วิกเตอร์ชะงัก ตำแหน่งที่ชายหนุ่มตรงหน้าเอ่ยออกมาดูใหญ่โตกว่าหน้าตาของเจ้าของตำแหน่ง คาลีล มาอัซน่าจะ
อายุราว ๆ ไม่เกินสามสิบปีเท่านั้น แต่กลับได้รับตำแหน่งเลขานุการของประมุขแห่งฮาลียัน คาลีลมีหน้าตาคม สะอาดสะอ้านอยู่
ในชุดสูทเรียบหรู หนวดเคราได้รับการตัดเล็มเข้ารูปอยู่รอบริมฝีปากของเขา
“ดีเลย ใหญ่โตแบบนี้ดีแล้ว เพื่อนผมถูกจับตัวไปด้วยฝีมือของโจรจากทะเลทรายตั้งแต่เมื่อวานนี้ คุณช่วยใช้ความ
ใหญ่โตของคุณพาเพื่อนผมกลับมาจะได้ไหม”
“รัฐบาลกำลังพยายามอยู่”
วิกเตอร์มองคาลีลที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบสนิทอย่างไม่เชื่อถือ
“ผมยังมองไม่เห็นว่ารัฐบาลฮาลียันทำอะไรนอกจากหาคำพูดแก้ตัวไปตามสื่อต่างประเทศ คำว่าพยายามของผมกับ
ของพวกคุณมันคงไม่เหมือนกันล่ะมั้ง”
คำต่อว่าของวิกเตอร์ได้ผล มองเห็นสีหน้าที่ตึงขึ้นของคาลีล เขาตวัดสายตาใส่วิกเตอร์อย่างไม่พอใจนักแต่ก็ต้อง
ควบคุมอาการไว้
“คุณเป็นผู้สื่อข่าว ไม่รู้เลยหรือว่ามันมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้นที่ใหญ่โตกว่าเรื่องเพื่อนของคุณ”
ทำไมจะไม่รู้ วิกเตอร์เถียงอยู่ในใจเมื่อเขารู้ข่าวใหญ่ว่าเกิดการชุมนุมประท้วงของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่เมื่อเช้า
ตรู่ ประชาชนหลายร้อยคนออกมาเดินขบวนใกล้กับสถานที่จัดงานวัฒนธรรมของรัฐบาล พวกเขาเหล่านั้นต้องการให้นักข่าวจาก
ต่างประเทศมาทำข่าวของพวกเขาเพื่อเผยแพร่จุดประสงค์ที่ถูกปิดกั้นจากสื่อของทางการ รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไป
ควบคุมสถานการณ์จนเกือบเกิดความรุนแรงก่อนที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจะสลายตัวไปในช่วงบ่ายของวันนี้
“ตอนนี้พวกที่ชุมนุมอยู่ก็กลับบ้านกันไปหมดแล้วนี่”
วิกเตอร์ไม่ยอมแพ้ เขามองคาลีลอย่างคาดคั้น
“พวกคุณก็ว่างแล้ว คงถึงเวลาที่จะส่งคนไปเจรจากับพวกโจรจากทะเลทรายได้แล้ว คุณคงรู้นะว่าหากนักข่าวจาก
ไอซีเอ็นได้รับอันตราย จุดประสงค์ที่พวกคุณอุตส่าห์เหนื่อยจัดงานเรียกให้สื่อต่างประเทศมาโปรโมทประเทศของคุณคงจะ
เปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามแน่ ๆ”
“เกิดอะไรกันขึ้น”
เสียงที่ดังขึ้นด้วยความอยากรู้ทำให้เจ้าหน้าที่ภายในห้องทุกคนยืนตรงเพื่อทำความเคารพกษัตริย์ราชิด อัลฟาดีที่
กำลังก้าวพระบาทมาจากทางด้านในท่ามกลางเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยส่วนพระองค์ คาลีลหันไปทำความเคารพและพูด
ภาษาอารบิคยืดยาวที่วิกเตอร์ไม่เข้าใจกับกษัตริย์ราชิด พระองค์นิ่งฟังจนจบก่อนจะหันมาทางเขา
“มิสเตอร์คอสเนอร์ใช่ไหม”
ตรัสเป็นภาษาอังกฤษกับวิกเตอร์
“ได้โปรดอภัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฮาลียันไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ อย่างที่ผมบอกคุณแล้วว่าไอ้
พวกโจรทะเลทรายมันเลวร้ายและจ้องจะหาเรื่องรัฐบาล นี่ผมกำลังให้คนของผมสืบอยู่ว่าโจรชั่วพวกนั้นอยู่เบื้องหลังการชุมนุม
ประท้วงของพวกต่อต้านรัฐบาลหรือเปล่า”
วิกเตอร์หรี่ตาครุ่นคิด ข้อมูลที่หลุดออกมาจากโอษฐ์ของกษัตริย์ราชิดเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อน
“แล้วทำไมโจรพวกนั้นต้องสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์ด้วยล่ะครับ”
กษัตริย์ราชิดเหยียดยิ้ม ดูเหมือนคำถามนั้นจะเข้าทางของพระองค์
“ก็ไม่รู้สิ แค่คิดว่าไอ้พวกโจรจากดาฟาร์มันตั้งใจป่วนแต่สมบัติของรัฐบาลแม้แต่บุกเข้าไปในคลังแสงเพื่อขโมยอาวุธ
และมีครั้งหนึ่งที่พวกเราจับคนที่มาชุมนุมไว้ พวกเขาใช้อาวุธที่มาจากการขโมยของพวกโจร คุณคิดว่าเขานำมันไปได้อย่างไรล่ะ”
กษัตริย์ราชิดเอื้อมหัตถ์มาตบบ่าวิกเตอร์เพื่อสร้างความมั่นใจ
“ไว้ใจเถอะน่า ผมจะต้องนำเพื่อนของคุณกลับมาอย่างปลอดภัยไม่มีอะไรบุบสลายแน่นอน”
แม้จะเป็นคำพูดจากประมุขของประเทศ แต่วิกเตอร์กลับไม่มั่นใจเลยแม้แต่น้อย เขาฝืนยิ้มให้กษัตริย์ราชิดเมื่อ
ตอบกลับไป
“ผมหวังจะเป็นเช่นนั้นครับ มิสเตอร์สมิธ แอนเดอร์สัน พ่อของกวินท์ก็กำลังเดินทางมาที่ฮาลียัน อาจจะมาถึง
กลางดึกคืนนี้เสียด้วยซ้ำ ผมอดจะเป็นห่วงความรู้สึกของคนเป็นพ่อแม่ไม่ได้ ท่านคงทราบจากข้อมูลของกวินท์แล้วว่าเขาเป็น
ลูกชายคนเดียวของเอกอัครราชทูตจากอังกฤษ หากกวินท์ได้รับอันตราย เรื่องคงบานปลายกว่าที่คิด”
“คุณกำลังพูดจาข่มขู่ผู้นำของฮาลียันอยู่ รู้ตัวบ้างไหมมิสเตอร์คอสเนอร์”
คนที่ขัดจังหวะคือคาลีล ชายหนุ่มย่นหัวคิ้วเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นปมได้ คอสเนอร์ดูออกอย่างง่ายดายว่า
กษัตรย์ราชิดขุ่นเคืองพระทัยอยู่ไม่น้อย แต่ก็ทรงฝืนยิ้มออกมา
“อย่าโมโหไปเลยมิสเตอร์คอสเนอร์ ผมรับปากแล้ว ดังนั้นก็จงวางใจได้ว่าเพื่อนของคุณจะต้องปลอดภัย”
กษัตริย์ราชิดหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องที่อยู่เบื้องหลัง
“จัดรถยนต์ไปส่งมิสเตอร์คอสเนอร์ที่โรงแรมด้วย”
การ์ดของกษัตริย์ราชิดคนหนึ่งก้าวออกมาประกบทันที วิกเตอร์รู้ว่านี่คือการขับไล่อย่างมีมารยาท แต่เขาก็ยังไม่กล้า
จะแข็งข้อใส่ให้เกิดภัยในสถานที่แห่งนี้ เขาจำต้องโค้งคำนับและก้าวเดินออกไป
ครั้นเห็นนักข่าวต่างประเทศเดินออกไปจนพ้นสายตาแล้ว กิริยาของกษัตริย์ราชิดจึงไม่จำเป็นต้องฝืนอีกต่อไป
พระองค์หันขวับไปจ้องหน้าของคาลีล
“เกิดอะไรขึ้น แล้วไอ้นักข่าวปากเสียคนนั้นล่ะ”
“พวกนั้นมาชิงตัวไปจากพวกเรากระหม่อม รถที่จะไปรับตัวมิสเตอร์แอนเดอร์สันพบแต่ศพของพวกเราที่ถูกดาบฟันอยู่
ไม่ไกลจากจุดนัดหมายนัก ทุกคนเสียชีวิตส่วนนักข่าวคนนั้นกลับหายไป ไม่พบอยู่ในกองศพกระหม่อม”
พระเนตรยับย่นเพ่งมองเลขานุการของพระองค์อย่างไม่สบอารมณ์
“ก็ไหนว่าได้มือดีมาไงล่ะ ทำไมแค่นี้ถึงพลาด”
ทรงตวาดอย่างหงุดหงิดเมื่อเกิดเหตุที่ผิดไปจากแผนเดิมที่ทรงวางไว้ ทั้งที่คิดไว้ว่าจะเก็บกวินท์ไว้สักสองถึงสาม
วันแล้วทำทีพาไปปล่อย แต่พวกโจรแสนเลวกลับมาขัดขวางและชิงตัวประกันหายไปกับผืนทราย คาลีลเห็นพระอาการกริ้วจน
ควันออกหูจึงรีบค้อมศีรษะลง
“หม่อมฉันจะรีบส่งคนไปติดตามโดยเร็วกระหม่อม”
“ก็รีบทำเสียสิ จะยืนโง่อยู่ทำไม”
ทรงตวาดจนเสียงก้องไปทั่วบริเวณ
“ไปเอาตัวกลับมาให้ได้ หรือถ้าไม่ได้ จำเป็นจะปิดปากก็ต้องทำ”
ตรัสเสียงเหี้ยมพระพักตร์เครียดและดุดัน
“เรื่องพวกนี้มันจะได้จบแค่ว่านักข่าวคนหนึ่งถูกโจรจากดาฟาร์มาชิงตัวไปเพื่อประท้วงอำนาจของรัฐบาล”
คาลีลมีสีหน้าหนักใจ หากแต่เขาทำได้เพียงค้อมศีรษะคำนับเมื่อกษัติย์ราชิดเดินกระแทกพระบาทจากไป
มีต่ออีกนิด...
หยอกได้หยอกดีนะ
รบกวนคนเขียนระบุเลขหน้าด้วยค่ะ (ถ้ายังไม่ได้ทำสารบัญ)
:z3: คุณพ่อพูดถูกนะ เข้าใจเขาแหละ คือถ้ามองในแง่ของวัฒนธรรมแล้ว มันก็ว่ายากนะยิ่งตำแหน่งชารุกด้วยแล้วยิ่งยากไปอีก แต่ที่ทำให้ยากขอวจริงคือ กำแพงของคำว่าศาสนา ไม่ได้จะว่าศาสนานี้นะ เมื่อรวมทุกอย่างแล้วเหมือนกำลังงมเข็มในทะเลจริงๆ