พิมพ์หน้านี้ - <<รอยบาป The Series>> บาปที่ไม่ได้ก่อ บทนำ [06/11/63]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: Belove ที่ 17-03-2018 21:35:57
-
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลงหรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ดการกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com) ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้
18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
:วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1: :วู้วว1:
ยินดีต้อนรับสู่ Series ชุดใหม่ของ Belove จ้า
:m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13: :m13:
สารบัญ
บาปที่ 1: ตราประทับบาป บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3805381#msg3805381)
บาปที่ 1 : ตราประทับบาป บทที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3807010#msg3807010)
บาปที่ 1 : ตราประทับบาป บทที่ 2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3810606#msg3810606)
บาปที่ 1 : ตราประทับบาป บทที่ 3 (จบตอน) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3821112#msg3821112)
บาปที่ 2 : บาปกตัญญู บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3864768#msg3864768)
บาปที่ 2 : บาปกตัญญู บทที่ 1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3895229#msg3895229)
บาปที่ 2 : บาปกตัญญุู บทที่ 2
(https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3909634#msg3909634)บาปที่ 2 : บาปกตัญญู บทที่ 3(จบตอน) (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg3929741#msg3929741)
บาปที่ 3 : บาปที่ไม่ได้ก่อ บทนำ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66522.msg4050983#msg4050983)
-
ตราประทับบาป
บทนำ
ฟุจิคิรับรู้ถึงไฟร้ายที่กำลังเกาะกุมทั้งหัวใจและร่างกายของเขา เปลวไฟร้อนแรงสีแดงสดคืบคลานเข้ามาทำลายความเงียบเหงาหนาวเย็นราวกับหิมะหนาบนยอดเขาที่ฟุจิคิอยู่กับมันมาตลอดชีวิตให้ละลายลงอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองต้นเหตุแห่ง
ไฟเบื้องหน้าด้วยกายสั่นระริก
“ท่านต้องการผม”
มืออุ่นจนร้อนเอื้อมมาแตะแค่เพียงแผ่วเบาตรงบั้นเอวฟุจิคิก็ถึงกับสะดุ้ง เขาปัดมือร้อนออกแต่กระนั้นมันก็ยังคงกลับมาวางที่เดิมอย่างเอาแต่ใจ
“ออกไป”
เสียงของฟุจิคิสั่นพร่า แหบต่ำ หาได้กังวานอย่างในเวลากล่าวคำสอนแก่ชาวบ้านให้ระลึกถึงบุญคุณของเทพเจ้า และสำนึกอยู่เสมอว่ามนุษย์ทุกนามล้วนแล้วแต่มีที่มาจากสรรพสิ่งในธรรมชาติของโลกที่ให้กำเนิด
“จะโกหกหัวใจตนเองไปทำไม ในเมื่อตอนนี้แม้แต่แรงห้ามท่านยังไม่มี”
ฮายากาวะ ไทโย บุรุษผู้มีบุคลิกร้อนแรงเจิดจ้าสมกับชื่อของเขาที่แปลว่าดวงอาทิตย์ จ้องมองฟุจิคิด้วยดวงตาคมปลาบล้ำลึกดุจจะถาโถมเข้าไปสู่กลางก้นบึ้งของหัวใจและกระชากฟุจิคิลงไปสู่หลุมดำมืดที่มีไฟร้อนแห่งบาปรออยู่ หากแต่ไฟอย่างไทโยนั้นก็ช่างเย้ายวนชวนให้กระโดดโลดแล่นไปกับความร้อนนั้น จนฟุจิคิหลงลืมไปแล้วว่าเขากำลังห่างไกลจากความถูกต้องมากขึ้นทุกที
“ได้โปรดเถอะ ไทโย อย่าให้ผมต้องทำบาปไปมากกว่านี้เลย”
น้ำแข็งอย่างฟุจิคิละลายหมดสิ้นแล้วเมื่อร่างของเขาทอดกายลงไปกับพื้นเย็นเยียบของศาลเจ้าที่เขามีหน้าที่ดูแลอยู่ รูปปั้นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่ตั้งตระหง่านกำลังเพ่งมองเมื่อไทโยถอดชุดนักบวชสีดำของฟุจิคิออกทีละชิ้นโดยที่เขาไม่อาจห้ามปรามได้ ลมหนาวลอดช่องว่างเล็ก ๆ ใต้ประตูเข้ามาอาบไล้ผิวกายเมื่อเขาและไทโยมีเพียงเนื้อหนังแนบสนิท แปลกที่แม้ภายนอกจะหนาวเหน็บเพราะละอองหิมะโปรยปราย แต่เขากลับร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“อะไรคือบาป”
ไทโยกระซิบถามข้างหู ร่างกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยพละกำลังและอำนาจของหัวหน้ากลุ่มที่มีอิทธิพลสูงสุดในเขตคันไซกำลังบดเบียดลงมาด้วยแรงปรารถนา
“เรากำลังทำผิดธรรมชาติ ผมกับคุณเป็นผู้ชายทั้งคู่ เรากำลังทำผิดคำสอนของเทพเจ้า”
ฟุจิคิหลับหูหลับตาส่งเสียงโต้เถียง เขารู้สึกถึงการตื่นตัวเบื้องล่างที่ไทโยปลุกมันขึ้นมา
“ท่านจงมองตาผม”
ไทโยออกคำสั่งและไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนแม้แต่ฟุจิคิในตอนนี้ เขาเบิกตาอย่างหวาดหวั่นเพื่อจะพบกับนัยน์ตาที่แสดงถึงความต้องการอันแรงกล้าที่จะได้ครอบครองร่างกายของเขา
“ผมนี่แหละคือธรรมชาติของท่าน ท่านนับถือดวงอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ผมนี่แหละคือดวงอาทิตย์ และท่านกำลังจะทำในสิ่งที่ใจของท่านต้องการ”
“ไม่!”
ฟุจิคิพลันหลับตาลงเมื่อไทโยล่วงล้ำเข้าสู่ร่างกายของเขา และดึงให้นักบวชเช่นเขาตกลงไปในห้วงแห่งบาปที่จะประทับไว้ในใจตลอดกาล
TBC
มาแล้วจ้า Series ชุดใหม่ อาจจะไม่แซบจัดจ้านเท่า X-theme นะ
เพราะจะเน้นเรื่องผิดศีลธรรมและบาปที่อยู่ในใจ
ใครอยากอ่านบาปแบบไหน เสนอมาเป็นไอเดียได้เลยจ้า
:interest: :interest: :interest: :interest: :interest: :interest: :interest: :interest:
-
:L2: แวะมาเจิมเรื่องใหม่จร้าาา มันกร้าวววใจมากกก
ปล.เราชอบบาปหลายผัว 555
-
นี่สิที่ต้องการ
-
มาปูเสื่อรอ~
-
ปักหมุดรอเลย :hao6: :hao6:
-
มิ๊วๆๆๆๆ เคะพระยากูซ่าเมะโฮ๊ยยยยยชอบ
-
ใจบาปเหลือนเกินนะออเจ้า หุหุ อยากอ่านต่อมากเลยค่ะ
-
ตราประทับบาป
บทที่ 1
เสียงพูดคุยเซ็งแซ่หลังพิธีไหว้ดวงอาทิตย์เสร็จสิ้นลงของชาวบ้านที่มาศาลเจ้าในวันนี้เรียกความสนใจได้จาก ยามามัตสึ ฟุจิคิ จนเขาต้องก้าวเข้าไปสู่วงสนทนาและเอ่ยถามขึ้น
“มีอะไรกันอย่างนั้นหรือ”
“ก็ครอบครัวโคจิมาถูกขู่ให้ขายที่ดินอีกแล้วน่ะสิหลวงพี่”
หนึ่งในกลุ่มสนทนาหันมาตอบเขาด้วยท่าทีนอบน้อม เพราะฟุจิคินั้นเป็นนักบวชและยังเป็นเจ้าอาวาสในศาลเจ้าแห่งนี้อีกด้วย ชาวบ้านในพื้นที่นับถือนิกายชินโตที่บูชาเทพเจ้าซึ่งเกี่ยวข้องกับธรรมชาติหลายองค์ ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าเก่าแก่มีคนนับถือกราบไหว้จำนวนไม่น้อย บิดาของฟุจิคิเองก็เป็นนักบวชและยังเป็นเจ้าอาวาสรุ่นที่แล้ว เมื่อความชราเข้ามาเยือนบิดาของเขาก็ยกตำแหน่งเจ้าอาวาสให้แก่ฟุจิคิที่เพิ่งจะเป็นนักบวชหลังจากที่เรียนจบมาไม่นานมานี้เอง
“พวกนั้นอีกแล้วหรือ ตระกูลฮายากาวะ ใช่ไหม”
ยามามัตสึ ทาเคชิ บิดาของฟุจิคิเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย ฟุจิคิที่จากบ้านเกิดไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยในเมืองหลายปีจึงถามด้วยความสงสัย
“พวกนั้นทำอะไรครับพ่อ”
ทาเคชิถอนหายใจแล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม
“ฮายากาวะรุ่นพ่อนั้นไม่เท่าไหร่หรอก แต่เมื่อหลายปีที่ผ่านมาคงจะพอ ๆ กับที่ลูกไปเรียนต่อ ฮายากาวะรุ่นลูกก็ขึ้นมาบริหารงานต่อ พวกเขาคิดจะกว้านซื้อที่ดินจากชาวบ้านเพื่อไปสร้างแหล่งประโยชน์ของพวกเขา”
“ใช่ อย่างที่หลวงพ่อพูด พอใครไม่ขายก็หาวิธีกลั่นแกล้งจนต้องยอม”
ชาวบ้านต่างช่วยกันออกความเห็น
“นี่ยังกลัวว่าพวกนั้นจะมาลุกล้ำเขตศาลเจ้าด้วยน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราเกือบทั้งหมู่บ้านต้องแย่แน่ ๆ”
ฟุจิคิขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาเพิ่งจะโกนผมเป็นนักบวชได้ไม่กี่เดือน เรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้เลยว่าจะมีผู้มีอิทธิพลมารังแกชาวบ้าน
“ทำไมพวกเราไม่ช่วยกันต่อต้านล่ะครับ” เขาเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ถ้าพวกเราช่วยกันผมว่าต้องสู้ได้แน่”
“ใครจะสู้กับเขา คน ๆ นั้นโหดร้ายยิ่งกว่ารุ่นพ่อและรุ่นปู่เสียอีก อำนาจของเขาแผ่ขยายไปถึงเขตข้างเคียงเสียด้วยซ้ำ ถ้าคิดสู้พวกเราคงตายกันหมด”
น้ำเสียงและสีหน้าหวาดกลัวของชาวบ้านทำให้ฟุจิคิชิงชังคนโหดร้ายคนนั้นตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า
“เขาชื่ออะไรนะครับ นายฮายากาวะคนนั้น”
“ไทโย เขาชื่อ ฮายากาวะ ไทโย ที่แปลว่าดวงอาทิตย์ยังไงล่ะ”
ทาเคชิผู้เป็นบิดาตอบเขา ฟุจิคิเดาว่าคน ๆ นี้ต้องหน้าตาดุดันโหดเหี้ยม แต่ถึงอย่างไรฟุจิคิจะไม่ยอมให้ใครมาข่มขู่บังคับให้เขาต้องขายที่ดินบริเวณศาลเจ้าเป็นแน่
ยามามัตสึ ฟุจิคิ คนนี้จะต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี คอยดูสิ!
ก้นบุหรี่ที่ยังมีประกายไฟถูกขยี้ลงไปในที่เขี่ยบุหรี่แสนสวยอย่างแรงด้วยอารมณ์หงุดหงิด บุรุษหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทานั่งหลังตรงสง่าอยู่บนเก้าอี้หนังเนื้อดี ใบหน้าคมเข้มจนดูน่าเกรงขามสมกับที่เป็นประมุขรุ่นล่าสุดของตระกูลฮายากาวะที่มีอำนาจมากที่สุดในเขตนี้
แต่ถึงกระนั้นเป้าหมายของฮายากาวะ ไทโยก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล เขาต้องการพื้นที่สำหรับสร้างรีสอร์ทขนาดใหญ่ระดับห้าดาว และยังเหลือพื้นที่อีกเล็กน้อยที่เขาต้องการซึ่งตรงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของศาลเจ้าเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ตรงเชิงเขา
เขาส่งลูกน้องไปหลายคนหลายครั้งเพื่อขอซื้อที่ตรงนั้น ผู้ดูแลศาลเจ้าควรจะขายให้เขาเพราะมันเป็นแค่ส่วนเล็กน้อยจากพื้นที่ทั้งหมดที่ศาลเจ้าครอบครองอยู่ แต่ลูกน้องของไทโยกลับคว้าน้ำเหลวกลับมาทุกครั้ง
“เจ้าอาวาสคนใหม่มันไม่ยอมครับนาย มันสู้ยิบตาและก็มีฝีมือมากด้วย”
ดวงตาคมแค่ตวัดมองลูกน้องของเขาก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัวก้มหน้าหลบตาพัลวัน
“พวกแกไปกันครั้งหนึ่งก็หลายคน แค่นักบวชคนเดียวยังสู้ไม่ได้ หมายความว่าพวกแกต่างหากที่ไม่ได้เรื่อง”
“แต่นายครับ เจ้าอาวาสหนุ่มคนนี้เก่งจริง ๆ นะครับ”
ลูกน้องอีกคนข่มความกลัวยืนยัน และนั่นทำให้ฮายากาวะ ไทโย หมดความอดทน เขาอยากรู้นักว่าเพียงแค่นักบวชคนเดียวที่ปกป้องศาลเจ้าเล็ก ๆ แห่งนั้นจะเก่งกล้าสมกับที่ลูกน้องของเขาขยาดหรือไม่
ไทโยอาจจะต้องไปพิสูจน์ด้วยตัวเองสักครั้ง
ตั้งแต่ตระกูลฮายากาวะส่งตัวแทนมาขอซื้อที่ดินส่วนหนึ่งของศาลเจ้าที่อยู่ติดกับพื้นที่ที่พวกเขาต้องการแต่ฟุจิคิไม่ยอมขายนั้น เขาก็ต้องย้ายมาอาศัยอยู่ในวิหารกลางวัดแทนบ้านหลังเล็กที่อยู่ลึกเข้าไปในเขตศาลเจ้า
“ระวังตัวด้วยนะฟุจิคิ”
ทาเคชิบิดาของเขาและมารดาที่มีอายุมากแล้วเตือนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะพากันเดินกลับไปที่บ้านพักของพวกท่าน เมื่อไม่มีงานพิธีใดๆ บริเวณวัดก็เงียบสงัด มีนักบวชเหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น และมีเพียงฟุจิคิที่จะปกป้องที่ดินของศาลเจ้าเก่าแก่นี้ไว้ได้
เขาใช้เวลาในยามบ่ายอันแสนสงบศึกษาหลักคำสอนของนิกายชินโต ฟุจิคิเกิดและเติบโตช่วงวัยเด็กที่วัดแห่งนี้ก็จริง แต่เขาย้ายไปเรียนในเมืองตั้งแต่วัยรุ่นจนจบมหาวิทยาลัย เพราะเป็นลูกชายคนโตฟุจิคิรู้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องมาสืบทอดตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อจากบิดาซึ่งฟุจิคิก็ไม่ได้เดือดร้อน
นิกายที่เขานับถือนั้นนักบวชสามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ พวกเขาให้ความนับถือเทพเจ้าที่ให้ความอุดมสมบูรณ์แก่พืชพันธุ์ทั้งหลาย ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือพิธีบูชาดวงอาทิตย์ซึ่งจะจัดเป็นประจำทุกปี
ขณะกำลังใช้สมาธิอ่านหนังสืออยู่นั้น หูของเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าแว่วมาจากด้านหน้าวิหาร ฟุจิคิบอกตัวเองให้ระมัดระวังทันที เขาวางหนังสือลงและลุกขึ้นยืนพอดีกับสายตาที่มองเห็นบุรุษผู้หนึ่งก้าวเข้ามาในเขตวิหารด้วยท่าทีสง่างาม เมื่อได้เห็นรูปร่างหน้าตาชัดเจนฟุจิคิก็ถึงกับอึ้ง
รูปร่างสูงเกินร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรแน่ ๆ เพราะเทียบด้วยสายตาแล้วเขาคนนี้ต้องสูงกว่าฟุจิคิที่สูงร้อยแปดสิบ ไหล่กว้างรับกับอกแกร่งที่ซ่อนอยู่ในเสื้อเชิ้ตด้านในโดยมีเสื้อสูทเรียบหรูทับอยู่ด้านนอก หน้าตานั้นแทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไปทุกส่วนโดยเฉพาะดวงตาคมดุดันคู่นั้นที่อาจทำให้ผู้คนละลายได้ด้วยความหวาดเกรง
เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมาฟุจิคิต้องรับมือกับคนของฮายากาวะส่งมาก่อกวนหลายครั้งและได้รับชัยชนะทุกครั้ง บิดาของเขาเอ่ยปากเตือนว่าให้ระวังโทสะของฮายากาวะ ไทโยให้ดี และในวินาทีนี้กับบุคคลตรงหน้า ความสง่างามบวกกับท่าทีน่าเกรงขามทำให้ฟุจิคิเดาได้ทันทีว่าเขาคือประมุขคนปัจจุบันของตระกูลที่มีอิทธิพลนี้
ส่วนไทโยเองก็ยังอดยืนนิ่งและจ้องมองนักบวชหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ ฟังจากลูกน้องแล้วรู้มาว่าเจ้าอาวาสคนใหม่ของศาลเจ้ายังหนุ่มมากและเพิ่งกลับมาจากเล่าเรียนในเมือง แต่ไทโยก็คาดไม่ถึงว่ารูปร่างหน้าตาของนักบวชชื่อฟุจิคิที่แปลว่าภูเขาที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งจะหน้าตาดีเกินคาดคิด รูปร่างสูงโปร่งผิวกายผุดผาด ศีรษะที่ปราศจากเส้นผมได้รูปทรงจนบดบังความงดงามได้ไม่มิด ดวงตาที่จ้องมองมาอย่างเยือกเย็นไม่มีหวาดหวั่นนั่นก็ทำให้ไทโยไม่อาจละสายตาได้เลย
มีต่ออีกนิด...
-
ต่อกันตรงนี้....
ลูกน้องของเขาที่ยืนด้านหลังทำท่าจะกรูกันเข้ามาภายในวิหาร ไทโยยกมือขึ้นห้ามในทันทีทั้งที่เขายังคงประสานสายตากับฟุจิคิไม่ยอมหลบ
“หยุด อย่าเข้ามา รออยู่ด้านนอกฉันจะตกลงกับท่านนักบวชตามลำพัง”
คำสั่งของเจ้านายถือเป็นเด็ดขาด บรรดาลูกน้องของเขาโค้งรับคำสั่งก่อนจะถอนตัวไปยืนคุมเชิงอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เหลือเพียงเจ้านายของพวกเขากับนักบวชเจ้าของสถานที่เท่านั้น
“ผมไม่คิดจะขายที่ดิน เชิญคุณกลับไปได้แล้ว”
ฟุจิคิไม่อ้อมค้อม เขารู้ดีว่าทำไมประมุขของฮายากาวะถึงได้ลงทุนมาที่นี่ ฟุจิคิพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นไหวขณะกำลังสู้กันด้วยสายตากับไทโย แปลกที่รู้สึกได้ว่าหัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นจนเกือบหายใจไม่ทัน
“โครงการรีสอร์ทที่ผมจะสร้างนั้น จะช่วยทำให้ชาวบ้านมีรายได้มากขึ้น และไม่ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างที่มีคนปล่อยข่าว ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะปฏิเสธเลย”
ไทโยขยับเท้าก้าวตรงเข้าใกล้ร่างโปร่งที่อยู่ในชุดนักบวชมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่วงท่าของเขายังคงความสง่างามและมีพละกำลังราวกับดวงอาทิตย์ฉายแสงยามเที่ยง ดวงตาดุดันเมื่อแรกเข้ามาปรับเปลี่ยนเป็นความสนใจในฝ่ายตรงข้าม ฟุจิคินึกเปรียบเทียบกับสิงโตเจ้าป่าที่กำลังสร้างความยำเกรงต่อหน้าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ แต่ไม่มีทางที่เขาจะเป็นกระต่ายตื่นตูมทำท่าหวาดกลัวให้เห็นเด็ดขาด
“พื้นที่แห่งนี้เป็นของเทพเจ้า เพื่อให้เราได้กราบไหว้บูชาและเป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้คนที่นับถือ เราอยู่กันอย่างนี้มานานหลายชั่วคนและผมจะไม่ยอมให้สิ่งเหล่านี้ถูกทำลายในรุ่นของผม”
น้ำเสียงที่ยังคงไว้ซึ่งความเยือกเย็น ท่าทีองอาจแม้จะดูออกว่าซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ช่างเรียกร้องความสนใจจากไทโยยิ่งนัก ไม่เคยมีใครที่กล้าต่อปากต่อคำกับเขาเช่นนี้จนไทโยอยากจะรู้นักว่านักบวชธรรมดาคนหนึ่งจะมีพิษสงอะไรที่ทำให้ลูกน้องของเขาต่างกริ่งเกรง
แค่คิดได้ไทโยก็ไม่รอช้า เขาพุ่งกายเข้าหาฟุจิคิอย่างรวดเร็ว วินาทีนั้นฟุจิคิเบิกตากว้างวูบหนึ่งก่อนจะพลิกกายกลับไปยังที่นั่งด้านหลังและคว้าดาบไม้โบคุโตะขึ้นมากระชับในมือ โดยที่ไทโยไม่คาดคิดความเร็วเพียงลมพัดวูบหนึ่งดาบไม้โบคุโตะในมือของฟุจิคิก็ฟาดลงที่ไหล่และหลังเข่าของไทโยก่อนที่มันจะมาหยุดจ่ออยู่ตรงซอกคอของเขา
เร็ว!
นักบวชคนนี้ฝึกเคนโด้ แถมยังเก่งกาจถึงกับหยุดไทโยได้เพียงดาบเดียว ฝีมือฉกาจนัก
แม้จะได้เปรียบในการจู่โจมครั้งแรกแต่ฟุจิคิกลับมีผิวหน้าร้อนเห่อเมื่อเห็นสายตาของไทโยที่จ้องมองมา รวมถึงมุมปากที่จุดรอยยิ้มแม้เพียงเล็กน้อยแต่ก็เห็นได้ชัด ความวาววามนั้นทำให้มือที่จับด้ามดาบไม้สั่นไหว และการเปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้เห็นจุดอ่อนก็ช่างโง่เขลาสิ้นดีเพราะไทโยฉวยจังหวะนี้ใช้การโจมตีแบบประชิดตัวของยิวยิตสูเข้ามาใช้
มือแกร่งไล่ไปตามดาบไม้และบิดข้อมือของฟุจิคิอย่างชำนาญในการต่อสู้แขนงนี้ ฟุจิคิร้องลั่นเมื่อดาบไม้หลุดจากมือร่วงลงพื้นจากนั้นไทโยก็หักแขนเขาไปทางด้านหลัง แค่เพียงไม่กี่ท่วงท่าไทโยก็รวบแขนทั้งสองข้างของฟุจิคิไว้ได้
“ท่านเก่งกว่าที่คิดนะครับที่เอาชนะผมด้วยดาบไม้”
ร่างสูงที่ยืนควบคุมอยู่เบื้องหลังก้มหน้ากระซิบอยู่ข้างหูยิ่งทำให้ฟุจิคิเจ็บใจ เขาพยายามไม่ส่งเสียงร้องเพราะความเจ็บปวดเมื่อแขนทั้งสองข้างถูกรวบไว้ด้านหลัง ลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดอยู่ตรงท้ายทอยทำให้ฟุจิคิร้อนวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ท่านเป็นคนแรกที่ทำให้ผมเพลี่ยงพล้ำ ช่างน่าสนใจจริงๆ”
ดูเหมือนจุดประสงค์ในการมาเยือนศาลเจ้าวันนี้จะเปลี่ยนไปแล้ว ไทโยลืมเรื่องที่ดินหมดสิ้นและความสนใจของเขาเบนเป้ามายังนักบวชหน้าตาดีที่เขาควบคุมตัวอยู่
ไทโยปล่อยมือที่จับกุมให้ฟุจิคิหลุดออกไปได้ ร่างโปร่งนั้นหันกลับมาหาเขาพร้อมกับความกรุ่นโกรธ แต่ไทโยไม่ปล่อยให้ฟุจิคิเป็นอิสระนานนักเมื่อเขาใช้ความแข็งแรงและรวดเร็วกระชากข้อมือของฟุจิคิจนร่างนั้นถลาเข้ามากระแทกแผงอกของเขาดังพลัก ไทโยใช้ท่อนแขนโอบไปรอบเอวของฟุจิคิขังเขาไว้ในอ้อมกอดทันที
“คุณทำอะไร ปล่อยผม”
คราวนี้ฟุจิคิรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาจริง ๆ เสียแล้ว เขาไม่สงสัยเลยว่าทำไมชายผู้นี้ถึงสามารถทำให้ผู้อื่นกลัวเกรงได้ ขนาดว่าฟุจิคิมั่นใจในฝีมือตนเองระดับหนึ่งกับเคนโด้ดั้งห้า แต่เมื่อต้องต่อสู้กันไทโยก็เก่งและแกร่งจนยากที่จะล้ม
แต่ที่ไม่เข้าใจเลยก็คือ เพราะเหตุใดไทโยถึงต้องเหนี่ยวรั้งเขาไว้ใกล้ชิดเช่นนี้ด้วยเล่า
ยิ่งใกล้จนได้กลิ่นโคโลญจน์อ่อน ๆ จากร่างกำยำนี้ฟุจิคิก็ยิ่งระส่ำระสาย หัวใจของเขาเต้นแรงและเร็วจนอกกระเพื่อม ฟุจิคิพยายามแล้วที่จะรวบรวมสติสมาธิ แต่มันก็ยังเตลิดหนีหาย
“ผมคิดว่า ผมคงจะสนใจท่านมากกว่าที่ดินเสียแล้ว”
ไทโยพูดออกมาโดยง่ายราวกับพูดเล่น แต่การกระทำกลับไม่ได้เล่นไปด้วย มือที่โอบกระชับเอวของฟุจิคินั้นรั้งเข้ามาจนท่อนล่างบดเบียด ฟุจิคิเจ็บใจที่แม้แต่จะดิ้นรนยังทำไม่ได้
“คุณบ้าไปแล้ว” ฟุจิคิต่อว่าเสียงสั่น
“คุณแค่อยากเอาชนะซึ่งก็สำเร็จแล้วไงล่ะ”
สายตาของไทโยเลื่อนลงมองปากอิ่มสีแดงเรื่อที่กำลังขยับต่อว่าเขาอยู่ น่าแปลกที่ผู้ชายโกนผมคนนี้ทำให้คนอย่างฮายากาวะ ไทโย มิอาจละสายตาได้เลย นอกจากนั้นมันทำให้เขาอยากจะรู้ว่าหากได้ครอบครองทั้งกายและใจของฟุคิจิแล้วจะดีต่อหัวใจของเขาแค่ไหน
“ชนะแค่นี้คงไม่พอสำหรับผม”
ไทโยพูดกลั้วหัวเราะ ดวงตาของเขาเป็นประกายจนใบหน้าคมนั้นยิ่งหล่อเหลา ไม่ ฟุจิคิเตือนตัวเองว่าเขาจะต้องไม่หวั่นไหวไปกับผู้ชายที่ได้ชื่อว่าใช้อิทธิพลต่อผู้อื่นเด็ดขาด
“คุณต้องการอะไร ต่อให้คุณฆ่าผมคุณก็ไม่ได้ที่ดินไปแน่”
ยืนกรานเด็ดเดี่ยวแม้จะรู้ว่าไม่มีทางชนะชายคนนี้แน่ ๆ ฟุจิคิได้แต่เอียงหน้าหนีเมื่อไทโยก้มหน้าลงมาจนจมูกโด่งชนอยู่กับแก้มของเขา
“ถ้าผมบอกว่า ผมต้องการชัยชนะโดยเด็ดขาด ทั้งที่ดินและร่างกายของท่าน ท่านจะว่ายังไง”
ฟุจิคิเบิกตากว้าง ไทโยทำลายความเยือกเย็นของเขาหมดสิ้น ตอนนี้ฟุจิคิเดือดปุด ๆ เมื่อรู้ความต้องการของไทโย เขาสะบัดหน้าไปหาเตรียมจะเปิดปากต่อว่า แต่กลายเป็นว่าเข้าทางของไทโยพอดีเมื่อไทโยปิดปากของเขาลงด้วยปากของไทโย
“อื้อ อึก”
จะดิ้นก็ดิ้นไม่หลุด จะสะบัดหน้าหนีก็ทำไม่ได้ ฟุจิคิยืนตัวแข็งเมื่อกลีบปากของเขาถูกบดขยี้จนร้อนเห่อ จมูกโด่งของไทโยแนบชิดกับจมูกของเขาจนเกือบจะหายใจไม่ออก ตอนนั้นเองที่เขาผวาอ้าปากหายใจไทโยก็สอดลิ้นเข้ามาอย่างชำนาญจนฟุจิคิแทบสำลัก
“ปละ ปล่อย”
เสียงของเขาฟังดูอ่อนแรงเต็มที ตัวที่แข็งอยู่ตอนแรกบัดนี้อ่อนแรงจนอาจจะร่วงไปกองกับพื้นได้หากไม่มีอ้อมกอดของไทโยรั้งไว้ ลิ้นของไทโยตวัดไปมาอยู่ในช่องปากตามอำเภอใจ ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนกว่าเขาจะยอมถอนลิ้นออกช้าๆ พร้อมกับสายตาวาวราวกับสิงโตที่รอขย้ำเหยื่อ ฟุจิคิหอบหนัก เขาไม่เคยพบเจอจูบที่เร่าร้อนหนักหน่วงขนาดนี้มาก่อน เขาเงยหน้ามองไทโยอย่างไม่คาดคิด
ไทโยเลียริมฝีปากตนเองอย่างติดใจ รสจูบของนักบวชช่างหอมหวานจนเขาอยากรู้ว่าถ้าได้ชิมไปทุกส่วนจะหวานเช่นริมฝีปากหรือไม่
“ท่านจูบตอบผม แสดงว่าท่านเองก็ต้องการผม ใช่หรือไม่ท่านเจ้าอาวาสฟุจิคิ”
ฟุจิคิสะดุ้งเฮือก เขาผลักร่างของไทโยออกห่าง
“ไม่จริง”
“อยากพิสูจน์อีกสักรอบไหม”
ฟุจิคิรีบก้าวถอยหลัง สีหน้าตระหนกของเขาทำให้ไทโยต้องยอมล่าถอย
“วันนี้ผมจะกลับ แต่ถ้าผมมาอีกครั้งผมจะต้องได้ทั้งตัวท่านและที่ดิน”
ไทโยหัวเราะอยู่ในดวงตาก่อนจะหมุนกายเดินตรงไปยังประตูทางออก เมื่อเขาก้าวออกไปจนพ้นวิหารฟุจิคิก็หมดแรงขาแข้งอ่อนจนต้องทรุดตัวนั่งกับพื้น เขายกมือวางแนบหัวใจตนเองที่เต้นแรง
คำสอนที่ฟุจิคิจำมาตลอดชีวิตนั่นคือทำตัวกลมกลืนไปกับธรรมชาติ และธรรมชาติของมนุษย์คือชายกับหญิง
ดังนั้นฟุจิคิจะไม่ประพฤติบาปด้วยการหวั่นไหวไปกับเพศเดียวกันเด็ดขาด!
TBC
บทแรกมาแล้วจ้า เริ่มต้นกันแบบบาปเบา ๆ ก่อนนะจ๊ะ
:o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11: :o11:
-
:katai2-1:
-
เขินจุง :-[
-
:hao3: o13 :mew1:
-
ชั้นรักชายโฉด
-
หวายๆๆ
-
ตราประทับบาป
บทที่ 2
วันรุ่งขึ้นที่มีงานทำบุญที่ศาลเจ้าในเทศกาลไหว้ขอพรดวงอาทิตย์ ชาวบ้านที่มาร่วมทำบุญต่างก็จับกลุ่มซุบซิบกันด้วยสีหน้าหวาดหวั่นระคนแปลกใจเมื่อเห็นฮายากาวะ ไทโยมาร่วมงานด้วย เขาพาลูกน้องมาไม่กี่คนเมื่อมาถึงก็ได้แต่คว้าเก้าอี้มานั่งมองอยู่ด้านหลังวิหารโดยไม่ได้เข้ามาร่วมการทำบุญเลย
การตกเป็นเป้าสายตาไม่ได้ทำให้เขารู้สึกวิตกแม้แต่น้อย ร่างสูงนั่งนิ่งสูบบุหรี่พ่นควันขาวละเอียดสู่อากาศราวกับมาผ่อนคลายที่ศาลเจ้าแห่งนี้ คนที่รู้สึกเป็นกังวลและตื่นเต้นกลับกลายเป็นฟุจิคิเจ้าอาวาสหนุ่มที่กำลังยืนเทศนาอยู่ด้านหน้าของวิหารต่างหากเล่า
ฟุจิคิมองเห็นไทโยตั้งแต่ร่างสูงเดินนำลูกน้องเข้ามาในวิหาร หัวใจของเขาพลันเต้นรัวขึ้นมาเหมือนทุกครั้งที่เขาคิดถึงจุมพิตเมื่อวานนี้ ฟุจิคินอนหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืนเมื่อใบหน้าคมดุนั้นเฝ้าตามมาหลอกหลอนเขา ท้ายที่สุดก็ต้องลุกมานั่งปวดศีรษะตั้งแต่ย่ำรุ่ง ผู้ชายที่จ้องมองโดยมีฟุจิคิเป็นเป้าสายตานั้นช่างมีอิทธิพลต่อความคิดความรู้สึกเหลือเกิน
เจ้าอาวาสหนุ่มเทศนาตะกุกตะกัก ในขณะที่ชาวบ้านก็ไม่มีสมาธิ ต่างก็เหลือบมองไปยังฮายากาวะ ไทโยด้วยความหวาดระแวงที่เขามาในที่ชุมชนเช่นนี้ ทุกคนที่รู้กิตติศัพท์ต่างก็กลัวว่าเขาจะมาด้วยจุดประสงค์เลวร้าย ฟุจิคิตัดสินใจหาทางจบการเทศนาให้เร็วขึ้น ชาวบ้านจึงพากันลุกลี้ลุกลนออกจากศาลเจ้าจนเหลือเพียงนักบวชไม่กี่รูปรวมถึงทาเคชิบิดาของฟุจิคิ
“เขามาทำไม”
“ไม่ใช่จะมาทำร้ายพวกเราหรอกนะ”
นักบวชต่างก็เข้ามารวมกลุ่มกันและซุบซิบเบาๆ แม้แต่ทาเคชิก็ยังรู้สึกกังวลอยู่ไม่น้อยจนฟุจิคิต้องเอ่ยให้ทุกคนสบายใจ
“เขาจะมาทำไมก็ช่างเขาเถอะครับ พวกหลวงพี่กับพ่อไปพักผ่อนก่อนเถอะ ทางนี้ผมจะจัดการเอง”
ฟุจิคิฝืนยิ้มให้นักบวชทุกคน พ่อของเขามองไทโยอย่างไม่ไว้ใจ
“ต้องระวังให้มากนะฟุจิคิ ถึงวันนี้เขาจะมาอย่างสงบแต่เขาก็เป็นคนมีอำนาจอยู่ดี”
“ครับพ่อ พ่อพาทุกคนกลับไปเตรียมงานด้านในเถอะ เรายังมีงานต่อเนื่องกันอีกหลายวันนะครับ”
เมื่อเหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้วฟุจิคิจึงได้เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของไทโยที่ยังมองเขาด้วยสายตาที่ฟุจิคิไม่กล้าคาดเดาความหมาย
“คุณไม่ควรมาที่นี่”
ไทโยลุกขึ้นยืนอวดความสง่างาม เขาโบกมือเบา ๆ ลูกน้องสองคนที่ติดตามมาก็รีบก้าวออกไปยืนด้านหน้าทางเข้าวิหารแถมยังปิดประตูทางเข้าอีกด้วย ฟุจิคิได้แต่มองไทโยอย่างไม่ไว้ใจ
“คนอยากมาทำบุญห้ามได้ด้วยงั้นหรือ”
ผิวแก้มของฟุจิคิร้อนซู่เมื่อไทโยมองเขาด้วยนัยน์ตาพูดได้ มันแวววาวเกินไป ท้าทายเกินไป และมันทำให้ฟุจิคิไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย
“คุณทำให้ชาวบ้านที่มารู้สึกหวาดกลัว เพราะคุณเคยทำร้ายพวกเขา”
ส่งเสียงเข้มออกไป หวังจะปรามให้ไทโยสำนึกได้ แต่อีกฝ่ายแค่ยักไหล่อย่างไม่นึกแยแส
“กลัวก็เรื่องของพวกเขา ไม่ใช่เรื่องของผม”
“นี่ คุณ!”
“ไทโย เรียกผมว่าไทโยสิ ผมอยากได้ยินเสียงท่านเรียกชื่อผมด้วยเสียงนุ่ม ๆ เหมือนตอนท่านเทศนาเมื่อครู่นี้”
ฟุจิคิยืนตัวสั่น ทั้งโกรธทั้งอายแต่ก็ต้องระงับอารมณ์เหล่านั้นไว้ให้ได้ เขาเป็นนักบวชนะ อย่าลืมสิว่าต้องอดทนกับสิ่งยั่วยุทั้งปวง
“อย่ามายุ่งกับผม ขอร้องล่ะ”
ไทโยมองตอบเขาด้วยสายตาจริงจัง มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือของฟุจิคิมายึดไว้
“ผมเป็นคนจริงจังและเอาแต่ใจ ถ้าผมอยากได้อะไรไม่ว่าจะยากแค่ไหนก็ต้องได้”
“ปล่อย”
ฟุจิคิพยายามบิดข้อมือให้พ้นจากไทโยแต่ไม่สำเร็จ มือแกร่งคู่นั้นเหนียวและแข็งแรงเกินไป ฟุจิคิคิดถึงดาบไม้ของเขาที่ซ่อนอยู่ใต้เทวรูปองค์ใหญ่ หากมีมันฟุจิคิคงพอจะช่วยเหลือตนเองได้ แต่มันอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง ไทโยมองเขาอย่างรู้ทัน
“ไม่มีดาบท่านก็หมดทางสู้”
เจ็บใจจนทนไม่ไหวฟุจิคิส่งกำปั้นด้วยมือข้างที่เหลือเข้าใส่ ในมหาวิทยาลัยนอกจากเป็นนักกีฬาเคนโด้แล้วเขาก็พอจะฝึกการต่อสู้มาบ้าง แต่ไม่นึกว่ามันจะใช้ไม่ได้ผลกับผู้ชายร่างสูงตรงหน้า กลายเป็นว่าไทโยรับหมัดของเขาได้และฉวยโอกาสยึดข้อมือเขาอีกข้าง ตอนนี้ฟุจิคิตกเป็นเบี้ยล่างโดยสมบูรณ์
“ปล่อยนะ”
ฟุจิคิตกใจเป็นอย่างมาก เขาดิ้นรนขัดขืนแต่มือของไทโยก็ยังยึดข้อมือเขาไว้ได้ ฟุจิคิจึงเปลี่ยนมาใช้ขาเตะเข้าที่ใต้เข่าของไทโย ฟุจิคิมองเห็นสายตาของไทโยสว่างจ้าขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนที่ไทยโยจะล้มลงมาบนตัวของฟุจิคิจนฟุจิคิกลับเป็นฝ่ายหงายหลังลงไปบนพื้นโดยมีไทโยทับลงมา
คราวนี้ฟุจิคิเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง ลำตัวหนาหนักทาบทับอยู่บนร่างของเขา แขนทั้งสองตรึงอยู่เหนือหัว ใบหน้าของไทโยอยู่ใกล้แค่คืบจนได้ยินเสียงลมหายใจของเขา ที่สำคัญดวงตาคู่นั้นเอาแต่จ้องมองใบหน้าของเขาทีละส่วนพร้อมประกายวาววาม
“ผมบอกให้ปล่อยผมไง คุณกำลังคุกคามผมอยู่นะ”
ฟุจิคิฝืนส่งเสียงแข็งหมายจะขู่ให้ไทโยปล่อย แต่ไทโยกลับคลี่ยิ้มอ่อนจนหัวใจของฟุจิคิเต้นระรัว
“ท่านต่างหากที่คุกคามผม เมื่อครู่ท่านเตะขาผมนะ ผมก็เลยเสียหลักล้ม”
พูดได้หน้าตาเฉยทั้งที่ความจริงฟุจิคิรู้ว่าไทโยจงใจ ฟุจิคิเกลียดความใกล้ชิดนี้ เพราะมันทำให้เขาเกือบจะลืมคำสอนทุกสิ่งที่เคยเรียนรู้ปฏิบัติมา
“ปล่อยนะ”
เสียงของฟุจิคิแผ่วเบาพลิ้วไหวเหลือเกิน คงเป็นเพราะใบหน้าที่ก้มต่ำลงมาเรื่อย ๆ
“ท่านชอบให้ผมกอด”
“ไม่จริง!”
ฟุจิคิเอียงหน้าหนีใบหน้าของไทโย แต่จมูกโด่งนั้นกลับคลอเคลียบนแก้มของเขาจนฟุจิคิตัวสั่น
“อย่าปฏิเสธเลย ท่านมีปฏิกิริยาตอบโต้ผม”
เกลียดน้ำเสียงยั่วเย้านั้นเหลือเกิน ฟุจิคิคิดจะหันใบหน้ากลับมาต่อว่า แต่กลายเป็นเข้าทางคนที่รอจังหวะนี้อยู่แล้ว ไทโยประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากหยุ่นชื้นของฟุจิคิทันที เขากดน้ำหนักลงไปจนศีรษะได้รูปของฟุจิคิไม่สามารถเลื่อนหนีได้ ไทโยขบเม้มริมฝีปากนั้นและดูดเบา ๆ หลอกล่อให้ฟุจิคิคล้อยตามก่อนที่เขาจะช่วงชิงสอดลิ้นตามเข้าไปได้
ไทโยเองก็แปลกใจเหมือนกัน เขาไม่นึกว่านักบวชหนุ่มที่ไม่ประสีประสาคนนี้จะทำให้เขาติดใจจนเก็บไปคิดถึงตลอดทั้งคืน ไม่เคยมีใครมีอิทธิพลต่อเขาและทำให้ไทโยปรารถนารุนแรงเหลือเกิน
“อึก อื้อ”
ฟุจิคิดิ้นขลุกขลัก ไทโยก็ยังจูบเขาอย่างติดใจ คนถูกทับไว้ดิ้นรนด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มหลงกลในรสจูบ แรงดิ้นลดน้อยถอยลงและยังเผลอไผลจูบตอบอีกด้วย ไทโยทดลองกดน้ำหนักลงไปที่สะโพก เขารับรู้ถึงการตื่นตัวของฟุจิคิไม่ต่างจากเขา มือแกร่งที่ตรึงฟุจิคิไว้จึงปล่อยท่อนแขนปวกเปียกนั้นเปลี่ยนมาวางอยู่ตรงผ้าคลุมจีวรผืนหนาและสอดมือเข้าไปช้า ๆ จนถึงเนื้อใน
“ยะ อย่า”
เสียงกระเส่าห้ามอย่างยากเย็น ไทโยไม่รู้ว่าฟุจิคิห้ามเขาหรือห้ามใจตนเองกันแน่ แต่ถ้าหากห้ามเขาก็คงจะห้ามยากสักหน่อย เพราะเขาเป็นคงมุ่งมั่นเสียด้วย
มือร้อนหาทางสอดลึกเข้าไปในชุดนักบวชด้วยความไม่คุ้นเคย แต่ในที่สุดไทโยก็ทำสำเร็จ เขาสัมผัสถึงจุดอ่อนไหวในร่มผ้าของฟุจิคิและครอบครองมันไว้ด้วยมือของเขา ไทโยถอนปลายลิ้นออกจากปากและปล่อยให้ฟุจิคิพ่นลมหายใจออกมา ส่วนเขานั้นซุกหน้าอยู่ตรงซอกคอของนักบวชหนุ่มและเม้มปากลงไป
“อื้อ ไม่”
ฟุจิคิผวาเมื่อกลางกายถูกไทโยโยกรั้ง เขายกมือผลักไสไหล่กว้างที่หนักแน่นราวกับกำแพง ไทโยลากปลายลิ้นแตะต้องลงมาตามรอยแยกของจีวรจนพบเจอตุ่มไตเหนือทรวงอกของเขา ไทโยไม่รอช้าเขางับมันทันที
เสียงครางดังลึก ฟุจิคิไม่สามารถต่อกรได้อีกแล้ว เขาเพิ่งเคยประสบกับแรงราคะเป็นครั้งแรกและไม่นึกว่ามันจะหักห้ามใจได้ยากขนาดนี้ เขาหลงกลไปกับบาปที่ไทโยกำลังยัดเยียดให้เขา แต่บาปนั้นช่างหวานหอมเหลือเกิน
“ฮึก คะ คุณ”
ดิ้นรนอย่างทรมานในจังหวะหัวเลี้ยวหัวต่อ เบื้องหน้าคือสวรรค์ของร่างกายแต่คือประตูนรกเพราะโบยยินไปกับกิเลส ไทโยยิ่งผลักดันให้เขากระโจนลงหลุมแห่งบาปเมื่อปลายนิ้วร้อนบดบี้อยู่ตรงจุดอ่อนไหว
“ทรมานอย่างนั้นหรือครับท่าน ปลดปล่อยออกมาสิครับ ความสุขรอท่านอยู่แค่นี้เอง”
“ไม่ ผมไม่... อย่านะ”
มือนั้นเร่งเร้าจังหวะแรงขึ้น ปลายลิ้นที่โลมเลียยอดอกก็ตวัดรัวเร็วมากขึ้น ฟุจิคิหมดความอดทน เขาเกร็งกายบิดเบี้ยวกัดฟันกลั้นเสียงอย่างยากเย็น
“ไม่ อ๊า”
ร่างเบื้องล่างเกร็งค้าง ดวงตาเบิกกว้าง เหงื่อหยดพราวเต็มหน้าผากเมื่อไทโยรู้สึกถึงความเปียกชื้นลื่นมือ เขาลอบยิ้มอย่างยินดีอยู่เหนือทรวงอกที่สอนให้ฟุจิคิได้รู้จักรสชาติแห่งความสุขสม เขาถอนมือออกมาจากร่างนั้นที่ยังหอบหนักอยู่บนพื้น ปลายนิ้วเปียกชื้นของเขาแตะลงไปที่มุมปากของฟุจิคิ
“ผมบอกท่านแล้วว่าอะไรที่ผมต้องการ ผมจะไม่ปล่อยให้หลุดมือ”
ไทโยดันปลายนิ้วเข้าไปในโพรงปากของฟุจิคิดและกวาดมันไปทั่ว เขากระซิบเสียงทุ้มสะกดเข้าไปในจิตใจของฟุจิคิ ให้มันได้ฝังรอยลึกอยู่ในใจของนักบวชหนุ่ม
“ท่านเองก็ต้องการผม จะหลอกตัวเองให้เหนื่อยทำไม หนีไปก็เท่านั้นเพราะยังไงผมก็จะตามหาท่านเพื่อให้ท่านเป็นของผมอยู่ดี”
ไทโยดึงนิ้วกลับ เขาลุกขึ้นยืนจัดเสื้อผ้าเข้าที่ก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากวิหาร ทิ้งให้ฟุจิคินอนตัวสั่นอยู่ที่เดิม ฟุจิคิได้แต่แหงนหน้ามองเทวรูปที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกของเขาทะเลาะกันเองจนปวดร้าว
ผู้ชายที่เดินหนีไปแล้วนั้นคือปีศาจร้าย เขามองเห็นถึงก้นบึ้งหัวใจของฟุจิคิและใช้มันหลอกล่อจนหลงกล ความละอายแก่ใจอาบอยู่ในหัวใจเมื่อฟุจิคิยอมรับว่าเขาปรีเปรมไปกับรสสัมผัสทั้งที่รู้ว่ามันผิด
ฟุจิคิไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไรกับบาปที่เกาะอยู่ในหัวใจตอนนี้ดี
มีต่ออีกนิด...
-
ต่อกันตรงนี้...
“สรุปว่าฮายากาวะรุ่นลูกเขามาที่นี่ทำไมหรือฟุจิคิ นี่ ฟุจิคิ”
ฟุจิคิสะดุ้งสุดตัวเมื่อบิดาเรียกชื่อเขาเสียงดังให้พ้นจากอาการเหม่อลอย ฟุจิคิปรับสีหน้าให้สนิทก่อนฝืนยิ้มให้บิดา
“เอ่อ ก็มาคุยเรื่องที่ดินนั่นแหละครับพ่อ”
“ไม่ไหวเลย คิดจะเอาที่วัดไปเป็นของตัว บาปเหลือเกินคน ๆ นี้”
ทาเคชิส่ายหน้าไปมา ฟุจิคิเม้มริมฝีปากเมื่อคิดถึงผู้ชายคนนั้นทั้งที่ผ่านมาหลายชั่วโมงจนถึงยามค่ำแล้ว ภาพใบหน้าแสนถือดีก็ยังปรากฏอยู่ในความคิดคำนึง
“พ่อครับ ถ้าเรารักกับคนเพศเดียวกันจะบาปไหม”
ทาเคชิขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำถามจากฟุจิคิ
“ทำไมถามแบบนั้น”
“ตอนนี้โลกของเราก็เจริญมากขึ้น อะไรมันก็เปลี่ยนไปหมด เอ่อ อย่างเรื่องความรัก ผมเห็นเขารณรงค์กันเรื่องความรักกับเพศเดียวกันไปทั่วโลก ก็เลยสงสัยว่าคำสอนของเราที่บอกว่าชายคู่กับหญิงเท่านั้นมันยังใช้ได้อยู่หรือเปล่า”
ผู้เป็นบิดานิ่งคิดตามคำถามของบุตรชายพักใหญ่
“ชินโตสอนให้เราอยู่กับธรรมชาติ มนุษย์คือธรรมชาติ และธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีสองเพศคือชายกับหญิง หากผิดจากนั้นมันไม่ใช่ธรรมชาติ ถือว่าเราทำบาปต่อคำสอน”
ฟุจิคิกัดริมฝีปากตนเอง การต่อสู้ในจิตใจช่างยากเหลือเกิน
“ที่พ่อพูดมันคือกายภาพที่ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง แต่เราจะไม่พูดถึงความรู้สึกนึกคิดบ้างหรือครับ ว่าบางครั้งเราอาจจะรักใครสักคนโดยบังเอิญว่าเขาเป็นเพศเดียวกับเรา รักที่เลือกไม่ได้ อย่างนั้นถือเป็นบาปไหมครับ”
ทาเคชิจนต่อคำถามของบุตรชาย เขาเป็นแค่นักบวชสูงอายุที่เล่าเรียนสืบต่อกันมาจากรุ่นอดีต แต่กับคนที่ได้รับการศึกษาและได้รู้จักโลกที่กว้างกว่าอย่างฟุจิคิย่อมมีมุมมองที่คนแก่อย่างเขามองไม่เห็น
“เฮ้อ พ่อตอบคำถามนี้ไม่ได้ ไม่เคยมีใครตั้งคำถามเช่นนี้มาก่อน แต่ตอนนี้พ่อคิดว่าเราควรจะเข้านอนกันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีแรงทำงานในวันสุดท้ายของเทศกาลไหว้ขอพรดวงอาทิตย์นะ”
ฟุจิคิก้มศีรษะให้บิดาก่อนจะก้าวเข้าสู่ห้องส่วนตัว เขานอนมองเพดานพลางยกมือก่ายหน้าผาก
ภาพของฮายากาวะ ไทโย ยังไม่เลือนหาย ฟุจิคิยอมรับว่าเขารู้สึกพิเศษกับชายผู้มากด้วยอำนาจคนนั้น เขาควรจะต้องตัดใจเพื่อไม่ให้มันลุกลามกลายเป็นบาปอันเลวร้ายยิ่งกว่าวันนี้
ฟุจิคิปิดเปลือกตาลงอย่างยากเย็น
สีหน้าของฟุจิคิไม่ดีนักในวันรุ่งขึ้น คงเป็นเพราะเขานอนไม่หลับติดต่อกันหลายวัน อาการปวดศีรษะแล่นมาเป็นริ้วแต่เขาจำเป็นต้องฝืนมาประกอบพิธีในวันสุดท้ายของเทศกาลที่มีชาวบ้านมารวมกันเกือบทั้งหมู่บ้าน เสียงสนทนาดังก้องอยู่ในวิหารกับหัวข้อสำคัญคือพฤติกรรมของฮายากาวะ ไทโย
“ท่านนายอำเภอบอกกับฉันว่า โครงการของฮายากาวะรุ่นลูกน่ะ จะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นำเงินมาให้แถบนี้นะ แสดงว่าเขาก็ไม่ใช่คนเลวอย่างที่พวกเราคิดน่ะสิ”
“แต่เขาบังคับซื้อที่ดินนี่นา คนที่ทำแบบนี้ยังไงก็เลว”
“จะว่าไป ที่ดินที่เขาซื้อไปมันก็เป็นที่ดินที่เพาะปลูกอะไรไม่ได้อยู่แล้วนะ แถมเขาก็ให้ราคาสูงอยู่”
“อ้าว แล้วสรุปว่าเขาดีหรือเลวกันแน่”
ฟุจิคิเดินหนีบทสนทนานั้นเพื่อไปตีกลองเริ่มพิธี ขณะที่เขาจะเดินไปยังที่นั่งของนักบวชทุกคนในวิหารก็ต้องมองไปยังประตูเป็นตาเดียวเมื่อฮายากาวะ ไทโย ก้าวเข้ามาอีกครั้งในวันนี้ ฟุจิคิสะดุ้งเฮือกเมื่อสบตากับดวงตาที่จ้องมองมาที่เขา ชายหนุ่มรีบก้าวไปหาทาเคชิทันที
“พ่อมาทำหน้าที่แทนผมที”
ทาเคชิมองบุตรชายอย่างสงสัย ฟุจิคิรีบชี้ให้บิดาเห็นว่าใครที่ก้าวเข้ามาเป็นคนล่าสุด
“ผมจะไปจัดการขั้นเด็ดขาดกับเขา จะได้จบกันไปเสียที”
พูดจบฟุจิคิก็รีบเดินไปขวางหน้าร่างสูงสง่านั้น
“มาทำไมอีก”
ไทโยกดยิ้มมุมปาก เขามองฟุจิคิอย่างมีนัย
“มาหาท่าน คิดถึง”
ฟุจิคิหน้าร้อนเห่อ เขาคว้าแขนของไทโยได้ก็รีบลากให้คนบ้าคนนี้เดินตามออกมาจากวิหารทันที
TBC
จะรอดไหมน้า
:m26: :m26: :m26: :m26: :m26: :m26:
-
โดนไทโยจับกินแน่
-
รักแรกพบใช่ป่าวแบบเจอปุ๊บรักปั๊บ วู้อีโรติก
-
อุ๊ย! จะรอดไหมน้า~ :impress2:
-
ตราประทับบาป
บทที่ 3
วัดแห่งนี้เป็นวันเก่าแก่มาหลายชั่วอายุคน มีการปรับปรุงมาหลายครั้ง วิหารด้านหน้าที่ใช้ประกอบพิธีกรรมอยู่ในตอนนี้สร้างขึ้นมาใหม่ไม่เกินสิบปี ถัดจากนั้นมีวิหารเก่าหลังเล็กทรุดโทรมที่ไม่ได้ใช้งานแล้วตั้งอยู่ไม่ไกลนัก ฟุจิคิลากแขนให้ร่างสูงของฮายากาวะ ไทโยเดินตามเข้ามาในที่แห่งนี้โดยหวังเพียงจะเจรจาให้สถานที่เงียบสงบจากเสียงพิธีกรรมในวันสุดท้ายของเทศกาลไหว้ขอพรดวงอาทิตย์
ฟุจิคิปิดประตูวิหารแล้วหันกลับไปเผชิญหน้า เขาสะดุ้งสุดตัวเมื่อสบตากับไทโยที่แวววาวเกินกว่าเหตุ เนื้อตัวของฟุจิคร้อนผ่าวไปหมดเพราะเขารู้ความนัยนั้นได้ และรสมือที่ส่งเขาไปสู่ขุมนรกแห่งราคะก็คือไทโยคนนี้
“ทำยังไงคุณถึงจะเลิกมายุ่งกับผมเสียทีคุณฮายากาวะ”
ฮายากาวะ ไทโยมองชายหนุ่มในชุดนักบวชพร้อมกับความปรารถนาที่พุ่งแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมความต้องการในตัวฟุจิคิถึงมากมายขนาดนี้ เขากลับไปนอนเพียงลำพังกับจินตนาการถึงนักบวชตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด คนอย่างไทโยไม่เคยต้องอดทนแค่กระดิกนิ้วก็พร้อมจะมีคนทอดกายให้ตลอดเวลา แต่เขากลับมาต้องการนักบวชที่ไม่มีแม้แต่เส้นผมบนศีรษะได้รูปคนนี้
“ท่านยอมผมสิ แค่นั้นเอง”
“จะบ้าหรือไง คุณมันบ้าอำนาจ คิดจะใช้อำนาจของคุณข่มขู่เพื่อให้ได้ทั้งที่ดินและตัวผมอย่างนั้นหรือ”
ยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าของชายผู้มีอิทธิพลทำให้ฟุจิคิใจสั่น ไทโยแข็งแกร่งเกินกว่าจะต้านทานได้ทั้งร่างกายและความรู้สึกที่พร้อมจะดึงไปสู่กิเลสตัณหา
“ใช่แล้ว ผมพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ทั้งที่ดินและตัวท่าน”
การที่ฟุจิคิลากเขามาที่นี่ช่างเข้าทาง วิหารร้างปราศจากผู้คน มีเพียงสายตาของเทวรูปเก่าที่ตั้งโดดเดี่ยวเท่านั้นที่จ้องมองการกระทำของเขาอยู่ แต่ไทโยไม่ได้สนใจนัก บาปบุญคุณโทษอยู่ที่ใจหากเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นบาปมันก็เป็นเพียงแรงปรารถนาที่เขาจะต้องคว้ามันมาให้ได้ ร่างสูงของเขาจึงก้าวเข้าไปหานักบวชในนิกายต่อหน้าเทวรูปนั่นเอง
ฟุจิคิเกลียดตัวเองที่เขายืนขาแข็งราวกับหุ่นเมื่อไทโยก้าวเข้ามาหยุดยืนในระยะประชิด จมูกโด่งของไทโยพอดีกับหน้าผากของเขาจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดลงมา ฟุจิคิถึงกับกลั้นหายใจเมื่อไทโยใช้ปลายนิ้วแตะที่ปลายคางและบังคับให้เขาเงยหน้าขึ้นสบตา บัดนี้ดวงอาทิตย์สว่างจ้ากำลังแผดเผาจนฟุจิคิร้อนรุ่มไปหมด
ไทโยจ้องมองริมฝีปากอิ่มสีแดงสดด้วยความกระหาย หลังจากเคยลิ้มรสมาแล้วครั้งหนึ่งเขาจึงรู้ว่ามันหอมหวานเพียงใด มันทำให้ไทโยอยากจะครอบครองมันอีกสักครั้งและเขาก็ทำอย่างที่ต้องการ นิ้วสากเลื่อนจากปลายคางมนมาแตะต้องอยู่ตรงมุมปาก เขาลากนิ้วสัมผัสความหยุ่นชื้นนุ่มมือช้า ๆ ก่อนที่เขาจะบังคับให้ขากรรไกรนั้นเปิดทางเมื่อเขาประกบปากตนเองลงไป
ฟุจิคิเบิกตากว้าง สัมผัสนั้นบางเบาไม่รีบร้อน แต่ทว่าแทรกความหนักหน่วงลงมาทีละนิด ปลายลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาตวัดพาลิ้นของเขาให้พลิกซ้ายพลิกขวาอยู่ในช่องปากจนฟุจิคิแทบจะลืมเลือนทุกอย่างแม้กระทั่งเสียงสวดมนต์ของพิธีที่ดังมาจากวิหารด้านหน้า หัวใจของเขาโบยบินไปกับการเรียกร้องจากไทโยให้เขาได้รับรู้ถึงความต้องการของตนเอง
“จูบนี้ของผมเป็นยังไงบ้าง”
ไทโยผละปลายลิ้นออกอย่างเสียดายเพื่อเปิดทางให้ฟุจิคิได้พักหายใจบ้าง หลังจากเขาจูบเนิ่นนานจนอีกฝ่ายเหมือนจะขาดใจ หากแต่เขาก็ยังไม่ยอมหนีหายเมื่อไล่ขบเม้มกลีบปากนุ่มอย่างติดใจ
“พอจะทำให้ท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นไหมว่าท่านก็ต้องการผมเช่นกัน”
“ไม่ ไม่จริง”
ฟุจิคิหลับตาลงอย่างไม่ยอมรับความจริง ทั้งที่เขาเคลิ้มไปกับรสจูบเชี่ยวชาญนั่นจนอ่อนระทวย หากไม่ได้วงแขนของไทโยที่โอบรัดเอวของเขาไว้ ป่านนี้ฟุจิคิคงร่วงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว
“ผมไม่....”
ปลายนิ้วอุ่นร้อนของไทโยแตะอยู่ตรงซอกคอ เขาไล่ปลายนิ้วลงมาตามชุดนักบวชจนถึงเชือกมัดเอว ฟุจิคิสะดุ้งเมื่อไทโยดึงมันออกจากกัน วันนี้เขาชำนาญในการถอดกว่าเมื่อวานจนในที่สุดเขาก็ทำให้ผ้าคลุมชั้นนอกหลุดออกจากนักบวชหนุ่มจนเหลือแต่ชุดสีขาวด้านในเท่านั้น
“ไม่ ฮายากาวะ”
“เรียกผมว่าไทโย” เจ้าของชื่อรีบแก้คำเรียก “ผมอยากให้ท่านครวญครางด้วยชื่อของผม”
ไทโยไม่สนว่าฟุจิคิต้องต่อสู้กับตนเองแค่ไหน เขารู้เพียงแค่ฟุจิคิเองก็มีใจให้เขา ไทโยมีหน้าที่ดึงให้ฟุจิคิยอมรับว่าทั้งคู่ปรารถนาซึ่งกันและกัน
ชายหนุ่มผู้มากไปด้วยเสน่ห์ท่วมท้นถอดเสื้อสูทราคาแพงของเขาโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่แยแส เสื้อเชิ้ตของไทโยถูกถอดออกจากกายท่อนบนจนมองเห็นรูปร่างสมบูรณ์แบบราวกับเทพเจ้า ดวงตามุ่งมั่นเอาชนะทำให้ฟุจิคิตกอยู่ในภวังค์ขณะที่ไทโยดึงแขนให้เขาขยับเข้าใกล้เพื่อจะปลดกระดุมชุดนักบวชสีขาวด้านในออกจนหมด เมื่อสาบเสื้อคลุมแยกออกจากกันเนื้อกายสีขาวนวลที่ซ่อนอยู่ในชุดนักบวชปรากฎให้เห็นชัดต่อสายตา ไทโยมองร่างขาวนั้นอย่างพอใจ เขาต้องการฟุจิคิจนแทบจะขาดใจแล้ว
เขาช้อนอุ้มร่างที่ยืนแข็งทื่อของฟุจิคิขึ้นแล้วไปวางไว้บนแท่นสี่เหลี่ยมหน้าเทวรูปที่มีไว้สำหรับวางของบูชาเทวรูป หากแต่บัดนี้ทดแทนด้วยร่างของนักบวชในนิกาย ฟุจิคิเพิ่งจะรู้สึกตัวถึงการคุกคามเขาพยายามจะลุกจากแท่นนั้นแต่กลับมืออุ้งมือใหญ่มาบีบเบา ๆ ที่คอของเขาเพื่อปรามไม่ให้กระทำดังใจคิด
“ท่านหนีผมไม่รอดหรอกครับ”
ไทโยมองเขาด้วยดวงตาแห่งไฟ มือที่รัดอยู่ตรงคอร้อนผ่าว รวมถึงมืออีกข้างที่กอบกุมจุดอ่อนไหวของฟุจิคิไว้เป็นตัวประกันพร้อมกับเร่งเร้าความต้องการด้วยการบีบนวดไปมา ฟุจิคิเจ็บใจที่มันตื่นขึ้นมาจนเต็มอุ้งมือของไทโย
“ไม่ได้ มันเป็นบาป ผมจะทำบาปไม่ได้”
ฟุจิคิรับรู้ถึงไฟร้ายที่กำลังเกาะกุมทั้งหัวใจและร่างกายของเขา เปลวไฟร้อนแรงสีแดงสดคืบคลานเข้ามาทำลายความเงียบเหงาหนาวเย็นราวกับหิมะหนาบนยอดเขาที่ฟุจิคิอยู่กับมันมาตลอดชีวิตให้ละลายลงอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองต้นเหตุแห่งไฟเบื้องหน้าด้วยกายสั่นระริก
“ท่านต้องการผม”
มืออุ่นจนร้อนยอมปล่อยจากลำคอเอื้อมมาแตะแค่เพียงแผ่วเบาตรงบั้นเอวฟุจิคิก็ถึงกับสะดุ้ง เขาพยายามปัดมือร้อนออกแต่กระนั้นมันก็ยังคงกลับมาวางที่เดิมอย่างเอาแต่ใจ
“ออกไป ปล่อยผมเถอะ ผมไม่อยากทำบาป”
เสียงของฟุจิคิสั่นพร่า แหบต่ำ หาได้กังวานอย่างในเวลากล่าวคำสอนแก่ชาวบ้านให้ระลึกถึงบุญคุณของเทพเจ้า และสำนึกอยู่เสมอว่ามนุษย์ทุกนามล้วนแล้วแต่มีที่มาจากสรรพสิ่งในธรรมชาติของโลกที่ให้กำเนิด
“จะโกหกหัวใจตนเองไปทำไม ในเมื่อตอนนี้แม้แต่แรงห้ามท่านยังไม่มี”
ฮายากาวะ ไทโย บุรุษผู้มีบุคลิกร้อนแรงเจิดจ้าสมกับชื่อของเขาที่แปลว่าดวงอาทิตย์ จ้องมองฟุจิคิด้วยดวงตาคมปลาบล้ำลึกดุจจะถาโถมเข้าไปสู่กลางก้นบึ้งของหัวใจและกระชากฟุจิคิลงไปสู่หลุมดำมืดที่มีไฟร้อนแห่งบาปรออยู่ หากแต่ไฟอย่างไทโยนั้นก็ช่างเย้ายวนชวนให้กระโดดโลดแล่นไปกับความร้อนนั้น จนฟุจิคิหลงลืมไปแล้วว่าเขากำลังห่างไกลจากความถูกต้องมากขึ้นทุกที
“ได้โปรดเถอะ ไทโย อย่าให้ผมต้องทำบาปไปมากกว่านี้เลย”
น้ำแข็งอย่างฟุจิคิละลายหมดสิ้นแล้วเมื่อในที่สุดร่างของเขาก็ทอดกายลงไปกับพื้นเย็นเยียบของแท่นประทับกลางวิหารเก่าที่เขามีหน้าที่ดูแลอยู่ รูปปั้นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ที่ตั้งตระหง่านกำลังเพ่งมองเมื่อไทโยถอดชุดนักบวชของฟุจิคิออกทีละชิ้นโดยที่เขาไม่อาจห้ามปรามได้ ลมหนาวลอดช่องว่างเล็ก ๆ ใต้ประตูเข้ามาอาบไล้ผิวกายเมื่อเขาและไทโยมีเพียงเนื้อหนังแนบสนิท แปลกที่แม้ภายนอกจะหนาวเหน็บเพราะละอองหิมะโปรยปราย แต่เขากลับร้อนรุ่มไปทั้งตัว
“อะไรคือบาป”
ไทโยกระซิบถามข้างหู ร่างกายแข็งแกร่งที่เต็มไปด้วยพละกำลังและอำนาจของหัวหน้ากลุ่มที่มีอิทธิพลสูงสุดในเขตคันไซกำลังบดเบียดลงมาด้วยแรงปรารถนา
“เรากำลังทำผิดธรรมชาติ ผมกับคุณเป็นผู้ชายทั้งคู่ เรากำลังทำผิดคำสอนของเทพเจ้า”
ฟุจิคิหลับหูหลับตาส่งเสียงโต้เถียง เขารู้สึกถึงการตื่นตัวเบื้องล่างที่ไทโยปลุกมันขึ้นมา
“ท่านจงมองตาผม”
ไทโยออกคำสั่งและไม่มีผู้ใดกล้าขัดขืนแม้แต่ฟุจิคิในตอนนี้ เขาเบิกตาอย่างหวาดหวั่นเพื่อจะพบกับนัยน์ตาที่แสดงถึงความต้องการอันแรงกล้าที่จะได้ครอบครองร่างกายของเขา
“ผมนี่แหละคือธรรมชาติของท่าน ท่านนับถือดวงอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ผมนี่แหละคือดวงอาทิตย์ และท่านกำลังจะทำในสิ่งที่ใจของท่านต้องการ”
“ไม่!”
ปากปฏิเสธแต่การกระทำกลับตรงข้ามเมื่อไทโยที่ยืนอยู่บนพื้นโน้มตัวลงมา เขากว้านวงปากไปกับลานนมสีสวยบนแผงอกเนียนเรียบ มือไม้เกาะกุมจุดอ่อนไหวโยกคลึงอีกครั้งเพื่อให้ฟุจิคิลืมเรื่องทั้งหมด รู้สึกถึงร่างกายสั่นระริกแดงก่ำไปด้วยเลือดลมของวัยหนุ่มไทโยรู้ว่าฟุจิคิน่าจะพร้อมให้เขาได้ครอบครองทั้งกายและใจแล้ว
มีต่ออีกนิด....
-
อ่านต่อตรงนี้...
มือใหญ่ของไทโยโอบรัดต้นขาของฟุจิคิและดึงร่างนั้นเลื่อนต่ำจนเอวของฟุจิคิหยุดอยู่ตรงขอบของแท่นสี่เหลี่ยม จากนั้นไทโยจึงผลักต้นขาของฟุจิคิไปด้านบนจนมองเห็นช่องทางที่เขาจะพาตนเองไปสู่จุดหมาย ไทโยคว้าท่อนเนื้อของตนมาจ่ออยู่หน้าทางนั้นและเมื่อไม่มีอะไรมาหยุดยั้งได้เขาก็ดันเอวเข้าไปทันที
“อึก เจ็บ”
ฟุจิคิกัดฟันกลั้นน้ำตากับการถูกล่วงล้ำเป็นครั้งแรกในชีวิตจนไทโยต้องหยุดเมื่อเขาเข้าไปได้เพียงครึ่งทาง
“ใจเย็นนะ”
เขาปลุกปลอบพลางโน้มกายลงไปบดจูบกับกลีบปากแดงจัดเพราะแรงขบเม้มหนีความเจ็บปวด
“ผมจะไม่ทำให้ท่านเจ็บไปกว่านี้อีกแล้ว”
เมื่อส่วนที่กว้างที่สุดผ่านช่องทางเข้าไปได้แรงเกร็งกล้ามเนื้อจึงพอบรรเทาลงบ้าง ความคับแน่นของช่องทางและความไม่ประสาในการโต้ตอบทำให้ไทโยรู้ว่าเขาคือคนแรกที่ได้ครอบครองร่างกายนี้ ยิ่งทำให้เขาฮึกเหิมและต้องการฟุจิคิมากขึ้นไปอีก
“กอดผมไว้ ผมจะนุ่มนวลกับท่าน หนทางที่เราจะไปคือสวรรค์ไม่ใช่นรกอย่างที่ท่านเข้าใจ”
ไทโยแก้ความเข้าใจใหม่เมื่อฟุจิคิกำลังตกอยู่ในแรงปรารถนาที่เขาควบคุมอยู่ ดวงตาคู่หวานล่องลอยเจือไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยง ไทโยขยับเอวช้า ๆ เขาดึงแขนให้ฟุจิคิโอบรัดรอบลำคอ ท่อนขาเรียวนั้นเกาะเกี่ยวรอบเอวแกร่งเมื่อเขาเสียดแทงเข้าไปสู่ความร้อนระอุนั้น
“อึก ฮายา..”
“ไทโย เรียกชื่อผม”
“อ๊า ไทโยครับ ตรงนั้นเสียวมาก”
ฟุจิคิลืมเลือนไปหมดแล้ว ดวงตาของเขาลอยคว้างแม้จะสบตาอยู่กับเทวรูปที่ประทับเหนือแท่นนี้ ราวกับเขากำลังทำพิธีกรรมโดยใช้ตัวเองเป็นเครื่องบูชา
“ซี้ด แน่นมาก”
ไทโยเองก็แทบจะลืมทุกอย่าง ลืมว่าสิ่งที่เขาต้องการคือที่ดินส่วนหนึ่งของวัด ลืมว่าชายใต้ร่างคือนักบวช เขารู้แต่ว่าตอนนี้เขาหลงใหลไปกับเส้นทางสู่สวรรค์สำหรับเขาเสียแล้ว
“ไทโย อ๊า ทรมานเหลือเกิน”
ร่างกายของฟุจิคิบิดพล่านไปหมด เขาไม่รู้ว่าควรจะเรียกความรู้สึกในตอนนี้ว่าอะไร เหมือนเขากำลังตะกายออกจากที่คุมขังดิ้นรนสู่อิสรเสรีภาพ แรงกระแทกที่ไทโยกำลังทำอยู่คือหนทางนั้น ฟุจิคิเรียนรู้ที่จะพาตนเองให้พบแสงสว่างด้วยการขยับเอวรับแรงส่งจากไทโยจนได้ยินเสียงกระทบสะท้อนไปรอบวิหาร
“อา ฟุจิคิ ดีมาก โยกเอวแรง ๆ เลย”
ลมหายใจกระเส่าปะปนกับเสียงลมหนาวพัดหวิวไหวเบื้องนอก หากภายในวิหารร้อนรุ่มด้วยไฟแห่งราคะ ฟุจิคิสบตากับเทวรูปตรงหน้าอีกครั้ง
“ขออภัยที่ลูกหลงไปกับบาป แต่ลูกห้ามใจไม่ไหวแล้ว ตราบาปเหล่านี้มันหอมหวานเหลือเกิน”
ฟุจิคิส่งเสียงครางกระเส่า เขาผวาโอบรัดทั้งแขนและขาไปกับร่างของไทโย ดวงตาของเขาเบิกกว้างลอยคว้างขณะที่ร่างกายกระตุก น้ำแห่งบาปท่วมท้นทะลุจนเปียกชื้น
“อา สวรรค์”
ไทโยกลั้นใจเร่งจังหวะอีกไม่กี่ครั้งเขาก็ดึงกายออกมาจนน้ำทะลักเปรอะเปื้อนต้นขา เขาทิ้งกายไปกับร่างของนักบวชหนุ่มเมื่อพิธีกรรมบูชาดวงอาทิตย์เช่นเขาสิ้นสุดลง
6 เดือนต่อมา
งานพิธีเปิดรีสอร์ทท่องเที่ยวเชิงนิเวศของเมืองนี้เป็นงานใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อดพูดถึงไม่ได้ พื้นที่ของรีสอร์ทในส่วนการเรียนรู้ด้านเกตรกรรมส่วนหนึ่งได้การช่วยเหลือของวัดท้องถิ่นเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คน
“ฮายากาวะรุ่นลูกก็ไม่เลวนะ”
“ที่ผ่านมาเข้าใจเขาผิดว่าจะฮุบที่ดินไปเสียทั้งหมด เฮ้อ พวกเรามันซื่อบื้อจริง”
เสียงพูดคุยของชาวบ้านที่ร่ำลือกันทำให้เจ้าอาวาสหนุ่มอดยิ้มไม่ได้ เมื่อนักบวชในวัดได้รับเชิญให้มาทำพิธีในงานนี้ด้วย
“ต้องเป็นเพราะท่านเจ้าอาวาสแน่ ๆ ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป”
ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยชื่นชมให้ฟุจิคิได้ยิน
“ระยะหลังเขาเข้าวัดบ่อยขึ้น สนิทกับท่านด้วยนี่นา ท่านคงสอนศีลธรรมให้เขากลับใจเป็นคนดีใช่ไหม”
“นั่นสิ ระยะหลังพ่อเห็นเขามาไหว้พระที่วิหารเก่าบ่อย ๆ”
ทาเคชิผู้เป็นบิดาก็อดปลื้มไม่ได้ เมื่อได้ยินเสียงชื่นชมบุตรชายจากชาวบ้าน
“ทำไมไม่ให้เขาไปไหว้ที่วิหารหลังใหม่ล่ะ”
ฟุจิคิส่ายหน้าให้บิดา
“เขาศรัทธาเทวรูปที่วิหารเก่าน่ะครับ ไม่เป็นไร ขอให้เขาเชื่อในความดีจะวิหารเก่าหรือใหม่ก็ไม่เป็นไร”
“ดีแล้ว ขอให้เขาเป็นคนดี ไม่ว่าที่ไหนย่อมดีเสมอ พ่อภูมิใจในตัวลูกนะที่เปลี่ยนแปลงคน ๆ หนึ่งให้เข้าใจคุณงามความดีได้”
นักบวชหนุ่มลอบยิ้มให้ตนเอง เมื่อความจริงแล้วไม่ใช่ว่าไทโยเปลี่ยนแปลงเพราะเขา แต่เขาต่างหากที่เข้าใจชีวิตมากขึ้นเพราะไทโย บทสนทนาหยุดลงเมื่อชายหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลก้าวเข้ามาเอ่ยทักทายกับทาเคชิรวมถึงชาวบ้านที่เขาให้มาทำงานในรีสอร์ทช่วงหยุดจากงานเกษตรกรรม
“งานเสร็จแล้วผมจะไปไหว้พระนะครับท่าน”
เขาหันมากล่าวกับฟุจิคิ และในช่วงบ่ายร่างสูงก็เดินเข้ามาในวิหารเก่าที่มีฟุจิคิรอคอยอยู่แล้ว
เมื่อประตูวิหารปิดลง ฟุจิคิก็ก้าวเข้าสู่อ้อมกอดนั้นท่ามกลางสายตาของเทวรูปที่เป็นพยานรักกับพิธีกรรมบูชาดวงอาทิตย์ในแบบฉบับของไทโยเท่านั้นที่เป็นผู้ประกอบพิธีร่วมกับนักบวชที่เขาทั้งรักและหลงใหล ส่วนฟุจิคิก็ปล่อยให้ไทโยได้ตอกย้ำตราประทับบาปที่เขายินยอมทั้งร่างกายและหัวใจตลอดไป
จบตอนจ้า
ฟินกับบาปบ้างหรือเปล่าเนี่ย รอบาปเรื่องใหม่เร็ว ๆ นี้
:m10: :m10: :m10: :m10: :m10: :m10:
-
มีความฟินกับฉากอัศจรรย์ คุณไทโยแอบมาทำบาปในวัด :katai3:
-
เป็นเหมือนรวมเรื่องสั้นหรอไรท์ :hao4:
-
:hao4: :hao4:
-
ขอไปชะโงกหน้าดูพิธีด้วยคนได้ไหมคะ 5555
-
บาปที่แสนหวาน เคลิ้มเหมือนติดที่ปลายลิ้น
-
บาปกตัญญู
บทนำ
นภวางมือลงไปแผ่วเบาบนร่างจ้อยที่อยู่ใต้ร่าง ยิ่งเปลือยเปล่าเช่นนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าตะวันสมควรได้รับการทะนุถนอมแค่ไหน แล้วใครเล่าจะปฏิบัติเช่นนั้นได้หากไม่ใช่เขา
ผิวกายขาวนวล หอมกรุ่นด้วยโลชั่นทาผิวทาทับด้วยแป้งเด็กกรุ่นกลิ่นหอมติดจมูก นภโน้มกายจูบที่ซอกคอหวานละมุนจนเจ้าตัวสะท้าน ดวงตากลมโตเหมือนมารดาจ้องมองอย่างสับสน แต่เขาจะไม่ปล่อยให้ตะวันคิดมากไปกว่านี้
“คิดมากหรือซัน”
นภกระซิบถามใกล้ใบหูก่อนจะขบเม้มเบาๆ มือร้อนของเขาลูบไล้ร่างที่เขาเคยอาบน้ำอุ้มชูตั้งแต่แบเบาะจนโตพอที่เจ้าของร่างจะดูแลตนเองได้ แต่ถึงกระนั้นบางครั้งเขาก็จะเข้าไปทำให้เหมือนเช่นก่อนหน้านี้
“ครับ ซัน ซันรู้ว่ามันไม่ถูก เรา ไม่ควรจะ...”
เขาปิดปากช่างเจรจานั้นเสีย ตะวันพูดเก่งตั้งแต่จำความได้ นภคิดถึงปากแดงระหว่างแก้มยุ้ยที่มักจะคุยเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้เขาต้องตั้งใจฟังอยู่เสมอ
ปากเล็กเม้มหนีเล็กน้อยก่อนจะยอมเปิดทางให้นภตวัดลิ้นเรียวเล็กมาครอบครอง ร่างสูงใหญ่ของนภทาบทับจนร่างเล็กต้องยอมหยุดนิ่ง เขาจูบตะวันด้วยความหวงแหนอย่างเช่นทุกครั้งที่เขาสอนให้ตะวันจูบจนเคยปาก
เขารักตะวัน เด็กน้อยคือแสงสว่างของชีวิต รักและห่วงจนกลายเป็นหวงแหนสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ สมบัติที่ไม่อาจแลกมาด้วยสิ่งใด สมบัติที่ภรรยายอมยกชีวิตตนเองให้เพื่อเป็นสิ่งแทนใจ นภรักษาสัจจะว่าจะดูแลสมบัติของเขาไปจนตาย
สมบัติที่มีเลือดเนื้อของเขาอยู่ครึ่งหนึ่ง!
“เจ็บไหมครับซัน”
นภปลอบประโลมเหมือนทุกครั้งที่ตะวันร้องไห้โยเย แต่วันนี้ตะวันเจ็บเพราะการกระทำของเขา รอให้ตะวันหายเจ็บเขาจะทดแทนด้วยความสุขสมในครั้งแรกที่จะสอนให้เด็กน้อยได้รู้จัก
“อื้อ ซันเจ็บ แต่ อึก ตอนนี้มัน ฮือ...”
เขาจูบจนตะวันคล้อยเคลิ้ม ก่อนจะสอนบทเรียนเพื่อให้คนที่เขารักสุดหัวใจได้เรียนรู้ รู้ว่าร่างกายนี้คือของเขาทั้งตัวและหัวใจ ถึงแม้จะเป็นความผิดบาปแต่ตะวันจะเข้าใจในภายหลังว่าทุกอย่างคือความรัก นภมั่นใจว่าความกตัญญูที่เด็กน้อยมีต่อเขาจะทำให้เรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข
“เราทำความผิดกันนะครับ”
เด็กน้อยในอ้อมกอดกระซิบเสียงแหบพร่าเมื่อเรียนรู้บทเรียนสำคัญในชีวิต
“ซันไม่ชอบหรือครับที่เรามีความสุขกัน”
นภโอบกอดตอบขณะที่ตะวันหน้าแดงก่ำ
“ซันมีความสุข แต่ซันรู้ว่ามันผิด ผิดเพราะเรา เราเป็นพ่อลูกกัน”
นภเองก็รู้ แต่ใครเล่าจะดูแลหวงแหนตะวันได้ดีกว่าเขาที่เป็นพ่อแท้ๆและเลี้ยงตะวันมาตั้งแต่เกิด นภสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะดูแลตะวันตลอดไป
TBC
บาปอีกแล้วกู เฮ้ออออ
:ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2: :ling2:
-
กรี้ดๆๆ ชอบค่ะ พ่อนภกับน้องตะวัน :mew1:
-
เรามันเป็นคลลลลลบาปปปปปปป
เราชอบอะไรบาปๆ หุหุหุหุ รอติดตามตอนต่อไปปป
:katai2-1: :katai2-1:
-
รอตอนต่อไปจ้า
-
รวมคนบาป5555 :o8: :o8:
-
เรื่องแรกว่าบาปแล้วเรื่องสองนี่บาปกว่าาาาาา
แต่อัไรบาปๆแบบนี้ชอบนักละ
-
อ่านเรื่องแรกจบท่านเจ้าอาวาสหนุ่มเป็นผู้เสียสละมากพลีตนเพื่อพิธีบูชายัญเชียวนะ555 ไม่มีใครเดือดร้อนกับเรื่องนี้เลย หมู่บ้านได้ผลประโยชน์จากการทำรีสอร์ท วัดได้มีส่วนร่วมกับชุมชน ส่วนเจ้าของรีสอร์ทไม่ต้องพูดถึงน่าจะสุขสุดๆ อิอิ วินวินทุกฝ่ายหุหุ
เรื่องที่สองเปิดตัวได้น่าประทับใจมากค่ะ รออ่านด้วยใจจดจ่อค่ะ
ชอบงานของไร้ท์ทุกเรื่องนะคะ โดยเฉพาะงานเขียนที่ใครๆก็ห้ามแต่ไร้ท์beloveก็แต่ง ถูกใจกดล้านไลค์เลยค่ะ
-
โอ้โหหหหความบาปที่แท้ทรู ปกติเคยอ่านแต่แบบพ่อเลี้ยงลูกเลี้ยง ก็อยากจะรู้ปมที่นภทำแบบนี้
-
บาปกตัญญู
บทที่ 1
นภขับรถยนต์ไปจอดที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในเวลาโพล้เพล้ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเบอร์โปรดที่บันทึกไว้ แต่รอจนกระทั่งสายตัดไปปลายทางก็ยังไม่รับสาย เขาเพียรโทรไปอีกหลายครั้งผลก็ยังคงเป็นเช่นเดิมจนเริ่มจะกระวนกระวาย แต่แอพลิเคชันไลน์ที่ส่งสัญญานว่ามีข้อความเข้าทำให้ต้องรีบเปิดอ่าน
“พ่อกลับบ้านก่อนเลย ห้องเชียร์ซันยังไม่เลิก”
หัวคิ้วของชายวัยสี่สิบต้นๆย่นเข้าหากัน เขารีบพิมพ์ตอบกลับไป
“แล้วซันจะกลับบ้านยังไง นี่มันมืดแล้วนะ”
นิ่งรอหลายอึดใจกว่าอีกฝ่ายจะส่งข้อความตอบกลับมา
“พี่รหัสของซันจะไปส่ง ไม่ต้องกลัวน่าไว้ใจได้ พ่อกลับเหอะ”
ถึงแม้จะไม่ชอบใจนักแต่นภก็ต้องจำยอมขับรถกลับบ้านโดยไม่มีลูกชายกลับด้วย เขาควรจะทำใจได้แล้วว่าตะวันโตจนเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแล้ว คนเป็นพ่อก็ต้องปล่อยให้ลูกเติบโตไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ แต่นภก็ยังทำใจไม่ได้จริงๆ
ภรรยาของนภครรภ์เป็นพิษ และจากพ่อกับลูกไปตั้งแต่อาทิตย์แรกที่คลอดตะวันออกมา นภกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ประคบประหงมทารกน้อยราวกับแก้วตาดวงใจ ให้สมกับที่ภรรยาที่รักสละชีวิตมอบสิ่งแทนใจให้เขา เวลาทั้งหมดนอกจากเรื่องงานนภทุ่มเทให้เด็กชายตะวันจนกระทั่งบุตรชายเติบโตขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นหนุ่มน้อยในวันนี้ ตะวันหน้าตาเหมือนแม่มาก ยิ่งมองนภก็เห็นเงาของภรรยาที่จากไปอยู่บนใบหน้าหวานกว่าเด็กชายคนอื่น ยิ่งทำให้นภรักและหวงแหนตะวันเหนือสิ่งอื่นใด
เขาไปรับไปส่งตะวันทุกเช้าทุกเย็น เมื่อคราวตัดสินใจซื้อบ้านนภเลือกทำเลที่ดีที่สุดซึ่งใกล้ที่ทำงานและแหล่งการศึกษา เขามีเงินเก็บจากการทำงานและเพราะไม่ใช่คนเที่ยวเตร่จึงไม่เดือดร้อนนัก แม้แต่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ก็เป็นทางเลือกที่เขาเลือกให้ตะวันเมื่อจบมัธยมปลาย เพื่อที่นภจะยังไปรับไปส่งลูกได้เช่นเดิม แต่ทว่าภายในเดือนแรกตั้งแต่เปิดเทอม ทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไป
ตะวันตื่นเต้นมากกับชีวิตนักศึกษา และมักจะนำเรื่องต่างๆมาเล่าให้ผู้เป็นพ่อฟังเสมอ ในระยะนี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่าเทศกาลการรับน้องและห้องเชียร์
“ไม่รุนแรงหรอกพ่อ ไม่มีพี่ว้าก มีแต่พี่สันทนาการมาสอนร้องเพลงมหาลัย พี่รหัสของซันชื่อพี่เบียร์ เป็นเดือนคณะด้วยนะ พี่เขาอยู่วงการบันเทิงด้วย เห็นว่าเล่นซีรีส์วายอยู่”
“ซีรีส์วายคืออะไร”
จำได้ว่าเขาถามลูกเช่นนั้น สังคมเด็กสมัยนี้ล้ำหน้าจนตามแทบไม่ทันแม้ว่านภจะพยายามทำตัวให้ทันสมัยเข้ากับวัยรุ่นแล้วก็ตาม
“ละครชายรักชายไงพ่อ ฮิตมากนะ พวกเพื่อนผู้หญิงของซันมันดูกันทุกคนเลย”
นภได้แต่เออออตามลูก สงสัยว่าจะต้องหาซีรีส์วายที่ว่าเปิดดูเพื่อให้คุยกับตะวันรู้เรื่อง
เขาขับรถกลับมาถึงบ้านจัดสรรชั้นเดียวหลังหนึ่งที่มีรั้วรอบขอบชิด ครอบครัวที่มีเพียงพ่อกับลูกไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่ไปกว่านี้ บ้านที่มีเพียงสองห้องนอนคือห้องของเขากับตะวัน แต่ส่วนใหญ่พ่อลูกก็จะนอนในห้องเดียวกันเกือบทุกคืน นภอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านั่งรอลูกชายด้วยความเป็นห่วง จนโทรศัพท์มือถือดังขึ้น
“สวัสดีครับคุณกิ๊ก มีอะไรหรือเปล่าครับ”
ผู้จัดการสาวใหญ่ในบริษัทเดียวกันนั่นเองที่โทรหาเขา พ่อม่ายเรือพ่วงรูปหล่อมาดดีในตำแหน่งหน้าที่ผู้จัดการใหญ่ของบริษัท สาวๆต่างก็จับจ้องว่าเขาจะเลือกสตรีนางไหนมาเป็นคู่ใจคนใหม่หรือไม่ ใช่ว่านภจะไม่รู้ถึงกิตติศัพท์ของตัวเอง แต่เพราะภาระดูแลลูกทำให้เขาไม่มีเวลาให้ผู้หญิงคนไหน แต่ตอนนี้ตะวันเริ่มห่างจากอก นภอาจจะมีสายตาเมียงมองสาวสักคนก็ได้
“ค่ะ คุณนภ เมื่อตอนอยู่บริษัทกิ๊กไม่กล้ารบกวนเวลา ขอกิ๊กปรึกษาตอนนี้นะคะ”
สาวเจ้าชวนพูดคุยเรื่องงาน นภก็ให้คำปรึกษาไปตามเรื่อง ใจวอกแวกมองแต่หน้าประตูรั้วว่าเมื่อไหร่ตะวันจะกลับมา
“คุณนภน่ารักและใจดีมากเลยค่ะ ขอให้กิ๊กได้เลี้ยงข้าวสักมื้อตอบแทนน้ำใจได้ไหมคะ”
เสียงหวานลอดมาตามโทรศัพท์พร้อมๆกับเสียงรถยนต์แล่นมาจอดหน้ารั้วทำให้นภเสียสมาธิ
“ผมต้องรับส่งซันน่ะครับคุณกิ๊ก”
“งั้นกิ๊กจะไปทำอาหารให้คุณนภกับน้องซันที่บ้านดีไหมคะ พรุ่งนี้ดีไหม”
“ครับๆ”
เขาตอบส่งๆไปเช่นนั้นก่อนจะวางหูและก้าวไปที่ประตูบ้านยืดคอมองบุตรชายที่ก้าวลงมาจากรถยนต์คันหรูพร้อมกับผู้ชายในชุดนักศึกษาหน้าตาดีคนหนึ่ง หัวใจของคนเป็นพ่อเต้นแรงเมื่อเห็นทั้งคู่พูดคุยกันสีหน้ายิ้มแย้ม และไอ้หนุ่มแปลกหน้ายังบังอาจยกมือมาขยี้ผมนุ่มของตะวันอีกด้วย
“อ้าวพ่อ”
ลูกชายเปิดประตูรั้วเดินเข้ามาเมื่อรถยนต์คันนั้นขับจากไปแล้ว นภย่นหัวคิ้วเอ่ยถามเสียงเข้ม
“ใครน่ะซัน”
“พี่เบียร์ไง พี่รหัสของซันที่เคยเล่าให้พ่อฟัง เขาอาสามาส่งซันตอนที่ห้องเชียร์เลิก พ่อจะได้ไม่ต้องไปรับซันตอนค่ำแบบนี้”
“สนิทกับเขาเร็วจังนะเรา”
ไม่รู้เลยว่าทำไมจะต้องส่งเสียงราวค่อนขอดตะวันด้วย แต่พอเห็นความสนิทสนมที่ตะวันมีต่อบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ตนเองแล้วนภก็แอบหัวร้อน
“พี่เบียร์คุยเก่ง อัธยาศัยดี ใครๆก็ชอบเขา ซันอาบน้ำก่อนนะเหนียวตัวจัง”
เด็กหนุ่มร่างเล็กหน้าหวานเดินผิวปากคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ นภเข้าไปรอบุตรชายในห้องนอนห้องเล็กของตะวัน ไม่นานเจ้าของห้องก็เดินเข้ามาโดยมีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่าง เผยให้เห็นผิวผ่องเนียนแทบทุกรูขุมขน เมื่อตะวันนั่งลงบนเตียงนภก็ใช้โลชั่นเทใส่ฝ่ามือทาไปตามแขนขาเรียวตามด้วยแป้งเด็กกลิ่นละมุนเช่นปกติทุกครั้ง แม้ว่าลูกจะโตแล้วก็ตาม
“พ่อไม่ต้องทำให้ซันขนาดนี้แล้วก็ได้ ซันโตแล้ว”
ลูกชายเอ่ยออกมาทำให้คนเป็นพ่อใจแป้ว
“โตแค่ไหนซันก็ยังเด็กสำหรับพ่ออยู่ดี พ่อรักซันมากนะรู้ใช่ไหม มา มาจูบกันก่อนนอนเร็ว”
นภดึงตะวันให้มานั่งบนตัก เด็กหนุ่มยกแขนคล้องคอบิดาด้วยความเคยชิน นภใช้ปลายนิ้วแตะไล้ที่เรียวปากนุ่มก่อนจะประทับริมฝีปากตนเองตามไป เขาส่งลิ้นชื้นเข้าไปในโพรงปากเล็กตวัดลิ้นนุ่มเข้าหาตัว ตะวันเกาะเกี่ยวลิ้นตอบอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ครั้งนี้จูบของพ่อรุนแรงกว่าทุกครั้ง
“อื้อ พ่อ เบาหน่อย ซันเจ็บปาก”
เด็กหนุ่มประท้วงพร้อมทั้งดันไหล่กว้างของพ่อ นภจึงค่อยรู้สึกตัวและถอนจูบอย่างตกใจ
“เจ็บเหรอซัน พ่อขอโทษ”
อาจเป็นเพราะเห็นความสนิทสนมของซันกับรุ่นพี่ เขาจึงลืมตัว นภลูบริมฝีปากนุ่มอย่างรู้สึกผิด
“นอนนะครับคนดีของพ่อ พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้าๆไปมหาวิทยาลัย”
นภวางร่างเล็กลงบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมกายให้ตะวันอย่างทะนุถนอม เขาจูบเบาๆที่หน้าผากก่อนจะเดินไปปิดไฟแล้วก้าวออกจากห้องไปยังห้องของตนเอง นภล้มตัวนอนยกมือก่ายหน้าผาก เขาไม่ชอบความรู้สึกวุ่นวายใจและความหวงแหนเกินปกตินี้เลย จนดึกกว่าจะข่มตาหลับลงได้
เสียงฟ้าผ่าเปรี้ยงทำลายความเงียบในยามดึกสงัด ฝนเทลงมาห่าใหญ่พร้อมกับหอบลมฝนพัดครืนมาด้วย นภสะดุ้งตื่นขึ้นมาในความมืดด้วยความตกใจ เปล่า เขาไม่ได้กลัวเสียงฟ้า ตะวันต่างหากที่กลัวเสียงดังเหล่านี้ตั้งแต่เด็ก นภคิดจะลุกไปหาลูกที่ห้องแต่ช้ากว่าตะวันที่เปิดประตูห้องของเขาเข้ามาและถลาซุกอกพ่อ
“พ่อ ฟ้าผ่า”
ร่างจ้อยกอดก่ายแน่นหนาเหมือนสมัยยังเด็ก นภกอดตอบพลางลูกผมตะวันเบามือ
“ไม่เป็นไรแล้วซัน อยู่กับพ่อแล้ว”
แล้วอย่างนี้จะไม่ให้นภเป็นห่วงตะวันได้อย่างไร เมื่อเจ้าตัวยังคล้ายทารกที่ต้องดูแลเช่นนี้ นภดึงร่างบางให้เอนกายลงบนเตียงพลางดึงผ้าห่มมาคลุมทั้งคู่ ภายใต้ผ้าห่มผืนอุ่นเขากับตะวันกอดกันกลมจนแทบไม่มีช่องว่าง
“หายกลัวหรือยังเด็กดี”
นภเชยคางมนขึ้น สบตากับดวงตากลมโตในความมืด ดวงตาคู่นี้ช่างเหมือนภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว เหมือนจนหัวใจเต้นสะท้อนด้วยความโหยหา
เขาจูบที่เปลือกตา ไล่ระดับลงมาจนถึงปากอิ่มฉ่ำ นภสอนจูบเช่นนี้ให้ตะวันตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายจนไม่รู้สึกเก้อเขิน นภบอกกับตะวันว่านี่คือการแสดงความรักที่ทั้งคู่มีต่อกันและตะวันก็เข้าใจเช่นนั้นมาโดยตลอด
ตะวันเผยอปากรับ จูบของพ่อในวันนี้แปลกไปกว่าทุกวัน มันทำให้เขาปวดมวนในห้องจนต้องหายใจหอบหนัก พ่อของเขากอดร่างหนักหน่วงจนเนื้อหนังเสียดสี เขาตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของพ่อ
“พ่อ ซัน อึก ปวดตรงนี้”
เขาดึงมือพ่อให้มากอบกุมแก่นกายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ชุดนอน ตะวันถูไถมันเข้ากับมือใหญ่ของนภ อุ้งมือร้อนสอดเข้าไปในร่มผ้าก่อนจะกอบกุมส่วนยื่นที่ขยายตัวพลางยิ้มออกมา
“นี่ไม่ได้เอาออกหลายวันแล้วใช่ไหม ให้พ่อช่วยเหมือนเคยนะ”
นิ้วสากเกี่ยวดึงกางเกงขายาวเนื้อบางเบาออกจนพ้นท่อนขาเรียว เขาดึงร่างบางของตะวันให้ลุกมานั่งคร่อมอยู่ตรงแผงอกของเขา นภนอนหงายมองท่อนเนื้อเล็กที่ขยายตัวน่าอึดอัดของบุตรชาย มือร้อนบีบกระชับมันนวดเฟ้นเป็นจังหวะ ตะวันเหยียดกายกัดฟันปรือตาอย่างเสียวซ่านกับการกระทำของบิดา
“อื้ม พ่อ”
“ใส่เข้ามาเลยซัน พ่อรออยู่”
นภเปิดปากกว้าง ตะวันที่นั่งทับแผงอกขยับเอวดันเข้าสู่ช่องปากของเขา นภกลืนกินเข้าไปจนเต็มคำเขาใช้ลิ้นโลมเลียทุกส่วน และขยับปากรูดรั้งช้าๆ
“โอ พ่อ เสียวจัง”
ตะวันแหงนหน้าส่งเสียงแข่งกับลมฝน นภใช้มือวางบนหนั่นเนื้อบั้นท้ายและควบคุมให้ตะวันขยับเอวเข้าออก ท่อนเนื้อของลูกร้อนระอุอยู่ในช่องปากที่เขาทั้งดูดและดุนอย่างเช่นที่ทำมาตั้งแต่ตะวันเริ่มแตกพาน เขาเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายว่าต้องระบายความต้องการออก และนภก็ทำเช่นนี้เพื่อช่วยให้ตะวันสบายตัว
“ขยับสิครับซัน”
เมื่อผู้เป็นพ่อส่งเสียงอู้อี้บอกมา ตะวันจึงเริ่มขยับเอง เด็กหนุ่มเลื่อนกายให้ความเป็นชายของตนนั้นสัมผัสแทรกซึมอยู่ในช่องปากของพ่อ แรงขับของความต้องการบีบคั้นจนต้องเร่งเร้าใส่พ่อ
“พ่อ พ่อจ๋า อีกนิดเดียว”
เขากระแทกใส่ปากพ่อแต่พ่อก็ไม่เคยต่อว่า แรงเท่าไหร่พ่อก็พร้อมจะรองรับความต้องการเสมอ ตะวันสูดลมเข้าปากเมื่อในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยออกมาในช่องปากร้อนชื้นนั่นเอง พ่อยังคงดูดดุนความต้องการของเขาออกไปจนหยดสุดท้าย ตอนนั้นตะวันแหงนหน้าผ่อนลมหายใจไปกับความผ่อนคลายที่บังเกิดขึ้น
มีต่ออีกนิด...
-
อ่านต่อตรงนี้...
“สบายตัวหรือยังคนเก่ง”
นภดึงร่างบางลงจากอกให้มานอนอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง มุมปากของเขายังชื้นไปด้วยคราบความต้องการของลูกแต่นภไม่ถือสา ตะวันยิ้มสดใสพยักหน้าให้พลางหอมแก้มพ่อดังฟอด
“สบายมากเลยพ่อ ขอบคุณนะครับ”
มือเรียวของตะวันป่ายไปมาไปพบกับความแข็งขันของบิดาที่ไม่ได้ต่างอะไรจากเขาเมื่อครู่ เพียงแต่ขนาดของบิดาใหญ่โตกว่าเขามาก ตะวันเองก็รู้ว่าบิดาต้องการระบายออกเช่นกัน ตลอดชีวิตที่ผ่านมานภไม่เคยคิดจะหาแม่เลี้ยงมาให้ และยังดูแลตะวันมาโดยตลอด สองพ่อลูกก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกัน
“พ่อเองก็ไม่ได้เอาออกมาหลายวันแล้วใช่ปะ มา ให้ตะวันช่วยบ้าง”
ตะวันเลื่อนกายลงต่ำ เขาดึงกางเกงขาสั้นที่พ่อใส่นอนลงมาถึงต้นขา ความใหญ่โตพลันเด้งกายอวดจนเกือบเป็นเส้นตรงอยู่ต่อหน้าแต่ตะวันชินตาเสียแล้ว เมื่อเรียนรู้เรื่องระบบของร่างกายและการปลดปล่อยสัญชาตญาณทางเพศด้วยการสอนของบิดา เขาเองก็รับอาสาที่จะช่วยเหลือพ่อบ้างตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา
ครั้งแรกตะวันเคยตื่นตากับขนาดของพ่อ เทียบกับของตนเองแล้วตะวันกลายเป็นหนอนน้อยไปเลย ตะวันคิดว่าความเป็นชายของพ่อมันดูดีเหลือเกิน บางครั้งก็แอบอิจฉาพ่ออยู่เหมือนกัน
“โห พ่อ วันนี้เป็นมังกรเลยนะ”
ลูกชายหลิ่วตาให้ นภหัวเราะเบาๆพลางขยี้ผมนุ่มอย่างแสนรัก เขามองใบหน้าหวานผลุบโผล่ระหว่างขาพลางส่งลิ้นออกมาโลมเลีย เขาสอนให้ตะวันทำเช่นเดียวกับไอศกรีมที่เด็กหนุ่มโปรดปราน ลิ้นเล็กลากขึ้นลงตั้งโคนยันปลายมนก่อนตวัดยอดแล้วเม้มปากตาม นภถึงกับกัดฟันแน่น
“อา ดีมากลูก”
ตะวันดูดเม้มราวกับของหวานแสนอร่อย เขาเปิดปากเล็กให้กว้างที่สุดแล้วกดใบหน้าตนเองลงมาตามความยาวช้าๆ ลำคอของเขากลืนกินได้ไม่ถึงโคนดีนักแต่หนุ่มน้อยใช้กลีบปากนุ่มช่วยเม้มแล้วยกใบหน้าขึ้น เขาเหลือบตามองบิดาที่หลับตาลงคล้อยเคลิ้มอย่างพึงพอใจ
เขาเองก็รักพ่อมาก นภดูแลเขาใกล้ชิดแต่ตะวันก็ไม่ได้อึดอัด ดีเสียอีกที่มีพ่ออยู่ด้วย แม้บางครั้งจะมีหญิงอื่นมาเกาะแกะแต่แค่ตะวันทำหน้าบึ้งนภก็จะรู้แล้วว่าลูกไม่ชอบ ตะวันไม่อยากมีแม่ใหม่เขาไม่ต้องการให้ใครมาแย่งความรักของพ่อไปจากเขา
มือใหญ่ของพ่อสอดเข้ามาในกลุ่มผมของเขาแล้วขยำเบาๆ แค่นี้ตะวันก็รู้ว่าพ่อรู้สึกดี เขาขยับใบหน้าขึ้นลงอย่างลิงโลด ความแข็งขันของพ่อเปียกชื้นด้วยน้ำลายใสของเขา
“ทำไมเก่งอย่างนี้นะลูกพ่อ”
นภสวนเอวเข้าใส่ปากเล็กที่ทำงานต่อเนื่อง เมื่อถึงจังหวะนี้ตะวันรู้แล้วว่าความต้องการของพ่อถึงขีดสุด มือเรียวกำโคนใหญ่ไว้แน่นพลางรูดรั้งไปพร้อมกับการดูดเม้มของปาก อีกไม่ถึงอึดใจพ่อของเขาก็เกร็งค้างพลันพุ่งน้ำอุ่นเข้าสู่ลำคอของเขา ตะวันกลืนกินอย่างเคยชินกับรสของบิดา เขาค่อยๆยกหัวคืนอิสระให้บิดาที่ยังหอบหนักอยู่
“อีกหน่อยซันต้องเก่งมากจนพ่อสู้ไม่ได้แน่”
นภดึงร่างบางเปลือยท่อนล่างเข้ามากอด ใช้นิ้วเช็ดคราบของตนบนปากฉ่ำออกจนหมด เขาจูบตะวันอีกครั้งก่อนจะผละออกอย่างอ้อยอิ่งเมื่อเห็นเปลือกตานั้นปิดลงอย่างง่วงงุน
“นอนหลับนะครับเด็กดีของพ่อ พ่อจะกอดซันทั้งคืนเลย”
ตะวันยิ้มรับทั้งที่ดวงตาปิดสนิท เขาหลับลงในอ้อมกอดแสนอบอุ่นของพ่อ นภลูบหลังลูบไหล่กล่อมนอนจนกระทั่งได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอจึงได้คลายอ้อมกอดพอให้ไม่อึดอัด นภหอมแก้มนุ่มอีกครั้งก่อนจะปิดตาตัวเองตาม
“พ่อจะรักซัน รักตลอดไป”
นภหลับลงไปโดยมีลูกชายอยู่ในอ้อมกอดตลอดคืน
TBC
อิจฉาความรักของพ่อลูกเขาไหมล่ะ ^^
:impress: :impress: :impress: :impress: :impress: :impress:
-
ชอบ
-
ชอบๆๆๆ
-
ความบาปที่แท้ทรู
-
คอดฟิน
-
เสี้ยวหนึ่งในใจคุณพ่อเห็นซันเป็นตัวแทนของแม่ป่าวคะ ตอนหน้าขอบาปแบบขนลุกๆนะคะ เอาให้เจ๊คนที่จะมาบ้านตะลึงไปเลย :hao7:
-
บาปกตัญญู
บทที่ 2
อาหารเย็นในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้น่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับตะวัน เมื่อโต๊ะอาหารมีคนนอกมาร่วมรับประทานอาหารด้วย เป็นผู้หญิงวัยสามสิบกว่าๆ แต่งหน้าอ่อนๆ นั่งอยู่ข้างพ่อของตะวันและคอยตักอาหารมาวางในจานของพ่อ หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสของผู้หญิงคนนี้ทำให้หนุ่มน้อยสีหน้าบูดบึ้งยิ่งขึ้นทุกที
พ่อบอกว่าเจ้าหล่อนชื่อคุณกิ๊ก เป็นผู้จัดการทีมหนึ่งในสาขาที่พ่อเป็นผู้จัดการใหญ่ แวบเดียวตะวันก็ดูออกว่าผู้หญิงคนนี้กำลังหมายปองนภอยู่ ตะวันเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาหลายครั้งตั้งแต่เขาจำความได้ ใช่สิ พ่อของเขาทั้งหล่อทั้งเก่ง ผู้หญิงหลายคนก็อยากจะเคลมพ่อทั้งนั้น
“ทานอีกสิคะคุณนภ อาหารเจ้านี้อร่อยมาก กิ๊กขับรถไปซื้อมาสำหรับมื้อนี้โดยเฉพาะ อ้าว น้องซัน อิ่มแล้วหรือคะลูก ทำไมข้าวยังเหลือเยอะขนาดนี้ เนี่ย กินแค่นี้ถึงได้ผอมจัง”
ความเจ้ากี้เจ้าการเหล่านั้นทำให้ตะวันวางช้อนส้อมลงดังแกร๊ง นภหันมามองพลางส่งยิ้มอ่อนให้ลูกชาย
“อิ่มแล้วหรือซัน”
“ครับพ่อ” เขาตอบพลางลุกขึ้นยืนตวัดหางตาใส่คนนอก “พ่อกินข้าวต่อเถอะ เดี๋ยวซันจะยกถ้วยจานที่หมดแล้วไปล้างก่อน”
ตะวันหยิบจานใส่อาหารที่หมดแล้วซ้อนกันก่อนจะยกเดินผ่านโต๊ะอาหารเข้าไปยังส่วนครัวด้านหลัง เขาเปิดก๊อกน้ำให้น้ำเย็นไหลผ่านขณะที่ตนเองยืนเม้มริมฝีปากอย่างขัดเคือง
ท่าทางเอาอกเอาใจของผู้หญิงคนล่าสุดดูเป็นธรรมชาติจนตะวันหวั่นใจ หลายครั้งที่มีผู้หญิงมาเกาะแกะบิดาเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน หากนภเปิดใจคบกับผู้หญิงคนนี้ ตะวันคงใจหาย
“พี่ช่วยล้างจานนะคะน้องซัน”
ตะวันสะดุ้ง เขาหันขวับไปมองหญิงสาวที่เดินเข้ามาพร้อมจานชามอีกชุด หล่อนเบียดเข้ามายืนหน้าอ่างล้างจานและจัดการอย่างคล่องแคล่ว
“คุณนภเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะคะ เป็นหัวหน้าที่ดีและเป็นคุณพ่อที่ดี”
หล่อนเอ่ยขึ้นมาโดยไม่ได้มองหน้าตะวันสักนิด ราวกับประโยคเหล่านั้นบอกเล่าให้อากาศฟัง
“พี่ทราบมาว่าคุณแม่ของน้องซันเสียไปนานแล้ว และคุณนภทำหน้าที่คุณพ่อโดยไม่ยอมมีใครใหม่เพราะอยากดูแลน้องซัน แต่พี่ว่าคุณนภเองก็ควรจะมีใครดูแลเขาเช่นกัน”
“คุณพูดเหมือนกับว่าอยากเป็นคนๆนั้นเลยนะครับ”
ตะวันพยายามกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กดให้ราบเรียบที่สุด ถึงอย่างไรเขาก็ถูกปลูกฝังเรื่องมารยาทการแสดงออกมาตั้งแต่เด็ก กิ๊กหันหน้าสบตาพลางยิ้มหวาน แต่ตะวันมองเห็นรอยประหารส่งผ่านมาจากยิ้มนั้น
“ถ้าคุณนภเปิดโอกาสพี่ก็อยากจะเป็นคนที่ดูแลคุณนภค่ะ น้องซันคิดดูสิว่าคุณพ่อต้องอดทนมานานแค่ไหน ต้องเสียสละชีวิตส่วนตัวไปนานเท่าไหร่ที่เลี้ยงน้องซันมา ตอนนี้น้องซันก็โตจนเข้ามหาวิทยาลัย อายุสิบแปดสิบเก้าแล้ว ถ้าอยู่ต่างประเทศต้องย้ายออกไปใช้ชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำไป น้องซันควรจะปล่อยให้คุณพ่อได้มีความสุขบ้างตามธรรมชาติของมนุษย์เรานะคะ”
จานกองใหญ่ที่ล้างเสร็จแล้วคว่ำเรียงกันอยู่บนชั้นวาง กิ๊กเช็ดมือจนแห้งแล้วเดินจากไปหลังจากฝังระเบิดลูกใหญ่ไว้ในหัวใจของตะวัน เขาอดคิดไม่ได้ว่าตนเองเป็นตัวขัดขวางความสุขของบิดาจริงอย่างที่ผู้หญิงคนนี้พูดหรือไม่ ขอบตาของตะวันร้อนผ่าว เขาไม่กล้าเดินออกไปภายนอกเพื่อเห็นภาพหญิงคนนั้นกับบิดา ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงเจ็บจนใจจะขาดขนาดนี้
“ซัน ทำไมมานั่งเงียบๆในครัวล่ะลูก”
เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์ของผู้หญิงคนนั้นขับออกไปนอกบ้านแล้ว พ่อของเขาจึงได้เดินเข้ามาหาในครัวที่ตะวันนั่งหน้าบึ้งตึงเพียงลำพัง
“ซันไม่อยากเป็นก้างขวางคอใคร”
เสียงแข็งของบุตรชายทำให้นภผิดสังเกต เขาขยี้ผมของตะวันพลางเอ่ยนุ่ม
“ก้างอะไรกัน คุณกิ๊กเขาก็แค่มาเยี่ยมที่บ้าน”
ตะวันแอบก้มหน้าเบ้ปาก อยากให้พ่อมาเห็นมาได้ยินตอนเจ้าหล่อนพูดจากระทบกระเทียบเพื่อไล่ให้เขาออกไปให้พ้นชีวิตของพ่อชะมัด พ่อคงไม่บอกว่าเขาแค่มาเยี่ยมแน่ๆ
“เขาอยากได้พ่อ พ่อก็รู้ ไม่ต้องรักษาน้ำใจซันหรอก”
“พูดอะไรแบบนั้นล่ะซัน” นภตกใจเมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของลูก “แล้วนี่ร้องไห้ทำไม คิดมากอะไรอีก พ่อเคยบอกแล้วไงว่าจะไม่หาแม่ใหม่มาให้”
“ตอนนั้นซันยังเด็ก แต่ตอนนี้ซันโตแล้วซันดูแลตัวเองได้ ซันไม่อยากเห็นแก่ตัวที่ดึงพ่อไว้แบบนี้”
“ซันไม่เคยดึงพ่อไว้ พ่ออยากดูแลซันเอง เพราะพ่อรักซัน”
นภดึงร่างบางเข้ามากอดแนบอก น้ำตาของตะวันเปียกอยู่บนอกเสื้อของเขา ตะวันเกลือกกลิ้งใบหน้าอยู่กับอกกว้างที่ดูแลเขามาตั้งแต่ลมหายใจแรกของชีวิต
“แต่พ่อก็ต้องมีชีวิตของพ่อเอง ซันเป็นตัวถ่วงในชีวิตพ่อ”
ได้ยินเสียงเครือตัดพ้อนภก็รีบเชยคางมนให้เงยขึ้น ตะวันตกใจเมื่อเห็นนัยน์ตาดุก่อนที่พ่อของเขาจะบดจูบใส่กลีบปากเล็ก ตะวันไม่ปฏิเสธแม้ว่าจูบนั้นจะทำให้เขาเจ็บ
“พ่ออย่าทำแบบนี้” ตะวันกล่าวเสียงสั่นพร่าเมื่อนภยอมถอนจูบ “มันยิ่งทำให้ซันตัดใจจากพ่อไม่ได้”
“ไม่ต้องตัดสิ พ่อรักซัน เราอยู่กันไปแบบนี้ก็ได้ พ่อจะไม่มีใครทั้งนั้น”
ร่างจ้อยสะบัดหนี ตะวันเบี่ยงกายเดินลิ่วเข้าไปในห้องตนเองแล้วล็อกประตู เขาวิ่งไปที่เตียงแล้วโถมกายลงไปร้องไห้เพราะเดียดฉันท์ความเห็นแก่ตัวลึกๆในจิตใจ แม้ว่านภจะตามมาเคาะประตูร้องเรียกหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมเปิดจนกระทั่งบิดายอมแพ้เงียบเสียง หนุ่มน้อยพลิกกายนอนหงายมองเพดานเหม่อลอย หัวใจมีแต่ความสับสน
เขาไม่ควรยึดพ่อไว้เช่นนี้ นภความมีอิสระอย่างเช่นผู้หญิงคนนั้นพูด ทุกวันนี้นภต้องมีตะวันเป็นภาระจนลืมไปแล้วว่าชีวิตส่วนตัวคืออะไร ตะวันหลับตาลงเมื่อคิดว่าเขาควรจะคืนสิ่งเหล่านั้นให้พ่อเสียที
“ซันครับ ซันของพ่อ”
ร่างสูงโถมทับลงมาทำให้ตะวันร้อนผ่าวไปทั้งตัว เขาลืมตาขึ้นมองสบตากับนภที่ตอนนี้หวานกว่าทุกวัน
“พ่อ พ่อจ๋า”
ตะวันผวากอด เขาไม่ได้ห้ามเมื่อนภซุกหน้าลงกับซอกคอของเขา ซ้ำยังเอียงคอให้บิดาได้ขบเม้มถนัดถนี่ รับรู้ได้ถึงสัมผัสเนื้อแนบเนื้อ ผิวกายของพ่อชื้นเหงื่อแต่ยิ่งทำให้หนุ่มน้อยกระเจิดกระเจิงไปหมด
“ลูกชายพ่อหอมจัง กลิ่นแป้งที่พ่อทาให้ทุกวันใช่ไหม”
นภลากริมฝีปากลงมาตามเนินไหล่ เขาแวะขบเม้มเบาๆ ก่อนเลื่อนใบหน้าต่ำลงมา จูบลงไปที่เนินอกเรียบนุ่มเนียนของบุตรชายก่อนจะตวัดเบาๆที่ยอดอก
“อื้อ พ่อ”
ตะวันแอ่นกายขึ้นราวกับมีแรงดึงดูด รสลิ้นของพ่อในวันนี้ราวกับไม่ใช่บิดาคนเดิม มันร้อนแรงหากแต่หวานฉ่ำจนร่างบางสั่นสะท้าน ครั้นนภเลื่อนหน้าต่ำลงไปหาหน้าท้อง ตะวันก็ปวดร้าวไปทั้งตัว มันเป็นความอึดอัดคับข้องที่อยากจะระบายออกมาใจจะขาด
“ตรงนี้ก็หอม”
พ่อจรดจมูกลงไปบนท่อนเนื้อเล็กแนบอยู่กับเนินน้อย นภอ้าปากกว้างครอบลงไปแล้วโลมเลียด้วยลิ้นร้อน ตะวันแหงนหน้าส่งเสียงหวานแว่วคล้ายเจ็บปวดแต่ความจริงคือสยิวซ่าน ท่อนขาเรียวเล็กตวัดคล้องไปรอบลำคอบิดาแล้วกดให้เขายิ่งแนบหน้าลงไปกับเนินเนื้อพลางดูดดุนเอร็ดอร่อย
“พ่อจ๋า ซันไม่ไหวแล้ว ซันปวดไปหมดทั้งตัวเลย ช่วยซันหน่อยนะ”
ส่งเสียงสั่นพร่าเชื้อเชิญ ใครเล่าจะอดใจไหว นภยันกายขึ้นอวดร่างที่ยังแข็งแรงแม้ว่าวัยจะล่วงเข้าเลขสี่แล้ว ความแข็งแกร่งผงาดง้ำจนตะวันใจเต้นตึกตัก หนุ่มน้อยชันขาตั้งฉากรอรับเมื่อนภดันเอวเข้าสู่ร่างของบุตรชายอย่างนุ่มนวล
“พ่อ ดีจังเลย ตรงนั้น”
ฝ่ายออกคำสั่งคือบุตรชาย และบิดาก็กระทำดังใจต้องการ สะโพกหนั่นแน่นโยกรับการขับเคลื่อนของนภที่กระทั้นกายเข้าใส่ ตะวันได้ยินเสียงตนเองครางฮืออย่างถูกใจ
“พ่อจ๋า อีกนิดนะ อีกนิดเดียว ไม่ไหวแล้ว”
พรวด!!
เปลือกตาพลันเปิดกว้างพลางสะดุ้งสุดตัว ตะวันผุดลุกขึ้นมานั่งหอบ เขาตั้งสติจนรู้ว่าตนเองยังอยู่เพียงลำพังในห้องส่วนตัว เขาก้มหน้ามองเป้ากางเกงที่เปียกชื้นหลังจากสะดุ้งตื่นจากฝัน หนุ่มน้อยยกสองมือลูบหน้าตนเองเมื่อรู้ว่าบิดาติดตามไปถึงในฝันและยังเป็นคนที่ทำให้เขาปลดปล่อยออกมาด้วย
น่าละอายเหลือเกิน
ตะวันเจ็บจี๊ดกับคำว่าศีลธรรม เขาไม่ควรจะคิดเช่นนี้กับบิดาแท้ๆ จะทำอย่างไรเพื่อจะให้ความเจ็บปวดเหล่านั้นจางหายไปได้ จะทำอย่างไรดี
มีต่ออีกนิด....
-
ต่อกันตรงนี้....
“หายโกรธพ่อหรือยัง”
นภเอ่ยถามในเช้าวันรุ่งขึ้นขณะขับรถไปส่งตะวันที่มหาวิทยาลัย สีหน้าของบุตรชายยังไม่ดีนัก ขอบตาคล้ำเหมือนคนอดนอน
“ซันไม่ได้โกรธพ่อสักหน่อย คิดมากน่า”
ฝืนยิ้มแต่ก็ยากเย็นเหลือเกิน การเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“แล้วเย็นนี้ให้พ่อมารับกี่โมง”
“ซันกลับบ้านเองได้ พ่อไม่ต้องมารับหรอก”
“ทำไมล่ะ พ่อก็มารับซันทุกวันอยู่แล้วนี่”
นภจอดรถหน้าประตูมหาวิทยาลัย เขาหันมามองด้วยความสงสัย ขณะหนึ่งที่เขาเห็นสีหน้าของบุตรชายเปลี่ยนไป
“ซันโตแล้ว พ่อปล่อยให้ซันใช้ชีวิตของซันบ้างเหอะ ซันต้องมีเพื่อน มีสังคม ไม่ใช่อยู่แต่กับบ้านนะ”
“ซัน”
ตะวันเปิดประตูรถและก้าวลงไป เขาเดินลิ่วโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำว่าบิดาจะรู้สึกเช่นไรกับคำพูดของเขา ความจริงตะวันไม่ใช่เด็กก้าวร้าว แต่เขาต้องทำเพื่อแยกตัวให้พ้นจากความรู้สึกผิดที่เกิดขึ้น
กิจกรรมการเรียนระหว่างวันทำให้ตะวันพอจะลืมเรื่องต่างๆลงไปได้บ้าง จนกระทั่งถึงช่วงบ่ายที่เขาต้องเข้าห้องเชียร์รับน้อง พี่รหัสของเขาเดินตรงมาหาเมื่อกิจกรรมห้องเชียร์เลิกแล้ว เบียร์ยื่นถุงพลาสติกที่บรรจุขวดเครื่องดื่มส่งให้ตะวัน
“กินสิซัน ร้องเพลงเสียงแหบแห้งหมดแล้ว”
ตะวันรับถุงนั้น เขาหยิบเครื่องดื่มขวดหนึ่งขึ้นมา
“พี่เบียร์ นี่มันมีแอลกอฮอล์นี่”
“นิดหน่อยเองซัน” เบียร์มองเขาอย่างเอ็นดู “แอลกอฮอล์แค่สามเปอร์เซ็นเองไม่ทำให้เมาหรอก พวกพี่กินเหล้ากันทียิ่งกว่านี้อีก”
“แต่ผมไม่เคยกินนี่พี่ เดี๋ยวเมา”
“เมาก็ไม่เห็นเป็นไร พี่ขับรถไปส่งที่บ้านได้อยู่แล้ว น่า คิดไรมากว้า พี่รหัสเลี้ยงทั้งที โตแล้วกินได้ไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย”
ปลายประโยคคล้ายท้าทายนิดๆ ตะวันกระดกขวดปล่อยให้น้ำรสหวานร้อนผ่านลงคอ เพราะความไม่เคยชินทำให้หน้าแดงสุกปลั่ง เขาไม่ทันได้มองดวงตาสมหวังของเบียร์ที่จ้องอยู่
“อร่อยใช่ไหมล่ะ รสชาติไม่บาดคอ กินให้หมดขวดเลยสิ”
เมื่อพี่รหัสคะยั้นคะยอตะวันจึงกระดกขวดกินจนหมด ความอุ่นร้อนครอบครองการรับรู้ในสมองต้องสะบัดหน้าไปมา เบียร์วางแขนพาดบ่าของรุ่นน้องพลางประคองไว้
“นี่เมาจริงหรือเปล่าซัน อ้าว ตายห่า พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายซีรีส์ ยังไม่ได้ท่องบทเลย ซันไปช่วยพี่ต่อบทที่หอได้ไหม พี่จะได้จำเร็วขึ้นหน่อย”
“หือ ยังไงนะพี่เบียร์”
ตะวันคิดตามอย่างเชื่องช้า เขามึนศีรษะไปหมดแล้วตอนนี้
“ไปหอพี่ ไปช่วยพี่ต่อบทหน่อยนะ”
เบียร์ไม่รอคำตอบ เขาหันไปตะโกนบอกเพื่อนของตะวันว่าจะพาตะวันไปก่อน เบียร์โอบบ่าให้ตะวันเดินโซเซตามเขาไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูโดยที่ไม่เปิดโอกาสให้ตะวันคัดค้าน ตะวันนั่งสะลึมสะลือไม่นานก็ถึงหอพักราคาแพงที่เบียร์พักอยู่ เขายังคงอยู่ในความควบคุมของเบียร์เช่นเคย
“ห้องพี่เอง นั่งที่โซฟานี่ก่อน”
เบียร์ปล่อยให้ตะวันนั่งซึมอยู่ครู่หนึ่งเขาจึงเดินกลับมาพร้อมกระดาษปึกหนึ่ง
“นี่ บทพูด ซันเล่นเป็นตัวนายเอกนะ ฉากนี้พี่จะต้องสารภาพรัก ซันอ่านบทพูดตอบโต้กับพี่”
ตะวันรับบทมาอ่านตามที่เบียร์บอกไว้ เมื่อซ้อมบทกันไปสักพัก เขารู้สึกว่าเบียร์ขยับเข้าใกล้เขาเรื่อยๆ มือเรียวถูกเบียร์ดึงไปกุมไว้
“กูรักมึง”
เขาพูดตามบทและดึงตะวันเข้ามากอด ตะวันฝืนกายไว้ด้วยความตกใจ
“เฮ้ย เดี๋ยวสิพี่เบียร์ กอดผมทำไม”
“ตามบทไง พี่ต้องจูบนายเอก ซันให้พี่ซ้อมบทหน่อยนะ”
ไม่ทันห้ามเบียร์ก็ชิงจูบลงมาที่ปาก ตะวันตาเหลือกก่อนจะดิ้นรนขัดขืน
“พี่ ไม่ไหวแล้ว ผมจะกลับบ้าน”
ข้อมือเล็กถูกเบียร์ยึดไว้ สายตาของเขาบ่งบอกถึงความต้องการในตัวน้องรหัสจนตะวันหวาดหวั่น
“รีบกลับทำไมล่ะซัน อยู่กับพี่ก่อนสิ รู้หรือเปล่าว่าซันน่ารักมาก มากจนพี่อดใจไม่อยู่แล้ว”
ตะวันตัวสั่น เขาก่นด่าตัวเองเมื่อรู้ว่าหลงกลเบียร์เข้าแล้ว เปลือกตาหวานปิดลงด้วยความหวาดกลัวเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
“พ่อ พ่อช่วยซันด้วย”
นภกระวนกระวายเมื่อเย็นแล้วแต่ยังติดต่อตะวันไม่ได้ เขาขับรถมารอที่หน้ามหาวิทยาลัยพักใหญ่ พยายามโทรศัพท์หาตะวันก็ไม่รับสาย ในที่สุดความอดทนก็สิ้นสุดลง เขาขับรถไปจอดหน้าคณะที่ตะวันเรียนอยู่
“หนู ๆ รู้จักตะวันไหมครับ ผมเป็นพ่อตะวัน”
เขาเอ่ยทักนักศึกษาสาวในชุดเฟรชชี่ เด็กสาวพยักหน้ารับพลางยกมือไหว้นภ
“ซันไปไหนครับ ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย”
“ซันไปกับพี่เบียร์นี่คะ ใช่ไหมแก”
หันไปถามกันเพื่อความมั่นใจ เพื่อนอีกคนพยักหน้ารับ
“เห็นพี่เบียร์บอกให้ไปช่วยต่อบทที่หอพักแล้วจะไปส่งที่บ้านนี่คะ”
นภใจหาย เขารีบเอ่ยถามต่อทันที
“คนไหนเป็นเพื่อนเบียร์บ้าง พาผมไปที่หอของเบียร์หน่อยได้ไหม ผมมีเรื่องด่วนจะต้องพาซันกลับ”
หัวใจของคนเป็นพ่อร้อนรน แต่ก็ต้องพยายามควบคุมให้เย็นไว้ นภพาเพื่อนของเบียร์ไปที่รถเพื่อนำทางไปยังหอพักของเบียร์ให้เร็วที่สุดเท่าที่นภจะทำได้ เขาภาวนาให้เรื่องอาจไม่เป็นดั่งที่คิด แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ไว้ใจพี่รหัสของตะวัน หากเกิดเรื่องร้ายกับลูกนภคงจะเสียใจที่สุดในชีวิต
TBC
ไงล่ะทีนี้ พ่อนภจะไปทันไหมเนี่ย
:sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
-
:hao5:
-
ขอให้พ่อนภไปทันด้วยเถอะ
-
ขอให้ช่วยลูกทันด้วยนะ พ่อ
-
นั่นไง เป็นเรื่องแล้ว
เพราะความซื่อและความไว้ใจนี่แหละนะ
พ่อนภไปทันแน่นอน ทีนี้ซันจะได้รู้ว่าต้องระวังตัว
พาร์ทสองนี้ บาปยาวนานแน่นอนค่ะ
รอตอนต่อไปจ้า
-
ขอให้ไปทันทีเท้อ
-
ยัยผู้หญิงนี่อยากเป็นเมียเขาจนว่าร้ายใส่ลูกเขาเลยเหรอ เกินไปมั้ง
-
:hao3:
-
พ่อน่าจะไปไม่ทัน ไม่งั้นเรื่องนี้จะไม่มีดราม่า 555
-
พ่อนภจะไปทันไหนนะ
-
ทางพุทธเพศเดียวกันไม่บาปนี่
ต้องเป็นทางคริสต์คาทอลิกอ่ะ ถึงจะบาปเต็มๆ.
-
บาปกตัญญู
บทที่ 3
“ห้องนี้ครับคุณพ่อน้องซัน นั่นไง มีรองเท้าไอ้เบียร์กับน้องซันถอดวางหน้าห้อง เบียร์ ไอ้เบียร์ เปิดประตูห้องหน่อย พ่อน้องซันมารับโว้ย”
ไม่มีการตอบรับแม้เวลาจะผ่านไปอึดใจหนึ่งแล้ว แถมยังได้ยินเสียงกุกกักดังมาจากด้านใน นภทนไม่ไหวจึงเป็นคนยกมือทุบประตูห้องเสียเอง
“เบียร์ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ พาซันออกมาด้วย”
เสียงของเขาห้วนจัดจนเพื่อนของเบียร์หน้าเสียต้องรีบช่วยตะโกนเรียกอีกแรงแต่ก็ยังไม่ได้ผล
“เอาไงดีครับคุณอา มันอยู่ในนี้แหละรถมันก็จอดอยู่ข้างล่าง”
นภตัดสินใจโดยด่วน ประตูเป็นแบบเปิดเข้าไปด้านใน เขาลองขยับลูกบิดประตู ถึงแม้จะล็อกไว้แต่ก็ไม่ได้แน่นหนานัก นภจึงออกแรงใช้ไหล่กระแทกไปที่ประตูแรงๆ ไม่กี่ครั้งประตูจึงเปิดกว้าง เขารีบก้าวพรวดเข้าไปด้านในทันที
“ซัน!”
เมื่อนภก้าวเข้าไปด้านในก็ราวกับทุกอย่างหยุดนิ่ง ผู้เป็นพ่อนัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น บุตรชายที่เฝ้าทะนุถนอมนอนดิ้นรนน้ำตานองหน้าเสื้อผ้าบางส่วนหลุดลุ่ย ขณะที่เจ้าของห้องทับคร่อมอยู่เบื้องบน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นถ้านภมาช้ากว่านี้ไปอีกนิดเดียว
“ฉิบหายแล้วไอ้เบียร์ เสือกปล้ำรุ่นน้อง”
เพื่อนของเบียร์หน้าซีดเผือด ไม่ผิดกับคนก่อเรื่องเมื่อเห็นบิดาของตะวันยืนจังก้าอยู่ สีหน้าเกรี้ยวกราดของผู้สูงวัยกว่าทำให้เบียร์ตระหนก
“พ่อ!”
ตะวันใจชื้น เขานึกว่าตนเองจะถูกข่มเหงเสียแล้ว ไม่รู้ว่าบิดามาที่นี่ได้อย่างไรแต่ตอนนี้เขาฉวยโอกาสที่เบียร์ยังตกตะลึงผลักร่างหนาออกแล้วรีบวิ่งไปหลบหลังบิดาทันที
“พ่อ ช่วยซันด้วย”
นภลืมตัวขาดสติ ดูด้วยสายตาแม้จะยังมั่นใจว่าตะวันปลอดภัย แต่กระนั้นเขาก็โกรธมากจนก้าวพรวดเข้าไปชกหน้าเบียร์จนล้มคว่ำคว้าพื้นและถลาจะเข้าไปกระทืบซ้ำ
“ไอ้เบียร์”
“พ่อ พอก่อน”
เพื่อนของเบียร์รีบเข้าไปประคองเมื่อเห็นเพื่อนน็อคคาหมัดเดียว ตะวันเองก็รีบเข้าไปกอดเอวพ่อเพราะกลัวจะรุนแรงกว่านี้ นภหันมาตวาดบุตรชาย
“อย่าห้าม มันทำเหี้ยๆกับซันจะปล่อยมันไว้ทำไม”
“พ่อ เดี๋ยวพี่เบียร์เจ็บหนักพ่อจะเดือดร้อนไปด้วยนะ ซันไม่เป็นอะไร เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า ซันไม่อยากอยู่ที่นี่”
ตะวันออกแรงลากนภที่ยังโกรธจัดออกจากห้อง ขณะลงลิฟท์ไปยังชั้นหนึ่งและขึ้นรถยนต์กลับบ้านสองพ่อลูกไม่ได้เอ่ยอะไรแม้แต่คำเดียว ตะวันรู้ว่าตนเองผิดที่ดื้อรั้นจนเกิดเรื่อง เขานั่งน้ำตาไหลมาตลอดทาง ส่วนนภนั้นขับรถไปก็กัดฟันกรอดๆ โมโหรุ่นพี่ของตะวันและโมโหลูกของเขาด้วยที่ริจะโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งที่ความจริงนั้นไร้เดียงสาเหลือเกิน
“พ่อ”
เมื่อถึงบ้าน นภก็เดินหนีเข้าบ้านลิ่วๆจนตะวันต้องรีบก้าวตามเข้ามา หนุ่มน้อยเรียกตามหลังบิดาน้ำเสียงปนสะอื้น
“พ่อยังโกรธซันอยู่เหรอ”
“ซันทำผิด” นภหันมาส่งเสียงดุลูกชายเป็นครั้งแรกในชีวิต “พ่อเข้าใจว่าซันอยากโตเป็นผู้ใหญ่ แต่การโตมันไม่ได้เกิดขึ้นได้ในวันเดียว แล้วเห็นหรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าพ่อไปช้ากว่านี้ เรื่องมันจะเลยเถิดไปถึงไหน”
“ฮือ ซันรู้แล้วครับพ่อ ต่อไปนี้ซันจะไม่ดื้อแล้ว”
นภถอนหายใจเมื่อโทสะคลายลงบ้างแล้ว เขาหันไปมองบุตรชายแล้วกล่าวเสียงเข้ม
“แต่ถึงยังไงซันก็ต้องถูกทำโทษนะ พ่อจะตีซันเป็นครั้งแรกในชีวิต ซันเข้าใจใช่ไหม”
หนุ่มน้อยพยักหน้า เขากลั้นสะอื้นแล้วยกมือกอดอกยืนหันข้าง นภคว้าไม้บรรทัดแข็งมาแล้วพูดกับตะวัน
“พ่อจะตีซันสามครั้งเพื่อให้ซันจำไว้ ต่อจากนี้จะได้ไม่ทำอะไรผิดอีก”
เสียงไม้บรรทัดแหวกอากาศกระทบก้นตะวันแต่ละครั้งนภเองก็แทบขาดใจ เลี้ยงลูกมาจนโตเข้ามหาวิทยาลัยไม่เคยสักครั้งที่จะลงไม้ลงมือเช่นนี้ แต่เพื่อให้ตะวันจำเขาจึงต้องลงโทษ ส่วนตะวันนั้นเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ เขาสำนึกผิดแล้วและสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำอะไรเช่นนี้อีก
เมื่อตีครบสามครั้งนภก็โยนไม้บรรทัดทิ้ง เขาพยายามที่จะไม่โอ๋ตะวันตอนนี้
“ไปอาบน้ำพักผ่อนได้แล้วซัน”
ตะวันเดินเข้าห้องทันที เขารีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปอาบน้ำ และเมื่อเดินกลับเข้ามาในห้องก็พบว่าบิดามารออยู่แล้วพร้อมโลชั่นทาผิวและแป้งเด็กเช่นเคย แต่วันนี้นภเงียบขรึมกว่าทุกวัน กระนั้นสายตาที่มองตะวันยังอ่อนโยนเหมือนเดิม
“มานั่งที่เตียงสิ ยืนก้มหน้าอยู่ทำไมล่ะซัน”
ตะวันที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันท่อนล่างเดินมานั่งข้างบิดา สายตาของนภทำให้ตะวันอยากเลือนหายไปเสียเหลือเกิน เมื่อนภจ้องมองร่องรอยที่ถูกเบียร์ทำร้ายแล้วกัดฟันจนสันกรามขึ้น รอยแดงเพราะถูกรัดรอบลำคอขึ้นเป็นปื้น อีกทั้งรอยฟกช้ำตามแขนขานั่นอีก
“เจ็บหรือเปล่าซัน”
ก้มหน้าต่ำไม่กล้าบอกพ่อว่าเจ็บ นภถอนหายใจก่อนจะหยิบยาแก้ฟกช้ำมาทาและนวดเบาๆ
“แล้วที่พ่อตีล่ะ เจ็บไหม”
คราวนี้ตะวันส่ายหน้า แต่นภไม่เชื่อ
“นอนคว่ำให้พ่อดูหน่อยว่าเป็นรอยหรือเปล่า”
ตะวันรีบนอนคว่ำซุกหน้าลงกับหมอน ปล่อยให้บิดาดึงผ้าเช็ดตัวออกจนเปลือยทั้งตัว นภจ้องมองรอยสีแดงจางๆบนบั้นท้ายเนียนขาวแล้วอดจะลูบเบาๆไม่ได้
“บอกพ่อได้ไหม ว่าทำไมถึงทำอย่างนี้ ทำไมถึงบอกพ่อว่าอยากเป็นผู้ใหญ่แล้วจะไปจากพ่อ”
เสียงนภไม่ได้ดุเหมือนตอนที่ตีเขาแล้ว แต่น้ำเสียงน้อยใจและตัดพ้อแทนจนตะวันหันมากล่าวเสียงเครือ
“ซันไม่ได้อยากไปจากพ่อ แต่มีคนอยากให้ซันไป เขาบอกว่าซันควรจะปล่อยให้พ่อมีชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เลี้ยงซัน”
นภงงงัน ใครกันกล้าพูดขนาดนี้กับลูกของเขา
“ชีวิตของพ่อก็คือเลี้ยงซัน ไม่มีชีวิตส่วนตัวที่ไหนอีก ซันคือชีวิตของพ่อนะลูก”
ตะวันทนไม่ไหว เขาลุกขึ้นมาใบหน้าเปื้อนน้ำตา ความน้อยใจกลับมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“คุณกิ๊กของพ่อไงล่ะ เขาอยากมาเป็นเมียพ่อ เขาบอกว่าซันโตแล้วควรจะปล่อยให้พ่อเป็นอิสระ และเขาพร้อมจะดูแลพ่อ ที่เขาพูดมันก็จริง แม่ตายไปนานแล้วพ่อก็ควรมีคนมาดูแลสักที เพราะแบบนี้ไงซันถึงอยากเป็นผู้ใหญ่เพื่อไม่ให้พ่อเป็นห่วง พ่อจะได้ไม่เหนื่อยที่ต้องมาดูแลซัน”
“ซัน”
สองมือใหญ่ประคองกรอบหน้าหวานให้หยุดตัดพ้อ นภใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาอาบแก้ม ดวงตาหวานราวกับเพชรสบตากับเขา มันแดงเรื่อฉ่ำน้ำตาจนน่าสงสาร
“ที่พ่อทำทุกอย่างเพราะพ่อเต็มใจ พ่อรักซัน อย่าไปฟังคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อ ถ้าซันอยากไปขอให้ไปเพราะซันพร้อมจะไป ไม่ใช่เพราะคนอื่นมาทำให้ซันอยากไป ซันรักพ่อหรือเปล่า”
“รัก ซันรักพ่อ รักจนไม่อยากเสียพ่อให้ใคร”
ตะวันพยักหน้า เขาแนบแก้มกับฝ่ามือนุ่มของพ่อ อาการเหล่านั้นทำให้นภหัวใจอ่อนวูบ เขาโน้มใบหน้าไปจูบที่เปลือกตาและไล่มาที่จมูกโด่งก่อนจะหยุดที่กลีบปากสั่นระริก
เด็กหนุ่มเงยหน้ารับ เขารอให้บิดาสอดลิ้นเข้ามาแทบไม่ไหว ลิ้นเล็กตวัดหาอย่างเรียกร้องจนบิดาต้องตามใจด้วยการเกี่ยวพันลึกซึ้งในโพรงปากหวาน ตะวันเบียดกายขึ้นไปนั่งบนตักคล้องคอนภไว้ให้จูบนั้นยิ่งตราตรึง ร่างกายของตะวันร้อนผ่าวราวกับมีไข้ แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่ มันเป็นเพราะเขาต้องการบิดาต่างหากเล่า
ตะวันไม่ได้เดียงสาจนไม่รู้ว่ามันผิดที่คิดเกินเลยกับบิดาแท้ๆของตนเอง แต่ทำอย่างไรได้เมื่อนภเป็นทุกอย่างในชีวิตของเขา เพียงแต่ตะวันพูดออกมาไม่ได้จนต้องเก็บมันไว้ในใจแล้วทำเป็นไร้เดียงสาเมื่อนภสอนให้เขาจูบและช่วยปลดปล่อยซึ่งกันภายนอก พ่อลูกที่ไหนก็ไม่ทำกันแบบนี้เพราะคำว่าศีลธรรมมันค้ำคออยู่ ศีลธรรมนี่เองที่ยั้งเขาไว้เพราะไม่อยากให้นภต้องมาพลอยทำผิดไปด้วย
แต่ตอนนี้ความต้องการทั้งร่างกายและจิตใจที่อ่อนแอมันช่างรุนแรงเหลือเกิน มันรุนแรงและเย้ายวนจนตะวันอยากจะโยนทุกอย่างทิ้งไปแล้วทำอย่างที่เขาต้องการ
“ซัน จูบหวานเหลือเกินลูก”
ร่างนุ่มเนียนบดเบียดอยู่ในอ้อมกอด สั่นสะท้านแต่ไม่ยอมปล่อย บั้นท้ายทับอยู่ตรงกลางกายยั่วเย้าจนนภเตลิด เขาผละจากกลีบปากนุ่มไปที่ซอกคอหอมกลิ่นสบู่ นภจูบไล่ไปตามรอยแดงที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายราวกับจะปลอบให้หายเจ็บ
“พ่อก็จูบหวาน”
ร่างเล็กพึมพำพลางเอียงคอให้บิดาได้ซุกไซ้ถนัด ทุกครั้งที่ริมฝีปากแห้งของพ่อสัมผัสไปตามเนื้อนุ่มตะวันก็แทบผวา อึดใจนภจึงวางเขาลงไปบนที่นอนและตามทาบทับ ตอนนั้นเองที่ทั้งคู่มีโอกาสสบตากัน
ความหมายที่ส่งผ่านคือความรักและต่างก็ต้องการในกันและกัน มันโหยหารุนแรงจนไม่มีอะไรมาห้ามได้อีกแล้ว มือใหญ่ของนภลูบไล้ไปตามเนื้อตัวแสนนุ่มที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่ลมหายใจแรกอย่างทะนุถนอม ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นจนกลายเป็นเค้นคลึงในส่วนอ่อนไหว ตะวันได้แต่กัดฟันเมื่อเขาเริ่มหายใจกระชั้นเพราะแรงปรารถนา
เริ่มต้นที่นภจูบลงตรงลาดไหล่ แล้วไล่มาตามเนื้อเนียนบนหน้าอก ยอดอกสีชมพูอ่อนดึงความสนใจจนต้องตวัดลิ้นโลมเลียทั้งสองฝั่งจนเปียกชื้น ได้ยินเสียงแผ่วเบาดังแว่วมาจากปากเล็กเป็นระยะ
“พ่อ พ่อจ๋า”
มือเรียวกำผ้าปูที่นอนขยำยับย่นเมื่อบิดาดันต้นขาให้ยกสูงเปิดทางให้เห็นจุดซ่อนเร้นในร่องก้น นภซุกหน้าลงไปจูบอย่างไม่รังเกียจ ตะวันคือส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เขารักแม้กระทั่งหยดเหงื่อที่ระเหยออกมาจากร่างนี้ นภตวัดลิ้นสู่รอยจีบพับสีชมพูเช่นเดียวกับยอดอก รู้สึกได้ว่าตะวันสั่นสะท้านไปทั้งตัว
“พ่อ ตะวันทรมาน”
ลูกชายคร่ำครวญเสียงแหบพร่าพลางผงกหัวมองเขาอย่างเว้าวอน นภสติขาดผึง เขายันกายขึ้นถ่มน้ำลายรดส่วนแข็งขันของตัวเอง ในวินาทีเร่งด่วนและกะทันหันเช่นนี้ เขานึกไม่ออกว่าจะใช้อะไรช่วยให้ตะวันเจ็บน้อยที่สุดหากเขาจะมอบความเป็นผู้ใหญ่ครั้งแรกให้แก่หนุ่มน้อย
“ซันจูบพ่อนะครับคนเก่ง”
เมื่อทาบทับอีกครั้งนภจึงสั่งตะวันเช่นนั้น บุตรชายไม่รอช้ายกแขนคล้องคอบิดาไปจูบทันที ระหว่างนั้นเองที่นภใช้ปลายนิ้วนวดเฟ้นรอบช่องทางเล็ก เขาค่อยๆสอดนิ้วเข้าไปเพื่อเปิดทางเตรียมพร้อม จากนั้นเขาจึงจ่อความเป็นชายหน้าทางเข้า นภจูบดูดดุนลิ้นเล็กพร้อมกับดันเอวเข้าไปทันที
มีต่ออีกนิด.....
-
อ่านต่อตรงนี้....
“อื้ออออ”
ร่างเล็กกระตุกเกร็งทั้งตัวเมื่อถูกสอดใส่เข้าไปในครั้งแรก ได้ยินเสียงอึกอักจากลำคอที่ถูกปิดบังด้วยจูบหนัก นภลูบผมนุ่มช้าๆเมื่อเขาดันเอวเข้าสู่ร่างกายของตะวันทีละนิดจนกระทั่งเข้าไปได้สุดทางจึงหยุดพัก
“เจ็บไหมครับซัน”
นภปลอบประโลมเหมือนทุกครั้งที่ตะวันร้องไห้โยเย แต่วันนี้ตะวันเจ็บเพราะการกระทำของเขา รอให้ตะวันหายเจ็บ เขาจะทดแทนด้วยความสุขสมในครั้งแรกที่จะสอนให้เด็กน้อยได้รู้จักโลกของผู้ใหญ่
“อื้อ ซันเจ็บ แต่ อึก ตอนนี้มัน ฮือ...”
เมื่อนภลองขยับให้เกิดการเสียดสีภายใน มันช่างกระตุ้นความรู้สึกให้ยิ่งโหมหนัก เจ็บก็ส่วนหนึ่ง ความต้องการก็อีกส่วนหนึ่ง ตะวันกัดฟันเมื่อนภค่อยๆดึงกายออกเล็กน้อยแล้วดันกลับเข้าไปใหม่
“ฮึก พ่อจ๋า”
แหงนหน้าครางฮือกับอาการเสียวซ่านที่พุ่งพรวดขึ้นมา เมื่อนภเห็นตะวันแสดงออกเช่นนั้นเขาจึงค่อยๆดึงกายออกมากขึ้นแล้วดันเข้าไปด้วยแรงที่มากขึ้น ทำหลายๆครั้งจนกระทั่งไม่เห็นความเจ็บปวดจากสีหน้าหวานอีกแล้ว จะมีก็แต่ดวงตาฉ่ำหวานขณะกอดก่ายเขาไว้
“พ่อจะทำแรงขึ้นแล้วนะครับคนเก่ง”
จูบปลอบที่หน้าผากชื้นเหงื่อเมื่อเขาเร่งความเร็วของเอวและสะโพกให้มากขึ้น ร่างกายของลูกบีบรัดจนไฟยิ่งโหมหนัก นภเองก็อดจะส่งเสียงทุ้มต่ำระบายอารมณ์ออกมาไม่ได้ เขากอดตะวันไว้แนบอกเมื่อกำลังจูงมือกันไปสู่จุดหมาย
“พ่อ อื้อ ซันปวดไปทั้งตัวเลย”
ตะวันบิดกายเร่า เหมือนร่างกายจะระเบิดแต่ยังไม่ระเบิด มันอึดอัดทรมานทุกครั้งที่พ่อกระแทกเอวเข้ามา เขาเรียนรู้ที่จะโยกเอวรับ ตะวันเริ่มรู้ว่าความเสียวกระสันจะมาเยือนเมื่อเขาขยับเข้าจังหวะ แต่แล้วเมื่อร่างกายบีบคั้นหนักหน่วงเด็กหนุ่มก็รีบคว้าจุดอ่อนไหวของตนเองมาบีบนวดไปมา เขาส่งเสียงดังลั่นห้องเมื่อมันปลดปล่อยความรู้สึกทั้งมวลออกมาเป็นน้ำขาวขุ่น ตะวันเบิกตากว้างเมื่อความผ่อนคลายมาเยือนทดแทนทันที
“ซัน บีบพ่อแน่นไปหมดเลยลูก พ่อก็จะเสร็จแล้ว”
นภเร่งเอวรอบสุดท้าย เมื่อรู้ว่าตนเองใกล้ถึงที่หมายจึงดึงเอวออกมา ผลผลิตพุ่งวาบเป็นสายรินรดต้นขาของตะวัน เขาหอบหนักทิ้งกายนอนเคียงข้างและดึงตะวันเข้ามากอด
“เก่งมากครับ พ่อมีความสุขมาก”
เมื่อความต้องการผ่านพ้น ตะวันหน้าเสียเมื่อนึกถึงศีลธรรมที่ได้รับการสั่งสอนจากสังคมมาตั้งแต่เด็ก
“เราทำความผิดกันนะครับ”
เด็กน้อยในอ้อมกอดกระซิบเสียงแหบพร่าเมื่อเรียนรู้บทเรียนสำคัญในชีวิต
“ซันไม่ชอบหรือครับที่เรามีความสุขกัน”
นภโอบกอดตอบขณะที่ตะวันหน้าแดงก่ำ ปฏิเสธได้ที่ไหนกับความสุขสมที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่กี่วินาทีที่ผ่านมา
“ซันมีความสุข แต่ซันรู้ว่ามันผิด ผิดเพราะเราเป็นพ่อลูกกัน ถ้าคนอื่นรู้ว่าเรา...”
“เรามีกันแค่สองคน ซันคือชีวิตของพ่อ พ่อรักซัน ซันก็รักพ่อ แล้วเราจะต้องสนใจคนอื่นทำไม เขาไม่ได้มาเกี่ยวข้องกับเรานี่”
นภเองก็รู้ แต่ใครเล่าจะดูแลหวงแหนตะวันได้ดีกว่าเขาที่เป็นพ่อแท้ๆและเลี้ยงตะวันมาตั้งแต่เกิด นภสัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะดูแลตะวันตลอดไป
ตะวันได้แต่ยิ้มอยู่กับอ้อมกอดของนภ ชีวิตของเขาเกิดจากพ่อ และตอนนี้เขาก็เป็นของพ่อโดยสมบูรณ์ทั้งร่างกายและจิตใจ บางทีเขาอาจต้องโยนความรู้สึกผิดทิ้งไปเพื่อไขว่คว้าหาความสุข ต่อจากนี้เขาจะไม่ให้ใครมายุ่งกับพ่อที่เป็นสมบัติของเขา ตะวันและนภมีเพียงกันและกันเท่านั้น
เสียงกริ่งดังจากหน้าประตู ตะวันที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดของบิดาดูรายการทางโทรทัศน์โผล่หน้าไปมองทางหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าผู้มาเยือนเป็นใครเด็กหนุ่มจึงยกยิ้มเล็กน้อย
“ใครมาลูก”
“พ่อนั่งนี่เถอะ เดี๋ยวซันไปดูเอง”
เด็กหนุ่มก้าวไปที่ประตูรั้ว พลางสบตาสาวใหญ่ด้วยรอยยิ้มเย็น
“สวัสดีครับคุณกิ๊ก”
“สวัสดีค่ะน้องซัน พี่มาหาผู้จัดการ อยู่ใช่ไหมคะเห็นรถจอดอยู่”
ตะวันเหลียวไปมองในบ้าน ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้า
“อยู่ครับ แต่พ่อบอกว่าให้คุณกิ๊กกลับไป แล้วไม่ต้องมาที่บ้านนี้อีก”
สาวใหญ่หน้าเสีย คิ้วที่วาดจนโก่งขมวดเกือบชนกัน
“ทำไมล่ะคะ ทำไมพี่จะมาไม่ได้”
ตะวันยิ้มไร้เดียงสา เขาพูดด้วยน้ำเสียงปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้
“พ่อบอกว่าอยากรู้จักกับคุณกิ๊กแค่เรื่องงาน ไม่อยากให้คุณกิ๊กมาวุ่นวายที่บ้านจนเกินงาม ที่บ้านนี้อยู่กันแค่ผมกับพ่อก็พอแล้ว ไม่ต้องมีคนอื่นก็ได้ อ้อ พ่อยังบอกอีกว่า ถ้าคุณกิ๊กยังดื้อพ่อจะใช้อำนาจบีบคุณกิ๊กเรื่องงานทั้งที่พ่อไม่อยากทำเลย คุณกิ๊กสงสารพ่ออย่าให้พ่อต้องใช้อำนาจในทางผิดๆเลยนะครับ เพราะฉะนั้นคุณกิ๊กกลับไปเถอะครับ สวัสดีครับ”
พูดประโยคยาวยืดจบตะวันก็ยกมือไหว้ลวกๆแล้วหมุนตัวเดินกลับเข้าบ้านโดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บใจของเจ้าหล่อนอีก เขาเดินตัวปลิวเข้าไปซุกอ้อมกอดของบิดาในวันหยุดแสนอบอุ่น
“ก่อเรื่องอะไรอีกล่ะตัวแสบ”
นภบีบจมูกโด่งอย่างเอ็นดู ตะวันหัวเราะก่อนเล่าให้ฟัง นภรู้เรื่องแล้วถึงกับส่ายหน้า
“เอาพ่อไปอ้าง แล้วคุณกิ๊กเขาจะมองหน้าพ่อยังไง”
“ไม่รู้ไม่ชี้ ซันไม่อยากให้เขามายุ่งกับพ่อนี่นา”
ตะวันพองลมทำแก้มป่องเหมือนยังเด็ก นภมองอย่างรู้ทัน
“หึงพ่อใช่ไหม ก็บอกแล้วว่าพ่อมีซันคนเดียว”
ดวงตาหวานกลิ้งเจ้าเล่ห์ ตะวันกระซิบกระซาบมีเลศนัย
“ไม่เชื่อ พ่อต้องพิสูจน์”
นภส่ายหน้าระอากับลูกชายเพียงคนเดียว แต่เขาก็อุ้มร่างเล็กเข้าไปนอนในห้องนอนของเขาที่บัดนี้ตะวันย้ายเข้ามานอนด้วยถาวรแล้ว บิดาโยนลูกชายลงบนเตียงกว้าง
“ซ่านักใช่ไหมเจ้าตัวแสบ พ่อจะจัดการให้หมดแรงเลยคอยดู”
ตะวันยักคิ้วให้พ่อ และรอรับร่างสูงที่โถมกายเข้าหา ต่อจากนี้เขากับพ่อจะมีชีวิตอยู่เพื่อกันและกัน เมื่อทั้งคู่มีหัวใจที่เป็นดวงเดียวกันไม่ว่าสิ่งไหนก็แยกให้จากกันไม่ได้
“ซันรักพ่อ”
เสียงเล็กครวญครางเมื่อบิดากับสอนบทเรียนครั้งใหม่ให้เขา
“พ่อก็รักซัน เราจะรักกันตลอดไป”
นภเอ่ยคำสัญญา เขารักตะวัน เด็กน้อยคือแสงสว่างของชีวิต รักและห่วงจนกลายเป็นหวงแหนสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ สมบัติที่ไม่อาจแลกมาด้วยสิ่งใด สมบัติที่ภรรยายอมยกชีวิตตนเองให้เพื่อเป็นสิ่งแทนใจ
นภรักษาสัจจะว่าจะดูแลสมบัติของเขาตลอดไป
จบตอน
เย้ๆๆ ในที่สุดก็มาแต่งตอนจบหลังทิ้งร้างเป็นเดือน 555
บาปต่อไปอยากอ่านแนวไหน คอมเมนต์บอกได้นะคะ
:m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11: :m11:
-
o13 มันยอดเยี่ยมมากกกกก .... o13
-
สุดๆ ต่อไปขอเป็น กล้ามชนกล้าม
-
:pighaun: ไม่รู้ว่าจะต้องเม้นอย่างไร ใหรู้สึกบาปน้อยหน่อย แต่รอตอนต่อไปนะคะ
-
บาปที่ไม่ได้ก่อ
บทนำ
“อย่าทำแบบนี้เลยพี่อาชว์ ผมกราบละ”
อาชว์มองคนที่นอนตัวสั่นอยู่ใต้ร่างด้วยดวงตาเฉยเมยสลับกับแววตาแห่งความเกลียดชัง ใบหน้าของคนที่หลอกลวงและทำให้เขาต้องเจ็บช้ำคล้ายจะผุดขึ้นมาซ้อนทับอยู่บนใบหน้าของสามตุลา
“ผมรู้ว่าพี่เสียใจ พี่กำลังเจ็บปวดและพี่กำลังเมา แต่ผมขอร้องว่าอย่าทำแบบนี้กับผม”
“แกขอร้องฉันงั้นหรือสาม”
เขาแค่นเสียงหัวเราะเยาะหยันก่อนจะผลักร่างที่บางกว่าเขาให้หงายหลังลงไปบนเตียงกว้างอีกครั้ง อาชว์ออกแรงแค่นิดเดียวเขาก็ยึดข้อแขนที่ดิ้นรนเพื่ออิสรภาพนั้นไว้ได้ เขาตรึงมันลงไปเหนือหัวของร่างเปลือยเปล่าที่ตัวเองเป็นคนฉีกเสื้อผ้าจนขาดวิ่น บัดนี้ไม่เหลือความยับยั้งชั่งใจอีกแล้วเมื่อไฟแค้นกำลังโชนแสง
“ในวันที่ฉันคุกเข่าขอร้องพี่สาวแกล่ะสาม วันที่ฉันต้องเจ็บปวด สูญสิ้นศักดิ์ศรี มีใครเคยเห็นหัวฉันบ้างไหม ทั้งแก ทั้งพี่สาวแก”
“ฮึก พี่อาชว์ แต่ผมไม่ได้...”
สามตุลาพยายามดิ้นรนแต่กำลังของอาชว์มากมายเกินกว่าเขาจะดิ้นหลุด ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่ออาชว์คว้าเสื้อเชิ้ตที่เพิ่งถูกกระชากขาดมามัดข้อมือทั้งสองของของเขาไว้แน่น ชายผ้าอีกข้างถูกตลบไปมัดกับช่องหัวเตียงจนแน่นหนา
“ไม่ พี่อาชว์ อย่า”
พยายามกระถดกายหนีแต่อาชว์กลับกระชากปลายเท้าของสามตุลากลับมา มิหนำซ้ำยังแยกปลายเท้าทั้งสองออกจากกันก่อนที่ร่างแกร่งจะแทรกมาอยู่ตรงกลาง
“แกต้องชดใช้แทนพี่สาวแก บาปทั้งหมดที่พี่สาวแกทำกับฉันจงรับไปเถอะ”
ดวงตาของสามตุลาเบิกกว้างเมื่อช่องทางของเขาถูกชำแรกโดยไม่ทันตั้งตัว เขาอ้าปากค้างเมื่อความเจ็บปวดแล่นวาบราวกับร่างกายกำลังปริแตก น้ำตาใสไหลหยดจากหางตาจนเปียกปอนที่ไรผม
หัวใจของเขาแตกสลายเมื่อต้องกลายเป็นผู้ชดใช้กับบาปที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อ
TBC
มาเคาะสนิมกันหน่อย
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: