พิมพ์หน้านี้ - A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: WwW ที่ 19-03-2017 16:38:14

หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-03-2017 16:38:14
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




==========================================================


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

สวัสดีค่า  ชื่อบิวนะคะ  เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องที่สองที่นำมาลงในเล้า  หากมีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยล่วงหน้าเลยนะคะ  เรื่องนี้เป็นแนวเลิฟคอเมดี้อีกเช่นเคย  ขำๆ  ฮาๆ  มีซึ้งบ้างเล็กน้อย  แต่เน้นฟีลกู๊ดจ้า  ใครที่เข้ามาอ่านเร่องนี้ก็ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  จะพยายามอัพบ่อยๆไม่หายไปไหน  และขอสัญญาว่าอัพจนจบแน่นอนค่าาา


ตามมาเม้ามอยกันได้ที่เพจเลยนะคะ    https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทนำ (19/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-03-2017 16:39:20




A Mermaid
รักนี้...สีน้ำทะเล

 
บทนำ
เจ้าสาว?

 
ซ่า…ซ่า…
เสียงคลื่นซัดเข้าหาชายฝั่งดังมาเป็นระลอก
การที่ผมเริ่มได้ยินเสียงรอบกายแบบนี้ก็แสดงว่า…ผมฟื้นคืนสติกลับมาแล้วสินะ  แต่เดี๋ยวก่อน  อะไรเป็นอะไรยังไงตอนนี้สมองของผมยังจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก  คล้ายกับว่าหลับไปนานจนความจำมันเลอะเลือน
เกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนหน้านี้?
และที่สำคัญ…
เกิดอะไรขึ้นกับผม?
“อ่า…ปวดหัวแฮะ”
ทันทีที่ลืมตาขึ้นมา  ก็ต้องพบกับแสงอาทิตย์ที่โอบล้อมไปทั่วทุกสารทิศ  ความร้อนแผ่นกระจายจนแสบหน้าไปหมด  ผมมานอนแอ้งแม้งให้แดดเลียผิวอยู่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ  โดยปกจิผัวก็หยาบกร้านกว่าชาวบ้านเขาอยู่แล้ว  ยังมีหน้ามานอนอาบแดดอีกเรอะ!
“ตื่นแล้วเหรอเจ้ามนุษย์”
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางปลายเท้าซึ่งเป็นทางลงไปน้ำทะเล  ผมขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง  แต่ให้ตายเถอะ!  ปวดไปหมดทั้งตัวเลยโว้ย!
“ไง  เจ้าหลับไปนานมากเลยนะ”
คนตรงหน้าพูดต่อพร้อมรอยยิ้ม
ผมยาวถึงกลางหลังสีเขียวเหมือนสาหร่ายทะเลหรือตะไคร่น้ำอะไรเทือกนั้นๆ  นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนตัดกับผิวที่ขาวใสราวกับไม่เคยต้องแสงแดดมาก่อน  ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ยิ้ม  สองมือของอีกฝ่ายพาดอยู่บนก้อนหินก้อนยักษ์  ขณะที่ช่วงลำตัวผมเดาเอาว่าคงจะอยู่ในน้ำทะเล  ร่างกายเปียกปอนไปด้วยน้ำ…
“คุณ…”
ยกมือขึ้นกุมหัวเพื่อระลึกบางสิ่งที่หลงลืมไป  ภาพเหตุการณ์บางอย่างฉายชัดเข้ามาในหัวทีละนิดๆ
ภาพตอนผมกำลังช่วยพ่อวางอวนเพื่อดักจับปลาเมื่อตอนตีสอง…
ภาพที่จู่ๆก็มีลมพายุและห่าในที่ไหนไม่รู้จู่โจมเรือเล็กๆของเราสองพ่อลูกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว…
ภาพที่พ่อกำลังจะหล่นจากเรือแต่ผมเข้าไปช่วยไว้ได้ทันทำให้ตัวเองต้องตกลงไปในทะเลแทน!
และ…
 
ช่วงเวลาที่ร่างกายเริ่มอ่อนล้า  ลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆด้วยสำลักน้ำทะเล  เรี่ยวแรงที่มีไม่สามารถต้านทานแรงของพายุและเกลียวคลื่นที่ซัดกระหน่ำอย่าบ้าคลั่งนี้ได้เลย  ตอนนั้นเอง...  ขณะที่ลมหายใจสุดท้ายกำลังจะหมดลง  ดวงตาพร่าเลือนค่อยๆปิดสนิท...
อะไรบางอย่างกำลังแหวกว่ายผ่านฝูงปลาเข้ามาทางผม
บางอย่างที่มีขนาดใหญ่พอๆกับมนุษย์
ฉลามหลงถิ่นหรือเปล่านะ?
ผมอาจจะไม่ต้องตายเพราะจมน้ำ  แต่กำลังจะได้เป็นอาหารของฉลามแทน  ช่างน่าภูมิใจอะไรเช่นนี้  ลูกชาวประมงที่จับปลาเพื่อหากิน  กลับต้องกลายมาเป็นอาหารปลาเสียเองแบบนี้…
หมับ!
ข้อมือที่ถูกฉลามงับ ( คิดเอาเอง ) และลากเข้าไปใกล้  ผมหลับตาลงและภาวนาถึงพระเจ้าอะไรก็ตามที่กำลังมองผมอยู่  แต่ขอเน้นไปทางเทพโพไซดอนเจ้าแห่งท้องทะเลมากเป็นพิเศษก็แล้วกัน  ถ้าร่างกายของผมจะสามารถต่อชีวิตของฉลามตัวนี้ไปได้อีกสักมื้อ  ผมก็ขอให้ตอนถูกเคี้ยวไม่เจ็บมากนัก  ถ้าเป็นไปได้ก็ช่วยงับครั้งเดียวแล้วตายในทันทีก็จะดีมาก
‘…’
ความคิดฟุ้งซ่านถูกหยุดลงด้วยสัมผัสอันแสนนุ่มนวลที่ริมฝีปาก  เท่านั้นยังไม่พอ  ผมยังรู้สึกเหมือนมีอะไรนิ่มๆสอดเข้ามาในโพรงปากอีกด้วย!
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ  ฉลามมันกินคนด้วยวิธีไหนกันเนี่ย  เอาลิ้นแยงเข้ามาในปากเพื่อลิ้มรสก่อนแล้วค่อยเคี้ยวเรอะ!
หมับ…
ผมลืมตาโพลงเมื่อบั้นท้ายถูกบางอย่างที่เหมือนฝ่ามือคนบีบขยำอย่างอย่างเมามันส์  ไม่ใช่ละ  ฉลามบ้าอะไรจะกินคนด้วยวิธีลามกแบบนี้กันวะ!
‘อื้อๆๆ’
เริ่มดิ้นเมื่อริมฝีปากและร่างกายถูกคุกคามมากขึ้น  ผมเบิกตากว้าง  ตกใจถึงขีดสุดจนหัวใจแทบจะหยุดเต้นเลยทีเดียว  เมื่อสิ่งที่สองตากำลังเห็นอยู่ตอนนี้มันน่าเหลือเชื่อเสียยิ่งกว่าความคิดในตอนแรกที่ว่าผมกำลังจะถูกฉลามกินเสียอีก!
ก็ไอ้สิ่งที่กำลังคุกคามผมอยู่ตอนนี้มันมีท่อนบนเป็นคนท่อนล่างเป็นปลาน่ะสิ!
หรือเรียกภาษาคนง่ายๆก็คือ…
เงือก!!!
 
ความทรงจำทั้งหมดกลับมาครบโดยพลัน  ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายผมสีตะไคร่น้ำคนเดิมอีกครั้งก่อนจะร้องออกมาสุดเสียง
“นึกออกแล้วสินะเจ้ามนุษย์”
“งะ…งะ…งะ…งะ…”
อยากจะพูดว่าเงือกแต่ก็ตกใจจนพูดไม่ออก  อ๊ากกกก!
“ข้าไม่มีเวลามาอธิบายอะไรให้เจ้าฟังตอนนี้หรอกนะ  สิ่งที่เจ้าต้องทำเพื่อตอบแทนที่ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ก็คือ…”
“…”
“จงมาเป็นเจ้าสาวของข้าซะ”
“อะ…อะไรนะ?!”
“มาเป็นเจ้าสาวของข้า  แล้วข้าจะยอมพาเจ้ากลับไปยังที่ที่เจ้าเคยอยู่”
สิ้นคำ  เขาก็ใช้สองข้างยันเอาไว้กับก้อนหินเพื่อเหยียดตัวขึ้นมา  ส่วนล่างที่เป็นหางปลาของเขามีเกล็ดสีเขียวมรกตเงางามราวกับเพชรที่กำลังต้องแสงแดด!
ผมนิ่งค้าง  ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะได้มาเห็นสิ่งที่อัศจรรย์เกินกว่ามนุษย์จะคาดคิดได้ขนาดนี้!  เขาไม่ใช่แค่เงือกธรรมดา  แต่เกล็ดของเขายังระยิบระยับสวยจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้เลย…
ยังไม่ทันจะได้ชื่นชมกับความงามของเกล็ดเงือกให้สมใจยาก  ตรงจุดที่เขานั่งอยู่ก็มีแสงสว่างวาบออกมา  ผมหลับตาลงไปครู่หนึ่ง  รอจนมั่นใจว่าแสงสว่างนั้นได้หายไปแล้วก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง
“เฮ้ยยยย!”
ร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นสิ่งที่อัศจรรย์กว่าการเห็นเงือกตัวเป็นๆ  นั่นก็คือ…
เงือกที่กลับมาเป็นมนุษย์ที่มีขาเหมือนผม!
แต่ประทานโทษเถอะ…
“ตกใจเหรอ ของข้าใหญ่กว่าของเจ้าเยอะเลยใช่ไหมล่ะ?”
ร่างสูงกระหยิ่มยิ้มอย่างพอใจก่อนจะมองส่วนนั้นของตัวเองสลับกับช่วงล่างของผม  คำพูดและสายตาของเขาทำให้ผมต้องก้มมองสภาพของตัวเองตอนนี้ทันที
เหี้ย!
ทำไมผมถึงไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้นเลยล่ะเนี่ย!
แล้วที่สำคัญ…
“ไปได้แล้ว  เจ้าสาวของข้า”
ผู้ชายผมสีตะไคร่น้ำที่พอกลายร่างจากเงือกมาเป็นมนุษย์ก็เลยมีสภาพไม่ต่างจากผมเลยแม้แต่นิดเดียวคนนี้…
คิดจะเอาผมไปเป็นเจ้าสาวจริงๆเรอะ!
มันจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
อัพบทนำก่อนจ้า  เตอนนีเสร็จภารกิจทุกอย่างหมดแล้ว  เรื่องนี้จะพยายามอัพให้ได้ทุกวันวันละ 1 ตอนนะคะ  ฝากติดตามด้วยจ้าา ^^


 

หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 1 (19/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-03-2017 16:39:54




ตอนที่ 1
เจ้าสาวจำเป็น
 
“เดี๋ยวๆๆๆๆๆ   หมายความว่ายังไง  อธิบายมาหน่อยสิเว้ย  จู่ๆตื่นมาก็เห็นเงือกตัวเป็นๆแถมยังบอกจะมาเอาไปเป็นเจ้าสาวอีก  นี่ผมตายไปแล้วใช่ไหม  เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์แน่ๆ!”
“งั้นข้าคงต้องขอแสดงความเสียใจกับเจ้าด้วย  เพราะว่าที่นี่…”
“…”
“คือโลกมนุษย์”
“…”
“โลกกลมๆที่มีทั้งอากาศ น้ำ และต้นไม้สำหรับสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์  เจ้ายังอยู่บนโลกใบนั้นนั่นแหละ”
“อ๊ากกกกก!  นี่คุณกำลังจะบอกผมว่า  บนโลกที่ผมอยู่มีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าเงือกอาศัยอยู่จริงๆเรอะ!”
“แล้วเจ้าเห็นข้าเป็นปลาการ์ตูนหรือไงหนุ่มน้อย”
คำพูดและรอยยิ้มที่เหมือนกำลังกลั้นขำเต็มที่ของเขาทำให้ผมต้องมองดูรูปร่างของเขาชัดๆอีกครั้งหนึ่ง  ขาทั้งสองข้างที่เคยมีค่อยๆกลับเป็นหางและมีเกล็ดสวยงามตามเดิมอย่างในตอนแรกที่ผมเห็น
อื้ม…
ไม่ว่าจะมองมุมไหนองศาไหนก็…
เงือกชัดๆ!
“ขะ…ขอแตะได้ไหม”
“…”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น  อีกฝ่ายเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยราวกับคิดไม่ถึงว่าผมจะขออะไรแบบนี้  ก่อนที่รอยยิ้มอ่อนโยนจะผุดขึ้นบนใบหน้าของเขา
“มานี่สิ”
ผมกลืนน้ำลายลงคอ  แม้จะยังกล้าๆกลัวๆว่าจะโดนจับกินหรือเปล่า  แต่ความอยากรู้บวกกับรอยยิ้มหวานๆนั่นก็ทำให้ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้เขาตามคำสั่ง
กลิ่นทะเลโชยออกมาตัวคนตรงหน้า
ยิ่งกับผมที่โตมากับทะเลและรักทะเลมากๆ  การที่เขามีกลิ่นของทะเลแบบนี้มันช่างน่าอิจฉาจริงๆ
“เจ้าอยากจะแตะตรงไหนของข้าดีล่ะ”
“อะ…เอ๊ะ?”
มือข้างขวาถูกดึงขึ้นไปวางแหมะอยู่ตรงแผงอกที่ไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆขวางกั้น  มือถูกกดให้ระนาบไปกับผิวกายจนนิ้วทั้งห้ากางออก  สัมผัสที่เนินเนื้อนุ่มร้อนระอุอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ข้ายอมให้เจ้าสัมผัสได้ทุกที่  ถ้าเจ้ายอมมาเป็นเจ้าสาวของข้าในค่ำคืนนี้”
ใบหน้างดงามก้มลงมาใกล้  นัยน์ตาสีสวยจ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม  รู้สึกเหมือนกำลังถูกเขาอ่านใจเลย
“ผมแค่อยากลองแตะ”
“…”
“ไม่ได้บอกจะยอมเป็นเจ้าสาวให้คุณสักหน่อย  แล้วที่สำคัญ…ผมเป็นผู้ชายนะ  จะไปเป็นเจ้าสาวได้ยังไง!”
“ใครสนเรื่องนั้นล่ะ  แค่ในร่างกายของเจ้ามีช่องทางสำหรับให้ข้าสอดใส่เข้าไปได้ก็พอแล้ว”
“ดะ…เดี๋ยวนะ”
พูดเรื่องอะไรกันวะเนี่ย!
ช่องทางสำหรับสอดใส่อะไร  แล้วมึงจะสอดอะไรเข้ามา!
ผมนั่งหน้าแดงเถือกร้อนฉ่าไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย  เจ็บใจตรงที่ตัวเองก็ดันเผลอจินตนาการไปตามทีไอ้เงือกชีกอนี่มันพูดนี่แหละ!
ช่องทาง…
สอดใส่…
ช่องทาง…
สอดใส่…
อ๊ากกกก  หยุดคิดเดี๋ยวนี้นะโว้ยยยยยย
“และข้าก็ได้เห็นช่องทางที่ว่านั่นแล้วด้วย”
เพราะร่างกายของผมตอนนี้กำลังเปลือยเปล่า  สายตาหื่นๆของมันที่โฟกัสไปยังบั้นท้ายของผมตอนนี้เลยกลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากๆ
ที่บอกว่าได้เห็นแล้วนั่นน่ะ  อย่าบอกเด็ดขาดเลยนะว่า…
ระ…รู…รู…ตรงนั้น…
ของผม…
“ที่สำคัญ  ข้าลองดมๆตรงช่องทางนั้นดูแล้ว  มีกลิ่นน่าดึงดูดแสนประหลาดไม่ต่างจากตอนข้ากลายร่างจากหางเป็นขาแบบมนุษย์เลยสักนิด”
ไปตายซะเหอะไอ้เงือกเวร!
ผมนี่แทบกัดลิ้นตัวเองตายเมื่อคนตรงหน้าพูดประโยคล่าสุดออกมา
ไม่ใช่แค่ดู…
แต่มันยังดมอีก…
จบสิ้นแล้ว  เอกราชที่รักษากันมานมนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีฯ  มึงทำลายมันย่อยยับในขณะที่กูไม่ได้สติ  เดี๋ยวพ่อก็จับขอดเกล็ดทำต้มยำปลาแม่งเลย!
“เอาล่ะ  ข้าไม่มีเวลามาอธิบายไปมากกว่านี้หรอก  ยังไงเสียตอนนี้เจ้ามีคุณสมบัติเพียบพร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะมาเป็นเจ้าสาวของข้า  หากสำนึกในบุญคุณที่ข้าได้ช่วยชีวิตเจ้าไว้และอยากกลับไปในโลกของเจ้า  เจ้า…ต้องช่วยข้า”
แบบนี้ไม่ใช่แค่ทวงบุญคุณแล้ว  แต่มันยังข่มขู่ไปในตัวด้วยเหอะ!
แต่…ถ้าไม่ยอมช่วยเขา  ผมก็ (อาจ) จะไม่ได้กลับไปในที่ที่ผมจากมาอีกเลย
แต่ (อีกรอบ) ถ้าผมช่วยเขา  ก็ไม่มีอะไรมาการันตีความปลอดภัยของบั้นท้ายผมได้เลย
พับผ่าสิ!  มีแต่เสียกับเสียเลยนี่หว่า!
“มะ…มีข้อแม้”
“หืม?”
“ผมมีข้อแม้  ไม่สิ  ต้องเรียกว่าข้อตกลงหากคุณอยากให้ผมช่วย”
“ว่ามาสิ  ข้าพร้อมรับฟังข้อตกลงของเจ้าอยู่แล้ว  แต่จะทำตามหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าข้อตกลงของเจ้าข้ายอมรับได้มากน้อยแค่ไหน”
ทำไมผมสึกรู้สึกหมดหวังกับคนๆนี้มากขึ้นทุกทีนะ  ทำไม…
“คุณห้ามทำอะไรผมเด็ดขาด  ห้ามแตะต้องตัว ห้ามทำอะไรเกินเลย”
“อะไรเกินเลยที่เจ้าว่าหมายถึงอะไรกันล่ะ”
“ก็ไอ้นั่นน่ะ”
“ไอ้นั่น?”
“เรื่องแบบนั้นไงเล่า  ต้องให้พูดอีกเรอะ”
“แล้วถ้าเจ้าไม่พูดข้าจะเข้าใจได้อย่างไรล่ะ”
อีกฝ่ายตอกกลับมาอีก  เรื่องแบบนี้จะให้พูดชัดเจนถึงรูขุมขนเลยหรือไงฟะถึงจะเข้าใจ!
“ผมหมายความว่า..ผมจะยอมเป็นเจ้าสาวให้คุณก็ได้  แต่…!  เราจะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกันเด็ดขาด”
“เจ้าหมายถึง…เรื่องอย่างว่าน่ะเหรอ”
อื้อหือ!  ไม่พูดเปล่า  อย่างเปรยตามองร่างกายผมด้วยเหอะ!
ไอ้ปลาโรคจิต  สักวันกูจะจับมึงขอดเกล็ดทำต้มยำ!
“ชะ…ใช่”
“ไม่เอา  ขืนเป็นแบบนั้นก็ลำบากร่างกายข้าแย่เลยน่ะสิ  มีอย่างที่ไหน  มีเจ้าสาวแล้วแต่กลับทำเรื่องอย่างว่ากับเจ้าสาวของตัวเองไม่ได้  ไม่เห็นใจลูกชายข้าบ้างเลยรึ”
ลูกชายที่ว่าก็คือ ‘ไอ้นั่น’ ของเขานั่นเอง
แวบแรกที่เห็นแอบตกใจนึกว่ามันไปเอาขอนไม้ที่ไหนมาห้อยไว้ตรงหว่างขา  จนได้เห็นชัดๆแบบเต็มสองตา ไม่มีเซ็นเซอร์  ไม่มีตัวแสดงแทน  ผมถึงได้รู้ว่าเข้าใจผิด  สิ่งที่เห็นมันคอของจริงไร้มโนใดๆ
“ถ้างั้นผมขอตายอยู่ตรงนี้ดีกว่า  คุณไม่รู้หรือไงว่าไอ้ช่องทางที่คุณเห็นและบอกว่ามันใช้ได้นั่นน่ะ  สำหรับบนโลกมนุษย์แล้ว  มันไม่ได้มีเอาไว้เพื่อใช้ทำสิ่งนั้นหรอกนะ”
“แล้วมีไว้ใช้ทำสิ่งใดกันล่ะ  จากที่ข้าพิจารณาดูจากการมองและการดม  ช่องทางนั้นของเจ้าใช้ได้และเหมาะสมที่สุดกับลูกชายของข้าเลยนะ!”
พะ…พอเถอะ
ได้โปรดอย่าพูดอะไรมากไปกว่านี้  ไอ้คนฟังที่เผลอคิดภาพตามอย่างผมมันอยากจะร้องไห้  ฮึก…
“งั้นเอาอย่างนี้  ข้าจะไม่ล่วงเกินร่างกายของเขาแม้แต่นิดเดียวตราบใดที่เรายังไม่มีสัมพันธ์ทางใจต่อกัน”
“หา?”
“แต่ถ้าเมื่อใดที่เจ้าตกหลุมรักข้าและยอมที่จะให้ข้าล่วงเกินเจ้า  อันนั้นข้าก็ช่วยไม่ได้นะ”
“มะ…ไม่มีทางหรอกเว้ย!”
ปฏิเสธเสียงแข็งทันที   ทว่าไอ้เงือกชีกอกลับไม่สลด  ซ้ำยังทำสีหน้าเหมือนมั่นใจมากๆว่าผมจะต้องตกหลุมรักเขาอย่างแน่นอน
ไม่มีทางเสียหรอก  คนอย่างไอ้ ‘ปูนปั้น’  ไม่มีวันตกหลุมรักปลาตัวผู้แน่นอน!
 
“แปลว่าวางไข่ไม่ได้สินะ”
น้ำเสียงทรงพลังบ่งบอกถึงความมีอำนาจเป็นอย่างยิ่งของชายผู้เป็นเจ้าของประโยคด้านบนเรียกความหวาดกลัวจนตัวสั่นให้ผมได้ดียิ่งนัก
งะ…เหงื่อนี่ไหลเป็นก๊อกเลย
“ครับท่านพ่อ  แม้ว่าเจ้าสาวของผมผู้นี้จะวางไข่ไม่ได้  แต่ก็มีช่องทางสำหรับการสอดใส่เสมือนเจ้าสาวทั่วไปตามกฏมณเฑียรบาลของเรานะครับ”
“จริงรึ  น่าแปลก  มีช่องทางสำหรับสอดใส่  แต่ไม่สามารถวางไข่ได้  เป็นบุตรตรีจากตระกูลไหนกัน”
บุตรตรี?!
ผมตาโต  เงยหน้ามองไอ้เงือกชีกอที่สูงกว่าเป็นคืบอยู่ข้างๆพร้อมส่งคำถามผ่านทางสายตาไปมากมาย  คงไม่ใช่ว่าไอ้บ้านี่มันกำลังหลอกพ่อของมันว่าผมเป็นผู้หญิงหรอกนะ  มิน่าล่ะถึงได้พาผมไปใส่เสื้อแปลกๆก่อนจะพามาที่นี่!
ขอเล่าหน่อยเหอะ  หลังจากที่ตกลงช่วยกันเสร็จสรรพแล้ว  เขาก็ให้ผมขึ้นหลังของเขาก่อนจะว่ายน้ำพาผมทะลุมายังหลังเกาะทีเต็มไปด้วยหมอกควัน  และเมื่อผ่านพ้นหมอกควันมาได้ก็ต้องพบเจอกับเมืองๆหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่ทันสมัยและมีเทคโนโลยีก้าวล้ำเหมือนโลกมนุษย์สมัยนี้  แต่คุณค่าของที่อยู่อาศัยและเสื้อผ้าที่ชาวเมืองสวมใส่ก็ไม่สามารถประเมินค่าได้เลย  หนำซ้ำไอ้เงือกชีกอตัวนี้ยังเป็นถึงเจ้าชายของเกาะเงือก  และพ่อของเขาก็คือพระราชาของที่นี่  วังที่เขาอยู่ถูกสร้างมาจากปะการังชั้นดี  ประดับประดาไปด้วยไข่มุกเม็ดใหญ่ที่คงจะแพงไม่น้อยถ้าไปอยู่ในโลกของผม  แม้จะไม่มีแก้ว แหวน เงิน ทอง  แต่ทุกสิ่งที่อยู่ที่นี่ล้วนมีค่าและคู่ควรแก่การรักษาไว้
ทว่า  ถ้าหากมีใครรู้ว่าบนโลกนี้มีดินแดนของเงือกอยู่จริงๆ  ผมคิดว่าเรื่องน่าอัศจรรย์นี้คงถูกทำลายลงในพริบตา  และอาจก่อให้เกิดสงครามที่คาดไม่ถึงตามมาก็ได้
ถ้าอย่างนั้น…
ผมควรปล่อยให้มันกลายเป็นเพียงเรื่องจินตนาการของมนุษย์ต่อไปคงดีกว่าสินะ
หลังจากที่ตกตะลึงกับความงามของเมืองนี้อยู่นาน  ไอ้เงือกชีกอก็พาผมไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่มีใครอยู่เลยก่อนจะหยิบเสื้อผ้าในตู้มาให้ผมใส่  มันเป็นชุดสีขาวที่คลุมพาดกันไปมาและมีสายเชือกสีน้ำตาลผูกทับตรงเอวแทนเข็มขัดเท่านั้น  ใส่แล้วดูไม่ออกเลยว่าเป็นเพศหญิงหรอชายกันแน่  เพราะยังมีฮู้ดปิดทับลงไปอีกต่างหาก
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ  ว่าตัวเองจะต้องอยู่ที่นี่ในเพศไหน!
“เรื่องนั้นท่านไม่จำเป็นต้องรู้หรอกท่านพ่อ  เอาเป็นว่าข้าหาเจ้าสาวมาได้แล้ว  ล้มเลิกที่จะจับข้าอภิเษกกับแม่นางปลาปักเป้านั่นเสีย  เพราะข้ามีเจ้าสาวของข้าอยู่แล้ว”
ว่าพลางดึงผมเข้าไปโอบกอดไว้  ส่วนผมก็กำลังเรียบเรียงประโยคของเขาอยู่
แม่นางปลาปักเป้า…
อย่าบอกนะว่าที่แทบจะกราบเท้าอ้อนวอนขอให้ผมมาเป็นเจ้าสาวนี่ก็เพราะไม่อยากแต่งงานกับปลาปักเป้า?!
ก๊ากกกกกก  กูขำ!
เอาเสียกูนึกภาพออกเลย…
ปลาปักเป้า ฮ่าๆๆๆๆ
“เข้าใจแล้ว  ข้าจะส่งคนไปบอกยกเลิกกับทางตระกูลปลาปักเป้าให้เอง  ในเมื่อเจ้ามีเจ้าสาวมายทนยันให้ขาเห็น  ก็ไม่มีความจำเป็นที่ข้าจะต้องบังคับฝืนใจเจ้า  ขอแค่เจ้ายอมอภิเษกเพื่อให้การครองราชย์ของเจ้าครั้งนี้สมบูรณ์ก็พอ”
“ข้าทำตามที่ท่านพ่อต้องการแล้ว  หวังว่าจะพึงพอใจ”
“ดี!  ต้องแบบนี้สิถึงจะสมกับเป็นลูกของข้า  เจ้าพาเจ้าสาวของเจ้าไปพักผ่อนเสียเถิด  อีกเพียงสามวันงานอภิเษกของเจ้าก็จะมาถึง  พักผ่อนให้สบายทั้งคู่เลยนะ  เรื่องงานข้าจะจัดการเอง”
“วะ…ว่าไงนะ?”
งานอภิเษกเลยเรอะ!
แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆแล้วนะเนี่ย  อยู่ดีไม่ว่าดีต้องกลายมเป็นเจ้าสาวของปลา!   จะมีเรื่องอะไรน่าเหลือเชื่อไปกว่านี้บ้าง
ไม่มีอกแล้ว!
“ไปกันเถอะ  เจ้าสาวยอดรักของข้า”
ไม่ต้องมายิ้มกรุ้มกริ่มเลยไอ้เงือกชีกอ!
 
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่ 1 แล้วจ้า  และแล้วนายเอกของเราก็เข้ามาสู่เมืองเงือก  แต่เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น  โลเคชั่นของนิยายเรื่องนี้จะอยู่แค่ในเมืองหรือไม่  ต้องติดตามกันต่อไปน้า  ตอนนี้บิวเสร็จงานแล้ว  จะมาอัพทุกวันนะคะ  ใครไม่อยากพลาดแม้แต่ตอนเดียวกดไลค์แฟนเพจบิวไว้เน้อออ
ปล. นิยายเรื่องนี้กำลังจะเปิดพรีฯนะคะ  ตอนนี้อยู่ในขี้นตอนวาดปกแล้วจ้า


หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (19/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-03-2017 17:30:25
ปูนปั้นเรียกว่าที่เจ้าบ่าวเสียน่ารักเชียวนะ ปลาโรคจิตเอย เงือกชีกอเอย (หัวเราะ)
ว่าแต่แต่งงานเพื่อจะได้ขึ้นเป็นราชานี่ ไม่มีลูกก็ได้เหรอ หรือค่อยรับสนมทีหลังได้
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (19/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 19-03-2017 19:48:17
เสียดายจุงมีลูกไม่ด้ายย  :hao7: :hao6: :z1:
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (19/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 20-03-2017 01:54:20
เดี๋ยวๆ นายเอกชื่ออะไรนะ ???
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (19/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 20-03-2017 09:35:22
  รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 2 (21/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 21-03-2017 14:34:40


ตอนที่ 2

ช่วงเวลาของการ…สืบพันธุ์! (1)

 

“ที่นี่คือห้องนอนของเราสองคน  ไงล่ะ  เจ้าชอบไหม”

ไอ้เงือกชีกอถามเสียงทุ้มหลังจากพาผมเดินทะลุสวนปะการังเข้ามาถึงวังด้านในซึ่งคงเป็นโวนสำหรับเจ้าชายเพราะมีขนาดเลกกว่าวังใหญ่ที่มันพาผมไปเมื่อกี้พอสมควร

“ก็สวยอยู่หรอกนะ  แต่…”

“แต่?”

“อะไรคือห้องนอนของเราสองคน   ผมไม่นอนกับคุณหรอกนะ!”

กับคนที่อันตรายสุดๆต่อประตูหลังกูแบบนี้  แม้แต่วินาทีเดียวกูก็จะไม่หันหลังหรือหลับตาให้!

“มันเป็นกฎนะ  บ่าวสาวที่จะเข้าพิธีจะต้องอยู่แต่ในห้องหอด้วยกันตลอดสามวันสามคืนเพื่อเป็นการสาบานต่อพระเจ้าว่าเราจะไม่แยกแจกกันตลอดไป”

“แต่ผมกับคุณไม่ได้จะแต่งงานจริงๆสักหน่อย!”

“การที่อีกสามวันเจ้ากับข้าจะเข้าพิธีอภิเษก  นั่นก็หมายถึงเราจะแต่งงานกันจริงๆนั่นแหละ”

“ก็แค่แต่งไหมล่ะ  แต่งแค่ในนามเฉยๆ”

“เจ้านี่เข้าใจเสียจริง  เอาเถอะ  วันนี้เหนื่อยกันมากแล้ว  ข้าว่าเจ้าพักผ่อนดีกว่า  พรุ่งนี้มีงานสำคัญรอเจ้าอยู่”

“งานสำคัญ?”

“เจ้าไม่รู้เหรอว่าพรุ่งนี้เป็นวันอะไร”

“ไม่รู้  วันอะไรล่ะ”

“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ได้รู้แน่”

ใบหน้าหล่อยกยิ้มแฝงความชั่วร้ายสุดๆ  ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วเสมองไปรอบห้อง  บรรยากาศมันน่าสะพรึงกลัวยังไงชอบกล

หมับ…

“เฮ้ย! ทำอะไรน่ะ!”

“อะไรกัน  ข้าแค่จะพาเจ้าเดินไปนั่งพักบนเตียงก็เท่านั้นเอง”

“บอกเอาก็ได้เว้ย  ไม่ต้องมาจับ!”

ขวัญเอ๊ยขวัยมา  แค่มันโดนตัวนิดเดียวผมก็สะดุ้งสุดโต่งแล้ว  ไม่อยากจะคิดภาพเลยว่าผมจะใช้ชีวิตอยู่กับมันในนี้เป็นเวลาสามวันสามคืนในสภาพไหน?!

ที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…

งานสำคัญในวันพรุ่งนี้ที่ว่านั่น…

“เจ้าอยากอาบน้ำไหม  ข้าจะช่วยถูตัวให้เอง”

“ไม่ต้อง”

“งั้นอยากผ่อนคลายด้วยการดมสาหร่ายไหมล่ะ  ข้าจะให้คนจัดเตรียมมาให้”

“ไม่เอา”

“หรือว่าอยากกินอะไรไหม  ในวังของข้ามีอาหารมากมายเลยนะ”

“ไม่! ไม่! ไม่!  ไม่เอาอะไรทั้งนั้น  อยากอยู่เงียบๆคนเดียวมากกว่า  เข้าใจไหม!”

ผมตวาดไอ้เงือกชีกอกลับไป  โดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะพยายามเข้ามาชวนคุยหรือทำดีด้วยแค่ไหน  พอเอาเข้าจริงผมก็ยังไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่าตอนนี้ตัวเองจะอยู่ในดินแดนของเงือก  แถมกำลังจะแต่งงานกับเจ้าชายของเมืองนี้ในอีกสามวันข้างหน้า  ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนผมตั้งตัวไม่ทัน

พ่อ…ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง  จะปลอดภัยหรือเปล่า  คงไม่ได้คิดว่าผมตายไปแล้วก็เลยจัดงานศพร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรหรอกนะ

หมับ…

“ทำไมว่าที่เจ้าสาวของข้าถึงได้ทำหน้าเศร้านักล่ะ”

“ปล่อยนะเว้ย”

“ไม่ปล่อย”

“คุณไม่มีสิทธิ์แตะตัวผมนะ”

“ทำไมจะไม่มี  ตอนนี้เจ้าอยู่ในความดูแลของข้านะ  อย่าลืมสิว่าที่นี่ไม่ใช่โลกของเจ้า  และเจ้าก็พึ่งพาใครไม่ได้นอกจากข้าคนเดียว”

ร่างสูงกระซิบที่ข้างหูขณะที่วงแขนแกร่งยังคงกอดรัดร่างกายผมไว้อย่างแนบแน่น  คางกลมมนเกยลงบนไหล่ของผม  คิดไปเองหรอเปล่านะที่ผมรู้สึกว่าคนที่กำลังพึ่งชาวบ้านเขาอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ผม  แต่เป็น…

คนๆนี้

เมื่อเห็นว่าให้ปล่อยยังไงก็คงไม่ฟัง  ผมเลยลอบมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่แม้ว่าจะกอดผมอยู่  หากแต่สายตาของเขากลับทอดมองไปไกลแสนไกล  ไกลจนผมเดาไม่ออกเลยว่าที่ที่เขาอยากจะมองให้เห็น…มันมีอยู่จริงหรือไม่

อ้อมกอดที่แสนเศร้า…

นัยน์ตาที่ว้าเหว่นั้น…

“นี่…คุณน่ะ…”

“…”

“ไม่ได้มีคนที่อยากจะแต่งงานด้วยอยู่แล้วเหรอครับ”

“!!!”

“…”

“จะ…เจ้าพูดอะไรน่ะ  จะไปมีเรื่องแบบนั้นได้ยังไง”

มีแล้วแน่ๆ

ชักแหม่งๆแล้วสิ  ที่ให้ผมมาเป็นเจ้าสาวจำเป็นให้คงไม่ใช่เพราะไม่อยากแต่งงานกับแม่นางปักเป้าอะไรนั่นแล้วล่ะ  มันต้องมีสาเหตุอื่น  มีบางอย่างที่ไอ้เงือกชีกอตัวนี้กำลังปิดบังผมเอาไว้!

“โกหก”

“ข้าเปล่าโกหกนะ  ตอนนี้ข้ามีแต่เจ้าคนเดียว  ข้าตัดสินใจเลือกเจ้ามาเป็นเจ้าสาวแล้ว  ข้าจะไปมีคนอื่นได้ยังไงกันล่ะ”

“เดี๋ยวๆ  ไม่ต้องทำท่าจริงจังขนาดนั้นก็ได้  คุณกับผมน่ะมันแค่เรื่องหลอก  ที่ผมถามก็เพราะจะได้รู้ว่าหน้าที่ของผมจะหมดลงเมื่อตัวจริงของคุณกลับมาใช่หรือเปล่า”

“…”

“…”

“ไม่กลับมาหรอก  ไม่มีใครกลับมาทั้งนั้น”

น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเจ็บปวดตอบกลับมา  อ้อมกอดที่ว่าแน่นแล้วกลับแน่นขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่าจนกระดูกผมแทบละเอียด  ร่างสูงที่ซ้อนอยู่ข้างหลังผมตอนนี้กำลังสั่นเทา

“คุณ…”

“ขอโทษนะ  ข้าขออยู่แบบนี้สักพักได้ไหม”

“…”

“ไม่รู้ทำไม  แต่…ข้ารู้สึกดีที่ได้กอดเจ้า  รู้สึกดีมากจริงๆ”

คงเพราะเป็นคำอ้อนวอนที่มาจากใจจริงไม่ได้แฝงความเจ้าเล่ห์เพทุบายอะไร  ผมถึงเผลอปล่อยตัวพิงนาบไปกับลำตัวแข็งแกร่งของเขา  ให้อีกฝ่ายได้ควานหาไออุ่นที่เขาต้องการอย่างเต็มที่

แปลกจัง…

จู่ๆก็รู้สึกอยากนอนขึ้นมา  หรือร่างกายของผมจะเพลียอย่างที่เขาบอกจริงๆ

 

‘ฮึก  หายไปแล้ว  ไม่มาแล้ว  ฮืออออ’

‘ปูนปั้น  เป็นอะไรไปลูก’

‘ไม่อยู่แล้ว  รอมาสามวันแล้วครับพ่อ  ไม่มาแล้ว  ฮืออออ’

‘อะไรหาย  อะไรไม่มาลูก  เป็นอะไรเหรอ?’

‘สัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ  สัญญาแล้วนี่  ฮืออออ’

 

เฮือก!!!

สะดุ้งตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด  ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเป้งไหลย้อยลงมา  หัวใจเต้นระรัวด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจ  ภาพเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้คนนั้น…  เด็กที่นั่งร้องไห้อยู่บนโขดหินริมทะเลมันผมตอนประถมชัดๆ!

“อะไรกัน  ฝันประหลาดชะมัด”

ตั้งแต่จำความได้ผมยังไม่เคยร้องไห้แบบนั้นมาก่อน  ภาพในความฝันตัวผมเองก็ไม่ได้เด็กถึงขั้นจะจำความอะไรไม่ได้  ถ้าหากมีเรื่องให้ผมต้องไห้อย่างหนักจนแทบจะขาดใจตายแบบนั้น  ผมไม่มีทางลืมแน่นอน  แต่ว่านี่มันกลับ…

ไม่มีอะไรอยู่ในความทรงจำผมเลยสักนิด

แปลว่ามันแค่ความฝันจริงๆสินะ

ฝันบ้าอะไรกัน  ไม่มีที่มาที่ไปเลยแม้แต่น้อย  มาถึงก็เป็นเหตุการณ์ที่ผมกำลังร้องไห้นั่งคร่ำครวญอยู่กับน้ำทะเลราวกับญาติเสีย

หมับ…

“มีอะไรเหรอ”

สติที่กระเจิงไปเพราะความฝันกลับมาเพราะคนข้างตัว

ผมเหลือบมองค้อนใส่ไอ้เงือกชีกอที่ถือวิสาสะนอนกอดก่ายเคียงข้างผมอย่างกับคู่ผัวตัวเมียกันจริงๆ  แต่ว่านะ…

ทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าอีกแล้วล่ะเนี่ย  ไอ้ปลาโรคจิตเอ๊ยยย!

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าเนี่ย!  แล้วถอดตั้งแต่เมื่อไหร่!”

“ก็อากาศมันร้อนนี่  ข้าเลยถอดตั้งแต่ที่เจ้าหลับซบอกข้านั่นแหละ”

“งั้นก็รีบๆใส่สิ!  ถ้าคุณไม่ได้กลายร่างเป็นเงือก  คุณห้ามถอดเสื้อผ้าเด็ดขาดเลยนะ”

“ไม่เอาอ่ะ  ข้าชอบแบบนี้มากกว่า  เวลาจะใช้งานก็สะดวกดีด้วย”

“มะ…หมายถึงเวลาปวดฉี่สินะ”

“ข้าหมายถึงเวลาจะสอดใส่ในตัวเจ้าต่างล่ะ”

“อะไรนะ!!!!”

“ฮ่าๆๆๆ  ข้าชอบเวลาเจ้าทำหน้าแบบนี้เสียจริง  ตอนที่แก้มขาวๆนี่แดงเหมือนปะการังสีแดง  น่ารักเสียจนข้าอยากจะฟัด”

“ปะ…ไปไกลๆเลยนะเว้ย!”

ผมเขยิบหนีไปจนชิดกำแพงหรืออีกความหมายก็คือหมดทางหนี!  ตายๆๆ  ขืนเป็นแบบนี้สักวันคงได้พลาดท่าเสียทีมันแน่ๆ  เล่นแก้ผ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลาแบบนี้ใครมันจะไปทนอยู่ด้วยได้วะ!  ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาผมจะยังไม่เคยมีแฟนหรือแม้แต่ตกหลุมรักใคร  แต่ผมก็ยังไมได้ฟันธงว่าตัวเองชอบเพศไหนหรอกนะ!

พออยากจะลองรักใครสักคนขึ้นมา  ก็รู้สึกเหมือนว่าทำไม่ได้ทุกที

คล้ายกับ…ผมกำลังรอใครบางคนอยู่

อ๊ากกกก!  หยุดคิดเรื่องพวกนั้นก่อน  ที่ต้องคิดคือจะจัดการยังไงกับไอ้เงือกชีกอนี่ดีต่างหาก  สายตามันโคตรไม่ประสงค์ร้ายต่อร่างกายของผมเลย!

“อีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว  วันสำคัญที่ข้าบอกเจ้าจะมาถึงแล้วนะ”

“วันสำคัญ?   สำคัญยังไง”

“ข้าจะค่อยๆอธิบายให้เจ้าฟัง  แต่ข้าขอบอกเจ้าไว้อย่างว่ามันอาจจะทำให้ข้าหลงลืมสติของตัวเองไปบ้างเพราะมันเป็นไปตามธรรมชาติ  ถ้าหากข้าเผลอทำอะไรรุนแรงไป  ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยจริงๆ”

“เดี๋ยวก่อนนะ  ตกลงมันคือวันอะไรกันแน่  ทำไมฟังดูแปล่งๆพิกล”

ชักเสียวๆแล้วสิ

ร่างกายผมจะปลอดภัยไม่มีส่วนไหนถูกสอดเสียบก่อนกลับบ้านไหมเนี่ย!

ยังไม่ทันที่ไอ้เงือกชีกอจะได้อธิบายความหมายของคำว่า ‘วันสำคัญ’  บางอย่างในร่างกายของหมอนี่ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น  ทำเอาผมตกใจจนแทบเสียชีวิต!

“เฮ้ย…เฮ้ย  นะ….นี่มันหมายความว่ายังไง”

“นี่แหละที่ข้าอยากจะบอกเจ้า”

“อะ…อะไร”

“วันสำคัญที่ว่าก็คือ…”

“…”

“วันแห่งการสืบพันธุ์”

“วันแห่งการสืบพันธุ์?!!!”

“ใช่  ข้าจำต้องสอดใส่ตัวเองเข้าไปในตัวของเจ้า  ว่าที่เจ้าสาวของข้า”

“จะบ้าเรอะ!”

ผมลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียงประหนึ่งเฉินหลงมาประทับร่าง  ขณะที่ไอ้เงือกชีกอเริ่มจะสติเลือนหายไปทุกที ดวงตาที่เคยสวยงามก่อนหน้านี้กลายสภาพเหมือนคนเป็นต้อกระจกก็ไม่ปาน

อ้าวเฮ้ย!  วิญญาณที่มีสติสัมปชัญญะของมึงบินหนีไปแล้วหรือไง!

“อย่าหนีข้าเลย  ช่วยปลดปล่อยข้าที”

มือหนาสาวเอาน้องชายของตัวเองที่กำลังแข็งชูชันอย่างเต็มที่ให้ผมดูพลางวิ่งเข้ามาหา  ผมรีบวิ่งหนีไปอีกทางเพื่อปกป้องสวัสดิภาพของร่างกายตัวเองสุดกำลัง

กูอยากจะบ้าตาย!

เพิ่งตกลงเป็นเจ้าสาว (ปลอมๆ) ให้ยังไม่ทันข้ามคืน  ต้องมาเจองานหินเป็นช่วงเวลาการสืบพันธุ์ของปลาไม่ต่างอะไรกับหมาที่ติดสัตว์!

เวรกรรมของกูจริงๆ

แล้วคืนนี้ผมจะหนีจากไอ้เงือกบ้ากามนี้ยังไงถึงจะพ้นเล่า!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย : มาอัพตอนที่ 2 แล้วจ้า  เอาล่ะสิ  งานเข้าปูนปั้นของเราอีกแล้ว  เมื่อเจ้าชายดันเกิดอาการติดสัตว์!  55555+  แล้วแบบนี้ปูนปั้นจะแก้ไขสถานการณ์อันตรายต่อประตูหลังของตัวเองในครั้งนี้อย่างไรดี  ยิ่งไปกว่านั้น…ใครบางคนที่ดูเหมือนทั้งปูนปั้นและเจ้าชายต่างก็เฝ้ารอเป็นใครกันแน่?
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 2 (21/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 21-03-2017 16:03:43
  ปูนปั้นก็มีคนอยู่ในใจสินะ
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 2 (21/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: เมื่อนั้นฝันว่า ที่ 21-03-2017 18:00:32
คนที่ทั้งสองคนคอยก็คือพวกเขาเองหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 2 (21/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-03-2017 00:00:16
จะเสร็จเขาไหมหนอ (หัวเราะ)
หัวข้อ: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 3 (23/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 23-03-2017 12:31:12
ตอนที่ 3

ช่วงเวลาของการ…สืบพันธุ์! (2)

 

“ก็บอกว่าอย่าเข้ามาไงเล่า!”

โครม! โครม!

เสียงอึกทึกครึกโครมดังมาร่วมครึ่งชั่วโมง  เพราะผมไม่สามารถยืนอยู่กับที่เฉยๆได้เนื่องจากไอ้เงือกชีกอที่ติดสัตว์มันได้สติหลุดไปเป็นที่เรียบร้อย  วิ่งไล่เสียบบั้นท้ายผมไม่หยุดเสียที!

ผลก็เลยกลายเป็นว่า…

ผมต้องวิ่งหนีมันโดยที่สองมือก็คว้าเอาของข้างตัวมาเขวี้ยงใส่มันไปด้วย

“ซี๊ด…ช่วยข้าหน่อย  ไม่ไหวแล้ว  ขอข้าเข้าไปเถอะนะ”

“ไม่ได้โว้ยยย!”

ทำอย่างกับขอเข้าบ้าน  แค่เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย!

ไอ้ห่า  ที่มึงกำลังขอเข้ามาเนี่ย  ตูดกูนะเฟ้ยยย!  ใครจะยอมให้เข้ามาง่ายๆกันฟะ

“แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!”

นะ…เหนื่อยจริงๆ

ผมคว้าเสาสักต้นที่เรียงรายกันอยู่พอสมควรในห้องๆนี้เพื่อใช้เป็นที่ยึด  รู้สึกว่าร่างกายหมดแรงอย่างบอกไม่ถูก  เวรกรรมอะไรของกูกันวะ  ต้องลุกมาวิ่งสู้ฟัดหนีปลาติดสัตว์เอาตอนตีห้าเนี่ย!

“เจ้าสาวของข้า  ช่วยข้าด้วย”

“อ๊ากกกกกก!”

ตึกๆๆๆๆๆๆ

ให้กูพักเหนื่อยสักห้านาทีก็ไม่ได้  อะไรมึงจะอยากขนาดนั้นฮะ!

ผมตั้งหน้าตั้งตาวิ่งวนไปวนมาอยู่ให้ห้องเพื่อหนีไอ้เงือกชีกอที่น้องชายชี้โดชี้เด่ไปมา  ดูจากขนาดของมันแล้ว  ผมไม่เสี่ยงจะดีกว่า  ถ้าขืนเคลิบเคลิ้มยอมให้เข้ามาล่ะก็มีฉีกขาดกันไปข้างแน่ๆ  เดี๋ยวนี้ของปลามันใหญ่กว่าของมนุษย์แล้วเหรอ

ระ…รู้สึกแพ้อย่างย่อยยับ…

ตุ้บ!

เสียงเหมอนมีอะไรบางอย่างกระแทกพื้นที่ด้านหลังเรียกความสนใจจากผมได้มาก   สองเท้าหยุดวิ่ง ค่อยๆหันกลับไปมองที่มาของเสียง

“เฮ้ย!”

ร้องลั่นเมื่อต้นเสียงที่ได้ยินคือไอ้เงือกชีกอที่สลบแน่นิ่งไปบนพื้นแล้ว

เดี๋ยวสิ!  มึงจะมาตายเพราะอดซั่มตอนนี้ไม่ได้นะเว้ย  มึงยังไม่ได้พากูกลับไปโลกมนุษย์เลย เพราฉะนั้นมึงจะตายไม่ได้!

ห้ามตายเด็ดขาด!

ผมรีบวิ่งกลับไปหาไอ้เงือกชีกอด้วยความเป็นห่วงกลัวตัวเองจะไม่ได้กลับบ้าน  ใบหน้าที่เคยขาวนวลผ่องบัดนี้ซีดเซียวพอๆกับริมฝีปาก

สาบานทีว่านี่คืออาการของปลาติดสัตว์…

แค่ไม่ได้ซั่ม…แต่ท่าทางมึงเหมือนโดนวางยาพิษมากกว่าเสียอีก!

“นี่คุณ!  คุณเจ้าชาย  เฮ้!”

ผมเขย่าตัวเรียกเขา  แต่เพราะไม่รู้ว่าชื่ออะไรก็เลยต้องอาศัยเรียกว่าคุณเจ้าชายไปก่อน

จะว่าไป…ทั้งผมและเขายังไม่ได้แนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการเลยนี่หว่า

หมับ!

“คิดว่าจะไม่เป็นห่วงข้าเสียแล้ว”

“เฮ้ยยย!”

ตุ้บ!!!

หะ…เหี้ยแล้วไง!

พลาดท่าจนได้  ไม่น่านึกห่วงกลัวจะตายแล้วจับตัวเองใส่พานถวายให้มันถึงที่แบบนี้เลย!

ผมตาลีตาเหลือกมองร่างสูงที่ตอนนี้ได้โอกาสขึ้นคร่อมทับผมเอาไว้เรียบร้อย  หนำซ้ำมันยังฉลาดล้ำ  นั่งทับขาผมไว้เพื่อที่ผมจะได้ไม่สามารถใช้ขาในหารหนีหรือดิ้นได้อีก  สองมือถูกตรึงไว้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวของอีกฝ่ายอยู่เหนือหัว

ทะ…ท่านี่มัน

ดูยังไงกูก็จะโดนปล้ำชัดๆ!

“จะ…จะ…จะ…จะทำอะไรน่ะ!”

“ก็บอกแล้วไง  ว่าขอเข้าไปหน่อย”

ไม่พูดเปล่า  มืออีกข้างที่ว่างอยู่ยังลูบไล้เข้าไปใต้ร่มผ้าอีกต่างหาก  โคนขาถูกสัมผัสนวดคลึงเบาๆจนรู้สึกร้อนวูบวาย

นี่มึงยังไม่เข้าใจอีกเรอะ  ว่าไอ้รูที่มึงสำรวจและดอมดมไปก่อนหน้านี้มันไม่ใช่รูสำหรับทำเรื่องแบบนั้น  แต่กูเอาไว้ขี้!  ไอ้เวรเอ๊ย  เข้าใจไหมคำว่าขี้น่ะ!

“ปล่อยนะ!”

“ข้าไม่ปล่อย  เวลานี้ข้าต้องการเจ้าเหลือเกิน”

“ไหนสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ทำอะไรผมเด็ดขาดน่ะ!”

“!!!”

“คุณสัญญาแล้วนะว่าเราจะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายกัน  หากผมยังไมได้ตกหลุมรักคุณ!”

ร่างสูงชะงัก  นัยน์ตาที่เหมือนเป็นต้อกระจกชั่วคราวค่อยๆกลับมาเหมือนอย่างเก่า

แสงของสีฟ้าจากดวงตาส่องสว่างออกมาเล็กน้อย  แต่มันก็ทำให้ผมโล่งใจขึ้นเมื่อคิดว่าเขาน่าจะกลับมาเป็นอย่างเดิมแล้ว

“ข้า…”

“…”

“ข้าขอโทษ   ข้าเกือบทำผิดสัญญากับเจ้า”

เขารีบปล่อยผมให้เป็นอิสระแล้วลุกถอยห่างไปไกล  คนตัวโตกว่านั่งชันเข่าก้มหน้าราวกับต้องการปิดบังเจ้าน้องชายที่ยังไม่สิ้นฤทธิ์ดีของตัวเอง

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ  แต่ข้าคุมสติไม่อยู่จริงๆ  ท่านพ่อเคยบอกว่า  ยามใดที่ข้าอายุครบยี่สิบปี  ยามนั้นบางอย่างในตัวข้าจะเริ่มเปลี่ยนแปลง  ข้าจะเข้าสู่ฤดูการผสมพันธุ์เหมือนปลาตัวอื่นๆ  และข้าจะไม่สามารถต้านทานมันได้”

โอ้โห… ตกลงมันคือการติดสัตว์หรือคำสาปที่เต็มไปด้วยพลังเวทย์กันแน่  ฟังดูรุนแรงยิ่งนัก!

“แล้ว…มันเป็นยังไงเหรอครับ”

เมื่อเห็นว่าสติของเขาน่าจะกลับมาครบถ้วนแล้ว  ผมเลยผ่อนคลายและกล้าพูดคุยกับเขามากขึ้น  ถึงแม้ว่าใบหน้าของเขาจะยังซีดเซียวไม่สู้ดีอยู่ก็ตาม

“ทรมาน”

“…”

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเป็นอย่างนี้  ข้าไม่เคยต้องตกอยู่ในอารมณ์ความต้องการแบบนี้มาก่อน  ไม่คิดเลยว่ามันจะดึงสติของข้าไปจนหมด  และจะทรมานร่างกายข้าจนแทบแหลกสลาย”

บรรยายความเจ็บปวดออกมาได้ชัดเจนดีแฮะ

แต่ถ้าตามภาษามนุษย์ก็คงประมาณว่ามีความต้องการที่จะปลดปล่อยสูงมาก  แต่พอปลดปล่อยไม่ได้ก็เลยจะรู้อึดอัดในร่างกาย  ยิ่งถ้าถูกกระตุ้นด้วยยาแต่กลับไม่ได้ปลดปล่อยก็จะยิ่งทรมานมากขึ้นไปอีก

อาการของเขาในตอนนี้…รุนแรงถึงขั้นนั้นหรือเปล่านะ

ผม…ในฐานะทีเป็นผู้ชายนี่เข้าใจดีเลยแหละว่าทรมานแค่ไหน  เหมือนตอนที่ถูกไอ้เพื่อนแกล้งจับมัดไว้กับเก้าอี้จนขยับไม่ได้แล้วเปิดหนังโป๊ให้ผมดูโดยที่พวกมันออกไปเตะบอลกันสบายใจเฉิบ

สาบานได้เลยว่าเป็นช่วงวินาทีที่โคตรทรมาน  จุดนั้นของผมตั้งโดเด่และแข็งจนปวดหนึบไปทั้งร่าง  แต่ก็ทำอะไรไมได้เลยเพราะถูกมัดอยู่  มันเป็นช่วงวินาทีที่ทรมานเจียนตายสำหรับผู้ชายจริงๆนะครับ

“ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะ  ทำไมคุณ…เอ่อ…ไม่ลองช่วย…”

“ช่วย?”

“ช่วย…ตัวเองดูล่ะครับ”

“…”

“…”

“…”

“…”

“เจ้าหมายถึงอะไร?”

หลังจากเงียบอยู่นาน  ไอ้เงือกชีกอก็เอ่ยถามด้วยสีหน้างุนงงสุดฤทธิ์

ฉิบหายละ  อย่าบอกนะว่าปลาไม่รู้จักการช่วยตัวเอง!  เวลาติดสัตว์ต้องหาทางปลดปล่อยด้วยการสอดใส่เข้าไปในกายของใครสักคนเท่านั้น?!

แบบนี้ไอ้ปลาตัวผู้ที่ยังหาเมียไม่ได้มันไม่ช็อกตายไปเลยเรอะ

“มันเป็นเรื่องที่อธิบายยากน่ะครับ  แต่มันสามารถทำให้คุณดีขึ้นจากที่เป็นอยู่ได้  ที่คุณต้องทนก็แค่ทนเมื่อยแขนนิดๆหน่อยๆเท่านั้น”

“ข้าไม่เข้าใจ  ช่วยทำเป็นตัวอย่างได้หรือไม่  ข้าจะได้ทำตาม”

“หา?!”

ผมส่ายหน้าเป็นพัลวัน  เรื่องแบบนี้มันทำเป็นตัวอย่างให้ดูได้ที่ไหนกันเล่า  ดีไม่ดีไอ้ช่วงที่กำลังทำเป็นตัวอย่างนั่นแหละ  อาจจะทำให้มันสติขาดผึงแล้ววิ่งไล่ปล้ำผมอีกครั้ง

ไม่ขอเสี่ยงดีกว่า

“ขอร้องล่ะ  ทำให้ข้าดูที  ถ้ามันสามารถทำให้ข้าหายทรมาน  ข้าก็อยากจะลองทำดูสักครั้ง”

“มะ…ไม่ได้จริงๆครับ”

“ข้าขอร้อง  ข้าไม่ไหวแล้ว  มันทรมานจนแทบขาดใจ  ข้า…ข้า…”

ตุ้บ!

ร่างสูงที่ทำท่าเหมือนจะคลานเข้ามาหาถึงกับหมดแรงหน้าคะมำทิ่มพื้นไปอย่างสวยงาม  กล้ามเนื้อที่แผ่นหลังและกล้ามต้นขาของเขาทำให้หดหู่ใจเหลือจะบรรยาย

เพราะอะไร…เพราะอะไรสวรรค์ถึงไร้ความบุติธรรมกับผมขนาดนี้  ทำไมถึงให้ไอ้ปลาที่แปลงกายเป็นคนได้มีหุ่นที่งดงามขนาดนี้กัน!  แล้วดูผมสิ  ผอมเป็นไม้เสียบผีอันเนื่องมาจากบ้านยากจนไม่มีอันจะกินนั่นเอง  สรุป…

ผมสู้ไม่ได้แม้กระทั่งปลาในทะเล

“ให้ตายสิ  ถ้าไม่ใช่เพราะผมกลัวคุณจะตายก่อนที่จะได้กลับบ้าน  ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายผมก็ไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน”

พูดใส่ร่างสูงที่หมดสติไปเป็นที่เรียบร้อยด้วยใบหน้าร้อน)ประหนึ่งเอาไปผิงไฟมา

ตามเนื้อตัวและใบหน้าของไอ้เงือกชีกอเต็มไปด้วยเหงื่อ  ท่าทางจะทรมานจริงๆแฮะ

“ฮึบ!”

ผมจับร่างสูงที่คว่ำอยู่ให้พลิกง่าย  ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่ได้หมดสติไปเสียทีเดียว  เพียงแต่เขาดูไม่ค่อยมีแรงก็เท่านั้น

“แฮ่ก…แฮ่ก…”

ลมหายใจที่หอบถี่รุนแรงขึ้นของเขาทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเพดานเพราไม่สามารถมองสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ตอนนี้!

ไม่คิดไม่ฝันว่าเกิดมาชาตินี้จะได้มาทำอะไรแบบนี้ด้วย

“อื้อ  ซี๊ด…”

เวรเอ๊ย  เสือกครางเหมือนคนอีก!

ผมหลับหูหลับตาใช้สองมือประคองแก่นกายขนาดใหญ่ของไอ้เงือกชีกอเอาไว้แล้วสาวขึ้นลงตามความยาวที่มีหวังจะช่วยปลดปล่อยสิ่งมันอึดอันอยู่ให้ออกมาจากร่างกายบ้าง

รู้ถึงไหนคงอายถึงนั่น  เพราะงั้นนี่จะเป็นความลับของผมไปชั่วชีวิต

หมับ!

“เฮ้ย!”

“เร็ว…อีก…”

ยังมีหน้ามาสั่งอีกเหรอฮะ!

ผมชักสีหน้าใส่ด้วยไม่พอใจ   หากแต่ก็ช่วยเร่งความเร็วให้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ  ไอ้เงือกชีกอห่อปากร้องครางอย่างถึงใจ

น้ำเสียงและท่าทางของเขาทำให้ผมวูบหวามในช่องท้องแปลกๆ  หัวใจก็เต้นระรัวจนแทบจะระเบิดตาย

คงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาทำอะไรแบบนี้  แถมยังมีคนมาทำสีหน้ารัญจวนพึงพอใจอยู่ตรงหน้าอีก   ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนที่อารมณ์กำลังพุ่งทะยานถึงขีดสุดจะทำสีหน้ามีความสุขได้มากขนาดนี้

“อื้ม…ซี๊ด…”

มือหนาที่จับแขนผมไว้อีกต่อบีบแขนผมแน่น  แถมยังเด้งสะโพกสวนกลับเข้ามาอีกต่างหาก

โชคดีจริงๆที่กูตัดสินใจใช้มือช่วยมึงเสียก่อน  ถ้ายอมให้มึงสอดใส่เข้ามาด้วยน้องชายไซส์บิ๊กบอสของมันบวกกับแรงกระแทกสวนไปมาที่มันทำอยู่ตอนนี้…

พัง!  บั้นท้ายกูพังยับแน่ๆ!

“อีกนิด…อีกนิดเดียว…”

ฟุ่บ  ฟุ่บ  ฟุ่บ

ความเร็วถูกเร่งจนผมปวดแขนไปหมด  แต่เพราะอยากให้เร่องนี้มันจบๆเสียที  ผมสูดหายเข้าปอด  รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายพ้อมเร่งจังหวะ!

“อื้อ!!!”

“อ๊ะ!”

ทำคุณบูชาโทษจริงๆเลยกู!

ช่วยมันจนสามารถปดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในแก่นกายออกมาได้ทั้งหมดแล้ว  ยังมิวายซวยเพราะส่งที่พุ่งทะลักออกมามันฉีดใส่หน้าผมเต็มๆ!

ไม่รีรออะไร  ผมรีบคว้าชายเสื้อผ้าที่สวมอยู่ของตัวเองมาเช็ดหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคาวสวาทของไอ้เงือกชีกอ  โดยที่อีกฝ่ายยังนอนหอบหายใจแฮ่กๆ  สีหน้าปริ่มความสุขอยู่

นอกจากจะไม่สำนึกบุญคุณแล้วยังทำกูแปดเปื้อนอีกนะไอ้เวร!

“ไม่อยากเชื่อเลย  ว่าเจ้าจะทำให้ข้ามีความสุขได้ถึงเพียงนี้”

กูจำใจบ้างเหอะ!

“ไม่ต้องสนใจหรอกครับ  ลืมได้ก็ลืมซะจะเป็นพระคุณมาก”

“ไม่มีวัน  ข้าจะไม่มีวันลืมค่ำคืนนี้ของเราอย่างแน่นอน”

“เดี๋ยวๆๆๆ  ไอ้คำพูดชวนให้เข้าใจผิดนี่มันคืออะไร!”

กูแค่ช่วยตัวเองให้มึงเฉยๆนะ  ไม่ได้เอากับมึง!  กรุณาทำความเข้าใจใหม่และอย่าตีความผิดสิเว้ยเฮ้ย!

หมับ!

“เหวอออ!

ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆก็ถูกไอ้เงือกชีกอฉุดแขนจนต้องล้มทับนอนอยู่บนตัวมันอย่างเลี่ยงไม่ได้  วงแขนแกร่งโอบกอดผมไว้แน่น

“ข้าเลือกเจ้าสาวไม่ผิดจริงๆเสียด้วย”

“ปล่อยนะเว้ย  ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่แบบนั้น”

“นี่…รู้อะไรไหม”

“…”

“เจ้าทำให้ข้าหลง…หัวปรกหัวปรำเสียแล้วล่ะ”

พับผ่าสิ!

สิ่งที่กูต้องการไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  งานเข้าปูนปั้นรัวๆแล้วสิ   ตอนนี้เจ้าชายของเราหลงปูนปั้นหัวปรักหัวปรำไปแล้ว  อย่างนี้จะจะรอดพ้นเงื้อมมือเจ้าชายไปได้สักกี่ ‘น้ำ’ กันนะ 5555+  มาเอาใจช่วยปูนปั้นกันด้วยเถอะ >__<

หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 3 (23/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-03-2017 16:26:25
ฮ่า ๆ ปูนปั้นกับเงือกชีกอเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 3 (23/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 23-03-2017 23:18:28
  เกือบโดนเงือกข่มขืนล่ะ 555 รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 4 (29/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 29-03-2017 18:28:49




ตอนที่ 4

นามของข้าคือ…

 

“ฮะๆๆ  ดูตรงนั้นสิ  สวยดีเนอะ”

“ฮื้มม~  ฮืมมม~”

“จะว่าไป  อีกแค่คืนเดียวสินะ  พวกเราก็จะได้ออกไปจากที่นี่แล้ว”

“ฮื้มม~  ฮืมมม~”

“ให้ตายเถอะ  นี่คิดจะกวนโมโหกันหรือไงฟะ!”

ตะโกนลั่นอย่างหมดความอดทน

ผมถลึงตาใส่ไอ้เงือกชีกอที่วันนี้ทั้งวันมันเอาแต่นั่งจ้องหน้าผมแล้วฮัมเพลงไม่หยุด  ไม่อยากจะบอกหรอกนะ  แต่สายตาที่มันใช้มองผมเหมือนจะมองทะลุไปถึงตับไตไส้พุงแล้ว!

เป็นสายตาที่ให้ความรู้สึกขนลุกได้ดีกว่าตอนเบ่งอึเสียอีก!

“อะไรกันเล่า  ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย”

“แต่คุณเอาแต่จ้องหน้าผมทั้งวัน!”

“ใครอยากให้เจ้าน่ารักน่ามองกันล่ะ  ข้ามีของสวยๆงามๆอยู่ข้างกาย  ชายใดเล่าจะอดใจไหว”

“ขอย้ำให้ทราบอีกครั้งนะครับว่าผมเป็นผู้ชาย!”

กูอยากจะมุดดินหนีแล้วไปโผล่เอาแกนโลกจริงๆ!

“ข้าไม่สนเรื่องเพศหรอก  บอกแล้วไงว่าขอแค่มี…”

“หยุด!  ไม่ต้องพูด  ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร”

ยกมือห้ามพร้อมกับส่งสายตาข่มขู่ไอ้เงือกบ้าที่ชะโงกมองบั้นท้ายผมด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ยสุดๆ  ขืนปล่อยไว้สักวันต้องถูกมันขืนใจแน่ๆ  อีกอย่างผมไม่รู้ด้วยว่าไอ้อาการแบบเมื่อคืนมันจะเกิดขึ้นตอนไหนบ้าง  อย่างน้อยก็ขอให้แค่ปีละครั้งก็พอนะ

แต่…คงเป็นไปไม่ได้หรอก  สัตว์โลกที่ไหนจะมีช่วงเวลาติดสัตว์แค่ปีละครั้งกันวะ!

“จริงสิ  พวกเรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลย  ผมชื่อปูนปั้นนะครับ  จะเรียกปูนหรือปั้นก็ได้  แล้วคุณล่ะ?”

เพื่อลบบรรยากาศหื่นกามที่จ้องจะมาคุมอยู่ตลอดเวลา  และเพื่อเบี่ยงเบนสายตาของเขาไปจากประตูหลังที่ตกอยู่ในอันตรายของผม  ก็เลยหาเรื่องคุยขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อน

อย่างน้อยก็ขอให้รอดปลอดภัยจนกว่าจะได้กลับบ้านล่ะนะ

“ปูนปั้นงั้นเหรอ  เป็นชื่อที่แปลกจริงๆเลย  ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน”

“จะไปเคยได้ยินได้ยังไงกันเล่า  นี่มันชื่อในโลกที่ผมอยู่นะ”

“ปูนปั้น…ข้าชอบชื่อของเจ้านะ”

ว่าพลางยิ้มจนตาหยี  ผมรีบหลบตาเพราะเมื่อกี้เหมือนตัวเองจะเห็นออร่าวิ้งวับบางอย่างเปล่งประกายออกมาจากตัวของเขา

กะ…กะอีแค่ยิ้มนิดยิ้มหน่อยถึงกับมีออร่าเชียวเรอะ!

เกิดเป็นเจ้าชายจะทำอะไรก็ดูงดงามไปหมดเลยสินะ  กูหมั่นไส้โว้ยยยย!

“ระ…รีบๆบอกชื่อของคุณมาเหอะน่า”

กูจะได้เลิกเรียกมึงว่าไอ้เงือกชีกอในใจสักที  แม่งยาวฉิบหาย!

“ครับๆ  นามของข้าคือ…”

“…”

“ไวโอเทเซียส มิลาเบลล่า  พี แคชเนอร์ เดอมองคาล ฟีการ์โด้ รีเซฟบรา ไคโอ”

“หะ…หา?”

“นั่นแหละนามของข้า”

ยังมีหน้ามายิ้มแป้นอีกเรอะ!

คนบ้าอะไรจะชื่อยาวเป็นทางช้างเผือกแบบนั้นกันฟะ!

อ๊ะ! ไม่สิ  ลืมไปว่าหมอนี่ไม่ใช่คน  แต่ถึงจะไม่ใช่คนก็เหอะ  เป็นแค่ปลาต้องชื่อยาวเป็นกิโลฯแบบนี้เลยหรือไงฮะ

“ขะ…ขออีกรอบได้ไหม”

จำไมได้สักคำเลยเหอะ!

“ไม่ได้หรอก  เพราะข้าเองก็จำไมได้เหมือนกัน  กลัวจะพูดได้ไม่เหมือนรอบแรก”

“อ้าว!”

“เอาเป็นว่า…เรียกข้าว่าไคโอก็แล้วกันนะ สั้นๆง่ายๆ  ชื่อนี้ข้าให้เรียกเฉพาะคนสำคัญเท่านั้นนะ  และเจ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น  จงยิ้มออกมาด้วยความดีใจเสียเถิด”

ใครจะไปดีใจกับเรื่องแบบนี้กันล่ะเฟ้ยยย!

ว่าแต่…เมื่อกี้เขาให้ผมเรียกว่าอะไรนะ  ไข่โต?  ใช่ไหม?

แต่ใครจะไปมีชื่อแปลกๆแบบนั้นกันล่ะ

“อะ…โอเค  ขะ…ไข่โตะ…”

“ไคโอ”

“อ้อ!  ไคโอสินะ  ฮะๆ”

เกือบไปแล้วไหมล่ะกู  เกือบหลุดชื่อสองแง่สองง่ามนั่นออกไปแล้ว!

“ข้าว่าวันนี้เจ้าพักผ่อนเอาแรงหน่อยเถอะ  พรุ่งนี้ก็จะถึงพิธีอภิเษกของพวกเราแล้ว  ในงานเจ้าจะเหนื่อยยิ่งกว่านี้หลายเท่านัก   โดยเฉพาะ…”

“…”

“ตอนเข้าหอ”

“เฮ้ยยยย!”

ตั้งแต่เจอไอ้เจ้าชายไข่โตนี่  ผมแทบจะกลายร่างเป็นนักยิมนาสติกไม่ก็นักกระโดดสูงเลยเหอะ  เจอมันพูดมาแต่ละประโยค  กระโดดหนีแทบไม่ทัน!

“ล้อเล่นน่า  ข้าไม่ขืนใจเจ้าแน่นอน  อย่ากังวลไปเลย”

“คนอย่างคุณพูดแบบนั้นได้ด้วยเหรอฮะ!”

คิดเรื่องเมื่อคืนแล้วก็เสียววาบที่ตูดไม่หาย  ถ้าเขาไม่สติกลับมาเสียก่อน  ป่านนี้บั้นท้ายผมคงยับเยินไปหมดแล้ว  ดีไม่ดีอาจต้องเอาเข็มกับด้ายมานั่งเย็บกันทีหลังก็ได้  เพราะขนาดของมันน่ะ…!

คะ…คิดแล้วก็พูดไม่ออกนอกจากหวาดกลัวอยู่ลึกๆ

ผมควรให้เขาไปผ่าออกสักซีกหนึ่งดีไหมนะ  บางทีผมอาจจะไม่ต้องเจ็บมาก…

อะจ๊ากกกก!  กูคิดอะไรอยู่ในหัวกันเนี่ย  ไปให้ผ่าออกก็เท่ากับว่าผมยอมที่จะเสียบน่ะสิ!  ไม่มีทางเสียหรอก  เอาไว้แบบเดิมนั่นแหละ  เพราะยังไงก็ไม่มีวันที่มันจะสมใจแน่นอน!

“เจ้าไม่ไว้ใจข้าเลยเหรอ  ข้าเป็นถึงเจ้าชายเชียวนะ  เป็นบุตรแห่งราชาดินแดนนี้  ข้าไม่มีทางเสียคำสัตย์ของตัวเองอย่างแน่นอน”

“…”

“เชื่อใจข้า  ข้าไม่มีวันทำอะไรเจ้า”

“…”

ไอ้สายตาจริงจังแบบนั้นมันหมายความว่ายังกันฮะ!  ไมได้การละ  ต้องรีบหาเรื่องอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง  ก่อนที่ผมจะเผลอถลำตัวเข้าไปมากกว่านี้!

“ระ…เรื่องนั้นช่างมันก่อนเถอะ  ผมมีเรื่องที่สงสัยอีกเรื่องต้องถามคุณ”

“อะไรหรือ?”

“ถ้าหลังจากวันพรุ่งนี้แล้ว  พอเสร็จพิธีแต่งงานของพวกเรา  แล้ว…ระหว่างเราจะเป็นยังไงต่อไป?”

“…”

“คุณจะพาผมกลับไปส่งที่ดินแดนของผมเอง  ส่วนคุณก็กำลับมาที่นี่ใช่ไหม  ถ้าแบบนั้น….การแต่งงานครั้งนี้จะมีความหมายอะไร  จัดขึ้นเพื่อสิ่งใดกันแน่”

“ระ…เรื่องนั้น…”

ไอ้เจ้าชายไข่โตหลบตาอย่างมีพิรุธ  เขามองไปทางซ้ายทีทางขวาทีราวกับกำลังนึกหาคำพูดที่จะบอกผมอยู่

ให้ตายสิ  ชักรับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแปล่งๆซะแล้ว

“เรื่องนั้นไว้ข้าจะจัดการเอง  เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”

“แต่ว่า…”

“นอนเถอะ  หากเจ้าไม่นอนข้าอาจจะเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกก็ได้นะ  เพราะตัวเจ้าตอนยังไม่หลับมันช่างยั่วยวนข้าได้ดียิ่งนัก”

พรึ่บ!

ผมลุกขึ้นเดินไปที่เตียงในทันทีโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายพูดซ้ำ  หลังจากเอนตัวลงนอนไปได้ห้านาที  ก็ต้องแปลกใจเพราะไอ้เจ้าชายไม่ยอมตามมานอนด้วยเหมือนเมื่อคืน  ด้วยทนสงสัยไม่ไหว  ผมก็เลยค่อยๆพลิกตัวจากที่ตอนแรกนอนหันหลังให้มันอยู่เพื่อดูว่าเขากำลังทำอะไร

“…”

ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปาก

ไอ้เจ้าชายที่ผมคิดว่าคงกำลังนั่งชมนกชมไม้อยู่ที่เดิมความจริงแล้วไปนอนจุ้มปุ้กขดตัวอยู่ตรงประตูทางออก  เขาชันเข่าขึ้นมากอดตัวเองเอาไว้ทั้งที่นอนหลับสนิทไปแล้ว

ท่าทางจะเพลียสุดๆไปเลยแฮะ

ทั้งที่เพลียขนาดนั้น  แต่กลับไปนอนบนพื้นแข็งๆที่ทั้งหนาวและไม่สบายตัว  เป็นเจ้าชายไม่ใช่หรือไง  เจ้าชายที่ใช้ชีวิตสุขสบายมาตลอด  แล้วทำไม…

 

‘เชื่อใจข้า  ข้าไม่มีวันทำอะไรเจ้า’

 

หรือว่าหมอนั่น…

จะทำเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผม

“เจ้าบ้าเอ๊ย  เป็นแค่ปลาแท้ๆ”

พึมพำกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นเดินไปทางไคโอพร้อมด้วยผ้าห่มที่มีเพียงผืนเดียวซึ่งก็คือผืนที่ผมใช้ห่มอยู่บนเตียงติดมือมาด้วย

“อย่าดูถูกลูกชาวประมงเชียวนะ  ผมน่ะ…อึดแล้วก็ถึกเกินกว่าที่คุณจะต้องมาเสียสละอะไรแบบนี้”

“…”

“คุณเป็นเจ้าชาย  ก็ควรใช้ชีวิตในแบบของเจ้าชายต่อไป  เรามาจากคนละโลกคนละฐานะ แต่ก็…ขอบคุณนะครับที่พยายามรักษาสัญญา

“…”

“อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมดีใจ   ที่คำพูดของผมสำคัญต่อใครบางคนจนเขาต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้   ผมดีใจจริงๆ”

ผมยิ้มให้กับไคโอที่ยังหลับสนิทก่อนจะกางผ้าห่มออกแล้วห่มให้เขา

ร่างสูงขยับตัวเล็กน้อย  จากสีหน้าที่ดูทรมานเพราความเย็นจากพื้นเมื่อครู่ค่อยๆดีขึ้นตามลำดับ  เวลาหลับเฉยๆก็ดูน่ารักดีอยู่หรอกนะ

เห็นแบบนี้แล้วอยากให้หลับตลอดไปชะมัด

“อ่า…เราเองก็เริ่มง่วงแล้วเหมือนกันแฮะ”

ช่างเป็นวันที่เหนื่อยจริงๆเลยนะ…

 

“ปูนปั้น  นี่…ปูนปั้น”

“หืม  แจ้บๆๆๆๆ”

“ปูนปั้น  ต่นเร็วเข้า  ปูนปั้น…”

“หืม  อะไรเหรอครับ  เช้าแล้วเหรอ”

ขานรับทั้งที่ยังไม่ลืมตาดี  ผมปิดปากหาวด้วยความง่วงแบบยากจะอธิบาย  ปรือตาหันไปมองทางต้นเสียงที่มาปลุกทั้งที่ฟ้ายังไม่ทันสว่างด้วยพระอาทิตย์

พูดให้ถูกคือมันสว่างนั่นแหละนะ  แต่สว่างเพราแสงจันทร์จากบนฟ้าต่างหาก

“พวกเราต้องรีบออกไปเดี๋ยวนี้  ดวงจันทร์ขึ้นเต็มด้วยแล้วนะ”

“ดวงจันทร์”

“ใช่ เร็วเข้า  เดี๋ยวจะไม่ทันพิธี”

“ดะ…เดี๋ยวสิครับ  หมายความว่ายังไงกันเนี่ย!”

ไอ้เจ้าชายไม่รอให้ผมพูดจบ  เขาคว้ามือแล้วพาผมออกจากห้องไปทันทีด้วยท่าทีเร่งรีบ  หนำซ้ำยังทำตัวแบบหลบๆซ่อนๆราวกับไม่ต้องการให้ใครเห็นอีก

เฮ้ๆ นี่มันยังไงกันแน่ล่ะวะ!

“หลบเร็ว!”

“อ๊ะ!”

แค่กูตัวเล็กกว่าก็ใช่ว่ามึงนึกอยากจะดึงกูตอนไหนก็ดึงนะเว้ย!

ไอ้เจ้าชายดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่นเพื่อซ่อนตัวจากพวกทหารเฝ้ายามที่เดินผ่านไป  หลังจากที่พวกทหารเดินหายไปจนลับตา  เขก็พาผมออกจากที่ซ่อนแล้ววิ่งไปเรื่อยๆจนเริ่มไกลออกมาจากวัง  แม้ว่าจะมีคำถามผุดขึ้นในหัวมากมาย  แต่ผมก็ไม่สามารถถามอะไรออกไปได้เพราะสีหน้าของคนที่วิ่งนำหน้าอยู่ตอนนี้ไม่สู้ดีนัก  และคงไม่ใช่เวลาที่จะมาเล่นเกมถามตอบอะไรตอนนี้ด้วย

“ถึงแล้ว”

เจ้าชายปล่อยมือผมออก  ที่ที่เขาพามาคือลานทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตา  เหนือหัวของเราคือดวงจันทร์สีนวลกลมโตขนาดใหญ่ราวกับว่าแค่เอื้อมมือออกไปผมก็จะคว้าดวงจันทร์มาได้  ที่ทุ่งหญ้ามีอยู่จุดหนึ่งที่วางปะการังเอาไว้ล้อมรอบเป็นวงกลม  และนอกวงกลมก็มีใครบางคนยืนอยู่!

“นั่นมัน…”

“ไปหาท่านพ่อกันเถอะ”

เจ้าชายจับมือพาผมเดินเข้าไปใกล้องค์ราชาของดินแดนแห่งนี้

มันเรื่องอะไรกันแน่นะเนี่ย  ผมงงไปหมดแล้ว

“เจ้ามาช้านะไคโอ  เกือบจะไม่ทันเวลาอยู่แล้ว”

“ข้าขอโทษท่านพ่อ  เป็นเพราะเจ้าสาวของข้าขี้เซาไปหน่อย  ก็เลยล่าช้า”

“ช่างเถอะ  ไม่มีเวลาแล้ว  พวกเจ้าต้องทำพันธะสัญญาต่อกันเดี๋ยวนี้”

“ดะ…เดี๋ยวนะครับ  พัน…พันอะไรนะครับ”

“พิธีอภิเษกไงล่ะ  เดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเอง”

ไอ้เจ้าชายหันมาอธิบาย  แต่ประทานโทษเหอะ!  ไม่ได้ทำให้กูเข้าใจขึ้นมาเลยสักนิด!

“เจ้าทั้งสองเข้าไปยืนในวงแหวนเร็วเข้า  ก่อนที่แสงจันทร์จะหายไป”

องค์ราชาเร่ง  ผมได้อ้าปากเหวอเพราะจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก  เจ้าชายเดินเข้าไปยืนอยู่ในวงแหวนปะการังเป็นคนแรก  เห็นแบบนั้นผมเลยเดินตามเข้าไปแบบงงๆ

ทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนงงจริงๆเลยกู

“ข้าจะเริ่มพิธีแล้วนะ”

องค์ราชาหยิบบางสิ่งบางอย่างออกมาก่อนจะเริ่มท่องคาถาที่ผมไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว  หากแต่ยิ่งองค์ราชาท่องคาถานานขึ้นเท่าไหร่  วงแหวนปะการังก็ยิ่งส่องแสงสว่างมากขึ้นเท่านั้น

พรึ่บ!

“นะ…นี่มัน…”

ผมเบิกตาโพล่งอย่างไม่เชื่อสายตา  วงแหวนปะการังปล่อยลำแสงสีขาวพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับเป็นแสงนำทางอะไรสักอย่าง  แสงจากปะการังรวมเป็นหนึ่งกับแสงจากดวงจันทร์  ก่อนที่ของในมือขององค์ราชาจะลอยขึ้นสู่ฟ้าและแสงพวกนั้นก็เปลี่ยนทิศทางเข้าไปในสิ่งของนั้นแทนราวกับว่าของสิ่งนั้นดูดกลืนแสงสว่างทั้งหมดเข้าไปในตัวเอง!

“อะไรกัน…”

หมับ…

เจ้าชายคว้ามือผมไปจับไว้แน่น  เราสบตากันโดยที่ผมปล่อยคำถามมากมายไปทางสายตานั้น  ทว่ายังไม่ทันได้เอื้อนเอ่ย  ร่างของมก็ถูกอีกฝ่ายกระตุกเข้าหาก่อนจะ…

“อุ๊บ!”

ประกบปากลงมา!

เบิกตากว้างเป็นรอบที่สอง  ทันทีที่ริมฝีปากของเจ้าชายประทับแนบแน่นลงบนริมฝีปากของผม  วงแหวนปะการังก็ส่องแสงขึ้นมาอีกครั้ง

 

‘ฝากเจ้าชายด้วย  มีเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น  ที่จะปกป้องชีวิตของเจ้าชายเอาไว้ได้’

 

สะ…เสียงนี้มัน…

เสียงขององค์ราชา!

หมายความว่ายังไงกัน  ตกลงสิ่งที่ผมกำลังเผชิญและทำอยู่ตอนนี้มันคือเรื่องอะไรกันแน่!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :





มาอัพแล้วจ้า  ต้องขออภัยที่หายไปหลายวัน  พอดีมีงานบวชญาติก็เลยไม่ได้มาอัพนิยายเลย  ตอนนี้เปิดปมขึ้นมาอีกแล้วจ้า  เกิดอะไรขึ้นกันแน่ล่ะเนี่ยยยย  เจ้าชายไข่โตของเรามีปัญหาอะไรงั้นเหรอ?  มาเอาใจช่วยปูนปั้นกันด้วยนะค้า  ปล. เปิดพรีฯแล้วนะคะ  ติดตามได้ในเพจเล้ยยย  ใครไม่อยากพลาดตอนพิเศษในเล่มล่ะก็…อย่าลืมอุดหนุนน้า

หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 4 (29/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-03-2017 18:41:10
ว่าละไง... จะไปเข้าพิธีอภิเษกทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ ที่แท้จะหนีไปอยู่บนโลกมนุษย์สินะ
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 4 (29/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: rayaiji ที่ 29-03-2017 20:42:45
ปักจ้า  o13
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 4 (29/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 29-03-2017 21:26:29
แนวแฟนตาซีกับปลา น่าสนใจมากค่ะ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 4 (29/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 29-03-2017 23:21:56
 รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 5 (31/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 31-03-2017 18:13:25


ตอนที่ 5
พันธะสัญญาผูกวิญญาณ
 
“แล้ว…สรุปว่า…”
“…”
“เรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้ยังไงล่ะครับเนี่ย!!!”
ผมแผดเสียงลั่นพลางชี้ไปทางเจ้าชายที่ยืนทำตาวิ้งๆมองซ้ายมองขวาอย่างตื่นเต้นที่ได้ขึ้นมาเหยียบบนโลกมนุษย์เป็นครั้งแรก!
“ถามได้  ก็ข้ากับเจ้าทำพันธะสัญญากันแล้วนี่  พวกเราอภิเษกกันแล้วนะ”
“ไอ้การทำแบบนั้นมันเรียกว่าแต่งงานตรงไหนกันฟะ!”
ในหัวคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ประมาณสักห้านาทีเห็นจะได้…
วินาทีกำไรกัลปังหามันถูกสวมลงบนคอของผม!  ไม่สิ  ใช้คำว่าสวมไม่ได้  ต้องเรียกว่ายัด (เยียด) เสียมากกว่า!
 
ผมยืนตาค้าง  มองแสงสว่างที่ค่อยๆจางหายไปในสิ่งของที่องค์ราชาปล่อยลอยขึ้นฟ้ากัน  เพียงไม่นาน  เจ้าสิ่งนั้นก็ลอยต่ำลงมาอยู่ตรงหน้าผมกับเจ้าชาย
นี่มัน…กัลปังหาที่ถูกทำให้กลายเป็นเครื่องประดับแล้วนี่นา  ลักษณะเหมือนกำไล  ทว่ามันกลับดูใหญ่เกินกว่าที่จะสวมข้อมือของคนได้  ถ้างั้น…
สวมตรงไหนกันล่ะ?
‘สิ่งนี้คือของแทนใจของเจ้าทั้งสอง  หลับตาลงซะ  อีกไม่นานพิธีก็จะเสร็จแล้ว’
องค์ราชาสั่ง  ผมรีบหลับตาตามที่ท่านบอก  รู้สึกได้ว่ามีแสงสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งก่อนที่ผมจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกบีบคอ!
‘อะ…อะไรกัน’
‘ห้ามลืมตานะ!  หลับตาเอาไว้!’
และเพราะคำสั่งนี้ผมจึงไม่กล้าลืมตาขึ้น  แม้ว่าจะรู้สึกหายใจไม่ออกเพราะลำคอถูกบีบด้วยบางสิ่งก็ตาม  ราวกับว่า…มีใครกำลังพยายามที่จะใส่อะไรให้กับอย่างนั้นแหละ
อะไรกันล่ะ?
สร้อยเหรอ?  แต่มันเจ็บและแข็งเกินกว่าที่จะเป็นสร้อยได้  หรือว่า…กัลปังหา!
‘เรียบร้อยแล้ว  เพียงเท่านี้  พวกเจ้าก็ทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณต่อกันอย่างสมบูรณ์’
‘ผูกวิญญาณ!  หมายความว่ายังไงกัน?’ 
‘ไคโอจะค่อยๆอธิบายทุกอย่างให้เจ้าฟังเอง  เอาล่ะ  รีบไปเข้าหอกันได้แล้ว  ก่อนที่พวกกบฏจะรู้เรื่อง’
‘ท่านพ่อ  ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะทำแบบนี้’
‘ข้าแน่ใจที่สุด  ไคโอ…เจ้าต้องดูแลตัวเองและเจ้าสาวของเจ้าให้ดีที่สุด  วิญญาณของพวกเจ้าเชื่อมโยงถึงกันแล้ว  เหลือก็แต่…’
‘ข้าทราบดีท่านพ่อ  ข้าจะรอจนกว่าวันนั้นจะมาถึง  แล้วข้าจะกลับมา  กลับมาทวงทุกสิ่งที่ควรเป็นของเราคืน’
‘ดีมาก!  ส่วนเจ้า…’
องคราชาเบนเข็มทิศมาทางผมที่ยังยืนคิ้วชนกันอยู่  ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย  งงไปหมดแล้วนะ!
‘ดูแลไคโอให้ดี  ปกป้องเขาให้ได้  เพราะถ้าหากเขาเป็นอะไรไป…’
‘…’
‘เจ้าก็จะตายเช่นกัน!’
 
จบการระลึกชาติแต่เพียงเท่านี้
หลังจากนั้นองค์ราชาก็หลับตาร่ายมนตร์อีกรอบ  พายุลมฝนปั่นป่วนไปทั่วทั้งดินแดน  ก่อนที่จะมีหลุมดำขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นดูดผมและเจ้าชายเข้าไป  และ…
ลืมตาอีกทีก็มาโผล่ที่นี่เสียแล้ว
ริมชายหาดแถวบ้านผม!
“เอาน่าๆ  ถือเสียว่าเรามาฮันนีมูนกันที่บ้านของเจ้าไง”
“กี่วัน?”
“หืม?”
“คุณจะมาอยู่ที่บ้านผมกี่วัน?”
ถามเสียงเครียด  บ้านผมเป็นเพียงบ้านไม้ผสมสังกะสีเก่าๆแทบไม่ต่างอะไรกับเพลิงหมาแหงน  อยู่กันกับพ่อแค่สองคน  ลำพังเงินหาปลาจากอาชีพชาวประมงของพ่อก็แทบจะไม่พอกินกันอยู่แล้ว  โชคดีที่ผมเรียนดีเลยได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัย  ไม่อย่างนั้นผมคงหมดสิทธิ์ที่จะเรียนต่อ
แล้วถ้าต้องเอาไอ้เจ้าชายชีกอนี่มาอยู่ด้วยอีกคนก็เท่ากับผมจะต้องแบกภาระเพิ่ม…
ใครจะไปยอมกันเล่า!
“เอ่อ…ข้าคิดว่าคงไม่อาจนับเป็นวันได้น่ะนะ”
“มะ…หมายความว่ายังไง”
“ก็แบบ…”
“อย่าบอกนะว่าเดือน!”
“…”
“ปะ…ปะ…ปีเรอะ!  ไม่มีทาง!  ผมไม่ยอมแน่ๆ!”
ว่าพลางเดินหนี  ตั้งใจจะถึงไอ้เจ้าชายบ้ามันไว้ตรงนี้เพราะไม่อยากหาเหามาใส่หัว  อีกอย่างพ่อต้องจับผมโยนลงทะเลแน่ๆถ้ารู้ว่าผมพาตัวภาระมาเพิ่ม!
“อ๊ะ!”
“หยุดเดินเดี๋ยวนี้นะปูนปั้น!”
“โอ๊ยยย!”
ผมทรุดตัวลงกับพื้น  สองมือกุมที่ต้นคอ  ดิ้นทุรนทุรายด้วยเจ็บปวดราวกับกำลังถูกมือที่มองไม่เห็นบีบคอจนหายใจไม่ออก
“ข้าบอกให้ยุดเดินไงเล่า!”
“แฮ่ก!”
หอบหายใจแฮ่กทันทีที่ไคโอเดินเข้ามาถึงตัว  ผมรีบสูดเอาลมหายใจที่หายไปร่วมนาทีเข้าปอด  นะ…นึกว่าจะต้องตายเสียแล้ว!
“อย่าอยู่ห่างจากข้าเกินสองร้อยเมตรเด็ดขาด”
“มะ…หมายความว่ายังไง  เกิดอะไรขึ้น  ไอ้ปลอกคอบ้านี่มันรัดคอผมจนเกือบตาย!”
“มันคือพันธะสัญญาของเรา”
“หา?”
“พิธีที่เราทำไปเมื่อครู่คือพิธีผูกวิญญาณ  วิญญาณของข้ากับเจ้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว  โดยมีวงแหวนที่ทำจากกัลปังหาอาบแสงจันทร์เป็นตัวเชื่อมวิญญาณของเรา  หากอยู่กันเกินสองร้อยเมตร  กัลปังหาจะรัดคอเราทั้งคู่  หรือหากเกิดอันตรายขึ้นกับใครคนใดคนหนึ่ง  อีกฝ่ายจะถูกวงแหวนรัดแน่นเพื่อเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้ทำพันธะสัญญากับเรากำลังมีภัย”
ผมอ้าปากหวอฟังที่เจ้าชายอธิบายน้ำตาแทบจะไหลพราก
นี่กู…หลงทำพิธีกรรมบ้าๆนั่นไปแล้วสินะ
เอาโซ่มาคล้องคอตัวเองเรียบร้อย!
“คุณกำลังจะบอกว่า…ถ้าผมไม่อยากตายเพราะถูกปลอกคอนี่รัดคอ  ทางเดียวก็คือผมจะต้องมีคุณอยู่ข้างตัวตลอดเวลา  ใช่ไหม…?”
“ถูกต้อง”
กูอยากตาย…
ไม่สิ  ถ้ากลับไปโดยมีเจ้านี่ติดสอยห้อยต่องแต่งไปด้วย  ยังไงผมก็โดนพ่อฆ่าตายอยู่ดี
ถ้างั้นก็ตายมันซะตรงนี้เลยเป็นไง!
“อย่ามาล้อเล่นนะ  การที่ต้องตัวติดกับคุณคลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงโดยห่างกันเกินสองร้อยเมตรไม่ได้นี่มันนรกชัดๆเลยนะเว้ย!”
“ข้ารู้ว่าเจ้าอึดอัด  แต่ข้าไม่มีทางเลือกจริงๆ  เพื่อรอเวลาที่พลังของข้าจะตื่นขึ้นมาทั้งหมด  ข้าต้องมีที่ที่ปลอดภัยในการหลบซ่อนตัว  ไม่เช่นนั้น…ดินแดนที่แสนสงบสุขของข้าจะต้องถูกพวกชั่วร้ายยึดครองแน่”
“คุณจะบอกว่าไอ้การแต่งงานบ้าบอนั่นความจริงก็แค่ฉากบังหน้าสินะ  ไม่สิ  มันคือการหลอกให้ผมหลวมตัวทำพันธะสัญญานี่ด้วย  โดยที่คุณจะใช้โลกของผม  ไม่ๆๆๆ ใช่บ้านของผมเป็นหลุมหลบภัยสำหรับคุณ  ผมพูดถูกไหม”
“จะว่าถูกก็ถูก  แต่จะว่าไม่ถูกมันก็…ต้องเรียกว่าไม่ใช่แบบนั้นซะทีเดียวน่ะ”
“แล้วมันยังไง!  เพราะผลสรุปสุดท้ายคือคุณกำลังจะไปที่บ้านผม  และผมไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือปฎิเสธอะไรได้เพราะปลอกคอบ้าๆนี่มันคอยแต่จะรัดคอผมตาย!”
ผมตะโกนใส่หน้าเขาอย่างหงุดหงิด
เรื่องสงครามของพวกเงือก  แต่กลับดึงผมทีเป็นมนุษย์เข้าไปรับรู้และเสี่ยงอันตรายด้วย  มันใช่เรื่องซะที่ไหนกันล่ะ
โลกกูก็ไม่ใช่  สงครามของโลกกูก็ไม่ใช่
อยากจะบ้าตายจริงๆเลยโว้ยยยย!
“จริงอยู่ที่ข้าต้องใช้บ้านของเจ้าเป็นหลุมหลบภัยจากพวกกบฏเพื่อรอวันที่พลังในตัวข้าจะตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่  แต่ว่า…เรื่องพิธีอภิเษกของเราน่ะ  มันคือเรื่องจริง”
“…”
“ข้าเลือกเจ้าเป็นเจ้าสาวของข้าจริงๆ  เพียงแต่การทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณในพิธีอภิเษกมันทำให้ข้ามีผลพลอยได้ที่จะสามารถมาใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าในโลกนี้ได้ก็เท่านั้นเอง”
“…”
“ในโลกของข้า  ชนชั้นสูงจะต้องทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณกับคู่ชีวิตในพิธีอภิเษก  เพื่อแทนคำสาบานว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”
กะอีแค่แต่งงานกันเนี่ยนะ  ถึงกับต้องทำเรื่องอันตรายอยากผูกวิญญาณนี่!  มึงจะใช้วิญญาณใครวิญญาณมันไม่ได้หรือไง  มันไม่ใช่ของที่จะเอามาแชร์แล้วหารสองเพ่อใช้ร่วมกันเลยนะเฟ้ย
“แล้วมีวิธีแก้ไหม  มีทางไหนบ้างที่จะยกเลิกไอ้พันธะสัญญาการผูกวิญญาณนี่น่ะ”
“จะว่ามีก็มีหรอกนะ”
“ยังไง  บอกผมมาสิ  ผมจะทำ!”
กูจะไม่ยอมตัวติดมึงสองร้อยเมตรแบบนี้แน่ๆ!
“วิธีที่จะยกเลิกพันธะสัญญาผูกวิญญาณก็คือ…”
“…”
“เจ้ากับข้าจะต้องผูกพันกันด้วยหัวใจแทน”
“ฮะ!!!”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่หัวใจของเจ้าและข้าผูกพันกัน  เมื่อนั้น…พันธะสัญญาการผูกวิญญาณจะถูกปลดปล่อย  แล้วพวกเราก็จะเป็นอิสระ”
ไอ้เจ้าชายตอบหน้าตาย  ส่วนผมวิญญาณลอยออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว…
แบบนี้ก็เท่ากับว่า…ผมจะเอาปลอกคอนี่ออกได้ก็ต่อเมื่อ…ผม…และเขา…
รักกัน…
เท่านั้นสินะ!
ใช้หัวใจผูกพันกันแทนดวงวิญญาณ  เมื่อนั้น…หัวใจถึงจะปลดปล่อยวิญญาณของเราให้เป็นอิสระ  เรื่องแบบนี้น่ะ…
โคตรจะแฟนตาซีเลยให้ตาย!
“งั้นเราต้องอยู่แบบนี้ไปตลอดเหรอ  ถ้าวันหนึ่งคุณจัดการกับพวกกบฏได้  ถึงตอนนั้นผมไม่ต้องตามคุณไปอยู่ที่นั่นเหรอครับ”
“ถ้าเจ้าไม่อยากไป  งั้นเจ้า…”
“…”
“ก็ตกหลุมรักข้าเสียสิ”
ไอ้เจ้าชายก้มหน้าลงมายิ้มแป้นให้ผม
กูล่ะอยากจะเอาบาทายันหน้ากวนๆของมันจริงๆ!
“ฝันไปเหอะ!”
“งั้นเราก็อยู่กันแบบนี้ตลอดไป  ข้ายังไงก็ได้อยู่แล้ว  เพราะว่าเจ้าคือเจ้าสาวของข้า  อีกอย่าง…”
“…”
“ข้าคงตกหลุมรักเจ้าได้ไม่ยาก  ไม่มีอะไรต้องห่วง”
อีกฝ่ายยักไหล่ท่าทางสบายสุดๆ  ดูท่าผมคงทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว  เพราะพันธะสัญญาก็ดันหลวมตัวทำไปแล้วอีก  ถ้าอยู่ห่างเขาเกินสองร้อยเมตรมีหวังได้กลายเป็นศพปริศนาอยู่ริมหาดแน่ๆ
ให้ตายสิ  ไม่มีทางเลือกแล้วสินะ!
“ไปกันเถอะ”
“ไปไหน?”
“บ้านของผมไง  คุณคงไม่คิดว่าเราจะนอนกันตรงนี้หรอกนะ”
ตอบเสียงอ่อน  เหนื่อยที่จะพูดและไม่อยากที่จะฟังอะไรอีกแล้ว  อุตส่าห์คิดว่าแค่แต่งงานด้วยแล้วทุกอย่างจะจบ  กลับคืนสู่สภาพใครสภาพมัน  ที่ไหนได้ล่ะ…
มันดันกลายเป็นห่วงโซ่อันเท่าบ้านมาคล้องคอผมซะงั้น
ปีนี้ปีชงของกูหรือเปล่าวะ  ฮึกกก!
 
จ้อกแจ้กๆๆๆๆๆ
เสียงพูดคุยดังระงมราวกับว่าที่แห่งนี้คือห้องประชุมอะไรสักอย่าง  มีกลิ่นคาวของปลาลอยคะคลุ้งปะปนในอากาศจนแยกไม่ออกว่าอันไหนคออกซิเจน  อันนั้นคือกลิ่นเน่าอันไม่พึงประสงค์  ผมพาเจ้าชายมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบ้านซึ่งเป็นเพียงบ้านไม้ที่หลังคาเป็นสังกะสีพอกันแดดกันฝน  โดยที่ทางขึ้นเป็นบันไดชันๆห้าขั้น  ในละแวกนี้บ้านุทกหลังก็เป็นแบบนี้เหมอนกันหมด  ซึ่งแต่ละหลังจะอยู่ติดกันจนแทบจะกระโดดข้ามไปบ้านของอีกหลังได้สบายๆ
“อ้าว  หยุดทำไมล่ะ”
“ถึงแล้ว”
“ถึงแล้ว?  ที่นี่คือบ้านของเจ้าล่ะ  ใช้ได้เลยนะ  มีหลายห้องเลยด้วย”
เจ้าชายตาลุกวาว  มองไปบ้านหลังนู้นทีหลังนี้ทีราวกับกำลังเลือกว่าจะอยู่บ้านหลังไหนดี
“เปล่าหรอก  ไม่ใช่”
“หืม?”
“บ้านของผม  หรือก็คือบ้านที่คุณจะต้องอยู่จนกว่าคุณจะได้กลับไปน่ะก็คือ…หลังนี้ต่างหาก”
ผมชี้ไปยังบ้านที่อยู่ตรงหน้าของเราสองคน  เจ้าชายยิ้มหวานมองตามก่อนจะกะพริบตาปริบๆอยู่ร่วมนาที  และ…
“นะ…นี่น่ะเหรอบ้านของเจ้า!   มันเล็กพอๆกับห้องเก็บของในวังข้าเลยนะ!”
ไอ้เจ้าชายตะโกด้วยท่าทางตกใจแบบคาดไม่ถึงสุดๆ
ขอโทษแล้วกันที่บ้านกูมันเป็นได้แค่ห้องเก็บของของมึงน่ะ  ไอ้เวรเอ๊ยย!
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามนุษย์จะอยู่กันอย่างอัตคัดขัดสนเช่นนี้!  ต่างจากที่ข้าคิดไว้ลิบลับ”
“ก็ไม่ใช่มนุษย์ทุกคนหรอกครับที่จะอยู่แบบนี้”
ปากหมาแบบนี้ไม่น่าเกิดเป็นปลาเลยนะ  สมควรไปเกิดเป็นไอ้ตูบหลังวัดมากกว่า!
“ขึ้นไปข้างบนดีกว่าครับ”
“บันไดบ้านเจ้าหักหรือ  ดูเหมือนจะหายไปสามขั้น”
“เปล่าหรอกครับ  ไม้ที่แข็งแรงพอจะสร้างบันไดให้คงอยู่นานๆมันแพง  ผมมีปัญญาซื้อมาได้แค่ห้าแผ่นเท่านั้น  ก็เลยทำได้ห้าขั้น  ส่วนที่มันเว้นว่างๆทิ้งระยะห่างนั่น…มันไม่มีตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก”
“นะ…นี่เจ้าโตมาได้ยังไงกันล่ะเนี่ย  ข้าสงสัยเหลือเกิน!”
จะโตมายังไงมันก็เรื่องของกูเว้ย!
อยากจะร้องไห้ให้น้ำตาเป็นสายเลือด  ผมเดินนำเจ้าชายขึ้นไปบนบ้านก่อน  โดยที่อีกฝ่ายกำลังตะเกียกตะก่ายกับขั้นบันไดที่ชันสุดๆของบ้านผมขึ้นมา  พอขึ้นมาได้ก็ยกมือขึ้นทาบอกด้วยท่าทางใจหายสุดฤทธิ์
กูขอโทษที่บันไดบ้านกูเสือกมีแค่ห้าขั้น!
“พ่อผมคงออกไปขายปลาข้างนอก  ผมจะพาคุณมาดูแล้วกันว่าเราต้องนอนตรงไหน”
“เจ้าหมายถึงห้องหอของพวกเราใช่ไหม”
ตาเป็นประกายขึ้นมาอีกรอบ
มึงอย่าใช้คำว่าห้องหอเลย  กูฟังแล้วจักจี้  เรียกว่าพื้นที่(เกือบจะ)ส่วนตัวดีกว่า
“นี่ไง  ที่นอนของผมกับคุณ”
ผายมือไปยังที่นอนอันแสนหรูหราของตัวเองให้เจ้าชายดู  เขายืนนิ่งอยู่สามวินาทีก่อนจะพุ่งเข้าไปดึงเสื่อของผมขึ้นมาถือไว้
“จะ…เจ้าสิ่งนี้คืออะไร  มันใช้นอนได้ด้วยเหรอ  นีก็อีก  ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน”
“ไอ้ที่คุณถืออยู่เรียกว่าเสื่อครับ  ส่วนที่คุณชี้น่ะมันคือมุ้ง  เวลานอนก็กางมุ้งเพื่อเอาไว้กันยุง”
“ยุง?”
“สัตว์ตัวเล็กมีชีวิตอยู่ได้เพียงเจ็ดวัดแต่ก็อันตรายมากถึงมากที่สุดสำหรับมนุษย์!”
“ชะ…ช่างน่ากลัวจริงๆ!”
เจ้าชายทำหน้าตื่นตูมก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเสื้อผืนหมอนใบของผมต่อ  ภายในบ้านขนาดเพียงสี่เสื่อของผมนั้น  พ่อได้เอาแผ่นไม้บางๆมากั้นให้เพื่อแบ่งออกเป็นสองห้อง  โดยฝั่งที่พ่อนอนนั้นจะเป็นทั้งห้องรับแขก ห้องครัว  และห้องนอนของพ่อ  ส่วนอีกฝั่งของแผ่นไม้ก็เป็นห้องของผม  มีตู้เสื้อผ้าเล็กๆอยู่ตรงปลายเท้าสำหรับใส่เสื้อผ้า
ว่าแต่…นี่ก็เย็นมากแล้ว  ทำไมพ่อถึงยังไม่กลับมาอีกนะ
“นี่ๆ  ข้าอยากแช่น้ำแล้วน่ะ  ห้องอาบน้ำของเจ้าอยู่ไหนเหรอ  ว่าแต่…มีดอกไม้สวยๆโรยบนอ่างให้ข้าไหม”
“เหอะๆ  อ่างอาบน้ำงั้นเหรอครับ…”
บ้านกูมีแต่ห้องน้ำสังกะสีที่มีแค่โอ่งกับขันหนึ่งในห้องน้ำแล้วก็ส้วมหลุมในตัวเท่านั้นแหละเฟ้ยยยยย!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่ 5 แล้วจ้า ตอนนี้เชื่อว่าหลายคนคงสงสารน้องปูนปั้นของเรา  บอกตรงๆว่าเพิ่งเคยแต่งนายเอกจนขนาดนี้เป็นครั้งแรก 555555+  แล้วแบบนี้เจ้าชายไข่โตผู้ใช้ชีวิตสุขสบายมาตลอดจะอยู่ได้ไหมล่ะเนี่ย  มาถึงก็ถามหาอ่างอาบน้ำซะแล้ว  งานนี้คงได้นอนแช่น้ำในโอ่งไปก่อนแน่ๆ  สงสารก็แต่ปูนปั้น  อยู่ห่างเจ้าชายเกินสี่ร้อยเมตรก็ไม่ได้เพราะวงแหวนจะรัดคอจนตาย  งานนี้กลายสภาพเป็นพี่เลี้ยงเต็มตัวแน่ๆ  มาเอาใจช่วยปูนปั้นกันด้วยนะค้า *O*
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link
 (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 5 (31/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 31-03-2017 18:26:04
เจ้าชายตกยากเสียแล้วสิ
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 5 (31/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 31-03-2017 20:10:37
 ทนๆหน่อยเจ้าชาย โลกมนุษย์เวลาหมุนเร็วกว่าโลกเงือกมั้ง แป๊บๆก็ผ่านไปล่ะ
 รออ่านตอนต่อไปคับ
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 5 (31/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 31-03-2017 20:41:13
ปูนปั้นให้อารมณ์ที่คุ้นเคย เราเข้าใจ เราก็จน
หัวข้อ: Re: A Mermen รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 5 (31/03/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 31-03-2017 21:12:45
ประหลาดมาก
ตกลงเจ้าชายเงือกลี้ภัยมาอยู่โลกมนุษย์
ที่บ้านหลังเล็กๆบันไดมีไม่ครบ
นอนบนเสื่อ กางมุ้งกันยุงกัด
นี่เจ้าชายตกจากวังชัดๆ
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 6 (01/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 01-04-2017 21:02:11
ตอนที่ 6
เสียงร้องไห้ของเจ้า

“ทำไมอ่างอาบน้ำของโลกมนุษย์มันถึงแคบแบบนี้ล่ะ   ข้าขยับตัวไม่สะดวกเลย”
เจ้าชายจอมเรื่องมาก ( สรรพนามสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาตามอารมณ์ของผมและการกระทำของหมอนี่! )  บ่นพึมพำพลางก้มลงมองโอ่งมือสองที่ผมกับพ่อลงทุนไปเบียดเสียดผู้คนประมูลมาได้จากวัดในราคาถูกแสนถูกเมื่อสองปีก่อน
“ของที่โลกของผมกับโลกของคุณจะเหมือนกันได้ยังไงล่ะ  สำหรับโลกของผม  อ่างนี้ถือเป็นอ่างที่หรูที่สุดแล้วคุณรู้ไหม”
“จริงเหรอ  แสดงว่าเจ้าก็มีฐานะพอสมควรเลยสินะ  ถึงได้ใช้ของหรูหราอย่างอ่างนี้ได้”
“ก็…นะ”
โกหกพวกไม่รู้นี้มันง่ายจริงๆ
เจ้าชายยิ้มเผล่เมื่อหลงเชื่อว่าโอ่งที่ตัวเองกำลังลงแช่น้ำอยู่ตอนนี้คืออ่างอาบราคาแพงระยับจริงๆ  ปลายส่วนของหางม้วนขึ้นมาพาดอยู่กับขอบโอ่งเล็กน้อยเพราะเจ้าชายตัวสูงพอสมควร  อาจเพราะเป็นเงือก  เวลาขาดน้ำหรือไม่ได้โดนน้ำนานๆเลยจะดูไม่ค่อยมีแรง  พอโดนน้ำทีก็เลยต้องกลายร่างกลับเป็นเงือกอีกครั้งอย่างเลี่ยงไม่ได้
โชคดีที่พ่อยังไม่กลับมาและไม่มีใครมาเห็น  ถ้าความแตกว่าหมอนี่เป็นเงือกล่ะก็มีหวัง…
ถูกชาวบ้านแถวนี้จับล่ามโซ่เอาไปออกตามงานวัดแหงๆ!
“คุณแช่น้ำอยู่ในนี้ก่อนนะครับ  ผมขอออกไปหาพ่อก่อน  ห้ามออกมาจนกว่าผมจะมาเรียก  หรือถ้าอยากจะออกมาจริงๆก็ต้องกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ก่อน  เข้าใจไหมครับ”
“ข้ารู้แล้วน่า”
“ที่โลกของผมคุณต้องใช้คำว่าคุณกับผม  หรือไม่ก็ฉันกับนาย ห้ามใช้ข้ากับเจ้า  แล้วก็ห้ามใช้ศัพท์แปลกๆด้วย  ต้องเรียนรู้คำศัพท์ของโลกมนุษย์  ถ้าคุณอยากจะอยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย”
“ข้า…”
“…”
“เอ่อ…ฉัน…รู้แล้วน่า”
“รู้แล้วก็ดีครับ  ไว้ผมจะซื้ออะไรกลับมาให้กิน”
“ข้า…! เอ๊ย  ฉันอยากกินสาหร่ายจากใต้ทะเลลึกหนึ่งพันฟุต…”
“ไม่มีครับ!”
ผมตัดบทไปทันที
ให้ตายสิ  ไอ้เจ้าชายบ้านี่มันเข้าใจสถานะของตัวเองในตอนนี้บ้างไหมเนี่ย!  บ้านที่เขาลี้ภัยมาหลบกบฏอยู่ตอนนี้คือบ้านของผมที่จนโคตรจน  จนแบบชาตินี้คงไม่มีใครคิดว่าจะจนได้เท่านี้อีกแล้ว  มากที่สุดที่ผมจะหาให้เขากินได้ตอนนี้ก็คงเป็น…
ไข่! เท่านั้นแหละนะ
รู้สึกในกระปุกจะเหลือเงินอยู่แค่ห้าบาทเท่านั้น  ซื้อได้ฟองเดียวสินะ
ผมเดินไปเปิดดูถังข้าวสาร  เหลือติดถังอยู่แค่นิดหน่อยเท่านั้น  พอกินสำหรับแค่คนๆเดียว  แปลกแฮะ  แล้วพ่อผมหายไปไหน  ถ้าพ่อปลอดภัยและกลับมาที่บ้านก่อนก็น่าจะเอาปลาที่ได้ไปขายแล้วมาซื้อข้าวสารเพิ่มสิ  แต่ดูเหมือนว่าข้าวสารจะยังเหลือเท่าเดิมนับจากวันที่ออกไปวางอวนกัน
มันยังไงกันแน่ฟะ!
ผมจุดฟืนตั้งเตาเพื่อหุงข้าวทิ้งเอาไว้แล้วรีบวิ่งออกไปตามหาพ่อ  แต่ไม่ว่าจะที่ไหนก็ไม่เจอพ่อเลย  บ้าน่า!  ปกติเวลานี้พ่อผมจะมานั่งถักแหกับเพื่อนๆเพื่อหารายได้เพิ่มนี่นา!
“ลุงกิ่ง!  ลุงกิ่งครับ  พ่อผม…”
“ไอ้ปั้น!  เอ็งยังไม่ตายเรอะ!”
ลุงกิ่งเพื่อนสนิทของพ่อและเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งของผมตะโกนลั่นอย่างตกใจก่อนจะวิ่งเข้ามากอดผมทั้งน้ำตา 
คำถามของลุงทำให้ร่างกายผมชาวาบไปหมด
“ละ…ลุงหมายความว่ายังไงครับ  แล้วพ่อ…พ่อผมล่ะ”
“ไอ้ปั้น  ทำใจดีๆไว้นะ  ไอ้ปืนพ่อเอ็ง…ตายแล้ว”
“!!!”
“หลังจากที่เรือของพวกเอ็งเจอพายุแล้วไม่กลับเข้าฝั่งมาอีกเลย  ข้าก็ระดมพวกชาวบ้านออกตามหาพวกเอ็งอยู่เป็นอาทิตย์แต่ก็ไม่เจอ  จนกระทั่งไปเจอเรือของพวกเอ็งกลายเป็นซากลอยไปติดเกาะอยู่นั่นแหละ  ทั้งเอ็ง  และพ่อเอ็ง  ข้าหาศพใครไม่เจอเลย  พวกชาวบ้านเลยลงความเห็นกันว่าเอ็งสองคนพ่อลูกคงถูกคลื่นซัดจมหายไปแล้ว” 
“ไม่…ไม่จริงใช่ไหมลุง!  ไม่จริงใช่ไหม!  ก็คืนนั้น…คืนนั้นผมช่วยพ่อไว้ได้  พ่อผมปลอดภัยอยู่บนเรือก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายตกเรือไปเอง  แล้วทำไม…ทำไม!”
“ถ้าเป็นอย่างทีเอ็งเล่า  ข้าคิดว่าไอ้ปืนมันคงกระโดดตามลงไปเพื่อช่วยเอ็งนั่นแหละ  แต่คงพลาดท่าจนถูกทะเลเอาชีวิตไป”
ตุ้บ…!
ผมทรุดตัวลงกับพื้นอย่างหมดแรง  น้ำตาไหลพรากออกมา   ในหัวมีแต่ภาพของพ่อที่มักยิ้มให้ผมอย่างใจดีเสมอ  ภาพของพ่อที่ทำงานหนักมาตลอดเพ่อส่งเสียให้ผมเรียน  พ่อ…ที่คอยทำทุกๆอย่างให้  ทำหน้าที่ของแม่  เป็นทุกสิ่งสำหรับผม
“พ่อ…พ่อ…ฮือออ”
“ไอ้ปั้น…ร้องออกมาลูก  ร้องออกมา!”
ลุงกิ่งตบบ่าผมก่อนจะดึงผมเข้าไปกอดแน่น 
ไม่อยากจะเชื่อเลย  ทำไม…ทำไมทุกอย่างถึงกลายเป็นแบบนี้  อย่างน้อยๆถ้าจะเอาชีวิตพ่อผมไปก็น่าจะให้ผมได้ร่างของพ่อกลับมาทำพิธีอย่างถูกต้องสิ  ไม่ใช่เอาพ่อผมไปทั้งหมดแบบนี้
ใจร้าย  สวรรค์ใจร้ายกับผมมากเกินไปแล้ว!
“เอ็งต้องอยู่ให้ได้นะไอ้ปั้น  อย่าทำให้พ่อเอ็งต้องเป็นห่วงเด็ดขาด  ไอ้ปนมันลำบากมามาก  อย่างน้อยก็ให้มันจากไปอย่างหมดห่วงเถอะนะ”
คำพูดของลุงกิ่งผมเข้าใจดีทุกอย่าง
ผมไม่อยากร้องไห้  และผมรู้ว่าตัวเองควรเข้มแข็งเพื่อไม่ให้พ่อจากไปอย่างเป็นกังวล  แต่ไม่ว่ายังไง…การถูกพรากจากกันของเราสองพ่อลูกครั้งนี้มันก็เร็วเกินไปจนผมตั้งรับไม่ทัน  ผมไม่สามารถโกหกไดเว่าตัวเองไม่เป็นไร
พ่อ…พ่อครับ
พ่ออยู่ที่ไหน  ผมไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าพ่อจะจากผมไปแล้ว
ไม่อยากเชื่อ…

กว่าจะสงบจิตสงบใจให้หายคลั่งได้ก็กินเวลาพอสมควร  ผมรีบไปซื้อไข่ไก่มาหนึ่งฟองแล้วขอตัวกลับมาที่บ้านก่อนเพราพวกชาวบ้านเอาแต่รุมสัมภาษณ์ผมว่าหายไปไหนมาตั้งหนึ่งอาทิตย์  ถึงจะช็อกกับการจากไปของพ่อ  แต่ผมก็ยังไม่ลืมสิ่งสำคัญที่ผมได้รับมอบหมายมา  นั่นก็คือ…
ต้องคอยดูแลเจ้าชาย
ลุงกิ่งบอกว่าลุงกิ่งได้จัดงานศพของพ่อและผมขึ้นมาถึงแม้ว่าจะไม่มีศพก็ตาม  และก็มีป้ายและโกศของผมกับพ่ออยู่ในวัด  ตั้งใจว่าพ่อให้อาหารเจ้าชายเสร็จก็จะไปกราบที่โกศของพ่อเหมือนกัน  เพราะถ้าเมื่อกี้ผมเลยไปที่วัดเลยระยะห่างระหว่างผมกับเจ้าชายคงเกินสองร้อยเมตรแน่ๆ  เพราะแบบนี้ไม่ว่าจะอยากไปไหนตามลำพังก็ตาม  ผมก็ไม่สามารถทำได้  ต้องวกกลับมาเอาไอ้เจ้าชายบ้าติดสอยไปด้วยทุกที่
“ข้าวสุกพอดีเลยแฮะ”
ผมยกข้าวที่หุงใส่ในหม้อปกติลงมา  แล้วเอากระทะขึ้นไปวางแทน  หยอดน้ำมันลงไปเล็กน้อยพอให้ไข่ไม่ติดกระทะก่อนจะตอกไข่ลงไปเพื่อทอดไข่ดาว
การกระทำขอตัวเองตอกย้ำให้ผมยิ่งคิดถึงพ่อมากขึ้นไปอีก  ภาพที่พ่อคอยหุงข้าวทำกับข้าวให้กิน  ภาพที่พ่อเสียสละข้าวมือสุดท้ายให้ผมกินโดยที่ตัวเองยอมอดเสมอ  ทุกอย่างมันชัดอยู่ในความทรงจำ  แต่ว่า…พ่อผมก็ไม่อยู่แล้ว
ไม่มีอีกแล้ว…
ผมไม่มีพ่ออีกต่อไปแล้ว
“ฮึก…พ่อครับ…”
น้ำตาไหลออกมาอีกรอบ  เสียงสะอื้นเริ่มดังขึ้นเมื่อร้องไห้ในบ้านของตัวเองแล้วคงไม่มีใครเห็น  ผมเสียใจ  ผมเจ็บปวด  ผมทรมานจนไม่รู้ว่าจะบรรยายมันออกมายังไงดี
คิดถึงพ่อ  อยากเจอ  อยากกอด อยากขอกำลังใจให้ผมก้าวเดินต่อไป
พ่อ…พ่อครับ
กลับมาผมเถอะ
“พ่อ…   ฮือ…”
หมับ…
ไม่มีคำพูดหรอคำถามใดๆหลุดออกจากปากผู้มาเยือน  กลิ่นน้ำทะเลอันเป็นกลิ่นประจำตัวของเจ้าชายลอยมาแตะจมูก  เขาสวมกอดผมจากด้านหลัง  วงแขนประคองใบหน้าผมเอาไว้ก่อนจะก้มลงมาใกล้จนใบหน้าแนบชิดกัน
“ไคโอ…”
“…”
“พ่อของผม…”
“…”
“พ่อไม่อยู่อีกต่อไปแล้ว”
“…”
“ผมจะไม่ได้เจอพ่ออีกแล้ว  ฮือ…”
ยกมือขึ้นจับท่อนแขนล่ำของอีกฝ่ายแล้วทิ้งตัวเอนซบเขาอย่างหมดแรง  อ้อมกอดของไคโอรัดแน่นขึ้น  ทว่าผมกลับไม่รู้สึกเจ็บหรืออึดอัด  กลับกัน…มันทำให้ผมผ่อนคลายราวกับว่าอ้อมกอดนี้ผมสามารถพึ่งพิงมันได้   ไม่ไหวแล้ว…
ไม่ไหวแล้วจริงๆ
หมับ!
หันกลับไปกอดร่างสูงจนอีกฝ่ายหงายหลังตึงนอนราบไปกับพื้น  แต่ผมก็ยังคงซึกใบหน้าลงกับแผงอกกว้างที่แสนอบอุ่นนั้นอย่างโหยหา
แม้จะไม่มีคำพูดใดๆปลอบโยน  ไม่มีคำถามที่เต็มไปด้วยความห่วงใยใดๆ
แต่อ้อมกอดของเขา…
อ้อมกอดของไคโอทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก  ราวกับว่าผมกลับไปเป็นเด็กๆและมองเห็นเขาเป็นผู้ใหญ่ที่พึ่งพาได้
“ไคโอ…”
“…”
“อย่าทิ้งผมไปนะครับ”
“…”
“ผมไม่เหลือใครแล้ว  คุณอย่าทิ้งผมไปอีกคนนะ”
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดออกไปแบบนั้น  แต่เวลานี้…ผมไม่พร้อมที่จะอยู่คนเดียว  คิดไม่ออกเลยว่าถ้าไม่เกิดเหตุการณ์ให้ไคโอต้องลี้ภัยตามมาอยู่กับผม  แล้วผมต้องกลับมาเจอกับความจริงที่ว่าพ่อได้จากผมไปแล้วคนเดียว  ผมจะมีสภาพเป็นยังไง
จิตใจของผมจะรับความเจ็บปวดเหล่านี้ไหวไหม?
ไคโอ…ไคโอ…
อยู่กับผม…ตลอดไปนะครับ

ฉ่า!!!
ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีเขียวยางถึงกลางหลังเทน้ำใส่กระทะที่มีไข่ดาวสีดำปี๋อยู่ในนั้น  กระทะที่ถูกตั้งไฟไว้นานจนไหม้ถูกจัดการเรียบร้อย  ไคโอค่อยๆอุ้มปูนปั้นไปนอนบนเสื่อที่มีหมอนและผ้าห่มวางอยู่ก่อนจะจัดการห่มผ้าให้  ทว่าเขาไม่รู้วิธีการกางมุ้ง  และในบ้านก็มียุงบินอยู่จำนวนไม่น้อย  สิ่งที่เขาพอจะทำได้ตอนนี้ก็คือ…
พรึ่บ! พรึ่บ!  พรึ่บ!
ไคโอเอาผ้าที่วางอยู่แถวนั้นมาปัดไล่ยุงให้ปูนปั้นที่ร้องไห้จนอ่อนเพลียและหลับไป  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยบางสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในจิตใจแต่ไม่สามารถพูดมันออกมาได้
“ปูนปั้น…”
“…”
“เสียงร้องไห้ของเจ้า  กรีดหัวใจข้าเหลือเกิน”
พึมพำเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปปาดน้ำตาที่ยังติดอยู่ตรงหางตาของร่างเล็กทิ้ง  คำขอโทษและความเสียใจส่งผ่านแววตาของเขา  ทว่า…คนที่ยังหลับใหลไม่อาจรับรู้ได้
“ข้าขอโทษ   ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“…”
“แต่ข้าก็บอกเจ้าไม่ได้  ข้ามันเห็นแก่ตัวใช่ไหม”
“…”
“ทั้งที่เจ้าเจ็บปวดเจียนตายขนาดนี้  แต่ข้าก็ยัง…”
ไคโอหลับแต่แน่น  มือกำเป็นหมัดจนเส้นเลือดปูด  ความอัดอั้นภายในใจใกล้ถึงขีดจำกัดที่จะปะทุออกมาเต็มทน

‘ขอร้องล่ะ…สวรรค์  ช่วยข้าจบเรื่องทั้งหมดโดยเร็วด้วย’

ก่อนที่ดวงใจของเขา…ปูนปั้น…
จะต้องเสียใจไปมากกว่านี้

“พ่อ…พ่อ…พ่อ!!!”
ผมสะดุ้งสุดตัว  ผงะตัวลุกขึ้นในสภาพเหงื่อท่วมตัว  ลมหายใจหอบถี่และหัวใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว
ฝัน…
ผมฝันเห็นภาพพ่อกำลังตะเกียกตะกายอยู่ในทะเลที่คลื่นโหมกระหนำชักนำร่างของพ่อให้จมลงสู่ใต้ทะเลลึก  ก่อนที่พ่อของผมจะค่อยๆหมดลมและถูกคลื่นกลืนหายไป…
“ฝันบ้าอะไรวะ”
สบถกับตัวเองก่อนจะใช้มือนวดที่ขมับเพื่อคลายความปวดหนึบในหัว
หลังจากที่อาการเริ่มดีขึ้น  ผมก็เริ่มจำอะไรขึ้นมาได้เลือนรางว่าเมื่อวานนี้เกิดอะไรขึ้น  รู้สึกว่าตอนที่กำลังทอดไข่ดาวให้เจ้าชาย  ผมจะถูกความอ่อนโยนอันแสนสยดสยองของหมอนั่นครอบงำจนเผลอปล่อยตัวกอดกับมันอยู่นานสองนาน  และ…
ก็จำอะไรไม่ได้อีก
เมื่อนึกทุกอย่างขึ้นมาได้  ผมก็รีบก้มลงไปมองข้างตัวแล้วก็เจอกับคนที่เพิ่งนึกถึงไปเมื่อครู่นอนหลับสนิทอยู่  ก่อนจะสำนึกได้ว่าที่ต้นขามันหนักๆชอบกล
ขวับ!
“เฮ้ยยยย!”
ผมร้องเสียงดังลั่นเมื่อสิ่งที่สายตาเห็นตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องจรรโลงใจนัก!
ทะ…ทะ…ทะ…ทำไมผมกับไอ้เจ้าชายถึงนอนเปลือยด้วยกันทั้งคู่ฟะ!!!
แถม…แถมไอ้เจ้าชายยัง…เอาขนกอดพาดทับจุดอันตรายของผมไปพอดีอีก!!!
เมื่อคืนนี้มึงทำอะไรกับกูไปเนี่ยยย  ไอ้เงือกชีกอ  อ๊ากกกก!

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
ดราม่าเบาๆสำหรับตอนนี้  แต่มิวายแฝงความฟินและทิ้งปมไว้อีกแล้ว 5555  ดูท่าเจ้าชายไข่โตของเราจะมีบางอย่างปิดบังเอาไว้จริงๆด้วย  แต่มันคืออะไรกันนะ?  นอกจากจะสงสารเจ้าชายที่ต้องอาบน้ำในโอ่งมือสองและกินข้าวกับไข่ดาวไหม้ๆแล้ว  ยังต้องมาคอยลุ้นกันอีกว่าความลับที่เจ้าชายปิดบังเอาไว้  จะกลายมาเป็นจุดแตกหักของเจ้าชายกับน้องปูนปั้นหรือเปล่า???  อยากรู้ต้อฃติดตามอ่านกันต่อไปน้า จุ๊บๆๆๆ
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์ 
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 6 (01/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-04-2017 21:15:46
ไคโอปิดบังอะไรไว้นะ

ปล. คนเขียนจะลงจนจบไหมคะ หรือจะลงเว็ปแค่บางส่วน
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 6 (01/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 01-04-2017 21:17:59
ตอบจ้า

ลงจนจบนะคะ  สำหรับที่เปิดพรีฯในส่วนของรูปเล่มนั้นจะมีตอนพิเศษเพิ่มเข้าไปค่า  แต่เนื้อหาหลักจะลงจนจบจ้าาา

 :-[
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 6 (01/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-04-2017 22:59:51
ยังไง เกิดอะไร ค้างงงงงง  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 7 (03/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 03-04-2017 13:34:27
ตอนที่ 7
พาเจ้าชายสู่โลกกว้าง

“เฮ้!  นี่เจ้า  เอ่อ…นายจะโกรธฉันไปถึงไหนเนี่ย  ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ทำอะไรเกินเลยจริงๆ  ฉันแค่เห็นเสื้อผ้านายมันชุ่มเหงื่อก็เลยถอดให้เท่านั้นเอง”
ไอ้เจ้าชายยังคงกระเง้ากระงอดไม่เลิกหลังจากที่เมื่อเช้าถูกผมต่อว่าและโวยวายใส่ไปอย่างหนักที่บังอาจมาทำเรื่องบัดสีแบบนั้นในบ้านของผม  หน้าต่างห้องกับประตูบ้านก็ไมได้ปิดเหอะ  เกิดมีชาวบ้านแถวนี้แวะมาหาแล้วมาเจอภาพนั้นเข้ามันจะเกิดอะไรขึ้น!
มีหวังได้เอาโอ่งมือสองมาครอบหัวเดินกันแน่ๆ
“คุณรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะครับ  โกศพ่อผมไมได้อยู่ห่างเกินสองร้อยเมตร  ไม่ต้องตามเข้าไปก็ได้”
“แต่ฉันอยากไปกับนาย”
“ไม่ต้องครับ”
ยืนยันอีกครั้งก่อนจะเดินทิ้งห่างออกมา
ผมมาที่วัดหลังหมู่บ้านเพื่อมากราบโกศของพ่อ  เป็นอย่างที่ลุงกิ่งพูดจริงๆ  ที่ข้างโกศพ่อมีโกศของผมอยู่ด้วย  ดูเหมือนทุกคนจะคิดว่าเราสองพ่อลูกตายไปแล้วทั้งนั้น
นั่นสินะ   ทำไมผมถึงไม่ตายล่ะ  ถ้าผมตายไปด้วยอีกคนก็คงจะดี  อย่างน้อยพ่อก็จะได้ไม่ต้องจากไปคนเดียว
“ว้าว…อะไรกันเนี่ย  มีนายอยู่ข้างในนั้นด้วย!”
ขนาดบอกไม่ให้ตามเข้ามามึงก็ตามมาจนได้นะ!
ผมถอยหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย  มองไอ้เจ้าชายที่ยืนลูบคลำรูปของผมที่ติดอยู่ตรงโกศด้วยความใคร่รู้  จะว่าไป  เขายังไม่รู้จักอะไรหลายๆอย่างในโลกของผมนี่นา  แค่รูปถ่ายก็คงจะไม่รู้จักด้วย
“นั่นเรียกว่ารูปถ่ายครับ  บนโลกของผมจะมีอุปกรณ์หนึ่งที่จะใช้ถ่ายรูปออกมาได้  ซึ่งเรามีรูปถ่ายพวกนี้เอาไว้ก็เพื่อเป็นความทรงจำของช่วงเวลานั้นๆที่เราได้ถ่ายรูปเอาไว้  อย่างน้อยมันจะไม่ใช่แค่ช่วงเวลาที่ผ่านเลยไป  แต่เรายังมีรูปถ่ายได้เก็บไว้เป็นความทรงจำน่ะครับ”
“จริงเหรอ! ฉันอยากถ่ายรูป  อยากถ่ายรูปกับนาย”
“เสียใจนะครับ  บ้านผมจนมากอย่างที่เห็น  พวกเราไม่มีกล้องหรอก”
ถ้าหวังจะพึ่งกล้องจากมือถือล่ะก็ขอบอกเลยว่าโทรศัพท์ของผมทำได้แค่โทรเข้าโทรออกกับรับส่งข้อความเท่านั้น
รุ่นเก่ากึกมากบอกเลย!  เป็นของตกทอดจากพ่อสมัยหนุ่มๆล่ะ
“งะ…งั้นเหรอ”
เจ้าชายก้มหน้าจ๋อยสนิท  พลางหันไปลูบรูปผมด้วยใบหน้าเสียดายแบบไม่ปิดบัง
ให้ตายสิ!  ลำบากอีกจนได้!
“อันที่จริง  ถึงผมจะไม่มีกล้อง  แต่ผมก็รู้จักคนๆหนึ่งที่มีกล้องนะ  น่าจะขอให้เขาถ่ายรูปให้พวกเราได้”
“จริงเหรอ  งั้นพาฉันไปหน่อยสิ  พวกเราจะได้ถ่ายรูปคู่กัน  นะๆๆๆ”
“แต่…”
ผมไม่ค่อยถูกกับตาลุงนั่นสักเท่าไหร่เลยแฮะ!  เขาอายุสามสิบสอง  เป็นลูกชายของลุงกิ่ง  เปิดร้านถ่ายรูปเล็กๆอยู่ที่หน้าหาด  เพียงแต่…
ไอ้บ้านั่นกับผมมีอดีตที่ไม่ค่อยจะดีต่อกันเท่าไหร่นัก!
“นะๆๆ  ไปเถอะ  ฉันอยากถ่ายรูป”
เจ้าชายทำตาวิ้งๆเป็นประกายออดอ้อน  น่าแปลกที่มันทำให้หัวใจผมเต้นแรงและรู้สึกว่ากูไม่สามารถปฏิเสธคำขอของมันได้
อ๊ากกกกก!  เป็นอะไรไปแล้ววะไอ้ปูนปั้น!  แค่อ้อมกอดเมื่อวานนี้เท่านั้น  มึงถึงกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไปเลยเรอะ!
“กะ…ก็ได้  งั้นขอผมไหว้พ่อแป๊บหนึ่งแล้วกันนะ”
สุดท้ายก็ต้องยอม…
ผมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าบนใบหน้าของเจ้าชายมีรอยยิ้มแห่งความสุขประดับขึ้นมา  ตั้งแต่ที่ตัดสินใจให้เจ้าชายลี้ภัยตามมาด้วย  ผมก็คิดตลอดว่าลำพังผมจะทำให้เจ้าชายมีความสุขได้ไหม  เขาต้องจากชีวิตที่เคยหรูหราในวังมาอยู่ในบ้านที่เรียกได้ว่ายากจนเกินจะบรรยาย  ก็เลยกลุ้มใจว่าเขาจะทนอยู่ได้หรือเปล่า  แต่ว่า…พอไดมาเห็นรอยยิ้มอย่างมีความสุขจากรเองเล็กๆอย่างจะได้ถ่ายรูปของเขาแล้ว ผมก็…
ดีใจ…
ถ้าสามารถทำให้ยิ้มออกมาได้บ่อยๆแบบนี้ก็คงดีน่ะสิ
ผมยกมือขึ้นไหว้พ่อ  มีหลายสิ่งหลายอย่างที่อยากจะคุยและขอคำปรึกษา  ถึงผมจะยังไม่รู้ว่าจากนี้ไปควรจะทำยังไงกับชีวิตดีก็เถอะ  แต่อย่างน้อย…ช่วงเวลานี้  ในตอนนี้  ผมมีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่คือการดูแลและปกป้องเจ้าชาย  ไม่อยากเชื่อเลยว่าหน้าที่นี้จะกลายเป็นที่ยึดเหนี่ยวผมเอาไว้ได้  มาคิดๆดู  ถ้าผมไม่ได้พาเจ้าชายมาด้วย  ป่านนี้ผมอาจจะตายตามพ่อไปแล้วก็ได้
ก็ผมน่ะ…
ไม่ได้มีจิตใจที่เข้มแข็งอะไรเลย
ผมก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่ง  ที่ทั้งชีวิตมีแต่พ่อเป็นที่พึ่ง  แต่เมื่อวันที่ไม่มีพ่ออีกต่อไปมาถึง  ผมก็ไม่รู้เลยว่าควรจะดำเนินชีวิตของตัวเองไปในทิศทางไหน  และอยู่เพื่อใคร?
แต่ตอนนี้…
ผมรู้แล้ว
ผมรู้ว่าตัวเองจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อใคร  กับเจ้าชายชีกอที่ดูเหมือนเด็กอนุบาลเวลาอยู่ในโลกมนุษย์คนนี้น่ะ… ถ้าไม่มีผม  เขาก็คงอยู่ไม่ได้
หมับ…
“อ๊ะ!”
ร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆคนข้างตัวก็ยกมือขึ้นปิดตาผมเอาไว้
ทำอะไรของมันฟะเนี่ย!
“มะ…มองนานไปแล้วนะ  จ้องฉันขนาดนั้นคิดจะอ่อยกันหรือไง”
“ผมปะ…!”
“เดี๋ยวก็กินเสียจริงๆเลยนี่”
รับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เหมือนโลกทั้งใบจะหยุดหมุนกันไปเลยทีเดียว  ผมนั่งตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ  ในใจภาวนาขออย่าให้เขาเอามือที่ปิดตาผมอยู่ตอนนี้ออกเลย  ไม่งั้น…
เราคงได้สบตากันตรงๆแน่
“เจ้าน่ะ…”
“…”
“อย่าร้องไห้อีกเลยนะ  ข้าทำอะไรไม่ถูกจริงๆตอนที่เห็นน้ำตาของเจ้า”
นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อวาน  ที่เขาเอาแต่เงียบ  ไม่มีคำพูดใดๆปลอบผมนอกจากกอดผมเอาไว้อย่างนั้นเป็นเพราะ…
เขาทำอะไรไม่ถูกล่ะสินะ
“ผมขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ  จะไม่เกิดเรื่องแบบนั้นอีกแล้วล่ะครับ”
“ว่าง่ายแบบนี้ก็ลำบากข้าแย่น่ะสิ”
“ลำบากยังไง?”
“มันทำให้ข้าอยากเข้าหอกับเจ้าเร็วๆไงล่ะ  พิธีอภิเษกของเรายังไม่สมบูรณ์ก็เพราะยังไม่ได้เข้าหอนี่แหละ”
พลั่ก!!!
“ในหัวคุณคิดแต่เรื่องแบบนี้หรือไงเนี่ย!”
ผมยกเท้าถีบไอ้เจ้าชายจนหงายหลังล้มตึงแล้วรีบลุกขึ้นถอยหลังทิ้งระยะห่างจากมัน
เห็นว่าดูไร้เดียงสาเมื่ออยู่บนโลกมนุษย์  แต่ที่ไหน…นิสัยยังชีกอเหมือนเดิม!  สุดท้ายแล้วผมก็รู้ว่าไม่ควรไว้ใจผู้ชายหน้าซื่อตาใสอย่างหมอนี่
“เจ้าจะรีบไปไหนน่ะ  รอข้าด้วยสิ  เดี๋ยวห่างกันเกินสองร้อยเมตรขึ้นมาก็ได้ตายหรอก!”
คำเตือนของเจ้าชายทำผมชะงัก  รีบลดกำลังความเร็วที่ฝีเท้าลงอย่างฉับพลัน
บ้าเอ๊ย!  แบบนี้เกิดวันดีคืนดีทะเลาะกันจนไม่อยากจะอยู่ใกล้ๆ  ผมก็ไม่มีวันไปไหนได้น่ะสิ  ลองคิดภาพตามนะ  ทะเลาะกัน งอนกันเกือบตาย แต่ก็ยังต้องมานั่งทนมองหน้ากันอยู่น่ะ  มันจะอึดอัดแค่ไหน!
“ต้องแบบนี้สิ  เดินข้างๆกันอุ่นใจกว่าเยอะ”
“นี่คุณ!”
ผมรั้งเขาไว้  เพราะอีกฝ่ายเอานิ้วก้อยของตัวเองมาคล้องกับนิ้วก้อยของผม  ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้  โตป่านนี้แล้วใครเขาจะมาเดินเกี่ยวก้อยกันฟะ!
“ปูนปั้น”
ตู่ๆก็เรียกชื่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง  ผมต้องเป็นฝ่ายหยุดพูดไปเสียเอง  ทั้งที่เมื่อกี้ตั้งใจจะโวยวายเรื่องเกี่ยวก้อยเสียหน่อย
“ครับ?”
“ทำไม…คนอื่นๆต้องมองข้าด้วยสายตาแปลกๆด้วยล่ะ  ข้ามีอะไรแปลกงั้นเหรอ?”
ว่าพลางก้มลงมองสภาพของตัวเองตอนนี้ด้วยใบหน้าฉงน
ส่วนผมถึงกับปิดปากขำพรืด  ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้เจ้าชายอยู่ในสภาพไหน  ฮ่าๆๆๆๆ
“เจ้าหัวเราะอะไรน่ะ  มีอะไรน่าขันนักหรือไง”
“ปะ…เปล่าหรอกครับ  ก็แค่…อุ๊บ!”
โอ๊ยยย!  แค่จะอธิบายยังพูดไม่ออกเลยได้แค่ยืนขำอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้เจ้าชายไข่โตผู้หล่อเหลาแห่งดินแดนเงือกตกอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างอะไรกับเด็กไม่เต็มเต็ง  เพราะชุดที่เขาใส่มาจากวังไม่สามารถใช้ได้ในโลกนี้  ผมเลยต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เขา  โดยให้เขาใส่เสื้อผ้าของผมก่อน  แต่หมอนี่ก็ดันตัวใหญ่ล่ำกว่าผมตั้งไม่รู้เท่าไหร่  กางเกงเทียมเข่าที่ผมใส่เป็นประจำกลายเป็นขาสั้นเมื่อเขาใส่  และเสื้อที่เวลาผมใส่จะยาวปิดตูดก็กลาเยป็นเสื้อเอวลอยสำหรับเขา!
บอกได้คำเดียวว่าเจ้าชายในตอนนี้น่ะ…
ทุเรศลูกตาคนมองมาก…
“โทษทีๆ  ผมว่าตอนนี้ผมคงต้องพาคุณไปหาเสื้อผ้าที่พอดีกว่านี้ใส่แล้วล่ะ”
ท่าทางเจ้าชายจะตัวใกล้ๆกับตาลุงนั่นแฮะ  ยังไงก็ต้องแวะไปที่นั่นอยู่แล้ว  ไปขอเสื้อผ้ามาสักสองสามชุดด้วยเลยดีกว่า
“เจ้าหมายความว่ายังไง  เสือ้ผ้าที่ข้าใส่อยู่ตอนนี้ไม่ดีเหรอ”
“มันจะไปดีได้ยังไงกันเล่า”
“แต่มันเป็นเสื้อผ้าของเจ้า…”
“เพราะเป็นของผมนี่แหละถึงได้ไม่ดี  เอาล่ะ  ผมกำลังจะพาคุณไปพบมนุษย์คนอื่นนอกจากผม  เพราะฉะนั้น…เลิกใช้คำว่าข้ากับเจ้าได้แล้วนะครับ  ถ้ามีคนจับได้ว่าคุณไม่ใช่มนุษย์ล่ะก็…คุณถูกจับไปออกงานวัดแน่!”
“งานวัดคืออะไร?”
ถามกลับหน้าซื่อ
เอาเถอะ   ถ้าต้องมาตอบคำถามกันทุกข้อผมคงบ้าตายแน่ๆ  ค่อยๆให้ได้สัมผัสและเรียนรู้ไปเงอทีละนิดดีกว่า ผมเองก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะลี้ภัยอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน  ไม่แน่ว่าตอนนี้องค์ราชาอาจจะกำลังกวาดล้างกบฏอยู่ก็เป็นได้  วันนี้พรุ่งนี้เจ้าชายอาจจะได้กลับดินแดนเงือก…
กลับ…
งั้นเหรอ…
เท่ากับว่าผมก็จะต้องอยู่คนเดียวงั้นสิ  แบบนั้น…ไม่เอาหรอกนะ
หมับ…
“หืม?”
“จะ…จับแบบนี้ดีกว่านะครับ”
ผมตอบอ้อมแอ้มไม่มองหน้าเจ้าชาย  ขณะที่เจ้าชายเองก็ค่อยๆสอดนิ้วมือเข้ามาประสานกับนิ้วมือของผมจนแนบแน่น…
ตะ…ตอนแรกผมแค่จะจับมือเขาฝ่ายเดียวเท่านั้นเองนะ  ไม่ได้คิดว่า…
“มือของเจ้านี่…ทำให้ข้าคิดถึงวันนั้นเลยแฮะ”
“วันไหน?!”
“ก็วันที่เจ้า…”
เจ้าชายพูดค้างไว้พลางก้มมองน้องชายขนาดยักษ์ของตัวเอง
ตู้มมม!
รู้สึกเหมือนมีระเบิดในร่างกายถูกปลดชนวน…
“เรื่องแบบนั้นน่ะ…ลืมมันไปได้แล้วไอ้เจ้าชายบ้า!”

แถ่ดๆ!  แถ่ดๆ!
เสียงเครื่องยนต์ที่ฟังดูทรมานมากๆดังระงมไปทั้งหมู่บ้าน  หลังจากผ่านมาร่วมครึ่งชั่วโมงที่ผมพยายามจะสตาร์ทรถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพของที่บ้านเพื่อใช้เป็นยานพาหนะขับไปไหนมาไหน  แต่ดูท่าว่าเพราะไม่ได้ใช้งานมาหลายวัน  มันก็เลยไม่ยอมติดสักที
ให้ตายสิ  ถ้าต้องเดินเท้าไปบ้านตาลุงนั่นมีหวังขาหลุดก่อนแน่ๆ
“เจ้า  เอ่อ  นายทำอะไรเหรอปูนปั้น”
“สตาร์ทมอเตอร์ไซค์น่ะครับ”
“มอเตอร์ไซค์?”
“มันคือยานพาหนะที่จะช่วยให้เราไปไหนมาไหนได้เร็วขึ้นโดยไม่ต้องใช้แรงของตัวเองมากนักน่ะครับ”
“แต่ที่นายทำอยู่ฉันคิดว่ามันใช้แรงไปเยอะมากเลยนะ…”
“กรณีนี้เป็นข้อยกเว้นน่ะครับ”
เพราะรถคันนี้เก่ามาก  อยู่มาตั้งแต่สมัยพ่อเพิ่งจะจีบแม่ใหม่ๆ  รอบคันเต็มไปด้วยสนิมที่ถึงผมกับพ่อจะดูแลอย่างดีแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยอะไร  ด้วยเราสองคนไม่มีเงินที่จะซื้อคันใหม่นั่นแหละนะ  ก็เลยต้องดูแลคันนี้เป็นอย่างดี
“ให้ฉันลองดูได้ไหม”
“ทำเป็นเหรอครับ”
“ฉันดูนายทำมาครึ่งชั่วโมงแล้วนะ  แค่เอาเท้าเหยียบเจ้านี้ลงไปแรงๆก็พอใช้ไหมล่ะ”
“ครับ”
ว่าแล้วก็หลีกทางให้เจ้าชายได้โชว์ออฟ  เขาจับมอเตอร์ไซค์เอาไว้แบบที่ผมจับเมื่อกี้เป๊ะๆ  ก่อนจะง้างเท้าแล้วกดลงไปเพื่อสตาร์ทเครื่อง
แถ่ดๆๆๆๆๆๆ!
อ่า…อนิจจังมอเตอร์ไซค์คู่ชีพ  ช่วยติดหน่อยเถอะ  ขอร้องล่ะ!
“ว้าว  มอเตอร์ไซค์ของนายปลูกต้นไม้ได้ด้วยเหรอ”
เจ้าชายดึงบรรดาเห็ดและสาระแหน่มากมายที่บังอาจมางอกเงยอย่างงดงามบนมอเตอร์ไซค์ของผมขึ้นมาให้ดูอย่างตื่นเต้น
ของแบบนั้นช่วยทิ้งๆมันไปเหอะ!  น่าอายจะตายไป  ฮืออออ
บรืน!  บรืน!
“ติดแล้ว!”
เจ้าชายร้องบอกอย่างดีใจ  ส่วนผมนี่แทบทรุดร่วงไปกับพื้น  เป็นการสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ที่ใช้เวลานานที่สุดในโลกเลยทีเดียว
“เศษเหล็กแบบนี้  เอาไปทุบทิ้งขายดีกว่ามั้ง  อ้อ  ลืมไป  อย่างมึงคงไม่มีเงินซื้อสินะ  ฮ่าๆๆๆๆๆ”
‘ไอ้จ้าว”  หัวโจกของกลุ่มวัยรุ่นปากหมาที่ชอบแขวะผมมาตลอดตั้งแต่เด็กเอ่ยขึ้น  พวกมันนั่งมองผมจากในศาลาเล็กๆสำหรับไว้นั่งพักผ่อนมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ
อุตส่าห์ทำเป็นมองไม่เห็นพวกมันแล้วเชียวนะ  ยังจะแขวะกันไม่เลิกอีก!
“คนพวกนั้นพูดอะไรน่ะ  ถึงฉันจะไม่ค่อยเข้าใจ  แต่จากน้ำเสียงและสีหน้าของพวกมันต้องไมได้พูดเรื่องดีๆแน่”
“ช่างมันเถอะครับ  เรารีบไปกันดีกว่า”
ผมดันตัวเจ้าชายไปที่ด้านหลังแล้วขึ้นคร่อมทำหน้าที่คนขับเอง  พวกมันมีกันตั้งเยอะ  ถ้าไปมีเรื่องด้วยก็มีแต่เราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ  อีกอย่าง  ผมจะให้เจ้าชายตกอยู่ในอันตรายไม่ได้  ถ้าองค์รัชทายาทเพียงคนเดียวของดินแดนเงือกต้องมาเจ็บตัวที่นี่…
ผมอาจจะถูกจับประหารชีวิตก็ได้นะ
“ขาดหัวเรือหลักอย่างพ่อมึงไปแล้วแบบนี้  ต่อไปมึงคงอดตายไม่ต่างจากหมาข้างถนน!”
คำดูถูกสุดท้ายถูกตะโกนไล่หลังมา  ผมกัดฟันแน่น  เจ็บใจที่ทำได้แค่ทนฟังพวกมันด่าทอและดูถูกด้วยถ้อยคำเหี้ยแสนเหี้ย
แต่คนอ่อนแอแบบผม
มันก็เป็นได้แค่คนอ่อนแอวันยันค่ำนั่นแหละ
“พวกมันพูดไม่ดีใช่ไหม  ฉันสัมผัสได้”
“ช่างมันเถอะครับ  คุณไม่ต้องสนใจหรอก”
“แต่…”
“ผมไม่เป็นอะไรจริงๆ  ตราบใดที่ยังมีคุณอยู่ด้วยแบบนี้”
ตอบเสียงแผ่ว  ใช่แล้ว  ถึงพ่อจะไม่อยู่  แต่ผมก็ยังมีเจ้าชายจอมป่วนคนนี้อยู่เป็นเพื่อน  ยังมีเขาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับผม
ยังไงก็ไม่เป็นไรแน่นอน
“ว่าแต่…ฉันสงสัยมาพักหนึ่งแล้วล่ะ   มอเตอร์ไซค์นี่ยอดไปเลยนะ  พาฉันไปข้างหน้าได้โดยไม่ต้องออกแรงเดินเองให้เมื่อย”
“ใช่ไหมล่ะ”
“แต่…ฉันอยากให้ปลูกสาหร่ายทะเลด้วยได้ไหม”
“ปลูกสาหร่าย?”
“ทีเมื่อกี้ยังมีพืชอื่นๆงอกขึ้นมาได้เลย  แค่ปลูกสาหร่ายเพิ่มไปคงจะได้สินะ”
น้ำตาไหลพราก…
ไอ้เห็ดกับสาระแหน่เมื่อกี้กูไม่ได้เป็นคนปลูกโว้ยยย  มันงอกขึ้นมาเองโดยที่กูไม่ได้สั่งเหอะ!
มึงเห็นมอเตอร์ไซค์คู่ชีพของกูเป็นอะไรกันกันแน่ฮะ!
ผมไม่ตอบอะไรกลับไป  ขณะที่สองมือของเจ้าชายกอดเอวผมไว้แน่น  ไม่รู้ว่ากลัวตกหรือหาเรื่องลามกมาแต๊ะอั๋งกันแน่  แต่ตราบใดที่ไม่ได้เลื่อนลงต่ำกว่านั้นก็คงไม่เป็นไร
แถ่ดๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงเครื่องยนต์ยังคงดังต่อไป  พร้อมกับพืชผักสวนครัวนานาชนิดที่งอกออกมาซอกรถกำลังปลิวว่อนไปตามแรงลม…

เอี๊ยด!!!
ขนาดเสียงเบรกยังดังสนั่นอ่ะคิดดู
ผมเบรกรถที่หน้าร้านของตาลุงพอดี  เจ้าชายรีบกระโดดลงมองทุกอย่างด้วยความตื่นตาตื่นใจ  เพราะส่วนนี้เป็นชายหาดสำหรับให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวพักผ่อน  เลยค่อนข้างมีสิ่งดึงดูดเยอะ  ท่าทางผมจะต้องเหนื่อยนั่งอธิบายนู่นนี่นั่นอีกหลายอย่างแน่เลย
ตุ้บ….!
เสียงเหมือนมีของหล่นดังขึ้นที่ด้านข้าง  พอหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นตาลุงที่ผมเกลียดขี้หน้ามากที่สุดกำลังยกมือขึ้นปิดปากมองผมด้วยความตกใจ  รอบดวงตารื้นขึ้นด้วยน้ำใสๆ  ส่วนเสียงของตกก็คือถุงใส่ของบางอย่าง  ท่าทางคงเพิ่งกลับจากตลาดแน่ๆ
“ระ…รูปปั้น!  รูปปั้นจริงๆด้วย!”
ร่างสูงพุ่งเข้ามากอดผมด้วยความดีใจ  กระโปรงยาวพลิ้วไหวของเขาทำเอาแทบจะอ้วกออกมาด้วยความสยอง
“ปะ…ปล่อยนะเว้ย   ไอ้ตาลุงโรคจิตชอบแต่งหญิง!”
ใช่แล้ว…
อ่านไม่ผิดหรอกครับ
ตาลุงที่ผมพูดถึงเป็นผู้ชายก็จริง  แต่เขา…
…ชอบแต่งหญิง


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพอีกตอนแล้วน้า  ตอนนี้เปิดตัวอีกสองตัวละครแสนน่ารัก  รับประกันว่าจะเป็นคู่ที่ทุกคนอ่านแล้วต้องแอบเชียร์ให้ได้คู่กันแน่ๆ  นั่นก็คือ…จ้าวกับตาลุงโรคจิตค่า 5555+  บอกแบบไม่ต้องใบ้เลยว่าเป็นคู่รองและตาลุงชอบแต่งหญิงคนนี้เป็นรุกนะจ๊ะ =..=  ตอนนี้เปิดรับบริจาคเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ให้เจ้าชายและน้องปูนปั้นใหม่ด้วยการสั่งจองนิยายนิยายนะคะ  ใครอยากช่วยทั้งสองคนคลิกที่ลิงก์ด้านล่างเล้ยยยยย

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link
 (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)


ภาพปกจ้า
(http://cdn-th.tunwalai.net/files/member/396048/1634425883-member.jpg)
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 7 (03/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-04-2017 16:51:10
 :L1: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 7 (03/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 03-04-2017 18:40:56
 ชอบบุคคลิกของปูนปั้น น่ารัก
  ความจริงไม่มีเงินก็เอาเกร็ดของเจ้าชายไปขายสิน่าจะได้ราคาสูงเป็นหมื่นเป๋นแสนอะ 555
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 7 (03/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-04-2017 21:19:57
ทำไม ลุงมองปูนปั้นคน เป็นรูปปั้น   :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 8 (04/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 04-04-2017 22:34:26
ตอนที่ 8
เจ้าชายพิโรธ

‘ฮึก…ฮือ  แม่…แม่จ๋า’
เสียงร้องไห้เล็กๆดังมาพร้อมเสียงสะอื้นภายในงานศพที่ถูกจัดขึ้นเล็กๆมีแขกไม่กี่คน 
‘ก้าน’  เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีที่เพิ่งมาถึงงานเดินตรงไปยังที่มาของเสียง  ‘ปูนปั้น’ ที่ตอนนี้เพิ่งจะอายุได้เพียงห้าขวบกำลังนั่งร้องไห้ด้วยความคิดถึงแม่ที่จากไปอย่างกะทันหันด้วยโรคร้าย  เด็กน้อยนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในมุมมืด
‘รูปปั้น  เป็นอะไรเหรอ?’
‘พี่ก้าน  ฮือออออ’
ปูนปั้นหันมากอดเด็กหนุ่มทันที  สะอึกสะอื้นจนตัวสั่นเทิ้ม  ก้านลูบหลังเล็กๆนั่นอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน   ตัวเขาเองช่วยเลี้ยงปูนปั้นมาตั้งแต่เด็กน้อยเกิด  เสมือนว่าตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆ
‘ไม่ร้องนะรูปปั้น  อย่าร้องเลยนะ’
‘แม่ไม่อยู่แล้ว  พ่อบอกว่าแม่จะไม่มาหาปั้นแล้ว  ฮืออออ’
ก้านอุ้มเด็กน้อยขึ้นมานั่งบนตัก  ค่อยๆใช้ปลายนิ้วเกลี่ยน้ำตาออกให้ด้วยความรัก  เป็นเพราะปูนปั้นยังเด็ก  เลยยังไม่เข้าใจว่าการตายเป็นเช่นไร  ทำให้ยังไม่เข้าใจว่าที่แม่ของตัวเองไม่สามารถกลับมาหาได้อีกแล้วมันเป็นเพราะอะไร
‘ไม่ต้องห่วงนะ  ถึงแม่จะไม่มาหา  แต่รูปปั้นก็ยังมีพี่ก้านอยู่นะครับ’
‘แต่พี่ก้านไม่ใช่แม่ของปั้นนี่นา  พี่ก้านไม่มีหน่มน๊มใหญ่ๆด้วย’
เด็กน้อยว่าพลางบีบเข้าที่หน้าอกแบนราบของเขา
ก้านยิ้มแหยๆพลางคาดโทษพ่อของตัวเองไว้ในใจว่าคงสอนเรื่องแปลกๆให้ปูนปั้นอีกแล้ว
‘รูปปั้นอยากมีแม่ที่มีหน่มน๊มใหญ่ๆเหรอ’
‘ก็แม่ทุกต้องมีหน่มน๊มใหญ่ๆ  ใส่กระโปรงสวยๆ  ผมยาวๆ  ไม่ใช่เหรอครับ’
เด็กน้อยถามตาแป๋วทั้งที่ยังมีน้ำตารื้นอยู่รอบๆ  ก้านยิ้มหวาน  ก่อนจะดันปูนปั้นให้ซบลงกับอกกว้าง  เอนตัวไปมาราวกับต้องการจะกล่อมเด็กน้อยคนนี้ให้พนจากความเศร้าเสียใจ
‘เอาแบบนั้นก็ได้’
‘…’
‘พี่ก้านจะเป็นแม่ให้รูปปั้นเองนะ  นอกจากความสุขของรูปปั้น  พี่ก้านจะไม่คิดถึงอะไรอีก  ดีไหมครับ’
‘จะ…จริงเหรอครับ!  พี่ก้านเป็นแม่ให้ปั้นได้จริงๆเหรอ’
เด็กน้อยเงยหน้าถามตาวาว
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ  รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นบนใบหน้าของปูนปั้น   มันช่างเปรียบเหมือนสายน้ำเย็นมาชโลมหัวใจของเขาจริงๆ

“เมื่อวานตอนที่พ่อบอกว่ารูปปั้นยังไม่ได้  พี่ก้านดีใจมากเลยนะ  ตั้งใจว่าวันนี้จะทำอาหารแสนอร่อยไปให้อยู่พอดี  คิดไม่ถึงเลยว่ารูปปั้นจะคิดถึงพี่มากเสียจนต้องมาหาเองถึงที่แบบนี้”
ตาลุงโรคจิตจีบปากจีบคอพูดจนน่าหมั่นไส้
ทำไมกันนะ  ทั้งที่เมื่อก่อนออกจะเป็นพี่ชายที่เท่แสนเท่  มีผู้หญิงตามจีบเยอะยิ่งกว่าแบคทีเรีย  แต่ไม่รู้ทำไม…  ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่  จู่ๆพี่ชายที่ผมเคยรักและใฝ่ฝันอยากจะเดินตามรอยของเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้!
พี่ก้านที่เคยเป็นนักกีฬาของโรงเรียนและชุมชน  พี่ก้านที่สุดยอดของความหล่อและความเท่  พี่ก้านที่ผมชื่นชมมาตั้งแต่เด็กๆ  ทว่า…
พอขึ้นมหาวิทยาลัย  จู่ๆพี่ก้านก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นฝ่าเท้า!  ลุกขึ้นมาแต่งหญิงและไว้ผมยาวทั้งที่เมื่อก่อนแค่เส้นผมระต้นคอหน่อยก็บอกว่ารำคาญแล้ว  แถมยังฝึกแต่งหน้าแล้วก็เอาอะไรไม่รู้ไปยัดไว้ที่หน้าอก  พอถามตรงๆว่าเป็นกะเทยไปแล้วเหรอก็กลับตอบมาว่า…

‘พี่ก้านเป็นแม่ต่างหากล่ะ’

แม่บ้าอะไรกันฟะ!
ไปเป็นแม่ของใครตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
“ปล่อยๆๆ  อึดอัด!”
“แต่พี่ก้านคิดถึงนี่นา  ตอนที่คิดว่ารูปปั้นตายไปแล้ว  พี่ก้านแทบขาดใจเลยนะ   กจะโกนผมบวชตลอดชีวิตอยู่แล้วเชียว!”
“เว่อร์ไปละๆ”
“จริงๆนะ  กะจะให้รูปปั้นเกาะชายผ้าขาวขึ้นสวรรค์”
“มันต้องชายผ้าเหลืองไม่ใช่หรือไง!”
“แต่พี่ก้านเป็นแม่นี่  จะเป็นชายผ้าเหลืองได้ยังไงล่ะ”
“ทำไมต้องอายม้วนต้วนแบบนี้ด้วย”
ผมหรี่ตามองคนตัวสูงกว่าด้วยความละเหี่ยใจ  ท่าทางพี่ก้านคนเดิมของผมคงจะถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปแล้วจริงๆ
“ว่าแต่…พี่ก้านสังเกตมาสักพักหนึ่งแล้ว…”
ขวับ…
“ไอ้หมอนี่ใคร”
พี่ก้านถามคำถามพร้อมกับหันขวับไปทางเจ้าชาย  ซ้ำยังมองตาขวางอีกต่างหาก
เป็นแบบนี้เสมอแหละ  ถึงจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง  แต่ถ้าหากมีใครมารังแกหรือใครที่ดูแล้วไม่น่าไว้ใจมาเข้าใกล้ผม  พี่ก้านจะเปลี่ยนเป็นเข้าสู่โหมดดาร์คในทันที
“ข้า  เอ๊ย  ฉันเหรอ?”
“เอ่อ  นี่เพื่อนผมเอง   ชื่อไคโอ  เขาจะมาอยู่ด้วยสักพัก  แต่พอดีหมอนี่ดันลืมกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ทีไหนก็ไม่รู้  เลยไม่มีเสื้อผ้าใส่  พี่ก้านพอจะมีเสื้อผ้า…คือผมหมายถึงเสื้อผ้าเก่าๆสมัยที่พี่ยังไม่ได้แต่งตัวแบบนี้น่ะ  พอจะมีเหลือสักสองสามชุดไหมครับ”
“เสื้อผ้าเหรอ  พี่ก้านไม่แน่ใจหรอก  ถึงจะมีก็คงเล็กไปสำหรับเพื่อนรูปปั้นนะ”
จะว่ไปก็จริง
ถึงเจ้าชายจะขนาดตัวใกล้เคียงพี่ก้านในตอนนี้  แต่ว่าตอนนี้พี่ก้านไม่ได้แต่งตัวเป็นผู้ชายแล้วก็เลยมีแต่ชุดผู้หญิงเต็มบ้านไปหมด
เวรล่ะสิ  เอาไงดีล่ะ
“แต่ถ้าเป็นเสื้อผ้าของพ่อก็น่าจะพอใส่ได้นะ  พ่อพี่ก้านก็ตัวใกล้ๆกัน  ใส่ได้ไหมล่ะ”
“จริงด้วย  เสื้อผ้าลุงกิ่งน่าจะได้นี่นา”
ชักเห็นแสงแห่งความหวังขึ้นมานิดหนึ่งแล้วสิ
เจ้าชายกะพริบตาปริบๆมองผมสลับกับพี่ก้านไปมาด้วยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หมับ!
“เข้าไปรอในร้านดีกว่านะ  เดี๋ยวพี่ก้านจะทำของอร่อยๆให้กิน”
“ผมเดินเองได้น่า  ไม่ต้องจับหรอก”
“แต่ตอนเด็กๆก็จับแบบนี้ตลอดนี่นา”
“นั่นมันกี่ปีมาแล้วล่ะพี่  ผมโตแล้วนะ!”
“แต่…”
“ไม่ต้องมาแต่  ปล่อยเลยๆ”
ผมแงะมือกาวของพี่ก้านออกแล้วเดินนำลิ่วๆเข้าบ้านไป
ตราบใดที่ไม่ยอมเอาพี่ก้านแสนเท่คนเดิมกลับมา  ผมจะไม่มีทางสนิทสนมกับตาลุงโรคจิตนี่ไปมากกว่านี้แน่ๆ  ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงยอมทิ้งตัวตนที่น่าใฝ่ฝันขนาดนั้นของตัวเองไป  แล้วไปคว้าตัวตนป้าที่ไหนก็ไม่รู้มา  อยากจะควักสมองออกมาผ่าดูจริงๆเลยโว้ยยยย!

คล้อยหลังปูนปั้นที่เดินเข้าไปในร้านแล้ว  เจ้าชายที่กำลังจะเดินตามเข้าไปก็ถูกก้านขวางเอาไว้  ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มอย่างใจดีตลอดเวลาเปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างน่ากลัว  เขาถลึงตามองเจ้าชายราวกับต้องการประกาศสงครามอะไรสักอย่าง
“นายเป็นใครกันแน่  ปกติรูปปั้นไม่เคยพาเพื่อนมาที่บ้านหรอก  เพราะหมอนั่นไม่อยากต้องเสียเงินซื้อข้าวสารเพิ่มหากเพื่อนมาค้าง”
“ฉันไม่เข้าใจที่นายพูดหรอกนะ  แต่…ปูนปั้นบอกไว้ว่าห้ามพูดอะไรกับใครทั้งนั้น  ขอตัวล่ะ”
“อะไรนะ?  ฉันชักจะสงสัยจริงๆแล้วสิว่านายเป็นใครกันแน่”
“งั้นเหรอ”
“แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม  ถ้าฉันเห็นว่านายไม่น่าไว้ใจและดูเหมือนจะมาทำให้ปูนปั้นเสียใจเมื่อไหร่  ฉันจะจัดการนาย”
“อันนี้ฉันเข้าใจ  เพราะงั้นขอตอบไว้เลยละกัน”
“…”
“นายไม่มีวันได้จัดการฉันหรอก”
“…”
“เพราะฉันไม่มีทางจะทำให้ปูนปั้นเสียใจ”
“…”
“นายต่างหาก  เลิกหวังเสียเถอะ  เพราะปูนปั้นเป็นของฉัน”
เจ้าชายเหยียดยิ้มอย่างผู้ชนะก่อนจะผลักอีกฝ่ายออกให้พ้นทางแล้วตามปูนปั้นเข้าไป  ก้านทำได้แค่มองตามหลังเขาไปด้วยความสงสัยว่าผู้ชายผมสีเขียวคนนี้เป็นใครกันแน่

“เสร็จแล้ว”
เจ้าชายที่หายไปในห้องน้ำนานสองนานเพื่อเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของลุงกิ่งเอ่ยขึ้น  เขาเดินออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าที่ดูดีขึ้นกว่าตอนแรกจมเลย
“เป็นยังไง  ดูดีไหม”
“เยี่ยมครับ”
ผมชูนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วให้เขา  เจ้าชายขมวดคิ้วมุ่น  ก่อนจะค่อยๆยกนิ้วโป้งทั้งสองนิ้วขึ้นเพื่อทำตามผม
“เยี่ยม…เหรอ?”
“ใช่แล้ว  เยี่ยมครับ”
ผมทำให้เจ้าชายดูอีกครั้ง  ค่อยๆสอนการเป็นมนุษย์ให้เขาไปทีละนิดๆคงจะพอฝึกกันได้  เพราไม่แน่ว่าหมอนี่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไปอีกนานก็ได้
“มานั่งนี่สิครับ”
ผมเรียกให้เจ้าชายไปนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งของพี่ก้าน  ส่วนพี่ก้านตอนนี้ก็แปรงร่างเป็นแม่ครัวโชว์เสน่ห์ปลายจวักอยู่
เจ้าชายเดินตามมานั่งอย่างว่าง่าย
“จะทำอะไรเหรอ”
“มัดผมไงครับ   จะให้คุณปล่อยผมสีแปลกๆให้ยาวสะดุดตาชาวบ้านแบบนี้นานๆไม่ได้หรอก  อย่างน้อยก็ต้องมัดเอาไว้”
“ทำไมล่ะ  มันดูไม่ดีเหรอ”
“เปล่าหรอกครับ  เพียงแต่บนโลกของผมไม่มีใครมีสีผมแบบนี้กันหรอก  หนำซ้ำเส้นผมของคุณ  เวลาโดนแสงแดดจะส่องประกายระยิบระยับออกมาด้วย  มัดผมเอาไว้หน่อยจะดีกว่า  อย่างน้อยก็ทำให้ไม่เห็นชัดมากนัก  คนจะได้ไม่สังเกต”
อธิบายไปพลางมัดผมให้เจ้าชายไปพลาง
เส้นผมของเขานุ่มและสวยมากจริงๆ  ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผมของผู้ชาย  ขนาดพี่ก้านที่รักสวยรักงามสุดๆยังเทียบไม่ติดเลย  ทั้งที่ผมยาวเหมือนกันแท้ๆ  แต่รายนั้น…เส้นผมหยาบกร้านเหมือนชื่อไม่มีผิด  เคยจับครั้งหนึ่งนึกว่าเป็นไม้กวาด!
“หอมจัง”
พูดพลางก้มหน้าลงไปดมเส้นผมเจ้าชายเล็กน้อย
อธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ามันหอมเพราะอะไร  ในตัวของเจ้าชายไม่ได้มีแค่กลิ่นน้ำทะเลเท่านั้น  แต่ยังมีกลิ่นอื่นๆที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและดึงดูดผมเหลือเกิน
“นี่เจ้า…”
“…”
“ไม่ระวังเสียเลยนะ!  มาดมข้าแบบนี้ได้ยังไง  คิดจะยั่วกันอีกแล้วเรอะ!”
“เปล่าสักหน่อย  ก็ผมคุณหอมจริงๆนี่นา”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่หยุด”
“ถ้าเจ้าไม่หยุด  ข้าจะกินเจ้าจริงๆด้วย”
เจ้าชายแหงนหน้าขึ้นมองผมที่ก้มลงไปพอดีด้วยสายตาจริงจัง  มือข้างหนึ่งของเขาจับแขนผมที่กำลังจะจับเส้นผมของเขาอยู่ไว้
จมูกที่กำลังจะซุกลงบนเส้นผมของเจ้าชายอีกครั้งถึงกับชะงักเลยทีเดียว  ผมรีบกลับไปยืนท่าเดิมแทบไม่ทัน  มะ…เหมือนหัวใจจะหลุดออกมาเลย
พักหลังชักจะเอาใหญ่แล้วนะไอ้เงือกชีกอ!
“จ๊ะเอ๋~  กลับข้าวเสร็จแล้วจ้ารูปปั้น  หิวหรือยังเอ่ยยย”
พี่ก้านโผล่มาช่วยชีวิตได้พอดิบพอดี
ผมผละตัวออกห่างจากเจ้าชาย  ประจวบเหมาะกับมัดผมให้เขาเสร็จพอดีด้วย  แต่ดูเหมือนว่าผมจะออกแรงผละตัวมากไปนิด  ก็เลยกลายเป็นเหมือนกระโดดหนีจากเจ้าชายออกมาด้วยความตกใจ
“เอ่อ…มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า  ว่าแต่…ทำไมรูปปั้นหน้าแดงจังล่ะ  ไม่สบายหรือเปล่า!” 
ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
สายตาของไอ้เจ้าชายเมื่อครู่ยังตราตรึงอยู่ในหัว  มันดูจริงจังมากๆเสียจนผมอดระแวงไม่ได้ว่าถ้ากลับไปที่บ้านแล้วเขาจะลงมือปล้ำผมจริงๆหรือเปล่า
และที่คิดหนักกว่านั้นก็คือ…
คราวนี้ถ้าเขาปล้ำ  แล้วผมจะ…
ยอมไหม?
น่ากลัวว่าตัวเองจะยอมนี่แหละ  อ๊ากกกกกก  คิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ฟะเนี่ยยยย!
“ผมหิวแล้ว   ไปกินข้าวดีกว่านะ”
“ได้สิ  พี่ก้านเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว  ไปเถอะ”
พี่ก้านยิ้มหวานอย่างใจดีแบบที่ชอบทำ  ก่อนจะเดินโอบไหล่พาผมไปที่โต๊ะหน้าบ้าน  ซึ่งเป็นที่ที่พี่ก้านไว้ใช้กินข้าวเป็นประจำทุกวัน
ไม่ไหวแฮะ  พักหลังมานี้รู้สึกหัวใจจะเต้นแรงผิดปกติ  มักจะเป็นบ่อยๆเวลาอยู่กับไอ้เงือกชีกอนั่น  เป็นความรู้สึกที่เหมือนจะเคยเกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว  นานจนผมเองก็จำไม่ได้ว่าตัวเองเคยไปรู้สึกแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่
แฟนก็ไม่เคย  ความรักก็ยังไม่เคยสัมผัส
แล้วจะไปเคยมีอากรใจเต้นแรงกับใครที่ไหนฟะ!
“เป็นไง   มีแต่ของโปรดรูปปั้นทั้งนั้นเลยน้า  ปลากะพงนึ่งมะนาว  ปลาทับทิมทบ  ฉู่ฉี่ปลา  ต้มยำปลา  แล้วก็น้ำพริกปลาทู”
กึก!
คำอธิบายเมนูอาหารต่างๆทำเอาเจ้าชายที่เพิ่งเดินตามมาถึงชะงัก  เขาเบิกตากว้างมองอาหารมากมายบนโต๊ะ  สีหน้าช็อกแบบสุดๆไปเลย
“นี่มัน…”
“เจ้า… เอ่อ  ไคโอ  คือว่า…”
“พวกพ้องของข้า…”
“เฮ้ย!”
“อุ๊บ!”
ผมพุ่งเข้าตะครุบพร้อมอุดปากเจ้าชายไว้ได้ทันท่วงทีก่อนที่เขาจะหลุดพูดอะไรออกมาอีก  พี่ก้านมองเราสองคนด้วยความสงสัย  หากแต่ผมไม่สามารถอธิบายอะไรได้เลยสักอย่าง
“คือว่า…ขอบคุณมากนะครับพี่ก้านสำหรับอาหาร  แต่มื้อนี้คงต้องขอตัวจริงๆ”
“อ้าว  ทำไมล่ะ  พี่ก้านอุตส่าห์ทำสุดฝีมือเพื่อรูปปั้นเลยนะ”
“ไว้ผมจะอธิบายแล้วกันนะครับ  แต่ตอนนี้ขอบอกให้พี่รู้ไว้อย่างหนึ่งเลยว่าผมไม่ชอบกินปลาอีกแล้ว  ไม่สิ  อาหารทะลุทกอย่างเลย พี่ห้ามทำมาให้ผมเด็ดขาดนะ!”
“ฮะ?!  แต่นั่นมันเป็นของที่รูปปั้นโปรดปรานมาตั้งแต่เด็กๆเลยนะ”
“เอาเถอะน่า!  ตอนนี้ผมไม่ชอบแล้ว  ถ้าพี่จะทำให้มาให้ก็แค่เป็นพวก หมู ไก่ ไข่ อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่อาหารทะเลก็แล้วกัน”
“พี่ก้านไม่เข้าใจ”
“ตามนี้แหละ!”
ผมตัดบท  เพราะไอ้เจ้าชายมันจะเริ่มจะดีดดิ้นอยากจะพุ่งเข้าหาพวกพ้องแทบขาดใจ  ผมรีบลากเขาออกมาก่อนที่ความจะแตกเรื่องที่เขาไม่ใช่มนุษย์
ต้องมาเห็นพวกพ้องของตัวเองนอนตายเหลื่อนอยู่ในจานอาหารของมนุษย์  เขาคงสะเทือนใจไม่น้อยเลยสินะ
ผมก็ลืมคิดไปสนิทเลยว่าพี่ก้านจะต้องทำของโปรดของผมมาให้แน่ๆ  และเนื้อปลาก็เป็นอาหารที่ผมชอบมากที่สุดเสียด้วย 
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ  ข้าจะไปจัดการมัน  มันบังอาจฆ่าพวกพ้องของข้ามากมายเช่นนั้น!”
ทันทีที่ถูกปล่อยให้ปากเป็นอิสระ  เจ้าชายตัวดีก็โวยวายลั่นด้วยสีหน้าโกรธจัดสุดๆ  ฉิบหายล่ะสิ  ถ้าเกิดมาพิโรธแล้วปล่อยพลังทำลายล้างโลกขึ้นมาจะทำไงกันวะเนี่ย
ไอ้เจ้าชายบ้านี่จะมีพลังเหมือนองค์ราชาหรือเปล่าก็ไม่รู้!
ครืน…ครืน…
ความคิดยังไม่ทันไปถึงไหน  ท้องฟ้าที่เคยสดใสก็กลับมืดครึ้มพร้อมกับเสียงคำรามอันดังลั่น  ลมกรรโชกพัดมาจากในทะเลจนผมต้องรีบหันไปมองคนข้างตัว
“เฮ้ยยยย!”
ดูท่างานฉิบหายจะมาแล้วจริงๆ  อ๊ากกกกก!


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วเน้ออ  วันนี้อัพดึกไปนิดเพราะเริ่มทำงานค่ะ  แง้ๆๆ TOT  จากนี้จะอัพวันเว้นวันแล้วน้า สลับกับอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องอัพเช่นกันค่ะ  ตอนนี้มาเอาใขช่วยปูนปั้นกันเถอะว่าตะหยุดความพิโรธของเจ้าชายได้หรือไม่  ต้องมาเห็นพวกพ้องของตัวเองนอนตายเรียงกันอย่างสวยงามขนาดนั้นคงจะโกรธไม่น้อยเชียวล่ะ  แต่ว่า…แต่งไปก็หลงรักพี่ก้านไป ช่างอบอุ่นใจดีมีโหมดดาร์คอะไรเช่นนี้  อร๊ายยยยย >///////<

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์ 
https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)

หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ

http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/ (http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/)

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 8 (04/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 04-04-2017 23:27:20
ช่างเป็นความทุ่มเทของพี่ชายที่รักน้องเสียจริง... เสียดายก็แต่ปูนปั้นจำไม่ได้สินะว่าตอนเด็กพูดอะไรไว้
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 8 (04/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 05-04-2017 09:16:57
 :3123: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 8 (04/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 05-04-2017 16:58:53
 :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 8 (04/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 05-04-2017 18:19:53
555 เจ้าชายต้องเรียนรู้เพื่ออยู่รอดนะ
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 09-04-2017 19:39:29


ตอนที่ 9
ใครบางคน…ในใจ
 
“ดะ…เดี๋ยวสิ  ใจเย็นๆก่อนครับ!”
ผมตรงเข้าไปจับตัวเจ้าชายเอาไว้หวังจะให้เขาใจเย็นขึ้น  หากแต่ดวงตาวาวโรจน์นั้นไม่ได้ดูอ่อนลงเลยแม้แต่น้อย
บรรลัยแน่ๆงานนี้  ดูจากท้องฟ้าแล้ว  สงสัยเจ้าชายจะเรียกพายุมาถล่มโลกชัวร์ๆ
อ๊ากกก  ทำยังดีล่ะวะไอ้ปูนปั้น!
ครืน!  ครืน!
ฟ้ายังคงร้องเปรี้ยงปร้างประหนึ่งปืนกล  ผมดิ้นพล่านเป็นหนูติดจั่น  คิดหาวิธีช่วยโลกแบบเร่งด่วน  ขืนปล่อยให้เจ้าชายโกรธต่อไป  ที่นี้ต้องเกิดน้ำท่วมใหญ่จากฝนตกแน่นอน  เผลอๆอาจพ่วงพายุมาด้วยอีก  ไอ้พี่ก้านนะไอ้พี่ก้าน  ของกินมีเยอะเสือกมาทำเมนูปลานานาชนิดให้เจ้าชายเห็น!
มึงไม่รู้หรือไงว่าโลกจะถึงกาลอวสานแล้วววว!
“เจ้าชาย  ผมขอร้อง  หยุดเถอะ!”
“ไม่!  ข้าจะเข้าไปสั่งสอนมันที่บังอาจมาฆ่าพวงพ้องที่แสนน่ารักของข้าแบบนั้น!”
“ไม่ได้นะครับ!”
เพราะมึงไมได้จะฆ่าแค่มัน
แต่มึงยังจะฆ่าคนทั้งโลกอีกด้วย!
หมับ!
เมื่อไม่รู้จะรั้งเจ้าชายด้วยวิธีไหรดี  ผมก็เลยสวมกอดเขาพร้อมกับออกแรงดันเอาไว้  ใบหน้าซุกกับอกหอมกรุ่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
มะ…ไม่ใช่เวลามาดมกลิ่นตัวของมันนี่หว่า!
“ปล่อยข้า!”
“ผมไม่ปล่อย!”
ใครจะปล่อยให้มึงไปทำลายล้างโลกกันล่ะ!
“ข้าบอกให้ปล่อยไง!”
ครืน!!!  ครืน!!!
ยิ่งเจ้าชายตะเบ็งเสียงมากเท่าไหร่  ท้องฟ้าก็ยิ่งร้องดังมากขึ้นเท่านั้น  มีฟ้าแล่บจนเกิดประกายแสงไปทั่วทั้งที่บรรยากาศมืดครึ้มเพราะเมฆฝน
ไม่ได้!    มึงจะมาเปลี่ยนโลกกูเป็นทะเลตอนนี้ไม่ได้  กูยังไม่พร้อม!
“ปล่อยข้านะปูนปั้น!  ปล่อยข้า!!!”
ครืนนนน!!!!!!
เอาวะ!
“ก็บอกว่าไม่ปล่อยไงเล่า!”
หมับ!
“อุ๊บ!!!!”
ผมโน้มคอไอ้เจ้าชายตัวปัญหาลงมาแล้วประกบจูบอย่างแนบแน่น!
มืออีกข้างจับท่อนแขนของเขาเอาไว้  ส่วนดวงตาปิดสนิทเพราะไม่อยากรับรู้ว่าตัวเองกำลังทำเรื่องบัดสีอะไรอยู่หน้าบ้านพี่ก้าน
ขออย่าให้มีใครมาเห็นฉากนี้เลย….
กูทำเพื่อมวลมนุษยชาติเลยนะเนี่ย!!!
“นี่เจ้า…”
หลังจากจูบกันเนิ่นนานจนเริ่มจะขาดอากาศหายใจ  ผมก็ค่อยๆถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่ง  รู้สึกว่าร่างกายที่เคยเกร็งด้วยความโกรธของเขาจะไม่เกร็งแล้วแฮะ
แบบนี้แสดงว่าอารมณ์เย็นขึ้นแล้วสิ!
ครืน!!!! ครืน!!!
เปรี้ยง!!!
“โอ๊ะ!  ฝนตกเหรอเนี่ย”
เจ้าชายที่เหมือนเพิ่งรู้สึกจัวสะดุ้งพลางเงยหน้ามองฟ้าอย่างตกใจ
“ก็อยากจะดีใจที่เจ้าจู่โจมข้าเมื่อกี้ต่ออยู่หรอกนะ  แต่ฝนตกขนาดนี้ท่าทางตะมีพายุเข้า  ข้าว่าพวกเรารีบกลับบ้านกันดีกว่า”
แล้วก็ก้มหน้าลงมาพูดกับผมหน้าตาเฉย
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ  มึงกำลังจะบอกกูว่า…ไอ้ที่ท้องฟ้ามันมืดครึ้ม  และฝนก็เท่ลงมาอย่างกับห่าฝนแบบนี้มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  ไม่ใช่ฝีมือของมึงงั้นเรอะ!
ถะ…ถ้างั้น…
ไอ้ที่กูจูบมึงไปเมื่อกี้ก็…
“ไว้ไปต่อกันที่บ้านแล้วกันนะ”
พูดแค่นั้น  คนตัวโตกว่าก็จับมือพาผมวิ่งไปที่รถแล้วจัดการสตาร์ทให้ด้วยความเร็ว  ขณะที่ผมยังคงวิญญาณหลุดออกจากร่างไม่ยอมกลับ
อายไหมไอ้ปูนปั้น…
คิดเองเออเองว่าเจ้าชายกำลังจะทำให้น้ำท่วมโลกถึงกับลงทุนทำเรื่องแบบนั้นเพื่อหยุดเขา
เรื่องนี้น่ะ…จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดเลยยยย!
 
“นี่ๆ  ไม่ต่อเรื่องเมื่อกี้แล้วเหรอ  ข้ายังเคลิ้มอยู่เลยนะ”
“เงียบไปเลยครับ   ลืมมันไปได้ยิ่งดี”
“แต่ข้า…”
พลั่ก!
“โอ๊ย!  ตีหัวข้าทำไมเนี่ย”
เจ้าชายบ่นอุบพลางลูบหัวป้อยๆ
หลังจากพากันผ่าพายุฝนกลับมาถึงบ้าน  ผมก็รีบบังคับให้เจ้าชายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะไม่สบาย  และตอนนี้ก็ต้องมานั่งทำตัวเป้ฯแม่นมเช็ดผมที่เปียกปอนของเจ้าชายให้แห้งอีก
ตกลงกูแต่งงานเพื่อมาเป็นพี่เลี้ยงของเจ้าชายสินะ  เฮ้ออออ
“แล้วเจ้าไม่อาบน้ำบ้างเหรอ  ไปอาบน้ำสิ  ข้าจะได้เช็ดผมให้”
“ไม่ต้องหรอกครับ  ผมอึดจะตาย  เจ้าชายต่างหากที่ต้องได้รับการดูแล”
“ข้าเป็นสวามีนะ  ข้ามีหน้าที่ดูแลต่างหากล่ะ  อย่าเห็นข้าเป็นเด็กจะได้ไหม”
มือหนาดึงมือผมที่กำลังเช็ดหัวเขาอยู่ไปจับไว้ก่อนจะจุมพิตลงมาเบาๆ
การกระทำอันรวดเร็วนั้นทำเอาผมนั่งตัวแข็งทื่อตกใจกับสิ่งที่เขาทำ  ยิ่งนานวันไป  พวกเราจะยิ่งมีชีวิตความเป็นอยู่ประหนึ่งสามีภรรยากันเข้าไปทุกที
ไม่ได้การแน่ๆ  ต้องเป็นเพราะเขาชอบพูดว่าเราแต่งงานกันแล้วชัวร์ๆ  ผมถึงได้เผลอทำอะไรที่เหมือนกับการใช้ชีวิตคู่แบบนี้!
“เจ้าน่ะ  ช่วยอยู่เฉยๆให้ข้าดูแลบางจะได้หรือเปล่า  ข้าอยากเป็นฝ่ายดูแลเจ้ามากกว่านะ”
“เจ้าชาย…”
“…”
หมับ…
“ขอบคุณนะครับ  นอกจากพ่อ  ลุงกิ่ง  แล้วก็พี่ก้าน  เพิ่งมีคุณนี่แหละที่พูดว่าอยากจะดูแลผม  แต่ว่า…ที่นี่คือโลกของผม  ให้ผมเป็นฝ่ายดูแลเองจะดีกว่า  ไว้อยู่ในโลกของคุณเมื่อไหร่  คุณค่อยดูแลผมนะครับ”
“แสดงว่าเจ้าจะกลับไปกับข้าอีกครั้งใช่ไหม”
“ถ้าคุณยังอยากให้ผมกลับไปด้วยล่ะก็นะ”
“อยากสิ  อยากมากๆเลยด้วย”
“งั้นก็ช่วยรอหน่อยนะครับ  รอจนกว่าวันที่ผมจะได้กลับไปพร้อมกับคุณจะมาถึง”
ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น  แผ่นหลังของเขากว้างและอบอุ่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ
ให้ตายสิ  ผมรู้สึกอบอุ่นเสียจนไม่อยากให้เจ้าของแผ่นหลังนี้จากไปไหนเสียแล้ว
จะในฐานะอะไรก็ตาม  ถ้าได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไป  คงจะดีไม่น้อยเลย
 
Special Part :
ทำไมเงียบนักวะ?!
คำถามแรกที่ผุดขึ้นาหลังจากที่พายุฝนสงบลงแล้วผมจึงรีบออกจากบ้านเพื่อมาดักรอดูว่าคนที่มากับไอ้ปั้นคือใคร
ผู้ชายตัวขาวเหมือนแสงออโรร่ากับผมสีเขียวแปลกตานั่น…
“เด็กไม่ดีจริงๆเลยนะ”
“เฮ้ย!!!”
ร้องเสียงหลงจนหัวใจแทบหยุดเต้นกับการปรากฏตัวอย่างไม่คาดฝันของคนที่ไม่คาดคิด!
“มาด้อมๆมองๆอะไรหน้าบ้านคนอื่นเหรอครับน้องจ้าว”
“ไม่ใช่เรื่องของมึง!”
ผมตวาดใส่คนถามอย่างรังเกียจพลางเดินหนีไปอีกทาง
หมับ!
“พี่ยังไม่อนุญาตให้น้องจ้าวไปไหนเลยนะครับ  เดินหนีผู้ใหญ่แบบนี้ได้ยังไง  มันน่าลงโทษไหมเนี่ย”
“ปล่อยกู!”
ผมดึงมือออกมาจากการเกาะกุมเต็มแรงพลางมองหน้าไอ้คนที่มันถือวิสาสะจับมือผมไว้อย่างโกรธจัด  อยากจะปล่อยหมัดหนักๆเน้นๆลงบนหน้าหวานๆนี่ชะมัด  ถ้าไม่ติดว่า…
ต่อยแม่งไป…
กูก็เจ็บเอง
“เมื่อไหร่จะหายโกรธพี่สักทีครับเนี่ย  เป็นแบบนี้ตลอดไปไม่อึดอัดเหรอ”
“เรื่องของกู”
“น้องจ้าว”
“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!”
“…”
“นับแต่วันที่มึงเปลี่ยนตัวเองเป็นแบบนี้  ก็เท่ากับมึงปล่อยกูไปแล้ว  เพราะงั้นก็ไม่ต้องมาพูดอะไรทั้งนั้น  กูไม่อยากฟัง”
“พี่รักน้องจ้าวนะครับ”
คำบอกรักอย่างกะทันหันของอีกฝ่ายทำเอาร่างกายนิ่งสนิท  หัวใจเต้นแรงจนผมกลัวเหลือเกินว่าเขาจะได้ยินเสียงของมัน
“คำว่ารักของมึง…ไม่เหมือนที่มึงให้ไอ้ปั้นสินะ”
“…”
“มึงรักกูกับมัน  แต่รักที่มึงให้มัน  ไม่เหมือนที่มึงให้กู”
“ใช่ครับ  ไม่เหมือน…”
ร่างสูงตอบกลับอย่างชัดเจนพร้อมกับสบตาผมแบบไม่ยอมหลบตา
ก็แบบนี้ทุกที…
ไม่ว่าจะกี่ครั้งกี่หน  ไม่ว่าจะเรื่องอะไร  ต่อให้มึงให้มันกับกูมาเท่ากัน  แต่ความรู้สึกที่ได้จากมึงมา…ต่างจากที่มันได้เสมอ
“พอเหอะ  กูไม่อยากฟังอีกแล้ว”
“รู้ไหม  สิ่งหนึ่งที่ร้องจ้าวกับรูปปั้นต่างกันคืออะไร”
“กูไม่อยากรู้”
“ถึงรูปปั้นจะโกรธพี่ไม่ต่างไปจากที่น้องจ้าวโกรธ  แต่รูปปั้น…ยังเชื่อมั่นในตัวพี่เสมอ  และไม่เคยทิ้งพี่ไปเหมือนน้องจ้าว”
แววตาเจ็บปวดของคนตรงหน้ามันช่างกรีดลึกลงในหัวใจจริงๆ
อะไรกันล่ะ  คนที่จู่ๆก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนไปก่อนอย่างมึงสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ!
อย่ามาทำเหมือนกูเป็นคนผิดหน่อยเลย  ใครทิ้งใครก่อนกันแน่  มึงนั่นแหละควรคิด!
“เพราะมึงมันหมดประโยชน์  ไร้ค่าไม่ต่างไปจากไอ้ปั้นหรอก  พวกเศษขยะ!”
“…”
พะ…พูดออกไปแล้ว!
เผลอพูดคำที่มันเกลียดที่สุดในชีวิตออกไปแล้ว!
“น้องจ้าว…”
“อะ…อะไร!”
“ดูท่าทางพี่คงต้องสั่งสอนเด็กไม่ดีอย่างจริงจังสักหน่อยแล้วสินะ”
รอยยิ้มปิศาจผุดขึ้นบนใบหน้าหวานล้ำยิ่งกว่าน้ำตาล
ผมกลืนน้ำลายลงคอ  ค่อยๆถอยหลังไปทีละก้าวเพื่อหาจังหวะที่จะวิ่งหนี  งานเข้าแล้วไหมล่ะไอ้จ้าว  ไอ้ปากไม่มีหูรูด!
“มะ…มึงจะทำอะไรกู  ไอ้ก้าน!  ไอ้ตุ๊ด!”
“แน่ะ  ยังจะปากเก่งอยู่อีก  เห็นทีต้องสั่งสอนให้หลาบจำจริงๆเสียแล้ว  คำก็ตุ๊ด  สองคำก็ตุ๊ด  ต้องให้บอกอีกกี่ครั้งกันครับว่าพี่น่ะ…”
“…”
“ตุ๊ดสายรุก”
“ยะ…อย่าเข้า  อุ๊บ!!!”
ก้าวเดียวถึงตัว
ผมเบิกตากว้างพลางดิ้นพล่าน  มือหนาอุดปากผมไว้แน่น  ทุกสัดส่วนในร่างกายถูกตรึงเอาไว้จนขยับไปไหนไม่ได้
แม้แต่ขนแขนยังปลิวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
“โทรศัพท์อยู่ไหนน้า…”
“อื้อๆๆๆ”
จะทำเหี้ยอะไรอีกวะเนี่ย!
พี่ก้านล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผมก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดอะไรสักอย่างอยู่ที่หน้าจอ
ไม่ไหว…
ถึงจะแต่งตัวเป็นผู้หญิงยังไง  แต่ร่างกายก็ยังเป็นพี่ก้านคนเดิมที่แรงเยอะเหมือนควายถึก!
 
‘คืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะ  จะไปค้างบ้านเพื่อน’
 
“ส่งแล้วนะครับ”
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยบอกก่อนที่หน้าจอจะถูกกดส่งข้อความไปยังเบอร์ของป๊า
เฮ้ยยยย!
“เอาล่ะ…คืนนี้ไปค้างกับพี่ดีกว่านะครับ  จะได้สั่งสอนให้รู้กันไปเลยว่า…ไม่ควรหือกับพี่”
กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่  ความกลัวแล่นปราดไปทั่วทั้งใจ
สายตาปิศาจของมันจ้องมองเลือนร่างของผมก่อนจะเลียริมฝีปากตัวเองราวกับว่าผมคือเหยื่ออันโอชะของมันในค่ำคืนนี้
กะ…กูขอถอนคำพูด
ชาตินี้ทั้งชาติกูจะไม่พูดคำว่าเศษขยะอีกแล้ว!
“ไปครับ”
ม่ายยยยยยยยยยยยย!!!!
 
“!!!”
ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก  รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของไอ้จ้าวตะโกนดังอยู่หน้าบ้าน
มะ…ไม่มีทางน่า  ไอ้จ้าวมันเกลียดผมยิ่งกว่าขี้  มันจะมาหน้าบ้านผมทำไม  ฝันไปแหงๆ
“หืม?”
ที่ข้างตัวว่างสนิทไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต  ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าความจริงข้างตัวผมจะต้องมีเจ้าชายนอนอยู่  ไปไหนของเขากันนะ?
สายตากวาดมองไปรอบห้องเล็กๆที่มืดสนิทเพื่อหาเขา
ไม่มี…
ไปไหนกันนะ?
ผมคลานออกจากมุ้งเพื่อจะไปหาเจ้าชาย  รู้สึกเป็นห่วงและใจหายขึ้นมา  หวังว่าคงจะไมได้กลับไปที่ดินแดนเงือกหรอกนะ  เขาคงไม่กลับไปโดยทิ้งผมเอาไว้คนเดียวใช่ไหม
“ประตู…”
ประตูหลังบ้านทีเป็นทางเดินไปห้องน้ำเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย  ผมรีบเปิดประตูออกไปดูด้วยมั่นใจว่าต้องเป็นฝีมือเจ้าชายแน่ๆ
ฝนหยุดตกไปแล้ว  และท้องฟ้าก็ปลอดโปร่งจนเห็นดวงจันทร์  ใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โขดหินริมหาดเพียงลำพัง  ผมย่องลงไปอยู่ด้านหลังของเจ้าชายโดยใช้หินที่ขึ้นตามธรรมชาติอยู่ด้านหลังบ้านเป็นฐาน  เบื้องหน้าของเราสองคนคือทะเลในยามค่ำคืนอันเงียบสงบ
สายตาของเจ้าชายทอดมองไปไกลแสนไกล  ยิ่งกว่านั้น…มันกลับดูอ้างว้างและเจ็บปวดเหลือเกิน
“เจ้าอยู่ที่ไหนกันนะ”
“…”
“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
“…”
“ประกายดาว”
“!!!”
ประกายดาว?
นะ…นั่นมัน…
ชื่อพี่สาวของผม!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วเน้ออออ  หายไปหลายวันเพราะมีงานเข้า  เดี๋ยวหลังจากนี้สงกรานต์อีก  น่าจะหายยาวๆ TOT  แต่ถ้าแบกคอมพ์ไปด้วยได้ก็จะพยายามไม่หายนะคะ เรื่องนี้บิวจะแต่งสลับไปมาระหว่างคู่หลักคือเจ้าชายกับน้องปูนปั้น  แล้วก็คู่รองพี่ก้านกับน้องจ้าวน้า  รักใครเชียร์คู่ไหน  คอมเม้นต์คุยกันได้จ้า
 
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)

หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/ (http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/)

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: GuoJeng ที่ 09-04-2017 19:51:42
อ้าวเจ้าชาย จะทำให้มีดราม่าอีกงัย อยู่กับปั้นแล้วเรียกหาประกายดาวนะ
  รออ่านตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 09-04-2017 20:34:11
เอาละไง... พี่สาวมาจากไหน ไหนว่าอยู่กับพ่อสองคนไง
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 09-04-2017 22:54:20
เอาแล่วๆเจ้าชายเอาแล่ว ชอบคู่รองจังง :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 09-04-2017 23:57:45
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: aommyga40 ที่ 10-04-2017 07:22:43
 o22 o22
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 9 (09/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-04-2017 15:22:11
อ้าวๆ.....เจ้าชาย ร้องหาพี่สาวปูนปั้น  :katai1:
มันยังไงกันเนี่ย เคยรักกับประกายดาวมาก่อนเหรอ
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 10 (22/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-04-2017 18:25:29


ตอนที่ 10
เมียจ๋า
 
จะว่าพี่สาวก็คงไม่ใช่เสียทีเดียว
พี่ดาวเป็นพี่สาวที่โตมาด้วยกันกับผม  พี่ก้าน  และไอ้จ้าว  พวกเราเป็นเพื่อนเล่นกันสี่คนมาตั้งแต่เด็ก  แต่พี่ดาวร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง  มักจะออกมาตากลมทะเลนานๆเหมือนพวกผมไม่ได้  เป็นพี่สาวที่จิตใจดีและน่ารักมาก  พวกเราสนิทกันจนเหมือนเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันไปแล้ว
แต่จู่ๆ  เมื่อสองปีก่อนพี่ดาวก็หายตัวไป  มีคนพบผ้าพันคอของพี่ดาวอยู่ในทะเลไม่ไกลจากชายฝั่งมากนัก  หลังจากเฝ้าตามหากันมาแรมเดือน  สุดท้ายตำรวจจึงสรุปว่าพี่ดาวน่าจะตายไปแล้ว  ถ้าไม่ใช่การฆ่าตัวตายก็คงจะเป็นเกิดอุบัติเหตุจนตกทะเลไป
การค้นหาพี่ดาวจึงสิ้นสุดเพียงแค่นั้น…
แล้วทำไม…หมอนี่ถึงได้?
“แฮ่ม!”
กระแอมไอออกไป  เจ้าชายสะดุ้ง  หันกลับมาส่งยิ้มอันแห้งเหือดประหนึ่งทะเลทรายซาฮาร่าให้
ผมจะต้องรู้ให้ได้  ว่าเจ้าชายรู้จักกับพี่ดาวได้ยังไง  และถ้าหาก…ถ้าหาก…การที่เขารู้จักกับพี่ดาว จะไปเกี่ยวข้องกับการที่พี่ดาวหายสาบสูญไปเมื่อสองปีก่อน  ผมก็…
อยากจะรู้ความจริงให้ได้!
“เจ้า…ยังไม่นอนอีกเหรอ”
“ผมออกมาเข้าห้องน้ำน่ะครับ  ก็เลยเห็นว่าเจ้าชายยังไม่นอน  มีอะไรหรือเปล่า  ท่าทางไม่ค่อยดีเลยนะ”
ถามพลางเดินไปหย่อนขานั่งลงข้างๆ  ไม่แน่ว่าบางที  การที่เขาชอบทำหน้าตาเหม่อลอยเหมือนคนว้าเหว่อยู่บ่อยครั้ง  อาจมีสาเหตุมาจากพี่ดาวก็ได้
รู้จักกันได้ยังไงนะ
แล้วตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ข้าแค่กำลังคิดถึงใครบางคนน่ะ”
“ใครบางคน?”
“คนที่หนีจากข้าไปไกลแสนไกล  คนที่ทำให้ข้ารู้สึกเหมือนตายทั้งเป็น”
ฉึก!
ผมฝืนยิ้มให้แม้ว่าเจ้าชายจะไม่ได้มองมาก็ตาม
อะไรกันความรู้สึกแบบนี้  เหมือนหัวใจถูกของมีคมกรีดเข้าจนเจ็บปวด  ในอกมันโหวงๆแต่ก็อัดแน่นจนอึดอัด
ไม่เข้าใจเลย
ผมเป็นอะไรไปเนี่ย!
“คงจะเป็น…คนสำคัญของคุณมากๆสินะครับ”
“สำคัญสิ  สำคัญจนข้าไม่คิดว่าชาตินี้จะมีใครมาแทนที่คนๆนั้นๆได้  แม้กระทั่ง…”
“…”
“เจ้า”
“…”
“ขอโทษนะ  แต่ข้าคิดว่าควรบอกทุกอย่างในใจให้เจ้ารู้  ข้ามีความรู้สึกดีๆมากมายให้แก่เจ้าจนตัวข้าเองก็ยังแปลกใจ  แต่ถึงอย่างนั้น  ข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าจะแทนที่คนๆนั้นได้”
“ผมเข้าใจครับ”
เข้าใจ  แต่ก็…
เจ็บปวดแฮะ
ไม่ใช่ที่หนึ่ง  ไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับความรู้สึกมากมายแบบนั้นจากเขา
อ่า…ไอ้ความเห็นแก่ตัวที่กำลังเกิดขึ้นในหัวใจผมมันคืออะไร  การที่รู้สึกว่าดีแล้ว   ที่พี่ดาวหายไปแบบนี้…
โคตรน่ารังเกียจเลย!
“แต่ข้าสัญญา”
“…”
“คนๆนั้นจะเป็นเพียงแค่ความทรงจำที่ล้ำค่าของข้าเท่านั้น  ปัจจุบันในใจของข้ามีเพียงเจ้า  ข้าเป็นของเจ้าเท่านั้น”
เจ้าชายหันมาสบตาผมตรงๆ    ความแน่วแน่และมุ่งมั่นฉายชัดในแววตาสีน้ำทะเลของเขา
จะบ้าหรือไง  จู่ๆก็มาพูดท่าทีจริงจังแบบนี้  ผมกับเขาน่ะ…  พวกเราสองคนน่ะ…  ก็แค่แต่งงานกันหลอกๆเท่านั้น
ผมไม่คิดอะไรกับเขาทั้งนั้น  นอกจากเอาเขาเป็นตัวยึดเหนี่ยวชีวิตผมในตอนนี้  ชีวิตที่ไม่เหลือใครเลยสักคน…
“ไม่ได้ต้องการสักหน่อย”
“หา?”
ร่างสูงส่งเสียงร้องเมื่อถูกผมทำลายบรรยากาศโรแมนติกอย่างย่อยยับ
ทะ…ทำไงได้ล่ะวะ!   จะให้นั่งสบตาฟังคำพูดหวานๆพวกนั้นต่อไป  ผมก็เสียเปรียบพอดีน่ะสิ!  ถึงจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน  แต่ผมก็ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายด้วยกันหรอกนะ
ไม่สิ…
ผมไม่คิดจะไปชอบสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์หรอก!
“เจ้านี่นะ  ข้าอุตส่าห์พูดความในใจไปขนาดนี้แล้ว  หัดมีความโรแมนติกในหัวใจบ้างสิ”
“ไม่เห็นจำเป็นเลย”
ตอบกลับทันควันพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ถ้าหากพี่ดาวจะเป็นเพียงความทรงจำของเขา  ผมก็คงไม่มีอะไรต้องห่วง  ที่ต้องสืบหาให้ได้คือเขารู้จักกับพี่ดาวได้ยังไง  และการหายสาบสูญไปถึงสองปีของพี่ดาวนั้น…เกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่?
 
“ออกค่าย?”
“ใช่แล้ว  ที่ชุมชนของเราได้เข้าร่วมกับทางจังหวัด  ทางผู้ใหญ่บ้านก็เลยคัดเด็กหนุ่มที่ดูแข็งแรงและมีฝีมือให้ไปช่วยกันน่ะ  พี่ก้านว่าดีออกน้า  ทุกคนจะได้สนิทกัน  แล้วก็เป็นการทำเพื่อชุมชนด้วย”
ไอ้อาการกระดี๊กระด๊าเป็นผู้หญิงแบบนี้น่ะ  ขอทีเหอะ  หยุดได้ไหม!
“แล้วผู้ใหญ่บ้านส่งชื่อใครไปมั่ง”
“แน่นอนว่ามีพี่ก้านไปเป็นแม่ครัวเบอร์หนึ่งของค่าย  มีรูปปั้น  มีเด็กๆในชุมชนอีกสองสามคน  มีน้องจ้าว…”
“เดี๋ยว!  ไอ้จ้าวก็ไปด้วยเรอะ”
“ไปสิครับ  ก็พ่อของน้องจ้าวเป็นสปอนเซอร์หลักนี่นา  ก็มีเท่านี้แหละ  เพราะมีคนจากชุมชนอื่นไปด้วย  รวมๆกันแล้วค่ายนี้ก็เกือบร้อยคนเชียวนา”
“งั้นผมไม่ไป”
“ทะ…ทำไมล่ะ!”
พี่ก้านถามหน้าตาตื่นหลังจากจีบปากจีบคอพูดมาพักใหญ่
เมื่อสิบนาทีก่อน   ผมเพิ่งจะตื่นนอนได้ไม่นานและยังไม่ทันจะอาบน้ำแปรงฟันใดๆ  พี่ก้านคนนี้ก็โผล่พรวดเปิดประตูเข้ามาแบบไม่เคาะ  โชคดีแค่ไหนที่เจ้าชายมันไม่ได้กลับร่างเดิมเพื่อจะอาบน้ำ  ไม่งั้นล่ะงานงอกเงยงดงาม!
“ผมจะไปได้ยังไงถ้าไคโอไม่ได้ไป  คิดสิพี่คิด”
“หมอนี่เป็นเด็กทารกหรือไงถึงต้องคอยดูแลตลอดน่ะ”
อีก่ายถามกลับพลางมองหน้าเจ้าชายอย่างไม่พอใจ  แต่มีเหรอที่เจ้าชายจะสน  สิ่งที่หมอนั่นทำคือการนอนกระดิกเท้าผิวปากอย่างอารมณ์ดีต่อไป
ผมไม่ชอบสายตาที่เจ้าชายกับพี่ก้านมองกันเลยจริงๆ  มันเหมือนทั้งคู่เป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมาแต่ปางก่อน
“ผมมีเหตุผลของผมแล้วกัน  เอาเป็นว่าผมไม่ไป”
“ไม่ได้นะรูปปั้น!  งานนี้เป็นงานอาสาของชุมชนก็จริง  แต่ทางผู้ใหญ่บ้านบอกจะสนับสนุนเรื่องทุนการศึกษาให้รูปปั้นด้วยนะ”
คำว่า ‘ทุนการศึกษา’ ทำเอาผมต้องคิดใหม่อีกรอบ
ตอนนี้ผมจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่าเดิมรวมถึงต้องประหยัดเงินมากกว่าเดิม  ถึงจะได้ทุนเรียนฟรีอยู่แล้ว แต่ค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยก็ไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะค่าหอพัก  ค่ากิน ค่าอยู่อีก  ค่าใช้จ่ายอื่นๆอีก  ถึงจะประหยัดมากมายยังไงก็ไม่น่าจะพอใช้แน่ๆ
เอาวะ!
“ถ้างั้นผมขอพาไคโอไปด้วยได้ไหมล่ะ”
“จะพาไปทำไม!  พี่ก้านไม่ชอบหน้าหมอนี่เลย  ดูลามกยังไงก็ไม่รู้นะรูปปั้น”
ไม่พูดเปล่า  ไอ้คนว่าคนอื่นว่าลามกยื่นมือมาดึงผมเข้าไปกอดแล้วเอาแก้มมาถูไถกับแก้มผมไปมาเหมือนที่ชอบทำเมื่อตอนเด็กๆ
กูว่ามึงเองก็ลามกไม่แพ้มันกรอก  ศีลเสมอกันฉิบหาย!
“ถ้าไคโอไม่ได้ไป  ผมก็ไม่ไป  พี่เลือกเอาแล้วกัน”
“แหมๆ  เล่นพูดแบบนี้แล้วพี่ก้านจะไปทำอะไรได้ล่ะ”
“งั้นฝากที่เหลือด้วยนะครับ  ช่วยบอกทางผู้ใหญ่บ้านให้ด้วย  แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ”
“อ๊ะ! เดี๋ยวสิ  อะไรกัน  จะไล่พี่ก้านกลับแล้วเหรอ  พี่ก้านยังไม่หายคิดถึงรูปปั้นเลยน้า”
“ไปๆๆๆๆ  ไม่ต้องวุ่นวายมากนักจะได้ไหม  ผมรำคาญ”
รีบฉุดไอ้พี่ก้านให้ลุกขึ้นเพื่อจะโยนออกไปจากบ้าน  แต่มันแม่งก็ตูดเหนียวหนึบติดทนนานสุดๆ   สงสัยต้องเอาชะแลงมางัด!
“ฉันเอง”
“กรี๊ด  นั่นนายจะทำอะไรฉัน”
พลั่ก!  โครม!!!
ไม่ถึงสามวินาทีดีเสียด้วยซ้ำ…
ปัง!
“เท่านี้ก็เรียบร้อย”
เจ้าชายหันมายิ้มแป้นหลังทำการปิดประตูใส่กลอนอย่างแน่นหนาเพื่อกันไม่ให้พี่ก้านเข้ามาได้อีก  เมื่อกี้เขาเพิ่งจะใช้เท้ายันพี่ก้านออกจากประตูจนกลิ้งตกบันไดห้าขั้นลงไปข้างล่างในเวลาไม่ถึงสามวิฯ!
เห็นร่างกายผอมบางมีกล้ามอยู่เล็กน้อยเท่านั้น  แต่นึกไม่ถึงเลยว่าแรงจะเยอะขนาดนี้…
“รุนแรงไปหรือเปล่าครับเจ้าชาย  พี่ก้านแก่แล้วนะ”
เกิดกระดูกกระเดี้ยวหักขึ้นมาจะแย่เอา
หมายถึงกูเนี่ยจะแย่!  ต้องมานั่งดูแลพี่ก้านเพิ่มอีกคน  แค่เจ้าชายคนเดียวก็จะตายแล้วเหอะ
“เจ้าอย่าห่วงคนอื่นเลยน่า  สำหรับเจ้าน่ะ  ห่วงแค่ข้าก็พอแล้ว”
“แต่ว่า…!”
“ข้าไม่ชอบเวลามนุษย์ตนนั้นเข้าใกล้เจ้า  เหมือนจะถูกแย่งเมีย…”
“เมีย?!  ไปเอาคำพูดนี้มาจากไหนครับเนี่ย!”
“ลุงข้างบ้านสอนมาน่ะ”
ไปสอนกันมาตอนไหนล่ะเนี่ย!
ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากด้วยความเครียด  พาเจ้าชายมายังไม่ทันข้ามอาทิตย์เลย  ได้ศัพท์แปลกๆมาใส่หัวเสียแล้ว  ลุงนะลุง  คำอื่นมีตั้งมากมายทำไมไม่เอามาสอนฟะ!
“เอาเป็นว่าห้ามพูดคำนี้อีกนะครับ  มันไม่ดีหรอก”
“ไม่ดียังไง  ลุงบอกว่ามันใช้เรียกคนที่เรารัก  คนที่แต่งงานอยู่กินด้วยกัน  ข้ากับเจ้าเองก็แต่งงานกันแล้ว  เท่ากับเจ้าต้องเป็นเมียข้าสิ”
“ก็บอกว่าไม่ใช่ยังไงล่ะครับ!”
กูจะเอาตรงไหนไปให้มึงทำเมียได้ล่ะโว้ยยยย!
ถ้าคิดจะหมายถึงไอ้ช่องทางการสอดใส่ที่มึงเคยพูดในวันแรกที่เจอกันล่ะก็…ฝันไปเถอะไอ้เจ้าชายเฮงซวย!  มันใช่ที่ที่เอาไว้ทำแบบนั้นเมื่อไหร่กันล่ะ  ใครโดนเข้านี่เจ็บยันเหลนบวช!
“เมียจ๋า…”
หมับ!
“จะ…เจ้าชาย!”
นี่ก็จำมาจากลุงข้างบ้านแน่ๆ!
ตั้งแต่ผมเด็กยันโต ผมเห็นลุงแม่งชอบอ้อนป้าว่าเมียจ๋าๆแล้วกอดจากด้านหลังแบบนี้อยู่หน้าบ้านเป็นประจำ!
ในบ้านมีแม่งก็ไม่เคยเข้าไปอี๋อ๋อกันหรอก  ทำแต่ข้างนอกนี่แหละ  ฮึ่มมมม!
“ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”
“คุณนี่มันเจ้าชายจอมเอาแต่ใจจริงๆ”
บ่นพึมพำเบาๆแต่ก็ไม่ได้ผลักเขาออกหรือทำอะไรมากกว่านั้น  จนกระทั่ง…
ลูบ….คลำ…บีบ…
บั้นท้ายกลมๆทั้งสองข้างถูกสัมผัส  ไม่ว่าจะเป็นการลูบไล้อย่างแผ่วเบา  การคลำราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง  และปิดท้ายด้วยการบีบนวดคลึงในเวลาอันสั้น...
อะ…ไอ้เจ้าชาย…
“อยากตายใช่ไหม!”
“แว๊กกกกกกก  ข้ากลัวแล้ว เมียจ๋า!!!”
โครม!!!
เหตุการณ์หลังจากนี้ค่อนข้างรุนแรงไปจนถึงนองเลือด  ขออนุญาตเซ็นเซอร์เอาไว้แล้วกันนะครับ!!!
 
“ให้ตายสิ  เป็นเจ้าชายที่หื่นกามและไว้ใจไม่ได้ที่สุดในโลกเลย”
เดินบ่นมาตลอดทางหลังจากทำการลงโทษเจ้าชายตัวดีไปเรียบร้อยแล้ว  แต่ผมคงหนักมือมากไปหน่อยเลยถึงขั้นเลือดตกยางออก  เดือดร้อนต้องเสียเงินออกมาซื้อยาให้มันอีก
อ๊ากกกกกกกกกกก
ค่าพลาสเตอร์กับยาพวกนั้น  มันซื้อไข่มาทอดกินได้หลายมื้อเลยนะเฟ้ยยย
กึก!!!
เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตานึกคำด่าไอ้เจ้าชายในใจ  เลยไม่ทันได้สังเกตว่าข้างหน้ามีอะไรอยู่  ขาขาวๆของใครบางคนยกขึ้นยันกำแพงเพื่อขวางทางผมเอาไว้
“ไอ้จ้าว”
มีอยู่คนเดียวนั่นแหละที่ให้ ‘เกลียด’ ผมได้ขนาดนี้
“ได้ข่าวว่ามึงเองก็จะไปออกค่ายด้วยเหรอวะ”
“เรื่องของกู  หลบไป”
“กูไม่หลบ  พ่อกูใหญ่เสียอย่าง  มึงจะทำไมฮะ  ไอ้ลูกไม่มีพ่อ!  ฮ่าๆๆๆๆ”
ไอ้จ้าวขำพลางมองผมด้วยสายตาดูถูก
“หลบไปไอ้จ้าว กูไม่มีธุระอะไรกับมึง”
“ทำไมวะ  หรือพอเห็นกูแล้วรู้สึกได้ถึงความไร้ค่าของตัวเอง  แหงสิ  มึงมันอยู่ใกล้ใครก็มีแต่นำความเดือดร้อนมาให้  แม่ก็ตายห่าตั้งแต่มึงเด็กๆ  ไอ้ก้านก็กลายเป็นตุ๊ดเพราะมึง  พี่ดาวก็หายไปเพราะมึง  แล้วยังจะมาพ่อมึงอีก”
“เดี๋ยวนะ  มึงหมายความว่ายังไงที่ว่าพี่ดาวหายไปเพราะกู!”
เรื่องอื่นที่มันด่าผมไม่สนใจทั้งนั้น  แต่กับเรื่องนี้  เป็นครั้งแรกที่ไอ้จ้าวมันพูดแบบนี้ออกมา!
“อะไร  กูไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย  หูฝาดแล้วมึงอ่ะ”
“มึงพูด!”
“กูไม่ได้พูด”
ไอ้จ้าวรีบเอาขาที่กั้นทางผมอยู่ลงแล้วเดินจ้ำอ้าวหนีผมยกใหญ่
จะว่าก็ว่าเหอะ  กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปี  เป็นศัตรูกันมาอีกกี่ปี  ทำไมกูจะไม่รู้ว่าเวลามึงโกหกหรือมีอะไรปิดบังนิสัยมึงจะเป็นยังไง!
“ไอ้จ้าว!  กูบอกให้มึงหยุด!”
ในที่สุดผมก็คว้าตัวมันเอาไว้ได้ตรงร้านขายของที่ตั้งใจจะมาพอบดิบพอดี  ไอ้จ้าวสะบัดมือผมออกและทำตาขวางใส่
“อย่ามาแตะต้องตัวกู!”
“กูไม่ได้อยากจับมึงนักหรอก  แต่มึงต้องบอกกูมาเรื่องพี่ดาว!”
“ก็ไม่มีอะไรจะบอกมึงทั้งนั้น”
“ไอ้จ้าว!”
ผมคว้าแขนมันที่ตั้งท่าจะเดินหนีไว้อีกรอบพร้อมกับกดตัวมันให้นั่งลงบนเก้าอี้เพื่อจะล็อกหนทางหนีเอาไว้  ทว่า…
“อ๊ากกก!”
มันกลับร้องเสียงหลงขึ้นมาอย่างเจ็บปวดพลางลุกพรวดขึ้นไม่ยอมนั่งท่าเดียว
“ไอ้จ้าว  เป็นไรวะ”
“มะ…ไม่ใช่เรื่องของมึง!”
ไอ้จ้าวตอบเสียงสั่น  น่าแปลกที่จู่ๆแก้มมันกลับขึ้นริ้วสีแดงเหมือนกำลังอายอะไรสักอย่างก่อนที่มือข้างหนึ่งของมันจะเลื่อนไปจับบั้นท้ายตัวเองเอาไว้
“ไอ้จ้าว  อย่าบอกนะว่ามึง…”
ผมเบิกตากว้าง  ชี้ไปที่ตูดของมันด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่อย่างที่มึงคิดแน่นอน  กะ...กูไปล่ะ!”
แล้วก็เผ่นแน่บไปประหนึ่งตีนติดไฮสปีด…
“แค่เป็นฝีที่ตูดมึงถึงกับต้องทำหน้าอายขนาดนั้นเลยเหรอ”
พูดไล่หลังพลางเกาท้ายทอกยิกๆด้วยความแปลกใจ  ช่างมันเหอะ  เดี๋ยวต้องไปออกค่ายด้วยกันอีกตั้งเป็นอาทิตย์  ค่อยหาเวลาจากตอนนั้นถามเรื่องพี่ดาวเอาก็ได้!
แต่ว่า…
หมายความว่ายังไงกันนะ  พี่ดาวหายไปก็เพราะผม  ทำไมถึงเป็นผมกันล่ะ  ในเมื่อ…สองปีก่อนตอนช่วงที่พี่ดาวหายตัวไป…
ผมตกเรือหัวและขากระแทกกับท้องเรือจนต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วเน้ออออ  หายไปหลายวันเพราะต้องทำงานบวกไปเที่ยวสงกรานต์ที่ภูเก็ตมา  วันนี้มีเวลาว่างแล้วเลยมาอัพให้ได้อ่านนะคะ  ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจด้วยว่าไม่มีเซอร์วิสฉากบทลงโทษอันแสนหวานของพี่ก้านและน้องจ้าวนะเออ 55555+  เอาไว้คราวหลังเนอะ!  ตอนนี้ชมความมุ้งมิ้ง เมียจ๋งเมียจ๋าของเจ้าชายไปก่อนแล้วกันค่า
 
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)
หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/ (http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/)

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 10 (22/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-04-2017 21:49:55
 :katai5:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 10 (22/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-04-2017 23:20:00
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 11 (23/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 23-04-2017 14:29:15
ตอนที่ 11
เจ้าชายกับค่ายอาสา (1)

“ทำยังไงดีปูนปั้น  ข้าตื่นเต้นเหลือเกินที่จะได้ไปค่ายอาสากับเจ้า”
เจ้าชายที่กำลังนั่งเก็บเสื้อผ้าของตัวเองใส่กระเป๋าบอกท่าทางดีใจสุดๆ
เมื่อวานพอกลับมาจากซื้ออุปกรณ์ทำแผล  ผมก็อธิบายถึงการไปออกค่ายอาสากับชุมชนในครั้งนี้ให้เจ้าชายฟังอย่างละเอียดว่าเราต้องไปทำอะไรบ้าง  และสิ่งที่เขาควรระวังมากที่สุดคืออะไร
“อย่ามัวแต่ตื่นเต้นดีใจจนลืมสิ่งที่ผมบอกไปนะครับ  ห้ามให้ความลับที่เจ้าชายเป็นเงือกแตกเด็ดขาด  ใครพูดใครถามอะไรก็ไม่ต้องตอบ  อยู่ใกล้ๆผมอย่างเดียว  ที่เหลือผมจัดการเอง”
“ข้าเข้าใจแล้วน่า  เจ้าอย่าทำเหมือนข้าเป็นเด็กสิ”
“ผมแค่เป็นห่วง  ถ้าคุณไม่อยากให้ผมเป็นห่วงก็ไม่เป็นไร”
“โกรธอีกแล้วเหรอ   พักหลังเจ้าทำตัวเหมือนผู้หญิงจังเลยนะ  ข้าล่ะตามอารมณ์ไม่ทัน”
ว่าพลางสั่นศีรษะไปมา
เดี๋ยวเหอะมึงๆ  กล้าทำหน้าเอือมระอากูงั้นเรอะ  เดี๋ยวพ่อก็จับขอดเกล็ดทำต้มยำกินเสียเดี๋ยวนี้เลยดีไหม!
“รูปปั้น  เสร็จหรือยัง  พี่ก้านมารับแล้วน้า”
“มนุษย์ตนนั้นเป็นขนจั๊กกะแร้ของเจ้าหรือไง  ถึงได้ตามติดกันนัก”
ใบหน้าเปลี่ยนเป็นบูดบึ้งในบัดดล
มาถามกูแล้วกูจะรู้เรอะ  ตั้งแต่เด็กยันโตไอ้พี่ก้านมันก็เป็นของมันแบบนี้มาตั้งนานแล้วเหอะ!
“รีบๆเข้าเถอะครับ  ให้คนอื่นรอนานมันเสียมารยาทนะ”
“รู้แล้วน่า”
เจ้าชายรับขำแต่หน้าตายังบ่งบอกถึงความไม่พอใจที่พี่ก้านมาวอแวกับผมอีกแล้ว
พวกเรารีบเก็บกระเป๋าและลงมาสมทบกับพี่ก้านที่จอดรถรออยู่ก่อนแล้ว  ความจริงมันก็แค่รถสามล้อที่ต่อพ่วงออกมาเท่านั้นแหละครับ  ไม่ใช่รถยนต์หรูหราอะไรหรอก  อย่าเพิ่งจินตนาการไปไกล
“พวกเราไปเองได้  พี่ไม่เห็นจำเป็นต้องมารับเลย”
“เอาน่า  ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน  จะแยกกันไปทำไมให้เปลืองน้ำมันล่ะครับ”
“แต่…”
“…”
“ทำไมไอ้จ้าวถึงไปกับเราด้วยล่ะครับ”
ผมถามพลางมองไปที่ไอ้จ้าวที่นั่งหน้ามุ่ยซ้อนท้ายพี่ก้านอยู่
“กูไม่ได้อยากจะนั่งนักหรอกเว้ยไอ้รถเส็งเคร็งเหมือนขุดมาจากถังขยะแบบนี้น่ะ!”
“แหมๆ  น้องจ้าวล่ะก็  พูดไม่เพราะอีกแล้วน้า  เดี๋ยวพี่ก้านก็ตีปากเลยนี่”
ว่าพลางทำมือทำไม้เหมือนจะตีปากไอ้จ้าวจริงๆ 
แปลก…
มีบางอย่างแปลกไปในตัวของสองคนนี้  อะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร
“ข้า  เอ๊ย  ฉันว่าเรารีบไปกันดีกว่านะ”
“อ๊ะ  นั่นสินะครับ  เดี๋ยวจะสายไปมากกว่านี้”
เจ้าชายรีบกระโดดขึ้นรถไปนั่งยิ้มแป้นเหมือนเด็กประถม  ดูท่าทางจะตื่นเต้นไม่น้อยเลย  เมื่อคืนก็เอาแต่ถามว่าโลกภายนอกเป็นยังไง   สวยเหมือนดินแดนเงือกไหม?
คือก็เข้าใจนะว่าชุมชนที่ผมอยู่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากวัดกับบ้านหลังเล็กๆติดกันเป็นพรืดและน้ำทะเล     การที่เจ้าชายจะไม่นับรวมว่าชุมชนนี้เป็นโลกภายนอกก็คงไม่แปลก
“กูสงสัยมานานละ  ไอ้ปั้น  หมอนี่ใครวะ”
“เรื่องของกู  เสือกทำไม”
“อ้าว  ไอ้เหี้ย!  กูถามดีๆนะเนี่ย”
“กูก็ตอบดีๆเหมือนกันว่าอย่าเสือก  จบไหม?”
ผมเลิกคิ้วสูงมองหน้ามันอย่างตั้งคำถาม
จำเป็นต้องตัดบทจบแบบกวนตีนเพราะถ้าเกิดแนะนำให้รู้จักกันไปก็มีแต่จะทำให้กังวลกลัวว่าเจ้าชายมันจะทำความลับแตก
“กูไม่ถามก็ได้  ไม่ได้อยากรู้นักหรอก!”
“ก็ดี”
“เดี๋ยวสิๆ   ทั้งสองคนทำไมต้องทะเลาะกันทุกทีด้วยนะ  เมื่อก่อนออกจะรักกันมากแท้ๆ”
“หุบปากไปเลยไอ้ตุ๊ด!!!”
ผมและไอ้จ้าวตะโกนใส่พี่ก้านพร้อมกัน  เล่นเอาตาลุงแก่จอมโรคจิตถึงกับเหวอไปเลย
“จ้าๆ  กลัวแล้วจ้า  พี่ก้านกลัวจนหัวหดแล้วเนี่ย”
“มึงเลิกพูดเรื่องเก่าๆสักทีเหอะไอ้พี่ก้าน  กูขนลุก!”
“ผมเห็นด้วยกับไอ้จ้าว  พี่เลิกเสี้ยมเหอะว่ะ”
แล้วผมกับไอ้จ้าวต่างก็สะบัดหน้าหันตูดใส่กัน  เป็นอันประกาศความเป็นศัตรูอย่างแน่วแนวถาวร  ผมไม่มีทางเป็นเพื่อนกับคนที่มันย่ำยีจิตใจของผมด้วยคำพูดว่า ‘ลูกไม่มีพ่อ’ เด็ดขาด!

สถานที่ที่เราต้องไปคือหมู่บ้านแสงจันทร์  หมู่บ้านที่อยู่บนภูเขาสูงและค่อนข้างห่างไกลจากเทคโนโลยียิ่งกว่าชุมชนของผม  หน้าที่ของอาสาสมัครในแต่ละชุมชนของจังหวัดคือจะร่วมด้วยช่วยกันสร้างโรงเรียนเล็กๆให้กับเด็กในหมู่บ้านนี้  เพราะจะมีครูอาสามาสอนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า  รวมถึงสิ่งปลูกสร้างอื่นๆที่พอจะอำนวยความสะดวกให้กับคนในหมู่บ้านนี้ได้  โดยงบประมาณทั้งหมดทางจังหวัดเป็นคนออก  เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ทำอะไรดีๆเพื่อสังคมแบบนี้
“สวยจังเลยนะ”
เจ้าชายที่นั่งเงียบไม่พูด ไม่แซะ ไม่แกะ ไม่เกา อะไรทั้งสิ้นมาตลอดเอ่ยขึ้น  เขายื่นหน้ามาหาผมที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาอีกที  จนเกือบกึ่งๆจะเกยคางลงบนไหล่ผมอยู่รอมร่อ  น้ำเสียงแหบเสน่ห์ที่กระซิบข้างหูทำเอาสมองปั่นป่วนไปหมด
พักหลังไม่ว่าเจ้าชายจะทำอะไรผมก็รู้สึกรับมือได้ยากตลอดเลยแฮะ!
กลับเป็นตัวเองได้แล้วไอ้ปั้น!
“ชะ…ชอบไหมล่ะครับ”
“ชอบสิ  ชอบมาก  แต่ไม่เท่ากับที่ชอบเจ้าหรอกนะ”
ต้องขอบพระคุณเสียงลมที่เกิดจากการขับรถของพี่ก้านมากๆที่กลบเสียงพูดของเจ้าชายได้จนหมด  ถ้าพี่ก้านหรือไอ้จ้าวได้ยินเข้ามีหวังงานงอก!
“หยุดพูดบ้าๆได้แล้วครับ  ดูนู่นดีกว่า  วิวตรงนั้นสวยดีนะครับ”
“หึๆ  เข้าใจเปลี่ยนประเด็นนะเด็กน้อย”
“ผมเด็กกว่าคุณแค่ปีเดียว  อย่ามาเรียกกันแบบนี้สิ!”
“โอ๊ะ!  ตรงนั้นสวยจริงๆด้วย  แต่สวยน้อยกว่าเมียข้านิดหนี่ง”
“คุณ!”
กูอยากจะบ้าตาย!
รู้งี้ให้พี่ก้านไปเช่ารถตู้คอนเทนเนอร์มารับเสียก็ดี จะได้จับไอ้ปลาลามกนี่ยัดเข้าไปแม่งเลย!!!

Special Part :
“ทำไมนั่งห่างแบบนั้นล่ะครับ  เขยิบมาใกล้ๆพี่ก้านอีกก็ได้นะ  พี่ก้านไม่กัดหรอก…”
“ไม่…!”
“แต่จะกินทั้งตัวเลยต่างหาก”
สาบานได้ว่าผมแทบจะพุ่งหลาวรถจากรถแม้ว่าตอนนี้รถมันจะวิ่งอยู่ก็ตาม
ไอ้ตุ๊ดโรคจิตมองผมผ่านกระจกด้านข้างของรถมอเตอร์ไซค์ด้วยรอยยิ้มขำขัน  แต่สายตาโลมเลียของมันไม่ต่างจากเมื่อคืนนั้นเลย!
คืนที่ผมกับมัน…
มีอะไรกัน
และน่าเจ็บใจตรงที่สุดท้ายคืนนั้นผมก็ยอมเอนอ่อนตกเป็นของมันแต่โดยดีไร้การบังคับขืนใจใดๆนี่แหละ
อ๊ากกกกก!!!
เจ็บใจตัวเองชะมัด  แค่คำพูดไม่กี่ประโยคของมันก็ทำเอาสมองเลิกสั่งการไปเลย
หมับ!
“ถ้าเขยิบมากไปกว่านี้จะตกรถนะ”
น้ำเสียงจริงจังและทุ้มต่ำเป็นการบ่งบอกว่าได้ว่ามันกลับมาเป็นไอ้พี่ก้านคนเดิม  ไม่ใช่พี่ก้านที่แต่งหญิงทำตัวตุ้งติ้งน่าตบกะโหลกให้ร้าวคนนั้น
สายตาตำหนิเหมือนเมื่อก่อนที่ชอบใช้เวลาผมทำผิดหรอเล่นซนเกินเหตุกลายเป็นสิ่งที่ผมต่อต้านไม่ได้ไปแล้ว  มือหนาที่จับต้นขาผมไว้บีบแน่น
“รู้แล้วเว้ย”
ตอบอ้อมแอ้มก่อนจะเขยิบเข้าไปใกล้จนอะไรต่อมิอะไรมันต้องกระแทกโดนกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
คนด้านหน้าเหยียดยิ้มอย่างพอใจที่ทำให้ผมยอมได้อีกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจนับได้  ผมแยกเขี้ยวใส่เขา  หมั่นไส้ที่สุดท้ายก็ต้องแพ้อีกแล้ว
จะมีวิธีไหนสามารถเอาชนะไอ้ตุ๊ดตัณหากลับคนนี้ได้บ้างนะ!
เพราะไม่อยากมองหน้ากับไอ้พี่ก้านไปมาผ่านกระจกรถ  ผมก็เลยเลือกที่จะมองไปทางอื่นแทน  ส่วนหนึ่งก็เพื่อระงับอาการใจเต้นไม่เป็นส่ำของตัวเองด้วยนั่นแหละ
เวรกรรมจริงๆเล้ยไอ้จ้าว!
แต่…
พอหันไปมองทางซ้ายมือของตัวเองก็ต้องเจอกับอะไรที่น่าเบื่อยิ่งกว่า!
ไอ้การชี้โบ๊ชี้เบ๊แล้วหัวเราะคิกคักๆกันสองคนของไอ้ปั้นกับไอ้หัวเขียวนี่มันคืออะไรกันฟะ  คิดว่ากำลังถ่ายมิวสิคฯกันอยู่หรือไง!
ผมเบะปากกับภาพที่เห็น  ไอ้หัวเขียวและไอ้ปั้นต่างก็ชี้นู่นชี้นี่ให้กันและกันดูก่อนจะหัวเราะดี๊ด๊าท่าทางมีความสุข  พวกมันชี้แม้กระทั่งหมายืนฉี่ใส่เสาไฟฟ้าอ่ะคิดดู!
แม่งมีอะไรให้ประหลาดใจวะ?
หมับ!
“ไอ้…!”
“ชู่  เดี๋ยวสองคนนั้นได้ยินนะ”
ไอ้พี่ก้านขยิบตาหนึ่งทีก่อนจะทำหน้าที่ขับรถต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทั้งที่มือมันกำลังลูบไล้ต้นขาผมไปมาและกำลังจะลามไปถึงจุดอันตรายแล้วด้วย!
เหี้ยเอ๊ย!  กูไม่น่าใส่กางเกงขาสั้นธรรมดาๆมาเลย!
ดูดิ  เปิดช่องว่างให้แม่งล้วงเข้าไปถึงลำไส้แล้วเนี่ย!
“เราสองคนได้นอนห้องเดียวกันด้วยน้า  พี่ก้านล่ะอยากให้ถึงตอนกลางคืนเร็วๆจังเลย”
“ไม่มีทาง  กูไม่นอนกับมึงแน่นอน”
“น้องจ้าวคิดว่าจะหนีพี่ก้านพ้นเหรอครับ?”
เอียงคอกลับมาพูดเล็กน้อยเพื่อให้ผมได้ยินทุกถ้อยคำของมันอย่างชัดเจน
“พี่ก้านๆ  อีกนานไหมกว่าจะถึง”
เพราะไอ้ปั้นหันมาคุยด้วย  ไอ้พี่ก้านเลยรีบชักมือกลับไป  นั่นทำให้ผมหายใจได้สะดวกขึ้นเยอะเลย
นึกว่าจะโดนมันลูบมาถึงตรงนั้นเสียแล้ว  อ๊ากกกกก!
“หึ!”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันหน่อยๆดังมาจากคนที่นั่งข้างๆ  ผมก้มลงมองเจ้าของเสียงหัวเราะนั่นด้วยความไม่ชอบใจ  แต่พอเห็นสายตาที่มันโฟกัสอยู่ก็ถึงกับหน้าถอดสีเลยทีเดียว
ไอ้หัวเขียวกำลังมองไปยังจุดที่มือของไอ้พี่ก้านมันลูบคลำอยู่เมื่อกี้!
บรรลัยแล้วไง  อย่าบอกนะว่ามันเห็น!
“ใกล้แล้วล่ะ  ทำไมล่ะ  รูปปั้นเมื่อยแล้วเหรอ  พี่ก้านนวดให้เอาไหมๆ”
“ถ้าพี่มานวดให้ผมแล้วใครจะขับรถล่ะครับ”
“อ่า  นั่นสิเนอะ”
ผมกัดฟันแน่น
โมโหกับท่าทีของไอ้พี่ก้านจนไม่รู้จะเอาไประบายที่ไหนดี
เมื่อไรห่จะเลิกทำตัวแต๋วแตกแบบนี้สักที  เม่อไหร่จะกลับมาเป็นคนเดิมแบบจริงๆจังๆสักที!  ถ้าตราบใดที่ยังตัดใจจากไอ้ปั้นไมได้  มึงก็ไม่คิดจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเลยสินะ
ถ้างั้น…
มึงมาทำเรื่องอย่างว่ากับกูทำไม
ถ้ากูไม่ได้เป็นที่หนึ่งสำหรับมึง  แล้วเราจะมีเซ็กส์กันไปเพื่ออะไร…
สุดท้ายผมก็ทำได้แค่เบือนหน้าหนีไปอีกทาง  ไม่อาจทนมองภาพไอ้พี่ก้านที่ยอมลงทุนเปลี่ยนตัวเองเพื่อคนอื่นที่ไม่ใช่ผมได้   เพราะถ้ามองมากไปกว่านี้  ผมกลัว…
กลัวตัวเองจะเจ็บปวดจนร้องไห้ออกมา
กลัวจะเก็บความรู้สึกมากมายที่มีให้มันไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ผมกลัว…
กลัว…
“ไอ้จ้าว…ไอ้จ้าว!!!”
“ฮะ!!!! อะ…อะไร”
ผมเอ่ยถามอย่างลนลานด้วยตกใจกับเสียงเรียกอันดังลั่นของไอ้ปั้น
“มึงเป็นอะไรวะ  ทำหน้าตาเหมือนคนกำลังจะฆ่าตัวตายเลย”
“เรื่องของกูไหม?  มึงอย่าเสือก!”
“กูก็ไม่ได้อยากเสือกำนักหรอก  ถ้ามึงไม่ทำหน้าน่าสมเพชขนาดนั้น!”
คำตอบของไอ้ปั้นทำให้ผมต้องมองตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกรถทันใด
บ้าน่า  ทำไม…
ทำไมผมถึงได้แสดงใบหน้าที่เจ็บปวดออกมาได้ขนาดนี้  ทำไม!!!
“น้องจ้าว…”
เหมือนไอ้ตัวต้นเหตุจะพอรู้แล้วว่าผมเป็นอะไร  มันมองผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำอธิบาย  แต่ใครจะไปสนกันล่ะ
ยังไงเสียคำตอบของมันก็คงจะเหมือนทุกๆครั้ง
ไอ้ปั้น  ไอ้ปั้น  และไอ้ปั้น!
ชาตินี้ทั้งชาติ  ผมไม่มีวันเทียบกับไอ้ปั้นได้หรอก…
ไม่รู้ทำไมพี่ก้านถึงได้รักมันขนาดนั้น  ทำไมต้องเสียสละทำเพื่อมันขนาดนั้น  น้องแท้ๆก็ไม่ใช่  ญาติกันก็ไม่ใช่  ก็แค่เพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกันแค่นั้น
ทำไมต้องทำอะไรมากมายขนาดนี้เพื่อมันด้วย!
“ไฟเขียวแล้วไอ้สัตว์  ไม่ไปกันหรือไง!”
ผมเปลี่ยนประเด็นแล้วชี้ไปที่สัญญาณไฟ  ไอ้พี่ก้านรีบออกรถทันทีเพราะรถด้านหลังเริ่มบีบแตรไล่แล้ว  ทุกอย่างกลับสู่สภาวะปกติอีกครั้ง…
ไม่สิ
ไม่ปกติเลยสักนิด
ไอ้พี่ก้านมันจ้องผมผ่านกระจกมองหลังตาไม่กะพริบเลยต่างหาก!!!
ไอ้เหี้ย!  มองทางเว้ยมองทาง  จะมามองกูหาพระแสงอะไรเล่า!
“พี่ก้านๆ  ทางเลี้ยวนะพี่!  จะตรงลงเหวทำบ้าอะไรเนี่ย!”
หวังว่าจะถึงหมู่บ้านแสงจันทร์อย่างปลอดภัยนะ  เฮ้อ!!!

“ถึงสักที  ไชโย!”
ผมชูสองแขนขึ้นฟ้าอย่างดีใจ  สูดอากาศที่บริสุทธิ์ของชุมชนนี้เข้าปอดอย่างเต็มที่
ว่าแล้วเชียว  ที่ภูเขานี่กลิ่นหอมเย็นสบายสุดๆไปเลย  ถึงทะเลที่อยู่ชอบจะสวยงามแค่ไหนก็เถอะ  แต่ทะเลสำหรับคนที่ทำประมงนะ  ส่วนใหญ่ก็มีแต่กลิ่นคาวปลาทั้งนั่นแหละ
“ที่นี่สุดยอดไปเลยนะ  ต้นไม้เยอะมากเลย”
“ใช่ไหมล่ะครับ”
“เอาล่ะทุกคน  พี่ก้านว่าเราไปหาพ่อเฒ่าของหมู่บ้านกันก่อนดีกว่านะ”
“แล้วคนจากชุมชนอื่นล่ะครับ”
“คงแยกย้ายกันไปแล้วน่ะ  เพราะอาสาของแต่ละชุมชนต่างก็มีหน้าที่ต่างกัน  คนที่ช่วยทำฝายกัน้ำก็จะไปพักอีกจุดหนึ่ง  คนที่ช่วยทำทางก็ไปอีกจุดหนึ่ง  ส่วนพวกเราสี่คนจะช่วยกันทำโรงเรียนเล็กๆและสร้างห้องสมุดให้กับเด็กๆร่วมกับอาสาจากชุมชนอื่นประมาณสิบคน  เอาล่ะ  ถ้าเข้าใจแล้วก็เข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ถึงยังไงกูก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าคนรวยๆอย่างกูทำไมจะต้องมาเป็นอาสาด้วยเนี่ย”
ไอ้จ้าวบ่นไม่เลิก
แต่ก็จริงของมัน  ผมเองยังแปลกใจเลยที่รู้ว่าไอ้จ้าวจะมาด้วย  เพราก็อย่างที่มันบอกนั่นแหละ คือมันรวย  มันเป็นคุณชาย  พ่อแม่งมีอิทธิพลคับฟ้า  แต่ไหงถึงยอมส่งลูกชายให้มาลำบากที่นี่ได้
แปลกใจจริงๆ
“มา  ฉันถือให้”
เจ้าชายที่เพิ่งเสร็จจากการดื่มด่ำในธรรมชาติหันมาคว้ากระเป๋าจากผมไปถือเอง   อะไรคือการมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษกับสุภาพบุรุษเหมือนกันอย่างผมล่ะเนี่ย!
“ปะ…ไปกันดีกว่าครับ”
ตัดบทมันดื้อๆแบบนี้นี่แหละ
พี่ก้านเดินนำพวกเราทุกคนไปยังบ้านที่เป็นจุดศูนย์กลางของที่นี่  มีชาวบ้านมากมายยืนรอกันอยู่แล้ว  เด็กๆในชุดแปลกๆเองก็ยืนออกันอยู่เพียบ  ภายในบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นศาลาเสียมากกว่ามีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่
หรือว่าคนๆนี้ก็คือ…พ่อเฒ่าที่พี่ก้านพูดถึง
“สวัสดีครับพ่อเฒ่า  พวกผมเป็นอาสาจากชุมชนน้ำทะเลครับ  ต้องขอโทษด้วยที่มาช้า  พอดีรถขึ้นเขาสูงๆไม่ค่อยได้ก็เลยใช้เวลานานพอสมควรเลย”
อันนี้จริง  ทางขึ้นมาหมู่บ้านค่อนข้างชัน  กว่าจะขึ้นมาถึงนี่ได้พวกผมต้องลงแรงไปเข็นรถกับเส้นเอ็นในกายแทบจะขาด!
“ไม่เป็นไรหรอก  ขอบคุณมากๆเลยนะที่ยอมเสียสละเวลามาเพื่อหมู่บ้านเล็กๆของเรา”
“พ่อบังคับมาต่างหากล่ะตา”
“ไอ้จ้าว!”
ผมถลึงตาใส่มัน  เจ้าตัวเลิ่กลัก  ดูแปลกใจมากว่าทำไมตัวเองถึงถูกโกรธใส่
ไอ้เวรเอ๊ย  พูดะไรไม่คิด!
“พวกเราจัดบ้านที่จะใช้สำหรับพักไว้ไห้แล้วล่ะนะ  อาจจะไม่ใหญ่โตอะไรเป็นเพียงแค่กระท่อมเล็กๆ  แต่ก็จะพยายามดูแลพวกคุณอย่างดีเลยล่ะ”
“ขอบคุณมากครับ”
ผมกับพี่ก้านยกมือไหว้ขอบคุณ  เหลือก็แค่ไอ้เจ้าชายผู้ไม่ค่อยเข้าใจมารยาทของมนุษย์เท่าไหร่นักกับไอ้คุณชายจอมหยิ่งผยองเท่านั้น
เฮ้อ… จะรอดไหมเนี่ย
“ห้องพักของคุณทั้งสี่อยู่ปลายหมู่บ้านตรงโน้นนะ  มีที่กว้างขวาง มีทุ่งหญ้าด้วยล่ะ  เชิญตามสบายเลยนะ”
“ขอบคุณมากครับพ่อเฒ่า”
“จริงสิ  ก่อนอื่นต้องจับสลากไม้นี่ก่อนนะ  เพื่อแบ่งว่าใครจะได้นอนคู่กับใคร  มันเป็นประเพณีของหมู่บ้านที่ต้องปล่อยให้เจ้าป่าเจ้าเขาท่านเป็นผู้ตัดสิน”
คำพูดของผู้เฒ่าทำเอาพวกผมสี่คนมองหน้ากันโดยพลัน  สลากไม้เล็กถูกคุณลุงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อเฒ่ามาตลอดส่งให้
“เชิญเลยจ้าๆ  เลือกกันคนละ 1 อันนะ  ใครได้สีที่ปลายไม้เหมือนกันก็นอนด้วยกันเลย”
“เอ่อ  แต่ว่าพวกผม”
“รูปปั้น  ไมเป็นไรหรอก”
พี่ก้านค้านเอาไว้
ไม่เป็นไรห่าอะไรล่ะ!  พวกมึงไม่เป็นแต่กูเนี่ยเป็น!  ถึงกระท่อมสองหลังมันจะไม่ได้ห่างกันถึงสองร้อยเมตรก็เหอะ  แต่ถ้าได้นอนแยกห้องกับเจ้าชายจริงๆมันก็อดเป็นห่วงว่าความจะแตกไม่ได้อยู่ดี!
ฉิบหายแล้วไอ้ปั้นเอ๊ย
“เอาสิ  จับเลย”
คุณลุงเร่งอีกครั้ง  สุดท้ายพวกเราต่างก็ต้องจับไปที่ด้ามไม้กันคนละหนึ่งอัน  ก่อนที่จะดึงขึ้นมาดูสีที่ตนได้และรูมเมทของตัวเอง!
“เฮ้ยยย!”
นรกขุมไหนกลั่นแกล้งผมถึงขนาดนี้!!!

ผม VS ไอ้จ้าว…
เจ้าชาย VS พี่ก้าน…

เอาจริงดิ?!!!



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วนะค้า   ความซวยกำลังจะบังเกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีการสลับคู่เกิดขั้น  ก๊ากกกก 5555+  แต่ละต่างก็เป็นศัตรูคู่กัดกันเสียด้วย  แล้วต้องมาเป็นรูมเมทกันเป็นอาทิตย์แบบนี้  จะเป็นยังไงต่อล่ะเนี่ย  ที่สำคัญคือ…เจ้าชายจะไม่ทำโก๊ะจนความลับแตกจริงเหรอ??  มาเอาใจช่วยน้องปั้นกับเจ้าชายกันด้วยน้า

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)
หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/ (http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/)
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 11 (23/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 25-04-2017 13:21:50
ฝากติดตามด้วยจ้าา
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 11 (23/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 25-04-2017 13:58:46
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 12 (30/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-04-2017 16:35:27
ตอนที่ 12
เจ้าชายกับค่ายอาสา (2)

“เข้าใจแล้วนะครับ   ห้ามพูด ห้ามตอบอะไรพี่ก้านเด็ดขาด  แล้วก็ท่องให้ขึ้นใจเลยว่าห้ามใช้สรรพนามข้ากับเจ้าเด็ดขาด!”
“แต่ข้าอยากหลับนอนกับเจ้ามากกว่านะ”
“นอนหลับก็พอครับ”
ผมขัด
“ก็นั่นแหละ  เรื่องอะไรข้าต้องนอนกับมนุษย์คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าด้วยล่ะ”
“ผมก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้หรอกครับ  แต่มันไม่มีทางเลือกจริงๆ  ยังไงก็แล้วแต่  คุณห้ามทำความลับเรื่องที่เป็นเงือกแตกเด็ดขาดนะครับ  แล้วก็อย่าชมวิวเพลินจนเผลอห่างจากผมเกินสองร้อยเมตรล่ะ”
“แต่ว่า…”
“ถือว่าผมขอร้อง  การมาที่นี่ผมไม่สามารถตัวติดกับคุณและดูแลคุณตลอดเวลาได้  อย่างน้อยๆก็ขอแค่ระวังตัวเองไม่ให้ถูกจับได้ก็พอ  ช่วยผมเร่องนี้ได้ไหมครับ”
“เจ้าเล่นพูดมาซะขนาดนี้ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ”
เจ้าชายหน้ามุ่ยอย่างขัดใจ
ก็พอเข้าใจหรอกนะว่าเขารู้สึกยังไง  ผมเองก็ไม่ได้อยากแยกกันนอนแบบนี้เสียหน่อย  แต่ในเมื่อมันคือความเชื่อของหมู่บ้านนี้  ผมจะไปทำอะไรได้
“ไปกันเถอะครับ”
ส่งยิ้มหวานให้เจ้าชาย  ไม่ใช่แค่เจ้าชายเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง  ตัวผมเองก็รับศึกหนักไม่แพ้กันเลย  ต้องมาเป็นรูมเมทกับไอ้จ้าวเนี่ยนะ…
จะมีชีวิตอยู่ถึงวันพรุ่งนี้ไหมยังไม่แน่ใจ
มันอาจจะฆ่าผมตายคามือในตอนที่อยู่กันสองคนก็ได้
แต่…! นับว่าเป็นเรื่องดีอยู่เหมือนกัน  เพราะผมจะได้มีเวลาค้นหาความจริงเรื่องพี่ดาวมากขึ้น  เพราะผมมั่นใจว่าไอ้จ้าวต้องปิดบังอะไรไว้!

โครม!!!
กระเป๋าเป้ราคาแพงถูกเจ้าของโยนทิ้งไปมุมห้องเต็มแรง  ก่อนที่มันจะเดินสำรวจไปทั่วกระท่อมสี่เหลี่ยมแคบๆด้วยสายตาดูถูก
“โสโครกชะมัด  ใครจะไปอยู่ได้กันวะ”
“ถ้ามึงคิดจะมองหาโรงแรมแถวนี้ล่ะก็กูบอกเลยว่าไม่มี  ได้แค่นี้ก็บุญหัวแล้วเหอะ  ถ้าเรื่องมากนักจะมาทำซากแมวอะไรตั้งแต่แรก!”
“ต้องให้กูแหกปากกี่รอบมึงถึงจะเข้าใจว่ากูโดนบังคับมา!  เต็มใจเสียที่ไหนล่ะ”
“นึกว่าเต็มใจมาเพราะพี่ก้าน”
ผมลอยหน้าลอยตาตอบอย่างรู้ทัน
คนถูกรู้ทันหันขวับมาจ้องตาเขม็งใส่ราวกับจะกินเลือดแทะเนื้อ
“มึงก็เหมือนกันนั่นแหละ  กับไอ้หัวเขียวนั่น  ดูยังไงก็ผัวเมียชัดๆ”
“มะ…ไม่ใช่นะเว้ยย!”
“เออ  ของกูก็ไม่เหมือนกัน”
“กูไม่เชื่อ  ท่าทางของมึงกับพี่ก้าน ดูก็รู้ว่าได้เสียกันแล้ว!”
“อ๊ากกก  ไอ้เหี้ยปั้น  มึงจะเสียงกังหาพ่อมึงเหรอ!”
ไอ้จ้าวปรี่เข้ามาอุดปากผมพลางมองซ้ายมองขวาอย่างระแวง
ความจริงก็แค่ทำปากหมาพูดไปงั้นๆเพราะหมั่นไส้ความเรื่องเยอะในหลาๆยเรื่องของมัน  แต่ดูท่าว่าเรื่องหมาๆที่ผมพ่นออกไปด้วยความมั่วนั้นจะเริ่มมีมูลขึ้นมาแล้วสิ
ไอ้จ้าวกับพี่ก้าน…
ตีลากาคิดก็ยังนึกภาพไม่ออกว่ามันจะไปได้กันอีท่าไหน!
“มองอะไรวะ”
อีกฝ่ายเอ่ยคำถามเมื่อสัมผัสได้ว่ากำลังถูกผมจ้องตาไม่กะพริบ
มันค่อยๆเอามือที่อุดปากผมอยู่ออกแล้วมูฟตัวไปยืนเก้ๆกังๆที่มุมห้อง  ผมพยายามที่จะสบตากับมันแต่มนก็หลบตาตลอด
ให้ตายสิ  ปากบอกว่าไม่แต่การกระทำมึงชัดเจนฉิบหาย
“ไอ้จ้าว  เอาจริงดิ?”
“มึงพูดเรื่องอะไร”
“พี่ก้านไง  ถ้ากูเดาไม่ผิด  มึงกับพี่ก้าน…”
“…”
“…”
“…”
“…”
“เพราะแบบนี้แหละ”
“…”
“เพราะแบบนี้กูถึงเกลียดมึง”
“…”
“เพราะมึงมันรู้ทันกูทุกเรื่อง  และกูไม่เคยโกหกมึงได้เลย”
ไอ้จ้าวทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนสุดๆ  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นมันแสดงท่าทางอ่อนแอออกมาให้คนอื่นเห็น  ปกติแล้ว  คนเดียวบนโลกใบนี้ที่เคยเห็นน้ำตาของมันก็คือพี่ดาว  ไอ้จ้าวมันเกลียดการถูกเห็นอกเห็นใจจากคนอื่นมากที่สุด  ก็เลยชอบเข้มแข็งห้าวหาญเวลาอยู่ต่อหน้าทุกคน  ทั้งที่ความจริงแล้วตัวมัน…
อ่อนแอและต้องการคนเคียงข้างตลอดเวลา
ไม่สงสัยเหรอว่าลูกคนรวยอย่างไอ้จ้าวทำไมถึงเคยเป็นเพื่อนกับคนจนๆอย่างผม  นั่นก็เพราะ…ชีวิตของมันโดดเดี่ยวมาตลอด  แม่ก็เอาแต่ออกงานสังคมเพื่อเพิ่มบารมีให้กับวงศ์ตระกูล  ส่วนพ่อก็ทำงานงกๆไม่เคยสนใจไยดีอะไรนอกจากให้เงิน  ชีวิตของไอ้จ้าว…มีความว่างเปล่าเป็นเพื่อนตั้งแต่เด็ก  และพี่ก้าน…คือคนแรกที่ดึงมันเข้ามาในกลุ่ม  พวกเราคือเพื่อนกลุ่มแรกของมัน
“อย่ามองกูนะ”
“…”
“มึงห้ามมองกูตอนนี้เด็ดขาดเลย”
ไอ้จ้าวดูตัวเล็กกว่าเดิมมาก
มันนั่งชันเข่าขึ้นมาแล้วซบหน้าลง  น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเมื่อครู่สั่นเครือจนผมรู้สึกได้ว่าคนพูดกำลังร้องไห้
ร้องไห้จากภายใน…
ไอ้พี่ก้าน…
มึงทำเหี้ยอะไรกับไอ้จ้าววะเนี่ย!!!
ปัง!!!
ผมปิดประตูกระท่อมอย่างแรงจนสั่นไปทั้งกระท่อม  เดินดุ่มๆพุ่งตรงไปยังกระท่อมข้างๆ  พอเปิดเข้าไปก็ต้องพบกับบรรยากาศอันสุดแสนจะอึมครึม  นี่ถ้ามีภาพประกอบก็คงจะเห็นควันสีดำพวยพุ่งออกมาจากกระท่อมหลังนี้เลยล่ะ
“ปูนปั้น!”
เสียงเจ้าชายเรียกชื่อมผอย่างดีใจก่อนจะพุ่งเข้าหาเป็นเด็กๆ
ต่างจากไอ้พี่ก้านที่มองตามตาเขียวปั๊ด
“พี่ก้าน”
ผมเรียกไอ้พี่ชายตัวดีเสียงเขียว  คนถูกเรียกเหวอไปเล็กน้อยเพราะเป็นอันรู้กันว่าหากผมทำน้ำเสียงแบบนี้เมื่อไหร่  แสดงคนถูกเรียกกำลังจะงานเข้า
“จ๋าจ้ะ  ทำน้ำเสียงน่ากลัวเชียว  มีอะไรกันน้า~”
“ไม่ต้องมาทำแบ๊ว!  พี่ทำอะไรไอ้จ้าวไว้ฮะ”
“น้องจาวเหรอ?  เอ…ก็เปล่านะ  พี่ก้านไม่ได้…”
“มึงได้”
“ฮะ?”
“มึงได้มันแล้วใช่ไหม”
ผมจ้องตาพี่ก้านอย่างไม่ลดละ  ถ้าวันนี้กูคาดคั้นเอาความจริงจากใครไม่ได้คงจะอกแตกตาย  ถึงผมกับไอ้จ้าวจะเป็นศัตรูกันสานานมากกว่าตอนเป็นมิตร  แต่ไม่ว่ายังไง  ผมก็คิดว่าไอ้จ้าวคนเดิมน่ะดีที่สุด  การที่มันดูหมดอาลัยตายอยากเหมือนคนอมทุกข์แบบวันนี้โคตรเป็นอะไรที่น่ารำคาญ!
“ไม่มีอะไรหรอกรูปปั้น  มันก็แค่เรื่องผิดพลาดนิดหน่อย  พี่ก้านไม่เห็นใครสำคัญไปกว่ารูปปั้นแน่นอน  พี่ก้านมีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อรูปปั้นเท่านั้นนะ”
ไอ้พี่ก้านพูดเสียงอ่อน  ตรงเข้ามาหาผมพร้อมโปรยยิ้มอ่อนโยนเหมือนที่ชอบทำ
“มันพูดถูก”
“ไอ้จ้าว!”
“น้องจ้าว…”
“มีคนมาตามให้ไปดูที่ที่จะต้องสร้างห้องสมุดกัน  กูแค่แวะมาบอกเท่านั้น”
“มึงได้ยิน…”
“อ้อ!  แล้วึมงก็ไม่ต้องมาวุ่นวายเรื่องของกูนะไอ้ปั้น  สิ่งที่ไอ้ก้านพูดน่ะถูกแล้ว  ก็แค่เรื่องผิดพลาด  ไม่มีอะไรที่มึงต้องมาสนใจหรือว่าให้ค่าหรอก”
“ไอ้จ้าว”
“น้องจ้าว  คือว่า…”
“ชีวิตกู  ร่างกายกู  ยังไงมันก็ไม่มีค่าตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว  จะไปมีปัญหาอะไรมากมายถ้าจะมีเพิ่มมาอีกสักคนเพื่อมาทำร้ายมัน”
น้ำเสียงของไอ้จ้าวนิ่งทว่าอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดจนหัวใจผมปวดร้าวตามไปด้วย
“กูมันโง่เอง  ที่ปล่อยตัวให้กับมัน  เพราะยึดติดความคิดตั้งแต่เด็กของตัวเองว่ามันคือเทวดาประจำตัวของกู  มันเข้ามาเพื่อมอบความสุขที่กูไม่เคยได้รับให้กับกู  แต่ไม่ใช่  กูผิดคิด”
“…”
“ไม่ว่าจะมันหรือว่ามึง  ทุกคนล้วนแล้วแต่มาเพื่อสร้างบาดแผลยิ่งกว่าที่ป๊ากับม๊าทำไว้ให้กูทั้งนั้น  นอกจากพี่ดาวแล้ว  ไม่มีใครสักคนที่มองเห็นค่าชีวิตกูจริงๆ  ทุกคนเห็นกูเป็นตัวตลก  เป็นของเล่น  เป็นที่ระบายอารมณ์เวลาหาทางออกไม่ได้  กูมันก็เป็นได้แค่นั้น”
“มึงเข้าใจผิดแล้วไอ้จ้าว  ไม่ว่ามึงจะคิดยังไง  แต่สำหรับกู  กูไมเคยคิดแบบนั้นกับมึง”
“หุบปาก!”
“…”
“มึงนั่นแหละตัวดี”
“…”
“มึงนั่นแหละทำลายความสุขของกู  ไอ้ปั้น!!!”
ไอ้จ้าวตะโกนกร้าวด้วยแววตาวาวโรจน์ก่อนจะวิ่งหายออกไป  พี่ก้านที่ยืนนิ่งอึ้งกับความในใจครั้งแรกของมันก็รีบวิ่งตามไปติดๆ
วันนี้มันวันส้นตีนอะไรกัน
ผมไม่เคยรู้เลยว่าที่ผ่านมาไอ้จ้าวคิดแบบนั้นมาตลอด  มันมองโลกใบนี้ในแง่ร้ายขนาดนั้นเชียวเหรอ
“ปูนปั้น…”
“ผมเกลียดมัน”
“…”
“ผมเกลียดไอ้จ้าว  เกลียดเพราะมันเกลียดผม  เกลียดเพราะมันไม่ยอมเป็นเพื่อนกับผมเหมือนเดิม  เกลียดคำพูดร้ายกาจของมัน  เกลียดทุกอย่าง  ทั้งที่เกลียดมันขนาดไหน  แต่ทำไม…ทำไมผมถึงเจ็บปวดเวลาทีเห็นมันเจ็บ  ผมไม่เข้าใจเลย”
ผมตั้งคำถามใส่เจ้าชาย
หมับ…
“ไม่เห็นจะยากตรงไหน  คำตอบมันก็ตายตัวอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดแนบแน่น  ฝ่ามือใหญ่กดลงบนหัวแล้วลูบไปมาอย่างอ่อนโยน  ผมค่อยๆยกแขนขึ้นกอดเขากลับ  ซุกหน้าลงกับอกกว้างเพื่อหาที่พึ่งพิง
“เจ้าน่ะ  ชอบหมอนั่น”
“…”
“เพราะว่าชอบมาก  ถึงได้เจ็บปวดที่ถูกเกลียดไม่ใช่หรือไง”
“ไม่จริงหรอก  ผมน่ะเหรอ…”
ผมน่ะเหรอ  จะชอบมัน…

พลั่ก!
‘อ๊ากกก  ไอ้จ้าว  มึงเตะกูทำไมวะ!’
‘แล้วมึงทำอะไรล่ะ  ใครอนุญาตให้มึงแกล้งไอ้ปั้น!’
‘ไอ้จ้าว…’
ปูนปั้นวัยหกขวบที่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะถูกแกล้งและถูกล้อเรื่องไม่มีแม่มองหน้าเพื่อนรักที่มาช่วยด้วยความซาบซึ้งใจ
‘มึงจะไปสนใจเด็กไม่มีค่าอย่างมันทำไม  จนก็จน แม่ก็ไม่มี  เนื้อตัวก็มอมแมมอย่างกับขอทาน  มึงไม่ต้องไปให้ค่ามันหรอก!’
‘ไอ้ปากหมา!   ถึงใครจะมองไอ้ปั้นไม่มีค่าก็ช่าง  แต่สำหรับกู  ไอ้ปั้นมีค่า  มันเป็นเพื่อนรักของกู  ใครก็ห้ามแตะต้อง!’
‘มึงมันบ้าไปแล้วไอ้จ้าว!  พ่อกับแม่มึงต้องไม่พอใจแน่ที่มาคบกับขยะอย่างมัน’
‘มึงจะไม่หยุดเห่าใช่ไหม  งั้นเจอหมัดทะลวงไส้ของกูหน่อยเป็นไงฮะ  เอาไหม!’
‘ปะ…ไปเว้ย!  ไอ้จ้าวมันบ้าไปแล้วพวกเรา!’
บรรดาลูกคนรวยแต่เกเรพากันวิ่งหนีจ้าละหวั่นเมื่อเห็นท่าทางของจ้าวเอาจริง
‘ไอ้จ้าว…’
‘ไม่เป็นไรใช่ไหมปั้น  เจ็บหรือเปล่า’
‘ไม่หรอก  ขอบใจมากนะที่มาช่วย  แต่ว่า  ทำแบบนี้แล้วจ้าวจะไม่เดือดร้อนเหรอ  ถ้าพวกนั้นไปฟ้องพ่อกับแม่ของจ้าวล่ะ’
‘ก็ช่างสิ  สำหรับฉัน  ปั้น  พี่ก้าน  แล้วก็พี่ดาวต่างหากที่เป็นครอบครัว  คนอื่นฉันไม่สนหรอก’
จ้าวฉีกยิ้มอย่างใจดีให้กับปูนปั้น  ก่อนจะช่วยพยุงเพื่อนรักขึ้นมาท่ามกลางสายตาของหญิงชายคู่หนึ่งที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล
‘ปั้น  จ้าว  พวกพี่มารับกลับบ้านครับ’
‘พี่ก้าน  พี่ดาว!’
เด็กน้อยทั้งสองรีบวิ่งไปหาผู้มาเยือนด้วยความดีใจ  เสียงหัวเราะเล็กๆเกิดขึ้นและเต็มไปด้วยความสุขที่ทุกคนคิดว่ามันจะคงมีอยู่ตลอด
แม้ว่าสุดท้ายแล้ว  โชคชะตาจะพลิกผันไปตลอดกาลก็ตาม…

นั่นสินะ 
จำได้แล้วล่ะ
ผมจำความรู้สึกตอนที่ชอบไอ้จ้าวได้แล้ว 
“จะทำยังไงดี  ผมไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ไม่เข้าใจไอ้จ้าวที่จู่ๆก็เกลียดผม  ไม่เข้าใจพี่ก้านที่จู่ๆก็เปลี่ยนไป”
ผมระบายทุกสิ่งออกมาอย่างหมดเปลือก
หลังจากเหตุการณ์ที่ไอ้จ้าวมาช่วยผมคราวนั้น  ผ่านมาอีกสองปี  พี่ก้านก็เปลี่ยนไปเป็นคนละตุ๊ด  กลายมาเป็นลุงตุ๊ดอย่างในทุกวันนี้  ส่วนไอ้จ้าวก็เกลียดผมทันทีในเวลาไล่เลี่ยกับที่พี่ก้านเปลี่ยนไป  และเป็นตอนนั้นเองที่พี่ดาวอาการทรุดจนต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยขึ้น  จนสดท้ายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลอีกเพราะร่างกายอ่อนแอมาก
ความสุขที่เคยมีเราสี่คนหายไปในพริบตา…
จะว่าไป  รู้สึกว่าจะเป็นตอนนั้นสินะ  ที่เด็กคนนั้นปรากฏตัวขึ้น  ก่อนจะหายตัวไปและไม่กลับมาอีกเลยหลังจากพวกเรารู้จักกันได้เพียงสองอาทิตย์…
คนที่ผมไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเขา  แต่คิดว่าน่าจะเป็นลูกของชาวประมงที่มาพักแถวนั้นชั่วคราว  เพราะเจอกี่ทีๆก็ว่ายน้ำอยู่ตลอดเลย
“เงียบทำไมล่ะ  คิดอะไรอยู่เหรอ?”
เสียงของเจ้าชายทำให้ผมหลุดออกจากความคิดของตัวเอง
การนึกถึงความหลังในครั้งนี้ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่ตัวเองลืมไปแล้วขึ้นมาได้ตั้งแต่เรื่อง  เพราะเรื่องเหล่านั้นมีแต่สร้างความเจ็บปวดให้  ผมก็เลยพยายามลบมันออกไปและไม่คิดถึงมันอีก  เกือบลืมไปจนหมดแล้วสิ  ว่าในชีวิตของผม  ยังมีเรื่องราวของเด็กคนนั้นอยู่ด้วย 
เด็กผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นในช่วงเวลาที่ผมไม่เหลือใคร…
ที่สำคัญ…เหมือนเราจะมีสัญญาบางอย่างต่อกันเสียด้วยสิ  สัญญาอะไรกันนะ  มันนานเสียจนผมจำไม่ได้แล้ว  ก็แหงล่ะ  ผ่านมาสิบสองปีแล้วนี่นา  ใครจำได้ก็ฝังเมมโมรี่ไว้ในหัวสมองแล้วเหอะ!  แค่พยายามนึกว่าเจอกับเด็กคนนั้นที่ไหนและเมื่อไหร่  ผมยังนึกไม่ออกเลย
สมองของเด็กแปดขวบในตอนนั้น…
เคยคิดจะจำอะไรบ้างไหมเนี่ย  อ๊ากกก!
“เจ้าชาย…”
“จ๋า  เมียจ๋า”
เอิ่ม…
ตอบกลับเสียจนกูลืมเรื่องที่จะพูดเลยไอ้เจ้าชายชีกอ!!!
“คุณ…”
“ทุกคนครับ!  คืนนี้จะมีพายุเข้า  ผู้เฒ่าให้ผมมาเตือนว่าอย่าออกไปนอกบริเวณหมู่บ้านนะครับ  เพราะในป่ามีทางลาดชันเยอะ  จะเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ…”
“…”
“เอ่อ…แล้วอีกสองคน…ไปไหนแล้วล่ะครับ?”
ชาวบ้านที่วิ่งทะเล่อทะล่าเข้ามาในกระท่อมพูดค้างไว้แค่นั้นพลางมองไปรอบๆเพื่อหาตัวพี่ก้านและไอ้จ้าว
“สองคนนั้น…”
ผมชี้ออกไปทางด้านนอกซึ่งเป็นทางไปนอกหมู่บ้าน
ทั้งผมและเขามองหน้ากัน  ก่อนที่ชาวบ้านคนนั้นจะรีบวิ่งกลับไปทางบ้านของผู้เฒ่าด้วยท่าทางร้อนรน
ฉิบหายแล้วไง  พี่ก้านกับไอ้จ้าว!
หมับ!
“ไปกันเถอะครับเจ้าชาย”
“เดี๋ยวสิ  เจ้าจะไปไหน?”
“ถามได้  ก็ตามหาพี่ก้านกับไอ้จ้าวไง  ไม่ได้ยินเหรอว่าคืนนี้จะมีพายุ  แล้วสองคนนั้นก็ออกไปนอกหมู่บ้านแล้วด้วยนะ!”
พูดไปพลางจับมือพาเจ้าชายวิ่งไปพลาง
หวังว่าคงยังไปไม่ได้ไกลหรอกนะ  พี่ก้าน  ไอ้จ้าว…


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพแล้วนะค้า   มีดราม่าเบาๆสำหรับตอนนี้  พี่ก้านช่างใจร้ายกับน้องจ้าวจริงๆ  แล้วแบบนี้คู่นี้จะลงเอยกันยังไงล่ะเนี่ย  ส่วนน้องปั้นกับเจ้าชาย…โมเม้นโรแมนติกเอ็งสองคนจะเยอะไปไหนฟะ  แบ่งให้คู่รองเขามั่งเหอะ  นั่นดราม่าน้ำจาจะท่วมโลกแล้ว 5555+  ดูเหมือนว่าน้องปั้นของเราจะพอนึกเรื่องราวตอนเด็กๆออกบ้างนิดหน่อยแต่ก็ยังไม่ทั้งหมด  เด็กในความทรงจำลึกๆของน้องปั้นคือใคร  แล้วเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ยังไง?  อยากรู้ต้องติดตามกันต่อไปจ้า

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งซื้อได้ที่ลิงก์  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScSk5ZhmYYWSL9uITHmFI3nuw5sKsScBIfm8xxQBPAYAEUM4A/viewform?usp=sf_link)
หรือจะสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/
 (http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/)
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 12 (30/04/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-04-2017 19:03:55
ฝากติดตามด้วยจ้าาา ^^
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 13 (01/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 01-05-2017 13:54:30


ตอนที่ 13
เจ้าชายกับค่ายอาสา (3)
ค่ำคืนที่มีแค่ ‘เรา’
 
ครืน…ครืน…
เสียงฟ้าคำรามและมืดมิดบ่งบอกได้ว่าพายุได้มาเยือนเป็นที่เรียบร้อย  ขณะที่ผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของพี่ก้านหรือว่าไอ้จ้าว  เจ้าชายเองก็ชวยผมแหกปากตะโกนเรื่องสองคนนั้นจนเสียงแทบจะไม่เหลือแล้วแต่ก็ไร้วี่แวว
บ้าเอ๊ย!
วิ่งหนีกันไปจนถึงไหนแล้วเนี่ย!
“ไอ้จ้าว!  พี่ก้าน!  เฮ้!  ได้ยินไหม  ถ้าได้ยินแล้วตอบด้วย  เฮ้!”
“พอเถอะน่า  เจ้าตะโกนมาร่วมชั่งโมงแล้วนะ  อีกอย่างนี่ก็เริ่มค่ำแล้วด้วย  ข้าว่าเราหาที่พักก่อนฝนจะตกดีกว่า  หาไม่เจ้ากับข้านี่แหละที่จะหลงป่าเสียเอง”
“แต่ว่า…”
“เชื่อข้า  สองคนนั้นเองก็คงไม่โง่พอที่จะเดินต่อไปท่ามกลางพายุหรอก”
ก็จริงอย่างที่เจ้าชายว่า
ยังไงเสียพี่ก้านก็ไม่ยอมให้ไอ้จ้าวเป็นอะไรไปแน่  ผมพยักหน้ารับคำพูดของเจ้าชาย  เราสองคนพากันสอดสายตามองหาสถานที่ที่พอจะพักอาศัยและหลบฝนได้
เจ้าชายมองซ้ายมองขวาก่อนจะไปหยุดอยู่ที่น้ำตกตรงหน้า  เขาจ้องมองไปตรงผิวน้ำอยู่เนิ่นนาน  สงสัยจะคิดถึงบ้านเกิด  เมื่อคิดแบบนั้นผมก็ตัดสินใจที่จะเป็นคนหาที่พักในคืนนี้เองเพราะอยากจะให้เจ้าชายได้รำลึกความหลังต่ออีกหน่อย
“ทางนั้น”
เจ้าชายชี้ไปในป่าที่แสนมืดมิดจนมองไม่เห็นว่าด้านในมีอะไรอยู่  แต่ยังไม่ทันจะได้ท้วงถาม  เขาก็คว้ามือผมพาเดินไปทางนั้นอย่างมั่นอกมั่นใจ
เราสองคนเดินไปในความมืด  สายฝนโปรยปรายลงมาพอให้ตัวเปียก  เพียงไม่นานก็มาถึงปากถ้ำเล็กๆที่ด้านในเป็นทางตันแต่ก็พอจะให้หลบฝนและนอนพักได้ในคืนนี้
“ทะ…ทำไมคุณถึงรู้ล่ะว่ามีถ้ำอยู่ในนี้  เมื่อกี้คุณพาผมเดินมาอย่างมั่นใจเลยนะ!”
“ปลาในน้ำตกนั่นบอกข้าน่ะสิ”
“ปลา?”
“อย่าลืมสิว่าข้าก็เป็นปลานะ  ภาษาปลานอกจากข้าแล้วจะมีใครฟังออกบ้างล่ะ?”
ที่แท้ไอ้ที่จ้องน้ำตกจนตาแทบจะถลนนั่นก็ไม่ใช่เพราะคิดถึงบ้านเกิด  แต่เพราะกำลังสนทนาประสาปลากันอยู่หรอกเรอะ!
เหอะๆ  ผมควรดีใจหรือตกใจดีนะ
ซ่า!!!
หลังจากเข้ามาหลบฝนในถ้ำได้ไม่ถึงนาที  พายุก็เทกระหน่ำลงมาพร้อมฝนอย่างหนักจนเราสองคนต้องเบียดเสียดกันแนบชิดกับผนังถ้ำเพื่อไม่ให้น้ำฝนกระเด็นมาโดนมานัก
เอิ่ม…
บรรยากาศชวนเสียตัวแบบนี้คืออะไรฟะ!
“ทะ…ที่แคบเนอะ”
ไม่ต้องมาเนอะเลยมึง!
ความมืดทำให้ผมมองไม่ค่อยออกนักว่าเจ้าชายกำลังทำสีหน้ายังไง  แสงจากดวงจันทร์ที่ส่องเข้ามาก็ไม่อาจต้านทานพายุได้  ผลสุดท้ายเราต่างก็เห็นอีกงฝ่ายเป็นเพียงเงาดำลางๆเท่านั้น
“เจ้าหนาวหรือเปล่า”
“ไม่”
ตอบทันควัน
กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่  กะจะใช้มุกหนาวแล้วเอาเนื้อห่มเนื้อล่ะสิ  เสียใจ กูไม่โง่โว้ยยย!
“แต่ข้าหนาว”
ว่าพลางเบียดตัวเข้ามาแนบชิดกว่าเดิม  ซ้ำยังถือวิสาสะตวัดวงแขนโอบผมเข้าไปในอ้อมกอดอีกด้วย!
“นี่คุณ!  คุณเป็นเงือกนะ  จะมาหนาวอะไร  เกิดในน้ำไม่เหรอครับ!”
“ข้าเกิดในน้ำทะเลไม่ใช่น้ำฝน  โดนน้ำฝนมากมายก็มีสิทธิ์ไม่สบายเหมือนมนุษย์เฉกเช่นเจ้านั่นแหละ”
“เงือกก็ไม่สบายได้ด้วยเหรอครับ?”
“ข้าทำได้ทุกอย่างและเป็นได้ทุกอย่างเหมือนมนุษย์  แม้แต่เรื่องอย่างว่า  ข้าก็ทำเหมือนมนุษย์เช่นกัน”
“คุณรู้ได้ไงว่ามนุษย์เขาทำกันแบบไหน…”
“หึๆ…”
“ยะ…อย่าบอกนะว่าลุงข้างบ้านผมเปิดอะไรให้ดูน่ะ!”
“เขาเรียกว่าศึกษาต่างหากล่ะปูนปั้น”
ขะ…ขอกรี๊ดจะได้ไหม…!
ไอ้ลุงบ้านั่นสอนอะไรให้เจ้าชายอีกแล้วล่ะเนี่ย!  นับวันยิ่งสูบด้านลบของมนุษย์เข้าสมองเรื่อยๆแล้วสิ  ไม่มีอะไรดีๆเกี่ยวกับมนุษย์ที่เจ้าชายทำตามเลยแม้แต่เรื่องเดียว!
“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะครับ  ผมไม่ชอบ”
“แต่ข้าชอบ”
“แต่ผมไม่ชอบไง!”
ฟังแล้วหัวใจมันสยิวกิ้วแปลกๆ  ในท้องก็โหวงเหวงเหมือนถูกขโมยลำไส้อีกด้วย!
สุดท้ายเราสองคนก็จมลงไปในความเงียบโดยที่นอกถ้ำยังคงมีห่าฝนถล่มอยู่  ไม่รู้ป่านนี้ไอ้พี่ก้านกับไอ้จ้าวจะเป็นยังไงบ้าง  ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ก็คงดี  ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมพี่ก้านต้องทำเหมือนผมสำคัญมากจนถึงขั้นยอมทิ้งทุกสิ่งเพื่อผมได้  ทั้งที่ระหว่างเราไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าความเป็นพี่น้อง  และพี่ก้านเองก็ไม่เคยมีท่าทีจะคิดกับผมมากเกินกว่าพี่น้องเลยสักครั้ง  แต่ว่า…เพราะอะไรกันนะ?
ถ้าผมคิดไม่ผิด  คนที่พี่ก้านรักมาตลอดก็คือไอ้จ้าวนั่นแหละ  เพราะว่าคืนนั้น…ตอนพวกเราอายุเจ็ดขวบ  ผมเห็น…
ผมจำทุกได้แม่นแม้ว่าจะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม
เฉพาะเรื่องนั้น…
แค่เรื่องเท่านั้นที่ลืมไม่ลง
 
‘เจอไหมรูปปั้น  ดาว’
‘ไม่เจอเลย  ไปไหนของเขากันนะ?’
‘ผมก็ไม่เจอเหมือนกัน  พี่ก้าน  ผมเป็นห่วงไอ้จ้าว  จ้าวจะเป็นอะไรไหม?’
‘ไม่ต้องห่วงนะ  พี่ไม่ยอมให้จ้าวเป็นอะไรไปแน่  แยกย้ายกันหาอีกรอบเถอะ’
ก้านบอกทุกคนแล้วออกตัววิ่งเพื่อตามหาจ้าวต่อ  การกระทำของเขาอยู่ในสายตาน้อยๆของปูนปั้นตลอดเวลา  สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล  อาการเป็นห่วงที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนนั้น…
เด็กน้อยอมยิ้ม  แม้จะยังไม่เข้าใจความรู้สึกของพี่ชายมากนัก  แต่การที่มีใครสักคนแสดงออกว่ารักและเป็นห่วงเพื่อนของเขามากขนาดนี้ก็ทำให้ปูนปั้นมีความสุขไม่น้อย
ร่างเล็กวิ่งไปอีกทางเพื่อตามหาเพื่อนรักที่ทะเลาะกับพ่อจนหนีออกจากบ้านมาหลังถูกักบริเวณไม่ให้ออกจากห้องมาสามวันเต็ม  แต่สุดท้ายจ้าวก็หนีออกมาจนได้  พอทุกคนทราบเรื่องจึงช่วยกันตามหาจ้าละหวั่น
ปูนปั้นวิ่งวนตามหาทั่วหมู่บ้านแต่ก็ไม่พบ  เขาตะโกนเรียกชื่อเพื่อนมาตลอดทางที่จะกลับไปรวมตัวกับคนอื่นๆที่แยกย้ายกันไปตามหา  แต่ระหว่างนั้นเอง  เด็กน้อยก็บังเอิญหันไปเห็นร่างคุ้นเคยของคนสองคนอยู่บนโขดหินริมชายหาดท่ามกลางพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าไปบนท้องทะเล
‘อุ๊บ!’
สองมือยกขึ้นปิดปากแน่นด้วยตกใจกับสิ่งที่เห็น
จ้าวที่สภาพเหมือนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักจนเหนื่อยจึงผล็อยหลับไปในอ้อมกอดและนั่งอยู่บนตักของก้านถูกชายหนุ่มก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบาด้วยความอ่อนโยน  ความรักส่งผ่านแววตาของเด็กหนุ่มวัยสิบหาปีอย่างชัดเจน
กร๊อบ!
ด้วยความตกใจ  ปูนปั้นจึงเผลอถอยหลังเหยียบกิ่งไม้เข้าอย่างจัง  ส่งผลให้ก้านรู้ตัวว่าถูกมอง  เขาเงยหน้ามองมาทางต้นเสียงก่อนจะเอียงคอส่งยิ้มให้คนแอบดูอย่างอ่อนโยน
‘ความ-ลับ-นะ-ครับ’
ก้านพูดเน้นทีละพยางค์แบบไม่มีเสียง  แต่ปูนปั้นก็อ่านปากเขาออก
เด็กน้อยพยักหน้ารับทั้งที่ในใจยังอึ้งกับสิ่งที่เห็นอยู่ไม่น้อย
 
แล้วทำไมกันนะ  ทั้งที่ในใจของพี่ก้านเองก็คิดแบบเดียวกันกับไอ้จ้าว  แต่ทำไมต้องเลือกที่จะทำเพื่อผม  คิดยังไงก็คิดไม่ออกโว้ยยย!
“ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นนิดหน่อยแล้วนะ”
เจ้าชายที่ยังตีเนียนนั่งแนบชิดสนิทข้างตัวเอ่ยขึ้น
ถึงฝนจะยังคนตกอยู่  แต่ดูเหมือนว่าเมฆฝนที่บดบังแสงจันทร์ในตอนแรกจะทยอยกันหายไปแล้ว  จากที่เห็นกันเป็นแค่เงาดำๆก็เริ่มจะมองเห็นส่วนอื่นๆบนใบหน้าบ้างแล้ว  และแน่นอนว่า…
การมองเห็นกันชัดขึ้นแบบนี้โคตรอันตราย!
ขวับ!
อ๊ากกกกกกก
แล้วมึงจะหลบตาทำไมซากแมวน้ำอะไรเนี่ยไอ้ปั้น!
ผมอยากจะเขกหัวตัวเองแรกๆสักล้านทีที่จู่ๆก็หันหน้าหนีเจ้าชายที่หันมามองเอาเสียดื้อๆ  แบบนี้มันแสดงออกอย่างชัดเจนมากว่าประหม่า!
บ้าเอ๊ย  ปกติก็นอนกันสองคนที่บ้านตลอดแท้ๆ  แล้ววันนี้นึกครึ้มอะไรถึงได้มาตื่นเต้นเป็นคนบ้าแบบนี้!
“เจ้า…หันหน้ามาเดี๋ยวนี้นะ”
“มะ…ไม่”
“จู่ๆก็หันหน้าหนีข้าแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน  ข้ามันน่ารังเกียจเสียจนเจ้าไม่อยากมองหน้าเลยรึ!”
เข้าใจกันไปคนละความหมายเลยนี่หว่า
ไม่ได้น่ารังเกียจถึงขั้นไม่อยากมองหน้า  แต่มันมองไม่ได้เพราะหัวใจมันจะเกินอำนาจการควบคุมของหัวสมองโว้ยย  เข้าใจอะไรง่ายๆเสียมั่งสิฟะ!
“นี่…หันมาสิ”
“ก็บอกว่าไม่ไง  คุณเลิกเซ้าซี๊ได้ไหมครับ”
“เจ้าก็เป็นแบบนี้ทุกที  มีอะไรไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ  ข้าไม่ได้มีพลังพิเศษในการอ่านใจคนนะ  ข้าไม่สามารถเข้าใจความคิดเจ้าได้ทุกเรื่องหรอกหากเจ้าไม่พูดมันออกมา”
“เปล่านะครับ  ไม่ใช่แบบนั้น”
มึงอย่ามาดราม่าอีกคนจะได้ไหม
แค่คู่ของไอ้พี่ก้านกับไอ้จ้าวกูก็จะบ้าตายแล้ว!
“ข้าน่ะ  ไม่ชอบ…แบบนี้เลย…”
ตุ้บ!
“!!!”
ผมเบิกตากว้าง  หัวใจตกไปที่ตาตุ่มกับเสียงที่ได้ยิน  เหมือนมีอะไรบางอย่างตกลงบนพื้นอย่างแรง…
“เจ้าชาย”
“…”
“เจ้าชายครับ”
“…”
ยังคงไร้เสียงตอบรับ  ผมค่อยๆหันกลับไปมองทางเขาก่อนจะต้องตกใจเพราะว่าตอนนี้เจ้าชายฟุบหน้าร่วงไปกับพื้นแน่นิ่งไม่ไหวติงไปแล้ว!
“เจ้าชาย!!!”
หมับ!
“เฮ้ยยย!”
ตะ…ตัวร้อนจี๋เลย!!!
ร่างสูงหอบหายใจแฮ่ก  มีไอร้อนพวยพุ่งออกมาจากตัวอย่างน่ากลัว
“เจ้าชาย  ทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะครับ  จู่ๆเป็นไข้ได้ไงเนี่ย”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเจ้าชายที่ผมเรียก  เขานอนหายใจพะงาบๆประหนึ่งตะพาบน้ำเกยตื้น
ดันมาไม่สบายในที่แบบนี้เสียได้  แล้วผมจะทำอะไรได้ล่ะเนี่ย  ขืนพาฝ่าฝนกลับไปที่หมู่บ้านตอนนี้ก็มีแต่จะพากันไปตายทั้งคู่  แต่จะให้ทิ้งเอาไว้แล้วผมไปตามคนที่หมู่บ้านมาช่วยก็คงไม่ได้อีกเหมือนกัน  เกิดระหว่างนั้นอาการหนักถึงขั้นชักกระแด่วๆก็งานงอกอีก
องค์ราชาคงตามมาเสกผมให้กลายเป็นปรสิตปลาแน่ๆถ้าเจ้าชายทรงเป็นอะไรไป!
“หนาว…”
“ฮะ?  อะไรนะครับ?”
“หนาว…”
“…”
“ข้าหนาว…”
“หนาวเหรอครับ  หนาวงั้นเหรอ…”
ผ้าห่มก็ไม่มีสักผืน  ไฟสักกองก็ไม่มี  ถึงจะเคยเห็นในหนังว่าเอาหินไม่ทุบกันหรือเอาไม้มาสีกันแล้วจะเกิดไฟ  แต่มืดอย่างนี้ผมจะไปหาของพวกนั้นจากที่ไหนกันล่ะ  ลำพังตัวเองก็หนาวจนไข่หดแล้วเหอะ  จะเอาปัญญาที่ไหนมาช่วยคนอื่นเล่า
“หนาว…”
“เอาวะ!”
ได้เวลาโชว์ความแมนอย่างเต็มรูปแบบแล้วไอ้ปั้น!
ผมจัดการถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วเอามันห่มให้กับเจ้าชายพร้อมกับกางเกงที่สวมอยู่ก็เอาสวมทับให้เจ้าชายอีกชั้นด้วยเช่นกัน  และแน่นอนว่าตอนนี้ผม…
เกือบล่อนจ้อนเพราะเหลือแต่กางเกงใน!
ฟิ้วววว~~~~
ลมหนาวพัดมาอย่างไม่สงสารร่างกายน้อยๆของผมเลยสักนิด
ทีอย่างนี้ล่ะพัดกันมาจัง!  ตอนกูอยู่บ้านร้อนจนตับแล่บไม่เห็นแม้แต่ขนลมเลยไอ้สัตว์!
กึกๆๆๆๆ
เสียงฟันกระทบกันช่างไพเราะยิ่งนัก  ทั้งที่อุตส่าห์เสียสละเสื้อผ้าทั้งยวงให้เจ้าชายไปแล้ว  แต่ทำไมเขาไม่มีท่าทีจะอาการดีขึ้นเลย  ซ้ำยังนอนขดตัวหนักยิ่งกว่าเดิมราวกับอยู่ในขั้วโลกเหนืออีกด้วย  ผมควรทำยังไงต่อไปดี  นี่ก็ไม่มีอะไรจะถอดให้นอกจากกางเกงในแล้วนะ!
ให้ถอดสวมหัวให้เลยไหมเล่า  เผื่อจะดีขึ้น!
ล้อเล่นนะ  กูแค่ประชดในใจ  ใครอย่าบ้าจี้จริงจังล่ะ!
“หนาว…”
“หนาวอะไรล่ะครับ  ผมสิหนาวกว่า”
ว่าพลางจับไปที่ตัวของเจ้าชายเพื่อจะหาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้เขาหนาวก่อนจะถึงบางอ้อเพราะชุดที่เขาสวมอยู่ในตอนนี้มันเย็นยะเยือกจากน้ำฝนทำให้เสื้อผ้าดูดซับน้ำและความเย็นสะสมเอาไว้!
ทะ…ที่แท้ก็เพราะแบบนี้เอง  เขาหนาวกว่าเดิมก็เพราะผมดันเอาความเย็นจากเสื้อผ้าของผมไปเพิ่มให้เขา
ฉิบหายละ  ตายขึ้นมากูซวยแน่ๆ!
ผมรีบถอดเสื้อผ้าที่ตัวเจ้าชายออกทั้งหมดแบบไม่คิด  ถอดแม้กระทั่งกางเกงในเพราะกลัวว่ามันจะไปทำให้น้องชายของเขาเป็นปอดบวมตาย
ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ  ทั้งที่กำลังไม่สบายหนักแท้ๆ  แต่ทำไมน้องชายถึงตื่นตัวพร้อมรบอย่างนี้ฟะ!
หมับ!
เลื่อนมือมาจับของตัวเองบ้างก็พบว่ามีสภาพไม่ต่างไปจากของเจ้าชายคือพร้อมรบเช่นกัน  ไม่นะ  ผมยังไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย  แล้วทำไม…
ฟิ้ววว~~~
สายลมมาอีกระลอกจนขนลุกเกรียวไปทั้งตัว
รู้ละ  ว่าอะไรคือสาเหตุให้น้องชายของผมกับเขาตื่นตัวขึ้นมา  มันเพราะความหนาวเย็นในตอนนี้นั่นเอง!
“เอายังไงต่อดีล่ะทีนี้”
แก้ผ้าเขาแล้ว  แก้ผ้าตัวเองแล้ว  แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อ  เจ้าชายเองก็ยังไม่ได้สติ  ผมเองก็ลืมไปเสียสนิทว่าถึงเขาจะดูแข็งแรง  แต่เจ้าชายก็คือเจ้าชาย  จะมาถึกและบึกบึนเหมือนผมได้ยังไง
“หนาว…”
รู้แล้วโว้ยว่าหนาว!!!
 
‘เจ้าหนาวหรือเปล่า’
‘ไม่’
ตอบทันควัน
กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่  กะจะใช้มุกหนาวแล้วเอาเนื้อห่มเนื้อล่ะสิ  เสียใจ กูไม่โง่โว้ยยย!
 
ความคิดในตอนนั้นแวบกลับเข้ามาในหัวสมอง
อย่าบอกนะว่า  ผมจะต้อง…
เนื้อห่มเนื้อกับเจ้าชาย!!!
สองตาเบิกกว้างจนแทบถลน  ก้มมองเจ้าชายที่อาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ  หายใจก็แรงขึ้นจนน่ากลัว ขืนปล่อยไว้แบบนี้เขาต้องไม่รอดแน่  ปลากับมนุษย์ภูมิต้านทานจะต่างกันมากน้อยแค่ไหนผมก็ยังไม่รู้  บ้าเอ๊ย  จะมามัวคิดเล็กคิดน้อยอะไรนักหนา  สิ่งสำคัญที่มึงควรห่วงคือสมรรถภาพชีวิตของเจ้าชายเว้ย  ถ้าแม่งตายห่าขึ้นมาพระบิดาของมันมากระชากวิญญาณมึงแน่ๆ
“ขะ…ขออนุญาตนะครับ”
บอกเสียงสั่นก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวลงนอนข้างๆเจ้าชาย  สอดแขนไปใต้ท้ายทอยเขาเพื่อให้เขาใช้หนุนแทนหมอน  พลิกตัวเจ้าชายให้นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน  ใบหน้าของอีกฝ่ายซุบลงตรงหน้าอกพอดิบพอดี  ส่วนท่องล่างผมก็เอาขาเกี่ยวขาเขาไว้อีกทอด
ช่างเป็นท่าที่ชวนให้คิดลึกถึงรูขุมขนจริงๆ
ความร้อนของผิวเนื้อทำให้ตัวของเจ้าชายอุ่นขึ้นมาบ้าง  ผมลูบไล้มือไปตามเส้นผมของเจ้าชายอย่างลืมตัว  ขณะที่อีกฝ่ายเองก็โอบเอวผมเอาไว้ทั้งที่ยังไม่ได้สติ
หัวใจเต้นแรงจนน่ารำคาญเลยแฮะ
“ดาว…”
“…”
“ประกายดาว”
ได้ยินชัดแบบไม่ต้องเงี่ยหูฟังเลย
เพราะเรานอนกอดกันจนแทบจะรวมร่าง  ผมเลยได้ยินสิ่งที่เจ้าชายละเมอออกมาอย่างชัดเจน
“ประกายดาว…”
ก้มหน้ามองเจ้าชายที่พึมพำชื่อนั้นออกมาจากปากไม่หยุด  ผมเชยคางเจ้าชายขึ้นเล็กน้อยเพราอยากจะมองหน้าเขาแบบเต็มๆ  ร่างสูงหลับสนิท  ริมฝีปากพร่ำเอ่ยชื่อพี่ดาวซ้ำไปซ้ำมา
น่าแปลกที่…
หัวใจผมมันเจ็บปวดเหลือเกิน
“ปูนปั้น…”
“ประกายดาว…”
“ปูนปั้นสิ”
“ประกายดาว…”
“ผมชื่อปูนปั้น  เรียกชื่อผมสิครับ”
นี่กูกำลังทำบ้าอะไร  พูดกับคนไม่ได้สติเนี่ยนะ?!
“ประกาย…อื้ม…”
ผมชื่อปูนปั้นต่างหาก…
ริมฝีปากของเจ้าชายถูกปิดด้วยริมฝีปากของผมเพื่อหยุดคำพูดเสียดแทงหัวใจเหล่านั้น
ไม่ยกให้…
ผมไม่ยกเจ้าชายให้พี่ดาวหรอกนะ!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
สวัสดีค่า  มาอัพตอนต่อไปแล้วนะคะ  ทำไมรู้สึกว่าน้องปั้นจะแมนกว่าเจ้าชาย  มีความถึกและบึกบึนกว่าเยอะนัก 55555+ หนำซ้ำตอนนี้ยังมีความหึงหวงอีกด้วยแน่ะ  อยากรู้นักว่าระหว่างเจ้าชายกับน้องปั้น  พี่ก้านกับน้องจ้าว  คู่ไหนจะลงเอยได้ก่อนกัน!
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  สามารถสั่งผ่านเว็บไซด์ออนไลน์ที่บิวเพิ่งทำขึ้นก็ได้ค่ะ  วิธีการสั่งซื้อขั้นตอนทุกอย่างง่ายมากๆ  ไม่เสียเวลาอะไรเลย  สนใจคลิกลิงก์ด้านล่างเน้อ
http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/
 (http://bubble-bew-j-juliet.lnwshop.com/)
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 13 (01/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-05-2017 04:35:02
ฝากติดตามด้วยจ้าา
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 13 (01/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 02-05-2017 22:18:30
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 14 (03/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 03-05-2017 13:05:00


ตอนที่ 14

เจ้าชายกับค่ายอาสา (4)

ความทรงจำในวันวาน

 



Special  Part :

“น้องจ้าว!  เดี๋ยวก่อนครับน้องจ้าว!  ฟังพี่ก่อน!”

ผมวิ่งหนีสุดชีวิต  ไม่สนใจอีกฝ่ายที่กำลังวิ่งตามมาแม้เราจะออกมาไกลจากหมู่บ้านมากแล้วก็ตาม

ไม่ว่ายังไงก็ไม่อยากให้มันได้เห็น  น้ำตาและความเสียใจที่ผมมีอยู่ตอนนี้  ผมไม่อยากให้มันรู้ความในใจของผมอีกแล้ว!

“พี่บอกให้หยุดไงน้องจ้าว!”

หมับ!!!

ร่างสูงคว้าตัวผมไว้ได้ในที่สุด  พละกำลังที่มากกว่าของมันกระชากตัวผมให้หันกลับไปหา  ผมกัดฟันแน่น  เงยหน้ามองมันอย่างเจ็บปวดทั้งที่น้ำตาไหลพราก  คำถามมากมายถูกส่งผ่านทางแววตา

ทำไม…

ทำไม…

กูทำอะไรผิด!  ทำไมมึงถึงใจร้ายกับกูขนาดนี้!  กูไปขี้รดบนหัวมึงเหรอ  ชาติก่อนกูเคยไปเผาบ้านมึงหรือไง   เจ้ากรรมนายเวรของกูถึงได้มาในรูปแบบของมึงอย่างนี้!

“น้องจ้าว…”

อีกฝ่ายมีสีหน้าตกใจอย่างมาก

แหงล่ะ  เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นน้ำตาของผม  เป็นครั้งแรกที่ผมร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นนอกจากพี่ดาว

“พอใจมึงแล้วใช่ไหม”

“…”

“กูเป็นได้ถึงขนาดนี้พอใจมึงหรือยัง!”

ผมผลักอกมันจนเซไปข้างหลัง  ไอ้พี่ก้านสั่นศีรษะเล็กน้อย  ใบหน้าและแววตาของมันแสดงความรู้สึกผิดออกมาอย่างชัดเจน

“ถ้านี่คือสิ่งที่มึงอยากเห็น  การที่กูร้องไห้เพราะชอบมึงมากจนแทบบ้าคือสิ่งที่มึงเห็น  ก็นี่ไง!  กูปลดปล่อยทุกอย่างออกมาให้มึงเห็นแล้ว  มึงพอใจหรือยัง  มึงรู้สึกดีหรือยังไอ้พี่ก้าน!”

ตุ้บ! ตุ้บ!

ผมยังคงทุบอกมันและร้องไห้เหมือนคนบ้าโดยที่อีกฝ่ายไม่ปัดป้องอะไรเลย

ครืน…ครืน…

ฟ้าร้องพร้อมกับรอบข้างที่มืดลงอย่างรวดเร็วไม่ได้เรียกความสนใจจากผมได้เลย  ไอ้ตุ๊ดร่างยักษ์ในชุดกระโปรงบานเหมือนซินเดอเรลล่าคนนี้ต่างหากที่ผมสนใจ

“พี่ขอโทษ”

“มึงก็พูดได้แค่นี้!  กับกูมึงเอาแต่พูดคำว่าขอโทษ  ในขณะที่มึงทำทุกอย่างได้เพื่อไอ้ปั้น  แล้วทำไม…ทำไมมึงทำเพื่อกูแบบนั้นบ้างไม่ได้   เพราะกูไม่ได้สำคัญกับมึงเท่ามันใช่ไหม  เพราะกูไม่ได้มีค่าสำหรับมึงใช่ไหม!”

“พี่อธิบายอะไรไม่ได้ทั้งนั้น  พี่ขอโทษ  เรื่องคืนนั้น…พี่ขอโทษ  พี่…”

“ผิดพลาด  มึงแค่โมโหกูจนขาดสติเลยข่มขืน  ไม่สิ  สุดท้ายกูเองที่สมยอมมึง  แล้วกูจะเรียกร้องอะไรได้  จะให้มึงรับผดชอบแบบผู้หญิงก็คงไม่ได้อีกเหมือนกัน  สรุปก็คือ…กูทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องทนเสียใจและปล่อยมึงไป”

“…”

“ใช่ไหม?”

ผมยังหวังนะ

ยังแอบหวังว่ามันจะปฏิเสธและขอร้องให้ผมรอ  แม้ว่าผมจะต้องรอโดยไม่รู้เหตุผลว่าทำไม  แต่ผมก็ยังหวังแบบนั้นจริงๆ

แค่มันพูดออกมาเท่านั้น

ก็แค่ขอร้องกูออกมาด้วยปากของมึงเอง  มึงพูดสิวะ!!!

“ใช่”

พลั่ก!!!

ผมกระโดดถีบขาคู่ไอ้พี่ก้านจนหงายหลังล้มตึงไปกับพื้น  ก่อนจะขึ้นคร่อมมันแล้วระรัวหมัดใส่ใบหน้าหวานนั้นไม่ยั้ง

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

“ไอ้เหี้ย!  มึงมันเหี้ยกว่าที่กูคิด  มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง!  ไหนวันนั้นมึงสัญญากับกูเองว่าจะอยู่เคียงข้างกู  จะไม่มีวันทำให้กูเสียใจ  สิบสามปีก่อนมึงเป็นคนสัญญากับกูเอง  มึงลืมไปหมดแล้วหรอไง  ฮะ!  ลืมไปหมดแล้ว!”

“…”

“พี่ลืมไปแล้วเหรอพี่ก้าน  ทำไมถึงทำกับผมแบบนี้  ฮึก…”

หมัดต่อไปค้างเติ่งอยู่อากาศพร้อมหัวใจที่ได้สลายหายไปไม่มีเหลือ

ผมทิ้งตัวซบอกพี่ก้านร้องไห้แบบลืมอาย  ความเจ็บปวดที่ได้รับเกินกว่าที่ผมจะทนได้อีกต่อไป  คำสัญญาในวัยเด็กของเขายังดังก้องอยู่ในหัวใจไม่ลืมเลือน

 



‘ฮึก… ฮือ   ฮือ…’

ตึกๆๆๆๆๆ

‘น้องจ้าว!’

เสียงเรียกที่ปนไปด้วยความเป็นห่วงดังขึ้น  จ้าวหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นก้านในชุดนักเรียนสภาพเหงื่อโชกไปทั้งตัว

เด็กหนุ่มยิ้มออกมาอย่างดีใจที่ในที่สุดเขาก็เจอคนที่ตามหาเสียที

‘พี่กะ…’

หมับ!

‘อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ  พี่แทบบ้าตายเลยรู้ไหม’

‘พี่ก้าน…’

‘อย่าทำร้ายพี่ด้วยวิธีนี้เลย  การที่ไม่รู้ว่าน้องจ้าวหายไปอยู่ที่ไหน  มันเหมือนการฆ่าพี่ทั้งเป็นเลยรู้หรือเปล่า’

‘จะ…จ้าวไม่เข้าใจ  พี่ก้านหมายความว่ายังไงเหรอ’

เด็กน้อยแถมเสียงสั่นเพราะก่อนหน้านี้ร้องไห้อย่างหนักจึงยังคงหลงเหลือเสียงสะอื้นอยู่  ก้านยิ้มอย่างใจดีก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโขดหินแล้วดึงจ้าวขึ้นมานั่งบนตักของตัวเองแทน  สองแขนโอบกอดเด็กน้อยเอาไว้เพรากลัวจะหายไปอีก

‘พี่ก้าน  ไม่เอา  ไม่นั่งแบบนี้  มันน่าอายออก  จ้าวไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ’

‘ครับๆ  น้องจ้าวไม่เด็กแล้ว  ถึงได้ทำให้พี่ก้านหลงได้ขนาดนี้ไง’

‘พี่ก้านหลงทางมาเหรอ?  เพราะต้องตามหาจ้าวเลยหลงทางใช่ไหม?’

‘คงงั้นมั้ง  เอาล่ะ  บอกพี่ก้านมาซิครับ  ว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ทำไมน้องจ้าวต้องหนีออกมาด้วย’

เด็กหนุ่มเข้าเรื่อง  ทันทีทีถามคำถามออกใหม่  เด็กน้อยก็หน้ามุ่ย  ก่อนที่น้ำใสๆจะรื้นขึ้นมารอบดวงตาอีกครั้ง  เล่นเอาก้านทำอะไรไม่ถูก  รีบเช็ดน้ำตาให้จ้าละหวั่น

‘จ้าวไม่อยากอยู่ที่นั่นอีกแล้ว  ป๊ากับม๊าไม่รักจ้าว  จ้าวไม่มีใครเลย  จ้าวกลัวที่ต้องอยู่คนเดียว  เวลาฟ้าร้องจ้าวไม่เคยมีป๊าหรือม๊ามากอดตอนกลัวเหมือนคนอื่นๆ  ตอนจ้าวกลัวปีไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำกลางดึกก็ไม่มีใครไปเป็นเพื่อนจ้าว  จ้าวกลัวการอยู่คนเดียว  จ้าวเกลียดมัน  ฮืออออ’

‘น้องจ้าว…’

ก้านรีบกดหัวเด็กน้อยให้ซบลงกับแผงอกเพื่อปลอบโยน  หัวใจของเขาบีบคั้นกันอย่างเจ็บปวดที่เห็นน้ำตาของเด็กคนนี้  แม้ว่าเขาจะอยากทะนุถนอมมากเท่าไหร่  แต่เขาก็ไม่อาจลบล้างบาดแผลในใจของจ้าวได้

‘ไม่มีใครต้องการจ้าวเลยสักคน  พี่ก้าน  จ้าวไม่อยากอยู่แล้ว’

‘ไม่ได้นะครับ  อย่าพูดแบบนี้สิ  พี่ก้านไงที่ต้องการน้องจ้าว  พี่รักน้องจ้าว  รักมากด้วย’

‘จริงเหรอครับ’

‘จริงสิ’

ก้านยิ้มหวาน  ค่อยๆไล้ปลายนิ้วมือไปที่แก้มนวลนิ่มอย่างแผ่วเบา

‘พี่สัญญา  พี่จะรัก   จะอยู่เคียงข้างน้องจ้าวตลอดไป  จะไม่จากไปไหน  จะไม่ทิ้งน้องจ้าวไว้คนเดียว  จะไม่ทำให้น้องจ้าวเสียใจ  น้องจ้าวจะเป็นสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตของพี่นะ’

‘อื้อ  สัญญานะครับ’

เด็กน้อยชูนิ้วก้อยขึ้นทั้งน้ำตา

ความใสซื่อไร้เดียงสาและโหยหาความรักของจ้าวทำให้เขาอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

ก็แค่ต้องรอให้โตกว่านี้  อีกแค่ไม่กี่สิบปี  เมื่อไหร่ที่จ้าวโตพอ…

เขาจะเด็กน้อยคนนี้มาเป็นเจ้าสาวให้ได้

 



“ขอรองล่ะ  จำได้ทีเถอะ  คำสัญญาพวกนั้น  ฮืออออ”

ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆที่จะต่อยมันอีกแล้ว  ทุกหมัดที่กระทบใบหน้าของเขก็เหมือนผมทำร้ายหัวใจของตัวเอง

ไม่ว่าจะทำอะไร

ท้ายที่สุดคนที่เจ็บปวดก็กลายเป็นผมคนเดียวอยู่ดี

“อย่าเงียบสิวะ!  พูดอะไรบ้างเซ่!”

ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ  ไม่มีแม้กระทั่งอ้อมกอดอันอบอุ่นที่มักจะกอดผมเอาไว้ยามผมเสียใจ  ทุกๆอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้วจริงๆ

ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว

เทวดาคนเดียวในชีวิต  แสงสว่างในชีวิต…

ถ้าขาดคนๆนี้ไป ผมก็หมดสิ้นทุกสิ่ง

“พอเถอะครับน้องจ้าว”

“ฮึก…”

“พี่ยอมแพ้ไปแล้ว  น้องจ้าวก็ควรยอมแพ้เหมือนกัน”

“…”

“เรื่องระหว่างเรา  ยอมแพ้เถอะนะ”

น้ำเสียงของพี่ก้านเศร้าจนหัวใจเจ็บปวดยามที่ได้ยิน

ผมไม่รู้อะไรเลย  แล้วก็ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น  คนๆนี้ไม่อธิบายอะไรสักอย่าง  ราวกับว่าเขากำลังแบกบางสิ่งไว้คนเดียว

ทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกเหมือนไม่ได้มีแค่ผมที่กำลังเจ็บปวดแทบตาย  แต่เขาเองก็กำลังเจ็บปวดไปกับผมด้วย

ทำไมต้องทำให้ผมรู้สึกแบบนี้…

แล้วผมควรทำยังไง  ผมจะไปโกรธใครได้หากตัวเองยังคิดแบบนี้อยู่

“ครั้งสุดท้ายได้ไหม?”

“…”

“กอดกูอีกครั้ง  แล้วกูจะยอมแพ้สักที”

ผมยันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบตากับมันอย่างจริงจัง  ไอ้พี่ก้านมองผมนิ่งก่อนจะค่อยๆยพักหน้ารับท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาพอดี

 





“แน่ใจนะครับ  ว่าจะทำแบบนี้”

“ไม่ต้องพูดมากน่า”

ผมตอบกลับเสียงแข็งทั้งที่ใบหน้าร้อนฉ่า

มือใหญ่เลื่อนมาจับใบหน้าของผมให้หันไปมองก่อนที่อีกฝ่ายจะถอดเสื้อของตัวเองออกตามด้วยกระโปรง  เพียงไม่นานไอ้พี่ก้านก็อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเหมือนกับผม  คนด้านบนมองผมอย่างอ่อนโยนไม่ต่างจากเมื่อก่อน

“น้องจ้าวน่ารักมากเลยครับ”

รอยยิ้มหวานทำให้หัวใจเต้นแรง  ผมอยากจะหลบตาแต่อีกใจหนึ่งก็อยากจะตักตวงความสุขในช่วงเวลาที่สายตาของพี่ก้านมีแค่ผมเท่านั้นเอาไว้

“อื้อ…”

ริมฝีปากถูกประกบอย่างนุ่มนวล  ช่างเป็นจูบที่ต่างจากคืนแรกของเราเหลือเกิน  คนนั้นมันเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนราวกับที่เขาทำก็เพื่อต้องการจะกำราบให้ผมยอมศิโรราบ  ไม่เหมือนครั้งนี้…

ทุกจุดที่เขาสัมผัส…

ที่ที่ที่เขาลิ้มรส…

มันเต็มไปด้วยความอ่อนหวานชวนให้หัวใจละลาย

“อื้ม…”

เผลอแอ่นอกขึ้นตอบสนองสัมผัสจากริมฝีปากที่รุกล้ำเข้ามา  ปลายยอดที่ถูกลิ้มรสด้วยลิ้นร้อนของเขาซ่านเสียวอยู่ในความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย

ปลายนิ้วมือนั้นร้ายยิ่งกว่า  มันปาดป่าย ลูบไล้  สร้างความอิ่มเอมและทวีความต้องการให้พุ่งทะยานจนผมอยากจะให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากกว่านี้

รวมทั้ง        …

อยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้ตลอดไปด้วย

แผล่บ…

พี่ก้านไล่ลิ้มชิมไปทั่วเรือนร่าง  ท่อนขาถูกเขาลากลิ้นเลียวนไปทั่วอย่างไม่รังเกียจก่อนจะไปหยุดพรหมจูบที่ปลายนิ้วเท้า  มันทำให้ผมนึกถึงสุนัขที่พร้อมจะจงรักและภักดีกับเจ้านายของมันเพียงผู้เดียวตลอดไป

แม้ตัวไม่อยู่  แต่ใจยังคงพันผูก…

 





‘ฮือออออออ  ข้าวหอม  ข้าวหอม  ฮืออออออ’

‘น้องจ้าว  ร้องไห้ทำไมกันครับ  เกิดอะไรขึ้นเหรอ?’

จ้าวในวัยห้าขวบเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียง  ก้านที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบห้าปีรีบดึงเด็กน้อยเข้ามากอดปลอบอย่างเป็นห่วง

‘ข้าวหอมไม่อยู่แล้วพี่ก้าน  ข้าวหอมทิ้งจ้าวไปแล้ว  ฮือ…’

ข้าวหอมที่ว่าคือหมาสุดรักของจ้าวนั่นเอง

ก้านมองเลยไปที่หลุมฝังศพตรงหน้า  คนของที่บ้านจ้าวคงจัดการฝังศพข้าวหอมให้เรียบร้อยแล้ว  ทว่าเด็กน้อยยังคงเสียใจที่ต้องสูญเสียเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็กของตัวเองไปอย่างไม่มีวันกลับ

‘เมื่อคืน..ฮึก  เมื่อคืนข้าวหอมยังมาเลียขาเลียเท้าจ้าวอยู่เลย  แล้วทำไมวันนี้ถึงได้  ฮือ…’

‘น้องจ้าว  ไม่ร้องนะครับ  อย่างร้องแบบนี้สิ  พี่ใจไม่ดีเลย’

‘จ้าวคิดถึงข้าวหอม  ข้าวหอมกลับมาหาจ้าวเถอะ  จ้าวจะไม่ดื้ออีกแล้ว  จะพาข้าวหอมไปเดินเล่นทุกวันด้วย  ฮือ…’

เด็กน้อยร้องหนักขึ้นกว่าเดิม

ก้านมองไปยังหลุมฝังศพของข้าวหอมอีกครั้ง  เขาไม่คิดจะโทษข้าวหอมหรอก  เพราะข้าวหอมเป็นหมาแก่ที่อยู่มานานหลายปีตั้งแต่จ้าวยังไม่เกิดเสียด้วยซ้ำ  ถ้าตามอายุขัยของสัตว์ก็ถือว่าข้าวหอมอายุยืนแล้ว  ที่ผ่านมามันคงพยายามฝืนตัวเองมาตลอดเพราะอยากจะอยู่เคียงข้างเด็กน้อยที่ไม่มีใคร  แต่สุดท้ายก็ฝืนไม่ไหว

‘น้องจ้าวครับ  รู้ไหมว่าการที่ข้าวหอมมาเลียขาเลียเท้าของน้องจ้าวมันมีความหมายว่ายังไง?’

‘เพราะข้าวหอมคิดว่าเป็นกระดูกไก่ใช่ไหมครับ  ฮึก!’

‘ฮะๆ  ไม่ใช่  แต่เป็นเพราะข้าวหอมรักน้องจ้าวมากต่างล่ะ’

‘เพราะรักมาก  ข้าวหอมถึงทำแบบนั้น  เพื่อเป็นการบอกว่าจะจงรักภักดีกับน้องจ้าวตลอดไป  แม้ตัวจะไม่อยู่  แต่หัวใจก็พันผูก  ข้าวหอมไม่ได้จากไปไหน  แต่ยังมีชีวิตอยู่ตลอดไปในความทรงจำของน้องจ้าวไม่ใช่เหรอครับ?’

‘ครับ  ฮึก…’

‘ตราบใดที่น้องจ้าวยังไม่ลืมข้าวหอม  ตราบนั้นข้าวหอมก็ไม่มีวันตายและยังอยู่เคียงข้างน้องจ้าวตลอดไป…’

 



“อ๊ะ!  อื้อ…!”

ร่างกายที่เป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ในตอนนี้  ตอกย้ำให้ผมยิ่งคิดว่า…พวกเราใจตรงกัน

ที่เขาลิ้มรสผมไปทั่วร่างกาย  พรมจูบไปทุกส่วนเป็นเพราะเขาต้องการจะบอกผมเป็นนัยๆเหมือนตอนที่เขาบอกเรื่องข้าวหอมใช่หรือเปล่า

“อื้ม  น้องจ้าว…”

คนด้านบนครางเรียกชื่อผมไม่หยุด

ทุกนาทีที่ร่างกายสอดประสานเข้าหากันอย่างแนบแน่น  ผมอยากจะอ้อนวอนฟ้าขอให้ช่วยหยุดเวลาตรงนี้เอาไว้

ให้ผมได้อยู่กับเขานานกว่านี้

ให้เราได้มีกันนานกว่านี้…

“จ้าวรักพี่ก้านนะ”

ความรักทั้งหมดของผม…

ร่างกายของผม…

เป็นของพี่ก้านเพียงคนเดียว

 

วิ้ง…วิ้ง…

แสงแดดยามเช้าที่ทแยงเข้าตาบอกให้รู้ว่าค่ำคืนแห่งพายุได้ผ่านพ้นไปแล้ว  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เมื่อคืนได้ตักตวงความสุขเอาไว้หลายครั้งจนเสียงแหบแห้ง

“พี่ก้าน…”

เอ่ยชื่อของคนที่อยากเจอที่สุดออกมา  ทว่าข้างกายกลับว่างเปล่าไร้เงาของคนที่อยากเจอ  ถึงจะทำใจไว้แล้วว่าหลังจากตื่นขึ้น  ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม  และระหว่างผมกับเขาจะไม่มีวันมาบรรจบกันอีก  แต่ว่ามันก็…

เจ็บ…

เจ็บจนจุก  และรู้สึกว่ารอบข้างมืดไปหมด  ไม่มีแม้เพียงเศษเสี้ยวของแสงสว่าง

“หือ?”

สายตาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กๆวางอยู่บนหมอนที่พี่ก้านใช้นอนเมื่อคืน

ผมลุกขึ้นนั่ง  รีบคว้ากระดาษแผ่นนั้นมาอ่านทันที

 

‘ชาวบ้านบอกว่ารูปปั้นกับไคโอออกไปตามหาเราสองคนที่นอกหมู่บ้านเมื่อคืนจนป่านนี้ยังไม่กลับ  พี่จะออกไปตามหาพวกเขา  ถ้าตื่นแล้วรออยู่ที่กระท่อมเฉยๆห้ามตามออกไปเด็ดขาดเพราะมันอันตราย  พี่ก้าน.’

 

สุดท้าย  เรื่องของไอ้ปั้นก็ทำให้พี่ก้านทิ้งผมไปได้ในทันทีเหมือนอย่างเคย

ทำไมนะ…

ทำไมไม่หายๆไปซะ  ตอนนั้น…ทำไมถึงไม่ตกทะเลตายไปจริงๆเสียเลยล่ะ

ไอ้ปั้น…





บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

ฉากที่รอคอย (รึเปล่า 5555+)  พี่ก้านผู้ชอบนุ่งกระโปรงในฐานะฝ่ายรุก! เอิ่ม...ช่างเข้ากันจริงๆเลยเนอะ 55555  รู้สึกสงสารน้องจ้าวจับใจ  รักพี่ก้านมากมายเหลือเกิน แต่ทำไมอิพี่ก้านถึงใจร้ายันกก็ไม่รู้  หรือมันจะมีตื้นลึกหนาบางอะไรมากกว่านั้นอีก???  เอาเป็นว่าติดตามกันต่อไปจ้า

อีกสองวันจะปิดพรี+ปิดโอนแล้วนะคะ  ใครยังสนใจสั่งซื้ออยู่อินบ๊อกเพจโลดดดด
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 14 (03/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 04-05-2017 01:13:54
 :mew2:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 14 (03/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 04-05-2017 02:03:31
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 14 (03/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-05-2017 11:29:58
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 15 (07/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 07-05-2017 15:40:55

ตอนที่ 15

เจ้าชายกับค่ายอาสา (5)

ความแตก!

 

“เจ้า…”

เจ้าชายครางเสียงแผ่ว  พยายามส่งเสียงเรียกและจะลืมตามองผม  หากแต่พิษไข้ทำให้เขาทำได้เพียงแค่ปรือตามองผมเล็กน้อยเท่านั้น

ทะ…ทะ…ทำยังไงดี  ตอนนี้ผมรู้สึกว่าเจ้าชายเซ็กซี่ชะมัด!

“อย่าพูดชื่อผู้หญิงคนอื่นเวลาอยู่กับผมสิ  ยังไงเราก็แต่งงานกันแล้วนะ”

“เจ้าว่าอะไรนะ”

ถามกลับเสียงแหบพร่า

ท่าทางจะไม่สบายหนักจริงๆแฮะ  ฝนบ้านี่ก็ไม่หยุดตกสักที  ขืนปล่อยไว้แบบนี้เจ้าชายมีหวังอาการทรุดหนักแน่ๆ

เคยได้ยินว่าเวลาไม่สบายหนักๆ ถ้าทำให้เหงื่อออกแล้วไข้จะลด

แต่อืม…ในสถานที่และสถานการณ์แบบนี้  ผมจะให้เจ้าชายทำอะไรเพื่อเป็นการเรียกเหงื่อได้กันล่ะ?

“เจ้าชาย  ไหว…อ๊ะ!”

“น่าอร่อยจัง…”

เสียงนุ่มทุ้มพึมพำพร้อมกับริมฝีปากที่เคลื่อนเข้าครอบครองยอดอกสีหวานของผม  เจ้าชายซุกใบหน้าและขบเม้มมันราวกับกำลังกระหายน้ำอย่างหนัก  วงแขนโอบรอบตัวผมไว้แน่นให้ขยับหนีไปไหน

“จะ…เจ้าชาย  อื้อ…”

พยายามดันตัวเขาออกแต่ไม่เป็นผล  จุดที่ถูกสัมผัสวาบหวามและเร่าร้อนเกินจะต้านทานไหว  ท้ายที่สุด  สองมือที่เคยผลักไส  กลับกลายเป็นโอบกอดเขาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

“อ๊ะ…”

ไอร้อนจากภายในปากของเขาทำให้ยามถูกสัมผัสกระตุ้นความต้องการในส่วนลึกที่พยายามเก็บงำเอาไว้ให้ทะลักออกมา

ปลายลิ้นร้อนไล้วนเลื่อนต่ำไปจนถึงช่องท้อง  หยอกล้อเล่นกับสะดือของผมราวกับว่ามันคือเด็กทารกตัวน้อย  มือหนาบีบเค้นบั้นท้าย  เพิ่มความใจเต้นจนไม่สามารถอ้อนวอนขอให้เขาหยุดได้

ต้องการอีก…

ผมอยากได้มากกว่านี้อีก  ถ้ามันจะทำให้เจ้าชายเป็นของผมคนเดียว

“อื้มมมมม!”

เมื่อส่วนนั้นถูกกลืนกินด้วยริมฝีปากอันร้อนระอุ

ผมผวาเฮือกเกร็งปลายนิ้วจิกลงบนหลังของเจ้าชาย  เขาจุดชะงักจ้องมองผมเล็กน้อยก่อนจะเผยอยิ้มออกมา

“ไม่ต้องกลัวนะ  ข้าแค่จะทำให้เจ้ารู้สึกดีเท่านั้น”

ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าหมายความว่าอะไร

ผมค่อยๆนอนหงายและอ้าข้าออกเพื่อให้เจ้าชายทำอะไรได้ถนัดถนี่ขึ้น  สองมือของเขาสอดเข้าใต้ข้อพับตรงหัวเข่าของผมแล้วยกขึ้น  ส่วนนั้นถูกโลมเลียไปทั่วอย่างไม่มีท่าทีรังเกียจ

ผมลืมตามองการกระทำทุกอย่างของเจ้าชายด้วยหัวใจที่เต้นรัว

ในหัวจินตนาการล่วงหน้าไปถึงช่วงเวลาที่เราเป็นหนึ่งเดียวกัน

สัมผัสจากเขาอ่อนโยนกว่าที่คาด   ไม่มีแม้วินาทีเดียวที่ผมจะนึกกลัวความเจ็บปวดทางร่างกายหากจมดิ่งในกามรสที่เขามอบให้  กลับกัน…  ผมได้รับความหวานหอม  ความนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน  และรู้สึกว่า…

เท่านี้มันยังไม่พอ

“อ๊ะ!  อื้อ!”

ไม่สามารถหยุดเสียงครางให้ความสุขเอาไว้  ความอุ่นร้อนภายในช่องปากรูดขึ้นลงตามลักษณะส่วนอ่อนไหวของผม  ดูดดุนอย่างดุดันและอ่อนหวานสลับกันจนผมเกร็งไปทั้งตัว

“เจ้าชาย  เจ้าชายครับ…”

อึก! อึก!

“เจ้าชาย  อื้อ!!!”

ผมไม่กล้าลืมตามองภาพนี้จริงๆ  มันเขินเสียจนไม่อยากจะรู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองปลดปล่อยอะไรออกมา  ทว่า…คนด้านบนก็ช่วยทำความสะอาดทั้งหมดให้อย่างดี

เขาไม่รังเกียจสิ่งที่ออกมาจากตัวผม

หนำซ้ำยังแสดงออกว่าพอใจและรับได้กับทุกอย่างที่ผมมี

“มีความสุขไหม”

เจ้าชายเคลื่อนตัวมาทาบทับ  น่าแปลกที่มันไม่ได้รู้สึกหนักอย่างที่คิดเวลามีคนมานอนทับอยู่บนตัวเรา

เขาดึงขาผมให้ขึ้นไปพาดเอวตัวเองเอาไว้ขณะที่เราต่างก็นอนตะแคงเข้าหากันโดยที่เจ้าชายสอดแขนมาใต้หัวผมเพื่อให้ใช้หนุนแทนหมอน

ทันทีที่เอาขาผมไปเกี่ยวเอวเอาไว้ได้  มือหนาก็ลูบไล้ไปตามต้นขาและบั้นท้ายด้วยสีหน้าหลงใหลจนผมอดไม่ได้ที่จะเขิน

“ยะ…อย่าลูบแบบนี้สิครับ”

“ทำไมล่ะ  เจ้าไม่ชอบให้ข้าสัมผัสหรือ”

“ก็เปล่า…”

“แปลว่าชอบ”

ร่างสูงยิ้มหวาน  แววตาอ่อนโยนจ้องมองผมไม่กะพริบ

ราวกับมีแรงดึงดูดอันมหาศาล  ผมและเขาค่อยๆเลื่อนใบหน้าเข้าหากันก่อนที่ริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง  รู้สึกได้ว่าไอร้อนจากในตัวและช่องปากของเขาลดลงไปเยอะ  เราต่างกอดกันและกัน  ส่งผ่านความรู้สึกที่มีอยู่มากล้นในใจผ่านจูบนี้...

แม้จะรู้ว่ามันผิด  แม้จะรู้ว่าการรักร่วมเพศไม่ใช่เรื่องธรรมชาติของโลกใบนี้

แต่ว่า…

ผม…ขอรักคุณได้ไหม?

รักกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์  แต่กลับทำให้หัวใจของผมเต้นแรงได้จนน่าตกใจ

“เจ้าชาย…”

ผมซุกหน้าลงกับอกเข้าอย่างออดอ้อนทันทีที่เราจูบกันเสร็จ  แม้จะยังเขินอายอยู่บ้าง  แต่ผมกลับรู้สึกอยากจะอ้อนเขาให้มากกว่านี้

“นี่เป็นความจริงหรือข้าฝันไปกันนะ  เจ้าทำตัวน่ารักเสียจนข้าคิดว่าต่อให้วันพรุ่งนี้ต้องตายก็ไม่เสียดายอะไรแล้ว”

คำพูดของเขาเรียกรอยยิ้มจากผมได้เป็นอย่างดี

“แล้ว…คืนนี้จะ…ไม่ทำเหรอครับ?”

“ทำ?  ทำอะไรเหรอ”

“ก็…เรื่องอย่างว่า”

ตอบเองก็เขินเอง

ผมแทบจะมุดหัวเข้าไปในปากของเขาอยู่แล้วเพราะความอาย!

“เจ้ากำลังยั่วยวนข้าใช่ไหม  ให้ตายสิ  ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ข้าเป็นไข้จนแค่จะอ้าปากพูดก็ยังเหนื่อย  เจ้าโดนจัดหนักแน่”

“รอแทบไม่ไหวแล้วสิ”

“เจ้าน่าจะพูดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อคืนนะ”

ร่างสูงกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

ผมอยากจะตบปากตัวเองให้ฟันร่วง  ไม่เข้าใจเลยว่ากล้าพูดอะไรแบบนั้นออกไปได้ยังไง  แต่ว่า…เพียงแค่ผมคิดว่าในหัวใจของเจ้าชายยังมีพี่ดาวอัดแน่นอยู่เต็มไปด้วย

ผมก็กลัวจนไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว

จะทำยังไงถ้าเจ้าชายยังรักพี่ดาว

จะทำยังไงถ้าผมไม่สามารถแทนที่พี่ดาวได้

ผมกลัว  กลัวเหลือเกินว่าสักวันเจ้าชายอาจจะทิ้งผมไป  และถ้าร่างกายของผมคือสิ่งเดียวที่จะผูกมัดเขาเอาไว้ได้  ผมก็พร้อมที่จะมอบมันให้กับเขา

“อยู่กับผม  อย่าทิ้งผมไปนะครับเจ้าชาย”

“พูดบ้าๆ  ข้าจะไปได้ยังไงกัน  การทิ้งเจ้า  คือสิ่งเดียวบนโลกใบนี้ที่ข้าไม่เคยคิดจะทำ  รู้ไว้เสียล่ะ”

“อื้ม!”

แค่นี้แหละ…

ขอแค่นี้  ผมก็…อุ่นใจแล้ว

 





“ฝนก็หยุดตกแล้ว  ไข้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง  เป็นเพราะได้ยานี้จากร่างกายเมียนะเนี่ย”

เจ้าชายที่อาการดีขึ้นและกลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเคยเอ่ยขึ้นก่อนจะมองมาทางร่างกายของผมด้วยแววตากะลิ้มกะเหลี่ย

“อย่ามาทะลึ่งนะครับ!”

“อะไรกันๆ  คนเริ่มเมื่อคืนมันก็เจ้านะ  อย่ามาทำเป็นโบ้ยสิ  จะต้องให้ข้าสาธยายไหมว่าเมื่อคืนเจ้ายั่วยวนคนป่วยอย่างข้าขนาดไหน!  กับปลาป่วยยังไม่เว้นเลย  มนุษย์หนอมนุษย์”

พูดพลางทำปากบาอย่างน่าหมั่นไส้

ผมรีบใส่เสื้อผ้าเพราะขืนล่อนจ้อนต่อหน้าเจ้าชายที่หายดีแล้วนานมากไปกว่านี้ต้องเกิดอันตรายแน่ๆ  สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำเอาผมไม่อยากจะเชื่อตัวเองเลยว่าทำลงไปได้ยังไง!  คงเพราะความกลัวที่จะต้องสูญเสียเจ้าชายบวกกับบรรยากาศมันพาไปแน่ๆ!

ดีแค่ไหนแล้วที่เมื่อคืนเจ้าชายมันเป็นไข้หนักจนไม่มีแรงจะทำอะไรกับผมมากไปกว่าแค่ใช้ปากช่วย  ถ้าหากเมื่อคืนเขายังพอมีแรงเหลืออยู่  ป่านนี้เราสองคน…

คงใช้คำว่าผัวเมียได้จริงๆไปแล้ว

อ๊ากกกกก!

“คุณรีบใส่เสื้อผ้าเถอะครับ  เราจะได้ไปตามหาพี่ก้านกับไอ้จ้าวกันต่อ”

“เดี๋ยวสิ  เมื่อคืนข้าส่วนเสียพลังไปเยอะมาก  ขอลงไปแช่น้ำตกสักหน่อยได้ไหม”

“หมายถึง…จะกลับร่างเป็นเงือกตอนนี้น่ะเหรอครับ?”

“ใช่  ถึงไข้ข้าจะลดแล้ว  แต่พละกำลังก็ยังไม่กลับคืนมา  ข้ายังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เลย  ทางเดียวที่จะรักษาข้าได้ตอนนี้คือข้าต้องอยู่ในน้ำ…”

“…”

“ด้วยร่างเงือกของข้า”

เจ้าชายตอบอสีหน้าจริงจัง

ผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าด้วยกังวล  จริงอยู่ว่าพวกเราเข้ามาในป่าลึกมากๆแล้วหลังจากที่ออกตามหาสองคนนั้นเมื่อคืน  แต่ผมก็ยังไม่ไหวใจอยู่ดีว่าจะไม่มีใครมาเห็นได้หากเจ้าชายกลับร่างเงือก

เอายังไงดีนะ…

มองหน้าเจ้าชายที่ยืนมองตาปริบๆอย่างรอคำตอบ  ใบหน้าของเขายังซีดเซียวอยู่  ดูท่าคงจะไม่ได้โกหกจริงๆเรื่องที่ต้องอยู่ในน้ำในร่างของเงือกเท่านั้นพละกำลังจึงจะกลับมา  แบบนี้ทางเดียวที่จะทำให้เขาฟื้นตัวได้โดยเร็วและออกเดินทางกันต่อก็คือต้องให้เขาได้แช่น้ำ

เอาวะ!

“ก็ได้ครับ  แต่ขอเร็วที่สุดนะครับ  เพราะไม่แน่ว่าบางทีพวกชาวบ้านที่ช่วยกันตามหาสองคนนั้นอาจจะมาหาทางนี้ด้วยก็ได้”

“ได้เลยจ้ะเมียจ๋า”

“แล้วก็ช่วยหยุดใช้คำนี้สักทีเถอะครับ!”

เจ้าชายยักคิ้วทำหน้ายียวนใส่  ทั้งที่มันออกจะน่ากระทืบแท้ๆ  แต่ผมกลับมองว่ามันน่ารักน่ามันเขี้ยว

ให้ตายเหอะ  หลงจนโงหัวไม่ขึ้นไปแล้วสินะไอ้ปั้นนน!

เมื่อเจ้าชายลงไปในน้ำ  ผมก็จัดการเก็บเสื้อผ้าของเขาที่กองอยู่ในถ้ำมาพับแล้วเดินตามออกไปเพื่อดูต้นทาง  ไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ก้านกับไอ้จ้าวจะอยู่ที่ไหน  จะปลอดภัยจากพายุเมื่อคืนไหมนะ?

ผมเดินไปนั่งบนรากไม้ขนาดใหญ่ที่ขึ้นอยู่ริมน้ำตก  ส่วนเจ้าชายที่กลับมาอยู่ในร่างเงือกก็กำลังว่ายวนไปวนมาอย่างสนุกสนาน  บางครั้งก็มีหยุดคุยกับพวกปลาที่อยู่ในน้ำ

สาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นปลามากระจุกกันอยู่ในน้ำตกนับสิบตัว  พวกมันคงมาเพื่อทักทายเจ้าชายแน่ๆเลย

ภาพหาดูได้ยากขนาดนี้   ถ้าแอบถ่ายรูปแล้วเอาไปขายคงได้หลายตังค์…

“ปูนปั้น  ยู้ฮู!”

เจ้าชายส่งเสียงเรียกพร้อมโบกมือให้จากอีกฝั่งของน้ำตก

ตรงจุดที่เจ้าอยู่ตะมีแสงสีเขียวเรืองรองส่องสว่างมาจากใต้น้ำ  น่าจะเป็นผลพวงมาจากหางของเจ้าชายที่มีเกล็ดเป็นสีเขียวมรกตสวยส่องประกายยามต้องแสงแดดคล้ายกับสีผมของเขา

ถ้าตอนนี้กลางคืนคงมีตกใจคิดว่าเป็นลำแสงจากมนุษย์ต่างดาวแน่ๆ

ผลุ่บ!

เจ้าชายดำกลับลงไปใต้น้ำ  คราวนี้คงไปทัวร์ใต้น้ำอย่างสนุกสนานทักทายประชาชนปลาด้วยกันอย่างมีความสุข  ผมมองไปรอบๆเพราะไม่รู้จะทำอะไรดีระหว่างที่รอเจ้าชายฟื้นพลัง  ไม่อยากเชื่อเลยว่าบริเวณรอบหมู่บ้านเล็กๆอย่างหมู่บ้านแสงจันทร์จะมีสถานที่แบบนี้ด้วย

สงบแล้วก็ร่มเย็นสุดๆ  น่าเสียดายที่ทางมาค่อนข้างลึกและอันตรายเกินไป

เพราะแบบนี้สินะถึงได้ถูกตั้งให้เป็นเขตอันตรายและห้ามใครเข้ามาหรือออกนอกหมู่บ้าน

กร๊อบ!

“ใครน่ะ!”

“รูปปั้น!!!”

“พี่ก้าน!”

ผมเบิกตากว้าง  ตกใจถึงขีดสุดจนแทบจะหงายหลังตกน้ำ

พี่ก้านที่แบกกระเป๋าใบใหญ่มากลางหลังวิ่งดุ่มๆกระโปรงพลิ้วไหวไปตามแรงลมเข้ามาหาผมด้วยท่าทางดีใจ

ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอดก่อนจะเอ่ยเสียงสั่น

“ค่อยยังชั่ว  พี่ก้านนึกว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับรูปปั้นเสียแล้ว  ไม่เป็นอะไรสินะ  ไม่บาดเจ็บใช่ไหม”

“เอ่อ…พี่ก้าน”

ก็ซึ้งใจอยู่หรอกนะที่เป็นห่วงกันมากขนาดนี้

แต่ผมมีเรื่องที่ห่วงมากกว่านั้นอยู่โว้ยยยยย!

สองตาเหลือบมองไปในน้ำที่ยังนิ่งสนิทไม่มีวี่แววว่าเจ้าชายจะกลับขึ้นมา

ทะ…ทะ…ทำยังไงดีวะ  ถ้าโผล่มาตอนนี้ล่ะก็มีหวังความแตกแน่ๆ

“ทำไมทำแบบนี้ละรูปปั้น  ออกมาตามหาพี่ก้านทำไม  ไม่ห่วงตัวเองเลยเหรอ”

“กะ…ก็ห่วง  แต่ผมก็เป็นห่วงพี่กับไอ้จ้าวด้วยไงก็เลยออกมาตามหา”

“โถๆๆ พ่อยอดขมองอิ่มของพี่ก้าน  ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้  มามะ  มาให้พี่ก้านปลอบรับขวัญ”

ว่าพลางดึงผมเข้าไปกอดอีกรอบแล้วเอาหน้ามาถูไถกับหน้าผม

วิธีรับขวัญประเทศไหนกันฟะ!

“จริงสิ  แล้วไอจ้าวล่ะครับ  มันอยู่ไหน”

ผมพลิกตัวพี่ก้านให้หันมายืนอีกทางโดยหันหลังให้กับน้ำตก  ส่วนผมก็หันหน้าให้น้ำตกแทน  ถ้าเป็นแบบนี้เวลาเจ้าชายโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำก็คงจะพอส่งซิกและบอกให้หลยหรือกลางร่างกลับเป็นมนุษย์ได้ทัน

ขอให้แผนนี้สำเร็จทีเถอะ!

“น้องจ้าวอยู่ที่กระท่อมเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ  พี่ก้านกับน้องจ้าวไม่ได้เตลิดไปไกลถึงขั้นเข้าป่าเสียหน่อย  รูปปั้นต่างหากที่มโนไปเอง  แล้วก็เข้ามาในป่าเสียลึกขนาดนี้”

“แหะๆ  ผมคงคิดมากไปหน่อยมั้ง”

ไอ้เจ้าชาย  มึงจะดำน้ำนานเกินไปไหมเนี่ย!  กูใจเต้นระทึกยิ่งกว่าดูฟาสต์แปดอีกตอนนี้!

“แต่ว่าปลอดภัยก็ดีแล้ว  คราวหลังไม่เอาแล้วนะครับ  ไม่ว่าพี่ก้านหรือใครจะหายไปไหน  แต่รูปปั้นจะต้องอยู่แต่ในที่พักเท่านั้น  ไม่ต้องเสี่ยงตายออกมาตามหาเด็ดขาด  เข้าใจไหม”

“เข้าใจแล้วน่า  ผมก็ไม่ได้หลงทางหรือเป็นอะไรสักหน่อย  เพียงแต่เมื่อคืนพายุมันเข้า  ฝนตกหนักมาก  ก็เลยไปหาที่หลบฝนเท่านั้น”

เอาเข้าไป  นี่มึงลงไปหลับอยู่ใต้น้ำหรือเปล่าเนี่ยไอ้เจ้าชาย!

ผมเริ่มอยู่ไม่เป็นสุข  เพราะผิวน้ำยังคงนิ่งไม่มีแม้แรงสั่นไหว  บ่งบอกว่าเจ้าชายยังอยู่ห่างไกลนัก  ขืนเป็นแบบนี้ผมจะถ่วงเวลาพี่ก้านไม่ได้นานน่ะสิ  ถ้าเขาถามหาเจ้าชายขึ้นมาแล้วผมจะตอบว่ายังไงล่ะ!  โอ๊ยยยย  เครียด!

“จริงสิ  แล้วไค….”

“เอ้อออออออ!  พี่ก้าน!”

ผมแสร้งส่งเสียงดังคั่นประโยคที่อีกฝ่ายจะพูดจนพี่ก้านสะดุ้งตกใจ

ได้ยินคำว่า ‘ไค’ ก็รู้แล้วล่ะว่าพี่ก้านกำลังจะถามอะไร!

“เป็นอะไรไปรูปปั้น  ทำไมต้องเสียงดังด้วย”

“ผะ…ผมเมื่อยน่ะพี่  ผมว่าพวกเราไปหาที่นั่งคุยกันทางด้านโน้นนนนน  ดีกว่านะ”

ชี้ไปยังที่ไกลๆที่ห่างจากน้ำตกพอสวมควรแต่ก็ไม่เกินสองร้อยเมตร  การพาพี่ก้านออกไปให้พ้นจากบริเวณน้ำตกนี่คงปลอดภัยที่สุด

“นั่งตรงที่ที่รูปปั้นนั่งเมื่อกี้ก็ได้นี่  พี่ก้านว่านั่งสบายดีออกนะ”

หมับ!

“แต่ผมไม่อยากนั่งตรงนี้แล้ว!  อยากไปนั่งตรงโน้นนนนนนนน  มากกว่า”

สองมือยกขึ้นจับใบหน้าของพี่ก้านและรั้งเอาไว้ไม่ให้หันกลับไปทางน้ำตกเด็ดขาดก่อนจะกึ่งลากกึ่งจูงพี่ก้านให้เดินตามผมออกไป

หวังว่าถ้าเจ้าชายกลับขึ้นมาจากน้ำแล้วจะกลายร่างเป็นมนุษย์แล้วออกตามหาผมนะ

อย่างน้อยก็ดีว่ามาเสี่ยงทายหัวทายก้อยยืนรอกันอยู่ตรงนี้แหละวะ  ถ้าพี่ก้านจับได้ขึ้นมาเรื่องจบไม่สวยแน่ๆ!

“เดี๋ยวสิรูปปั้น  จะรีบไปไหนเนี่ย  แล้วไคโอล่ะ  พี่ก้านยังไม่เห็นไคโอ”

“ขะ…เขาไปสำรวจแถวนี้น่ะครับ  เดี๋ยวก็มา  พี่ก้านไม่ต้องห่วงหรอก”

“แต่ว่า…”

“ผมบอกว่าไม่ต้องห่วง…”

ซ่า!!!!

สองตาเบิกกว้างเป็นไข่ไดโนเสาร์  มองไปทางด้านหลังพี่ก้านด้วยหัวใจที่หล่นตุ้บไปยังตาตุ่ม  และต้นเสียงของน้ำตกที่พุ่งกระจายขึ้นฟ้านั่นก็เรียกความสนใจจากพี่ก้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ร่างสูงหันขวับกลับไปมองทันทีโดยที่ผมเองก็ห้ามไม่ทัน!

“นะ…นั่นมัน…”

พี่ก้านพึมพำเสียงเบา  นิ้วชี้อันสั่นเทาชี้ไปยังสิ่งที่เห็น

เจ้าชายที่จู่ๆก็กระโดดขึ้นมาจากน้ำเหมือนพวกปลาที่ชอบกระโดดเวลาเล่นน้ำก็มีสีหน้าตกใจไม่ต่างกัน  เขาลอยละลิ่วอยู่ในอากาศประมาณสามวินาที  สบตากับผมและพี่ก้านอย่างชัดเจนก่อนจะ…

ตู้ม!!!

ล่วงกลับลงไปในน้ำทันที

“รูปปั้น…”

“…”

“พี่ก้านไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม”

“…”

“ไคโอ  หมอนั่น…”

“…”

“เป็นเงือกเหรอ!!!”

ไม่นะ…

ความลับ…แตกจนได้

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ความลับแตกจนได้สินะเจ้าชายกับน้องปั้น 55555+  ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะวุ่นวายแค่ไหนกันนะ  ใครที่สั่งซื้อไม่ทัน รอรอบสต๊อกหรือไปซื้อในงานเจนวายได้ค่า  จุ๊บๆๆๆ

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 15 (07/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 07-05-2017 15:45:48
 :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 15 (07/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 07-05-2017 17:44:38
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 15 (07/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-05-2017 19:42:36
พี่ก้าน นี่มีไรในใจ  :katai1:
ล่วงเกินจ้าว แล้วแต่อะไรๆก็คิดแต่ปูนปั้น
ไม่ใช่ว่าเคยสัญญากับประกายดาวว่าจะดูแลปูนปั้นนะ

แล้วความลับก็แตก พี่ก้านรู้ว่าไคโอ เป็นเงือก :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 15 (07/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 08-05-2017 02:06:45
ฝากติดตามด้วยจ้าา

 :hao3:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 16 (10/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 10-05-2017 14:59:24




ตอนที่ 16

เจ้าชายกับค่ายอาสา (6)

ช่วยร่วมมือ

 

“คือว่าเรื่องนี้ผมอธิบายได้นะพี่ก้าน  คือ…”

ร่างสูงไม่สนใจสิ่งที่ผมกำลังจะพูด  เขาบิดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปหาเจ้าชายที่ลอยคออยู่ในน้ำตกด้วยสีหน้าช็อกโลกสุดๆ

เห็นตอนไหนไม่เห็น  ดันมาเห็นตอนกระโดดขึ้นจากน้ำแบบเต็มๆเสียด้วย

ไอ้เจ้าชายมึงก็นะ…  จะโผล่หัวขึ้นมาแบบคนปกติเขาไม่ได้หรือไง  มันจำเป็นต้องกระโดดโชว์ท่าทาง  โชว์หางอันสวยงามด้วยเรอะ!

“พี่ก้าน  เดี๋ยวสิ!”

ผมวิ่งตามไปติดๆ  พี่ก้านเดินนั่งยองๆลงตรงจุดที่ผมนั่งรอเจ้าชายเมื่อครู่  ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว  ก็คงมีแต่ต้องบอกความจริงเท่านั้นล่ะนะ

“เจ้าชายครับ  กลับร่างมนุษย์แล้วไปใส่เสื้อผ้าเถอะ  ผมจะอธิบายกับพี่ก้านเอง”

“กลับร่างมนุษย์?  เจ้าชาย?”

พี่ก้านทวนคำพลางมองผมอย่างสงสัย

เจ้าชายพยักหน้ารับก่อนจะมีแสงสว่างวาบมาจากใต้น้ำเพราะเจ้าชายของกลับร่างมนุษย์จากในนั้น  เขาค่อยๆว่ายาทางผมแล้วรับเสื้อผ้าก่อนจะว่ายไปขึ้นฝั่งอีกทาง

พี่ก้านมองตามตาไม่กะพริบแม้แต่ช็อตเดียว

“รูปปั้น…พี่ก้านหวังว่าเราคงมีคำอธิบายดีๆกับเรื่องทั้งหมดนะ”

ให้ตายสิ  อยากจะหายไปอยู่ดาวอังคารชะมัด  ชาตินี้ทั้งชาติชีวิตของผมคงจะไม่พบกับความสงบสุขอีกแล้ว!!!



 

ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสาธยายให้พี่ก้านฟังจนหมดไม่มีเหลือ  ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ตอนเรือล่ม  ไปจนถึงที่เจ้าชายช่วยชีวิตผมเอาไว้  การแต่งงาน  การก่อกบฏในแดนเงือก  และ…

พันธะสัญญาการผูกวิญญาณของเรา

พี่ก้านฟังไปก็ตาโตไป  ส่งเสียงร้องอู้หู  อ้าหาอย่างน่าหมั่นไส้

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า  คนแรกที่รู้ความลับพวกนี้จะเป็นพี่ก้าน!

“แล้วรูปปั้นเคยคิดหรือเปล่าว่าถ้ากบฏพวกนั้นมันมาตามล่าเจ้าชายถึงที่นี่   มนุษยชาติจะเป็นยังไง?  พวกเราไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วยเหรอ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า  ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อไปบ้าง  แต่ผมขอร้อง  พี่ก้านช่วยปิดเรื่องนี้เป็นความลับจนกว่าจะถึงเวลาที่เจ้าชายจะได้กลับไปยังดินแดนเงือกได้หรือเปล่า”

“ถึงพูดไปก็คงไม่มีใช่หรอกรูปปั้น  บนโลกนี้มีเงือกอาศัยอยู่จริงๆ  นึกว่ามีแต่ในนิทานปรัมปราเสียอีก  นี่ได้มาเห็นตัวเป็นๆเลย”

ท่าทางของพี่ก้านยังดูอึ้งไม่หาย

แหงล่ะ  เรื่องนี้ใครทำใจเชื่อได้ทันทีก็เก่งแล้ว  ขนาดตัวผมเอง  ทุกวันนี้ยังไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่เกิดขึ้นเท่าไหร่เลย 

มนุษย์กับเงือกเนี่ยนะ…

แถมผมยังเกือบจะตกเป็นของเงือกหรือภาษาชาวบ้านก็คือปลาดีๆนี่เองอีก!

คิดยังไงก็อเมซิ่งสุดๆ!

“พี่รับปากก่อนสิว่าจะปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ  เรื่องของเจ้าชายจะต้องไม่มีใครรู้อีกนอกจากพวกเรา  เพื่อความปลอดภัยของเจ้าชายและตัวพวกเราเอง  ผมไม่รู้ว่าพวกกบฏมันสืบเรื่องเจ้าชายได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว  ถ้ามันรู้ว่าเจาชายหลบมาอยู่ที่นี่  อะไรจะเกิดขึ้นบ้างก็ไม่รู้”

“มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอถ้าเราส่งเจ้าชายกลับคืนสู่ทะเลไปซะ  ทำแบบนี้มันเสี่ยงมากนะรูปปั้น   และพี่ก้านก็ไม่โอเคด้วยกับการที่เราต้องมาเสี่ยง”

“พี่ไม่โอเคแต่ผมโอเค  คนที่จะดูแลเจ้าชายได้ในตอนนี้มีแค่ผม  และผมจะไม่ทิ้งเขา”

ผมมองหน้าพี่ก้านอย่างจริงจัง

อีกฝ่ายเองมีท่าทีเหนื่อยใจอย่างเห็นได้ชัด  ผมเข้าใจดีว่าพี่ก้านเป็นห่วง  เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะพบเห็นหรือเกิดขึ้นง่ายๆ  เพียงแต่…ถ้าผมทิ้งเจ้าชายไปด้วยเหตุผลว่ากลัวตัวเองจะเดือดร้อน  ผมคงไม่มีหน้าไปพบพ่อหลังจากตายไปแล้วหรอก

ยังไงเจ้าชายก็คือคนที่ช่วยชีวิตผมเอาไว้

ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต  ผมจะไม่ยอมให้เจ้าชายต้องเป็นอันตรายเด็ดขาด!

“พี่ก้านคงห้ามอะไรไม่ได้ใช่ไหม”

“ผมขอโทษ  แต่เรื่องนี้ผมขอตัดสินใจด้วยตัวเอง  ถ้าพี่จะไม่ช่วย  ขอแค่อย่ามาห้ามก็พอ”

“ได้ยังไงกันล่ะ  ตอนนี้เท่ากับพวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว  หน้าที่ของพี่ก้านคือดูแลรูปปั้นให้ดี  เพราะงั้น…แค่สัญญามาก็พอว่าถึงเวลาจะไม่ทำอะไรเสี่ยงๆเด็ดขาด  ต้องมาบอกพี่ก้านเท่านั้น  ตกลงไหม?”

“พี่ก้าน…”

ผมมองพี่ชายต่างสายเลือดด้วยความซาบซึ้งใจ

ความหวังดีของพี่ก้านผมรับรู้ตลอดมา  นอกจากพ่อกับลุงกิ่งแล้ว  ก็มีพี่ก้านนี่แหละที่เปรียบเหมือนคนในครอบครัว  คอยดูแลเอาใจใส่ผม  เมื่อก่อนตอนแม่ยังมีชีวิตอยู่  ผมจำได้ลางๆว่าแม่เคยสอนผมเสมอว่าต้องรักพี่ก้านให้มากๆ  รักให้เหมือนพี่ชายแท้ๆ

วันนี้ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าเพราะอะไรแม่ถึงบอกแบบนั้น

เพราะพี่ก้านรักและเป็นห่วงผมจากใจจริง  เป็นเหมือนพี่ชายแท้ๆของผม

“ข้าเข้าไปได้หรือยัง?”

เจ้าชายที่แต่งตัวเสร็จแล้วตะโกนถามจากต้นไม้อีกต้นที่อยู่ไม่ไกล

ผมกวักมือเรียกเขา  เจ้าชายกระโดลงจากโคนต้นไม้แล้วรีบเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าอึดอัด  คงจะกังวลอยู่ไม่น้อยที่ความลับดันมาแตกให้กับคนที่ตัวเองเกลียดขี้หน้า

แต่ทำไงได้ล่ะ

ผมเองก็ไมได้อยากให้มันเป็นแบบนี้สักหน่อย

“เป็นยังไงบ้าง”

“ไม่ต้องห่วงนะครับเจ้าชาย  พี่ก้านยอมเข้าใจ  และจะช่วยเราปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”

“จริงเหรอ?  เจ้ามนุษย์อวดดีคนนี้เนี่ยนะ?!”

“ไม่สบอารมณ์กับคำว่าเจ้ามนุษย์เลยแฮะ”

พี่ก้านสวนขึ้นพลางถลึงตาใส่เจ้าชายที่ชี้นิ้วไปทางพี่ก้านด้วยไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง  ไมเกรนขึ้นสมองกะทันหัน

ดูยังไงๆก็ไม่น่ารอด

“แล้วนี่จะทำยังไงกันต่อไป  แค่ให้อยู่ไปเรื่อยๆแบบบนี้เท่านั้นเหรอ?”

“ตอนนี้ก็คงต้องเป็นแบบนั้น  หน้าที่ของผมคือปกป้องเจ้าชายจนกว่าจะถึงเวลาที่เจ้าชายจะได้กลับไปสานต่อบัลลังก์ราชา”

ตอบพี่ก้านก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มให้เจ้าชาย

“เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก  ข้าไม่ยอมให้ปูนปั้นต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน  เมื่อใดที่สงครามสงบ  ข้าจะกลับไปทันที”

“…”

“และจะกลับมาพาเจ้าไปด้วย  หากเจ้าต้องการ”

เจ้าชายต่อประโยคขึ้นมาเมื่อผมหน้าเจื่อนไปหลังจากที่เขาพูดเรื่องจะกลับไปแดนเงือก  ทำเอาฉีกยิ้มด้วยความดีใจแทบไม่ทันเลยทีเดียว

พึ่บพั่บๆๆๆๆ

“คัทๆๆๆ  พอได้แล้ว  จะจ้องตากันให้ท้องเลยหรือไง  เป็นปลาสายพันธุ์ไหนน่ะเรา  อย่าบอกนะว่าปลากัด!”

คนที่จ้องจะกัดชาวบ้านนั่นมันมึงมากกว่ามั้งไอ้พี่ก้าน!

ผมหรี่ตามองพี่ก้านที่ใช้มือมาโบกไปโบกมาตรงหน้าคั่นระหว่างผมกับเจ้าชาย   นานๆกูจะได้มีโหมดแบบนี้  มึงก็ยังจะขวางอีกเนาะ!

“ผมว่าเรากลับกัยดีกว่า  เดี๋ยวไอ้จ้าวกับพวกชาวบ้านจะเป็นห่วง”

“!!!”

พอพูดถึงไอ้จ้าว  สีหน้าของอีกคนก็เปลี่ยนไปในทันที

แต่ผมกำได้แค่มองและคาดเดาเอาเท่านั้นว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนี้  แม้จะอยากรู้เหตุผลของพี่ก้านก็ตาม  แต่ผมก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะไปถามเรื่องส่วนตัวของพวกเขา

ขอเสือกอยู่เงียบๆแล้วรอจังหวะล้วงความลับแบบเนียนดีกว่า

 





“กลับมาแล้วครับผมมมม!”

พี่ก้านตะโกนดังลั่นจนคนในหมู่บ้านที่ประชุมกันอยู่ที่บ้านผู้เฒ่าพากันหันมามอง  หนึ่งในนั้นมีไอ้จ้าวที่นั่งซึมกะทือหน้าตาเหมือนคนอดข้าวมาสามปีรวมอยู่ด้วย

มันตั้งท่ายิ้มกว้างพุ่งเข้ามาหาพี่ก้าน  ทว่าอีกฝ่ายกลับวิ่งเลยผ่านเข้าไปหาผู้เฒ่าแทน  ผมชะงักมองไอ้จ้าวที่ยืนนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณค้างอยู่ตรงทางเข้า

“ไอ้จ้าว…”

“ไม่ต้องมายุ่งกับกู!”

พลั่ก!

ว่าแล้วก็ผลักผมจนเกือบล้มก้นจ้ำเบ้าถ้าไม่ได้เจ้าชายรับเอาไว้  ไอจ้าววิ่งดุ่มๆกลับไปทางที่พักผมคนเดียว  ผมได้แต่มองมันกับพี่ก้านสลับกันไปมาด้วยรู้จะช่วยยังไงดี

“เรื่องของพวกเขา  ก็ปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเองเถอะ  ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่”

“ผมรู้ว่าตัวเองไม่ควรเข้าไปยุ่ง  แต่เห็นแบบนี้แล้วมันหงุดหงิดจริงๆนะครับ  ถ้าเจ้าชายได้เห็นความสัมพันธ์ของสองคนนี้ตั้งแต่เด็กเหมือนผม  เจ้าชายจะเข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงหงุดหงิด”

ไอ้จ้าวน่ะไม่เท่าไหร่  มันเป็นพวกปากร้ายแต่ใจดีและขี้สงสารจะตายไป  แต่ปัญหาคือพี่ก้านเนี่ยสิ  จนทุกวันนี้ผมยังไม่รู้สาเหตุที่เขาเปลี่ยนตัวเองมาแต่งหญิงแล้วก็ตีตัวออกห่างจากไอ้จ้าวเลย

เหมือนจะเข้าถึงง่ายที่สุด…

แต่ความจริงเป็นคนที่เข้าถึงยากที่สุดเลยต่างหาก  เฮ้อ!

“กลับกันมาเหนื่อยๆ  ไปอาบน้ำอาบท่ากันก่อนเถอะจ้ะ  เดี๋ยวป้ายกกับข้าวไปให้กิน”

“ขอบคุณมากเลยครับ”

ผมยกมือไหว้ขอบคุณป้าคนหนึ่งก่อนจะมองเจ้าชายแล้วกระซิบบอกให้เขาทำตาม

เจ้าชายยกมือไหว้ตามผมด้วยท่าทีเงอะงะ

“ขะ…ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอกจ้าพ่อรูปงาม  ถ้าไม่บอกว่าเป็นคนเหมือนกันจะนึกว่าเทวดานะเนี่ย  หล่ออะไรปานนั้น”

ไม่พูดเปล่า  มือเหี่ยวย่นยังเอื้อมมาจับตัวเจ้าชายสุดรักสุดหวงสุดดวงใจของผมอีก

“ไปดีกว่าครับ  จะได้รีบไปทำงานกันต่อ”

คว้าแขนเจ้าชายพาเดินกลับไปทางที่พักทันที  ทำไงได้ล่ะ  เกิดสัมผัสตัวผู้หญิงมากๆแล้วรู้สึกฟินนาเล่จนอยากกลับไปคั่วผู้หญิงอีก  ผมก็ซวยน่ะสิ!

แต่เดี๋ยวก่อน

จำได้ว่าตอนแรกผมค่อนข้างเกลียดขี้หน้าเขาไปจนถึงขยะแขยงเลยนี่นา  แล้วไหงตอนนี้ถึงได้หวงเป็นจงอางหวงไข่แบบนี้เล่า!

โอ๊ยยย!   ก่อนจะไปเสือกเรื่องของไอ้จ้าวกับพี่ก้าน  เห็นทีคงต้องจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยก่อนเสียแล้ว!

“ใจเย็นๆสิ  เจ้าจะรีบลากข้าไปไหนเนี่ย”

“ไปอาบน้ำไงครับ  จะได้รีบกินข้าวรีบทำงาน”

“ทำไมต้องทำเสียงไม่พอใจข้าด้วย  ข้าทำอะไรผิดอีกหรือไง”

“ไม่รู้!”

“แต่…”

“ผมบอกไม่รู้ก็ไม่รู้ไงครับ!”

กูไม่รู้จริงๆ  มึงเลิกถามเหอะ!

อีกหน่อยผมคงกลายเป็นพวกขี้ระแวง  ทำตัวเหมือนเมียหลวงในละครที่คอยตามหึงหวงผัวจนสุดท้ายความรักก็ไปไม่รอด  และมือที่สามหรือภาษาชาวบ้านคือเมียน้อยก็จะคาบผัวไปแดก  ถ้าเป็นแบบนั้นขึ้นมาจริงๆผมจะทำยังไงดีล่ะ

ผมไม่อยากต้องกลายเป็นเมียหลวงหรอกนะเว้ย!

“เจ้าชายเข้าไปอาบน้ำก่อนเลยนะครับ  ผมจะคอยเฝ้าให้”

“ทำไมต้อง…”

“เพราะตอนนี้เราจะประมาทอีกไม่ได้  แค่พี่ก้านคนเดียวผมก็จะบ้าอยู่แล้ว  เพราะงั้น…ขอร้องล่ะ ฟังที่ผมพูดหน่อย”

“ข้าเข้าใจแล้ว  เลิกทำหน้าบูดแบบนั้นเสียที  ข้าเห็นแล้วไม่สบายใจ”

“งั้นก็เข้าไปอาบน้ำได้แล้วครับ”

ว่าพลางดันเจ้าชายเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูให้เสร็จสรรพ  ส่วนตัวผมก็ยืนเฝ้ายามอยู่ด้านหน้านั่นแหละ

  พลั่ก!!!

เสียงเปิดประตูกระท่อมที่อยู่ห่างไปเพียงเล็กน้อยดังราวกับประตูจะพัง  ผมหันไปมองหน้าคนเปิดก็พบว่าเป็นไอ้จ้าว  ใบหน้าบูดบึ้งและขอบตาที่แดงก่ำของมัน…

ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าร้องไห้มา

“มองหาพ่อมึงเหรอ!”

ความสงสารของกูจะมลายหายไปก็เพราะความปากหมาของมึงนี่แหละ!

ผมเดินทิ้งห่างกระท่อมมาเล็กน้อยเพ่อจะคุยกับไอ้จ้าว  จะว่าไปไม่รู้ว่าทำไมผมถึงได้ปล่อยให้ความสัมพันธ์ของผมกับมันหมางเมินกันมาเนิ่นนานขนาดนี้  อาจเพราะตอนนั้นยังเด็กมาก  และผมไม่มีความกล้าพอที่จะเผชิญหน้ากับความจริง  ถึงได้ปล่อยให้วันเวลาค่อยๆทำลายมิตรภาพของผมกับไอ้จ้าวไปได้มากถึงขนาดนี้

“กูมีเรื่องอยากจะคุยกับมึง”

“แต่กูไม่มี”

“กูไม่ได้คิดอะไรกับพี่ก้าน”

“…”

“ไม่เคยคิดไปมากกว่าความเป็นพี่น้อง  สำหรับกู  พี่ก้าน  มึง  รวมถึงพี่ดาวคือครอบครัว  ครอบครัวที่กูไม่ต้องการสูญเสีย”

“แต่มึงเสียกูไปแล้ว”

“…”

“มึงเสียกูไปตั้งแต่วันที่มึงแย่งพี่ก้านไปจากกู!”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้แย่ง  ทำไมมึงถึงไม่เชื่อกูบ้าง”

“งั้นมึงรู้ไหมว่าทำไมพี่ก้านถึงหันมาแต่งหญิงแบบนี้”

ผมส่ายหน้าให้กับคำถามนั้น

มันเป็นเรื่องที่ผมสงสัยมาจนถึงทุกวันนี้ว่าเพราอะไร  ตอนแรกก็แค่คิดว่าสงสัยพี่ก้านจะเพิ่งค้นพบตัวเองว่าเป็นกระเทย  จนกระทั่งท่าทีของพี่ก้านที่มีต่อไอจ้าวมันเริ่มชัดขึ้น  ทำให้ผมต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองใหม่

พี่ก้านไม่ได้เป็นกระเทยหรืออะไรทั้งสิ้น

พี่ก้านยังเป็นคนเดิม  แต่ทำไมถึงหันมาแต่งหญิง  มันเกินกว่าที่ผมจะเข้าใจจริงๆ

“มึงรู้เหรอ?”

“รู้สิ  รู้ดีด้วย”

“เพราะอะไร?”

เป็นครั้งแรกที่ผมใส่ความจริงจังลงไปในน้ำเสียงเวลาคุยกับไอ้จ้าวขนาดนี้

อีกฝ่ายยังคงมองหน้าผมอย่างไม่ชอบหน้าเหมือนเดิม  ก่อนจะค่อยๆทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น  เงยหน้ามองฟ้าอย่างหมดแรง

ท่าทางของมันเจ็บปวดจนผมอดปวดใจตามไม่ได้

“เพราะมึงไง”

“…”

“พี่ก้าน…ทำทุกอย่างก็เพื่อมึงทั้งนั้น”

 





“เดี๋ยวรูปปั้นเลื่อยไม้ออกมาตามแบบนี้เลยนะ  พี่ก้านจะไปช่วยพวกผู้หญิงมัดฟางตรงนู้นก่อน”

“อื้ม  ได้สิ   พี่ไปเถอะ”

หมับ!

“เป็นอะไรหรือเปล่า  หน้าตาดูไม่ค่อยดีเลยนะ”

พี่ก้านคว้าหมับเข้าที่หน้าผมแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้เพื่อสำรวจหาพิษไข้

ผมมองพี่ก้านตาไม่กะพริบ  ในสายตาที่ส่งผ่านไปนั้นมีคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ  มีแต่คำว่าทำไม  เพราะอะไร  เพื่ออะไร  อยู่ในหัว

อึดอัดชะมัด…

“รูปปั้น…”

“พี่ก้าน  คือผม…”

 



‘พี่ก้านเขาทำเพื่อมึงไง  เพื่อให้คนที่ร้องไห้แทบตายตอนเสียแม่ไปได้มีแม่เหมือนคนอื่นๆ  เขายอมที่จะทิ้งความเป็นลูกผู้ชายแล้วหันมาแต่งหญิงเพื่อจะเป็นแม่ให้กับมึง  ยอมแม้กระทั่งทิ้งคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับกูเพื่อมึง  ทำไมวะ  ทำไมพี่ก้านต้องทำเพ่อมึงขนาดนั้นทั้งที่ทั้งมึงและมันต่างก็ยืนยันกับกูว่าไม่ได้คิดอะไรเกินเลยต่อกัน  แต่ทำไมถึงมีกูคนเดียวที่ถูกทิ้ง! กูคนเดียวที่ไม่มีใครต้องการ  ทำไม!’

 



“หืม?  มีอะไร  ทำไมไม่พูดต่อล่ะ”

ใบหน้าหวานยิ้มเอียงคอทำท่าน่ารักเหมือนผู้หญิงทั่วๆไป  แม้ความจริงตัวเองจะตัวถึกและบึกบึนเพราะเป็นผู้ชายก็ตาม

น้ำตาร่วงผล็อยด้วยกลั้นไม่อยู่  ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าการที่พี่ก้านหันมาแต่งหญิงจนถูกนินทาไปทั่วหมู่บ้าน  รวมถึงผมเองยังเคยรังเกียจและออกปากไล่เขาเพราะคิดว่าเขาเป็นพวกแปลกๆ มันเป็นเพราะเขาทำเพื่อผม

พี่ก้านไม่เคยลืมสัญญาที่ให้ไว้กับผมในงานศพแม่

ที่บอกว่าจะเป็นแม่ให้ผมนั้น  เขาไม่ได้โกหก  แต่พี่ก้านรักษาสัญญาและทำตามนั้นในอีกสามปีต่อมา…

คนที่สัญญาไม่เคยลืม  แต่คนที่ถูกสัญญาด้วยอย่างผมกับลืมไปแล้ว  นั่นคงเป็นเพราะผมเด็กมากเกินกว่าจะมานั่งจำเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตตอนนั้นได้

ทำไมล่ะพี่ก้าน  ทั้งที่ระหว่างเรามันเป็นเพียงแค่พี่น้องกันเท่านั้น  แล้วทำไม…ทำไมต้องยอมทำร้ายหัวใจตัวเองและคนที่รักเพื่อผม

ทำไม?

เพราะอะไร?

“รูปปั้น…”

“ปูนปั้น!  เป็นอะไรไป  เจ้า!  เจ้าทำอะไรปูนปั้น!”

เจ้าชายที่กำลังตอกไม้เพื่อสร้างรั้วอยู่ไม่ไกลวิ่งพรวดเข้ามากระชากผมออกจากพี่ก้าน  เจ้าตัวถึงกับเหวอทำอะไรไม่ถูก  รีบส่ายหน้าปฏิเสธยกใหญ่

“ฉันเปล่านะ  จู่ๆรูปปั้นก็ร้องออกมา  รูปปั้น  เป็นอะไรไปเหรอ  ไม่สบายหรือเปล่า?”

“ผม…ผม…”

“พี่ก้าน!  พี่ก้าน!”

เสียงเรียกพี่ก้านดังมาแต่ไกล  เรียกความสนใจจากทุกคนในที่นี่  เด็กในหมู่บ้านของพวกผมที่มาร่วมอาสาในครั้งนี้ด้วยอีกกลุ่มวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางตกใจระคนกับดีใจ

“มีอะไรกัน  ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นแบบนี้”

“ทะ…ที่…ที่หมู่บ้านของเรา  มะ…มีเรื่องใหญ่แล้ว”

“เรื่องใหญ่?”

ไอ้จ้าวที่กำลังเลื่อยไม้รีบเข้ามาสมทบด้วยเพื่อรอฟังว่าเกิดอะไรขึ้น

“เมื่อกี้พ่อโทรมาบอกผมว่า…ประกายดาว…”

“…”

“พี่ดาวกลับมาแล้ว”

ตุ้บ!

ค้อนในมือเจ้าชายร่วงปุไปบนพื้นพร้อมกับสีหน้าที่บ่งบอกได้ชัดเจนว่ากำลังได้ฟังเรื่องเหลือเชื่อ  มือที่จับผมไว้ในตอนแรกก็ร่วงผล็อยไปข้างกาย

“ว่าอะไรนะ พี่ดาวเหรอ?!”

“ใช่ครับคุณจ้าว  ตอนนี้ที่หมู่บ้านตื่นเต้นกันยกใหญ่  พ่อบอกว่าลุงเสริมไปเจอพี่ดาวนอนสลบอยู่ริมหาดในสภาพตัวเองเหมือนถูกน้ำทะเลพัดจนมาเกยตื้นที่ฟัง”

พี่ดาวนะไม่ใช่ปลาพะยูน!  มาเกยตงเกยตื้นพ่องมึงสิ!

“ดาว…”

“…”

“ประกายดาว!”

“เจ้า…! เอ่อ ไคโอ!”

ผมรีบวิ่งตามเจ้าชายที่ทะเล่อทะล่าวิ่งออกไปเป็นคนแรก

จะว่ายังไงดีล่ะ  ใจหนึ่งผมก็รู้สึกดีใจมากที่พี่ดาวยังไม่ตาย  แต่ว่าอีกใจหนึ่ง…

ผมกลับรู้สึกเหมือน…กำลังจะสูญเสียเจ้าชายไป

 

 



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เอาล่ะสิ   คนที่คิดว่าตายไปแล้วอย่างประกายดาวกลับมา?  แบบนี้ความสัมพันธ์ของเจ้าชายและน้องปั้นจะเป็นยังไงต่อไปล่ะเนี่ย  เยื่อใยและความรักของเจ้าชายที่มีต่อประกายดูเหมือนจะยังหลงเหลืออยู่มากมายเสียด้วย  ขณะที่อีกคู่ก็ยังลุ่มๆดอนๆ  พี่ก้านที่ยืนยันหนักหนาว่าคิดกับน้องปั้นเป็นแค่พี่น้อง  แต่กลับทำทุกอย่างได้เพื่อน้องปั้นแบบนี้  ตกลงแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งหมดเกี่ยวข้องกันยังไง?  อินุงตุงนังอะไรอย่างนี้เนี่ยยยยย

ใครที่ยังตามอ่านอยู่ก็ขอบคุณมากนะคะ  สัญญาว่าอัพให้อ่านจนจบแน่นอน  ไม่ต้องห่วงว่าจะค้างคาอะไรเลย  จุ๊บๆๆๆ

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 16 (10/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 10-05-2017 15:10:35
อิรุงตุงนังกับความสัมพันธ์อันซับซ้อน  :mew5: :mew5:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 16 (10/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 10-05-2017 23:09:36
 o18
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 16 (10/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 11-05-2017 09:05:13
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 17 (12/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-05-2017 12:05:41




ตอนที่ 17

เธอที่กลับมา

 

“เดี๋ยวพี่จะรีบให้ผู้ใหญ่ส่งคนมาช่วย  ฝากที่เหลือด้วยนะ”

พี่ก้านทิ้งท้ายให้กับพวกที่ยังอยู่อย่างรีบร้อน  พวกผมสี่คนตั้งใจจะกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อดูพี่ดาวกันก่อน  ซึ่งหลังจากนั้นคงต้องให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน

ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นิ่งๆได้เลยสักคน  แม้แต่ผมเอง

“รีบๆไปสักทีเจ้ามนุษย์!”

“เจ้ามนุษย์?”

ไอ้จ้าวที่นั่งอยู่ตำแหน่งเดิมคือซ้อนท้ายพี่ก้านทวนคำพูดของเจ้าชาย พี่ก้านเองก็หันขวับมามองอย่างจกใจเช่นกัน

“คือ…เขาพูดเล่นน่ะ  มึงอย่าสนใจเลย”

“นั่นสินะ  เป็นมนุษย์เหมือนกัน  จะมาใช้คำว่าเจ้ามนุษย์กับคนอื่นได้ยังไงล่ะเนอะ  ฮะๆๆ”

พี่ก้านช่วยผสมโรงเข้ามาอีกแรง

ผมเหลือบมองเจ้าชายที่ไม่ได้สนใจเลยว่าตัวเองกำลังจะทำให้คนอื่นสงสัย  จิตใจของเจ้าชายตอนนี้คงใจจดใจจ่อไปที่พี่ดาวเท่านั้น

จะว่าไป…ผมไม่เคยแสดงตัวว่ารู้จักกับพี่ดาวให้เขารู้เลยนี่นา

แล้วก็ไม่เคยออกตัวถามเขาด้วยว่ารู้จักกับพี่ดาวได้ยังไง

“นี่  เจ้าชาย”

กระซิบใกล้ๆหู  เจ้าชายที่นั่งแทบไม่ติดและกำลังสั่นเป็นเจ้าเข้ามีท่าทางกระวนกระวายจนผมชักจะเริ่มหมั่นไส้หันมามองพลางเลิกคิ้วสูง

“อะไรเหรอ?”

“เจ้าชาย…รู้จักพี่ดาวด้วยเหรอครับ”

“…”

นิ่งไป  ส่วนผมก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องไปเรื่อยๆว่าผู้หญิงในความทรงจำที่เจ้าชายเคยเล่าให้ฟังก็คือพี่ดาว

“รู้จักสิ  เธอคือผู้หญิงที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟังนั่นไงล่ะ  ว่าแต่เจ้าเถอะ  รู้จักกับประกายดาวได้ยังไง”

“เราโตมาด้วยกันน่ะครับ  พวกเราสี่คน  ผม  พี่ก้าน  ไอ้จ้าว  แล้วก็พี่ดาว”

“อะไรนะ?”

“โลกกลมจังเลยนะครับ  ที่ผู้หญิงที่เจ้าชายเฝ้ารอมาตลอด  เป็นเหมือนคนในครอบครัวของผมแบบนี้”

“ข้า…”

“ดีใจด้วยนะครับ  ที่พี่ดาวยังไม่ตาย  ผมเองก็ดีใจเหมือนกัน  แต่ก็คงดีใจไม่เท่าคุณหรอกมั้ง  ใช่ไหม?”

โธ่เว้ย!

อยากจะตบปากตัวเองชะมัด  ทำไมคำพูดคำจามันถึงได้ดูประชดประชันและแดกดันได้ขนาดนี้  ทั้งที่ผมเองก็ดีใจที่พี่ดาวปลอดภัย  แต่ผมก็ไม่สามารถหักห้ามอารมณ์คุกรุ่นในใจของตัวเองตอนนี้ได้เลย

ผมควรทำยังไงดี

ผมไม่อยากจะรู้สึกไม่ดีกับพี่ดาวเลย  ก็พี่ดาวน่ะ…

ออกจะแสนดีเสียขนาดนั้น

“ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลอะไรอยู่  แต่ว่า…เชื่อข้าได้ไหม  ตอนนี้หัวใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น”

นัยน์ตาหวานซึ้งจ้องมองผมราวกับต้องการทะลุทะลวงไปให้ถึงจิตใจ

ไม่อยากเชื่อว่าเพียงคำพูดไม่กี่คำจะทำให้ผมใจชื้นได้  ในเมื่อเจ้าชายยืนยันขนาดนี้  ผมก็ต้องเชื่อใจเขา  ถ้ามัวแต่เคลือบแคลงใจและระแวงสงสัย  ชีวิตคู้ของเราก็คงไปไม่รอด

อ๊ะ  เดี๋ยวสิ  แล้วทำไมกูต้องมานั่งคิดเรื่องชีวิตกูกับไอ้เจ้าชายลามกตัวนี้ด้วยล่ะเนี่ย!

บ้าไปกันใหญ่แล้วไอ้ปั้น!!!

 

ตลอดทางมีคำถามมากมายทั้งจากพี่ก้านและไอ้จ้าวถึงเรื่องพี่ดาว  แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนรู้สึกเหมือนกันคือดีใจที่จะได้พบกับพี่ดาวอีก   หลังจากที่นึกว่าพี่ดาวได้จากไปแล้วมาถึงสองปีเต็ม  ถ้าอย่างนั้น…ที่ผ่านมา  พี่ดาวไปอยู่ไหนล่ะ?  แล้วทำไมจู่ๆวันหนึ่งถึงลอยมาตาทะเลกลับมาติดที่ชายหาดของหมู่บ้านได้อีก

ไม่สิ  นี่ผมกำลังสงสัยในตัวพี่ดาวและจับผิดพี่ดาวอยู่นะ

เลิกคิดๆๆๆ เลิกคิดเรื่องแย่ๆเดี๋ยวนี้

หมับ…

“อย่าคิดมากเลยนะ”

เจ้าชายเอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆ  นั่นสินะ  ผมจะคิดมากทำไม  แค่พี่ดาวกลับมาได้อย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

ไม่มีอะไรต้องคิดมากทั้งนั้น…

เอี๊ยด!!!

“ถึงสักที”

ทุกคนกระโดดลงจากรถกันอย่างพร้อมเพรียงทั้งที่รถยังจอดไม่สนิทดีเสียด้วยซ้ำ  พวกเราวิ่งตรงไปยังบ้านของผู้ใหญ่ดำซึ่งเป็นลุงแท้ๆของพี่ดาวและเป็นคนเลี้ยงพี่ดาวมาตั้งแต่เกิด  เพราะพี่ดาวสูญเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่อายุได้เพียงสามเดือน  ท่านทั้งสองประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์  ตั้งแต่ผู้ใหญ่ดำก็เป็นคนเลี้ยงดูพี่ดาวมาตลอด  แม้ว่าพี่ดาวจะไม่ค่อยแข็งแรงและเจ็บออดๆแอดๆตั้งแต่เล็กก็ตาม

“ผู้ใหญ่!  ผู้ใหญ่อยู่ไหม!”

ไอ้จ้าวตะโกนเรียกผู้ใหญ่ดำที่หน้าบันไดบ้าน  ไม่นานประตูที่ชั้นสองก็เปิดออกพร้อมกับผู้ใหญ่ดำที่ออกมาต้อนรับ

“อ้าว  พวกเอ็ง  มากันแล้วเรอะ  ดีเลยๆ  มาช่วยข้าหน่อยเถอะ  หนูดาวน่ะ…”

“พี่ดาวเป็นอะไร?!”

ผมรีบวิ่งขึ้นบันได้ไปอย่างไม่คิดชีวิต  คนอื่นๆรีบตามขึ้นมา  ผู้ใหญ่ดำไม่ยอมพูดอะไร  เอาแต่ทำสีหน้าหนักใจแบบุสดๆ  นั่นทำให้ผมต้องวิ่งเข้าไปในห้องของพี่ดาวด้วยความเป็นห่วงทันที

“พี่ดาว!”

ร่างเล็กในชุดสีขาวบริสุทธิ์  เจ้าของเรือนร่างที่ผอมบางแล้วกับแผ่นกระจกใสที่เปราะบางและพร้อมจะแตกหักได้ทุกเมื่อ  เส้นผมสีดำยาวถึงกลางหลังปลิวไสวไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าตา  นัยน์ตาหวานรับกับจมูกเรียวเล็กและริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่ค่อนไปทางซีดหันมาทางพวกเราสี่คน

“พี่ดาว…”

พี่ดาวจริงๆด้วย  ไม่ใช่คนหน้าเหมือนหรือใครที่ไหน  แต่เธอคือพี่ดาวจริงๆ!

“พวกคุณ…เป็นใครเหรอคะ?”

“!!!”

“ล้อเล่นหรือไงดาว  นี่พวกฉันไง  ก้าน  น้องจ้าว  แล้วก็รูปปั้น  เธอจำไม่ได้เหรอ?”

พี่ก้านเดินเข้าไปใกล้พี่ดาวเป็นคนแรก  เธอมีสีหน้าตื่นตระหนกเล็กน้อยพร้อมกับเขยิบถอยหนีพี่ก้านไปจนติดกำแพง

“ขะ…ขอโทษค่ะ  แต่ฉันไม่รู้จักพวกคุณจริงๆ”

“ไม่เอาน่าพี่ดาว  ผมจ้าวไง  เด็กเกเรที่พี่คอยทำขนมอร่อยๆมาให้กินเมื่อตอนเด็กๆ  พี่จำไม่ได้เหรอ”

พี่ดาวไม่ตอบไอ้จ้าว  เธอมองไอ้จ้าวด้วยสีหน้าครุ่นคิดก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“จำไม่ได้ค่ะ  ฉันขอโทษ  ฉันขอโทษ”

“ใจเย็นๆนะครับพี่ดาว  แล้วผมล่ะ  ผมปูนปั้น  ปูนปั้นที่พี่ดาวต้องคอยทำแผลให้เสมอเพราถูกแกล้งไงครับ  พี่ดาวจำผมได้ไหม”

ผมแนะนำตัวเองบ้าง  แต่ก็ยังรักษาระยะห่างเอาไว้ไม่เข้าใกล้จนเกินไปเพราไม่อยากให้พี่ดาวหวาดกลัว

“ไม่…”

“…”

“ฉันจำไม่ได้เลย  ขอโทษด้วยนะคะ”

พวกเราทั้งสามต่างก็มองหน้ากันอย่างหมดหนทาง  หรือนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ใหญ่ดำมีสีหน้าคร่ำเครียดตอนออกไปรับพวกเราเมื่อกี้

พี่ดาว…

สูญเสียความทรงจำ  เธอจำใครไม่ได้เลยสักคนเดียวแม้แต่ผู้ใหญ่ดำเองก็ตาม

“ประกายดาว”

อีกหนึ่งคนที่อยู่ในห้องด้วยมาตั้งแต่ต้นเอ่ยเสียงแผ่ว  เจ้าชายยืนหลบอยู่ข้างหลังพวกเราสามคนมาตั้งแต่เข้ามาในห้อง

ผมหันไปมองเจ้าชายด้วยความสงสาร  เขาอุตส่าห์ดีใจที่พี่ดาวยังไม่ตายและกลับมา  แต่ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้…

จะต้องเจ็บปวดแน่ๆ

“ไคโอ!”

พรึ่บ!

ผมเบิกตากว้าง  ยืนตัวแข็งเป็นหินเมื่อร่างกายบอบบางของพี่ดาววิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว  โผเข้ากอดเจ้าชายด้วยท่าทางดีใจสุดๆ

“ไคโอจริงๆด้วย  ในที่สุดก็ได้เจอกันสักที”

“ประกายดาว  นี่เจ้าจริงๆใช่ไหม”

“อื้ม  ฉันเอง  ฉันคิดถึงนายเหลือเกิน  ที่นี่มีแต่คนที่ฉันไม่รู้จักเต็มไปหมด   ไคโอ…อย่าทิ้งฉันนะ  อยู่ข้างๆฉันนะ”

“แน่นอน   ข้าไม่มีวันทิ้งเจ้าแน่นอน  ข้า…”

“…”

“คิดถึงเจ้าแทบบ้าแล้ว”

เจ้าชายค่อยๆสวมกอดพี่ดาวกลับและโอบแน่นขึ้นเรื่อยๆตามความคิดถึงที่มี  ผมยืนมองภาพนั้นด้วยหัวใจที่เหมือนถูกกระชากลงไปในหุบเหวลึก

ที่บอกว่าไม่ต้องกังวล…

ที่บอกว่าในหัวใจตอนนี้มีแค่ผม…

ผมยังเชื่อมันได้อยู่หรือเปล่า

หมับ…

“ภาพนี้เด็กดีไม่ควรดูนะ”

พี่ก้านเอามือมาปิดตาผมไว้พร้อมกับกระซิบเบาๆ

ไม่ไหวเลย  อุตส่าห์คิดว่าจะต้องไม่เป็นไร  จะต้องทนได้  จะต้องไม่มีปัญหาแน่ๆ  แต่พอถึงเวลาจริงๆ  ผมกลับปวดร้าวไปทั้งหัวใจจนไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อดี

พี่ดาวจำใครไม่ได้เลยนอกจากเจ้าชาย

เพราะอะไรกันนะ?

“พ่อหนุ่มคนนี้รู้จักกับหนูดาวหลานฉันด้วยเรอะ”

ผู้ใหญ่ดำที่ยืนรออยู่ที่ประตูเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย

“ค่ะ   ไคโอเป็นคนรักของฉันเอง”

“คนรัก???”

พวกเราทวนคำกันอย่างตกใจ  พี่ดาวที่ตอนแรกดูจะมีท่าทีหวาดกลัวทุกคนยิ้มแย้มออกมาอย่างสดใส  ผมรีบเอามือพี่ก้านออกเพื่อจะมองพี่ดาวที่กำลังจะอธิบายทุกอย่าง

“ใช่ค่ะ  พวกเราเป็นคนรักกัน  คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกันอีก  ฉันดีใจมากๆเลยนะ”

“คือข้า  เอ่อ  ฉันรู้จักกับประกายดาวได้ก็เพราะตอนที่ประกายดาวคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดทะเลเมื่อสองปีก่อน  ฉันบังเอิญไปเจอเข้าก็เลยช่วยไว้  แต่ว่า…หลังจากนั้นไม่กี่เดือน  ประกายดาวก็หายตัวไป  เหลือไว้แค่ผ้าพันคอที่เธอชอบใส่ลอยอยู่ในทะเล  ตอนนั้นฉันคิดว่าเธอคงฆ่าตัวตายไปแล้ว  พยายามค้นหาศพเธอแต่ก็ไม่เจอ  คิดไม่ถึงเลยว่าที่ไม่เจอศพไม่ใช่เพราะถูกน้ำพัดไปไกล  แต่เป็นเพราะ…เธอยังไม่ตาย”

เจ้าชายอธิบายให้ผู้ใหญ่ดำฟัง  จนประโยคสุดท้ายเขาก็ก้มลงมองพี่ดาวที่กอดแขนเจ้าชายเอาไว้แน่นไม่ยอมห่างด้วยสายตาที่อบอุ่นไม่ต่างจากที่เขาใช้มองผม

หรือบางทีอาจจะ…อ่อนโยนมากกว่าที่ผมได้รับก็เป็นได้

“ขอโทษนะไคโอ  แต่ฉันจำอะไรไม่ได้จริงๆ  ฉันจำได้แค่นายเท่านั้น  จำได้แค่ว่าพวกเรารักกันมาก”

“ไม่เป็นไร  ถ้าเจ้าจำไม่ได้  ข้าจะค่อยๆช่วยให้เจ้าจำทุกอย่างได้เอง  มนุษย์พวกนี้ดีใจมากที่รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตดู  แสดงว่าเจ้าต้องสำคัญกับพวกเขา  และพวกเขาก็คงสำคัญต่อเจ้าเช่นกัน  และถ้าข้าเดาไม่ผิด  เขาจะต้องเป็นเพื่อนและน้องรักที่เจ้าพูดให้ข้าฟังบ่อยๆแน่”

“ทำไมไอ้บ้านี่ชอบพูดเหมือนตัวเองไม่ใช่มนุษย์อยู่เรื่อย”

ไอ้จ้าวโพล่งขึ้นมากลางวง  ผมอยากจะอ้าปากแย้งเพื่อช่วยเจ้าชายกลบเกลื่อนแต่ร่างกายตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงไปหมด 

มือที่เคยสัมผัสผม  ตอนนี้กำลังสัมผัสพี่ดาว

อ้อมกอดที่ผมเคยได้รับ  ตอนนี้มันกลับไปเป็นของพี่ดาว

ทุกๆอย่างที่เจ้าชายเคยมอบให้ผม  เขาเองก็มอบมันให้กับพี่ดาวด้วย

“เอาเป็นว่าไว้ฉันกับน้องจ้าวจะมาเยี่ยมเธอใหม่นะ  พักผ่อนให้เยอะๆ  ถึงจะยังจำพวกเราไมได้ก็ไม่เป็นไร  สักวันเธอจะต้องจำได้แน่  เพราะพวกเราสี่คนไม่ใช่แค่เพื่อนเล่นสมัยเด็กกันเท่านั้น  มิตรภาพของเราไม่มีอะไรมาทำลายได้ทั้งสิ้น  ไปนะ”

“เฮ้ย!  เดี๋ยวสิวะ  มึงจะมึงก็ไปสิไอ้พี่ก้าน  จะมาลากกูออกไปด้วยทำแมวอะไร”

“มากับพี่เถอะครับ   อย่าให้ต้องใช้กำลังกันเลยนะ”

แล้วพี่ก้านก็ลากไอ้จ้าวที่ดิ้นทุรนทุรายโวยวายจะไม่ยอมไปท่าเดียวออกไป  เหลือทิ้งไว้แค่ผม เจ้าชาย พี่ดาวและผู้ใหญ่ดำ

“ปั้น  พ่อหนุ่มคนนี้เป็นเพื่อนปั้นใช่ไหม”

“ใช่ครับผู้ใหญ่  ทำไมเหรอ?”

“ถึงฉันจะยังงงๆแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่  แต่ดูเหมือนว่าหนูดาวจะจำเขาได้แค่คนเดียว  แล้วก็ดูไว้ใจเขาคนเดียวด้วย  คือว่า…”

“…”

“ถือเสียว่าทำเพื่อหนูดาว  สงสารหนูดาว  ฉันอยากจะขอให้พ่อหนุ่มคนนี้มาอยู่ที่บ้านฉันเพื่อคอยดูแลหนูดาวจนกว่าความทรงจำจะกลับมาได้ไหม?”

ผู้ใหญ่ดำเอ่ยด้วยท่าทีเกรงใจ

คิดเอาไว้แล้วล่ะว่าต้องลงเอยแบบนี้  แต่พอมันเกิดขึ้นจริงๆ   ก็ยากที่จะทำใจได้…

“ไม่ได้หรอก  ฉันทิ้งปูนปั้นเอาไว้คนเดียวไม่ได้”

เป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายแบบสุดๆ  เจ้าชายผละตัวออกมาจากพี่ดาวเข้ามาดึงผมเข้าไปใกล้แทน

“เจ้าชาย…”

“ผมจะมาหาประกายดาวทุกๆวันเพื่อคอยดูแลให้  แต่ว่า…ถ้าจะต้องให้ผมทิ้งปูนปั้นอยู่คนเดียว  ผมทำไม่ได้”

“แต่ว่า…”

“พอเถอะค่ะคุณลุง  หนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ  ไม่เป็นไรนะไคโอ  ฉันเข้าใจนาย  เด็กคนนี้…คงสำคัญกับนายมากสินะ”

พี่ดาวมองเลยมาทางผมพร้อมกับส่งยิ้มอย่างใจดี

“สำคัญสิ  สำคัญมากด้วย  ขอโทษนะที่มาอยู่ดูแลเจ้าตลอดเวลาไม่ได้”

“ไม่เอาน่า  อย่าทำเหมือนฉันเป็นคนป่วยสิ  ฉันยังแข็งแรงดีอยู่นะ  อีกอย่าง…ฉันอยากจะรู้จักเด็กคนนี้ให้มากขึ้นด้วย  คนที่ทำให้นายให้ความสำคัญมากกว่าฉัน  จะเป็นเด็กแบบไหนกันนะ?”

“พูดแบบนี้ทำเอาผมไปต่อไม่ถูกเลย  ยังไงพวกเราก็รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆนะครับ  แค่พี่ดาวยังจำผมไม่ได้ก็เท่านั้นเอง”

“งั้นเหรอ  ชักอยากจำให้ได้แล้วสิ”

พี่ดาวยังคงยิ้มหวานเหมือนเดิมไม่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเป็นยังไง  เธอเดินกลับขึ้นไปนั่งบนเตียงด้วยสีหน้าอิดโรยกว่าตอนแรกเล็กน้อย

“เริ่มมึนหัวแล้วล่ะ  วันนี้ฉันขอพักก่อนได้ไหม?”

“ได้สิ  นอนพักเถอะ”

เจ้าชายตรงเข้าไปดันตัวพี่ดาวให้นอนลงไปบนเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้

“พรุ่งนี้ข้าจะรีบมาหาเจ้า  พักผ่อนเยอะๆนะ  ไว้เจ้าหายดีเมื่อไหร่  เราค่อยคุยกันถึงเรื่องที่ผ่านมาว่าเจ้าไปทำอะไรอยู่ที่ไหนมาบ้าง”

“จ้ะ”

พี่ดาวรับคำก่อนจะค่อยๆหลับตาลง  ผมหันไปหาผู้ใหญ่ดำที่ยืนมองอยู่ด้วยความเป็นห่วงไม่ห่าง

“ยังไงผู้ใหญ่ก็คอยดูแลพี่ดาวอย่างใกล้ชิดด้วยนะครับ  พรุ่งนี้พวกผมจะรีบมาแต่เช้า”

“ไม่ต้องห่วงหนูดาวหรอก  ยังไงมันก็หลานฉัน  ฉันจะดูแลเอง”

“ครับ  ถ้างั้นผมขอตัวก่อน”

“ข้าไปนะ”

เจ้าชายเอ่ยกับพี่ดาวที่พยักหน้ายิ้มรับอีกครั้งก่อนจะเดินเข้ามาหาผม  พี่ดาวก็ยังคงเป็นพี่ดาวที่ใจดีอ่อนโยนเหมือนเดิม

แม้ว่าเธอจะเอ่ยปากบอกทุกคนว่าเป็นคนรักของเจ้าชาย  และเจ้าชายก็เป็นคนรักเธอ

แต่พี่ดาวก็ไม่ได้แสดงท่าทีร้ายกาจหรือไม่ชอบหน้าผมคนที่เจ้าชายบอกว่าสำคัญถึงขนาดยอมที่จะไม่มาอยู่ดูแลพี่ดาวเพื่อจะอยู่กับผม

ทำไมกันนะ  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าตัวเองกำลังทำผิดอยู่…

“เป็นอะไรไป  กลับกันเถอะ”

เจ้าชายยิ้มกว้าง  จับมือผมและพาเดินออกจากบ้านของผู้ใหญ่ดำไปอย่างไม่มีท่าทีลังเล

หัวใจของผมเต้นแรงเมื่อถูกเขาให้ความสำคัญมากถึงขนาดนี้

“ขอบคุณนะครับ”

“หืม?”

“ขอบคุณที่เลือกอยู่กับผม”

“เจ้าพูดอะไรน่ะ  ข้าว่าข้าย้ำไปอย่างชัดเจนหลายรอบแล้วนะ  ว่าข้าคิดยังไงกับเจ้า  สำหรับข้าในตอนนี้…เจ้าคือคนสำคัญที่สุด”

“ผมก็เหมือนกัน  สำหรับผม…”

“…”

“คุณสำคัญที่สุด  สำคัญกว่าใครบนโลกนี้เลย”

เราต่างมองตากันอย่างหวานซึ้ง  จับมือกันเดินกลับไปที่บ้านโดยไม่สนใจสายตาของชาวบ้านที่มองมา

นาทีไม่มีอะไรที่ผมต้องแคร์มากไปกว่าคนข้างๆอีกแล้ว

 

Special  Part :

“ปล่อยนะเว้ย  บอกให้ปล่อยไงเล่า!”

ผมร้องโวยวาย  พยายามบิดข้อมือออกมาจากการเกาะกุมของไอ้พี่ก้านแต่ก็ไม่เป็นผล

พละกำลังต่างกันอย่างมากมายมหาศาลขนาดนี้ได้ยังไงวะ!

“จะลากไปถึงไหนเนี่ย!”

เอ่ยถามอย่างหัวเสียเมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะหยุดลากผมเสียที

พี่ก้านพาผมมายังศาลานั่งพักของหมู่บ้าน  ที่อยู่ติดริมทะเลพอดี  เขาปล่อยผมให้เป็นอิสระทันทีที่มาถึง

“พามาที่นี่ทำไม”

“พี่ก้านแค่มีเรื่องอยากจะคุยกับน้องจ้าวสองคน”

“เรื่องจะคุย?”

“เรื่องดาว”

“…”

“พี่ก้านรู้สึกเหมือน…ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ดาวที่พวกเรารู้จัก”

สีหน้าและท่าทางที่จริงจังของเขาทำเอาคำด่ามากมายที่เตรียมจะพูดต้องเป็นหมันไปเพื่อเข้าสู่โหมดจริงจังบ้าง

ผมเดินไปทั้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในศาลาก่อนจะพยักหน้ารับคำพูดนั้น

“กูก็คิดแบบนั้นแหละ  เพียงแต่…มันยังไม่แน่ใจ  อาจเป็นเพราะพี่ดาวสูญเสียความทรงจำไปก็ได้  เลยทำให้มึงกับกูรู้สึกเหมือนพี่ดาวเป็นคนอื่น”

“มองโลกในแง่ดีจริงๆเลยน้า”

นิ้วมือยาวจิ้มเข้าที่แก้มผมอย่างหยอกล้อ

“อย่ามาแตะตัวกู  ขยะแขยง”

ว่าเข้าไปนั่น  ทั้งที่ในใจกำลังดีใจที่ไม่ถูกหมางเมินเหมือนเมื่อตอนเช้า   แต่ทำไงได้ล่ะ  ปากผมมันหนักเหมือนถูกถ่วงเอาไว้ด้วยก้อนอิฐเลยนี่หว่า!

“พี่ก็ขอให้พวกเราคิดมากไปจริงๆแล้วกัน  แต่ไม่ว่ายังไง  พี่ก้านก็ต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้อยู่ดี  ว่าผู้หญิงคนนี้  คือประกายดาวตัวจริง”

“มึงจะทำอะไร?”

“ทุกเรื่องที่พวกเรารู้เกี่ยวกับดาว  พวกเราจะพิสูจน์จากจุดนั้นล่ะ”

“พวกเรา?”

“ใช่ครับ  พวก-เรา”

พี่ก้านจับบ่าผมพร้อมส่งยิ้มหวานอาบยาพิษ

มึงกำลังบังคับกูกรายๆว่าให้กูร่วมมือกับมึงเพื่อพิสูจน์ว่าผู้หญิงที่ปรากฏตัวมาในวันนี้คือพี่ดาวตัวจริงหรือเปล่างั้นสินะ?!

จะบ้าเรอะ  นี่ไม่ใช่การ์ตูนนะโว้ยยย   จะมีใครหน้าเหมือนคนอื่นเหมือนพิมพ์กันมาแบบนี้บ้างเล่า

ปี๊น!!!

เสียงบีบแตรดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วปฐพี  ผมและพี่ก้านหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกันก็พบว่าเป็นรถของป๊า  กระจกหลังถูกเปิดออกพร้อมกับป๊าที่ชะโงกหน้าออกมาจากรถด้วยสีหน้าโกรธจัด

“ป๊า!”

พรึ่บ!

พี่ก้านที่ยืนใกล้และจับบ่าผมไว้ในตอนแรกปล่อยมือออกพร้อมกับถอยหลังห่างออกไป  ไม่แม้ตาจะสบตากับผมหรือว่าป๊า

ไอ้ท่าทางเหมือนมีอะไรปิดบังและหวาดกลัวของพี่ก้านหมายความว่ายังไงกันแน่?

“อาจ้าว  ขึ้นรถเดี๋ยวนี้”

“ไม่เอา  ผมมีธุระต้องคุยกับพี่จ้าว  ป๊ากลับไปเหอะ”

“ป๊าบอกให้ขึ้นรถเดี๋ยวนี้!!!”

มาอีกแล้ว  คำสั่งจอมปิศาจที่ไม่ว่าใครก็ห้ามขัด  ผมเหลือบมองพี่ก้านที่จู่ๆก็เดินอกจากศาลาไปเสียเฉยๆก่อนจะรีบวิ่งตามไป

“พี่ก้าน  เดี๋ยวสิ  จะรีบไปไหน  เรายังคุยกันไม่…”

“น้องจ้าวกลับไปเถอะครับ  พี่ก้านก็จะกลับแล้ว  วันนี้เหนื่อยกันมามาก”

“แต่…”

“กลับไปเถอะ  ให้ปิศาจโกรธนานๆมันไม่ดีหรอก”

สายตาว่างเปล่าของพี่ก้านที่มองไปทางป๊าทำให้ผมใจไม่ดีเอาเสียเลย  เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ  พี่ก้านไม่เคยเรียกป๊าว่าปิศาจเหมือนที่ผม  พี่ดาว  หรือไอ้ปั้นเรียกมาก่อน

มีอะไรที่ผมไม่เคยรู้…

เกิดขึ้นหรือเปล่า?

 





 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :



มาอัพแล้วจ้า ตอนนี้ปริศนาซ่อนเงื่อนรวมถึงตัวละครสำคัญก็ปรากฏตัวเกือบจะครบหมดแล้วนะคะ  ประกายดาวผู้เป็นตัวแปรสำคัญสำหรับคู่ของเจ้าชายและน้องปั้น  ป๊าของจ้าวผู้เป็นตัวแปรของคู่พี่ก้านและน้องจ้าว  ว่าแต่…ในอดีตเคยมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกันแน่  แล้วประกายดาวคนนี้ใช่ประกายดาวตัวจริงอย่างที่พี่ก้านกับน้องจ้าวสงสัยหรือไม่?  มีอะไรสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอได้บ้างนะ?!

มาเอาใจช่วยทุกตัวละครในเรื่องนี้กันด้วยน้า  จุ๊บๆๆๆ

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 17 (12/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 12-05-2017 12:16:11
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 17 (12/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-05-2017 19:05:03
 :m15:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 18 (13/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 13-05-2017 14:30:10


ตอนที่ 18

ยังผูกพัน…

 

หมับ…

“เข้าชาย  ไม่เอาน่า”

ผมร้องห้ามขณะที่มือหนาเริ่มไต่เข้ามาในเสื้อ  เผลอเป็นไม่ได้จริงๆเชียว  พอใจดีเข้าหน่อยก็กลายร่างจะปลาเป็นปลาหมึกขึ้นมาทันที!

นี่ถ้ามีหนวดหยุบหยับแบบปลาหมึก  พนันได้เลยว่าผมคงถูกรัดไปทุกสัดส่วน!

“ทีตอนอยู่ในถ้ำเจ้ายังยั่วข้าอยู่เลย  ตอนนี้ข้าพร้อมแล้วไง  เริ่มเลยไหมล่ะ?”

“แต่ผมไม่พร้อม!”

ไม่รู้อะไรดลใจให้ตอบไปแบบนั้น

ผมรู้สึกได้ว่ายังมีเรื่องของพี่ดาวค้างคาใจและทำให้ผมไม่สบายใจอยู่  วันนี้เจ้าชายเองก็ไม่ได้เอ่ยปากปฏิเสธเรื่องที่พี่ดาวแนะนำเขาต่อหน้าทุกคนว่าเป็นคนรักกัน  ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาผูกพันลึกซึ้งกันมากน้อยแค่ไหน

ถึงยังไงสำหรับผม…

พี่ดาวก็สำคัญ  เจ้าชายเองก็สำคัญ

“รอก่อนเถอะครับ  พี่ดาวเองก็เพิ่งจะกลับมา  ผมไม่อยาก…”

“เจ้าไม่สบายใจเรื่องประกายดาวจริงๆสินะ”

เสียงทุ้มเอ่ยในความมืด

เจ้าชายขยับตัวชิดผมมากขึ้น  สวมกอดผมจากด้านหลัง  ซุกหน้าลงกับซอกคอและพรมจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่า  วงแขนแกร่งโอบกอดผมเอาไว้…

“ข้ายอมรับ  ว่าประกายดาวกับข้าเคยรักและคบหากันจริง  แต่มันก็แค่ช่วงสั้นๆ  ตอนที่ข้าช่วยประกายดาวที่กระโดดน้ำทะเลเพื่อฆ่าตัวตายนั้น  ข้าไม่ทันได้คิดว่านางจะเป็นคนๆเดียวกับเด็กผู้หญิงที่ข้าเคยเล่นด้วยเมื่อครั้งเยาว์วัย  พอรู้ว่านางคือเด็กคนนั้น  คนที่ข้าเคยมีคำมั่นสัญญาด้วย  ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่ก็ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว  แต่ว่า…จู่ๆนางก็หายตัวไปอีกครั้ง  มีแค่หลักฐานที่ทำให้ข้าคิดว่านางได้ฆ่าตัวตายด้วยการโดดทะเลเหมือนคราวก่อน  จะต่างกันก็ตรงที่…”

“…”

“ข้าไม่สามารถช่วยนางไว้ได้เหมือนในครั้งแรก  บอกตรงๆว่าการกลับมาของนางคราวนี้ก็ทำข้างงและสับสนอยู่ไม่น้อย  คนที่ข้าคิดว่าตายไปเกือบสองปี  จู่ๆก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าข้า  หนำซ้ำ…ยังปรากฏตัวในวันที่ความรู้สึกของข้าเปลี่ยนไป”

ประโยคนี้แผ่วเบาอยู่ข้างหู  หัวใจเต้นโครมครามกับฝ่ามือร้อนที่ลูบไล้ไปตามแขนผมอย่างอ่อนโยน

“ข้ายังผูกพันกับประกายดาว  และไม่อาจตัดทิ้งความรู้สึกนี้ไปได้  จนมันทำให้ข้ากลัวและกังวลว่าข้าอาจไปทำร้ายความรู้สึกของเจ้าโดยไม่รู้ตัว”

“เรื่องนั้นอย่ากังวลเลยครับ  พี่ดาวคือคนสำคัญของผม  เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มของเรา  แน่นอนว่าพวกเราต้องรักพี่ดาวมากๆอยู่แล้ว”

“ข้าดีใจที่เจ้าเข้าใจ”

“ว่าแต่  เจ้าชายเคยเจอกับพี่ดาวตอนเด็กๆด้วยเหรอครับ  เมื่อไหร่กัน?”

“ข้าก็จำไม่ได้ทั้งหมดหรอก  ที่จำได้ก็มีแค่ตอนวัยเยาว์  ข้าเคยแอบหนีจากวังออกมาเที่ยวเล่นในโลกมนุษย์จนมาเจอกับประกายดาวเข้า  เราได้เล่นด้วยกันหลายวันเชียวล่ะ  ก่อนที่ข้าจะถูกจับได้และถูกสั่งห้ามไม่ให้มาที่โลกมนุษย์  ข้าถูกท่านพ่อลงโทษด้วยการกักบริเวณอยู่เป็นแรมปี  หลังจากนั้นพอข้ากลับไปยังที่ที่ข้าเคยเล่นกับนาง  ข้าก็ไม่เคยเจอนางอีกเลย”

“…”

“ข้าคิดว่านางคงลืมข้าไปแล้วแน่ๆ  เพราะถึงแม้เราจะมาเล่นด้วยกันบ่อยครั้ง  แต่ข้าก็ทำได้แค่แช่อยู่ในน้ำขณะที่นางนั่งอยู่บนโขดหิน   นางไม่เคยรู้ว่าข้าเป็นเงือก  จนสองปีก่อนที่ข้าช่วยชีวิตนางไว้นั่นแหละ  นางจำข้าได้  ข้าถึงได้รู้ว่าเด็กที่ข้าเคยเล่นด้วยในตอนนั้นก็คือนาง”

เจ้าชายเล่าทุกอย่างให้ผมฟังอย่างละเอียดยิบ

อย่างนี้เองสินะ  พี่ดาวมาก่อนผมหลายปี  รู้จักและมีคำมั่นสัญญาต่อกัน  พวกเขาผูกพันกันเกินกว่าที่ผมจะแทรกกลางเข้าไปได้

ไม่สิ  ผมไม่ควรแทรกกลางระหว่างพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

“ผมถามตรงๆนะครับ  เจ้าชายกับพี่ดาวเคย…”

“…”

“อย่างที่เจ้าคิด”

“…”

“ข้ากับนางเคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันครั้งหนึ่ง  ก่อนที่นางจะหายไปประมาณสามอาทิตย์”

อ่า…

แบบนี้เองสินะ  ความรู้สึกของคนที่รู้ว่าคนรักของตัวเองเคยมีอะไรกับคนรักเก่ามาก่อน  แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่อดีต  แต่มันก็…

สะเทือนใจไม่น้อยเลย

“อย่าเงียบสิ  ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว  ตอนนี้ข้าเป็นของเจ้านะ  เราแต่งงานกันแล้ว  อย่าลืมสิ”

อารมณ์เหมือนเป็นเมียในทะเบียนสมรสเลยวุ้ยยย  แล้วก็ต้องนอนกอดทะเบียนสมรสขณะที่อีกคนได้ผัวไปนอนกกตัวเป็นๆ

อ๊ากกกกก  นี่กูจินตนาการไปถึงขั้นไหนแล้วเนี่ย!!!

“ข้าจะบอกทุกเรื่องเกี่ยวกับประกายดาวโดยไม่ปิดบังเจ้าอีก  ถ้าเจ้าอยากรู้อะไร  ข้าจะบอก  แต่ขออย่างเดียว  เชื่อใจข้า  เชื่อในความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้า”

“…”

“ประกายดาวสำคัญก็จริง   แต่ทั้งหมดมันเป็นอดีตไปแล้ว  ตอนนี้ข้ามีเพียงเจ้า  และต้องการเพียงเจ้าเท่านั้น”

เจ้าชายพลิกร่างผมให้หันกลับไปหา  ความมืดและความเงียบทำให้ได้ยินเสียงหัวใจของเราทั้งคู่ที่เต้นแรงเสียจนดนตรีในงานวัดยังอาย

“อื้อ…”

คำพูดทุกคำมลายหายไปจนหมด  ริมฝีปากของอีกฝ่ายทาบทับลงมาอย่างนุ่มนวล  ความละมุนส่งผ่านปลายลิ้นจนอดไม่ได้ต้องตระกองกอดเขาเอาไว้

ผมเชื่อคุณ…

ผมจะเชื่อทุกสิ่งที่คุณพูด…

ไม่ว่าคุณจะเคยรักใคร  ไม่ว่าหัวใจคุณจะเคยเป็นของใคร  ไม่ว่าร่างกายนี้จะเคยถูกใครสัมผัสมา  แต่ว่า…ตอนนี้มันคือของผม

เจ้าชายเป็นของผมคนเดียวเท่านั้น

 

เคร้ง  กุก กัก

ผมตื่นแต่เช้ามาเตรียมอาหารให้เจ้าชายที่ยังนอนหลับอยู่  หลังจากที่เมื่อคืนเราสองคน…

เหนื่อยมากจนเผลอหหลับไปตอนจูบกัน!

หมดเลยอารมณ์ที่อุตส่าห์ช่วยกันสร้าง  มู้ดเสียหายหมดแล้ว!  ตั้งใจว่าเมื่อคืนจะยอมตกเป็นของเขาเสียหน่อย  แต่ก็ดันมาตายน้ำตื้นหลับคาจูบไปทั้งคู่  เฮ้อ!

“เจ้าตื่นมาทำอะไรแต่เช้าน่ะ  ฟ้าเพิ่งาว่างเองไม่ใช่เหรอ”

“อ๊ะ!  ขอโทษครับ  ผมทำเสียงดังจนคุณตื่นเหรอ”

รีบหันไปขอโทษขอโพยร่างสูงที่ลุกขึ้นมานั่งพลางเกาหัวแกรกๆและปิดปากหาวด้วยท่าทางง่วงสุดๆ

“ไม่หรอก  ข้าอยากจะนอนกอดเจ้า  แต่เจ้าไม่ได้นอนอยู่ข้างๆให้ข้ากอด  ข้าก็เลยตื่นน่ะสิ”

เจ้าชายตอบงัวเงีย

ผมยิ้มอ่อน  มองเขาที่หาวจนน้ำตาเล็ดอย่างเอ็นดู

“คุณนอนต่อเถอะครับ  ผมแค่ตื่นมาเตรียมข้าวเช้าเท่านั้นเอง”

“ไว้ค่อยเตรียมก็ได้  มานอนเถอะ  นอนกอดกันๆ”

“ไม่ดีกว่า  ผมไม่ง่วงแล้ว  คุณนอนไปเถอะ  เดี๋ยวข้าวเข้าเสร็จแล้วผมจะปลุก”

ผมตัดบท  หันกลับมาหั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นๆต่อ   ตั้งแต่มีเจ้าชายมาอยู่ด้วยก็ต้องงดการกินอาหารทะเลไปโดยปริยายโดยเฉพาะพวกปลา

ทั้งที่ผมน่ะโปรดปรานอาหารทะเลจะตาย!

ฉึก!

“อ๊ะ!”

เอาจนได้!

เลือดสีแดงสดไหลย้อยออกมากจากนิ้วชี้  ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาผ้าสะอาดที่จะเอามาซับเพื่อห้ามเลือดไว้ก่อน

“เจ้าบาดเจ็บนี่!”

“อ๊ะ  เจ้าชาย!”

หมับ! 

จ๊วบๆๆๆ

ผมตาค้างมองการกระทำของเจ้าชายที่จู่ๆก็พุ่งพรวดลุกจากที่นอนตรงเข้ามาหาผม  ดึงนิ้วที่เลือดออกของผมไปจับไว้แล้วจัดการดูดเลือดออก

“เดี๋ยวสิครับ!  นี่คุณเป็นแวมไพร์หรือเป็นเงือกกันแน่เนี่ย!”

“เงียบน่า!  เจ้าคิดยังไงถึงทำให้ตัวเองบาดเจ็บจนเลือดออกแบบนี้!”

ไม่คิดอะไรสักหน่อย  มันเป็นอุบัติเหตุเหอะ  ใครจะอยากเจ็บตัวกันฟะ!

แน่นอนว่าตอบคำตอบกวนตีนแบบนั้นออกไปไม่ได้  เขาอุตส่ห์เป็นห่วงผมถึงได้พุ่งหลาวราวกับเหาะได้มาหาแบบนั้น

ฮึกกก  ซึ้งใจจัง…

“ปั้น!  ปั้น!  อยู่ไหม”

เสียงเรียกจากด้านนอกเรียกความสนใจได้ดี  ผมกับเจ้าชายมองหน้ากันด้วยสงสัยว่าผู้ใหญ่ดำมาทำไมแต่เช้า

“ปั้น!  หนูดาวตกบันได  ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว  ปั้น  ได้ยินไหม!”

“ประกายดาว!”

ตุ้บ!

มอของผมที่เจ้าชายประคองไว้อย่างทะนุถนอมในตอนแรกถูกปล่อยทิ้งทันทีที่ได้ยินข่าวว่าพี่ดาวตกบันได  เจ้าชายวิ่งพรวดออกจากบ้านไปหาผู้ใหญ่ดำที่ยืนรออยู่

ไม่สิ  นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคิดมาก  เจ้าชายก็แค่เป็นห่วงพี่ดาวที่ตกบันไดจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเท่านั้น  ใช่แล้ว  เพราะผมเองก็เป็นห่วงพี่กาวเหมือนกัน  เวลานี้คนที่มีแค่แผลมีดบาดเล็กน้อยอย่างผมจะมาทำตัวนิสัยไม่ดีหึงหวงกับเรื่องแค่นี้ได้ยังไง

“เจ้า  เอ่อ  ไคโอ  รอผมด้วย  ไคโอ!”

ผมตะโกนเรียกเจ้าชายที่ออกวิ่งไปไกลมากขึ้นทุกทีจนผมเริ่มจะวิ่งตามไม่ทัน

ไมได้นะ  ถ้าห่างกันเกินสองร้อยเมตรล่ะก็…

ถ้าเกินสองร้อยเมตรล่ะก็…!

หมับ!

“อั้ก!”

ความคิดยังไปไม่ถึงไหน  กัลปังหาที่คอผมก็แผลงฤทธิ์รัดคอผมแน่นจนหายใจไม่ออก  ร่างกายทรุดลงกับพื้น  สองมือจับต้นคอตัวเองเอาไว้หมายจะงัดเอาโซตรวนที่ล่ามผมอย่างกัลปังหานี่ออก

“อั้ก! แค่ก! แค่ก!”

มะ…ไม่ไหวแล้ว

ผมล้มตัวลงนอนกับพื้น  อากาศที่มีเริ่มจะหายไปทีละนิดๆ  ไม่คิดมาก่อนเลยว่ามันจะทรมานขนาดนี้

เจ้าชาย…

คุณอยู่ที่ไหน…

ถ้าผมเป็นถึงขนาดนี้  แล้วคุณล่ะ?

“ไอ้ปั้น!!!”

เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้น  แต่ผมไม่มีแรงมากพอที่จะลืมตาดูว่าเจ้าของเสียงเป็นใคร   ทุกอย่างหมุนคว้างราวกับผมกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ

“ไอ้จ้าว!  ไอ้จ้าว!  สตาร์ทรถสิวะไอ้พี่ก้าน  พามันไปโรงพยาบาล!”

เจ้าชาย…

รอผมด้วย…

“รอ…ผม…”

ได้โปรด  ผมยังอยู่ตรงนี้  รอผมด้วย…

ผมทรมานเหลือเกิน…

 

“อื้อ…”

“ปูนปั้น!  ปูนปั้น  เจ้าฟื้นแล้วเหรอ?!”

เสียงของเจ้าชายดังเข้ามาในโสตประสาทหูเป็นคนแรก

ผมยังไม่สามรถตอบอะไรกลับไปได้เพราะยังมึนๆและงงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น  กลิ่นแปลกๆที่มีเฉพาะในโรงพยาบาลเท่านั้นมันชวนอ้วกสุดๆไปเลย

“ที่นี่…”

“รูปปั้นอยู่โรงพยาบาล  พี่ก้านกับน้องจ้าวบังเอิญไปเจอรูปปั้นนอนสลบท่าทางไม่ดีอยู่แถวไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก  ก็เลยรีบพาส่งโรงพยาบาล”

“หมอบอกว่ามึงขาดอากาศหายใจไปหลายนาทีเลยทำให้หมดสติไป  ตอนแรกนึกว่าจะตายซะแล้วเพราหน้าเขียวอื๋อ  แต่พอเข้าใกล้โรงพยาบาล  จู่ๆสีหน้ามึงก็ดีขึ้นเหมือนว่าหายใจออกแล้ว  โชคดีแค่ไหนละที่นรกเขายังไม่ต้อนรับมึงน่ะ”

ไอ้จ้าวเข้ามาอธิบายต่อ

พอจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้วล่ะ  พอเข้าใกล้เขตโรงพยาบาลผมก็สามารถหายใจได้สะดวกขึ้นนั่นคงเป็นเพราะอยู่ห่างจากเจ้าชายไม่เกินสองร้อยเมตรแล้ว  แต่ว่า…

“เดี๋ยวสิ  แล้วเจ้าชาย…!”

“ข้าอยู่นี่”

เสียงเจ้าชายดังมาจากทางซ้าย  พอหันไปมองก็พบว่าเจ้าชายยืนกุมมือผมเอาไว้  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

“น้องจ้าวครับ  ไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนพี่ก้านหน่อยสิ”

“อะไรวะ  แค่เข้าห้องน้ำ  มึงเข้าเองไมได้หรือไง  จะกูไปช่วยจับน้องชายมึงหรือไง”

“ใช่แล้ว  ไปเถอะครับ”

แล้วพี่ก้านก็ใช้กำลังลากไอ้จ้าวออกไปได้สำเร็จ

ที่นี่เป็นห้องรวมก็จริง  แต่ดูเหมือนจะไม่มีคนป่วยมานอนพักก็เลยมีแค่ผมกับเจ้าชายเหลือกันอยู่สองคนเท่านั้น

ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วอึดใจ…

“คุณ…ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ  ไม่ได้หายใจไม่ออก  ไม่ได้ถูกกัลปังหารัดคอใช่ไหม?”

“ข้า…”

“โล่งอกไปที  ตอนนี้ผมโดนรัดคอ  ก็นึกเป็นห่วงคุณแทบแย่  กลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป  นี่แสดงว่าผมเข้าใกล้เขตโรงพยาบาลได้ทันสินะครับ  คุณถึงได้ยังปลอดภัยดี”

“ข้า…”

“…”

“ข้าขอโทษ  ขอโทษจริงๆ!”

“เจ้าชาย…”

“ข้าลืมไปเสียสนิทว่าพวกเราทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณต่อกัน  ข้าทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย  เจ้าเกือบต้องตายก็เพราะข้า  ข้าขอโทษ”

“คุณไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย  ผมเข้าใจว่าคุณตกใจเร่องพี่ดาว  เพราะผมเองกตกใจและตั้งใจจะวิ่งตามคุณไปให้ทันเหมือนกัน  แต่ว่าสุดท้าย…”

“…”

“ก็ไม่ทัน…”

ผล็อย…

“ปูนปั้น…”

“ฮะๆ  บ้าน่า  ร้องไห้เหรอ  ผมเนี่ยนะ   ร้องไห้ด้วยเรื่องแบบนี้ คนอย่างผม…ผมน่ะเหรอ…”

“ปูนปั้น”

หมับ!

“ข้าขอโทษ  ข้าผิดเอง  ข้าขอโทษ  คงทรมานมากสินะ  เจ้าเจ็บปวดมากใช่ไหม”

เจ้าชายดึงผมเข้าไปกอดไว้แนบแน่น  กดศีรษะผมให้ซบลงบนแผงอกกว้างที่แสนอบอุ่นของเขา

“ฮึก…”

“อย่าร้องไห้สิ  ข้าขอโทษ  ข้าไม่ได้ตั้งใจ…”

“ผมกลัว  ผมกลัวว่าตัวเองจะต้องตายแล้วจะไม่ได้เจอคุณอีก  ผมยังไม่อยากตาย  ผมอยากอยู่กับคุณ  อยากอยู่กับคุณตลอดไป”

ผมกอดเข้าชายกลับ  น้ำตาไหลจนคิดว่าผมคงเอาน้ำตาสำหรับชาตินี้มาร้องไห้จนหมดแล้วแน่ๆ

“ข้ารู้  ข้ารู้”

“ฮึก…”

“โชคดีจริงๆที่เจ้าไม่เป็นอะไร  นับว่าสวรรค์ยังเมตตาข้าอยู่บ้าง  พอนึกถึงเรื่องพันธะสัญญาขึ้นมาได้  ตัวข้าก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว  และเจ้าก็ถูกมนุษย์สองคนนั้นพามาด้วยใบหน้าซีดเซียว  ตอนนั้นหัวใจข้าแทบสลาย  นึกว่าจะต้องเสียเจ้าไปแล้ว”

ร่างกายของเจ้าชายสั่นเทามาก  คล้ายกับเขากำลังหวาดกลัวและกังวลอยู่จริงๆ

“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ  ผมปลอดภัยดี”

“ข้าสัญญา  ข้าจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก  จะไม่ทำให้เจ้าต้องตกอยู่ในอันตรายอีกแน่นอน”

“ครับ  ผมเชื่อคุณ”

ผมเงยหน้ามองเจ้าชายที่ก้มมองลงมาพอดี  ใบหน้าของเราสองคนค่อยๆเคลื่อนเข้าหากันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนระอุ…

“…”

“รูปปั้น!!!”

พลั่ก!

ผมผลักเจ้าชายจนกระเด็นพร้อมกับล้มตัวลงนอนด้วยความตกใจพี่ก้านที่จู่ๆก็โผล่พรวดกลับเข้ามา

“เอ่อ…พี่ก้านเข้ามาขัดจังหวะอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรหรอก   ว่าแต่พี่มีอะไรหรือเปล่า?”

“จริงสิ  เมื่อกี้ผู้ใหญ่ดำมาบอกว่าดาวอาการโคม่า  จู่ๆก็ชัก  ตอนนี้พวกหมอกำลังช่วยกันปั๊มหัวใจช่วยชีวิตอยู่  ไปดูดาวกันเถอะ!”

“ว่าไงนะ  พี่ดาว!”

“ประกายดาว!”

พวกเราสามคนรีบวิ่งไปทางห้องฉุกเฉินทันทีด้วยความเป็นห่วงพี่ดาว

ไอ้จ้าวที่เดินวนไปวนมาเป็นหนูติดจั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉินรีบเดินเข้ามาหาทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาเห็นพวกผม  ขณะที่ผู้ใหญ่ดำนั่งร้องไห้เรียกชื่อพี่ดาวตลอดเวลา

“พี่ดาวเป็นไงบ้าง”

“ยังไม่รู้เลย  ไม่มีหมอคนไหนออกมาสักคน”

“แล้วจู่ๆดาวชักได้ยังไง”

“ได้ยินหมอคุยกันตอนเดินเข้าไปในห้องว่าอาการป่วยของพี่ดาวกำเริบยังไงนี่แหละ  กูไม่เข้าใจ  พี่ดาวป่วยเป็นอะไรวะ?”

นั่นสิ  ถึงตอนเด็กๆจะเข้าออกโรงพยาบาลและเจ็บออดๆแอดๆบ่อยๆ  แต่พวกเราก็ไม่มีใครรู้สักคนว่าพี่ดาวเป็นโรคอะไร

“ภูมิแพ้ตัวเอง”

“หา?”

“หนูดาวป่วยเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองมาตั้งแต่เล็กๆ  โดยติดมาจากพันธุกรรมทางฝั่งแม่  ตั้งแต่เล็กเลยต้องเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยเพื่อรักษาไปตามอาการ  แต่ฉันมันก็แค่ผู้ใหญ่บ้านจนๆ  ไม่มีเงินที่จะพาหนูดาวไปรักษาโรงพยาบาลดีๆได้  หมอเคยบอกหลายครั้งว่าให้ทำใจ  จนกระทั่งสองปีก่อน  อาการของหนูดาวกำเริบหนักมาก  เธอมีผื่นขึ้นและร่างกายก็บวมไปแทบทุกจุด  จนสุดท้ายความเครียดก็ทำให้หนูดาวตัดสินใจฆ่าตัวตาย  แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าจริงๆแล้วหนูดาวจะยังไม่ตายและรอดมาจนถึงวันนี้  แล้วทำไม…ทำไม…ทั้งที่คิดว่าหนูดาวจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปแล้วแท้ๆ”

“ผู้ใหญ่…”

ผมมองผู้ใหญ่ดำที่ตัดพ้อต่อโชคชะตาออกมาอย่างสงสาร

ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ดาวต้องเจอและสู้กับอะไรบ้าง  เธอสู้กับความตายอยู่แทบจะทุกวินาทีในชีวิตของตัวเอง…

อย่าเป็นอะไรนะ

ต้องปลอดภัยนะครับพี่ดาว

“ไม่อยากจะเชื่อเลย  พี่ดาวที่สดใสและให้กำลังใจในการมีชีวิตกับกูเสมอ  จะต้องทนเจ็บปวดแบบนั้นคนเดียวมาตลอด”

ไอ้จ้าวพึมพำ  มันเดินโซซัดโซเซไปเกาะประตูห้องฉุกเฉินเอาไว้

“ต้องปลอดภัยนะ  พี่ดาวต้องกลับมาหาผมนะ”

“พี่ก้านสิ  ทั้งที่เป็นพี่คนโตในกลุ่มแท้ๆ  แต่กลับไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าดาวเป็นอะไร  คิดเอาแค่ว่าคงป่วยตามประสาเด็กผู้หญิง  บ้า…บ้าเอ๊ย!!!”

พี่ก้านระบายความโกรธของตัวองด้วยการเตะอากาศ  สีหน้าและแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ดาวต้องเจอกับอะไรมาบ้าง

“หนูดาวน่ะขอให้ฉันเก็บเป็นความลับไม่ให้บอกพวกเธอทุกคนว่าป่วยเป็นอะไร  เพราะหนูดาวไม่อยากเห็นพวกเธอต้องมาเป็นกังวล  หนูดาวรักพวกเธอมากนะ  พวกเธอเป็นเพื่อนและครอบครัวคนสำคัญสำหรับหนูดาว”

ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อสกัดกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลอยู่รอมร่อเอาไว้

จะต้องไม่เป็นอะไร  พี่ดาวจะต้องไม่เป็นอะไร

สู้มันนะครับ…

สู้กับโรคร้ายพวกนั้นให้ได้  พี่ดาว…

 



 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :



มาอัพแล้วจ้า  ประกายดาวน่าสงสารกว่าที่หลายๆคนคิด  แต่เธอจะใช่ตัวร้ายอย่างที่สงสัยหรือไม่นั้นต้องติดตามต่อไปจนกว่าจะจบน้า  ช่วงนี้ก็กินมาม่าสลับกับลูกกวาดไปพลางๆก่อนละกันเนอะ 5555+

ปล. ตอนหน้าพบกับตัวละครอีกหนึ่งตัว  ที่จะมากระตุ้นต่อมหึงหวงของพี่ก้านจ้า

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 18 (13/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 13-05-2017 19:07:41
 :katai3:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 18 (13/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 13-05-2017 19:40:30
เนี่ยๆ อยู่ไปก็ทรมาณ ตายเถอะประการดาว
เจ้าชายนี่น่ารำคาญ พอเจ้านังดาว แกก็ลืมทุกอย่าง
นี่ยังไม่เข้าใจเลยขนาดไม่ได้รักแล้วนะเนี่ย  :katai1:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 19 (14/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 14-05-2017 16:50:25


ตอนที่ 19

เหนื่อยแล้ว… (พี่ก้าน+น้องจ้าว)

 

Special  Part :

‘มาแล้วจ้า  ขนมอร่อยๆสำหรับคนเก่งของพี่ดาว’

ประกายดาวในชุดแส็คสีขาวแขนตุ๊กตาน่ารักวัยสิบห้าปีเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมด้วยคุกกี้แสนอร่อยน่าทาน  จ้าวที่ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำวัยสิบขวบตาเป็นประกายทันที

‘พี่ดาวทำให้ผมเหรอ’

‘ใช่สิ  คนเก่งของพี่ดาวจะมีใครนอกจากจ้าวล่ะ’

ประกายดาวยิ้มอ่อนโยน  เด็กน้อยเห็นอย่างนั้นก็ใจชื้นที่บนโลกนี้ยังมีสถานที่อันอบอุ่นสำหรับตัวเองหลงเหลืออยู่

‘อย่างน้อยก็มีพี่ดาว  ที่ไม่ทิ้งผม  ไม่เหมือน…’

‘อย่าพูดแบบนี้สิจ้าว  แค่คิดก็ไม่ได้นะ   พี่ก้านน่ะรักจ้าวมาก  ทั้งรัก  ทั้งหวังดี  พี่เชื่อว่าพี่ก้านจะต้องมีเหตุผลแน่ๆถึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองแบบนั้น’

‘เหตุผลอะไรล่ะครับ  แล้วทำไมถึงไม่บอกเหตุผลนั้นกับผม  แม้แต่พี่ดาวเอง  ก็ไม่รู้ใช่ไหมล่ะ’

ประกายดาวหน้าเจื่อน  เธอยกมือขึ้นลูบหัวเด็กน้อยที่รักเหมือนน้องชายแท้ๆด้วยความเอ็นดู

‘สักวันเราต้องได้รู้ความจริงทุกอย่างแน่นอน  แต่ว่าก่อนจะถึงวันนั้น  พี่ดาวคนนี้จะอยู่เป็นเพื่อนจ้าวเองนะ’

‘แน่ใจนะครับ  ไม่ใช่พอวันหนึ่งก็ทิ้งผมไป  แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อไอ้ปั้นคนเดียวอีก’

‘คิดแบบนี้อีกแล้ว  อย่าโทษปั้นสิ  ปั้นไม่ผิดอะไรเลยนะ  อีกอย่าง…ถึงจะโทษปั้นไป  คนที่เจ็บและเสียใจก็คือจ้าวอยู่ดีไม่ใช่เหรอ   เพราะปั้นเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวในชีวิตของจ้าว  ใช่ไหมล่ะ’

‘ไม่ใช่!’

เด็กน้อยตอบกลับเสียงแข็ง  แต่พอเจอแววตาแกมดุของประกายดาวเข้าไปก็เป็นอันต้องห่อเหี่ยวเพราะถูกจับไต๋ได้ 

‘ใช่ก็ได้’

‘ก็แค่นั้น’

หญิงสาวยกยิ้มที่สามารถเอาชนะความปากแข็งของจ้าวได้

‘แต่ผมจะไม่มีทางแสดงออกให้ไอ้ปั้นเห็นเด็ดขาด  ยังไงผมกับมันก็กลับมาเป็นเพื่อนกันไม่ได้อีกแน่นอน!’

จ้างประกาศกร้าว

ประกายดาวได้แต่ถอนหายใจและส่ายหัวไปมาเพราะดูท่าเด็กน้อยคนนี้จะเอาจริงเสียด้วย

 



“พี่ดาว  ผมขอโทษ  ขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าที่ผ่านมาพี่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายพวกนี้มากแค่ไหน”

ผมปล่อยหมัดลงบนพื้นหญ้าหลังจากที่วิ่งหนีออกมาจากทุกคนที่ยืนรอฟังอาการของพี่ดาวอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน

ทั้งที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเราสี่คนกระจัดกระจายไปคนละทาง  ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ใกล้ชิดพี่ดาวมากที่สุด  แต่ว่า…ผมกลับไม่เคยรู้อะไรเลย

เวลาพี่ดาวเจ็บ…ผมไม่เคยเจ็บด้วย

เวลาพี่ดาวสู้…ผมก็ไม่เคยสู้ด้วย

ที่ผ่านมาพี่ดาวคอยอยู่เคียงข้างผมในขณะที่ตัวเองถูกทอดทิ้งให้อยู่คนเดียว  ผมไม่เคยนึกเอะใจเวลาที่พี่ดาวบอกว่าต้องไปโรงพยาบาลเพราะเป็นหวัด  ไม่เคยคิดเลยว่าคนบ้าอะไรเดือนหนึ่งจะเป็นหวัดแทบทุกอาทิตย์!

“บ้า!  มึงมันบ้า!  ไอ้จ้าว  ไอ้โง่เอ๊ย!!!”

ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!

“เอ้าๆ  ต่อยต้นหญ้าแบบนั้นมันก็ตายหมดสิครับ  ถ้าอยากระบายความโกรธจริงๆล่ะก็…ไปต่อยกำแพงนู่น  อย่ามาทำร้ายต้นหญ้าไม่มีทางสู้สิ”

เสียงไม่คุ้นเคยดังขึ้น  ผมหยุดการกระทำของตัวเองแล้วหันซ้ายหันขวาเพื่อหาเจ้าของเสียงกวนตีนนั่น

“ผมอยู่นี่ต่างหากล่ะ”

ฟิ้วววว  ตุ้บ!

“!!!”

ร่างพร้อมเสียงของคนที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนหล่นปุมาอยู่ตรงหน้า

ถ้าจะพูดให้ถูกคือไอ้เวรนี่มันกระโดดลงมาจากต้นไม้ตรงหน้าผมต่างหาก!

“มึงเป็นใคร!”

“พูดจาไม่เพราะเลยนะครับ  ยังไงๆผมก็อายุมากกว่าคุณแน่ๆ  เรียกพี่หมากสิ  แล้วจะให้เงินกินขนมหมื่นห้า  แต่ถ้าเรียกอา  ลดมาห้าพัน  เรียกมึงเลิกกัน  ไม่ให้สักพันแน่นอนนนน~~”

“หา?”

ผมหรี่ตามองไอ้เวรตะไลตรงหน้าอย่างงงๆ

จู่ๆก็กระโดดลงมายืนตรงหน้าคนอื่นแล้วก็ร้องเพลงใส่เนี่ยนะ?

“ผมชื่อหมากครับ  เป็นหมอฝึกหัดอยู่ที่นี่  ยินดีที่ได้รู้จัก”

อีกฝ่ายยื่นมือมาให้เพื่อต้องการเช็คแฮนด์

ผมพินิจพิจารณามองเขาอีกครั้งอย่างถี่ถ้วน  รูปร่างสูงโปร่ง  ใบหน้าขาวสะอาดสะอ้านไร้สิวฝ้า  ผมก็ตัดสั้นอย่างดีดูเรียบร้อย  ใส่เสื้อกาวน์ของหมอที่โรงพยาบาลนี้  ก็แสดงว่า…

“มาฝึกงานเหรอ?”

“ครับผม  แต่พอดีมีเคสหนักค่อนข้างยากสำหรับผมเคสหนึ่ง  ก็เลยออกมานั่งสูดอากาศแถวนี้เพื่อคลายเครียดน่ะครับ”

“นั่งสูดอากาศบนต้นไม้เนี่ยนะ?   เป็นลิงหรือไงวะ”

“ลิงจั๊กๆ   รักจริงๆได้ไหมล่ะครับ”

ใบหน้าทะเล้นก้มลงมาใกล้อย่างก้อร่อก้อติก  ผมรีบถดตัวหนีเพราะยังไม่ชินกับการที่คนอื่นนอกเหนือจากป๊า  ไอ้ปั้นและพี่ก้านมาเข้าใกล้

“มุกเสี่ยว ไปเล่นไกลๆตีนเลยไป”

“ก็อยากจะไปไกลๆอยู่หรอกนะ  แต่ว่า…ผมเป็นหมอ”

“แล้วไงวะ?”

“ก็ต้องพาคนเจ็บไปทำแผลสิครับ”

“คนเจ็บ?”

“นี่ไง”

มือหนาถือวิสาสะจับมือข้างที่ใช้ต่อยพื้นเมื่อครู่ของผมขึ้นมาพร้อมกับยิ้มแป้น

เลือดสีแดงสดไหลซิบออกมาเต็มไปหมด

“ปล่อยนะเว้ย!”

“ไม่ปล่อยครับ  คุณต้องไปทำแผลก่อน  แล้วถ้าทำแผลเสร็จแล้วคุณจะไปไหน  ผมก็จะอนุญาต”

“กูจะไปไหนแล้วทำไมต้องรอให้มึงอนุญาตด้วยวะ  ปล่อย!”

“ไม่ครับ”

อีกฝ่ายยังคงยืนยิ้มแป้น  และถึงแม้ว่าผมจะออกแรงเต็มที่เพื่อบิดแขนตัวเองออกมาจากการเกาะกุมของเขาแต่มันก็ไม่ได้ผล

เวรเอ๊ย!

พลังช้างศาลพอๆกับพี่ก้านเลยนี่หว่า!

“ไปเถอะครับ  เดี๋ยวเลือดจะหมดตัวเสียก่อน”

“แผลแค่นี้  เลือดไม่…เฮ้ย!  มึงฟังกูบ้างสิวะ  ก็บอกว่าไม่ไปไง  เฮ้ยยยยย!”

อ๊ากกกก!

ตะโกนจนคอจะแตกอยู่แล้วแต่แม่งก็ไม่เข้าหูไอ้คนลากผมเลย!

สุดท้ายผมก็ถูกไอ้หมอหมา(ก)ลากเข้ามาทำแผลจนได้  ในนี้ท่าจะเป็นห้องที่มันใช้ไว้สำหรับตรวจคนไข้ที่มาหาหมอ  แต่ตอนนี้คงจะเป็นเวลาพักก็เลยไม่มีใครเลยแม้แต่พยาบาลผู้ช่วย

“แสบหน่อยนะครับ”

“ไม่ต้องพูดมาก  กูน่ะลูกผู้อกสามศอก  กะอีแค่ทำแผลไม่สะเทือนกู…อ๊ากกกก  ไอ้เหี้ย!  แสบ!!!”

ผมตั้งท่าจะชักมือหลบแต่ไอ้หมอหมากก็จับไว้แน่นเสียเหลือเกิน

“ไหนบอกว่าลูกผู้ชายอกสามศอก  แผลแค่นี้ไม่สะเทือนไงครับ?”

เลิกคิ้วสูงพลางทำสีหน้ายียวนขณะถาม

ผมอยากจะยกเท้าถีบมันให้หงายหลังจริงๆถ้าไม่ติดว่าถูกมันจับแขนไว้แน่น  เพราะถ้าผมถีบจนหมันหงายหลัง  มันก็ต้องฉุดผมจนล้มลงไปด้วยแน่ๆ

กูไม่โง่ขนาดนั้นหรอกเว้ย!

“กูไม่ได้เจ็บแผล  แต่กูแสบยามึงต่างหาก”

“เด็กน้อยจริงๆเล้ย”

“กูได้ยินนะ!”

“ผมตั้งใจพูดให้ได้ยินนี่นา”

ไอ้หมอหมากเงยหน้ามายิ้มแป้นว้อนบาทาผมเหลือทน

ตั้งแต่เจอกันเมื่อสิบนาทีก่อนจนถึงตอนนี้  ผมนับหนึ่งแทบจะถึงพันอยู่แล้วนะ  เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนที่กล้ากวนตีนคนที่เพิ่งเจอได้อย่างมันเนี่ย!

“เอาล่ะ  เสร็จแล้ว  ไม่เจ็บเลยใช่ไหมล่ะครับ”

คำถามของมันทำให้ผมรีบก้มดูแผลที่มือตัวเอง

มะ…ไม่รู้ตัวเลย  ทั้งที่ตอนแรกยังแสบอยู่เลยแท้ๆ  แต่ว่า…ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

“ด่าผมจนลืมความเจ็บปวดไปเลยสินะ  แต่ก็ดีแล้วล่ะ  ผมจะได้ทำแผลได้ง่ายๆ”

“นี่นาย…หรือว่า…กวนโมโหฉันเพราะตั้งใจจะให้ฉันลืมเรื่องที่แสบแผลใช่ไหม”

“เอ…ผมเป็นคนดีขนาดนั้นหรือเปล่าน้า”

“อย่ามากวนตีนกูนะ!”

อุตส่าห์จะไม่พูดคำหยาบด้วยแล้วเชียว  แต่สกิลความกวนตีนของไอ้เวรนี่มันมีมากเสียจนผมต้องโหดใส่มันไว้  ไม่งั้นจะถูกลูบคมได้ง่ายๆ

“เอาล่ะๆ  ผมไม่กวนโมโหแล้วก็ได้  แต่คุณน่ะ  ต่อไปอย่าระบายความโกรธใส่ต้นไม้ต้นหญ้าอีกนะครับ  น่าสงสารพวกมัน”

“แล้วจะให้นะบายกับใครล่ะ  กับนายดีไหม?!”

ผมถลึงตาใส่เขาอย่างเอาเรื่อง

“อืม…ก็ได้นะครับ ผมเองก็เพิ่งมาเป็นแพทย์ฝึกหัดที่นี่ได้แค่อาทิตย์เดียว  ยังไม่มีเพื่อนเลย  ถ้าคุณจะใจดียอมเป็นเพื่อนด้วยผมคงดีใจมาก”

“เฮ้ย!  ไม่ได้หมายความแบบนั้น?!”

“ถ้างั้นตามนี้นะครับ  มาหาผมแทนเวลาที่คุณรู้สึกโกรธและอยากจะระบาย  ผมจะรอ”

“ฝันไปเหอะ!”

ผมสั่นหน้าไปมา  รู้สึกว่าหมอนี่มันโคตรบ้าและไม่ควรเข้าใกล้อย่างแรง

คิดได้แบบนั้นก็รีบเปิดประตูห้องเพื่อจะกลับไปรวมกับทุกคนหน้าห้องฉุกเฉิน  แต่ยังไปไม่ถึงไหน  ข้อมือก็ถูกคว้าพร้อมกระชากตัวกลับไปและดันจนติดกำแพง!

ทะ…ท่านี้มัน!!!

“จะทำอะไรวะ!”

ถามเสียงแข็งเมื่อกำลังถูกคนตรงหน้าคุกคาม

ไอ้หมอหมากยกยิ้มกวนตีน  ขณะที่แขนข้างหนึ่งมันเอาท้าวไปกับกำแพงพร้อมก้มหน้าลงมาเพื่อปิดช่องทางการหนีของผม

กะ…ใกล้เกินไปแล้วโว้ยยยย!

“จะไปเฉยๆแบบนี้ได้ยังไง  ผมอุตส่าห์ทำแผลให้คุณฟรีๆนะ  คุณก็รู้นี่ว่าหมออย่างผมไม่ค่อยมีเวลาว่างนักหรอก”

“กูไปกราบขอร้องให้มึงทำแผลให้หรือไงล่ะ!”

“อืม…เปล่านี่”

“งั้นก็ไม่ขอบคุณเว้ย!”

“ถ้างั้นก็ไม่ให้ไปหรอก”

ใบหน้าของอีกฝ่ายก้มต่ำลงมาใกล้กว่าเดิม  ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนจากเขา  ทำเอาแค่จะกลืนน้ำลงคอก็ยังไม่กล้า

“หรือถ้าไม่อยากจะพูดคำว่าขอบคุณจริงๆ  ผมขอแค่ชื่อก็ได้”

“หา?”

“ชื่อของคุณ”

ผมลังเล

ถ้าบอกชื่อมันไปแล้วมันจะยอมปล่อยผมใช่ไหม?  ถ้าแค่ชื่อก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง  ยังไงก็ไม่มีวันได้เจอกันอีกแน่ๆ 

เอาวะ!

“จ้าว”

“ข้าวจ้าว?”

“จ้าวเฉยๆเว้ย!  ไม่มีข้าว!”

มึงอย่าเอาชื่อตั้งแต่เกิดของกูมาเรียกนะ!  อุตส่าห์ลืมและตัดเหลือแค่คำว่าจ้าวแล้วเชียว  จะมาย้ำหาพระแสงเลเซอร์อะไรฟะ!

“ฮะๆๆ  โอเคครับคุณจ้าว  ยืนดีที่ได้รู้จักนะครับ  หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”

“อย่าเจอกันอีกเลยนั่นแหละคือสิ่งที่กูหวังหลังจากได้เจอมึงแค่สามวินาที!”

“ใจร้ายแฮะ”

“…”

“แต่ก็น่าสนใจดี”

ไอ้รอยยิ้มที่เหมือนกับเจอของเล่นสุนกๆนั่นมันหมายความว่ายังไง!

เห็นกูเป็นเกมเพลย์เวอร์ชั่นล่าสุดอยู่เรอะ!

“ทำอะไรกันน่ะ!”

“โอ๊ะ!”

พลั่ก!

พี่ก้านที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน  เข้ามาดึงไอ้หมอหมากออกห่างจากผมพร้อมกับเหวี่ยงจนกระเด็นไปไกล

ทั้งที่ผมแค่จะสลัดข้อมือให้หลุดจากมันยังทำไม่ได้  แต่ไอ้พี่ก้านที่ใส่กระโปรงบานสุดพลิ้วไหวนี่กลับทำได้ง่ายๆ

พระเจ้า…ลำเอียงฉิบหาย!

“ทำอะไรของพี่วะเนี่ย”

เอ่ยถามอย่างงงๆ  เดินเลี่ยงไอ้พี่ก้านเพื่อจะไปช่วยพยุงไอ้หมอหมากลุกขึ้น  แต่กลับถูกคว้าแขนเอาไว้

“ไม่ต้องไปช่วย  ไปกับพี่”

“เดี๋ยวดิ  อะไรของพี่เนี่ย  แล้วพี่ไปผลักหมอแบบนั้นได้ยังไงวะ  ลืมกินยามาหรือไง”

“น้องจ้าวนั่นแหละทำอะไร!  มายืนทำเรื่องบัดสีกันในโรงพยาบาลเนี่ยนะ?!”

“เรื่องบัดสี?  พูดเรื่องไรฮะ  ใครทำเรื่องบัดสี”

“ก็พี่ก้านเห็น!  ถ้าพี่ก้านมาไม่ทันก็คงจะจูบกันไปแล้วใช่ไหมล่ะ!”

“พอๆๆ  พูดไม่รู้เรื่องเข้าไปทุกทีแล้วมึงอ่ะ”

ผมสะบัดแขนออกมากอดอกตัวเองเอาไว้  ทำไมชีวิตกูต้องเจอแต่ผู้ชายงี่เง่าด้วยวะ!

“ใครเหรอครับคุณจ้าว  แรงเยอะชะมัดเลย”

ไอ้หมอหมากที่ลุกขึ้นมาได้แล้วเดินเข้ามาหา  แต่พี่ก้านไวกว่า  มันรีบฉกผมไปไว้ข้างหลังตัวเองทันทีที่ไอ้หมอหมากเดินเข้ามาใกล้ในรัศมีควบคุมของมัน

เอาเข้าไป…

“ผมชื่อก้าน  เป็น…”

“…”

“เป็น…”

“แค่คนในหมู่บ้านเดียวกันน่ะ  ไม่มีอะไรหรอก”

ผมตอบแทนเมื่อเห็นท่าทางคิดหนักในการแนะนำตัวของพี่ก้าน

จะบอกว่าเป็นแฟนหรือเป็นผัวกูก็คงพูดไม่ได้สินะ  เพราะมึงก็แค่เอากูแล้วก็ทิ้งเท่านั้นเอง!

“เห…แค่คนในหมู่บ้านเดียวกัน  แต่กลับมาทำท่าทางเหมือน…”

“เหมือนอะไร”

พี่ก้านจ้องตาไอ้หมอหมากอย่างเอาเรื่อง

ไอ้ห่าเอ๊ย  มึงไปแดกรังแตนที่ไหนมาเนี่ย!  ผมถอนหายใจให้กับความบ้าบอคอแตกของมัน  อยากจะไปให้พ้นจากตรงชะมัด  แค่เรื่องอาการป่วยของพี่ดาวกูก็จะบ้าตายแล้วเหอะ!

“หมา!...หวงก้าง  ยังไงล่ะครับ”

ไอ้หมอหมากยิ้มแป้น  ออกแนวไปทางยิ้มเยาะเสียมากกว่า

“ขอโทษเหอะนะ  ถ้ามึงสองคนจะกัดกันมึงก็กัดกันไปสองคนเถอะ  ปล่อยกูได้ละ  กูจะไปหาพี่ดาว”

ผมบิดข้อมือออกจากพี่ก้านแล้วเดินดุ่มๆหนีออกมา  ได้ยินเสียงไอ้หมอหมากตะโกนว่าบ๊ายบายไล่หลังมา

“เดี๋ยวสิน้องจ้าว!”

มึงยังจะตามกูมาอีกเรอะ!

พี่ก้านวิ่งตามผมมาติดๆ  ถึงจะพยายามเดินหนีแต่ก็ไม่ทัน  มือหนาคว้าแขนผมเอาไว้อีกครั้ง  ดึงรั้งจนเซเข้าหาตัวเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

“ปล่อย”

“ถ้าพี่ก้านปล่อย  รับปากได้ไหมว่าจะไม่ไปยุ่งกับไอ้หมอคนนั้นอีก”

“กูจะยุ่งหรือไม่ยุ่งกับใครมันก็เรื่องของกู  มึงเสือกอะไรล่ะ”

“ก็มันไม่เหมาะสม!  ใครเห็นเข้ามันจะไม่ดี”

“กูไม่ใช่สาวน้อยนุ่งกระโปรงบานเป็นสุ่มไก่แบบมึงนะ   กูเป็นผู้ชาย!  คุยกับผู้ชายด้วยกันมันดูไม่เหมาะสมตรงไหนกันฮะ!”

ผมตวาดใส่มันเสียงดัง

หน้าตาของไอ้พี่ก้านตอนนี้ดูว้าวุ่นและเต็มไปด้วยความกังวล  สายตาอ้อนวอนของมันทำให้ผมยิ่งสับสน

เลิกทำตัวสามวันดีสี่วันร้ายกับกูสักที  กูทำทุกอย่างตามใจมึงไม่ไหวหรอกนะ!

“พอเหอะ”

“น้องจ้าว…”

“มึงเป็นคนบอกเองว่าให้กูยอมแพ้เรื่องของมึงกับกูซะ  นี่ไง…กูจะยอมแพ้แล้ว  เพราะกูเหนื่อย  กูเหนื่อยแล้วพี่ก้าน  มึงได้ยินไหม  กูเหนื่อยแล้ว”

“พี่ก้านขอโทษ”

“ให้เวลากูหน่อยนะ  ตอนนี้การกระทำของมึงทำชีวิตกูเสียศูนย์ไปหมดแล้ว  กูไม่รู้เลยว่าต้องไปตั้งต้นเริ่มที่ตรงไหน  และถ้ามึงรู้สึกผิดอย่างที่มึงเฝ้าขอโทษกูล่ะก็…”

“…”

“ปล่อยกูจริงๆสักที”

“…”

“เลิกยุ่งกับชีวิตกูได้แล้ว!”

“น้องจ้าว!”

ผมไม่สนใจเสียงเรียกของมันอีกต่อไป  รีบวิ่งกลับไปที่ห้องฉุกเฉินเพื่อเฝ้ารออาการของพี่ดาว

ถ้าหันหลังกลับไป…ผมก็ต้องกลับไปเจ็บปวดแบบเดิมอีก

ถ้ายอมให้เสียงของมันเข้าถึงหัวใจได้…ผมคงไม่มีวันหลุดพ้น

พอแล้วล่ะ  พี่ก้าน…

ผมเหนื่อยแล้วจริงๆ  ผมไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะรั้งพี่เอาไว้อีกแล้ว

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  โอ๊ะโอ…หมอหมากนนี้เป็นใครกันนะ  ปรากฏตัวมาทีก็ทำเอาพี่ก้านของเราถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเหมือนกำลังจะถูกแย่งเมียไปต่อหน้าต่อตา 55555+  หนำซ้ำหมอหมากยังดูทะเล้น ขี้เล่น แต่อบอุ่นใช่ย่อยออีกด้วย  ถ้าน้องจ้าวจะหวั่นไหวให้จริงๆก็จะไม่แปลกใจเลย

เอาล่ะ  บรรดาแม่ยกทั้งหลาย ถือป้ายไฟเชียร์ใครก็เม้นตบอกกันบ้างน้า
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 19 (14/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 14-05-2017 23:00:09
 :ruready
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 19 (14/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-05-2017 14:29:37
ก้าน ยังไงกัน  :katai1:
เดี๋ยวก็ผลักไส เดี๋ยวก็ยื้อยุดไว้
อย่างจ้าวว่าไว้จริงๆ
ไม่เข้าใจก้าน ทำตัวประหลาดเพื่อปั้น เพื่ออะไรกันแน่

ปั้น รักเจ้าชายไปแล้ว
แม้เจ้าชายจะทำให้ตัวเองเกือบตายเพราะวิ่งไปหาดาว
ถ้าเจ้าชายยังไม่ลืมดาว คนที่ทุกข์จะมีกี่คนเนี่ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 20 (17/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 17-05-2017 11:06:01


ตอนที่ 20

ค้นหาความจริง (1)

 



“โชคดีนะที่ปลอดภัย  แต่ก็ไม่รู้ว่าจะฟื้นเมื่อไหร่อยู่ดี”

ผมเอ่ยขึ้นหลังจากที่เมื่อสิบนาทีก่อนหมอเดินออกมาบอกว่าพี่ดาวพ้นขีดอันตราย  แต่เธอก็ยังไม่ฟื้นและยังคงต้องเฝ้าระวังอาการอยู่ในห้องไอซียูไปก่อน  ซึ่งงดการเยี่ยมไข้จากญาติ  พวกเราเลยทำได้แค่นั่งอยู่หน้าห้องเท่านั้น

“แต่อย่างน้อยพี่ดาวก็ปลอดภัย  แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะ”

ไอ้จ้าวที่เพิ่งกลับเข้ามาพร้อมพี่ก้านหลังจากหายไปพักใหญ่พูดต่อ

ไม่รู้ผมคิดไปเองอีกหรือเปล่า  แต่สถานการณ์ระหว่างพี่ก้านกับไอ้จ้าวดูจะอึมครึมหนักกว่าทุกที  หรือที่หายออกไปด้วยกันมาจะเกิดอะไรขึ้น??

“มือมึงไปโดนอะไรมาวะ”

ผมถามเมื่อมองไปเห็นที่มือด้านขวาของมันมีผ้าพันแผลพันเอาไว้

“เรื่องของกูไหม?”

และมีเหรอที่ผมจะได้คำตอบจากคนอย่างมัน!

“ไหนๆดาวก็ปลอดภัยแล้ว พี่ก้านว่ารูปปั้นกลับไปนอนพักต่อเถอะนะ  หน้าตาเรายังซีดเซียวอยู่เลย”

“ผมไม่เป็นไรหรอกพี่  อยากรอพี่ดาวฟื้นมากกว่า”

“ข้าเห็นด้วยนะ  เจ้าควรกลับไปนอนพัก”

“นี่ตกลงไอ้หมอนี่มันหลุดมากจากยุคไหนกันแน่  ทำไมชอบใช้คำแปลกๆอย่างข้ากับเจ้าอะไรพวกนี้  ทำอย่างทะลุมิติมา….”

“พี่ก้านว่าเราไปหาซื้อของกินมาให้ทุกคนดีกว่านะครับ”

“เฮ้ย!  อะไรของมึงวะ  ทำไมชอบขัด…”

หมับ!

พี่ก้านตัดสินใจเอามืออุดปากไอ้จ้าวแล้วลากออกไป  ท่าทางอีกไม่นานความลับคงจะแตกอีกรอบ  เพราดูไอ้จ้าวมันจะจ้องจับผิดอยู่ไม่น้อยเลย

“เชื่อที่พวกเขาพูดเถอะปั้น  ไปนอนพักซะ  เดี๋ยวหนูดาวน่ะฉันฟังเฝ้าเอง”

“แต่ว่า…ผู้ใหญ่เองก็เหนื่อยเหมือนกันนะครับ”

“ฉันไม่เป็นไร  พาปั้นไปพักเถอะ”

ผู้ใหญ่ดำหันไปพูดกับเจ้าชาย  เล่นมัดมือชกกันแบบนี้ผมจะไปปฏิเสธอะไรได้ล่ะ

สุดท้ายผมก็ต้องยอมไปพักตามที่คนอื่นๆสั่ง  เจ้าชายเดินประคองผมกลับไปที่ห้อง  ระมัดระวังอย่างดีราวกับผมเป็นหญิงท้องแก่ใกล้คลอด  ทำเอาพยาบาลและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาถึงกับกลั้นขำ

เอิ่ม…

กูอายเนี่ยมึงเข้าใจไหม!

“ค่อยๆเดินจะปูนปั้น  ถ้าหกล้มขึ้นมาจะแย่”

“ผมไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นหรอกครับ  เลิกประคองผมสักที”

“ไม่ได้  เกิดเจ้าหน้ามืดเป็นลมหรือว่าหายใจไม่ออกขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ  ล้มหัวฟาดพื้นก็มีสิทธิ์ตายได้นะ”

“แต่เราไม่ได้อยู่ห่างกันเกินสองร้อยเมตรสักหน่อย  ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นได้ไหม”

“เงียบแล้วเดินๆไปเถอะน่า”

โอ๊ยยยย  อยากจะบ้าตาย!

ผมก้มหน้าก้มตาจ้ำอ้าวเดินด้วยความเร็วแสงด้วยอยากจะถึงห้องเร็วๆก่อนที่จะขายหน้ามากไปกว่านี้

“เดินช้าๆสิ  เดี๋ยวล้ม”

กูจะเหาะแล้วโว้ยยยย!

 





กว่าจะมาถึงห้องได้  ผมนี่แทบเอาปี๊บคลุมกบาล  เจ้าชายค่อยๆประคองผมไปที่เตียงแล้วจัดท่าจัดทางให้ประหนึ่งผมเป็นเด็กง่อยทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้  ปิดท้ายที่ดึงผ้าห่มมาห่มให้ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งลงที่ข้างเตียง

“ไม่ไปเฝ้าพี่ดาวเหรอครับ”

“เฝ้าทำไมล่ะ  ประกายดาวมีผู้ใหญ่ดำอยู่เป็นเพื่อนแล้ว  ข้าอยากอยู่กับเจ้ามากกว่า”

มือหนาดึงมือผมไปจับแนบกับแก้มของตัวเอง  พอถูกเขาให้ความสำคัญแบบนี้  ความรู้น้อยเนื้อต่ำใจที่เคยมีมันก็หายไปจนหมด  แม้จะบอกตัวอยู่บ่อยครั้งว่า ‘โกรธบ้างสิ’   ‘หัดน้อยใจเสียบ้าง!’  แต่สุดท้าย…

คนที่รับรู้ว่าเจ้าชายพยายามกับเรื่องนี้มากแค่ไหนนั้นก็มีแค่ผม

รักผม…

แต่ก็ผูกพันกับพี่ดาว  ผูกพันเกินกว่าจะให้ทำเฉยเมยเหมือนพี่ดาวเป็นแค่อดีจก็คงจะทำไม่ได้

บางครั้ง…ความผูกพันมันก็แน่นแฟ้นยิ่งกว่าความรักเสียอีก

“ข้าอยากมองหน้าจ้าแบบนี้นานๆ  ชดเชยที่ก่อนหน้านี้ข้ากลัวว่าจะต้องเสียเจ้าไปแทบตาย”

“ผมไม่เป็นไรแล้วล่ะครับ  คุณอย่าห่วงไปเลย”

ผมยิ้มเพื่อให้เจ้าชายสบายใจ

หน้าตาเขายังดูอมทุกข์และเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดอยู่เลย  ไม่เอาสิ  เจ้าชายที่ผมชอบคอเจ้าชายที่สดใสแล้วก็ลามกคนนั้นต่างหาก

ไอ้ท่าทางเอาจริงเอาจังแบบนี้มันไม่ค่อยชินเลยแฮะ

“ถ้างั้นก็ให้ข้าอยู่กับเจ้าเถอะนะ  อย่าผลักไสข้าไปหาประกายดาวอีกเลย”

“ก็ผมนึกว่าคุณคงอยากไปหาพี่ดาวมากกว่า…”

“อะไรที่ข้าพูดออกมาจากปากของข้าเอง  นั่นไม่ใช่คำโกหก”

แววตาจริงจังทีเหมือนจะตำหนิผมอยู่ในที่ทำเอาไม่กล้าตอบอะไรกลับไป

จะให้ผมคิดยังไงกันล่ะ  ปากคุณพูดอีกอย่าง  แต่กรกระทำของคุณมันสวนทางกันหมด  ทั้งที่อยากจะเชื่อใจ  แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้  ผมทั้งระแวง  ทั้งกลัวว่าคุณจะทิ้งไป

ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมสบายใจได้เลยในตอนนี้

“อ๊ะ! จริงสิ  ผมมีเรื่องสงสัย”

ว่าแล้วก็แกล้งเปลี่ยนเรื่องมันเสียเลย  อะไรที่ไม่สบายใจไม่ต้องเอามาพูดเลยจะดีที่สุด!

“อะไรรึ?”

“ทำไมกัลปังหาที่คอของคุณถึงไม่รัดคอคุณตอนที่เราห่างกันเกินสองร้อยเมตรล่ะ?   เพราะคุณดูไม่เป็นอะไรเลย”

“เรื่องนั้นข้าก็ไม่แน่ใจ  ที่คิดได้ก็คงมีแต่…กัลปังหาเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทะเล  และคงจะรับรู้ได้ว่าข้าคือองค์รัชทายาทของแดนเงือก  พลังสำหรับผู้ที่จะเป็นราชาองค์ต่อไปอาจทำให้กัลปังหาหรือคำสาปไม่สามารถทำอันตรายข้าได้”

“บะ…แบบนี้ก็มีแต่ผมน่ะสิครับที่เสี่ยงตายหากอยู่ห่างจากคุณเกินสองร้อยเมตร!”

“เรื่องนั้นข้าก็ยังตอบไม่ได้หรอก  บางทีอาจใกล้ถึงเวลาของข้าแล้วก็ได้”

“เวลา?”

“เวลาที่พลังในตัวข้าจะตื่นขึ้นมาทั้งหมด  ซึ่งก็คือวันที่ข้าพร้อมที่จะขึ้นเป็นราชา”

ช่วยใส่เสียงเอฟเฟกต์สุดอลังการเว่อร์วังไปตรงประโยคเมื่อกี้ด้วยนะครับ

แบบนี้ก็แสดงว่า  เวลาที่ผมจะได้อยู่กับเจ้าชายเริ่มจะเหลือน้อยลงทุกทีแล้วน่ะสิ  แบบนั้นก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่  ผมดันชินกับชีวิตที่ต้องมีเจ้าชายอยู่ข้างๆไปแล้ว

งานงอกเงยงดงามเหนือจะบรรยาย ฮึก!

“แล้ว…มีใครจากแดนเงอกติดต่อมาบ้างไหมครับ”

“ไม่เลย  เงียบเสียจนข้าอดเป็นกังวลไม่ได้”

“คุณแน่ใจเหรอครับว่าองค์ราชาจะจัดการได้”

“แน่ใจสิ  ท่านพ่อของข้าเป็นราชาปกครองแดนเงือกมานับร้อยปี”

“ร้อยปี?!!!”

“…”

“เดี๋ยวนะ  อายุพวกคุณถ้านับตามอายุมนุษย์มันจะตกปีละเท่าไหร่เนี่ย!”

“ถ้าที่ท่านพ่อเคยบอกก็…หนึ่งปีของพวกข้า  จะเท่ากับสิบปีของมนุษย์”

“สิบปี!!!”

ผมลืมเอานิ้วขึ้นมาคำนวณอายุตามแบบฉบับมนุษย์ของเจ้าชายทันที  แบบนี้ก็เท่ากับว่าความจริงแล้วเจ้าชายอะ…อายุ…

สองร้อยปี!

คุณทวดของคุณทวดกูเลยนะนั่น!

“ผมต้องตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่รอบถึงจะครบสองร้อยปีกันล่ะเนี่ย”

“อีกอย่าง  พวกข้าอายุยืนมากเลยนะ  คงเพราะพวกแกกินแต่พืชผักในทะเลล่ะมั้ง  อีกอย่าง…เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็เลือกที่จะคุ้มครองเผ่าพันธุ์ของข้าด้วย  เพราะอย่างนี้แดนเงือกจึงถือกำเนิดขึ้น  และจะไม่มีวันสูญสิ้นอย่างแน่นอน”

เพราะงั้นถึงได้อยู่กันมาอย่างยาวนานจนถึงยุคของผมสินะ

“พอพูดถึงเร่องดินแดนของคุณ  ดูคุณจะมีความสุขมากเลยนะครับ  คิดถึงบ้านอยู่ใช่ไหม?”

“คงอย่างนั้น  ข้าไม่เคยต้องจากบ้านมานานขนาดนี้  อีกอย่าง…ข้าเป็นห่วงท่านพ่อด้วย  ท่านต้องต่อสู้กับพวกกบฏเพียงลำพังเพื่อปกป้องข้า”

“ผมเชื่อว่าประชาชนทุกตัวในแดนเงือกจะต้องยืนหยัดอยู่ข้างพ่อของคุณ  ท่านปกครองดินแดนนั้นด้วยความเมตตาตลอดมา  ทุกอย่างจะต้องจบลงด้วยดีครับ”

“วันใดที่พลังในตัวข้าตื่นขึ้นจนหมด  วันนั้น…ข้าจะรีบกลับไปช่วยท่านพ่อ  จัดการพวกบกฏที่คิดร้านต่อแดนเงือกให้หมดไป  ปูนปั้น…”

“ครับ?”

“อยู่เคียงข้างข้านะ  อยู่เป็นแรงใจให้ข้าตลอดไป”

“ถึงไม่บอก  ผมก็ไม่คิดจะไปไหนอยู่แล้วล่ะ”

เหมือนเป็นคำมั่นสัญญาอีกหนึ่งของเรา  ผมไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เรียกว่า ‘ชอบ’ ในตอนนี้จะมีอยู่ไปถึงเมื่อไหร่  แต่ในเมื่ออนาคตมันไม่แน่นอนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  ผมก็อยากจะ…

ขอทำวันนี้ให้ดีที่สุด

อยู่กับเจ้าชายให้นานที่สุด  แค่นั้นก็พอ

 





ท่ามกลางความมืด  เจ้าชายและปูนปั้นที่ต่างก็หลับไปด้วยความเหนื่อยล้าไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังเข้ามาใกล้พวกเขา  บุคคลลึกลับเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังเจ้าชายที่นอนฟุบอยู่ข้างๆปูนปั้น

“ไม่ดีเลยนะเจ้าชาย  ที่เลือกผูกพันกับมนุษย์ผู้นี้”

เอ่ยด้วยน้ำเสียงเอ็นดูก่อนจะกระโดขึ้นไปนั่งบนเตียงคนไข้ที่ว่างเปล่า  แบมือออกก่อนจะมีดวงไฟสีฟ้าสว่างลอยอยู่บนฝ่ามือของเขา

ดวงไฟนั้นค่อยๆหายเข้าไปในตัวของเจ้าชายก่อนที่จะพุ่งออกมาจากตัว  ฉายภาพความทรงจำบางอย่างให้ดู!

“อย่างนี้นี่เอง  เข้าใจผิดไปคนละเรื่องเลยแฮะ”

“…”

“แต่ที่ยังสงสัยก็คือ…เด็ก…อยู่ที่ไหนกันนะ  องค์รัชทายาทลำดับที่สองอยู่ที่ไหนกันแน่?”

น้ำเสียงเครียดบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเรื่องที่กำลังคิดอยู่นั้นใหญ่โตเพียงใด

“ในความทรงจำของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่มี  ของเจ้าชายก็ไม่มี  ตกลงมันหมายความว่ายังไงกันแน่?”

“นั่นสิ  ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน  ว่าหมายความว่ายังไง”

“อ๊ะ!!!”

 



“เอ้า  อ้ามมมม!”

“คะ…ครับ”

“อ้ำคำโตๆสิรูปปั้น  พี่ก้านทำมาสุดฝีมือเลยนะเนี่ย”

“โห  ก็มึงเล่นตักคำเท่าบ้านอย่างกับจะป้อนช้างแบบนั้น  เห็นปากไอ้ปั้นเป็นหลุมดำหรือไงวะ  เดี๋ยวมันก็สำลักตายแทนพอดี”

ขอบใจมากไอ้จ้าวที่ช่วยด่าแทนกู  กูนี่หมดคำจะพูดละ!

“ไอ้จ้าวพูดถูก  พี่ป้อนช้าๆหน่อยก็ได้  ผมไม่ได้หิวขนาดนั้น”

“ก็พี่ก้านอยากให้รูปปั้นโตไวๆ…”

“ผมสิบเก้าแล้วนะพี่!  ไม่ใช่สามขวบ  พูดอะไรกรุณาให้เกียรติอายุผมด้วย!”

“แหะๆ  ก็แหม…ยังไงรูปปั้นก็เด็กในสายตาพี่ก้านเสมอนั่นแหละ”

ผมส่าหน้าอย่างระอา

ตั้งแต่ตื่นมาก็ไม่เจอเจ้าชายแล้ว  ตอนแรกคิดว่าคงไปดูอาการของพี่ดาว  แต่ไอ้จ้าวที่มาถึงก็พุ่งตรงไปหาพี่ดาวก่อนเลยบอกว่าเจ้าชายไม่ได้อยู่ที่นั่น

ไปไหนของเขากันนะ?

“นี่  แล้วเรื่องนั้น  ตกลงจะบอกไอ้ปั้นได้หรือยัง”

ไอ้จ้าวที่ยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่ถามขึ้น  พี่ก้านที่กำลังจะยัดข้าวคำต่อไปเข้าไปผมชะงัก  สีหน้าท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของมันทำให้ผมยิ่งสงสัย

“มีอะไรกันเหรอ”

“ถามแม่งดูดิ  กูก็ไม่รู้”

“พี่ก้าน…”

“ก็แบบว่า…”

คนหน้าหวานหันซ้ายหันขวาไม่ยอมพูดออกมาสักที

ผมดึงข้าวในมือพี่ก้านออกแล้วเอาไปวางบนโต๊ะข้างเตียง  จะต้องรู้ให้ได้เลยว่าพี่ก้านคิดจะทำอะไรอยู่   และมีอะไรเกิดขึ้นกันแน่!

“บอกผมมา”

“รู้แล้วๆ  อย่าดุพี่ก้านนักสิ”

“งั้นก็รีบเล่ามา!”

“คือ…พี่ก้านแค่สงสัยน่ะ  คะ…แค่สงสัยจริงๆนะรูปปั้น!”

ออกตัวแรงขนาดนี้กูว่ามึงคงไม่ได้แค่สงสัยแล้วล่ะ  แต่มั่นใจชัวร์ๆ!

“สงสัยอะไร”

“เรื่องดาว…คือพี่ก้านลองปรึกษากับน้องจ้าวดูแล้ว…”

“มึงไม่ได้ปรึกษากู  มึงแค่มาพูดให้กูฟังเฉยๆ!”

ไอ้จ้าวแทรก

“นั่นแหละๆ  พี่ก้านพูดให้น้องจ้าวฟังแล้วเกี่ยวกับเรื่องนี้  รูปปั้น…รูปปั้นไม่สงสัยเหรอว่าทำไมดาวถึงกลับมาได้หลังจากที่หายไปตั้งสองปี  แล้วมันจะประจวบเหมาะเกินไปไหมที่เธอดันมาความจำเสื่อม  ลืมพวกเราทุกคนแต่กลับจำเจ้าชะ…  เอ่อ…พี่ก้านหมายถึงไคโอได้แค่คนเดียว”

ตอนที่เรียกชื่อเจ้าชายออกมา  พี่ก้านเน้นเป็นพิเศษ  หมายความว่ากำลังจะสื่อว่าเรื่องนี้อาจเกี่ยวข้องกับเจ้าชายโดยตรงงั้นเหรอ?

“หมายความว่ายังไงกันแน่?”

“ถ้าหากเรื่องที่ไคโอบอกเป็นความจริง  ที่ว่าเคยช่วยเหลือดาวเอาไว้ตอนที่ดาวคิดฆ่าตัวตายในครั้งแรก  ก็หมายความว่าไคโอจะต้องเคยพาดาวไปที่ ‘บ้าน’ ของเขา”

พี่ก้านส่งซิกมาให้ทางสาย

หรือคำว่าบ้านจะหมายถึง…แดนเงือก!!!

“พี่ก้านกำลังจะบอกว่าพี่ดาวอาจจะรู้เรื่องที่เจ้าชาย…เป็นเงือก?”

ประโยคนี้ผมกระซิบอย่างเบาที่สุดเพื่อถามพี่ก้าน  มันพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“พอจะเข้าใจแล้วใช่ไหม  ว่าพี่ก้านหมายความว่ายังไง”

ผมไม่ตอบกลับ  แต่กำลังเรียบเรียงสิ่งที่พี่ก้านพยายามจะอธิบายอย่างอ้อมๆให้ผมได้ฟังเพราะมีไอ้จ้าวยืนหัวโด่อยู่ด้วยเลยต้องมีการใช้โค้ดลับในการคุยกันนิดหนึ่ง

พี่ก้านสงสัยว่ามีบางอย่างในตัวพี่ดาวที่แปลกๆ  แกละการกลับมาของพี่ดาวครั้งนี้ก็น่าสงสัย  โดยโยงไปถึงเรื่องที่เจ้าชายบอกว่าเคยช่วยเหลือพี่ดาวเอาไว้  เท่ากับว่าเปอร์เซ็นต์ที่พี่ดาวจะถูกพาไปแดนเงือกมีอยู่สูงมาก  และหลังจากนั้นตัวพี่ดาวเองก็หายไปจากแดนเงือกอีกครั้ง  ก่อนจะกลับมาโดยที่จำใครที่นี่ไม่ได้เลยยกเว้นเจ้าชาย  ซึ่งแม้แต่เจ้าชายเองก็ยังไม่อยากจะเชื่อกับการกลับมาอีกครั้งของพี่ดาว

ที่สำคัญ…เหตุผลที่เจ้าชายมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อลี้ภัยจากพวกกบฏ  รอเวลาให้พลังในฐานาะองค์ราชาองค์ต่อไปตื่นเต็มที่จึงจะสามารถกลับไปได้  สองเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน…

หรือว่า…

“ไม่จริง  นี่พี่ก้านคิดว่า…!”

พี่ก้านส่งสายตาห้ามให้ผมหยุดพูดก่อนจะพยักพเยิดไปทางไอ้จ้าวที่ยืนมองผมสลับกับพี่ก้านไปมาด้วยความสงสัย

ผมรีบสงบปากสงบคำลงในทันที

พี่ก้านกำลังคิดว่า…พี่ดาวที่พวกเราเห็นในตอนนี้อาจไม่ใช่พี่ดาวตัวจริง  แต่เป็น…

กบฏปลอมตัวมางั้นเหรอ?!!!

ถ้าเป็นอย่างนั้นต้องแย่แน่ๆ  เท่ากับว่าพวกมันรู้แล้วว่าเจ้าชายลี้ภัยมาที่นี่  หนำซ้ำยังจอตัวเจ้าชายแล้วอีก  ทำยังไงดีล่ะ  ทำยังไงผมถึงจะรู้ได้ว่าผู้หญิงคนนี้คือพี่ดาวตัวจริงหรือเปล่า!

“โทษนะ  ถ้าจะสงสัยกันมากขนาดนี้ทำไมไม่พิสูจน์ไปเลยล่ะ”

ไอ้จ้าวแทรกขึ้น

“พิสูจน์?  ยังไงวะ?”

“เอ้า!  มึงคิดว่าบนโลกนี้นอกจากพวกมึงกับกูแล้ว  จะมีใครรู้จักพี่ดาวดีไปกว่านี้อีกหรือเปล่าล่ะ  พี่ดาวชอบอะไร  ไม่ชอบอะไร หรือว่ากลัวอะไรมากที่สุด  ก็มีแค่พวกเราเท่านั้นที่รู้”

ไอ้จ้าวยักคิ้วด้วยท่าที(อวด)ฉลาด

“นี่น้องจ้าวคิดจะให้พวกเราพิสูจน์ตัวตนของดาวด้วยวิธีนั้นเหรอ?”

“ใช่  ถ้าสิ่งที่ไม่ชอบกลับชอบ  สิ่งที่ชอบกลับไม่ชอบ และสิ่งที่กลัวกลับไม่กลัว  ก็มั่นใจได้เลยว่านี่น่ะ…ตัวปลอม”

“…”

“แต่ถ้าผลออกมาเป็นทุกอย่างเหมือนเดิม  และเธอคือพี่ดาวตัวจริง  มึงสองคนก็เลิกคิดมากได้แล้ว  ชักจะแฟนตาซีเกินไปแล้วพวกมึงอ่ะ”

“แล้วถ้าผลออกมาเป็นว่าเธอไม่ใช่ดาวของพวกเราล่ะ  น้องจ้าวจะทำยังไง”

คำถามของพี่ก้านทำเอาคนถูกถามนิ่งไป

ไอ้จ้าวเลิ่กลั่กก่อนจะค่อยๆแค่นหัวเราะออกมาเสียงดัง

“ฮะๆๆ  มันจะเป็นไปได้ยังไง  ไม่มีทางหรอก  ถึงจะให้ความรู้สึกแปลกๆเหมือนไม่ใช่พี่ดาว  แต่กูก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นคนอื่นปลอมตัวมาอยู่ดี  เพราะมันไม่มีเหตุผลเลยถ้าใครคนหนึ่งจะต้องมาสวมรอยเป็นพี่ดาวแล้วมาที่นี่!  พี่ดาวไม่ใช่ทายาทเศรษฐีมีมรดกเป็นหมื่นล้านสักหน่อย”

“ไอ้จ้าว  ในโลกใบนี้น่ะ  สิ่งที่มึงไม่เคยเห็น  ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีนะ  มันอาจจะมี  แต่มึงไม่เคยได้เห็นก็ได้”

“มึงอยากจะพูดอะไรกันแน่”

“เปล่าหรอก  กูยังเชื่อแบบมึงนั่นแหละว่านี่จะต้องเป็นพี่ดาว  แต่แค่พิสูจน์ดูอย่างที่มึงแนะนำเพราะพี่ก้านสงสัยก็คงไม่เป็นไร”

“งั้นโอเค  ตกลงตามนี้  หลังจากที่พิสูจน์ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวพี่ดาวได้แล้ว  พวกมึงกับกูก็ไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”

“มึงกับกูน่ะได้  แต่ว่ามึงกับ…”

ผมลากเสียงยาวพลางมองไปทางพี่ก้านที่สะดุ้งเฮือกทันทีเมื่อถูกพาดพิงถึง

“มองหน้าพี่ก้านอย่างนี้หมายความว่ายังไง  พี่ก้านว่าพี่ก้านกลับไปนั่งจัดดอกไม้ต่อที่บ้านดีกว่าเนอะ  ออกมานานละ  เดี๋ยวพ่อจะด่า”

“น่าสมเพช!  ตุ๊ดควายถึกเอ๊ย!”

มึงด่าได้เจ็บมาก  เอาเสียตัวต้นเหตุที่ทำให้พี่ก้านต้องกลายเป็นตุ๊ดควายถึกอย่างกูรู้สึกผิดไปเลย

แต่ว่านะ…

ปฏิบัติการลับเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับพี่ดาวของผมจะไปรอดไหมเนี่ย  เพราะสองผู้เข้าร่วมขบวนการมันเล่นจ้องจะแง่งๆใส่กันตลอดเวลาแบบนี้

เฮ้อ!!!

 





“จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอวะ??”

ไอ้จ้าวหันกลับมาถามซ้ำอีกครั้งขณะที่พวกเรากำลังจะเริ่มการค้นหาความจริงครั้งที่ 1 ภายในห้องพักฟื้นผู้ป่วยของพี่ดาว  ทีไอ้จ้างลงทุนขอเงินป๊ามาจ่ายค่าห้องวีไอพีด้วยตัวเองหลังจากที่เธอได้ออกจากห้องไอซียูเมื่อเช้า

พวกเราส่งผู้ใหญ่ดำกลับไปพักผ่อนที่บ้านโดยบอกว่าจะอยู่เฝ้าพี่ดาวให้เอง  แต่อันที่จริงนั้นมีแผนการบางอย่างเพื่อตรวจสอบว่าเธอคนนี้ใช่พี่ดาวตัวจริงหรือไม่

และแน่นอน…

เจ้าชายหายไปหนึ่งวันเต็มๆ!  จนตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา  ทำเอาผมใจไม่ดีนอนไม่หลับทั้งคืนไปเลย

“เอาน่าน้องจ้าว  พี่ก้านจำได้  ตอนเด็กๆที่เวลาพวกเราแก้ผ้าเล่นน้ำด้วยกัน  พี่ก้านเคยเห็นว่าดาวมีปานรูปหยดน้ำอยู่ที่แก้มก้นด้วย!”

“เรื่องนั้นมึงไม่ต้องย้ำหรอกเว้ย  กูก็จำได้  เพราะมึงเล่นล้อพี่ดาวจนร้องไห้งอนตุ้บป่องไปสามวัน!”

“แหะๆ  พี่ก้านก็แค่ล้อเล่นเฉยๆเอง  ใครจะคิดว่าจะทำให้ดาวโกรธขนาดนั้นล่ะ”

“นี่ๆ  หยุดเถียงกันก่อนทั้งสองคน  จะทำอะไรก็รีบๆทำเถอะ  เดี๋ยวมีคนมาเห็นเข้าพวกเราจะซวย”

ผมห้ามทัพ  พี่ก้านเลยจัดการดึงผ้าห่มที่เอาห่มพี่ดาวไว้ออกก่อนจะทำการตะแคงตัวพี่ดาวเล็กน้อยเพื่อให้ไอ้จ้าวถลกกางเกงผู้ป่วยลงได้

ใช่แล้ว…

ปฏิบัติการขั้นแรกของพวกเราก็คือ…ตามหาปาน!!!

“อะ…เอาจริงเหรอวะ  แบบนี้มันล่วงละเมิดทางเพศได้เลยนะเว้ย”

“เอาเหอะน่าไอ้จ้าว  รีบดูรีบปิดสิวะ  ยังไม่ทันได้มองเห็นอะไรหรอก”

ผมหันไปคุยกับมันโดยละสายตาจากหน้าที่ยามชั่วคราว

“ผะ…ผมขอโทษนะพี่ดาว  ไอ้ก้านกับไอ้ปั้นมันบังคับผม!”

“โธ่  น้องจ้าว  เร็วๆสิครับ  พลิกตัวผู้ป่วยนานๆมันไม่ดีหรอกนะ”

“เอาวะ!!!”

ไอ้จ้าวหลับตาปี๋ก่อนจะถลกกางเกงพี่ดาวลงจนเห็นก้นงอนงามขาวๆทั้งหมด  แต่ขอโทษเหอะ…

“ไอ้เหี้ยจ้าว!  มึงหลับตาแบบนั้นแล้วจะเห็นได้ยังไงเล่า  กูยืนห่างเป็นวาคงจะช่วยมึงมองได้หรอกนะ  ไอ้พี่ก้านก็ยืนอยู่อีกฝั่ง  ลืมตาดูเองสิเว้ย!”

“ก็กูไม่กล้านี่หว่า  นี่พี่ดาวนะเว้ย!”

“เอางี้นะครับน้องจ้าว  คิดเสียว่าก้นดาวเป็นซาลาเปาไง  ซาลาเปาจัมโบ้ที่พี่ก้านเคยพาไปกินตอนเด็กๆ”

“ซะ…ซาลาเปาเหรอ…”

“หรือมึงจะคิดว่าเป็นแก้วมังกร เป็นมะพร้าว  เป็นห่าอะไรก็ได้ที่มึงมองแล้วมึงสบายใจอ่ะ  เร็วๆเข้า  เดี๋ยวหมอก็จาะมาตรวจพี่ดาวแล้ว”

“เออๆๆๆ  เร่งจังเลยโว้ย  พวกมึงไม่ใช่คนที่ต้องมาดูเองนี่หว่า”

ไอ้จ้าวยืนสูดลมหายใจเข้าปอดต่ออีกเกือบนาที   จนผมนี่มองมันด้วยความลุ้นตามเลย

“เอาล่ะ!”

พรึ่บ!

แอ๊ด!

“ทำอะไรกันน่ะ!!!”

“เจ้าชาย!”

ฉิบหายแล้วไง!

มัวแต่มองไอ้จ้าวเลยเผลอลืมดูต้นทาง!

ไอ้จ้าวที่ลืมตาขึ้นมามองก้น (หาปาน) พี่ดาวพอดีหันขวับกลับมาต้นเสียงด้วยใบหน้าซีดเซียว  หลักฐานที่ว่ามันกำลังทำเรื่องอนาจารกับร่างกายของพี่ดาวก็คือสองมือของมันที่จับอยู่ที่ชายกางเกงของเธอนั่นแหละ

“ไอ้เหี้ยปั้น!!!”

กูขอโทษ!!!

 

 



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วค่า  หายไปสองวันคิดถึงกันม้อยยยย   ตอนนี้พวกของปั้นเริ่มตามหาความจริงเรื่องประกายดาวกันแล้ว  อยากรู้จังเลยว่าความจริงที่ปิดซ่อนไว้ทั้งหมดคืออะไร  แล้วการตามหาความจริงในครั้งนี้  พวกเขาจะได้รับรู้เรื่องอะไรบ้าง?!

ความลับไม่มีในโลก  ไม่วันใดก็วันหนึ่งเรื่องทั้งหมดจะต้องถูกเปิดเผยออกมา  เหตุผลที่พี่ก้านต้องกลายเป็นคนแบบนี้คืออะไร  ประกายดาวที่กลับมาใช่ตัวจริงหรือไม่  แล้ว “ใคร” กันแน่คือคนในความทรงจำของเจ้าชาย  บุคคลปริศนาที่โผล่มาหาเจ้าชายในกลางดึกคือใคร??

จะเริ่มทยอยเฉลยปมปริศนาแล้วค่า  พลาดไม่ได้แล้วน้า ^^
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 20 (17/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 17-05-2017 12:39:52
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 20 (17/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 18-05-2017 06:33:53
 :mc4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 21 (18/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 18-05-2017 19:32:13


ตอนที่ 21

ค้นหาความจริง (2)

ความจริงแห่งสายเลือด

 



“เอ่อ…คือ…คือว่า…”

“ถอยออกไป!”

พลั่ก!!!

เจ้าชายตรงเข้าไปผลักไอ้จ้าวเต็มแรงจนมันเซล้มลงไปกองกับพื้น

ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงไอ้จ้าวขึ้นขณะที่เจ้าชายผลักพี่ก้านออกไปอีกคนแล้วจัดการใส่กางเกงกลับให้พี่ดาวตามเดิม

“คือว่าเจ้า เอ่อ  ไคโอ  มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”

“พวกเจ้าเล่นอะไรกันอยู่  ทำแบบนี้กับคนป่วยไม่ได้สติได้ยังไง?!”

“ไม่ใช่นะครับ  พวกเราแค่กำลัง…”

“กำลัง  กำลังอะไร  ที่ข้าเห็นพวกเจ้าสามคนกำลังล่วงเกินประกายดาว!”

“แมลงสาบน่ะ!”

พี่ก้านที่เพิ่งพยุงสังขารด้วยตัวเองลุกขึ้นมาได้รีบแทรก

ผมกับไอ้จ้าวมองหน้ากันเองก่อนจะหันไปทางไอ้พี่ก้านว่ามันจะแถอะไรอีก

“แมลง…สาบ?”

“ใช่ เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพน่ากลัวยิ่งกว่าสัตว์ใดๆ  เวลามันสยายปีก  หัวใจของมนุษย์ที่ว่าแน่ก็ยังต้องสั่นคลอน  เป็นสัตว์ที่ร้ายกาจติดอันดับของโลกนี้เชียวล่ะ!”

สาบานทีว่าที่มึงบรรยายนั่นคือแมลงสาบไม่ใช่ไดโนเสาร์!

“เออ ใช่ๆๆ  แล้วตอนที่พวกเราเข้ามาเยี่ยมพี่ดาว  ก็บังเอิญเห็นแมลงสาบมันคลานเข้าไปในเสื้อผ้าพี่ดาวพอดี  ก็เลยจะรีบมาเอาออกให้ก่อนที่มันจะกัดพี่ดาวยังไงล่ะ!”

ไอ้จ้าวเสริมทับอีกคน

นี่ผมควรร่วมด้วยไหม?

“กัด?!  ถึงขั้นกัดเลยเหรอ  แล้วนี่พวกเจ้าหาเจ้าตัวนั้นเจอหรือยัง  ฮะ?  เจอไหม?”

“จะ…เจอแล้วครับ  เจอแล้ว  ไล่มันไปเรียบร้อยแล้วด้วย  ใช่ไหมไอ้จ้าว”

ผมเขยิบเข้าไปหาไอ้จ้าว  ดึงมือมันออกมาจากกางเกงของพี่ดาวแล้วจัดการสภาพของพี่ดาวให้เป็นแบบเดิม รีบกวักมือเรียกพี่ก้านให้มารวมตัวใกล้ๆกัน

“ว่าแต่คุณไปไหนมาทั้งวันเลยเหรอครับ  เมื่อคืนก็หายไป”

“ข้าไปธุระมาน่ะ  ไม่มีอะไรหรอก”

เจ้าชายยังคงมองพวกผมด้วยสายตาจับผิดอยู่

“วันนี้ข้าจะเฝ้าประกายดาวเอง  พวกเจ้าไปเถอะ”

“เอ๊ะ?”

“อ้อ…ฝากพวกเจ้าสองคนดูแลปูนปั้นด้วยนะ  คืนนี้ข้าคงไปเฝ้าไม่ได้”

เจ้าชายพูดต่อโดยไม่มองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว

แปลก…บางอย่างในตัวเขาแปลกไป   ผมสัมผัสได้ถึงความเฉยเมยที่ทำให้หัวใจหนาวเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็ง!

“ไม่ต้องห่วงนะ  พวกเราจะดูแลรูปปั้นเอง  ปะ…ไปเถอะรูปปั้น  น้องจ้าว”

พี่ก้านรีบดันผมกับไอ้จ้าวออกจากห้องอย่างเร็วจี๋  ผมหันไปมองเจ้าชายที่เอาแต่ยืนนิ่งก้มมองพี่ดาว

เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปแบบนี้ล่ะ!!!

 





“เกือบตายแล้วไหมล่ะ!”

ทันทีที่เดินทิ้งห่างไกลออกมาจากห้องพักของพี่ดาว  ไอ้จ้าวก็เอ่ยปากพูดเป็นคนแรก  มันทรุดตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง  ใบหน้าอาบไปด้วยเหงื่อ

“พี่ก้านตื่นเต้นสุดๆไปเลย  อย่างกับอยู่ในหนังสายลับอะไรเทือกนั้น”

“เรื่องนั้นช่างมันเหอะ  รอดมาได้ก็บุญแล้ว  ว่าแต่ไอจ้าว  ตกลงมีปานไหมวะ?”

“นั่นสิๆ  ตกลงมีปานหรือเปล่าครับ?”

ไอ้จ้าวเงยหน้ามองผมกับพี่ก้านที่พากันหันไปจ้องรอเอาคำตอบจากมัน

“หึ  ไม่มี”

“อะไรนะ!!!”

“คือจะว่าไม่มีก็ไม่ใช่  พอดีตรงจุดที่มันเคยมีปานของพี่ดาว  ตอนนี้กลับมีแผลเป็นอะไรก็ไม่รู้  ครูดเป็นทางยาวไปจนถึงต้นขาเลยน่ะ  ก็เลยทำให้มองไม่ออกว่าตรงจุดนั้นเคยมีปานหรือเปล่า”

เวรกรรม!!!

ลงทุนทำถึงขนาดนั้นแต่กลับคว้าน้ำเหลวมาไว้ในมือแทน

“นี่ก็เรื่องบังเอิญงั้นเหรอ?”

พี่ก้านพึมพำเบาๆ

ก็นั่นน่ะสิ  สัญลักษณ์เดียวในตัวของพี่ดาวที่จะบ่งชี้ได้ว่าเธอคือตัวจริงหรือไม่กลับไม่สามารถพิสูจน์ได้แบบนี้…

เท่ากับว่า…

“เราต้องพิสูจน์ด้วยนิสัยของพี่ดาวเท่าที่พวกเรารู้แล้วสินะ”

ไอ้จ้าวพูดต่อประโยคสิ่งที่ผมคิดในใจ

“แล้วจะพิสูจน์ยังไงล่ะ  ในเมื่อประกายดาวยังไม่ฟื้นเลย”

“มีแต่ต้องรอให้พี่ดาวฟื้นขึ้นมาเท่านั้น”

“พี่ก้านไม่คิดว่าเราจะมีเวลามากขนาดมารอได้หรอกนะรูปปั้น”

คำพูดของพี่ก้านเรียกความสนใจจากไอ้จ้าวได้เป็นอย่างดี  มันหันขวับมามองผมและพี่ก้านสลับกันอย่างสงสัย

“มีเรื่องอะไรกันแน่  กูชักจะมั่นใจแล้วนะว่าไอ้สิ่งที่พวกมึงกำลังทำอยู่ตอนนี้  ต้องไม่ใช่แค่การสงสัยในตัวพี่ดาว  พวกมึงมีเรื่องปิดบังกูใช่ไหม?”

บรรลัยแล้วไง

ผมถลึงตาใส่ไอ้พี่ก้านข้อหาชอบปากพล่อยหลุดพูดอะไรออกมา

“ไม่มีอะไรหรอก  ไม่ใช่เรื่องใหญ่”

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้วทำไมรอไม่ได้!”

ตวาดเข้าอีกรอบ

เห็นกูเป็นโถส้วมหรือไง  มึงเก็บกดจากเรื่องของไอ้พี่ก้านทีไรก็มาลงมาระบายกับกูทุกที!!!

“ใจเย็นก่อนนะครับน้องจ้าว  เรื่องมันไม่ได้มีอะไรจริงๆ  พี่ก้านก็แค่ตื่นตูมไปเองเฉยๆ  เพราะเป็นห่วงดาวต่างหาก  ลองคิดดูสิ  ว่าถ้าคนที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ไม่ใช่ดาวตัวจริงขึ้นมา  แล้วดาวของพวกเราล่ะ  อยู่ที่ไหน  เป็นยังไงบ้าง?”

จริงด้วย

ผมลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย   ถ้าคนที่อยู่เป็นตัวปลอม  แล้วพี่ดาวตัวจริงล่ะ  ไปอยู่ที่ไหน?  เกิดอะไรขึ้นกับพี่ดาวกันแน่

“เชื่อที่พี่ก้านพูดเหอะมึง”

ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตัวมึงเองทั้งนั้น

ผมรู้ว่าพี่ก้านไม่อยากดึงไอ้จ้าวเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก  เพราะเราไม่รู้เลยว่าสงครามของพวกเงือกจะรุนแรงมากน้อยแค่ไหน  ถ้าหากมีอันตรายขึ้นมา   คนที่พี่ก้านอยากจะปกป้องเอาไว้ให้ได้มากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นไอ้จ้าวนั่นแหละ

พี่ก้านน่ะ…มีวิธีปกป้องและดูแลคนที่ตัวเองรักในแบบของเขาเอง

แม้มันจะค่อนข้างเข้าใจยาก  แต่ผมก็เชื่อว่าผมมองพี่ก้านไม่ผิด  พี่ก้านคิดยังไงกับไอ้จ้าว  ผมคิดว่าผมรู้เรื่องพวกนั้นดีที่สุด

ไม่สิ  พี่ดาวเองก็คงรู้เช่นกัน

“ก็ได้  กูจะยอมเชื่อพวกมึงสักครั้ง  แต่ถ้าพวกมึงโกหกกูคราวนี้  บอกเลยว่าจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สอง”

ไม่มีใครกล้าตอบอะไรไอ้จ้าวกลับไปเลย  เพราะถ้าตอบกลับคงได้โกหกอีกเป็นแน่

อ๊ากกก  กูขอโทษจริงๆที่ต้องปิดบังมึง   แต่กูไม่อยากดึงมึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องน่าปวดหัวพวกนี้ไปด้วย  เพราแค่ไอ้พี่ก้านคนเดียว…

กูก็ปวดหัวลากยาวลงไปยันกระเพาะและลำไส้ใหญ่แล้ว!

“เอาเป็นว่าวันนี้น้องจ้าวกลับไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ  เดี๋ยวรูปปั้นพี่ก้านจะอยู่เฝ้าเอง”

“ไม่ต้องเลย  ผมนอนคนเดียวได้”

“ไม่ได้  เกิดชักหน้าเขียวอื๋อเหมือนคราวก่อนขึ้นมาจะทำยังไง  พี่ก้านนอนเฝ้าน่ะดีแล้ว”

“เออๆๆ แล้วแต่ละกัน  แต่ยังไงพี่ก็ต้องไปส่งไอ้จ้าวที่บ้านก่อนนะ  มันเริ่มจะมืดละ”

“มึงเห็นกูเป็นสาวน้อยวัยสิบห้าเหรอไอ้ปั้น  กูกลับเองได้!”

“กูกลัวมึงจะไปแกว่งเท้ากวนตีนใครเขาเข้าต่างหาก  โดนกระทืบตายขึ้นมามันน่าสมเพช!”

“ไอ้ปั้น!”

“ทำไมวะ!”

บอกเลยว่าถ้าตัวต่อตัวกับไอ้จ้าวล่ะก็ผมไม่กลัวหรอก  แต่ถ้าตอนมันอยู่กับพรรคพวกที่ใช้เงินพ่อซื้อมาล่ะก็ยอมรับกว่าโคตรกลัว

ยังไงกูก็ไม่ใช่ซูเปอร์แมนนะ  หนึ่งต่อสิบมีแต่ตายกับตายเหอะ!

“พี่ก้านจะไปส่ง”

“ถ้ามึงจะไปส่งเพราะไอ้ปั้นสั่งล่ะก็ไม่ต้อง  เพราะกูกลับเองได้”

“เปล่า  ไม่ใช่เพราะรูปปั้นสั่ง  แต่พี่ก้านอยากไปส่งน้องจ้าวเองต่างหาก”

ไอ้จ้าวชะงักไปเมื่อเจอคำพูดและสีหน้าจริงจังของพี่ก้านที่จ้องมันไม่วางตา

“ไม่ว่าอะไรก็ตามที่พี่แบกมันเอาไว้  ผมอยากให้พี่วางมันลงบ้างนะ  เผื่อมันจะสบายกว่านี้”

ผมกระซิบข้างหูพี่ก้านก่อนจะเดินทิ้งห่างออกมากลับไปยังห้องของตัวเอง  ปล่อยให้เรื่องของคนสองคนเขาเคลียร์กันเอาเอง

ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้มาก  แต่ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้พวกเขาอยู่ห่างๆแล้วกัน

 





Special  Part :

ไหงกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย

ท่ามกลางท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม  พระอาทิตย์กำลังค่อยๆจมหายไปในทะเล  ทางกลับบ้านของพ่อจะต้องเดินผ่านชายหาดที่ไม่ค่อยมีคน  บรรยากาศโรแมนติกเหมือนถูกเสกขึ้นมาพวกนี้คืออะไรกันวะ!

“เราไป…นั่งดูพระอาทิตย์ตกกันดีไหมครับ”

“ไม่”

ปฏิเสธทันควัน

คิดจะมาไม้ไหนกันแน่  เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายจนผมตามไม่ทันแล้วเนี่ย!

“เถอะน่า  อีกไม่ถึงสิบนาทีพระอาทิตย์ก็จะตกแล้ว  อยู่กับพี่ก้านจนถึงตอนนั้นมันคงไม่นานเกินไปจนทำให้น้องจ้าวอกแตกตายหรอกมั้งครับ”

“นาน!”

กดเสียงต่ำใส่หน้ามันก่อนจะเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นเพราไม่อยากจะอยู่กันตามลำพังนานไปกว่านี้

หมับ!

“ก็บอกว่าให้ดูพระอาทิตย์ตกด้วยกันไง”

ร่างสูงก้าวสามก้าวถึงตัวผมคว้าตัวไว้ได้ทัน  ก่อนจะฉุดกระชากลากถูให้เดินตามมันไปนั่งใต้ต้นไม้  ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นวิวตอนพระอาทิตย์ตกดินได้สวยที่สุด

ที่รู้ก็เพราะว่า…

ตอนเด็กๆผมกับมันเคยตระเวนหาจุดที่ดูพระอาทิตย์ตกวิวแล้วสวยที่สุดด้วยกันแค่สองคน  พวกเราใช้เวลาหาอยู่แรมเดือนกว่าจะเจอสถานที่ตรงนี้  และมันก็เป็นสถานที่ที่มีแค่เราเท่านั้น…

…ที่รู้

“น้องจ้าวเคยบอกใครเรื่องจุดดูพระอาทิตย์ตกตรงนี้ของเราไหมครับ”

“ไม่ได้บอก  เพราะกูก็ลืมไปแล้ว”

“ไม่จริงหรอกครับ  เพราะเมื่อกี้พอโดนลากมาถึงนี่  ทั้งที่น้องจ้าวอยู่อีกฝั่งแท้ๆ  แต่กลับเดินอ้อมตัวพี่เพื่อจะมานั่งที่ตรงนี้”

“…”

“ที่เดิมของน้องจ้าว”

ใบหน้าหวานยิ้มละมุน  รอยยิ้มหวานล้ำเสียยิ่งกว่าใบหน้า

การโดนจ้องแบบนั้นทำเอาหัวใจเต้นแรงจนควบคุมไม่อยู่  ผมเลือกที่จะหันหน้าหนีมันแล้วไปจดจ้องอยู่กับพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าลงไปในมหาสมุทรนั่นแทน

บรรยากาศเดิมๆ  ความรู้สึกเดิมๆกำลังจะโหมกลับมาทำร้ายผมอีกครั้ง

ไม่ว่าจะพยายามหนี  พยายามสลัดทิ้ง  แต่ความรู้สึกรักและหลงใหลที่มีมานานหลายปีมันฝังแน่นลงในใจผมราวกับถูกตอกตะปูไปเป็นแสนๆตัวเรียบร้อย

และมันไม่สามารถจางหายไปได้เพียงแค่เพราผมผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ความผูกพันของพวกเรา…มันมีมากจนน่ากลัวเหลือเกิน

ฟุ่บ…

“เฮ้ย!”

“แค่พระอาทิตย์ตกเท่านั้น!”

“…”

“พี่ก้านขออยู่แบบนี้…แค่ถึงตอนพระอาทิตย์ตกเท่านั้นก็พอ”

น้ำเสียงที่ดูเจ็บปวดและเหนื่อยล้าของพี่ก้านบีบหัวใจผมจนแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

เขาเอนตัวซบลงบนไหล่ของผม  สายตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวมากมายคู่นั้นกำลังทอดมองไปยังพระอาทิตย์

แสงสีส้มที่อาบร่างของเราสองคนในตอนนี้  ขับให้พี่ก้านดูงดงามและโดดเด่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

ไม่ว่าจะเมื่อก่อนหรือตอนนี้  เขาคนนี้จะโดดเด่นอยู่เสมอ

ท่ามกลางผู้คนมากมาย  รอยยิ้มที่สดใสและใจดี  แววตาที่อบอุ่นและอ่อนโยน  เสียงหัวเราะที่ไร้พิษภัยของพี่ก้านเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนเข้าหาเขา  และแน่นอน…

รวมถึงผมด้วย

“เหนื่อยจัง  ถ้าหยุดเวลาไว้ได้แค่ตอนพวกเรายังเป็นเด็กก็คงดีนะครับ”

“มึง…มีเรื่องไม่สบายใจสินะ  ตอนเด็กๆ  เวลามีเรื่องไม่สบายใจมึงก็หนีมาดูพระอาทิตย์ตกแบบนี้ทุกที”

“อ่า…นั่นสินะ  พี่ก้านทำแบบนั้นเสียจนติดเป็นนิสัยเลยลืมไปเลย  ไม่คิดว่าน้องจ้าวจะจำได้นะครับ”

“แหงล่ะ  เก้าในสิบเวลาที่มึงไม่สบายใจ  กูก็มักถูกมึงลากมาดูพระอาทิตย์ตกด้วยทุกที!”

“กลายเป็นว่า…คนที่อยู่ข้างๆพี่ก้านเวลาไม่สบายใจ…เกือบทุกครั้งก็คือน้องจ้าวนะครับ  มันเหมือนเป็นความเคยชินไปแล้ว”

วงแขนแกร่งสอดแขนเข้ามาเพื่อจะกอดแขนผมเอาไว้  ซุกหน้าลงกับท่อนแขนก่อนที่ผมจะรับร้ได้ถึงไออุ่นไหลซึมผ่านแขนเสื้อมา

“นะ…นี่มึง…”

“อย่าพูดนะ”

“…”

“ไม่ต้องพูดอะไรหรอกครับ”

พี่ก้านพึมพำในลำคอ

ผมขมวดคิ้วมุ่น  สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ก้านกันแน่  ถึงจะรู้ว่าความจริงแล้วพี่ก้านเป็นคนทีอ่อนโยนและรักน้องๆมากจนถึงขั้นเสียน้ำตาให้ได้  แต่ผมก็ไม่เคยเห็นท่าทางที่ทุกข์ทรมานขนาดนี้ของเขามาก่อน

พี่ก้านเคยร้องไห้ให้ไอ้ปั้นตอนมันโดนเปลือกหอยในทะเลบาดจนต้องเย็บเกือบสิบเข็มเมื่อสี่ขวบ

พี่ก้านเคยร้องไห้ให้พี่ดาวที่อกหักตอน ม.ต้น เหตุผลเพราะสงสารพี่ดาวที่ไม่สมหวังในความรัก

และพี่ก้าน…มักร้องไห้ให้ผมเสมอเวลาที่ผมไม่มีความสุข

เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ  มันเกิดอะไรขึ้นกับพี่ก้านคนเดิมของผมคนนั้น

“ฮึบ!  พระอาทิตย์ตกแล้ว  หมดเวลาของซินเดอเรลล่าพี่ก้านแล้วสินะ”

ผมแทบหงายหลังล้มกลิ้งเมื่อจู่ๆคนข้างตัวก็ลุกพรวดขึ้นจนกระโปรงโบกสะบัดโดยหน้าผมเต็มๆ

ไอ้พี่ก้านถอยหลังไปยืนห่างผมหลายเมตรก่อนจะหันกลับมาฉีกยิ้ม  เป็นอะไรที่เหมือนภาพวาดจนผมบรรยายออกมาไม่ถูกเลยทีเดียว

พี่ก้านที่กำลังยิ้มจนตาหยี  แต่ผมกลับสัมผัสได้ว่าเป็นยิ้มที่เศร้าจนอยากจะร้องไห้ออกมามากกว่ายิ้มตาม…

“อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านน้องจ้าวแล้ว   พี่ก้านคงส่งได้แค่นี้  กลับบ้านดีๆนะครับ”

“เดี๋ยวสิ!  ไหนบอกจะไปส่งถึงบ้านไง”

ผมร้องเรียกเอาไว้  แต่คนที่เดินทิ้งห่างไปแล้วอย่างมันก็ไม่หันกลับมาทางผมเลย

มันหมายความว่ายังไงวะเนี่ย  ไอ้รอยยิ้มเศร้าเหมือนไม่อยากจากแต่จำใจต้องจากนั่นคืออะไรกันแน่!

“โธ่เว้ย!  มีเหี้ยอะไรทำไมไม่พูดออกมาวะ!  มึงจะเก็บไว้คนเดียวยันตายเลยหรือไงไอ้พี่ก้าน!!!”

ผมตะโกนไล่หลังไปเสียงดังลั่น  และคิดว่ามันจะต้องได้ยินเต็มสองรูหูแน่นอน

“กูมันไม่น่าเชื่อใจพอหรือไง  กูเด็กไปที่จะฟังปัญหาของมึงเหรอวะ  มึงถึงไม่ยอมบอกกู  ฮะ!!!  ว่าไงเล่า!  อย่าเงียบสิเว้ย!  มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ไอ้พี่ก้าน  มึงบอกกูมา!!!”

ไม่ว่าจะตะโกนกลับไปแค่ไหน  พี่ก้านมันก็ไมได้ลดฝีเท้าของตัวเองลงเลย  ระยะห่างของเราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มกลัวว่าเสียงของผมจะไปไม่ถึงมัน

“พี่ก้าน!”

“…”

“พี่ก้าน!!!”

“…”

“ไอ้พี่ก้าน!!!”

“…”

“อ๊ากกกกกกกกกกก!!!”

ผมกำหมัดแน่น  หลับตาก่อนจะทิ้งตัวลงกับพื้นแล้วปล่อยหมัดลงบนผืนทรายไม่ยั้งเพื่อระบายอารมณ์ของตัวเอง

 





“ฮึก…ผม…ผมควรทำยังไงดีครับ  พ่อ…แม่…”

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดผู้หญิงเอ่ยถามทั้งน้ำตา  ที่หน้าเขาคือโกศของชายหญิงคู่หนึ่งที่ถูกสร้างไว้ติดกัน

“พ่อกับแม่เข้าใจผมใช่ไหม  รู้ใช่ไหมครับว่าผมเจ็บปวดจนแทบจะตายอยู่แล้ว”

ก้านทุบไปที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเอง  ความมืดบริเวณโดยรอบช่วยพลางตัวเขาเป็นอย่างดี   ชายหนุ่มเอนซบไปที่โกศของผู้หญิงที่เขาเรียกว่า ‘แม่’ เมื่อครู่อย่างหมดแรง

“ผมจะไม่ไหวแล้ว  ผมเคยคิดว่าผมจะทนได้ขอแค่ได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นไปตลอดก็พอ  แต่ไม่ใช่เลย  ยิ่งอยู่ใกล้  ก็ยิ่งทรมาน  ผมเหมือนตายทั้งเป็นเวลาที่เห็นเด็กคนนั้นต้องร้องไห้เพราะคนอย่างผม!”

เขายังคงระบายความเจ็บปวดที่สั่งสมมานานไปเรื่อยๆ  น้ำตาลูกผู้ชายหลั่งไหลออกมามากมาย  เป็นครั้งแรกที่เขาร้องไห้มากมายขนาดนี้

“ไม่ไหวแล้วล่ะครับ  พ่อ…แม่”

“…”

“ผมทำร้ายน้องจ้าวต่อไปไม่ได้อีกแล้ว  ฮึก…”

มืออันสั่นเทายกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงสะอื้นสุดฤทธิ์  แต่ก็ไม่ห้ามความเจ็บปวดที่มีในตอนได้

เขาร้องไห้อย่างหนักจนดวงตาแทบจะละลายหายไปพร้อมๆกัน…

 





ตุ้บ…!

ผมทรุดตัวนั่งลงบนพื้นไม่ไกลจากวัดอย่างหมดแรง

ไม่จริง…

ที่ผมเห็นเมื่อกี้มันไม่จริง  หมายความว่ายังไง  หมายความว่ายังไงที่พี่ก้านเรียกพ่อกับแม่ของไอ้ปั้นว่าพ่อและแม่ของตัวเอง!!!

ในเมื่อพ่อของพี่ก้านก็คือลุงกิ่ง  และแม่ของพี่ก้านก็ตายไปตั้งแต่พี่ก้านยังเล็กๆตามที่ลุงกิ่งเคยเล่า  แล้ว…แล้วพ่อกับแม่ของไอ้ปั้น…

จะมาเป็นพ่อกับแม่ของพี่ก้านได้ยังไง!

“มันเรื่องอะไรกัน  เรื่องอะไรกันแน่…”

ผมไม่สามารถระงับอาการสั่นของตัวเองในตอนนี้ได้เลย  ถ้าสิ่งที่ได้ยินเมื่อกี้คือเรื่องจริง  ก็หมายความว่า…

พี่ก้านกับไอ้ปั้น…

เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :



มาอัพแล้วจ้า  มาแล้วสำหรับการเฉลยปมแรก!!!  หมายความว่ายังไงกันนะ  พี่ก้านกับน้องปั้นเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน???  หรอนี่คือสาเหตุที่ทำให้พี่ก้านยอมทำทุกอย่างได้เพื่อนน้องปั้น?  แต่เอ๊ะๆๆๆ  ถ้างั้นเรื่องของน้องจ้าวล่ะ  พี่ก้านมีเหตุผลอะไรถึงต้องใจร้ายกับน้องจ้าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าขนาดนี้  มาช่วยกันติดตามความจริงของเรื่องในตอนต่อไปๆๆๆด้วยเถอะค่ะ!

จุ๊บๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 21 (18/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 18-05-2017 20:36:42
เงื่อนงำเยอะขนาด  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 21 (18/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 18-05-2017 20:37:04
ปมเยอะจัง
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 21 (18/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-05-2017 06:15:21
 :sad11:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 22 (19/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-05-2017 18:51:28


ตอนที่ 22

ค้นหาความจริง (3)

สายสัมพันธ์…

 



Special  Part :

เอายังไงต่อดี?

ผมนอนซึมกะทืออยู่ในห้องตัวเองมาทั้งวันแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี  เรื่องที่ได้ยินมาเมื่อคืนจริงเท็จแค่ไหนก็ไม่มีทางรู้ได้เลยถ้าไม่ไปถามกับเจ้าตัวเอง  และถ้าหากมันคือเรื่องจริงขึ้นมา  ฟันธงได้เลยว่าไอ้ปั้นไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนแน่ๆ  เพราะถ้ารู้…

มันคงดีใจมากที่อย่างน้อยบนโลกนี้ยังเหลือคนที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับมันอยู่

“แบบนี้คงมีแต่ต้องสืบเองแหละวะ”

ผมบอกกับตัวเอง  เด้งออกจากเตียงแต่งตัวแล้วพุ่งออกจากบ้านทันที  สถานที่ที่จะไปก็คือ…

ร้านถ่ายรูปของไอ้พี่ก้าน!!!

 



วันนี้มันคงไปเฝ้าไอ้ปั้นอีกตามเคย  แต่ก็ถือว่าดีสำหรับผม  เพราะจะได้ทำอะไรได้ถนัดหน่อย  ยังไงผมก็ไม่ยอมให้เรื่องนี้มันจบลงไปพร้อมความสงสัยของผมแน่ๆ  จะต้องรู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของไอ้พี่ก้านกับไอ้ปั้นให้ได้!

“อ้าว   คุณจ้าว  มาทำอะไรแถวนี้ล่ะครับเนี่ย”

“!!!”

สะดุ้งเฮือกเสมือนโจรที่กำลังจะแอบปีนเข้าบ้านคนอื่น

ผมหันไปมองลุงกิ่งที่ไม่รู้โผล่มาจากซอกไหนเดินเข้ามาทักผมหน้าตาเฉย  ก่อนจะเริ่มสังเกตใบหน้าลุงกิ่งอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง

“อะ…เอ่อ  มีอะไรหรือเปล่าคุณจ้าว  ผมรู้ว่าผมหล่อถึงแม้จะแก่แล้ว  แต่เล่นมาจ้องกันใกล้ๆแบบนี้มันก็อดเขินไม่ได้นะครับ”

“เงียบน่าลุง  อยู่เฉยๆสักแป๊บนะ”

“คุณจ้าวจะทำอะไรเหรอครับ”

ผมไม่ตอบคำถามลุงกิ่ง  มองสำรวจไปเรื่อยๆเพื่อหาส่วนที่จะสามารถยืนยันได้ว่าลุงกิ่งคือพ่อของพี่ก้านจริงๆ  แต่ว่า…

ยิ่งสำรวจก็ยิ่งเห็นว่าไม่เหมือน!

ทั้งคิ้ว ทั้งตา ทั้งปาก  ทั้งจมูก  ไม่มีส่วนไหนที่เหมือนลุงกิ่งเลยนี่หว่า!

“แปลกนะ  ลุงเป็นพ่อของพี่ก้านแท้ๆ  แต่ทำไมหน้าไม่ค่อยเหมือนกันเลยล่ะ”

“!!!”

แสดงท่าทีมีพิรุธออกมาทันทีเมื่อเจอผมพูดแทงใจดำเข้าไปเต็มๆ  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นอาบแก้มของลุงดิ่งลงมาเป็นทางยาว

“คะ…คงจะเหมือนแม่ของมันล่ะมั้งครับ  คุณจ้าวอย่าสนใจเรื่องนี้เลย”

“น่าเสียดายที่ฉันสนนะลุง  ไหนๆก็เจอกันแล้ว  ช่วยเล่าเรื่องพี่ก้านให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่าล่ะ”

“ผมไม่รู้ว่าคุณจ้าวอยากจะพูดอะไรกันแน่นะครับ  แต่ไอ้ก้านน่ะมันลูกผมจริงๆ  ผมเลี้ยงมันมาเองกับมือของผม!”

“เลี้ยงมาเองก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นลูกสักหน่อย”

ผมยังไล่บี้ไม่เลิก

ยังไงวันนี้ก็ต้องรู้ความจริงให้ได้ล่ะเว้ยยยย!

“ผมขอตัวก่อนดีกว่าครับ  วันนี้คุณจ้าวคงเมามา”

ลุงกิ่งเบี่ยงตัวหลบเดินหนีกลับไปทางบ้านของตัวเอง  ดูจากท่าทางที่แสดงออกมาแล้ว  ไม่ผิดแน่ๆ

จะต้องมีความลับเร่องชาติกำเนิดที่แท้จริงของพี่ก้านซ่อนอยู่แน่นอน!

คล้อยหลังลุงกิ่งไปไกลผมก็ลงมืองัดประตูบ้านของไอ้พี่ก้านทันที  ภายในบ้านจะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่นอน  ต้องมีสิ  หลักฐานที่จะบอกว่าพี่ก้านใช่หรือไม่ใช่ลูกของลุงกิ่งกันแน่!

“จริงสิ  ใบเกิด!”

ยิ้มอย่างดีใจเมื่อนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้

แกร๊ก!

ประตูถูกปลดล็อกออกอย่างง่ายดาย  ฝีมือการงัดบ้านคนอื่นของผมยังใช้ได้ดีอยู่แฮะ  นั่นก็เพราะตอนเด็กๆผมต้องพยายามสะเดาะกุญแจห้องหลายต่อหลายครั้งเพื่อหนีมาเล่นกับพวกพี่ก้านจนกลายเป็นชำนาญทางด้านนี้ไปโดยปริยายยังไงล่ะ

“ชอบใช้กุญแจที่สะเดาะง่ายเหมือนเดิม”

บ่นทิ้งท้ายเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะขั้นรุนแรงเข้าไปในบ้านพี่ก้าน

จะเรียกว่าบ้านก็คงไม่ถูกนัก  เพราะมันเป็นทั้งบ้านและร้านถ่ายรูปที่พี่ก้านเปิดไว้เพื่อทำเป็นอาชีพ  รอบๆร้านจึงเต็มไปด้วยรูปภาพมากมาย  ทั้งภาพวิว  และภาพคน

ผมเดินลึกเข้าไปด้านในเพื่อตามหาห้องนอนของมัน  ร้านนี้เป็นร้านชั้นเดียวที่ยาวพอสมควร  ตรงด้านหน้าจะเป็นโวนของร้านทั้งหมด  พอเดินแหวกม่านที่กั้นระหว่างโซนหน้าร้านกับบริเวณสำหรับใช้เป็นบ้านพักเอาไว้เข้ามาก็จะเจอห้องนั่งเล่นเล็กๆ  เดินแหมวกม่านไปอีกก็จะห้องครัว

อ้าวเฮ้ย!  นี่มึงข้ามขั้นจากห้องรับแขกเป็นห้องครัวเลยเรอะ

ผมส่ายหน้ากับการออกแบบบ้านของไอ้พี่ก้านก่อนจะเดินไปยังประตูด้านในสุดเพราะมั่นใจว่านั่นจะต้องเป็นห้องนอนของมันแน่ๆ  ทันทีที่เข้าไปก็ต้องพบกับความมุ้งมิ้งจนแทบอ้วกออกมาเป็นสีชมพูและคิตตี้!!!

คือมึงแค่แต่งตัวเป็นผู้หญิงเพื่อเป็นแม่ให้ไอ้ปั้นก็พอแล้วมั้ง  ไม่ต้องเนียนถึงขั้นเอาสีชมพูมาประดับห้องหรอกเว้ยยยย!

หาที่เปิดไฟในห้องอยู่นานกว่าจะเจอ  ลำพังแค่แสงที่ส่องผ่านมาทางหน้าต่างบานเกล็ดมันไม่พอหรอก  ผมลงมือค้นหาทุกอย่างที่มันน่าค้น  ไม่ว่าจะเป็นตู้เสื้อผ้า  ลิ้นชักตรงโต๊ะหนังสือ  หรือแม้กระทั่งฝ้าเพดาน  แต่…

“ไม่เห็นมีเหี้ยอะไรเลยยย!”

ทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด

อุตส่าห์เสี่ยงคุกงัดบ้านคนอื่นเขามาเพื่อหาหลักฐาน  แต่กลับไม่มีอะไรให้หาสักอย่าง  แบบนี้กูจะเอาความจริงที่ไหนมารู้ล่ะเว้ย!

“โธ่เว้ย!”

กุกๆๆๆ

ด้วยความโมโหเลยระบายอารมณ์ด้วยการเตะอากาศเล่น  แต่กลับผิดพลาดเพราะดันมีของตกอยู่ที่พื้น  ก็เลยถูกลูกเตะของผมเตะเข้าจนกลิ้งไปใต้เตียง

ตายห่าล่ะ!  เกิดไอ้พี่ก้านมันกลับมาที่บ้านแล้วของทุกอย่างไม่ได้อยู่ที่เดิม  มันต้องสงสัยแน่ๆ!

ผมรีบก้มลงไปใต้เตียงเพื่อจะหยิบอะไรก็ตามที่ผมได้เตะเข้าไปเมื่อกี้ออกมา  แต่เพราะใต้เตียงมันค่อนข้างต่ำจนไม่สามารถสอดหัวเข้าไปมองได้ก็เลยต้องใช้เพียงมือควานหาไปเรื่อยๆแทน

กุก!

“หือ?”

อะไรบางอย่างที่ผมคิดว่าไม่น่าจะใช่สิ่งที่ผมเตะเข้าไปสร้างความสงสัยให้เป็นอย่างมาก  จนต้องรีบเขี่ยนมันออกมาดูว่าคืออะไร

มันคือกล่องไม้ขนาดสี่เหลียมผืนผ้าเก่ากึกและมีฝุ่นจับหน่อยๆ  ผมไม่เคยเห็นกล่องไม้นี้มาก่อนเลย  หรือว่ามันจะ…!

ว่าแล้วก็จัดการเปิดออกดูทันที  ตอนนี้มันคือความหวังเดียวสำหรับผม  ถ้าผมจะสามารถรู้อะไรได้บ้างจากของสิ่งนี้  ผมก็พรอ้มที่จะเปิดมัน  แม้ว่ามันอาจจะเป็นกล่องแพนโดร่าสำหรับผมก็ตาม

ภัยพิบัติ…

จะเกิดขึ้นกับผมต่อจากนี้หรือเปล่านะ

“นี่มัน…”

ภายในบรรจุรูปถ่ายอยู่เต็มไปหมด  ผมหยิบขึ้นมาดูไปทีละภาพก็พบว่าส่วนใหญ่จะเป็นรูปไอ้ปั้นตั้งแต่เล็กๆเรื่อยมาจนโตเป็นควาย  นอกจากนั้นก็ยังมีรูปของผมและพี่ดาวแทรกอยู่บ้าง  ติดก็ตรงที่ทุกรูปที่เป็นรูปผมนั้นมีเมจิกสีแดงวงที่หน้าผมไว้ด้วยรูปหัวใจ

“ไอ้บ้าเอ๊ย”

ให้ตายสิ  ผมหุบยิ้มไม่ได้เลย!

ไม่ใช่แค่รูปหรือสองรูปเท่านั้น  แต่หลังๆมากลายเป็นรูปของผมทั้งหมด  ไม่มีรูปไอ้ปั้นเลยแม้แต่ใบเดียว  ทุกรูปล้วนเป็นรูปแอบถ่ายผมในอิริยาบถต่างๆ  แน่นอนว่าเป็นรูปหลังจากที่ตัดสินใจตัดขาดจากมันแล้วเสียส่วนใหญ่

หมายความว่า…ไอ้พี่ก้าน…

เฝ้าดูผมมาตลอดเลยงั้นเหรอ?

“หืม?”

มีข้อความเขียนไว้หลังรูปผมด้วยแฮะ

 

‘วันนี้ก็น่ารักอีกแล้ว  น้องจ้าวเปลี่ยนทรงผมด้วย  แต่ไม่ว่าทรงไหนก็น่ารักสำหรับพี่ก้านเสมอแหละ’

 

ผมยิ้มไปและเริ่มพลิกรูปต่อไปเพื่ออ่านข้อความเรื่อยๆ  ไม่ใช่แค่ปีหรือสองปี  แต่รูปพวกนี้มันเริ่มตั้งแต่ที่รู้จักกันมา  และเริ่มเยอะขึ้นในช่วงที่ผมอายุแปดขวบจนถึงตอนนี้  ทั้งหมดก็สิบเอ็ดปี…

สิบเอ็ดปีที่ความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้นของพวกเราทั้งสี่ต้องระหองระแหงไปตามกาลเวลา

สิบเอ็ดปีที่ผมไม่เคยรู้เลยว่าคนๆนี้ยังคงเฝ้าดูผมอยู่เสมอ

ถ้าไม่มีรูปพวกนี้  ผมคงลืมไปแล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองสนิทกับไอ้ปั้นมากขนาดไหน  เสียงหัวเราะที่เคยดังไปพร้อมๆกับเสียงหัวเราะของไอ้ปั้น  เรื่องพวกนั้นน่ะ  ผมทิ้งมันไปหมดแล้วเพราะเอาแต่คิดว่าทำไมตัวเองถึงถูกทิ้ง

ผมไม่เคยรู้เลยว่าพี่ก้านต้องแบกรับอะไรเอาไว้บ้าง

เขาต้องเจ็บปวดและทุกข์ทนขนาดไหนที่ต้องเก็บเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้คนเดียว

“อ๊ะ  นี่มัน…”

พอหยิบภาพทั้งหมดขึ้นมา  ปรากฏว่ามีกระดาษอีกแผ่นถูกวางไว้ด้านในสุดของกล่อง  ผมหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพลิกอีกหน้าหนึ่งทันที

“มะ…ไม่จริง”

มืออันสั่นเทายกขึ้นปิดปากด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

ถึงจะทำใจมาก่อนหน้านี้บ้างแล้วว่าสิ่งที่ได้ยินเมื่อวานมันอาจจะเป็นเรื่องจริง  แต่พอได้เห็นหลักฐานเต็มๆแล้วมันก็อดคิดไม่ได้ว่าเพราะอะไร…

พี่ก้านถึงกลายมาเป็นลูกของลุงกิ่งไปได้

ทั้งที่ในใบเกิด  ตรงชื่อมารดาและบิดา  มันคือชื่อพ่อกับแม่ของไอ้ปั้นชัดๆ!

คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวเต็มไปหมด  มีเหตุผลอะไรพี่ก้านถึงต้องปิดเรื่องที่ตัวเองเป็นพี่ชายแท้ๆของไอ้ปั้นเอาไว้  มีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยโว้ย!!!

แอ๊ด…

“น้องจ้าว!!!”

เสียงร้องอย่างตกใจของไอ้พี่ก้านทำผมตกใจยิ่งกว่า  หลักฐานที่ว่าผมมาเสือกเรื่องของมันโดยพลการยังคามือของผมอยู่!

ร่างสูงรีบวิ่งมาดึงกล่องไม้ไปจากผมด้วยสีหน้าร้อนรน   ตายห่าแล้วไงไอ้จ้าว  จะแถต่อยังไงดีล่ะทีนี้!

“ทำไมทำแบบนี้ล่ะครับ!  พี่ก้านจำไม่เห็นได้ว่าเคยสอนให้น้องจ้าวทำตัวไร้มารยาทขนาดนี้ด้วย!”

“คือว่า  ไม่ใช่แบบนั้นนะ  กูแค่…”

“ออกไป!”

“พี่ก้าน”

“พี่บอกให้ออกไป!”

ยังคงตวาดไม่เกิน

นัยน์ตาเกรี้ยวกราดของมันกำลังจะทำให้ผมระเบิดลงบ้างแล้ว

ผมตรงเข้าไปหาคนหน้าหวานด้วยอารมณ์โกรธดั่งแผดเผา  เขย่าตัวมันเต็มแรงเพื่อเรียกสติของมันกลับมา

ได้เวลาที่ต้องพูดความจริงกันแล้วไอ้พี่ก้าน!

“ผมรู้ความจริงแล้ว  นี่ใช่ไหมคือสาเหตุที่พี่ยอมทำทุกอย่างได้เพื่อไอ้ปั้น  เพราะมันคือน้องชายแท้ๆของพี่ใช่ไหม!” 

“น้องจ้าวดูของในกล่องนี่แล้วเหรอ?”

พี่ก้านถามน้ำเสียงและหน้าตื่นตระหนก

“ใช่!”

“ทั้งหมดเลยเหรอครับ!”

“กูจะดูมากน้อยแค่ไหนก็ช่าง  แต่มึงตอบกูมาว่ามึงมีเหตุผลอะไรต้องปิดบังเรื่องพวกนี้  หรือมึงกลัวไอ้ปั้นมันจะรับไม่ได้ที่มีมึงเป็นพี่!  งั้นกูตอบให้เลยนะว่ามึงคิดผิด  คนอย่างไอ้ปั้นไม่มีทางรังเกียจมึงแน่  มีแต่จะดีใจเสียด้วยซ้ำ!”

ไอ้พี่ก้านยังคงเงียบไม่ยอมตอบอะไร  มันประคองกล่องไม้นั้นไว้อย่างดีประหนึ่งของมีค่าที่สุดในชีวิตของมันอยู่ในนั้น

“กูเปิดกล่องแพนโดร่าของมึงออกมาแล้ว  ถ้านี่คือความลับที่มึงปิดบังเอาไว้  คือเหตุผลที่มึงทำได้ทุกอย่างเพื่อไอ้ปั้น  งั้นเรื่องของกูล่ะ  เหตุผลอะไรที่มึงต้องทำให้กูเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”

“ออกไปเถอะครับ  พี่ก้านไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับน้องจ้าวทั้งนั้น”

“ไม่!”

“…”

“วันนี้กูจะต้องได้รู้ทุกอย่างที่กูอยากรู้  จะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมมึงถึงทำร้ายกูได้เลือดเย็นขนาดนี้!”

“อ๊ะ!  น้องจ้าวครับ  ใจเย็นก่อนสิ  น้องจ้าว!”

“มึงก็บอกกูมาสิ!  บอกกูมาว่าเป็นเหี้ยอะไร!  หรือมึงยังมีความลับอะไรที่ปิดยังกูเอาไว้อีกฮะ  บอกกูมา  ไอ้พี่ก้าน  กูบอกให้บอกกูมา!!!”

“น้องจ้าว!”

โครม!!!

เพราะออกแรงเขย่าตัวอีกฝ่ายมากเกินไป  เลยทำให้พี่ก้านล้มตึงไปกับพื้นจนกล่องไม้กระเด็นไปอีกทาง

ผมเบิกตากว้าง  ตกใจเมื่อของในกล่องกระเด็นออกมาจนหมด  รีบหันหลังไปเก็บของสำคัญพวกนั้นกลับเข้ากล่องให้พี่ก้านตามเดิม  แต่ทว่า…

รูปใบหนึ่งที่ผมคิดว่ามันน่าจะถูกซ่อนเอาไว้ใต้เอกสารใบเกิดของพี่ก้านอีกทีดันหลุดกระเด็นออกมาด้วย  ผมจะไม่สะดุดตาเลยถ้าหากว่ารูปนี้…

“หมาย…หมายความว่า…ยังไง”

“น้องจ้าว…”

“บะ…บอกมา  รูปนี้…คืออะไร”

น้ำตาไหลพรากลงมา  ผมหันไปถามพี่ก้านทั้งน้ำตาพร้อมกับเสียงสะอื้นที่หลั่งออกมาไม่ขาดสาย  พี่ก้านรีบคลานเข่าเข้ามาหา  แต่ทันทีที่มือหนาสัมผัสกับร่างกาย  ผมก็ถอยหนีอัตโนมัติ

“น้องจ้าว  ฟังพี่ก้านก่อน  ฟังพี่ก้านอธิบายก่อนนะ”

“บอกมา   ได้โปรด  บอกมาเถอะ  ฮึก…”

ผมอ้อนวอน  ชูรูปใบนั้นพร้อมตั้งคำถามที่กรีดหัวใจตัวเองเหลือเกินออกไป

“น้องจ้าว  อย่าร้อง  อย่าร้องแบบนี้สิ”

“ถ้างั้นก็บอกมาสิว่ารูปนี้มันหมายความว่ายังไง!!!  ทำไมรูปตอนผมเกิดคนที่อุ้มผมอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลถึงเป็นแม่ของพี่กับไอ้ปั้น! กับพ่อของผมที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆนั่นอีก  มันหมายความว่ายังไงกันฮะ!!!”

ผมโยนรูปนั้นใส่หน้าไอ้พี่ก้าน  ความจริงที่ผมกลัวกำลังเริ่มเกาะกินหัวใจ

ขอให้มันไม่ใช่…

ขอให้ไม่ใช่อย่างที่คิด…

ขอร้องล่ะ…

“ขอร้อง…  โกหกผมที  ไม่ใช่ใช่ไหม  ไม่ใช่แบบที่ผมคิดใช่ไหม  ฮือ…”

ผมทุบอกพี่ก้านที่พยายามดึงผมเข้าไปกอด  แต่เรี่ยวแรงมันกลับหายไปดื้อๆ  ผมทำอะไรไมได้เลยนอกจากร้องไห้ออกมา

“พี่ก้านขอโทษ  พี่ก้านขอโทษจริงๆ”

“ไม่จริง  ผมไม่เชื่อ…  ไม่เชื่อเด็ดขาด…”

“…”

“จะเป็นไปได้ยังไง  ถ้าเป็นแบบนี้…แล้วผมกับพี่…”

“…”

“เราจะรักกันได้ยังไง”

ฮึก…

ไม่ไหวแล้ว…

ถึงตอนนี้ผมเข้าใจทุกอย่างโดยที่พี่ก้านไม่ต้องอธิบาย

ทำไมพี่ก้านถึงยอมถอยเรื่องของเรา  ทำไมถึงต้องทำเย็นชาและผลักไสผม  มันเป็นเพราะ…พวกเราไม่สามารถรักกันได้

ความรักของพวกเรา…มันไม่สามารถเป็นไปได้เลย!!!

“ยังไงกูก็ไม่เชื่อ”

“น้องจ้าว”

“โชคชะตาเฮงซวย!  ทำไมต้องเล่นตลกกับชีวิตกูด้วย!”

“พอเถอะครับน้องจ้าว  พอเถอะ…”

“เพราะแบบนี้ใช่ไหมพี่ก้านถึงได้ยอมแพ้เรื่องของเรา  เพราะว่ารู้เรื่องนี้ใช่ไหม!”

พี่ก้านไม่ตอบ แต่ผมกลับมองเห็นความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานตลอดหลายปีของพี่ก้านอัดแน่นอยู่ในดวงตา 

ไม่…

ไม่เชื่อ…

ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ  พวกเราจะกลายเป็นพี่น้องแม่เดียวกันไปได้ยังไง!  ตลกเกินไปแล้ว!

“น้องจ้าวจะไปไหนครับ!”

“อย่ามายุ่งกับกู  กูไม่เชื่อเด็ดขาด  กูไม่เชื่อว่ามึงกับกูจะเป็นพี่น้องกัน  จำใส่หัวไว้เลยนะ  มึงคือคนที่กูรัก!  มึงคือผู้ชายคนแรกที่กูมีอะไรด้วย!  และมึงกับกูจะไม่มีวันเป็นพี่น้องกันได้เด็ดขาด!”

“น้องจ้าว  น้องจ้าว!”

ผมวิ่งหนีออกมาจากบ้านของพี่ก้านอย่างไม่คิดชีวิต  ตรงไปยังทะเลที่เปรียบเหมือนจุดศูนย์

“กลางของทุกสิ่งในชีวิตผม

“อ๊ากกกกกกกกกกกก!”

ร้องตะโกนปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาจนหมดสิ้น

ผมวิ่งลงไปในน้ำทะเล  ถลาทรุดตัวลงด้วยหมดแรงที่จะยืนต่อ

“ทำไมต้องเป็นแบบนี้  ทำไม!!!!!”

โชคชะตาต้องการแกล้งผมงั้นเหรอ?

อยากเห็นผมเจ็บปวดจนตายไปเลยใช่ไหมถึงเล่นตลกใส่กันแบบนี้  ไม่รู้หรือไงว่าตลกแบบนี้ไม่มีใครเขาขำออกทั้งนั้น!

ภาพความทรงจำต่างๆนานาเข้ามาในหัวไม่หยุด  เท่ากับว่าไม่ใช่แค่ผมและพี่ก้านเท่านั้นที่มีสายเลือดเดียวกัน  แต่ยังมีไอ้ปั้นอีกคน…

พวกเราสามคนมีแม่คนเดียวกัน

ผมควรทำยังไงดี  ควรจัดการกับเรื่องพวกนี้ด้วยวิธีไหน!  ยิ่งรู้ว่าพี่ก้านต้องเก็บความลับพวกนี้และเจ็บปวดกับมันมานานแค่ไหนผมก็ยิ่งเกลียดตัวเอง  ที่ในเวลานั้น ผมเอาแต่เกลียดเขา  เอาแต่คิดว่าเขาเห็นแก่ตัวที่ทิ้งผมไป

โดยที่ไม่ต้องถาม  ผมรู้ได้ในทันทีว่าเพราอะไรพี่ก้านถึงต้องเก็บเรื่องพวกนี้เอาไว้คนเดียว  นั่นก็เพื่อผม  เพราะรู้ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขาดี  ถึงได้พยายามจะปกป้องความรู้สึกของผมเอาไว้  เพราะถ้าหากผมรู้ว่าเราเป็นพี่น้องกันและไม่สามารถรักกันได้นั้น  แน่นอนว่าผมจะต้อง…

เจ็บปวดเจียนตายอย่างในวันนี้

ถ้าหากผมไม่ดื้อดึงที่จะสืบหาความจริงเรื่องของพี่ก้านกับไอ้ปั้น  ผมก็คงไม่ต้องเจอกับเรื่องราวพวกนี้  ผมผิดเองที่ฝืนเปิดกล่องแพนโดร่าออกมา  เพราะถ้าผมไม่เปิดกล่องต้องห้ามนี้  อย่างมากความสัมพันธ์ของเราก็คงจบลงด้วยความคิดของผมที่ว่าพี่ก้านรักไอ้ปั้นไม่ใช่ผม

คงไม่เจ็บปวดจนหัวใจแทบสลายเท่าความจริงที่รู้ในวันนี้!

“ไม่เอาแล้ว  ถ้าต้องเจ็บปวดขนาดนี้น่ะ  ไม่เอาแล้ว”

ผมลุกขึ้นจากน้ำ  ความเจ็บปวดอย่างกะทันหันทำให้สมองเริ่มไม่สั่งการและไร้ความรู้สึกเข้าไปทุกที  สองขาพาผมเดินไปยังหน้าผาที่ไม่ไกลจากหมู่บ้านนักราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ  เดินเซไปเซมาราวกับว่าทุกสิ่งในชีวิตได้พังพินาศไปหมดแล้ว

ใช่…

มันพังไปหมดแล้ว

ความหวังเดียวที่ทำให้ผมอยากอยู่บนโลกนี้ต่อไป  สลายหายไปพร้อมกับความจริงที่ได้รับรู้ในวันนี้…

ถ้าหาก…ถ้าหากชาตินี้เราสองคนไม่สามารถรักได้จริง  อย่างนั้น…ผมขอได้ไหม…

ชาติหน้า…หากชาตินี้มีจริง  ขอให้ผมเกิดมาในฐานะที่สามารถรักกับพี่ก้านได้อย่างเปิดเผยและอยู่ด้วยกันได้ตลอดไป

“ฮึก…พี่ก้าน…”

ไม่ว่าจะหันไปทางไหน  ทุกที่ที่ผมมองไปก็มีแต่ภาพที่พี่ก้านแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมาทั้งนั้น

ผมไม่เคยรู้อะไรเลย  ไม่รู้ว่าพี่ก้านต้องทรมานมากแค่ไหน  เอาแต่เรียกร้องในสิ่งที่เขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้  ทำให้เขาต้องเจ็บช้ำแล้วซ้ำแล้ว

ผมจะ…

“ชดใช้ให้พี่เดี๋ยวนี้”

สายลมแรงจากทะเลพัดเข้าปะทะกับร่างกายขณะที่ปลายเท้ายื่นออกมาจากหน้าผาครึ่งหนึ่ง  เบื้องหน้าคือทะเลที่มีคลื่นลมแรงเพราะยังไม่หมดหน้าพายุ

ผมจะไม่ยอมเป็นทาสของโชคชะตาที่ทำร้ายผมแบบนี้

พี่ก้าน…

ลาก่อน…

“ผมรักพี่ก้านนะ”

สองตาค่อยๆหลับสนิท  ในหัวใจว่างเปล่าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว…

ตู้ม!!!

ซ่า…ซ่า…

ปลายยอดหน้าผาว่างเปล่า  คงเหลือไว้แค่เพียง…เสียงเกลียวคลื่นเท่านั้น

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า!  ในที่สุดความลับที่พี่ก้านเก็บงำเอาไว้มานานแสนนานก็เปิดเผย  เหตุผลที่พี่ก้านต้องใจร้าย  เหตุผลที่ไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของน้องจ้าวทั้งที่รักมากมายเหลือเกินก็เพราะ…สายเลือดที่หลั่งไหลอยู่ในตัวของทั้งสองคน  ครึ่งหนึ่งมาจากผู้หญิงคนเดียวกันนั่นก็คือแม่?!  อาการช็อกหลังได้รับรู้ความจริงทำให้น้องจ้าวของเราสติหลุดจนคิดสั้น  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  ฝากติดตามด้วยจ้า ^^
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 22 (19/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-05-2017 19:03:32
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 22 (19/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 20-05-2017 00:34:50
 :m15:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 23 (21/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 21-05-2017 15:14:52


ตอนที่ 23

ค้นหาความจริง ( 4 )

ความลับของชาติกำเนิด

 

Double Special :

‘ลองท่านดูสิจ๊ะก้าน  น้าทำมาให้ก้านสุดฝีมือเลยนะ’

หญิงสาววัยกลางคนที่เป็นเจ้าของดวงหน้าสวยหวานและใจดีเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม  ก้านในวัยห้าขวบรีบรับมาด้วยความดีใจ

‘ขอบคุณมากนะครับน้าขวัญ”

‘ไม่เป็นไรจ้ะ  ถ้าก้านชอบ  น้าจะทำให้มาอีกนะ’

‘จริงเหรอครับ  ขอบคุณมากเลย  น้าขวัญทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองมีแม่…’

คำพูดของเขาทำให้เธอสะเทือนใจไม่น้อย  หญิงสาวเบือนหน้าหนีน้ำตาคลอ  เด็กน้อยกินขนมที่ได้มาอย่างเอร็ดอร่อยพลางยิ้มกว้างจนตาหยี

 

‘ขอโทษ  แม่ขอโทษนะลูก…’

 

สิบปีผ่านไป…

‘พ่อเรียกผมมาที่นี่ทำไมเหรอครับ?’

ก้านในวัยสิบห้าปีเอ่ยถามพลางมองไปรอบๆ

ในห้องมี ‘ปืน’  พ่อของปูนปั้นนั่งร้องไห้อยู่  ตรงหน้าเขามีเกล็ดปลาสีเขียวสวยวางอยู่หนึ่งเกล็ด

‘ที่พ่อเรียกเอ็งมา  ก็เพราะมีความจริงอยากจะบอกเอ็ง  มันความจริงเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่แท้จริงรวมถึง…พ่อแม่ที่ให้กำเนิดเอ็งมา’

‘ไอ้กิ่ง  เอาจริงเหรอวะ?’

ปืนแย้งขึ้น   ก้านขมวดคิ้วมุ่น  ไม่เข้าใจเลยว่าพ่อของเขากำลังพูดเรื่องอะไร

‘ข้าตัดสินใจดีแล้ว  ไอ้ก้านมันควรจะได้กราบศพแม่ที่ให้กำเนิดมันมา’

‘แม่?  พ่อพูดอะไรน่ะ  ก็แม่ตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?’

เด็กหนุ่มยังไม่เข้าใจ  กิ่งส่ายหัวก่อนจะเดินไปหยิบเกล็ดปลาแสนงดงามนั้นขึ้นมา

‘นี่ต่างหากล่ะ  แม่ของแก’

‘พ่อจะเล่นตลกอะไรน่ะ  ผมไม่ขำด้วยหรอกนะ’

‘ข้าไมได้เล่นตลก  ข้าพูดจริงๆ  เอ็งน่ะ…ครึ่งหนึ่งในตัวของเอ็งความจริงแล้ว…เป็นเงือก’

‘!!!’

‘ขวัญตาคือแม่ที่แท้จริงของเอ็ง  และไอ้ปืนก็คือพ่อแท้ๆของเอ็งไม่ใช่ข้า   ตอนเอ็งเกิดมา  ขวัญตาได้ใช้พลังชีวิตครึ่งหนึ่งของตัวเองสะกดวิญญาณเงือกที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งในตัวของเอ็งเอาไว้เพื่อปกป้องเอ็งจากพวกกบฏในแดนเงือก  เพราะแท้จริงแล้วแม่เอ็งมีเชื้อวายพระวงศ์ของแดนเงือก  ถูกตามล่าและหนีตายมาที่เมืองมนุษย์จนเจอกับไอ้ปืนพ่อของเอ็งเข้า  ข้ากับไอ้ปืนเป็นคนช่วยแม่เอ็งไว้เมื่อยี่สิบปีก่อน  จนแม่ของเอ็งกับไอ้ปืนรักกันแล้วให้กำเนิดเอ็งออกมา  แต่ตอนนั้นที่แดนเงือกสงครามยังไม่สงบ  และแม่ของเอ็งยังถูกตามล่าตัวอยู่  เธอเลยยกเอ็งให้เป็นลูกของข้า  เพื่อให้เอ็งไม่เป็นที่สนใจของพวกกบฏ  แม่และพ่อของเอ็งต้องทำเป็นคนอื่นเพื่อปกป้องเอ็งมาตลอดสิบห้าปี!’

กิ่งบอกความจริงทีเก็บงำมาตลอดสิบห้าปีกับก้านทั้งน้ำตา  ส่วนปืนก็ร้องห่มร้องไห้พร่ำขอโทษลูกชายคนโตที่เขาต้องทำแบบนั้น

‘พ่อกำลังจะบอกว่าผม…เป็นครึ่งมนุษย์  ครึ่งเงือก  งั้นเหรอครับ…’

‘ตอนแรกน่ะก็ใช่  แต่ว่าตอนนี้ไม่ใช่แล้ว  พลังชีวิตครึ่งหนึ่งของขวัญที่เคยมอบให้เอ็งเพื่อสะกดวิญญาณเงือกเอาไว้นั้น  ได้เผาผลาญทำลายมันไปจนหมดแล้ว  ตอนนี้เอ็งเป็นมนุษย์ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น  เพียงแต่…’

‘เพียงแต่อะไรครับ?’

‘เพราะมอบพลังครึ่งหนึ่งให้กับแกไปแล้ว  พลังในการมีชีวิตของขวัญตาจึงหายไปด้วย  และเมื่อเธอให้กำเนิดลูกชายอีกหนึ่งคนซึ่งก็คือไอ้ปั้น  ทำให้เธอไม่มีพลังมากพอที่จะสะกดวิญญาณเงือกในตัวเจ้าปั้นไว้ได้  ทั้งในตัวของเจ้าปั้นเอง  ยังมีสายเลือดของเงือกเยอะกว่ามนุษย์ 70 เปอร์เซ็น’

‘พ่อจะบอกอะไรกันแน่  ผมกับรูปปั้นเป็นพี่น้องแท้ๆกัน  แค่นั้นใช่ไหม?’

เด็กหนุ่มถามเสียงสั่น  เกล็ดปลาในมือของกิ่งตอนนี้ทำให้เด็กหนุ่มใจไม่ดีเอาเสียเลย

‘ก้าน  ทำใจดีๆไว้นะ  เพราะพลังเงือกของเจ้าปั้นมีมากเกินไปจนเป็นอันตราย  ถ้าหากไม่ทำการหยุดมันเอาไว้  พวกกบฏที่เคยตามล่าเอ็งกับแม่ของเอ็งจะต้องจับสัมผัสได้และตามมาเจอในที่สุด  เพราะงั้น…แม่เอ็งถึงได้ใช้วิธีต้องห้ามในกลุ่มเงือก  ทำเรื่องที่อันตรายที่สุดเพื่อปกป้องลูกชายทั้งสองเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย’

‘นะ…น้าขวัญทำอะไรครับ…’

‘บูชายันห์วิญญาณ’

‘!!!’

‘ขวัญตายอมสละพลังชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดรวมถึงวิญญาณของตัวเองหลังความตาย  เพื่อที่จะผนึกวิญญาณเงือกของเจ้าปั้น  ป้องกันไม่ให้กบฏพวกนั้นตามหาพวกเอ็งทั้งสองคนเจอยังไงล่ะ’

‘…’

‘และนี่…คือสิ่งที่เหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวจากร่างกายแม่ของเอ็ง  เกล็ดของขวัญตา’

กิ่งส่งมอบเกล็ดนั้นต่อให้ก้านทื่ยืนสกัดกลั้นน้ำตาเอาไว้เต็มที่  เขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่ได้ยิน  แต่ภาพความทรงจำที่ขวัญตาคอยดูแลเขามาตลอดตั้งแต่เด็กก็ทำให้เขาสัมผัสได้ว่า…

ความรักความอบอุ่นที่เคยได้รับจนรู้สึกเหมือนขวัญตาเป็นแม่นั้น  ไม่ใช่เป็นเพราะความสงสารจากเธอ  แต่เป็นเพราะ…

เธอคือแม่ที่แท้จริงของเขานั่นเอง

‘แม่รักลูกมากนะก้าน  เพราะรักมากถึงต้องทำแบบนั้น  อย่าโกรธแม่กับพ่อเลยนะลูก’

ปืนลุกขึ้นมาหาก้าน  เขายังเสียใจกับการจากไปของขวัญตาไม่คลาย  หากแต่ก็ยอมรับการตัดสินใจของเธอเช่นกัน  เพราะสำหรับเธอแล้ว…

ชีวิตของลูกชายทั้งสองสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดบนโลกนี้

‘แล้วพวกเราต้องทำยังไงต่อไปล่ะครับ  กบฏพวกนั้น…จะตามล่าพวกเราอีกหรือเปล่า’

‘ตอนนี้ในตัวของลูกกับปั้นไม่มีวิญญาณของเงือกเหลืออยู่แล้ว  พ่อคิดว่าไม่น่าจะมีอะไร  แต่ว่า…ก็ยังวางใจพลังในตัวปั้นไม่ได้อยู่ดี  น้องของลูกมีวิญญาณเงือกอยู่ในตัวมากกว่าวิญญาณมนุษย์  ถึงแม้แม่ของพวกลูกจะยอมสละชีวิตเพื่อผนึกเอาไว้  แต่ทุกสิ่งย่อมมีข้อยกเว้น’

‘ข้อยกเว้น?’

‘พลังที่แฝงอยู่ในตัวปั้นสามารถตื่นขึ้นมาได้อีกครั้ง  ถ้าน้องของลูก…โกรธจนถึงที่สุด’

‘แล้วถ้าพลังนั้นของรูปปั้นตื่นขึ้นมาจริงๆ  จะเป็นยังไงเหรอครับ?’

‘แม่ของลูกเคยบอกพ่อว่า  ลูกกับปั้นเป็นสายเลือดผสม  พลังจึงมีไปในทางใดทางหนึ่งมากกว่า  ในส่วนของลูกนั้น เพราะมีวิญญาณมนุษย์มากกว่า  ทำให้ลูกมีพลังในฐานะมนุษยมากกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป  ส่วนของปั้น…’

‘…’

‘น้องมีวิญญาณเงือกมากกว่า  ถ้าหากพลังนั้นถูกปลุกขึ้นมา  ว่ากันว่าพลังของสายเลือดผสมจะทำลายล้างพลังขององค์ราชา  ถึงขั้นทำลายแดนเงือกให้หายไปได้ในเสี้ยววินาที  ที่สำคัญ…พลังในตัวปั้นไมได้ทำลายแค่องค์ราชาและแดนเงือกเท่านั้น  แต่ยังทำลายตัวเองอีกด้วย  หมายความว่า…ปั้นจะตายทันทีถ้าใช้พลังพวกนั้น’

‘ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ!’

‘พวกเราจะให้ปั้นรู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเองไม่ได้อย่างเด็ดขาด  ทุกอย่างจะต้องเป็นความลัยและตายไปกับตัวพ่อเท่านั้น  ขวัญตาอุตส่าห์สละชีวิตเพื่อลูกทั้งสอง  พ่อก็จะขอสละชีวิตเพื่อพวกลูกเหมือนกัน!’

ก้านกำเกล็ดของแม่เอาไว้แน่น  เขาพอจะรู้หน้าที่ของตัวเองในตอนนี้แล้ว

เพื่อตอบแทนการตายของแม่…

เพื่อไม่ให้แม่ต้องตายฟรี…

ชีวิตที่เหลือของเขาหลังจากนี้  จะอยู่เพื่อปกป้องน้องชายของเขาเท่านั้น

 

กึก!  กึก!

‘น้องจ้าวครับ  น้องจ้าว!’

เด็กหนุ่มโยนหินก้อนเล็กขึ้นไปกระทบกับหน้าต่างห้องของเด็กน้อยวัยห้าขวบคนหนึ่ง  จ้าวที่หลับไปแล้วพอได้ยินเสียงก็สะลึกสะลือมาเปิดหน้าต่างออก

‘หืม  พี่ก้านเหรอ’

‘เดี๋ยวพี่ก้านจะปีนขึ้นไปหา  หลบไปครับ’

เด็กน้อยรีบหลบ  ก้านปีนขึ้นต้นไม้ต้นใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องของจ้าวพอดี   เมื่อปีนขึ้นไปยืนบนกิ่งไม้เรียบร้อยก็กระโดดปุเข้าไปในห้องอย่างสวยงาม

‘พี่ก้าน  ตาบวมจังเลย  โดนต่อยมาเหรอครับ’

จ้าวเอ่ยถามเสียงอ่อนด้วยเป็นห่วง  เมื่อได้ยินคำถามใสซื่อจากเด็กน้อยตรงหน้า  ก้านก็เริ่มยิ้มออก  เขาอุ้มจ้าวขึ้นแล้วเดินไปนั่งบนเตียง  จับเด็กน้อยให้คร่อมทับตัวเองเอาไว้ก่อนดันให้ซบกับแผงอก  มอบกอดที่แสนอบอุ่นจนจ้าวแทบจะเคลิ้มหลับให้

‘พี่ก้านเพิ่งได้รู้เรื่องบางอย่างที่ทำเอาตกใจสุดๆไปเลยมาน่ะครับ’

‘เรื่องอะไรเหรอ’

‘น้องจ้าวยังเด็ก  ไม่ต้องรู้หรอกครับ  ที่พี่ก้านมาหาก็เพราะจิตใจของพี่ก้านไม่สงบเลย  แต่ถ้าได้อยู่กับน้องจ้าว  พี่ก้านก็จะมีสติมากขึ้น  ให้พี่ก้านอยู่ด้วยนะ’

‘ได้สิ  แต่พี่ก้านต้องจุ๊ๆไว้นะ  เดี๋ยวป๊าได้ยินแล้วจะดุจ้าวอีก’

‘ฮะๆ  ได้สิครับ  จุ๊ๆเนอะ’

ก้านยิ้มอย่างมีความสุข  เขาไล้นิ้วมือไปตามใบหน้าของเด็กน้อย  หัวใจสั่นไหวให้กับความน่ารักนี้จนแทบคุมตัวเองไม่อยู่

‘พะ…พี่ก้าน  ทำอะไรเหรอครับ  มันจั๊กจี๋นะ’

จ้าวพยายามเบี่ยงหน้าหลบเพราะถูกเด็กหนุ่มซุกไซร้จมูกไปทั่วใบหน้าและลำคอ

‘พี่ก้านรักน้องจ้าวนะครับ  รักมากเลย’

‘จ้าวก็รักพี่ก้าน  อ๊ะ…’

ลำคอถูกดูดกลืนจนเกิดความเจ็บแปลบๆจนต้องสะดุ้ง  ก้านยกยิ้มเมื่อเห็นสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของของตัวเองติดอยู่ที่ลำคอขาวนั้นอย่างชัดเจน

‘จ้าว่าอย่างพี่ก้าน  จะทำได้ไหมครับ?’

‘ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่าพี่ก้านหมายถึงอะไร  แต่…พี่ก้านของจ้าวเก่งอยู่แล้ว  เชื่อจ้าวสิ’       

ความสุขเอ่อล้นไปทั้งหัวใจ

ขอเพียงแต่ยังมีเด็กคนนี้คอยอยู่เคียงข้างเขา  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม  ผู้ชายที่ชื่อก้านคนนี้  ก็พร้อมที่จะฟันฝ่าด้วยพลังทั้งหมดที่มี!

 

สามปีต่อมา…

‘ฮัลโหลครับ  ครับน้องจ้าว  พี่ก้านกำลังจะไปหาครับ  รอก่อนนะ’

ก้านพูดใส่โทรศัพท์เมื่อคุณชายตัวดีในวัยแปดขวบใช้อำนาจเอาโทรศัพท์ของครูประจำชั้นมาใช้โทรหาเขาเพื่อเร่งให้ไปรับที่โรงเรียนเร็วๆ

ริจะรักเด็กเอาแต่ใจ  มันก็ต้องคอยตามใจอย่างนี้นั่นแหละ

คิดกับตัวเองก่อนจะยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง  น่าแปลกที่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญหรือเหนื่อยใจเวลาที่อีกฝ่ายเอาแต่ใจและชอบอาละวาดใส่  กลับกัน  ก้านรู้สึกยิ่งรักและเอ็นดู  อยากจะอยู่ข้างๆคอยดูแลตลอดไปไม่ให้ห่าง

ดูท่า…เขาจะหลงเด็กคนนี้จนไปไหนไม่รอดเสียแล้วล่ะ

เอี๊ยด!!!

ทันทีที่เดินพ้นประตูโรงเรียนของตัวเองออกมา  ชายหนุ่มวัยสิบแปดปีอย่างเขาก็ถูกล้อมไปด้วยชายชุดดำที่ท่าทางน่ากลัว

‘พวกคุณเป็นใคร’

พลั่ก!!!

ไม่มีซึ่งบทสนทนา  ก้านถูกคนเหล่านั้นกรูเข้ามารุมสกำอย่างไร้เหตุผล  ชายหนุ่มพยายามปัดป้องตัวเองแต่ไม่เป็นผล  ผู้คนที่อยู่รอบๆไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเรพาะรู้ดีว่าจะต้อวเป็นคนของผู้มีอิทธิพลอย่างมากส่งมาแน่นอน!

พลั่ก ตุ้บ ตั้บ!

‘อั้กกกก!’

เขาถูกเตะอย่างแรงจนกระเด็นไปติดกำแพง  ก่อนที่ชายชุดดำที่ดูท่าจะเป็นหัวหน้าจะเดินเข้ามากระชากคอเสื้อเขาขึ้น

‘จำไว้!  อย่าเข้าใกล้คุณชายจ้าวอีกถ้าไม่อยากตาย!’

‘อะ…อะไรนะ…’

ตอนนี้เขาพอจะรู้แล้วว่าใครคือคนที่ส่งชายชุดดำพวกนี้มาทำร้ายเขา  และสาเหตุของการทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้คืออะไร!

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ!

‘แฮ่ก  มะ…มาแล้วครับ  ขอโทษที่มาช้านะ’

‘ทำไมมาช้าล่ะ  มัวแต่ไปทำอะไรอยู่เนี่ย  จ้าวรอตั้ง…พะ…พี่ก้าน  หน้าไปโดนอะไรมาครับ!’

เด็กน้อยเบิกตากโตอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของก้านที่เต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัว  ดวงตาบวมปูด  ที่ริมฝีปากมีเลือดไหล

‘พี่ก้านไม่เป็นไรหรอกครับ  ขอโทษนะที่มาช้า’

‘พูดอะไรแบบนั้นล่ะ  พี่ก้านเจ็บขนาดนี้  จ้าวจะไปโกรธได้ยังไง’

ว่าพลางร้องไห้เมื่อเห็นแผลทั่วตัวของชายหนุ่ม  จ้าวค่อยๆเขย่งเท้าเอื้อมมือจะจับแก้มของเขา  เมื่อเห็นอย่างนั้นก้าวขึงค่อยๆก้มหน้าไปหาและย่อตัวลงเพื่อให้เด็กน้อยสัมผัสเขาได้

‘ฮึก  เจ็บไหมครับ’

‘แค่เห็นหน้าน้องจ้าว  พี่ก้านก็หายเจ็บแล้ว’

‘จริงเหรอ’

‘จริงสิครับ’

ทั้งสองยิ้มให้กัน  ก้านตัดสินใจแล้วว่า…ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ต่อให้ต้องโดนซ้อมทุกวันจนตาย  เขาก็จะไม่ปล่อยมือเด็กคนนี้เด็ดขาด  จะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เด็กคนนี้มาอยู่เคียงข้างตลอดไป

 

‘ได้แผลมาอีกแล้วเหรอ  หมู่นี้พี่ก้านมีเรื่องกับคนอื่นบ่อยจังนะ’

เป็นอีกวันที่ก้านวิ่งหอบแดดมารับจ้าวด้วยสภาพบาดแผลเต็มตัว  พักหลังมานี้เด็กน้อยต้องพกอุปกรณ์ทำแผลมาโรงเรียนด้วยทุกวันเพื่อคอยทำแผลให้กับเขา

‘ขอโทษนะครับที่ทำให้เป็นห่วง  ไว้วันหลังพี่ก้านจะระวังตัวนะ’

‘อย่าไปมีเรื่องบ่อยนักสิครับ  เป็นแบบนี้แล้วผมกับไอ้ปั้นจะเอาพี่เป็นไอดอลได้ยังไง’

‘ครับๆ  จะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้ว’

ว่าแล้วก็ขอหยิกจมูกเด็กน้อยสักทีด้วยความมันเขี้ยว  ขณะที่กำลังเฝ้ามองใบหน้าน่ารักของจ้าวที่กำลังทำแผลให้เขาอยู่  สายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่งยืนมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล

ผู้ชายที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอำเภอนี้…

พ่อของจ้าว!

 

ก๊อกก๊อกก๊อก

กระจกรถที่ติดฟิลม์สีดำสนิทถูกเคาะเรียก  คนด้านในจัดการเปิดประตูรถให้ก่อนที่คนเคาะจะถูกเชิญให้เข้ามาในรถ

‘วันนี้ไม่ส่งคนมาเล่นงานผมแล้วเหรอครับ’

ก้านเอ่ยถามทันทีที่เข้ามานั่งในรถได้

‘พ่อเลี้ยงการันต์’ หรือพ่อของจ้าวผู้มีฐานะร่ำรวยและอิทธิพลด้านมืดมากที่สุดคนหนึ่งในอำเภอแสยะยิ้มโหดร้าย

‘ฆ่าแกไปก็ตายเปล่า   ไอ้เด็กเมื่อวานซีน!’

‘แต่พ่อเลี้ยงก็ยังอุตส่าห์มาเสียเวลากับเด็กเมื่อวานซีนอย่างผมอีกนะครับ   รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ’

‘ฉันจะขอเข้าเรื่องแล้วกัน  เลิกยุ่งกับจ้าวซะ  ลูกฉันไม่เหมาะสมกับคนชั้นต่ำอย่างแกหรอก!’

‘จะเล่นบทพ่อตาโหดเหรอครับเนี่ย’

‘ไอ้ก้าน!  นี่ฉันพูดจริงทำจริงนะ  เลิกยุ่งกับจ้าวได้แล้ว  ลูกฉันเป็นผู้ชาย  จะยังไงมันก็ต้องมีเมียมีลูกสืบทอดตระกูลของฉัน!!!’

‘เรื่องนั้นให้น้องจ้าวเป็นคนตัดสินเองดีกว่าครับ  จะออกหัวหรอออกก้อย  ผมจะสมหวังหรือผิดหวัง  ยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของน้องจ้าวเท่านั้น  ไม่ใช่ของพ่อเลี้ยงหรือผม…’

ก้านตอบโต้ตาต่อตาฟันต่อฟันไร้ซึ่งความหวาดกลัวแม้คนตรงหน้าจะใหญ่คับฟ้าแค่ไหนก็ตาม  พ่อเลี้ยงการันต์ขบฟันแน่นจนกรามปูด  อารมณ์โกรธในใจปะทุยากที่จะดับมัน

‘แต่แกกับจ้าวรักกันไม่ได้!’

‘ผมขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องนี้น้องจ้าวคือคนตัดสิน  ไม่ใช่พ่อเลี้ยง…’

‘แกกับจ้าวเป็นพี่น้องกัน’

‘!!!’

‘ที่แกกับจ้าวรักกันไม่ได้ก็เพราแกสองคนมีแม่คนเดียวกัน!!!’

พ่อเลี้ยงตะโกนกร้าวอย่างเหลืออด  โชคดีที่รถคันนี้เป็นรถเก็บเสียงและกันกระสุน  ลูกน้องที่ยืนเฝ้าอยู่ข้างนอกจึงไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกัน

‘ถ้าพ่อเลี้ยงจะโกหกล่ะก็  ช่วยโกหกให้แนบเนียนกว่านี้หน่อยก็ดีนะครับ  เร่องพวกนี้ใครเชื่อก็โง่แล้ว’

‘ฉันพูดเรื่องจริง  เมียฉันหรือแม่ของจ้าวเป็นคนมีลูกยากเพราะมีปัญหาเรื่องมดลูกและไข่  แต่เราสองคนอยากมีลูกมากก็เลยไปขอให้ขวัญตาช่วยอุ้มบุญให้  จริงอยู่ว่าฉันกับขวัญตาไม่มีได้มีความสัมพันธ์กันทางกายหรือว่าจิตใจเลย  แต่ว่า…จ้าวเกิดมาจากสเปิร์มของฉันและไข่ของขวัญตา  เท่ากับว่าแกสองคนมีสายเลือดเดียวกันอยู่ดี!!!’

‘ไม่จริง  พ่อเลี้ยงโกหก’

‘นี่ไงหลักฐาน  ดูซะว่าคนที่อุ้มจ้าวตอนเกิดออกมาคือใคร!’

รูปใบหนึ่งถูกปาใส่หน้าก้าน  เด็กหนุ่มรีบหยิบรูปใบนั้นขึ้นมาดูก่อนจะพบว่ามันคือรูปของแม่เขาที่อุ้มจ้าวซึ่งยังเป็นทารถแรกเกิดและมีป้ายชื่อผูกอยู่ที่ข้อมือบนเตียงในโรงพยาบาล  โดยที่ข้างๆขวัญตาก็คือพ่อเลี้ยงการันต์ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุข

‘เป็นไปไม่ได้’

‘เพราะแบบนี้ฉันถึงได้คัดค้านความสัมพันธ์ของแกสองคน!  ฟังนะ  ถ้าครั้งนี้แกไม่ยอมเลิกยุ่งกับจ้าว  ฉันจะส่งจ้าวไปอยู่กับญาติที่อเมริกา  และแกจะไม่มีวันได้เจอหน้าลูกฉันอีก!’

‘อย่านะครับ!  อย่าพรากน้องจ้าวไปจากผม  สำหรับผมตอนนี้  น้องจ้าวคือแสงสว่างเดียวในชีวิต  คือความสุขเดียวที่ทำให้ผมยิ้มได้   ได้โปรด  อย่าเอาน้องจ้าวไป’

‘งั้นแกก็ต้องเลิกยุ่งกับลูกของฉันซะ  ก่อนที่ทุกอย่างจะถลำลึกมากไปกว่านี้  ยังไงซะ  แกกับจ้าวก็รักกันไม่ได้  เพราะพวกแกมีสายเลือดเดียวกัน!’

‘…’

‘อย่าให้เรื่องมันเลวร้ายมากไปกว่านี้เลย  ถ้าจ้าวรู้ว่าความจริงแล้วแกเป็นพี่ชาย  และไม่สามารถรักกันได้  จ้าวคงเจ็บปวดเสียใจมาก  ถ้าแกรักข้าวจริง  แกต้องไม่อยากเห็นจ้าวเจ็บปวด  ใช่ไหม?’

ก้านสับสน

ก่อนหน้านี้เขายอมตาย  ต่อให้ต้องถูกซ้อมทุกวันเขาก็ยอม  แต่เขาจะไม่ยอมท้อถอยและตัดใจจากจ้าวไปง่ายๆแน่  แล้วทำไม…

ทั้งที่ยอมถึงขนาดนั้นแล้ว  ทำไมโชคชะตาถึงยังไม่เห็นใจเขาอีก

‘เข้าใจแล้วครับ  แค่เลิกยุ่งกับน้องจ้าวก็พอสินะ’

‘ใช่…’

‘แต่พ่อเลี้ยงต้องสัญญา  ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับน้องจ้าวเด็ดขาด  น้องจ้าวจะต้องไม่มีวันรู้เรื่องนี้ไปตลอดชีวิต’

‘ฉันสัญญา’

‘งั้นผมตกลง’

ก้านรับปากในที่สุด

เขาเปิดประตูลงจากรถ  เดินโซซัดโซเซไปที่หน้าประตูโรงเรียนก่อนจะทรุดตัวลงแล้วร้องตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง

‘อ๊ากกกกกกกก!’

ยอมแล้ว…

ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแล้วจริงๆ

 

กลับมาปัจจุบัน

“น้องจ้าว!  น้องจ้าว!”

ผมออกตามหาน้องจ้าวจนทั่วหลังจากจิตใจเริ่มสงบ  แต่ไม่ว่าจะหาที่ไหนก็ไม่เจอ

ทำไมเรื่องถึงเป็นแบบนี้ไปได้  น้องจ้าวจะต้องเจ็บปวดและเสียใจมากแน่ๆที่รู้เรื่องนี้  เหมือนผมเมื่อตอนนั้น…

วินาทีที่เหมือนหัวใจแตกสลายจนไม่สามารถต่อมันกลับให้เหมือนเดิมได้อีก

ช่วงเวลาที่เจ็บปวดแทบขาดใจเหล่านั้น  ผมผ่านมันมาอย่างยากลำบากเหลือเกิน

ทั้งที่ได้เห็นกันทุกวัน  แต่กลับสัมผัสไม่ได้  ทั้งที่รักจนแทบจะเป็นบ้า  แต่กลับบอกความรู้สึกพวกนี้ออกไปไม่ได้

ผมทนอยู่กับความอึดอัดพวกนั้นมาสิบเอ็ดปีเต็ม…

แม้ว่าสุดท้ายผมจะหนีหัวใจตัวเองไม่พ้น  เผลอปล่อยตัวผูกพันทางกายกับน้องจ้าวไป  แต่นั่นก็เพราะ…ส่วนลึกของผมร่ำร้องหาเด็กคนนั้นมากมายเหลือเกิน

อยากจะเป็นเจ้าของ  อยากจะดูแลและปกป้องไปทุกวัน

สุดท้ายผมกลับกลายเป็นคนที่ทำร้ายน้องจ้าวได้อย่างเลือดเย็นที่สุดเสียเอง  ถ้าหากผมหักห้ามใจตัวเองให้มากกว่านี้  ถ้าไม่เผลอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรักที่มีให้น้องจ้าวมากมาย  เด็กคนนั้นคง…ไม่ต้องเจ็บปวดมากขนาดนี้ก็ได้

บ้า!

บ้าเอ๊ย!!!

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!”

“น้องจ้าว!”

เสียงที่ตามหาดังมากจากทางชายหาด  ผมรีบเร่งฝีเท้าวิ่งไปทางนั้น ทว่าเมื่อไปถึงกลับไม่พบใครนอกจากเกลียวคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง

หายไปไหนกันนะ?  เสียงมันดังมากจากทางนี้แน่ๆนี่นา!

“อ๊ะ!”

สายตาเหลือบไปเห็นร่างเล็กที่คุ้นเคยกำลังเดินตรงไปที่หน้าผาในสภาพเหมือนคนไร้วิญญาณ   ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ  รีบวิ่งตามไปทันที

“แฮ่ก  แฮ่ก  น้อง…น้องจ้าวครับ…”

แทบไม่มีเสียงหลงเหลืออยู่  ผมเร่งสปีดฝีเท้าเต็มที่ทว่าน้องจ้าวก็ไปยืนอยู่ตรงยอดหน้าผาเสียแล้ว

ไม่ได้นะ…

อย่าทำอะไรโง่ๆนะน้องจ้าว!!!

“น้องจ้าว!  อย่านะ!”

ตู้ม!!!

“น้องจ้าว!!!”

ตู้ม!!!

ผมกระโดดลงน้ำทะเลที่มีคลื่นลมแรงราวกับมันกำลังโกรธใครอยู่ตามน้องจ้าวไปโดยไม่ได้คำนึกถึงชีวิตของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

หากจะตาย…

เราก็จะตายด้วยกัน

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ช่วงนี้จะเป็นช่วงเนื้อเรื่องของพี่ก้านกับน้องจ้าวเสียส่วนใหญ่นะคะ  จะจบปมของสองคนนี้ให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มกลับเข้าสู่คู่หลักของเรา  สรุปแล้วพี่ก้านกับน้องจ้าวเป็นพี่น้องกันจริงๆน่ะเหรอ???  ถึงแม้ว่าขวัญตาจะเป็นคนอุ้มบุญให้และใช้ไข่ของเธอผสมกับสเปิร์มของพ่อน้องจ้าวน่ะนะ?  ตกลงเรื่องเป็นยังไงกันแน่นนั้น  ต้องติดตามกันต่อไปจ้า  แต่ที่แน่ๆ…

พี่ก้านและน้องปั้นของเราครึ่งหนึ่งเป็นเงือกนะเออ!!!

เอ๊ะ  แบบนี้แล้วน้องจ้าวล่ะ???
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 23 (21/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 21-05-2017 15:22:39
 :a5: :a5: :a5: :a5:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 23 (21/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-05-2017 17:04:55
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 23 (21/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-05-2017 17:14:22
 :katai5:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 23 (21/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-05-2017 00:36:29
 :m15:ย
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 24 (22/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-05-2017 18:56:58


ตอนที่ 24

ค้นหาความจริง ( 5 )

เชื่อมั่นในพลังแห่งรักของเรา

 

Special  Part :

“น้องจ้าว!  น้องจ้าวครับ!”

“แค่ก!  แค่ก!”

“อ๊ะ  น้องจ้าว  ค่อยยังชั่ว  ยังไม่ตายจริงๆด้วย”

หมับ!

ร่างกายถูกฉุดขึ้นไปกอดไว้แนบแน่น  ผมไอค่อกแค่กรู้สึกเหมือนจะอ้วกเสียมากกว่าด้วยซ้ำ  ในท้องก็แน่นจนแทบจะขึ้นอืด

“กะ…เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”

“จำไมได้เหรอครับ  น้องจ้าวฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดหน้าผา  แล้วพี่ก้านก็กระโดดตามลงมาช่วย  แต่คิดว่าเราทั้งคู่คงจมน้ำแล้วโคดีถูกคลื่นซัดมาติดเกาะที่ไหนก็ไม่รู้เข้า”

ผมขมวดคิ้วแปลกใจ  เพราะเสียงที่ได้ยินมันค่อนข้างเหมือนเสียงของไอ้พี่ก้านอย่างกับแกะ

“แน่ะ  ขมวดคิ้วขนาดนี้  ระวังคิ้วมันจะพันกันจนแก้ไม่ออกนะ”

“!!!”

ลืมตาโพล่งเมื่อมั่นใจว่าเสียงนี้คือเสียงของไอ้พี่ก้านแน่ๆ!

ผมอยู่ในอ้อมกอดของมันที่ร่างกายเปียกม่อล่อกม่อแลกพอกัน  เส้นผมสีดำสนิทยาวเฟื้อยของมันพอเปียกแล้วดูเซ็กซี่ฉิบหาย

อ๊ะ  ไม่สิ  นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้นี่หว่า!

“ปล่อยนะเว้ย!”

“ไม่ปล่อย  อย่าดิ้นหนีสิครับ  น้องจ้าวเพิ่งฟื้นจากความตายมาได้นะ”

“กูอยากตายเอง  มึงมาช่วยกูทำไม”

“ผัวมีหน้าที่ต้องช่วยเมียสิ  เห็นเมียจะตายอยู่ต่อหน้า  จะไม่ให้ช่วยได้ยังไง”

ยักคิ้วอย่างทะเล้นใส่  ผมง้างหมัดขึ้นตั้งใจจะต่อยหน้ามันให้หายแค้น  แต่เพราะเพิ่งผ่านความตายมาอย่างที่มันว่าก็เลยไม่มีแรงมากพอจะทำแบบนั้น  ผลสุดท้าย...

หมัดของผมร่วงตุ้บลงข้างตัวอย่างง่ายดาย

“เก็บแรงไว้ก่อนดีกว่านะ  พี่ก้านว่าเราคงต้องอยู่ที่นี่ด้วยกันอีกนาน  ไม่รู้ว่าคลื่นพัดพาพวกเรามาที่เกาะไหน?”

ไอ้พี่ก้านดันหลังผมให้ทรงตัวได้  รอบตัวเรามีแต่น้ำทะเลและต้นไม้  ท่าทางจะติดเกาะจริงๆเสียด้วยสิ

“คลื่นขนาดนั้น  รอดมาได้ไงวะ”

ตั้งคำถามกับตัวเอง

“พี่ก้านก็สงสัยอยู่เหมือนกัน  อุตส่าห์ว่าจะตายตามเมียสักหน่อย”

“ใครเมียมึง  ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“พี่ก้านเอาใครไปก็คนนั้นน่ะแหละ”

“กวนตีน!”

ทั้งที่ปากด่าไปแบบนั้น  แต่ในใจผมกลับเต้นแรง

ความจริงก่อนหน้านี้แทบกลายเป็นเพียงความฝันไปเลยเมื่อที่แห่งนี้มีแค่เราสองคน  อยากจะขอให้ทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายที่สุดในชีวิตจังเลย

“พี่ก้านว่าเราไปหาที่พักกันดีกว่านะครับ  พี่ก้านจะเตรียมจุดไฟให้”

“จุดเป็นหรือไง  เอาไฟแช็กมาเหรอ?”

“เห็นแบบนี้แต่พี่ก้านก็ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มลูกเสือทุกปีเลยนะ  เรื่องจุดไฟน่ะของหมูๆ”

ได้ทีรีบอวดเบ่งทันที

ผมเบ้ปากหมั่นไส้ในความโชว์พาวของมันเล็กน้อย

“มาครับ  พี่ก้านช่วยพยุง”

ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือมาให้   แน่นอนว่าผมทำหยิ่ง  ปัดมือมันทิ้งและตั้งใจจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง  แต่ทว่า…

แปล๊บ..!

“โอ๊ย!”

ฉะ…ฉากในละครน้ำเน่า!

ผมเหลือบตาขึ้นมองคนที่ยืนรออยู่ด้วยความเจ็บใจ  ขณะที่อีกฝ่ายเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม  อมลิ้นแบบกลั้นขำผมเต็มที่

“อยากขำก็ขำไปเลย!”

“พี่ก้านยังไม่ได้ขำสักหน่อย  มาๆ  ขี่หลังพี่ก้านเนอะ”

มาทำขยิบตงขยิบตาแอ๊บแบ๊ว  เดี๋ยวกูก็ตบฟันร่วงเลย!

แต่ด้วยตอนนี้ร่างกายผมยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควรเลยต้องยอมๆมันไปก่อน  ค่อนไปทางงุนงงเสียด้วยซ้ำว่าเร่องราวมันพลิกจากหลังตีนเป็นฝ่ามือภายในพริบตาแบบนี้ได้ยังไง  พี่ก้านย่อตัวลงเพ่อให้ผมขึ้นขี่หลังมันได้ง่ายๆ

“ฮึบ!”

“…”

“นึกว่าแบกช้างนะเนี่ย”

“ไอ้พี่ก้าน!”

กูว่าจะสงบปากสงบคำแล้วเชียว  แต่ปากมึงนี่วอนหาเรื่องมาก!

“แหะๆ  ล้อเล่นจ้าๆ  แบกเมียแค่นี้ทำไมจะแบกไม่ได้”

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ  ใครเมียมึง  เมื่อไหร่จะเลิกพูดสักที”

“ก็น้องจ้าวเป็นเมียพี่ก้านจริงๆนี่นา  ไม่เช่อคืนนี้ลองพิสูจน์ไหมล่ะครับ  ขาเจ็บแบบนี้คงไม่มีแรงถีบพี่ก้านแน่นอน” 

“ไอ้พี่ก้าน!!!”

หมับ!

“โอ๊ยๆๆๆ  เจ็บครับๆ  เจ็บแล้ว  โอ๊ยยย  ยอมแล้วจ้าๆ  โอ๊ยยยย”

เสียงร้องโอดครวญดังลั่นไปทั่ว

ไอ้ตุ๊ดกระโปรงบานเอียงคอไปตามทิศทางที่โนผมดึงหู

หมับ!

“อ๊ะ!   ทำเหี้ยไรวะ!”

ผมร้องลั่นเมื่อถูกอีกฝ่ายใช้นิ้วรูดการ์ดตรงบั้นท้ายผม  ทำเอาเสียววาบยันลำไส้เลย

“หายกันไงครับ”

“ไอ้ลามก!”

ถึงจะโดนด่าขนาดนี้แต่ก็ยังไม่สะท้าน  สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องเงียบไปโดยปริยายเพราไม่อยากโดนท่าไม้ตายรูดการ์ดนั่นอีก

พี่ก้านพาผมมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่  ก่อนจะเดินไปหยิบเศษก้านมะพร้าวที่ตกอยู่บนพื้นมาปูทับกันเพื่อทำที่นอนให้  ผมได้แต่นั่งมองมันทำนู่นทำนี่ตาปรบๆเพราขาเจ็บอยู่เลยช่วยอะไรไม่ได้เลย

แปลกแฮะ  ทั้งที่ภายนอกมันดูเหมือนกะเทยร่างยักษ์  แต่ว่าเพราะเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นแบบนี้กลับ…

กลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ขึ้นมา

“นี่…”

ระหว่างที่พี่ก้านกำลังพยายามจุดไฟให้ติดด้วยการเอากิ่งไม้มาทูกับท่อนไม้ขนาดเท่าท่อนแขนผมก็เอ่ยขึ้น

พี่ก้านชะงักเล็กน้อย  หันมามองผมโดยไม่พูดอะไรกลับมาเพื่อรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดก่อน

“ทำแบบนี้ทำไม”

“ทำอะไรครับ?”

“ตอนที่กระโดดลงมา  กูได้ยินเสียงมึง  มึง…”

“…”

“กระโดดตามกูลงมาใช่ไหม  ไม่งั้นคงไม่มาติดเกาะด้วยกันแบบนี้หรอก”

“ยังรู้ใจพี่ก้านเหมือนเดิมหรอกนะ”

มันตอบโดยไม่มองหน้า  ยังคงง่วนกับการจุดไฟต่อไปเพราพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มทีแล้ว

“ทำไมล่ะ  ทำไมต้องกระโดดตามกูลงมา  ในเมื่อถ้ากูตาย  มึงน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ  อย่างน้อยๆ  ก็ไม่ต้องมาคอยกังวลหรือว่าเจ็บปวดเพราะเรื่องของกูอีก”

เสียงเศร้าไปตามความรู้สึก  ยิ่งนึกว่าก่อนหน้านี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง  ผมก็ยิ่งเจ็บและไม่รู้ว่าควรแสดงท่าทียังไงดี

ในหัวมัน…

ตื้อไปหมดแล้ว

“ไม่ว่าน้องจ้าวจะกระโดดหน้าผากี่ครั้ง  หรอจะพยายามฆ่าตัวตายอีกกี่ครั้งก็ตาม  พี่ก้านก็จะไปด้วย  เราจะตายด้วยกัน  ถ้าน้องจ้าวต้องการ”

“ทำไม…”

“ไหนๆตอนนี้ก็รู้ความจริงเกือบทั้งหมดแล้ว  บอกเลยก็คงไม่เป็นไร”

“…”

“พี่ก้านรักน้องจ้าว  รักมาก  รักมาตลอด  เพราะรัก  ถึงห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วจับน้องจ้าวทำเมียไปยังไงล่ะครับ”

ว่าพลางหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม  คำว่าจับผมทำเมียของมันทำเอานึกถึงเหตุการณ์ที่เคยตกเป็นของมันมาสองครั้ง

ฉ่า!!!

คะ…แค่นึกเท่านั้น  ใบหน้าของผมก็ร้อนผ่าวเหมือนโดนเตารีดแทบหน้าเลย!

“เอ้าๆ  หน้าแดงหมดแล้วนะครับ   น่ารักจริงๆ”

“พูดบ้าๆ!  ไหนมึงบอกเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ  สายเลือดเดียวกัน  จะรักกันได้ไง!”

“เรื่องนั้น…ไว้เราหาทางกลับจากที่นี่ได้เมื่อไหร่  พี่ก้านจะค้นหาความจริงเอง”

“หมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าบางที  คนที่โง่ที่สุดอาจจะเป็นพี่ก้านก็ได้ไงล่ะครับ  โดนหลอกมาตั้งหลายปี  หึ…”

แววตาของพี่ก้านว่างเปล่าเสียจนน่ากลัว  ไม่เข้าใจเลยว่ากำลังหมายถึงอะไรกันแน่  แต่คนอย่างมัน  ถ้าเรื่องไหนที่ไม่อยากบอก  ต่อให้เอาตีนยัดเข้าไปในปากแล้วง้างออกมันก็ไม่พูดหรอก!

“ไม่รู้หรอกนะว่าหมายถึงอะไร  แต่…กูเหนื่อยที่จะถามเอาความจริงจากปากมึงแล้ว  อยากบอกเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

หลังจากที่เพิ่งผ่านวินาทีแห่งความตายมา  บอกเลยว่าผมแอบรักชีวิตตัวเองขึ้นเยอะ  ตอนที่น้ำทะเลเข้าปากจนสำลักและหมดสติไปนั้น  ทรมานอย่าบอกใครเชียว…

“ขอบคุณนะครับ  ที่เชื่อใจพี่ก้าน”

อีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้

ถ้าไม่เชื่อใจมึง  จะให้กูเชื่อใจแมวที่ไหนล่ะ  ในเมื่อ…คนที่ยอมเจ็บปวดคนเดียวเพื่อปิดบังความลับเหล่านั้นตลอดเพื่อกูก็มีแค่มึงคนเดียว

ที่สำคัญ…

การที่มันกระโดดน้ำตามผมลงมาเพื่อหวังจะตายไปด้วยกัน  มันก็พิสูจน์ได้มากพอแล้วว่าสำหรับพี่ก้าน…

เพื่อผมแล้ว…

เขายอมให้ได้แม้แต่ชีวิตของตัวเอง

คำว่า…ถ้าจะตาย  เราก็จะตายด้วยกันน่ะ  ถ้าใครไม่ได้มาฟังคำนี้ด้วยตัวเอง  จะไม่เข้าใจเลยมันอบอุ่นแค่ไหน

“แล้ว…ช่วงที่ยังอยู่ที่นี่  พวกเรา…”

“…”

“จะเป็นอะไรกันเหรอ”

“หืม?  น้องจ้าวว่ายังไงนะครับ  พี่ก้านได้ยินไม่ชัดเลย  โอ๊ะ!  ไฟติดแล้วล่ะ”

ให้ตายสิ  คิดจะแกล้งกันหรือไงวะ!

พี่ก้านเอาเศษไม้และใบไม้สุมเข้าไปจนกองไฟใหญ่ขึ้นพอที่จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและกันพวกแมลงต่างๆ  ก่อนจะลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆผม  แต่ว่า…

“ถ้าจะนั่งเบียดขนาดนี้  ไม่ขึ้นมานั่งบนตักกูเลยล่ะ”

“ได้เหรอครับ!”

“กูประชด!”

“ไม่เอาอ่ะ  เลิกพูดกูมึงกับพี่ก้านเถอะนะ  กลับไปพูดเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ”

“นะ…นี่ไงเหมือนเดิม!  กูก็พูดแบบนี้มาสบเอ็ดปีแล้ว”

“ไม่เอาสิ  ไม่เอาในช่วงสิบเอ็ดปีนี้  เอาช่วงสิบสองปีก่อนหน้านั้นเลย  ได้ไหมครับ”

เอียงคอถามอย่างน่ารัก

ไอ้หน้าหวานๆปานน้ำผึ้งของมันนี่โคตรทำให้ใจเต้นรัว!   ผมเบือนหน้าหนีเพราะไม่สามารถต้านทานความน่ารักนี้ได้ต่อไป  แต่ก็ไม่วายถูกมันจับให้หันกลับมาอีก

“พี่ก้านยังไม่ได้ตอบคำถามน้องจ้าวเลย  อย่าเพิ่งหันหน้าหนีกันสิ”

“มะ…ไม่ถามแล้ว!”

“แต่พี่ก้านอยากตอบ”

“ก็ไม่อยากรู้นี่โว้ยยยย!”

“แฟน”

“!!!”

“ในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่  พวกเราจะเป็นแฟนกัน  และทันทีที่กลับไป  พี่ก้านจะสืบหาความจริงเรื่องของน้องจ้าวทันที  และถ้าสุดท้ายมันคอเรื่องโกหก  ถึงตอนนั้น…”

“…”

“มาอยู่ด้วยกันนะ”

“พี่ก้าน…”

“นะครับ”

ผมเม้มปากแน่น  เหลอกตาขึ้นฟ้าเพื่อกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจของตัวเอง  ถึงจะยังงงๆว่าอะไรทำให้ความคิดของพี่ก้านเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้แบบนี้

แต่ผม…

รู้สึกดีเหลือเกิน

เหมือนหัวใจถูกซ่อมแซมบาดแผลทั้งหมดที่ได้รับมาก่อนหน้านี้  คล้ายกับมีสายน้ำเยนไหลรินพาดผ่านดวงใจที่ร้อนรุ่มของผม

“สัญญานะ”

เอ่ยถามเสียงสั่นทั้งน้ำ  ผมจ้องหน้าพี่ก้านที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เขาส่งยิ้มหวานละลายใจที่ทำให้ผมอบอุ่นทุกครั้งที่มองมาให้

“สัญญาครับ”

“หะ…ห้ามทิ้งผมอีกนะ”

“อื้ม  แน่นอนครับ”

“จะไม่ไล่ผมอีกใช่ไหม”

“ไม่ไล่แล้วครับ”

“ฮึก…”

“…”

“รัก…”

“…”

“ผม…รักพี่ก้านนะ”

หมับ!

สิ้นคำบอกรักของผม  ร่างกายก็ถูกคนตรงหน้าดึงเข้าไปกอดไว้แน่น

ผมค่อยๆยกมอขึ้นกอดเขากลับ

ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้…  ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ผมรับรู้ได้ถึงความรักจากเขาโดยตรง…

“พี่ก้านก็รักน้องจ้าว  รักจนแม้ต้องตายก็ยอม”

“พี่ก้าน  ฮึก…”

เราสองคนค่อยๆผละออกจากกัน  ริมฝีปากถูกเคลื่อนทับปิดแนบสนิท  ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ภายในมาเนิ่นนาน…

พี่ก้านค่อยๆดันตัวผมให้นอนราบลงไปกับพื้น  เสื้อผ้าที่เปียกถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว  ไออุ่นจากกองไฟโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่เอาไว้  ผมหลับตาแน่นขณะที่ถูกกอดไว้แน่นยิ่งกว่า  ยามที่ลิ้นร้อนเข้าสัมผัสกับร่างกาย  หัวใจมันแทบจะหยุดเต้นไปเลย…

“อื้อ!”

สองมือยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกอิ่มเอมล้วนๆ  สองขาถูกแยกออกจากกันและดันขึ้นจนหัวเข่าชนกับหน้าท้อง  หนทางแห่งความสุขถูกรุกล้ำด้วยเรียวลิ้นแห่งความหฤหรรษ์

อ่อนโยน…

นุ่มนวล…

และเร่าร้อน…

เขาเก่งเรื่องทำให้ผมรู้สึกดีทั้งทางร่างกายและจิตใจจริงๆ

“อึก!”

ความอึดอัดจากการเป็นหนึ่งเดียวกันช่างสุขสมเหลือเกิน

ผมโอบรอบลำคอกอดคนตัวใหญ่กว่าเอาไว้แน่น  สบตามองกันขณะที่เขากำลังดำเนินความสัมพันธ์ของให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“รู้สึกดีไหมครับ”

พยักหน้ารับเพราะถึงอยากจะตอบก็ตอบไม่ได้  ตอนนี้ที่ผมทำได้มีแค่ส่งเสียงครางบ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับว่ามันมากมายแค่ไหน

“สงสัยเพราะไม่ได้ทำเสียนาน  แน่นเชียว…”

“ทะลึ่ง!  อื้อ!”

เสียงต่อว่าเป็นอันสลายหายไปเมื่อภายในถูกเติมเต็มเข้ามาสุดแรง  มันล่วงล้ำเข้ามาเสียจนผมอดกลัวไม่ได้ว่าอาจจะทะลุออกมาทางปากผม!

“อ่า…ชักจะหยุดไม่ไหวแล้วสิ”

ความเร็วในการเพิ่มความสุขรุนแรงขึ้น  จังหวะที่เคยเชื่องช้าแปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็วราวกับติด 4G  ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ตัดสินใจทำมันเลยสักนิด

กลับกัน…

ผมแทบไม่อยากให้ทุกอย่างมันจบลงในครั้งเดียว

 

“หมดสภาพมาเชียวนะ  กล้ามากที่แสดงความรักอย่างเร่าร้อนของเจ้าหญิงของข้าต่อหน้าต่อตากันแบบนี้!”

ก้านที่สวมแค่กระโปรงตัวเดียวเดินมานั่งแหกแข้งแหกขาตามประสาผู้ชายทั่วไปเปรยตามองเจ้าของเสียงที่อยู่ในทะเล

“พูดมากน่า  ทำแบบนี้นายก็จะได้รู้สักที  ว่าน้องจ้าวเป็นของฉัน  นายไม่มีวันแย่งเขาไปได้หรอก”

“ก็ไม่แน่หรอกนะ  อย่างน้อยข้าก็เปิดตัวทำคะแนนไปได้ดีพอสมควร”

“ถ้าน้องจ้าวรู้ว่านายเป็นตัวอะไร  ขี้คร้านจะรังเกียจน่ะสิ!”

“ใจร้ายจัง  ข้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้าทั้งสองไว้เชียวนะ  แถมยังใจดีสงเคราะห์บอกความลับของเผ่าเงือกให้รู้ด้วย  ยังจะมาทับถมกันอีก”

เจ้าของเสียงแลบลิ้นใส่ก้านที่แสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระอยู่บนผืนทราย

“ว่าแต่  ที่นายบอกฉัน  เรื่องจริงแน่ๆใช่ไหม”

“แน่ยิ่งแน่  สำหรับสายเลือดผสม  ถ้าไม่ได้ถูกผนึกวิญญาณเงือกเอาไว้  ทะเลจะไม่มีวันคร่าชีวิตของคนผู้นั้น  ถ้าเจ้าหญิงของข้ามีสายเลือดของเงือกอยู่ในตัวโดยที่วิญญาณเงือกไม่ได้ถูกผนึกเอาไว้จริงๆ  คงไม่มีทางเกือบตายเพราะน้ำทะเลแน่ๆ”

“เพราะทะเล…”

“…”

“ไม่มีวันทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาจากทะเลเด็ดขาด”

“เท่ากับว่า  ฉันต้องสืบหาให้ได้  ว่าน้องจ้าวถูกผนึกวิญญาณเงือกเอาไว้หรือว่า…”

“…”

“ไม่ได้มีสายเลือดของเงือกอยู่เลยกันแน่”

สายตาของก้านแน่วแน่กว่าทุกที  บุคคลปริศนาที่อยู่ในน้ำทะเลยิ้มแป้น   ก่อนจะดำผลุบลงไปใต้น้ำ  เผยให้เห็นหางอันแสนสวยงามที่ชี้ขึ้นมากระทบกับแสงจันทร์

 

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ!”

ผมทิ้งตัวลงกอดพี่ก้านจากทางด้านหลังหลังจากตื่นนอนมาพบว่าถูกจับเอผ้าเรียบร้อยแล้ว  ส่วนคนใส่ให้ก็มางุ่นง่านอะไรอยู่แถวกองไฟไม่รู้

“ตื่นแล้วเหรอครับ  พี่ก้านกำลังย่างปลาให้น่ะ  อ้อ  มีน้ำมะพร้าวด้วยนะ  จะกินหรือว่าจะล้างหน้าดี?”

“เอาไว้ล้างหน้าพี่เหอะ!”

ว่าพลางคลายอ้อมกอดออก  แล้วกระดึ๊บๆไปนั่งข้างๆแทนเพื่อรอกินปลา

“พี่ไปจับปลามาเองเลยเหรอ  เก่งเหมือนกันนะเนี่ย”

“จะปล่อยให้เมียแสนน่ารักของพี่ก้านหิวได้ยังไงล่ะ  ว่าแต่…ตรงนั้นเป็นยังไงบ้างครับ  เมื่อคืนพี่ก้านทำไปซะเยอะเลยด้วย”

“พูดมากน่า  ผมไม่เป็นไรหรอก”

เบือนหน้าหนีด้วยความอาย

เมื่อคืนพวกเราแสดงความผูกพันทางกายกันหนักหน่วงและมากครั้งไปหน่อย  คงเพราะรักกันมากและคิดถึงกันมากล่ะมั้ง  ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่พอสักที  ทั้งที่สุดท้ายพวกเราแทบไม่มีอะไรให้หลั่งออกมาจากตัวแล้ว  แต่พี่ก้านมันก็ยังไม่ยอมหยุด 

ผลสุดท้ายคือ…

สลบทั้งที่ยกสุดท้ายยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ!

“วันนี้พวกเราจะได้กลับบ้านกันแล้วนะครับ  เดี๋ยวรูปปั้นคงเอาเรือมากรับพวกเรา”

“ไอ้ปั้น?  มันรู้ได้ไงว่าพวกเราติดเกาะ”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ  พี่ก้านว่ารีบกินดีกว่า  จะได้…”

สายตากะลิ้มกะเหลี่ยเลื้อยมองไปทางบั้นท้ายของผม  ผมรีบตะครุบมันไว้อย่างหวนแหนทันที

กะ…กูยังไม่ทันได้กลับมาฟิตดังเดิมเลยนะ  มึงคิดจะเอาอีกแล้วเรอะ!

“ฮ่าๆๆ  พี่ก้านล้อเล่นน่า  เว้นสักสองสามวันละกัน”

“สองสามวันเองเรอะ!  ขอต่อเวลาเป็นสามเดือนได้ไหม”

“งั้นพี่ก้านให้วันเดียวพอ”

“เฮ้ย!”

“น้องจ้างจะบ้าเหรอครับ  จะให้พี่ก้านอดทนตั้งสามเดือนโดยไม่ได้แซ่บกับน้องจ้าวเนี่ยนะ  มีหวังเฉาตายพอดี  พี่ก้านรอมานานแค่ไหนรู้บ้างไหม  เราน่ะยั่วพี่ก้านมาตั้งแต่ห้าขวบแล้วอย่ามาทำไม่รับผิดชอบกันนะ!”

ทำไมคำพูดมันแปล่งๆชอบกล  นั่นมันสมควรจะเป็นคำพูดผมไม่ใช่หรือไง!

“สะ…สามวันเหมือนเดิมก็ได้”

“ดีมากเด็กดี  ครบสามวันเมื่อไหร่พี่ก้านจะทบต้นทบดอกให้ยิ่งกว่าเมื่อคืนเลย”

กลืนน้ำลายลงคอด้วยความ(หวาด)เสียว

เมื่อคืนนั่นว่าสุดๆแล้วนะ  ยังมีอัพสกลเพิ่มอีกเหรอ  ตายแน่ๆกู!

“จริงสิ  หลังจากกลับไปคราวนี้  พี่ก้านมีเรื่องให้ช่วยเยอะเลยล่ะ”

“เรื่องอะไร?”

“เชื่อมั่นในพลังรักของพวกเรา  แล้วช่วยพี่ก้านได้ไหมครับ?”

มาอีกแล้ว…

ท่าไม้ตายเอียงคออย่างน่ารักเหมอนสาวญี่ปุ่นนั่น!

ว่าแต่…จะมีเรื่องวุ่นๆอะไรตามมาอีกนะ  เฮ้อ!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  หลังจากซดมาม่ามาหลายตอน  ตอนนี้เลยขอมาแจกลูกกวาดให้กินกันบ้าง  พี่ก้านคนหื่นของเราจัดหนักจัดเต็มซะน้องลุกไม่ไหวเลยแฮะ 55555  ว่าแต่  สรุปแล้วเรื่องของน้องจ้าวเป็นยังไงกันแน่นะเนี่ย  ตกลงว่าพวกเขามีสายเลือดเดียวกันจริงหรือเปล่า  แล้วคนที่พี่ก้านแอบคุยด้วยกลางดึกนั่นคือใครกัน?  ที่แน่ๆ!  มีหางด้วยล่ะ!
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 24 (22/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 22-05-2017 19:20:58
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 24 (22/05/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 23-05-2017 17:07:59
 :sad11:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 25 (12/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-06-2017 15:49:19


ตอนที่ 25

องครักษ์จากแดนเงือก

 

“แน่ใจเหรอรูปปั้นว่าอยู่คนเดียวได้”

ไอ้พี่ก้านที่ยืนคาอยู่ตรงประตูห้องร่วมสิบนาทีชะโงกหัวกลับเข้ามาถามผมอีกครั้ง

หลังจากที่มันนอนเฝ้าผมมาทั้งคืน  ผมก็ตัดสินใจสั่งให้มันกลับไปพักผ่อนที่บ้านเสีย  เพราะตอนกลางวันพยาบาลจะเดินตรวจบ่อย  ไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าก็ได้  แต่ท่าทางมันจะไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่นักเพราะห่วงผม

“อยู่ได้  พี่กลับไปเหอะ”

“แต่…”

“จะกลับไปดีๆหรือจะให้เตะออกไป?”

“อะ…ออกไปดีๆก็ได้จ้า”

ตอบเสียงอ่อนก่อนจะค่อยๆออกจากห้องไป

ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของผมกลับมาอีกครั้ง

ในที่สุดก็มีเวลาได้คิดอะไรคนเดียวเสียที  เมื่อคืนจะคิดเรื่องเจ้าชายสักหน่อย  ไอ้พี่ก้านแม่งก็ชวนคุยเรื่องสมัยเด็กอยู่นั่นแหละ

ผลสรุปก็ไม่ได้คิดเรื่องเจ้าชายเลยแม้สักวินาทีเดียว

ไอ้จ้าวเองวันนี้ก็ไม่โผล่หัวมาเลย  ทั้งที่ปกติจะต้องถ่อมาหาพี่ดาวตั้งแต่เช้าแล้วแท้ๆ  แถมเมื่อวานพอกลับมาจากส่งไอ้จ้าว  พี่ก้านก็ดูซึมกะทือจนน่าแปลกใจ

เจ้าชายแปลกคน เอ๊ย  ตัวเดียวไม่พอ  พวกมันสองคนยังมาร่วมขบวนกันทำตัวแปลกๆอีก  คนปกติคนเดียวอย่างกูไปต่อไม่ถูกเลย!

พอๆ เลิกคิดเร่องมั่วซั่วแล้ววกกลับมาเรื่องของเจ้าชายอีกครั้ง  ท่าทีที่แปลกไปของเขาเมื่อวานนี้มันหมายความว่ายังไงกันนะ  ทำไมจู่ๆๆถึงทำเย็นชาขึ้นมาอีก  ซ้ำยังหายไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆอีกด้วย  ทำไมชอบทำอะไรเองโดยไม่ปรึกษาผมบ้างนะ

ก๊อกก๊อกก๊อก

“หมอมาฉีดยาให้ครับ  รบกวนคนไข้นอนคว่ำลงด้วยนะ”

ประตูห้องเปิดออกพร้อมผู้ชายในชุดกาวน์เดินเข้ามา

ผมพลิกตัวนอนคว่ำตามที่คุณหมอสั่งอย่างงงๆด้วยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีพยาบาลคนไหนมาฉีดยาให้ผมเลยสักวัน

“เอ่อ  ผมต้องฉีดยาด้วยเหรอครับ  ยาอะไรล่ะ?”

“เอาล่ะ  หมอขอถอด…”

“หืม?”

“หมอหมายถึงถกกางเกงลงน่ะครับ”

“เดี๋ยวนะหมอ ฉีดยาตรงไหนเนี่ย”

“ก้นครับ”

เสียงแป้นตอบกลับมา

กางเกงค่อยๆถูกหมอร่นลงไปเกือบครึ่งตูด  ผมฟุบหน้าลงกับหมอน  แอบอายนิดหน่อยที่ต้องมาโชว์ก้นให้เขาเห็น  ถึงจะแค่นิดหน่อยก็เหอะ

“!!!”

ตาเบิกโพล่ง  เมื่อก้นถูกลูบไล้ด้วยฝ่ามือที่ไม่คุ้นเคย  ผมรีบพลิกตัวกลับเป็นนอนหงาย  แต่เพราะลืมไปว่ากางเกงมันถูกร่นลงมา  พอนอนหงายปุ๊บเลยกลายเป็นโชว์น้องชายแทน  ทำเอาต้องรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดไว้ก่อนเป็นการด่วน

“ทำอะไรของคุณเนี่ย!  คุณเป็นใคร!”

“ฮ่าๆๆๆ  เพราะแบบนี้เองสินะเจ้าชายถึงเลือกคุณเป็นเมีย”

“พูดอะไรของคุณน่ะ?”

“ไม่ต้องปิดหรอกครับ  ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะตั้งใจจะมาแนะนำตัวกับคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ผมฟรานซิส  แต่ชื่อในโลกมนุษย์ของผมคือหมอหมาก  ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ”

อีกฝ่ายโค้งคำนับผมเล็กน้อย  พอตัดเรื่องที่มันลวนลามผมเมื่อกี้ออกไป  หน้าตาของหมอนี่นับว่าหล่อใช้ได้  ไม่สิ  ต้องหล่อมากๆเลยทีเดียว!

แต่เดี๋ยวนะ!

เมื่อกี้นี้มันพูดว่า…

“ละ…โลกมนุษย์?”

“ครับ  ผมเป็นเงือก  เป็นองครักษ์ประจำตัวเจ้าชาย  คิดว่าได้เวลาแล้วที่พลังในตัวเจ้าชายจะตื่นขึ้นมาทั้งหมด  ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะมารับตัวเจ้าชายกลับไปยังแดนเงือก  เข้าพิธีจำศีลเจ็ดวันเจ็ดคืนรอจนถึงวันพระจันทร์สีเลือดที่จะมาถึง  เมื่อถึงวันนั้น…”

“…”

“เจ้าชายจะได้ขึ้นครองราชย์  พลังของเจ้าชายจะสามารถทำลายกบฏทุกตัวที่คิดจะล้มล้างบัลลังก์ของท่าน”

“…”

“หากผู้ใดไม่มีจิตใจจงรักภักดีต่อองค์ราชา  มันผู้นั้นจะสลายหายไปราวกับฟองคลื่นด้วยคำสาปจากพลังขององค์ราชาครับ”

มันชักจะแฟนตาซีไปกันใหญ่แล้ว

แข่งกับแฮรี่ พ็อตเตอร์ได้เลยนะเนี่ย!

“แล้วคุณมาบอกผมทำไม”

“เพราะคุณคือคนสำคัญของเจ้าชาย  ผมจำเป็นต้องรายงานทุกย่างก้าวของเจ้าชายให้คุณได้รับรู้”

“ถ้างั้นก่อนอื่นเลย  บอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา  จู่ๆเมื่อวานถึงได้ทำเย็นชาใส่ผมแบบนั้น”

“เรามีเวลาอีกแค่สามวันก่อนที่ผมจะพาเจ้าชายกลับแดนเงือก  ซึ่งในเวลาสามวันที่เหลือนี้  พวกเราทุกคนจะต้อง…”

“…”

“พิสูจน์ให้ได้ว่าประกายดาวที่ปรากฏตัวในตอนนี้คอตัวจริงหรือไม่”

“หมายความว่าคุณเองก็สงสัยในตัวพี่ดาวเหมือนกันเหรอ?”

“คนที่น่าจะตายไปได้เกือบสองปีแล้วจู่ๆก็โผล่มา  ไม่มีทางที่จะไม่น่าสงสัยหรอกครับ  เจ้าชายเองก็คิดเรื่องนี้อยู่  เพียงแต่…ท่านไม่สามารถพูดออกมาได้หรือทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไป   เพราะ…”

สีหน้าของฟรานซิสดูวิตกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

มันต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากแน่ๆ!

“เพราะอะไรเหรอ?”

“ถ้าผมบอกไป  คุณสัญญาได้หรือไม่ว่าจะไม่คิดมาก  และจะเชื่อมั่นในตัวของเจ้าชาย  ว่าตอนนี้หัวใจของเจ้าชายอยู่ที่คุณเพียงคนเดียว”

“…”

“…”

“ได้  ผมสัญญา”

นาทีอะไรก็ต้องยอมหมดล่ะวะ  ผมต้องการรู้ทุกความเคลื่อนไหวและทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าชาย  ผมไม่อยากเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้อะไรอีกแล้ว

“เหตุผลที่เจ้าชายทำอะไรโจ่งแจ้งไม่ได้ก็เพราะ…องค์รัชทายาทลำดับที่สอง…”

“…”

“ลูกของเจ้าชายครับ”

“อะไรนะ!!!”

“ก่อนที่ประกายดาวจะหายไปและเราทุกคนคิดว่านางได้ฆ่าตัวตายไปแล้วนั้น  ความจริงแล้วเรื่องนี้  มีแค่ผมกับองค์ราชาเท่านั้นที่รู้  นั่นก็คือ…นางตั้งท้องกับเจ้าชาย  แต่นางขอให้องค์ราชากับผมและหมอหลวงปิดไว้เป็นความลับเพราอยากจะบอกเจ้าชายด้วยตัวเอง  แต่กลายเป็นว่านางกลับหายตัวไปเสียก่อน  และเมื่อทุกคนรวมถึงเจ้าชายปักใจเชื่อว่านางตายไปแล้ว  องค์ราชาจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ให้เจ้าชายฟังเพราะกังวลว่าเจ้าชายจะเสียพระทัย  แต่ตอนนี้ประกายดาวกลับมาแล้ว  แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าใช่ตัวจริงหรือไม่  ผมก็ต้องตามสืบเรื่องนี้  เพราะหากนางคือตัวจริง  องค์รัชทายาทลำดับที่สองที่ไม่รู้ว่าจะเป็นโอรสหรือธิดานั้นจะต้องยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”

ฟรานซิสอธิบายเรื่องราวทุกอย่างมาทีเดียว  แม้ว่าจะโคตรตกใจกับเรื่องที่ได้ยินมากแค่ไหนก็ตาม  แต่ในเมื่อมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว  ผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมันอย่างเต็มใจ

ลูกของเจ้าชายกับพี่ดาว…

เท่ากับว่าเป็นหลานของผม

ขอร้องล่ะ...ช่วยยังมีชีวิตอยู่ทีเถอะ!

“ตกลงครับ  ผมจะให้ความร่วมมือด้วยทุกอย่าง  ทั้งพิสูจน์ตัวจริงของพี่ดาว  พาเจ้าชายกลับวังและขึ้นครองราชย  รวมถึง…ตามหาตัวองค์รัชทายาทด้วย”

“ความจริงเจ้าชายส่งสั่งห้ามไม่ให้ผมบอกคุณเรื่องนี้เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณ  แต่ผมคิดว่า…นอกจากคุณกับเพื่อนของคุณอีกสองคนนั้น  คงไม่มีใครรู้จักประกายดาวไปดีกว่านี้อีกแล้ว”

“เรื่องนี้แค่ผมคนเดียวคงไม่ไหวสินะ”

หมายความว่าผมต้องดึงพี่ก้านกับไอ้จ้าวเข้ามาร่วมด้วยจริงๆน่ะเหรอ

“ก็แค่เรื่องของประกายดาวเท่านั้น  แต่เรื่องอื่น…ไม่จำเป็นต้องให้เพื่อนของคุณมายุ่งหรอกครับ”

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ  แต่ว่า…ผมเพิ่งไล่ให้พี่ก้านกลับไป  ส่วนไอ้จ้าว…ผมยังไม่เห็นหัวมันเลยตั้งแต่เช้า”

“เรื่องนั้นผมจะไปตามพวกเขามาให้เอง  ส่วนที่เหลือคงต้อง…ฝากคุณช่วยพูดด้วยนะครับ  เราไม่มีเวลามากแล้ว  หากพลาดคืนพระจันทร์สีเลือดในรอบนี้ไปก็จะต้องรออีกเกือบร้อยปีของมนุษย์เลยทีเดียว  ถึงตอนนั้นพวกกบฏมันอาจทำการโค่นล้มบัลลังก์ไปแล้วก็ได้”

“ไม่ต้องห่วงครับ  ผมจะช่วยอย่างเต็มที่  ฝากคุณตามองคนนั้นกลับมาให้ผมก็พอ”

“ได้ครับ  งั้นผมขอตัว”

ฟรานซิสคำนับผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ

ไม่ใช่แค่สงครามธรรมดาๆเสียแล้ว  แต่ยังพ่วงชีวิตน้อยๆของหลานผมอีกคน  จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ  ถ้าเป็นลูกของพี่ดาว  ผมมั่นใจว่าพี่ดาวจะต้องสอนให้โตมาเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน

แต่ว่า…

พี่ดาวที่กลับมาคนนี้…ไม่มีทีท่าจะพูดถึงเรื่องลูกเลยสักนิด  หรือว่า…จะเป็นตัวปลอม

“อ๊ากกก!  ปวดหัวโว้ย”

ทึ้งหัวตัวเองแก้เครียดจนผมหลุดติดมือมากระจุกหนึ่ง

ฉิบหายล่ะ  หัวกูจะล้านไหมเนี่ย!!!

 

แอ๊ด…

ประตูห้องพักฟื้นของพี่ดาวถูกเปิดออกอย่างเบามือ  ผมค่อยๆบิดลูกบิดประตูอย่างเบาที่สุด  ชะโงกหัวเข้าไปในห้องเพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้าชายยังอยู่ไหม

และ…

เขากำลังหลับอยู่ข้างเตียงคนไข้โดยที่ฟุบหน้าลงกับเตียงที่พี่ดาวนอน

ผมเดินเข้าไปหาเขาอย่างเป็น  ท่าทางของเจ้าชายดูอิดโรยมาก  คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ  เมื่อคืนนี้ก็หายไปกับฟรานซิสมาทั้งคืนเพราะเจ้าชายเองก็เพิ่งจะทราบเรื่องลูกจากฟรานซิสเช่นกัน  เขาคงช็อกและเสียใจมากที่ไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าลูกของตัวเอง

เพราะอะไรกันนะ?

ทำไมพี่ดาวจะต้องหนีไปด้วย

“เหนื่อยสินะครับ”

เอ่ยถามเสียงแผ่ว  มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบไปตามเส้นผมสีเขียวแสนสวยของเจ้าชาย  ผมอยากจะเป็นกำลังให้กับเขา  อยากจะสามารถช่วยเขาได้ในหลายๆเรื่อง  แต่ผมก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำอะไรเพื่อเขาได้บ้าง

“…ก…”

“เจ้าชาย…”

“…ลูกพ่อ…”

น้ำเสียงเจ็บปวดที่ละเมอออกมากรีดหัวใจผมเหลือเกิน

อยากเจอลูกสินะครับ  ผมจะทำอะไรเพื่อคุณได้บ้างนะ  ทั้งที่รักคุณมากขนาดนี้  ทั้งที่ยอมทุกอย่างได้เพื่อคุณแล้ว  แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย

“หืม?”

บางอย่างสะกิดใจผมขึ้นมาเล็กน้อย

ผมผละมือออกมาจากเจ้าชาย  ไปหยุดยืนอยู่ใกล้พี่ดาวและจ้องมองไปยังจุดที่คิดว่าแปลกที่สุดอย่างจับผิด

ไม่ผิดแน่…

ร่างกายของพี่ดาวต้องเคยขยับหลังจากที่พวกผมมาค้นหาปานกันคราวก่อน!

เมื่อวานหลังจากที่จู่ๆเจ้าชายก็โผล่มา  ตอนวิ่งเข้ามาช่วยไอ้จ้าวแถ  ตอนนั้นมายืนอยู่ใกล้เตียงก็เลยแอบเอาปากกาขีดตำแหน่งที่พี่ดาวนอนอยู่เอาไว้  แต่ว่าตอนนี้…

ตำแหน่งที่ผมใช้ปากกาขีดเอาไว้กับถูกร่างของพี่ดาวนอนทับอยู่!

ถ้าหากเจ้าชายไม่ได้เป็นคนขยับตัวให้พี่ดาวล่ะก็... ความเป็นไปได้ก็เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือ…

พี่ดาวขยับเอง

แบบนี้ก็เท่ากับว่า…

ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  ค่อยๆเอื้อมมือไปข้างหน้าหวังจะแตะตัวพี่ดาว  ถ้าหากพี่ดาวฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ  มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องแกล้งทำเป็นเจ้าหญิงนิทราต่อไป

หรือเธอต้องการสืบหาอะไรบางอย่าง  มีแผนงั้นเหรอ?

เอายังไงดีนะ  ปลุกเจ้าชายดีไหม?

“พี่…”

หมับ!

“อ๊ะ! อุ๊บ!”

มอหนายกขึ้นอุดปากผมอย่างวดเร็ว  ก่อนจะเอานิ้วชี้อีกข้างแตะไปที่ปากของตัวเองเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ผมเงียบเอาไว้

ฟรานซิสลากผมออกมาจากห้องพักของพี่อย่างรวดเร็ว

“คุณ!  เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ  มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”

ทันทีที่ถูกลากมากไกลจากห้องพอสมควร  ฟรานซิสก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระเลยถูกผมยิงคำถามใส่ทันที

แหวะ!  มือมึงล้างขี้มาหรือไงวะ  เค็มโคตรๆ!

“ถ้าผมให้เสียงเจ้าชายก็จะทรงตื่นน่ะสิ  เข้าไปเงียบๆน่ะดีแล้ว  ว่าแต่คุณเถอะ  กำลังจะทำอะไร?”

“คุณมาก็ดีแล้ว  ผมมีเรื่องจะบอก”

อธิบายุทกอย่างที่ได้ทำไว้กับเตียงของพี่ดาวให้เขาฟังจนหมด  พร้อมกับข้อสงสัยที่ผมคิดว่าพี่ดาวอาจจะฟื้นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่งและตอนนี้แกล้งทำเป็นหลับเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

“งั้นเหรอ…ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องรีบแล้วล่ะ  ถ้าเธอไม่ใช่ประกายดาวตัวจริง  เจ้าชายจะตกอยู่ในอันตราย”

“ครับ  ว่าแต่…คุณตามเพื่อนๆผมมาได้หรือยัง”

“โอ๊ะ  จริงสิ  เรื่องเพื่อนทั้งองคนของคุณ  คือว่า…พรุ่งนี้เช้าช่วยไปรับพวกเขาที่เกาะฝั่งตรงข้ามกับชายหาดบ้านคุณหน่อยได้ไหมครับ  พอดีพวกเขาติดเกาะกันอยู่”

“ติดเกาะ?!  มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย”

“คุณจ้าวกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายครับ  คุณก้านเลยกระโดดตามลงไปช่วย”

“ฆ่าตัวตาย!  คุณหมายความว่ายังไง  ทำไมไอ้จ้าวต้องฆ่าตัวตายด้วย  นี่ภายในเวลาแค่สองวันมันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้โดยที่ผมไม่รู้เหรอเนี่ย! “

ผมกระชากคอเสื้อฟรานซิสเข้ามาถามด้วยเคียดจัด  เป็นห่วงไอ้จ้าวก็เป็นห่วง  เป็นห่วงพี่ก้านก็เป็นห่วง  แต่เรื่องของตัวเองก็ยังเอาไม่รอด

เวรเอ๊ย!

“ใจเย็นๆครับ  ถึงพวกเขาจะฆ่าตัวตาย  แต่ผมก็ช่วยพวกเขาไว้ได้ทัน  คุณไม่ต้องห่วง  ส่วนเรื่องสาเหตุ  พรุ่งนี้ให้คุณถามพวกเขาเองดีกว่าครับ  ผมก็รู้อะไรไม่มากรักหรอก  อีกอย่างเรื่องบางเรื่อง  ฟังจากปากเจ้าตัวเองน่าจะทำให้รู้สึกดีมากที่สุด”

“คุณกำลังทำผมกลัวนะ”

“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ  เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้าอย่าลืมไปรับพวกเขานะ  เราต้องรีบจัดการเรื่องประกายดาวให้เร็วที่สุด”

“ตกลงครับ”

รับคำไปอย่างงงๆ

ดูท่าว่าก่อนจะจัดการเรื่องพี่ดาว  ผมต้องไปเค้นเอาความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้พี่ก้านก่อนเสียแล้ว!

 

ในมุมๆหนึ่ง  หญิงสาวในชุดผู้ป่วยกำลังแอบมองปูนปั้นและฟรานซิสด้วยสายตาวิตกกังวล  เธอบีบมือทั้งองข้างของตัวเองไว้แน่น  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มใบหน้า

 

‘มันรู้ตัวแล้ว  จะทำยังไงดี’

 

คิดในใจพลางตัวสั่นเทิ้ม

ความกลัวเข้าเกาะกินไปทั้งหัวใจ

 

‘ฉันต้องรีบจัดการเรื่องทุกอย่าง  ก่อนที่…มันจะได้ตัวองค์รัชทายาทลำดับที่สองไป!!!’

 

คิดอย่างมุ่งมั่นก่อนจะเดินเดินกลับไปที่ห้องพักฟื้นของตัวเอง

 

เช้าวันต่อมา  ผมรีบไปเอาเรือของลุงกิ่งขับไปรับพี่ก้านกับไอ้จ้าวที่เกาะร้างทันที  เมื่อคืนบอกเลยว่านอนไม่หลับสักนิด  อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ผมโง่ที่สุดเลยนะ  แถมยังรู้ความจริงนู่นนี่นั่นหลังสุดอีกด้วย!

“อยู่ไหนกันนะ  อ๊ะ!  เจอแล้ว”

ผมเปลี่ยนทิศทางของเรือหันไปทางจุดที่พี่ก้านกับไอ้จ้าวนั่งรออยู่  แต่ยิ่งเรือเข้าไปใกล้  ผมก็ยิ่งสังเกตเห็นอะไรที่ผิดแปลกไปจากทุกที

มะ…มะ…มือ!!!

สองคนนั้นกำลงนั่งจับมือกันอยู่  แถมยังมีออร่าสีชมพูวิ้งวับจับตาไปหมดอีกต่างหาก!

“พี่ก้าน!  ไอ้จ้าว!”

ทันทีที่ได้ยินเสียงของผม  ไอ้จ้าวก็ทำท่าจะดึงมือของตัวเองออก  แต่พี่ก้านมันก็ยื้อไว้พลางหันมายิ้มต้อนรับผมเหมือนอย่างที่ชอบทำ

“มาแล้วเหรอครับรูปปั้น”

“อะ…อืม…”

ตอบก่อนจะกระโดดลงจากเรือ  จ้องไปที่มือของพี่ก้านที่กุมมือไอ้จ้าวไว้แน่นอย่างฉงน

“นี่ผม…พลาดอะไรไปหรือเปล่า?”

“ฮะๆๆๆ  ก็อย่างที่เห็นล่ะนะ  ตอนนี้พี่ก้านกับน้องจ้าว  พวกเรา…ตัดสินใจคบกันแล้วนะครับ”

“จริงดิ!”

“แต่…เฉพาะแค่ตอนอยู่บนเกาะนี้เท่านั้น  พอกลับขึ้นฝั่งไป  พี่ก้านมีเรื่องต้องสะสางก่อน  และถ้าผลมันออกมาแบบโชคชะตาเข้าข้างพี่ก้านกับน้องจ้าวล่ะก็…เราจะอยู่ด้วยกันทันที”

“เฮ้ย!  พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย  สะสางอะไร  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

ผมเร่งเอาคำตอบ

ไอ้จ้าวกับพี่ก้านมองหน้ากัน  สีหน้าของพวกมันดูท่าทางหนักใจทั้งคู่  ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย  เอาแต่คุยกันผ่านสายตากูไม่ได้รับรู้ด้วยนะเฟ้ย!

“รูปปั้น  คือว่า…พี่ก้านมีความจริงบางอย่างอยากจะบอก”

“อะไร?”

“สัญญามาก่อน  ว่าถ้ารู้แล้วจะไม่ตกใจ”

“…”

“เร็วสิวะไอ้ปั้น!”

ไอ้จ้าวเร่งแทน  ผมเลยต้องพยักหน้ารับคำแบบส่งๆไป  หน้าและคำพูดของพี่ก้านแม่งทำให้ผมเสียวสันหลังฉิบหาย

“ฟังให้ดีๆนะครับ  พี่ก้านจะพูดแล้วนะ”

“เออ!!!”

“เรื่องแรกเลยก็คือ…รูปปั้น  ความจริงแล้ว  พี่ก้านกับรูปปั้นเป็น…”

“…”

“…”

“…”

“พี่น้องสายเลือดเดียวกัน”

“!!!”

“เรามีพ่อแม่คนเดียวกันครับ  ส่วนเรื่องที่สอง”

“เดี๋ยว!”

“อะไรอีกล่ะรูปปั้น”

“เรื่องแรกกูยังไม่ทันจะหายตกใจเลย  มึงจะต่อเรื่องที่สองเลยเรอะ!”

ผมถามหน้าตาตื่น  ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกทั้งนั้น

“ก็จะได้ตกใจทีเดียวไง  เอาล่ะนะ  เรื่องที่สองก็…น้องจ้าว  อาจะเป็นพี่น้องแม่เดียวดันกับเราสองคน”

“ฮะ!!!!!!!!”

“แต่เรื่องนี้รูปปั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ  พี่ก้านกับน้องจ้าวจะจัดการเอง  เพราะมันมีเรื่องแปลกๆไม่ชอบมาพากล  ทำให้พี่ก้านคิดว่าน้องจ้าวอาจไม่ใช่ลูกของแม่เราจริงๆก็ได้”

“หมายความว่ายไง?”

คราวนี้ไม่ใช่แค่มองที่ถาม  แต่ไอ้จ้าวเองก็ถามด้วยเช่นกัน

อ้าวๆ  แสดงว่ามันยังไม่รู้เรื่องนี้น่ะสิ

“เรื่องที่สาม  พี่ก้านบอกทั้งรูปปั้นและน้องจ้าวพร้อมกันเลยแล้วกันนะครับ  คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องรู้ความจริงกันทั้งหมดเสียที”

ขอเอฟเฟกต์ตื่นเต้นอลังการหน่อยได้ไหม  ตอนนี้หัวใจผมเต้นตึกตักๆยิ่งกว่าเสียงปืนในสนามรบเสียอีก

“เรื่องที่สามก็คือ…”

“…”

“แม่ขวัญตาของพวกเรา…”

“…”

“เป็นนางเงือก”

“…”

“พวกเราคือครึ่งมนุษย์ครึ่งเงือกครับ”

“อะไรนะ!!!!”

ทั้งผมและไอ้จ้าวต่างก็ผสานเสียงกัน

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย  กูงงไปหมดแล้ว!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  รอบนี้หายไปนานม๊ากกกกก  มากจริงๆ  ด้วยงานและหลายๆอย่าง  บวกกับต้องการส่งหนังสือให้ครบก่อนด้วย  เพราะอยากให้นักอ่านที่อุดหนุนได้อ่านก่อนจะลงในเว็บจนจบ  ซึ่งตอนนี้ก็ได้จัดส่งไปหมดแล้ว  บิวเลยกลับมาทำการอัพต่อให้อ่านจนจบนะคะพร้อมกับมีเรื่องจะมาแจ้งด้วยว่า  คู่ของพี่ก้านและน้องจ้าวจะไม่จบลงในเรื่องนี้นะคะ  เพราะปมมันเล่นไว้หนักมาก  ถ้าจะอัดให้จบในเล่มนี้ก็จะกลายเป็นการตัดจบจนเกินไป  และจำนวนหน้าจะเกินโควตาที่ตั้งเป้าไว้ด้วย  จึงมีการเขียนเรื่องแยกของคู่นี้คือ “รักนี้…พี่จอง” ค่ะ  หลังจากนี้จะเป็นเรื่องราวของคู่หลักเท่านั้น  ซึ่งถ้าคู่รองจบไม่เคลียร์ในเรื่องนี้ก็อย่าตกใจนะคะ   มีเรื่องแยกต่อ แต่อาจจะไม่ยาวและหนาเท่าเรื่องนี้เท่านั้นเองค่ะ ^^

ปล. ใครต้องการสั่งซื้อหนังสือ  ตอนนี้มีสต๊อกอยู่ 20 เล่มนะคะ  พร้อมจัดส่ง   สามารถสั่งซื้อในเพจหรือเว็บไซด์ที่บิวเคยแจ้งไว้ได้เลยค่า ^^
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 26 (14/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 14-06-2017 17:29:10


ตอนที่ 26

ฟื้นจากนิทรา

 

สามชั่วโมงผ่านไป

สามชั่วโมงมาแล้วหลังจากได้ฟังความจริงทั้งหมดจากพี่ก้าน  บอกตรงๆว่าผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พี่ก้านคือพี่ชายแท้ๆ  และแม่ความจริงแล้วเป็นนางเงือก  รวมถึงพลังที่แม่ใช้สะกดวิญญาณเงือกในตัวของผมกับพี่ก้านอีก

ผมไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยจริงๆ

แต่ว่า…ถ้าหากเรื่องทั้งหมดที่พี่ก้านเล่ามาเป็นเรื่องจริง  มีเรื่องเดียวที่นั้นที่ผมไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอนคือ…

ไอ้จ้าวไม่มีวันเป็นลูกของแม่ผม

ต่อให้เป็นการอุ้มบุญก็ตาม  แต่จากนิสัยของแม่  แม่ไม่มีทางรับอุ้มบุญแน่นอน  เพราะเท่ากับว่าเด็กที่เกิดมาจะต้องกลายเป็นครึ่งเงือกไปด้วย  และจะทำให้เด็กคนนั้นต้องเป็นอันตรายจากพวกกบฏจากแดนเงือก  แม่ไม่มีทางทำให้เด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องเดือดร้อนแน่นอน

ผมคิดว่าพี่ก้านคงโดนพ่อของไอ้จ้าวหลอกแล้วล่ะ

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ…

ผมเชื่อใจแม่

แม่จะไม่มีทางยอมมีลูกกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อเด็ดขาด

ตุ้บ…!

ที่ข้างๆมีคนมาทิ้งตัวนั่งลงด้วยท่าทางที่ยังอึ้งไม่หาย  ไอ้จ้าวเพิ่งได้ฟังความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องเงือก  ทั้งเรื่องของเจ้าชาย  พี่ดาว  และกบฏ   มันเลยช็อกหนักกว่าผมเป็นพิเศษ

“ไม่อยากจะเชื่อ   เรื่องจริงเหรอวะนั่น”

“เออ  ถ้าไม่ใช่เพรากูจำเป็นต้องพึ่งมึงเรื่องพี่ดาว  กูคงไม่ให้พี่ก้านบอกความจริงกับมึงหรอก  เพรากูไม่อยากดึงมึงเข้ามาเกี่ยวด้วย  กูไม่อยากให้มึงต้องเป็นอันตราย”

พูดในสิ่งที่คิดออกไปจนหมด  คนฟังนั่งนิ่งจ้องผมไม่วางตาจนผมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัย

“จ้องหน้ากูทำไม  กูหน้าเหมือนบรรพบุรุษมึงเหรอ”

“หน้าเหมือนตีนกูนี่แหละ”

มันสวนกลับทันทีพร้อมยกเท้าขึ้นมาให้ดูเป็นการประกอบอีกด้วย

“แล้วมึงจ้องหน้ากูทำไม”

“ก็แค่สงสัย”

“เรื่อง?”

“ไม่เกลียดกูเหรอ?”

“…”

“กูทำเรื่องเหี้ยๆไว้กับมึงมากมาย  ทำไมมึงถึงยังห่วงกูอีก  มึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่ากูจะเป็นอันตรายก็ได้  แล้วทำไม…”

ไอ้จ้าวเว้นคำถามไว้  สบสายตากับผมราวกับต้องการขอให้ผมเปิดใจคุยกับมันอย่างจริงจังเสียที

“ไม่มีอะไรซับซ้อนนี่”

“…”

“ถึงมึงจะบอกว่าเกลียดกู  แต่กูเคยบอกว่าเกลียดมึงหรือเปล่า?”

“ก็…”

มันทำท่านึก

“ไม่นะ”

“อืม  กูไม่เคยบอกว่าเกลียดมึง  ก็แสดงว่ากูไม่ได้เกลียดไง”

“งั้น…รักกูเหรอ”

อีกฝ่ายถามหน้าขึ้นริ้วสีแดง  ผมผงะถอยหลัง  มองหน้ามันด้วยใบหน้าร้อนผ่าวไม่ต่างกัน

“มะ…มึงถามเหี้ยอะไรเนี่ย!!!”

“เออน่า  กูถามก็ตอบมาเหอะ”

ผมชั่งใจ  แต่มาคิดๆดู   เวลานี้คงไม่มีอะไรต้องปิดกันอีกต่อไปแล้วล่ะ  จะความในใจห่าเหวอะไรที่เก็บไว้ก็ควรพ่นๆมันออกมาซะ

เอาวะ…!

“ก็…อืม…”

“อยากได้กูเป็นผัว?”

“ไอ้เหี้ย!  กูหมายถึงรักแบบเพื่อนเว้ย!”

“แล้วไป  เพรากูคงเป็นผัวให้ใครไมได้ทั้งนั้นแหละ”

“ทำไมวะ”

“กูมีผัวแล้ว”

พยักพเยิดไปทางไอ้พี่ก้านที่ยืนบิดไปบิดมาด้วยสีหน้ากังวลกลัวผมกับไอ้จ้าวจะทะเลาะกัน

“เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง  อยากเป็นพี่สะใภ้กูว่างั้น?”

“เออ  อยากมาก!”

ระ…

แรด!

ไอ้จ้าวมันแรดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!

แต่ทั้งๆที่คุยกันแบบสัตว์โลกเดินเรียงกันออกมาจากปาก  น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกดีมากในรอบหลายปี  มันทำให้ผมรู้สึกว่า…

ผมได้เพื่อนรักคนเดิมกลับมาแล้ว

 

“พี่ก้านคิดว่าจะค้างที่เกาะกันอีกคืนเสียแล้ว  เห็นคุยกันนานสองนาน”

ครึ่งชั่วโมงเต็มๆที่โดนไอ้พี่ก้านบ่นเรื่องที่ผมกับไอ้จ้าวเอาแต่เม้ามอยกันหลังจากที่ไม่ได้นั่งคุยกันแบบฉันท์มิตรมานานเหลือเกิน

“อย่าพูดมากน่า  สิ่งสำคัญตอนนี้คือพี่ต้องรีบขับรถพาพวกเรากลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อจัดการเรื่องพี่ดาว  ยังไงเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นใช่พี่ดาวตัวจริงหรือเปล่า”

ไอ้จ้าวออกรับพร้อมออกคำสั่งกับผัวตัวเองแทนผม

เรื่องที่พี่ก้านเป็นพี่ชายแท้ๆของผมนั้น  เอาเข้าจริงก็ยังตกใจอยู่นั่นแหละนะ  แต่คงเพราผมนับถือมันเหมือนพี่ชายแท้ๆมาตั้งนานแล้ว  และตอนนี้ก็มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าความจริงของสายเลือดผมตั้งเยอะ  ทำให้ผมไม่อยากโฟกัสกับมันมากเท่าไหร่นัก

ถึงยังไง…พี่ก้านก็คือพี่ก้านของผมอยู่ดี

อีกอย่าง…มันทำให้ผมรักและเคารพพี่ก้านยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ  ที่รู้ว่าการที่เขายอมแต่งหญิงและไม่สนใจคำครหาของคนทั้งหมู่บ้านมาเป็นเวลานับสิบปีก็เพราะทำเพื่อผม

มันไม่ใช่แค่การรักษาสัญญาในวัยเด็ก

แต่พี่ก้านยอมได้ขนาดนี้เพราะเราเป็นพี่น้องกัน

“หน้าพี่ก้านมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า  ทำไมรูปปั้นจ้องเอาๆแบบนั้นล่ะ”

“ปะ…เปล่านี่  ไม่มีอะไร”

ไว้หมดเรื่องยุ่งๆพวกนี้เมื่อไหร่   ผมจะบอกพี่นะ…

ผมจะบอกให้พี่รู้ว่าผมรักและขอบคุณพี่มากขนาดไหนกับทุกสิ่งที่ทำให้  ทั้งที่พี่สามารถทอดทิ้งผมได้ตั้งหลายครั้งแต่พี่ก็ไม่เคยทำ

ขอบคุณจริงๆ…

เอี๊ยด!

“ถึงสักที  ยิ่งไม่อยากนั่งนานๆอยู่”

“เมื่อคืนตูดมึงใช้งานเยอะล่ะสิ”

ผมแซวพลางมองไปที่บั้นท้ายของมัน  คนถูกกระทำหน้าแดงต่างจากไอ้คนกระทำที่ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย

บอกตามตรง  ผมล่ะคิดภาพไอ้พี่ชายกะเทยร่างยักษ์ของตัวเองเป็นฝ่ายรุกไม่ออกจริงๆ!

ไม่กล้าคิดด้วยเหอะ

“พูดมาก  รีบไปดีกว่า”

“เอ้า  รอด้วยสิวะ”

ผมรีบวิ่งตามไอ้จ้าวไปติดๆ  แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี   ไอ้จ้าวพุ่งพรวดเปิดประตูห้องพี่ดาวเข้าไปก่อนก่อนจะหยุดชะงักอยู่ตรงประตู  ทำเอาผมที่วิ่งตามไปเบรกไม่ทัน  ชนกับหลังมันเต็มแรง

ปั้ก!!!

“โอ๊ย!  หยุดทำเหี้ยไรวะไอ้จ้าว”

“พะ…พี่ดาว”

เสียงของมันเรียกความสนใจและความตกใจได้ดีเยี่ยม  ผมชะโงกคอเกยบ่ามันไปเพื่อมองว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น

“พี่ดาว…”

เรียกชื่อคนที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงคนป่วยโดยมีเจ้าชายเป็นคนป้อน

ไอ้ปลาลามกหันมามองผมด้วยสายตานิ่งสนิท  ส่วนพี่ดาวก็ส่งยิ้มสดใสมาให้เหมือนปกติทุกอย่าง

“พวกเธอนั่นเอง  มาเยี่ยมฉันเหรอ?”

“พี่ดาวฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

ไอ้จ้าวเดินเข้าไปใกล้เป็นคนแรก  มันตรงเข้าไปแย่งข้าวต้มในมือเจ้าชายมาถือไว้เองพร้อมกับทำหน้าที่ป้อนพี่ดาวแทนเสร็จสรรพ

“กูจัดการเอง  ไปยืนไกลๆไป”

พรึ่บ!

ผมแอบยกนิ้วโป้งให้ไอ้จ้าวที่หันมายกคิ้วให้

ทำได้ดีมาก  ช่วยเป็นไม้กันหมาชั้นเยี่ยมได้เลย!

“เพิ่งฟื้นเมื่อเช้าเองจ้ะ  ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง”

“เอ่อ  แล้วหมอให้พี่ดาวออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่เหรอครับ”

“นี่!  ทั้งสองคน  ทำไมวิ่งกันไวนักล่ะ  นี่วิ่งหรือวาร์ปมากัน…ดาว!”

พี่ก้านที่ตามมาหลังสุดด้วยสังขารที่ค่อนข้างจะแก่แล้วนิ่งค้างไป  สองตาเบิกกว้างมองไปที่พี่ดาวอย่างตกใจ

“ค่ะ  คนนี้คือ…พี่ก้านใช่ไหม?”

“ใช่แล้วๆ   ฉันชื่อก้าน  นี่ยัง…จำไม่ได้ใช่ไหม”

“ขอโทษด้วยนะคะ  แต่ฉันยังจำใครไม่ได้สักคนอยู่ดี  อ้อ  แต่ที่ปั้นถามเมื่อกี้  พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ   รอดูอาการคืนนี้อีกคืนเท่านั้น”

“งั้นเหรอครับ  พอดีเลย  พวกเรานัดกันว่าจะไปเที่ยวบ้านพักตาอากาศของผมที่ริมทะเล  พี่ดาวก็ไปด้วยกันเลยสิ  ตอนเด็กๆพวกเราไปที่นั่นกันบ่อยๆ  อาจทำให้พี่ดาวจำอะไรได้บ้างก็ได้นะ”

ไอ้จ้าวแทรกขึ้น  มันหันมาส่งซิกให้ผมกับพี่ก้าน  หรือนี่จะเป็นแผนการของมัน!

“ใช่ครับพี่ดาว  ไปด้วยกันเถอะ  จะได้พักผ่อนไปในตัวด้วย”

“ก็ดีนะดาว  ไปเถอะ  เธอกับฉันจะได้ช่วยกันทำอาหารอร่อยๆให้สองคนนี้กินอีกไง”

พี่ดาวลังเล  มองหน้าพวกเราสามคนสลับกับเจ้าชาย

ไอ้เจ้าชาย  มึงห้ามส่ายหน้าเด็ดขาดเลยนะ!

“ข้าว่า…”

หมับ!

ผมไม่รอให้มันได้พูดอะไร  จับหัวมันกดลงเป็นการพยักหน้าทันที

“ไคโอตกลงแล้วล่ะครับ  งั้นตามนี้เนอะ  พรุ่งนี้พวกเราจะไปพักผ่อนที่บ้านพักตาอากาศของไอ้จ้าวกัน!”

ตัดบทเอาเองเสร็จสรรพ

เจ้าชายถลึงตามองผมที่บังอาจถือวิสาสะจับหัวเขากดลงแบบนั้น  แต่ใครจะสนกันล่ะ  ตอนนี้ทุกนาทีมีค่าและเสียงต่อความปลอดภัยของเจ้าชายมากๆ

ผมจะไม่ยอมให้เขาเป็นอันตรายเด็ดขาด!

 

“นานแล้วนะครับ  ที่ไม่ได้เดินกลับบ้านด้วยกันแบบนี้”

ผมเอ่ยขณะที่เราสองคนกำลังเดินกลับไปที่บ้านของผมด้วยกัน  โดยที่พี่ก้านและไอ้จ้าวอาสาอยู่เฝ้าพี่ดาวคืนนี้เอง

ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่

แม้ว่าผมจะชวนคุยในหลายๆเรื่อง  แต่สิ่งที่เจ้าชายแสดงกลับมามันช่างชวนให้เจ็บปวดเหลือเกิน

“นี่…ผมทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า”

หยุดเดินพลางดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้จากด้านหลัง

แผ่นหลังกว้างที่เคยโอบกอบผมเสมอยามเหงาและอ้างว้าง  ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเยือกเย็นราวกับเป็นแผ่นหลังของคนละคน

รู้ทั้งรู้ว่าที่เจ้าชายทำเย็นชาแบบนี้ก็เพราะไม่อยากดึงเอาผมเข้าไปเสี่ยง

แต่ว่า…ก่อนจะตัดสินใจเอาเองแบบนั้น  ทำไมไม่ถามผมสักคำล่ะ  ว่าความจริงแล้วผมคิดยังไง  ทำไมถึงได้ตัดสินใจเองไปหมดทุกเรื่อง

พวกพระเอกเป็นแบบนี้กันหมดทุกเร่องเลยหรอไง  ชอบปกป้องให้พ้นจากอันตรายด้วยวิธีของตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าวิธีของเขานั่นแหละที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวดเจียนตายที่สุด!

“เปล่า  เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”

“แล้วทำไมต้องเย็นชากับผมแบบนี้  หรือว่าเป็นเพราะ…เรื่องพี่ดาว”

“…”

“ยังมีเยื่อใยอยู่เหรอครับ”

“ถ้าข้าตอบว่าใช่ล่ะ”

“…”

“ถ้าข้ายังมีเยื่อใยกับประกายดาวอยู่  เจ้าจะยอม…ปล่อยข้าไปหรือเปล่า”

แทบหมดแรงกับคำพูดนี้

ผมยืนตัวสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากลงมา  เจ้าชายค่อยๆหันหน้ากลับมา  แววตาของเขานิ่งมากเสียจนผมกลัวว่าเขาจะหมายความตามนั้นจริงๆ

“คุณรักผม”

“…”

“เรารักกัน  แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องปล่อยคุณไปล่ะ   เยื่อใยอะไรนั่น  ผมจะเป็นคนตัดมันเอง  บนโลกนี้มีแค่คุณที่ผมจะไม่ยอมเสียไปอีก”

“เจ้านี่…ช่างดื้อดึงเสียจริง”

มือหนาเลื่อนขึ้นประคองใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา  สบสายตาหวานซึ้งชนิดที่น้ำตาลยังเรียกพ่อ  ทั้งที่แค่มือแท้ๆ  แต่ว่าผมกลับ…

อบอุ่นไปทั้งหัวใจเลย

“เจ้าชาย…”

หมับ!

ผมพุ่งเข้ากอดเขาทันที  กอดแน่นราวกับจะบอกให้รู้เป็นนัยๆว่ากลัวเขาจะหายไป  ยังไงผมก็ยังหวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี  กบฏที่คิดร้ายต่อบัลลังก์จะต้องสูญสิ้นไป  และผมกับเขาจะครองคู่กันตราบนานเท่านาน

ดั่งเช่นนิทานที่แม่เคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆ…

 

“อื้ม…”

ริมฝีปากที่สัมผัสกันร้อนขึ้นเรื่อยๆพอๆกับร่างกายของสองเราที่แนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน

ผมขึ้นคร่อมนั่งทับเจ้าชายที่นั่งอยู่ไว้อีกที  มือข้างหนึ่งแปะลงตรงแผงอกเขา  ขณะที่สองมือของเจ้าชายจับท่อนแขนผมเอาไว้  ดวงตาปิดสนิท  ไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังมองผมด้วยสายตาแบบไหน  ผิวกายที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดของเจ้าชาย…

ร้อนรุ่มประหนึ่งไฟจากดวงอาทิตย์

“ข้าถอดนะ”

พยักหน้ารับโดยไร้เสียงตอบ

เจ้าชายยกยิ้มเล็กน้อย  ผมค่อยๆชูแขนขึ้นเพื่อให้เขาถอดเสื้อออกได้ง่ายๆ  ทันทีที่ท่อนบนของผมไม่มีเสื้อผ้าปกปิด  จุดอ่อนไหวที่เริ่มแข็งเป็นไตก็ถูกจู่โจม  ลิ้นร้อนเกี่ยวกวัดมันไปมาจนผมเกร็งจนต้องจิกบ่าของอีกฝ่ายเอาไว้

ท้องน้อยบิดเกลียว

หัวใจเต้นแรง

สมองปั่นป่วนไปหมด…

“ผมรักคุณ…”

“ข้าก็รักเจ้า  ขอให้จำไว้เท่านี้ก็พอ”

คำบอกรักที่ดังก้องอยู่ข้างหูแม้จะกระซิบเพียงแค่แผ่วเบาชัดเจนอยู่ในใจ

มันจะตราตรึงตราบนานเท่านาน  และผมจะขอเชื่อมั่นเพียงคำๆนี้เท่านั้น

จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ผมขอสัญญา…ผมจะเชื่อเพียงสิ่งเดียวว่าคุณรักผม  รักผมคนเดียวเท่านั้น…

 

“ว้าว   สวยจังเลยนะคะ”

พี่ดาวที่เดินควงแขนเจ้าชายมาตลอดเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆบ้านพักตากอากาศของไอ้จ้าวราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน

เฮ้ยๆ  มืออ่ะมือ  จะเกาะติดไปถึงไหนวะ!

“ใจเย็นไว้มึง”

ไอ้จ้าวดึงแขนผมไว้พลางกระซิบใกล้ๆ  เมื่อพายุแรงหึงหวงเริ่มโหมกระหน่ำใส่ผมเหลือเกิน

คือกูเพิ่งเอากันมาเมื่อคืนไหม?  ยังไงก็ต้องหวงป่ะวะ!

“ช่วยกูหน่อย”

“เออๆ  เดี๋ยวกูจัดการให้”

ไอ้จ้าวรับคำหน้าเครียด  ผมแอบเบ้ปากเล็กน้อย  ทั้งหึงทั้งหวงแต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงดี  นอกจากยืนมองตาละห้อยเหมือนหมามองเจ้านาย…

“พี่ดาว!  มานี่ดีกว่าครับ  ผมจะพาไปดูห้องที่พี่ดาวนอนตอนเด็กๆนะ”

ไอ้จ้าวแทรกตัวผ่ากลางวงระหว่างพี่ดาวและเจ้าชาย  มันฉกเอามือพี่ดาวไปจับไว้เองแล้วลากไปทางฝั่งห้องนอนของพี่ดาวที่เมื่อก่อนเวลามาเที่ยวเล่นจะนอนห้องนั้นเป็นประจำ

พี่ก้านรีบหันมาขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนจะวิ่งตามไอ้จ้าวไป

เหลือไว้แค่ผมกับเจ้าชาย…

“ร้ายไม่เบานะเพื่อนๆของเจ้าเนี่ย”

“พะ…พูดอะไรน่ะครับ  ผมไม่รู้เรื่องสักหน่อย”

เฉไฉแล้วรีบเดินไปทางห้องของตัวเอง  ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าชายวิ่งตามมาติดๆ  ก่อนที่สายตาผมจะมองเห็นใครบางคนที่นอกหน้าต่าง

ฟรานซิส!

หมอนั่นตามมาด้วยเหรอเนี่ย!

เขายืนโบกมือให้ผมอยู่ที่ด้านนอกก่อนจะเดินหายไปทางชายหาด  เจ้าชายจะรู้ไหมนะว่าเขาตามมาด้วย 

“รอข้าด้วยสิ!”

ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพังเสียที  ไม่รู้ว่าไอ้จ้าวกับพี่ก้านมีวิธีอะไรในการตรวจสอบเรื่องพี่ดาวกันแน่?

ผมนั่งจุ้มปุ้กมองหน้ากันไปมากับเจ้าชายเพ่อรอเวลาเริ่มแผนการ  ปฏิบัติการพิสูจน์ตัวจริงของพี่ดาวที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้!

ก๊อกก๊อกก๊อก

“ไอ้ปั้น  อยู่หรือเปล่า   ไปหาอะไรสุนกๆทำกันเถอะ!”

มะ…มาแล้วสินะ!

ผมเด้งตัวลุกขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับไอ้จ้าว  พี่ดาวที่มาด้วยกันกับมันรีบพุ่งแทรกตัวเข้าไปหาเจ้าชายเป็นอันดับแรก

วงแขนเล็กๆเกี่ยวกอดท่อนแขนล่ำของเจ้าชายเอาไว้

“พวกเขาบอกว่าจะไปเล่นทดสอบความกล้ากันที่ถ้ำไม่ไกลจากที่พักน่ะ  ไคโอไปเล่นด้วยกันนะ”

“ทดสอบความกล้า?   มันคืออะไร”

พวกเราไม่มีใครตอบ  วิธีทดสอบแรกก็เล่นแรงระดับสิบริกเตอร์กันเลยเรอะ!

ในเมื่อพี่ดาวน่ะ…กลัวความมืดและพวกผีสางยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!

 

“ตื่นเต้นจังเลยเนอะ”

“เจ้าจะเล่นจริงๆเหรอ   ข้าว่ามันน่ากลัวออกนะ”

เจ้าชายถามพี่ดาวพร้อมกับหันมามองหน้าพวกผมสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไปด้วย

“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน่า  ก็แค่มืดนิดๆหน่อยๆเอง”

“ดาว  ถ้าเธอกลัวจะมาเดินกับพวกฉันก็ได้นะ”

“พูดอะไรน่ะ  ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยสักนิด”

พี่ดาวหันมาตอบพี่ก้านด้วยท่าทีสบายใจเฉิบสุดๆ

พวกผมสามคนหันหน้ามองกันทันใด   มะ…ไม่มีทาง!  พี่ดาวไม่มีทางที่จะไม่กลัวแน่นอน  ก็ในเมื่อตอนเด็กๆพี่ดาวเคยโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งขังไว้ในตู้ล็อกเกอร์จนกลายเป็นคนกลัวความมืดและที่แคบๆไปเลย

แต่ว่า…พี่ดาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้กลับพูดว่ามันไม่น่ากลัว…

“ไปกันเถอะ   ใครแพ้ต้องทำอาหารเย็นสินะ!”

ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มหันมาถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม  พวกผมทำได้แค่พยักหน้าไปด้วยยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

เธออาจจะแค่แกล้งทำก็ได้   ผมยังหวังนะ…ยังหวังว่าเธออาจจะเป็นพี่ดาวตัวจริง!

 

“อ๊ากกกก”

“ว๊ากกกกก”

“แว้กกกกก!”

“กรี๊ดดดดดด!”

“มึงจะกรี๊ดทำหอกไรเนี่ยไอ้พี่ก้าน!  หูจะแตก!”

“ก็พี่ก้านตกใจนี่นา!”

 

และจนแล้วจนรอด  พวกเราก็ยังไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดแห่งความกลัวของพี่ดาวเลยแม้แต่น้อย…

 

“เอาล่ะ!  ต่อไปเป็นการแข่งกันจับปูลม  ใครจับได้มากที่สุดคนนั้นก็ชนะไป  ส่วนคนแพ้จะต้องล้างจานทั้งหมดในคืนนี้!”

ไอ้จ้างประกาศเกมทดสอบต่อไปทันที

พี่ดาวเป็นคนใจดี  อ่อนโยน  รักสัตว์  รักสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้  เพราะงั้นการเล่นจับปูลมที่อาจจะทำให้ปูลมตายได้นั้นพี่ดาวตัวจริงจะต้องค้านสุดกำลังและไม่มีทางเล่นอย่างแน่นอน!

“เอาสิ  น่าสนุกดีนะไคโอ  ว่าไหม?”

เฮ้ยยยย!

พวกผมสามคนมองหน้ากันอีกครั้ง  คำว่าเครียดแปะอยู่บนหน้าผากาตัวเท่าบ้านกันเลยทีเดียว

ทำไมล่ะ…  ทั้งๆที่เธอเหมือนพี่ดาวมากขนาดนี้แท้ๆ  แล้วทำไม…ทำไม…

“ใจเย็นนะไอ้ปั้น  อาจเป็นเพราะความจำเสื่อม  ก็เลยลืมเรื่องที่ตัวเองเคยกลัวเคยไม่ชอบไปก็ได้  ลองหาบททดสอบอย่างอื่นดูเถอะ”

ไอ้จ้างกระซิบกระซาบเมื่อเห็นผมกังวล

ผมมองหน้ามันสลับกับพี่ดาวที่กำลังคุยและหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่กับเจ้าชาย  ในเมื่อเป็นแบบนี้  ก็เหลืออยู่แค่บททดสอบเดียวเท่านั้นแหละ

“ไอ้จ้าว  ให้แม่บ้านมึงหาซื้อแมงกะพรุนมาหน่อย”

“แมงกะพรุน?  รูปปั้นจะเอามาทำอะไร?”

พี่ก้านที่ยืนฟังอยู่ด้วยรีบถามอย่างตกใจ

“นั่นดิ  มึงจะเอามาทำไมวะ?”

“บททดสอบสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้  กูขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน”

ถ้าเป็นพี่ดาวตัวจริงล่ะก็…จะต้องไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เอาล่ะ…!  จุดพีคที่สุดของเรื่องใกล้จะมาถึงแล้ว  ใครกันแน่คือกบฏตัวจริง  ตอนหน้าจะได้รู้กันล่ะ!  ยิ่งไปกว่านั้น  เธอคนนี้จะใช่ประกายดาวตัวจริงหรือไม่  ตอนหน้าพลาดไม่ได้นะคะ  ใกล้จะจบแล้วจริงๆ  รวมถึงเหตุผลการเกิดมาและการมีชีวิตอยู่ของน้องปั้นด้วย  ทุกอย่างใกล้จะเฉลยแล้ว  มารอดูกันว่า…เพื่อเจ้าชายแล้ว  น้องปั้นยอมที่จะสละอะไรได้บ้าง?!

หนังสือเหลือสต๊อกอีกแค่ 15 เล่มแล้วนะคะ  ใครสนใจอินบ๊อกได้จ้า
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 27 (19/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-06-2017 13:14:32


ตอนที่ 27

กบฏตัวจริง?

 

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง  ไอ้จ้าวและพี่ก้านที่เล่นแพ้มันทุกคนเกมรับหน้าที่ทำอาหาร  ส่วนผมกับเจ้าชายเป็นคนล้างจ้าน  พี่ดาวซึ่งเป็นผู้ชนะในทุกๆเกมไม่ต้องทำอะไรเลย  แต่ว่า…ของจริงมันเริ่มจากนี้ต่างหาก

บททดสอบสุดท้ายในตัวของพี่ดาว!

เพราะอย่างที่ผมบอก  ผมยังหวังว่าเธอจะเป็นพี่ดาวตัวจริง  มีเรื่องราวมากมายที่ผมอยากจะถามเธอ

“ไคโอ!”

พี่ดาวที่เดินออกมาจากห้องประจวบกับผมและเจ้าชายที่กำลังจะเดินไปที่สวนหน้าบ้านพักเพื่อกินมื้อเย็นกันร้องทัก  เธอรีบวิ่งเข้ามากอดแขนเขาเหมือนที่ชอบทำ

ผมเขยิบตัวถอยห่างออกมา  เจ้าชายหันกลับมามองด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะอึดอัด  ผมเลยยิ้มให้เขาเพราไม่อยากให้เขาต้องกังวล

ไม่เป็นไร…

ผมไม่เป็นไรหรอก

“มากันแล้วเหรอ  เร็วเข้าๆ  มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย”

พี่ก้านที่ใส่ชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูน่ารักคาวาอี้โคตรๆกวักมือเรียก

บอกตามตรงว่าคู่นี้ทำผมสับสนไม่น้อยเลยว่าตกลงใครแม่งเป็นผัวใครแม่งเป็นเมียกันแน่  เพราะไอ้เมียก็ห้าวซะ  ส่วนไอ้ผัวก็อาโนเนะเหลือเกิน!

“ว้าววว   มีบาร์บี้คิวเหรอเนี่ย  ถึงจะแปลกใจไปหน่อยที่มาทะเลทั้งทีแต่กลับกินบาร์บีคิวไม่ใช่อาหารทะเลแต่ก็…โอเคนะ  น่ากินดี”

คำพูดของพี่ดาวทำเอาผมหวนนึกถึงวันที่เจ้าชายเจอเมนูอาหารทะเลนานาชนิดจากพี่ด้านรอบก่อนจนองค์ลง

มาคิดๆดูแล้ว   พวกเรามีความทรงจำด้วยกันมากมายจริงๆนั่นแหละ

“มีไส้กรอก  เบค่อน  แล้วก็แฮมด้วยนะครับ  หอมอร่อยแน่นอน”

ไอ้จ้าวเอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ  พี่ดาวเอาออกเอาใจเจ้าชาย  หยิบนั่นป้อนนี่ให้  ปาร์ตี้มื้อเย็นเริ่มขึ้นแบบง่ายๆตามสไตล์  เพื่อรอเวลาเริ่มตามแผนสุดท้ายของผม!

จะว่าไป…ฟรานซิสหายไปเลยแฮะ  โผล่มาเห็นแค่นั้นเนี่ยนะ  ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าพวกผมกำลังหาทางเปิดโปงตัวจริงของพี่ดาวซึ่งเขาสงสัยว่าอาจเป็นกบฏปลอมตัวมา  และถ้าหากแผนทั้งหมดได้ผล  พี่ดาวกลายเป็นกบฏจริงๆ  เท่ากับว่าเจ้าชายจะตกอยู่ในอันตราย  แต่ว่าหมอนั่นกลับ…

ไม่มาวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อทำตามหน้าที่องครักษ์?

มันเพราะอะไรกันนะ?

“เอาล่ะ!  ก่อนที่เราจะเริ่มเข้าสู่เมนูของหวาน  วันนี้ผมมีเมนูสุดพิเศษที่ฝึกทำมาตั้งนานให้ทุกคนได้ชิมกันด้วยครับ!”

ไอ้จ้าวเริ่มเล่นไปตามบทเป็นคนแรกเมื่อเวลามาถึง   มันเดินเข้ามาพร้อม ‘เมนูเด็ด’  ที่ว่านั่น

“แถ่นแท้นนนนน  แมงกะพรุนหมักงาครับโพ้มมมมม!”

“ว้าวๆๆๆ  น่ากินที่สุดในสามโลกเลยยย”

พี่ก้านปรบมือเป็นตัวประกอบตามที่ได้เตี๊ยมกันไว้  ส่วนผมก็ลอบสังเกตปฏิกิริยาของพี่ดาวอยู่เงียบๆ  ปรากฏว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรทั้งสิ้น

ไม่จริง…

สรุปว่าผู้หญิงคนนี้…ไม่ใช่พี่ดาวจริงๆงั้นเหรอ

ทำไมล่ะ  ทั้งที่เหมือนขนาดนี้  ทั้งที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนถึงขนาดนี้แท้ๆ  แล้วทำไม…!

“เรามาเล่นเกมกันดีกว่าครับ!”

ตะโกนคั่นเข้าไป  ไอ้จ้าวกับพี่ก้านต่างก็หันมามองผมอย่างแปลกใจเพราะว่าบทนี้ไม่มีอยู่ในสคริปท์

“เกมอะไรอีก  วันนี้พวกเจ้าเล่นเกมกันทั้งวันเลยนะ”

“เอาน่า  ผมแค่อยากเล่นเกมสุดท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนไงครับ  เล่นหน่อยนะ”

“ได้สิ  ถ้าเจ้าอยากเล่น”

ตามใจขนาดนี้  ไม่ให้หลงได้ไงล่ะวะ!

“รูปปั้นจะเล่นอะไร?”

“หมุนช้อนแล้วกัน  ถ้าปลายช้อนนี้หันไปทางใคร  คนๆนั้นจะต้องตอบคำถามของคนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือให้ได้  และถ้าใครตอบไม่ได้ก็จะต้อง…เปิบเมนูพิสดารของไอ้จ้าว!”

“ไอ้ปั้น!/รูปปั้น!”

ขวับ!

ผมจ้องเขม็งไปที่พวกมันสองคนเพราะรู้ดีว่ากำลังคิดอะไร  ใครก็ห้ามผมไม่ได้ทั้งนั้น  ตายเป็นตายวะงานนี้!

“ในเมื่อไม่มีใครค้าน  งั้นผมเริ่มเลยนะ  เอาล่ะ!”

ตัดบทเองเออเองคนเดียวโดยไม่ถามความเห็นใคร

ผมจัดการหยิบช้อนอันใหม่เอามาวางแล้วหมุนมัน  เจ้าชายที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยก็นั่งแป้นรอดูว่าเกมนี้มันจะสนุกขนาดไหน  ส่วนคนที่รู้เรื่องดีอย่างพี่ก้านกับไอ้จ้าวถึงกับหน้าถอดสี  ส่วนพี่ดาวยังคงนิ่งอยู่

เอาสิพี่ดาว  ถึงขนาดนี้ถ้าจะยังแสดงตัวว่าเป็นตัวปลอมอยู่ก็ให้มันรู้ไป!

กึก!

ช้อนไปหยุดอยู่ที่พี่ก้าน  และคนที่อยู่ทางซ้ายของพี่ก้านก็คือผม  ทุกสายตาจ้องมาที่ผมทันทีว่าจะตั้งคำถามอะไรกับมัน

“พี่ก้าน”

“จะ…จ๋า”

“คนที่พี่รักที่สุด…คือใคร”

คำถามของผมทำเอาเงียบกันทั้งโต๊ะ   ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นแรงของใครบางคน  พี่ก้านมองเลยผมไปที่ไอ้จ้าว  สายตาที่พวกมันมองกันหวานซึ้งจนผมอดดีใจด้วยไม่ได้ที่ในที่สุดไอ้จ้าวก็สมหวัง

“น้องจ้าวครับ”

คำตอบของพี่ก้านเองก็เรียกความอึ้งจากทุกคนได้ไม่น้อยเช่นกัน

ไอ้จ้าวหน้าแดงเถือกเหมือนสาวน้อยวันแรกแย้มก็ไม่ปาน  มันดูตัวเล็กลงทั้งที่ความจริงเราตัวเท่ากันได้ยังไงนะ?

หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรัก

“ผมต่อเลยนะ”

เกมหมุนช้อนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  แมงกะพรุนเองก็ลดจำนวนลงไปจนเหลือเพียงคำสุดท้ายในจาน

ทุกคนต่างลุ้นว่าคนสุดท้ายที่จะได้กินมันคือใคร

พี่ก้านกับไอ้จ้าวคงกำลังภาวนาขอให้ไม่ใช่ผม

เพราะตั้งแต่เล่นมา  ผมยังไม่ได้ช้อนหมุนมาที่ตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ตึกๆ   ตึกๆ  ตึกๆ

ช่างเป็นนาทีที่ระทึกอะไรเช่นนี้!

ช้อนถูกหมุนอีกครั้ง  เป็นครั้งสุดท้ายที่จะตัดสินชะตาทุกอย่างสำหรับค่ำคืนนี้  ขอร้องล่ะสวรรค์…  ขอให้ผมค้นหาความจริงของเรื่องนี้ได้ด้วย!

กึก!

ปลายช้อนหันมาหยุดที่ใครบางคน  ทุกสายตามองตามว่าใครคือคนสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้  และ…

“ถามมาสิ  ไอ้จ้าว”

ผมหันไปถามมันที่ต้องทำหน้าทีเป็นคนตั้งคำถามกับผม

ไอจ้าวเลิ่กลั่กที่คนสุดท้ายดันเป็นผมเสียอย่างนั้น  มันมองผมสลับกับแมงกะพรุนชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่   แม้จะเป็นเพียงชิ้นเล็กๆก็ตามที  แต่ว่า…

สำหรับคนที่แพ้มันอย่างผม  แค่เศษเสี้ยวของมันก็ทำให้ตายได้แล้ว!

“ไอ้ปั้น  พอ…”

“ถามมา!”

ตะเบ็งเสียงใส่ด้วยรู้ดีว่าไอ้จ้าวมันคิดจะทำอะไร  มึงจะมาทำลายความตั้งใจของกูตอนนี้ไม่ได้!

“แต่…”

“ถามมาไอ้จ้าว”

“รูปปั้น  พี่ก้านว่า…”

“หุบปาก!”

ตวาดใส่พี่ก้านไปอีกคน  ไอ้จ้าวเหงื่อตก  ผมรู้ดีว่ามันไม่อยากจะทำเลย  เพราะถ้าผมกินไอ้แมงกะพรุนชิ้นนี้เข้าไป  คงได้ไปเฝ้ายมบาลภายในหนึ่งนาทีแน่ๆ

แต่ว่า…

ถ้าหากเธอคนนี้คือพี่ดาวตัวจริงของผม  ผมมั่นใจว่า…ผมจะไม่ตาย

“ถามกูมา  ไอ้จ้าว”

“กะ…ก็ได้!”

“…”

“งั้น…”

“…”

“นะ…หนึ่งบวกหนึ่งเป็นเท่าไหร่!”

ถามเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!!

“มะ…มองอะไรวะ  ก็มึงบอกเองว่าถามห่าอะไรก็ได้”

ไอ้จ้าวแก้ตัว  ผมมองค้อนมัยอย่างไม่พอใจ  จะเล่นกับกูแบบนี้ใช่ไหม…

ได้!!!

“สิบเอ็ด!”

“ฮะ?!!!”

“สิบเอ็ดไง”

“สิบเอ็ดพ่องมึงสิ!  ครูสมอคงเสียใจแย่ที่สอนมึงจบชั้นประถมมาโดยที่มึงบวกเลขหนึ่งกับหนึ่งเป็นสิบเอ็ดเนี่ย!!!”

“งั้นแสดงว่ากูตอบไม่ได้  กูต้องกินสินะ”

“เฮ้ย!”

เสียงร้องอย่างตกใจของพี่ก้านและไอ้จ้าวดังขึ้นพร้อมกัน  ผมหันไปตักแมงกะพรุนคำสุดท้ายมาถือไว้ก่อนจะจับมันเข้าปากทันที!

หมับ!

“พี่ขอนะ”

มือของผมถูกรั้งไว้ด้วยผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

พี่ดาวดึงมือผมไปทางตัวเองก่อนจะกินแมงกะพรุนคำนี้เข้าไปแทนผม  ไอ้จ้าวและพี่ก้านหันขวับมามองผมทันที!

“ไคโอ   ฉันอยากพักผ่อนแล้วล่ะ  พาฉันไปที่ห้องหน่อยนะ”

พี่ดาวหันไปดึงเจ้าชายที่นั่งเอ๋อไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวให้ลุกขึ้น  ทันทีที่เจ้าชายลุกขึ้นหันหลังให้พวกเรา  เธอก็หันกลับมามองพวกเราด้วยสายตาที่เหมือนกับอยากจะอ้อนวอนขอร้องอะไรบางอย่าง

“เห็นกันใช่ไหม  สายตาที่พี่ดาวมองมาเมื่อกี้”

ไอ้จ้าวเอ่ยถามเมื่อสองคนนั้นเดินหายไปแล้ว

“ใช่ครับ  พี่ก้านเห็น…”

พี่ก้านตอบกลับ  มีแค่ผมที่ไม่ได้ตอบใครเลย

เมื่อกี้นี้…นอกจากสายตาอ้อนวอนของพี่ดาวแล้ว  เธอยัง…มองไปทางชายหาดที่มืดมิดนั่นแว้บหนึ่งด้วย  แค่แว้บเดียวจนคนอื่นแทบจะสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ

ชายหาดงั้นเหรอ…

ที่ชายหาด…มีอะไร?

ผมค่อยๆเหลือบตาหันไปมองทางที่พี่ดาวมองไปเมื่อครู่  เงาดำตะคุ่มของร่างสูงที่คุ้นเคยยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น!!!

ฟรานซิส!

หมายความว่ายังไงกันแน่  ทำไมพี่ดาวจะต้องส่งซิกเกี่ยวกับฟรานซิสมาด้วยสายตาที่เหมือนจะอ้อนวอนและหวาดกลัวแบบนั้นด้วยล่ะ

สรุปแล้ว…มันเรื่องอะไรกันแน่

“ตกลงว่านั่น…พี่ดาวตัวจริงใช่ไหมวะ?”

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

ผมตอบกลับไปแค่นั้นก็เดินตรงดิ่งไปทางห้องของตัวเอง

มันจะต้องมีอะไรแน่ๆ  ต้องมีเรื่องอะไรระหว่างพี่ดาวและฟรานซิส  ที่สำคัญกว่านั้นคือ…ใครกันแน่คือคนที่ผมสามารถไว้ใจได้!

ใครกันแน่คือกบฏ!!!

 

ท่ามกลางความมืด  เจ้าชายที่กลับมาจากส่งพี่ดาวที่ห้องหลับไปแล้ว  คงเพราะวันนี้เหนื่อยกับอะไรหลายๆอย่างมาทั้งวัน  ผมนอนนิ่งเป็นหมอนข้างให้เขากอดและซุกไซร้เหมือนทุกที  ทว่าผมกลับนอนไม่หลับ  ในหัวมันยังคิดเรื่องของพี่ดาวไม่หยุด

เธอคือพี่ดาวตัวจริงไม่ผิดแน่  แสดงแน่จะต้องมีเหตุผลให้พี่ดาวแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม  แต่ว่าผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ…ทำไมพี่ดาวต้องทำให้พวกเราคิดว่าเธอไม่ใช่พี่ดาวตัวจริง  แม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเราจะรู้ก็ตามว่าเธอคือตัวจริง  มันต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ

จริงสิ!

จะว่าไป  พี่ดาวมีลูกกับเจ้าชายนี่นา  องค์รัชทายาทลำดับที่สอง…พี่ดาวจะต้องรู้แน่ๆว่าอยู่ที่ไหน  และตอนนี้องค์รัชทายาทตัวน้อยก็คงกำลังจะตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกกบฏที่ต้องการโค่นล้มบังลังก์ด้วยแน่ๆ  เท่ากับว่าพวกมันคงกำลังตามหาตัวเจ้าชายน้อยกันให้วุ่น

ตามหาตัว…

ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ!  หรือว่า…สาเหตุที่พี่ดาวต้องทำแบบนี้ก็เพราะ!!!

ผมกลืนน้ำลายลงคอ  เบิกตากว้างในความมืดด้วยตกใจกับสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐานออกมา  ถ้าหากสิ่งที่ผมคิดเป็นเรื่องจริง  ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พี่ดาวก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ  เพราะว่าเรื่องบททดสอบในมื้อเย็นนั่นน่ะ  ผม…!

 

‘แมงกะพรุนเหรอครับ?’

‘ใช่แล้ว  ผมแพ้แมงกะพรุนขั้นรุนแรงมาก  วิธีนี้คือวิธีสุดท้ายที่ผมจะใช้ทดสอบพี่ดาว  ถ้าเธอคือพี่ดาวตัวจริง  เธอจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ผมกินมันเข้าไปแน่ๆ’

‘แล้วถ้าเธอเป็นกบฏปลอมตัวมาจริงๆล่ะ?’

‘เธอจะไม่รู้ว่าผมแพ้แมงกะพรุน  เพราะคนที่รู้เรื่องนี้มีแค่สามคนเท่านั้นคือพี่ก้าน  ไอ้ปั้น  และ…’

‘…’

‘พี่ดาว’

 

ฉิบหายล่ะ!!!

พรึ่บ!  ตุ้บ!

“โอ๊ยยย!”

เสียงเจ้าชายร้องโอดครวญดังลั่นเพราะผมสะบัดเขาออกเต็มแรงพร้อมกับลุกพรวดขึ้นเพื่อจะวิ่งห้องพี่ดาว  แต่ก็ถูกคว้าตัวไว้เสียก่อน

“เป็นอะไรไปเนี่ยปูนปั้น  เจ้าทำข้าเจ็บนะ”

“แย่แล้วครับเจ้าชาย!”

“แย่?  แย่อะไร  ใจเย็นๆก่อน  เจ้าเป็นอะไรไปฮึ  ฝันร้ายเหรอ?”

“พี่ดาวครับ!  พี่ดาวตกอยู่ในอันตราย!”

“หมายความว่ายังไง  เกิดอะไรขึ้นกับประกายดาว!”

เพล้ง!!!

“กรี๊ด!!!”

“พี่ดาว!”

“ประกายดาว!!!”

ทั้งผมและเจ้าชายต่างก็รีบวิ่งไปยังห้องของพี่ดาวสุดชีวิต  ทันทีที่เข้าไปถึง  ภาพที่เห็นคือพี่ดาวและฟรานซิสต่างก็กำลังบีบคอกันและกันอยู่!!!

ทั้งสองต่างหันมาทางพวกเราพร้อมกัน!

“เจ้าชาย!  คุณปั้น  ช่วยผมด้วยครับ  เธอเป็นกบฏปลอมตัวมาจริงๆ  ผมมาเห็นตอนเธอกำลังจะส่งข่าวให้กับพวกกบฏตัวอื่นเข้าพอดีเลยจะจับเธอเอาไว้  เร็วสิครับ!"

ฟรานซินชิงพูดก่อน  หน้าตาเขาจริงจังจนบอกไม่ได้เลยว่าเขากำลังโกหกอยู่หรือไม่

“ไม่ใช่นะ!  ไคโอ   ฉันรู้ว่านายรู้ดีที่สุดว่าฉันคือตัวจริงหรือตัวปลอม  และนายก็ด้วย  ปูนปั้น  พี่คือพี่ดาวตัวจริง  รู้ใช่ไหม?”

“พี่ดาว…”

“ไม่นะครับ!  พวกคุณอย่ายอมให้มันหลอกเด็ดขาดนะ!  พวกเราจะต้องรีบพาเจ้าชายไปจำศีลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพลังที่จะใช้ในการขึ้นครองบัลลังก์  พวกคุณต้องจัดการกบฏเดี๋ยวนี้  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปนะครับ!”

“ไม่ใช่นะ  ผู้ชายคนนี้ต่างหากที่เป็นกบฏ  พ่อของมันคือหัวหน้ากบฏที่แท้จริง  และที่ผ่านมามันก็ส่งลูกชายของตัวเองแฝงตัวอยู่ในวังมาตลอด  พี่บังเอิญไปรู้เรื่องนี้เข้าก็เลยถูกไล่ล่าทั้งที่ยังไม่ทันได้คลอดลูก  สุดท้ายพี่ก็หนีพ้น  และใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆมาตลอด  แต่ตอนนี้พี่รู้ดีว่าพี่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน  พี่ถึงเสี่ยงตายมาที่นี่เพื่อจะบอกความจริงทุกอย่างกับไคโอ  แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะตามเจอพี่ได้เร็วขนาดนี้  ทำให้เรื่องทุกอย่างยุ่งยากไปหมด  เชื่อพี่สิ  พี่ไม่ได้โกหกนะปูนปั้น”

“อย่าไปฟังมันครับ!  คุณปั้น  เจ้าชาย  พวกคุณต้องเอาวงแหวนกัลปังหาที่คอของพวกคุณมารวมกันแล้วแทงไปที่หัวใจของผู้หญิงคนนี้ซะเพื่อหยุดทุกอย่าง!  ถ้าอยากให้โลกนี้ปลอดภัย  พวกคุณต้องจัดการเธอเดี๋ยวนี้นะครับ!”

ผมกับเจ้าชายมองหน้ากัน  ก่อนที่เราสองคนจะจับไปที่กัลปังหาของตัวเอง  หลับตาลงแล้วอธิษฐานขอให้พันธะสัญญาที่มีอยู่คลายลง

ทุกสิ่งเป็นไปโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้

เลือดในกายร้อนวูบวาบราวกับถูกตั้งไฟอยู่ในตัว  รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างไหลเวียนในตัวจนแทบจะสำลักออกมา

อะไรกัน  ความรู้สึกที่เหมือนร่างกายไม่ใช่ของเราอีกต่อไปมันหมายความว่ายังไงกันแน่!

“อ๊ากกกก!”

ทั้งผมและเจ้าชายต่างก็ร้องตะโกนออกมา  ทันทีที่กัลปังหาคลายตัวออก  ร่างกายเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

เจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์

“คะ…ไคโอ  ปะ…ปูนปั้น”

พี่ดาวเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่ขาดหาย

ผมและเจ้าชายต่างก็ลืมตาขึ้นมา  กัลปังหาในมือของเราส่องแสงสว่างวาบ  บางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังชักนำให้เราสองคนทำตามเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว

นะ…นี่มัน…

เสียงของแม่!

กัลปังหานี้กำลังให้ผมได้ยินเสียงที่แม่ฝากไว้ถึงผมเพียงคนเดียวเท่านั้น!  ความจริงทุกอย่างสำหรับเหตุผลที่ผมเกิดมา!!!

ผมเหลือบตาหันไปมองเจ้าชาย  เชื่อว่าเสียงที่ดังออกมาจากกัลปังหาของผมนั้นมีเพียงแค่ผมคนเดียวที่ได้ยิน

นี่สินะ…นี่สินะคือความจริงทั้งหมด  เหตุผลการมีอยู่ของผม  เหตุผลที่ผมถูกผูกติดกับเจ้าชาย…ทุกอย่างไม่ใช่ความบังเอิญหรือฟ้าลิขิต  แต่มันคือ…หน้าที่

 

‘ปูนปั้น  พี่ไม่รู้ว่าเสียงของพี่จะส่งไปถึงเธอหรือเปล่า  แต่ว่า…ดาวเหนือ  ดาวเหนือลูกของพี่รอให้เธอกับไคโอไปรับเขาอยู่นะ  ได้โปรด   เชื่อพี่เถอะ’

 

เสียงที่ดังตามมาอีกทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย  มองเลยไปทางพี่ดาวก็พบว่าเธอกำลังร้องไห้มองผมอย่างเจ็บปวดที่สุด  ความหวังสุดท้ายของพี่ดาว…

กำลังฝากไว้ที่ผม

ดาวเหนือ…

หลานผมสินะ     

“เร็วสิเจ้าชาย  คุณปั้น!”

ฟรานซิสเร่งอีกครั้ง  เจ้าชายมีสีหน้าคิดหนักถึงขั้นกังวล   ขืนปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ  ตัวเจ้าชายเอง  ฟรานซิสคือองครักษ์ที่คอยดูแลเจ้าชายมาตั้งแต่เล็กจนเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน  ส่วนพี่ดาวก็…

เป็นคนที่ผูกพันยิ่งกว่าใคร

“เจ้าชาย”

เดินเข้าไปหาเขา  มือข้างหนึ่งจับมือเจ้าชายเอาไว้

“ปูนปั้น  ข้า…ข้าตัดสินใจไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้น…เชื่อใจผมไหม?”

“…”

“ไม่ต้องตัดสินใจอะไร  แค่เชื่อผม  ได้ไหมครับ”

“ถามอะไรอย่างนั้น  บนโลกนี้…คนที่ข้าจะยอมเชื่อทุกอย่างโดยไม่มีข้อกังขาใดๆก็คือเจ้านะ”

“ถ้างั้น…หลับตานะครับ”

เจ้าชายพยักหน้ารับ  ค่อยๆหลับตาลงตามที่ผมบอก  พี่ก้านกับไอ้จ้าวที่วิ่งมาถึงต่างก็หน้าเหวอตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน

“พี่ดาว!”

“อย่าเข้ามานะไอ้จ้าว!”

ทันทีที่มีเสียงผมร้องห้ามออกไป  พี่ก้านก็รีบดึงตัวไอ้จ้าวไว้ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามา

ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  เพราะงั้น…ผมจะให้ไอ้จ้าวเข้ามาเสี่ยงมากไปกว่านี้ไม่ได้

พี่ดาวกับเจ้าชายมีลูกด้วยกัน

หลานผมจำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่…

“รูปปั้น  จะทำอะไรเหรอ”

ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา  แต่ไม่ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น  ค่อยๆเขย่งเท้าขึ้นเพื่อจุมพิตบนริมฝีปากของเจ้าชายที่ผมรักมากที่สุดเป็น…

ครั้งสุดท้าย

“ปะ…ปูนปั้น”

“พี่ดาว”

ผมเรียกชื่อพี่ดาวพร้อมรอยยิ้ม  ที่ผ่านมาผมเห็นแก่ตัว  ยึดเจ้าชายเอาไว้เป็นของตัวเองมาตลอด  โดยไม่รู้เลยว่าช่วงเวลานั้นพี่ดาวต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน  และต้องพบเจอกับอะไรบ้าง  เพราะงั้น…ตอนนี้ผมจะ…

ถ้าพลังในตัวผมที่แม่ปิดผนึกมันเอาไว้จะสามารถทำลายล้างพวกกบฏได้ล่ะก็…

“เจ้าชาย  ผมรักคุณนะครับ”

“ข้าก็รักเจ้า  ว่าแต่…เจ้าตัดสินใจว่ายังไงเหรอ  ให้ข้าลืมได้ได้ไหม?”

“แป๊บเดียวเท่านั้นแหละครับ  อีกแป๊บเดียว  ทุกอย่างจะจบ”

ผมผละตัวออกมาจากเจ้าชาย  เดินเข้าไปทางพี่ดาวกับฟรานซิสที่ยังคงบีบคอกันอยู่   ร่างสูงมองผมอย่างหวาดระแวง

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ  กบฏคือผู้หญิงคนนี้นะครับ!”

“ปั้น…ไม่นะ”

พี่ดาวสั่นศีรษะ  ส่งสายตาห้ามมาให้เพราะคงรู้ดีว่าผมคิดจะทำอะไร

 

‘พี่ดาว  ถ้าพี่ได้ยินเสียงของผมล่ะก็…ฝากดูแลเจ้าชายด้วยนะครับ  ผมรักเขามาก  มากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต   ช่วยดูแลเขาในส่วนของผมด้วย   ผมขอพี่แค่นี้เท่านั้น’

 

“อย่านะ  ปูนปั้น”

หมับ!

“คุณปั้น!  คุณจะทำอะไร  ไม่ใช่ผมนะ   คุณปั้น!!!”

“ไอ้ปั้น!!!”

“รูปปั้น!!!”

“ไม่นะ  ปั้น!!!”

ฉึก!!!

“ปูนปั้น!!!”

เสียงเรียกสุดท้ายคือเสียงพร้อมมืออันแสนอบอุ่นของเจ้าชายที่พุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

กัลปังหาเสียทะลุร่างของฟรานซิสมาจนถึงร่างของผม  ทันทีที่เลือดของผมสัมผัสกับกัลปังหาอาบแสงจันทร์  พลังบริสุทธิ์ก็ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง  ร่างกายของฟรานซิสซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว

ตุ้บ!!!

เจ้าชายดึงร่างของฟรานซิสออกห่างจากผมแล้วโยนไปที่มุมห้องอย่างไม่ใยดี  เขาประคองผมที่ไร้เรี่ยแรงไว้ในอ้อมแขน

อุ่น…

มือของเจ้าชาย…

อุ่นเหลือเกิน

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  และแล้วก็รู้ตัวจริงของกบฏกันเสียที  มากกว่านั้นคือประกายดาวไม่ใช่กบฏแต่อย่างใด  แต่กลับกลายเป็นหมอมากไปเสียได้??  คนน่ารักอย่างหมอหมากน่ะเหรอจะเป็นกบฏ?  ไอ้ที่อุตส่าห์มโนไว้กับน้องจ้าวเป็นอันสูญสลายไปเลย  การที่น้องปั้นยอมเสียสละชีวิตของตัวเองแบบนี้  แปลว่าน้องปั้นจะต้องตายงั้นเหรอ?

เจ้าชายจะเป็นหม้ายสินะ!

ติดตามตอนต่อไปได้เลยจ้า  จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 27 (19/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-06-2017 13:32:30
โธ่ อย่าตายนะปั้น
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 27 (19/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: cchompoo ที่ 19-06-2017 20:06:11
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพตอนที่ 28 (20/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 20-06-2017 12:30:29


ตอนที่ 28

คนในความทรงจำ

 

“ปูนปั้น!  ไม่   ไม่นะ  เจ้าห้ามตายนะ   ได้ยินข้าไหม  ปูนปั้น!!!”

“รูปปั้น!  ทำไมทำแบบนี้  รูปปั้น  รูปปั้น!”

“ไอ้ปั้น  มึงทำแบบนี้ทำไม   มึงคิดอะไรไม่ออกแล้วหรือไงไอ้เหี้ย!  ทำไมมึงไม่ปรึกษากูฮะ  ไอ้ปั้น!”

“ปั้น…ปั้น…”

ไม่ไหวแฮะ…

ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆเลย

ร่างกายของผมชาไปหมด  ดวงตาก็ร้อนผ่าวจนผมจะฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว  แต่ว่า…ขอเวลานี้อีกนิดเถอะ  การที่คนที่ผมรักทั้งสี่คนมาอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้  ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกแล้ว

“ไหนเจ้าบอกว่าข้าเชื่อใจเจ้าได้ไง  แล้วทำไมทำแบบนี้  เจ้าจะทิ้งข้าไปได้ยังไง  ปูนปั้น!”

เจ้าชาย…

ฮึก…

ผมขอโทษ   แต่ทางเดียวที่จะทำให้คุณได้มีชีวิตที่สมบูรณ์และครึ่งครองบัลลังก์ได้อย่างภาคภูมิใจ  มีแต่คุณต้องกลับไปรักกับพี่ดาวเหมือนเดิมเท่านั้น  เธอมาก่อนผม…

พี่ดาวมาก่อนผม…

“ข้ารักเจ้า  ขอร้องล่ะ  อย่าทำอย่างนี้  อย่าทิ้งข้าไปเลย  ข้าขอโทษ  ข้าขอโทษสำหรับที่ผ่านมา  ข้าทำให้เจ้าเสียใจหลายต่อหลายครั้งกับความไม่ชัดเจนของข้า  ข้าขอโทษที่ไม่สามารถตัดประกายดาว  ขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึกของเจ้า  ตอนนี้ข้ารู้แล้ว  ข้ารักเจ้า  ข้ารักเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น  ฮึก…”

ผมยิ้ม  ดีใจที่ได้ยินคำพูดทั้งหมดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ฟังอีกต่อไป

แต่ว่า…ไม่ได้แล้วล่ะครับ  คนที่เจ้าชายควรจะรักตอนนี้น่ะ  ไม่ใช่ผมอีกแล้ว

ค่อยๆรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่  จับมือของเจ้าชายและพี่ดาวขึ้นมา  นับมือของทั้งสองคนมาจับกันอีกที  สิ่งที่ผมทำได้มีแค่ยิ้มให้พวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น

ช่วยรับรู้ทีเถอะ

“ไม่  มันจะไม่จบแบบนี้  เจ้าต้องอยู่กับข้านะปูนปั้น   ต้องอยู่กับข้า!”

“ใช่แล้ว  ยังมีอีกหลายเรื่องที่พี่ไม่ได้บอกเธอ  ปูนปั้น   เธอกำลังเข้าใจผิด  พี่ไม่ได้มาก่อนเธอ  คนในความทรงจำของไคโอคือเธอต่างหากไม่ใช่พี่  คนที่สวมรอยเป็นเธอก็คือพี่เอง  ได้ยินไหม”

ได้ยินสิ

ผมได้ยิน…

“ประกายดาว  เจ้าหมายความว่ายังไง?”

“ขอโทษนะไคโอ  ความจริงแล้ว   คนในความทรงจำของเธอ  คนที่เล่นกับเธอเมื่อตอนเด็กๆนั่นน่ะ  ไม่ใช่ฉันหรอกนะ  แต่เป็นปั้นต่างหาก  ตอนนั้นฉันเข้าโรงพยาบาล  พอมองลงมาจากระเบียงห้องที่อยู่ก็จะเห็นพวกเธอสองคนเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขตลอด  มันทำให้ฉันตกหลุมรักเธอเข้า  ตกหลุมรักเธอที่ใจดีกับปั้นเสมอ  เธอที่คอยยิ้มมองปั้น  เพราะแบบนั้น…ตอนที่เธอมาช่วยฉันไว้ตอนตัดสินใจฆ่าตัวตาย และฉันได้รู้ว่าความจริงแล้วเธอไม่ใช่มนุษย์ ฉันเลยใช้โอกาสนี้สวมรอยเป็นปั้นซะเพราะอยากจะเริ่มชีวิตใหม่กับเธอ  ฉันเองที่เห็นแก่ตัว   ฉันขอโทษ  ฮึก…พี่ขอโทษนะปั้น   พี่ขอโทษที่ทำแบบนี้   พี่ขอโทษ…”

ความจริงจากปากพี่ดาวทำให้ภาพของใครบางคนที่เลือนรางมาตลอดในความทรงจำชัดเจนขึ้น

 

‘พรุ่งนี้มาเจอกันที่นี่อีกนะ  ข้าจะมาหาเจ้าอีก’

‘ได้สิ  มานะ  ฉันจะรอ’

‘นี่…’

‘หืม?’

‘ถ้าข้าโตแล้ว  และเจ้าเองก็โตเช่นกัน  ถึงตอนนั้น…’

‘…’

‘มาเป็นเจ้าสาวให้ข้าได้ไหม?’

‘…’

‘…’

‘ได้สิ’

‘…’

‘ฉันจะรอวันนั้นนะ…’

‘…’

‘ไคโอ’

 

นึกออกแล้วล่ะ…

จำได้แล้ว…

ผมจำความทรงจำอันแสนวิเศษเหล่านั้นได้แล้ว…

แต่เป็นเพราะว่าหลังจากนั้นเจ้าชายก็ไม่ได้กลับมาหาผมอีกตามสัญญา  และหายไปเลย  บวกกับผมเองก็ยังเด็ก  ถึงจะเจ็บปวดและเสียใจที่เขาหายไปสักแค่ไหน  แต่ทุกอย่างมันย่อมเลือนหายไปตามกาลเวลา  เพราะงั้น…

ผมถึงจำเขาไม่ได้เลยสักนิด

ไม่ได้สะกิดใจเลยว่าเด็กที่มาเล่นกับผมตลอดก็คือเขา  เพราะผมไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นเงือก

“ที่แท้…ก็เป็นเจ้าเองเหรอ  คนที่ข้ารักมาตลอด  ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้น  หรือว่าในตอนนี้  เป็นเจ้าเสมอมา”

“ฮึก…”

ทำได้แค่ร้องไห้เท่านั้น  ร้องไห้อย่างดีใจที่เราสองคนใจตรงกันจริงๆ  ไม่ใช่เพียงความสงสาร  ความใกล้ชิด   หรือว่าความผูกพัน….

“พี่ก้าน!  พี่ก้าน  ดูนั่นสิ  ละ…เลือดของไอ้ปั้นกลายเป็นสีขาวแล้วพี่  ทำไมล่ะ  ไอ้ปั้น!  อยู่กับกูก่อนนะ  ไอ้ปั้น!”

ไอ้จ้าวเขย่าแขนผมทั้งน้ำตา

อยากบอก…อยากบอกว่ามันคือเพื่อนรักที่สุดของผม  ตลอดมา…และ…ตลอดไป

“รูปปั้น  ไม่นะ  อย่าทำแบบนี้  แม่ครับ  แม่ช่วยน้องด้วยสิ  แม่อย่าให้น้องตายนะ   แม่ต้องช่วยน้องสิ!!!”

พี่ก้าน…

ผมขอโทษ  ที่ไม่เคยทำตัวเป็นน้องที่ดีเลย  ทั้งที่พี่คอยดูแลและปกป้องผมมาตลอดแท้ๆ   ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายมาตลอดนะครับ  ผมดีใจจริงๆที่เรามีสายเลือดเดียวกัน  ดีใจที่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้เพราะมีพี่อยู่เคียงข้างตลอดมา

รักพี่นะ  ผมรักพี่  ฮึก…

“ปั้น  พี่ขอโทษ   คนที่สมควรตายคือพี่ต่างหาก   พี่ต่างหากที่สมควรจะจากไป  ฮือ….”

พี่ดาว  ไม่เลย  พี่ไม่จำเป็นต้องตาย   ไม่มีใครสมควรตายทั้งนั้น

ผมจะจดจำทุกๆอย่างเอาไว้  จดจำทุกเรื่องราวของทุกคน   ผมดีใจจริงๆที่ได้เจอกับทุกคน   ไม่เคยนึกเสียใจที่สุดท้ายทุกอย่างจะต้องจบลงแบบนี้

จะไม่มีวันลืม…

จะไม่ลืมอีกแน่นอน…

“ปูนปั้น  อยู่กับข้าเถอะ  อย่าจากข้าไป  ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้า  ข้าขอโทษ  ข้าขอโทษ…”

“ผะ…”

“ปูนปั้น…”

“รัก…”

“…”

“คุณ…”

ภาพของทุกคนพร่าเลือนในดวงตา  ได้ยินเสียงของพวกเขาพูดอะไรสักอย่าง  แต่หูของผมมันไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว  นัยน์ตาค่อยๆปิดลง  เสียงเพลงกล่อมเด็กที่แม่ชอบร้องให้ฟังตอนผมยังเล็กดังแว่วอยู่ไม่ไกล…

ยิ้มแล้วสินะ

ผมยิ้มให้ทุกคนแล้วใช่ไหม?

“ปูนปั้น!”

“…”

“อ๊ากกกกกกก!!!”

 

‘ปูนปั้น  ยามใดที่กัลปังหาถ่ายทอดเสียงนี้ของแม่ให้ลูกได้รู้  นั่นหมายความว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดจบอย่างที่แม่คิดไว้แล้ว  ฟังให้ดีนะลูก   พลังที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในตัวของลูกนั้น  มีเพียงแม่เท่านั้นที่รู้  ทุกสิ่งที่ลูกได้ยินมาเป็นเพียงเรื่องโกหกที่แม่กุขึ้นเพื่อปกปิดพลังที่แท้จริงของลูก  ลูกไมได้มีพลังทำลายล้างที่น่ากลัวใดๆทั้งสิ้น  พลังที่ลูกมีแท้จริงแล้วเป็นพลังแห่งการปกป้อง  เลือดสีขาวอันแสนบริสุทธิ์ในตัวลูกแม่ได้ผนึกมันเอาไว้เพื่อให้ลูกได้ตัดสินใจใช้มันในช่วงเวลาที่จำเป็นที่สุดเท่านั้น  ที่สำคัญ…แม่ไม่ได้มีเชื้อพระวงศ์  แม่โกหกพ่อของลูกกับลุงกิ่ง  เพราะแม่ไม่อยากให้พวกเขาต้องเข้ามาข้องเกี่ยวมากไปกว่านี้  ฐานะที่แท้จริงของแม่คือ…องครักษ์ขององค์ราชินี  และลูก…ในฐานะลูกของแม่ที่ได้รับพลังเลือดบริสุทธิ์มาจากบรรพบุรุษในฐานะขององครักษ์  หน้าที่ของลูกคือจะต้องปกป้ององค์รัชทายาทให้ได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างสมบูรณ์  แม่หวังว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด  ทุกสิ่งไม่ใช่ความบังเอิญหรือชะตาฟ้าลิขิต  แต่มันคือ…หน้าที่  หน้าที่ที่เกิดมาพร้อมกับลูกตั้งแต่ต้น  จงปกป้ององค์รัชทายาท  เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง  รวมพลังสายเลือดบริสุทธิ์ในตัวลูกกับกัลปังหาอาบแสงจันทร์  แล้วทุกอย่างจะจบลง  แม่รักลูกมากนะ หวังว่าคงจะไม่โกรธแม่ที่ทำให้ลูกต้องมีชะตาชีวิตแบบนี้…’

 

ผม…

ทำตามที่แม่บอกแล้วนะครับ  ทำหน้าที่ของตัวเอง…อย่างสุดความสามารถแล้ว

เพื่อเจ้าชาย…ชีวิตของผม…เกิดมาเพื่อปกป้องเจ้าชายเท่านั้น

 

Special  Kai-O  Talk :

งานเลี้ยงฉลองการขึ้นครองบัลลังก์ของผมถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่หลังจากที่พลังของปูนปั้นได้ทำลายดวงวิญญาณร้ายของเสนาเฟเรียส  บิดาของฟรานซิส  ที่แม้ว่าร่างกายจะไร้เรี่ยวแรงไปตามสังขาร  แต่ความมักใหญ่ใฝ่ฝูงต้องการที่จะเป็นใหญ่นั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วย  จึงทำพิธีต้องห้ามผูกวิญญาณของตัวเองกับฟรานซิสเข้าด้วยกันและเข้าควบคุมหมอนั่น  ที่ผ่านมา…ร่างกายของฟรานซิสจึงประกอบไปด้วยดวงวิญญาณสองดวงมาตลอด  บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า  เพื่อนเล็กตั้งแต่เด็กของผมอย่างเขา  คงไม่ได้อยากจะทำแบบนี้  แต่เพราะถูกควบคุมอยู่  จึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย  และสุดท้ายก็ต้องมาตายไปอย่างน่าเวทนา

“ทำไมมาหลบอยู่ที่นี่ล่ะ  แขกเหรื่อมากันเต็มงานเลยนะ”

“ท่านพ่อ”

ผมเอ่ยทัก  แต่ก็ไม่อยากจะมองหน้าท่านพ่อเท่าไหร่นัก  เพราะเมื่อผมรู้ความจริงทั้งหมดเรื่องของปูนปั้นและแม่ของเขาจากปากของผู้ชายที่ชื่อก้าน  มันก็ทำให้ผมมั่นใจว่าท่านพ่อจะต้องทราบเรื่องนี้  เพราะ…

คนที่ทำให้เกิดพายุในคืนนั้นจนปูนปั้นตกทะเลก็คือท่านพ่อเอง!

ตอนนั้นท่านพ่อบอกว่าผมจำเป็นต้องหนีพวกกบฏไปหลบอยู่ที่โลกมนุษย์  ดังนั้นจึงต้องหาคนที่ไว้ใจได้เพื่อฝากฝังผมเอาไว้  และก็ทำให้เหมือนเรื่องบังเอิญว่าปูนปั้นออกเรือมากับพ่อพอดี  ทั้งที่ความจริงท่านพ่อเล็งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นปูนปั้นกับพ่อ   หลังจากนั้นท่านพ่อก็ทำให้เกิดพายุจนเรื่องราวดำเนินอย่างทีเป็นมา ผมจำต้องโกหกปูนปั้นเรื่องที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้วกุเรื่องแต่งงานนั้นขึ้นมาเพื่อหลอกให้เขาทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณเพื่อที่ปูนปั้นจะได้ไม่สามารถปฏิเสธหรือไล่ผมกลับแดนเงือกได้  นั่นคือสิงที่ผมคิดว่ามันเป็นมาตลอด

แต่ความจริงไม่ใช่  เพาะสิ่งที่ท่านพ่อตั้งใจเอาไว้จริงๆแล้วคือการกระตุ้นพลังปกป้องในตัวของปูนปั้น  และวิธีเดียวที่จะปลุกพลังนั้นขึ้นมาก็คือผม  ยิ่งผมตกอยู่ในอันตราย  พลังที่หลับอยู่ในตัวปูนปั้นก็จะยิ่งตื่นขึ้น  ทั้งหมดนี้ก็เพราะแม่ของปูนปั้นได้คอยส่งข่าวให้ท่านพ่อรับรู้ตลอดมาในฐานะองครักษ์ผู้จงรักภักดีต่อท่านแม่ของผมที่เสียไปแล้ว

ท่านพ่อรู้เรื่องนี้มาตลอด  และพอรู้ว่าเด็กที่ผมไปเล่นด้วยตอนเด็กคือปูนปั้น  จึงต้องรีบทำการแยกเราสองคนออกจากกันเพราะกลัวว่าการใกล้ชิดนั้นจะทำให้พลังของปูนปั้นตื่นขึ้นมาก่อนเวลาอันควร  ที่ผ่านมา…สำหรับท่านพ่อแล้ว  ปูนปั้นเปรียบเสมือนเครื่องมือที่เอาไว้เพื่อปกป้องผมเท่านั้น!

“ยังไม่หายโกรธพ่ออีกรึ?”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับท่านพ่อ  เชิญออกไปเถอะ”

“ไคโอ   ที่พ่อทำแบบนั้นก็เพื่อเจ้านะ  ชีวิตของปูนปั้นมีขึ้นเพื่อปกป้องเจ้าเท่านั้น”

“งั้นท่านก็ควรได้รู้ไว้ว่าชีวิตของข้าก็มีขึ้นเพื่อปูนปั้นเช่นกัน  ข้าเกิดมาเพื่อปูนปั้น  ดังเช่นปูนปั้นที่เกิดมาเพื่อข้า!!!”

“แล้วเจ้าจะให้พ่อทำอย่างไร!  ปูนปั้นยังไม่ได้ตายเสียหน่อย  เด็กคนนั้นยังอยู่!”

“แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น  ดวงวิญญาณของปูนปั้นสูญสลายไปจนแทบจะเหลือเพียงแค่เถ้าธุลี  เขาไม่สามารถลืมตาขึ้นมาพูดคุยกับข้าได้อีกแล้ว  แบบนี้มันฆ่าข้าให้ตายทั้งเป็นชัดๆ!”

ยิ่งพูด  หัวใจของผมก็ยิ่งทรมาน

จริงอยู่ว่าปูนปั้นยังไม่ตาย  มีสภาพเหมือนแค่หลับไปเท่านั้น  แต่เป็นการหลับที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก  แบบนั้นมัน…

ทรมานผมจนหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

“ข้าขอตัว”

ว่าพลางเดินหลบออกมาเพราะไม่ต้องการทะเลาะกับท่านพ่อมากไปกว่านี้  ถ้าไม่ใช่เพราะประกายดาวขอร้องไว้ว่าไม่อยากให้การเสียสละของปูนปั้นต้องสูญเปล่า  ผมคงไม่ยอมขึ้นครองบัลลังก์นี้เด็ดขาด

สภาพจิตใจผมตอนนี้อย่าว่าแต่ปกครองดูแลใครเลย  ลำพังแค่ตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว

“คุณพ่อ…”

“เจ้าชาย  มาอีกแล้วเหรอครับ”

ชายสูงวัยที่นั่งเฝ้าปูนปั้นมาตลอดหนึ่งเดือนเอ่ยทักผมด้วยรอยยิ้ม

ใช่แล้ว  เขาคือพ่อของปูนปั้น  พ่อที่ปูนปั้นนึกว่าตายไปแล้วความจริงยังมีชีวิตอยู่  เพียงแต่ท่านพ่อและผมเอาตัวเขาไปซ่อนไว้เพราะต้องการให้ปูนปั้นคิดว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้วจะได้ยอมให้ผมอยู่เคียงข้างได้ง่ายๆ  ซึ่งพ่อของปูนปั้นก็ยอมร่วมมือด้วยเพราะเชื่อและเคารพในการตัดสินใจของคุณขวัญตา  แม่ของปูนปั้นหรือองครักษ์ผู้ภักดีของท่านแม่ผมนั่นเอง

“เจ้าเด็กดื้อคนนี้ยังไม่ยอมตื่นเลยครับ  คงกำลังฝันดีอยู่แน่ๆ  ดูสิครับ  หน้ายิ้มแย้มเชียว”

แม้ว่าร่างกายของปูนปั้นจะซีดเผือดไร้สีเลือด  แต่ว่า…ใบหน้าของเขากำลังยิ้มอยู่จริงๆ  มันดูอิ่มเอมราวกับต้องการจะบอกว่าช่วงสุดท้ายในชีวิตของเขาอัดแน่นไปด้วยความสุขอย่างหาที่ไหนไม่ได้

“ข้าต้องขอโทษด้วยที่…”

“พอเถอะครับ  เจ้าชายพูดประโยคนี้มานับล้านครั้งได้แล้ว  ผมในฐานะพ่อ  ถึงจะเจ็บปวด  แต่ในเมื่อผมเชื่อและตัดสินใจที่จะยอมรับการตัดสินใจของเมียและลูกไปแล้ว  เจ้าชายก็น่าจะคิดแบบผมนะครับ  ไอ้ปั้นมันคงอยากเห็นเจ้าชายยิ้มมากกว่ามาทำหน้าเศร้าแบบนี้”

“ข้าจะยิ้มลงได้ยังไง  ในเมื่อ…”

“ไอ้ปั้นมันก็ยิ้มนี่ครับ   ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง  เราต้องมารอคอยวันที่ปาฏิหาริย์จะวนกลับมาหาเรานะครับ  เพราะผมเอง…ในชีวิตนี้ก็ได้เจอปาฏิหาริย์ตั้งสามครั้งแน่ะ”

“สามครั้ง?”

“ครั้งแรก…คือการที่ได้เจอกับขวัญตา  เธอคือปาฏิหาริย์แรกที่ผมได้รับ  ส่วนปาฏิหาริย์ครั้งที่สองก็คือเจ้าก้าน  ลูกชายคนโตของผม  และปาฏิหาริย์ครั้งที่สาม…ก็คือเด็กคนนี้นี่แหละครับ”

คุณพ่อหันไปลูบหัวปูนปั้น  แววตาเปี่ยมรักของคนเป็นพ่อเด่นชัดออกมา

“เจ้าชายล่ะครับ  มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว”

“ข้าเหรอ?”

“…”

“สองครั้งน่ะ”

“…”

“ครั้งแรกเป็นตอนข้ายังเยาว์วัย  รักครั้งแรกที่ข้าไม่อาจลืม  ส่วนครั้งที่สองก็…การได้กลับมารักคนในความทรงจำคนเดิมอีกครั้ง”

และไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน

คนๆเดียวที่ผมรักก็ยังคงเป็นปูนปั้น

“ท่านป้อ”

เสียงเล็กๆดังขึ้นด้านหลัง

เด็กน้อยวัยสองขวบเศษเดินเตาะแตะเข้ามาหาผมพลางส่งเสียงเรียกอย่างน่ารัก  พี่เลี้ยงที่คอยดูแลดาวเหนือลูกของผมเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล

“เจ้าชายเพคะ คือว่า…คุณประกายดาว…”

“ประกายดาวเป็นอะไร??”

 

หลังจากที่ปูนปั้นต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา  อาการป่วยของประกายดาวเองก็ทุรดหนัก  เพราะที่ผ่านมาเธอต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเพื่อปกป้องดาวเหนือ  ทำให้ไม่ได้รับการรักษาตามวิธีของมนุษย์  ร่างกายของเธอสะสมอาการเจ็บป่วยไว้นานจนไม่สามารถรักษาได้อีกแล้ว

นับวันเธอยิ่งซูบผอมและซีดเซียว  ร่างบางจนผมกลัวว่าเธออาจจะหักเป็นสองท่อนได้

“ประกายดาว  เจ้าไหวไหม  ไปรักษาที่แดนมนุษย์เถอะนะ”

“ไคโอ   ไม่ได้นะ  ห้ามพาฉันไปจากที่นี่เด็ดขาด”

“ทำไมล่ะ  ถ้าเจ้าไปรักษา  เจ้าอาจจะอยู่กับดาวเหนือได้นานกว่านี้นะ”

ประกายดาวยิ้ม  เป็นยิ้มที่ดูมีความสุขเหมือนรอยยิ้มสุดท้ายของปูนปั้นไม่มีผิด

“ฉันไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วล่ะ  ดาวเหนือได้อยู่กับเธอที่เป็นพ่อแท้ๆของเขา  พวกกบฏก็ถูกจับหมดแล้วเพราะไม่มีหัวหน้าใหญ่คอยบงการ  บนโลกนี้ฉันหมดห่วงทุกอย่างแล้วจริงๆ”

“…”

“แต่ว่า…ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเหลืออยู่  ยังมีสิ่ง…ที่ฉันต้องชดใช้ให้กับเธอและปั้น”

“เจ้าหมายความว่าอะไร?”

“ไม่มีอะไรหรอก  ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง”

ร่างกายของเธอดูอิดโรยเหลือเกิน

ดาวเหนือปีนขึ้นเตียงไปนอนกอดประกายดาวเอาไว้  เพราะดาวเหนือนี่แหละ  ทำให้ผมรู้ว่าคุณพ่อของปูนปั้นต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องมาทนเห็นลูกของตัวเองในสภาพนี้  เพราะผมมีดาวเหนือ…  ถ้าหากดาวเหนือต้องอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน  ผมคงแทบจาดใจตาย

และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมเกลียดท่านพ่อไม่ลง

เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อไปแล้ว  ผมถึงต้องมานั่งโกรธตัวเองอยู่แบบนี้ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  แม้แต่จะเกลียดคนที่ทำให้ปูนปั้นต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ก็ยังทำไม่ลง

ผมมัน…ไม่เอาไหนเลย

“ไคโอ…”

“หืม?  เจ้าอยากได้อะไรเหรอ”

“เปล่าหรอก   แต่ว่า…”

“…”

“สัญญากับฉันหน่อยสิ”

“สัญญารึ?”

“รักและดูแลดาวเหนือให้ดีด้วยนะ  เมตตาเขาเหมือนที่เมตตาฉัน”

“พูดอะไรแบบนั้น  ดาวเหนือเป็นลูกของข้า  ถึงเจ้าไม่ขอ  ข้าก็จะรักและดูแลเขาอย่างดี”

“นั่นสินะ  ก็ไคโอใจดีที่สุดเลยนี่นา”

ประกายดาวยิ้มเศร้า  ผมรับรู้ความรักทั้งหมดที่เธอมีต่อผมดี  แต่ว่า…ตอนนี้ผมไม่สามารถตอบรับมันได้  เพราะหัวใจของผมเป็นของปูนปั้นไปหมดแล้ว

ที่มีให้เธอได้ก็แค่…ความผูกพันเท่านั้น

“ฉันอยากนอนพักแล้วล่ะ  ไคโอไปเถอะ”

“ได้สิ   แต่ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็เรียกข้าเลยนะ  ข้าจะรีบมาหาเจ้าทันที”

“จ้ะ  ขอบใจมากนะ”

“มาลูกดาวเหนือ  ไปกับพ่อนะ”

ตรงเข้าไปอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน  ผมมองไปทางประกายดาวที่นอนส่งยิ้มให้อีกครั้งด้วยใจที่ไม่ค่อยเป็นสุข

ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้นะ

ลางสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย

“แม่จ๋า  แม่จ๋า”

เสียงที่ดาวเหนือร้องเรียกประกายดาวก็เช่นกัน

ทำไมพอได้ยินแล้วต้องรู้สึกเศร้าด้วยนะ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ตอนหน้าก็จะเป็นบทส่งท้ายแล้วนะคะ  ในที่สุดก็มาถึงบทสรุปของเรื่องนี้สักที  ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ  แม้ว่าบิวจะอัพช้าไปบ้างก็ยังคอยเสมอ TT  ต่อไปก็อย่าลืมไปติดตามเรื่องของพี่ก้านกับน้องจ้าวต่อน้า  คู่นั้นยังไม่ถึงบทสรุปเลยจ้า  จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 21-06-2017 17:34:18


บทส่งท้าย

ปาฏิหาริย์ครั้งที่สาม

 

‘นี่  ตื่นได้แล้วนะ  จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน’

เสียงใครกันนะ?

คุ้นจังเลย

‘ถ้าขืนเจ้ายังนอนอยู่แบบนี้  ข้าจะปล้ำเจ้าจริงๆด้วย’

ไม่ผิดแน่…

หื่นแม้กระทั่งกับคนหลับ…

เจ้าชายจอมลามกชัวร์ๆ!!!

แต่ว่าทำไม…ทั้งที่ได้ยินเสียงอยู่ใกล้ๆ   ผมกลับมองไม่เห็นเขาล่ะ  ทุกอย่างมันมืดไปหมด  แม้ว่าผมจะได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน  แต่ผมก็ไม่สามารถโต้ตอบเขาได้  ราวกับว่า…

ผมถูกแช่แข็งเอาไว้

 

“ปั้น…”

“พี่ดาว!”

ร้องเสียงหลงอย่างตกใจ  ทั้งที่เมื่อกี้ยังมืดอยู่แท้ๆ  แต่พอเสียงพี่ดาวดังขึ้นเท่านั้น  ทุกอย่างก็สว่างวาบขึ้นมา  แถมผมยังมองเห็นตัวของตัวเองกับพี่ดาวกำลังยืนประชันหน้ากันอีกด้วย!

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!

ผมไม่ได้ตายไปแล้วหรอกเหรอ?

“พี่ดีใจจริงๆนะที่เราได้เจอกันอีก  แบบนี้หมายความว่าองค์ราชาไม่ได้โกหก”

“พี่ดาว  พี่พูดอะไรน่ะ”

“โชคชะตาของเราสามคนผูกพันกัน  เส้นด้ายแห่งชีวิตของเราสองคนเชื่อมโยงถึงกันมาตั้งแต่ต้น  นี่คือสิ่งที่องค์ราชาบอกกับพี่”

“พี่พูดอะไร  ผมไม่เข้าใจ”

“ปาฏิหาริย์ครั้งที่สามของไคโอได้เกิดขึ้นไปแล้ว  คือการที่ปั้นไม่ได้ตาย  แต่แค่เป็นเจ้าชายนิทรา”

“เจ้าชายนิทรา?  ผมเหรอ?”

“ใช่  ตอนนี้เธอแค่หลับอยู่เท่านั้น  และเพราะเธอยังไม่ตาย  เส้นด้ายแห่งชีวิตของเราสามคนจึงยังไม่ขาดลง”

พี่ดาวยังคงพูดต่อ  ผมคิดไปเองหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่าพี่ดาวดูอิดโรยชอบกล

“ที่ปั้นได้ยินเสียงของพี่ทั้งที่พี่ไมได้พูดออกมานั่นก็เพราะใจเราสื่อถึงกัน  และเส้นชีวิตเราก็เชื่อมโยงกัน  จะต้องมีคนใดคนหนึ่งหายไป   ทุกอย่างถึงจะกลับเข้าสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ฟ้าได้กำหนดมาแล้วว่าใครสมควรจะได้มีชีวิตอยู่  และคนๆนั้นไม่ใช่พี่”

“พี่ดาวพูดเหมือนกำลังจะตาย?”

“ที่ผ่านมาพี่ช่วงชิงเอาสิ่งที่ปั้นควรจะได้มาเยอะแล้ว  แย่งเอาคนที่ปั้นรักมาครอบครอง  มันถึงเวลาที่พี่จะต้องปล่อยตัวเองออกมาเสียที  เพราะพี่เองก็เหนื่อยมามากแล้ว  กับการพยายามเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของพี่ตั้งแต่ต้นมาเป็นของตัวเองอย่างเรื่องของไคโอ”

พี่ดาวส่งยิ้มอบอุ่นและใจดีมาให้เหมือนอย่างเคย

ตัวของพี่ดาวค่อยๆโปรงใสขึ้น  หัวใจผมตกวูบไปที่ตาตุ่ม!

“พี่ดาว!!!”

“พี่มีเวลามาพบกับปั้นได้แค่สามนาทีก่อนที่ดวงวิญญาณจะสลายหายไป  มีแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่คนตายสามารถสื่อสารกับคนเป็นได้  ปั้น…กลับไปเถอะนะ  กลับไปในที่ของปั้น  กลับไปหาไคโอ  กลับไปมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา  อย่าทำให้เขาต้องเจ็บปวดเฝ้ารอการกลับมาของปั้นอย่างนี้ตลอดไปเลย”

“ไม่   ผมเข้าใจแล้ว  ว่าถ้าผมกลับไป  คนที่จะต้องหายไปแทนก็คือพี่ดาวใช่ไหม!”

“พี่ใช้ชีวิตมาพอแล้ว  พี่พอใจกับทุกสิ่งในตอนนี้แล้ว  เหลือก็แต่เรื่องของปั้น  ที่พี่ยังไม่ได้ชดใช้ให้เสียที  ก่อนที่คำอธิษฐานขององค์ราชาจะหมดไป  ปั้น…กลับไปเดี๋ยวนี้!!!”

“ไม่!!!”

“องค์ราชารู้สึกผิดมาก  ท่านกำลังเจ็บปวดที่ทำให้ไคโอต้องเสียใจเหมือนตายทั้งเป็น  ท่านยอมเอาดวงวิญญาณขึ้นถวายพระผู้เป็นเจ้าเพื่อขอสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของพี่กับปั้นตามที่พี่ขอ  พี่กับองค์ราชากำลังทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดที่ได้ก่อเอาไว้  อย่าทำให้ความตั้งใจนี้สูญเปล่าเลยนะ”

“แต่ว่า!”

“พี่มีความสุขมาก  มีความสุขจริงๆ  ดาวเหนือได้เจอพ่อแท้ๆของเขาแล้ว  และพี่เชื่อว่าปั้นจะเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีให้กับลูกของพี่”

“พี่ดาว”

“ไม่มีเวลาแล้ว  กลับไปซะ  พูดว่าผมอยากกลับไปสิ   ส่งเสียงของตัวเองให้ดังไปถึงพระผู้เป็นเจ้า”

“…”

“พูดสิปั้น!  พูด!  พี่ขอร้องล่ะ  ปั้น!  ปั้น!”

“พี่ดาว..”

“พี่รักปั้นนะ  ฝากดูแลดาวเหนือด้วย  ช่วยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปแทนพี่ที”

“ฮึก…พี่ดาว”

“โชคดีนะ  น้องรักของพี่”

“พี่ดาว!!!”

“…”

“…”

“…”

“ผม…”

“…”

“อยากกลับไป”

“…”

“ให้ผมกลับไปด้วยเถอะครับ!!!”

 

พรึ่บ!

“พี่ดาว!”

คำแรกที่ผมโพล่งออกมาหลังจากลืมตาก็คือชื่อของพี่ดาว  ความอบอุ่นที่สัมผัสกับร่างกายย้ำชัดเจนว่าตอนนี้ผม…

…กลับมาแล้ว

ตุ้บ!

เสียงของหล่นกระทบกับพื้นเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี  ร่างสูงที่คุ้นเคยเบิกตากว้างมองผมราวกับไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

“เจ้าชาย…”

ส่งเสียงเรียกเขาพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจ

“ปะ…ปูนปั้น…”

“ผมกลับมาแล้ว”

 

และจะไม่มีวันแยกจากคุณไปไหนอีก…

 

หมับ…

“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

 

อ้อมกอดนี้…

คิดถึงมากๆเลยล่ะครับ

 

ขอบคุณนะครับพี่ดาว  ผมสัญญาว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขที่สุด

 

“ยินดีต้อนรับกลับนะ  ภรรยาแสนรักของข้า”

 

จบบริบูรณ์

 

 

 

ติดตามเรื่องราวของพวกเขาต่อได้ใน…

A  Merman  Special รักนี้…พี่จอง! ( พี่ก้าน+น้องจ้าว )

 

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพบทส่งท้ายแล้วจ้า  ในที่สุดก็จบสักที  จบแบบปลายเปิดให้ไปเดากันต่อเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป  แต่คิดว่าคงจะพอเดากันได้แหละเนอะ  ในเมื่อน้องปั้นฟื้นขึ้นมา  ประกายดาวก็ยอมตายเอง  ไม่มีอะไรมาขวางทางรักของเจ้าชายและน้องปั้นได้อีกแล้ว  ถ้าในเล่มพิเศษจะได้เห็นเรื่องราวหลังจากนี้ของทั้งคู่ด้วย  แต่ไม่ได้อัพลงในเว็บน้า   ใครสนใจสั่งซื้อสามารถอินบ๊อกหาบิวในเพจได้เลยนะคะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ค่า ^^
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 21-06-2017 19:27:26
 :pig4: :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 27-06-2017 06:52:23
 :katai3:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 27-06-2017 11:43:04


จบแบบซึ้งๆ

ปนน้ำตา

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: Sohso ที่ 29-06-2017 01:06:10
จบแบบไม่สุดเท่าไหร่อ่ะ เรียกน้ำตากันเลยทีเดียว  :monkeysad:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: dadt ที่ 30-06-2017 04:48:03
เรื่องแอบกระโดดๆนิดนึงน้า แล้วก็มีหลายตอนที่ไคโอกับปั้นอยู่ห่างกัน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ไม่โดนสร้อยรัดคอ) แล้วทำไมฟรานซิสอ่านความทรงจำของประกายดาวเรื่องลูก/รัชทายาทคนที่สองไม่ได้อ่า? ดาวไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆนี่นา ส่วนตอนจบน่าจะขยายความในส่วนของคู่หลักอีกนิด ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เช่น ปั้นย้ายมาอยู่ในทะเล? ขึ้นเป็นเจ้าหญิง/ราชินี?!?

พล็อตได้แล้วจ้า ถ้าเป็นนิยาย ต้องเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆอีกนิด ถ้าเป็นเรื่องสั้น ต้องตัดให้กระชับอีกหน่อย ก็ได้อยู่เหมือนกันน้า

ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: dkitja ที่ 30-06-2017 13:41:10
ชอบมากๆ เอาอีกๆ :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: abcee ที่ 30-06-2017 15:01:17
สนุกมากครับ แอบสงสารดาวนะ ไม่อยากให้มีใครตายเลย ขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 01-07-2017 00:08:44
เอางี้เลยนะ จบแบบนี้เลยนะ 55555
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 17-07-2017 14:38:25
ใครสนใจสั่งซื้อนิยายเล่มนี้  อินบ๊อกในเพจได้จ้าาาา   ตอนนี้ยังมีสต๊อกเหลืออยู่น้าาา

https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)
หัวข้อ: Re: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-10-2017 02:17:16
 o13 o13 o13