี้ดแรง  :heaven
ทำไมไม่รู้ แต่อ่านตอนนี้คือฟินกว่าอ่านnc
อย่างกับเห็นลูกรักประสบความสำเร็จในชีวิต :sad11:
ตอนหน้าจะเครียดแล้วใช่มั้ยเนี่ย

**จุดพลุล่วงหน้า ฉลองครบ2ปีค่าาา**
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 18-09-2015 23:53:00
ระวังสังขารบ้างนะคะแหม่กะกินน้องยันเช้าเชียว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 18-09-2015 23:55:54
สนุกมาก ชอบมาก รออ่านตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อเลย รีบมาต่อน๊า  :call:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: The_Beggar ที่ 18-09-2015 23:56:40
ฟินตัวแตกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 19-09-2015 00:06:12
สนุกมากเรื่องนี้ เยี่ยมๆๆ รอตอนจบได้ค้า สบายมาก :impress2:
ถ้ามีพิมพ์หนังสือ จองด้วยน้า

แล้วก็ลุ้นคู่ดนัยกะบดินทร์ต่อ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 19-09-2015 00:11:02
2ปีแล้ว  เร็วมากกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 19-09-2015 00:41:04
ชอบและสนุกมากจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 19-09-2015 01:24:20
ทำมือมาเลยนะ เรื่องนี้ อย่าไปสนพ. เค้าไว้ใจนักเขียนค่ะ

#ลุงหื่นหนักมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 19-09-2015 07:11:20
โอ้วววว เห็นแบบนี้แล้วอยากไปนั่งฟินในโรงหนังบ้างงงง
แอบเงิบตรง "คู่แข่งแม่เบี้ย"  :laugh:
รอตอนหน้าอย่างใจจดใจจ่อเลยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 19-09-2015 07:34:11
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 19-09-2015 08:30:13

ฟินไปโลกหน้าแล้ว

พูดไม่ออก

รู้แต่ว่ามันดีมาก

รอต่อขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 19-09-2015 09:09:43
บอกเลยว่าฟรินนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-09-2015 09:33:08
รอตอนต่อไปค่ะ  :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Yร้าย ที่ 19-09-2015 09:33:54
อ่านแล้วคิดถึงภูกับภู่ น่าจะเชิญมาเป็นแขกคู่พิเศษ ในฐานะเป็นคู่ชีวิตจริงที่ทำให้เกิดการสร้างหนังและคู่รักขึ้นมา ถึง 4 คู่เชียวนะ คิดถึงจริง ๆ อยากให้จับมาสัมภาษณ์คู่กับพี่เมธน้องยุด้วย แต่ตอนนี้ไปอ่าน ภูกับภู่อีกรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ดีกว่า :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 19-09-2015 09:52:04
กี่ reply ก็รอได้ค่ะ  ยังไม่อยากให้จบเลย งื่อออออ :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 19-09-2015 10:19:49
น้องยุ บิ้วหุ่นกลับมาลุงจะได้ขบกัดได้เต็มที่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 19-09-2015 10:49:14
รอฟินต่อตอนหน้า :mew1:

 :กอด1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 19-09-2015 11:35:49
ฝ่าด่านมาจนเกือบถึงด่านสุดท้ายแล้ว  เอาใจช่วยน้องยุกะลุงเมธให้ผ่านแถลงข่าวไปได้ด้วยดีนะคะ   :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 19-09-2015 12:21:03
อูย เผลอแป๊ปๆนี่สองปีแล้วเหรอเนี่ย 555555
เร็วมาก

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะที่อุตส่าห์พยายามมาต่อให้ตลอด กอดดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 19-09-2015 12:56:55
ติดตามอ่านมาตลอด ใกล้แล้วที่ความรักของทั้งคู่จะได้เปิดเผนต่อสาธารณชน

เป็นงานเขียนอีกเรื่องที่มีอะไรมากกว่า ความสนุก และความฟิน

ลองพิสูจน์กันได้น่ะครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 19-09-2015 13:51:02
ติดธุระหายไปแปปเดียว มาหลายตอนเลย โอ๊ย ฟินเว่ออออออ
ชอบคู่รุจพอชมากค่ะบอกเลย มันจิ้น มันฟิน มันหื่น 5555555
พี่เมธก็ไม่น้อยหน้านะ ถึงจะแก่แต่ก็ฟิตชิมิ น้องยุเตรียมรับมือ  :oo1:
ส่วนบดินทรจะว่าสงสารก็สงสารนะ แต่มันเป็นกรรมที่เคยก่อไว้เลยทำให้ตกอยู่ใยสภาพแบบนี้ เอาหน่าสู้ๆ เดวก็ได้กับดนัยเอง
ให้กำลังใจคนแต่ง  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 19-09-2015 17:22:51
ไม่รู้พลังอื่นจะเยอะมั้ย(อันนี้คนพิสูจน์ได้มีแค่น้องยุ) แต่พลังหื่นนี่ เราสัมผัสได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 19-09-2015 19:22:17
ชอบตอนบรรยายหนังค่ะ  o13

และรอลุ้นตอนต่อไปค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 19-09-2015 19:29:28
อยากจะเหาะไปเกาะขอบเตียง 555 ขอบเตียงรุจน์ พอร์ช ก็น่าเกาะ อร๊ายย เกาะเตียงไหนดี
สองขวบปีแล้วเหรอเนี่ย สนุกมากเรื่องนี้ ภาษาอ่านดีไม่มีสะดุด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 19-09-2015 22:15:13
ตัดฉากเค้าออกไปไหน~~~~ ใจร้าย!!!!!!

รอๆๆๆ พร้อมแค๊ปหมูน้ำพริกหนุ่ม ขอแบบเเซ่บ!!! สะดิ้งเลยนะเจ้า~~~
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Chrysan ที่ 19-09-2015 23:59:09
อ่านคอมเม้นในกระทู้แล้วปรี๊ดแทนพี่เมธ
อยากลองสดายุเหรอ ฝันไปเถอะ

ไม่ปรารถนาตอนหน้าเลยสักนิด
ไม่เลย..
เมื่อไหร่จะวันที่ 23 เนี่ย  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 20-09-2015 03:20:48
อยากให้มีคนเอานิยายเรื่องนี้ไปทำหนังจัง มันดีมากจิงๆนะ มันต้องสวยงามมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Maii2206 ที่ 21-09-2015 19:27:00
ชอบมากกกกกกกกกกกก บรรยายจนนึกภาพออกเลยง่ะ

ชีวิตของสดายุผ่านอะไรมามาก ขอให้แฮปปี้กับพี่เมธเยอะๆนะคะ  o13

รอรวมเล่มๆๆๆๆๆๆๆๆ อยากได้เป็นแบบเล่มแล้ววค่ะ โอ้ยย อยากซื้อ อยากเสียตังงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 21-09-2015 20:09:25
 :hao5: ปลื้มปริ่มน้ำตาไหล งานปฐมทัศน์ดีมาก :-[
แต่ทำไมเจ้าของเรื่องไม่ยอมมา คิดถึง  ภู-ภู่
อยากให้ได้เจอกับคู่ทายาทอย่าง เมธ-ยุ :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-09-2015 22:15:38
 :katai5: แวะมาบอกว่ารออยู่นะจ๊ะ  :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 24-09-2015 17:23:08
 :impress3: :impress3: :impress3:
 :mc4: :mc4: :mc4: :mc4:
HAPPY ANIVERSARY 2 nd
 นะคร้าาาาา

 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: NuTonKaw ที่ 24-09-2015 19:00:02
ไม่อยากให้ยุเจ็บปวดกับเรื่องใดๆอีก รักยุมากมาย อิอิ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: kokoro ที่ 24-09-2015 19:58:37
ในที่สุดก้อได้เปิดตัวหนังกันแล้วเนอะ
ให้ลุงหื่นมาวอแวกับยุก้อดีละ
จะได้ไม่สนใจฟีดแบ็คจนเอาไปเครียดอีก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: tuek ที่ 25-09-2015 12:39:05
ฟินกันสุดๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-09-2015 18:35:46
แทบจะปูเสื่อรอตอนต่อไปอยู่แล้ว  :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 25-09-2015 20:23:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: nenechan2433 ที่ 27-09-2015 03:00:49
เสนอชื่อเรื่องค่า "ตัวร้ายพ่ายรัก"
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 28-09-2015 16:00:45
 :z10: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #ปฐมทัศน์# [18 กันยายน 2558] P.141 (ส่วนหนึ่งของ#แถลงรัก)
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 29-09-2015 22:43:23
พลังหื่นมันซ่อนกันยากเนาะพี่เมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 30-09-2015 03:14:33
ผมคือ...นางเอก
#แถลงรัก
(ครึ่งหลัง)



“อื้อ...อ๊ะ...”

“อ๊ะ...อื้อ...พี่เมธ....”
สดายุครางแผ่ว เสียดซ่านหวามไหวไปกับนิ้วมือของกฤตเมธที่กำลังเตรียมพร้อมร่างกายของตน

ร่างสูงใหญ่ร้อนผ่าวของกฤตเมธนั่งพิงหัวเตียงโอบกอดร่างผอมบางของสดายุจากด้านหลัง มือหนึ่งเคล้นคลึงอยู่กับเนินอกแบนราบ เบียดบี้ปลายนิ้วชี้ไปกับยอดอกแข็งเป็นไตสู้มืออย่างเพลิดเพลิน จนโดนสดายุบ่นไปหลายรอบว่าหน้าอกผอมๆแบบนี้มันน่าจับตรงไหนกัน แต่แบบนั้นก็ยิ่งทำให้กฤตเมธยิ่งบีบเคล้นสนุก ส่วนอีกมือของกฤตเมธก็ไม่ยอมว่างเว้นจากช่องทางเร้นลับของคนรัก ที่ยังคับแน่น แม้เป็นเพียงสองนิ้วหนา ยังบีบรัดแน่นจนนึกว่ากระดูกนิ้วแทบแตก อดไม่ได้ที่กฤตเมธจะต้องแซวคนบนตักหน่อยๆ ว่าให้เพลาๆนิด เดี๋ยวนิ้วจะขาดเอา แน่นอนว่าสามารถเรียกคำก่นด่าน่ารัญจวญใจจากสดายุมาได้อีกหลายประโยค 

 “อ๊า~ พี่เมธ อ๊ะ อื้อ อื้อ...” เมื่อส่วนที่โป่งนูนจุดเล็กๆในร่างถูกสองนิ้วร้ายกระหน่ำเสียดสี ทั้งร่างของสดายุก็สะท้านไหวหวาม กระตุกเฮือกๆจนน่าเวทนา ทั้งเสียงครางและแผ่นหลังที่แอ่นหยัดอยู่บนร่าง ช่างเย้ายวนจนกฤตเมธถึงกับต้องลอบกลืน้ำลายลงคอที่แห้งผาก ทนไม่ไหวจนต้องจับใบหน้าของสดายุให้หันมาบดจูบเพื่ออำพรางเสียงกระสันที่อาจทำให้เขาไปถึงสวรรค์ก่อนจะทันได้ผสานกายกับคนรักเอาเสียได้ 

ปลายนิ้วยังคงบดขยี้เบียดแหวก เพื่อให้ร่างกายร้อนระอุของสดายุได้คุ้นชิน เพราะร่างกายของสดายุค่อนข้างบอบบางกับเรื่องเพศ แม้เขาทั้งคู่จะมีความสัมพันธ์กันบ่อย แต่หากไม่ระวัง สดายุมักจะได้เลือดเล็กๆทุกครั้ง ซึ่งถึงแม้สดายุจะไม่ใส่ใจ แต่สำหรับกฤตเมธแล้ว มันเป็นเรื่องที่เจ็บปวด จนอยากหายาลดขนาดมาใช้เลยทีเดียว

อีกอย่างที่กฤตเมธยอมอดทนรอทุกครั้ง จนกว่าร่างกายของสดายุจะพร้อม นอกจากจะทั้งรักทั้งห่วงแล้ว ยังมีอีกเหตุผลที่ทำให้กฤตเมธยอมอดทนได้ นั่นก็คือ ความทรงจำอันเลวร้าย ที่เขาคนนี้เคยทำเอาไว้กับสดายุ มันยังติดตรึงตอกย้ำอยู่ในหัวใจเบื้องลึก เขาเคยทำร้ายสดายุโดยการขืนใจ ทำให้สดายุต้องมีบาดแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถึงตอนนี้สดายุจะให้อภัยเขาแล้ว แต่กฤตเมธคนนี้ไม่มีทางให้อภัยตัวเองอย่างเด็ดขาด

ดังนั้น ในทุกครั้ง เสือร้ายอย่างเขาจึงยอมกลั้นใจอดทน และทำทุกอย่างเพื่อให้สดายุมีความสุขที่สุด ไม่ใช่เพียงเพื่อชดใช้ แต่เพราะรักอย่างสุดหัวใจจึงใคร่อยากถนอมรักษา อยากให้สดายุมีความสุขที่สุดเหมือนอย่างที่เขามี
"อื้อ...พี่เมธ...ยุไม่ไหว...แล้ว...เร็วเข้า..."  เสียงครางโหยของสดายุที่เรียกร้องเร่งเร้าให้กฤตเมธทำตามใจอยาก ทำให้กฤตเมธได้รู้ว่าในที่สุดร่างกายของสดายุก็พร้อมจะรับความปรารถนาที่แทบจะล้นทะลักราวลาวาเดือดของกฤตเมธแล้ว

กฤตเมธเลียริมฝีปากแห้งผากของตน กอดร่างของสดายุที่โก่งงอเป็นกุ้งให้เอนซบไปกับแผ่นอกแกร่ง ก่อนจะประคองต้นขาของคนบนตักให้แยกกว้างขึ้น  แล้วค่อยๆส่งความต้องการที่ร้อนเป็นไฟของตนบรรจงจรดที่ปากทางเข้า ขยับสะโพกส่งตัวตนเข้าไปในช่องทางร้อนระอุจนแทบหลอมละลายนั่นช้าๆ

“อ๊ะ....โอ้ย...อือ....”  แต่แม้ว่าจะเตรียมพร้อมมากแค่ไหน มันก็ยังไม่พอสำหรับความใหญ่โตนี้อยู่ดี แค่ส่วนปลายที่มุดผ่านเข้ามา สดายุก็ถึงกับครางเครือต่อต้าน ไม่ได้นึกอยากผลักไส เขาแค่ไม่ชินกับแรงดันในจังหวะแรกของการสอดใส่ก็เท่านั้น ส่วนเร้นลับที่บอบบางเกินไปของตนนั้น มันชอบอิดออดในช่วงแรกเสมอ ดังนั้นแค่ส่วนหัวกลมมนทะลุผ่านเข้ามาก็เล่นเอาปากทางรักของเขาขยายจนสุดเสียแล้ว เหลือความใหญ่โตอีกเกินครึ่ง ช่างลำบากเหลือเกิน โดยเฉพาะในท่าเล่นรักที่ไม่คุ้นเคยอย่างท่านี้ สดายุขบริมฝีปากตัวเองเบาๆ ไม่อยากเผลอร้องออกไปให้กฤตเมธต้องรู้สึกกังวล เพราะเขารู้ดีว่ากฤตเมธเป็นห่วงในเรื่องนี้มากแค่ไหน และสดายุก็รู้ตัวเองดีว่า กลังจากนี้เขาจะเพลิดเพลินเพียงใด แค่ช่วงแรกหน่อยเดียวเท่านั้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้...   

 “อือ...พี่เมธ...เร็วอีก...อึก” สดายุเร่งเร้า

“อื้อ...ยุ??” เพราะกฤตเมธมัวแต่รั้งรอ สดายุจึงเป็นฝ่ายช่วยดำเนินการต่อให้ โดยการฝืนกดกายลงรวดเดียวสุด ความระห่ำที่ไม่คาดคิดของคนรักทำให้กฤตเมธตกใจไม่น้อย แต่ช่องทางคับแน่นที่รูดรัดลงมาจนสุดในคราเดียวนั้น ก็ยังความเสียดเสียวมาให้เขาจนแทบจะปลดปล่อยออกมาทั้งๆอย่างนั้น

“อ๊ะ อ๊ะ อื้อ...อ๊ะ พี่เมธ...อ๊ะ...พี่เมธ...” พอร่างกายเริ่มคุ้นชินความเสียวซ่านจากความคับแน่นก็เข้ามาแทนที่ สดายุจึงเริ่มขยับบั้นท้ายขึ้นลง จากช้าๆ ก็เริ่มถี่รัวขึ้น เป็นคุมเกมแทนกฤตเมธที่มัวแต่กลัวทำน้องเจ็บจนไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามเสียที

ฝ่ายกฤตเมธเองที่ตอนแรกยังสงวนท่าทีรักน้อง อยากทะนุถนอมอ่อนโยน ครั้นพอโดนร่างคนรักยั่วยวนถึงขนาดนี้เข้า หนุ่มใหญ่ก็เริ่มหมดความอดทนที่จะเล่นตัวอีกต่อไปแล้ว เมื่อสองตากฤตเมธมองเห็นได้ชัด ว่าร่างบอบบางของสดายุกำลังแอ่นแหงนหงายอยู่บนกายของเขาราวกับจะยั่วให้ขาดใจ สะโพกเล็กกลมเด้งก็กำลังขย่มร่อนอยู่เหนือร่างด้วยแรงอารมณ์เสน่หาปะทุเดือดระอุ สองเข่าชันขึ้นเกร็งเขม็ง ส่วนลำตัวแอ่นไปด้านหลังเพื่อค้ำยันไว้กับแผ่นอกหนา ท่วงท่าเก้ๆกังๆ ทว่าเย้ายวนชวนหลง อีหรอบนี้ กฤตเมธก็ไม่เหลือน้ำอดน้ำทนอีกต่อไป

หมับ…

“อ๊า~”  สดายุถึงกับสะท้านกายเยือก เมื่อถูกกฤตเมธเสือกกายเข้าใส่แบบไม่ยั้งแรง เสียงครางหวามจึงถูกเค้นออกมาอย่างสุดกลั้น

 “อึก...ยุ...ยุผิดเองนะ ที่ยั่วพี่....อื้อ...” เพระถูกยั่วหนัก ความอดทนกฤตเมธจึงสะบั้นลง ร่างหนากระทุ้งกายเข้าไปในตัวของสดายุไม่เบานัก ทั้งที่ใจอยากจะทะนุถนอมคนรักให้มากกว่านี้อยากจะนุ่มนวลกับอีกฝ่ายให้มากกว่านี้ แต่พอเอาเข้าจริง ความหฤหรรษ์อันแสนรัญจวญใจที่สดายุมอบให้ก็ทำเอาสติของเขาเตลิดเปิดเปิงทุกที ครานี้เองก็ดูเหมือนจะเพลี่ยงพล้ำให้กับความเย้ายวนหอมหวานของสดายุเข้าเต็มเปาอีกแล้ว ดังนั้นสิ่งที่กฤตเมธจะทำได้ตอนนี้คือการเติมเต็มความสุขสมกับคนรักอย่างเต็มที่เพื่อทดแทนความรุนแรงที่เขามอบให้ โดยการกอดรัดร่างของสดายุจากทางด้านหลัง แล้วหยอกล้อยอดอกสั่นระริกของคนรักเป็นการตอบแทน   

“อื้อ…อา…” ร่างของสดายุสะท้านไหวรุนแรง ช่องทางรักที่ถูกรังแกด้วยความปรารถนาจนเต็มแน่นนั้นทำให้หยาดน้ำขาวขุ่นไหลซึมออกจากแก่นกายตั้งชันอย่างสุดกลั้น สภาพที่ถูกจับให้นั่งตักโดยมีเครื่องเพศของกฤตเมธฝังแน่นอยู่ในร่างจากทางด้านหลังนั้นก็ทำให้สดายุเสียดเสียวจะแย่อยู่แล้ว อีกทั้งคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยังหยอกล้อกับร่างกายไวสัมผัสของเขา ทั้งยอดอก และความเป็นชายร้อนจัดของเขาไม่เลิกอีก ความรัญจวนที่คนรักมอบให้นั้นมันเต็มล้นจนสดายุแทบจะสำลักอยู่รอมร่อ
 
“อืม… ผ่อนแรงหน่อยสิครับยุ…เดี๋ยวพี่ก็เสร็จเสียก่อนหรอก” กฤตเมธกระซิบพร่าอยู่ด้านหลัง ขณะขยับกายสวนใส่คนบนตักถี่ๆ แท้จริงแล้วเขาเป็นคนอึด แต่หากสาดยุยังยั่วยวนไม่เลิกแบบนี้ เห็นทีจะถึงคราวเพลี่ยงพล้ำ ‘นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ’ เสียแล้ว

“…มะ…ไม่เอานะ… อื้อ…” สดายุส่ายหน้าพรืด นัยยะว่า เขาเองก็กำลังจะทนไม่ไหว แต่ดูเหมือนถ้อยคำที่สื่อสารออกไป จะผิดหลักภาษาอยู่ไม่น้อย จากไม่ไหว จึงกลายเป็น ‘ไม่เอานะ ไม่ให้เสร็จก่อน’ ไปเสียแทน มาแบบนี้ กฤตเมธจึงไม่อาจยั้งความปรารถนาของตนได้อีก สะโพกหนาจึงขยับแบบไม่มียั้งแรง เพื่อต้องการเอาใจสดายุ (ตามที่ตัวเองชอบ)

ทั้งเสียงหอบกระสัน ทั้งลมหายใจแผ่วระโหย เมื่อหน้าอกถูกคลึงเคล้น แถมยังโดนแก่นกายใหญ่โตของทะลวงลึกอย่างไม่ยั้งแรงอีก ความเสียวซ่านที่ทบทวีทำเอาสดายุถึงกับต้องร่อนเอวระริก

สภาพแบบนั้นช่างยวนตา และกระตุ้นอารมณ์ดิบของกฤตเมธให้พลุ่งพล่านขึ้นมาอีก หนุ่มใหญ่ขยับสะโพกหนักหน่วง สองมือลูบไล้เรือนร่างของคนรักด้วยความเสน่หา ผิวพรรณลื่นมือ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างกระด้างมือหรือกระดูกที่ปูดโปนเกินหญิง เห็นตำตาอยู่ตรงหน้าว่าคือผู้ชายอกสามศอก แต่กฤตเมธก็ไม่ยักจะนึกรังเกียจรังงอน กลับยิ่งรักยิ่งหลงใหล ยิ่งเห็นว่าเป็นสดายุด้วยแล้ว ยิ่งหลงจนหัวปักหัวปำ จะว่าเขาคนนี้เป็นเกย์อย่างสมบูรณ์ก็อาจใช่ แต่ก็ไม่เคยคิดพิศวาสในตัวผู้ชายคนไหนมากเท่าสดายุคนนี้ คนรักที่อ่อนกว่าเกือบแปดปี ผิวพรรณอ่อนเยาว์ผุดผาด ขบกัดตรงไหนก็นิ่มเด้ง สัมผัสตรงไหนก็ร้อนเร่า ดวงหน้าเร้าอารมณ์เซ็กซี่แดงระเรื่อขับผิวแกมเปล่งปลั่งน่าฟอนฟัด ริมฝีปากสีแดงจัดน่าบดจูบ...   

ทุกอย่างที่รวมเป็นสดายุ คือทุกสิ่งที่กฤตเมธปรารถนา คือทุกอย่างที่เขารัก

"ยุ...พี่รักยุนะ...รักยุคนเดียว..."

เสียงทุ้มเครือพร่า กระซิบรักอยู่ตรงหลังใบหูแดงก่ำของคนรัก พลางขยับร่างสอดประสานไม่มีเว้นพัก

"อื้อ...รัก...ยุก็รั...ก...รักพี่เมธ..."

ด้วยความเคลิบเคลิ้มไปกับความหฤหรรษ์ที่กฤตเมธมอบให้ พอได้ยินคำบอกรักแสนหวานก็พาลหยุดไม่ได้ที่จะบอกรักตอบ ทั้งที่ยามปกติออกจะเล่นตัว ไม่ค่อยบอกว่ารักง่ายๆ แต่เพราะตอนนี้สดายุหลอมละลายกลายเป็นขี้ผึ้งลนไฟ จะอะไรก็ว่าง่ายเป็นเด็กน้อยทั้งนั้น

“ฮ้า…อ๊ะ…อื้อ…อ๊ะ…” ทั้งเสียงหอบกระสัน ทั้งลมหายใจแผ่วระโหย เมื่อหน้าอกถูกคลึงเคล้น แถมยังโดนแก่นกายใหญ่โตของทะลวงลึกอย่างไม่ยั้งแรงอีก ความเสียวซ่านที่ทบทวีทำเอาสดายุถึงกับต้องร่อนเอวระริก

 “อืม…ไหวไหมยุ พี่ขอโทษ” กฤตเมธเอ่ยขอโทษคนรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่ไม่อาจห้ามใจไม่ทำรุนแรงด้วยไหว ยิ่งได้ยินเสียงครางกระเส่าของสดายุเมื่อถูกเขาจับสะโพกโยกไหวบดเบียดเข้าไปในร่างร้อนระอุอย่างไม่เกรงใจแล้ว กฤตเมธก็ยิ่งทานทนต่อความปรารถนาตรงหน้าไม่ไหว สับสะโพกใส่ร่างของสดายุเสียจนสั่นเทิ้ม

“อ๊ะ พี่เมธ! ตรงนั้น!...อื้อ!! อ๊ะ!” คำขอโทษของกฤตเมธช่างอ่อนหวานเสียจนสดายุอยากตอบแทน ยิ่งชื่นหัวใจ ร่างกายก็ยิ่งทวีความปิติ ช่องทางแคบร้อนของสาดยุจึงกลับตอบรับความแข็งขืนของกฤตเมธอย่างแนบแน่นราวกับกำลังยินดีที่ถูกโยกวนสอดแทรกซ้ำไปซ้ำมา  ทั้งยังส่งเสียงร้องวาบหวาม เมื่อถูกกระตุ้นจุดอ่อนไหวที่สุดภายในร่าง

“…อืม...ชอบตรงนี้เหรอครับยุ……” กฤตเมธถามย้ำ เพราะเหมือนจะไปโดนจุดดีๆในร่างของสดายุเข้า เพราะเมื่อเบียดกายเสียดสีซ้ำๆ ก็ทำเอาสดายุตัวแสบของเขาอ้อนเป็นลูกแมวได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งพอถามออกไปแล้วเห็นว่าสดายุพยักหน้ารับหงึกหงักน่ารักน่าชังด้วยแล้ว กฤตเมธยิ่งป่วนหนัก ให้คนรักยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก "ให้พี่ย้ำตรงนี้เยอะๆดีไหมครับ?"

“ดะ…ดี…อื้อ…พี่เมธ…อย่าแกล้งสิ…อ๊ะ...อื้อออ....” ถูกแกล้งเย้าเข้าหน่อย สดายุก็อดเคืองเล็กๆไม่ได้ มือผอมจึงตีแปะไปที่ท่อนแขนแข็งแกร่งเพื่อตักเตือน ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายครางหวาน เมื่อถูกกระตุ้นจุดไวสัมผัสไม่หยุดหย่อน ความหฤหรรษ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกำลังผลักดันให้สดายุเกือบจะเสร็จสม น้ำผึ้งหวานฉ่ำไหลเยิ้มจากส่วนปลายส่วนปลายความปรารถนาหยาดหยดลงไปถึงส่วนที่กำลังเชื่อมโยงกับกฤตเมธ

แสนลามก น่าอาย แต่ก็ไม่อาจห้ามอารมณ์ที่พุ่งสูง ในเมื่อไม่อาจทำอะไรได้แม้แต่กลั้นเสียง สดายุจึงทำได้เพียงเอนกายเบียดซุกกับแผ่นอกอุ่น ซบศีรษะหนักๆลงบนบ่ากว้าง ซุกใบหน้าเข้าซอกคอแกร่งของกฤตเมธเพื่อหาที่หลบซ่อนจากความน่าอายที่กำลังเผชิญหน้าอยู่   

ยิ่งถูกกระตุ้นหนักข้อเข้า เขาก็ยิ่งใกล้แตะยอดคลื่นขึ้นทุกขณะ

สภาพกระตุกเร้าไปทั้งร่าง ทั้งภายในยังกระชับถี่ของสดายุเป็นสัญญาณที่ทำให้กฤตเมธพอรู้แล้วว่าหวานใจกำลังจะไปถึงฝั่งฝัน กฤตเมธก้มลงจูบปากเผยอสะท้านแผ่วเบา ก่อนกระซิบส่งคำถามย้ำความเข้าใจให้คนรักได้ตอบคำ “จะเสร็จแล้วเหรอครับที่รัก…”

“อ๊ะ…พี่เมธ..อื้ม...อยะ...อย่า...แกล้งสิ…อ๊า…” ได้ยินคำถามเสียงหวานพร้อมรอยจูบอ่อนโยนของคนรักเข้า สดายุก็ยิ่งอ้อนหนัก  “...ยุ...ยุจะขาดใจแล้ว....”  อ้อนชนิดที่ว่าคนฟังอย่างกฤตเมธเองแทบจะขาดใจตามคนรักไปเสียให้ได้เช่นกัน

“พร้อมกันนะครับคนดี...อืม...”  เสียงกระซิบตรงหลังหูทำเอาสดายุสะท้านวาบไปจนถึงสะโพก ทั้งร่างสั่นระริก ผนังภายในก็ขมิบรัดความเป็นชายแข็งแกร่งของกฤตเมธไว้แน่น ไม่ได้ตั้งใจ แต่ปฏิกิริยารุนแรงทางร่างกายมันนำพาหัวใจให้เตลิดเปิดเปิง สภาพปล่อยตัวปล่อยใจไปกับการรุกรานของสดายุนั้น ทำให้กฤตเมธเองก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป มือแกร่งช้อนใต้ขาขาวของคนรักไว้แล้วสวนกายกระทุ้งสะโพกใส่คนบนตักอย่างเร่าร้อน ทั้งร่างของสดายุหงายเริ่ดแอ่นโค้งเป็นคันศร ความซานเสียวทำเอาชายหนุ่มอยู่ไม่สุข แนบเบียดแผ่นหลังตนกับแผ่นอกกำยำของคนรักอย่างไร้ยางอาย ซ้ำร้ายยังเป็นคนขยับกายตอบรับการสวนใส่นั้นอย่างร้อนเร่า ดวงตาปรือปรอยสุกฉ่ำ ริมฝีปากแดงก่ำเผยอหอบครางเครือ เมื่อถูกกระทั้นเข้าไปจนถึงจุดที่ลึกที่สุด แก่นกายแกร่งของกฤตเมธเองก็เริ่มพองขยายจนเส้นเลือดโปนปูด จุดสุดยอดของความสุขสมที่กำลังโถมใส่เป็นคลื่นคลั่ง ผลักดันให้สองร่างขยับเข้าหากันอย่างลืมตาย

 “พ…พี่เมธ…จะถึง…ยุ…จะถึงแล้ว…อื้อ!!...” จุดสิ้นสุดของความอดทนมาถึงในชั่วพริบตา ความหฤหรรษ์ถาโถมจนทั้งร่างของสดายุสั่นสะท้าน เสียงแหบระโหยกระซิบคำสุดท้าย ก่อนการปลดปล่อยที่จะปะทุออกมาในไม่ช้า

เมื่อได้ยินว่าคนรักจะถึงฝั่งฝัน กฤตเมธก็ไม่รอช้าที่จะสวนกายแทรกเข้าช่องทางร้อนผ่าวรวดเดียวจนถึงจุดที่ลึกที่สุด คว้าใบหน้าของสดายุให้หันมารับจูบแนบแน่นดูดดื่ม แล้วกระตุกร่างปลดปล่อยอณูรักทุกหยาดหยดพุ่งเข้าสู่ส่วนลึกของคนรักทันที

 “.........อื้ออออ.!!!!!!” สดายุครางหวามทั้งที่ปากยังถูกปิดผนึก ร่างกายสะท้านเยือกเมื่อความรักหลอมเหลวร้อนระอุของกฤตเมธที่ถูกปลดปล่อยเข้าไปในร่าง และสามารถกระตุ้นให้สดายุถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ตามไปได้ในที่สุด กระตุกร่างแอ่นหยัดปลดปล่อยหยาดเสน่หาออกมาอย่างเหลือเฟือจนเปรอะเปื้อนไปทั้งหน้าท้องแบนราบ ปล่อยร่างกายให้โยกไหวไปกับแรงกระทั้นเบาๆที่คนรักยังส่งต่อให้ไม่ขาดเพื่อรีดเร้นลาวารักเข้ามาในร่างให้ครบทุกหยด พร้อมกับปล่อยใจตัวเองให้ล่องลอยดื่มด่ำไปกับความหฤหรรษ์ที่แสนซาบซ่าน...

สองร่างตระกองนอนลงข้างกันทั้งที่ยังหอบสะท้านกับความหวามไหวที่เพิ่งปะทุไปราวกับภูเขาไฟระเบิด กฤตเมธพลิกร่างอ่อนเปลี้ยของสดายุให้นอนลงใต้ร่าง ใช้สองแขนคร่อมท่อนบนเอาไว้ ส่วนท่อนล่างก็เกี่ยวพันกอดก่าย พลางสายตาเจ้าเล่ห์สอดประสานดวงตาปรอยปรือเหนื่อยล้า

“อะไรกัน เหนื่อยแล้วเหรอ? พี่ยังกินไม่อิ่มเลยนะ” ก่อนจะเอ่ยคำหยอกเย้า กระตุ้นให้คนรักตัวร้ายได้ฟื้นขึ้นมาโรมรันกันอีกรอบ ‘หนุ่มใหญ่ไฟแรงสูง’ คำนี้คงไม่ผิดนักถ้าจะใช้นิยามความเป็นกฤตเมธในตอนนี้ สดายุยังถึงกับอดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้ สงสัยเหลือเกินว่ากฤตเมธเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไพล่คิดไปถึงว่า ‘กินเด็กแล้วจะอมตะ ไม่แก่ไม่ตาย’  สงสัยท่าจะเป็นเรื่องจริง

เพราะตอนนี้ เด็ก กำลังจะตายแทนแล้ว...

แต่ในเมื่อถูกท้าทายมาขนาดนี้ สดายุเองก็ยอมลงให้ไม่ได้เหมือนกัน สองแขนผอมเอื้อมขึ้นโอบรอบคอของกฤตเมธไว้ ยกตัวขึ้นจูบคนรักเบาๆ ก่อนจะยั่วเย้าทางสายตา และปฏิกิริยาทางร่างกาย พร้อมกระซิบแผ่วเบาตรงริมฝีปากหยักยิ้มร้ายของอีกฝ่ายว่า “งั้นก็เชิญกินให้ท้องแตกตายไปเลยลุง...”

“แต่คนแก่แล้วระบบย่อยไม่ค่อยดี ระวังท้องจะอืดเอานะ” คำหยันเล็กๆที่ออกมาตบท้าย ทำกฤตเมธหัวเราะร่า ก้มลงบดจูบ ซุกไซร้ร่างกายของสดายุคนรักตัวแสบด้วยความหมั่นเขี้ยว

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นระหว่างกันอยู่ครู่หนึ่ง

แล้วบทรักบทใหม่ก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง...และอีกครั้ง
*
*
*
*
*
หลังความเร่าร้อนคลายความระอุลงได้ สองร่างเปล่าเปลือยกอดก่ายถ่ายเทความรักซึ่งกันและกัน เติมเต็มความหวามไหว และสุขล้น คนผอมบางนอนตะแคงข้างปรือตามองออกไปที่นอกหน้าต่าง เหม่อมองท้องฟ้ามืดสลัวไร้แสงสกาวของดาวดวงใดตามแบบเฉพาะของท้องฟ้าเมืองกรุงที่มากมายไปด้วยฝุ่นควัน ร่างสูงใหญ่ของกฤตเมธที่ซ้อนอยู่ด้านหลังก็ตระกองร่างผอมบางของสดายุแนบเข้าอ้อมอกแน่น พลางไล่จูบซอกคอขาว ลาดไหล่ ลามไปถึงต้นแขนผอม เพื่อซับกลิ่นเนื้ออ่อนให้ชุ่มปอด ก่อนจะวกกลับมาหอมแก้มใสระเรื่ออีกฟอดใหญ่ๆ แทนความห่วงใย และแทนความรักที่มอบให้จนสุดก้นบึ้งแห่งวิญญาณ

ยิ่งถูกกอดแน่นเท่าไหร่ สดายุก็เบียดร่างเข้าอ้อมอกอุ่นของกฤตเมธมากเท่านั้น ราวกับเด็กน้อยต้องการการปกป้องจากอ้อมแขนแกร่งกล้า และอุ่นอ่อน รักมากเช่นกัน สดายุถึงได้ยอมออดอ้อนเป็นเด็กเล็กเช่นนี้ เพราะรักสุดใจที่มี ถึงได้ยอมละทิ้งทุกอย่างเพื่อเจ้าของอ้อมแขน ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ไป สดายุก็พร้อมจะมอบให้กฤตเมธเพียงคนเดียว
 
วาดฝันต่อฟ้า ภาวนาต่อดิน ขอให้กฤตเมธคนนี้รักเขาตลอดไปด้วยเถิด สดายุคนนี้พร้อมสาบานด้วยหัวใจแหว่งวิ่นดวงนี้เลยว่า จะรักและบูชาคนคนนี้คนเดียวไปทั้งชีวิตเช่นกัน

ได้โปรดเถิดฟ้า...เวทนาเถิดดิน

โปรดอย่าพรากกฤตเมธไปจากสดายุเลย

แค่คนเดียวเท่านั้น สดายุขอแค่กฤตเมธเพียงคนเดียว...

ร่างแบบบางซุกกายเข้าหาความอบอุ่น เบียดชิด ราวกับลูกแมวตัวน้อยในหน้าฝน กฤตเมธเองก็ยิ้มพราว กกกอดมอบความอบอุ่นแผ่ซ่าน มือแกร่งเลื่อนขึ้นจากท่อนเอวบางมาจับประสานมือเย็นเยียบของสดายุไว้เบาๆ บีบจับ คลึงเคล้น ก่อนประสานสอดปลายนิ้วเข้าหาอย่างอ่อนโยน  ก่อนจะพูดบางสิ่งออกมา ที่ทำให้คนในอ้อมอกมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กๆ

“ยุ…เราแต่งงานกันไหม?”

“หืม? จะดีเหรอ? ผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?”  สดายุตอบคำ ทำทีเล่นทีจริง ทั้งที่หัวใจกำลังเต้นผิดจังหวะ เพียงเพราะคำพูดเพียงประโยคเดียงของคนรัก 'ชวนแต่งงาน' หมายความว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปจนถึงบั้นปลายชีวิต เพิ่งจะอธิฐานจิตไม่เมื่อไม่กี่วินานทีก่อนนี้เองนะ สมหวังเร็วจนตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว

รู้อยู่แก่ใจแหละว่าถูกรัก แต่ก็ไม่นึกว่าจะมากขนาดนี้ หัวใจของสดายุเต้นตึ่กตั่ก ยามที่อ้อมแขนของกฤตเมธโอบกระชับแนบแน่นขึ้น
แสร้งทำเป็นไม่คิดอะไร ทั้งที่หัวใจเต้นถี่

ดีใจจนเนื้อเต้นไปหมดแล้ว...

“ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ได้ว่าจะจัดพิธีอะไรนี่ แค่งานเลี้ยงเล็กๆ ในหมู่คนรู้จัก…พี่แค่อยากให้ทุกคนได้ร่วมแสดงความยินดีที่เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกัน...พี่อยากใช้ชีวิตคู่กับยุไปจนแก่...” กฤตเมธอธิบายด้วยน้ำเสียงทุ้มน่าฟังอยู่ตรงหลังหูของสดายุ จบคำสุดท้าย พร้อมประทับจูบเบาๆที่ลาดไหล่ขาวเนียน

“…ดีแล้วเหรอ ที่เป็นผม?” รู้ดีว่ามันเป็นแค่คำถามงี่เง่า แต่สดายุก็ยังอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามนี้กับกฤตเมธครั้งแล้วครั้งเล่า

เพราะยิ่งถูกรักมากเท่าไหร่ สดายุก็กังวลมากเท่านั้น รู้สึกเกลียดตัวเองในเรื่องนี้เล็กๆ ที่พร่ำถามเพราะอยากได้คำตอบ อยากได้ยินว่ายังต้องการ อยากได้ฟังให้ชื่นใจว่าดีแล้วที่เลือกคนคนนี้

นั่นเป็นเพราะ สดายุไม่อยากเจ็บอีกแล้ว

ไม่อยากมองคนที่ตัวเองรักหันหลังให้อีกแล้ว ในวันนี้ที่เขารักกฤตเมธจนหมดใจ หากในวันหนึ่ง เจ้าของอ้อมกอดแสนอุ่นนี่ไม่ต้องการเขาขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่า เขาจะยังลุกขึ้นได้อีกครั้งหรือเปล่า…มันช่างน่ากลัวเหลือเกิน

ถามออกไปแบบนั้น สดายุก็ใจสั่นรอคอย จะโดนโกรธหรือเปล่านะ และอึดใจต่อมาสดายุก็ยอมแพ้ ไม่ไหวแล้ว ความกลัวว่ากฤตเมธจะโกรธที่ตนชอบถามคำถามเดิมๆ ซ้ำๆ ย่ำอยู่กับที่ราวกับไม่ยอมเชื่อใจกฤตเมธเสียทีแบบนี้ สดายุฟันธงกับตัวเองเลยว่าจะต้องโดนกฤตเมธโกรธแน่ๆ จึงคิดจะขอโทษ แล้วสรรหาคำพูดเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ แต่ทว่า ช้าไปนิดเดียว 

“ดีที่สุดแล้ว…ที่เป็นยุ” เพราะคำถามนั้น กฤตเมธเป็นคนตอบให้เรียบร้อยแล้ว

แถมยังเป็นคำตอบที่น่าฟังที่สุดอีกด้วย “ถ้าไม่ใช่ยุ พี่ก็จินตนาการว่าจะต้องแต่งกับคนอื่นไม่ได้แล้วล่ะ…พี่รักยุนะ รักขนาดที่ว่าแค่ไม่ได้เห็นหน้าสักชั่วโมงก็อดคิดถึงไม่ได้ อยากดูแล อยากปกป้อง อยากเป็นทุกอย่างที่ยุรัก ขนาดนี้แล้ว คิดว่าจะมีอะไรดีไปกว่ายุได้อีกกัน…”

กฤตเมธพูดไปพลาง ซุกปลายจมูกโด่งดอมดมกลุ่มผมหอมของสดายุไปด้วย แสดงให้เห็นว่าผู้ชายคนนี้ รักสดายุมากแค่ไหน กฤตเมธรู้ดีว่าสดายุมีปมในใจเรื่องความรัก กว่าที่เจ้าตัวแสบจะยอมเปิดใจให้เขาเข้าไป ให้เขาได้รัก กินเวลานานแค่ไหน ต้องใช้ใจมากเท่าไหร่ ทำไมกฤตเมธจะไม่รู้ ดังนั้นจึงไม่แปลหรอกที่สดายุจะเพียรถาม ถึงคุณค่าของตัวเองในสายตาของคนรักอย่างเขา และนานอนว่ากฤตเมธไม่มีทางเบื่อ ถามมาเขาก็จะตอบให้ฟัง ทุกๆครั้ง ว่ารัก และมันจะมากขึ้นมากขึ้นทุกๆวันเสียด้วย “ถ้าไม่เชื่อ ยุจะถามพี่ทุกวันเลยก็ได้นะ พี่พร้อมจะตอบให้ยุฟังทุกวันเลย” กฤตเมธสำทับออกไป พร้อมจุมพิตอุ่นๆตรงข้างแก้มของสดายุ

วินาทีนั้น ฝ่ายสดายุเองก็ไม่อาจเก็บงำความตื้นตันได้อีก น้ำตาที่พาลจะไหลออกมาดื้อๆ ไม่สามารถเก็บกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ร่างบอบบางพลิกกายหันกลับไปเผชิญหน้ากับกฤตเมธอีกครั้ง ยื่นหน้าเข้ามอบจูบแสนหวานให้กฤตเมธเป็นการตอบแทน พร้อมกับคำว่า “ยุก็รักพี่”

กฤตเมธยิ้มพร้อมจูบตอบเพื่อรับขวัญ สวมกอดร่างแบบบางไว้มั่น แล้วเชิญชวนด้วยความรักต่อ “แต่งแล้ว...ย้ายชื่อยุมาเข้าทะเบียนบ้านพี่นะ...เราจะได้เป็นครอบครัวเดียวกันอย่างสมบูรณ์ไง”

ทั้งขอแต่งงาน ทั้งขอให้ย้ายเข้าบ้าน ลักษณะชัดเจนว่ากฤตเมธเอาจริงเรื่องที่จะเอาสดายุเป็นเจ้าสาว “หึหึ…ค่าตัวผมแพงนะ มีสินสอดพอหรือเปล่า?” แบบนั้นทำเอาสดายุอดแซวออกไปไม่ได้ หวานเกินไปมันก็พาลจะเลี่ยน สดายุจึงขอตบมุกเปรี้ยวๆ ดับเลี่ยนเสียหน่อย

“พี่ให้หมดตัวเลย” และแน่นอนว่ากฤตเมธย่อมไม่ยอมแพ้ ถึงได้กล้ามอบสัญญาอยู่ตรงริมฝีปากแสนหวานของคนรัก จากนั้นก็ต้องร้อง ‘โอ้ย’ เบาๆ เพื่อถูกฟันขาวขบเอาที่ปลายจมูกโด่ง พร้อมสาส์นท้าทายจากสดายุ ที่น่าหมั่นเขี้ยวที่สุด

“หึหึ…ไม่ต้องกลัว หมดตัวแน่”

 o18


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 30-09-2015 03:15:24
 :n1:


ท่าอากาศยานแห่งชาติกรุงเทพ เนืองแน่นไปด้วยผู้คนดังเช่นทุกวันตามปกติ คลาคล่ำมากมายไปทั้งไทยและเทศ เกือบสามทุ่ม มีหลายสายการบินที่กำลังจะทยานออกสู่สุดฟากฟ้า 

"เดี๋ยวยุมาถึง เขาก็โทรหาเองแหละ ไม่ต้องเฝ้ามือถือขนาดนั้นก็ได้มั้ง" เสียงค่อนขอดที่ดังขึ้นที่ด้านหลัง ทำคนฟังอย่างบดินทร์หงุดหงิดไม่น้อย จริงอยู่ว่าเขาเฝ้าจอมือถือไม่ห่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของดนัยไม่ใช่หรือ

ในที่สุดวันเดินทางก็มาถึง ก้าวแรกสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญกำลังจะเริ่มต้นขึ้น

การไปเริ่มต้นชีวิตใหม่เป็นเรื่องดี แต่สำหรับบดินทร์มันแตกต่าง เพราะการไปในครั้งนี้ไม่ใช่การไปเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่ไปเพื่อชดใช้ในสิ่งที่เขาเคยก่อเอาไว้ต่างหาก ไปอยู่ในสถานจองจำที่เจ้าหนี้อย่าดนัยกำหนดเอาไว้ให้ ทั้งยังถูกควบคุมทุกฝีก้าวจนน่าอึดอัด อย่างเช่นตอนนี้ก็เหมือนกัน แท้จริงหากเกรงว่าเขาจะหนีหนี้นัก แค่ส่งคนมาคุมไว้ก็พอ ตัวเองก็ออกจะมากบารมี ลูกน้องในมือก็เหลือเฟือ จะเจียดมาเฝ้าเขาไว้สักคนก็คงไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่ไม่รู้ทำไมคนอย่างดนัยถึงต้องเสด็จลงมาดูแลจัดการในเรื่องของเขาเองไปเสียหมดจด จนบดินทร์รู้สึกว่าตัวเขาเองแทบจะบ้าตายไปเสียให้รู้แล้วรู้รอดแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้

ทุกวันนี้ ที่ยังทนอยู่ได้ ก็เพียงเพราะความหวังถึงอนาคตอันแสนไกล ว่าในสักวันจะหลุดพ้น เฝ้ารอว่าเมื่อถึงวันนั้นที่เขาชดใช้หนี้กรรมจนสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว คงสามารถกลับมายืนเคียงข้างสดายุในฐานะเพื่อนคนหนึ่งได้อีก ได้ทำงาน ได้สร้างครอบครัวให้พ่อแม่ผู้มีพระคุณ ได้มีอนาคต เพื่อความหวังนั้น วันนี้บดินทร์จึงยังอยากมีลมหายใจ และมีพลังที่จะอยู่ต่อ (แม้จะต้องต่อกรกับคนที่ชิงชังที่สุดอย่างดนัยก็ตามที)

ปิ๊บ... ระหว่างกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในที่สุด เสียงเรียกเข้าจากคนที่รอคอยมาเนิ่นนานก็ปรากฏขึ้น ‘สดายุ’

“ฮ...ฮัลโหล...” บดินทร์รีบรับสาย ทว่ากลับยังปรับเสียงเป็นปรกติไม่ได้เสียที เขาสั่นเสมอเมื่อต้องคุยกับสดายุ

“ไง อยู่ตรงไหน กูมาถึงแล้ว” เสียงแหบเสน่ห์ที่ตอบกลับมาจากปลายสาย ช่างทำให้หัวใจของบดินทร์พองโต อยากเจอเร็วๆ จึงรีบบอกพิกัดของตัวเองออกไป แล้วเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ เพราะอีกฝ่ายบอกว่าไม่เกินห้านาทีจะเดินมาถึง

และก็เป็นดังคำที่สดายุให้คำมั่นไว้ เพราะรออยู่ตรงที่เดิมได้ไม่เท่าไหร่ สดายุก็มาถึง แน่นอนว่ามีกฤตเมธพ่วงมาด้วย ในสภาพอำพรางรูปลักษณ์สุดขีด ผมเซอร์ใสหมวกสวมแว่นตาดำ แต่ทั้งคู่ก็ยังดูเด่นสะดุดตาอยู่ดี โดยเฉพาะรอยยิ้มแสนสวยของสดายุ ที่มันช่างหวานเชื่อมใจเขาเสมอ

“โทษที รถติดกว่าที่คิดน่ะ” วิ่งมาถึงตัวบดินทร์ที่ยิ้มร่ารอคอยแล้ว สดายุก็กล่าวขอโทษขอโพยขึ้นทั้งที่ยังติดจะหอบอยู่หน่อยๆ เพราะวิ่งห้อมาให้ทันเวลาส่งบดินทร์และดนัยเข้าGate

“ไม่เป็นไร…แค่มาส่งก็ดีใจแล้ว…” บดินทร์ตอบกลับน้อยๆ ด้วยใบหน้าที่แดงระเรื่อขึ้นหน่อยๆ เขาคิดแบบนั้นจากใจจริงๆไม่มีการเสแสร้ง แค่นี้ก็ดีใจจนแทบจะเต้นได้อยู่แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างกันของเขากับสดายุ ที่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆแบบนี้ ทำให้บดินทร์มีแรงใจที่จะเดินต่อไปได้โข ดีใจจริงๆที่ยังมีชีวิตอยู่ ดีใจเหลือเกินที่ได้เอ่ยคำขอโทษ…

สดายุยิ้มให้ เช่นเดียวกับที่บดินทร์ยิ้มรอ

ภาพความเคอะเขินระหว่างกันดูมุ้งมิ้งมากในสายตาของผู้จับจ้องมองตามอย่างกฤตเมธและดนัย คนหนึ่งเหยียดยิ้มให้ด้วยเห็นว่าน่ารักดี แต่อีกคนหนึ่งนี่สิ…

เริ่มขบกรามน้อยๆ พร้อมขมวดคิ้วจนเป็นปมหนาเสียแล้ว

“เมื่อไหร่จะพามันไปให้พ้นหูพ้นตาเสียที หืม?  Gateปิดกี่โมงเนี่ย?” เสียงทุ้มต่ำน่าเกรงขามของกฤตเมธดังขึ้นแค่พอให้ได้ยินกันสองคนกับดนัย น้ำเสียงแข็งกล้าคาดคั้นน้องชายตัวร้ายหมายจะเร่งให้รีบพามารหัวใจไปให้พ้นหน้าเสียที เพราะกฤตเมธเริ่มทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว

“ให้เวลาเขาหน่อยสิพี่ จะหวงทำไมนักเนี่ย? ผมมีเวลาให้สองคนนั้นเหลือเฟืออ่ะ เช็คอินแล้ว เหลือเข้า ตม. ซึ่งน้าเขยผมใหญ่ที่นี่ ผมใช้ทางพิเศษผ่านปร๋อ รอได้ชิวๆ…” ดนัยตอบถ้อยฟังสบายๆ ทว่าพอหันมาเจอสายตาพิฆาตมารของกฤตเมธเข้าให้ น้องชายนอกไส้ตัวดีอย่างดนัยจึงแทบหุบปากไม่ทัน

“ไว้นายมีอย่างพี่บ้าง แกจะรู้ว่าทำไมต้อง ‘หวง’ โดยเฉพาะกับคนที่ทำสายตาแบบนั้นใส่แฟนของตัวเองน่ะ” กฤตเมธตอบกลับ พร้อมสั่งสอนกลายๆ กฤตเมธจำเป็นต้องสอน เพราะดนัย น้องชายคนนี้ของเขานั้น ถึงจะเจนโลกในมุมที่กฤตเมธไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ แต่ในเรื่องความรัก เรื่องของความรู้สึก และหัวใจ กฤตเมธพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ดนัย ‘โคตรอ่อน’ เพราะอย่างนั้น เขาจึงจำเป็นต้องสอน ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้ซึมซับ แต่อย่างน้อยๆ ก็ได้ฟังผ่านหู คงบันทึกไว้ในเซรีเบลลั่ม เผื่อใช้ในยามฉุกเฉินได้บ้าง

“หึหึ…อย่างผมเนี่ยนะ จะหวงใคร? ยากจัง ชีวิตนี้คงบรรลุอย่างพี่ไม่ได้หรอก ฮ่าฮ่า” ดนัยว่าขำๆ ชีวิตที่อยากได้อะไร หรืออยากได้ใครก็ไม่เคยต้องดิ้นรนอย่างเขา ไม่เห็นจำเป็นต้องหวง เพราะทุกอย่างที่เขาต้องการ เวลาที่ได้มา ก็คือสิทธิ์ขาดที่เป็นของของเขาอย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่เคยมีใครกล้าออกจากมือเขา นอกเสียจากเขาจะเป็นคนปล่อยมือเอง แล้วแบบนี้ มีเหตุจำเป็นอะไรให้ต้องหวงอย่างนั้นหรือ?

“เออ…ก็เผื่อใจไว้หน่อย เผื่อในอนาคตจะมีขึ้นมา”  เห็นน้องชายเถียงคำไม่ตกฟาก กฤตเมธก็ได้แต่บ่นอย่างระอา สอนยากสอนเย็นจริงๆ ไอ้เด็กมาเฟียที่โดนสปอยมาแต่เด็กเนี่ย

“คร๊าบๆ ถ้ามีล่ะก็ จะบอกเฮียคนแรกเลย หึหึ” ดนัยตอบพลางยิ้มร่า แสร้งว่าไร้เดียงสาจนกฤตเมธนึกอยากลงมะเหงกสักดอก ว่าแล้วยังย้อน ได้ฟังแบบนั้นก็อดตอกกลับไม่ได้ ทั้งที่ไม่อยากจี้ใจดำแท้ๆ

“แล้วกับไอ้คนที่อุตส่าห์หอบกระเตงๆพาไปนอกด้วยเนี่ย…เริ่มหวงขึ้นมาบ้างหรือยังล่ะ?”

ถามตรงไปตรงมา แบบไม่ต้องมีอ้อมค้อม ความจริงจังที่ส่งผ่านมาพร้อมน้ำเสียงเด็ดขาด พาให้ดนัยรู้ว่าพี่ชายไม่ได้ล้อเล่น พอถูกถามเรื่องของบดินทร์เข้า ความขี้เล่นก็หายไปจากใบหน้าหล่อเหลา ดนัยจ้องตากฤตเมธมั่น พร้อมตอบคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างกัน

“กับบดินทร์…ผมก็แค่ไถ่โทษแก่เขา ในเรื่องที่ผมเคยกระทำรุนแรงเอาไว้ก็แค่นั้น แล้วบังเอิญว่าหมอนั่นดันอยู่เมืองไทยไม่ได้พอดี ก็เลยพาไปด้วยเท่านั้นแหละพี่…” ดนัยตอบถ้อย ชัดเจนทุกคำแบบไม่มีความลังเลเลยในน้ำเสียงที่เปล่งถ้อยคำเหล่านั้นออกมา

“แค่นั้น?” ทว่า กฤตเมธก็ยังพยายามถามย้ำ ไม่ได้คิดจะกวน แต่เพราะกฤตเมธรู้ว่าดนัยยังไม่เข้าใจตัวเอง ยังไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องดิ้นรนเอาบดินทร์มาไว้ใกล้ตัว ทั้งๆที่ไม่เคยทำกับคนอื่นแบบนั้นมาก่อน ดนัยไม่มีทางรู้หรอกว่าตัวเองกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นพี่ที่ดีอย่างกฤตเมธ จึงมีหน้าที่ตะล่อมความคิดน้องชาย ผู้ยังอ่อนหัดเรื่องหัวใจ ให้เริ่มรู้สึกตัวขึ้นบ้าง

…แม้มันจะไม่ค่อยได้ผลก็ตาม

“…ก็…อาจน่าสนใจกว่าคนอื่นที่ผมเคยเจอหน่อย เลยพาลอยากเก็บไว้ดูเล่นสักพัก ไว้หมอนั่นตั้งหลักได้เมื่อไหร่ ก็คงพอดีกับที่ผมรู้สึกเบื่อ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวผมก็ปล่อยมือเองแหละ”

และนั่นคือคำตอบของดนัย ที่กฤตเมธกะเกณฑ์เอาไว้อยู่แล้ว เรื่องอื่นๆน่ะช่ำชองนัก ทีเรื่องรักล่ะไร้เดียงสาจนน่าหมั่นไส้ พอได้ยินคำตอบของดนัย กฤตเมธก็ได้แต่ลอบขำเล็กๆ แล้วแหย่กลับไปอีกสองสามประโยค  “หึ! ให้มันจริงเถอะ อย่าเผลอรักไปก็แล้วกัน”

“เหอะ…อย่างผมเนี่ยนะ…”

“เออ ก็แค่เตือนไว้ เพราะดูทรงแล้ว ถ้าเกิดนายเผลอรักไอ้หมอนั่นขึ้นมาเมื่อไหร่ บอกได้เลยว่าเจ็บหนักแน่ ลักษณะจะเกลียดนายเข้ากระดูกดำ”

“พี่ก็น่าจะรู้นะ คนอย่างผมถ้าอยากได้ใคร ก็ไม่มีหน้าไหนหนีรอดมือผมได้”

“เออรู้…แต่แบบนั้นมันได้ใจไหมล่ะ?”

“ได้ใจ?...หึหึ ไม่เห็นจำเป็น”

“เฮ้อ…เอาไว้เจอกับตัวก่อน ถึงตอนนั้นเราค่อยมาคุยกันดีกว่านะไอ้น้อง พูดไปตอนนี้นายก็ไม่เก็ทอยู่ดีล่ะ พอเหอะๆ”

“รอผมเจอกับตัว? หึหึ…รอจนแก่แน่เฮีย ฮ่าฮ่า”

“เออ! จะรอดู แก่จนฟันร่วงหมดปากก็จะรอ! หึหึ”

การโต้เถียงไปมาระหว่างสองพี่น้องนอกไส้ เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะขบขัน เพราะทั้งคู่ต่างก็ทำเป็นทีเล่น แล้วเก็บทีจริงไว้ในใจลึกเร้น เพื่อเก็บเอาไว้ตรึกตรองกันเพียงลำพัง

“เข้า Gate ไปเสียทีเหอะ รำคาญตาจะแย่แล้ว”  และเพื่อไม่ให้เกิดบรรยากาศชวนกระอักกระอ่วนระหว่างกัน กฤตเมธจึงออกปากไล่ดนัยกลายๆ เป็นเชิงว่าช่วยพาบดินทร์ไปให้พ้นจากสดายุเสียที เพราะเขาเริ่มรับไม่ได้กับสายตาหวานฉ่ำที่ทั้งคู่ส่งให้กันมาได้สักพักหนึ่งแล้ว  หวังใจเหลือเกินว่า การที่ดนัยพาบดินทร์ไปกินไกลถึงต่างแดนขนาดนี้ น้องชายของเขาจะบังคับจับกินจนเรียบตั้งแต่หัวตลอดหาง ชนิดที่ไม่ต้องเหลือเศษซากกลับมาหาคนรักของเขาอย่างสดายุได้อีกเป็นครั้งที่สอง ลาทีลาขาด สาธุ…

ได้ยินพี่ชายอันแสนเคารพรักออกปากมาเสียขนาดนั้น ดนัยก็ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แล้วส่งเสียงเรียกออกไปเป็นนัย ว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว

ครั้นพอสดายุและบดินทร์เห็นดังนั้น ก็ประจักษ์แล้วว่าเวลาของเขาทั้งคู่จวนจะหมดลง การพูดคุย งกๆเงิ่นๆ เคอะๆเขินๆ เหมือนที่ผ่านมา ดูเหมือนจะต้องจบมันลงเสียที

และมันก็ถึงเวลา ของความในใจอย่างสุดท้ายเสียที

เมื่อสดายุยังคงยิ้มให้ บดินทร์ก็ตัดสินใจทำบางอย่างที่ถือว่าอุกอาจกล้าหาญ

หมับ!

สดายุชะงักไปเล็กน้อยที่จู่ๆก็ถูกบดินทร์สวมกอด ร่างที่สูงใหญ่กว่าตนเล็กน้อยของอดีตเพื่อนรัก ยังคงค้างเติ่งอยู่ในความทรงจำเสมอ ทำให้สดายุยังคงจำสัมผัสของอ้อมกอดนี้ได้เป็นอย่างนี้ แต่สำหรับบดินทร์คงแตกต่างหน่อย เพราะตอนนี้สดายุผอมลงจนเหลือเพียงตัวบางๆ ความรู้สึกเวลาสวมกอด คงไม่เหมือนเก่าก่อนอีกแล้ว

ก็เช่นกันกับความรู้สึก…

ที่คงไม่อาจย้อนไปเป็นเหมือนเก่าได้อีก

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะสร้างใหม่ไม่ได้ อย่างน้อย นี่คือการเริ่มต้น

“ยุ…กูขอโทษสำหรับที่ผ่านมานะ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ต่อให้มึงจะหาว่ากูโคตรเห็นแก่ตัว แต่ขอร้องล่ะ รับกูเป็นเพื่อนอีกครั้งเถอะนะ สาบาน ว่ากูจะไม่ทำตัวชั่วช้าแบบนั้นกับมึงอีกแล้ว กูเข็ดแล้วจริงๆ ได้โปรดเถอะ….”

บดินทร์ขอร้องอย่างสิ้นท่า น้ำเสียงเครือครางอ้อนวอนหนัก พูดจบแล้วก็ยังไม่ยอมปล่อยตัวสดายุ ยังคงกอดร่างผอมบางของคนที่ตัวเองหลงรักค้างเติ่งเอาไว้แบบนั้น ขณะรอฟังคำตอบของสดายุอย่างใจจดใจจ่อ รอจนตัวสั่นเทิ้มไปด้วยความกลัว ว่าจะถูกต่อว่า ปฏิเสธ

รอนาน…จนบดินทร์เริ่มที่จะถอดใจ

นั่นสินะ ตัวเขาเองทีทำเลวกับสดายุไว้ขนาดนั้น ยังอุตส่าห์ใจกล้าหน้าด้านหน้าทน ขอร้องในเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยอีก ใครเขาจะอภัยให้ง่ายขนาดนั้นกันเล่า เห็นสดายุดีด้วยหน่อยก็ทำเป็นเหลิง ได้ใจว่าหากเอื้อนเอ่ยออกไปคงไม่มีปัญหา…คิดผิดสิ้นดี…

ในขณะที่คนใจปลาซิว อย่างบดินทร์กำลังคิดจะถอดใจ ขณะที่ร่างสั่นเทิ้มค่อยๆคลายวงแขน ขณะนั้นเอง…

ที่ทั้งร่างของบดินทร์ถูกสวมกอดกลับมาจากวงแขนผอมบางของสดายุ

หัวใจของบดินทร์สั่น เท่าๆกับที่ร่างกายสั่น

ถูกกอด…เขากำลังถูกสดายุสวมกอด

นี่เขา…ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?

“ก็เป็นเพื่อนกันอยู่ไม่ใช่เหรอ กูถึงมาส่งมึงถึงที่นี่” เสียงแหบหวาน ค่อยๆกระซิบถ้อยคำแสดงน้ำใจให้บดินทร์ได้ฟังช้าๆ ชัดถ้อยชัดคำ “จริงอยู่ ว่ากูเคยบอกว่าเราคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้…แต่กูก็บอกมึงไปแล้วไง ว่ากูนับหนึ่งกับมึงได้ และกูก็เริ่มนับมาสักพักแล้ว อย่าบอกนะว่ามึงไม่รู้ตัว”

พูดถึงตรงนี้ สดายุก็คลายวงแขนออก แล้วผละออกมาเพื่อสบตาฉ่ำน้ำของบดินทร์ตรงๆ “และนั่นคือเหตุผล…ที่กูไม่เปลี่ยนสรรพนามที่ใช้กับมึงไง”

แค่คำพูดเดียวของสดายุ ก็ทำทำนบน้ำตาของบดินทร์พังทลาย ทั้งชีวิตของผู้ชายจับจดเห็นแก่ได้อย่างบดินทร์คนนี้ พ่ายแพ้อย่างหมดรูปกับสดายุเพียงคนเดียว

แพ้มาตั้งแต่ที่ได้เจอกันครั้งแรก…กระทั่งตอนนี้




หลังล่ำลาอาลัยกันเสร็จสรรพเรียบร้อย ความรักของบดินทร์ก็ถูกกีดกันอย่างสิ้นเชิง โดยเจ้าของหัวใจของสดายุอย่างกฤตเมธที่เข้ามาแทรกกลางด้วยความอดรนทนไม่ไหว พร้อมออกปากไล่ด้วยความเป็นมิตรเทียมกลายๆ ว่าได้เวลาออกเดินทางแล้ว โดยมีดนัยเข้ามาสมทบทีหลัง

เมื่อหมดเวลา ทั้งบดินทร์และสดายุก็ยอมรับในกติกา ทั้งคู่ถอยห่างจากกันเพื่อประจำในจุดที่ของตัวเอง กล่าวคำล่ำลาเล็กน้อย ก่อนที่บดินทร์จะผินร่างเดินจากไปพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้ง

“แถลงข่าวพรุ่งนี้สู้ๆนะพี่ ขอโทษทีที่ไม่ได้อยู่ด้วย เดี๋ยวส่งกำลังใจมาให้แล้วกัน สู้ๆนะยุ เราเชียร์นายสุดใจเลย ^^”  ดนัยเองก็เอ่ยลาพี่ชายอย่างกฤตเมธเช่นกัน ก่อนจะหันไปส่งยิ้มหวานให้สดายุเป็นการทิ้งทวน (เพื่อยั่วโมโหพี่ชายเล่น) แล้วก็กะจะสวมกอดเพื่อนตัวเล็กของเขาสักหนเพื่อเป็นการเอ่ยลา…ทว่า

“เออ…ขอบใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอกน่า” กฤตเมธรับคำอย่างขอไปที ก่อนจะขยับกายเข้ามาขัดขวางสิ่งที่ดนัยตั้งใจจะทำ พร้อมส่งรอยยิ้มเหี้ยม

“ฮ่าฮ่า บายพี่ เดี๋ยวค่อยแวะมาหาใหม่นะ บ๊ายบ่ายยุ เดี๋ยวถึงแล้วไลน์หานะ จุ๊บๆ” เห็นแค่นี้ดนัยก็ไม่คิดรุกต่อ จึงเอ่ยคำลาพร้อมส่งจูบชวนคลื่นไส้ให้สดายุไปแทน (เพราะแค่นี้ก็ทำกฤตเมธตีหน้ายักษ์ได้แล้ว)

“อืม โชคดีนะ” สดายุยิ้มพราว พร้อมโบกมือลาขำๆ

“เออ ไปได้แล้ว เดินทางดีๆล่ะ” เช่นกันกับกฤตเมธที่ในที่สุด ก็โบกมือให้ พร้อมอวยพรน้องชายให้โชคดี

“เอ่อ ดนัย…” แต่ก่อนที่ดนัยจะได้ทันเดินไกลออกไป สดายุก็เรียกชายหนุ่มเอาไว้ ด้วยเพราะยังมีเรื่องติดค้างเล็กๆ ดนัยหันมองพร้อมส่งรอยยิ้มทะเล้น กะจะเล่นมุกว่า ‘ไม่อยากให้ไปเหรอจ๊ะ’ แต่ก็ช้าไปกว่าประโยคต่อมาของสดายุ

“ฝากดูแลดินด้วยนะ…”

คำฝากฝังที่สดายุต้องการอ้อนวอนต่อดนัยโดยตรง โดยไม่ต้องการให้ทางเจ้าตัวอย่างบดินทร์ได้รับรู้ ถึงความห่วงใยลับๆของเขา พร้อมบรรยายสรรพคุณของคนที่ตนฝากฝัง ว่าควรระวังตรงไหนบ้าง “ไอ้นั่นมันขี้งอน น้อยใจเก่งเป็นที่หนึ่ง แข็งนอกอ่อนใน แถมยังขี้กลัวสุดๆ อย่ารุนแรงกับมันมากนักล่ะ ฝากผลักดันมันแทนเราด้วยนะ…ขอร้องล่ะ”

ดวงตาแน่วแน่และเชื่อมั่นที่มองจ้องมา ทำดนัยทะเล้นไม่ออก ‘ฝากดูแล’ ช่างเป็นคำที่หนักอึ้งเหลือเกิน เพราะดนัยค่อนข้างมั่นใจ ว่าลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างตนกับบดินทร์ ไม่มีทางที่จะดูแลอย่างดีได้ ดังนั้นดนัยจึงไม่ได้รับปากออกไปเป็นคำพูด ทำแค่เพียงยิ้ม แล้วโบกมือลาให้สดายุอีกครั้ง

ดนัยเป็นคนแบบนี้แหละ หากไม่อาจรักษาคำพูดได้ เขาจะไม่รับปากใครเด็ดขาด

…แต่ก็ใช่ว่า จะดูแลไม่ได้ล่ะนะ

“ขี้งอนเหรอ?...หึ”  แต่ข้อมูลที่สดายุให้มา ก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยอยู่นะ

ดนัยเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินมุ่งหน้าตามบดินทร์เข้าช่องตรวจพาสปอร์ตไป

สดายุนิ่งคิด นี่เขาขอดนัยมากไปหรือเปล่านะ…แต่ก็ต้องกัดฟันเห็นแก่ตัว เพราะตอนนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าบดินทร์จะยังสามารถพึ่งพาใครได้นอกเหนือจากดนัย…

ยืนส่งอยู่ตรงทางเข้าประตู ตม. จนทั้งสองลับสายตาไป ถึงตรงนี้สดายุก็อดใจหายไม่ได้ แค่เพียงระยะเวลาสั้นๆเพียงไม่ถึงปี แต่มันช่างเกิดเหตุการณ์ขึ้นมากมาย จนแทบไม่น่าเชื่อ สดายุยังจำได้อยู่เลยถึงวันแรกที่รู้ตัวว่าจะได้งาน และกลับเข้าวงการอีกครั้ง วันแรกที่บลูม่าพาเขาไปฟิตติ้ง แล้วเจอกับกฤตเมธ พระเอกที่เขาชังน้ำหน้าที่สุด จนแทบไม่เชื่อตัวเองเลยว่าในวันนี้ ใบหน้านั้นที่เขาเคยนึกชัง กลับเป็นใบหน้าเดียวกับคนทีเขารักจนสุดใจไปเสียได้...

เรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้วผ่านไป ไหลบ่าเข้ามาในชีวิตช่วงนั้นราวกับกระแสน้ำหลาก ทั้งโถมซัดและหล่อเลี้ยง จนเขายืนหยัดเข้มแข็งและเป็นคนใหม่มาได้ถึงตอนนี้ หลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเขาก็เช่นกัน ทุกคนต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงนับจากวันแรกที่ได้รู้จัก มีเส้นทางเดิน มีหนทางไป หรือร้ายกว่านั้น คือทิ้งไว้เพียงความทรงจำ ให้รำลึกถึง ราวกับเรื่องราวกำลังดำเนินมาจนถึงตอนสุดท้าย รู้สึกได้ว่าตัวละครทุกตัวกำลังมายืนอยู่ตรงทางแยก นานาจิตตัง นานาทัศน ใครจะได้ร่วมทางไปต่อ หรือแยกไปอีกด้าน จะได้เป็นเส้นขนาน หรือมีโอกาสได้พานพบใหม่ในเบื้องหน้า

เติบโตขึ้นในทุกย่างก้าวบนเส้นทางที่ต่างคนต่างเลือกเดิน

นับจากวันแรก จวบจนวันนี้ ในความรู้สึกเหมือนมันช่างยาวนาน แต่ก็ราวกับจะสั้นเพียงชั่วอึดใจ เพราะสดายุยังคงจำทุกอย่างได้ดีตั้งแต่วันแรก และตั้งใจว่าจะจดจำไปตลอดตราบเท่าที่ยังคงมีลมหายใจ

เพราะเรื่องราวทั้งหลายเล่านั้น ถึงแม้จะอุดมไปด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แต่มันก็ยังมีความสุขที่แท้จริงเต็มล้น แอบแฝงอยู่ในทุกช่วงเช่นกัน สดายุไม่อยากลืมทุกสิ่งที่ผลักดันให้เขามีวันนี้ ไม่อยากลืมเรื่องราวที่ขัดเกลาให้เขาเข้มแข็งและมีจุดยืน

และจะไม่ยอมลืมเด็ดขาด ว่ารักแท้ครั้งแรกของเขานั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร…


 :n1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 30-09-2015 03:16:06
 :L1:


โต๊ะแถลงข่าวสีขาวปลอด ประดับดอกไม้เล็กๆไว้ตรงริมโต๊ะพอเป็นพิธี มีไมโครโฟนของทุกสำนักข่าว ทุกช่อง ปักรออยู่จนแน่น

บ่ายโมงตรงตามเวลานัดหมาย กฤตเมธและสดายุก็มาถึงห้องแถลงข่าวนี้ โดยไม่มีการมาสายให้ใครต้องเสียเวลารอ สองหนุ่มนั่งประจำที่ตรงโต๊ะสีขาว ต่อหน้าธารกำนัลที่เป็นนักข่าวและตากล้องเกือบครึ่งร้อยชีวิต ยืนออรอกันอยู่ โดยมีสุริยาวดีพร้อมการ์ดอีกสามสี่นาย ยืนคุมเชิงอยู่ทุกมุมห้อง หล่อนไม่ได้คิดว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายแรงอะไรหรอก แต่กันไว้ย่อมดีกว่าแก้

และไม่มีการเสียเวลาเปล่า เวลาให้สัมภาษณ์ที่มีเพียง 1 ชั่วโมงนั้น แน่นอนเหล่านักข่าวย่อมต้องการที่จะใช้มันอย่างเต็มที่ ดังนั้นทันทีที่ถึงเวลานัดหมาย ทันทีที่กฤตเมธและสดายุเข้ามาในห้องจัดแถลงข่าว เสียงกล้องถ่ายรูปก็ดังขึ้น พร้อมกับแสงแฟลชที่สาดเข้าหน้าของทั้งคู่อย่างนับไม่ถ้วน

หลังการทักทายจบลง คำถามที่ยิงมาจากทุกทิศทางราวกับห่าฝนก็เริ่มต้นขึ้น

คำถามที่เกี่ยวข้องกับการตายของเสน่ห์จันทร์ไม่ได้รับอนุญาตให้ถามได้ เพราะอ้างว่าอาจทำให้เสียรูปคดี และเพื่อให้เกียรติคนที่ตายไปแล้ว ดังนั้นคำถามที่กฤตเมธและสดายุต้องออกมาแถลงจึงเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่มีข่าวฉาวออกมาไม่ขาดตั้งแต่ไร้เจ้าแม่เสน่ห์จันทร์คอยคุมให้

ข่าวคาวฉาวโฉ่ ถูกตีแผ่ออกไปทุกวัน ทั้งยังถูกใส่สีตีไข่เสียสนุก ทุกขเวทนาของคนอื่น คืออาหารหวานจานพิเศษของมนุษย์ที่เสพเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ไม่ว่าจะเสพแล้วรู้สึกสงสาร หรือเสพแล้วรู้สึกสมน้ำหน้าสาแก่ใจ ก็ล้วนแต่ช่วยสร้างความเพลิดเพลินให้ได้ทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้น ทุกวันนี้คงไม่มีข่าวโศกนาฏกรรมต่างๆออกมาตีแผ่กันมากมายขนาดนี้

และแน่นอนว่าในเรื่องของกฤตเมธและสดายุ เค้าลางความล่มสลายของฉายาพระเอกเทวดา หรือคาสโนว่าตัวพ่อ ย่อมเป็นข่าวที่น่าสนใจใคร่รู้เสียยิ่งกว่าพวกข่าวการเมืองน่าเบื่อเป็นไหนๆ

“สวัสดีครับ พี่ๆน้องๆนักข่าวทุกท่านทุกสำนัก ที่วันนี้พวกผมมาเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ก็เพื่ออำนวยความสะดวก แก่พวกคุณทุกคน ที่จะได้ถามคำถาม และเคลียร์ทุกประเด็นให้จบสิ้นเสียในวันนี้ แน่นอนครับ ว่าหลังจากการแถลงข่าวครั้งนี้ไป ผมจะขอสงวนความเป็นส่วนตัวในทุกเรื่องทุกประเด็น ไม่ขอตอบคำถามในเรื่องส่วนตัวอื่นใดนอกเหนือจากเรื่องที่ได้พูดออกไปวันนี้อีก ผมต้องขอโทษล่วงหน้าที่อาจทำให้พวกคุณไม่พอใจ แต่ได้โปรด เห็นใจผมทั้งคู่ด้วย...เข้าใจตรงกันนะครับ”

เพิ่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทันทีที่ประจำที่ตัวเองได้ กฤตเมธก็สาธยายเงื่อนไขการให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจน อาจดูว่าหยิ่งกร่างในสายตาคนที่ไม่ชอบพอ แต่ก็เป็นข้อที่โต้แย้งไม่ได้ เนื่องจากมันคือสิทธิส่วนบุคคลอันพึงมีที่กฤตเมธมีสิทธิโดยชอบธรรม

พอจบคำขอข้อตกลงของกฤตเมธ ที่เหล่านักข่าวทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ ยอมรับร่วมกัน บางคนอาจลอบไม่พอใจส่วนตัวบ้าง แต่ก็ยอมรับไปตามเสียงส่วนใหญ่อยู่แล้ว

และเพราะว่ามีประกาศจากทางเจ้าตัวออกมาแบบนั้น ทุกสำนักข่าวจึงรีบยิงคำถามใส่กฤตเมธและสดายุกันใหญ่ เพื่อไม่ให้เสียเวลาที่เหลืออีกไม่ถึงห้าสิบนาทีดี

“ตอนนี้ไม่มีคุณเสน่ห์จันทร์แล้ว คุณกฤตเมธคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปครับ?”

เริ่มต้นด้วยคำถามที่ค่อนข้างหน่วงใจ และออกแนวดูแคลนเล็กๆมากกว่าจะมองว่าเป็นห่วง กฤตเมธเลี่ยงไม่ได้ กับการที่ทุกคนจะมองว่าเขาคือเด็กปั้น การขาดคนหนุนหนัง แน่นอนว่าคงลำบาก แต่จะเหมาว่าเขาจะง่อยเปลี้ยจนทำอะไรไม่ได้เพียงแค่ไม่มีใครดัน อันนั้นมันก็อาจจะเกินไปหน่อย

“ก็ทำทุกอย่างเหมือนที่ผ่านมานั่นแหละครับ จริงอยู่ว่าการที่ท่านประธานจากไป ทำให้ผมดูเหมือนจะไร้ที่พึ่งทั้งทางเรื่องงานและทางใจ แต่ท่านประธานท่านสั่งสอนและปูทางให้ผมไว้อย่างดีแล้วครับ ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วง ผมอยู่ได้ส่วนจะเป็นไปในทิศทางไหนต่อไปนั้น ก็รอดูกันต่อไปดีกว่า ”  คำถามของกฤตเมธเคลียร์ชัด ด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ขึงขังจริงจัง แม้ใบหน้าหล่อเหลาจะยังระบายยิ้ม แต่สายตาที่บ่งบอกว่าไม่เล่นด้วย ทำให้นักข่าวไม่คิดขุดประเด็นนี้อีก เพราะถึงอย่างไร คำถามนี้มันก็ยังไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญ

“แล้วการกลับเข้าวงการของคุณสดายุละคะ จะเป็นยังไงต่อ?”

เพราะเล่นกับรุ่นใหญ่ยาก คราวนี้นักข่าวบางคนเลยมุ่งเป้าไปที่สดายุบ้าง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายที่ยังอ่อนวัยกว่า ทั้งยังอ่อนไหวเพราะเพิ่งจะกลับเข้าวงการ น่าจะได้คำตอบที่น่าสนใจ

“คงไม่มีต่อแล้วล่ะครับ” และนั่นคือคำตอบที่สดายุมอบให้พร้อมรอยยิ้มบาง สั้นง่าย แต่เรียกเสียงฮือฮาตื่นตระหนก เพราะจู่ๆ พระเอกที่กำลังจะกลับมามีชื่อในวงการ กลับประกาศว่าจะไม่ไปต่อเสียดื้อๆ

“หมายความว่าจะออกจากวงการ?”

 ทำให้หลังจากนั้น สดายุจึงโดนยิงคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจในครั้งนี้เสียยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ตัดสินใจดีแล้วหรือ? จะผันตัวไปเป็นเบื้องหลัง? แค่ออกจากช่อง แต่ไปอยู่สังกัดอื่น? และคำตอบเดียวที่สดายุตอบออกไปก็คือ

“ผมจะเลิกเป็นนักแสดงแล้วครับ งานวงการบันเทิงทั้งหมดผมก็เลิกด้วยเช่นกัน แล้วตอนนี้ก็หมดงานแล้วด้วย ผมอิสระแล้วครับ”

คำตอบว่า ‘อิสระ’ ของสดายุ เรียกเสียงฮือฮาออกมาได้อีกครั้ง แต่สดายุไม่ขอตอบคำถามในประเด็นนี้อีก โดยเจ้าตัวอ้างว่า ได้ให้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว

และหลังจากซักไซร้กันไปสักพัก คำถามหลักของการแถลงข่าวก็มาถึง

“ตกลงว่า ทั้งคู่คบหากัน เหมือนที่เป็นข่าวอยู่นี่หรือเปล่าคะ?”

คำถามตรงประเด็นส่งตรงมาพร้อมภาพข่าวที่เป็นที่ฮือฮาอยู่ช่วงนี้ ภาพแอบถ่ายของกฤตเมธกับสดายุที่ออกมาจากคอนโดของกฤตเมธด้วยกัน ในวันที่ทั้งคู่แวะกลับไปเอาของ ภาพถ่ายหลายช๊อต ทั้งด้านข้าง และด้านหลัง ชัดเจนตรงที่มีโอบไหล่เล็กน้อย ก่อนจะขึ้นรถคันโตของกฤตเมธขับออกไป

สิ้นคำถาม กฤตเมธและสดายุนิ่งไปอึดใจ ขณะนั้นเอง ที่เหล่านักข่าวต่างก็คิดกันไปว่าทั้งคู่คงกำลังหาข้อแก้ตัว และหากเป็นแบบนั้น พวกตนก็พร้อมจะงัดภาพแอบถ่ายอีกหลายชุดขึ้นมาโต้แย้ง ปณิธานตั้งมั่นคือการคั้นความจริง คิดฝังหัวว่าคือจรรยาบรรณ แม้มันจะทำลายชีวิตใครบ้าง พวกนักข่าวหัวเหลี่ยมเหล่านี้ก็พร้อมจะมองข้ามทุกความหายนะ เพื่อข่าวหอมหวานพร้อมเสิร์ฟของตัวเองแล้ว อย่างอื่นมองไม่ค่อยจะเห็น

“ใช่ครับ เราคบกันอยู่”

ทว่าคำตอบที่กฤตเมธตอบออกมากลับเป็นการยอมรับง่ายๆ ราวกับมันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย ทำเอานักข่าวบางคนที่กำลังจะหาเรื่องแฉถึงกับเงิบ ใบ้กินปาก ส่วนบางคนที่ตามลุ้นอยู่กลายๆก็แอบส่งเสียงเชียร์เล็กๆ แต่ก็เป็นเพียงแค่ชั่วขณะเท่านั้นที่ห้องสัมภาษณ์เงียบอึ้งไป พอเหล่านักข่าวตั้งสติได้ ก็เริ่มยิงคำถามกันต่อ พยายามขุดคุ้ยทุกประเด็น ชนิดที่ไม่ยอมให้หมกเม็ดปิดบังสิ่งใดเอาไว้เด็ดขาด

ผู้สื่อข่าว : ไม่กลัวแฟนคลับจะโกรธเอาหรือคะ?

กฤตเมธ : กลัวครับ แต่ผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากขอโทษ และอ้อนวอนให้พวกเขาเข้าใจ หรือถ้าในท้ายที่สุดพวกเขาจะโกรธจะเกลียดผม ผมก็คงทำได้เพียงเจียมตัวและขอโทษซ้ำๆเท่านั้น

ผู้สื่อข่าว : นี่คือเป็นเกย์แล้วปกปิดกันเอาไว้ หรือเพิ่งจะมารู้ตัวคะ?

กฤตเมธ : ไม่ได้ปิดครับ แค่อาจไม่เจอคนที่ใช่เลยไม่รู้ตัวน่ะครับ

ผู้สื่อข่าว : แล้วสดายุคือใช่?

กฤตเมธ : ใช่ครับ

ผู้สื่อข่าว : แล้วมีแผนจะทำยังไงต่อไปคะ?

กฤตเมธ : ก็คงออกไปใช้ชีวิตนอกวงการกันน่ะครับ

ทุกคำถามที่ถูกยิงมา ส่วนใหญ่กฤตเมธจะเป็นคนตอบแทนให้ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นข้อตกลงกันไว้ตั้งแต่ก่อนแถลงข่าว ว่ากฤตเมธจะขอจัดการทุกอย่างเอง แล้วให้สดายุนั่งเป็นกำลังใจเฉยๆ และนั่นก็เข้าทางสดยุพอดี เพราะโดยปกติชายหนุ่มก็ไม่ใช่คนที่ชอบการมานั่งแถลงข่าวหรือให้สัมภาษณ์ในเรื่องใดๆอยู่แล้ว ดังนั้นพอกฤตเมธออกปากจัดการทุกอย่างให้ สดายุจึงไม่อิดออด ตราบใดที่ไม่มีคำถามเจาะจงมาถึงตน สดายุก็จะรูดซิปปากเงียบกริบ นั่งนิ่งเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังกฤตเมธให้สัมภาษณ์ในเรื่องต่างๆ พร้อมคอยส่งแรงใจทางสายตาให้เป็นครั้งคราวก็เท่านั้น

ทว่าในคำถามต่อไปที่แสนจะจี้ใจดำ สดายุก็อดรนทนเป็นคนฟังเฉยๆต่อไปไม่ได้

ผู้สื่อข่าว : ข่าวที่ว่าคุณหนูชิดจันทร์ออกบวชชีเพื่อหนีความช้ำจากการที่อดีตคนรักอย่างคุณกฤตเมธเป็นเกย์นี่คงมีมูลใช่ไหมคะ?

สดายุ : แค่คุณแม่ที่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเพียงคนเดียวเสียชีวิต ยังไม่น่าเศร้าพอให้คุณชิดจันทร์ออกบวชชีหรอกหรือครับ?

เป็นคำถามน่าโมโหที่สดายุอดจะสอดปากขึ้นมาตอบแทนไม่ได้ และด้วยถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง ทำเอานักข่าวคนที่ถามถึงกับหน้าม้านไปหน่อย แต่ก็ยังไม่วาย ยิงคำถามไม่เข้าท่าเข้ามาใหม่

ผู้สื่อข่าว : แล้วที่เคยทีเรื่องกันคราวที่แล้ว เพราะคุณหนูชิดจันทร์แย่งคุณกฤตเมธกับคุณสดายุตามข่าวจริงๆสินะคะ

คำถามไม่เข้าท่าเกินไปเสียจน นักข่าวที่เหลือบางคนถึงกับต้องส่ายหน้าพรืด เพราะเห็นพ้องว่าไม่สมควรถาม

สดายุ : ผมขอปฏิเสธครับ แล้วถ้าพวกคุณจะตั้งคำถามที่ดึงเอาคนตายหรือคนที่ละทางโลกไปแล้วมาเป็นประเด็นเกี่ยวข้องอีก พวกผมเองก็จะไม่ขอตอบครับ ช่วยให้เกียรติพวกเขาด้วย

คำตอบของสดายุที่ออกมาค่อนข้างรุนแรงและฉุนเฉียว ทำเอานักข่าวเจ้าของคำถามคนนั้นนิ่งอึ้งไป จะอ้าปากถามต่อก็คงหมดโควต้าพอดี จึงถูกเบียดอกไปนอกวงข่าว ให้ไปตั้งสติใหม่ในวงนอกกับพวกพ้องของสำนักข่าวตน

เห็นสดายุเป็นเดือดเป็นร้อนแทนตัวขนาดนี้ กฤตเมธที่นั่งฟังอยู่ข้างกันก็อดยิ้มกระหยิ่มใจไม่ได้ คนรักตัวแสบของเขาคนนี้ ช่างน่ารักเกินห้ามใจเหลือเกิน…พอเผลอคิดออกไปแบบนั้น กฤตเมธก็ลอบถอนหายใจกับตัวเองบางๆ

‘เฮ้อ…หลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นเสียแล้ว’

จากนั้นไม่นาน นักข่าวที่เหลือคนอื่นๆก็เริ่มยิงคำถามสัมภาษณ์สดกันอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าว : เริ่มคบกันตั้งแต่เล่นภาพยนตร์เรื่อง ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ ด้วยกันใช่ไหมคะ?

และพอเห็นว่าเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องแค่กับเขาเพียงสองคน สดายุจึงยอมถอยออกไป เพื่อให้กฤตเมธเป็นคนแถลงไขอีกครั้ง

กฤตเมธ : ครับ…ผมจีบเขาก่อน

ผู้สื่อข่าว : หมายความว่าคุณกฤตเมธเป็นฝ่ายตกหลุมรักก่อนเหรอคะ?

กฤตเมธ : ครับ…ทุกอย่างเริ่มที่ผมเอง…

พอได้ตอบคำถามในข้อนี้ ในสมองของกฤตเมธก็เริ่มคิดไปถึงตอนที่เขากับสดายุได้เจอกันครั้งแรก

ทั้งที่ช่วงแรกๆ เขากับสดายุออกจะไม่ชอบหน้ากันด้วยซ้ำ เพราะอคติส่วนตัว ตังแต่ตอนไหนกันนะที่เขาเริ่มจีบสดายุอย่างจริงจัง…

ตั้งแต่จีบได้ จนตกลงเป็นคนรักกันมา เขากับสดายุก็แทบจะตัวติดกันตลอดเวลา ไปไหนมาไหนแบบคู่ปาท่องโก๋ ความสัมพันธ์แบบต้นร้ายปลายดี ยิ่งทำให้ความรักของพวกเขาหนักแน่นขึ้นทุกวัน

รัก...เริ่มต้นจากเขา

และจบลงที่…เรารักกัน

นึกถึงตรงนี้ กฤตเมธก็ยิ้มออกมาน้อยๆ

“ผมรักสดายุครับ รักเท่าที่คนคนหนึ่งจะสามารถรักใครได้ ผมอาจเห็นแก่ตัว แต่ผมรักเขา”

คำตอบของกฤตเมธที่มาพร้อมรอยยิ้มเทพบุตร ทำเอานักข่าวสาวหลายคนอดเขินตามไปไม่ได้ แม้ว่าพวกที่เป็นชายแท้จะค่อนข้างขนลุกกันไปบ้างก็ตาม บางคนถึงกับเบือนหน้าหนี เพราะค่อนข้างผิดหวังกับดาราที่ตนเคยติดตาม

ซึ่งนั่นอยู่ในการคาดเดาของกฤตเมธอยู่แล้ว และที่พูดออกมาทั้งหมดนั้น แน่นอนว่าเขาตั้งใจที่จะประกาศตัวอย่างจริงจัง

จากนั้นก็เริ่มยิงคำถามกันต่อ ด้วยเพราะเวลากระชั้นเข้ามาทุกขณะ


ผู้สื่อข่าว : เอ่อ…เมื่อก่อนที่คุณสดายุเองก็เคยเป็นคาสโนว่า แล้วตอนนี้มาเป็นเกย์ มีข้ออธิบายที่เคลียร์หน่อยไหมคะ?

กฤตเมธ : เกย์หรือไม่ผมเองก็ตอบไม่ได้ แต่ผมรักยุที่เป็นผู้ชาย ก็คงเกย์แหละครับ ฝ่ายยุเองก็คงมีคำตอบเดียวกัน ดังนั้นพวกผมคงเคลียร์ให้ได้เท่านี้แหละครับ

ผู้สื่อข่าว : แล้วครอบครัวทั้งสองฝ่ายว่ายังไงบ้างคะ?

กฤตเมธ : คุณแม่ผมทราบครับ แล้วท่านก็เข้าใจ ทั้งยังยินดีมากที่จะได้รับสดายุดาราขวัญใจไปเป็นลูกในบ้านท่านอีกคน

 ผู้สื่อข่าว : เพราะแบบนี้เลยตัดสินใจออกจากวงการหรือเปล่าคะ?

กฤตเมธ : มันคือความรับผิดชอบที่พวกผมพึงทำครับ

คำว่าความรับผิดชอบที่พึงทำ ทำให้นักข่าวไม่คิดถามต่อ เพราะถือว่าได้ข้อมูลที่เพียงพอในคำถามของทางฝ่ายกฤตเมธแล้ว

ดังนั้นจึงเริ่มมุ่งเป้ามาที่สดายุที่นั่งเงียบอยู่นานบ้าง ด้วยคำถามที่มีเพียงสดายุเท่านั้นที่จะสามารถตอบได้

ผู้สื่อข่าว : เห็นว่าบดินทร์ขอติดตามดนัยไปทำงานที่ต่างประเทศด้วย จริงหรือไม่คะ?

โดยเริ่มจากคำถามที่เกี่ยวข้องกับบดินทร์ ดาราราชาข่าวที่หายสาบสูญ

สดายุ : เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่ขอตอบครับ

แต่ก็โดนสดายุบอกปัดกันโต้งๆ แบบไม่เปิดโอกาสให้ถามย้ำ แน่นอนว่าต่อให้ง้างปากสดายุก็ไม่มีวันเอ่ยถึงบดินทร์ เพื่อนเขากำลังจะไปมีชีวิตใหม่ ไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้  ไม่ต้องการให้ขุดคุ้ยกันอีก

แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายโดนยิงคำถามจี้ต่อ

ผู้สื่อข่าว : แล้วข่าวว่าไปส่งบดินทร์ที่สนามบิน ไม่ทราบว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่เป็นยังไง?

สดายุ : ก็ดีนี่ครับ ไม่อย่างนั้นคงไม่ไปส่ง

ผู้สื่อข่าว : อ้าวแล้วที่เห็นว่าโกรธกัน

สดายุ : แค่ข่าวลือหรือเปล่าครับ ผมไม่เคยบอกนะว่าโกรธดินเขา

ผู้สื่อข่าว : เห็นในคลิปของคุณบดินทร์เขาออกมาขอโทษ…

สดายุ : ผมขออนุญาตไม่ตอบในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผมกับคุณกฤตเมธนะครับ ขอโทษด้วย

สดายุตัดบทเอาดื้อๆ พร้อมกับที่นาฬิกาบอกเวลาว่ากำลังจะครบชั่วโมงในอีกไม่ถึงสิบนาทีข้างหน้า  ถึงตอนนี้ ไม่มีผู้สื่อข่าวคนไหนอยากละลาบละล้วงเรื่องของบดินทร์ให้เยิ่นเย้อต่ออีก เพราะต่างก็มุ่งไปที่คำถามสุดท้าย

ผู้สื่อข่าว : เอ่อ ในส่วนที่พวกคุณออกมาเปิดตัวว่าคบกัน ไม่คิดว่าการเปิดตัวแบบนี้จะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีเหรอคะ?...หลายๆคนลงความเห็นว่ามันไม่สมควร อย่างน้อยก็ไม่ควรแถลงข่าว…

กับคำถามแฝงคำต่อว่ากลายๆว่าสิ่งที่ทั้งคู่ทำอยู่มันช่างไม่เหมาะสม

แต่กฤตเมธก็พร้อมที่จะตอบออกมาโดยไม่ต้องใช้ความคิด ใช้เพียงความรู้สึก และความจริงเท่านั้น

กฤตเมธ : พวกผมรับได้ครับ ไม่ว่าจะร้ายหรือดี…แล้วมันเป็นพวกคุณเองไม่ใช่เหรอครับ ที่เรียกร้องให้ผมออกมาพูด เหมาะสมหรือไม่อย่างไร ก็แล้วแต่ดุลยพินิจของแต่ละคนครับ ซึ่งพวกผมก็ออกมารับผิดชอบการกระทำของตัวเองแล้ว โดยการออกจากวงการ และผมคิดว่าพวกผมไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรมากไปกว่านี้อีก…พวกผมทำดีที่สุดแล้วครับ

กฤตเมธตั้งใจว่าจะให้คำตอบของเขา เป็นคำตอบสุดท้ายของการสัมภาษณ์ที่ยาวนานหนึ่งชั่วโมงนี้

“ผมรู้ว่ามันไม่สมควร แต่…ผมก็ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่พวกผมทำอยู่มันผิด”

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ เพราะทันทีที่กฤตเมธพูดจบ สดายุที่นั่งข้างกันก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นเสียก่อน…

“มันผิดด้วยเหรอครับ ที่เราสองคนจะรักกัน?”

อะไรบางอย่าง ที่ตรึงทุกคนไว้ที่คำพูดยาวเหยียดที่สดายุกลั่นออกมาจากหัวใจ

“ผิดเหรอที่ผมจะรักใครสักคนโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ผิดเหรอครับ ที่ผมจะเลือกรักเขา เพียงเพราะเขารักผม เอ็นดูผม ห่วงใย ใส่ใจ และไม่เคยคิดติดใจกับอดีตอันฟอนเฟะของผม รัก…จนยอมทิ้งทุกอย่างมาอยู่กับคนอย่างผม เจ็บพร้อมกับผม ทุกข์พร้อมกับผม ดีใจกับผมในทุกครั้งที่ผมได้ดิบได้ดี สุขใจไปพร้อมกับผม คอยปกป้องผมจากทุกอย่างที่จ้องทำร้ายกัน…”

อะไรบางอย่างที่ทำให้นักข่าวบางคน โดยเฉพาะกฤตเมธ แอบมีน้ำตาคลอหน่วย

“ผมผิดเหรอ? ที่จะรักคนที่ผมมีความสุขจนแทบละลายเพียงแค่ได้กอดเขา ผมผิดเหรอ? ถ้าผมจะรักคนที่ผมขาดเขาไม่ได้ แม้แค่เสี้ยววินาที ผมผิดเหรอ? ถ้าผมจะรักคนที่ผมคนนี้พร้อมจะยกทั้งชีวิตที่เหลือให้กับเขา…”

“ผมเคยเหลาะแหละ เหลวไหล ไม่เป็นโล้เป็นพาย พวกคุณก็รู้ ว่าผมเป็นพระเอกที่สันดานเสียแค่ไหน ข่าวฉาวส่งผลให้ผมร่วง ผมอกจากวงการไปเงียบๆ และกลับเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ยังเคว้งคว้าง ผมไม่มีใคร…”

“นอกจากพี่บลูม่าผู้จัดการส่วนตัวของผมแล้ว ไม่มีใครเข้าข้างผมเลย ผมยืนอยู่เพียงลำพัง ผมโดดเดี่ยว ผมไม่เหลือใครเลย หรือก็คือ ไม่มีใครเลยมาตั้งแต่ต้น ผมเคว้งคว้าง ผมเหงาทั้งยังแสนทรมาน  และในตอนนั้นเอง พี่เมธก็เข้ามา ในช่วงที่ผมกำลังเจ็บปวดที่สุด เขาอยู่เคียงข้างผม ปลอบประโลมผม ให้กำลังใจ ฉุดรั้ง ผลักดัน จนผมคนนี้ลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้ง พี่เมธไม่เคยปล่อยมือผม แม้ต้องเผชิญเรื่องเลวร้ายแค่ไหน และไม่เคยทิ้งผมไป ในยามที่ผมต้องการเขาที่สุด…”

“ถ้ามันจะผิด ผมก็ขอรับความผิดนั้นไว้ครับ จะไม่แก้ตัว หรือเปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น เพียงเพื่อเหตุผลเดียว คือการได้รักเขาต่อไป ถ้ามันจะผิดเพียงเพราะผมรักคนที่เขารักผมหมดหัวใจล่ะก็ ผมก็พร้อมที่จะแบกรับความผิดนั้นไปจนตาย…เพราะผม…รักพี่เมธครับ”


“ได้โปรด…ให้ผมได้รักเขา”

เสียงของสดายุกังวานก้อง ทุกคำทุกประโยคชัดถ้อยชัดคำไม่มีเสแสร้ง จบคำพร้อมกับเวลาในการให้สัมภาษณ์ที่หมดลงอย่างพอดิบพอดีเช่นกัน จากนั้นไม่นาน เหล่าการ์ด และเจ้าหน้าที่ที่สุริยาวดีเตรียมไว้ ก็เข้ามาจัดการพาตัวของกฤตเมธและสดายุออกจากห้อง

ก่อนไปกฤตเมธและสดายุกล่าวลานักข่าวเป็นครั้งสุดท้าย โดยที่คนทั้งห้องยังคงเงียบกริบ เขาทั้งคู่ไม่ได้เดินจับมือ หรือโอบไหล่ หรือทำอะไรที่แสดงว่ารัก แค่เดินตามกันออกไปเงียบๆ ก็เห็นได้ประจักษ์ว่าความรักวนเวียนรอบตัวของทั้งคู่อยู่แล้ว

ไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงปรบมือของใครคนหนึ่งดังขึ้นเบาๆ จากนั้นก็ลามไปเรื่องๆราวกับตัวโน๊ตต่อเนื่อง จนในที่สุดแล้วก็ดังเกรียวไปทั้งห้องแถลงข่าว จนทั้งกฤตเมธและสดายุยังต้องหันไปมอง เหล่านักข่าวที่ยืนปรบมือให้พวกเขาโดยไม่ได้พูดอะไร

...แค่ปรบมือ


 :L1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 30-09-2015 03:16:37
 :n1:


การแถลงข่าวจบลงด้วยดี 1 ชั่วโมงเต็มวันนั้น เป็น 1 ชั่วโมงที่มีค่า ไม่ว่านักข่าวหรือใครจะคิดยังไง แต่สำหรับกฤตเมธและสดายุแล้ว มันคือ 1 ชั่วโมงที่มีค่าที่สุด ทั้งคู่เดินออกจากห้องมา มุ่งตรงต่อไปเบื้องหน้า พร้อมๆกับที่สายโซ่หรือเส้นเชือกที่ติดตรึงร่างของพวกเขาไว้ เริ่มสลัดหลุดไปทีละเส้น ทีละเส้น จนทั้งร่างของทั้งคู่เบาหวิว และเป็นอิสระ

แม้จะยังเหลือเยื่อเชือกพันธนาการแขนขาอยู่อีกเล็กน้อย แต่ในสักวันมันคงอันตรธานหายไปจนสิ้นแน่ ต่อแต่นี้ไป กฤตเมธและสดายุ จะไม่ใช่หุ่นเชิด ที่ต้องแสดงตามบทบาทใดให้ใครดู ไม่ต้องสวมหน้ากากให้ใครเห็น จากนี้ไปคือตัวของตัวเอง คือตัวตน คือจิตวิญญาณ คือตัวจริง...



หมับ…

หลังสัมภาษณ์เสร็จและเคลียร์ทุกอย่างกับทางสุริยาวดีจนเสร็จสิ้น พอหลุดออกจากตึกมาได้เท่านั้น สดายุก็ถูกกฤตเมธรวบไปกอดแน่น

“เฮ้ลุง? นักข่าวอยู่กันเต็มตึก เดี๋ยวก็ได้ขึ้นหน้าหนึ่งพรุ่งนี้หรอก” สดายุบ่นอุบ แต่ก็ไม่ได้ผลักไสอ้อมแขนของกฤตเมธแต่อย่างใด

“ไม่ต้องกลัว แค่สัมภาษณ์วันนี้ก็ขึ้นหน้าหนึ่งทุกฉบับอยู่แล้วล่ะ พระเอกดังสองคนประกาศตัวเป็นเกย์ แถมยังได้กันเองอีกน่ะ”  นอกจากจะไม่ระคายที่โดนบ่นว่าแล้ว กฤตเมธยังเถียงจ้อยๆอีก ทั้งยังไม่ยอมคลายอ้อมกอดจากสดายุด้วย

“ถึงบ้านก่อนค่อยกอดก็ได้นี่ มีอะไรหรือเปล่าเนี่ยลุง?” เห็นว่ากฤตเมธยิ่งกอดแน่น แถมวงแขนยังสั่นน้อยๆ สดายุเองก็เริ่มออกอาการเป็นห่วง สองแขนผอมบางพยายามผลักร่างของกฤตเมธออกจากตัวเบาๆ เพียงเพื่อจะมองว่าคนรักเป็นอะไรกันแน่

“พี่รักยุนะ”

ทว่าในจังหวะนั้นเอง เสียงทุ้มพร่า ก็กระซิบรักข้างหูอย่างแผ่วผิว แม้จะบางเบา แต่ทว่าหนักแน่น เพียงแค่นี้สดายุก็สัมผัสได้แล้วว่ามันคือเรื่องจริง “…อืม…ก็รู้อยู่แล้ว” จึงตอบออกไปบ้าง พร้อมสวมกอดร่างหนาล่ำและอบอุ่นของกฤตเมธออกไปเช่นกัน เพื่อรองรับพลังแห่งรัก ที่กำลังจะถาโถมเข้าใส่ในไม่ช้า

“พี่สัญญาว่าจะอยู่กับยุตลอดไป ไม่ทิ้งให้ยุต้องอยู่คนเดียวอีกแล้ว…ฮึ่ก” แค่เพียงถูกกอดกลับ ความรู้สึกมากล้นของกฤตเมธก็ไม่อาจสะกดกลั้นได้อีกต่อไป ผู้ชายแท้ๆ ตัวโตแท้ๆ แต่ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้

หยดน้ำอุ่นไหลเผาะแผะลงบนไหล่บางของคนรักไม่ขาดสาย

ไม่ได้เสียใจ แต่กำลังตื้นตัน

ตื้นตันจนไม่อาจห้ามความรู้สึกรักมากล้นไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ตื้นตันเหลือเกินที่วันนี้ได้ยินความรู้สึกที่แท้จริงของคนรักที่แสนจะปากหนักอย่างสดายุ ทั้งที่ทำใจไว้นานแล้ว ว่านอกจากคำว่ารักแล้ว อีกฝ่ายคงจะไม่มีทางพร่ำเพ้อบริบทอื่นๆให้ได้ฟัง

ทั้งๆที่ยังไม่ได้เตรียมใจ วันนี้กลับถูกถ้อยคำเหล่านั้นโจมตีจนแทบจะเข่าอ่อน ‘ได้โปรด…ให้ผมได้รักเขา’ คำอ้อนของสดายุช่างแสนหวานล้ำ ช่างชุ่มฉ่ำในหัวใจราวกับหยาดน้ำฟ้า

“ได้โปรด…ให้พี่ได้รักยุตลอดไปนะ”  เพราะคำอ้อนของสดายุยังก้องอยู่ในหัว กฤตเมธจึงเผลออ้อนออกมาบ้าง พร้อมเสียงสะอื้นเบาๆ

“…หึหึ…ใครห้ามกันเล่า อยากรักก็รักไปสิ…” และสดายุเองก็ไม่มีทางปฏิเสธ “รักไปจนแก่หัวหงอก หนังเหี่ยว หนังเหนียว ผมก็ไม่ได้ห้ามพี่สักคำเลยนะ…” แถมยังช่วยสำทับให้รักกันไปนานๆอีกด้วย

“หึหึ แก่แล้วนะลุง อย่าขี้แยสิ” แต่ดูเหมือนยิ่งโอนอ่อน กฤตเมธจะยิ่งร้องไห้หนัก จนสดายุอดจะสรรพยอกออกไปไม่ได้ ทั้งที่ตัวสดายุเองก็เริ่มมีน้ำตาคลอหน่วย

“…ขอบคุณนะยุ…ที่รักพี่…”

“ขอบคุณพี่เมธเหมือนกัน…ที่รักยุ”


สองร่างยังคงกอดกันนิ่งอยู่แบบนั้น เพื่อปลอบประโลมซึ่งกันและกัน

และเพื่อให้คำมั่นสาบานว่าจะเป็นของกัน ตลอดไป…


.
.
.
.
.
หลังการแถลงข่าวผ่านไปได้ไม่ถึงวัน กระแสสังคมถาโถมโจมตีใส่กฤตเมธและสดายุราวกับน้ำบ่า คอมเม้นท์ในโลกโซเชียล ทั้งข่าวสารที่ออกมาทุกช่องทางการสื่อสาร ถ้าสิ่งเหล่านั้นเป็นน้ำจริงๆ ป่านนี้คงท่วมหัวกฤตเมธและสดายุตายไปแล้ว

 จากนั้น ชีวิตทั้งสัปดาห์หลังการแถลงข่าว ทั้งกฤตเมธและสดายุแทบจะออกจากห้องไม่ได้ ถึงขนาดต้องสั่งอาหารขึ้นมาทานที่ห้องกันสองคน เพื่อกบดานจากโลกภายนอก ไม่ได้กลัวหรอก แต่เพราะถึงจะเคยประกาศไปแล้วว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ก็ยังคงมีนักข่าวรายย่อย ปาปาราซซี่มาคอยตามเฝ้าตามตื้อจนน่ารำคาญ  แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้คิดจะแจ้งความหรือทำอะไร แม้ว่าทางสุริยาวดี จะพร้อมช่วยแจ้งความ หรือส่งการ์ดมาคอยดูแลให้ แต่ทางผู้เสียหายอย่างกฤตเมธและสดายุกลับยืนกรานปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต เพราะหากเกิดมีเรื่องมีราวกันขึ้นมาจริงๆ คงไม่จบง่ายๆแค่ลงบันทึกประจำวัน ดีไม่ดี เขาทั้งคู่อาจถูกลากไปแถลงข่าว ออกสัมภาษณ์สื่อจนวุ่นวายกันไปไม่จบไม่สิ้น ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้ว กฤตเมธและสดายุจึงตัดสินใจกบดานเงียบๆอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไปดีกว่า หากนักข่าวเหล่านั้นยังคงมีสำนึก มีจรรยาบรรณอยู่บ้าง อีกไม่นานก็คงรามือกันไปเอง

ในด้านของครอบครัวที่อาจตกเป็นเป้า ก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าเป็นห่วงนัก เพราะคุณแม่กรพิณน์ไปดูงานที่ร้านอาหารไทยสาขาญี่ปุ่น ที่คงอยู่ยาวเป็นเดือน เพราะเป็นสาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน ส่วนในด้านครอบครัวของสดายุ ก็คงต้องใช้เวลาสืบเสาะกันนานหน่อย เพราะตั้งแต่เข้าวงการมา พระเอกคาสโนว่าตัวร้ายอย่างสดายุยังไม่เคยเปิดตัวครอบครัวเลยสักครั้ง

น่าเป็นห่วงหน่อย ก็ตรงที่ค่อนข้างจะเกรงใจสุริยาวดี กับบลูม่า ที่ต้องออกหน้ารับนักข่าวไม่เว้นแต่ละวัน แต่ถึงกระนั้นทั้งสุริยาวดี และบลูม่ากลับไม่ค่อยสะทกสะท้านกับการให้ข่าวสักเท่าไหร่ ออกจะเก่งกาจในการโอ้โลมโน้มน้าวเหล่าผู้อยากรู้อยากเห็น  ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ให้เริ่มคล้อยตามความรักไม่มีเพศของกฤตเมธและสดายุ ว่าช่างดีงาม ช่างบริสุทธิ์ เล่นเอากฤตเมธและสดายุแทบอยากหาของไปสักการะทั้งคู่เหลือเกิน

พอหมดห่วงเรื่องคนรอบข้าง  กฤตเมธและสดายุจึงแสนจะเพลิดเพลินกับการหมกตัวอยู่แต่บ้านไม่น้อย รังรักเล็กๆ ที่แค่มีกันและกันก็ไม่มีเบื่อ ทั้งพอมีเวลาอยู่กันมากขึ้น สองคนก็เริ่มมีโครงการทำโน่นทำนี่ หาอาชีพ หาเงิน ตกลงกันเรื่องงานเลี้ยงแต่งงานเล็กๆ หาที่เที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ เพราะหลังจากกลับจากมัลดีฟส์มาเขาทั้งคู่ก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันเลย

ถึงจะเข้าโลกอินเตอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูลท่องเที่ยวต่างๆ แต่สดายุก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปสิงสู่อยู่ในกระทู้ข่าวที่เกี่ยวกับตัวเองสักเท่าไหร่นัก แอบดูแอบอ่านทีไรเป็นต้องโดนกฤตเมธเอ็ดใส่เสียทุกที โดยเฉพาะยิ่งต้องหมกตัวอยู่ด้วยกันในห้องแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างนี้ด้วยแล้ว สดายุเลยยิ่งโดนคุมเข้ม…

แต่ในวันนี้ สดายุได้รับอนุญาตให้เสพสื่อเหล่านั้นได้อย่างเต็มที่

กระทู้เก่าใหม่ กระทู้ไหนเด่น กระทู้ไหนดัง สดายุสามารถกวาดมาเสพได้หมดแบบ non-stop

และแต่ละความดิดเห็นก็ช่างโหด มัน ฮา ดีเหลือเกิน…



ขยะแขยงว่ะ แม่งกูอุตส่าห์ติดตามมาตั้งนาน เสือกเป็นเกย์ ค_ย เอ้ย

กรี๊ด! รับไม่ได้

สัด!!พี่เมธสายเหลือง!!??

ขุดทองละเว้ยเฮ้ย 555+

ผลัดๆกันไป ขี้คล่องกันเลยสิพวกมึง ฮ่าฮ่า

สดายุนี่ เมื่อก่อนเป็นคาสโนว่าไม่ใช่เหรอ เชี่ยมากอ่ะ เป็นเกย์แท้ๆ หลอกฟันชะนีบังหน้า เลว!

พี่เมธไม่น่าเลย

เล่นหนังแล้วได้กัน หรือได้กันก่อนเล่นหนังวะ?

เกลียดมาก........มันไม่เหมาะสมมากครับที่ออกมาแถลงข่าวเปิดตัวอะไรนี่ มันแย่นะ สังคมจะเป็นยังไงต่อไป เป็นคนของประชนแท้ๆ แต่ไร้ความรับผิดชอบสิ้นดี เล่นหนังเกย์ แล้วยังเป็นเกย์อีก วิปริตแบบนี้ รับไม่ได้ครับ

มนุษย์เราเกิดมา มันเลือกเกิดไม่ได้ค่ะ เกย์ไม่ใช่โจรนะคะ  เขาก็คือคนคนหนึ่ง ก็เหมือนเพศชายเพศหญิงทั่วไป การที่เขาเป็นดาราแล้วรักกันมันผิดตรงไหนเหรอคะ ในเมื่อพวกเขาก็ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครเสียหน่อย

เขาก็ประกาศขอถอนตัวจากวงการเพื่อรับผิดชอบการกระทำของตัวเองแล้วไง จะขุดคุ้ยอะไรนักหนา ในส่วนตัวเราคิดว่าความจริงแล้วกฤตเมธกับสดายุไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นแท้ๆ เป็นเกย์ไม่ได้เกี่ยวกับฝีมือทางการแสดงนี่ ถึงยังไงฝีมือกับหน้าหล่อๆนั่นก็คือความจริงล่ะ ยังให้ความสุขกับแฟนคลับได้ตั้งเยอะ ไม่เข้าใจพวกแอนตี้เลยจริงๆ

ตุ๊ดเกย์แม่งเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมด ตุ๊ดจะครองโลก

ตุ๊ดครองโลกพ่อง! ตุ๊ดหนักหัวพ่องมึงเหรอ!?

กลับมาได้ไหม? เมียยังรออยู่นะ

ให้สัมภาษณ์ได้กินใจมากเลยค่ะ ซาบซึ้งในความรักของพี่ทั้งสองคนสุดๆ ความรักของพวกพี่มันช่างเลอค่ามากค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆ

มันก็สิทธิ์ของเขา เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่

อ้าว? ค้นพบตัวเองตอนแก่กันเหรอวะ

จะเป็นอะไรก็ช่าง ฉันชอบพวกคุณที่ผลงานค่ะ

เรื่องของเขาป่าววะ จะไปเผือกกันทำไมนักหนา

กรี๊ด!! พี่เมธผัวกู #ร้องไห้หนักมาก

เป็นดาราดังแท้ๆ น่าจะมีหัวคิดหน่อยนะ ออกมาเปิดตัวกันแบบนี้ ไม่คิดว่าจะเป็นภาระทางสังคมบ้างเหรอ เด็กเล็ก แฟนคลับวัยรุ่นก็เยอะนะ แทนที่จะทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี เลิกสนับสนุนครับ รับไม่ได้!

โถ อีพวกโลกสวย ดีออก!!

วงการนี้เหลือชายแท้บ้างไหมวะ?

เขาเป็นเกย์แล้วไปหนักหัวพวกมึงเหรอ ด่าเขาจัง ทำได้อย่างเขาป่าววะ สึด!

เป็นเกย์แล้วไง ไปปี้กันบนหัวพวกมึงเหรอ!?

ชอบผลงานค่ะและจะติดตามตลอดไป สู้ๆนะคะ

‘ผิดด้วยเหรอครับ ที่ผมจะรักใครสักคนโดยไม่สนใจว่าคนคนนั้นจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิง’ พูดได้เจ๋งมากครับ ผมนับถือน้ำใจเลย

ตัวจริงพี่ๆเขานิสัยดีจะตาย ต่อให้เป็นอะไรพวกเราก็ยังรักค่ะ

ฟินอ่ะ#สมาคมชายเหนือชายคือยอดชาย

สดายุพูดได้ดีมากครับ ผมฟังยังน้ำตาจะไหล เป็นกำลังใจให้นะครับ

ฝ่าฟันกันไปให้ได้ รักกันไปนานๆนะคะ

ชอบผลงานครับ เป็นเกย์ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน แค่เป็นคนดีก็พอแล้ว # เป็นกำลังใจให้ครับ

ฟินตัวแตก…




กระแสตอบรับมีทั้งร้ายดี มีทั้งเชียร์ทั้งแช่ง แต่สดายุก็ไล่อ่านมันทุกอัน เพื่อรับรู้ไว้ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเก็บมาใส่ใจ เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้าย ที่เขาจะให้ความสนใจในเรื่องนี้

อ่านจบทุกตัวอักษร สดายุก็วางมันลง ปิดเครื่อง แล้วยัดใส่ในกระเป๋าสะพายใบย่อม ขณะที่ได้ยินเสียงกฤตเมธเรียกขานปาวๆ ว่าได้เวลาเดินทางไกลกันแล้ว

สดายุขานรับ พร้อมก้มตรวจกระเป๋าตัวเองดูอีกครั้ง กระเป๋าสตางค์ 2 ใบ พาสปอร์ต 2 เล่ม และ ตั๋วเดินทาง 2 ใบ ครบพร้อมเดินทาง แอบบ่นไม่ได้ว่าตัวเองยิ่งเป็นคนหละหลวมอยู่ ทำไมกฤตเมธถึงชอบเอาของสำคัญมาฝากไว้กับเขาทุกทีด้วยก็ใม่รู้

ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่อ่านความคิดเห็นในกระทู้ข่าวเหล่านั้นแล้วเขาไม่ได้รู้สึกอะไรเลย แอบดีใจกับเสียงเชียร์พร้อมข้อความให้กำลังใจไม่น้อย แต่แทบไม่รู้สึกอะไรเลยกับคำดูแคลนก่นด่า โดยเฉพาะในส่วนของตัวเขาเอง จะระคายใจก็ตรงกระแสแอนตี้กฤตเมธที่เขาอดเจ็บปวดไปด้วยไม่ได้

แต่…ถึงตอนนี้แล้ว จะอะไรก็ช่างมันเถอะ สดายุคนนี้ไม่ขอรับรู้อะไรอีกแล้ว…ช่างแม่ง

หลังตรวจสอบเรียบร้อยเห็นว่าไม่มีอะไรขาดตกบกพร่อง สดายุก็ลากกระเป๋าเดินทางใบน้อยของตัวเองออกจากห้อง สมทบกับกฤตเมธที่รออยู่ในห้องรับแขกกับบลูม่า สารถีคนสำคัญที่จะพาเขาสองคนไปส่งที่สนามบิน เห็นว่าพร้อมแล้ว ทั้งสามก็ช่วยกันขนของออกจากห้องน้อยของสดายุ

ลาทีความวุ่นวาย กฤตเมธและสดายุตัดสินใจว่าจะไม่อยู่เมืองไทยกันสักพัก เอาค่าตัวที่ได้จากการเล่นหนังบวกเงินเก็บ ลงขันกันไปเที่ยวที่ต่างๆ ตามที่วางแผนกันเอาไว้ โดยที่แรกก็คือ มัลดีฟส์ที่ที่เป็นจุดกำเนิดแห่งรักของพวกเขา

ทิ้งความจริงไว้เบื้องหลัง เพราะจากนี้ไป จะเป็นช่วงเวลาที่แสนสุขและน่าจดจำสำหรับเขาทั้งคู่แล้ว

สดายุยิ้มร่าตอนปิดห้องล็อคกุญแจดังกริ๊ก

โลกไม่เข้าข้างพวกเขาก็ช่างโลกสิ แค่มีกฤตเมธยืนข้างกันสดายุก็มีความสุขมากแล้ว แถมยังไม่ใช่แค่นั้น กฤตเมธยังมีครอบครัว และสดายุเองก็ยังมีผองเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ยังรักและคอยผลักดัน ความสุขจึงแสนจะเหลือเฟือ จนไม่ต้องดิ้นรนแสวงหา

อยู่ใต้ฟ้าจะกลัวอะไรกับฝน เป็นคนในสังคมจะมัวกลัวไปทำไมกับอีแค่คำติฉินนินทา เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่นานเขาก็ลืมกัน

เลือกอยู่กับความเป็นจริงตรงหน้า แล้วก้าวไปอย่างอิสระดีกว่า

ลาก่อนความวุ่นวาย

สัญญาเลย ว่าจะมีความสุขจนโลกอิจฉาให้ดู



 :n1:

**********************************************
กะจะมาแค่ 2 เบิ้ลเป็น 4 reply อีกจนได้ เฮ้อ...ยาวจริงจัง จนปวดไต
ฉลอง 200 โพสต์ อิอิ อัพไซส์เป็นเด็กช่างแว้ววว ฮิ้ววว!!

ขอบคุณสำหรับคำอวยพร 2nd Year Anniversary นะคะ จุ๊บๆๆๆ
และต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่มาไม่ทันวันที่ 23 ช่วงนี้
เพราะภาระงานหลวงเยอะเหลือเกินค่ะ
ชนิดที่ว่าเสาร์อาทิตย์แทบไม่ได้พัก
ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาจึงเข้าขั้นหืดหนัก แฮ่กๆๆ

ขอบคุณทุกกำลังใจและการรอคอยนะคะ
เป็นนักเขียนแก่ๆ ขี้ข้ายุ่น ที่พยายามทำทั้งงานหลัก
และรักทั้งงานอดิเรก อาจขาดหายไปบ้าง
แต่ยังรักท่านผู้อ่านทุกคนเหมือนเดิมนะจ๊ะ
และจะพยายามต่อทุกเรื่องให้จบให้ได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ
(คิดถึงสมัยสาวๆ ที่มีเวลาเหลือเฟือจังเลย TT^TT)

ปล. เหลือตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วจ๊า
แต่จะกี่ reply นี่ยังไม่อาจพยากรณ์ได้
บอกได้เลยว่าเกิน 5! อิอิ

ปลล.ถึงน้องสาวคนสวย พี่ขนไส้อั่วมาฝากแล้วนะ…
แต่พี่ก็ดันเผลอกินไปซะแล้ว พี่ขอโต๊ด…TT^TT

ปลลล. ตามความเคลื่อนไหวของคนเขียน ว่ามันหายหัวไปไหนได้ที่เพจนะจ๊ะ
อนุญาตให้ตามจิกได้สารพัดเลยค๊า อะเชิ๊บ อะเชิ๊บ…

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี 99 # Thearboo

**ขออนุญาต กลับไปปั่นพจมานหน่อยนะคะ หายหัวมาจะครบเดือนแล้ว TT^TT ฮรือออ…


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: JUST_M ที่ 30-09-2015 04:14:47
ดีจัง

พี่เมธกับยุ ขอให้มีความสุขมากๆ

ปล.อัพรูปคู่ลง IG บ้างเน้อ


อินนนนน  555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 30-09-2015 05:45:47
ยินดีกับพี่เมธน้องยุมากๆๆๆๆๆๆๆๆ :heaven

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 30-09-2015 07:14:24
ซาบซึ้งตรึงใจ ถ้าตั้งกระทู้ในพันทิพจะไปสมัครแล้วให้กำลังใจรัวๆ
ขอให้ทั้งคู่มีความสุขนะคะ รอตอนต่อไปปปปปป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 30-09-2015 07:25:56
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Acacha ที่ 30-09-2015 08:56:03
ฟินนนนน
จบแฮปปี้มีความสุข  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 30-09-2015 09:58:25

ซาบซึ้งกับความรัก

แบบท่วมท้น

รักท่วมใจเลยขอรับ

ขอเวลาฟินแปป

 :impress3:



หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: ooomukooo ที่ 30-09-2015 10:12:21
ชอบมาก  :katai2-1: รอของน้องดินน่ะค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 30-09-2015 10:28:14
รักเธอ~~~~ สนุกมากๆๆๆๆๆ

+1 ให้กับบทเผ็ดแซ่บของพี่เมศ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 30-09-2015 10:29:54
 :pig4:
 :pig4:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 30-09-2015 10:59:17
อ่ะฮิ้ว แอบซึ้งสดายุตอนพูดน้ำตาคลอเลย เดี๋ยวนักข่าวก็ไปขุดคุ้ยเรื่องอื่นอีกมากมายเอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 30-09-2015 11:47:53
โอ้ยยย เห็นความหวานของคู่นี้แล้ว อยากขอเกาะล้อเครื่องบินไปมัลดีฟด้วยจังเลย ทะเลหวานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 30-09-2015 12:39:55
นักข่าวนี่ก็จริงๆกันเลยน้อออออ
เป็นกำลังใจให้พี่เมธกับน้องยุ
น่าใจหายที่ตอนหน้าจะจบแล้ว แอร๊ยยย

ขอบคุณคนเขียนมากค่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-09-2015 13:22:56
ตอนนี้มีทุกอารมณ์ มันเริ่ดมากกก บอกเลยยยย

ยินดีกะทั้งคู่ด้วยจ้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: me12inzy ที่ 30-09-2015 13:29:09
อยากตีพวกที่มาว่าพี่เมธน้องยุ เกลียดดด

ทั้งสองคนพูดได้ดีมากๆ ขอบคุณพี่เมธน้องยุและอนาคีนะคะ รักเรื่องสุดๆเบย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: GintoniC ที่ 30-09-2015 14:41:29
จะไปฮันนีมูลกันแล้วใช่ไหม เจอเรื่องหนักๆ ก็ไปพักใจ ตอนหน้าหวานฉ่ำเลยอ่ะจิ :hao3:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 30-09-2015 14:54:06
ซึ้งกับคำพูดของยุที่สุดเลยอ่ะ :กอด1:


หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: narumo ที่ 30-09-2015 15:31:40
กินใจสุดๆ จะรอตอนต่อนะคะ ในที่สุดก็ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการกันสักที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: leeteuk ที่ 30-09-2015 15:33:42
ฟินสุด ๆ ๆ  ยุพูดดีมากเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 30-09-2015 15:58:09
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 30-09-2015 16:15:41
รักให้โลกอิจฉาไปเลยครับ ผมสนับสนุน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 30-09-2015 16:41:43
เฝ้ารอดนัยกลืนน้ำลายตัวเอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: SOO2 ที่ 30-09-2015 18:24:10
จะจบแล้วหรอ :mew4:
รอตอนสุดท้ายกับเรื่องของดินน้าาาา :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-09-2015 19:23:37
รีแรกนี่แบบ  :m25:

พี่เมธหึงแม้กระทั่งดิน  o6 

ฉากแถลงข่าวที่รอคอย  :mc4: ตอบได้ดีมากเลยทั้งพี่เมธ ทั้งน้องยุ  รักกันนานๆ นะจ๊ะ

ชักไม่อยากให้จบแล้วซิ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 30-09-2015 19:34:50
มันต้องอย่างนี้สิ
มีความสุขเข้าไว้
คนที่แช่งมันจะได้
จุกอกตาย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 30-09-2015 22:17:15
 :mew1: ฟินมากคะ ยุตอบนักข่าวทำเอาจะร้องตามอะซึ้งจริงๆ
ตอนดนัยกะน่าอ่าน คิคิ ไว้ดนัยตรู้ตัวว่าตกหลุมรักใครบางคน จะขี้หวงขนาดไหนนะ!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: andaseen ที่ 30-09-2015 22:25:05
ยาวมาก ตอนนี้มีทุกอารมณ์ ครบทุกรส :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 30-09-2015 22:35:29
ยุ ซึ้งมา พูดได้ดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 30-09-2015 22:50:17
 :z2:
คนอ่านแก่ๆคนนี้ก็ฟินค่า
อยากได้เป็นเล่ม เอามานอนกอด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 30-09-2015 23:55:35
ดีงาม

โลกก็หมุนไป
ทุกข์ทำไม?
สุขให้ลืมโลกไปเลย

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-10-2015 00:15:45
พี่เมธขี้หึงมากกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 01-10-2015 00:18:32
จะจบซะแล้ว รออ่านตอนจบ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 01-10-2015 00:41:21
มีแฟนแก่แต่ไฟแรง น้องยุต้องฟิตหน่อยนะ

ขอให้ครองคู่กันอย่างมีความสุขนะคะ   :L1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 01-10-2015 11:44:16
ยาวมากกกกกก ฟินเวอร์ๆเลยค่ะ ตอนยุพูดแถลงตอนสุดท้ายเราก็อดน้ำตาซึมไม่ได้จริงๆ
แล้วเราก็แอบเห็นด้วยกับคอมเม้นที่เข้าข้างยุและพี่เมธนะ เป็นเกย์แล้วผิดตรงไหน? โอ๊ยมันใช่อ่ะ
ขอบคุณคนแต่งมากค่ะ ที่มาต่อให้ยาวขนาดนี้  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 01-10-2015 22:47:02
โอ้ย ซึ้งน้องยุพี่เมธ ยุพูดดีมากเลยลูก  :-[ขอให้มีความสุขมากๆนะยุ
เจอคนดีแบบพี่เมธฟินสุดชีวิต รอตอนจบต่อไป :laugh:

รอพจมานนะค้า :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 02-10-2015 14:23:08
อ่านรีแรกนั่งไฟลุกอยู่หน้าจอคอมฯ สองคนทำไมร้อนแรงงี้ :fire:  :oo1: :fire:

งานแถลงก็ดีงามตามเหตุผลของเขา รักกันให้เต็มที่ไปเลยนะ ลุงเมธ-หนูยุ
 :L1: :L1: :L1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 02-10-2015 19:23:39
น้องยุเยี่ยมมาก เที่ยวให้สนุกนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 02-10-2015 22:55:45
แฮปปี้ทุกอย่าง
ครบ2ปีเเล้วหรอเนี่ย
ตามมานานมากกก

รออ่านพจมานอยู่เน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 03-10-2015 02:38:12
ขอให้มีแต่ความสุขน้าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: Takarajung_TK ที่ 03-10-2015 07:09:05
ร้องไห้ตามตอนยุแถลงข่าว
ซึ้งมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 04-10-2015 12:35:10
อ้างถึง
สัญญาเลย ว่าจะมีความสุขจนโลกอิจฉาให้ดู

อร๋ายยย เพิ่งมาาาา เราเพิ่งมาาา จะจบแล้ววว  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 04-10-2015 14:11:33
ยุพูดความในใจหมดเปลือกเลย ซึ้ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 10-10-2015 22:42:19
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: nutae or ที่ 14-10-2015 22:24:10
คือ....เป็นนิยายที่แบบว่า..นิ๊ย๊ายยยนิยายยยย.....โคตรเน่าอ่ะ....แต่ก็ตามอ่านมารวดเดียวจบ!!! คนเขียนทำได้ยังไง? รู้ว่าเน่า..แต่ก็หยุดอ่านไม่ได้....ดราม่า แอกชั่น หวานแหวว...ครบในเรื่องเดียวกัน... o13 ลุกขึ้นปรบมือรัวๆๆๆให้กับคนเขียนค่ะ  ชื่นชมจริงๆๆ  :mew1: รออ่านตอบจบอยู่นะคะ..... ^^
ป.ล. ถ้าจะให้นิยามสั้นๆสำหรับนิยายเรื่องนี้....ขอบอกเลยว่า "เน่าแต่ได้ใจ!!"
.......ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: mana_ai ที่ 14-10-2015 23:01:42
มันเด็ดตรงที่จะมีความสุขจนโลกอิจฉาเนี่ยแหละ คริๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 16-10-2015 10:43:13
รอตอนจบอยู่นะคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: saltcaramel ที่ 20-10-2015 23:11:37
เรื่องราวของสองแม่ลูกดวงจันทร์นี่ร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ TT ร้องไห้ไม่หยุดจนไม่มีแรงอ่านต่อเลยค่ะ
เศร้า ซึ้ง เป็นความเจ็บปวดที่งดงาม
นี่อินเรื่องของครอบครัวนี้มากจนเลือดกรุ๊ปYหยุดทำงานไปสักพักเลยค่ะ
เขียนบรรยายได้ดีมากๆๆๆๆๆค่ะ เราชอบมากเลย
เสียดายที่ไม่ได้รู้จักนิยายเรื่องนี้ให้เร็วกว่านี้

ร้องไห้จนปวดตาไปหมดเลยค่ะ คืนนี้จะนอนได้ไหมเนี่ย
ขอบคุณนักเขียนที่เขียนเรื่องดีๆอย่างนี้ให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: SWIM ที่ 31-10-2015 23:33:32
มารอ คิคิ ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: NoteZapZa ที่ 08-11-2015 12:16:46
เข้ามาอ่านรวดเดียวเลยค่ะ.....เป็นเรื่องที่สนุกมาก  คู่พี่เมศน้องยุ ละมุนละไมมากค่ะ คู่อื่นๆก็น่ารักไม่แพ้กัน แต่ที่ติดใจเลยคงกนี้ไม่พ้น คู่ดนัยกับดิน จะติดตามต่แไปค่ะ  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 16-11-2015 01:36:24
อ๊อด x กมล
ความเดิมตอนที่แล้ว
ย้อนรอย...อ๊อด x กมล “Roommate”

จากเด็กบ้านนอกสู่เมืองฟ้า ในรั้วมหาวิทยาลัยมีชื่อในเมืองหลวง เด็กหนุ่มวัย 18 ปี ผู้มาพร้อมความฝันและความทะเยอทะยาน

‘นายอุเทน พนาลัย’ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง

อุเทนหรือ ‘อ๊อด’ ชอบการแสดงมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาไม่ได้ชอบเป็นผู้แสดงหรอกนะ อ๊อดชอบเป็นผู้กำกับอยู่เบื้องหลังมากกว่า ชอบมากขนาดใฝ่ฝันอยากเป็นผู้กำกับดังๆ ทำหนังดีๆ ได้รับรางวัลระดับโลก และอ๊อดก็ไม่ใช่คนช่างฝันที่ได้แต่ฝัน ดังนั้นเขาจึงพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อผลักดันตัวเองไปในเส้นทางที่จะสามารถนำพาไปสู่ความสำเร็จสมใจให้ได้เร็วที่สุด

โชคดีเหลือเกินที่ครอบครัวของอ๊อดให้ความสนับสนุน  อ๊อดจึงสามารถพุ่งทยานสู่ความฝันของตนได้อย่างเต็มที่

และก้าวแรกก็คือ การเข้าเรียนคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง ของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ เพื่อปูทางสีกุหลาบให้เขาได้ก้าวเดิน

“เชี่ยเอ้ย! มึงจะเปิดไฟทำห่าไรวะ ไอ้สัด!!”

ทว่า ทางสีกุหลาบย่อมมีหลามกุหลาบปักเรียงรายให้ได้บาดได้ตำจนเลือดซิบอยู่ด้วย

“กูอุตส่าห์ติดป้ายเอาไว้แล้วว่าอย่าเปิดไฟๆ มึงตาบอดหรือไงวะไอ้เชี่ย!!”

แค่ก้าวเท้าเข้าห้องตัวเองขี้หูของอ๊อดก็แทบจะออกมาเต้นระบำ ด้วยเสียงที่แผดลั่นออกมาของรูมเมท

‘นายกมล วิมานดิน’ นิสิตชั้นปีที่ 1 คณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์และภาพนิ่ง

หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า ‘มล’หนุ่มแว่นหน้าตาเนิร์ดๆ เอ๋อๆ ที่ไม่ว่าใครก็มองว่าช่างเป็นคนไม่มีพิษภัย อยู่ในที่แจ้ง กมลเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจา เก็บเนื้อเก็บตัว ตัวเล็กๆ ขาวๆ ตี๋ๆ เหมือนเด็กที่ยังโตไม่เต็มที่ แต่เผือกเรียนมหาวิทยาลัย

แต่ความจริงแล้วไอ้เตี้ยแว่นในสายตาของอ๊อดนั้น แท้จริงเป็นยอดฝีมือเรื่องการถ่ายภาพมาก ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การจัดองค์ประกอบของภาพแต่ละภาพที่เจ้าตัวถ่ายนั้นรางกับมืออาชีพ ความจริงในข้อนี้ทำเอาอ๊อดอึ้งมากตั้งแต่แรกเห็น

แต่มีสิ่งหนึ่งที่อ๊อดอึ้งมากกว่า…

คือไอ้แว่นที่ชื่อกมลนั้นมันไม่ได้แบ๊วอย่างที่ใครๆคิด ที่จริงแล้วมันมีพิษสงรอบตัว!!

แบ๊วต่อหน้ารุ่นพี่ ทำเป็นไม่สู้คนต่อหน้าสาวๆ แต่พออยู่ในห้องสองต่อสองกับรูมเมทอย่างอ๊อดเมื่อไหร่ พ่อกมลเหวี่ยงแหลก สันดานจริงทะลักออกมาจนอ๊อดแทบรับสถานการณ์ไม่ทัน

อย่างเช่น คราวนี้เป็นต้น….

และเพราะวันนี้เขาอ๊อดเองก็เมา เพราะเพิ่งโดนรุ่นพี่จับกรอกเหล้ารับน้องมา

และเพราะวันนี้อ๊อดเองก็ชักจะทนต่อไปไม่ไหว เพราะเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่อยู่

และเพราะอย่างนั้นเมื่ออ๊อดรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นตอนที่…

‘เผลอลงมือปล้ำกมลจนเสร็จไปหลายรอบแล้ว!!’

*
*
*
*
*

เสร็จไป...หลายรอบ

“ฮึ่ก ฮึ่ก...ฮือ...ฮึ่ก...ฮือ...”  เสียงสะอื้นเบาๆ ดังจากใต้ผ้าห่มผืนหน้า ข้างกายของร่ายเปลือยอีกร่าง ที่นั่งสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยๆ ด้วยใบหน้าที่ชาชืด

“นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ...”  เสียงปรามาสดังขึ้นลอยๆ แต่ก็ทำให้ร่างในผ้าห่มสะดุ้งหวือ “ตัวใหญ่เสียเปล่า ไอ้เราก็นึกว่าจะแน่ มาทำขึงขังจับกด แค่สอดก็เสร็จคืออะไรวะ? เสร็จแล้วเสร็จอีกอยู่นั่น มึงอัดอั้นมากหรือไง? เย่อไม่กี่ทีก็ไปแบบนี้ มึงนอนใช้มือสาวเอาก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องเป็นภาระคนอื่น”

น้ำเสียงเรียบนิ่งของกมล เอ่ยสบประมาทคนในโปงผ้าห่มแบบไม่ไว้หน้า ก่อนอัดบุหรี่เข้าปอดอีกครั้ง แล้วพ่นควันออกมาช้าๆ ขณะฟังเสียงสะอื้นฮั่กด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตัวเองของผู้ชายที่หมายรุกรานตน แต่ไปไม่รอดอย่างอ๊อด

“หยุดร้องเสียที น่ารำคาญชะมัด ตัวเท่าหมีควาย ร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆไปได้”  เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ยังคงซุกตัวในผ้านวมอุ่น นอกจากเสียงสะอื้นไห้ราวจะขาดใจที่เล็ดรอดออกมา กมลก็ถึงจุดสิ้นสุดแห่งการรอคอย มือบางกระชากผ้าห่มออกจากร่างหนา ก่อนย้ายร่างอ้อนแอ้นบอบบางของตนขึ้นคร่อมร่างสูงใหญ่ที่นอนที่นอนแบรออยู่

อ๊อดตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงกับอึ้ง แต่ต้องสะดุ้งไหวขึ้นทันทีที่ถูกกมลรวบน้องชายที่ยังนอนนิ่งของตนรูดรั้งโดยไม่รีรอ

“อ๊ะ!” แค่เพียงครู่ก็ได้ที่ ความกระสันซ่านจู่โจมจนแทบทนไม่ไหว สติยั้งคิดเริ่มพร่าเลือนไป ยิ่งได้เห็นใบหน้าอ่อนเยาว์แต่เร้าอารมณ์ของคนบนร่างด้ายแล้ว…อ๊อดยอมตาย

ในที่สุดทุกอย่างก็ได้ที่ กมลแลบเลียริมฝีปากอิ่มยั่วของตนช้าๆ ขณะสบตาสะกดอ๊อดไว้ ก่อนจะหยิบซองถุงยางอนามัยขึ้นมากัดฉีกด้วยแผงฟันเรียงสวย สวมใส่ให้ความแข็งแกร่งในมือช้าๆ ก่อนบรรจงจรดปลายปืนใหญ่ที่บรรจุกระสุนเต็มแม็กซ์ไปที่ปากทางเข้า แล้วหย่อนตัวลงทาบทับความร้อนจนแทบละลายนั่นช้าๆ

 “ซีด...อือ...”

แค่เพียงส่วนหัวที่ล่วงพ้น กมลก็ถึงกับสูดลมหายใจผ่านไรฟันเสียเฮือกใหญ่ ถึงชายใต้ร่างนี้จะใจปลาซิวปลาสร้อย แต่ความเป็นชายที่ไม่น้อยเลยนี่ก็เล่นเอากมลถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ความอวบแน่นยาวใหญ่ ที่กมลตั้งใจจะพิชิตให้ได้ เพราะในครั้งก่อนหน้าที่เขาโดนกดนั้น ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะได้ทำอะไรมากไปกว่าการสอดส่วนหัวเข้ามา อ๊อดก็ครางลั่นพร้อมเสร็จไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขยับ และเป็นอยู่อย่างนั้นเสียหลายรอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่กมลยอมไม่ได้

ก็อุตส่าห์แอบชอบ แอบยั่วมาตั้งนาน วันนี้อุตส่าห์บรรลุความพยายามทั้งที จะให้จบในม้วนแรกได้อย่างไร กมลเหยียดยิ้มเหยเก ก่อนจะกัดฟันเปลี่ยนท่าเป็นนั่งยองๆทั้งที่ยังมีส่วนหัวของสิ่งนั้นคาอยู่ เพื่อประทับความเป็นเจ้าของอันสมบูรณ์สู่ร่างสูงใหญ่กำยำที่เฝ้าหมายตามานาน

“อ๊า~ โอ้ยยย....อื้อ...”

 “โอ้ววววววส์!! ซี๊ดดดดดดดด!!”
   
เพราะฝืนกดกายลงรวดเดียวสุด ทำให้ช่องทางของกมลถึงกับเจ็บแปลบ โชคยังดีที่ไม่ฉีกขาดจนได้เลือดจนกมลยังทึ่งในความยืดหยุ่นของร่างกายตัวเองไม่น้อย ที่สามารถรองรับความระห่ำที่ไม่คาดคิดของตัวเองได้ ฝ่ายอ๊อดนั้นทันทีที่ถูกช่องทางคับแน่นรูดรัดลงมาจนสุดในคราเดียว แรงตอดรัดต่อต้านยังความเสียดเสียวมาให้เสียจนตาลาย

จนเกือบจะได้เสร็จไปอีกรอบ ถ้าแม้ไม่โดนข่มขู่เอาไว้เสียก่อน

“ถ้าเสือกเสร็จก่อน กูจะทำให้มันใช้การไม่ได้อีกเลย!!”

แล้วแบบนี้มีหรืออ๊อดจะกล้า…

 “อ๊ะ อื้อ....อ๊า...”

พอร่างกายเริ่มคุ้นชินความเสียวซ่านจากความคับแน่นก็เข้ามาแทนที่ กมลจึงเริ่มขยับบั้นท้ายขึ้นลง จากช้าๆ ก็เริ่มถี่รัวขึ้น อ๊อดที่ถูกยั่วหนัก กำลังกัดฟันทนอย่างเต็มที่ จริงอยู่ว่าเขาหลั่งไปแล้วหลายครั้ง แต่นั้นเพราะเขาต้องสะกดกำหนัดกลัดมันที่เป็นดังอสูรร้ายในร่างกายเอาไว้จนร่างกายอ่อนปวกเปียก อ๊อดตระหนักดีว่าตัวเองนั้นทั้งตัวใหญ่และแรงเยอะ หากจะให้ขับเคลื่อนเต็มที่ มีหวังกมลที่ตัวเล็กกว่าเขาเกือบครึ่ง จะต้องทรมานมากแน่ๆ

ครั้งแรกทำลงไปเพราะเผลอตัว แต่ไม่นึกเลยว่ามันจะพามาถึงจุดนี้…
 
จุดที่อ๊อด จะไม่สามารถกัดฟันทนได้อีกต่อไปแล้ว

ร่างบางที่ขย่มอยู่เหนือร่างเขานั้น อยู่ในท่าที่ชันเข่าทั้งสองขึ้น ส่วนลำตัวแอ่นไปด้านหลังเพื่อค้ำมือไว้กับหน้าขาของเขา ทำให้ความปรารถนาที่ตั้งชันของกมลขยับไหวกลางอากาศอย่างอิสระ เย้ายวน จนอ๊อดแทบไม่เหลือน้ำอดน้ำทนอีกต่อไป

และที่ยิ่งไปกว่านั้น…

“อื้ม…ทำให้เมียพอใจหน่อยสิ แล้วจะยอมให้ย่ำยีไปจนตายเลย” กมลก้มลงกระซิบข้างหูของอ๊อดด้วยน้ำเสียงแสนเซ็กซี่ ก่อนจะค่อยๆขยี้หัวนมของตนลงบนแผ่นอกหนาไปพลางออดอ้อนขอแรงส่งจากเบื้องล่างเพื่อเติมเต็มอารมณ์วาบหวามล้นปรี่

∑( o///A///O ) แล้วแบบนี้มีหรือที่อ๊อดจะยังยั้งตัวรอคอยได้อีก

ในที่สุดกมลก็ได้สับสวิตช์ปลุกอสูรร้ายในร่างของเขาให้ตื่นลืมตาขึ้นมาแล้ว

สองมือกำยำคว้าหมับเข้าที่ข้างเอวบางเพื่อยึดไว้ให้มั่น ส่งยิ้มร้ายกาจให้เจ้าของร่างบอบบางเป็นสัญญาณเริ่มกิจกรรมห้ำหั่นอันเร่าร้อน ก่อนกระดกสะโพกรัวยับ ซอยสับแบบไม่ต้องนับแผล…

“เมียจ๋า ผัวมาแล้วววววว~♡”

“อ๊างงงง…♡~”


*
*
*
*
*

หลังจากสงครามวันนั้นจบลง อ๊อดกับกมลก็ได้ตกลงปลงใจคบกันฉันท์ผัวเมียมาตลอด แม้จะไม่ได้เปิดตัว แต่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ทว่าที่ไม่เป็นข่าว เพราะไม่ค่อยมีใครสนใจความสัมพันธ์ของทั้งคู่นัก

อ๊อด นักกีฬามหาวิทยาลัย ร่างใหญ่ เด่น ดัง กับกมล เด็กเนิร์ดช่างภาพของคณะ ที่เสมือนไม่เคยมีตัวตนในสายตาใคร ประหนึ่งไม่มีพลังวิญญาณ จนจับต้องไม่ได้ เพราะคนหนึ่งเด่นเกินไป และอีกคนไร้ตัวตนเกินไป พอคบกันขึ้นมา จึงไม่ค่อยมีใครสงสัยใคร่รู้ เพราะความไร้ตัวตนนั่นเอง

แน่นอนว่า นอกจากอ๊อดแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่า แท้จริงนั้นกมลแซ่บแค่ไหน

ขนาดนักกีฬาที่ว่าทั้งอึดทั้งหลั่งช้าอย่างอ๊อด พอมาเจอกมลเท่านั้นแหละ ละลายคาเตียงแทบทุกศึก

แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่อ๊อดทั้งรักทั้งหลงกมลจนถอนตัวไม่ขึ้น และเพราะถูกรักถึงขนาดนั้น กมลที่ไม่ชอบสังคมจึงไม่คิดจะไปไหน คบกับอ๊อดเขาสบายใจ และมีความสุขดีพอจนไม่คิดหาใครอื่น

กระทั่งจบออกมาทำงาน ด้วยฝีไม้ลายมือ และใบหน้าอ่อนวัยของกมล ทำให้มีคนเข้ามาหามาก ไม่ว่าจะชายหรือหญิง โดยเฉพาะผู้ชาย เพราะกมลประกาศตัวเสมอว่าตนเป็นเกย์ เกย์เด็กเกย์เฒ่า จึงจ้องเข้าหาไม่ขาด ดีที่กมลเป็นคนไม่ชอบวุ่นวาย ไม่ชอบสานต่อความสัมพันธ์กับใครหน้าไหน ทั้งยังขี้เกียจคุย ผมจึงทำให้ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้กมลได้นอกจากเรื่องงาน

แต่เหตุผลสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ…

หัวใจของตากล้องหนุ่มคนนี้ เป็นของอ๊อดคนเดียวไปเสียแล้วนั่นเอง

จะให้นอกใจก็ไม่ใช่วิสัย เพราะก็ถูกอ๊อดคอยตามดูแลไม่ห่าง นิสัยส่วนตัวที่ไม่มีใครรู้ เช่น ช่างวีน ขี้เหวี่ยง เอาแต่ใจ ก็มีเพียงอ๊อดที่รับมือได้ทุกกระบวนท่า แบบนี้จะให้กมลหนีไปไหนรอดอีกเล่า

กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็อยู่ให้อ๊อดรัก อ๊อดหลง มาจนครบ 25 ปี แอนนีเวอร์ซารี่เสียแล้ว



“อ๊ะ…อื้ม…อ๊า…”

“ดีไหมครับที่รัก…”

“อือ…ตรงนั้นแหละ อ๊ะ ขยี้แรงๆเลยอ๊อด…”

“อืม…ตรงนี้เหรอจ๊ะ แฮ่ก แฮ่ก อ๊อดจะกดให้สุดลิ่มเลยจ๊ะ”

“อ๊างงงง…”


กร๊อบ…


“โล่งขึ้นไหมทูนหัว” อ๊อดถามขึ้นพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม รอรับคำชมจากคนรัก

“ดีมากเลยอ๊อด นวดเก่งขึ้นนะเรา” กมลเอ่ยชม พร้อมหอมแก้มสากฟอดใหญ่เป็นรางวัล

วันนี้เป็นวันครบรอบ 25 ปี วันพิเศษในรอบหลายๆปีที่ทั้งคู่สามารถเคลียร์งานให้ว่างพร้อมกันพอดี คบกันมา 25 ปีแล้วการฉลองรักจึงไม่ได้หวือหวาเหมือนในปีแรกๆ ถึงอย่างไรก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว พิเศษหน่อยตรงที่ปีนี้สามารถหยุดตรงกันกับวันครบรอบได้ อ๊อดจึงจองทริปพิเศษให้ได้มานอนเล่นบนแพหรู กลางเขื่อนรัชประภา ดื่มด่ำกับกุ้ยหลินเมืองไทยกันให้ชุ่มปอด

ที่จริงทั้งคู่ก็อยากไปฉลองให้ไกลกว่านี้อยู่หรอก ติดแต่กับเรื่องงานที่หยุดยาวกว่า สองวันไม่ได้ในช่วงนี้ ทั้งคู่เลยมานอนเล่นกันที่สุราษฎร์ธานีนี้ก่อน หากมีเวลาว่างตรงกันอีกเมื่อไหร่ จะได้หยุดยาวไปเที่ยวไกลๆกัน ซึ่งก็วางแพลนกันไว้แล้วว่าชาวงปีใหม่ จะไปเล่นหิมะกันที่ฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

ระหว่างรอวันหยุดยาวอย่างใจจดใจจ่อ วันนี้ก็ขอนอนแผ่สบายๆกันสองคนบนเรือนแพนี้ก่อน

แก่แล้วกิจกรรมอย่างว่าก็ถดถอยลงบ้าง ไม่ได้โหมทำกันเหมือนเมื่อตอนยังหนุ่ม บางทีแค่ได้นอนกอดจูบ ใช้มือให้กันบ้าง ก็ปรีเปรมไปได้แล้ว

เพราะอยู่ด้วยกันมานาน เลยเบื่อ เรื่องนี้อ๊อดขอเถียง เพราะร่างกายของกมล ยังคงหอมหวานสำหรับเขาเสมอ เรื่องเดียวที่ไม่อยากยอมรับก็คือความชราภาพของตนต่างหาก ถึงหนุ่มใหญ่ไฟยังแรง แต่ถ้าจะให้เล่นท่าคืนละหลายรอบก็ไม่ไหวใช่ไหมล่ะ ทุกคืนก็เหนื่อยเกิน เดี๋ยวจะเป็นภาระแก่คนรักเสียเปล่าๆ ดังนั้นหากมีโอกาสอยู่ด้วยกันนานๆ พวกเขามักดื่มด่ำไปกับการได้นอนกอดก่ายกันเหมือนลูกแมว ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผลัดกันบ่นให้กันฟัง ผลัดกันนวด แล้วนอนกอดกันใหม่

แน่นอนว่าเซ็กซ์ยังเป็นเรื่องจำเป็น และอ๊อดกับกมลก็ไม่ได้ห่างเหินจากมันสักเท่าไหร่ เมื่อใดที่ต้องการทั้งคู่ยังคงเติมเต็มให้กันได้ แต่ก็นั่นแหละ มันก็ล้าไปตามวัย

“มลหิวยัง อ๊อดหาข้าวให้กินไหม?”

“…….”

“มล?”

“………”

“หลับเสียแล้วเหรอ หึหึ”

อ๊อดรู้ว่ากมลเหนื่อยจากงานที่หักโหมทำมาทั้งอาทิตย์ เพื่อเคลียร์ให้ทันทริปเที่ยวสองต่อสองฉลองครบรอบ 25 ปีของเรา จึงไม่แปลกเลยที่พอได้มือนวดขั้นเทพอย่างอ๊อดบีบจับเข้าหน่อย กมลก็หลับปุ๋ยไปอย่างน่าสงสาร ซึ่งไม่มีทางที่อ๊อดจะโกรธ กลับคิดว่าดีแล้วที่คนรักจะได้พักผ่อน

“ฝันดีนะครับที่รัก” อ๊อดเองก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ โอบเอวคนรักไว้จากด้านหลัง จูบเบาๆที่ข้างแก้มอวยพรให้หลับฝันดี แล้วผล็อยหลับตามกมลไปทั้งๆอย่างนั้น

จนเย็นย่ำที่กมลลืมตาตื่นมาก่อน แล้วได้เห็นว่ามีอ๊อดนอนกรนอยู่ข้างๆ หลับสนิทเสียยิ่งกว่าสนิท นอนแผ่เป็นลุงหมีตัวโต ซึ่งนั่นทำให้กมลถึงกับหัวเราะออกมาด้วยไม่นึกว่าอ๊อดจะหลับตามตนไปด้วย

อยากจะเอ็นดูต่อไปอีกสักหน่อยหรอกนะ แต่ถึงเวลาต้องตื่นมากินข้าวเย็นกันแล้ว ทางแพคงเตรียมรอไว้ให้เรียบร้อย

“จุ๊บ…ตื่นได้แล้ว” ปลุกด้วยจูบเบาๆที่ตรงโหนกแก้ม เหม็นหืนเพราะหน้ามันเล็กน้อย แต่ก็พอทนไหว กมลไม่ถือเรื่องเล็กๆน้อยๆของคนรักอยู่แล้ว

“อือ…ตื่นแล้วจ้า” อ๊อดตื่นตามคำสั่ง แม้ยังไม่เต็มตา วงแขนแกร่งโอบกอดรอบเอวบางของคนรักไว้พลางมุดศีรษะเข้าซุกกับแผ่นอกบางเพื่อออดอ้อน กมลกอดตอบพร้อมจุ๊บหัวเหม่งไปครั้งหนึ่ง จนอ๊อดเงยหน้าขึ้นมองด้วยสายตาหวานฉ่ำ

ใบหน้าเคลื่อนเข้าหากันเล็กน้อย มอบจูบที่ริมฝีปากแก่กันเบาๆ พร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก

“สุขสันต์วันครบรอบแต่งงาน 25 ปีครับ”

(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/_zpsqf7wo82s.jpg)

************************************************************
ตอนจบ…แบ่งจบเป็นคู่ๆไปนะคะ
ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาอัพเลยค่ะ คงต้องขออภัยล่วงหน้าหากต้องรอตอนจบนานหน่อย
เพราะคู่อ๊อดไม่ค่อยมีเนื้อหา เลยเอามาจบก่อน
ส่วนคู่อื่นๆเดี๋ยวทยอยตามมาค่ะ
และจะจบท้ายที่คู่หลัก อย่างพี่เมธน้องยุแน่นอนจ๊ะ

ที่จริงนิยายก็เหมือนจบไปแล้วเนอะ ไม่เหลือปมให้เคลียร์แล้ว
ที่เหลือนี่ ก็ถือว่าเป็นตอนพิเศษไปแล้วกันนะจ๊ะ

เหลือปมแม่ยุ กับงานแต่งเบาๆทิ้งท้ายเท่านั้นเองค่ะ
Happy Ending ไปพร้อมๆกันนะจ๊ะ

ขอบคุณค่ะ
อนาคี99 # Thearboo
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 16-11-2015 01:47:43
ถูกใจจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 16-11-2015 07:23:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: boboaje ที่ 16-11-2015 09:13:41
ผู้กำกับ กะตากล้อง น่ารักมุ้งมิ้ง น่าเอ็นดู :hao6: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 16-11-2015 09:36:51
ละ ละ ราชินี....................
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: kdds ที่ 16-11-2015 10:14:34
อูย.....กมลอย่างแซ่บ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 16-11-2015 11:26:15


เบื้องหลังของหนุ่มใหญ่

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 16-11-2015 12:05:33
อู๊ยยยย กมลนี่แซบตั้งแต่วัยเยาว์ รู้สึกว่าบทบาทจะสลับกันเลยนะ 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 16-11-2015 12:22:48
นึกภาพโศรยานั่งดูดบุหรี่ปุ๋ยๆอยู่บนเตียง โดยมีนายหัวหฤษนอนกัดผ้าห่มสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ    :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: วัวพันปี ที่ 16-11-2015 12:26:34
 :z3: อิจฉาาาาาาาาาาาาา กมล กิ กิ ถูกพี่อ๊อดนวดจนดังกร๊อบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-11-2015 12:40:34
กมลลลลล แซ่บเฟร่อออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-11-2015 13:26:14
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 16-11-2015 13:34:23
กมลสุดยอดดดด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 16-11-2015 13:35:06
ระ..ราชินีโคตรๆ แถมด่าซะตัวผู้อย่างลุงอ๊อด(ในวัยละอ่อน)เกือบเสียความมั่นใจได้เลย :m20:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: nu-tarn ที่ 16-11-2015 13:53:12
คู่นี้เค้าแซ่บกันจริงๆเลย  :-[
เลือดหมดตัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 16-11-2015 15:06:27
กร๊ากกกก
ไอ้ร้องไห้กระซิก ๆ นี่คือัลไล???

น่ารักอ้ะ เราชอบความรักในวันธรรมดาแบบนี้มากเลย
ชอบที่มันสมจริง หน้าเหม็นหืน นอนกรน ห่างหายกิจกรรมเพราะเอวจะแย่เอา

รักนะอ๊อดกมล
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-11-2015 15:54:21
น่ารักอ้าาา 55555
ชอบค่ะ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-11-2015 20:11:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-11-2015 21:12:22
คุณพี่.!!@@ น้องคิดถึงคุณผู้จัดการของสดายุ ขอแบบแซ่บๆๆๆๆๆได้ไหมค่ะ?
ปล.ไว้หลุดพ้นไปกินเนื้อย่างกัน~~~
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 16-11-2015 22:05:01
พี่มลยังแซ่บเหมือนเดิม
แต่ไม่นึกว่าพี่อ๊อดครั้งแรกจะเป็นนกกระจอก นะเนี่ย นึกว่าจะอึดยิงยาวจนพี่มลระทวยซะอีก คึคึ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-11-2015 23:16:16
เเซ่บบ รักเรื่องนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 16-11-2015 23:33:27
น่าร้ากกกกก :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 16-11-2015 23:48:35
นี่สิคู่ตัวอย่าง น่ารักที่สุด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-11-2015 09:34:57
คู่นี้แซ่บจนรุ่นเด็กๆชิดซ้าย!!!!!!
แก่แต่ตัวเนาะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: supernaturalgay ที่ 17-11-2015 10:11:57
ตายละ  ความหวังดีของน้องยุที่ฝากฝังเพื่อนดินไว้กับดนัย  ดันกลายมาเป็นข้อมูลลับที่ให้เจ้าตัวไว้ใช้แกล้งอีกฝ่าย
...ขอไว้อาลัยให้แก่นายบดินทร์หรือน้องดินสามวิ...แต่จะรอดูความแบบSของดนัยที่มีต่อน้องดินสายM นะจ๊ะ

กรี๊ดดด! เราชอบพระเอกแนวแกล้งคนอ่ะ :hao7: (สงสารน้องนะแต่ป้าชอบแบบนี้มากกว่า :hao6:)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 17-11-2015 10:22:22
พี่อ๊อดน่ารักดีอ่า  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: gayraygirl ที่ 17-11-2015 14:00:43
พี่กมลคุมพี่อ๊อดอยู่หมัดเลย แซ่บเวอร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: jinjin283 ที่ 17-11-2015 18:46:10
แอบสารภาพว่าลืมอ๊อดไปแว๊บนึง55
แต่คู่นี้แซ่บจริงไรจริงอะกลมนี้ยกนิ้วให้เลยค่ะ555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 17-11-2015 20:05:34
เจอกมลคนจริงพี่อ๊อดไปไหนไม่รอดเลย :hao6:

 :กอด1: :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 17-11-2015 20:07:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 17-11-2015 20:32:35
กมล อย่างแซ่บ เคะราชินีชัดๆ  :impress2:

คืนแรก ฮาอ๊อดจริงๆ โถ โถ เสร็จตั้งแต่ยังใส่ไม่สุด รู้ถึงไหนอายถึงนั่น  :m20:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-11-2015 16:51:48
รักอันยาวนาน ขอให้มีแบบนี้บ้าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: mizzmizz ที่ 30-11-2015 23:34:12
โอ้ยยยย แซบเว่อร์ค่ะ
ปล. ยังรออยู่นะคะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนเสมอจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 30-11-2015 23:40:47
รอนะจ้าาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: care_me ที่ 23-12-2015 18:58:26
ประกาศตามหาคนแต่งค่ะ :call:

หายไปเป็นเดือนแล้ววววว


รีบมาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-12-2015 11:12:19
คิดถึงน้องยุแล้วค่าาาาาา
คิดถึงงงงงง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: awfsp ที่ 01-01-2016 14:05:11
อ่านเจอเรื่องนี่ เหมือนได้ของขวัญวันปีใหม่เลย ขอบคุณค่ะ ที่เขียนเรื่องสนุกๆให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 02-01-2016 07:07:11
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: pawara123 ที่ 03-01-2016 23:53:35
เป็นเรื่องที่เรียกเลือดได้เยอะมากฮ่าๆๆ ขอบคุณผู้แต่งมากคร้าบ เป็นกำลังใจให้สร้างสรรค์ผลงานต่อไปครับ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Tequila ที่ 05-01-2016 01:30:58
อ่านทันแล้วววววว แต่งดีมากกกกก เสียน้ำตาไปหลายปี๊บเลย :hao5: :hao5: ผูกปมได้ดีมาก :katai2-1: :katai2-1: ทุกตัวละครดูมีมิติมีเรื่องราวเป็นของคนเองดี o13 o13 น่ารักทุกคู่เลย  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: MYYAOI ที่ 26-01-2016 10:38:45
เริ่มแรกก็จะโดนซะและ ต๊ายแหละ ต๊ายแหละ ทำไมอนาคีหื่น อร๊ายยยย เราชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: MYYAOI ที่ 26-01-2016 12:21:32
 :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun: :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: coldcream ที่ 26-01-2016 13:55:45
มานั่ง มานอนรอ อนาคีค่ะ อยากอ่านต่อแล้วน้า  :mew2: :mew2: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: ploy 0898807400 ที่ 29-01-2016 12:34:23
เหอๆ กมลนายมันราชินีมาก รอตอนต่อไปนะคะ
 :o8: :mew1: :hao6: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Cheese[C]ake ที่ 09-02-2016 15:55:46
อ่านจบแล้วจ้า สนุกมากเลย  :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 10-02-2016 23:34:18
ชอบเรื่องนี้ิมากกกกกกกกกกก
ชอบความเป็นไปอย่างมีเหตุผล
บางครั้งก็หงุดหงิดกับการกระทำบางอย่างของตัวละคร
แต่ทุกๆอย่างก็จะวนกลับมาที่เหตุผลเหมือนเดิม
ไม่รู้ว่าเรื่องของดินกับดนัยจะเป็นเรื่องที่แยกออกมาไหม
แต่อยากอ่านมากๆเลยค่ะ เพราะพื้นฐานสองคนนี้ดูรักกันยาก
ถึงจะรู้สึกดีแต่ทิฐิน่าจะเยอะ กำแพงสูงแน่ๆ
ส่วนพี่เมธกะยุเขานี่ หวานจนน้ำตาลยังอายละ  :hao6:
เขาหวานกันมากจนน่าหมั่นไส้จริงๆ 5555555555
ขอบคุณที่สละเวลาแต่งเรื่องนี้ขึ้นมานะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: sugarcandy ที่ 14-02-2016 02:23:50
คนเขียนอยู่หนาย  :hao5:

ยังคงรอหนูรุจกะหนูพอร์ช
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 1 #อ๊อด x กมล# [16 พฤศจิกายน 2558] P.144
เริ่มหัวข้อโดย: Lonelyนู๋โรนลี่ ที่ 09-03-2016 00:52:54
เพิ่งได้อ่านรวด2วันจบแบบไม่นอน โอยยชอบมากกก
แต่ชอบที่สุดคือคู่ของดิน แบบว่าชอบตัวร้าย แพ้แล้วเป็นรับ 55555
รอมาต่อตอนพิเศษ และรออ่านคู่ ดินน๊าาาาา งืออออ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 16-04-2016 16:07:09
ผมคือ...นางเอก (อวสาน)
คำสัญญา
พอร์ช x รุจน์


ตามคำสัญญาที่รุจน์เคยลั่นไว้เมื่อครั้งก่อนหนังเรื่อง ‘สุดปลายทางของ...หัวใจ’ จะฉายว่า จะยอมมอบกายถวายตัว  สิ้นไส้สิ้นพุงให้กับพอร์ชอดีตเพื่อนรักนั้น...

ในที่สุดแล้ว วันที่เป็นเสมือนวันแห่งคำมั่นก็มาถึง...

นั่นคือ...

วันเสียตัวของ ไอ้รุจน์!!!

*
*
*
*
*

ห้องคอนโดกว้างขวาง สีขาวปลอดโปร่งสะอาดตา วอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอน์ ทุกอย่างยังคงชินตาของรุจน์เช่นที่เคยเป็นมา สไตล์การแต่งห้องเองก็เป็นแบบที่รุจน์ชอบ เฟอร์นิเจอร์หลายๆชิ้นในห้องนี้ก็เป็นแบบที่รุจน์ถูกใจ...ก็ต้องถูกใจแน่อยู่แล้วล่ะ ก็ในเมื่อทำเลห้องรุจน์ก็เป็นคนเลือก แนวการแต่งห้องรุจน์ก็เป็นเลือก เฟอร์นิเจอร์ยิ่งแล้วใหญ่ กว่า 90% เลยเถอะที่รุจน์เป็นคนเลือก

รุจน์เป็นคนออกแบบจัดการทั้งหมด ทั้งๆที่เจ้าของห้องนี้ คือพอร์ช

ก็แหม...เจ้าของห้องเขาอนุญาตนี่ เพราะพอร์ชเองก็อยากให้รุจน์ชอบห้องของตนเยอะๆ จะได้มาเที่ยวบ่อยๆ มานอนค้างอ้างแรมหลายๆวัน หรืออยู่ยาวไปเลยยิ่งดี

...ก็คนมันรักอ่ะนะ

รักมาตั้งแต่ยังเป็นแค่เพื่อนสนิทที่คิดไม่ซื่อ จนตอนนี้ที่ได้อัพเกรดเป็นคนรัก พอร์ชยิ่งรักรุจน์มากยิ่งขึ้นไปอีก ชนิดที่เรียกได้ว่า อะไรก็สามารถยกให้รุจน์ได้ ดาวเดือนก็จะหามาประเคน จะหาว่าหลงก็ช่าง เพราะคนมันทั้งรักทั้งหลงจริงๆ

รัก...อยากทะนุถนอม

แต่ก็เพราะรัก...จึงอยากครอบครอง

พอร์ชสาบานเอาไว้กับตัวเองว่า ต่อให้วันนี้รุจน์จะยอมให้เขากอด เพราะคำสัญญาที่เคยให้กันไว้เมื่อครั้งนั้น แต่หากถึงเวลาจริง แฟนตัวน้อยของเขารู้สึกกลัวขึ้นมา พอร์ชก็จะไม่เร่งเร้าเอาแต่ใจ เขาพร้อมจะรอไปจนกว่ารุจน์จะพร้อมเป็นของเขาจริงๆ...ในสักวัน

คืนนั้น...

"ฮ้า...อิ่มตื้อเลย...มึงยังผัดกะเพราได้อร่อยเหมือนเดิมเลยว่ะ"  รุจน์เอ่ยชมคนรักที่กำลังเก็บจ้างจานชาม ขณะที่ตัวเองนั่งลูบท้องป้อยๆด้วยความอิ่มเอม

พอร์ชไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มแล้วรีบล้างจานให้เสร็จเท่านั้น เพราะตอนนี้ก็เกือบ5ทุ่มเข้าไปแล้ว

ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง 'สุดปลายทางของหัวใจ' ลงโรงฉาย กระทั่งออกจากโรงไปแล้วร่วมสัปดาห์ วันนี้ถือเป็นวันแรกในระยะเวลาร่วมเดือนที่พอร์ชกับรุจน์ไม่ได้เจอกันเลย เพราะต่างก็ติดงานรัดตัว รุจน์ติดถ่ายรายกายแนวแอดเวนเจอร์กับรุ่นน้องในบ้าน รายการวัยรุ่นที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ ณ ขณะนี้ ส่วนทางพอร์ชเองก็ออกไปถ่ายละครที่ต่างจังหวัดมาหลายวันแล้วเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างก็ระเหเร่ร่อนไปคนละทิศละทางออกต่างจังหวัดกันเป็นว่าเล่น ทำให้ช่วงที่ผ่านมาจึงทำได้แค่โทรคุยกัน หรือไลน์หากันในช่าวงพักเบรคเท่านั้น

และผลจากการทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตมาร่วมเดือน ในที่สุดพอร์ชและรุจน์ก็ได้มีวันหยุดของตัวเองเสียที แม้จะแค่นิดเดียวเองก็เถอะ รุจน์ได้หยุด 2 วัน ส่วนพอร์ชนั้นได้หยุดวันเดียวคือวันพรุ่งนี้

หลังจากได้รู้ว่าได้หยุดพร้อมกัน หลังเสร็จงานของวันนี้ พอร์ชและรุจน์จึงไม่รอช้าที่จะรีบบึ่งกลับมาหากันด้วยความคิดถึงที่เต็มเปี่ยม โดยจุดนัดพบคือคอนโดของพอร์ช

แต่กว่าจะมาถึงก็เกือบสามทุ่มเข้าไปแล้ว รุจน์ที่หิ้วท้องหิวซ่กหิวโซมาด้วย จึงรีบอ้อนคนรัก ให้ช่วยหุงหาอาหารให้ทาน ด้วยพาลจะเป็นลมในไม่ช้าเนื่องจากสารอาหารในเลือดต่ำกว่าความต้องการของร่างกาย

ฝ่ายพอร์ชที่ทานเรียบร้อยมาตั้งแต่กองถ่าย ก็ไม่ได้อิดออดที่จะทำอาหารอร่อยๆเอาใจคนรักที่กำลังนั่งคร่ำครวญว่าหิว หิว หิว อยู่บนโซฟาหน้าทีวี
กะเพราหมูสับใส่ซีอิ๊วดำข้นๆ โปะไข่ดาวที่เวลาทอดต้องตีไข่แดงให้แตก เหยาะด้วยซอสปรุงรสเล็กน้อย คืออาหารจานโปรดของรุจน์ ที่ไม่ว่าไปที่ร้านไหน ต้องสั่งรายการนี้เสียทุกครั้งไป และยังเป็นรายการอาหารที่รุจน์มักชมอยู่บ่อยๆว่า พอร์ชทำได้อร่อยที่สุด

กะเพราะทำง่าย เพียงครู่เดียวก็เสริฟถึงหน้ารุจน์ แต่ที่เร็วกว่าคือคนกิน ไม่ว่าจะเพราะหิว หรืออร่อยมาก ก็สามารถทำให้รุจน์สามารถย้าย ข้างกะเพราไข่ดาว(2ฟอง) จานเขื่องลงท้องได้ภายในเวลาไม่เกิน 10 นาที ตบท้ายด้วยน้ำส้มคั้น 1 แก้ว และน้ำเปล่าอีกนิดหน่อย...งานนี้ถึงกับต้องนั่งเรอ

ช่วงเวลาแห่งความสุขผ่านไปอย่างอ้อยอิ่ง แม้ว่าทั้งพอร์ชและรุจน์จะเหนื่อยจากงาน ชนิดสายตัวแทบขาด แต่การได้ขลุกอยู่ด้วยกันสองคนโดยไม่ต้องสนใจเวลาแบบนั้น ทำให้ความเหนื่อยดูเหมือนจะอันตรธานไปจากร่างกายอย่างหน้าอัศจรรย์

สองคนนั่งเล่นกันบนโซฟา ดูทีวี จับมือ ผลัดกันนวด นอนหนุนตั๊ก แกล้งจั๊กกะจี๋ ขโมยหอมแก้ม แอบจูบตอนเผลอ...

จุ๊บ...พอร์ชแกล้งจูบที่ริมฝีปากบางของรุจน์เบาๆ พลางยิ้มยั่วที่สามารถแกล้งเจ้าตัวเล็กได้ รุจน์ตาโตเล็กๆเพราะตกใจ แต่เพียงครู่ก็ส่งสายตาเจ้าเล่ห์คืน อย่างนึกสนุก ก่อนจะกระโจนขึ้นคร่อมตัวของพอร์ชเอาไว้แล้วมอบจูบที่ดูดดื่มกว่าส่งคืนให้พอร์ชได้ตกใจบ้าง 

โดยไม่ตั้งใจ เขาทั้งคู่ ดันเผลอกดสวิชต์ต้องห้ามของกันและกันขึ้นมาเสียแล้ว

*
*
*
*
*
จุ๊บ...เสียงสัมผัสเปียกลื่นดังขึ้นระหว่างริมฝีปากของสองหนุ่มอย่างไม่ขาดระยะ เมื่อตัวโตกว่าตอบรับ คนบนตักก็ยิ่งรุกไล่บดเบียด เสียงทุ้มพร่าครางถี่เมื่อท่อนเอวถูกล้วงลูบ ขณะยังคงบดจูบเร่าร้อน

จากที่เป็นฝ่ายรุกคร่อม ตอนนี้กลับถูกผลักให้ไหลหลังลงไปอยู่ล่าง ริมฝีปากยังคงเบียดบี้แนบชิด เรียวลิ้นยังคงสอดประสาน สองมือของรุจน์ที่ตกเป็นเบี้ยล่างทั้งลูบทั้งจิกทึ้งอยู่บนใบหน้าและเส้นผมของพอร์ชเพื่อบรรเทาอารมณ์ร่านร้อนที่กำลังพุ่งปะทุ สองมือของพอร์ชเองก็ใช่จะยอมอยู่เฉย ตะโบมลูบไล้ไคล้เคลียไปกับท่อนเอวสอบภายใต้เสื้อเชิ้ตเนื้อบางไม่ขาดระยะ สูงขึ้น สูงขึ้น จนถึงฐานปานนมสีอ่อน

“อ๊า...”  เพียงแค่ปลายนิ้วโป้งสะกิดผ่าน ยอดอกชูชันก็แข็งรับเป็นไตชูช่อ ก่อความเสียวซ่านแล่นปราดจนร่างรุจน์แอ่นหยัด บิดไพล่ไปมาด้วยความหวามไหวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงครางในลำคอที่ดังขึ้นทันทีที่ริมฝีปากผละจากกัน ทำให้พอร์ชถึงกับกัดฟันกรอด

‘หยุดยั่วเสียทีเถอะ!!’ คือเสียงในหัวของคนที่เพิ่งให้สัญญากับตัวเองไปหยกๆ ว่าจะทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยง เพราะตอนนี้เด็กที่ตัวเองคิดจะเลี้ยง ดันปีนขึ้นมานั่งตัก ลักจูบ จนพอร์ชเผลอเคลิ้ม ตามไล่ล่าจนลงไปนอนแบแดดิ้นอยู่ใต้ร่างเสียแล้ว

พอร์ชรีบผละออกมา ก่อนที่ทั้งร่างจะถลำลึกสู่ดำกฤษณาอันหอมหวาน หอบจนตัวโยนเมื่อต้องใช้พลังอย่างมากในการสะกดกลั้นความปรารถนาที่กำลังปะทุพล่านในร่างราวกับลาวาเดือด ทั้งที่กลางร่างโป่งพองจนแทบระเบิดเป็นเสี่ยง แต่พอร์ชก็ยังพยายามกัดฟันทน

อยากถนอมเอาไว้ให้ได้....

แต่ผลไม้แสนหวาน กลับไม่ได้ร่วมรับรู้ไปด้วยเลยว่า นายพรานต้องใช้สติแรงกล้าในการยับยั้งชั่งใจมากแค่ไหน ถึงได้นอนบิดกายยั่วเย้าไม่เลิก

...หากต่อว่าออกไปซึ่งหน้า รุจน์คงเถียงใจขดว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะยั่วเย้า เพียงแค่ตอนนี้เขาเองก็ไม่อาจยับยั้งร่างกายร่านร้อนของตัวเองให้สงบลงได้ ของเคยสัมผัส ย่อมจำรสมืออร่อยลิ้นได้  ร่างกายของรุจน์เองก็เหมือนกัน ร่างนี้เคยต้องมือพอร์ชมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ไม่ยากเลยที่แค่เพียงแตะนิดต้องหน่อย รุจน์ก็ถึงกับเตลิดเปิดเปิง

เพียงแต่คราวนี้ หนุ่มรุจน์อาจคิดไม่ถึงว่า หากได้เริ่ม พอร์ชจะไม่ยอมจบเพียงแค่ลิ้มรสมือ!

“...อือ...หยุดทำไมอ่ะ...ไม่เอานะ อย่าหยุดสิ”  รุจน์ครางเร่งเร้า สองมือไขว่คว้าโน้มร่างพอร์ชมาใกล้ ทว่าอีกฝ่ายกลับแข็งขืน

“อย่ารุจน์...วันนี้ไม่ได้...” พร้อมเอ่ยถ้อยคำยับยั้ง

“ทำไม...มึง...ไม่อยาก...เหรอ?...”  ถึงตรงนี้ รุจน์ก็หยุดยั้งตัวเองต่อไปไม่ไหว  เขาดันตัวขึ้นเพื่อเผชิญหน้ากับพอร์ช พร้อมตั้งคำถามที่คนฟังแทบอยากตายให้ได้เสียตอนนี้

“................กูจะคลั่งให้ได้แล้วนะรุจน์...”  ตาสบตา เพียงมองกันผิวเผิน ยังดูออกว่าไฟปรารถนาที่คุโชนในดวงตาของพอร์ชนั้นมันร้อนแรงแค่ไหน  และคำตอบที่พอร์ชมอบให้ ก็ราวกับคำยืนยัน “แล้วถ้ากูคลั่ง...ต่อให้มึงร้องไห้ กูก็ไม่หยุดแล้วนะ...เพราะงั้นได้โปรด....อย่ายั่วกูเลย”

ถึงจะไม่ได้เป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมานัก แต่ก็ถือว่าสื่อออกมาได้อย่างไม่มีอ้อมค้อม ถึงตรงนี้รุจน์กระจ่างแก่ใจแล้ว่าตัวเองกำลังทำร้ายพอร์ชแค่ไหน ผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดีว่ามันทรมานเพียงใด หากความต้องการนั้นไม่ได้ถูกเติมเต็ม

รู้ซึ้งแล้วว่าเขาเอาแต่ใจมากแค่ไหน ที่บังคับให้อีกฝ่ายรอแล้วรอเล่ามานานแสนนาน เห็นแก่แค่ความสุขสบายของตัวเอง แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายรออย่างไร้จุดหมาย

แม้แต่คำสัญญาที่ลั่นออกไปในวันนั้น...

วันนี้เขายังเสแสร้งแกล้งลืม เรียกร้องเพียงสัมผัสที่จะทำให้ตัวเองผ่อนคลาย...เขามันใจร้าย

ในที่สุดรุจน์ก็คิดได้ ถึงความงอแงเอาแต่ได้ของตน และในวินาทีนั้น ทุกส่วนในร่างกายก็ตอบสนองการตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวของตัวเองได้ รุจน์ซบกายสวมกอดพอร์ชแน่น ประทับจูบหนักหน่วงตรงซอกคอแกร่ง พลางกระซิบสิ่งที่พอร์ชรอคอยมาตลอด

"ทำกันเถอะ...กูพร้อมแล้ว"

"รุจน์!?"  พอร์ชครางรับแบบไม่ค่อยเชื่อหูตัวเองนัก จริงอยู่ว่าคนในอ้อมแขนเคยให้คำสัญญามั่นเหมาะว่าจะยอมเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อภาพยนตร์สุดปลายทางของหัวใจฉายจบ แต่ทางพอร์ชเองก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะทวงสัญญาในข้อนี้ เขาพร้อมทีจะรอจนกว่ารุจน์จะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก...

ซึ่งไม่คิดฝันเลยว่า มันจะสมหวังได้รวดเร็วถึงเพียงนี้

พอร์ชอึ้งกับคำเชิญชวนจนตัวแข็งทื่อไปหมด จนรุจน์ต้องเร่งเร้าเพราะยิ่งปล่อยเวลาเนิ่นนาน ความเขินอายจะเข้ามาแทนที่ความใจกล้าหน้าด้านนี้แทนเสียก่อน

"เร็วเข้าสิ...กูอายจะแย่อยู่แล้วนะ..." พูดจบก็ซุกกายกอดก่ายอดีตเพื่อรัก ที่ตอนนี้กลายเป็นคนรักแน่นขึ้น

ถึงตรงนี้ พอร์ชก็ไม่คิดเล่นตัวต่อ ใบหน้าคมสันอมยิ้มยินดี หัวใจพองโตเริงร่าคว้าร่างรุจน์ขึ้นบ่า อุ้มดิ่งตรงไปห้องนอนโดยไม่มีรอช้า การได้รับอนุญาตให้เผด็จศึกได้ ทำให้กายแกร่งเร่งร้อนเร็วรี่ เหมือนปลากระดี่ได้น้ำลำพอง

ถึงห้องก็ประคองร่างบนบ่าลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม

สบตากันเพียงครู่ ก่อนตะโบมจูบกันอีกรอบ ราวกับหิวกระหาย สองมือเร่งสาวเสื้อผ้าของกันและกันให้พ้นจากร่างอย่างแข็งขัน ราวกับว่ามันคือของร้อนที่ต้องเร่งปลดเปลื้อง เมื่อเปลือยเปล่า พอร์ชก็เริ่มรุกรานอีกครั้ง ตรงซอกคอกรุ่นกลิ่นประจำกายของรุจน์ ที่เขาเฝ้าคลั่งไคล้ เสียงคางเครือด้วยความพึงใจของรุจน์ ยิ่งทำให้พอร์ชแทบคลั่ง

อยากถนอม ต้องถนอม ท่องในใจเสียงดังสนั่น แต่ปฏิกิริยาที่แสดงออกไปกลับตรงข้าม เพราะได้รับการสนองตอบที่เกินความคาดหมาย คีได้รับอนุญาตให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้นั้น ก็ว่าพาใจลิงโลดมากแล้ว มาเจอสภาพยินยอมพร้อมถวายตัวส่งถึงปากขนาดนี้ของรุจน์เข้าไป ไม่แปลกเลยที่พอร์ชคนนี้จะถึงกับหน้ามืด

เจ็บใจเหลือเกิน ที่ตัวเองยังเด็กนัก แค่นี้ก็ไม่สามารถบังคับร่างกายและความเหือดกระหาย ทั้งๆที่อยากจะอ่อนโยน อยากทำตัวเท่ห์ๆ กับครั้งแรกของกันและกันแท้ๆ....

พอร์ชคิดอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าใบหน้าจะยังไม่ยอมละจากซอกคออุ่น ความคิดขาดห้วงขึ้นเรื่อยๆ ขณะขยับริมฝีปากระเรื่อยลงมาจนถึงแผ่นอกตึงแน่น

หัวนมน้อยๆแข็งเป็นไตชูช่อ ซับสีสดราวเลือดคั่งแค่เพียงลงปลายลิ้นไปสัมผัสไม่กี่ครั้ง ไม่ต้องพูดถึงอีกข้าง ที่โดนดูดจนแทบห้อเลือด ลำพองใจเหลือเกิน เมื่อได้ยินเสียงหอบสะท้านจากเจ้าของยอดอกรสหวาน ใบหน้าเลื่อนต่ำเรื่อยลงตามความเคยชิน จากหน้าอก หน้าท้อง ท้องน้อย กระทั่งถึงจุดที่พอร์ชชอบที่สุด

‘รุจน์น้อยที่กำลังเกร็งตัวสั่นระริก เพื่อรอการปลอบประโลมของเขานั่นเอง’

“อ๊า! พอร์ช อ๊ะ!...............” 

ทันทีที่แตะต้อง คนถูกปรนเปรอก็ถึงกับดิ้นเร่า แค่เพียงใช้โพรงปากครอบครอง แค่เพียงขบเม้มด้วยริมฝีปาก และฉกปลายลิ้นเล็มเลีย เสียงหวานๆที่นานๆ เจ้าตัวจะยอมร้องให้ฟัง ก็ลั่นออกมาให้ผู้กระทำได้ชื่นใจ  ยิ่งดูดดึง น้ำหวานยิ่งพวยพุ่ง ร่างที่สั่นระริกเพราะแรงปรารถนา ยิ่งทำให้พอร์ชฮึกเหิม เสียงจ๊วบจ๊าบดังขึ้นพร้อมความย่ามใจ

“พอร์ช...อ๊า....พ...พอก่อน....”  ในจังหวะสุดท้าย ก่อนที่จะปลดปล่อย รุจน์รีบผลักศีรษะของพอร์ชออกจากส่วนที่ร้อนจัดของตน ก่อนที่จะอดกลันเอาไว้ไม่ไหว

“ทำไมล่ะ…อีกนิดเดียวเองนะ...” พอร์ชท้วง เพราะเพิ่งถูกขัดขวางความเพลิดเพลินที่กำลังดื่มด่ำ  แต่พอได้ยินเหตุผลของรุจน์ พอร์ชก็แทบจะคลั่งเสียเดี๋ยวนั้น

“ก...ก็อยากเสร็จ...พร้อมกัน”  รุจน์ว่า ทั้งที่ยังไม่สามารถควบคุมเสียงให้หายสั่นพร่าได้ ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว เขาต้องการ และอยากได้ตอนนี้!!

“ม...หมายความว่า...” ไม่ได้ใสซื่อ หรือจู่ๆ ก็เกิดฉลาดน้อยขึ้นมากะทันหันหรอกนะ แต่ที่พอร์ชถามโง่ๆออกไปเนี่ย ก็เพื่อเป็นการยืนยันกับคนรักอีกครั้ง ว่าแน่ใจในสิ่งที่หลุดปากพูดออกมาแล้วจริงๆ

“อยาก...เป็นหนึ่งเดียว...กัน...แล้ว...”

“ม...หมายถึงให้กูทำ...”

“อื้อ...ไอ้บ้า....อย่ามัวแต่ถามสิวะ!! กูอยากโดนแล้ว เข้ามาเลย!!!” หลังประกาศเจตนารมย์เสร็จ รุจน์ก็อายจนต้องใช้สองมือปิดหน้า นึกก่นด่าพอร์ชอยู่ในใจที่อีกฝ่ายยังคอยเล่นลิ้น แสร้งงงงวยขวยเขินอยู่ได้ ไม่นึกถึงคนชวนเลยว่าจะอับอายแค่ไหน ใจหนึ่งรุจน์ก็อดทึ่งไม่ได้ ความอดทนของพอร์ช ถือว่าเหนือมนุษย์ ขนาดรุจน์เองยังแทบละลาย ทำไมพอร์ชถึงยังสามารถทนต่อความต้องการอันมากล้นขนาดนี้ได้ไหว  เรื่องนี้รุจน์ขอซูฮกให้จากใจเลยจริงๆ

ฟอดดดดด...

ขณะกำลังอายม้วนอยู่นั้น ก็ถูกพอร์ชสวมกอดแน่น พร้อมหอมที่แก้มเข้าฟอดใหญ่ “ขอบใจนะรุจน์...ขอบใจมากนะ” คำขอบคุณแสนหวาน ที่พาลให้รุจน์ละลายกลายเป็นน้ำเชื่อม หัวใจที่เต้นระส่ำ เรียกร้องเพียงแค่เรื่องเดียว โอยยย...ถึงขั้นนี้แล้ว ไอ้รุจน์ยอมตาย

หลังจากได้รับอนุญาต พอร์ชก็ไม่รอช้า  สองมือแกร่งรั้งต้นขาขาวขึ้นสูง จนสะโพกน้อยลอยเด่น รุจน์ร้องจ้าด้วยอารามตกใจ ทั้งยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ ร่างบางยิ่งผวาหนักกับประสบการณ์สดใหม่ที่ตัวเองกำลังได้รับ “อ๊า!! พอร์ช! อย่าเลียนะ!! อ๊า!!”

จะดิ้นก็ไม่ได้ ขัดขืนก็ไม่ไหว รุจน์น้อยเลยได้แต่นอนสะอื้น แล้วยินยอมให้พอร์ชกระทำสิ่งที่ยิ่งกว่าที่เคยทำ อับอายเหลือเกิน แต่ดวงตาปรอยปรือยังคงมองจ้องภาพตรงหน้าไม่วางตา ภาพของพอร์ชที่กำลังฝังหน้าอยู่กลางร่องสะโพกของตน ใบหน้าของรุจน์เห่อร้อนจนแทบไหม้ เมื่อรับรู้ได้ถึงความหยุ่นนุ่มเปียกลื่น ที่กำลังพยายามรุกรานเขามาด้านใน “อย…อย่า…พอร์ช ม…ไม่เอา…”

เสียงเปียกฉ่ำตรงจุดซ่อนเร้นที่เกิดจากน้ำลายของพอร์ช เล่นเอาสติของรุจน์กระเจิดกระเจิง “รุจน์…เริ่มเลยนะ” ทำให้ตอนนี้ ไม่ว่าพอร์ชจะพูดอะไร รุจน์ก็ได้แต่พยักหน้ารับ ไม่รู้แล้วว่าจะโดนทำอะไรต่อ

รู้สึกเหมือนพอร์ชจะหายไปครู่ ก่อนกลับมาพร้อมอะไรบางอย่าง รุจน์ไม่ได้ลืมตามอง แม้แต่ในหูก็ยังอื้ออึง มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็ตอนที่ถูกของเหลวบางอย่างเทลงตรงจุดที่เพิ่งถูกรุกรานไปเมื่อครู่


“…อ…อะไรน่ะ…อื้มม”  รุจน์กระวนกระวายเล็กน้อย หากยังไม่ทันจะได้รับคำตอบ เรียวนิ้วเปียกลื่นของพอร์ช ก็รุกล้ำเข้ามาเสียก่อน แค่เพียงนิ้วเดียว ทั้งร่างของรุจน์ก็สะท้านเยือก

“อ๊า…พอร์ช…” รุจน์ครางสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อพอร์ชเริ่มขยับนิ้ว บิดควาน หมุนวน ก่อนไปพอกับจุดไวสัมผัสในร่างกายเข้า

“ชอบตรงนี้เหรอ?” พอร์ชถาม สุ้มเสียงนั้นช่างแสนเย้ายวน จนหัวใจของรุจน์เต้นระส่ำอย่างไม่อาจห้าม ใบหน้าแดงจัดพยักถี่ ยืนยันถึงจุดที่ให้ความรู้สึกดีที่สุดในร่าง เรียวนิ้วเพิ่มเป็นสอง และสาม ในเวลาถัดมา เมื่อเห็นว่า ร่างกายของรุจน์เริ่มผ่อนคลาย

“อ…พอร์ช…ไม่ไหวแล้ว…เร็วเข้า…” รุจน์ครางเร่ง ก่อนที่เรี่ยวแรงจะหมดลง เมื่อเรียวนิ้วของพอร์ชทำงานได้ดีจนรุจน์ถึงกับตาพร่า ก็เกรงว่าสิ่งที่หมายมั่นตั้งใจไว้จะล่มไม่เป็นท่าเสียก่อน รุจน์จึงต้องยิ่งเร่งเร้า

“พร้อมรึยัง?”  ยังมีหน้าจะถาม คือคำที่รุจน์อยากจะตะโกนออกไปเหลือเกินเมื่อได้ยินเสียง พอร์ชกระซิบพร่า ทว่าเสียงเจ้ากรรมดันแทบไม่เหลือที่จะหลุดออกจากคอได้ จึงได้แต่พยักหน้ารัวๆแทน

ทันใดนั้น รุจน์ก็ต้องผวาไปทั้งร่าง เมื่อนิ้วทั้งสามของพอร์ชถูกดึงออกไปแบบไม่ทันตั้งตัว ช่องว่างที่เคยถูกเติมเต็มวูบโหวงขึ้นทันทีจนแทบจะร้องไห้ ยิ่งพอเห็นว่าพอร์ชกำลังกุลีกุจอในการสวมถุงยางให้อาวุธร้ายของเจ้าตัว รุจน์ยิ่งอยากจะร้องไห้หนักกว่าเดิม หัวใจเต้นระรัวกับสิ่งที่ใหญโตของคนรัก

…ขนาดนั้น จะเข้ามาได้ยังไงกัน? รุจน์พร้อม แต่ยังอดกังวลไม่ได้

“…อย่าเกร็งนะ” รุจน์ได้ยินเพียงแค่นั้น ขณะยังหอบหายใจสะท้าน ก่อนจะต้องหลับตาปี๋ เมื่อต้นขานวลถูกแยกออกกว้าง บางสิ่งที่แข็งแกร่งและมีขนาดต่างจากนิ้วมากชำแรกเข้ามาในร่าง ความร้อนผ่าวจุกแน่น ก่อนกำจายไปทั่วร่าง รุจน์กลั้นหายใจ พลางจิกมือกำปลอกหมอนแน่นด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก รู้สึกแค่ว่าส่วนหัวผ่านเข้ามาได้แล้ว ก่อนจะได้ยินเสียงกระซิบถามจากผู้รุกล้ำอีกครั้ง

“เจ็บมากไหมรุจน์…” เสียงของพอร์ชแหบพร่า และแฝงด้วยความกังวล เพียงแค่นั้น หัวใจที่หดเกร็งของรุจน์ ก็อุ่นซ่านไปด้วยความห่วงใยจากคนรัก

“แค่อึดอัดน่ะ…ทำต่อสิ” รุจน์ยิ้ม ปฏิเสธทุกความกลัวไปในทันทีที่เห็นใบหน้าแสดงความห่วงใยชัดเจนของพอร์ช

คำอนุญาต ทำให้พอร์ชพยายามดันตัวเองเข้าไปต่อ เสียงครางเบาๆของรุจน์ยิ่งเริ่งเร้าให้ความปรารถนาของพอร์ชยิ่งโป่งพองขึ้นกว่าครั้งแรก เมื่อเหลืออีกครึ่งทาง พอร์ชกันฟันดันเข้าไปครั้งเดียวจนสุด รุจน์สะท้านร่างรับด้วยความตระหนก ในร่างบิบรัดสิ่งแปลกปลอมรัวๆ ด้วยความไม่คุ้นชิน พอร์ชโน้มร่างลงหา จูบซับขมับชื้นเหงื่อของรุจน์อย่างชื่นชม “เก่งมาก” คือคำสรรเสริญที่พอร์ชครางบอกไม่หยุด ในร่างของรุจน์ร้อนผ่าว แน่นกระชับไปหมด หากไม่กลั้นไว้ พอร์ชรู้ตัวเองเลยว่า เขาคงเสร็จตั้งแต่ใส่เข้าไปครั้งแรก ความสุขสมปรีด์เปรมเอ่ออาบหัวใจจนล้น คนที่เขารักสุดหัวใจ ในที่สุดก็ได้มาครอบครอง

จุ๊บ…

จู่ๆ ก็ถูกรุจน์จูบที่ข้างแก้ม ถึงตอนนั้น พอร์ชเพิ่งจะรู้ตัว ว่าเผลอร้องไห้ออกมา ต่างสบสายตากันและกัน ความเร่าร้อนเริ่มขับเคลื่อน พอร์ชจับแขนรุจน์ให้มาโอบรอบต้นคอของตนไว้เพื่อยึดเหนี่ยว พลางเริ่มขยับกายสะโพกอย่างเนิบช้า

“อ๊ะ…อือ…” รุจน์ไม่อาจเก็บกลั้นเสียงครางหวาม เมื่อถูกกระทั้งกายหนักหน่วงขึ้น ปกติเขาเป็นคนไม่ชอบคราง ทว่าตอนนี้มันกลับเล็ดลอดออกมา เพราะความเร่าร้อนแข็งขึงของคนรักนั้นกำลังกระตุ้นจุดอ่อนไหวภายใน ลมหายใจของทั้งคู่หอบสะท้านไปกับธารอารมณ์อันเชี่ยวกราก พอร์ชเองยิ่งได้ยินเสียงของคนรัก เขาก็ยิ่งไม่อาจหักห้ามตัวเองได้ สะโพกหนาเร่งสาวใส่หน่วงหนัก

" ฮึก...อ๊ะ...ข้างใน...มะ...มัน...อื้อ..."

รุจน์ครางเร่า ไม่นึกไม่ฝันว่าตัวเองจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ เขาเคยจินตนาการเป็นล้านรอบ ถึงความสัมพันธ์อันลึกล้ำกับพอร์ช ทว่านี่มันแตกต่างจากที่เคยจินตนาการเอาไว้ราวกับสุดขั้ว ไม่เคยคิดฝันว่าตัวเองจะทำอะไรมากไปกว่าการนอนอ้าขาต้อนรับการรุกรานของพอร์ชไม่ได้ ไม่เคยคิดเลยว่าร่างทั้งร่างจะหลอมละลายราวกับขี้ผึ้งลนไฟ ที่ทำได้แค่ประคองตัวเองไว้ด้วยการกอดคอพอร์ชแน่นๆ แล้วแอ่นตัวรับการกระแทกเท่านั้น 

"อ๊ะ พอร์ช! อ๊า" มิหนำซ้ำปากคอเจ้ากรรม ยังไม่อาบกลั้นเสียงครวญครางไม่หยุดหย่อนได้อีก ถึงตอนนี้ รุจน์อายจนแทบมุดรูหนี อายตัวเองที่เคยปากกล้าท้าทายนักรบอย่างพอร์ชไว้เหลือเกิน

"รุจน์…อืม…กูรักมึงนะ….อาห์…รัก…รักรุจน์คนเดียว…" พอร์ชบอกรักรุจน์ไม่ขาดปาก

"อื้ม...อ๊ะ...พอร์ช...รัก...กูก็รักมึง..." เช่นเดียวกับรุจน์ ที่ตอบรับไม่ขาดเช่นกัน


อ้อมกอดที่กระชับแน่นขึ้น  พร้อมคำบอกรักขาดห้วงของคนใต้ร่างสร้างความอิ่มเอิบเปรมปรีด์แก่พอร์ชอย่างมหาศาล ด้วยความรักที่เอ่อล้น พอร์ชก้มลงประทับจูบที่ริมฝีปากของรุจน์เบาๆ ก่อนจะเร่งเร้าจังหวะรุนแรงขึ้น

"อ๊ะ...อ๊า....พอร์ช…ระ...แรง...แรง...ไปแล้ว..."

“ข…ขอโทษ…กูหยุดไม่ได้แล้ว…รุจน์”

ถึงรุจน์จะร้องห้ามแต่พอร์ชเองก็ไม่อาจหยุดยั้งตัวเองได้อีก สะโพกแกร่งยังคงกระแทกกระแทกกระทั้งด้วยแรงเสน่หา แท้จริงแล้ว แม้รุจน์จะเจ็บจนจุกแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในความทรมานนั้นกำลังถูกแทรกแซงด้วยความหฤหรรษ์มหาศาล ยิ่งพอร์ชขยับกาย จุดอ่อนไหวในร่างก็ยิ่งถูกครูดรุนแรง ความเสียงซ่านที่เพิ่มสูงทำให้รุจน์ต้องหงายหน้าเริ่ด สูดลมหายใจหน่วงหนักด้วยแรงที่กำลังพุ่งทยาน

"อ๊ะ พอร์ช...ตรงนั้น อ๊ะ...มันเสียว..." ด้วยเพราะถูกโจมตีอย่างหนัก รุจน์ไม่อาจห้ามใจ หรือคงสติของตัวเองไว้ได้อีก สะโพกมนถึงกับโยกไหวไปตามแรงปรารถนา

"ตรงนี้เหรอ...อื้อ..." พอร์ชถาม  พลางถูไถความเร่าร้อนขแงตนกับจุดที่ไวสัมผัสที่สุดของคนรัก ยิ่งร่างของรุจน์สั่นคลอนไปตามแรงกระแทกเท่าไหร่ ช่องทางคับแน่นก็หดเกร็งตอดรัดพอร์ชที่ยังฝังร่างอยู่ด้านในมากเท่านนั้น 

สองร่างโรมรันพันตู ขยับกายตามคำเชื้อเชิญของแรงหฤหรรษ์ พายุร้ายกำลังถามโถมท่ามกลางทะเลน้ำผึ้งหอมหวาน ยอดคลื่นแต่ละยอดที่ทั้งคู่เพียรว่ายไปสัมผัสยิ่งหวานล้ำจนตาลาย

รุจน์ครางเร่า อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  เสียงหวานนั้นยิ่งเพิ่มแรงอารมณ์ผลักดันให้พอร์ชทยานไปข้างหน้าอย่างหักห้ามตัวเองไม่อยู่ กระแทกร่างเสียบเสยรุนแรงยิ่งขึ้น ยิ่งได้ยินคนรักครางร้อง พอร์ชก็ยิ่งกระทั้นเข้าไปหนักหน่วง เสียงประท้วงของช่องทางเปียกลื่นที่ถูกเสียดสีรุนแรง เสียงหนักหน่วงของหนั่นเนื้อที่กระทบกัน และเสียงลามกหยาบโลนทั้งหลายแหล่ที่ประเดประดังเข้าสู่สมอง มีผลอย่างมหาศาลต่ออารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น รุจน์โถมกอดร่างกอดพอร์ชแน่น ก่อนจะเกร็งกายรอรับการมาถึงของจุดสูงสุดที่กำลังมาเยือน 

“พอร์ช!! จะถึง! อื้ออออ!!” เมื่อทยานถึงจุดสุดยอดที่รุนแรงราวกับการจุดระเบิด รุจน์ถะถั่งความปรารถนาหลอมเหลวขาวขุ่นออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั้งหน้าท้อง ร่างบางหงายเริ่ด ทั้งร่างแอ่นโค้งดื่มด่ำกับความสุขสมที่ได้รับราวกับกำลังถูกพัดขึ้นถึงชั้นเมฆ ก่อนจะร่วงลงมาแหวกว่ายอยู่ในทะเลน้ำผึ้งแสนหวานอย่างมัวเมาจนแทบลืมสติ ในสมองขาวโพลน มีเพียงแสงสีราวกับมีการจุดพลุไฟสว่างสกาวอยู่ในนั้น

“รุจน์!!...อึก!!!” จุดสุดยอดที่มาถึงอย่างกะทันหันของรุจน์ ทำให้ด้านในช่องทางรักกระตุกถี่ บีบเค้นให้ผู้ล่วงล้ำอย่างพอร์ชถึงกับต้องยอมจำนน พอร์ชกัดฟันกระทั้นกายหนักๆ สาวสะโพกอย่างดุเดือด จนถึงสุดปลายทาง ที่ทั้งร่างสะท้านเฮือกอย่างเปรมปรีด์

"อ๊ะ! อ๊า....อ๊า...ฮึก...ฮึก..." การถึงจุดหมายที่รุนแรงของพอร์ช ทำให้รุจน์ที่ไปถึงก่อนต้องสะดุ้งไหวตามไปด้วย รุจน์รู้สึกได้ถึงท่อนร้อนระอุที่กำลังกระตุกถี่อยู่ในร่าง ด้วยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่ยังเหลือ สองร่างที่ยังคงหอบสะท้าน มอบจูบหวานล้ำให้แก่กันอย่างยาวนาน

*
*
*
*
*

 :z13:
มีต่ออีกนิด...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 16-04-2016 16:08:59

 :n1:


หลังแหวกว่ายระเริงรักในทะเลน้ำผึ้งฉ่ำสุข สองร่างตระกองกอดรัดกันแนบแน่นด้วยความอิ่มเอมใจ แค่รักก็ว่าอิ่มหนำแล้ว แต่พอได้มีเซ็กส์ พอได้เป็นของกันและกันอย่างแท้จริง ยิ่งรู้สึกว่าผูกพัน และหวงแหน พอร์ชจูบซับไปทั่วหน้าของรุจน์ ด้วยความรู้สึกตื้นตันปรีด์เปรม รุจน์เองก็เบียดกายซุกแน่นในอ้อมกอดอุ่นของพอร์ช ความหวานล้ำยังซาบซ่านในหัวอก 

“ขอบใจนะรุจน์ ขอบใจที่มึงยอมเป็นของกู” พอร์ชเอ่ยเสียงสั่น มันตื้นตันจนไม่อาจปิดบัง หรือวางท่าต่อไปได้ เขาดีใจจริงๆที่ในที่สุด คนที่เขาเฝ้ารักเฝ้าคอย ก็ยินยอมพร้อมตอบรับรักของเขาทั้งกายและใจเสียที

แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักแค่เพียงหวังได้ แต่ในเมื่อได้มาแล้ว พอร์ชก็สาบานไว้กับตัวเองเงียบๆว่า จะดูและถนอมรักษาคนในอ้อมแขนนี้ไปตลอดชีวิต
“อือ” รุจน์ตอบเพียงสั้นๆ แล้วซุกกายเข้าหาแนบแน่นขึ้น ถามว่ามีความสุขไหม รุจน์ตอบได้เต็มปากว่าสุขมาก แม้จะต้องแลกด้วยความระบมขมขื่นที่แล่นร้าวไปทั่วร่างก็ตาม

แต่ถึงรุจน์จะมีความสุขแค่ไหน กระนั้นเขายังอดรู้สึกวูบโหวงในอกไม่ได้  หลากหลายความรู้สึกถาโถม

สุขล้นจนล่องลอย แต่ก็หวาดประหวั่นเสียเหลือเกิน...

"นี่...ทำไมเงียบอย่างนี้ล่ะ เหนื่อยเหรอ?" เห็นว่าคนในอ้อมแขนนอนนิ่ง พอร์ชก็แอบกังวลเล็กๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาด้วยความห่วงใย

"ก็เหนื่อยน่ะสิ...ใครจะบ้าพลังได้อย่างมึงวะ" รุจน์บ่นเสียงแผ่ว แต่พอร์ชรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เหตุผล

อ้อมกอดหนาจึงกระชับแน่นขึ้น ริมฝีปากจูบซับตรงขมับขาว พลางเอ่ยขอโทษแผ่วเบาด้วยรู้สึกผิด "ขอโทษนะ...ที่กูเร่งรัดมึง มึงคงรู้สึกไม่ดีใช่ไหม?...โอ๊ะ!!?"

ไม่ต้องรอให้ดราม่าจบ พอร์ชก็โดนรุจน์สั่งสอนไปที ด้วยการโขกหัวแข็งๆ เข้ากระแทกหน้าผากของพอรืชเข้าเต็มรัก เล่นเอาพอร์ชถึงกับเห็นดาวระยิบ
"มึงจะขอโทษกูทำบ้าอะไรวะ? กูไม่ใช่เด็กนะ กูยอมเพราะรักมึง ไม่ใช่เพราะถูกมึงเร่งรัด  ลองเสือกพูดขอโทษอีกที กูโขกมึงปากแตกแน่!" โดนเข้าใจผิดในเรื่องไม่เป็นเรื่องเข้าไป  รุจน์ถึงกับของขึ้น หลังโขกหัวลงโทษคนรักไปได้ ก็ยันตัวขึ้นมาด่ากราดเป็นชุด ก่อนจะร้องซี้ดออกมาอย่างลืมตัว เมื่อความปวดร้าวช่วงล่างเริ่มออกอาการประท้วง ยังผลให้รุจน์ เป็นอันต้องฟุบกายลงในอ้อมแขนของพอร์ชอีกครา อย่างช่วยไม่ได้

"จะรู้สึกผิดหาพระแสงอะไรวะ กูรักมึงจนจะสำลักตายอยู่แล้ว ไม่งั้นกูจะยอมให้มึงทำขนาดนี้เหรอวะ เรื่องอื่นออกจะฉลาด อย่าแกล้งโง่เรื่องนี้นะมึง ไอ้ห่านี่...." ขนาดลงไปนอนกอง ปากของรุจน์ก็ยังไม่ยอมหยุดก่นด่า จนได้ยินคำร้องปลอบโยนของพอร์ชว่า โอ๋ โอ๋ ไม่พูดแล้ว ผิดไปแล้ว นั่นแหละ รุจน์ถึงจะยอมหยุด

"ก็กูเป็นห่วงนี่ เล่นเสร็จกิจแล้วเงียบกริบแบบนั้น กูก็นอยด์เป็นเหมือนกันนะ" คราวนี้เป็นพอร์ชที่ออกอาการโอดครวญบ้าง ชายหนุ่มเท้าแขนมองหน้ามุ่ยของคนรักอย่างนึกเอ็นดู

รอยยิ้มอ่อนโยนที่พอร์ชส่งมา หลอมละลายปากหนักๆของรุจน์ ให้ยอมปริเปิด เผยความในใจออกมาในที่สุด "กู...กังวลเรื่องของมึงอ่ะ"

"เรื่องกู?" ได้ยินแบบนั้นพอร์ชถึงกับฉงน นึกไม่ออกว่าคนรักจะกังวลเกี่ยวกับตนด้วยเรื่องอะไร "ทำไม? กลัวกูฟันแล้วทิ้งเหรอ?" ลองหยั่งเชิงถามไป ก็โดนด่ากลับมาแบบทันควัน

"ไอ้ห่า!! พาออกทุ่งออกอ่าวตลอดเลยนะมึง!! กูหมายถึงกูกังวลเรื่องครอบครัวของมึงต่างหากล่ะ ไอ้ห่านจิกนี่!!" รุจน์เสียงกร้าว พร้อมขึงตาใส่พอร์ชอย่างอารมณ์เสีย

แต่กระนั้น พอร์ชก็ไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าคนรักของตน จะกังวลกับเรื่องครอบครัวของเขาทำไม ในเมื่อทุกอย่าง มันก็ราบรื่นดีอยู่แล้ว "ครอบครัวกู? จะกังวลไปทำไม มึงเข้ากับบ้านกูได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยนี่ พ่อแม่กูเองก็รักมึงยิ่งกว่าลูกในไส้อย่างกูเสียอีก"

สิ้นคำถามของพอร์ช ใบหน้าขึงขังของรุจน์นั้นก็พลันสลดลง เสียงเจื้อยแจ้วแหบพร่ากว่าเคย ยามที่เขาต้องเอ่ย คำพูดที่แสนลำบากใจ "ก็เพราะอย่างนั้นไง...กูถึงได้กลัว"

พอร์ชชันตัวขึ้นนั่ง เพื่อสดับสิ่งที่รุจน์กำลังจะเอื้อนเอ่ย เปิดใจรับความรู้สึกที่ว่ากลัวของคนรักที่แผ่ลามออกจากร่างเล็กกว่าอย่างนึกเห็นใจ พอร์ชพอจะรู้ ว่ารุจน์กำลังรู้สึกอย่างไร พอร์ชจึงนิ่งฟัง ในทุกสิ่งที่รุจน์อยากระบาย

“ก็รู้...ว่าพ่อกับแม่มึงใจดีกับกูแค่ไหน เพราะอย่างนั้นแหละ กูถึงได้กังวลไง แม่มึงใจดีกับกูในฐานะที่กูเป็นเพื่อนมึง...แล้วถ้าวันนี้ที่มันเปลี่ยนไปแล้วล่ะ...แม่มึงจะยังเมตตากูอยู่หรือเปล่า...กู...กลัวจริงๆนะ”

รุจน์อธิบาย พลางลุกขึ้นนั่งบ้าง โดยมีพอร์ชคอยช่วยประคองให้นั่งพิงขอบเตียงไว้จะได้ไม่เป็นภาระกับช่วงล่างมากนัก พอร์ชนิ่งฟังที่รุจน์พูดมาอย่างตั้งใจ ทั้งยังตระหนักเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่คนรักกังวล

“พอร์ช...ถ้าแค่บ้านกูน่ะ กูยังพอไฟว์นะ กูยังพอมั่นใจอยู่ว่ากูจะสามารถคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่กูได้...อย่างน้อย กูก็ไม่ใช่ลูกคนเดียวอย่างมึง ถึงจะมีปัญหาบ้าง ก็คง...ไม่ได้หนักมาก...”
ยิ่งพูด เสียงของรุจน์ก็ค่อยพาลขาดห้วง เนื่องด้วยความทุกข์เริ่มจุกอก เดิมทีก็มีพื้นฐานเป็นคนชอบคิดไปใหญ่อยู่แล้วด้วย  พอปล่อยให้ความคิดแง่ลบของตัวเองพรั่งพรูมากเท่าไหร่ รุจน์ก็ยิ่งห่อเหี่ยวใจมากขึ้นเท่านั้น

น่าสงสาร จนพอร์ชต้องรีบกอดปลอบ

“นี่...อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดนั้นสิวะ เรื่องราวมันไม่ได้จะเลวร้ายขึ้นมาเสียเดี๋ยวนี้ เสียเมื่อไหร่ เราค่อยๆช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ปัญหาไปก็ได้นี่...” ว่าพลาง ช้อนปลายคางมนให้ใบหน้าเศร้าสร้อย ได้แหงนขึ้นสบตา “วันนี้วันดีของเรานะ...กูอยากให้มันมีแต่ความทรงจำที่แสนสุขระหว่างเรา มากกว่าการเห็นมึงเศร้านะ”

“...ก็กูอยากอยู่กับมึงไปนานๆ นี่นา...จะไม่ให้คิดมากได้ยังไงเล่า...” รุจน์ซบศีรษะอิงไหล่พอร์ชไว้ พร้อมเปรยเสียงเศร้า ทว่าถ้อยคำเหล่านั้น กลับหวานล้ำสำหรับคนฟังอย่างยิ่งยวด ขนาดที่ว่าพอร์ชทนไม่ได้ ที่จะโอบร่างนั้นแน่นๆ แล้วก้มลงหอมที่แก้มแดงนั่นแรงๆ ซ้ายทีขวาที แบบไม่มีเกรงใจว่า แก้มนั้นจะช้ำเลยแม้แต่นิด

“ฮื่อ...นึกคึกอะไรของมึงขึ้นมาอีกเนี่ย”  รุจน์โอด ทั้งพยายามเบี่ยงหน้าหลบเล็กน้อย ด้วยเพราะเขินผสมเริ่มรำคาญ

“ก็มึง...น่ารักนี่” พอร์ชว่าพลางซุกหน้าลงบนไหล่ของพอร์ช ด้วยบหน้าที่แดงก่ำลงมาถึงลำคอแกร่ง อาการแบบนั้น เล่นเอารุจน์ถึงกับงง นี่เขากำลังดราม่านะ ทำไมจู่ๆ ถึงได้ลากเข้าเรื่องรักนะจ๊ะจ๋าแบบนี้ไปได้กันเล่า?

“อะไรของมึงเนี่ย!?”

“ก็มึงเครียด เพราะกลัวถูกจับแยกกับกูใช่ไหมล่ะ?”

“...อือ แล้วมึงจะทำเสียงดีใจเพื่อ? แม่มึงดุจะตายห่า จะไม่ให้กูเครียดได้ยังไง”

“นี่...” พอร์ชผละออกจากไหล่ของคนรัก ออกมานั่งตัวตรง เผชิญหน้ากับรุจน์ตรงๆ บรรจงใช้มือลูบข้างแก้มนิ่มเบาๆ พลางเอ่ยคำ ที่เป็นดั่งคำมั่นสัญญา “รุจน์…กูรักมึงมากนะ รักมานานมาก มึงก็รู้ เพราะงั้น ไม่ว่าจากนี้ไปจะเกิดอะไรขึ้น กูสัญญาว่ามันจะไม่มีทางเปลี่ยนความรู้สึกของกูที่มีต่อมึงได้ ตราบเท่าที่มึงยอมเดินเคียงข้างกู กูจะพามึงก้าวข้ามทุกอุปสรรคไปให้ได้ ไม่เว้นแม้แต่คุณนายแม่กู…สบายใจได้ยัง?” พูดจบก็ยิ้มร่า ถามคนรักอย่างใคร่รู้ ว่าคล้อยตามไปกับคำหวานของตนแค่ไหน พอร์ชยิ้มกว้าง เมื่อเห็นรุจน์ยิ้มตา

“ไอ้ลิเก…ร่ายมาเป็นบทหนังเลยนะมึง หึหึ” ทว่า ดูเหมือนที่รุจน์ยิ้ม จะไม่ใช่เรื่องที่ว่าคล้อยตามพอร์ชเสียแล้ว

“นี่กูพูดจากใจเลยนะ” พอร์ชพยายามยืนยันความบริสุทธิ์ใจ แต่เหมือนยิ่งเขาพยายาม รุจน์ก็ยิ่งหัวร่องอหงายมากเท่านั้น

“อย่ามาหวานกับกูเหอะ กูไม่ชิน ขอร้อง ฮ่า ฮ่า” ลึกๆ ก็แอบสงสารคนรักที่อุตส่าห์พยายามดึงบรรยากาศหวานๆ มาช่วยปลอบใจ แต่เพราะรุจน์ไม่อาจทำใจให้ชินกับถ้อยคำหวานๆเหล่านั้นได้ จึงเอาแต่ขำไม่หยุด เหตุนั้นทำเอาพอร์ชถึงกับนิ่วหน้าเล็กน้อย แต่เอาเถิด แค่เห็นว่ารุจน์เลิกเครียดได้ พอร์ชเองก็รู้สึกพอใจอยู่บ้าง

ฉับพลัน พอร์ชนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็ว่าจะรอโอกาสดีๆ ที่จะบอก แต่ไหนๆก็ไหนๆ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีอยู่เหมือนกัน ที่เขาจะได้เอ่ยความลับที่เก็บงำมานานให้คนรักได้ฟัง

สองแขนแข็งแรงของพอร์ชโอบร่างรุจน์เข้ามาใกล้จนแนบชิด รุจน์ขัดขืนเนื่องจากตกใจเบาๆ แต่สุดท้ายก็ยอมโอนอ่อน ใบหน้าแหงานหงายรับจูบลึกล้ำของพอร์ชอีกครั้ง สองแขนโอบโน้มต้นคอแกร่งของผู้รุกรานไว้เพื่อเป็นหลักยึด หัวใจพอร์ชเต้นรัว ด้วยกลัวว่ารอบสองจะตามมาติดๆ ซึ่งถ้าหากจะเกิดขึ้นจริง…ก็เอาเถอะ รุจน์ยอม

ในระหว่างหวามไหวไปกับการถูกพอร์ชรุกรานตรงซอกคออุ่น ลามเรื่อยขึ้นมาจนถึงใบหูร้อนฉ่า พลันเสียงกระซิบเครือพร่าของพอร์ช ก็เล่นเอารุจน์ ถึงกับตัวแข็งค้าง

“เรื่องพ่อกับแม่กูน่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ท่านรู้เรื่องของเรามาตั้งนานแล้ว”

 :ruready
END
********************************************
กลับมาแล้วค่ะ…หลังจากเป็นนักเขียนที่หายสาบสูญไปนาน
Happy Ending ไปอีกคู่ เฮ้อ กว่าจะมีโอกาสกลับมาเขียนต่อได้ นึกว่าจะข้ามปีเสียแล้ว
ขอโทษด้วยนะคะ ที่หายหัวไปนาน หากใครได้เห็นในเพจบ้าง จะพอทราบสาเหตุการหายตัว อิอิ
ตอนนี้กลับมาได้แล้วค่ะ แต่อาจอยู่ในช่วงจัดการอะไรหลายๆ อย่าง ซึ่งอาจทำให้การลงนิยายล่าช้าไปบ้าง
ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ

ความจริง ‘ผมคือ…นางเอก’ นั้นเนื้อหาหลักจบไปพร้อมกับที่สองหนุ่มเขาออกเดินทางไปเที่ยวกันหลังแถลงข่าวแล้วค่ะ
ดังนั้น ตอนที่ตามๆมานี่ จึงถือว่าเป็นตอนพิเศษ เบาๆ ของเหล่าตัวประกอบอดทนทั้งหลายแหล่
ซึ่งเหลือคู่สุดท้าย คือเจ๊บลูม่า กับซอลย่าแล้วล่ะ คู่นั้นเนื่องจากในเรื่องมีเนื้อหาเยอะแล้ว ตอนพิเศษของนางๆจึงสั้นนิดเดียว
และปิดท้ายด้วยบทสรุปหลังจากนี้ของคู่หลักนะคะ (อันนั้น ก็ไม่ยาวเหมือนกัน)
รอกันอีกนิดนะค๊า

ปล.จบเรื่อง ‘ผมคือ…นางเอก’ แล้วมีโปรเจครวมเล่มเรื่อง เกลียวบาป ใหม่ค่ะ
ดังนั้น น้องพจนมานจะยังลงอย่างต่อเนื่อง แต่เรื่อง ‘ตัวร้าย’ อาจต้องขอเวลาหน่อยนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
อนาคี 99 # Thearboo
 :ling3: :ling2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 16-04-2016 16:27:05
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 16-04-2016 17:22:24
ถถถถ น้องรุจน์ห้ามตัวเองไม่ไหวซะงั้น
เสร็จเขาเลยทีนี้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: aorpp ที่ 16-04-2016 18:00:58
สองหนุ่มรุจน์พอร์ตเล่นน้ำกันฟินมากกกค่ะ
ขอบคุณที่มาต่อนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-04-2016 18:47:58
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 16-04-2016 18:53:05
รอค่ะรอ...อยากอ่านเจ๊บลู~~
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 16-04-2016 19:48:01
ร้อนแรงมากค่าาาาา พอรช์ รุจน์
เหมือนคู่นี้เค้าอัดอั้นตันใจ มาใส่กันทีเดียว
รุจน์คือเซ็กซี่มากกกกกกกก
แบบนี้ใครก็ทนไม่ไหวหรอก  :hao6:
พอรช์นะ แกล้งรุจน์ รุจน์ใจหายหมดเลย โถ่
คิดถึงเรื่องนี้ คิดถึงทุกๆคนเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 16-04-2016 21:50:46
ขอบคุณที่มาต่อค้า
แต่ว่าจะมีตอนต่อของดนัยใช่ไหมค้าาาาา :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 16-04-2016 23:07:25
คิดถึงคนเขียนมากมายยย อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 16-04-2016 23:27:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 17-04-2016 02:36:34
ร้ายยยยย ><
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 17-04-2016 10:23:07
ในที่สุดคู่นี้ก็จบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ทำตามสัญญาที่ให้ไว้เรียบร้อย หนูรุจน์น่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ  :pighaun:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 17-04-2016 21:33:14
โอ้วววววว น้องรุจจจจ แซ่บจนป้าต้องปาดน้ำหมาก
สมการรอคอย ลุ้นสุดก็คุณพ่อคุณแม่นี่แหละ
ดันรู้แล้วซะงั้นนนน ดีใจจจจจจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: Guy_BLove ที่ 18-04-2016 14:35:06
เรื่องนี้คือที่สุดของที่สุด
เกือบร้องไห้ตอนดินจะฆ่าตัวตายแล้ว ฮือออ :mew6:
สุดยอดมากค่าาาาาาา o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 18-04-2016 16:03:54
พอร์ชมีแกล้งอีก 55+ รุจน์บอกรอบสองอดไปเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: boobooboo ที่ 19-04-2016 22:58:42
จะมีฉากเพิ่มอีกป่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: namaquaru ที่ 21-04-2016 01:46:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: cocoaharry ที่ 22-04-2016 03:13:51
เห็นเรื่องนี้มานานแล้วค่ะ เพิ่งมีโอกาสได้อ่าน ไม่เสียดายเวลาจริง ๆ กว่าจะตามอ่านให้ทัน สนุกมากค่ะ
ทำให้ทั้งเขินและเสียน้ำตาไปเยอะมาก
รอตอนพิเศษค่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 27-04-2016 22:45:19
 :-[ สนุกมากกกกกกค่า ยุเมต หวานเบาๆๆๆๆๆ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 2 #พอร์ช x รุจน์# [16 เมษายน 2559] P.145
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 02-05-2016 09:37:53
คึคึ
ละลายยยยย
ร้อนแรงเกิ๊น
อ๊ายยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 10-05-2016 17:50:11
บลูม่า x ซอลย่า
♡ ยอมแล้วทูนหัว♡


หลังจากเหตุการณ์คลี่คลายลง จากการประกาศเปิดตัวคู่รักที่กำลังจะกลายเป็นตำนาน อย่างกฤตเมธและสดายุ สองผู้จัดการส่วนตัวอย่างบลูม่าและซอลย่า ก็ตัดสินใจคบหากันอย่างเป็นทางการเสียที โดยบลูม่าเป็นฝ่ายหอบผ้าหอบผ่อน ย้ายตัวเองออกจากคอนโดหรู เพื่อไปอยู่บ้านชานเมืองกับซอลย่า ที่เพิ่งตัดสินใจซื้อกันไปไม่นานนี้

แม้ไม่ได้แถลงข่าว หรือลั่นวาจาบอกใครๆ แต่บลูม่ากับซอลย่าก็คบหากันอย่างเปิดเผย ไม่ได้คิดจะลักลอบปิดบัง ใครใคร่รู้ มาถามไถ่กันตรงๆ ก็ตอบไปตามความจริง ไม่ได้มีบิดพลิ้ว

 คนในที่ได้รู้ยังแอบแปลกใจในความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่น้อย  เพราะดูยังไง ก็ออกจะเป็นแนวสาวน้อยเสียทั้งคู่ คิดกันไปว่าอาจเป็นความสัมพันธ์แบบ ‘เลสเบี้ยน?’

กับคนนอกยิ่งแล้วใหญ่ ยิ่งห่างๆ ยิ่งไม่ระแคะระคาย เห็นว่าสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเก่า ก็ตีความกันไปว่า คงเป็นเพียงความรักระดับเพื่อนสาว ที่คอยให้ความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ในระดับที่เกินปกติไปหน่อยก็เท่านั้น

ใครจะเข้าใจถ่องแท้ ว่านี่แหละ ‘ผัว-เมีย’ คู่จริง

กว่าสองเดือนที่ผ่านมา การคบหากันของบลูม่าและซอลย่าค่อนข้างราบรื่น คงเพราะเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากมาก่อน จึงเข้าใจในหลายๆอุปนิสัยของกันและกัน อย่างไม่ต้องปรับตัวอะไรเพื่อจูนกันมากนัก เรียกง่ายๆว่า คลิก กันแทบทุกเรื่อง เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา

จะมีเว้นก็แค่...
.
.
.
.
.

“บลู ไม่เอาชุดนี้ได้ไหมอ่ะ เปลี่ยนเถอะ” เสียงหวานร้องเรียกคนรัก ขณะที่เดินออกมาเห็นว่า บลูม่าแต่งตัวยังไง

“ไมอ่ะ? บลูว่ามันก็โอเคดีนะ” เห็นคนรักทัก บลูม่าก็ลองหมุนซ้าย หมุนขวา สำรวจตัวเองว่าขาดตกบกพร่องอะไร เท่าที่เห็น ในสายตา แฟชั่นนิสต้าตัวแม่อย่างบลูม่า คอนเฟิร์มกับตัวเองแล้วว่า ‘ดูดี’

“ก็มันโป๊นี่นา” ซอลย่าว่า พลางยู่หน้ากังวล และคำตอบนั้น ทำให้บลูม่าถึงกับถอนหายใจอีกครั้ง (ไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วในรอบสองเดือนที่ผ่านมา)

อดปากไม่ไหว เป็นอันต้องถามออกไปด้วยความอิดแหนงแคลงใจ “เสื้อยืด กับกางเกงยีนส์ขายาว มันโป๊ตรงไหนคะที่รัก?”

“แค่นั้นที่ไหนล่ะ เสื้อยืดสีขาวบ๊างบาง คอก็กว้างเสียขนาดนั้น ก้มทีเห็นไปถึงไหนต่อไหน แล้วกางเกงยีนส์ที่ขาดจนเห็นขาอ่อนนั่นอีก ไม่เอานะมันโป๊เกินไปอ่ะบลู ข้างนอกนั่นล้วนแต่เสือ สิงห์ ทั้งนั้น ใส่แบบนั้นออกไปซอลเป็นห่วง...”  คำบอกเล่าถึงความกังวล ในเรื่องเดิมๆ เก่าๆ ของซอลย่า ทำบลูม่าส่ายหน้ายิก ‘โรคหวงกำเริบอีกแล้ว’

“ซอล...บลูเป็นผู้ชายนะ ถึงจะสาวหน่อย แต่ก็ยังแมนอยู่ ตัวก็โตขนาดนี้ ใครจะมาทำอะไรบลูกันคะ ไม่ต้องห่วงขนาดนั้นหรอกคนดี” แต่ก็เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าที่ซอลย่าพร่ำบ่น ก็เพราะรักและห่วง บลูม่าจึงไม่ได้ออกอาการไม่พอใจที่ถูกทักท้วงสไตล์การแต่งตัว พอได้ยินแบบนั้น บลูม่าจึงยิ้ม เดินเข้าไปกอดคนรักไว้ แล้วอธิบายเสียงอ้อน “นี่บลูแค่จะออกไปหาน้องยุเดี๋ยวเดียว ไม่เป็นไรหรอกจริงไหม? ให้บลูใส่นะคะที่รัก”

“.............” ยิ่งเห็นว่าซอลเงียบ บลูม่าก็ยิ่งอ้อน

“นะคะ นะคะคนดี นะนะ...” เสียถอนหายใจดังขึ้นตรงอก บลูม่าลอบยิ้มกริ่ม คิดไปว่าซอลย่าคงอ่อนใจในคำอ้อน แล้วยอมให้ตัวเองใส่ชุดที่ชอบออกไปลั้ลลาได้ในที่สุด...ทว่า

“อ๊ะ!? ทำอะไรอ่ะซอล!!?” บลูม่าร้องเหวอ เมื่อจู่ๆก็โดนซอลย่ากัดเบาๆเข้าที่หัวนมด้านซ้าย

“ก็เสื้อมันบาง...เลยอดใจไม่ไหว” เสียงตัวเล็กกระเง้ากระงอด ใบหน้ามู่ตู้แก้มป่องจนเหมือนจะแตกได้ ทำเอาบลูม่าถึงกับเจ็บจี๊ดตรงหัวใจ

“เปรี้ยวมากค่ะที่รัก ถึงกับกัดหัวนมกันเนี่ย แก่นจังนะ” โดนเข้าไปแบบนั้น เสียงหวานๆของบลูก็ถึงกับพร่าขึ้นนิดหน่อย จังหวะหัวใจที่ผิดเพี้ยงไป ทำให้หล่อนต้องดุคนรักตัวจ้อยเสียหน่อย

….ข้อหายั่ว ไม่รู้เวล่ำเวลา

“เห็นไหมแค่โดนนิดเดียวหัวนมก็ตั้งจนจะทะลุออกมานอกเสื้ออยู่แล้ว...โป๊...ไม่เอานะ ซอลไม่ยอมให้บลูออกไปในสภาพนี้หรอก  เดี๋ยวหาชุดให้เปลี่ยน” ซอลย่าปรามาสเล็กๆ ก่อนจะเดินผละออกไปเ พื่อหาชุดให้คนรักเปลี่ยน และคงสำเร็จตามนั้น ถ้าไม่โดนคว้าตัวเอาไว้เสียก่อน ตอนเดินถึงประตูห้องนอนพอดี

“ไม่ต้องหาอ่ะ บลูไม่ไปแล้ว” บลูม่ากระซิบพร่าตรงข้างแก้มใส ในจังหวะที่สวมกอดซอลย่าเข้ามาในอ้อมอกกว้าง

“อ้าว? ไหนว่าจะไปหาคุณสดายุไง?”  ซอลย่าถามออกไปคล้ายว่าความสงสัย ทั้งที่ใบหน้ากำลังอมยิ้มอย่างผู้ชนะ

“...ไปอยู่แล้วล่ะ” บลูม่าว่า ขณะสวมกอดซอลย่าแน่นขึ้น “แต่ขอลงโทษเจ้าตัวแสบก่อน” ประกาศศักดาพร้อมอุ้มซอลย่าตัวลอยหวือ มาโยนปุลงบนโซฟาห้องรับแขก

"อ๊ะ!? บลู...เดี๋ยว อะไรกันเนี่ย?" ซอลย่าร้องจ้า สองมือพยายามยั้งมือปลาหมึกของบลูม่าด้วยหัวใจประหวั่น อะไรกัน? เถียงกันไปมายังไม่ทันได้ความ ทำไมจู่ๆถึงมาลงเอยตรงโซฟาในท่าทางที่ล่อแหลมขนาดนี้ไปได้กันเนี่ย?

"ก็...กำลังลงโทษคนนิสัยไม่ดีขี้ยั่วไง เล่นมากัดหัวนมกันแบบนี้ ต้องโดนเอาคืนให้เข็ด" บลูม่าว่า พร้อมยิงฟันโชว์เขี้ยวขาวใส่ซอลย่าอย่างนึกหมั่นเขี้ยว ขณะใช้สองมือทรงประสิทธิภาพปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตของคนใต้ร่างอย่างคล่องแคล่ว

"อื้อ...หยุดเลย ใครยั่วใครก่อนกันแน่ หืม? ตัวเองนั่นแหละที่โชว์หัวนมก่อน มาโทษกันได้ยังไง...อื้อ คิกๆ อย่าสิ มันจั๊กจี้นะ..." ซอลย่าเองก็โวยกลับ แต่ดูเหมือนจะทุลักทุเลไม่น้อย เพราะคนถูกบ่นดันไม่ยอมฟัง แถมยังแกล้งงับท้องน้อยเอาอีกด้วย งานนี้ คนบ้าจี้อย่างซอลถึงกับนอนสะดุ้ง เป็นกุ้งโดนน้ำร้อนกันเลยทีเดียว

ยิ่งว่าก็เหมือนจะยิ่งถูกโรมรัน จากเสียงห้ามปนหัวเราะ กลายเป็นเสียงครางเครือแผ่วผิวในที่สุด กระดุมเสื้อเชิ๊ตตัวน้อยถูกปลดหมดแผงโดยที่เจ้าของเสื้อไม่แม้แต่จะทันได้ทัดทาน สองแขนผอมบางที่พยายามผลักไสไม่จริงจัง ในที่สุดก็ถูกรั้งขึ้นเหนือศีรษะ ผูกมัดไว้ด้วยเสื้อเชิ๊ตไม่รักดีของตน ไม่ได้แน่นจนอึดอัด แต่ก็ไม่ได้หลวมจนดิ้นหลุด

บทรักแนว SM บางทีก็ช่วยกระตุ้นให้สองหัวใจได้โจนทะยานสู่ความหฤหรรษ์ได้ง่ายกว่าบทรักแบบปกติ

"อ๊ะ..." ซอลย่าหอบสะท้าน ขณะแอ่นร่างรับเรียวลิ้นเปียกลื่นที่กำลังแลบเลีย ดูดดุนไปมากับตุ่มไตน้อยแดงจัดของตน ราวกับกำลังแกล้งคืน

ได้ยินเสียงครางหวาม บลูม่าก็พยายามปรนเปรอด้วยรสจูบหวานล้ำไปทั่วแผ่นอกขาว เรื่อยลงมาจนท้องน้อยเรียบตึง สองมือหนาอาศัยจังหวะที่คนรักกำลังมัวเมาไปกับรสสัมผัสที่ตนได้มอบให้ ปลดเปลื้องกางเกงขาสั้นพร้อมชั้นในรูดผ่านสะโพกเล็กลงไปอย่างง่ายดาย เมื่อทั้งร่งเปล่าเปลือย ซอลย่าก็หอบสะท้านหนัก ขนอ่อนตามร่างขาวผ่องลุกชันเมื่อต้องอุณหภูมิเย็นฉ่ำของแอร์คอนดิชันเนอร์ บลูม่าผละออกไปในตอนนั้น เพื่อปลดเปลื้องพันธนาการของตัวเองบ้าง เสื้อยืดเนื้อบาง กางเกงยีนส์ขาดๆ ถูกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ใยดี ก่อนนาบร่างลงหาคนรักที่สะท้านกายรอคอย เพื่อมอบความอบอุ่นอันแสนเร่าร้อนให้อย่างไม่รอช้า

จูบกันแล้วจูบกันอีก สูดกลิ่นกายซึ่งกันและกัน กอดก่าย แล้วจูบกันใหม่ โลมเล้าปรนเปรอจนพรั่งพร้อมเต็มที่
 
บลูม่าพลิกตัวของซอลย่าให้คว่ำหน้าลง ซอลย่าที่ถูกปรนเปรอจนสิ้นเรี่ยวแรงแล้วนั้น ทำได้แค่เพียงปล่อยร่างกายไปตามที่บลูม่าชักนำ พยายามแล้วที่จะพยุงร่างกายเพื่อตอบรับแรงอารมณ์ของคนรัก แต่ด้วยเพราะถูกมัดข้อมือเอาไว้ แขนสองข้างไร้เรี่ยวแรงจนสั่นสะท้าน สุดท้ายก็ไม่อาจค้ำยันร่างกายหนักอึ้ง ร่วงผลอยลงไปแนบนิ่งบนโซฟากว้าง เหลือเพียงสะโพกกลมลอยเด่น แม้ไม่ตั้งใจ แต่สำหรับคนมองมันช่าง 'ยั่วเย้า'

ภาพตรงหน้าทำหัวใจของบลูม่าเต้นระทึก หล่อนกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาก พร้อมแลบเลียริมฝีปากที่ราวจะแตกระแหงเพราะแรงอารมณ์ร้อนเร่า สองมือประคองสะโพกน้อยให้มั่นคง ก่อนค่อย ๆ ส่งกายเนื้อเกร็งเขม็งเข้าแตะต้องกลีบดอกตูมแดงก่ำฉ่ำชื้นที่พร้อมแย้มกลีบต้อนรับ สายตาจ้องมองการสอดประสานที่กำลังเกิดขึ้นไม่วางตา บลูม่าถึงกับกัดริมฝีปากแน่น ให้ตายเถอะไม่เคยมีใครหน้าไหนบนโลกใบนี้ ที่สามารถทำให้ฮอร์โมนเพศชายที่หล่อนเก็บซ่อนเอาไว้สุดหัวใจ ปะทุพล่านได้เท่ากับเจ้าตัวเล็กตรงหน้านี้อีกแล้ว ช่างเซ็กซี่ เย้ายวน...

"อื้อ..." ซอนย่าสะท้านเฮือก เมื่อรับรู้ได้ถึงกายร้อนผ่าวของคนรักที่กำลังส่งความปรารถนาอันร้อนแรงเข้ามาในร่าง เพียงส่วนหัวใหญ่โตผลุบนำเข้ามา ลมหายใจซอลย่าก็แทบขาดห้วง ร่างกายบอบบางไม่ค่อยคุ้นชินต่อแรงดันในจังหวะแรกของการสอดใส่ แต่ก็พยายามผ่อนลมหายใจคลายอาการเกร็งสะท้านให้ได้เร็วที่สุด เพื่อเปิดทางให้คนรักได้ผสานกายแนบชิด

"อื...ม...เด็กดี" บลูม่าครางเร่า เมื่อร่างกายที่สอดใส่เข้าไปจนสุดถูกซอลย่าตอบรับอย่างเปรมปรีด์ ช่องทางรักรึงรัด จนบลูม่าต้องขอทิ้งความเป็นหญิงไปชั่วขณะ เพื่อขับควบความเป็นชายอันทรงพลังปรนเปรอความรัก เติมเต็มความกระสันต์ที่กำลังปะทุเดือด

"อ๊า...อะ...บลู...บลู...อื้อ...ฮ่าห์..." จากที่แค่หอบหายใจ ตอนนี้ซอลย่าอดไม่ได้ที่ต้องร้องเรียกคนรักออกมา ไม่ว่าจะเป็นเพราะความคับแน่นหรือเพราะความเก่งกาจของบลูม่าก็ไม่อาจฟันธงลงไปได้ ที่ทุกการขยับโยกกายของบลูม่านั้นช่างโดนจุดหฤหรรษ์ของซอลย่าไปเสียทุกครั้ง มันทำให้เสียงหอบสะท้านกลายเป็นเสียงครางเสนาะหูได้ในเวลาไม่นาน
 
การขยับกายอันเร่าร้อน กินเวลาอยู่ครู่ใหญ่ๆ ในสภาพที่บลูม่ายืนตรงขาหนึ่งยันพื้นเอาไว้ อีกข้างค้ำยันบนโซฟา สองมือจับสะโพกของซอลย่าที่คว่ำกายแอ่นสะโพกรอรับเอาไว้และโยกกายกระหน่ำรัว   

ซอลย่าหอบสะท้าน ร้องครางจนเสียงแหบแห้ง ในจังหวะที่จะหนีคนรักไปแตะขอบฟ้าเพียงลำพังอยู่รอมร่อ ก็ถูกบลูม่าจับเปลี่ยนท่วงท่า เพิ่มลีลารักเร่าร้อนทั้งที่ยังสอดประสานกัน โดยการจับให้ล้มลงนอนตะแคง ขาข้างหนึ่งถูกจับพาดบ่าแกร่ง ก่อนถูกสาวสะโพกใส่ให้ได้ร้องเสียงแหบกันอีกรอบ

"...อ๊ะ...อา...ฟิตจังเมียจ๋า...อ๊า..." และในจังหวะสุดท้ายก่อนที่ทั้งคู่จะพากันแตะขอบฟ้า บลูม่าก็สบถออกมา อย่างที่ปกติไม่คิดพูดใส่กัน การนั้นก็เพื่อเร่งเร้าอารมณ์หวาม ในบางครั้งทั้งคู่ก็เผลอสบถคำหยาบโลนใส่กันบ้างขณะมีเซ็กส์  ถึงไม่ได้ตั้งใจ แต่ยิ่งถ้อยคำนั้นรุนแรงเท่าไหร่ ดำฤษณาก็ยิ่งกระพือโหม

ความหฤหรรษดำเนินมาถึงจุดสูงสุด มันพุ่งวาบจนร่างสะท้านเฮือก บลูม่าและซอลย่าถึงฝั่งฝันแทบจะทัน ๆ กัน โดยมีซอลย่านำเข้าเส้นชัยไปแค่ช่วงเส้นยาแดงผ่าเก้า สองร่างหอบโยน สมองขาวโพลนว่างเปล่า บางสิ่งที่ยังกระตุกตุบอยู่ในร่าง พร้อมความร้อนที่เอ่ออาบจนล้น ทำเอาซอลย่าต้องร้องครางด้วยความซ่านสยิวที่ยังคงตกค้างหลังสู่จุดสุดยอดแห่งอารมณ์หวาม ดวงตาฉ่ำน้ำจ้องสบกันทั้งที่ยังหอบสะท้าน   

"แกะให้หน่อยสิ" ซอลย่าอ้อน พลางยกแขนที่โดนมัดยื่นให้บลูม่าช่วยปลดพันธนาการ 

แกะเสร็จ ซอลย่าก็คล้องแขนโอบรอบคอของคนรัก แล้วโน้มลงมาใกล้ เพื่อมอบจูบตรึงใจแทนรักมากล้น

"รักนะ...หวงมากด้วย" จูบเสร็จ ซอลย่าก็เอ่ยขึ้น สองมือที่โอบรอบต้นคอหนา ผละมาลูบแก้มบลูม่าด้วยความรัก "เพราะงั้น...ไม่แต่ตัวโป๊ได้ไหม? ซอลหวง" พร้อมขอคำมั่นด้วยน้ำเสียงวิงวอนน่าสงสาร

"จ๊ะ...บลูจะพยายามนะ" บลูม่ารับปากกลายๆ แม้จะไม่ใช่คำสัญญามั่นเหมาะ แต่แค่นั้นก็พอทำให้ซอลย่ายิ้มได้

จบการให้คำมั่น สองใบหน้าที่ใกล้กันเพียงปลายจมูกอยู่แล้ว ขยับใกล้กันมากขึ้นอีก เพื่อแตะริมฝีปากเข้าหากัน

เพื่อให้พลังแห่งรัก ได้ขับเคลื่อนอีกรอบ...
.
.
.
.
.
แม้วันนั้นจะจบลงอย่างราบรื่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะจบ ความแตกต่างของคนสองคนยังคงเป็นช่องว่างขนาดใหญ่ ในความสัมพันธ์ของทั้งคู่อยู่มาก

บลูม่าเป็นสาวสังคม ในขณะที่ซอลย่าชอบเก็บตัวอยู่บ้านมากกว่า

บลูม่าเพื่อนเยอะ ในขณะที่ซอลย่ามีแค่ตัวเอง ยิ่งน้องคนสนิทอย่างบดินทร์หนีไปอยู่อเมริกาด้วยแล้ว วันวันหนึ่งในชีวิตของซอลย่า นอกจากงานที่ต้องพบปะผู้คนแล้ว ในพื้นที่ส่วนตัวเขาเองก็ไม่ได้มีใครเป็นพิเศษ

บลูม่าชอบแฟชั่น ชอบการแต่งตัว ในขณะที่ซอลย่าแต่งกายด้วยชุดธรรมดาที่พอหาได้ เพราะเขาเป็นผู้ชายที่ตัวเล็กและผอมแห้งกว่าหุ่นชายมาตรฐานอยู่มาก  เลยไม่อยากเรื่องเยอะ ขนาดที่ต้องดิ้นรนไปตัดชุดเท่ห์ๆ หรือทันสมัย มีอะไรก็ใส่แบบนั้น เน้นเรียบร้อยและเป็นการเป็นงาน

บลูม่ามั่นใจในรูปร่างหน้าตา จึงชอบโชว์เบาๆ เปิดนิด ปิดหน่อย เช่นเสื้อคอหน่วงเปิดช่วงอกขาว กางเกงรัดเป้าตึงเปรี๊ยะ ซ้ำยังขาดกระจุย... หากต้องเข้าสำนักงาน ก็จะมีเสื้อสูททับให้พอดูว่าเรียบร้อยอยู่หรอก แต่ถ้าออกเที่ยวกับเหล่าบรรดาเพื่อนเก้งเมื่อไหร่ บลูม่าแซ่บสู้ตาย

ซึ่งในเรื่องการแต่งกายโชว์หวิวเกินเหตุนี่แหละ ที่เป็นปัญหาสำหรับซอลย่าผู้เรียบร้อยมาก ตั้งแต่ตกลงปลงใจคบหากันมา เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียว ที่ซอลย่าไม่ยอมลงให้บลูม่าอย่างเด็ดขาด

ถึงซอลย่าจะเข้าใจและเปิดกว้าง ในเรื่องสังคม การออกเที่ยวเตร่ยามค่ำคืน (ที่ต้องกลับเป็นเวล่ำเวลา)ของบลูม่า แค่ไหน แต่เรื่องการแต่งกายวาบหวิว ยังไงก็รับไม่ได้จริงๆ

ในขณะที่ซอลย่าเซ้าซี้ให้บลูม่าแต่กายให้เรียบร้อย มิดชิด บลูม่าที่โดยปกติชอบโชว์ก็ค่อนข้างอึดอัดใจ แต่ก็พยายามผ่านมาให้ได้ทุกครั้ง เพราะแม้ว่าจะไม่ค่อยมีปากเสียงกันเท่าไหร่ แต่พอเริ่มมาคุขึ้นมา บลูม่าก็เอาอยู่ทุกครั้งไป (แม้ในหลายๆครั้ง จะเป็นฝ่ายซอลย่าที่เป็นฝ่ายคุมเกมบ้างก็ตาม)

อย่างเช่นครั้งนี้...

หลังวิวาทะกันในวันนั้น บลูม่าก็เหมือนจะดีขึ้นหน่อย กอปรกับที่ต้องเข้าสำนักงาน เพื่อพาเด็กใหม่ในสังกัดไปฟิตติ้งงานละคร รวมทั้งงานในส่วนอื่น รวมถึงการเข้าไปพบลูกค้าในสายงานต่างๆเพื่อขอรับงานอีเว้นท์ และนายแบบนางแบบอื่นๆ ร่วมเดือนที่บลูม่ายุ่งกับเรื่องงาน ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาออกไปเปรี้ยว การแต่งเนื้อแต่งตัว จึงไม่น่าห่วง

แต่ซอลย่าก็สบายใจได้ไม่นาน มาถึงช่วงวันหยุด ช่วงที่บลูม่าเริ่มมีออกสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ปัญหาเดิมๆ ก็เริ่มหวลกลับมา ซ้ำยังหนักข้อขึ้น...

จากที่เคยทนได้...

มาวันนี้...ซอลย่าจะไม่ทน!!

“บลูจะออกไปชุดนั้นจริงๆเหรอ?” เสียงที่เคยหวานเข้มขึ้น เมื่อเห็นชุดที่สวมอยู่บนร่างของคนรัก

“หืมมม....ซอลอ่ะ บลูอุตส่าห์อยู่ในโอวาทมาตั้งเป็นเดือน วันนี้ขอบลูสักวันไม่ได้เหรอ?” บลูม่าออดอ้อน เพราะโดนจับได้เอาตรงหน้าประตูพอดี

ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา เรื่องอื่นๆไม่เคยมีปัญหากันเท่าเรื่องนี้ แท้จริงบลูม่าก็เข้าใจอยู่หรอก ว่าที่ซอลย่าคอยเตือนคอยว่านี่ก็เพราะเป็นห่วง แถมยังหวงเขามากเสียยิ่งกระไร ทว่าการได้แต่งตัวมันคือความสุขในชีวิต การได้ออกแรด แซ่บหนุ่ม (ถึงจะอ่อยไปทั่ว แต่ก็ไม่เคยมั่วใครแม้กระทั่งจูบ เพราะบลูม่าตั้งใจเอาไว้ ว่าจะไม่ทำให้ซอลย่าเสียใจเด็ดขาด อีกอย่างคือ ไลฟ์สไตล์ตั้งต้นแท้จริง บลูม่าคิดว่าตัวเองคือสายรับ (มั้ง) แต่ด้วยความถึกทึนจึงไม่ค่อยมีรุกคนไหนเฉียดมาใกล้เท่าไหร่  ซ้ำหลังจากคบกับซอลย่าด้วยแล้ว ฟีโรโมนส์เพศรุกยิ่งฟุ้งเวอร์ เรียกสาวอ้อย สาวสองมาติดกันเกรียว

แน่นอนว่าเรื่องนี้ ไม่เคยบอกให้ซอลย่าได้รู้ เพราะเห็นว่ามันไม่ได้สำคัญ ถึงอย่างไรบลูม่าก็ไม่เคยเล่นด้วย หล่อนนิยมนั่งแรดเรื่อยๆกับเพื่นสาวมากกว่า เอาเฮโลตามกันเข้าว่า แต่ไม่เคยคิดเอาจริง และยิ่งเห็นว่าซอลย่าจะคิดมากด้วยแล้ว บลูม่าจึงตัดสินใจเก็บเงียบไว้ดีกว่า

วันนี้ บลูม่าก็มีนัดออกบินตามประสาผีเสื้อราตรี ปาร์ตี้สาวใสวัยถึก รำลึกวันครบรอบวันเกิดของเพื่อนสาวอีกนาง กลุ่มห้าสาวจึงนัดกันไปเริงร่า แต่ทว่า ดูเหมือนบลูม่าจะติดปัญหาเสียแล้วตอนนี้

“ไปเที่ยวน่ะ ซอลไม่ว่าหรอกนะ แต่ขอเถอะ เรื่องชุดเนี่ย โป๊แบบนั้นมันอันตรายนะ เสื้อกล้ามเว้าแบบนั้น เดี๋ยวก็ปอดบวมหรอก” ซอลย่าว่า พลางจูงมือบลูม่ากลับเข้าห้องเพื่อจัดการจับเปลี่ยนเสื้อผ้า เหมือนที่เคยทำตามปกติที่เห็นว่าไม่เหมาะไม่ควร

แต่คราวนี้บลูม่าขืนตัวเอาไว้ ดึงมือออกมาจับไหล่ของซอลย่าไว้แทน แล้วออกปากอธิบายความเสียงอ่อนเสียงหวาน วันนี้เป็นวาระสำคัญ ที่เพื่อนสาวทั้งแก๊งมารวมตัวกันครบทีม ต่างคนต่างแต่งมาเต็ม ล่อเสือล่อตะเข้ ตะขาบ ตะเข็บ เป็นเชิงแข็งกันนัยๆ ใครแพ้อาจกลายเป็นปม ถูกล้อไปอีกนานก็เป็นได้ โดยเฉพาะกับคนที่ได้สมญานามว่า 'ตัวแม่' อย่างบลูม่าคนนี้ ถึงอย่างไรต้องรักษาศักดิ์ศรีแม่คือแม่ไว้ให้ได้ เพราะฉะนั้น ถึงอย่างไร วันนี้เขาก็เปลี่ยนชุดเป็นแนวเนิร์ดดี้เหมือนที่คนรักชอบไม่ได้เด็ดขาด!! ถึงขั้นนี้ บลูม่าแทบยกมือขึ้นไหว้ หล่อนเปลี่ยนชุดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้อยากให้ซอลย่าโกรธด้วย 

"วันนี้วันเดียวเองน๊า บลูขอล่ะ ปาร์ตี้วันนี้เพื่อนๆบลูจัดกันมาเต็มเหนี่ยว จะให้บลูไปแบบเรียบๆ มีหวังโดนล้อไปจนแก่แน่ๆ น๊าที่รักน๊า วันนี้ยอมให้บลูน๊า..." ว่าแล้วก็ยกมือไหว้ปลกๆ

คาดว่าอาจจบไม่สวย เพราะดูจากสีหน้าตึงๆ ของคนรักแล้ว ถ้าตัดสินใจดื้อออกไป กลับมาคงต้องง้อกันยาวอีกแหง แต่ครั้งนี้มันยอมความไม่ได้จริงๆ บลูขอโทษน๊า...

“อืม...ก็ได้”
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะโดนตามใจ ทันทีที่ซอลย่าตอบกลับมา บลูม่ายังเผลออ้อนต่อไปอีกหลายประโยค ก่อนจะมาเหวอเอาตอนที่ซอลย่าเอ่ยประโยคที่สอง

“บลูแต่งแบบนี้ไปก็ได้ แต่ซอลขอไปด้วยได้หรือเปล่า?”

“เอ๊ะ?...อะ...ไปด้วยกัน?”

“อือ...ก็ซอลเป็นห่วงอ่ะ ไปนั่งรอที่โต๊ะข้างๆก็ได้นะ ไม่วุ่นวายหรอก แค่อยากคอยดูแลน่ะ แค่บลูไม่โดนใครทำอะไร ซอลก็สบายใจ ได้หรือเปล่า?”
คราวนี้บลูม่าเหวอจริง ที่จู่ๆคนรักก็ขอติดตามออกไปเที่ยวด้วย ทั้งที่เมื่อก่อนชวนแทบตาย ไม่ไปท่าเดียว ดังนั้นคำตอบของบลูม่าย่อมเป็นการพยักหน้ารัวๆ แล้วยิ้มกว้าง ซอลย่าขอเวลาแต่งตัวเพียงไม่นาน ก็พร้อมออกเที่ยวกับแฟนคนสำคัญ

ชุดที่ซอลย่าใส่คือกางเกงแสลคหลวมๆสีขาวกับเสื้อเชิ๊ตสีเดียวกัน ดูธรรมดา ปกติทั่วไป เมื่อเดินคู่กันไปกับบลูม่าที่ใส่เสื้อกล้ามสีดำเว้าลึก กับกางเกงยีนส์เดฟดำขาดเป็นแนวไปตามต้นขา แฟชั่นจ๋า แซ่บจี๊ดแล้ว เหมือนออกมาจากคนละบ้าน แต่นั่นไม่ได้ทำให้บลูม่าเป็นกังวล ดีเสียอีก จะได้ไม่ต้องกลัวโดนเพื่อนสาวรุกในกลุ่มจับกินเอา บลูม่ายิ้มร่า...สบายใจค่ะ


ในตอนนั้น บลูม่าไม่คิดเลยว่า สุดที่รักของตน จะแก้เผ็ดได้ ‘เผ็ช’ ถึงใจ


 :hao7:

หัวข้อ: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 10-05-2016 17:50:51
 :katai5:


“ต๊าย พาใครมาด้วยอ่ะบลู”

ฝ่ารถติดถึงที่หมายตามเวลานัด คลับของชาวเรา ที่สนุกสุดเหวี่ยงได้โดยไม่ต้องมัวแต๊บ มาถึงก็ไม่ต้องรอช้า เพราะบรรดาเพื่อนสาวได้มารอกันก่อนอยู่แล้ว แน่นอนว่าทุกคนค่อนข้างตื่นตากับคนที่มาพร้อมเพื่อนระดับตัวแม่ของตน หนุ่มแว่นหนาหน้าละอ่อน ที่ใส่ชุดขาวมาราวกับชีพราหมณ์คนนี้คือใครกันนะ?

“แฟนฉันไงยะ”

บลูม่าตอบแบบไม่สะทกสะท้าน ไหวไหล่แบบเชิดๆ เริ่ดๆ แบบว่าอยากอวดแฟน แจ่ดูเหมือนเพื่อนๆที่ลอบสบตากันไปมา จะไม่ค่อยเชื่อคำตัวแม่สักเท่าไหร่ เพราะดูจากสไตล์ หนุ่มน้อยหน้าหวานคนนี้แล้ว ฟันธงว่า ‘สาว’ ชัวร์ อย่างนี้ตัวแม่ไม่มีทางชายตาแล เพราะเป็นที่รู้กันว่าข่นแม่ชอบแอ๊วหนุ่มล่ำผิวคล้ำนัยตาคมกริบเสียมากกว่า ดังนั้นสาวๆเลยได้แต่นั่งหัวร่อต่อกระซิกกันคิกคัก ก่อนกล่าวทักทายซอลย่ากันออกไปอย่างเป็นมิตร ด้วยต่างก็คิดว่าได้ ‘เพื่อนสาว’ คนใหม่

แนะนำตัวกันเรียบร้อย ต่างก็เม้าท์มอยกันตลาดแตก จิกหนุ่มคนนั้น เหล่หนุ่มคนนี้กันไปเรื่อย ด้วยว่าร้านนี้คือแหล่งรวมเหล่าผู้ที่มีรสนิยมเดียวกัน ดังนั้นจึงไม่มีใครถือสา หากว่าจะถูกแอ๊ว

ยิ่งดึกเพลงเบาๆยิ่งเพิ่มจังหวะ ฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือดที่เพิ่มสูงเร่งเร้าให้เหล่าชาวเรายิ่งคึกคัก จังหวะยิ่งเมามันส์ แขกหลายๆโต๊ะต่างก็ออกไปออกเสต็ปกันบนฟลอร์อย่างเนืองแน่น ดึกดื่นผู้คนเบียดเสียด เพื่อนสาวของบลูม่าเองก็เริ่มออกไปวาดลวดลายลีลาร้อนแรงกันแล้ว แน่นอนว่าบลูม่าถูกชวนเป็นครั้งที่ร้อย ให้ออกไปโชว์ลีลาขั้นเทพ ทว่าวันนี้ตัวแม่กลับปฏิเสธ อยากขอนั่งมองเฉยๆเป็นเพื่อนคนรัก (ที่ใครๆต่างเข้าใจกันไปว่าเป็นแค่เพื่อนสาว)

“ออกไปเต้นก็ได้นะบลู ซอลเฝ้าโต๊ะให้ ไม่เป็นไรหรอก” โดนคะยันคะยอหนักเข้า แม้บลูม่าจะยังเฉย แต่ซอลย่าก็เริ่มเกรงใจเพื่อนคนอื่นๆของคนรักที่อาจรู้สึกเบื่อหากบลูม่าไม่ออกไปแจมด้วย

“พวกนั้นไม่เป็นไรหรอก ปล่อยซอลอยู่คนเดียว เหงาแย่เลย” แต่บลูม่าก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อ การนั่งเล่นเป็นเพื่อนซอลย่าแบบนี้ บลูม่าก็สบายใจดีอยู่แล้ว ทาร์เก็ตวันนี้คือแต่งตัวซี๊ดๆมาจี๊ดกับเพื่อนๆ ไม่ได้ตังใจมาแอ๊วมาเหล่หนุ่มเล่นเหมือนเช่นปกติ โดยเฉพาะตอนนี้มีคนรักนั่งอยู่ด้วยทั้งคนแล้ว บลูม่าก็ไม่คิดจะออกไปไหนอีก นั่งเฝ้าแฟนสบายใจกว่า

“แต่ซอลไม่อยากให้งานกร่อยนี่ ออกไปเถอะบลู โน่นแน่ะ มาตามกันอีกรอบแล้ว”  แต่ซอลย่าที่ทนแรงกดดันจากเพื่อนๆของบลูม่าไม่ไหว ก็เป็นฝ่ายคะยั้นคะยอเสียเอง ซอลย่าไม่หึงเท่าไหร่ที่บลูม่าจะออกเจ้นกับเพื่อนๆบ้าง แต่หากมีหนุ่มมาแอ๊ว อันนี้ก็อีกเรื่องหนึ่ง

ทู่ซี้กันไปมาอยู่ครู่หนึ่ง แรงยุที่โจมตีมาทุกทาง ทำให้สุดท้ายบลูม่าก็โดนเพื่อนๆลากออกไปกลางฟลอร์ เพื่อแดนซ์กระจายกับพวกพ้อง ซอลย่ายิ้มส่ง พร้อมนั่งมองลีลาของคนรักเพลินๆ

ตั้งแต่มาจนถึงตอนนี้ ยังไม่มีอะไรที่ซอลย่ารู้สึกขัดหูขัดตา แม้เสื้อกล้ามของบลูม่าจะคว้านลึกไปหน่อย หรือแม้แต่กางเกงรัดเป้า ขาดวิ่นตัวนั้น พออยู่ในหมู่เพื่อนๆที่แต่งกายไม่ต่างกัน บลูม่าก็ดูไม่น่าเป็นเป้าสายตาสักเท่าไหร่ เอาเข้าจริงหลายๆคนในร้านนี้ แต่งตัวโชว์ส่วนเด่นของตัวเองเต็มไปหมด อย่างกับเวทีประกวดนายงาม

จะแปลก...ก็คงมีแค่เขานี่แหละ...

คิดไปซอลย่าก็ถอนหายใจพรู เอาเถอะ เห็นแบบนี้ก็ดีแล้ว คราวหน้าคราวหลังเขาจะได้ไม่ต้องคอยห่วงคนรักแบบเวอร์ๆอีก ไม้ตายที่คิดจะเอามาใช้จัดการบลูม่าให้สำนึก ก็ถูกผนึกเก็บเข้ากรุไป แล้วซอลย่าก็เท้าคางมองคนรักด้วยความหลงใหลต่อ ‘เฮ้อ...เซ็กซี่จังเลยน๊า...แฟนเรา’


“นี่...ไม่ออกไปตื๊ดด้วยกันหน่อยเหรอ เหงานะ นั่งคนเดียว”


กำลังตกหลุมรักแฟนตัวเองอีกครั้งจนเหม่อ พอถูกทักในระยะเผาขน เลยพาลสะดุ้งเหวอ หน้าตาเลิ่กลั่ก และนั่นก็ทำให้คนทักถึงกับหัวเราะคิก

“ขอโทษนะ ไม่คิดว่าจะตกใจขนาดนั้น” คนทักเอ่ยปากขอโทษ ทั้งที่ยังหัวเราะขบขัน ก่อนจะขอโทษอีกครั้งว่าไม่ได้เจตนาหัวเราะเยาะ

“ไม่เป็นไร คือ...ผมเหม่อเอง” ซอลย่าตอบออกไปเขินๆ อันที่จริงในหน้าที่การงานต้องพบปะผู้คนอยู่แล้ว จึงไม่ได้ตื่นคนเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ค่อยชินนักกับการถูกชวนคุยในบรรยากาศที่ไม่ใช่เรื่องงานแบบนี้ แต่เห็นว่าคนที่ถือวิสาสะมานั่งข้างกันแทนที่บลูม่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเพื่อนบลูม่าอีกคนที่ชื่อ แคนดี้ จึงไม่ได้รู้สึกประหม่าสักเท่าไหร่ ถูกชวนคุย ก็คุยด้วย เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อแฟน

“ไง ออกไปเต้นกันไหม?” แคนดี้ชวนซ้ำ

“ไม่เอาล่ะ ผมเต้นไม่เป็นหรอก ออกไปก็ทำโก๊ะเปล่าๆ พวกคุณไปสนุกกันเถอะ ผมเฝ้าโต๊ะให้” แต่ซอลย่าปฏิเสธ พร้อมระบุเหตุผลที่น่าฟัง กะว่าเดี๋ยวเพื่อนแฟนที่ชื่อว่าแคนดี้คนนี้คงรามือ และผละกลับไปสนุกกับหมู่เพื่อนๆตัวเองในที่สุด

แต่ดูเหมือนซอลย่าจะคิดผิดไปเสียแล้ว “ดีเลย ผมจะได้มีเพื่อนคุย ขี้เกียจเต้นแล้วอ่ะ แก่แล้ว หึหึ” 

กลายเป็นต้องนั่งกันสองต่อสองเฉย...

ถึงจะรู้สึกตะขิดตะขวงนิดหน่อยในตอนแรก แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก ซอลย่าก็เห็นว่าการมีแคนดี้นั่งอยู่ด้วยก็ไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด แคนดี้แต่งกายธรรมดาเมื่อเทียบกับเพื่อนๆในกลุ่ม เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ปักลายเท่ห์ๆหน่อย กางเกงยีนส์เดฟสีดำติดกระดุมเงินที่ขอบกระเป๋า รองเท้าบูทคอมแบต ผมซอยสั้น ไถเป็นลายกราฟฟิคที่ข้างหู พูดได้เต็มปากว่าดูดี ถ้าไม่ติดที่ว่าอ้อยไปหน่อย บอกเลยว่าหล่อมาก...รอยยิ้มหวานๆกับริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนนั่น คงหว่านเสน่ห์แก่ผู้คนมาแล้วนักต่อนักสินะ

“ดื่มเหล้าไหม? เบียร์ก็มีนะ?” แคนดี้ถามขึ้น เพราะเห็นว่าแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้าของซอลย่าคือแก้วน้ำเปล่า

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวต้องขับรถน่ะ ให้บลูเขาสนุกได้เต็มที่ดีกว่า...” เป็นอีกครั้งที่ซอลย่าปฏิเสธด้วยเหตุผล รู้สึกเสียมารยาทนิดๆเหมือนกัน ที่ไม่ยอมรับการเชื้อเชิญอะไรเลย และดูเหมือนจะพูดอะไรสะกิดใจอีกฝ่ายไปหน่อย ถึงขนาดที่แคนดี้เองยังนิ่งอึ้งไป

ซอลย่าใจเต้นตึกตัก ด้วยกลัวว่าจะถูกเพื่อนของคนรักหมั่นไส้เอา...

“นี่...ไม่ได้อำใช่ไหม? เรื่องที่เป็นแฟนกับบลูม่าน่ะ?” แคนดี้ถามขึ้น ด้วยใบหน้าเหมือนจะตกใจเล็กๆ ยิ่งพอซอลย่าพักหน้ารับ แคนดี้ก็ยิ่งเหวอ จนเผลอหลุดปากออกมาว่า สเป็คบลูม่ามันไม่ใช่แนวนี้...

มานึกขึ้นได้ว่าเสียมารยาท แคนดี้จึงรีบเสริมท้ายประโยค แหม...คนเรามันก็เปลี่ยนกันได้นี่เนอะ จากนั้นก็จดจ้องซอลย่าไม่วางตา ซอลย่าคิดว่า คงเพราะส่งสัยใน Position ระหว่างเขากับบลูม่าอยู่เป็นแน่ เป็นใครก็สงสัยเรื่องนี้กันทั้งนั้น จนซอลย่าเริ่มชินเสียแล้ว และคงไม่คิดจะสาธยายให้ฟังแน่ๆ ไปมโนต่อกันเอาเองก็แล้วกัน

“อุ้ย...”

ดูเหมือนต่างคนต่างอยู่กันได้สักพัก จู่ๆแคนดี้ก็ร้องขึ้นมาเบาๆ เรียกความสนใจของซอลย่าให้หันไปมองตามสายตาที่แคนดี้มอง แม้ว่าฝ่ายนั้นจะรีบกลบเกลื่อนโดยการหันมาชวนคุยแบบกะทันหัน แต่มันไม่ทันกับสายตาของซอลย่าที่ชำเลืองไปเจอเข้าพอดี...

เจอเข้ากับแฟนตัวเองที่หน้าแดงก่ำกำลังโยกย้ายส่ายไปมายั่วเย้า แล้วยังมีผู้ชายเต้นประกบติดหน้าหลัง!!!


ปึ่ง!!!
 
เสียงสันกำปั้นกระแทกลงโต๊ะไม่เบานัก โต๊ะข้างๆอาจไม่ทันได้สนใจเพราะเสียงดนตรีที่ดังจนหนวกหู แต่แคนดี้ที่นั่งทำหน้าปะหลับปะเหลือกอยู่ข้างๆน่ะ ได้ยินชัดทั้งรูปทั้งเสียงกันทีเดียว ‘ฉิบ…แล้วอีบลู ผัวชีมึงหึงโหดแล้ว!!’

“เป็นอย่างนั้นทุกครั้งเลยหรือเปล่าครับ!?”

“ค ครับ!!??” จู่ๆซอลย่าก็หันขวับ กลับมาถามเสียงเข้ม เล่นเอาแคนดี้ขึ้นเหนือล่องใต้ไม่ถูก “ม…ไม่บ่อยเท่าไหร่…อุ๊บ!!” หลุดปากตอบออกไป แล้วแคนดี้อยากตบปากตัวเองสักฉาด ‘บ้าจริง เขาต้องตอบว่าไม่เคยสิ!!’

“แสดงว่าก็หลายครั้งอยู่สินะครับ พฤติกรรมแบบนี้!” ซอลย่าย้ำคำหนักแน่น ที่เล่นเอาแคนดี้ถึงกับเหงื่อตก ในหัวประมวลผลเต็มสปีด เพื่อหาข้อแก้ต่างให้เพื่อนสาวแบบสุดกำลัง

“เห็นแบบนั้น แต่บลูม่าไม่เคยสานต่อกับใครนะ เพลงจบก็ตัวใครตัวมัน แม้แต่ไอดีไลน์มันยังไม่แลกเลย ที่มันทำแบบนั้น ก็แค่รักษามารยาท เพราะเขามาขอเต้นด้วย” ช่วยสุดฤทธิ์ เท่าที่แคนดี้คนนี้จะทำได้ เรื่องจริงทั้งนั้นที่พูดมา ยกเว้นเรื่องแอ๊วทิ้งแอ๊วขว้างแบบไม่รักษามารยาทที่ตัวแม่ชอบแหย่เล่น แล้วหนีทิ้งกลับบ้านเฉย

“งั้นคุณแคนดี้ช่วยเป็นเกียรติเต้นกับผมสักเพลงได้หรือเปล่าครับ!” เสียงห้าวห้วนชวนแบบไม่มีความเสน่หา แคนดี้ถึงกับร้อง ‘หา!?’ เพราะตามอารมณ์แฟนเพื่อนไม่ทัน ซ้ำยิ่งเหวอหนัก ตอนที่ซอลย่าคว้าแก้วว๊อดก้าของตัวเองขึ้นไปซดโฮกเดียวหมดแก้ว ‘ฉิบแล้ว…ตกกะไดพลอยโจน!!?’

พรึ่บ!!

(O///.,///O) อันนี้สิกรี๊ดจริง วางแก้วว๊อดก้าปุ๊บ หยิบน้ำเปล่าราดตัวเองแบบทั้งขวด ราดตั้งแต่หัวลงไปจนโชก โดยเฉพาะช่วงหน้าอก และหน้าขา…กระดุมเสื้อเชิ้ตที่ติดเกือบถึงเม็ดบนถูกปลดลงมาที่กลางอก ไม่ใช่เพียงแค่แคนดี้ที่ตะลึงมอง หนุ่มรอบโต๊ะก็หันมาเป็นตาเดียวตั้งแต่ซอลย่าบ้าเลือดราดน้ำใส่ตัวเอง

เสื้อเชิ้ตไม่ได้หนา ทั้งยังสีขาว แค่โดนน้ำก็แนบเนื้อ ทั้งยังเป็นน้ำเย็นที่เมื่อโดนแอร์ยิ่งเย็นฉ่ำ อะไรตรงนั้นที่ที่ถูกเนื้อผ้าเย็นๆเสียดสี ก็ชวนกันตั้งเป็นตุ่มไตสีเข้ม ชนิดที่มองเห็นได้สามมิติทะลุผ้าเปียก….

กางเกงแสลคเนื้อบางไม่ต่างเสื้อ พอโดนน้ำก็แนบเนื้อลู่ไปกับต้นขาขาว กางเกงในสีขาว…หนำซ้ำยังจีสตริง…เนื้อก้นเด้งทะลุผ้าเปียกกระแทกตา

…เห็นแค่นี้ แคนดี้ก็พาลขาสั่น ตายแล้ว…กำเดาจะพุ่ง!!!

ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจ แคนดี้ก็โดนซอลย่าลากดุ่มๆออกไปกลางฟลอร์ และนับตั้งแต่วินาทีนั้น…แคนดี้ก็ลืมไปเลยว่าตัวเองเป็นใคร ‘อีบลูช่วยกูที…เด็กมึงกำลังจะทำนกเขากูขัน…’

เต้นไม่เป็น ยั่วไม่ได้ ที่ทำอยู่นั้นอาศัยครูพักลักจำเอาจากการงานที่ทำๆอยู่ ร่างบอบบางอ้อนแอ้น ที่ตอนนี้ราวกับกำลังเปลือยในสายตาที่โลมเลียมาจากรอบข้าง กำลังโยกย้ายสะโพกเล็กพลิ้วไหว เสียดสีถูไถไปกับร่างที่แข็งทื่อเพราะทำอะไรไม่ถูกของแคนดี้ 

หน้าอกแอ่นยั่ว ยวนเย้าทุกสายตา หลายคนเริ่มเข้ามาเต้นใกล้ๆ มือไม้เริ่มเลื้อยเข้าสัมผัส ตอนนี้สติสัมปชัญญะของซอลย่าเริ่มมึนทื่อ ว๊อดก้าที่กระดกรวดเดียวหมดไปเมื่อครู่ ตอนนี้กำลังออกฤทธิ์ออกผลอย่างบ้าคลั่ง ซอลย่าที่คอไม่แข็งพอ โดนเข้าไปขนาดนั้น ยิ่งพาลให้ทรงตัวไม่อยู่

…ยิ่งขยับก็ยิ่งเคลิ้ม

ใครมาตรงหน้าก็ยิ้มให้ ใครกอดก็กอดตอบ ใครจับโดนจุดตาย ก็หัวเราะลั่นเพราะจั๊กกะเดียม ดิ้นเร่าเย้ายั่ว โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่า แคนดี้ที่จู่ๆก็กลายเป็นบอดี้การ์ดกะทันหันนั้น พยายามกันชายอื่นให้แทบสลบ! แต่ซอลย่า ขณะนั้น ไม่รู้อะไรอีกต่อไปแล้ว…

ซอล!!!!

เสียงแผดกร้าวที่ดังมาพาวงแตก มือใหญ่คว้าร่างที่ยังแอ่นซ้ายแอ่นขวาเข้ามากอดแนบอก หลายคนส่งเสียงไม่พอใจ ที่ถูกยึดนางเอกคนงามไป หลายคนถึงขนาดจะมีเรื่องด้วยโดยการดึงดันจะเอาตัวซอลย่าไปให้ได้

“นี่เมียกู ใครกล้าแตะ จมตีนกูแน่!!”

เกย์ล่ำ หน้าโหด สูงใหญ่ พร้อมพลพรรคเพื่อนรักอีกสามตามมาคอยหนุน ที่ขนาดร่างกายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ความโหดและดุดันจึงเพิ่มเท่าทบทวี งานนี้ไม่มีใครกล้าเสี่ยง ของของใครใครก็หวง เล่นออกตัวขนาดนี้ ไม่ขอยุ่งดีกว่า

‘มีเมียเอ็กซ์ขนาดนี้ ไม่ดูแลให้ดีวะ ปล่อยมาอ่อยอยู่ได้’ มีบางคนบ่น หลายคนจิ๊จ๊ะเสียดาย แต่พอหันมาเจอสายตาอาฆาตพยาบาท ชนิดแค่สบตาก็ตายได้ของบลูม่าเข้าไป ก็พากันเงียบ แล้วแสร้งว่าไม่สนใจกันไป เป็นอันว่างานรื่นเริงจบลงในเวลาอันสั้น

แต่โทษทัณฑ์ของคนบางคนยังต้องได้รับการสะสาง

“อีแคนดี้!!!” เสียงห้าวตวาดเรียกชื่อเพื่อน เล่นเอาเจ้าของชื่อขานรับว่า‘จ๋า’เสียจนเสียงสั่น  “เดี๋ยวมึงต้องไปปรับทัศนคติกับกูหน่อย!!”

ได้ยินคำอาฆาต แคนดี้ก็รีบแก้ตัวพัลวัน “กูไม่ได้ทำอะไรเมียมึงเลยนะอีบลู อีดอก นี่กูพิทักษ์นางอยู่ต่างหากล่ะ มึงนั่นแหละทำนางขึ้น แอ๊วผู้ชายยั่วนางแบบนั้น เป็นกูกูก็โกรธ” แก้ตัวไป ได้ทีด่าเพื่อนกลับ ถ้าไม่ใช่เพราะบลูม่าหาเรื่อง มีหรือที่เขาจะต้องออกมาวุ่นวายคอยสกัดดาวยั่ว เอ้ย ดาวรุ่งขนาดนี้

“เออๆ ขอโทษทีๆ งั้นวันนี้กูกลับก่อนแล้วกัน เดี๋ยวกูค่อยมาเคลียร์กับพวกมึงวันหลัง” โดนตอกหน้ากลับมา บลูม่าก็เข้าขั้นเงิบ เพราะแจ้งแท้แล้ว…เห็นจะจริงดังเพื่อนว่า

“เคลียร์กับเมียมึงก่อนเถอะ ตื่นมา นางเรียกมึงปรับทัศนคติแน่” แคนดี้ว่าตามหลัง แต่เพื่อนหล่อนไม่ตอบคำใดๆ แค่โบกมือลา แล้วอุ้มร่างเปียกชื้น ของคนรัก กลับออกไป

สิ้นร่างเพื่อน สาวสาวที่เหลืออู่ก็ได้แต่กล่าวขวัญถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างออกรส…

บาร์กี้ :  ไม่ยักรู้ว่าอีบลูเป็นตุ๊ดรุก

โรดี้ : เท่าที่เห็น เมียนางแซ่บมาก ตอนเต้นนี่ อย่างกับคนละคนกับชีพราหมณ์ที่เดินเข้ามาตอนแรกลิบๆ 

แคนดี้ : มาก…นางทำฉันเกือบลืมโพสิชั่นเดิมเลยอ่ะพวกแก ลืมกระทั่งหน้าผัวอ่ะบอกเลย

บาร์กี้ : ก็นะ…เล่นซะอีบลู กลายพันธุ์ไปเลย

แคนดี้ : พวกมึงว่าคืนนี้ อีบลูจะรอดไหม?

โรดี้ : กูว่าไม่ (แน่)

บาร์กี้ : ไม่…กูว่านางเอาอยู่


.
.
.
.
.

หนักหัวจัง...คือความรู้สึกแรกที่ซอลย่ารู้สึกได้ ณ ขณะลืมตาตื่น ในหัวมึนงง ทั้งยังไม่อาจฝืนลืมตาได้ในทันที ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันนะ...ฝัน...?

“ตื่นแล้วเหรอ? ตัวดี”

สมองยังประมวลผลได้ไม่เต็มที่ ตื่นก็ยังไม่เต็มตา แต่เสียงทุ้มที่ดังอยู่เหนือศีรษะ กลับทำให้สติสัมปชัญญะผุดวาบขึ้นมาในฉับพลัน ซอลย่าลืมตาโพลง หันมองไปทางต้นเสียงด้วยหัวใจที่ตื่นตระหนก ยิ่งได้เห็นหน้าดุดันของบลูม่าด้วยแล้ว หัวใจดวงน้อยยิ่งหดเกร็ง

ซอลย่าถอนหายใจบาง พลางพยุงตัวขึ้นจากเตียงอุ่น เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเป็นชุดนอนแห้งสบายแล้ว แต่ภาพสุดท้ายที่ซอลย่าจำได้เกี่ยวกับตัวเองก็ยังคงฉายชัด จำแม่นเลยด้วยว่า ตัดสินใจทำลงไปแบบนั้นด้วยเหตุผลใด

เพื่อประชดคนใจร้าย

“ไหนอธิบายมาสิ ทำแบบนั้นทำไม?”

เสียงทุ้มของบลูม่ายังคงถามเข้ม เสริมความหนักแน่นด้วยร่างกายใหญ่โตที่นั่งกอดอกกดดันอยู่ข้างเตียง

“ก็เห็นว่าน่าสนุก”

จากตอนแรกที่แอบรู้สึกผิดว่าเผลอทำเกินไป แต่พอไพล่คิดไปถึงตัวต้นเหตุ ซอลย่าก็หน้าตึงขึ้นด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธด้วยเช่นกัน ดังนั้นน้ำเสียงที่ใช้ตอบออกไปจึงติดไปทางกระแทกกระทั้นเบาๆ

“สนุกเนี่ยนะ? สนุกมากถึงขนาดต้องเอาน้ำราดตัวจนโป๊เลยงั้นสิ!? แถมยังไปเต้นยั่ว ให้พวกนั้นมันถึงเนื้อถึงตัวอยู่ได้!”  คำตอบที่ได้จากคนรัก ทำให้บลูม่ายิ่งอารมณ์ขึ้น

“ก็เห็นบลูทำแล้วน่าสนุก ทุกคนก็ออกจะแฮปปี้ เต้นกันไปเบียดหน้าเบียดหลังกันไป ซอลยังไม่ว่าอะไรบลูเลย” ถึงตอนนี้โดนว่า ซอลย่าก็ไม่ได้สากระคาย  ดวงตากลมโตที่มีกองไฟสุมปะทุตวัดมองคนข้างเตียงด้วยแววตาคาดโทษ

การตอกกลับของซอลย่าได้ผล ทั้งดุ้นประโยคราวคมหอกแหลมปักฉึกลงกลางใจของบลูม่าแบบพอดีเป๊ะ หัวใจกระด้างกระเดื่องเริ่มอ่อนลงเพราะเริ่มรู้ตัว และรู้สึกผิด พอเบี่ยงประเด็นไปเป็นเรื่องทำตัวเปียก ก็โดนซอลย่าตอกลับมาอีกว่า ทำไปเพราะไม่อยากแตกต่าง ในเมื่อแต่งตัวมิดชิดแล้วอาจโดนมองว่าแปลกแยก เปลี่ยนแนวให้เป็นเซ็กซี่ไปเสีย ใครก็ว่าไม่ได้แล้ว งานนี้บลูม่าถึงกับต้องกุมขมับ เหมือนกำลังโดนย้อนศรเข้าเต็มเปา

“ซอลว่ามันก็สนุกดีนะ เอาไว้จะไปเที่ยวอีก”

ซอลย่าเอ่ยต่อ เมื่อเห็นว่าบลูม่าเริ่มจนปัญญาจะโต้เถียง แน่ล่ะ หนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง

“พรุ่งนี้ซอลว่าจะไปหาซื้อชุดแนวที่บลูชอบใส่ดูบ้างน่ะ โชว์นิดโชว์หน่อยซอลว่าซอลคงแต่งขึ้นแน่ๆ บลูว่างั้นป่ะ เนี่ยเมื่อคืนซอลเห็นคนหนึ่ง เขาใส่เสื้อกล้ามซีทรูลายตาข่าย ซอลว่ามันเซี้ยวดี เดี๋ยวไปหาซื้อมาใส่เที่ยวบ้าง บลูพาซอลไปหาซื้อหน่อยนะ...”

ยิ่งเห็นบลูม่าหน้าซีด ซอลว่ายิ่งร่ายโครงการยาว ทำหน้าตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชวนฝันหวานเพื่อสนับสนุนคำพูดร้ายกาจของตนไปด้วย
งานนี้บลูม่าขอยกธงยอมแพ้ จากที่ตั้งใจจะมาไล่ต้อน ตอนนี้กลับตกเป็นเชลยศึกเสียเอง เมื่อหมดโอกาสพลิกเกมเอาชนะ บลูม่าก็ขอยอมศิโรราบ...

“ยอมแล้วค่ะ ทูนหัว...บลูยอมแล้วค่ะ ต่อไปนี้จะไม่ดื้อไม่ซน ไม่แต่งตัวโป๊ ไม่แอ๊วหนุ่มหน้าไหนอีกแล้ว ยอมใจที่รักแล้วค่ะ ได้โปรดอย่าแกล้งลงฑัณฑ์กันแบบนี้เลยนะคะ รู้ซึ้งแล้วค่ะ ว่าความหึงโหดมันเป็นยังไง บลูยอมแล้วค๊า”

“ยอมอะไรกันบลู ไม่เอาสิไม่ยอม ซอลอุตส่าห์สนุกด้วยแล้ว ห้ามถอนตัวสิ”

“ไม่ค่ะ ไม่เอาแล้ว บลูไม่ปล่อยให้ซอลเป็นอาหารตาของไอ้พวกเสือ สิงห์ กระทิง แรดพวกนั้นอีกเด็ดขาด เข็ดขยาดยันชาติหน้าเลยค่ะ!”

บลูม่ายื่นคำขาด สบถสาบานว่าชาตินี้จะไม่เปรี้ยวให้ซอลย่าดำเนินรอยตามตนอีกแล้ว เข้าใจแล้วว่าอะไรสำคัญ การทำตัวเหลวไหลเหมือนที่ผ่านมา การแคร์สายตาเพื่อนๆมากกว่าความห่วงใยของคนรัก อันนี้หล่อนตั้งปนิธานว่าจะรีบปรับปรุงตัวแบบด่วนจี๋ บลูม่าถอนหายใจพรู ว่าเกือบไปแล้ว...เกือบทำเรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว ดีนะไหวตัวทัน ดีนะยั้งไว้ได้ เฮ้อ เดชะบุญ!

“อืม...หึหึ...อันนั้นก็แล้วแต่นะ” ซอลย่าแซวขำๆ หัวใจพองโตที่ในที่สุด คนรักก็ยอมตามใจ แม้ตนจะใช้วิธีขี้โกง

“จ๊ะ...ร้ายนักนะตัวแสบ” รู้ว่าโดนเกทับ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนรัก บลูม่าก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากกระโจนขึ้นไปกอดคนตัวเล็กด้วยความหมั่นเขี้ยวเท่านั้น   

“ก็ถ้ายอมดีๆตั้งแต่แรกก็จบไปแล้ว” ซอลย่าพูดกลั้วหัวเราะ ในขณะโดนจับล็อคไว้ในอ้อมแขน

“จ๊าๆ ก็ยอมแล้วนี่ไง ไม่แต่งโป๊ ไม่แอ๊วหนุ่ม ไม่ทำให้ทูนหัวต้องหึงหน้ามืดแบบนั้นอีกแล้วโอเคไหม?” บลูม่าให้คำมั่น

“สัญญาแล้วนะ” ซอลย่าหันไปมองหน้าคนรัก พร้อมขอคำปฏิญาณ

“สัญญาค่ะดวงใจ ด้วยเกียรติของเนตรนารีเลย” บลูม่าเองก็ลั่นวาจาแน่นหนัก พร้อมชูสามนิ้วขึ้นเป็นสัญลักษณ์ แห่งการลงสัญญา ทว่าเพียงครู่ต่อมา ดวงตาก็ทอประกายกรุ้มกริ่ม “แต่ว่า...”

“ต้องมีของแลกเปลี่ยนกันหน่อย”

พูดจบบลูม่าก็จับซอลย่ากดลงบนเตียงนุ่ม ซุกไซร้ หยอกเย้า...

เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นในห้องนอนน้อย

ก่อนจะกลายเป็นเสียงอย่างอื่น ที่ฟังแล้วหวานหูมากกว่า...

เอาล่ะ...ช่องว่าง หายไปแล้ว
.
.
.
.
.
หลังจากวันนั้น ความรักของสองสาวดูละมุนขึ้นมาก ต่างก็ปรับตัวเข้าสู่โลกของกันและกันได้อย่างกลมกลืน เพื่อนบลูม่าทั้งแก๊ง ในท้ายที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนสนิทของซอลย่าไปด้วย เวลาไปเที่ยวไหน ก็เฮโลไปกัน คำว่าโลกส่วนตัวแน่นอนว่ายังคงมี แต่กำแพงที่เคยตั้งไว้เพื่อกีดกันกันและกันมันทลายหายไปจนสิ้นแล้ว โลกส่วนตัวของทั้งคู่ที่สามารถรวมกันได้ ยิ่งทำให้ความรักที่มอบให้กันมันไม่สามารถตีค่าได้  เพลงที่เคยเป็นความชอบของใครของมัน

วันนี้มันกลายเป็นเพลงของเรา

ฉันไม่รู้ว่ามันจะนานเท่าไร
 เพราะมันดูแสนจะยาวไกล ไกลสักเพียงไหน
 ฉันไม่รู้ว่ามันจะนานเท่าไร
 ฉันเองก็พร้อมจะก้าวไป จะไปสู่กลางใจเธอ

แต่จากตรงนี้ จะอีกไกลไหม
 จากมือเธอนั้น ไปสู่ใจ

 ฉันไม่รู้ว่ามันจะนานเท่าไร
 เพราะมันดูแสนจะยาวไกล ไกลสุดเพียงไหน
 ฉันไม่รู้ว่ามันจะนานเท่าไร ฉันเองก็พร้อมจะก้าวไป
 จะไปสู่กลางใจของเธอ A Tu Corazon

Credit : สู่กลางใจเธอ โรส สิรินทิพย์


******************************************************
สวัสดีค๊า...ในที่สุด บลู x ซอล ตอนจบก็คลอดแล้ว (ดีใจน้ำตาไหล)
ตอนนี้ความจริงต้องลงตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้ว แต่มันดันเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
จากการกระทำอันยั้งคิดไม่ทันของข้าพเจ้าเอง  นั่นคือการลบไฟล์นิยายผิด...
จะลบไฟล์เก่าทิ้ง ดันไปกดผิดเป็นไฟล์ใหม่ที่แต่งเอาไว้แล้วครึ่งเรื่อง
ลบทิ้งแบบ shift+delete  ชนิดที่ไม่ต้องพยายามกู้ ไปแบบกู่ไม่กลับ
นั่งร้องไห้เป็นหมาโดนน้ำร้อนลวกหางอยู่หลายวัน กว่าจะตั้งสติ และนั่งเทียนเขียนใหม่จนจบได้
และแล้ววันนี้ก็ได้เอามาลงให้ได้ชมกันแล้วค่ะ
เหลืออีกแค่ตอนเดียว ตอนหน้าคือตอนอวสานแล้ว เย้ๆ
แน่นอนว่าเป็นเรื่องราวของ พี่เมธกับน้องยุ ที่หายสาบสูญไปนานนั่นเอง
จะแฮปปี้เอ็นดิ้งแค่ไหน หรือจะมีเหตุการณ์ให้อกสั่นขวัญแขวนทิ้งท้ายหรือเปล่า
อันนี้ต้องไปรอลุ้นกันนะจ๊ะ

ขอบคุณที่ติดตามค๊า
อนาคี99 # Thearboo

 :z2:

คู่นี้คือแซบสุดอะไรสุดค่ะ
ยิ่งซอลย่านี่แซบหลบในมากๆ ค่ะ
รอคู่หลักค่ะ

ปล. ขออนุญาตเตือนเรื่องคำผิดนิดหนึ่งนะคะ ชีพราหมณ์ สะกดแบบนี้ค่ะ

ขอบคุณค๊า ตามแก้เรียบร้อยแล้วค่ะ จุ๊บๆๆๆ

นิยาย ‘ผมคือ...นางเอก’ กำลังจะรวมเล่มค่ะ
รบกวนช่วยโหวตตอนใดตอนหนึ่งในเรื่องผมคือนางเอกที่อยากให้วาดเป็นการ์ตูนมากที่สุด 1 ตอนค่ะ
ตอนที่ได้คะแนนนิยมมากที่สุด จะได้ปรากฎเป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆให้ได้ชมกันค๊า
เปิดโหวตทุกเส้นทางการติดต่อค่ะ
ไปตามโหวตที่เพจก็ได้นะคะ
ขอบคุณค่ะ ^^

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: sin01 ที่ 10-05-2016 19:13:25
บลูม่า นี่ยังคิดว่าตัวเองรับอยู่เหรอ เป็นไงเจอซอลเอาคืน หวงซะไม่เหลือความสาวเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 10-05-2016 19:23:30
555 น่ารักดี จริง ๆ แอบเชียร์ให้ซอลหนามยอกเอาหนามบ่ง ตั้งแต่กลาง ๆ บทนี้แล้ว... แล้วก็ทำจริง ๆ ฮ่า ๆ
จะได้รู้นะว่าถ้าอีกคนทำแบบเดียวกันจะรู้สึกยังไง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 10-05-2016 19:39:25
ซอลคือแซ่บ ชอบบบบบบบบ55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 10-05-2016 20:45:16
>w<
จะเรียก'เฮีย'ได้ยังอ่ะ
เจ๊บลู
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 10-05-2016 20:51:20
บลู น่ารัก 555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-05-2016 21:04:05
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 10-05-2016 21:47:47

หนูซอลแอบแซ่บ

ชอบจัง

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: มะเมอเมอ ที่ 10-05-2016 23:10:32
คู่นี้คือแซบสุดอะไรสุดค่ะ
ยิ่งซอลย่านี่แซบหลบในมากๆ ค่ะ
รอคู่หลักค่ะ

ปล. ขออนุญาตเตือนเรื่องคำผิดนิดหนึ่งนะคะ ชีพราหมณ์ สะกดแบบนี้ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 11-05-2016 00:02:25
ไม่คิดว่าซอลย่าจะแซ่บได้ขนาดนี้นะเนี่ย  เจ้บลูลืมน้องยุไปเลย   :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 11-05-2016 02:48:38
มาอ่านตอนนี้แล้วมันทำให้เรารู้ว่าซอลช่างเจ้าเล่ห์จัดการบลูได้อยู่หมัดเลย ให้อารมณ์เกลียมัวมาก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 11-05-2016 07:10:45
ซอลย่าแซ่บเวอร์ค่าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: mareya.no7 ที่ 11-05-2016 10:43:51
ชอบชะมัดเลย คู่เคะ  :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 11-05-2016 11:45:47
ซอลย่าเผ็ดมากค่ะ
บลูนี่ ไม่น่าจะไปอ่อยใครได้ละนะ
เล่นแมนๆขนาดนี้  :laugh:
สงสารซอลย่าที่อาจจะมีผัวสาวกว่า
แต่ยังไง สาวก็ต้องแพ้สาวที่สาวกว่าอยู่ดี โอ๋
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 11-05-2016 12:17:33
รอมาแสนนาน อิๆๆๆ น่ารักมากค่ะซอลย่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 11-05-2016 21:29:27
ซอลย่ามีความเผ็ด ปากเจ่อไปหมดแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 11-05-2016 22:30:00
หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เถียงไม่ขึ้นทันที  o13
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 11-05-2016 23:13:06
รวมเล่มนิขอจองล่วงหน้าเลยน้า
สนุกทุกคู่เลย บลูซอลตอนนี้แอบฮา เข็ดเลยชิมิ  :laugh:

ขอถามคุณอนาคีหน่อยนะค้า ว่าคู่ดนัยกับดินจะยังมีไปทำเรื่องใหม่ไหมค้า
เค้ารักคู่นี้มากเลยอ่ะ

รอตอนต่อไปพี่ยุกับพี่เมฆอย่างจดจ่อ :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 12-05-2016 00:39:15
แซบจริงอะไรจริง ชอบๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 12-05-2016 13:24:15
ซอลแสบ&แซ่บเวอร์อ่ะ :hao6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 13-05-2016 01:07:44
เอ้าสิ!! นางก้อไปกันอีกแบบน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: saotome ที่ 13-05-2016 09:25:37
บลูนี่ไม่คิดเลยว่าจะยอมซอลขนาดนี้ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 15-05-2016 14:55:36
เค้ารอตอนต่อไป มาเร็วๆนะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: kimhamwong ที่ 17-05-2016 01:08:19
สนุกมากกกกกกกก
ได้ทุกอารมณ์ แรก ๆ นี่หมั่นไส้พี่เมธกับยุมากเลย
ยึดยักกันอยู่นั่น แต่พอรักกันล่ะหวานเชียว
ชอบต่อมาคือพอร์ชรุจน์ ให้อารมณ์แบบเล่นเพื่อน ฮ่าาาา
เอาเป็นว่าชอบทุกคู่ค่ะ
คุณหนูชิดจันทร์ก็ปมเยอะจริง คนอะไรจะร้ายได้ขนาดนี้ มีจุดจบแบบสมเหตุผลดี

 ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 17-05-2016 19:54:42
ชอบคู่2เจ้ นี่มาก น่าร้ากกกกก ทันกัน เข้าใจกันดี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ตอนจบที่ 3 #บลูม่า x ซอลย่า#ยอมแล้วทูนหัว [10 พ.ค. 2559] P.146
เริ่มหัวข้อโดย: junjou ที่ 19-05-2016 19:03:12
ทำไมฉันถึงเพิ่งมาเจอเรื่องเน้ ควรอ่านเรื่องนี้มานานนนนนนนนนนนนมากๆแล้ว
สนุกมากกกกกกกกกกก ชอบมากกกกกกกกกกกกกกกก
ผิดที่เราเจอกันช้าไป TT_TT
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 24-05-2016 13:45:52
ผมคือ...นางเอก
ซีนสุดท้าย
(ตอนอวสาน 30%)

แกมันเด็กเลี้ยงไม่เชื่อง!!
แกกล้าทำระยำแบบนั้นกับลูกฉันได้ยังไง!? ไอ้สารเลว!!
    หึ! ว่าแต่ผม ลูกลุงต่างหาก ที่ดอดมาคร่อมผมเอง
หุบปาก!  ไอ้เด็กเลว ลูกฉันไม่ใฝ่ต่ำ ทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนั้นหรอก!! ถ้าจะทำ ก็เพราะถูกแกล่อลวง!!
     เหอะ! รับความจริงที่ลูก 'แรด' ไม่ได้เหรอครับลุง...
ไอ้ยุ!!
     เปิดหูเปิดตาดูบ้างเหอะลุง ว่าลูกสาวลุงน่ะมันแรด ร่านอยากมีผัวจนตัวสั่น หาข้างนอกไม่ได้ เลยมาคว้าคนในอย่างผมไง...
     ผลั๊วะ!!!

     หมัดหลุนๆ กระแทกเข้าหน้า ครึ่งกรามครึ่งโหนกแก้มแบบไม่มียั้งแรง เด็กหนุ่มเซไปตามแรงปะทะ ตั้งหลักได้ก็ยืนตั้งตัวตรง สองหมัดกำแน่นแนบข้างลำตัว  เด็กหนุ่มตั้งใจว่าหมัดแรกเขาจะไม่สวน ถือว่ายังเห็นแก่หัวหงอก แต่หากมันยังไม่เจียมสังขารหมายจะซ้ำ เขาก็พร้อมจะวัด แลกหมัดกันให้รู้ดำรู้แดง บุญคุณข้าวแกงที่ให้ทานมา เขายกให้ได้แค่หมัดเดียว!!
     ผลั๊วะ!!
     หมัดสองซ้ำลงมาหมายจะเน้นย้ำที่เดิมให้ช้ำเพิ่ม นั่นคือจุดสิ้นสุดแห่งความอดทน เด็กหนุ่มวาดแขนขึ้นกันทันควัน ก่อนตั้งท่าสวนหมัดใส่ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อเลี้ยง ที่เป็นดั่งหนามยอกอก ยอกใจกันมาตั้งแต่แรกพบหน้า
หยุดนะยุ!! ขอโทษลุงเทิดเขาเดี๋ยวนี้!!
เป็นมารดาที่เข้ามาห้ามได้ทันเวลา  ใบหน้าหล่อนโกรธเกรี้ยว  โมโหเด็กหนุ่มผู้เป็นบุตรเหลือเกิน ที่ทำตัว ‘เนรคุณ’ ผู้ให้ชีวิตใหม่แบบนี้
แม่บอกให้ขอโทษลุงเขาซะ!!
     ทำไมผมต้องขอโทษ ในสิ่งที่ผมไม่ผิด!
อย่าทำให้แม่ต้องลำบากใจนะยุ ถ้าลุงเขาว่าผิด ก็แค่ยอมรับผิด แล้วขอโทษ มันจะตายหรือไง! ขอโทษลุงเทิดเดี๋ยวนี้นะยุ!!
     แม่ไม่มีเหตุผล แม่เข้าข้างพวกมันมากกว่าผม!!
แค่เหตุผลที่ลุงเขาอุตส่าห์มีน้ำใจชุบเลี้ยงเรามา นั่นก็เกินพอแล้ว…!
     นั่นเพราะแม่ยอมตกเป็นเมียของมันต่างหาก!!
ตายุ!!!
     เพี๊ยะ!!
เลิกก้าวร้าวแม่ ก้าวร้าวลุงเทิดเสียที! แกจะต้องทำให้แม่เสียใจ หนักใจกับแกอีกสักกี่ครั้งกันถึงจะพอใจ ห๊ะ!? ทำตัวให้มันดีๆ เหมือนลูกคนอื่นบ้างไม่ได้หรือไง!!? หรือต้องให้แม่อกแตกตายก่อนห๊ะ สดายุ!!!???

ทีนี้เห็นฤทธิ์มันหรือยังล่ะ ว่าลูกเธอมันร้ายแค่ไหน สรินดา  ฉันขอยื่นคำขาดนะ ถ้ามันยังทำตัวเลวๆแบบนี้ ก็ให้มันออกไปอยู่ที่อื่น! ฉันไม่ต้องการให้ยายฟ้ากับยายฝน ต้องเสียคนเพราะมัน และไม่ต้องการให้ตายะ ต้องเห็นตัวอย่างเลวๆ!!

ขอโทษลุงเทิดซะยุ 
     ……แม่
ขอโทษ…เดี๋ยวนี้
     บอกผมมาตรงๆก็ได้นะ…ว่าการที่แม่มีผมเกิดเป็นลูก คือสิ่งที่แม่…

     เสียใจที่สุด….
*
*
*
เฮือก!!
     สดายุลืมตาโพลงในความมืด พร้อมหายใจหอบถี่ด้วยความตื่นตระหนก มือขาวสั่นพั่บยกขึ้นลูบใบหน้าที่ชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อทั้งๆที่ห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ‘ฝัน?’
     แปลกใจจริง ๆ ที่จู่ๆก็ฝันถึงเรื่องราวในอดีต ที่คิดว่าฝังกลบจนลึกสุดใจไปนานแล้ว เอาเข้าจริงแล้ว มันยังชัดเจนขนาดนี้เลยหรือนี่ ชัดเจน จนราวกับย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน ราวกับเขายังยืนอยู่ตรงนั้น...
     พอนึกขึ้นมาได้สักอย่าง ความทรงจำของเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากนั้นก็ผุดตามกันขึ้นมาราวกับตาน้ำ สดายุเม้มปากแน่น ไม่ได้อยากคิดถึงมันเลย แต่ไม่รู้ทำไม เขาถึงไม่สามารถหยุดยั้งภาพเหล่านั้นที่ฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวได้
     ยิ่งห้าม ราวกับจะยิ่งแจ่มชัด...
     อดีต...ครั้งวันวาน
วันนั้น คือวันที่เกิดเหตุการณ์งามหน้าครั้งแรก สดายุวัย 18 ปี แสดงอาการก้าวร้าวใส่ผู้ที่เรียกว่า ‘พ่อเลี้ยง’ อย่างเต็มที่ ตามอารมณ์เลือดร้อนของวัยรุ่น ทะเลาะกันรุนแรง ถึงขนาดที่ว่าจะวางมวยกันให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าท้ายที่สุด สดายุก็ต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ ยอมกล่าวคำขอโทษ ยอมถูกไล่ออกไปอยู่หอพักมหาวิทยาลัย เพียงเพราะ แม่ ของสดายุเข้าข้างฝ่ายนั้นมากกว่า
     แม่เข้าข้างครอบครัวใหม่ของแม่...มากกว่าเขาคนนี้ ที่เป็นของเหลือมากจากครอบครัวเก่าเน่าๆ
     เพราะน้อยใจแม่ เพราะเกลียดครอบครัวใหม่ของแม่ สดายุในวัย 18 ปี จึงทำทุกวิถีทางให้ครอบครัวนั้นเดือดร้อนที่สุด ละเมิดกฏ ผิดระเบียบ ผลการเรียนห่วย ติด มผ. มส. เกรดคาบเส้น จนถูกเรียกคุย เรื่องซิ่ว เกือบถูกพิจารณาให้โดนรีไทน์ เกเร มีเรื่องชกต่อย ไม่เว้นแต่ละวัน ที่ทำไปทั้งหมดนั้น ก็แค่อยากให้แม่หันมาสนใจ วุ่นวายอยู่แต่กับเรื่องของเขา เห็นลูกโง่เง่าคนนี้อยู่ในสายตาบ้าง
     รู้ว่าผิด ว่าชั่ว แต่ก็ไม่นึกกลัวที่จะทำ
     ทำอยู่แบบนั้น กระทั่งขึ้นชั้นปีสี่ ประจวบเหมาะพอดีกับที่ได้เจอกับเจ๊บลูม่า ที่เข้ามาแนะนำตัวว่าเป็นแมวมอง  ชวนเข้าวงการเป็นดารา นายแบบ แรกๆ สดายุไม่สนใจด้วยเห็นว่าไร้สาระ แต่พอมารู้ว่า เป็นอาชีพที่หาเงินได้เร็ว ยิ่งเก่ง ยิ่งดัง ยิ่งมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ ตอนนั้นแหละถึงได้ตัดสินใจ ยอมเข้าวงการตามคำชวนของผู้จัดการดาราอย่างบลูม่า  ด้วยเหตุผลเพียงอย่างเดียว...ชิงแม่ของเขาคืน 
     ถ้ามีเงิน มีชื่อเสียง เขาก็จะสามารถดูแลแม่ได้ จะมีบ้านหลังโตๆ มีรถคันใหญ่ๆ มีคนรับใช้เอาไว้ดูแลให้แม่สุขสบาย จะได้ไม่ต้องพึ่งพาครอบครัวนั้นอีก สัญญาว่าถ้ามีเงินเลี้ยงแม่ได้ จะพาแม่ไปอยู่ด้วยกันสองคนตามประสาแม่ลูก จะเป็นเด็กดี ให้แม่ภูมิใจ...
     ฝัน...อย่างไรก็เป็นได้แค่ฝัน วาดวิมานกลางอากาศไว้สวยหรู สุดท้ายก็พังทลายไม่มีชิ้นดี เพราะแม่ ไม่ได้เลือกใครเพราะความสุขสบาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินเงินทอง ที่แม่เลือกเพราะแม่...รัก
และแม่...เลือกครอบครัวนั้น
     เลือกผู้ชายคนนั้น
     เลือกลูกๆของผู้ชายคนนั้น
     เลือกลูกชายที่เกิดกับผู้ชายคนนั้น
    ไม่ใช่ลูกคนนี้...
     เสียใจ น้อยใจ อาละวาด คอยระรานครอบครัวของแม่อย่างไม่ลดละ เพราะถูกขัดใจ เพราะไม่ได้อย่างที่หวัง ยิ่งโด่งดัง ก็ยิ่งฮึกเหิม
     ...สมแล้ว ที่สุดท้ายก็ถูกเมิน
     ทำตัวเองทั้งนั้น...กว่าจะมาคิดได้ เรื่องก็เลยเถิดไปไกล เพราะมัวแต่มุ่งเป้าแต่เรื่องแม่ มุ่งแต่จะยุแหย่ให้ครอบครัวนั้นแตกฉาน ไม่สนใจใคร ไม่แคร์ ไม่สนใจโลก สุดท้ายก็เลยถูกโลกเมิน ทั้งหมดล้วนเกิดจากตัวเองทั้งสิ้น
กว่าจะคิดได้ก็สาย กว่าจะคิดได้ ก็ถูกเฉดหัวออกจากวงการเรียบร้อย  ถึงจะเป็นด้วยเรื่องที่ตนไม่ได้สร้าง แต่ก็เพราะบุญเก่ามันไม่เหลือแล้ว แถมบารมีก็ไม่เคยสั่งสม เกเรเกตุงจนคนเอือม เลยไม่เหลือทางให้ดิ้นรน โดยใส่ร้ายป้ายโคลนยังไง ใครๆเขาก็เชื่อทั้งนั้น เพราะไม่ว่าเรื่องเลวร้ายอะไร ก็ดูจะมีมูลไปเสียหมด เหมาะสมกับสันดานของพระเอกกเฬวรากคนนี้แบบไม่ต้องตั้งข้อสงสัย
     เมื่อถูกตัดสินไปแบบนั้น ก็ขี้เกียจดิ้นรนแก้ตัวไม่เมื่อยปาก อยากว่าอะไรก็ว่าไป ถึงอย่างไรสดายุคนนี้มันก็ไม่มีดีอะไรอยู่แล้ว อะไรที่มันหวังไว้ ก็แทบไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

     นึกถึงตรงนี้สดายุก็ถอนหายใจยาวเหยียด ความทรงจำช่างตราตรึง คิดถึงความเหลวแหลกของตัวเองแล้ว ก็นึกขัน ทำลงไปได้ยังไงนะ เมื่อครั้งนั้น เพราะยังเด็กเหรอ ก็ตั้ง 22-23 เข้าไปแล้วนะ เฮ้อ...เขานี่มันช่างไร้หัวคิด ดีนะว่าพอมีเรื่องโดนใส่สีว่าทำสาวท้อง จนโดนออกจากวงการ ตอนนั้นเริ่มมีหัวคิดขึ้นมาบ้างแล้ว เริ่มรู้แล้วว่าตัวเองจะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน เลยตัดขาดออกมา ไม่ติดต่อ ไม่ไปมาหาสู่ เพื่อที่สื่อจะได้ไม่มีข้อมูลไปขุดคุ้ย ว่าครอบครัวคนฉาวคือใคร
     นั่นคงเป็นสิ่งเดียว ที่พอทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง ว่าอย่างน้อย ลูกเลวคนนี้ ก็ยังพอปกป้องครอบครัวของแม่เอาไว้ได้
คิดได้แล้ว ว่าแม่อยู่กับครอบครัวนั้น คงมีความสุข กว่าการที่ต้องมาอยู่กับลูกคนนี้เป็นไหนๆ...

     ตอนนี้ยัง...สบายกันดีไหมนะ

     “นอนไม่หลับเหรอยุ?”
       “…………….!!?”
      ระหว่างที่ยังนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องเก่า ๆ อยู่บนเตียง เสียงทุ้มละมุนก็ดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมฝ่ามืออุ่น ๆ ที่เอื้อมมาลูบหัวทุยเบา ๆ ปลุกสดายุให้ตื่นจากภวังค์วันวานของตนเสียที
     “เพิ่งจะตีสี่เองนะ ฝันร้ายเหรอ?”
     กฤตเมธถามย้ำ เมื่อเพ่งมองเห็นสีหน้าสลดน้อยๆของคนรักเข้า  ร่างใหญ่เคลื่อนเข้าหาก่อนโอบกอดคล้ายปลอบโยน
     “...ไม่เชิงฝันร้ายหรอก...แค่ฝันถึงเมื่อก่อนน่ะ…”
     สดายุตอบคำแต่โดยดี แต่เสียงแหบหวานอันเป็นเอกลักษณ์นั้น คล้ายจะฟังดูเครือพร่ากว่าปกติ แค่ได้ยินกฤตเมธก็รู้แล้ว ว่าคงไม่ใช่ฝันที่หวานนัก ยิ่งพอถามต่อจนได้รู้ว่าเป็นเรื่องของครอบครัวด้วยแล้ว กฤตเมธยิ่งรู้สึกได้ ว่าสดายุเหมือนแก้วบางๆ ที่กำลังร้าวระแหง หากเขาไม่รีบประคองรับไว้ ก็อาจแตกสลายไปได้ง่ายๆ
     แต่เพราะเป็นเรื่องครอบครัวนี่แหละ กฤตเมธถึงได้หนักใจนัก เป็นคนรักกันมาร่วมปีแล้ว เขาพยายามเรียนรู้นิสัยใจคอของสดายุ พยายามศึกษาทุกอย่างที่เกี่ยวกับคนที่เขารัก จนตอนนี้แทบจะพูดได้เต็มปาก ว่าเขารู้จักสดายุเกือบทุกซอกทุกมุม เว้นเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องของอดีต เรื่องครอบครัวที่แสนจะคลุมเครือ แม้ในหลาย ๆ ครั้งที่ผ่านมา สดายุจะเคยเปิดปากเล่านู่นเล่านี่ เกี่ยวกับเรื่องที่บ้านให้ฟังอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่ได้ชัดเจนอะไร
     แม้ห่วงแสนห่วง แต่กฤตเมธก็เลือกที่จะไม่ซอกแซกถาม ด้วยเพราะรู้ดี ว่าเรื่องครอบครัวนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว  เป็นเรื่องที่ทำให้สดายุต้องเจ็บปวดมาตลอด  หากเลี่ยงได้ กฤตเมธก็จะพยายามไม่ไปสะกิดใจคนรักในเรื่องนี้เป็นอันขาด และหมายมั่นตั้งใจว่า ตนนี่แหละจะเป็นครอบครัวใหม่ของของสดายุให้ได้
     กฤตเมธถอนหายใจบาง ก้มลงจูบขมับชื้นเหงื่อของสดายุแผ่วเบา แล้วกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

     ...ไม่เป็นไรนะยุ อยู่กับพี่ พี่จะดูแลยุเอง

     ร้านแม่พิณน์ช่วงหัวค่ำ คนแน่นขนัด ด้วยชื่อเสียงโจษจันท์ว่ารสชาดเป็นเลิศ เลยหลังครัวที่กำลังวุ่นวาย มีห้องผู้จัดการร้านซุกซ่อนอยู่ที่ด้านในสุด ในนั้นมีเด็กฝึกงานกำลังง่วนอยู่กับการตรวจเอกสารการสั่งซื้อวัตถุดิบของวันนี้อยู่
     ตั้งแต่ประกาศแขวนชื่อออกจากวงการ หลังจากกลับจากการออกเที่ยวหนีสื่อ สดายุก็ถูกพาตัวมาเป็นเด็กฝึกงานหลังร้านแม่พิณน์ เพื่อเรียนรู้การการดูแลจัดการร้าน นอกเสียจากการเป็นเด็กฝึกงานหลังร้านอาหารแม่พิณน์แล้ว สดายุยังต้องเรียนรู้การทำร้านด้วยตัวของตัวเองด้วย โดยมีกฤตเมธเป็นผู้ช่วย คอยผลักดัน เพื่อให้ร้านกาแฟในฝันของสดายุ ได้เปิดให้บริการเร็วขึ้น
     ใช่แล้ว...สดายุอยากเปิดร้านกาแฟ เป็นความใฝ่ฝันวัยหนุ่ม ที่อยากลองทำให้เป็นจริงให้ได้สักครั้งในชีวิตที่เหลืออยู่ หลังเต็มที่กับวงการมายา ซึ่งความจริงย่อมไม่หอมหวานเหมือนความฝัน ที่แค่อยากทำก็โยนเงินโครมลงไปแล้วจะเนรมิตรอะไรก็ได้ ที่สำคัญสดายุรู้ดีว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น ค่าตัวที่ได้มารวม ๆ แล้วก็ได้แค่พออยู่พอกิน ริจะทำธุรกิจ มันยังไม่มากพอ โชคดีที่มีกฤตเมธคอยช่วย แต่ก็นั่นแหละ ผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจมาก่อนอย่างกฤตเมธ ย่อมไม่ปล่อยให้สดายุทำอะไรผลีผลาม จริงอยู่การทำธุรกิจมันต้องมีความเสี่ยง แต่กฤตเมธจะไม่ยอมให้สดายุต้องเสี่ยงโดยไม่รู้อะไรเลยเป็นอันขาด อย่างน้อยๆ ต้องสอนนกน้อยให้หัดบินอยู่ใต้ร่มไม้นี้จนคล่องเสียก่อน แล้วค่อยส่งออกไปเผชิญฟ้าใส ในโลกธุรกิจ แค่ดวงกับใจ มันไม่พอหรอก ความรู้กับประสบการณ์ก็สำคัญ  นั่นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้สดายุมานั่งง่วนอยู่กับกองเอกสารน่าปวดหัวอยู่ตรงนี้
     แต่เหตุผลหลักที่ทำให้ร้านกาแฟในฝันยังไม่สามารถเปิดตัวได้  มันน่าปวดหัวยิ่งไปกว่านั้นอีก

     “มาอีกแล้วล่ะค่ะ”  ขณะที่สดายุกำลังถูกกฤตเมธเคี่ยวกรำ ผู้จัดการสาวใหญ่ของร้าน ก็เดินเข้ามากระซิบแจ้งบางอย่างข้างหูเจ้านาย ที่เกี่ยวกับ ‘เรื่องเกี่ยวกับความไม่ปกติในช่วงนี้’  ได้ยินแบบนั้น กฤตเมธก็พรูลมหายใจ รู้สึกหงุดหงิดเล็กๆ ขึ้นทันทีกับเหตุการณ์ไม่ปกติที่กำลังเกิดขึ้น
     ร่วมสามเดือนหลังจากประกาศตัวออกจากวงการ ชีวิตช่วงนี้ บอกตรง ๆ ว่าไม่ค่อยสงบสุขสักเท่าไหร่นัก เข้าใจว่าเรื่องระหว่างเขากับสดายุค่อนข้างเป็นกระแส และสดใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่เขาทั้งคู่ เคยมีดีกรีเป็นถึงอดีตพระเอกดัง การที่จะให้เรื่องมันเงียบไปในเวลาอันรวดเร็วนั้น เป็นไปได้ยากเสียยิ่งกว่าการไล่จับเสือ
      ก็เข้าใจแหละว่าการที่จู่ ๆ ก็ประกาศตัวว่าเป็นเกย์ แล้วออกจากวงการ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างช็อค หลายกระแสตีรวน ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย ขนาดประกาศออกไปแล้วว่าจะไม่รับงานอีก ก็ยังมีรายการบันเทิงหลายสำนัก ติดต่อเข้ามาเพื่อขอสัมภาษณ์ เพื่อล้วงลึกถึงเหตุผล ความจริง หรืออะไรก็ตาม แล้วแต่ที่รายการเหล่านั้นจะอ้าง ให้ได้ตัวของกฤตเมธและสดายุออกรายการของตัวเองให้ได้  แม้ทั้งคู่จะพยายามยืนการานปฏิเสธสารพัด ดูเหมือนแร้งข่าวเหล่านั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลิกความตั้งใจ อ้างว่าทุกคนมีสิทธิอันชอบธรรมที่จะได้รู้ความจริง มีสิทธิ์ที่จะสอบถาม โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของกฤตเมธ หรือสดายุเลยแม้แต่นิด

     ยิ่งไม่ยอม ก็ยิ่งมีแต่ข่าวสาดเสียเทเสีย แล้วก็ออกมาอ้างแบบเดิม ๆ ว่ามีสิทธิ์ที่จะกดดัน เพื่อให้ทั้งคู่ออกมารับผิดชอบการกระทำ

     เหตุการณ์ค่อนข้างหนัก แม้จะมีคนเข้าข้าง อย่างไรก็ต่อสู้กับสื่อไม่ไหว แม้ในช่วงที่กฤตเมธและสดายุหนีออกต่างประเทศไป ก็ใช่ว่าข่าวคราวจะเงียบตาม การใช้ชีวิตหลังจากนั้นของทั้งคู่จึงค่อนข้างลำบาก ถึงจะไม่ได้ขนาดต้องกระเสือกกระสน แต่แค่ออกไปใช้ชีวิตภายนอกยากเย็นขึ้น ถูกจับตา ถูกตามตื้อ ธุรกิจร้านกาแฟที่สดายุตั้งใจจะลงมือลงแรงทำในทันทีหลังจากกลับจากเที่ยว  ก็ต้องพับโครงการเก็บเป็นการชั่วคราว แล้วเอาตัวเข้าไปเป็นลูกจ้าง ช่วยงานในร้านของกฤตเมธแทน
เพราะเรื่องยังไม่ยอมซา ทุกความตั้งใจว่าจะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ ก็พลอยต้องถูกยับยั้งไปด้วย เป็นช่วงที่ค่อนข้างลำบาก ทั้งกฤตเมธและสดายุเองก็รู้ดีว่ามันหนักหนาที่จะต้องรับมือ แต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ทั้งสองก็กัดฟันทน ต่างก็เป็นกำลังใจให้กันและกันเท่าที่จะสามารถทำได้ 
     กะอีแค่มีนักข่าวตามรังควานถึงบ้าน ถึงร้าน มันไม่ใช่เรื่องหนักหนานักหรอก กฤตเมธพอจะรับมือไหว เขาที่แก่กว่าทั้งอายุและประสบการณ์ สามารถหาวิธีตั้งรับเหล่านักข่าวหัวแร้งได้ไม่ยาก แต่กับสดายุที่ค่อนข้างอ่อนไหว กฤตเมธไม่ยอมให้ใครหน้าไหนได้เข้าใกล้ทั้งนั้น นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ช่วงนี้กฤตเมธค่อนข้างหัวเสีย ที่มีใครที่ไหนก็ไม่รู้ มาคอยดักเจอสดายุอยู่ได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ทำทีว่ามาทานมื้อเย็น ถามหาแต่สดายุ ไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร บอกแค่ตัวเองไม่ใช่นักข่าว และต้องการคุยกับสดายุแค่นิดเดียวเท่านั้น
     หึ! มีพิรุธขนาดนั้น มีหรือกฤตเมธจะยอมให้เจอ!! กระทั่งเรื่องที่ชายคนนั้นมาดักรอ กฤตเมธยังไม่ยอมให้ถึงหูสดายุเลยด้วยซ้ำ
     “มีอะไรกันงั้นเหรอ พี่เมธ?” สดายุไถ่ถามขึ้นเมื่อเห็นว่ากฤตเมธออกอาการหงุดหงิดขึ้นทันทีที่ผู้จัดการร้านเดินมาแจ้งอะไรบางอย่าง “ข้างนอกมีปัญหาเหรอ?” 
     “ไม่มีอะไรหรอก ดึกแล้ว เรากลับกันเถอะ เดี๋ยวที่เหลือให้คุณกัลยาเขาดูแลให้” ดูจากหน้า ฟังจากเสียง กฤตเมธก็รู้แล้วว่าสดายุเริ่มสงสัยในพฤติกรรมปิดบังซ่อนเร้นของตน คนแก่กว่าจึงไม่เสี่ยงอยู่ยาวในจุดเกิดเหตุต่อ ตัดสินใจทิ้งงานลากคนรักกลับกันดื้อ ๆ
     แน่นอนว่าแบบนั้นยิ่งทำให้สดายุยิ่งสงสัยหนัก
     “นักข่าวอีกแล้วเหรอ?” เพราะท่าทีมีพิรุธของทั้งกฤตเมธ และผู้จัดการร้าน สดายุจึงตีความไปว่าอาจเป็นพวกนักข่าวที่ตามมาขอข่าวอีกแล้ว ทั้งที่เพิ่งจะซา เพิ่งจะรามือกันไปได้ไม่นาน
     “ก็นะ เพราะงั้นเราออกหลังร้านกันเลยก็แล้วกัน” กฤตเมธไม่ได้อยากโกหก แต่ก็ดีกว่าให้สดายุเกิดสงสัยแล้วออกไปเผชิญหน้ากับใครคนนั้นเอาเอง ไม่ใช่เพราะหวงห่วงจนเกินไปหรอก แต่เพื่อความปลอดภัย ก็อยากขอสืบเรื่องของชายที่มาดักรอทุกวันนี้ให้ได้ก่อน
     “โอเคครับ งั้นเดี๋ยวผมขอไปห้องน้ำแป๊บนะ” สดายุยินยอมแต่โดยดี ออกแนวชินแล้วกับการหลบนักข่าวหัวซุกหัวซุนแบบนี้
ฝ่ายกฤตเมธเองก็ค่อนข้างสบายใจ ที่สดายุว่าง่าย ยอมกลับแต่โดยดีไม่มีคำถามหรือข้อสงสัย ชายหนุ่มเก็บของรอคนรักที่ไปเข้าห้องน้ำอย่างใจเย็น  เพิ่งสามเดือนเอง หลังการแถลงข่าวใหญ่โต หลังเรื่องราววุ่นวายต่างๆถาโถม  รู้ดีว่ามันคงยากถ้าจะให้มันเข้ารูปเข้ารอยในเวลาอันสั้น เขาเข้าใจดี ว่าต้องทำใจ และเปิดใจให้กว้าง ยอมรับผลกระทบที่จะตามมาในสิ่งที่เขาเลือก จะลงจากหลังเสือ มันก็ต้องถูกเสือตะปบเอาบ้างเป็นธรรมดา
     กฤตเมธถอนหายใจ แค่ตัวเขาน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่การลากสดายุลงมาพร้อมกัน เพราะความเอาแต่ใจของเขาเองด้วยแล้วเนี่ย แน่นอนว่าเขาจะต้องปกป้องอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะกับคนรักของเขาคนนี้ที่ช่างใจน้อยด้วยแล้ว กฤตเมธสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำร้ายสดายุของเขาเป็นอันขาด แม้ว่าเสือตัวที่พวกเขาลงจากหลังมาจะตัวใหญ่เพียงใด เขาก็จะปกป้องสดายุจากเสือตัวนั้นอย่างสุดชีวิต
     ต่อให้วันนี้จะเป็นเพียงแค่ฝัน แต่สักวันมันต้องดีขึ้น

     “เฮ้อ...” สดายุถอนหายใจยาว ระหว่างล้างมือ หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จ นึกถึงเรื่องที่ตนกับกฤตเมธต้องหลบๆซ่อนๆ อยู่เพียงหลังร้านแล้วก็รู้สึกท้อแท้ไม่น้อย ต้องเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กันนะ เมื่อไหร่โลกนั้นจะปล่อยให้เขาสองคนเป็นอิสระเสียที
     สดายุบ่นพร่ำกับตัวเองอยู่ในใจ เหม่อลอยล่องลอยอยู่แต่ในภวังค์ จนไม่รู้ตัวว่ามีใครอีกคน มายืนล้างมืออยู่ใกล้ๆ มารู้ตัวเอาอีกที ก็ตอนที่ชำเลืองไปเห็นในกระจกว่าตัวเองกำลังโดนจ้องมอง นั่นแหละสดายุถึงได้รู้สึกตัวว่าควรออกไปจากห้องน้ำเสียที เพราะจากที่ได้เห็น ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใส่หมวก ใส่แว่น ไม่แน่ว่าอาจเป็นพวกสายข่าวสำนักไหนปลอมตัวมาก็เป็นได้
สดายุรีบผละไป ทว่าชายคนนั้นกลับกางกั้นไว้ ตรงหน้าประตู
     ...โดนเข้าแล้ว
     สดายุคิดแบบนั้น แต่ไม่ได้ผลีผลามทำอะไร จดจ้องมองคนตรงหน้าตาขวาง เอาสิ จะมาไม้ไหน คิดประมวลในหัว จากประสบการณ์ที่เคยได้เจอมา อาจมีกล้องซ่อน อาจโดนถ่ายรูป หรือจู่ๆก็โดนสัมภาษณ์แปลก ๆ แต่ที่แน่ๆ ไม่เคยเจอใครอุกอาจตามมาถึงห้องน้ำเสียที อันนี้ทำเอาหัวเสียหนักสุด
     “...พี่...เอ่อ...คุณสดายุ...” ฝ่ายนั้นเป็นผู้เริ่มบทสนทนาก่อน น้ำเสียงแหบพร่า ทั้งยังตะกุกตะกัก ผิดจากพวกเหยี่ยวข่าวต่างๆอย่างสิ้นเชิง ทำเอาสดายุขมวดคิ้ว เริ่มสับสนว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหน
     “มีธุระอะไร?”  สดายุถามกลับ เสียงแหบเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์ ตอนนี้ดุเหมือนจะกร้าวขึ้นเล็กน้อยด้วยแรงอารมณ์กรุ่นกริ้ว
นำเสียงแบบนั้น ทำชายอีกคนออกอาการเลิ่กลั่ก ร่างสูงใหญ่ลนลานอยู่ครู่ ก่อนจะรีบถอดหมวกกับแว่นตาออก เพื่อเผชิญหน้ากับสดายุตรงๆ
     ใบหน้าที่เห็นเป็นครั้งแรก ทำเอาสดายุยิ่งขมวดคิ้วงง เขามั่นใจว่าไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน แต่ทำไมถึงช่างคุ้นตา? ผู้ชายตรงหน้า อายุน้อยกว่าแน่ๆ แม้จะเป็นคนสูงใหญ่ แต่ดูยังเยาว์ ดูไม่แก่โลก ดูยังไงก็ไม่ใช่นักข่าว แล้วเด็กคนนี้มีธุระอะไรกับเขากัน? แฟนคลับ?
     “ผมขอโทษ...คือที่จริง...เอ่อ ผมมารอเจอคุณหลายวันแล้ว  แต่ทางร้านไม่ยอมให้ผมพบคุณ เลยต้องมาดักรอแบบนี้...ไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณไม่พอใจ...” เด็กหนุ่มอธิบายยาว หน้าตาท่าทางดูประหม่าไปหมด พร้อมทิ้งคำถามสำคัญให้สดายุได้คิด  อีกรอบ “จำผม...ไม่ได้เลยเหรอ?”
     “...นายเป็นใคร?” ถามมาก็ถามกลับสดายุไม่คิดเล่นแง่กับใครนานๆ ใบหน้าที่ดุขึ้นไปอีกขั้น ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับเลิ่กลั่กหนัก
     ตาสบตา เมื่อเห็นว่าสดายุคาดคั้นมาไม่ลดละ เด็กหนุ่มก็สูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกขวัญ แล้วแนะนำตัวเองออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ผม...สุริยะไงครับ ยะ...น้องพี่ยุเอง...”



**************************************

เอาครึ่งแรกไปก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวอีกครึ่งตามมา อิอิ
(เดี๋ยวอีกกี่วันว๊า)
จะว่าครึ่งแรกก็ไม่เชิงอ่ะนะ เรียกว่า 30% แรกดีกว่า
เพราะที่เหลือนั้น ยาวมาก อันนี้เอามาชิมลาง
เรียกเรตติ้งกันลืมแค่นั้นเอง

...เฮ้อ...ตอนอวสานแล้วนะคะ
สดายุที่จะเอามาลงครั้งหน้า คือตอนอวสานจริงๆแล้วนะ ฮึ่กๆๆๆ
 :mew4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 24-05-2016 14:12:30
 :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: baipai_bamboo ที่ 24-05-2016 14:27:08
 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: VentoSTAG ที่ 24-05-2016 15:13:57
น้องยะ มาทำไม อิแม่เป็นอะไรหรือเปล่า
ทำไมๆๆๆ โอ้ย อยากรู้............... :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-05-2016 16:04:57
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-05-2016 16:43:40
ตอนจบมาแล้ว 30% ก็ฟิน อิอิ ปมเรื่องครอบครัวน้องยุจะได้เคลียร์ซักที น้องยุจะได้มีชีวิตใหม่ที่ดียิ่งกว่าเดิม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 24-05-2016 16:49:17
รู้สึกถึงปัญหา

แต่ก็ดีจะได้เคลียร์เรื่องบ้าน ให้มันจบ

ขนาดแม่กับพ่อเลี้ยงมาไม่กี่บรรทัดเรายังรำคาญอ่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 24-05-2016 17:03:22
เฮือกกกกก ก ก ก ก ก นางมาทำไม!?!?!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 24-05-2016 17:15:37
ตัวละครที่ไม่เคยเอ่ยถึงในเรื่องเลยโผล่มาแล้ว
แต่จุดประสงค์นี่สิ น่าสงสัย
จะมาดีมาร้ายต้องคอยดูกัน แต่เอ
แค่ตอนเดียวจะพอเหรอคะนักเขียน
เพิ่มสักตอนสองตอนไหม 5555555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-05-2016 18:03:57
เย้ยยย น้องโผล่มาจากไหน ลุ้นๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-05-2016 18:39:46
น้องชายตามหาพี่ยุทำไม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-05-2016 18:43:29
 o22  น้องของยุ  ดาราประกอบค่าตัวแพงออกตอนจบตอนเดียว  :hao4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: elieanna ที่ 24-05-2016 19:38:07
 :katai1: :katai1: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-05-2016 19:40:18
เอิ่ม น้องตามขนาดเน้ มีเรื่องอะไรหว่าา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-05-2016 19:50:36
ง่าาาาาาา ทำให้อยาก(อ่าน) แล้วจากไปได้ไงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง :dont2: :dont2: :dont2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 24-05-2016 20:13:50
น้องต่างพ่อใช่มั้ย ตกลงครอบครัวใหม่แม่ดีป่าวเนี่ย  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-05-2016 20:14:15
มาทำไม?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-05-2016 20:16:37
ล่อลวงกัน

มาต่อไวๆนะขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Freja ที่ 24-05-2016 20:46:10
เพิ่งโผล่มาตอนพี่กำลังจะมีสุขหรือคะ?  ตอนที่พี่มีทุกข์หายไปไหนกันล่ะคะ?
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 24-05-2016 21:16:39
ใกล้อวสานแล้วววว มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 24-05-2016 21:30:47
เอ๋ น้องคนนี้เป็นใครนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 24-05-2016 22:37:28
ขอแค่อย่าหาเรื่องดราม่ามาให้พี่ยุก็พอออ :katai1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: taltal020441 ที่ 25-05-2016 00:33:05
ค้างค่ะ :z3:
รอมาต่อน้าาา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-05-2016 01:33:28
ค้างงงงง :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 25-05-2016 06:10:44
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 25-05-2016 10:09:53
น้องมาทำไมหรือว่าพ่อเลี้ยงกับแม่เจ็บปางตายเลยมาขอความช่วยเหลือ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 25-05-2016 11:13:34
เห้อ ขอให้เปนเรื่องดีๆด้วยเถอะ
สงสารยุ ขอให้เรื่องครอบครัว เคลียร์ได้ด้วยดี  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 25-05-2016 20:22:06
กรี๊ด!!!!!! พอไหมค่ะเรทติ้ง
ขอยาวๆๆๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: takara ที่ 26-05-2016 20:57:47
จะมีอะไรอีกเนี้ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 26-05-2016 23:34:39
แม่ต้องการอะไรอ่ะป่วยเหรอ แต่ถ้ามองในมุมยุ แม่ไม่เคยใหยุเป็นที่1เลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งแรก 30%) [24 พ.ค. 2559] P.147
เริ่มหัวข้อโดย: sirikanda28 ที่ 27-05-2016 12:49:38
ดูน้องไม่น่ากลัวนะ
แต่ก็ไม่แน่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 14-06-2016 22:03:33
ผมคือ...นางเอก
ซีนสุดท้าย 80%
(ตอนอวสาน)

 “ผม...สุริยะไงครับ ยะ...น้องพี่ยุเอง...”

ราวกับสันหลังสะท้านวาบ ความหนาวเยือกไร้ที่มาเกาะกุมลามร้าวไปจนถึงก้นบึ้ง สุริยะ? น้องชาย? เพราะไม่ได้ความจำเสื่อม จึงจำได้ดีว่าเขาเคยมีน้องชายชื่อนี้จริง ตอนที่เขาจากมา น้องเพิ่ง 5 ขวบ ตอนอยู่ร่วมบ้าน พ่อเลี้ยงไม่ยอมให้เราได้พบปะเพราะเกรงว่าลูกชายคนเดียวจะเลียนแบบพี่ชายเสเพล
เพราะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้คุยกัน เลยไม่ได้ผูกพันกันเท่าไหร่ ตอนที่สดายุออกจากบ้านไปอยู่หอพัก ยังพอได้เจอกันบ้างตอนที่แม่พาสุริยะติดไปเยี่ยมเขาที่หอพักด้วย แต่ก็แค่นั้น เราไม่ได้สนิทกัน ยิ่งหลังเข้าวงการยิ่งแล้วใหญ่  อันนั้นเรียกว่าไม่เจอกันอีกเลยก็ว่าได้ ข่าวว่าสุริยะถูกส่งไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่เล็ก ใช้ชีวิตอยู่กับพวกพี่สาวคนละแม่อีกสองคนอย่าง ปลายฟ้า และปลายฝน
เพราะไม่เคยได้มาสุงสิงกับทางนี้ ไม่แปลกหรอกหากสดายุจะไม่รู้สึกคุ้นเคย...โตขนาดนี้แล้วหรือนี่
ใจของสดายุเต้นรัว ไม่ใช่เพราะตกใจ ตื้นตัน หรืออะไรหรอก คงเพราะแปลกใจกับการเจอหน้ากันอย่างกะทันหันมากกว่า เขาตัดขาดครอบครัวมานาน จู่ๆ ต้องมาเผชิญหน้า มาพาลให้ทำตัวไม่ถูก
“ยะ...” เสียงที่แหบอยู่แล้วของสดายุ ยิ่งแหบหนักเข้าไปอีก ชื่อของน้องชายที่ไม่ได้เรียกขานมานาน เวลาเปล่งมันออกจากปาก มันจึงยังรู้สึกติดขัด “ไง...โตขึ้นเยอะเลยนี่ 16 แล้วสิ”  พอได้เอ่ยปากออกมาสักครั้ง ก็ต้องสูดหายใจเข้าไปครั้งหนึ่ง ถึงจะตั้งสติให้พูดคุยออกมาได้อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นพี่ชาย เป็นผู้ใหญ่กว่า ต้องไม่ทำให้ เกิดบรรยากาศอึดอัด
“ครับ 16 แล้ว” ฝ่ายสุริยะเองก็ตอบอึกอัก สองพี่น้องไม่คุ้นเคยกับการพูดคุยกันเท่าไหร่นัก
ความขัดเขินที่เกิดขึ้นระหว่างกัน ทำให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมทั้งคู่เอาไว้อีกครั้ง สดายุจึงจำเป็นต้องยุติบรรยากาศอึดอัดที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกรอบ “ออกไปคุยกันข้างนอกเหอะ ในห้องน้ำมันเหม่งๆนะ”
พูดจบสดายุก็พุ่งนำออกไปที่ประตู ก่อนจะชะงักเพราะถูกน้องชายคว้าแขนเอาไว้  ร่างที่จู่ ๆ ก็ถูกดึงเข้าประชิดกะทันหัน ทำให้สดายุเผลอชักสีหน้า แต่สีหน้าที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้ของเด็กหนุ่มตรงหน้า ก็พาลให้โกรธไม่ลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเรื่องที่เด็กคนนั้นกำลังเอ่ยปาก
“ผมขอโทษที่จู่ ๆ ก็โผล่มาเอาตอนนี้...” เสียงนั้นใกล้อยู่แค่ริมหู เสียงที่สั่นพร่า เพราะความประหม่าและสับสน
แต่สุดท้าย ก็กลั่นถ้อยคำออกมาได้ ด้วยประโยคที่ทิ่มแทงใจของสดายุที่สุด
“พี่ยุ...ช่วยแม่ที”

หน้าห้องพิเศษ ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง สดายุที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองผ่านกระจกบานใสเข้าไปในห้องพักไข้สีขาวปลอดสะอาดตา ทั้งที่ไม่ได้เห็น ว่ามีใครนอนรออยู่หรือเปล่า เพียงแค่ขอบเตียงเท่านั้นที่สะท้อนในสายตา เท่านี้ ก็ทำเอาหัวใจที่คิดว่าตายด้านเสมอมา เจ็บชาร้าวรวด
กว่า 5 ปีที่ไม่ได้เจอหน้า แม่...จะเปลี่ยนไปแค่ไหนนะ อ้วนขึ้นไหม หรือว่าจะผอมลง ผมแม่จะขาวหรือยัง เสียงแม่ยังหวานเหมือนเดิมไหม...
เพราะหนีหน้ามาถึง 5 ปี กลัวการเผชิญหน้าเหลือเกิน
หัวใจสดายุเต้นรัวขึ้น ในขณะที่กำลังตัดสินใจเป็นพันๆ ครั้ง ว่าจะเปิดประตูดีหรือไม่ ห่วงที่แม่ป่วยอย่างสุดใจ แต่กลับไม่มั่นใจพอที่จะเปิดประตู มันกะทันหัน มันยังไม่ได้เตรียมใจ
ห่างออกไปจากสดายุที่ยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้น คือกฤตเมธกับสุริยะ ผู้เป็นน้องชายดวงหน้าสลดไม่ต่าง เพราะเขาเพิ่งฝ่าฝืนคำสั่งบิดา ไปพาพี่ชายที่ตัดขาดกันไปนานกลับมา ทั้งยังเหมือนเป็นการฝืนใจพี่ชายด้วย
…พี่ยุ ผมขอโทษ
หนุ่มน้อยเดินสำนึกผิดเข้าไปใกล้ เอื้อมมือช่วยสดายุเปิดประตูบานหนัก สบตากันเพียงเล็กน้อย แล้วเดินนำหน้าสดายุเข้าไปในห้องพักฟื้นพิเศษนั้น
ขนาดน้องชายเดินนำอยู่ข้างหน้า สองขากลับยังก้าวไม่ออก สดายุทำได้เพียงสูดอากาศเรียกกำลังใจ พอดีกับที่มืออุ่นใหญ่ของกฤตเมธแตะลงเบา ๆ ที่ไหล่เสียก่อน
สดายุหันไปมองเจ้าของมือนั้น ด้วยสายตาราวเด็กน้อย กฤตเมธเพียงยิ้มแล้วพยักหน้า มือใหญ่โอบไหล่ไหวสะท้านแน่น ประคองร่างผอมบางให้ตามสุริยะเข้าไปในห้อง อย่างมั่นคง

“ไปไหนมาตายะ หายไปได้ทุกเย็นเลยนะ”
ในอกของสดายุวูบโหวง ทันทีที่ได้ยินเสียงที่เคยคุ้น ร้องทักเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าออกมา เสียงของแม่ ที่สดายุยังจำได้ดี สดายุกลั้นใจมองผ่านหลังของน้องชายที่ตัวโตกว่าออกไป มองตรงไปยังเตียงผู้ป่วยเตียงนั้น ที่ที่มีหญิงสาววัยกลางคนรูปร่างไม่คุ้นตา กำลังพยายามชันกายลุกขึ้นนั่งอยู่ อีกฝ่ายยังไม่ทันเห็นสดายุ แต่สดายุมองเห็นได้ชัดเจนแล้ว
แม่ดูแก่ขึ้น ทั้งยังท้วม และตัวบวมน้ำ ใบหน้าที่เคยสวยหวาน บัดนี้ร่วงเลยตามกาลเวลา ริ้วรอยแห่งวันที่ล่วงเลยปรากฏชัดเจน จนมองเห็นได้ ถ้าจำไม่ผิด ปีนี้แม่อายุ 51 แล้วสินะ…
“……….”
“……….”
ไม่ทันตั้งตัว ในขณะกำลังพินิจพิเคราะห์ใบหน้าของแม่อยู่ จู่ ๆ แม่ก็หันมองมา ใบหน้าบวมหน่อย ๆ ของแม่นิ่งอึ้ง ดวงตาที่เคยกลมโตเบิกกว้างอย่างคนประหลาดใจ ก่อนที่ทำนบน้ำตาจะพังครืนออกมาให้เห็นเต็มหน้า
แม่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเสียงสะอื้นฮั่ก สดายุผละจากมือของกฤตเมธไป ออกเดินเข้าไปใกล้เตียงของแม่ ขณะที่ยังมองหน้ากันไม่วางตา สองขาของสดายุทรุดลงตรงหน้าเตียง ก่อนก้มลงกราบทั้งอย่างนั้นโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด ๆ ยิ่งเห็นแบบนั้น แม่ยิ่งร้องไห้หนัก สดายุกลั้นใจลุกขึ้น แล้วเดินไปนั่งข้างกายแม่
“ผมกลับมาแล้วแม่”  สดายุกระซิบแผ่ว เอื้อมมือไปกุมมือแม่ไว้เบา ๆ หัวใจยังคงสั่น
ความรู้สึกยังคงอื้ออึง วันเวลา 5 ปี มันทำให้ขัดเขินไปหมด เพราะขนาดแค่จับมือของแม่ มือสดายุยังสั่น ความกังวลว่าจะถูกปฏิเสธแบบไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะรู้ตัวดีว่าต้นเหตุแห่งความห่างเหินมาจากใคร ทำให้สดายุไม่กล้าเข้าใกล้แม่มากไปกว่าการจับมือ  น้ำตาของแม่ทำให้สดายุเจ็บปวด แต่เขาก็ยังไม่กล้ายกมือขึ้นช่วยเช็ดให้ แม่ดูเปราะบางเกินกว่าที่เขาจะกล้าสัมผัส
ท้ายที่สุด เป็นแม่เอง ที่เองกายมาซบใกล้กับลูกชายที่หายหน้าไปนานอย่างสดายุ แม้จะเป็นแค่ช่วงไหล่ แต่มันยังความกล้ามาสู่ใจของสดายุอย่างมหาศาล รู้แล้วว่าแม่ยังคงอ้าแขนรับ แม้ว่าแม่จะยังไม่ยอมพูดอะไรนอกจากร้องไห้
 “ยุขอโทษนะแม่ ที่หายหัวไปเลย ยุขอโทษที่สร้างแต่เรื่อง” เมื่อมีความกล้า สดายุจับก็มือแม่แน่นขึ้น แล้วค่อยๆโอบกอดแผ่นหลังลู่สั่นเทิ้ม เพื่อปลอบประโลมแม่ที่ยังสะอื้นไม่หยุด “แม่อย่าร้องขนาดนั้นสิ ยุใจไม่ดีเลย” ทั้งที่มีคำพูดเป็นร้อยเป็นพันที่อยากจะบอก แต่สดายุกลับพูดไม่ออกนอกจากคำว่าขอโทษ กับคอยโอ้โลมให้แม่หยุดร้องไห้ หลายร้อยถ้อยคำถูกกลืนหายลงคอ จนพูดต่อไม่ออก ทำได้แค่ค่อยๆเอนศีรษะลงซบตรงไหล่ไหวสะท้านของแม่แค่นั้น
“คิดถึง” คือคำพูดแรก ที่แม่สามารถส่งผ่านก้อนสะอื้นออกมาได้ “คิดถึง” ย้ำออกมาอีกครั้ง พลางใช้มือข้างที่ไม่ได้เกาะกุมกัน ขึ้นลูบใบหน้าของลูกชายเบา ๆ “กลับมาแล้วเหรอ...ยุ”
ฝ่ามือแห้งกร้านจากความเจ็บป่วยค่อย ๆ บรรจงลูบผ่านข้างแก้ม สดายุหลับตาลงเพื่อซึมซับสัมผัสนั้น คำว่าคิดถึงของแม่ยังความอุ่นซ่าไปทั้งอก กลั่นหยาดน้ำตาของสดายุให้หลั่งไหลออกมาเป็นสาย ในทันทีที่ค้นพบบ่อน้ำตาตันๆ ของตัวเอง บ่อก็ท่วมท้นจนรินล้นพร่างพรู
พวกมันดีกว่ายุตรงไหนอ่ะแม่!? ชื่อเสียง เงินทอง ยุก็มีให้แม่มากกว่าพวกมัน
เราคือครอบครัวนะยุ ทำไมลูกถึงต้องทำตัวแปลกแยกด้วย
พวกมันไม่ใช่ครอบครัวยุ!! แม่ก็รู้ว่าพวกมันเกลียดยุอย่างกับอะไร ไม่รู้ล่ะ ยุจะพาแม่กับน้องไปอยู่ด้วย!!
ไม่ยุ...แม่จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ที่นี่คือบ้านของเรา
แต่มันไม่ใช่บ้านของผม ผมไม่ขอกลับมาเหยียบที่นี่อีก
โถ่...ยุ
ถ้าแม่เห็นพวกมันดีกว่ายุ เลือกพวกมันมากกว่ายุ ยุก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว
แม่ไม่ได้เลือกใคร หรือรักใครมากกว่า ทุกคนคือครอบครัวของแม่นะ แม่ก็แค่อยากอยู่บ้าน อยากให้เราอยู่ร่วมกัน...
แต่ผมไม่อยากได้ครอบครัว! และผมไม่มีทางกลับมาที่นี่อีกแล้ว ดังนั้น ถ้าแม่ไม่ยอมไปกับยุ เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีก
เอาเถอะยุ ทำตามที่ยุสบายใจ แม่จะไม่ห้ามอะไรทั้งนั้น แต่จงจำไว้ ว่ายุกลับมาที่นี่ได้ตลอด...
ความทรงจำในวันจากลาฉายชัด วันที่สดายุเผลอใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ความเยาว์วัยผนวกอารมณ์ร้าย ทำให้พูดและทำอะไรออกไปโดยไม่ยั้งคิด เป็นคนเดินออกมาเองแท้ๆ แต่กลับฝังใจตัวเองผิด ๆ ไปว่าถูกทอดทิ้ง น้อยอกน้อยใจในเรื่องไม่เป็นเรื่องจนเสียผู้เสียคน ทั้งที่พอโตขึ้นมาก็พอคิดได้แล้วว่ามันไม่ใช่ สิ่งที่ทำอยู่มันเสียเปล่า เป็นวิธีที่โง่เง่า แต่หัวใจบิดเบี้ยวกลับดึงดันรั้งรอ ไม่ยอมกลับไปแก้ไขให้มันดีขึ้น
วันนี้ที่ได้กลับมาเจอแม่อีกครั้ง สดายุยิ่งกระจ่างใจ...โถเรามัน ช่างโง่งม

การพบกันครั้งแรกในรอบ 5 ปี สองแม่ลูกไม่มีอะไรพูดคุยกันมากนัก แค่จับมือกัน กอดกัน มองหน้ากัน แล้วยิ้ม สดายุกอดแม่ แล้วให้แม่ลูบหัวลูบตัวให้หายคิดถึง แม่ไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่าการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เพราะแม่ได้แต่ตามข่าวในทีวี เห็นว่ากำลังมีปัญหาจนต้องออกจากวงการ ใจนึกเป็นห่วงมาก อยากไปหาอยู่หลายครั้ง แต่เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกชายอยู่ที่ไหน ไม่รู้แม้กระทั่งเบอร์ติดต่อ ทั้งตัวแม่เองก็ล้มป่วย เจ็บออด ๆ แอด ๆ จนแล้วจนรอดเลยไม่ได้ไปหาสดายุเสียที มาวันนี้ดีใจหนักหนา ที่ลูกกลับมาหากันได้
ใจแม่รู้ดี ว่าที่เหตุการณ์มันเลวร้ายได้ขนาดนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะตัวเองที่ผิด ทิฐิเหนือเหตุผล เพราะตนเป็นแม่ที่อุตส่าห์เลี้ยงดู ทั้งรักใครถนอมเสียยิ่งกว่าอะไร น้อยใจนักที่ลูกกลับดูถูกความรักที่มอบให้ ใส่ร้ายกันไปว่าตนไม่ใยดี มาคิดได้เอาหลังจากลูกจากไปแล้วว่าหล่อนช่างงี่เง่า ยิ่งตอนนี้ยิ่งเสียใจ ที่ไม่ได้คอยอยู่ให้กำลัง ไม่ได้คอยเคียงข้างยามลูกมีปัญหา ชีวิตที่ล้มเหลวของลูก ส่วนหนึ่งคือแม่คนนี้ที่เป็นสาเหตุ  พอรู้สึกตัวขึ้นมา น้ำตาแม่ก็ไหลพรากอีกครั้ง รู้สึกผิดต่อลูกชายเหลือเกิน
“ขอโทษนะยุ ที่แม่เห็นแก่ตัว ที่แม่ปล่อยให้ยุต้องเผชิญปัญหาเพียงลำพัง...แม่มันแย่จริง ๆ...แม่ขอโทษ...” เอ่ยขอโทษลูกชายด้วยหัวใจที่อ่อนล้า พลางสวมกอดลูกแน่นด้วยความรู้สึกผิดเหลือล้น
สดายุกอดแม่ตอบ “ยุต่างหากที่ผิดแม่ ยุต่างหากที่เกเร ยุต่างหากที่ควรขอโทษ แม่ครับ ยุขอโทษ...” ปฏิเสธความผิดของแม่ และยอมรับความผิดของตน แต่เหมือนจะยิ่งทำให้แม่ต้องเศร้ากว่าเก่า สดายุจึงตัดสินใจเล่าความจริง
“ยุไม่ได้ลำบากอะไรเลยแม่...หรือถ้าจะมีเรื่องอะไรก็เพราะเกิดจากตัวยุเองทั้งนั้น...” สดายุพยายามอธิบาย
“แต่แม่ทิ้งให้ยุ...ต้องอยู่ลำพัง...” ถึงกระนั้น แม่ก็ยังคงรู้สึกเสียใจ แม่ยังคงร้องไห้
“เปล่าแม่ ยุไม่ได้อยู่คนเดียว...”  สดายุว่า พลางช่วยซับน้ำตาจากแก้มแม่  เสียงแหบเสน่ห์ทอดหวาน ดวงตาคมพยายามสบตาแม่ด้วยรอยยิ้ม พร้อมเอ่ยปากบอกเรื่องสำคัญอย่างไม่รู้สึกขัดเขิน “ยุมีพี่เมธเขาอยู่ด้วย”
คำพูดนั้น ได้ยินกันเพียงสองแม่ลูก แต่สายตาที่จู่ ๆ ก็มองตรงมา ทำให้กฤตเมธที่ยืนอยู่ไกลปืนเที่ยง เริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังโดนพาดพิง แต่ก็ไม่ได้ออกอาการอะไร นอกจากยิ้มน้อย ๆ ให้กับสายตาที่มองมา
แม่ยิ้มบางกลับไปให้กฤตเมธ ก่อนหันมาหาสดายุพลางกระชับมือลูกชายมั่น “แม่เห็นในทีวีแล้ว...ไม่นึกมาก่อนเลย ว่า...จะเป็นผู้ชาย เขาดีกับยุมากไหม?” แล้วถามออกมาเสียงเบา เพราะความกังวลใจ
เพราะแม่ยังไม่คุ้นกับเรื่องแบบนี้ แม่ยังทำใจยอมรับไม่ได้
“ที่สุดครับ พี่เมธดีกับยุที่สุด” เห็นสายตาแม่ก็รู้แล้วว่า แม่รู้สึกกับยังไงกับความสัมพันธ์ของตนกับกฤตเมธ จะให้ทุกคนเปิดใจกว้างเหมือนอย่างแม่กรพิณน์ ก็คงไม่ได้ ชายรักชาย อย่างไรก็ยังไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถทำใจยอมรับได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว เรื่องนี้สดายุเข้าใจดี แต่ก็อยากให้แม่เข้าใจเขาด้วยเช่นกัน
อยากให้แม่ได้รู้ ว่ากฤตเมธดีกับเขามากแค่ไหน “ถ้าไม่มีพี่เขา ยุเองก็ยังไม่รู้ว่าวันนี้จะเป็นยังไง พี่เขาเป็นคนดีครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ”
“ถ้ายุว่าดี แม่ก็ว่าดี ถ้ายุมีความสุข แม่เองก็สุขด้วย...” แม่พยักหน้ายิ้มรับ ลูกชายมีคนรักเป็นผู้ชาย จะให้หล่อนทำใจยอมรับง่าย ๆ ได้อย่างไรเล่า แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ไปก้าวก่าย โดยเฉพาะการที่จะอ้างสิทธิ์ว่าเป็นบุพการีด้วยแล้ว  แม่อย่างหล่อนยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ได้แต่มองหน้าลูกชาย สลับไปมากับคนที่หล่อนก็รู้จักดีว่าเป็นถึงพระเอกเนื้อทองของวงการ แล้วพยายามทำใจยอมรับให้ได้ก็เท่านั้น วันนี้ยังไม่ได้ วันหน้าก็ต้องได้  เพราะนั่นคือคนที่ลูกเลือก
“เขา...จะดูแลยุอย่างดีใช่ไหม...ในอนาคตต่อไป...เขาจะไม่ทิ้งลูกของแม่ใช่ไหม...” น้ำเสียงสั่นพร่า กระซิบถามย้ำ
“ไม่รู้สิแม่ ผมกับพี่เขาเราอาจอยู่กันอย่างนี้ไปจนแก่ หรือในสักวันพี่เขาอาจหมดรักยุ หรือเป็นยุเองที่ทิ้งพี่เขา ยุเองก็ไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง...รู้แค่วันนี้ พี่เขาดีกับยุมาก พรุ่งนี้ก็คงยังดีกับยุอยู่แน่ๆ รู้แค่นั้นแหละครับ...” สดายุตอบพลางยิ้มหวาน เขาไม่อยากปั้นเรื่องเสริมแต่ง เป็นนิยายรักโรแมนติกดูดีให้แม่ฟัง อยากพูดแค่เรื่องจริงในความรู้สึกเท่านั้นให้แม่ได้รับรู้
แม่พยักหน้ารับฟัง และไม่เอ่ยอะไรมากไปกว่านั้นอีก พอดีว่าถึงเวลาที่ต้องกลับ เพราะหมดเวลาเยี่ยม สดายุจึงจำต้องขอตัวกลับออกมาก่อน แล้วสัญญาว่าจะมาใหม่ในวันรุ่งขึ้น แม่พยักหน้ายิ้มส่ง ทั้งที่ยังคงจับมือลูกชายแน่น

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ พี่จะมาตรวจร่างกายตั้งแต่เช้า” เมื่อออกมาไกลจากห้องคนป่วยพอ สดายุก็หันไปคุยกับสุริยะ เพื่อนัดแนะกันถึงกิจธุระที่ต้องจัดการในวันพรุ่ง
“ครับ…ขอบคุณนะพี่ยุ…ขอบคุณที่พี่ยอมช่วย” สุริยะอึกอัก รู้สึกทั้งขอบคุณและขัดเขิน คนที่ไม่เจอกันเลยกว่า 5 ปี พี่น้องที่ไม่เคยมีสัมพันธ์อันดีในความทรงจำ ความห่างเหินยังผลให้เกิดความประหม่า ที่ตนกล้าบากหน้าไปขอความช่วยเหลือ
“แม่ก็เป็นแม่พี่เหมือนกันนะ” สดายุตอบฉะฉาน พลางส่งยิ้มให้น้องชายน้อย ๆ
สุริยะไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เพียงยิ้มบางให้กับพี่ชายที่เอื้อมมือมาตบแขนเขาเบา ๆ เป็นการบอกลา ขณะที่เฝ้ามองแผ่นหลังพี่ชายที่เดินจากไป ในหัวของสุริยะก็คิดวนไปเวียนมาถึงเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
แม่ล้มป่วยเป็นโรคไตวายเรื้อรัง ทางรักษาทางเดียวที่สามารถทำให้หายได้คือการปลูกถ่ายไตใหม่ หรือคือการเปลี่ยนไต แต่แม่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษ ไม่สามารถเข้ากับไตบริจาคที่มีอย่างขาดแคลนได้ ร้ายกว่านั้นคือ แม้แต่ของคนในครอบครัวเองแท้ ๆ อย่างสุริยะ ก็ยังเข้ากันไม่ได้ หรือต่อให้เข้ากันได้ หัวเด็ดตีนขาด แม่ก็ไม่ยอมรับ
แม่จึงต้องรอคิวผู้บริจาคที่เนื้อเยื่อสามารถเข้ากันได้ ทว่าระหว่างรอ แม่ก็ต้องฟอกไตทุกวัน แม่อายุมากแล้ว ร่างกายแม่จึงอ่อนล้า สุริยะและพ่อของสุริยะ พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาไตใหม่มาปลูกถ่ายให้แม่ แต่ไม่ว่ากี่ครั้ง ผลการตรวจเนื้อเยื่อก็จะออกมาว่า ไตนั้นไม่อาจเข้ากับร่างกายของแม่ได้ นานวันเข้า แม่ยิ่งทรุดโทรม แม้จะยังใช้ชีวิตประจำวันอยู่ได้เพราะฟอกไต แต่ร่างกายแม่ก็เริ่มบวมน้ำ บวม ๆ ยุบ ๆ อยู่แบบนั้น ทั้งยังป่วยบ่อยขึ้น เช่นวันนี้ที่ต้องมานอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล เพราะแม่มีความเสี่ยงที่จะช็อคเอาได้ง่าย ๆ
แล้ววันหนึ่ง สุริยะก็ได้ค้นพบข้อมูลสำคัญจากประวัติการรักษาของแม่ นั่นคือ แม่เคยบริจาคเลือดให้พี่ชายของตน เมื่อสิบแปดปีก่อน นั่นคือแสงเดียวที่ส่องประกายขึ้นท่ามกลางความหมดหวัง สุริยะเร่งตามหาพี่ชายคน ที่เขาไม่เจอตัวจริงมานานหลายปี เห็นข่าวในทีวีว่าพี่มีคนรัก เป็นดาราร่วมวงการ ตอนนั้นสุริยะไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยไปถึงว่าดาราคนนั้นเป็นพระเอกดัง หรือเป็นผู้ชาย เพราะความหมายเดียวของกฤตเมธที่มีต่อสุริยะนั้น คือแผนที่ที่สุริยะจะสามารถตามหาพี่ชายเจอ
แล้วความพยายามก็สำฤทธิ์ผล หลังจากเทียวเฝ้าเข้าไปสั่งข้าวผัดแสนแพงทานวันละจาน ในที่สุดวันนี้ก็ได้พบพี่ชายเสียที โชคดีเหลือเกินที่เหลือบไปเห็น โชคดีเหลือเกินที่ใจกล้าพอที่จะตามพี่ชายเข้าห้องน้ำ

“เดี๋ยวกลับไป รีบอาบน้ำนอนเลยนะยุ พรุ่งนี้ได้แข็งแรง ๆ” กฤตเมธสั่ง ขณะพาสดายุลงลิฟท์มาที่ลานจอดรถ พรุ่งนี้เป็นวันสำคัญ เขาอยากให้สดายุพร้อมที่สุด
“อืม” สดายุตอบรับเพียงสั้น ๆ  เพราะตอนนี้ในหัวมีแต่เรื่องของแม่ สายตาที่ทอดต่ำแลดูวุ่นวาย เพราะทุกอย่างมันดูกะทันหันไปหมด จู่ ๆ ก็มีน้องชายที่เขาแทบจะลืมหน้าไปแล้วโผล่มา มาเพื่อบอกว่าแม่ป่วยหนักมีแค่พี่ชายคนนี้เท่านั้นที่ช่วยได้
สดายุไม่ได้เสียดายไตหรอกนะ แต่เสียใจต่างหากที่แม่ป่วยมานานขนาดนี้ ตนกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว มัวแต่คิดหาความสุขใส่ตน แล้วทอดทิ้งแม่ ด้วยข้ออ้างโง่เง่าว่า ‘น้อยใจ’
คิดถึงตรงนี้ทีไร มือของสดายุก็กำแน่น เขามันบัดซบสิ้นดี! แถมเมื่อครู่นี้ที่ได้เจอแม่ ก็ดันน้ำท่วมปาก แม้แต่ถามไถ่สุขภาพสักคำก็ไม่มี พูดแต่เรื่องอะไรก็ไม่รู้ที่ช่างไร้ประโยชน์ อยากทุบหัวตัวเองเหลือเกิน…

หมับ…แรงโอบไหล่ของใครบางคน ทำเอาสดายุที่กำลังฟุ้งซ่านถึงกับเซแซ่ด ร่างที่ถูกรั้งเข้าปะทะอกกว้างอย่างกะทันหันทำเอาสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นกฤตเมธส่งยิ้มผ่านดวงตามา สดายุก็รู้สึกตัวว่า ตัวเขาที่กำลังจ่อมจมอยู่กับวังวนในอดีต กำลังถูกกฤตเมธฉุดดึงขึ้นมา
“คิ้วผูกโบว์ขนาดนั้น ก็ได้ปวดหัวจนนอนไม่หลับอีก เดี๋ยวพรุ่งนี้ผลตรวจก็แย่หรอก” กฤตเมธบ่นปรามกลั้วรอยยิ้มบาง ๆ ขณะใช้นิ้วชี้ข้างที่ว่าง ยกขึ้นคลายปมคิ้วให้สดายุอย่างอ่อนโยน
“เรื่องในอดีตน่ะ เรากลับไปแก้มันไม่ได้หรอกนะ แต่ก้าวต่อไปต่างหาก ที่เราสามารถกำหนดมันได้…” กฤตเมธพูดต่อ พลางโอบไหล่ของสดายุแน่นขึ้น “ยุว่าอย่างนั้นไหม?” พร้อมส่งคำถามด้วยรอยยิ้มออกไป
คำถาม ที่ไม่ได้ต้องการคำตอบ แต่คือคำปลอบประโลมใจในสไตล์ของรุ่นใหญ่คนนี้ เพราะกฤตเมธรู้ดีว่าสดายุยังคงบอบบาง และอ่อนแอต่อโลกนี้อยู่มาก เขาที่การ์ดแข็งแรงกว่า จึงต้องพยายามประคับประคอง และปกป้องอย่างเต็มที่
“อืม” ฝ่ายสดายุเอง เมื่อได้รับการปลอบโยน หัวใจที่เจ็บร้าวก็ทุเลาลงหน่อย หัวหนัก ๆ จึงซุกลงอกกว้างอย่างตั้งใจ เพื่ออ้อนขอความอ่อนโยนอีก สภาพน่ารักน่าเอ็นดูจนกฤตเมธเกือบลืมเกรงใจกล้องวงจรปิด

“ยุ…เหรอ?”

เสียงไม่คุ้นเคยที่ขานชื่อขึ้น ทำเอาสองร่างที่กำลังอี๋อ๋อกันอยู่เป็นอันต้องหยุดชะงัก หัวใจของสดายุวูบโหวงทันทีที่ได้เห็นคนที่เรียกชื่อตน
เทิด พ่อเลี้ยงของสดายุ คนที่ในอดีตเคยบาดหมางกันมาก ถึงมากที่สุด กว่า 5 ปีที่ผ่านมา คนในความทรงจำดูเปลี่ยนไปมาก สดายุลองคำนวณคร่าว ๆ อายุเกือบ 60 ปีแล้วสินะ ถ้าจำไม่ผิด วันนี้พ่อเลี้ยงของเขาดูตัวเล็กลงอย่างไม่น่าเชื่อสายตา แม้แต่กระแสอำนาจ ความดุดันที่เคยมีอย่างล้นเหลือเมื่อครั้งเก่าก่อน ก็ดูจะอันตรธานหายไปด้วย
“สวัสดีฮะ…ลุงเทิด” สดายุยกมือขึ้นไหว้ พร้อมกล่าวทักทายออกไปด้วยน้ำเสียที่แหบพร่ากว่าปกติ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เขาไม่ยกมือไหว้ชายคนนี้
“เจอดามาแล้วสินะ” พ่อเลี้ยงรับไหว้โดยดี พร้อมถามไถ่ถึงการพบเจอกันระหว่างสดายุและแม่สรินดา หรือ ‘แม่ดา’
“ครับ…แม่ดูแย่กว่าที่ผมคิด” สดายุลังเลอยู่ครู่ก่อนจะตอบออกไป ฉุกคิดขึ้นได้ว่า นี่อาจเป็นการคุยกันดี ๆ ครั้งแรกในรอบหลายปี สดายุจ้องมองพ่อเลี้ยงตรงหน้านิ่ง ในหัวประเมินสถานการณ์ความน่าจะเป็นที่จะดำเนินต่อไป คิดไว้ตั้งแต่ก่อนมา ว่าถ้าหากได้เจอกัน คงโดนไล่ตะเพิด ว่าจะแส่มาเอาทำไมป่านนี้ หรืออย่างน้อย ๆ ก็ต้องโดนเขม่นเอาบ้างสักทีสองที
“อืม ก็ตั้งสามปีแล้วนี่นะ แก่ขึ้นด้วยอะไรด้วย ร่างกายก็อ่อนแอเป็นธรรมดาแหละ” แต่นี่กลับผิดคาด พ่อเลี้ยงของเขายังคงเจรจาพาที ราวกับไม่เคยมีเรื่องบาดหมาง แม้แต่ใบหน้าดุดันในความทรงจำ ตอนนี้ยังอุตส่าห์ทอยิ้ม 
เลิกแล้วต่อกัน…อย่างนั้นหรือ?
พ่อเลี้ยง เลิกชังน้ำหน้าเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?

 ความเงียบที่เกิดขึ้น หลังจากสดายุไม่ยอมต่อประโยคพูดคุย ฝ่ายพ่อเลี้ยงก็เป็นฝ่ายชวนคุยก่อนอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นการเตือนมากกว่า “อ่อ…เรื่องไตน่ะ ทำใจไว้หน่อยนะ ดาคงไม่ยอมรับไตของเธอแน่ ๆ” พ่อเลี้ยงพูดพลางยิ้มขื่น “เขาไม่อยากให้ลูกเขาต้องเสี่ยงหรอก”
“ผมจะคุยกับแม่เอง…ต่อให้แม่ไม่ยอม” สดายุออกปากเป็นมั่น
ความรั้นฉายชัดในดวงตาของสดายุนั้น เรียกรอยยิ้มแก่พ่อเลี้ยงอีกครั้ง “ดาก็เหมือนเธอแหละ ดื้อ บทจะเอาแต่ใจ ก็ไม่ยอมฟังใครหน้าไหนเหมือนกัน” จนอดไม่ได้ที่จะว่าหยอกออกไป พลางถอนหายใจ เมื่อรู้สึกว่าพอแล้ว “แต่เอาเถอะ ลองดูก็แล้วกัน ฉันก็อยากให้เขาหาย”
“ผมจะทำเต็มที่” สดายุรับคำ ใบหน้ายังคงขมวดมุ่น ไม่รู้ทำไม เขาถึงยิ้มออกมาไม่ได้เช่นที่พ่อเลี้ยงเป็น ทำไมเวลา 5 ปี ถึงเยียวยาฝ่ายนั้นได้ แต่กลับไม่ใช่เขา?
แต่ช่างเถอะ สดายุถอนหายใจ แบบนี้มันก็ดีแล้ว เลิกบาดหมางกันได้ เขาก็สามารถอยู่กับแม่ได้นานขึ้น โดยไม่ต้องมาคอยรู้สึกอึดอัดใจอย่างเมื่อก่อน
ถึงจะคิดว่าดี แต่วันนี้สดายุพอแล้ว แค่นี้สมองเขาก็ล้าเกินพอ “ผมขอตัวกลับก่อนแล้วกัน ลาล่ะฮะ” ว่าแล้วก็ตัดสินใจลากันดื้อ ๆ ยกมือไหว้พ่อเลี้ยงหนึ่งครั้ง แล้วหันหลังเดินจากออกมา
“เขาคงดีใจมาใช่ไหมที่เธอมา…ดาน่ะ” ทว่าประโยคที่ตามหลังมา ก็กลับทำเอาชะงัก สดายุไม่ได้หันกลับไป แต่ก็ยืนนิ่งรอฟัง
“เขารอเจอเธอมาตลอด”
นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่สดายุได้ยินจากปากพ่อเลี้ยงในวันนี้ ประโยคที่ทำให้หัวใจเขาอุ่นซ่านอย่างประหลาด ถึงขนาดที่ต้องเผลอยิ้มให้ ขณะหันไปมองแผ่นหลังที่เดินจากไปอีกทาง

“พ่อเลี้ยงผมเอง” สดายุแถลงไข เมื่อเห็นสายตาตั้งคำถามของกฤตเมธ หลังแยกย้ายจากพ่อเลี้ยงสูงวัยที่ทักทายอย่างเย็นชามาเมื่อครู่ “เมื่อก่อนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่” ทั้งยังอธิบายเสริม ถึงความสัมพันธ์อันน่าจดจำระหว่างทั้งคู่
“ก็พอเข้าใจได้อยู่”  กฤตเมธรับคำ ขณะเปิดประตูรถ ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ใช่เพียงเขาที่เข้าใจสถานการณ์หรอก ไม่ว่าใครได้เห็นก็คงพอรู้ทั้งนั้น ว่าเยื่อใยระหว่างสองพ่อลูกมันเบาบางขนาดไหน เวลาคงช่วยเยียวยาความบาดหมาง วันนี้ถึงได้ยังพอคุยกันได้อยู่ 
“เหนื่อยจัง...” สดายุบ่นเบา พลางถอนหายใจบาง ทันทีที่ขึ้นนั่งบนรถได้ “อย่างกับโดนคลื่นซัดแรง ๆ แน่ะ มึนไปหมด...เฮ้อ ขอหลับหน่อยนะลุง” แล้วขอหลับพักไปเงียบ ๆ วันนี้สดายุรู้สึกหมดแรงกว่าทุก ๆ วันที่ใช้ชีวิตมา 
ชีวิตที่คิดว่าอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด วันนี้กลับได้เห็นแจ้ง ว่าเป็นเพียงแค่ความคิดตื้น ๆ ที่ตัวเองสร้างขึ้นเท่านั้น โดยปกติก็ไม่ใช่คนที่ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว สถานการณ์ยุ่งเหยิงของวันนี้ ยิ่งทำให้สดายุหมดแรง
แม้สดายุจะเหนื่อยที่ต้องรับหลากหลายสถานการณ์ในวันนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่า เขาจะรู้สึกไม่ดีหรือกังวลที่ต้องยกไตให้แม่หรอก  เรื่องนั้น สดายุยิ่งกว่าจะยอม ต่อให้มากกว่านี้ เขาก็ให้แม่ได้  คิดถึงเรื่องที่พรุ่งนี้ต้องไปตรวจร่างกาย เพื่อหาผลกการเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อแล้ว สดายุก็พยายามทำใจให้ผ่อนคลายลง เพราะวันนี้มันยังกะทันหัน พรุ่งนี้พอตื่นมา ทุกอย่างคงลงตัว

 :n1:

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 14-06-2016 22:10:21
 :3123:

แม้จะ 3 ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว แต่สภาพท้องถนนของสุขุมวิท ยังคงติดต่อเนื่อง สดายุหลับไปแล้ว ไม่นานหลังจากออกจากโรงพยาบาลมา เสียงของลมหายใจสม่ำเสมอที่ได้ยิน ทำให้กฤตเมธรู้ว่าสดายุกำลังหลับสนิท แอร์เย็น ๆ กับเพลงคลอเบา ๆ คงช่วยให้สมองของสดายุได้ผ่อนคลาย
‘อย่างกับโดนคลื่นซัดแรง ๆ แน่ะ’  คำพูดของสดายุไหลวนอยู่ในหัว กฤตเมธยิ้มน้อย ๆ ให้กับคำเปรียบเปรยที่สดายุช่างคิด แต่ก็จริงของเจ้าตัวเขาแหละ วันนี้มีคนมากหน้าหลายตาเข้ามาในชีวิตของสดายุแบบไม่ได้ตั้งตัว จากที่ปกติ หลังจากออกจากวงการมา วัน ๆ ก็มีแค่ร้านอาหารที่ต้องเรียนงาน กับบ้านที่ทีกฤตเมธอยู่เท่านั้น ชีวิตซ้ำ ๆ ไม่ค่อยได้พบเจอใคร ไม่แปลกที่วันนี้สดายุจะช็อค
พูดถึงคลื่นซัด กฤตเมธก็หันกลับมาฉุกคิดถึงตัวเองบ้าง ในระหว่างที่สดายุถูกคลื่นซัดถาโถม เขาคนนี้ กลับไม่มีแม้แต่ละอองกระเซ็นใส่

โดนเมินอย่างสมบูรณ์...

ตั้งแต่น้องชายที่โผล่มา แล้วทักเขาแค่คำว่าสวัสดีครับ จากนั้นก็ตามติดพี่ชายแจ
คุณแม่ ที่แค่หันมามอง ยิ้มให้ (ตามมารยาท) นิด ๆ แล้วก็ไม่สนใจกันอีก ไม่มีแม้แต่คำว่า สวัสดี
สุดท้ายพ่อเลี้ยงนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่มองกันเลยด้วยซ้ำ...
เฮ้อ...ลักษณะพ่อตา แม่ยายจะไม่ปลื้มเสียแล้ว...แต่เอาเถอะ อุตส่าห์ได้ลูกเสือมาไว้ในมือแล้ว แค่พ่อแม่เสือน่ะ กฤตเมธสู้ตาย ถึงอย่างไร ก็จะไม่ยอมคือนให้อย่างเด็ดขาด
คิดไปคิดมาก็หลุดขำตัวเอง ตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยโดนเมินแบบตั้งใจขนาดนี้มาก่อนเลย

เช้าวันต่อมา สดายุพาร่างกายที่คิดว่ากระปรี้กระเปร่าเต็มที่ มารับการตรวจเต็มขั้น ที่โรงพยาบาล การตรวจ HLA typing and cross-matching หรือการตรวจเพื่อพิสูจน์ชนิดของเนื้อเยื่อและความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อนั้นมีหลายขั้นตอนมาก แต่ละขั้นตอนก็กินเวลาพอสมควร
หลังจากการตรวจมาราธอนตลอดช่วงเช้า แม้ผลการตรวจออกมาจะออกมาว่า ความเข้ากันได้ของเนื้อเยื่อก็เป็นที่น่าพอใจตามที่คาด แต่ถึงอย่างนั้น สดายุก็ยังต้องรอต่อไปอีก 3 สัปดาห์ เพื่อให้สภากาชาดส่งผลยืนยัน ว่าเลือดสามารถเข้ากันได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกรุ๊ปเลือดพิเศษอย่างของแม่และสดายุ 
แม้ในอีก 3 สัปดาห์ผลสรุปออกมาว่าเลือดสามารถเข้ากันได้ แต่การผ่าตัดเปลี่ยนไตนั้นก็ยังไม่ได้สามารถทำได้ทันที ถึงแม้จะเป็นโรงพยาบาลเอกชน แต่สดายุก็ยังต้องรอคิวผ่าตัดถึง 2 เดือน 
ซึ่งเรื่องการรอ 2 เดือนนั้นไม่ใช่ปัญหา เรื่องเดียวที่สดายุต้องทำให้ได้ตอนนี้ก็คือ การกล่อมให้แม่ยอมรับไตของตน เนื่องจากทันทีที่แม่รู้ว่าสดายุตรวจร่างกายเพื่อหาความเข้ากันของเนื้อเยื่อ และกำลังรอผลเลือด แม่เองก็โวยวายเป็นการใหญ่ คัดค้านว่าจะไม่รับท่าเดียว ไม่ว่าใครจะกล่อมอย่างไร ก็ไม่ยอมฟัง ยืนยันจะรอแค่ไตบริจาค
 นั่นทำให้สองแม่ลูกต้องมานั่งถกเถียงกันอย่างออกรสในตอนนี้ หลังตรวจร่างกายเสร็จ สดายุก็บอกทุกคนว่าขอให้ตนได้อยู่คุยกับแม่สองต่อสอง เพื่อเกลี้ยกล่อมทุกทางให้แม่ยอมรับการบริจาคไตจากเขา  ซึ่งสดายุคิดว่าการจับเข่าคุยกันแค่สองคน น่าจะให้ผลที่น่าพอใจกว่า

“ไม่เอา  แม่จะรอคนบริจาค”  เสียงพร่า ปฏิเสธแข็งขัน ทั้งผินหน้าหลบ ไม่ยอมสบตาลูกชาย ที่นั่งคะยั้นคะยออยู่ข้างหน้า
“กรุ๊ปพิเศษอย่างเรา หายากนะแม่ ขนาดรอบริจาคแบบธรรมดายังนานเลย” การคุยกับแม่ ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่สดายุตั้งใจ จำไม่ได้เลยว่า เมื่อก่อนแม่ดื้อขนาดนี้หรือเปล่า ถึงอย่างนั้น สดายุก็ยังไม่ยอมลดละที่จะพยายามอธิบายให้แม่ได้เข้าใจ นั่นยิ่งทำให้การโต้เถียง ยืดเยื้อยาวนาน
“แม่รู้ แต่แม่ทนให้ยุเหลือไตข้างเดียวไม่ได้เด็ดขาด”
“ไตข้างเดียวก็ใช้ชีวิตปกติได้แม่ มันไม่ได้มีอะไรแย่”
“ไม่เอา ไม่เอา ยังไงแม่ก็ไม่เอา”
“แม่…อย่าดื้อน่า ไม่อยากอยู่กับพวกผมไปนาน ๆ หรือไง?”
“แม่อยู่ได้ แค่นี้แม่ก็อยู่ได้”
“แต่ถ้าแม่ได้ไตจากยุไปข้างหนึ่ง แม่ก็จะกลับมาแข็งแรง ไม่ต้องมาคอยเจ็บตัวฟอกไตทุกวันอย่างนี้”
“แล้ว…ถ้าแก่ตัวไป ยุเกิดเป็นเหมือนแม่ขึ้นมาล่ะ? แบบนั้นจะทำยังไง? ถึงตอนนั้นถ้ายุเป็นอะไรขึ้นมา จะให้แม่ทำใจได้ยังไงกัน หืม? ไม่เอาหรอก แม่รับไม่ได้ ไม่เอาเด็ดขาด... ” สุดท้าย แม่ก็หลุดความในใจออกมา แม่เป็นห่วงสดายุ ไม่อยากให้ต้องมาเจ็บตัว แม่รู้ว่าแม้จะมีไตเพียงข้างเดียว ก็สามารถมีชีวิตต่อไปได้ แต่มันจะไม่มีวันเหมือนเดิม เคยได้ยินมาว่าจะทำให้เหนื่อยง่าย ไม่สบาย หรืออาจไม่สบาย ได้ง่ายขึ้น อย่างไรเสีย มีครบย่อมดีกว่าขาด แม่ไม่ยอมให้สดายุต้องลำบากเพื่อแม่อย่างเด็ดขาด
ได้ยินคำแม่ สดายุก็เงียบไป ใจแม่พะว้าพะวังอยู่กับตัวตัวเขา ทำไมสดายุจะไม่รู้ เพราะเหตุผลที่อยากจะให้ของสดายุ กับเหตุผลที่จะไม่รับของแม่ มันคือเหตุผลเดียวกัน คือ ‘รักและห่วงใย’  เขาที่ไม่ยอมให้แม่ปฏิเสธ ก็คงเหมือนกันกับที่แม่ไม่ยอมที่จะรับ
ถึงตอนนี้ สดายุคลายอารมณ์ลง เอื้อมมือไปกุมมือแม่ไว้  แล้วพยายามกล่อมแม่ต่อ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนน่าฟัง กับเหตุผลที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลที่สุด
“ไม่เป็นหรอกแม่  ยุน่ะดวงดีจะตาย”
ได้ยินแบบนั้นเข้าไป แม่ก็หันมามองหน้าของสดายุตรง ๆ เสียที  เห็นลูกนั่งทำหน้าทะเล้น ก็ได้แต่เอ็ดเบา ๆ ว่า “ปากดี” นั่นเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ ขึ้นระหว่างกัน เมื่อบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง สดายุก็เริ่มตะล่อมแม่ต่อ
“ก็แม่บอกเอง…ว่ายุคือพรวิเศษ เป็นตัวนำโชค แล้วยุจะป่วยได้ยังไง” คำว่าพรวิเศษ ที่ได้ฟัง มันสะกิดหัวใจของคนเป็นแม่ ความทรงจำในครั้งนั้นไหลเวียนคืนมาสู่หัวใจ ‘พรวิเศษ’  คำนี้แม่ใช้บอกลูกน้อยในตอนนั้นทุกวัน แม่มีกรุ๊ปเลือดพิเศษ ที่ทำให้มีความเสี่ยงสูงในการมีลูก เพราะเป็นไปได้มากที่ลูกในครรภ์จะมีกรุ๊ปเลือดผิดแม่ แล้วให้ให้เกิดปัญหา ทว่าสดายุของแม่กลับมีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน กรุ๊ปพิเศษเหมือนแม่ ทำให้แม่ไม่ป่วย และสามารถคลอดสดายุออกมาได้อย่างปลอดภัย ดังนั้น สดายุจึงเป็นพรวิเศษของแม่ 
หากพอเวลาล่วงผ่านไปนานปี คำคำนี้ก็ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ไม่ใช่ว่าแม่จะลืม แต่หลากหลายปัญหาที่ถาโถมใส่ ทำให้แม่เผลอไผลในการให้ความสำคัญ โถ...ลูกจ๋า แม่ขอโทษ ไพล่คิดถึงความหลัง ดวงตาแม่ก็รื้นไปด้วยน้ำตา ฝ่ามืออูมเอื้อมไปลูบผมของลูกชายที่นั่งตาแป๋วอยู่ตรงหน้า  “แต่แม่…ไม่อยากพรากอะไรของลูกมาอีกแล้ว…ทั้งที่แม่ ไม่เคยให้อะไรลูกเลย…” แม่บอกเล่า พร้อมหยาดน้ำตาหยอดน้อยกลิ้งลงข้างแก้ม
“ผิดแล้วแม่…แม่ให้ยุมาแล้วทั้งชีวิต แม่ไม่เคยทิ้งยุเลยตั้งแต่จำความได้”  สดายุส่ายหน้าทักท้วง พลางคว้ามือแม่มาแนบข้างแก้ม น้ำตาของแม่ บีบรัดหัวใจของสดายุอีกครั้ง “แม่อย่าโทษตัวเองเลยนะ เพราะทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ยุทั้งนั้นที่เป็นต้นเหตุ ยุรู้ตัวแล้ว” 
“ไม่หรอกลูก แม่ต่างหาก ที่ให้เวลายุน้อยไป แม่ต่างหากที่มองเห็นแต่ตัวเอง”
“แม่เห็นแก่ครอบครัว ยุต่างหากที่เห็นแก่ตัวเอง…”
การโต้เถียงอันแสนเศร้าเริ่มขึ้นอีกครั้ง เมื่อต่างฝ่ายต่างพยายามน้อมรับความผิดเข้าตัวเอง
ในท้ายที่สุด สดายุกอดแม่ ขอร้อง อ้อนวอน
“นะครับแม่ ให้ยุได้ไถ่โทษ ให้ความผิดที่ติดค้างในใจของยุได้ทุเลาลง…”
“…….แต่” แม่กอดตอบ ทว่ายังคงลังเล
“นะแม่นะ…ให้ยุได้ตอบแทนแม่เถอะ” 

ไม่รู้ว่าการโต้เถียงจบลงเมื่อไหร่ แต่สุดท้าย แม่ก็ยอมรับไตข้างหนึ่งจากสดายุ สองวันต่อมา แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ แต่กว่าจะถึงวันนัดผ่าตัด ก็ยังต้องฟอกไตอยู่เนือง ๆ ตัวสดายุเอง น้ำหนักตัวในตอนนี้ก็ยังถือว่าน้อย แม้จะแข็งแรงพอที่จะบริจาคไต แต่หมอก็ขอให้ช่วยเพิ่มน้ำหนักตัวภายใน 2 เดือนให้ได้ก่อนอยู่ดี
ในระหว่างนั้น ชีวิตของสดายุมีความสุขอย่างไม่น่าเชื่อ การได้กลับมาคุยกับแม่อีกครั้ง ลืมเรื่องที่เคยน้อยเนื้อต่ำใจ ได้ไปมาหาสู่ เหมือนทุกอย่างที่เคยเฝ้าฝันพลันเป็นจริง แม่แข็งแรงขึ้น สดายุเองก็ดูเหมือนจะมีเนื้อมีนวลขึ้นกว่าเดิมหลายกิโลกรัม เพราะอาหารรสมือแม่ที่แสนคิดถึง
ปัญหาเดียวที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ คือการที่กฤตเมธกลายเป็นมนุษย์นอกวงโคจร แม้จะติดสอยห้อยตามสดายุมาเยี่ยมแม่อยู่เกือบทุกครั้งที่มีโอกาส ในช่วงแรก ๆ นั้นกฤตเมธรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นแค่คนขายประกัน หรือแค่โชเฟอร์รถรับจ้าง ที่ได้รับไมตรีแค่จากคำทักทายตามมารยาท แล้วตัดขาดให้นั่งเงียบ ๆ เพียงลำพัง แต่เพราะกฤตเฒธถือดี ว่าตนมีความหน้าทนพอ ถึงได้ยังทู่ซี้ เอาตัวเองมาอยู่ในวงสนทนาของคนในครอบครัวของสดายุให้ได้  พยายามมีส่วนร่วมในทุกกิจกรรมของบ้านอย่างเต็มที่  จนในที่สุด วันที่รอคอยก็มาถึง
1 วันล่วงหน้า ก่อนการเตรียมตัวผ่าตัด

“คุณ...ดูรักลูกชายของแม่มากเลยนะคะ”
จู่ ๆ แม่ก็ทักขึ้น ในขณะที่นั่งกันอยู่เพียงสองต่อสองในศาลาไม้นั่งเล่นกลางสวนหน้าบ้าน เพื่อรอสดายุที่กำลังไปเข้าห้องน้ำ งานนี้กฤตเมธถึงกับแอบหน้าเหวอ เพราะโดยปกติแล้วแม่ของสดายุกับตนนั้น นอกจากยิ้ม ทักทายตามมารยาทแบบถามคำตอบคำแล้ว ก็ไม่เคยมีการเจรจาพาทีที่เกินกว่านั้นมาก่อน ดังนั้น เมื่อถูกชวนคุยแบบไม่ทันตั้งหลัก กฤตเมธก็ชักจะใจสั่นเล็ก ๆ
“สังเกตุมานานแล้ว คุณเอาใจใส่ตายุดีเหลือเกิน” แม่ต่อคำพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกเขยรู้สึกประหม่าน้อยลง “แม่คิดว่า คุณจะถอดใจ เลิกมาบ้านเราตั้งแต่ช่วงแรก ๆ แล้วเสียอีก”  แม่เย้า เมื่อเห็นกฤตเมธเริ่มมีรอยยิ้ม
 “ผมรู้ครับ บางเรื่องมันต้องใช้เวลา หากคุณแม่เห็นว่าผมยังไม่ดีพอ ผมก็พร้อมจะพิสูจน์ตัวเอง” กฤตเมธตอบถ้อย นอบน้อม แต่ชัดเจน
 “คุณเป็นคนดีมากค่ะ แม่รู้ แม่เองก็เห็นมากับตา สัมผัสมาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...ขอโทษนะ ที่ทำเป็นหมางเมิน แม่แค่รู้สึกไม่คุ้นเคย…” แม่อธิบายถึงความรู้สึกของตนในช่วงแรก ๆ และไม่ลืมที่จะชื่นชม นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่แม่ กับลูกเขยได้คุยกันในเรื่องต่าง ๆ มากกว่าแค่การทักทาย เพราะฉะนั้น อะไรที่ติดค้างกวนใจ แม่ก็คิดว่าควรเปิดใจกันให้หมดเสียตอนนี้
เพราะแม่เล็งเห็นแล้วว่า กฤตเมธ สามารถเป็นสมาชิกในครอบครัวที่ดีได้
“เพราะตอนแรก แม่คิดว่าคุณคงแค่เล่น ๆ กับลูกของแม่”
แค่คำแรกที่แม่เปิดใจ ก็ทำเอากฤตเมธถึงกับสะอึกแล้ว
“เพราะก่อนหน้านี้ แม่จำได้ว่า  แม่เห็นคุณเมธให้สัมภาษณ์กับนักข่าวในทีวี บอกว่ายุเป็นคนเหลวไหล และไม่นานจะต้องแพ้ภัยตัวเอง” แต่ประโยคต่อมาแทบทำเอากฤตเมธแทบทรุดมากกว่า “ก็กะว่าพ่อพระเอกคนนี้คงไม่ชอบหน้าลูกชายของแม่มากแน่ ๆ แต่พอหลังจากนั้นไม่นาน…กลับเห็นประกาศเป็นแฟนกันซะอย่างนั้น แม่ก็เลย ค่อนข้างสับสนน่ะ”
นี่ไม่ใช่แค่การเปิดใจ แต่เป็นอะไรที่ทำให้กฤตเมธสำลักน้ำลายเสียหลายอึก แม่พูดไปยิ้มไป กฤตเมธก็แต่แต่ยิ้มแหยตาม มดมาดเทพบุตรที่อุตส่าห์ฉาบเอาไว้เสียสนิท “ขอโทษครับ…ผมเอง ก็เกลียดตัวเองในตอนนั้นเหมือนกัน ที่พูดอะไรยโสแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของยุเขาเลยแม้แต่นิดเดียว…ผมยอมรับผิดทุกคำเลยครับคุณแม่”
คำขอโทษของกฤตเมธ เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากแม่ มืออูมยื่นมาแตะมือของกฤตเมธเบา ๆ “หยอกเล่นนะคุณ อย่าทำหน้าสลดแบบนั้นสิ แม่ไม่แกล้งแล้วค่ะ” แม่พูดปลอบพร้อมรอยยิ้ม
ถึงตอนนี้ กฤตเมธรู้ซึ้งแล้ว ว่าสดายุนิสัยเหมือนใคร เคาะกันมาเป็นพิมพ์เดียวไม่มีผิดเพี้ยน
“หึหึ…สุดท้ายแล้ว คนที่แพ้ภัยตัวเองคงเป็นผมนี่แหละครับ” กฤตเมธยิ้มรับคำแม่ พร้อมให้คำมั่น “ผมรักยุมากครับแม่ ผมสัญญาจะดูแลยุอย่างดี ถึงแม้วันนี้คำพูดของผมอาจจะยังดูเชื่อไม่ได้ แต่ผมจะพิสูจน์ให้แม่ได้เห็นครับ”
“ขอบคุณนะคะ ฝากยุของแม่ด้วยนะ ดูแลเขาแทนแม่ที”
คราวนี้แม่ใช้ทั้งสองมือจับมือของกฤตเมธไว้ หยาดน้ำตาที่คลอเอ่อขึ้นมา ทำให้กฤตเมธรู้ว่าประโยคฝากฝังต่อไปนี้ เขาจะต้องรับมันไว้ด้วยหัวใจที่มั่นคง
“บางครั้งยุอาจทำตัวไม่น่ารัก คุณอย่าโกรธเขานะ บางครั้งที่เขาทำตัวเอาแต่ใจ ก็เพราะเขาแค่อยากอ้อน ได้โปรดอย่าเมินเขาเหมือนที่แม่เคยทำ” แม่ขอร้องทั้งน้ำตา เพราะยังปวดปร่าในความรู้สึกผิด
“ครับ…ผมรับปาก” กฤตเมธกระชับมือแม่มั่น ทอดคำสัญญาแน่นหนัก ดีใจเหลือเกินแล้ว ที่ในที่สุด ก็สามารถก้าวข้ามกำแพงที่แม่สร้างเอาไว้จนได้ ดีใจที่สุดท้ายความจริงใจก็ได้รับการยอมรับ
“ขอบคุณครับแม่ ที่วางใจยกยุให้กับผม”
“แม่เปล่า…ยุต่างหากที่เลือกคุณ แค่มองแม่ก็รู้แล้ว ว่ายุเขาอ้อนใคร”
คำพูดของแม่ยังความอุ่นซ่าสู่หัวใจของกฤตเมธอย่างล้นเหลือ แม้จะรับรู้ได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว ว่าถูกสดายุรักมากแค่ไหน แต่พอได้ยินจากปากคนอื่นสำทับ มันยิ่งน่ายินดีกว่าเดิมเป็นร้อยเท่า เพราะมันแสดงให้เห็นเลยว่า สดายุมอบความรักให้เขาอย่างเปิดเผย
และเขาไม่ได้คิดไปเอง…
หลังจากนั้นเพียงไม่นานสดายุก็เดินกลับออกมา น้ำตาบนใบหน้าของแม่ ทำให้กฤตเมธโดนสดายุซักฟอกเป็นการใหญ่ แต่แม่ก็คอยช่วยไว้ว่าที่ร้องไห้ เพราะดีใจที่กฤตเมธออกปากสู่ขอสดายุจากแม่
งานนี้สดายุโวยหนัก พร้อมคำบ่นที่เรียกเสียงหัวเราะไม่น้อย
“เปลี่ยนจากร้องไห้เป็นเรียกสินสอดหนัก ๆ แทนไม่ดีกว่าเหรอแม่?”

ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง หลังจากต้องตรวจเช็คความพร้อมของร่างกายครั้งสุดท้าย แล้วแอดมิดเข้านอนที่โรงพยาบาล 1 วันล่วงหน้าแล้ว ในวันนี้การผ่าตัดก็ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ 8 โมงเช้า แม่กับสดายุต้องผ่ากันคนละห้อง โดยทำการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์และระบบ Controller ที่ทันสมัยที่สุดในตอนนี้ แน่นอนว่าค่าใช้จ่ายย่อมอยู่ในอัตราที่สูงกว่าปกติ เช่นกัน
จาก 8 โมงเช้า สดายุมาฟื้นอีกครั้งก็ตอน 5 โมงเย็น ความเจ็บจากการผ่าตัด เรียกเสียงครางออกจากริมฝีปากแห้งผากก่อนที่ดวงตาจะสามารถลืมขึ้นได้เสียอีก นอกจากความเจ็บปวดรวดร้าวที่รู้สึกได้แล้ว ความรู้สึกอุ่น ๆ ที่มือข้างขวา ยังทำให้สดายุรับรู้ได้ว่ามีใครอีกคนคอยเฝ้ารอให้เขาฟื้นอยู่   
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ลืมตาขึ้นได้ก็มองเห็นทันที ถึงใบหน้าที่แสดงความห่วงใยอย่างไม่ปิดบังของกฤตเมธ รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นทันทีที่เห็นว่าสดายุลืมตา ทำเอาคนเจ็บไม่กล้าร้องโอดโอยให้กฤตเมธต้องหน้าสลดเลย แต่นอกจากครางเบา ๆ แล้ว สดายุก็ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถทำอะไรได้อีก เพราะตอนนี้เขายังพูดไม่ได้ เนื่องจากสายช่วยหายใจที่สอดอยู่ในคอ ร่างกายก็ขยับไม่ไหวเพราะความปวด สายสวนปัสสาวะ สายระบายเลือด สายน้ำเกลือ ระโยงเต็มตัวไปหมด เห็นสภาพตัวเอง สดายุก็ได้แต่นึกขัน ชีวิตไม่เคยคิดว่าจะหนักขนาดนี้ เคยเป็นไข้เลือดออกหนักจนต้องรับเลือดจากแม่อยู่ครั้งหนึ่ง เมื่อตอนยังเด็ก ตอนนั้นก็ว่าชีวิตหนักแล้ว มาครั้งนี้รู้เลยว่ายังมีอะไรที่มากกว่า
แต่ว่า มันก็สุขใจเหลือเกิน
สดายุทรมานกับสายสวนปัสสาวะอยู่เพียงวันเดียว เพราะรุ่งเช้า เมื่อหมอเห็นว่าสดายุฟื้นตัวเป็นที่น่าพอใจ ก็สั่งให้พยาบาลถอดสายสวนให้สดายุได้เป็นอิสระ รวมถึงสายระบายเลือดด้วย
พอคล่องตัวขึ้น สดายุก็อ้อนขอให้กฤตเมธพาไปเยี่ยมแม่ที่พักอยู่ที่ห้องปลอดเชื้อ กฤตเมธตามใจ แต่ไม่ยอมให้เดินไป ชายหนุ่มไปขอเก้าอี้รถเข็นมาหนึ่งคันเพื่อพาสดายุเข็นไปเอง
แม่อยู่ในห้องปลอดเชื้อ โดยมีพ่อเลี้ยงและสุริยะคอยเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ทันทีที่เห็นว่าสดายุมา สุริยะก็รีบเข้าไปหา ถามไถ่พี่ชายว่าทุเลาความเจ็บลงบ้างหรือยัง เมื่อคืนก็มาคอยช่วยเฝ้าไม่ห่าง สลับไปมากับห้องแม่ ไม่แคร์แม้กฤตเมธจะบอกว่า แค่เขาก็ไหว…
…นี่เป็นอีกเรื่อง ที่กฤตเมธยังต้องต่อสู้ เพราะดูเหมือนน้องชายที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานของสดายุคนนี้ จะติดพี่ชายจนลืมไปแล้วว่า พี่ชายตัวเองนั้นมีคนรักอยู่ ถึงได้คอยแต่จะแย่งหน้าที่ของกฤตเมธตลอด ทุกครั้งที่มีโอกาส น้องชายคนเล็ก ที่ตัวโตอย่างกับยักษ์ ซึ่ง ณ ตอนนี้ สดายุเองก็ยังไม่รู้ตัว ว่าน้องชายกับคนรักกำลังแอบเขม่นกันลับหลังตน

“แม่…เป็นไงบ้าง?” สดายุไม่ได้สนใจแล้วว่าใครเป็นยังไง เขารีบพาตัวเองมาที่เตียงของแม่เพื่อถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง
“ดีขึ้นแล้วลูก…หมอบอกว่าแม่ฟื้นตัวเร็ว แล้วยุเป็นยังไงบ้าง? เจ็บมากไหม?”
“หมอก็บอกว่ายุฟื้นตัวเร็วเหมือนกัน หายแล้วเนี่ย แข็งแรงอย่างกับม้า”
“หายเร็วก็ดีแล้ว คนเก่ง” แม่ยกมือขึ้นลูบหัวสดายุด้วยความเอ็นดู พร้อมเอ่ยปากชื่นชมในความเก่งกล้า
ทว่าสองแม่ลูกยังไม่ทันจะได้คุยกันมากเท่าไหร่ พอดีถึงเวลาที่หมอลงตรวจ สดายุจึงต้องกลับห้องตัวเองเช่นกันเพื่อกลับมารอหมอ แล้วค่อยแวะเข้าไปหาแม่ใหม่ ในช่วงบ่าย
แม้ว่าต่อหน้าแม่จะทำเป็นเก่งแค่ไหน กลับห้องมาได้ ก็ป่วยอ้อนกฤตเมธต่อ โอดโอยว่าเจ็บอย่างนั้นอย่างนี้ จนกฤตเมธต้องอุ้มขึ้นนอนบนเตียงให้ บ่นหนาวไม่อยากเช็ดตัว บ่นว่าข้าวต้มจืดเกินไป อยากกินข้าวผัดมากกว่า อยากได้กาแฟสักแก้ว แต่แม้จะอ้อนสารพัด แต่กฤตเมธก็จัดให้เฉพาะของที่หมออนุญาตเท่านั้น ซึ่งแน่นอน ตอนนี้ข้าวผัดกับกาแฟ หมดสิทธิ์  แถมยังโดนตาลุงใจร้ายบังคับจับเช็ดตัว ทั้งที่สดายุบ่นไม่ขาดปากว่าหนาวใจแทบขาด
หลังโดนหมอจับตรวจโน่นนี่ จนพอใจ อาการปวดแผลที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง ทำให้สดายุโดนยาตามข้าวเข้าไปอีกสองสามขนาน จากนั้นก็ถูกสั่งให้นอนพัก ห้ามดื้อห้ามซน เพราะร่างกายยังไม่พร้อมที่จะให้ขยับไปไหนมาไหน   
ห้ามไปก็เหมือนว่าจะเชื่อฟัง เพราะสดายุนอนเปื่อยอยู่บนเตียงตามคำสั่งหมออย่างว่านอนสอนง่าย ทว่าสุดท้ายพอตกบ่าย สดายุก็งอแงให้กฤตเมธช่วยพาเดินโต๋เต๋ ไปเยี่ยมแม่อีกครั้งอยู่ดี น่าเสียดายที่แม่กำลังหลับ ห้องปลอดเชื้อนั่งเฝ้านานไม่ได้สดายุจึงต้องย้ายตัวเองกลับไปพักตามเดิม อาการปวดแผลเริ่มกลับมาหลังเดินมากไป ไม่ยอมใช้รถเข็น คาดว่าวันนี้คงเดินเล่นไม่ไหวอีกแล้ว ตอนเย็นถ้าอยากจะมาอีกคงต้องอาศัยรถเข็นให้กฤตเมธช่วยพามา เพราะคงซ่าเดินเองไม่ไหวอีก
เมื่อตัดสินใจได้ว่าต้องกลับ กฤตเมธก็เข้ามาช่วยประคองอย่างรู้หน้าที่ แต่พอออกมาจากห้องพักของแม่ เป็นอันต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าพ่อเลี้ยงนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวตรงเก้าอี้ยาวหน้าห้อง   คงเพราะเฝ้าไข้ในห้องคนป่วยไม่ได้ พ่อเลี้ยงจึงออกมานั่งรออยู่ข้างนอกแทน เพื่อเข้าไปหาตามเวลา
ตอนเข้าไปสดายุไม่เห็นว่าพ่อเลี้ยงนั่งอยู่ หรือบางทีอาจเพิ่งไปไหนมาแล้วกลับมานั่งเมื่อครู่ พ่อเลี้ยงที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือบางอย่างอยู่ ไม่เห็นว่าสดายุเพิ่งออกจากห้องปลอดเชื้อ แต่สดายุเห็นอีกฝ่ายได้ชัดเจนดี
ทั้งที่ปกติ สดายุกับพ่อเลี้ยงจะไม่ค่อยยุ่งวุ่นวายกันเท่าไหร่ นอกจากคำทักทายหากต้องเจอหนแล้ว ก็ไม่เคยได้คุยอะไรกันเกินกว่านั้นอีก หากเป็นปกติ สดายุคงขอให้กฤตเมธพาตัวเองกลับห้องไปโดยไม่ต้องทักทาย เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็ยังไม่ทันเห็น
สดายุก็คิดจะทำอย่างนั้น ถ้าบังเอิญสายตาไม่เหลือบไปเห็นหนังสือในมือของพ่อเลี้ยงเสียก่อน
‘คู่มือดูแลตัวเองหลังการปลูกถ่ายไต’ 

 “ขอบคุณที่ไม่ทิ้งแม่ผม”
คำทักทายอย่างกะทันหัน ทำให้พ่อเลี้ยงหันมามอง สดายุที่ยืนเด่นอยู่กับเสาน้ำเกลือ
“ขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างแม่ตลอด…” คืออีกคำที่สดายุมอบให้พ่อเลี้ยงที่ไม่เคยคุยกันเกิน 10 ประโยค
พ่อเลี้ยงจ้องมองมานิ่ง เช่นเดียวกับสดายุที่มองตอบ เขาทั้งคู่ไม่เคยมีรอยยิ้มให้กันมาตั้งแต่เริ่ม แม้แต่ตอนที่ได้มาพบกันอีกครั้งก็ยังไม่มี แม้จะไม่ได้แปลกตากับใบหน้าเรียบเฉย แต่ตอนนี้พ่อเลี้ยงอาจรู้สึกแปลกหู กับคำขอบคุณที่ไม่คุ้นเคยจากสดายุไม่น้อย คำขอบใจ จากเด็กที่เกลียดขี้หน้าตนตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันนี่นะ…
มันจั๊กกะเดียมดีจริง
“ก็ไม่ใช่แค่เธอนี่ ที่รักผู้หญิงคนนั้นน่ะ เขาก็คือทุกอย่างของฉันเหมือนกัน”
พ่อเลี้ยงตอบกลับมาบ้าง ก่อนผินหน้ากลับไปยังหนังสือของตัวเองต่อ แน่นอนว่าประโยคที่กล่าวออกมานั้นมันไม่ใช่ประโยคที่ฟังแล้วรื่นหู เพราะโดยนิสัยแล้วพ่อเลี้ยงอย่างเทิดไม่ใช่คนอ่อนโยน อดีตนายตำรวจใหญ่ ใจแข็งเป็นหิน แม้แต่คำพูดคำจา ก็ไม่เคยคิดรักษาน้ำใจ ซึ่งสดายุคุ้นเคยในจุดนั้นดี
“ผมรู้” สดายุจึงตอบแค่สั้น ๆ แล้วเลือกที่จะฟังพ่อเลี้ยงพูดต่อ นี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่สดายุคนนี้ เต็มใจรับฟัง
 “ตลกนะ เธอกับฉันเราต่างก็เป็นหนามยอกอกซึ่งกันและกัน เพราะเราแย่งผู้หญิงคนเดียวกันมาตลอด แล้ววันหนึ่ง…ฉันก็ชนะ เธอออกจากบ้านไป ดาเหลือแค่ฉันคนเดียว” พ่อเลี้ยงเล่าพลางถอนหายใจ “ซึ่งนั่น…มันทำให้ฉันรู้สึกผิดต่อดามาจนถึงวันนี้ รู้สึกผิดทุกครั้ง ที่ดาร้องไห้คิดถึงเธอ”  เสียงนั้นแหบพร่า อย่างที่สดายุไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่า น้ำเสียงที่เขาเคยชิงชังก่อนหน้านี้มันเป็นแบบใด และจากเนื้อหาที่ฟังมาทั้งหมด สดายุยังแอบตกใจอยู่เล็ก ๆ อย่าบอกนะว่าพ่อเลี้ยงจะเอ่ยขอโทษเขา?
“ต่อให้ยังไง ฉันก็ไม่ขอโทษหรอกนะ เพราะเธอเองมันก็ตัวแสบ”
นั่นไง...ไม่ขาดคำ สดายุยิ้มรับบาง ๆ เพราะเกิดกลั้นขำไม่อยู่ แล้วตอบแค่คำว่า “ครับ” ออกไป เป็นอันยอมรับว่าจริงอย่างที่พ่อเลี้ยงพูดว่า ‘ถูกครับ เมื่อก่อน ผมน่ะ ไม่ใช่ย่อยจริง ๆ’
บทสนทนาเหมือนจะขาดลงแค่ตรงนั้น เพราะทางพ่อเลี้ยงเงียบไปนาน และสดายุเองก็ไม่มีเรื่องที่อยากจะพูดต่อ จึงคิดว่าการเสวนาระหว่างกันของตนกับพ่อเลี้ยงในวันนี้คงจบลงแล้ว แต่ระหว่างที่กำลังจะเอ่ยลา จู่ ๆ พ่อเลี้ยงก็หันมาสบตากับสดายุตรง ๆ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมสบตากันแท้ ๆ
ใบหน้าที่ไม่ได้เห็นอย่างเต็มตามาเนิ่นนานนั้น แตกต่างจากความทรงจำไปค่อนข้างมาก เพราะไม่ใช่เพียงแค่ 5 ปีที่ต่างฝ่ายต่างไม่ใยดี แต่ชั่วชีวิตที่ได้ร่วมบ้านกันมา ยังไม่เคยมองหน้ากันอย่างเต็มตาแบบนี้เลยสักหน...
ไม่ใช่สิ ไม่ใช่ไม่เคยมองหน้ากัน แต่ทุกครั้งจะมองกันด้วยทิฐิที่บดบังเต็มลูกตา จนมองไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก ไม่เคยเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งความเจนจัด ตามวัยที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ชีวิต ไม่เคยสังเกตุว่าพ่อเลี้ยงนั้นผิวสีน้ำผึ้ง ไม่เคยรู้ว่าพ่อเลี้ยงมีไฝตรงหางคิ้วขวา หรือแม้แต่ผมสีดอกเลานี้ ก็จำไม่ได้แล้วว่า เขาเคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า
 “แต่ถึงฉันจะไม่ขอโทษ ก็ใช่ว่าฉันจะไม่รู้สึกผิดหรอกนะ” โดยเฉพาะถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนี้ สดายุไม่นึกมาก่อนเลยว่า ในชีวิตนี้จะได้ยินมันออกจากปากของพ่อเลี้ยง
 “…ขอบใจนะ ที่ยอมกลับมา” คำขอคุณพร้อมรอยยิ้มน้อย ๆ ที่ไร้การปรุงแต่ง มันช่างกระชากใจ จนสดายุแทบเข่าอ่อน
จริงหรือนี่...นี่ชีวิตเรามันดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้วหรอกหรือ
ในที่สุดตรวนโซ่แห่งอดีตที่คอยพันธนาการเขามาทั้งชีวิต ก็ได้อันตรธานหายไปดื้อ ๆ หายไปตอนไหนก็ไม่รู้ เหลือเพียงเขาที่คิดว่ามันยังคงมี ทั้ง ๆ ที่ แทบไม่เหลือแล้วแม้แต่ร่องรอย
เมื่อรู้ตัวแล้วว่าความหนักอึ้ง ที่แบกมาตลอดบนแผ่นหลังนั้นมันหายไป  สดายุยังแทบไม่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วตัวเองจะสามารถทำแบบนี้ได้ การที่ตัวเองยิ้มตอบพ่อเลี้ยงออกไปแบบอัตโนมัติ  ถึงมันจะเป็นแค่ยิ้มเจื่อน ๆ ก็ตามที

“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้ว...เพราะผมเองก็รู้สึกผิดเหมือนกัน ที่เลือกจากแม่มา”  สดายุเอง ในท้ายที่สุด ก็เลือกที่จะบอกความในใจของตนกลับออกไปบ้าง ไม่ได้ต้องการให้พ่อเลี้ยงหรือใครมาเข้าใจหรอก แต่ก็แค่อยากพูดออกไป ลองทำอย่างที่กฤตเมธเคยบอก  การระบายออกไปบ้าง อย่างน้อยเราจะได้ไม่ต้องรู้สึกเก็บกดมากนัก  “เพราะฉะนั้น มีอะไรที่พอจะชดเชยได้ ผมไม่ปฏิเสธที่จะทำ”
“ก็ดีแล้วล่ะ...” พ่อเลี้ยงตอบรับออกมาเพียงแค่นั้น พร้อมพยักหน้ารับรู้
หลังจากความเงียบไหลผ่านมาอีกครั้ง สดายุคิดว่านี่คงเป็นสัญญาณว่าการสนทนาเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เขาจึงเอ่ยลาสั้น ๆ ทั้งพ่อเลี้ยงเองก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปจดจ่อกับหนังสือของตัวเองต่อ
“มีแฟนดีนี่”
ทว่าหันหลังเดินจากมาได้ไม่กี่ก้าว เสียงที่ดังไล่หลังมา ก็เล่นเอาสดายุถึงกับชะงัก
“ถ้ารู้ว่าเธอมีรสนิยมแบบนี้...วันนั้นฉันคงไม่ระแวงเธอเรื่องยายฟ้ากับยายฝน...ไม่แน่ว่าวันนี้คงต่างออกไป”
พ่อเลี้ยงพูดทิ้งท้ายแค่นั้น แล้วก้มหน้าอ่อนหนังสือเงียบ ๆ อีกครั้ง
 “รู้แล้วสินะ ว่าผมเป็นคนดี”
สดายุตอบกลับ คาดหวังว่าจะได้เห็นปฏิกิริยาที่น่าพึงใจจากพ่อเลี้ยง
แต่เปล่า...พ่อเลี้ยงส่ายหน้ายิ้ม ๆ ทั้งที่ไม่ได้หันมามอง ถึงตอนนี้สดายุเองก็เริ่มมีน้ำโหเบา ๆ ไม่ได้รู้สึกจริงจังขึ้งโกรธตรงไหน แค่แอบฉุนในใจเล็ก ๆ ที่รู้สึกว่าสุดท้ายตัวเองก็แพ้จนได้
ฮึ่ย! กวนชะมัด!!

*************************************
ขอโทษที่ไม่ได้เว้นบรรทัดจนอ่านยากนะคะ
รอฉากหวานๆในตอนจบ กับบทส่งท้าย 2 บทขำๆ นะคะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
อนาคี99 # Thearboo
ปล.น้องยุกำลังจะรวมเล่มนะคะ ตอนนี้กำลังรีไรท์ และทำปกอยู่ค่ะ
สนใจกดติดตามได้ที่เพจตามลิงค์นี้เลยค่ะ^^
https://www.facebook.com/Anakee99.Thearboo/?ref=aymt_homepage_panel
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: klaew ที่ 14-06-2016 22:18:11
จิ้ม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-06-2016 22:34:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 14-06-2016 22:38:52
ดีจังน้าาาาที่เข้าใจกันได้ซะที
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 14-06-2016 22:47:00
มาต่อไวๆนะขอรับ

อยากรู้ต่อ

อยากเห็นเขารักกันเยอะๆ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 14-06-2016 23:06:15
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: zazoi ที่ 14-06-2016 23:36:53
 :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-06-2016 23:47:04
ใกล้จบสมบูรณ์แร้วสินะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: krit24 ที่ 15-06-2016 00:51:11
ในที่สุดก็กลับมาเข้าใจกัน
รอรวมเล่มอยู่ค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 15-06-2016 05:49:25
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 15-06-2016 09:04:56
เข้าใจกันได้ก็ดีแล้ว แอบซึ้งเบาๆ น้ำตาปริ่ม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 15-06-2016 11:09:12
ยุน่ารักมาก
อยากเห็นการปะทะกันระหว่างพี่เขย กับน้องเมียที่น่าจะหวงพี่น่าดู
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 15-06-2016 11:43:53
พี่ยุน่ารักจริง ๆ น้องยะติดพี่ยุจนพี่เมธุหึงหน้ามืดแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 15-06-2016 12:00:07
 :o8: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: KoiKa ที่ 15-06-2016 14:27:40
งื้อออออ รักยุ นางน่าเอ็นดู อยากจะโอ๋ หายเจ็บไวๆนะคะคนเก่ง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 15-06-2016 15:03:34
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: DraCo_SLa13 ที่ 15-06-2016 15:13:58
มันก็โอเ่คนะกับการเดินเรื่องแบบนี้ คุณแม่ดูไม่เลวร้ายมากเท่าไหร่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 15-06-2016 15:33:50
ตอนนี้น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: yunghanna ที่ 15-06-2016 20:39:13
ทำไมเรารู้สึกเหมือน แม่กับพ่อเลี้ยงยุผีเข้า พาร์ทอดีตนี่อย่างกับคนละคนเลย
สมัยก่อน ทำไมแม่ยุไม่ปกป้องยุบ้าง ย้อนไปอ่านคือยุน่าสงสารมากสำหรับเด็กวัยรุ่นช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ
แต่ก็เข้าใจนะ แต่ละคนทิฐิ
ยุรู้สึกตัวเองเป็นคนนอก ส่วนแม่ก็รักพ่อเลี้ยงอยากอยู่เป็นครอบครัว แม่หวังอย่างนึงลูกต้องการอย่างนึง
แต่ก็ดีแล้วแหละจะได้ปดแอกสิ่งที่คั่งค้างในใจยุ

ขอให้ยุมีความสุขกับเมธตลอดไปจนแก่เฒ่า ^^

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 15-06-2016 21:54:48
พี่เมธไม่ห่างเลยนะ ดูแลอย่างดีน่ารักมาก ยุสู้ๆ เกือบจะสุดท้ายแล้วสินะ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 15-06-2016 22:19:07
รอ!!!!!!!
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 16-06-2016 01:08:34
รักเรื่องนี้ค้าาาาา รอๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-06-2016 02:05:39
ซึ้ง น้ำตาไหลพราก :m15: มีความสุขเต็มที่ซะทีนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 16-06-2016 22:47:31
ฟ้าหลังฝน สิน้ะ ชื่นใจ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 23-06-2016 23:20:44
ผมคือ...นางเอก
อวสาน

หลังพักฟื้นในโรงพยาบาลได้ 4 วัน ในที่สุดสดายุก็ได้ออกจากโรงพยาบาล เพื่อมาพักฟื้นต่อที่บ้าน ส่วนแม่เอง ก็ดีขึ้นมากแล้ว เดินเหินอะไรได้อย่างปกติ ทานอาหารได้ ดูแลตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องฟอกไตอีก  เพียงแต่ยังต้องอยู่โรงพยาบาล ดูอาการต่อไปอีกระยะ เพื่อดูว่าจะมีแนวโน้มของอาการสลัดไตหรือไม่ และร่างกายมีผลต่อ ‘ยากดภูมิฯ’ หรือเปล่า เพราะยานั้นต้องทานไปตลอดชีวิต ซึ่งผลจนถึงตอนนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ดังนั้น สดายุจึงกลับบ้านมาพักผ่อนได้ อย่างไม่ต้องกังวลมากนัก
การเข้าผ่าตัดเปลี่ยนไตให้แม่ในครั้งนี้ สดายุกำชับทุกคนไว้ไม่ให้บอกใคร แม้แต่ในโรงพยาบาลก็พยายามอำพรางตัว เวลาต้องเดินออกไปไหนมาไหนนอกห้องพักฟื้น เพราะเพิ่งผ่านการแถลงข่าว และประกาศตัวออกจากวงการ ด้วยความบ้าบิ่นมุทะลุมาได้ไม่นาน นักข่าวบางคนยังคงตามกลิ่นกันอยู่  หากจู่ ๆเรื่องที่เข้าผ่าตัดแพร่งพรายออกไป ก็อาจเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาอีก โดยส่วนตัวแล้ว สดายุไม่ได้แคร์ตัวเองสักเท่าไหร่หรอก แต่ไม่อยากลากครอบครัวของแม่เข้ามาเกี่ยวด้วย หากให้นักข่าวพวกนั้นระแคะระคาย ครอบครัวแม่คงถูกรบกวนไม่มากก็น้อย และที่สำคัญคือ สดายุไม่อยากทำให้กฤตเมธต้องวุ่นวายไปด้วยอีกแล้ว…
“อาบน้ำหน่อยไหม? เดี๋ยวพี่ซีลแผลให้”
กฤตเมธยังคงเอาใจใส่อย่างดีเหมือนเช่นเคย และเหมือนจะยิ่งโสดายุมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ด้วยเพราะตอนนี้ สดายุคือคนป่วย การเหลือไตเพียงข้างเดียว ทำให้สดายุเหนื่อยง่ายในช่วงแรก ระบบร่างกายที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของสดายุติดขัดในหลาย ๆ อย่าง ซึ่งในเรื่องนั้น กฤตเมธจึงเป็นคนอาสาดูแลให้ เช่นตอนนี้ที่สดายุจะต้องอาบน้ำ แต่แผลผ่าตัดยังโดนน้ำไม่ได้เพราะยังไม่หายดี จึงต้องอาศัยกฤตเมธช่วยใช้เทปพลาสติกันน้ำพิเศษจากโรงพยาบาล  มาช่วยพันปิดแผลเอาไว้ให้ก่อน เพื่อกันน้ำซึม
“ดูแลอย่างกับแม่แน่ะลุง” สดายุออกปากแซว ขณะนอนมองกฤตเมธทำโน่นทำนี่ให้จากบนโซฟา สดายุรู้สึกเพลียกว่าปกติก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะป่วยขนาดช่วยเหลือตัวเอง หรืออาบน้ำเองไม่ได้เสียหน่อย
“หึ งั้นก็อย่าดื้อล่ะ เดี๋ยวแม่จับตีก้นลายนะ รีบมาอาบน้ำเร็วเลย จะได้ทานข้าวทานยา พักผ่อน” โดนเด็กแซว ผู้ใหญ่เลยหยอกกลับ พร้อมบ่นยาวตามหลังเสมือนตัวเองเป็นแม่ของสดายุจริงๆ
“เดินไม่ไหวอ่า…แม่อุ้มหน่อย” โดนผู้ใหญ่ตบมุกมา เด็กก็สวนกลับแบบไม่ยอมน้อยหน้ากัน แสร้งชูสองมือขึ้น ในท่าที่เหมือนเด็กน้อยขอให้อุ้มจริงจัง ท่าทางแบบนั้นเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากกฤตเมธไม่น้อย ผู้ใหญ่หัวเราะเบา ๆ พลางเดินเข้ามาช่วยเด็กน้อยถอดเสื้อผ้า และตั้งใจจะอุ้มเข้าห้องน้ำตามที่เด็กอ้อน
เห็นว่าเด็กยังป่วย ผู้ใหญ่เลยจะตามอย่างให้เต็มที่ หัวใจดวงโตของกฤตเมธเอง ตอนนี้ก็ฟูฟ่องจะแย่ เพราะตอนสดายุแข็งแรงดี โมเม้นท์แบบนี้แทบไม่ปรากฏให้เห็น คีบลุคหนุ่มซึนฯได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง จนบางครั้งยังแอบหมั่นไส้ แต่พอป่วยเข้าหน่อย อ้อนเอา อ้อนเอา เป็นเด็ก ๆ เมื่อก่อนไม่เห็นเคยทำเสียงออเซาะ เดี๋ยวนี้ทำถี่เสียจนกฤตเมธแทบจะลอยได้ ก็นะ...เลยทำให้ผู้ใหญ่ได้มีมีความสุข (มาก ๆ) ตามประสา

“นี่ลุง...มันอึดอัดนะ”
สดายุบ่นอุบ กับสภาพที่เป็นอยู่  ที่นอนคิงไซส์  แทนที่จะได้นอนแผ่สบาย ๆ  กลับมีมนุษย์ลุงตัวใหญ่นอนประกบกอดอยู่ด้านหลังไม่ห่าง ที่ตั้งกว้าง มาซุกอยู่ได้ แถมบ่นให้ฟังยังยิ้มรับไม่อิดออดอีกต่างหาก ที่นอนอุ่น ๆ ช่วยให้ผ่อนคลาย แต่ผิวกายร้อนจัดของคนที่โอบกอดจากด้านหลัง ทำให้สดายุอึดอัดไปด้วย จนทำให้อดไม่ได้ที่ต้องออกปากบ่นคนที่มานอนแย่งความสบายจากสายน้ำอุ่นในตอนนี้
“ช่วงนี้หงุดหงิดบ่อยนะเรา” กฤตเมธกระเซ้า  พลางกระชับอ้อมกอดคนหน้าบูดแน่นขึ้น เป็นการหยอกเย้า
“เบียดเบียนคนป่วยว่ะ” สดายุแค่บ่นเพิ่ม แต่ก็ปล่อยให้กฤตเมธกอดเฉย ๆ ไปอย่างนั้น
“นี่” จู่ ๆ ทุ้มเสียงต่ำพร่าก็มากระซิบใกล้ที่ใบหู “ปล่อยของหน่อยไหม...เผื่ออารมณ์จะดีขึ้น” ทั้งน้ำเสียงและถ้อยคำที่เชิญชวนไปในทางลามก ทำสดายุต้องหันกลับไปมองหน้ากฤตเมธด้วยสีหน้าอ่อนเพลียใจ
“อย่าหื่นน่าลุง ผมเพิ่งออกจากโรงพยาบาลนะครับ อย่ารังแกกันนักซี่...” สดายุบ่นเนือย ๆ ไม่ใช่เขาจะหมดไฟ หรือไม่หื่น เก็บกดมาตั้งหลายวัน มันก็ต้องมีกันบ้าง แต่เพราะยังปวดแผลอยู่นิดหน่อย เลยยังไม่ค่อยอยากซ่า สักเท่าไหร่
“พี่เปล่าจะทำอะไรยุเสียหน่อย” โดนคำตัดพ้อเข้าไปกฤตเมธก็ส่ายหน้าวืด ๆ แสร้งทำตาโตว่าไม่ได้คิดในแง่ไม่ดี ที่ทำลงนี่ก็แค่เป็นห่วงเป็นใย “แค่อยากคลายเครียดให้ก็เท่านั้นเอง” พูดจบก็ยิ้มกรุ้มกริ่ม ชันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบตากับคนรักที่ยังแสร้งทำหน้าตาย ทั้ง ๆ ที่รู้ความหมาย ว่าตาลุงคนนี้หมายถึงอะไร...
“ให้พี่ช่วยนะครับ” กฤตเมธกระซิบหวาน ด้วยดวงตาวาววามของผู้ล่า
“...ไอ้หื่น” และถึงออกปากด่า แต่สดายุก็ไม่คิดขัดขืน
เมื่อเชื้อมันยังมี ไม่ต้องขยี้ก็มีไฟ

"อือ...ลุง...อย่าเอาแต่ลูบสิ..." 
เสียงครางเครือร้องว่า ขัดใจนักหนากับฝ่ามือระอุที่มัวแต่ลูบคลำอยู่เพียงด้านนอกกางเกงนอนเนื้อบาง ผู้กระทำที่ซ้อนอยู่ด้านหลังยิ้มรับเสียงตัดพ้อ ที่สั่นกระเส่าได้อย่างน่ารักน่าชังของสดายุไม่ขาด   พลางฟอนเฟ้นหนักมือขึ้น จนเสียงน่ารักหอบฮั่กไปด้วยแรงอารมณ์
“อ้อนเพราะ ๆ สิครับคนเก่ง” ยิ่งเห็นสดายุสะท้าน กฤตเมธก็ยิ่งหยอกเย้า เขาไม่ได้ต้องการให้สดายุต้องทรมานนานนักหรอก เพราะถึงอย่างไร เด็กน้อยก็ยังถือว่าเป็นคนป่วยที่ต้องดูแลกันอยู่  แต่ที่กฤตเมธยังแกล้งหยอกไม่หยุดนี่ ก็แค่เห็นแก่ความน่ารักน่าหยิกก็เท่านั้น...
“อย...อย่าแกล้งได้ไหม อื้อ...พอเลย...” แต่แน่ล่ะ เด็กเอาแต่ใจ ย่อมไม่ยอมลงให้ง่าย ๆ เมื่อผู้ใหญ่แกล้งไม่หยุด สดายุก็เลยคิดจะทำเอง ให้จบ ๆ เรื่องไป
“ฮื่อ อย่าดื้อสิครับ” เมื่อเด็กใจกล้าออกอาการพยศ กฤตเมธก็ต้องกำราบกันนิดหน่อย แค่อยากได้ยินเสียงอ้อนน่าสงสาร มือใหญ่กอบกำความปรารถนาที่แทบจะลุกเป็นไฟของสดายุไว้มั่น เพื่อปัดป้องไม่ให้มือสั่นระริกของผู้เป็นเจ้าของได้แตะต้อง งานนี้กฤตเมธโดนความหงุดหงิดงุ่นง่านของสดายุสบถใส่ไปเสียหลายคำ
แต่แทนที่จะโกรธ กฤตเมธกลับยิ่งพึงใจ เพราะยิ่งสดายุเดือดพล่าน ไฟปรารถนาของกฤตเมธก็ลุกโชนเช่นกัน
“พูดว่า ‘ทำให้ยุหน่อย’ แค่นิดเดียวไม่ได้เหรอ?” กฤตเมธเย้ายั่ว “ถ้ายอมพูดดี ๆ ล่ะก็...” ริมฝีปากฉ่ำชื้นกระซิบถ้อยคำยั่วยุที่ใบหูร้อนฉ่า ชักจูงให้สดายุที่กำลังติดบ่วงปรารถนา คล้อยตามมาโดยง่าย
...แน่นอน ว่ามันได้ผล...แต่เด็กน้อย ก็ใช่จะยอมเสียเชิงง่ายนัก
“พี่เมธ...อย่าแกล้งยุ...อือ...” 
เสียงหวานร้องกระเส่า สดายุพลิกกายเข้าเบียดกฤตเมธที่นอนโอบอยู่ด้านหลัง  เรียวมือขาวล้วงเข้าใต้เสื้อนอนของผู้ใหญ่ ลูบวนลอนกล้ามแน่นตรงหน้าท้องแกร่ง ริมฝีปากที่เอ่ยคำอ้อน เผยออ้าเล็กน้อย พลางแลบปลายลิ้นสีสดขึ้นโลมไล้ริมฝีปากของกฤตเมธแผ่วเบา ปลุกเร้า ให้เจ้าคนขี้แกล้ง ได้ลุกเป็นไฟดูบ้าง เสียงครางต่ำที่ได้สดับหลังมอบจุมพิตแผ่วผิว ทำสดายุอดกระหยิ่มใจไม่ได้
…เดี๋ยวก็ได้รู้ ใครกันแน่ ที่ต้องเป็นฝ่ายอ้อน
สงครามอันอ้อยอิ่ง  เริ่มโหมแรงขึ้นอีกครั้ง เมื่อสดายุเดินหน้าท้าสู้กฤตเมธบ้าง
การถูกยั่วยวน ทำให้อารมณ์ดิบของกฤตเมธเริ่มร้อนขึ้นมาบ้าง หมั่นเขี้ยวเจ้าตัวแสบ ที่ไม่ยอมจำนนง่าย ๆ ตรงหน้า จนต้องตามฉกจูบปลายลิ้นเราะร้ายนั่นเป็นพัลวัน
พอไล่ล่าจนริมฝีปากแดงจัดนั่นหนีไปไหนไม่รอด ก็สอดปลายลิ้นเข้าไปทักทายบ้าง รสจูบดูดดื่ม เรียกร้องให้สดายุโอบแขนคล้องคอของกฤตเมธไว้เพื่อเหนี่ยวรั้ง และเรียกร้อง รสจูบที่หวานล้ำขึ้น
นอกจากปรนเปรอจูบหวาม ๆ แล้ว มือของกฤตเมธเองก็ไม่ได้อยู่สุข สองมืออุ่นจัดลูบเรื่อยจากแผ่นหลังลงถึงสะโพกกลมเด้ง แน่นตึง พลางบีบจับ ลูบไล้อยู่ตรงแก้มก้นเปลือยเปล่าของสดายุด้วยความเพลิดเพลิน
ก้น คืออวัยวะที่กฤตเมธชอบเป็นอันดับต้น ๆ ในร่างของสดายุ ถึงขั้นเคยสงสัยในรสนิยมของตัวเองว่าแอบโรคจิตอ่อน ๆ หรือเปล่า ถึงได้คลั่งไคล้สะโพกงอนกลมเด้งสู้มือนี่นัก  จำได้ว่าสดายุมักบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าตัวเองมีสะโพกที่ผาย และเนื้อที่ก้นเยอะเกินไป  ถึงจะไม่ได้ดูเยอะจนแลดูอ้อนแอ้นเป็นผู้หญิง แต่พอมีมากไป ก็ทำให้ใส่กางเกงได้ไม่สวย
ทั้งหมดนั่น กฤตเมธก็ได้แต่ช่วยปลอบว่า สดายุคิดไปเองทั้งนั้น เพราะแท้จริงแล้วสะโพกจิ้มลิ้มนี่ ไม่ได้ใหญ่จนน่าเกลียดเหมือนที่เจ้าตัวคิด เพราะสำหรับกฤตเมธแล้ว ขนาดของสดายุ ถือว่าเหมาะมือมาก
อย่างเช่นตอนนี้ ที่เหมือนยิ่งได้จับ ยิ่งติดใจ คราวนี้ไม่ใช่แค่ลูบคลึงเปล่า ๆ  เพราะปลายนิ้วร้ายกาจ ดูเหมือนจะหมิ่นเหม่อยู่ตรงร่องสะโพก จนดูเหมือนว่าพร้อมล่วงล้ำได้ทุกเมื่อ
แต่ถึงจะอยากรุกรานแค่ไหน กฤตเมธก็ได้แค่กลืนความอยากลงคอ เพราะสดายุเพิ่งออกจากโรงพยาบาล จะเล่นบทหนักไม่ได้ กฤตเมธพยายามยั้งใจสุดกำลัง เพราะรู้ตัวเองดีว่า ขืนเขายังพยายามสอดนิ้วเข้าไปตอนนี้ คงทำให้ตนไม่สามารถหยุดแรงหื่นได้ไหวแน่
ทั้งที่กำลังห้ามใจ แต่ไอ้ตัวแสบก็ช่างยั่วเหลือเกิน สะโพกกลมนั่นถึงได้ส่ายรับมือเขาไม่หยุด
ไม่ได้การแล้ว!!
“อ๊ะ!” สดายุเผลอร้องออกมาเบา ๆ เพราะตกใจที่จู่ ๆ ก็ถูกกฤตเมธผละออกจากอ้อมแขน แล้วจับร่างตนกดลงบนที่นอน และยิ่งตกใจกว่านั้น เมื่อเห็นว่ากฤตเมธกำลังมุ่งหน้าไปหาส่วนสำคัญที่กำลังตั้งชันร้อนจัดของตน
“ทำอะไรน่ะลุง!?” เสียงแหบพร่า ร้องถามด้วยความตกใจ ก่อนจะสะท้านกายเฮือก เมื่อถูกริมฝีปากร้อนจัดของคนที่คร่อมอยู่บนร่างครอบครองส่วนอ่อนไหวที่กำลังร้อนผ่าวไม่แพ้กัน
กฤตเมธไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ช้อนสายตาร้ายกาจขึ้นมอง ขณะที่มีส่วนสำคัญของสดายุอยู่ในปาก ภาพนั้นช่างลามกบาดตา จนสดายุอยากรีบเบือนหน้าหนี แต่เพราะมันเต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันแสนเซ็กซี่ ทำให้ไม่อาจถอนสายตา
“อือ…” ในเมื่ออยากบ่น แต่ไม่เหลือสติให้ทำอะไรได้ เพราะสดายุหมดทางดิ้นรนอย่างสิ้นเชิงแล้ว ยอมรับก็ได้ ว่าวันนี้ตนพ่ายแพ้อย่างหมดรูป ก็หากจะได้ถูกกฤตเมธเอาใจเสียขนาดนี้ สดายุก็จะยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้อย่างว่าง่าย เมื่อปลงใจแล้ว ร่างกายก็ผ่อนคลายขึ้น เมื่อส่วนปลายความปรารถนาถูกปลายลิ้นหนาหยอกเย้า เพียงแค่อึดใจเดียว สารคัดหลั่งของสดายุก็ถูกผลิตออกมาจนชุ่ม เสียงเหนอะหนะที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ จากการโลมไล้ ทำเอาสดายุถึงกับกัดฟันกรอดด้วยความเสียวซ่านทรมานสดายุก็ปล่อยเสียงครางหวามออกไปเบา ๆ อย่างยากที่จะอดกลั้น แล้วจำใจกัดฟันรับการรุนรานจนสะท้านไปทั้งร่าง เพราะไม่สามารถปฏิเสธริมฝีปากร้อนเร่าที่กำลังปรนนิบัติตนเองอยู่ได้เลย
"อ๊ะ...พี่…เมธ..." เสียงแหบหวานครางเครือ ลมหายใจสะดุดห้วง แผ่นหลังแอ่นโค้ง เมื่อถูกรุกรานด้วยความหวานล้ำที่รุกรานอยู่ เมื่อส่วนกลางของร่างกายถูกปรนนิบัติจากโพรงปากร้อนผ่าวและเรียวลิ้นช่ำชอง เอวของสดายุก็บิดพล่านโดยไม่รู้ตัว ส่วนปลายสุดถูกทำให้ถูอยู่กับเนื้อเยื่อที่ร้อนรุ่มและฉ่ำแฉะในโพรงปากโหดร้าย เทคนิคของของกฤตเมธทำเอาสดายุแทบจะขาดใจ เรียวขาขาวสั่นระริกถูกจับแยกออกกว้าง แล้วตรึงเอาไว้ด้วยสองแขนแข็งแรง ศีรษะของคนช่างบริการซุกลงตรงกลางอย่างเอาแต่ได้ โดยไม่สนใจเสียงอ้อนวอนที่เหมือนจะขาดใจได้ทุกเมื่อของสดายุแม้แต่น้อย   
"อื้อ...พี่เมธหยุด...อึก...จ...จะถึง!..."  สองมือของสดายุจิกขยุ้มเส้นผมดำขลับของกฤตเมธที่อยู่ตรงกึ่งกลางร่างกายเพื่อระบายความเสียดเสียว ปากก็ร้องห้ามด้วยลมหายใจหอบสะท้าน
ทว่าเสียงห้าม กลับทำได้แค่ให้กฤตเมธช้อนใบหน้าเจ้าเล่ห์ขึ้นมาเย้ยสดายุเท่านั้น เมื่อเห็นดวงตาปรือฉ่ำด้วยแรงปรารถนาที่มองต่ำลงมา กฤตเมธก็แลบเลียส่วนอ่อนไหวของสดายุช้า ๆ จงใจให้เห็นเรียวลิ้นสีแดงสดที่กำลังโลมไล้จุดสำคัญนี้อยู่
เพราะเป็นผู้ชายด้วยกันจึงรู้ดีว่า ภาพแบบนี้มีพลังทำลายล้างมากแค่ไหน และก็จริงอย่างที่กฤตเมธคิด เพราะทันทีที่เห็นภาพบาดตานั้น สดายุก็บิดกายเกร็งร่างสะท้าน ด้วยอารมณ์หวามไหวที่พลุ่งพล่าน ที่ใกล้จะปะทุออกมาในไม่ช้า
“พร้อมกัน…ไม่อยาก…คนเดียว…” สดายุร้อง กัดฟันผลักศีรษะของกฤตเมธออกไปให้พ้น ก่อนที่ตนจะทนไม่ไหวแล้วระเบิดออกมาเสียก่อน สดายุอ้อน อยากถึงพร้อมกัน เพราะรู้ว่ากฤตเมธที่ต้องดูแลตนมาตลอด ย่อมมีความอัดอั้น และต้องการปลดปล่อย เช่นกัน
“ให้…ผม….ให้ผมช่วย…พี่ด้วยนะ…ด้วยกัน…” แค่เสียแหบพร่านั่นร้องอ้อน หัวใจของกฤตเมธก็ออกอาการระทดระทวย ทั้งที่ตั้งใจจะส่งสดายุให้ถึงฝั่งฝันก่อนแท้ ๆ ในส่วนตัวของเขาน่ะไม่เป็นไร เดี๋ยวไปจัดการกันทีหลังก็ได้
“…เร็วสิ…ผมจะ…ไม่ไหวแล้วนะ…” สดายุเร่งเร้า ปลายลิ้นเล็กแลบเลียริมฝีปากแห้งผาก ที่กำลังเผยอน้อย ๆ เพราะหอบหายใจ
ในจังหวะที่กฤตเมธกำลังตัดสินใจ เพียงชั่วเสี้ยววินาที จู่ ๆ สดายุก็ส่งเสียงซีด เย้ายั่ว ทั้งยังกัดเม้มริมฝีปาก ราวกับทรมาน เพราะกำลังจะอดทนต่อไปไม่ไหว ถึงตรงนี้กฤตเมธก็ไม่รีรออีกต่อไป ร่างหนาจัดการคว้าหมอนมาหนุนใต้สะโพกของสดายุเอาไว้ เพื่อลดภาระที่จะเกิดกับหลัง จากนั้นก็ทาบร่างลงไปโดยไม่ต้องคิด
สดายุสูดหายใจสะท้าน จ้องตากฤตเมธที่คร่อมอยู่เหนือร่าง ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเพลิงปรารถนา ต่างฝ่ายต่างแผดเผาซึ่งกันและกัน จนแทบหลอมละลาย กฤตเมธดึงขอบกางเกงนอนตัวบางของตัวเองลง เพื่อนำพาความร้อนรุ่มแข็งขันของตนออกมาบ้าง จริงอย่างที่สดายุคาดไว้ กฤตเมธเองก็อ่อนไหว เพราะไม่ได้ปลดปล่อยมานานวัน จึงไม่แปลกเลยที่ส่วนนั้นจะร้อนรุ่มจนแทบระเบิด
“อือ…” สองหนุ่มถอนลมหายใจออกมาแทบจะพร้อมกัน เมื่อกฤตเมธทาบอาวุธร้ายของตนแนบเข้ากับของสดายุ หากเป็นปกติ กฤตเมธคงไม่รอช้าที่จะเชื่อมร่างกับสดายุ แต่เพราะวันนี้สดายุยังคงป่วยอยู่ กิจกรรมที่หนักเกินไปจึงต้องงดไปก่อน แม้แต่การใช้มือในครั้งนี้ ก็ต้องทำด้วยความอ่อนโยน แม้ว่าอารมณ์ตอนนี้จะเตลิดเปิดเปิงไปหมดแล้วก็ตาม
กฤตเมธคร่อมร่างสดายุไว้ โดยใช้แขนซ้ายค้ำร่างกายไว้เพียงข้างเดียว ส่วนมือขวาก็ทำหน้าที่ปรนเปรอความสุขให้กับทั้งตัวเองและสดายุ
“พี่เมธ!...อ๊ะ…จะไม่ไหวแล้ว” เพียงแค่ขยับมือได้ไม่เท่าไหร่ สดายุก็ร้องจ้าเร่งเร้า เพราะเขาหมิ่นเหม่อยู่เต็มทน ตั้งแต่ที่กฤตเมธใช้ปากให้เมื่อครู่แล้ว แต่เพราะอยากมีความสุขไปพร้อมกันกับคนรัก สดายุถึงต้องกัดฟันทนอดกลั้นแทบเป็นแทบตายอยู่ตอนนี้
“อีกนิดเดียวยุ…อืมมม…” กฤตเมธครางบอก แต่ยังไม่ทันได้พูดต่อ ก็ถูกสดายุโน้มคอลงไปจูบ เรียวลิ้นนุ่ม ร้อนผ่าวสอดแทรกเข้ามาทันที  สดายุคงเกือบถึงที่สุดของอารมณ์แล้ว กฤตเมธเองก็เช่นกัน ร่างใหญ่จูบตอบ เติมเต็มช่องปากของสดายุ
“อื้มมม…” สดายุครางต่ำในลำคอ การถูกโต้ตอบด้วยจูบเร่าร้อน ปลายลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดทำให้หัวใจดวงเท่ากำปั้นสั่นสะท้านไปหมด ริมฝีปากของกฤตเมธทั้งเร่งเร้า รุกไล่ ริมฝีปากที่แนบสนิท กับข้อมือกำยำที่ขยับไม่หยุด กำลังทำให้เลือดอันร้อนรุ่มในกายของทั้งคู่เดือดพล่านจนแทบหลอมละลาย
ความต้องการครั้งสุดท้ายทะยานสูง กฤตเมธขยับข้อมือรัวเร็ว พลางดูดปลายลิ้นของสดายุรุนแรง ลมหายใจของทั้งคู่หอบหนัก ริมฝีปากผละจากกันทันทีที่สดายุแหงนหน้ารับความสุขที่กำลังได้รับการปลดปล่อยรุนแรงจนสมองชาวาบ จุดสุดยอดที่มาถึงราวสายฟ้า ฟาดฟันให้ต้องสะท้านหนัก ทั่วทั้งผิวกายขนลุกชัน ด้วยความหฤหรรษ์ที่คาดไม่ถึง ร่างกายยังคงยังกระตุกเบา ๆ ทั้งที่หัวใจยังคงล่องลอย
ทว่าเสียงครางต่ำในลำคอในวินาทีต่อมาของอีกคนบนร่างทำสดายุได้สติและปรือตาขึ้นมอง ภาพของกฤตเมธที่กำลังยืดคอขึ้น ไล้เลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเองแผ่วเบา ดวงตาจับจ้องมายังสดายุอย่างกับจะกลืนลงท้องเสียให้ได้ ในขณะที่กำลังถึงจุดสุดยอดนั้น ช่างเซ็กซี่เหลือทนจนหัวใจของสดายุเต้นไม่เป็นจังหวะ
สดายุนึกทึ่งในตัวกฤตเมธทุกครั้ง ที่ได้เห็นความเย้ายวนของเพศชายที่ฟุ้งกำจายออกจากร่างอย่างไม่หยุดหย่อน สมแล้วที่เป็นถึงพระเอกตัวพ่อ ที่ไม่ใช่แค่หล่อ  และนิสัยดี
เพราะบางมุมที่แสดงออกมาว่าเป็นนักล่า ซึ่งตรงกันข้ามกับบุคลิกปรกติโดยสิ้นเชิงนี่แหละ ที่มีเสน่ห์จนคนทั้งประเทศหลงใหล…
ร้ายจริงนะ…ตาลุง
 
หลังอิ่มเอมกับความหฤหรรษ์จนหมดเรี่ยวแรงแล้ว สดายุก็กลายสภาพเป็นของเหลว ทั้งที่ใช้พลังไปเพียงแค่นิดหน่อย สดายุก็เหนื่อยเสียแล้ว  แต่การได้ปลดปล่อย ก็ช่วยทำให้อารมณ์อึดอัดงุ่นง่าน โล่งขึ้นมาก พอร่างกายหอบสะท้านค่อยผ่อนคลายลง ความง่วงงุน ก็เริ่มเข้าโจมตี คงเพราะร่างกายเพลียง่ายกว่าปกติ สดายุเลยผล็อยหลับไป ทั้งๆ ที่ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอาบน้ำอีกรอบ
สภาพที่หลับปุ๋ยไปในทันทีที่ถึงฝั่งฝันของสดายุ ทำกฤตเมธกระหยิ่มใจไม่น้อย ที่สามารถปรนเปรอคนรักจนสุดปลายทางได้ ร่างหนาก้มลงจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อด้วยความเอ็นดู ก่อนลุกขึ้นจัดการหาผ้าขนหนูชุบน้ำ มาช่วยเช็ดตัวให้ เพื่อที่สดายุจะได้สบายตัว

จัดการคราบไคลให้คนป่วยเสร็จ พร้อมจับเปลี่ยนชุดนอนใหม่เรียบร้อยแล้ว กฤตเมธก็เริ่มจัดการกับตัวเองบ้าง จากนั้น ก็จะอาบน้ำอีกรอบ  แค่เพียงครู่ก็เสร็จเรียบร้อย ผิดบุคคลิคที่ดูเจ้าสำรวยของตัวเองนิดหน่อย เป็นพระเอกดัง ใคร ๆ ก็ย่อมนึกว่ากฤตเมธ ต้องดูแลตัวเองอย่างดี ผิวพรรณที่เห็นว่าสะอาดสะอ้านนั้นต้องผ่านการขัดสีฉวีวรรณอย่างละเมียดละไม เพราะฉะนั้นการอาบน้ำในแต่ละครั้ง ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมงเป็นแน่
ที่ไหนได้...ไม่ทัน 10 นาที พ่อคุณก็เดินเช็ดผมออกจากห้องน้ำในสภาพเปลือยครึ่งบน ใส่เพียงกางเกงนอนเนื้อบางตัวเดียว ใครที่ไหนจะรู้ ว่ากฤตเมธชอบนอนถอดเสื้อ ซ้ำพอออกจากวงการมา ผมเผ้าก็เริ่มยาวรุงรัง หนวดเคราก็ไม่ค่อยยอมโกน จนโดนสดายุบ่นอยู่บ่อย ๆ ว่าจะเหมือนพี่อ๊อดเข้าไปทุกที  แต่ก็นี่แหละ ตัวตนที่แท้จริงของกฤตเมธล่ะ
เพราะยังไม่ดึกนัก และคนรักก็หลับไปแล้ว กฤตเมธจึงเริ่มทำงานของตัวเองบ้าง ช่วงที่ต้องดูแลสดายุเขาฝากงานที่ร้านไว้กับผู้จัดการร้าน และงานของโรงงานไว้กับเลขาคนสนิทของแม่กรพิณน์  เพราะที่โรงพยาบาลเอางานไปทำด้วยลำบาก วันนี้กฤตเฒธจึงตั้งใจจะเริ่มตรวจเช็คงานในส่วนของสี่วันที่หยุดไปให้เสร็จ
ตั้งแต่ออกจากวงการมา กฤตเมธก็ตั้งหน้าตั้งตาสานต่อธุรกิจของครอบครัวต่อจากผู้เป็นแม่ ที่ตอนนี้ แทบจะปักหลักอยู่ที่ญี่ปุ่น เพื่อบริหารร้านอาหารที่นั่นกับบรรดาเพื่อน ๆ ที่เป็นหุ้นส่วน  แน่นอนว่าที่สดายุเข้าผ่าตัดนี่ก็ไม่ได้บอกให้แม่กรพิณน์ทราบ เพราะไม่อยากให้ท่านต้องกังวล จนต้องรีบบินกลับมาดูแล เอาแม่กรพิณน์กลับมาเมื่อไหร่ แล้วค่อยบอกท่านทีหลัง ถึงแม้จะโดนบ่นบ้างก็เถอะ
ความฝันที่แท้จริงของกฤตเมธนั้น แท้จริงแล้ว คือการเป็น ‘ผู้กำกับหนัง’ ชายหนุ่มชอบงานด้านนี้มานาน ขนาดเคยช่วยเป็นลูกมือของผู้กำกับอ๊อดอยู่บ่อย ๆ เพราะฉะนั้นงานบริหารอย่างที่ทำอยู่นี้ จึงไม่ใช่เรื่องที่ตนชอบเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัวที่คุณพ่อได้ทิ้งเอาไว้ให้ แถมตัวกฤตเฒธเองก็จบทางด้านบริหารมา เขาจึงพอมีความรู้ในเรื่องการจัดการต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว  ต้องขอบคุณคุณพ่อ ที่ท่านมองการไกล และพยายามเคี่ยวกรำทายาทเพียงคนเดียวอย่างกฤตเมธ ให้ความสามารถในด้านการบริหารอย่างชาญฉลาด
และตอนนี้ กฤตเมธเองก็กำลังปั้นทายาทของตนอย่างขมักเขม้นอยู่แช่นกัน นั่นก็คือสดายุ สุดที่รักของเขานี่เอง พูดถึงสดายุ กฤตเมธเองยังแอบทึ่งไม่น้อย ด้วยไม่นึกว่าสดายุจะมีหัวทางด้านบริหารและตัวเลขชนิดหาตัวจับยาก ซ้ำยังหัวไว เข้าใจง่าย ไม่ว่าจะสอนอะไรไป แค่ได้ลองทำเพียงครั้งเดียว สดายุก็สามารถต่อยอดได้แล้ว อึ้งยิ่งกว่า เมื่อได้รู้ว่าสดายุเรียนจบอะไร ใครจะไปนึกฝันว่าอดีตพระเอกหน้าตาย แถมยังไม่เป็นมิตร จะเรียนจบเอกภาษาญี่ปุ่น ที่เจ้าตัวบอกว่า เลือกเรียนเพราะแค่ชอบเล่นเกมส์ญี่ปุ่น เกลียดตัวอักษรภาษาอังกฤษ และเห็นว่าจบง่ายไม่ต้องทำวิทยานิพนธ์ แค่เรียนให้เกรดผ่าน หน่วยกิตครบ จบแน่...แม้ว่าจะเกเรเสียจนเกือบเรียนไม่จบก็ตาม
ถึงเหตุผลจะไม่ค่อยน่าฟัง แต่การที่สดายุจบเอกภาษาก็ถือเป็นเรื่องดี เพราะในการทำธุรกิจ การมีภาษาที่สามติดตัว ย่อมเป็นประโยชน์ในเรื่องการค้าขายกับต่างชาติ โดยเฉพาะกับร้านอาหารของแม่กรพิณน์ที่ญี่ปุ่น ซึ่งอีกไม่นาน กฤตเมธก็มีโครงการพาสดายุไปฝึกงานไกลถึงแดนอาทิตย์อุทัยแน่นอน
ในอนาคต เมื่อถึงวันที่สดายุสามารถบริหารธุรกิจของครอบครัวได้ดี กฤตเมธจะยอมให้สดายุได้เปิดร้านกาแฟตามฝันบ้าง ถึงตอนนั้น เขาเองก็จะลองทิ้งงาน ไปขอเป็นผู้กำกับหนังสักเรื่องดู

งานในส่วนของ 4 วันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เสร็จภายในเวลาอันสั้น เวลาล่วงมาจนเกือบตีสามแล้ว กฤตเมธก็ยังคงนั่งหลังขดหลังแข็งเช็ครายละเอียดต่าง ๆ ของงานที่ดองเอาไว้  ความเงียบทำให้กฤตเมธมีสมาธิจดจ่ออยู่กับงาน จนไม่รู้สึกตัวว่าตอนนี้มีใครอีกคนตื่นมาอยู่เป็นเพื่อน
“ให้ผมช่วยไหม?”
เสียงแหบเสน่ห์หลุดเข้ามาในภวังค์ จนกฤตเมธนึกว่าฝัน กระทั่งฝ่ามือเย็นเฉียบของสดายุมาแตะลงที่บ่า พาเอาสะดุ้ง
“ทำไมมือเย็นจัง?”  กฤตเมธทัก พลางรีบคว้ามือเย็นของสดายุเข้ามาใกล้ จับตัวจับหัวของอีกฝ่ายก็ว่าดูท่าไม่ค่อยดี “ตัวรุม ๆ ด้วยนี่ ไม่สบายเหรอ?”
“แค่เพลีย ๆ เอง” สดายุไหวไหล่ ไม่ยี่หระกับอาการของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้รู้สึกว่าตนไม่สบายตรงไหน
แต่กฤตเมธย่อมไม่ยอมปล่อยผ่านง่าย ๆ
“เป็นหวัดเข้าแล้วล่ะ ไปนอนพักเดี๋ยวนี้เลย พรุ่งนี้ไข้ไม่ลงเดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาล”
“ไม่เอาอ่ะ เพิ่งออกมาเมื่อวาน พรุ่งนี้จะให้ไปอีกแล้ว ไม่เอาด้วยเด็ดขาด”
“ก็ยุจะไปเยี่ยมแม่อยู่แล้วนี่ แวะตรวจหน่อยเป็นไรไป”
“หึ! เยี่ยมก็ส่วนเยี่ยมดิ ไม่เอาอ่ะ ไม่ตรวจ”
สดายุส่ายหน้าหวือ ปฏิเสธอย่างเอาเป็นเอาตาย จนกฤตเมธต้องขอยอมแพ้ ด้วยเห็นว่าอาการของสดายุก็ไม่ได้หนักหนา ลองให้พักผ่อนดูก่อน หากพรุ่งนี้ไม่ดีขึ้น แล้วค่อยบังคับพาตัวไปทีหลัง
“อ่ะ ไม่ไปก็ไม่ไป งั้นก็นอนพักต่อได้แล้วนะ พรุ่งนี้จะได้หาย” กฤตเมธพยายามปะเหลาะ
“ตาสว่างแล้วอ่ะ ให้ผมช่วยงานเสร็จเร็วกว่านะ” แต่กระนั้น สดายุก็ยังดื้อ เพราะไม่อยากให้กฤตเมธต้องมานั่งเหนื่อยทำงานอยู่คนเดียว ทั้ง ๆ ที่งานดองเป็นกองขนาดนี้ ก็เพื่อต้องมาคอยเฝ้า คอยดูแลตนที่โรงพยาบาล แค่เห็นสดายุก็รู้สึกผิดแล้ว
“...พี่จะได้นอนพักบ้าง”
น้ำคำแสดงความห่วงใยจากหัวใจที่จริงจัง พาหัวใจของกฤตเมธอุ่นซ่าน การถูกรัก ทำให้หัวใจพองโตได้เสมอ
“ไม่ต้องทำหรอก พี่จะไปนอนแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวค่อยทำต่อพรุ่งนี้เอาก็ได้ เหลืออีกแค่นิดเดียวแล้วล่ะ” กฤตเมธว่า พลางบิดขี้เกียจ ได้เวลานอนของตนเสียทีเหมือนกัน ตอนแรกก็ตั้งใจจะทำจนเสร็จนั่นแหละ แต่เห็นท่าสดายุคงไม่ยอมเข้านอนแน่ ถ้าเขายังขืนทำงานอยู่ จึงไม่ยากเลย ที่กฤตเมธจะตัดใจทิ้งงานได้อย่างง่ายดาย เพื่อพาเจ้าชายของตนเข้านอน
“พี่ไปนอนเถอะ เดี๋ยวผมทำต่อให้เอง” สดายุออกตัวรับงานแทนอย่างต็มที่
“ไม่ต้องหรอก ไปนอนกอดพี่ดีกว่า”
“ไม่เป็นไร เหลืออีกนิดเดียวไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวผมทำต่อให้เอง พี่ไปนอนเถอะ”
สดายุที่เถียงไม่หยุด ทำกฤตเมธเริ่มเข้าโหมดเข้ม ก็แหม...ขนาดเอาตัวเข้าแลกแล้วยังไม่ยอมอีก แล้วจะไม่ให้กฤตเมธถึงกับหรี่ตามองจี้ได้อย่างไร “อย่าดื้อสิยุ ไปนอน”
“ลุงต่างหากที่ดื้อ! เฮ้ย!!?”
เพราะขี้เกียจเถียงกันยาวอีกแล้ว กฤตเมธจึงตัดสินใจอุ้มสดายุกลับห้องด้วยตัวเองเสียเลย เจ้าตัวแสบตกใจเล็กน้อยในครั้งแรก แต่สุดท้ายก็ยอมนิ่งให้อุ้มเข้าห้องแต่โดยดี
“เอะอะใช้แต่กำลังนะเดี๋ยวนี้...”
สดายุเปรยขึ้น เมื่อถูกกฤตเมธวางลงบนเตียงอย่างเบามือ คำว่า ‘ใช้กำลัง’ เล่นเอากฤตเมธหลุดขำ
“ก็อย่าพยศนักสิ ไม่ดื้อไม่ซน พี่ก็ไม่ทำอะไรยุหรอก”
“เฮอะ...ผมพยศใส่ลุงตอนไหนวะ?” สดายุเถียงปร๋อ เมื่อโดนคนแก่จี้ใจดำเข้าให้ “แล้วไอ้สำนวนลิเกอย่างคำว่า พยศ เนี่ย เลิกใช้เสียทีเหอะ โบราณจนขนลุกเลย” แถมไม่ใช่แค่เถียง มีค่อนขอดเหน็บท้ายประโยคมาอีกกระบุง
งานนี้กฤตเมธขอยกธงขาว ประกาศตัวยอมแพ้ ก่อนจะเกิดอารมณ์อยากกดเด็กปากดีอีกรอบ
...ชิ รอหายดีก่อนเถอะ! แผนร้ายที่วาบขึ้นในใจ ทั้งที่กำลังโปรยรอยยิ้มเทพบุตร

 :katai4:


ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 23-06-2016 23:23:50
 :n1:


งานถกเถียงหาผู้ชนะจบลงในที่สุด เมื่อต่างก็ตกลงกันได้ว่าควรนอนพักกันได้แล้ว กฤตเมธก็เอื้อมตัว หมายจะปิดไฟที่หัวเตียง แต่จังหวะที่ปลายนิ้วกำลังจะสัมผัสสวิตช์ กลับถูกมือเย็น ๆ แตะห้ามไว้
แม้จะออกปากถามไปว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่อีกฝ่ายกลับเงียบงัน มีเพียงปลายนิ้วเย็น ๆ เท่านั้น ที่ลูบรอยแผลเป็นตรงหลังของกฤตเมธอยู่ รอยแผลเป็นจากคมกระสุน ร่องรอยที่ได้มาเพราะกฤตเมธสละร่างกายเพื่อปกป้องสดายุ
“ยัง...เจ็บอยู่ไหม?” เสียงแหบพร่าถามขึ้นเบาๆ  ขณะที่นิ้วมือเย็นจัดยังลูบวนอยู่ตรงรอยแผลไม่ห่าง
เพราะกระสุนไม่ทะลุ ด้านหน้าจึงไม่มีรอยใด ๆ ให้เห็น แม้กระทั่งยามที่ถอดเสื้อ ก็ดูเหมือนกฤตเมธจะพยายามหลบเลี่ยงที่จะเผยแผลเป็นนี้ให้สดายุได้เห็น เพราะกฤตเมธรู้ดี สดายุฝังใจกับรอยแผลนี้มากแค่ไหน รู้ว่าสดายุเฝ้าแต่โทษตัวเองซ้ำ ๆ ที่เป็นต้นเหตุให้กฤตเมธต้องโดนยิง
ในทุกครั้งที่เห็นรอยแผลนี้ สดายุจะเข้ามาลูบคลำแผ่วเบา ราวกับกำลังร่ายมนต์ให้หายเจ็บปวด ราวกับกำลังขอร้องต่อฟ้า ว่าให้แผลนี้ย้ายไปอยู่บนร่างตน ดังนั้น หากเลี่ยงได้ กฤตเมธก็จะพยายามหลีกเลี่ยง โดยหลังจากออกจากโรงพยาบาลคราวนั้น ก็พยายามใส่เสื้อนอนตลอด เพื่อป้องกันไม่ให้สดายุเห็น
แต่วันนี้ดันเผอเรอเอาเสียได้ ที่คิดง่าย ๆ ว่าสดายุหลับไปแล้วคงไม่ตื่นขึ้นมาเจอ
ร่างสูงลอบถอนหายใจบาง ๆ โดยไม่ให้สดายุรู้ตัว แล้วเอื้อมมืออุ่นไปจับมือเย็น ๆ นั่นไว้
“พี่ไม่เจ็บแล้ว”
กฤตเมธตอบอย่างหนักแน่น จริงจัง พลางหันมาเผชิญหน้ากับสดายุตรง ๆ  “แผลนี้ ไม่เคยทำให้พี่เจ็บ ยุไม่ต้องกังวลกับมันหรอกนะ”
“ไม่เจ็บได้ยังไง…ต่อให้หายแล้ว แต่มันก็ไม่มีทางเหมือนเดิม…เสียดายหลังเนียน ๆ ต้องมามีรอยแผล” สดายุบ่นเสียงเบา
“พี่เคยบอกแล้วไง ว่ามันคือเหรียญตราแห่งความภูมิใจ ที่พี่ปกป้องคนรักเอาไว้ได้ ในฐานะลูกผู้ชายแล้ว ยุว่ามันไม่น่าดีใจเหรอ?” กฤตเมธอธิบายพร้อมรอยยิ้ม พลางหันมาสวมกอดสดายุเอาไว้ “ถ้าเพื่อยุล่ะก็ ต่อให้มีแผลทั้งตัวพี่ก็ไม่เกี่ยง”
กฤตเมธพูดหยอกทีเล่นทีจริง เพื่อให้สดายุได้ผ่อนคลายลง รู้สึกได้ว่าศีรษะหนัก ๆ ของสดายุนั้น ก็กำลังซุกเข้าหาอ้อมอกของตนเหมือนกัน กฤตเมธยิ้ม แล้วทิ้งแก้มของตนแนบบนกระหม่อมหอม แล้วลอบถอนหายใจบาง ๆ พลางเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วพาคนป่วยเอนกายลงนอนอิงกัน กฤตเมธกระชับอ้อมกอด คนที่นอนซุกกายใกล้ พลางปิดปากนิ่ง ด้วยเพราะกำลังคาดโทษตัวเอง ที่เผลอทำหัวใจของสดายุเจ็บเข้าอีกแล้ว
ความเงียบเข้าปกคลุมเนิ่นนานจนกฤตเมธคิดว่าสดายุคงผล็อยหลับไปแล้วในอ้อมกอดของเขา สติของกฤตเมธจึงล่องลอยบ้าง
ฝ่ายสดายุเอง ก็คิดว่ากฤตเมธคงหลับไปแล้วเช่นกัน จากเสียงของลมหายใจที่สม่ำเสมอของเจ้าของอ้อมแขน
 “พี่เมธ…พี่…คือพรวิเศษของผมนะ” เพราะอย่างนั้น สดายุจึงเผลอไผล พูดความในใจออกมาเบา ๆ “พี่คือทุกอย่าง…ทุกอย่างที่ผมใฝ่ฝัน…พี่เป็นคนดีเสียจนผมไม่รู้เลยว่าจะตอบแทนพี่ยังไง…”
หัวใจกฤตเมธกระตุกวูบ ตื่นเต็มตาทันทีที่ได้ฟัง ใช่ว่าสดายุจะไม่เคยพูดจาหวาน ๆ ให้ได้ฟัง แต่เพราะน้อยครั้งที่จะได้ยิน กฤตเมธคิดไปถึงขนาดที่ว่า นี่อย่าบอกนะ ว่าสดายุเทียวพร่ำบอกรักซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้ ทุกคืนที่ เขาหลับ แต่แม้จะรู้สึกตัวตื่นอยู่ กฤตเมธก็ทำเป็นนิ่งไม่กระโตกกระตาก พยายามสะกดใจไม่ให้เต้นรัวนัก เพราะอยากจะรู้เหลือเกินว่า เรื่องอะไรบ้างนะ ที่สดายุต้องเก็บมาระบายกับคนรักอย่างเขาที่หลับไหลอยู่
“ผมไม่รู้เลยว่า ผมยังมีอะไรที่มีค่าพอจะมอบให้...ผม…ที่มีแค่ตัว…คนที่ให้อะไรพี่ไม่ได้เลยแม้แต่อนาคต…”

หมับ!
“!!!??”
สดายุสะดุ้งหวือ ทันทีที่ถูกรวบเข้าไปกอดแน่น หัวใจเต้นโครมครามทันทีที่รู้ว่า กฤตเมธตื่นอยู่ ไม่ได้นึกอายเท่าไหร่กับสิ่งที่พูดไป แต่แค่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะมาได้ยิน
“…ตื่นอยู่ก็ไม่บอก ให้คุยคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน…” สดายุที่กำลังบ่นออกมาเบา ๆ ชะงักไปเล็กน้อย เพราะถูกกฤตเมธมอบจูบให้ที่หน้าผากเสียจูบใหญ่
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะยุ พี่ขอได้ไหม…อย่าคิดอะไรแบบนี้อีก” กฤตเมธครวญขอ ในหัวใจยอกปลาบ เมื่อรู้ว่าสดายุยังคงเห็นว่าตัวเองช่างด้อยค่า “เมื่อไหร่ ยุจะรู้ตัวเสียที ว่ายุมีค่ามากกว่าที่ตัวเองคิด”
“ก็รู้อยู่…” สดายุรีบตอบ
“ตอบแบบขอไปทีอีกแล้วนะ” ซึ่งก็โดนกฤตเมธบ่นกลับทันทีเช่นกัน เพราะคำว่า ‘ก็รู้อยู่’ ของสดายุนั้น มักพูดออกมาแค่เพื่อให้ตนหรือคนรอบข้างสบายใจ ไม่ได้มาจากความรู้สึกจริง ๆ
“ก็รู้จริง ๆ ถ้าผมไม่มีค่า พี่คงไม่รักผมขนาดนี้หรอก” สดายุยังคงเถียง ซึ่งแบบนั้นยิ่งทำให้กฤตเมธถอนหายใจ อยู่ด้วยกันมาตลอดตั้งแต่คบกันมาก็ร่วมปีกว่า ทำไมกฤตเมธจะไม่รู้นิสัยของสดายุกันเล่า ‘ไอ้คนขี้เก็กจนหน้าหมั่นไส้เอ้ย’ ต่อหน้าทำเป็นพูดดีทุกที แล้วพอลับหลังก็มาโอดครวญน่าสงสารอยู่คนเดียวนี่นะ แต่ก็เอาเถอะ ตอนนี้อาจจะยังเร็วไป กฤตเมธบอกตัวเองว่าเขายังมีเวลาอีกทั้งชีวิต ที่จะค่อย ๆ ปล่อยให้เจ้าตัวแสบซึมซับความรู้สึกที่ว่าตัวเองเป็นคนสำคัญไปทีละนิด ส่วนตอนนี้เจ้าตัวจะว่ายังไง ก็ปล่อยให้เพลิดเพลินกับความคิดแบบนั้นไปก่อนแล้วกัน
“เฮ้อ…รู้ก็ดีแล้ว ไม่มีค่าอะไรกัน รักจะตายแล้วเนี่ย” ว่าแล้วก็กอดรัดสดายุแน่น ๆ แกล้งซุกหอมทั้งผม ทั้งหน้า จนสดายุนึกรำคาญขนาดตั้งใช้มือดันคางของกฤตเมธเอาไว้ เรียกเสียงหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ฝ่ามือที่ใช้ยันปลายคางอยู่นั้น จะเปลี่ยนเป็นลูบข้างแก้มสากแทน
ลูบไปมาเพลิน ๆ อยู่อย่างนั้น กฤตเมธก็นอนให้ลูบไล้ไม่อิอดออด วงแขนแข็งแรง ที่ยังกอดร่างโปร่งบางเอาไว้หลวม ๆ ก็เริ่มลูบไล้แผ่นหลังบางแผ่วเบา คล้ายช่วยปลอบประโลมใจ ซึ่งกันและกัน กฤตเมธยิ้มบางลำพังในความมืด ให้กับความรั้นของสดายุ คนรักของเขาที่ผู้ชายแข็ง ๆ ขี้เก็ก เอาแต่ใจ อดีตผู้ชายที่ทำตัวเสเพลเพียงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง ชอบทำเป็นไม่สนใจใคร ทั้งที่ตัวเองออกจะขี้เหงา ชอบทำตัวร้าย ทั้งที่แท้จริงช่างเปราะบาง แข็งนอกอ่อนใน อ่อนไหวง่ายไปกับทุกสิ่งเร้า ผู้ชายอายุน้อยกว่า ที่ชอบคิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่เสียเต็มประดา ชอบทำหน้าตาย หรือไม่ก็หน้ามุ่ยตลอดเวลา ทั้งที่เวลายิ้มออกจะน่ารักน่ามองแท้ ๆ
ถึงอย่างนั้น คนรักของเขาคนนี้ ก็ยังเปี่ยมล้นด้วยเสน่ห์ เหมือนลูกแมว ที่แม้เวลาปกติจะแสนเย่อหยิ่ง แต่พอเอาเข้าจริง ก็ช่างอ้อน แบบนี้สินะ เขาถึงได้หลงรัก หัวปักหัวปำ...     
ความอุ่นใจแผ่ซ่านในทรวงอก มือของสดายุที่ลูบคลำอยู่ข้างแก้มสาก เต็มไปด้วยตอหนวดนั้น รับรู้ได้ในทุกสัมผัส ว่ากฤตเมธมีตัวตน
ในบางครั้งหัวใจดวงนี้ก็วูบโหวง เวลาเห็นกฤตเมธในที่ไกล ๆ เผลอคิดไป ว่านี่คือคนรักของตนจริงน่ะหรือ ผู้ชายที่แสนดีคนนั้น พระเอกเนื้อทองของวงการที่รักของทุกคนที่อยู่ใกล้ ใจดี ยิ้มสวย ผู้ชายอบอุ่น ชอบดูแลเอาใจใส่คนอื่น ทะนุถนอมเขาคนนี้ยิ่งกว่าไข่ในหิน คนที่ดีถึงขนาดนั้น การมีกฤตเมธเป็นคนรักมันเป็นเรื่องที่ราวกับฝันไป มีคนรักเป็นผู้ชาย ทั้งเขาเองยังกลายเป็นฝ่ายรับ บางทีก็คิดว่าช่างน่าขัน เหมือนแค่เรื่องที่ใช้อำกันเล่น
ยิ่งกฤตเมธดีกับเขามากเท่าไหร่ สดายุก็ยิ่งกังวล สดายุยอมรับด้วยหัวใจเลยว่าเขารักกฤตเมธมาก รักชนิดที่ว่า ไม่เคยนึกรักใครอย่างหมดใจได้เท่านี้มาก่อน  ทั้งรัก ทั้งหวงแหน อย่างที่ไม่เคยมีให้ใคร
เพราะไม่ใช่คนที่เชื่อใจในรักนิรันด์ มันจึงหวาดหวั่นทุกครั้งที่ต้องเอ่ยคำว่ารัก
เพราะไม่อยากโดนทิ้งอีกแล้ว จึงเคยตั้งใจว่าจะไม่รักใครอีก
ทำอย่างไรดีเล่า ทั้งที่ตั้งใจเอาไว้อย่างนั้นแท้ ๆ วันนี้กลับพ่ายแพ้แก่ความดีที่กฤตเมธมอบให้อย่างหมดรูป
เผลอรักไปจนหมดทั้งใจ จะให้ถอนตัวอย่างไรกัน คนอย่างสดายุ ลองว่าได้รักแล้ว ไม่สามารถตัดใจได้ง่าย ๆ เสียด้วย นึกรำคาญตัวเองอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ที่ไม่ยอมปล่อยวางความรู้สึกหวาดหวั่นนี้เสียที ทั้ง ๆ ที่ควรเชื่อมั่นในตัวกฤตเมธ เชื่อในความรักที่อีกฝ่ายมีให้ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าถูกรักขนาดไหน ทำไมนะ ถึงยังต้องกลัว...   
 “อย่าปล่อยมือผมนะ…”
สดายุเอ่ยออกไปอย่างเผลอไผล แต่ถึงได้สติ ก็ไม่คิดกลับคำ หรือเฉไฉอย่างปกติ เพราะถึงเผลอก็คือความรู้สึกจริง ๆ ที่อัดอั้นอยู่ในใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร้องขอ จำไม่ได้แล้วว่าเคยพูดไปแล้วกี่ครั้ง และไม่รู้ว่าในอนาคตต่อไป พรุ่งนี้ อาทิตย์หน้า เดือนหน้า หรือปี ต่อ ๆ ไป เขาจะยังย้ำคิดย้ำทำ ขอแต่เรื่องเดิม ๆ นี่อยู่หรือเปล่า  แค่อยากได้ยิน ว่าจะไม่ทิ้ง แค่อยากอุ่นใจ
คำอ้อนแสนหวานขนาดนั้น แน่นอนว่ากฤตเมธย่อมรับไว้ด้วยรอยยิ้ม และหัวใจที่พองโต ร่างสูงใหญ่ขยับกอดแน่น แนบหน้าผากตนเข้ากับหน้าผากอุ่นของสดายุ แม้จะปิดไฟไปแล้ว แต่แสงสลัวที่ลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามาก็ยังพอสะท้อนให้เห็นดวงตาของกันแล้วกัน  กฤตเมธกุมมือของสดายุตรงข้างแก้มตนเอาไว้ กดจูบบนมือเย็นจัดนั่นแผ่วเบา ด้วยความรัก ด้วยความห่วงแหน
 “พี่ไม่ทิ้งหรอก…พี่สัญญา”
กฤตเมธมอบคำมั่น จูบเบา ๆ ที่หน้าผากอุ่น ไม่มีคำพูดสวยหรูมากกว่านี้ในตอนนี้ ทั้งที่มีถ้อยคำที่อยากบอกอีกเป็นร้อยเป็นพันประโยค แต่กลับไม่มีคำเลยที่หนักแน่นไปกว่ารอยจูบนี้ คำสัญญาที่ลั่นออกไป ใช่จะพูดไปเพียงแค่ให้สดายุได้ฟัง แต่มันคือคำสัญญาที่กฤตเมธมอบให้ตัวเองด้วย
ถ้อยคำสัญญา กับรอยจูบหวาน ๆ ทำสดายุยิ้มได้  เท่านี้เองที่ต้องการ แค่อยากเติมเต็มในส่วนที่แหว่งหาย การถูกกฤตเมธสวมกอด เป็นอะไรที่สดายุชอบมาก ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่เสพติดอ้อมกอดอุ่น ๆ นี้ เสียงทุ้มที่คอยมอบคำหวาน ๆ นั่นก็ใช่ ทั้งที่แต่ก่อนสดายุไม่ใช่คนที่นิยมคำหวาน แต่พอเป็นอะไรที่กฤตเมธเป็นคนพูด ต่อให้เลี่ยน ก็ยังรู้สึกดี
ถึงตรงนี้สดายุก็หลุดขำตัวเอง เบา ๆ ที่ทำเป็นอ้อนนู่นนี่กฤตเมธไม่หยุด
...สงสัย จะไม่สบายจริงอย่างที่กฤตเมธว่าเสียแล้วมั้ง
สดายุรู้สึกพอใจ หลังจากรู้สึกว่าตัวเองอ้อนอย่างเต็มที่แล้ว จิตใจที่ผ่อนคลายลง ทำให้ร่างกายผ่อนคลายตามไปด้วย ความง่วงงุนจึงเหมือนจะเข้ามาทักทายเป็นระยะ ตีสาม เป็นเวลาที่ต้องนอนแล้วสินะ คิดได้แบบนั้น สดายุที่นอนตะแคงอยู่ ก็วูกกายเข้าหากฤตเมธมากขึ้น
ในจังหวะกำลังก้ำกึ่งอยู่กับความฝันความจริง สดายุรู้สึกได้ว่ากฤตเมธขยับกายเข้ามาใกล้ จนใบหูสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น เสียงกระซิบแผ่วเบาที่ได้ยินชัดทุกคำ ทำดวงตาที่หลับไปแล้วเปิดโพลง
 “ยุ…เราแต่งงานกันไหม?”

3 เดือนโดยประมาณ หลังจากวันที่กฤตเมธชวนแต่งงาน ในที่สุด งานมงคลที่รอมานานก็ถูกจัดขึ้น จากตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะแต่งกันทันทีหลังจากที่สดายุและแม่หายดี ทว่าตอนนั้นกลับยังไม่สะดวก เพราะข่าวของเขาทั้งคู่ยังไม่เงียบสักเท่าไหร่  แม้กระแสจะซาไปบ้าง แต่ภาพแอบถ่าย หรือการขุดคุ้ยลงคอลัมม์เล็ก คอลัมม์น้อยก็ยังคงมีอยู่  หากผลีผลามจัดงานแต่งขึ้นมา  คงได้ฮือฮากันไปอีกพักใหญ่ ๆ แน่ ๆ โครงการที่วางไว้ว่าจะได้ใช้ชีวิต สงบ ๆ โดยเร็ว ก็คงต้องล่าถอยออกไปอีก ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดปัญหา และหลีกเลี่ยงการขึ้นหน้าหนึ่งโดยไม่จำเป็นในช่วงที่กระแสข่าวยังไม่จางกลิ่น กฤตเมธและสดายุจึงเลื่อนงานแต่งเบา ๆ ของพวกตนออกไปก่อน  ทำเพียงอาศัยอยู่ด้วยกันไปอย่างเดิม ๆ เท่านั้น
จนกระทั่งวันนี้ ที่ทุกฝ่ายต่างพร้อม และสังคมภายนอก ก็ดูเหมือนจะลืมเรื่องของพวกเขาไปบ้างแล้ว กฤตเมธและสดายุจึงจูงมือกันจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่รู้กันในหมู่ญาติ และเพื่อนสนิทขึ้นมา 
พิธีแต่งงานเรียบง่าย จัดงานแค่ช่วงเช้าถึงสาย สบาย ๆ แค่ทำบุญเลี้ยงพระ ทานอาหารเที่ยงก็เสร็จ ไม่มีปาร์ตี้ ไม่มีพิธีอื่นใดเอิกเริก โดยพิธีเริ่มจากการทำบุญเลี้ยงพระกันที่บ้านในช่วงเช้า รีบศีลรับพรเพื่อเป็นสิริมงคล แขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ก็มีเพียงแค่คนในครอบครัว อย่างแม่ดา แม่พิณน์ พ่อเลี้ยง และสุริยะ กับบรรดาคนสนิทอย่าง บลูม่า ซอลย่า สุริยาวดี พอร์ช รุจน์ อ๊อด และกมลผู้ติดตาม เพียงเท่านี้ บ้านแม่ดา ก็ดูจะเนืองแน่นไปด้วยความสุขอบอวล
   พิธีทางศาสนา เริ่มต้นตั้งแต่เช้าตรู่  7 โมงตรง คณะสงฆ์ 5 รูปที่พ่อเลี้ยงนิมนต์ไว้ก็เดินทางมาถึงบ้าน พิธีเป็นไปอย่างเรียบง่าย แค่มีสายมงคล กับมาลัยคล้องคอบ่าว-บ่าว สวดมนต์ เลี้ยงพระตามพิธีการที่ถูกต้อง เจ้าบ่าวทั้งสองในวันนั้น อยู่ในชุดสุภาพ ไม่ได้แต่งเป็นชุดเจ้าบ่าวเต็มยศแต่อย่างใด แค่เสื้อเชิ๊ตสีขาว กับกางเกงสีทองมุกคู่กันเท่านั้น
   หลังพิธีทางศาสนา ก็ถึงเวลาของการสู่ขอ สินสอดไม่มากไม่น้อยที่กฤตเมธยกมา เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาแขกเหรื่อที่นังแซวไม่ขาดระยะ แม่ดารับมาตามพิธี โดยหลังจากนั้นก็คืนให้สดายุทุกบาทโดยไม่ยอมเก็บเอาไว้ ด้วยตั้งใจให้ลูก ๆ ได้ใช้ลงทุนชีวิตต่อ 
   
สำคัญที่สุดของพิธีมงคลสมรส คงไม่พ้นการสวมแหวนแต่งงานให้กันและกัน โดยกฤตเมธเป็นคนเริ่มก่อน  เขาค่อย ๆ จับมือซ้ายของสดายุขึ้นมา แล้วบรรจงสวมแหวนลงที่นิ้วนางข้างซ้ายด้วยความนุ่มนวล ในขณะนั้น เสียงลั่นชัตเตอร์ พร้อมเสียงร้องเขินแทนจากคนรอบข้างดังเซ็งแซ่ จนทั้งกฤตเมธและสดายุเองก็ยังกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่  ยิ่งตอนที่สดายุต้องกราบแทบที่อกของกฤตเมธด้วยแล้ว เสียงเชียร์ยิ่งดังกระหึ่ม  และเพราะกฤตเมธอายุมากกว่า   พอสดายุสวมแหวนกลับให้บ้าง กฤตเมธจึงไม่ต้องไหว้กลับ ทำหน้าที่เจ้าบ่าวของงานอย่างสมบูรณ์ ทั้ง ๆ ที่สดายุตั้งใจว่าจะไม่ยอมเป็นเจ้าสาวอย่างเด็ดขาดแท้ ๆ

พิธีสุดท้าย ในช่วงเช้า จบลงตรงที่ทุกคนได้ร่วมกันผูกข้อไม้ข้อมือคู่แต่งงานใหม่ เพื่อร่วมอวยชัยอวยพร ให้รักมั่นยืนยาว แม่ดา แม่พิณน์ ช่วยกันผู้สายสิญจ์มงคลให้บนข้อมือของสดายุและกฤตเมธ พร้อมคำอำนวยพร ที่แสนมีค่า คำสอนทั้งน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม
แม่พิณน์ยิ้มร่าจนต่าหยี พูดติดตลกว่ายินดีต้อนรับลูกสะใภ้ที่รัก พร้อมจะยกสมบัติให้ทั้งหมด
แม่ดาก็เอาแต่ร้องไห้เพราะปลื้มใจ แต่ก็ยังอุตส่าห์กอดสดายุและกฤตเมธเอาไว้ แล้วอวยพรให้รักยั่งยืน “ฝากยุของแม่ด้วยนะเมธ” คือคำฝากฝังทั้งน้ำตาแห่งความตื้นตัน แล้วยิ่งต้องสะอื้นหนัก เมื่อกฤตเมธรับคำมั่นเหมาะ “ผมจะดูแลเขาให้ดีที่สุดครับแม่ ทั้งชีวิตของผม จนแก่เฒ่า”
ส่วนพ่อเลี้ยง ถึงจะไม่ใช่คนพูดเยอะ แต่ก็ยังอุตส่าห์อวยพรให้มีความสุข แล้วลูบศีรษะของสดายุและกฤตเมธเบา ๆเพื่อส่งคำอำนวยพร
ในส่วนของบรรดาแขกคนพิเศษ ต่างร่วมอวยพรกันอย่างเซ็งแซ่ โดยเฉพาะบลูม่า ที่ถึงกับบ่อน้ำตาแตก พร่ำแต่บอกว่าตัวเองเป็นแม่นกที่กำลังปลื้มปริ่มเมื่อเห็นลูกน้อยโผจากรัง พอร์ชกับรุจน์เองก็รู้สึกเขิน ๆ กับสายตาของสดายุที่มองอย่างรู้ทัน ว่าทั้งคู่ตกลงปลงใจ ตกร่องปล่องชิ้นกันไปแล้วเรียบร้อย
ถึงตรงนี้ คนสุดท้ายที่เข้ามาอวยพรคือสุริยะน้องชายคนเดียวของสดายุ ที่ตอนนี้ผู้เป็นน้องชายนั้น ไม่ได้อยู่ในอาการที่ยินดีสักเท่าไหร่นัก เอาเข้าจริง สุริยะคือคนเดียวเลยก็ว่าได้ ที่ออกปากคัดค้านงานแต่งงาน ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่เห็นจำเป็น ทุกคนก็รู้อยู่แล้ว ผู้ชายด้วยกัน จัดงานแต่งไปแล้วได้อะไร และอีกร้อยพันเหตุผล เท่าที่จะสามารถยกมาอ้างได้
ข้ออ้างที่ทุกคนรู้ดี ว่าสุริยะไม่ได้ยกขึ้นมาเพื่อขัดขวางความรักของสดายุ
แต่มันคือข้ออ้าง ของเด็กที่เกิดหวงพี่ชายที่ตัวเองปลื้มมากก็เท่านั้น
เพราะสดายุคือพี่ชายที่สุริยะเฝ้าฝันอยากเจอ พี่ชายในอุดมคติที่อยากอยู่ด้วยมาตั้งแต่ยังเยาว์ ครั้นพอได้พบหน้า ได้เสวนา ได้สนิทสนม สุริยะจึงรู้สึกยิ่งรักและหวงแหน อยากครอบครองพี่ชายไว้เป็นของตัวเองคนเดียว เพื่อเติมเต็มช่วงเวลาที่ห่างไปให้หายคิดถึงบ้าง แต่ดันมีกฤตเมธคอยผูกขาดขัดขวางอยู่ไม่ห่างเสียได้ พี่เขยกลายเป็นหนามยอกใจทันทีในความรู้สึก
แต่ถึงกระนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าสุริยะคิดจะทำลายหรือขัดขวางความรักของพี่ชายแต่อย่างใด ที่ทำไปทั้งหมดนั้น ก็เพราะน้องชายวัย 16 ปีคนนี้ ก็แค่อยากมีตัวตน อยากอยู่กับพี่ชายบ้างก็เท่านั้น 
“มีความสุขมาก ๆ นะพี่ยุ” สุริยะหน้าบู้ อวยพรเสียงเบาบาง ขณะจับมือพี่ชายนวดไป นวดมา
“ขอบใจ” สดายุเอ่ยขอบใจออกไปขำ ๆ เพราะสีหน้าเหมือนอมยาขม ๆ ไว้ในปากของน้องชายนั้น ดูช่างจริงใจอวยพรเสียเหลือเกิน แถมยังเลือกอวยพรเฉพาะพี่ชายอย่างสดายุเพียงคนเดียวอีกด้วย ไม่มีชายตาหาพี่เขยเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถ้าเขาทำอะไรให้พี่เสียใจ พี่รีบบอกยะเลยนะ เดี๋ยวยะจะปกป้องพี่เอง” ได้ทีสุริยะรีบกระซิบทางหนีทีไล่ให้พี่ชายใหญ่ พลาดชำเลืองสายตาไปคาดโทษพี่เขย ที่กำลังนั่งยิ้มมองมาแบบเป็นต่อ
“โอเค ๆ ถ้าลุงแกทำอะไร พี่จะรีบมาหายะแล้วกันนะ” สดายุว่าขำ พลางลูบหัวห้องชายไปที ด้วยความรู้สึกเอ็นดู ห่างกันมานาน เลยยังไม่ชินเท่าไหร่ แต่ก็อุ่นใจ ที่พอกลับมาได้ใกล้ ก็ไม่รู้สึกอึดอัด มิหนำซ้ำดูเหมือนสุริยะยังติดสดายุแจอีกต่างหาก

หลังเสร็จงานตอนเช้า ก็ตั้งวงทานข้าวกัน คงเพราะแขกคนพิเศษมีน้อย บรรยากาศจึงดูเฮฮาเป็นกันเอง  เจ้าบ่าวทั้งสอง ถูกลากไปถ่ายรูปที่ระลึกกันสนุกสนาน ด้วยตากล้องมือโปรหน้าละอ่อนอย่างกมล ความสุขที่ฉาบชัดอยู่บนใบหน้าของสดายุ รอยยิ้มเต็มแก้มที่ไม่ได้เห็นมานาน ทำให้แม่ดา กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ 
แม่นั่งมองลูกรักจากที่นั่งประจำตรงศาลาไม้ ดีใจในวันสำคัญของสดายุจนไม่อาจห้ามน้ำตา เห็นลูกเติบใหญ่ และมุ่งมั่นที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า มีความรัก มีครอบครัว ในฐานนะแม่ แค่นี้ก็ปลาบปลื้มล้นปรี่
เติบโตขนาดนี้แล้วหรือลูกแม่ เพิ่งเห็นยังเป็นแค่เด็กน้อยอยู่เมื่อไม่นาน เด็กชายหน้าบึ้ง ที่เกาะอยู่ข้างหลังแม่ตลอด ร้องไห้จ้า จะตามแม่กลับบ้านให้ได้ ตอนส่งเข้าเรียนอนุบาล ลูกน้อย ที่เกเรจนมีเรื่องให้คุณครูมาฟ้องไม่ขาดไม่เป็นมิตร ไม่เอาเพื่อน ทะเลาะวิวาท ทั้งที่พอเวลาอยู่กับแม่ ราวกับลูกแมวที่คอยอ้อนข้างตัวไม่ไปไหนแท้ ๆ เด็กน้อยที่แม่เผลอปล่อยมือไป ตอนนั้น โตขนาดนี้แล้วหรือ
ตอนที่ออกจากอกแม่ไปเป็นดารา แม่แทบไม่เชื่อสายตา เด็กที่มีหน้าบึ้งหน้าเดียวคนนั้น ช่างเจิดจรัสในจอโทรทัศน์จนแม่ทึ่ง ลูกคือคนดีของแม่ รู้สึกแย่เหลือเกินที่ปล่อยมือลูกในวันนั้น เพราะทิฐิ เพราะคิดว่าลูกคงกลับมา เข้าข้างแต่ตัวเองว่าแม่คือความถูกต้อง
หัวใจของแม่หายไปตั้งแต่วันนั้น อยากไปหาใจจะขาดตอนที่ลูกมีปัญหา แต่แม่ป่วย หากเจอหน้าก็รังแต่จะเป็นภาระ  ลูกของแม่เป็นเด็กดี เห็นแม่เป็นแบบนั้น คนดีของแม่คงเป็นห่วงแม่จนอยู่ไม่สุข คิดว่าดีแล้วที่ลูกไม่รู้ แต่สุดท้ายลูกก็มา กลับมาพร้อมหัวใจของแม่
สดายุคนดีของแม่ ทั้ง ๆ ที่แม่เป็นคนใจร้าย ในวันนี้ที่ลูกกลับมา ยังอุตส่าห์นำพาแต่ความสุขมาให้ โอ้...ลูกจ๋า ลูกรัก ขอให้ลูกของแม่มีความสุขตลอดไป  แม่สัญญาจะอยู่เคียงข้างลูกของแม่เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ จากนี้และตลอดไป
แม่ยิ้ม เมื่อลูกน้อยวิ่งเข้ามาหา อ้อมกอดนั้นอบอุ่น รอยยิ้มของลูกพราวพร่าง งดงามราวฟ้ากระจ่าง ข้างกายลูกมีคนที่รักลูกของแม่มากมาย เข้ามาคลุกคลียินดีกับลูก แม่สุขใจจนน้ำตาปริ่ม ลูกของแม่ช่วยซับน้ำตาให้อย่างน่ารัก บอกให้แม่ยิ้มกว้าง ๆ แล้วเราถ่ายรูปกัน ข้างซ้ายคือลูกแม่ ส่วนอีกข้างคือลูกชายคนใหม่อีกคนที่แม่รัก  ถ่ายรูปกันได้เพียงนิด สุริยะก็วิ่งห้อเข้ามาร่วมด้วย
เห็นลูกๆ ของแม่มีความสุข แม่เองช่างมีความสุขเหลือเกิน

“สุดยอดเลยว่ะ มาถึงขั้นนี้กันจนได้นะ”
อ๊อดทักกฤตเมธที่กำลังเติมน้ำดื่มอยู่เพียงลำพัง ขณะที่สดายุถูกสุริยะกับบลูม่าลากไปถ่ายรูปตรงนั้น ตรงนี้กันอยู่
“ขอบคุณครับพี่อ๊อด” กฤตเมธกล่าวขอบคุณในคำชื่นชม
“เก่งนะเราน่ะ ทำไอ้ยุติดแจเชียว ปกติมันเอาใครที่ไหน ไม่เคยเห็นมันเดินตามใครต้อย ๆ อย่างเมธสักที เคยเห็นอ้อนกันด้วยนี่ พี่นี่ขอคาราวะเลยว่ะ” เห็นน้องชายนอบน้อม อ๊อดก็ออกปากชมใหญ่ ท่อนแขนแกร่งโถมเข้าล็อคไหล่ของกฤตเมธไว้ แล้วพาเดินท่อง คุยกันไปเรื่อย ๆ “ไหนบอกพี่หน่อยสิ ใช้มนต์อะไรเป่ากระหม่อมไอ้ยุมันกัน มันถึงได้เชื่องเป็นแมวเลี้ยงขนาดนี้” แถมได้ทียังขอวิธีจัดการตัวแสบของกฤตเมธด้วย เผื่อครูพักลักจำ นำไปใช้ปราบกมลคนดีของตนบ้าง
“คงเพราะผมรู้ดีว่าสดายุเขาเป็นคนยังไงมั้งครับ ผมรู้ว่ายุเขาชอบเก็บตัว ผมก็เลยอยู่เป็นเพื่อนเขา  รู้ว่าเขาชอบคิดแง่ลบ ผมก็จะพูดแง่บวกให้เขาได้ฟัง บางทีที่ยุชอบดูถูกตัวเอง ผมก็จะกอดเขาแน่น ๆ แล้วบอกว่ายุมีค่าแค่ไหนสำหรับผม หึหึ” เมื่อถูกถาม กฤตเมธก็ไม่ปิดบัง เพราะอ๊อดคือพี่ชายที่เขาวางใจ และเชื่อใจพอที่จะเล่าหลาย ๆ อย่างให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องของสดายุ ที่กฤตเมธภูมิใจนักหนา 
“ ยุน่ะเป็นคนที่ถูกกระทบกระเทือนใจง่าย ใครพูดผิดหู หรือเจออะไรที่ไม่ชอบมาพากลขึ้นมา ก็พร้อมจะตีกำแพงขึ้นกันตัวเองทุกเมื่อ ทั้งที่เนื้อแท้แล้ว ก็เป็นแค่ลูกแมวตัวน้อย ขี้อ้อน แต่กลับชอบห่มหนังอสรพิษ แล้วซุกซ่อนตัวอยู่แต่ในพงหนาม ไม่ยอมให้ใครเข้าไปเอาใจเสียได้...แต่นั่น ก็คือเสน่ห์เขานั่นแหละครับ”  แล้วพอได้เล่า ก็ยั้งปากไม่ค่อยอยู่ ความภาคภูมิในคนรักมันทะลักทลายจนห้ามไม่ไหว
งานนี้เล่นเอาอ๊อดถึงกับส่ายหน้า รู้แหละว่าที่กฤตเมธพูดมาน่ะใช่ แต่มันก็อดหมั่นไส้ไม่ได้จริง ๆ คนมีความรักที่มันหน้าบานจนอยากจะเอามีดมาหั่นออกเสียบ้างเหลือเกิน
“...เออ ดีแล้ว เมธมีความสุข พี่ก็ดีใจ หืม...หุบยิ้มบ้างก็ได้นะ ยิงฟันขาวจนพี่แสบตาหมดแล้ว!”  เมื่อหมั่นไส้จนทนไม่ไหว อ๊อดก็ชื่นชมปนประชดออกไปเบา ๆ เพราะพาลนึกอนาถตัวเองขึ้นมา ที่เป็นฝ่ายต้องเดินตามกมลต้อย ๆ
“ก็มันน่าดีใจจริง ๆ นี่ ที่ผมเป็นคนที่สดายุเลือก คิดดูสิ คนที่ระวังตัวแจ และมีหนามล้อมรอบด้านขนาดนั้น แต่กลับยอมให้ผมกอด ยอมให้ผมเข้าไปคอยเอาใจ เพราะเขามีผมคนเดียวเท่านั้น แค่นี้ก็สุขจะแย่แล้วล่ะครับ” กฤตเมธว่าต่อพลางยิ้มกว้าง ยิ่งรู้ว่าตอนนี้กำลังโดนอ๊อดเขม่นอยู่ ก็เลยถือโอกาสอวดทับเสียเลย
“ครับคุณเมธครับ ผมเชื่อแล้วครับว่าคุณโคตรฟิน โน่นครับ ไปถ่ายรูปกับหวานใจคุณต่อเถอะครับ ผมไม่รบกวนแล้วครับ” งานนี้พี่อ๊อดคนดีถึงกับหมั่นไส้จนฟิวส์ขาด ขนาดออกปากไล่ แล้วดันหลังกฤตเมธที่กำลังหัวเราะร่าไปไกล ๆ  แถมไม่วายบ่นตามหลัง ให้กฤตเมธได้สะใจต่อเนื่องด้วย “หวานเลี่ยนจนขนลุกไปหมดแล้ว พ่อเจ้าพระคุณรุนช่องเอ้ย” 

กฤตเมธเดินมาหาสดายุ ส่งแก้วน้ำที่เติมมาให้คนรักได้ดับกระหาย ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาช่วยซับเม็ดเหงื่อที่เกาะพราวข้างหน้าผากให้ สดายุยิ้มน้อย ๆให้กับการถูกเอาใจใส่ต่อหน้าผู้คนที่ทำเอาเขิน  แต่พอเห็นเม็ดเงื่อที่ไหลลงข้างแก้มของกฤตเมธ ก็อดใจใช้มือเปล่า ๆ ช่วยปาดเช็ดให้ไม่ได้ แต่เพราะใช้มือเปล่า ๆ พอปาดเม็ดเหงื่อได้ สดายุก็ยื่นมือไปเช็ดกับชายเสื้อของกฤตเมธเพื่อทำความสะอาดมือ การกระทำแบบนั้นของสดายุ ทำเอากฤตเมธนึกขันไม่หยุด คนรักของเขานี่ ช่างเป็นคนละเอียดอ่อน เสียจนอ่อนใจจริง ๆ
กำลังขบขันกันสองคนได้ไม่เท่าไหร่ เสียงเรียกให้สองเจ้าบ่าวได้ไปสนุกกันต่อ ก็ดังขึ้น
วันนี้คือวันแห่งความสุข กฤตเมธและสดายุตระหนักดี เพราะมันคือวันที่ทุกคนอุตส่าห์สละเวลามาร่วมยินดีกับความรักของเขาทั้งคู่ กฤตเมธและสดายุ รู้สึกขอบคุณเหลือเกิน มันคือวันที่ดีที่สุด วันที่เขาทั้งคู่จะจดจำไปทั้งชีวิต
กฤตเมธมองหน้าสดายุ แล้วยิ้ม สดายุมองหน้ากฤตเมธแล้วยิ้มตอบ
สองมือสอดประสานเข้าหากัน  แล้วออกเดินพร้อมกันทีละก้าว
นี่ไม่ใช่ก้าวแรก เพราะเขาทั้งคู่ฝ่าฟันร่วมกันมานาน
นี่ไม่ใช่ก้าวสุดท้าย เพราะเส้นทางชีวิตของทั้งคู่มันยังต้องมีต่อ
แต่นี่...คือก้าวสำคัญ ของคนที่จะใช้ชีวิตกันในฐานะ คู่ชีวิต
แม้จะไม่มีอะไรการันตี ไม่มีกฏหมายรองรับ และจะไม่มีวันมีแม้กระทั่ง ‘โซ่ทองคล้องใจ’  แต่กฤตเมธก็มั่นใจว่าสองมือของเขาทั้งคู่ จะไม่มีวันปล่อยจากกัน ไม่ได้ศรัทธาในรักนิรันดร์ แต่ศรัทธาในหัวใจของกันและกัน ที่ได้ร่วมฝ่าฟันกันมา

ทางของเรายังมีต่อไป
หากเจออุปสรรคใด ๆ เราจะช่วยกันถากถาง และผ่านมันไปให้ได้

ไม่ใช่แค่คำว่ารัก แต่มันคือทั้งชีวิต

“อยู่กับพี่ไปนาน ๆ นะ”
“จนแก่เลยลุง”


สองเท้าก้าวไปข้างหน้า
สองมือจับกันไว้มั่น

กฤตเมธโน้มหน้าลงมา
สดายุแหงนหน้าส่งให้
แล้ว...

จุ๊บ...เบา ๆ ที่ข้างแก้มหอม

***************อวสาน***************

(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/tumblr_static_tumblr_static_filename_640_zpsecmkjemd.jpg)
Credit : Google
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 23-06-2016 23:25:00
 :hao5:
จบแล้วค่ะ!!!
อวสาน บริบูรณ์……………♡♡♡♡
ในที่สุดก็จบเสียทีหลังจากที่ฝ่าฟัน (บวกอู้บ้างไรบ้าง) มานานถึง 2 ปี กับอีก 8 เดือน!!?
‘ผมคือ...นางเอก’ คือนิยายเรื่องแรกที่ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา ด้วยความยาวถึง 56+ ตอน
ด้วยความที่ อนาคี หาใช่คนขยันไม่ จึงตกใจตัวเองไม่น้อยค่ะ ที่สามารถปั่นนิยายเรื่องยาวถึงขนาดนี้ออกมาได้

นิยายเรื่องนี้ แท้จริงจุดริ่มต้นมันเกิดขึ้นแค่จากการที่ได้ดูซีรีย์วายต่างๆ แล้วได้ดูการถ่ายทำเบื้องหลัง ที่เห็นแล้วโคตรฟิน อิน จิ้น ขวยเขินไปกับเบื้องหลังการถ่ายฉากเลิฟซีน ซึ่งมัน...แหม่ เห็นแล้วเกิดความฮึกเหิม เลยอยากลองเขียนออกมาเป็นนิยายดูบ้าง แล้วก็เลยกลายเป็นต้นเรื่องของ ‘ผมคือ...นางเอก’ นี่แหละค่ะ ส่วนบทหนังที่นำมาแสดงนั้น ตอนแรกก็กะจะเอานิยายแนวทั่วไป (จำเลยรัก สวรรค์เบี่ยง ไรงี้...อิอิ) แต่คิดไปคิดมา เอานิยายของเราเองแล้วกัน ปลอดภัยกว่า ขืนเอาเรื่องคนอื่นมา เดี๋ยวโดนข้อหาขโมยวรรณกรรม หุหุหุ
พอตัดสินใจใช้นิยายของตัวเอง...จะแต่งใหม่ก็เหนื่อยอ่ะ เอาที่จบแล้วก็แล้วกัน (กลับไปรื้อกรุสมบัติเก่า)
จะเอาเรื่อง ‘ซวยแล้วไง...เมื่อผมกลายเป็น พระชายา’ แหม่...เรื่องนี้มันก็ฮาเกินแกง
จะเอาเรื่อง ‘Sin Spiral_เกลียวบาป แฝด’ เรื่องราวมันก็ Dark side เกิ๊น แถมยังเป็นฝาแฝดอีก หาตัวแสดงยาก
สุดท้ายเลยมาจบตรงที่ ‘สุดปลายทางของหัวใจ’ นิยายดราม่าไม่ยาวมาก แถมยังจบแล้ว ตัวเอกเป็นผู้ใหญ่หาตัวแสดงง่าย จึงตัดสินใจเลือกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นพล็อตค่ะ
ตอนแรกก็แต่งไปแบบใช้อุดมการณ์ง่ายๆว่า เน้นแค่พระนางรักกัน แค่นั้น จบ
สุดท้ายดันจบไม่ลง เพราะเนื้อหามันยังจบไม่ได้ ไหนจะนั่น นู่น นี่
ท้ายที่สุดเลยต้องต่อยาวออกมา เพื่อเคลียร์ปมทั้งหมดให้ได้
มโนเก่งไปหน่อยค่ะ ยิ่งเคลียร์ปมเลยยิ่งเพิ่ม กว่าจะเคลียร์หมด ไถมาเสีย 56+ตอนกันเลยทีเดียว

ถึงตรงนี้ ต้องขอขอบคุณจริงๆนะคะ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้
และต้องขอโทษอย่างมากสำหรับความเอาแต่ใจในหลายๆเรื่อง ทั้งหยุด ทั้งลา หายหัว หายหน้า
เลยทำให้ท่านผู้อ่านต้องรอ ร๊อ รอ รอกันนานเหลือเกิน รอกันจนลืม
ต้องขอโทษจากใจอีกครั้งค่ะ...

ในส่วนของการรวมเล่มนั้นมีแน่นอนค่ะ
รอทำเสร็จแล้วจะออกมาประกาศให้ทราบอีกครั้งนะคะ

สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณมากค่ะที่ร่วมฝ่าฟันกันมา
ขอบคุณนะคะที่เป็นแรงใจให้พี่เมธกับน้องยุได้พบความสุขได้เสียที

รัก
อนาคี99 # Thearboo

ปล.น้องยุกำลังจะรวมเล่มนะคะ ตอนนี้กำลังรีไรท์ และทำปกอยู่ค่ะ
(ตัวอย่างปกบางส่วน เอาลงโชว์ให้ดูบ้างแล้วในเพจ)
สนใจลงชื่อจอง กดติดตามได้ที่เพจตามลิงค์นี้เลยค่ะ^^
https://www.facebook.com/Anakee99.Thearboo/?ref=aymt_homepage_panel
หากสนใจสามารถดูรายละเอียดและลงชื่อจองไว้ก่อนได้ที่
https://docs.google.com/forms/d/1G0VCI42hZJuoQF_MN0CM7X-sOTSjb7OCYKKYCIgDSTE/edit


...จุ๊ จุ๊ จุ๊ อย่าเพิ่งเอ็ดไป
เรายังมีบทส่งท้ายตามมาอีก 2 บท หุหุหุ
แต่จะเป็นอะไรนั้น รอชมกันต่อไปนะจ๊ะ อิอิ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-06-2016 23:31:26
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Paparazzi ที่ 23-06-2016 23:42:20
มาเม้นท์ก่อนค่อยอ่าน หุๆๆ :laugh:
คนเขียนจ๋า ขอถามหน่อยว่าจะมีเรื่องแยกดนัยกับดินไหม
คู่นี้ก็รักมากเหมือนกันอ่ะ :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: loveaaa_somsak ที่ 23-06-2016 23:57:06
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขมากครับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: j123 ที่ 24-06-2016 00:05:40
ขอบคุณคนเขียนมากจ้า ติดตามกันมานานเลยทีเดียว  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 24-06-2016 00:41:25
ดีใจกับลุงได้เป็นฝั่งเป็นฝาเสียที ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 24-06-2016 00:43:20
เย้ๆ ยังมีต่อ รอๆน้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-06-2016 08:58:07
รอ ๆ บทส่งท้ายยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 24-06-2016 08:59:04
รอบทส่งท้ายยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 24-06-2016 10:26:55

ฟินกันไป

น่ารักจนฉากสุดท้าย

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: patchylove ที่ 24-06-2016 10:54:09
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[  จบแล้ว ตามอ่านมายาวนานมาก อิอิฟินสุด
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: nekko ที่ 24-06-2016 14:43:10
ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 24-06-2016 14:53:11
โอ้ยยย จบได้หวานจริงๆ ยุเปลี่ยนไปมากๆเลย โตขึ้นจากตอนแรกๆเยอะเลย พี่เมธน่ารักเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 24-06-2016 15:03:54
มาทิ้งให้อยากและมาจากฉันไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 24-06-2016 15:16:57
มันทั้งหวาน ทั้งอบอุ่น และซึ้งมากๆเลยค่ะ :impress:

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆที่แต่งให้อ่านมาตลอดนะคะ  :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 24-06-2016 15:22:48
 :impress2: จบแระอิ่มใจ รอบทส่งท้ายจ้า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 24-06-2016 15:55:31
จบได้อุ่นมากอะ รอตอนพิเศษนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: yunghanna ที่ 24-06-2016 18:35:11
หวานนนน อิ่มเอิบใจมากกกกก  :mew1:
น้องสดายุพี่กฤตเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 24-06-2016 19:12:40
กรี้ด ชอบมากข่า น่ารักมากกกก รออ่านเรื่องต่อไปน้า

ปล.อยากอ่านตอนพิเศษจัง

 อ่านตอนก่อนหน้านี้ ที่สดายุอ้อนขอกฤตเมธไม่ให้ปล่อยมือ แล้วก้อมีความคิดแวบขึ้นมาว่า ...แล้วถ้าวันนึงสดายุคิดว่ากฤตเมธปล่อยมือตัวเองแล้วจะเป็นยังไงนะ...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 24-06-2016 20:10:43
น่ารัก จบลงตัว ฟิน สนุกมาก คนแต่งก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-06-2016 20:42:59
อิ่มเอมกับตอนจบมาก มีความสุขตลอดไปนะลุงกับยุ :mew1:

ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆ นะคะ รอติดตามเรื่องต่อไปค่ะ  :pig4: o13 :bye2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-06-2016 21:41:31
จบได้น่ารัก  รอตอนพิเศษนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 24-06-2016 23:24:11
จบซะแล้ว :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 25-06-2016 00:53:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: lukYRKM ที่ 28-06-2016 03:07:52
 :mew1: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 28-06-2016 23:17:13
ตอนจบหวานมาก มีความสุขมากๆนะ
ขอบคุณคนแต่งด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 29-06-2016 18:12:56
วู้ววว
จบแล้ว เพิ่งได้มาตามอ่าน หนีไปเที่ยวมาอาทิตย์นึงค่ะ 55555
รอตอนพิเศษนะคะ
อิอิ จุ๊บบบ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: kiki ที่ 30-06-2016 08:49:43
จบหวานมาก ค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: oppapp ที่ 30-06-2016 12:22:05
อยากอ่านดนัยกับบดินทร์ :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 30-06-2016 18:49:27
สรุกมาก ครบรสจริงๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 01-07-2016 09:10:02
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 04-07-2016 18:00:53
บทส่งท้าย
บทแรก

(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/YM_zpsizezsfkc.jpg)
   
โลกไม่ได้สวยงามดังภาพฝันที่เคยจินตนาการไว้ หลังแต่งงานอยู่กินกันมาจนจะย่างเข้าปีที่สี่ การทำเลาะเบาะแว้งระหว่างกันย่อมเกิดขึ้น รักแค่ไหน ก็หนีความไม่เข้าใจไม่พ้น ไม่ว่าจะเพราะกฤตเมธเป็นผู้ใหญ่ที่ขี้เป็นห่วงเกินไป หรือเพราะสดายุเป็นเด็กช่างประชดเกินเหตุ ความบาดหมางเล็ก ๆ เกิดขึ้นเดิม ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ทั้งคู่ก็ไม่คิดแยกทางกัน หรือคิดห่างเหิน การโต้เถียงกันบางเวลา มันก็เหมือนน้ำเลี้ยง เป็นสีสัน เป็นชีวิตประจำวันของลิ้นกับฟันที่อยู่บ้านเดียวกัน ซึ่งถึงจะกระทบกระทั่ง ก็ไม่ได้กระทบคำว่ารักเลยแม้แต่นิด
ขอบคุณคำว่ารักเหลือเกิน ที่ยั้งให้กฤตเมธยังเอ็นดู และหลงใหลในตัวของสดายุมากอยู่
ขอบคุณคำว่ารักเหลือเกิน ที่ทำให้สดายุยังอดที่จะอ้อนกฤตเมธไม่ได้
ขอบคุณคำว่ารัก ที่ในที่สุดก็ทำให้ทั้งคู่ รู้จักคำว่าผูกพัน
ขอบคุณคำว่ารักเหลือเกิน ที่ทำให้ทั้งคู่มีวันนี้

จนตอนนี้ที่กำลังจะย่างเข้าปีที่ 4 หลังจากสดายุย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านของกฤตเมธ หลายๆอย่างเริ่มลงตัวมากขึ้น โครงการต่างๆ ที่เคยพับเก็บไว้ ก็เริ่มก่อร่างสร้างฝัน
ทว่า ชีวิตจริง มันย่อมไม่หวานเหมือนที่จินตนาการไว้  จริงอยู่ว่าช่วงปีแรกที่คบกัน ทั้งสดายุและกฤตเมธร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคกันมามากมาย ทำให้รู้สึกว่ารักนี้ ยิ่งหวาน ยิ่งละมุน และนิรันดร์ แต่การได้มาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในโลกแห่งความจริง ลิ้นกับฟันย่อมกระทบกระทั่ง
จวบจนตอนนี้ ที่ความรักของทั้งสอง เดินทางมาไกลจนเกือบปีที่สี่ ถึงจะมีการโต้เถียงกันบ้าง แต่มันก็ยังคงหวานละมุน สดายุโตขึ้นมาก ในวัย 32 ปี แต่ก็ไม่มีวันโตทันกฤตเมธ ที่กำลังจะเข้าหลักสี่ในไม่ช้า ต่อให้โตแค่ไหน สดายุก็ยังคงเป็นเด็กหัวรั้น จอมดื้อ ในสายตาของกฤตเมธเสมอ เด็กน้อยที่พอเขาบ่นมากไปก็งอน สอนมากไปก็งอแง แม้ช่วงหลังจะดีขึ้นหน่อยตรงที่สามารถเลิกดูถูกตัวเองได้แล้วก็ตาม ถึงอย่างไรก็ขยันหาเรื่องปวดหัวให้กฤตเมธได้อยู่ดี
แล้วกฤตเมธจะทำอย่างไรได้ล่ะ
ในเมื่อรักมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็มีแต่ต้องรักต่อไปแค่นั้น
เมื่อรัก มันไม่ได้มีเพียงรสหวาน ชีวิตก็เรียกได้ว่ามีสีสันมากขึ้น มีปากเสียง ทะเลาะโต้เถียง ความเห็นต่าง ความคิดไม่ลงรอย งอนข้ามวัน ง้อข้ามคืน คือธรรมชาติของชีวิตคู่ พอผ่านรสเผ็ด ก็ตามด้วยรสหวาน บางครั้งก็เปรี้ยวจี๊ดจ๊าด จนหัวใจแทบวาย
ก็นี่แหละหนาคือ...ความรัก
คือการใช้ชีวิตคู่

แก๊ง แก๊ง...
เสียงเคาะกระทะดัง สลับไปมากับเสียงฉู่ฉ่า ของผักชุบแป้งทอดที่กำลังแตกฟองอยู่ในน้ำมัน  หลังสุกได้ที่เป็นสีเหลืองนวล สดายุก็ตักมันขึ้นมาพักไว้บนตะแกรง ก่อนจะหันไปคนหม้อแกงเขียวหวานที่กำลังเดือดปุด ผลพวงจากการได้เข้าเป็นสะใภ้ของแม่กรพิณน์ คือการได้ฝึกฝีมือการทำอาหารจนเก่งฉกาจ แม้ว่าสดายุจะไม่ค่อยได้เข้าครัวสักเท่าไหร่
“กลับมาแล้ว ฝนตกหนักรถติดจนเหนื่อย...อืม...ทำอะไรกินเนี่ย หอมเชียว” แว่วเสียงกฤตเมธตั้งแต่หน้าประตูห้องครัว เพียงครู่ไออุ่นที่ได้จากรับจากแผ่นหลังก็ทำให้รู้ว่า โดนจู่โจมเข้าเสียแล้ว “ทำอะไรกินน่ะ?” คำถามที่มาพร้อมรอยจูบหนักๆที่ต้นคอ ทำให้สดายุพาลนึกไม่อยากตอบขึ้นมาดื้อๆ
“เลิกใช้ตอหนวดไซร้คอเสียทีเถอะลุง ผมเจ็บนะ” สดายุบ่นขึ้นขณะพยายามเบี่ยงตัวหนี
“อืม เดี๋ยวโกนนะ” กฤตเมธตอบแบบขอไปที เพราะชินเหลือเกินกับการโดนบ่นเรื่องหนวดเคราที่เขาไม่ค่อยขยันโกนสักเท่าไหร่นัก 
"เดี๋ยวโกน เดี๋ยวโกน รับปากแบบขอไปทีอีกแล้ว อื้อ! เจ็บนะ เลิกไซร้คอได้ไหมเนี่ย!"  สดายุเอ็ด พลางดันตัวกฤตเมธออกห่างอย่างหัวเสีย
    "จะเหวี่ยงทำไมเนี่ย ฮื่อ...ขอพี่กอดหน่อยสิ"  ยิ่งว่าเหมือนยิ่งยุ ยิ่งสดายุโมโห กฤตเมธยิ่งรู้สึกเพลิดเพลิน
“ไม่เอา! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลย ลุงแม่งโคตรเกะกะ!”
“ปากจัดเหลือเกินนะยุ เด็กไม่ดีต้องโดนลงโทษ มานี่เลย”
“ไอ้พี่เมธ!!..........อื้อ!!”
ไม่ทันได้เถียง สดายุก็โดนลงโทษด้วยรสริมฝีปากร้อนร้ายของกฤตเมธไปเสียเต็มรัก สาดยุพยายามขัดขืนเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่ในมือยังถือทัพพีคนแกงอยู่ คบมานานสดายุย่อมรู้ว่ากฤตเมธเป็นคนชอบเอาชนะคะคานพอตัว เหมือนจะตามใจ แต่ก็เป็นคนชอบคุมเกม จึงเป็นลิ้นกับฟัน ที่กระทบกระทั่งกันเสมอ กับสดายุผู้ไม่ชอบลงให้ใครก่อน
อย่างครั้งนี้ก็ด้วย...
หลังโรมรันพันตูกันอยู่ครู่หนึ่ง สดายุก็เลิกขัดขืน ยอมรับจูบของ กฤตเมธแต่โดยดี แน่นอนว่าการยินยอมให้ล่วงล้ำปลายลิ้นร้ายเข้ามา ยิ่งทำให้กฤตเมธย่ามใจ เลื้อยมือไปมาเป็นปลาหมึก ซอกซอนสัมผัสผิวเนื้ออ่อนใต้เสื้อยืดตัวบาง
"โอ้ย!!!" กฤตเมธร้องขึ้นเบาๆ ผละออกจากสดายุอย่างนึกคาดโทษ พร้อมลูบท้องตัวเองป้อยๆ "หยิกพี่ทำไมเนี่ย อูย"
"เอาคืนไง” สดายุตอบแบบไม่ยี่หระ ก่อนหันไปเอาผักชุบแป้งทอดลงจานโดยไม่เดือดร้อนกับคนรักที่ยืนหน้าหงิกอยู่ข้างหลัง
“ชิ...ไอ้ตัวแสบ” 
“หึ! สมน้ำหน้า คิดว่าผมจะระทวยกับจูบของลุงรึไง?”
“จุ๊ จุ๊...ก็เห็นได้ผลทุกที...วันนี้พี่ออมมือให้หรอกนะ”
“เหอะ  นั่นเพราะผมยอมให้ต่างหาก"
"...อ้อ...ที่ผ่านมานี่ อ่อยพี่นี่เอง"
“...ไอ้ลุง”
หลังจากนั้น การทะเลาะกันประจำวันก็เริ่มต้นขึ้น การยียวนของกฤตเมธได้ผลกับอารมณ์ขึ้นๆลงๆของสดายุเสมอ กว่า 3 ปีที่เคียงข้างกันมา ต่างก็ได้เรียนรู้กันและกันมากขึ้น การที่ทะเลาะกันมากขึ้นกว่าวันแรกๆที่เริ่มคบหานั้นใช่ว่าความห่วงหา หรือความรักที่มีให้กันลดลง ปัจจัยแห่งการมีปากเสียงมันมีมากจนไม่อาจบรรยายสรุปออกมาเป็นข้อๆ แต่ที่แน่ชัด คือ ในร้อยเหตุผลเหล่านั้น ไม่มีคำว่า ‘ไม่รัก’ รวมอยู่เลยแม้แต่น้อย
เพราะตกลงคบกันในเวลาที่จำกัด ต่างจึงต้องอาศัยเวลาในการเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้ลึกซึ้งมากขึ้น และพอเวลาผ่านมาจนถึงตอนนี้ มันก็อาจเกินคำว่าลึกซึ้งมาไกลแล้ว มากกว่าคำว่ารัก มากกว่าคำว่าความผูกพัน  แต่มันคือชีวิตประจำวัน ความเคยชิน รู้สึกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ทะเลาะกันทุกวันจะทำให้รักกันน้อยลงหรือเปล่า?  ก็ไม่รู้สินะ ในเมื่ออนาคตยากพยากรณ์ วันนี้ที่คิดว่าชินชา วันหน้าอาจรู้สึกว่าทนไม่ไหวขึ้นมาก็เป็นได้
ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเหรอ? พูดง่ายแต่ทำแสนยาก ทำไมจะไม่อยากหวานกันล่ะ อยากรักกันหวานชื่นจะตายอยู่แล้วล่ะ แต่ไม่รู้ทำไม พอรู้ตัวอีกที ก็เถียงกันคอแทบแตกเสียได้
พอนึกขึ้นได้ว่าต้องถนอมน้ำใจกันไว้บ้างก็พอดีหมดวัน กว่าจะดีกันได้ก็ตอนเข้านอนโน่นแล้ว ตอนแรกๆก็คิดว่าต้องแย่แน่ๆ ความสัมพันธ์อันล้มเหลว ถือเป็นฝันร้าย แต่พอปล่อยเวลาล่วงมาจนครบสามปี โดยที่แทบไม่มีอะไรเปลี่ยน ความคิดก็ค่อยๆเปลี่ยนไป...เออเนอะ ไม่ต้องอะไรมากก็ได้นี่นา แค่รักก็พอแล้ว ชีวิตก็แบบนี้ หวานบ้าง ทะเลาะบ้าง บางทีก็คิดว่าเพลินดีเหมือนกัน
กฤตเมธในวันนี้กลายเป็นตาลุงขี้แกล้ง ชอบหยอก ชอบแหย่ให้สดายุต้องเขวี้ยงค้อนใส่วันละหลายรอบ ไม่ได้ซาดิสต์หรอก แต่สดายุที่ปกติชอบทำหน้าตายน่ะเวลาโกรธแล้วน่ารักจะตาย เลยอดใจไม่ไหวที่จะต้องแหย่ให้ฉุนทุกที อันนี้ไม่ได้ตั้งใจนะ เพราะลุงรักหรอกลุงจึงหยอกเล่นด้วยความเอ็นดู
ฝ่ายสดายุ แม้จะชอบทำหน้าไร้อารมณ์ แต่ก็ไม่ได้เป็นพระอิฐ พระปูน ยังคงมีอารมณ์มีความรู้สึก ที่พอโดนกฤตเมธแหย่เข้าหน่อย ก็พร้อมจะปะทุถึงจุดเดือดได้ทุกเมื่อ อย่างวันนี้ ที่กำลังอยากจะเอาตะหลิวฟาดกฤตเมธสักที เพื่อระบายความขุ่นข้อง
แต่จนแล้วจนรอด ก็แพ้ทางคนแก่เจ้าเล่ห์อยู่ดี
สุดท้าย นอกจากหนวดจะไม่ยอมโกนหนวดแล้ว สดายุยังถูกจับกินแทนของหวานหลังทานอาหารเย็น อย่างไม่ค่อยเต็มใจอีกด้วย

เสียงเม็ดฝนกระทบหน้าต่างพาให้รู้สึกโรแมนติก ฤดูฝนเวียนผ่านมาอีกแล้ว พาลให้นึกถึงบรรยากาศเย็นสบาย และเงียบสงบ มีเพียงสายฝนคลอสายลมที่บรรเลงหนักเบาสม่ำเสมอเป็นดนตรีขับกล่อมให้นอนสบาย
สำหรับคนอื่นน่ะคงใช่ แต่สำหรับกฤตเมธที่กำลังรับประทานของหวานมื้อดึกอย่างตะกละตะกรามแล้ว เสียงฝนหวาน ๆ นั้นไม่ดูไม่ค่อยจะเข้าหูสักเท่าไหร่นัก เพราะเสียงหอบสะท้านของสดายุที่รัก มันหวานล้ำจับใจเสียยิ่งกว่า

“อ๊ะ…ฮึ่ก” เสียงครางคล้ายสะอื้น ดังออกมาเป็นระลอก ใบหน้าของสดายุซุกอยู่กับหมอน ขณะที่ท่อนล่าง กำลังถูกความต้องการของกฤตเมธกระทั้นอย่างรุนแรง
กิจกรรมที่ดำเนินมาได้พักใหญ่ ตอนนี้กำลังจะถึงสุดทาง  เมื่อกฤตเมธขยับกายหนักหน่วงขึ้น เสียงอู้อี้ที่หมอนก็ครางกระชั้นขึ้นตามไปด้วย บั้นท้ายยกสูงจนเอวแอ่น ถูกกระแทกแรงจนแก้มก้นกระเพื่อม เสียงหนั่นเนื้อกระทบเนื้อดังก้อง ยิ่งพาให้อารมณ์ของทั้งคู่เตลิด กฤตเมธคว้าสะโพกของสดายุไว้มั่น เคลื่อนไหวความเป็นชายสอดคว้านเข้าไปยังส่วนลึก แล้วหลั่งรดธารอุทกแห่งความปรารถนาสู่ร่างกายของสดายุที่รองรับอย่างแข็งขันเข้าไปจนหยดสุดท้าย
สดายุกระตุกกายรับความอิ่มเอมล้นปรี่ ไม่อยากเชื่อตัวเองว่าแค่กฤตเมธหลังในร่าง ตัวเองก็ถึงกับหลั่งตามไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันได้สัมผัสจุดนั้นต่อเนื่อง แต่ก็เอาเถอะ แบบนี้ก็ดีแล้ว เพราะเหมือนตอนนี้ สดายุจะขาดใจเสียให้ได้แล้ว (ไม่น่าเผลอเอาหน้าซุกหมอนเลย)
แม้จะเสร็จสมแล้ว แต่กฤตเมธก็ยังไม่ยอมผละออกจากร่างของสดายุเสียที ทั้งที่สะโพกอิ่มนั้นสั่นระริกด้วยความเหนื่อยอ่อน ร่างหนาโน้มลงมาจูบหนัก ๆ ตรงต้นคอเปลือยของสดายุด้วยความหลงใหล สูดกลิ่นเหงื่อและเลียชิมรสชาติด้วยความเสน่หา เพียงครู่ที่ความแน่นตึงที่กระตุกแผ่วอยู่ในร่างถูกถอดถอนออกไป สดายุก็ถึงกับผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่ การเคลื่อนไหวของกฤตเมธนั้น นำพาความรู้สึกเสียดเสียวจนขนทั้งร่างของสดายุลุกชันอย่างไม่อาจห้าม
เสียงอื้ออ้าจากคนที่ยังซุกใบหน้าอยู่กับหมอน ทำให้กฤตเมธอดไม่ได้ที่จะกดจูบลงไปบนไหล่ขาวของสดายุหนัก ๆ แล้วคว้าใบหน้าแดงซ่านนั้นขึ้นมามอบรอยจูบดื่มด่ำ
 “!!?” สดายุสะดุ้งหวือที่จู่ ๆ ร่างก็ถูกพลิกตะแคงโดยมีกฤตเมธซ้อนเข้ามาที่ด้านหลัง ทั้งที่ริมฝีปากยังไม่ยอมผละจากกัน ขาข้างหนึ่งถูกเกี่ยวขึ้นสูง แล้วล็อคไว้ด้วยท่อนแขนแข็งแรง คราวนี้สดายุถึงกับร้องออกมาจริง ๆ เมื่อส่วนปลายแก่นกายร้อนจัดของกฤตเมธกำลังดุนดันช่องทางฉ่ำชื้นที่เพิ่งผ่านศึกมาหยก ๆ อีกรอบ ทั้งที่เพิ่งจะผ่านจุดสุดยอดมาไม่นาน
“เดี๋ยว! จะเบิ้ลทั้งอย่างนี้เลยเหรอ!?” เสียงแหบพร่าของสดายุร้องห้าม แต่ดูเหมือนยิ่งปราม ส่วนปลายลื่นปลาบของกฤตเมธก็จะยิ่งดุนดันช่องทางเปียกชุ่มของเขาเข้ามาเรื่อย ๆ จนสดายุต้องรีบเขม่นตามองสวนกลับไปที่ผู้รุกราน ทว่าแววตาคมกล้าที่คุโชนด้วยไฟปรารถนาของผู้กระทำนั้น ก็ทำเอาสดายุพูดไม่ออก การโรมรันที่ฝ่าทะลวงเข้ามาอีกครั้ง
“อื้อ…” ช่องทางรักของสดายุขยายออกตามขนาดตัวตนของกฤตเมธ แม้จะเพิ่งผ่านการสอดใส่มาไม่กี่อึดใจ แต่ภายในยังคงรัดแน่น ความยาวทั้งหมดของกฤตเมธฝังเข้ามาในตัวของสดายุในไม่ช้า เพราะอยู่ในท่านอนตะแคง จึงทำให้การขยับกายของกฤตเมธเนิบช้าขึ้น ซึ่งนั่นยิ่งทำให้สดายุรับรู้ถึงตัวตนของกฤตเมธที่อยู่ในร่างของตนได้ชัดเจนขึ้นเช่นกัน
“อึดอัดเหรอ?” กฤตเมธกระซิบแผ่ว เมื่อรู้สึกได้ว่าร่างของสดายุสั่นระริก เริมรู้สึกสำนึกผิดเล็ก ๆ ที่ดึงดันเอาแต่ใจตัวเองมากไปหน่อย  เลยอาจเป็นการฝืนใจอีกฝ่ายเข้าจนได้
แต่ถึงกระนั้น สะโพกหนาก็หาได้หยุดเคลื่อนไหวตามความรู้สึกผิดนั้นไม่
“อื้อ…แค่…แน่นน่ะ” สดายุตอบทั้งที่ยังหอบสะท้าน
กฤตเมธยิ้มที่ได้ยินคำตอบ แม้จะไม่ใช่คำยินยอม ทว่ามันก็ไม่ใช่เสียงร้องห้าม ดังนั้นผู้ใหญ่จึงให้รางวัลเด็กดี ด้วยการใช้มือปรนเปรอให้ไปพร้อมกัน
“น่ารักมาก…อืม…” กฤตเมธกระซิบ แล้วเขย่าเอวแรง ๆ เพื่อลิ้มรสของสดายุอีกครั้ง รสรักหวานล้ำฉ่ำลิ้นที่ไม่ว่าจะลิ้มสักกี่ครั้งก็ไม่เคยพอ 
เสียงร่างกายที่สอดประสาน ดังแข็งเสียงฝนขึ้นมาอีกครั้ง ความวาบหวามนำพาให้สดายุอดใจไม่ไหวจนต้องเป็นฝ่ายขยับกายเข้าหากฤตเมธบ้าง ดูดกลืนความยาวนั้นเข้าไปในร่างอย่างเพลิดเพลิน สั่นระริกทุกครั้ง เมื่อมือที่เกาะเกี่ยวขาไว้ข้างหนึ่งเอื้อมมาหยอกเย้าแก่นกายแข็งตึงของตนไปด้วย
“เก่งจังที่รัก” เสียงทุ้มต่ำที่ครางชมไม่ขาดจากด้านหลัง บางครั้งก็ทำเอาสดายุรู้สึกอายในลีลาของตัวเองไม่น้อย ทั้งที่ตอนแรกร้องห้าม ตอนนี้กลับเรียกร้องขึ้นเองเสียได้ แต่การขยับกายอย่างไร้ที่ติของกฤตเมธ ก็นำพาความอายนั้นเตลิดเข้าส่วนลึกไป จนเหลือเพียงความหวามติดปลายลิ้นที่มอบให้กันอยู่นี่เท่านั้น
เซ็กส์ครั้งที่สองดูเหมือนจะกินเวลากว่ารอบแรก สดายุจำไม่ได้แล้วว่าถูกจับเปลี่ยนกี่ท่า กว่าจะจบเกมรับอันแสนทรมานสังขาร โดยเฉพาะท่าสุดท้ายที่ต้องขึ้นไปเป็นฝ่ายคุมเกมอยู่บนตักนั้น ช่างเป็นการทรมานกันอย่างร้ายกาจ ถูกเสียบเสย กระแทกกระทั้นจากเบื้องล่างจนจุกไปหมด ถึงจะเสียงซ่านจนสมองขาวโพลนแค่ไหน แต่พอเสร็จสมอารมณ์หมายแล้ว สดายุรู้ตัวเลยว่าต้องระบมไปทั้งเอวอีกแน่
แต่ไม่รู้ทำไม ตอนทำไม่ยักจะคิดได้…
คิดแล้วพาลเกลียดตัวเอง ที่เอาแต่นั่งร้องนอนครางให้กฤตเมธปลอบเอาเหลือเกิน

เสียงเม็ดฝนกระทบหน้าต่างพาให้รู้สึกโรแมนติก ฤดูฝนเวียนผ่านมาอีกแล้ว พาลให้นึกถึงบรรยากาศเย็นสบาย และเงียบสงบ มีเพียงสายฝนคลอสายลมที่บรรเลงหนักเบาสม่ำเสมอเป็นดนตรีขับกล่อมให้นอนสบาย
ข้างนอกที่น้ำฟ้าพาให้เย็นฉ่ำ ทำในห้องน้อยของกฤตเมธและสดายุหนาวเหน็บตามไปด้วย ทั้งที่เพิ่งผ่านกิจกรรมร้อนเร่า แต่เพียงครู่ต่อมา ความหนาวเย็นก็พาให้หยาดเหงื่อเหือดแห้งไปได้อย่างรวดเร็ว สองร่างเปลือยล่อนจ้อนจึงต้องนอนตระกองกอดเพื่อถ่ายทอดความอุ่นผ่านผิวเนื้อต่อผิวเนื้อ โดยสดายุที่ยังเหนื่อยอ่อน นอนหันหลังให้กฤตเมธกอดซุกได้ตามใจ
การโรมรันสองรอบติดต่อกัน ทำเอาสดายุสิ้นไร้เรี่ยวแรง ผิดกับกฤตเมธที่ดูเหมือนจะยังสดชื่น และอิ่มเอมกับความสุขสมที่ได้รับจนถึงกับยิ้มแก้มปริ ซึ่งสดายุรับรู้ถึงความกะปรี้กะเปร่านั้นได้ จากวงแขนแกร่งที่ยังคงทรงพลัง งานนี้ทำเอาสดายุที่เริ่มได้สติถึงกับขมวดคิ้วมุ่น เมื่อก่อน ก็คิดไปว่าเพราะตัวเองยังคงผอมบางแต่นั่นก็ผ่านมาหลายปี ตอนนี้ก็ตัวโตขึ้นแล้ว ทำไมถึงรู้สึกว่าพลังทางกายยังไม่สามารถสู้กฤตเมธได้เสียที
สดายุเริ่มคิดหนัก  เขาเพิ่งจะ 32 แต่กฤตเมธนั้นอายุปาเข้าไปเกือบจะ 40 แล้ว ทำไมถึงยังแข็งแรงดีมีซิคแพค  ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เข้ายิมบ่อย หรือร่างกายจะเป็นอมตะไปแล้ว ไม่คิดจะแก่บ้างเลยหรือไง!!?
หนุบ...
“!!!?”  สดายุสะดุ้งสุดตัว ความคิดฟุ้งซ่านในหัวหายวับไปในพริบตาที่กฤตเมธเอามือมาบีบเบา ๆ ตรงหน้าท้องหยุ่น  และไม่ใช่แค่ครั้งเดียว มือใหญ่บีบคลึงอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหยุด พร้อมส่งเสียงพึงใจเบา ๆ อยู่ที่ด้านหลัง
“พี่ชอบพุงหยุ่น ๆ ของยุจัง...อืม...เนื้อนิ่ม ๆ หอม ๆ” กฤตเมธพร่ำเพ้อพลางขบเม้มเบา ๆ ตรงหัวไหล่มนของสดายุ ทั้ง ๆ ที่มือใหญ่ยังไม่ยอมละจากหน้าท้องนุ่ม
ถึงตรงนี้ สดายุ เข้าใจแตกฉานในสิ่งที่ตัวเองครุ่นคิดมานานได้แล้ว ว่าทำไม ตัวเขาถึงได้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงนัก
...สดายุกำลังกลายร่างเป็นพ่อหมู!!?
เจ้าของเนื้อนิ่มอวบหยุ่น ค่อนข้างตกใจกับสิ่งที่เพิ่งกระจ่าง สองแขนขาวรีบสำรวจตัวเองขึ้นบ้างเพื่อตอกย้ำเรื่องจริงที่เพิ่งประจักษ์
แขนดึ๋งดั๋งนี่คืออะไร?
ท้องหยุ่น ๆ นี่คืออะไร?
แก้ม…ยุ้ย!!?
สำรวจตัวเองได้เพียงครู่ สดายุก็ได้แต่ปลงตก มาถึงขั้นนี้แล้วหรือนี่…
เพราะการได้ช่วยแม่พิณน์ในครัวสนุกดี อาหารฝีมือแม่ก็อร่อยมาก จึงกินครบสามมื้อทุกวันอย่างเต็มที่ เสาร์อาทิตย์เองก็เช่นกัน พอกลับบ้านไปหาแม่ดาทีไร แม่ก็จะต้องทำของที่ชอบทานเอาไว้ให้ ปรีด์เปรมเกษมสำราญครบทั้งเจ็ดวันขนาดนี้ ไม่ต้องสงสัยกันล่ะ ว่าไอ้เนื้ออวบอูมนี่มาจากไหนกัน
ให้ตายสิ ไม่น่าเพลิดเพลินจนอ้วนไม่รู้เนื้อรู้ตัวขนาดนี้เลย…
งานนี้สดายุถึงกับถอนหายใจยาวเหยียด ลืมไปเลยว่าบนเตียงนอนนี้ยังมีใครอีกคน ที่งงตั้งแต่สดายุลุกพรวดขึ้นสำรวจตัวเองแล้ว
“เป็นอะไรไป?”
“พรุ่งนี้จะไปยิม” ทันทีที่กฤตเมธถาม สดายุก็ประกาศเจตนารมณ์ออกมาอย่างชัดเจน
“ทำไมล่ะ? ยุชอบนอนเฉย ๆ อยู่กับบ้านมากกว่าไม่ใช่เหรอ? จู่ ๆ จะไปยิมทำไม?” เห็นความจริงจังที่ฉายวาบเข้ามาในดวงตาของคนรัก กฤตเมธก็เกือบหลุดขำ นานแล้วที่เขาไม่ได้เห็นสดายุมีสายตามุ่งมั่นในเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ ไม่ยักรู้ ว่าสนใจรูปร่างหน้าตาเหมือนคนอื่น ๆ
“นี่ลุงปล่อยให้ผมเป็นหมูอย่างนี้ได้ไงวะเนี่ย?”
“ก็น่ารักดีออก พี่ชอบนะ ตัวนิ่มดี”  ยิ่ งโดนสดายุบ่น กฤตเมธก็ยิ่งขำ จนต้องกลั้นเสียงหัวเราะจนตัวสั่น
“…พรุ่งนี้จะไปยิม”  แน่นอนว่าสภาพนั้น ยิ่งทำให้กฤตเมธโดนสดายุเขวี้ยงค้อนใส่เสียหลายตลบ
กฤตเมธยิ้มพราวให้กับความตั้งใจของสดายุ ที่ตอนนี้ลงไปนอนขดคลุมโปงหน้าตายู่ยี่ ที่จริงแล้วสดายุของเขาก็ไม่ได้อ้วนจนเกินไปหรอก เรียกว่ากำลังเหมาะมือน่าจะถูกกว่า โดยเฉพาะเนื้อนิ่ม ๆ ไร้กล้ามเนื้อนั่นแหละยิ่งกอดได้ฟัดยิ่งติดใจจนเลิกยาก คงเพราะตอนเล่นหนัง สดายุต้องลดน้ำหนักฮวบฮาบจนผอมมาก ทั้งพอหลังจากนั้น ก็เจอแต่เรื่องปวดหัว จนอ้วนไม่ขึ้นเสียที ดูเหมือนอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างจะดีขึ้นหลังได้แต่งงานกัน จากตัวผอมบางจนเห็นกระดูก ก็ค่อย ๆ มีน้ำมีนวลขึ้น ค่อย ๆเป็น ค่อย ๆไป จนกฤตเมธเองก็ไม่ได้ทันสังเกต รู้ตัวอีกทีตอนต้นปีที่สี่นี่แหละ ที่เขาเห็นได้ชัดเจนว่าสดายุตุ๊ต๊ะดูน่ารักขึ้นจมหู
เพราะเห็นว่าไม่ได้อ้วนจนเกินพอดีตรงไหน ลดน้ำหนักมาก กล้ามเนื้อหาย พอทานเข้าไปใหม่และไม่ได้ออกกำลังกายบ้าง มันเลยพอกกลับมาเป็นไขมันแทนกล้ามเนื้อ แต่ก็แค่อวบ ๆ ไม่ได้อ้วนเป็นหมูอย่างที่เจ้าตัวเข้าใจ เพราะฉะนั้นกฤตเมธถึงได้ไม่เรียกร้องให้สดายุลน้ำหนัก ตั้งใจกะจะเลี้ยงไว้ในสภาพนี้ ไม่คิดเลยว่าเจ้าตัวจะรู้ตัวเสียก่อน
บอกตรง ๆ ว่ากฤตเมธแอบเสียดายไม่หยอก

หลังจากคืนนั้น ที่สดายุตั้งปนิธาน ชายหนุ่มก็สามารถทำความตั้งใจสำเร็จได้ภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือน ที่ไม่ใช่แค่ผอม แต่เป็นหุ่นเฟิร์มอย่างร้ายกาจ ขนาดที่กฤตเมธอดผิวปากหวือไม่ได้ ในทุกครั้งที่สดายุถอดเสื้อเผยหุ่นยวนตา
ผิวขาวเนียนละออ ให้สัมผัสลื่นมือตึงแน่น กล้ามเนื้อไม่มากไม่น้อย ดูพอดีสมชายน่ากัด โดยเฉพาะหกลอนบาง ๆ ตรงหน้าท้องแบนราบ ที่เวลาสดายุใส่กางเกงเอวต่ำทีไร มันยั่วให้กฤตเมธต้องกลืนน้ำลายตามทุกที แล้วไม่รู้ทำไม สดายุของเขาถึงช่างยั่วนัก เวลาเขานอนอ่านหนังสือที่โซฟาหรือบนเตียงนอนทีไร จะต้องมาถอดเสื้อโชว์ จะต้องเดินออกจากหน้งน้ำในสภาพผ้าขนหนูพันตัวผืนเดียว จงใจให้หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วตัวยั่วตายั่วใจ
อดไม่ได้ จนต้องจับกดทุกที...

แต่...ความเย้ายวนนั้นก็อยู่ได้เพียงครึ่งปี เพราะหลังจากนั้น สดายุก็อ้วน ๆ ผอม ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ รูปร่างไม่คงที่ เพราะความขี้เกียจ และความขยัน ผลัดกันขึ้น ๆ ลง ๆ เป็นระยะ ๆ ฝ่ายกฤตเมธนั้นแน่นอนว่าสามารถรักษาหุ่นเฟิร์มสมชายได้ตลอด เพราะความเป็นคนสม่ำเสมอ จึงดูหนุ่ม และมีชีวิตชีวา ซึ่งอาการพอง ๆ ยุบ ๆ ของสดายุนั้น ก็ไม่ได้เป็นผลต่อความรัก หรือความหื่นที่กฤตเมธมีต่อสดายุเลยแม้แต่นิด ขึ้นชื่อว่าเป็นสดายุของกฤตเมธ ต่อให้ผอมก็น่าปกป้อง เฟิร์มก็เซ็กซี่ยวนใจ อ้วนก็น่ารักน่าฟัด
แต่ถึงกฤตเมธจะเอ็นดูหมูยุตัวกลม ๆ แค่ไหน กฤตเมธก็ไม่ยอมปล่อยให้สดายุฉุเกินความจำเป็นเด็ดขาด เพราะถึงแม้สดายุจะแข็งแรงสมบูรณ์ดี แต่การมีไตเพียงข้างเดียวก็ทำให้กฤตเมธแอบกังวลใจเล็ก ๆ และคอยดูแลสดายุเป็นพิเศษอยู่เสมอตลอดเวลา

ชีวิตรักของกฤตเมธและสดายุหลังจากนั้น ก็ราบรื่นดี จากรักเป็นผูกพัน จากผูกพัน เป็นความคุ้นเคย และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของกันและกันในที่สุด ตื่นมาต้องเจอ ก่อนหลับต้องเห็น เป็นเรื่องปกติประจำวันอันแสนสุข แม้ระหว่างวันจะทะเลาะเบาะแว้งกันแค่ไหน โกรธขึ้งกันมากมายเพียงใด แต่พอตกเย็น ก็ต้องคุยกันให้เคลียร์ ไม่ปล่อยปัญหาคาใจข้ามคืนให้พาลต้องนอนไม่หลับ กฤตเมธเป็นคนสบาย ๆ สดายุเองก็ไม่ใช่คนเรื่องมาก ความโชคดีอาจอยู่ตรงที่ ไลฟ์สไตล์ของทั้งคู่ค่อนข้างเหมือนกัน จึงทำให้ไม่ค่อยมีปัญหาในการอยู่ร่วมกันสักเท่าไหร่
เมื่อแรกรัก ก็เจอแต่สิ่งดี ๆ 
ตอนนี้เหรอ...ข้อเสียพรึ่บพรั่บ
แต่จะข้อดีมากกว่าข้อเสีย หรือข้อเสียมากกว่าข้อดี สุดท้าย ก็สามีภรรยา(?) คนรักกันมันไม่ต้องไปคิดเล็กคิดน้อยกันขนาดนั้นหรอก สรรเสริญข้อดี ยอมรับข้อเสีย ในเมื่อปุถุชนบนโลก ไม่มีใครดีได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่มีใครเป็นนางฟ้าเทวดาได้ทั้งปีทั้งชาติ ในเมื่อแม้แต่ตัวเองยังเป็นคนที่เพอร์เฟคไม่ได้ แล้วทำไมจะยอมรับตัวตนของคนอื่นไม่ได้กัน
โดยเฉพาะกับที่ตัวเองรัก มันรับได้ทุกอย่าง อย่างไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว
สดายุกับกฤตเมธเองก็เช่นกันกับคู่อื่น ๆ
รัก เข้าใจ แค่นั้นก็พอแล้ว...
อยู่กันเป็นคนรัก
อยู่กันเป็นเพื่อน
อยู่กันเป็นพี่น้อง
อยู่กันเป็นคู่ชีวิต
อยู่กันจนแก่
อยู่กันจนเฒ่า
อยู่กันจนสีผมเปลี่ยนเป็นสีดอกเลา
อยู่กันจนเหนียงยาน...

“รักนะลุง”
“จ๊ะ รักยุเหมือนกัน”

 
*********************************END**********
 :hao7:
ชะแว๊บ...
บทแรกมาแล้วนะจ๊ะ
ถามว่าบทส่งท้ายบทนี้เขียนขึ้นเพื่ออะไร...
หึหึ...เพื่อสนองความหื่นของอนาคีเองนี่แหละค๊า 555

บทสองจะตามมาในอีกไม่ช้า...อิอิ
และอยากจะบอกว่า เรายังมีติ่งเซอร์ไพรซ์ด้วย หุหุหุ

มาแค่อย่างละนิดอย่างละหน่อย เอาเป็นแค่ให้หายคิดถึงแล้วกันเนอะ
เจอกันใหม่เร็ว ๆ นี้ค๊า

รักและคิดุถึง
อนาคี99 # Thearboo
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: hpimmc ที่ 04-07-2016 19:32:39
น่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 04-07-2016 19:53:37
หูยยย
น่ารักอะ งื้อออ
น้องยุตัวกลมๆก็คงน่าฟัดดีเหมือนกัน 5555

ขอบคุณคยเขียนนะคะ กอดดดด ม๊วฟฟฟ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 04-07-2016 20:18:44
อั๊ยยยยย ยุน่ารักอ่ะ น่ารักๆๆๆๆ :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 04-07-2016 20:28:21
เจอกันเร็วๆนี้นะคะ #FCหมูยุ  อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 04-07-2016 21:05:38
ขำหมูยุ 5555 น่ารักน่าฟัดจริง ๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: Natsuki-ChaN ที่ 04-07-2016 21:35:18
หนูยุท้องหรือ o22 #เดียวๆผิดๆ
พี่เมธมีความหื่นทะลุจอมากค่ะ หนูยุ พรุนหมดแล้วค่าา :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 04-07-2016 21:55:08
น่ารักมากกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: nonnon04 ที่ 04-07-2016 22:25:22
ขึ้นต้นทำเลือดพุ่ง จบท้ายอย่างหวานน้ำตาลเรียกพี่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: Der Adler ที่ 04-07-2016 22:52:17
กรี๊ด!!!!! :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยยยย....มดพากันเดินขบวนมาเพียบเลยยยยย
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 04-07-2016 23:09:33
ตัวหนุบหนับ น่ารักจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 05-07-2016 01:25:31
น่าเอ็นดูเชียว ยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 05-07-2016 01:41:09
 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 05-07-2016 13:32:46
เป็นบทจบที่เราชอบนะ มันให้ความรู้สึกเรียลอ่ะ ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมันก็มีหวานปนขมกันไป ไม่มีใครไม่เคยทะเลาะกัน ช่วงแรกๆคบกันเป็นแฟนชีวิตก็ดี้ดี~~ แต่พอมาได้อยู่ด้วยกันชีวิตก็ต่างออกไปจากการเป็นแฟน มีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นสีสันของชีวิต นี่แหละที่เค้าเรียกว่า"ชีวิตคู่" ปล.ลุงอายุกูปูนนี้แล้ว ทำไมยังหื่นไม่เปลี่ยนแปลง  :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 05-07-2016 19:58:46
ชอบอ่ะน่ารักมากยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: jubujubu ที่ 06-07-2016 15:22:56
ขำพ่อหมูสดายุ อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-07-2016 21:06:49
หมูยุ  :m1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-07-2016 01:30:01
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น่ารักมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: ติชิลา ที่ 07-07-2016 10:15:59
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

น่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: panna.pann ที่ 08-07-2016 21:37:16
ทั้งลุ้น ทั้งฟิน ทั้งซึ้งน้ำตาเจิ่งนอง หลากหลายอารมณ์มาก อดตาหลับขับตานอนกะเรื่องนี้จริงๆ

รู้สึกเต็มอิ่มกะเรื่องนี้มาก มันอินกะตัวละครในเรื่องจนทำให้เรารู้สึกคล้อยตามไปด้วยจริงๆ

ชอบมาก ชอบมากๆ รักนิยายเรื่องนี้ รักคนเขียน รักคนแต่ง รักตัวละครทุกตัว

ปล.ยังอินกับการจากไปของคุณสเน่ห์จันทร์อยู่เลย ทั้งๆที่ส่วนนึงเป็นเพราะตัวเธอเองแต่ก็อดที่จะสงสารเธอไม่ได้

รวมถึงคุณหนูชิดจันทร์ด้วย เกลียดมาก สงสารมาก แล้วก็ทึ่งมากเช่นกัน ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ แต่เป็นการจบที่สวยงามน่าจดจำ

ทั้งคุณเสน่ห์จันทร์และทั้งชิดจันทร์เอง  :L1: :L1: :L1: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: jing_sng ที่ 08-07-2016 22:56:22
ชอบแฟนอาร์ทมากๆ เลยอ่ะ ยุน่ารักสุดๆ ไม่เคยคิดว่าพระเอกตัวร้ายนั่นจะมีความอ้วนอวบมาเยื่อน คือเข้าใจอารมณ์ความเอ็นดูของเมธเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 09-07-2016 00:12:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: popular ที่ 09-07-2016 16:51:12
 :katai2-1: ขอบคุณครับ แฮปปี้มากเรื่องนี้ :katai2-1:

 :hao7:  :hao7:  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 09-07-2016 17:25:28
_บทส่งท้านหวามมากกกกก ชอบมาเลยค่ะ รอบทต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: MIwEMInE ที่ 10-07-2016 00:00:22
ความเหงามันเศร้ามาก :o12: :o12:
แต่ก็สนุกมากค่ะ เหมือนมีความเป็นจริงอยู่ด้วย
ดีมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 10-07-2016 07:46:45
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 12-07-2016 18:53:43
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกครบรสค่ะ ทั้งสุข เศร้า หื่น ฮา... จะรอตอนพิเศษต่อไปนะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: ● MaYa~Boy ● ที่ 16-07-2016 12:37:43
กลับมาอ่านอีกรอบแล้ว สนุกเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่4) 26/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 04:38:34
ทั้งเมธทั้งยุ เคลิ้ม.เคลิ้มทั้งคู่ -0-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่5) 29/09/2013
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 05:16:32
สัตว์กินพืชนี่ไม่ธรรมดาเลยค่ะ
แต่ก็สงสารน้องยุนาา แต่ก็ปากดีทั้งคู่ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่6) 3/10/2013 P.9 (แอบมา)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 05:52:22
สงสารยุอะ เฮ้อ เจ๊บลูม่าเป็นผู้จัดการที่ดีเลย ไม่ทิ้งยุ
ต่อไปเมธก็ดูแลยุดีๆนะ หงิหงิ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่8) 17/10/2013 P.14
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 06:18:51
ยุน่ารักกกก ฉากต่อไปตบจูบด้วยยย งื้อออ
แล้วเพื่อนสนิทสองคนนี้เป็นคู่รองสินะ -0-
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก Special Feature (รุจน์ x พอร์ช)21/10/2013 P.16
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 06:28:17
น้องรุจจะรอดไหมเนี่ยยยยยยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 9) 24/10/2013 P.19
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 06:51:40
ตายแปป ทำไมน่ารักขนาดนี้ งื้ออออ  :o8:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 10)ครึ่งแรก_ขออภัยอย่างแรงค่ะ (3/11/13) P.24
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 11:41:28
สงสารพี่เมธเบาๆค่ะ โดนน้องยุว่าว่าแก่ 55555
แต่ตอนนี้น่ารัก  :impress2:
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งแรก (11/11/13) P.26
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 13:05:26
ยุแกล้งอะไรคนแก่เนี่ยย
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 11) ครึ่งหลัง (12/11/13) P.29
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 13:19:41
เล่นแรงนะเนี่ยยุ ไม่รอดแน่
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) ครึ่งแรก (13/11/13) P.31
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 13:36:55
สงสารยุเบาๆที่เมธรุนแรง แต่ยุก็ไปเล่นเขาแรงก่อนอะ
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก (ซีนที่ 12) เต็ม (14/11/13) P.33
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 13:59:37
สงสารน้องยุ เฮ้อ
ต่อไปนี้คงยากแล้วล่ะที่คนแก่จะจีบน้อง
หัวข้อ: Re: (เรื่องสั้น) ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (ติ่งสอง) 12/12/13P.42
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 16:58:11
หวั่นไหวให้เมธแล้วนะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่14 (เต็มเหนี่ยว) 18/12/13P.43
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 17:32:19
ใจไม่ดีเลยตอนที่ถ่ายฉากนั้นกันแล้วยุเกิดอาการกลัวเพราะความรู้สึกของวันที่โดนเมธทำแบบนั้นมันผุดขึ้นมา สงสารอะ แต่ก็ชอบตอนที่เมธกอดน้องยุแล้วบอกขอโทษๆ แล้วน้องยุยกมือขึ้นมากอดตอบ ใจชื้นขึ้นมาเลย .ตอนท้ายนี่เมธหูแตกยัง5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่15 (อ้อนเป็นข้อๆ) 23/12/13P.45
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 18:01:21
ถึงคนแก่จะเจ้าเล่ห์แต่เด็กก็แสบค่ะ เป็นไงบ้างคะคนแก่ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (ครึ่งแรก) 6/1/14// P.47 (สวัสดีปีใหม่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 18:44:09
ยุทำไมถึงพูดแบบนั้นนนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่16 (เต็มค่ะ) 14/1/14// P.49
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 18-07-2016 20:03:14
รู้สึกเศร้าๆ แต่ว่าอุปสรรค ปัญหาต่างๆมีทางแก้นะน้องยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 17 (ครึ่งแรก) 24/01/14// P.51
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 19-07-2016 00:37:31
อดีตของยุคือแย่อะ สงสารยุเลยอะ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่ค่อยเปิดใจ
แต่ตอนนี้ยุเองก็ดูเปิดใจ ถึงแม้ยุจะคิดว่าพอหนังจบทุกอย่างก็จบก็เถอะ แต่เราคิดว่าเมธต้องทำให้ยุดีขึ้นได้ สู้ๆ.
พอร์ชแอบชอบรุจน์นี่เอง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 27/01/14// P.52 (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 19-07-2016 00:56:17
งึ้ยๆๆๆๆ  :impress2:  :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.54 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 19-07-2016 02:57:05
แหม พี่อ๊อดจากอารมณ์บูดๆกลายเป็นเฮฮาได้เพียงเพราะตากล้องหนังอาร์หรอเนี่ยยยย คึคึ
ต่อไปรุจน์เสร็จแน่ ฉากสำคัญ5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 19 (วิบากกรรมน้องรุจน์) 07/02/14// P.57 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 20-07-2016 15:30:25
ชอบพอร์รุจน์ ฟินไปอีก ไม่ไหวแล้วเหมือนกันนนน น้องรุจน์น่ารัก ใสมากลูก พอร์ชที่แอบชอบรุจน์ต่อไปก็คงมีหวังแหละเนอะ เพราะน้องรุจน์ก็หวั่นไหวแน่ๆ   :jul1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 20 (ความรู้สึก) 19/02/14 (P.59)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 20-07-2016 16:09:45
โอ้ยยย ทีแรกงงเลย เฮ้ยทำไมเป็นฉากนี้ นี่ถึงกับดูหัวตอนว่าอ่านข้ามตอนอะไรไปไหม พออ่านมาเรื่อยๆอ่อออ เขาถ่ายหนังกัน แหมเล่นซะสมจริงเลยค่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 21 (ครั้งสุดท้าย) 27/02/14 (P.61)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 20-07-2016 17:01:59
มันน่ารักนะแบบเมธเซอร์ไพสร์ยุอะ .แต่เราก็รู้สึกเศร้าอะ เพราะน้องยุคิดว่าเรื่องของตัวเองกับพี่เมธเป็นไปไม่ได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 23 (หวานระยะสุดท้าย) 11/03/14 (P.65)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 20-07-2016 19:25:03
หวานกันจนไม่อยากให้ดราม่าเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 24...หลุด (ครึ่งหลัง)22/04/14 (P.69)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 20-07-2016 22:23:23
สู้ๆนะเมธยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 26 [09/05/14] (P.72) ปรุงมาม่าแล้ว...รอเดือด!!
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 01:52:03
เสน่ห์จันทร์ร้ายอะ เกลียดอะ
สงสารยุ แล้วยุอย่าทำแบบนั้นเลยนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [12/05/14] (P.74) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 02:16:15
เมธหายไปไหนเนี่ย แค่ไปรับชิดจันทร์ไม่ใช่หรอ แบตหมดหรอ แล้วเจ๊บลูม่าไปไหนนน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง 01…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 02:35:42
เชียร์บลูซอลค่ะะะะะะ กรี๊ดดดดด
เจ๊บลูม่าหล่อมากกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 27 [15/05/14] (P.77) สิ่งที่สำคัญกว่า 'สดายุ' (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 02:47:58
ไปทำไมตั้งบางแสน แล้วโทรศัพท์เมธทำไมอยู่ๆชิดจันทร์ถึงเอาไปชาร์ตแบตให้ล่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 02:59:30
เจ๊บลูสตงสติไปหมดเมื่อเจอซอลลลล กรี๊ดดดดด ชอบค่ะ ซอลปลุกความเป็นชายในตัวเจ๊บลูออกมาได้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 28 พิสูจน์สิ! [22/05/14] P.79 UP DATE!!
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 10:19:55
ทำดีแล้วค่ะน้องยุ แข็งแกร่งเข้าไว้
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 29 ร้าย (ครึ่งแรก) 4/5/2014 สั้นๆไปก่อนนะจ๊ะ T^T
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 10:32:31
มาทำไมเนี่ยชิดจันทร์
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 21-07-2016 10:43:47
น่ารักไปอีกกก

พึค โคดตรง 2 ประโยคสุดท้ายยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 (ครึ่งแรก) 12/6/2014 (P.85) UP_มาครึ่งนึงก่อนนะจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 16:40:28
สู้ๆนะทั้งยุทั้งเมธ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 30 ประกาศศึก (ครึ่งหลัง) 15/6/2014 (P.87) ขอโทษที่ช้าค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 17:12:15
ยุน่าจะอัดเสียงไว้
ยุจะทำไรร
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 31 'เนรคุณ' (19/6/14) P.89 UP!!
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 18:19:27
ว่าเขาว่าเนรคุณ เพราะเขาไม่ยอมเป็นผัวของลูกสาวที่ตัวเองประเคนให้เขาเนี่ยนะ ช่างน่าขำขันเสียจริงค่ะคุณเสน่ห์จันทร์ หึ. ดนัยนี่ยังไง ดีหรือไม่ แต่ตอนนี้เหมือนจะดี แต่เราไม่ไว้ใจ เพราะดนัยดูชอบยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งแรก (20/6/14) P.91 อีกครึ่งจิรีบมาเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 19:24:16
ดีนะที่เสน่ห์จันทร์ยอม แล้วชิดจันทร์ล่ะ
รำบดินทร์ เกลียดๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 32 ครึ่งหลัง (27/6/14) P.92 มาต่อแร้วเน่อ
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 19:54:34
เกลียดบดินทร์ ดีนะดนัยมาอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 21:03:36
คนแก่หึงโหดจังเลยค่ะ .แอบคิดเหมือนยุ ลบรอยมันเหมือนจูบทางอ้อมเลยอะ 5555555555
เจ๊บลูใจเย็นๆนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 34 โอกาส (16/07/2014) P.96 บลูxซอล ล้วนๆจ๊า
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 21-07-2016 22:07:00
สงสารซอลอะ .เจ๊ยลูพูดแรงอะ เฮ้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 35 (01/08/2014) P.98 (3 คู่ค๊า)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 22-07-2016 14:27:28
เจ๊บลูสับสนหนักเลย รู้ใจตัวเองเร็วๆนะเจ๊
ดนัยนี่ดูเหมือนไม่ร้ายเลย แต่ร้าย -0- ดีจะได้เอาบดินทร์อยู่
ส่วนเมธยุนี่อย่างหวานนนนนนน นี่ไม่อยากนึกถึงดราม่าเลยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 36 เสียงที่เปลี่ยน (24/08/2014) P.99
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 22-07-2016 16:49:10
พอร์ชรุจน์อย่างหน่วงเลย เฮ้อ
แล้วยัยชิดจันทร์มาทำไมอีก รำๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 37 บุกถึงห้อง! (28/08/2014) P.100
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 22-07-2016 17:41:46
เกลียดอิคุณหนูชิดจันทร์จริงๆ ต่อไปก็ต้องระวังตัวอีกไม่รู้ว่านางจัมาไม้ไหนอีกเนี่ย
แล้วบดินทร์ไปร่วมมือกับยัยคุณหนูนั่นอะนะ ไม่มีความรู้สึกผิดต่อยุเลยสินะ เหอะ ดนัยจัดหนักๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 38 ข่าว! (06/09/2014) P.102 (ยาวมาก)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 22-07-2016 18:51:38
เมธนี่ตาสว่างละนะว่ายัยคุณหนูชิดจันทร์นั่นไม่ได้แค่นิสัยไม่ดี แต่นิสัยเลวมาก
บดินทร์ก็นะถ้ากล้ามากกว่านี้ ทุกวันนี้ก็คงไม่เลวร้ายอย่างนี้หรอก
ดนัยนี่อย่างโหด
เสน่ห์จันทร์จะทำยังไงกับข่าวนี้เนี่ย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 39 ชิดจันทร์! (29/09/2014) P.105
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 22-07-2016 20:14:43
โอโห สงสารชิดจันทร์เลย โดนข่มขืนข่มเหงตั้งแต่เด็กเลย เสน่ห์จันทร์จริงๆตอนที่อาม่าเสียน่าจะมารับชิดจันทร์ไปอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ ถ้าสนลูกจริงๆน่าจะติดตามบ้างอะไรบ้างอะ เพราะเสน่ห์จันทร์ก็ไม่ธรรมดาอะ นี่ปล่อยจนชิดจันทร์ลำบากใจช้ำขนาดนั้น แล้วมาถึงก็ยังจับคนที่ลูกตัวเองรักเข้าตารางยัดข้อหาว่าลักพาตัวลูก ไม่ถามอะไรเลย อาจจะเพราะว่าห่วงหวงลูก แต่ก็น่าจะถามลูกบ้าง สนใจลูกบ้างงี้
แต่ชิดจันทร์ก็ไม่น่าเอาไปลงที่เมธอะ มีอะไรก็เคลียร์ๆกับแม่ตัวเองดิ เสน่ห์จันทร์ก็นะมาขอร้องให้เมธเฉยๆ ไม่ต้องแถลงข่าว เหอะ มันใช่หรออออ
เมธก็นะ นี่จะด่าละที่บอกให้ยุกลับไปก่อนน่ะ ดีนะที่ดนัยเอาคลิปที่เมธมาเปิดให้ยุฟัง แล้วยุยิ้มออกอะ ไม่งั้นนะ โดนๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 40 บทสัมภาษณ์ (05/10/2014) P.106
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 22-07-2016 21:03:42
ชอบดนัยอะ 555555555 ตอนที่เมธยุเขากำลังหวานกันดนัยก็ร้องเพลงขึ้นมาตอนนั้นขำอะ ตลก 5555555
แล้วยัยชิดจันทร์นี่ยังไม่เลิก เคลียร์กับแม่แกนี่จะตายหรอยะ บดินทร์ก็นะ ก็เพราะรักตัวกลัวตายสินะ เลยต้องทำเรื่องเลวๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันน่าจะมีทางออกที่ดีกว่านี้สิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 41 ขอโทษ (10/10/2014) P.108
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 00:04:33
โอ้ยยย ปวดหัวเลย .บดินทร์อย่าทำไรยุนะ
ใครก็ได้มาช่วยยุด้วยยด่วนเลยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 00:21:58
ดีนะที่เมธเจ๊บลูซอลมาช่วยทันอะ
บดินทร์ก็ไม่ได้ข่มขืนยุ ก็ถือว่าก็ยังมีส่วนดีอยู่ แอบสงสารบดินทร์ เฮ้อ น่าจะบอก ปรึกษาใครบ้าง จะได้ไม่ต้องมาทำแบบนี้ แล้วก็ไม่เหลือใครเลย เห็นตอนที่ซอลออกไปละก็โหวงๆแทนอะนะ แล้วนี้เจอดนัย โอยยยยน่วมแน่ๆบดินทร์เอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 02:20:42
แอบกลัวดนัยยยยยย สงสารบดินทร์เบาๆอะ สงสารไม่สุดเท่าไหร่ เพราะเคยทำไม่ดีไว้ แล้วไอสิ่งที่ไม่ดีที่ทำไว้มันก็แรงๆอะ  มันเลยสงสารได้ไม่สุด .แต่ก็ไม่ได้อยากให้บดินทร์เจออย่างนี้เท่าไหร่ นี่จะแบบถูกจับไรงี้ไปอะนะ
ยัยไงก็จัดการยัยชิดจันทร์ด้วยนะดนัย เหวี่ยงนางออกนอกโลกไปเลยยยย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 43 ถ้อยคำสารภาพ (4/12/2014) P.113 (5 reply)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 04:34:07
น้ำตาไหลตอนที่บดินทร์แต่งตัวก่อนที่จะฆ่าตัวตายอะแบบ มันรู้สึกเศร้าอะ ตอนแต่งตัว ที่แบบบรรยายว่าเสื้อ กางเกง สร้อยใครที่เป็นคนให้บดินทร์มาบ้าง รวมถึงตุ๊กตาของแฟนคลับที่แฟนคลับให้มา อ่านแล้วมันแบบน้ำตาไหล แล้วยังเพลงที่บดินทร์ฟังอีก โหหห สุดยอดเลยอะ แล้วก็มาช่วงที่ยุบอกว่าอโหสิให้บดินทร์เราก็ดีใจอะนะ ถึงบดินทร์จะทำไม่ดีใส่ยุ แต่แบบมาพูดมาเคลียร์กันแบบนี้มันดีอะ มันรู้สึกไม่ติดค้าง แต่ตอนที่ยุบอกประมาณว่าไม่กลับไปเป็นเพื่อนกันอีก ตอนนั้นโหวงมาก แบบโหวงมากๆ แต่เราก็เข้าใจยุนะว่าที่เจอมามันหนัก แล้วคงไม่สนิทใจจะเป็นเพื่อนด้วยกันแล้ว แค่ที่ยุยังมาพูดมาเคลียร์ด้วยคำพูดที่ใช้แทนกัน ภาษาที่ใช้กันแบบตอนยังเป็นเพื่อนก็ดีมากพอแล้วอะเนอะ เฮ้อ บดินทร์ก็ได้รับบทเรียนแล้ว
ดนัยก็คงได้รับบทเรียนอีกคน ยังไงก็รู้ใจตัวเองซะ คอยอยู่ข้างบดินทร์ ดูแลบดินทร์ด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (17 มีนาคม 2558)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 14:30:25
ครอบครัวยังไงก็ยังเป็นครอบครัวแหละนะ
ถึงเราจะทำผิดพลาดมากมายสักแค่ไหน พ่อแม่ก็ยังอยู่เคียงข้างเราเสมอ น้ำตาคลอตอนที่แม่เลี้ยงของดินพูดถึงพ่อของดิน เขาเป็นห่วงดินมากแค่ไหน
แล้วเสน่ห์จันทร์ไปบ้านนั้นทำไมน่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก (18 พฤษภาคม 2558) 6 Reply ก่อนไคลแม็กซ์ค่ะ
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 18:56:16
ตอนของเสน่ห์จันทร์นี่สุดๆเลย .แม่เลี้ยงของชิดจันทร์พูดได้ดีอะนะ เตือนสติเสน่ห์จันทร์ได้ดี เสน่ห์จันทร์เลยคิดได้ และไม่ได้ฆ่าใคร แถมยังอโหสิกรรมกับสามีเก่าอีก ดีแล้วว
ดนัยนี่ไม่ธรรมดานาาาาา แบคใหญ่มาก
ชิดจันทร์นี่โคตรไม่มีสติเลย อัครเดชก็เตือนแล้วแท้ๆ
จะทำเขาล่มจมไปอีก
พอร์ชรุจน์ในที่สุดก็โอเคกันละเนอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "โดน!!" (21 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆค่ะ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 19:21:25
ยุเรารู้ว่าเป็นคนดี แต่ก็เห็นนนนนนว่ามันมากันหลายคน แล้วก็น่าจะคิดว่ามันไม่ง่าย ควรไปตามคนอื่นมาช่วยนะยุ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "ออกล่า" (25 พฤษภาคม 2558) มาสั้นๆอีกแล้ว... (>///<)
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 20:01:56
ขออย่าให้ยุเป็นไรเลยเถอะะะะะ
ชอบดนัยกับบดินทร์  ดินดูใสๆเลยตอนอยู่กับดนัยเนี่ย ดนัยนี่ก็ปารถนาดินจริงไรจริง สายตาแกความรู้สึกแกนี่นะ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก "สงครามประสาท" (3 มิถุนายน 2558) สั้นโพดๆ TT^TT
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 21:25:20
รำชิดจันทร์จริงๆค่ะ ยุพูดได้ดีอะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งแรก] [10 มิ.ย. 2558] P.127
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 23-07-2016 22:39:36
ช่วยยุออกมาให้ได้นะ อย่าได้มีใครเป็นอะไรเลยยยย
ดนัยแพ้ลูกอ้อนบดินทร์  แหม่ขนาดรู้ว่าเป็นการแสดง ก็ยังแพ้ 55555555555 เออเนอะคนกำลังหลง ใครจะทนไหว ว้ายยยย 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ครึ่งหลัง] [15 มิ.ย. 2558] P.128 ยังไม่จบจ๊ะ
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-07-2016 00:42:35
ดีนะยุไม่เป็นไรมาก เมธก็ไม่เป็นไรมาก แต่อยากให้พาไปรพเหลือเกินนนนนน ตามแบบดนัยเลยยย.นี่แบบเราคงเป็นแบบดนัยสินะ เพราะเราคิดแบบดนัยเลย มาช่วยแค่สดายุ ชิดจันทร์คือจะยังไงก็ช่างว่ะ นางร้าย รำมากเห็นละไม่อยากช่วย ทำไว้แต่ละอย่าง
สงสารพิมานเบาๆ จากที่อ่านตอนนี้อะนะ เจ๊เสน่ห์จันทร์นี่ทำให้อึ้งเรื่อยๆ อ่อยัยชิดจันทร์อีกคน อดีตโคตรไม่ธรรมดา
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ‘เลือดชโลมใจ’ [ติ่งจบ] [17 มิ.ย. 2558] P.130 ตะเตือนใต!
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-07-2016 01:14:09
สงสารพิมานหงะ ยังไงไม่รู้ แล้วแบบใจเด็ด ยิงตัวตายเลย
ส่วนเสน่ห์จันทร์ ร้ายมากอะ หลายอย่างเลย สุดๆ แต่นางก็ดูรักลูกอย่างน้อยก็ปกป้องลูกไว้ได้ตอนนี้อะนะ
ชิดจันทร์คงรู้แล้วนะว่าแม่รักมากแค่ไหน ถึงก่อนหน้านี้จะไม่ดูแลจนต้องเจอเรื่องร้าย หวังว่าคงไม่เกลียดแม่แล้ว
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งแรก] [25 มิ.ย. 2558] P.131
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-07-2016 02:47:21
จะแถลงข่าวแล้วววววววว
อยากรู้ว่าชิดจันทร์นางเป็นไงบ้าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ปลายฝนต้นหนาว’ [ครึ่งหลัง] [3 ก.ค. 2558] P.133
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-07-2016 03:30:36
ยุกับดินนี่ก็โอเคละ เริ่มกันใหม่เนอะ ดีแล้วละ
ส่วนดนัยกับดิน เฮ้อ ก็นะจะให้ญาติดีกันเร็วๆก็ไม่ใช่
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดใช้’ [15 ก.ค. 2558] P.134
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-07-2016 14:27:13
ดนัยดิน ต่างคนต่างประชดประชัน ปากดีใส่กัน เฮ้ออออออ จะรักกันยังไงเนี่ยยยยยยยย
แม่พี่เมธมา แม่ปลื้มยุนี่หน่าาาา ใช่มะ
ฉากตอนที่ดินกราบพ่อซึ้งมาก ตอนขอโทษเพียงดาวด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘ชดเชย’ [1 ส.ค. 2558] P.136
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 24-07-2016 17:04:25
คู่บลูซอลก็เคลียร์กันละ หวานกันไป อิอิ -..-
ยุนี่ดีอะ น่าปกป้องจริงๆ เฮ้อ
คุณแม่ของเมธก็อบอุ่น
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้าย บทแรก [4 ก.ค. 2559] P.150
เริ่มหัวข้อโดย: mickeyz.min ที่ 24-07-2016 19:44:52
อ่านแบบรวดเดียวจบ ชอบมากกกกก มาม่านี่คิดว่าจะอืดสุดดีนะไม่ทำร้ายใจกันมากมาย ชอบบบบ :mew2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : ‘พรวิเศษ’ [27 ส.ค. 2558] P.137 # 3 reply จ๊า ^^
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 25-07-2016 00:48:57
บทสรุปของชิดจันทร์ถึอว่าดีเลย
เราคิดไม่ถึงว่าชิดจันทร์จะบวชชี
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งแรก [15 กันยายน 2558] P.140
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 25-07-2016 02:34:13
ตอนที่ชิดจันทร์คุยกับพ่อ น้ำตาคลอเลยอะ มันแบบเคลียร์โล่งทุกอย่าง
พอร์ชนี่อย่างหื่น ว่าแล้วต้องแบบมีเข้าวงการเพราะอีกคนอยากเข้าอะไรงี้ ประมาณมาประกวดเป็นเพื่อนอีกคนไรงี้ แต่พอร์ชคิดมากกว่าแค่นี้ 55555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : #แถลงรัก# ครึ่งหลัง [30 กันยายน 2558] P.142 [4 Reply]
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 25-07-2016 04:41:52
ชอบตอนที่ยุพูดซึ้งมากอะ พูดดีมาก
ความรักมันไม่ได้อยู่ที่เพศสักหน่อย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน (ครึ่งหลัง 80%) [14 มิ.ย. 2559] P.148
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 25-07-2016 16:56:57
เรื่องครอบครัวของยุก็โอเคละนะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : อวสาน [23 มิ.ย. 2559] P.149
เริ่มหัวข้อโดย: phunpk ที่ 25-07-2016 20:20:03
อบอุ่นมากๆ บรรยากาศงานแต่งไม่ต้องยิ่งใหญ่อลังการ งานเล็กๆแต่อบอุ่น อบอวลไปด้วยความรัก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 27-07-2016 20:53:10
TBL-166-977
ผมคือ...นางเอก
เปิดจอง (วันนี้ – 31 สิงหาคม 2559)

(http://i1094.photobucket.com/albums/i458/thearboo/1001-3_zpsvgxmhavt.jpg)

ระยะเวลาการเปิดจองตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2559
จัดส่งหนังสือภายในวันที่ 30 กันยายน 2559

รายละเอียด :
หนังสือ  3 เล่ม
เล่ม 1 # 400+ หน้า
เล่ม 2 #400+ หน้า
เล่ม 3 #400+ หน้า
     + กล่องสะสมแบบจั่วปัง
ของแถมรอบจอง : สมุดโน้ตขนาด A6
                       + ถุงผ้าดิบ สกรีน “แทนคำขอบคุณ ยุ&เมธ”
                       + โปสการ์ด
                       + ที่คั่นหนังสือ   
                      + ภาพประกอบ และ โดจิน (โดยนักเขียน)
ตอนพิเศษ
•   เพราะรัก
•   ฝัน
•   ยื่นมือเข้าช่วย
•   คู่จิ้น (พอร์ช*รุจน์)
•   แม่มดใจร้าย กับสโนไวท์เจ้าเล่ห์ (บลู*ซอล)
•   ยุน้อยหมวกแดง
•   ความรู้สึกแรก
 
โดจิน
•   สองเรา
•   รับกรรม (ดนัย*ดิน)
•   การ์ตูน 3 ช่อง (SD)
         -   ฝัน
         -   ยุน้อยหมวกแดง
         -   ห้องนอน (บลู*ซอล)
         -   น้องน้ำ (พอร์ช*รุจน์)
         -   ห้องนั่งเล่น (อ๊อด*มล)


 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สามารถสั่งซื้อได้ที่
http://www.thearboo99.com/

หรือ

https://docs.google.com/forms/d/1G0VCI42hZJuoQF_MN0CM7X-sOTSjb7OCYKKYCIgDSTE/viewform?c=0&w=1

**เลือกทางใดทางหนึ่งเท่านั้นนะคะ


หากจองผ่านทาง Google.doc  เมื่อโอนเรียบร้อยแล้วให้แจ้งโอนได้ที่
https://docs.google.com/forms/d/1KlJSPcTYXbMvlEZXJuYMmidXXCgHqnoJdBnIEaG-Mgs/viewform?c=0&w=1
เช็คสถานะการโอนได้ที่  (กรุณาเช็คหลังจากโอน 7 วัน)
https://docs.google.com/spreadsheets/d/1aiLC-ZhpPJs4G9MwFzMcoaZtQOp7fn5bjni_seaLg38/edit?usp=sharing


หนังสือจัดส่งภายในวันที่ 30 กันยายน 2559

หมายเหตุ :  ภาพปกที่เหลืออยู่ในระหว่างจัดทำค่ะ ติดตามข่าวสารอัพเดทหรือติดต่อสอบถามได้จากหน้าเพจเลยนะคะ
https://www.facebook.com/Anakee99.Thearboo/?ref=aymt_homepage_panel

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: PinkyPinky ที่ 30-07-2016 20:47:06
อ่านจบแล้ว ยุน่ารักมาก
วิ่งไปจองหนังสือโดยด่วนเลย
มีความติ่งดนัยสูงมาก ชอบคู่ดนัยแล้วก็ดิน
รออ่านคู่นี้ต่อไป
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 31-07-2016 01:19:23
สนุกมากเลยคะ อ่านรวดเดียว 4วัน
ชอบยุมากเลย :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 02-08-2016 18:01:58
 :mew1:  อ่านแล้วมีความสุข ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 02-08-2016 22:20:12
จบแล้วๆ  ยุตอนยุ้ยๆ น่าร้ากกกกกก

ขอบคุณมากนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: Pramooknoi ที่ 16-08-2016 06:02:31
น่ารักมากๆเลยค่ะเนื้อหาดีอ่านแล้วชวนติดตามภาษาสวยมากกกกกก  o13 :bye2: :L2: :3123: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : แจ้งข่าวรวมเล่ม P.153
เริ่มหัวข้อโดย: Momichi ที่ 26-08-2016 23:19:41
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ
สนุกมากจนหยุดไม่ได้
ชอบสดายุเมธมากค่ะ
อยากอ่านดนัยกับบดีต่อด้วย
คู่เจ๊บลูม่ากับซอลย่าก็แซบ
ฟินกันไปกับคู่เพื่อนกินเพื่อน
พี่อ๊อดกับพี่มลก็น่าร้าาาก
สรุปว่าชอบมากค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆให้อ่านค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 09-09-2016 12:20:45
บทส่งท้าย
บทที่สอง

 “สวัสดีปีใหม่คร๊าบบบ ลุงยุ ลุงเมธ”
“Happy New Year ค๊า ลุงเมธ ลุงยุ”
ตัวยังไม่ทันเห็น  แต่เสียงสิดังฟังชัด มาตั้งแต่รั้วบ้าน แค่ได้ยินเสียงสดายุก็รีบถอดผ้ากันเปื้อน วางทัพพี แล้วปรี่ออกจากครัว ไปหาต้นตอของเสียงที่แสนคิดถึง
“เสียงดังไปจนถึงตีนดอยแล้วมั้ง โย ยู ยิม” สดายุแกล้งเอ็ด ทั้งที่ใบหน้าทอยิ้มระรื่น สองแขนที่ผายออกกว้าง เป็นสัญญาณให้หลานรักทั้งสาม ได้โผเข้ามากอดตามแรงคิดถึง
หลานตัวน้อยๆ ที่เลี้ยงกันมาแต่อ้อนแต่ออก บัดนี้ เติบใหญ่เป็นวัยรุ่นน่ารัก
โย พี่ชายคนโต วัย 17 ปี
ยู และยิม สองแฝดชายหญิง วัย 15 ปี
สามตัวแสบ ที่สดายุช่วยส่งเสียเลี้ยงดูมาจนโต  สามแสบ ลูกหัวแก้วหัวแหวนของสุริยะ
นั่นไง พูดถึงก็เดินหอบของตามหลังลูกๆ มาโน่นแล้ว
“ไงพี่ยุ ไม่เจอแป๊บเดียว แก่ขึ้นจมเลยนะ แล้วพี่เมธล่ะ?” ไม่ทันขาดคำ ทันทีที่เจอหน้าสุริยะก็ทักกวนอย่างคุ้นเคย พาลให้สดายุคิดถึงวันแรกที่เจอกันเหลือเกิน น้องชายวัย 16 ที่แสนขี้อาย และมีสัมมาคารวะคนนั้น มันไปตายไหนแล้วนะ!!?
“พี่เมธไปซื้อของเพิ่มที่ตลาดอยู่ มีตัวเขมือบมาเป็นฝูง ของที่ตุนไว้มันเลยไม่พอ”  พี่ชายแซวกลับบ้าง พลางไล่บรรดาหลานๆ ให้ขนกระเป๋าไปเก็บที่ห้องนอนประจำของตน
 “เชนไม่มาเหรอ?” พอเหลือกันสองคนพี่น้อง สดายุก็ถามน้องชายขึ้น
สุริยะที่ลงไปนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา ชายตามามองพี่ชายเล็กๆ ก่อนจะตอบออกมาเหมือนไม่ใคร่ใส่ใจเท่าไหร่ “ตามมาพรุ่งนี้”
จบ เป็นอันรู้กัน ได้ยินแบบนั้นสดายุก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ให้กับความปากแข็งของสุริยะ น้องชายวัย 45 พ่อหม้ายลูก 3 ที่ตอนนี้กำลังมีรักผลิบาน กับอาจารย์หนุ่มรุ่นน้อง ที่สอนในรั้วมหาวิทยาลัยเดียวกัน
อาจารย์เชน ชายผู้เป็นดั่งพรหมลิขิต คนที่สดายุคิดไม่ถึง ครั้งแรกที่ได้รู้ว่าน้องชายตัวยักษ์ ที่เคยมีเมียมีลูก เบี่ยงเบนมาปลื้มผู้ชายด้วยกันก็ว่าน่าตกใจแล้ว  แต่ผู้ชายที่น้องชายปลื้ม ยังอุตส่าห์มีพื้นเพที่น่าตกใจยิ่งกว่า
เพราะอาจารย์เชน หรือราเชน คือ น้องชายคนละแม่ของ ชิดจันทร์! ไม่รู้จะเรียกว่ามหัศจรรย์ พรหมลิขิต หรืออะไรดี ตอนแรกที่ได้รับรู้ สดายุกับกฤตเมธหารือกันอยู่พักใหญ่ด้วยคิดว่าคงได้เกิดปัญหา ชิดจันทร์มีน้องชายเพียงคนเดียว ข่าวว่าหลังจากกลับมารับตำแหน่งประธานบริษัทต่อจากเสน่ห์จันทร์ ก็รับเลี้ยงดูแลน้องชายต่างแม่อย่างราเชนเป็นอย่างดี
ทีแรกว่าคงเกิดเรื่องวุ่นวายเป็นแน่ ที่ไหนได้ชิดจันทร์ที่พอรู้ข่าว กลับยอมเปิดทางให้แต่โดยดีเสียอย่างนั้น หรือแม้แต่ความกังวลใจในเรื่องที่เด็กๆ อย่าง โย ยูและยิม อาจเกิดอาการต่อต้าน หรือเป็นปัญหาสังคม สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นอุปสรรค ทุกคนรับได้ เด็กๆ ก็เห็นดีเห็นงาม ด้วยเพราะคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ ผ่านทางลุงๆ อย่างกฤตเมธและสดายุ
ทุกอย่างดูเหมือนจะจบแบบแฮปปี้ ขนาดที่กฤตเมธและสดายุยังออกปากว่า ความรักของสุริยะและราเชนคงราบรื่น ถ้าไม่ติดที่ทั้งคู่ดันปากแข็งกว่าหัวใจ ไม่ยอมปริปากยอมรับในความรู้สึกที่มีให้แก่กัน
คนหนึ่งก็มัวแต่จะยึดติดกับความหลัง ส่วนอีกคนก็ดันไม่หือไม่อือ ตามใจกันไปเสียทุกอย่าง จนเวลาผ่านมานานร่วม 10 ปี ที่สุริยะกับราเชน คบกันแบบไม่ระบุความสัมพันธ์
‘แค่เพื่อน’ คือคำตอบเดียวที่สุริยะให้กับทุกคน
ถึงจะสงสัย หรือหมั่นไส้มากเพียงใด สดายุก็ไม่คิดคาดคั้น คาดเดาไปเองว่า อาจเป็นเพราะสุริยะคือชายแท้ ทั้งยังมีลูกถึง 3 คน ถึงแม้ภรรยาจะเสียไปนานแล้ว แต่การที่จู่ๆ ตัวเองดันมามีความรู้สึกพิเศษกับกับฝ่ายราเชนที่เป็นเกย์ บางครั้งอาจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจลำบาก หรือแม้ว่าจะมีพี่ชายเป็นเกย์เหมือนกัน ก็ไม่ได้หมายความว่าสุริยะจะเปิดเผยความรู้สึกของตัวเองออกมาได้ง่ายๆ อย่างนั้นสินะ
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น เรื่องที่สดายุคิดทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป แน่ล่ะ เพราะเขาได้แต่คิด แต่ไม่เคยได้อ้าปากถามน้องชายออกไปตรงๆ เสียที เพราะสดายุเอาแต่คิดว่า…
…ช่างหัวมันเถอะ มันคบกันมาแบบงงๆ ได้ตั้ง 10 ปี จะคบกันต่อไปแบบไหน ก็แล้วแต่มันสองคนแล้วกัน ปูนนี้แล้ว ขี้เกียจยุ่ง ว่าแล้วก็ทำเสียจิ๊จะขัดใจ กลอกตาเหนื่อยหน่ายเป็นรอบที่ร้อย

เย็นวันนั้น บ้านพักบนดอยของกฤตเมธและสดายุค่อนข้างครึกครื้น เพราะมีสมาชิกมาเพิ่มถึง 4 คน บ้านบนดอยนี้ กฤตเมธเป็นคนมาซื้อเอาไว้เมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว เพื่อไว้ตากอากาศ ยามอยากพักจากงานสุมหัวที่กรุงเทพฯ จนเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน ที่ทั้งคู่ตัดสินใจ ย้ายออกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้อย่างถาวร ด้วยอายุที่ล่วงเข้าสู่วัยเกษียณ กิจการครอบครัวต่างๆ ก็หาผู้ดูแลแทนได้แล้ว จึงขอลาพักยาวๆ อยู่บนดอยไกลผู้ไกลคนกันเพียงสองคน นอนกินเงินประกันวัยเกษียณ กับส่วนแบ่งของกำไรจากกิจการที่มีโอนเข้าบัญชีอยู่ทุกเดือน เพียงเท่านี้ก็พออยู่ได้สบาย ไม่ขาดเหลือ
30 ปีแล้ว ที่กฤตเมธและสดายุอยู่กินกันมาฉันท์คู่ชีวิต สดายุที่ใกล้จะ 58 ในขณะที่กฤตเมธเอง ก็กำลังจะ 64 สังขารร่วงโรยไปตามกาลเวลา ความรักก็ไม่ได้กระชุ่มกระชวยเหมือนเมื่อครั้งยังหนุ่ม แต่ที่อยู่กันมาจนถึงตอนนี้ได้คือความผูกพัน คือกันและกัน ที่ไม่มีความคิดอยากแยกห่างกันไปไหน เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง ดูแลทุกข์สุขป่วยไข้กันไปตามประสา สดายุฝากตัวเข้าบ้านของกฤตเมธอย่างเป็นทางการ ในนามของบุตรบุญธรรมของแม่กรพิรน์ และเปลี่ยนนามสกุลตามกฤตเมธหลังแต่งงานได้ประมาณแปดปี เพียงหวังให้ยามป่วยไข้ ได้แสดงตนเป็นญาติกันได้อย่างเปิดเผย แม้ตามกฎหมายจะเป็นได้เพียงน้องชายบุญธรรมก็ตาม
 
เพราะไม่มีลูกของตัวเอง กฤตเมธและสดายุจึงเอ็นดู โย ยูและยิม ลูกของสุริยะมาก เมื่อครั้งที่ภรรยาของสุริยะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ สดายุกับกฤตเมธก็รีบรับเด็กๆ มาช่วยเลี้ยงดูโดยทันที เพื่อแบ่งเบาภาระของสุริยะที่กำลังอยู่ในอาการโศกเศร้า 13 ปีมาแล้วนับจากวันนั้น ตอนนี้หลานๆ ของสดายุทุกคนแข็งแรงน่ารัก และมีความสุขกันดี
 นี่คือครอบครัว…ทุกคนคือครอบครัว

“เด็ก ๆ นอนกันหมดแล้วเหรอ?” กฤตเมธถามขึ้น เมื่อเห็นสดายุเดินออกมาจากห้องของหลานๆ ทั้งสาม
“หลับกันหมดแล้วล่ะ สงสัยเหนื่อย ขับรถกันมาทั้งวัน” สดายุตอบรับ “ไป...เราไปนอนกันบ้างเถอะ” พร้อมชวนกฤตเมธเข้านอน เพราะตอนนี้ก็จะเที่ยงคืนแล้ว แต่เดินขึ้นบันไดมายังไม่ทันพ้น เสียงคนคุยโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาดักทางไว้เสียก่อน
“พรุ่งนี้จะมาถึงกี่โมง”
“อืม เดี๋ยวไปรับ”
เหมือนจะไม่มีความหมายใดๆ แต่เสียงแบบนั้นกลับทำให้กฤตเมธและสดายุจำต้องหยุดชะงัก ไม่กล้าก้าวขึ้นบันไดต่อ ทั้งที่ไม่ได้มีเจตนาแอบฟัง แต่การรักษามารยาทก็ทำให้สองลุงได้ยินถ้อยคำบางอย่างเข้า
“คิดถึงนะ...รีบมา”
ประโยคสุดท้ายก่อนร่ำลา เล่นเอาสดายุ ถึงกับสำลักเสลดในคอ กระแอมอ้อมแอ้มเสียงดังพอให้น้องชายได้ยิน สุริยะออกอาการตกใจไม่น้อยที่จู่ๆ พวกพี่ชายก็โผล่ขึ้นมาจากบันได ในใจลุ้นว่าจะได้ยินเรื่องน่าอายที่พูดทิ้งท้ายไว้เมื่อครู่หรือเปล่า โดยเฉพาะยิ่งเห็นว่าสดายุแกล้งหมางเมินกัน สุริยะยิ่งรู้ทันว่าคงโดนเข้าแล้ว
“แค่กๆ โอยปู่เอ้ย ขอน้ำให้ตาหน่อยสิ เหมือนจะสำลักน้ำตาล แค่กๆ” เสียงดังฟังชัด
นั่นไงล่ะว่าแล้วเชียว สุริยะถึงกับถอนหายใจละเหี่ย แม้ร่างสดายุจะพ้นเข้าห้องไปแล้ว ไม่วายยังหลงเหลือเสียงแว่วหลอกหลอน จะมีก็เพียงแต่พี่เขยนี่ละมั้ง ที่ยังอุตส่าห์ตบไหล่ให้กำลังใจ พร้อมรอยยิ้มมีเลสนัยแปลกๆ...หมดกันแล้ว ภาพที่สร้างสั่งสมมา
คล้อยหลังเหล่าตาลุงตัวป่วน สุริยะก็พาตัวเองกลับเข้าห้องนอนบ้าง แต่กระนั้นก้ไม่อาจหลับตาลงได้ในทันที เพราะมัวแต่คิดเรื่องสำคัญอยู่
เรื่องสำคัญที่ว่า จะเปิดตัวคบหากับราเชนอย่างเป็นทางการ เพื่อจบบทบาทผู้ชายเห็นแก่ตัวเสียที

การพบกัน บางครั้งก็เป็นเรื่องของโชคชะตา ก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าท่านจะพามาให้พบกันในรูปแบบไหน หรือว่าเมื่อไหร่ อย่างเช่น สุริยะ…กับราเชน ครั้งแรกที่ได้พบกัน เป็นอะไรที่ดาษดื่นทั่วไป ไม่มีอะไรให้น่าจดจำ
จนกระทั่ง...วันนั้นเมื่อ 10 ปีก่อน
วันนั้น ฝนตกหนัก แต่ก็ยังอุตส่าห์มีงานเลี้ยงของเหล่าคณะคณาจารย์ของคณะศึกษาศาสตร์ เนื่องในโอกาส เลี้ยงต้อนรับอาจารย์บรรจุใหม่เพื่อประจำสาขาวิชาที่มีอาจารย์เก่ากำลังจะเกษียณ ซึ่งเป็นมารยาทที่ดีที่อาจารย์รุ่นพี่ต้องเข้าร่วมงานนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจของน้องๆ โดยปกติสุริยะไม่ค่อยได้ไปเข้าร่วมนัก ยกเว้นครั้งนี้ ที่ถูกหัวหน้าภาคบังคับจับลากมาจนได้
สุริยะ ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ตั้งแต่ภรรยาของเขาเสียชีวิตไปเนื่องจากอุบัติเหตุ ชีวิตของสุริยะก็ดูเหมือนจะเคว้งคว้าง  มันกะทันหันเสียจนตั้งรับไม่ทัน ในวันที่เสียใจจนชีวิตแทบเสียหลักนั้น อาจเป็นโชคดีที่มีครอบครัวคอยยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เช่นพี่ชายอย่างสดายุที่ช่วยรับลูกๆ ทั้งสามของสุริยะไปดูแลให้ในช่วงสองปีแรก ก่อนจะให้ย้ายกลับไปอยู่กับปู่ย่าในปีต่อมา เพื่อสะดวกในการสอบเข้าโรงเรียนในเขต
ด้วยความเห็นใจที่คนเป็นพ่อต้องทำงานนอกบ้าน จนอาจดูแลลูกเล็กทีเดียวถึง 3 คนไม่ไหว ทางสดายุที่ทำงานอยู่บ้านจึงสะดวกและมีเวลาที่จะช่วยดูแลเด็กๆ ได้มากกว่า จากตอนนั้น สุริยะจึงย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างมหาวิทยาลัยที่ตนทำงาน เนื่องจากบ้านที่เคยอยู่ด้วยกันกับครอบครัวนั้น มันค่อนข้างไกลจากมหาวิทยาลัย
ครบ 3 ปีแล้วที่ภรรยาจากไป ถึงตอนนี้สุริยะจะสามารถทำใจได้แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังไม่คิดมีใครใหม่ แม้จะมีคนแนะนำคนดีๆ ให้บ้าง แต่ก็แค่ทำความรู้จักกัน ในความสัมพันธ์เพียงคำว่าเพื่อน สุริยะยังไม่อยากมีใคร เพราะหัวใจยังไม่อาจลืม
ไม่คิดเลยว่าคืนนั้น…
คืนที่ฝนตกหนัก หลังงานเลี้ยงเลิกรา กะว่าฝนคงซาหน่อย สุริยะจึงรีบวิ่งกลับบ้านพัก ที่อยู่ถัดจากร้านจัดงานเลี้ยงไม่ไกล
"เข้ามาหลบฝนก่อนสิ"
แล้วดันเผลอเรียกคนที่ฝ่าฝนตามกันมาให้เข้ามาหลบในบ้าน เพราะนึกเห็นใจว่าบ้านของอีกฝ่ายไกลกว่า คนคนนั้นคือ ราเชน อาจารย์รุ่นน้องที่สอนอยู่คณะเดียวกัน
มันก็ไม่น่าแปลกที่สุริยะจะมีน้ำใจ ถึงอย่างไรก็ผู้ชายเหมือนกัน แม้ว่าคนที่เขาเรียกให้เข้าบ้านมาด้วยกันนั้น จะมีรสนิยมทางเพศแบบเฉพาะตัว อย่างไรเสียสุริยะก็ไม่ได้นึกรังเกียจ ด้วยพี่ชายของตัวเองมีก็คนรักเป็นผู้ชาย และเล็งเห็นว่าถึงราเชนจะมีความชอบส่วนตัวแบบนั้น แต่ก็ไม่เคยทำตัวไม่ดี ออกจะเป็นคนเรียบร้อยเก็บตัวเสียด้วยซ้ำ สุริยะจึงไม่ได้คิดอะไรมากนอกจากอยากให้ความช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน…
ไม่คิดเลยว่า…คืนนั้นพวกเขาจะดันเผลอ…
อาจเป็นเพราะเมา
อาจเป็นเพราะเหงา
อาจเป็นเพราะเสียงฝนตก
อาจเป็นเพราะบรรยากาศ
อาจเป็นเพราะถูกท้าทาย
หรืออะไรดลใจให้หน้ามืดตามัวก็ไม่รู้ ซึ่งมันไม่อาจอ้างได้ว่าขาดสติ เพราะสุริยะจำได้ทุกการกระทำ จำได้ดีถึงทุกคำพูดระหว่างกัน สีหน้าท่าทางของราเชน แม้กระทั่งรสสัมผัสที่ลืมไม่ลง

เสียงอื้ออึงของฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เสียงฟ้าคำรามเป็นระลอก ไม่ต้องเปิดแอร์ ในห้องนั้นก็หนาวจนแทบสะท้าน ถึงสุริยะจะเรียกมันว่าบ้าน แต่แท้จริงแล้ว มันก็เป็นแค่ห้องเช่าห้องน้อยเท่านั้น ห้องเล็กๆ ที่มีเพียงฉากกั้น ระหว่างพื้นที่ใช้สอยกับเตียงนอน
เมื่อสองต่อสองต้องมาอยู่ในที่พื้นอันเป็นส่วนตัว สุริยะที่กำลังเมากึ่ม ก็จัดแจงถอดเสื้อโชกฝนออก แบบไม่เกรงใจเพื่อนร่วมห้องที่ยืนตะลึงอยู่ตรงหน้าประตู ตอนที่สุริยะชำเลืองสายตาไปเห็น ก็นึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายต้องหน้าแดงจัด กับอีแค่ผู้ชายด้วยกันถอดเสื้อ มานึกได้เอาทีหลังก็พอเข้าใจ แต่ก็อดไต่ถามออกไปตรงๆ ไม่ได้
“เกย์เนี่ย แค่เห็นผู้ชายถอดเสื้อก็เขินเหรอ? มันก็มีเหมือนๆ กันนี่…”
สายตามองเห็นว่าทันทีที่ตั้งคำถาม ราเชนก็ถึงกับหน้าม้าน สุริยะรู้ดีว่าคำถามที่โพล่งออกไป มันเป็นการเสียมารยาท เขายังมีสติ เพียงแต่ขาดความยั้งคิด เมื่อสัมปชัญญะทำงาน จึงรีบออกปากขอโทษราเชนออกไป “ขอโทษทีนะ อย่าถือคนเมาเลย…”
“กับคนอื่น ผมไม่เขินหรอก…แค่กับคุณ…”
แต่แล้วคำตอบที่ได้มา กลับทำให้สุริยะแทบสร่าง เพราะไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา เขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าราเชน ต้องการสื่ออะไร
“ชอบผมเหรอ?”
 มันชัดเจนเสียจนหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสุริยะคิดว่าหากเขาทำเป็นไม่รู้ มันออกจะดูไม่แฟร์สำหรับราเชน ในเมื่ออีกฝ่ายยอมเปิดเผย เขาเองก็จะยอมรับมันตรงๆ
“ครับ” ราเชนตอบเบา ใบหน้าขาวเนียน สลดลง คงเพราะนึกขึ้นได้ว่าเผลอพูดความในใจที่ไม่ควรออกมา โดนฤทธิ์สุราผลักดันให้ใจกล้าหน้าด้าน จนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ร่างแบบบางดูเหมือนจะตัวเล็กลงกว่าเดิม แต่ถึงขั้นนี้แล้ว ราเชนเองก็ไม่คิดถอย
“ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย” สุริยะพูดตรง เพราะคิดแล้วว่าเรื่องแบบนี้ ไม่ควรทิ้งคาไว้ให้รู้สึกกำกวม เพราะการคาราคาซัง มันยิ่งทำร้ายกันและกัน ความสัมพันธ์พาลจะพังมากกว่าก่อ
“ผมรู้” ในเมื่อสุริยะ ตอบตรง ราเชนก็ตั้งใจเผชิญหน้าอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา
“แล้ว…ตัดใจได้ไหม?”
“ไม่รู้สิครับ แต่คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่ ”น้ำเสียงเครือสั่น แต่ชัดถ้อยชัดคำ
“หึ…ชอบผมได้ยังไง ผู้ชายคนอื้นมีเยอะแยะ ทำไมต้องเป็นผม? เอาตรงๆ นะ ผมแทบไม่รู้จักคุณ ” เห็นว่าราเชนก็ไม่ได้อ้อมค้อม สุริยะจึงไต่ถามถึงไถ่เหตุผล การมีคนมาชอบไม่ใช่เรื่องไม่ดี แต่การชอบในเชิงชู้สาวนี้ อาจต้องถามไถ่กันให้ชัดเจน โดยเฉพาะเมื่ออีกฝ่ายเป็นผู้ชาย ทั้งยังไม่ใช่คนที่รู้จักสนิทสนม
 “คุณอาจจำไม่ได้แล้ว เมื่อตอนผมบรรจุใหม่ๆ คุณคอยให้ความช่วยเหลือผมตลอด ผมประทับใจมาก…” นั่นเป็นการเปิดหัวข้อสนทนา ที่ราเชนก็คาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ในหัวมีคำตอบมากมายรอสาธยายให้อีกฝ่ายได้ฟัง แต่ให้ตายคนขี้อายอย่างเขาก็คงไม่กล้าพอจะพูดออกไปตรงๆ ว่า ‘แอบรักตั้งแต่แรกเห็น และคอยติดตามความเป็นไปเรื่อยมา’ จึงได้อ้างเอ่ยเหตุผลอันสมควรสารพัด งัดมาให้สุริยะเชื่อ ว่าความรู้สึกนี้ ไม่ได้ล้อเล่น
“ถ้าแค่นั้นน่ะ อาจารย์คนอื่นเขาก็ช่วยป่ะ?”
“แต่คุณดีกับผมที่สุด แถมยังไม่รังเกียจที่ผมเป็น”
เหตุผลฟังไม่ขึ้นในตอนแรก แต่พอเป็นเรื่องการยอมรับในรสนิยมของราเชนได้ สุริยะก็ต้องถอนหายใจ ใช่...เขาอาจเป็นอาจารย์ผู้ชายเพียงไม่กี่คนในคณะ ที่ไม่คิดติดใจเรื่องแบบนี้ ในขณะที่คนอื่น มีการเว้นนะยะในช่วงแรก
นั่นอาจเป็นเหตุผลสมควร แล้วมันยังไงล่ะ ในเมื่อสุริยะไม่อาจรักตอบ จะปล่อยให้ยืดเยื้อก็คงไม่ดีนัก จึงได้ตัดสินใจบอกออกไปโดยไม่คิดเลยว่า นั่นจะเป็นจุดเริ่มต้น
“…ผมคงคบกับคุณไม่ได้หรอกนะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่…”
“เพราะคุณยังไม่ลืมเธอ ผมทราบครับ และผมก็ไม่ได้ต้องการให้คุณมาคบด้วย แค่อยากปลอบโยนคุณแทนเธอ…”
“แทนงั้นเหรอ?...คุณมีสิทธิ์อะไร?
ก็ว่าจะไม่โกรธ แต่สุริยะอดไม่ได้ เพราะราเชนไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายในเรื่องนี้ ไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะพูดถึงภรรยาผู้ล่วงลับของตน! น้ำเสียงที่ถามกลับไปจึงต่ำขรม หมายข่มให้อีกคนสงบปาก
“ผมไม่ได้อยากแทนที่เธอครับ ผมรู้ว่าไม่มีใครแทนที่ตรงนั้นของเธอได้ ผมก็แค่อยากปลอบโยน ไม่อยากให้คุณต้องจมปลักกับอดีต...” ราเชนพยายามอธิบาย ไม่ผิดหรอกที่สุริยะจะโกรธ เพราะทั้งที่ไม่สนิท แต่ก็ยังปากดี ไม่รู้ทำไม ราเชนถึงห้ามมันเอาไว้ไม่ได้ ห้ามความปลากพล่อย ปากเปราะของตัวเองไม่อยู่
“คุณกล้าใช้คำว่าจมปลักเชียวเหรอ? หึหึ...” นั่นยิ่งทำให้สุริยะหงุดหงิดจนถึงกับแค่นเสียงหัวเราะ
ราเชนรู้แล้วว่า ยิ่งพูดก็จะยิ่งพาลโดนเกลียด แต่อยากสื่อสารออกไปให้สุริยะรู้ให้ได้ ว่าตนจริงจังแค่ไหน จึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาพูดในสิ่งที่เอาแต่ใจตนออกไปอย่างถือดี “ขอโทษ...ผมแค่อยากช่วยจริงๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดี...”
“ช่วยผม?...ช่วยยังไง?”
คำถามของสุริยะ ทำราเชนนิ่งอึ้ง ทำไมนะ ทั้งที่ต่อปากต่อคำอย่างลืมตายไปเป็นเข่งๆ แต่พอมาเจอคำถามวาจะช่วยยังไงเข้าก็ดันนึกคำตอบไม่ออก จะช่วยอย่างไรดีเล่า ให้ไม่ต้องบาดหมางใจกัน แค่อยากอยู่เคียงข้างเท่านั้น ถ้าพูดออกไปจะถูกหัวเราะเยาะเอาหรือไม่นะ
“มีเซ็กส์กันไหม?”
“ห๊ะ!?” เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาคิดคำตอบ จึงไม่ทันได้สังเกตว่าถูกสุริยะเข้ามาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ในหูอื้ออึงอนทั้งทีที่ได้ยินคำเชื้อเชิญแสนอันตราย
“ถ้าอยากช่วย ก็ช่วยผมปลดเปลื้องหน่อยสิ”
นั่นเป็นแค่คำยั่วยุ ที่สุริยะต้องการใช้เพื่อข่มขู่ราเชนให้กลัวเท่านั้น ไม่นึกเลยว่าทันทีที่เขาโพล่งออกไป ราเชนกลับจัดการเปลื้องผ้าตัวเองออก จนเหลือแต่กางเกงในสีดำตัวจ้อย แล้วยอมรับคำเขื้อเชิญนั้น
“เฮ้ยคุณ! เดี๋ยว!!...” สุริยะเหวอ เมื่อจู่ๆ ราเชนก็คุกเข่าลงตรงหน้า
แค่เห็นก็รู้แล้วว่าราเชนต้องการที่จะทำอะไร สุริยะกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคออย่างไม่อาจข่มกลั้นความรู้สึก ใจหนึ่งแม้จะปฏิเสธพัลวัน แต่อีกใจก็ใคร่อยากลิ้มลอง ผิดชอบชั่วดีตีกันให้มั่ว สุดท้ายจึงได้แต่ยืนมองเราเชนนิ่งๆ  มองมือสั่นเทาของอีกฝ่าย ที่ค่อยๆ เอื้อมมาปลดเข็มขัด แล้วรูดซิปลงช้าๆ
ใบหน้าราเชนแดงก่ำลามลงไปถึงแผ่นอก เมื่อพยายามเปิดกางเกงยีนส์ออก แล้วเห็นของของสุริยะเต็มตา สิ่งนั้นยังคงอ่อนตัวและซุกซ่อนอยู่ ราเชนตัดสินใจถอดแว่นออก เพื่อลดความคมชัด ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปหาสิ่งนั้นอย่างกล้าๆ กลัว เพียงแค่แตะต้องด้วยปลายนิ้วเย็นจัด ก็เหมือนจะได้ยินเสียงของสุริยะดังขึ้นเบาๆ ร่างที่ยังยืนมั่นคงกระตุกเล็กน้อย ลมหายใจหน่วงหนักขึ้น เมื่อราเชนจับกำตัวตนของสุริยะที่ยังไม่ยอมตื่นตัวเอาไว้ รูดรั้งอย่างเงอะๆ เงิ่นๆ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากเข้าครอบครอง
สุริยะพรูลมหายใจเฮือกใหญ่ สัมผัสที่ห่างเหินไปนานตรงช่วงล่าง กำลังทำให้เขารู้สึกปั่นป่วนวนท้องน้อย ราเชนไม่ได้ช่ำชอง สุริยะสัมผัสได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นปลายลิ้นเล็กที่ดูจะลังเลในการสัมผัส ทั้งมือเย็นจัดที่สั่นราวกับเจ้าเข้า แทนที่จะทำให้สุริยะหมดอารมณ์ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับผลักดันให้กึ่งกลางร่างกายพองขยายและร้อนจัดยิ่งขึ้น
ยิ่งราเชนเล็มเลียที่ส่วนปลายด้วยความประหม่า ลมหายใจร้อนผ่าวที่ขาดห้วง โพรงปากที่ขยับอย่างลนลาน กระทั่งท่าทางกระวนกระวายยามที่สัมผัสแก่นกายของเขา ปฏิกิริยาราวสาวแรกรุ่นไม่ประสีประสาแบบนั้นของราเชน ในที่สุดก็สามารถปลุกเร้าอารมณ์ดิบของสุริยะได้สำเร็จ ร่างสูงใหญ่สั่นสะท้าน จนสุริยะต้องแหงนเงยขึ้นเพื่อระบายลมหายใจร้อนจัด ชายหนุ่มกัดฟันกรอด ตกตะลึงพรึงเพริศไปกับรสสัมผัสที่ห่างหายมานาน มันเร้าใจไปหมดจนแทบจะปลดปล่อยออกมาอยู่รอมร่อ
เมื่อเห็นว่าไม่ได้การ สุริยะจึงรีบผละตัวออก แล้วจัดการลากตัวของราเชนไปที่เตียงน้อย เหวี่ยงหวือเดียวร่างผอมบางก็ลงไปนอนแปะอยู่อย่างน่าสงสาร สุริยะตามลงไปประกบทันที เพื่อไม่ให้กิจกรรมขาดตอน ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ไม่คิดหยุด
“อื้อ...” จูบร้อนแรงจัดส่งให้ถึงที่ คนโสดหรือจะทีทักษะดีเท่ากับคนที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เพราะปลายลิ้นของราเชนตอบสนองไม่ทันใจ สุริยะจึงโหมตะโบมลิ้นใส่ เพื่อกลั่นแกล้งจนราเชนแทบสิ้นสติ
เมื่อมาถึงที่สุดแล้ว สุริยะก็ไม่อาจห้ามตัวเองได้อีก ชายหนุ่มรีบผละตัวออกมาเพื่อจัดการถอดกางเกงชื้นฝนออกจากร่าง เร่งควานหาถุงยางตรงลิ้นชักข้างเตียงมาสวมใส่ โดยมีสายตาของราเชนจับจ้องอยู่ไม่คลาด ไร้คำเสวนาใดๆ ระหว่างกัน เมื่อสวมถุงยางเสร็จ สุริยะก็จัดการจับราเชนพลิกคว่ำ   
 "อ๊ะ! เดี๋ยวคุณ...ม...ไม่มีโลชั่นเหรอ" ราเชนร้องห้าม เมื่อจู่ๆ ความร้อนระอุก็จดจ่ออยู่ตรงปากทาง ทั้งที่ยังไม่ทันได้ตั้งหลัก แถมยัง และยังปราศจากการเล้าโลมหรือแม้กระทั่งการเตรียมพร้อมใดๆ
"มันต้องเตรียมพร้อมก่อน...อื้อ..." แม้จะร้องวิงวอน แต่ดูเหมือนเสียงแตกพร่าจะเบาไปสำหรับสุริยะที่กำลังได้ที่ เพราะนอกจากจะไม่บอกว่าโลชั่นอยู่ที่ไหนแล้ว ยังพยายามถูส่วนปลายอยู่กับจุดซ่อนเร้นของราเชนไม่ห่าง
“ได้โปรด...ขอโลชั่นก่อนนะครับ” ราเชนวิงวอนเสียงสั่นพร่า พยายามพลิกตัวแปะป่ายมือห้าม
“มีที่ไหนล่ะ ของพรรณ์นั้นน่ะ” สุริยะกระซิบพร่า ดึงดันคร่อมร่างของราเชนไว้
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอเตรียมตัวก่อน นะครับ...แค่ครู่เดียว...”
ถึงอย่างไร ราเชนก็ไม่ยินยอมให้ล่วงล้ำ หากยังไม่เตรียมพร้อม สุริยะออกอาการหงุดหงิด แต่ก็ยอมผละออกมาให้ พลางคิดในใจอย่างหัวเสียว่า อีกฝ่ายเป็นคนชวนเองแท้ๆ ทำไมถึงยังเล่นตัวนัก โดยลืมตระหนักไปว่า ของผู้ชายนั้นต่างจากผู้หญิง แน่นอนว่าหลังจากนี้ สุริยะจะรู้สึกผิดต่อราเชนอย่างครามครัน
และการยอมให้ราเชนเตรียมความพร้อมให้ตัวเองนั้น น่าจะถือได้ว่าเป็นกำไรเล็กๆ ก็ว่าได้ ด้วยท่วงท่าที่เซ็กซี่น่ามอง จนแทบนึกใบหน้ายามปกติไม่ออก ราเชนนอนคว่ำหน้าลงเช่นเดิม กดไหล่ลงต่ำจนติดที่นอน แล้วยกสะโพกให้ลอยเด่น ก่อนจะเอานิ้วมือข้างขวาใส่เข้าไปในปากจิ้มลิ้ม ดูดเลียจนได้ยินเสียงเปียกชื้นของน้ำลายเจ๊าแจ๊ะบาดหู เพียงไม่นาน ดูเหมือนจะได้ที่ ราเชนจึงยอมคายนิ้วมือฉ่ำน้ำลายจนหยดเยิ้มออกมา แล้วสอดแขนส่งนิ้วนั้นไปที่ด้านหลัง จากนั้นก็เริ่มคลึงเคล้นดอกตูมที่ยังคงปิดสนิทของตน ออกแรงกด และหมุนวนปากทางเพียงนิด อึดใจต่อมาราเชนจึงส่งนิ้วมือเข้าไปด้านใน
“อึก” ราเชนครางแผ่ว เหมือนจะร้องไห้ออกมาอยู่รอมร่อ ร่างบอบบางสั่นระริกไปกับการเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง นอกจากอารมณ์ความใคร่แล้ว ราเชนยังรู้สึกราวกับสูญเสียซึ่งศักดิ์ศรี พร่ำถามตัวเองว่าแบบนี้มันดีแล้วจริงๆ น่ะหรือ คาดหวังความทรงจำแค่เพียงครั้ง คาดหวังอ้อมกอดชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แล้วหลังจากนี้คุณค่าของตนจะยังหลงเหลืออยู่อีกหรือ...
ความละอายที่แล่นพล่านในอก ทำให้ราเชนไม่อาจกระทำการที่ตั้งใจได้ต่อไป นิ้วสั่นระริกหยุดนิ่ง แต่ก่อนที่จะได้ถอนหายใจ ก็ถูกสุริยะทาบทับลงมาเสียก่อน
“อ๊ะ...คุณ อย่างเพิ่ง...อื้อ...” ราเชนร้อง แต่ไม่ทันเสียแล้ว
“คุณยั่วผมเองนะ” สุริยะเอ่ยเสียงแตกพร่า แตะส่วนปลายที่ร้อนจัด และโป่งพองจนแทบระเบิดเข้าเสียดสีช่องทางที่อ่อนนุ่ม สองมือแกร่งยึดท่อนเอวของราเชนไว้ แล้วค่อยๆ กดสะโพกเสือกไสตัวเองเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้า
คราวนี้ไม่มีเสียงร้องห้ามอีกต่อไป มีเพียงเสียงลมหายใจขาดห้วงของราเชนที่มาพร้อมกับเสียงครางผะแผ่วเท่านั้น สุริยะพยายามเคลื่อนตัวเองเข้าไปอย่างเชื่องช้า ภายในร้อนจัดและรัดแน่น ยิ่งขยับเข้าลึกผนังเนื้อนุ่มหยุ่นยิ่งโอบรัดเข้ามาราวกับกำลังพยายามผลักไสเขาออก สุริยะกัดฟันพรูลมหายใจหนักๆ แบบนี้มันดีเกินไปจนสมองคิดอะไรไม่ออก
“อ๊ะ อะ…อื้อ….” แค่เฉพาะส่วนหัวที่มุดเข้ามาได้ ราเชนก็แทบขาดใจเสียหลายรอบ มันอึดอัดแน่นตึงไปทั้งช่องท้อง แม้พยายามผ่อนลมหายใจ หรือผ่อนคลายแค่ไหน ก็ดูเหมือนจะไม่พอให้สุริยะเข้ามา ภายในร่างบีบรัดสิ่งแปลกปลอมถี่ยิบด้วยความไม่คุ้นชิน แต่ยิ่งบีบรัดมากเท่าไหร่ ดูเหมือนจะยิ่งสร้างความหฤหรรษ์ให้ผู้รุกรานเสียมากกว่า สุริยะถึงได้สูดปากอย่างห้ามไม่อยู่
และเพียงอึดใจต่อมา ในที่สุดสุริยะก็เข้าไปได้จนมิด โดยไม่ยอมปล่อยให้ราเชนได้พักหายใจ ความเร่าร้อนก็เริ่มขับเคลื่อน มือแกร่งกระชับเอวบางของราเชนไว้มั่นเพื่อยึดเหนี่ยว พลางเริ่มขยับสาวสะโพกอย่างเนิบช้า
 “อ๊ะ…อือ…” ราเชนไม่อาจเก็บกลั้นเสียงครางร้อง เมื่อถูกกระทั้นกายหนักหน่วงขึ้น ทั้งเจ็บทั้งอึดอัด แต่มันก็ระคนปะปนไปด้วยความวาบหวาม เพราะความเร่าร้อนแข็งขึงของอีกฝ่ายนั้นกำลังกระตุ้นจุดอ่อนไหวภายในอย่างรุนแรง
ร่างของราเชนเกร็งสะท้าน พร้อมกับที่ลมหายใจขาดห้วงไปตามร่างกายที่ถูกกระแทกกระทั้นจนโยกคลอน สองมือของราเชนจิกผ้าปูที่นอนแน่นจนข้อขึ้นขาว ไม่อยากร้องครางออกไปมากมายจนอีกฝ่ายอาจหมดอารมณ์ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นเสียงของผู้ชาย ราเชนึงกัดริมฝีปากไว้แน่น ที่เป็นอย่างนั้น เพราะราเชนรู้ดีว่าที่สุริยะทำอยู่ตอนนี้ส่วนหนึ่งคงเพราะความเมา เขาถูกกระทำไม่ต่างจากผู้หญิงโดยการถูกจับให้คว่ำหน้า เพราะท่านี้สุริยะจะได้ไม่ต้องเห็นอวัยวะของเขา...และไม่ต้องทนมองหน้ากันให้เสียอารมณ์ด้วย
เพราะคิดแบบนั้น ราเชนจึงพยายามขบกัดริมฝีปากของตัวเองเพื่อกลั้นเสียงจนสัมผัสได้ถึงรสคาวเลือด น้ำตาหยดน้อยร่วงไหลเผาะแผะ...

 :n1:
ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 09-09-2016 12:29:54
คืนอันผิดบาปผ่านพ้นไปอย่างเงียบงัน ท่ามกลางห่าฝนโปรยกระหน่ำ
ตี 5 โดยประมาณ ราเชนก็ออกจากห้องของสุริยะไป หลังจากนั้น ก็แทบเป็นหลักเดือนที่ไม่ได้เจอหน้ากันอีก ซึ่งโดยปกติก็เจอกันน้อยครั้งอยู่แล้ว แม้จะทำงานอยู่คณะเดียวกัน แต่ภาคส่วนวิชาที่แยกกันอย่างชัดเจน ก็ทำเอาไร้การติดต่อ แม้สุริยะจะพยายามเดินผ่านไปหน้าภาควิชาของราเชนอยู่บ่อยครั้งก็ตาม
…ไม่เจอเลยแฮะ

“เอ้า วันนี้พอแค่นี้แหละ เลิกได้”
“ขอบคุณครับโค้ช”
โค้ชสุริยะ หรือก็คืออาจารย์สุริยะ สั่งเลิกซ้อมประจำวัน  นอกจากการเป็นอาจารย์สอนเกี่ยวกับสาขาวิชาพลศึกษาแล้ว สุริยะยังรับหน้าที่เป็นโค้ชของชมรมบาสเก็ตบอลของมหาวิยาลัยด้วย
วันนี้ก็เป็นอีกวัน ที่ไม่ได้เจอกันกับราเชน สุริยะได้แต่ถอนหายใจ เพราะไม่นึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วข้ามคืนนั้น และผ่านมานานร่วมเดือนแล้ว มันจะยังติดอยู่ในสมองจนสลัดไม่หลุด เหม่อก็คิด เผลอก็คิด วนไปวนมาอยู่นั่น หรือเพราะเขาเกิดรู้สึกผิดติดค้างกับราเชนกันนะ
จะบอกว่าอาจไม่ได้เจอกันอีกแล้วคงไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรก็สอนอยู่คณะเดียวกัน ไม่วันนี้ก็สักวัน เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันวันยันค่ำ
ติดอยู่ตรงที่ ถ้าเจอหน้ากันแล้ว เขากับราเชน จะเป็นยังไงต่อต่างหาก…
“เฮ้ย ไอ้วิม ไปเยี่ยมอาจารย์เชนที่โรงพยาบาลกับกูไหม?”
แต่พอแว่วเสียงของลูกศิษย์ในชมรม เรื่องที่ควรจะใช้เวลาคิด ถึงตอนนี้ คงไม่ต้องคิดให้ยุ่งยากแล้ว


“เอ่อ…หวัดดีครับอาจารย์ ขอโทษที่มาเอาเวลานี้นะครับ อาจารย์เป็นไงบ้าง?”
“ก็แค่ไส้ติ่งอักเสบจนเกือบแตกน่ะ ผ่าออกไปได้ก็ดีขึ้นแล้ว”

สองนักศึกษา ชวนอาจารย์ประจำสาขาวิชาของตนคุยอย่างสนุกสนาน ไม่ได้ลืมหรอกว่ามีอาจารย์อีกคนเนียนตามมา แต่เพราะอาจารย์แกดันยืนนิ่งประหนึ่งอากาศธาตุ เลยกลายเป็นแค่ 2 ลูกศิษย์คุยเม้าท์มอยกับอาจารย์ที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอีกคนของพวกตนแทน  กระทั่งเวลาล่วงผ่านไปสักพัก นักศึกษาจึงขอลากลับ
ทว่าอาจารย์ที่ทำตัวเป็นฝุ่นละอองของห้องนี้มาตลอด กลับไม่ยอมตามศิษย์กลับไปด้วย  แต่ดันสิงตัวอยู่ในห้อง สองต่อสองกับอาจารย์ราเชน คนที่ไม่เจอหน้ากันมาร่วมเดือนแทน
“แฮ่ม…อา…เป็นไงบ้าง?” คงเพราะนั่งเอ้อระเหยลอยชาย ทำตัวเป็นก้อนหินก้อนดินอยู่นาน พอเหลือสองต่อสองแล้ว จึงจำต้องหาเรื่องคุยกันหน่อย เสียงที่ออกมาจึงดูประหม่าพอสมควร
 “โอเคขึ้นแล้วครับ ถ้าแผลไม่มีปัญหาอะไร มะรืนนี้คงได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ขอบคุณนะครับที่มาเยี่ยม” ราเชนตอบเบา พยายามเก็บอาการละล้าลัง เพราะทำหน้าไม่ถูกที่จู่ๆ ต้องมาเจอกันในสถานการณ์น่ากระอักกระอ่วนใจเช่นนี้
“...นึกว่า คงไม่ได้เจอกันง่ายๆ แล้วเสียอีก” กระนั้นก็ยังไม่วายเอ่ยคำตัดพ้อ ให้สุริยะพอระแคะระคาย ด้วยราเชนทึกทักเอาเองไปแล้วว่าตนนั้นโดนเมินหมาง...ก็นะ ราเชนเข้าใจอยู่หรอก ว่าคืนนั้นมันเป็นแค่ความพลั้งเผลอของสุริยะ เขาไม่ควรเก็บมาใส่ใจ
ได้แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว
“ก็ไปหาตลอด แต่คุณดันไม่เคยอยู่”
“...ห๊ะ...ไปหา...?”
“...อืม...ไปหา”
ช่างเป็นคนที่ไม่อ้อมค้อมจนราเชนต้องขอซูฮกจริงๆ นี่สุริยะไม่คิดบ้างหรืออย่างไรว่าคำพูดแบบนั้น มันทำให้อีกคนมีความหวัง ความใส่ใจที่จู่ๆ ก็ได้มารับรู้อย่างกะทันหัน ว่าได้รับมาเสมอในช่วงที่ไม่เจอหน้ากัน แบบนั้นเล่นเอาราเชนทำตัวไม่ถูก
“นี่...คุณ...เริ่มคิดอะไรกับผมขึ้นมาหรือยัง?” เพราะแบบนั้น ราเชนจึงอดถามออกไปไม่ได้
ซึ่งคำถาม มันได้นำพาความเงียบมาด้วย เงียบทั้งคนตอบ เงียบทั้งคนถาม
เงียบนาน จนราเชนใจเสีย อาจารย์หนุ่มพยายามนับถอยหลังอยู่ในใจ หากครบตามกำหนดเวลาที่ตั้งไว้ แล้วยังไม่ได้คำตอบ ก็จะขอออกปากไล่ เพื่อจะได้อยู่ตามลำพังกับความเศร้าของตัวเองเสียที
และก่อนที่เวลาจะหมดไป มือข้างที่เผลอกำผ้าห่มไว้ กลับถูกจับไว้ด้วยมือร้อนจัดของคนข้างเตียง
ร่างใต้ผ้าห่มสะดุ้งหวือ จะดึงมือกลับก็ถูกกำเอาไว้แน่น ยิ่งเมื่อถูกเจ้าของมือจ้องหน้าไม่ลดละ ราเชนก็ราวกับต้องมนต์สะกด ให้ต้องนิ่งค้างเป็นหิน
“ผมก็ยังไม่รู้หรอกนะ ว่าควรคิดกับคุณยังไง” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ทั้งที่ยังไม่ยอมละสายตา “ผมค่อนข้างสับสน ที่ความสัมพันธ์ทางกายของเราทะลุหลักร้อย แต่เรื่องอื่นๆ กลับยังอยู่ที่ศูนย์ เรายัง...ไม่ได้เริ่มอะไรเลย แล้วผมควรสานต่อยังไง?...” สุริยะเว้นวรรค จ้องลึกเข้าไปในดวงตาไหวระริกของราเชน ใช้หัวแม่มือสากคลึงเบาๆ บนหลังมือเนียนเรียบ
“หรือจะให้เป็นเซ็กส์เฟรนด์กันไปเรื่อยๆ ดีล่ะ?”
จบคำสุริยะ เล่นเอาราเชนนิ่งอึ้ง อะไรกันคนคนนี้ ความไม่ประสาในการใช้คำพูดนี่ ควรเรียกว่าซื่อบื้อ หรืออย่างไรดีนะ? คิดไปคิดมาราเชนจึงหลุดขำออกมาในที่สุด
“คุณนี่มัน...พูดตรงสมกับเป็นครูพละเลยนะ”
“อืม ใครๆ ก็ว่างั้น หลายคนบอกว่าสมองผมไม่ค่อยมีตัวกรอง”
“จริง ผมยืนยันเลย หึหึ”
ยิ่งพอว่าออกไป สุริยะดันยอมรับกันดื้อๆ แบบนั้น ราเชนก็ถึงกับหัวร่องอหงายจนต้องร้องซี้ด เพราะดันไปกระเทือนแผลผ่าตัดเข้าให้
รอยยิ้มของราเชนที่สุริยะเพิ่งสังเกตุเห็นครั้งแรก ปฏิเสธไม่ได้ว่าสีหน้าดูผ่อนคลายแบบนั้น ทำให้หัวใจของสุริยะเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย สำหรับคนที่เคยมีอะไรกัน มันคงเป็นเรื่องปกติสินะ ที่มักตื่นตาตื่นใจกับอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ของอีกฝ่ายเสมอ
“ความสัมพันธ์ของเรามันก้าวกระโดดจริงๆ น่ะแหละ คุณจะลบมันทิ้งเสียก็ได้...” ราเชนเอ่ยออกมา ทั้งที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มสดใส “ถ้าคุณไม่รังเกียจในสิ่งที่ผมเคยทำลงไป เรามาเริ่มนับหนึ่งจากการเป็นเพื่อนกันก็ได้นะครับ”
“เพื่อน...ทั้งที่เราสองคนเคยนอนด้วยกันแล้วน่ะเหรอ?” สุริยะตั้งคำถาม ไม่ใช่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ราเชนสื่อ แต่แค่อยากลองจี้ไปเพื่อให้ราเชนแสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ สำหรับเขาน่ะ ไม่มีปัญหาหรอก แต่กับราเชนที่คิดเกินเลยมาตลอดเล่า จะทนเป็นแค่เพื่อนได้นานแค่ไหน
“ผมคงไม่ขอโกหก ว่าถึงอย่างไร ผมก็ยังคาดหวัง ถึงได้พยายามขอร้องคุณอยู่นี่ไง ว่าเราเริ่มจากเพื่อนได้หรือเปล่า เผื่อสักวันข้างหน้ามันจะ...”
“ถ้าเป็นเพื่อนกันแล้ว มันจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ยังไง? เพื่อนน่ะยังไงซะ มันก็เป็นได้แค่เพื่อน”
ตัดรอนอย่างไร้เหยื่อใย ทันทีที่ได้ยินคำขอร้องของราเชน เมื่อถูกปฏิเสธ แววตาใต้แว่นใสก็ไหวระริก ริมฝีปากแดงระเรื่องเม้มแน่น ใบหน้าซีดขาว ในที่สุดก็ผินหลบไป เพราะไม่อยากให้เห็นสายตาแสดงความผิดหวัง พยายามฝืนดึงมือออกจากมือของสุริยะ แต่กลับถูกกระชับไว้แน่น จนอดไม่ได้ที่จะตัดพ้อ
“ถ้าแม้แต่ความเป็นเพื่อนผมยังไม่มีสิทธิ์ คุณก็ปล่อยมือผมเถอะ”
“ทำไมล่ะ แค่ผมบอกว่าไม่อยากเป็นเพื่อนคุณ คุณก็จะละเลยผมเลยงั้นเหรอ?”
“แล้วจะให้ผมทำยังไง ในเมื่อคุณปิดทางสานสัมพันธ์กันหมด” ราเชนยังคงก้มหน้า ไม่ยอมหันมาสบตา แต่ก็ไม่ได้ดึงดัน ยื้อยุดมือไปมากับสุริยะอีก อยากจับก็ให้จับไป
“ในเมื่อเพื่อนมันพัฒนาเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ผมก็ไม่อยากเป็นเพื่อน”
นั่นอาจเป็นคำพูดสวยหรูที่สุดเท่าที่สุริยะจะสามารถพูดออกมาได้ และมันคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียก ระหว่างเขากับราเชน

สุริยะยังคงยกให้ภรรยาที่จากไป เป็นที่หนึ่งในหัวใจเสมอ แต่ก็พยายามเปิดใจยอมรับราเชนเข้ามาเรื่อยๆ ฝ่ายราเชนเอง ก็ยอมรับในการตัดสินใจของสุริยะเสมอ เขาไม่ได้อยากแทนที่ภรรยาของสุริยะ แค่อยากเป็นคนที่ใกล้ชิด และได้รับความไว้วางใจจากสุริยะที่สุดเท่านั้น
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก นานเข้าความอยากครอบครองก็เพิ่มพูลขึ้น แต่กระนั้น ราเชนก็ยังคงอดทนเก็บงำความรู้สึกหึงหวงเอาไว้ในหัวใจเรื่อยมา  เพราะหลังจากคืนนั้น สุริยะกับราเชนก็ไม่ได้สานสัมพันธ์ทางกายกันอีกเลย แม้ปฏิสัมพันธ์ในด้านอื่นๆ จะถือว่าพัฒนาขึ้นก็ตาม
สองคนมักมีกิจกรรมให้ได้ทำร่วมกันอยู่บ่อยๆ เช่น กินข้าว ดูหนัง เล่นกีฬาด้วยกัน หรืออื่นๆ ซึ่งมันก็แค่นั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับที่เพื่อนเขาทำกัน เป้นแบบนั้นนานเข้า ราเชนจึงเริ่มทำใจ

จนกระทั่งเข้าสู่ปีที่สาม
เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันบางอย่างขึ้น ทำให้ทั้งคู่ ได้กลับมามีสัมพันธ์ทางร่างกายกันอีกครั้ง
และครั้งนี้ มันก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่ชั่วข้ามคืนอีกต่อไป
“อย่าให้เขาเข้าใกล้คุณอีก!”
นั่นคือคำสั่งที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์หึงหวง สุริยะ ไม่คิดเลยว่าเขาจะรู้สึกหึงราเชนได้ขนาดนี้ ไม่เคยรู้สึกเสน่หาอีกฝ่ายจนเกินพอดี ขนาดควบคุมตัวเองไม่ได้มาก่อน จนวันที่ได้เห็นว่า มีอาจารย์หนุ่มต่างคณะเข้ามาสานสัมพันธ์ในความหมายที่มากกว่าแค่เพื่อนกับราเชนนั่นแหละ
จากที่ต้องอยู่รอกินข้าวเย็นด้วยกัน เสาร์อาทิตย์ก็พอมีเวลาไปซ้อมบาสฯ ด้วยกันบ้าง ช่วงนี้กลับแทบไม่เห็นหน้า เพราะราเชนต้องติดสัมนา ต้องออกภาคสนาม กับกิจกรรมทวิภาคีที่ราเชนเป็นคณะกรรมการอยู่ร่วมกับอาจารย์หนุ่มต่างคณะคนนั้น ไอ้ที่เป็นงานของมหาวิทยาลัยน่ะ สุริยะไม่ขัดข้องหรอก แต่การที่ช่วงหลังมันลามออกมาถึงนอกเวลางาน รวบเสาร์อาทิตย์ไปด้วยเนี่ย สุริยะจึงเริ่มทนไม่ไหว   เขารับไม่ได้ ที่พื้นที่ของตัวเองข้างกายของราเชนกำลังถูกคนอื่นยึดไป!
และโดยไม่ตั้งใจ ในขณะที่กำลังจะขอยึดพื้นที่คืน ก็เผลอหน้ามืดจับกดไปโดยสมยอมเสียได้
 “ย...ยะ คุณจะทำอะไร?”
ราเชนร้อง เมื่อจู่ๆ ก็ถูกกดลงบนที่นอน แล้วถูกสุริยะรังแก อย่างไม่มีสาเหตุ
“เดี๋ยว...อื้อ...”
ไร้คำตอบใด มีเพียงจูบลึกล้ำตามขย้ำลงมาแทนที่ การถูกรุกรานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาราเชนตกตะลึงพรึงเพริด จูบแบบแลกลิ้นพาสติเตลิดเปิดเปิง เรียวแรงต่อต้านพาลหดหาย ราเชนไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับสุริยะ จึงอยากขอเจรจากันให้รู้ความก่อน
แต่หากพยายามเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถดึงสติของอีกฝ่ายกลับมาได้ล่ะก็…ราเชนก็ไม่ได้คิดห้ามจริงจัง ถึงอย่างไรเขาก็ยินยอมปล่อยให้เรื่องราวมันดำเนินต่อไปอยู่แล้ว
เสื้อผ้าถูกถอดออก กางเกงในถูกถอดออกไปพร้อมกับกางเกงสแล็ก ร่างเปลือยเปล่าต้องลมพาลสะท้านน้อยๆ สุริยะเร่งร้อนเป็นหนึ่งเดียวกับราเชนโดยไม่คิดช่วยผ่อนคลายให้ก่อน ราเชนจึงต้องกัดฟันทนไม่ให้เสียงครางเจ็บปวดเล็ดรอดออกมา ทั้งร่างถูกมือใหญ่กร้านฟอนเฟ้นไปทั่ว ตะโบมลูบเอาตามแต่ใจ ไม่สนว่าจะทิ้งรอยแดงช้ำ บดขยี้ราเชนอย่างเร่าร้อน จนผู้ถูกกระทำ ต้องกระเสือกกระสนหาที่พึ่ง สองแขนเรียวจึงไขว่คว้าแผ่นหลังกว้าง โอบกอดเอาไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะครางหวามไหวออกมาเป็นระยะ เมื่อถึงที่สุดแห่งความอดทน
ถูกประทับตราครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อให้ตกเป็นของสุริยะอย่างสมบูรณ์แบบ

เซ็กส์ครั้งที่สอง ผ่านไปราวกับพายุซัด รีบร้อนกระทั่งลืมสวมถุงยาง การปลดปล่อยในร่างของราเชน เป็นอะไรที่สุริยะรู้สึกผิด หลังจากออกกำลังจนสมองโล่ง แรงอารมณ์จึงเบาบางลง ตาก็เลยสว่าง ว่าได้เผลอกระทำรุนแรงลงไป แม้ว่ามันจะไม่ใช่การข่มเหงขืนใจ แต่ก็สร้างรอยแดงช้ำไปทั่ว
สุริยะค่อยๆ ถอนกายออกมาช้าๆ ช่องทางของราเชนยังคงขยับกระตุกรัดอย่างหวาดหวั่น คนใต้ร่างสั่นน้อยๆ แม้แต่ดวงตาที่มองจ้องมาอย่างมีคำถาม ก็ยังเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาวาวรื้น
“ผมขอโทษ...” จึงเป็นคำแรกที่สุริยะพูดออกมา หลังเห็นสภาพของราเชนอย่างเต็มตา
“ยะ...คุณโกรธอะไรมา?” ไร้คำคาดโทษ หรือคำต่อว่า ราเชนเพียงส่ายหน้า แล้วเอ่ยถามสุริยะด้วยความเป็นห่วง “คุณไม่เคยฟิวส์ขาดขนาดนี้มาก่อนเลยนะ ผมไปทำอะไรให้หรือเปล่า...?”
คำถามของราเชน ในที่สุดก็ปลุกให้สุริยะคิดได้ ใช่แล้ว...เหตุผลที่เขาทำรุนแรง
“ผม...แค่หึงน่ะ” แล้วคำตอบ ก็แทบทำให้ดอกไม้ไฟระเบิดตูมๆ อยู่ในอกของราเชน
อะไรนะ...หึง?...หึงใคร?
“ผมหงุดหงิดที่อาจารย์คนนั้นเข้าหาคุณ แล้วแย่งเวลาของคุณไปจากผมจนหมด...ผมก็เลย...หึง...ขอโทษที่ผมทำรุนแรงนะ เจ็บหรือเปล่า” สุริยะอธิบาย พลางเอื้อมมือมาลูบที่รอยแดงตรงต้นแขนขาว
ราเชนรู้สึกขอบคุณกับความตรงไปตรงมาของสุริยะเหลือเกิน ที่ทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาคาดเดา
ราเชนลอบยิ้มในใจ เขาจะไม่ยอมให้สุริยะรู้อย่างเด็ดขาดเลยว่า อาจารย์ต่างคณะคนนั้น คือหนึ่งในแผนเรียกร้องความสนใจที่ราเชนคิดขึ้น เพื่อให้สุริยะรู้สึกหึงหวง...แถมยังได้ผลเกินคาดเสียด้วย
“ผมไม่เจ็บหรอก แค่ตกใจน่ะ ไม่นึกว่าจะโดน...หึง” ใบหน้าขาวในซับสีแดงระเรื่อ รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นมุมปาก ไม่อาจสะกดกลั้นความดีใจในอกได้
เมื่อความร้อนรุ่มได้คลายลงไป ราเชนที่ยังนอนเปลือยคงเริ่มหนาว สุริยะสังเกตุเห็นจากขนแขนที่ลุกชันอย่างพร้อมเพรียงของคนที่กำลังนอนใช้กระดาษทิชชู่ทำความสะอาดตัวเองอยู่ เหมือนจะรู้ตัวว่าโดนมอง เพราะพอเห็นว่าสุริยะจ้องอยู่ ราเชนก็รีบลุกขึ้นควานหาเสื้อผ้าใส่ เพราะยังทำใจให้ชินกับการเปลือยต่อหน้าคนอื่นไม่ได้
“อ๊ะ...” ทว่าทันทีที่ ขยับตัว ของเหลวที่ถูกสุริยะปลดปล่อยเอาไว้ภายในก็ไหลย้อนออกมา ห้ามไม่ทันกลั้นไม่อยู่ ด้วยความอับอาย ราเชนจึงรีบคว้าเสื้อผ้า เร่งพาร่างของตัวเองเข้าห้องน้ำ แม้ว่าสองขาสั่นระริกจะเคลื่อนไหวอย่างยากลำบากก็ตาม พยายามปะป่ายสะเปะสะปะ ให้พอทรงตัวอยู่ได้ แต่ในอึดใจต่อมาก็ต้องสะดุ้งหวือ ตื่นตระหนกไปกับร่างที่จู่ๆ ก็ลอยเหนือพื้นขึ้นมาจากน้ำมือของใครอีกคน
“ด...เดี๋ยว...”
“อาบน้ำกันเถอะ”
“ห๊ะ!?”
ราเชนได้แต่เหวอ เมื่อจู่ๆ ก็โดนสุริยะอุ้ม ทั้งยังบอกว่าจะอาบน้ำด้วยกัน!? ไม่ทันจะได้ขัดขืนอะไร สุริยะก็เดินถึงห้องน้ำเสียแล้ว ในห้องน้ำราเชนไม่ได้ถูกทำอะไรน่าอายมากไปกว่าการช่วยอาบน้ำให้ แต่แค่นั้นก็ทำให้ใบหน้าที่แดงจัดอยู่แล้ว ยิ่งแดงก่ำเข้าไปใหญ่ ราเชนไม่ชินจริงๆ กับการถูกปรนนิบัติอย่างเอาอกเอาใจขนาดนี้ ถึงสีหน้าของสุริยะจะไม่เข้ากับบรรยากาศเลยสักนิด แต่สัมผัสที่อ่อนโยน กับความเอาใจใส่ ก็พาลให้ราเชนแทบหน้ามืด...
นอกจากอาบน้ำให้แล้ว คืนนั้นยังถูกรั้งให้นอนด้วยกัน ทั้งที่ตลอดสามปีที่ผ่านมา ไม่เคยได้นอนค้างอ้างแรมด้วยกันมาก่อน ราเชนถึงกับทำตัวไม่ถูก สุริยะนี่ยังไงนะ บทจะเฉยก็เฉยเป็นพระอิฐพระปูน แต่พอจะเร่งเร้า ก็จะเอาให้ได้ อยู่กันมาตั้งนานไม่ยักแสดงอาการอะไร พอมีคนอื่นเข้ามาใกล้เท่านั้นเอง ก็ถึงกับออกอาการหึง แค่ไปกินข้าวกับชายอื่น ก็โกรธจนไม่ฟังเสียงใคร ทำจนเสร็จแล้วมาเอาใจกันทีหลัง อย่างตอนนี้ที่อุตส่าห์ชวนให้ค้างคืนด้วย โดยให้เหตุผลว่าเป็นวันหยุด
แต่เอาเถอะ สำหรับราเชนแล้ว แบบนี้ก็ถือว่าได้กำไรล่ะนะ
“ผมขอโทษนะ ที่ทำอะไรเห็นแก่ตัวลงไปแบบนั้น” และในคืนนั้นเอง ราเชนก็ถูกสุริยะ สารภาพความในใจจนหมดเปลือก “ขอโทษนะ...ทั้งที่ผมให้สถานะอะไรกับคุณไม่ได้ ให้เป็นที่หนึ่งก็ไม่ได้ แต่กลับเรียกร้อง อยากเป็นคนเดียวของคุณ”
หัวใจของราเชนเต้นรัว นี่มันไม่ต่างกับคำสารภาพรัก
“ผม...ไม่เคยมีใครนอกจากคุณนะ...” เราเชนตอบ
เตียงหลังน้อย กับผู้ชายสองคนอาจดูอึดอัดไปนิด นี่จะเข้าฤดูหนาวแล้ว สุริยะยังอุตส่าห์เปิดแอร์เสียเย็นเฉียบ จึงเลี่ยงไม่ได้เลยที่ราเชนต้องขอนอนเบียดร่างเข้าหากายร้อนผ่าวของสุริยะเสียหน่อยเพื่อหาไออุ่น
“ผมรู้...แบบนั้น ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด” สุริยะเสียงอ่อนลง “เชน ที่ผมไม่แตะต้องคุณเลยตลอด 3 ปี เพราะผมไม่ต้องการให้คุณต้องมาผูกติดอยู่กับผม ผมคิดว่ายังมีคนอีกมากมายที่คู่ควร และให้ความสำคัญกับคุณได้มากกว่าผม...คุณควรได้เป็นที่หนึ่ง”
ได้ยินที่สุริยะพูด ราเชนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เพราะในคำพูดเหล่านั้น มันแฝงไปด้วยความหมายที่ว่า สุริยะให้ความสำคัญกับตนมากแค่ไหน เพราะเห็นว่ามีค่า จึงไม่ยอมแตะต้อง เพราะกลัวจะมัวหมอง เพียงเท่านี้ราเชนก็รู้สึกขอบคุณเป็นหนักหนาแล้ว
อยากเอื้อมมือไปแตะต้อง แต่ก็รู้สึกเคอะเขินเกินกว่าจะยื่นมือออกไป จึงได้แต่เก็บงำมันไว้ แล้วเผยความในใจเป็นคำพูดออกไปแทน “อย่ารู้สึกผิดไปเลยครับ ผมรู้สึกดีที่คุณทำแบบนี้” เสียงของราเชนติดจะพร่าเล็กน้อยตอนพูด ทำให้สุริยะที่นอนอยู่ข้างกันท่ามกลางความมืด ไพล่นึกไปว่าราเชนอาจร้องไห้อยู่
โดยไม่ได้ตั้งใจ แต่มือใหญ่ก็เอื้อมไปแตะที่ข้างแก้มเนียนเสียแล้ว
“ขอโทษ ผมนึกว่าคุณร้องไห้”
 ทันทีที่สัมผัสโดน แล้วแน่ใจว่าราเชนไม่ได้ร้องไห้ สุริยะจึงเอ่ยปากขออภัยในการกระทำบุ่มบ่าม แต่ในขณะที่จะถอนมือออกมา กลับถูกราเชนกอบกุมไว้ ให้อยู่ที่ข้างแก้มเช่นเดิม
“นี่ไง...ผมชอบที่คุณคอยห่วงใยผมแบบนี้ ยะ...ที่คุณบอกว่าคุณให้ความสำคัญกับผมไม่ได้ ให้ผมเป็นที่หนึ่งไม่ได้ แท้จริงมันไม่ได้จำเป็นสำหรับผมเลย แค่ที่เป็นอยู่นี่ ผมก็มีความสุขมากพอแล้ว”
“ผมไม่ปฏิเสธหรอกครับยะ ที่คุณคิดน่ะถูกต้อง ผมต้องการเป็นที่หนึ่งของคุณจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมต้องการจะให้คุณเอาผมไปแทนที่คนสำคัญของคุณหรอกนะ ให้เธอเป็นที่หนึ่งมันคือเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้วครับ แค่ให้ผมเป็นคนปัจจุบัน ให้ผมได้มีสิทธิ์อยู่เคียงข้างคุณมากกว่าใครๆ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผมก็พอใจแล้ว...”
“คุณอาจไม่รู้ แต่ชีวิตของเกย์มันลำบากนะครับ กับการหาให้ได้อย่างที่ผมมีคุณเนี่ย...เพราะงั้น ผมไม่ยอมปล่อยคุณไปง่ายๆ แน่ ไม่ต้องมาคอยรู้สึกผิดอะไรหรอกนะ เพราะผมยอมเป็นของคุณเอง”
ราเชนร่ายยาว ตามแบบฉบับของอาจารย์สาขาจิตวิทยาและการแนะแนว ทุกคำพูดของราเชนถึงได้ละมุนละไมน่าฟัง ทั้งยังสามารถ โน้มน้าวให้สุริยะคล้อยตาม ราวกับโดนกล่อมได้ไม่ยากเย็น
ถึงตรงนี้ ราเชนเงียบฟัง ว่าทางฝั่งสุริยะนั้นจะมีปฏิกิริยาอะไรตอบกลับมาบ้าง โดยไม่ยอมปล่อยมือใหญ่ที่พยายามเกาะกุมอยู่  แต่สิงที่ได้กลับมาดันเป็นความเงียบ เงียบนานจนราเชนนึกถอดใจ หากไม่ได้ยินบางอย่างขึ้นเสียก่อน
บางอย่างที่สามารถเรียกน้ำตาของราเชนได้ของจริง
“วันหยุดนี้ ไปเที่ยวบ้านผมกันนะ...ไปไหว้พ่อแม่ผมกัน”

คำชวนนั้น คือจุดเริ่มต้นแรก ของการเปิดใจคบหากันอย่างเป็นทางการ ราเชนได้ไปเที่ยวที่บ้านของสุริยะ ในช่วงวันหยุดปิดเทอมต่อมา แม้จะไม่ได้ออกตัวว่าเป็นอะไรกัน เพราะสุริยะกับราเชนไม่ได้ให้คำนิยามการคบหากันเอาไว้ แต่สุดท้ายพ่อกับแม่ก็รู้อยู่ดี ว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้ไม่ธรรมดา คุณแม่ไม่ว่าอะไร ส่วนคุณพ่อก็แค่เปรยว่า ‘ตามไอ้ยุไปอีกคนแล้วรึ’ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากมายกว่านั้น ครอบครัวของสุริยะให้การต้อนรับราเชนเป็นอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่พวกพี่สาว ที่เปิดใจยอมรับกันอย่างง่ายดาย จนราเชนแทบไม่อยากเชื่อ กระทั่งมารู้ทีหลังว่าแท้จริงแล้ว สุริยะคือน้องชายคนละพ่อกับสดายุ นักแสดงที่ออกมาเปิดตัวคบกับกฤตเมธที่เคยเป็นข่าวฮือฮามากเมื่อสิบกว่าปีก่อน
การเข้ากันกับครอบครัวของสุริยะได้ นำพาความตื้นตันมาสู่ราเชนไม่น้อย แม้ไม่ได้เปิดตัวจริงจังอะไร แต่ในเมื่อถูกให้การยอมรับ ก็อดปลื้มใจจนเผลอร้องไห้ออกมาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่สุริยะแนะนำเขาให้กับลูกๆ ทั้ง 3 คนได้รู้จัก แล้วเด็กๆ ให้ความสนิทสนมด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ด้วยแนวคิดที่ว่า หากพ่อของพวกเขาจะมีเพื่อนสนิทบ้างก็ไม่เป็นไร เพราะพ่อเหงามา 6 ปีแล้ว ขอแค่เป็นคนดี และตามใจพวกตนมากๆ ก็พอ
ราเชนตื้นตันไปหมด ทั้งยังอดกังขาในความง่ายดายของครอบครัวนี้ไม่ได้ แต่พอมารู้ที่หลังว่า เพราะพี่ชายคนดีของสุริยะ เป็นคนเคลียร์ทางให้ ราเชนก็หมดข้อสงสัย แล้วตั้งใจว่า หากได้เจอเมื่อไหร่ เขาจะต้องขอบคุณพี่ชายคนนี้ให้มากๆ

ในส่วนบ้านของราเชนเอง ทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่า ราเชนเป็นอะไร ดังนั้นการพาผู้ชายเข้าบ้าน จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาด ซ้ำคุณพ่อและคุณแม่ของราเชน ยังรู้สึกดีใจเสียอีกที่ลูกชายมีคนช่วยดูแล
ทุกอย่างแลดูราบรื่น จนกระทั่งเรื่องรู้ถึงหูพี่สาวของราเชน
ชิดจันทร์ ในวัย 43 ปี เจ้าแม่แห่งวงการแทนที่เสน่ห์จันทร์ผู้เป็นมารดา รู้สึกไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นักกับการที่ราเชนจะไปคบหากับน้องชายของสดายุ อดีตคู่ปรับเก่า ไม่ใช่เพราะยังรู้สึกติดใจอะไรกับทางพี่ชายอย่างสดายุหรอก แต่ชิดจันทร์มองไปถึงภาพลักษณ์ของทั้งราเชนและสุริยะมากกว่า เพราะด้วยอาชีพพ่อพิมพ์แล้ว พฤติกรรมการคบหาเพศเดียวกันแบบนี้ ชิดจันทร์มองว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
แต่ในตอนท้าย ชิดจันทร์ก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร เพราะถือว่าความรัก มันเป็นเรื่องของคนสองคน ด้วยวุฒิภาวะขนาดนั้นแล้ว หล่อนคิดว่าราเชนกับสุริยะ คงไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามเป็นเด็กๆ จนต้องเสื่อมเสียแก่ตัวอยู่แล้ว ชิดจันทร์จึงออกตัว ว่าขอแค่ดูอยู่ห่างๆ เพราะหล่อนรู้ซึ้งดีว่าความเป็นห่วงที่มากจนเกินไป มันจะแพ้ภัยตัวเอง ซึ่งครั้งหนึ่งในวัยเยาว์ หล่อนเคยได้ประสบด้วยตัวเองมาแล้ว
จากวันที่ตกลงปลงใจพากันไปแนะนำตัวให้ครอบครัวรู้จัก ก็ผ่านมาได้ 7 ปีแล้ว ครอบครัวสุดท้ายที่สุริยะพาราเชนไปพบคือ บ้านของพี่ชายตัวร้ายอย่างสดายุนี่แหละ ตอนนั้นสดายุเพิ่งตามกฤตเมธไปอยู่ที่เชียงใหม่ได้ไม่นาน แถมยังเหาะขึ้นไปอยู่เสียสูง เกือบถึงยอดดอย จึงกลายเป็นพวกสุดท้ายที่ได้พาราเชนไปพบ
จำได้ว่าวันนั้น สุริยะโดนสดายุแซวเล่นไม่หยุดจนนึกรำคาญ พอถูกถามถึงความสัมพันธ์จึงตอบไปอย่างหงุดหงิดว่าแค่เพื่อนแทน ซึ่งจริงๆ ก็เป็นคำตอบที่เขามอบให้กับทุกคนที่ถามอยุ่แล้ว เพราะในตอนนั้น ต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างสุริยะกับราเชนจะลึกซึ้งมากแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่สามารถพัฒนาให้ไกลไปถึงคำว่าคนรักได้...
ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ มันก็พัฒนาเกินคนรักไปไกลแล้วเหมือนกัน   
นึกถึงตรงนี้ สุริยะก็ยิ้มออกมาในความมืด จากคืนแรกที่เผลอใจ 10 ปีแล้วสินะ อายุ 45 เข้าไปแล้ว ก็ไม่อยากจะเปิดตัวให้ดูหวือหวาอะไรหรอก เพียงแต่อยากเลียบเคียงราเชนดูว่า...
จะเป็นไปได้ไหมหากจะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน

รุ่งเช้า สุริยะขับรถออกไปรับราเชนที่สนามบิน สดายุกับหลานๆ ช่วยกันทำอาหารอร่อยๆ เพื่อรับรอง ‘เพื่อน’ พ่อ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ในที่สุดคนที่รอคอยก็มาถึง เมื่อก่อนสดายุมักเอ่ยแซวว่า ‘สวัสดีน้องสะใภ้’ เพื่อแกล้งให้น้องๆ ทำตัวกันไม่ถูก แต่เดี๋ยวนี้มันเคยชินจนไม่ต้องใช้คำสัพยอกใดๆ ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้ว ว่าราเชนคือสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว คนที่สามารถฝากผีฝากไข้น้องชายคนเล็กได้ในยามที่แก่ชราลงไป   

วันหยุดปีใหม่ เป็นช่วงเวลาแสนสุข วันหยุด วันเที่ยว วันผ่อนคลาย และเป็นเวลาของครอบครัว แต่ทว่ามันก็ช่างสั้น ดังนั้นในคืนก่อนที่ผู้มาเยือนจะเดินทางกลับ กฤตเมธและสดายุจึงช่วยกันจัดเตรียมข้าวปลาอาหาร เป็นงานปาร์ตี้เล็กๆ เหมือนการเลี้ยงส่ง คืนสุดท้ายสนุกครื้นเครง โดยเฉพาะในตอนที่จู่ๆ สุริยะก็โพล่งขึ้นมาไถ่ถามกับราเชนว่า ‘ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยไหม?’ คำถามเดียวที่เล่นเอาอึ้งกันไปทั้งวง ไม่ใช่ตกใจหรือตื่นเต้นไปด้วยหรอก เพียงแค่สงสัยว่า นี่ยังไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกเหรอ? เพราะได้ข่าวว่าตอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย ก็ออกจะไปมาหาสู่ อยู่ค้างคืนกันบ่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าขัด เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศ ทั้งที่สดายุอยากพูดออกไปจะแย่ ว่าทำไมไม่ไปคุยเรื่องแบบนี้กันสองต่อสอง
คงจะมีแต่หลานสาวอย่างยูคนเดียวนี่แหละ ที่กรี๊ดกร๊าด เขินไปด้วยกับโมเม้นต์ขอแฟนแต่งงาน(?) ของผู้เป็นพ่อ
แน่นอนล่ะว่า ราเชนย่อมตอบตกลง
สดายุได้มารู้ทีหลังว่าการชวนมาอยู่ด้วยกันของสุริยะนั้นไม่ได้หมายถึงแค่การอยู่ร่วมชายคาบ้านเท่านั้น แต่มันหมายถึงการขอแต่งงานอ้อมๆ เป็นการขอให้ราเชนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต และเปิดตัวเรียกว่าคนรักอย่างเป็นทางการ ในวัย 45 ปี แม้ว่า การเปิดตัวจะไม่เป็นที่ฮืฮา เพราะใครๆ ต่างก็รู้ว่าทั้งคู่คบกัน แต่กระนั้น ราเชนก็ดูเหมือนจะมีความสุขมาก

 :impress3:
ต่อด้านล่าง

[attachment deleted by admin]
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 09-09-2016 12:31:01
วันหยุดยาวผ่านไป พร้อมความเงียบเหงาที่หวนคืน สองปู่ตา กลับมาใช้ชีวิตที่มีเพียงสองคนกันเหมือนเดิมๆ สองคน กับ หมา 2 แมว 5  มันก็ไม่ได้น่าเบื่อเท่าไหร่นัก ไหนจะแปลงผักเล็กๆ แปลงดอกไม้หน่อยๆ บ่อปลา เล้าไก่ แค่นั้นสดายุก็มีอะไรให้ทำได้ทั้งวันแล้ว ส่วนกฤตเมธยิ่งไม่เบื่อใหญ่ เพราะอย่างน้อยตอนนี้ตาแก่ก็ยังทำหน้าที่นักเขียนบทหนัง บทละครอยู่บ้างเป็นงานอดิเรก 
วันเวลาเวียนผ่านไป ชีวิตก็ไหลเวียนไปตามกัน ความแข็งแรงของร่างกายวัยหนุ่มลดทอนลงไปตามวัฏจักร ความหวาน ไม่รู้ว่ายังหลงเหลือหรือเปล่าระหว่างกฤตเมธกับสดายุ เพราะมันยาวนานเหลือเกินที่อยู่ด้วยกันมา เมื่อก่อนต้องนอนกอดกัน ตื่นเช้ายังต้องมีอ้อนขอหอม เดี๋ยวนี้น่ะหรือ แม้จะยังนอนเตียงเดียวกัน แต่ก็หันไปคนละทิศละทาง เรื่องหอมแก้ม...อย่าเลย ต่อให้กฤตเมธอยากจะหอม แต่สดายุคงไม่ยอมแล้ว เนื่องจากไม่มั่นใจในกลิ่นแก่และใบหน้าที่เริ่มหย่อนย้วยตามวัย
หมดหวาน แต่ไม่เคยหมดรักนะ ค่ำคืนยังคงอยากนอนอยู่ข้างกัน เช้ายังคงอยากตื่นขึ้นมาเจอหน้า อยู่ด้วยกันมานาน นานจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต สิ่งเดียวที่สดายุรับรู้มาตลอด คือตั้งแต่ตกลงปลงใจคบกับกฤตเมธมา พวกเขาไม่เคยแยกห่างกันเลย ไปไหนไปกัน ทำด้วยกันตลอด เป็นดูโอ เป็นแฝดสยาม แม้ยามอยู่ด้วยกันจะไม่รู้สึกอะไร แต่หากอีกคนหายไป คงจะร้องไห้แน่ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ แก่จนผมกลายสี ก็ยังคงเป็นตาลุงที่ตามติดตาแก่แจเช่นเดิม
ไม่รู้หรอกว่าในบั้นปลายชีวิตจะต้องพบเจอกับอะไร แต่กฤตเมธกับสดายุก็ตั้งใจแล้วว่า ในทุกลมหายใจ พวกเขาจะใช้มันไปด้วยกัน กระทั่งถึง...วันสุดท้าย

“ตาเอ้ย มากินข้าวได้แล้ว วันนี้มีน้ำพริกอ่องด้วยนะ”
“เอ้อเหรอ ฮะฮ่า รอเดี๋ยวนะปู่ จะเก็บถั่วฝักยาวไปกินกับน้ำพริกด้วย”
“เร็วหน่อย มีไข่เจียวใส่หอมแดงเยอะๆ ด้วยนา...หึหึ”
“เออๆ อย่ายั่วสิ รีบอยู่”

“เสร็จแล้วๆ ป่ะ กินข้าวกัน”


*************************************************** จบ

**เจอคำผิด รีบบอกเลยนะจ๊ะ**
จะไม่เหลือตอนพิเศษในเล่มแล้วค่ะ (ฮ่าๆ ล้อเล่นน๊า)
บทส่งท้ายบทนี้ อนาคีเกือบลืมไปแล้วค่ะ ว่าเขียนเอาไว้ เกือบลืมกระทั่งเอาใส่ลงในเล่ม เพราะดันแยกไฟล์เอาไว้ที่อื่น ดีนะคิดขึ้นได้เสียก่อน 555 (ปาดเหงื่อ) ต้องขอบคุณโรงพิมพ์ที่ให้อนาคีจัดหน้าใหม่ค่ะ ไม่อย่างนั้นคงลืมไปแล้ว TT^TT

 เรื่องย่อยๆ ของสุริยะ ที่มาเน้นย้ำ ว่า นิยายเรื่องนี้ ไม่มีที่ยืนสำหรับชะนี! อิอิ เรื่องจบแค่ตรงนี้นะคะ สุริยะไม่มีตอนพิเศษเพิ่มเติมแล้วค่ะ มาตอนเดียวจบ กิกิกิ

ใครสังเกตไหมคะ ว่าเรื่องนี้ฝนตกบ่อย…
อิอิ อนาคีชอบฤดูฝนค่ะ ชอบมากถึงมากที่สุด เพราะฝน มันสามารถแทนความหมายได้หลายอย่าง ทั้งความเย็นฉ่ำ ความงดงาม ความโรแมนติก ความเหงา ความเศร้า และความคิดถึง ดังนั้น ในหลาย ๆ ฉากของเรื่องจึงมีแต่สายฝนโปรยปราย แฮะ ๆ ฝนเอยจงชุ่มฉ่ำ

แม้ผมคือ...นางเอก จะจบลงแล้ว แต่อนาคีก็ยังเร่ ๆ ร่อน ๆ อยู่แถว ๆ นี้แหละค่ะ ฮ่าๆ
เพราะยังมีภารกิจติดพัน นั่นคือ พจมาน ที่จะรีบกลับมาสานต่อในไม่ช้า
หลังจากเคลียร์รวมเล่มเสร็จ น้องพึ่งก็คงไคลแมกซ์พอดี (ปริ่ม)
ต้องขออภัย ที่ปล่อยให้รอน้องพึ่งกันจนลืมเนื้อเรื่องนะคะ TT^TT
 
และขอแจ้งประกาศสำคัญอีกเรื่องค่ะ
หากใครคิดถึงคู่ตัวประกอบอดทนอย่าง บดินทร์และดนัย ทั้งสองจะมีเปิดเรื่องใหม่ของตัวเองค๊า
ชื่อเรื่อง ผมคือ...ตัวร้าย
ต้องขออภัย ที่เปลี่ยนใจไม่ใช้ตัวร้ายในกรงรักแล้ว เพราะต้องการให้ดูเป็นเซ็ตเดียวกันกับ ผมคือนางเอกค่ะ อิอิ
ต้องขอบคุณท่านผู้มีอุปการคุณหลาย ๆ ท่าน ที่ช่วยกันคิดชื่อเรื่องให้นะคะ
ผมคือ...ตัวร้าย เพิ่งเริ่มเขียนได้ 5 ตอนเองค่ะ ดังนั้น กำหนดการเปิดตัวจึงเป็นหลัง ผมคือนางเอก ออกเล่มเสร็จเรียบร้อยค่ะ
เพื่อที่คนเขียนจอมขี้เกียจอย่างอนาคี จะมีเวลานั่งมโนอีกสักนิดดด...กิกิกิ

สุดท้ายนี้ ขอบคุณนะคะที่อยู่เคียงข้างกันเสมอมา
ขอขอบคุณทุกความรัก และกำลังใจที่มอบให้กันไม่เคยขาด
และต้องกราบขอโทษอีกครั้ง ที่อนาคีเป็นนักเขียนนิสัยเสีย ชอบหาย ชอบดอง จนต้องคอยดัน คอยตามกันอยู่หลายครั้ง
ทั้งนี้ นิยายเรื่องนี้คงประสบความสำเร็จไม่ได้เลย ถ้าไม่มีคนอ่านที่น่ารักอย่างทุก ๆ คนนะคะ
ขอขอบคุณจากใจอีกครั้งค่ะ

รักเสมอและตลอดไป
อนาคี99 # Thearboo
*******************************************
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Rafael ที่ 09-09-2016 12:51:13
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: boonpa ที่ 09-09-2016 13:39:51
 :L2: อยู่ด้วยกันจนเป็นปู่เป็นตาเลยเน้อ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: rmlab ที่ 09-09-2016 14:08:25
คิดภาพพี่ยุตอนแก่ไม่ออก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: aiyuki ที่ 09-09-2016 15:38:42
ชอบโมเม้นท์อยู่ด้วยกันจนแก่แบบนี้ 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Kkookai ที่ 09-09-2016 15:45:33
โห!!..ส่งท้ายได้ดีมากอะ..อยู่กันยืนยาวและอบอุ่นมาก...
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-09-2016 17:08:22
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: larynx ที่ 09-09-2016 17:59:51
อ่านตอนนี้แล้วอยากนั่งพับเพียบแล้วก้มลงกราบปู่เมธตายุจริงๆค่ะ ไหนกราบซิ  :L2: :L2:  ตอนนี้ชราภาพมาก อบอุ่นมากค่ะ ชอบ  :man1: :man1: :man1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 09-09-2016 18:10:29
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: kinjikung ที่ 09-09-2016 20:24:58
จบได้ฟินที่สุด ยะมาเหนือเมฆมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 09-09-2016 21:09:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: MayA@TK ที่ 09-09-2016 22:26:57
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
 :3123: :3123: :3123: :3123: :3123: :3123:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 09-09-2016 22:29:47
 :กอด1: :กอด1:

 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: วายซ่า ที่ 09-09-2016 22:56:40
จบจริงๆ แล้วเหรอเนี่ย  คิดถึงน้องยุ กัพี่เมธ  และแล้วก็อยู่กันจนเป็นตายุ - ปู่เมธ  น่ารักจริงๆ 

ขอบคุณมากๆ นะคะ สำหรับนิยายสนุกๆ เรื่องนี้   :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 10-09-2016 11:56:08
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Fragrant ที่ 10-09-2016 21:13:42
โอ๊ย เป็นการแต่งที่ถึงพริกถึงขิงจริงๆค่ะ มาตั้งแต่เด็กยันแก่เลย ดีค่ะ ดีมากๆ นานๆที่เราจะเจอฉากแก่เฒ่าด้วยกันแบบนี้นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: waiman ที่ 10-09-2016 21:38:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 10-09-2016 23:01:59
อ่อยยยย!! อยูกันจนแก่ซะละ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 11-09-2016 05:16:55
อ่านเรื่องนี้เป็นรอบที่3แล้วค่ะ ชอบมากๆจริงๆ อ่านกี่รอบก็ร้องไห้ตาบวมทุกที555+

ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับนิยายที่อ่านยังไงๆก็ไม่เบื่อ ไม่ว่าจะความคุ้มค่าที่เหมือนได้อ่าน2เรื่องในเรื่องเดียวกัน

แถมเป็นเรื่องที่ไม่หวงncเลย หื่นกำเดาไหลหนักพอๆกับร้องไห้จนตาบวม^^

แถมอีกอย่าง oh my gosh....(ขอกระแดะนินุง)ให้ฟินกันอย่างไม่บันยะบันยังตั้ง5คู่!!!!!!!!

เอ้ย.....จบตอนนี้เพิ่มเป็น6คู่แหนะ ^^

ขอบคุณอีกอย่างที่ทำให้รู้สึกอย่างชัดเจนว่าคุณคนแต่ง แต่งทุกๆตอนด้วยความตั้งใจและรับผิดชอบอย่างเต็มที่กับทุกตอนของบทประพันธ์ ไม่มีปมไหนที่ผูกขึ้นมาอย่างไม่มีจุดมุ่งหมาย ผูกแล้วคลายให้โดยไม่ทิ้งขว้างทิ้งความงุนงงเหลือไว้ให้คนอ่าน

รออ่านคู่ดนัยดินอยู่นะคะ น่าติดตามมากๆค่ะ :pig4: :กอด1:

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Frankdar ที่ 11-09-2016 12:38:53
รักเรื่องนี้ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 11-09-2016 13:04:30
 :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 13-09-2016 15:03:03
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: xหยกน้อยx ที่ 14-09-2016 03:24:33
อ่าน 3 วันติดงานการไม่ทำสนุกมากคะ ขอบคุณนะคะที่แต่งนิยายดีๆให้คะ :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Shumi ที่ 14-09-2016 08:27:41
ขอบคุณมาก ๆ ครับ สำหรับนิยายดี ๆ เรื่องนี้ แม้ฉากอย่างว่าจะเยอะมาก และถึงพริกถึงขิง แต่ในส่วนอื่น ๆ ถือว่าน่าติดตาม โดยเฉพาะบทสรุปของตัวละครแต่ละตัว แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจอารมณ์ของความสัมพันธ์ สาว 2 จันทร์ มากเท่าไหร่ ก็ตาม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 14-09-2016 23:40:35
 :heaven
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: sweetie ที่ 16-09-2016 00:06:51
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ สนุกมาก อ่านรวดเดียวจบเลย :impress2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Yundori ที่ 16-09-2016 00:08:27
คิดถึงเรื่องนี้มากกกก
ตอนเห็นหัวเรื่องแบบ คิดว่าตาฝาด 555555
มาถึงขั้นตากับปู่แล้วทีเดียว
โถ่ ตอนจบกับตอนพิเศษ เวลาห่างกันหลายปีเลยนะคะ
ดีใจที่ได้รับรู่คู่ของสุริยะด้วย
(เกือบลืมแหน่ะว่าเป็นใคร อ่านๆไปก็จำได้)
เรียกว่าเขตปลอดชะนีที่แท้จริงอ่าเรื่องนี้ โนแคร์โนสน  :laugh:
ขอบคุณที่ยังคิดถึงกัน อุตส่าห์มาอัพให้นะคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: G-NaF ที่ 16-09-2016 04:10:25
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคับ
ติดตามๆเรื่องต่อไป เป็นคู่ที่รอคอยมากหวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เหมือนปู่ตาคู่นี้นะคับ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: happy-jigsaw ที่ 17-09-2016 21:09:57
น่ารัก :)
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: ronlbb ที่ 18-09-2016 02:53:12
อ่านรวดเดียวจบเลยจ้ะ
ตาแชะเลย
สนุกมากเลยคะ
ชอบคู่บลูซอลนะ  น่ารักจัง  อิอิ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 18-09-2016 10:56:00
ขนาดเป็นตอนแถมยังทำคนอ่านขี้มูกโป่งได้อีก  :mew6:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Ryoooo ที่ 20-09-2016 16:20:16
สนุกค่ะ ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆอีกหนึ่งเรื่อง
อ่านมาจนถึงตอนพิเศษของน้องรุจน์แล้วไม่ได้เข้ามาอีกเลย
จนมาถึงตอนจบนี้เพิ่งได้มาเก็บอ่าน
สนุกมากๆค่ะ เก็บทุกรายละเอียดได้ดีมากๆ

อยากให้มีภาคแยกของสุริยะกับราเชนมากเลน
อ่านแค่นิด้ดียว อินมากกก
ชอบมากค่ะ

ขอบคุณอีกครั้ง แต่งนิยายเนื่องอื่นๆมาให้อ่านอีกนะคะ รอค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: M.J. ที่ 28-09-2016 21:54:20
สนุกมากๆ ใช้เวลอ่านนานมาก ขอบคุณากนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: AgotoZ ที่ 14-11-2016 23:38:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: แมลงมีพิษชนิดหนึ่ง ที่ 17-11-2016 13:52:02
ปกติจะเป็นคนชอบอ่านฉาก NC นะ แต่เรื่องมันเยอะไปจน...

 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: nottto ที่ 28-12-2016 19:54:01
ขอบคุณนิยายดีๆนะครับ เพิ่งอ่านทัน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: sweet.egg ที่ 29-12-2016 06:08:32
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ สนุกมากเลย
อ่านรวดเดียวจบเลย><  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 09-01-2017 08:35:41
อยู่ด้วยกันจนแก่เลยเดียว
เรื่องนี้สนุกมาก แบบว่าอ่านแล้ววางไม่ลง
มีครบทุกรส อิอิ
ชอบยุ น่ารัดดี
แล้วก็ชอบคู่รุจกับพอร์ชด้วย คู่นี่น่ารักมากๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: littlepink ที่ 12-01-2017 22:53:13
ปริ่ม อิ่มเอม ดีงาม ฟินสุดๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: 1234_DuncAn ที่ 15-01-2017 21:33:49
สนุกมากก ดีมากก ฟินมาก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: karashi ที่ 17-01-2017 00:14:21
ขอบคุณค่ะ อยู่ด้วยกันไปจนแก่เลย อบอุ่นมากๆ ดีใจกับราเชนด้วย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนพิเศษมาเป็นติ่ง…(ทิ้งไว้ให้คาใจเล่น) [14/05/14] (P.76)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-01-2017 03:56:24
 :a5:  วรั๊ยยย ตายแล้วเจ้บลู ถถถถถถถถ จะเป็นยังไงต่อไปเนี่ยคู่นี้ ซอลเราเอาใจช่วย  :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก บลูม่า X ซอลย่า ติ่งสอง [20/05/14]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-01-2017 04:06:36
55555555555555555   :hao7: :hao7: อิเจ้บลู! 55555 โอ๊ยขำ ไหนสาว หนายยย ทำไมไปรุกแถมยังเด้งดึ๋งปึ๋งปั๋งใส่ซอลย่าแบบน้าน 5555
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 33 (08/07/2014) P.94 มาต่อแล้วคร๊าาาาา!!
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-01-2017 17:13:28
 :a5: อมก! ตายแล้ววววว ซอลย่า ตายๆ อกอีแป้นจะแตก เหิกกก  o22
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม 30% (10/10/2014) P.109
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-01-2017 21:33:20
จะว่าไปแล้วทุกคนก็น่าสงสารกันหมด  :hao5: ต่างมีปมกันทั้งนั้น แต่ตอนนี้ดินน่าสงสาร ดนัยจะช่วยดินหรือเปล่า อยากให้ดนัยได้แบ่งเบาจากดินไปบ้าง จะมีให้อ่านจนกระจ่างเลยไหมคะ ฮือ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 42 รับกรรม (เหยื่อ) (25/10/2014) P.111 (เต็ม)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 18-01-2017 21:52:36
เรายังกลับคำทัรไหม ฮือ ทำไมดนัย ซาดิสจัง  :katai1: มันดูน่ากลัวง่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Ciin ที่ 19-01-2017 19:05:51
ขอบคุนค่า พล็อทสนุกดีค่า
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: NooMary ที่ 20-01-2017 20:28:33
เพิ่งมาตามอ่านจบค่ะ สนุกดีค่ะ  ตะหงิดๆแค่หลายคู่เริ่มต้นที่การข่มขืนก่อน แต่โดยรวมๆแล้วสนุกดีค่ะ ชอบที่มีเรื่องราวจนถึงแก่เลย  เป็นปู่เป็นตากันแล้วน่ารักดีค่ะ เราเคยนึกถึงถ้าหากมีคนหนึ่งไปก่อน อีกคนจะอยู่ยังไงต่อไป โดยเฉพาะพี่เมธที่ไม่มีญาติพี่น้องเหลือแล้ว  อีกทั้งคนที่รักที่สุดอย่างยุเป็นคนจากไปก่อน  พี่เมธจะทำยังไง  มีคนคอยช่วยเหลือไหม ถ้าในนิยายอย่างน้อยก็ยังมีหลานๆที่เคยเลี้ยงดูกันมาดูแลต่อ  แต่ถ้าในชีวิตจริงคงเศร้าน่าดู เราว่าเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ยากในชีวิตจริงของชีวิตคู่ ช-ช

กลับมาเข้าเรื่องดีกว่า สำหรับปมยุ เราว่าเราเข้าใจยุนะ ที่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า เพราะเจอเหตุการณ์ต่างๆแบบนั้น ที่แม่เหมือนจะเลือกอีกครอบครัว ทำให้ตัวเองรู้สึกโดดเดี่ยว จนกลัวการใช้ชีวิตกับคนอื่น ไม่รู้ว่าตัวเองดีพอจริงหรอ คู่ควรพอไหนที่อีกชีวิตจะเอาอนาคตมาพ่วงด้วย แต่ความไม่เชื่อมั่นเหล่านั้นถูกแก้โดยความรักจากลุง(รู้สึกตะเตือนไต 30โดนเรียกลุงล่ะ)

หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 29-03-2017 05:59:50
เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ มีทั้งหวานกุ๊กกิ๊ก ดราม่าตึงเครียด ซาบซึ้งน้ำตาร่วง  o13
ตอนจบก็แฮปปี้ อยู่กันจนหงำเหงือกจริงๆ 555
เรื่องของพวกคู่รองทุกคู่ก็สนุกมากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ :pig4:
บวกๆค่า :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: tear0313 ที่ 04-04-2017 18:23:51
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 06-04-2017 16:01:26
ตามอ่านจนจบหลงรักตัวพระตัวนางมากกกก สุดท้ายก็อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
น่ารักจริงๆ ตอนหวานก็ดีต่อใจมากกก ตอนเศร้าก็เคล้าอารมณ์สุดๆ

ขอบคุณคนแต่งที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้ให้ได้อ่านนะคะ

<3
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: samsung009 ที่ 10-04-2017 01:44:10
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Min*Jee ที่ 10-04-2017 08:00:38
ขอบคุณมากค่ะ เป็นนิยายดีๆที่ติดตามมานาน มีความสุขจัง
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 11-04-2017 14:19:42
อ่านจบแล้ว 1 วันเต็มๆ
 :mc4:
อยากบอกว่า เหนื่อยมากค่ะ
อ่านแล้ววางไม่ได้ เข้มข้นทุกตอน
แหม เป็นดารากัน เรื่องราวชีวิตนี่ก็ดราม่ากันเหลือเกินนะ
555+

ดีใจมาก ที่ยุ ไม่ยอมคน ไม่งั้นคนอ่านจะกัดฟันตาย
รออ่านเรื่องของดิน นะคะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: suginosama ที่ 19-04-2017 18:53:21
สนุกมากเลยค่ะ
น่ารักทั้งเมธและยุเลย
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 12-05-2017 13:09:15
 :impress2: เข้ามาอ่านคุณปู่คุณตา น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: jomyingg ที่ 01-06-2017 00:09:17
เราชอบการบรรยายในเรื่องมากเลยค่ะ ภาษาสวยมาก เล่นคำเก่งมากๆเลย555 แต่เราไม่เข้าใจทำไมจุดเริ่มต้นของทุกคู่ต้องเป็นการข่มขืน??
เมธก็ข่มขืนยุ พอร์ชก็ฝินใจรุจน์หน่อยๆ อ๊อดก็ข่มขืนมล บลูก็เหมือนจะข่มขืนซอลหน่อยๆถึงซอลจะยินยอมแต่ก็รุนแรงอะค่ะ ดนัยกับดินก็ยิ่งเป็นการข่มขืน มายันคู่สุดท้ายก็ยังเริ่มด้วยเซ็กซ์
งงมากค่ะ ทำไมต้องเริ่มทุกคู่แบบนี้ ยังมีวิธีอื่นตั้งมากมายที่จะทำให้คนสองคนรักกันโดยไม่ใช่ความรุนแรงนะคะ
ถึงยังไงก็ขอบคุณที่แต่งนิยายให้แง่คิดดีๆมาให้อ่านนะคะ  :mew1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: lionnoi ที่ 10-07-2017 19:51:44
สนุกมาก มีครบทุกรส อ่านรวดเดียวจบเลย :กอด1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: TheGraosiao ที่ 13-07-2017 10:15:05
 :L2: รักเรื่องนี้จัง สนุกมากๆ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Jidapa Nimniem ที่ 26-09-2017 08:43:54
พึ่งเข้ามาอ่าน เรื่องเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วจะเก็บไว้ในความทรงจำเลยค่ะ สนุกมากๆ ครบทุกรสจริง ส่วยมากอ่านเเล้วน้ำตาจะไหล555 ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆเเบบนี้ให้อ่านนะค่ะ :katai2-1: :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: spiral_sai ที่ 01-10-2017 19:24:30
ขอบคุณสำหรับนิยายดีดีนะคะ สนุกมากๆเลยค่า ^^
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: poterdow ที่ 13-10-2017 05:03:20
ซึ้งอะ ปู่ตา ร้องไห้พรากๆเลย ขอบคุณนะค้าที่แต่งให้อ่าน
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: พัดลม ที่ 17-10-2017 19:42:54
สนุกมาก บทncมากมาย :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 18-10-2017 23:40:28
น่ารักจัง   :mew1: :mew1:

อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าเป็นปู่เป็นตากันเลย   :o8: :-[
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: funland ที่ 03-02-2018 19:36:44
 :mew1: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: GF_pp ที่ 07-04-2018 07:57:22
 :z1:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: mouymai ที่ 08-04-2018 21:51:18
กลับมาอ่านอีกทีก็ยังชอบเหมือนเดิม
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 16-04-2018 18:56:59
อ่านรวดเดียว 3 วันติดๆ สนุกมาก ตอนแรกคิดว่ายุต้องนิสัยเสียแก้ไม่หาย ต้องมาแนวนายเอกเผ็ดๆแซ่บๆ แต่พอหลังๆเห็นยุมีสติ คิดได้เราดีใจมากก เมธก็ช่วยสนัยสนุนยุอีก พระเอกดีงาม พ่อพระที่แท้ พอรักกันก็หวานน้ำตาลขึ้นตา  สนุกมากจริงๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: lovejinjunno ที่ 26-04-2018 00:23:06
โอ้ยชอบ เรื่องนี้มีทุกรสโดยเฉพาะรสหื่น 555555555
จากที่ไม่เคยชอบบดินทร์ ดันหลงรักไปซะงั้น
ทั้งที่ปกติจะไม่ชอบตัวละครที่คล้ายๆตัวเอง ฮ่า
อยากอ่านเรื่องผมคือ...ตัวร้ายจังเลยค่ะ
2 ปีแล้ว แต่งจบยังน้าาาา 5555
ชอบตอนจบของตอนพิเศษจัง อยู่กันมานานจนเป็นปู่กับตาแบบนี้ มันทำให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจมากเลยค่ะ แล้วก็แอบคิดว่า อยากใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคนไปตลอดชีวิตแบบนี้บ้างจัง จะมีวันนั้นไหมน้า 5555
สุดท้ายแล้ว ขอบคุณที่แต่งเรื่องที่ยาวมากกกกกกเรื่องนี้จนจบให้ได้อ่านกันนะคะ สนุกมากๆเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 30-04-2018 09:23:03
ชอบเรื่องนี้มากๆ ขอบคุณนะคะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: aisies.J ที่ 02-05-2018 17:54:38
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสะใจมากจริงๆค่ะ :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 20-04-2019 13:55:14
น้องยุคนมีปมโชคดีจริงๆที่มาเจอพี่เมธรักจริงและเข้าใจเลยทำให้ความรักมันหวานจนล้น  :o8:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก ซีนที่ 18 (หวาน....หวาม) 3/02/14// P.52 (ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: ิิิBlackWizards ที่ 05-04-2020 02:17:14
กะแล้วไงว่าทำไมคุ้นๆ ฉันเคยอ่านเรื่องของบดินทร์มาก่อนนี่เอง แถมติดมากๆด้วย ตอนนี้ฉันยังชอบบดินทร์มากกว่าอยุ่ดี แต่ว่านะ! ฉันก็จะให้กำลังใจตัวเอกเรื่องนี้ด้วย TT ( ปล. แม้ในใจจะมีแต่เรื่อฃของตัองบดินทร์อยุ่ก็เถอะ อ๊ากก!!! นี่ฉันนอกใจรึเปล่า ม่ายยย!!!!!//กุมหัว+ทรุด )
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 07-04-2020 06:13:52
 :z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: อนาคี99 ที่ 10-06-2020 14:18:26
 :mew1:
:z13:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Kfc_Pizza ที่ 28-06-2021 15:02:20
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ผมคือ...นางเอก : บทส่งท้ายสุดท้าย (แถม) 9 ก.ย. 59 (P.153)
เริ่มหัวข้อโดย: Nongsea13 ที่ 11-07-2021 18:51:09
 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:

รอบที่ 5  ที่อ่าน ชอบสำนวน ชอบการบรรยาย