พิมพ์หน้านี้ - ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Mr.hasey14 ที่ 10-09-2022 23:15:59

หัวข้อ: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 10-09-2022 23:15:59
สวัสดีค่ะ

ฝากติดตามนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ ถ้าชอบฝากคอมเม้นเยอะๆด้วยน้า

 :oo1:   :katai2-1:

“นทตื่นได้แล้วลูก วันนิ้เปิดเทอมวันแรกเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะลูก” เสียงหวานของผู้เป็นแม่ ปลุกผมขึ้นมา พร้อมกับ แสงแดดที่สาดส่องมากระทบบนเปลือกตา ทำให้ผมได้รู้ได้เลยว่า นี่ก็น่าจะสายแล้ว แม่ถึงขึ้นมาปลุก พร้อมกับเปิดม่านออกมา
“ขอ...5 .....นาทีนะแม่” พึมพึมขึ้นมาด้วยความงัวเงียแล้วหลับต่อ จริงๆก็อยากจะตื่น แต่มันดันนอนดึก แล้วก็ปิดเทอมมานาน ไม่ชินกับการตื่นเช้าเลย
“ไม่ได้นะ ตื่นเดี๋ยวนี้หรือจะให้ป๊าเป็นคนมาปลุก”
พรึ่บ!! ผมรีบเด้งตัวลุกนั่งขึ้นมาทันที พร้อมกับตาที่ยังคงปิดอยู่ ผมรู้สึกไม่พอใจเลย ที่แม่เอาป๊ามาอ้างแบบนี้
“แม่อ้า! นทง่วงงงง (เริ่มงอแง)” แล้วป๊าก็เดินเข้ามา ผมจะร้องไห้แล้วจริงๆนะ การตื่นไปโรงเรียนนี่มันทรมานขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย
“จะตื่นได้หรือยัง! โตแล้วนะยังมางอแงอีก”  มาบทโหดแต่เช้า เสียงทุ้มต่ำของป๊าพูดขึ้นมา ทำให้ผม ผู้ซึ่งเป็นลูกที่ดี  รีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัว ไม่อย่างนั้น ป๊าอาละวาดแน่ช่วงนี้ผมมีความผิดติดตัวเยอะ ต้องเอาใจป๊าหน่อย วันนี้ผมเปิดเทอม ม.4 เทอม1 เมื่อคืนมัวแต่ท่องโลกโซเชี่ยวเยอะไปหน่อย เลยตื่นสาย ผมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมกระเป๋าเสร็จก็ลงไปทานข้าวแล้วก็ให้ป๊าไปส่งที่โรงเรียน
“.……” ระหว่างทางไปโรงเรียน ผมจ้องไปที่ป๊า ที่ดูจะตั้งใจขับรถเป็นพิเศษ โดยไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับผมสักคำ ป๊าโกรธผมเรื่องที่ผมทำแจกันหยกของสะสมของเขาแตก เห็นบอกเป็นของหายาก ตอนเกิดเรื่องตะคอกผม จนง้างมือเกือบจะตีผมเลยนะรักของยิ่งกว่ารักลูกอีก ผมนี้ร้องไห้หนักมาก ตอนนี้ผมผิด ต้องง้อ และนี่ก็ปามา 3 วันแล้ว ยังไม่คุยดีๆกับผมเลย คุยกันทีอย่างกับจะกินหัว
“ป๊ายังไม่หายโกรธนทอีกเหรอ นทจะต้องทำยังไงดีเนี่ย นทขอโทษไปหลายร้อยครั้งแล้วน้า ยกโทษให้นทนะป๊า นทจะเป็นเด็กดีน้า” ยื่นหน้าไปหอมแก้มป๊า “น้าๆๆๆ ยอมทุกอย่างแล้ว” ป๊าผมมีอมยิ้มนะแต่ยังคงเข้ม   
“.……..” (เงียบ) “เอิ่ม...” สรุปว่าก็ยังไม่หายโกรธ นี่ก็ถึงโรงเรียนแล้วด้วย
“หวัดดีป๊า นทไปนะ จุ๊บ!!” ผมจุ๊บแก้มป๊าอีกที พร้อมกับเปิดประตูลงรถแล้วเดินตรงไปเข้าแถว แต่รีบก็ไปหน่อยวิ่งไม่ได้ดูอะไรเลย
‘ตุ๊บ!!’ ผมล้ม และอีกคนก็เซถอยห่างออกไปหน่อย เกือบไปจะล้มกองกับพื้นเหมือนผม 
“...เห้ย! มึงจะรีบไปไหนวะ ของกูตกหมดแล้ว” กระเป๋าผ้าเขาหล่นของกระจายออกมาหมดเลย ก็เป็นแค่กระเป๋าผ้าที่คล้องไหล่ ไม่มีซิป ปกติ นักเรียนจะใช้กระเป๋าเป้นี่นะ 
“ขอโทษ พอดีเรารีบไปหน่อย ขอโทษน้า!” ผมพูดทั้งๆที่ยังก้มเก็บของให้กับเขา เก็บเสร็จผมก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะส่งของคืนให้... รุ่นพี่ ม.5 (ดูจากดาวบนปกเสื้อ) มัวแต่มองพี่เขาของในมือเลย...
‘ตุ๊บ!’ ของทั้งหมดที่เก็บขึ้นมาก็ตกไปกับพื้นอีกครั้ง
“มึงจะกวนตีนใช่ไหม ของกูตกแล้วตกอีกเนี่ย” พูดอย่างหัวเสียพร้อมกับ ก้มเก็บของของตัวเองแล้วก็รีบวิ่งไป
แล้วผมก็รีบวิ่งไปเข้าแถวเช่นเดียวกัน เพราะเสียงออดดัง มันถึงเวลาทำกิจกรรมหน้าเสาธงแล้วด้วย ไปช้ากว่านี้เดี๋ยวได้โดนทำโทษในแถว ผมยืนหลังสุด ส่วนเพื่อนๆกลุ่มผมไปอยู่กลางแถว ข้างหลังนี่ไม่มีใครอยากยืนหรอก แดดร้อนมาก (โรงเรียนนี้จะเข้าแถวตามคิว มาก่อนก็อยู่หน้า)พอไปถึงก็ทำกิจกรรมหน้าเสาธงจนถึงเวลาขึ้นห้องเรียน
“เห้ย!นท วันนี้มึงมาช้าจังวะ ได้ยืนหลังแถวเลย” วิวเอ่ยถามผมขณะที่กำลังเดินขึ้นห้องเรียนกัน เพื่อนของผม มีทั้งหมด 5 คนในกลุ่ม หน้าตาดีหมดทุกคนเลย ขออวดกลุ่มตัวเองที่เรารวมมาเป็นเพื่อนกันได้ เพื่อนผมก็จะมี วิว มิน นัท ปอ แล้วก็ผม เรารู้จักกันมาก็ตอนตั้งแต่เข้ามาเรียนม.1 แล้ว เป็นเพื่อนที่สนิท ทั้ง 4 คนของผมเลย
“เออดิ ปกติมาเช้านะมึง เอ๊ะ! ขามึงไปโดนอะไรมาวะ ทำไมถลอก” นัทเอ่ยถามพร้อมชี้ไปบริเวณบาดแผล (แล้วพวกมันก็ก้มดูที่ขาผมกัน) เออผมพึ่งสังเกตุ พอเห็นแล้วแสบเลยทีนี้ ToT
“เออน่าวันนี้ผิดพลาดทางเท็คนิคว่ะ กูรีบวิ่งแล้วก็ไปชนคนอื่นเลยหกล้ม” พูดพร้อมกับก้มลงเอากระดาษทิชชู่เช็ดแผล
“ซุ่มซ่ามนักนะมึง เจ็บมากหรือเปล่าวะ ไปห้องพยาบาลไหม” คือมันมีเลือดซึมนิดๆ แต่เราก็ไม่ได้จำเป็นถึงขั้นนั้น แม้มันจะแสบ แต่ถ้าไปห้องพยาบาล น่าจะแสบหนักกว่าเดิม
“ไม่เป็นอะไรเว้ย!แค่นี้เอง เดี๋ยวก็หาย อีกอย่างเมื่อคิดนอนดึกมากเลยเบลอ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ก็มันไม่ได้เป็นอะไรหนักขนาดนั้นนี่ ทำไมจะต้องไป ไม่ได้สำออยขนาดนั้น
“ผิดพลาดอะไรวะ ไม่ใช่ไปหาเหยื่ออีกเหรอมึง 555” ปอ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทผมที่สุดในกลุ่ม เอ่ยขึ้นมา (จิกกัดแต่เช้า) ผมหันไปมองค้อนมันทีนึง มันก็เอาแต่หัวเราะ
“ออ ที่มาช้านี้มัวแต่ท่องโลกโซเชี่ยวหาหนุ่มๆอะดิ”  นัทพูดขึ้นมา รู้ทันได้นะไอพวกนี้ ผมก็เบะปาก มองบนใส่มัน
“ได้กี่คนวะ เอามาแบ่งปอบ้างนะเว้ย! มันเหี่ยวหมดแล้วไม่ฮอทเหมือนมึง” ไอมิน ไอนี่กวนตีนสุดๆ มักชอบทำให้ทุกเรื่องเป็นเรื่องตลก
“หยุดพูดจากวนตีนได้แล้ว! เออแล้วใครจะนั่งกับใครเนี่ยเปิดเทอมต้องหาที่นั่งใหม่ นั่งแบบเดิมป่ะ?” หลังจากที่จ้อกันไม่หยุดเรื่องผมก็เลยเปลี่ยนเรื่องสะเลย
“เออนั่งแบบเดิมแหละ จะได้ไม่ยุ่งยากรีบไปเหอะเดี๋ยวที่เต็ม” ปอพูดขึ้น ทุกคนก็ตกลงกันและพากันไปจองที่นั่งและเริ่มเรียนกันจนได้เวลาพัก พวกผมก็เดินไปโรงอาหารกัน คนเยอะมากโรงอาหารของโรงเรียนมันเยอะตลอด
“เออพวกมึง กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ พวกมึงไปจองที่แล้วก็ซื้อข้าวให้กูด้วย เดี๋ยวกูตามไป” แล้วผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับทำธุรส่วนตัว เมื่อเสร็จเรียบร้อย ผมก็ไปล้างมือตรงอ่างหน้าห้องน้ำ......
พรึ่บ! อยู่ๆก็มีคนกระชากแขนผมจากทางด้านหลัง ผมหันไปตามแรงดึง
“เห้ย! อะไรว่ะ” ด้วยความตกใจ ผมก็เลยพูดเสียงดังไปหน่อย พอหันไปมองหน้าคนที่ดึงผม คือ รุ่นพี่คนที่ผมวิ่งชนเมื่อเช้านิ “เอ่อคือ ………” คือปกติผมเป็นคนไม่ยอมใครหรอกนะ แต่ถ้าผมผิดผมก็ยอมรับ แต่ถ้าไม่ผิดผมไม่ยอมหรอก แล้วมากระชากแขนผมแบบนี้ด้วย
“มึงมองกูแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ เรื่องเมื่อเช้ายังไม่ได้เคลียเลยนะเว้ย!” รุ่นพี่คนนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง พร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ ผมก็มองพี่มันกลับแบบเคืองๆ เหมือนกัน 
“ก็เราขอโทษแล้วไงจะเอาอะไรอีก เราก็ล้มนะเว้ย! ดูขาด้วย” ผมพูดแล้วชี้ให้มันดูทีขา มันเหลือบตาไปมองนิดหน่อย แต่ก็ทำไม่สนใจ อะไรของมันเนี่ย คิดแล้วหงุดหงิด
“เรื่องของมึงเหอะ แต่เมื่อเช้าที่มึงทำของกูตก สีไม้ที่กูเตรียมมามันหัก แถมต้องใช้แข่งประกวดอาทิตย์หน้าด้วย แล้วที่สำคัญราคามันก็ไม่ได้ถูกๆเลยนะเว้ย! ปึก!” พอมันพูดจบก็ปากล่องสีไม้ของมันใส่ผม
“เกินไปหรือเปล่าวะ!” ผมกระชากคอเสื้อมันทันที แล้วไอรุ่นพี่มันก็จับแถวข้อมือผมประมาณว่าจะดึงมือผมออก  ตอนนั้นปอกับนัทคงจะมาตามผมพอดี
“เห้ย! ใจเย็นมึง มีอะไรกันวะ” ปอเอ่ยขึ้น พร้อมกับวิ่งเข้ามาทางผม แล้วมันก็ดึงมือผมออกจากคอเสื้อไอพี่นั่น
“เออมึงมีอะไรวะ มาเข้าห้องน้ำแค่นี้ อย่านะเว้ย! มึงก็รู้มีเรื่องในโรงเรียนมันไม่คุ้ม” นัทพูดขึ้น พร้อมกับเดินมาจับไหล่ผมแล้วก็พูดพยายามให้ผมใจเย็น ผมก็เอาแต่จ้องหน้าไอรุ่นพี่นี่ มันกวนประสาทหรือยังไง
“ก็ไอคนที่กูเดินชนเมื่อเช้าไง” ผมเอ่ยขึ้น ไอรุ่นพี่มันมองหน้าผมแบบ จะเอาเรื่องแต่มันคงเป็นเด็กเรียนแหละ เพราะดูจากท่าทางแล้ว ไม่ตอบโต้ผมสักเท่าไหร่ จะแสดงออกมาทางสีหน้ามากกว่า ต่างจากผมที่ค่อนข้างจะมือไว “กูก็ขอโทษแม่งไปแล้วไง แล้วแม่งจะเอาห่าอะไรอีกเนี่ย!”
“ก็ของกูมึงทำพังมึงก็ต้องรับผิดชอบดิวะ! ไม่รู้จะรีบไปไหนชนกูไม่พอยังทำของกูตกแล้วตกอีก แล้วสีที่มันหัก กูก็ต้องใช้ประกวดวาดรูปอาทิตย์หน้าแล้วนะ” มันพูดขึ้น พร้อมกับทำท่าอารมณ์เสีย ทำไมมันต้องทำหน้ากวนตีนเวลามันพูดด้วยวะ ผมก็มองมันนิ่งๆ
“เออมึงก็แค่นี้เอง มึงก็ซื้อใช้พี่มันไปดิ” ปอเอ่ยขึ้น ผมก็พยักหน้า 
“ถ้าแค่นั้นกูจะไม่โกรธเลยไอสัส”  ผมก้มหยิบกล่องสีไม้ขึ้นมา ท่าทางจะแพง กล่องแบบเป็นเหล็กอย่างดีเลย “มันโยนกล่องเหี้ยนี่ใส่กูเลยนะ พวกมึงคิดดูแล้วกัน บอกดีๆก็ได้หรือเปล่าวะ” ผมพูดจบแล้วทำหน้าอาฆาตแค้นมัน
“เออพี่ทำเกินไปหรือเปล่าครับบอกมันดีๆก็ได้นี่ เพื่อนผมมันคงไม่โง่ขนาดนั้น” ไอนัทพูดขึ้น ผมก็มองหน้ามัน (เอ๊ะ! ยังไงๆ หลอกด่าเราหรือไม่)
“จริงๆบอกดีๆก็ได้นะพี่  เพราะไอนท มันไม่ใช่คนพูดยากอะไร” ปอพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง
“เออๆ กูขอโทษก็ได้ แต่มึงตัองชดใช้ให้กูนะเว้ย!” มันบอกพร้อมกับทำหน้ากวนตีน ผมก็มองมันอย่างไม่ละสายตา
“เออเท่าไหร่ละตอนนี้ตังเราไม่พอหรอกนะ ตอนเย็นค่อยว่ากันแล้วกัน จะเจอกันตรงไหนละ หรือยังไง” ผมพูดพร้อมกับอารมณ์เสียนิดหน่อย ข้าวก็ยังไม่ได้กิน ลงมาพักครูก็ปล่อยช้า เวลายิ่งน้อยๆ หิวก็หิว มาเจอคนแบบนี้อีกมันยิ่งโมโหนะ
“เอ่อ...มึงเอาเบอร์มึงมา เพราะกูไม่แน่นอน เดี๋ยวกูโทรบอก”  มันยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมก็กดเบอร์ผมแล้วยิงเข้าเครื่องผม ผมไม่ชอบรับเบอร์แปลก เลยต้องเมมไว้สักหน่อย แล้วก็แยกย้ายกันไป   
 พอเคลียร์กันจบผมกำลังเดินไปโรงอาหารกับนัทและปอแล้ว....
กริ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ! เสียงกริ่งหมดเวลาพักเที่ยงแล้ว ซวยเลย ข้าวยังไม่ได้กิน ต้องมาเสียตังอีกอะไรกันเนี่ยหงุดหงิดจริง หรือเป็นเพราะผมทำของของป๊าพังเวรกรรมมันเลยตามทัน เปิดเทอมวันแรกก็แจ็คพอดแตก เฮ้อ!
หลังจากที่หมดคาบพักเที่ยงแล้วพวกผมก็ขึ้นไปเรียนกัน โดยที่วิว มิน ก็รู้เรื่องที่ผมไปมีปัญหามาแล้ว เพราะผมไม่ได้ไปกินข้าว การเรียนคาบบ่ายของผมเลยไม่รู้เรื่องสักอย่าง ความหิวมันทำลายเซลล์สมองอันน้อยนิดของผมนั่นเอง และก็ยังคิดถึงแต่เรื่องไอรุ่นพี่ประสาทนั่นอีก
หลังจากเลิกเรียน ผมก็แยกย้ายกับเพื่อนๆเพื่อที่จะกลับบ้าน ผมมาเดินเล่นแถวหน้าโรงเรียนคนเดียว เพราะพวกเพื่อนๆผมกลับบ้านไปกันก่อนแล้วอีกอย่างผมก็เดินเล่นรอไอรุ่นพี่นั่นโทรมาแหละ ไม่อยากติดค้างใคร ยิ่งเป็นคนไม่รู้จักด้วย
“ครืดๆๆ !!!!” ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ก็ปรากฏชื่อ ‘ไอรุ่นพี่ประสาทแดก’ โทรมาสักทีผมกดรับสาย
“ว่า” พอกดรับ ผมก็เอ่ยถามทันที
“มึงไปเจอกับกูที่เซ็นทรัลXนะ  กูจะไปแล้ว ตึ๊ด!” พอมันพูดจบก็ตัดสายไปเลย ‘แล้วกูจะรู้มะว่าตรงไหนของเซนทรัลX ไอเวร!!’
แล้วผมก็นั่งรถสองแถวไปหามันที่เซ็นทรัล ตอนนี้ก็ 4 โมงเย็นกว่าๆแล้วคนค่อนข้างเยอะ พอถึงผมก็กดโทรไปหามันเลย
“อยู่ไหนวะ บอกให้มาเซ็นทรัล แล้วจะรู้ไหมว่าอยู่ตรงไหนของเซ็นทรัล ไอบ้า!!!” พอมันรับสาย ผมก็ร่ายใส่มันทันที ให้ผมเดินวนไปมาตั้งนาน เพราะโทรไปกว่าจะรับ
“มึงหันหลังมาสิ  ตึ๊ด!!” ผมหันไปข้างหลัง เห็นมันยืนทำหน้านิ่งอยู่ ผมละหมั่นไส้จริงๆ ทำไมต้องมาคลุกคลีกับคนแบบนี้ก็ไม่รู้
“รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่นี่ อีกย่างเวลานัดใครกรุณาระบุด้วยว่าตรงไหน เซ็นทรัลXออกจะกว้าง” พูดเสร็จก็ทำหน้ารำคาญใส่มัน   
“กูก็มาถึงพร้อมมึงนั่นแหละ กูเดินตามมึงมาตั้งนานแล้ว แล้วจะโวยวายทำไม ไม่ดูบ้างวะ ประสาท!” เอาสิ มันนี่วอนจริงๆ ผมข่มอารมณ์อย่างอดกลั้น
“อะ..ไอ...เออ เอาเถอะ แล้วตามมาทำไมไม่มาด้วยกันเลยละ หงุดหงินนะนิ เพราะพี่คนเดียวเลย ทั้งนัดมั่วซั่ว แล้วยังทำให้เราไม่ได้กินข้าเที่ยงอีก” โมโหหิว ตอนแรกว่าจะกลับไปกินที่บ้านทีเดียวเลย ดันพามาซะไกล  “มีอะไรก็ว่ามา แล้วเรื่องค่าสีอะไรนั่น เท่าไหร่รีบว่ามา จะได้รีบกลับ” ผมพูดพร้อมกับสงบสติอารมณ์ ความหิว ทำผมหมดแรง ไม่อยากจะทะเลาะอะไรกับมันหรอก
“เออตามมา” แล้วมันก็เดินนำไป ผมก็เดินตาม มันพาผมเข้าร้านเครื่องเขียน โอ้โห!! ช๊อคครับ สีอะไรวะ..สีเคลือบทองคำหรือเปล่า  คือราคามันนี่แบบกล่องนึง 48 สี6,400 บาท!!!
“เอิ่ม...สีอะไรอ่าทำไมมันแพงจัง” ผมมองที่กล่องสี มันแพงขนาดนี้ได้ยังไงกัน เป็นแค่สี กล้าดียังไงมาแพง ผมก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่เลย
“มันเป็นสีไม้เก่าแก่แบรนด์หนึ่งจากยุโรป ที่โดดเด่นก็คือรุ่นที่เป็นการนำเอาสี Pastel มาทำให้อยู่ในรูปของสีไม้ บลาๆๆๆ” พี่มันก็อธิบาย นู่นนี่นั่นของมันไป ผมก็ได้แต่มองสีห่าอะไรของมันแพงชิบ  - เอาละกูหายหิวเลย -
“เออพอได้แล้ว อันนี้ใช่ไหมจะเอาไปจ่ายให้” มันก็ยื่นสีนั้นมาให้ผม แล้วผมก็เอาไปจ่ายให้มัน ผมพอมีเงินเก็บในบัญชีแล้วบัตรATM ที่ผมใช้ก็เป็นแบบรูดซื้อของได้เลย หรือจะเป็นการผ่อนของเลยก็ได้ เพราะมันเป็นของผู้ใหญ่นั่นเอง ป๊าเอามาไว้ให้ติดกระเป๋าไว้ เลยไม่มีปัญหาอันใด
“อะได้แล้ว!” ผมที่จ่ายเงินเสร็จพร้อมกับยื่นของให้มัน มันก็รับไปทันที
“เออขอบใจ วันหลังอย่าไปวิ่งชนใครซี้ซั้วนะมึง” ผมก็คิดนะดีนะที่กูพอมีตัง ยังคิดเลยถ้าผมไม่มีตังจะทำยังไงวะ ดีนะบ้านผมรวย 5555
“เออยังไงเราเป็นฝ่ายผิด ยังไงก็ต้องก็ต้องรับผิดชอบ อีกอย่างเราขอสีที่หักด้วยนะ เดี๋ยวพ่อแม่เราถามจะได้บอกได้’’ ผมไม่ได้โง่นะ ใช้เงินเป็นอยู่ ทุกอย่างต้องมีหลักฐานแหละ ถึงจะไม่เนียนก็เถอะ แล้วมันก็ยื่นสีกล่องเก่ามันมา กล่องก็เหมือนแบบเดียวกับอันใหม่ที่ผมซื้อให้เลย รอยแทบไม่ค่อยมี มันคงจะรักษาอย่างดีเลยสิ ก็แพงขนาดนี้ ไม่อย่างนั้นมันคงไม่โวยวายหรอกสินะ
“อ๊อฟ? ชื่อพี่เหรอ” ผมเอ่ยถาม เพราะเห็นมันตกแต่งกล่องสีมัน แล้วมีชื่อ Aof ตัวใหญ่ อยู่หน้ากล่อง
“อืม แล้วมึงชื่อ นท เหรอ เห็นเพื่อนมึงเรียก” ผมก็พยักหน้าตอบ
“อืม งั้นไปละนะ บาย” ผมหิวแล้ว และก็อยากรีบกลับด้วย เลยตัดบท แล้วกำลังจะแยกกับพี่อ๊อฟแต่ดันไปเห็น ไอเบสไอผู้ชายเฮงซวย เอายังไงดีละทีนี้ 
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 10-09-2022 23:20:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 10-09-2022 23:24:06
เรื่องมันเริ่มจากตอนผมอยู่ม.3ใกล้จะม.4 ที่ผมรู้จักกับไอเบสได้ก็เพราะพี่เต็ม รุ่นพี่ประธานสีของผม ผมรู้จักกับพี่เต็มก็เพราะกิจกรรมกีฬาสี พวกรุ่นพี่มาเรียกให้ไปซ้อมแสตนเชียร์ซึ่งผมอยู่ ม.3 เด็กที่นั่งสแตนเชียร์ จะมีตั้งแต่ ม.1-3 ซึ่งปกติผมโดดเกือบทุกครั้งไม่ค่อยสนใจ แล้วไม่อยากไปนั่งตบมืออะไรไร้สาระด้วย แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะหนีไม่ได้ ม.1-2 ผมก็โดดมาแล้ว ผมเลยโดนตามติด โดยหัวหน้าห้องที่น่ารำคาญ ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะถ้าหนี คะแนนกิจกรรมผมคงไม่เหลือ แล้วผมก็คงจะมีปัญหา ตอนสอบขึ้น ม.4 รุ่นพี่ให้ไปซ้อมเชียร์ ก็ไปนั่งเข้าแถวกัน ฟังพี่ๆมันอธิบาย การตบไม้ตบมือทำท่าทางและร้องเพลงไป พวกผมที่เป็นรุ่นน้องก็ทำตามกันไป แต่มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก คิดถูกแล้วที่ม.1-2 หนีไม่ได้มา.....
“น่าเบื่อว่ะมึง” วิวหันมาบอกผมด้วยสีหน้าเซ็งๆ ผมก็ไม่ได้คิดต่างจากมันสักเท่าไหร่ เพราะเบนสายตาไปมองเพื่อนคนอื่นๆก็คงเซ็งกันหนักอยู่
“เออวะ ไม่น่ามาเลย” ผมตอบมันกลับ พร้อมกับแสดงสีหน้าว่าเบื่อมาก
“โดดปะล่ะ แล้วค่อยขึ้นมาตอนเขาจะเช็คชื่อ จะได้ได้คะแนนด้วย” มินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับเผยรอยยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พวกผมก็พยักหน้าตอบรับทันที
แล้วเราก็คุยกัน ประมานว่าจะหลุดออกไปจากตรงนี้ยังไง เพราะนี้มันก็เลิกเรียนแล้วด้วย พี่ๆเขาเรียกมาหลังเลิกเรียนเพื่อซ้อม แต่พวกผมไม่คิดว่ามันจะน่าเบื่อขนาดนี้ ให้ทำอะไรก็ไม่รู้น่ารำคาญ แล้วไอพี่ประธานนั่นก็จะแหกปากจนเส้นในลำคอมันกระเด็นหลุดออกมาเลยไหม เห็นแล้วหงุดหงิด พอผมตกลงกับเพื่อนๆได้แล้วว่าจะออกไปยังไง ก็เริ่มแผนเลย.....
“พี่ครับ!” นัทพูดเสียงดังแล้วยกมือขึ้น ทุกคนก็หันมามองที่มัน พวกผมก็เริ่มเผยยิ้มออกมา มันน่าเบื่อจริงๆ ขืนนั่งอยู่อีกหน่อย รากงอกแน่นอน
“มีอะไรครับน้อง” พี่เต็มตะโกนตอบกลับมา ด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเหนื่อย ไม่เหนื่อยได้ไง แหกปากขนาดนั้น
“พวกผมขอไปเข้าห้องนะครับ” นัทตอบกลับด้วยท่าทางนิ่งๆ มาดเข้ม ให้ดูรู้ว่าเราอยากไปห้องน้ำจริงๆ
“อ่าๆ รีบกลับมาละ” ตอบกลับมาพร้อมกับส่งยิ้มแปลกๆมาให้
พวกผมก็ลุกจากที่นั่งกัน ทั้ง 5 คนเนี่ยแหละ.....
“พี่คะ 5 คนนี้โกหกค่ะ พวกมันจะโดด!’’ อีแนน หัวหน้าห้องสุดโฉด พวกผมหันไปมองทางอีแนนแบบทันที ทุกคนก็มองมาทางพวกผม
“อีแนน พวกกูจะไปเข้าห้องน้ำ!” ผมตอบกลับอย่างไม่พอใจ มารพจญ ไม่คิดเลยว่านั่งอยู่ห่างจากเราขนาดนี้มันยังได้ยิน รู้ไปหมด สาระแนทุกเรื่อง
“พวกมึงจะเห็นแก่ตัวให้เพื่อนๆซ้อมกันแล้วก็หนีไปเที่ยวกันเนี่ยนะ!” อีแนนลุกขึ้นมาชี้หน้าผม ผมมองมันตาขวางเลย น่าจะต้องเจ็บสักทีนะอีนี่
จากนั้นก็เริ่มสงครามเถียงกัน พี่ๆเขาก็วิ่งมาห้ามแล้ว ก็พยายามทำให้เราใจเย็น อีแนนมันก็เป็นคนที่เหมือนจะดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกคนเลยให้มันเป็นหัวหน้าห้อง แต่การที่มันเป็นหัวหน้าห้องมันก็ชอบทำตัวอวดเบ่ง สอดรู้ไปทั่ว ขนาดพวกผมนั่งอยู่ห่างกับพวกมันตั้งไกล มันได้ยินได้ยังไงคิดดูแล้วกัน สงสัยพวกลูกสมุนของมันสินะ.....
“เอาละๆ ไอเต็มมึงก็ไปส่งน้องแล้วกัน เพื่อความสบายใจ” พี่ฟ้า หนึ่งในรุ่นพี่ที่มาคุมกับพวกพี่เต็ม พูดตัดบทเพื่อไม่ให้ปัญหามันลาม เพราะพวกผมยืนเถียงกับพวกอีแนนมาสักพักแล้ว
“เออๆ วู้! เสียเวลาหมด!” พี่เต็มตอบกลับอย่างหัวเสีย แล้วก็เดินนำไป
พวกผมถึงกับเซ็งเลย กลายเป็นตัวปัญหาเพราะปากเน่าๆของอีแนนคนเดียว โถ่! ก็พากันไปห้องน้ำกัน พี่เต็มมันก็เดินนำไปนิ่งๆนั่นแหละ พอถึงห้องน้ำมันก็กอดอกยืนพิงกำแพงรอ พวกผมก็เข้าไปทำกิจส่วนตัวกัน....
“พวกมึงดูความอวดรู้ของอีแนน พาพวกเราซวยหมด!” ผมที่อารมณ์ยังค้าง พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ
“เออ ปากดีฉิบ ผู้หญิงอะไรวะ!” วิว พูดด้วยความโมโห ปกติ มันไม่พูดถึงผู้หญิงแบบนี้นะ อีแนน คงนิสัยเสียสุดๆเกินกว่าสุภาพบุรุษจะทนไหว
“กูว่า ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว พี่เขาเดินเข้ามาตามแล้ว’’ ปอพูดขึ้นมาแล้วชี้ไปทางหน้าประตู
พวกผมก็เลยรีบเดินไปยืนที่โถฉี่ ยืนคนละโถ ยืนฉี่กันไป ผมก็ดันปวดขึ้นมาแล้วจริงๆ คนอื่นๆก็คงแอ๊บกันว่ายืนฉี่สินะ.....
“เล็กวะ!” พี่เต็มเอ่ยขึ้น มันชะเง้อหน้ามาข้างผม พร้อมกับไปดูนทน้อย
“เห้ย!” ผมอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ พร้อมกับเอามือบังนทน้อยไว้ แต่ก็คงไม่ทันแล้ว มันเห็นไปแล้ว “เป็นบ้าอะไรมาดูของคนอื่นเนี่ย!” ผมพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจแล้วก็รีบเก็บนทน้อยเข้ากางเกงทันที แอบเปื้อนนิดนึงเลย
ทั้งเพื่อน และ ไอพี่เต็มก็พากันหัวเราะผมใหญ่ ผมมองค้อนพวกมันแล้วก็เดินไปล้างมือแล้วก็ออกจากห้องน้ำทันที แล้วเดินตรงไปที่ที่ซ้อมเชียร์กัน แล้วก็ไปนั่งที่ประจำด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าอารมณ์เสียสุดๆ เพื่อนๆก็ตามมานั่งข้างๆผม...
“นท อย่าโกรธดิว้า แค่นี่เอง”  ปอพูดขึ้น พร้อมเอามือจับไหล่ผม ก็เข้าใจมันแค่แซวเล่น แต่ก็อดจะโมโหไม่ได้เลย
“พวกมึงจะหัวเราะกันทำไม มึงเห็นแล้วก็ไม่บอกกูวะ” ตอบกลับปอ อย่างไม่พอใจ
“กูก็กำลังแอบดูของมึงอยู่เหมือนกันวะ” วิวพูดแล้วกลั้นขำ ผมมองมันตาขวาง ยังจะมาสนุก เพื่อนไม่ได้สนุกด้วยสักหน่อย
“พอเลย มึงก็ไปแกล้งมัน” นัทเอ่ยขึ้นมา ก็จริง ไอนัทนี่ สุขุมสุดแล้วในกลุ่ม
แล้วพวกมันก็ง้อผมไปนั่นแหละ จริงๆไม่ได้โกรธอะไรพวกมันหรอก โกรธไอพี่เต็มมันมากกว่า เป็นบ้าอะไรมาแอบดูตอนคนฉี่ แต่ติดไม่พอใจพวกเพื่อนๆนิดๆด้วย จะขำตามมันทำไมก็แค่นั้น อารมณ์เด็กๆตอนนั้น พวกผมก็ซ้อมกิจกรรมไปสักพักพี่ๆก็ให้พัก......
“เอาละค่ะ น้องๆคนไหนมีใครสนใจจะเป็นหลีดโจ๊กบ้างค่ะ” พี่หมวย หนึ่งในรุ่นพี่คุมสแตน ถามขึ้น ทุกคนก็ดูสนใจกันมากเลยทีเดียว แต่คงไม่มีใครอยากเป็นหรอกมั้ง ไปทำตัวบ้าๆบอๆให้อายเขาไปทั่ว
“มีใครจะเสนอตัวหรือเปล่าครับ” พี่เต็มพูดขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มกวนๆมองมาทางผม ผมก็ก้มหน้าเล่นเชือกรองเท้าไป คุยกับเพื่อนไปพลาง เพราะไม่มีอะไรจะทำแล้ว นั่งผูกเชือกรองเท้าเล่นเนี่ยแหละ
แล้วก็เริ่มเสียงดังกัน เพราะเกี่ยงกันไปนู่นนี่นั้น ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะไม่ได้อยากจะร่วมกิจกรรมอะไรอยู่แล้ว พูดคุยกับเพื่อนๆเรื่องของกิน ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับที่มาซ้อมเลยสักนิด......
“เอาละๆ เงียบๆหน่อยครับ พี่ประธานสีของเราจะเลือกให้เอาเนอะ เพราะดูท่าแล้วตำแหน่งนี้มีแต่คนอยากได้555” พี่กันหนึ่งในรุ่นพี่ที่มาซ้อมเชียร์ พูดไปขำไป มันไม่มีใครจะเป็นหรอก ทำเรื่องน่าอายแบบนั้น ผมก็ยังไม่คิดเลย
“ประธานเล็งใครไว้คะ” พี่หมวย หันไปถามพี่เต็ม ด้วยความสนใจ พี่เต็มมันน่าจะตกลงกับเพื่อนแล้ว เพราะระหว่างที่ทั้งสแตนถกเถียงกันเสียงดัง เห็นมัน ล้อมวงประชุมกันด้วย
“เอาละ ไอ5คนที่อยู่หลังสุดลุกขึ้น” พี่เต็มพูดขึ้น พร้อมกับชี้นิ้ว มาทางพวกผม ทุกคนก็หันมามองกันหมด พวกเราก็ลุกขึ้นกันแบบงงๆ แบบ อะไรเหรอ เพราะแถวหลังสุด และมุมที่มันชี้มาก็มีแค่พวกผม
“โอ้โห! 5 คนเลยเหรอมึง” พี่กันพูดติดตลกขึ้นมา ทำให้ผมรู้สึกตงิดใจเล็กน้อย
“เปล่า คนเต้นอะ กูให้ไอนั่น” พี่เต็มพูดขึ้นมาพร้อมกับ ชี้มาทางผมที่อยู่ตรงกลาง “เต้น นอกนั้นคอยช่วยมัน โอเคไหม” ผมอึ้งเลยสิ ทุกคนก็เฮฮากันใหญ่เพราะรอดตัวแล้ว แต่ใครมันจะไปยอม
“ไม่เอาพี่ ผมไม่เต้นนนนน!” ผมพูดท้วงกลับ อย่างไม่ยอม อายนะนั่น
“มัดมือชกเลยนี่หว่า เห็นของมึงแค่นิดเดียวหลงเสน่ห์มึงละ” นัทพูดขึ้นมา พร้อมสายตายียวน ไอนี่ ปกติจะไม่ค่อยแซวหรืออะไรนะ มันก็เอากับเขาด้วยเหรอเนี่ย
“ไอเชี่ยนัท!” ผมพูดพร้อมกับตบหัวมันไปที
แล้วพวกผมก็ได้ออกไปหน้าสแตน ไอพี่เต็มจงใจแกล้งผมสุดฤทธิ์ มันให้ผมลองเต้นดู ผมก็เต้นเบาๆ แล้วคือทุกคนก็หัวเราะกัน บ้าไปแล้ว มันน่าตลกขนาดนั้นเลยเหรอ ก็เลยเป็นข้อสรุปไปว่าให้ผมนั้น เต้นเป็นหลีดโจ๊ก คั่นเวลาตอนที่พี่ๆหลีดหลักพักกัน พวกไอนัทก็คอยเสริมให้มีสีสันมากขึ้น ตามที่เขานัดแนะกันไว้ ให้ตายสิ ไม่ทันอะไรผมก็กลายเป็นตัวตลกแล้ว ภาพลักษณ์ที่สร้างมา หมดกัน เอ๊ะ! หรือมันไม่มีอยู่แล้วนะ55 พอคุยอะไรกันเสร็จรุ่นพี่ก็ปล่อยกลับ เราก็กำลังจะแยกย้าย พี่เต็มก็เดินมาหา.......
“ทำให้เต็มที่นะเว้ย! เสร็จแล้วเดี๋ยวกูเลี้ยง” พูดเสียงหล่อ พร้อมยักคิ้วอย่างมาดแมน มันทำมาเป็นตีสนิท ซึ่งผมก็ไม่ค่อยอยากสนิท ก็ตอนที่มันให้ผมเต้นให้ดูแกล้งผมสุดๆ หัวเราะดังกว่าคนอื่นเลย เอาแต่บอกว่า “เต้นแรงอีก แรงกว่านี้ แรงอีกกก” แล้วผมจะไปเหลือเหรอ ก็ต้องจัดตามที่มันบอกสิครับ555 ยิ่งบ้าจี้อยู่ด้วย
“เลี้ยงของแพงๆด้วยนะเว้ย!ไอพี่ประธานเฮงซวย!” ผมตอบด้วยความไม่พอใจแล้วก็เดินผ่านมันไป
เพื่อนๆก็ตามมา เพราะตอนนั่งซ้อมเชียร์เราคุยกันแล้วว่าหลังจากเลิกซ้อมจะไปหาอะไรกินกัน นี่ก็ยังไม่เย็นมากด้วย เลยว่าจะไปกินไอติมหน้าโรงเรียนสักหน่อย พอไปถึงร้านก็ไปสั่งๆกัน สักพักก็มาเสริฟ......
“ดีนะ กูไม่ได้เป็นตัวเต้นอะ” ไอปอพอไอติมคำแรกเข้าปาก มันก็พูดขึ้นมาอย่างโล่งใจ
“แต่ซวยกูไง พวกมึงแม่งก็เลว ตัวเสริมก็เสริมเล่นสะกูเด่นเลยนะ” ผมตอบกลับมัน ด้วยความเซ็ง แล้วก็ตักไอติมเข้าปาก ตัวเสริมก็คือจะคอยทำให้ผมเด่น รุมแกล้งผมตอนผมเต้นบ้าง โยนสีใส่ผมบ้าง สาดน้ำใส่ อะไรทำนองนั้น ให้ผมดูตลกมากขึ้นไปอีก นั่นคือคำพูดตอนซ้อมของคุณประธานจอมกวนตีนนั้นแหละ
“อย่างน้อยพวกกูก็ได้โชว์กับมึงนะ” ระหว่างที่ผมมัวแต่คิดเรื่องที่จะได้ทำ ไอวิวก็เอ่ยขึ้นมา ผมเหลือบตาไปมองมัน แล้วก็คิดในใจว่า – โลกสวยเกินไปแล้ว -
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 10-09-2022 23:25:46
แล้วเราก็พูดไปกันมากมาย กีฬาสีโรงเรียนผมจะมีตอนเทอมสอง เพื่อนๆพวกนี้ผมก็เพิ่งรู้จักกันตอนม.1เนี่ยแหละ ตอนแรกก็ไม่ได้สนิทอะไร แต่ไปๆมาๆก็มารวมกลุ่มกันได้ เหมือนถูกชะตามากกว่า และตอนแรกพวกมันก็ไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์ มันมารู้ตอนที่ผมชอบชมผู้ชายคนนั้นคนนี้ว่าน่ารัก จริงๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับผู้หญิงเลย มารู้ตัวตอนใจเต้นเมื่ออยู่ใกล้ๆผู้ชายหล่อๆ หรือแอบปลื้มเพื่อนผู้ชายตอนประถม(แก่แดดเนอะ) พอเอาไปปรึกษาพี่โน้ตพี่ชายผม ก็บอกว่าผมคงชอบอะไรแบบนี้แหละ แต่เขาก็รับได้ และหลังจากนั้นทั้งป๊าและแม่ก็รู้ ตอนแรกก็ดูตกใจ เขาบอกรับได้ทุกอย่างที่เป็นผมนั่นแหละ อยากเป็นอะไรเป็นอยากชอบอะไรชอบ แต่ต้องไปในทางที่ดี ผมก็รู้สึกดี ที่ครอบครัว เพื่อนๆ ยอมรับในสิ่งที่ผมเป็น พอเพื่อนๆรู้ไปได้ไม่นาน ปอก็มาปรึกษาผม เพราะมันก็เป็นเหมือนกันผมก็บอกให้มันบอกเพื่อนๆไปตรงๆ เพื่อความสบายใจของทั้งเราเองและเพื่อนๆ ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยการยอมรับที่ดี.....
“อ้าวๆๆ น้องๆหลีดของกูนี่นา” พวกผมที่กำลังคุยกันก็หันไปมอง พี่เต็ม กับพวกเพื่อนๆ ไม่ใช่พวกพี่ๆที่คุมสแตนในโรงเรียน มีโรงเรียนอื่นด้วย พวกผมก็ยิ้มให้นิดหน่อย
“มองอะไรวะ!” ผู้ชายจากโรงเรียนอื่น ที่มาพร้อมกับพี่เต็ม พูดอย่างไม่พอใจ
“ไอเบส มึงอย่านักเลงไอสัส น้องๆกู” พี่เต็มพูดพร้อมกับ ตบกบาลไอเบส นี่คือตอนที่ผมเจอกับมันครั้งแรก ผมจ้องหน้ามันไง มันดู...หล่อดี แต่นิสัยไม่ไหวเลย นักเลงไปหน่อย ทำหน้าทำตาเอาเรื่องน่าดู
พวกผมก็ไม่ได้อะไรเพราะเห็นเป็นพวกเพื่อนพี่เต็มก็แค่หันกลับมาคุยกันปกติ.....
“นท มึงชอบไอแบงค์ เหรอวะ” ไอปอพูดขึ้น เพราะเห็นทั้งโต๊ะเริ่มจะหมดเรื่องที่จะคุย ผมถึงกับชะงัก เพราะเรื่องนี้ผมไม่ได้บอกใคร แบงค์เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่คนละห้อง แบงค์เป็นคนที่ผมแอบชอบ
“ทะ...ทำไมวะ” ผมถามกลับมันด้วยท่าทีที่ อึดอัด เพราะไม่ใช่เรื่องที่ผมอยากจะพูดสักเท่าไหร่
“กูเห็นรูปมันในโทรศัพท์มึง แล้วก็แชทหวานๆที่มึงส่งไปแล้วมันไม่อ่าน” นัทพูดขึ้นนิ่งๆ แต่มันสะเทือนใจผมจัง คือผมชอบไอแบงค์คือเรื่องจริงแต่มันไม่ได้ชอบผม ผมก็รักข้างเดียว....
มันมีเหตุการณ์น่าประทับใจอยู่คือตอนที่ผมเข้ามาม.1ใหม่ๆ เราก็จะปรับพื้นฐานกัน ก็จะเรียนคละกันไปหมดยังไม่ถูกแบ่งห้องที่ชัดเจน ไม่มีใครรู้จักใคร แล้วผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมไม่ค่อยฉลาดในเรื่องเรียนด้วย ก็มีไอแบงค์ มันนั่งข้างๆผมตอนเรียน มันคอยช่วย คอยตามผมตลอด แต่ไม่ได้สนิทไม่ได้รู้จักอะไรกันเป็นพิเศษ เราจะคุยกันแค่ตอนเรียน แต่นอกจากนั้นมันก็จะไปอยู่กับเพื่อนมัน ผมก็โดดเดี่ยว เพราะเพื่อนประถมของผมไปเรียนที่อื่นกันหมด ก็พอจะมีปอ มาทักมานั่งกินข้าวด้วย เป็นเรื่องที่น่าแปลก ผมกับปอเรารู้จักกันตั้งแต่ยังไม่รู้เลยว่าเราจะได้อยู่ห้องไหน ช่วงเรียนปรับพื้นฐานผมก็มีปอเป็นเพื่อนคนเดียว เพราะคนอื่นๆเขาก็มีเพื่อนกันหมดแล้ว เพื่อนๆคนอื่นของปอก็ไม่ได้เรียนโรงเรียนนี้เหมือนกัน ก็เลยไปด้วยกันได้ จนได้มีการแบ่งห้อง ผมก็ได้อยู่ห้องเดียวกับปอ เป็นเรื่องบังเอิญที่ดีที่สุดเลย ส่วนไอแบงค์ผมก็ประทับใจมันที่มันช่วยผมเรื่องเรียนนั่นแหละ มันดูเป็นคนดี ตอนนั้นผมยังไร้เดียงสายังแยกไม่ออกเลยว่าปลื้มกับชอบหรือรักมันต่างกันยังไง ที่ไอแบงค์ทำถึงจะแค่นั้นมันก็ทำให้ผมหวั่นไหว เพราะมันก็หน้าตาดีด้วย พอเราเรียนปรับพื้นฐานจบ ผมก็พยายามติดตามมัน พยายามหาข้อมูลมัน คุยไลน์บ้างอะไรบ้าง แต่มันเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับผมสักเท่าไหร่ แถมพอเจอก็ทำเหมือนไม่รู้จักกัน เป็นเพราะเพื่อนๆมันนั่นแหละ ชอบล้อเรื่องผมกับมัน มันก็คงจะอาย ผมก็ไม่คิดอะไรมาก ทำได้เท่าที่ทำ ไม่อยากบอกให้เพื่อนรู้ เพราะตั้งแต่แยกห้องไป แบงค์มันก็ดูเปลี่ยนไป ดูเกเรขึ้น ดูนิสัยไม่ดี กลัวเพื่อนๆไม่ชอบด้วย.....
“อะ...อืม” ผมพยักหน้ารับ ไม่รู้จะปิดทำไม มันเล่นโทรศัพท์ของผม ก็คงต้องรู้อยู่แล้ว ปฏิเสธไปยิ่งไปกันใหญ่
“แต่มันนิสัยแย่นะมึง มันเป็นเด็กมีปัญหา ชอบรังแกคนอื่นไปทั่ว มึงก็รู้’’ วิวพูดขึ้นมาอย่างกังวล ผมก็เข้าใจที่เพื่อนเป็นห่วง ผมก็ไม่ได้ว่าจะไปตอแยมันถึงขนาดนั้น ก็เหมือนเราชอบดารา นักร้องนั้นแหละ แค่มอง แค่คุยบ้าง ให้ใจมันชุ่มชื้นจะเป็นอะไรไป
“ไม่รู้ดิ กูแค่...ชอบมันอะ ไม่มีไรหรอก” ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ผมไม่ได้ชอบคนไปทั่วนี่นา มันมีเรื่องราว ความชอบมันเลยเกิด แต่ก็เข้าใจความหวังดีจากเพื่อนๆ แม้ว่าอาจจะต้องเจ็บก็ตาม
“ทำไมถึงชอบมันวะ ไม่เห็นมีอะไรดีเลย” มินถามขึ้นมาอย่างสงสัย ผมก็เริ่มจะอึดอัดมากแล้ว
“ไม่รู้ดิ ช่างมันเถอะมึง” ผมเอ่ยแล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปเลย ไม่อยากให้พวกมันมายุ่งเกี่ยวมากไป เพราะผมรู้อยู่แล้วว่ายังไงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ไม่อยากดูแย่ ในสายตาเพื่อนๆด้วย
เราก็พากันเปลี่ยนเรื่องไป คุยกันถึงเรื่องการ์ตูนอะไรไป จนได้เวลากลับก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พี่โน้ต พี่ชายผม ไม่กลับบ้านวันนี้ ต้องช่วยทำป้ายที่โรงเรียน พี่โน้ต เป็นกรรมการนักเรียน เลยต้องทำกิจกรรมทุกอย่างที่มี ผมเลยได้มายืนรอป๊าหน้าโรงเรียน พวกไอพี่เต็มก็เดินมาทางผมอีกครั้ง ผมก็ไม่สนใจหยิบหูฟังขึ้นมาฟังเพลงไป พวกก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าผม แล้วก็กำลังจะพูดอะไรสักอย่าง ผมก็เร่งเสียงเพลงให้ดังขึ้น เพื่อจะได้ไม่ต้องฟังมัน แล้วก็หันหน้าหนีมัน...........
พรึ่บ! สายหูฟังผมหลุดออกจากหูผม ไอเบสมันเป็นคนดึง ผมมองมันแบบไม่พอใจมาก ทำแบบนี้ได้ยังไง....
“อย่ากวนตีนได้ไหม!” ไอเบสพูดอย่างไม่พอใจ มันเป็นอะไรของมัน ดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบผมสินะ ผมก็ไม่ตอบอะไร มองมันนิ่งๆ
“นท พรุ่งนี้อย่าลืมมาซ้อมนะ” พี่เต็มพูดขึ้นมา พร้อมส่งยิ้มกวนๆมาให้
“เออ!” ตอบกลับอย่างรำคาญ ทำไมต้องมาตอกย้ำ ต้องมาวนเวียน ทักผ่านๆก็ได้มั้ง เพิ่งรู้จักกันวันนี้เอง
“กูรุ่นพี่มึงนะ เคารพหน่อยสิว้า” พี่เต็มพูดขึ้นมา ติดจะกวนๆไม่จริงจังอะไร ผมก็ไม่ใส่ใจ ไม่รู้จะสนใจทำไมนักหนา
“ผมไปแล้ว” ผมพูดจบก็เดินกระแทกไหล่ไอเบสอย่างแรงแล้วเดินไปขึ้นรถเลย เพราะป๊ามาพอดี
ตอนแรกไอเบสกำลังจะหันมาด่า แต่ผมขึ้นรถก่อน แถมผมทำหน้ากวนตีนให้มันด้วย มันคงโกรธมาก แต่พวกพี่เต็มนี่ก็ขำกันใหญ่ ไม่รู้ว่าจะขำผมอะไรนักหนา.…
และการซ้อมหลีดโจ๊กของผมในทุกๆวันก็เป็นไปตามปกติ พี่ๆก็ช่วยหามุกหาท่าเต้นต่างๆ และการไปซ้อมทุกวันก็ทำให้ผมกับพี่เต็มเริ่มจะสนิทใจกัน เริ่มจะเล่นหัวกันได้แล้ว มันชอบกวนตีน และผมก็ไม่ยอม ก็เลยตีกันบ้าง ดีกันบ้างตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง การซ้อมก็ผ่านไปเป็นอาทิตย์ เป็นเดือน ที่ผ่านมา ผมก็ได้มีการเจอกับไอเบสเรื่อยๆ มันก็ไม่ค่อยจะพอใจผมสักเท่าไหร่หรอก ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงดูไม่ชอบผมขนาดนั้น เพราะเวลาซ้อมเสร็จ พี่เต็มก็จะพาพวกผมไปหาอะไรกิน กับกลุ่มเพื่อนๆ และพี่ๆที่มาคุมน้องซ้อม ก็เจอมัน พี่เต็มมันเป็นนักดนตรี และเพื่อนๆกลุ่มมันก็นัดซ้อมนัดเจอกันทุกเย็น ไอเบสก็ไปสุงสิงอยู่กับพวกพี่เต็ม แต่ก็ไม่เห็นมันจะทำอะไร มาก็นั่งขรึม ถามคำตอบคำ อะไรของมัน....
แล้วก็มาจนถึงวันกัฬาสี ผมก็มีชุดนะ ถึงจะเป็นแค่หลีดโจ๊กก็เถอะ ชุดผมเป็นชุดพิเศษ เป็นชุดที่คนดีๆเขาไม่ใส่กัน ใส่เสื้อผ้าขาดๆรุ่ยๆ เหมือนคนบ้า หรือคนเร่ร่อน มีวิกให้ด้วย วิกยาวๆ ที่เป็นสังกะตัง มีการแต่งหน้าด้วยนะ หน้าผมขาวแบบชนิดที่ว่าสีขาวเลย สีแบบแป้งโกกิ-_-“ ทาปากแดงจัดชนิดที่ มองจากหน้าโรงเรียน มากลางสนามก็ยังคงเห็นว่านี่คือผม ทาลิบปกติไม่ได้นะ ต้องเลยขอบปากมาเยอะมาก ปากผมเบ้อเริ่มเลย มีไฝเม็ดโตๆอยู่กลางหน้าผากด้วย ไม่พอนะ ขนตายาวเป็นเมตรได้เลยมั้ง กรีดอายไลน์เนอร์ได้แบบว่ากินเปลือกตาผมไปหมด คิ้วนี่คือปิงควาย รวมๆแล้วไม่น่าใช่คน นัดผมไปโรงเรียนแต่เช้า เพื่อให้ผมไปแต่งตัวไม่เหมือนคน เยี่ยมสุดๆเลย พวกไอปอ ใส่ชุดกีฬาสีนั่นแหละ แต่เป็นกางเกงขาสั้น มีผ้าคลุมคนละผืน เหมือนซุปเปอร์แมน แล้วมีหน้ากากปิดหน้าให้ด้วย ทำไมผมไม่ได้ใส่แบบปกติแบบนี้บ้างนะ งานนี้ที่ยืนของผมมีแล้ว เด่นสุดๆ แต่งออกมาเสร็จเท่านั้นแหละ พี่ๆเอย ใครเอยนั่งหัวเราะกันสนั่นหวั่นไหวเลย ขนาดผมดูตัวเองในกระจกยังอดจะขำกับสภาพตัวเองไม่ได้เลย ต้องไปเดินขบวนประจำสีด้วย อายเหลือเกิน.......
“เอาละครับ ไปตั้งขบวนกันได้แล้วว!’’ เสียงแหกปากเรียกของไอพี่เต็มมาแต่ไกล ทำให้ทุกคนรีบร้อนกว่าเดิม
ทุกคนก็ออกไปกัน ผมก็ออกไปด้วย มันให้ผมใส่ถุงน่อยลายตาข่ายด้วยน คือ อุบาทว์ แต่มันดีอย่างนึง ผมว่าไม่มีใครจำผมได้แล้วละ แต่งขนาดนี้ พอออกมาตั้งขบวน พวกผม(หลีดโจ๊ก) ก็ไปยืนประจำจุดที่เขาให้ยืน มีการโชว์เล็กๆ เพราะตอนเดินพาเหรดก็จะมีการพูดพรีเซ้นต์ เกี่ยวกับขบวนสีของผม พอเขาบรรยายถึงผมก็จะมีการเต้น เต้นบ้าๆบอๆของผมไป พวกไอปอก็โปรยดอกไม่ให้ผม จริงๆเด่นกว่าพี่ๆหลีดเดอร์อีกนะเนี่ย มีแต่คนมองผม น่าภูมิใจเหลือเกิน ก็เดินขบวนกันไป อากาศก็ไม่ร้อนมากเท่าไหร่ แต่ก็เหงื่ออกนะ แอบเปียก เพราะความอายชัวร์......
“ไหวไหมมึง” ปอถามผมอย่างเป็นห่วง เพราะดูผมจะไม่ไหว จะขยี้ตาก็ไม่ได้
“มึง แสบตาวะ อะไรเข้าตากูไม่รู้” ผมพพูดจบ ก็กระพริบตาแบบรัวๆ
แล้วพี่ที่แต่งหน้าก็เดินมาซับเหงื่อให้ผมพอดี เขาก็มาดูให้ สรุปแป้งเข้าตา พี่เขาเช็ดออกแล้วก็เป่าตาให้ผม ก็โอเคขึ้นแล้ว เดินขบวนต่อจนมาถึงคิวผมแสดง ก็เต้นไปสิ เอาให้มันหลุดโลก เด้งเข้าไป เลื้อยเข้าไป เซิ้งเข้าไป เอาให้มันส์ เป็นบ้าอยู่คนเดียวไปเลย ทุกคนก็ดูท่าทางน่าจะชอบนะ อายนะ แต่เพลงมันส์เกินจะหยุดได้ พอการแสดงผ่านไปได้ก็ไปยืนเป็นแถวเป็นสีๆ เพื่อทำพิธีเปิดนู่นนี่นั่น เสร็จก็พากันไปที่แสตนสี ผมก็ไปนั่งพักข้างหลังนั่นสแตน.......
“เจ๋งอะนท ครูกรรมการหัวเราะใหญ่เลยละ55” พี่ฟ้าเอ่ยขึ้นหลังจากทีมแสดงมากันครบ มันน่าหัวเราะไหมละ ทั้งลื่นล้มกับรองเท้าพื้นเหมือนมีล้อขนาดนั้น ทั้งยังคันกับชุดนี้อีก เหมือนคนบ้าโดยสมบูรณ์แบบขนาดนี้ไม่ขำให้มันรู้ไป
“ไอเต็มมันเลือกคนถูกจริงๆ” พี่กันพูดติดตลก ผมก็ยิ้มรับ
พูดคุยกันนิดหน่อย พี่เต็มก็เดินมา พร้อมกับเพื่อนๆมัน เพื่อนๆโรงเรียนอื่นก็เข้ามาด้วย คือหลายโรงเรียนก็เข้ามาดูได้ เป็นงานแบบ OPEN หนึ่งในนั้นก็มีไอเบส เดินเก๊กมาแต่ไกล พอพวกเพื่อนพี่เต็มเห็นผมเท่านั้นแหละ มันขำกันใหญ่ หลีดโจ๊กสีอื่นมีหลายคนนะ แต่พวกนั้นแค่แต่งตัวแปลกๆ ไม่เหมือนผม คนเดียวแปลกทั้งตัวแปลกทั้งหน้า บ้าชะมัด..
“เหนื่อยเลยดิ อะ!” พี่เต็มยื่นน้ำมาให้ผม ผมก็รับมาดื่ม อย่างกระหายน้ำเลย
“เฮ้อ!” สดชื่นจัง ผมก็ทำน่าฟิน
“ประหลาดและอุบาทว์!” ไอเบสที่มองผมอยู่สักพัก ก็พูดแบบเหยียดๆแล้วมองผมนิ่งๆ ผมก็มองมันกลับนิ่งๆ
“ปากมึงนี่นะไอเบส ก็แค่แสดงเว้ย! นทมันน่ารักออก” พี่พีพูดขึ้นเขินเลยสิ โดนชมออกหน้าขนาดนี้
ผมก็พูดคุยกับพวกพี่ๆเรื่องทั่วๆไป พวกไอปอก็นั่งพัดนั่งวีกันไป เริ่มร้อนกันแล้วแสงช่วงสายแดดจัดมาก คุยไปได้สักพักก็ไปคุมหน้าแสตนกัน เพราะเขาจะเปิดตัวหลีดแต่ละสี แต่ผมก็นั่งอยู่เนี่ยแหละ เหนื่อย รอถึงเวลาของผมค่อยออกไป ก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไป...

หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 10-09-2022 23:29:20
“นท หวานใจมึงอะ” มินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับ ชี้ไปทางแบงค์ ที่เดินผ่านมาแถวนี้ ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองนิดหน่อย
“อืม” ผมตอบกลับแต่ก็ ทำเป็นไม่สนใจไง แต่จริงๆอยากวิ่งเข้าไปทักมาก55 แต่ไม่ใช่ในสภาพนี้แน่นอน
ก็นั่งรอกันไป หาอะไรกินไปเรื่อยเปื่อย จะว่าไปมันก็สบายนะ ไม่ต้องไปนั่งร้องเพลงให้เหนื่อย ดีออก จะได้งีบได้ ผมก็ไปนอนตรงเสื่อที่พวกพี่เขาปูไว้วางของ เพื่อนๆก็ตามมานอน เมื่อคืนมัวแต่ดูการ์ตูน เลยนอนดึก แถมต้องมาโรงเรียนแต่เช้าอีก เมื่อเช้าก็เพลียสุดๆ ก็เลยงีบสักหน่อย งีบไปงีบมาดันหลับลึกสะงั้น........
“5555555”
“ฮิ้วๆๆ โห่ววววว”
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีก็รู้สึกร้อนไปทั้งตัว พร้อมกับเสียงที่ดังมาก พอลืมตาขึ้นมาดู ผมถึงกับตกใจอย่างแรง ผมมานอนอยู่หน้าแสตน! ให้ตายสิ ผมจะแกล้งหลับหรือตายตอนนี้ได้ไหมเนี่ย! ใครมันลากผมมานี่ก็ไม่รู้ ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นนั่ง แล้วมองซ้ายมองขวา เห็นเพื่อนๆผมยิ้มแห้งๆให้ผมแล้วชูสองนิ้วให้ และมีไอพี่เต็ม หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง รู้เลยว่ามันนั่นแหละ มันหิ้วผมมาทั้งเสื่อเลย ให้ตายสิ! เสียงหัวเราะผมลั่นสนามเลย ผมก็รีบลุกก้มหยิบเสื่อแล้วก็วิ่งกลับเข้าไปทางด้านหลังสแตน......
“เล่นบ้าอะไรอีกเนี่ยไอพี่เต็ม!” ผมพูดขึ้นทันทีหลังจาก เข้าไปข้างหลังสแตน พวกพี่ๆเพื่อนๆที่อยู่ก็หัวเราะยังไม่หยุดกัน
“ก็เห็นปลุกไม่ตื่น ก็เลยให้เพื่อนๆบนแสตนปลุกมึงไง”  พี่เต็มพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมา ผมก็มองมันนิ่งๆ
อายครับ อายมากจริงๆ ทำกับผมได้ โถ่! ผมก็เดินคอตกไปนั่งที่ม้าหินอ่อน นั่งไปได้ไม่นานผมก็ได้ไปแสดงต่อ.....
“เอาให้เต็มที่เลยมึง” พี่เต็มพูดขึ้นแล้วกลั้นขำไอบ้านี่นะ!
แล้วผมกับเพื่อนๆก็เดินออกไปกัน ก็จะมีทั้งเต้น และก็โชว์ตลก เป็นการแสดงให้ตรงกับเพลง เป็นเพลงที่เนื้อหาตลกๆ อย่างเพลงจะโกะ(จับกบ) เพลงคันหู เพลงอะไรพวกนี้ ดีนะแต่งตัวมาเยอะเลยไม่มีใครจำผมได้(มั้ง55)….
“ทุกคนพี่ว่าหลีดโจ๊กของสีเรายังไม่แรงพอเนอะว่าไหม!” พี่เต็มตะโกนใส่ทรโข่ง ผมถึงกับหยุดแล้วมองมันนิ่งๆ เหนื่อยก็เหนื่อย ให้เต้นบ้าอะไรคนเดียว พวกไอปอก็เต้นอะไรกันก็ไม่รู้
“ใช่!” พวกบนสแนตก็ใช่ย่อยนะ ตอบพร้อมเพรียงกันเหลือเกิน อยากจะขึ้นไปลากหัวมันลงมาเต้นบ้างจริงๆ
“เอาละๆ ต้องใช้ไม้เด็ดแล้วละ” พี่เต็มพูดขึ้น พอพูดจบมันก็ส่งซิกอะไรกับพวกปอไม่รู้
หลังจากนั้น พวกไอปอก็หันมามองทางผมแล้วก็ยิ้มแบบร้ายกาจให้ผม และก็วิ่งเข้ามารุม จะหนีก็ยังไม่ทัน เพราะอึ้งอยู่ ก็จะมีเสียงพากย์ มันไม่มีตอนที่ผมซ้อมนี่! มันเล่นมารุมทึ้งเสื้อผ้าผมไม่พอ พวกพี่ๆหลีดก็มาเต้น เหมือนเป็นละครเวที ทึ้งจนเสื้อผ้าผมขาด วิกก็หลุด แต่หลุดไม่ออกดี ห้อยโตงเตงอยู่ตรงไหล่ ผมก็กรีดร้องอย่างอับอาย จากนั้นทั้งแสตนก็ทั้งร้องทั้งหัวเราะกันอย่างบ้าคลั่ง พวกไอปอเขาจ้างมันมากี่บาทเนี่ย เล่นสะผมน่วมเลย พอเพลงจบ ทุกคนก็วิ่งเข้าไปหลังแสตนกัน ผมก็นอนหมดสภาพอยู่หน้าแสตน เพราะพวกไอปอมันกดผมไว้กับพื้น  เพลงจบปุ้ปก็วิ่งหายไปกันหมด สภาพเหมือนคนโดนรุมโทรม ลิปเปื้อนมือเปื้อนแขนผมหมด ผมว่าเครื่องสำอางบนหน้าคงเละแล้วละ ผมก็ค่อยๆลุกขึ้น เมื่อยไปหมด แล้วก็เดินอย่างหมดแรงเข้าไปหลังแสตน.....
“55555” เห็นผมก็หัวเราะ ผมเป็นได้แค่ตัวตลกจริงๆ โถ่! ภาพลักษณ์ที่สร้างมาของช้านนนน! ToT
ผมก็ไปนั่ง จนถึงเวลาเที่ยงก็กินข้าวกัน กินเสร็จก็พักอีกหน่อยก็มีการส่งตัวแทนไปแนะนำตัวทีละสี เขาให้พี่ๆหลีดไป และก็ให้ผมตามท้ายไป เพื่อ! ให้ไปทำบ้าๆบอๆให้เขาหัวเราะ คอนเซ็ปของสีผมคือเน้นเสียงหัวเราะ และดูก็ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะหน้าผมหลุดไม่เป็นทรง ขนตาห้อยไปมา พี่เขาก็บอกว่าปล่อยไว้แบบนี้แหละดีแล้ว ผมก็ทำตามที่พี่เขาบอกไปอะเนอะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ให้สุดๆไปเลย การแสดงของผมก็ได้ทำแบบนี้ทั้งวัน จนจบกีฬาสี เราก็ไปเข้าแถว เพื่อประกาศรางวัลต่างๆแล้วก็พิธีปิด ปรากฏว่าแสตนผมได้ที่หนึ่ง ด้วยเหตุผลคือสร้างสีสันและเรียกเสียงหัวเราะได้มากที่สุด เสร็จก็ถ่ายรูปรวมแล้วก็แยกย้าย
พวกเดินขบวนกับพวกหลีด พี่ๆเขาให้อยู่ก่อน เขาจะพาไปเลี้ยง เพราะเงินรางวัลก็เยอะพอสมควร พี่ๆก็ไปซื้อขนมและให้ของกับรุ่นน้องบนแสตน ส่วนพวกที่แสดงก็จะพาไปเลี้ยง เงินรางวัลส่วนนึงก็เก็บเข้าสี แบ่งอะไรได้เสร็จสรรพ ผมก็ไปล้างหน้าอาบน้ำ ที่ห้องน้ำนักกีฬาในโรงเรียนกับพวกปอ เสร็จก็ไปหาพี่ๆ ที่กำลังเคลียล์เรื่องต่างๆอยู่ กว่าจะเคลียล์อะไรเสร็จก็เย็นมากแล้ว เขาก็พาพวกผมไปเลี้ยงหมูกระทะ พวกพี่ๆหลีด และพวกเพื่อนๆของพี่เต็มด้วยไอเบสก็มา ต่อโต้ะยาวเลย หิวมากมาย ก็ไปหยิบๆแล้วก็มานั่งกัน กินกันไปพูดคุยกันไป สนุกสนาน ผมจะนั่งกับพวกพี่เต็ม เพราะไม่ได้สนิทกับพวกพี่ๆที่เป็นหลีดอะไรมาก.....
“เต็มที่เลยพวกมึง” พี่เต็มพูดหลังจากที่กินกันไปได้สักพัก
“แน่นอนอยู่แล้ว แล้วก็อย่าลืมช่วยผมเรื่องจิตอาสาด้วยนะ!” ผมตอบกลับอย่างทวงบุญคุณเพราะมันเป็นประธานนักเรียน นั่นก็แปลว่ามันเป็นกรรมการนักเรียนด้วย มันสามารถช่วยผมเรื่องนี้ได้
เพื่อนๆผมก็เฮฮากันใหญ่ หลังจากนั้นผมกับพวกพี่เต็มก็ค่อนข้างจะสนิทกัน และพี่เขาก็ชวนผมไปไหนมาไหนตลอด จนกระทั่งหมดช่วงกิจกรรมของโรงเรียน พี่ๆเขาก็ดูจะเรียนหนักกันก็เลยไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันแล้ว ก็อาจจะนัดเที่ยวกันบ้างช่วงวันหยุด ไม่เหมือนก่อน ที่แม้กระทั่งวันธรรมดาก็พากันไปเที่ยวได้ (โดดเรียนนั่นเอง)เวลาผ่านไปสักพัก ผมก็ห่างๆกับพวกพี่เต็ม พวกผมก็ใช้ชีวิตปกติไม่มีอะไรมาก....
จนมาวันนึง วันนั้นเป็นวันศุกร์ มีงานที่โรงเรียน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมกับแบงค์ก็คุยกันในแชท คุยกันเรื่อยมาตลอด จนมาวันนี้ผมคงอดใจไม่ไหว ผมก็เลยเลือกที่จะเขียนจดหมาย(ดูโบราณ จริงๆผมเอามาจากในการ์ตูนไง เลยทำตาม55) เขียนไปบอกว่าชอบมัน เขียนมาจากบ้าน เขียนแล้วเขียนอีกให้ลายมือมันสวยที่สุด (ผมลายมือไม่สวย) ก็ตั้งใจสุดๆ เป็นข้อความสั้นๆบอกชอบมัน ผมรีบไปโรงเรียนแต่เช้าแล้วก็เอาไปไว้ใต้โต๊ะมัน เพราะวันนั้นมีงานโรงเรียน คาบแรกเลยเขาให้ประชุมกันในห้อง ผมก็มีความสุขเป็นพิเศษวันนั้นอะไรก็ดูสดใสไปหมด มันสดชื่นจริงๆ เพราะได้บอกชอบคนที่ชอบไป
ก็หวังว่าเขาจะตอบผมกลับมาด้วยคำตอบที่ใช่เหมือนกัน จริงๆดูมั่นใจเนอะ ว่าทำไมผมถึงกล้าส่งจดหมายไปให้มัน จริงๆคือระยะเวลาที่ผ่านมา ผมค่อนข้างจะตื้อมันเลยก็ว่าได้ และมันก็ดูเหมือนจะมีใจด้วย อีกอย่างผมกับมันก็นัดไปเที่ยวกันแล้วสองสามครั้ง(แบบลับๆ) และทุกครั้งมันก็ดูเหมือนจะมีใจให้ผมไม่น้อยเลย ผมก็เลยมั่นใจส่งข้อความไปให้มัน จนประชุมอะไรเสร็จผมก็ออกมายืนรอหน้าห้องเรียนก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเอาอะไรมาให้ผมบ้างเลย ผมก็คิดในแง่ดี มันคงจะทำใจอยู่ คิดเข้าข้างตัวเองไปเรื่อยๆ จนเที่ยง ก็ยังไม่มา ผมก็ไปกินข้าวกับเพื่อนๆตามปกติ กินไปพูดคุยกันไป.....   
“ทำไมวันนี้มึงดูร่าเริงออกหน้าออกตาแปลกๆวะ” ปอถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“กูบอกชอบไอแบงค์ไปแล้ว” ผมตอบด้วยความอารมณ์ดี พร้อมกับยิ้มหน้าบาน
ทุกคนถึงกับชะงัก แล้วก็มองผมแบบสงสัย.......
“แล้ว...มันว่ายังไง” มินถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้วะ กูเอาจดหมายไปสอดไว้ใต้เกะมันอะ ไม่รู้มันจะเห็นไหม” ผมตอบกลับพร้อมกับกินข้าวไปด้วย
“อาละว้า กูรู้สึกว่าจะมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นก็ไม่รู้” นัทพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
“ทำไมวะ?” วิวหันไปถามไอนัทอย่างสงสัย
“นู่นไง มาแล้ว พวกของไอแบงค์อะ” นัทพูดพร้อมกับชี้ไปทางด้านหลังผม พวกเพื่อนๆกลุ่มไอแบงค์กำลังเดินมาทางโต้ะที่ผมนั่ง ผมก็ไม่เห็นไอแบงค์นะ
พวกมันก็เดินมาหยุดอยู่ตรงโต้ะผม แล้วก็มองผมเขม็งเลย มากันเยอะ ผมก็มองพวกมันอย่างสงสัย....
“อะ กูเอาจดหมายของมึงมาคืน!”  บาสหนึ่งในเพื่อนของไอแบงค์พูดอย่างไม่พอใจแล้วโยนจดหมายของผมลงโต้ะ ผมก็หยิบมาดู
“เลิกยุ่งกับไอแบงค์ด้วย มันเป็นผู้ชายไม่ใช่ตุ้ด หรือเกย์ อย่าหาว่าพวกกูไม่เตือนนะ!” กานต์ชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ พอพวกมันพล่ามจบ ก็พากันเดินไป
ผมก็ล้วงจดหมายของผมมาดู มันถูกฉีกเป็นชิ้นๆอยู่ในซอง รู้สึกจุก จุกอยู่ตรงอก และยังมีจดหมายอีกใบที่แนบอยู่ในซอง เป็นจดหมายเขียนด่าผมว่าให้ผมต่างๆนาๆ ว่าผิดเพศอย่างนู้นอย่างนี้ เป็นตุ้ดแล้วยังมายุ่กับกูอย่างนู้นอย่างนี้ มากมาย เขียนมาเต็มหน้ากระดาษไปหมด ผมถึงกับมือสั่นด้วยความโกรธ ไอแบงค์มันสะบั้นรักผมได้เลวมาก ความรู้สึกผมพังหมดเลย ผมรู้สึกดีกับมัน ผมชอบมัน แต่มันกับ....ทำลายผมด้วยจดหมายโง่ๆนี่....
พรึ่บ! แคว่ก! ปอดึงจดหมายไปฉีกแล้วก็เดินเอาไปทิ้งให้ ตอนนั้นอึนอึ้ง ผมอกหัก ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยเหรอ เป็นอะไรที่บัดซบสุดๆ เพื่อนก็ปลอบผมมากมายเหลือเกิน แต่เชื่อไหม ผมไม่ได้รับรู้อะไรเลย นี่หรือคืออกหัก รู้แล้วเป็นแบบนี้นี่เอง แต่แปลกที่ไม่มีน้ำตาสักหยดเหมือนในละคร ผมก็พยายามปลอบใจตัวเอง พยายามคิดว่ามันไม่ใช่ ทั้งวันผมนั่งเหมอนั่งไม่มีสติ จนถึงเวลาเลิกเรียน ผมรีบเก็บของแล้วก็ไปหาไอแบงค์ที่ห้องเรียน มันอยู่ที่ห้องเรียน มันมองผมนิ่งๆ ผมก็เดินเข้าไปหามัน โดยไม่สนสายตาใครๆเลย.....
“แบงค์ มันคืออะไรวะ มะ..” ผลัก! โครม! ผมพูดไม่ทันจบ มันผลักผมล้มลงกับพื้น เก้าอี้ โต๊ะที่อยู่บริเวณนั้นก็ล้มลงตามแรงของผม ไอแบงค์ทำหน้าที่เย็นชาสุดๆ
“อย่ามายุ่งกับกู กูไม่ใช่เกย์!” ไอแบงค์ตะคอกใส่ผมเสียงดัง ผมถึงกับสะดุ้ง พร้อมกับเพื่อนๆผมที่กำลังตามมาดู
“ไอสัส! มึงทำเกินไปแล้วนะเว้ย!” ไอมินพูดพร้อมกับผลักไอแบงค์ให้ออกห่างจากผม และเข้ามาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น เพื่อนๆคนอื่นก็ตามมา
“หึ!” มันมองผมด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างมาก แล้วมันก็เดินผ่านผมไป
บอกตามตรง มันรู้สึกเสียใจนะ คิดอะไรไม่ออกแล้ว ผมอึนไปหมด แล้วที่ผ่านมาคืออะไร? ทำไมมันถึงเย็นชาแล้วทำหน้ารังเกียจผมขนาดนั้น คำถามและความคิดมากมายอยู่ในหัวผม เพื่อนๆก็ลากผมมาหน้าโรงเรียน ระหว่างทางที่ลากผมมามันก็พูดปลอบผมมากมาย ผมก็ไม่มีกะจิตกะใจจะฟังพวกมันหรอก ผมก็ได้แต่ยิ้มอ่อนๆ เฮ้อ! ไม่สมหวังอย่างที่คิดเลย โลกนี้มันเลวร้ายจริงๆ ผมก็พูดคุยกับเพื่อนๆนิดหน่อย บอกพวกมันไปว่าไม่เป็นอะไร จริงๆก็ไม่เป็นอะไรนะ แค่เสียความรู้สึก และก็ อกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่ม แค่นั้นเอง พอแยกกับเพื่อนๆได้ผมก็โทรบอกป๊าว่าผมจะไปเดินห้างกับเพื่อนๆ ผมอยากอยู่คนเดียว ผมยังไม่อยากเจอใคร ผมก็นั่งรถไปห้าง ไปเดินเล่นชิวๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย.....
“เห้ย! หยุดนะเว้ย!” ผมหันไปมองตามเสียง พวกวัยรุ่นวิ่งไล่? ไอเบส? มันมาเป็นกลุ่มน่าจะเด็กเทคนิคประมาณ5คน วิ่งไล่ไอเบสมา ไอเบสคนเดียวด้วย ไอเบสวิ่งมาทางที่ผมยืนอยู่ และไอพวกนั้นก็โดนขัดทางเพราะคนเดินสวนมาเยอะ....
“ไอเบส ทางนี้!” ผมดึงมือมันไปทางประตูหนีไฟข้างทางไปห้องน้ำ แล้วก็พามันวิ่งลงไปทางด้านล่างที่เป็นลานจอดรถ มันก็วิ่งมาตามแรงดึงของผม ตั้งแต่สนิทกับพี่เต็มไอเบสก็ดูจะอ่อนๆลงกับผมเยอะแล้ว มันก็ไม่ค่อยพูดจาหาเรื่องผมสักเท่าไหร่แล้ว แต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรกันเลย คุยกันแต่ละครั้งนับคำได้เลย
เราทั้งคู่หยุดแล้วหายใจอย่างหอบหนักเลย ผมก็พิงกำแพงแล้วก็ไหลนั่งลงกับพื้น ไอเบสก็ด้วยดูเหมือนว่าไอพวกนั้นจะไม่ตามมาแล้วล่ะ.....
“เหนื่อยฉิบ!” ผมพูดขึ้นมา พร้อมกับแสดงท่าทีหอบนิดหน่อย
“เออ มึงจะลากกูมาทำไมวะ!” มันถามกลับด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อย
“อ้าว! ก็เห็นโดนใครวิ่งไล่กระทืบมึงมาละ!” ผมพูดแล้วมองมันนิ่งๆ
“เออๆ ขอบใจแล้วกัน” มันพูดแล้วก็ลุกขึ้น
ผมก็ลุกขึ้น แล้วปัดกางเกงนิดหน่อยไอเบสมันก็มองผมนิ่งๆ....
“ไปกินข้าวเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ” มันพูดชวนผม? ผมมองมันแปลกๆ
“อะ อืม” ถึงจะไม่รู้อารมณ์ไหน ก็ตอบรับไปก่อนแล้วกัน
แล้วมันก็เดินนำไป ผมก็เดินตามไป มันก็พาผมไปลานจอดรถ มันเอามอไซค์มา ก็ไปรถมัน มันพาไปกินก๋วยเตี๋ยวแถวตลาด ไปถึงก็สั่ง แล้วก็ไปนั่งรอ.....
“มีอะไรหรือเปล่าวะ ดูเครียดๆนะ” ถามอย่างเป็นห่วง ในฐานะเพื่อนคนนึง ไอเบสมันแก่กว่าผมไปปีนึงนะ แต่ผมไม่เรียกมันพี่หรอก ถ่อยขนาดนี้ เรียกไม่ลง
“พวกมันแย่งแฟนกูไป กูไปหาเรื่องพวกมันเอง” ไอเบสตอบกลับ พร้อมกับทำหน้าเครียด
เท่าที่ผมได้ยินเขาพูดถึงมันมา คือมันมีอะไรจะไม่ค่อยพูดหรือปรึกษาใคร มันเป็นเด็กเก็บกด เท่าที่พี่เต็มเล่าให้ฟัง
มันก็เล่า ว่าแฟนของมันอะ รักมันที่มันซื้อของให้นู่นนี่นั่น และก็พร่ำเพ้อถึงแฟนมันต่างๆนาๆ ผมก็ฟังบ้าง ปลอบมันบ้างก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟ ผมก็กินไปฟังมันไป มันก็เอาแต่พูด จนมันพูดจบแล้วก็ก้มหน้าก้มตากิน....
“ทำไมถึงเล่าให้กูฟังอะ” ผมถามอย่างสงสัย มันก็เงยหน้ามามองผมนิ่งๆ
“ไม่รู้ดิ แค่อยากเล่าให้ฟัง มึงจะเอาไปบอกใครก็ได้นะ” ไอเบสมองผม พร้อมกับตอบนิ่งๆ หลายอารมณ์จริงๆนะ
“เห็นกูปากสว่างขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ถามอย่างไม่พอใจ มันก็ยิ้มมุมปาก
“คงงั้นอะ” มันตอบกลับนิ่งๆแล้วก็ก้มหน้ากินต่อ
ให้ตายสิ มันก็กวนตีนผมยันหยดสุดท้ายจริงๆ ผมก็กินกันไป แต่มันดูเศร้าแบบเห็นได้ชัดเลยละ.....
“จริงๆ กูก็เพิ่งโดนหักอกมาวะ” มันเงยหน้ามามองผมนิ่งๆ “กูแอบชอบคนๆนึงละ....”
“ผู้ชายใช่ปะ?” ผมก็พยักหน้า มันก็ตกใจไปนิด “จริงเหรอวะ กูแค่พูดเล่นนะ” มันดูตกใจจริงๆ
“ อืม ผู้ชายเนี่ยแหละ” ผมก็ตอบกลับด้วยท่าทีสบาย ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องไปแคร์ความรู้สึกมันว่ามันจะรังเกลียดอะไรผมไหม
“เรื่องเป็นยังไงวะ” มันถามอย่างสนใจ
ผมก็เล่าตั้งแต่เริ่มต้นรู้จักไอแบงค์ให้เบสฟัง มันก็ดูตั้งใจฟังดี มันเป็นผู้ฟังที่ดีเลยละ จนเล่าจบ ผมเล่าหมดเลย เพราะผมคิดว่าไอเบสมันก็ยังเปิดใจให้ผมฟังเลย ผมเปิดใจกับมันบ้างจะเป็นอะไรไป.....
“ถ้าเป็นกู.....กูคงไม่แค่ผลักวะ มึงคงจะโดนตีนกูด้วย” มันบอกผม พร้อมกับทำหน้าเย็นชา ผมก็มองมันแบบไม่พอใจ
“เลวกันหมด!” ผมพูดจบแล้วก็กินน้ำ ทำไมต้องคิดแบบนี้ แค่บอกว่าไม่ได้ชอบก็ได้ ต้องทำลายความรู้สึกด้วยการทำร้ายกันด้วยหรอ ไม่เข้าใจเลย
“เอ้า! เขาเป็นผู้ชายดีๆ อยู่ๆมึงไปบอกชอบ ก็รังเกียจดิ กูยังแอบขนลุกเลยนะเนี่ย” ไอเบสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมก็เลยมองมันนิ่งๆ เพราะก็เข้าใจได้ในเรื่องนี้
“เกย์นี่มันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ดิ แต่กูไม่ชอบ” ไอเบสพูดอย่างไม่ใส่ใจ ผมก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย “แต่กูจะเว้นมึงไว้คนนึงแล้วกัน เห็นว่ามึงก็ ไม่ได้น่าเกียจหรือทำตัวอุบาทว์เหมือนพวกตุ้ด ยังไงมึงก็เพื่อนกู” มันเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมก็เผยยิ้มขึ้นมา
“อื้ม” ยิ้ม
“มื้อนี้กูเลี้ยงแล้วกัน ถือว่าตอบแทนที่มึงช่วยกู” แล้วมันก็ลุกไปจ่ายตัง ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ
แล้วมันก็กลับมานั่งคุยกับผมนิดหน่อย จริงๆมันก็ดูเป็นคนดีเลย แต่ติดจะห่ามจะแข็งกระด้างไปหน่อย ผมคุยกับมันก็สนุกดี มันชอบทำเก๊กทำอะไรแบบนั้น ผมก็ชอบไปแหย่มัน กวนๆมัน แต่มันก็ไม่ได้รังเกียจอะไรผมนะ ก็ทำเหมือนผมเป็นเพื่อนมันคนนึงนั้นแหละ...
วันเวลาผ่านไป  เรื่องไอแบงค์ทำใจได้ตั้งแต่อาทิตย์แรกแล้ว แต่มันก็เปลี่ยนไปนะ ชอบมาหาเรื่อง พูดจาไม่ดีกับผมเรื่อยๆเลย และเวลาที่ผมอยู่คนเดียวก็ชอบมารังแก แต่อย่าคิดว่าผมจะยอม ผมก็ไม่สนใจมันด่ามันกลับไปด้วยซ้ำ ผมกับไอเบสก็สนิทกันขึ้น นับวันตั้งแต่วันนั้น มันมีอะไรก็มาปรึกษาผมตลอด มันบอกว่าบอกผมแล้วสบายใจดี? มันบอกมาแบบนี้ แต่พอยิ่งรู้จักกับมันมันก็เล่นแรงขึ้นเรื่อยๆเลย ชอบมาตีผมแรงๆ ผมก็ตีคืนบ้างอะไรบ้างตามประสา พูดง่ายๆเลยคือผมสนิทกับไอเบสมากกว่าพี่เต็มแล้วตอนนี้ เพราะพี่เต็มติดเรียนมาก ส่วนไอเบสมันไม่ใช่เด็กเรียนอะไร ชอบชวนผมไปส่งมันจีบสาวๆของมัน ผมก็บ้าจี้ไปกับมัน ช่วงนั้นจำได้ว่าไปกับมันสองคนบ่อยมาก เลิกเรียนทีไรมันก็มารอรับ จนพวกปอสงสัย แต่ตอนนั้น ผมบอกตรงๆไม่ได้คิดอะไรเกินเลยและไม่เคยคิดที่จะคิดด้วย มันไม่ใช่สเป็ก ถึงมันจะไม่ได้แย่ แต่ผมก็คิดกับมันแค่เพื่อน…..
และอยู่มาวันนึง โทรศัพท์ผมเข้า เป็นเบอร์ของไอเบส ผมก็รับปกติ เพราะมันมักจะโทรมาบอกผมว่าเย็นนี้จะไปไหน แต่วันนี้ผิดคาด เป็นผู้หญิงรับ บอกโทรจากโรงพยาบาล ไอเบสรถล้ม เห็นเบอร์ผมเป็นเบอร์ที่ติดต่อเยอะที่สุดก็เลยโทรหา ดีวันนี้เป็นวันหยุด ผมก็เลยรีบนั่งรถไปหามันที่โรงพยาบาล มันไม่ได้เป็นอะไรมากแค่แผลถลอก ดีขาไม่หัก ให้ยาแก้อักเสบมัน มันก็เลยหลับไป ผมก็เลยเอาโทรศัพท์มันมาค้น จริงๆด้วย รายการโทรออกก็มีเบอร์ผมเป็นส่วนมาก และก็เบอร์แฟนๆของมันเป็นส่วนน้อย ทำไมไม่โทรหาพ่อแม่มันนะ ผมก็เลยกดดูเบอร์พ่อแม่มัน แล้วก็เลยกดโทร มันเป็นเบอร์แปลกๆ เหมือนเบอร์ที่อยู่ต่างประเทศ พอรับสายก็มาเป็นภาษาอังกฤษเลย พูดไม่เป็นสะด้วย ผมก็เลยวางไป แล้วก็โทรบอกป๊าว่าอาจจะกลับเย็นมาดูเพื่อนที่โรงพยาบาล........
“นะ...น้ำ” ไอเบส พอรู้สึกตัว ก็พูดแบบเสียงแหบๆ ส่งสัยจะหิวมาก ปัดมือไปมา เกือบโดนเหยือกน้ำ
ผมก็รีบไปเทน้ำใส่แก้วใส่หลอดแล้วก็ไปยัดใส่ปากมัน มันเป็นห้องวีไอพีสะด้วย เห็นพยาบาลบอกว่าเจอบัตรประกันของมันในกระเป๋าตังมันเลยทำเรื่องให้เลย ก็ดีนะ สะดวกดี พอให้น้ำมันเสร็จมันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา.....
“เจ็บวะ” มันพูดทำเสียงสั่นน้ำตาคลอ  ผมละสงสารจริงๆ อยู่เหมือนเด็กน้อยเลย
“ไม่เป็นอะไรแล้ว เขาทำแผลให้ให้ยามึงแล้ว” ลูบแขนมันเบาๆ เป็นเชิงปลอบ
“มึงมาได้ยังไง” มันหันมาถามผมอย่างสงสัย
“พยาบาลโทรตามกูมาอะดิ เฮ้อ! มึงติดหนี้กูอีกแล้วนะ กูมาดูมึงเลยนะเนี่ย” พูดติดตลก มันก็อมยิ้มครับ “กูโทรหาพ่อแม่มึงไม่ได้วะ โทรไปเป็นฝรั่งรับ กูเลยวางกูคุยไม่เป็น” ยิ้มอ่อนส่งไปให้มัน มันก็หัวเราะเบาๆ
“พ่อแม่กูอยู่เมืองนอกนู่น เขาไม่สนใจกูหรอก” มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ถ้าผมมองไม่ผิด แววตามันดูเศร้ามาก มันอยู่ที่นี่กับใครละถ้าพ่อแม่มันอยู่ต่างประเทศ
“ละ...แล้วมึงอยู่ที่นี่กับใคร” ผมถามกลับเบามาก กลัวว่ามันจะสะเทือนใจ
“คนเดียว” มันพูดจบแล้วก็หลับตาลง
กลายเป็นผมเองที่ สะเทือนใจไปนิดนึง มันโดดเดี่ยวขนาดนี้เลยเหรอทุกวันนี้ เฮ้อ! ผมก็เปลี่ยนเรื่องคุย ทำให้มันร่าเริงไว้ เพราะจริงๆมันก็กลับบ้านได้แล้ว แต่ร่างกายมันอ่อนเพลีย มันก็เลยเป็นลม เขาก็เลยให้มันนอนพักสักหน่อย ตอนนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้ว รถมันศูนย์มาลากไป ตอนนี้ก็คงต้องขึ้นรถแดงไปส่งมันที่บ้าน.....
“ไม่เอา กูไม่นั่ง! ให้รถโรงพยาบาลไปส่งกูก็ได้กูมีตังจ่าย!” พอมันเห็นผมโบกรถ มันก็พูดขึ้นมาอย่างไม่ยอม
“เอาน่า ชิวๆ นั่งรถตากลมบ้าง” ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม มันก็ทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่
ผมก็เดินไปบอกลุงคนขับ ผมจำเอาจากบัตรประชาชนมัน น่าจะใช่เพราะอยู่ในเมืองด้วย พอบอกเสร็จก็พยุงมันขึ้นรถ มันก็ดื้อนะไม่ยอม ผมลากดึงมันกว่าจะยอม ขึ้นไปก็นั่งทำหน้าเป็นตูดผมชวนคุยอะไรก็ไม่คุย พอถึงบ้านผมก็ลงไปจ่ายตัง บ้านมันใหญ่พอควรเลย พอเข้าไป มันเงียบและวังเวง มีแม่บ้านคนสวนและ......
“คุณหนู! เป็นอะไรมาคะเนี่ย” สาวสูงวัย วิ่งมาถามอย่างเป็นห่วงผมก็ถอยห่างเล็กน้อย เพราะไม่แน่ใจว่าท่านนี้คือใคร
“รถล้มนิดหน่อย ป้านมก็อย่าทำเป็นเว่อร์ไปหน่อยเลย!” มันตอบกลับอย่างไม่พอใจ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป
ผมก็ยิ้มให้ป้านมนิดหน่อยแล้วก็ตามมันเข้าไป ขนาดป้านมที่ดูแล มันยังไม่ทำดีด้วย แสดงว่ามันคงไม่ไว้ใจใครเลยสินะ มันปิดกั้นตัวเองแล้วก็ทำไม่ดีกับทุกคนเนี่ยนะ โถ่!....
“เบส ทำไมมึงไม่พูดดีๆกับป้านม...” ถามอย่างกล้าๆกลัวๆด้วยความสงสัย
“เขาไม่ได้สนใจอะไรกูหรอก ก็แค่หวังเงินที่พ่อแม่กูให้ กูอยู่ที่นี่ก็เหมือนอยู่คนเดียวแหละ” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมก็นั่งข้างๆมัน
ตอนนี้เรานั่งกันที่โซฟาตัวใหญ่ ที่ห้องรับแขกชั้นล่าง มันก็เปิดทีวีดู ผมก็นั่งดูเงียบๆข้างๆมัน แอบเกร็ง เพราะมันดูท่าจะอารมณ์ไม่ดี?.....
“ไม่ต้องทำท่ากลัวกูขนาดนั้นหรอกนะ” ปากมันบอกผม แต่ตามันก็ยังจ้องไปที่ทีวี
“กะ..ก็มึงน่ากลัวอ่า” ผมพูดแล้วยิ้มให้มัน มันก็หันมามองผมนิ่งๆ
“มึงนอนเป็นเพื่อนกูได้หรือเปล่า กูไม่มีคนทำแผลให้” พูดจบมันก็มองลงไปที่แผลมัน ผมก็มองตาม
“อะ เอ่อ...” อึดอัดใจเลย แต่มันก็ต้องการคนที่มันพึ่งพาได้ในตอนนี้ ผมก็คงต้องตกลงแหละ “กะ...ก็ได้มั้ง แต่แค่คืนเดียวนะ เพราะมะรืนต้องไปเรียน” มันก็พยักหน้ารับ
ผมก็โทรไปบอกป๊า ตอนแรกจะเอาเสื้อผ้ามาให้ผม แต่ไอเบสบอกว่าให้ใส่ของมันได้ ผมก็โอเคจะได้ไม่รบกวนป๊ามาก ผมก็ไปเฝ้ามันอาบน้ำหน้าห้องน้ำ กลัวมันล้ม แผลมันจริงๆก็แค่ถลอกแล้วก็ฟกช้ำสะส่วนมาก ผมก็พยายามทำแผลให้มันและให้มันลองทาเองบ้างเผื่อผมไม่อยู่มันจะได้ทำเองได้ มันก็ลองทำตามคำแนะนำ...
ผมนอนตรงโซฟา มันไล่ผมไปนอนตรงนั้น มันบอกว่าไม่ไว้ใจผม ดูมันนะ ขอให้คนอื่นอยู่ช่วยแล้วทำตัวเลวอีก ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะโซฟามันนุ่มมาก นอนไปสักพักก็หลับ อยู่กับมันอีกวันนึงก็นั่งเล่นเกมส์ทำนู่นทำนี่คุยกับมันไม่ให้มันเบื่อ จนพอตกเย็นก็ถึงเวลากลับผมก็กลับ โดยบอกจะโทรถามอาการมันเรื่อยๆ มันก็โอเค.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 18:54:36
ผ่านมาสักพักมันก็หายเป็นปกติ และหลังจากนั้นมันก็เทียวมาหาผมปกติเป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ พอมันป่วยผมก็ไปดูแลมันบ่อยๆ และจากนั้นผมกับมันก็สนิทกันมากขึ้นกว่าที่เคย พัฒนาจากที่เหมือนจากจะไม่พอใจกันมากมายกลับมาเป็นเพื่อนที่ดี มันมารับผมให้ไปกับมันทุกเย็นเรื่อยมา จนระยะหลังๆมันก็เริ่มเปลี่ยนไป มันดูเทคแคร์ผมดีขึ้น ดูแคร์ความรู้สึกผม ดูยอมผมมากขึ้น พูดดีขึ้น ดูอะไรมากมายกับผม ความรุนแรงก็น้อยลง  โทรมาบ่อยมาก บ่อยจนผิดปกติพอถามมันก็บอกว่าไม่มีอะไร ผมก็แปลกใจนะ แต่คงไม่มีอะไรอย่างที่มันว่า...
จนมาวันนึง มันนัดผมให้ไปหาที่ร้านกาแฟที่ห้าง โดยที่มันไม่มารับ ก็เอะใจนะ ปกติมันจะมารับอย่างเดียวเลย นี่ก็ครั้งแรกเลยนะที่มันโทรมาแล้วบอกให้ผมไปหามัน ผมก็ตกลงและไปตามที่มันบอก มันก็นั่งรอผมอยู่แล้ว ผมก็เข้าไปนั่งตรงข้ามกับมัน........
“เฮ้อ! วันนี้เรียนน่าเบื่อมากเลยมึง” ยิ้ม มันก็มองผมนิ่งๆ “เออ หายดีแล้วใช่เปล่า” ผมลุกขึ้นแล้วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมันมันก็นิ่งให้ผมทำ คือแต่ก่อนมันก็ไม่ยอมให้ผมทำหรอกทำหวงเนื้อหวงตัว แต่พักหลังๆนี่ ต้องให้แตะเนื้อต้องตัวตลอด “เออ ดีขึ้นแล้วนะ ทำไมทำหน้าแบบนั้นละ”เมื่อเห็นมันเงียบ ผมก็เลยตอบ และถามมันกลับอย่างสงสัย
“เปล่าๆ เออกินอะไรไหม”เอาแต่จ้องผม ผมก็จ้องมันกลับ เป็นอะไรของมันนะ
“เลี้ยงเปล่า” ผมถามกลับติดตลกมันก็พยักหน้า ผมก็เรียกพนักงานมาสั่งของที่ผมอยากกิน
“นท มึงว่ากูเป็นยังไงบ้างวะ” ผมสั่งพี่เขาเสร็จพอดีมันก็ถามขึ้นมา ผมก็แอบส่งสัยในคำถามมันอยู่เหมือนกันนะ
“แน่ะ! ถามแบบนี้ ปิ้งใครอีกละ” ผมมองมันแล้วทำท่าล้อเลียน มันก็ทำหน้าจริงๆจังสะงั้น “กะ...ก็ดีนะ ถึงมึงจะดูนักเลง มึงก็เป็นคนดีเลยละ” ผมพูดไปยิ้มไป มันก็อมยิ้ม
“แล้วมึงมีแฟนหรือยัง?” ไอเบสถามแปลกๆ ปกติผมมักจะพูดเรื่องแฟนหรือคนที่ผมชอบโดยที่มันไม่เคยถาม แต่วันนี้มาแปลก ถามผมสะงั้น
“กูจะมีได้ยังไงวะ วันๆเรียนๆก็อยู่กับเพื่อน พอเลิกเรียนก็มาหาเพื่อนอย่างมึงอีก”
“ อืมๆ”  พยักหน้าตอบรับ พร้อมกับยกแก้วขึ้นมาดูด วันนี้มันแปลกๆ แหะ ผมชักเป็นห่วงมัน...
“พ่อแม่มึง โทรมาเหรอ?” ผมเอ่ยถามเบาๆ เพราะการที่มันจะมีอาการแปลกๆ ถ้าพ่อแม่มันไม่โทรมาก็น่าจะเครียดอะไรสักอย่าง เพราะพ่อแม่มันโทรมาทีไรก็เอาแต่ต่อว่ามัน ผมก็อดเป็นห่วงและสงสารมันไม่ได้
“เปล่า กูแค่....” ผมก็มองมันแบบลุ้นๆ ว่ามันจะตอบอะไร มันกับหลบตาผมแล้วก็หันไปอีกทาง พอดีกับพี่เขามาเสริฟของที่ผมสั่งไปพอดี
“โห้ย! น่ากินอ่า เค้กน่ารักจัง” มองเค้กตาเป็นประกายยเลยสิ ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็กดถ่ายรูปส่งไปอวดพวกไอปอในกลุ่มไลน์ พวกมันโวยวายกันใหญ่เลยผมไม่ชวนมันมา55
“คุยกับใครวะ!”  - พรึ่บ! - พูดจบมันดึงโทรศัพท์ผมไปดูทันที
“มึงเป็นอะไรเนี่ยเบส พักหลังมึงแปลกๆนะ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า!” ถามมันอย่างเป็นห่วง มันก็ก้มหน้าอ่านข้อความของผมไป จริงๆผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับเรื่องส่วนตัวผมหรอก แต่มันก็สนิทใจกันแล้ว ผมก็เลยไม่อะไรกับไอเบส มันก็ไม่ตอบอะไร ผมก็นั่งกินไปของผมเงียบๆ....
“มึงไม่ชอบใครเลยเหรอ?” มันถามผมอย่างสงสัย
“ไม่อะ กูเข็ดละ รอกูเจอคนที่ชอบแบบจริงๆก่อนแล้วกัน” พูดไปกินไป พร้อมกับไหวไหล่อย่างกวนๆ มันก็อมยิ้ม
“กูชอบคนนั้นอะ ไปขอเบอร์ให้หน่อยดิ” ชี้ไปทางข้างหลังผม มีผู้หญิงน่าจะรุ่นพี่แหละนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว
“แล้วคนเก่ามึงไปไหน อะไรยังไง!” ถามอย่างเบื่อหน่าย มันจะมากไปแล้วนะ
“ไม่อ่ะกูเบื่อ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความเอาแต่ใจของมัน
พูดถึงเรื่องความเอาแต่ใจของมัน อันดับ1เลย ผมเคยไปหามันที่บ้าน มันกำลังทำลายข้าวของในบ้านเละเลย เพียงเพราะแม่บ้านไม่ทำอาหารที่มันต้องการให้มันกิน มันเล่นบ้านเละเลย จนผมต้องไปห้ามมัน มันอยู่กับผมมันเอาแต่ใจไม่ได้หรอก ถ้าผมไม่ยอม แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างไปขอเบอร์คนที่มันชอบให้ ผมก็ยอมทำให้ เผื่อมันจะมีกำลังใจจะเป็นคนดีแบบคนปกติเขาบ้าง และเหมือนก็จะเป็นอย่างนั้นนะ มันดูใจเย็นขึ้นเยอะเลย
ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปทางด้านหลังเก้าอี้ผม ทักทายผู้หญิงคนนั้นนิดหน่อย ผมเอาความอัธยาศัยดีของผมเข้าแลก ถ้าเขาไม่ให้ผมก็ได้แค่วางเบอร์ไอเบสไว้ ผมก็ไม่ฝืนใจใครหรอก ทำได้เท่าที่ทำให้ก็รับไม่ให้ก็ปลง แต่คนนี้ให้ไลน์ โชคดีไป เขาก็เขียนใส่เศษกระดาษให้ ผมก็ขอบคุณเขาแล้วก็เดินกลับมา เอากระดาษนั่นยื่นให้ไอเบส.....
‘’พอใจแล้วนะ เลิกทำหน้าแปลกๆได้แล้ว กูสยอง” พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็หยิบน้ำขึ้นมาดูด มันก็อมยิ้มพร้อมกับดูกระดาษที่ผมยื่นให้มันไป
“กูอยากไปเล่นบ้านมึงบ้าง ไปนอนบ้านมึงบ้างได้ไหม” ผมชะงักไปนิด
จริงๆผมไม่เคยพาไอเบสเข้าบ้าน ไม่ว่าจะตอนเป็นแฟนหรือเป็นแค่เพื่อนกัน เพราะบุคลิกของมันที่ดูจะนักเลงเกินไป และท่าทางที่เย่อหยิ่งของมันผมกลัวว่าพอไปเจอกับป๊าและพี่โน้ตเขาจะรับไม่ได้ และยิ่งแม่ เขาไม่ชอบเด็กแบบก้าวร้าว และไอเบสคือตรงทุกประการ ผมกลัวคนที่บ้านจะไม่พอใจ เลยไม่กล้าพามันเข้าบ้าน เดี๋ยวโดนห้ามให้เลิกคบกัน.........
“ป๊ากูดุวะมึง เขาไม่ชอบให้กูพาเพื่อนเข้าบ้านอะ มึงเข้าใจกูนะ” บอกอย่างจริงจัง พร้อมจ้องหน้ามัน
“แม้แต่ไปส่งที่บ้านก็ไม่ได้เลยเหรอ ตั้งแต่กูรู้จักมึงมา กูยังไม่เคยเห็นบ้านมึงเลยนะ” มันถามนิ่งๆ และดูดน้ำจากแก้ว
“เอาน่า กูไปหามึงได้สบายๆอยู่แล้ว” พูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็กินเค้กต่อ
“วันนี้ไปเล่นบ้านกูนะ” ผมก็พยักหน้า แอบโล่งใจ ถึงจะสนิมกับมัน แต่ยังไงก็ไม่อยากให้มันรู้เรื่องบ้านอะไรของผมมากไป เพราะลางสังหรณ์ผมชัดเจนว่าไม่ควรพามันไปบ้าน
เราก็พูดคุยกัน นอกเรื่องไปไกลเลย คุยกับมันก็สนุกดีนะ มันไม่ค่อยจะถามอะไรผมหรอก แต่ผมก็ชอบที่จะเล่านู่นนี่ให้มันฟัง มันก็ตอบคำถามของผมตลอด ก็เป็นแบบนี้เรื่อยมา พอกินอะไรเสร็จ ไอเบสก็พาผมไปบ้านมันเลย มันบอกมีเกมส์ใหม่มา ก็ไปสักหน่อยเนอะ พอไปถึงมันก็ตรงไปห้องนั่งเล่นเสียบนู่นเสียบจัดแจงเครื่องเกมส์ ผมก็เอาของไปเก็บถอดถุงเท้า เลิกชายเสื้อขึ้นมาตามปกติ เพื่อความสบายของตัวเอง......
“วันนี้ค้างที่นี่หรือเปล่าจ้ะหนูนท’’ ป้านมหรือผู้ที่เลี้ยงดูไอเบส เดินมาพร้อมกับน้ำแล้วก็ขนม ผมก็ยิ้มให้นิดหน่อย จริงๆผมก็มาค้างกับมันบ่อย ชอบมาเล่นเกมส์บ้านมันเนี่ยแหละ ป้านมเลยถามขึ้นมา
จริงๆเรื่องป้านมตอนแรกผมไม่เชื่อนะ พอไปๆมาๆบ้านไอเบสบ่อยๆก็ได้รู้ ว่าป้านมเขาก็ทำแค่ตามหน้าที่ แต่พอหมดหน้าที่ก็คือไม่ทำอะไรเลยจริงๆ เข้าใจไอเบสเลย นี่ก็เป็นส่วนนึงเนี่ยแหละ ที่ทำให้ผมชอบไปมากับมัน จริงๆพูดว่าสงสารก็ได้ อยากช่วยมันมากกว่า........
ขอบคุณครับป้านม แต่คงไม่ได้ค้างครับ” ตอบอย่างอ่อนโยน พร้อมกับยกยิ้มส่งให้
“พวกผมจะเล่นเกมส์ ป้านมไปทำอย่างอื่นเถอะครับ” พูดเป็นเชิงไล่ ไอนี่ก็แสดงออกเกิน
แล้วป้านมก็เดินไป ไอเบสก็หยิบขนมกิน ผมก็มองมันอย่างเบื่อหน่าย คือถึงมันจะไม่ชอบเขายังไงก็ไม่ควรจะแสดงออกอะไรขนาดนั้น เพราะเขาก็แก่กว่ามันอีกอย่างตอนนี้เขาก็ดูแลมันอยู่ ถึงจะดูและไม่ดีเท่าที่ควรก็เถอะ...
“มองอะไรวะ?” ไอเบสเช็ดปากตัวเอง ผมก็หันไปมองทางจอทีวี...
“มึงควรพูดดีๆกับผู้ใหญ่ในบ้านบ้างนะเว้ย! ถึงเขาจะดูและมึงไม่ดี มึงก็ไม่ควรปฏิบัติกับเขาแบบนั้นนะ” ผมบอกมันแบบไม่จริงจังนัก มันเงียบไปพักนึง ผมก็หันไปมองมัน มันก็มองผมนิ่งๆ
“มึงอยากให้กูทำแบบนั้นเหรอ” มันพูดนิ่งๆ แต่ทำไมผมใจสั่นแปลกๆ หรือเพราะระยะที่ใกล้ไปหรือเปล่านะ
“ละ...แล้วแต่มึงเถอะนะ กูแค่แนะนำน่ะ” ผมตอบแบบเลิ่กลั่ก พร้อมส่งยิ้มแห้งให้มันไป แล้วถอยห่างนิดหน่อย แล้วก็มองจอทีวี
แล้วก็เริ่มเล่นเกมส์กันอย่างเมามันส์ แพ้ไอเบสได้ทุกตา แพ้จนหมดอารมณ์จะเล่น ผมก็หันไปโวยวายมันบ้าง อะไรบ้าง แต่แปลกคือเล่นไปเล่นมาเหตุใดผมกับมันถึงนั่งชิดกันอะไรขนาดนี้เนี่ย!...........
“ใกล้ไปแล้ว ไอเบส ถอยออกไปเลย!” ผมบอกอย่างรำคาญ แต่ก็ไม่หันไปมองมันนะ หงุดหงิดอะ แพ้เกมส์ไม่พอยังมาอึดอัดกับการนั่งเบียดของมันอีก
มันก็เงียบไป ผมก็หันไปมองมัน มันมองผมอยู่แล้ว แถมยื่นหน้ามาใกล้มาก ปากผมแตะกับปากมันเบาๆ ใจผมเต้นแรงมากๆ ผมถอยตัวห่างแบบทันที.....
“ถะ...ถอยสิวะ!” พูดพร้อมกับ ดันมันออกไปมันก็ถอยออก
“มึงจูบกู” พูดด้วยน้ำเสียงกวนประสาท พร้อมกับส่งยิ้มกวนๆมาให้ผม
“ประสาท มันเป็นอุบัติเหตุ” ผมพูดไป เช็ดปากตัวเองไป
“ทำไม จูบกูมันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ถามแบบไม่พอใจ ผมก็หยุดเช็ดปาก แล้วก็ยิ้มให้มัน จะไม่ทำรังเกียจ จะให้ทำชอบหรือยังไง ทำตัวไม่ถูกแล้วโว้ยย!
“เปล่า” หันหน้าหนีมัน ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง
“มึงควรจะชอบหรือเปล่าวะ มึงเป็นเกย์จริงหรือเปล่า กูเป็นผู้ชาย อยู่ใกล้มึงขนาดนี้ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอวะ” ไอเบสพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับจ้องผมนิ่งๆ
“ถึงกูจะเป็นเกย์ ชอบผู้ชาย กูก็แยกแยะออก ว่าคนไหนเพื่อน คนไหนคือคนที่กูควรชอบ” พูดติดไม่พอใจ มันหมายความว่าผมต้องชอบผู้ชายทุกคนที่อยู่ข้างกายผมหรือยังไง ไอบ้านี่!
“แล้ววันนี้มึงไม่สงสัยเหรอวะ ว่าทำไมกูถึงไม่ไปรับมึงที่โรงเรียน” มันถามผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ผมก็หันไปมองมัน
“เออทำไมอะ” พอถามแบบนี้ก็เลยอยากรู้ขึ้นมาเลย
“ก็.....” ผมก็จ้องมันนิ่งๆ “ช่างมันเถอะ” แล้วก็หันไปกดเล่นเกมส์ต่อ ผมก็งงๆกับมันนะ แต่ชินกับนิสัยแบบนี้ของมันแล้ว
ผมก็ล้วงโทรศัพท์มากดเพื่อไลน์ไปบอกพี่โน้ต ว่าจะให้มารับ เพราะถ้ากลับมืด รถสองแถวไม่มี
พรึ่บ! มือถือผมก็ไปอยู่ที่ไอเบสอีกแล้ว....
“มารยาท รู้จักไหม” ถามนิ่งๆพร้อมกับดึงโทรศัพท์ผมคืนมากดๆแล้วก็เก็บใส่กระเป๋า
“พี่มึงดูรักมึงมากเลยเนอะ”
“ก็งี้แหละ เรื่องของกูน่า” ผมตอบกลับพร้อมกับทำหน้ากวนบาทามัน
“กูคุยกับสาวๆของกูดีกว่าเบื่อมึงแล้ว” แล้วมันก็ลุกไปคุยโทรศัพท์ ตลอดอะไอนี่ ชอบทำอะไรตามใจตัวเองตลอด
แล้วก็ทิ้งผมให้นั่งเล่นเกมส์คนเดียว ผมก็ชะเง้อมองมันบ้าง ปกติมันก็จะคุยแถวๆที่ผมนั่งนี่แหละ แต่นี่คือเดินออกไปคุยที่ไหนไม่รู้ ผมก็ไม่อยากไปตามมัน เดี๋ยวโดนมันด่าอีก ผมก็เล่นเกมส์ไป เล่นผ่านไปสักพักใหญ่ๆ ไอเบสหายไปไหนไม่รู้ ผมก็เลยเดินตามหามันทั่วบ้าน ก็ไม่เจอ ถามแม่บ้านหรือป้านมก็บอกไม่เห็น จนผมได้ขึ้นไปบนห้องนอนมัน ผมก็เคาะประตู มันอยู่ในห้อง มันขานรับมา และประตูก็เปิดออก ผมตาโตเลย แล้วก็รีบหันหลังให้มัน....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 18:55:56
“มึงบ้าป่ะเนี่ย! ไปใส่เสื้อผ้าเลย!” มันออกมาแบบโป๊ๆเลย เห็นหมดเลยเอาจริงๆ ผมพูดจบแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง ไปเล่นเกมส์รอมัน ภาพมันติดตาผมมากเลย...
แล้วสักพักมันก็ลงมาแล้วก็เดินไปเดินมา เหมือนหาอะไรสักอย่าง ผมก็ไม่สนใจ นั่งเล่นเกมส์ต่อไป...
“นท อยู่กินข้าวกับกูนะ” มันพูดอย่างตื่นเต้น ผมก็มองมันแปลกๆ ไอนี่มันมีหลายบุคลิกดีนะ
“อืมๆ” พยักหน้าตอบรับอย่างงงๆ แปลกๆ เดี๋ยวดีดีเดี๋ยวร้าย อะไรของมันวันนี้
แล้วมันก็เดินไปจากห้องที่ผมเล่นเกมส์ แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนทำอาหาร โวยวายอะไรไม่รู้กันเต็มครัว ผมก็เลยเดินไปดู แต่ต้องตกใจ ไอเบสยืนทำกับข้าว แถมยังให้นมกับพี่ๆแม่บ้านยืนสอนข้างๆ พอมันไม่ได้ดั่งใจ มันก็แหกปากด่าเขาอีก ตอนนี้มันดูตลกจัง ปากก็ด่านะ แต่มือก็ทำตาม ผมก็ยิ้มให้กับภาพตรงหน้า ทำไมมันมาฝึกทำอาหารวันนี้นะ ผมก็เดินกลับไปนั่งเล่นเกมส์ เปลี่ยนไปเป็นสิบๆเกมส์ เล่นจนเบื่อ สักพักมันมาตามให้ไปกินข้าว ผมก็ตามไป พี่ๆเขาก็ช่วยจัดเรียงโต้ะ น่ากินกันเลยทีเดียว แต่ ลักษณะมันทะแม่งๆนะ....
“เอ่อ ทำไมมึงต้องเอาเชิงเทียนมาวางวะ?” ถามอย่างแปลกใจแล้วก็นั่งลง บรรยากาศเหมือนดินเนอร์สุดหรูหรากับคู่รักข้าวใหม่ปลามันนี่มันอะไรกัน
และก็มีเสียงเพลงเบาๆขึ้นมา....
“กินดิ กูทำเองเลยนะ” ไอเบสพูดแล้วยิ้ม หน้ามันเปื้อนอะไรไม่รู้ขาวๆ
“อะ....เอ่อ เช็ดหน้าหน่อยนะ” ผมก็เอื้อมไปเช็ดหน้าให้มัน มันก็ยิ้ม ไอนี่มันแปลกนะ แปลกมาก “อันนี้คือดินเนอร์? กับกู? หรือซ้อมต้อนรับสาวที่ไหนวะ?” พูดติดตลก มันหน้าบึ้งขึ้นมาทันที
“โอเคๆ กูกำลังรวบรวมความกล้าอยู่ กูจะจีบคนๆนึง จริงๆจะบอกตั้งแต่อยู่ร้านกาแฟแล้ว แต่กูไม่กล้าวะ” พูดทีทำท่าทำทางบิดไปมาไม่เหมือนเป็นไอเบสคนเดิม แต่ก็ตามน้ำนิดนึง
“เห้ย! ใครว่ะ ผู้โชคดีคนนั้นอะ” พูดอย่างตื่นเต้น พร้อมกับยิ้มให้มัน อวยมันหน่อย อุตส่าทำข้าวให้ผมกินเลยนะเนี่ย
“คะ คือ...” ลุ้นเลย มันก็ดูเลิ่กลักนะ “คะ คือ..’’
“ขอกินก่อนก็แล้วกัน กลิ่นหอมทนไม่ไหวแล้ววว” คืออะไรนานจัง คนหิวไม่รอแล้วโว้ย! ผมก็หยิบซ่อมกับมีดขึ้นมาหั่นสเต็กชิ้นโตตรงหน้าทันที  มันน่ากินมาก
กินคำแรกคือ เนื้อนุ่มมาก หอมมากก ซอสเกรวี่คือกล่มกล่อมมาก เคลิ้มเลย....
“อร่อยไหม” ถามพร้อมกับทำหน้าตาเหมือนลุ้นหวย
“อร่อยวะ นี่มึงทำซ้อมให้สาวจริงๆใช่หรือเปล่าเนี่ย” ผมถามอย่างจริงจัง ถ้ามันจริงจังจนถึงขั้นลุกมาทำอาหารให้ผมดีใจกับมันจริงๆนะ
“กูทำให้มึง แล้วกูก็จะจีบมึง....” - พรวด! ….. –
“แค่กๆๆๆ” ผมสำลักน้ำ พรวดใส่หน้ามันเต็มๆ “ขะ...ขอโทษมึง” ผมหยิบกระดาษทิชชู่แล้วเอื้อมไปเช็ดๆให้มัน ดีไม่โดนอาหาร โดนแต่หน้ามัน เพราะตอนมันพูดมันยื่นหน้ามาหาผม และมันก็ดันจานมันไปไว้ข้างๆด้วย เหมือนรู้อะว่าผมต้องสำลักน้ำ พอเช็ดเสร็จผมก็นั่งลง “มึงมันพูดตลกไม่ถูกเวลาเองนะ โทษกูไม่ได้นะเว้ย!” พูดอย่างกังวลว่ามันจะทำคืน เพราะมันชอบเอาคืนผม ถ้าผมทำอะไรให้มันไม่พอใจ
“นท” เอื้อมมือมาจับมือผม ที่วางอยู่บนโต้ะ ผมก็ปล่อยให้มันจับ อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร “กูพูดจริงๆนะ กูว่า...กูชอบมึงวะ” พูดแบบจริงจัง ผมอึ้งไปนิด นิดเดียวเท่านั้น แอบมีใจสั่น เพราะว่ามันต้องแกล้งผมแน่ๆ
“พอเลย เลิกแกล้งกูได้แล้ว เห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย!” ตอบปัดไป แล้วดึงมือกลับมา
“มึงไม่เชื่อกู?” ผมก็พยักหน้า แล้วก็กินต่อ ไม่สนใจ ชอบเอาเรื่องรักๆใคร่ๆมาเล่นก็มีแค่มันนั่นแหละ
มันก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปไหนไม่รู้ ผมก็กินต่อไม่สนใจมัน ก็ของอร่อยอยู่ตรงหน้านี่ เดี๋ยวเย็นเสียของหมด ผมก็กินไป กินของตัวเองหมด ก็มองซ้ายมองขวาแล้วก็หยิบของไอเบสมากิน....
-กึ่ก!-  ผมเขี้ยวใส่อะไรไม่รู้ ดีนะไม่เขี้ยงแรง ไม่งั้นฟันหักแน่ ผมก็คายออกมาดู....
เป็นจี้? จี้เล็กๆ เป็นรูปวงกลม สลักคำว่าเบส เป็นภาษาไทย ผมนั่งมองไปมองมา แล้วก็คิดในใจ “ไอเบสมันคงทำหล่นตอนทำอาหารแหละมั้ง” แล้วก็วางไว้ แล้วก็กินต่ออย่างอร่อย คือเอาแต่กิน สักพักมันก็กลับมา....
“แหะๆ” มันมองผมนิ่งๆ สลับกับมองที่จานมัน “กูไม่รู้ไม่เห็นนะ” พูดแบบไม่ยอมรับผิดที่กินสเต๊กจานมันเข้าไป
มันไม่พูดอะไร มานั่งข้างๆผม แล้วก็หยิบจี้ที่วางไว้ข้างๆแก้วน้ำผม และหยิบสร้อยข้อมือมาใส่จี้เข้าไป ดึงมือข้างซ้ายผมไปแล้วก็ใส่สร้อยข้อมือให้ผม ผมก็มองนิ่งๆ นี่คืออะไร งงอยู่นะ.......
“เป็นแฟนกับกูนะ” พูดแบบจริงจัง สบตาผมอย่างลึกซึ้ง โอ้ว! ผมควรจะอินสินะ
“เลิกกะ...”
“กูไม่ได้แกล้ง กูชอบมึง กูชอบมึงมึงได้ยินไหม!” แหกปากใส่หน้าผมเลย ผมถึงกับสะดุ้ง ตกใจนะ ยิ่งขวัญอ่อนอยู่
“อะ เอ่อ...” พูดไม่ออก “มึงเป็นผู้ชายนะเว้ย!” ดึงมือออกจากมือมัน
“ไม่รู้วะ กูรู้สึกดีทุกครั้งเลยที่อยู่ใกล้มึง กูอยากอยู่ใกล้ๆมึงในทุกวัน กูเปลี่ยนไปก็เพราะมึง กูใจเย็นลง กู...อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมันไว้
“มึงแค่คิดว่ากูเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดก็เท่านั้นแหละเบส อย่าคิดไปไกล ที่ผ่านมา มึงมีเพื่อนเยอะหลายกลุ่มก็จริง แต่กูก็ไม่เห็นมีใครที่ทำให้มึงสบายใจได้ เป็นเพื่อนกันสบายใจ สนิทใจ อยากอยู่ใกล้มันเป็นเรื่องปกติ นั่นคือเพื่อน มึงแค่มีกูคอยเอาใจ ก็แค่นั้น” เมื่อพูดบทนางเอกเสร็จ ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วเอามือออกจากปากมัน มันก็มองผมนิ่งๆ
“กูชอบมึงจริงๆนะนท” บอกผมอย่างจริงจัง ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย
“เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย! มึงเอาอะไรมาชอบกู กูไม่ใช่ผู้หญิงนะไอเบส!” พูดตอบกลับนิ่งๆ เพราะผมก็ไม่เชื่อสักเท่าไหร่ ในใจก็ยังคงกลัวว่ามันจะแกล้ง
“กู....ช่างเถอะ มึงกลับไปได้แล้ว” หันหลังให้ผม ผมก็ไม่สนใจ
“อืม มึงคิดดีๆนะเบส” แล้วผมก็เดินไปเอากระเป๋าแล้วโทรให้พี่โน้ตมารับกลับบ้าน
ถามว่ารู้สึกอะไรไหมตอนมันพูด รู้สึก รู้สึกมากด้วย แต่มันชอบแกล้งผมบ่อยๆ ผมเลยไม่รู้ว่าที่มันพูดมานั่นจริงหรือไม่....
และหลังจากวันนั้น ผมกับมันก็ไม่ได้ติดต่อกันเลย มันก็ไม่โทรมา ผมก็ไม่โทรไป ผมก็ใช้ชีวิตตามปกติ จนผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ช่วงที่มันหายไปผมรู้สึกปกตินะ ไม่ได้รู้สึกเหมือนว่าขาดอะไรไป เพราะอย่างที่บอกถึงการกระทำและคำพูดของไอเบสบางครั้งมันก็ทำให้ผมใจสั่น แต่ก็ไม่ได้ทุกครั้ง และผมก็มองมันเป็นเพื่อนเรื่อยมา และที่มันหายไป มันก็อาจจะไปติดสาวหรือยุ่งกับการเรียนของมันก็ได้ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันหายไป แต่ครั้งก่อนๆที่มันหายไปมันก็โทรมาหาผมเรื่อยๆนะ แต่นี่ไม่ มันอาจจะติดแฟนนั่นแหละ ผมก็คิดแค่นั้น ส่วนสร้อยข้อมือผมก็ยังใส่ไว้ มันเท่ดี ผมก็เลยใส่ไว้ เพื่อนๆก็ถามกันว่าเอามาจากไหน ผมก็บอกว่าไอเบสให้ เนื่องในโอกาสอะไรก็ไม่รู้55 ก็มั่วไป แต่จี้ที่เขียนว่าเบสถ้าไม่สังเกตดีๆก็มองไม่เห็นหรอก เพราะมันเล็ก และก็คงไม่มีใครสังเกต....
“นท!”พี่เต็มวิ่งมาหาผมที่กำลังกินข้าวอยู่กับเพื่อนๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ที่ผมจะเรียน (วันศุกร์นั่นเอง55) อย่างที่บอก ผมไม่ได้เจอกับไอเบสมาก็อาทิตย์นึงแล้ว ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ จนมาวันนี้ที่พี่เต็มวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม ปกติช่วงนี้พี่เต็มไม่ค่อยจะมาพบปะผมเพราะยุ่งๆกับการซ้อมดนตรีที่ห้องชมรมมันในช่วงพักกลางวัน....
“ใจเย็นๆพี่นั่งก่อน” ผมบอกพี่เต็มที่กำลังหอบ และเขยิบที่ให้พี่เต็มนั่ง
“เป็นไรวะพี่วิ่งหน้าตาตื่นมาเชียว”  เมื่อพี่เต็มนั่งลงแล้ววิวก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
“อะ พี่กินน้ำก่อน” ปอพูดจบมันก็ ยื่นแก้วน้ำผมไปให้พี่เขาไง ไอนี่นิ แทนที่จะให้แก้วน้ำมันไหม
พี่เต็มก็ดูดอย่างกระหาย แล้วก็หายใจเข้าออกช้าๆเพื่อปรับให้ร่างกายเป็นปกติ........
“เออ กูมีเรื่องจะมาถามมึงอะนท” ถามนิ่งๆ เสียงติดจะหอบไปหน่อย
“ว่า?” ผมมองอย่างสงสัย ทุกคนก็ด้วย
“ไอเบสได้ติดต่อมึงป่ะ?” พี่เต็มเอ่ยถามขึ้นมา ทำให้พวกผมมองหน้ากันอย่างสงสัย
“ไม่นะ ช่วงนี้ไม่ได้คุยไม่ได้เจอเลย ทำไมอะพี่” ถามกลับอย่างสงสัย
“ก็เพื่อนมันอะดิ ให้กูมาถามมึง เพราะมันไม่ได้ไปโรงเรียนตั้งแต่วันจันทร์แล้วนะ ตอนแรกแค่วันเดียวเพื่อนๆก็ไม่คิดอะไร แต่นี่เล่นทั้งอาทิตย์เลย มันไปไหนของมันนะ” ผมชะงักไปนิด ในใจก็เริ่มเป็นห่วงมันแล้วสิ
“มันไปติดสาวที่ไหนหรือเปล่า? เจอกับมันล่าสุดก็เมื่อศุกร์ที่แล้วแล้วนะ มันให้ผมไปขอเบอร์ผู้หญิงให้” พูดไปนึกไป
“เออๆ มึงไม่ได้ติดต่อมันใช่ไหมช่วงนี้อ่ะ”  ผมก็พยักหน้า “โอเคๆ พวกกูว่าจะไปดูมันที่บ้านสักหน่อย ไม่รู้เป็นอะไรหรือเปล่า กูไปนะ”แล้วมันก็ลุกแล้ววิ่งไปเลย
แล้วเพื่อนๆของผมก็หันมาถามผมว่าเป็นยังไง ผมก็เล่าไปให้พวกมันฟัง โดยไม่ได้เล่าที่จูบหรือที่ไอเบสขอเป็นแฟนนะ เพราะผมบอกแล้วไง ว่ามันคงแค่แกล้ง ผมลองโทรไปหามัน ปิดเครื่อง ผมก็เลยไม่ได้โทรซ้ำไปอีก พอเลิกเรียน ผมก็ไปเที่ยวห้างกับเพื่อนๆไปหาอะไรกินกันตามประสาพวกผม ผมก็เดินดูของไปสักพักพี่เต็มก็โทรมาอีก ผมก็กดรับ.....
“ว่า?” พูดแล้วก็หยิบตุ้กตาหมีขึ้นมาดูไปด้วย น้องน่ารักจัง...
“ไอเบสมันขังตัวเองอยู่แต่ในห้องนอน ป้านมบอกว่าตั้งแต่วันนั้นมึงกลับไป มันก็ไม่ยอมออกห้องเลย ต้องเอาข้าวมาวางไว้ให้มันหน้าห้องเนี่ย!” พี่เต็มพูดด้วยความกังวล แล้วก็มีเสียงเพื่อนๆมันพูดกัน บางคนก็ตะโกนเรียกไอเบส เสียงมันแทรกเข้ามาในสาย
“มันอกหักอะดิงั้นอะ พี่ก็ปลอบมันด้วยแล้วกันนะ” ตอนนั้นผมคิดว่าผู้หญิงที่ผมขอเบอร์ให้ที่ร้านกาแฟปฏิเสธมันมันเลยเฮิร์ทชัวร์
“มึงจะไม่มาดูมันหน่อยเหรอวะ มึงกับมันสนิทกันกว่าพวกกูอีกมั้ง” พูดแบบนี้จะโยนขี้ให้สินะ ผมวางน้องหมีลงทีเดิม
“อ้าว! ไหงงั้นอะ มันก็เพื่อนพี่ป่ะ?” เริ่มแล้วไง ผมกำลังเที่ยวกับเพื่อนๆ แล้วพี่เต็มมาหางานให้ผมแล้วไง
“มาดูมันเลย พวกกูก็จะรอนี่แหละ หรือมึงจะให้กูไปรับ!” พูดเสียงแข็ง ผมเซ็งเลย วันศุกร์เลยนะ ผมต้องอยู่เที่ยวสิ ทำไมต้องไปโอ๋ไอคนเอาแต่ใจแบบนั้นด้วยละ
“เออๆ เดี๋ยวไปเอง น่าเบื่อว่ะ!” พูดแล้วก็ตัดสายไปเลย ผมก็เดินดูของต่ออย่างใจเย็น555 รอไปเถอะ
ผมก็ดูของกับเพื่อนต่ออีกหน่อย แล้วก็กำลังจะเดินไปทางออกก็ผ่านร้านกาแฟที่ผมเคยนั่งกับไอเบสล่าสุด เห็นผู้หญิงคนเดิมนั่งอยู่ ผมก็นึกขึ้นได้ ว่าจะไปหาไอเบส ก็เลยเข้าไปทักทายผู้หญิงคนนั้น โดยบอกให้เพื่อนๆรออยู่ด้านนอก พอผู้หญิงคนนั้นเห็นผมก็มองผมแบบสงสัย....
“ขอโทษนะครับ ผมขอนั่งด้วยได้ไหม” เขาก็พยักหน้า “ผมนทนะครับ แล้ว...?”มองอย่างตั้งคำถาม
‘’เราแคท’’ ยิ้ม
“อ่อแคท คือแคทพอดีที่เราขอไลน์แคทให้เพื่อนเราคราวแล้วจำได้หรือเปล่า” เขาก็พยักหน้า “แคทปฏิเสธมันเหรอ?” ถามด้วยเสียงที่เบา แอบเกร็งๆ กลัวเขาจะหาว่าเสือก แต่ก็เสือกแหละ
“เปล่า ตั้งแต่นทขอไลน์เราไปวันนั้นยังไม่มีใครแอดเรามาเลยอะ?” ทำหน้างงๆ ผมก็งงหนักไปใหญ่เลยสิ
“อ่อ ไม่รู้มันโดนสาวที่ไหนหักอกมา เฮิร์ทหนักเลย ไม่ยอมไปโรงเรียนทั้งอาทิตย์เลยอ่า” พูดไปคิดไป แต่ก็ไม่รู้ยังไง
“เหรอ แล้วเขาเป็นยังไงบ้างอะ” ดูเหมือนจะเป็นห่วงไม่น้อยเลยนะ
“งั้น ขอบคุณนะแคท เราไปก่อนนะ ขอบคุณมาก” ผมพูดตัดบท พร้อมกับรอยยิ้ม แล้วก็ลุกออกมาเลย
แล้วก็แคทก็ลาผมแบบงงๆ ผมก็เดินออกไปเพื่อนๆก็ถามผมก็บอกไปว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ไอเบสให้ผมขอเบอร์ ก็เล่าไป ผมสงสัยมาก ไม่ใช่คนนี้แล้วใครละ ใครที่มีผลกระทบต่อมันขนาดนี้นะ ทั้งๆที่ความจริงมันไม่สนใจผู้หญิงที่บอกเลิกมันด้วยซ้ำ หรือจะเป็นพ่อแม่มันนะ? ผมก็คิดไปทั่ว ก็ไปนั่งรถไปบ้านไอเบส เพื่อนๆผมก็ขอตามไปด้วย เพราะอยากรู้เหมือนกัน ผมก็โอเค ก็นั่งพูดคุยกันไป ผมออกจะเงียบๆไปเพราะกำลังคิดอยู่ ว่าใครกันนะ? ผมก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์ ลองไล่ดูเผื่อจะเป็นคนที่ผมมีไลน์ ผมก็ลองทักแชทไปคุยกับคนที่ไอเบสจีบบ้างทักไปหมด ตอบมาบ้างอะไรบ้าง ผมก็คิดไปคิดมา สักพักก็ถึงบ้านไอเบส รถมอไซค์จอดเต็มหน้าบ้านมันเลย ผมก็เข้าไป พวกพี่เต็มก็นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 18:57:18
“พี่เป็นไง” พอเข้าไปถึงผมก็เอ่ยถามขึ้นมาทันที
คำตอบที่ได้คือฟังไม่รู้เรื่อง แย่งกันพูดเต็มไปหมด ผมก็ฟังจนเบลอ จับใจความได้ว่าไอเบสยังไม่ออกมา แค่นั้น55..
“โอ้โห พูดทีละคนก็ได้มั้งพี่” ปอเอ่ยขึ้น เพราะทนฟังมาสักพักก็ยังจับใจความไม่ได้สักที
“มันยังไม่ออกมาเลย และเปิดประตูเข้าไปไม่ได้ด้วย มันล๊อคกลอนข้างในไว้หมด” พี่อู๋พูดขึ้นมาด้วยความกังวล
“แต่ป้านมได้ยินเสียงทำลายข้าวของด้วยนะคะ ไม่รู้จะเป็นอะไรหรือเปล่า” ป้านมพูดขึ้นมาด้วยความกังวล
“เอาไงอะพี่” ผมถามเพราะผมก็ไม่รู้จะเอายังไง
“มึงลองไปเคาะประตูดูดิ้ ว่าเป็นยังไง เผื่อมันจะคุยกับมึง” พี่เต็มพูด ทุกคนก็เออออเห็นด้วย
ทำไมต้องเป็นผมละ? โถ่ ผมก็เดินขึ้นไป พวกนั้นก็ตามผมขึ้นมา ผมก็มาหยุดอยู่หน้าห้องนอนมัน ผมกำลังจะเคาะ แต่ก็ลังเล หันไปมองพวกพี่เต็มเขาก็พยักหน้าให้ผม...
ก๊อกๆๆ! ผมก็เคาะไม่แรงมาก...
“เบส กูเองนะมะ....”
เพร้ง! ทุกคนสะดุ้งเลย ผมพูดไม่ทันจบ มีเสียงอะไรไม่รู้ กระแทกกับประตูดัง เพร้ง!...
“นั่นไง เพราะมึงจริงๆด้วย พวกกูเคาะกันแทบตาย เงียบอย่างกับป่าช้า มึงไปทำอะไรให้มันโกรธ” พี่เต็มเดินมากระซิปผม
“ผมจะไปทำอะไรเล่า!” ผมพูดกดเสียงเบาๆ
“ออกไป!” เสียงตะคอกมาจากในห้อง ผมก็โอเคอย่างน้อยมันก็ตอบแล้ว
“มึงจะไปไหนนท!” ผมที่กำลังจะหันหลังเดินลงบ้าน พี่เต็มก็จับแขนผมไว้
“มันไล่แล้วจะอยู่ทำไมละ!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก ก็มันยังไม่ตาย เขวี้ยงของขนาดนั้น แรงยังดี ทุกอย่างยังปกติแน่นอน
“มึงไม่เป็นห่วงมันเหรอวะ ดูดิ ไม่ออกมาเลยเนี่ย” พี่คาร์ก็พูดเหมือนผมผิด ทำไมต้องผมละเนี่ยคนตั้งเยอะตั้งแยะ
“เออ มีมึงคนเดียวนะที่มันตอบโต้แบบนี้อะ” พี่เอ็มก็อีกคน ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
แล้วก็เดินกลับไปที่หน้าห้องเหมือนเดิม....
-ปั้งๆๆๆๆๆๆๆๆ!- ทุบห้องแบบรัวๆและดังจนเจ็บมือ เริ่มรำคาญแล้วสิ ทุกคนดูตกใจไม่น้อยเลย
“มึงจะออกมาไหมไอเบส! กูไม่รู้นะเว้ย! ว่ามึงเป็นอะไร แต่ถ้ามึงไม่ออกมาตอนนี้ มึงก็มาเอาสร้อยข้อมือคืนไปเลย เพราะกูจะไม่เป็นเพื่อนกับมึงแล้ว!” พูดอย่างหมดความอดทน พวกพี่เต็มเงิบไปเลยสิ ไม่รู้จะรั้งผมอะไรนักหนา ผมก็แค่มาเพราะเป็นห่วง มันอยู่ดีจะกลับก็พูดเหมือนผมผิดอยู่ได้
แกรกๆๆ ! เสียงปลดกลอนด้านในดังขึ้น ทุกคนก็มองมองหน้ากัน แอ๊ดๆๆ ไอเบสค่อยๆเปิดประตูออก สภาพมันดูไม่จืด ขอบตาดำมาก โทรมาก มันก็ออกมาแล้วมองผมนิ่งๆ......
เพี๊ยะ! ผมฟาดมือไปที่แก้มข้างขวามันเต็มแรง ด้วยความโมโหแล้วก็เป็นห่วงด้วย
“ไอนท! มึงไปตบมันทำไม” พี่เต็มพูดพร้อมกับ จับผมให้ถอยห่างจากไอเบส
“ไม่รู้ โมโหเว้ย! แม่งมึงเป็นอะไรวะเบส ทำตัวมีปัญหาอยู่ได้ มีอะไรก็พูดดิวะ! แล้วมึงหมกทำเหี้ยอะไรในห้อง มันมีส้นตีนอะไรให้มึงอยู่เป็นอาทิตย์วะ!” ผมพูดด้วยความโมโห ไม่พอใจด้วยที่เห็นสภาพมันเป็นแบบนี้ ผมไม่ชอบเห็นเพื่อนทำร้ายตัวเอง
ผมก็ดึงมันออกมาพี่เต็มก็เข้าไปประคองไอเบสอย่างเป็นห่วง พวกนั้นก็ถามไอเบสอยู่ข้างนอก ผมก็เดินเข้าไปดูข้างใน  ของกระจัดกระจาย ที่เดินแทบไม่มี ห้องน้ำยิ่งเละ มันปาขวดครีมต่างๆ แตกกระจายเต็มพื้นห้องไปหมด บนเตียงนอนนี่คือ นั่นเตียงนอนคน? มีแต่เศษกระดาษอะไรก็ไม่รู้ ผมก็เดินออกไปแล้วก็เดินลงไปข้างล่าง เพื่อนๆผมก็ตามลงมา....
“ใจเย็นน่ามึง” วิวพูดพร้อมกับดึงแขนผมไว้
“กูเบื่อวะ!” แล้วก็นั่งลงที่โซฟา ป้านมก็วิ่งมาหาผม พร้อมกับแม่บ้าน
มาถามผมอย่างเป็นห่วงไอเบส ผมก็บอกไป และก็ขอให้เขาช่วยไปทำความสะอาดห้องนอนให้มัน แล้วพวกพี่เต็มก็ลากไอเบสลงมา ก็มานั่งกองกันอยู่ตรงโซฟาเนี่ยแหละ ไอเบสก็จ้องแต่ผม ผมก็มองมันอย่างไม่พอใจ ตอนนี้ทุกคนตกอยู่ในความเงียบ......
“โอเคนะพี่ มันออกมาละ ผมจะกลับแล้วนะ” ผมไม่รู้จะพูดหรือจะทำอะไรต่อ ก็เลยพูดตัดจบ แล้วก็ลุกขึ้น
“เห้ย! เดี๋ยวดิวะ!” พี่เต็มพูดพร้อมกับ ลุกขึ้นมาดันผมให้นั่งลง ผมก็นั่งตามแรงกด จะอะไรกันอีกก็ไม่รู้
“เฮ้อ! เอาล่ะๆ ไอเบส มึงมีปัญหาอะไรก็บอกมาเลย มึงเครียดอะไรก็ระบายกับพวกกูได้นะเว้ย! ทำไมมึงถึงขังตัวเองอยู่ในห้องวะ” พี่กัสถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วงทุกคนก็มองไปที่มัน
“กะ กู....” มันก้มหน้าแล้วก็พูดพึมพำ
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“ทำไมต้องไอนทวะ หรือมึงทะเลาะกับมัน?” พี่อู๋อยู่ๆก็พูดขึ้นมา แล้วมันใช่เรื่องที่ต้องถามไหม
ผมก็กำลังคิดหาความผิดตัวเอง หรือแค่ผมแอบกินสเต็กของมัน มันเลยโกรธ และไปกัดใส่จี้ของมัน มันก็เลยประชดผมโดยการให้สร้อยข้อมือผม ผมก็คิดทำนองนี้ สร้อยข้อมือนี่อาจจะสำคัญกับมันมากๆก็ได้....
“อ่อ! มึงโกรธกูเพราะเรื่องสร้อยข้อมือนี่ใช่หรือเปล่า” ทุกคนก็หันมามองผม ไอเบสก็ด้วย
“ทำไมวะ มันมีอะไร” พี่เต็มถามอย่างสงสัย
“กูขอโทษวะเบส กูไม่น่ากินสเต็กของมึงเลยอะ ไม่งั้นกูคงไม่กัดใส่จี้มึงหรอก อย่าโกรธนะเว้ย!” ผมพูดด้วยความรู้สึกผิดจริงๆ
ทุกคนก็มอง คือผมเข้าใจว่าเป็นแบบนั้น เพราะผมคิดว่าเรื่องที่มันขอผมเป็นแฟน มันแค่แกล้ง....
“เหรอวะ? มึงโกรธมันแค่นี้อ่ะนะ” พี่เต็มถาม ทุกคนก็มองอย่างสงสัย
“เดี๋ยวกูเอาไปซ่อมให้ก็ได้นะเว้ย! อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะมึง” ผมพูดพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกสำนึกผิด แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น นี่มันเรื่องไร้สาระจะตายไป
“แค่นี้เนี่ยนะ มึงก็เกินไปไอเบส” พี่กัสพูด ทุกคนก็เริ่มจะส่ายหัว ถ้าเรื่องมันมีแค่นี้มันก็ไร้สาระจริงๆ
“เดี๋ยวนะ นี่มึงคิดว่าที่กูขังตัวเองไว้เพราะมึงเอาสร้อยข้อมือไป?” ถามผมแบบนิ่งๆ ผมก็พยักหน้า “หึ! กูนึกว่ามึงจะฉลาดกว่านี้นะนท” พูดแบบไม่พอใจ
-ครืดๆๆ!- เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นมา ทุกอย่างก็หยุดอยู่แค่ตรงนั้นผมก็ล้วงออกมาดู เฮียบูม! ผมก็กดรับ...
“ฮัลโหลครับท่านชายของนท!” พูดอย่างดีใจ เพราะเฮียบูมเป็นคนที่ดีกับผมมากมาย น้อยกว่าพี่โน้ต แต่เราชอบพูดชอบเล่นกันไง เป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง
“ไง ไอแสบ อยู่ไหน” เฮียบูมถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเหมือนเคย
“คุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวมา” พูดพร้อมส่งซิกไปทางเพื่อนๆ แล้วก็เดินออกมา เพราะเฮียบูมโทรมาได้แสดงว่าต้องกลับมาจากเมืองนอกแล้วแน่เลย
ผมก็เดินไปคุยอยู่ที่หน้าบ้าน คุยกับเฮียบูมสนุกเลย ตอนนี้เฮียอยู่กรุงเทพฯ กำลังรอนั่งเครื่องกลับมา จะให้ผมไปรับ ผมก็ตอบตกลงอย่างดีใจ ของฝาก ท่องอยู่ในใจตลอดเวลา555 คุยไปอีกสักพักก็วาง ผมก็โทรไปบอกพี่โน้ตให้มารับผมเลย และก็มีข้อความนึงเข้ามาเป็นข้อความที่ผมทักไปพวกผู้หญิงของไอเบส ผมก็ยิ้มออกมาเลย ว่าทำไมมันถึงเป็นบ้า แล้วก็กลับเข้าไปข้างใน ทุกคนก็มองผมแปลกๆ....
“มึงไปคุยกับใครมานท? แฟนเหรอ?!” ไอเบสพูดติดไม่พอใจสักเท่าไหร่ ผมก็มองงงๆ
“ยิ่งกว่าแฟนอีกมั้ง” ผมพูดแล้วยิ้ม ก็ยิ่งกว่าแฟนจริงๆไหมละ พี่ชายผมเนอะ
“ไอนท!” มันจะพุ่งมาหาผม พวกพี่เต็มก็ดึงมันไว้ ผมก็ถอยห่างนิดหน่อย แล้วมองอย่างตกใจ เกิดอะไรขึ้น
“มึงเป็นอะไรอีกเนี่ย!” ผมถามอย่างด้วยความตกใจ
“มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอนท ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงนะ!”พี่เต็มพูดขึ้น ผมทำหน้าสงสัยหนักกว่าเดิมอีก
“มันเล่าให้พวกกูฟัง ว่ามันขอมึงเป็นแฟน แต่มึงปฏิเสธมันหน้าตาเฉย แถมมึงยังมาพูดจาวอนมันแบบนี้อีกอะ” ปอเดินเข้ามากระซิบผม ผมอึ้งไปนิดนึง ตกลงมันจะจริงจัง? ผมก็มองมันนิ่งๆ
“อ่อ ที่มึงเป็นบ้าก็เพราะเรื่องนี้นี่เนี่ยนะ!” ถามไปแบบออกแนวจะตลกด้วยซ้ำ “5555” ผมหัวเราอย่างบ้าคลั่ง ทุกคนก็มองว่าผมบ้าไปแล้วหรือยังไง
“ตลกอะไรวะ” พี่อู๋ถามด้วยความสงสัย
“ก็ไม่คิดว่ามันจะจริงจังอะไรขนาดนั้นอะดิพี่” หันไปบอกพี่อู๋ “ไร้สาระน่าเบส มาทรมาณตัวเองเพราะกู” พูดอย่างไม่จริงจังนัก แล้วก็ถอดสร้อยข้อมือออกมา “เอาคืนไป” ยื่นไปให้มัน มันก็รับไปแบบมองผมเศร้าๆ แสดงเก่งจริง
“มึงมันใจร้ายสุดๆเลยไอนท” ไอมินพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ ทำไมทุกคนต้องเข้าข้างมันนะ
“กูไม่ได้ใจร้ายอะไร กูไม่ได้ชอบมัน และมันก็ไม่ได้ชอบกู มันแค่เล่นตลก จริงไหมเบส” ผมมองมันนิ่งๆ
“กูไปเล่นตลกอะไรกับมึงตอนไหน” ถามแบบน้ำตาคลอ ดูทุ่มทุนเนอะ
“อะ” ยื่นโทรศัพท์ไปให้มันดู ทุกคนก็ไปมุงดู มือมันสั่นเลยทีเดียว “มึงมันแย่ไปนะเบส แฟนมึงบอกเลิกมึง แล้วมาโยนความผิดหาว่าเป็นเพราะกูสบั้นรักมึงเนี่ยนะ! ทุเรสไปมั้ง” ผมก็กระชากโทรศัพท์ตัวเองคืนมา “หวังว่ารู้กันแล้วนะ ว่าผมไม่ได้เกี่ยวอะไร” ผมหันไปบอกพวกพี่เขา เขาก็พยักหน้าแล้วมองไอเบสอย่างหาคำตอบ
ผมมองไอเบสนิดหน่อย และข้อความผมก็เข้าอีก พี่โน้ตมาแล้ว....
“พวกพี่ก็เชิญปลอบมันเลยนะครับ เพราะผมไม่ว่างพอแล้ว อ้อไม่ต้องห่วงกูไม่คิดอะไรเลยนะ เพราะกูเข้าใจว่ามึงคงเฮิร์ท!” ผมเข้าใจว่ามันจะปกป้องผู้หญิงคนนั้น ประมานว่าผมไปทำให้มันรัก ผู้หญิงคนนั้นเลยบอกเลิกมัน งี้เหรอ? น้ำเน่าไป “ไปนะ” แล้วผมก็เดินออกบ้านมันมา ไอเบสก็วิ่งตามมา ทุกคนก็ด้วย
“นทๆ!” วิ่งมาขวางหน้าผม ผมก็มองมั่นนิ่งๆ “เรื่องที่มึงรู้มามันไม่จริงเลยนะ กูเลิกกับฝนตั้งนานแล้ว และที่มึงถามฝนไปแบบนั้นเขาก็คิดว่ากูเสียใจเรื่องเขาอะดิ อีกอย่างกูไม่เคยเสียใจเพราะผู้หญิงพวกนั้นบอกเลิกกูหรอกนะ” เรื่องนี้มันก็จริงนะ เพราะผมสนิทกับมันก็พอรู้ แต่ฝนเป็นแฟนคนแรกของมันไง มันบอกว่ารักมาก ผมก็ไม่ค่อยมั่นใจแล้วก็ไม่อยากคิดให้เสียสุขภาพจิต ผมต้องไปเจอเฮียบูม ผมไม่อยากอารมณ์เสียเพราะเรื่องไร้สาระนี่
“มาบอกกูทำไมอ่ะ?” ผมถามนิ่งๆ แบบบอกทำไมไม่ใช่เรื่องของกูนิ
“ถ้ามึงคิดแบบนั้นกูก็ขอโทษนท จริงๆกูไม่ได้คิดแบบนั้นนะเว้ย!” ไอเบสพูดอย่างหัวเสีย ผมก็มองไปทางพี่โน้ต พี่โน้ตก็ชะเง้อมองว่ามีอะไรกัน
“อื้ม ดีแล้วที่มึงไม่คิดแบบนั้นอะ”ถูกแล้วที่ต้องขอโทษ ทำผมเสียเวลาไม่พอ ยังต้องมาให้ผมคิดเยอะอีก
“มึงไม่โกรธกูแล้วใช่ไหม” จับมือผม ผมดึงมือคืนนิดหน่อย เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“ทำไมกูต้องโกรธอะ?” ถามอย่างสงสัย เพราะผมไม่รู้สึกอะไรทำไมผมต้องโกรธ หรือจะเรื่องที่มันขังตัวเองไว้ในห้องก็น่าโกรธอยู่นะ
“มึงไม่ได้มีใจให้กันเหรอวะ” พี่เต็มเอ่ยถาม ผมก็มองมันอย่าสงสัย เรื่องที่ผมเป็นเกย์พวกพี่เต็มเขาก็รู้กันอยู่แล้ว “ก็แบบมึงหึงมันไง” ผมหลุดหัวเราะออกมาเลย
“555 เอาอะไรมาพูดพี่ ผมไม่เคยชอบมันเลยด้วยซ้ำ เอาอะไรมาพูดเนี่ย” พูดพร้อมกับหัวเราะออกมา เพราะรู้สึกว่ามันตลก แบบชิวๆเลย “คือจริงๆจุดประสงค์ที่มาวันนี้ก็คือมาเอาไอเบสออกห้องใช่ไหม” ทุกคนก็พยักหน้า “แล้วมันก็ปลอดภัยดีอาจจะโทรมไปหน่อย” พูดแล้วก็ยิ้ม “ส่วนที่มันบอกว่าผมปฏิเสธรักมัน ผมบอกเลยว่าถ้ามันคิดขอผมเป็นแฟนนั่นคือเรื่องจริง ผมปฏิเสธมัน” ทุกคนก็พยักหน้า “เพราะผมไม่ได้ชอบมัน” ยิ้ม “พี่ๆไปส่งเพื่อนๆผมด้วยนะครับ ผมไปแล้ว แล้วเจอกันไอเบส ไอ้เพื่อนรัก!” ตบไหล่มันเบาๆ
“แล้วไอเบสนี่ไม่มีหวังได้เป็นแฟนมึงเลย?” พี่เต็มถามอย่างสงสัย
“มีดิ” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจ ยังไงการเอาเพื่อนมาเป็นแฟน มันเป็นอะไรที่ เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ถ้าความรู้สึกดี มันมากเกินไป แต่ไอเบส ก็ไม่ได้แย่ หน้าตามันหล่อเหลาเอาการ แต่ถึงจะหล่อก็อย่างที่บอกไม่ใช่สเปกเลย   
“กูต้องทำยังไง” ไอเบสถามด้วยความดีใจ เพื่อนๆมันก็ดูเป็นใจเนอะ ดูลุ้นๆ
“จีบกูดิ เป็นเพื่อนแล้วจะข้ามมาเป็นแฟนเลยได้ยังไงวะ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ คนโลเลแบบนั้น เอาแน่เอานอนไม่ได้ ผมจะใส่ใจทำไม
แล้วผมก็วิ่งไปหาพี่โน้ตที่รออยู่หน้าบ้าน แล้วก็ซ้อนท้ายพี่โน้ต โบกไม้โบกมือลาเพื่อนๆ พวกมันก็สงเสียงโห่แซวผมกัน แปลกที่ผมไม่รู้สึกเขินหรืออะไร ติดจะเฉยๆไปด้วยซ้ำ ถามว่าโกรธไหมที่คิดว่ามันปกป้องผู้หญิงคนนั้น ผมบอกเลยว่าไม่ เพราะอยู่กับไอเบส ผมปลงเรื่องจะโกรธมันแล้ว มันหลายเรื่อง คือไม่รู้จะโกรธเรื่องไหนดี ก็ปล่อยมันไปเถอะ เพราะมันทำอะไรก็เอาแต่ใจ เอาตัวเองเป็นหลัก ชอบเอาผมไปอ้างกับพวกผู้หญิงพวกนั้นบ้างอะไรบ้าง จนผมชินแล้ว อาจจะมีเคืองบ้าง แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก อีกอย่างครั้งนี้มันก็ดู แคร์ผมดีนะ แอบดีใจหน่อยๆ ที่มันห่วงความรู้สึกผม แต่รวมๆคือผมไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่รู้สึกอะไร ที่บอกให้มันจีบ มันจะทำจริงๆเหรอ เพราะเวลาไปเดินห้างกับมันสองคน มันเดินห่างกับผมเป็นวา เหมือนกลัวใครจะรู้ว่ามากับผม ผมเลยพูดไปเพราะมันคงไม่ทำจริงๆหรอก มันคงแค่แถ เพราะกลัวเพื่อนจะมองมันไม่ดีนั่นแหละ ผมก็ไปตามน้ำกับมันสักหน่อย....
และหลังจากวันนั้นผมก็ไม่ค่อยว่างเพราะต้องรีบกลับไปหาเฮียบูมทุกเย็น ไปเที่ยวไปเล่นกับเฮีย ไอเบสไม่ได้คุยไม่ได้เจอผมไปสักพัก เพื่อนๆผม พวกพี่เต็มก็มาถามว่าผมหนีหน้าไอเบสเหรอ? ผมก็ไม่มีอะไรจะตอบ จะหนีทำไม แต่ก็เจอมันมารอรับที่หน้าโรงเรียนทุกวัน แต่เฮียบูมขับรถยนต์มารับผม ผมก็เห็นมันทำหน้าเศร้าๆ มองผมตาละห้อย มันจะแสดงไปถึงไหน
จนถึงวันที่เฮียบูมกลับต่างประเทศ ผมก็ไปส่ง และหลังจากนั้นผมก็ว่างๆแล้ว ก็ไปกับไอเบสเหมือนเดิม ในทุกๆเย็น ไปกับกลุ่มเพื่อนๆบ้าง กลุ่มพี่ๆบ้าง แต่ที่แปลกคือ มันเดินชิดผมมาก ชิดชนิทที่แบบจะสิงกันเดิน แอบหลอกจับมือทุกครั้งเมื่อมีโอกาส นั่งก็นั่งใกล้กัน ซื้อของให้ผมบ่อยๆ...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 18:59:17
จนเวลาผ่านไป ที่ผมไปๆมาๆกับมัน ถามว่ามีอะไรพิเศษไหม ก็มีนะ มีกินน้ำหลอดเดียวกัน(ปกติก็กินด้วยกันอยู่แล้ว) ไปดูหนังสองต่อสอง(อันนี้ก็ปกตินะ) เดินชิดกันมาก(อันนี้ไม่ปกติเท่าไหร่) มีซื้อของให้บ่อยๆ (อันนี้ปกติ) และก็อีกหลายๆอย่าง ที่ผมบอกปกติ เพราะตั้งแต่ผมสนิทกับมัน มันกับผมก็ทำแบบนี้กันมาอยู่แล้ว แค่ว่ามันจะรักษาระยะห่างกับผมตอนเดินก็แค่นั้นจริงๆ นอกนั้นเราก็ทำตัวเหมือนคนจีบกันในทุกวันอยู่แล้ว ถึงมันจะมาทำให้พิเศษผมก็มองว่ามันปกติไปหมดแล้ว แต่มีอีกอย่างนึงคือคำพูดชวนอ้วกของมัน อย่างวันนี้ พาผมไปสวนสาธารณะซึ่งมันไม่เคยพาผมมาเลย เพราะมันบอกว่าที่นี่เอาไว้มาเที่ยวกับแฟน(ดูโรแมนติกเนอะ)…..
“เบส พาเรามาที่นี่ทำไม”ถามอย่างสงสัย ต้องพูดเพราะกับมันนะ มึงกูไม่มีแล้ว นับจากวันที่เฮียบูมกลับอีกวันนึงผมไปเที่ยวกับมัน มันก็พูดเพราะมาก และห้ามผมใช้กูมึงกับมันอีก ดูดี เพราะผมก็ไม่ชอบมันพูดไม่เพราะเท่าไหร่ ขัดกับหน้าตามัน
“เบสอยากพานทมาไง”(ยิ้มหวาน)
“เอิ่ม” ชวนอ้วกเลยใช่ไหม มันพูดดิบๆเถื่อนๆกับผมมาตั้งแต่แรก แต่พักหลังๆมาพูดแบบนี้มันก็ดูสยองนะ แต่ผมก็ชินแล้ว ถึงตอนแรกอาจจะดูแสลงหูไปหน่อยก็เถอะนะ555
“นทไม่ชอบเหรอ?” เบสถามอย่างสงสัย ก็แอบไม่ชอบสถานการณ์หวานชื่นตรงนี้สักเท่าไหร่
“มันดู ชิวๆ มันเหมาะมากับคู่รักไม่ใช่หรือยังไง” ผมพูดแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างทางแถวนั้น
“ก็คู่รักไง” มันยิ้ม แล้วนั่งลงข้างๆผม
“เลิกเล่นได้แล้วมั้งเบส พวกผู้หญิงจะหนีหมดนะ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก พร้อมกับมองไปที่หน้ามัน
“ก็บอกไปเป็นล้านๆรอบแล้วนะ ว่าเบสไม่ได้เล่น” มันพูดพร้อมกับจับมือผม ผมก็ปล่อยให้มันจับไป
“เบสนี่ พออ่อนโยนก็ดูน่ารักดีเนอะ ดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะ” ผมยิ้ม หมายถึงมันร่าเริง มันยิ้มบ่อยขึ้น มันไม่แข็งกระด้างแล้ว จากที่เมื่อก่อนดูจะขี้เก๊ก ดูแบบหยิ่งๆตลอดเวลา เปลี่ยนไปหมดเลยนะเนี่ย
ตอนนี้ยอมรับว่ามีความรู้สึกดีบ้าง แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ เพราะไอเบสมันเปลี่ยนจากคนที่ไม่ค่อยชอบหน้ากันมาเป็นเพื่อน พอเป็นเพื่อนก็เปลี่ยนมาเป็นเพื่อนสนิท ซึ่งตอนเป็นเพื่อนสนิท ก็อย่างที่บอก มันก็ทำอะไรไม่ค่อยต่างจากตอนจีบสักเท่าไหร่ผมเลยเฉยๆมากกว่า แต่ความรู้สึกดีก็เกิดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อมันทำดีกับเรามากๆ....
“เป็นแฟนกันป่ะ”ผมก็มองไปทางมัน ที่มองผมอยู่แล้ว นี่เป็นคำถาม ที่มันถามผมทุกวันตั้งแต่มันเริ่มจีบผมวันแรกจนมาวันนี้
“อืม” ตอบมันไปแล้วก็ยิ้มกว้างให้มันเห็นฟันทุกซี่ไปเลย
“ว่าละ” ทำหน้าซึมแล้วอยู่ๆมันก็ตาโตขึ้นมา “ห๊ะ! ว่าไงนะ!”
“อืม เป็นแฟนกัน” เขินนะจะให้พูดทำไมหลายครั้ง
“จริงๆนะ!” ดีใจอะไรขนาดนั้น
“อื้ม!” ตอบด้วยความอาย เพราะคนเริ่มมอง
และมันก็ดีใจของมันไป ผมก็เออออไปกับมันสักหน่อย มันดูร่าเริงขึ้นผมก็ดีใจแล้ว....
“เป็นแฟนกันต้องทำไงบ้างอะ นทไม่เคยมีแฟนนะ” ผมถามอย่างสงสัย ตอนนี้ผมกับมันเดินจูงมือกันเดินเล่น คนอื่นๆก็มองผมสองคน แต่ผมไม่สนอยู่แล้ว ไอเบสมันก็บอกไม่สนใจผมก็โอเค
“ก็ เป็นห่วงกัน คิดถึงกัน โทรหากันทุกคืน กินข้าวด้วยกัน ดูหนัง มีอะไรก็ต้องคิดถึงกันเป็นอันดับแรก และก็บลาๆๆๆ” ผมก็พยักหน้ารับรู้ไป
“เยอะจัง” ทำหน้าเซ็ง ยิบย่อยดี ถามพอเป็นพิธีเพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่างหาก อีกอย่างการเป็นแฟนดูหนังก็รู้อยู่แล้ว
“อืม” กระชับมือผมแน่นมากขึ้น
เราก็เดินเที่ยวเตร่ไปทั่ว จนได้เวลากลับก็กลับกัน มันดูเทคแคร์ผมดีเป็นพิเศษ ผมก็ดีใจนะที่มันทำดีกับผมมากมาย มันเป็นแบบนี้เรื่อยไป
วันเวลาผ่านไป ทุกอย่างก็คงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือการเล่นแรงๆของมันก็เริ่มกลับมา ชอบตีผมแรงๆจนได้ทะเลาะกันจริงๆ นับวันทุกอย่างมันเพิ่มขึ้น ไอเบสมันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเล่นแรง บางทีก็พูดด่าหยาบๆเหมือนเดิม ผมมองผู้ชายคนอื่นก็จะไปตีเขา ผมแชทกับใครก็ไม่ได้ ขนาดตอนไปเที่ยวด้วยกัน แม้แต่พวกปอไอเบสยังหึง มันทำทุกอย่างเกินไปหมด เกินขีดจำกัด ก้าวข้ามทุกอย่างในชีวิตผม จนผ่านมาสามอาทิตย์ สามอาทิตย์ที่ผ่านมาในฐานะแฟน ผมก็ทำตัวปกติเป็นแฟนที่ดีมันไม่สบายผมก็มาดูมาเฝ้า ผมทำทุกอย่างปกติไม่เปลี่ยนแปลง แต่มันก็แปลกไป เพราะมันดูติดโทรสัพท์เป็นพิเศษดูไม่สนใจผมเหมือนแรกๆ ผมก็ไม่คิดอะไร มันก็อาจจะเบื่อของมันบ้างตามประสาคนเอาแต่ใจอย่างมัน
จนวันนึงผมก็ไปเดินเที่ยวห้างกับเพื่อนๆ โดยไม่มีมัน แล้วดันไปเจอมัน ไปกินข้าวกับผู้หญิงคนนึง ถ้าผมจำไม่ผิดนั่นคือฝน แฟนเก่ามัน ผมไม่ยุ่งวุ่นวายกับมันจนเกินไป ต่างจากมันที่เข้ามาวุ่นวายกับผมจนผมรำคาญ ผมก็เข้าไปหามัน ประมานว่าจะเข้าไปทักทาย.....
“เบส” ผมทักทายมันด้วยรอยยิ้ม มันดูตกใจที่เห็นผม
“นท ว่าไง” ฝนทักกลับด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม” (ยิ้ม) “เบสมากินข้าวกับฝนได้ยังไงอ่ะ?” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เบสนัดเรามา” ก็เข้าใจ ฝนจะไปรู้ได้ยังไงเรื่องของผมกับมัน
“ก็เพื่อนกันมากินข้าวด้วยกันไง” เบสพูดแบบรนๆ แล้วก็ยิ้ม “นทกินด้วยกันไหม”เบสมันถามพร้อมกับส่งยิ้มมาให้
“ไม่อ่ะ เบสกินเถอะ เดี๋ยวเพื่อนรอนาน” ยิ้มสดใส
ผมพูดคุยกับมันไปสักพักผมก็ขอมันออกมา ตอนนั้นไม่รู้ว่าการโดนนอกใจมันเป็นยังไง อย่างที่บอกไอเบสแฟนคนแรก ผมไร้เดียงสามากมาย ผมไว้ใจมันในทุกเรื่องทุกอย่าง และดีกับมันเรื่อยมา แต่มันก็เริ่มลดทุกอย่างที่เคยทำให้ผม ลดการพูดจาดีๆ การเทคแคร์ ลดไปจน แทบจะไม่ได้เจอกันเลยก็ว่าได้ แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือความรุนแรง เพิ่มขึ้นจนบางทีผมก็กลัว แต่ผมก็ยอมมันมาตลอด ถ้าผมเป็นที่ระบายเพื่อให้มันสบายใจผมก็โอเค อีกอย่างมันก็โทรมาหาผมปกติแค่ไม่ได้มาเจอ...
จนมาวันนึง ก่อนวันจะครบรอบ1เดือน ผมจำวันนั้นได้ดีเลย วันนั้นตรงกับวันเสาร์ผมตั้งใจทำบอร์ดให้มัน เอารูปเอาอะไรต่างๆที่ทำร่วมกับมัน มาติดบอร์ด และประดับอย่างสวยงาม ผมใช้เวลาทั้งวัน ผมพูดเลย ผมทุ่มเทมาก จนเย็นๆมีสายโทรศัพท์เข้ามา เบอร์ไอเบสผมก็รับ........
“นท! เห็นสมุดรูปของเบสไหม!” น้ำเสียงมันดูไม่พอใจมาก
“อื้ม นทเอามาอะ ทำไมเหรอ?” ผมพูดตอบกลับอย่างใจเย็น
“เอาไปทำไมนท!” มันตะคอกผมเสียงดัง
“อะ...โอเคๆ เดี๋ยวจะเอาไปคืนนะ” ผมพูดอย่างสำนึกผิด
แล้วผมก็รีบเตรียมของ รวมถึงบอร์ดที่ผมพึ่งทำเสร็จด้วย เอาไปเซอร์ไพร์ซมันด้วยเลยดีกว่า เร็วไปวันนึงคงไม่เป็นอะไรมั้ง เพราะตอนนี้เบสก็ดูโมโห ผมก็หวังว่ามันเห็นแล้วอาจจะอารมณ์ดีขึ้นก็ได้ ผมเรียกรถมารับ พอถึงบ้านผมก็ทักทายทุกคนปกติ และก็ขึ้นไปหามันที่ห้องนอน พอมันเห็นผม มันก็ตรงมาที่ผมทันที....
-หมับ!- จับแขนผมอย่างแรงจนเจ็บ จริงๆมันก็ทำแบบนี้บ่อยๆอยู่แล้ว เพราะอย่างที่บอก พักหลังเวลามันไม่พอใจหรือโกรธอะไร มันก็จะทำอะไรรุนแรงกับผมเนี่ยแหละ หนักสุดก็น่าจะเตะแรงๆ แต่แปลกที่ผมก็ยอม
“อย่ามาหยิบของเบสไปซี้ซั้วอีกนะทีหลัง!” แล้วก็ผลักผมให้ล้มลงกับพื้น
เจ็บตูดเลยทีเดียว! ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นมา มันก็ก้มค้นกระเป๋าผม แล้วก็หยิบสมุดรูปมันคืนไป ผมก็รีบหยิบบอร์ดที่ทำเพื่อมันมา แล้วก็เปิดออก เดินไปหามันที่นั่งอยู่บนเตียง....
“เบส นททำมาให้ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบ1เดือน” ยื่นไปให้มันดูด้วยรอยยิ้ม มันก็มองนิ่งๆ
“เดี๋ยวนะ! นี่มันรูปในสมุดรูปเบสนิ!” มันหยิบบอร์ดไปดู
“อืม เอาออกมาแค่รูปเดียวเองนะ” พูดนิ่งๆ แอบเสียใจเล็กๆที่มันดูไม่ดีใจกับสิ่งที่ผมทำ
แคว่ก! มันดึงรูปนั้นออกทันที ผมก็มองมันอย่างตกใจ
“อย่าทำแบบนี้อีกนะนท!” แล้วมันก็เอารูปมันเก็บเข้าสมุด “และไอบอร์ดบ้าๆนี่อะ เบสไม่อยากได้หรอก! และถ้าครบรอบหนึ่งเดือนนทอยากได้อะไรก็บอก ไม่ใช่มาเสียเวลาทำเรื่องบ้าๆแบบนี้!” มันถือบอร์ดผมแล้วลุกขึ้น
แคว่ก! ป๊อก! ตุบๆๆ! มันฉีกบอร์ดที่ผมทำ แล้วก็หักให้เป็นสองท่อน แล้วก็เหยียบซ้ำๆแบบนั้น....
“ทำอะไรเนี่ย!” ผมลุกขึ้นไปผลักมัน พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และก็ก้มเก็บของที่มันทำพัง
“เดี๋ยวนี้กล้าผลักเบสหรอนท!” มองผมตาขวาง ผมก็เงยหน้าขึ้นมามองมันกลับ
“แล้วจะมาทำลายของของนททำไมละ นทตั้งใจทำให้เบสนะ!”
เพี๊ยะ! หลังจากพูดจบ หน้าผมหันไปตามแรงตบของมัน บอกเลยว่าเสียใจมาก ขนาดป๊ากับแม่ยังไม่เคยตบผมเลย น้ำตาผมก็ค่อยๆไหลลงมา......
“ขะ...ขอโทษนท เบสขอโทษ” สวมกอดผมเบาๆ ผมก็ผละตัวออกมา แล้วมองมันอย่างผิดหวัง
“รู้อะไรไหม เบสมึงมันก็เป็นเบสคนเดิม เบสคนที่นิสัยไม่ดี เบสคนที่ทำร้ายจิตใจคนอื่นไปทั่ว มึงไม่เคยเปลี่ยนเลยเบส กูหวังว่ากูทำดีกับมึงมากๆ มึงก็จะดีกับกูมากๆเหมือนที่กูทำให้แต่ไม่เลย มึงมองข้ามสิ่งที่กูทำ มึงแม่งก็ดีกับกูได้แค่แปปเดียวอะ แล้วดูดิ กูยอมมึงแม่งทุกอย่างอะ แต่มึงไม่เห็นค่าเหี้ยอะไรเลยไอเบส!”พูดด้วยความเสียใจ น้ำตาไหล แต่ไม่มีการสะอื้นแต่อย่างใด
“นท เบส ขอโทษ เบสโมโหไปหน่อย เบสขอโทษ” จับมือผม ผมดึงมือมันออก และพยายามถอยห่าง
“จบเถอะ เลิกกันเถอะ พอแล้วมึง กูมันคิดผิดเองวะ ไม่น่าตอบตกลงกับมึงในวันนั้นเลย เพราะตอนนี้มันไม่เหมือนกับวันที่มึงอยากให้กูมาเป็นแฟนมึงเลย” มันพยามมาสวมกอดผมอีกครั้ง ผมก็พยายามถอยห่าง
เป็นกอดที่แน่นมาก แต่ผมไม่รู้สึกอบอุ่นอีกแล้ว มันเป็นกอดที่ผมไม่ต้องการมันอีกแล้ว ผมก็พยายามดิ้นออก มันก็กระชับแน่น แล้วก็อุ้มผมทั้งที่ยังกอดไปที่เตียงแล้วก็นอนลง ผมก็นิ่ง....
“ขอโทษ เบสขอโทษ” มันพูดพร้อมกับ หอมแก้มผม
“นทจะกลับแล้วเบส” ผมพยายามจะลุก มันก็ไม่ยอม กดผมไว้อยู่
“นทจะไม่เลิกกับเบสใช่ไหม” ผมก็นิ่งไม่ตอบอะไร ไม่รู้ควรจะตอบอะไรไหม
“นทจะกลับแล้ว” ผมดันมันออกมันก็ผละออกแต่โดยดี
“ให้เบสไปส่งนทนะ” บอกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ไม่ต้อง!” ผมพูดอย่างจริงจัง
เพราะตั้งแต่คบกับมันมา ถึงมันจะดี แต่บอกเลยการเข้าหาผู้ใหญ่ของมันดูเลวร้ายมาก ผมก็เลยไม่พามันไปที่บ้าน ไม่อยากจะมีปัญหา และก็เป็นสิ่งที่ผมคิดถูก....
แล้วผมก็ลุกขึ้น แล้วเดินไปเก็บของที่ผมทำให้มันใส่ถุงเหมือนเดิม ตอนแรกมันก็พูดประมานว่า ทำให้เบสไม่ใช่เหรอ เบสจะเก็บไว้นะ ผมก็ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ให้ของมันด้วย ผมเก็บของเสร็จก็โทรให้พี่โน้ตมารับ ผมเดินลงไปนั่งรอพี่โน้ตที่ข้างล่างบ้าน ไอเบสก็ตามมานั่งเฝ้า ระหว่างรอพี่โน้ต ผมกับมันไม่มีคำพูดใดๆ มันก็ดูสำนึกผิดไม่น้อย น้ำตาของผมก็หยุดไหลแล้วด้วย สักพักพี่โน้ตมารับ ผมก็เดินไปหาพี่โน้ต มันก็ตามมาส่ง ผมก็ไม่พูดอะไร มันก็ทำนิ่งๆ ผมก็ซ้อนพี่โน้ตกลับบ้านเลย ทั้งคืนวันนั้นผมออกจะซึมไปบ้าง เพราะเสียความรู้สึกมากกว่า เสียใจก็มีบ้างไม่ได้อะไรมากมาย...
พอเช้ามา ผมก็ตื่นมาตามปกติ วันนี้เป็นวันอาทิตย์ อากาศสดใสมากมาย ปอก็โทรมาหาผมแต่เช้า แล้วก็มาพูดจาแปลกๆเรื่องไอเบส และเพื่อนๆหลายคนก็โทรมา รวมถึงพวกพี่เต็ม โทรมาถามผมเรื่องไอเบส ว่ายังรักกันดีอยู่มั้ยนู่นนี่นั้น ผมก็บอกว่าเฉยๆนะ เพราะผมกับมันก็แค่ทะเลาะกันรุนแรง และถึงผมจะบอกเลิกมัน มันก็ไม่ยอม ผมก็ไม่ได้บอกอีก ก็แสดงว่าผมไม่ได้เลิกกับมันอย่างจริงจัง ตอนนี้อยู่ในช่วงหลังทะเลาะกัน ผมก็แปลกนะ เพราะวันนี้เป็นวันครบรอบของผมกับมัน1เดือน มีแต่คนพูดจาแปลกๆ ผมก็ไม่สนใจ ลงไปช่วยแม่ทำงานบ้านนู่นนี่นั่น พอเสร็จพวกปอก็โทรตามผมให้ไปเที่ยวผมก็ไป มันดูแปลกๆกันหมดเลย..........
“พวกมึงมีอะไรกันหรือเปล่าวะ ดูมีอะไรที่อยากจะบอกกูนะ” ผมพูดอย่างสงสัย และด้วยความลำคาญ จะพูดก็ไม่พูด ค้างคาไปหมด
“อืม มีดิ แต่ไม่อยากพูดวะ” ปอพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา แต่ผมก็ยังได้ยิน
“พูดเถอะ ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการที่กูคบกับไอเบสแล้วละ” ตอนนั้นผมมีอะไร เจออะไรมาผมก็บอกให้เพื่อนๆฟังตลอด พวกมันก็ไม่ยอมนะตอนแรกที่รู้ว่าไอเบสตีผม แต่จะทำยังไงได้ ก็โดนไปแล้วนี่เนอะ ผมก็บอกพวกมันให้ปลงเหมือนที่ผมกำลังจะปลง
“ช่วงนี้มึงกับไอเบสรักกันดีแน่เหรอวะ?” ไอนัทถามอย่างจริงจัง ผมก็มองหน้ามัน
“ไม่อ่ะ เมื่อวานก็ทะเลาะกันใหญ่โต” พูดอย่างไม่จริงจังนัก แล้วก็หันไปมองทางเดิน
“เรื่องไรวะ?” มินถามขึ้นอย่างสงสัย
ผมก็เล่าให้พวกมันฟัง ดูพวกมันจะตกใจและไม่พอใจกันมากนะ ผมก็ย้ำกับพวกมันว่าไอเบสคงไม่ชอบที่ผมเอาของๆมันไป ผมก็พยายามคิดอย่างนั้นมาตลอด คิดในแง่ดีเกินไป.....
“บอกมันเถอะวะ กูสงสารไอนทนะเว้ย!” มินหันไปพูดกับพวกไอนัท  “แล้ววันนี้มึงกับมันก็ครบรอบเดือนนึงกันไม่ใช่เหรอนท มันไปไหน!” มินถามอย่างไม่พอใจ
“ไม่รู้อะ กู...ไม่รู้” ตอบแบบไม่คิดอะไร เพราะไม่รู้อะไรเลย
“เฮ้อ!” นัทเดินมากอดไหล่ผม “นท จริงๆกูก็อยากจะบอกมึงมาสักพักแล้ววะ แต่..ก็เห็นมึงก็ดูมีความสุขดี และพวกกูก็ยังไม่มั่นใจมากนัก จนมาเมื่อวานพวกกูถึงมั่นใจ....” มันหยิบโทรศัพท์ของมันขึ้นมาให้ผมดู
มีรูปไอเบสกับสาวๆในสต๊อกของมัน เดินเที่ยวกันในหลายๆที่ และหลายชุด ให้ผมเดาคงหลายครั้ง และผู้หญิงแต่ละคนก็ไม่ซ้ำหน้าเลย ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือมีฝน ฝนแฟนเก่ามัน จะเยอะสุดในบรรดาอัลบั้มรูป ผมก็มองรูปพวกนั่นนิ่งๆ เขี่ยหน้าจอไปมา  หมดคำพูด ผมโดนสวมเขา? ผมโดนหลอกให้ดูแลมัน เป็นที่ระบายอารมณ์ของมัน? ผมมันโง่เอง.....
“พวกกูเห็นมาสักพักแล้วละ ตั้งแต่ช่วงหลังๆ ตอนแรกก็คิดว่าอาจจะเป็นเพื่อน หรืออะไร แต่นับวันยิ่งหนักเลยมึง และ....หนักสุกคือเมื่อวาน...” วิวพูดพร้อมกับรู้สึกผิดมันก้มหน้า ผมก็เข้าใจนะ มันไม่ใช่ความผิดใคร ผมเองต่างหากผิด ผิดที่โง่ คิดว่ารักมันสวยงาม....
“เมื่อวานตอนกลางวัน ไอเบส พาฝน ไปมีอะไรกัน ที่...บ้านของฝน” มินพูดแล้วจับไหล่ผมแน่น
ผมได้แต่ยืนฟังเงียบๆ...
“หลังจากที่กูเห็นมันไปกับผู้หญิงบ่อยๆ กูเลยเอาไปเล่าให้พี่เต็มฟัง เขาก็ให้เพื่อนๆมันคอยจับตาดูมัน และก็เป็นแบบที่พวกกูคิด ไอเบสนอกใจมึงมาได้สักพักแล้วละนท แต่เมื่อวานคือ...หนักเลย พวกกูถึงได้โทรไปถามมึงไง....” ปอจับมือผม
น้ำตาได้ไหลออกมา แต่ไม่มีการสะอื้นแต่อย่างใด บอกเลยว่าเสียใจ เสียความรู้สึก คิดว่าที่ผมทำทุกอย่าง ยอมมันไปสะทุกเรื่อง เพราะอะไร เพราะผมก็รักมันไง ถึงจะไม่มาก แต่บอกเลยผมก็ทุ่มสุดตัวเพราะนี้คือรักครั้งแรกของผม แต่ดูมันสิ ดูมันทำกับผม ผมมันโง่จริงๆ โง่ยิ่งกว่าควาย ผมเช็ดน้ำตาลวกๆ ไอนัทก็เอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้ผม.......
“และวันนี้ ที่กูพามานี่ เพราะ.... ไอเบสก็พาผู้หญิงคนใหม่ของมันมาเที่ยว..” ปอพูด พร้อมกระชับมือผมให้แน่นขึ้น
ผมสูดหายใจลึกๆ เรียกสติ เรียกความแข็งแรงของตัวเองให้กลับมา มันไม่ง่าย มันหน่วงๆในอก นี่คือการอกหักครั้งที่2ของผม มันดูรุนแรงกว่าตอนแรก เพราะตอนนั้นแค่โดนปฏิเสธ แต่นี่ดันรักไปแล้ว ถึงจะรักไม่มาก แต่ก็รัก แต่ตอนนี้ รักของผมกำลังเปลี่ยนเป็นเกลียด เพราะภาพตรงหน้าที่ผมยืนมองอยู่ คือไอเบส ทำท่ากระหนุงกระหนิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับผู้หญิงคนนึง ตอนนี้ผมมายืนอยู่หน้าร้านอาหารร้านนึงในห้าง พวกปอมันพาผมมา.....
“กูอยากทำให้มึงตาสว่างสักทีวะ มึงเลิกมองโลกในแง่ดีเถอะนะ” ปอพูดพร้อมกับ ตบไหล่ผมเบาๆ
แต่มันก็จริงๆแหละ เพื่อนๆผม บางทีมันก็ชอบพูดแปลกๆในพักหลังๆมา มันก็พูดให้สังเกตดีๆ นู่นนี่นั่น แต่ผมก็ปฏิเสธพวกมันไปทุกครั้ง เพราะผมได้แต่คิดว่าคงไม่มีอะไร แต่แล้วการมองโลกในแง่ดีของผม มันเลวร้ายมาก มันทำลายความรู้สึกผมจนย่อยยับ ผมได้แต่ยืนกำหมัดแน่น และมองมันสวีทกับผู้หญิงคนนั้น.....
“กูจะเข้าไปเคลียล์” นัทจับแขนผมไว้ “เชื่อเถอะ กูจะจบ แบบตัดขาดไปเลย เขื่อใจกู” พูดเสียงแข็งอย่างจริงจัง
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 19:01:13
ตอนแรกพวกมันก็ลังเล ผมก็ย้ำให้พวกมันเข้าใจ พวกมันก็โอเค ผมได้ดูหนังฟังเพลงเพราะๆมากมาย มันทำให้ผมมองความรักได้สวยงามเสมอ ผมก็หวังว่าผมกับไอเบสจะเป็นอย่างนั้น แต่มันทำร้ายและทำลายทั้งร่างกายและความรู้สึกผมมามากมายเหลือเกินแล้ว และครั้งนี้ มันก็จะจบ ผมหยิบโทรศัพท์มากดโทรหาไอเบส และมันก็รับได้เร็วเหมือนทุกครั้ง.....
“นท!” มันทำเสียงดีใจ แต่ที่ผมเห็นคือเสียงมันดีใจ แต่มันไม่ได้ยิ้มให้ผม มันยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น.....
“เบสทำอะไร” ถามนิ่งๆ เก็บอาการไว้ให้มากที่สุด
“อยู่บ้าน นอนดูทีวี นทปิดเครื่องทำไมเบสโทรหาทั้งคืนเลยนะ!” พูดเสียงดุ แต่การปฏิบัติกับผู้หญิงคนนั้นคือ ทั้งจับมือจับแก้ม ผมต้องหันหลังให้กับภาพตรงนั้น
“อยู่บ้านเบื่อไหม แล้ววันนี้เราจะ....” ผมพูดไป แล้วก็เงียบในตอนท้าย
“วันนี้นทอยากไปไหน เบสจะพาไปนะ”พูดเสียงหวาน ผมก็เหลือบไปเห็นร้านขายดอกไม้ที่ตั้งอยู่ทางประตูทางออก
ผมก็คุยกับมันไปและก็เดินไปดูดอกไม้ร้านนั้นไปพลาง เพื่อนๆก็ตามมา ไอเบสก็คุยกับผมปกติสักพักมันก็วางไป ผมก็มองดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง สลับกับ ดอกลิลลี่สีส้ม ที่อยู่ใกล้ๆกัน ทำไมผมถึงอยากจะได้ดอกสองดอกนี้จัง มันดูดึงดูดผมจัง......
“ดอกสองดอกนี่ความหมายมันไม่ค่อยดีเลยนะจ้ะ” ป้าร้านขายดอกไม้พูดขึ้นขณะผมมองอยู่ ผมได้แต่คิดไม่ดีแล้วจะเอามาขายทำไม ผมก็นึกแค่ในใจ ก็คง แค่สวยก็พอแล้วละมั้ง
“ป้าก็รู้เหรอครับ” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ ป้าเขาก็พยักหน้า
“คนๆนั้นคงจะทำให้หนูไม่พอใจมากเลยใช่ไหม” ผมก็หันหน้าหนีป้าเขา ”เดี๋ยวป้าจัดให้นะ” เขาก็เดินไปจัด
แกเดินไปหยิบดอกไม้ตามจุดต่างๆ ก็จะมีดอกกุหลาบสีม่วง ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง ดอกลิลลี่สีส้ม และไฮเดรนเยียเอาไปอย่างละนิดหน่อย และป้าก็เอาไปตัดๆแล้วก็เรียงและผูกเป็นช่อให้ผมแบบสวยงาม อย่าพึ่งแปลกใจทำไมผมถึงรู้ชื่อดอกไม้ มันมีป้ายชื่อกำกับอยู่ ไม่งั้นผมก็ไม่รู้หรอก พอจัดเสร็จป้าเขาก็ยื่นให้ผม.....
“ถึงความหมายของทุกดอกในนี้มันจะไม่ดี แต่รวมๆกันดอกไม้ก็มีความสวยงามในตัวของมันนะ” พูดจบก็ยิ้มออกมา เขากำลังจะสื่ออะไร?
ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจ  ผมก็จ่ายเงินไป แล้วก็เดินกลับไปทางร้านอาหารที่ไอเบสอยู่ ผมก็บอกเพื่อนๆว่ารออยู่ข้างนอกนะ ตอนแรกมันก็ไม่ยอมจนผมต้องใช้สายตาไม่พอใจ พวกมันถึงยอมยืนรอข้างนอก ผมก็เดินเข้าไป
“นิ้งชอบของที่เบสซื้อให้จัง สวยน่ารัก”
“ถ้าชอบก็มาบ่อยๆ เดี๋ยวเบสซื้อให้”…
บทสนทนาของมันกับของผู้หญิงคนนั้นลอยมาเป็นระยะ ผมใช้ช่อดอกไม้สะกิดที่ไหล่มันจากด้านหลัง  ไอเบสก็ดูตกใจไม่น้อยเลยที่เห็นผม.....
“นะ...นท มาได้ยังไง” เบสถามด้วยสีหน้าที่ตกใจ
“ใครเหรอเบส” ผู้หญิงถามอย่างสงสัย ผมก็หันไปยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“คะ คือ..อะ..”
“ดูหนังฟังเพลง อยู่บ้านคงเบื่อแย่เลยเนอะ” ผมก็ยิ้ม ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแล้ว มันก็ก้มหน้า “อะ happy anniversary” ผมยื่นช่อดอกไม้ให้มัน พร้อมคำสาปแช่งต่างๆที่มันอัดอั้นอยู่ในใจ มันก็รับไป “ที่ถามเมื่อกี้ แค่เพื่อนน่ะ และจากนี้ แม้แต่เพื่อนก็ไม่ได้เป็นแล้วด้วย”ผมหันไปตอบผู้หญิงคนนั้น
“นท หมายความว่ายังไง!”ไอเบสถามด้วยความตกใจ ผมก็เหลือบตาไปมองมันแค่ครู่เดียว
“แล้ว...เป็นอะไรกับเบสเหรอ?” ผมหันไปถามทางผู้หญิงคนนั้น เขาดูเขินนะ แต่ก็น่าสงสารที่มาเจอคนแบบนี้
“เบสพึ่งขอเราเป็นแฟนเอง” ผมยกคิ้วขึ้น นิดนึง แฟน? ใจผมสั่นไปหมด คนคนนี้มันสุดยอดจริงๆ
“นะ นท คือ” ผมก็ยิ้มให้มัน มันก็ดูจะพูดไม่ออกนะ
“ลาก่อนนะ” แล้วผมก็เดินออกจากร้านไป
เพื่อนๆก็เข้ามากอดไหล่ผมอย่างเป็นห่วง ปลอบใจผมกันใหญ่ ผมก็ตกอยู่ในภวังค์ความคิดตัวเอง นั่นเป็นสิ่งสุดท้าย ที่ผมจะให้มัน ผมจะไม่โกรธไม่เกลียดมัน ผมให้อภัยมันทุกอย่าง ผมไม่ใช่คนดีอะไร แต่นี่คือบทเรียนของผม บทเรียนราคาแพง สอนให้ผมรู้เลยว่า ทำตัวดีไปก็ไม่ช่วยอะไร รักเดียวใจเดียวก็ไม่ช่วยอะไร และอีกหลายอย่างเลย.....
“นท!” ไอเบสวิ่งมาหาผม พวกผมก็หันไปมองมัน
ผลัก! ตุบ! ไอนัทโผล่เข้าไปต่อยมันอย่างแรงจนมันล้มลงเลย ผมก็มองอย่างตกใจ คนแถวนั้นก็เริ่มมองแล้ว....
“ไม่เลิกนะนท เบสไม่เลิก!” มันพุ่งเข้ามาหาผม ไอมินก็ขวางไว้
“พอเถอะเบส เลิกยุ่งกับนทได้แล้วมึงอะ !” ไอมินพูดอย่างไม่พอใจ
“มึงจะทำไมไอมิน ไอนทมันเป็นแฟนกู กูจะเคลียล์กับมัน!” ไอเบสผลักไอมินออก แล้วก็เข้ามากระชากแขนผมให้เดินไปกับมัน ผมก็เดินตามมันไป และก็ส่งซิกให้เพื่อนประมานว่าไม่เป็นอะไร
“นท! ไม่เลิกนะ” พูดเสียงสั่น มองผมเศร้าๆ
“ไปหาแฟนเบสเถอะ” ผมใช้สายตาที่เย็นชาที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ส่งไปให้มัน
“เบสขอโทษนท ผู้หญิงคนนั้นก็แค่เพื่อนเท่านั้น แล้วนททำไมต้องคิดมากด้วยละ ปกติก็ไม่เห็นคิดอะไร เพราะเพื่อนๆนทใช่ไหม หรือเพราะที่เบสทำเมื่อวาน เบสขอโทษ ขอโทษ นทอยากให้เบสทำอะไรเบสยอมหมดทุกอย่างแล้วนะ” พูดอย่างอ้อนวอน
ผมก็มองมันนิ่งๆ ที่ผ่านมามันคงมองว่าผมโง่จริงๆ ดีแค่ไหนแล้วที่ผมไม่มีอะไรกับมันไม่งั้นคงจะหนักหนากว่านี้แล้ว (จริงๆมันก็เคยขอผมมีอะไรกับมันบ่อยๆ แต่ผมยังไม่พร้อมและก็รู้สึกแปลกๆทุกที ก็เลยไม่ได้มีอะไรกัน แถมระยะเวลาที่คบกันก็น้อยจนไม่ได้เตรียมใจอะไรด้วย)ผมมองมันนิ่งๆ ด้วยคำถามความคิดมากมาย มันไม่รู้สิ มันไม่มีคำพูดอะไรแล้ว ไม่เหลืออะไรให้มันแล้ว....
“เบส ฟังนทดีๆนะ” มันก็เงียบลง เพราะพร่ำเพ้ออยู่นาน “นทขอโทษจริงๆ นทไม่ทนแล้วเบส เบสทำมันพังเองนะ นทบอกเลยนทไม่โกรธไม่คิดอะไรเลย แต่ตอนนี้อะ แม้แต่คำว่าเพื่อน นทก็ให้เบสไม่ได้เลย เบสไม่คิดถึงตอนที่อยากได้นทเป็นแฟนบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้ เบสลองคิดดีๆนะ ว่านททำอะไรไม่ดีเบสถึงทำกับนทแบบนี้ ลาก่อนจริงๆเบส” ผมพูดอย่างเหนื่อยใจ
แล้วผมก็เดินผ่านมันไปเลย ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งตามมาดู มันก็ยืนมองผมนิ่งๆไม่ตามผมมาแล้ว...
“ยังไงเบสก็ไม่เลิก นท!” ตะโกนตามหลังบอกผม พวกไอนัทจะวิ่งไปยำมันอีกรอบแล้วแต่ผมห้ามไว้ ทุกอย่างมันจบแล้ว จบจริงๆ ผมไม่มีคำอธิบาย เสียความรู้สึกมาก เสียใจด้วย แต่ก็เอาเถอะ ผมอาจจะไม่เคยเตรียมใจเรื่องนี้ แต่บอกเลย ไม่แย่อย่างที่คิด เพราะหลังจากผ่านวันนั้นมา ผมก็เปลี่ยนซิม ไม่ได้ติดต่ออะไรกับมันอีกเลย และผมก็ใช้ชีวิตปกติ ไม่มีอาการเฮิร์ทอะไรแต่อย่างใด อาจจะแค่คิดมากไปบ้าง เลิกเรียนทุกเย็นมันก็จะมาดักรอผมเหมือนเดิม ผมก็หนีหน้ามันตลอด ไม่เจอเลย พอเจอก็วิ่งหนี เหมือนเจอตัวอะไรสักอย่าง แต่เรื่องนี้พวกพี่เต็มยังไม่รู้ ผมก็ไม่ได้อยากให้ใครรู้มากหรอก ตั้งแต่วันนั้น ผมกับมันก็ไม่ได้คุยไม่ได้เจอกันเลย
นี่แหละ ความรักเฮงซวยของผมกับไอเบส ซึ่งมันเหมือนจะดี แค่เหมือนนะ แต่ไม่เลย มันขมมันกลืนไม่ลง รู้สึกคิดผิดพลาดมาตลอด แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อผมมันโง่เอง และมันก็เป็นรักครั้งแรก ที่ผมอาจจะฝังใจ หลังจากนั้น พี่โน้ตก็สอนผมถึงเรื่องความรัก ในหลายๆด้านหลายๆรูปแบบ เรื่องไอเบสพี่โน้ตก็พอรู้นะ แต่ไม่รู้มาก ถึงมันจะเป็นอะไรที่ไม่น่าจดจำ แต่มันเป็นบทเรียนชีวิต ที่ซื้อดอกไม้ให้มันเพราะผมยอมรับว่ายังคงรู้สึกดีอยู่ ที่ให้นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่จะให้มัน อาจจะดูโง่ แต่นั้นครั้งแรก ทำอะไรก็อาจจะดูสวยงามไปหมด......
“มึงหายไปไหนมาไอนท!” พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พร้อมกับ บีบแขนผมอย่างแรง และคนเริ่มหันมามองเราสองคนแล้ว ผมเบ้หน้าด้วยความเจ็บ
“โอ๊ย! ปล่อยนะเว้ย กูเจ็บ!” ผมพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากมือมัน แต่แม่งไม่หลุดแถมแน่นกว่าเดิมอีก.. “ไอเบส ปล่อย!” แล้วมันก็คลายมือออก แดงเป็นรอยมือมันเลยทีเดียว ผมลูบบริเวณที่เจ็บเพื่อให้ความเจ็บมันคลายนิดหน่อย
“มึงเป็นอะไรวะนท กูแม่งหาทางติดต่อมึงยากมากเลย กูทำอะไรผิดวะ” ผมมองหน้ามันแบบ ยังจะถามอีก สิ่งที่มันทำ ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้
“มึงอย่าให้กูพูด ทั้งๆที่มึงก็รู้อยู่แล้วเถอะ มึงมันเอาแต่ใจ แค่ชีวิตตัวเองยังรับผิดชอบไม่ได้ กูเบื่อ แล้วกูก็ไม่อยากข้องเกี่ยวกับคนแบบมึงแล้ว ตอนแรกกูว่ากูอยากกลับไปเป็นเพื่อนกับมึงอีกครั้งนะ แต่ก็ว่า เพื่อนกูก็คงไม่อยากเป็น แล้วครั้งนี้กูขอพูดให้ชัดเจนอีกครั้ง เราเลิกกันเถอะวะ อย่ามาข้องกะ....” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ฝ่ามือใหญ่ก็ฟาดลงมาที่แก้มข้างซ้ายของผมอย่างแรง 
‘เพี๊ยะ!!’ หน้าผมหันไปตามแรงมือของมัน เจ็บสัส! รู้สึกเหมือนเลือดจะออกด้วยในปาก ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ก็พอแล้วจริงๆ กับคนคนนี้
‘’พอใจแล้วใช่ไหม’’ แล้วผมก็เดินออกมาเลย มันก็ไม่เดินตามผมมาแล้วเหมือนกัน พอผมมองดีๆแถวนี้มันไม่ได้เงียบอะไรเลยแถมคนมองเต็มไปหมด อายเลยสิ ผมเหลือบไปมองข้างหลัง เหมือนมันจะเดินไปอีกทางแล้ว ก็รู้สึกโล่งอก
ผมเดินมานั่งแถวๆสวนหย่อมหน้าเซ็นทรัลX เอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดมุมปากแล้วก็ส่องกระจกจากหน้าจอมือถือดู รอยมือ กับมุมปาก ต้องโดนป๊ากับแม่สวดแน่ๆ ‘แย่ชะมัด’
‘เจ็บมากไหมวะ’ ผมหันไปมองตามเสียง อ่าว..ไอพี่อ๊อฟ ผมมองมันด้วยความแปลกใจนิดหน่อย แล้วมันก็เอามือชี้ไปที่แก้มผมที่โดนตบมา เดาว่ามันน่าจะเห็นสินะ
“ไม่เท่าไหร่หรอกนะ มดกัด แล้วทำไมพี่ยังไม่กลับละ” แล้วมันก็นั่งลงข้างๆผม ผมเขยิบตัวนิดหน่อย รักษาระยะห่าง เดี๋ยวมันจะไม่งาม
“กูเห็นว่ามึงบอกว่ายังไม่ได้กินข้าว กูว่าจะชวนมึงไปแต่เห็นมึงวิ่งหนีอะไรไม่รู้ก็เลย ตามไปดู แล้วก็....” มันไม่กล้าพูดต่อ แล้วก็ชี้ไปที่แก้มผมอีกครั้ง
“เห็นหมดเลยเหรอ อายจุง แหะๆ” เอาจริงๆคงจะเห็นกันทั้งห้างแหละมั้ง เฮ้อ! รู้สึกผิดหวังกับตัวเองจัง...
“มึงก็กล้าเนอะคนเขามองมึงสองคนกันหมด จะไม่เห็นได้ยังไงวะ อะ เอาไปทาบกับปาก” พูดพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าห่อน้ำแข็งให้ ผมก็รับมา พร้อมกับรอยยิ้ม
“ขอบใจ แล้วไปเอาที่ไหนมา” มองมันแบบสงสัย
“ก็กูเอาน้ำแข็งในแก้วน้ำกูมาเทใส่ผ้าให้มึงมี้กี้นี่ไง ไม่เห็นเหรอ  เออแล้วทำไมมันถึงทำกับมึงแบบนั้นวะ”
“มันเป็นแฟนเรา แต่มันเหี้ย เราพยายามหนีมันหลายครั้ง ตามเราตลอด วันนี้เลยตัดสินใจบอกเลิกชัดๆไปแม่ง” พูดเป็นเชิงบ่น พอหันไปมองหน้าพี่อ๊อฟ ทำหน้าตกใจ แล้วก็แอบขำในใจจัง 
“..............เอ่อ มึงเป็น?” ทำหน้าแบบตะลึง ผมก็พยักหน้า ทำไมจะต้องปิดบังละ
“เออเราเป็นเกย์นะ เห้ย! ถ้าพี่รังเกียจไปก็ได้นะ” ผมกำลังจะลุกมันดึงแขนผมไว้ ผมก็ค่อยๆนั่งลง
“เห้ย! ไม่ๆ กูแค่ตกใจ ไม่คิดว่ามึงจะเป็นมึงดูแมนมาก เลยอึ้งนิดๆ 55555” นั่นไง ผมก็แค่หัวเราะตาม
“ไม่นิดละม้าง นึกว่ารังเกียจ เออแล้วได้กินอะไรยัง จะมืดแล้วนะ เราว่าเราคงต้องรีบกลับ ละเดี๋ยวพ่อกะแม่จะซ้อมเอา” พูดติดตลก แบบไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่ถ้ากลับไปเห็นรอยมือบนหน้าก็น่าจะโดนซ้อมจริงๆ
“เอิ่มโดนซ้อมเลยเหรอวะ” มันทำหน้าตกใจ ผมก็หัวเราะลั่นออกมาเลย
“55555 หลอก..ไม่โดนหรอก แต่ถ้าเห็นรอยตรงหน้าโดนสวดแน่นอน แย่เลยอ่ะ” พูดจบ ก็พลางเอามาลูบแก้มข้างซ้ายไป
“สมน้ำหน้า เดี๋ยวกูไปส่งไหม ถือเป็นค่าตอบแทนเรื่องสีแล้วกัน” มันพูดพร้อมกับเผยยิ้มขึ้นมา ผมก็แซวมันกลับ
“ไม่อ่ะ กลัวตกหลุมรักพี่” ทำท่าเขินอาย แบบจริตมาเต็ม
“มันก็เรื่องปกติแหละกูหล่อสะขนาดนี้” เอ่อ..สะงั้นไป แต่เอาจริงๆมันก็หล่อแหละ จัดฟันด้วย แต่มันชอบทำหน้าตายหน้านิ่งๆ ไม่ค่อยยิ้ม ถ้าไม่ยิ้ม หรือ ยีฟันหน่อยก็จะไม่เห็นเลยนะ 
“แหวะ! หลงตัวเองอย่างหนัก ไปดิไปยัง จะกลับแล้ว” เอาจริงๆก็ไม่ได้ให้ท่าแต่อย่างใด เรามากับมันเสียทั้งเงินเจ็บทั้งตัวแล้วก็ควรจะได้กลับบ้านฟรี ซึ่งเอาจริงๆก็ขาดทุนอย่างเห็นๆ และก็ไม่บึ้งตึงใส่มันอย่างทีแรก เพราะรู้สึกดีนิดนึงที่อย่างน้อยมันก็ไม่ซ้ำเติม แถมยังให้ผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบทั้งๆที่ ไม่ได้สนิทอะไรกับมันขนาดนั้น
“เออไปดิบอกทางกูด้วย” พูดจบเราทั้งสองคนก็ลุกขึ้น และเดินไปที่จอดรถมอไซค์ เอารถมอไซค์มาทำไมไม่มาจากโรงเรียนด้วยกัน จะให้นั่งรถมาทำไม ให้ตาย แต่ช่างมันเถอะ ผมก็ได้แต่คิดในใจ
พี่อ๊อฟก็ไปส่งผมที่บ้าน ระหว่างทางก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ส่วนมากผมก็ถามนู่ถามนี่ไปทั่ว พี่อ๊อฟเป็นลูกคนที่2 มีพี่ชาย1คน เรียนศิลป์ภาษาจีน เรียนค่อนข้างเก่ง ชอบเล่นบาส ชอบวาดรูป  บ้านพอมีฐานะ  ถามเยอะ ประเด็นก็คือว่าถามเหมือนเก็บ โปรไฟล์แหละ เพราะพี่มันก็หล่อ เผื่อเราจะเอาไปเป็นตัวเลือก 55555 อันนี้คิดเล่นๆนะ ผมก็บอกทางพี่เขามาจนถึงบ้านผมแล้ว
“ขอบใจนะ อะ..” ผมยื่นแก้มไปใกล้ๆพี่อ๊อฟ มันทำเบ้ปากทำขยะแขยง น่าหมั่นไส้จริง
“เอิ่ม” มันทำหน้าเอือมผมแบบสุดๆ
“อย่ามาทำหน้าเอือมระอาเรานะ เชอะ!”  แล้วผมก็เดินเข้าบ้าน แล้วพี่อ๊อฟก็ขับรถออกไป และพอป๊ากับแม่เห็นรอยตรงแขนและที่หน้าเท่านั้นแหละ สวดยาวๆไปเลย หลับคาที่ ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ขึ้นมาอยู่บนเตียงได้ยังไงหว่า เอาจริงๆก็ป๊าแหละยกเราขึ้นมา มีอยู่คนเดียวจะใครที่ไหน  แล้วผมก็อาบน้ำแต่งตัวมาโรงเรียนตามปกติป๊าก็มาส่งผมที่โรงเรียน พอถึง.....
‘’นท ห้ามทำตัวแบบนี้อีกนะ ถ้ามีแผลกลับบ้านอีกป๊าจะซ้ำให้แน่นอนคราวหน้า’’ พูดเสียงดุ และชี้หน้าคาดโทษไว้ ผมก็ยิ้มรับ แบบไม่รู้ไม่สนใจตามสเต็ป
“จุ๊บ!”  ยื่นหน้าไปหอมแก้มป๊า  “ป๊า บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร อย่าโหดดิ นทไปละนะ เย็นนี้เจอกัน”
แล้วผมก็เดินลงมาจากรถเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องเรียนก็เจอกับเพื่อนๆ พอพวกมันเห็นรอยที่หน้าผม ก็พากันสอบสวนกันใหญ่ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ผมก็เล่าทุกอย่างให้ฟัง ตอนแรกพวกมันนึกว่าผมไปตีกับพี่อ๊อฟมา แต่ผมก็เล่าและบอกว่าเคลียล์ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกมันโมโหไอเบสกันใหญ่เลย ตอนแรกจะพากันโดดเรียนไปรอยำมันแถวบ้านมันแต่ผมก็บอกพวกมัน ว่าไม่ได้ติดใจโกรธแค้นหรือเกลียดอะไร ต่างคนต่างอยู่ แค่นั้น และทั้งวันก็เรียนกันปกติ พอเลิกเรียน ก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรมาก แยกย้ายกันกลับบ้าน ตอนแรกว่าจะชวนพวกมันเที่ยวแต่ช่วงนี้พักก่อนดีกว่า ค่าสีไอพี่อ๊อฟเล่นเอาผมต้องอดไปอีกนานเลยทีเดียว
ผมก็เดินไปดู นักกีฬาโรงเรียน เล่นบอลกัน ไปคนเดียวด้วยนะ ไปบริหารเสน่หน่อย ช่วงนี้ต้องหาอะไรทำบ้าง ผมแอบชอบรุ่นพี่อยู่คนนึง เป็นนักฟุตบอลโรงเรียนอยู่ม.5แต่ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น ออกแนวปลื้มมากกว่า เพราะรุ่นพี่ทั้งหล่อ และอัธยาศัยดี  อะไรทำนองนั้น พี่เขาชื่อไอซ์ เวลายิ้มทีนี่ -โอ้!ละลายเลยทีเดียว-
สักพักก็เหมือนมีคนมานั่งข้างๆ แต่ไม่ได้สนใจหันไปมองแต่อย่างใด ก็นั่งมองพี่ไอซ์ไปนั่นแหละ สักพัก ‘เห้ยๆๆๆ!’ พี่เขาเดินมาทางนี้ แย่ล่ะสิ เราดูดีหรือยังเนี่ย ‘โอ้ย’ เอายังไงดี มาแล้วๆๆๆๆ เขายกมือขึ้นมาทัก
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 19:03:05
‘ไง’ คือรู้สึกร้อนหน้ามากๆ ผมทำตัวลุกลี้ลุกลน มองไปทางพี่เขาที่เดินตรงมา ยิ่งใกล้ยิ่งน่าสัมผัส แต่มันอยู่ที่ว่า .........
‘เออไงวะเสร็จยัง’ ชิบหายไม่ได้ทักกู -เพล้ง!!- หน้าแตกเลยสิ พอหันไปมองข้างๆ อ่าวไอพี่อ๊อฟ มันเหล่มองผมแล้วทำเหมือนกลั้นขำ ไอบ้าเอ้ย! น่าอายจริงๆ มันต้องรู้แน่เลยว่าเราชอบพี่ไอซ์ วันนี้หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ ดีนะมีพี่อ๊อฟอยู่คนเดียว ไม่อย่างนั้น โดนโห่แน่เลย เราก็กำลังลุกขึ้นจะกลับ ไอพี่อ๊อฟก็ทัก....
“อ่าวนทไม่นั่งดูต่อเหรอ เห็น ‘เพลิน’ เชียวนะ” มันเน้นคำว่าเพลิน แล้วพี่ไอซ์ก็มองมาทางผม ผมก็ล่กสิ ทำตัวไม่ถูกเลยทีนี้  ”เอ่อ..คะ คือ ระ...เรารีบกลับน่ะ ไปนะ” คือพูดแบบรนๆพี่ไอซ์ก็มองเราแบบไอนี่เป็นอะไร ส่วนไอพี่อ๊อฟก็เอาแต่หัวเราะ เราก็รีบกลับบ้านทันที
ผมกลับมาถึงบ้านก็ทำการบ้าน แล้วลงมากินข้าวกับป๊าและแม่ นั่งคุยกันสักพัก พอเสร็จก็ขึ้นห้องไปดูโทรศัพท์
‘ติ๊งส์!’ มีสายไม่ได้รับด้วย เอิ่ม...เบอร์ไอพี่อ๊อฟ เราก็คิดสักพักนะว่าควรโทรกลับดีไหม แต่ถ้าอยากสนิทกับพี่ไอซ์ก็ควรสนิทกับพี่อ๊อฟก่อน เราคิดได้แบบนี้ก็รีบโทรกลับเลย คือรับสายเร็วมาก ตึ้ด..เดียวเองนะ
“ว่างายน้องเพลิน” ทำเสียงยียวน แปลกๆ
“เอ่อคือ.......” เพลินไหนวะ มันไม่ได้เมมเบอร์เราเหรอเนี่ย
“แหมทำเป็นจำไม่ได้ นั่งมองไอไอซ์สะเพลินเลยนะ น้องเพลิน” มันแซวผมนั่นเอง เอิ่ม..อุตส่าไม่คิดถึงแล้วนะ ทำแบบนี้เราก็เสียหายสิ
“ไอบ้า! จะโทรมาแซวหรือยังไง อายนะเว้ย!” พูดเสียงดังขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องที่น่าพูดเลยสักนิด
“จ๊ะๆ! ไม่แซวแล้ว แค่จะโทรมาถามว่าชอบไอไอซ์เหรอ” คือตรงไปไหน -เอ๊ะ!- ไม่ใช่ว่ามันนั่งอยู่ข้างพี่ไอซ์แล้วถามเหรอวะ จะแกล้งเราหรือเปล่านะ
“เอิ่ม...ถามเพื่ออะไร อย่าบอกนะว่าหึง 5555555” แถไปนั่น ต้องหยั่งเชิงไว้ก่อน เดี๋ยวจะดูไม่ดี
“มโนเก่งนะ! กูก็แค่เห็นว่ามึงแสดงท่าทีขนาดนั้น กูแค่จะบอกว่าเพื่อนกูยังโสด และก็ที่โทรมาถามและบอกก็เห็นแก่สีที่มึงซื้อคืนให้กูแหละ”  มันแปลกๆนะ คิดอะไรของเขาอยู่
“เอิ่ม...หวังดีเกินไปม้างงง แล้วยังไงต่ออ่ะ” 5555คือไม่ค่อยอยากรู้หร๊อกกกก ก็ขอสักหน่อยแล้วกัน
“ไม่ค่อยอยากรู้เลยเนอะ เอาเป็นว่ามันก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแหละวะ”
“อะไรอ่ะ สีที่ซื้อคืนให้ก็แพงอยู่นะ เห็นใจกันหน่อยสิ แค่นี้เอง ขอข้อมูลของพี่เขาหน่อยเด้อย่างก” เอาละ ไหนๆก็ไหนๆ ขอลองกับมันสักตั้งแล้วกัน
“เออก็ได้นะ แต่.....มึงต้องช่วยงานกูและตามใจกูเป็นเวลา 1 เดือน โอเคไหม แล้วอีกอย่างเรื่องสีมึงต้องรับผิดชอบอยู่แล้วเพราะมึงเป็นคนทำพังอย่ามาอ้าง” อันนั้นก็จริง แต่อะไรหลายๆอย่างมันเริ่มไม่สมเหตุสมผลแล้วละ
“เพื่ออะไรวะ ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้ จะมาให้เราไปช่วยพี่อะไรเยอะแยะพี่เก่งอยู่แล้วนี่ทำคนเดียวก็ได้ อย่าทำตัวเพ้อเจ้อเลย” เอาจริงๆก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ขี้เกียจก็บอกปัดไปก่อน
“งั้นบาย เรื่องไอไอซ์ก็ฝันไปเลย กูจะบอกให้มันเกลียดมึงและอยู่ห่างๆมึง (มันขู่สินะ)  ตึ๊ด!” แรงมาก มันวางสายไปเลย ชิบหายแล้วเอายังไงดีทีนี้ ผมรีบกดสายโทรกลับ โทรไป3รอบแล้วก็ไม่รับ รอบที่4 กว่าจะรับเราเกือบกดวาง
“เห้ย! พี่อ๊อฟสุดหล่อ เราล้อเล่น ก็ได้ๆเรายอมแล้วน้าๆๆๆๆๆ” ยอมไปก่อน เพื่อผู้ชาย ก็ต้อง อ้อนสุดๆ
“……….ยอมอะไร” เอิ่ม..เล่นตัวด้วย
“ก็ยอมช่วยงานและตามใจพี่อ๊อฟสุดหล่อเป็นเวลา 1 เดือนไง น้าๆๆอย่านอยน้าๆๆ” แอบหวั่นกับงานที่มันจะให้ช่วยอยู่นะ แต่ก็คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ถือว่าฝึกประสบการผู้ช่วย
“ก็แค่เนี่ย ลูกเล่นเยอะอยู่ได้เดี๋ยวพรุ่งนี้กูจัดให้มึงก่อนเลย เบาๆ” พูดสะใหญ่โต อะไรของมัน
“เห้ย! จริงดิ !(ตามน้ำไปก่อน) อายอ่า (อะไรของมันวะ ชักหวั่นๆใจ) จัดอะไรอ่า บอกก่อนดิ!” เริ่มตื่นเต้นแล้วนะพูดแบบนี้
“เออไว้เจอกันพรุ่งนี้ตึ๊ด!” กดวางสายอีกแล้ว ไม่มารยาทเลย ผมก็ไม่สนใจ
นอนคิดไปคิดมาสักพักก็หลับไปเลย พอเช้าก็รีบแต่งตัวไปโรงเรียนเลย ทีนี้ตื่นเต้นมาก พอถึงโรงเรียนปุ๊ป ก็ไปหาเพื่อนๆที่โต๊ะประจำของเรา
“เป็นอะไรวะ อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะมึง” วิว เอ่ยถามขึ้นมา เมื่อเห็นว่าผมอารมณ์ดีผิดปกติ
“เออมีไรพิเศษหรือเปล่า” ปอถามต่อด้วยความสงสัย
“ท่าทางอย่างนี้สงสัยต้องมีผู้โชคร้ายแล้วละ” ไอมิน พูดขึ้นมา พร้อมทำหน้ากวนตีนมาทางผม
“ยังไงวะ” นัทหันไปถามไอมินด้วยความสังสัย
“ก็อาการแบบนี้มันก็คงไปแอบชอบใครแบบเต็มประตูมาอีกแล้วน่ะสิ ใครกันน้าผู้โชคร้าย” ไอมิน ปากหมาตลอด แต่ทุกทีผมก็เป็นผู้โชคร้ายเสมอเลยนะ ทำไมมันไม่มองในมุมนี้ น่าโมโหจัง แต่ก็ช่างเถอะ
“แหมทำแสนรู้กันจังนะพวกมึง ก็อย่างไอมินว่าแหละ อิอิ” พูดแล้วทำท่าเขิน ผมจะปลงกับคำพูดพวกมัน แล้วก็มารอลุ้นที่พี่ออฟจะเซอร์ไพร์ซดีกว่า
“ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะมึง อาการหนักแล้วนะนั่น หน้าแดงเชียว”ปอหันมาทำหน้าหมั่นไส้ใส่ผม
“กระแดะมากอะนท ท่าทางมึงนะ” ไอวิวท้วงท่าทางที่ผมทำท่าทางแบบบิดไปๆมาๆเขินนี่หว่า
“ใครวะ” ไอนัทถาม พวกมันทั้ง 4 ตน ก็ตั้งใจฟังคำตอบกันแบบยิ่งกว่าลุ้นข้อสอบ
“ก็.......พี่ไอซ์อ่ะ”….เขินจัง
“เห้ย!!” พร้อมเพรียงกันจังนะ
“นักบอลโรงเรียนอ่ะนะ”ไอมินถามขึ้นมา หน้าตาพวกมันยังไม่หายค้างกันเลย 
“เอออะดิ” ผมตอบอย่างไม่สนใจ เพราะเอาแต่คิดเรื่อยเปื่อยอยู่
“เห้ยๆ! เล่นของสูงสะด้วย มึงไม่รู้เหรอว่าเขาไม่ชอบอะไรที่เป็นแบบมึง” ไอนัท ช่างกล้านะ พูดตัดกำลังใจแล้ว 1
“นั่นดิ กูเห็นเขาควงผู้หญิงแต่ละคนนี่แบบ สวยระดับนางฟ้า”ไอปอซ้ำแล้ว 2
“มึงเคยเห็นไอนทชอบใครแล้วพลาดเหรอวะ” ไอมินช่างกล้าพูดนะไม่พลาด แต่ก็เจ็บทุกรายสินะ พวกมึงนี่มัน...
“ไม่แน่นะเว้ย! พี่เขาแมนแบบสุดๆ นท มึงก็ควรระวังนะเว้ย! ถ้าเขาไม่เล่นก็ควรถอยนะ” เป็นการตักเตือนที่กระแทกใจมากวิวเพื่อนรัก
“เอาน่า กูก็ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น” อันนี้ไม่ได้ชอบไรมากเลยจริงจรื๊งนะ>< คิดแล้วฟิน หล่อมากนะพี่ไอซ์....
“หราๆๆๆๆๆ” ประสานเสียงกันเก่ง จริงๆ
“เออออออออออออ ไปเข้าแถวได้แล้วมัวแต่คุยอะไรกันก็ไม่รู้บ้าที่สุด ><” เบื่อจะเถียงกับพวกมันก็เลยเปลี่ยนเรื่องเลย
คือพวกมันทำหน้าแบบเอือมระอาผมสุดๆ แล้วพวกเราก็เดินไปเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธงแล้วก็ขึ้นไปเรียน ก็เรียนกันจนถึงเวลาพักเที่ยงพวกเราก็พากันเดินไปโรงอาหาร แยกย้ายกันไปสั่งน้ำสั่งข้าวมากิน พอเพื่อนมาครบ เราก็เริ่มกินแต่ว่า......
‘น้องนทครับ พี่กับไอซ์ขอนั่งด้วยคนนะครับ’
พรวด! คือผมถึงกับสำลักข้าวออกมาเลย ไอพี่อ๊อฟ พาพี่ไอซ์มาด้วย
“แค่กๆ!(หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม)” เห้อ!เกือบแล้วไหมละ
“น้องโอเคหรือเปล่า” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับเดินมาลูบหลังผม
“ วี๊ดวิ๊วๆๆๆๆๆ ว้าวๆๆๆๆๆๆๆ” ไอพวกเพื่อนผีเปรตนี่จะมาแซวอะไรตอนนี้วะ ผมมองหน้าพี่อ๊อฟ รายนั้นคือจัดให้ผมจริงๆ นั่งอมยิ้มไม่รู้เรื่องไม่รู้ราวแล้ว
“ไม่เป็นอะไรครับ ผมโอเค” พูดด้วยเสียงอ่อนน้อม โห! หล่อยันขนจมูก
“เห้ย!น้องไหวจริงอ่ะ หน้าแดงขนาดนั้น ไอซ์พาน้องไปห้องพยาบาลหน่อยไป” ไอพี่อ๊อฟ โอ๊ย! อย่ามาใกล้มากได้ม้ายยย!
“มะ ไม่เป็นอะไร ระ เราไม่เป็นไรจริงจริ๊งๆ” คือพูดแบบรนๆ ก้มหน้าพูดด้วยนะเหมือนจะไข้ขึ้นแล้วสิ
“ปะ เดี๋ยวพี่พาไป” พี่ไอซ์พูดจบ ก็ดึงแขนให้ผมลุกขึ้น แย่ละ มือพี่เค้านุ่มเกินไป เรากำลังจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าเนี่ยโอ๊ย!
“เอาไปเลยพี่ มันขี้อาย ถ้าพี่ไม่พามันไปมันก็ไม่ไปนะ 555555” พวกเพื่อนเวร กูอยากด่าเหลือเกิน แต่ต้องรักษากริยามารยาท
พี่อ๊อฟมันเอื้อมมือมาแตะตัวผม “เห้ยไอซ์ น้องตัวร้อนๆวะมึงลองจับดิ้”
พี่ไอซ์กำลังจะเอามือมาแตะหน้าผากผม โอ๊ย แย่แล้ว! อุณหภูมิในร่างกายก็ตีขึ้นหน้าสิ วันนี้ยิ่งรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ มาเจอแบบนี้ไข้ขึ้นเลยมั้งเนี่ย
“เห้ย!น้องไปเลย มาเลย (ทำเสียงดุ) เห้ย!เลือดกำเดาก็ไหลตัวก็ร้อนไปกะพี่เลยเดี๋ยวพี่ไปส่ง” ไม่แน่ใจว่าพี่ไอซ์เป็นพวกอ่อนโยนหรืออะไร ยังไม่ทันรู้จักกันเลย แต่ทำเป็นห่วงเป็นใยขนาดนี้ มันก็ทำตัวไม่ถูกสิ
“พี่กินข้าวเถอะครับผมเกรงใจ” ลอยไปไกลเลยสิ  แล้วดูพวกเพื่อนผม กับ พี่อ๊อฟทำหน้าเอือมสิ ไอพวกนี้นิ
แล้วตอนนั้นผมก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองอาจจะไข้ขี้นจริงๆแล้ววันนี้อากาศร้อนมากด้วย อยู่ๆผมก็ลุกขึ้นแล้วก็สะบัดมือพี่ไอซ์ออกและหันไปบอกพี่เขาว่า
‘พี่ทานข้าวเถอะครับ นทไปเองได้ครับขอบคุณมากครับ ’ ยิ้มหวานให้เขา แล้วหันไปหาเพื่อนบอกพวกมันว่า
‘เพื่อนๆกูว่ากูป่วยหนักแล้วละฝากเก็บด้วยนะ’
แล้วผมก็ลุกขึ้นท่ามกลางความงงของพี่ไอซ์กับพี่อ๊อฟเพราะเพื่อนผมรู้อยู่แล้ว เวลาผมไม่สบายแล้วอารมณ์จะแปรปรวนมาก แล้วผมก็เดินไปห้องพยาบาลขอยากินแล้วก็เช็ดเลือดกำเดาต่อด้วยนอนพัก ผมคิดในใจตลอดเลย
“ตายละไปแสดงทีท่ารังเกียจพี่เขาขนาดนั้นเขาคงไม่อยากยุ่งกับกูแล้วละ”แล้วผมก็หลับไป ตื่นมาอีกที ผมมองดูนาฬิกาข้อมือ เห้ย! ซวยแล้ว ว่าจะนอนสักชั่วโมงเดียว ปาไปจะเลิกเรียนแล้วครับอีกครึ่งชั่วโมง
“อ้าว!ตื่นแล้วเหรอ ไข้สูงนะครูโทรบอกพ่อแม่เราแล้วนะไปตรวจที่โรงพยาบาลหน่อยละกัน เดี๋ยวพ่อเธอจะมารับนะ”
“ครับ” (คือตอนนี้มึนหัวมาก ก็เลยนอนพักต่อ) ผ่านไปสักพักผมก็ได้ยินเสียงคนคุยกัน ผมก็อยากลุกนะ แต่มึนหัวหลับตานอนฟังพวกมันคุยกันดีกว่า
“เห้ยมึงอาการหนักวะ”วิว
“เออว่ะเขินจนไข้ขึ้นกูก็เพิ่งเคยเห็น”ไอมิน (เอิ่ม!!)
“มึงก็ บางทีอากาศมันร้อนเกินไปนะนทมันเลยป่วย ภูมิคุ้มกันมันอ่อนแอ พวกมึงก็รู้” ปอแหละ เพื่อนเลิฟสุดแล้ว
“เอาเหอะๆ พวกเราก็รอจนกว่าป๊ามันจะมารับแล้วกัน”นัท
“พี่ 2 คนกลับก่อนก็ได้นะครับ”ปอ
“ไม่เป็นอะไรรอเป็นเพื่อนกันก็ได้”!!!พะ พี่ไอซ์
“ไอซ์มึงไปซ้อมบอลก่อนก็ได้นะเว้ย!” พี่อ๊อฟ
“กูอยากดูน้องเขาก่อนวะกูไม่ค่อยสบายใจเลย” พี่ไอซ์ (ไม่สบายใจอะไรนะ หัวใจของผมเต้นโครมครามไปหมด)
“แล้วแต่”พี่อ๊อฟ
แล้วผมก็ไม่ได้ยินอะไรเลย ประมานว่าไข้ขึ้นซ้ำไปอีก555 ตื่นมาอีกทีผมอยู่ที่บ้านแล้ว คือเวลาที่ผมป่วยอาการตอนแรกจะดูเหมือนหนัก แต่จริงๆไม่เป็นอะไรมากหรอก แค่ขี้เกียจจะลุกแล้วก็จะนอนบ่อยมากแล้วก็จะงอแงเก่งเท่านั้นแหละ เลยดูเหมือนจะอาการหนัก ไม่จำเป็นต้องไปตรวจถึงโรงพยาบาล ไปทุกครั้งก็แค่ป่วยเป็นไข้ธรรมดา ครั้งนี้ก็คงเช่นกัน ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 19:04:25
“ตื่นแล้วเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง” แม่ที่กำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่เอ่ยถามผมขึ้นมา
“ตื่นแล้วเหรอตัวแสบ ตกใจแทบแย่ นึกว่าจะได้หาลูกใหม่แล้ว”ป๊าพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าล้อเลียน
“ป๊าอ่า แม่ดูป๊าดิ (แล้วป๊าก็เข้ามากอดผม) ไม่ต้องเลย อื้อ!”ผมดันป๊าออก
“ป๊าพูดเกินไปนะ ยังมีโน๊ตอีกคนไม่ต้องไปหาหรอก” โน๊ตคือพี่ชายผม เรียนมหาลัย ปี 1 อยู่หอใน ที่บ้านเลยเหลือผมป๊าและแม่กัน 3คน
“55555555” ตลกกันใหญ่ เลยสิ ผมยิ่งไม่สบายอยู่ ทำแบบนี้ได้ยังไง
“งอล” ผมนอนคว่ำเลย
“อย่างอแงนะ รีบๆให้แม่เช็ดตัวเลย เดี๋ยวโดนดี!” ป๊ามาบทโหดอีกแล้ว
เช็ดตัวเสร็จแม่ก็ป้อนข้าวป้อนน้ำป้อนยาผม เอาจริงๆผมเกือบจะหายแล้วด้วยซ้ำแต่แม่กลัวไข้จะกลับเลยให้ดักไว้ทุกทาง?
พอกินยาไปสักพักก็รู้สึกง่วงตื่นมาอีกทีก็เที่ยง พวกเพื่อนผมโทรมาบอกว่าเดี๋ยวจะมาเยี่ยม วันนี้ดีนะที่เป็นวันเสาร์ 
ผมลงมากินข้าวแล้วก็กินยา รู้สึกว่าเป็นปกติแล้ว ไม่มีไข้อ่ะไรแล้วก็เลยนั่งเล่นรอเพื่อน สักพักพวกมันก็มา แต่ว่าไม่ได้มาแค่พวกมันน่ะสิ ........
“ไง!!” เพื่อนๆสุดที่รักของผม แล้วก็
“ไงๆ”พี่ไอซ์/พี่อ๊อฟ
“เอิ่ม!...” มาได้ยังไงวะ ผมหันไปมองพวกเพื่อนผมแหมทำหน้ากรุ่มกริ่มเชียว “พวกพี่มาได้ยังไงอะ”
“กูชวนมาเองเลยนะเว้ย! กูคิดว่าถ้ามึงเห็นพี่ๆเพื่อนๆอาการจะหายเร็วขึ้น” ไอปอหวังดีเหลือเกินนะเพื่อน
“อ่าๆ ยังไงก็ขอบคุณน้าที่มา” ยิ้มแบบสดใสไปเลย ตอนนี้ไม่เขินอะไรพี่ไอซ์แล้ว  เขินมากเดี๋ยวไข้ขึ้นพยายามไม่สนใจแล้วกัน
“น้องนี่ยิ้มน่ารักดีเนอะ” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับส่งยิ้มแบบหล่อละลายมา
(ฉ่า -////-อีกแล้วว่าจะไม่สนใจแล้วเชียว) “พะ พี่อ๊อฟ กรุณาตามน้องนทมานี้ทีนะครับ” แล้วจูงมือมันมาเลย
ผมพาพี่มันมาแถวสวนหลังบ้าน เพราะมีเรื่องต้องเคลียล์กันสักหน่อย ตั้งแต่พี่มันจัดมาให้นี่เอาผมตั้งตัวไม่ทันจนไข้ขึ้นกันเลยทีเดียว
“มีอะไรว่ะ? มึงหายดีแล้วเหรอลากกูมาตากลมตากแดดเนี่ย แล้ว...” มันก้มมองดูมือผมครับ อุ้ย! ลืมปล่อยมือ
“พี่จะทำอะไร ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เอาผมไปไม่เป็นเลยนะ จะทำอะไรไม่ถงไม่ถามสุขภาพน้องสักคำ”ผมพูดเป็นเชิงบ่นเล็กน้อย
“ก็อยากได้แบบนี้ไม่ใช่หรือยังไง นี่แค่เบาๆ” ยกมือขึ้นมาแตะไหล่ผม  “เดี๋ยวกูจะจัดชุดต่อไปให้โอเคไหม”
“ผมว่ามันเริ่มไม่โอเคแล้วนะ ทำอะไรบอกกันก่อนดิวะ! ไม่ชอบอะไรที่มันเซอร์ไพร์ซนะเว้ย! ดูดิเมื่อวาน ถึงกับไปไม่เป็นเลยนะนั่น เอ้อ!แปลกจัง เมื่อวานตอนที่ผมลุกออกไปผมแสดงท่าทีไม่ดีออกไป ทำไมพี่ไอซ์ยังมากับพี่อ่ะ” ร่ายยาวพร้อมกับถาม มันก็น่าบ่นไหมละ
“ก็เพื่อนมึงบอกแหละ ตอนแรกกูก็ตกใจนะ ทำไมมึงเป็นอย่างงั้นไป แล้วเพื่อนมึงก็เล่าให้ฟัง ว่าเวลามึงป่วยมึงจะอารมณ์แปรปรวน และโมโหง่าย กูงงไม่เคยได้ยิน ถ้าเป็นผู้หญิงคงประจำเดือนมาไม่ปกติสินะ”ดูมันนะ
“โอ้ย! หยุดพูดสักที แล้วยังไง มาได้ยังไงวันนี้ อุตส่าจะพักสมองสักหน่อย เอาจริงๆพี่ไม่ได้แกล้งผมใช่ป่ะ” ก็ตื่นเต้นแหละ แต่ก็ไม่อยากเจอพี่ไอซ์ตอนนี้เลย
“ก็ตอนแรกว่าจะไม่มา แต่เพื่อนมึงดันชวนกูเมื่อวานน่ะสิ กูเลยลากไอซ์มาด้วย และกูจะช่วยมึงเรื่องไอซ์หลังจากนั้นมึงก็ทำตามสัญญาด้วย!” มีการทวง ผมก็เริ่มจะหมั่นไส้มันละ
“สัญญาอะไรว่ะ !?” ผมทำหน้างง แกล้งมัน
“มึงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม” มันหันหลังกำลังจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
(ผมคว้ามือมันไว้) “ล้อเล่นน่า ทำขี้งอลไปได้ แต่พี่จะทำอะไรบอกผมก่อนได้หรือเปล่า ผมตั้งตัวไม่ทันจริงๆนะ”
“เออๆ ยังไม่มีอะไรหรอก กูสัญญาก็ได้ทำอะไรจะบอกก่อน แล้วมึงก็อย่าผิดสัญญากับกูก็แล้วกัน” ทำหน้าโหด
จากนั้นก็เดินเข้าบ้านกัน ทุกคนก็นั่งกินน้ำกินขนมแล้วก็ดูทีวีกันไป พอพวมันเห็นผมทำหน้าสงสัยกันใหญ่…..
“มองอะไรกันอ่ะ” ผมถามแต่ก็เบนสายตาหลบพี่ไอซ์
“ไปไหนกันมาวะ?”ไอวิว เกริ่นถามเลย ผมก็มองมั่นนิ่งๆ
“เออนั่นดิ ไปทำอะไรกันมา” ไอปอพูดพร้อมกับทำหน้าแบบกวนตีนส่งมา
มิน/นัท (ทำหน้ากรุ่มกริ่มน่ากระโดดถีบ)
“ไปคุยเรื่องสีกันมานิดหน่อย ว่าจะให้พี่ออฟวาดรูปตอนกูเปลือยให้สักหน่อย” (จัดให้สะเลย แต่....)
ตอนนั้นพี่ไอซ์ที่กำลังกินน้ำแล้วหันมาทางผมพอดี แล้วพอพูดจบประโยคเท่านั้นแหละ พรวด! เต็มๆเล้ย!(โดนเองเลย)
พวกเพื่อนผม “555555555” (ขำกันมันส์เชียว)
“เห้ย!ไอซ์มึงเป็นอะไรหรือเปล่าวะ” มันเอากระดาษเช็ดปากให้พี่ไอซ์ ดูมันทำผมเพิ่งหายป่วยแท้ๆ
“เอ่อคือ พี่ขอโทษพี่ตกใจน่ะ “ พี่ไอซ์พูดแล้วเอากระดาษที่เช็ดปากมันมี้กี้มาเช็ดหน้าผม รู้สึกดีนิสนุง555
“เอ่อ...พอเถอะครับ” ผมแย่งกระดาษทิชชู่มาเช็ดเอง “ผมพูดเล่นนะพี่ ใครจะไปทำจริง” ก้มหน้าพูด พูดเล่นจนลืมไปว่ามีพี่ไอซ์อยู่ “กูว่าวันนี้ทุกคนกลับเถอะนะ อยากพักผ่อน ขอบคุณมากๆที่มาอยู่เป็นเพื่อนกันวันนี้” เอาจริงๆก็ไม่ได้อะไรหรอก นั่งข้างพี่ไอซ์ไง เลยทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะพูดอะไรดี พี่ไอซ์ก็ไม่ค่อยพูดด้วย
 “อะไรว้าไล่เหรอวะ! อุตส่ามาเยี่ยมเลยนะเว้ย!” ไอมิน นี่มึงอุตส่าเลยเหรอ ควรจะตั้งใจมาไหม
“เป็นอะไรหรือเปล่ามึงไหนว่าดีขึ้นแล้ว” ปอถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอก ก็กลัวว่าเพื่อนๆมีธุระต่อแหละ อีกอย่างพี่อ๊อฟกับพี่ไอซ์ก็อาจจะมีธุระไงเกรงใจ” เบนตาไปมองนิดๆ พอเป็นมารยาท
“แหมขี้เกรงใจจังเนอะ หรือว่ากลัวอดใจไม่ได้วะ” ไอวิวพูด แล้วมันก็เหล่มองไปทางพี่ไอซ์ เออ ดี เขารู้กันหมดแล้วมั้ง
“เออมึงเมื่อวานที่มึงไปนอนห้องพยาบาลอ่ะ คาบบ่ายเขามีงานด้วยนะ กูจดมาให้มึงละ ส่งวันจันทร์นะเว้ย!” นัทพูดพร้อมกับยื่นมาให้ เป็นเพื่อนที่ดีเลยนะ
“เห้ยจริงดิ้ ! มึงน่ารักที่สุดเลย” (เดินไปนั่งข้างมันแล้วกอดแขนมัน) “ ไม่เหมือนใครบางคน” (เหล่ไปทางปอเพราะมันนั่ง เรียนข้างผม ส่วนสามคนนั้นนั่งด้วยกัน)
“มันแค่จด กูทำให้มึงเลยนะเว้ย !” ไอปอพูดจบ ก็ยื่นกระดาษงานกับสมุดมาให้มีทำหน้านอย 
“ใจดีเกินไปแล้ว มามะเดี๋ยวหอมแก้มทีนึง” ผมพูดพร้อมกับยื่นหน้าไปจะหอมแก้มมันแล้วมันก็พลักผมออกพร้อมถีบ ทุกคนก็ขำกันใหญ่เลย
แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อยๆแหละ เรื่องสัพเพเหระไปทั่ว พวกมันไม่ยอมกลับก็คุยไป แต่ดูพี่ไอซ์ไม่ค่อยพูดเลย เขาคงไม่เต็มใจมามั้ง
“พี่ไอซ์ไม่ค่อยพูดเลยเนอะ” ผมหันไปถามพร้อมกับยิ้มให้ ต้องมีบทบาทบ้าง เขามาบ้านเรา แต่จะชวนคุยบ่อยๆก็ไม่ดีต่อหัวใจอีก
“ก็ไม่เห็นชวนพี่คุยนี่ ก็ไม่รู้จะคุยอะไร” พี่ไอซ์พูดจบ ทำท่าเซ็งๆ แต่ก็จริงแหละ ผมพยายามเลี่ยงที่จะคุยกับเขา ก็ผมเกร็งนี่นะ
“เอิ่ม....” เงียบกันหมด ไม่รู้สิแต่พี่เขาพูดแบบนี้ผมมโนไปไกลนะ!
“เออชวนเพื่อนกูคุยบ้าง “ปลื้ม” มันไม่ใช่หรือยังไง” พี่อ๊อฟพูด เน้นคำว่าปลื้ม คือตรงไปไหมไอบ้านี่
พวกเพื่อนผม “เอาแล้วๆๆ” พวกมึงจะประสานเสียงกันเพื่อ ?
“เอ่อคือ.....” ไปไม่ถูกเลยทีนี้ โอยเดี๋ยวพี่ไอซ์ได้เกลียดขี้หน้ากูก็งานนี้ “บ้าไปแล้วคนพวกนี้นิ” ผมหันไปค้อนใส่พวกมัน
“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเราปลื้มพี่” พี่ไอซ์ พูดแล้วทำหน้าเขินๆ คืออะไรอ่ะ><
“แหมๆเขินอะไรวะไอไอซ์” พี่ออฟก็ชงเก่งนะ เอาจริงๆตอนแรกคิดว่าพี่อ๊อฟมันไปบอกพี่ไอซ์แล้วว่าผมชอบ แต่ก็ดีค่อยๆเป็นค่อยๆไปแล้วกัน
หลังจากนั้นเราก็คุยนู้นนี่ไปเรื่อยส่วนมากก็จะมาแซว มาพูดจากวนผมนี่แหละ แล้วพวกมันก็ขอตัวกลับกันรวมถึงพี่ๆทั้งสองด้วย เฮ้อ ! รอดตัวไปอีกวัน แต่เอาจริงๆแล้วพอได้คุยจริงๆผมก็เขินอยู่นะ แต่ก็เริ่มจะชิน คือคนที่เราชอบ ได้พูดกันก็ดีแล้ว แล้วเราก็เป็นพวกชอบคิดไปเองอยู่แล้วด้วย พอเขาพูดอะไรมาดีๆหน่อย หรือพูดสองแง่สองง่ามเรานี่ยิ่งไปไกลเลย  วันต่อมาก็ไม่มีอะไรมาก พักผ่อนอยู่บ้านตอนนี้ผมหายดีแล้ว จนเวลาก็ล่วงเลยมาวันที่ผมต้องไปโรงเรียน...
วันนี้ผมก็ตื่นทำนู่นนี่เสร็จ ผมก็ออกไปรอป๊าอยู่หน้าบ้าน .....
“ไปด้วยกันหรือเปล่า” ผมก็หันไปมองทางประตูหน้าบ้าน เอ่อคือพี่อ๊อฟ....มาได้ยังไงนะ
ผมมองหน้าพี่มันอย่างสงสัย
“ไม่ต้องมาทำหน้าโง่หรอก!”หน้ากูแค่สงสัยโว้ย! ปากดีจริง “บ้านกูก็อยู่ใกล้ๆกับบ้านมึงเนี่ยแหละ อยู่ซอยข้างๆนี่เอง แค่ผ่านมาเห็นเลยจะได้ชวนไป จะได้ไม่เสียเวลาทำงานป๊ามึง” มันแปลกๆ แต่ก็ดีนะ
“คิดอะไรอยู่อ่ะ ไม่เห็นเคยบอกเลยว่าบ้านพี่อยู่แถวนี้?”ผมพูดแล้วมองอย่างจับผิด แต่มันก็ทำหน้านิ่งในแบบมัน
“ก็มึงไม่ถามจะบอกเพื่อ? ไม่ไปใช่ไหม กูไปล่ะ!” มันทำเสียงหงุดหงิดใส่ด้วยนะ แล้วมันก็บิดรถไปเลย   .
“เป็นประสาทอะไรของมันวะ” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง
แล้วสักพักป๊าก็เดินออกมา
“เมื้อกี้คุยกับใครอ่ะลูก” ป๊าถามพร้อมกับชะเง้อหน้าไปทางหน้าบ้าน 
“รุ่นพี่นะป๊า อย่าไปใส่ใจเลย”หลังจากนั้นป๊าก็ไปส่งผมที่โรงเรียน ผมลืมบอก ป๊าผมหายโกรธเรื่องที่ทำของสะสมเขาแตกแล้วนะ ผมทำการ์ดโดยใช้สีราคาแพงของไอพี่อ๊อฟ เอาจริงๆมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก แค่หักครึ่งเกือบทุกแท่ง 5555 ของแพงก็แบบนี้พังง่าย แต่ก็ยังใช้ได้อยู่นะ ทำไปง้อป๊าเขาก็หายงอลหายโกรธไป
พอถึงโรงเรียนผมกำลังจะเดินไปโต๊ะประจำกลุ่มผมเห็นพี่ไอซ์ยืนคุยกับผู้หญิงกลุ่มนึงประมาน5คนแถวใต้อาคารเรียน คาดว่าน่าจะรุ่นเดียวกับพี่เขา ผมก็หยุดยืนดูแถวนั้นแหละ แต่มีอยู่ผู้หญิงคนนึงในกลุ่มนั้นสวยด้วยสิ ยืนบิดไปบิดมา แล้วพี่ไอซ์ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองแต่ยัยนั่น ผมเห็นแล้วหมั่นไส้เชียว กำลังจะเดินไปขัดจังหวะสักหน่อย แต่....
‘จะทำอะไรอ่ะ’ มาขัดอีกแล้ว
“ก็แค่จะไปทักพี่ไอซ์เท่านั้นเอง” ผมตอบพี่อ๊อฟ แล้วทำหน้าแบบไม่แคร์แล้วกำลังจะเดินไป
“จะไปทักหรือจะไปขัดเขากันแน่” รู้ทันอีก
“เอ่อ..มะไม่ใช่สักหน่อย ไม่ไปแล้ว ไปหาเพื่อนแล้วนะ บาย” ผมกำลังจะเดินหนีมัน
“แหมทำเป็นพูด นั่นนะแฟนพี่ชายมัน พี่ชายมันฝากของมาให้แฟนมันเพราะพี่มันติดเรียน” ติดเรียนงั้นเหรอ? ผมทำหน้าสงสัย “พี่มันอยู่มหาลัยนู่นปี 1  ไม่ต้องทำหน้างงขนาดนั้นหรอก”
“ก็ไม่ได้อะไรนิ” ถ้าไม่บอกก็คิดไปไกลแล้ว ยังปากดีอยู่นะเรา “ขอบใจที่บอกละกัน” โล่งอกไปที นึกว่าจะมีอะไรในกอไผ่
“เออไม่เป็นอะไรหรอก เพราะกูจะใช้งานมึงให้คุ้มเลย หึหึ!” ทำหน้าแบบผู้ชนะ น่าหมั่นไส้จริงๆ
“แหมๆ สำหรับพี่อ๊อฟเนี่ย” ผมพูดเสียงหวาน พร้อมกับเอื้อมแขนไปคล้องคอมัน แล้วยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูมัน  “ผมให้ได้ทุกอย่างเลยนะ พู่ว!” เป่าหูยั่วยวนไป 1 แมทช์
มันดันผมออก  ถ้าผมสังเกตุไม่ผิดคือหูมันแดงแก้มก็แดงนิดๆ มันเขินผม?
“ทะ...ทำอะไรวะ!”
“เห้ยเขินเหรอ ><” ทำหน้าแบบร่าเริงมากได้แกล้งมัน
“เลิกเพ้อเจ้อได้ละ” มันตีหน้านิ่งเหมือนเดิม
“แล้วพี่ไม่ได้บอกพี่ไอซ์เหรอว่าผมชอบพี่เขา”
“ไม่นะ กูก็แค่ชวนมันมาหามึงบ้าง ชี้มึงให้มันดูบ้าง อะไรทำนองนั้น” ทำท่านึกอะไรขนาดนั้น
“แล้วพี่เขาไม่สงสัยเหรอ ?” N
“นี่! มึงก็โง่เนอะ มึงแสดงออกขนาดนั้น เอาจริงๆเพื่อนกูก็ไม่ได้โง่นะ มันก็คงรู้แล้ว ว่ามึงคิดยังไงกับมันอ่ะ” A
“เอ่อ...มันก็จริง”N
“แต่ก็แปลกนะ”A
“อะไรอ่ะ”N
“ปกติไอไอซ์จะไม่ค่อยชอบยุ่งกับพวกเกย์กระเทยนะ แต่เวลาชวนมันมาหามึงทีไรมันก็มาโดยไม่อ้างหรือบ่นอะไรนะ กูว่ามึงน่าจะเข้าหามันบ้าง มาถามแต่กูไม่ได้อะไรหรอก” มันก็จริงนะ 
“พี่เขารู้เหรอว่าผมเป็นเกย์อะ? อีกอย่างผมเจอพี่ไอซ์ทีไรเขาดูเงียบๆอ่ะ ยิ้มให้อย่างเดียว แล้วก็...” นึกคำพูดอยู่
“รู้ดิก็กูบอกอ่ะ” (เอิ่ม)
“แล้วพี่ว่า ผมต้องทำยังไงอะพี่เขาถึงจะสนใจผม” ผมรอลุ้นกับคำตอบนี้อยู่
กริ๊งๆๆๆๆๆ!!!!!!!!!!! แล้วเสียงกริ่งก็ดังขึ้น จังหวะนรกจริงๆ
“ไว้คุยกันรีบไปเข้าแถวเหอะ!”
หลังจากนั้นก็แยกกับพี่อ๊อฟเข้าแถวทำกิจกรรมหน้าเสาธง แล้วก็ขึ้นห้องเรียนกัน เพื่อนๆผมมันก็ถาม ว่าทำไมมาช้า ผมก็ตอบว่าไปคุยเล่นกับพี่อ๊อฟทั่วไป ความจริงก็ไปปรึกษาหารือเรื่องพี่ไอซ์ 55555 แต่ก็พูดไม่ได้ครับเดี๋ยวจะดูไม่ดีในสายตาเพื่อนๆ (ดูดีเนอะ 5555)  แล้วคาบเช้าก็ผ่านไป จนมาถึงช่วงพักผมกำลังยืนต่อคิวซื้อข้าว.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 19:06:17
“หายดีแล้วเหรอ” ผมหันไปข้างหลัง อุ้ย! พี่ไอซ์ ดีละสิ! พี่อ๊อฟบอกให้เข้าหาพี่เขาบ้าง มันก็จริงอ่ะนะ มัวแต่ไปถามพี่อ๊อฟมันจะดีเหรอ
“เหม่ออะไร” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับสะกิดผม
“เปล่านะ พอดีผมกำลังนึกว่าจะกินอะไรดีตังหาก” แถไปได้
“ข้าวผัดอเมริกัน อะ...” พูดเสร็จยื่นเงินให้ผม ผมมองด้วยความสงสัย “สั่งให้ด้วย เดี๋ยวไปซื้อน้ำให้”
“หะ! ดะเดีย......” คือเดินไปเลย “เอิ่ม..คืออะไรวะ” พูดพึมพำคนเดียว
หลังจากที่ผมซื้อข้าวเสร็จก็เดินไปที่โต๊ะก็เห็นเพื่อนผมนั่งกันครบแล้ว ที่เพิ่มมาคือพี่ไอซ์กับพี่อ๊อฟ พอถึงโต๊ะผมก็ยื่นจานข้าวให้พี่ไอซ์แล้วก็นั่งลงตรงข้ามพี่ไอซ์ ข้างพี่ไอซ์ก็จะเป็นพี่อ๊อฟส่วนข้างผมเป็นปอ
“โหวๆ เดี๋ยวนี้มีซื้อข้าวให้กันแล้วเหรอวะ เออๆมึงดูทีกูฝากซื้อนะยากเย็นเหลือเกิน ดูมันทำยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว บลาๆๆ” พวกเพื่อนผม แซวผมกันสะโอ้โหแย่งกันแซวเลยนะ ผมได้แต่นั่งเขิน ส่วนพี่ไอซ์ก็ขำของแกไป
“มัวแต่นั่งมองหน้าไอซ์ข้าวในจานมันจะหมดเหรอน้องนท” ผมหันไปมองมันแล้วส่งสายตาอาฆาต อุตส่าแอบดูพี่ไอซ์กินข้าว
“เพ้อเจ้ออะไรพี่อ๊อฟ กินข้าวไปเลยพูดมาก!” ผมตอบพร้อมกับมองค้อนไอพี่อ๊อฟไปทีนึง พี่ไอซ์ก็มองผมแล้วยิ้มให้ โหละลายเลยอะ หล่อเว่อร์
“ขอโทษนะคะ!” ผมหันไปตามเสียง แล้วมองอย่างสงสัยเป็นรุนพี่ด้วยสวยอยู่นะ
“มีคนฝากของให้น้องอ่ะค่ะ” ยื่นของให้ผม เป็นกล่องขนมช็อคโกแลต
“ใครฝากมาให้อ่ะครับ”ผมถามพร้อมกับรับของและดูของที่เพิ่งได้รับมา
“เขาไม่ให้บอกค่ะ” หญิงสาวพูดจบ แล้วเดินไปเลย ปกติก็มีคนให้ของผมค่อนข้างเยอะนะ เพราะผมก็ฮอตใช่ย่อย อวยตัวเองหน่อยแล้วกัน
“เสน่แรงจริงๆวะเพื่อนกู”ไอมินพูดขึ้นมา พร้อมกับเอื้อมมือมาดึงของที่ผมได้มาไปดู
“เออ เผื่อแผ่บ้าง”ไอวิวก็อีกตัว มันเอาแต่จ้องมองกล่องขนมที่ผมเพิ่งได้มา
“ใครฝากให้มึงวะ”ไอนัทก็อีกคน
“เออนั่นดิ” ปอพูดพร้อมกับจ้องมาที่ผม
“จะไปรู้เหรอ! คนหน้าตาดีก็แบบนี้แหละมีแต่คนแอบชอบ” พูดแล้วทำหน้ากวนตีนปอ แล้วมองไปทางพี่ไอซ์
“น้องนทนี่ มีคนชอบเยอะแยะเลยนะครับ เพื่อนๆในห้องพี่ก็พูดถึงน้องบ่อยๆ” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับอมยิ้ม ละลายเลยนะ
“แล้วพี่ไอซ์ไม่พูดถึงผมบ้างเลยเหรอ” ทำเสียงหวาน และทำหน้านอยๆ
ไอพี่อ๊อฟมันมองมาทางผม แล้วมันทำปากว่า “ตอแหล”  ผมเขม่งมันไปที มันก็หัวเราะ
“ไม่นะ พี่ไม่รู้จะพูดถึงทำไม” พี่ไอซ์ตอบกลับ...เอิ่ม! ทำหน้าไม่ถูกเลยสิทีนี้ แล้วดูพวกเพื่อนผมกับพี่อ๊อฟทำหน้าแบบสมน้ำหน้าผมกัน “ก็ในเมื่อพี่มาหาน้องนทบ่อยๆ จะพูดถึงทำไมละ 5555 ดูทำหน้าเข้าสิ อย่านอยๆ” พูดจบ แล้วพี่ไอซ์เอามือมาลูบหัวผม>< ผมหันไปทางพวกเพื่อนและพี่อ๊อฟ ยิ้มให้พวกมันแบบผู้ชนะ ผมก็นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าเลยสิทีนี้ 
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จพวกเราก็ขึ้นห้องเรียนเพื่อนเรียนต่อคาบบ่าย จนถึงเวลาเลิกวันนี้เพื่อนๆชวนไปเดินห้าง แต่คราวนี้พี่อ๊อฟกับพี่ไอซ์ไม่ตามมานะ ก็ไม่มีอะไรมาก เข้าร้านนู่นดูร้านนี่ หากินนู่นนี่นั่นไปทั่ว ยังมีการแกล้งกันด้วยนะ วิ่งไล่กันกลางห้าง ทำตัวอย่างกับเด็กอนุบาล
ตุ้บ! ได้เรื่องจนได้ ผมดันวิ่งไปชนใครก็ไม่รู้ ล้มหน้าคว่ำเลยทีเดียว พื้นในห้างมันลื่นด้วยแหละ
“ไงเจ็บมากไหม” เสียงคุ้นๆ ไอเบส!!เพื่อนผมก็มาช่วยพยุงผมขึ้น
“เห้ย! นท เป็นยังไงบ้างวะ” ปอพูดพร้อมกับปัดกางเกงให้ผม เพราะมีฝุ่นติดอยู่
“จุกดิวะ” ผมตอบพร้อมกับเอามือลูบท้อง   
“ซุ่มซ่ามตลอด” ไอนัทไม่เป็นห่วงกันเลยสินะ
“ไม่ดูอะไรเลยมึงเนี่ย”ไอวิวก็อีกคน
“เอ่อแล้ว....” ไอมินชี้ไปที่ไอเบส ทุกคนก็หันไปมองมัน มันมากับผู้หญิง น่ารักเชียวสงสัยแฟนมัน
“เราขอโทษนะเราเดินไม่ดูเอง ขอโทษจริงๆ” ผมพูดดีๆ ไม่อยากมีปัญหา “ไปกันเถอะพวกมึง”
“เดี๋ยวสิ!” ไอเบสพูดพร้อมกับจับมือผม ผู้หญิงที่มากับมันทำหน้างงเล็กน้อย
“อะไร?” ผมถามพร้อมกับพยายามสบัดมือออกแต่มันไม่ยอมปล่อย
“เห้ย!ปล่อยดิวะ !” ปอพูดพร้อมกับผลักอกมัน แล้วคนอื่นกำลังจะมาช่วย
“เห้ยพวกมึงไม่เป็นอะไร กูคุยกับมันแปปเดียว” ผมพูดขึ้น เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่อง ไอเบสหันไปบอกผู้หญิงที่มาด้วยว่ารอแปป แล้วก็ดึงมือผมออกมาห่างจากกลุ่มเพื่อนผม แต่เพื่อนผมก็ตามมาห่างๆมันคงเป็นห่วง “มีอะไรก็ว่ามาเรารีบ”
“พูดจาน่ารักนะ” มันพูดพร้อมกับเอามือมาลูบแก้มผม ผมหันหน้าหนี “หึ! กูแค่จะบอกว่าที่บอกเลิกกูวันนั้นอ่ะ กูไม่รับนะ และไม่ยอมเลิกด้วย!”พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เป็นเชิงข่มขู่สินะ ผมก็มองมันนิ่งๆ
“ก็แล้วแต่เบสนะ เราบอกแล้ว เบสก็ควรเลิกยุ่งกับเราได้แล้วนะ มีแฟนแล้วนิ” ผมพูดจบ ก็หันไปทางผู้หญิงคนนั้น “เดี๋ยวเขาจะเขาใจผิดได้นะ”
“หึงเหรอนท ยังไงกูก็มีมึงคนเดียวนะ” ทำเสียงหล่อเชียว “นั่นเพื่อนน่ะหรือจะให้เขากลับไป แล้วเราก็ไปเดินด้วยกัน” เพ้อไปกันใหญ่แล้ว มันเอาความมั่นหน้ามาจากไหนเยอะแยะ
“เลิกเพ้อเจ้อได้แล้วนะ เราเลิกกันแล้ว แล้วเบสจะมากับใครเราก็ไม่สนหรือหึงอะไรทั้งนั้นแหละ เลิกหลงตัวเองสักที จะบอกให้อีกเรื่องนะ เรามีคนใหม่แล้ว ดีกว่าเบสทุกอย่าง เลิกยุ่งกับเราได้แล้ว” พอผมจบ เห็นหน้ามันแล้วบอกตรงว่ากลัว มันคงโกรธมาก เพราะสีหน้ามันบ่งบอกชัดเจน
“ถ้างั้น ก็อย่าหวังว่าจะได้คบกันอย่างสงบสุขนะ เพราะกูไม่ได้ (หมับ! บีบแขน) คนอื่นก็ไม่ได้เว้ย!”
พลั่ก! ตุ้บ! มันผลักผมล้มลงไปกับพื้น เพื่อนผมก็วิ่งมากันทันที
“พวกมึง ไม่ต้องไปยุ่งกับมันหรอก ก็แค่เด็กมีปัญหาไม่รู้จักโตนะ” ผมหันไปยิ้มตัวร้ายให้กับมันให้มันรู้ว่าผมก็ไม่ได้กลัวมันนะ “ไปกันเถอะ!”
หลังจากนั้นพวกมันก็หันไปชี้หน้าไอเบสแบบอาฆาตกันเลยทีเดียว แล้วก็หันมาด่าผมอย่างขัดข้องใจ ประมานว่ามันทำกับมึงถึงขนาดนี้มึงยังยอมอีกเหรอวะ อย่างนู้น อย่างนี้ บลาๆๆๆๆ คือเอาจริงๆจะมีเรื่องก็ได้ แต่ผมไม่อยากให้เพื่อนไปมีเรื่องเพราะผมไง เดี๋ยวจะเดือดร้อนกันหมด แล้วไม่รู้ว่าไอเบสมันจะทำอะไรอีก ผมได้แต่ปลง เพราะหลงผิดไปคบกับมันเอง
พวกเราก็พากันเดินอีกสักพักก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมกลับบ้านมาก็เย็นแล้ว ประมาณ5โมงเย็น ผมก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นเสื้อกล้ามกางเกงวิ่ง ว่าจะออกกำลังกายบ้าง รู้สึกน้ำหนักจะขึ้น เปลี่ยนผ้าเรียบร้อยแล้วก็หยิบผ้าใบคู่ใจขึ้นมาใส่ เตรียมน้ำ แล้วก็วิ่งออกจากบ้านไปเลย ว่าจะไปฟิสเนสในหมู่บ้าน แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าพี่อ๊อฟอยู่ซอยถัดไปนี่เองโทรชวนดีกว่า ผมก็กดโทรหาพี่เขาเลย คือรับเร็วมาก ไม่ถึงตื้ด
“ว่า?”A
“อยู่บ้านเปล่าว่างไหม ทำอะไรอยู่” N
“อยู่บ้าน ว่างมากกก นอนฟังเพลงอยู่” A
“ออกมายืนรอหน้าบ้านเลยเดี๋ยววิ่งไปหา ตึ๊ด!”  N
พอวางสายผมก็วิ่งไปซอยข้างๆเลย ผมก็วิ่งไปสักพักก็เห็นพี่อ๊อฟนั่งรออยู่ตรงฟุตบาทหน้าบ้าน
“แฮ่กๆๆๆ! นะ เหนื่อย เฮ้อ! กว่าจะถึง” นานๆทีได้วิ่งก็เหนื่อยนะเนี่ย เหงื่อท่วมเชียวอย่างกับอาบน้ำเลย ผมก็ยืนหอบสักพัก หันไปมองพี่อ๊อฟ มองผมตาค้างอยู่ “มะ...มองอะไร” ผมเบี่ยงตัวเล็กน้อย เหมือนจะถูกคุกคามด้วยสายตา
“ปะ..เปล่าวันนี้ร้อนเนอะ” มันทำท่าแปลกๆ หูแดงเชียว “แต่งตัวแบบนี้จะไปไหนน่ะ กางเกงแบบนี้ไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง” คือกางเกงวิ่ง ค่อนข้างจะสั้นมาก แถมยังแหวกข้างๆขึ้นไปอีก ก็เห็นกกน.ได้เลย
“เอาน่า! ไปออกกำลังกายเป็นเพื่อนหน่อยน้าๆๆๆๆๆๆ”อ้อนสุดๆ
“ไปส่งเฉยๆได้หรือเปล่า ขึ้เกียจอ่ะ” มันพูดพร้อมกับทำหน้าเซ็ง ....เอิ่ม!
“โถ่! อะไรอ่ะ  ก็ได้” เอาจริงๆแค่หาเพื่อนไป ไปคนเดียวเบื่อคนชอบมอง คิดไปเองหรือเปล่าไม่รู้แต่รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ “งั้นถือน้ำให้ด้วยนะ อะ”  พูดจบแล้วก็ยื่นขวดน้ำที่เตรียมมาให้มัน
“อะไรวะ! กูไม่ได้เป็นคนใช้นะเว้ย!” บ่นแต่ก็รับไป พร้อมกับทำหน้าเซ็ง
“เอาน่าเดินมาเหอะ” แล้วผมก็เดินนำมันมาเลย
ผมก็พาพี่อ๊อฟมาฟิตเนสในหมู่บ้าน ผมก็เล่นนู่นี่ของผมไป พี่อ๊อฟก็นั่งใส่หูฟัง ฟังเพลงในมือถือมันไป ผ่านไปสักครึ่งชั่วโมงก็ไม่ไหวแล้ว หอบเหมือนหมาเลย
“ไงไม่ไหวแล้วเหรอ” ส่งน้ำกะผ้าเช็ดหน้าให้ผม
“อืมเหนื่อยเกินไม่ไหวละ เอ๊ะ! จะว่าไปผ้าเช็ดหน้าผืนที่แล้วผมยังไม่ได้คืนพี่เลยอะ” ตอนที่มันเอาประคบน้ำแข็งให้ผมที่เซ็นทรัลX “ซักไว้ให้แล้วละ”
“เออเอามาคืนด้วย แล้วผืนนี้เอาไปซักให้กูด้วยละ เดี๋ยวผ้ากูขึ้นราหมด” นั่นปากมันเหรอ
“ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง !” เกลียดปากมันจริงๆ
“แขนมึงไปโดนอะไรมาวะ เป็นรอยแดงเลย” รอยที่ไอเบสมันบีบ ก่อนผมกลับบ้าน
“ไปเจอโจทย์เก่ามา คนที่พี่เห็นวันที่ไปซื้อสี..” ผมพูดพร้อมกับดูที่รอยช้ำ มันก็บีบสะช้ำเลย หรือผิวผมบอบบางเกินไปนะ
“อีกแล้วเหรอวะ ทำไมไม่สู้มันบ้าง!” ผมเงยหน้าหลังจากมันพูดจบ มันจะหงุดหงิดอะไรของมัน 
“แหม! พูดอะไรดูขนาดตัวมันด้วย อีกอย่างผมก็ยอมมันแบบนี้แหละ เดี๋ยวมันเบื่อก็คงเลิกยุ่งเอง” พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วยกน้ำดื่มต่อ
“อืม ไหวหรือเปล่าวะเจอกันทีไรได้แผลทุกที ไอไอซ์มันคงไม่ชอบคนมีรอยเยอะหรอกมั้ง” พูดแบบจริงจัง ผมก็มองมันนิ่งๆ
“เออพูดถึงพี่ไอซ์ วันนี้เขาทำให้ผมคิดไปไกลเลยละ” ทำท่าเขินอาย พี่อ๊อฟดูท่าจะรำคาญกับจริตที่มากเกินไปของผมนะ
“อะไรวะ! แค่ให้มึงซื้อข้าวให้กับยิ้มให้มึง มึงก็มโนไปไกลแล้วเหรอวะ ถ้ากูวาดรูปให้มึง มึงไม่คิดว่ากูอยากได้มึงเป็นเมียเลยเหรอ!” ถ้าจะพูดขนาดนี้ ก็เอามีดมาแทงกันเลยเถอะ ปากร้ายชะมัด
“เออขอคิดไปเองบ้างเหอะ! ก็ดูดิ ยังไม่ถึงไหนเลย พี่เขาก็พูดน้อยเหลือกเกิ๊น!”
“มันเป็นแบบนี้แหละ! มึงไปชวนมันคุยเยอะๆสิ เดี๋ยวก็สนิทกันเอง” A
“เออ!จริงสิ พี่ยังไม่มีแฟนเหรอ” หลังจากคิดแต่เรื่องพี่ไอซ์ ผมก็ต้องสนใจพี่มันบ้าง เดี๋ยวหาว่าเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน
“ยังอ่ะ ทำไมวะ” ผมหันไปมองหน้ามันทันที และก็เขยิบเข้าไปใกล้ๆ จับหน้ามันพลิกไปมา
“หูว! เอาจริงๆพี่ก็หล่อนะ ยิ่งเวลายิ้มนี่น่ารักมากเลยละ!” ผมยิ้มหวานให้มัน “แต่ติดตรงที่ชอบทำหน้านิ่งเกินไป ยิ้มบ่อยๆสิ ผมชอบนะเวลาพี่ยิ้ม” ดึงแก้มมัน
“พอเลย” หันหน้าหนีจากการถูกบีบแก้ม “กูหล่อของกูอยู่แล้ว อีกอย่างกูไม่ใช่มึงนะ ที่ชอบโปรยเสน่ไปทั่ว กูอยู่ของกูนิ่งๆดีอยู่แล้ว”ทำมาดเข้มเลยนะ ยอมรับเลย พี่อ๊อฟนี่ ถ้าไม่มีพี่ไอซ์ แล้วมันทำตัวโดดเด่นสักนิด ผมว่า ผมก็คงจะปลื้มมันมากแน่ๆ
“แหม! แล้วแต่เลยจ้า” หมั่นไส้มันจริงๆ “เออเรื่องที่เราคุยกันเมื่อเช้าอ่ะยังไม่จบเลยนะ” ผมพูดขึ้นมาทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
“เออกลับกันได้แล้วมั้ง เดินไปคุยไปก็ได้” เราก็เดินออกมาจากฟิสเนส
“ทำยังไงให้พี่ไอซ์ชอบดี” ผมถามพร้อมกับมองไปทางมัน
“ไม่รู้วะกูไม่ได้เป็นมันนี่” ตอบหน้าตาย มองไปทางเดิน
“อ่าวๆ ! ไหนว่าจะช่วย” ผมท้วงขึ้นมา มันหันมามองผม
“กูก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยหรือเปล่า อีกอย่างมันไม่ได้มีรสนิยมจะชอบผู้ชายเหมือนมึงด้วย แล้วมึงก็ไม่ค่อยจะชอบเข้าหามัน” มันพูดด้วยสายตาที่จริงจัง ผมชะงักไปนิด
“ก็อายอะ ! เอายังไงดีอ่า” ผมรู้สึกนอยนิดนึง ก็จริงอย่างพี่มันว่า มัวแต่อาย ทั้งๆที่ไม่มีอะไรจะให้อายแล้ว
“ก็แล้วแต่นะ กูบอกให้เข้าหามันมากๆ กูก็พยายามพามันมาหามึง มึงก็มัวแต่เล่นตัว เคยได้ยินไหม ด้านได้อายอด” มันยิ้มขึ้นมา ผมก็คิดตาม
“เออมันก็จริงอ่ะ เฮ้อ!” ผมหันหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า เพื่อสูดอากาศสดชื่อ
“ไหนหันมานี่ดิ้” หันไปหามัน แล้วมันก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ สำรวจใบหน้าผม “เอาจริงๆมึงก็ดูหล่อนะ แต่น่ารักมากกว่า หน้าก็หวาน  มั่นใจหน่อยดิ” พูดแล้วยิ้มกว้างออกมา พี่อ๊อฟนี่ น่ารักจริงๆเลย
-เขินสิครับ- “พูดจริงดิ”
“อะ เออ! ทำเขินไปได้ กลับได้แล้ว” A
“อืม แยกกันตรงนี้นะ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน บาย!”
แล้วผมก็แยกกันตรงหน้าซอยบ้านพี่อ๊อฟ กลับถึงบ้านก็รีบไปอาบน้ำทำการบ้าน ลงไปกินข้าวกับป๊าแม่ เสร็จก็ขึ้นมาเล่นคอมฯ มีแจ้งเตือนในเฟส อ้าว! พี่อ๊อฟมาแอดเฟสมาด้วย รับสักหน่อยแล้วกัน รับเสร็จก็เข้าไปส่องนู่นนี่ของมันไป จะว่าไปพี่อ๊อฟนี่ก็ใช้ได้เลยนะ! เป็นคนที่น่าหลงใหลคนนึงเลย.....
แต่ก็นึกขึ้นได้เราก็หาเฟสพี่ไอซ์จากเฟสพี่อ๊อฟ พอเจอก็ส่งคำขอเป็นเพื่อนไปเลย.... แล้วผมก็ปิดคอมกำลังจะเข้านอน
ครืดๆๆๆๆๆ! ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู อ้าว! ปอ
“ว่าไง โทรมาตอนกูกำลังจะนอนพอดีเลยนะ” พูดด้วยน้ำเสียงปกติ ก็ยังไม่นอนดีหรอก พูดไปแบบนั้นแหละให้เพื่อนรู้สึกผิด
“นอนเร็วจังวะ! กูจะโทรมาถามเรื่องพี่ไอซ์” ผมเริ่มสนใจขึ้นมาแล้วสิ
“ทำไมวะ?”
“ช่วงนี้มึงแปลกๆนะ บอกชอบพี่ไอซ์แต่ไปกกตัวอยู่กับแต่พี่อ๊อฟคืออะไรวะ” ทำไมถามแบบนี้
“……ก็ไม่ได้อะไรนี่หว่า! กูก็แค่ปรึกษาพี่เขาเรื่องพี่ไอซ์แหละ”
“เหรอวะ  กูคงคิดมากไปเอง” อะไรของมัน
“อะไรวะ”ผมเริ่มรำคาญมันพูดอะไรกำกวมอีกแล้ว
“เปล่า...กูแค่เห็น...เวลามึงคุยกับพี่อ๊อฟหรือตอนที่มึงอยู่กับพี่อ๊อฟกูว่ามึงดูมีความสุข ดูสบายๆ ดูแบบเป็นตัวของตัวเองดี ต่างจากตอนอยู่กับพี่ไอซ์ มึงดูกระวนกระวาย ดูรนๆไม่เป็นตัวของตัวเอง”  เอิ่ม!.........
“อ่าวก็กูชอบเขานิ กูเป็นแบบนั้นก็ไม่น่าแปลก ส่วนไอพี่อ๊อฟ ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า คุยกับมันหรืออยู่กับมันก็เหมือนอยู่กับเพื่อนแหละ มึงคิดมากอะไรหรือเปล่า” ทำผมคิดมากตามไปเลยไอบ้านี่
“ปะ...เปล่ากูคิดว่ามึงแค่สับสนหรือเปล่าอะไรแบบนี้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ก็คงไม่มีอะไรมั้งกูคงคิดมากไปเองแหละ แต่ที่กูถามเพราะเป็นห่วงนะเว้ย! มึงมีอะไรก็ชอบทำคนเดียวไม่ค่อยปรึกษาเพื่อนอ่ะ” ปอพูดด้วยความเป็นห่วง ก็เข้าใจได้ 
“เออกูเข้าใจ ก็กูกับมึงสนิทกันที่สุด ขอบใจแล้วกันที่คอยเป็นห่วงกู เอ้อ!แล้วไอโต้เป็นยังไงบ้างวะ ดูเงียบๆไปเลย” ไอโต้เป็นแฟนปอ หน้ามันตี๋ๆ ก็หล่อดี เรียนเทคนิคคบกันมาปีกว่าแล้ว ผมละอิจฉามันจริงๆ
“ก็ยังรักกันดี แต่มันไม่ค่อยไปหากูที่โรงเรียนหรอก ส่วนมากมันจะมาเล่นที่บ้านมากกว่า” ขิงใส่สินะ กูยังโสดนี่ แต่อีกไม่นานหรอก
“ร้ายมากอ่ะ พาผู้ชายเข้าบ้าน กูอิจฉามากบอกเลย” อิจฉาจริง ผมทำไมไม่เจออะไรที่มันเป็นระยะยาวแบบปอบ้าง บ้าชะมัด
“55555 เดี๋ยวมึงก็มีแล้วนี่ อดเอา” ช่างกล้าปลอบนะ จะแห้วหรือเปล่ายังไม่รู้
“กูว่าคงอีกนาน แม่งไม่มีความคืบหน้าอะไรเลยวะ กูเริ่มเซ็ง!” น่าเหนื่อยใจ คิดเรื่องผู้ชายเยอะกว่าเรื่องเรียนเนี่ย5555
“มีอะไรให้กูช่วยก็บอกได้ตลอดนะมึง กูอยู่ข้างๆมึงในทุกเรื่องนะ” ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเลย รู้สึกโชคดีจังที่ได้เพื่อนดี
“ก็แน่อยู่แล้วละ ไม่งั้นกูจะมีเพื่อนไว้ทำไมวะ” ผมพูดด้วยความรู้สึกดี
“ก็แหม! กูเห็นวิ่งแต่ไปให้พี่อ๊อฟช่วย ตอนแรกเห็นจะตีกัน แล้วมาสนิทอะไรกันขนาดนั้น”
“ก็อย่างที่เคยเล่าแหละ” ผมเล่าให้พวกมันฟังหลังจากบอกเลิกเบส “แล้วพี่เขาก็เสนอว่าจะช่วยเรื่องพี่ไอซ์ด้วยแหละ ก็เลยได้สนิทกัน” พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เสนอจะช่วยเลยเหรอวะ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” P
“ก็มันมีข้อแลกเปลี่ยนไง ให้กูไปช่วยมันทำงานและต้องตามใจมันเป็นเวลา 1 เดือน ของฟรีไม่มีในโลกหรอก”
“มึงไว้ใจได้แน่เหรอวะ?” น้ำเสียงดูจะกังวลเป็นพิเศษ
“ทำไมวะ มึงว่าพี่อ๊อฟไม่น่าไว้ใจ?” N
“เปล่าๆกูแค่เห็นสายตาเวลาที่มันมองมึงน่ะสิ มันดูแปลกๆ หรือตอนที่มึงกับพี่ไอซ์คุยกัน สายตามันก็ดูแข็งๆเหมือนกำลังโกรธอะไรสักย่าง” ?
“มึงคิดมากไปเปล่า คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง” ผมก็คิดตามสิ่งที่ปอพูด แต่ไม่ได้สังเกต ก็เลยไม่เห็น
“เออกูคงคิดมากไปแหละคงไม่มีอะไรหรอก” ปอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“เออมึงถ้าช่วงนี้กูไม่ค่อยได้ไปหาช่วงเช้าอย่าว่ากันนะ กูมีภาระกิจ 5555” พูดติดตลก
“เออเพื่อนเขาก็เข้าใจ ว่ามึงอ่ะ บ้าผู้ชาย ไม่ต้องซีเรียสหรอก555” เอิ่ม!
“เกินไปเปล่าวะ กูไม่ได้บ้า กูแค่ต้องการ!!” ก็มีอาการคันกันบ้างเนอะ ตามประสาวัยรุ่น 5555
“เออ กูรู้ งั้นไว้ค่อยคุยกันต่อพรุ่งนี้นะ ไอโต้โทรมาอ่ะ ฝันดีนะมึง” P
“เออๆตึ๊ด!”
ผมก็นอนคิดเรื่องที่ปอมันพูด แต่บางทีผมก็รู้สึกได้ ว่าพี่อ๊อฟเป็นอย่างที่ปอพูด แต่คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง คิดไปคิดมาก็หลับ
หลายวันผ่านไปเป็รเดือน หรือสองเดือน โดยทุกอย่างก็ยังปกติ ไม่มีความคืบหน้าเรื่องพี่ไอซ์ แต่ก็ยังมากินข้าวด้วยกันเกือบทุกวัน ถ้าพวกพี่เขาไม่ติดเรียน ผมก็ไปนั่งดูพี่ไอซ์เล่นบอลทุกวัน ทำให้พี่มันเห็นบ่อยๆว่าเราก็อยู่ตรงนี้ตลอด ก็เห็นนะ ทักตลอด ก็มีคำพูดที่พูดชวนให้ฝันอยู่ตลอด เป็นแบบนี้เรื่อยมา......
และเช้าวันนี้ก็เป็นไปด้วยความปกติ ทำอะไรเรียบร้อยรอป๊าไปส่ง อยู่หน้าบ้าน......
‘ไปด้วยกันเปล่า’
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 12-09-2022 19:09:21
“เต็มใจให้ไปเปล่าละ” ถามพร้อมกับทำหน้ากวนๆส่งให้มัน
“ไม่เต็มใจกูจะจอดถามมึงไหม” แหม่ ทำมาดเข้ม เสียงดุแต่เช้า
“เอองั้นแปปนะ” มันจะพูดดีๆกับผมหน่อยก็ได้ม้างง! แล้วผมก็เดินเข้าไปบอกป๊าว่าจะไปกับพี่อ๊อฟ แล้วก็เดินมาขึ้นรถมัน แล้วก็ออกรถ “ทำไมผ่านหน้าบ้านผมทุกเช้าเลยเหรอ?”
“มึงสติดีป่ะ! ซอยบ้านมึงเป็นซอยผ่านออกถนน อยู่มากี่ปีไม่รู้อะไรเลยเหรอ?” อ่าวงั้นเหรอ ผมเป็นคนไม่ชอบตระเวนแถวบ้านไง มากสุดก็ไปสนามเด็เล่นกับฟิสเนส ใครมันจะไปรู้ แต่คนอื่นๆน่าจะรู้ นอกจากผม
“อ่าวเหรอ เพิ่งรู้นะเนี่ย งั้นอย่างงี้ไปกลับให้พี่มาส่งได้เปล่า” เอาจริงๆก็ดี ไปกับป๊าชอบบ่น555 “ไปกับป๊า ป๊าชอบบ่น” พูดไม่จริงจังนัก
“แล้วแต่อ่ะแต่ขากลับไม่แน่นอนนะเว้ย! บางทีกูเข้าชมรมวาดรูปหรือ ไม่ก็ไปเล่นบอลกับไอซ์ ยังไงจะบอกมึงอีกทีแล้วกัน” ใจดีจัง ขากลับผมไม่ซีเรียสอยู่แล้วเพราะกลับเองได้
“ได้หมดแหละ! ไปมอไซค์บ้างเปลี่ยนบรรยากาศก็ดีแต่ทำไมวันนี้ดูอารมณ์ดีจังนะ” ผมถามมันด้วยความสงสัย
“เปล่า พอดีวันนี้มันไม่ร้อนเท่าไหร่ไง” เอิ่ม! แดดแสบตาร้อนขนาดนี้พูดมาได้.....
พอถึงโรงเรียนเราก็แยกย้ายกันไปเข้าแถวขึ้นเรียน จนพักเที่ยงก็เหมือนเดิม ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ โดยมีพี่อ๊อฟและพี่ไอซ์มาเป็นแขกรับเชิญ ระหว่างนั่งกินข้าว.....
“พี่ไอซ์ชอบกินข้าวผัดเหรอ” ผมมองจานตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยถาม ตั้งแต่ร่วมโต๊ะกันมาพี่แกไม่เคยจะเปลี่ยนเมนูเลย
“อื้ม! ชอบมากเลยละ ยิ่งมีไข่ดาวไม่สุกยิ่งฟิน!” พูดไปยิ้มไป น่ารักเกินไปแล้ว ดีต่อใจอีกแล้ว ไอต้าวว....
“นะ...น่าอร่อยเนอะ” ยิ้มกลับไปให้พี่ไอซ์ แก้เขิน อยู่ๆ พี่ไอซ์ก็ตักข้าวผัดในจานเขาแล้วยื่นมาตรงหน้าผม ><””
“ชิมดิ!” คือจะป้อนเราเหรอเนี่ย โอย! อย่างกับฝันแหนะ
“ดะ...เดี๋ยวผมกินเองดีกว่านะครับ” ยื่นมือไปจับช้อนของพี่ไอซ์ มือไม่รักดีสั่นอยู่นั่นแหละ แต่...
“ไม่ต้องหรอกอ้าปากเร็วเดี๋ยวป้อน” ให้ตายสิพี่ไอซ์ทำอย่างนี้กับคนใกล้ตัวทุกคนหรือเปล่านะแล้วผมก็อ้าปากรับ โห!อร่อยอ่ะได้กินช้อนเดียวกับพี่ไอซ์ด้วย >< นี่สินะ จูบทางอ้อม ฟิน
“ขอบใจพี่..อะ...อร่อยดีอ่ะ” เขินสิ ทำไมพี่ไอซ์ทำแบบนี้นะ ><
“อะแฮ่มๆ!” พวกเพื่อนๆร้องออกมา เออจริงด้วย คือลืมไปเลยว่าเพื่อนก็อยู่ ดันวาดฝันกลางวัน คิดว่าอยู่กับพี่ไอซ์แค่ 2 คน ตายแล้วจะขี้มโนอะไรขนาดนี้ ><
“แหมๆ เขินอะไรขนาดนั้นครับ น้องนท” พี่อ๊อฟพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดูจะหมั่นไส้ผม
“ปะ...เปล่า ก็แค่ชิมข้าวของพี่ไอซ์เอง ไม่ต้องมาทำหน้าทำตากันเลยนะ กินๆกันเข้าไปเลยจะได้รีบไปเรียนไง” ผมหันไปมองพี่ไอซ์ นี่ก็ยิ้มอย่างเดียว เป็นเอามาก
พอกินกันเสร็จก็แยกย้ายกันแต่ก่อนจะแยกย้ายผมก็ลากพี่อ๊อฟมาคุยเป็นการส่วนตัว โดยบอกกับเพื่อนๆและพี่ไอซ์ว่าจะให้ไปส่งเอาของที่รถ ...
“พี่ทำไมพี่ไอซ์ทำแบบนั้นอ่า รู้ไหมเนี่ย ตื่นเต้นมากเลยนะ !” ผมถามด้วยความตื่นเต้น
“มึงจะตื่นเต้นทำไมวะ ไอไอซ์มันก็ทำแบบนั้นกับหลายๆคน กูก็เคยโดน โดยเฉพาะเวลาที่มันอยากให้คนอื่นชอบข้าวผัดของโปรดมัน” อ่าว! สะงั้น อุตส่าคิดไปไกล แต่ก็น่ารักอยู่ดี
“อ่าวเหรอ เฮ้อ! ไม่ได้เรื่องเลยอ่ะพี่ ดูดิไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย” ทำหน้าเซ็ง แต่เดี๋ยวนะข้าวผัดงั้นหรอ..... “ถ้าพี่เขาชอบข้าวผัด งั้นถ้าผมทำให้พี่เขา เขาจะชอบผมไหม”
“ไม่รู้นะ มึงลองสิ แต่ต้องทำให้ถูกใจมันด้วยนะเว้ย !” A
“เอ่อคือ......ประเด็นก็คือว่า ผมทำอาหารไม่เป็นเลยนี่สิ” ยิ้มอ่อนส่งไปให้พี่อ๊อฟ
“ห๊า! แล้วมึงคิดทำไมวะ งั้นก็เลิกเพ้อเลย ไปกูจะไปเรียนแล้ว” แล้วมันก็เดินไปเลย  เฮ้อ!เอายังไงละทีนี้
หลังจากเรียนคาบบ่ายที่แสนจะน่าเบื่อเสร็จแล้ว เลิกเรียนผมก็แยกย้ายกับเพื่อนๆ ส่วนพี่อ๊อฟผมโทรถามแล้วมันบอกว่าเข้าชมรม ให้ผมมานั่งรอที่พี่ไอซ์เล่นบอล คิดไปคิดมาไปซื้อน้ำมารอพี่ไอซ์ดีกว่า.........
สักพักพี่ไอซ์เล่นบอลเสร็จ ก็เดินมาตรงแถวแสตนที่ผมนั่งแล้วเพื่อนมันก็เปิดกระติกเอาน้ำขึ้นมากินกัน แต่พี่เขาก็หันมายิ้มโบกมือทักทายผมอยู่นะ ผมก็เซ็งเลยสิ อุตส่าซื้อน้ำมารอให้ เฮ้อ !แต่ก็ยังดีแหละอย่างน้อยก็ยังทักนะ
“เซ็งขนาดนั้นเลยเหรอวะ” เสียงพี่อ๊อฟดังมากจากข้างหลัง
“ก็ดูสิ นี่ตั้งใจซื้อน้ำมาให้พี่ไอซ์เลยนะเนี่ย ไม่เห็นสนใจเราเลย เฮ้อ!” พูดด้วยความนอย
“งั้นกูกินเอง” หยิบขวดน้ำจากมือผมไปกินเลยจ้า “เอาจริงๆกูเป็นไอซ์กูก็ไม่กินนะ เล่นบอลเสร็จอากาศก็ร้อน แต่น้ำไม่เย็น” มันมองขวดน้ำ พร้อมกับมองมาทางผม
“แล้วจะกินทำไมละ พูดมากจริง!” ผมเลยรู้สึกไม่พอใจมันเลย แทงใจดำชะมัด
“ก็กูไม่ใช่ไอซ์ไง”…….
“เอิ่ม...”(รู้สึกแปลกๆ) “เอ้อ! แปลกจังเพื่อนพี่เขาก็เยอะนะ แต่ทำไมพี่ลากพี่ไอซ์มาหาผมได้บ่อยๆละ”หลีกหนีจากสถานการณ์น่าอึดอัดด้วยการเปลี่ยนเรื่อง
“ก็กูสนิทกับมันไง เออจะกลับกันยัง แล้วเรื่องที่มึงจะต้องช่วยงานกูเริ่มได้แล้วนะกูมีงานแล้ว” พูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง
“โหยเร็วจัง” (ทำเสียงขี้เกียจ) “งานอะไรอ่า” ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย
“เดี๋ยวก็รู้ กูจะไปส่งมึงบ้านมึงเอาของไปเก็บแล้วก็เปลี่ยนชุดไปบ้านกูเลยนะ” พูดเหมือนออกคำสั่งเลยสินะ มีพันธะสัญญาอยู่ผมคงปฏิเสธไม่ได้ ToT
“พาผู้ชายเข้าบ้านแม่ไม่ว่าเหรอ” ไหนๆก็ไหนๆ เลยหยอกมันเล่น
“ได้ข่าวว่ามึงไม่ใช่ผู้ชาย” เอิ่ม... “ไปกันได้แล้ว” เดินอมยิ้มนำผมไปแล้ว อะไรของมัน “ไอซ์กูกลับก่อนนะ” มันหันไปตะโกนบอกพี่ไอซ์ แล้วก็เดินไป
พี่อ๊อฟมาส่งผมที่บ้านก่อน ผมก็ลงแล้วก็ชวนมันเข้ามาในบ้านเพราะผมน่าจะช้า ไม่อยากให้มันยืนรอนาน.......
“เข้ามาก่อนดิ ผมว่าจะอาบน้ำด้วย” บอกมันพร้อมกับเปิดประตูให้มันเอารถเข้ามาในรั้วบ้าน
“พาผู้ชายเข้าบ้านแม่ไม่ว่าเหรอจ้ะ” ดูทำหน้าทำตา แล้วมาย้อนด้วย “ไม่ต้องอาบหรอก! เพราะว่างานกูน่ะ” มันเอามือจับคางผม แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ “ต้องได้อาบน้ำอีกหลายรอบเลยทีเดียว” (!!!!!)
“งะ....งานอะไรไอบ้า อย่ามาทะลึ่งนะ” เดินถอยหลังหนีมัน
“ทำสวนไง มึงคิดอะไร กูว่าคนที่ทะลึ่งน่ะมึงแล้วล่ะ” พูดพร้อมทำหน้ากวนประสาท 
“ไอบ้า!” รีบวิ่งเข้าบ้านเลยสิ อายจริงๆ
ผมขึ้นมาถอดเสื้อผ้าจะเปลี่ยนเป็นชุดใส่เล่น …
แกร๊ก! พี่อ๊อฟเดินเข้ามาในห้อง แล้วปิดประตู
“เห้ย!” ผมโป๊อยู่ มันเปิดประตูเข้ามาดื้อๆเลยเหรอ
“เห้ย!โทษทีๆ” แล้วมันก็หันหลังเข้าหาประตู
“อย่าเพิ่งหันมานะเว้ย! จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูวะ!” อายนะเนี่ย
“พูดมากจัง เสร็จหรือยัง” มีการหันมาดู
“เอาจริงๆก็คือ ถ้าหันมาขนาดนั้นก็มานั่งมองเลยเหอะ” ผมประชดมัน 
“เสียสายตากูหมด !” ปากดีนักนะ “เสร็จยังรีบๆหน่อยดิ!” เร่งจริงๆ
“เออๆเสร็จแล้ว อะ” ผมยื่นผ้าเช็ดหน้า 2 ผืนคืนให้มันมันทำหน้าแปลกๆ “ซักแล้วไม่ต้องกลัวเชื้อราหรอก!” ผมพูดขึ้นระหว่างที่มันมองด้วยความงง
“เออป่ะ ชักช้าอยู่ได้” มันหยิบผ้าเช็ดหน้าจากมือผม แล้วเดินนำผมไป
ผมมาถึงบ้านมันมันก็ใช้ผมใหญ่เลย ยกนู้นขุดนี่ ถางหญ้า โอ้โห! กว่าจะเสร็จแทบตาย มันแกล้งผมชัดๆ นั่งสั่งเป็นคุณชายเลย มันหายเข้าไปในบ้านสักแปปแล้วมันก็ออกมา......
“อะ” ยื่นน้ำให้ผม “อ่าวดูทำหน้าเข้า ขี้ไม่ออกหรือยังไง”
“เหนื่อยนะเว้ย! ดูตัวเองสิเอาแต่สั่งก็พูดได้นิ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ มันเรื่องจริง นี่มันบังคับขู่เข็ญเด็กชัดๆ
“เอาน่า! ป่ะเข้าบ้านเหอะ กูจะให้มึงทำอะไรอีกอย่างนึง รับรองว่ามึงต้องชอบแน่ๆ” แล้วมันก็เดินนำเข้าไปในบ้านมัน
“อะไรอีกอ่ะเนี่ย” บ่นแต่ก็ตามเข้าไป มันพามาที่ห้องครัว
“กูจะสอนมึงทำข้าวผัดไง จะทำให้ไอซ์ไม่ใช่เหรอ!?”  ทำเสียงแข็งอีกแล้ว แต่ก็ดีนะ^^
“เห้ยจริงดิ!” ผมยกมือมันมาถูกับแก้มผม ทำไมมือพี่เขานุ่มจังน้า มือผมก็นุ่มน้า แต่หลงใหลคนมือนุ่มจัง555 “พี่อ๊อฟสุดหล่อใจดีจังเลย^^”
“พอเลยๆ” มันดึงมือออก มีการอมยิ้มด้วยนะ  “ไปล้างมือก่อนเลย แล้วใส่เสื้อกันเปื้อนด้วย” พูดแล้วก็หันกลับไปเตรียมของ
“เออก็ได้” เดินไปล้างมือ เสร็จแล้วคล้องผ้ากันเปื้อน “มัดให้หน่อย” หันหลังให้มัน
แล้วมันก็เริ่มสอน เอาจริงๆมันก็ดูง่ายดีนะ แต่สำหรับคนไม่เคยเข้าครัวอย่างผมแม้แต่การหั่นผักก็ยังมีปัญหา โดนพี่มันด่าหูชาเลย มีการแกล้งกันไปมาด้วย สนุกดี แต่กว่าจะเสร็จเล่นเอาครัวเละเลย มันยืนกำกับผมว่าใส่อะไรบ้างทำอะไรบ้าง แต่ก็ออกมาดูดีอยู่นะ........
“เห้ยยยย! เสร็จแล้วววววววว^^” หลังจากปิดเตาแกส ผมก็ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจสุดๆ
“เอ่อ! มันจะกินได้หรือเปล่าวะ! แต่หน้าตาก็ออกมาดีอยู่นะ” ดูมัน เป็นคนสอนแท้ๆ ก็ทำตามที่มันบอกทุกอย่างนี่
“ชิมดิ อะ” ตักข้าวผัดแล้วยื่นไปตรงปากมัน “อ้าปากเลย เร็วๆ” มันก็อ้าปากรับ แต่หน้ามันนี่ฝืนสุดๆ “เป็นยังไงอะ”
“ก็ดีนะ ลองชิมเองดิ” พูดไปเคี้ยวข้าวไป
(ผมตักเข้าปาก เห้ย!ก็อร่อยนิ) “ก็โอเคนะ เห้ย!คือดีอ่ะ เอาใส่กล่องดีกว่าๆ ^^ ขอกล่องด้วย!” ผมพูดด้วยความดีใจ 
“ไข่ดาวละ มันชอบแบบไม่สุกนิ” พี่อ๊อฟท้วงขึ้นมา จริงด้วยสินะ 
“ทำดิๆ ทำยังไงละ” พูดจบแล้วมันก็สอนผม
“แต่ไข่ดาวมึงจะเอาไปเวฟเหมือนข้าวผัดไม่ได้นะเว้ย! ต้องตื่นมาทำ อืม.....งั้นเอาไว้ที่นี่แหละ เห็นมึงทำแล้วลำบากเหลือเกิน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูทำแล้วเอาไปให้!” มันยืนล้างจานไปพูดไป ใจดีจัง!
“พี่อ๊อฟใจดีที่สุดเลย!” เอาหน้าไปถูหลังมัน “ขอบใจน้า^^”
“อะ...เออๆ ถอยออกไปได้แล้ว ร้อน!” คงร้อนจริงๆเหงื่อออกเยอะเชียว

ทำอะไรเสร็จมันก็มาส่งผมที่บ้าน วันนี้คือเหนื่อยมาก ทั้งทำสวน ทั้งทำข้าวผัดแทบตาย กลับถึงบ้านก็อาบน้ำแล้วสลบเลย เหนื่อยจริงๆ ตอนเช้าพี่อ๊อฟก็มารับ ผมบอกป๊าเรียบร้อยแล้วว่า ช่วงนี้จะไปกับพี่อ๊อฟ เล่าเรื่องพี่อ๊อฟให้ป๊ากับแม่ฟังด้วย เพราะเขาถามว่าเป็นใคร วันหลังชวนมากินช้าวสิ อะไรแบบนี้! แล้วก็ถึงโรงเรียน
“พี่อ๊อฟ เอาให้ตอนกลางวันมันจะไม่ร้อนเอานะ มันจะอร่อยเหรอ” ถามด้วยความกังวล เพราะปกติ พี่ไอซ์ไปสั่ง เขาก็ทำสด นี่ทำตั้งแต่เมื่อคืนแล้วด้วย
“ไปขอยืมไมโครเวฟที่มินิมาร์ทก็ได้แหละ!” พี่อ๊อฟกล่าวผมก็พยักหน้ารับ
“สีข้าวผัดมันเปลี่ยนไปหรือเปล่านิ” ผมถามขึ้นเพราะเมื่อวานเห็นข้าวสีอ่อนๆ แต่วันนี้มันเข้มขึ้น
“กะ....ก็เอามาเวฟตอนเช้าสีมันก็เข้มขึ้นดิ ไม่มีอะไรหรอก อย่าถามเยอะน่า!” มันตอบมาด้วยท่าทีมีพิรุธ ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“เออๆ งั้นไปเรียนแล้วนะ” ผมก็พยักหน้าตอบ แล้วก็แยกย้ายกับมัน
คาบเช้าวันนี้ผมนั่งเรียนไปยิ้มไปอย่างกับคนบ้า จนเพื่อนๆผมแซวใหญ่ ผมก็เล่าให้พวกมันฟังว่าลงทุนฝึกทำข้าวผัดให้พี่ไอซ์เชียวนะ พวกมันนี่ตะลึงเลย เพราะแค่ต้มไข่ผมยังทำไม่เป็น 5555 มันรอดูกันใหญ่เลย พอเที่ยงผมก็รีบวิ่งไปมินิมาร์ทเอาข้าวไปเวฟ แล้วไปนั่งเตรียมข้าวรอพี่ไอซ์ สักพักเขาก็มา .........
“พี่ไอซ์ ผมทำข้าวผัดมาให้ ^^” ร่าเริงเข้าไว้ พวกเพื่อนผมคงเบื่อหน่ายกับท่าทีผมเต็มทีเลยไม่สนใจผมเลย พวกนี้นิ!
“จริงดิ! ไม่เห็นต้องทำมาให้เลย ลำบากแย่ แต่ก็ขอบใจนะ” ยิ้มแล้วก็กินข้าวผัดแต่ทำหน้าแปลกๆ “ทำไม....รสชาติมันเหมือนที่ไออ๊อฟทำเลยล่ะ?!” อะไรกัน ตกใจหมด ก็พี่อ๊อฟสอนนี่นะ
“ปะ..เป็นไปได้ยังไงละ ผมทำเองเลยนะ!” ผมท้วงขึ้นมา ก็ผมทำเอง แต่พี่อ๊อฟมันสอนไง
“กูเป็นคนสอนมันทำเองแหละ รสชาติก็คล้ายๆกัน กินๆไปเหอะ!” พี่อ๊อฟตอบ มันดูมีพิรุธแต่มันจะเหมือนกันขนาดนั้นเลยเหรอผมก็ไม่เคยกินข้าวผัดฝีมือพี่อ๊อฟเลยพูดไม่ได้ว่าเหมือนหรือไม่
“สอน?” หันมามองผม และหันไปมองทางพี่อ๊อฟด้วยท่าทีสงสัย
“พะ...พอดีผมอยากลองทำอาหารน่ะ เลยให้พี่อ๊อฟสอนให้ใช่ไหมๆ” หันไปบอกพี่อ๊อฟ ประมานว่ามึงอย่าพูดไรบ้าๆนะ
“เออ! กินไปเหอะมึง มันตั้งใจทำนะ!” พี่อ๊อฟหันไปตอบพี่ไอซ์ แล้วมันก็หันมามองผมด้วยสายตาที่ดูหงุดหงิด อะไรวะผมทำอะไรผิดอีก พี่ไอซ์ก็ได้แค่พยักหน้ารับรู้ เฮ้อ! แต่ละคน
แล้วก็กินกันไปโดยพี่ไอซ์ก็ขอบคุณยกใหญ่ชวนผมคุยเยอะมาก แต่แปลก ผมกลับไม่ดีใจเลยที่พี่ไอซ์ดูถามและพูดกับผมมากขึ้น ผมกับมองไปทางพี่อ๊อฟ มันโกรธอะไรเราหรือเปล่านะ แต่ทำไมเราต้องแคร์มันด้วยละ!?  จนเลิกเรียน ผมก็โทรไปนัดกับพี่อ๊อฟเพื่อที่จะกลับบ้าน มันก็ให้ผมไปนั่งรอที่พี่ไอซ์เล่นบอล ช่วงนี้พี่อ๊อฟใกล้แข่งวาดรูปแล้วเลยต้องไปฝึกหนักกว่าเดิม เมื่อผมมาถึงก็นั่งดูพี่ไอซ์เล่นบอลไปเรื่อยๆ สักพักก็เลิก แต่วันนี้เดินมาทางผม.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Oaokhodomo ที่ 17-09-2022 14:35:47
เป็นนิยายที่นานมาก เราตามหานานมาก มาต่อเรื่อยๆนะครับ ติดตามอยู่
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:09:33
เป็นนิยายที่นานมาก เราตามหานานมาก มาต่อเรื่อยๆนะครับ ติดตามอยู่

ขอบคุณมากๆค้าบ :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6: :mew6:
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:12:36
“ไง มารอไออ๊อฟทุกวันเลยนะ” พี่ไอซ์ถามเมื่อเดินมาถึงผม รอพี่นั่นแหละ ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!
“ก็ผมกลับบ้านกับพี่อ๊อฟนี่ แต่ที่มานั่งเนี่ย ตั้งใจมาดูพี่ไอซ์ต่างหาก” ยิ้มแบบเขิน
“ทำปากหวานนะเรา เมื่อวานก็ซื้อน้ำมาให้ไออ๊อฟนี่ ทำไมพี่ไม่ได้บ้างล่ะ” ทำนอยๆ ตั้งแต่ได้กินข้าวผัดที่ผมเอามาให้ แลดูพี่ไอซ์จะพูดมากขึ้นจริงๆ แต่เพราะข้าวผัดเนี่ยนะ!
“ก็ตั้งใจเอามาให้พี่แหละ แต่พวกพี่เตรียมกันมาแล้วนิ” นอยกลับ “เลยให้พี่อ๊อฟแทน”……
“จริงอ่ะ!” ดีใจอะไรขนาดนั้น “ถามอะไรหน่อยดิ”
“อะไรอ่ะ?” ผมทำหน้าสงสัย
“น้องชอบพี่เหรอ?” เอาจริงๆควรจะรู้ได้ตั้งนานแล้ว ทำซะขนาดนี้ เจอกันก็บ่อย ให้ท่าไปตั้งเยอะ เพิ่งมารู้เหรอเนี่ย โถ่!
“เอ่อ..คือ”อึดอัดใจแต่ก็ต้องบอกแหละ โอกาสมาถึงแล้ว “ครับผมชอบพี่” (ด้านได้อายอด)
“ชอบพี่ แต่ทำไมมีอะไรก็ไปกับไออ๊อฟตลอดล่ะ ?”  ผมหลบตานิดหน่อย ทำไมทำหน้าและน้ำเสียงโหดจัง ไปไม่ถูกนะเนี่ย
“เอ่อ..คะคือ” เกร็งเลยอ่ะ “กะ...ก็พี่ไอซ์ดูไม่ค่อยอยากพูดอะไรกับผมมากมายนี่ แถมเวลาอยู่ด้วยก็ทำเหมือนไม่รับรู้อะไรเลย ทั้งๆที่ผมแสดงออกไปตั้งเยอะ กินข้าวด้วยกันก็นานแล้วนะ มานั่งดูพี่เล่นบอลทุกวันเลยด้วย....” ก้มหน้าพูด อายสุดๆ แล้วผมก็เงยหน้ามองพี่ไอซ์ ยิ้มทำไมวะ เมื่อกี้ยังโหดๆอยู่
“ก็แค่นั้นแหละ!” ห๊ะ! คืออะไรวะ ผมเหวอนิดหน่อย “ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกละ แต่พี่ก็ชอบน้องอยู่แล้วเหมือนกัน” ชะ..ชอบเรา>< “พี่ก็นึกว่าน้องแค่ปลื้มพี่ ที่น้องแสดงแบบนั้นออกมา เลยพยายามไม่สนใจน้องเท่าไหร่ แต่วันนี้ไออ๊อฟมันมาบอกพี่ว่าน้องชอบพี่” (พี่อ๊อฟ!?) “ตอนแรกก็ตกใจนะ ไม่คิดว่าน้องจะชอบพี่เหมือนกัน พี่ดีใจนะ ถ้าพี่ไม่ชอบ พี่ไม่ไปนั่งกินข้าวด้วยเกือบทุกวันหรอกนะ” เหมือนฝันเลย! รู้สึกตัวลอยๆ
“ผะ....ผม...ไม่คิดว่าพี่จะคิดแบบนี้เลยนะครับ พี่ชอบผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชาย อีกอย่างบางทีผมก็คิดไปไกล เพราะทุกการกระทำของพี่ ทั้งลูบหัวพูดจาน่ารักป้อนข้าว และคำพูดหลายๆอย่างทำให้ผมคิดไปเองอยู่ตั้งนาน ไม่นึกว่า....” (>< ลิ้นพันกันหมดแล้ว) “และผมก็ดีใจสุดๆเลยที่พี่คิดแบบเดียวกัน” น้ำตาซึมเลย คงเข้าใจอารมณ์นะ ประมานว่าเราเห็นของอย่างนึงที่คิดว่าไม่มีวันได้มัน แต่วันนี้มันมาเป็นของเราแล้วพี่ไอซ์ก็เอามือมาลูบน้ำตาผมออก
“พี่ก็ทำเท่าที่พี่ทำได้ไง อย่าซึ้งดิ!” ผมนี่ยิ้มไม่หุบเลย ตื่นเต้นมาก ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ “อีกอย่างเรารู้หรือยังไงว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบผู้ชาย” ห๊ะ?! แล้วมันยังไงละ  “อย่าคิดเอาเองสิ พี่ชอบเราตั้งแต่ไออ๊อฟมันพาไปกินข้าวด้วยแล้ว จริงๆก่อนหน้านั่นอีกนะ เพื่อนๆในห้องพี่ ชอบพูดถึงน้อง เลยลองดูรูป ก็ไม่ผิดกับตัวจริงเลย  ยิ้มของน้องเนี่ยทำคนหลงได้เลยนะรู้ตัวหรือเปล่าแล้วคนอะไรเขินจนไข้ขึ้น 55555” 
“ระ....รู้ได้ยังไงอ่ะ” อายเลยสิ
“ก็ไออ๊อฟมันเล่าให้ฟัง! เวลาเราเขินน่ารักนะเนี่ย” น้ำเสียงพี่ไอซ์ โอย ตอนนี้อยากละลาย
“บ้าอ่ะ!” เขินสุดๆ “เอ้อ!แล้วที่พี่บอกว่า ‘รู้หรือไงว่าพี่ชอบหรือไม่ชอบผู้ชาย’ หมายความว่ายังไง ผมเห็นพี่ควงผู้หญิงแต่ละคนนี่สวยๆทั้งนั้นเลยนะ” ทำหน้านอย เหมือนเราไม่คู่ควรเลย
“พี่ไม่สนใจหรอกเพศไหน แค่คิดว่าใช่ เพศไม่สำคัญหรอก” ดูพี่มันเขินดิ น่ารักมากเลย  “แล้วตกลง เราจะเป็นแฟนกันได้ยัง” !!!!!ขะ...ขอเรา เอามือมาจับมือเราแล้วย่อเข่า เห้ย!นี่มันบนแสตนข้างสนามกีฬานะเว้ย! ><อายจริง ผมมองซ้ายขวา คนเริ่มหันมาสนใจกันใหญ่แล้ว “น้องเป็นแฟนกับพี่นะครับ”
“พะ...พี่ไอซ์ คนมองเต็มไปหมดแล้ว! พี่ไม่อายเหรอ” ผมพยายามดึงมือออก แต่.....
พี่ไอซ์ทำหน้านอยสุด “น้องนทอายที่จะคบกับพี่เหรอครับ” ทำหน้าน่าสงสารสุดแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือและไม่ยอมลุกขึ้น ผมอยากจะบอกว่าถ้าพี่ไม่ขอผมก็จะขออยู่แล้ว แต่สถานที่ตรงนี้โจ่งแจ้งเกิน
“ไม่ได้อายนะ!” ผมท้วงขึ้นมาเสียงดัง “ผมกลัวพี่จะอายไง ที่มาคบกับคนแบบผม” ตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังมากนัก
“นทจะเป็นแบบไหนพี่ก็ชอบ ชอบในแบบที่นทเป็นนะ เป็นแฟนกับพี่นะ!” พี่ไอซ์ ฆ่าผมตรงนี้ได้เลย ผมยอมแล้ว
“ครับ” โอ๊ย ไข้จะขึ้นไหมเนี่ย ทั้งเขินทั้งอาย คนมองเต็มไปหมด
“ตกลงว่ายังไง  พูดให้ชัดเจนเลย!” ทำหน้าหล่อด้วย โอ้ย! เขินนะเนี่ย
“ก็ตกลง เป็นแฟนกันไงครับ!” (>,<)
“หู้วๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!” “ว๊ายๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงร้องแซวเต็มไปหมดเลย โดยเฉพาะเพื่อนๆพี่มัน ผมนี่อายสุดๆเลย แล้วพี่อ๊อฟก็เดินมา.......
“ไงสมหวังสักทีสินะ!” คือพูดแบบเรียบๆ ติดจะเฉยชามากกว่า มันเป็นอะไรของมัน
“อ๊อฟขอบใจมากนะเว้ย!” จับมือผม แล้วพี่อ๊อฟก็มอง...
“เออๆ แล้ววันนี้จะกลับพร้อมกูไหม” (หันมามองผม) “หรือจะให้ แฟน ไปส่ง” เน้นคำว่าแฟน พี่อ๊อฟเป็นอะไรเนี่ยต้อง เคลียล์กันสักหน่อยแล้ว
“ผะ...ผมว่าวันนี้พี่ไอซ์เหนื่อยมากแล้ว” ก็เล่นทุกวัน แต่อ้างไปก่อน อยากเคลียกับพี่อ๊อฟ “วันนี้ผมกลับกับพี่อ๊อฟก็ได้ครับ”
“แต่พี่อยากไปส่งเรานะ” พี่ไอซ์พูดขึ้น สักพักเพื่อนๆในกลุ่มมันมาเรียกเหมือนประมาว่าอาจารย์ให้ไปลงชื่อแข่งขันฟุตบอล “เอ่องั้นอ๊อฟฝากนทด้วยแล้วกัน  เดี๋ยวพี่โทรหานะ” แล้วก็วิ่งไปเลย ผมนี่ได้แต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลย……
“จะยิ้มอีกนานไหม! จะกลับหรือไม่กลับ” โหดจังวะ!
“กลับจ้าๆ อย่าโหดดิ้!” หันไปยิ้มให้มันแต่ มันส่งหน้ายักษ์มาให้ผม “เป็นอะไรอ่า ตั้งแต่กลางวันแล้วนะ ผมทำอะไรผิดเหรอ” ทำหน้าสำนึกผิด
“เปล่านี่ แค่อากาศมันร้อน!” พี่อ๊อฟมันกระแทกเสียงใส่ผม ผมตกใจเล็กน้อย
“พี่อ๊อฟเป็นอะไรเนี่ย!” มันเดินไม่รอผมเลย! อุตส่าได้เป็นกับพี่ไอซ์แล้วทำไมมันไม่ยินดีกับผมเลยละ ทั้งๆที่ตัวเองเป็นพ่อสื่อแท้ๆ ดันมาอารมณ์เสียใส่อีก
มันก็พาผมมาส่งที่บ้าน ผมกำลังจะอ้าปากพูด มันบิดรถไปไม่รอผมเลย เป็นอะไรของเขานะ รู้สึกไม่สบายใจเลย ผมก็เลยเข้าบ้านเปลี่ยนชุดแล้วก็ขี่รถจักรยานไปบ้านพี่อ๊อฟ ผมกดกริ่งอยู่สักพักก็มี ผู้ชายคนนึงเดินออกมา หน้าตาคล้ายพี่อ๊อฟ แต่น่าจะเป็นพี่?หล่ออยู่นะ แต่ก็พอๆกับพี่อ๊อฟแหละ
“เอ่อคือ...พี่อ๊อฟอยู่ไหมครับ” ถามด้วยความสุภาพ
“เอ๊ะ! น้องนท? ใช่ป่ะ มาๆ เข้าบ้านก่อน อ๊อฟมันนอนอยู่บนห้อง!” ผู้ชายหน้าตาคล้ายพี่อ๊อฟเอ่ยขึ้นมา ผมก็เดินตามเสียงเรียกเข้าไปก่อน
“รู้จักผมด้วยเหรอครับ?” ทำหน้าสงสัย
“เอาน่า เราคบกับอ๊อฟเหรอ ?” ถามด้วยใบหน้าที่ดูเป็นมิตร เราเคยรู้จักกันหรือยังไง พี่คนนี้
“ห๊ะ ! มะ...ไม่ใช่ครับพี่ แค่พี่น้องครับ” ทำไมต้องรู้สึกเขินด้วนะเรา
“อ่อเหรอ...เอ้อ...ลืมแนะนำตัว พี่ชื่ออิฐนะ เป็นพี่ชายอ๊อฟ ทำตัวตามสบายละ มันอยู่ข้างบน ขึ้นไปหามันสิ”
“ครับ ผมว่าถ้าพี่เขานอนอยู่ ผมไม่รบกวนดีกว่า ไว้พรุ่งนี้ก็เจอครับ” ตอบกลับด้วยความเกรงใจ
“ขึ้นไปเถอะน่า ไปๆเดี๋ยวขึ้นไปส่ง” หลังจากพูดแล้ว พี่อิฐก็ดึงแขนพาผมขึ้นมาบนบ้าน แถมเปิดประตูห้องให้พร้อม พี่อ๊อฟไม่ได้ล๊อคห้อง
ในห้องนอนพี่อ๊อฟนี่ดูน่ารักเลยนะเนี่ย ตุ๊กตาหมีอย่างงี้ โห!ผ้าห่มลายจะแอ๊บแบ๊วไปไหน แต่ประเด็นคือคนเข้ามาถึงในห้องแล้วไม่ตื่นเลยเหรอ? พอดูอีกทีมันใส่หูฟังนอน เปิดเพลงดังขนาดนั้นหลับลงไปได้ยังไง? ผมส่ายหัวกับภาพที่เห็น แล้วก็เดินไปดึงหูฟังออก จะได้หลับสบายขึ้น หลังจากนั้นผมก็เดินไปตรงโต๊ะเขียนหนังสือ เอ๊ะ! ทำไมมีรูปเราเต็มไปหมดเลยละ?
ผมกะลังจะหยิบภาวาดที่อยู่ใต้รูปภาพผมขึ้นมาดู .........
“เห้ย! เข้ามาได้ยังไงวะ” พูดพร้อมกับวิ่งมาพลักผมออกจากบริเวณโต๊ะ แล้วดึงแผ่นรูปวาดไป
“พะ... พอดีผมมาหาพี่ตอนแรกว่าจะกลับเห็นพี่อิฐบอกว่าพี่นอนอยู่ แต่พี่อิฐก็บอกให้ขึ้นมาหาก็เลย....” อย่าทำหน้าโหดสิ กลัวนะ
“ก็เลยรื้อของ ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต งั้นเหรอวะ!” ตะหวาดผม จนสะดุ้งเลย
“พะ...พี่ใจเย็นดิ” ผมจับมือมันแล้วลูบ “ผมแค่ดูเอง อีกอย่างเห็นมีแต่รูปผม ก็เลยอยากดูเท่านั้นเอง อย่าโกรธน้า” ยิ้มให้มัน
“แต่กูไม่อยากให้ใครเห็น” ดึงมือออกจากมือผมอย่างแรง “โดยเฉพาะ ‘คนอื่น’ อย่างมึง ถึงจะเป็นรูปมึงก็เถอะ” คนอื่นงั้นเหรอ ทำไมได้ยินคำนี้แล้วมันจี๊ดอย่างนี้ รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้
“ผมคิดว่าเรา...สนิทกันพอนะ แต่ทำไมพี่ต้องให้ผมเป็นแค่คนอื่นด้วยเนี่ย”น้อยใจนะ แต่ก็พูดแบบฝืนๆ “ถะ...ถ้าพี่ไม่พอใจ ผมก็ขอโทษด้วยนะ” น้ำตาเริ่มไหล ไม่ชอบเลยจริงๆเวลาพี่อ๊อฟทำสายตาเย็นชาขนาดนั้น แต่ก็ยังสงสัยนะ พี่อ๊อฟเก็บรูปผมไว้ทำไม
ผมก็วิ่งออกจากบ้านพี่อ๊อฟ พี่อิฐที่เห็นกำลังจะทักก็ตกใจ แล้วผมก็ขี่จักรยานตรงกลับบ้านทันที ไม่รู้ว่าทำไมต้องแคร์ทุกคำพูดของพี่อ๊อฟก็ไม่รู้ แต่เราไม่ยอมหรอก ยังไงพี่อ๊อฟอาจจะโกรธเพราะเราไปรบกวนการนอนก็ได้....
กลับมาบ้านผมก็ช่วยแม่ทำกับข้าว ผมก็ทำข้าวผัด มีแม่คอยช่วยอยู่ข้างๆผมทำสองกล่อง กล่องของพี่ไอซ์ กล่องนึงของพี่อ๊อฟเอาไว้ง้อพี่อ๊อฟมัน และก็นั่งกินข้าวกับป๊าแม่ เสร็จก็ขึ้นไปอาบน้ำ เล่นคอมเข้าเฟส.....
พี่ไอซ์รับเฟสเราตั้งนานแล้วนี่! แจ้งเตือนอะไรไม่รู้ เยอะแยะไปหมด โอ้โห!!!!!!
ทั้งรูปทั้งคลิป ตอนที่พี่ไอซ์ขอผมเป็นแฟน มาเต็มเลย แถมเพื่อนๆเฟสมาถามกันตรึม ผมเลยรีบหันไปดูโทรศัพท์ โอ้โห! 50กว่าสาย เบอร์เพื่อนๆในกลุ่มทั้งนั้นผมไม่โทรกลับหรอกยังไงพรุ่งนี้พวกมันก็สอบสวนผมอยู่ดี แต่ในนั้นก็ยังมีเบอร์แปลกด้วย ผมเลยโทรกลับเผื่อเป็นพี่ไอซ์ รับเร็วมาก........
“นททำไมไม่รับสายพี่ครับ !” พี่ไอซ์ จริงๆด้วยเสียงดุเชียว
"พอดีผมเพิ่งตื่นนะครับ อีกอย่างปิดเสียงโทรสับด้วย ขอโทษทีนะคร้าบบบ” ทำเสียงอ้อนๆ “แล้วพี่ไปเอาเบอร์ผมมาจากไหนครับ” ถามขึ้นด้วยความสงสัย เปลี่ยนเรื่องนั่นแหละ
“เอามาจากไออ๊อฟไงไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนเลย พี่งอนเราหนักมากนะ!”  ทำเสียงเข้มเชียว ผมเผยยิ้มออกมานิดหน่อย
“พี่ไอซ์อย่างอนน้า นทยอมแล้ว พี่ไอซ์อยากได้อะไรนทให้หมดเลยน้า” อ้อนสุดๆ แต่ก็หุบยิ้มไม่ได้เลยจริงๆนะ
“แหมพี่งอนเราไม่ลงหรอกน่า” ทำเสียงหวานเชียว “แล้วนี่ไม่ได้เข้าไปดูคำขอของพี่ในเฟสเหรอ” ผมก็ลองกดดูเพราะนั่งอยู่หน้าคอม 
“ก็ผมขอเป็นเพื่อนพี่ แล้วพี่ก็รับแล้ว...”ผมก็เลื่อนหาเพิ่ม เพราะการแจ้งเตือนมันเยอะจนตาลายไปหมดแล้ว
“ลองไปดูใหม่เลย  ตรงที่มันแจ้งเตือนอ่ะนะ” พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะลุ้นว่าผมจะหาเจอไหมนะ
แล้วผมก็เข้าไปดูใหม่ แจ้งเตือนมันเยอะมาก แต่เห็นพี่ไอซ์ส่ง.....สถานะกำลังคบกันมาให้!
“พะ...พี่ไอซ์ เอางี้เลยเหรอครับ แค่รูปกับคลิปก็เต็มเฟสแล้วน้า” เขินสุดๆ 
“แล้วเราจะไม่กดรับเหรอ” น้ำเสียงน้อยใจสุดๆ “งั้นพี่กดยกเลิกกก็ได้นะ”
“รับสิครับๆ ผมแค่ตื่นเต้นเท่านั้นเอง><”
แล้วผมก็กดยอมรับคำขอไป เม้นกระจายไลค์กระหึ่ม มีแต่คนทักแชทผมมาถาม ผมก็คุยกับพี่ไอซ์ไปด้วยตอบไปด้วย พี่ไอซ์ก็หยอดผมจนไปไม่ถูกเลยผมเขินบิดไปมาจนเก้าอี้ที่ผมนั่งแทบหัก คุยกันนานอยู่ กว่าจะวาง พอวางสายจากพี่ไอซ์ ผมก็ไล่ดูเฟสไปเรื่อยๆ นึกขึ้นได้เข้าไปดูในเฟสพี่อ๊อฟ ขึ้นรูปเหมือนคนอกหัก ไปแอบรักใครหรือเปล่านะ!
เอาจริงๆผมก็มีใจให้พี่อ๊อฟนะ แต่บางที่พี่อ๊อฟก็ทำเหมือนจะคิดเหมือนผมนะ บางทีเขาก็ดูเฉยชาจนผมเดาไม่ออก ว่าเขาคิดยังไง อีกอย่างพี่เขาก็ไม่น่าจะชอบผู้ชายด้วย อันนี้คิดเองนะ ผมเลยกดโทรศัพท์ต่อสายหาพี่อ๊อฟเลย สักพักพี่เขาก็รับ ........
“…….”(เงียบ)
“พะ....พี่อ๊อฟอยู่ปะเนี่ย?” โอ้ย! ไปไม่ถูกเลย ยังไม่หายโกรธอีก
“อืม” คงไม่อยากคุยสินะ
“พี่ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ ผมขอโทษน้า ยกโทษให้ผมเถอะน้า......”
“อืม”
“เอ่อคือ........เป็นอะไรอ่า” อืมอย่างเดียวเลย เอายังไงละทีนี้
“ง่วง แค่นี้นะ ตึ้ด!”
มันวางสายไปเลย กล้าดียังไงเนี่ย! จากนั้นผมดูนาฬิกายังไม่ดึกมากเท่าไหร่ผมเก็บเส้อผ้าจัดตารางเรียน แล้วก็ลงไปข้างล่างก็เห็นป๊ากับแม่ดูทีวีอยู่ ผมเลยขอจะไปนอนบ้านพี่อ๊อฟ ตอนแรกป๊ากับแม่ก็กลัวผมไปรบกวนเขา แต่ผมโกหกไปว่าพี่อ๊อฟให้ไปหาพี่เขาจะให้ช่วยทำงานเดี๋ยวตอนเช้าจะกลับมาเอาข้าวกล่องไง ป๊ากับแม่เลยอนุญาต ผมก็เดินไปบ้านพี่อ๊อฟเลย พอถึงก็กดกริ่งหน้าบ้าน สักพักพี่อิฐก็ออกมา......
“อ่าว ทำไมมาเวลานี้ ไออ๊อฟมันนอนแล้วนะ แล้วเมื่อเย็นเป็นอะไรวิ่งออกไปแบบนั้น” พอพี่อิฐเห็นผม ก็ถามชุดใหญ่ทันที
“ไม่มีอะไรครับพี่ วันนี้พี่อ๊อฟให้ผมมาช่วยงานอ่ะครับ พี่เขาคงหลับรอ พี่ไปส่งผมบนห้องพี่อ๊อฟหน่อยนะครับ” สตออันดับ 1 หนีมานอนบ้านผู้ชายไม่มียางอายเลยเรา
“อะ...เออ ก็ได้ๆเข้ามาสิ” ทำหน้างงๆ ผมนี่ก็ใจกล้ามากนะ
พอเข้ามาในบ้าน ผมก็เจอกับพ่อแม่ของพี่อ๊อฟ ท่านทั้งสองน่ารักมาก แต่แปลกจังทำไมเขาพูดเหมือนรู้จักผมอยู่แล้วนะ หรือไม่พี่อ๊อฟก็คงเล่าเรื่องผมให้ฟังบ้างแหละ จากนั้นพี่อิฐก็มาส่งผมบนห้อง และก็เช่นเคยพี่อ๊อฟไม่ล๊อคประตู แต่ก็ดีแล้ว  เข้ามาก็เห็นพี่อ๊อฟนอนแล้ว แต่เหตุใดจึงยังไม่อาบน้ำละ?   ผมเลยจัดการถอดเสื้อพี่อ๊อฟออก กะจะเช็ดตัวให้มันยังอยู่ในชุดนักเรียนอยู่เลย พอแกะกระดุมเสร็จผมเงยหน้าขึ้นมาดู คือพี่อ๊อฟตื่นแล้ว!? มองผมอย่างสงสัย…..
“มึงทำอะไร?” งัวเงียแล้วก็ลุกขึ้นมา
“ก็จะเช็ดตัวให้ไง เห็นยังใส่ชุดนักเรียนอยู่ เดี๋ยวนอนไม่สบายตัว” พูดพร้อมกับยิ้ม แต่ดูเหมือนจะไม่สบอารมณ์มันสินะ
“นอนไม่สบายอะไรวะ! ตื่นเลยเนี่ย”หงุดหงิดเชียว โถ่เพราะเราอีกละ “เออแล้ว” มันมองนาฬิกา “มึงมาทำไมเวลานี้? บ้านไม่มีนอน?” ยังคงประชดประชัน ด้วยคำพูดที่ใจร้ายเหมือนเคยสินะ
“ก็พี่ตัดสายผมทำไมละ! แล้วก็เลิกพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนั้นกับผมได้แล้ว และวันนี้ผมก็จะนอนนี่เพราะพี่ทำผิดนะ!”ผมก็ล้มตัวนอนเลย
“มึงอย่ามาเนียน มึงผิดอยู่นะ มาโทษกูได้ยังไงวะ!” ผมก็หันหน้าไปมองมัน 
“ก็ผมผิดอะไรละ! ก็บอกมาสิ จะได้แก้ไขนี่ไง” ถามพร้อมจ้องหน้ามัน ด้วยสายตาที่จริงจัง
“.....ช่างมันเถอะ!” เหมือนมันจะพูดอะไรสักอย่าง แล้วก็ลุกจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป
ผมไม่รู้ว่าผมผิดอะไร แต่ผมต้องง้อมันให้ได้นะเนี่ย โอ้ย! ทำไมผมต้องแคร์มันด้วยเนี่ย ผมก็นอนคิดไปเรื่อยๆว่าจะทำยังไงดี สักพักพี่มันก็เดินออกมาจากห้องน้ำ พันผ้าเช็ดตัวออกมาผืนเดียว หุ่นนี่แบบกล้ามไม่เห็น แต่หุ่นแน่นๆแบบพวกนักว่ายน้ำ หุ่นดีซ่อนรูปเลยทีเดียว
“มองอะไร! อยากจับ?” (-////-) “หน้าแดงเชียวนะมึง ทำหื่นไปได้!”
“ไอบ้า! ใครหื่น ผมไม่ได้หื่นนะ” อายวะไม่น่าไปจ้องมันเลย
“มานอนบ้านผู้ชายอย่างนี้ แม่ไม่ว่าเหรอจ๊ะ” ดูมัน ยอกย้อนเก่งนะ
“พอเลยๆ! รีบไปแต่งตัวไป เดี๋ยวผมอดใจไม่ไหว ข่มขืนพี่มาจะยุ่ง!” ผมก็พูดไปงั้น เอาจริงก็อาจอดใจไม่ได้5555
มันเดินมาตรงหน้าผม แล้วก้มหน้าลงมา เอาหน้ามาใกล้ๆแล้วจับคางผม “งั้นก็ข่มขืนกูเลยสิ” มันกำลังจะดึงผ้าเช็ดตัวออก ผมนี่เอามือปิดตาเลย>< “แหมๆ ไม่กล้าก็อย่าพูด” มันใส่บ๊อกเซอร์ ตกใจหมด แล้วมันก็เอาผ้าไปเก็บแล้วก็เดินมานั่งที่เตียง
“พู่ว!”(โล่งอก(เอ๊ะ หรือเสียดาย!5555) นึกว่าจะได้เห็นสะแล้ว)”พูดเล่นแบบนี้ แสดงว่าหายโกรธแล้วใช่ไหม” ผมหันไปมองหน้ามัน
“นี่มึงไม่รู้อะไรเลยจริงๆเหรอวะ?” พี่อ๊อฟพูดพร้อมกับทำหน้านอยๆ
“ก็ผมไม่รู้นี่นา งั้นถ้าพี่ไม่อยากบอกไม่เป็นอะไร อยากให้ผมทำอะไรให้พี่หายโกรธบอกมาเลยน้าๆๆ ยอมทุกอย่างแล้ว” ผมเลื่อนตัวเข้าไปใกล้มันแล้วเอาหัวไปถูกับต้นแขนมันเหมือนแมว
“ทุกอย่างจริงดิ” พี่อ๊อฟถามขึ้นมา ผมเด้งตัวมองหน้ามัน
“จริงๆน้า ยอมทุกอย่างเลย ผมไม่ชอบเลยอ่า เวลาที่พี่อ๊อฟทำเหมือนผมเป็นคนอื่นอ่ะ แล้วก็ไม่คุยกับผมอ่ะมันรู้สึกไม่ดีเลย” พูดจบ ผมก็ยิ้มหวานให้มัน
“งั้นช่วยกูหน่อยดิ!” พี่มันจบ มันมองที่ส่วนล่างมัน
“บ้า!” แต่ก็ไม่ถอยหลังหนีนะ จ้องเลย จ้องสู้5555
“อะไรวะกูจะให้นวดขาให้หน่อยคิดอะไรวะ!”มันตอบพร้อมกับทำหน้าหงุดหงิด เอิ่ม.... ผิดคาดจริงๆ5555
“นะ...นวดขา ก็ได้ๆ ทำไมไม่ไปใส่เสื้อดีๆล่ะ” แล้วผมก็ไปนั่งแถวๆขาพี่อ๊อฟแล้วก็เริ่มนวด
“กูชอบนอนถอดเสื้ออยู่แล้ว มึงรับไม่ได้ก็กลับบ้านไป” ดูมัน คนมาง้อ ไล่อยู่ได้  “หรืออยากไปนอนกับแฟนมึงไหมกูจะได้โทรบอกให้” ประชดทำไมวะ
“นี่ผมมาง้อพี่เลยนะ มาไล่กันแบบนี้ได้ยังไงละ” นอยจัง “หรือพี่ไม่อยากให้ผมอยู่ ผมจะได้กลับ!” ผมกำลังจะลุกขึ้น พี่อ๊อฟก็จับแขนผมไว้
“กูพูดเล่นๆ! อย่าโกรธดิ มานวดต่อเลย มึงยังมีความผิดอยู่นะ” อมยิ้ม มีความสุขเชียวที่ได้แกล้งผม
“ผิดอะไรก็ไม่บอกละ!” แล้วผมก็นวดให้มันไป สักพักมันก็หลับไปผมก็จัดที่จัดทางแล้วก็นอน
นอนไปสักพักใหญ่ๆ ผมก็รู้สึกสยิวๆที่ลำคอ แล้วเหมือนมีอะไรหนักๆมาทับบริเวณหน้าอกกับท้อง ผมค่อยลืมตาขึ้นมาดู เอิ่ม!...มันนอนเอาแขนกับขามาพาดตัวผม แล้วหน้ามันซุกอยู่ที่ลำคอผม โอย...อึดอัดชิบ แต่ไม่อยากปลุกมันเดี๋ยวมันโกรธอีก ผมก็หลับไปทั้งอย่างนั้นแหละ..........
พอเช้าพี่มันตื่นก่อนผม ก็อาบน้ำเตรียมตัวไปโรงเรียน และไปแวะบ้านผมก่อนเพื่อเอาข้าวที่เตรียมไว้ไปให้พี่ไอซ์ด้วยป๊ากับแม่ยังไม่ลงมาเลย สงสัยวันนี้ผมตื่นเช้าเกิน......
“ทำเองได้แล้วเหรอวะ แล้วทำอะไรตั้ง 2 กล่อง?”
“ของพี่กล่องนึง ของพี่ไอซ์กล่องนึง พี่จะได้รู้ไงว่าผมฉลาด สอนครั้งเดียวก็ทำได้เลย” คุยโวยกใหญ่ เอาจริงๆแม่ก็กำกับอยู่ข้างๆแหละ 5555
“กินได้แน่นะมึง” ดูมันทำหน้า เหมือนจะได้กินของที่มีพิษแบบนั้นสิ
“ไว้กินก่อนเหอะ ติดใจขึ้นมาไม่ทำให้กินแล้วนะโว้ย!” พูดจบ ผมก็เดินนำพี่อ๊อฟ ออกมานอกบ้านแต่.....
“อ้าวพี่กำลังจะโทรหาเลย” พี่ไอซ์มา พี่อ๊อฟออกบ้านมาพอดี “อ้าวอ๊อฟ มาอยู่นี่ได้ยังไงวะ?” ทำหน้าสงสัย
“ไม่เห็นพี่ไอซ์บอกว่าจะมารับผมเลยนะเนี่ย” ยิ้ม
“กูก็มารับส่งมันปกติอ่ะ มึงก็รู้บ้านกูอยู่แค่นี้เอง” หันไปคุยกับพี่ไอซ์ “งั้นมึงก็ไปกับแฟนมึงแล้วกันกูไปแล้วนะ” หันมาบอกผมด้วยสีหน้าที่แปลกๆแล้วเดินไปขึ้นรถแล้วออกรถไปเลย
“งั้นเราไปกันเลยไหมครับพี่ไอซ์” รู้สึกแปลกๆจัง ทำไมเราไม่ดีใจเลยที่พี่ไอซ์มารับ
“ป่ะ ขึ้นมาสิ” ผมก็เดินไปขึ้นรถมอไซค์พี่ไอซ์ แล้วพี่ไอซ์ ก็เอื้อมมาจับมือผมไปกอดเอวพี่เขา...... “กอดแน่นๆนะ” แล้วก็ออกรถทันที
นั่งรถไปพี่ไอซ์ก็ชวนผมคุยนู่นนี่ ถามนั้นถามนี่ไปเรื่อย แต่ไม่รู้ทำไม คิดถึงสีหน้าพี่อ๊อฟตอนเดินออกจากบ้านผมนะ
แล้วก็ถึงโรงเรียน ผมก็เอาข้าวผัดให้พี่ไอซ์ ดีใจมากเลยทีเดียว แล้วก็กินเลยด้วยนะ กะจะให้เอาไว้กินตอนเที่ยง.....
“คราวนี้ลองทำเองใช่เปล่า รสชาติต่างจากคราวแล้วเยอะเลย แต่อร่อยเลยนะเนี่ย” ยิ้มร่าเลย จะมีความสุขอะไรขนาดนั้นนะ
“ใช่แล้ว! ผมลองทำเองเลยนะเนี่ย แต่แม่ช่วยนิดหน่อย555 เนี่ยทำมาลองให้พี่อ๊อฟชิมด้วยนะ! ไม่รู้หายไปไหน” ผมก็หันไปหันมา
“เหรอทำไมต้องทำให้อ๊อฟชิมด้วยล่ะ” ทำหน้าหงุดหงิด “ทำให้แค่พี่ไม่ได้เหรอ” หึง?
“หึงเหรอพี่” ทำหน้าล้อมัน “5555 นั่นเพื่อนสนิทพี่นะ คิดอะไรอ่ะ” (-_-‘’’’)
“พี่ล้อเล่นน่า” (ยิ้ม) “เดี๋ยวพี่เอาข้าวไปให้มันเอง” แล้วผมก็ยื่นกล่องข้าวให้พี่ไอซ์ “ป่ะๆไปเข้าแถวกัน”
แล้วผมกับพี่ไอซ์ก็เดินไปเข้าแถวกัน มีแต่คนมอง เห้อ! พี่อ๊อฟไปไหนของเขานะ พอเข้าแถวเสร็จก็เดินขึ้นห้องไปพร้อมเพื่อน รัวคำถามใส่ผมแข่งกันจนตอบแทบไม่ทัน แต่ก็เล่าให้มันฟังหมดแหละ กว่าจะเข้าใจกัน ครูก็เข้าสอนพอดี เรียนคาบเช้าจนถึงเที่ยงปวดหัวมากมาย วิชาคณิตเป็นอะไรที่เกลียดแต่ต้องตั้งใจ เพราะครูดุมาก พวกผมกับเพื่อนก็เดินไปโรงอาหารกัน แน่นอนว่าพี่ไอซ์ก็มารอ แต่พี่อ๊อฟหายไปไหนล่ะ?....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:16:19
“อ้าว วันนี้มารอเลยเหรอ!” ผมเอ่ยถามพี่ไอซ์ด้วยความดีใจ
“มารอแฟนไง” พูดจบ พวกเพื่อนแซวกันใหญ่เลย  “พี่ซื้อข้าวไว้ให้แล้วนะ” กระเพราหมูสับไข่ดาว ของโปรดเราหรือเนี่ย
“รู้ได้ยังไงเนี่ย ว่าผมชอบ” ยิ้มร่าเลย ดีใจมากๆเลย นึกว่าเราจะรู้แต่เรื่องของพี่เขาฝ่ายเดียว
“เรื่องแค่นี้เองไม่รู้ยังได้ไง ทีเรายังรู้เรื่องพี่ตั้งเยอะแหนะ” เอามือมาลูบหัวผม >//////< “เขินหรอ” ถ้าผมเป็นโรคหัวใจ พี่ไอซ์คงทำหัวใจผมวายวันละ 15 ล้านรอบ 
“บ้า ! ใครเขิน” บิดจนตัวเป็นเกลียวแล้ว
“อะแฮ่มๆๆ” พวกเพื่อนผม ช่วงนี้อะไรไปติดคอพวกมันเยอะแยะ อะแฮ่มทุกสถานการณ์ 
“ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหัวเพื่อนเลยน้า” ไอวิว เปิดเลยเหรอมึง
“ปล่อยเขาเหอะ! ช่วงนี้กำลังหวาน” ไอนัทก็เอากับเขาด้วย
“นั่นดิๆ หวานเยิ้มเชียว” ไอมิน ทำท่าทางน่าเตะจริงๆ
“อย่าไปแซวมันน่าพวกมึง” ไอปอพูดขึ้น แต่หน้ามันนี่นะ 
เราก็กินขาวกันไป เพื่อนผมก็แซวนู่นนี่นั่นพี่ไอซ์ก็ได้แต่ยิ้ม พอเรียบร้อยเราก็เดินออกมานอกโรงอาหาร........
“พี่ไอซ์ พี่อ๊อฟไปไหนอ่ะ ปกติเห็นมาด้วยกัน” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย 
“มันไปนั่งอยู่ชมรมแหละ เอาข้าวที่นทให้ไปกินที่นั่น มันบอกต้องฝึก จะแข่งแล้ว” ตอบผม พร้อมกับส่งยิ้มมา 
“เหรอครับ” ผมพยักหน้ารับรู้
“เย็นนี้หลังพี่เลิกเล่นบอล ไปกินไอติมกันไหม?” ถามด้วยรอยิ้ม
“เดทแรกเหรอ” ยิ้ม แบบเขินๆ
“ก็ประมาณนั้นแหละ” หน้าแดงเลยนะ “งั้นเจอกันเย็นนี้นะ พี่ไปก่อนนะ” พี่ไอซ์ เอามือขยี้หัวผมแล้ววิ่งไป
ผมกับเพื่อนๆก็ขึ้นไปเรียน แต่คาบบ่ายของชั้นเรียนผมวันนี้ฟรี คุณครูประชุม เลยนั่งเม้ามอยกัน
“ในที่สุดมันก็ลงเอยเว้ย!”  ไอมินไม่เคยพลาดเลยจริงๆ
“มึงทำยังไงวะ เล่นของป่ะเนี่ย” ไอนัทพูดพร้อมกับ ค้นกระเป๋าผม
“เออมึงนี่เด็ดวะ เขาบอกมึงชอบและขอเป็นแฟนเองเลยนะเนี่ย” ไอวิวเอ่ยขึ้น
“เขาอาจจะชอบนทมันอยู่แล้วก็ได้นิ พวกมึงก็เลอะเทอะอะไรกัน” ปอพูดได้ดีนะ
“ยังไงก็เอาเถอะ แต่กูว่าก็งั้นๆแหละ” ผมเอ่ยขึ้น พวกมันมองผมแบบสงสัยกันใหญ่!
“อย่าบอกนะมึงได้เขาแล้ว!” ไอวิว คิดแต่เรื่องพวกนี้สินะ 
“จริงเหรอวะ!” ไอนัทก็เชื่อนะ ทั้งๆที่มันดูมีสมองสุดแล้ว
“เห้ย! ที่บอกเฉยๆนี่คือ ไม่ถึงใจหรือว่ายังไงครับ” ไอมินกับไอวิวกอดคอกันมาสินะ
“พวกมึงตลกอะไรของมึง ฟังมันก่อนดิ” ปอพูดขึ้นนี่สิเพื่อนที่ดี
“เออพวกมึงนี่ คิดไปทั่วกูเสียหายหมด!” หลังจากนั่งฟังพวกมันมโนแล้ว ผมก็พูดขึ้นมา ดูพวกมันทำหน้าเอือมระอาผมนะ ชิ! “ก็ยังไม่ได้กัน ที่พูดนะหมายความว่า คนหน้าตาดีอย่างกูก็คู่ควรกับคนหล่อๆแบบพี่ไอซ์ไง 5555555 เรื่องมันก็งั้นๆ ธรรมดาทั่วไป พวกมึงจะอะไรกัน”ผมก็คงจะบ้าไปแล้ว มายอตัวเองแบบนี้
“แหวะๆๆ ถุ้ยๆๆๆๆ” เอิ่ม! พวกเพื่อนผมเป็นเพื่อนที่ช่วงนี้อะไรก็ดูขัดคอพวกมันสินะ
“คืออะไรของพวกมึง แพ้ท้องหรือยังไง! ห้องน้ำอยู่มุมนั่นวิ่งไปเลย 55555” ผมไล่พวกมัน พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ผมก็คุยกับเพื่อนๆ สักพักก็ลงไปหาอะไรกิน หาเล่นบาสกัน จนเลิกเรียนผมก็แยกกับเพื่อนๆ พวกมันรู้อยู่แล้วว่าผมจะไปเดท แซวผมไม่หยุด แล้วผมก็มารอพี่ไอซ์ เห็นพี่เขากำลังเล่นฟุตบอลอย่างมันเลย แต่วันนี้ผมไม่เห็นพี่อ๊อฟเลยนะเนี่ย หายไปไหนของเขา ผมโทรหาพี่อ๊อฟสักหน่อย สักพักก็รับสาย ........
“ไง”A
“อยู่ไหนเนี่ย”ผมเอ่ยถาม พร้อมกับมองซ้ายมองขวา 
“อยู่ชมรม ใกล้แข่งแล้ว ต้องมาซ้อม ยังไงไอซ์ก็ไปส่งมึงอยู่แล้วนิ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเหมือนเดิมเลยนะคุณชายอ๊อฟ
“ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นสักหน่อย แค่ไม่เห็นพี่เลยวันนี้ เลยโทรถามไง แล้วจะกลับกี่โมง มีงานให้ผมช่วยเปล่า” ผมถามด้วยความเป็นห่วง 
“คงกลับเย็นๆนู่แหละ วันนี้มึงไปเดทกับไอไอซ์นิ” 
“รู้ได้ยังไงอ่า><กะจะไปเล่าให้พี่อ๊อฟฟังตอนเย็นเลยนะเนี่ย”
“เอองั้นตอนเย็นค่อยคุยกันแล้วกัน ตึ๊ด!” อะไรว่ะ อยากวางก็วางงี้เหรอ ไอบ้า!
พอวางสายเสร็จผมก็เดินไปร้านน้ำซื้อน้ำมารอพี่ไอซ์ แล้วกลับมาที่แสตน สักพักพี่ไอซ์ก็วิ่งมาหาผม
“ไง รอนานเปล่า”  ผมยื่นน้ำให้พี่เขา หลังจากที่เขาถามเสร็จ
“ไม่นานหรอก นานกว่านี้ก็รอได้” พี่ไอซ์ยิ้มใหญ่เลย แล้วผมก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมา ก้มหน้าหน่อยเร็วจะเช็ดให้
ผมก็เช็ดหน้าให้พี่ไอซ์ เหงื่อเต็มเลย จะทำท่าดีใจอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้ แล้วพี่ไอซ์ก็ไปเก็บของ แล้วก็พาผมไปที่เซ็นทรัล......
“กินอะไรดี” ยิ้ม พร้อมกับมองทางซ้ายขวา
“พี่ไอซ์อยากกินอะไรละ” ผมตอบคำถามด้วยคำถาม ก็งงว่าตอนแรกชวนมากินไอติม แล้วถามแบบนี้จะให้ตอบยังไง
“กินนทได้เปล่า” พูดแล้วจับมือผม พร้อมส่งยิ้มหล่อมาให้ผม
“บ้าน่า!....” เขินนะเนี่ย พี่ไอซ์ก็ยิ้ม “…..คนมองแล้วพี่ไอซ์” ผมเขินได้ไม่นานก็ต้องมาสะดุดตาคนในห้างที่มองด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร เลยเอ่ยบอกพี่ไอซ์นิดหน่อย 
“นทอายเหรอ” นอยอีกแล้ว เข้าใจผิดไปกันใหญ่
“ไม่ๆ งั้นไปกันเหอะ” ผมก็เลยตัดบทแล้วเดินจูงมือพี่ไอซ์เดินไปแถวโซนของกิน “พี่ไอซ์อยากกินไอติมหรือเค้กอ่ะ”
“กินติมดีกว่า” แล้วก็ออกแรงมือผมเข้าซเวนเซ่นผมกับพี่ไอซ์ก็สั่งมากินด้วยกัน ชุดฟองดูว์
“พี่ไอซ์ชอบกินไอติมด้วยเหรอ” ถามด้วยความสงสัย เพราะปกติ นักบอลน่าจะควบคุมอาหารการกินหรือเปล่านะ ผมก็ไม่รู้
“ก็ชอบนะ แล้วนทชอบป่ะ!” ถามผมด้วยรอยยิ้ม พี่ไอซ์นี่ ดูเหมือนเด็กน้อยเลย หล่อน่ารัก...
“ก็ชอบนะ” ยิ้ม พี่ไอซ์ก็ชวนผมคุยถามนู่นนี่ผมไปเรื่อยๆ คุยไปสักพัก ไอติมก็มาเสริฟ   
“โหว!” ตาลุกวาวเลย ทำอย่างกับเด็กอนุบาล “น่ากินมากอะนท”
“พี่ไอซ์ จะดีใจอะไรขนาดนั้น แค่ไอติมนะ555” แล้วผมก็ลงมือกิน แต่พี่ไอซ์ไม่กิน.... “พี่ไอซ์ไม่กินเหรอ?”
“ป้อนพี่หน่อยดิ” พูดเสียงอ่อน ทำหน้าอ้อนๆ
“ก็ได้ๆ อ้า!” ผมก็ตักไอติมเข้าปากพี่ไอซ์ แล้วก็ทำท่าดีใจสะเว่อร์เชียว “ 555 อร่อยเปล่า” ผมถามด้วยรอยยิ้ม น่ารักมากเลยนะเนี่ยพี่ไอซ์ ผมรู้สึกโชคดีจัง 
“อร่อยอ่ะ! เอานี่ด้วย” พี่ไอซ์ตอบ พร้อมกับ ชี้ไปที่กีวี่
สรุปคือ พี่ไอซ์ให้ผมป้อนจนหมด ผมก็กินสลับกับป้อนพี่ไอซ์ ดูเหมือนโรแมนติกนะ กินเสร็จเราก็พากันเดินเล่น....
“ถ่ายรูปกันหน่อยดิ” พี่ไอซ์ยกมือถือขึ้นมา
“มาดิ” แล้วก็เอาหน้ามาติดกันแล้วพี่ไอซ์ก็กดถ่าย
“นทน่ารักอ่ะ!” พี่ไอซ์พูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับมองจอที่มีภาพของเราที่เพิ่งถ่ายไป ผมเขินเลยสิทีนี้
เราเดินเล่นกันสักพักก็พากันกลับ  แต่....
“พี่ไอซ์นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านผมนะ! จะพาผมไปไหน” ถามด้วยความตกใจ แต่จริงๆสำหรับพี่ไอซ์ จะลักพาตัวผมไปไหน ผมก็ไปหมดอยู่แล้วนะ ><
“ไปบ้านพี่ไง แปปเดียวเอง” พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน 
สักพักก็ถึงบ้านพี่ไอซ์ บ้านหลังใหญ่เลยทีเดียว บ่งบอกถึงฐานะที่มั่งคั่งของพี่เขาสินะ....
“บ้านน่าอยู่จังเลยนะครับพี่ไอซ์” พูดไปพลางกวาดสายตามองรอบๆไป แต่งสวนสวยมาก
“งั้นก็ย้ายมาอยู่นี่เลยสิ” พูดพร้อมกับยิ้มกว้างส่งมา   
“อย่าท้านะ! มาจริงๆแล้วจะหนาว 555” พี่ไอซ์เอามือขยี้หัวผม แล้วก็จับมือพาผมเข้าบ้าน
ภายนอกว่าสวยแล้ว ภายในบ้านสวยยิ่งกว่า คือแบบลักชัวรี่สุดๆ เหมือนตอนผมไปโรงแรม 5 ดาวเลย แต่งได้หรูหรามาก และข้างในแบ่งเป็นโซนมีหลายห้องเลยทีเดียว พี่ไอซ์พาผมมาห้องนั่งเล่น ซึ่งก็มีพ่อแม่ ของพี่ไอซ์นั่งดูทีวีอยู่พ่อพี่ไอซ์ยังดูหนุ่มอยู่เลยหล่อเหมือนพี่ไอซ์เลย แม่พี่ไอซ์ก็ยังคงสวยมากเลยทีเดียว ว่าแล้วพี่ไอซ์ได้ใครมา
“พ่อ แม่ สวัสดีครับ” พี่ไอซ์ยกมือไว้พ่อแม่ พร้อมกับเดินเข้าไปหาทั้ง 2 ท่าน
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไว้ตามมารยาท มีอาการเกร็งนิดๆ ผมไม่คิดว่าจะมาแนะนำตัวเร็วขนาดนี้ ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจเลย อีกอย่าง คิดว่าพามา...เอ่อ..ไม่ได้คิดลามกนะ นึกว่าจะพามานอนจับมือต่างหาก
“สวัสดีจ๊ะ” ทั้งสองท่านทักทายกลับ โดยมองมาที่ผมด้วยความสนใจ ผมก็ทำได้แค่เพียงยิ้มอย่างเดียว
“พาใครมานะลูก” คุณพ่อถามพร้อมกับมองมาด้วยสายตาที่ดูสนใจอะไรในตัวผม 
“นั่นสิ ทำไมพาใครมาไม่โทรบอกแม่ก่อนจะได้เตรียมของว่าง” เสียงคุณแม่อ่อนหวานสุดๆ ที่นี่คือสวรรค์หรือเปล่า ข้างๆผมก็เทพบุตร นี่ก็พ่อแม่ของเทพบุตร นี่มันอะไรกัน อึดอัดจริงๆ
“ไม่เป็นอะไรครับผมพาน้องเขาไปกินไอติมมาแล้ว” พี่ไอซ์พูดจบ แล้วแม่พี่ไอซ์ก็พยักหน้าตอบรับ พร้อมกับเดินออกไปจากห้องนี้
“น้อง ?” พ่อพี่ไอซ์เอ่ยถามพร้อมทำหน้าสงสัย สักพักแม่พี่ไอซ์ก็เดินมาพร้อม แก้วน้ำ 2 ใบ
“นี่น้องนทครับ รุ่นน้องผมที่โรงเรียน” แนะนำผม พร้อมกับ ดึงให้ผมนั่งที่โซฟาตัวใหญ่แสนนุ่ม
“สวัสดีอีกครั้งครับ” ผมเอ่ยทักทายอีกครั้ง ทำตัวไม่ถูกเลย ยิ้มอย่างเดียวสิ
“จ้าๆ หน้าตาน่ารักมากเลยนะเนี่ย” คุณแม่ที่หลังจากเอาน้ำมายื่นให้แล้ว กลับไปนั่งที่ข้างคุณพ่อเอ่ยขึ้นมา ผมก็เขินสิ จะรออะไร ยิ่งบ้ายออยู่ 
“นั่นสิน่ารักจริงๆ เอ้อ!ทำไมรู้จักกันได้ล่ะ ไม่เห็นเคยพามาบ้านเลย” คุณพ่อถามด้วยความสนใจ
“เอาจริงๆเลยนะพ่อแม่ครับ นี่แฟนผมครับ!” เห้ย! บอกไปแบบนั้นได้ยังไง ผมก้มหน้าอย่างเดียวเลย ผมไม่คิดว่าผู้ใหญ่จะรับได้หรอก บางทีคบกันเฉยๆไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใหญ่รู้ก็ได้มั้ง
ทั้งสองท่านนั่งมองหน้ากัน แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเสียงแอร์เลยทีเดียว
“โห! พ่อกับแม่อย่าเงียบดิครับ น้องเขากลัวแล้วเนี่ย!” พี่ไอซ์จับมือผม พร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย
“55555” ผมได้ยินเสียงทั้งสองท่านหัวเราะ ก็เลยเงยหน้าขึ้นมามอง
“ตาถึงดีนิ! น่ารักดี!” คุณพ่อเอ่ยขึ้น ทำผมงงนิดหน่อย นี่ลูกสุดหล่อพาผู้ชายเข้าบ้านแล้วบอกเป็นแฟน ทำไมดีใจอะไรขนาดนั้น
“นั่นสิ แม่ว่าจะทักตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ แม่กับพ่อไม่ว่าอะไรหรอก” คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ผมก็ยิ้มอ่อนรับ ยังตั้งตัวไม่ทัน อะไรกันบ้านนี้
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ พ่อแม่พี่เขารับได้ไม่ได้ว่าอะไรหรอก” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับลูบหัวผม
“ทำไมยังสงสัยอะไรเหรอลูก ถามได้นะ” คุณพ่อเอ่ยถามขึ้น ผมก็อยากถามเหมือนกัน แต่ควรจะถามไหมนะ
“ นั่นสิ ” แม่พี่ไอซ์เดินมานั่งข้างผม แล้วเอามือมาจับมือผม “คงจะกลัวใช่ไหมลูก เหงื่อออกเต็มมือเชียว” เอาผ้ามาเช็ดมือให้ผมพี่ไอซ์ก็นั่งยิ้มอย่างเดียว เป็นบ้าไปแล้ว ผมอึดอัดจะตายแล้ว ไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย
“ผมแค่แปลกใจน่ะครับ” หลังจากเงียบสักพักก็เห็นควรว่า ควรจะโต้ตอบบ้างเพื่อมารยาท ไม่เช่นนั้นอาจจะดูไม่งามได้
“คิดมากน่า ไม่มีอะไรหรอก” พี่ไอซ์ก็ยังคงพูดในแง่บวกพร้อมกับรอยยิ้มสุดหล่อนั่น ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก็จริงแต่จะยิ้มอย่างเดียวไม่ได้ไหม
“แปลกใจอ่ะไรเหรอลูก” คุณพ่อหันมาถามกลับผมอย่างสงสัย 
“นั่นสิ แม่ว่าไม่แปลกนะ555” คุณแม่จะอารมณ์ดีเกินไปแล้ว พี่ไอซ์เลยได้นิสัยนี้มาสินะ
“คือเอ่อคือ....” ผมเอ่ยขึ้นมา มองพี่ไอซ์แล้วก็ มองคุณพ่อนิดหน่อย ไม่กล้าถาม แย่จริงอึดอัดจัง
“เรื่องที่ไอซ์เป็นแฟนกับนทเหรอ พ่อไม่เห็นว่ามันแปลกนะ พ่อกับแม่เลี้ยงลูกมาแบบอิสระ ไม่เคร่งเครียดกับชีวิตหรอก ชอบสิ่งไหนพ่อและแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ ดีเสียอีก มีนทไอซ์มันจะได้ไม่ไปทำใครท้อง 55555” คุณพ่อตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ดีเกินคาดไปหน่อย ผมยิ้มตอบรับพร้อมกับพยักหน้านิดหน่อย
“นั่นสิ นทจะเกร็งทำไมล่ะลูก ทำตัวสบายๆสิ คิดว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่นทนี่ หน้าคุ้นๆนะ ใช่คนที่อยู่ในรูปในห้องไอซ์รึเปล่า!” คุณแม่พูดขึ้นพร้อมกับหันไปถามพี่ไอซ์ ผมก็หันไปมองหน้าพี่ไอซ์
“ก็ผมชอบน้องเขานี่นามีรูปก็ไม่เห็นแปลก” พี่ไอซ์พูดจบเอามือลูปหัวตัวเองแก้เขิน หน้าแดงเชียวส่วนผมนะเหรอ บิดไปบิดมาตัวเป็นเกลียวไปแล้ว   
“เออแล้ว ตกลงใครจีบใคร” คุณพ่อเอ่ยถามขึ้นด้วยความสนใจ   
“นั่นสิ เล่าให้พ่อกับแม่ฟังบ้างสิ!” คุณแม่เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง
“เรื่องนี้ต้องให้นทเล่าเลยครับ” พี่ไอซ์โยนมาได้นะ ผมก็อ้ำอึ้งนิดหน่อย
ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้พ่อและแม่พี่ไอซ์ฟัง โดยมีพี่ไอซ์คอยเสริม เล่าไปก็อายนะ ขนาดป๊าผมยังไม่ต้องมาพูดให้มากความเลย โถ่! ภาพลักษณ์ผมพังหมดแล้ว
“โห! นทก็ชอบไอซ์ เกินเหตุไปหรือเปล่า แสดงว่ายังไม่รู้นิสัยจริงๆมันน่ะสิ55555” คุณพ่อพูดขึ้นมาหลังจากผมเล่าจบ
“ยอมลงทุนทำข้าวผัดให้เลยเหรอเนี่ย ขนาดทำอาหารไม่เป็นยังยอมทำเพื่อไอซ์เนี่ยนะ” คุณแม่เอ่ยตามหลังคุณพ่อพูดจบ พร้อมกับ จับมือผมแล้วลูบไปมา
“นั่นสิครับแม่ ! อร่อยด้วยนะ” พี่ไอซ์เอ่ยชมผม ผมก็ยิ้ม
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ก็แค่อยากทำอาหารเลยลองทำเท่านั้นเอง” เขินมาก
“ปากแข็งนะเรา!” พี่ไอซ์พูดจบก็เอามือลูบหัวผม
ผมก็พูดคุยกับพี่ไอซ์และคุณพ่อคุณแม่ของพี่เขาสักพักใหญ่ ก็ขอตัวกลับครับเพราะเริ่มจะมืดแล้ว ตอนแรกเขาชวนกินข้าวด้วยกันผมปฏิเสธไป เพราะมันเย็นมากแล้วจริงๆ พี่ไอซ์ก็มาส่งผมที่บ้าน
“ไปเจอพ่อกับแม่เค้าแล้วนะ อย่าทิ้งเค้าล่ะ” เปลี่ยนสรรพนามได้น่ารักมาก “แล้วไม่คิดจะแนะนำเค้าให้พ่อแม่ตัวให้เค้ารู้จักบ้างหรือยังไง” ท่าทางและน้ำเสียงออดอ้อนนี่มันน่ารักไม่ไหว ผมอดขำไม่ได้กับภาพตรงหน้า
“55 แหมเปลี่ยนสรรพนามเสียด้วย จะเข้ามาก่อนไหมล่ะพี่!” ผมเอ่ยชวน และพี่ไอซ์ก็จับมือผม
“เรียกเค้ากับตัวนะ นะๆๆ อยากให้เรียกแบบนี้” พี่ไอซ์พูดขึ้นมา มันดูมุ้งมิ้งมากมาย
“ก็ได้ๆ แล้วตัวจะเข้ามาหาพ่อกับแม่เค้าไหม” ผมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“พ่อแม่ตัวดุหรือเปล่าอ่ะ” พี่ไอซ์ถาม ผมเลยจับมือพี่ไอซ์
“ดุมากเลยล่ะ ตัวไม่รู้เหรอ แต่ก็จะแนะนำให้รู้จักนะ เข้ามาดิ” ผมก็ลากพี่ไอซ์ลงรถแล้วก็พาเข้าบ้านเลย “ป๊า แม่ นทกลับมาแล้ว”
“กลับมาแล้วหรอตัวแสบ มานี่สิ!” ทำเสียงโหด พี่ไอซ์สะดุ้งโหยง ป๊าผมชอบทำเสียงโหด แต่ใจดีมากพอเดินไปหาป๊า ป๊าก็ดึงผมนั่งข้างๆ
“จุ๊บ” (จุ๊บแก้มป๊า!) “อ่าวแล้วแม่ละป๊า” ผมถามพร้อมมองซ้ายขวา
“แม่เราทำกับข้าวอยู่ แล้วนั่นพาใครมานะ!” ป๊าตอบ พร้อมกับมองไปทางพี่ไอซ์ที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาก
“สะ...สวัสดีครับ!” พี่ไอซ์ยกมือไหว้ แล้วเดินเข้ามาใกล้ขึ้นนิดหน่อย เกร็งเชียว
“ป๊านี่พี่ไอซ์ รุ่นพี่ผมที่โรงเรียน พี่ไอซ์นี่ปาป๊าของนท” ผมแนะนำอย่างไม่เป็นทางการนัก เพราะเห็นพี่ไอซ์รู้สึกเกร็ง
“คนนี้เหรอที่ไปส่งเราที่โรงเรียนทุกวัน” ป๊าถามพร้อมกับมองไปที่พี่ไอซ์
“ไม่ใช่ป๊า นั่นอีกคน” ส่ายหัวตอบกลับป๊า 
“เป็นแค่รุ่นพี่จริงเหรอ !”  หันไปมองพี่ไอซ์  “ทำไมมีแต่ผู้ชายเทียวไปเทียวมาแบบนี้ไม่เห็นพาสาวๆเข้าบ้านบ้างเลย” ป๊าถามพร้อมทำหน้าเซ็ง ผมก็มองป๊าแบบไม่พอใจ
“ป๊าอ่ะ” งอน ก็ผมชอบแบบนี้นี่ อีกอย่างผมไม่ค่อยมีเพื่อนผู้หญิงเลย เพื่อนสนิทก็มีแต่ผู้ชาย
“โอ๋ๆ ป๊าขอโทษ” แล้วก็หันไปมองพี่ไอซ์ “มานั่งนี่สิ ยืนอยู่ทำไม” แล้วพี่ไอซ์ ก็มานั่งข้างๆผม“แค่รุ่นพี่จริงๆเหรอ!” ทำเสียงเข้มเชียว
“เอ่อคือ............” พี่ไอซ์หันมามองหน้าผม
“พี่ไอซ์บอกป๊าไปสิครับ” แล้วพี่ไอซ์ก็กระซิบบอกว่า ‘นทบอกสิพี่ไม่กล้าอ่ะ’ “ป๊าพี่ไอซ์คือแฟนนทเอง....” (ป๊าก็มองไปทางพี่ไอซ์) “ก่อนเป็นแฟนคือพี่ไอซ์ข่มขืนนทด้วย” ผมทำหน้าเศร้าๆ พี่ไอซ์นี่ตาโตเลย ส่วนป๊านะเหรอ.....
“เห้ย! แกทำกับลูกฉันแบบนี้ได้ยังไง!” พูดเสียงดังแล้วลุกขึ้นยืน โอเว่อร์แอคติ้งจริงๆ ส่วนพี่ไอซ์ก็จับมือผมแน่น5555 “ไหนลุกขึ้นยืนสิ!” พี่ไอซ์ก็ลุกขึ้นยืนตามป๊าบอก ป๊าก็สำรวจรูปร่างหน้าตาไป แล้วก็... “ใช้ได้” (พี่ไอซ์ทำหน้างง) “หุ่นดีหน้าตาก็ดีมากเลยทีเดียว นทนี่ตาถึงเชียว555555 ดูมันทำหน้าสิ5555” พี่ไอซ์งงใหญ่เลย  “เดี่ยวป๊ามานะ....”
แล้วป๊าก็เดินเข้าไปในครัว ผมก็เล่าให้พี่ไอซ์ฟังว่าเพียงแค่แกล้ง ป๊ารู้อยู่แล้ว พี่เขางอนใหญ่เลย จากนั้นก็ชวนพี่เขากินข้าวป๊ากับแม่นี่ซักพี่ไอซ์จนซีดเลย พอเสร็จจากทุกอย่างผมก็ไปส่งพี่ไอซ์หน้าบ้าน....
“ขับรถกลับดีๆนะพี่” ผมพูดขึ้น พร้อมกับยิ้มหวานส่งไปให้พี่ไอซ์
“ยังไม่หายงอนนะ” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับทำหน้านอยๆ
“ทำยังไงให้หายงอนดีล่ะ” ผมพูดพร้อมกับทำหน้าคิด
“มันก็มีวิธีนะ” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับชี้ที่แก้ม
“เอาจริงดิ!” ตื่นเต้นนะ แก้มเขาจะหอมมากไหมนะ ><
“ไม่ต้องก็ได้!” ทำหน้าตาน่าสงสาร “ไปแล้วนะ” เดินคอตกไปที่รถ
“ก็ได้ๆ จุ๊บ!....” เดินไปหาพี่ไอซ์แล้วจุ๊บที่แก้ม นี่สินะ ของหวาน >.<
“ก็แค่เนี่ยแหละ คืนนี้รับสายพี่ด้วยนะ! ไปแล้ว ฟอด!” พี่มันพูดจบก็ก้มลงมาหอมแก้มผม แล้วก็กระโดดขึ้นมอไซมันแล้วขี่ไปเลย
หลังจากที่พี่ไอซ์ไปผมกำลังจะปิดประตูบ้าน พรึ่บ! มีคนดึงประตูไว้ ไม่ใช่ใครที่ไหน.......
“พี่อ๊อฟ! มาได้ยังไง พี่รู้ป่า...”
“มึงบอกจะมาคุยกับกูตอนเย็นไม่ใช่เหรอ” พูดแทรกผมขึ้นมา แลดูหงุดหงิดด้วย ผมก็มองมันด้วยความสงสัยนิดหน่อย
“เอ้อ! จะ...จริงด้วย ผมลืม ขอโทษน้า” เอื้อมมือไปจับมือพี่อ๊อฟ คือลืมจริงๆ เพราะมัวแต่สนใจเรื่องพี่ไอซ์แหละ
“ลืม!” สบัดมือผมออก “ก็ดี แต่มึงคงไม่ลืมเรื่องที่สัญญากับกูไว้ใช่ไหม อ้อ!หรือว่ามึงเป็นแฟนกับไอไอซ์แล้ว กูก็เลยกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว ไหนมึงว่ามึงไม่ชอบ ที่กูทำเหมือนมึงเป็นคนอื่น แต่นี่มึงดันมาทำซะเองเนี่ยนะ” พูดเป็นเรื่องเป็นราวเลย นี่มันเรื่องอะไรกัน
“เห้ย!พี่ ใจเย็น พี่กำลังเข้าใจผิดนะ!” ผมท้วงขึ้นมา ทำไมผมต้องรู้สึกผิดขนาดนี้ด้วยเนี่ย ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย
“เออกูแม่งบ้าเองแหละ!” มันพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว แล้วก็หันหลังจะเดินกลับ ผมจับแขนพี่มันไว้
“ผมขอโทษ! ผมขอโทษนะพี่อ๊อฟ ไม่ว่าพี่อ๊อฟจะเข้าใจยังไงผมขอโทษก็ได้นะๆ ฟังผมก่อน” แล้วมันก็หันกลับมา แกะมือผมออก
“งั้น...คืนนี้ไปนอนกับกูสิ ไปช่วยงานกูด้วย และกูจะฟังมึงอธิบายทั้งคืน” แปลกๆ แต่ก็พยักหน้า ไม่อยากมีปัญหากับพี่มัน ผมก็รีบเข้าบ้านไปขอป๊ากับแม่ แล้วก็ขึ้นไปเก็บของ เพื่อไปบ้านพี่อ๊อฟ

พอถึงบ้านพี่อ๊อฟ มันก็ลากผมขึ้นบนห้องมันเลย ต้องใช้คำว่าลากเลยนะ เพราะผมกำลังจะทักทายคนในบ้านมัน กระชากแขนผมขึ้นมาเลย
“ใจเย็นๆดิพี่ โถ่! ผมเจ็บไปหมดแล้วนะ” ผมยกแขนตัวเองขึ้นมาดู โอ้โหเป็นรอยมือเลย
“เออ มึงลีลาเอง! เดี๋ยวงานที่มึงต้องช่วยจะไม่เสร็จ!” แล้วมันก็ไปเชือกมา.... “เอามือมา”
“พะ...พี่จะทำอะไร...” ถอยหลังหนีมัน
“ก็จะให้มึงช่วยงานนี่ไง” แล้วมันก็เดินเข้ามาหาผม ผมก็ถอยหลังจนล้มลงบนเตียง พี่อ๊อฟมันกระโดดขึ้นคร่อมตัวผมทันที  ผมทั้งดิ้นทั้งร้องมันเอาผ้ามายัดปากผม แล้วก็มัดมือผมไว้อย่างแน่น ผมพยายามใช้ขาเตะก็ไม่เป็นผล เสร็จแล้วมันก็ใช้เชือก ผูกเชื่อมกับหัวเตียง แล้วมามัดกับเชือกที่มือผมอีกที จนทำให้มันเชือกมันแน่เข้าไปใหญ่ พอมัดผมเสร็จแล้วมันก็เอาผ้าในปากผมออก ด้วยท่าที่มัน นั่งคล่อมผมอยู่บนเตียง แล้วมือกูถูกขึงไว้
“เห้ย!พี่ ทำอะไรเนี่ยปล่อยนะเว้ย !” หลังมันเอาผ้าออกจากปาก ผมท้วงมันขึ้นมาทันที
“นี่มึงไม่รู้อะไรเลยจริงๆเหรอวะ!”มันพูดเสียงดังขึ้นมา 
“รู้อะไร! ผมไม่รู้อ่ะไรทั้งนั้นแหละ ปล่อยผมนะเว้ย !”  ด้วยความที่ตกใจ และรู้สึกกลัว ผมก็ดิ้นไปดิ้นมา พร้อมกับโวยวาย
“กูจะบอกให้ฟังก็ได้ กู ชอบ มึง ชอบมานานแล้วด้วย ชอบก่อนไอไอซ์สะอีก!” ผมหยุดนิ่งทันที แล้วก็หันไปมองทางมัน
‘……..’ ผมกำลังใช้ความคิดกับตัวเอง แล้ว มันก็จ้องผมเช่นเดียวกัน ผมควรจะทำยังไงดีกับสถานการณ์ตรงนี้
“จะ...จริงเหรอ?” ผมถามมันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง มันพยักหน้าตอบ ตอนนี้ในหัวผมมีคำถามมากมายไปหมด แล้วผมเพิ่งจะมีความสุขกับพี่ไอซ์ โอยสถานการณ์นี้มันอะไรกัน
“ทำไม....พี่ไม่บอกผมตั้งแต่แรก” มันก็ยังนิ่ง  “มาช่วยผมเข้าหาพี่ไอซ์ทำไม พี่ไม่รู้เหรอว่าผมก็...แอบมีใจให้พี่นะ แต่...ผมแค่ไม่มั่นใจ เพราะบางทีพี่ก็ดูคิดเหมือนกันกับผม แต่บางทีกูดูนิ่งจนผมเดาไม่ออก” หลังจากผมพูดจบพี่อ๊อฟ ลงจากตัวผมแล้วเปลี่ยนมานั่งข้างๆผม แล้วหันมามองผม
“ก็....กูอยากเห็นมึงมีความสุข แต่มึงก็ชอบมาให้ความหวังกูอยู่เรื่อยๆเลย” มันมองออกไปทางหน้าต่าง “กูก็อยากถามมึงตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกัน ว่าเป็นกูไม่ได้เหรอวะ คนที่มึงชอบ..!” แล้วมันก็หันหน้ามาทางผมอีกครั้ง “กูพยายามจะตีตัวออกห่าง มึงก็เข้าหากู” น้ำตามันเริ่มไหล คือผมคิดว่าพี่มันคงอดกลั้นมากพอควรเลยสินะ ทำตัวเป็นพระเอกขนาดนี้
“พะ..พี่อ๊อฟ อย่าร้องเพราะผมเลยนะ แก้มัดผมเถอะ” ผมพูดจบพยามดึงเชือกให้หลุดออก แล้วพี่มันก็เอื้อมมือมาปลดเงื่อนเชือกออก
หมับ! หลังจากเชือกหลุดออก ผมรีบโน้มตัวเข้าไปกอดมันทันที ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ผมชอบพี่ไอซ์ชอบมากๆด้วย แต่ผมก็ไม่อยากทำให้พี่อ๊อฟเสียใจ ผมเป็นอะไรไปนะ....
“มึงไม่โกรธกูเหรอวะ” พี่อ๊อฟผละออกมาจากกอด แล้วถามผม
“ไม่โกรธเลย ผมคงผิดอย่างที่พี่พูดจริงๆแหละ!” ผมเอามือเช็ดน้ำตาให้กับพี่อ๊อฟ “ผมไม่รู้ความคิดพี่ ผมไม่รู้อะไรเลย ทั้งๆที่ผมก็รู้สึกดีกับพี่เหมือนกัน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“แล้วกับไอไอซ์....มึงไม่ได้ชอบมันหรอกเหรอ” ถามผม พร้อมกับจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง ผมรู้สึกอึดอัดกับคำถามนี้ ผมเบนสายตาหนีมันเล็กน้อย
“ก็ชอบนะ....” ผมหันกลับมามองมัน “ไม่รู้สิว่าทำไมผมมีความสุขกว่าเวลาได้อยู่กับพี่...ทำไมเวลาเห็นพี่โกรธผม...ผมถึงอยากง้อ....ทำไมเวลาไม่เจอพี่รู้สึกเหงาๆ เหมือนไม่มีใครคอยด่า ไม่รู้ว่าทำไม สงสัยหลงเสน่พี่แน่ๆ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบติดจะเนือยๆ แต่ก็มีรอยยิ้มขณะพูด “แต่พี่ไอซ์ผมว่าปลื้มมากกว่า” พี่อ๊อฟมันเริ่มเผยยิ้มออกมา เราทั้งสองจ้องตากัน และตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง ผมว่า แบบนี้พี่ไอซ์จะต้องเสียใจแน่ๆถ้าพี่ไอซ์มาได้ยิน ผมกลายเป็นคนหลายใจขึ้นมาแล้วเหรอเนี่ย -_-‘’’
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:18:41
“แหนะ! ยิ้มแล้ว ถามหน่อยเถอะ จับผมมามัดนี่คิดจะทำอะไร” หลังจากที่ไม่มีคำพูดใด เพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้น ผมเลยเบนเรื่องออกจากเรื่องนี้ก่อน เพราะผมก็อึดอัดใจเหมือนกัน พอถามจบ หูมันแดงขึ้นมาทันที
“กะ ก็.....ก็ เอ่อ คือ....” ผมก็จ้องเพื่อลุ้นคำตอบ
“ตอบมาเลย ขอตรงๆ” ความจริงสถานการณ์นั้นใครก็รู้ ว่าจะโดนอะไร แต่อยากได้ยินจากปากมันมากกว่า
“กะ....ก็” มันหันหลังให้ผม.. “ก็โมโหมึงนี่ ก็ว่าจะข่มขืนมึง” เกือบไปแล้ว เฮ้อ! โชคดีที่สถานการณ์มันไม่เลวร้าย
“โห! โหดมาก ดูหนังมากไปหรือเปล่า ขอตรงๆผมก็ให้แล้วไม่เห็นต้องมัดเลย5555” ผมพูดทีเล่นทีจริง มันมองผมแบบตกใจนิดหน่อย
“ปะ...เปล่า ก็กูโกรธ มึงทำตัวแรดเอง บอกชอบไอไอซ์ แต่ก็ชอบให้ท่ากู” เริ่มกลับมาทำท่าเย็นชาแล้วสินะ
“ผมเป็นแบบนี้ของผมอยู่แล้ว พี่แหละคิดไปเอง” ก็จริง ผมไม่ได้ให้ท่า แค่ชอบที่จะสนิทกับใครโดยถึงเนื้อถึงตัวแค่นั้นเอง
“ในเมื่อมึงก็รู้สึกดีกับกู แล้วเราจะเอายังไงต่อละ” วนมาเรื่องนี้จนได้สินะ
“ เฮ้อ! จะไปรู้เหรอ พี่นั่นแหละไม่ชัดเจนเอง” เริ่มจะปวดหัวกับเรื่องนี้แล้ว กลายเป็นรักสามเศร้าได้ยังไงกัน
“ถ้าอย่างนั้น เรามาทำให้มันชัดเจนไหม” พูดจบมันหันมากดผมลงเตียง และขึ้นมาค่อมตัวผม
“ทำเป็นหรือเปล่าเถอะ!” ผมก็ปากดีเหลือเกิน ผมก็ยังไม่เคยเลยด้วยซ้ำ 555 “หรือดูมาจากหนังอีกเนี่ย!” ผมทำพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนมัน
“ก็ดูมาจากหนังแหละ! หรือมึงเคยมาเยอะแล้ว!!” ทำหน้าตกใจแล้วลุกมานั่งข้างผม
“แหม! ผมดูเหมือนคนสำส่อนขนาดนั้นเลยเหรอ” ทำหน้านอย ใจจริงก็อยากจะโดนบ้าง แต่ก็ไม่เคยโดน ไม่รู้จะไปสำส่อนที่ไหน55555
“ปะ...เปล่า กูขอโทษ” มันโน้มตัวมากอดผม “ก็ดูมึงพูด อย่างกับเคยมาแล้ว”
“ช่างมันเถอะ แต่พี่ไม่โกรธอะไรผมแล้วใช่ไหมเนี่ย!” ผมถามพร้อมหันไปมองหน้ามันที่กอดผมไม่ปล่อย
“อืมแค่มึงชอบกู เหมือนที่กูชอบมึง กูก็ดีใจแล้ว!” พอมันพูดจบ ความรู้สึกที่อบอุ่นในหัวใจ แบบนี้มันคืออะไรนะ
“พี่นี่พระเอกสุดๆเลย! ถ้าบอกผมตั้งแต่แรกก็น่าจะดีกว่านี้เนอะ” ผมพูดไป พลางใช้ความคิดต่อเนื่อง เรื่องนี้ทำผมคิดมาก มันเหมือนเป็นการนอกใจพี่ไอซ์เลย ทั้งๆที่ผมก็เคยเจอเรื่องนี้มา ‘เรื่องการนอกใจ’ แต่มาทำกับคนที่เขารักเรา มันจะดีไหม
“แต่กูขออะไรมึงอย่างได้ไหม” พี่มันจับมือผม ผมหันไปมองมัน
“ได้สิ สำหรับพี่อ๊อฟ ผมให้ได้หลายอย่างเลยละ” ผมลูบมือพี่มัน
“จากนี้มองมาทางกูบ้างนะ อย่ามองแต่ไอไอซ์ กูทนเห็นไม่ได้...!”………
“ผมมองไปทางพี่ตลอดแหละ” เอามือทั้งสองประคองหน้ามัน “ไม่อย่างนั้นไม่ยอมมาง้อพี่ทุกครั้งหรอก” ผมก็โน้มหน้าเข้าไปจูบมัน แค่ปากแตะปาก ไม่ได้เลื่อมล้ำอะไร ผมกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย.....
ผมกำลังจะถอยออกมามันเอามือมาล๊อคคอผม แล้วก็จูบต่อ คราวนี้ดันลิ้นเข้ามาด้วย จูบสักพักมันก็เอามือเข้ามาในเสื้อ ลูบที่แผ่นหลังของผม ผมเอามือดันพี่อ๊อฟออกไป....
“ผมว่า....แค่นี้ก่อนก็ได้มั้ง” ผมว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วไปหมด ก่อนจะเลยเถิดผมต้องหยุด ผมสับสนไปหมดแล้ว
“อะ..อืม” พี่อ๊อฟพยักหน้าตอบรับ แล้วก็ลุกเดินไปห้องน้ำ
ความคิดผมตอนนี้สับสนไปหมด ถ้าเมื่อกี้เลยเถิดไป แล้วเรื่องพี่ไอซ์จะเป็นยังไง แต่เราก็รู้สึกดีกับพี่อ๊อฟ เราจะทำยังไงดี ต่อจากนี้ ตอนแรกก็คิดว่า ทำยังไงให้ได้รักจากพี่ไอซ์ แต่ตอนนี้ดันมามีพี่อ๊อฟอีกคน ผมนั่งครุ่นคิดสักพัก พี่อ๊อฟก็เดินออกมาจากห้องน้ำ.......
“เป็นอะไร? ทำหน้าเครียดๆ” มันมานั่งข้างผม  “หรือว่าเรื่องกูกับไอไอซ์?” ผมพยักหน้านิดหน่อย
“อืม ไม่รู้ดิ ผมจะทำยังไงต่อไปดีละเนี่ย เฮ้อ!” ปวดหัวเลย
“อย่าเครียดเลยมึง” จับมือผม ผมหันไปมองหน้ามัน “ตอนนี้มึงอาจจะสับสน มึงก็ทำตอนนี้ให้ดีไปก่อน เรื่องกู กูไม่ชัดเจนเอง มึงคบกับคนที่มึงอยากคบไปก่อนเถอะ กูรอมึงได้” ยิ้ม ผมสบตากับมัน รู้สึกได้เลยว่า มันทั้งดีใจและก็เสียใจ
“พี่แม่งพระเอกว่ะ! พูดให้ผมเห็นใจใช่ไหมเนี่ย!” ผมพูดด้วยความหมั่นไส้ แล้วก็บีบจมูกมัน
“เออ แล้วมึงเห็นไหม” ผมปล่อยมืออกจากจมูกพี่มัน
“เห็นดิ ไม่งั้นไม่เครียดหรอก” ผมก้มดูข้อมือตัวเอง โห!เป็นลอยถลอกเลย ว่าแล้วทำไมแสบๆเชือกที่มันรัดผมก่อนหน้านี้บาทข้อมือผมนั่นเอง “ ดูดิ”  ผมยื่นข้อมือให้มันดู
“เห้ย!” ผมสะดุ้งกับการตกใจของมัน จะตกใจอะไรขนาดนั้น มันดึงมือผมไปดู “เจ็บมากไหม!”
“ไม่หรอก มันแค่ถลอก เดี๋ยวก็หาย แผลแค่นี้เอง หนักกว่านี้ยังเจอมาแล้วเลย55555” พูดทีเล่นทีจริง
“ไอเบสทำเหรอ?” ผมพยักหน้า “แล้วมึงกับมันเคย.....” มองไปที่ส่วนล่างของผม ก็คงรู้แล้วว่าเรื่องอะไร
“ยังหรอก!คิดได้ยังไงเนี่ย! ผมไม่ได้ง่ายหรอกนะ” พูดอย่างมั่นใจ
“อืมๆงั้นนอนเถอะ”..............
แล้วเราก็นอนกัน พี่อ๊อฟมันขอนอนกอด ก็ปล่อยมันไป บอกตามตรง ว่าค่อนข้างอึดอัดใจ จะทำยังไงต่อไปผมยังไม่รู้เลย คิดไปคิดมาผมก็หลับ....
พอเช้าผมกลับมาบ้านก่อน พี่อ๊อฟขับรถไปโรงเรียนก่อนแล้วเพราะพี่ไอซ์จะมารับผม นึกได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน พอเปิดดู 13 สายไม่ได้รับ! ลืมไปเมื่อวานพี่ไอซ์บอกจะโทรมา ผมก็โทรกลับเลย สักพักพี่ไอซ์ก็รับ....
“ตัว”…..
“ว่า!”กระแทกเสียงเลยนะ
“เค้าขอโทษน้า” ผมต้องอ้อนสักหน่อย “เมื่อคืนเค้าง่วงเลยหลับไปก่อน...”
“โกรธ โกรธมากด้วย!” พี่ไอซ์ตอบกลับเสียงแข็ง
“ทำยังไงให้ตัวหายโกรธดีนะ” ผมก็อารมณ์อึดอัดยังค้างอยู่กับเรื่องที่เกิดขึ้น ผม กำลัง นอกใจ พี่ไอซ์ แล้วยิ่งละเลยหน้าที่แฟนอีก 
“......(เงียบ)”
“โห! โกรธแบบนี้งั้นวันนี้เค้าก็ได้ไปโรงเรียนเองดิ เหงาแย่เลย” ผมทำเสียงนอยๆ
“เค้ากำลังไปรับ รอเลยนะห้ามไปไหน ตึ๊ด!” พี่ไอซ์พูดเชิงออกคำสั่งแล้วก็วางสายไป
เฮ้อ! ทำไมวุ่นวายอย่างนี้นะ ผมก็เตรียมของไปเรียน เอาของที่ไปนอนบ้านพี่อ๊อฟมาเก็บด้วย ไปนอนบ้านพี่อ๊อฟทีไรต้องตื่นเช้าทุกทีเลย ป๊ากับแม่ยังไม่ลงมาจากบ้านเลย รอสักพักพี่ไอซ์ก็มา..........
“โห!ตัวมาจริงด้วย” พูดด้วยท่าท่าสดใส พร้อมยิ้มร่าเริง
ทำหน้านิ่งๆ แล้วมองผม “ อืม”
“อะไรอ่า ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ เค้าขอโทษน้าๆๆๆๆๆๆ” อ้อนนิดหน่อย มีอมยิ้มแล้วนะแต่ยังเก๊กๆ “งั้นอยากให้เค้าทำอะไรตัวว่ามาเลยครับ เค้าพร้อมน้อมรับคำบรรชา” ทำท่าก้มหัวเอาใจพี่ไอซ์
พี่ไอซ์ไม่ได้ตอบ แต่เอานิ้วชีถูไปมาที่ปาก
“ตรงนี้ไม่ได้เหรอ” ผมชี้ที่แก้มพี่ไอซ์
พี่ไอซ์ส่ายหน้า แล้วทำไม่พอใจ
ผมก็ประคองหน้าพี่ไอซ์ แล้วก็โน้มตัวเข้าไปจูบ แต่พี่ไอซ์มันเจ้าเล่ห์ จับหน้าผมไว้แล้วก็ดันลิ้นเข้ามา โหจูบแบบดุเดือดมาก ผมรู้สึกร้อนข้างในไปหมดเลย แล้วผมก็ดันพี่ไอซ์ออก เพราะบางอย่างของผมมันเริ่มตื่นแล้วสิ พี่ไอซ์ร้ายกาจมาก
“แค่นี้แหละ หายโกรธแล้ว” ยิ้มจนตาปิดเลยสิ ผมนี่หน้าร้อนมาก ทั้งเขินทั้งอาย “เขินเหรอ” พูดแล้วเอามือดึงแก้มผม
“บะ บ้า ใครเขิน!” พูดจบผมเอามือปิดหน้าตัวเอง
“5555 น่ารักเกินไปแล้วนะเรา ไปโรงเรียนได้แล้ว” พูดจบก็ดึงมือผมขึ้นรถ และเราก็เดินทางไปโรงเรียนกัน
ถึงโรงเรียนก็แยกย้ายกันไปเข้าแถวขึ้นเรียน เรียนคาบเช้าเสร็จก็ถึงเวลาพักเที่ยง ผมและเพื่อนๆก็เดินไปที่โรงอาหาร.......
“เป็นอะไรวะมึงเห็นเหม่อๆตั้งแต่เช้าแล้วนะ” ปอหันมาถามผม เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้คุยกับเพื่อนๆตอนเพื่อนถาม
“ปะ...เปล่า แค่คิดอะไรนิดหน่อย” ผมพูดพร้อมส่งยิ้มให้มัน ไอปอก็พยักหน้าเป็นการตอบรับ
“เออ นท เมื่อวานกูไปเดินเซ็นทรัล เจอไอเบสด้วย” เมื่อเดินถึงโรงอาหารไอนัทมันหันมาบอกผม ผมก็มองหน้ามันด้วยความสงสัย ประมาณว่าบอกกูทำไม 
“แล้วยังไงวะ ?” ไอวิวถามด้วยความสงสัยเช่นเดียวกับทุกคน
“เออมันเลิกกันไปแล้วจะพูดทำไม” ไอมินพูดขึ้น ครั้งนี้พูดได้ดีนะมิน
“ก็มันมาถามหามึงกับกูอ่ะสิ กูว่านะ มันไม่ยอมปล่อยมึงง่ายๆหรอก” ไอนัทพูดพร้อมกับทำหน้าจริงจัง
“ปล่อยมันเหอะมึง มันก็ได้แค่นั้นแหละ กูไม่สนใจแม่งหรอก!” ผมตอบกลับด้วยอารมณ์หงุดหงิด แค่เรื่องพี่อ๊อฟกับพี่ไอซ์ก็ปวดหัวจะแย่ มีไอเบสมาอีก
“เป็นอะไร มึงหงุดหงิดอะไรเนี่ย เพื่อนแค่บอกนะ “ ปอหันมาถามผม เพราะอาการที่ผมแสดงออกคงไม่ถูกใจเพื่อนๆ
“หิวข้าวไง โมโหหิว! รีบไปเหอะ” พูดจบแล้วผมก็เดินนำพวกมันไปเลย
พอถึงโรงอาหารผมก็เห็นพี่ไอซ์กวักมือเรียก และก็นั่งอยู่กับ......พี่อ๊อฟ.....
“มาช้าจัง เค้าซื้อข้าวเตรียมไว้ให้แล้วน้า” พี่ไอซ์พูดพร้อมยิ้มกว้างส่งมา ก็หล่ออยู่แล้วไม่ต้องพยายามเลยนะเนี่ย แต่ดูพี่อ๊อฟทำหน้าเซ็งๆนะ
“โห! ดีจังกำลังหิวเลย” ผมพูดจบส่งยิ้มให้พี่ไอซ์
“เห้อ! คนแถวนี้ดีจังมีคนเตรียมข้าวไว้รอ” ไอวิวมันแดกดันผมสินะ “เห้ย!พวกเราไปหาซื้อเองเถอะป่ะ” แล้วพวกมันก็เดินไปซื้อข้าวกัน
“ตัว เค้าไม่ได้ทำข้าวผัดมาให้ ไม่โกรธใช่ไหม!” ผมถามพร้อมกับจ้องไปที่พี่ไอซ์
“อืมไม่โกรธหรอก ไม่ต้องทำให้ลำบากหรอก ถึงเค้าอยากจะกินฝีมือตัวทุกวันก็เถอะ” ตอบคำถามผม พร้อมระบุสิ่งที่คาดหวังไว้ขนาดนั้น ยังมายิ้มอารมณ์ดีอีก
“แหม! เค้าก็มีขี้เกียจบ้าง ดูเมื่อวานดิ ตัวกลับไปเขาก็นอนเลยนะเนี่ย” พี่อ๊อฟหันมามองผม ผมไม่อยากโกหกเลย ผมกลายเป็นคนนอกใจโกหกแฟนตัวเองแล้วเหรอเนี่ย แย่ชะมัด
“อืมไม่ต้องหรอก วันหลังไม่ต้องทำมาให้เค้าแล้วนะ ไว้ถ้าวันไหนเค้าอยากกินเค้าจะบอกเองแล้วกันเนอะ กลัวตัวเหนื่อย แล้วก็เบื่อเค้า” พูดจบก็เอามือมาขยี้หัวผม ผมมองไปทางพี่อ๊อฟนี่ก็นิ่งเลย
“อื้มอย่างนั้นก็ได้” ผมตอบพร้อมส่งยิ้มให้พี่ไอซ์  “เอ้อ!พี่อ๊อฟแล้วข้าวผัดฝีมือผมเป็นยังไงบ้างอ่ะ” ผมยิ้มถาม พี่อ๊อฟก็ดูเหมือนจะอมยิ้มนิดหน่อยด้วย ขี้เก๊กตลอด
“แหมๆ เดี๋ยวนี้มันตัวเค้าเนอะ” ดูพี่อ๊อฟมันทำหน้าแบบเอือมๆ  “ข้าวผัดก็ดีนะ กินได้” ดูมันตอบแล้วสักพักเพื่อนผมก็เดินมากัน แต่ไอมินกับไอนัทถือกล่องอะไรมาไม่รู้
“กล่องอะไรว้า” ผมถามพร้อมชะเง้อดู
“สาระแนเลยนะจ้ะ” วิวตอบกลับพร้อมกับทำหน้ากวนตีนส่งมา
“เออกูไม่ดูก็ได้!” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่ติดจะไม่พอใจ
“มึงแหละวิวอย่าสาระแน ของไอนทมันนะเว้ย!” ปอหันไปด่าไอวิว
“เออไอวิวมึงนั่นแหละอย่าๆ” ไอนัทตามสมทบ รุมไอวิว สมน้ำหน้า ปากดีนัก
“มีผู้หญิงฝากมาให้มึงวะ” มินยื่นกล่อง?ให้ผม “รุ่นเดียวกับเราอยู่ห้อง1มั้ง” ผมอยู่ห้อง 9 ห้อง1เด็กท๊อปทั้งนั้น “นี่เขายังไม่รู้กันเหรอวะว่ามึงเป็น....” มันพูดพร้อมกับมองที่ผมและพี่ไอซ์
“พูดมากน่า” พี่ไอซ์ก็มองผมแล้วก็ยิ้ม พี่อ๊อฟก็จ้องกล่องที่ผมถือ “แล้วอีกกล่องก็ของกูเหรอ....” ผมถามด้วยความสนใจ
“เปล่าเขาฝากมาให้พี่อ๊อฟ อะพี่” ไอนัทพูดจบ มันยื่นของไปให้พี่อ๊อฟ พี่ไอซ์แย่งไปดูเลย
“เห้ย! เพื่อนกูก็ฮอทนะเนี่ย” แล้วพี่ไอซ์ก็แกะ เป็นขนม “อะมีแต่ขนมวะ” ยื่นคือพี่อ๊อฟหลังจากเปิดกล่องดูแล้ว
“ไร้สาระน่า” พี่อ๊อฟตอบกลับพี่ไอซ์ พร้อมกับส่ายหัวให้พี่ไอซ์อย่างเอือมระอา ผมกลับรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรเลยที่มีคนให้ของพี่อ๊อฟ ไม่รู้ทำไม
“แล้วของตัวละ เอามาให้เค้าดูเลยนะ จะมีกิ๊กเหรอ!” ผมก็ยื่นไปให้พี่ไอซ์ดู ช็อคโกแลต “ชอคโกแลตด้วย! แสดงว่าเขาจะจีบตัวแน่ๆเลย” ทำหน้านอยๆ
“ตัวก็ เค้าแค่ให้ขนมเองนะครับ คิดอะไรมาก!” ยิ้มให้พี่ไอซ์ ผมเหลือบไปมองพี่อ๊อฟคือมันก็มองผมอยู่
“โอ๊ย!! เดี๋ยวนี้มีตัวกับเค้าด้วยเว้ย! พวกมึงดูดิ้ มดขึ้นเต็มโต๊ะไปหมดแล้ว จะหวานกันไปไหนว้า555” พวกเพื่อนผมมันก็แซวนู่นนี่ไปทั่ว ผมกับพี่ไอซ์ก็ได้แต่ยิ้มเขินๆ แล้ว....
“เออไอมิน น้องเขามีกระดาษให้พี่อ๊อฟด้วยไม่ใช่เหรอ” ไอนัทพูดจบ ผมหันขวับไปมองทันที กระดาษไรนะ
“เออๆ! นี่พี่” ไอมินพูดแล้วมันก็ยื่นกระดาษให้พี่อ๊อฟ “สงสัยจะบอกรักแน่เลย”
“เขียนว่าอะไรวะ” ชะเง้อมอง พี่อ๊อฟกำลังเปิดกระดาษอ่าน โห! เด็ดวะ เขาบอกชอบมึงเลยนะเว้ย!” หลังจากที่พี่ไอซ์อ่านจบ ก็แซวขึ้นมา
เคร้ง! ผมทำช้อนล่วงเลย ทั้งโต๊ะหันมามองผม .....
“ตัวเป็นอะไร!” พี่ไอซ์หันมาถามผม
“ปะ...เปล่าตัว แค่ช้อนล่วงเอง แหม! ทำตกใจกันไปได้!” พี่อ๊อฟเหล่ตามองผม
“พี่อ๊อฟโชคดีนะรู้ไหม คนที่ฝากให้พี่นะ สวยมากเลยนะในม.4.”ไอมินพูดขึ้นมา
“ตอนแรกเขาเดินเข้ามานึกว่าจะมาจีบผม” ไอนัททำหน้าเซ็ง “ที่แท้ฝากให้พี่อ๊อฟ” มึงก็เป็นไปกับเขาเหรอไอนัท
“ใครวะ?” พี่อ๊อฟถามขึ้น
“ก็ อิงฟ้า ไงพี่ ที่อยู่ห้องEP” English Program เป็นห้องพิเศษ เรียนแบบอินเตอร์พูดภาษาอังกฤษกันทั้งวัน
“เออน่ารักมาเลยนะพี่ คุณหนูสุดๆ” ไอมินพูดพร้อมทำหน้าฟิน
“นั่นมันดาว ม.4 เลยนะพี่อ๊อฟ โชคดีสุดๆ” ไอวิวพูดต่อ
“น้องที่หน้าเหมือนตุ๊กตา หน้าลูกครึ่งๆป่ะ?” พี่อ๊อฟถามอย่างสนใจ
“ใช่ๆคนนั่นแหละพี่” ไอปอเน้นย้ำ
“กูเห็นเขาไปนั่งที่ชมรมกูทุกวันเลย ก็น่ารักดีนะ” พูดก็พอมั้ง ไม่ต้องมาส่งสายตากวนประสาทให้ผม ทำไมผมรู้สึกหงุดหงิด แบบนี้นะ
“น้องเขาจีบมึงเลยนะเว้ย รออะไรวะ!” พี่ไอซ์ก็ชงเก่งจริงนะ
“จะดีเหรอวะ!” มองมาทางผม “ไอนัทไอมินมึงแน่ใจเหรอ ว่าเขาเอามาให้กูอ่ะ ไม่ใช่เอามาให้ไอไอซ์เหรอ” พี่อ๊อฟเอ่ยถามเพื่อความชัวร์อีกครั้ง
“แน่ดิพี่ ก็พี่ใส่เสื้อคลุมสีเทาอ่ะ”ไอมินพูดขึ้น พี่อ๊อฟจะชอบใส่เสื้อฮูทสีเทา “ยังพูดชื่อพี่อ๊อฟด้วยนะพี่”
“จัดเลยเพื่อนอ๊อฟ กูก็เคยเห็นน้องเขาอยู่นะ น่ารักดีแต่กูไม่ชอบ ไม่ใช่สเป็ค สเป็คกูต้องนทเท่านั้น” พี่ไอซ์หันมาทำตาหวาน ผมก็ยิ้มตอบกลับนิดหน่อย “ตัวเป็นอะไร ดูทำหน้าเข้า หึงเค้าเหรอ!” ผมคงหงุดหงิดออกนอกหน้าไปหน่อย อาการเลยออกทางหน้า
“หึงอะไรเล่า! เค้าก็แค่ร้อน!” ผมหันไปพูดกระแทกทางพี่อ๊อฟ
“อ่ะ” ยื่นน้ำป้อนผม ผมก็ดูน้ำ “เป็นยังไงดีขึ้นยัง” ผมก็พยักหน้าตอบรับ
“นทนี่ขี้ร้อนเนอะ” พี่อ๊อฟถามขึ้น
“ก็นิดนึงแหละ!” ผมตอบแบบกระแทกกระทั้นกลับไป
“งั้นนทสอนพี่จีบน้องอิงฟ้าหน่อยสิ พี่จีบคนไม่ค่อยเป็น” มันทำเป็นพูดจาเล่นหูเล่นตาผม ผมถลนตาใส่มัน ไอคนโลเล
“เอาสิๆกูช่วยด้วย!” พี่ไอซ์ก็จะอินอะไรนักหนาเนี่ย
“พวกผมช่วยด้วย” พวกเพื่อนที่แสนน่ารัก ยิ้มร่ากันเชียวนะพวกมึง
“นทจะไม่ช่วยพี่เหรอ!” พี่อ๊อฟหันมาถามพร้อมทำเสียง ทำหน้านอยๆ มันเล่นอะไรของมัน ไหนบอกชอบผมไง
“เอาน่าตัว มันยังเคยช่วยเรา2คนเลยนะ” พี่ไอซ์หันมาพูดกับผม ผมก็ยิ้มตอบ
“อืมๆ” แล้วผมก็นั่งเงียบ พวกเพื่อนผมก็คุยเม้ากันใหญ่เลยพี่ไอซ์ก็ด้วยส่วนพี่อ๊อฟก็คุยบ้าง แต่ก็หันมาทางผมบ่อยๆ “มองอะไรวะ!” ผมทำปากแบบไม่มีเสียงส่งไปให้มัน มันเอาแต่ยิ้ม
หลังจากที่เม้าแตกเรื่องพี่อ๊อฟกันเสร็จก็แยกย้ายกันขึ้นไปเรียน เรียนไม่รู้เรื่องเลย หงุดหงิดมากเรื่องพี่อ๊อฟ!พอเลิกเรียนผมแยกย้ายกับเพื่อนๆ ผมก็มารอพี่ไอซ์เล่นบอลเหมือนเดิม นึกขึ้นได้ผมก็ไปซื้อน้ำให้พี่ไอซ์สักหน่อย แต่แอบไปดูพี่อ๊อฟที่ชมรมมันด้วย พอไปถึงชมรมวาดรูป ผมเห็นอิงฟ้าไปนั่งดูพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็วาดรูปอย่างตั้งใจเชียว อิงฟ้าก็มีการเอาน้ำไปให้บ้าง ช่วยเหลาสีบ้าง น่าหมั่นไส้ที่สุด! ผมเดินออกไปซื้อน้ำให้พี่ไอซ์แล้วไปรอที่แสตน บอกตรงๆหงุดหงิดมาก.....
“เป็นอะไรวะ!?”ผมหันไปตามเสียง ไอพี่เต็มพี่ประธานสีของผมเอง
“ก็ไม่เป็นอะไรนิ!” หันหน้าหนีมัน
“หงุดหงิดอะไรของมึงว้า!” มันดึงไหล่ผม “หันมาเด้!” ทำไมชอบทำเสียงกวนประสาทตลอด
“โอ้ย! อะไรล่ะ พี่มีอะไรยุ่งจริงๆ” ผมเหวี่ยงใส่มัน
“อาการหนักนะมึง! กูแค่มีอะไรให้มึงช่วย” มันมองผมนิ่งๆ
“แหมๆ ทีมีอะไรให่ช่วยเนี่ยเห็นหัวน้องเลยนะ พอไม่มีอะไรให้ช่วยไม่เคยโผล่มาให้เห็นหรอก!” พูดติดจะไม่พอใจ
“ก็กูไม่ได้ว่างหรือเปล่าวะ จะช่วยไม่ช่วย!” พูดเสียงดังเป็นเชิงบังคับสินะ
“งานอะไรล่ะบอกมาก่อน!” ผมถามกลับเพราะอารมณ์ยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่
“ไปส่งกูซื้อของให้แฟนในวันครบรอบหน่อยเด้ กูไม่อยากพาเพื่อนไป มันชอบไปบอกหนิงก่อน”
“แล้วพี่ไม่คิดว่าผมจะเอาไปบอกพี่หนิงก่อนบ้างเหรอ” ผมพูดพร้อมทำหน้ากวนมัน
“โว๊ะ! ช่วยแค่นี้ก็ไม่ได้” ทำงอนไม่เหมาะกับบุคลิกมันเลย ไอพี่เต็มนี่
แล้วพี่ไอซ์ก็เดินเข้ามากอดคอผมจากด้านหลัง ตัวเปียกเหงื่อเชียว ผมก็ล้วงผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับให้พี่ไอซ์
“พี่เต็มดีครับ” ทักทายไอพี่ไม่เต็ม
“อะ เออๆ นี่มึง 2 คน” มองผมอย่างสงสัย แล้วพี่ไอซ์ก็หอมแก้มผม ผมก็แอบเขินนะเนี่ย ไม่ทันตั้งตัวเลย
“อย่างที่พี่คิดแหละ” พี่ไอซ์ตอบ ผมนี่เขินสิ
“อ่าวแล้วไอ เบ….”
“ช่างมันเถอะพี่!” ผมพูดแทรกพี่เต็มขึ้นมา ไม่อยากพูดถึงไอเบส พี่ไอซ์มองผมอย่างสงสัย
“เออๆงั้นไอไอซ์ กูยืมตัวแฟนมึงแปปดิ จะให้มันพาไปช่วยเลือกของให้แฟนกูวะ” พี่เต็มเอ่ยขอพี่ไอซ์ขึ้นมา
“แล้วทำไมไม่ไปกับเพื่อนพี่ล่ะ?” พี่ไอซ์ถามกลับพร้อมทำหน้าสงสัย
“ก็เพื่อนกูมันชอบไปบอกแฟนกูก่อนนี่หว่า ไม่เซอร์ไพรซ์เลย กูละเซ็ง!” พี่เต็มพูดเป็นเชิงบ่น
“แล้วตัวอยากไปไหมล่ะ?” พี่ไอซ์หันมาถามผม
“ตัวอยากให้เค้าไปหรือเปล่าละ…..”
“มึงทั้งสองคนนั่นแหละ ไปกับกูเลย!” สุดท้ายก็โดนบังคับ
แล้วพวกเราทั้งสามคนก็พากันมาห้าง โดยผมซ้อนรถพี่ไอซ์มา ส่วนพี่เต็มแว้นมาคนเดียว เราเดินดูของกันสักพักก็เจอเพื่อนๆของพี่เต็ม โดยมี...ไอเบสอยู่ด้วย พวกพี่เต็มก็คุยกันสักพัก ผมกับพี่ไอซ์ก็ยืนรอ ไอเบสก็มองผมไม่วางตาเลย มันจะหาเรื่องอะไรผมอีกหรือเปล่าเนี่ย!
“เป็นอะไรตัว ทำหน้าเซ็งๆ” หันมาถามผม “ไม่อยากมาเหรอ?”
“เปล่านะ แค่ไม่อยากอยู่แถวนี้นาน!”ผมพูดไม่จริงจังนัก
“เป็นอะไรหรือเปล่า หรือ เป็นเพราะเค้ามาด้วย ตัวเลยไม่อยากอยู่นาน?” ไปกันใหญ่แล้วพี่ไอซ์นี่ก็
“ไม่ใช่ ไม่ได้เกี่ยวกับตัวหรอกน่า” ผมพูดพร้อมกับยิ้มให้พี่ไอซ์ เราก็คุยกันรอพี่เต็ม แล้ว....
หมับ! ไอเบส มันมากอดคอผมจากด้านหลัง!
“ไงนท ไม่ได้เจอกันนานเลย....คิดถึงนะ” มันกำลังจะหอมแก้ม ผมเอามือดันหน้ามันออก พี่ไอซ์มองตาขวางเลย
“มึงเล่นอะไรเนี่ยไอเบส!” ผมเดินไปยืนข้างๆพี่ไอซ์ ไอเบสมันก็มองผม
“ใครนท!” พูดเสียงต่ำ แล้วดูจะไม่พอใจ
“พะเพื...”
“ผัวมันไง มีอะไรป่ะ!” มันพูดแทรกผมขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงและหน้าตาที่กวนตีน พี่ไอซ์กำหมัดแน่น
“ไอเบสมึงอย่ามาพูดจาเลอะเทอะ กลับไปหาเพื่อนมึงไป!” ผมพูดเป็นเชิงไล่ แล้วก็จับแขนพี่ไอซ์ไว้
“กูพูดความจริงมันผิดตรงไหนวะ! มึงก็ร่านเนอะ คบอยู่กับกู แต่ก็ไปควงอีกคน” ไอเลว....
ผัวะ! ผมต่อยปากมันทันที พี่ไอซ์ดูเหมือนจะรับเรื่องนี้ไม่ได้ เดินหนีไปแล้ว พวกพี่เต็มพอเห็นก็วิ่งมาดูกัน.....
“อะไรกันวะพวกมึง ตีกันทำไม!” พวกมันมาดึงผมออก
“ก็ไอเวรนี่มันปากหมา ดูดิพี่ไอซ์เข้าใจผมผิดเลยอะ!” จะพุ่งไปหาไอเบสอีกรอบพี่เต็มจับผมไว้ มันทำหน้าวอนตีนจัง
“พอเลยๆ ไอเบสมึงก็อีกคน เลิกยุ่งกับนทได้แล้ว ป่ะนท!” ดึงแขนผมไป ไอเบสก็กระตุกคิ้ว พร้อมส่งยิ้มแบบกูชนะมาให้ผม ผมอยากจะซัดหน้ามันอีกสัก 2 – 3 ที่จริงๆ
พี่เต็มก็ลากผมออกมาไกลพอสมควรก็ปล่อยแขนผม ผมก็เดินนำพี่มันไปเลย หงุดหงิดจริงๆ แล้วพี่ไอซ์จะเป็นยังไงบ้างละเนี่ย ผมก็พยายามส่งข้อความไปหาพี่ไอซ์ ทั้งไลน์ ทั้งเฟส แล้วผมกำลังจะโทรหาพี่ไอซ์ พี่เต็มก็ดึงแขนผมไว้ก่อน.....
“กูเข้าใจมึงนะนท พวกเพื่อนกูมันบอกแล้ว! กูไม่น่าพามันมารู้จักกับมึงเลย” พี่เต็มพูดขึ้นพร้อมทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นอะไรหรอกพี่ แค่เด็กไม่รู้จักโต ผมไม่โทษใครเลย ผมหลงผิดเอง” นึกแล้วก็โมโหตัวเอง “ผมขอโทรหาพี่ไอซ์ก่อนนะพี่ ไปไหนแล้วก็ไม่รู้”
“เออ! เดี๋ยวกูดูของร้านนั้นก่อนนะ” ชี้ไปทางร้านตุ๊กตา “แล้วตามกูมานะ!” กูเครียดขนาดนี้ยังมีอารมณ์มาซื้อของเนอะไอพี่เวร!
ผมกดโทรหาพี่ไอซ์หลายสายแล้ว ไม่รับเลย ผมก็ส่งข้อความไปก็ไม่มีวี่แวว จะเป็นอะไรไหมเนี่ยย! ผมกระวนกระวายสักพัก พี่เต็มก็เดินออกมา
“เป็นยังไงวะมึง” ถือกล่องของขวัญมาด้วย เลือกได้สักทีสินะ
“ติดต่อไม่ได้เลยอ่ะพี่! ได้ของขวัญแล้วเหรอ” ผมมองไปที่กล่องของขวัญพี่มัน
“เออดิ้ กูเห็นหนิงมันโพสอ่ะ ว่าน่ารักดี เลยซื้อให้มันเลย55555 ง่ายดี” อารมณ์ดีจังวะ กูเครียจะตายอยู่แล้ว “เอ้อ!แล้วไปไหนต่อไหม จะกลับเองหรือให้กูไปส่งละ!”
“ก็ต้องให้พี่ไปส่งแล้วละ! ไปส่งบ้านพี่ไอซ์นะ”
“เออได้ๆ”
แล้วพี่เต็มก็มาส่งผมที่บ้านพี่ไอซ์ ระหว่างทางมาพี่เต็มแม่งพูดมาก พอผมถามมันก็บอกไม่อยากให้ผมเครียด ผมว่ามันยิ่งพูดมากผมยิ่งเครียด มันเงียบได้สักที
“ขอบคุณนะพี่!”
“เออๆ คุยกันดีๆ มีอะไรก็โทรมาแล้วกัน กูไปนะ” แล้วมันบิดรถไปเลย
ผมชะเง้อมองดูข้างในบ้านพี่ไอซ์ เห็นรถพี่ไอซ์จอดอยู่ ดีนะที่กลับมาบ้านไม่งั้นคงได้ตามหากันทั่วแน่ ผมกดกริ่ง สักพักแม่พี่ไอซ์มาเปิดประตู
“อ้าว!นท มาได้ยังไงลูก ไอซ์อยู่บนห้องนะ ไม่รู้ไปหงุดหงิดอะไรมา กลับมาถึงก็อาละวาดเลย โยนของกระจัดกระจายเต็มไปหมด” คุณแม่พูดด้วยความกังวล
“เหรอครับ! งั้นผมขอขึ้นไปดูได้ไหมครับ” ผมพูดด้วยท่าทีทีกังวลเช่นเดียวกัน
“ลองขึ้นไปดูเนาะ เมื่อกี้แม่ขึ้นไปแล้วไม่ยอมเปิดประตู” มีการทำหน้าเซ็ง ด้วยนะคุณแม่ “ป่ะ!เดี๋ยวแม่ขึ้นไปส่ง”จูงมือผมเข้าบ้านไป
แล้วแม่พี่ไอซ์ก็พาผมขึ้นมาบนบ้าน มาส่งก็มาส่งจริงๆ ชี้ที่ห้องพี่ไอซ์แล้วบอกว่า “แม่ไปแล้วนะ”แล้วก็ไปเลย
พี่ไอซ์เวลาโกรธนี่อารมณ์รุนแรงเนอะ ขนาดแม่พี่ไอซ์ยังไม่กล้าห้าม ผมก็รวบรวมความกล้าสักพักก็เคาะประตูครับ
*ก๊อก ๆ ๆๆ*
“อย่ามายุ่ง!!” ผมสะดุ้งเล็กน้อย เสียงตะคอกจากในห้อง คือเป็นเสียงที่น่ากลัวจริงๆ คงโกรธมากๆเลยสินะ
“พะ...พี่ไอซ์ นทเองน้า เปิดประตูหน่อยนะครับ” พูดด้วยน้ำเสียงกล้าๆกลัว เฮ้อทำไมต้องมีแต่ปัญหาด้วยก็ไม่รู้ ความรักของผมนี่ มันน่าขันเสียจริง
“.......(เงียบ)”
“พี่ไอซ์.....” ผมก็คิดมากในหลายๆเรื่องอยู่แล้ว มาเจอเรื่องใหม่อีก ก็รู้สึกเหนื่อยใจมากเลย
“.......(เงียบ)”
“ผมไม่รู้หรอกนะว่าพี่ไอซ์เป็นอะไร หรือถ้าแค่พี่ไอซ์ได้ยินที่ไอเบสพูดแล้วมันทำให้พี่รู้สึกเกลียดผม…..” ผมหยุดเงียบสักพัก เผื่อพี่ไอซ์จะเปิดประตู  “.…….. ผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้วเหมือนกันครับ! ผมมีความสุขนะที่ได้คบกับพี่ แต่ถ้าพี่ไม่ฟังอะไรผมเลย ก็ลาก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง....” ความรู้สึกตอนนี้คือผิดหวังกับหลายๆอย่าง แต่พี่ไอซ์น่าจะเป็นคนมีเหตุผลกว่านี้ ผมยืนรอหน้าประตูสักพักก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกมา......
ผมก็เดินลงบ้านมา ก็บอกแม่พี่ไอซ์ไปว่าพี่ไอซ์ไม่ยอมเปิดประตู ผมก็เลยขอตัวกลับอยู่ไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ผมลาแม่พี่ไอซ์เสร็จก็เดินออกกำลังจะพ้นประตูรั้วบ้าน.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:19:59
พรึ่บ! พี่ไอซ์ดึงแขนผมไว้ ประเด็นก็คือตานี่แดง แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อละเนี่ย (หุ่นแซ่บเชียว เอ้ย!ไม่ใช่แล้ว555)
“ ......” เงียบ แต่ก็ยังจับแขนผมอยู่
“ถ้าพี่ยังไม่อยากพูดกับผมตอนนี้ผมกลับก่อนก็ได้” ผมพยายามแกะมือพี่ไอซ์ออก แต่ยิ่งแกะยิ่งแน่นเลทีนี้ ผมเลยหยุดแกะแล้วอยู่เฉยๆเพราะเริ่มเจ็บแล้วแม่พี่ไอซ์ก็ออกมาดู
“ไอซ์เป็นอะไรลูก” มองแขนผมที่ถูกพี่ไอซ์จับอยู่ “ปล่อยมือก่อนดีกว่านะแม่ว่าน้องนทเจ็บนะ!” แม่พี่ไอซ์ก็ดึงมือพี่ไอซ์ออก “เป็นอะไรทำไมไม่คุยกันดีๆ แม่ได้ยินที่นทพูดหมดแล้วนะ สรุปคือมันยังไง ไอซ์ไม่ฟังน้องเหรอ” ลูบหัวพี่ไอซ์ “ดูสิแขนน้องแดงไปหมดเลยนะ” ชี้มาที่แขนมผม ผมก็ลูบตรงจุดที่โดนบีบนิดหน่อย
“.......” เงียบผมก็มองพี่ไอซ์ มันก็เอาแต่ก้มหน้า เป็นพวกประเภทเงียบสู้สินะ
“ป่ะๆ!เข้าบ้านกันก่อน นทเข้ามาก่อนนะลูก” คุณแม่หันมาบอกผม แล้วจูงมือพี่ไอซ์เข้าบ้าน
คือพี่ไอซ์ค่อนข้างจะอาการหนัก คือมีอะไรจะเงียบ ไม่พูดไม่เคลียล์ ต่างจากพี่อ๊อฟ รายนั้นคือพูดทุกอย่าง ถึงจะต้องตื้อบ้างก็เถอะแต่มันก็บอกแหละ แต่รายนี้เงียบเกิน ไปไม่ถูกเหมือนกัน แล้วผมก็เดินเข้าไปในบ้าน ในห้องรับแขก แม่พี่ไอซ์ก็เอาผ้ามาเช็ดหน้าพี่ไอซ์ แล้วก็เดินมากระซิบให้ผมให้ตามไป โดยบอกพี่ไอซ์ว่าจะไปครัว พี่ไอซ์ก็เอาแต่พยักหน้า.......
“นท อย่ารำคาญตาไอซ์เลยนะที่พี่เขาเวลามีปัญหาแล้วชอบเงียบ” คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมไม่รำคาญหรอกครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่าผมทำอะไรผิดหรือเปล่า ถ้าผมทำอะไรผิดสู้ให้พี่เขาด่าผมดีกว่ามานั่งเงียบแบบนี้...” พูดด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผมก็รู้สึกว่าผมใจร้ายเกินไป ในหลายๆอย่าง ทั้งนอกใจ ทั้งเรื่องไอเบส ตอนนี้ในหัวผมมีกี่เรื่องนะ
“ตาไอซ์มีปมต้งแต่เด็กๆแล้ว” คุณแม่หั่นผลไม้ไปด้วยพูดไปด้วย
“ปม? อะไรเหรอครับ” ถามด้วยความสงสัย
“เขาเป็นคนกลัวความผิดหวังน่ะสิ กลัวจะโดนทิ้ง เห็นไอซ์ดูเข้มแข็งเป็นนักกีฬาอย่างนั้นเขาเป็นคนอ่อนโยนนะ มีหลายเรื่องเลยนะที่ตอนเด็กๆเขาเจอมา แต่แม่ว่าให้พี่เขาเล่าเองดีกว่า แล้วที่จะเลิกกับพี่เขา...จริงเหรอ?” แม่พี่ไอซ์พูดอย่างอ่อนโยน
“เอ่อคือ.....คือผม.....” ไม่ได้ว่าอยากเลิกหรอก เราก็แค่พูดประชดไปนั่นแหละ แต่จะให้อธิบายให้ผู้ใหญ่ฟัง มันยาก พูดไม่ถูกเลย
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก แม่ไม่ว่าอะไรหรอก อีกอย่างไอซ์เป็นแบบนี้คนเข้าใจยาก มันเป็นเรื่องของลูกๆด้วย ถ้าลูกไม่ได้รักไอซ์แล้วก็ไม่เป็นอะไรหรอก มันบังคับกันไม่ได้นิเนอะ มันก็ขึ้นอยู่ที่ลูก2คนนั่นแหละ แม่ได้แต่แนะนำแหละเนอะ” ยิ้มให้ผม
“ผมไม่ได้อยากเลิกหรอกครับ ผมชอบพี่ไอซ์มากๆ ผมก็คิดว่าแค่ได้อยู่ใกล้กับพี่ไอซ์ผมก็มีความสุขแล้ว แต่ผมพูดแบบนั้นไปเพราะผมรู้สึกว่าตัวเองไม่ดีพอหรือเปล่า เหตุผลที่ผมจะอธิบายของผมมันไม่น่าฟังขนาดนั้นเลยเหรอ ผมแค่คิดว่าอาจจะเป็นพี่ไอซ์เอง ที่อยากจะเลิกกับผม.......” พูดไปก็นอยนะ ผมเริ่มจะคิดมากเกินไปแล้ว
“แม่เข้าใจนะ แต่นทไม่ต้องด้อยค่าตัวเองและกลัวว่าไอซ์จะไม่รักหรอกนะ ถ้าไม่รักไอซ์จะไม่มีอาการแบบนี้เลย นททำให้เต็มที่ก็พอ เพราะทุกอย่างที่นททำ แม่ก็แอบดูอยู่ เป็นห่วงพี่เขามากๆใช่ไหม!” แม่พูดพร้อมกับยิ้มหวานส่งมา
“เป็นห่วงสิครับ! ผมอยากรับฟัง อยากจะเป็นทุกอย่างที่ทำให้พี่ไอซ์สบายใจเลย” ผมยิ้มขึ้นมาได้นิดนึง เป็นเพราะได้คุยกับคุณแม่ เลยสบายใจขึ้นมาหน่อย
“เรื่องนิสัยไอซ์ ไม่ต้องกังวลนะ อาการดื้อเงียบ แม่พ่อและพี่ชายของพี่ไอซ์ ลองหาทางแก้หลายครั้งแล้ว แต่มันเหมือนกลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว แม่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่พี่เขาก็ปกตินะ ไม่ได้มีอาการทางจิตอะไร  แม่พาไปพบจิตแพทย์มาแล้วนะเมื่อ3ปีที่แล้ว มันเป็นนิสัยนะลูก อย่าถือเลย” แม่พูดทีเล่นทีจริง ผมก็เข้าใจได้
“เหรอครับ ดื้อเงียบเนี่ยนะ 5555 ผมเพิ่งเคยเจอ” ผมพูดแบบไม่จริงจังนัก
“แม่เจอมาตั้งแต่เด็กแล้วลูก จนแม่ความดันขึ้นเลยละ55555” คุณแม่เอาฮาไม่ห่วงสวยเลย
ผมกับแม่ก็คุยกันสักพักก็เดินไปห้องนั่งแล่น ก็เห็นพี่ไอซ์นอนหลับไปแล้ว นอนตรงโซฟานั่นเลย เวลาพี่ไอซ์หลับเหมือนเด็กเลยนะ นอนจับผ้าด้วย แล้วแม่พี่ไอซ์ก็ปลุกพี่ไอซ์ให้ขึ้นไปนอนข้างบน คือเหมือนละเมอ ตื่นขึ้นมายังหยิบผ้าที่จับติดมือขึ้นไปด้วยเลย แล้วผมก็ตามขึ้นไป แม่พี่ไอซ์ก็ฝากให้ผมดูด้วย แม่เขาจะทำกับข้าว พอพี่ไอซ์เห็นที่นอนก็ล้มตัวลงนอนเลย ไม่สนใจผมกันเลยน่าน้อยใจจริงๆ.......
“ลุกขึ้นมาใส่เสื้อก่อนพี่ไอซ์เดี๋ยวไม่สบาย!” ผมไปเขย่าตัวพี่ไอซ์
“........ไม่!” พูดแล้วเอาผ้าห่มคลุมตัว ก็ยังดีแหละวะเดี๋ยวเป็นหวัดมาเป็นภาระผมอีก
ผมก็ไม่เซ้าซี้อะไร ผมก็นั่งเล่นตรงโต๊ะเขียนหนังสือพี่ไอซ์ มีโพสอิทเต็มไปหมดเลย เรื่องเรียนทั้งนั้นเลยนะเนี่ย แล้วผมก็มาเห็นรูปของผม รูปที่แม่พี่ไอซ์พูดถึงตอนแรกแน่เลย ผมก็วางไว้ที่เดิม แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พี่อ๊อฟโทรมา5สายไม่ได้รับ นึกถึงพี่อ๊อฟแล้วผมก็โมโห ตกลงมันชอบยัยอิงฟ้านั่นหรือเปล่านะ! ไม่โทรกลับหรอก.......
“หิว” อยู่ๆพี่ไอซ์ที่นอนอยู่บนเตียงก็พูดขึ้นมา ผมหันไปมองนิดหน่อย “หิวๆๆ” ทำท่าลูบท้องน่ารักเชียว
“ลุกขึ้นไปใส่เสื้อ จะได้ลงไปกินข้าว แม่พี่ทำไว้ให้แล้วผมจะได้รีบกลับ มันจะค่ำแล้ว!” ผมหันไปบอกพี่ไอซ์ แล้วก็หันมากดโทรศัพท์
“หิว!” พี่ไอซ์ก็ยังคงเรียกร้องความสนใจ ผมก็ลุกขึ้นไปหาพี่ไอซ์ที่เตียงแล้วมองหน้าพี่ไอซ์
“หิวแล้วทำไมไม่ลุกละ?” ผมถามแต่พี่ไอซ์ชี้ที่ปาก “อะไรเหรอ” ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“อื้อ” ยังชี้อยู่ที่ปาก ทำตัวอย่างกับเด็กๆ
แล้วผมก็ล้มตัวไปนอนข้างๆพี่ไอซ์ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่นไม่สนใจพี่ไอซ์ พี่ไอซ์งอนต่อไป หันหลังให้ผมเลย ผมเลยวางโทรศัพท์แล้วสะกิดๆ ไม่ยอมหันมาอยู่ดี ผมเลยใช้แรงดึงพี่ไอซ์ให้หันมานอนหงาย แล้วก็ขึ้นคร่อมตัวพี่เขา แล้วโน้มหน้าลงไปจูบพี่ไอซ์ อย่างเบาๆแล้วก็ถอนออกมา.....
“พอใจยัง คุณชายขี้งอน!” พี่ไอซ์ยิ้มแล้ว “งั้นลุกไปใส่เสื้อเลย จะได้ลงไปกินข้าวสักที ผมจะกลับบ้านแล้ว” พูดแบบไม่จริงจังนัก ผมรู้สึกเหนื่อยกับหลายๆเรื่อง อยากกลับไปนอนแล้ว
“อ่าว ไม่กินด้วยกันเหรอ” ผมส่ายหน้า “เดี๋ยวเค้าไปส่งนะ!”
“ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวให้ แฟนใหม่ มารับกลับบ้าน!” เน้นคำว่าแฟนใหม่ พี่ไอซ์กำมือแน่นเลย ผมเหนื่อยจริงๆอยากรีบทำอะไรให้มันเสร็จแล้วกลับบ้านไปพักได้แล้ว
“เออ! งั้นรีบกลับไปเลย!” แล้วพี่ไอซ์ก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป
ผมเก็บของๆผมแล้วก็ลงตามไปเห็นพี่ไอซ์นั่งทำหน้าเป็นตูดอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ผมก็ไปช่วยแม่พี่ไอซ์จัดกับข้าวเตรียมนู่นนี่เสร็จ สักพักพ่อพี่ไอซ์ก็มา แต่วันนี้พี่ชายพี่ไอซ์มาด้วย พี่เขาชื่ออาร์ม คือหล่อ หล่อมาก หล่อกว่าพี่ไอซ์อีก เพอเฟคมากมาย ผมมองไม่วางตาเลยทีเดียว5555 (แรดเนอะ!)
พอจัดโต๊ะเสร็จทุกคนก็มานั่ง ยกเว้นคนขี้งอนไม่ยอมมานั่งกินข้าว เอาจริงๆคือมีแฟนหรือมีลูกเนี่ย งอนยิ่งกว่าผู้หญิงอีก เฮ้อ! ไม่รู้อะไรนักหนา -_-‘’’ ผมก็เดินไปตามพี่ไอซ์ไปกินข้าว
“ตัวไปกินข้าวได้แล้ว” ผมพูดด้วยเสียงหวานพร้อมส่งยิ้มให้
“......” สบัดหน้าหนี เอิ่ม!.........
“จะเป็นแบบนี้อีกนานไหมเนี่ย!” เดินเข้าไปจับมือพี่ไอซ์แล้วลากไปห้องกินข้าวเลย มันก็เดินมาตามแรงดึงของผมนะ
“ไงไอตัวดี! ได้ข่าวว่าวันนี้ก่อเรื่อง?” พ่อพี่ไอซ์เอ่ยถาม พี่ไอซ์นั่งลงแบบกระแทกกระทั้น
“ระวังนะ! งี่เง่ามากๆน้องนทเขาจะเบื่อให้” พี่อาร์มพูดพร้อมกับส่งยิ้มแบบมีเสน่มากๆมาให้ ผมหยุดมองพี่เขาไม่ได้เลย
“นั่นสิ! อย่าให้มันมากไปนะ” คุณแม่เริ่มดุแต่พี่ไอซ์ยังคงเงียบ
“ไม่หรอกครับ ทุกคนอย่าว่าพี่ไอซ์เลย” (ยิ้ม) “ผมว่าพี่ไอซ์แค่ขี้งอนไปหน่อย” พูดแล้วหันไปยิ้มให้พี่ไอซ์ แต่หันหน้าหนีผมสะงั้น
“น้องนทนี่ยิ้มน่ารักจังเลยเนอะ เป็นคนที่ดูสดใสร่าเริงตลอดเวลาเลย” พี่อาร์มพูดขึ้นแล้วก็ยังส่งยิ้มหล่อมาให้ผมไม่หยุด
(เขินเลยสิทีนี้ ) “มะ ไม่หรอกครับ” (ก้มหน้าพูดเพราะเขิน) “ผมจะทำตัวให้เครียดทำไมละครับ” (ยิ้ม)
“นทเวลาเขินลูกดูน่ารักมากเลยนะ” คุณแม่ก็ยอเก่ง
“นั่นสิดูดิ แก้มแดงไปถึงหูแล้ว 55555” คุณพ่อก็ด้วย โอย ร้อนหน้าไปหมด
“ชมเกินไปแล้วนะครับ” บิดไปบิดมา ไม่เป็นอันกินแล้ว “อะพี่ไอซ์” ผมตักปลาทอดให้พี่ไอซ์ แต่พี่ไอซ์เขี่ยไว้ข้างจาน...สะงั้นผมหน้าหงอยเลยสิโถ่!
“ไอซ์ ทำแบบนี้ได้ยังไงลูก น้องตักให้เลยนะ!” คุณพ่อพูดเสียงเข้ม ออกไปทางดุ
“นั่นสิ อย่าหักหารน้ำใจน้องนะ!” คุณแม่ดุพี่ไอซ์ พี่ไอซ์ก็ยังคงเงียบ..แต่ก็ยอมตักปลาที่ผมตักให้กินเหมือนกินเพราะโดนแม่ดุเท่านั้น
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ พี่ไอซ์คงไม่ชอบปลา....” ผมซึมไปนิด...น้อยใจจัง
กินกันไปสักพักก็ไม่มีอะไรมาก พูดคุยกับพ่อแม่พี่ของพี่ไอซ์ไป เป็นกันเองไม่อึดอัดเลย แต่พี่ไอซ์ก็ยังคงเงียบ จะงอนอะไรนักหนา พอกินกันเสร็จผมก็อาสาเป็นคนช่วยล้างจาน แล้วพี่ไอซ์ก็มายืนช่วย ผมก็ชวนพูดนั่นพูดนี่ แต่เหมือนผมพูดคนเดียว พี่ไอซ์ก็ยืนทำหน้านิ่งๆ บางทีก็อมยิ้มถ้าผมพูดตลก พอล้างเสร็จพี่ไอซ์ก็เดินขึ้นห้องไปเลย ผมก็เลยลาพ่อแม่พี่ของพี่ไอซ์กลับ ตอนแรกจะให้พี่อาร์มมาส่งแต่ผมเกรงใจบอกว่าเดี๋ยวมีคนมารับโกหกไปก่อน ไม่อยากรบกวนพวกเขามากแค่มากินข้าวบ้านเขาก็เกรงใจจะแย่ (ขนาดเกรงใจกินไปตั้งเยอะแนะ5555) คุยกับพี่ไอซ์วันนี้คงไม่รู้เรื่องแน่ๆ แล้วผมก็เดินออกจากบ้านพี่ไอซ์มา แล้วหาโบกรถ2แถวขึ้นกลับบ้าน ยืนรอแถวหน้าหมู่บ้านของพี่ไอซ์ รอนานคือมันมืดแล้ว รถจะไม่ค่อยมี หรือมันไม่มีคิวรถผ่านแล้วนะ ผมก็แอบกังวล..........
ปี๊น ปี๊น ปี๊น! เสียงแตรรถมอเตอร์ไซค์ดังมาจากด้านหลัง มองหันไปก็มองไม่เห็น ไฟหน้ารถส่องตาจนแสบ แล้วรถคันนั้นก็มาจอดข้างผม พี่ไอซ์นั่นเอง แต่เอ๊ะ! กระเป๋าเสื้อผ้า?............
“ไหนอ่ะแฟนใหม่” ประชดผมสินะ
“รออยู่ไม่มาสักที!” ตอบกลับพร้อมทำหน้าเซ็งๆ
“อ้อ! มีแฟนเป็นนักเรียน ดรีกรีนักฟุตบอลโรงเรียนไม่ชอบ ชอบมีแฟนเป็นคนขับสองแถวเหรอ?” แดกดันผมสินะ อะไรกัน งอนนิดเดียวนิสัยพูดจาแบบนี้ไปเอามาจากที่ไหนก่อนหน้านี้ไม่เคยเห็น
“ก็แฟนนักเรียนขี้งอน แถมชอบพูดแดกดันด้วย!” ผมก็เดินไปมาเพราะเริ่มมีอาการ ยุงกัด555
“ขึ้นรถเลยเร็ว ยุงกัดหมดแล้ว!” เพิ่งนึกได้มั้ง!
“ก็ได้! ถ้าไม่ติดว่าไม่มีสองแถวไม่ขึ้นหรอก” พูดจาเล่นตัวนิดหน่อย แล้วก็ขึ้นซ้อนรถพี่ไอซ์ “แล้วเอากระเป๋ามาทำไมอ่ะ?”
“ไปหานอนบ้านแรด!”อะไรวะ! แล้วมันก็ขับรถออก
“แรดที่ไหน!” ขึ้นเสียงเลยสิ “ออที่ทำงอนคือไปมีกิ๊กใช่ไหม”
“แรดที่มันซ้อนท้ายเค้าอยู่เนี่ย!” อ่อผมแรด ด่าเรารึ!
“ใครแรด? อย่ามาด่าซี้ซั้วนะ!” แรดตอนไหนว้าไม่เห็นรู้ตัวเล้ย5555 แต่แรงนะคำพูดคำจา
“แรดที่ไหนไม่รู้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้พี่อาร์ม” เอิ่ม! เห็นได้ยังไงว้า
“อะ อะไร! ก็ยิ้มตามมารยาทนั่นแหละ อย่ามาว่าเค้านะ!” เสียงดับกลบเกลื่อน
“ไม่รู้แหละ คืนนี้ต้องเคลียล์ แล้วต้องโดนทำโทษ!” พูดเสียงดุ
“คะ...เคลียล์ อะไร ละ...แล้วจะไปนอนบ้านเค้าขอป๊าเค้าแล้วเหรอ” พี่ไอซ์ดูไม่น่าไว้ใจเลย ก่อนออกจากบ้านดูงอนอะไรไม่รู้ พอออกมาแลดู ปกติแบบไม่ปกติ555 อยู่ๆทำตัวร้ายๆ ไม่ดีต่อใจเลย
“ก็จะทำเหมือนที่ตัวบอกป๊าตัวนั่นแหละ” พูดเสียงหล่อ
“อะไร?” ผมถามด้วยความสงสัย พลางนึกคิดไปด้วย
“ข่มขืนไง 5555” พ่อหนุ่มกลัดมันสินะ อะไรเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆชะมัด พี่ไอซ์ไม่เหมือนเดิม ><
“เอิ่ม! รุ่นนี้ไม่ต้องข่มขืนหรอก ขอก็ให้!55555” พูดขิงกลับไป แต่ใจก็แอบกลัวอยู่นะ
“จริงอ่ะ” อยู่ๆก็ชะลอรถถาม
“ไม่จริงอ่ะ” ผมตอบกลับอย่างไม่ยอม
ผมก็เถียงกับพี่ไอซ์ไปๆมาๆอย่างนี้จนถึงบ้านผม ผมก็เข้าไปบอกป๊ากับแม่ก่อนว่าพี่ไอซ์จะมานอนด้วย แล้วก็มาเปิดประตูเอารถเข้าไปจอดไว้ในบ้าน แล้วพาพี่ไอซ์เข้าบ้าน.......
“หวัดดีครับป๊า หวัดดีครับแม่”(ยิ้ม)
“อ่าดีๆ” ป๊าตอบรับพร้อมกับดูทีวีไปด้วย
“ดีจ้า กินข้าวมากันยังลูก” แม่ทักทายพร้อมถามไถ่อย่างห่วงใย
“กินที่บ้านพี่ไอซ์แล้วครับ” ผมตอบกลับพร้อมกอดแม่ไป 1 ที จุ๊บ ป๊าอีก 1
คุยกับป๊าและแม่สักพัก ป๊าก็ไล่ผมกับพี่ไอซ์ขึ้นมาอาบน้ำ พรุ่งนี้หยุดนิ! พึ่งนึกออกแล้วพี่ไอซ์จะมานอนทำไม?....
“พี่ไอซ์พรุ่งนี้วันหยุดไม่ต้องไปโรงเรียนนิ!” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย 
“ก็เค้าจะพาตัวไปเที่ยว แล้วคืนนี่ก็อยากได้ยินความจริงจากปากตัวด้วย!” พูดพร้อมกับส่งสายตาไม่น่าไว้วางใจมา
“กะ...ก็ได้ๆ งั้นไปอาบน้ำก่อนเลย หรือจะอาบพร้อมกันดี” ผมพูดทีเล่นทีจริง พี่ไอซ์หันมายิ้มทันที
“เอาๆ อาบพร้อมกันดีกว่า” ตื่นเต้นอะไรขนาดนั้น
“คิดอะไรลามกหรือเปล่าเนี่ย” มองพี่ไอซ์อย่างจับผิด
“นิดนึง555” มีการยอมรับด้วยนะ
“งั้น” ผมเดินไปนั่งข้างพี่ไอซ์ แล้วก็เอามือไปลูบที่ต้นขา “ให้เค้าช่วยไหม” ลูบไปลูบมา
ทำหน้าเคลิ้มเชียว “กะ ก็ดีนะ” ยิ้มแบบฟินๆ
ผมลูบไล้บริเวณลำคอพี่ไอซ์ด้วยปลายจมูก “ผมว่า..พี่ไอซ์ไปอาบน้ำก่อนเถอะ!” กลิ่นพี่ไอซ์ทำผมแพ้ทางตัวเอง บวกกับทุกอย่างบนร่างกายพี่เขา เป็น Toxic ที่ทำให้ใจผมพังได้เลย
“ไปอาบด้วยกันนะ นะๆๆๆ” อ้อนสินะ ผมเห็นเป้ากางเกงพี่ไอซ์คือตุงมากเลยทีเดียว บางสิ่งมันได้ตื่นขึ้นมาแล้วสินะ
“ไม่เอา! อาบทีละคนดีแล้ว” ยิ้มให้พี่ไอซ์ แล้วหอมแก้มพี่เขาทีนึง
“ถ้าอาบแล้วมาต่อจากเมื่อกี้นะ บอกแล้วนะว่าจะช่วย” รู้สึกคิดผิดไม่น่าไปแกล้งมันแบบนั้นเลย
“ระ....รีบไปอาบเถอะน่า” แล้วพี่มันก็วิ่งเข้าห้องน้ำไปเลย
ระหว่างรอพี่ไอซ์อาบน้ำผมก็เล่นโทรศัพท์เข้าเฟสรอ เห็นพี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้าถ่ายรูปด้วยกัน หมั่นไส้ที่สุด!
มีการเม้นตอบด้วยนะ ทุกทีนี่เห็นหยิ่งจัง เชอะไม่สนใจด้วยหรอก พี่อ๊อฟทักแชทผมมาด้วย แต่ไม่ตอบหรอก โกรธเว้ย! ผมก็ไล่ดูไปสักพักพี่ไอซ์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำ คือนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาผืนเดียว ชอบอวดหุ่นจัง ผมนี่ใจไม่ดีเลย! หุ่นพี่ไอซ์นี่หุ่นนักกีฬาเลย แน่นๆ มีซิกแพค แต่ก็ไม่ได้ผอมมีน้ำมีนวล น่าลูบจริงๆ
“ชอบโชว์?”หลังจากเข้าสู่ภวังค์ของตัวเองไม่นานผมก็ต้องรีบทำตัวเรียบนิ่ง จะมาเสียอาการไม่ได้เด็ดขาด
“อืม หุ่นดีอ่ะเด้ กลัวอดใจไม่ไหวเหรอ?” ดูทำหน้าเข้า โอย ตาย ผมจะอกแตกตายตรงนี้ เขินสิ รู้ทัน
“ปะ ไปอาบน้ำดีกว่า” รีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันที
อาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัว ออกมาจากห้องน้ำ พี่ไอซ์หลับไปแล้ว ผมก็นั่งทำการบ้านไปคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พี่อ๊อฟก็ยังคงส่งข้อความมา ผมไม่สนใจหรอกไม่ตอบด้วย แล้วผมก็ปิดไฟ แล้วขึ้นเตียงเพื่อจะนอน..... หมับ! พี่ไอซ์ขึ้นมาคร่อมตัวผมทันที ห้องผมถึงจะปิดไฟ แต่ก็ยังพอมีแสงจากไฟจากข้างนอกผ่านเข้ามาทางระเบียงให้เห็นอยู่....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:21:14
“หนะ...นอนไปแล้วไม่ใช่เหรอ!” ผมแอบตกใจนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกวาบหวิว ผมยังไม่พร้อมนะเนี่ย><
“รอตัวตั้งนาน มัวทำอะไร!”ถาม ด้วยเสียงที่ดูจะเซ็กซี่ หรือผมคิดไปเองเพราะสถานการณ์ตอนนี้นะ
“กะ...ก็อาบน้ำเสร็จก็นั่งทำการบ้านไง!” ผมเบนหน้าหลบสายตาที่หวานหยดย้อยนั่น
“เรามาต่อ....” (ทำปูไต่ตรงคอผม) “จากเมื่อกี้ดีกว่า....”
“คะ...เค้าว่าเรามาเคลียล์เรื่องเมื่อตอนเย็นดีกว่าไหม!”เปลี่ยนเรื่อง พี่ไอซ์ก็ถอยลงไปนอนข้างๆผมแล้วถอนหายใจออกมา
“ก็ได้ โถ่!” เซ็งเชียว ผมรอดตัวไป5555
“บอกมาดิเมื่อตอนเย็นทำไมหนีกลับบ้านก่อน แล้วไปอาละวาดที่บ้านทำไม!” ผมถามด้วยความอยากรู้
“.......ไม่พูดได้เปล่า” ทำเสียงอ้อนๆ แล้วหันมากอดผม
“ถ้าไม่พูดก็กลับบ้านไปเถอะ!” ผมนอนหันหลังให้พี่ไอซ์พี่ไอซ์ก็เงียบไปสักพัก.....
“เรื่องที่คนชื่อเบสพูดเป็นเรื่องจริงไหม” พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆเหมือนไม่อยากถาม ผมก็พลิกตัวกลับมา
“มันเป็นแฟนเก่าเค้าเองแหละ” แล้วผมก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดระหว่างผมกะไอเบสให้ฟังครับ.... “มันก็เป็นแบบนี้แหละ!” \
“แล้วทำไมตัวไม่บอกเค้าแต่แรก ทำเหมือนไม่อยากพูด ตั้งแต่ตอนที่พี่เต็มชวนแล้วพูดถึงมัน!” พูดติดจะไม่พอใจ
“ที่ไม่อยากพูดเพราะคิดว่าคงไม่มีอะไร อีกอย่างมันทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบนั้นตัวก็ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก!”
“มันทำร้ายตัวตลอดเลยเหรอ” จับมือผม
“อืม พวกชอบใช้กำลังน่ะ”
“แล้วมันเคย.....” พี่ไอซ์เอื้อมมือมาลูบแถวก้นผม
“ไม่เคยๆ และเค้าก็ยังไม่เคยกับใครทั้งนั้นแหละ ไม่ใช่หวงตัวหรืออะไรนะ แค่จะให้แค่คนที่อยากให้นะ555555” พี่ไอซ์ยิ้มจนเห็นฟันเกือบหมดปากแล้ว “แล้วตอนเย็นเป็นอะไรมากมายอ่ะ เค้าปวดหัวกับตัวมากเลยนะ!” ผมต้องรีบเบี่ยงประเด็น ไม่เช่นนั้นแล้วเดี๋ยวอาจจะมีต่อจากเมื่อกี้
“ก็เค้าเครียด เค้ากลัว...กลัวตัวจะเป็นแบบที่มันพูด แต่พอเห็นตัวตามเค้ามาบ้าน เค้าก็หายแล้วละ!” มันยิ้ม พร้อมเอามือลูบแก้มผม
“อ่าว! แล้วทำไม?.....” ผมอึ้งนะ เล่นผมเป็นไมเกรนแบบนั้น
“ก็อยากให้ตัวง้อไง” ผมจะบ้าตาย แต่ละอย่าง
“ก็เลยให้เค้าเดินกลับบ้าน?” ผมก็เริ่มจะนอยกับการงี่เง่าแล้วให้ผมลำบากแล้วนี่สิ
“เปล่า! เค้าไปเก็บกระเป๋า ตัวก็รีบกลับไปไหน เค้าก็กลัวตัวโดนฉุด มันมืดแล้วด้วย”
“ดูสภาพเค้าก่อนเถอะ มีแต่จะไปฉุดคนอื่น5555555”
เราคุยกันไปสักพักก็ผล็อยหลับกันทั้งคู่ ผมก็รอดตัวจากสถานการณ์ล่อแหลม ตื่นมาอีกที่สายแล้ว พี่ไอซ์ยังไม่ตื่นเลยผมก็ลุกไปอาบน้ำ แต่งตัว พอผมเสร็จพี่ไอซ์ก็ยังไม่ตื่น ผมก็ลงไปช่วยแม่ทำงานบ้าน ป๊าไปออกรอบ(ตีกอล์ฟ)กับเพื่อนๆ ผมออกไปรดน้ำต้นไม้........
“โทรไปทำไมไม่รับวะ! ข้อความกูอ่านแล้วมึงก็ไม่ตอบเป็นอะไร!”มาแล้ว เสียงดังมาเชียว!
“.........” เงียบทำไม่สนใจ
“อ๋อ! พาแฟนมานอนบ้าน หึ! คงจะได้กันแล้วสินะ ติดใจมันละสิ! ถึงไม่สนใจกูเลย!” โกรธแล้วสินะ มันชอบพูดจาเพ้อเจ้อ
“.........” เงียบ ทำไมไม่สนใจ มันเดินเข้ามาบีบแขนผม  “ โอ้ย!” ผมสบัดแขนมันออก
“ทำไม ได้กับไอซ์ กูเลยกลายเป็นคนอื่นไปเลย?” ยกเรื่องคนอื่นมาพูดอีกแล้ว ไม่ได้ผลหรอก
“ผมว่าพี่เลิกดูหนังแล้วก็เลิกอ่านนิยายบ้างก็ดีนะ เพ้อเจ้อน่า ไม่ต้องมายุ่งกับผมแล้วด้วย! ไปหายัยอิงฟ้านั่นสิ!”
“อิงฟ้า? อ๋อ” มันยิ้มออกมาได้นะ “หึง?”
“ไม่ได้หึง! ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย จะหึงเพื่อ?” พูดติดจะไม่พอใจ พร้อมกับทำหน้ากวนตีนใส่พี่มัน พี่อ๊อฟก็ท่าจะประสาท ตอนแรกยังทำท่าโมโหแล้วนี่มายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คืออะไร?
“เออกูไปแล้ว แค่นี้กูก็พอใจแล้ว!” แล้วมันก็ไปเลย อะไรของมันว่ะ!
ผมช่วยแม่ทำอะไรเสร็จก็ขึ้นไปปลุกพี่ไอซ์ พี่ไอซ์ใส่บ๊อกเซอร์เสื้อยืดนอน แต่ประเด็นคือเคารพธงชาติตอนสายๆ
ผมเอามือลูบต้นขาพี่ไอซ์ แกล้งพี่ไอซ์สักหน่อย ยั่วให้อยากแล้วก็จาก.........
“อืม” หลับอยู่ยังทำหน้าฟินนะ บ้าที่สุด! จริงๆก็อยากสัมผัสเสาธงของพี่ไอซ์นะ ><
“ไม่ตื่นโดนจับน้า” ผมไปพูดใกล้ๆหูพี่ไอซ์ พี่ไอซ์ก็ค่อยๆลืมตา แล้วจับมือผม
“ก็จับดิ! ถ้าเป็นตัว เค้าให้จับทั้งวันเลย” เอามือผมไปถูไอซ์น้อย  ตื่นเต้นมาก เขินด้วย>///<
“บะ บ้า!” เอามือปิดหน้า ประเด็นก็คือมือที่จับของพี่ไอซ์ก็ยังไม่ได้ล้างเอาไปจับหน้า! ก็เขินอ่ะ ทำอะไรไม่ถูก
“เห็นมองอยู่นานไม่จับสักที!” มีการแซว แล้วก็ลุกขึ้นนั่ง
“คะ..ใครอยากจับ” รู้สึกร้อนที่หน้ายังไงไม่รู้
“หืม” ทำหน้าล้อเลียนผม “กี่โมงแล้วเนี่ย ทำไมไม่ปลุกเค้าล่ะ?”
“ก็อยากให้ตัวนอนเยอะๆไง” (ยิ้ม) “เค้าจะได้มีเวลาหากิ๊ก55555”
“หาไปเถอะ!” พูดด้วยน้ำเสียงที่ติดจะไม่พอใจ แล้วลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมก็แอบเอาโทรศัพท์พี่ไอซ์มากดดู โอ้โห! แชทในไลน์ผู้หญิงเพียบเลย สวยๆทั้งนั้น ในเฟสก็ใช่ย่อยนะ คืออะไร! ทำมาเป็นโกรธเรา ไม่ดูตัวเองเลย ผมนั่งค้นโทรศัพท์พี่ไอซ์สักพักพี่ไอซ์ก็ออกมา.......
“ทำอะไร!”
“เปล่า!” ผมตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เช็คโทรศัพท์เค้าเหรอ! เป็นไงกิ๊กเยอะไหม5555” ผมมองมันด้วยสายตาเรียบนิ่ง เอาจริงมันไม่ตลก
“เยอะนะ! แต่น้อยกว่าผม” ผมโยนโทรศัพท์คืนพี่ไอซ์ แล้วนอนหันหลังให้
“พวกนี้เค้าก็คุยเล่นกันเฉยๆ เค้าคุยไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ เดี๋ยวคนอื่นจะว่าหยิ่งนะ” เฟรนลี่จริงๆเลยเนอะ!
“คุยเล่นกันเฉยๆเนอะ เล่นสะหวานหยดเลย!” หงุดหงิดวะ! เห็นพี่ไอซ์ใสๆแบบนี้ก็ร้ายเงียบนะเนี่ย
“ถ้าตัวไม่พอใจ เค้าลบออกก็ได้นะ” ทำเสียงหงอยๆ คงเสียดายมากสินะ!
“ไม่ต้องลบหรอก พี่คุยไปเถอะ ไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของพี่มากเกินไป” ผมก็ลุกขึ้น “ไปกินข้าวกันเถอะ แม่ผมเตรียมไว้ให้แล้ว” ผมลืมไป ข้อเสียของการคบคนหน้าตาดี คงจะหนีเรื่องพวกนี้ไม่ได้จริงๆ หงุดหงิดจัง ไม่รู้จะทำยังไง
“ตัวเค้าไม่ได้คิดอะไรกับพวกนั้นเลยจริงๆนะ!” ทำเสียงเครียด
“อืม” ตอนนี้แค่คิดว่า พี่ไอซ์ก็หล่อนะ ถ้าพี่เขาจะมีแฟนเป็นผู้หญิงสวยๆ ก็ไม่น่าแปลกอะไร
พวกเราก็ลงมากินข้าวกัน พี่ไอซ์ก็ชวนผมพูดนั่นนี้ ผมก็คุยบ้าง เหม่อบ้าง ก็คิดเยอะอยู่แหละ แต่ไม่รู้สิเราจะไปสู้ผู้หญิงสวยๆพวกนั้นได้ยังไง -_-“”
“ไปเที่ยวไหนกันดีวันนี้” ยิ้ม ไม่ได้รับรู้อะไรเลยจริงๆ
“พี่ไปไหนผมก็อยากไปที่นั่นแหละ” ยิ้ม คือผมไม่อยากทะเลาะ ไม่อยากมีปัญหาเลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า เพราะพี่ไอซ์ก็ดูไม่ได้เครียดอะไรอยู่แล้วด้วย แต่ผมนี่สิที่คิดมาก
“งั้นไปสวนสัตว์กัน” ยิ้มร่าเลย สวนสัตว์เนี่ยนะ ร้อนก็ร้อนเฮ้อ! แล้วพี่ไอซ์ก็พาผมไป....
ระหว่างทางพี่ไอซ์ ก็พูดนั่นนี่ไปทั่ว ผมก็ได้แต่ตอบรับบ้าง ถามบ้าง ยังอยู่ในอารมณ์นอยและคิดมาก พอถึงพี่ไอซ์ก็ไปจัดการเรื่องบัตรเข้าอะไรเรียบร้อย......
“ตัวไม่อยากมาเหรอ ทำไมทำหน้าเบื่อๆ”
“เปล่าหรอก” (ยิ้ม) “แค่ร้อนนิดหน่อยน่ะ”
“งั้นเราไปโซนที่เย็นๆก่อนแล้วกันเนอะ”
เราก็พากันเดินไปดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย พี่ไอซ์ก็ถ่ายรูปตลอด ประเด็นคือรูปคู่ทุกรูป! คนก็มองเต็มไปหมด เดินกันจนหมดแรง แล้วก็พากันไปหาอะไรกินที่เซ็ลทรัล.....
“โห! เดินที่สวนสัตว์ยังไม่พอ ยังต้องมาเดินนี่อีกเหรอ” ผมบ่นออกมา เพราะปวดขาแล้ว!
“เอาน่า นี่เค้าพาตัวมาหาอะไรกินนะไม่ได้มาเดิน” ยิ้มหน้าบ้าน จูงมือผมเข้าร้านชาบู
พี่ไอซ์ก็เทคแคร์ดีนะ ไปไหนมาไหนจ่ายให้ผมตลอด และก็ยังดูแลดีด้วย ส่วนเรื่องที่ค้างคาใจผมก็ไม่ติดใจอะไรแล้วล่ะเพราะเหมือนพี่ไอซ์ก็พยายามแสดงให้เห็น ว่าเขาไม่ได้คิดอะไรกับที่ผมเห็นจริงๆ
“ไง อารมณ์ดีขึ้นยัง” (ยิ้ม)
“อะไร”
“เค้าเห็นนะ! ตั้งแต่ออกบ้านมาตัวดูแปลกๆ เรื่องในโทรศัพท์เค้าใช่ไหม” โชว์โทรศัพท์ขึ้นมา
“ก็นิดนึงอ่ะ!” เพราะอิ่มท้อง ก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“ไม่นิดล่ะมั้ง” ยิ้ม จะอารมณ์ดีไปไหน “อะ” ยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“ทำไม?”  รับโทรศัพท์พี่ไอซ์ แล้วทำหน้าสงสัย
“เค้าอยากให้ตัวรู้ ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ” ผมก็กำดูโทรศัพท์พี่ไอซ์มันล้างแชทในไลน์แล้วก็ลบพวกผู้หญิงพวกนั้นออกหมดเลย เหลือแต่เพื่อนๆ ส่วนในเฟสและแอพอื่นๆก็ลบแชทหมดเกลี้ยงเลยเหลือไว้แต่แชทเพื่อน! “พอใจยัง” (ยิ้ม)
“ทำแบบนี้ใครก็ทำได้น่า”  ยื่นโทรศัพท์คืนพี่ไอซ์ พี่ไอซ์ทำหน้าหงอยเลย “ผมเชื่อใจพี่อยู่แล้วน่า แค่วันนี้พี่แสดงให้เห็นผมก็พอใจแล้ว”(ยิ้ม)
“จริงนะ!” ดีใจอะไรขนาดนั้น “อะ” ตักเนื้อป้อนผม ผมก็อ้าปากรับ
“แต่ถ้าพี่ไอซ์ ชอบผู้หญิงพวกนั้นก็บอกผมได้เลยนะ” (ยิ้ม) “ผมเตรียมใจไว้เสมอ” ผมเตรียมใจไว้อยู่แล้ว อาจจะมีเสียใจบ้างแต่คงไม่มากมาย หล่อๆแบบพี่ไอซ์มีคนเข้าหาเยอะ จะมีโลเลบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ พี่จริงใจนะนท!” โกรธแล้วสินะ วางตะเกียบซะแรง
“ผมพูดไปงั้นแหละ พี่ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่” บอกตรงๆคือผมไม่อยากพูดหาเรื่องเลย แต่ผมมันก็เป็นเสียแบบนี้ “กินๆ อะ”ป้อนพี่ไอซ์
เรากินกันไปสักพัก พี่ไอซ์ก็พาผมกลับบ้าน เขาคงหงุดหงิดเรื่องที่ผมพูดแหละ พอถึงบ้านเขาก็เข้าไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า ลาป๊ากับแม่ แล้วก็ขี่รถกลับบ้านเลย โดยบอกผมว่า พรุ่งนี้ไปธุระกับที่บ้าน แต่จริงๆผมก็ดูออก ว่าไม่พอใจที่ผมพูดแบบนั้น นี่ก็เย็นแล้ว ผมก็ใส่หูฟัง ออกไปเดินเล่นแถวสนามเด็กเล่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วก็นั่งเล่นชิงช้า สักพักพี่อ๊อฟมาสะกิดผมจากด้านหลัง หันไปมองหน้าพี่อ๊อฟแล้วก็หันกลับไปมองข้างหน้าเหมือนเดิม ผมเซ็งกับอะไรหลายๆอย่าง มันดูไม่ลงตัวเลย หรือเรางี่เง่าไปเองนะ เฮ้อ!
“มาได้ยังไงอ่ะ” ถอดหูฟังออก แล้วหันไปถามพี่มัน
“กูกลับมาจากข้างนอก เห็นมึงเดินมาสนามเด็กเล่นเลยตามมา เป็นอะไรวะ ดูเซ็งๆ” ถามด้วยน้ำเสียงดูอ่อนโยน ไม่สมกับเป็นมันเลยนะ
“นิดหน่อยอ่ะ พี่ไปไหนมา?”
“ไปหาน้องอิงฟ้ามา” ยักคิ้วให้ผม ผมหันหน้าหนีมันทันที
“เออ!” หงุดหงิดจริง
“เป็นอะไรของมึงวะ” จับมือผม ผมสบัดออก
“เดี๋ยวอิงฟ้าจะเข้าใจผิดนะพี่!”
“เห้ย! กูล้อเล่นกูไปส่งพ่อซื้อของมา ไม่ได้ไปกับอิงฟ้า มึงจะโกรธอะไรวะ!”(ยิ้ม)
“ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” ลุกขึ้นจากชิงช้าจะเดินหนี แต่พี่มันดึงไว้ “อะไรล่ะ!”
“เป็นอะไรวะ! ทะเลาะกับไอไอซ์มาเหรอ?”
“เออนิดหน่อยนะ” พี่อ๊อฟมันยิ้ม ไอนี่โรคจิตเห็นคนทะเลาะกันมายิ้มดีใจอะไร “ดีใจมากเหรอ เห็นคนทะเลาะกัน!”
“เปล่าๆ” ยังอมยิ้ม “แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร?”
“เรื่องไร้สาระ ไม่มีอะไรหรอก” บอกปัดๆไป เล่าไปเดี๋ยวก็หาว่าผมงี่เง่า มันเป็นเพื่อนกันก็ต้องเข้าข้างกันอยู่แล้ว
“เล่ามาๆ กูอยากฟัง” ทำหน้าจริงจัง
“ไม่...ไม่มีอะไรหรอก อย่าสนใจเลย!” หันหน้าหนี
“จะเล่าไม่เล่า” ยื่นหน้ามาใกล้ๆผม ผมก็ถอยหนี “จะเล่าได้ยัง”  เอาหน้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ผมก็ถอย จนติดต้นไม้ใหญ่แล้วเนี่ย
“ไม่เล่ากูจูบมึงโชว์เด็กนะเว้ย!” ผมหันไปมองด้านหลัง เด็กๆอยู่เต็มไปหมดเลย แถมพี่อ๊อฟยังล๊อคแขนผมไว้อีก
“เออๆ เซ้าซี้จริงๆ” แล้วพี่อ๊อฟก็ปล่อย ผมก็จะหนี มันขว้าแขนผมไว้
“ไม่ต้องหนีเลยนะมึง เล่าเลย” จูงมือผมกลับไปที่ชิงช้า แล้วก็พากันนั่งคนละตัว “อะเล่าเลย กูรอฟังละ”
“ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆเลย”ผมพูดไม่จริงจังนัก
“มึงไม่ได้เป็นคนอื่นสำหรับกูนิ!” ผมหันไปมองหน้ามัน มันดูจริงใจและดูอบอุ่นกว่าทุกครั้งเลยนะเนี่ย “เล่ามา”
“เฮ้อ! ก็ได้ๆ” หันไปยิ้มให้พี่อ๊อฟแล้วจ้องหน้าพี่มัน “พี่ทำหน้าแบบเมื่อกี้บ่อยๆได้ไหม ผมชอบ” ยิ้ม พี่อ๊อฟท่าจะเขินหูแดงเชียว
“มะ....มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง รีบเล่าเลย” กลบเกลื่อนความเขินอายด้วยท่าทีหงุดหงิดสินะ
“ก่อนเล่าขอถามก่อนได้เปล่า” ผมหันไปมองมันด้วยสายตาจริงจัง
“อืม ถามมาดิ!” มันก็จ้องหน้าผมกลับ
“พี่ชอบ....อิงฟ้าจริงเหรอ” ผมก้มหน้าถาม
“อืม น้องเค้าก็น่ารักดีนะ” พูดพร้อมกับยิ้ม
“จริงเหรอ” มองหน้ามัน มันพยักหน้า “อืม” ผิดหวังจัง จริงๆก็อยากจะถามนะว่า ‘ที่พี่บอกชอบผมวันนั้น...ยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า’ แต่มันจะดูเป็นคำถามที่เห็นแก่ตัวเกินไปเพราะผมก็ยังมีพี่ไอซ์อยู่ ...
“ทำไมวะ”
“ปะ...เปล่า เอ้อพี่ พี่ไอซ์นี่เจ้าชู้ป่ะ ผมดูโทรศัพท์มีแชทกับผู้หญิงเพียบเลย” ผมถามพร้อมกับเงยหน้ามองท้องฟ้า
“อย่าบอกนะว่ามึงทะเลาะกับมันเรื่องนี้?” ผมพยักหน้า “ไหนเล่ามาดิมันเป็นยังไง” ผมก็เริ่มเล่า ตั้งแต่พี่ไอซ์โกรธผมเรื่องไอเบสเมื่อวาน จนวันนี้ “อ่ออย่างนี้นี่เอง มึงไม่ไว้ใจมันเหรอ?”
“เปล่าหรอก ก็แค่ กลัวกลัวโดนทิ้งแบบไม่รู้ตัวน่ะสิ” ทำหน้าเซ็งๆ
“ไอไอซ์มันไม่ใช่คนเจ้าชู้หรอก มันแค่มีคนคุยมันก็คุยเท่านั้นเอง อีกอย่างมันก็แสดงให้มึงเห็นแล้วนี่ ว่ามันไม่มีอะไรจริงๆ มึงจะกลัวทำไมวะ!?” บอกผมด้วยท่าทีจริงจัง
“ผมงี่เง่าหรือเปล่าวะพี่ พี่ไอซ์คงเบื่อผมแล้วมั้ง” ผมถามด้วยความนอยที่ตัวเองเป็นแบบนี้
“กูไม่รู้ว่ะ แต่สำหรับกูนะกูว่ามึงไม่งี่เง่าเลย ที่มึงเป็นแบบนี้เพราะมึงแคร์มัน กลัวจะเสียมันไม่ใช่เหรอ ไอไอซ์นี่น่าอิจฉาเนอะ” (ยิ้ม) “มีคนแคร์มันขนาดนี้”
“ไม่หรอก พี่ยังมีอิงฟ้านี่ เขาชอบพี่มากนะ” ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง ใจนึงก็แคร์พี่ไอซ์นะ แต่ใจนึงรู้สึกหึงพี่อ๊อฟที่บอกชอบอิงฟ้า ผมจะบ้าตายเพราะเรื่องผู้ชาย นี่ผมเครียดกว่าเรื่องเรียนอีก
“อย่าคิดเยอะ! ไม่ต้องสับสนหรอก ไปบ้านกูดิ กูจะให้ดูอะไร” มันลุกขึ้นแล้วก็ยื่นมือมาให้ผม ผมก็จับมือมัน แล้วก็เดินจูงมือกันไปบ้านพี่อ๊อฟ
ถึงบ้านพี่อ๊อฟ ผมก็เข้าไปทักทายคนที่บ้านพี่อ๊อฟ แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมขึ้นไปห้องมัน......
“ดูอะไร” ผมก็มองหาอะไรที่พี่อ๊อฟจะให้ดู
“แปปดิ มันอยู่ตรงระเบียง มึงนั่งรอแปป” พี่อ๊อฟพูดจบมันก็ออกไปนอกระเบียง
ผมรอสักพักพี่อ๊อฟก็กลับเข้ามาพร้อมกระดานวาดรูป มีผ้าคลุมมาด้วย......
“อะไรล่ะนั่น?”
“ลองเปิดดูสิ” มันส่งกระดานวาดรูปมาให้ผม ผมก็เปิดออกดู........
“พะ พี่อ๊อฟ ทำไม!”
“มีหลายรูปนะ มึงลองเปิดดูก่อน” ผมก็ดูกระดาษแผ่นถัดไปเรื่อยๆ “ชอบไหม” ยิ้มแบบอบอุ่น
“ชะ...ชอบสิ ทำไม ทำไมถึงวาดรูปผม” คือกระดาษที่อยู่บนกระดานมีประมาน6แผ่น เป็นรูปผม วาดรูปเหมือน แต่ละแผ่นจะมีข้อความสั้นๆ
“กูยังยืนยันนะ ยังไงกูก็ชอบมึง ส่วนอิงฟ้ากูชอบเหมือนน้องสาว! มึงกลัวว่าคำตอบจะไม่เหมือนเดิมใช่ไหม” พี่อ๊อฟจับมือผม
“พี่ไม่จำเป็นต้องทำให้ผมขนาดนี้ก็ได้นะ” ซึ้งมากบอกตรงๆ ไม่เคยมีใครทำให้ผมเลย ส่วนมากก็จะซื้อของให้ “ผม ผมไม่เคยทำอะไรให้พี่เลยทั้งๆที่....ก็เคยบอกชอบพี่เหมือนกัน ผม......ผมมันดูเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่า” น้ำตาไหลลง พี่อ๊อฟเอามือปาดน้ำตาผม
“อย่าร้องเลยมึง กูก็ทำให้มึงเท่าที่ทำได้แหละ และอย่าคิดว่าตัวเองเห็นแก่ตัว เพราะกูไม่เคยมองมึงเป็นแบบนั้นเลยนะ” ผมกอดพี่อ๊อฟเลยทันทีที่มันพูดจบ “อย่าร้องดิ!”
“ทำไม ทำไมไม่เป็นพี่ตั้งแต่แรก....” ไม่อยากพูดแบบนี้เลย แต่ไม่รู้สิ เวลาผมอยู่กับพี่ไอซ์มันเหมือนอยู่กับพี่ชายมากกว่าแฟนเสียอีก ที่ร้องเพราะมันอัดอั้นหลายอย่าง ใจนึงก็ยังคงนอยพี่ไอซ์ที่ผมไม่คู่ควร ใจนึงก็รู้สึกเห็นแก่ตัวเกินไป ที่ยังคิดกับพี่อ๊อฟแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะทำยังไงดี
“กูบอกแล้วไง ให้มึงคบกับคนที่มึงชอบก่อน กูรอได้” ลูบหัวผม “หยุดร้องได้แล้ว เดี๋ยวตาบวมนะ” ผละออกจากกอด แล้วเช็ดน้ำตาให้ผม “รู้เปล่า สีที่ใช้ระบาย ก็เป็นสีที่มึงซื้อให้นะ ถึงมันจะไม่สวยมากมายกูก็ตั้งใจนะเว้ย!” (ผมยิ้ม)
“ขอบคุณนะพี่” (ยิ้ม)
“อืม กูเต็มใจ” (ยิ้ม)
เราก็คุยกันไปสักพักผมก็ง่วง ตอนแรกบอกจะกลับพี่อ๊อฟบอกว่านอนนี่แหละ ผมเลยโทรไปขอป๊า โดนบ่นเลย บอก ช่วงนี้ติดเพื่อนเกินไปหรือเปล่านู่นนี้นั่น หูชาเลยสิ.......
“โอเคขึ้นยัง?”
“ อื้ม” ผมหันไปยิ้มให้พี่อ๊อฟ “ผมชอบรูปที่พี่วาดให้จัง” ผมนั่งดูรูปที่พี่อ๊อฟวาดให้อยู่ “ข้อความนี่พี่คิดเองเหรอเนี่ย ไม่รู้นะพี่ก็มีมุมหวานๆ” เป็นข้อความสั้นๆ เกี่ยวกับความรัก พี่อ๊อฟหูแดงมากคงเขินสินะ
“อืม” (ยิ้ม) “แล้วทำไม เวลากูอยู่กับอิงฟ้ามึงต้องทำเหมือนไม่พอใจด้วยล่ะ?” พี่อ๊อฟถามผม
“กะ ก็....”ไม่กล้าพูด อยากบอกว่าหึงนะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย “มะ ไม่มีอะไรหรอก!”
“มึงหึงกูใช่ป่ะ?”
“ปะ เปล่า!” ผมก้มหน้าพูด
“รู้อะไรไหม” มันจับมือผม ผมมองหน้ามัน “กูไม่ว่าหรอกนะเว้ย! มึงหึงกูได้ทำอะไรกับกูก็ได้ เท่ากับแฟนมึงเลย ถึงกูจะไม่ได้อยู่ในฐานะนั้นก็ตาม เพราะกูชอบที่มึงหึงหรือแคร์กู!” ยิ้มผมเขนเลยสิ พี่อ๊อฟดูจะความคิดตรงกับผมหลายอย่างเลยนะ
“ผมบอกตรงๆผมก็...หึงนะ แต่.....” พูดจบผมก็ก้มหน้า
“ไอซ์ ใช่ไหม” ผมพยักหน้า พี่อ๊อฟจับมือผมแน่นขึ้น “บอกแล้วไงว่าไม่เป็นอะไรเลย กูให้มึงทำได้ตามสบายเลย  แค่มึงแคร์กู กูก็มองข้ามตรงนั้นไปหมดแล้ว” (ยิ้ม)
“เป็นคนดีเกินไปแล้วนะ! งั้นผมให้พี่เป็นแฟนน้อยได้ไหม5555” ดึงเข้าตลก ไม่อยากซึ้งเยอะ
“กูยอมเป็นชู้ก็ได้เว้ย! 5555”
“ชู้เหรอ! ก็ดีนะเทรนนี้กำลังมาแรง 55”
“งั้น!” กดผมให้ล้มนอนกับเตียงแล้วขึนคร่อมผม “กูขอทำหน้าที่ชู้ได้ไหม” ส่งสายตาหื่นมาให้
“เอาจริงดิ!” ผมจ้องหน้าพี่มัน
“หน้ากูดูล้อเล่นงั้นเหรอ” โน้มหน้าเข้ามาจูบผม ผมหันหน้าหนี
“พอเลย!” ดันพี่อ๊อฟลงจากตัว “ผมง่วงแล้วนะเนี่ย” เปลี่ยนเรื่อง
“อะไรวะ! เซ็งเลย” แล้วก็ลุกจากเตียงไปห้องน้ำ
พอพี่อ๊อฟเข้าห้องน้ำผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์ แต่รู้สึกแปลกๆทำไมพี่ไอซ์เงียบไป ผมเลยลองโทรหา สักพักพี่ไอซ์ก็รับ........
“.........” (เงียบ)
“พี่ไอซ์ …..”
“..............”(เงียบ)
“เป็นอะไรอีกเนี่ย!” พี่อ๊อฟเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี ผมเลยเดินออกมาคุยตรงระเบียงห้องพี่อ๊อฟ
“เปล่า”
“ขี้งอนเกินไปหรือเปล่า ผมทำอะไรผิดอีกเนี่ย”พูดติดจะอารมณ์เสียไปหน่อย
“เปล่า!” กระแทกเสียงกลับมา
“โอเคๆ ผมขอโทษก็ได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรผมขอโทษโอเคไหม” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“อืม”
“แล้วพรุ่งนี้ไปธุระที่ไหนอ่า”
“แถวนี้แหละ!” (เอิ่ม!)
“ไม่อยากคุยกับผมเหรอ?”
“เปล่า”
“..........”ผมเงียบ
“.......(ถอนหายใจ)”
“งั้นพรุ่งนี้พี่ทำธุระเสร็จเดี๋ยวผมไปหาโอเคไหม โทรมาบอกผมด้วยนะ”
“อืม ตึ๊ด!”
แล้วก็คือวางสายไปเลย เป็นอะไรของเค้าอีกนะ ผมเริ่มจะเบื่อกับอาการขี้งอนไม่เข้าเรื่องของพี่ไอซ์แล้วสิ! ผมยืนคิดนู่นี่สักพักก็เดินเข้าไปในห้อง ก็เห็นพี่อ๊อฟนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ ผมเข้าไปดู........
“ทำอะไรอ่ะ?” ผมถามด้วยความสงสัย
“การบ้าน อาทิตย์หน้าก็ต้องไปแข่งแล้วนะเว้ย! ต้องรีบเคลียล์งาน” พี่อ๊อฟถามพร้อมกับก้มหน้าก้มตาทำงาน
“แข่งที่ไหนเหรอ?” ผมถามอย่างสนใจ
“ทำไม จะไปดูกูเหรอ?” มันหันมาถามด้วยความสนใจ
“พี่ให้อิงฟ้าไปดูดิ้” (ยิ้ม)
“เออจริงด้วย น้องเทคแคร์กูดี งั้นเดี๋ยวกูโทรไปชวนก่อน!” หยิบโทรศัพท์ทำท่าจะกดโทรออก ผมเลยดึงโทรศัพท์พี่มันมา
“เดี๋ยวนี้มีเบอร์กันแล้วเหรอ?” ถามด้วยสีหน้าที่ดูจะไม่พอใจ
“มีแล้วทำไมวะ?” ตอบหน้าตาย
“อืม เรื่องของพี่นี่เนอะ ทำงานไปเถอะ ไปอาบน้ำดีกว่า!” ผมคืนโทรศัพท์ให้มันแล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย “พี่อ๊อฟ! ขอยืมชุดนอนด้วยนะ เตรียมให้ด้วย!” ผมตะโกนบอก
“เออ!” พี่มันตะโกนตอบกลับมา
“ผมใช้แปรงฟันพี่นะ!” แปรงสีฟันมันทรงแปลกๆ สำหรับจัดฟันสินะ
“เออออออ! จะใช้อะไรก็ใช้ไป!” สงสัยมันจะรำคาญแล้ว
ผมอาบน้ำเสร็จก็หาผ้าเช็ดตัว ไม่มี! ผมก็เปิดแง้มประตูชะโงกหน้าออกไป...........
“พี่อ๊อฟ ขอผ้าเช็ดตัวหน่อยดิ”
“แปป” มันเดินไปหยิบในตู้มาให้ผม พร้อมเสื้อผ้า
ผมก็เข้าไปเช็ดตัวแล้วใส่เสื้อผ้า ออกมาพี่อ๊อฟก็ยังนั่งทำงานอยู่ผมก็นอนเล่นโทรศัพท์.........
“คุยกับไอซ์เหรอ เมื่อกี้...” มันถามผมแต่ก็ยังจดจ่อกับการบ้าน
“ เห็นพี่ไอซ์เงียบไปตั้งแต่เย็นเลยลองโทรหา”พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เป็นยังไงบ้าง” มันถามผมด้วยน้ำเสียงที่ดูจะอ่อนโยน พร้อมกับหันหน้ามามองผม
“ก็ไม่เป็นยังไง งอนตามเคย และทำเสียงเหมือนไม่อยากคุยด้วย”
“อืม” แล้วก็ก้มหน้าทำงานต่อ
“ปกติ พี่ไอซ์ขี้งอนแบบนี้เหรอ?”
“ใช่ แต่มันก็ไม่มีอะไรหรอก อย่าเครียดน่า โดนมันทิ้งก็ยังมีกูอยู่” (ยิ้มหล่อเชียว)
“แหมๆ! ผมก็กังวลนี่นา เป็นแฟนกันก็ต้องห่วงเปล่าวะ”พี่อ๊อฟทำหน้าหงอยเลย
“อืม!” ผมหันไปมองมัน
“แต่ผมก็ห่วงและแคร์พี่อ๊อฟนะ อย่าคิดมากน่า” พี่อ๊อฟมันอมยิ้ม “แล้วตกลงไปแข่งที่ไหน?”
“กรุงเทพฯ ไปสามวันนะ แข่งหลายที่”
“สามวันเลยเหรอ? คิดถึงพี่แย่เลยอะดิ”
“ตามไปดิ!” มันหันมาย้ำอีกรอบ
“บ้าดิ! ผมต้องเรียนนะ แล้วทำไมไม่ชวนอิงฟ้าล่ะ?” ผมก็ชอบตอกย้ำอยู่เรื่อย
“ทำไมอีกล่ะ?” มันหันมาทำหน้าขมวดคิ้ว
“ก็มีเบอร์กันไม่ใช่ โทรไปชวนสิ” ผมพูด แล้วก็ทำเป็นไม่มองมัน
“กูไม่มีหรอกน่า! พูดให้มึงหึงกูไปงั้นแหละ” ทำหน้าหล่อ
“ไม่มีแต่ถ่ายรูปลงเฟสด้วยกันเนี่ยนะ?”
“เขาขอถ่ายนี่หว่า อีกอย่างคอยเอาน้ำ เก็บกระดาษให้กูด้วย แค่ถ่ายรูปไม่มีอะไรหรอกน่า”
“อืม” (อมยิ้ม)
“อย่าบอกนะ! ที่วันนั้นกูโทรไปแล้วก็ส่งข้อความไปแล้วมึงไม่รับไม่ตอบคือเรื่องนี้?”
“ปะ เปล่า มันก็เรื่องของพี่นี่! ผมจะไปสนทำไม” ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อ
“หึ!”
“ทำไม!”
ผมก็เถียงกันไปมาสักพักผมก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็สายแล้ว พี่อ๊อฟก็เหมือนเดิมเนียนตลอด นอนกอดผม หน้าอยู่ตรงคอผมเหมือนเดิม ผมค่อยๆขยับตัวออกจะลุกขึ้น.....
“ตื่นเร็วจังวะ!” มันทำเสียงงัวเงีย
“นอนต่อไปเถอะน่า!” ผมกำลังจะลุกขึ้นพี่อ๊อฟจับมือผมไว้
“มอนิ่งคิสกูหน่อยน้า” ทำหน้าอ้อนได้น่ารักมาก
“บ้า” เขินสิ
“น้าๆๆๆๆ” ตื้อแล้วทีนี้ เสียงตอนพี่อ๊อฟตื่นดู เซ็กซี่จัง
“ก็ได้” ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบที่ปากพี่อ๊อฟ จูบเบาๆไม่ได้ลุกล้ำแต่อย่างใด “พอใจยัง” ยิ้มเขิน
“แค่นี้ก็ยังดีวะ” ยิ้ม
แล้วพี่อ๊อฟก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ ผมก็เปลี่ยนใส่ชุดเมื่อวาน ค่อยกลับไปอาบน้ำที่บ้านดีกว่า สักพักพี่อ๊อฟก็ออกมา นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว.....
“ไม่อาบน้ำเหรอวะ?”
“ค่อยไปอาบน้ำที่บ้านก็ได้” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงรีบกลับเหรอ?” ถามพร้อมทำหน้านอยๆ
“เปล่าหรอก” เดินเข้าไปจับมือมัน “อย่านอยเด้!” ดึงแก้มมัน
“อืมๆ ให้กูไปส่งไหม?”
“ไม่ต้องหรอก อีกอย่างพี่รีบเคลียล์งานเถอะ พี่ไปตั้งแต่พรุ่งนี้เลยใช่ไหม?”
“อืม มึงจะคิดถึงกูใช่ไหม?” มองผมด้วยสายตาที่จริงจัง
“คิดถึงดิ” (ยิ้ม) “คิดถึงมากด้วยไม่มีคนด่า” พี่อ๊อฟยิ้มแล้ว
“อืม แค่นี้กูก็ดีใจแล้ว” ลูบแก้มผม
“อย่าพูดแบบนี้ได้ไหมเนี่ย! ผมไม่ชอบเลย” ทำหน้างอ “พี่อ๊อฟ รู้อะไรเปล่า” หันมามองผม “ถ้าย้อนกลับไป พี่เป็นคนบอกผมก่อน ผมก็จะเลือกพี่ แต่ตอนนี้ คงต้องเป็นแบบนี้ไปก่อนนะพี่ เข้าใจนะ”(ยิ้ม)
“อืม! กูเข้าใจ กูผิดเอง” ทำหน้าหงอยอีกแล้ว
“ไปใส่ชุดได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก” แล้วพี่อ๊อฟก็หันกลับไปแต่งตัว
ผมก็นั่งเล่นกับพี่อ๊อฟ จนช่วงบ่ายๆผมก็กลับบ้าน แต่รูปที่พี่อ๊อฟวาดให้ผมฝากไว้ที่พี่อ๊อฟก่อนอีกอย่างพี่อ๊อฟก็ยังอยากแก้รายละเอียดอีกหน่อยด้วย กลับบ้านก็อาบน้ำแต่งตัวรอพี่ไอซ์โทรมา แต่นี่ก็จะเย็นแล้ว ยังไม่มีวี่แวว ผมเลยโทรไปหาเลย สักพักก็รับ........
“พี่ไอซ์” 
“ว่า?” เฉยชาไปไหน
“ทำธุระเสร็จหรือยัง?”
“ธุระอะไร”
“ก็เมื่อวานพี่บอกว่าพี่มีธุระ?” อะไรของเขานะ
“อืม แล้วยังไงอ่ะ” ดูคำพูดที่แสนเย็นชานี่สิ
“บอกว่าทำธุระเสร็จพี่จะโทรมาบอกผมไม่ใช่เหรอ? ผมแต่งตัวรอพี่ตั้งแต่บ่ายแล้วนะ!” โมโหแล้วนะ ทำแบบนี้ได้ยังไง
“อืม พี่ลืมอ่ะ” อยากจะกรีดร้องมากๆ คืองอนได้แบบไร้สาระสุดๆ คนที่ควรจะโกรธคือผม ลองถ้าผมมีแชทกับคนอื่นมากมายสิ คงหวังว่ามันจะมาง้อผมบ้างนะ
“เออๆ ตึ๊ด!” ผมกดวางสายเลย
คือตอนนี้ไม่รู้แล้ว ว่าใครงี่เง่า คืออะไรจะงอนขนาดนั้น ไร้สาระที่สุด ผมไปส่องกระจกอีกครั้ง เพื่อเตรียมจะออกไปข้างนอก คือผมกับพี่ไอซ์เป็นแฟนกันด้วยความชอบที่ทั้งสองมีให้กัน ดังนั้นผมจึงอยากจะยื้อและทำทุกอย่างเท่าที่ผมทนได้ ถ้าพี่เขายังงี่เง่าและเยอะไม่เข้าเรื่องผมก็คงขอลา (โกรธจริงๆแล้ว) ผมก็บอกป๊ากับแม่ว่าจะไปหาพี่ไอซ์ ผมเดินไปขึ้นสองแถวลงแถวตลาดก่อน หาซื้อดอกไม้ไปให้พี่ไอซ์ซักหน่อย! ดูดิทำขนาดนี้แล้วยังจะเยอะอยู่ไหม พอซื้อเสร็จผมก็นั่งรถต่อไปบ้านพี่ไอซ์ทันที พอถึงผมก็กดกริ่ง สักพักพี่อาร์มก็ออกมา.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:22:11
“อ้าวนท มาได้ยังไงเนี่ย!” ทักทายพร้อมกับส่งยิ้มหล่อมาอีกแล้ว
“นั่งรถมาสิพี่อาร์ม พี่ไอซ์อยู่หรือเปล่าครับ” (ยิ้ม)
“อยู่ๆเข้ามาดิ” แล้วก็นำผมเข้าบ้านไป “แหมซื้อดอกไม้มาให้กันด้วย มีอะไรพิเศษหรือเปล่า?”
“พี่ไอซ์โกรธอะไรผมอีกก็ไม่รู้พี่อาร์ม ผมเซ็งแล้วเนี่ย”
“ว่าแล้ว ไอซ์มันไม่ยอมลงมากินข้าวเลย พี่ว่าดอกไม้ เอาไว้ก่อน มาเตรียมข้าวไปให้มันก่อนดีกว่าไหม” ยิ้มหล่ออีกแล้ว โอ้ยใจละลาย
“ทำตัวเป็นเด็กเลยนะครับ นับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ” ผมเซ็งเลย ทำไมผมต้องมาเจอคนที่เอาแต่ใจตลอด
“เอาน่า มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เอาใจมันหน่อยมันรักจริงนะนั่น!” พูดทีเล่นทีจริง ผมก็เข้าใจได้
“ผมก็พูดไปงั้นแหละครับพี่ ช่วยผมเตรียมข้าวให้พี่ไอซ์หน่อยดิพี่”
แล้วพี่อาร์มก็พาผมเข้ามาในครัวเตรียมข้าวใส่ถาดไปให้คุณชาย พ่อและแม่ของพี่ไอซ์ ไปต่างจังหวัดตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว และพี่ไอซ์หลังจากกลับมาจากบ้านผมก็ขึ้นห้องไม่ลงมากินข้าวกินปลาเลย เด็กจริงๆ ผมกับพี่อาร์มคุยไปจัดข้าวไปพอเสร็จพี่อาร์มก็บอกจะออกไปข้างนอก ฝากดูพี่ไอซ์ด้วยผมก็ตอบตกลงไป ส่วนดอกไม้ที่ผมซื้อมาอยู่ในตู้เย็น แล้วผมก็เดินขึ้นมาหาพี่ไอซ์ ส่วนพี่อาร์มออกจากบ้านไปแล้ว ผมก็เคาะประตู ไม่มีเสียงตอบ ผมลองบิดประตู อ่าวไม่ได้ล๊อค พอเข้าไปก็เห็นพี่ไอซ์นอนหลับอยู่ เสื้อก็ไม่ใส่ ใส่แต่บอกเซอร์ ผมเดินเอาถาดไปวางไว้บนโต้ะ แล้วก็ไปเขย่าตัวพี่ไอซ์ ..........
“พี่ไอซ์ ตื่นเลย! ลุกมากินข้าวได้แล้ว” แล้วพี่ไอซ์ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา พอเห็นผมแล้วหันหน้าหนี คืออะไร “อย่ามาเมินผมนะ! ลุกขึ้นมากินข้าวเลย!” ผมบอกแบบดุๆแล้วพี่ไอซ์ก็ลุกขึ้นมา ผมเดินไปตรงโต๊ะ แล้วพี่ไอซ์ก็เดินตามมา แล้วผมก็ลากเก้าอี้ออกให้พี่ไอซ์นั่ง “กินเลยครับคุณชาย”
“...........” เงียบ แต่ก็ยอมกิน ท่าจะหิวหนัก กินแบบมุมมามมาก ผมก็ไปนั่งรอพี่ไอซ์ที่ปลายเตียง
“เอาอีกไหม?” ผมถามเมื่อเห็นว่าพี่ไอซ์กินเสร็จแล้ว แต่พี่ไอซ์ส่ายหัว “จะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า” ผมถามแล้วลุกขึ้นไปเก็บจาน พี่เขาก็ส่ายหน้าผมก็ถือถาดข้าวเอาลงไปล้างเก็บในครัว เสร็จแล้วก็ขึ้นไปหาพี่ไอซ์ ยังนั่งมึนอยู่ที่เดิม
“............”(เงียบ)
“จะเงียบอีกนานไหม?” หงุดหงิดจัง เหมือนเลี้ยงเด็กเลย ผมเกลียดเด็กมากนะ
“ …………”(ยังคงเงียบ)
พยายามข่มอารมณ์ แล้วค่อยๆถามอย่างใจเย็น “พี่ไอซ์” ผมเดินเข้าไปนั่งกับพื้นข้างๆเก้าอี้ที่พี่ไอซ์นั่ง พี่ไอซ์ก็หันมามอง แล้วก็หันไปทางเดิม “เฮ้อ! ผมไม่รู้จะง้อยังไงแล้วนะ หายงอนเถอะน้าๆๆ” จับมือพี่ไอซ์ครับ แต่ยังคงนิ่ง
“............” ยังคงเงียบต่อไป
ผมเลยลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกห้อง ผมพยายามสงบสติอารมณ์สักพักนึงแล้วก็เดินลงไปหยิบดอกไม้ในตู้เย็นในห้องครัวมา บอกตามตรงไม่เคยง้อใครขนาดนี้มาก่อนเลย คือมันเยอะเกินไปจริงๆ แล้วผมก็เดินขึ้นไปหาพี่ไอซ์อีกครั้ง ก็ขึ้นๆลงๆมันอยู่อย่างนี้แหละ! เข้าไปในห้องก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม........
“อะ” ยื่นดอกไม้ให้พี่ไอซ์ พี่ไอซ์ก็เอื้อมมือมาหยิบ “หายได้ยังพี่ไอซ์” ยังคงนิ่ง ผมเริ่มเบื่อแล้วจริงๆ “โอเคๆ บอกมาเลยต้องการจะให้กระผมทำอะไรบอกมาเลย” ยังนิ่งผมก็ประคองหน้าพี่ไอซ์ให้หันมาทางผม แล้วก็จูบแก้มทั้งสองข้าง แล้วก็จูบปากไป แล้วผละออกมา “พอใจหรือยัง” พี่ไอซ์มีอมยิ้ม
“อืม” พยักหน้าแล้วยิ้ม
“งั้นลุกไปอาบน้ำเลยไม่ได้อาบตั้งแต่เมื่อวานแล้วใช่ไหม” ผมทำท่าก้มไปดมแถวคอพี่ไอซ์ “หืมเหม็นเชียว” ทำท่าปิดจมูก แต่จริงๆไม่ได้เหม็นอะไรหรอก “ไปอาบเลย”
“อาบให้หน่อย” ทำหน้างอแงเป็นเด็ก
“พี่ไอซ์โตแล้วนะ อย่ามาเยอะไปอาบเองเลยไป!” ทำขึ้นเสียงนิดหน่อย แต่พี่ไอซ์ก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินฟึดฟัดเข้าห้องน้ำไป
ผมก็ไล่ดูแถวที่นอน เสื้อผ้าเมื่อวาน ยังกองอยู่ตรงข้างเตียงอยู่เลย ผมเลยเก็บผ้าแล้วจัดเรียงของบนโต๊ะให้พี่ไอซ์ ซักพักก็ออกมา แต่ก็ไม่ยอมใส่เสื้อผ้าอีก นุ่งผ้าเช็ดตัวมาผืนเดียว .........
“ผมจัดของกับเก็บเสื้อผ้าให้แล้วนะ” แล้วผมก็เดินไปหยิบเสื้อยืดกับบอกเซอร์ตัวใหม่มาให้พี่ไอซ์ “อะใส่ได้แล้ว เดี๋ยวไม่สบายพอดี” ผมยื่นให้พี่ไอซ์ก็รับไป “งั้นพี่ก็พักผ่อนไปแล้วกันนะผมจะกลับแล้ว” ผมยิ้มให้พี่ไอซ์ พี่ไอซ์ก็มองดูรอบๆ แล้วก็ยิ้ม
“ไม่เห็นต้องเก็บอะไรมากมายเลย ของก็ไม่เห็นต้องจัด ตัวเป็นแฟนนะ ไม่ใช่คนใช้” ทำหน้าสำนึกผิด
“ก็ถ้าแฟนไม่ทำตัวเหมือนเด็กเค้าก็ไม่ทำหรอก” ประชดมันกลับ
“อืมๆ” (ทำหน้าหงอยๆ) “ตัวคงเบื่อเค้าแล้วอ่ะดิ ต้องมาคอยตามเค้าอย่างนี้....”
“เบื่อดิ!” พี่ไอซ์น้ำตาคลอเบ้หน้า “แต่ผมเต็มใจนะ” ผมยิ้ม แล้วก็เอามือไปลูบแก้มพี่ไอซ์ “อย่าคิดมาน่า พักผ่อนเถอะ”
“จริงนะ!” (ยิ้ม) “แล้วตัวจะไม่พูดกับเค้าเหมือนเมื่อวานใช่ไหม?”
“พูดอะไร?”ผมทำเป็นจำไม่ได้
“พูดเหมือนว่าเค้าจะไปมีคนอื่น เหมือนเค้าเจ้าชู้!” ก้มหน้าพูด น่ารักไปแล้ว
“โหแค่เรื่องแค่นี้เอง โอเคเค้าจะไม่พูดแล้วโอเคไหมครับ” จับมือพี่มันแน่นเพื่อย้ำความมั่นใจ
“จริงนะ” (ยิ้มร่าเลย) “งั้นเดี๋ยวเค้าไปส่งนะๆๆๆ”
“ไม่ต้องหรอกน่า กลับเองได้ ยังไม่มืดเลย รถสองแถวยังพอมีแหละ”(ยิ้ม)
“ไม่เอา” จับมือผมแน่น
แล้วหลังจากนั้นพี่ไอซ์ปล่อยมือผมแล้วก็ไปใส่เสื้อผ้าเตรียมกุญแจรถ ผมก็ยืนมอง ทำท่าลุกลี้ลุกรน หยิบผิดหยิบถูก เฮ้อ เหมือนเด็กสะไม่มี “ป่ะๆ เอ๊ะ! หรือเค้าจะไปนอนบ้านตัวดี?”
“แล้วแต่เลยตัว!” ทำหน้าเบื่อหน่าย รู้หรอกว่าจงใจ เห็นแอบกระเป๋าผ้าไว้ข้างเตียง “กระเป๋าผ้าแลดูพร้อมดีเนอะ”หรี่ตาดูมัน
“แหะๆ!” (เกาหัว) “ก็อยากไป” ร้ายเดียงสาจริงๆ -_-“”
“จะไปก็ไป” ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา แล้วพี่ไอซ์ก็ยิ้มหน้าบานเดินนำผมไป
พี่ไอซ์โทรบอกพี่อาร์มแล้วก็ปิดบ้าน แล้วก็พากันขับรถออกไปบ้านผม พอถึงบ้านผมก็เปิดประตูให้พี่ไอซ์เอารถเข้าไปเก็บ แล้วก็พาพี่ไอซ์เข้าบ้าน.....
“แม่! มาดูลูกเราหน่อยสิ! พาแต่ผู้ชายเข้าบ้านเนี่ย!”พี่ไอซ์ยิ้มอย่างเดียวเลย
“ป๊าอย่ามาแซว!” (ป๊าทำหน้าล้อเลียน) “ แม่ดูป๊าดิ” หันไปฟ้องแม่
“เอาน่าอย่าทะเลาะกันกินข้าวมากันยังลูก” คุณแม่ยิ้มหวานเชียว
“ยังเลยครับแม่ นทมัวแต่ชวนผมคุย ผมเลยยังไม่ได้กินเลยครับ” ทำท่าลูบท้องอย่างน่าสงสาร หมั่นไส้นัก ไม่น่าตักไปประเคนให้เลย
“ได้ยังไงนท! อ๋อเดี๋ยวนี้ที่ผอมลงไม่ได้ออกกำลังกายใช่ไหม ห่วงเที่ยวเล่นใช่ไหม!” แม่ดุแล้วคราวนี้
“ป่าวนะแม่ ก็พี่ไอซ์...”
“พอเลย! รีบพากันไปกินข้าวเลยนะ” ไอพี่ไอซ์บ้า โดนดุเลย  มีการทำหน้าล้อเลียนผมอีกนะ ผมเลยหยิกเข้าที่เอว
“โอ๊ย!” ผมรีบวิ่งเข้าไปในครัว แล้วพี่ไอซ์ก็วิ่งตามมา “ทำร้ายเค้าทำไม” มาทำหน้าไร้เดียงสาใส่อีก
“พูดจาเลอะเทอะเค้าโดนป๊ากับแม่ดุเลยนะ!” ผมพูดติดจะไม่พอใจ
“5555แค่นี่เอง” แค่นี้อะไร แม่กับป๊ายิ่งไม่ชอบให้ผมอดอยู่นะ
“กินมาแล้วไม่ใช่เหรอ?” ผมถามพร้อมหรี่ตามองอย่างจับผิด
“ไม่อิ่มหรอกตัว เค้าอดมาตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้วนะ” พูดอย่างภาคภูมิใจ
“ก็เมื่อตอนอยู่บ้านตัวเค้าจะไปเอาเพิ่มให้ตัวก็ไม่เอา”
“ก็เค้างอนตัวอยู่นะ” ทำหน้านอยๆ จบที่เรื่องไร้สาระนี่เถอะ ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรต่อ
ผมกับพี่ไอซ์ก็พากันกินข้าว พี่ไอซ์กินเยอะมาก ทำตัวเป็นเด็ก กินข้าวเสร็จร้องจะกินหนมหวานอีก เดือดร้อนช๊อคโกแลตของโปรดผมอีก เฮ้อ! พอเสร็จผมก็พากันขึ้นห้อง.....
“ตัวไปอาบน้ำเลย ไม่งั้นนอนข้างล่างเลย” ผมพูดบอกพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดตัวให้
“ตัวเค้าอาบมาแล้วนะ!” พูดท้วงอย่างไม่ยอม
“ไปอาบเถอะ ตากลมข้างนอกมาแล้วด้วย เดี๋ยวจะไม่สบายตัว” ผมมองมั่นนิ่งๆ
“ไม่อาวววว” งอแงเลยสินะ ภาพนักบอลสุดเท่คนที่ผมหลงก่อนหน้านี้มันหายไปไหนหมด
“พี่ไอซ์ อย่าทำตัวเหมือนเด็ก5ขวบได้ไหม!” หงุดหงิดแล้วสิ
“อาบให้หน่อย” ผมเอามือตบหน้าผากตัวเองด้วยยความเซ็ง อะไรมันจะเด็กได้ขนาดนี้ “นะๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“คือถามจริง โตยังเนี่ย นานเข้าๆ พี่นี่ยิ่งเหมือนเด็กขึ้นทุกวัน!” ทำหน้าเซ็งๆ
“ก็ได้ๆ” ทำหน้าเศร้า โอ๊ยก็คงต้องทำ ขืนมางอนอีกผมคงได้สติแตกแน่ๆ
“เออๆ อาบให้ก็ได้ จะมางอนอะไรนักหนา!” ผมพูดจบพี่มันก็ยิ้มร่าเลย ส่วนผมเอือมระอาสุดๆ มีแฟนหรือมีลูกเนี่ย แล้วพี่ไอซ์มันก็ถอดเสื้อผ้าออก จนเหลือบอกเซอร์ที่กำลังจะถอด “หยะ...หยุดก่อน! คือถ้าถอดหมดก็อาบเองไปเลยนะ”ผมท้วงขึ้นมาทันที เป็นแฟนกันเรื่องพวกนี้มันปกติก็จริง แต่ผมเหนื่อยมาก ไม่อยากจะต้องมาตื่นเต้นกับบางสิ่งที่ไม่ควรเห็นแล้ว
“โหตัว! อาบน้ำจะใส่ทำไม” ถามจริง อยากจะโชว์ให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย
“เอาจริงๆพี่อยากทำอะไรก็ทำเถอะ!” ก็คือไม่ได้สำนึกอะไร ก็ถอดบอกเซอร์ออก ผมก็หันหลังหนีทันที
“ตัวเข้ามาดิ!” มึนได้ใจเลย
“ตัวเข้าไปก่อนเลย” ผมก็ถอดเสื้อผ้าเหลือแต่บอกเซอร์ บอกตามตรงไม่อยากไปเห็นเลย กลัวใจตัวเอง5555
“เร็วๆได้ป่ะ!” ตะโกนอกมาจากห้องน้ำ
“ก็ได้ๆ!” หลังจากยืนทำใจสักพักก็เข้ามา ด้วยอาการตื่นเต้นเล็กน้อย
แล้วผมก็เข้าไปในห้องน้ำ โอ้โห! ผมหันหลังหนีแทบไม่ทัน คือล้อนจ้อนเดินไปเดินมา ไม่ได้อายผมเลย.....
“เอาจริงๆตัวไม่อายแต่เค้าอายนะ!” ยืนหันหลังให้พี่ไอซ์
“อายอะไรตัว!” เดินเข้ามากอดผมจากด้านหลัง แต่ผมสัมผัสได้ว่ามีพลังงานบางอย่างจิ้มอยู่ที่ด้านหลังผม “ทำไมตัวไม่แก้ผ้าอาบกับเค้าล่ะ” ช่างกล้ามาถามนะ
“ปล่อยเลยพี่ไอซ์ แล้วหันหน้าไปทางนู้นด้วย!” แล้วพี่ไอซ์ก็ปล่อย ผมก็ค่อยๆหันไป เฮ้อ! เห็นข้างหลังยังดีกว่าข้างหน้าแหละวะ มือไม้สั่นไปหมดแล้วนะ
“เร็วๆตัวอาบน้ำให้หน่อย” (เอิ่ม!)
แล้วผมก็เปิดฝักบัวล้างตัวให้พี่ไอซ์ พี่ไอซ์ก็จะหันมาอย่างเดียวไม่รู้จะอยากให้เห็นอะไรนักหนา ไม่รู้หรือยังไงว่าคนเห็นมันใจไม่ดี555 แล้วผมก็ชโลมสบู่ถูหลังให้พี่ไอซ์ แล้วก็เขย่งเท้าสระผมให้จากทางด้านหลัง.......
“ที่เหลือทำเองนะ” พูดจบแล้วมันหันหน้ามาทำหน้างอ ผมนี่ต้องมองสูงเข้าไว้พยายามไม่มองต่ำ
“ตัวบอกจะอาบให้เค้านะ ถูหลังกับสระผมให้แค่เนี่ยเหรอ?” เริ่มมีอาการงอแงสินะ
“พี่ไอซ์ไม่ได้ป่วยหรือพิการนะ!” (หงุดหงิด) “แล้วอยากโชว์มากใช่ไหมเนี่ย!” ผมเหลือบไปเห็น มันกำลังตื่นตัวเลย
“แฟนกันเห็นของกันไม่ได้เหรอ!” เอาจริงๆ มันเด็กมากๆ นี่หรือนักบอลโรงเรียน “ตอนเค้าไปแข่งบอลก็แก้ผ้านะ”
“มันไม่เหมือนกันนะ! รีบๆอาบไปเลย ผมเริ่มร้อนแล้ว” รู้สึกอายจริงๆนะเนี่ย ที่พี่ไอซ์มายืนแก้ผ้าคุยกับผมแบบนี้สถานการณ์มันล่อแหลมขั้น 25+ แล้วนะ
“ตัวหน้าแดงเลย เขินเค้าเหรอ” เดินเข้ามาใกล้ๆผม จนผมติดกำแพง
“บะ...บ้าใครเขิน! ถอยไปเลย” ผมจะดันพี่ไอซ์ออกมัน ดันจับมือผมไว้ก่อน “จะทำอะไร” ใจเต้นแรงมากตอนนี้
“ก็.....” พี่ไอซ์เอามือผมไปลูบแถวๆท้องน้อยมัน 
“ตะตัว.......” ผมหันหน้าหนีพี่ไอซ์ อายจังรู้สึกว่าร้อนหน้ามาก พี่ไอซ์ไล่มือผมลงไปผมสัมผัสได้ถึงไรขน
พี่ไอซ์ก็โน้มหน้ามาแถวคอผมแล้วก็ไซร้ไปมา ผมเริ่มรู้สึกตื่นตัวตั้งแต่สัมผัสที่หน้าท้องพี่ไอซ์แล้ว ตื่นเต้นมาก จริงๆผมก็ชอบเรื่องพวกนี้นะถ้าหมายถึงผ่านเว็บ แต่พอมาแบบนี้มันก็ชอบ แต่มันก็ตื่นเต้น ทำตัวไม่ถูกเลย 
“ตัวช่วยเค้าหน่อยนะ” ผมหันมามองหน้าพี่ไอซ์ โห!ทำหน้าหล่อแล้วเสียงอ้อนวอน นี่สินะ ที่เขาว่ากัน ผู้ชายที่เปียกน้ำจะหล่อขึ้น อันนี้จากหล่ออยู่แล้ว ทำผมฟินไปไกลเลย
“ชะ...ช่วยยังไง เค้าไม่เคยนะ!” ทั้งตื่นเต้นทั้งกลัว
“นะๆ” โน้มหน้าเข้ามาหอมแก้ม แล้วก็จูบเบาๆที่หน้าผากผม
“ใช้มือนะ” ผมพูดแต่ไม่ได้สบตากับพี่ไอซ์หรอก ทั้งเขินและอายขนาดนี้
แล้วพี่ไอซ์ก็จับมือผมไปจับแท่งอุ่นๆของเขา อืม....เต็มมือมาก มันดูใหญ่...แล้วผมก็ค่อยๆกำรูดขึ้นๆลงๆ พี่ไอซ์ก้มมาจูบผมอย่างดุเดือด เสียวท้องน้อยไปหมด มืออีกข้างของพี่ไอซ์ก็ล้วงเข้ามาในบ๊อกเซอร์ผม ผมจะปัดออกพี่ไอซ์ก็กัดปากผม แต่ก็เอามือมาจับ....ของผมแล้วค่อยๆรูด ผมเลยรูดของพี่ไอซ์เร็วและแรงขึ้น พี่ไอซ์คำรามในคอด้วยความเสียวซ่าน ผมก็เริ่มไม่ไหวแล้ว มือผมเร่งเร็วขึ้นอีก
สักพักพี่ไอซ์ถอนจูบออกมาปล่อยมือจาก....ผมแล้วกอดผมแน่นแล้วครางออกมาผมยิ่งรัวมืออย่างถี่เร็ว จนพี่ไอซ์เกร็งและกระตุกน้ำรักออกมา คือน้ำเยอะมาก พุ่งมาตรงบริเวณหน้าท้องผมรู้สึกถึงความร้อนได้เลย ส่วนผมกำลังจะผละออกพี่ไอซ์ออก พี่ไอซ์ก็ล้วงมือเข้ามาในกางเกงผมอีกครั้งเพื่อช่วยผมบ้าง ผมนี่ถึงกับขาสั่นเลย พี่ไอซ์เอานิ้วโป้งถูตรงบริเวณส่วนหัว แล้วก็รูดไปด้วย ผมต้องเอาหน้าไปซบกับอกพี่ไอซ์ เสียวสุดๆ พี่ไอซ์เร่งความเร็วๆเรื่อยๆจนผมปล่อยออกมา พี่ไอซ์ถูอยู่ตรงส่วนหัวผมไม่หยุด ผมบิดไปบิดมาจนเข่าอ่อนเลยทีเดียว พี่ไอซ์ถึงกับต้องประคองผมไว้เลย.....
“ตัวไหวไหม” (ยิ้ม) ให้ตายเถอะ นี่มันการที่ทำอะไรแบบนี้ มันครั้งแรกของผมเลยนะ
“บ้า! แกล้งอยู่ได้” รู้สึกหน้าร้อนมาก
“เค้าเปล่าแกล้งนะ” (ยิ้ม) “ขออีกรอบได้ไหมแต่คราวนี้ขอ...” เอามือล้วงเข้าไปในบอกเซอร์ผม และลูบไล้ไปที่บริเวณก้มผม ผมดันพี่ไอซ์ออก
“พอก่อน! รีบอาบน้ำเถอะ” พี่ไอซ์ก็พยักหน้ารับ
ผมกับพี่ไอซ์ก็อาบน้ำพี่ไอซ์ก็แซวอยู่นั่นแหละ ผมนี่ไม่กล้ามองหน้ามัน พอผมอาบเสร็จก็รีบออกมาแต่งตัว ปล่อยพี่ไอซ์มันเพ้อเจ้อไป.....
“ไม่รอเค้าเลยนะ” ทำหน้างอน “ได้เค้าแล้วทิ้งเหรอ!” ดูพูดเข้า
“บ้า! ตัวขืนใจเค้าต่างหาก” พูดแต่ก็ไม่ได้มองหน้าพี่มันนะ
“ขนาดเค้าขืนใจตัวยังเคลิ้มขนาดนั้นนะ” (ทำหน้าล้อเลียน)
“พอเลยจะนอนแล้ว!” ล้มตัวนอน หันหลังให้พี่ไอซ์ สักพักพี่ไอซ์ก็งียบไป แล้วก็ปิดไฟ ขึ้นเตียงมา...
“ตัวๆ” สะกิดผม
“อะไร?” ผมพลิกตัวหันกลับไปทางพี่ไอซ์
“เมื่อกี้ ยังไม่ถือว่าได้นะ! เรียกว่าช่วยกันเฉยๆ” ถึงห้องจะมือผมก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ของพี่ไอซ์
“ทำไมไม่ใส่เสื้อนอน?” ผมไม่ได้โง่ ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ผมก็เปลี่ยนเรื่องก่อน รู้สึกจะเปลืองตัวไปแล้ว
“เค้าร้อน” เปิดแอร์ขนาดนี้มาร้อนอะไร
“งั้นเดี๋ยวเร่งแอร์ให้” กำลังจะลุก พี่ไอซ์จับมือผมไว้
“ไม่ต้องหรอก เค้าจะนอนกอดตัวแบบนี้แหละ”
“อืมๆ” แล้วพี่ไอซ์ก็เอามือมาลูบไล้ตัวผม ผมจับมือพี่ไอซ์ไว้ “ทำไรอ่ะ?”
“ก็....” เอามือผมไปจับ...ของเขาคือมันตื่นอีกแล้ว
“พอเลยจะหมกมุ่นไปแล้ว! นอนได้แล้วพรุงนี้ต้องไปเรียน” โชคดีที่ปิดไฟแล้ว ผมร้อนหน้าไปยันหู ไม่รู้ว่าไข้ขึ้นหรือเขินแล้วนะเนี่ย
“ตัว...ก็เค้าอยาก....” เริ่มงอแงดิ้นไปดิ้นมาข้างผม
“เอ๊ะคนนี้นี่ยังไง พูดไม่รู้เรื่อง” หงุดหงิดพี่ไอซ์นอนหันหลังให้ผม คงจะงอนไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็หลับตา
สักพักพี่ไอซ์ก็ลงจากเตียงไป ผมก็ลืมตาหันไปดูคือหอบหมอนหอบผ้าห่มลงไปนอนล่างเตียง คือจะเด็กไปไหนเนี่ย! ผมละหน่าย!
“ไปนอนข้างล่างทำไมตัว” ชะเง้อหน้าไปดู แต่หันหลังหนี “พี่ไอซ์!”
“.......” เงียบ ผมก็ดึงแขนให้ลุกขึ้นมาเลย “อื้อ!”
“ขึ้นมานอนดีๆสิ! อย่าทำตัวเป็นเด็กไปหน่อยเลยน่า!” ผมพูดเสียงติดจะไม่พอใจ
“ใช่สิ ตัวเบื่อเค้าแล้วใช่ไหม!” ให้ตายเถอะ ถามจริง แค่ไม่ทำ ก็เบื่อเหรอ
“อย่าง้องแง้งนะพี่ไอซ์” ชักหมดความอดทน
พี่ไอซ์ก็ยังคงนั่งเงียบ แถมหันหลังให้ผมอีก ผมหลับตาข่มอารมณ์ตัวเอง....
“พี่ไอซ์” ยังนิ่ง ผมก็เอามือไปสะกิด “ขึ้นมา! เดี๋ยวช่วยก็ได้!” หันขวับมาทันที พร้อมกับ กระโดดขึ้นเตียงอย่างไว โอ๊ยผมจะบ้าตาย!
“จริงนะ” ผมก็พยักหน้าตอบรับไป แบบนี้สินะ เป็นแม่ศรีเรือนในครัว เป็นอีตัวบนเตียง เข้าใจแล้ว
พี่ไอซ์ก็นอนแล้วถอดกางเกงออก ผมก็จัดการให้พี่ไอซ์ โดยใช้มือ แสงที่ลอดผ่านจะระเบียงทำให้ผมเห็นแท่งร้อนนี้ชัดขึ้น ยิ่งเห็น ผมก็ยิ่งรู้สึกมันเหมือนของต้องสาป ผมรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมใช้มือชักขึ้นชักลงเป็นระยะ พร้อมกับโน้มตัว เอาปลายจมูก และ ปลายลิ้น ลูบไล้ บริเวณคอของพี่เขา สักพัก พี่เขาประคองใบหน้าของผม พร้อมกับ จูบอย่างดูดดื่ม ผมไม่เก่งเรื่องนี้มากนัก จังหวะมือผมเลยหยุดไปบ้าง เพราะหายใจไม่ทัน ผมพยายามเล้าโลม ด้วยสกิลอันน้อยนิดที่มี จนทุกอย่างก็ถึงฝั่ง ครั้งแรก น้ำ...ว่าเยอะแล้ว ครั้งนี้ กระเด็นเลยไปที่หัวเตียงเลย สุดยอดจริงๆ ความแข็งแรงของนักกีฬา  พอเสร็จกิจกรรมอันแสนหวาน ผมก็ไปล้างมือพี่ไอซ์ก็ล้าง...ของเขาไปแล้วก็พากันเข้านอน พี่ไอซ์จะง้องแง้งอะไรไม่รู้มากมาย นอนกอดไม่พอต้องนอนจับมือ พอไม่ยอมก็งอน เกินเหตุจริงๆ ผมก็ต้องยอมแหละ
หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรมาก ตื่นเช้าไปโรงเรียนพีไอซ์ก็ซ้อมบอลเพราะจะมีแข่งประจำจังหวัด ส่วนพี่อ๊อฟก็ไปแข่งวาดรูปที่กรุงเทพฯก็ยังโทรมาหาผมทุกวัน ส่วนผมเรียนเสร็จไปดูพี่ไอซ์ซ้อมแล้วก็กลับบ้าน กลับเองนะ พี่ไอซ์ต้องเก็บตัวที่โรงเรียน .....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:23:07
หลังจากนั่นก็ผ่านมาจนพี่อ๊อฟกลับมา จริงๆพี่อ๊อฟบอกผมว่าจะไปแค่ 2 – 3 วัน แต่จริงๆพี่มันไปเป็นเกือบ 2 อาทิตย์เลย เพราะการแข่งมีการเปลี่ยนกติกา ถ้าผ่าน ก็จะได้แข่งต่อเนื่อง จนจบระดับภาคเลย มันก็เลยวุ่นวายกับการซ้อม และเตรียมเอกสารเรื่องไปแข่ง เพราะต้องให้ที่โรงเรียนรับทราบด้วย พี่ไอซ์ก็ซ้อมหนักขึ้นทุกวัน ผมแทบไม่ได้คุยกับพี่ไอซ์เลย ประมาณเกือบ 2 อาทิตย์นี้ และวันนี้ก็เหมือนเดิม เลิกเรียนก็มานั่งดูพี่ไอซ์.....
“ไงวะ! มาดูทุกวันเลยเหรอ” ผมหันไปตามเสียง พร้อมกับเผยยิ้มกว้างออกมา
“โห! หายไปนานหล่อขึ้นป่ะเนี่ย” ผมถามด้วยความดีใจ
“ก็นานจริงนะ! แต่กูก็หล่ออยู่แล้วด้วย ห่างหายไปนาน มึงคงคิดถึงมาก กูเลยหล่อเป็นพิเศษ (ยิ้ม)
“จ้าๆ พ่อคนหล่อ!” ประชดพี่มัน
“แล้วมึงกับมันเป็นยังไงบ้างแล้ว?” พี่อ๊อฟถามพร้อมกับมองไปทางพี่ไอซ์
“ก็เรื่อยๆ อย่างที่บอกช่วงนี้เก็บตัว ไม่ได้คุยกันเลย” ทำหน้าเซ็ง
“งั้นกูก็ทำหน้าที่แทนได้ดิ!” เขยิบมานั่งติดผม ติดชนิดที่ว่าเขยิบอีกนิดนั่งตักผมเถอะ
“เห้ย! ถอยไปหน่อยเด้ จะชิดไปไหน!” ใจนึงก็กลัวพี่ไอซ์เห็น พี่อ๊อฟก็กระเถิบออกไป
“คิดถึงมึงนี่หว่า! มึงแม่งไม่คิดถึงกูเลยมั้ง” ทำหน้าเซ็ง
“ใครจะไปคิดถึง! เล่นโทรมาหาทุกวัน ยิ่งกว่าพี่ไอซ์อีก!” ผมพูดพร้อมกับทำหน้าหมั่นไส้มัน
“555 ทำคะแนนไง” ทำหน้าภูมิใจ
“เกินไปจริงๆ” ผมส่ายหน้าให้กับพี่อ๊อฟแล้วหันไปดูพี่ไอซ์ต่อ
“อะ!” ยื่นสร้อยคอให้ผม ผมรับมาแล้วมองอย่างสงสัย “กูซื้อให้เป็นของฝาก”
“โหสวยจัง” เป็นสร้อยที่คล้องด้วยแหวน แหวนมีสองวงไขว้กันเหมือนตะกร้อ สวยมาก “แต่แบบนี้เขาซื้อให้แฟนกันนะ” ผมเหลือบไปมองหน้าพี่อ๊อฟ นิ่งเลย “อะ เอ่อคือ..”
“ซื้อมาฝากก็รับๆไปเถอะน่า!” นอยเลยอ่ะ ไม่น่าพูดเลย
ผมก้มหน้าสำนึกผิด แล้วก็มองสร้อยที่พี่อ๊อฟให้ สังเกตุดีๆมันมีตัวอักษรอยู่ในแหวน วงนึง A&N และอีกวงนึงเป็น N&A
“พี่ ที่พี่สลักมานี่หมายความว่าไงอ่า!” ผมถามด้วยความสงสัย
“มึงเข้าใจยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละ” นิ่งเลย “ถ้าไม่อยากได้อย่าทิ้งนะเว้ย! กูซื้อมาแพง” (อมยิ้ม)
“โถ่!พี่อ๊อฟ ของสวยอย่างนี้ แถมทำสัญญาลักษณ์ชื่อผมกับพี่อีก จะไม่อยากได้ได้ยังไงละ จะรักษาอย่างดีเลย” ยิ้ม แล้วผมก็เก็บสร้อยใส่กระเป๋าเสื้อ
“อื้ม”(ยิ้ม) “แล้วจะกลับเลยปะ ไอซ์มันไม่ได้กลับนี่”
“อือกลับเลยก็ได้ขอเดินไปบอกพี่ไอซ์หน่อยแล้วกัน”
พูดจบผมก็เดินไปข้างสนาม พี่ไอซ์ก็วิ่งมา.....
“ตัวจะกลับแล้วเหรอ?” เหงื่อท่วมตัวเลยนะ
“อื้ม” ยิ้ม แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดหน้าให้พี่ไอซ์ “อย่าหักโหมละ”
“อ่าๆ กลับกับไออ๊อฟนะ เค้าฝากมันดูตัว เดี๋ยวตัวแอบไปหากิ๊ก”(ยิ้ม)
“ไม่กลัวเค้าจับพี่อ๊อฟทำกิ๊กเหรอ” ทำหน้ากวนมัน
“เอาดิ เอาเลย!” งอนอีกแล้ว
“ล้อเล่นน่า! ไปซ้อมต่อได้แล้ว เค้าไปแล้วนะ!”
แล้วพี่ไอซ์ก็วิ่งกลับกลางสนาม ผมก็เดินกลับไปหาพี่อ๊อฟแล้วก็พากันไปที่ลานจอดรถ…..
“ทำไมไอซ์มันทำหน้าแบบนั้นละ?” พี่อ๊อฟถามด้วยความสงสัย
“งอนอีกตามเคย ไร้สาระตลอด” ผมพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเบื่อหน่าย
“มันงอนงี่เง่าขนาดนั้นเลยเหรอวะ?”
“อย่าให้พูดอยู่กับผมทำตัวอย่างกะเด็ก 5 ขวบ ลืมภาพนักฟุตบอลโรงเรียนสุดหล่อไปได้เลย”
“โห! ขนาดนั้นเลย” (ยิ้ม)
“ยิ้มอะไร” ผมหรี่ตามองมัน
“เปล่า เอ้อ! วันนี้มีถนนคนเดิน ไปป่ะ?”
“มันยังไม่ตั้งเลยมั้ง!”ผมตอบพร้อมกับดูนาฬิกา
“งั้นไปเดินเซ็นทรัลรอป่ะ?”จะไปให้ได้เลยสินะ
“งั้นโทรบอกป๊าก่อนแล้วกัน”
แล้วผมก็โทรหาป๊า แต่ป๊าไม่รับเลยโทรหาแม่แทน .....
“ว่าไงลูก”
“นทไปถนนคนเดินนะกลับค่ำๆหน่อย”
“ลูกคนนี้นิ! อย่าเที่ยวให้มันมากเถอะ!”
“น้าๆๆๆๆ คุณแม่คนสวยยยยยย” (อ้อนสุด)
“จ้าๆ รีบกลับนะ เดี๋ยวป๊าก็ดุอีกหรอก”
“ก็นทโทรหาป๊า ป๊าไม่รับก็โทรหาแม่นี่ไง”
“ป๊าไปคุยกับเจ็กเกรียงไง”เจ๊กเกรียงคือน้องพ่อผมผมเรียกเจ๊กแทนอา “เฮียบอมจะกลับมาจากจีน” เฮียบอมคือลูกพี่ลูกน้องผมเอง นิสัยเสียปากไม่ดี เอาแต่ใจตัวเองสุดๆ ดีแต่หน้าหล่อ
“ห๊า! ไอบ้านั่นมันจะกลับมาแล้วเหรอ!” เฮียบอมไปเรียนที่จีนได้ 4 ปีแล้ว
“พูดให้ดีๆนะนท นั่นก็พี่เรานะ!” ป๊าพูดเสียงดุ
“นทมีพี่โน๊ต คนเดียวแม่ คนอื่นไม่เกี่ยว” เถียงสักหน่อย เป็นลูกไม่ดีเลย อย่าเอาเป็นแบบอย่าง555
“แม่เบื่อจะเถียงแล้ว รีบกลับแล้วกัน ตึ๊ด!” แล้ววางสายไปเลย คงจะโกรธผมเดี๋ยวค่อยกลับไปเคลียล์555
“ไงวะ ได้ไปไหม” เมื่อเห็นผมเอาโทรศัพท์ออกจากหู พี่อ๊อฟก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ไปดิ!”
“แล้วมึงคุยอะไรกับแม่เยอะแยะ”
“เรื่องไร้สาระน่าพี่ ไปเหอะ!”
แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมไปที่เซ็นทรัล เราเดินเที่ยวกันตั้งแต่ชั้นG – ชั้น 4 สักพัก......
“ทำไมกูไม่เห็นพี่ชายมึงเลยวะ?”
“รู้ได้ยังไงว่าผมมีพี่ชาย?” ผมไม่ได้บอกพี่อ๊อฟ ส่วนพี่ไอซ์กน่าจะรู้จากรูปในห้องนอนผม
“กูก็รู้จักพี่มึง” (ยิ้ม)
“ไม่เห็นบอกผมเลย?” (ทำหน้างง)
“กูจะบอกทำไมมึงไม่ได้ถาม แล้วตกลงพี่ชายมึงไปไหน” ต้องถามสินะ
“ไปเรียนไง! อยู่หอนู่น ผมก็ไม่ได้เจอนานแล้ว” ยิ้ม พูดไปก็คิดถึงพี่โน๊ต พี่เขาใจดีมากตามใจผมทุกอย่างนี่นะ
“อืม มึงนั่นป๊ามึงป่ะ!” ชี้ให้ผมดูในร้านกาแฟชื่อดัง
“อื้มใช่อ่ะ” ผมกำลังจะเดินเข้าไปแต่ต้องเบรก ป๊านั่งอยู่กับเจ็กเกรียงและเฮียบอม “ไปเถอะพี่ ป๊ามาคุยงานอย่ากวนเลย”
“ก็เมื้อกี้มึงยังจะเดินไปอยู่เลยนะ” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“เอาน่า” ผมดึงมือพี่อ๊อฟแล้วพาเดินไปทางอื่น
“กูว่าจะซื้อกระดาษสักหน่อยดีกว่า กระดาษวาดรูปหมด” ผมก็พยักหน้าตอบรับ
พี่อ๊อฟก็พาผมไปร้านเครื่องเขียน พี่เขาก็เลือกนู่นนี่ไป....
“พี่อ๊อฟ ปวดฉี่อ่า”(เดินบิดไปมา)
“ก็ไปดิวะ ของมึงไม่ได้ติดกับของกูนะ” พูดจบมันก็หันไปเลือกของต่อ
“อ่าๆรอนี่นะ อย่าไปไหนนะ!” แล้วผมก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำ
ผมเข้าห้องน้ำเสร็จล้างมือกำลังจะออกจากห้องน้ำ
“ไงว้ะ ไอหมา” ผมหันหลังไปดูไอเฮียบอม....
“อะไร!” เดินหนีมันออกจากห้องน้ำ
“กูเพิ่งกลับมามึงจะไม่ทักทายหน่อยหรือยังไง?” มันเดินตามมา แล้วดึงแขนผมไว้
“อย่ามายุ่ง นทรีบ!” จะสะบัดก็ไม่ได้มันบีบแรง
“ทำไม กลัวแฟนมึงรอนานเหรอไอนท กูเห็นนะ!”
“มันก็เรื่องของนท ปล่อย!” ไอเฮียบอมมันชอบหาเรื่องผมมากไม่รู้เป็นอะไรของมัน
เฮียบอมก็พูดจาหาเรื่องผมไปสักพักพี่อ๊อฟก็มาตาม....
“มีอะไรกัน?” เดินเข้ามาถามหน้านิ่งๆ
“มึงเสือกอะไรวะ?” มองหน้าพี่อ๊อฟอย่างหาเรื่อง
“เฮียบอมพูดจาให้มันดีๆหน่อยเถอะ!” พี่อ๊อฟยืนมอง
“ทำไม อ๋อนี่เหรอแฟนมึง?” มองพี่อ๊อฟอย่างสำรวจ
“ไปเถอะนท!” ไม่สนใจเฮียบอมจับมือผมแล้วเดินนำไปเลย
“เห้ย! กูยังคุยกับมันไม่เสร็จ มึงอย่ายุ่งได้ไหม” กระชากไหล่พี่อ๊อฟหันกลับไปหามัน พี่อ๊อฟหน้านิ่งมาก
“เฮียบอม ถ้ายังไม่หยุดหาเรื่อง นทจะฟ้องเจ็กเกรียงนะ!” ขู่ว่าจะฟ้องพ่อมันเลย
“ฟ้องไปดิใครกลัว” ทำหน้ากวนตีน “อีกอย่างกูไม่ได้หาเรื่อง กูแค่เข้ามาทักทายน้องชายเฉยๆ”(ยักคิ้ว)
“พี่อ๊อฟไปกันเถอะ!” ผมจูงมือพี่อ๊อฟมาเลย ผมหันไปมองไอเฮียบอมไม่ตามมาแล้ว
“ใครวะ?” พี่อ๊อฟถามขึ้นด้วยความสงสัย 
“ลูกพี่ลูกน้องผมเอง มันชอบกวนชอบหาเรื่องผมเนี่ยแหละ !”  ผมตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“กูนึกว่าแฟนเก่ามึงอีก555” ดูปากมัน
“ไม่ใช่แล้ว ไปถนนคนเดินกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวไม่มีที่จอดรถ” ผมเปลี่ยนเรื่อง แล้วก็มองเวลา น่าจะตั้งแล้วนะถนนคนเดิน
พี่อ๊อฟก็พาผมมาเดินถนนคนเดิน เราเดินดูนู่นซื้อนี่นั่นไปทั่ว พอเสร็จก็กลับกันกว่าจะกลับก็3ทุ่ม เดินกันเพลินเลย พี่อ๊อฟมาส่งผมบ้าน ....
“วันนี้สนุกและอิ่มมว๊ากกกก” (ลูบท้อง)
“เออ! ลืมบอกอีก2วันจะมีงานเลี้ยงสำหรับคนที่ไปแข่งขันที่กรุงเทพฯ มึงไปไหม?” เอ่ยชวนผม ผมก็มองอย่างแปลกใจ
“ก็บอกอยู่ไม่ใช่เหรอว่าสำหรับคนที่ไปแข่งขันที่กรุงเทพฯ แล้วผมเกี่ยวอะไรไม่ทราบ” ตอบกลับมันด้วยคำถาม
“เขาให้พาเพื่อนไปได้ ไอไอซ์ก็เก็บตัวชวนมึงเนี่ยแหละ”(ยักคิ้ว)
“พี่อ๊อฟไม่มีเพื่อนเหรอ?” (ทำหน้ากวนๆ)
“กูบังคับมึง!” (ทำหน้าดุ)
“555ล้อเล่น ไปอยู่แล้วดูทำหน้าเข้า” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี พี่อ๊อฟอมยิ้มขึ้นมา
“อืมไปแล้ว เดี๋ยวคืนนี้โทรหาแล้วกัน” พี่อ๊อฟพูดด้วยความอารมณ์ดี
“โทรทำไมวันนี้ยังคุยไม่พอเหรอ?”ผมทำหน้าสงสัย
“สำหรับมึงกูไม่เคยพอ” (ยิ้ม)
“บ้า!” (เขินสิ ) “ไปได้แล้ว ผมเข้าบ้านแล้ว!”
พูดคุยกันอีกหน่อยแล้วพี่อ๊อฟก็ขับรถไปผมก็เข้าบ้าน ....
“ไงตัวแสบมานี่ดิ้! ทำไมกลับดึกอย่างนี้” (ทำดุ)
“ป๊าแหละ นทโทรไปก็ไม่รับ” (งอนแต่ก็เดินไปนั่งข้างๆ)
“ตอนนั้นป๊าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถ ตอนคุยกับเจ็กเกรียงไง!”
“ไม่ใช่เรื่องของนทนี่” (ยิ้ม)
“สะงั้นไป กินอะไรมายัง” (ผมมองหาแม่) “แม่ขึ้นไปจัดห้องลูกนะ กับข้าวอยู่ในครัว”
“นทกินมาแล้ว แต่กินได้อีกหน่อย”(ยิ้ม) “แล้วแม่มาจัดห้องนทอะไรตอนนี้อ่ะป๊า” จัดตอนดึกนี่ยนะ?
“อ่าว! ป๊ายังไม่ได้บอกเราเหรอว่าเฮียบอมจะมานอนด้วย!” (ยิ้ม)
“ห๊า! ไม่เอาป๊า นทไม่นอนกับเฮีย มันชอบแกล้งนท!”ท้วงสิ “ทำไมเฮียไม่ไปนอนที่บ้าน มานอนนี่ทำไม!”
“ก็บ้านเฮียอยู่นอกเมืองนู้น เฮียขี้เกียจขับรถเลยขอนอนบ้านเรา” ดูทีวีไปพูดไป ไม่ได้ฟังลูกพูดเลยใช่ไหมว่ามันแกล้งผมเนี่ย
“แล้วอยู่บ้านเราไม่ต้องขับรถเหรอ?” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ขับแต่ไม่ไกลมากไง!” ใจเย็นมาก
“ดีนะที่เฮียยังไม่มา นทจะได้ล็อคประตู” ผมรีบลุกจะขึ้นห้อง
“ไม่ต้องล็อคหรอก! เฮียอยู่ข้างบนช่วยแม่เก็บของแหละ!”
“ห๊า! ไหงงั้นอ่ะ เก็บของ? นี่จะมาอยู่นานเลยเหรอ!” (ป๊าทำไมสนใจ) “ป๊า!”
“นท! เลิกโวยวายสักที ป๊าจะดูทีวี” ดุเลยสินะ
ผมก็เดินตึงตังเข้าไปหาอะไรกินในห้องครัว แล้วแม่ก็เดินเข้ามา.....
“นท อย่าดื้อสิเฮียมาอยู่แปปเดียว!”แม่เอ่ยขึ้น
“ห้องรับแขกและแม่ ห้องพี่โน๊ตก็มี!”ผมท้วงด้วยท่าทีไม่พอใจ
“ห้องรับแขกเตียงพังยังไม่ได้เปลี่ยน ห้องพี่โน้ตพี่โน๊คเขาหวง นอกจากเรา3พ่อแม่ลูก คนอื่นพี่เขาไม่ให้เข้าหรอก!”
“งั้นนทไปนอนห้องพี่โน๊ต”
“ไม่ได้! ห้องพี่โน๊ตแม่พึ่งทำความสะอาดไป นอนกับเฮียจะเป็นอะไรนท! อย่าเยอะนะ” ทำเสียงดุใส่ผม “เฮียเขาอยู่ข้างบนนู่นแล้วนะ” แล้วแม่ก็ออกไปนั่งดูทีวีกับป๊า
ผมก็นั่งกินข้าวเงียบๆ จะได้นอนไหม เดี๋ยวก็สรรหานู่นนี่มาแกล้ง! ผมกินข้าวเสร็จก็เดินขึ้นบ้าน ยืนทำใจหน้าห้องตัวเองสักพักก็บิดลูกบิด แต่มันล็อค ผมก็เคาะประตู เคาะหลายครั้งก็ไม่เปิด คราวนี้ผมทุบอย่างแรงและดังเลย จนป๊ากับแม่วิ่งขึ้นมาดู......
“อะไรนท! ทำอะไรเสียงดัง” ป๊าขึ้นมา พร้อมกับพูดเสียงดังใส่ผม
“เสียงดังอะไรลูก แม่ใจไม่ดีนะ!” แม่ก็อีกคน
“ก็เฮียมันล็อคประตูอ่ะ” ทำหน้างอ
“ไหน” ป๊าบิดลูกบิด อ่าวไม่ได้ล็อค พอเข้าไปเฮียนั่งอยู่นอกระเบียง ใส่หูฟัง “นท! อย่าดื้อสิ! ไม่ต้องหาเรื่องเฮียเขาเลยนะ! ป๊าว่ามีแต่เรานั่นแหละแกล้งเฮีย!” โดนเลยยาวๆไป
“นั่นสิ ตอนแม่ออกมาแม่ก็ไม่ได้ล็อคนะ!” แม่ก็อีกคนแล้ว ผมก็ได้แต่ก้มหน้ายอมรับผิด ผมเหลือบไปทางเฮียมันนั่งกลั้นหัวเราะ เลวจริง! “อย่าหาเรื่องเฮียเขาละ!” แล้วแม่กับป๊าก็ลงไปข้างล่าง
ผมก็เอาของไปเก็บ ไอเฮียมันก็ทำหน้าล้อเลียนผม ผมก็ทำไม่สนใจมัน มาแปปเดียวทำให้ผมโดนด่าเลย! ผมก็เข้าไปอาบน้ำ พอออกมา.....
“ไงมึง!” ยิ้มร่าเลย แล้วประเด็นคือค้นกระเป๋านักเรียนผม
“ทำอะไรอ่ะ” เดินเข้าไปดึงกระเป๋าผมออกจากมือเฮีย “อย่าค้นของคนอื่นได้ป่ะ!” หงุดหงิดจริง
“หึ! อันนี้ใครให้มา” มันชูสร้อยคอที่พี่อ๊อฟให้ผมมา “สวยดีนะเนี่ย” ยักคิ้วให้แบบกวนตีนดีจริงๆ
“เอาคืนมานะ!” ผมจะไปแย่งจากตัวมัน มันเอาหย่อนเข้าไปในกางเกงตรงเป้ามัน คือเข้าไปในกางเกงใน “เห้ย!! ไอเฮียบ้า เอาออกมานะเว้ย!”
“อยากได้มึงก็มาล้วงเอาสิ” มันทำท่าทางกวนตีนล่อผม
“อย่าเล่นสกปรกได้ป่ะ เอาคืนมาเลยนะเว้ย!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
“มาเอาดิ” ยื่นเป้ามาให้ผม “มึงน่าจะชอบไม่ใช่เหรอวะ” พูดกวนตีนไม่หยุด
“เฮียบอม เอาคืนมา!”  ผมเริ่มหมดความอดทน
“เอาดิ” ยังไม่หยุด
“คิดว่าไม่กล้า?” ผมเดินเข้าไปเอามือล้วงเข้าไปหยิบ มันก็ยืนให้ผมล้วงนั่นแหละโรคจิตจริงๆ แต่มือโดนทุกสัดส่วน ขนาดนี่ไม่ต้องพูดถึง พอผมจับสร้อยได้ ผมบีบไข่ไอเฮียมันอย่างแรง มันพลักผมออกทันที
“โอ้ย!” กุมไข่มันไว้ “มึงบีบทำไมวะ!” ทำมาโกรธ
“อยากให้ล้วงเองไม่ใช่เหรอ” ทำหน้ากวนตีนมัน “เล็กนะเรา” แซวมัน จริงๆก็ใหญ่พอตัว
“กูจุกเลยไอเวร!” เดินขาถางไปๆมาๆ
“55555” ผมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วก็เดินเอาสร้อยไปล้างน้ำล้างแอลกอฮอ นิสัยไม่ดีจริงๆ พอล้างเสร็จผมออกมาเห็นเฮียนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ท่าทางจะหายจุกแล้ว ผมก็ไปนั่งโต๊ะเขียนหนังสือและลงมือทำการบ้าน
ผมทำการบ้านเสร็จก็นั่งเล่นคอมฯ เล่นไปสักพักผมก็เอะใจสิ เฮียบอมทำไมมันเงียบไป พอผมหันไป.....
“เห้ย!!” มันนอนแก้ผ้าเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ผมหันกลับมาทางเดิมทันที “เฮียทำไมไม่ใสเสื้อผ้า!”
“ก็กูจะอาบน้ำ” พูดแต่ตาก็ยังจ้องไปที่มือถือ
“ก็ไปอาบดิ มานอนโชว์อะไรอยู่นี่ห๊ะ!” บ้าชะมัด ถ้าเป็นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ผมจะไม่พูดเลย นี่ก็โตกันหมดแล้วด้วย
“อะไรวะ! ตอนอยู่จีนเขาก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้น!” มันพูดแบบไม่สบอารมณ์
“ก็นี่มันไทย งั้นก็กลับไปจีนเลยไป๊” ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา
มันเงียบสักพักผมก็นั่งเล่นคอมฯไป แล้วอยู่ๆเฮียมันก็มายืนข้างๆผม คือยังโป๊เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือของเฮียเริ่มพองโต ผมถึงกับหันหน้าหนี รู้สึกร้อนหน้าอย่างบอกไม่ถูก.....
“อะไรวะ เห็นแค่นี้ต้องเขินด้วยเหรอ?” นั่นคือคำถามที่ควรถามหรือ มายืนโชว์เจี๊ยวให้คนอื่นดูเนี่ยนะ
“ไปอาบน้ำเลยเฮีย ไม่งั้นนทจะฟ้องป๊านะ! มายืนแก้ผ้าอยู่นั่นแหละ รู้จักคำว่าอายบ้างเถอะ!”ผมพูดขึ้นอย่างเหลืออด
“ไปถูหลังให้กูหน่อย” พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“ไม่เอา! ไปสักทีเถอะ” ผมไล่อย่างไม่พอใจ
“อะไรวะแค่ถูหลังก็ไม่ได้?” ดูมันนะ
“เออไม่ได้ ไปอาบน้ำสะ!” ผมกดเสียงย้ำอีกที
แล้วเฮียมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป โรคจิตจริงๆ สักพักพี่อ๊อฟโทรมา ผมก็เล่าให้พี่อ๊อฟฟัง ตอนแรกพี่อ๊อฟจะมารับผมไปนอนด้วย แต่มันดึกมากแล้วจริงๆผมเกรงใจพี่อ๊อฟด้วย เลยคุยโทรศัพท์กันไป จนเฮียมันออกมาผมก็คุยไม่สนใจมัน จะโชว์อะไรนักหนาก็ไม่รู้ ผมก็คุยกับพี่อ๊อฟไปเรื่อยๆสักพักพี่อ๊อฟก็วางไป ผมก็เก็บของปิดคอมฯจะนอนเพราะง่วงแล้ว ผมหันไปดูเฮียมันนอนแล้ว ดีนะใส่เสื้อผ้านอนด้วย ผมก็เดินไปปิดไฟแล้วก็ขึ้นเตียง แล้วก็นอน........
นอนไปสักพักผมรู้สึกว่ามีอะไรมายุ่งย่ามกับของลับผมผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา.......
“เห้ย! เฮียทำอะไรวะ” ผมเด้งตัวขึ้นถอยหนีเฮียมัน มันเอามือล้วงเข้ามาจับนทน้อยของผม
“รีบตื่นจังวะ!” ทำอารมณ์เสียด้วย
“เอาจริงๆคิดจะทำอะไร ถ้ายังจะแกล้งกันอยู่ละก็นทจะไปนอนกับป๊าแล้ว!” ผมเริ่มหงุดหงิดแล้ว คนจะนอน
“เออๆกูจะนอนแล้ว!” มันพูดอย่างจำยอม
แล้วมันก็ล้มตัวลงนอน ส่วนผมก็ค่อยๆล้มตัวนอนลอบมองเฮียมันไปด้วย อะไรก็ไม่รู้บ้าที่สุด จนผมหลับไป
ผมสดุ้งตื่นได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก ผมตื่นมาไม่เห็นเฮียแล้วนี่ก็เพิ่ง7โมงเช้าเอง ผมก็อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปโรงเรียน....
“แม่เฮียไปไหน?” ผมถามขณะกำลังกินข้าวอยู่
“เฮียไปออกกำลังกายแต่เช้าแล้ว! เขาไม่ขี้เกียจเหมือนลูกหรอก!” แม่พูดขึ้น
“นั่นสิออกกำลังกายบ้างหรือเปล่าเรา หรือมัวแต่บ้าผู้ชาย5555” ป๊าก็ซ้ำอีก
“ป๊าอ่ะ! แม่ด้วยพอเลย นทจะไปเรียนแล้ว!”ผมก็ลุกขึ้นไปรอพี่อ๊อฟหน้าบ้าน
ผมยืนรอสักพักเฮียก็กลับมา เหงื่อโชคเชียว ผมทำเป็นไม่สนใจ....
“จะไปเรียนแล้วเหรอ ให้สุดหล่อไปส่งไหม” ช่างกล้าช่างมั่น
“แหวะ! คนหล่อคิดนานป่ะ?” ผมทำท่าจะอ้วกส่งไปให้มัน
“ไม่นานนะ มึงดูดิคนอะไรหล่อขนาดนี้” มันส่องกระจกรถป๊า ผมก็มองมั่นอย่างเอือมระอา
“จ้าๆ หล่อมว๊ากๆ” มันทำหน้าภูมิใจ
ปี๊นๆ! พี่อ๊อฟมาแล้ว เฮียกับพี่อ๊อฟก็มองหน้ากัน เฮียนี่หน้ากวนตีนมาก แต่พี่ก็อ๊อฟนิ่งๆ.......
“ไปแล้วเฮีย อย่าลืมอาบน้ำนะ ตัวโครตเหม็น” ผมทำท่าปิดจมูกแล้ววิ่งไปซ้อนท้ายพี่อ๊อฟ “พี่อ๊อฟไปเล้ย....”
แล้วพี่อ๊อฟก็ออกรถไป พี่อ๊อฟก็ถามถึงเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง ผมก็เล่าไป พี่อ๊อฟดูหงุดหงิดมากเลย....
“มานอนบ้านกูไหมคืนนี้?” ถามผมระหว่างเดินไปเข้าแถว
“อยากไปอยู่นะ! ป๊าจะด่าหรือเปล่า ช่วงนี้เฮียมาอยู่ด้วย เดี๋ยวหาว่าไม่อยู่เป็นเพื่อนเฮียมันอีก” ผมพูดพร้อมนึกคิดไปด้วย
“มึงโดนมันแกล้งขนาดนั้นมึงยังจะอยู่อีกเหรอ?” มันทำเสียงแข็ง
“เอาน่าพี่ เดี๋ยวค่อยคุยกันไปเข้าแถวเถอะ!” (ยิ้ม)
ผมกับพี่อ๊อฟก็พากันแยกย้ายไปเข้าแถว แล้วก็ขึ้นเรียน....
“เออพวกมึงใกล้จะได้ไปเข้าค่ายอีกแล้วกูเบื่อ” ไอวิวพูดขึ้น
“เออ อุตส่าหนีจากมอต้นมา มอปลายก็ยังมีเข้าค่ายอีก กูสุดจะทน” ไอนัท
“เออกูไม่อยากไปเลย กูไม่ชอบ” ไอมินก็เอากับเขาด้วย ปกติเห็นชอบนะ
“เอาน่ามึง” ปอเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“กูว่าก็สนุกดีนะ แต่ถ้าเจอแบบโหดๆแบบปีแล้วตอนมอต้นก็ไม่ไหว!” ผมพูดขึ้นมา
พวกผมพูดถึงเข้าค่ายโรงเรียนผมเน้นกิจกรรม ตอนที่เรียนลูกเสือตอนมอต้นโหดตั้งแต่ ม.1-3 มอ4 รุ่นพี่ก็บอกว่า เข้าค่ายแนวทหารเหมือนเดิม อาจจะมีเกี่ยวกับค่ายคุณธรรมบ้าง แล้วแต่การสุ่มของการศึกษาประจำภาค ไม่ค่อยมีใครประทับใจเท่าไหร่ ยิ่งเป็นพวกเปรี้ยวซ่าแบบกลุ่มผม ซ่าไม่ได้ โดนลงโทษทุกครั้ เราถกเถียงกันเรื่องนี้ต่อไป
ตอนนี้พี่ไอซ์ก็นอนโรงเรียนยาวเลย เพราะต้องเก็บตัว เข้าเรียนได้แต่เวลาพักนี่ต้องไปกินข้าวกับกลุ่มที่จะไปแข่ง คือจะไปแข่งทีมชาติเลยหรือยังไงกันเซ็ง ผมก็คุยกันไปมาสักพักครูก็เข้ามาสอน จนถึงเวลาเที่ยง ผมและเพื่อนๆก็เดินไปโรงอาหารตามปกติ แต่พี่อ๊อฟไม่ได้มากินด้วย ตอนแรกเขาก็จะมานั่งกินด้วยเนี่ยแหละ แต่ผมบอกว่าอยู่กับเพื่อนๆบ้างก็ดียังไงก็เจอกันเช้าเย็นอยู่แล้ว หน้างอเลยที่เดียว.......
“พวกมึงวันนี้ไปเดินเซ็นทรัลหรือเปล่า” ไอมินเอ่ยชวนพร้อมกับทำหน้าแบบมีเรสนัย
“มีอะไรหรือเปล่า หน้ามึงมีพิรุธ สุดๆ” ผมถามพร้อมกับจ้องจับผิดมัน
“เออทำไมวะ? มึงจะโชว์แฟน?” ไอวิวถามต่อ
“ไอนี่ไม่ใช่ไปสร้างเรื่องไว้อีกเหรอวะ?” ไอนัท มองหน้าไอมินอย่างไม่ไว้วางใจ
“ไม่เอานะเว้ย! คราวแล้วมีเรื่องก่อนปิดเทอมกูโดนกักบริเวณช่วงปิดเทอมไปหมดเลย” ปอพูดขึ้นมา
ทุกคนก็รุมประณามไอมินอย่างหามิได้ เพราะมันชอบสร้างเรื่องเก่งสุดในกลุ่มแล้ว แล้วก็ชอบลากเพื่อนไปเอี่ยวด้วยจนมีเรื่องใหญ่เรื่องโตก็เพราะมัน
“คือมันก็ไม่มีอะไรหรอก” (แต่ก็ยังมีพิรุธ) “แค่อยากจะชวนพวกมึงไปหาอะไรแดกเท่านั้นเอง!” พูดด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน 
ทุกคนก็ถกเถียงกันต่ออีกหน่อย ผมก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไปเที่ยวกับเพื่อนๆบ้างก็ดี ผ่อนคลาย
“เออแล้วจะไปกันหรือเปล่า?” พวกมันก็พยักหน้ากัน “กูขอดูอีกทีได้เปล่าวะ ต้องไปดูพี่ไอซ์ซ้อมด้วย แล้วพี่อ๊อฟก็ต้องไปส่งกูบ้านด้วย” พูดอย่างไม่ใส่ใจ จริงๆก็ไปได้ แต่ก็ขอมีเงื่อนไขก่อนไม่งั้นเดี๋ยวไปไม่ได้แล้วเพื่อนจะรุมประณามเรา
“เห้ย! ไม่ได้นะเว้ย!มึงต้องไป” คือไอมินพรวดพราดขึ้นมาเลย คือน่าสงสัยอย่างรุนแรงทุกคนจ้องไปที่มัน “กะ...ก็ อยากให้ไปทุกคนไง” มันต้องมีอะไรแน่ๆ
พวกผมก็กินไปคุยกันไปไอมินก็ดูมีพิรุธเหลือเกิน กินเสร็จก็ขึ้นเรียน เรียนคาบบ่ายนี่ง่วงเว่อร์ๆ พอเลิกเรียน...
“เห้ย! นทมึงจะไปไหน” ผมที่กำลังจะเดินออกจากห้องเรียน ไอมินก็ตะโกนขึ้นมา
“ไปหาพี่ไอซ์ จะไปบอกนี่ไงว่าจะไปกับพวกมึง!” คือพี่ไอซ์ใช้โทรศัพท์ไม่ได้ ใช้ได้วันละชั่วโมงน่าสงสารจริงๆที่ชั่วโมงที่พี่ไอซ์ว่างผมไม่ว่าง555
“ก็ไปด้วยกันดิวะ!” ไอมินอะไรของมันนะ ปกติไม่เห็นจะมีอะไร วันนี้มันเป็นอะไรของมัน
“ทำไมต้องไอนทวะ” ปอถาม ทุกคนหรี่ตามองไอมินอย่างสงสัย
“ถะ...ถ้ามันชิ่งหนีไปกับผู้ชายก่อนล่ะ” แหม่!ไอเวรนี่แถไปได้
“กูว่าไอนทไม่ได้แรดขนาดนั้นวะ!” ยังไงวิว หลอกด่าใช่หรือไม่
“เออมันก็แค่มั่วไปทั่วเท่านั้นเอง” ซะงั้น มึงก็เอากับเขาด้วยหรือไอนัท
“เดี๋ยวนะๆ แล้วเหตุใดจึงมาหลอกด่ากูกันละจ้ะ” ยิ้มสยองส่งไปให้มันสองคน
“เออพอๆ จะไปกับไอนทก็ไปกันหมดนี่แหละ จะได้ไม่ต้องวุ่นวายตามหากันอีก” ปอเอ่ยขึ้นเพื่อยุติการเถียงที่ไม่มีวันสิ้นสุดนี้
แล้วพวกเราก็เดินไปที่สนามบอล ผมก็ไปข้าสนามที่เดิม พี่ไอซ์เห็นก็วิ่งมาหาผม....
“ไงตัว” ยิ้มหน้าบานเลย เหงื่อท่วมตามเคย “คิดถึงเค้าหรือเปล่าเนี่ย! มีกิ๊กหรือเปล่า!”
“อย่ามาพูดเลอะเทอะ!” หยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่หน้าพี่ไอซ์ พวกเพื่อนผมก็โห่!แซวกัน “แล้วพี่เหนื่อยไหม ทำไมเข้มจังแค่แข่งบอล ต้องตัดขาดจากภายนอกขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ประจำจังหวัดนะตัว อีกอย่างโรงเรียนเราก็ได้รางวัลดีมาตลอด เพราะการฝึกแบบนี้”(ยิ้ม)
“แล้วจะอีกนานป่ะเนี่ย” (ทำหน้างอ) “เค้าจะได้ไปหาแฟนใหม่รอ” (ยิ้ม)
“อย่านะตัว!” ตกใจอะไรขนาดนั้น “รุ่นพี่คนอื่นยังโดนแฟนบอกเลิกเลย เค้ากลัว” ทำตาปริบๆ
“555 ไม่หาหรอก” (ยิ้ม) “วันนี้เค้าไม่ได้นั่งดูตัวซ้อมนะ จะไปเดินห้างกับเพื่อน” ชี้ไปทางเพื่อนๆผม
“อื้มไปดิ” (ยิ้ม) “ให้ไออ๊อฟไปด้วยนะ! เพราะเค้าถามมันทุกวันนะเรื่องตัว!” พี่ไอซ์พูดอย่างจริงจัง
“ทำไม ไม่ไว้ใจอะไร?” ผมถามพร้อมทำหน้าหาเรื่อง
“เปล่า แค่อยากให้ตัวรู้ว่าเค้าก็ไม่ได้หายไปไหนนะ”(ยิ้ม)
“บ้า! ไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วยละ อย่าหักโหม” ผมเขินเลยตัดบทเลย
“อื้ม อีกไม่นานตัว พอโค้ชปล่อย ตัวต้องให้รางวัลเค้านะ!” ยิ้มแบบหื่นๆ
“พอเลยๆ ไปได้แล้ว!” พี่ไอซ์มันดึงผมเข้าไปหอมแก้ม แล้ววิ่งไปเลย ดีนะคนไม่ค่อยเยอะ แต่เพื่อนผมนี่แซวใหญ่เลยนี่สิ
ผมเดินกลับไปหาเพื่อนๆ พี่อ๊อฟมารอผมกับกลุ่มเพื่อนผม......
“จะกลับยัง!” เสียงแข็ง ทำหน้าหงุดหงิด
“อ่าว! พวกมึงยังไม่บอกพี่อ๊อฟเหรอวะ?” ผมหันไปมองเพื่อนๆ แล้วปอมันก็เดินเข้ามากระซิบผม..
“ก็พี่อ๊อฟดิ! ทำหน้าดุขนาดนั้นแถมพวกกูชวนพูดนิ่งอย่างเดียวเลยอ่ะ น่ากลัวสัส!” ปอกระซิปบอก
“เป็นไรของมัน?” ผมมองไปที่พี่อ๊อฟอย่างสงสัย
“ไม่รู้ เห็นจ้องเขม็งไปทางมึงตอนมึงยืนคุยกับพี่ไอซ์อ่ะ มึงทำอะไรให้พี่เขาโกรธหรือเปล่าวะ?” ปอก็ยังคงกระซิบ
“เอาน่าๆ” แล้วผมก็ดันปอออก “พี่อ๊อฟผมจะไปเดินเซ็นทรัลกับเพื่อนๆ ไปด้วยกันเปล่า!”(ยิ้ม)
“ไปทำไมวะ!” ทำเสียงหงุดหงิด พวกเพื่อนเดินถอยหลังกัน
“ถ้าพี่ไม่อยากไปก็ไม่เป็นอะไรนะ ผมไปเองก็ได้ พี่กลับก่อนเถอะ” รู้แหละว่าพี่อ๊อฟเป็นอะไร แต่จะให้ผมทำยังไงได้ละตอนนี้
“เออไปก็ไป! เจอกันเซ็นทรัลละกัน มึงไปกับเพื่อนๆนิ!” พี่อ๊อฟพูดจบ แล้วเดินไปเลย
หลังจากพี่อ๊อฟเดินไป เพื่อนก็ถกเถียงกันเรื่องพี่อ๊อฟ ที่ดูจะไม่สบอารมณ์ขนาดนั้น ถกเถียงได้ไม่นาน ไอมินก็เร่งให้ทุกคนรีบไป โดยอ้างว่าเดี๋ยวมันจะเย็นเกิน ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะยังไงก็ต้องไปกับมันอยู่แล้ว พวกผมก็พากันโบกรถสองแถวไป พอถึงพี่อ๊อฟยืนรอหน้าเซ็นทรัลแล้ว แล้วก็พากันเดินเข้ามา แต่ไอมิน มองซ้ายมองขวา....
“ไอมิน! มึงมองหาใคร” ผมถามอย่างจับผิด พี่อ๊อฟก็มองงงๆว่าอะไรกัน
“เออ หันไปมา!”ไอวิวถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นมันล้วงโทรศัพท์มากด
แล้วทุกคนก็เริ่มรุมมันด้วยคำพูด เพราะชวนมา แต่ทำตัวน่าสงสัย จนสุดท้ายแล้ว มันก็พาไปกินเอ็มเค เข้าไปก็แปลกๆ ไอมินพาพวกผมไปนั่งโต๊ะใหญ่ ที่นั่งกันได้ 10 กว่าคน แต่ผมสังเกตุเห็นนักเรียนกลุ่มหนึ่งในร้านเป็นผู้ชายประมา 5 คนผมเห็นไม่หมด พอมันเห็นพวกผมเข้าไปมันมองพวกผมกันทั้งกลุ่ม ไอมินมีการส่งซิกให้ไอพวกนั้นด้วยนะ.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:24:09
“โต๊ะเล็กก็มี! เรามาแค่ 6 คนเองนะเว้ย!”ไอนัทเอ่ยขึ้น 
“ไอมินมึงจะทำอะไรกันแน่วะ!”ไอวิวเอ่ยถามด้วยท่าทีกังวล
“แล้วไอพวกเมื่อกี้มึงรู้จักมันเหรอ?” ปอถามในสิ่งที่ทุกคนก็อยากรู้ เพราะมันส่งซิกกันได้ไม่เนียนเลย จนสุดท้ายมันก็คะยั้นคะยอให้นั่งโต๊ะใหญ่ แล้วเราก็เริ่มถกเถียงกันอีกครั้ง ผมกับพี่อ๊อฟก็นั่งฟังมัน 4 คนเถียงกันไปมา ไอมินก็แถไปนู่นนี่ มันต้องมีอะไรแน่ๆ แล้วเราก็สั่งของมากินกัน คือไอมินสั่งเยอะมากๆ คือพวกผมถึงกับต้องหยุดสั่งแล้วให้มันสั่งคนเดียว........
“ไอมินมึงสั่งขนาดนี้มึงคิดว่าพวกกูรวยมากเหรอวะ! ตังไม่พอมึงออกเองเลยนะเว้ย!” ผมพูดด้วยความตกใจ ยอดสรุปบนจอตอนนี้หมื่นกว่าแล้ว มันเลือกแต่ของแพงๆทั้งนั้น มาขนาดนี้สั่งเป็นหมื่นได้ยังไงกัน
“เออไอสัส สั่งเอาๆ จะแดกหมดไหมนั่น!” ไอปอตามทันที
แล้วทุกคนก็รุมด่ามัน ยกเว้นพี่อ๊อฟยังคงนั่งเงียบอยู่ข้างๆผม....
“พี่อ๊อฟ เป็นอะไรอ่า” หันไปถาม ส่วนพวกเพื่อนผมก็ยังคงคุยกัน
“เปล่า!” ยังคงทำหน้านิ่ง
“ เฮ้อ!” ผมสะกิดพี่อ๊อฟ พี่เขาหันมา “ไปห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อยสิ!”
“ไปคนเดียวดิ!” เหวี่ยงใส่ผมอีก 
“เฮ้ยพวกมึง!” พวกมันหันมา “กูไปส่งพี่อ๊อฟเข้าห้องน้ำแปปนะ!”
แล้วผมก็จับมือพี่อ๊อฟแล้วดึงให้มันลุกตามมาเลย แล้วก็พามันไปห้องน้ำจริงๆแหละ! ประเด็นคือผมปวดฉี่จริงๆ5555
พอออกมา...
“เสร็จแล้วใช่ไหม!” ถ้าจะรำคาญผมขนาดนั้น
“พี่อ๊อฟ! อย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เป็นอะไร กูเป็นอะไร!” นั่นน่ะสิที่เหวี่ยงตอนนี้คือเป็นอะไร 
“ก็นั่นน่ะสิพี่เป็นอะไร หงุดหงิดอยู่ได้!” ผมถามอย่างสงสัย
“เรื่องของกู!” แล้วมันก็เดินไปเลย ผมก็เดินตามไป
“เรื่องพี่ไอซ์ใช่ไหม!” พี่อ๊อฟหยุดเดิน
“รู้แล้วจะถามทำไมละวะ!” (ผมส่ายหัวอย่างเบื่อหน่าย)
“งั้นมานี่เลย” ผมจูงมือพี่อ๊อฟ เข้าไปตรงช่องประตูหนีไฟ แล้วหอมแก้มพี่อ๊อฟ “พอใจยัง” มันอมยิ้ม
“อืมๆ” หูแดงเชียว “งั้น” พี่อ๊อฟหอมผมคืน แต่มันคือข้างที่พี่ไอซ์หอม “ตรงนี้กูขอแทนที่นะ” (ยิ้ม)
“พอเลยๆ รีบไปเหอะเดี๋ยวพวกมันสงสัย” ผมพูดตัดบท เพราะไม่อยากจะคิดอะไรมากมายแล้ว
แล้วผมกับพี่อ๊อฟก็พากันเดินกลับเข้าร้าน แต่บนโต๊ะที่ผมนั่งมีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเพิ่ม นั่นก็คือไอพวกที่ไอมินมันส่งซิกให้นั่นแหละ!......
“ไอนทมึงมาจัดการไอมินดิ้!”ไอวิวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผม
“เออ เรามาหาอะไรแดกกันกับเพื่อน ไม่ได้ชวนพวก เปรต มานั่งด้วย” ไอนัท เน้นคำว่าเปรตแล้วจิกสายตาไปทางพวกนั้น แต่พวกนั้นก็ทำมึน
“เออ อะไรก็ไม่รู้” ปอพูดขึ้น พวกมันก็นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้กัน
“นั่นเพื่อนกูนะเว้ย! เขาแค่ขอมานั่งด้วยน่า อย่าเรื่องมากเถอะ” ไอมินพูดขึ้น แล้วคือ....ใครกันวะเรื่องมาก
“เออ กินๆกันเถอะพวกมึงจะได้รีบกลับ! พี่อ๊อฟมานั่งเร็ว” ผมก็เรียกพี่อ๊อฟที่ยืนมองพวกมันอยุ่
พวกผมก็นั่งกินๆกันไปเพราะระหว่างที่ผมไปออเซาะกับพี่อ๊อฟ ของก็มาเสริฟเต็มโต๊ะสำหรับ 10 ที่ นี่แล้ว พวกเพื่อนไอมินก็คุยกัน มีอัธยาศัยดีถามนู่ถามนี้ผมและเพื่อนๆนะ พูดดีอยู่แต่รู้สึกไม่ถูกชะตากับพวกแม่งยังไงไม่รู้ กินกันไปสักพัก....
“เห้ย! ยังไม่ได้แนะนำกันเลยนะเว้ย!” แล้วไอมินมันก็ไล่แนะนำเพื่อนมันทีละคน และพวกผมทีละคน
เพื่อนมัน5คนมี ต้น ไอนี่หน้ากวนๆ ไอตี๋ ไอนี่ตี๋สมชื่อ สอ ไอนี่หน้าตาใช้ได้ โค้ก ไอนี่หล่อแบบเถื่อนคงจะซ่าสมชื่อ ส่วนคนสุดท้ายนี่ ชื่อสิงโต หล่อแบบผู้ดีมีสง่า ดูโดดสุด ดูไม่เข้าพวก เป็นพวกเจ้าชายปลอมตัวมาหรือเปล่า มันมองผมแปลกๆ ไอพวกนี้มันอยู่โรงเรียนกางเกงน้ำเงิน......
“ใครอยากรู้จัก!” ไอนัทก็ออกตัวแรงจริง
“นั่นดิ!” ไอนี่ก็ไม้ดันหรือยังไง
“เอาน่ามึง เพื่อนไอมินก็เหมือนเพื่อนพวกเราเนอะ!” ไอปอพูดดี แต่คือทำตาถลนใส่ไอมิน555
“เอาน่าๆ เพื่อนๆแถวบ้านกูเองแหละ” ไอมินพูดขึ้น ด้วยความสบายใจ แม้ว่าเพื่อนๆจะไม่ค่อยสบายใจก็ตาม
“อืมๆ” ผมเป็นผู้รับฟังที่ดี และกินอย่างเดียว 555 โนคอมเม้นต์55
“มึงเอาแต่กิน ดูพวกเพื่อนมึงโน้น!” พี่อ๊อฟพูดขึ้นมา พวกมันก็นั่งจ้องตาไอพวกเพื่อนไอมิน
“พอเลยพวกมึงอ่ะ” ผมหันไปบอกไอวิวนัท ปอ ส่วนไอมินยิ้มอย่างไม่เต็มกลืน ผมหันไปหาพวกเพื่อนไอมิน “ยินดีที่ได้รู้จักละ” ยิ้มแบบเป็นมิตรส่งไปให้พวกมัน พวกมันก็ยิ้มกลับมา
“ยิ้มสะโลกสวยเชียวนะมึง” ไอวิวแทะผมด้วยคำพูดร้ายกาจ พร้อมทำหน้าหยะแหยง
“มึงนี่เห็นผู้ชายไม่ได้เลยนะ!” ไอนัทไอห่านี่!
แล้วก็มีคำพูดต่างๆนา ในนามของคนโลกสวยอย่างผมก็ต้องโดนบลูลี่อย่างหนัก ผมกินไปฟังไปก็เพลิน แต่เพลินนานไม่ได้มันจะหมดอร่อยเอาน่ะสิ
“พอเลยพวกมึง อย่ามีเรื่องกันจะได้ไหม! แดกครับแดก ไม่แดกก็ลุกออกไป” แล้วพวกเพื่อนไอมินก็หัวเราะ
แล้วพวกเราก็นั่งคุยกันไป คุยไปคุยมาเริ่มถูกคอ โดนเฉพาะ ไอวิว กับไอนัท ตอนแรกนี่อย่างกับจะไปตีเขา แต่ไอสิงโตนี่หล่อนะ555 รวยด้วยพ่อเป็นเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดเลย แถมยังมีทั้งโรงแรม และกิจการที่ล้นมือ ก็คุยกันไปมาสักพัก พี่อ๊อฟไม่ค่อยอะไร นั่งเงียบมากกว่า ใครถามก็ตอบ
“เออมึง เรื่องงานอ่ะ พรุ่งนี้แล้วนะ” พี่อ๊อฟหันมาถามผม
“ต้องแต่งตัวยังไงอ่า?” ผมถามแต่ปากก็ยังไม่หยุดเคี้ยว
“สบายๆ งานเลี้ยงธรรมดา” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นแก้ผ้าไปได้ป่ะ55555” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
“ถ้าแก้ผ้าไป คงไม่ต้องไปงาน ไปห้องกูดีกว่า” ทำหน้าหื่น
“ไอบ้า!” อายสิ
“นท ทำไมแฟนมึงพูดน้อยจังวะ” ไอตี๋เอ่ยถามขึ้นมา พวกมันรู้ว่าผมเป็นเกย์ก็ไม่ได้รังเกียจแต่อย่างใด แถมยังแซวอีกด้วย ก็ลองบลูลี่ดูสิ แม่จะฟาดให้
“ไม่ใช่แฟนเว้ย! เพื่อนแฟนมัน ส่งมาคุม แฟนมันไปเก็บตัวแข่งบอล!” รู้ดียิ่งกว่ากูนะไอปอ
“แฟนเป็นนักบอลเลยเหรอวะ!” ต้น ถามต่อ
“มึงก็ไปสาระแนเรื่องของเขาเนอะ” สอหันไปด่าต้น กับ ตี๋
“มึงมองอะไรวะไอสิงโต! จ้องอยู่นั่นแหละ” ไอมินพูดแล้วเขาก็หันไปทางไอสิงโตกันหมด
“กูเห็นมันมองมึงอ่ะ” ไอวิวมันหันมาบอกผม
“กูก็เห็น!” ไอนัทเน้นย้ำ
“กูด้วย” ปอก็ซ้ำไปอีก
“มองอะไรอ่า กูกินอยู่นะเว้ย! กูเขิน” ทำท่าเขินพวกมันก็หัวเราะกันใหญ่เลย
“ตกลงมึงมองไรว้าสิงโต” ไอมิน น่าจะหลุดประเด็นได้แล้วนะ
“กูอยากลองกิน....” มองที่ผมแล้วเบนสายตาไปที่จานผม “เป็ดย่างของมึงว่ะ ดูมึงกินอร่อยมากเลยนะ!” ไอสิงโต พูดเป็นจังหวะ พร้อมส่งยิ้มมาให้ โหโครตน่ารัก แต่ไม่ได้ เรามีพี่ไอซ์เป็นแฟน และพี่อ๊อฟเป็นตัวสำรองแล้ว ต้องมั่งคง
“ไอนทมันกินอะไรก็อร่อยหมดแหละ ขอให้มันได้กินอ่ะ555555” ไอนัทกล่าว แล้วพวกมันก็หัวเราะกัน
“อยากกินไม่สั่งเอาว้า! อย่ามาแย่งนะเว้ย!” พูดพร้อมกับ เอาจานเป็ดย่างมาถือไว้
“เกินไปไอนท! ไม่พอสั่งใหม่ก็ได้ไหม” ไอมินพูดพร้อมกับทำท่าทางเอือมระอาผม
“เอามาให้กูกินดิ เดี๋ยวมื้อนี้กูเลี้ยงเองก็ได้นะ!” ไอสิงโตพูดจบ พร้อมกับยักคิ้วหล่อ ผมก็มองมัน
“นทมึงรีบเอาให้มันเร็ว เลี้ยงเลยนะเว้ย!” ไอวิวเรื่องแบบนี้เร็วนะมึง
“เร็วเลยไอนท มึงเอานี่ให้มันแล้วมึงก็สั่งใหม่” ไอนัทพูดกระซิบ
“เลี้ยงเลยเหรอว้า” (ลังเล) “เออก็ได้ๆ กูไม่ได้เห็นแก่ของฟรีหรอกนะ อะ!” คีบยื่นให้มันชิ้นนึงพี่อ๊อฟนั่งขำ
“ไอนทเพื่อนกูเลี้ยง มึงให้มันกินแค่ชิ้นเดียวเนี่ยนะ!” พวกมันนั่งขำกับการหวงของกินของผม
“ไอมินมึงเอาเพื่อนมึงไปเก็บเลย555” ไอตี๋พูดไปทางไอมิน
แล้วมันก็แซวเรื่องเป็ดของผม จนผมรู้สึกเขินอายก็เลยต้องจำยอม
“เออๆ เอาไปเลย” ทำหน้างอ แล้วยื่นให้มัน “สั่งใหม่ให้กูด้วยเลย!” ผมพูดพร้อมกับยื่นจานเป็นให้มัน พร้อมทำหน้าเสียดาย
“มึงจะกินอีกเหรอ ไม่กินอย่างอื่นบ้างวะ”พี่อ๊อฟหันมาถาม
“ไม่อาววววว” งอแงแล้วทีนี้
“เออกูสั่งให้ก็ได้” ไอสิงโตพูดจบ แล้วมันก็สั่งให้
สักพักก็มาเสริฟ เรากินไปกินมาสักพักผมก็เริ่มอิ่ม แต่เป็ดยังเหลือเยอะอยู่เลย ก็ระหว่างรอเป็ดผมกินนู่นนี่ไปทั่วจนจะอิ่มมันเพิ่งมา.....
“พี่อ๊อฟอ้า!” ตักเป็ดไปจ่อปากมันมันก็รับ
“มึงอิ่มแล้วใช่ไหมนท!” ปอหันมาถามเมื่อเห็นผมเริ่มออกอาการ 
“เออเมื่อกี้หวงชิบหาย” ไอนัทพูดซ้ำ
“กูเปล่าอิ่มนะเว้ย! กูแค่อยากแบ่งความอร่อยของเป็ดให้พี่อ๊ออฟกิน อะ!” ยื่นเข้าปากไอปอเลย “พูดมากแดกๆไป5555”
“มึงเริ่มเล่นแล้วนะนท” พี่อ๊อฟหันมาทำเสียงดุใส่
“อย่านะพี่อ๊อฟ อย่าบ่นน่า” ยิ้มพี่อ๊อฟส่ายหัวอย่างเอือมระอา “เห้ย! จานของเสี่ยสิงโตหมดแล้ว” เกลี้ยงเลย “งั้นเดี๋ยวกูป้อนให้” ผมลุกขึ้นเดินไปหาสิงโต
“โห! วันนี้ไอสิงโตเป็นเสี่ยโว้ย!” ไอมินแซวนำเลยนะมึง
“อ้าม!” ผมตักเป็ดป้อนไอสิงโต มันก็อ้าปากรับ
“แหมๆ ให้ท่าเพื่อนกูเปล่าเนี่ย!”ไอโค้กที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดขึ้น
“ปากดีนะมึงไอโค้ก มันไม่ได้ให้ท่ามันอ่อยโว้ย555555”ไอปอกล่าว ร้านเอ็มเคนี้ มีแค่โต๊ะนี้แหละที่เสียงดังโหวกเหวกโวยวาย แต่เขาน่าจะไม่ถือ เพราะอยู่โต๊ะมุม แล้วก็เพื่อนๆผมขออนุญาตเขาไว้แล้ว
“กูไม่ได้อ่อยนะเว้ย!” หันไปทางไอโค้ก “แต่ถ้าเพื่อนมึงจะชอบกู ก็อีกเรื่องนะ5555” ป้อนไอสิงโตต่อ กินทันไม่ทันไม่รู้ยัดอย่างเดียว
“นทกูว่าเบามือก่อนไหม มึงดูหน้าไอสิงโตด้วย จะสำลักตายอยู่แล้ว มึงเล่นยัดให้มันแบบนั้นอ่ะ”ต้นเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นสีหน้าไอสิงโตเริ่มไม่ไหว เพื่อนๆมันก็เริ่มท้วงติง คิดว่าผมจะฆ่าไอสิงโต
“เออจริงด้วย! สิงโตมึงกินตะกระไปแล้วนะ!” ทำหน้าเครียด ไอพวกนั้นหัวเราะกันใหญ่ “อะน้ำๆ” ยื่นน้ำไปป้อนมัน “เห้อเป็ดหมดสักที!”แล้วผมก็เดินกลับไปนั่งข้างพี่อ๊อฟ
“ไอห่า แดกไม่หมดแล้วทำเสียดายของ!”ไอวิวพูดขึ้นมา
“เออไอสิงโตเดือดร้อนเลย5555” ไอมินดูจะสะใจไม่น้อยเลยนะ
“มันตะกระเองนะเว้ย! โทษไอนทไม่ได้นะ55” ปอพูดขึ้น ดูจะปกป้องผมแบบเพื่อนที่แสนดีเสมอ(ในบางครั้ง)
พวกมันก็พูดไปขำไป ไม่รู้ในน้ำซุปนั่นใส่กัญชาหรือเปล่า พอพวกผมกินเสร็จก็เก็บเงิน กินกัน 11 คน 15,000กว่าบาท ตอนแรกก็จะช่วยกันออกเพราะเพิ่งรู้จักกับไอสิงโตด้วยเกรงใจมัน แต่ไอสิงโตไม่ยอมมันจะจ่าย ทุกคนก็ยอมให้มันจ่าย หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆก็ไปเที่ยวกันต่อ ส่วนพวกไอสิงโตก็ต้องไปซ้อมบอลต่ออีก มันเป็นนักบอลเหมือนกัน ได้แข่งด้วย แต่ไม่ถึงกับเก็บตัวแบบพี่ไอซ์ กินเสร็จแล้วไปซ้อมจะไหวเหรอ55 พวกเราเดินเล่นไปทั่ว พี่อ๊อฟก็ดูเงียบๆ สงสัยกินอิ่มแล้วง่วงมั้ง....
“ไอมินมึงบอกมาได้แล้ว ว่าทำไมอยู่ๆมึงถึงพาเพื่อนมึงถึงมานั่งแถมยังเลี้ยงอีก”หลังจากเดินเล่นกันไอปอก็เอ่ยถามขึ้นมา
“เออนั่นสิ มันแปลกๆนะเว้ย!”ไอนัทก็ถามย้ำ
ผมกับพี่อ๊อฟก็ยืนมองพวกมันถามไอมิน ซึ่งไอมินก็ทำหน้ามึนไม่รู้เรื่องราว
“ไอมินมึงบอกมาเลย ไม่งั้นกูจะฟ้องพี่มึง!” ผมขู่มัน พี่มันโหดมาก ถ้าใครไปฟ้องเรื่องไอมินในทางไม่ดีให้พี่มันฟังนะ ไอมินโดนซ้อมเลย โดยไม่ฟังเหตุผลด้วย ไอมินหน้าซีดขึ้นมาทันที
“เออจริงๆ กูจะสมทบด้วย” ไอปอมันไปเก็บกดมาจากไหน
แล้วทุกคนก็จ้องไปที่มัน คราวนี้มันอ้ำๆอึ้งๆ
“เบอร์พี่นนท์เบอร์ไหนน้า” ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมากด พี่นนท์พี่ชายไอมิน
“เออๆๆๆบอกแล้วๆ อย่าโทรนะเว้ย!” ไอมินพูดพร้อมกับดึงโทรศัพท์ผมไป
“เออก็แค่นี้แหละ บอกมาเด้!” ผมพูดพร้อมกับดึงโทรศัพท์คืนมา
“คือ....” พวกผมจ้องไปที่มันหมด “เห้ย! ตั้งใจฟังไปเปล่าวะ!”
ทุกคนก็ลุ้น มันก็คือ อะไรของมันสักพักจนผมขู่จะโทรหาพี่มันอีกครั้งมันก็เลย.....
“ก็ไอสิงโตมันชอบมึงไอนท” ไอมิน พูดแบบหลบตา
“กูว่าแล้ว” พี่อ๊อฟพูดขึ้นมาเบาๆ แต่ผมยืนข้างพี่มันเลยได้ยิน
“แล้วมันชอบไอนทได้ยังไงวะ ยังไม่เคยเจอกันเลยนะ” ไอปอถามอย่างสงสัย จริงๆผมต้องถามหรือเปล่า ทุกคนก็เพ่งไปที่มันอีกครั้งเพื่อฟังคำตอบ
“ก็ เมื่อหลายวันก่อนอยู่ๆไอสิงโตมันก็ทักเฟสกูมาแล้วส่งรูปที่กูถ่ายกับมึง ถามว่ามึงคือใคร กูก็บอกเพื่อนกูเอง มันก็บอกว่าน่ารักดี และหลังจากนั้นมันก็มาถามกูเกี่ยวกับมึงเยอะแยะไปหมด อีกอย่างบ้านมันก็อยู่แถวบ้านกู” ไอมินพูดด้วยท่าทีสบาย มันไม่ได้รู้สึกผิดเลยสินะ 
“แล้วมึงบอกอะไรมันไปบ้างวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็บอกว่ามึงชอบผู้ชาย และชอบคนหล่อเท่านั้นเอง” ปอ นัท วิวขำกันใหญ่เลยครับ แต่พี่อ๊อฟดูอารมณ์เสียจัง “แล้วมันก็มาบอกว่ามันชอบมึงเมื่อวานนี้เองมันอยากเจอมึง กูเลยชวนมา” พูดไปหลบตาผมไป
“แล้วมึงไปบอกมันทำไมวะ! เรื่องของกูนะ” ผมพูดขึ้นไอมินหน้าหงอเลย จริงๆไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก555 มันเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่อย่างน้อยมันน่าจะบอกผมสักหน่อย มาแบบนี้ คนเข้าใจผิดหมด
หลังจากนั้น ไอมินก็โดนประณามต่อไป ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันมาก มีแค่พวกไอปอ วิว นัท ที่เอาแต่ด่ามัน ผมก็พูดกับพี่อ๊อฟนิดหน่อย รายนี้ดูท่าจะไม่พึงพอใจเป็นอย่างมาก
“กูขอโทษนะๆ!” ไอมินพูดพร้อมกับจับมือผมแล้วเขย่า “กูก็แค่แนะนำเพื่อนให้พวกมึงรู้จักเอง อีกอย่างมึงก็ไม่เสียหายอะไรอยู่แล้วนี่ มันก็รู้แล้วว่ามึงมีพี่ไอซ์” ยิ้ม ผมกำลังจะตอบว่าไม่เป็นอะไรแต่..
“กูจะฟ้องไอไอซ์ มึงซวยแน่ หึ!” พี่อ๊อฟพูดขึ้นพร้อมกับ ทำหน้าดุเล่นเอาไอมินหัวหดเลย
“พี่อ๊อฟ” ผมเข้าไปกระซิบมัน “ถ้าบอกผมนั่นแหละที่ซวย รู้อยู่ว่าพี่ไอซ์นิสัยเด็กแค่ไหน!” ผมท้วงขึ้นมา
“มึงไม่รู้หรือมึงแกล้งไม่รู้ ตอนนั่งกินที่มันมองมึง มองอย่างกับจะกินมึง มึงก็เอาแต่แดกพอเพื่อนบอก มึงก็เล่นกับมันเนี่ยนะ?”  พี่อ๊อฟตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ติดจะไม่พอใจ ผมผิดอีกแล้วสินะ พวกเพื่อนผมก็มองกัน
“ก็ไม่รู้ไง! แล้วพี่เป็นอะไรเนี่ย ผมไม่รู้จริงๆ” ที่เงียบๆไปคงจะเรื่องนี้เพราะเรื่องนี้ชัวร์
“กลับบ้าน!” มันดึงแขนผมไปตามมันเลย เพื่อนๆผมตกใจกันหมด
“เห้ยเดี๋ยวดิ!” ผมเอ่ยพร้อมกับดึงแขนกลับมา มันก็ไม่ปล่อย แต่มันหยุดเดินผมเลยบอกเพื่อนๆ “พวกมึง! กูกลับก่อนนะ ไอมินไม่ต้องกังวล กูไม่คิดมากหรอก วิว ปอ นัท ฝากด่ามันแทนกูด้วยน้า555” พวกมันก็หัวเราะ ยกเว้นไอมิน คือจริงๆก็อย่างที่มันพูด ไม่ได้เสียหายอะไร ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่อะไรเลย เพราะปกติก็มีคนไปถามข้อมูลผมจากเพื่อนๆทั้งนั้น ผมเลยคิดว่ามันปกติ แต่ครั้งนี้ถึงกับมาเจอเลย ผมเลยตกใจเล็กน้อย5555
แล้วพี่อ๊อฟก็ลาก ต้องใช้คำว่าลากเลยนะ ผ่านร้านหนังสือผมจะแวะก็ลากอย่างเดียวไม่จอดเลย จนมาถึงลานจอดรถ....
“ขึ้นรถ!” ตะคอกใส่ผม
“ผมไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะเนี่ย ทำไมพี่ต้องเป็นแบบนี้ด้วย” หันหน้าหนีผม “เอ๊ะ! นี่พี่อ๊อฟหึงเหรอ” ผมยิ้ม ส่วนพี่อ๊อฟหูแดงคงจะใช่สินะ
“คะ ใครจะหึงมึง!” มองหน้าผม
“พี่อ๊อฟนี่ขนาดพี่อ๊อฟยังเป็นขนาดนี้ แล้วถ้าพี่ไอซ์รู้ ผมไม่บ้าเลยเหรอ”  ดึงแก้มพี่อ๊อฟ
“เพื่อนมึงก็เกินไปเนอะ เลิกคบไปเถอะไอมินนั่น!” โหดอีกแล้ว ผมก็ปล่อยมือจากแก้มพี่อ๊อฟ ผมไม่อยากให้เพื่อนผมมาเป็นตัวแปร พูดแบบนี้ผมรู้สึกจะไม่พอใจสักเท่าไหร่
“พี่อ๊อฟอ่าใจเย็นๆดิ้” (ยิ้ม) “วันนี้ไปนอนกับพี่อ๊อฟดีกว่า” พี่อ๊อฟอมยิ้ม “โอเคป่ะ?”
“อืม” (ยิ้ม)
“อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม คุณชู้” ผมเอ่ยแซวมันขึ้น ยักคิ้วให้พี่อ๊อฟเล็กน้อย
“อย่ากวนตีนนะเว้ย!” หูแดงไปไหนล่ะเนี่ย เขินอะไรนักหนา “ขึ้นรถเลยจะได้รีบกลับ!”
แล้วผมก็ขึ้นรถพี่อ๊อฟก็มาส่งผมบ้าน ผมก็บอกพี่อ๊อฟกลับไปก่อนเดี๋ยวไปหา มันก็โอเค พอผมเข้าบ้านก็เจอแม่กับเฮียนั่งดูทีวีอยู่......
“กลับมาแล้วจ้า” (ยิ้ม)
“ไงตัวแสบทำไมวันนี้กลับช้าแล้วไม่โทรบอก!”แม่เอ่ยถามเสียงดุ
“นทลืม!” วิ่งเข้าไปกอดแม่แล้วก็หอม โดยไม่สนใจเฮียบอม
“อย่าลืมบ่อยนักละ! แม่เป็นห่วง!”
“โอเคๆ แล้วป๊าล่ะแม่?” หันซ้ายขวามองหาป๊า
“ป๊าไปกรุงเทพ อาทิตย์หน้ากลับ” (ยิ้ม)
“อ่าวไม่เห็นป๊าบอกนทบ้างเลย”(หน้างอ)
“ป๊าฝากแม่บอกเนี่ย เมื่อเช้าแม่ไปหาพี่โน๊ตด้วย บ่นคิดถึงเราจะแย่” แม่พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“นทก็คิดถึง อยากไปหาบ้าง” (อ้อน)
“ไม่ได้หรอกต้องวันหยุดก่อน วันนี้พี่โน้ตเค้าฝากแม่ซื้อของ”
“โอเคๆ” ผมเหลือบไปมองเฮีย มันนั่งยิ้มมองผมกับแม่ “อะไรเฮียเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
“คุยกับเฮียดีๆสิ!” แม่พูดเสียงดุใส่ผม
“ไม่เป็นอะไรหรอกโกว” โกว เรียกอาผู้หญิงครับ “ปกติน้องก็พูดกับบอมแบบนี้แหละ” ยิ้ม หาเรื่องให้ผมสินะ
แล้วผมก็โดนสวดยาวเลย ไอเฮียบอมมันก็ทำหน้าล้อเลียนผม ผมก็ได้แต่นั่งฟังแม่สวด เฮ้อ!.....
“แม่วันนี้นทไปทำงานบ้านเพื่อนนะ” เอ่ยขอพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่ได้! ป๊าไม่อยู่นะ” แม่พูดท้วงขึ้นมา
“เกี๋ยวอะไรกับป๊า?” ผมถามด้วยความสงสัย
“ป๊าให้นทอยู่เป็นเพื่อนแม่ไง”
“แล้วเฮียละแม่?”
“เฮียจะออกไปเที่ยวกับเพื่อน แม่อยู่บ้านคนเดียว แม่กลัว” ทำหน้ากลัวและตกใจจริงๆ
“งั้นนทพาพี่อ๊อฟมานอนด้วยนะ”(ยิ้ม)
“แล้วแต่เลยจ้ะ พาผู้ชายเข้าบ้านอีกแล้วนะ! แม่จะฟ้องป๊า” แล้วเดินเข้าครัวไปเลย
ผมก็ขึ้นบ้านเอาของไปเก็บไอเฮียมันอาบน้ำอยู่ ผมเก็บของออกจากกระเป๋าสักพักเฮียมันก็ออกมา.....
“คืนนี้เฮียไม่กลับใช่ไหม นทจะพาเพื่อนมานอน” ยิ้มให้มัน
“เออ”  มันก็แต่งตัวไป
ผมก็เข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด ไปรับพี่อ๊อฟที่บ้าน พอถึงบ้านพี่อ๊อฟผมก็กดกริ่งพี่อ๊อฟลงมารับขึ้นไปบนห้องแก....
“ไหนกระเป๋ามึงละ?” หันมาถามผม
“พี่วันนี้แม่ผมอยู่บ้านคนเดียวอ่า” ผมยิ้ม ส่วนพี่อ๊อฟทำหน้านิ่งทันที
“อือ โทรมาบอกก็ได้ไม่เห็นต้องมาเลย”  เสียงเศร้าเชียว เดินไปนั่งโต๊ะเขียนหนังสือ
“ถ้าจะเศร้าขนาดนั้นนะ 5555” พี่อ๊อฟหันมามอง
“เป็นบ้าอะไรของมึงวะ!” หงุดหงิดใส่ผมด้วย
“ก็จะชวนไปนอนด้วย แต่ดูท่าแล้วพี่คงไม่อยากไปมั้ง งั้นผมกลั......”
“ไปๆๆๆๆๆเดี๋ยวๆ” พูดแทรกผมขึ้นมา แล้วรีบลุกไปเก็บของ ด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน
ผมก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับการกระทำของพี่อ๊อฟ สักพักพี่อ๊อฟเก็บของเสร็จ.....
“กูเตรียมชุดไปพรุ่งนี้ด้วยเลยนะ” มันหันมาถาม
“ชุดอะไร?” ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็ไปงานเลี้ยงไง”
แล้วเราก็คุยกันสักพัก พี่อ๊อฟมันเตรียมของไปเยอะ เพราะต้องไปวาดรูป แล้วก็ทำการบ้าน ผมก็รอพี่มันเก็บของ พอเตรียมของเสร็จพี่อ๊อฟก็ไปขออนุญาติพ่อแม่แก แล้วก็ขี่รถตัวเองพามาบ้านผม พอถึงบ้านก็จัดแจงเปิดประตูให้พี่อ๊อฟเอารถเข้าไปเก็บแล้วพาเข้าบ้าน...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:25:19
“เฮียยังไม่ไปเหรอ” เฮียยังนั่งดูทีวีอยู่เลย
“รอเพื่อนมารับ” แล้วหันไปทำหน้ากวนตีนให้พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็ยืนนิ่ง
“ขึ้นห้องกันเถอะพี่อ๊อฟ แม่ทำกับข้าวอยู่แหละ” กลิ่นลอยมาหอมเชียว
แล้วผมก็พาพี่อ๊อฟขึ้นเอาของมาเก็บมันก็จัดแจงของ พร้อมกับยึดโต๊ะทำการบ้านผมไปเรียบร้อย พอเสร็จมันก็สำรวจห้องผม.....
“ห้องน่ารักจังวะ” (ยิ้ม)
“น่ารักเหมือนเจ้าของไง” (ทำท่าเขิน)
“ก็จริง” มันก็ยิ้มขึ้นมา แต่ผมก็เขินเลยสิ
“หึ!” ยิ้มหล่อส่งมา “เออพรุ่งนี้ใส่สร้อยที่กูให้ไปด้วยนะ”
เราพูดถึงงานเลี้ยงในวันพรุ่งนี้กัน แล้วก็ถกเถียงเรื่องความน่ารักของมันนิดหน่อย พักหลังมันยิ้มบ่อยขึ้น มันก็เลยดูดีขึ้นเยอะเลย แซวกันไปกันมาจนหมดเรื่องที่จะพูด ผมก็หยิบการบ้านตัวเองขึ้นมาทำบ้าง แล้วพอทำเสร็จพี่อ๊อฟก็ยังนั่งงมกับงานของมันอยู่ ผมก็เล่นโทรศัพท์ดูนู่นี่ไปทั่ว......
“พี่อ๊อฟ”
“ว่า ?” ตอบแต่ไม่หันมา
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย” ผมพูดนิ่งๆ
“อะ” โยนโทรศัพท์มาให้ แต่ก็ไม่หันกลับมานะ
“นี่จะไม่ถามหน่อยเหรอว่าเอามาทำอะไร?” ผมถามมันอย่างสงสัย
“มึงจะเอาไปทำอะไรก็ทำเถอะ กูต้องการสมาทธิ!” พวกวาดรูปนี่โลกส่วนตัวสูงจริงๆ
ผมก็กดค้นโทรศัพท์ของพี่อ๊อฟไปทั่ว ว่างมากพี่อ๊อฟไม่สนใจเลย ผมก็เข้าไปดูแชททั้งเฟสและไลน์ตามแอพ ก็คือพี่อ๊อฟหยิ่งมาก คือมีคนทักมามันก็เยอะอยู่นะ ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง ส่วนมากจะคุยกับเพื่อนมากกว่า แต่กับอิงฟ้าทำไมมันคุยเยอะจัง?.... ผมลองค้นรูป ก็คือรูปที่มันถ่ายกับอิงฟ้าลงเฟสใช้โทรศัพท์มันถ่าย รูปยังมีอยู่ในอัลบั้ม หลายช็อตด้วย....
“พี่ดูสนิทกับอิงฟ้าจังเนอะ คนอื่นไม่ค่อยตอบ แต่อิงฟ้านี่ตอบหมด แถมยังเก็บรูปกันไว้อีก!” ผมเงยหน้ามองมันมันก็หันมามองผม “มองอะไร!”
“มองมึงไง ดูโทรศัพท์กู แล้วยังมาทำหน้าอย่างกับตูด หึ!” ส่ายหัวให้ผม
“เออๆเอาคืนไปเลย!” เดินเอาไปวางให้มัน แล้วผมก็มานั่งที่เตียงเหมือนเดิม
“ค้นโทรศัพท์กู แล้วยังมาอารมณ์เสียใส่กูอีก!” ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมานั่งข้างผม
“ก็แค่ดูเท่านั้นแหละค้นอะไรเล่า!” หันหน้าหนีมัน
“กูก็แค่คุยกับอิงฟ้าเฉยๆ น้องมันก็ตื้อ พอไม่ตอบก็ไปเซ้าซี้อยู่ที่โรงเรียน มันดูไม่ดี” ผมหันมามองมัน
“บอกทำไมละ เรื่องของพี่เหอะ!” ผมก็มองไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ “แล้วงานเสร็จแล้วเหรอเห็นก้มอยู่นั้นแหละ ไม่มุดเข้าไปอยู่ในนั้นเลยละ!” พาลไปหมด
เราถกเถียงกันไปมาสักพัก ผมก็จะไปช่วยแม่เตรียมข้าว ว่าแล้วผมก็เดินออกห้องไป พี่อ๊อฟก็ได้แต่ส่ายหัว ไม่รู้สิทำไมอยู่กับพี่อ๊อฟอยากอ้อนตลอด แต่ก็คงเพราะพี่อ๊อฟตามใจผมแหละ ผิดกับพี่ไอซ์ที่ผมต้องเอาใจเขา ผมลงมาก็ช่วยแม่จัดโต๊ะ แม้จะไปกินกับเพื่อนๆมาแล้วแต่ก็หิวอีก กินได้ตลอดนั่นแหละ พี่อ๊อฟกินไปหน่อยเดียว แต่ผมอะดิกินไม่รู้จักอิ่ม หิวอีกแล้วด้วย555หลังจากเตรียมอาหารแล้วเสร็จ ก็ขึ้นไปตามพี่อ๊อฟ.......
พอลงมาข้างล่างก็ตรงไปที่โต๊ะกินข้าว แม่ถามใหญ่เลยเพราะพึ่งเคยได้คุยและเจอกับพี่อ๊อฟจริงๆส่วนมากก็แค่จะเล่าให้ฟังกับเอารูปให้ดูบ้าง ป๊าก็เห็นบ้างแล้ว คุยไปคุยมาสรุปว่าแม่กับแม่พี่อ๊อฟรู้จักกัน ชอบไปเม้ามอยด้วยกันบ่อยๆตามประสาแม่บ้าน พี่อ๊อฟก็ขออนุญาตแม่ให้ผมเรื่องจะไปงานวันพรุ่งนี้แม่ก็อนุญาติ ผมก็ฟังแม่กับพี่อ๊อฟคุยกันไปจนสักพักเรากินข้าวเสร็จก็ช่วยกันเก็บโต๊ะล้างจาน แม่ไม่ยอมให้ล้าง ผมก็พาพี่อ๊อฟขึ้นห้อง......
“ยิ้มอะไรวะ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว?” พี่อ๊อฟหันมาถามผม
“เปล่า ทำไมเวลาพี่คุยกับแม่ผมดูอ่อนโยนจัง คุยกับผมอย่างกับจะกินหัว” ผมถามด้วยท่าทีที่ไม่จริงจังนัก
“ก็กูคุยกับผู้ใหญ่นะ ต้องมีมารยาท พ่อแม่ก็สอนมาดี” (ทำหน้าหล่อ)
คุยกัน หยอดกันสักพัก ผมก็ไล่พี่อ๊อฟไปอาบน้ำ พอพี่อ๊อฟเข้าห้องน้ำไปผมก็ไปเปิดคอมนั่งเล่นคอมฯ เปิดเพลงฟังสักพัก แจ้งเตือนเฟสบุ๊ค มีคนถูกใจรูปภาพผมรัวเลย และก็ตามมาด้วยการขอเป็นเพื่อน....นั่นก็คือไอสิงโตนั่นเองตอนแรกไม่รู้หรอก ผมเข้าไปดูรูปโปรไฟล์ใช่เลย ผมก็กดรับสักหน่อย พอกดรับแล้วแชทเด้งทันที.....
สิงโต : (ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มมา)
ผม : …….(ผมส่งจุดไป)
สิงโต : ไง
ผม : ไง
สิงโต : ลืมกูยัง?
ผม : ใครอ่า(แกล้งไม่รู้)
สิงโต : อะไรว้า...
ผม : 5555ล้อเล่นน่า เสี่ย!
สิงโต : ตกใจหมดนึกว่ามึงจำกูไม่ได้แล้ว “ส่งอีโมจิยิ้มมา”
ผม : เห็นกูเป็นคนขี้ลืมขนาดนั้นเลยเหรอ?
สิงโต : เปล่า
ผม : อื้ม ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มกลับไป
สิงโต : มึงรู้เรื่อง....
ผม : เรื่อง ?
สิงโต : รู้จากไอมินแล้วใช่ป่ะ?
ผม : อื้ม (ส่งยิ้มให้มัน)
สิงโต : มึงอย่าไปโกรธมันเลยนะ กูบังคับมันเอง
ผม : กูไม่ได้โกรธอะไรเลยมึง ไม่ต้องคิดมาก (ส่งสติ๊กเกอร์ให้มัน)
ผั้วะ ! หัวผมแทบทิ่มกับคีย์บอร์ด
“โอ้ย!!” พี่อ๊อฟตบหัวผมพร้อมทำหน้ายักษ์ใส่ “แหะๆ” กดปิดแชทแทบไม่ทัน
“แรดเกินไปหรือเปล่าวะ!” เสียงดังใส่ผม
“เพื่อนกันทั้งนั้นน่า!” เดินไปนั่งข้างพี่อ๊อฟ “อย่าโกรธน่า!”
“กูจะมีสิทธ์โกรธอะไรมึง!” หันหน้าหนี ประเด็นคือพี่อ๊อฟน่าจะออกมาสักพักแล้ว แต่ทำไมผมไม่รู้ตัว555
“โถ่! อย่าพูดแบบนี้ดิ” ดึงแก้มมัน “พี่เป็นชู้อยู่น้า”(ยิ้ม)
“เดี๋ยวกูจะทำหน้าที่ชู้เลยดีไหม!” กดผมลงกับเตียง
“พี่อ๊อฟออกมานานแล้วเหรอ” เปลี่ยนประเด็น
“ก็นานพอที่จะเห็นมึงส่งข้อความคุยกับไอเวรนั่นไง กูจะบอกไอไอซ์มึงจะได้เลิกให้ท่าเขาไปทั่ว” พูดด้วยท่าทีจริงจัง
“ไปกันใหญ่แล้วนะ มันแค่มาขอโทษแทนไอมินน่า อย่าใส่ใจเลย” ดันตัวพี่อ๊อฟออกแล้วลุกนั่ง
“เออๆ! มึงไปอาบน้ำเลยไป”  พี่อ๊อฟเอ่ยไล่ผม
“ก็ได้….” แล้วผมก็เดินเข้าห้องน้ำไป
ผมก็ถอดผ้าออกกำลังจะแปรงฟัน โห! พี่อ๊อฟเตรียมแปรงสีฟันพร้อมบีบยาสีฟันไว้ให้ผมด้วย จะน่ารักเกินไปแล้ว ผมก็บ้าเลยทีนี้อาบน้ำไปยิ้มไป แต่แปรงบานนิดนุงเหมือนมันไปเกี่ยวเหล็กดัดฟันของพี่อ๊อฟ มันใช้ของผมสินะ แล้วผมออกมา.....
“ทำอะไรอ่ะ!” พี่อ๊อฟเล่นคอมฯ ผมก็เอ่ยถามขึ้น
พอดูพี่อ๊อฟกำลังค้นเฟสผม แล้วก็บ่นของมันไป ผมก็เบื่อจะถกเถียงกับมัน ผมนั่งไปนอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง มันเล่นคอมฯอีกไม่นาน แล้วพี่อ๊อฟก็ปิดคอมเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นมานอนข้างๆผม....
“พอใจหรือยัง ตอบไปแล้วรู้สึกดีขึ้นไหมละ” ผมถามขึ้น เพราะมันไปตอบแชทไอสิงโตแทนผม ผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปดูนะว่ามันตอบอะไรไป
“อืม ก็ดีอ่ะ!” นอนตะแคงหันมาทางผม ผมตะแคงไปทางพี่อ๊อฟ
“พี่เตรียมแปรงไว้ให้ด้วย น่ารักนะเนี่ย!” ดึงแก้มพี่มัน
“น่ารัก แล้วเมื่อไหร่จะรักวะ?” ผมเห็นมันยิ้ม
“รักดิ! แต่ต้องน้อยกว่าพี่ไอซ์นะ” ผมยิ้มคืนให้มัน มันลูบหัวผม
“ก็ยังดีวะ” จับมือผม
เราคุยกันสักพักก็หลับ ตื่นเช้ามาพี่อ๊อฟก็เหมือนเดิม นอนด้วยที่ไรจะต้องมอนิ่งคิสตลอด เราก็แต่งตัวทำนู่นนี่เสร็จ ก็ไปโรงเรียนแต่วันนี้ไอมินมันดูไม่ค่อยพูดกับผมแถมไม่เดินใกล้ผมอีกผมก็ไม่สน จนพักเที่ยง......
“มึงใจร้ายจังวะนท” อยู่ๆมันพูดขึ้นมาทุกคนกำลังกินข้าว มันนั่งตรงข้ามผม
“นี่กูไปใจร้ายอะไรไม่ทราบ?” ผมถาม ทำหน้างงกันทั้งกลุ่ม แต่ไอมินหันหน้าหนีผม
“มึงหาเรื่องให้มันมันไม่โกรธมึง มึงยังว่ามันใจร้ายเนอะ!” ปอที่นั่งข้างผมพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้านิ่งๆแล้วมองมินแบบเอือมระอา
“มึงไม่รู้อะไรไอปอ!”มันหันไปขึ้นเสียงใส่ไอปอ และตักข้าวคำโตเข้าปาก
“เรื่องเหี้ยอะไรอีกวะ” ไอวิวหันไปถามพร้อมกับทำหน้าสงสัย
“เออ! กูเบื่อมึงจริงไอมิน” ไอนัทพูด ดูมันไม่สนใจอะไรเลย กินอย่างเดียว ดีที่พูดเหมือนสนใจมาบ้าง
“คนที่มึงควรเบื่อควรเป็นไอนทเว้ย!” ไอมินพูดพร้อมมองผมด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
“มึงก็บอกกูมาสิ กูไปทำอะไร!” ผมเริ่มหงุดหงิด
“เมื่อคืนมึงตอบเฟสสิงโตได้ใจร้ายมาก แถมมึงจะเลิกคบกูด้วยที่หาชู้ให้มึง!” ไอมินพูดขึ้น ตามันแดง มันจะร้องไห้?
“เห้ยๆ! เดี๋ยว มินใจเย็นกูไม่ได้ตอบไอสิงโตแบบนั้นเลยนะเว้ย!” จับมือมัน
“มึงตอบแบบนั้นเหรอวะ?” ปอหันมามองผมอย่างสงสัย
แล้วทุกอย่างก็ดึงเข้าดราม่า ผมดูใจร้ายกับเพื่อนไปเลย ผมไม่เคยพูดกับเพื่อนแบบนั้นแน่นอน ถกเถียงกันสักพัก ผมก็เอาโทรศัพท์มาเปิดเฟสแล้วเข้าไปดูข้อความเมื่อคืน เอ้อ! ผมเพิ่งนึกได้พี่อ๊อฟมันเป็นคนตอบต่อผมเมื่อคืน!
-มึงเลิกยุ่งกับกูสักที กูรำคาญมึงจะแย่อยู่แล้ว กูมีแฟนแล้วนะเว้ยยยยย-
-ส่วนไอมินกูก็จะเลิกคบเป็นเพื่อนสะ ไม่รักดีนักเพื่อนมีแฟนอยู่แล้วยังหาเพิ่มให้เพื่อน-
และอีกหลายข้อความเลยที่ดูจะบั่นทอนจิตใจไอมิน ไอพี่อ๊อฟมันคงนั่งพิมช่วงที่ผมไปอาบน้ำ แล้วประเด็นคือตอนที่ผมตอบไปตอนแรกก็ตอบไปหมดแล้วแต่ไอพี่อ๊อฟมาเสริมให้มันแย่ไปหมด แล้วพวกไอปอมันก็แย่งไปดู
“แล้วมึงรู้ได้ยังไง กูคุยกับไอสิงโตไม่ได้คุยกับมึง” ผมหันไปถามมิน พร้อมกับดึงมือถือคืนมา
“มันแคปมาให้กูดู มันบอกตอนแรกก็คุยดีๆ สักพักก็เป็นอะไรไม่รู้ ถ้ามึงรำคาญมันก็บอกดีๆก็ได้หรือเปล่าวะ!” ไอมินทำไม่พอใจผม
“ไปกันใหญ่แล้ว!” ผมพูดแต่ตาก็ยังจ้องที่ข้อความในมือถือ
“นทมึงใจร้ายสุดๆ” ปอพูดพร้อมกับส่ายหัวและเอาข้าวยัดเข้าปากไป
แล้วทุกคนก็เริ่มหันมารุมยำผม ด้วยคำพูดต่างๆนา ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ แล้วก็คิดว่าควรจะทำยังไง ก็จะให้พูดยังไง ผมไม่ได้เป็นคนตอบ ถ้าผมตอบผมก็ยอมรับแล้วสิ จะมากความทำไม โถ่!
“โอ้ย!พวกมึง” หลังจากทนฟังมาสักพักผมก็เอ่ยขึ้น จะตอบยังไงดีบอกว่าเมื่อคืนพี่อ๊อฟมานอนด้วยเดี๋ยวก็ยาว เอาแบบนี้แล้วกัน... “พี่ไอซ์เล่นเฟสกู! เขาคงเห็นมั้งเลยตอบมาแบบนั้น ตอนที่กูตอบกูตอบถึงแค่นี้แล้วกูก็ไปนอน” เปิดแชทที่ผมคุยถึงตรงนั้นให้เพื่อนดู “ส่วนที่เหลือกูเปล่านะเว้ย!” พวกมันพยักหน้าเข้าใจกัน
แล้วก็เริ่มเปิดบทสนทนาใหม่ นั่นก็คือความกังวล เพราะพวกไอสิงโตก็เป็นเพื่อนใหม่ กลัวว่าจะกลายเป็นศัตรูกัน ก็ถกเถียงโบ้ยให้ผมกับไอมินเป็นคนโทรไปเคลียล์กับไอสิงโต ผมก็ได้แต่นั่งคิด ใจนึงก็คือคงไม่เป็นอะไรมั้ง แต่พวกไอสิงโตก็เพื่อนใหม่อย่างที่พวกมันพูดนะ ต้องจัดการไอพี่อ๊อฟก่อนแล้วกัน ทำเกินไปจริงๆ ถ้าพวกไอสิงโตไม่พอใจแล้วมาเอาเรื่องผมไม่ซวยเลยเหรอ! ยิ่งไม่อยากมีเรื่องวิวาทอยู่ แล้วเราก็ขึ้นเรียนคาบบ่ายกันโดยยังไม่ได้ข้อสรุปว่าผมจะไปเคลียล์กับไอสิงโตไหมก็เอาไว้ก่อน พอเลิกเรียนผมโทรไปหาพี่อ๊อฟ......
“ว่าไง”  ทำเสียงสดใสเชียว
“อยู่ไหน?”ผมเอ่ยถาม 
“ชมรม วันนี้กลับช้านะ! มึงไม่ได้ไปไหนใช่ไหม นั่งดูไอไอซ์รอก่อนแล้วกัน” มันพูดอย่างสบายใจ
“เออ โอเค! ตึ๊ด!” พูดจบผมก็กดวางไป
“ตกลงเอายังไงวะ?” ไอมินหันมาทางหลังจากผมละหูจากโทรศัพท์
“ไม่รู้...มึงว่าควรทำยังไง” ผมหันไปตอบมันด้วยคำถาม
แล้วก็เริมพูดคุยกัน ก็ได้ข้อสรุปว่า ผมควรจะโทรไปบอกไอสิงโตสักหน่อย ผมก็ขอเบอร์ไอสิงโตจากไอมินแล้วเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ผมก็เดินไปหาไอตัวร้ายที่ชมรม! พอมันเห็นผมก็เดินมา...
“เป็นอะไรทำหน้าทำตาแบบนั้น” ยิ้ม
“พี่อ๊อฟไปตอบไอสิงโตแบบนั้นทำไม?” ผมถามอย่างจริงจัง
“ก็มันน่ารำคาญ” ทำหน้านิ่ง
“อย่างน้อยบอกมันดีๆก็ได้ พี่ไปตอบแบบนั้นเพื่อนผมเห็น ไอมินก็ร้องไห้เลยนะที่บอกจะเลิกคบมันอ่ะ!” ผมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“555ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ทำท่าสะใจน่าดูเลยนะ 
“ยังมีหน้ามาหัวเราะอีก ผมไม่ชอบทำลายความรู้สึกคนอื่นนะพี่อ๊อฟ และยังเป็นเพื่อนผมอีก” (โมโหเบาๆ)
“โอเคกูขอโทษ” ยังยิ้ม “คราวหลังจะไม่ทำแล้วกัน ขอโทษนะ” ทำไมมันอารมณ์ดีจัง
“อืมๆ ไปเข้าชมรมเหอะ” ผมเหลือบไปเห็นยัยอิงฟ้า นั้นคือต้นเหตุของความอารมณ์ดี? “อ๋อ ที่อารมณ์ดีเพราะอิงฟ้าน่ะเหรอ?”
“ไม่ใช่แล้ว เพราะมึงมาหาต่างหาก ปกติไม่เห็นมาหากู กูต้องไปหาอยู่ฝ่ายเดียว” ยิ้ม
“บ้า!” (เขินสิ) “ไปแล้ว!”
แล้วผมก็เดินหนีมาเลย จริงๆเรื่องสิงโตไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ผมไม่อยากให้สิงโตมันเสียความรู้สึกกับคำพูดของผม ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนพิมพ์ไปก็เถอะ แต่ผมไม่ใช่คนประเภทนั้น ใจเขาใจเรา เราโดนเราก็เสียความรู้สึก ผมไม่โกรธพี่อ๊อฟหรอกแค่รู้สึกไม่ชอบ แต่โทรไปขอโทษก็น่าจะโอเคแล้ว ผมก็มานั่งดูพี่ไอซ์เหมือนเดิม พอพักเบรกผมก็ไปยืนรอพี่ไอซ์ข้างสนาม พี่ไอซ์วิ่งมา....
“ไงตัว!” หอบเลยผมก็เอาผ้าซับเหงื่อให้เหมือนทุกครั้ง ผมเป็นคนสม่ำเสมอนี่นะ
“เมื่อไหร่จะแข่งเนี่ย!” ทำหน้าเซ็ง
“อีก2วันเค้าก็ออกไปซ้อมปกติแล้ว ทำไมคิดถึงเค้าเหรอ” ยิ้มบาน
“คิดถึงดิ! อีกอย่างตอนนี้มีคนมาจีบด้วย เค้าจะทิ้งตัวแล้วนะ!” แกล้งพี่ไอซ์
“อย่านะ! เค้าไม่ยอม” จับมือผมแน่นพร้อมทำหน้าเครียด
“หลอกน่า! อีกสองวันใช่ไหม เค้าจะตั้งตารอเลย สู้ๆนะ” ยิ้มให้พี่ไอซ์
“คิดถึงตัวอ่า” งอแงแล้วสินะ “เค้าอยากกลับบ้านแล้วเนี่ย” ทำเป็นอ้อน
“ให้ผมไปบอกแม่พี่ให้ไหม พี่ไม่ไหวเหรอ?” ถามด้วยความเป็นห่วง พร้อมสำรวจร่างกายพี่ไอซ์ว่าบาดเจ็บหรือเปล่า
“เค้าไม่ได้เป็นอะไร เค้าแค่เบื่อ อยากไปเที่ยวกับตัว” จับมือผมไปถูแก้ม “เอ้อ! เห็นอ๊อฟบอกว่ามีคนมาจีบตัวเหรอ”
“เค้าก็บอกตัวอยู่เนี่ย!” ก็เพิ่งบอกไป คงคิดว่าพูดเล่นสินะ
“แล้วตัวชอบมันไหม” ถามด้วยสีหน้าเศร้าหมอ
“ไม่ชอบหรอกน่า อย่าคิดมากดิ! เค้ารอตัวอยู่ที่หน้าบ้านทุกวันเลยนะ55555” พี่ไอซ์ขำออกมา เมื่อผมพูดจบ
“จริงนะ!”  จะดีใจอะไรขนาดนั้น
ผมกับพี่ไอซ์คุยกันสักพัก โดยผมบอกพี่ไอซ์ด้วยว่าวันนี้จะไปงานเลี้ยงกับพี่อ๊อฟ พี่ไอซ์รู้อยู่แล้ว แล้วผมก็กลับมานั่งที่แสตน เพราะพี่ไอซ์โดนเรียกตัวแล้ว หลังจากนั่งได้ไม่นาน นึกขึ้นได้ผมก็โทรหาสิงโต เพื่อขอโทษมัน....
“ฮัลโหลครับ” (เสียงหล่อเชียว)
“เอ่อ...” (พูดไม่ออก)
“ครับ? ต้องการพูดกับใครครับ” (ไอนี่มารยาทดีจริงๆ)
“คะ...คือกูนทนะ”(พูดไม่ถูกเลยทีเดียว)
“........”(เงียบ)
“เอ่อคือ เรื่องเมื่อวานกูไม่ได้..”
“ไม่เป็นไร...ไม่อยากฟัง มีอะไรอีกไหม” คือพูดแทรกผม แต่น้ำเสียงเย็นชาจังเลย
“เห้ย! กูไม่ได้เป็นคนพิมพ์นะเว้ย! อย่าโกรธกูเลยน้า กูขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆ” พูดด้วยความสำนึกผิด
“อืม...รู้อยู่แล้วไอมินมาบอกแล้ว” ทำน้ำเสียงเรียบนิ่ง สุขุมจริงๆ
“กูขอโทษจริงๆนะเว้ย! คือถ้ามึงจะเกลียดกูก็ได้นะ แต่กูอยากบอกให้รู้ว่ากูไม่ได้เป็นคนทำ” ผมพูดอย่างสำนึกผิด
“รู้แล้ว!” (น้ำเสียงยังนิ่งอยู่)
“ให้กูเลี้ยงข้าวมึงเป็นการไถ่โทษก็ได้นะ”  พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุด ผมก็ไม่ได้อยากเจออะไรมันหรอก แต่ก็แค่ มันก็เลี้ยงเรามื้อใหญ่ แถมยังมาโดนพูดไม่ดีใส่ ผมก็รู้สึกไม่ดี แล้วก็รู้สึกเหมือนติดค้างมัน
“เอาสิ!” ทำไมเปลี่ยนน้ำเสียงเร็วจังวะ “ที่ไหนดี ไปกับกูแค่2คนนะ” เอ่อ....มันแปลกๆแล้วสิ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนี้สักหน่อย
“ทะ...ทำไม กูต้องไปกับมึงสองคน เพื่อนๆเยอะแยะ” ผมพูดไม่จริงจังมากนัก เพราะเกิดอาการรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“มึงก็คงจะรังเกียจกูสินะ ไป 2 คนกับเพื่อนแค่นั้น มึงคิดอะไร”มันตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กะ...ก็ได้มั้ง...” ทำไมผมต้องหาเรื่องใส่ตัวตลอด “มึงหายโกรธกูแล้วใช่ไหม?” แต่ก็เอาเถอะ มีเพื่อนเยอะไว้ดีกว่ามีคนเกลียดนั่นแหละ
“หายตั้งแต่มึงโทรมาแล้ว” (ร่าเริงเชียว) “มึงนี่เป็นเหมือนที่ไอมินบอกจริงด้วย”
“อะไร?”
“ขี้ง้อ ขี้อ้อน” กูไปอ้อนมึงตอนไหน
“เออๆ ยังไง จะไปวันไหนก็บอกแล้วกัน แต่วันนี้ไม่ได้นะเว้ย!” ผมพูดพร้อมกับมองนาฬิกา นี่ก็น่าจะใกล้ถึงเวลาที่พี่อ๊อฟจะกลับแล้วมั้ง
“เออๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้โทรบอก แล้ว......” มันเงียบไป
“อะไร?”
“ถ้ากูอยากคุยกับมึง….”
“มึงก็คุยกับกูอยู่นี่ไง” อะไรของมัน
“อะ...เอ่อ เปล่าๆ แล้วคุยกับกูแบบนี้ คนๆนั้นจะไม่ว่าเหรอ?” สิงโตเอ่ยถามขึ้น
“เอ่อ...คือก็เพื่อนคุยกันจะไปอะไรวะ” ร่าเริงเข้าไว้
“อืมๆ งั้นไว้ค่อยคุยกันเนอะ” (เสียงหงอยเลย)
คุยกับมันอีกนิดหน่อย แล้วมันก็วางสายไปผมก็รอพี่อ๊อฟ พี่ไอซ์จะซ้อมให้ตายไปเลยหรือยังไงดูดิมีแต่สาวมากรี๊ด ผมก็ดูพี่ไอซ์ไปเรื่อยๆ สักพักพี่อ๊อฟมา....
“รอนานเปล่า” (ยิ้ม)
“นานอยู่นะ แต่รอได้” ตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม
ผมเห็นพี่ไอซ์ซ้อมอยู่ไม่อยากไปกวนเลยกลับก่อน พี่อ๊อฟพาผมกลับมาบ้านแล้วเราทั้งสองคนก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยเสื้อผ้า เพื่อจะไปงาน ส่วนพี่อ๊อฟก็เก็บของเตรียมกลับบ้านเลย พอเสร็จก็ลงไปบอกแม่อีกทีเฮียก็นั่งดูทีวีอยู่........
“แม่ไปแล้วน้า” กอดแม่ “เฮียดูแลแม่ด้วยละ” หันไปบอกเฮียบอม
“คร้าบบบบ” มันตอบรับ ทำไมมันต้องทำหน้ากวนตีนใส่พี่อ๊อฟด้วยนะ
“ไปดีมาดีล่ะ อย่าไปซนนะแม่ฝากด้วยนะอ๊อฟ” พูดทีเล่นทีจริง
“ครับ” ยิ้มให้แม่ผม
แล้วผมกับพี่อ๊อฟก็ไปกัน แต่ก่อนไปก็แวะเอาของพี่อ๊อฟไปเก็บก่อน พอถึงเป็นสถานที่กึ่งผับกึ่งร้านอาหาร วัยรุ่นเยอะอยู่ แล้วห้องที่จะมาเลี้ยงเป็นห้องวีไอพี จำกัดคนเข้ามาได้ประมาน 30 กว่าคนแน่ะ ก็ดี คึกครื้นดี ผมไม่เคยมาที่แบบนี้ เลยมีอาการตื่นเต้นไม่น้อย พี่อ๊อฟก็เม้าแตกกับเพื่อนๆผมก็นั่งข้างพี่อ๊อฟเนี่ยแหละ ไม่ค่อยรู้จักใคร ส่วนมากก็ยิ้มให้ผมผมก็ยิ้มให้เขาตอบกลับ พี่อ๊อฟก็แนะนำผมไปด้วย แล้วสักพัก.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:26:30
“อ้าวนทมาด้วยเหรอ”ผมหันไปตามเสียง อิงฟ้า
“อื้ม” ร้อยวันพันปีไม่เคยจะทักไม่เคยจะได้คุยกัน ทำไมมาทักผม คิดในใจ
“นทมากับพี่อ๊อฟเหรอ” ผมพยักหน้า “ดีจังเลย!” จะเขินทำไม
“ดียังไงเหรอ?” ทำหน้านิ่งๆ
“ก็พี่อ๊อฟชวนเรามาด้วย” (ห๊ะ!) “แต่เขาบอกจะมากับนท เลยไม่ได้มารับเรา”ยิ้ม ไอพี่อ๊อฟ ชวนตามมารยาทอีกแล้วสินะ
“อื้ม แล้วอิงฟ้ามายังไงล่ะ” ยิ้มสวยส่งไปให้อิงฟ้า
“พี่มาส่งน่ะ แต่งานนี้มันมีแต่รุ่นพี่เนอะ รุ่นเดียวกันไม่มาเลย” ยิ้มหวานเชียว
“อื้มนั่นสิ” ผมลูบสร้อยที่พี่อ๊อฟให้ ผมใส่มาด้วย
“สร้อยสวยจัง” อิงฟ้าถือวิสาสะ เอื้อมมือมาจับสร้อยของผม
“เอ่อคือ...” ผมมองแล้วอิงฟ้าก็ปล่อย “ก็ไม่เท่าไหร่นี่” (ยิ้ม)
“แต่ของนทก็คล้ายๆของเรานะ” อิงฟ้าพูดเสร็จก็ยื่นข้อมมือให้ดูเป็นสร้อยข้อมือมีตุ้มเล็กๆเป็นรูปหัวใจ วัสดุ สี เหมือนกัน เหมือนมาจากร้านเดียวกันเลย
“อื้มสวยดีเนอะ” (ยิ้ม) “แฟนให้มาเหรอ?” ผมถามด้วยความสนใจ
“บ้าไม่ใช่!” บิดไปบิดมาน่าหมั่นไส้สุดๆ “พี่อ๊อฟซื้อมาให้น่ะสิ ตอนที่พี่เขาไปแข่งที่กรุงเทพฯ” ผมรู้สึกตกใจ ผมหันไปมองไอพี่อ๊อฟรายนั้นก็ยังคงเม้าแตก
“อื้ม!” กระแทกเสียงนิดนึง “สวยดี สวยมาก พี่อ๊อฟชอบอิงฟ้าเหรอ ถึงซื้อของแบบนี้ให้อ่ะ” ผมถามแบบขุ่นเคืองเล็กน้อย
“ไม่ใช่หรอก” จะเขินทำไมเนี่ย เริ่มหมั่นไส้แล้วนะ “ไม่รู้สิ” หน้าแดงไปหมด
“อื้ม” พยักหน้าเออออตามนางไป
แล้วผมกับอิงฟ้าก็คุยนู่นนี่กัน แต่อิงฟ้านี่ไม่ค่อยเลย คุยด้วยดึงเข้าเรื่องพี่อ๊อฟตลอด นี่หรือคุณหนูที่ใครๆต่างพากกันขนานนามเป็นนางฟ้า ตัวจริงบ้าผู้ชายจัง แล้วสักพักมีรุ่นพี่ผู้หญิงเรียกอิงฟ้าไปคุยด้วย ผมก็สะกิดพี่อ๊อฟ....
“อะไร!” ทำรำคาญผม? ผมมองด้วยสายตาเคืองๆ “อะไรๆ” มันก็หันมาดีๆ
“รำคาญผม?”(พูดนิ่งๆ)
“เปล่า! กูคุยกับเพื่อนอยู่มีอะไรเปล่า” น้ำเสียงอ่อนลง
“พาไปเข้าห้องน้ำหน่อย” พูดแล้วก็ทำท่าจะลุก
“ไปดิอยู่ตรงนั้นเอง” ชี้ไปทางห้องน้ำ แต่ผมเริ่มหงุดหงิดแล้ว!
“เออๆ คุยกะเพื่อนไปเถอะ!” แล้วผมก็เดินออกมาเลย
ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ ห้องน้ำที่นี่มันรวมชายหญิงเข้าได้ในห้องเดียวเลย ผมเข้าไปนั่งเล่นโทรศัพท์ในนั้นสักพักก็คิดนู่นนี่ไปทั่ว เรื่องสร้อยข้อมือยังอิงฟ้า คิดไปคิดมาก็ช่างเถอะ เรื่องของพี่อ๊อฟมัน เราไม่มีสิทธิ์ไปยุ่ง! แล้วผมก็ลุกเดินออกจากห้องน้ำ คนเยอะเชียว แถมควันบุหรี่เยอะมาก ผมไม่ชอบ เลยรีบล้างมือแล้วออกมาจากตรงนั้นพอเดินออกมา....
“นท!” ผมหันไปตามเสียงอ้าวไอพี่เต็ม
“ว่าไงพี่!” (ยิ้ม)
“หายเลยนะมึง” เดินเข้ามาพร้อมกับเอามือเตะไหล่ผม
“พี่แหละหาย!” ผมก็ท้วงมัน
“เออ มาได้ยังไง” พี่มันถามขึ้นมา
“มาเป็นงานเลี้ยงชมรม! ที่เขากินเลี้ยงกันในห้องนู่น” ชี้ไปทางห้องที่จัดเลี้ยง
“งั้นมึงไปโต๊ะกูไหม แปปนึงก็ได้” เอ่ยชวนอย่างใจดี
“พี่มากับใคร!” ถามก่อน เดี๋ยวซวยเจอไอเบส เป็นเรื่องเป็นราว
“กับเพื่อนที่โรงเรียนเนี่ยแหละ! ไม่มีไอเบสหรอกน่า!”
ผมยังไม่ทันตอบว่าจะไปหรือไม่ มันก็ลากคอผมให้เดินไปโต๊ะมัน ผมก็ต้องไปสักนิด เพราะว่า จริงๆถึงอยู่ในห้องกินเลี้ยงผมก็เบื่ออยู่ดี ไม่รู้จักใครแล้วพี่อ๊อฟก็ไม่สนใจด้วย
“เห้ย!พวกมึงนี่น้องกูชื่อนท นท นี่บิว โอม และนี่ บอส” มันแนะนำผม และพี่ๆในโต๊ะอย่างไม่เป็นทางการนัก
“ดีครับ” ยิ้มให้ทุกคน
“มึงไม่ต้องเกร็งเว้ย สบายๆ” หันมาบอกผม ผมก็ไม่ได้เกร็งอะไรนี่
“นท มายังไงอะ” พี่โอมถามอย่างสงสัย
“มากับพี่ที่ชมรมวาดรูปอยู่ห้องนู่นอ่ะพี่” พูดพร้อมกับชี้ไปทางห้องที่จัดเลี้ยง
“น้องอยู่ม.4ป่ะ” พี่บอสถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ใช่ครับ” (ยิ้ม)
“น้องยิ้มน่ารักเนอะ” ยิ้ม เขินนะ “นทดื่มอะไรไหม” ประเด็นคือโต้ะพี่มันมีแต่แอลกอฮอร์
“ไม่ละพี่” (ยิ้ม)
ผมก็คุยนู่นนี่พวกพี่เขาก็คุยสนุกดี ดูเหมือนเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับพี่ไอซ์พวกพี่เขาก็รู้ แซวผมไม่หยุด คุยได้ไม่นาน ผมก็ขอตัวกลับไปห้องที่ผมมากับพี่อ๊อฟ พอเข้าไป คือพี่อ๊อฟนั่งกระหนุงกระหนิงกับยัยอิงฟ้า ผมเลยมานั่งอีกมุมนึง ผมนึกในใจนี่กูไปเข้าห้องน้ำตั้งนานไม่ไปตามหน่อยเหรอ มีหน้ามานั้งงุ้งงิ้งกันอีก.....
“นทมานั่งอะไรนี่ล่ะ” ผมหันไปเป็นพี่ผู้หญิง ผมไม่รู้จักชื่อแต่เคยเห็นในโรงเรียนบ่อยๆ
“ครับ?” ผมทำหน้าสงสัย
“พี่ชื่อดาว แต่พี่รู้จักนทนะ นทคงไม่รู้จักพี่” อารมณ์ดีเชียว ดูกรุ่มกริ่ม น่าจะดื่มมาแหละ
“ครับพี่ดาว รู้จัผมได้ยังไงเนี่ย” (ยิ้มเขินๆ)
ผมพูดคุยกับพี่ดาวไม่นาน เขาก็ลากผมให้ไปกลางโต๊ะ ผมไปนั่งปุ๊ปพี่ดาวแกก็แนะนำผม แถมยังไล่แนะนำรุ่นพี่แต่ละคนให้ผมรู้จักด้วย คือได้รู้จักคนเพิ่มขึ้นเยอะเลย เฮฮาปาร์ตี้กระจาย แดนซ์กันมันเชียว ตอนแรกผมก็นั่งเฉยๆ สักพักพี่ดาวบังคับ ถ้าผมไม่เต้นจะให้ทุกคนกลับ ผมเลยต้องจำใจ ไม่งั้นหมดสนุกเพราะผมอีก เต้นไปเต้นมามันส์สิ ยาวๆไปเลย แต่ผมไม่ดื่ม ไม่ใช่ไม่ชอบแต่เดี๋ยวลำบากกันหมด555 เมาแล้วยิ่งไม่เหมือนคนอื่น แดนซ์กันไปสักพักพอเหนื่อยก็มาร้องคาราโอเกะกันต่อ สนุกมาก แต่ไอพี่อ๊อฟก็ยังคุยกับอิงฟ้าไม่หยุดจะอะไรนักหนา พองานจบ ทุกคนก็แยกย้ายแต่.....
“นท ให้พี่อ๊อฟไปส่งเราก่อนได้ไหม มันดึกแล้วพี่เราก็ไปไหนไม่รู้” ทำหน้าเศร้า
“ถามพี่อ๊อฟสิ ถามเราทำไมเราแค่มากับพี่อ๊อฟ” (ยิ้ม)
แล้วยัยอิงฟ้าก็ไปอ้อนวอนขอพี่อ๊อฟ ผมเห็นท่าแล้วก็นึกหมั่นไส้ คือให้ท่าพี่อ๊อฟสุดๆ พี่อ๊อฟก็ยอมจนได้ เราก็ได้ซ้อนสามไปส่งยัยอิงฟ้า ตลอดทางผมก็นั่งเงียบ อยากให้เจอด่านจริงๆ มาซ้อน 3 แบบนี้ ก็ได้แต่คิด พี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้าก็คุยกันงุ้งงิ้ง น่ารำคาญสุดๆ และแล้วก็ถึง บ้านอิงฟ้า บ้านใหญ่โตทรงยุโรป ดูรู้เลยว่ายัยนี้รวย แต่บ้าผู้ชาย....….
“ขอบคุณน้าพี่อ๊อฟ นทด้วย!” ผมก็พยักหน้า
“อื้ม (ยิ้ม) เข้าบ้านเถอะดึกแล้ว” พี่อ๊อฟพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“โอเค ไปแล้วน้า บาย” อิงฟ้าตอบกลับ แล้วก็เดินเข้าบ้านไป พี่อ๊อฟก็โค้งรถกลับ
ผมก็นั่งเงียบ พี่อ๊อฟก็เงียบ ผมก็คิดในใจ เออไม่ใช่อิงฟ้านี่จะมาคุยงุ้งงิ้งกัน สักพักก็เลี้ยวเข้าหมู่บ้านแต่....
“เลยบ้านผมละ!” ผมบอกมันเสียงดัง
“นอนบ้านกู!” ทำเสียงดุ แหม่ๆ ไม่เหมือนพูดกับอิงฟ้าเลยนะ
“ไม่ได้ยังไม่ได้บอกแม่เลย!” ตกใจนิดหน่อย ทำไมทำอะไรเอาแต่ใจแบบนี้
“กูโทรบอกให้แล้ว!” แล้วมันก็จอดรถ ลากผมเข้าบ้าน!
“เสื้อผ้าละโว้ย! จะดึงทำไมเนี่ย!” พยายามสบัดแต่มันไม่ปล่อย
มันไม่ฟัง เข้าบ้านปุ๊ปลากผมขึ้นห้องพลักผมล้มลงเตียงอย่างแรง จุกสิ! แล้วก็ไม่ได้สนใจว่าผมจะเจ็บหรือจุกไหม มันก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย ผมก็นอนกุมท้องคือจุกอะ เข้าใจฟิวประมานกินท้องตึงๆแล้วเอาท้องไปกระแทกกับเตียงแรงๆไหม คือทรมาน สักพักก็ดีขึ้น ผมลุกขึ้นมานั่งดีๆแต่ก็ยังมีเจ็บท้องอยู่ แล้วพี่อ๊อฟมันก็ออกมา
“ไปอาบน้ำ!” (เสียงแข็ง)
ผมก็ลุกไปอาบน้ำตามที่มันบอก มันก็ยังดี เตรียมแปรงไว้ให้ผมเหมือนเดิม ผมก็อาบน้ำไปจนเสร็จก็ออกมาพี่มันนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือ มันก็เตรียมชุดนอนไว้ให้ผมแล้ว ผมใส่เสร็จก็ไปนอนที่เตียงทันที สักพักมันก็ปิดไฟแล้วมานอนข้างผม ผมนอนหันหลังให้มัน......
“หันมานี่!” ทำเสียงโหดแต่ผมก็ต้องหันไป เดี๋ยวแม่งทำร้ายอีก
“.......” เงียบสิพี่อ๊อฟมันก็เอามือมาลูบท้องผม ผมก็นอนให้มันทำคือหมดคำพูด อยู่ๆก็มาโหดอยู่ๆก็อ่อนโยน ปรับตัวไม่ทัน
“เจ็บไหม” มันลูบทั่วท้องผม เพราะรู้ว่าผมเจ็บสินะ
“นิดหน่อย”ตอบเบาๆ
“ขอโทษ”  แล้วก็กอดผมผมพยายามดันออกมันก็ปล่อย
“ไม่เป็นไร!” ตอบเบาๆ แล้วนอนหันหลังให้มัน…..
ผมไม่รู้หรอก ว่ามันเป็นอะไร มันไม่พูดและผมก็ไม่ถาม คือเขาก็ดูมีความสุขดีตอนอยู่กับอิงฟ้า แต่พออยู่กับผม เขากับกระทำกันแบบตรงกันข้าม ผมว่าบางทีอยู่ห่างๆสักพักดีกว่า อาจจะมีอะไรดีขึ้น อีกอย่างผมจะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรมากมายกับพี่ไอซ์ ส่วนพี่อ๊อฟก็จะได้อยู่กับอิงฟ้าให้สมใจพี่มันเลย ผมนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยสักพัก ผมก็หันไปดูพี่อ๊อฟ นอนไปแล้วผมลองสะกิดดูก็ไม่ตื่น ผมเลยค่อยๆลุกขึ้น เก็บของที่พี่อ๊อฟบอกว่าเตรียมมาให้แล้วก็เดินกลับบ้านบอกตรงว่าเจ็บท้องมาก พอถึงบ้านผมก็เข้าบ้านอย่างเงียบๆเดี๋ยวแม่ตื่น พอเข้าไปในห้องเฮียก็นอนไปแล้วผมเลย ไปนอนข้างๆเฮีย.....
“ไหนว่าไม่กลับ?” เฮียบอมถามขึ้นมา
“อ่าว!เฮียนททำให้ตื่นเหรอ โทษที” ผมพูดเสียงเบา
“เปล่าๆ กูยังไม่ได้นอน” เฮียตอบกลับด้วยท่าทีสบาย
“ไม่ได้นอนแล้วปิดไฟทำไม?” ผมถามอย่างสงสัย
“กูนอนเล่นโทรศํพท์ไง เห็นคนเข้ามาก็ก็ทำเป็นนอน นึกว่าโจร555” พูดติดตลก ผมก็ไม่สนใจมันไร้สาระจริง
“เฮีย พรุ่งนี้เช้าไปส่งนทโรงเรียนหน่อยน้า!” เขย่าแขนมัน
“ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ!” อีกแล้ว
“อะไร” ผมหันไปถาม
มันก็บอกว่าจะไปถนนคนเดิน ไปช้อปปิ้ง ผมก็ไม่ได้ติดอะไร ตอบตกลงไป คุยกันอีกไม่นาน แล้วผมก็หลับไป พอตื่นมาเฮียมันไปไหนอีกแล้ว อย่าบอกนะว่าลืม! ผมก็รีบอาบน้ำแต่งตัวรีบลงไปข้างล่าง...
“ตื่นช้าจังนท เฮียรอไปส่งเนี่ย” (ยิ้ม) “มากินอะไรก่อนเร็ว” แม่เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมลงมาจากบ้าน
“เฮียทำไมไม่ปลุกนท” หันไปถาม
“ปลุกแล้วไม่ยอมตื่น ไปเที่ยวแล้วกลับดึกเอง!” ดูมันทำหน้ากวนตีน
“เป็นยังไงละ อยากเที่ยวดีนัก!” แล้วก็โดนสวดตามระเบียบ หาเรื่องให้ผมโดนว่าตลอดไอเฮียนี่
ผมก็นั่งกินข้าวเช้าพร้อมับฟังแม่บ่น พอเสร็จก็ออกบ้านไปขึ้นรถ เฮียก็ออกรถออกไปสักพักผมลองหันไปดูพี่อ๊อฟเพิ่งมารับ โชคดีไปไม่ได้เจอ! พอถึงโรงเรียน.....
“เดี๋ยวตอนเย็นกูมารับ! ให้กูรอตรงไหน?” เฮียมันหันมาถามผม
“เฮียรอที่แสตนตรงนู้นนะ เพราะนทต้องไปหาเพื่อนทุกเย็น” ผมชี้ไปที่แสตนที่ผมไปนั่งรอพี่ไอซ์ประจำ
“4 โมงเย็นนะกูจะมา ลงไปได้แล้ว!” ไล่เลยสินะ
“ไปแล้วเฮีย!” ยิ้มแล้วก็ลงรถ
ผมก็ไปหาเพื่อนๆนั่งคุยกันไปก็ถึงเวลาเข้าแถวก็ไปเข้าขึ้นเรียนจนพักเที่ยงผมก็ไปกินข้าวที่โรงอาหารกับเพื่อนๆ....
พรึ่บ! เคร้ง! ผมหันไปดูคนที่มันดึงแขนผมจนช้อนร่วงพี่อ๊อฟ หน้านี่ไปกินรังแตนที่ไหนมา เพื่อนๆผมนี่นั่งเงียบกันเลย
“มึงไปไหนมา!” พูดเสียงแข็ง
“ไปไหน? ผมนั่งกินข้าวเนี่ย!” ทำไม่รู้เรื่อง!
“มึงมานี่!” กระชากผมลุกขึ้น คนมองกันเต็ม “พวกมึงกูฝากเก็บให้มันด้วย!” มันหันไปบอกเพื่อนผมแล้วลากผมไปเลย พวกไอปอตอนแรกจะตามมาผมก็ส่ายหัวบอกไม่เป็นอะไร
มันลากผมมาหลังตึกเรียน จะไม่มีคนเพราะเป็นโซนห้องเก็บของ แล้วมันก็ปล่อยแขนผม ....
“พี่เป็นอะไรเนี่ย!” คือผมไม่รู้เลยว่าผมผิดอะไร
“เมื่อคืนมึงหายไปไหนมาไอนท!” ตวาดใส่ผม
“กลับบ้านไง! พี่ไม่อยากเห็นหน้าผมไม่ใช่เหรอ!” ตวาดคืน
“ใครบอกมึงว่ากูไม่อยากเห็นหน้ามึง” มันพูดเหมือนพยายามเย็นลง
“ไม่บอกก็รู้ อยู่กับอิงฟ้านี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พอยัยอิงฟ้าไปทำท่าอย่างกับจะกินหัวผม คงคิดว่าพี่เอ็นดูผมหรอกเนอะ!” หันหลังจะเดินหนี มันจับแขนผมไว้
“แต่กูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นนะเว้ย!” ทำหน้าโหดขนาดนี้ ฆ่ากูเถอะ
“อ้อ! ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แสดงว่าต้องแบบไหนเหรอ แบบที่พี่ซื้อสร้อยข้อมือให้อิงฟ้า แล้วก็ชวนไปงานเมื่อคืน อ่อผมคงไปเป็นก้างชิ้นโตสินะ พี่ถึงได้เดือดขนาดนั้น ความจริงพี่บอกผมก็ได้ว่าจะไปกับอิงฟ้าแค่สองคน จะเอาผมไปทำไม รกหูรกตาพี่ พอไม่พอใจก็ทำร้ายกัน!” ผมร่ายออกมาด้วยความโมโห
เพี๊ยะ! หน้าหันไปอีกทางตามแรงที่โดนตบ เจ็บจริงๆผมหันมามองมัน
“กะ...กู....” มันมองผมด้วยความตกใจ หลังจากที่มันทำลงไป
“หยุดพูด!” ผมมองมันด้วยสายตาที่เย็นชา มันเอื้อมมือมา ผมถอยหนีมัน “แล้วพี่จำไว้อย่างนึงด้วยนะ อย่า...มาทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม แล้วมาทำโมโหใส่ผมแบบนี้อีก” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมยอมโดนทำร้ายมามากพอแล้ว ไม่ว่าจะกับใคร
“นท กะ...กูขอโทษ!” ตาแดง ทำไมคนที่ควรจะร้อง คือกูที่โดนตบไม่ใช่มึง “คือกู......”
“แค่นี้ไม่เจ็บหรอก! ครั้งที่แล้วก็โดนพี่ก็เคยเห็นนี่ ผมไม่เจ็บเลย” พยายามตอกย้ำมันว่ามึงก็เคยเห็นกูโดนทำแบบนี้มึงก็ยังจะทำซ้ำอีกเหรอ นี่เหรอ คนที่ชอบกัน เขาทำกันแบบนี้สินะ
แล้วผมก็เดินออกมาเลย ผมเดินไปห้องน้ำไปล้างหน้า โอ้โห! รอยมืออีกแล้ว ด้วยผิวบอบบางของผมพอโดนตบมันเลยขึ้นเป็นรอยมือเลยทีนี้ ดีปากไม่แตก พอล้างหน้าเสร็จผมก็เดินขึ้นห้องไปเรียนต่อ.....
“นทหน้ามึงไปโดนอะไรมา!” ตกใจอะไรขนาดนั้น
“แมลงวันมันเกาะกูเลยตบใส่หน้าตัวเอง!” พูดอย่างไม่จริงนัก
“เอาจริงๆมึงโง่หรือมึงโง่วะ555555” ไอวิวเอ่ยขึ้น ด่ากูโง่เถอะ
พวกมันก็ชวนผมคุยนู่นนี่ไป ครูเข้าก็เรียน จนเลิกเรียนผมก็แยกกับเพื่อนๆ ผมก็ไปนั่งแสตน คือยังไม่ 4 โมงเฮียยังไม่มา ผมก็รอพี่ไอซ์พัก ก็เดินไปหาข้างสนามเหมือนเดิมพี่ไอซ์ก็วิ่งมา....
“ตัวววววว” (ยิ้มร่าเลย)
“พรุ่งนี้แล้วน้า” (ยิ้ม)
“ไปนอนบ้านเค้าน้า เค้าอยากนอนกอดตัวมากกกกกก” พี่ไอซ์วันนี้หวานเชียว
“ไปรับแล้วกัน” (ยิ้ม) “แล้วพรุ่งนี้ตัวกลับยังไงอะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“พี่อาร์มมารับ ตัวจะกลับพร้อมเข้าก็ได้นะ” พูดด้วยรอยยิ้ม อารมณ์ดีเกินไปแล้ว
“พรุ่งนี้วันหยุดนะ เค้าจะมาโรงเรียนทำไม” พูดไปเอาผ้ามาซับหน้าให้ไป
“แหะๆ ลืม”(เกาหัว) “ตัวพรุ่งนี้เที่ยงๆเค้าก็ได้กลับแล้วไปหาไรกินไหม ชวนไออ๊อฟไปด้วย มันอุตส่าดูแลตัวแทนเค้า” ผมชะงักไปนิด ยังไม่อยากเจอมันด้วย แต่ก็ช่างมันเถอะ
“กะ ก็แล้วแต่ตัวสิ”(ยิ้ม)
“เค้าจะไปถ่ายรูปกับตัวแล้วก็ บลาๆๆๆ” คือพี่ไอซ์นั่งพร่ำเพ้อถึงกำหนดการพรุ่งนี้ แต่ผมนี่คิดถึงพี่อ๊อฟขึ้นมา นั่งกันสามคนจะทำหน้ายังไง แล้วตอนนี้พี่อ๊อฟกับผมก็ดันมาทะเลาะกันอีก เฮ้อ! “เอ๊ะ! หน้าตัวไปโดนอะไรมา แดงๆ” พี่ไอซ์เอามือมาลูบแก้มผมฝั่งที่โดนตบ
“ไม่เป็นอะไรตัว แมลงวันมันเกาะเค้าเลยตบใส่หน้าตัวเองอย่างแรงเลย5555” พูดติดตลกไป
“นั่นแน่ แก้มเหม็นแน่ๆ ไหนขอลองหน่อย” โน้มมาหอมผม “ก็ไม่เหม็นนิ” (ยิ้ม)
“นี่เค้าไม่อยู่ตัวไปมีกิ๊กหรือเปล่าเนี่ย!” ผมพูดทีเล่นทีจริง
คุยกับพี่ไอซ์สักพักไปก็คิดถึง ผมคิดถึงพี่ไอซ์ นี่ก็นานแล้ว ที่เราไม่ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน คุยกับพี่ไอซ์ผมรู้สึกดีขึ้นไม่น้อย ไม่อยากเชื่อเลยพอห่างกันแล้วความคิดถึงมันจะมากขนาดนี้.....
หมับ! มีคนกอดคอผมจากด้านหลัง
“กุรอมึงนานแล้วนะ!”ไอเฮีย! พี่ไอซ์มองด้วยความไม่พอใจทันที
“ตัวนี่ลูกพี่ลูกน้องเค้า ชื่อบอม เค้าเรียกเฮียบอมเพิ่งกลับมาจากจีน” ผมพูดอธิบายโดยเร็วพี่ไอซ์เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มทันที
“ดีครับเฮีย” (ยิ้ม)
“นี่แฟนมึงเหรอ!” ผมพยักหน้า เฮียปล่อยมือจากคอผม “มึงโชคร้ายแล้วไอน้อง555” หันไปบอกพี่ไอซ์ พี่ไอซ์หันเราะใหญ่เลย
“ไอเฮียบ้า!” ทำตาดุใส่ทั้งเฮียแล้วก็พี่ไอซ์
เราสามคนก็คุยกันต่อ สรุปว่า พี่ไอซ์ก็ชวนเฮียไปเที่ยวในวันพรุ่งนี้ด้วย ผมก็ท้วง แหย่กันไปๆมาๆสักพักโค้ชพี่ไอซ์ก็เรียกไป เราก็ต้องหยุดบทสนทนา แล้วผมก็เดินไปที่รถกับเฮีย เฮียมันก็ชวนผมคุยนู่นนี่ไปทั่ว....
“เฮียเวลานี้ถนนคนเดินยังไม่ตั้งเลยมั้ง รีบไปไหน?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่รีบนะ กูว่าจะไปเดินห้าง ทำไม?มึงจะไปไหน”เฮียถามกลับ
“เปล่าๆ นึกว่าเฮียจะไปเดินถนนคนเดินตอนนี้น่ะสิ!” ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วก็พากันไปห้างกัน เฮียพาเดินเข้าร้านนี้ออกร้านนั้น มันจะดูของอะไรของมันเยอะแยะ ดูแล้วซื้อบ้างไม่ซื้อบ้าง เหมือนคนไม่เคยมาห้างเลย อะไรของมัน เมื่อยขาไปหมด......
“เฮีย! เมื่อยแล้วนะโว้ย!” ดึงแขนมันไว้
“เออกูก็เมื่อยแล้ว! ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” มันก็พาผมเข้ากาแฟ “อะจะสั่งอะไรก็สั่ง กินเสร็จไปถนนคนเดินเลยดีกว่า ไม่ได้ไปนานแล้ว” มันพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม
“อ่าๆ” แล้วผมก็สั่งเค้กกับนมมากิน เฮียก็เหมือนกัน
เรานั่งกินไปคุยกันไป เฮียบอมนี่นานๆทีจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่ก็น่ารักดีนะ แต่ก็ติดกวนได้ตลอดเวลาแหละ อ้อ!เฮียมันเป็นพวกถูกเลี้ยงมาด้วยมือด้วยเท้า มันเลยพูดดิบๆแบบนั้น เพราะตอนเด็กๆมันเป็นเด็กมีปัญหา แต่เดี๋ยวนี้ก็อย่างที่เห็น คงเพราะมันแก่แล้วเลยคิดได้5555.....
“นท!” ผมหันไป อ่าวสิงโต
“ว่าไง” (ยิ้ม)
“เอ่อ..” (มองไปทางเฮีย)
“นี่เฮียบอมลูกพี่ลูกน้องกู เฮียบอมนี่สิงโตเพื่อนต่างโรงเรียนของนท” ยิ้ม เฮียบอมพยักหน้า “มากับใคร” ผมชะเง้อมาข้างหลังไม่เห็นมีใคร หรือนอกร้านก็ไม่เห็นมีใคร
“ดีครับ” หันไปบอกเฮีย เฮียพยักหน้า “มากับเพื่อน พอดีเห็นมึงเลยเข้ามาทัก” (ยิ้ม)
“นั่งดิๆ” ผมเขยิบให้มันนั่งข้างๆผม เพราะที่ผมนั่งเป็นโซฟายาว” “แล้วเพื่อนไปไหนหมด?”
“มันไปรอชั้นโรงหนังนู่น มันชวนมาดูหนังกัน”(ยิ้ม)
“แล้วตกลงจะไปวันไหน?”ผมถามมันถึงเรื่องที่จะเลี้ยงข้าวไถ่โทษมัน
“เดี๋ยวคืนนี้โทรหาแล้วกัน” มันบอกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ผมก็พยักหน้าตอบรับ “ไปดูหนังด้วยกันไหม?”
“วันนี้ไม่ได้อ่ะ จะไปส่งเฮียซื้อของ” (ยิ้ม) “ต้องวันหลังนะ”
“ได้ดิงั้นไว้คุยกันนะ เพื่อนโทรตามแล้ว” มันหยิบโทรศัพท์ให้ดู
“เคๆ แล้วคุยกัน” แล้วมันก็เดินออกไป
“เพื่อนเหรอวะ กูรู้สึกมันแปลกๆนะ” มองผมแบบหรี่ตา “มันจีบมึงเหรอ?”
“เหมือนว่าจะเป็นแบบนั้นมั้ง?” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ 
เราก็คุยกันนิดหน่อย พอกินหมด แล้วก็เช็คบิล เดินห้างอีกสักพักก็พากันไปถนนคนเดิน กว่าจะได้เดินหาที่จอดรถยากมาก แล้วพอได้เดินเฮียทำตัวอย่างกับเด็กเห็นอะไรนิดหน่อยตื่นเต้นไปหมด ซื้อของมาเยอะมาก ปวดแขนปวดขาไปหมด เดินทุกซอก ทุกตรอกก จนผมล้าเลย ใช้ผมคุ้มจริงๆ.....
“กลับเหอะเฮีย ไม่ไหวแล้ววววววว!” ผมที่รู้สึกล้าไปหมดเอ่ยขึ้น
“ไม่! ขออีกนิดนะ” หนักเลยทีนี้
แล้วเฮียก็พาเดินต่อ ไปนู่นไปนี่อีกสักพักก็พากกันกลับ คือสองมือของเราทั้งสองคนเต็มไปด้วยของที่มันซื้อ พอถึงรถผมโล่งเลย คือมันหนักมากจริงๆมีแต่ของโบราณกับรูปอะไรไม่รู้ เฮียชอบอะไรแบบคนแก่ ของสะสมแปลกๆ แล้วเฮียก็พาขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางก็คุยกัน.......
“เห้ย! เฮียนทลืมบอกแม่!” ทำหน้าตกใจมาก
“กูบอกไปแล้ว มึงอย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย ดูทำหน้าเข้า5555”(มันก็ขำไป)
ก็คุยนู่นนี่ไปจนถึงบ้าน ก็ช่วยกันขนของลง แม่ถามใหญ่เลยซื้อไรมาเยอะแยะ    เฮียแกก็บอกนู่นนี่นั่นของชอบของมันเนอะ พอทำอะไรเสร็จผมก็ขึ้นไปอาบน้ำ เตรียมตัวจะนอน เฮียมันก็ตามมา.....
“เฮียไปอาบน้ำเลย!” ผมท้วง มันขึ้นมานอนเลย
“ขี้เกียจวะเหนื่อย!” ตอบด้วยท่าทีสบาย
“ไปอาบเลยนะ อย่ามาสกปรก!” ผมดันมันลงเตียง มันก็ลงไป
“อยู่ที่จีนกูอาบบ้างไม่อาบบ้างไม่เห็นเป็นอะไรเลย!” มันตอบกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“นี่ที่ไทย! ไม่ใช่จีนอย่าเยอะ!” แล้วมันก็เดินเข้าไปอาบน้ำ
ผมก็หลับไปเพราะความเพลีย ตื่นมาอีกทีเฮียไปไหนไม่รู้อีกแล้ว ออกกำลังกายมั้ง ผมก็ตื่นมาอาบน้ำ ช่วยแม่ทำงานบ้านอะไรไป สายๆเฮียมันก็กลับมา พอใกล้เที่ยงผมก็ขึ้นไปเปลี่ยนชุดเตรียมไปเที่ยวกับพี่ไอซ์ โดยเฮียก็เตรียมด้วย อุตส่าไม่บอกแล้วนะ ยังจำได้...
“เฮียจะไปไหนอ่ะ!” หันไปมองเฮียกำลังแต่งตัว
“ก็ไปกับมึงและก็แฟนมึงไง!” ยักคิ้วแล้วยิ้มหล่อๆให้ผม
“โห! นทนึกว่าเฮียลืมไปแล้วนะเนี่ย!(ทำหน้าเซ็ง)
“ก็กูจะไป ใครจะทำไม”(ทำหน้ากวนตีน) “อีกอย่างแฟนมึงชวนกูแล้วด้วย!” (ทำยักคิ้ว)
ผมเลยเดินลงมานั่งดูทีวีข้างล่าง หมั่นไส้มัน แล้วสักพักมันก็เดินมานั่งข้างๆผมก็ดูทีวีกันไป บอกแม่ไว้แล้วว่าไม่กินข้าวเที่ยง เพราะเดี๋ยวออกไปกินกับพี่ไอซ์ อีกอย่างป๊าก็กำลังกลับแล้วด้วย รอไปสักพักพี่ไอซ์ก็มา ผมก็ออกไปหา....
“ไงตัวววววว” วิ่งเข้ามากอด
“อื้ม เป็นอะไรเนี่ย!” ผมถาม พี่ไอซ์กอดแล้วหมุนตัวไปมา
“คิดถึงตัวไง” ผละออกมาจากกอด “ตัวล่ะ?”
“คิดถึงเหมือนกันแหละน่า” ผมตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อะแฮ่มๆ!” เรียกร้องความสนใจสินะ
แล้วเรา 3 คน ก็พูดคุยกัน ว่าจะไปไหน ไปยังไง ไปทำอะไรกันบ้าง และเฮียบอม ที่ดูจากสภาพอากาศ ก็เสนอว่าเอารถยนต์ไป เพราะแดดร้อน แล้วคุณชายอย่างเฮียบอมไม่นั่งรถมอเตอร์ไซค์แน่นอน พอได้ข้อสรุปผมก็ไปบอกแม่ ว่าจะออกไปกันแล้ว พอบอกแม่เสร็จเฮียก็ขับรถพากันไปรับพี่อ๊อฟ โดยผมนั่งกับพี่ไอซ์ด้านหลัง เฮียกับพี่อ๊อฟก็นั่งหน้าด้วยกัน พี่อ๊อฟก็มองผมตลอด มองจากกระจกมองทางหลัง ส่วนพี่ไอซ์ก็งุ้งงิ้งอะไรไม่รู้ จะจับมือ จะกอด ให้นวดขาให้สาระพัดอะไรไม่รู้ เฮียก็นั่งฟังเพลง ชวนพี่อ๊อฟคุยไป สักพักก็ถึงห้างผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู อ่าววแบตหมดตั้งแต่เมื่อวานลืมชาจ ว่าจะโทรหาป๊าสักหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง เราก็เดินเล่นกันไป เข้านู่นออกนี่ เฮียนี่ก็ซื้อเสื้อผ้า พี่ไอซ์ก็อยากได้รองเท้า ไปเถียงกับเฮียอยู่ในร้าน ผมกับพี่อ๊อฟก็ยืนรออยู่ในร้านนั่นแหละ ฟังเฮียกับพี่ไอซ์เถียงกัน เราทั้งสองยืนเงียบกันทั้งคู่.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:28:04
“.........” ผมเงียบ พี่อ๊อฟก็มองผมนะแต่มันก็ไม่พูดอะไร มันทำให้ผมอึดอัดนะเนี่ย!
“......” เงียบ ยังคงมองผม สลับกับไปมองสองคนนั้นถียงกัน
“พะ..” พี่อ๊อฟหันมาพอดี ผมกำลังจะพูด
“ตัวดูเฮียตัวดิ!”พี่ไอซ์ก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดังแล้วเดินมาทางผม
“อะไรของมึงเนี่ยกูบอกว่าคู่นี้แหละดี”เฮียบอมตอบกลับ
“ตัวเฮียตัวมาจุ้น เค้าถามโค้ชแล้วแต่เฮียตัวทำเค้าสับสนเลย!” พูดแล้วหงิกหน้างอ
“คู่นี้ดีจริงมึง” ผมก็มองมันเถียงกัน แถมพี่ไอซ์ยังลากผมเข้าไปเกี่ยว
“ตัวเค้าไม่รู้เรื่องพวกนี้นะ! ตัวกับเฮียก็ดูกันเองแล้วกัน” แล้วสองคนนั้นก็เริ่มเถียงกันต่อ พี่อ๊อฟเดินไปดูเสื้อ
ผมเลยนั่งรอแถวๆนั้น โทรศัพท์ก็แบตหมด เซ็งไปหมด.....
“เมื่อกี้จะพูดอะไร?” พี่อ๊อฟถามขึ้น ผมหันไปมองมัน เดินมาตอนไหนเนี่ย
“ปะ เปล่า แค่จะถามว่าพี่หิวหรือยัง” แถไปนั่น ที่ถามเพราะอึดอัด พี่มันไม่ยอมพูดเอาแต่จ้อง ผมเลยต้องเปิดประเด็น ที่ทะเลาะกันเมื่อวานก็ต่างคนต่างแรง ผมก็ไม่อยากให้มันยืดยาวสักเท่าไหร่
“ยัง แล้วมึง...หิวเหรอ?”ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เดี๋ยวสองคนนั้นซื้อเสร็จก็พาไปกินแหละ”(ยิ้ม)
“คะ..คือเรื่องนั้น..” ผมหันไปมองหน้าพี่อ๊อฟ “กูขอโทษจริงๆนะ” ทำหน้าสำนึกผิด
“อะ...อืมไม่เป็นอะไรหรอก ผมก็ขอโทษด้วยที่พูดไปแบบนั้น”
……เราทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง จนผมรู้สึกอึดอัดเกินไป
“ผมเห็นพี่เหมือนจะพูดอะไรก็ไม่พูดสักทีเอาแต่จ้อง อึดอัดนะเนี่ย!” ผมพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก
“ก็วันที่ไปกินเลี้ยง กูเห็น....” มันพูดพร้อมกับหลบตา
“เห็นอะไร!” ทำไมต้องพูดให้ลุ้น?
“ที่มึงบอกปวดฉี่แล้วก็พรวดพราดออกไป กูเห็นว่านานเลยออกไปตาม หาในห้องน้ำก็ไม่เจอ ไปเจอมึงนั่งบิดไปบิดมากับกลุ่มผู้ชายที่ไหนไม่รู้ กูเลยโมโห....” ทำหน้าสำนึกผิด
“นั่นมันพวกพี่เต็มรู้จักไหม พวกรุ่นพี่ม.6” พูดแบบไม่จริงจังเท่าไหร่
“เต็มไหน?” ทำหน้าสงสัย
“พี่เต็มที่เป็นประธานสีเหลืองอะ!”
“อ่อ” (พยักหน้ารับรู้) “แล้วมึงไปสนิทกันตอนไหนวะ?”
“สนิทมานานแล้ว มันชอบแกล้งผมตั้งแต่ม.3แล้ว แค่นี้ใช่ไหมที่ทำตัวเป็นบ้า?” ผมมองหน้ามันอย่างหาเรื่อง
“แล้ววันนั้นมึงก็หายไป กูตื่นมาตกใจแทบแย่” ทำหน้าเศร้า “และที่กูตบมึง” ทำเสียงเบา “กูแค่โกรธที่มึงคิดว่ามึง เป็นก้างสำหรับกูและอิงฟ้าเท่านั้นเอง มึงยกโทษให้กูนะ” ทำเสียงเศร้า
“สร้อยข้อมืออิงฟ้าก็น่ารักดีนะ เป็นรูปหัวใจด้วย” ผมก็ลูบข้อมมือไป
“อันนั้นอิงฟ้าฝากซื้อ ตอนไปกรุงเทพฯ เขาเร้าหรือให้ไปซื้อ กูเลยได้สร้อยมึงมาด้วยไง”(ยิ้ม) “หายโกรธได้แล้วนะ กูเป็นบ้าเพราะมึงเลย”
“ชวนอิงฟ้าไปแล้วจะชวนผมไปทำไมอีกล่ะ” ทำหน้าเซ็ง
“ก็เขาขอไปกูบอกว่าอยากไปก็ไป เพราะมันเป็นงานเลี้ยงของคนไปแข่ง อิงฟ้าก็ไปช่วยที่ชมรมบ่อยๆ กูขอโทษนะ” ทำหน้าสำนึกผิด
“อืม!ก็แค่เนี่ย มีอะไรก็บอกก็ถามก่อน โถ่!ต้องให้คนอื่นเจ็บตัวก่อนตลอด!” เซ็ง เจ็บตัวกับเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ
“ก็กูหึงมึงนี่หว่า ทำยังไงได้วะ” หูมันแดง
“บ้า” (เขินสิ) “ไว้ค่อยคุยกันแล้วกัน” (ยิ้ม)
แล้วผมก็เดินไปหาพี่ไอซ์ สองคนนั้นเลือกกันเสร็จสักที แล้วก็พากันไปหาอะไรกิน เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น เฮียเลี้ยงสั่งกันเต็มที่เลย.......
“ตัวกินเห็ดนี่ดิ” ตักเห็ดให้ผม พี่อ๊อฟก็มองตลอด ส่วนเฮียก็ก้มหน้าก้มตากิน
“อื้ม” (ยิ้ม)
“อะ” พี่อ๊อฟตักเนื้อปลาในจานมันมาให้ผม พี่ไอซ์ก็มอง “กูแค่ให้มึงชิม” ทำหน้าไม่แคร์ แต่ทำไมผมรู้สึกอึดอัด
“ตัวตักให้เค้าบ้างดิ” งอแงอีกแล้วสินะ
“อะ” ตักแครอทให้พี่ไอซ์ แล้วตักผักกาดขาวให้พี่อ๊อฟเฮียนั่งมอง
“แครอท งั่มๆ!” ยิ้มพี่อ๊อฟก็กินผักกาดที่ผมตักให้
“ไอซ์ มึงดีใจอะไรวะ! ไอนทมันตักแต่ของที่มันไม่ชอบให้มึงทั้งนั้น55555” ไอเฮียรู้ดีจริง
“เฮียไม่ต้องบอกก็ได้ ชู่ว!” ทำตาดุใส่เฮีย
“กูว่าแล้ว สั่งแต่ละอย่างไม่แป้งก็เนื้อ” ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“ตัว ตักของชอบตัวให้เค้าบ้างเลย” พี่ไอซ์ทำหน้างอ ไอเฮียไม่น่าพูดเลย
“กะ...ก็ได้” มีลังเล โรคหวงของกินกำเริบ “อะ” ผมตักเนื้อให้พี่ไอซ์
“ป้อนๆ” มันอ้าปากรอ ผมก็เอาเข้าปากมันไป
“ง้องแง้งสัส” เฮียส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“อะ พี่ไอซ์” ตักผักให้พี่ไอซ์เพิ่ม
“โห!ตัว ไม่กินผักเลยนะ!”พี่ไอซ์พูดเสียงดุ
“กินแล้ว มันฝรั่งในแกงกะหรี่ไง” ยิ้ม พี่ไอซ์ทำหน้าดุ “ก็ได้ อะ..พี่อ๊อฟ” ผมตักให้พี่อ๊อฟพี่อ๊อฟก็กินไปไม่พูดอะไร “ดูพี่อ๊อฟยังไม่บ่นเลย” ผมพูดพร้อมทำหน้าไม่พอใจ
“นี่ไงเค้าก็กิน” ตักผักที่ผมเอาให้กิน
เราก็เถียงกันไปยัดเยียดนู่นนี่กันไปจนกินเสร็จเช็คบิล พากันไปเล่นที่เกมส์เซนเตอร์ ดูท่าพี่ไอซ์กับเฮียนี่เข้ากันได้ดีเชียว ผมกับพี่อ๊อฟก็ยิงปืนกันสิทีนี้ เสร็จจากตรงนั้นก็พากันไปร้องคาราโอเกะ และก็ไปในหลายๆที่จนเหนื่อยกันก็พากันกลับ ระหว่างทาง....
“ตัวไปนอนบ้านเค้านะ” (ยิ้ม)
“อื้ม” พี่อ๊อฟมองมาทางกระจกหลัง
“เกินไปจริงๆ555” เฮียส่ายหัวอย่างระอา กับการทำตัวเป็นเด็กของพี่ไอซ์
“พี่อ๊อฟไปด้วยกันเปล่า” ผมถามขึ้น
“ไม่ได้! เค้าอยากอยู่กับตัวสองคน” (ยิ้ม)
“ไปเถอะ ไม่อยากเป็น ก้าง น่ะ555” ดูก็รู้ว่าฝืน ผมทำตัวไม่ถูกเลยนะ
สักพักก็ถึงบ้านผม เฮียเลยไปส่งพี่อ๊อฟก่อน แล้วก็ย้อนกลับมาบ้าน....
“ไปเก็บของก่อนแล้วกัน” ผมเอ่ยขึ้น แล้วก็พากันเข้าบ้าน เฮียนั่งดูทีวีผมก็พาพี่ไอซ์ขึ้นห้อง
“ห้องตัวของเยอะขึ้นไหม?” พี่ไอซ์พูดพร้อมสำรวจรอบห้อง
“อื้ม เฮียมาอยู่ด้วยอ่ะ” (ยิ้ม)
“ห๊ะ!” ทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้น “จริงเหรอ!”
“นี่ตัว อย่าเว่อร์ นั่นพี่เค้านะ!”
“แหะๆ” เอามือเกาหัว “ก็เค้าหึงนี่”(ยิ้ม)
เราก็พูดคุยกันไปต่างๆน่า ผมก็เก็บของไปด้วย พอเก็บของเสร็จก็พากันลงบ้านมา.....
“ป๊า!” วิ่งไปกอดเลยป๊าทันที
“ไงตัวแสบ! คิดถึงป๊าไหม” ลูบหัวผม
“คิดถึงงงงงง!” ยิ้มกว้างเลยทีเดียว
“แล้วนี่อะไร” ชี้ไปที่กระเป๋าผม “จะหนีตามผู้ชายอีกแล้วเหรอ!” ทำเสียงดุ แต่พี่ไอซ์เฮียแม่หัวเราะใหญ่เลย
“ป๊า!”
“5555ไปเถอะป๊าล้อเล่น!” (ยิ้ม)
“แม่นทไปนะ! ป๊านทไปแล้วพรุ่งนี้เดี๋ยวกลับ” (ยิ้ม) “เฮียไปแล้วนะ” (ตบไหล่เฮียเบาๆ)
“แรดนะ หนีตามผู้ชาย5555” ยังแซวพี่ไอซ์ก็ยืนยิ้มอย่างเดียว
ผมกับพี่ไอซ์ก็พากันมาบ้านพี่ไอซ์ เข้าไปก็เจอพ่อแม่พี่อาร์ม ก็ทักทายกันไม่ได้เจอกันนานเลย นั่งกินข้าวด้วยกันพูดคุยกัน พอเสร็จพี่ไอซ์พาขึ้นบ้าน.....
“เหนื่อยไหมวันนี้” ลูบหัวผม
“เหนื่อยอ่า” พูดจบผมล้มนอนบนเตียง
“เหนื่อยจริงเหรอ” มานอนข้างๆผม
“จริงๆ ! เอ้อ!ลืมชาจแบตโทรศัพท์ ขอยืมที่ชาจหน่อย” ลุกขึ้นมาแล้วแบมือ
แล้วพี่ไอซ์ก็หยิบให้ผมก็เอาไปชาจทิ้งไว้ แล้วก็เข้าไปอาบน้ำ พอออกมาเห็นพี่ไอซ์หลับ....
“ตัว” เขย่าพี่ไอซ์ “ตัว ตื่นไปอาบน้ำ!” พี่ไอซ์ก็ลุกขึ้นมาแบบงัวเงีย ท่าทางจะเหนื่อย แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป
ผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานอนเล่น เอื้อมมือกดเปิดเครื่องโทรศัพท์ โอ้โห! ใครโทรมาเนี่ย! 10 กว่าสายผมลองเปิดดู เห้ย! คือลืมไปว่าไอสิงโตจะโทรมา! ผมเดินออกไปนอกระเบียง แล้วกดโทรหาสิงโต......
“ฮัลโหล!” กระแทกเสียงเบาๆ
“เห้ย!มึง โทรศัพท์กูแบตหมด โทษที” ผมชะเง้อไปดูในห้องพี่ไอซ์ออกมาแล้ว นอนรอบนเตียง
“เออกูก็โทรหาไปสิ!” ประชดด้วย
“อืม”
“อืม ตกลงเป็นวันจันทร์นะ เจอกันที่ไหนดี” เสียงใสเชียว
“แล้วแต่เสี่ยเลยจ้า” ตามใจมันหน่อยแล้วกัน
“งั้นกูไปรับที่โรงเรียนมึงดีไหม?” พูดเหมือนคิดเยอะ แต่ก็รู้แหละว่าอยากมารับ
“งั้นเหรอ” ผมคิดแปปนึง พี่ไอซ์ก็ซ้อมบอลตอนเย็นอยู่แล้ว คงได้แหละ “ก็ได้ มา4โมงนะ รอแถวหน้าโรงเรียนแหละ”
“อืม! อย่าเบี้ยวนะเว้ย มึงมีความผิดเพิ่มนะเนี่ยไม่รับสายกู” พูดแนวออกคำสั่ง
“อะไรว้า กูผิดอะไรเยอะแยะเนี่ย!” ผมสำนึกผิดไม่ทันแล้วนะ
“เออๆ นอนเถอะ กูจะแอดไลน์มึงไปนะ ไว้คุยกัน”
“เคๆ แอดมาแล้วกัน บาย”
แล้วมันก็วางไปผมก็เดินเข้าห้อง.....
“คุยกับใคร!” พอผมเข้ามาก็ ลุกขึ้นมาถาม
“เพื่อน ทำไมอ่ะ?”
“เอาโทรศัพท์มานี่!” ดึงโทรศัพท์ผมไปดูเลยครับ “สิงโต? ตัวมีเพื่อนชื่อนี้ด้วยเหรอ!” เสียงแข็งเลยนะ
“มีดิ! มันอยู่คนละโรงเรียน เพื่อนไอมิน พี่อ๊อฟก็เคยเจอ ทำไมเนี่ย!” คือผมไม่ได้คิดอะไร ไอสิงโตก็เพื่อนแต่ถ้ามันจะคิดเกินเลยอันนี้ผมก็ไม่รู้นะ5555
“แน่นะ” มองแบบจับผิด!
“ไม่ไว้ใจเหรอ?” ผมมองแบบนอยๆ
“ปะ เปล่า แล้วมันโทรมาอะไรเวลานี้!” ถามแล้วล้มตัวนอน
“ก็มันโทรมานัดไปหาอะไรกินวันจันทร์!” ผมก็บอกไปตามตรง ผมไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว
“อ่าๆ ไม่มีอะไรก็ดีแล้ว” ยิ้ม เปลี่ยนอารมณ์เร็วจัง “มานี่เร็วๆ” ลูบที่ข้างๆพี่ไอซ์
ผมก็เดินไปปิดไฟก่อนแล้วก็ไปนอนตรงที่พี่ไอซ์บอก.....
“เอาโทรศัพท์ตัวมานี่เลย” ขอค้นบ้างเถอะ ทำเงียบๆนะ
“อะ” ยื่นมาให้แบบไม่ลังเล ผมก็เปิดนู่นดูนี่....
“โอ้โห! คือมันเยอะกว่าคราวที่แล้วอีก!”ฉุนเลยทีนี้
“แต่เค้าไม่ได้ตอบนะตัวดูดีๆ” ชี้ให้ผมดู
“ก็ลบสะสิจะค้างไว้ทำไม!” ผมลบให้เลย แล้วก็เปิดดูเบอร์โทร “เบอร์ใครเนี่ย! เต็มไปหมด!”
“เบอร์พวกผู้หญิงพวกนั้นแหละพวกนั้นเอาโทรศัพท์ไปยิงเข้าเครื่อง” คือไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาว ดูใจเย็น
“จะเอาใช่ปะ!” ผมลุกขึ้นดึงคอเสื้อพี่ไอซ์
“เห้ย!ตัวใจเย็นๆ”จับข้อมือผมไว้ “เค้าไม่ได้เป็นคนยื่นให้นะ พวกรุ่นพี่อ่ะดิ!”
“ก็ลบสิ!” ผมไล่ลบให้เลย ลบจนหมด
“จ้าๆลบไปเลย เค้าก็เพิ่งได้จับโทรศัพท์เนี่ยแหละ โหดจัง!” กอดผม
“นอนเลยๆ หงุดหงิดจริงๆ!” ผมนอนตะแคงหันหน้าไปหาพี่ไอซ์
“ตัวอ่าอย่าโกรธนะ” พูดไปพลางเอามือลูบหลังผมไป
“ไม่โกรธหรอกน่า” ลูบแก้มพี่ไอซ์ คือเอาจริงๆถ้าผมโกรธผมก็ได้เป็นฝ่ายง้อพี่ไอซ์อยู่ดี ผมโกรธพี่ไอซ์ทีไรพี่แกงอนกลับตลอด ผมเลยเลี่ยงปัญหาดีกว่า
ก็คุยกันไปสักพักก็พากันนอน ผมสดุ้งตื่นมาช่วงสาย พี่ไอซ์ก็ยังคงกอดผมอยู่ ผมเลยนอนิ่งสักพัก เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์บนหัวเตียงมากดเล่น ไอสิงโตทักมาแต่เช้า.....
สิงโต : ตื่นยัง ทำไรอยู่ (แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์มา)
ผม : เพิ่งตื่นอ่า (สักพักขึ้นว่าอ่าน)
สิงโต : ตื่นสายจัง
ผม : วันหยุดจะรีบตื่นไปไหน
สิงโต : นั่นสิ5555
ผม : วันนี้เสี่ยไม่ไปไหนเหรอ
สิงโต : พวกเพื่อนมันชวนไปดอยอ่ะ ไปป่าว
ผม : ไม่อ่า ขี้เกียจ (ส่งสติ๊กเกอร์ไป)
สิงโต : เสียดาย อยากให้ไป..(ส่งสติ๊กเกอร์มา)
หมับ! พี่ไอซ์ดึงโทรศัพท์ผมไป
“คุยกับกิ๊กเหรอ?” อ่านไลน์ที่ผมแชทกับไอสิงโตเมื่อกี้
“กิ๊กอะไรล่ะ เพื่อน” ผมตอบด้วยท่าทีสบาย
“ต้องคุยกันแบบนี้เหรอ?” มองหน้าผมแบบหาเรื่อง
“เพื่อนก็คือเพื่อนดิ!” ผมยิ้มออกมา
“แน่นะ!”
“อื้ม จะไปเจอมันด้วยกันเลยไหม!”
“ไม่อ่ะขี้เกียจ” แล้วก็ลุกเดินเข้าไปห้องน้ำ
ผมก็ตอบไอสิงโตไปว่าไว้ค่อยคุยกันต่อแล้วกัน แล้วผมก็เอาโทรศัพท์พี่ไอซ์มาเล่นบ้าง เอาจริงๆก็หาเรื่องกันไปมาแบบนี้แหละ จะได้มีสีสันหน่อย แล้วพี่ไอซ์ก็ออกมา แต่งตัว....
“วันนี้ไปไหนดี” ยิ้มหน้าบานเชียว
“แล้วแต่ตัวเลย ไปอาบน้ำดีกว่า” พูดจบผมก็เดินเข้าห้องน้ำไปเลย
ผมก็อาบน้ำ พออาบเสร็จก็ออกมาแต่งตัว พี่ไอซ์ก็นั่งมองผมแต่งตัวไป ผมก็ใส่กางเกงในแล้วถอดผ้าเช็ดตัวออก...
“ตัวอยากเหรอ?” ผมไม่สนใจแต่งตัวต่อพี่ไอซ์เดินมากอดจากด้านหลัง “อยากเหรอ” ทำหน้าหื่นๆ
“อยากอะไรถอยไปจะแต่งตัว!” ดันพี่ไอซ์ออก
“ตัวมาถอดยั่วเค้าทำไม” หน้างอเลย
“แค่ใส่เสื้อผ้าน่าอย่าคิดมาก” ยิ้มแล้วก็แต่งตัวจนเสร็จ “ไปไหนกันดี?”
“ตัวอยากไปไหน?” (ยิ้ม)
“วันนี้ตัวแต่งตัวหล่อจะไปอ่อยใครที่ไหน?” หาเรื่องสักหน่อย555
“เค้าหล่ออยู่แล้วใส่อะไรมันก็ดูหล่อแหละ” (ยิ้มหน้าบาน)
“อ่าๆ” พยักหน้า ยอมรับ นั่นก็เรื่องจริง  “งั้นไปหาอะไรกินกันไหม?”
“ที่ไหนดี?” พี่ไอซ์ถามขึ้น
“ไม่รู้ ไปขับรถดูไหม ใกล้ๆไม่ไกลแล้วก็รวดส่งเค้าที่บ้านเลย”
“โอเคๆ”
ผมก็เก็บกระเป๋าแล้วก็พากันลงไปข้างล่าง ลาพ่อแม่พี่ไอซ์แล้วพี่ไอซ์ก็พาไปวนรถหาอะไรกินกัน ก็ได้มากินอาหารเวียดนามกัน พอกินสร็จก็พากันไปบ้านผมผมก็เอาของขึ้นมาเก็บ แม่เฮียป๊าอยู่กันข้างล่าง....
“ตัวเค้าอยากนอนกับตัวอีก” เริ่มงอแงแล้วสินะ
“มาดิเฮียก็นอนด้วย อัดกันสามคนเนี่ยแหละ”(ยิ้ม)
“ตัว!” หันหลังให้ผม
“อะไรอีก” สวมกอดพี่ไอซ์จากด้านหลัง
“เค้า.....อยาก อ่ะ” หันมากอดผม
“จริงเหรอ” เอามือไปลูบเป้าพี่ไอซ์แข็งสู้มือเชียว
“อื้ม” หน้าแดงเลย
แกร๊ก! เฮียเข้ามาพอดี ผมดีดตัวออกทันทีเลย
“ทำอะไรกัน?” หรี่ตามองผม “นั่นแน่!”
“มะ..ไม่ใช่นะเว้ย! เฮียอย่าพูดอะไรเลอะเทอะนะ!” ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้า พี่ไอซ์เดินออกไปตรงระเบียงแล้ว “มีอะไร?”
“เปล่ากูจะชวนมึงไปเล่นน้ำหน่อยไปไหม” ทำหน้ากวนตีนตลอด
“ว่ายน้ำไม่เป็นไม่อาวววว” ว่ายไม่เป็นกลัวเฮียมันแกล้งด้วย
“กูชวนไอซ์ก็ได้! ไอซ์!” ตะโกนเรียกพี่ไอซ์ พี่ไอซ์เดินเข้ามา หน้าแบบนี้ค้างแน่ๆ555
“ว่าไงเฮีย” ยิ้ม แล้วมองผมแบบไม่พอใจ คือผมผิดอะไร
“ไปว่ายน้ำกัน” (ยิ้ม)
“เอาดิเฮีย!” ยิ้ม เหมือนอยากไปมาก “ตัวไปใช่ไหม?”
“ไปดูนะไม่ว่าย ว่ายไม่เป็น” ทำหน้าสยอง
“เดี๋ยวเค้าสอน” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับยิ้มขึ้นมา
“อ่าๆ ก็ได้” ที่ยอมไปเพราะเดี๋ยวพี่ไอซ์งอนแล้วจะยาวอีก
แล้วผมก็เตรียมผ้าเช็ดตัวใส่กระเป๋าไปชุดค่อยไปเช่าเอาที่สระ ไปว่ายที่สระหมู่บ้านผม แล้วก็พากันไปพี่ไอซ์ก็โทรชวนพี่อ๊อฟด้วย ก็ไปเจอที่นั้นเลย ผมก็ไปขนขนมในครัวไปด้วย เผื่อหิว5555นี่ก็กะจะไปกินอย่างเดียว พอไปถึงพี่อ๊อฟนั่งรออยู่ด้านหน้าแล้ว เราก็เคลียล์ค่าเข้าค่าชุดแล้วก็เข้าไปกัน พากันไปเปลี่ยนชุด.....
“ผมไปจองโต๊ะนั่งก่อนนะ” ผมเปลี่ยนเสร็จหิ้วกระเป๋าออกไปก่อนเลย
แล้วผมก็หาที่นั่ง4คน ริมสระพอดีเลย แดดส่องนิดนึงแต่ไลฟ์การ์ดเอาร่มมากางให้บริการดีเชียว ผมใส่เสื้อที่ใส่มาจากบ้านแล้วก็ใส่กางเกงว่ายน้ำ เด็กวัยรุ่นเยอะอยู่ เด็กน้อยก็เยอะผมจะไปเล่นสระเด็กชัวร์ๆ ผมจองไว้แล้ว....
“ตัวมองอะไร!” พี่ไอซ์ที่เดินมาหลังเปลี่ยนชุดเสร็จถามขึ้น
“มองสระที่เค้าจะว่ายยังไงเล่า!” ผมตอบกลับ
“สระเด็กเนี่ยนะ!” พี่อ๊อฟถามขึ้น
“มึงก็ไปว่ายกับพวกกูเนี่ยแหละไม่จมหรอก!” เฮียบอมพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ไปว่ายกันเถอะ นทกลัว” ทำท่ากลัว
แล้วพวกมันสามคนก็มองหน้ากัน แล้วค่อยๆเดินมาหาผม ผมก็ค่อยๆถอย มันต้องเล่นอะไรแผงๆแน่ ผมกำลังจะวิ่งหนีพี่ไอซ์จับแขนผมไว้ คราวนี้เฮียจับขาผม พี่อ๊อฟช่วยจับขาคนละข้างกับเฮีย ผมดิ้นสุดฤทธิ์คนมองกันทั้งสระแถมส่งเสียงเชียร์อีก เวรเอ๊ย!
“อย่านะเว้ยยยยยยยยยยย!” เสื้อก็ยังไม่ได้ถอดเลย “เห้ยยยยยยยยยยย! ตู้ม! อ๊ากกกกกกกกก ช่วยด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
พวกนั้นและคนรอบสระหัวเราะผมเต็มไปหมด
“มึงลองยืนดีๆสิ” เฮียบอมตะโกนบอก
“ไอเฮียชะช่วย ดะด้วย” ตีน้ำขาดใจดิ้นแล้วพวกมันก็ลงมาช่วยพยุงผม
“ตัวมันไม่ลึกเลยนะเนี่ย” ผมกอดคอแล้วก็เอาขาคล้องเอวพี่ไอซ์ไว้แน่นเลย
“พวกบ้า!” ก้มหน้าเลย น้ำสูงบริณเอวผมเอง “ถอยไปเลย!” ผมลงมายืนเองแล้วก็ไปเกาะขอบสระ “ดูดิเสื้อเปียกหมดเลย!”
“ขึ้นไปถอดแล้วเอาพาดกับเก้าอี้ไว้ไป” เฮียบอมเอ่ยขึ้นมา
“ไม่ได้!” พี่ไอซ์และพี่อ๊อฟพูดขึ้นพร้อมกัน แล้วมันมองหน้ากัน
ผมไม่สนใครทั้งนั้น ขึ้นสระแล้วถอดเสื้อไปพาดไว้ แล้วหนีไปเล่นสระเด็ก พวกพี่มันก็มองมาทางผม ผมไม่สนสักพักก็มีเด็กมาเล่นด้วยน่ารักดี มีเด็กประมาน5คน....
“เมื่อกี้พี่โดนพี่พวกนั้นแกล้งเหรอ”น้องผู้ชายพูดขึ้นมาแล้วยิ้ม น่ารักเชียว น่าจะ6-7ขวบ
“เจ็บหรือเปล่าคะ” น้องผู้หญิงจับมือผมแล้วทำหน้าเศร้า
“ไม่เจ็บครับ พี่โตแล้วแข็งแรงดี” (ยิ้ม) “ไหนน้องคนไหนสอนพี่ว่ายน้ำได้บ้าง” ยกมือกันเต็มเลย “แล้วชื่ออะไรกันบ้างครับ”
แล้วก็แนะนำตัวกันทีละคน มีน้องเฟิส น้องปาล์ม น้องตั้น น้องพิ้ง น้องหวาน น่ารักทุกคนเลย เด็กๆอัธยาศัยดีมาก และน้องๆทุกคนว่ายน้ำเป็นกันหมด เราชวนกันดำน้ำแข็งกัน เล่นปาบอลในน้ำ ทำหลายกิจกรรมเลย เล่นไปสักพักเหนื่อยกันเลยทีนี้ เด็กพวกนั้นเล่นบอลแปปเดี๋ยวก็ไล่จับกันในน้ำ แถมบางคนหนีลงสระใหญ่ ผมก็นั่งสักพัก เด็กๆก็นั่งข้างๆผมเนี่ยแหละยังไม่ขึ้นจากสระ.....
“มากับน้องๆเหรอ” ผมหันไปมองเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารัก น่าจะรุ่นเดียวกับผม
“เปล่า ครับมากับพวกพี่ๆ” ชี้ไปทางสามคนนั้น สามคนนั้นคือจะสนุกไปไหน ว่ายน้ำแข่งกันแข่งกันเอาเป็นเอาตายเชียว แล้วก็จับกลุ่มเล่นวอลเล่ในน้ำกับคนแถวนั้นสนุกสนานเชียว ชิ!
“เราแซนนะ แล้ว..?” มองผมด้วยท่าทางแอ๊บแบ๊ว ผมไม่ได้อคติกับผู้หญิงนะ แต่มาแนวนี้ผมรู้เลยว่าต้องการอะไร
“เรานท” (ยิ้ม) “แล้วแซนมากับใครเหรอ บ้านอยู่แถวนี้เหรอ?”
ผมกับแซนก็คุยกันไป แซนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับผม อยู่ซอยเดียวกับพี่อ๊อฟเลย และมาที่นี่ทุกวัน เป็นนักกีฬาว่ายน้ำด้วย คุยกันไปมาซักพักเด็กๆก็ชวนเล่นอีก เหนื่อยเลย เด็กพวกนี้แรงเยอะใช้ได้ แซนก็เกาะแกะอยู่กับผมเนี่แหละ ไม่รู้จะทำไมนักหนา.......
“กลับกันได้แล้ว!” พี่ไอซ์เดินมาตามพร้อมทำเสียงเข้ม
“อ้าว!พี่อ๊อฟ” แซนด์ทักขึ้น พร้อมกับ โบกไม้โบกมือให้กัน
“มาทุกวันเลยเหรอแซน?” พี่อ๊อฟถามขึ้นมา
แล้วก็สนทนากันเล็กน้อย แซนอยู่ข้างบ้านพี่อ๊อฟ รู้จักกัน คุยกันไปสักพักแล้วผมก็ขึ้นจากสระ แซนก็ตามมาคุยนู่นคุยนี่กับผม ส่วนพี่ไอซ์เริ่มไม่พอใจหนักแล้ว เฮียก็ไม่สนใจ พี่อ๊อฟก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง คือแซนต้องการอะไร จะไล่ก็หาได้ใช่เรื่องไม่
“แซนเดี๋ยวเราจะกลับแล้วไว้ค่อยเจอกันเนอะ” ผมตัดบทไปเลย
“อื้ม มีเฟสป่ะ?”แซนถามกลับ
“มีดิ” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ใครตอบไม่มีก็คงจะโกหกไม่เนียน ยุคนี้แล้วนะ
“อะ” ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็พิมพ์ไป “โอเครับด้วยน้า ไปแล้ว” โบกไม้โบกมือแล้วก็เดินไป
เราก็พากันไปล้างตัว ผมก็หยิบผ้าเช็ดตัวให้เฮีย แล้วก็พาดไปที่ประตูให้พี่ไอซ์ แล้วผมก็เข้าไปล้างตัว แต่งตัวอะไรกันเรียบร้อยคืนชุด ก็พากันกลับ พี่อ๊อฟก็แยกไป เดินมาพี่ไอซ์คุยแต่กับเฮียไม่คุยกับผม คืออะไร พอถึงบ้านผมก็เอาผ้าไปเก็บ เฮียก็นั่งดูทีวี ตอนแรกพี่ไอซ์จะกลับเลยแต่ผมจูงมือมาบนห้องกับผม...
“ตัวเป็นอะไร?” ผมถามขึ้น เมื่อพอเข้าห้องมาแล้วก็ยังเงียบใส่ผม
หันหน้าหนี งอล 100% ดีที่ยังไม่ปล่อยให้กลับ ถ้ากลับ ก็คงเดือดร้อนผมอีก
“ตัว มีอะไรก็พูดมา อย่ามาเป็นแบบนี้นะ!” เสียงดุ พี่ไอซ์หันกลับมามองผม
“ก็ตัวไปให้แซนเกาะแกะทำไม เสื้อก็ไม่ใส่” ทำเสียงไม่พอใจ
“ว่ายน้ำมาใส่เสื้อเขาไล่ออกจากสระพอดี! แล้วแซนก็เพิ่งรู้จักเขามาเกาะแกะเอง อย่างอนดินะๆ” ดึงมือพี่ไอซ์มาถูแก้ม
“ก็ตัวไม่ห่วงตัวเลย” พี่ไอซ์พูดพร้อมกับดึงมือออก
“ทำยังไงให้หายโกรธดี” ผมเข้าไปกอด พี่ไอซ์ก็ลูบหัว
“ก็อย่าทำอีกแล้วกัน” พูดเสียงอ่อนลง
ผมง้อพี่แกอีกสักพักก็ดูจะอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ผมก็ชวนคุยไปเรื่อย....
“อยากต่อจากเมื่อตอนก่อนไปว่ายน้ำ...” พี่ไอซ์พูดพร้อมส่งยิ้มหื่นมาให้ผม
“เย็นแล้วนะ” เขินเอาจริงๆเมื่อเย็นก็แค่แกล้งนะ เฮียดันมาพอดี
“ไปนอนกับเค้า” จับมือผม
“ไม่ได้หรอก โดนป๊าด่าพอดีไปถี่ขนาดนี้” จริงๆควรรู้จักเพราๆ ไม่งั้นโดนป๊ากักบริเวณจะซวย
“เฮ้อ!” หันหลังให้ผมเลยทีนี้
“ตัว” สะกิดพี่ไอซ์ ก็ไม่หันไม่ตอบ “ตัว แล้วทำไมเมื่อคืนไม่บอกเล่า! นอนด้วยกันแท้ๆ”
“ก็เค้าเห็นตัวเหนื่อย” หันกลับมามองหน้าผม
“เค้าไปไม่ได้ ตัวจะเอายังไง” ถามพี่ไอซ์อย่างอ่อนโยน
“ช่วยเค้าหน่อยได้ไหม” โน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆผม
“เดี๋ยวเฮียขึ้นมาจะค้างเอานะ” ผมอมยิ้ม “เดี๋ยวนะ เค้าถามก่อน?” พี่ไอซ์ก็ตั้งใจฟัง “แล้วตอนที่ตัวฝึกเป็นอาทิตย์ตัวทำยังไง”ผมมองพี่ไอซ์ด้วยความอยากรู้
“เค้าไม่ได้ทำเลย! อดมาหาตัวเลยนะเนี่ย!” ทำท่าภูมิใจ
“แล้วตกลงยังไงเค้าไปไม่ได้ ทำที่นี่เดี๋ยวเฮียขึ้นมานะ” ผมรู้สึกอายมาก มาพูดเรื่องแบบนี้ แต่พี่ไอซ์กลับหน้าเฉยชา ผมนี่ร้อนหน้าไปหมด
แกร๊ก ! นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ
“ทำอะไรกันวะ?” พี่ไอซ์เอาหน้าซบไหล่ผม
“พี่ไอซ์ง่วง” (ยิ้ม)
“ อืมๆ” เฮียพยักหน้าตอบ แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
“ตัวกลับก่อนดีไหม (ยิ้มให้พี่ไอซ์) “พรุ่งนี้มารับเค้าด้วย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อืมๆ” หน้าเป็นตูดเลย
ผมก็ลงไปส่งพี่ไอซ์ พี่เขาก็ลาป๊ากับแม่ยังมีขอนะ แต่ผมรู้ว่าควรเบาๆกับการไปนอนบ้านพี่เขา ผมไปทั้งบ้านพี่อ๊อฟและพี่ไอซ์ มันเลยดูเยอะไป ก็ต้องเป็นไปแบบนี้แล้วพี่ไอซ์ก็กลับ ผมละสงสารจริงๆ แต่ใจนึงก็อยากช่วยนะ อ่านมาเยอะอยู่ที่ไม่ยอมแล้วเขาก็ไปมีใหม่ แต่ผมไม่กลัวหรอกมีสำรองเยอะ พูดเป็นเล่นไปนั่น...
พอถึงเวลาเข้านอนเฮียก็กวนผมเหมือนเดิม พอเช้ามาพี่ไอซ์มารับไปโรงเรียน ก็พากันไปพอถึงโรงเรียนก็แยกย้ายเข้าแถวขึ้นเรียนตอนเที่ยงพี่เขาก็มากินข้าวด้วย ตอนเย็นพี่ไอซ์ต้องซ้อมบอล ส่วนผมมีนัดกับสิงโตบอกพี่ไอซ์ไปแล้ว พี่อ๊อฟเข้าชมรมผมบอกไปแล้วว่าจะไปกับเพื่อนพี่อ๊อฟก็ไม่ได้ว่าอะไร มันบอกจะต้องฝึกอะไรของมันไม่รู้ไม่ว่างอยู่แล้ววันนี้ พอเลิกเรียนผมแยกกับเพื่อนแล้วก็ไปหาพี่ไอซ์ตามปกติ บอกเพื่อนๆไปแล้ว ว่าวันนี้มีนัดกับสิงโตพวกมันด่าผมกันใหญ่หาว่าผมหลายใจ ผมบอกพวกมันไปแล้วว่าไม่ได้คิดอะไรเลย แต่พวกมันก็ยังค้านอยู่เบาๆ ผมก็ไม่สนใจ ก็เป็นพวกมันเองไม่ใช่เหรอที่คะยั้นคะยอให้ผมไปขอโทษมัน ผมก็ทำแล้วนี่ จะเอาอะไรอีก ผมเดินมาหาพี่ไอซ์ข้างสนาม พี่ไอซ์ก็วิ่งมาหาผม....
“ตัวซ้อมดีๆล่ะ อย่าหักโหมนะ” เอาผ้ามาซับเหงื่อให้เช่นทุกวัน
“แต่เค้าซ้อมเย็นๆก็เลิกแล้วนะ ตัวไม่รอเหรอ?” พี่ไอซ์ถามขึ้น
“ก็มีนัดกับเพื่อน บอกแล้วไง!” ย้ำอย่างชัดเจน
“งั้นเดี๋ยวซ้อมเสร็จเค้าจะโทรหานะ ห้ามไปแรดนะ!” ทำหน้าดุ
“โอเค ไปแล้วนะ”(ยิ้ม)
“โอเคๆ” แล้วพี่ไอซ์ก็วิ่งกลับไปซ้อมต่อ
สิงโตมันโทรมารอบนึงแล้ว ผมก็เดินไปหามันหน้าโรงเรียน มองซ้ายมองขวาไม่เห็น แต่เห็นมีคนมุงอะไรกันตรงหน้าโรงเรียน ผมเดินไปดูสักหน่อยเขามีขายดอกไม้ด้วย ไอสิงโตกำลังเลือกเลย ผมเข้าไปสะกิดมัน....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:29:08
“ซื้อให้ใคร” มันหันมา “ติดใจสาวโรงเรียนกูเหรอเสี่ย!” ยิ้ม คนมองมันเยอะอยู่ เพราะโรงเรียนผมกางเกงดำมีมันกางน้ำเงินมาป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้คนเดียว แล้วไม่พอ ยังหล่อขั้นเทพแบบนี้ด้วย
“อืม ติดใจวะ!” (ยิ้ม) “ช่วยเลือกหน่อย” มันก้มเลือกต่อ เป็นร้านดอกไม้แบบชุด จัดใส่ในกระถางเล็กๆน่ารักเชียว
“แถวโรงเรียนมึงไม่มีขายเหรอ” ผมก็ไล่ดูว่าอันไหนสวย “อันนี้ดีเปล่า” ผมชี้ไปให้มันดูเป็นกระถางสีขาวและข้างในเป็นดอกไม้สีแดงทั้งหมด จัดเรียงเป็นรูปหัวใจ
“อืมอันนั้นก็ได้”  แล้วมันก็หยิบให้แม่ค้า
“เอาไปให้ใครวะ?” ทำหน้าสงสัย
“เรื่องของกูน่า!” แล้วเดินนำไปที่รถ
“รถสวยนี่หว่า” ผมเดินดูรถมัน เป็นรถดูคาติ แต่งมาจนเด่นมาก สีลายกัปตันอเมริกา ดูท่าน่าจะแพงน่าดู
“ขึ้นเถอะน่า !” มันขึ้นรถ คนแถวนั้นมองด้วยความสนใจ คือหล่อ และก็ขี่รถเท่ด้วยเพอเฟคไปหมด
แล้วผมก็ขึ้นรถมัน มันบอกอยากไปหาอะไรกินในห้าง ผมก็ตามใจมันไป พอไปถึงมันก็พาเดินไปนู่นไปนี่ไม่เข้าร้านของกินสักที.....
“ตกลงมึงจะกินอะไรเนี่ย พาเข้านู่นออกนี่อยู่ได้” บ่นนิดนึง ผมก็ไม่สะดวกใจจะอยู่กับมันนานสักเท่าไหร่ มันไม่งาม
“มึงจะบ่นทำไม? หรือมึงไม่อยากมาเหรอ?” ทำหน้านอย
“เปล่าๆๆๆ อยากไปไหนเชิญเลยครับป่ะๆ” ผมก็ลากมันเข้าทุกร้าน หยิบนู่นหยิบนั้นมาดูทำเหมือนว่าเราก็สนใจจะช๊อปปิ้งกับมัน
“กินอะไรดีอ่า” ไอสิงโตพูดขึ้นพร้อม ลูบท้อง
“มึงหิวขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” มองอย่างสงสัย
“กูอดมาตั้งแต่เที่ยงรอมึงเลี้ยงเลยนะเนี่ย!” ทุ่มทุนมาก
“มึงก็เกินไปไอห่า เดี๋ยวก็เป็นโรคกระเพาะหรอก ถ้าหิวแล้วจะชวนกูเดินทำไมเยอะแยะ” พูดตำหนิมันนิดหน่อย
“ก็กูอยากเดินกับมึงนานๆนี่” ทำเสียงอ่อย
“กินเสร็จก็เดินได้ไหม? ไปเลยๆ เดี๋ยวปวดท้องมาโทษกูอีก” ผมพูดพร้อมกับเดินนำมันไป....
ผมก็ลากมันไปกินบุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่น มันกินเยอะจริงๆ กินเหมือนอดอยากนี่แค่มื้อเดียวนะเนี่ย ผมก็นั่งกินไปคุยกับมันไป....
“อะ” มันยื่นดอกไม้ที่ซื้อหน้าโรงเรียนให้ผมผมก็รับไว้
“ทำไมอ่ะ? มึงไม่ชอบเหรอ มันสวยดีนะ” ผมก็จับกระถางหมุนไปมา
“กูซื้อให้มึงแหละ” (ยิ้ม)
“เอ่อ...” (เขินสิทีนี้) “บะ...บ้าซื้อให้ทำไม” ทำไมรู้สึกร้อนที่หน้านะ แค่มันให้ดอกไม้ที่มันซื้อมา
“เอาน่า ทำเป็นเขินไปได้!” เอาจริงๆหน้ามันก็แดงนะ
“แหม! ถ้ารู้ว่าจะซื้อให้รู้งี้ซื้ออันที่แพงๆเลยดีกว่า555” กลบเกลื่อนเขิน55
“กี่บาทกูก็จ่าย” (ยิ้ม) หล่อรวย มันจะเพรียบพร้อมไปไหม
“พอ พอเลย กินๆไป จะได้ไม่ต้องพูดให้กูทำตัวไม่ถูก อะ” ผมตักผักให้มัน
“ดีอ่ะ” มันก็ตักผักที่ผมให้กินเข้าไป ไม่รู้เสียแล้วว่าผมไม่ชอบกินผักมันเป็นคนเอาผักใส่หม้อสะเยอะเลย
“เอาอีกเปล่า” ยิ้ม มันพยักหน้าผมก็ตักผักที่เหลือให้มัน มันจะมีเนื้อติดไปบ้าง ไม่ใช่ว่าตักแต่ผักให้มัน
“ทำไมมีแต่ผักว้า” (มันขมวดคิ้ว)
“อ้าว! มึงไม่ชอบผักเหรอ?” ผมถาม เพราะเห็นมันเอาลงหม้อเยอะ เลยนึกว่าผมเฮลที่ อะไรแบบนี้
“ก็กินได้นะไม่ถึงกับไม่ชอบ แต่มึงเล่นเอามาให้แต่ผักเลยอ่ะ” พูดแล้วดูดน้ำในแก้ว
“แหะๆ...อะ” (หยิบไก่ทอดให้มัน) “คราวนี้มีเนื้อแล้วนะ เลิกพูดมากแล้วก็กินสะ555” ผมตลกกับท่าทางมันมาก เหมือนฝืนใจจะกินแล้ว
เราก็กินไปสักพักก็อิ่ม เหลือเวลานิดหน่อยก็หาขอหวานมากินแล้วก็ไปเช็คบิลที่เคาท์เตอร์.....
“เท่าไหร่ครับ” ผมถามพนักงาน
แคชเชียร์กดนั่นนี่ เพื่อสรุปค่าเสียหาย “ทั้งหมดสองท่าน 1880.84 บาทค่ะ” (ยิ้ม)
พรึ่บ! แบงค์พัน 2 ใบ ถูกยื่นให้กับแคชเชียร์ตัดหน้าผมไป
“นี่ครับ” ไอสิงโตเอ่ยขึ้นมา
“เห้ย!” พนักงานมองด้วยความตกใจที่ผมอุทานออกมาเสียงดัง “กูออกเอง กูบอกแล้วไง”
“ไม่เอาๆ กูอยากเลี้ยงมึง” มันก็ยังท้วงไม่หยุด
“ไม่เอากูจะออก พี่ครับเอานี่” ผมยื่นแบงค์พัน2ใบของผมให้แคชเชียร์ แล้วดึงแบงค์พัน2ใบของไอสิงโตคืนมา “อะเอาไปไม่งั้นกูจะเลิกคบมึงไอสิงโต กูไม่ชอบผิดคำพูด” ทำโกรธครับ ไอสิงโตหน้าหงอยเลย
“สรุปคือ....” แคชเชียร์เอ่ยขึ้นมา คือทำหน้างงครับประมานว่า มึงสองคนจะเอายังไงอะไรทำนองนั้น
“คิดเงินเลยครับ ที่เหลือไม่ต้องก็ได้”  ยิ้มแล้วเดินลากไอสิงโตออกมาเลย บริการดี ผมไม่เอาก็ได้ตังทอน ผมใจพอ
แล้วพอออกมา ไอสิงโตก็นอยผมนิดหน่อย ที่กลัวผมจะโกรธมัน เราพูดคุยเคลียล์กันสักพัก ไอสิงโตชวนไปเกมส์เซ็นเตอร์เล่นกับมันสักพักก็ไอสิงโตก็อยากไปดูนาฬิกา ก็พามันไป....
ครืด...โทรศัพท์ผมเข้าพี่ไอซ์โทรมา ผมก็บอกไอสิงโตไปเลือกดูเลยเดี๋ยวตามไป ...
“ฮัลโหลลลลลลล”ผมลากเสียงยาว
“อยู่หนายยยยยยยยย” พี่ไอซ์ก็เล่นด้วย 5555ทำเสียงตลกเชียว
“55555 ทำเสียงอะไรแบบนั้น” ผมถามกลับอย่างอารมณ์ดี
“เค้ากลับบ้านแล้วเนี่ย! ปวดขา!”  พี่ไอซ์ทำเสียงอวดครวญ
“อ่าวตัวเป็นอะไร เจ็บมากไหม!” ถามแบบตกใจ
“เปล่าๆ เค้าแค่เมื่อย ตัวอยู่ไหน?”
“ยังอยู่ห้างอยู่เลย ใกล้จะกลับแล้ว”
“รู้แบบนี้ตามตัวไปดีกว่า เอ๊ะ! หรือไปเลยดี” แล้วก็มีเสียงกุกักเหมือนกำลังเตรียมข้าวของ
“ไม่ต้องเลย! เมื่อยขาก็พักไปเลย อย่ามานะไม่งั้นเค้าโกรธ!” ทำเสียงดุ แสดงว่าวันนี้ซ้อมหนักแน่เลยถึงกับเมื่อยจนปวด
“ตัว!.” ขึ้นเสียงใส่ผม
“ทายาหรือยัง” ผมยังคงเย็นอยู่ ไม่อยากพากันร้อนเดี๋ยวเป็นเรื่อง
“ไม่ทา รอตัวมาทาให้” เอาแล้วไง
“พี่ไอซ์!”
“ไม่รู้ยังไงก็ต้องมา! ตึ๊ด!”
วางสายไปเลย ผมละปวดหัวกับอารมณ์เด็กๆของพี่ไอซ์จริงๆเลย แล้วผมก็เดินไปหาสิงโต มันบอกยังไม่มีที่ถูกใจวันหลังค่อยมาก็ได้ ผมก็บอกมันว่ามีธุระจะไปต่อ มันก็บอกว่าจะไปส่ง ผมก็เถียงกับมันไปสักพัก มันไม่ยอม จะไปส่งให้ได้.....
“ให้ กู ไป ส่ง!” พูดเสียงแข็ง เพราะเถียงกันมาสักพักแล้ว
ผมที่เหนื่อยจะเถียงกับมันมาสักพักก็ต้องยอม มันก็ขี่รถมาส่งผมถึงหน้าบ้านพี่ไอซ์ ผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อยานวดแก้ปวดเมื่อยมาให้พี่ไอซ์ด้วย.....
“ให้กูไปช่วยดูไหม?” ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่ล่ะมึง มาส่งก็ดีแล้ว” (ยิ้ม)
“มึงนี่ชอบดูแลคนอื่นจังวะ?” ไอสิงโตเอ่ยถามพร้อมทำหน้าหล่อ
“ก็กูเป็นคนดีไง” (ทำหน้าภูมิใจ)
“งั้นถ้ากูป่วยหรือเจ็บ มึงมาดูกูบ้างนะ” โน้มหน้ามาใกล้ๆผมแล้วยิ้ม ผมก็ลงจากรถไปยืนข้างๆมัน
“ไอเวร!” เคาะหัวมัน “มึงอย่าพูดอะไรเป็นลางไม่ดีสิวะ!” โกรธ ผมไม่ชอบเลยมันรู้สึกไม่ดี ไม่อยากให้คนใกล้ตัวเจ็บป่วยด้วย
“กูแค่หมายถึง” มันพูดแล้วลูบหัวมัน
“กูก็ดูแลสิเป็นห่วงนั่นแหละ” (ยิ้ม)
“อื้ม กูไปแล้วดีกว่า ไว้กูจะโทรหานะ” (ยิ้ม)
“อื้มๆ ขับรถดีๆล่ะ บาย” มันขับรถออกไปส่วนผมก็กดกริ่งหน้าบ้าน
สักพักแม่พี่ไอซ์ก็ออกมารับเข้าบ้าน วันนี้พี่อาร์มกับพ่อไปธุระ ส่วนพี่ไอซ์ก็หมกอยู่บนห้องผมคุยกับแม่พี่ไอซ์ซักพักก็ขอตัวขึ้นไปหาพี่ไอซ์ โดยไม่ลืมหยิบน้ำไปให้ด้วย พอถึงหน้าห้องผมก็เคาะประตู แต่ไม่มีการตอบรับ ผมเลยบิดประตูเข้าห้องไปเลย คือห้องไม่ได้ล็อค พี่ไอซ์นอนคว่ำอยู่บนเตียง ผมก็เอาของไปวาง โดยไม่ลืมเก็บดอกไม้ไอสิงโตเข้ากระเป๋า แล้วก็ไปนั่งบนเตียง......
“ตัว!” ผมเรียกพร้อมกับดูที่ขา เป็นรอยช้ำนิดหน่อย ผมก็ยกดูทั่วๆก็ไม่มีอะไรมาก
“อื้อ!” ยกขาออกทำท่าจะถีบมาทางผม ผมลุกหนีแทบไม่ทัน “เห้ย!ตัว” พี่ไอซ์รีบเด้งขึ้นมานั่ง
“คือจะทำร้ายร่างกายเหรอ?” ผมหยิบหมอนขึ้นมากอด ใจจริงรู้อยุ่แล้วว่าพี่ไอซ์แค่สะดุ้งที่มีคนไปกวนการนอน
“ตัวเค้าขอโทษ เค้ากระตุก” ทำหน้าสำนึกผิดแล้วเดินมากอด
“พอเลยๆ” ผมโยนหมอนลงเตียง “ทายาด้วย” หยิบกล่องยาแล้วยื่นให้พี่ไอซ์ “แล้วเค้าเอาน้ำมาให้นู่นนะ” ชี้ไปที่โต๊ะ “เค้ากลับแล้วน้ามันเย็นแล้ว” ยิ้มแล้วเดินไปหยิบกระเป๋า แต่พี่ไอซ์ก็ล้มตัวนอนท่าเดิม “ตัวลุกขึ้นมาทายาเลย”
“.......”(เงียบ)
“ตัว!” งอนอีกแล้วสินะ “เฮ้อ!” ผมเอากระเป๋าไปวางไว้ที่เดิมแล้วก็เดินออกไประเบียงโทรศัพท์บอกแม่ว่าจะกลับค่ำหน่อยแล้วก็เดินมาในห้องพี่ไอซ์นอนคว่ำทำไม่รับรู้อะไร
ผมก็ไปแกะกล่องยา แล้วยกขาพี่ไอซ์ขึ้นมาทายาเพื่อบรรเทาให้ไปก่อน ลำบากเหลือเกินต้องทำขนาดนี้เลยนะ! พอทายาเสร็จก็นอนข้างๆพี่ไอซ์...
“โอเคหรือยัง?” ยังไม่มืดมาก 6โมงกว่าอยู่ยังพอมีเวลาอยู่กับพี่ไอซ์
“อืม” พลิกตัวนอนหงายขึ้นมา
“เจ็บมากไหม?” ผมถามด้วยความห่วงใย
“เมื่อยๆ ปวดๆ” ยกขาขึ้นมาดู
“กินยาสักหน่อยดีกว่า กินข้าวยัง?” พี่ไอซ์ส่ายหน้า
ผมก็ลุกลงไปจัดนู่นนี่ให้โดยบอกแม่พี่ไอซ์ไป แม่พี่ไอซ์ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพี่ไอซ์ปวดขา แม่พี่ไอซ์ก็ให้ผมเตรียมข้าวไปแล้วแม่ก็ขึ้นไปดูพี่ไอซ์ สักพักก็ลงมาเอายาให้ผมเพื่อเอาไปให้พี่ไอซ์ พอเข้าไปในห้องพี่ไอซ์นั่งหน้างอใหญ่เลยสงสัยโดนบ่น.....
“มาแล้วววว”(ยิ้ม)
“ตัวไปบอกแม่เค้าทำไม เค้าโดนบ่นเลย” เอาแล้วไง
“เค้าเป็นห่วงตัวกันทั้งนั้นแหละ มีอะไรก็รีบบอกดีที่สุดแล้ว ถ้าเป็นหนักจะทำยังไง!” หงุดหงิดจริงไม่รู้จักโตเลย
“ตัว!” โอย หน้าตอนงอแงนี่ ทำผมใจเต้นแรงเชียว โอย ไม่ใช่แล้ว
“มากินข้าวกินยาเลย! แล้วรีบไปอาบน้ำจะทายาซ้ำให้” ผมดึงพี่ไอซ์ให้ลุกมา ยากเย็นเหลือเกิน
แล้วผมก็จัดข้าวยาให้พี่ไอซ์ พอกินเสร็จก็ไล่ไปอาบน้ำผมจะได้ทายาให้พี่เขาอีกรอบ พอออกมาก็ไม่ยอมให้ทายา เดินไปเดินมาผมละหน่ายเลย กว่าจะทำอะไรเสร็จ.....
“ตัวนอนได้แล้วเดี๋ยวเค้าจะเอาของไปเก็บให้” ยิ้ม แล้วผมก็เอาถาดลงไปเก็บข้างล้าง คุยกับแม่พี่ไอซ์นิดหน่อยแล้วขึ้นมา พี่ไอซ์ก็หลับไปแล้ว
ผมก็จัดการห่มผ้าห่มให้ แล้วเขียนโพสอิทแปะไว้บนหัวเตียง จากนั้นผมก็กลับบ้าน แต่มันค่ำแล้วรถไม่มีน่ะสิ ผมเลยโทรหาเฮีย แปปเดียวก็รับ.......
“ ว่า!” 
“ผมเฮียมารับหน่อยยยยย”(ทำเสียงอ้อน)
ผมคุยและบอกพิกัดเฮียนิดหน่อย แล้วผมก็มายืนรอหน้าซอยหมู่บ้านพี่ไอซ์ รถผ่านค่อนข้างเยอะไม่เปลี่ยวสักเท่าไหร่ ผมกดโทรศัพท์เล่นไปเรื่อย ผมก็เข้าเฟส พอเข้าไปแชทเด้งเพียบเลย ผมก็ไม่สน เปล่าหยิ่งแต่ขี้เกียจจะตอบ ยืนรอนานเว่อร์ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มา โทรหาก็ไม่รับ น่าหงุดหงิดจริง ผมก็นั่งแถวริมฟุตบาทรอ สักพักรถเฮียก็มาจอด แล้วเลื่อนกระจกลง.....
“ขึ้นมาดิ้!” ตะโกนเรียก
“เฮียช้าจังอะ!” พูดด้วยความหงุดหงิดแล้วก็เดินขึ้นรถ
ผมบ่นเฮียมันนิดหน่อย เราก็พากันกลับมาบ้าน ทำอะไรเสร็จก็เข้านอนพอมาอีกวันพี่ไอซ์บ่นใหญ่เลย เรื่องที่ผมกลับแล้วไม่บอก ส่วนพี่อ๊อฟช่วงนี้ก็ยุ่งๆกับการฝึกอะไรของแกก็ไม่รู้ ไอสิงโตก็ทักมาตลอดชวนผมไปเที่ยวบ้าง ส่วนแซนที่ไปเจอกันที่สระน้ำก็มาหาผมถึงบ้านเลย บอกแอดเฟสมาแล้วไม่รับสักทีอย่างนู้นอย่างนี้ ง่ายๆคือเขาจะจีบ แต่ผมก็บอกไปว่าผมไม่ได้ชอบผู้หญิง แต่ก็ยังตื้อไม่เลิก ออกตัวแรงขนาดนั้นเป็นใครๆก็กลัว พี่ไอซ์ก็น่ารักขี้งอนเป็นเด็กเหมือนเดิม เป็นแบบบนี้จนเวลาผ่านไป 3 เดือน มันก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป…….
การแข่งบอลของพี่ไอซ์ก็แข่งกับโรงเรียนไอสิงโต แถมไอสิงโตแข่งด้วย แข่งกันตรงสนามกีฬาประจำจังหวัด แต่ก่อนที่พี่ไอซ์จะไปแข่งพี่ไอซ์ก็ซ้อมหนักเหมือนเดิม ไม่ได้เจอไม่ได้คุยเลยเป็นอาทิตย์ ผมกับพี่อ๊อฟก็จะอยู่ด้วยกันเป็นส่วนมาก พี่อ๊อฟก็น่ารักขึ้นทุกวัน นับวันยิ่งทำตัวหวาน ไม่กระด้างเหมือนเมื่อก่อน และพี่ไอซ์ ก่อนแข่งก็ทำตัวปกติ ไปซ้อมอะไรก็พยายามติดต่อหาผม แต่พอก่อนแข่ง2-3วันเขาก็หายไปเลย ผมก็ไม่แปลกใจอะไรหรอก เพราะอาจจะซ้อมหนัก และพี่อ๊อฟก็มีท่าทีแปลกๆไป ทำตัวดีกับผมแบบเหมือนเป็นคนละคน เทคแคร์ดีเว่อร์ และบางครั้งก็ทำหน้าเครียดๆเหมือนอยากจะบอกอะไรผมสักอย่าง แต่ก็ไม่บอกผมก็ไม่ใส่ใจ คิดว่าคงไม่มีอะไรมาก
ก่อนวันแข่ง 1 วันผมจำได้ว่าโค้ชจะให้นักกีฬาพักผ่อนอย่างเต็มที่ ผมจึงไปหาพี่ไอซ์ โดยไม่ลืมที่จะซื้อขนมน้ำของชอบพี่เขาไปให้ด้วย ผมไปหาพี่ไอซ์ที่สนามกีฬาที่จะแข่งเพราะเขาต้องไปซ้อมและเก็บตัวอยู่ที่นั่นเลย พี่อ๊อฟไม่ว่างผมเลยมาคนเดียว แต่ก่อนจะไปถึงห้องเก็บตัวของพีไอซ์ผมต้องเดินผ่านห้องเก็บตัวของไอสิงโตผมเห็นไอสิงโตคุยกับเพื่อนอยู่เลยไปทักมัน......
“เสี่ย!” ยิ้มหน้าบาน พวกไอสิงโตก็หันมามอง พวกมันทำหน้าสงสัย
“อ้าว! มาได้ไง” มันวิ่งมาหาผม
“มาหาพี่ไอซ์อะเส้” ยิ้มสิงโตทำหน้าเซ็งเลย
“กูก็นึกว่ามาหากู!” ทำหน้าเซ็ง ไอสิงโตกับพี่ไอซ์เคยได้เจอกันแล้ว แต่ก็ปกติดี คุยกันปกติไม่ได้มีทีท่าว่าจะเกลียดอะไรกัน
“โห อย่างอนเลย! อะ” ผมยื่นนมกล้วยของโปรดมันให้ ผมหยิบมาเผื่อมันด้วย เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงก็ต้องเจอ
“แสนรู้จังว่ากูชอบ”(ยิ้ม )
“ไอห่า!” มองค้อนมันไปทีนึง “แล้วพวกไอโค้กไม่แข่งเหรอ ทำไมมีมึงมาแข่งอยู่คนเดียว” ผมมองหาเพื่อนมัน
“ไม่ว่ะ กูลงคนเดียวพวกนั้นขี้เกียจกันจะตายห่า!”(ยิ้ม)
“ห้องน้ำอยู่ไหนว้า” ปวดฉี่สะงั้น
“อยู่ตรงกลางนั้นไง” มันชี้ไปที่ห้องน้ำที่คั่นกลางระหว่างห้องพักทีมมันกับห้องพักทีมพี่ไอซ์ คือผมไม่เคยมาดูพี่ไอซ์ฝึกที่นี่หรอก มันค่อนข้างไกลเลยมาวันนี้ที่พี่เขาพัก และพรุ่งนี้มาดูเขาแข่งกันเลย “และนั่นก็ห้องแฟนมึง!” ทำเสียงติดจะไม่พอใจ
“โห!ดูพูดเข้า! ไปส่งเข้าห้องน้ำหน่อยกูกลัว” คนเยอะไม่ได้อะไร555มันมีทั้งนักกีฬาและก็คนมาออกกำลังกาย
“เออๆ” มันลากแขนผมให้ไปกับมัน แต่ว่า...
“มึงจะพากูไปไหนห้องน้ำอยู่นั่น” ผมหันกลับไปดู มันพาผมเข้ามาในห้องพักนักกีฬา
“ตามมาเถอะน่า” เพื่อนมันก็มองกัน ผมนี่ก้มหน้าอย่างเดียวเลย
เดินทะลุไปทางด้านหลังจะมีห้องน้ำอีกห้อง เป็นห้องน้ำนักกีฬาสำหรับอาบน้ำด้วย ใหญ่กว้างพอสมควร มันดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย.....
“รีบเข้าไปได้แล้ว มัวแต่ยืนดูอยู่ได้!” ดันผมเข้าไปในห้องน้ำ
“เออๆ มึงห้ามไปไหนนะเว้ย!พากูมาแล้วอย่าทิ้งนะ!” ทำหน้าระแวงมัน มันก็พยักหน้าตอบรับ 
แล้วผมก็เข้าห้องน้ำไป ขณะที่ผมทำธุระส่วนตัวผมก็ได้ยินเสียงไอสิงโตคุยกับใครบางคน....
“ไงวะพวกมึง”ไอสิงโตเอ่ยทัก
“ไง ซ้อมเป็นไงวะโรงเรียนมึง”เสียงคุ้นๆ พี่ไอซ์หรือเปล่านะ ผมฟังไม่ค่อยชัดเลยรีบฉี่แล้วเอาหูไปแนบฟังจะเซอร์ไพร์ซสักหน่อย
“ก็ดีวะ แล้วมึงล่ะไอซ์?” ไอสิงโตถามกลับ ใช่พี่ไอซ์จริงๆด้วย
“ก็ดีวะ โรงเรียนกูเคร่งตลอดแหละ” ทำเสียงเหนื่อยๆ ผมก็ยิ้มขึ้นมา
“อืมๆ แฟนมึงมานะ” ไอสิงโตพูดขึ้นมา
“คนไหนวะ” เสียงร่าเริงเชียว แต่คนไหนนี่มันหมายความว่าไงกัน
“มึงมีแฟนเยอะขนาดนั้นเลย?’ ไอสิงโตถามย้ำ
“ก็คนมันหน้าตาดีนี่หว่า”พี่ไอซ์พูดทีเล่นทีจริง
“ถุยไอห่า! แฟนมึงก็เพื่อนกูไง!” หมายถึงผมสินะ
“อ่อๆ” พี่ไอซ์ตอบ
“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไง?” ไอสิงโตถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ทำหน้ายังไงวะ
“เปล่าๆ กูแค่....เบื่อๆ”(!!)
“มึงพูดอะไรเกรงใจกูหน่อย ไม่กลัวกูเอาไปบอกมันหรือยังไง!” สิงโตตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูจะไม่พอใจ
“ช่างเถอะมึง! แล้วอยู่ไหน” คงถามว่าผมอยู่ไหนสินะ
“รอมึงอยู่ข้างนอกนู่นแหละมั้ง!” ไอสิงโตบอก
“อืมๆ” แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเดินไป..
ผมค่อนข้างจะคิดมากกับคำพูดพี่ไอซ์ ตั้งแต่คบกันมามันก็ไม่มีทีท่าว่าจะเบื่อผมสักนิด ผมหรือเปล่าที่เป็นฝ่ายต้องเบื่อที่ต้องคอยตามใจมัน! คิดแล้วหงุดหงิด
ก๊อกๆ!
“ออกมาได้แล้วมั้ง!” สิงโตตะโกนเรียกผมผมก็เปิดประตูออกมา
“……” เงียบยังคงจมอยู่ในความคิดตัวเอง
“มึงไม่เป็นอะไรนะ?” จับไหล่ผม
“คนที่มึงพูดด้วยเมื่อกี้ใช่พี่ไอซ์หรือเปล่า?” ถามมันเผื่อผมจะคิดไปเอง
“ใช่ดิ! ทำไมวะ!” หน้านิ่ง
“พี่เขามีแฟนเยอะเหรอวะ? ทำไมกูไม่รู้” เอาจริงๆไม่รู้อะไรเลย อยู่ด้วยกันก็แทบทุกวันโทรศัพท์ก็เช็คทุกวัน นอกจากมาแข่งเนี่ยที่ไม่ได้คุย มันจะเร็วไปไหมแค่อาทิตย์เดียว! ผมมัวแต่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง โดยไม่ได้ถามถึงการกระทำที่ไอสิงโตมันทำ มันก็รู้อยู่แล้วผมอยู่ในห้องน้ำ ทำไมต้องบอกว่ารอข้างนอก ต้องการให้ผมได้ยินอะไรงั้นสินะ....
“กูจะไปรู้มึงเหรอ แต่กูก็เห็นมีผู้หญิงไปคุยกับมันบ้าง ไม่ได้สังเกตุตลอดเวลา” ทำไมมันตอบเลี่ยงๆเหมือนไม่อยากบอก
“แล้วที่ทำหน้าเมื่อกี้เขาทำหน้ายังไง?” ตอนนี้ความรู้สึกคือตัวเบาๆ มันเหมือนว่างเปล่าและรู้สึกหน่วงๆ
“มึงอย่าใส่ใจเลย มันก็พูดเลอะเทอะไปทั่วแหละ ออกไปหามันก่อนไหม” ยิ้มอ่อนโยนให้ผม
“อืมๆ” ผมพยักหน้าตอบรับ 
แล้วมันก็พาผมออกไปผมเห็นพี่ไอซ์นั่งอยู่ตรงแสตน สิงโตมันก็พาผมเดินไปหาพี่ไอซ์ พอเดินไปถึงเพื่อนพี่ไอซ์ก็ยิ้มทักทายผม แล้วก็ลุกไปกัน ไอสิงโตก็เดินไปหาเพื่อนมันที่นั่งอยู่แถวนั้น....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:30:06
“ไงตัว” (ยิ้ม)
“อะ...ตัวเค้าซื้อมาให้” ยิ้ม มันคือยิ้มแบบฝืนๆ ผมว่ามันมีอะไรแปลกๆพี่อ๊อฟกับไอสิงโตต้องรู้อะไรมาแน่ๆ
“อื้ม ทำไมไม่บอกก่อนจะมา แล้วมาคนเดียวเหรอ?” ดึงผมไปนั่งข้างๆ
“อะ...อื้ม พี่อ๊อฟไม่ว่าง แล้ว....ตัวเหนื่อยหรือเปล่า เป็นยังไงบ้าง” เป็นคำถามเดิมๆ ที่ผมมาหาตอนที่พี่ไอซ์ซ้อมบอลแต่ทำไมความรู้สึกผมเปลี่ยนไป หรือเพราะสิ่งที่ได้ยินมา
“ไม่เหนื่อยเลยนะ แค่ตัวมาก็ไม่เหนื่อยแล้ว” ยิ้มร่า ก็ปกติดี....
“คือ....ตัว...มีอะไรจะบอกเค้าหรือเปล่า” ผมพูดจบ ผมเอามือเช็ดน้ำที่คางให้พี่ไอซ์
“บอกอะไร” ทำหน้าไม่รู้เรื่อง
“อื้ม...เปล่า” ผมฝืนยิ้ม พร้อมกับส่ายหัว “ตัวปวดขาหรือเปล่าเค้าจะนวดให้” ผมก้มไปดูที่ขา
“ไม่เป็นอะไรตัว ไม่เมื่อย มันชินแล้ว” ยิ้ม
ผมกับพี่ไอซ์ก็นั่งคุยกันไป แต่ทำไมแค่เวลาอาทิตย์นึง ความรู้สึกของพี่เขาทำไมมันเปลี่ยนไปแปลกๆ หรือเพียงแค่ผมได้ยินที่พี่ไอซ์คุยกับไอสิงโต คุยไปสักพักผมก็กลับพี่ไอซ์ก็มาส่งผมขึ้นรถพี่ไอซ์ก็ยังคงปกติ ไม่มีอะไรผมนั่งรถสองแถวกลับบ้านมาผมก็นอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เฮียกลับไปแล้วกลับไปได้2อาทิตแล้ว ผมนอนคิดไปคิดมาสักพักโทรศัพท์เข้า ไอสิงโตโทรมา....
“ว่า?”
“มึงโอเคหรือเปล่า”
“โอเคดิ...” ใจจริงก็ไม่แน่ใจว่าโอเคไหม
“คือถ้ามึงรู้สึกไม่ดีกูขอโทษนะ” 
“เรื่องอะไร มึงไม่ได้ทำไรผิดนะ”
“อื้มๆ มึงโอเคก็ดีแล้ว พรุ่งนี้มาดูกูแข่งด้วยนะ” มันพูดด้วยเสียงที่ดูร่าเริง
“ได้....กูจะซื้อดอกไม้ไปให้ด้วย โอเคไหม?”
คุยกันอีกหน่อย แล้วมันก็วางสายไปผมก็โทรหาพี่อ๊อฟ ก็ไม่รับสาย ผมก็เลยโทรหาปอแทน....
“ว่าไงมึง” ปอรับพร้อมกับพูดขึ้น
“มึงกูมีเรื่องเครียดๆวะ” ผมเอ่ยขึ้นมาเสียงไม่ดังมากนัก
“อะไรวะ แจ่บๆ!” มันเคี้ยวอะไรอยู่นะ -_-“”
“เอาจริงมึงว่างไหม?” ผมถามมัน
“นั่งแดกเค้กกับไอโต้อยู่ แต่คุยได้ๆ”
“แดกไปเถอะจ้ะ ไว้กูจะโทรหา!”
แล้วผมก็วางสายไปเลย ผมใจไม่ดียังไงไม่รู้ กลัวว่าพี่ไอซ์จะเบื่อผมอย่างที่พูด คือถ้าจะเลิกผมก็คงไม่เฮิร์ทอะไรขนาดนั้นหรอก แต่มันเหมือนก้ำกึ่ง คือถ้าเบื่อทำไมไม่เลิกแล้วผู้หญิงที่คุยด้วยคนนั้นคือใคร ผมอาจจะทำตัวน่าเบื่อหรือดีไม่พอหรือเปล่าหรือยังไง แต่พูดถึงผมกับพี่ไอซ์ก็ยังไม่เคยมีอะไรกันเลย เพียงแค่ช่วยพี่ไอซ์บ่อย แต่คงไม่ใช่เพราะเรื่องนี้หรอก คือในหัวผมตอนนี้คือมันคิดไปหมด ผมเสียดายเวลา ผมยอมตามใจยอมเอาใจพี่ไอซ์ คือผมกลัวถูกทิ้งแบบไม่รู้ตัวจริงๆ หรือที่ผมทำกับไอเบสมันจะย้อมมาทำร้ายผมเอง แต่นั้นไอเบสมันก็เลวเองด้วย คิดมากไปหมด ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินออกบ้านไปหาพี่อ๊อฟ ไม่รู้ว่ากลับมาจากข้างนอกหรือยัง พอไปถึงผมก็เห็นรถจอดอยู่น่าจะมาแล้วผมเลยกดกริ่ง สักพักพี่อิฐวิ่งออกมา เขาบอกว่าเพิ่งกลับมาได้สักพักนี่เองพี่อ๊อฟอยู่ด้านบน พี่เขาพาผมเข้าบ้านผมก็ทักทายพ่อแม่พี่อ๊อฟแล้วขอตัวขึ้นไปหาพี่อ๊อฟ ประตูไม่ได้ล๊อคผมเข้าไปเลย ไม่คงไม่เคาะหรอกประตูอ่ะ.......
“อ้าว!มาได้ยังไง” พี่อ๊อฟเดินโป๊ออกมาจากห้องน้ำ มีการยิ้มให้ด้วยนะ
“เห้ย!!” หันหน้าเข้าประตู “ทำไมไม่ล๊อคห้อง!ยังมีหน้ามายิ้มอีกไอบ้า!”
“อะไรของมึง!” แล้วมันก็เดินไปใส่ผ้า
ผมก็นั่งรอที่เตียง พี่อ๊อฟเอาผ้าพันเอวไว้แล้วผมนั่งดูพี่อ๊อฟแต่งตัว.....
“อยากจับเหรอ มองอยู่ได้” ยิ้มหล่อส่งมา
“บ้าแล้ว!” รู้สึกร้อนๆที่หน้ายังไงไม่รู้ “มานี่เลย  ปุปๆ!” ผมตบที่ข้างๆผมแล้วพี่อ๊อฟก็เดินมานั่ง
“ทำไมวะ?” ผมหยิบผ้าในมือพี่อ๊อฟมาเช็ดหัวให้พี่มัน “น่ารักนะเนี่ย” หูมันแดงเชียว
“ไม่ชอบหรือยังไง?”  ผมถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ชอบๆๆ ทำนานๆเลยก็ได้” เสียงหวานเชียว
“พี่เบื่อผมป่ะ?” เช็ดไปสักพักก็ถามมัน
“โครตๆๆๆๆเบื่อมึงเลย” ทำเสียงเซ็ง ผมถึงกับหยุดเช็ดหัวแล้วเอาผ้าโยนใส่หน้ามันเลย “โอ๊ย! กูล้อเล่น ซีเรียสอะไรวะดูทำหน้าเข้า” (ยิ้ม)
“ผมน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ” คือไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงแต่รู้ว่าแย่มาก
“กูล้อเล่นมึง กูไม่เคยเบื่อมึงหรอก” จับมือผม “ไปได้ยินอะไรมา?” ทำหน้าสงสัย
“เปล่าๆ แล้วพี่....มีอะไรจะบอกผมไหม” พี่อ๊อฟชะงักไปนิดผมก็มองอย่างสงสัย
“อะ....เอ่อคือ.....” ผมก็มองมันอย่างตั้งใจ “มะ...ไม่มีอะไรหรอก” มันทำหน้ามีพิรุธ
“………” เงียบแล้วหันหลังให้มัน มันต้องมีอะไรจริงๆแหละ แต่เอาจริงๆเราพร้อมจะฟังเหรอผมคิดไปทั่ว พี่อ๊อฟก็สะกิด
“โกรธเหรอวะ” ทำเสียงหงอย
“เปล่า แค่ผมคิดว่ามีอะไรจะบอกก็รีบบอกเหอะ จะได้รีบเตรียมใจ” รู้สึกโหวงเหวงในใจแปลกๆ “ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องรู้”ผมหันหน้าไปหาพี่อ๊อฟ “จะบอกอะไรก็บอกมา!” ทำหน้าจริงจังพี่อ๊อฟก็ชะงักไปนิด
“มึงนี่น้า” ส่ายหัวให้ผมแล้วลูบหัวผม
“มีอะไรก็บอกเถอะ อย่าทำให้ผมเป็นคนโง่เลยนะ” จับมือพี่อ๊อฟ
“ใจจริงกูอยากจะให้มึงรู้เองนะเนี่ย แต่กูไม่อยากเห็นมึงเสียใจว่ะ” ทำหน้าเศร้า
“ตกลงมันคืออะไร ที่พี่จะบอกมันเรื่องเดียวกับที่ผมคิดหรือเปล่า!” เริ่มไม่แน่ใจ
“เรื่องเดียวกันนั้นแหละ เรื่องไอไอซ์ใช่ไหม!” ทำไมดูหงุดหงิด? ผมก็พยักหน้า
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจแบบรู้สึก ท้อยังไงไม่รู้ ร้อนที่ตาด้วย
“เห้ย!มึงอย่าร้องน่า” โอบไหล่ผม “ยังมีกูเสมอ” ยิ้ม พี่อ๊อฟน่ารักเสมอจริงๆ
“ปะ..เปล่าใครร้อง แค่หาว” แถไปสิ
“ปากแข็ง!” ขยี้หัวผม ผมก็หัวเราะ พี่อ๊อฟก็มองผม “มึงอยากฟังจริงๆเหรอ?” โน้มหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ
“ยังไงก็ต้องรู้ป่ะ! ฟอด!” พูดจบโน้มหน้าไปหอมพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟหูแดงเขินสินะ
“มึงนี่นะ” หอมผมคืน
“เล่าเถอะเดี๋ยวก็ได้ทำอย่างอื่นแทนก่อนแล้ว” เขิน..พูดเองเขินเอง
“งั้นทำอย่างอื่นก่อนได้หรือเปล่าวะ” ทำหน้าหื่น
“พอเลย! มีอะไรจะบอกก็บอกเถอะ” ผมพูดพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าจริงจังขึ้นมา
“เอ่อคือ.....” มองผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่งทันที
“ถ้ายังทำหน้าแบบนั้นอยู่นะ” ชี้หน้ามัน
“โอเคๆ ดุจังวะ!”ยิ้ม “ก็คือว่าเอ่อ....คือ...จะเริ่มยังไงดีวะ” ทำหน้าเหมือนไม่อยากเล่า “กูถามมึงก่อนแล้วกัน มึงมีความสุขใช่ไหมที่ได้อยู่กับไอไอซ์?”
“ก็มีดิ” ผมตอบทันที โดยไม่ลังเล
“อืมๆ” พยักหน้า “แล้วเวลามันงอนมึงก็ง้อมันทุกอย่างใช่ไหม?”
“พี่ถามเหมือนไม่รู้เนอะ! ผมมีอะไรก็เล่าให้พี่ฟังตลอด!” จริงๆก็เล่าให้พี่อ๊อฟฟังไปเกือบหมด
“แล้วมึงเคย....กับไอไอซ์ป่ะ?!” ถามผมมีการทำหน้าลุ้นๆ เอาจริงๆถึงจะเล่าเกือบทุกเรื่องแต่ผมว่าเรื่องนี้ไม่ควรเล่าหรอก5555
“ไม่นะ!” ผมพูดพร้อมทำหน้าเฉยๆ พี่อ๊อฟนี่ยิ้มบาน “แต่ก็มีเคยช่วยพี่ไอซ์”ผมยกมือขึ้นมาแล้วกำ“คงเข้าใจความหมายนะ”พี่อ๊อฟเผยยิ้มออกมา ผมก็อายนะ ทำไมต้องพูดด้วยก็ไม่รู้
“เป็นบ้าอะไรยิ้มอยู่ได้” ผมอายมากนะ เรื่องพวกนี้มัน เป็นเรื่องส่วนตัวสุดๆ
“แล้วมึงรักมันมากไหม?”เปลี่ยนน้ำเสียงพร้อมทำหน้าจริงจัง
“ไม่รู้ดิ นานไปยิ่งเหมือนพี่กับน้องมากกว่า คือพี่ไอซ์นิสัยเด็กมากเลย อย่างที่เคยบอก แต่ก็รู้สึกดีด้วยนะ” คือก็รัก แต่คงไม่มากหรอกมั้ง ไม่รู้ดิบอกไม่ถูก
“คือจริงๆ ไอไอซ์มันมาบ่นกับกูสักพักแล้วว่ามัน เอ่อคือ….” มันพูดแล้วหลบตาผม
“พูดเถอะพี่ ไม่มีอะไรจะเสียแล้วมั้งได้ยินมาขนาดนี้!” น่าหงุหงิดจริง
“ก็มันมาบ่นๆว่ามัน...เบื่อมึง” ผมชะงักไปนิด “ช่วงก่อนที่มันจะไปซ้อม!” พูดจบก็จับมือผม
“อืมๆ แต่พี่ไอซ์ก็ยังทำตัวปกตินะ” ผมหันไปถามด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“อืมมันเป็นแบบนั้นแหละ! มึงก็รู้มันดื้อเงียบ” บีบมือผมเบาๆ ประมานให้รู้ว่ามึงยังมีกูอะไรทำนองนั้นมั้ง
“โห! นี่ผมกำลังจะโดนทิ้งเหรอเนี่ย” ฝืนยิ้มส่งไปให้พี่อ๊อฟ
“ใช่ที่ไหน!” พูดจบก็โอบไหล่ผม
“แล้วพี่ไม่ดีใจเหรอ ที่มันต้องเป็นแบบนี้” ผมหันไปถามมัน
“ไม่...กูไม่ชอบเห็นมึงเสียใจ” (ยิ้ม) “ตอนแรกกูกับสิงโตอยากให้มึงรู้เองนะเนี่ย!”
“เดี๋ยวนะ! ไอสิงโต?ทำไม?” (ทำหน้างง)
“ตอนแรกที่ไอไอซ์บอกกูกูก็คิดนะว่าถ้ามึงรู้จะโอเคไหม อีกใจนึงกูก็อยากจะบอกมึงนะแต่กลัวว่าบอกมึงไปก็จะเป็นการใส่ร้ายหาว่ากูทำลายความรักมึงกับมัน” มันหันมายิ้มอ่อนให้ผม “จนมันไปซ้อมได้2วันไอสิงโตก็นัดกูไปเจอแล้วถามเรื่องไอไอซ์แล้วมันก็บอกว่าไอไอซ์...มันมีผู้หญิงมาหาที่สนามทุกวันแล้วมึงหายไปไหน กูก็เลยบอกมันไปว่ามึงไม่ได้มาเพราะมันไกลทั้งเรื่องที่มึงคบกับไอไอซ์ก็ปกติ จนวันนี้ที่มึงไปไอสิงโตก็พยายามจะทำให้มึงรู้นะ” บีบไหล่ผม ผมก็นั่งคิดตามที่มันพูด ก็จริง ถ้าอยู่ๆพี่อ๊อฟมาบอกผมก็ต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน เฮ้อ! เอายังไงดีทีนี้ ผมกำลังจะโดนทิ้งเหรอเนี่ย
“แล้วพี่กับไอสิงโตไปสนิทกันตอนไหน เห็นเจอกันทีไรก็ได้แค่มองกัน ไม่เห็นจะคุยกัน?” สงสัยจริงๆ เพราะที่ผ่านมาตอนพี่มันไปกับผมกับไอสิงโตไม่เห็นจะพูดอะไรมาก
“ไอสิงโตมันจะจีบมึง แล้วมันก็เข้าทางกูมันเห็นมึงสนิทกับกู” ทำหน้าโหด
“แล้วพี่ก็จะช่วยมันเนี่ยนะ จะเป็นพระเอกอีกแล้วเหรอ” (ยิ้ม)
“กูไม่ได้บอกว่าจะช่วยนะ แต่มันคิดเองเออเอง5555” ผมก็ยิ้ม “ส่วนเรื่องวันนี้มันก็โทรมาบอกกูแล้ว มันเดาถูกด้วยนะ! ว่ามึงต้องมาหากู”
“เฮ้อ! ตอนนี้ก็เหลือแค่....รอพี่ไอซ์เขี่ยทิ้งใช่ไหมเนี่ย” ทำหน้าเซ็งแล้วก็ล้มตัวนอน
“มึงโอเคนะ” ลูบหัวผม
“อืม แค่สงสัยน่ะ เบื่อผมเบื่อเรื่องอะไร เพราะอะไร ผมทำไม่ดีพอ หรือเขามีคนใหม่แล้วเหรอ? ไปมีตอนไหนทำไมเร็วจัง” คิดไปหมด นี่ผมทำตัวน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ?
“ถ้ามึงน่าเบื่อนะ ในโลกนี่คงไม่มีใครน่าคบ” พูดจบมันส่งยิ้มให้ผม ปากหวานตลอด
“บ้า!” ยิ้มเขินสิ “….พี่ไอซ์แค่บอกว่าเบื่อเหรอ?” ผมหันไปถามมันมองผมอยู่
“อืม แต่กูไม่รู้อะไรอย่างอื่นนะ ถึงจะสนิทกับมันเรื่องแฟนๆอะไรของมันกูไม่ยุ่งอยู่แล้ว นอกจากมึงเนี่ย กูจะรู้เยอะสุด”(ยิ้ม)
“อ๋อที่ทำตัวน่ารักขึ้นเพราะเร่งทำคะแนนว่างั้น พี่ไอซ์เขี่ยผมทิ้งจะได้เสียบแทนที่เลยว่างั้น” ผมพูด มันทำหน้าเจ้าเล่ห์
“มึงก็คิดได้เนอะ! กูก็แค่อยากทำตัวให้ดีที่สุด อย่างน้อยวันที่มึงรู้เรื่องไอไอซ์ มึงเสียใจ มึงก็รู้ไว้ว่ายังมีกูอยู่ข้างๆ ไม่ว่าจะในฐานะอะไร” ยิ้มแบบอบอุ่น แต่มันก็เรื่องจริง ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าการกำลังจะโดนทิ้งมันแย่เลยเมื่ออยู่กับพี่อ๊อฟ
“พระเอกตลอด” (ยิ้ม) “แล้วผมต้องทำยังไงต่อไป?”
“ก็ทำตัวปกติดิวะ! แต่แปลกทำไมมึงไม่เศร้าเลยวะ เห็นทำหน้าเซ็งอย่างเดียว” มองหน้าผม
“ไม่รู้ดิแค่กำลังคิดเนี่ย ผมน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ?” พี่อ๊อฟมองผมนิ่งๆ “ ปล่อยมันไปเถอะ ผมคงไม่รั้งหรอกพี่ ถ้าเขาเบื่อก็ไปเหอะอยู่ไปก็อึดอัด คนจะไปก็ต้องไป” หันไปยิ้มให้พี่อ๊อฟ
“ต้องแบบนี้ดิว้า” (จับมือผม) “ไปเดินเล่นกันไหม?”
“อืม ไปดิ” (ยิ้ม)
แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมไปเดินเล่นแถวสนามเด็กเล่นของหมู่บ้าน ชวนพูดนั่นนี่ไปเรื่อย โดยไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่อยากทำให้ผมคิดมาก ตอนนี้ผมแค่อึนๆเซ็งๆไม่รู้ทำไมทั้งๆที่ก็ยอมเขาขนาดนั้น ทุ่มเทเท่าที่ทำได้ไปแล้ว เอาจริงๆก็นอยและเสียความรู้สึกมากๆเลย แต่จะทำไงได้ ผมก็เดินเล่นไปสักพักก็จะกลับตอนแรกพี่อ๊อฟชวนนอนด้วยกัน แต่ผมก็บอกไปว่าวันหลังดีกว่าและเราก็นัดถึงวันพรุ่งนี้ที่จะไปดูพี่ไอซ์แข่งบอล ก็อย่างที่พี่อ๊อฟว่าทำตัวตามปกติ ผมก็จะยื้อไปให้ถึงที่สุด ถือว่าผมพยายามกับรักครั้งนี้จนสุดความสามารถผมแล้วกัน พี่อ๊อฟเดินมาส่งผมถึงหน้าบ้านแล้วก็เดินย้อนกลับไปส่วนผมก็เข้าบ้านแล้วก็ขึ้นห้องไปพักสมอง จนเย็นแม่ก็เรียกไปกินข้าวครับทำอะไรเสร็จก็ขึ้นอาบน้ำนอน
พอเช้ามาผมตื่นเพราะพี่อ๊อฟโทรมาปลุก ก็เตรียมอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวเพื่อที่จะไปดูการแข่งฟุตบอล บอกป๊าและแม่ก็ออกไปรอพี่อ๊อฟหน้าบ้านสักพักก็มา เราก็ไปสนามกีฬากัน........
“พี่อ๊อฟ แวะตลาดด้วยจะซื้อดอกไม้!” ต้องตะโกนบอกอะลมมันโต้หน้า
“ซื้อไปให้ใครวะ!” ตะโกนตอบกลับเสียงโหดเชียว
“ก็ซื้อให้พี่ไอซ์กับไอสิงโตไง!”
“ซื้อให้สิงโตทำไมวะ!” มันถามอย่างไม่พอใจ
“อ่าว!มันก็เพื่อนเนอะ ให้กำลังใจมันหน่อย!”
แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมแวะตลาด ผมก็เข้าไปร้านดอกไม้ซื้อดอกไม้มาสองช่อ แต่พี่อ๊อฟนี่บ่นผมตลอดทาง จะซื้อให้ทำไม บลาๆๆๆ จนผมทำไม่สนใจ เข้ามาร้านดอกไม้ทำหน้าเป็นตูดเลยสิ พอซื้อเสร็จก็พากันไปสนามกีฬากันทันที คนเยอะเชียว ผมก็ขึ้นไปนั่งบนแสตนโรงเรียนผม พี่อ๊อฟก็แยกไปหาเพื่อนผมก็นั่งกับกลุ่มเพื่อนผม คนแน่นเสียงดังมากด้วย.....
“มึงเอาดอกไม้มาอะไรเยอะแยะวะ!”ปอเอ่ยถามขึ้น
“ให้พี่ไอซ์กับไอสิงโตไง” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจ
แล้วพวกเราก็แหกปาก คุยกันไปสักพัก นักกีฬาลงสนาม ทุกสแตนก็ส่งเสียงกรีดร้องเชียร์กันสุดใจขาด พอเริ่มแข่ง พวกเราก็เชียร์กันมันเชียว....
“แกดูไอซ์สิ กรี๊ด!”
“เท่มากดูคนนั้นสิ”เสียงพวกผู้หญิงที่ดูผู้ชายหล่อๆแล้วส่งเสียงร้อง เอาจริงพวกนั้นมาดูผู้ชายไม่ได้มาดูบอล
“ไอซ์เป็นเกย์นะมึง”เสียงมาจากด้านหลัง
“ใช่เหรอมึง ก็เห็นพลอยมาหาบ่อยๆ”
“ก็กูเห็นมันคบก็เด็กม.4ที่เป็นผู้ชายอ่ะ”
“เห้ยๆ แต่กูคุยกับพลอยอยู่ เขาบอกคนนั้นเป็นแค่น้องชายนะ ที่ขอเป็นแฟนอะไรแค่แกล้งเล่นกันเท่านั้น”
“จริงเหรอวะ แต่ก็คงจริงแหละ หล่อๆแบบนั้นไปเอาผู้ชายด้วยกันกูเสียดายว่ะ”
“เออกูว่าพลอยกับไอซ์เข้ากันมากนะมึง”
“เออพวกไม่เหมาะไม่ควรมึงไม่ต้องไปพูดถึงหรอก!”เสียงกระแทกด้วยนะ
“น่าสงสาร ไอนั่นคงมโนไปไกลว่าไอซ์ชอบ”
“เออ ไอซ์มันก็แกล้งเล่นตามประสาผู้ชาย”แล้วก็พูดกันไปอีกมากมาย
และนี่คือคำพูดเม้าแตกของพวกผู้หญิงประมาน 3-4คน ที่คุยกันอยู่ด้านหลังผม เอาจริงๆคือเหมือนพวกมันจะพูดให้ผมได้ยินและเหมือนจะพึ่งมานั่งด้วยเพราะตอนผมมานั่งแถวข้างหลังผมไม่มีคนนั่ง และแน่นอนคือผมไม่ได้ยินคนเดียวหรอก เพื่อนๆผมหันมามองผมกันแบบสงสายตาว่ามึงโอเคนะอะไรทำนองนั้น ซึ่งผมตอบเลยว่าไม่! ทำไมผมถึงได้ดูหน้าสมเพสขนาดนี้ แล้วเพื่อนๆคนอื่นๆนอกจากกลุ่มผมที่ได้ยินก็หันมามองผมกัน จะใครอื่นไม่ได้ ตอนที่ผมคบกับพี่ไอซ์มันเป็นทอล์คออฟเดอะสคูลเลยนะ ผมนี่ทำหน้าไม่ถูก พวกมันก็ไม่หยุดพูดกันสักที......
“โอ๊ย! จะมาเชียร์บอลหรือจะมาหาผู้ชายแดกวะ!” ปอมันตะโกนขึ้นมา อีพวกข้างหลังที่กำลังพ่นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกแย่ก็เงียบทันที
“พวกมึงไปเถอะ รำคาญ” ไอมินหันไปพูดคำว่ารำคาญใส่พวกข้างหลัง
“มองอะไรกันวะ!” ไอวิวตะคอกใส่พวกที่มองมาทางพวกเรา ปอมันก็ดึงมือผมให้ตามไป
“ไม่ต้องไปฟังหรอกมึง หมาเห่าซี้ซั้วไปทั่ว!” ไอนัทมันแหกปากพูดแล้วก็พากันเดินลงไปด้านล่างแสตน
ตอนนี้พวกมันพาผมมานั่งตรงม้าหินอ่อนข้างร้านขายของที่ไกลออกมาจากแสตนหน่อยเพราะแถวนั้นเสียงดัง ผมก็เงียบตลอด เอาจริงๆทำตัวไม่ถูก ยิ่งมาเจอคำพูดคนพวกนั้น ความจริงผมจะลุกขึ้นมาแล้วหันไปด่าพวกมันก็ได้แต่จะทำเพื่ออะไร เพราะทั้งหมดคือเรื่องจริง? พลอยที่พวกมันพูดถึง มีใครบ้างไม่รู้จัก เขาก็สวยเป็นถึงดรัมไม้1ของโรงเรียนเป็นที่รู้จักของรุ่นน้องรุ่นพี่เหมาะกับพี่ไอซ์มากขนาดไหนผมยังรู้เลย แถมตอนนี้พี่ไอซ์ก็เบื่อผมแล้วจะโดนบอกเลิกเมื่อไหร่ยังไม่รู้ ทำตัวไม่ถูกจริงๆ เฮ้อ!........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:31:08
“อะ” ปอยื่นน้ำให้ผมผมก็ยิ้มแล้วรับมา
“เอ่อ....เห้ย!พวกมึงเขาแข่งกันถึงไหนแล้ววะ!” ไอวิวพูดขึ้นมาแบบอึกอัก
“อะ เออนั่นดิ” ไอนัทก็เอ่ยตาม และไอมินก็ด้วย
“นท” (ลูบหลังผม) “มึงโอเคนะ” ผมที่นั่งเหม่ออยู่หันไปมองทางพวกเพื่อน พวกมันดูเป็นห่วงผมมากเลย
“อื้ม โอเคดิ้!” ฝืนยิ้มให้พวกมัน
“มีอะไรเล่าให้พวกกูฟังได้นะเว้ย!”ปอพูดขึ้น
“เออเพื่อนกันอ่ะมึง มีอะไรก็บอก” มินก็สมทบ
“ระบายนะเว้ย! แบบเนี่ย” ไอนัทพูดขึ้นแล้วหันไปตบหัวไอวิว
“โอ๊ยไอสัส” ไอวิวลูบหัวตัวเอง พวกผมก็หัวเราะกัน “อะเออมีอะไรก็เล่าเถอะ” (ยิ้ม)
“ใช่เรื่องนี้ ที่มึงโทรมาเมื่อวาน ?” ผมพยักหน้า
“ก็คือ.....” ผมก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมด ทั้งจากที่พี่อ๊อฟเล่าให้ฟังและที่ไปได้ยินเอง “มันก็เป็นแบบนี้แหละ” ฝืนยิ้มไปให้พวกมัน พวกมันนี่อึ้งกันไปหมด
“คะ...คือกูว่าแล้วถ้าปกติมีคนมาพูดส่อเสียดมึงแบบนั้นมึงคงลุกขึ้นไปด่าแล้วแต่นี่มัน...” ไอวิวพูดขึ้น พร้อมกับส่งยิ้มมาแบบไม่รู้จะปลอบหรือทำยังไงให้ผมสบายใจ ผมเข้าใจมันนะ
“ทำไมวะ? เบื่อ! แค่เพราะเบื่อเนี่ยนะ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอวะ!” ปอพูดด้วยความไม่พอใจ คงจะโกรธแทนผม
“เอาน่ามึง ตอนนี้พี่ไอซ์ก็ปกติ มึงก็ทำตัวปกติไปก่อนแล้วกัน” ไอนัทกล่าวไว้
“ปกติห่าอะไรวะ ไปบอกกับพี่พลอยว่าไอนทเป็นน้องชาย เนี่ยนะปกติ” ไอมินพูดขึ้น
“เออกูว่ามันมากไปหน่อย ทำแบบนี้กับเพื่อนกู!” ไอปอพูดจบก็ลุกขึ้น “กูจะไปเคลียล์กับไอพี่ไอซ์หน่อย!”
“เห้ย! ไม่ต้องหรอกมึง” จับมือมันไว้ “พอเถอะ กูคงน่าเบื่อเองแหละ ปล่อยไปอะไรจะเกิดก็เกิดเถอะว่ะกูเตรียมใจไว้แล้ว แต่คนจะไปก็ต้องไป ไม่เคยฟังอ่อ พี่ปาล์มมี่” พูดทีเล่นทีจริงไม่อยากให้เพื่อนกังวลเรื่องผมไปด้วย
“มึงจะมานางเอกตลกแดกอะไรตอนนี้เนี่ย” ไอมินมันพูดแบบเครียดๆ
“เออนั่นดิ กูหงุดหงิดว่ะ!” ไอปอพูดพร้อมกับกระแทกตัวนั่งลง
แล้วเพื่อนๆผมก็ออกความคิดกันมากมาย ผมก็ฟังบ้างเหม่อบ้าง ผมรู้สึกสมเพชตัวเองจัง รักที่กำลังไปได้ดี อยู่ๆ กลับกลายเป็นผมกำลังจะถูกทิ้งอีกแล้ว ทำไม ผมถึงโชคร้ายในเรื่องความรักขนาดนี้.....
“เห้ย! พวกมึงกูโอเคเว้ย! เอาจริงๆถึงไปด่าไปว่าพี่ไอซ์ก็เท่านั้นแหละ เขาเบื่อแล้วทำไปก็เท่านั้น!” ยิ้ม รู้เลยว่าตัวเองไม่โอเค พวกมันก็รู้แน่นอน เป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้วนี่นะ
“ก็จริงนะ แต่มึงจะรอแบบนี้เหรอ?” ไอวิวหันมาถามผม
“อืม อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดไง ถึงตอนนั้นตัวกูเองคงจะรู้ดีแหละว่าต้องทำยังไง พวกมึงไม่ต้องห่วงกูหรอก แค่มีพวกมึงอยู่ข้างๆกูก็ดีใจมากแล้ว” หันไปยิ้มให้พวกมัน
พวกมันก็ปลอบใจผมไป ดึงเข้าตลกกันตลอด จริงๆเมื่อกี้ผมแค่ทำตัวไม่ถูกเท่านั้นแหละ จนเรานั่งไปสักพักก็ขึ้นไปนั่งบนสแตนอีกครั้ง แต่คราวนี้นั่งแยกออกมา นั่งตรงที่คนไม่ค่อยนั่งกันเพราะมันมองไม่ค่อยเห็น เรานั่งกันส่วนมากคุยกันมากกว่า จนแข่งกันเสร็จประกาศผลสรุปโรงเรียนผมชนะ ดีใจเฮกันใหญ่ แล้วคนบนแสตนก็ลงไปหาพวกนักบอลกัน ส่วนมากก็ขอถ่ายรูปและก็พากันกลับ
ผมกับเพื่อนๆก็พากันไปหาพี่ไอซ์ตอนแรกพวกมันบอกไม่ต้องไปหรอกแย้งกันนู่นนี่นั้น แต่ผมบอกไปแล้ว ว่าจะทำตัวให้ปกติที่สุด ผมยื่นดอกไม้ที่จะเอาให้สิงโตฝากไว้ที่ไอมินก่อนแล้วก็เดินตรงไปหาพี่ไอซ์ พี่อ๊อฟก็คุยกับเพื่อนๆ แต่พวกผมก็ต้องหยุดเดินเพราะภาพตรงหน้าทำให้ผมใจโหวงเหวงมากตอนนี้ พี่พลอยเอาดอกไม้มาให้พี่ไอซ์และมีอีพวกปากผีที่นั่งพูดเรื่องพี่ไอซ์ไปกระแนะกระแหนพี่พลอย เชียร์ให้ถ่ายรูปกันท่านู้นท่านี้ ผมมองด้วยสายตาที่ผิดหวัง........
“นทกูว่าไม่ต้องให้หรอก....” ปอพูดขึ้นมา หลังจากที่ผมนิ่งไปสักพัก
“เออเดินไปให้ไอสิงโตเถอะ!” ไอมินไอห่านี่ ไอสิงโตมันจ้างมาเท่าไหร่อยากรู้จริงๆ
“เออนท” ไอนัทพูดพร้อมกับจับไหล่ผม
“เอายังไงละทีนี้” ไอวิวพูดแบบไม่มั่นใจ
คือจริงๆผมก็ยืนไม่ไกลจากพี่ไอซ์เลยนะ แต่เขากลับไม่เหลียวตามามองเลย หรือเห็นแล้วทำเป็นไม่เห็นนะ?
“อืม พวกมึงก็รอนี่แล้วกันกูเอาไปให้แปปเดียว!” พวกมันก็เงียบกัน แต่ที่ผมพูดออกจะเป็นคำสั่งมากกว่าคำบอกเล่า ที่อยากให้พวกมันยืนรอนี่เพราะเดี๋ยวมันจะไปพูดอะไรที่ไม่ควรพูดในตอนนี้น่ะสิ
ผมก็เดินตรงไปหาพี่ไอซ์เลย พวกปากผีมันเห็นผมทำหน้าทำตาตอแหลกันใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเลย พี่ไอซ์เห็นผมแล้วก็มองยิ้มให้ปกติพี่พลอยก็ยิ้มด้วย ผมก็ยิ้มส่งกลับไป......
“ไงตัว” พี่ไอซ์เอ่ยทักทายผมด้วยรอยยิ้ม
“อื้มอ่ะ” ฝืนยิ้มส่งให้พี่ไอซ์ไป พร้อมกับเอาดอกไม้ยื่นให้
“ดอกไม้สวยจังเลย” ยิ้มให้ผม ผมก็มองนิ่งๆ
“ครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติไม่ได้ประชดแต่อย่างใด
“มายังไงอ่ะตัว?” พี่ไอซ์เอ่ยถามขึ้น
“มากับพี่อ๊อฟ เหนื่อยหรือเปล่า?” ผมเอาผ้าเช็ดหน้าเอื้อมจะซับเหงื่อให้อย่างที่เคยทำ แต่พี่ไอซ์เอนหน้าหนี ผมชะงักไปนิดนึงแล้วก็เก็บผ้าลง
“มะ....ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวเค้าเอาน้ำล้างหน้านะ” (ยิ้ม)
“พี่น้องคู่นี้น่ารักจังเลยเนอะ” ยิ้ม ผมถึงกับหน้าเจื่อนเลย คือไม่คิดว่าพี่ไอซ์จะบอกว่าผมเป็นน้องชายจริงๆอีกอย่างพี่ไอซ์ก็ใช้คำว่าเค้ากับตัวนี่พี่พลอยคิดว่าพี่น้องเขาพูดกันแบบนี้เหรอ จะโลกสวยไปไหม
“งี้แหละ” พี่ไอซ์ยิ้มหวานมากๆให้พี่พลอย แล้วคือไม่ได้แคร์ผมเลยสักนิดสินะ?
“แล้ว...พี่ไอซ์จะกลับหรือยัง” ผมเปลี่ยนมาเรียกพี่แล้ว เพราะตอนนี้มันเริ่มหมดความอดทน
“ยัง เดี๋ยวต้องไปกับโค้ชต่อ ตัวกลับก่อนก็ได้นะ” ยังคงยิ้ม ยิ้มได้ไร้เดียงสามาก
“อ้าว!ไม่ได้ชวนน้องไปฉลองด้วยกันเหรอ?” พี่พลอยเอ่ยขึ้นมา
“ฉลอง??” ผมพูดขึ้นพร้อมทำหน้าสงสัยไปทางพี่ไอซ์
“ก็ฉลองหลังแข่งเสร็จไง ไปด้วยกันไหม?” พี่พลอยตอบคำถามของผม เขาก็ดูเป็นมิตรดีเนอะ
“คะ คือ” ผมมองไปทาพี่ไอซ์เขาก็ทำเหมือนไม่รับไม่รู้แบบมึนๆ แล้วผมควรตอบยังไงละ?
“นท ไปเถอะ!” เสียงแข็งมาแต่ไกล พี่อ๊อฟนั่นเองเพื่อนๆผมก็ตามมาข้างหลังพี่อ๊อฟมา
“ไปไหน” ผมหันไปถามพี่อ๊อฟ
“ไปเถอะ!” พี่อ๊อฟดึงแขนผมให้ตามไป ไม่รู้สิ ว่าทำไมผมไม่เดินหนีไปตั้งแต่แรก เหมือนอยากฟังจากปากพี่ไอซ์ว่าจะเอายัง ไงกับผมกันแน่ คือมันเร็วไปไหม มันไม่ได้มีอะไรเลยด้วยซ้ำแล้วผมก็ไม่ได้ทำผิด ทำไมอยู่ๆถึงเป็นแบบนี้ได้ละ!
“พี่ไอซ์!” ผมโน้มตัวไปจับมือพี่ไอซ์ พี่พลอยก็ไม่ไปไหนสักที ยืนอยู่นั่นแหละ พวกอีผีเจาะปากอีก ตอนนี้ผมไม่เหลือความอดทนอีกต่อไปแล้ว “มากับผมแปปนึง!” ผมสะบัดมือพี่อ๊อฟออก แล้วจับแขนพี่ไอซ์ให้ตามผมมาอีกทางที่ไม่มีคน พี่ไอซ์ก็ตามมาง่ายๆ
“ตัวมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย อยู่ๆเป็นอะไร?” คืออะไรจะไม่รับไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม
“ผมถามจริงๆนะพี่ไม่รู้อะไรเลยเหรอพี่ไอซ์” ผมรู้สึกมือเริ่มสั่น เพื่อนๆผมพี่อ๊อฟพี่พลอยก็มองอยู่
“จะให้เค้ารู้อะไร?” ทำหน้านิ่งๆแล้วมองผม
“บอกผมมาเลย จะบอกอะไรก็บอกมาผมจะฟังทุกอย่าง พี่อย่าทำให้มันค้างคาแบบนี้ได้ไหม!” ไม่รู้รู้ว่าตอนนี้รู้สึกยังไง โมโห หงุดหงิด คือมันไม่เคลียล์เลย
“จะให้เค้าบอกอะไรอะเค้าไม่มีอะไรนะ” เริ่มทำหน้าเป็นตีนแล้วสินะ
“พี่ชอบพี่พลอยเหรอ?” ถามน้ำเสียงสั่น
“ก็ชอบนะ” (ยิ้ม)
“แล้วผมล่ะ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“ก็ชอบนะ ตัวเป็นอะไรเนี่ยมาถามอะไรแบบนี้ล่ะ” ตอบหน้าตาย
“แล้วผมเป็นน้องชายหรือเป็นแฟน?” เป็นสิ่งที่ไม่คิดว่าจะถาม แต่ก็ขอถามหน่อย
“........” เงียบ แต่ยังมองหน้าผม
“พี่เบื่อผมเหรอ?” คือผมพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะพี่ไอซ์ยังคงมึน และเลือกที่จะไม่รับรู้อะไร
ตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะเงียบ ทั้งคู่ คือผมก็จ้องหน้าพี่มันก็จ้องหน้าผม โดยไม่ลดละ คือจะเอายังไง ผมถามถึงขนาดนี้แล้วยังมึน แค่บอกว่าเลิกผมก็จะเดินกลับไปเลย นี่เงียบบ้าง ตอบทีนี้หน้าเสยหน้ามาก 
“พี่ไอซ์จะเลิกกับผมใช่ไหม?” ผมหมดความอดทนจริงๆแล้ว มันเกินไปจริงๆ
“......” เงียบแต่หันหน้าไปทางอื่น
“จะเอาไงพี่ไอซ์? บอกผมมาตรงๆ คือพี่เงียบก็ไม่มีประโยชน์แล้วตอนนี้” เริ่มเสียงดังแล้ว ผมเดาว่า สถานการณ์และบทสนทนาของผม ก็คงได้ยินกันทั่ว
“เค้าเบื่อแล้ว! เค้าอยากมีแฟนเป็นผู้หญิงบ้าง” ง่ายมากเลย แค่คำว่าเบื่อ แค่อารมณ์เบื่อ แค่รู้สึกว่าเบื่อ ดีที่สุด!!!!!ผมนี่ปวดหนึบที่ใจยังไงไม่รู้เลย
“แล้วยังไงต่อ?” พยายามข่มอารมณ์ มันพูดเหมือนมันเป็นเด็กที่เบื่อของเล่นแล้วอยากได้ของเล่นชิ้นใหม่
“เค้าจะลองคบกับพลอยได้ไหม แล้วตัวก็รอเค้า...เค้าจะ..”พูดแบบทำหน้าจริงจัง และผมไม่ทนอีกต่อไป
ผัวะ เพี๊ยะ! ตุบ ผมทั้งต่อยทั้งตบแล้วก็ถีบมันล้มลงกับพื้นหญ้า แล้วคร่อมตัวมันจับคอเสื้อไว้ มันก็ยอมให้ผมทำ เอาจริงๆมันแรงเยอะกว่าผมอยู่แล้ว......
“ไอเหี้ย! มึงเบื่อกูยังไม่พอ นี่มึงยังจะทำสันดานเอาแต่ใจอีกเหรอ หน้ากูดูเหมือนลามากเลยหรือยังไงมึงถึงกล้ามาพูดแบบนี้!”  ผมตะหวาดลั่น พวกเพื่อนผม และคนอื่นๆบริเวณนั้นวิ่งมากันหมด คนแถวนั้นก็เริ่มมองมาด้วยความสนใจ  “มึงไม่บอกกูบอกเอง เลิกกันเถอะไอคนเหี้ย!” รัวหมัดใส่หน้ามัน อันนี้ความสะใจล้วนๆ คือสู้มันบอกเลิกผมผมจะไม่โกรธมันขนาดนี้เลย แล้วพวกเพื่อนผมกับพี่อ๊อฟก็มาดึงผมออก
“นท หยุด!” พี่อ๊อฟมาดึงตัวผมออก ผมรั้งตัวไว้แล้วยังใส่ไม่ยั้ง
“ปล่อยโว้ย!” ผมเอาแต่สาดหมัดใส่มันด้วยความโมโห เพื่อนๆผมที่เห็นท่าไม่ดีรีบมาดึงผมแยกออกจากพี่ไอซ์ ผมก็ยังไม่ได้ไปไหนไกล และยังไม่ห่างจากมัน ยังยืนประชันหน้าด้วยอารมณ์ ที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างตรงนี้เลย
“นททำไอซ์ทำไม!” พี่พลอยตะคอกใส่ผม แล้วก็ช่วยพยุงพี่ไอซ์ลุกขึ้น พี่อ๊อฟกับพวกเพื่อนผมก็ช่วยจับผมไว้ไอพี่ไอซ์มันก็เงียบ เหมือนเดิม
“อย่ามาสาระแน!” ตะคอกกลับไป ผมหันไปจิกตาใส่ทั้งพี่พลอยและพวกปากผีที่เกาะยัยพี่พลอยมา พวกมันก็เงียบกัน
พวกพี่อ๊อฟกับเพื่อนๆผมก็พูดให้ผมใจเย็น ผมก็ยืนมองพี่ไอซ์ตาขวาง...
“มันพูดอะไรนท!” ถามอย่างเป็นห่วงและดูจะโมโหนิดหน่อย ซึ่งเดาอารมณ์มันไม่ถูก และผมก็ไม่ได้สนใจขนาดนั้นด้วย
“ถามมันเองแล้วกัน!” ตะคอกตอบกลับแล้วผมก็เดินหันหลังออกจากตรงนี้ทันที
เพื่อนๆพี่อ๊อฟก็เดินตามผมมา หงุดหงิดมาก เห็นแก่ตัวเกินไป มากเกินไปจริงๆ คือผมยอมมันแทบทุกอย่าง คือถ้ามันบอกเลิกผม ผมก็มีคำถามจะถามมันไม่กี่คำ หรือเดินกลับเลย แต่คำตอบมันทำผมหมดความอดทนจริงๆ พูดมาได้ยังไงวะ! ….
หมับ! ช่วงที่ผมเดินไปคิดอะไรไปทั่ว มีคนกอดผมจากด้านหลัง....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:31:57
“ไอไอซ์มึงปล่อยเลยไอสัส!” พี่อ๊อฟ ตะคอกเสียงแข็ง
“ปล่อยเพื่อนผมนะเว้ย!” ปอพูด มันช่วยกันดึงพี่ไอซ์ออกจากผม ผมเห็นพี่พลอยตามมาดู คือคนแถวนั้นเริ่มเข้ามาดูกลุ่มพวกผมกันด้วยความสนใจกัน
พวกมันก็ดึงกันไป ผมก็ยืนเงียบ พี่ไอซ์ก็เงียบอีหรอบเดิม ตัวผมก็เอียงไปมาเพราะแรงดึงและแกะมือพี่ไอซ์ออก เพราะมันรัดตัวผมแน่นมากจนผมเริ่มจะเจ็บแล้ว........
“ไอซ์ไปทำแผลก่อนเถอะ!” พี่พลอยพูดพร้อมกับดึงพี่ไอซ์ ไม่รู้จะอาลัยอาวรอะไรนักหนา
“ผมถามจริงเถอะพี่พลอย” ผมหันไปมองพี่พลอย แล้วพลักพี่ไอซ์ออกโดยเอาศอกกระทุ้งท้องมันไป มันเลยถอยหนี พี่พลอยก็มองผม “นี่พี่คิดจะจับพี่ไอซ์จริงๆเหรอ วิ่งตามกันไปๆมาๆแบบนี้ ทำไมทำตัวน่ารังเกียจได้ถึงขนาดนี้!!” ผมพูดเสียงแข็ง พี่พลอยชะงักไปนิด
“ไม่ได้จะจับยะ ฉันแค่มาตามคนหลงผิดกลับที่เท่านั้นเอง ตุ๊ดเกย์เก้งกวาง” กวาดสายตาแบบดูถูกมองผมและเพื่อนๆ เริ่มออกลายแล้วสินะ เมื่อกี้ยังเฟรนลี่ตอแหลจริงๆปอมันจะพูดแล้ว ผมห้ามไว้ก่อน “อย่างพวกแก ไม่ควรมายุ่งกับไอซ์หรอก!” ทำเสียงสอง แล้วจีบปากจีบคอ
“จะลากมันไปลงหลุมไหนก็รีบไปเลยไป มัวแต่มาพูดทางผิดทางถูก จะอ้วก! อย่ามาแสร้งเป็นคนดีหน่อยเลย กระแดะ! ใจจริงก็แค่อีตัวที่มาแย่งของของคนอื่นไปแค่นั้น จะพูดให้สวยหรูทำไม!” ผมพูดเสียงดังขึ้นมา โกรธจริงๆ เกลียดสายตาที่มันมองแบบนั้นมา ผมกวาดสายตามองมันและเพื่อนๆของมันแบบรังเกียจมากๆคืนไป
“ปากดีนักนะ!”ง้างมือจะเข้ามาหาผม ผมก็เชิ่ดหน้ารอมันเลย ถ้าจะตบผมบอกเลยผมไม่เริ่มหรอก แล้วอยู่ๆมันก็ลดมือลง “หึ! ฉันไม่เอามือที่แสนสะอาดไปสัมผัสกับคนโสโครกแบบแกหรอก” ยิ้ม พวกเพื่อนผมพี่ไอซ์พี่อ๊อฟก็มอง เหมือนละครน้ำเน่า พี่แกคงดูละครหลังข่าวกับแม่มากเกินไปติดใจตรงที่ว่า แบบนี้หรอที่พี่ไอซ์บอกว่าชอบ ชอบผู้หญิงแบบนี้เหรอ?
“จะโสโครกหรือไม่โสโครกกูไม่รู้หรอก แต่กูก็ได้” มองไปที่เป้ากางเกงพี่ไอซ์ “ไม่เหมือนใครบางคน อยากได้จนตัวสั่น ต้องมาวิ่งตามผัวตุ๊ดเกย์เก้งกวาง น่าสมเพสสิ้นดี หน้าตาก็พอไปวัดแล้วหมาไม่เห่า แต่ทำตัวต่ำ! ถ้าจะคันจนมีแค่หน้าตาที่เหมือนจะดี ไปหาหมอบ้างก็น่าจะดีนะ หรือไม่มีปัญญาไป จะได้สมทบทุนให้ เศษเงินไม่กี่หมื่น ถ้ารักษาชอคการีอย่างนี้ได้ ถือว่าเป็นบุญใหญ่!” ผมมองตั้งแต่หัวยันตีน พวกนั้นมองผมแบบตกใจ ผมไม่เคยหยาบขนาดนี้หรอก แต่ถ้าอีนี้จะเอาผมจะจัดให้มัน!
“หึ!” เดินเข้ามาหาผม “ก็อย่างว่าไง ฉันมาตามคนเดินทางผิดกลับ ส่วนคนสกปรกและต่ำก็กลับไปสะ!” ทำหน้าเหมือนมันเป็นผู้ชนะ อีนี่มันไม่ใช่คน!..
“ไอที่ว่าสกปรกนะ มึงสะอาดยังไง!” ตะคอกใส่มันแล้ว ผลักไหล่มันอย่างแรง มันเซไป 4 ก้าวใหญ่ๆ เพื่อนๆหลายๆคนตอนนี้ยืนล้อมพวกผมไว้หมด ประมาณว่าไทยมุง รอดูสก๊อยตบกัน
“อย่างน้อยฉันก็ไม่สำส่อนอย่างแกหรอก หึ! ก่อนจะคบไอซ์ แกมันคาวไปหมดนี่ เป็นเกย์สำส่อนมั่วกับคนอื่นไปทั่ว!” มันพูดเสียงดัง กะให้คนได้ยินทั่วเลยสินะ จะยั่วให้ผมอารมณ์ขึ้นจนที่สุดใช่ไหม!
“มึงไปเอาที่ไหนมาพูด!” ตะคอกถามมัน แล้วก็บีบแขนมัน พวกของมันก็มาช่วยดึงผมออก
“ก็ผัวเก่าแกมาบอกฉัน ต้องให้ฉันบอกไหมว่าชื่ออะไร” ผมมองมันแบบอาฆาตสุดๆ “คงจะจำไม่ได้สินะมันคงจะเยอะเกินไปใช่ไหม” ผมแบบกำหมัดแน่น “ก็ผัวเก่าแกที่ชื่อเบส มาเล่าวีรกรรมที่แสนต่ำของแกให้ฉันฟัง และฉันก็แค่หวังดีไม่อยากให้ไอซ์หลงผิดไปคบกับคนสกปรกแบบเธอ” เป็นฝีมือไอเบสนี่เอง มันหายไปตั้งนานนึกว่าจบไปแล้วยังหาเรื่องไม่เลิก แต่อีพี่พลอยนี่จีบปากจีบคอพูดน่าหมั่นไส้สุดๆ! คำพูดอย่างกับจำมาจากในละครกระแดะสุดๆ
“หึ! พี่ไอซ์เชื่อมัน? และผู้หญิงแบบนี้เหรอที่ชอบขนาดนั้นเลย” ผมหันไปถามพี่ไอซ์ มันหันหน้าหนี ก็ดี! “เหอะ! มึงเอาไปเถอะผู้ชายไม่รู้จักโตแบบนี้ ถือว่าเป็นขี้ซากจากตุ๊ดจากเกย์แล้วกัน ผีเน่ากับโรงผุ เข้ากันดี!” ผมกระแทกเสียงสุดๆ พี่ไอซ์ทำผมหมดคำพูดจริงๆ “แล้วมึง!” ผมชี้ไปทางพี่ไอซ์มันก็หันมามอง “จำไว้ด้วยนะว่าทำอะไรไว้! กล้ามากที่ทำกันแบบนี้ ให้คนอื่นมาย่ำยีความรู้สึกกู” ตอนนี้ความอดทนผมหมดลงโดยสมบูรณ์
“เธอมันนิสัยไม่ดีจริงๆทำไมไอซ์ถึงทนคบเธอได้นะ!” ทำหน้าทำตาน่ากระโดดถีบปากมาก ไอพี่ไอซ์ก็มองหน้าผมแบบนิ่งๆ ไม่พูดไม่เคลียล์ ทั้งๆที่ต้องมีปากเสียงกันเพราะมันเนี่ย! พอกันที...
“พอดีว่าเป็นคนแบบนี้” ผมยกยิ้มมุมปาก “ใครจะทำไม! ถ้ามีปัญหาก็เข้ามาได้เลยนะ!” กระแทกเสียงแล้วผมเดินหันหลังมาเลย ถ้าอยู่ต่อคงได้ตบตีกับมันผมไม่เอาด้วยหรอก ตบตีกันด้วยเรื่องผู้ชายเนี่ยนะ!อีกอย่างก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีพลอยมันจะทำได้เท่าตอนที่ผมคบอยู่กับพี่ไอซ์ไหม ไอพี่ไอซ์มึงจะต้องเสียดายกู!
“เห็นไหมไอซ์ ฉันช่วยให้แกตาสว่างนะ ถ้ายังโง่กลับไปหาเด็กนั่นก็หมดคำพูดแล้ว” อีนี่มันวอนจริงๆ! และประเด็นคือไอพี่ไอซ์ก็ยืนเป็นควาย ไม่เอ่ยไม่พูดอะไรสักอย่างส่วนเพื่อนอีพลอยก็คือยืนเชียร์เป็นบ่างช่างยุไม่หยุด แต่ตัวเองยื่นอยู่หลังเสาอีพวกดีแต่ปากพวกนี่นะ!
ผมไม่สนใจ เดินออกมาเลย คิดว่าเสียน้ำลายต่อล้อต่อเถียงกับอีผีเจาะปากมาพูดมากเกินไปแล้ว ผมจะยิ่งดูแย่ พี่ไอซ์ก็เงียบทำตัวเป็นต้นไม้ประกอบฉาก ผมจะเถียงกันไปเพื่ออะไรเมื่อต้นเหตุไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย เสียเวลาเปล่าๆ!แล้วนี่ที่พี่ไอซ์เบื่อเพราะไปได้ยินเรื่องบ้าๆที่ไอเบสกุขึ้นมาเนี่ยนะ ดีเริ่ด!ไม่คิดว่าพี่ไอซ์จะโง่ขนาดนี้ และถ้าอีพี่พลอยมันยังมาระรานหรือรังควาน ผมครั้งหน้าเจอดีแน่ส่วนไอเบสมันต้องได้เห็นดีกับผม ระหว่างทางที่ผมเดินมาพวกเพื่อนผมกับพี่อ๊อฟก็ถามผมนู่นนี่นั้นผมก็ตอบบ้างแต่เงียบเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้ไม่เสียใจเลยสักนิดโกรธพี่ไอซ์ที่โง่เกินไปที่ไปเชื่ออีพี่พลอย เกลียดอีพี่พลอยที่มันปากเน่าปากผีและก็โกรธและเกลียดไอเบสจนอยากจะฆ่ามัน!..........
“กูรอดอกไม้มึงตั้งนานนะ! ”ไอสิงโตตะโกนมาแต่ไกล ด้วยน้ำเสียงที่ดูจะงอน แล้วมันก็วิ่งมาหาผม พี่อ๊อฟก็ปรามๆไว้ ผมได้ยินมันคุยกันประมานว่าไอสิงโตมันเห็นและได้ยินทั้งหมดแล้วอะไรทำนองนั้น แล้วผมก็เดินไปที่รถพี่อ๊อฟ พวกมันก็ตามมากัน.....
“กลับเถอะ!” หงุดหงิดผมเดินหันหลังให้พวกมัน แล้วพวกมันก็อึกอักห่าอะไรกันไม่รู้ผมรำคาญผมหันไป
“ไหนละดอกไม้กู” ไอสิงโตไอเวรมันใช่เวลาไหม!
“ไอมินเอามาให้มันดิ!” ผมทำเสียงติดรำคาญ ไอมินยื่นดอกไม้ให้ผม โอโหบีบจนก้านมันแบนไปหมด “อะ” ผมยื่นให้ไอสิงโต
แล้วก็เกิดการแซวกัน พวกเพื่อนผมกับเพื่อนไอสิงโตโห่แซวกันใหญ่ ไอพี่อ๊อฟทำหน้าเป็นตูด ผมนึกขึ้นได้โทรหาพี่เต็มสักหน่อยดีกว่า แล้วผมก็เดินแยกออกไปโทรศัพท์ พวกมันก็มอง ผมก็ยกโทรศัพท์ให้พวกมันดูพวกมันก็พยักหน้าแล้วรอผมบริเวณนั้น
โทรไปสักพักพี่เต็มก็รับสาย ผมโทรคุยกับพี่เต็ม ก็ได้ความว่า เพิ่งกลับจากที่ดูบอล ก็คือที่ผมอยู่ตรงนี้ และกำลังจะไปห้างกับเพื่อนๆ และแน่นอน ไอเบส ก็ไปด้วย ผมขอให้มันมารับผมบ้าน โดยนัดแนะเวลาที่ชัดเจนโดยดูนาฬิกา ผมก็คุยไม่นานก็วางไป......
ผมจะจัดการมันยังไงดีนะ! คิดไม่ออกแต่อยากเห็นหน้ามันตอนนี้มาก! ผมเลยบอกพี่อ๊อฟว่าจะกลับบ้าน ตอนแรกทั้งพวกเพื่อนผมกับพวกไอสิงโตจะตามไปด้วย บอกกลัวผมจะคิดสั้น ผมเลยด่ากราดพวกแม่งเลย ผมไม่อินกับเรื่องไร้สาระหรอก! แค่จะกลับไปหาวิธีแก้แค้นไอนรกนั่นสักหน่อย
พี่อ๊อฟก็มาส่งผมบ้าน ตอนแรกบอกจะอยู่เป็นเพื่อนผมบอกว่าจะอยู่คนเดียว เดี๋ยวมีอะไรจะไปหาเย็นๆ เท่านั้นพี่อ๊อฟก็เข้าใจ ผมไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่อีกรอบพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เป็นปกติที่สุด
แล้วสักพักพี่เต็มก็มารับ พาผมไปห้างที่พวกพี่เต็มจะไปกัน โดยที่พี่เต็มก็ไม่บอกพวกเพื่อนพี่เขาว่าผมจะไปเพราะมันคงไม่จำเป็นพอ พี่เต็มบอกว่าไอเบสเปลี่ยนผู้หญิงทุกวัน มันไม่ถูกใจสักที พอมากับเพื่อนก็หิ้วผู้หญิงมาด้วย เหมือนจะอวดว่าแบดบอยอะไรทำนองนั้น พอไปถึงห้างผมแยกตัวไปเข้าห้องน้ำพี่เต็มยืนรอข้างนอก สักพักได้ยินเสียงดังมาถึงในห้องน้ำเพื่อนๆมันคงมากันแล้ว ผมก็เดินออกไป........
“ช้าจังวะ!” พี่เต็มทำเสียงหงุดหงิด พวกเพื่อนมันก็มองผม และโดยไอ้เบสมองผมแบบตกใจเล็กน้อย ผมก็ยิ้มให้ทุกคน พอจะรู้จักกันบ้างแล้วแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไร
แล้วก็พากันเดินไปทั่วห้าง ไอเบสก็มองผมแบบสงสัยประมานว่าทำไมยังปกติไม่แสดงอาการ ซึ่งมันแน่นอนอยู่แล้วว่ามันต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด มันมองผมทีไรผมก็ยิ้มให้มันตลอด มันก็มากับผู้หญิงของมัน หน้าอย่างกับลิง แล้วมันก็เดินเข้ามาหาผม........
“ดีนท” ยิ้ม ยังยิ้มได้นะ ทำผมได้เจ็บแสบขนาดนี้
“อื้ม ดีเบส” ยิ้ม
ผมกับมันถามไถ่กัน ตามสถานะแฟนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนาน โดยที่ผมก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ตอนนี้ ผมโกรธมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จะต่อยมันงั้นเหรอ หรือจะด่ากราดมัน แล้วได้อะไร ดูจะมีแต่มันที่จะรู้สึกดี ผมก็แค่ได้ระบาย ก็มีแค่ผมที่รู้สึกเสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ
คุยกับมันจบมันก็เดินไปบอกผู้หญิงคนนั้น น่าจะบอกว่าให้ผู้หญิงกลับไปก่อน ผู้หญิงคนนั้นดูโมโหมาก ไอเบสนี่ทำหน้ารำคาญสุดๆผมสะใจจริงๆ พวกเพื่อนมันก็ไม่สนใจเหมือนเป็นเรื่องปกติ สักพักผู้หญิงคนนั้นก็ไป......
“โอเคยัง” เบสเดินเข้ามาถาม
“ไปไล่เขากลับทำไม” ผมจ้องหน้ามัน  ใจจริงอยากจะกระทืบมันแทบตาย แต่วิธีนั้นก็แค่สะใจ พอนึกอะไรดีๆออกแล้ว
“ก็เบสอยากเดินกับนทไง” (ยิ้ม)
“เบส” มองหน้ามัน มันมองหน้าผมแบบหื่นๆไอเวรนี่ “เราเพิ่งเลิกกับแฟน” ทำหน้าเศร้า ไอเบสชะงักไปนิดแต่ก็ปรับตัวเป็นเหมือนเดิมทันที
“นทโอเคไหม เพราะอะไรนทแล้วเลิกกันนานยัง” ทำแบ๊วใสๆ เพราะมึงแหละไอควาย!
“เมื่อเที่ยงนี่เอง เขาบอก ว่าเราไม่ดี” ผมมองหน้ามัน ด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ไอเบสเข้ามากอดผม เอาหน้าผมไปซุกตรงอก ผมจิกปลายเสื้อมมันแถบขาด
“ไม่เป็นไรนะนท! อย่าไปสนใจมันเลย” ลูบหลังและสะโพกผม
“เห้ย! เพี๊ยะ!” ผมพลัก และฟาดแก้มขวาของมันสุดแรง แล้วถอยออกคือขยะแขยงสัมผัสมัน “โทษที...ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้! เราแค่ตกใจน่ะ” ผมทำเสียงแข็งใส่มัน ทุกคนในกลุ่มก็ดูตกใจไม่น้อย หน้าไอเบสขึ้นรอยแดง แต่มันคงคิดว่าผมตกใจจริงๆ เพราะผมก็แสดงเก่งไม่น้อย แล้วพี่เต็มก็เข้ามา กันผม ซึ่งไอเบสมันพูดเองว่าไม่เป็นอะไร และที่ทำแบบนั้นเพราะมันลวนลามผม
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:33:08
แล้วพวกมันก็พาผมเดินไป ไอเบสก็เดินข้างผมตัวไม่ห่างเลย ผมก็พยายามหลีกห่างจากมัน โทรศัพท์สั่นตั้งแต่มาแล้ว ผมว่าน่าจะเป็นพวกเพื่อนๆหรือไม่ก็พี่อ๊อฟ สักพักเราก็แวะหาอะไรกินกัน พวกเพื่อนมันก็แซวกันใหญ่ ว่าผมจะกลับมารีเทิร์นเหรอนู่นนี่นั่นผมนี่แทบจะระเบิดลง แต่พี่เต็มมองแบบสงสัยหนักเลย พอกินเสร็จก็พากันไปเกมส์เซ็นเตอร์ก็แยกย้ายกันไป แต่ไอเบสไม่ยอมห่างผมสักทีผมก็เริ่มรำคาญแล้ว....
แล้วผมก็พูดเป็นเชิงไล่ไอเบส ให้ออกห่างจากผม เพราะผมก็เริ่มจะแสดงอาการไม่พอใจที่มันมาเกาะแกะจนน่ารำคาญเกินไป ขนาดตบหน้ามันไปขนาดนั้นมันยังไม่รู้สึกอะไรเลย  แล้วผมก็ขอเบอร์มันยิงเข้าเครื่องผมด้วย ผมเริ่มจะมีแผนบางอย่างแล้ว ถ้าผมแอบดูไม่ผิด เหมือนมันจะส่งพี่พลอยไปก่อกวนผม ผมก็จะไม่ยอมให้คนที่มาทำร้ายผมด้วยคำพูดนั่น อยู่ดีแน่นอน
 “นายๆ เล่นเกมส์นี้คู่เราหน่อยดิ” หลังจากคุยกับไอเบส จนหมดเรื่องคุย อยู่ๆมีผู้ชายอายุน่าจะประมานผมมาสะกิด หน้าตาดีเชียวดีแล้วจะได้มันต้องอยู่กับมันสองคน
“ได้ดิ”ยิ้ม แต่ไอเบสนี่ทำหน้าเป็นตีน ผมก็เดินไปหาเพื่อนใหม่ ไอเบสตามมายืนติดเลย “นายชื่ออะไรอ่ะ?”
“เราฮาเล่อะ แล้วนายอะ” (ยิ้ม)
“เรานทอ่ะ” ยิ้มทำไม่สนใจไอเบส
แล้วผมกับฮาเล่ก็เล่นเกมส์ไป เล่นไปเล่นมาจนลืมจริงๆว่าไอเบสยืนดูอยู่ แต่ผมก็ไม่สนใจอยู่ดี แล้วฮาเล่มันก็พาผมเล่นนู่นเล่นนี่ไป มันชวนคุยนู่นนี่สนุกเชียว มันมาคนเดียว ผมก็เลยเล่นกับมันหลายอย่าง ประเด็นคือมันเลี้ยง จนจะกลับกัน ฮาเล่ก็ขอไลน์ผมไป โดยอ้างว่า เผื่อมาเล่นเกมส์คนเดียว แล้วอยู่ใกล้กัน จะได้ชวน ผมไม่รู้ว่ามันสมเหตุสมผลพอไหม ก็ให้ไปก่อน แต่ไอเบสก็ค้าน ผมก็ไม่สนใจ.....
หลังจากนั้นผมก็รวมกลุ่มกับพวกพี่เต็ม แล้วพวกเราก็พากันเดินไปนู่นนี่ไปทั่ว จนจะกลับกันก็แยกย้ายกันกลับ เพราะแต่ละคนก็เอารถมาแต่ ไอเบสตื้อขอจะไปส่งที่บ้าน ผมบ่ายเบี่ยงอยู่นาน จนต้องลากพี่เต็มให้เดินแยกออกมา เพื่อที่จะกลับบ้าน
“มึงจะทำอะไรนท!” พี่เต็ม อยู่ๆก็ถามผมขึ้นมาระหว่างเดินไปที่จอดรถ
“ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่ มีอะไร?” ตอบปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“ มึงเลิกกับไอไอซ์แล้วใช่ไหม” พี่เต็มถามขึ้นมา
“อืม” สลดเลยสิ
“เพื่อนๆกูบอก เพราะไอเบสใช่ไหม” พี่เต็มหันมาทำหน้าจริงจัง
“อืม” เฮ้อ! คิดไปคิดมาก็หดหู่เลย
“เฮ้อ!” (ส่ายหัว) “แล้วมึงจะทำอะไร จะเอาคืนมัน? เดี๋ยวก็โดนมันซ้อมอีกหรอก!”
“บ้าหรอ ! ไม่ถึงขนาดโดนซ้อมเว้ย! พี่ก็พูดไป” มันแค่ชอบทำร้าย แต่ไม่ถึงกับซ้อม
แล้วพี่เต็มก็สวดให้ผมฟังยาวเลย ผมก็จำใจฟังจนมาถึงบ้าน ผมลงรถและกำลังจะบอกลา.....
“มึงไม่ต้องไปยุ่งกับมันหรอก เพราะทุกวันนี้มันก็โดนเวรกรรมแล้ว ไม่มีใครเอามันจริงมึงไม่เห็นเหรอ หลอกเอาแต่ตังมันอ่ะ !” พี่เต็มพูดจริงจัง
“แต่ที่มันทำกับผมมันรุนแรงมากเลยนะพี่ ถ้าเป็นพี่คงใจเย็นงั้นสิ!” ผมตะคอกใส่พี่มัน
“แล้วมึงจะทำอะไร!” มันชะงักและก็พูดอ่อนลง
“พี่ก็คอยดูละกัน!” เสียงแข็ง ผมก็มองพี่เต็มตาขวางเลย
ผมคุยกับพี่เต็มสักพักก็แยกย้าย ผมเข้าใจความเป็นห่วงของพี่มันดี แต่ตอนนี้ กรรมที่มันจะได้รับ มันต้องเจ็บกว่าผมหลายเท่าแน่นอน ผมก็เริ่มจะต้องโตให้มากพอ เลิกใช้กำลัง เลิกหยาบคาย ผมเกิดมา ป๊ากับแม่สอนมาดีพอ ที่จะต้องไปตอบโต้แบบนั้น......
ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมกับใช้ความคิด คือวันนี้ไปหามันก็ไม่ได้อะไร หลักๆคืออยากจะเห็นน้ำหน้ามันและก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดมันก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่มันทำ ผมล้มตัวลงนอนบนเตียง คิดเรื่องที่เกิดขึ้น คิดเรื่องที่ผ่านมา มันโหวงไปหมด รู้ว่าพี่ไอซ์มันมึน แต่ไม่คิดว่าจะหนักจนเทผมทิ้งไว้ได้ขนาดนี้ ผมกำลังโกรธ ผมเข้าใจตัวเองดี ผมไปเจอมันแล้วทำไมไม่ซัดหน้ามันสักทีน่ะเหรอ ตบมันไปทีเดียวจะพอเหรอ แต่จะทำอะไรบุ่มบ่ามตอนนี้ไม่ได้หรอก ผมต้องรอเวลา ถ้าจะให้ผมไปต่อยมันแล้วตะคอกถามมันว่ามึงทำแบบนี้ทำไม ผมก็ทำได้แต่ผมว่ามันง่ายไป อีกอย่างผมก็ไม่คิดว่ามันจะยอมรับหรอก คนขี้ขลาดอย่างมัน ผมจะจัดให้มันเข็ดจนมันไม่ลืมเลย!ผมคิดไปคิดมาก็หลับไป…..
รู้สึกตัวอีกทีก็มืดแล้ว แม่ก็เรียกลงไปกินข้าว กินเสร็จก็ขึ้นมาดูโทรศัพท์ โห! เพื่อนๆพี่อ๊อฟ แล้วไอฮาเล่? ที่เจอที่เกมส์เซ็นเตอร์โทรมา ไอเบสด้วย ผมกดดูแต่ไม่โทรกลับหาใครสักคน ไปนั่งเล่นคอมเปิดเข้าเฟส ทักกันมากระหึ่ม และสำคัญคือพี่ไอซ์กับพี่พลอยขึ้นสถานะคบกัน รวดเร็วดี ผมรีบไปกดลบเฟสสองตัวนั่นออกไป แล้วก็ดูไปทั่ว แต่ในหัวก็ยังคิดหลายเรื่องที่มันผ่านเข้ามาในวันนี้ มันเยอะเกินไป เซ็งไปหมดตอนนี้ จริงๆก็ไม่ได้รู้สึกเศร้าหรือเสียใจหรอก แค่รู้สึกเสียความรู้สึกมากกว่าจริง แม่งยอมทุกอย่างสุดท้ายก็โดนทิ้งเฮ้อ!แต่ยังดีนะที่ไม่ได้กัน ไม่งั้นละมึงเอ้ย!(เสียตัวอย่าเสียใจ55555) คิดอะไรไปทั่ว สักพักมีสายเข้า พี่อ๊อฟนั่นเอง....
“ฮัลโหลลลลลลลล” ลากเสียง
“หายไปไหนมา!” ตะคอกใส่โทรศัพทท์จนผมต้องยกออกห่างหู
“ผมหลับจะโหดไปไหนเนี่ย” ทำเสียงอ้อน
“มึงโอเคแล้วใช่ไหม....” ถามผมเสียงเบา คงจะกลัวไปกระทบความรู้สึกผมสินะ
“โอ ยิ่งกว่าโออีก แล้วก็ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น” ทำเสียงร่าเริง แม้จะมีเรื่องคิดรบกวนจิตใจไปหมด แต่คิดไปคิดมาทบทวนอะไรหลายๆอย่างแล้วก็อย่างที่พี่ปาล์มมี่บอกแหละ คนจะไปก็ต้องไป จะโกรธใครละ แต่ที่โกรธไอเบสคือมันมากไปไง มากไปจริงๆ ทั้งๆที่ผมไม่เคยโต้ตอบอะไรมันเลย แต่มันแว้งกัดไม่ปล่อยผม ผมคงไม่เอาคืนมันคงไม่ได้แล้ว
ผมคุยกับพี่อ๊อฟสักพัก ก็เถียงกันไปๆมาๆ จนมันเอ่ยว่าจะมานอนด้วย ผมก็ตกลงไป คุยอีกหน่อยแล้ววางไป ผมก็อาบน้ำเตรียมตัวจะนอนแล้วเอาจริงๆมันก็ดึกผมไม่คิดว่าพี่อ๊อฟจะมา คือผมเกือบเคลิ้มหลับ มีคนมาเคาะประตู ผมลุกไปเปิดพี่อ๊อฟ!ผมตาสว่างเลย....
“นี่มาจริงๆเหรอเนี่ย?” ทำหน้าตกใจ
“มึงจะบอกว่าพูดเล่นเหรอ!” มันดันตัวเข้ามาในห้องนอนผม เข้ามาก็จัดนู่นจัดนี่อย่างกับบ้านของตัวเอง
ผมก็นั่งมองมันที่เตียงคือทำตัวเหมือนยุ่งมาก จัดนู่นวางนี่ แล้วก็เข้าๆออกๆห้องน้ำ อะไรของพี่อ๊อฟนักหนาก็ไม่รู้ ผมเบื่อจะดูเลยนอนเล่นโทรศัพท์สักพักพี่อ๊อฟก็ก็ออกมาผมก็ไม่สนครับเล่นโทรศัพท์ต่อไปสักพัก
พรึ่บ! โทรศัพท์ผมลอยไปอยู่ในมือพี่อ๊อฟ......
“คุยกับใคร!” ผมชะงักไปเลย พี่ไอซ์ก็เคยถามแบบนี้...อยู่ๆก็คิดถึงมันจนได้
“......”(เงียบ)
“เห้ย! เป็นอะไรกูแค่พูดเล่น!”  นั่งข้างผมแล้วโอบไหล่
ผมก็เงียบสักพัก พึ่งรู้จริงๆ ว่าการคิดถึงหลังความรักจบลงมันเป็นแบบนี้ต่างจากไอเบสลิบลับ ผมก็นั่งคิดอะไรเงียบๆเรื่อยเปื่อยไปพี่อ๊อฟก็สะกิดผม....
“โอเคเปล่า?” โน้มหน้ามาถามผม
“อืม” (พยักหน้า) “แค่คำถามเมื่อกี้....พี่ไอซ์เคยถาม....” หงอยเลย ดันไปคิดถึงพี่ไอซ์สะงั้น
“กูขอโทษ” หงอยกว่าผมอีก
เรานั่งเงียบกันสักพัก ผมรู้ว่าไม่ควรจะเพ้อถึงพี่ไอซ์ในตอนที่อยู่กับพี่อ๊อฟเพราะตอนนี้พี่อ๊อฟก็คงจะรอผมทำใจ....
“พี่อ๊อฟ” (จับมือพี่มัน) “แล้วเรื่องของเรา” พี่อ๊อฟเผยยิ้มออกมา
“มึงพร้อมเหรอ?” พูดพร้อมทำหน้าจริงจัง
“ผมขอเวลาอีกหน่อยได้ไหม ตอนนี้ ในหัวผม....มันมีอะไรมากมายไปหมด....” พูดพร้อมกับจ้องเข้าไปในตามัน
“อืม” พยักหน้าพร้อมกับลูบหลังผม “จะนานเท่าไหร่ ก็ตามที่มึงต้องการเลย และระหว่างนี้ กูจะจีบมึงโอเคไหม?” พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ข้ามขั้นตอนไปเยอะแล้วนะ ยังจะจีบอีกเหรอ?” ผมพูดทีเล่นทีจริง เพื่อไม่ให้สถานการณ์มันตึงเครียด
“กูอยากทำมาตั้งนานแล้ว....” ยิ้ม
“ก็ได้ๆ จีบให้ติดนะ ผมจีบยากมาก” (บีบจมูกมัน)
“จีบไม่ติดก็ข่มขืนดิว่ะ” พูดไปเอามือถูจมูกไป พี่อ๊อฟนี่เวลาอายก็น่ารักนะเนี่ย
“แล้วจะเบื่อผมเหมือน...มันไหม” ก็อดจะคิดไม่ได้
“ไม่เอาน่า! ไม่พูดๆ” กดหัวผมซบไหล่มัน
“อืมๆ” (ยิ้ม) “นอนเถอะ”
แล้วผมก็ลุกไปนอนที่ตัวเองพี่อ๊อฟก็ลุกไปปิดไฟแล้วก็มานอน พี่อ๊อฟก็จ้องผมตลอด เขินสิทีนี้...
“จ้องอะไรนักหนาเล่า!” ผมบอกมันไม่จริงจังนัก
“รู้อะไรป่ะ” (จับมือผม) “กูจะทำให้มึงเลิกคิดถึงไอไอซ์ไปเลย!” น้ำเสียงจริงจังเชียว
“ทำให้ได้เถอะ!” ผมพูดขึ้นด้วยความหมั่นไส้
“อืมๆ”
แล้วผมก็หลับตาลง คิดไปคิดมาพี่อ๊อฟดีกับผมเสมอมาเลย ผมดีใจมากนะเพราะสุดท้ายแล้วพี่อ๊อฟก็รอผมอย่างที่มันเคยพูดไว้ แม้กะทั่งตอนนี้เขาก็ยังอยู่ข้างผมไม่ได้คิดจะทิ้งไปไหน อาจจะมีใจร้ายบ้างแต่นั่นก็เพราะมันหึงผม ผมคิดไปคิดมา วันนั้นพี่อ๊อฟเคยบอกว่าพี่อ๊อฟชอบผมมานานแล้ว ก่อนพี่ไอซ์ซะอีก มันเป็นยังไงเนี่ย....
“พี่อ๊อฟ นอนยัง” ผมลืมตาดูมันยังลืมตามองผมอยู่ “จะมองอะไรนักหนาเนี่ย!”
“มีอะไรวะ?”ถามด้วยความสงสัย
“ที่พี่....บอกชอบผมมานานแล้ว ชอบก่อนพี่ไอซ์อีก ที่พี่พูดหมายความว่ายังไงเหรอ?” ผมถามด้วยความสนใจ
“เอ่อคือ....ก็ชอบก็คือชอบดิวะ” อึกอักเหมือนไม่อยากบอก
“อยากฟังอ่า น้าๆๆๆ” อ้อนมัน จับมือมันเขย่าด้วย
“วันนี้มึงสุดยอดเลย! นี่ถ้ากูไม่เห็นกับตา ไม่เชื่อเลยนะว่ามึงจะปากร้ายขนาดนี้” เปลี่ยนเรื่องสะงั้น
“แค่นี้เนี่ยนะสุดยอด ผมทำได้มากกว่านี้อีก!” กดเสียงต่ำ คิดแล้วโมโห
“จ้าๆ แต่อย่ามากล่ะกูกลัว” ทำเสียงกลัว
“อย่ามากวน!”N
“555 เอาน่า!”A
“จะเล่าไหมเนี่ย ?” ผมทวงถามอย่างไม่พอใจ
“รอกูจีบมึงติดก่อนแล้วกันกูจะเล่าให้ฟัง” ลูบแก้มผม
“จะจีบไมวะ! เป็นเลยเถอะอยากฟังแล้ว!” ผมทำเสียงหงุดหงิด
“ไอห่านี่ ง่ายจริงๆเลยนะมึง” มันทำเสียงแข็ง
“เพิ่งรู้เหรอว่าง่าย?555.....เอ้อ!พี่อ๊อฟ” นึกขึ้นได้ ว่าจะถามอีกเรื่อง
“ว่า?”
“แล้วพี่กับพี่ไอซ์ยังจะเป็นเพื่อนกันไหมถ้าพี่เป็นแฟนกับผม?” ถามด้วยความสนใจ ผมไม่อยากให้มิตรภาพ มาพังลงเพราะเรื่องรักๆใคร่ๆแบบนี้หรอก
“ไม่รู้นะ ก็แล้วแต่สถานะการณ์แหละมั้ง ถ้ามันเหมือนเดิมกูก็เหมือนเดิม ถ้ามันเปลี่ยนไปกูก็ปลี่ยนไปบ้างแค่นั้น เพื่อนกูเยอะแยะ!” ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“นั่นเพื่อนสนิทไม่ใช่เหรอมันจะดีเหรอแบบนี้?” ผมรู้สึกไม่ดีเลยเพราะผมจะทำให้พี่อ๊อฟเสียเพื่อนหรือเปล่านะ
เรานอนคุยกันจนหลับ ตื่นมาอีกทีช่วงสายของอีกวัน ประเด็นคือพี่อ๊อฟมากอดผมตอนไหนว่าแล้วทำไมอึดอัด ผมก็ค่อยๆขยับตัวออก แล้วดันพี่อ๊อฟไปนอนดีๆ แล้วผมก็ไปหหยิบโทรศัพท์มากดเล่น ไอเบสแอดไลน์มา ฮาเล่คนที่เจอเมื่อวานก็ทักมา ไอสิงโตก็ชวนเที่ยว เพื่อนๆก็จะเที่ยว คิวยาวเลย ปฏิเสธไปให้หมดดีสุด ผมอยากพักผ่อน ผมก็เข้าเฟส เล่นนู่นส่องนี่ไปทั่ว จะว่าไปแม่บอกจะพาไปหาพี่โน๊ตตั้งนานแล้วไม่เห็นพาไปสักที ผมเลยลุกไปล้างหน้า แล้วลงไปหาแม่ พี่อ๊อฟยังไม่ตื่น ผมลงมาถามแม่เรื่องไปหาพี่โน๊ต แม่ก็บอกช่วงนี้ยังไม่ได้ไป พี่เขาสอบ อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ผมแค่อยากเจอพี่ชายผมบ้างเท่านั้นเอง ผมก็ช่วยแม่ทำงานบ้าน ป๊าไปออกรอบ พอทำอะไรเสร็จผมก็ขึ้นมาอาบน้ำ พี่อ๊อฟก็ยังไม่ตื่น ผมปลุกสักหน่อย......
“พี่อ๊อฟ !” เขย่าตัวมันมันค่อยๆงัวเงียลืมตาขึ้นมา
“อื้ม” บิดขี้เกียจ
“จะเที่ยงแล้วเนี่ย จะนอนไปถึงไหน?” ถามไปยิ้มไปมันลุกขึ้นมานั่งหลับ
“อื้ม ตื่นแล้วๆ อื้มๆ” มันยื่นปากมาหาผม ประมานว่ามอนิ่งคิสหน่อยสินะ
“อารายยย!” เขินเลยสิมันทำหน้าเป็นตีนทันที “ก็ได้ๆ” โน้มเข้าไปคิสมันเบาๆ ไม่ได้เลื่อมล้ำเกินเลย “พอใจแล้วก็รีบไปอาบน้ำจะได้ไปหาอะไรกินเดี๋ยวปวดท้องหรอก!” รู้สึกร้อนๆที่หน้าเลย
แล้วมันก็เดินยิ้มเข้าห้องน้ำไป ผมก็นอนเล่นรอมันสักพักมันก็ออกมา......
“มีการเตรียมแปรงให้กูด้วย” หูแดงเชียว
“ผมทำให้พี่บ้างไง” ยิ้ม
แล้วมันก็เดินไปแต่งตัว ผมก็นั่งดูมัน พอเสร็จก็พาลงไปกินข้าว........
“วันนี้จะไปไหนไหม?” ถามแล้วก็ตักข้าวเข้าปาก
“ทำไม? จะพาไปเดทเหรอ?” ถามไม่จริงจังนัก
“จะไปไหมล่ะ!” ยิ้ม
“ก็ได้ๆ อยากพาไปไหนก็พาไปเถอะ ยอมแล้วๆ”
เราคุยกันอีกหน่อย แล้วก็พากันกินข้าว เสร็จก็ขอแม่ไปเที่ยวกัน พี่อ๊อฟพาไปงานแสดงภาพวาดในห้างมีเปิดตัวแกลลอลี่ของนักวาด......
“เอ่อคือ” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมทำหน้าเซ็ง
“ทำไมวะ?” หันมาถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เอาจริงๆทำไมต้องมางานน่าเบื่อแบบนี้ด้วยเนี่ย!” คือคนก็ไม่ค่อยมี และก็มีแต่ภาพวาดที่ซึ่งผมอาจจะโง่เกินจะเข้าใจความหมายของภาพแปลกๆพวกนี้น่ะสิ!
“ก็กูชอบ และถึงมึงเบื่อมึงก็ต้องอยู่กับกู!” บังคับสะงั้น! แล้วมันก็เดินดูภาพของมันไม่สนใจผมเลย ไอบ้านี่!
ผมก็เดินตามมันไปดูรูปนั่นนี่ มันก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปที่มันถูกใจไป ผมก็เดินตามเอาจริงเหมือนผมไม่ได้มาด้วย....
“เอาจริงคือพี่มาคนเดียวก็ได้มั้ง” เริ่มหงุดหงิด หาเรื่องสักหน่อย
“........” เงียบ หันมามองนะแต่ไม่พูดอะไร แล้วก็หันไปดูภาพของมันต่อ
ไอนี่มันโลกส่วนตัวสูงจริงเวลาอยู่กับภาพวาดเนี่ย! ผมก็ไปหาที่นั่งรอมัน ผมมองมัน มันเดินวนดูจนครบมันก็ดูนู่นดูนี่ของมันทำลุกรี้ลุกรนแปลกๆ ผมไม่สนใจมันเอาโทรศัพท์ขึ้นมานั่งกดไป จนมันดูเสร็จ มันก็เดินมาหาผมด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข แต่ผมเนี่ยจะกินหัวมันอยู่แล้ว!......
“ทำไมทำหน้างั้นวะ” ยิ้มหน้าบาน
“โห!พามาแม่งไม่สนใจกันเลย วันหลังไม่มาด้วยแล้ว!” พูดจบก็หันหลังให้มัน งอนมาก
“เอ้า! ก็กูดูรูป! งั้นมานี่กูจะพาไปดูอะไรหน่อย” มันลากผมไป
แล้วมันก็พาไปดูรูปที่มันชอบ มันก็อธิบายนู่นนี่นั้นไปผมนี่สุดจะทน เพื่ออะไร! โอ้ย! จะเป็นบ้า กว่ามันจะลากไปแต่ละรูป ยิ่งกว่าเรียนศิลปะอีก!....
“เสร็จแล้วใช่ไหม?” ตาลอยเลยสิ พูดอะไรมากมายไปหมด
“อื้มๆ” ยิ้มบานเชียว จะมีความสุขไปไหนนั่นนะ “อะ” มันยื่นแผ่นโปสการ์ดให้ผม
“อะไร?” ผมรับมาแล้วก็เปิดดู รู้สึกว่าตัวเองต้องหน้าแดงมากแน่ๆ “บ้า!” เอามือปิดหน้าตัวเอง เขินหนักมากพี่อ๊อฟก็ยืนหูแดงเอานิ้วถูจมูกไปมา
ในโปสการ์ดเขียนว่า.... “กูรักมึงว่ะ” หัวใจผมเต้นโครมครามไปหมด ><....
“แล้วมึงละ” จมูกแดงไปหมดแล้วนะนั่น
“....อื้ม” พยักหน้ารัวๆ
“อื้ม อะไร! บอกดีดีดิ” เอาหน้ามาใกล้ๆ เอาจริงๆเขินจะตายอยู่แล้ว จะให้พูดอะไร
“ก็เออไง!”
“บอกดีๆ!” เสียงดุ
“รักโว้ย! เขินนะเนี่ย!” เอามือปิดหน้า
“ก็แค่นั้นแหละ” ขยี้หัวผม ผมก็เอามือออกมองหน้ามัน
“คิดนานหรือเปล่าเนี่ย” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ
“คิดแปปเดียว แต่ตอนจะให้ดันไม่กล้าสะงั้น” เอามือถูจมูกหูแดงเถือกเลย
“อ่อไอที่เดินนานเพ้อเจ้อไปทั่วก็คือกำลังรวบรวมความกล้าว่างั้น” มันพยักหน้ารัว
คือจริงๆถึงจะเป็นการบอกรักที่ธรรมดา แต่พี่อ๊อฟทำให้มันไม่ธรรมดา การ์ดที่พี่อ๊อฟให้ผมดูดีๆแล้วมันเป็นการ์ดทำมือ สวยมากด้วย รูปบนการ์ดก็เป็นรูปวาดรูปผม ไม่รู้รูปผมหรือเปล่ามันคล้ายๆก็มโนไปว่าเป็นรูปตัวเอง น่ารักสุดๆไปเลย ผมก็เขินหนักไปเลยสิทีนี้ อย่ามองว่าเร็วหรือใจง่ายนะ นับๆแล้วพี่อ๊อฟกับพี่ไอซ์คนที่ผมอยู่ด้วยมากสุดคือพี่อ๊อฟ คนที่เข้าใจผมมากสุดก็พี่อ๊อฟอีก ระยะเวลาที่ผ่านมาเวลาที่พี่ไอซ์มันทำให้ผมท้อ ก็มีพี่อ๊อฟเนี่ยแหละ กับคำถามที่ผุดขึ้นมาทุกครั้งว่า ‘ทำไมไม่เป็นพี่อ๊อฟตั้งแต่แรก’ เพราะงั้นคงเข้าใจนะว่ามันไม่ได้รวดเร็ว และผมก็คนปกติ เพิ่งเลิกกับพี่ไอซ์แน่นอนว่ายังคิด ถึงเรื่องพี่ไอซ์แต่คงไม่มากพอแล้ว เลิกกับมันก็เหมือนโล่งไปเยอะในหลายๆเรื่องแหละ......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:34:07
“ไปหาอะไรกินกันไหม?” โน้มหน้าเข้ามาถามใกล้ๆ
“ก็ได้!” ยิ้ม แล้วพี่อ๊อฟก็ยื่นมือมา ผมก็เอื้อมมือไปจับมือมัน
แล้วเราก็เดินจูงมือกันไปที่รถ พี่อ๊อฟพาผมมาหาอะไรกินกันในห้าง เดินไปเดินมาก็เข้าร้านเค้กกัน....
“เมื่อกี้ไม่นับว่าเดทนะ.....อันนี้ตังหากเดทแรก” พี่อ๊อฟยิ้มเขิน
“อื้มๆ” ผมยิ้มบาน ต้องขอบคุณพี่อ๊อฟนะ ที่ทำให้ผมกลับมายิ้มได้เร็วขนาดนี้
เราก็คุยกันนู่นนี้ไปสักพัก.....
“พี่อ๊อฟ” พี่อ๊อฟเงยหน้ามามองผม มันกำลังจะกินเค้ก “พี่เชื่อที่ยัยพี่พลอยนั่นพูดป่ะ?” ผมก็ยังคงคิดตลอดเวลาในเรื่องนี้ เป็นใครๆก็ต้องคิด ถึงมันจะเป็นคำพูดตอแหลของไอเบส แต่คนอื่นจะคิดจะเข้าใจผมหรือเปล่า!
“มึงคิดว่ากูควรเชื่อป่ะ?” ทำหน้าจริงจัง
“เอาดีๆ!” ผมทำสียงดุ
“อะไร! ดุจริงนะมึง” (ยิ้ม) “เอาจริงๆนะ” (ทำหน้าเคร่งเครียด) “กูบอกเลยกูไม่เชื่อ แต่..” (จับมือผม) “ถึงมึงจะเป็นอย่างที่มันพูดหรือไม่เป็น หรือมันจะเลวร้ายกว่านั้น กูก็ไม่สนหรอก! ไม่ว่าจะยังไงกูก็รับได้ในทุกๆเรื่อง มึงไม่ต้องคิดมากเลย ขอแค่มึงบอก กูพร้อมรับฟังนะ” ยิ้ม
“พูดจาน่ารักนะเนี่ย” (เขินสิ)
“น่ารักก็ต้องรักนะเว้ย!” ไอนี่นิ! ผมเขินจะตายอยู่แล้ว
แล้วเราก็คุยกันไปเรื่อย พี่อ๊อฟหยอดตลอดพอกินเสร็จพี่อ๊อฟก็พาผมเดินเที่ยวในห้างอีกหน่อย จนถึงเวลาจะกลับกัน พี่อ๊อฟก็พาผมกลับบ้าน ตอนแรกมันบอกว่าอยากจะนอนด้วยอีกคืน ผมเลยบอกว่าพอก่อนบ่อยเกินก็ไม่ดีหรอก มันก็ทำหน้าเป็นตูดเลย ผมก็พามันไปเก็บของ แล้วมันก็ลงมาลาแม่ ผมก็มาส่งมันหน้าบ้าน.....
“กลับดีๆน้า” ยิ้มให้มัน
“เออ!” เสียงแข็งเลยสินะ มันเดินไปขึ้นรถ
“เดี๋ยวๆ!” มันหันมามองผมด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจสุดๆ “ตกลงเป็นแฟนกันหรือยัง?” ที่บอกรักวันนี้คือขอเป็นแฟนหรือยังไงนะ
“ยัง!. กูจะจีบมึงต่อ!” แบบนี้ก็มี!?
“ความพยายามสูงเนอะ” ยิ้มล้อเลียนมัน
“ เออ อยู่เฉยๆให้กูจีบต่อไปเถอะ!” เป็นอะไรของมัน สรุปผมหรือมันที่เล่นตัว
“อยากทำอะไรก็ทำเถอะ!” พี่อ๊อฟนี่อาการหนักจริง ผมส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“เออๆ ไปแล้ว!”
แล้วมันก็ขับรถออกไป ผมก็กลับเข้าบ้านไปช่วยแม่เตรียมข้าวรอป๊ากลับมา พอทำอะไรเสร็จก็นั่งดูทีวีรอป๊า ป๊ามาก็พากันกินข้าวคุยอะไรเรื่อยเปื่อยเสร็จจากตรงนี้ผมก็ขึ้นห้องอาบน้ำแต่งตัว แล้วมาเปิดคอมเล่น พี่อ๊อฟหนักมากจริงๆ โพสเพ้อเจ้อเต็มเฟส.....
“มีความสุขจริงๆโว้ยยยย”
“วันนี้วันดี  (โพสรูปโปสการ์ด)”
และก็อีกหลายสเตตัส คือเป็นเอามากผมก็ไปกดไลค์ให้มันทุกอันแหละ เอาจริงๆมันจำเป็นต้องจีบด้วย? ผมว่าไม่ต้องหรอก! แค่นี้ก็เข้ากันได้จนไม่รู้จะเข้ายังไงแล้ว ผมก็ดูนู่นนี่ทั่ว พวกเพื่อนๆและใครต่อใครก็ทักเฟสมาเต็มไปหมด และทักมาเรื่อยๆเพราะผมออนไลน์ ผมไม่ได้หยิ่ง แต่มันขี้เกียจจะเปิดอ่านจริงๆมันเยอะ ถ้าอ่านแล้วก็ต้องตอบ เดี๋ยวก็ยาวอีก เอาไว้มีอารมณ์ก่อนเนอะ เล่นไปเล่นมาสักพักก็ปิดคอม กำลังจะขึ้นเตียงถือโทรศัพท์ไปนอนเล่นต่อ......
ตึ้งๆๆๆๆๆๆ! เสียงไลน์ผมเข้ารัวเลย ผมเดินไปปิดไฟแล้วขึ้นเตียงนอนเปิดดูใครส่งมาไม่หยุด ไอสิงโตนี่เอง มันส่งมาทั้งวัน โทรมาด้วย และเพื่อนๆผมด้วย ผมเบื่อจริงๆก็เลยโทรหามัน สักพักมันก็รับ....
“ไอนท! มึงหายไปไหนมากูโทรหามึงตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ!” ผมต้องยกโทรศัพท์ถอยห่างหู มันแหกปากสุดเสียงเลย
“ไม่ได้หายนี่หว่า เสียงดังทำไมวะ!” ผมทำเสียงรำคาญมัน
“เออๆ โทรหาก็ไม่รับส่งข้อความก็ไม่ตอบกูนึกว่าตายไปแล้ว!” ไอสิงโตโหดสัสรัสเซีย
“เกินไปแล้วกูก็อยากพักผ่อนบ้าง มึงก็เกินไปอ่ะ” ผมทำเสียงงอนมัน
“เออๆ พรุ่งนี้ไปหาอะไรกินกัน” มันเสียงอ่อนลง
“ก็แล้วแต่อ่ะ เลี้ยงด้วยนะ ไอเสี่ย!” ประชดมัน
“สำหรับมึง กูเลี้ยงได้ตลอดแหละ!” ใจป๋าจริงๆ
“อ่าๆ แล้วเจอกันที่ไหนยังไงใครไปบ้าง?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็มึงอยากชวนเพื่อนๆไปไหม?” มันถามเสียงเรียบนิ่ง
“เสี่ยว่ายังไงล่ะ?” ผมตอบมันด้วยคำถาม เพราะไม่รู้เหมือนกัน
“แล้วแต่!” S
“ชวนก็ได้ไปกันเยอะๆสนุกดี” ผมตอบพร้อมกับคิดมันก็น่าจะสนุกดีนะ N
“เออๆ ให้กูไปรับไหม?” S
“พรุ่งนี้โทรบอกอีกทีได้ไหม?” ไม่รู้พี่อ๊อฟว่างไหม
“อืมๆ ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ก็ได้อย่าลืมโทรมานะ!” S
“เออๆ แค่นี้นะ ตึ๊ด!”
แล้วผมก็ปิดโทรศัพท์นอนเลย พอเช้ามาทำกิจวัตรประจำวันเสร็จก็รอพี่อ๊อฟมารับ และไปโรงเรียน พอถึงโรงเรียนพี่อ๊อฟกับผมก็แยกกันพี่อ๊อฟมีส่งงานตอนเช้าผมเลยเดินไปหากลุ่มเพื่อนๆ ประเด็นก็อยู่ที่ว่าคนก็มองผม มองกันทำไม? ก็ไม่แปลก คงมีคลิปหรือมีข่าวที่เล่ากันไปทั่ว เพราะขนาดตอนคบกับพี่ไอซ์ตอนแรกคนก็มอง เลิกกันข่าวกระจายไปก็ต้องมอง แต่ตอนนี้คนพวกนั้นคงมองผมด้วยความสมเพชมั้ง ถามว่าสนไหม ก็ไม่นะ.......
“นั่งก่อนดิ มองอะไรวะ?” ไอปอกระตุกแขนผม ผมก็นั่งลงข้างมัน
“เป็นยังไงบ้างวะมึง?”วิวถามขึ้นเมื่อผมนั่งเรียบร้อย
“ก็ไม่เป็นอะไร ทำไมวะ?” ผมตอบพร้อมทำหน้าเฉยๆ จะให้เป็นอะไร?
“มึงโอเคใช่ไหม เรื่องพี่ไอซ์....” ไอมินมันพูดเบาๆ ไอนัทก็สกิดมันประมานว่ามึงจะถามทำไมอะไรทำนองนั้น
“โอเคสิวะ! กูคงไม่เพ้อเจ้อนั่งร้องไห้ฟูมฟายเรื่องพวกนี้หรอก อย่าใส่ใจเลย อย่างกูอะมีอีกหลายคนรออยู่เว้ย!” ผมพูดพร้อมยิ้มอย่างผู้ชนะ
“นั่นดิวะ! พวกมึงทำเป็นไม่รู้จักมันไปได้ เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้มันสะทกสะท้านหรอก555” ไอนัทนี่ก็เหลือเกิน
“เออๆ พวกกูแค่กลัวมึงเฮิร์ทอ่ะ !” ไอมินเอ่ยขึ้นมา 
“นั่นสิ แต่เห็นเป็นนี้ก็โอเคแล้ว มึงอย่าไปสนใจเลย” วิวพูดเป็นเชิงให้กำลังใจ
“แต่กูว่ามันแปลกๆ ทำไมมีแต่คนมองมึงวะ!” แล้วพวกผมก็หันไปดูรอบๆ ก็จริงสายคนส่วนมากจับจ้องมาทางผม
“นั่นดิ ตั้งแต่กูเดินมาแล้ว สงสัยกูน่ารักขึ้นเปล่าวะ 5555” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจอะไรอ่ะ ถึงจะมองผมยังไงผมไม่สนหรอก
“แหวะ!” ประสานเสียงกันเลยนะไอพวกเพื่อนเลว ทำท่าจะอ้วกกัน พวกนี้นิ!
“เป็นห่าอะไรกัน กูพูดความจริงแค่นี้! นู่นวิ่งไปเลย ห้องน้ำอยู่ตรงนั้น แล้วก็อ้วกออกมากันให้หมดด้วย” ยิ้ม
“เอาที่มึงสบายใจเลยนะ” ปอพูด พวกมันทำหน้าเอือมระอาผมกัน
แล้วพวกเราก็นั่งคุยกันไปสักพักก็ไปเข้าแถว แล้วก็ขึ้นเรียนพักเที่ยงก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร พี่อ๊อฟไปกินกับเพื่อน พวกเรานั่งกินกันไปคุยกันไป....
“ขอคุยอะไรด้วยหน่อย!”ผมหันไปตามเสียง พี่ไอซ์ มาทำไมอีก ผมมองมันตาขวาง! พวกเพื่อนผมมองผมประมานว่าอย่าไปยุ่งกับมันนะอะไรทำนองนั้น....
“มีอะไร!” เสียงแข็ง แต่ไม่หันกลับไปมองมันนะ
“ขอคุยด้วยหน่อยดิแปปเดียวนะ” ทำเสียงอ้อน ดึงแขนเสื้อผม
“แดกข้าวอยู่ไม่เห็นหรือยังไงวะ!” ผมพูดกระแทกเสียงแล้วก็ตักข้าวเข้าปากอย่างไม่ใส่ใจ พวกเพื่อนผมมันก็นั่งกินกันเงียบๆ
“งั้นเค้ารอนี่นะ” นั่งข้างผม แต่ใช้ เค้า ยังกล้าใช้อยู่เนอะ หน้าด้านจริงๆ ผมก็มองมันด้วยหางตาไม่สนใจอะไร กินข้าวต่อไป
พวกผมกินข้าวไปคุยกับเพื่อนๆไปไม่สนใจพี่ไอซ์มันก็นั่งมองผมนั่นแหละ พอกินเสร็จก็พากันเดินออกมาจากโรงอาหาร...
“คุยด้วยได้หรือยัง” ดึงแขนเสื้อผม ผมก็หยุดเดินแล้วหันไปมองมัน “คือ...” มันมองไปทางเพื่อนผม
“มีอะไรก็พูดๆมาเถอะ!” หงุดหงิดจริงๆคนก็เริ่มมองแล้ว เรื่องของผมที่แพร่สะพัดออกไป ไม่ใช่ข่าวที่ดีมากนัก แล้วมันยังมาเดินตามผม ทำแบบนี้ ผมจะมีแต่เสีย
“คือเค้าขอโทษได้ไหม” ทำหน้าเศร้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผมเห็นใจหรอก
“ ขอโทษ! เหอะ!” แล้วก็กำลังจะหันหลังหนีมัน มันจับแขนผมไว้ “อะไรอีก?”
“ก็เค้าขอโทษแล้วไง อย่าโกรธเค้านะ” ทำเสียงอ้อนพร้อมทำหน้าเหมือนส้นตีน
“ไม่จำเป็นหรอก เลิกมายุ่งได้แล้ว แค่นี้ยังทำให้ผมดูน่าสมเพชไม่พอหรือยังไง!” พูดใส่มันเสียงแข็งและก็สบัดแขนออกจากมือมัน
“ งั้นไปกินหนมกัน เค้าจะซื้อขนมที่ตัวชอบให้” ยิ้ม แล้วพยายามจะจับมือผม ผมถอยห่างพี่มัน ตอนนี้เพื่อนผมก็มองมันแบบอาฆาตแล้วต้องการอะไรของมัน
“ไปเถอะนท!” ไอมินพูดพูดพร้อมกับ มันจับมือผมแล้วลากไปเลย ไอพี่ไอซ์ก็ยืนมองมาด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
พวกมันก็พาผมขึ้นมาบนห้องเรียน ยังเหลือเวลาอีกเยอะผมกับพวกมันก็นั่งคุยกันไป....
“ คือเมื่อกี้พี่ไอซ์จะสื่ออะไรวะ หน้าด้านชิบหาย ทำกับมึงขนาดนี้ แล้วยังมาพูดแบบนี้?” ไอปอพูดด้วยความโมโห
“นั่นดิ กูงงสัสอะ?” ไอมินเอ่ยตาม
เราคุยกันสักพักในเรื่องนี้ เพื่อนๆคนอื่นก็ทยอยเข้าห้อง แต่พวกมันมองผมกันแปลกๆเอาจริงๆคือตั้งแต่เมื่อเช้าแล้ว แต่ผมไม่สนใจพวกมันซุปซิบอะไรกันไม่รู้แล้วมองมาทางผม ผมก็มองพวกมัน....
“อีแนน พวกมึงพูดอะไรกันห๊ะ!” ปอตะโกนถามเสียงลั่น พวกอีแนนมันชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านไปทั่ว รู้เรื่องคนอื่นเขาไปหมด ยกเว้นเรื่องของพวกมันเอง ในห้องพวกผมไม่ชอบพวกมันที่สุด!
“เรื่องของพวกกู!” อีแนนตอบกลับมาพร้อมทำหน้าตอแหล
“หน้ายังกับหมู ยังมาทำหน้าแบบนั้นอีกเหรอวะ55555” ไอวิวพูด พวกผมก็หัวเราะมันกันใหญ่
“ปากดีไอวิวเดี๋ยวเถอะมึง” อีแนนพูดไม่พอใจแล้วชี้หน้าไอวิว
“อีแนนมึงไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับพวกมันหรอก!” อีวาสหนึ่งในแก๊งของอีแนนเอ่ยขึ้นมา อีนี่หน้าเหมือนตุ๊กแกผีมาก แต่คิดว่าตัวเองสวยสุด
“เออ ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกมันหรอก เพราะแค่พวกมันยุ่งเรื่องของพวกเราก็มากพอแล้ว” ผมพูดพร้อมเหยียดยิ้มไปให้พวกมัน พวกมันนี่ทำหน้าเหมือนนางร้ายในละคร ทำได้อุบาทมาก
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ!” และอีแจนก็เอ่ยตามมา คือจริงๆพวกมันเม้าเรื่องผมกันแหละดูก็รู้ ทำมาใสๆกันหน้ายังกับศพ
“แล้วจะทำไมปากกู!” ตะคอกกลับไป
แล้วครูก็เข้ามา แต่ไม่ใช่ครูที่จะสอน ทุกคนทำหน้างงกัน.....
“ณฎภัทรตามครูมาห้องปกครองหน่อยสิ!” ทุกคนหันมามองทางผม ซึ่งผมยังงงเลยว่าผมไปทำอะไร.....
“ไปทำไมครับครูผมทำอะไรผิด!” ค้านเบาๆนั่นห้องปกครองเป็นสิ่งที่นักเรียนเกลียดและกลัวสุดๆ
 “เธอจะมาไหมห๊ะ!” นางเอาไม้เรียวออกมาขู่ ผมลุกทันทีเลยสิ
“ไปแล้วคร้าบบบบ!” ผมกระแทกเสียงนิดๆ ผมหงุดหงิดจริงจะมีเรื่องอะไรอีกเนี่ย!
ผมก็เดินตามครูไป ไอปอยัดโทรศัพท์มันใส่มือผม แล้วบอกมีไรก็โทรมา เพราะโทรศัพท์ผมไอมินมันเอาไปเล่น พอถึงครูเขาก็บริการดีนะ เปิดประตูให้พร้อม ผมก็เดินเข้าไป !! ยัยพี่พลอย มาอยู่อะไรนี่ล่ะ!.....
“มานั่งนี่สิ!” ครูกมล พูดเสียงแข็งผมสะดุ้งนิดหน่อย แล้วผมก็เดินไปนั่งหน้าครูเขาโดยยัยพี่พลอยนั่งข้างๆผม ครูกมลเป็นครูห้องปกครองที่โหดที่สุด คือต้องถูกต้องตามระเบียบทุกอย่าง ตีนักเรียนเป็นว่าเล่น
แล้วผมก็นั่งเงียบมองหน้าครูกมลที่นั่งหน้าผม คือไม่หันไปมองหน้าอีผีพลอยนะไม่คิดจะเหลียวดูมันด้วยซ้ำ.....
“ไหนพูดมาสิว่ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ต้องทะเลาะกันถึงต้องลงไม้ลงมือ!” ครูพูดอย่างใจเย็น แต่ผมตกใจนิดหน่อย
ผมค่อยๆหันไปมองอีผีพลอย โอ้โห! แผลเต็มตัวไปฟัดกับหมาที่ไหนมาเนี่ย ผมแสยะยิ้มนิดหน่อย แล้วหันกลับไปทางเดิม ไม่สนใจ.....
“หนูก็ไม่รู้ค่ะครู หนูไม่รู้จักน้องเขาด้วยซ้ำ อยู่ๆน้องเขามาด่าแล้วก็ตบตีหนูค่ะ” อีผีพลอยเปิดฉาก บีบน้ำหูน้ำตา ผมนี่งงสิ อันนี้จริงๆยิ่งกว่าในละคร อะไรคืออยู่ๆมาใส่ร้ายผม! แต่ผมก็เลือกที่จะนิ่ง ไม่แสดงอาการเดือดร้อนอะไร
“ว่ายังไงเธอทำเขาจริงหรือเปล่า!” เอาจริงๆครูพูดกับผมนี่แบบจะกินหัว แต่พอคุยกับอีพลอยนี่คุยดี๊ดีเนอะ!
“ผมไม่ได้ทำครับ” ยิ้มสวยๆส่งไป 1 แมทช์ เอาจริงๆคือหมั่นไส้ทั้งครูทั้งอีพลอย ดูครูจะเข้าข้างมันมากมายเหลือเกิน แถมครูคนอื่นก็นั่งมองมาที่ผม ประมานว่ากดดันให้ผมพูด แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ก็คนไม่ได้ทำนี่จะให้ยอมรับเหรอ
“ถ้าเธอไม่ได้ทำแล้วทำไมพิมพ์พลอยบอกแบบนั้นล่ะ!” มองผมแบบฆ่าผมได้ฆ่าแล้วอะไรทำนองนั้น
“ผมจะไปรู้กับพี่เขาเหรอครับ” ผมมองอีผีพลอยด้วยหางตา “ผมไม่ได้ทำ...จะให้ผมพูดว่าทำเหรอครับ!” ผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน ถึงครูจะดุแต่ควรจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้
“แต่หนูมีหลักฐานนะคะ เพื่อนๆหนูอัดคลิปไว้” อีผีพลอยทำเสียงเศร้ามากกกกก อีตอแหล!
“ไหนคลิปอะไร!” ครูกมลเอ่ยถาม แล้วยัยพี่พลอยก็ยื่นโทรศัพท์ให้ครูไป ครูคนอื่นก็ลุกไปดูกัน
เสียงในคลิปทำให้ผมรู้เลยว่าเป็นคลิปอะไร เป็นคลิปที่ผมกับมันด่ากันที่สนามกีฬานั่นแหละ เอาจริงๆก็คือก็แค่ด่ากันไปตบตีกันตอนไหนยังไงไม่เข้าใจ ผมก็นั่งนิ่งๆ เลือกที่จะเฉยๆ ผมต้องวางท่าทีให้ไม่ประหม่า.....
“มีอะไรจะอธิบายไหมณฎภัทร!” มองผมแบบ เอาจริงๆครูลุกขึ้นมาต่อยผมเถอะ
“ผมจะอธิบายอะไร ในคลิปครูก็เห็นว่าแค่ด่ากัน แล้วผมไปทำร้ายพี่เขาตอนไหน!” ผมเริ่มไม่พอใจ ใส่อารมณ์นิดหน่อย
แล้วครูก็ยื่นโทรศัพทืมาให้ผมดู คลิปถูกอัดตั้งแต่เริ่มด่ากันจนถึงตอนที่ผมบีบแขนมันแล้วมีคนมารุมดึงผมกับมันออกแล้วคลิปก็หยุดไป ก็คือถ้าคนไม่รู้ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ฉากต่อไปก็คิดว่าตบกันแน่นอน อารมณ์เดือดขนาดนั้น มันนี่สร้างเรื่องได้เก่งจริงๆ...
“แล้วต่อจากนี้มันเป็นยังไงเหรอพี่พลอย” ผมหันไปถามมันด้วยรอยยิ้มมันทำท่ากลัวๆผม อีนี่มันแสดงเก่งจังนะ!
“นี่เธออย่ามาขู่นะ!” ครูกมลตะคอกใส่ผม ผมก็มองครูเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง นี่ผมถามมันเฉยๆแล้วมาหาว่าผมขู่คืออะไร
“แต่ผมมีพยานนะครับ คนที่เห็นก็เยอะแยะ แล้วทำไมไม่เรียกตัวต้นเหตุมาถามล่ะครับ ครูทำเหมือนผมเป็นคนผิดทั้งที่ยังไม่มองยังไม่ถามคนอื่นเลยอะ!” ผมไม่ชอบเลยแบบนี้ ทำให้ผมเป็นคนผิดทั้งๆที่ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย บอกตรงนอยครูมาก!
“ก็คลิปก็บ่งบอกอยู่ แถมแผลบนตัวพิมพลอยก็ขนาดนี้! เธอจะให้ไปหาใครมาถามอีกล่ะห๊ะ! เขาไปแข่งกีฬากัน ดันไปทะเลาะตบตีกันให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของโรงเรียน!” คือนี่แหละครูดีเด่น มองแค่นี้ก็ตัดสินเด็กแล้ว เยี่ยมสุดๆ เริ่ด!
“คือยังไงผมก็ต้องเป็นคนผิดใช่ไหมครับ” ผมมองครูอย่างผิดหวัง แล้วปรับสีหน้าให้เรียบนิ่ง
“เฮ้อ! เธอยอมรับมาเถอะนะ เรื่องมันจะได้จบๆ” พูดแล้วทำท่านั่งสบายใจ
คือตอนนี้เรื่องไปกันใหญ่แล้ว ผมก็นั่งมองหน้าครูแบบนั้นแหละ ผมเลือกที่จะเงียบและทำตัวให้นิ่งเพราะพูดอะไรไปก็กลายเป็นคนผิดอยู่ดี สรุปคือถึงมีพยาน มีคนมายืนยันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะแผลบนตัวและหน้าอีผีพลอยมันชี้ชัด ผมเซ็ง โดนระรานจนได้!......
“ไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องหรอกค่ะ แค่นี้เองหนูทนได้” บีบน้ำตา นี่นางคิดว่ากำลังแคสละครอยู่หรือยังไง
“เธอเป็นตัวแทนโรงเรียนนะ แถมพ่อเธอไม่ยอมหรอก” พ่ออีผีทำไมเป็นใครใหญ่มาจากไหนกัน นางเป็นแค่ดรัมจะต้องได้สิทธ์ครูประคบประหงมขนาดนี้เลยเหรอ!ผมได้แต่ร้อนรนอยู่ในอก
ผมก็ได้แต่นั่งฟังมันตอแหลแถไปทั่ว ครูแต่ล่ะคนก็ดูจะเอ็นดูมันมาก เพราะมันชอบแอ๊บใสๆทำตัวป็นเด็กดี ผมฟังไปกรอกตาไปอะไรจะดราม่าขนาดนั้น ซึ่งผมก็เถียงได้ไม่มาก เดี๋ยวจะเป็นเรื่องอีก ใจจริงนี่ถ้าไม่ใช่ครูจะเถียงขาดใจดิ้นไม่พอจะด่ากราดให้ด้วย......
“ครูโทรบอกผู้ปกครองทั้งสองคนแล้วนะ! สักพักคงจะมา” ครูกมลเอ่ยขึ้นมา
คือตอนนี้ อีผีพลอยมันทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพราะผู้ชายหน้าโง่คนเดียวเหรอ พอมองไปทางมัน ทำท่ากลัวผม โอ้ย! อยากจะกระโดดถีบจริงๆ แล้วสักพักก็มีคนเข้ามา อีผีพลอยรีบลุกเดินไปหาพ่อมัน พ่อยัยผีพลอย โอ๋กันใหญ่ ถามว่าคนไหนเป็นคนทำลูกสาวแสนรักของเขา ผมก็ไม่ได้หันไปดูหรอก นั่งฟังมันดราม่ากัน.......
“ณฎภัทรมานี่สิ!” คือนั่งแค่ตรงนี้แต่แหกปากเรียกผมเหมือนผมอยู่หน้าโรงเรียน ผมก็ลุกเดินไปหาพวกเขา
“ดีครับ” ไหว้พ่อยัยพลอยแบบไม่เต็มใจ และไม่มองหน้า
“เอ๊ะ! นี่ใช่หนูนทหรือเปล่านะ” พ่อยัยพลอยพูดแล้วมองผม แล้วจับแขน ผมก็ทำหน้านิ่งๆมองพ่อของอีผี
“ผมชื่อนท!” ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจแล้วดึงมือพ่ออีผีออก แล้วทำหน้าประมานว่ารังเกียจ มือสะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้ผมเอามือถูแขน ให้รู้ไปเลยว่ารังเกียจ
“ลูกเฮียกรานณ์ใช่ไหม” พ่ออีผีพูด รู้จักป๊าผมได้ยังไง? ผมมองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ” ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ยังคงเก็บอาการ พวกครูกับอีผีก็มองพ่ออีผีพลอยกับผม
แล้วไม่นานประตูก็เปิดออก ป๊าผมก็เปิดประตูเข้ามา ทำหน้าโหดด้วยผมซวยคราวนี้แหละ! แต่ป๊าพาคนงานมาด้วย 2 คนคงพึ่งกลับมาจากงาน....
“มีเรื่องอะไรกันครับ!” เสียงเข้มโหดเชียว มองผมตาเขียวเลย ผมก็ได้แต่ก้มหน้า
“หวัดดีครับเฮีย!” ป๊ามองพ่ออีผีพลอยแบบสงสัย “ผมพงษ์ไงครับจำได้ไหมครับ” นอบน้อมป๊าเกินไปหรือเปล่าผมก็มอง
“พงษ์ไหน?” ป๊าถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ก็ผมเคยทำงานกับเฮียเมื่อก่อนไงครับ” ป๊าทำท่าคิดแล้วก็พยักหน้า
“อ่อไอพงษ์สิทธิ์ ใช่ไหม” ลุงแกก็พยักเป็นการตอบรับ “หายหัวไปเลยนะมึง!” มองไปทางลุงพงษ์
“ผมเพิ่งเปิดงานใหม่ครับไม่ว่างไปเยี่ยมเฮียเลย” หึ! อีพลอยหน้าเสียเลยสิ คิดว่าพ่อตัวเองใหญ่ที่แท้เป็นแค่ลูกน้องป๊าผม ผมแสยะยิ้มมองไปทางมัน
“เออๆ เดี๋ยวค่อยคุยกัน มีอะไรกันครับคุณครู!” เดินมายืนข้างผม
“เอ่อ....เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...”ครูกมลแกก็เล่าไป ผมก็เงียบฟัง ครูก็เอาโทรศัพท์ยัยพลอยให้ป๊าผมกับลุงพงษ์ดู “มันก็เป็นแบบนี้แหละครับ” ป๊าผมก็พยักหน้า
“มันยังไงนท!” ป๊าหันมาถามผมเสียงแข็ง
“นทไม่ได้ทำนะป๊า!” หันไปบอกป๊าด้วยสายตาและหน้าที่จริงจัง “แล้วนทก็บอกแล้วว่าคนเห็นเหตุการณ์ตั้งเยอะทำไมไม่ไปถาม ครูก็บอกว่าแค่คลิปกับรอยแผลของพี่พลอยก็เกินพอแล้ว” ผมอธิบายด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เหรอครับครู!” กดเสียงแล้วมองดุไปทางครูกมลครูสะดุ้งเล็กน้อย
“อะ...เอ่อ คือก็ผมพูดตามหลักฐานนะครับ พิมพ์พลอยเธอก็เป็นเด็กดี อยู่ๆเธอมาบอกว่าโดนรุ่นน้องทำร้ายผมก็ต้องอิงจากความจริงอยู่แล้ว และพ่อของน้องพิมพ์พลอยก็โทรมาย้ำแล้วว่าต้องเอาเรื่องให้ได้ครับ” เป็นครูที่ดีมากจริงๆ พอมาอย่างนี้โยนไปทั่ว
“คุณกำลังจะบอกว่าลูกผมเป็นเด็กไม่ดีหรอครับ” ป๊ามองครูแบบแสยะยิ้ม พวกครูคนอื่นเดินหนีกลับไปนั่งโต๊ะของตัวเอง ครูกมลหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“ปะ...เปล่านะครับ คือผมแค่ดูจากเด็กโตนะครับ แล้วพิมพ์พลอยจะมาบอกแบบนั้นทำไมล่ะครับจริงไหมครับ” ฝืนยิ้ม ส่วนป๊านี่รู้เลยว่าพยายามข่มอารมณ์อยู่ และครูก็โยนให้อีผีพลอยไปเลยสินะ
“นทไปพาคนที่เห็นเหตุการณ์มาไป ไอพงษ์ให้ลูกมึงไปพามาด้วย!” ป๊าพูดออกคำสั่ง แล้วพวกครูในห้องปกครองมีการทำหน้าทำตาหน้า แต่ป๊าก็มองพวกครูด้วยหางตา พวกครูก้มหน้าแทบไม่ทัน ป๊าแต่งตัวอย่างกับเป็นมาเฟีย ใส่สูทผูกไท คือป๊าไปไหนมาถึงใส่เต็มขนาดนี้แถมยังมีคนงานตามมาอีก คือใครไม่รู้ก็คงคิดว่าเป็นพวกค้าอาวุธเถื่อน
แล้วผมก็โทรตามพวกไอปอมา และก็บอกมันไปตามตัวต้นเหตุมาด้วย! อีผีพลอยมันก็ดูรนๆ มันวิ่งออกไป ผมก็ยืนรอเพื่อนอยู่ในห้องปกครองนี่แหละ....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:35:03
“เฮียผมว่าอะไม่เป็นไรหรอกครับ หนูนทก็บอกแล้วว่าไม่ได้ทำ ผมไม่ติดใจอะไรหรอกครับ”พ่อยัยผีพลอยพูดขึ้นมา ป๊ามองหน้าลุงแกนิ่งๆ
“อ้าว! ได้ยังไงลูกมึงเป็นคนบอกพวกครู เองไม่ใช่เหรอว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่ต้องห่วงถ้าลูกกูผิดกูจะจัดการให้หนักเลย ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนอื่น” มองพวกครูๆด้วยหางตาพวกครูถึงกับชะงัก “จะหาว่ากูเลี้ยงลูกเป็นคนไม่ดี!แต่กูมั่นใจว่ากูเลี้ยงลูกกูมาดีพอ!” กระแทกเสียงนิดๆ ป๊าผมเป็นคนเคร่งมากกับเรื่องแบบนี้ เขาไม่ชอบให้ใครมาว่าคนในครอบตัวเองโดยที่ไม่ผิดหรือถ้าผิดเขาก็จะทำโทษในแบบของเขา แล้วนี่ถ้ารู้ว่าผมโดนหาเรื่องไม่จบง่ายแน่ๆ
“ครับๆ” พ่อผีพลอยยิ้มอ่อน ครูกมลกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลยสินะ
“มึงเป็นกรรมการเครือข่ายผู้ปกครองเหรอ ทำไมครูถึงให้เครดิตมึงดีจัง?” หันไปคุยกับลุงพงษ์ครูกมลหน้าเจื่อนเลย คือครูคนอื่นก็แสร้งจัดเอกสาร
“คะ ครับ” ยิ้มแทบไม่ออกแล้ว
“ หึ!” มองลุงพงษ์ด้วยหางตา
แล้วพวกเพื่อนผม พี่ไอซ์พี่อ๊อฟก็มา แต่อีพี่พลอยยังไม่มา แล้วป๊าก็ให้เพื่อนผมพี่อ๊อฟก็เล่าถึงเหตุการณ์วันนั้นโดยมีพี่ไอซ์ยืนเงียบเป็นเสาไฟเหมือนเดิม!ย้ำว่าเหมือนเดิม ไม่คิดจะพูดหรือทำอะไร ทั้งๆที่ตัวเองเป็นต้นเหตุขณะที่เพื่อนๆผมกำลังเล่าพวกอีผีพลอยก็เข้ามา มันก็ยืนฟังกัน พอพวกเพื่อนผมเล่าจบ อีพวกนั้นก็เล่าต่อ อีพวกนั้นเล่นละครกันสุดๆส่วนผมและเพื่อนๆแย้งมันตลอดที่มันตอแหล พวกมันตอแหลต่อไม่ได้ก็เงียบส่วนอีพลอยนี่คือยืนบีบน้ำตาอย่างเดียว!.........
“ต้นเหตุที่ทะเลาะกันคือนี่เหรอ?” ป๊าพูดพร้อมมองดุไปทางพี่ไอซ์ ป๊าก็ยังไม่รู้ว่าผมเลิกกับมัน แล้วพึ่งมารู้พวกผมก็พยักหน้า “แล้วตกลงใครเป็นคนทำร้ายเธอเหรอ?” ป๊าหันไปถามอีพลอยหลังจากที่มันยืนดูเป็นใบ้มานาน
“เอ่อคะ....คือ” มันมองไปทางลุงพงษ์ ลุงพงษ์ก็ใช้สายตาข่มขู่ลูกมัน…..
“พูดสิลูก!” เสียงแข็งสุดๆ ทุกคนก็ยืนรอมันตอบ
“......”(เงียบ)
“ก็บอกไปสิอย่างที่เธอบอกครู ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ไม่มีใครทำอะไรเธอแน่นอน” พูดอย่างใจเย็น ทุกคนก็มองมัน
มันก็ไม่ยอมพูด ส่วนครูก็พูดกล่อมนาง ครูคงคิดประมานว่าอีพลอยอาจจะกลัวป๊าหรืออะไรสักอย่างมันเลยไม่ยอมพูด แต่ก็แปลกนะครูก็ยังมองนางเป็นคนดี เพราะจากที่เพื่อนๆมันเล่าคือพูดไม่ตรงกันสักคน ง่ายๆคือตอแหลแถไม่เนียน ทำไมครูยังจะหวังว่ามันคือความจริงอีกเหรอเรื่องที่พวกนั้นพูดอะ! แล้วผมก็สงสัยมากๆแผลนี่มันมาจากไหนกัน!....
“ครูจะเอายังไงต่อดีล่ะครับ เด็กดีของครูไม่ยอมพูด พยานของผมก็แน่นกว่าด้วย แล้วคำพูดของฝ่ายพี่เขาก็พูดไม่รู้เรื่องกันสักคนแบบนี้ ครูยังเชื่อมั่นในตัวของพี่เขาอีกเหรอครับ?” ผมมองครูแล้วถามอย่างจริงจัง ครูก็หันมามองผมเหมือนรำคาญ
“.......พลอย พูดออกมาทุกคนรอฟังคำตอบอยู่นะ ครูขอเป็นเรื่องจริงทั้งหมด!” อีพี่พลอยสะดุ้งเล็กน้อยส่วนเพื่อนๆมันก็ยืนเงียบก้มหน้าก้มตาเหมือนเจอทางตันกันแล้ว ตอแหลต่อไม่ได้ แต่ที่ติดใจคือผมพูดไปขนาดนั้นแล้วครูก็ยังพยายามและยังคงฝากความหวังไว้กับนาง
“นทเป็นคนทำค่ะ!” นางพูดขึ้นแล้วนางก็ก้มหน้า ยังคงจะพูดแบบนี้สินะ
“โอเค! ในเมื่อเธอยืนยันว่าลูกฉันเป็นคนทำ ทั้งๆที่พยานก็มีเยอะกว่า และการเล่าความของพยานของเธอก็พูดไม่รู้เรื่องเลย…” ป๊าพูดด้วยความไม่พอใจ “เธอต้องการจะให้ฉันทำยังไงตอบมาสิ! จะให้ชดใช้ด้วยอะไร หรือ จะฟ้อง ฉันจะได้เตรียมทนายไว้” เสียงดังขึ้นมา
“ผมว่าเด็กก็บอกมาแล้วก็ควรจะให้ขอโทษกันแล้วก็จบเถอะนะครับ” ครูเดินไปพูดกับป๊าใกล้ๆ ครูนี่ก็เนอะความจริงปรากฏอยู่แล้วว่ามันตอแหลยังจะแถให้มันเป็นคนดีอยู่ ผมเกลียดจริงๆ
“ใช่ครับ ผมไม่ถือความหรือเอาความอะไรหรอกนะครับเฮีย” หน้าด้านจัง ลูกมึงผิดเห็นๆยังมีหน้ามาพูดแบบนี้ ป๊ามองลุงพงษ์แบบสมเพช แล้วคือเพื่อนๆผมนี่มองแบบไม่พอใจสุดๆ โดยเฉพาะพี่อ๊อฟ มองพี่ไอซ์ตาขวางเลย
“ผมถามจริงๆเถอะครู ครูก็น่าจะอ่านออกแล้วนะ ว่าเด็กคนนี้โกหก! แล้วยังมาพูดกันแบบนี้อีกเหรอ! หึ!” เดินเข้าไปใกล้ๆลุงพงษ์ “เลี้ยงลูกแบบนี้มึงคิดว่าดีแล้วเหรอไอพงษ์!” สายตาป๊าคือฆ่าคนได้เลยในตอนนี้ ส่วนลุงพงษ์ก้มหน้าจนหัวจะมุดเข้าไปในคอเสื้อแล้ว “แล้วการที่คนเป็นครูตัดสินอะไรแบบนี้มันถูกต้องแล้วเหรอ!” ป๊าตะหวาดพวกครูลั่นห้องป๊าโมโหมากแล้ว แล้วป๊าก็เดินออกไปเพื่อกดโทรศัพท์
แล้วพวกครูก็เข้ามาพูดกับครูกมลประมานว่าเลิกปกป้องเด็กคนนั้นเถอะ แล้วดูจากความจริง อีกอย่างฝ่ายผมก็มีคนที่เห็นเหตุการณ์มากกว่า บลาๆๆๆๆๆ พูดเถียงกันไปมา คือเรื่องทั้งหมดเกิดจากอีพลอย แต่นางเหมือนเริ่มรู้ตัวเพราะนางคนเดียวเรื่องเลยไม่จบ เพื่อนๆนางก็บอกให้พูดความจริงไปเลย ไม่อย่างนั้นพวกนางจะเดือดร้อนกันหมด นางก็เงียบ ในห้องปกครองตอนนี้เสียงอย่างกับตลากสด เถียงกันไปมา พวกผมก็ยืนมองทั้งครู และพวกอีพลอยคุยกัน ผมสมเพชจริงๆทำอะไรไม่คิดสุดท้ายคนอื่นต้องมาเดือดร้อนและเสียเวลาเพราะมัน สักพักป๊าเข้ามา...แต่มากับ ผอ !!....
“เกิดไรขึ้น!” ผอ.เข้ามาตะหวาดลั้นห้อง ทุกคนเงียบ โดยเฉพาะพวกครูๆก้มหน้ากันเลย
“เอาสิ! ผอ.โรงเรียนนี้บริหารงานยังไงให้ครูมองคนผิดเป็นถูก แล้วนี่เหรอเด็กดีของโรงเรียน โกหกหน้าตาเฉย อะไรกัน!” ป๊าผมของขึ้นแล้ว
“ใจเย็นๆก่อนสิ! เดี๋ยวจะจัดการให้!” ป๊าทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ทำไมดูพูดจาสนิทกับผอ.แปลกๆ?
“รีบเคลียล์เลย ไม่งั้นฉันจะให้ลูกไปเรียนที่อื่น และแกได้โดนดีแน่!” ชี้หน้าบอกผอ. ผอ.ถึงกับสะดุ้ง
“ครูห้องปกครอง ผมขอคำอธิบายด้วยครับ!” เสียงดูทรงอำนาจมากและทำให้ทุกคนสะดุ้งได้ ยกเว้นป๊าที่มองอย่างกับจะกินหัวผอ.
แล้วพวกครูห้องปกครองก็ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ให้ผอ.ดูคลิปนั้น โดยมีพวกผมที่คอยแย้งและเสริมเข้าไป โดยที่พวกอีพลอยยืนก้มหน้าเงียบเพราะคงรู้ตัวว่าแถต่อไปก็ยิ่งน่าสมเพช....
“พิมพ์พลอยตกลงเธอจะพูดความจริงได้หรือยัง!” ผอ.พูดขึ้น ทุกคนรอฟังมันอย่างตั้งใจ มันก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟาย
“นะหนูขอโทษค่ะ” ร้องไห้แล้วเงยหน้าขึ้นมาคงคิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหนังเกาหลีเพื่อนๆผมมองมันแล้วเบะปาก  “คือในคลิปเราแค่มีปากเสียงกันแค่นั้นค่ะ นทไม่ได้ทำร้ายหนู!” ร้องไห้หนักมาก แต่ครูๆทั้งหลายมองมันอย่างผิดหวัง แถมพ่อมันยังทำหน้าโกรธด้วยเอาจริงๆนี่พึ่งรู้เหรอว่ามันตอแหล ความรู้สึกช้าไปไหน ทั้งครูทั้งพ่อผีพลอย
“แล้วทำไมเธอมาบอกครูว่าเขาเป็นคนทำ!” ครูกมลเสียงแข็งเลย ครูก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ แหมทีแบบนี้ทำมาพูด ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“หนูแค่ไม่รู้จะทำยังไงกับแผลบนตัวหนู หนูเลยใส่ร้ายนทค่ะ จริงๆแล้วแฟนหนูทำค่ะ” ร้องไห้หนักมากพ่อมันตกใจมาก ครูทุกคนด้วย แล้วพวกผมก็มองไปทางพี่ไอซ์ ผมก็ตกใจเหมือนกันนะ!
“ผมเปล่านะครับ” พี่ไอซ์พูดแล้วส่ายหน้าด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่ไอซ์หรอกค่ะ แฟนหนูอยู่ต่างโรงเรียน!” สรุปคือไอพี่ไอซ์โดนหลอก? พวกผมหันไปมอง พี่ไอซ์มองอีพลอยด้วยสายตาตัดพ้อ น่าสงสารจริงๆสมเพสมากกว่าโง่เป็นควายดีนัก! “ส่วนเรื่องที่ทะเลาะกันในคลิปแล้วก็เรื่องไอซ์มีคนให้หนูมาทำค่ะ” ไอเบสสินะ “หนูไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษทุกคนจริงๆ หนูไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แล้วก็..”แล้วนางก็สาระยาความเน่าเฟะของตัวเองออกมาโดยไม่มีใครถาม เล่าออกมาแม้กระทั้งสิ่งที่ไม่ได้ถาม คนผิดเวลาจนมุมมันเป็นแบบนี้นี่เอง! เล่าไปร้องห่มร้องไห้ไป เอาจริงๆผมมองแล้วรำคาญจัง จะเล่าก็เล่าดีๆเหอะ จะบีบน้ำตาเพื่อ?
“แล้วทำไมตอนแรกครูกมลไม่ถามหาพยานคนในเหตการณ์ ทำแบบนี้ก็ลำเอียงแย่เลยนะ ถึงจะเป็นแค่เด็กมีปัญหากัน อย่างน้อยก็ต้องมีความยุติธรรม ผิดว่าไปตามผิด ถูกว่าไปตามถูก ถ้ามาลำเอียงแบบนี้ เด็กจะเชื่อถือหรือจะเอาไปเป็นแบบอย่างได้ยังไง!.....”โดนผอ.สวดกันยาว ไม่ใช่แค่ครูกมลนะ ครูในห้องปกครองคนอื่นด้วย พอสวดพวกครูเสร็จมีการนัดประชุมด้วย โดนชุดใหญ่กันแน่ๆ สมน้ำหน้าพวกครู หาเรื่องให้ผมดีนัก
แล้วหลังจากนั้นก็เคลียล์กันจบ ลุงพงษ์พวกครูและพวกอีพลอยก็ขอโทษป๊าและผมกันยกใหญ่เลย ผอ.กับป๊าเป็นเพื่อนกัน พอทุกคนรู้นี่ก็ตกใจ ป๊าผมรู้จักคนเยอะ กว้างขวางพอตัว อีพลอยมันเล่นผิดคนแล้ว จากสถานการณ์ผมเดาว่าที่มันทำแบบนี้มันคงอยากให้ผมโดนพักการเรียนหรือไม่ก็โดนทัณฑ์บนอะไรสักอย่าง แต่เรื่องมันก็จบที่ปัญหาที่มันสร้างแว้งมาทำให้ตัวมันเองพัง พอเคลียล์กันจบ พี่พลอยก็โดนพ่อมันลากไปคุยส่วนตัว ป๊าก็ไปคุยกับผอ.แต่ก่อนไปยังมีบอกว่าเย็นนี้มีเรื่องต้องคุยกัน ทำเสียงโหดด้วย แล้วครูก็ไล่พวกผมขึ้นไปเรียน พี่อ๊อฟกับพี่ไอซ์ก็แยกขึ้นไปเรียน ส่วนพวกผมก็กำลังขึ้นห้องไปเรียนต่อ.....
“มานี่เลย!” ลากพี่พลอยมาตรงที่ผมยืน พวกเพื่อนๆผมก็มองกัน
ผมทำหน้าสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไร แต่อีพี่พลอยก็ยังคงทำหน้าไม่พอใจเหมือนโดนบังคับ
“พี่พลอยเขาอยากจะขอโทษหนูนทนะจ้ะ เอ้าเร็วๆเข้าสิ” บีบแขนพี่พลอย เห็นแล้วสงสารนะแต่สมควรแล้วล่ะ
“ขอโทษ!” กระแทกเสียง
“ไม่เต็มใจไม่ต้องก็ได้ครับ!” กระแทกเสียงคืน
“พลอย!” พ่อนางเสียงดังขึ้นมา
“ขะขอโทษ” ทำเสียงอ่อนลง ผมก็มองมันแบบแสยะยิ้ม
“ลุงพงษ์ผมขอคุยกับพี่พลอยหน่อยนะครับ พอดีมีธุระนิดหน่อย พวกมึงขึ้นไปก่อนก็ได้!” พวกเพื่อนผมชะงักเล็กน้อย แต่มันก็ยอมเพราะผมส่งสายตาร้ายกาจให้พวกมัน
“ครับๆ พลอยคุยกับน้องดีๆนะ พ่อไปรอที่รถ” แล้วเดินไป
“หึ! แพ้ภัยที่ตัวเองก่อเป็นยังไงบ้างล่ะ หวังว่าคงจะเข็ดนะ!” มองมันตั้งแต่หัวยันตีนแล้วทำหน้าสมเพชมัน
“แก!” ผมชี้หน้ามันแบบมึงจะลองดีอีกเหรออะไรทำนองนั้น “มีอะไรก็พูดมา!”  ทำหน้าไม่พอใจ
“จะไม่ติดใจอะไร แต่...ต้องไปเคลียล์เรื่องนึงสะ!” ทำหน้าข่มขู่มัน มันก็มองผมตาแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว
“ชิ! อะไรอีก!” ยังมีหน้ามาทำน้ำเสียงต่ำแบบนี้อีกนะ!
“ไปขอโทษและบอกเลิกกับพี่ไอซ์สะ เอาความรู้สึกพี่ไอซ์มาล้อเล่นแบบนั้นได้ยังไง!” คิดแล้วก็โมโห ถึงผมจะไม่กลับไปหาพี่ไอซ์แล้ว แต่ผมก็อดจะสงสารไม่ได้ที่พี่ไอซ์โดนหลอกใช้เป็นเครื่องมือแบบนี้ ยิ่งโง่ๆอยู่ด้วย
“จะให้ฉันทำทำไม แกกลับไปหามันไม่ง่ายกว่าเหรอ?” พูดน้ำเสียงดัดจริต แล้วทำหน้าสงสัย
“จะกลับหรือไม่กลับมันก็ไม่เกี่ยวไรกับพี่หรอก แต่มันคือสิ่งที่ต้องทำ เมื่อไม่ได้รักไม่ได้ชอบแล้วทำให้มันเป็นแบบนี้ทำไม!” เริ่มโมโห นางฝึดฟัดเล็กน้อย
“เออก็ได้!” แล้วก็ทำหน้าหงุดหงิด
“ต้องทำให้เห็นด้วยนะ!...อย่าคิดว่าจะไว้ใจ!อีอสรพิษ!” ผมพูดแล้วมันมองผมตาขวาง ผมก็ยิ้มแบบนางร้ายให้มัน
“เออๆๆ มีอะไรอีกไหม!” ทำรำคาญ
“เรื่องไอเบส พี่ต้องไปจัดการมัน!ด้วย” ผมพูดขึ้น มันมีอาการตกใจ
“จะ...จัดการอะไร?” มันทำหน้าตกใจ
“เอาคืนมันไง ทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน!” คิดแล้วโมโหจริงๆ!
“ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอก! เธอก็รู้ว่ามันชอบลงไม้ลงมือฉันไม่เสี่ยงเจ็บตัวหรอก!” มันพูดด้วยท่าทีที่ดูกลัวจริงๆ
“รู้ได้ยังไง ไหนบอกว่ามันแค่มาบอกเรื่องของผมไง?” อีนี่มันตอแหละเยอะผมชักทนไม่ไหวแล้วนะ
“ก็....” หลบตาแล้วก็ลูบแผลช้ำที่แขน
“อย่าบอกนะ! ว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะมัน!” มันพยักหน้า ผมอึ้งเลยสิ มันกล้าทำผู้หญิงขนาดนี้เลยเหรอ
“ก็คือ....มันสั่งให้ฉันมาทำให้แกกับแฟนเลิกกัน ถ้าฉันไม่ทำมันจะเลิกกับฉัน พอฉันทำได้แกก็กลับปกติไม่ได้เสียใจอะไร มันไม่พอใจมันก็ซ้อมฉัน” เล่าทั้งน้ำตา เอาจริงๆควรจะสงสาร หรือสมน้ำหน้าดีเนี่ยเหมือนละครน้ำเน่ายังไงไม่รู้
“แปลกเนอะ ไปทนอยู่ได้กับมัน หน้าตาก็พอเข้าโรงทานได้! ไม่ไปหาที่มันดีกว่านี้ล่ะ!” กระแทกเสียงอีผีพลอยกำหมัดแน่นเลย ผมก็แสยะยิ้มอีผีมันก็จัดว่าสวยนะ แต่ทำตัวเองให้ตกต่ำน่าสมเพชจริงๆ
“ทำยังไงได้ ก็รักไปแล้ว...!”น้ำเน่าสิ้นดี อันนี้โง่ ไม่ได้เรียกว่ารักหรอกนะ
“ก็แล้วแต่ ตกลงจะไม่จัดการมันใช่ไหม?” มันทำท่าลังเล
“ไม่ดีกว่า! ฉันไม่อยากหาเรื่องเจ็บตัว” ลูบรอยช้ำที่แขนถึงมันจะไม่ทำ ผมก็ไม่ซีเรียสหรอก เพราะผมมีวิธีอยู่แล้ว
“ก็ดี! เอาเบอร์มา” ตอนแรกมันชั่งใจแปปนึงแล้วมันก็ยื่นโทรศัพท์ให้ ผมก็กดโทรออกเข้าเครื่องผม พร้อมเมมเบอร์ให้เลย
“แกจะเอาไปทำไม ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ทำ!” นางเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า แล้วกำลังหันหลังไป
“ก็ไม่เป็นอะไร!” มันหันกลับมา “แต่เรื่องที่พูดกันนี่ถ้าสะเออะเอาไปบอกมันก่อน รู้ใช่ไหมว่าจะเจอกับอะไร! และเลิกระรานด้วย ถ้ายังรังขวานไม่เลิก จะทำให้เจ็บยิ่งกว่าไอเบสทำ! และอย่าลืมเรื่องไปขอโทษพี่ไอซ์ด้วย!ขอโทษเสร็จก็เลิกยุ่งกับเขาสะ อ้อ! แล้วถ้า...โทรไปก็ควรรับนะ เผื่อจะได้ยินอะไรดีๆ” แล้วผมก็เดินขึ้นตึกไป
ผมเดินขึ้นมาเรียนคาบที่ 3 ของช่วงบ่าย...
“มึงคุยอะไรกับมันนานจังวะ?” ปอเอ่ยถามขึ้นเมื่อผมนั่งลงประจำที่
“ก็แค่เตือนมันแล้วก็บอกให้มันไปขอโทษพี่ไอซ์สะ!”ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงก็เนอะ! แต่กูเริ่มสงสารพี่ไอซ์ มึงเห็นหน้ามันตอนอีพลอยสาระภาพบาปไหม” ปอพูดพร้อมกับทำหน้าคิด
“คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาดอยู่แล้วไหม” ผมพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ปอ
“ป๊ามึงร้ายกาจมาก จัดการอีสองพ่อลูกแล้วก็ครูกมลจอมโหดสะหัวหดเลย!” ทำท่ากลัวๆ
“กูก็เพิ่งรู้ว่าป๊าทำได้5555” ผมพูดพร้อมหัวเราะออกมา
“งั้นกูต้องเกาะมึงแน่นๆแล้ว ป๊ามึงรู้จักถึงผอ.เลยนะ!” ปอเอ่ยขึ้นมา
“มึงอย่าคิดแบบนั้นนะเว้ย เย็นนี้กูมีเคลียล์คดีอยู่” คิดแล้วเซ็ง “เอ้อ! วันนี้ไอสิงโตชวนเที่ยวไปเปล่า?” นึกขึ้นได้ไอปอทำหน้าคิด
“ไปดิๆ มันเลี้ยงตลอด ของฟรีกูไป5555”ไอนัทพูดขึ้น
แล้วมันก็หันไปชวนสามคนข้างหลัง พวกมันก็ตกลงไปกันเราก็เรียนอีกคาบก็เลิกเรียนแล้ว วันนี้พี่อ๊อฟไม่ว่างจริงๆด้วย ติดทำงานกลุ่ม ผมเลยโทรให้ไอสิงโตมารับ โอ้โห! มาคนเดียวสะด้วย เพื่อนมันไปไหนหมดนะ ประเด็นคือมันขับรถเข้ามาในโรงเรียนเลย มั่นอะไรขนาดนั้น คนมองกันตรึม!.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:36:20
“โหเท่สัสๆ” ไอมินพูดแล้วมองเหมือนเจอไอดอล
“ใครๆก็บอกว่ะ” ไอสิงโตพูด พร้อมถอดหมวกกันน๊อคแล้วยิ้มเท่จริงๆด้วย
“วันนี้เสี่ยจะพาพวกเราไปเลี้ยงอะไรครับ” ไอวิวยิ้มร่าเลย
“นั่นสิเสี่ย กูอยากกินบุฟเฟ่” ไอนัทเอ่ยขึ้นมา
“มึงต้องไปบอกไอนทอ้อนเว้ย! แพงแค่ไหนก็ได้แดก555” ไอปอพูดขึ้น ไอสิงโตยิ้มเขิน
“พวกมึงบ้าไปกันใหญ่แล้ว ไปได้แล้วเดี๋ยวได้อดแดก!” ผมพูด พวกมันก็แซวไปทั่ว
แล้วพวกมันก็นั่งรถไปห้างกัน สวนผมไปกับไอสิงโต สบายอยู่คนเดียว พอถึงก็ยืนรอพวกนั้นหน้าห้าง พอมันมาก็บ่นกันใหญ่เลยเชียว เราเดินไปนู่นนี่ดูไปทั่ว...........
“นท! ช่วยด้วย!” ตะโกนมาแต่ไกล นี่ในห้างนะเว้ย!ใครมาตะโกนอะไร พอหันไปดูอ้าว!ไอฮาเล่ ที่เจอกันที่เกมส์เซนเตอร์...
“มีอะไรวะ?” มันมาหลบหลังผม ส่วนพวกเพื่อนผมและไอสิงโตก็มองแบบงงๆ
“ก็ไอคนที่มากับนทวันนั้นอ่ะดิ มันตามมาทำร้ายเราอะ” ฮาเล่ผมคิดสักแปป ไอเบส?
“ฮาเล่ไปทำอะไรให้มันหรือเปล่า? ปล่อยได้แล้วมั้ง” ผมมองแขนเสื้อที่มันจับ ยับหมดเลย!
“ใครอ่ะ!” ไอสิงโตเสียงเข้มเชียว เพื่อนๆก็ดูอยากรู้ใช่ย่อยนะ
“เอ้อนี่ฮาเล่ เพื่อนใหม่เจอที่เกมส์เซ็นเตอร์ ฮาเล่นี่สิงโต ปอ วิว มิน นัท” มันก็พยักหน้ารับรู้กัน
“เห้ยมันอยู่นั่นอ่ะ!”เสียงตะโกนมาแต่ไกล ไอเบส ตอนแรกมันวิ่งมาพอมันเห็นผมมันก็ชะลอแล้วมันก็มาหยุดที่หน้าผมเพราะฮาเล่มันยืนหลังผม เพื่อนๆผมก็มองแบบตกใจ ประมานว่าจะมีเรื่องกันหรือเปล่า เพราะผมไม่ได้บอกใครเลยเรื่องจะเอาคืนมัน ผมมองหน้ามัน.....
“นะนท มานี่ๆด้ยังไง” ยิ้ม แล้วเก็บสนับมือของมันไปข้างหลัง
“ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเดี๋ยวนี้ถึงขั้นพกอาวุธ! มันจะรุนแรงไปไหน ทำแบบนี้ต้องแจ้งความแล้วมั้ง” มองมันแบบรังเกียจ
“ของเพื่อนน่ะ!” ชี้ไปทางเพื่อนมัน
“เหรอ!” ทำตาขวางใส่มัน แล้วจับมือฮาเล่ “ไปกันเถอะพวกมึง!” แล้วเดินหันหลังให้มัน
หมับ! ไอเบสดึงแขนผม ผมมองหน้ามันอย่างเคืองๆเพื่อนๆผมก็ทำหน้าเหมือนอยากมีเรื่องเต็มที......
“จับมือมันทำไมนท!” ไอเบสตะคอกใส่ผม
“แล้วทำไม?” ผมทำหน้าหาเรื่อง
“ก็ไม่ทำไมหรอกน่า!” ไอเบสทำหน้าหงุดหงิด
“ไปแล้ว แล้วเลิกยุ่งกับเพื่อนเราด้วย ห้ามทำเหมือนกับที่ทำกับผู้หญิงคนนั้น!” มันชะงักไป ผมก็เดินหันหลังแล้วเดินไปเลย เพื่อนๆคงอยากถามผมมากมายเหลือเกินหน้ามันดูอยากเสือกมาก
“ปล่อยได้แล้วม้างง!” ไอสิงโตพูดขึ้นแล้วมองไปที่มือผมที่จับมือฮาเล่อยู่
พวกเพื่อนผมก็แซวกันไป แล้วก็พากันไปกินชาบู ฮาเล่มันขอตัวกลับก่อนผมก็ไม่ขัดอะไรแค่บอกว่าวันหลังพาเพื่อนมาบ้างก็ดี ไม่งั้นก็ไม่ต้องมาเลยง่ายสุด เราก็กินไปคุยไป.......
“พี่สิงโต! ไหนว่าไม่ว่างไง แล้วทำไมมากับเพื่อนได้!” เสียงผู้หญิงตัวเล็กๆขาวๆหน้าตาน่ารัก น่าจะเด็กกว่าพวกผมมากอยู่ เอ๊ะ!จะเป็นแฟนมันหรือเปล่า แต่เด็กไปไหม? ทุกคนบนโต๊ะมองไปที่มันสองคน....
“อย่ามายุ่ง!” ไอสิงโตหันไปทำเสียงดุใส่น้องคนนั้น
“มึงพูดกับเขาดีๆหน่อยก็ได้” ผมพูดเบาๆให้มันได้ยิน
“ไม่!” ไอสิงโตหันมาบอกผม แล้วก็หันไปบอกผู้หญิงคนนั้น “กลับไปได้แล้ว!” มันไล่แล้ว
“อย่ามาไล่นะ” แล้วนางก็นั่งลงข้างไอสิงโต ผมก็ขยับออกมาหน่อยทุกคนก็เริ่มจะกินกันไม่ลงแล้ว
“กลับบ้านไป ไม่งั้นจะฟ้องป๋านะ!” หันไปดันผู้หญิงคนนั้น
“ไม่! พี่ไม่ยอมไปส่งดูกระต่ายอะ! ซินอยากได้!” ทำหน้างอน
“ไอสิงโตไม่พาน้องไปดูล่ะวะใจดำไปแล้ว!” ไอมินพูดแล้วหันไปยิ้มให้น้องซิน
“ใช่พี่มินดูด้วย!” น้องซินตอบ ทำหน้าพองลม น่ารักเชียว
“กูนัดกับนทไว้แล้ว ซินเพิ่งมาบอก!” ดูหงุดหงิดเนอะประเด็นคือโยนมาที่กูไง
“นี่น้องสาวเหรอ?” ผมถามมันพยักหน้า “นึกว่าแฟน” ผมพูดมันมองยิ้มมาทางผม
“ใช่พี่นทไหมคะ” โน้มหน้ามาถามผมพยักหน้าแล้วยิ้ม “น่ารักกว่าในรูปเยอะเลยคะ” น้องซินพูดพร้อมยิ้มออกมา
“รูป?” ผมทำหน้างง
“ก็พะ....” ไอสิงโตเอามือปิดปากน้องซิน
“อย่าไปฟังเลย น้องกูมันก็พูดเพ้อเจ้อไปทั่วอะ” ไอสิงโตพูดขึ้นพร้อมกับทำตาดุใส่น้อง
“อ่าๆ” ผมพยักหน้าแล้วกินต่อ
เราก็กินกันไป โดยมีน้องซินมาร่วมด้วย คุยนั้นคุยนี่สนุกเชียว พอกินเสร็จน้องซินก็ให้คนที่บ้านมารับ บอกไม่อยากกวนนานมีการชวนผมไปเที่ยวบ้านด้วย แล้วผมกับพวกมันเดินเล่นกันสักพัก ก็ไปเจอไอเบสอีกแล้ว เอาจริงๆคือมันเป็นจิ๊กโก๋ตามห้างหรือยังไงวะ! แล้วมันก็เดินเข้าหาผม....
“นทขอคุยอะไรด้วยหน่อย!” ทำหน้าหน้าเครียด ผมแสยะยิ้ม
“มีอะไรก็พูดมาดิ!” มองหน้ามันนิ่งๆ
“ไปคุยกันหน่อยสิ!” พวกเพื่อนผมจะเข้ามาแล้ว ผมส่ายหน้าเป็นเชิงบอกพวกมันก่อน
“ได้ดิ!” ยิ้มแล้วเดินนำมันมาไม่ไกลจากกลุ่มเพื่อนผม ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาอีผีพลอย มันรับสายเร็วมาก แล้วผมพูดว่า “ฟังดีๆนะ!”ไอเบสมันก็เห็นนะแต่มันไม่ได้สนใจอะไร ผมเอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเสื้อ “มีอะไรว่ามา!”
“นทรู้เรื่องเบสกับพลอยแล้วเหรอ” ทำหน้าเศร้า
“ก็รู้แล้วนะ! ไม่ใช่แค่เรื่องพลอยนะ เรื่องที่เบสใช้ให้พลอยไปทำนทก็รู้นะ!” แสยะยิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆมันหน่อย เผื่อผีมันไม่ได้ยิน มันชะงักไปนิดนึง คือมึงคิดว่ากูโง่มากใช่ไหมเนี่ย
“นทเบสไม่ได้ตั้งใจนะ เบสรักนทจริงๆนะ กลับมาคบกันเถอะ” จับมือผม
“เบส” เรียกมันเสียงหวาน แล้วดึงมือที่มันจับออก “เบสคิดว่า” ผมเอามือตบแก้มมันเบาๆ “สิ่งที่เบสทำลงไปนั้นเราจะให้อภัยเหรอ?” 
“ถ้านทโกรธนทก็คงจะอาละวาดแล้ว นี่นทยังยิ้มยังให้เบสอยู่ใกล้ๆแสดงว่านทให้อภัยเบสใช่ไหม!” ยิ้มอย่างมีความหวัง ช่างโง่อะไรขนาดนี้ ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“แล้วนทจะรู้ได้ยังไง” ผมมองมัน “ว่าเบสรักนทจริง!” ไอนี่มันคงดูลิเกมาเยอะเล่นกับมันสักหน่อย
“นทจะให้เบสทำอะไรบอกมาเลยนะ บอกมาเลยเบสจะทำให้ทุกอย่างเลย” ยิ้มบานแล้วก็ทำหน้าร่าเริง ผมหันไปมองทางเพื่อนผมพวกมันทำหน้าสงสัย 
“อุทิศตัวขนาดนี้ ไม่กลัวผิดหวังเหรอ?” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“ผิดหวังก็ยอม” มันตอบอย่างมั่นใจ
“อะไรทำให้เบสรักนทได้ขนาดนี้นะ” ผมพูดหยั่งเชิงมัน
“ทุกอย่าง นทเคยช่วยเบสไว้ตั้งหลายอย่าง” ทำหน้าอย่างมีความหวัง
“แล้ว...ทำไมเบสถึงทำกับพี่พลอยแบบนั้น พี่เขารักเบสมากนะ” ผมพูดเน้นเสียง ให้ผีพลอยมันได้ยินชัดๆ
“นทก็รู้ว่าเบสไม่เคยรักคนพวกนั้น มันก็แค่แก้ขัด” ผมยกยิ้มเลย อยากรู้จังว่าตอนนี้อีผีพลอยมันจะรู้สึกยังไง
“เอาจริงๆนะ! เราชอบคนรวย เบสก็รวยนะ แต่ไม่เท่าคนนั้น” ชี้ไปทางสิงโต “รวยมาก นทกำลังจะคบกับเขา หล่อกว่าเบสรวยกว่าด้วย!” ยิ้มไอเบสกัดฟันกรอด
“นทอยากได้อะไรถึงเบสจะไม่รวยเท่ามัน เบสก็ให้ได้นะ!” มันเสียงดังแล้ว
“เบสก็น่าจะรู้ ว่านทชอบและอยากได้อะไร ไปนะไว้คุยกัน” ผมพูดจบแล้วเดินไปหาเพื่อนๆ
ผมเดินไปหาไอสิงโต กอดคอมันเดินไปทางไอเบสแล้วหอมแก้มไอสิงโตโชว์ เพื่อนๆผมช๊อคกันเลยทีเดียว ส่วนไอเบสเหรอ หน้าตามันข่มอารมณ์สุดๆ คือผมก็เดินผ่านมันไปเลย ผมหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเสื้อ หึ! อีผียังฟังอยู่
“คงได้ยินแล้วนะคำว่ารัก ที่พูดหมายถึงอะไร!”
“ฮึก...ฮือออ”ปล่อยโฮเลยสิ ผมส่ายหัวอย่างสมเพชแล้วก็กดวางสายไป ไอสิงโตก็ถามว่าคุยกับใครผมก็บอกคุยกับพี่คุยเบาเลยไม่มีใครได้ยิน แล้วก็พากันเดินไปเรื่อยๆ เพื่อนถามผมก็ตอบมันไม่ได้โกหกแต่อย่างใด แต่แค่เรื่องจะเอาคืนไม่บอกเท่านั้นเองไอสิงโตก็เงียบเลย หน้ามันแดงๆด้วย ผมก็เลวนะรู้ว่ามันชอบยังจะทำแบบนี้อีก แต่ก็ไม่มีทางไหนนิที่จะยั่วโมโหไอเบสได้ ผมจะใช้ตัวผม ใช้ความสามารถทั้งหมดของผม ทำให้มันหลงผม แล้วมันก็จะได้รู้ว่าการที่ทำให้ผมโกรธเป็นยังไง......
“เสี่ยๆ” สะกิดมันมันหันมาแล้วอมยิ้ม “เมื่อกี้ตอบแทนที่เลี้ยงนะ ถ้าเสี่ยเลี้ยงอีก หนูจะให้อีกนะคร้า!” ทำท่าผู้หญิงกระแดะ5555พวกมันหัวเราะกันใหญ่เลย
“คู่นี้มีลุ้นว่ะ ฮิ้วๆ!!” ไอมินนี่ก็ชงเก่งเหลือเกิน
“เสี่ย!” กอดคอมัน มันหันมามอง ผมก็ยื่นหน้าไปใกล้ๆหูมัน “มึงจ้างอะไรไอมิน มันเชียร์มึงให้กูทุกงาน!”
“กูไม่ได้จ้างนะ” มันหันมากระซิบผม “แต่มันขอเกมส์เพลย์5 ที่บ้านกูไปแล้วบอกจะช่วยเรื่องมึงทั้งๆที่กูยังไม่ได้ขอ กูเลยให้มันไปเพราะเครื่องนั้นมันเก่าแล้วกูจะได้ซื้อใหม่” (ยิ้ม)
แล้วพวกมันก็ดึงผมและไอสิงโตไปเป็นหัวข้อสนทนา เพื่อแซวกันไป เราพูดคุยกันไป เดินไปเรื่อย โดยไม่ได้สนใจว่าจะเข้าร้านไหน เฮฮาดี ช่วงเวลาอยู่กับเพื่อน ทำให้ผมรู้สึกลืมเรื่องแย่ๆที่ผ่านมาได้เกือบหมดเลย....
“เห้ย! ไอโต้!” ไอปอมันชี้เข้าไปในร้านนม ไอโต้นั่งอยู่กับผู้หญิง สวยด้วย!
“ปอมึงใจเย็นไม่มีอะไรหรอก พี่มันหรือเปล่า?” ผมบอกมัน ปอมันกำมือแน่น
“เออมึงใจเย็นๆ!” จับไหล่ปอ
“ปอ มึงไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้นเหรอวะ?” ไอวิวถามขึ้น ปอมันส่ายหน้าไม่พูดอะไร
“เอายังไงดีมึง จะเข้าไปไหม?” ผมหันไปถามมัน มันทำหน้าเหมือนครุ่นคิด
“เอาแบบนี้ไหม ไอสิงโตมานี่ดิ” ไอมินพูดขึ้น ไอสิงโตเดินไปหามัน มันจับปอเอาแขนคล้องแขนกับไอสิงโต เหมือนเดินควงแขนกัน
“จะดีเหรอวะไอมิน ไอโต้มันโหดนะเว้ย!” ผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง มันโหดจริง คราวที่แล้วแค่ผมแกล้งมันโดยให้ไอเบสมาควงปอ ไอเบสเกือบได้ตีกับไอโต้
“เออดิมึงอย่าทำซี้ซั้ว!” ไอวิวพูดพร้อม ดึงปอออกจากสิงโต
“มึงจะเอายังไงปอ!” ผมหันไปถามมันอีกคร้ง ปอมันทำเศร้า “งั้นรอนี่แล้วกัน”
แล้วผมก็เดินเข้าไปในร้าน ตรงไปหาไอโต้ทันที ตอนมันเห็นผมมันทำหน้าตกใจ ผมยิ้มให้มันกับผู้หญิงคนนั้น......
“โต้ วันนี้ว่างเหรอ?” ยิ้มแล้วก็นั่งเลยไม่รอให้เขาชวนหรอก ผมมันไร้มารยาทอยู่แล้ว
“อะ...อื้ม” ทำหน้ามีพิรุธ แล้วมองไปทางผู้หญิงคนนั้น
“แล้วนี่…” ผมหันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น
“อ้อ! นี่กิ่งนะ กิ่งนี่นท”  มันแนะนำอย่างไม่เป็นทางการนัก
“นทน่ารักจังเลย” กิ่งพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“กิ่งก็สวยนะ ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ พร้อมส่งยิ้มให้ “แล้วมาทำอะไรกันเหรอ?” ทำหน้าสงสัย
“มานั่งหาอะไรกิน” โต้มันตอบ แล้วมันก็หยิบนมปั่นขึ้นมาดูด
“ปอมาด้วยป่ะ ?” ผมถาม พร้อมทำเป็นมองหากระเป๋าบนเก้าอี้ ว่าปออยู่ไหน
“ปอไหนเหรอ?” กิ่งเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ถามโต้ดิ!” ผมตอบ พร้อมสะกิดไอโต้
“เอ่อ....” ผมมองมันด้วยความหวัง มันทำตัวเหี้ยบ่อยๆ นักเลงดีๆเลย แต่จริงๆแล้วมันเป็นคนจิตใจดีผมไม่อยากให้ปอเสียใจ “แฟนเราเองอะ” เฮ้อ.....ยิ่งกว่าลุ้นหวย กิ่งก็ยิ้ม
“อื้ม” ผมอุทานด้วยความพอใจ แล้วโน้มหน้าไปใกล้ๆหูมันเพื่อกระซิบ “โต้มึงมาทำอะไรกับกิ่งสองคน ตอบกูมาดีๆไม่งั้นมึงเจอดีแน่!” ข่มขู่เลยที่นี้
“ก็นี่มันเพื่อนที่โรงเรียน เขาขอให้กูมาส่ง” มันกระซิบตอบผม
“แล้วมึงจะอึกอักทำไมตอนกูถาม กูใจหายแทบแย่!” ผมกระซิบถาม แล้วละออกมาถลนตาใส่มัน
“ก็กูกำลังคิดอยู่ว่าจะบอกเป็นเมียดีไหม แต่กูว่าถ้าพูดมันจะแรงไป” มันตอบผมด้วยรอยยิ้ม
“เออ! นอกใจเพื่อนกูมึงเจอหนักไอโต้ กลับเลยเดี๋ยวเถอะมึง!” ผมพูดเป็นเชิงบังคับ
“เออก็ได้ๆ โหดจังวะ!” มันตอบผมพร้อมส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ
แล้วผมก็รอมันกับกิ่งร่ำรากันเพื่อจะลากไอโต้ไปให้ปอ ตอนแรกไอโต้จะอาสาไปส่ง แต่กิ่งก็นางเอกเกรงใจ เอาจริงๆใครๆก็ดูออกว่ากิ่งชอบมันมองโต้ขนาดนั้น ไอโต้มันก็อ่อยไอห่านี้นะ! ทำตัวเหมือนผมเลย ไม่ใช่แล้ว555 แล้วกิ่งก็ออกไป....
ผมกับมันก็เดินเถียงกันออกมาจากร้าน ในเรื่องที่มันก็รู้อยู่แล้วว่ากิ่งอ่อย แต่ก็ไม่ถอย พวกนั้นไปนั่งรอตรงจุดนั่งพักกลางห้าง....
“อ้าว! ไหนมึงว่ามึงมาคนเดียว” ไอโต้หันมาถามผมเสียงแข็ง
“กูตอแหล! ไปง้อไอปอเลย มันนอยมึงแล้วนั่น มันเห็นมึงกับกิ่ง” ผมทำเสียงโหด
“เออๆ โหดตลอดมึงอะ” แล้วมันก็เดินไปหาปอ
พวกผมก็ยืนดูมันง้อกันตอนแรกไอปอเล่นตัว ผมก็เสริมให้ ปอมันเลยอ่อนลงแล้วก็เคลียล์กันจนจบเรื่อง....
“มึงเจ๋งว่ะ ผู้หญิงคนนั้นออกมาทำหน้าเป็นตูดเลยนะเว้ย!” สิงโตพูดแล้วหันมายิ้ม ผมไม่คิดว่ากิ่งจะแสดงออกขนาดนั้น
“ไม่ได้หรอก สองคนนั้นคบกันมานานแล้ว คนอื่นห้ามยุ่ง” ผมทำเสียงจริงจัง สิงโตมันก็อมยิ้มอะไรไม่รู้ของมัน “มึงเป็นเอามากนะเสี่ย!”
แล้วผมกับมันก็เถียงกันไปๆมาๆ แล้วผมก็นั่งคุยกับสิงโตเรื่องไอเบสผมก็เล่าให้มันฟังทั้งหมด มันโครตไม่พอใจ ทั้งๆที่เป็นเรื่องของผม แต่ผมก็บอกอย่าไปสนเลยไร้สาระ เราคุยกันไปสักพัก ปอก็แยกกลับไปกับไอโต้ ส่วนผมก็ให้ไอสิงโตไปส่งบ้านไอสามคนนั้นก็แยกย้ายกัน พอถึงบ้านผมก็ล่ำลากับไอสิงโตนิดหน่อยแล้วก็เข้าบ้าน.........
“นท! มานี่เลยไม่ต้องมาย่องเบา!” ป๊าพูดขึ้นด้วยเสียงดุ เมื่อเห็นผมทำท่าย่องเข้าบ้าน
“นทไม่รู้นทเป็นบ้า!” วิ่งกำลังจะขึ้นบันได ป๊าก็จับผมไว้ “อ๊ากกกกก! ปล่อยน้า” ดิ้นนิดหน่อย
“มาเลยมาเล่าวีรกรรมให้แม่ฟังเลย” ป๊าพูด ผมมองไปที่แม่ แม่ทำหน้าดุรอผมอยู่เลย
แล้วป๊าก็ลากผมไปนั่งด้วยแล้วก็ถามว่าเรื่องเป็นยังไง ผมก็เล่าตั้งแต่วันนี้พี่ไอซ์แข่งบอล เล่าแบบทุกฉากทุกตอน ด่ายังไงบ้างบอกหมด ป๊านี่สะใจมากเชียร์สุดใจ แม่นี่หงุดหงิดมาก เหมือนว่า 2 พ่อลูกนี่เป็นอะไรกันมากไหม555 แล้วก็พากันกินข้าวผมกินเสร็จก็ขึ้นห้องอาบน้ำ ทำการบ้าน ทำอะไรเสร็จผมก็ปิดไฟขึ้นเตียงจะนอน พี่อ๊อฟก็โทรมา....
“ว่า”ผมเอ่ยถาม
“ทำอะไร” พี่อ๊อฟถาม มันง่วงเหรอเสียงงัวเงียเชียว
“ถ้าง่วงก็ไปนอนเถอะ! เสียงขนาดนี้แล้ว” ผมตอบมันกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“อยากนอนกับมึงมากกว่า” ทำเสียงหงุดหงิด
“เป็นเอามากแล้ว” ผมพูดอย่างเอือมระอา
“.......” เงียบ ผมได้ยินเสียงลมหายใจแล้วก็เสียง งึมงัม มันหลับแล้วเหรอเนี่ย?
“ฝันดีนะ” ไอบ้านี่มันน่ารักจริงๆ ละเมอโทรมาเหรอเนี่ย5555
แล้วผมก็นอนหลับไป ตื่นมาก็ทำนู่นนี่นั่นเสร็จพี่อ๊อฟก็มารับไปโรงเรียน พอถึงโรงเรียนผมกับพี่อ๊อฟก็แยกกันผมก็เดินไปหาเพื่อน....
“ไงปอ จัดหนักไหมเมื่อวาน” ผมเอ่ยถามพร้อมกับทำหน้าล้อมัน
 “อะไรของมึง!” มันตอบกลับด้วยท่าทีที่ดูก็รู้ว่าที่ผมพูดน่าจะจริง
“อิจฉาจริงวุ้ย!” ผมเอ่ยแซวพร้อมกับยิ้มออกมา
“มึงไปอิจฉามันทำไม อยากโดนบอกไอสิงโตสิ มันจัดหนักให้มึงทันที555” ไอมินเอ่ยขึ้น ไอนี่มันวอนนะ
“นั่นปากมึงเหรอไอมิน พูดจาซี้ซั้วจริงๆ” ไอนัทพูด พร้อมมองไอมินอย่างเอือมระอา
“ปากหมาไง อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะไอมิน ที่มึงเชียร์ไอสิงโตเพราะอะไร!” ผมค้อนใส่มัน มันชะงักเลยหน้าตลกอ่ะ555
“เพราะอะไรวะ?” ไอวิวหันมาถามผม
“ไอสิงโตจ้างมึงเหรอ?” ไอนัทหันไปถามไอมิน ทุกคนก็มองไปที่ไอมิน มันก็ทำเป็นหันไปทางอื่น
“เพราะอะไรนท?” ไอวิวหันมาถามย้ำกับผม
“ไอมินจะให้กูพูดหรือมึงจะพูดเอง!” ผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง มันอึกอักไม่อยากตอบ
“ไม่มีอะไร! ก็แค่เห็นมันชอบไอนทกูก็แค่ช่วย” ไอมินรนรานเลยที่นี้ผมก็ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“ก็ไอมินมันไปเอาเกมส์เพลย์5ของไอสิงโตไปแล้วบอกจะช่วยเรื่องกูทั้งๆที่ไอสิงโตยังไม่ได้ขอมันเลยสักนิด” ผมพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มแบบนางร้ายส่งไปให้ไอมิน มันก็ทำหน้ามึน
“ไอสัสนี่เห็นแก่ของ” ไอนัทพูดขึ้นพร้อมกับผลักไหล่ไอมิน
“แบ่งกูเล่นเลยสัส แล้วไม่เคยบอก” ไอวิวหันไปโวยไอมิน
พวกเราก็รุมด่ามันไป แล้วสักพักก็ลุกไปเข้าแถวขึ้นเรียน ไม่มีอะไรมากแต่พวกอีแนนปากนรกมันก็ยังคงเม้าส์ผม ผมก็อยากรู้จังมันเรื่องอะไร.....
“อีแนน! ถ้ามึงจะขนาดนั้นมึงมานั่งถามกูเลยไหม!” ตะคอกใส่มัน มันพูดๆแล้วหันมาทำหน้าใส่ผม! นินทาระยะเผาขนขนาดนี้ คิดว่าผมต้องทนหรือยังไง
“ได้เหรอวะ!” แล้วมันก็เดินมาจริงๆ พวกเพื่อนผมก็ฮาแตกสิ ไม่รู้เลยเหรอว่าคนเขาประชด
สรุปว่ามันมาถามเรื่องเมื่อวาน ผมกำลังจะเล่า แต่พวกไอปอชิงเล่าก่อน แถมยังเพิ่มเติมจากความจริงไปด้วย พวกอีแนนนี่ผิดหวังน่าดู คงจะได้ยินมาอีกแบบสินะ ผมอดจะขำไม่ได้....
“เข้าใจแล้วนะ พวกมึงนี่ชอบจริงๆเลยนะเรื่องของชาวบ้านเนี่ย!” ผมพูดประชดแดกดัน
“ไม่ได้มึงกูไม่อยากตกข่าว” อีแนนทำหน้าภูมิใจ
แล้วครูก็เข้ามาสอน แต่ครูก็มองมาที่ผมแปลกๆ ผมว่าเรื่องเมื่อวานข่าวน่าจะกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆ พอเรียนคาบเช้าเสร็จ พักเที่ยงเราก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหารกันกินไปคุยไป แล้วผมก็เห็นพี่อ๊อฟนั่งอยู่ไม่ไกลสักเท่าไหร่ กำลังจะลุกไปทักแต่ อีผีพลอยไปนั่งทำไมกับพี่อ๊อฟ! ผมเดินเข้าไปหาพี่อ๊อฟทันที พวกเพื่อนผมก็มองกัน อีผีพลอยเห็นผมก็ชะงักไปนิด......
“พี่อ๊อฟทำไมไม่ไปนั่งกับเพื่อน!” ผมเอ่ยถามเสียงแข็ง ผมก็มองผีพลอยมันทำหน้าเศร้าๆ อีนี่มันจะมารยาไม้ไหนอีก
“มาคุยงานกับพลอย พลอยเขามาขอกูไปวาดรูปให้” พี่อ๊อฟตอบพร้อมกับยิ้ม ไอนี่อีกคนเดี๋ยวเถอะ
“คนอื่นมีตั้งเยอะตั้งแยะ! ทำไมต้องเป็นพี่!” คือกลัวมันจะมาหลอกพี่อ๊อฟอีก
“อ๊อฟงั้นไม่เป็นอะไรนะ ไปขอคนอื่นก็ได้!” อีผีพลอยมันมองค้อนผม แล้วก็กินข้าวไปไม่สนใจผม
“พี่อ๊อฟไปนั่งกับนทหน่อย” ยิ้ม แต่พี่อ๊อฟทำหน้ารำคาญผม
“นทกูแค่วาดรูปให้พลอย และเรื่องมันก็จบไปแล้วมึงอย่างี่เง่าได้ไหม” อีผีพลอยมันอมยิ้ม เหมือนจะเยาะเย้ยผม นี่ผมไม่อยากให้พี่อ๊อฟไปยุ่งกับมัน ถึงกับเป็นคนงี่เง่าเลยเหรอ ผมก็เดินกลับไปเลย
นั่งกินข้าวต่อเพื่อนถามอะไรผมก็ไม่ตอบ นอย!  กินเสร็จก็ขึ้นห้อง อีผีพลอยทำไมต้องมายุ่งกับคนที่ผมรู้จักด้วยนะ มันใช้มารยาหญิงเพื่อทำลายผมแน่ๆ ผมเบื่อขี้หน้ามันจริงๆ เรื่องเพิ่งผ่านมาเมื่อวานยังไม่เข็ดใช่ไหมเนี่ย! พอเลิกเรียนวันนี้ไม่มีอะไรมาก เพื่อนๆกลับกันหมดแล้ว ผมก็ไปเดินหน้าโรงเรียน หาอะไรกินนิดหน่อย แล้วก็เข้าร้านเครื่องเขียน พี่อ๊อฟก็ไม่ว่างติดวาดรูปให้อีผีที่โรงเรียน หงุดหงิดจริงๆ
หมับ! มีคนกอดผมจากด้านหลัง ผมหันไปดูพี่ไอซ์นี่เอง คนก็มองกันแล้วสิ...
“ปล่อย” ผมพูดอย่างใจเย็น มันก็ปล่อยผมก็เดินออกจากร้านเครื่องเขียนมาเลย ขืนอยู่ต่อความนานได้เป็นประเด็นอีก ผมดูน่าสมเพชเพราะพี่มันมามากพอแล้ว
“นทเดี๋ยวก่อนสิ” จับแขนผม
“อะไร!” ทำเสียงรำคาญ
“นทไม่โกรพี่แล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่เป็นเหมือนเดิม!” ทำหน้าจริงจัง กล้ามากนะ!
“พี่คิดว่ามันจะเป็นเหมือนเดิมได้อีกเหรอ?” ผมพูดด้วยความไม่พอใจ มันทำหน้าเศร้า
“ได้ดิ ขอโอกาสนะ” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง และส่งยิ้มให้ผม
“พี่อยากคบกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ก็ไปหาคบเถอะ หน้าอย่างพี่แค่ยิ้มให้ก็ต่อแถวมาหาให้พี่เลือกเยอะแยะแล้ว ผมไปนะ” พูดติดไม่จริงจัง แล้วเดินหนีมันมาเลย
พี่ไอซ์ไม่ตามมาแล้วผมเลยโทรให้ป๊ามารับ พอถึงบ้านผมก็ขึ้นเอาของไปเก็บนั่งทำการบ้าน ทำเสร็จเปิดคอมเปิดโน้นนี่ดู แล้วก็เข้าไปส่องเฟสชาวบ้าน เลื่อนไปเลื่อนมา ก็เจอโพสต์ล่าสุดของพี่อ๊อฟ ถ่ายรูปกับอีผีพลอยลง หึ! อีผีทำหน้าตอแหลมาก ขนาดแผลเต็มตัว คอมเม้นแต่ละคนนี่แบบ เชียร์กันเหลือเกิน ผมหมั่นไส้จริงๆ ผมแค่กดโกรธ แล้วปิดคอมเลย จนจะเข้านอนพี่อ๊อฟก็โทรมา.....
“ทำอะไรอยู่” พี่อ๊อฟเอ่ยถามขึ้น
“จะนอนแล้ว” ผมตอบด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ
“อ่าว! เหรองั้นนอนเลยก็ได้ ตึ๊ด!”แล้วมันก็วางไปเลย
เห้ย! นี่คือมึงไม่รู้จริงๆเหรอว่ากูงอน อ้าโถ่!ชีวิต แล้วผมก็คิดอะไรไปสักพัก ก็หลับไป ตื่นมากิจวัตรประจำวันเสร็จพี่อ๊อฟก็มารับ...
“เป็นอะไรทำหน้าเป็นตูด” พี่อ๊อฟเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“เอาจริงๆนี่เราเป็นอะไรกันเนี่ย!” ผมพูดด้วยความหงุดหงิดแล้วก็ขึ้นซ้อนรถมัน
“ก็เป็นคนที่กำลังจีบกันอยู่ไง” มันพูดไปเขินไป มาเขินอะไรตอนนี้
“จีบบ้าจีบบออะไร วันๆไม่เห็นมีเวลามาจีบ ไม่ใช่ไปจีบอีผีพลอยเหรอ!” ผมขึ้นเสียง
“พูดดีๆหน่อยมึง กูแค่ช่วยงานเขา” โอ้ย! อีผีพลอยมึงทำให้กูต้องทะเลาะกัน
“ไม่ต้องจีบแล้วเป็นแฟนกันเลย!” ผมพูดด้วยความรำคาญ ความบ้าบอของพี่อ๊อฟนี่มันบ้าอะไรของมัน
“เอ!ไม่เอา” มันตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก ผมเริ่มหงุดหงิดแล้วสิ
แล้วก็มาถึงโรงเรียน เราก็เดินออกมาจาดลานจอดรถกัน.....
“เดี๋ยว!” ผมเอ่ยขึ้นมา พี่อ๊อฟกำลังจะเดินไปหาเพื่อน หยุดแล้วหันกลับมามอง
“อะไร”หันมาถามผมพร้อมทำหน้าสงสัย
จับมือมัน “เป็นแฟนกันนะ” นี่สรุปผมต้องเป็นฝ่ายขอมันใช่ไหม ทุ่มทุนขนาดไหน ไม่ทำอะไรสักอย่างอีผีคาบไปแดกชัวร์
“ไม่เอา!” ทำหน้าหงุดหงิด “ก็บอกแล้วไงว่า..”
“จะประสาทอีกนานไหม” ผมพูดตัดบทมัน คนเริ่มมองแล้ว
“นทมึงเป็นอะไรเนี่ย เราตกลงกันแล้วไง” หันมาพูดด้วยสิหน้าจริงจัง
“ตกลงบ้าบออะไรวะ นี่พี่ไม่ได้อยากเป็นแฟนกับผมหรอกเหรอ?” ผมเริ่มนอย
ผมมองมันด้วยความรู้สึกที่ว่า กูก็ไม่ได้เล่นตัวอะไรเลย ทำไมมึงถึงเยอะขนาดนี้ ผมละหน่ายจริงๆนะ คืออะไรเนี่ยตอนนี้ ผมรำคาญมันเต็มทนเลยเดินหนีออกมา แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนๆด้วยอารมณ์ ที่หงุดหงิด แต่อีผีพลอยมาดักรอ..........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:37:28
“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ผีพลอยพูด พร้อมทำหน้าตอแหล!
“อะไร!” ผมถามด้วยความไม่พอใจ คนกำลังหงุดหงิดแท้ๆ
“ฉันได้ยินที่แกคุยกับอ๊อฟหมดแล้ว!” ทำหน้านางร้าย
“เออ!ได้ยินก็ดีแล้ว และเลิกยุ่งกับผู้ชายของผมด้วย อย่าหาว่าไม่เตือน” พูดเสียงดังแล้วเดินชนไหล่มันไปเลย คนมองกันตรึมแต่ก็กลัวจริงๆ กลัวมันจะทำให้พี่อ๊อฟโง่ แล้วก็ไปจากผมอีกคน
ผมก็เดินไปหาเพื่อนๆ ก็เม้านู่นนี่ไปผมไม่สบอารมณ์เลยวันนี้หงุดหงิดมาก พวกเพื่อนก็ถามกัน ผมก็ได้แต่บอกไม่เป็นอะไร พอพักเที่ยง ผมก็ไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร แล้ววันนี้ก็ต่างไปจากเดิม คือพี่อ๊อฟมารอผมกินข้าว ผมยิ้มเลยสิ.....
“พี่อ๊อฟมาทำไมเนี่ย” ไอปอเอ่ยถาม เอาจริงๆคือพวกมันไม่รู้กันสักคนว่าผมกับพี่อ๊อฟกำลังจะคบกัน ผมไม่ได้บอกใครเลย และก็ไม่มีใครรู้นอกจากผีพลอยไม่ได้จะปิดบังแค่ไม่ได้บอก
“มาหาคนขี้งอนวะ” หันไปตอบปอ แล้วมองมาทางผม
“พูดให้ดีๆนะเว้ย!” ผมค้อนใส่มัน
“เอ๊ะ! มันยังไงๆนะคู่นี้” วิวพูดขึ้นพร้อมทำหน้าล้อเลียน
“นั่นสิ มีลับลมคนในอะไรกันหรือเปล่า?” ไอนัทถามพร้อมทำหน้ากวนตีน
“อย่านะโว้ย!ไอสิงโตรอมึงอยู่” ไอมินไอนี่ไม่จบ พี่อ๊อฟมองมันด้วยหางตาทันที
มันก็แซวกันไปผมก็ไปหาที่นั่ง พี่อ๊อฟก็ไปซื้อข้าวให้ ก็นั่งกินกันไปคุยกันไป พอกินเสร็จ พี่อ๊อฟก็แยกตัวไปหาเพื่อน ส่วนผมก็แยกตัวขึ้นห้องเรียน....
“นทมีคนมาหา!” อีแนนตะโกนบอกผมจากหน้าห้องเรียน
“ใครอ่ะ” ผมชะเง้อมอง ยัยอิงฟ้านี่เอง!
ผมสงสัยนิดนึง แล้วก็เดินออกไปหามัน เพราะไม่ได้เจอกันเลยหลังจากไปงานเลี้ยงกับพี่อ๊อฟคราวที่แล้ว จะพูดไม่ได้เจอเลยก็ไม่เชิงก็พอเห็นบ้างแต่แค่ไม่สนใจ ไม่เคยทักทายกันเท่านั้นเอง....
“มีอะไรเหรอ?” ผมถามพร้อมส่งยิ้มแบบเป็นมิตรไปให้
“เราแค่จะมาถาม” ทำหน้าเขินอาย
“ว่า?”
“พี่อ๊อฟชอบกินอะไรเหรอ เห็นนทสนิทนทน่าจะรู้?” ถามด้วยเสียงหวาน ผมก็หางตากระตุกไปนิด มารอีกตัวสินะ
“ทำไมไม่ไปถามเองล่ะ? ไปหาพี่เขาทุกวันไม่ใช่เหรอ?” ผมพูดเสียงแข็ง
“ก็ตั้งแต่วันไปกินเลี้ยงกัน พี่อ๊อฟก็ดูยุ่งๆ เราไปคุยด้วยไม่ค่อยได้ แค่ไปช่วยจับนู่นนี่ให้แค่นั้นเอง” ทำหน้านอยๆ ผมแอบอมยิ้มนิดนึง
“อ่อ ก็เลยจะเอาของชอบไปให้พี่เขา?” ผมถาม นางพยักหน้ารัวๆ “เราว่าพี่มันชอบ ชอบ” เออชอบอะไรวะ? ผมก็ไม่รู้ “ชอบชาเขียวมั้ง ลองซื้อไปให้มันดูแล้วกัน” (ยิ้ม)
“เหรอ” ทำหน้าคิด “อื้มๆ ขอบใจนะ ไว้เราจะมาถามใหม่ อิอิ” มีจะมาถามใหม่ด้วย แล้วมันก็เดินกลับไป
ผมก็เดินเข้าห้องมา สักพักครูก็เข้ามาสอน ผมก็นั่งคิดเรื่องพี่อ๊อฟ เอาจริงๆผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของพี่เขาเท่าไหร่เลย พี่มันชอบกินอะไร ชอบสีอะไร เกิดวันไหน หรืออะไรย่อยๆ รู้แค่ว่ามันน่ารักชอบวาดรูปเอาใจใส่ผมดี และอะไรอีก? ผมไม่รู้อะไรเลย หรือว่ารู้แต่ลืมไปแล้วนะ! ต้องติวเข้มแล้ว แต่ประเด็นคือพอผมจะเริ่มจริงจังกับสถานะของผมกับพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟดันมาเยอะ แถมยังมียัยผีพลอย กับยัยอิงฟ้าเป็นก้างชิ้นโตอีก ผมเซ็งเลย พี่อ๊อฟก็มัวแต่เป็นบ้าอะไรไม่รู้ เฮ้อ! พอเลิกเรียนผมแยกกับเพื่อนๆ แล้วเดินไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม ตามที่คิดกำลังวาดรูปอีผีพลอย และมียัยอิงฟ้าคอยช่วยเหลือ แล้วผมก็เดินเข้าไปหามัน.....
“พี่อ๊อฟ!” ยิ้ม แต่พี่อ๊อฟไม่สนเลย
“............” เงียบ วาดรูปอย่างตั้งใจ ตั้งใจไปไหมวะ!
แล้วผมก็นั่งข้างๆมัน อิงฟ้าก็คอยหยิบนู่นนี่ให้พี่อ๊อฟอิงฟ้าส่งยิ้มมาให้ผมบ้าง ผมก็ลืมไป เวลาที่มันวาดรูปมันจะต้องใช้สมาธิมาก เหมือนบนโลกนี้มีมันคนเดียว ผมรอไปสักพักพี่อ๊อฟก็วาดเสร็จ.....
“อ้ะ! เสร็จแล้ว” มันพูดแล้วยิ้มออกมา พร้อมกับยื่นรูปไปให้ผีพลอย แล้วผีพลอยก็ยิ้มอ่อยให้พี่อ๊อฟ แล้วมองมาทางผม น่าตบที่สุด!
“พี่พลอยจะเอาไปวางไว้หน้าโรงศพเหรอครับ” ผมทำหน้าแบ๊วๆ นางถลนตาใส่ผม
“นท!” พี่อ๊อฟเรียกผมเสียงดัง “มึงอย่าเยอะได้ไหม พูดให้มันดีๆด้วย!” นี่คือหงุดหงิดใส่ผมอีกแล้วคืออะไร อีผีมันยิ้มเยาะเย้ยผมอีก
“นี่ค่ะพี่อ๊อฟ” ยื่นชาเขียวให้พี่อ๊อฟ
“อื้ม ขอบใจนะ” พี่อ๊อฟก็ดื่มชาเขียว “รู้ได้ยังไงเนี่ยว่าพี่ชอบ” อิงฟ้ายิ้มหน้าบาน ผมตกใจเล็กๆที่เดาถูก
“รูปสวยมากเลย ขอบใจนะอ๊อฟ เราจะเลี้ยงตามสัญญานะ อ๊อฟเลือกร้านเลย” จับมือพี่อ๊อฟ แล้วมองผมอย่างผู้ชนะ อีนี่มันจะลองดีจริงๆใช่ไหม!
“ไม่ต้องเลี้ยงอะไรหรอก” พี่อ๊อฟตอบมันด้วยรอยยิ้ม มันมองมาทางผม แล้วดึงมือออก
“นั่นสิไม่ต้องหรอก!” ผมค้อนใส่มันมันยิ้มตอแหลให้ผม
“ไปเลี้ยงที่ไหนเหรอคะพี่พลอย หนูไปด้วยนะ” อิงฟ้าพูดขึ้น พร้อมยิ้มแบบใสๆไร้เดียงสา
“ได้สิ” อีพี่พลอยมันรู้ทัน หาพวกเลยสินะ มันยิ้มร้ายกาจให้ผม “ไปด้วยกันหมดนี่แหละ นทต้องไปนะ วันนี้เลยแล้วกัน” พูดเสียงดัดจริต ไอพี่อ๊อฟก็ดูดชาเขียวไม่รับรู้ห่าอะไรเลยไอบ้านี่
“ได้สิ!” ผมกระแทกเสียงเบาๆ
แล้วพี่อ๊อฟ กับผีพลอยและอิงฟ้าก็เก็บของ เสร็จเราก็เดินไปกัน ผมก็หาจังหวะคุยกับอีผี โดยให้อิงฟ้าไปยืนกับพี่อ๊อฟข้างหน้าผมก็มายืนกับอีผีข้างหลัง....
“จะลองดีใช่ไหม?” หันไปทำหน้าโหดใส่มัน มันยิ้มแบบตอแหลกลับมา
“เปล่านะ!” ทำเสียงตอแหล และหรี่ตามองผม “ก็แค่...อ๊อฟก็น่ารักดี” ยิ้มร้ายกาจ
“หึ! แค่เรื่องไอเบสยังไม่พอใช่ไหม” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พร้อมจิกตาใส่มัน พอพูดถึงไอเบสมันชะงักไปหน่อย
“แล้วเรื่องพี่ไอซ์ไปเคลียล์หรือยัง! ไม่ใช่คันจนลืมสิ่งที่จะต้องทำหรอกนะ!” ด่ามันพร้อมจิกกัดทางสายตาสุดๆ
“หึ!” แล้วมันก็หันไปทางอื่น
“ในเมื่อไม่ทำตามที่บอก คิดจะเปิดศึกใช่ไหม!” ผมบีบแขนมัน
“โอ้ย!” แหกปากเสียงดัง พี่อ๊อฟกับอิงฟ้าหันมา คนแถวนั้นก็เริ่มมอง “นทปล่อยพี่ได้แล้วนะ พี่เจ็บ!” มารยามาก จงใจให้พี่อ๊อฟได้ยินสินะ จริงๆคงไม่ใช่แค่พี่อ๊อฟ ทุกคนบริเวณนั้นก็ได้ยิน
“นทมึงทำอะไรปล่อยเลย!” พูดขึ้นเสียงดัง แล้วดึงมือผมออก แล้วมองหน้าผมด้วยความไม่พอใจ
“นททำพี่พลอยทำไม” อิงฟ้าเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ไม่มีอะไรหรอก!” ผมกระแทกเสียง แล้วค้อนใส่พี่อ๊อฟ “ไปกินกันสามคนเถอะนะ เรากลับแล้ว” หันไปบอกอิงฟ้าแล้วก็จิกตาใส่อีผีพลอย ยกนี้ ผมต้องปล่อยมันไปก่อน ไม่อย่างนั้น ผมเองจะดูไม่ดีเข้าไปใหญ่
แล้วผมก็เดินย้อนกลับไปหน้าโรงเรียน คือพี่อ๊อฟก็ตะโกนเรียก แต่ก็ไม่มานะเพราะโดนอีผีพลอยดึงไว้ ผมไม่โทษพี่อ๊อฟหรอกเพราะอีผีพลอยมันเล่นละครขนาดนั้น ผมอยู่ต่อก็จะกลายเป็นคนผิดไปจริงๆแน่ ผมโทรให้ป๊ามารับ พอถึงบ้านผมก็ขึ้นไปบนห้องเคลียล์การบ้าน ทำนู่นทำนี่ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด คืออีพลอยมันเจอดีไปขนาดนั้นแล้วยังจะลองดีอีกนะ!
ผมทำอะไรเสร็จเปิดคอมฟังเพลงเล่นเฟส หึ! รูปอีพลอยกับพี่อ๊อฟ หน้านี่จะรวมกันอยู่แล้วถ้าจะชิดขนาดนั้น หน้าพี่อ๊อฟก็ยิ้มบานเลย เอาจริงๆผมก็รู้นะว่าพี่อ๊อฟปฏิเสธไม่ได้แต่ คือเว้นระยะห่างก็ยังดีไหม โอ้ย! อีพลอยมันได้เจอดีแน่! ผมปิดคอม อาบน้ำปิดโทรศัพท์เตรียมตัวนอนเลย ไม่กงไม่กินแล้วข้าวเย็น แล้วผมก็หลับไป....
พอเช้ามาทำอะไรเสร็จพี่อ๊อฟก็มารับ ผมก็ซ้อนไม่ได้พูดอะไร พี่อ๊อฟก็ชวนพูดนู่นพูดนี่นะ ผมก็อืมเออออไป พอถึงโรงเรียนก็แยกย้ายกันไป ผมกำลังคิดว่าจะจัดการอีผีพลอยยังไง! เข้าแถวเสร็จก็ขึ้นห้องเรียน พอพักเที่ยง วันนี้พี่อ๊อฟไปกับเพื่อน ผมก็นั่งกินข้าวกับเพื่อนไปคุยกันไป....
“เป็นอะไรมึง ดูเครียดๆนะ” ปอหันมาถามผม
“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย” ผมตอบปอแล้วส่งยิ้มให้มัน
แล้วพวกมันก็คุยกันไป.............
“เมื่อวาน ฉันไปกับอ๊อฟมา เทคแคร์ฉันดีมากเลย น่ารักสุดๆ”อีผีพลอย ผมหันไปตามเสียงมันนั่งห่างจากผมไปสองโต๊ะ พูดแหกปากเม้ามอยกับเพื่อนมัน อีผู้หญิงหน้าไม่อาย หน้าก็สวยยังทำตัวเป็นชอกการี ไปออเซาะพี่ไอซ์จนเป็นข่าวทั่วโรงเรียนไม่พอ จะมาออเซาะพี่อ๊อฟอีกเหรอ มันมองผมแบบผู้ชนะ เพื่อนๆผมก็จับไหล่ผมไว้ ถึงพวกมันจะไม่รู้เรื่องที่อีพลอยพูดแต่พวกมันเห็นสายตาที่อีพลอยส่งมา…
“อ๊อฟก็น่ารักนะ แต่ดูหยิ่งไปหน่อย”เพื่อนมันพูด
“แต่กับฉันอ๊อฟไม่หยิ่งเลยนะ”ยักคิ้วมาให้ผม ผมมองมันแบบตาแทบหลุด!
ปัง! ผมทุบโต๊ะอย่างแรง คนก็มองมาทางผม อีผีพลอยมันก็ยิ้มยี้ยวนกวนตีนมา คือมันรู้ไงว่าถ้าผมทำอะไรมันกลางโรงอาหารแบบนี้ผมเนี่ยแหละจะซวยของแท้ เพื่อนๆผมจับมือผมไว้ ประมาณว่าใจเย็นๆ.....
“หึ!” ผมสบัดมือออกจากเพื่อน แล้วลุกเดินไปหามัน เพื่อนๆผมก็ลุกมา คนในโรงอาหารก็เริ่มมมอง
“น้องนทเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ!” มันถามผมด้วยน้ำเสียงตอแหล เพื่อนๆมันก็ยิ้มแล้วเบะปาก
“ไม่มีไรหรอกจ้ะ!” ผมเอามือไปปัดแก้วน้ำมันให้หก อุ๊ย! ขอโทษนะมือมันไปเองอะ” มันลุกขึ้นยืนแล้วมองผมแบบหาเรื่อง ผมก็ยิ้มสวยๆส่งไป
“นทไปเถอะ อย่ามีเรื่องในโรงเรียนนะ!” ปอดึงมือผมไว้
“กูไม่ได้จะมีเรื่อง” ผมพูดแล้วมองมันแบบกูจะฆ่ามึง “อ้อ! น้ำพี่พลอยหกนี่! พี่คงจะไม่มีปัญญาหาซื้อใช่ไหม อะ!” ผมโยนแบงค์ร้อยให้มัน โดยเน้นคำว่าหา “หวังว่าแค่นี้คงจะหากินเองได้แล้วนะ!” เน้นคำว่าหากิน มันคงจะไม่โง่เกินจะเข้าใจความหมายหรอกนะแล้วผมก็เดินไป ผมได้ยินเสียงมันกัดฟันกรีดร้องในลำคอ เพื่อนๆก็ห้ามมัน เพราะคนมองก็ตั้งเยอะ แล้วผมก็กลับมานั่งที่
“นี่มันยังไม่จบอีกเหรอวะ!” วิวถามขึ้นพร้อมมองไปทางอีพวกนั้น
“เสียดายตังว่ะตั้งร้อยนึง” ไอมินกล่าว เสียงมันดูเสียดายสุดๆ
“ไอมินมึงเหี้ยไปแล้ว!” ผมหันไปตะคอกใส่มัน
พวกเพื่อนผมมันก็พูดกันไป อีผีพลอยมันหายไปไหนไม่รู้แล้วผมกินกันเสร็จก็พากันขึ้นห้อง.....
“นทที่โรงอาหารมึงเจ๋งสัส!” อีแนนมันเดินมาหาผม
“สาระแนอีแนน!” ไอมินหันไปด่าคือด่าไปอีแนนก็ไม่ได้สะทกสะท้านหรอก หน้าด้านยิ่งกว่าอะไรในโลก
“เออไปไกลๆไป เดี๋ยวก็เจอดีหรอกมึง!”วิวไล่อีแนน
แล้วพวกมันก็รุมด่าอีแนนกัน อีแนนก็กรีดร้องแบบช้างป่า พออีแนนไปพวกมันก็พูดถึงเรื่องที่ผมทำวันนี้ มันบอกสะใจกันนู้นนี่เม้ากันไป ผมก็ไม่สนใจหงุดหงิดมากกว่า คือมันจะระรานผมจริงๆใช่ไหม คืออีผีมันก็สวย มันคงจะว่างมากที่มาก่อกวนผม นั่งเรียนช่วงบ่ายไม่มีสมาธิเลย พอเลิกเรียน.......
“พวกมึงไปบ้านสิงโตกัน!” ไอมินพูดขึ้นพร้อมกับ ยิ้มหน้าบาน
“ไปทำไมวะ?” ผมถามขึ้น
“วันเกิดน้องซิน ของแดกดีๆทั้งนั้น” ไอมินพูดพร้อมทำหน้าฟิน
“ไปแล้วกลับดึกหรือเปล่ามึง?” ไอวิวถามขึ้น
“นั่นดิ กูละเบื่อโดนพ่อด่า” ไอนัทพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่จริงจังนัก
“ยังไงไอมิน” ปอถาม ทุกคนหันไปมองมัน มันชะงักไปนิด
“ไอสิงโตมันให้คนที่บ้านไปส่งก็ได้ เพื่อนๆมันก็มี” ไอมินพูดขึ้น เหมือนเตรียมพร้อมแล้วสินะ
“นท!”พี่อ๊อฟตะโกนมาแต่ไกลด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด พอมาถึง......
“อะไร?” ผมหันไปถามมัน เพื่อนๆก็มอง
“มึงทำแบบนี้ทำไมวะ” พูดจบ มันเอาแบงค์ร้อยโยนใส่ผม
“ทำอะไรวะ!” ผมถาม แล้วก้มหยิบแบงค์ร้อย
“พลอยบอกว่ามึงโยนตังให้แล้วบอกว่าเป็นค่าตัวที่เป็นแบบให้กูวาด มึงไม่น่าพูดแบบนั้นนะ!” พี่อ๊อฟพูด แล้วคือมันจะโกรธทำไม ถ้าผมพูดจริง
“ไม่ได้พูด ผมจ่ายค่าน้ำของมันที่ผมทำหก ไม่เชื่อถามเพื่อนๆดิ!” พวกเพื่อนผมพยักหน้ารัวเลย
“มึงไม่ควรทำนะนทเรื่องมันก็จบแล้ว กูกับพลอยก็เพื่อนกันเท่านั้นเอง” ไอนี่นิจะเป็นพี่ไอซ์2ใช่ไหม
“นี่คือมาด่าผมเรื่องนี้โดยเฉพาะ?” ผมถามพร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ มันชะงักไปนิด อีพลอยอีก อีกากี “บอกเลยนะถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับมันแล้วก็เอาเรื่องที่มันตอแหลมาด่าผมล่ะก็ ไม่ต้องมาคุยกันอีก! ไปเถอะพวกมึง เสียเวลา!” พูดจบผมก็โยนเงินแบงค์ร้อยใส่หน้าพี่อ๊อฟ แล้วก็เดินไปเลย
พี่อ๊อฟก็ยืนนิ่งแล้วมันก็เดินกลับไปชมรม เอาจริงๆคืออีพลอยมันแรดร่านเลว อีนี่มันร้ายนะ มันมารยานิดหน่อยคนอื่นก็สงสารมันแล้ว แล้วยิ่งมันตอแหลอะไรคนจะเชื่อเพราะมันเครดิตดี เป็นตัวแทนโรงเรียน หน้าอย่างมันจะต้องเจอดีถ้าไม่จบ! ผมไปรอพวกไอสิงโตมารับพวกเพื่อนมันก็โทรขออนุญาติพ่อแม่มันไป แล้วก็หันมาถามผมกันว่าทำไมพี่อ๊อฟถึงมาโกรธผม ผมก็บอกไม่รู้ ไม่รู้อะไรทั้งนั้นมันก็เลิกถามไป
บอกเลยว่าก็เบื่อพี่อ๊อฟนะก็รู้มันเป็นอีอสรพิษยังไปยุ่งกับมันอีก สักพักพวกไอสิงโตมา ผมก็ซ้อนมันไป แล้วคนอื่นๆก็ไปกับพวกไอโค้ก พอถึงบ้านไอสิงโต โอ้โห! คฤหาสชัดๆ ใหญ่โตเว่อร์ อยู่หมู่บ้านเดียวกับไอมิน ผมมาบ้านไอมินต้องมองบ้านหลังนี้บ่อยๆเพราะมันสวยมากและใหญ่โตมากจริงๆ สรุปเป็นบ้านของไอสิงโตเหรอเนี่ย พอเข้าไปนี่คนงานคนสวนแม่บ้านเต็มไปหมด......
“เห้ย! กูไม่ได้ซื้อของขวัญมาอ่ะ!” ผมเอ่ยขึ้น เมื่อนึกได้ มัวแต่โกรธจนลืมไปเลยจริงๆ
“เออไอห่ามินดันบอกกะทันหัน” ไอปอพูด พร้อมกับหันไปดีดหูไอมิน
แล้วพวกเราก็เถียงกันไปมาในเรื่องนี้ พวกไอสิงโตก็ยืนมอง.....
“ของขวัญอะไร?” สิงโตที่ยืนฟังพวกผมเถียงกัน ทำหน้างง
“วันเกิดน้องมึงไม่ใช่เหรอ” ผมหันไปบอกมัน
“วันนี้ไม่ใช่วันเกิดน้องกูนะ” สิงโตตอบ พร้อมทำหน้าสงสัย
แล้วทุกคนก็มองไปทางไอมิน ไอมินแกล้งลืมของทันทีเลย สรุปว่าวันนี้ไอสิงโตไม่ได้มีงานอะไรทั้งนั้น แค่ไอมินรู้มาว่าไอสิงโตซื้อเกมส์มาใหม่เลยอ้างว่าผมจะไปเล่น ไอสิงโตก็เลยโอเค แล้วไอมินก็มาโกหกพวกผมเพราะกลัวพวกผมไม่มาแล้วมันจะอดเล่นเกมส์ ทุกคนก็รุมด่ามัน เกินไปจริงๆ คือไอห่านี่หลายเรื่องแล้วนะ ไอสิงโตก็พาเข้ามาในบ้าน พ่อแม่มันไม่อยู่ เข้ามาคือห้องเยอะมากกว้างมากใหญ่มาก มันพาไปห้องเล่นของมัน เกมส์เพียบของเล่นเพียบ ผมยืนดูของหน้าตู้โชว์ใหญ่ที่ติดฝาผนังห้อง ในตู้นั้นมีโมเดลและของเล่นมากมายที่ดูแล้วคงจะแพงใช่ย่อย แล้วก็มีโมเดลที่ผมอยากได้ ผมยืนมองมองแล้วมองอีก.........
“ชอบเหรอวะ?” สิงโตถามผม แล้วมันก็ยิ้ม ผมกำลังจะตอบ
“มันชอบการ์ตูนเรื่องนี้มากเลยนะมึง ไปดูหนังสือการ์ตูนในห้องนอนมันดิมีทุกเล่ม” ไอมินตอบขึ้นมา พร้อมกับทำหน้าภูมิใจ
“รู้ไปหมด ไอเวร!” หันไปด่ามัน แล้วมาดูโมเดลต่อ คนอื่นก็เล่นเกมส์กันอย่างเมามันส์ คือมันจะรวยไปไหน มีจอทีวีสองจอ แล้วจอนี่จะใหญ่เท่ากับผนังห้องเลยนะ เครื่องเกมส์เพลย์5 2 ชุด และก็เกมส์อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด มากมายจริงๆ ถ้าดูไม่ผิด นี่มันเกมส์เซ็นเตอร์ที่มีแต่เกมส์พรีเมี่ยมดีๆนี่เอง....
“อยากได้ไหม?” สิงโตถาม มันก็ไม่ยอมไปไหน ยืนดูผมอยู่นั่นแหละ
“แพงจะตายห่า ขืนกูซื้อไปโดนป๊าฆ่าแน่” ตังมีซื้อ แต่ป๊าไม่ชอบให้ซื้อของไร้สาระเข้าบ้าน เคยซื้อมาตัวนึงป๊าด่าสามวันยังไม่จบ
“กูให้เอาป่ะ!” ไอสิงโตพูดขึ้น พวกไอโค้กที่กำลังแหกปากเงียบแล้วหันมามองทันที
“หะ...เห้ย! ไม่เอาหรอก กูแค่ขอดูเอง!” หันไปมองพวกนั้นมันก็กลับไปเล่นกันปกติ
“กูอยากให้นะ” ทำหน้าเศร้าๆ แล้วทำท่าจะเปิดตู้
“ไม่เอาก็ไม่เอาดิวะ เอ้อไอนี่นิ!”แล้วผมก็เดินไปนั่งข้างๆไอโค้กไอสิงโตมันออกไปนอกห้อง “…โค้กโมเดลพวกนั้นมีอะไรหรือเปล่าตอนที่สิงโตบอกจะให้แล้วพวกมึงมองมา” พวกไอปอก็ตั้งใจฟังเหมือนอยากรู้
“นั้นมันโมเดลที่ตาซื้อให้มันก่อนตามันจะเสียนะมึง มันรักมาก มึงแม่งโชคดี ที่มันเอ่ยจะให้แต่กูแนะนำเลยว่าอย่ารับของของมันในตู้โชว์นั้นเลยจะดีกว่า มีคุณค่าและความหมายกับมันทุกชิ้น ถึงจะเป็นแค่ของเล่นก็เถอะ” ไอโค้กพูดหน้าเครียดๆ
“จริงๆไม่ได้มีแต่ตามันนะที่ซื้อให้ คนที่มันรักทั้งนั้นซื้อให้มัน มันไม่เคยหยิบออกมาจากตู้เลย!” สอพูดขึ้น พวกผมก็ฟังอย่างตั้งใจ
“วันนั้นกูแค่จับกระจกกูยังโดนมันด่าเลยเถอะ!” ไอตี๋พูดขึ้นพร้อมทำหน้าจริงจัง
“เอาเป็นว่าพวกมึงอย่าไปยุ่งกับของในตู้นั้นก็เป็นพอ โอเคนะ” ต้นเอ่ยเตือนพวกผมพยักหน้ารับรู้แล้วพวกเราก็นั่งเล่นกันต่อ
เกือบไปแล้ว ดีนะแค่ดู ไม่งั้นล่ะก็ไอสิงโตคงจะเสียใจมากๆแน่เลย แล้วสักพักไอสิงโตก็เดินเข้ามาพร้อมกับแม่บ้าน 2 คนเอาของว่างมาให้กิน ของดีทั้งนั้นจริงๆด้วย....
“ไอมิน มึงไม่เคยกินหรือยังไงวะ!” ผมหันไปถาม มันกินแบบตะกระห่าลงหยิบอย่างเดียว
“มึงมันยาจก” นัทพูดขึ้น พร้อมทำหน้ารังเกียจไอมิน ทุกคนก็หัวเราะ
“กินไปเถอะ ไม่พอมีอีก” สิงโตพูดขึ้น ไอนี่มันเสี่ยจริงๆ
“ไอมินถึงไอสิงโตพูดแบบนั้นมึงก็ควรมีมารยาทนะ!” ผมหันไปกระซิบบอกมัน
“ไอสิงโต” มันตะโกเรียกไอสิงโต คนอื่นๆก็หันไปมองมัน “ไอนทอยากกินพิซซ่ากับไก่ทอด” ผมอึ้งเลยสิ
“ไอเหี้ย! กูไม่ได้พูด” ผมด่ากราด พร้อมกับตบหัวมันเลย “มึงกูไม่ได้พะ..”
“ได้ดิแปปนึงนะ” สิงโตพูดตัดบทผม แล้วมันก็ออกไป
“ไอมินมึงเหี้ยไปแล้วเอาจริง!” ผมพูดด้วยความไม่พอใจ โกรธมันแล้ว ผมเดินไปนั่งกับปอ
“มึงพูดจริงเหรอวะ?” ปอหันมาถามผม ไอนี่ทำเหมือนไม่รู้จักผม
“มึงควรถามว่าไอมิน พูดทำไม” วิวพูดพร้อมมองไปทางไอมิน
“คือมึงมันเหี้ยจริงๆ” นัทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง พร้อมกับตบไหล่ไอมินพวกไอโค้กก็หัวเราะกัน
แล้วทุกคนก็รุมด่าไอมิน แต่หาได้สำนึกไม่เล่นเกมส์หน้าตาเฉย สักพักไอสิงโตก็เข้ามา เราก็เล่นนู่นนี่ไป แล้วพิซซ่าและเคเอฟซีชุดใหญ่ก็มาส่ง พวกเราก็เขมือบกัน โดยเฉพาะไอมิน กินอย่างคนไม่เคยกิน น่าเตะก้านคอแม่งจริงๆ ผมกินเสร็จก็มานั่งอยู่ตรงมุมห้อง เล่นNintendo switc ของไอสิงโต พวกนั้นก็เล่นเกมส์กันกลางห้อง แล้วไอสิงโตก็มานั่งข้างๆผม.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:38:45
“สิงโต” ผมพูดขึ้นพร้อมกับกดพักเกมส์ แล้วหันไปมองมัน
“ว่า?” มันใกล้ไปจริงๆเพราะมันนั่งดูผมเล่นเกมส์โดยเอาหน้ามาใกล้ๆ ผมหันไปหน้าเกือบชน แต่ผมก็ไม่ถอยนะ555 อ่อยแหละ
“วันหลัง ถ้าไอมินจะพูดอะไรถามก่อนกูเกรงใจมึงนะเว้ย! ไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้ ไอมินมันเป็นพวกไม่มีความเกรงใจ มึงอย่าทำแบบนี้บ่อยเลยนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงและสายตาที่ดูจริงจัง ถึงจะโกรธ แต่ไอมินมันก็เพื่อน ผมก็เกลียดมันไม่ลงหรอก แต่ก็ไม่อยากให้มันกลายเป็นคนไร้ความเกรงใจที่เอาผมไปอ้างเพราะเรื่องพวกนี้
“มึงคิดว่ากูทำแล้วไม่หวังอะไรเลยเหรอ.....กูทำหวังประโยชน์” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ แล้วมันลูบแก้มตัวเอง
“โห! ไอห่า” ผมด่ามันแก้เขิน พวกเพื่อนก็มองอยู่
“ไหนบอกจะตอบแทนเสี่ยไงถ้าเสี่ยเลี้ยง” ไอมินไอนี่สุดๆจริงๆ
“มึงไปยุ่งกับมันทำไม เล่นไปเกมส์น่ะ!”ไอวิวหันไปตะคอกใส่ไอมิน
“มึงด่ามันแต่ตามึงมองไม่กระพริบเลยนะ!”ไอนัทหันไปด่าไอวิว
“พอเลยมึงสองตัว เล่นต่อๆ” ปอพูดขึ้นพวกไอโค้กก็หัวเราะกัน คือพวกผมกับพวกมันต่างกันพวกผมจะชอบเถียงชอบด่ากัน พวกไอโค้กเน้นนิ่งๆ ไม่ค่อยอะไรมาก แบบบอยแบน นิ่งๆมาดเข้มอะไรทำนองนั้น แต่พอพวกมันคุยกันก็สุนกดีนะ
“พี่สิงโต!” น้องซินเปิดประตูเข้ามาแล้วเรียกไอสิงโต ทุกคนก็มองไปทางน้องซิน
“มีอะไร!” สิงโตถามด้วยท่าทีไม่พอใจ
“มาช่วยหนูจัดกรงกระต่ายเลยนะ! สัญญาแล้วนี่!” ท่าโกรธน้องน่ารักมากเลย
“ซินพี่อยู่กับเพื่อน!” ตะคอกแล้ว น้องซินทำหน้าเหมือนจะร้องทุกคนก็เงียบแล้วหันไปเล่นเกมส์แบบเงียบๆ เกร็งกันหมด โดยเฉพาะพวกไอโค้ก
“ให้พี่ไปช่วยแทนได้เปล่า” ผมเอ่ยขึ้น พร้อมยิ้มให้น้องซิน พวกนั้นมองผมแบบอึ้งๆ
“จริงเหรอคะ” วิ่งมานั่งมาหาผม
“ให้พี่ช่วยได้ไหมล่ะ” ผมถามกลับอย่างอารมณ์ดี ไหนๆเพื่อนผมมันก่อเรื่องไว้แล้ว ก็ต้องตอบแทนหน่อยแล้วกัน
“ได้ค่ะมาเร็วๆ” จับมือผมแล้วดึง
“ซินอย่าไปรบกวนพี่นทนะ!” สิงโตพูดแล้ว ดึงมือผมอีกข้าง
“เห้ย! ไม่เป็นอะไร กูอยากทำ ถือว่าตอบแทนค่าพิซซ่าแล้วกัน” ผมบอกไอสิงโต
แล้วพวกมันก็แควะผมกัน พ่อพระจังนะ คนดีจัง บลาๆๆๆๆ ผมไม่สนใจพวกมันแล้วเดินไปตามแรงดึงของน้องซิน น้องซินพาเข้าห้อง? ห้องอะไรอะทำไมมันหวานขนาดนี้เป็นห้องสีชมพู น่าจะเป็นห้องเล่นของน้องซิน เพราะมีแต่ของเล่นผู้หญิง อย่างห้องของไอสิงโตก็มีแต่ของผู้ชาย รวยเกินไปจริงๆ ไอสิงโตก็เดินตามเข้ามาดู มันมีกรงกระต่ายและก็ของตกแต่ง อาหาร หญ้า นู่นนี่นั่นวางระเกะระกะเต็มไปหมด ส่วนกระต่ายน้องซินเอาไว้ในกระเป๋าน่ารักมาก มีสองตัว ตัวสีขาวขนฟูทั้งคู่เลย แล้วผมกับน้องซินก็ช่วยกันจัดไปสนุกมากน้องซินพูดเก่งและเผาไอสิงโตให้ผมฟัง ไอสิงโตก็นั่งยิ้มนั่งเขินของมันไป พอเสร็จน้องซิ้นถ่ายรูปส่งไปอวดเพื่อนใหญ่เลย......
“ขอบคุณมากนะคะพี่นท ถ้าหนูทำคนเดียวคืนนี้คิมมี่กับแครกเกอร์ไม่มีที่นอนแน่” คิมมี่และแครกเกอร์ชื่อกระต่าย เอาจริงๆก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากหรอก แต่ด้วยความที่น้องซินเป็นคุณหนูทำอะไรไม่เป็น และไม่อยากให้แม่บ้านเข้ามายุ่ง มันเลยทำให้ผมดูเหมือนช่วยเยอะ
“ไม่หรอกน่า น้องซินเก่งอยู่แล้วพี่ทำไปนิดเดียวเอง น้องซินทำตั้งเยอะ” ยิ้ม ไอสิงโตก็มองอยู่นั้นแหละ
“พี่นทน่ารักจัง วันนี้อยู่ทานข้าวกับหนูก่อนนะคะ” จับมือผมแล้วยิ้มร่า
“อะ...เอ่อพี่เพิ่งทานพิซซ่าไปเองนะ” ผมยิ้มอ่อน น้องพูดเพราะไปแล้วเริ่มอึดอัด
“พี่สิงโต ให้พี่นทอยู่ทานข้าวกับเรานะๆๆๆๆ” น้องซินหันไปอ้อนไอสิงโต
“ก็นท....อยากอยู่ไหมล่ะ?” ไม่ช่วยแถมยังส่งเสริม
“ได้ยังไง เพื่อนๆพี่ก็อยู่เต็มห้อง ถ้าพี่อยู่เพื่อนพี่ก็ต้องอยู่ทานนะ” ผมเกร็งนิดๆ น้องซินเป็นคุณหนูที่ดูค่อนข้างเอาแต่ใจ
“งั้นเดี๋ยวหนูไปชวนให้นะคะ” ยิ้ม แล้วพวกเราก็เก็บของที่เรี่ยราด แล้วไปห้องเล่นของไอสิงโต “พี่ๆคะ วันนี้หยู่ทานข้าวกันก่อนนะคะ” ยิ้มบาน ส่วนพวกไอโค้กถึงกับค้าง พวกมันก็พยักหน้าหงึกๆ แล้วน้องซินก็ออกไป
“เป็นอะไรว่ะ?”  พวกผมและเพื่อนๆมองไปทางพวกไอโค้ก
“ไอสิงโต ทำไมวันนี้พวกกูได้กินข้าวบ้านมึงวะ? ปกติน้องมึงจะไล่พวกกูกลับแล้วนะ?” ไอโค้กพูดขึ้น ไล่เลยเหรอ
“นทมันไปช่วยน้องกู แล้วน้องกูเลยอยากให้อยู่กินข้าวตอบแทน นทมันก็บอกให้น้องกูมาชวนพวกมึง” ไอสิงโตพูดพวกมันก็พยักหน้า
“พวกมึงรู้ป่ะ โครตโชคดี เพราะนี่มันเย็นแล้ว ปกติน้องซินจะมาหาเรื่องไล่พวกเรากลับบ้าน” ไอสอพูดขึ้นมา
“ก็พวกมึงชอบเปิดเพลงเสียงดังเองนี่หว่า!” ต้นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกมันก็เริ่มเถียงกันไปมา พวกเราก็เล่นกันต่อสักพักแม่บ้านก็มาตามให้ไปกินข้าว พอเดินตามไป....โอ้โห! โต๊ะกินข้าวยาวมากนั่งได้20คนเลยมั้ง กับข้าวหรูๆเต็มโต๊ะเลย....
“สิงโต อันนี้ของที่มึงกินทุกวันเหรอ” ผมกระซิบถามมัน มันพยักหน้า “แล้วพ่อแม่มึงไปไหน?”
“ไปเมืองนอก กลับอาทิตย์หน้ามั้ง” แล้วมันก็เดินไปนั่งหัวโต๊ะ? แล้วผมก็นั่งข้างมันนั้นแหละ มันดึงแขนให้ผมตามมันไป
เราก็กินข้าวกันไป น้องซินพูดเยอะมาก ส่วนคนอื่นก็คุยกันไปกินกันไป พอพวกผมกินเสร็จผมลุกขึ้นจะช่วยกันเก็บจาน.....
“ทำอะไรกันคะ?” น้องซินถาม แล้วมองอย่างสงสัย
“ก็ช่วยกันเก็บไงครับ” ไอวิวพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ป้าจิตร!” น้องซินตะโกนเรียกใครก็ไม่รู้ แล้วเขาก็วิ่งมา แม่บ้านนั่นเอง “เก็บของค่ะ แล้วไปไหนมาอ่ะคะทำไมไม่อยู่แถวนี้กัน!” นางโมโห แม่บ้านก็ก้มหัวรับคำน้องเขาอย่างเดียวเลย
“ให้มันน้อยๆนะซิน เดี๋ยวได้เจอการฝึกมารยาทคุยกับผู้ใหญ่!อีกครั้งนะ!” สิงโตหันไปดุน้องมัน น้องซินทำหน้าไม่พอใจ “ป้าครับเรียกคนมาเก็บ ผมจะไปห้องเล่นของผมแล้ว! ป่ะ” มันพูดโดยไม่ฟังคำตอบของแม่บ้าน แล้วมันก็พาพวกผมกลับห้องเล่นของมัน เวลามันสั่งคนในบ้านดูมันมีอำนาจแบบสุขุมดูดี....
เราเข้าไปนั่งเล่นกันสักพักก็มืดแล้วก็พากันกลับ ไอสิงโตก็เป็นบ้าอะไรของมัน ผมบอกว่าจะไปกับไอโค้กก็ได้เพราะไอมินบ้านอยู่แค่นี้เอง ไอมินมันเดินกลับได้ แล้วรถพวกไอโค้กก็ว่างที่นึง มันไม่ยอมจนผม ที่ต้องยอมให้มันไปส่งจนได้ ไม่อย่างนั้นก็ได้เถียงกันยันเช้า พอถึงบ้านผมก็บอกลามัน แล้วมันก็ไปผมก็เข้าบ้าน...
“มีคนมาหานท!” เมื่อป๊าเห็นผม ก็เอ่ยขึ้นพร้อม ชี้ขึ้นไปข้างบน
ผมก็บอกป๊ากับแม่ว่าไม่กินข้าวกินมาแล้ว แล้วก็ขึ้นห้องทันที พอเปิดประตูเข้าห้อง พี่อ๊อฟ! นั่งอยู่ตรงโต๊ะผม น่าจะอาบน้ำแล้วเพราะใส่ชุดนอนขนาดนั้นถ้าบอกยังไม่อาบก็ไม่น่าใช่ ขนของมันมาเต็มเลยคงจะมานอนนี่แหละ ผมก็เอาของไปเก็บ แล้วก็เดินเข้าไปอาบน้ำ อุ้ย! มันเตรียมแปรงไว้ให้ด้วย เสร็จแล้วพอออกมามันก็ยังนั่งอยู่ ผมแต่งตัวแล้วก็ขึ้นเตียง........
“ไปไหนมา” หลังจากเงียบอยู่นาน พี่อ๊อฟก็เอ่ยถาม
“ไปบ้านสิงโตมา” ตอบไปเล่นโทรศัพท์ไป
“ไปทำไม” มันลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นมาบนเตียง มานอนข้างๆผม
“ไปเล่นพวกปอกับพวกไอโค้กก็ไป” กดโทรศัพท์ต่อไป
“ทำอะไรอ่ะ” ดึงโทรศัพท์ผมไปดู ผมเล่นเฟสไง
“วันนี้ไม่ไปหาผีพลอยเหรอ?” ถามมันด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แล้วก็ดึงโทรศัพท์ผมคืนมา
“ไม่เอาน่า ขอโทษ ขอโทษนะ” ยื่นนิ้วก้อยมา ผมก็ปัดมือมัน
“รู้ว่าผมไม่ชอบก็ยังไปยุ่งกับมันควรหายโกรธไหม ถ้าโง่เหมือนพี่ไอซ์บอกเลยว่าไม่ต้องมายุ่งกับผมหรอก! เสียวเลา” คิดแล้วก็น่าโมโห
“โอเคๆ รู้แล้วๆไม่ยุ่งเกี่ยวกับพลอยแล้ว กูรู้ความจริงหมดแล้วโอเคไหม?” ผมมองมันพร้อมทำหน้าสงสัย “ก็ตอนที่มึงไปกูเดินกลับไปหาพลอยเพื่อจะถาม แล้วพลอยก็กำลังคุยกับเพื่อนอยู่กูได้ยินหมดแล้ว กูขอโทษนะ” กอดผม “กูนึกว่ามันจะจบแล้วเลยไม่ได้คิดอะไร กูคิดว่ามึงแค่หาเรื่องพลอยตามประสาคนเพิ่งทะเลาะกันเอง” เสียงหงอยเลย
“เออหายโกรธก็ได้! แล้วอย่าให้มีอีกนะ! แล้วบอกเลยผมไม่หาเรื่องใครก่อนหรอกถ้ามันไม่มายุ่ง แต่นี่มันจะมาคาบพี่อ๊อฟไป พี่อ๊อฟก็ไม่ยอมเป็นแฟนผมสักที จะทำยังไงล่ะไม่ให้โกรธเหรอ?” ผลักมันออก
“โอเควันหลังกูจะไม่ทำแล้ว” โน้มตัวมากอดผมอีกครั้ง
“ก็คือตอนนี้ก็ยังจะจีบอยู่ใช่ไหม?” ผมถามมัน มันก็พยักหน้าตอบรับ
ผมมองมันด้วยความรำคาญ แล้วพลิกขึ้นคร่อมตัวมันแล้วจูบมัน จูบแบบลุกล้ำเล่นลิ้นจนเมื่อย พอจะออกมันก็กดอยู่อย่างนั้น จนผมเริ่มหายใจไม่ทัน...
“โอ้ย! กัดทำไมวะ!” ผมกัดลิ้นมัน มันผละออกแล้วจับปากตัวเอง
“คนจีบกันทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอ?” ถามมัน ไม่สนหรอกว่าจะเจ็บไหม ผมหงุดหงิดกับการจะจีบอะไรไร้สาระของมัน
“ได้ดิ!” มันยิ้ม
“แล้วคนจีบกัน....ทำแบบนี้ได้ปะ” ผมเอามือไปจับเป้าพี่อ๊อฟ
“ได้ดิ!” ยิ้มทำหน้าฟินๆ ประเด็นคือของที่ผมจับมัน เริ่มสู้มือผมก็เอาออก
“งั้นก็พอเถอะ!” หงุดหงิดจริง “เออพี่อ๊อฟ” หันไปถามมัน มันยิ้มให้แบบหื่นๆ  ไอบ้านี่! “พี่ไอซ์เป็นยังไงบ้างอะ?”
“ก็ไม่เป็นยังไงนะ มาบ่นกะกูว่าเสียใจเรื่องมึง และก็เข็ดกับผู้หญิงแบบพลอยไปอีกยาวนาน” พูดแล้วทำทำหน้าสะใจ อะไรของมัน
“ดีแล้ว! ก็ถ้าพี่ไม่อยากเป็นแบบพี่ไอซ์ก็อย่าโลเลเข้าใจไหม!” ผมทำเสียงโหด
“เข้าใจแล้วคร้าบบบ ว่าที่แฟนนน” ผมเซ็งกับมันตรงนี้
“แล้วเมื่อไหร่จะจีบติด ไม่เห็นทำอะไรเลย!” ผมมองมันแบบไม่พอใจ
“ก็นี่ไงมานอนด้วย คอยเอาใจมึง” พูดแล้วทำท่าภูมิใจ
“เป็นแฟนกันเถอะ” ผมหอมแก้มมัน “เป็นแฟนกันนะ” ผมจุ๊บปากมัน “นะๆๆๆๆๆ” อ้อนมัน
“ก็กำลังจีบนี่ไง!” ยิ้ม
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหม!” ผมล้วงมือเข้าไปในกางเกงมันแล้วจับ...ของมัน หืม เห็นแบบนี้ใหญ่ใช่ย่อย แถมเริ่มจะพองโตสู้มือผมแล้ว มันก็ไม่ขัดขืน ผมรู้สึกร้อนที่หน้าเลย “เป็นแฟนกันได้หรือยัง?” มือก็ค่อยๆขยับขึ้นลงช้าๆ
“ยัง อื้ม!” มันทำหน้าเคลิ้ม
“ยังอีกเหรอ!” ผมเร่งมือเร็วขึ้น จังหวะน่าจะได้มันมองผมตาเยิ้ม “เป็นแฟนกันนะ” มันส่งยิ้มมา ผมก็เขินสิ ทำเองอายเอง....
“ไม่...อ่า!” มันตอบพร้อมครางออกมา ผมเร่งมือให้เร็วขึ้น สักพักพี่แกก็ดึงผมไปกอด มือผมก็ยังไม่หยุดเร่งความเร็วขึ้นอีก ไม่นานพี่อ๊อฟก็กระตุกพ่นน้ำออกมาเปื้อนเต็มในกางเกงเลย
ผมรีบลุกจากเตียงแล้วไปล้างมือส่วนพี่มันก็ไปเปลี่ยนกางเกง แล้วก็ขึ้นเตียงมานอนผมหันหลังให้พี่อ๊อฟ คิดไปคิดมาทำได้ยังไงเนี่ย อายตัวเองจริงๆ ร้อนหน้าแปลกๆ หมับ! พี่อ๊อฟปิดไฟแล้วขึ้นมากอดผม........
“คนจีบกันทำแบบเมื่อกี้ได้นะ!” หอมแก้มผม
“งั้นก็พอเถอะ! เดี๋ยวผมจะไปหาแฟนที่ไม่เรื่องเยอะแล้วกัน พี่ก็จีบต่อไปนะ!” ขนาดนี้แล้วยังจะจีบอยู่สินะ
“ถ้ากล้าก็ลอง!” มันโมโหแล้วสินะ
ผมตีกันอีกไม่นานก็นอนด้วยความเพลีย พอเช้าเราก็อาบน้ำแต่งตัวพากันไปเรียน พอถึงเราก็แยกย้ายกันไปหาเพื่อน.....
“ทำอะไรกันว้า!” เดินไปเกาะไหล่ไอมินและปอ
“ก็นั่งนินทามึงอยู่ไง55555” ไอมินไอนี่วอนจริงๆ ผมเขกหัวมันไป 1 ที
“นินทาบ้านมึงสิไอมิน!” ไอนัทพูดพร้อมตบกบาลมัน
“คุยกันเรื่องงานโอเพ้นเฮ้าส์ไงมึง” ไอวิวพูดขึ้นผมหยักหน้ารับรู้
“เออเนี่ยเมื่อกี้อิงฟ้ามาถามหามึงอะ!” ปอเอ่ยขึ้น ผมทำหน้าสงสัย “พอบอกมึงยังไม่มาก็เดินไปเลย อ่าว!นั่นไงมานู่นแล้ว” ชี้ไปทางที่อิงฟ้ากำลังวิ่งมาทางผม....
“มีอะไรหรือเปล่า?” ผมถามด้วยความสงสัย
“นท! พี่พลอยบอกว่านทชอบพี่อ๊อฟเหรอ!” นางฟึดฟัดเล็กน้อย อีผีหาเรื่องกูอีกแล้วสินะ
“แล้วอิงฟาเชื่อ...ผี..เอ้ย!พี่พลอยไหมล่ะ?” ผมยิ้ม เพื่อนๆก็มองกัน อิงฟ้าดูอึกอักเล็กน้อย
“เราไม่รู้ พี่พลอยบอกนทจะจับพี่อ๊อฟ”  ทำหน้าคิดไตร่ตรอง ส่วนผมเลือดขึ้นหน้าสิ
“มันกัดไม่ปล่อยจริงๆอีผีเนี่ย!” ปอเดือดขึ้นมา
“กูก็จะไม่ปล่อยมันเหมือนกัน” ผมกำหมัดแน่น
“ตกลงเป็นเรื่องเข้าใจผิดเหรอ” นางถามย้ำ แต่จริงๆมันคือเรื่องจริง แต่ไม่ได้จะจับ พี่อ๊อฟเขาชอบผม และผมก็ชอบพี่เขาก็แค่นั้นเอง
“ใช่! ไปแล้วนะ ปะพวกมึง” ผมตอบกลับ แล้วพวกเราก็ลุกไปรอเข้าแถวอิงฟ้าก็มอง แต่ไม่ได้เดินตามมาแต่อย่างไร
พอเข้าแถวเสร็จพวกผมก็พากันขึ้นห้องเรียน.....
“นทมึงร้ายกาจมาก เพิ่งเลิกกับพี่ไอซ์จะจับพี่อ๊อฟเลยเหรอ พี่เขาน่ารักมากเลยนะหยิ่งด้วยมึงจะได้เหรอ” พอผมนั่งที่โต๊ะอีแนนวิ่งแจ้นมาถาม
“มึงไปเอาที่ไหนมาพูด!” เสียงแข็งแล้วมองมัน
“ก็...พวกรุ่นพี่ที่เขาพูดแดกดันมึงที่แสตนวันนั้นบอกกูมา” มันตอบด้วยท่าทีกล้าๆกลัวๆเพราะคงเห็นผมโมโห “เห้ย!แต่มันไม่ใช่เรื่องจริงใช่ป่ะมึง!” อีนี่เปลี่ยนสีเร็วไปไหน!
“เออไง! มึงก็อย่าเชื่อคนง่าย อีพวกนั้นมันแค่เห่าหอน!” ผมจิกตาใส่มัน
พวกผมก็คุยกันในหัวข้อเรื่องนี้นิดหน่อย แล้วครูก็เข้ามา เราก็แยกกย้ายกันนั่งโต๊ะ เรียนคาบเช้าผ่านไปพอเที่ยงเราก็พากันไปกินข้าวตามปกติ.....
“บ้านไอสิงโตโครตรวยเลยเนอะ!” ไอมินเริ่มเริ่มแล้วสินะ
“แน่สิ ดูห้องเล่นของมัน ยังกับเกมส์เซนเตอร์” ไอวิวตาม
“กับข้าวนี่นะหรูสัสๆ ของแพงๆทั้งนั้น” ไอนัทพูดขึ้น อันนี้ยอมรับ แต่ละอย่างสั่งมาจากภัตราคารมั้ง
พวกเราก็กินไปคุยกันไป ไม่พ้นต้องด่าไอมินเพราะยังพูดด้วยความไม่สำนึกและยังเรื่องที่มันไม่เกรงใจไอสิงโต แล้วสักพักพวกอีผีก็เดินผ่านโต๊ะผมไปนั่งข้างหลังผม ผมก็ไม่ได้อะไร ทำเป็นไม่สนใจพวกเพื่อนผมก็ด้วยเราก็คุยกันไป แล้วมันก็เริ่ม.....
“เฮ้อ! พวกแกอ๊อฟจะไปวาดรูปให้แม่ฉันที่บ้านด้วยนะ”เริ่มแล้วสินะอีนรกพูดเสียงดังตั้งใจให้ผมได้ยิน
“ดีอ่ะ ฉันไปด้วยได้เปล่าวะ?”เพื่อนมันตาม
“ไม่ได้อะแก เพราะฉันจะทำของหวานให้อ๊อฟกินคนเดียว” เน้นคำว่าของหวานแล้วก็พูดกระแนะกระแหนกันอยู่อย่างนั้นแหละ ผมกำมือแน่นพยายามข่มอารมณ์ แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาไอเบส ไอเบสมันรับเร็วมาก.....
“นท! ดีใจจังโทรหาเบสด้วย” เมื่อมันรับสาย มันก็เอ่ยขึ้นมา เสียงตื่นเต้นมาก
“เบสอยู่ไหนเหรอ! นทรู้สึกคิดถึงเบสขึ้นมาอยากเจอมากเลยนะ!” พูดเสียงดังมาก อีผีถึงกับเงียบ เพื่อนผมนี่งงกันไปหมดเพราะพวกมันไม่รู้เรื่องนี้กันเลย
“เบสอยู่โรงเรียนอะนท ถ้านทอยากให้เบสไปหาก็ได้นะ” คือทุ่มเทมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงหวั่นไหวน่าดู
“ไม่ต้องรีบที่จะมาหานทหรอก เพราะเดี๋ยวคนแถวนี้มันจะช้ำใจตายไปเสียก่อน!” พูดกระแทกเสียงผมได้ยินเพื่อนอีผีบอกมันว่าใจเย็นๆ เพราะพวกมันก็เงียบฟังกัน อีคนที่นั่งตรงกับผมมีการเอียงหลังมาฟังด้วย หน้าด้านจริงๆ
“นทพูดถึงอะไร?” เบสทำเสียงสงสัย
“เบสเย็นนี้มาหานทที่โรงเรียนหน่อยสิ! มีอะไรจะคุยด้วยหน่อย” ผมพูดเสียงหวาน
“ได้สิ! นทเลิกกี่โมง”
“4 โมง เจอกันที่หน้าแสตน1นะ อย่าให้นทรอนะ!”
แล้วกดวางเลย ผมรู้สึกว่าอีพวกข้างหลังมันจะเริ่มรนๆแล้ว เพื่อนผมก็มองหน้ากัน ประมานว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่แล้วพวกเราก็ลุกขึ้น เดินผ่านโต๊ะอีผี เห็นอีผีพลอยโกรธจนตาแดงเลย ไม่รู้ว่าโกรธหรือร้องไห้ ผมแสยะยิ้มให้พวกมันไป สมเพชพวกมันจริงๆ พอขึ้นห้องเรียนพวกเพื่อนผมซักผมใหญ่ ผมเลยเล่าทุกอย่างให้มันฟังตั้งแต่ไปเจอไอเบสหลังที่เลิกกับพี่ไอซ์จนถึงปัจจุบัน ส่วนเรื่องพี่อ๊อฟก็บอกแค่ว่ามันจีบเท่านั้น ครูก็ยังไม่เข้า เลยได้เล่าแบบเต็มแต่ยังไม่ละเอียดเท่าไหร่....
“ร้ายกาจสัส!” ปอเอ่ยขึ้น
“ใครร้ายกาจว่ะ กูว่าร้ายทุกคนไอนทด้วย” ไอวิวพูดพร้อม สายหัวสลัดความเบลอ555
“เกินไปจริงๆ กูเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว” ไอนัทพูดพร้อมกับพยักหน้า
“อ่าวแล้วสิงโตล่ะ” ไอมินพูดพร้อม ทำหน้าหงอยเอาจริงๆมันก็ไม่ได้เชียร์อะไรไอสิงโตหรอก มันกลัวจะไม่ได้ไปเกาะไอสิงโตก็เท่านั้นไอนี่มันโลภ
“สิงโตคือคนที่จีบกูไงแข่งกับพี่อ๊อฟอยู่55555”ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“มันเป็นแบบนี้เองเหรอวะ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา พวกผมมองมันแบบตกใจ
“อีแนนน !” พวกผมถึงขั้นประสานเสียงกันเลยนะ 
“อีแนนมึงมาฟังตั้งแต่เมื่อไหร่!” ผมตกใจ มันนั่งอยู่กับพื้น พวกผมไม่รู้ตัวเลย อีนี่มันเกินไปจริงๆ
“ก็ได้ยินทั้งหมดแหละ” ยิ้มแบบภูมิใจ “งั้นกูขอไปกระจายเรื่องจริงก่อนนะ มึงจะได้หลุดจากความผิด” แล้วมันก็วิ่งไปเลย ผมเอามือตบหน้าผากตัวเอง
“มึงมันจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” ผมถามพวกเพื่อน ถามว่ากังวลไหมก็ไม่นะ เพราะทุกอย่างคือความจริง แค่กังวลนิดหน่อยว่าอีแนนมันจะเอาไปเม้าแบบเพรียวๆหรือแบบเสริมเติมแต่งเท่านั้นแหละ!
พูดคุยกันสักพัก แล้วครูก็เข้า พวกเราก็เรียนจนเลิกตอนแรกพวกมันจะกลับกันแล้วแต่พวกมันนึกได้ว่าผมนัดเจอกับไอเบสพวกมันเลยอยู่รอดูผม ผมก็เดินไปตามที่นัด พี่อ๊อฟยังไม่เลิกครูปล่อยช้า พอไปถึงเห็นไอเบสนั่งรออยู่มาคนเดียวด้วยผมเดินไปหามันเพื่อนๆผมก็แยกขึ้นไปนั่งบนแสตน เพื่อดูผม......
“นท!” เบสเอ่ยทัก พร้อมส่งยิ้มมาให้ ผมมองมันเฉยๆ
“เบส” ทำหน้าโกรธมัน “เบสมีอะไรจะบอกนทอีกไหม!” ผมถามมันเสียงดังอะ คนแถวนั้นมองกันเลย ผมมองไปทางเพื่อนปอก็ชี้ไปหลังแสตน อีผีมันมาแอบดูนี่เอง หึ!
“นทโกรธอะไรเบสอีกเนี่ย!” จับมือผมทำหน้าหงอย ผมสะบัดมือมันออก
“ก็คนของเบสตามรังควานนทเนี่ย หาเรื่องนทได้ทุกวัน!” ฟ้องไปเลย ในเมื่อมันไม่ยอมจบ ก็ให้ทั้งไอเบสและอีผีที่เป็นคนสร้างเรื่องเลวๆทั้งหมดไปตีกันเอง!
“พลอยเหรอ?” เบสถาม พร้อมทำหน้าสงสัย
“ก็เออไง! จะใครอีกล่ะ เนี่ยนะบอกว่ารัก เกลียดเราก็พูดมาตรงๆเลย ไม่ใช่ให้อีผีมาหาเรื่องเรา!” เล่นละครเลยง อินสุดๆ ตอนพูดนึกถึงหน้าอีผีจะได้มีอินเนอร์สูงหน่อย
“นทเบสไม่ได้เกลียดนทนะ ส่วนพลอยเบสเลิกไปแล้ว ไม่คิดว่าจะไปวุ่นวายกับนทอีก” หน้ามันจริงจังมาก
“งั้นเหรอ แล้วเบสจะจัดการให้เรายังไง เราเบื่อกับคนมาหาเรื่องเราไม่พอยังปล่อยข่าวเสียๆหายๆอีก!” ผมมองมันตาขวาง
“เบสขอโทษ เบสจะเคลียล์ให้โอเคไหม!” ทำหน้าจริงจัง
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ไปได้แล้ว!” ผมกำลังจะเดินหนีมัน มันจับแขนผมเอาไว้ก่อน
“แล้วนทจะไปไหนต่อ ให้เบสไปส่งไหม!” ดูหวังดีเนอะ!
“ไม่ต้องหรอก! รีบไปเคลียล์เถอะ! เพราะถ้าเบสเคลียเสร็จ นทอาจจะให้รางวัลเบสก็ได้นะ” ผมเอามือตบแก้มมันเบา แล้วเดินไป มันก็เดินกลับไปอีกทางทันที
ผมหันไปมองทางอีผีอย่างผู้ชนะ มันไม่ได้ยินหรอกว่าผมพูดอะไรกับเบสผมมั่นใจ ไกลขนาดนั้น แล้วผมก็ไม่ได้พูดเสียงดังอะไรด้วย มันกัดฟันข่มอารมณ์สุดๆ แล้วผมก็เดินขึ้นไปหาเพื่อนบนแสตน พวกมันถามกัน ผมก็เล่าไปที่คุย พวกมันดูสะใจกันมาก เราคุยกันในเรื่องนี้สักพัก....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:39:45
“นท! มึงทำอะไร”มาแล้วๆ เสียงพี่อ๊อฟมาแต่ไกล พอมันมาถึง มันก็ดึงแขนผมให้ไปกับมัน ผมก็ตะโกนบอกเพื่อนๆว่า “กลับกันเลยนะแล้วเจอกัน” พี่อ๊อฟลากผมมาที่รถ....
“เจ็บนะเนี่ย!” มันปล่อยแขนผม เป็นรอยเลย
“เจ็บมากหรือเปล่า?” มันจับแขนผมไปดู
“เป็นอะไรคุณชาย? อารมณ์รุนแรงเชียว อยากเหรอ” ผมยิ้มแล้วเอามือลูบเป้ามัน มันตีมือผม
“คนเยอะไอนท อายเขาบ้าง!” หูมันแดงเชียว
“แล้วเป็นอะไรจ้ะ ถึงได้หัวฟัดหัวเหวี่ยง?” ผมถามด้วยรอยยิ้ม
“มึงคุยอะไรกับไอเบสตรงแสตน” ถามเสียงดุเชียว
“ก็หาแฟนไง พี่อ๊อฟไม่ยอมเป็นแฟนกับผมสักที” ยักคิ้วให้มัน มันบีบแขนผมอย่างแรง “โอ้ย!” เจ็บนะ แต่ผมก็ยังยิ้ม
“มึงจะลองดีใช่ไหมนท!” ตะคอกแล้วมองผมด้วยความไม่พอใจ
“อยากลองสิ จัดให้หน่อย!” ยื่นหน้าไปจุ๊บปากมันแล้วผละออกมา มันหูแดงเลยอะคนแถวนั้นก็มองนะแต่ไม่สนใจหรอก
“กะ...กลับบ้านเลย ไอนี่คนมองเยอะแยะแล้วนะ” เขินสินะ
แล้วผมก็ขึ้นซ้อนท้ายรถมัน มันก็พาผมกลับบ้าน พอถึงบ้านผมก็พามันเข้าบ้านทักทายแม่นิดหน่อย ป๊ายังไม่กลับแล้วผมก็พาพี่มันขึ้นห้อง........
“จะกลับเลยเหรอ?” ผมถามมันกำลังเก็บของ
“อืม เดี๋ยวโดนแม่ด่าอ่ะ” หันมายิ้ม “แล้วจะบอกได้หรือยังคุยอะไรกับไอเบส?” พูดแล้วมานั่งข้างผม
แล้วผมก็เล่าเรื่องที่อีผีพลอยมันหาเรื่องผมให้พี่อ๊อฟฟัง และบอกที่คุยกับไอเบสให้มันฟังด้วย มันก็นั่งฟังผมอย่างตั้งใจ
“อ่อ อย่างนี้นี่เอง” มันพยักหน้าเข้าใจ
“แล้วจะไปวาดรูปให้แม่มันเหรอ!?” ผมถามมันเสียงแข็ง
“ไม่นะ ก็ขอให้ไปช่วยอยู่ แต่บอกไม่ว่าง” พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วลุกไปเก็บของต่อ
ผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอมัน สักพักมันเก็บเสร็จ ผมก็ไปส่งมันหน้าบ้านพอมันกลับไปผมก็ช่วยแม่ทำนู่นนี่ จนเข้านอนพี่อ๊อฟก็โทรมา แล้วเราก็คุยกันหยอดกันไปมา สักพักก็วาง แล้วผมก็นอนไป ตื่นเช้ามาทำอะไรเสร็จรอพี่อ๊อฟมารับ วันนี้มีถนนคนเดิน ต้องชวนพี่อ๊อฟไปให้ได้ แล้วสักพักพี่อ๊อฟก็มารับ ระหว่างทางผมก็คุยกับมันเรื่องทั่วไป พอถึงโรงเรียน...
“พี่อ๊อฟ วันนี้ไปถนนคนเดินกันนะ” ผมเอ่ยชวน
“ได้ดิ!” มันตอบด้วยรอยยิ้ม
“เป็นแฟนกันได้หรือยัง?” ถามมันด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง
“ยังอะ” แล้วมันก็เดินไปเลย ผมเห็นว่าหูมันแดงมันคงเขิน แต่ผมงงกับมันว่าจะเล่นตัวอะไรนักหนาเนี่ย!
แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนๆ พวกมันก็นั่งเม้ากันอยู่พักหลังมานี่ผมมาเป็นคนสุดท้ายตลอด แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนี่เนอะ มาถึงผมก็เม้ามอยกับเพื่อนๆตามประสา ไม่นาน เราก็ไปเข้าแถวกัน เสร็จก็ขึ้นห้องเรียน วันนี้คาบเช้าครูไม่มาติดประชุม แต่ต้องช่วยกันทำบอร์ดขึ้นงานโอเพ้นเฮ้าส์ ก็ช่วยกันไปแหละ ห้องผมไม่ทำอะไรมากทำง่ายๆ เพราะไม่ใช่ห้องเด็กเรียนที่จะมาเคร่งหรือพิถีพิถันขนาดนั้น ไม่นานพวกเราก็ทำเสร็จ ยังเหลือเวลาอีกเยอะ บ้างก็จับกลุ่มกันเม้าบ้างก็นอน บ้างก็เล่นกันส่วนพวกผมนั่งคุยกัน....
ครืดดๆๆๆ! โทรศัพท์ผมสั่น พอหยิบขึ้นมาดูก็เป็นเบอร์แปลก ผมก็รับ.....
“.......” เงียบรอฟังว่าใครเพื่อนๆก็มองผม
“ใช่พี่นทหรือเปล่าคะ?” น้องซิน?
“ใช่ครับ น้องซินเหรอ?” ผมมองพวกเพื่อนพวกมันก็มองผม
“ใช่ค่ะ พี่นทว่างคุยไหมคะ?”  ถามกลับเสียงใส
“คุยได้ครับ” ผมตอบกลับ พร้อมกับความสงสัย
“เย็นนี้พี่นทว่างไหมคะ พอดีหนูซื้อหนูแกสบี้มา พี่นทมาช่วยหนูจัดกรงน้าค้าๆๆๆ” อีกแล้วเหรอ นี่จะเปิดสวนสัตว์หรือยังไง ทำเสียงอ้อนสะด้วย
“อะ...เอ่อเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมน้องซิน พรุ่งนี้วันหยุดด้วยจะได้อยู่คุยกับน้องซินนานๆไง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พวกเพื่อนผมเบะปากกัน ไอพวกนี่นิ
“ทำไมวันนี้พี่ไม่ว่างเหรอคะ!” นางฟึดฟัดเล็กน้อย
“ใช่ครับ พี่นัดกับเพื่อนไว้แล้ว เป็นพรุ่งนี้ได้ไหมเอ่ย!” เริ่มอึดอัด
“ไปไหนกันคะ?” โอ๊ย! อะไรกัน
“ปะ....ไปถนนคนเดิน” อึดอัดจริงๆ
“หนูไปด้วยได้ไหมคะ จะได้ไปหาซื้อของด้วย” ทำเสียงตื่นเต้น ผมรู้สึกว่ามันเริ่มไม่เป็นส่วนตัวแล้วสิ
“แล้วน้องซินไปเอาเบอร์พี่มาจากไหนเนี่ย?” ผมถามไม่จริงจังนัก
“ไปค้นโทรศัพท์พี่สิงโตอ่ะค่ะ” ทำเสียงภูมิใจ
“น้องซินจะไปกับพี่จริงๆเหรอ” ผมอึกอักเล็กน้อย
“ใช่ค่ะ งั้นเย็นนี้เจอกันที่ประตู.....เลยนะคะ แล้วเจอกันค่ะ” กดวางสายไปเลย
ผมอึ้งไปเลย ทำไมน้องไอสิงโตต้องมาเกาะแกะตามผมขนาดนี้ เย็นนี้ผมกะจะขอพี่อ๊อฟเป็นแฟนแบบจริงจังอยู่แล้วเชียว คือทุกทีก็จริงจังแหละ แต่คราวนี้ว่าจะซื้อดอกไม้แล้วคุกเข่าขอมันกลางถนนคนเดินอะไรแบบนี้ถ้ามันจะหักหน้าผมไม่ยอมรับก็เกินไปแล้ว แต่แล้วทุกอย่างพังหมด....
“มีอะไรวะมึง?” ปอเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นว่าผมเหม่อลอยอยู่กับความคิดตัวเอง
“ก็ไม่มีอะไรหรอก” ผมตอบอย่างไม่จริงจังนัก
“วันนี้มึงไปเดินถนนคนเดินกับใครมึงไม่ได้ชวนพวกกูนี่” ไอมินมองอย่างจับผิด
“ไปกับพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟชวนทำไมวะ” ฟึดฟัดใส่มัน
“ดีเลย กูก็อยากไปหาซื้อของอยุ่ด้วย” ไอนัทเอ่ยขึ้น ผมมองมันแบบ เอิ่ม!
ผมก็ได้แต่เซ็ง โถ่ทำไมต้องมีอะไรมาขวางอยู่เรื่อยเลย...พวกมันก็รัวคำถามใส่ผม ผมฟุบหน้าลงโต๊ะแล้วหลับตาเลย เซ็งวันแห่งความเซ็งจริงๆ พวกมันก็คุยกันไป ส่วนมากไอมินก็โม้เรื่องสิงโตกับน้องซินอย่างนู้นอย่างนี้ ผมฟุบลงฟังพวกมันแหละไม่ได้หลับแต่อย่างใด สักพัก ทั้งห้องก็เงียบไปแปปนึง แล้วก็มีเสียงคุยกันเบาลง แล้วเพื่อนๆผมก็สะกิดผม ผมก็เงยหน้าขึ้นมา พี่ไอซ์! มาทำไมเนี่ยผมก็มองมันนิ่งๆ ส่วนพวกอีแนนเงียบรอฟังอย่างตั้งใจ คนอื่นก็ปกติ....
“นท” ยิ้มเศร้าๆ
“ว่า” มองนิ่งๆ
“ไปคุยกับพี่หน่อยนะ” ยิ้ม ผมก็มองหันไปมองเพื่อนๆพวกมันเบะปากหมั่นไส้ไอพี่ไอซ์กัน ต่างจากพวกผู้หญิงในห้องหรือกลุ่มอีแนนที่ดี๊ด๊าได้เห็นคนหล่อระยะประชิดแบบนี้
“ได้สิ!” ไหนๆก็เซ็งขนาดนี้ หาอะไรทำสักหน่อยแล้วกัน
“ไอนท!” เพื่อนๆที่น่ารักประสานเสียงกันเรียกชื่อผม พร้อมส่งตาดุๆมาให้
“แปปเดียวน่า” กระพริบตาให้พวกมันข้างนึง พวกมันก็พยักหน้าแต่ยังคงทำหน้าไม่พอใจ
แล้วผมก็เดินนำพี่ไอซ์ออกไป ตรงบันไดทางลง เพราะคนไม่มี....
“มีอะไรเหรอ?” มองนิ่งๆ ถามมันดีๆ เพราะไม่ได้คิดโกรธหรืออะไรแล้วนี่นะ
“เป็นยังไงบ้าง” พี่ไอซ์จับมือผม
“ก็สบายดี พี่ล่ะ?” ยิ้มให้มันแล้วดึงมือตัวเองออก
“ก็ไม่ค่อยดีอ่ะ” ทำหน้าหงอยๆผมยกยิ้ม
“ไม่สบายเหรอ?” ผมเอื้อมตัวเอามือแตะหน้าผาก แก้ม และลำคอพี่มัน เหมือนเป็นความเคยชินยังไงไม่รู้ “ตัวรุมๆนะ กินยาหรือยัง” ถามอย่างเป็นห่วงแหละ แต่ในใจคิดอะไรดีๆออกแล้ว
“ยังเลย เดี๋ยวก็หายเองแหละ” ยิ้มอ่อน
“แล้วพี่มีอะไรหรือเปล่า?” ถามแล้วมองหน้ามันอย่างห่วงใย
“พี่แค่คิดถึงนท...” น่าสงสารจริงๆ
“แล้วไม่เรียนเหรอ?” มองอย่างสงสัย
“ครูประชุมช่วงเช้าไง” หน้าตาน่าสงสารจริงๆ
“แล้วพี่ไอซ์ไหวไหม? ให้ผมพาไปห้องพยาบาลไหม” จับมือมัน
“ก็ดีนะ พี่เริ่มไม่ค่อยไหวแล้ว” ทำอ้อน
“ขนาดไม่ค่อยไหวแต่เดินมาหาผมถึงนี่เนี่ยนะ ไม่ไหวเลย” ทำหน้าหมั่นไส้มัน
“ก็คิดถึง...” ทำหน้าตาจริงจัง
“เดี๋ยวผมจะพาไปห้องพยาบาลนะ!” ผมพูดเสียงดัง
แล้วผมก็พามันไปห้องพยาบาล ครูก็ตรวจอะไรไปนิดหน่อย ก็บอกว่าเป็นไข้หวัด กินยานอนพักสักแปปน่าจะดีขึ้น แล้วครูก็ไปจัดยาให้พี่ไอซ์มัน แล้วผมก็พามันไปนอนที่เตียง ......
“นอนไปนะ ผมไปแล้ว!” กำลังจะเดินไปมันลุกมาดึงมือผม “อะไร?”ผมถามด้วยความสงสัย
“อยู่เป็นเพื่อนก่อนได้ไหม!” ทำหน้าเศร้า
“เอาดิ นอนเลยอะ!” ผมพลักมันลงแล้วก็ห่มผ้าห่มให้มัน
ตอนแรกมันก็ชวนคุยนู่นนี่นั่นแหละ ผมไม่ค่อยตอบมันสักเท่าไหร่จนมันเงียบ และก็หลับตานอนไปคงเพราะฤทธิ์ยา ผมนึกขึ้นได้ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมันออกมา ปลดรหัสเครื่องยังคงใช้รหัสเดิม รูปหน้าจอคือรูปคู่ผมกับมัน ผมมองภาพนี้ด้วยความคิดถึง แม้ว่าผมจะลบสิ่งต่างๆที่มีกับพี่ไอซ์ไปหมดแล้วก็ตาม... ผมสลัดความคิดบ้าๆนั่นออกไปแล้ว ผมหาเบอร์แม่พี่ไอซ์และเบอร์พี่อาร์ม เมมไว้แล้วก็เอาโทรศัพท์ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงมันเหมือนเดิม แล้วผมก็เดินออกมาเพื่อกลับไปห้องเรียน ผมคิดว่าในคราวที่แล้วผมทำเพื่อมันคอยเป็นห่วงมันมันก็ยังทิ้งผม ครั้งนี้ผมจะจัดการมันด้วยวิธีนี้แหละ ทำให้มันเสียดายผมอย่างที่ผมเคยบอกไว้ ผมต่อสายหาแม่พี่ไอซ์ สักพักก็รับ..........
“ฮัลโหล” เสียงหวานเหมือนเดิมเลย
“สวัสดีครับคุณแม่ ผมนทนะครับ” พูดอย่างสุภาพ
“อ้าวนท! เป็นยังไงบ้างลูกหายไปเลย” คุณแม่ถามด้วยความสนใจ
“สบายดีครับ คุณแม่สบายดีนะครับ” ผมตอบกลับเสียงหวาน
“จ้ะแม่สบายดี แล้วนี่ลูกกับไอซ์เลิกกันแล้วใช่ไหม...” ตอนพูดแม่เขาก็พูดเบาๆเหมือนไม่กล้าถาม
“ครับ”  ผมตอบเสียงเบา
“ตาไอซ์เล่าให้แม่ฟังหมดแล้ว แม่ขอโทษแทนไอซ์ด้วยนะลูก” อ่อนโยนกับผมเสมอเลย
“ผมไม่เป็นอะไรอยู่แล้วครับ ที่จริงผมโทรหาคุณแม่เพราะพี่ไอซ์เขาไม่สบายครับ พี่เขามาหาผมที่ห้องเรียนหน้าตาไม่สู้ดีผมก็เลยพาไปห้องพยาบาล ผมเป็นห่วงกลัวจะเป็นอะไรหนักเลยโทรมาบอกคุณแม่ครับ” ผมพูดอย่างจริงจัง ผมไม่อยากใจอ่อน แล้วไม่ได้โกรธหรือคิดจะโทษผู้ใหญ่ ผมโตพอที่จะแยกแยะออกว่าอะไรคืออะไร แค่พวกเขาก็ดีกับผมมากๆนี่นะ
“อีกแล้วเหรอ ขอบใจนทมากๆนะลูกที่ยังห่วงและดูแลตาไอซ์” แม่พูดเสียเศร้าๆ
“ไม่เป็นไรครับคุณแม่ ถ้าไม่มีอะไรผมขอตัวไปเรียนต่อนะครับ ถ้าคุณแม่สะดวกรบกวนมาดูพี่ไอซ์หน่อยก็ดีนะครับ ผมกลัวว่าเขาจะไม่ยอมบอกเหมือนทุกครั้ง....” พูดแล้วก็หน่วงๆที่อกจัง
“นทยังน่ารักเสมอต้นเสมอปลายเลยนะ แม่ขอบคุณมากจริงๆเดี๋ยวแม่จะไปดูพี่เขานะ ขอบใจมากหนูไปเรียนเถอะจ้ะ”
“ครับ สวัสดีครับ ตึ๊ด!”
แล้วก็ตัดสายไป ผมรู้สึกโหวงเหวงในใจอย่างบอกไม่ถูก ไอโกรธมันก็โกรธ คิดถึงมันก็ยังมีบ้าง ผมก็คนคนนึง ทำไมชอบโผล่มาอยู่เรื่อย ให้ผมต้องกลับมาคิดเรื่องพวกนี้ ทำไมไม่หายๆไป ไม่ต้องมาเจอกันอีก ผมคิดฟุ้งซ่านได้ไม่นานก็เดินกลับห้องเรียน พวกเพื่อนรุมถามผมกันใหญ่เลย ผมบอกไม่มีอะไรหรอกก็เรียกไปคุยเรื่องไร้สาระเท่านั้นเอง มันก็เซ้าซี้อยู่นั้นผมก็บอกปัดๆไปจนพวกมันเลิกถามไปเองนั่นแหละ แต่ผมแปลกใจช่วงเช้าก็ไม่ได้ทำไรพี่อ๊อฟหายหัวไปไหนนะ นึกได้ผมก็เดินออกมาหน้าห้องแล้วก็ต่อสายหามันสักพักก็รับ….
ผมถามมันว่ามันอยู่ไหน แล้วทำอะไรตามประสา เพราะทุกคนก็ต้องยุ่งอยู่ในห้องเรียนตัวเอง สรุปได้ว่ามันไปอยู่ชมรมทำบอร์ดโอเพ้นเฮ้าส์ แล้วมันก็อยู่กับเพื่อนๆพี่ๆในชมรม แต่มาสะดุดกับชื่อยัยอิงฟ้า ทำผมรู้สึกไม่ค่อยจะสบอารมณ์เท่าไหร่ คุยไม่นานผมก็เลยกดวางไป ไม่อยากจะคุยจนกลายเป็นทะเลาะกัน
แล้วผมก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเดินเข้าไปเอากระเป๋าแล้วบอกเพื่อนๆว่าเจอกันโรงอาหาร พวกมันก็พยักหน้า ตอนแรกพวกมันจะตามมา แต่ผมบอกไม่ต้อง แล้วผมก็เดินตรงไปที่ชมรมของมัน พอไปถึงเห็นพี่อ๊อฟนั่งทำหน้าหงุดหงิดอยู่หน้าชมรม พอเห็นผมมาก็เดินมาหาผมแล้วลากผมไปหลังชมรม คนไม่มี และค่อนข้างเงียบมาก มันคล้ายๆที่เก็บของ
“มึงเป็นอะไรนท หงุดหงิดอะไร” ถามผมเสียงอ่อน
“ผมถามจริงๆนะ พี่รออะไร ทำไมไม่เป็นแฟนกันสักที!” หงุดหงิดมาก อาจจะเซ็งในหลายๆเรื่องเลยเอามาลงที่มัน
“โอ้ย!เรื่องแค่นี้เอง มึงอย่าคิดมากดิ” มันยิ้มแล้วจับมือผม
“คิดมากบ้าบอไร พี่กำลังทำผมเป็นบ้านะเนี่ย!” สะบัดมือมันออก
“พี่อ๊อฟฟฟฟ” ยัยอิงฟ้ามาตะโกนเรียกหาผู้ชายชาวบ้านแล้วทีนี้...
“มีอะไร?” พี่อ๊อฟเดินออกไปหามัน ผมก็เดินตามไป
“อ้าว นทมาได้ยังไง” ถามแล้วมองหน้าผมเหมือนเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
“แล้วอิงฟ้าล่ะ มาได้ยังไง!” ถามมันเสียงแข็งด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง
“มาช่วยงานที่ชมรมน่ะสิ พี่อ๊อฟก็หายตัวเก่งจังเราเลยมาตามเนี่ย” เกาะแขนพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟมองผมแล้วยิ้มประมานจะยั่วให้ผมโกรธ
“มาช่วยงานหรือว่ามะ....” กำลังจะพูดว่า มาช่วยงานหรือมาหาอ่อยผู้ชาย แต่....
“ไปเถอะอิงฟ้า งานใกล้เสร็จแล้วรีบๆไปทำเถอะ นทคงจะรีบไปหาเพื่อน” มันพูดตัดบทผม แล้วขยี้หัวผมด้วยรอยยิ้มของมันแล้วมันก็เดินไปกันเลย ทิ้งผมให้ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ทำกันได้ลงคอนะ
ผมก็เดินเลาะมาตามข้างหลังตึกเนี่ยแหละ มันก็เป็นด้านหลังของชมรมต่างๆ ผมเดินมานั่งข้างๆวงโยที่กำลังซ้อมกันอยู่ นั่งฟังเผื่อจะได้ทำให้ผมหายเซ็ง พี่อ๊อฟกำลังแกล้งผมอยู่ ผมว่ามันต้องเอาคืนเรื่องที่ผ่านมาแน่ๆ อย่างตอนที่ผมกำลังคบกับพี่ไอซ์แหละมั้ง มันคงจะหมั่นไส้และอยากเอาคืมผม อันนี้คิดไปเอง ผมคิดไปคิดมาก็ว้าวุ่นนะ เสียงดนตรีไม่ได้เข้าหัว นั่งไปสักพักเสียงก็เริ่มวุ่นวาย ทั้งเสียงประกาศเสียงคนแหกปากเสียงดนตรี รวนตีกันไปหมด ผมลุกขึ้นแล้วก็ไปนั่งที่ศาลาแถวหน้าห้องสมุด นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว......
“มานั่งอะไรคนเดียววะ ไม่มีใครคบเหรอ”ผมหันไปตามเสียง ไอแบงค์....
“เสือก!” ผมด่ามันแล้วก็กำลังจะลุกหนีมัน มันเอาตัวมามาขวางทางออก ผมไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับมันหรอก
“มึงพูดแบบนี้กับคนที่มึงชอบได้ยังไงว้า” ทำหน้ากวนตีน
“กูไม่ได้ชอบมึงไอควาย!” ผมมองค้อนมัน
“หึ ปากแข็งจริงนะ” มันเอามือมาลูบปากผมผมหันหน้าหนีแล้วถอยห่างมัน พร้อมทำท่ารังเกียจ เอามือถูปากที่มันจับผมเมื่อครู่ มือสะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้
“ถอยไปไอแบงค์!” ผมถอยห่างมัน
“ไม่ดีใจเหรอวะมึง นานๆกูจะมาเล่นด้วยนะเว้ย!” ยิ้มสะใจอย่างผู้ชนะ
“กูไม่ได้อยากเล่นกับมึงถอยไปเลยไอเหี้ย!” ผมตะคอกใส่มัน มันเดินเข้ามา ผมก็ถอย จนผมต้องนั่งลงเพราะมันตันแล้วเนี่ย
“ทำเหมือนเก่งนะมึง แต่ที่แท้ขี้ขลาดนี่หว่า” ขยี้หัวผม
“ไอเหี้ย!” ผมพลักมันแล้วกำลังจะวิ่งออกมามันดึงกระเป๋าผมไว้ ผมเกือบหงายหลังล้ม “ปล่อยนะเว้ย!”
“5555 ท่ามึงแม่งตลกสัสอะ” สะใจมาก คนอื่นๆเห็นก็ได้แต่มอง ไม่กล้าเข้ามายุ่ง เพราะไอแบงค์มันเหี้ย รังแกเขาไปทั่ว! แต่ดูเหมือนจะมีแต่ผมกับเพื่อนผมอะมั้งที่กล้าแหกปากด่ามัน
“ปล่อยโว้ย!” ผมพูดพร้อมดึงกระเป๋าผมจากมือ มันก็ไม่ยอมปล่อย ผมยังคิดเลยเมื่อก่อนนึกไงคิดไปจีบมันเนี่ย คนนิสัยแบบนี้เนี่ยคิดแล้วขนลุก
“เลี้ยงข้าวเที่ยงกูสิ กูถึงจะปล่อย!” ยักคิ้วทำหน้ากวนตีน
“ถ้าบ้านมึงจะยากจนขนาดนั้นขอกูดีๆก็ได้ไม่ต้องมาหาเรื่องกูหรอก!” ผมพูดพร้อม ยักคิ้วคืนมัน
“บ้านกูอะมีแดกอยู่แล้ว แต่กูอยากแดกของที่มึงซื้อให้ เก็ทไหม” ยังคงยักคิ้วทำหน้าหล่อ
“ไปหาแดกเอาเองเว้ย! ปล่อยสิวะ!” ผมจะดึง หรือจะถีบมันยังไงก็ไม่สะทกสะท้าน “โอเคๆ กูเลี้ยงข้าวมึงก็ได้ๆ ปล่อยได้แล้ว!” เสียเวลา ยอมมันก็จบ แค่ข้าวมื้อเดียว
“แค่นี้ก็จบ” มันปล่อยมือ ผมดูกระเป๋า โหเกือบขาด
“อะ” ยื่นตังให้มัน 60 มันมองงงๆ “มองเหี้ยอะไร กูเลี้ยงมึงไง เอาไปเถอะ” มันก็คงยังมอง “อะๆกูเลี้ยงๆ” เดินเอาเงินไปยัดใส่กระเป๋าเสื้อมัน “กูไปแล้ว จบกันนะ อย่ามายุ่งกะกูอีก บาย!” แล้วก็วิ่งไปเลย ผมหันไปมองตอนแรกมันจะวิ่งตามมาแต่เพื่อนมันเรียกมันก่อน “เฮ้อ!” ยกมือลูบหน้าอกตัวเอง
“เป็นอะไรวะ” ปอพูดขึ้นผมเงยหน้ามองมันแบบงงๆ
“มึงมาอยู่นี่กันได้ยังไงวะ?” ผมมองพวกมันสี่คน
“กูต้องถามมึงไหม ไปไหนมา แล้ววิ่งหนีอะไรมา” มินถามผมขึ้นมา
“นั่นดิ พวกกตามหามึงอยู่เนี่ย” ไอวิวพูด ผมก็มองมันด้วยอาการหอบเล็กน้อย
“โทรไปก็ไม่รับ” ไอนัทเปิดหน้าจอโทรศัพท์ให้ดู
“ไอแบงค์มันหาเรื่องกูอะดิ แถมไถตังกูไปอีก” ผมพูดพร้อมทำหน้าโกรธ
“ไอเหี้ยนี่อีกแล้วเหรอวะ!” ไอมินเดือดขึ้นมา
“แล้วมึงเป็นอะไรไหม” ไอปอถาม พร้อมกับเข้ามาจับแขนจับขาผมดู
“กูไม่เป็นอะไรหรอก กระเป๋ากูอะเป็น เกือบขาด แม่งดึงไปได้!” ผมพูดพร้อมกับดูกระเป๋าตัวเอง
“มึงไม่จัดการมันบ้างวะ” ไอวิวพูดพร้อมทำหน้าจริงจัง
“มึงดูตัวมันกับตัวกูนิดนึงนะ คนที่จะโดนจัดการน่าจะเป็นกู” ผมพูดจริง มันตัวใหญ่กว่าผมก็มากอยู่ แถมแรงเยอะไปไหน มันดึงผมตัวเกือบปลิว ผมไม่ได้ซ่าจนไม่ดูสถานการณ์หรอกนะ
“เออๆปล่อยไปเถอะ กูหิวแล้วไปหาอะไรกินกัน” ไอนัทคงจะหิวจริงๆ หน้ามันไม่ไหวแล้ว
“เออๆไปเถอะคราวหน้าถ้าเจอมันเรียกกูเลยนะมึง” ไอมินพูดขึ้นผมก็พยักหน้าปัดๆไป ขี้เกียจพูดกับมันเยอะ
ไอมินมันไม่ชอบให้ใครมาหยามเพื่อนๆ ถึงมันจะเห็นแก่ได้แต่มันก็รักเพื่อนนะ นี่คือข้อดีข้อเดียวของมัน แล้วเราก็ไปโรงอาหารกัน พวกผมก็ไปซื้อข้าวมานั่งกินกันไปคุยกันไป ซักพักพี่อ๊อฟก็มากินข้าวกับเพื่อนๆ แต่ยัยอิงฟ้าถือน้ำไปให้ แล้วพี่อ๊อฟก็จงใจเหลือเกิน มันมองมาทางผมแล้วทำมุ้งมิ้งกับยัยอิงฟ้า นี่มันจะแกล้งผมเพื่ออะไรเนี่ย! ดูมันทำหน้าภูมิใจมาก....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:40:54
“เป็นอะไรวะมึง มองอะไร” ปอพูดแล้วมันหันไปมองทางที่ผมมอง “อ่าว!พี่อ๊อฟนี่ ทำไมยัยอิงฟ้าดี๊ด๊าแบบนั้นล่ะ”
“ไม่ต้องสนใจหรอกมึง รีบแดกแล้วขึ้นเรียนเถอะ!” ผมพูดพร้อมตักข้าวคำโตเข้าปาก
แล้วผมก็รีบกินแล้วพวกเราก็ขึ้นห้องรอเรียน.....
“นท มีคนมาหามึง!” อีแนนตะโกนมาจากหน้าห้อง มาหากันเก่ง น่ารำคาญจริงๆ
ผมก็เดินออกไป พี่อาร์ม!? ผมมองอย่าสงสัย แล้วยกมือไหว้...
“สวัสดีครับ” ทักทายด้วยความมีมารยาท 
“ดีนท” (ยิ้ม) “เป็นยังไงบ้าง?” ถามด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ผมละลาย แต่ผมก็ต้องเก็บอาการ
“ก็ดีครับ” (ยิ้ม) “พี่อาร์มมาหาผมมีอะไรหรือเปล่าครับ” ถามอย่างแปลกใจ เพราะพี่ไอซ์อยู่ห้องพยาบาลไม่ได้อยู่กับผม
“พี่มาหาเรานั่นแหละ แม่อยู่กับไอซ์ที่ห้องพยาบาล” ยิ้ม ยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่รู้หรือยังไงว่าตัวเองหล่อขนาดไหน เขินนะนิ><
“มีอะไรพี่?” ต้องเสหันไปมองทางอื่นบ้าง หล่อเกินนทใจไม่ดี555
“เย็นนี้ว่างไหม? แม่ให้พี่มาชวนนทไปกินข้าวที่บ้าน” ยิ้ม พูดแบบนี้ผมหมดอารมณ์เลย ไม่รู้จะไปทำไม ไปในฐานะอะไร แล้วผมก็ยิ่งไม่อยากจะอยู่ใกล้พี่ไอซ์มากด้วย
“เอ่อ...คือวันนี้ผมนัดกับเพื่อนๆไปเที่ยวกัน แต่ไปกินข้าวนี่ชวนผมทำไมเหรอครับ” ถามด้วยความเกรงใจ แล้วยิ้มอ่อนส่งไป
“ก็ตอบแทนนทไงที่ดูแลไอซ์มัน พี่รู้นะว่านทอาจจะอึดอัด แต่แม่พี่ก็อยากตอบแทนนะ” พูดด้วยน้ำเสียงหล่อๆ
“ผมขอบคุณนะครับที่ชวน และผมก็ไม่ได้อึดอัดอะไรหรอกครับ ที่ผมทำก็แค่เป็นห่วงพี่ชายคนนึงเท่านั้นเอง เป็นอะไรก็ไม่ค่อยบอกใคร ผมเข้าใจคุณแม่พี่ดีครับว่าเป็นห่วง และผมก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้อย่างที่เคยบอกพี่ไปไง ผมไม่หวังอะไรหรอกครับ” ยิ้ม พี่อาร์มลูบหัวผม
“น่ารักเกินไปแล้วนะเรานะ” ขยี้หัวผม “ไม่รู้แหละ พูดดีขนาดนี้ยังไงก็ต้องไปนะ วันนี้ไม่ว่าง วันอื่นก็ได้โทรบอกพี่แล้วกันนะ อะ” ยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมก็รับมากดเบอร์แล้วคืนให้พี่อาร์มไป “โอเค” แล้วแกก็กดเมมชื่ออะไรไป พร้อมกับยิงเข้าเครื่องผม
“ให้ผมไปส่งข้างล่างไหมพี่” (ยิ้ม)
“ไม่ต้องหรอกน่า แค่นี้เองไม่หลงหรอก” ยิ้มบ่อยเหลือเกิน ผมเขินแล้วเนี่ย
“เปล่า ไม่ได้กลัวพี่หลง กลัวเด็กแถวนี้จะจีบพี่เอาอะดิ” พูดแล้วเขินเอง โว๊ะ! อะไรเนี่ย
“แหนะๆ รู้นะๆ” มีการแซว ผมเขินจนตัวบิดแล้วเนี่ย
“พี่อาร์มอะ ไปเลย!” ผลักหลังพี่อาร์มให้ลงไป
ผมก็โบกไม้โบกมือลาพี่เขาก็ลงไป ผมก็เดินเข้าห้อง พวกเพื่อนผมมองกันใหญ่ พอผมนั่งโต๊ะเท่านั้นแหละ มามุงอยู่ที่โต๊ะผมกันหมดห้องอะ ผมมองพวกมันแบบงงๆ....
“อะไรวะ?” ผมถามด้วยความงงจริงๆ
“นั้นมันพี่อาร์ม เดือนมหาลัยนิ ไอนทมันยังไง!” อีแนนอยากรู้สุดๆ แล้วอีนี่มันไปรู้ได้ยังไงว่าเป็นเดือนมหาลัย ผมยังไม่รู้เลย แต่หล่อขนาดนั้น ถ้าไม่ได้เป็นก็น่าแปลกอยู่ และมีคำถามอีกมากมายที่รัวมาให้ผม ผมก็นั่งฟังไปยิ้มไป คือพวกมันไม่รู้เหรอเนี่ยว่านั้นคือพี่ชายพี่ไอซ์ ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา...
“พวกมึงตั้งสติ นั้นพี่ชายพี่ไอซ์!” ผมบอกมันด้วยหน้านิ่ง แล้วก้มหน้าเขียนงานที่จะส่งในคาบถัดไป
“ห๊ะ!” พวกเพื่อนทั้งหลาย จะตะลึงกันทำไม? ผมเงยหน้ามองพวกมันด้วยความรำคาญ
“พวกมึงจะสงสัยกันอีกนานไหม ไปไหนก็ไปกันเลยไปกูร้อน!” มันร้อนจริงๆ ทั้งห้องมารุมตรงโต๊ะที่ผมนั่ง
“มึงพูดมาเคลียล์ๆก่อน พวกมึงมาฟังอย่าพึ่งไป!” อีนี่มันเจ้าแม่ขาเสือกจริงๆ คนอื่นกำลังเดินออกไปกันเรียกเขามามุงอีก!
“กูบอกว่าเป็นพี่ชายพี่ไอซ์ แล้วมึงจะงงอะไรนักหนาอีช้าง!” ด่ามันอย่างใจเย็น พวกเพื่อนหัวเราะกันหมด
“เออกูรู้แล้ว แล้วยังไงคะยังไง มีซัมติงอะไรกันหรือเปล่า!” ทำหน้าไม่แคร์ สวยมากสินะ
“มีดิ!” พวกมันทำหน้าตั้งใจฟังมากอะ “ก็เป็นพี่ชายแฟนเก่ากูไง” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก็เป็นพี่ชายแฟนเก่าจริงๆจะให้ไปมีอะไร ถึงอยากมีก็แค่ฝัน พี่อาร์มระดับเหนือเทพไปแล้ว ไกลเกินเอื้อม5555
“พี่ชายแฟนเก่าอะไรไม่ทราบ มียิ้มน้อยยิ้มใหญ่แถมชวนกันไปกินข้าวที่บ้านเนี่ยนะ!” ทุกคนตะลึง ส่วนพวกเพื่อนผมมองผมแบบตกใจ ผมอึ้งกว่าตรงที่อีเวรนี่ไปแอบฟังผมเนี่ย
“อีแนนมึงแอบฟังกูเหรอ?” มองมันด้วยสายตาหาเรื่อง
“กะ....ก็กูแค่บังเอิญเดินไปได้ยินเท่านั้นเอง” มีอึกอัก “แล้วมันป็นยังไงมึง” ตั้งใจฟังยิ่งกว่าตอนเรียนอีกพวกนี้นี่นะ
แล้วผมก็เล่าไป ว่าพี่ไอซ์ ไม่สบายจนมาถึงตอนที่พี่อาร์มมาหา พวกมันก็เข้าใจแล้วถามต่ออีกเรื่องพี่อาร์มพวกผู้หญิงดูจะตาเป็นประกายเชียว พอผมเล่าลักษณะนิสัยของพี่อาร์มจบพวกมันนี่คันกันใหญ่เลย แล้วก็เริ่มกระจายตัวกันกลับไปนั่งที่ สักพักครูก็เข้ามาสอนจนเลิกเรียน พวกเพื่อนถามผมอีกรอบเรื่องเมื่อตอนกลางวัน ผมก็เล่าความจริงให้มันฟังรวมถึงเรื่องจะทำดีกับพี่ไอซ์ด้วย พวกมันก็พยักหน้าเข้าใจ ตอนแรกก็ห้ามนะ แต่ผมก็อธิบายไป ว่าใจจริงก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอก พี่ไอซ์แค่โง่ไปเท่านั้นเอง และตอนนี้ผมก็เห็นพี่มันเป็นแค่พี่ชายคนนึง ที่ผมจะทำดีด้วยมันแปลกนักเหรอ พวกมันก็เข้าใจกัน และตอนนี้ผมก็มารอพี่อ๊อฟอยู่ที่รถ ส่วนพวกเพื่อนผมก็นั่งรถไปก่อนแล้ว ผมบอกพวกมันให้ไปหาน้องซินก่อนเลย มันก็โอเค ผมรอสักพักพี่อ๊อฟก็มา แต่! มากับอิงฟ้าเนี่ยนะ!..........
“ให้อิงฟ้าไปด้วยนะ” มันพูดด้วยรอยยิ้ม แล้วชี้ไปที่ยัยอิงฟ้า ส่วนผมเหรอมองนิ่งๆ เริ่มจะไม่อยากไปแล้ว
“นทให้เราไปด้วยน้า เราอยากไปหาอะไรกิน” ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว
“อืม! จะไปกันแบบอัดสามให้ตำรวจจับเลยใช่ไหม” ผมประชดเบาๆ
“วันนี้ไม่มีตำรวจเว้ย! กูเช็คมาแล้ว” ยักคิ้วให้ผม ผมมองค้อนมันตาแทบหลุด
“จะไปก็รีบไปเถอะ!” ผมเดินไปรอมันที่ประตู
แล้วมันก็ขี่รถออกมา แต่ประเด็นคือมันเอาอิงฟ้านั่งหน้ามันไง.....
“อิงฟ้า! นั่งแบบนี้มันจะดีเหรอ! คนอื่นเขาจะมองยังไง!” ผมกัดฟันพูดพร้อมกระแทกเสียงเบาๆ พี่อ๊อฟก็ยิ้ม
“ก็นั่งนี่ดีแล้วนะ เดี๋ยวนทอึดอัด ถ้าเราไปนั่งข้างหลัง” (ยิ้ม)
“ไม่อึดอัดเลย! คราวที่แล้วยังนั่งได้ ทำไมคราวนี้ถึงนั่งไม่ได้!” มองอิงฟ้าแบบหาเรื่องอิงฟ้าทำแอ๊บแบ๊วไม่รู้เรื่อง
“ขึ้นมาเหอะน่า! เพื่อนๆมึงไปรอแล้วนะ” ยิ้ม ยิ้มทำบ้าอะไรวะ!
แล้วผมก็ขึ้นซ้อนรถมันด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ คุยกันอย่างกับผมไม่ได้นั่งมาด้วย ผมหยิกเอวพี่มันไปตั้งหลายรอบ ทำเป็นไม่รู้สึกนะ ชิ!พอไปถึงผมก็เดินออกมาก่อนเลยหมั่นไส้ไอพี่อ๊อฟมัน ไปหาพวกเพื่อนผมตามจุดนัดกัน น้องซินมากับไอสิงโต เพื่อนๆผมทำหน้าแปลกๆกันใหญ่เลย พอผมเดินไปถึง.....
“พี่นททำไมมาช้าจังเลยคะ ซินรอนานมากค่ะ!” ผมมองหน้าจอมือถือ เรทไป 5 นาทีจากที่นั้นเนี่ยนะผมทำหน้าไม่ถูกเลย
“ซินพี่บอกว่ายังไง” ส่งสายตาดุให้น้องซิน น้องซินฟึดฟัดเล็กน้อย
“พี่ผิดเองแหละมาช้า ขอโทษทีนะ เดี๋ยวพี่พาไปกินเค้กร้านประจำ โอเคไหม?” ผมพูดอย่างใจเย็น แม้จะหัวฟัดหัวเหวี่ยงเรื่องพี่อ๊อฟมาก็เถอะ
“ต้องตอนนี้นะคะ ไม่งั้นซินงอนจริงๆ!” อารมณ์ฉุนเฉียวดีจัง ไอพี่อ๊อฟเดิมาถึงพอดีไม่รู้จะจอดรถอะไรกันนานขนาดนั้น
“ตอนนี้สิ ร้านเค้กเจ้าโปรดของพี่เขาก็มาตั้งนะ ไปกันเถอะ!” หันไปค้อนให้พี่อ๊อฟแล้วเดินจูงมือน้องซินไปเลย
พอเดินกันไปได้สักแปปก็ถึงร้านเค้ก ผมก็สั่งเค้กนมสดของโปรดผมให้น้องซินลองชิมก่อน กินไปกินมาติดใจสะงั้น นั่งกินไม่พอสั่งกลับบ้านอีกหลายกล่องเลย ไอสิงโตก็บ่นตลอด พวกเพื่อนผมเดินนำกันไปก่อนแล้ว พี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้านี่มันเกินไปจริงๆ เดินไม่ห่างเลยนะ พอผมกำลังจะไปขัดน้องซินก็ดึงให้มาดูนั่นดูนี่ สรุปคือผมก็เดินกับน้องซินและไอสิงโต พี่อ๊อฟก็เดินไปกับยัยอิงฟ้า โถ่!พี่อ๊อฟทำไมทำแบบนี้ T-T พวกเราเดินกันไปสักพักก็น้องซินก็บ่นหิวข้าวแล้ว พวกเราก็พากันเดินไปโซนอาหารกัน แล้วก็พากันไปสั่งมานั่งกินด้วยกันตรงโต๊ะที่เขาจัดไว้ให้.........
“นทกินเกี๊ยวซ่าไหม” อิงฟ้าหยิบเกี๊ยวซ่าขึ้นมาให้ผมดู
“ไม่อะกินกันไปเถอะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ แล้วไม่สนใจอิงฟ้าเลย เพราะพี่อ๊อฟกับอิงฟ้ามันนั่งหน้าผม ผมเลยต้องนั่งหันข้างๆ ไม่อยากรับรู้ ทำเป็นดูน้องซินกินข้าว “ซินอร่อยหรือเปล่า”(ยิ้ม)
“ไม่ค่อยอร่อยเลยค่ะ แต่หน้าตามันดูน่าทานนะคะ” พูดเบาๆ ให้ผมได้ยินกับน้องแค่สองคน
“พี่ก็ว่างั้นแหละ ดูดิขนมจีนน้ำยาเหมือนน้ำเปล่า พี่ทานไม่ลงเลย” ผมทำหน้าแหยงๆ
“งั้นพี่นทบังคับพี่สิงโตทานเลยค่ะ หนูว่าถ้าพี่นทบอก พี่สิงโตต้องทานแน่ๆ” ยิ้มชั่วร้าย ผมเหลือบไปมองสิงโตมันมองมาทางผมอยู่ สิงโตมันไม่กินอะไรไงมันนั่งดูผมกับน้องซินกิน
“สิงโต กูกินไม่ไหวแล้วช่วยกินหน่อยดิ” ทำท่าลูบท้อง เพื่อนๆก็คุยกันอยู่ มันไม่ค่อยอยากยุ่งกับผมเมื่อผมอยู่กับน้องซิน มันบอกว่าน้องซินชอบทำหน้าไม่พอใจพวกมันเวลาไปยุ่งตอนที่ผมอยู่กับน้องเขา ส่วนพี่อ๊อฟก็มองนะ แต่ยัยอิงฟ้านี่ก็เกาะแกะจังแหละชิ!
“อิ่มแล้วก็ไว้นั่นแหละ ไม่ต้องฝืนหรอก” ยิ้มน้องซินก็สะกิดอยู่นั่นแหละ
“มึงรังเกียจของกูเหรอ” ทำหน้าเศร้า ไอสิงโตชะงักไปนิด
“ปะ เปล่ามาดิๆเดี๋ยวกูกินเอง” มันเอื้อมมือมาหยิบขนมจีนรสชาติจืดๆผมไปกิน เอาเข้าปากคำแรกมันมองผมแบบเกือบสำลักอะ “เอิ่ม!” มันกินคำเดียวแล้วมันก็วางลงแล้วหยิบแก้วน้ำผมไปกิน “อร่อยดีเนอะ!” กัดฟันพูดมองค้อนผม
“สิงโตไม่ได้นะเว้ย กินให้หมดเลย มามะกูป้อน!” ผมให้น้องซินที่นั่งขั้นผมกับสิงโตลุกขึ้นออกไปนั่งข้างผมแล้วผมก็นั่งข้างสิงโตมัน “อ้ามมม!” ตักขนมจีนขึ้นมาจ่อปากมัน มันลังเลนิดนึงก็ยอมอ้าปาก น้องซินหัวเราคิกคักเลย
“พะ....พอแล้วมั้ง” มันเบี่ยงหน้าหนี
“น้องซินพอแล้วเนอะ เดี๋ยวสิงโตจะท้องเสียเอาน้า” หันไปกระซิบกับน้องซิน
“ก็ได้ค่ะ อิอิ  พี่สิงโตชอบบ่นดีนักโดนแกล้งบ้างก็ดี” ทำหน้าสะใจ
“ไม่เอาน่า พี่เขาพูดเพราะเป็นห่วงนะ!” บอกแบบจริงจัง น้องซินพยักหน้าเข้าใจ
พอกินเสร็จก็เดินกันอีกแปป ก็แยกย้ายกันกลับ ไอสิงโตจะมาส่งแต่พี่อ๊อฟก็แทรกขึ้นมาว่าไม่ต้องผมอยู่หมู่บ้านเดียวกันเดียวไปส่งเองอะไรทำนองนั้น เอาจริงๆดูเหมือนหวง แต่ก็ไม่ยอมห่างจากอิงฟ้าคืออะไร? และน้องซินก็ไม่ลืมย้ำสัญญาที่ผมจะไปหาน้องในวันพรุ่งนี้ เรานั่งรถกันมาสักพักมันก็คุยแต่กับยัยอิงฟ้า ไม่สนใจผมเหมือนเดิม พอถึงบ้านก็ร่ำรากันอย่างกับจะลาไปตาย แล้วมันก็พาผมกลับบ้านระหว่างทางผมก็เงียบมันก็ผิวปากอย่างคนอารมณ์ดี....
“มีความสุขมากล่ะสิ!” ผมประชดมันเสียงแข็ง
“ก็นะ” แล้วก็ฮำเพลงไป ผมละหมั่นไส้จริง ผมกอดมันจากด้านหลัง มันสดุ้งรถเซเกือบล้มแหนะ! “นทมึงทำอะไรเนี่ย รถเกือบล้ม!” มันทำเสียงโหด
“จะกอดอะ ทำไม!” กอดแน่นเลย มันแกะออกด้วยนะผมก็ไม่ปล่อย
“มึงเป็นบ้าอะไรเนี่ย!” จับมือผมที่โอบเอวอยู่แล้วลูบ
“หึงโว้ยยยย!” ตะโกนอย่างดัง
แล้วผมก็ทั้งด่าทั้งถามมันก็เอาแต่หัวเราะจนถึงบ้านเนี่ยแหละ....
“ไปนอนกับกูนะ” (ยิ้ม)
“ไม่!” หมุนตัวกำลังจะเข้าบ้านพี่อ๊อฟจับมือผมไว้ ผมก็มองมันแบบไม่พอใจ
“ไม่นอนแน่นะ?” ยิ้ม ผมก็ลังเลสิ ไอนี่มันเป็นอะไรเนี่ย ทำผมไปไม่เป็นเลย
“อะ เออไม่!” พี่อ๊อฟจับมือผมแน่นขึ้น
“งั้นเดี๋ยวมานอนด้วยเคเปล่า?” ยิ้มหวานจนตาปิด
ผมก็ทั้งด่า ทั้งทุบมัน มันก็เอาแต่ยิ้ม แล้วสรุปมันก็ต้องมานอนกับผม แต่มันต้องกลับไปเอาของที่บ้านก่อน ผมยืนรอมันสักแปปมันก็กลับมา ผมก็พาพี่มันเข้าบ้าน ทักทายป๊ากับแม่นิดหน่อยแล้วพากันขึ้นห้อง......
“พรุ่งนี้ไปไหนกันดี” ยิ้ม ผมที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง หันไปมองมันที่กำลังจัดของอยู่
“ไม่ไปหาอิงฟ้าเหรอ!” พูดแบบไม่สนใจเท่าไหร่ มันเดินมานั่งข้างผม
“อืมนั่นสิ ไปหาอิงฟ้าดีกว่า” ยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมมองขวางเลยสิ
“เออก็ดี! กลับไปนอนบ้านตัวเองเลยไป!” ตะคอกใส่มัน แล้วถอยห่างมัน
“ หึ!” แล้วมันก็ลุกไปจัดของแล้วเข้าไปอาบน้ำ ผมก็เบื่อมากกับมันแล้ว เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้
ผมก็ไปนั่งทำการบ้านรอมัน สักพักมันก็ออกมา ผมก็ทำการบ้านไป จนเสร็จมันนอนเล่นโทรศัพท์รอผม ผมเดินเข้าไปอาบน้ำ มันก็เตรียมแปรงให้ผมเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกผมไม่เหมือนเดิมน่ะสิ หงุดหงิดจริงๆ พอออาบเสร็จออกมาก็แต่งตัวขึ้นเตียง ไอพี่อ๊อฟมันไปนั่งทำอะไรไม่รู้ที่โต๊ะ.......
“ง่วงยัง” มันหันมายิ้มหวาน ผมมองด้วยสายตานิ่งๆ แล้วไม่สนใจมัน มันเดินมานอนข้างผม “เป็นอะไร” ยิ้ม เอามือลูบหัวผม
“ไปไกลๆไป!” ทำเสียงรำคาญมันมันก็ยิ้มอย่างเดียว “ถามจริงเป็นอะไรมากไหมพี่อ๊อฟ ผมหงุดหงิดนะเนี่ย!”
“กูไม่ได้เป็นอะไร มึงนั่นแหละเป็นอะไรหื้ม?” กอดผม ผมก็ไม่ขัดขืน
“ตกลงชอบยัยอิงฟ้าใช่ไหม?” เริ่มนอยแล้วสิ
“ทำไมคิดแบบนั้นวะ?” ขมวดคิ้ว
“ต้องให้พูดจริงๆเหรอ!” ผมมองมันตาขวาง
“มึงหึงเว่อร์ไป เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ” (ยิ้ม)
“คือพี่ไม่อยากเป็นใช่ไหม ถึงพูดแบบนี้” เจ็บจี๊ดที่ใจยังไงไม่รู้ ทำไมมันพูดแบบนี้รู้สึกร้อนที่ขอบตาไปหมด
“เห้ยๆ! ไม่เอาๆ อย่าร้องดิกูล้อเล่นๆ อย่าคิดมาก” กดหัวผมซบกับอกมัน
“เป็นแฟนกันได้แล้ว เลิกยุ่งกับใครทั้งนั้นด้วย” ทำงอแงและทำเสียงอ้อน
“รีบไปหรือเปล่า” ดันผมออกมามองหน้าแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“ไม่เร็วไม่ช้าอะไรทั้งนั้นแหละ ผมจะเป็นบ้าเพราะพี่แล้วนะเนี่ย!” พี่อ๊อฟก็คลายกอดออกแล้วก็มองผม
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ยิ้ม มีความสุขไรนักหนาวะ
“พี่จะเอายังไงตอบมาดิ ไหนว่ารักไง ทำไมทำแบบนี้” นอยมากบอกตรง
“มึงอย่างอแงดิ กูก็รักมึงคนเดียวแหละน่า” เอามือลูบแก้มผม
“แล้วพี่เป็นอะไรเนี่ยรออะไร!” ตะคอกมัน
“เอาน่าไว้ค่อยคุยกันดีกว่าเนอะ” ยิ้มแล้วลุกขึ้น ผมก็ดึงมัน แล้วกดมันลงเตียง
พอมันล้มนอนบนเตียงผมก็ขึ้นคร่อมมัน แล้วจูบมันทั่วหน้า มันก็นิ่งๆให้ผมทำ....
“พอเถอะเลิกเล่นสักทีผมไม่ไหวแล้วนะ” ผมพูดเสียงอ่อน
“อะไรไม่ไหววะ” ยิ้ม แล้วลูบหลังผม “พอเถอะน่า อย่ามาหื่นตอนนี้เลย กูง่วง” แล้วดันผมออก
ได้แต่ฟึดฟัด ก็คือถ้ามันจะทำผมเมื่อกี้จะไม่ขัดขืนเลย แต่นี่อะไร อ่อยสุดๆยังไม่สนใจกันเลย! ไอพี่อ๊อฟมันลุกเดินไปปิดไฟแล้วเดินมาขึ้นเตียงนอน ผมก็หันไปมองมัน มันก็มองผมนะ แต่ก็ไม่ได้อะไรมองนิ่งๆ ผมก็เอามือลูบท้องมัน เขยิบเข้าไปใกล้ๆมันเอาหน้าซุกไซร้อยู่ที่ลำคอมัน มันก็นิ่งให้ผมทำ ผมก็เอามือล้วงเข้าไปในกางเกง จับ...ของมันถูขึ้นถูลงจนมันพองโตขึ้นมา มันก็ยังเฉยๆ ผมเลยเอามืออีกข้างรั้งคอมันมาจูบมันก็ตอบสนองดี ดูดลมหายใจผมไปแทบหมด ผมก็ทนไม่ไหวละออก มืออีกข้างก็จับของมันถูขึ้นลงอย่างนั้น จนสักพักมันผละออก....
“ทำเถอะนะ” มันก็ยิ้มอย่างเดียว
“อยากทำอะไรก็ทำดิ” พูดเสียงกระเส่านิดๆ เพราะผมถูของมันขึ้นลงเร็วขึ้น
ผมลุกขึ้นแล้วจับพี่มันนอนหงายแล้วดึงกางเกงลง เผยให้เห็นแท่ง...ชี้ชูชัน ผมก็นั่งคร่อมแล้วใช้มือชักขึ้นลงให้มันก็ครางอืมอือในลำคอ มันมองหน้าผม ผมก็เลื่อนตัวลงนิดหน่อยให้หน้าผมอยู่บริเวณ...ของมันผมจูบลงที่หัว....ของมันแล้วค่อยๆใช้ลิ้นเลียบริเวณลำ รสชาติแปลกๆ แต่ก็ไม่เลว... พี่มันก็ครางออกมาเบาๆ ผมรูดแท่ง...ของมันลงจนสุดแล้วใช้ปากครอบลงบริเวณหัว...แล้วขยับหัวขึ้นลงช้าๆ พี่อ๊อฟนี่ครางหนักเลย มีดิ้นนิดหน่อย ผมก็เร่งจังหวะนิดๆ พี่อ๊อฟจับหัวผมกดไว้ ประมานไม่ยอมให้ออก เกือบสำลัก แต่พอจับจังหวะได้ก็ทำต่อ ผมทำไปอีกสักแปปรู้สึกว่าพี่อ๊อฟมันใกล้จะถึงฝั่ง ผมก็หยุดทุกอย่าง ปัดมือที่กดหัวผมออกแล้วลุกขึ้นมองหน้ามัน....
“หยุดทำไมวะ” เสียงกระเส่าเลยทีเดียวผมโน้มตัวลงไปจูบปากมัน แล้วสบตากับมัน
“พูดออกมาสิ ว่าเราเป็นอะไรกัน” ก้มลงไปงับหูมัน แล้วใช้ต้นขาถูกับ...ของมัน มันกระตุกเล็กน้อย
“อ่า มึงเล่น อ้า อ่า” ผมเอามือถูบริเวณหัว..ของมัน มันก็เอามือปัดป่ายนะ แต่ผมใช้ตัวบังไว้
“พูดมาดีๆ อย่ามาลูกเล่นเยอะ คำตอบจะได้รู้เลย ว่าจะทำต่อ หรือ จะหยุดแค่นี้…”พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานแล้วก็กดและถูหัวมันแรงขึ้นจนมันดิ้นและร้องออกมา
“อื้ม อ่า โอ โอเคๆ ระ..เราเป็นแฟนกัน ละ...เลิกถูก่อน สะ...เสียว มะ..ไม่ไหว!” พูดติดๆขัดๆเลย แต่ก็ได้ยินชัด ผมถูไปด้วยกัดหัวนมมันไปด้วยส่วนมือมันก็จับหน้าผมไปหอมแก้ม
“ก็แค่เนี่ยแหละ.....”
แล้วผมก็ลุกขึ้นมาถอดกางเกงออก แล้วนั่งคร่อมลงตรงต้นขาพี่อ๊อฟ ผมใช้มือชักของมันขึ้นลงเพื่อให้แข็งเต็มที่ พี่อ๊อฟก็นอนครางและนอนมองผม เอาจริงๆตอนนั้นก็อายมากนะ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้วด้านได้อายอด พอมันแข็งเต็มที่แล้วและรู้สึกถึงน้ำใสๆที่มันเริ่มไหลออกมา ผมก็ลุกขึ้น จับแท่ง...ของพี่อ๊อฟจ่อให้ตรงกับช่องทางหลัง..ของผม ผมค่อยๆกดตัวลงไป นี่คือครั้งแรก บอกตามตรงเจ็บสุดๆ มันเสียดมันฟืดไม่มีตัวช่วยอะไรเลย....
“ไหวหรือเปล่า ไม่ไหวก็หยุดเถ..อุ้บ”
ผมกดตัวลงจนสุด แล้วผมก็โน้มตัวไปจูบมันพี่อ๊อฟก็จูบแบบดูดดื่มมาก แต่ผมแทบไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยเพราะความเจ็บ พี่อ๊อฟจูบผมไปสักพักผมก็เริ่มหายเจ็บและเริ่มโต้ตอบมัน พี่อ๊อฟก็ค่อยๆขยับ ผมเกร็งจนพี่อ๊อฟมันเจ็บ...ของมัน แล้วมันก็จูบผมต่อ จูบแบบจะกินลิ้นผมเข้าไป ผมกำลังจะถอนตัวออกมันกัดลิ้นผมไว้
จากนั้นระหว่างจูบมันก็ค่อยๆขยับเอว คราวนี้ไม่เจ็บแล้วแต่รู้สึกวูบๆโหวงๆในช่องหลังมากกว่า พี่อ๊อฟก็จับผมพลิกตัวให้นอนลงอยู่ใต้ตัวมันทั้งๆที่ยังไม่ถอนแท่ง...ของมันออก มันก็เริ่มขยับเอวเร็วขึ้น ผมรู้สึกอายมาก พี่อ๊อฟจ้องหน้ามองผมด้วยสายตาที่หวานหยด ผมเลยเอื้อมแขนไปคล้องคอมันมาจูบต่อ ส่วนเอวมันก็กระแทกเข้ามาเป็นจังหวะและเร่งขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ได้ต้องร้องแล้วก็ครางชื่อมันออกมา มือมันก็ช่วยผมไปด้วย เสียวไปหมด สักพักผมก็ทนไม่ไหวปล่อยออกมาเลอะเต็มหน้าท้องตัวเอง พี่อ๊อฟถอนแท่ง...ของมันออกมาแล้วกวาดน้ำของผมไปถูที่แท่ง...ของมันแล้วใส่เข้ามาในรูผมอีกครั้ง จากนั้นก็ซอยอย่างเร็วและถี่ ผมรู้สึกแสบขึ้นมาแล้วสิ สักพักพี่อ๊อฟก็กระแทกย้ำๆ 2-3 ทีผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆพุ่งเข้ามาในตัว แล้วพี่อ๊อฟก็ฟุบลงนอนทับผมทั้งๆที่แท่งของมันก็ยังอยู่ในตัวผม....
“ฟอด!” หอมแก้มผม แล้วเลียที่ใบหูผม
“อ่า อย่าเลีย....” เขินมากเอาจริง
“มึงแม่งโครตเซ็กซี่ นี่มึงข่มขืนกูนะ” เอามือลูบแก้มผม  ผมรู้สึกว่าแท่ง..ของมันเริ่มพองโตขึ้นมาอีกแล้ว
“บ้า!” หันหน้าหนีมัน
และหลังจากนั้นมันก็จัดผมไปอีก 2 ยก ส่วนผมไม่รู้ว่าปลดปล่อยไปเยอะแค่ไหน มันเล่นผมจนเจ็บทั้งหน้าและหลังไปหมดเราก็นอนกันทั้งอย่างนั้น เพราะหมดแรงจะลุกไปอาบน้ำ พอตื่นมาผมมองนาฬิกานี่ก็ช่วงสายแล้ว ผมหันไปมองพี่อ๊อฟสลบและไม่มีวี่แววว่าจะตื่นง่ายๆ ผมค่อยๆเอามือพี่อ๊อฟที่พาดตัวผมออก แล้วก็ค่อยๆลุก มันแสบและเจ็บๆด้านหลัง..ของผม ปวดขามากด้วย ผมค่อยๆเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะใช้กระจกสำรวจช่องตัวเอง โอ้โห! แดงและมีเลือดซึม โดนพรากความบริสุทธ์ไปถึงกับเลือดซึมเลย ผมค่อยๆใช้น้ำล้างอย่างเบามือ เพราะว่าแค่น้ำยังแสบขนาดนี้ ถ้าโดนสบู่ล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง อาบไปสักพักก็เสร็จ แต่นานมากจริงๆจะขยับอะไรนิดหน่อยก็เจ็บแสบไปหมด ผมก็ไม่ลืมจะเตรียมแปรงไว้ให้มัน พอออกจากห้องน้ำไป มันก็ยังนอนอยู่ คือคงจะเหนื่อยจริงๆแหละ เล่นหักโหมขนาดนั้น ดีนะที่ผมนอนเฉยๆ555 ผมแต่งตัวเสร็จก็ไปหยิบโทรศัพท์มาเปิดเครื่อง โห! น้องซินโทรมา 10 กว่าสายแล้ว ผมลืมไปเลยว่าวันนี้นัดกับน้องไว้ ผมเลยรีบโทรกลับ.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:41:46
“พี่นททำไมไม่เปิดเครื่องคะ ไหนว่าวันนี้จะมาหาหนู!” พอคุณหนูเขารับสายก็โวยเลยจ้า
“ขอโทษครับ พอดีพี่เพิ่งตื่น อีกอย่างมันก็ยังแค่สายๆอยู่ พี่ไม่อยากไปรบกวนน้องแต่เช้า” แก้ตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
“ไม่เลยค่ะ แล้วพี่นทเพิ่งตื่นเหรอคะ ซินกวนพี่หรือเปล่า” ทำเสียงหงอย
“ไม่เลยๆ เดี๋ยวพี่จะไปหาซินแล้วรอแปปนึงนะ สัญญาก็ต้องเป็นสัญญาไง” ทำเสียงสดใส
“พี่นทมายังไงคะ” ถามด้วยน้ำเสียงสงสัย ผมก็หันไปมองพี่อ๊อฟ ยังไม่ตื่นเลยและก็คงอีกนาน
“คงนั่งรถสองแถวไปครับ” ผมก็หาโพสอิทมานั่งเขียนไว้ให้พี่อ๊อฟ พร้อมกับพิมพ์ไลน์ส่งทิ้งให้มัน
“อย่านะคะ! รอที่บ้านเลยค่ะ เดี๋ยวหนูให้พี่สิงโตไปรับ” ออกคำสั่งสะแล้ว
“รบกวนมันหรือเปล่าครับ วันนี้วันหยุดมันอาจจะตื่นสายก็ได้นะ” เกรงใจจริงๆ
“ไม่เลยค่ะ พี่นทรออยู่บ้านนั้นแหละ แล้วพี่สิงโตจะไปรับนะคะ ตึ๊ด!” แล้วน้องก็วางไป
ผมก็นั่งเขียนโพสอิท “พี่อ๊อฟถ้าตื่นแล้วก็อาบน้ำหาข้าวกินก่อนนะ ผมจะออกไปหาน้องซิน ตามที่สัญญากับน้องเขาไว้ พี่จะรอผมที่บ้านก็ได้ หรือถ้าเบื่อพี่ก็กลับบ้านไปก่อนก็ได้เดี๋ยวกลับมาผมจะไปหา ^^” แล้วผมก็ติดไว้กับโทรศัพท์มัน ผมก็เตรียมของแล้วก็ลงไปหาแม่ เอาจริงๆตอนลงบันไดทรมานใช่ย่อยนะ เสียดและแสบมาก พอลงไปถึงผมก็บอกกับแม่เรื่องพี่อ๊อฟไว้ และนั่งกินข้าวกับแม่สักพักไอสิงโตก็มา ผมก็ไปกับมัน ตอนขึ้นซ้อนรถมันลำบากมากบอกตรง ต้องกัดฟันข่มความเจ็บอย่างมาก แต่ไอสิงโตมันไม่ค่อยพูดสงสัยเพิ่งตื่นแหละ พอถึงบ้านมัน โอ้โห! คนจะออกมาต้อนรับเยอะอะไรขนาดนี้.....
“ไอสิงโต ทำไมคนออกมาเยอะจังวะใครจะมา” ผมหันไปกระซิบไอสิงโตที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆผม
“ก็ซิน บอกให้ออกมาตอนรับมึง น้องกูสงสัยจะติดมึงแล้วล่ะ” (ยิ้ม)
แล้วผมก็เดินเข้าบ้านไป คนสวนแม่บ้านก็ก้มหัวกันผมทำตัวไม่ถูกเลย ก็ต้องก้มให้พวกเขาเหมือนกัน พอเข้าไปน้องซินก็วิ่งมาหาเลย พูดเยอะแยะเชียวและก็พาผมเข้าห้องเล่นของน้องไอสิงโตเดินแยกไปไหนไม่รู้ คงไปนอนต่อมั้งเพราะหัวมันยุ่งมากตอนไปรับผมคงพึ่งตื่นจริงๆอะแหละแต่......
“เอ่อ นะ....น้องซิน ทำไมห้องถึงได้เละแบบนี้ล่ะ” ผมมองสภาพพื้นห้อง คือน้องเขาปล่อยให้หนูแกสบี้2ตัววิ่งเล่นอยู่ทั่วห้อง และมีหญ้า ถ้วยน้ำ ของเล่น ขี้เยี่ยวหนูกระจายเต็มไปหมด ผมมองอย่างตะลึง
“ก็เมื่อวานพี่นทไม่มา ซินไม่มีที่นอนให้อลิซกับกัสน่ะสิคะ เลยต้องปล่อยไว้ในนี้ก่อน” ทำหน้าเศร้าๆ อลิซกับกัสคงเป็นชื่อหนูสินะ
“โอเคๆ งั้นพี่ขอโทษแล้วกัน เดี๋ยวพี่จะเก็บให้แล้วก็จัดกรงให้โอเคหรือเปล่า” ยิ้ม น้องซินยิ้มกว้างเลย
“ได้เลยค่ะ” ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ผมมองสภาพคือไม่รู้จะเก็บอะไรก่อนดี ผมไปหยิบถุงเปล่าที่วางอยู่บริเวณมุมห้อง คาดว่าน่าจะเป็นถุงที่ใส่หญ้า ผมก็ไล่เก็บหญ้า.....
“พี่นททำอะไรคะ” มองผมด้วยความสงสัย
“เก็บของพวกนี้ไง ถ้าไม่เก็บแล้วพวกเราจะนั่งทำกันยังไง เดี๋ยวน้องซินก็คันหรอก หญ้านี่มันคันหรือเปล่าก็ไม่รู้” หันไปบอกแล้วก็ก้มเก็บต่อ
“หยุดก่อนค่ะ! พี่แก้มมมมมม!” ผมลุกขึ้นอย่างตกใจ ลุกขึ้นเร็วๆความเจ็บนี่แล่นมาเลย ก็อยู่ๆน้องก็ตะโกนบอกผม ซึ่งจะตะโกนทำไมแล้วแม่บ้านก็วิ่งมากัน2คน “เก็บขยะในห้องซินหน่อยค่ะ! แล้วก็ทำความสะอาดด้วย ส่วนอลิซกับกัสก็เอาไว้ในกระเป๋าก่อนนะคะ หนูกับพี่นทจะนั่งรอในห้องพี่สิงโต!” สั่งแบบฟึดฟัดเล็กน้อย
“น้องซินความจริงพี่ทำให้ก็ได้นะครับ” ยิ้มอ่อน น้องก็จูงมือผมขึ้นมาข้างบนผมก็ขึ้นอย่างช้าๆและระวังที่สุดมันแสบ น่าจะพามาห้องนอนไอสิงโต
“ไม่ได้นะคะ พี่นทมาช่วยหนูจัดกรง ไม่ได้มาทำความสะอาดค่ะ” แล้วก็ดึงผมให้ผมตามไป
ผมค่อนข้างจะเกรงใจ อีกอย่างผมกลัวแม่บ้านพวกนั้นมองผมไม่ดีด้วยแหละ แล้วน้องก็พาผมเข้าห้องนอนไอสิงโต คือห้องน่านอนมากครับตุ๊กตาเอย โปสเตอร์ และโมเดลยักษ์แต่ละอย่างนี่สุดๆ ผมเห็นไอสิงโตนอนอยู่บนเตียง น้องซินก็พาไปนั่งที่เก้าอี้......
“น้องซินบังคับสิงโตไปรับพี่เหรอครับ?” มองน้องซินอย่างสงสัย
“เปล่านะคะ ตอนแรกเห็นพี่สิงโตนอนอยู่หนูก็ไม่อยากกวน แต่พี่สิงโตเห็นหนูเข้ามาเลยถามว่ามีอะไร หนูเลยบอกไป ว่าช่วยไปรับพี่นทได้ไหม พี่สิงโตไม่พูดอะไร หยิบกุญแจแล้วออกไปเลยค่ะ” ทำหน้าบ้องแบ้ว
“วันหลังไม่ต้องก็ได้นะ เพราะสิงโตอาจจะอยากนอนมากกว่าก็ได้” (ยิ้ม)
“ไม่ได้นะคะ พี่นทเป็นแขกพิเศษต้องดูแลแบบพิเศษ” ยิ้มจนตาปิด “พี่อยู่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวซินลงไปดูก่อนว่าเตรียมอะไรเสร็จหรือยัง เดี๋ยวหนูให้คนมาเรียกค่ะ” ยิ้มแล้วก็วิ่งไป
“ดะ....เดี๋ยวซี่!”ไม่ทัน ไปนู่นแล้ว
ผมก็ได้แต่นั่งอยู่เฉยๆมองไอสิงโตมันนอน บอกตรงไม่กล้าหยิบจับอะไรเลย กลัวจะเป็นของรักของหวงมันทั้งนั้น ผมก็นั่งแบบนั้นสักพัก ทำไมน้องซินต้องเอาผมมาไว้ห้องนี้ด้วยเนี่ย! ห้องมีตั้งเยอะตั้งแยะ ผมอึดอัดนะ....
“มองแบบกูเขินนะเว้ย!” เสียงงัวเงียแล้วค่อยๆลืมตา รู้ได้ยังไงว่าผมมองมัน
“มองบ้าอะไร ง่วงก็นอนไปกูไม่กวนแล้ว” ผมกำลังจะลุกเดินออกห้องไอสิงโตรีบลุกมาดึงผมไปนั่งที่เตียง ดีนะไม่ได้นั่งแรง “มีอะไรวะ?นอนเถอะมึง” ยิ้ม แล้วดันมันออก เพราะมันใกล้ชิดเกินไป
“มึงจะรีบไปไหนเนี่ย ไม่เคยมีเพื่อนคนไหนได้เข้าห้องนอนกูนะเว้ย! มึงไม่ดีใจเหรอ?” ถามผมพร้อมกับล้มตัวลงนอน แล้วผมก็ควรต้องดีใจใช่ไหม เอ่อ!
“กูต้องดีใจใช่ไหม โอย! ช่างเถอะแต่กูเกรงใจมากกว่า ห้องน่านอนชิบหาย กูถึงรีบไปไง อยู่นานเดี๋ยวได้เคลิ้มหลับ” ยิ้ม พูดติดตลกไป
“งั้นนอนดิ” ดึงผมให้นอนลงข้างๆมัน ผมก็หันหน้ามองมัน น่ารักจริงๆ คนอะไรจะหล่อใสๆ “มองอะไรวะ?” เอามือเช็ดลูบหน้าตัวเอง
“ปะ เปล่า เดี๋ยวกูลงไปดูน้องซินดีกว่าไม่รู้เสร็จหรือยัง มึงนอนเถอะไม่กวนแล้ว” ยิ้มแล้วกำลังจะลุกมันก็ดึงไว้อีกแล้ว ผมเลยนอนมองมัน  “มึงนี่ยังไงเนี่ย” ถามมันแบบขมวดคิ้ว
“ลูบหัวกูหน่อยดิ” (ยิ้ม)
“แบบกล่อมเด็กอ่ะนะ?” มันพยักกหน้า ผมก็ลูบๆไป ลูบไปสักพักผมเริ่มเคลิ้มละสิทีนี้ แอร์ก็เย็นกำลังดี
สักพักก็เคลิ้มหลับไป เพราะความเพลียจากเมื่อคืนด้วย ครืดๆๆ ผมสะดุ้งตื่นเมื่อโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงผมสั่น เอาจริงๆมันสั่นตั้งแต่มาถึงบ้านไอสิงโตสักพักแล้วแต่ผมทำเป็นไม่สนใจเพราะแน่ๆคือต้องเป็นพี่อ๊อฟชัวร์ๆ แต่นี้มันเล่นสั่นรัวและนานมากจนผมต้องตื่นเพื่อล้วงแล้วหยิบขึ้นมาดู มิน โทรมา?....
“ว่าไง?” ถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย และมองหาไอสิงโต คือมันหายไปไหนไม่ได้อยู่บนเตียง
“อยู่ไหนมึง เขารอมึงอยู่คนเดียวเนี่ย!” ไอมินทำเสียงตื่นเต้น
“รออะไร ได้ข่าวว่ากูไม่ได้นัดมึง!” ผมหงุดหงิดเล็กๆ
“ใช่มึงไม่ได้นัดกู แต่มึงไม่ชวนพวกกูมาบ้านไอสิงโตไง” แล้วก็มีเสียงพวกเพื่อนๆแทรกเข้ามาเต็มไปหมด
ผมกดวางสายเลย แล้วเลื่อนดูสายที่ไม่ได้รับ พี่อ๊อฟ20กว่าสายแล้วและเพื่อนๆกันคนละ2-3สาย ดีเว่อร์ ผมเดินหาไอสิงโตทั่วห้องก็ไม่เจอเลยเดินลงไปข้างล่าง แต่เดินด้วยความลำบากมันรู้สึกเสียดจริงๆ.....
“เฮ้ยๆๆ มาแล้วโว้ย!” แหกปากมาแต่ไกล ผมมองพวกมันอย่างสงสัย
“มึงจะแหกปากทำไมไอมิน” ไอนัทหันไปพลักหัวไอมิน
“เออเดี๋ยวเขาก็ไล่มึงออกบ้านหรอก!” ไอวิวหันไปด่าไอมิน
“เออสำรวมหน่อยเหอะมึง” ไอปอพูดแล้วหันมายิ้มให้ผม
ผมมองพวกมันแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ไอสิงโตยืนทำหน้าหงุดหงิดอยู่ข้างๆพวกมัน....
“พวกมึงมากันทำไม?” ผมมองพวกมันอย่างสงสัย
“ทำไมกูก็มาเที่ยวหาไอสิงโตไง แล้วมึงเถอะมาไม่ชวนเลยน้า” ไอมินยิ้มบาน ส่วนคนอื่นเหมือนโดนไอมินบังคับมา
“กูมาหาน้องซินเถอะ!” ผมรำคาญมันมากเลยนะ แบบนี้อีกแล้ว
“แล้วทำไมเดินลงมาจากข้างบนวะ? แถมเดินแปลกๆด้วย อย่าบอกนะมึงสองคน” มันชี้มาที่ผมและไอสิงโต เพื่อนคนอื่นก็ตกใจ
“เลอะเทอะไอห่านี่นิ!” ผมค้อนใส่มัน แล้วน้องซินก็เดินมา..
“พี่นทตื่นนานหรือยังคะ?” มองผมแบบสงสัย ส่วนเพื่อนๆคือคงอยากรู้เต็มที่
“ไปกันเถอะน้องซิน” ผมไม่ได้ตอบ แต่จับมือน้องซิน “ส่วนพวกมึงอยากรู้อะไรก็ถามสิงโตเองแล้วกันไอพวกขี้เสือก” แล้วจูงมือน้องซินไปเลย ไอสิงโตก็เหวอแดก ดูมันจะอารมณ์เสียอะไรไม่รู้มัน
แล้วผมก็เข้ามาในห้องเล่นของน้องซิน น้องซินบอกว่าไปตามผมแล้วเห็นนอนอยู่เลยไม่อยากกวน จนเพื่อนๆผมมาไอสิงโตเลยตื่น น้องซินบอกตอนแรกไอสิงโตก็ไล่แล้ว แต่พวกเพื่อนผมอ้างว่าผมชวนมาไอสิงโตเลยยอมให้เข้ามา ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง คือคนอื่นคงไม่เท่าไหร่แต่ไอมินคงจะอ้างผมอีกตามเคย แล้วผมก็ช่วยน้องซินจัดนู่นจัดนี่ เหมือนเดิมน้องก็ทำอะไรไม่เป็นเลย ผมก็ทำนู่นทำนี่ไปน้องก็ช่วยหยิบจับบ้าง แต่ส่วนมากจะเล่นกับอลิซและกัสมากกว่า ผมจัดไปนานอยู่ เพราะประกอบกรงผิดด้าน และน้องซินก็เลือกที่แขวนหญ้ามุมนี้มุมโน้นกว่าจะพอใจ ใช้เวลานานพอตัว ไอสิงโตมาตามผมสองรอบ ดูมันหงุดหงิดมาก พอเสร็จ น้องซินก็ดีใจมากมายเหลือเกิน ผมก็ได้แต่ดูแล้วก็ขอตัวไปหาเพื่อนๆ พอเปิดประตูไปก็โอ้โห!เสียงดังกันเชียว แถมยังมีพวกไอโค้กมาอีก ผมสายหัวอย่างมึนๆแล้วเดินไปนั่งข้างไอสิงโตที่มุมห้อง เพื่อนๆก็แซวกันใหญ่ผมก็ไม่ใส่ใจ.....
“สิงโต วันนี้มึงนัดเพื่อนๆมาเหรอ?” ผมหันไปถามอย่างสงสัย
“เปล่า ไอมินมันอ้างชื่อมึง อีกอย่างไหนๆพวกเพื่อนๆมึงมากูก็เลยชวนเพื่อนๆกูมาเลย” ส่ายหัวแล้วบีบต้นคอ
“มึงไม่สบายหรือเปล่าวะ?” ผมเอามือจับหน้าผากที่คอก็ไม่ร้อนหรืออะไร “ก็ไม่มีอะไรนิ?”
“กูแค่ง่วงๆว่ะ” (ยิ้ม)
“มึงลงมาก็น่าจะปลุกกูกูจะได้ด่าไอมิน!” คิดแล้วก็หงุดหงิด
“ก็กูเห็นมึงหลับสบายนี่หว่า แถมกูจับแก้มมึงเหมือนตัวร้อนๆเลยไม่อยากกวน” (ยิ้มเขินๆ)
“ตัวกูร้อนเหรอวะ?” ผมลองจับคอตัวเองดู “กูก็ปกตินะ หรือแอร์ห้องนอนมึงเย็นไปวะ?”มองอย่างสงสัย
“คงงั้นมั้ง” (ยิ้ม)
“กินข้าวยังมึง ตื่นมาก็ไปรับกูแถมยังมาเจอพวกนี้อีก” หันไปมองพวกมันอย่างเพลียจิต เล่นเกมส์กันอย่างเมามันส์เลย
“ยังเลยเนี่ย รอมึงด้วยมึงหิวยังล่ะ?” หันมาถามด้วยสายตาที่อบอุ่น
“ก็กินมาแล้วนะ ถ้ามึงหิวก็ไปกินก่อนก็ได้ กูรอเนี่ยแหละ”(ยิ้ม)
“งั้นไม่ดีกว่าอยู่กับมึงดีกว่า” นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้วคือยังไม่กินข้าวเดี๋ยวก็ปวดท้องพอดี
“งั้นไปกินเลย เดี๋ยวกูไปส่ง โอเคไหม?” ยิ้มแล้วก็ลุกยื่นมือไปดึงไอสิงโตให้ลุกตามด้วย
พวกเพื่อนมันก็ถามกันใหญ่เลยไปไหนกันผมก็บอกพาเสี่ยไปหาอะไรกิน เท่านั้นแหละแซวกันใหญ่ผมรำคาญเลยดึงมือไอสิงโตออกมาเลย แล้วก็พามันไปห้องกินข้าว....
“นี่คือกูต้องเข้าไปหาให้มึงกินหรือยังไง?” ผมไม่รู้ว่าต้องทำเองหรือมันจะเรียกแม่บ้าน
“กูอยากกินฝีมือมึงอะ” ยิ้ม ผมสะดุ้งเล็กๆ
“กูทำกับข้าวไม่เป็นนะมึง” ยิ้มอ่อน ไอสิงโตทำหน้าหงอยเลย แต่นึกขึ้นได้ว่าเคยทำข้าวผัด แต่ประเด็นไม่ได้ทำนานแล้วรสชาติจะกินได้อยู่เหรอ “แต่กูเคยทำข้าวผัดนะ ถ้ามึงอยากเสี่ยงท้องเสียกูก็จะทำให้มึงกิน” ยิ้ม ไอสิงโตยิ้มออกทันทีเลย
“เอาๆ กูกินข้าวผัดก็ได้” จะดีใจอะไรขนาดนั้น
“เออก็ได้งั้นมึงไปอาบน้ำแต่งตัวหล่อๆรอเลย เดี๋ยวกูจะเข้าครัวให้” ยิ้ม มันทำหน้าสงสัย
“ทำไมต้องแต่งตัวหล่อๆวะ?” (ทำงง)
“ก็เผื่อ....มึงท้องเสียกูจะได้หามมึงไปส่งโรงบาลไง อย่างน้อยเขาจะได้รู้ว่าตอนมึงป่วยมึงก็หล่อนะ” ยิ้ม ไอสิงโตยิ้มเขิน
“เออก็ได้ๆ” แล้วมันก็เดินไป
ผมก็เดินเข้าครัวแม่บ้านอยู่กัน2-3 คน ตอนแรกเห็นผมตกใจกันใหญ่ ถามว่าเข้ามาทำไม ผมก็เลยบอกไป ว่าไอสิงโตมันอยากกินข้าวผัด ตอนแรกพวกแม่บ้านก็บอกว่าจะทำไปให้เองผมไม่ต้องทำหรอก ผมก็บอกไปว่ามันจะกินที่ผมทำเขาก็เลยยอม ตอนแรกพวกเขาก็เกร็งๆกันแหละ พอผมบอกว่าให้สอนผมทำด้วยเท่านั้นก็พูดกับผมเป็นต่อยหอยเลย แถมแซวอีก ตอนแรกพวกเขาเรียกผมว่าคุณนท ผมบอกว่าไม่ต้องขนาดนั้นหรอก เรียกว่านทก็พอคือกว่าจะเสร็จโม้กันไป คุยกันสนุกดี แถมยังคุยกันถูกคออีก ผมก็ถามพวกแม่บ้านเรื่องไอสิงโตพวกเขาก็เม้าให้ผมฟังกันใหญ่เลย ว่ามันค่อนข้างเอาแต่ใจ ทำอะไรก็ต้องเนียบ อย่างห้องนอนมันต้องเป็นหัวหน้าแม่บ้าน มันเท่านั้นที่เป็นคนไปทำความสะอาดให้ อีกสารพัดที่โม้กัน......
“อะแฮ่ม!” ผมและแม่บ้านสะดุ้งเลย ผมหันไปยิ้มอ่อนให้มัน มันจะได้ยินไหมเนี่ยกำลังนินทามันอยู่5555
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” ยิ้ม ผมหันไปมองแม่บ้านทั้งสามก้มหน้าก้มตาเก็บของกันใหญ่เลย
“มาทันได้ยินคนกำลังถามเรื่องกูไง” มองนิ่งๆ แล้วมองไปทางพวกแม่บ้านสามคน 3คนนั้นรีบก้มหน้ากันใหญ่เลย
“มึงอย่าโกรธเลยน้า กูแค่ถามพวกพี่เขาเองอ่า” จับแขนมันแล้วเขย่า “เอ้อ!นี่ไงข้าวผัด กูทำไม่ค่อยเก่งพี่ๆเขาสอนด้วยนะเว้ย!ยกจานข้าวผัดขึ้นมา แล้วยิ้ม
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” แล้วเดินไปเลย
ผมเลยหันไปคุยกับพวกแม่บ้านทั้งสามคนว่าไม่ต้องห่วงเดี๋ยวผมจะเคลียล์ให้ เพราะผมจะทำให้พวกเขาสามคนเดือดร้อนไม่ได้นะ ผมเป็นคนถามเองนี่ ผมก็ถือถาดข้าวพร้อมน้ำส้มมมาให้มันมันนั่งรอที่ห้องกินข้าว ผมก็เดินไปนั่งข้างมัน...
“โกรธเหรอวะ” รู้สึกผิดยังไงไม่รู้
“…..” เงียบก้มหน้ากดโทรศัพท์
“โหแต่งตัวหล่อจริงๆด้วยนะเนี่ย” มองที่ตัวมัน มันจะออกไปเที่ยวเหรอเนี่ย
“…….” เงียบ หันมองผมแล้วก็ก้มกดโทรศัพท์ต่อ
“เสี่ยครับอย่าโกรธผมน้า” เอาหน้าไปถูกับแขนอ้อนมัน “ให้ผมทำอะไรยอมแล้วน้าๆๆๆๆๆ” อ้อนมัน ผมเห็นมันอมยิ้ม
“อืมๆ” แล้วเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ผมยิ้มกว้างเลย
“มาๆ เดี๋ยวป้อนเลยบริการพิเศษ ค่าที่มึงให้กูนอนบนที่ห้องนอนสุดหวงของมึงโอเคไหม” ยิ้ม มันก็ยิ้มไม่ตอบอะไร “อ้าม!”ผมตักข้าวจ่อปากมันก็อ้าปากรับ
ผมก็ป้อนมันไปจนจะครึ่งจานผมเริ่มเมื่อยมือแล้วยื่นให้มันกินเองมันก็ไม่ยอมกิน ผมเลยต้องป้อนมันจนหมดแหละ ดีที่มันยังกินน้ำเองได้...
“รสชาติเป็นยังไงบ้างอ่า” มองมัน
“ก็กินได้” (ยิ้ม)
“แน่นะ ก็เพราะพี่เขายืนบอกไง ไม่งั้นมึงอย่าหวังว่าจะกินได้555” ไอสิงโตขำใหญ่เลย “หัวเราะแบบนี้ไม่โกรธแล้วใช่ไหม”ผมถามมันด้วยรอยยิ้ม
“ใครบอกว่ากูโกรธ?” มองผมแบบงงๆ
“อ่าว!มึงไม่ได้โกรธที่กูไปถามเรื่องมึงกับพวกพี่เขาเหรอ” ผมทำหน้างงมันส่ายหน้า “อ่าว!แล้วมึงเป็นอะไรอ่า?”
“แค่อยากให้มึงป้อนข้าวไง” ยิ้มเขิน ผมก็เขินสิ ไอเสี่ยขี้อ้อนเอ้ย!
ผมรู้สึกร้อนๆที่หน้า ผมเลยลุกขึ้นหยิบถาดข้าวมันไปเก็บในครัวตอนแรกมันดึงผมบอกไม่ต้อง ผมบอกไม่เป็นอะไรเลยเดินเอาถาดเข้าไปเก็บ ไอสิงโตนี่มันเด็กเอาแต่ใจจริงๆด้วย มันน่านัก ผมบอกพวกพี่เขาไปแล้วว่าไม่ต้องห่วง สิงโตมันไม่ได้โกรธอะไร พวกพี่เขาดูโล่งใจกันมาก ผมก็เดินกลับไปหาไอสิงโต ระหว่างเดินกลับโทรศัพท์ผมก็มีสายเข้า แม่โทรมา ผมก็กดรับ...
“มีอะไรแม่?” ถามด้วยน้ำเสียงร่าเริง
“นทพี่อ๊อฟโทรไปตั้งหลายสายทำไมไม่รับ?” แม่ถามผมเสียงดุ
“นทไม่ว่างอะสิแม่! มีอะไรอ่ะ” ถามแบบไม่พอใจ เป็นเด็กไม่ดีไง อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
“ก็แม่เห็นว่านี่มันก็เที่ยงแล้ว พี่เขาไม่ลงมาสักทีแม่เลยขึ้นมาดู ปลุกก็ไม่ตื่นเพ้อเรียกแต่ชื่อนท ตัวพี่เขาร้อนเชียวแถมนอนถอดเสื้ออีก!” ดุเลย ผมตกใจสิ พี่อ๊อฟมันโป๊อยู่นี่ แล้วแม่จะเห็นไหม!
“แม่เข้าไปดูเฉยๆเหรอ!” ผมทำเสียงตื่นเต้น
“แม่พึ่งเข้ามาดูเนี่ย พี่เขาถือโทรศัพท์แน่นเลยแม่ลองเอามาดูเห็นพี่เขาส่งข้อความหานทว่าเราไม่รับสายน่ะสินี่นอนยังไม่ตื่น แม่เลยดึงผ้าห่มขึ้นให้ รีบๆกลับมาดูพี่เขาหน่อยนะ! แม่จะออกไปข้างนอก”
“แม่แค่ดึงผ้าห่มขึ้นแน่นะ!” ถามแม่อย่างสงสัย
“ใช่น่ะสิ!ตัวร้อนขนาดนี้เปิดผ้าออกได้ไข้ขึ้นพอดี!” ทำเสียงดุ
“โอเคเดี๋ยวนทจะรีบกลับ แม่เตรียมข้าวต้มอะไรไว้ให้นทด้วยนะ ตึ๊ด” แล้ววางสายไปเลย
ผมตกใจมาก ดีนะที่แม่ไม่ได้เปิดผ้าห่มดูไม่งั้นล่ะรู้เรื่อง ผมเลยเดินไปบอกไอสิงโตว่าจะรีบกลับบ้าน มีธุระด่วน และไม่ลืมที่จะเดินไปบอกเพื่อนๆและน้องซิน ตอนแรกน้องซินโวยวายใหญ่เลยเพราะน้องจะเลี้ยงเค้กผมตอบแทน ผมเลยบอกว่ามีธุระจริงๆวันหลังก็ได้แล้วก็โอเค พอผมบอกทุกคนเสร็จตอนแรกว่าจะนั่งรถกลับไอสิงโตก็ไม่ยอมอีกตามเคย มันก็ไปส่งผม ผมก็ขอบคุณและขอโทษมันแทนไอมินยกใหญ่เลย มันก็ไม่ได้ว่าอะไรเราคุยกันระหว่างทางเยอะแยะ แล้วพอถึงก็พูดกันนิดหน่อยไอสิงโตก็ไป ผมก็เดินเข้าบ้าน แม่เตรียมของไว้ให้หมดแล้ว แม่ต้องไปตลาดด้วยผมเลยยกถาดข้าวพร้อมยาขึ้นไป เห็นพี่อ๊อฟนอนคดตัวอยู่ในผ้าห่ม ผมเดินไปเปิดผ้าห่มดู เฮ้อ! ยังดี มันไปใส่บ๊อกเซอร์ตอนไหนเนี่ย แล้วทำไมถึงไม่สบายได้ละเนี่ย อย่าบอกนะเพราะเรื่องเมื่อคืน? ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน ผมหรือเปล่าที่ต้องไม่สบาย โดนทารุณกรรมขนาดนั้น ผมก็คิดนู้นนี่ไป ผมเปิดหน้าต่างให้ทั่วห้องเพื่อจะให้มันระบายมากพอ และก็ไปเตรียมผ้าและถังน้ำมาเช็ดตัวให้พี่อ๊อฟ....
“อื้อ!” ทำเสียงเหมือนรำคาญที่ผมเอาผ้าเช็ดตัวให้
ผมก็เช็ดไป มันก็ร้องครวญครางไปจนเสร็จผมก็หาเสื้อมาใส่ให้มัน บอกตามตรงว่ากว่าจะใส่ได้ตัวหนักชิบ นี่อะไรเนี่ย ผมเจ็บก้นจะตายยังต้องมานั่งดูแลมันอีกเฮ้อ! พอผมจัดการเช็ดตัวอะไรเสร็จก็ปลุกมัน แล้วมันก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา...
“ลุกขึ้นไหวไหม กินข้าวกินยาก่อนนะค่อยนอนต่อ” บอกมันอย่างอ่อนโยน และยิ้มให้ มันมุ่ยหน้าแล้วก็ชี้ที่ปาก “พี่ไม่สบายอยู่นะ” ผมมองมันนิ่งๆ
“เร็วๆ” เสียงงัวเงียเชียว ผมเลยก้มไปจูบมันแบบเบาๆแล้วผละออก
“พอใจแล้วก็ลุกขึ้นมานั่งกินข้าวดีๆ” (ยิ้มเขิน)
“ไปไหนมา!”(ฉุนเชียว)
“ก็บอกแล้วไง ไปหาน้องซิน นัดน้องเขาไว้ รีบกินข้าวก่อน” ยิ้ม มันพยักหน้ารับรู้ แล้วก็ดึงมันลุกพิงหัวเตียง
“ไปทำไมแล้วทำไมไม่บอก เขียนไว้แบบนี้แล้วกูจะรู้สึกดีเหรอ” งอนสะงั้น
“เอาน่าก็กลับมาแล้วนี่ไง” ยิ้ม พี่อ๊อฟทำหน้างอแงได้น่ารักมากอ่ะ ไม่เคยเห็นเลย><
“ป้อนด้วย!” ทำหน้านี่แบบ ผมยิ้มบานเลยน่ารักมากกก
แล้วผมก็ป้อนพี่อ๊อฟไปจนหมด แล้วก็ป้อนยามันอีก วันนี้มีแต่คนให้ป้อน คิดแล้วก็นึกขำจริงๆ พอทำอะไรเสร็จผมก็เอาถาดข้าวลงไปเก็บ แม่กลับมาพอดีผมก็ขึ้นมาดูพี่อ๊อฟต่อ จับตัวมัน ตัวเริ่มหายร้อนแล้ว ส่งสัยเป็นไข้นิดเดียวมั้ง เช็ดตัวนิดหน่อยพักอีกหน่อยคงจะหาย....
“มานั่งนี่เร็วๆ!” มันตบปุบๆ ที่ข้างๆมันผมก็เดินไปนั่ง
“ทำไมถึงไม่สบายอ่ะ?” ผมหันไปถามมันอย่างสงสัย
“ก็มึงข่มขืนกูไง” (ยิ้ม)
“เอาจริงๆ ผมควรจะไม่สบายป่ะ? คิดได้ยังไงเนี่ย” ผมละขำจริงๆ
“ก็ตื่นมาไม่เห็นมึง กูกังวลแทบตาย เมื่อยตัวก็หนักอยู่แล้ว ยังต้องมาคิดถึงมึงอีกเนี่ย!” ผมอึ้งเลย รู้สึกร้อนๆที่หน้าอย่างมาก ไอพี่อ๊อฟก็เกาจมูกไปหูมันก็แดงเชียว “กูเป็นไข้เพราะมึงนะเนี่ย” (จับมือผม)
“บ้า!” เขินจริงๆ “จะนอนนี่อีกคืนหรือว่าจะกลับบ้าน?” ยิ้มหันไปถามมัน
“กูป่วยอยู่จะไล่กลับบ้านแล้วเหรอ?” หน้างอเลย
“แล้วอยู่นี่ในฐานะไร ย้ำให้ชัดอีกหน่อยสิ” ยื่นหน้าไปใกล้ๆมัน มันเขินหนักอ่ะหูแดงจมูกแดง
“กะ..ก็...ฟะแฟนไง” พูดเบาๆ แล้วหันหน้าหนีผม
“ก็แค่นี้แหละ” หอมแก้มมัน แล้วลุกขึ้นเอาโทรศัพท์มันไปโทรหาแม่พี่อ๊อฟ
ผมเดินออกไปคุยตรงระเบียงบอกว่าพี่อ๊อฟไม่สบายให้อยู่ที่นี่อีกสักคืน ตอนแรกก็ตกใจ ผมบอกไม่เป็นอะไรดูแลอย่างดีเขาก็วางใจกัน ก็เดินเข้าไปพี่อ๊อฟก็หลับไปแล้ว ผมเลยไปเอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้อีกครั้ง เพื่อให้ไข้ลดลง พอทำอะไรเสร็จผมก็ลงไปช่วยแม่ทำนู้นนี่ ทำเสร็จนี่ก็บ่ายกว่าแล้วผมก็ขึ้นไปดูพี่อ๊อฟอีก ก็เช็ดตัวให้มันอีก ก็เช็ดมันบ่อยๆนั่นแหละ ไอสิงโตก็โทรมาตอนบ่ายแก่ๆผมรดน้ำต้นไม้อยู่.....
“ว่าไงครับเสี่ย” ทำเสียงร่าเริง
“ธุระเสร็จยัง?”
“เสี่ยจะชวนไปไหน?”
“เปล่าแค่....อยากคุยด้วย” (ทำเสียงเขินๆ)
“คุยได้ ว่างๆอยู่นะ”พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พรุ่งนี้ว่างไหม?”
“พรุ่งนี้จะไปไหนเหรอ?” คือต้องถามก่อนว่าไปไหน เพราะต้องดูพี่อ๊อฟด้วย
“จะชวนไปดูหนัง”
“กี่โมงอ่ะ?”
“แล้วแต่เลย”
“เป็นช่วงบ่ายๆไหม เดี๋ยวจะโทรหาอีกที”
“ได้ดิ” ทำเสียงดีใจ
“อื้ม แล้วมีใครไปบ้างอะ?”
“ถ้ามีแค่มึงกับกูจะได้ไหม?” ผมชะงักไปนิด
“ได้ดิ ไม่มีปัญหา” ทำเสียงร่าเริงเข้าไว้
“ดีๆ งั้นพรุ่งนี้เจอกันนะ กูต้องไปแล้วซินเรียก”
“โอเคๆ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน ตึ๊ด!”
พอมันวางสายไปผมก็คิดไปทั่ว รู้ว่าไอสิงโตมันชอบ แต่ไอสิงโตมัน....ก็ดีอะ หล่อรวยเพอเฟค แต่เวลาไปบ้านมันผมอดจะเกรงใจไม่ได้ ผมก็อยากชดเชยมันที่ไอมินมันไปสร้างเรื่องไว้ ผมไม่รู้ว่ามันควรจะเป็นเหตุผลไหม แต่ถ้ามันบอกชอบหรือขอเป็นแฟนผมต้องรับไว้พิจารณาแน่ เพราะผมอยู่กับมันแล้วรู้สึกอุ่นใจดี เอาจริงๆผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร และถ้าจะมีไว้สำรองก็คงไม่ผิด เกิดพี่อ๊อฟเป็นเหมือนพี่ไอซ์ขึ้นมา ผมไม่แย่เลยเหรอ แต่นั้นก็แค่เผื่อใจไว้เฉยๆ เพราะพี่อ๊อฟคงไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก จนทำอะไรเสร็จก็ขึ้นไปหาพี่อ๊อฟมันตื่นแล้ว นั่งเล่นโทรศัพท์...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:42:50
“คุยกับใครอะ!” เดินไปดึงโทรศัพ์มันมา คุยกับยัยอิงฟ้า ผมไล่อ่านดู อ่อยกันไปกันมา “นี่คือผมเป็นชู้หรืออิงฟ้าเป็นชู้?” ถามและมองมันอย่างหาเรื่อง มันก็มองผมแล้วยิ้ม
“อิงฟ้าเขาก็แค่น้องกูบอกแล้วไง แต่มึงอะ” ดึงผมไปนั่งข้างๆ “กูโครตรักเลย” หอมแก้ม ผมก็เขินนะ แต่ขอเคลียล์ก่อน
“แล้วก่อนหน้านี้คืออะไร ทำไม่สนใจผม แถมยังให้ยัยอิงฟ้ามาเกาะแกะ!” มองมันอย่างไม่พอใจ
“กูก็แค่อยากให้มึงหึง ผลออกมาเกินจากที่คาดไว้สะอีกนะเนี่ย” ยิ้มเขินใหญ่เลย ผมละอึ้งจริงๆ มันก็ทำได้เนอะ
“ดีเนอะ พอเลย เลิกคุยกับมันได้แล้วไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน ตอนนี้เป็นแฟนกันแล้วนะเว้ย!” มองมันอย่างเคืองๆ
“รู้แล้วๆ จะไม่ยุ่งกับใครแล้ว โอเคไหม” กอดผม ผมก็เอามือคลำตัวมันดู เหมือนจะไม่มีไข้แล้ว
“ตัวก็ไม่ร้อนแล้ว ยังปวดหัวอยู่เปล่า” ถามอย่างเป็นห่วง มันก็ยิ้ม
“คงหายแล้ว มีคนดูแลดีขนาดนี้”(ยิ้ม)
“ยังก็ต้องกินยาอีกครั้งนะ แล้วอย่าเพิ่งอาบน้ำด้วย พรุ่งนี้ก่อนวันนี้ล้างหน้าแปรงฟันพอ” (ยิ้ม)
“แต่กูเหนี่ยวตัวตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ แถมตรงนั้นก็เหนียว” บอกผมพร้อมเปิดดู
“เดี๋ยวเช็ดให้ไหม” ผมยิ้มแบบหื่นๆ
“อะ เอาจริงๆเหรอ” ดูหน้ามันน่าจะไม่ไหว
“ล้อเล่นน่า!” ยิ้ม อายวะพูดไปได้ไง “ไปล้างแต่ตรงนั้นนะ อย่าอาบน้ำละ” แล้วผมก็ลุกขึ้นไปเปิดประตูให้มัน มันก็เข้าไปทำนู่นนี่ผมก็นั่งรอมันอยู่ที่เตียง พอมันเสร็จก็ออกมา เอิ่ม!.... “บอกว่าอย่าอาบน้ำไง!”
“กูเหนียวตัว อีกอย่างกูก็ไม่เป็นอะไรแล้ว กูแข็งแรง เป็นอะไรแปปเดียวก็หาย” ยักไหล่ยักคิ้วแล้วเดินไปแต่งตัว
ผมก็นั่งดูมัน ทำหน้ากวนตีนสะด้วย พอเสร็จมันก็เดินมานั่งข้างผม...
“ไม่เป็นอะไรแล้วน่า อย่าทำหน้าแบบนั้นเลย” ยิ้มแล้วเอามือลูบหัวผม
“เออๆรู้แล้ว หิวยังกินแต่ข้าวต้มอิ่มเปล่า?” (ยิ้ม)
“หิวแบบเมื่อคืนอีก...” ทำหน้าหื่น
“ทำเป็นพูดดีไปนะ” ผมยิ้มเขิน
“แล้วมึงเจ็บหรือเปล่า” ทำหน้าแบบจริงจังมาก
“เจ็บดิ เมื่อเช้าดูผ่านกระจกเลือดออกเลย” พูดเบาๆ อายบ้างอะไรบ้าง
“นี่กูเปิดซิงมึงเหรอเนี่ย” ยิ้มเขิน แต่ก็ทำหน้าภูมิใจนะ
“ก็เออสิโว้ย!” ล้มตัวนอน
“มึงมันร้ายกาจ” ขึ้นคร่อมตัวผม “เมื่อคืนข่มขืนกูจนไม่สบายไม่พอวันนี้ยังหนีไปเที่ยวอีก ร้ายสุดๆ”(ยิ้มหล่อ)
“จริงๆไม่ได้ไปหาเพื่อนหรอก” ทำหน้าจริงจัง พี่อ๊อฟขมวดคิ้วสงสัย “ไปหาชู้เพิ่มต่างหาก” ยิ้มร้ายแล้วเอื้อมเอาแขนคล้องคอมันแล้วดึงมาหอมแก้ม
“จริงเหรอ!”  แล้วมันก็ประกบจูบผม แทบตายมันไม่เว้นให้ผมหายใจเลย วูบวาบที่ท้องน้อยไปหมด แล้วมันก็ผละออก...
“หึ!” แล้วลุกขึ้นนั่ง ผมก็ลุกตาม
“พี่อ๊อฟ ถามจริงนะเคยมากี่คนแล้วเหรอ?” ก็สงสัยมากๆ เพราะเมื่อคืนก็ดูคล่องไปสะทุกอย่าง
“ไม่เคยทำกับใครนะมึงคนแรก” (ยิ้มเขิน)
“ทำไมดูเชี่ยวชาญจัง” ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด
“กูดูหนังมาน่ะสิ” เกาหัวแก้อาย
“ผมก็ดูไม่เห็นเข้าใจอะไรเลย พี่นี่หมกมุ่นนะเนี่ย” ทำหน้าล้อเลียนมัน
“กูฝึกมาเพื่อมึงเลยนะเว้ย!” จมูกมันหูมันแดงหมดแล้ว ผมก็เขินสิไอบ้านี่ แล้วมันก็ลุกขึ้นไปส่องกระจก เราคุยกันนิดหน่อยแล้วเราก็พากันลงไปกินข้าว แม่ถามพี่อ๊อฟด้วยความเป็นห่วง แต่พี่อ๊อฟหายดีแล้วแม่ก็เบาใจ เทคแคร์กันดีเว่อร์ เหมือนผมไม่มีตัวตนอยู่ตรงนั้น พอกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บนู่นนี่สักพักป๊าก็กลับมา ก็นั่งคุยอะไรกันนิดหน่อยก็พาพี่อ๊อฟขึ้นไปพักผ่อน....
“เหนียวตัวอีกป่าวจะเช็ดตัวให้?” ผมมองมันกำลังนอนเล่นโทรศัพท์สบายใจเชียว
“จะอาบน้ำ” แล้วก็เล่นโทรศัพท์ต่อ
“ไอโทรศัพท์มันมีอะไรนักหนา” ดึงโทรศัพท์มันมาดู “เอิ่ม..ไม่มีอะไรจะดูแล้วเหรอ?” มันดูรูปวาดของจิตกรดังๆ
“ก็กูชอบ เอามานี่!” ดึงโทรศัพท์จากมือผมคืนไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
ผมก็มองมันอย่างเบื่อหน่าย แล้วก็เดินไปอาบน้ำแต่งตัว ออกมาก็นั่งเล่นเฟสหน้าคอม ไอพี่อ๊อฟก็ยังคงเล่นโทรศัพท์ คืออะไรไม่สนใจผมเลย นอยจริงๆ เล่นไปสักพักก็ทำการบ้านที่ค้างไว้ พี่อ๊อฟก็เดินเข้าไปอาบน้ำเรียบร้อย ผมก็ลงไปเอายากับน้ำมาให้มัน พอออกมากว่าจะบังคับมันกินได้ เฮ้อ! ทำอะไรเสร็จก็พากันปิดไฟขึ้นเตียงจะนอน.....
“พรุ่งนี้พ่อกูให้ไปซื้อของด้วย มึงไปกับกูนะ” มันเอ่ยถามผม
“ไม่เอาอะไปเถอะ” พูดแบบไม่ใส่ใจ อีกอย่างพรุ่งนี้มีนัดกับสิงโตสะด้วย
“นี่คือได้กูแล้วจะทิ้งเหรอ?” บีบแก้มผม
“อย่าเว่อร์ให้มันมากนักเลยแค่นี้เอง” ทำหน้าเบื่อหน่ายมัน
“มึงนี่นะ” ลูบแก้มผม
“อะไร?”N
“รักกูป่ะ?”A
“ไม่”N
“เออเหมือนกูเลย”(ยิ้ม)
“คืออยากตายใช่ไหม?” ผมมองหน้าหาเรื่องมัน
“555กูล้อเล่น อย่าโหดๆ” มันหอมแก้มผม
แล้วเราก็จู๋จี๋กันตามประสาข้าวใหม่ปลามันไปสักพัก ก็พากันนอน ตื่นมาอีกทีก็สายอีกแล้วตื่นสายตลอด พอผมตื่นผมก็ล้างหน้าแปรงฟันลงไปหาแม่ช่วยแม่ทำนู่นนี่ตามประสาเด็กดี ป๊าก็ไปออกรอบผมทำอะไรเสร็จก็ขึ้นไปปลุกพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็อาบน้ำเก็บของมันลงมาทีเดียวเลย เรานั่งกินข้าวด้วยกันพอเสร็จก็ออกมาส่งมันหน้าบ้าน ตอนแรกก็บังคับให้ผมไป ผมก็ปฏิเสธทุกทาง ไม่จำเป็นต้องติดตัวกันขนาดนั้นป่ะ? พอมันไปผมเข้าบ้าน ก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวไป แรดเอ้ย! ไปดูหนังกับไอสิงโต ผมก็เตรียมของเรียบร้อยก็ลงมานั่งดูทีวีรอเวลา โดยไม่ลืมโทรบอกไอสิงโตว่าบ่ายโมงให้มันมารับ รายนั้นจะดีใจไปไหนก็ไม่รู้ พอถึงเวลามันก็มารับไปเซ็นทรัล มันก็พาผมเดินดูของ.....
“กินข้าวมายัง?” (ยิ้มหวานเชียว)
“ยังอะ รอมากินพร้อมมึง”ผมตอบมันแล้วยิ้ม อะไรคือการอ่อย55
“พูดจาน่ารักนะมึง กูก็ยังรอมาชวนมึงเนี่ยแหละ” (ยิ้มเขิน)
“วันนี้เสี่ยอยากกินอะไรครับ?” หันไปถามมันขณะกำลังเดินไปโซนร้านอาหาร
“มึงอยากกินอะไร ได้หมดกูเลี้ยงเอง”(ยิ้ม)
“ไม่เอาดิ จ่ายใครจ่ายมัน กูไม่อยากเอาเปรียบมึงซะทุกครั้งไป แค่ไอมินอ้างชื่อกูก็เยอะแยะแล้ว”คิดแล้วโมโห
“มึงคนแรกเลยนะเนี่ย ที่ปฏิเสธที่กูจะเลี้ยงได้บ่อยขนาดนี้ มีแต่คนเขาชอบของฟรีไม่ใช่หรือไง” มองผมแบบสงสัย
“ของฟรี ใครๆก็ชอบ แต่ถ้าบ่อยไปก็เกรงใจ กูไม่หน้าด้านเหมือนไอมินหรอก” ยิ้มแล้วเดินนำมันไปมันส่ายหัวแล้วมันก็เดินตามมา “เอาจริงๆมึงจะกินอะไร” ผมมองมัน ผมอะกินได้หมดแหละ แต่กลัวเสี่ยมันเลือกกินไง
“กูอยากกินอะไรก็ได้ที่มึงชอบกิน” ยิ้มบาน ผมมองมันอย่างเบื่อหน่าย
“มึงนี่นะ” ผมส่ายหัวให้มันแล้วหันไปมองร้านอาหาร “งั้น....นี่ไหม” ชี้ไปที่ร้านราเม็ง
“เอาดิ” (ยิ้ม)
แล้วก็พากันไปกิน พอกินเสร็จไอสิงโตก็เอาอีกแล้วเรื่องจ่ายตัง ผมก็ไม่ยอมสิจะเลี้ยงอะไรทุกครั้งไป เพื่อนนะไม่ใช่ขอทาน ผมก็ด่ามันยกใหญ่ จนมันยอม แต่มันหงอยเลย แล้วก็พากันไปจองตั๋วหนังนั่งรอหน้าโรงนั้นแหละแต่ผมออกค่าตั๋วให้ไอสิงโตไปเลย เดี๋ยวแม่งเลี้ยงอีก....
“เสี่ยกินป๊อปคอร์นไหม” ผมถามด้วยรอยยิ้ม
“เอาๆ กูกินน้ำแดงนะ” มันตอบด้วยรอยยิ้ม
แล้วก็พากันเดินไปซื้อ น้ำ2แก้วป๊อปคอร์นถังนึง คราวนี้ไอสิงโตไม่ยอมมันบอกถ้าไม่ให้มันจ่ายมันจะโกรธและจะกลับบ้าน ผมก็เลยต้องยอม เราก็นั่งรอ เหลือเวลาอีกหน่อยก็จะเข้าโรง....
“กูว่ามึงติดเลี้ยงคนอื่นมากไป” ผมพูดขึ้นพร้อมมองหน้ามัน
“ก็ไม่นะ กูมีกูก็อย่าแบ่งเพื่อนก็เท่านั้น” ยิ้ม
“งั้นเว้นกูไว้คนนึงก็ได้ กูไม่อยากให้ใครมองกูไม่ดี หาว่ากูเกาะมึงกิน” (ยักคิ้ว)
“ใครมองมึงแบบนั้นวะ” ทำหน้าหาเรื่อง
“พอเถอะกูแค่พูด มึงก็เนอะ” ยิ้ม
“อืมๆ แล้วมึงกลับได้กี่โมง” ถามผม ทำหน้าลุ้นๆ
“ทำไมมึงรีบไปไหน?” ผมมองมันอย่างสงสัย
“เปล่าไม่ได้ไปไหน แค่ถ้ามึงไม่รีบกลับ ไปเดินถนนคนเดินกัน”
“ได้ดิ!” ยิ้มคือไอสิงโตจะออกหน้าออกตาเกินไปแล้ว
แล้วสักพักเราก็เข้าไปดูหนังกัน ไอสิงโตมีเนียนนะ มีจับแก้วแล้วเนียนจับมือผม คิดว่าเป็นพระเอกในหนังหรือยังไง ผมก็ยอมๆมันไปเถอะ เด็กจริงๆคิดว่าผมไม่รู้แหละมั้ง พอดูเสร็จก็ออกมาเดินดูของไปทั่ว…
“ที่จับมือกูในโรงหนังอ่ะกูคิดตังนะ” บอกมันตอนที่มันหันไปดูเสื้อผ้า มันก็หันมามองผม
“ได้ดิเท่าไหร่” ยิ้มหล่อ “กูทำมากกว่านั้นได้ไหม จ่ายเพิ่มตามที่มึงต้องการเลย” มันมองแบบหื่น ผมมองมันแบบเอือมๆ
“เฮ้อ! มึงนี่นะ” ส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“อยากได้อะไรไหม กูจะซื้อให้” หันมาถามด้วยรอยยิ้ม
“มึงจะใจดีสปอร์ทไปแล้ว” มองมันนิ่งๆ
“กูอยากซื้อให้”  ทำหน้าจริงจัง
“เฮ้อ!” แล้วผมก็เดินไปดูของไม่สนใจมัน
“ขอโทษนะคะ” ผมหันไปมองผู้หญิงที่เข้ามาสะกิดผม น่ารักเชียว...
“ครับ” ผมหันมองหาไอสิงโต มันดูของอยู่หน้าร้าน แล้วผมหันมามองผู้หญิงคนนี้ “มีอะไรเหรอครับ?”
“คะ...คือพอดีว่า เห็นว่ามากับคนนั้นเหรอ” ชี้ไปทางสิงโต
“ครับมีอะไรหรือเปล่า?” มองอย่างสงสัย
“เขาน่ารักดีนะคะ” ยิ้มเขิน
“ชอบมันเหรอ” ยิ้ม แล้วเขาก็บิดไปมาพยักหน้าด้วยนะ น่าจะมากับเพื่อนเห็นยืนดูอยู่ข้างหลัง “สิงโต!” เรียกมันแล้วกวักมือ มันก็เดินมา
“มีอะไร แล้วนี่?” มันถามผมแล้วมองไปที่ผู้หญิงแบบสงสัย
“เขาคงมีเรื่องอยากคุยกับมึงอะ” หันไปยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้น หน้าแดงมาก “มึงคุยกับเขาไปนะ กูรอนอกร้านแล้วกัน”ตบไหล่มันแล้วเดินออกมา
ตอนแรกมันก็ดึงผมไว้นะ แต่ผู้หญิงคนนั้นทักมันก่อนมันเลยหันไปคุย ผมก็ยืนรอหน้าร้านสักแปป....
“นท!”มีคนตะโกนเรียกผม ไอเบส! หายไปหลายวันแล้วเหตุใดพึ่งโผล่มา.....
“อะ...เอ่อ ว่าไง” (ยิ้ม)
“นทหายไปเลย ไม่โทรมาหาเบสบ้างเลย” ทำหน้างอน
“เอาจริงๆเบอร์นทเบสก็มีทำไมไม่โทรมาล่ะ จะให้นทโทรไปมันใช่เรื่องไหม” หงุดหงิดจริงๆ คนกำลังอารมณ์ดีๆ
“ก็เบสไม่ค่อยสบาย เลยไม่ได้ติดต่อไป ส่วนเรื่องพลอยเบสเคลียล์ให้แล้วนะ” (ยิ้ม)
“ก็ดีแล้วนิ” (ยิ้ม) “มีอะไรอีกไหม” ถามมันเพราะไม่อยากคุยนาน มองเข้าไปไอสิงโตก็ยังคุยกับผู้หญิงคนนั้นไม่เสร็จ โอยให้มันได้งี้สิ จังหวะนรกเลยจริงๆ
“ก็ไหนนทบอกว่าเคลียล์แล้วนทจะให้รางวัลไง” ยิ้มอย่างมีหวัง
“เบสอยากได้อะไรล่ะเดี๋ยวซื้อให้” ยิ้มใสๆ มันทำหน้างอ
“ไปกินข้าวด้วยกันนะ เราไม่ได้กินด้วยกันนานแล้ว เบสคิดถึงมากเลย” (จับมือผม)
“วันนี้ไม่ได้นะมากับเพื่อน วันหลังแล้วกัน” ยิ้ม พยายามพูดดีๆกับมัน
“กะ...ก็ได้” หน้ามันดูผิดหวังมาก
“เข้าใจนะเบส” ผมยิ้มแล้วลูบมือมันเบาๆ
“อืมๆ” ทำหน้าหงอยเลย ผมก็ดึงมืออก
“แล้วเบสมากับใคร?” มองหาเพื่อนมัน
“มากับเพื่อนๆแหละ พอดีเห็นนทเลยแยกตัวออกมาหา” ยิ้ม ผมนี่นิ่งเลย
“แล้วแฟนเบสล่ะ เอามาด้วยเปล่า” (ยิ้มล้อมัน)
“ไม่มีหรอกน่า” (ยิ้ม)
“แล้วเคลียล์กับอีพลอยยังไงเหรอ” คิดแล้วมันก็สงสัย
“เอาน่า ไม่ต้องสนใจหรอกพลอยคงไม่ไปยุ่งกับนทแล้ว” (ยิ้ม)
“อืมๆ งั้นเดี๋ยวนทไปหาเพื่อนก่อนแล้วกัน ไว้เบสโทรมานัดแล้วกันนะ” (ยิ้ม)
“โอเคๆ งั้นเบสไปนะ” โบกมือบายๆ แล้วก็วิ่งไป ดีนะที่พูดรู้เรื่องไม่งั้นยาวแน่
อยากรู้จริงอีพลอยมันโดนอะไร ส่วนไอเบสนะเหรอ ไม่โกรธอะไรมันแล้ว เรื่องก็ผ่านมาแล้ว ตอนนี้ชีวิตผมก็ไม่วุ่นวายอะไร ถือว่าอโหสิให้พวกมันแล้วกัน แต่ถ้ายังมายุ่งผมก็คงต้องเล่นด้วยสักหน่อยแหละ แล้วผมก็เดินไปหาไอสิงโต มันทำท่าอึกอัก...
“มีอะไร” หันไปถามมัน
“เขาขอเบอร์กู กูไม่อยากให้เลย” มันโน้มหน้าเข้ามากระซิบ เอาจริงๆคือแทบจะกินหูผมไปแล้วใกล้เกิ้น
“เอายังไงล่ะ” ผมมองไอสิงโต แล้วหันไปยิ้มอ่อนให้ผู้หญิงคนนั้น
“แค่เบอร์เองน้า” ทำหน้าแบ้ว และน้ำเสียงอ้อนๆ
“เอาไลน์ไปได้เปล่า มันรีบไปต่อ” ผมยิ้มอย่างเป็นมิตร ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารัวเลย และรีบยื่นโทรศัพท์ให้สิงโต มันก็พิมพ์แบบไม่เต็มใจ และก็ร่ำรากันนิดนึง เอาจริงๆผู้หญิงคนนั้นก็เกินไป เขาไม่ให้ก็ยังตื้ออีกโถ่ๆ!ผู้หญิงสมัยนี้ ไอสิงโตหน้ามุ่ยใหญ่เลย....
“ไม่ชอบเหรอ น่ารักนะนั่น” ผมยิ้ม ตอนนี้ก็เดินไปทั่ว
“มึงไปบอกแบบนั้นทำไม” มันทำหน้าเซ็ง
“ก็กูเห็นมึงไม่ทำอะไรสักทีนี่หว่า อย่าโกรธน้าเดี๋ยวเลี้ยงติม” มันอมยิ้ม
“อืมๆ ไปไหนต่อไหม” ยิ้มหวานเชียวต่างจากมื่อกี้ลิบลับ
“เดินเล่นอีกแปปไหม ไปถนนคนเดินตอนนี้เขายังไม่ตั้งหรอก” (ยิ้ม)
แล้วเราก็พากันเดินเล่นกันสักแปปตามที่แพลน ผมเห็นไอสิงโตมันเดินวนอยู่แถวร้านนาฬิกามองแล้วมองอีกคืออะไร.....
“อยากได้เหรอวะ?” ถามมัน มันก็มองอยู่นั้นแหละ
“เอออ่ะดิ จีรุ่นใหม่สวยสัส” ผมมองที่ข้อมือมัน
“เอาจริงๆที่ข้อมือมึงยังใหม่เอี่ยมอยู่เลยนะ ไปเถอะสิ้นเปลืองน่า” มันหันมาทำหน้ามุ่ย “เออถ้าอันที่มึงใส่เก่าแล้วค่อยมาเดี๋ยวกูพามึงมาเลือกซื้อเลย โอเคไหม” มันก็พยักหน้า หน้าแบบเสียดายมากกกกแล้วเราก็เดินออกมาจากโซนนั้น “เออกูไม่เห็นพ่อแม่มึงสักที ไปบ้านมึงก็หลายครั้งแล้ว” หันไปถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ไปเมืองนอกไง กลับวันนี้ไม่ก็พรุ่งนี้แหละ” (ยิ้ม)
“พ่อแม่มึงใจดีเหมือนมึงหรือเปล่าวะ” ถามมันอย่างสงสัย
“แม่กูใจดีมว๊ากกก แต่พ่อกูน่ากลัวมากกก” มันยิ้มร่าเมื่อพูดถึงแม่มัน และทำท่ากลัวเมื่อพูดถึงพ่อมัน
“ขนาดนั้นเลย” ผมมองมันอย่างไม่เชื่อ
“อืม พ่อกูค่อนข้างเข้มงวดกับทุกอย่างน่ะ” (ยิ้ม)
“อืมๆ กูอยากไหว้พ่อแม่มึงไง ไปบ้านมึงตั้งหลายครั้งแล้ว เกรงใจจะแย่”(ยิ้ม)
“ป่านนี้พ่อแม่กูรู้จักมึงหมดแล้วล่ะ” ยิ้มหวาน
“ทำไมวะ?” ผมถามด้วยความสงสัย
“ก็น้องซินโทรไปเล่าเรื่องมึงให้แม่กับพ่อกูฟังทุกครั้งที่โทรไปเลย กูถึงบอกไงว่าซินติดมึง” (ยิ้ม)
“โอยๆ ใช่เรื่องม้ายย!” รู้สึกไปไม่ถูก
แล้วเราก็คุยกันไปสักพักก็พากันไปถนนคนเดิน และก็หาที่จอดรถยากอีกตามเคย ผมกลัวรถมันหายจริงๆใช้รุ่นปกติก็ไม่ได้ พอจอดรถเสร็จเราก็พากันเดิน ไอสิงโตชวนผมกินนู่นนี่นั่นจนผมไม่ไหว ก็จากห้างก็จัดมาเยอะแล้วนะ แล้วนี้ยังจะพาไปยัดนู่นนี่ลงไปอีก และผมก็สัมผัสได้ว่า โทรศัพท์ผมสั่นหลายครั้งแล้ว ผมก็ไม่ล้วงออกมาดูสักทีคืออะไร5555 ก็เดินกันไปทั่ว ไปนู่นไปนี่จนกลับกันแหละ ไอสิงโตก็มาส่งผมที่บ้าน.....
“ถ้าพ่อแม่กูกลับมา ไปหาด้วยนะ” ยิ้มเก่งจริง
“ต้องไปอยู่แล้ว ไปบ้านมึงบ่อยขนาดนั้น” มันล้วงอะไรในกระเป๋ากางเกง
“อะ” ยื่นแหวน? แหวนไม้ให้ผม “กูให้” (ยิ้ม)
“ไปซื้อมาตอนไหนนิ?” มันเป็นแหวนไม้เรียบๆ ไม่มีอะไรพิเศษ
“เอาเถอะน่า กูให้ ไปนะ” มันสวมหมวกแล้วขับรถไปเลย ผมก็มองแหวนที่มันให้นิดหน่อย
แล้วผมก็เดินเข้าบ้านเจอป๊ากับแม่นั่งดูทีวี ผมก็เข้าไปนั่งแม่ก็บอกว่าพี่อ๊อฟมาหาตั้งสองรอบแหนะ ผมก็พยักหน้ารับรู้ คิดในใจมันต้องโกรธแน่เลย แล้วก็คุยอะไรด้วยนิดหน่อยผมก็ขอตัวขึ้นบ้านอาบน้ำ แล้วก็มานอนดูโทรศัพท์ พี่อ๊อฟ โทรมามากมายเหลือเกิน ผมเลยโทรกลับสักหน่อย รับเร็วมากคือยังไม่ถึงตื้ด....
“ฮาโหลลลลลล” ลากเสียง
“หายไปไหนมาวะ!” อารมณ์รุนแรงตามเคย
“ไปเที่ยวกับเพื่อนมา” ผมตอบกลับด้วยเสียงสดใส
“แล้วทำไมไม่โทรบอกกู กูไปหามึงก็ไม่เจอ” ทำเสียงน้อยใจสุดๆ
“ขอโทษๆ โอเคไหม? คราวหลังจะโทรบอก แล้วมีอะไรหรือเปล่า?” ถามด้วยความสงสัย
“เออๆ คราวหลังไปไหนโทรบอกกูด้วย ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากเจอน่ะสิ” ทำเสียงหงอยๆ มันจะเศร้าอะไรเนี่ย
“รู้แล้วน่า แล้วไปซื้อของกับพ่อมาเป็นยังไงบ้าง?” ผมถามกลับอย่างสนใจ
“ก็ไม่เป็นยังไง กูแค่รีบกลับมาเพื่อมาหามึงแต่ก็ไม่เจอเท่านั้นเอง” ก็ยังจะประชด
“ก็ขอโทษแล้วไง จะให้ทำอะไรยอมแล้วน้าๆๆๆ”อ้อนมันสุดๆ
“มึง...เบื่อกูแล้วใช่ไหม” ทำเสียงเหมือนคนจะร้องไห้
“หยุดเลยนะพี่อ๊อฟ เป็นอะไรเนี่ย!”
ตึ๊ด!
อ่าวแล้วมันวางสายไปเลย ผมโทรกลับก็ปิดเครื่อง พี่อ๊อฟทำผมปวดหัวอีกแล้ว แล้วผมต้องทำยังไงเนี่ย นี่ก็ดึกแล้วด้วย คือก็ต้องไปง้อมันใช่ไหม! ผมเก็บของแล้วก็ไปขอป๊ากับแม่ ดีนะอ้างว่าพี่อ๊อฟจะช่วยทำการบ้าน ผมโดยบ่นไปโดยปริยาย พอผมฟังสวดเสร็จก็เดินไปบ้านพี่อ๊อฟ พอถึงก็กดกริ่ง พี่อิฐก็ออกมาเปิดประตูให้ ผมเข้าไปก็ไม่เจอใครสงสัยขึ้นบ้านกันหมดแล้วมั้ง ผมคุยกับพี่อิฐนิดหน่อยก็ขึ้นไปหาพี่อ๊อฟมันก็ไม่ล๊อคประตูเหมือนเดิม มันนอนคลุมโปรงอยู่ในผ้าห่ม ผมเก็บของเสร็จเข้าห้องน้ำล้างเท้าล้างหน้าอีกรอบก็เดินขึ้นเตียงไปกระชากผ้าห่มมันออก ตอนแรกดึงไว้ไม่ยอมปล่อย ฉุดกระชากกันอยู่สักพัก จนมันยอมพอเปิดผ้าออกก็หันหลังให้ผม.....
“พี่อ๊อฟ!” ผมพยายามดึงตัวให้มันหันมาหาผม
“......” เงียบ แต่ทำไมตัวมันสั่นๆ
“พี่อ๊อฟ เป็นอะไร” อ่อนลงและลองแตะตัวมันดู คิดว่ามันจะไม่สบาย “เป็นอะไรครับพี่อ๊อฟ ผมมาหาแล้วนี่ไง เป็นอะไรอ่าไม่สบายเหรอ” โน้มหน้าเข้าไปใกล้ๆมัน มันก็กดหน้าตัวเองลงหมอน
แล้วผมก็ดึงมันอยู่แบบนั้นแหละ จนผมเหนื่อยก็นอนกอด เอาหน้าซุกแถวๆคอมัน จนเผลอหลับไป ผมสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงคนอาบน้ำ พี่อ๊อฟนั่นเองมันลุกไปตอนไหนนะ ผมก็นั่งรอมัน สักพักมันก็เดินออกมา.....
“พะ......”
“ไปอาบน้ำ” พูดตัดบทผมด้วยหน้านิ่งๆ
ผมเดินจ๋อยเข้าห้องน้ำ ผมก็อาบน้ำแต่มันก็ยังเตรียมแปรงไว้ให้นะไม่ธรรมดาจริงๆ ผมทำอะไรเสร็จก็ออกมาแต่งตัว พี่อ๊อฟก็นั่งมองอยู่ ผมแต่งตัวเตรียมกระเป๋าเสร็จก็ไปนั่งใกล้ๆพี่อ๊อฟ....
“เป็นอะไรอ่า” เอาหัวซบไหล่มัน
“เปล่า” ผมเงยหน้ามองมันใกล้ๆ ทำไมตาบวม
“ทำไมตาบวม!” เอามือไปลูบใต้ตามัน “พี่ร้องไห้ทำไมเนี่ย” มันหันหน้าหนี
“มึงเบื่อกูใช่ไหม” พูดด้วยเสียงสั่นเครือ
“พี่อ๊อฟเป็นอะไรเนี่ยไม่เอาดิ ไม่เบื่อ ใครบอก แล้วทำไมถึงคิดแบบนั้น” ลูบแก้มมันและจับมือ
“ก็มึง...” กอดผม
“ไม่เอาน่า อย่ามาทำตัวเป็นเด็กเลย ผมไม่เบื่อพี่หรอกน่า” ดันมันออกแล้วหอมแก้มมัน
“จริงๆนะ” หน้าหงอยเชียว
“จริงดิ ถ้าเบื่อไม่มาหาหรอกน่า เป็นอะไรเนี่ยทำตัวง้องแง้ง น่ารักเชียว” มันไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ผมอดยิ้มไม่ได้น่ารัจริงๆ
“อืมๆ” อมยิ้ม
“วันนี่ยังไม่มอนิ่งคิสเลยนะ ลืมแล้วอ่ะดิ้” ยิ้ม มันเงยหน้าขึ้นมา ผมก็คิสมันเบาๆ  “พอใจยัง”  ยิ้ม มันพยักหน้า
แล้วก็คุยกันนิดหน่อยก็พากันไปโรงเรียน พี่อ๊อฟมันน่ารักจริงๆ นึกว่าจะไม่ได้เห็นมุมนี้ของมันแล้ว พอถึงโรงเรียนผมก็แยกกับพี่อ๊อฟไปหาเพื่อน....
“เป็นยังไงวะ ดูทำหน้าเข้า” ไอวิวถามขึ้น แล้วผมก็นั่งข้างมัน
“ก็ไม่เป็นยังไง ทำไมวะ?” มองพวกมัน
“ก็ดูมึงมีความสุขแปลกๆมีอะไรวะ?” ไอนัทมองผมด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไรนิ กูจะมีความสุขไม่ได้เหรอ” (ยิ้ม)
“นี่เล่ามาเลย มันยังไงเมื่อวันที่ไปบ้านสิงโต” ไอปอมองอย่างจับผิด คนอื่นๆก็พยักหน้าเช่นกัน
“เล่าอะไรวะก็ไม่มีอะไรนี่?” ผมมองพวกมันอย่างสงสัย
“มึงได้เข้าไปในห้องนอนไอสิงโต พวกไอโค้กบอกว่าเพื่อนๆไม่เคยมีใครได้เข้าไปเลยนะเว้ย!” ไอมินเอ่ยพร้อมทำหน้าตื่นเต้น
“ก็แค่เข้าไปในห้องนอนมันจะทำไมวะ? อีกอย่างกูไม่ได้เข้าไปเองน้องซินพาไปต่างหาก แล้วมึงไม่ได้ถามไอสิงโตเหรอ?” พวกมันก็ฟังอย่างตั้งใจ
“มันก็บอกอย่างที่มึงบอกแหละ” ไอปอพูด
“ก็เออไง แล้วพวกมึงจะถามอะไรมากมาย?” ผมตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ห้องนอนมันเป็นยังไงวะมึง” ไอมินทำตาลุกวาว คนอื่นก็ตั้งใจฟัง คงอยากรู้กันมาก
“ห้องแม่งโครตน่านอน เป็นห้องในฝันของเด็กผู้ชายหลายๆคนเลยล่ะ ทั้งโมลเดลวันพีชยักษ์และก็วอลเปเปอร์ที่เหมือนกูอยู่ในอวกาศ แล้วก็.....” ผมก็พูดบรรยายบรรยากาศในห้องนอนมันที่ผมไปเห็นมา แบบไม่ใส่ใจอะไร
“โห!” พวกมันก็จะเว่อร์ไปแล้ว
“กูอยากเห็นบ้าง พวกไอโค้กที่สนิทกับมันยังไม่แม้แต้จะได้ไปเหยีบชั้น2เลยนะเว้ย!” ไอมินทำหน้าเสียดาย
“เตียงนุ่มไหม” ไอปอยิ้มล้อเลียน
“นุ่มมว๊ากกก แถมกลิ่นหอมด้วยยย” ทำท่าฟิน
“เกินไปจริงๆ” ไอนัทส่ายหัวอย่าเอือมระอา
แล้วพวกเราก็คุยกันไปอีกสักพัก ก็พากันไปเข้าแถว แล้วก็ขึ้นเรียน  อีก2วันก็จะมีงานโอเพ้นเฮ้าส์ครูหลายๆคนเลยยุ่งๆ บางวิชาก็ไม่เข้าสอน อย่างเช่นคาบแรกของวันนี้พวกเราก็นั่งคุยกันในห้องเงียบๆ ตามคำสั่งของครู แต่เห็นทีเงียบๆคงจะเป็นไปไม่ได้เพราะที่ผมได้ยินนี่คือแหกปากคุยกันอย่างกับตลาดสด ส่วนพวกผมก็นั่งคุยกันเนี่ยแหละ ไม่พ้นเรื่องไอสิงโต ทำไมไอมินต้องลากพาเข้าเรื่องไอสิงโตตลอดไม่เข้าใจ ถึงจะมีสินบน แต่แบบนี้มันก็น่ารำคาญเกินไป มันก็คุยกันไปส่วนผมก็หาอ่านเรื่องราวในบอร์ดพันทิปไปช่วงว่างๆ ตาก็อ่านไป หูก็ฟังพวกมันเม้าส์กันไป สมองลวนไปหมด.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:43:55
“มึงช่วงนี้อีพี่พลอยมันมารังควานมึงอยู่ไหม” ไอปอหันมาสะกิดถามผม
“ไม่นะมันหายไปเลยอะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เออดีแล้ว สงสัยไอเบสมันคงเคลียล์ให้มึงแล้วจริงๆแหละ” ไอปอตบไหล่ผม ผมก็พยักหน้าตอบรับ
“นทมึงจะไปเที่ยวบ้านสิงโตป่ะ วันนี้พ่อกับแม่มันกลับมาแล้วนะมึง” ไอมินถามผมขึ้นมา
“มึงรู้ได้ยังไงว่าพ่อแม่มันกลับมา?” ผมทำหน้างงคนอื่นก็ด้วย
“ก็กูเห็นน้องซินโพสในเฟส” ไอมินเปิดโชว์เฟสให้ดู ผมมองมันอย่างเซ็ง
“พ่อแม่เขากลับมามึงยังจะไปรบกวนเขาอีกเหรอวะ?” ไอวิวหันไปเอ็ดไปมิน 
“นั่นดิมึงเกรงใจบ้างนะสัส ไม่ใช่อ้างแต่ชื่อไอนท!” ไอนัทพลักหัวไอมิน
“ก็กูเห็นซินเม้นว่าของฝากเยอะมาก” ไอมินทำหน้าตื่นเต้น
“โหไอเหี้ย!” พวกผมถึงขั้นประสานเสียงด่าเลยนะ
“เขาไม่ได้เอามาฝากมึงไอมิน ไอทุเรสพอเลยกูไม่คุยกับมึงแล้ว” แล้วผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูต่อ
แล้วพวกมันก็รุมด่าไอมินไป ไอมินก็แถจนสีข้างถลอกหมดแล้ว แล้วสักพักครูวิชาต่อไปก็เข้ามาสอน ก็นั่งเรียนไปจนถึงเวลาพักพวกเราก็ไปหาอะไรกินกันที่โรงอาหารพี่อ๊อฟไปกับเพื่อน เราก็นั่งกินไปคุยกันไปตามประสาแหละ แต่วันนี้เจอพวกอีผีมานั่งโต๊ะข้างๆ แต่แปลกมันไม่สนใจและไม่พูดจาหาเรื่องผมเหมือนทุกครั้ง ผมก็แปลกใจนะแต่ก็ดีแล้วต่างคนต่างอยู่ดีที่สุด.....
“เฮ้อ วันนี้สงสัยจะดวงดีเจอคนที่แอบชอบกูว่ะ” พวกไอแบงค์ มากัน7คน ผมขอไม่แนะนำไร้สาระ วันนี้มันมาหาเรื่องผมถึงโต๊ะเลยเชียว พวกผมก็มองมันตาขวางแหละแต่ทำไมสนใจ....
“พวกมึงรีบแดกรีบไปเถอะ กูรู้สึกเหม็นเน่าอะไรแถวนี้ไม่รู้!” ไอปอเน้นคำว่าเหม็นเน่าไปทางพวกไอแบงค์
“ไม่ได้เหม็นธรรมดานะเว้ย! แม่งเชื้อโรคเยอะด้วยรีบไปเถอะ!” ไอมินพูดแล้วทำท่ารังเกียจ
แล้วก็แดกดันพวกไอแบงค์ไปอย่างนั้นแหละ โดยที่ผมเงียบฟังและมองพวกไอปอดูพวกมันจะโกรธแค้นกันมากทีเดียว พวกไอแบงค์ก็มองอย่างเคืองๆ...
“ปากดีกันนักนะพวกมึง!” ไอแบงค์ตะคอกใส่พวกผม คนโต๊ะนี้ผมลุกหนีกันหมด
“ไอแบงค์มึงจะแหกปากทำไมวะ มึงเห็นไหมเนี่ยเขากลัวหรือรังเกียจมึง จนหนีไปหมดแล้วนะ” ผมเงยหน้าไปพูดกับมัน
“อ่าว! นี่มึงพูดได้แล้วเหรอ นึกว่าจะให้บรรดาผัวๆของมึงด่ากูอย่างเดียว” ทำหน้ากวนตีนและเพื่อนๆมันก็หัวเราะกัน
ปั้ง! ไอมินตบโต๊ะอย่างดัง ผมมองไอแบงค์ตาขวาง
“หุบปากเน่าๆของมึงไปเลยไอเหี้ยแบงค์” หน้ามันพร้อมมีเรื่องมาก พวกไอวิวไอนัทก็จับแขนมันไว้
“มึงไม่ต้องไปฟังมันหรอกไอมิน แค่หมาเห่าหอนก็เท่านั้น” ผมเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
“ หึ!”  มันแสยะยิ้ม
“ไปกันเถอะพวกมึงกูแดกข้าวไม่อร่อยแล้ว!” แล้วก็พากันลุก
หมับ! ไอแบงค์มันจับแขนผมไว้....
“ปล่อย” ผมพูดพร้อมกับมองมือที่มันจับแขนผม
“ทำไมวะ รังเกียจคนที่มึงชอบเหรอ...?” ยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เอาจริงๆนะกูโครตขยะแขยงเลย และกูก็ไม่ได้ชอบมึงจำไว้ด้วย!” ดึงแขนผมกลับมา มันหน้าเจื่อนไปเลยพวกเพื่อนผมหัวเราะกันใหญ่
“เฮ้อ! คนอย่างไอนท มีแต่คนมาชอบนะที่กูเห็น แต่ยังมีคนมโนว่ามึงไปชอบมันด้วยว่ะ5555” ไอนัทพูดขึ้น แล้วพวกมันก็ขำกันใหญ่เลย พวกไอแบงค์หน้าเสียเลย เพราะเรื่องราวของผม ไม่มีทางที่พวกมันจะไม่รู้แน่นอน ผมกลายเป็นทอล์คออฟเดอะสคูลบ่อยในเรื่องพวกนี้ ทำไมคนจะไม่รู้
“หึ! ทำเป็นพูดไป หน้าอย่างนี้เหรอจะมีคนชอบ” มองผมแบบดูถูกมาก
“ก็ไม่รู้สินะ! แต่ถ้ามึงจะหลงมาชอบกูขึ้นมา กูก็จะรับไว้พิจารณาสักเสี้ยวนึงนะไอแบงค์ ไม่ต้องมาทำตามรังแกกูอย่างนี้หรอกกูรำคาญ” ผมแสยะยิ้ม มันชะงักไปนิดนึง
“จะดีเหรอมึงคนเหี้ยๆแบบนี้” ไอปอเน้นคำว่าเหี้ยแล้วหันไปทางไอแบงค์
“กูว่าคนที่หลงตัวเองคือมึงแล้วล่ะไอนท คนอย่างกูอ่ะนะ ไม่มีทางชอบคนอย่างมึงหรอก!” ไอแบงค์ทำหน้ากวนตีน
“แล้วมึงก็จำไว้เลยนะ ว่าคนอย่างกูก็ไม่สนใจคนอย่างมึงเหมือนกัน เลิกยุ่งกับคนอย่างกูสะด้วยนะไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน ป่ะเถอะพวกมึง” ผมพูดด้วยเสียงจริงจัง แล้วเดินชนไหล่มันออกมาเลย
พวกผมก็ถือจานข้าวมาเก็บ แล้วก็พากันไปซื้อขนมนิดหน่อยแล้วก็เดินออกมาจากโรงอาหาร ผมปวดฉี่เลยแยกกับเพื่อนๆไปห้องน้ำ พวกมันขึ้นไปรอที่ห้องเรียนแล้ว ผมทำธุระเสร็จก็ออกมาจากห้องน้ำแต่ต้องสะดุ้งเพราะไอแบงค์มายืนปิดทางอยู่หน้าห้องน้ำ.....
“หึ! ทำเป็นขวัญอ่อนไปนะมึง” ทำหน้ากวนตีน
“เห้อ! ให้ตาย! กูก็นึกว่าผีตายโหงที่ไหนไอสัสตกใจแทบแย่” ทำท่ากุมหัวใจ ไอแบงค์กัดฟันข่มอารมณ์เลยทีเดียว
“แล้วพวกผัวๆมึงไปไหนแล้วล่ะ” มันชะเง้อดูรอบๆ
“แล้วพวกบรรดาแก๊งโจรของมึงล่ะ ไปไหนหมดทุกทีเห็นเดินกร่างกันเป็นเป็นก้อนขี้เลย” ผมทำหน้าสมเพสมัน
“ปากดีนะไอสัส!” มันพลักผมกลับเข้าไปห้องน้ำแล้วล๊อคประตู ผมก็มองมันผมไม่โวยวายหรือต่อต้านหรอก เพราะทำไปก็ดูมันจะชอบ ไอพวกเหลือขอนี่
“ทำไม? มึงจะทำไมกู...จะต่อยกู หรือจะตบกู” กอดอกทำหน้าท้าทายมัน
“หึ! มึงมันวอนจริงๆนะ มึงต้องกลัวกูไม่ใช่เหรอวะ!” เริ่มเสียงดัง รู้สึกได้เลยว่าคนข้างนอกเริ่มสนใจผมกับมันที่เข้ามาในห้องน้ำด้วยกัน ก็เสียงเล็ดลอดเข้ามาให้ได้ยินนี่เนอะ
“ อ๋อ! นี่กูต้องกลัวมึงเหรอ? ได้ๆ เห้ย!แบงค์ อย่าทำไรกูนะเว้ย! กูกลัวแล้ว! คนข้างนอก ช่วยที มันจะทำร้ายผม!” ผมเดินถอยหลังติดกำแพงและก็ทำท่าหวาดกลัวมัน
“มึงจะกวนตีนกูอีกนานไหม!” มันกระชากแขนผมให้เข้ามาใกล้ๆมัน
“เอาจริงๆนะ คือมึงจะหาเรื่องกูไปถึงไหนวะ” ถามมันดีๆ
“กูไม่ได้หาเรื่องมึง กูแค่...” มันมองหน้าผม ผมก็จ้องมันไม่ละสายตาเหมือนกัน
“โอเคๆ ถ้ากูทำให้มึงไม่พอใจอะไรก็ตามกูขอโทษมึงแล้วกันนะ ส่วนถ้ามึงจะไม่พอใจเรื่องเมื่อตอนม.ต้น กูขอโทษมึง กูไม่คิดว่าแค่กูชอบมึงในวันนั้นจะทำให้มึงเกลียดกูดะ...อุ้บ”
มันประกบปากจูบกับผม ผมเบิกตาโต ตั้งสติได้ ผมพยายามทั้งดันทั้งดิ้น มันเอามือกดอกผมไว้ข้างนึง แล้วมืออีกข้าง มันก็จับมือผมที่ปัดไปมา มันค้างไว้แบบนั้นสักพักแล้วก็ผละออกไป ผมก็ถอยห่างมันทันที ผมเริ่มจะกลัวมันแล้วสิ...
“เอ่อคือ กูบอกแล้วไง...กูไม่ได้ชอบมึง....มึงกล้าดียังไงมาทำกับกูแบบนี้” อึกอักมาก ทำตัวไม่ถูก ผมพยายามเดินถอยห่างมันเรื่อยๆ ไม่เข้าใกล้มันมาก
“กูไม่ได้......” มันหยุดนิ่งไป
“งั้นกะ...ก็ถอยไป กูจะไปแล้ว” ผมก็เดินห่างๆมันเพื่อจะไปเปิดประตูห้องน้ำ
ตุบ! มันเอามือตัวเองยื่นมาดันกำแพงขวางผมไว้ ผมก็หันมองมันนิดหน่อย แล้วก็ถอยห่างมันทันที....
“อะไร” บอกตรงๆอยู่ๆรู้สึกกลัวมัน ไม่กล้าโต้ตอบอะไรมันมากเลย ไม่ได้ตื่นเต้นเพราะชอบมันหรืออะไร โหมดนี้ผมไม่เคยเจอ เจอกันทำอย่างกับจะตีกันทุกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ หักดิบเกิน...
“คะ...คือ เรื่องวันนั้น...กะ...กูไม่ได้เป็นคนทำนะ” พูดแบบเบา เบามาก ผมแทบจะไม่ได้ยินแต่ก็พอจะจับใจความได้ แล้วมันก็จ้องหน้าผม
“ระ....เรื่องอะไรวะ มึงกำลังทำให้กูกลัวมึงนะไอแบงค์” ผมถอยหลังติดกำแพง มันก็เดินมาชิดผมเรื่อยๆ
“เรื่องจดหมายนั่นกูไม่ได้เป็นคนเขียนนะ” มันพูดเบามาก แล้วมันก็ก้มหน้า
“แล้วยังไงอะ?” นั่นสิแล้วยังไง เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว ถึงมันจะทำหรือไม่ แต่การแสดงออกของมันที่มีต่อผมก็ชัดเจน แล้วเวลามันก็นานแล้วผมไม่รู้สึกอะไรเลย ผมลืมเรื่องของมันไปหมดแล้ว
“คือที่มึงพูดวันนี้จริงเปล่าวะ?” มองหน้าผม
“กูพูดอะไร” ผมถามมันนิ่งๆ
“ที่มึงบอกว่าถ้ากูชอบมึง มึงจะรับกูไว้พิจารณา” พูดแบบจ้องตาเหมือนจริงใจ แต่ผมหวั่นใจว่ามันจะแกล้งผมน่ะสิ
“นะ...นี่มึง!”  ทำท่าตกใจ แม้จะไม่ตกใจสักนิด มันก็พยักหน้า
“มึงรับเฟสกูได้ไหมวะ” คือมันแอดผมมานานแล้วผมเห็นแหละแต่ไม่สนใจมันเลย
“กูไม่ค่อยเล่น ถามจริงนี่มึงจะแกล้งอะไรกู กูรู้สึกไม่ดีมากแล้วนะ!” พูดเสียงสูง ป่านนี้คนนอกห้องน้ำคงเข้าใจผิดกันหมดแล้ว
“กูทำให้มึงรู้สึกแบบนั้นเหรอวะ” ทำหน้าจริงจัง ผมก็พยักหน้า “งั้นกูขอเบอร์มึงหน่อยดิ” ยื่นโทรศัพท์มันมาให้ผม
“กูมีแฟนแล้ว มึงพลาดแล้ว” ผมตอบกลับมันด้วยสีหน้าจริงจัง
“กูไม่สนใจ!” ไอแบงค์มันน่ากลัวนะ โหมดนี้ ผมอึดอัดจนเหงื่อออกเต็มไปหมดแล้ว
“เรื่องของมึงแล้วกัน” ผมก็เอาโทรศัพท์มากด แล้วก็ยื่นโทรศัพท์มันคืนไป มันก็รีบเก็บเข้ากางเกง
“ถึงมึงจะมีแฟนหรือไม่ มันก็เรื่องของมึง แต่กู..”มันโน้มหน้ามาใกล้ๆหูผม “จะทำตามใจกูเอง เหมือนที่มึงเคยทำตอนมอต้นนั่นแหละ” มันพูดทีเล่นที่จริง ผมก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว ร้อน!
“กูจะไปแล้ว แล้วนี่คนนอกห้องน้ำเขาจะคิดยังไงเนี่ยกูล่ะเบื่อ” ทำหน้าเครียด
“เออจะถึงเวลาเรียนแล้วด้วยกูก็จะไปแล้ว” แล้วมันก็หันหลังเปิดประตู ผมเห็นคนยืนหน้าห้องน้ำที่ผมอยู่ประมาน4-5คนเหมือนยืนฟังกัน “มองเหี้ยอะไรกัน ไปไหนก็ไป!” มันตวาดไอพวกนั้นกระเจิงเลย แล้วมันก็เดินไป
หลังจากที่ไอเบสไปแล้วคนที่มามุงก็ไปแล้ว ผมก็ออกมาจากห้องน้ำ แล้วผมก็เดินไปขึ้นตึกเรียน ก็เจอไอแบงค์อีกแต่มันก็แค่มอง ผมก็รีบเดินเข้าห้องเรียน เพื่อนก็ถามกันใหญ่เชียวผมก็บอกแค่ปวดท้องไม่มีอะไรมากมาย สักพักครูก็เข้ามาสอนจนเลิกเรียน ผมกับเพื่อนๆก็แยกย้ายกัน ตอนแรกไอมินก็ชวนไปบ้านไอสิงโตอีกแล้ว แต่ผมว่ามันจะไปถี่ไป เลยบอกมันไปว่าคราวหลังดีกว่าแล้วก็แยกกัน ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม แต่มันนั่งอยู่กับอีผีหน้าชมรม อีผีร้องไห้ด้วยนะพี่อ๊อฟปลอบใหญ่เลย ผมก็เดินเข้าไปเลย.....
“พี่อ๊อฟ ไงผีเอ้ย!พี่พลอย” ตบไหล่พี่อ๊อฟและหันไปยิ้มให้ผีพลอย แล้วก็นั่งคั่นกลางไปโลดอย่าได้แคร์
“มึงมานั่งอะไรตรงนี้ไม่เห็นหรือยังไงว่ากูคุยกับพลอยอยู่” ไอนี่นิ ทำอารมณ์เสียใส่ผมผมมองมันแบบหาเรื่อง
“ก็จะนั่งนี่ทำไม” ทำหน้าหาเรื่องมัน แล้วมาค้อนไปทางอีผี “พี่พลอยเป็นอะไรเหรอครับ” หันไปถามแบบใสๆ
“อ๊อฟงั้นพลอยไปก่อนะ ฮึก! ไว้พลอยจะมาหาใหม่” สะอึกสะอื้น แต่จะมาหาใหม่คืออะไร
“อื้มดูแลตัวเอง กลับบ้านดีๆนะ” ยิ้มอย่างอบอุ่น...ไอพี่อ๊อฟ! ยิ้มนั้นของกูแล้วอีผีมันก็เดินไปโดยไม่สนใจหรือตอบโต้อะไรผม ผมแปลกใจหน่อยๆ
“คืออะไร!” ถามมันเสียงแข็ง มองพี่อ๊อฟตาขวาง
“มึงมาก็ดีแล้ว ไม่ต้องมาทำเสียงแข็งเลย!” ตะคอกใส่ผม ทำหน้าเข้มเชียว
“อย่ามาขึ้นเสียงนะ แล้วไปยิ้มไปพูดดีกับมันทำไมห๊ะ!” มองหน้ามันหาเรื่อง
“ไม่ต้องเลย เขามาก็เรื่องมึงนั่นแหละ!” กลายเป็นว่าต่างฝ่ายต่างขึ้นไม่ยอมลง
“ทำไม มันมาตอแหลอะไรให้ฟังอีก แล้วยิ้มแบบเมื่อกี้ จำเป็นต้องยิ้มให้มันด้วยหรอห๊ะ!” ผมยืนขึ้นเต็มความสูงเลย แล้วกำลังจะเดินหนีมันมันจับมือผมไว้
“มึงอย่ามาเดินหนีนะไอนท!” บีบข้อมือผมแน่นจนเจ็บ แต่ผมไม่สนใจก็มองมันแบบหาเรื่องต่อไป
“ทำไม นี่จะมาทะเลาะกันเพราะเรื่องที่อีผีพูดอีกแล้วเหรอ” น้อยใจมันสุดๆ ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงแต่มันต้องแย่แน่ๆ
“นะ..นท มึงใจเย็นๆดิ กูแค่จะถามมึงแค่นั้นแหละ ก็มึงมางี่เง่าอะไรตอนนี้?” อ่อนลงแต่ก็ไม่ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย
“หึ! ทำไม....ก็งี่เง่าแม่งแบบนี้แหละ สู้อีผีนั่นไม่ได้หรอก” ผมสะบัดมือมันก็ไม่ยอมปล่อย รู้สึกร้อนที่ขอบตา อยู่ต่อมีหวังได้ร้องแน่รีบไปดีกว่า
“มึงทำไมเป็นแบบนี้วะ ฟังกูก่อน!” ก็ดึงกันอยู่แบบนั้นแหละจนผมหยุด เพราะมันเจ็บข้อมือมากแล้ว
“ปล่อยเถอะ!” น้ำเสียงเริ่มสั่น
“โอเคๆ กลับบ้านกันนะ” พูดด้วยน้ำเสียงหวานๆ ปล่อยข้อมือผมแล้วเปลี่ยนเป็นจับมือแทน
“ไม่! ผมว่าจะไปหาเพื่อนแปปนึงพี่กลับก่อนเถอะ!” น้ำตาร่วงแล้ว แต่ก็เช็ดลวกๆ
“ไม่เอาน่ามึงอย่าร้องดิ กูขอโทษ” มายืนตรงหน้าผมแล้วเช็ดน้ำตาให้ผมหันหน้าหนีแล้วถอยห่างมัน
ผมยืนมองหน้ามันนิ่ง มันก็จ้องเหมือนสำนึกผิด ผมบอกตรงๆไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย คืออะไรวะ อีพลอยมันมีดีอะไรนักหนาทุกคนถึงได้เชื่อและสงสารมัน อย่างยิ้มแบบนั้นพี่อ๊อฟไม่เคยยิ้มแบบนั้นให้ใครนอกจากผม แต่ต้องให้อีผีด้วยงั้นเหรอ คิดแล้วสะเทือนใจบอกเลย อาจจะดูงี่เง่า แต่ถ้าใครเจอก็ต้องรู้สึกแบบนี้บ้างแหละ....
“ผมว่าพี่กลับก่อนเถอะ ผมจะไปหาเพื่อนแปปนึง” บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ไม่อ่ะนทกลับบ้านนะ หรือให้กูไปส่งก็ได้” ทำหน้าสำนึกผิดสุดๆ จับมือผม ผมก็หันไปทางอื่น
“ผมจะไปหาเพื่อน” พูดด้วยเสียงที่จริงจังสะบัดมือออกแล้วก็เดินไปเลย พี่อ๊อฟก็เดินตามมาเรื่อยๆ
“นทรอกูก่อนดิ!” ตะโกนตามหลังผมมา
ผมก็เดินไปโดยไม่หันไปมองมัน คงขอเวลานิดนึงถ้าคุยตอนนี้มีแต่ยิ่งแย่ ผมถอยมาตั้งหลักก่อนดีกว่า ผมเดินมาพ้นประตูโรงเรียน ไอพี่อ๊อฟก็วิ่งไปลานจอดรถ มันคงจะไปเอารถมารับผม ผมวิ่งไปโบกสองแถวบอกไปเซ็นทรัลแล้วขึ้นไปเลย บอกตามตรงว่า ถึงผีมันจะมายังไงพี่อ๊อฟก็ไม่ควรขึ้นเสียงใส่ผม แล้วยิ้มแบบนั้นอะมันเคยยิ้มให้ใครที่ไหนนอกจากผม มันเป็นคนยิ้มยากจะตาย แล้วทำไมต้องเป็นอีผี แล้วทำไมต้องรับฟังและเชื่อที่อีผีพูด คิดแล้วก็สมเพชตัวเอง ร้อนที่ขอบตาไปหมดผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาลวกๆ โทรศัพท์ก็สั่นตลอดคงไม่ใช่ใครที่ไหนและผมก็ไม่ล้วงออกมาดูหรอก สักพักก็มาถึงเซ็นทรัลผมลงไปจ่ายเงินและเดินเข้าไปด้านใน ก็เดินไปทั่ว ไม่มีจุดหมาย และผมก็เดินเข้าร้านไอติมไปนั่งกินไอติมสักหน่อย พอเข้าไปนั่งพนักงานก็มารับออเดอร์ผมก็สั่งไปแล้วก็นั่งรอ สักพักไอติมมาเสริฟผมก็กินแต่กินไปนิดเดียวก็เขี่ยเล่นสะงั้น ..........
“นท”ผมเงยหน้ามองไปตามเสียง ฮาเล่
“อ้าว!ฮาเล่” (ยิ้ม)
“อื้มมาคนเดียวเหรอ” ยิ้มแล้วมองรอบโต๊ะ
“อื้ม นั่งก่อนดิ” ชี้ให้มันนั่งที่ตรงข้ามมันก็ไปนั่ง “ฮาเล่มาคนเดียวเหรอ?”
“อื้มมาเล่นเกมส์ แต่เล่นไปแปปเดียวเอง เบื่อไม่มีเพื่อนเล่น” (ยิ้ม) “แล้วไอติมมันไม่อร่อยเหรอถึงปล่อยมันละลายแบบนั้น”ถามอย่างสงสัย
“ก็เบื่อไม่มีเพื่อนกินไง” (ยิ้มให้มัน) “ฮาเล่กินเปล่า?”
“ไม่ดีกว่า เราไม่ชอบไอติมสักเท่าไหร่ แล้วทำไมวันนี้นทมาคนเดียว ปกติเห็นมากับเพื่อนๆ” ทำหน้าสงสัย
“ก็เบื่อๆแหละ พวกเพื่อนรีบกลับ แล้วฮาเล่ไปไหนต่อ?”ผมถามพร้อมกับตักไอติมที่ละลายแล้วเข้าปาก
“ก็ไม่นะ ว่าจะกลับบ้านแล้ว แต่เจอนทเลยเข้ามาทัก” (ยิ้ม)
“ รีบกลับเปล่า? เดี๋ยวไปเล่นเกมส์เป็นเพื่อนไหม” มันยิ้มบานเลย
“เอาดิๆ ว่าจะชวนแต่กลัวนทเบื่อ” มันพูดติดจะเกรงใจไปหน่อย
“ไม่เบื่อเลยกำลังอยากหาอะไรทำแก้เซ็ง ว่าแต่ทำไมฮาเล่ชอบมาคนเดียวจัง?” ถามด้วยความสงสัย เพราะมาเจอทีไรก็เห็นมาคนเดียวตลอด
“ไม่รู้ดิ เพื่อนๆมันไม่ว่างกันอะ อีกอย่างมาคนเดียวก็ดีหาเพื่อนใหม่เล่นด้วยกัน” มันจะติสท์เกินไปแล้ว
“ชิวดีเนอะ ไปกันเลยไหม!” ยิ้ม มันพยักหน้า
ผมก็ลุกไปเช็คบิล แล้วเราก็พากันไปเล่นเกมส์กัน จะเล่นมันส์กันไปไหน แหกปากกันอยู่สองคน เล่นกันไปคุยกันไป มันเป็นคนชิวมาก ไม่ซีเรียส ชอบอะไรก็ทำแบบนั้น ถ้าเรื่องไหนปวดหัวมันก็จะหลีกเลี่ยง ดีจริงๆ จนเย็นเราก็เลิกเล่นแล้วก็พากันเดินเล่น....
“ฮาเล่จะกลับยังไง?” หันไปถาม มันมองผมอยู่พอดี
“ก็นั่งรถกลับ บ้านเราอยู่แถว...” มันพูดพร้อมกับชี้ทิศทางไป
“โห!ไกลนะ งั้นรีบกลับเลยไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่รีบนะ ปกติกลับดึกกว่านี้ก็เคย555 อีกอย่างไม่ได้ไกลขนาดนั้นสักหน่อย” คือพูดอย่างไม่ใส่ใจ ผมก็พยักหน้ารับรู้ “แล้วนทล่ะ?” ถามอย่างสงสัย
“ก็นั่งรถกลับแหละ บ้านเราอยู่แถว...นี่เอง” ยิ้ม
“อ่อๆ ให้เราไปส่งไหม?” ทำหน้าจริงจัง
“บ้านเราอยู่คนละทิศเลยนะ จะใจดีไปไหน55” ผมอดขำไม่ได้
“ได้หมดแหละ” มันไหวไหล่ด้วยท่าทีสบาย
“พอเลยกลับใครกลับมันแหละ ไลน์ก็มีแล้วนิไม่เห็นทักมาบ้างเลย” ผมทำหน้าน้อยใจ
“โห! นทเราทั้งทักทั้งโทรนทไม่ตอบเราเลยเหอะ” ทำหน้าโกรธ
“เห้ย!จริงดิ!” ผมก็ล้วงเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู โอ้โห! พี่อ๊อฟ 40 กว่าสายผมไม่สนใจเปิดเข้าไปในไลน์ที่ไม่ค่อยจะได้เข้า เอิ่ม! จริงๆด้วยผมหันไปมองฮาเล่ “จริงด้วยแหะๆ ขอโทษน้า” ยิ้มอ่อน
“อืมๆ ไม่เป็นอะไร จากที่เห็นคือไม่ค่อยได้เล่นใช่ไหม แชทค้างเพียบเลย” ยิ้ม ผมพยักหน้า
“เราขี้เกียจจะพิมพ์ ชอบโทรมากกว่า” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นขอเบอร์ได้ไหม”  ฮาเล่เอ่ยขึ้น พร้อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมมองมันแบบแปลกๆ “กะ...ก็เผื่อ นทว่างเราจะได้ชวนมาเล่นเกมส์ไง” (ยิ้ม)
“อ่อ..อืมๆได้ๆ” ยื่นโทรศัพท์ให้มัน มันรับไปกดแล้วก็ส่งคืนผม ผมเมมเบอร์แล้วก็ยิงเข้าเครื่องมัน
“ อื้มๆ จะกลับเลยหรือเปล่า?” หลังจากที่มันก้มกดโทรศัพท์น่าจะเมมเบอร์ผมเสร็จ มันก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ได้เบอร์ก็จะแยกย้ายงั้นสิ” ทำหน้านอยมัน
“ปะ...เปล่านะ จะไปไหนไหม” หน้าเสียเลย
“5555ล้อเล่นกลับกันเถอะเย็นมากแล้ว ไว้ค่อยคุยกันก็ได้!” ตลกกับท่าทางของมันจริงๆ
แล้วเราก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ ผมก็ขึ้นรถกลับบ้าน เดินเข้ามาทางหมู่บ้านก็เห็นไอพี่อ๊อฟนั่งรออยู่หน้าบ้าน.....
“ไปไหนมานท!” พี่อ๊อฟวิ่งมาหาผม
“ไปหาเพื่อนมา” พูดอย่างไม่ใส่ใจ และไม่มองหน้ามันด้วย
“นทกูขอโทษ มึงอย่าเป็นแบบนี้เลย” ผมหันไปมองมันทำหน้าเศ้รามาก
“อืมๆ ก็ไม่ได้โกรธอะไร กลับบ้านเถอะจะมืดแล้ว” ผมก็เดินผ่านมันมาเลย
“นท มึงจะให้กูทำยังไง ก็กูบอกแล้วไงว่าเขามาคุยเรื่องมึง” ดึงมือผมไว้
“พี่อ๊อฟก็ไปคิดดีๆแล้วกันเนอะ ว่าจะคุยกับเขาของพี่อ๊อฟหรือจะคุยกับผมที่งี่เง่าไม่ฟังอะไร” ผมสะบัดมือออกแล้วก็เดินเข้าบ้านเลย
มันก็ตามมา แต่ผมปิดประตูหน้าบ้านแล้วล๊อคทันที.....
“ไว้ค่อยคุยกันพรุ่งนี้เนอะ” ผมยิ้มอ่อนให้มัน
“นท กูรักมึงนะ ฟังกูหน่อยสิ” ทำหน้าจะร้องไห้ ผมก็ยืนนิ่งๆ เพื่อจะฟังมัน “คือพลอยมาขอโทษเรื่องที่ผ่านมา แต่เขาไม่กล้าพูดกับมึงเขากลัวว่ามึงจะไม่รับ” ก็แน่อยู่แล้วป่ะ? “แล้วก็ไอเบส ไปข่มขู่พลอยไว้พลอยบอกว่ามึงไปสั่งเบสให้ทำ” ผมชะงักไปนิด “พลอยมันก็กลัวไม่รู้จะทำยังไง กูก็แค่ปลอบไปว่าคงไม่มีอะไร และจะลองช่วยพูดให้มึงเคลียล์ให้แต่กูก็คิดไว้อยู่แล้วแหละว่ามึงคงไม่เคลียล์ให้หรอก กูแค่พูดไป แล้วมึงก็มาทำฟึดฟัดอะไรก็ไม่รู้”
“ผิดที่ผมไปฟึดฟัดใส่งั้นสิ” มองมันนิ่งๆ
“มะ..ไม่ใช่นท กูขอโทษเปิดประตูก่อนนะ” ทำหน้าสำนึกผิดสุดๆ ผมก็มองนิ่งๆ
“แล้วทำไมต้องยิ้มแบบนั้นให้มัน!” คิดแล้วก็โมโห
“กะ...ก็กูสงสาร”  มันก้มหน้าพูด
“สงสารเหรอ? เชื่อที่มันพูดเหรอ?” ผมไม่รู้นะว่าต้องคิดเล็กคิดน้อยไหม แต่มันไม่ใช่เรื่อง คนที่มันควรจะสงสารคือผม โดนมันทำอะไรมาบ้าง ต้องเสียอะไรไปบ้าง ทำไมกลับไปเห็นใจมัน “ผมว่าพี่ไปเคลียล์ความรู้สึกตัวเองก่อนดีกว่า ถ้าสงสารมันก็ไปปลอบมันให้พอใจเถอะ พี่เป็นคนยิ้มยากและก็ดูหยิ่งนะ แต่พี่กลับยิ้มให้มันที่ทำร้ายผม พี่ไปเถอะนะ ผมรอได้และถ้าพี่ติดใจมันก็บอกผมก็แล้วกันผมจะได้ตัดใจ” แล้วก็เดินหันหลังเข้าบ้านเลย ผมรู้สึกร้อนที่ขอบตาจริงๆ ถึงจะไม่ได้ต้องการให้ใครมาสงสารก็เถอะ...
ผมไม่รู้ว่าเรื่องแค่นี้ควรจะทะเลาะกันไหม แต่ทำไมกัน พี่อ๊อฟก็เห็นแล้วว่ามันร้าย พี่อ๊อฟอยู่กับผมมานาน ก็น่าจะรู้สิ ว่าใครทำผมเจ็บ ใครทำผมเสียใจ ทำไมต้องไปเข้าใกล้งูพิษอย่างมันแถมยังไปสงสารมันอีก ผมคงไม่ควรน้อยใจสินะ ผมเดินเข้าบ้านพร้อมกับเสียงที่มันตะโกนเรียกผมอย่างหัวเสีย พอเข้าบ้านป๊ากับแม่ก็มองอย่างสงสัย ผมก็แค่ทักทายนิดหน่อยแล้วก็ขึ้นบ้าน อาบน้ำเข้าแล้วก็ปิดไฟขึ้นเตียงนอนเล่นโทรศัพท์ พี่อ๊อฟก็โทรมาเรื่อยๆ ผมเลยกดรับ....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:44:53
“นทมึงกำลังเข้าใจผิดนะ กูไม่รู้จะทำยังไงให้มึงเข้าใจกู มึงจะให้กูทำยังไง” (น้ำเสียงสั่นๆ)
“ก็บอกแล้วไง ไปปลอบมันให้พะ...”
“มึงอย่าพูดแบบนี้ กูขอโทษ นทกูแม่ง..ทำไมเรื่องแค่นี้ เราต้องมาทะเลาะกันด้วยวะ” สั่นมากจริงๆผมใจไม่ดีเลยได้ยินเสียงมันแบบนี้
“ก็ไม่รู้เหมือนกัน” รู้สึกว่าบางทีมันก็เรื่องแค่นี้จริงๆ ความรู้สึกจริงๆแค่กลัว กลัวจะเสียพี่อ๊อฟไปแบบพี่ไอซ์ ผมกลัวจริงๆ
“นท ฮึก!” ร้องแล้ว ผมไม่อยากฟังเสียงมันตอนนี้สักเท่าไหร่ ผมก็เงียบฟังมันร้องสักพัก ผมก็ทนไม่ไหว.....
“เฮ้อ! ผมยังไม่ได้เอาของที่เอาไปบ้านพี่กลับเลย” พูดด้วยเสียงอ่อนหวาน รู้สึกว่ามันคงจะฟังไม่รู้เรื่องแล้ว ถ้าจะร้องได้น่าสงสารขนาดนี้ ผมรู้สึกผิดเองเลย “ พรุ่งนี้อย่าลืมมารับผมนะ” บอกมันอย่างอ่อนโยน สุดท้ายก็เป็นผมอีกที่ต้องเคลียล์ความรู้สึกตัวเอง
“อื้ม ฮึก! จะไปรับนทนะ” โอ้ย! ผมใจไม่ดีเลยอะทำไมวะ! ผมหรือเปล่าที่ต้องเป็นฝ่ายร้องไห้
“พี่อ๊อฟ หยุดร้องก่อนนะ ผมไม่ชอบเลยนะ” ผมไปไม่ถูกเลย
“ขอโทษนท ฮึก อ๊อฟขอโทษนะ” โอ้โห! ยอมเลยสิทีนี้
“โอเคๆ ผมไม่โกรธแล้วพี่อ๊อฟ ผมหายแล้วโกรธแล้ว พี่หยุดร้องได้แล้ว ผมไม่โกรธแล้วโอเคไหม” ผมบอกมันดีๆ
“จะ..จริงนะ อึก!” สะอึกสะอื้นใหญ่แล้ว เฮ้อ!
“คร้าบ ยอมแล้วน้า อย่าร้องเลยน้า ผมใจไม่ดีเลย” ผมทำเสียงเศร้า
“ก็ได้” มันพยายามปรับเสียง
“พี่อ๊อฟไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ นทจะรอ ถ้ามาแล้วยังร้องผมไม่คุยด้วยแล้วนะ” บอกมันด้วยน้ำเสียงดุๆ
แล้วมันก็เงียบไปสักพัก ผมก็รอมันมันจะร้องไห้ทำไมก็ไม่รู้ เล่นผมไปไม่เป็นเลย..... ไม่นานมันก็มา แต่เสียงแหบนิดหน่อย น่าจะร้องหนัก แล้วเราก็คุยกันไป จนหลับคาโทรศัพท์กันไปนั่นแหละ
เช้าวันต่อมาผมทำอะไรเรียบร้อย พี่อ๊อฟก็มารับวันนี้มันพูดมากและก็นัวเนียผมจนรำคาญง้องแง้งงุ้งงิ้งอะไรก็ไม่รู้ ซ้อนมันก็ให้กอดอะไรก็ไม่รู้นักหนา พอไม่ทำก็บอกว่ายังโกรธอ๊อฟอยู่ใช่ไหมดราม่ามาเลย ผมก็ต้องยอมทำไป ผมเหนื่อยจะคิดเหนื่อยจะทะเลาะกับมันแล้ว พอถึงโรงเรียนก็ไม่ยอมแยกไปหาเพื่อนจนผมต้องขู่มัน มันถึงจะยอมไป แล้วผมก็แยกไปหาเพื่อนบ้าง พวกมันก็เหมือนเดิมนั่งเม้าแตกกัน...
“ไอนท! มาพอดีเลยมึง” ไอมินเอ่ยทั้งพร้อมยิ้มร่าเลย คนอื่นก็ยิ้มบานเชียว
“มีอะไรกันวะ” นั่งข้างไอมินกับไอนัท
“วันนี้ไม่มีเรียนเว้ย! เขาให้ไปจัดซุ้ม” ปอทำหน้าเคลิ้มเชียว
“อืมก็ดีแล้ว ทำดีใจอะไรขนาดนั้น” บอกอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็ถอดกระเป๋ามาวางบนโต๊ะ
“และพรุ่งนี้อ่ะมึง จะมีเด็กจากโรงเรียนอื่นมาดูด้วยนะเว้ย! ต้องมีสาวๆน่ารักๆ วุ้ย!คิดแล้วอยากถึงพรุ่งนี้เร็วๆจังวะ” ไอนัทมันจะดี๊ด๊าอะไรขนาดนั้น
“มันก็ปกติ ชื่องานก็บอกอยู่โอเพ้นเฮ้าส์ เขาก็เปิดให้คนอื่นเข้ามาดูทุกปีทำเป็นตื่นเต้นกันไปได้” ผมส่ายหัวเริ่มรำคาญ
ผมก็ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจฟังพวกมันพร่ำเพ้อพรรณาๆกันไป ผมก็นั่งนึกถึงพี่อ๊อฟนั่นแหละ แล้วก็ถึงเวลาเข้าแถวก็พากันไปเข้าแล้วก็แยกย้ายไปซุ้มตามที่เขาจัดไว้ให้ แล้วก็ช่วยกันจัด จะว่าช่วยก็ไม่ถูกเพราะส่วนมากพวกผู้หญิงจะทำมากกว่า ประมาณว่าถ้าให้พวกผู้ชายทำคือเละ5555 พวกผู้ชายเลยไปทำอะไรที่ใช้กำลังกันมากกว่า อย่างไปยกกระถางต้นไม้ไปจัดตกแต่งซุ้มอะไรทำนองนั้น
พอทำอะไรผ่านไปจนถึงเวลาพักพวกเราก็ไปหาอะไรกินกัน พี่อ๊อฟต้องทำตั้งสองงานแหนะ ทั้งช่วยเพื่อนๆในห้องและงานในชมรม มันเลยไม่ว่างสักเท่าไหร่ ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งหรือไปดูอะไรมันหรอก ปล่อยมันไปเดี๋ยวเวิ่นเว้ออีก เราก็นั่งกินข้าวไปคุยไป งานซุ้มพวกผมจะเสร็จแล้วเหลือตกแต่งนิดหน่อย อย่างที่บอกห้องผมง่ายๆ ไม่เยอะหรือยุ่งยากอะไร.....
“เออ!ไอนท ไอสิงโตมันถามหามึงนะ” ไอมินมันก้มกดโทรศัพท์แล้วก็พูด
“ถามหาทำไมวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“นี่ไง” ยื่นแชทมาให้ผมดู ประมานว่าไอมินมันทักไอสิงโตไปก่อน คล้ายๆเรียกร้องความสนใจ ไอสิงโตเลยถามหาผม
“แล้วยังไงวะ?” ผมถามกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“กูชวนมันมางานของโรงเรียนเราพรุ่งนี้ดีกว่า” มันยิ้มบานแล้วก็พิมพ์เลย ผมกับเพื่อนๆคนอื่นคือทำหน้าเบื่อหน่ายมันมาก
แล้วเราก็นั่งคุยกันต่อไป จนกินข้าวหมดก็พากันลุกเอาจานไปเก็บแล้วก็ไปหาขนมกินต่อนึกขึ้นได้ ผมซื้อไปฝากไอพี่อ๊อฟสักหน่อยดีกว่าหลังจากที่เริ่มคบกันมา ผมก็พอรู้แล้ว มันชอบกินอะไร ชอบอะไรบ้าง แต่ก็ยังไม่ทั้งหมด พอถามมันมันก็บอกให้ดูเอาเอง ผมเบื่อหน่ายมันจริง พอทำไม่พอใจมันก็อ้างว่าทีมันยังรู้ว่าผมชอบกินอะไรและชอบอะไรบ้างเลย ผมเลยยอมมันไป
ผมเลือกซื้อขนมและน้ำได้แล้วก็บอกให้เพื่อนๆไปรอที่ซุ้มก่อนจะไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งจริงๆจะไปหาพี่อ๊อฟนั่นแหละ แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าผมกับพี่อ๊อฟคบกัน เอาจริงๆก็ไม่มีใครถามหรือเอะใจ และพี่อ๊อฟก็ไม่ได้มาตัวติดกับผมเหมือนพี่ไอซ์ ก็เลยเหมือนไม่มีอะไร และผมก็กลับบ้านกับพี่อ๊อฟเป็นประจำอยู่แล้วการไปหามันไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไรสักนิด ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟตอนแรกไปแอบมองแถวซุ้มก่อน กลัวเจอพี่ไอซ์บอกเลยว่ายังไม่อยากเจอเดี๋ยวมันมาง้องแง้งใส่อีก ก็เป็นอย่างที่คิดพี่อ๊อฟไม่อยู่เห็นอยู่แต่พวกพี่ไอซ์แล้วก็เพื่อนๆ ผมเลยเดินไปหาที่ชมรม ก็เจอ นั่งขัดแผ่นกระดานกับยัยอิงฟ้าอยู่หน้าชมรม ผมก็เดินเข้าไปหาด้วยหน้านิ่งๆ......
“อะ..ซื้อมาให้” ผมพูดพร้อมกับยื่นถุงขนมให้ แล้วมันก็หันหลังมามอง ผมยื่นให้มันจากด้านหลังไง
“อื้ม” ยิ้มบานเลย แล้วสีก็เปื้อนเต็มแขน มันหยิบถุงที่ผมยื่นให้เอาไปไว้ข้างๆแล้วก้มทำงานมันต่อ
“กินข้าวยัง” ถามอย่างเป็นห่วง
“ยังเลยนท อิงฟ้าชวนพี่อ๊อฟก็ไม่ไป” ทำหน้ามุ่ยผมก็มองอิงฟ้านิดหน่อยแล้วก็หันมามัน
“พี่อ๊อฟทำไมไม่ไปกินข้าว” ผมถามทำหน้าเคร่ง มันก็ขัดกระดานอยู่นั่นแหละ
“ยังไม่ว่าง เมื่อเช้าไปช่วยที่ห้องมา ตอนเที่ยงก็รีบมาช่วยชมรมต่อ” ยิ้มบาน จะอารมณ์ดีไปไหน
“อิงฟ้ากินยัง” ผมหันไปถาม
“ก็ยัง รอไปกินพร้อมพี่อ๊อฟเนี่ยแหละดื้อจริง” ทำหน้าอารมณ์เสีย
“แล้วทำไมอิงฟ้าถึงมารอพี่อ๊อฟไม่ไปช่วยห้องตัวเอง” คิดแล้วมันก็แปลกๆ ยัยนี่มันว่างไปไหม พี่อ๊อฟก็ไม่สนใจขัดอยู่นั้นแหละเหมือนมันเป็นงานเร่งด่วนมากสินะ
“ก็ห้องอิงฟ้ามีคนช่วยเยอะแล้ว อิงฟ้ามาช่วยพี่อ๊อฟดีกว่า” ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมมองนางด้วยสายตาที่สุดจะทน
“ดีเนอะ” มองแบบจิกๆ มันก็ไม่สนใจหรอก ผมก็เลยเดินไปดูในห้องชมรม
โห! ข้างในดูยุ่งๆกันจังเนอะ แบบว่าเหมือนต้องโชว์รูป ผมได้ยินมาว่าจะมีคณะกรรมการของอะไรสักอย่างมาให้คะแนนโรงเรียนด้วย เพราะแบบนี้แหละมั้งถึงได้ยุ่งกัน......
“อ้าว! นทมาได้ยังไง” ผมที่ยืนเลิกลั่กอยู่หน้าห้องหันไปมองพี่ดาวที่อยู่ตรงโต๊ะครู พี่ดาวคือพี่ที่แนะนำผมให้พี่ๆในชมรมรู้จักในวันที่ไปงานเลี้ยงหลังจากที่พี่อ๊อฟกลับมาจากแข่งที่กรุงเทพฯ นั่นเอง
“คะ...ครับ” ยิ้มอ่อนส่งไป แล้วเดินไปหาพี่ดาว “ทำอะไรอยู่พี่” ผมชะเง้อมอง
“เตรียมเอารูปติดกระดาน จะโชว์พรุ่งนี้แล้วด้วย” พูดไปทำไป
“ดูยุ่งกันจังอ่า” พูดด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“ก็ชมรมที่ได้ไปแข่งและได้รางวัลต้องจัดซุ้มให้ดีที่สุด ไม่อย่างนั้นเสียชื่อหมด” พูดไปทำไป หันมายิ้มบ้างพอเป็นพิธีสินะ
“แล้วพวกพี่กินข้าวกันยังเนี่ย ยุ่งขนาดนี้ไม่หิวเหรอ?” ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรเลย พี่ชินแล้วช่วงเวลางานเร่งแบบนี้” หันมายักคิ้วให้ผม ผมก็ยิ้มส่งไป
ผมดูพี่ดาวทำสักแปปก็ขอตัวออกมาโดยบอกไม่อยากกวน และผมก็ยังเห็นพี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้ายังนั่งทำอยู่ เอาจริงๆก็คือรู้สึกสงสารอิงฟ้า หน้าไม่ไหวแล้วคือคงหิวมากสินะ แต่ติดที่บ้าผู้ชายไม่หยุด.....
“นี่เขาไม่ให้กินข้าวหรือไม่กินกันเองเนี่ย” นั่งลงข้างพี่อ๊อฟแล้วถามอย่างสงสัย
“เขาให้กินแต่พวกพี่ๆอยากให้งานเสร็จเร็วๆน่ะสิ เลยไม่ยอมไปกินกัน” ผมก็มอง พี่อ๊อฟก็เคร่งเหลือเกินแค่ขัดกระดานอะไรจะขนาดนั้น
“อิงฟ้า ถ้าหิวก็ไปกินก่อนก็ได้นะ เราว่าอิงฟ้าไม่ไหวแล้วล่ะ” ผมมองอย่างเป็นห่วง เพราะหน้าซีดแล้วสิ ยัยนี่ยิ่งคุณหนูอยู่
“ไม่เอาอ่ะจะระ....”
“งั้นเดี๋ยวเราไปซื้อเป็นเพื่อน ซื้อมาให้พวกพี่ๆเขาด้วยโอเคไหม” ผมมองอย่างรำคาญแล้วพูดแทรกขึ้นมาเลย เพราะดูจากท่าแล้วคุณหนูเธอคงไม่ยอมไป ผมเลยเอ่ยปากชวนเพื่อตัดปัญหา อิงฟ้าก็ทำท่าคิด
“อืมๆ ก็ได้” ล้างมือแล้วลุกขึ้น
ผมก็เดินกลับเข้าไปถามพี่ๆข้างในห้องชมรมว่าจะกินอะไรหรือเปล่าจะซื้อมาให้ ตอนแรกก็ดูเหมือนเกรงใจ แต่พอผมบอกว่าเต็มใจจะไปซื้อให้และก็พูดอะไรอีกนิดหน่อยพี่เขาก็ยอม พวกพี่เขายิ้มบานกันเลย ดูแล้วก็น่าสงสาร เพราะครูน่าจะคาดหวังไว้เยอะ ถึงต้องทุ่มกันขนาดนี้ คือคนอยู่เยอะจริงๆแต่ยุ่งหมดทุกคนเลยไม่มีคนวิ่งไปซื้อข้าวให้ พี่ๆเขาก็จดรายการแล้วก็รวบรวมเงินมาให้ผมกับอิงฟ้าก็รับมา แล้วก็เดินไปซื้อให้เยอะมาก ตั้งหลายคน เหนื่อยเลย พอซื้อเสร็จผมก็ถือไปให้พวกพี่ๆเขา คงจะหิวกันมากจริงๆพวกเขาก็ถือเป็นเวลาพักเบรกกันเลย พี่อ๊อฟก็มานั่งกินด้วย ยัยอิงฟ้าก็ไม่ยอมกินมาก่อน ตอนแรกบอกให้นั่งกินที่โรงอาหารก่อนเลยก็ได้ เดี๋ยวเป็นลมหรอก เธอก็ไม่ยอม พอมานั่งกินกับพี่ๆเขากินแบบโอ้โห!หมดมาดคุณหนูเลยเธอเอ้ย! ปอบลงหรือยังไง พี่อ๊อฟก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ เป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้....
“พี่อ๊อฟ เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย” หันไปถามอย่างเป็นห่วง ผมไม่ได้นั่งกินด้วยหรอก ผมแกะขนมที่ซื้อมากินแล้วก็นั่งร่วมวงกับพวกพี่เขาเท่านั้น ก็เพิ่งกินก่อนมาหาพี่อ๊อฟนิเนอะ
“เปล่า เหนื่อยแล้วก็เมื่อยด้วย” มันพูดแล้วเอามือจับ บีบที่ต้นคอ
“เดี๋ยวกินเสร็จจะนวดให้นะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม มันหันมายิ้มหวานทันทีเลย
“น่ารักนะเรา” มันยิ้ม ผมก็เขินเลยสิ
แล้วก็นั่งกินกันไปคุยกันไป สักพักก็แยกย้ายพากันเก็บของไปทิ้งแล้วไปทำงานต่อ ส่วนผมก็ไปดูไอพี่อ๊อฟล้างกระดานมันล้างอีก2อันก็เสร็จแล้วไปนั่งเคลียล์รูปอีกผมก็นั่งนวดให้มันตอนเคลียล์รูปนั่นแหละ คนก็แซวบ้าง ผมก็บอกแค่นวดเฉยๆไม่มีอะไรในกอไผ่ ตอนแรกยัยอิงฟ้าจะมานวดผมก็เถียงกับเธอสะยกใหญ่จนพี่อ๊อฟรำคาญ เป็นผู้หญิงมาเสนอตัวนวดอะไรให้ผู้ชาย ยัยนี้มันไร้เดียงสาหรือมันด้านก็ไม่รู้ ผมก็เลยให้พี่อ๊อฟเลือก และแน่นอนว่าพี่อ๊อฟเลือกผม ยัยอิงฟ้าเลยนั่งหน้าหงอยช่วยพี่อ๊อฟเคลียล์รูปอยู่ตรงข้ามนั้นแหละ....
จนผ่านไปสักพักเพื่อนๆผมก็โทรตามผมก็เลย ขอตัวและลาทุกคนมาพี่ดาวขอบคุณผมยกใหญ่เลยเรื่องไปซื้อข้าวให้ แต่ก็แปลกยัยอิงฟ้าอยู่ทำไม ไม่ทำตัวให้เป็นประโยชน์ก็ไม่รู้ นั่งอ่อยผู้ชายอยู่ได้ แทนที่จะไปซื้อให้พวกพี่ๆเขาตั้งแต่แรก คิดไปคิดมาก็ปลง แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนๆ ผมเดินผ่านหลังซุ้มเนี่ยแหละเดินง่ายดี เดินผ่านข้างหน้าคนเยอะรกด้วย คือซุ้มห้องไอแบงค์มันถึงก่อนห้องผม2ห้อง ผมกำลังจะเดินผ่านผมแอบเหล่นิดหน่อยไม่เห็นไอแบงค์อยู่ แต่เห็นเพื่อนๆมันอยู่ผมก็ไม่สนใจ แต่พอผมเลยไปนิดนึงผมก็ได้ยินเสียงเพื่อนๆมันพูดถึงผม ผมเลยหยุด แล้วหลบนิดหน่อยนั่งยองๆแอบฟังพวกมันคุยกัน....
“มึงเห็นไหมไอนทเมื่อกี้”
“เออทำหยิ่งสัสกูยิ้มให้ทำเป็นเมิน กูเห็นเมื่อก่อนตามตื้อไอแบงค์อย่างกับอะไรดี” ผมตากระตุกเลยสิ คือผมไปหยิ่งยังไง เฟรนลี่ขนาดนี้แล้วมันยิ้มให้ผม ผมเห็นหรือเปล่า? พูดไปทั่วไอนี่นิ ผมเสียหายหมด
“เออ หยิ่งจริง! วันนั้นกูทำของตกแม่งมองกูด้วยหางตาแล้วเดินข้ามของกูไปอีกไม่ช่วยกูเลย” พูดด้วยน้ำเสียงแค้นๆ ไอพวกนี้มันแยกแยะไม่ออกหรือยังไงวะ ว่าหยิ่งกับรังเกียจอะมันคนละเรื่องกัน
“แต่กูว่าแม่งไม่หยิ่งนะ กูเห็นอ่อยไปทั่วอะมึง วันนั้นยิ้มหวานให้กูด้วยสงสัยจะอ่อย” เอิ่ม!ผมไม่เห็นจำได้เลยว่าไปยิ้มให้มันตอนไหน อาจจะยิ้มให้คนอื่นแล้วมโนไปเองหรือเปล่า?
“เอาจริงๆกูก็ไม่ได้รังเกียจเกย์นะเว้ย! ไอนทก็น่ารัก แต่แม่งแรดชิบหาย กูได้ข่าวว่าแม่งไปคบเด็กโรงเรียน....รวยด้วยนะมึง” ไปกันใหญ่แล้ว
“เออกูก็คิดเหมือนมึงวันนั้นกูเห็นไปยืนอ่อยไอพวกรุ่นพี่กรรมการนักเรียนด้วย” ไอเวร! นั่นปากมึงหรอ ผมแค่ไปคุยงานนะ! นี่ปากผู้ชายเหรอ พอๆกับอีแนนเลย มานั่งเม้าผมได้ยังไง บ้าไปแล้วเรอะ!
“ดีนะมึง ตอนนั้นไอแบงค์เกือบจะหลงมันแล้ว ดีนะที่กูเป็นคนกันไว้” อะไรล่ะนั่น
“เรื่องจดหมายนั่นอ่ะนะ”
“เออดิ เอาจริงๆกูว่าแม่งไม่คู่ควรกับไอแบงค์หรอก ไอแบงค์ซื่อจะตาย เจอคนแรดๆแบบไอนทไปไม่รอดหรอกสัส”
แล้วก็อีกมากมายที่มันนินทา ด่าและว่าร้ายให้ผม ผมก็ฟังไปสักพักรู้สึกมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆแล้ว ผมก็ลุกแล้วเดินไปเลย ถามว่าโกรธไหม ไม่หรอก แล้วแต่พวกมันจะพูดเถอะยิ่งเป็นพวกนี้นะ ผมไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจอะไรกับคำพูดมันเลยด้วยซ้ำไร้สาระ ผมเดินกลับมาที่ซุ้มห้องผม ซุ้มห้องผมเสร็จเรียบร้อยแล้วเพื่อนๆก็นั่งแถวซุ้มกัน รอครูประจำชั้นมาตรวจ พอพวกมันถามว่าผมไปไหน ผมก็บอกมันไปว่าไปหาพี่อ๊อฟแล้วก็อธิบายให้มันฟัง พวกมันก็พยักหน้าแล้วก็พากันเปลี่ยนเรื่องคุย
เราคุยกันสักพักครูก็มาตรวจแล้วก็เอาป้ายมาแขวนให้ พอเสร็จจากตรงนี้เราก็ไปหาที่เย็นๆนั่งกัน ระหว่างเดินออกมาเห็นซุ้มอื่นๆก็เสร็จกันเกือบหมดแล้ว พวกผมก็เดินมานั่งที่ประจำของเราที่เรามานั่งกันตอนเช้า มันลมเย็นดีลมพัดตลอด พอนั่งได้เราก็เริ่มเม้ามอยกันสารพัด แล้วสักพักพี่อ๊อฟก็เดินผ่านมา มันแวะบอกว่าอาจจะกลับเย็นถ้าจะรอก็รอ หรือจะกลับก่อนก็ได้ มันต้องช่วยเขาแก้งานอะไรไม่รู้ ผมก็เออออไป ไม่รู้ดูอีกที ว่าจะยังไง เพื่อนๆก็คุยกันไป ผมก็นั่งคิดอะไรไปเรื่อย นึกขึ้นได้ก็ถามเพื่อนๆ....
“เย็นนี้ไปไหนกันหรือเปล่าพวกมึง” ผมถามแบบไม่ใส่ใจอะไร
“ก็ไม่ได้ไปไหนนะ ทำไมวะ” ปอถามขึ้น พวกมันก็มองผมแบบสงสัย
“เปล่า ไปหาเดินเที่ยวกันไหม” บอกแบบเซ็งๆ ไม่ได้นอยอะไรพี่อ๊อฟนะ แต่วันนี้มันชิวไป มันทำให้ผมเซ็งถ้าอย่างน้อยวันนี้ได้เรียน ผมก็คงอยากกลับบ้านไปนอนมากเพราะยังได้ใช้สมอง แต่นี้ไม่ได้ทำอะไรมันเบื่อๆเซ็งๆไปหมด
“ไปบ้านไอสิงโตป่ะ” ไอมินเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น ผมมองมันด้วยหางตา
“มึงเป็นอะไรกับบ้านไอสิงโตมากไหม คือจะไปแต่บ้านมันทำไม” ไอนัทถามไอมินแบบรำคาญ
“นั่นดิ ไม่มีความเกรงใจเลยนะมึง” ไอวิวผลักหัวไอมิน ไอมินทำหน้าหงอยเลย
“อะไรว้า!” ทำหน้าเป็นตูด “เออไอนทโทรศัพท์มึงอยู่ไหน” ไอมินถามผม
“ก็อยู่นี่ไง” ผมล้วงขึ้นมาให้ดู
“ทำไมมึงไม่รับสายไอสิงโตวะ?” ถามแบบจริงจังขณะที่มันก้มหน้ามองหน้าจอโทรศัพท์ของมันเอง
ผมก็กดดูโทรศัพท์ โอ้โห! ทั้งแชทเฟสไลน์โทรศัพท์เข้า เยอะแยะไปหมด ผมปิดสั่นปิดเสียงไว้ตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย! ไอฮาเล่ก็โทรมานะ ไอเบสด้วย ไอสิงโตเป็นสิบสายเลย แล้วคือแชทนี่อะไรมากมายเนี่ย ผมขี้เกียจจริงๆ....
“นท มึงก็เกินไปเนอะ ทั้งแชททั้งโทร รับสายบ้างตอบแชทบ้างก็ดี ไม่ใช่ว่ามีโทรศัพท์ไว้บูชา!” ไอปอพูดประชด ผมก็มองมันอย่างเซ็งๆ
“เออชอบไม่ตอบแชทนะมึง โทรศัพท์ยังว่าพอรับบ้าง” ไอวิวบ่นขึ้นมา
“เออกูสงสัยมานานแล้ว ทำไมวะ กูเห็นมือถือมึงทีไรแชทค้างอื้อเลย” ไอนัทหันมาถามแบบจริงจัง
“ก่อนอื่นมึงควรโทรกลับหาไอสิงโต” ไอมินเอ่ยพร้อมยักคิ้วทำหน้ากวนตีน
“ไอเหี้ยมิน!” พวกผมคือพร้อมใจด่ามัน อะไรนักหนา
“ก็กูขี้เกียจพิมนี่หว่า อีกอย่างกูไปปิดเสียงปิดสั่นไว้ตอนไหนก็ไม่รู้” ผมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“ขนาดมึงขี้เกียจพิมพ์ แต่มีเวลาเข้าไปส่องเฟสผู้ชายได้นะไม่ขี้เกียจบ้างล่ะ” ไอปอพูดขึ้นผมชะงักไปนิด รู้ได้ยังไงวะ5555
“เออกูเข้าเฟสทีไร เห็นมันออนทักไปแม่งก็ไม่ตอบ” ไอวิวตอบพร้อมทำหน้าแบบกวนตีน
“ไม่ตอบไม่ว่า ออนไปสักพักกูเห็นกดถูกใจรูปผู้ชายใหญ่เลย มันเด้งขึ้นหน้าเฟสกูแทบทุกคืน” ไอนัทพูดแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดูผมไปไม่ถูกเลยสิ
“อะ..เอ่อ.....ทะ...โทรหาไอสิงโตดีกว่า แหะๆ” แถไปสิ ไอพวกนั้นก็พูดไม่หยุด ผมอายจริงๆนะเนี่ย>.<5555 อุตส่าแรดเงียบแล้วนะ มันเด้งขึ้นได้ยังไงวะ ต้องไปหาวิธีไม่ให้เด้งแล้วสิ555
ผมก็กดโทรศัพท์เล่นไป ไม่ได้เล่นอะไรหรอกก็ดูอะไรเรื่อยเปื่อยแหละ แชทก็เด้งตลอด ก็ปล่อยมันไป5555.....
“ไหนว่ามึงจะโทรหาสิงโต?” ไอมินดึงโทรศัพท์ผมไป
“ก็หาเบอร์อยู่ไงไม่เห็นเหรอ” ผมทำหน้าจริงจังจะคว้าโทรศัพท์คือ มันก็ดึงไว้
“พวกมึงดูความตอแหล พวกมึงพึ่งด่ามันเมื่อกี้ เอาอีกแล้ว” ไอมินมันโชว์หน้าจอโทรศัพท์ผมให้เพื่อนๆดู โอ้โห! รูปผู้ชายไง จังหวะดีจริงนะ
“อย่าเลอะเทอะน่า! มันเพิ่งเด้งขึ้นเนอะ เอามานี่จะโทรหาเสี่ยแล้ว” ผมลุกขึ้นแล้วดึงมือถือคืนมา พวกมันมองผมอย่างเอือมระอา
ผมก็กดหาเบอร์ไอสิงโตแล้วก็กดโทรออก พวกมันก็คุยกันไป คุยกันในเรื่องของผมเหมือนเดิม อะไรจะรุมด่าเพื่อ? แล้วสักพักไอสิงโตก็รับ.....
“ฮัลโหล เสี่ย” พูดเสียงหวาน ไอพวกนั้นเบะปากแบบหมั่นไส้ผมก็ไม่สน
“กูโทรไปตั้งหลายสาย!” ทำเสียงไม่พอใจ
“แหมๆ! ทำเสียงน่ารักเชียวนะ กูเห็นนานแล้วจะโทรกลับก็กลัวมึงเรียนอยู่” แถไปนั้น ไอมินถึงกับชี้หน้าผมแล้วทำปากว่า “ตอแหล” คิดแล้วก็ขำ555
“อะ...เหรอ” ทำเสียงดีขึ้นมาแล้ว “วันนี้คาบบ่ายไม่มีอะไรคุยได้นะ วันหลังกูจะส่งตารางเรียนให้” พูดแบบดีใจ
“เอ่อ..คือไม่ต้องขนาดนั้นหรอกม้าง” ผมพูดเสียงสูง
“ไหนว่าจะมาไหว้พ่อแม่กู เขาถามหามึงนะ” พูดเสียงเบาๆ
“รู้แล้วน่า กูเพิ่งไปหามึงเมื่อ2วันที่แล้วเอง จะรีบไปไหนคร้าบบ!” ผมทำเสียงกวนมัน
“กูอยากให้มาทุกวันนะ” ผมชะงักไปนิด คิดไปคิดมา เบื่อๆอยู่ด้วยไปเล่นบ้านมันก็ดีมั้ง
“ตะ..แต่วันนี้ก็ว่างนะ” พูดแบบอึกอัก “เดี๋ยวกูไปหาซื้อของแล้วก็จะเข้าไปแล้วกันเจอกันบ้านมึงก็ได้” พี่อ๊อฟก็ติดงาน เบื่อๆอยู่ด้วยไปสักหน่อยคงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง
“จริงนะ!” โห! ผมถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ถอยห่างหูเลย ตะโกนอะไรขนาดนั้น “กูไปรับไหม” คือเสียงนี่แบบดี๊ด๊าสุดๆ
“ไม่ต้อง แล้วจะดีใจอะไรขนาดนั้น เดี๋ยวเถอะมึง!” ผมพูดไม่จริงจังนัก
“เออกูดีใจนี่ มึงจะมาหา” เสียงหวานเชียว
“อืมๆ! รออยู่บ้านนะ แล้วก็เพื่อนๆกูไปด้วยได้เปล่า” ถามไว้ก่อนเพราะผมไม่ค่อยอยากจะอยู่กับมัน 2 ต่อ 2 บ่อยนัก กลัวใจตัวเอง 5555
“ได้คร้าบ! บ้านกูก็เหมือนบ้านมึงแหละ อยากชวนใครมาก็ได้เลยนะ” พูดแบบไม่ใส่ใจ
“ไอเสี่ย อย่าเยอะครับ เดี๋ยวกูก็ไม่ไปหรอก” พูดแบบจริงจัง
“ล้อเล่นน่า แล้วเจอกันนะ กูจะรีบกลับไปทำการต้อนรับมึงอย่างดี ตึ๊ด” วางสายไปเลยสินะ
“เห้ยพวกมึงเย็นนี้.....”
“ว่างงงงงงงง” พวกมันนี่นะ ผมยังพูดไม่ทันจบ พูดแทรกกันขึ้นมาเลย ผมมองพวกมันแบบเอือมๆ
แล้วพวกเราก็คุยนู่นนี่กันไป จนถึงเวลาเลิกเรียน ผมก็โทรไปบอกพี่อ๊อฟว่าจะกลับก่อน พี่อ๊อฟก็โอเค ผมกับเพื่อนๆก็พากันไปห้างไปเดินซื้อของไปไหว้พ่อแม่ไอสิงโต ไม่รู้สิ ครอบครัวเขาเป็นผู้ดี เราต้องเอาใจพวกเขาหน่อยแถมไปเล่นบ้านเขาบ่อยๆ เขาจะรำคาญเด็กอย่าพวกผมหรือเปล่าก็ไม่รู้ คิดแล้วก็กลัว
อย่างผมไปบ้านเพื่อนๆคนอื่นๆอย่างมากก็แค่ซื้อผลไม่ไปฝากพ่อแม่มันกันแค่นั้น แต่นี่ไม่รู้สิ ของที่เราซื้อไปเขาจะกินได้ไหมแล้วจะชอบหรือเปล่า ผมก็ถามไอมิน ไอมินไม่รู้เพราะเวลาพ่อแม่มันอยู่ไอมินไม่กล้าไปเหมือนกัน ผมก็เริ่มหวั่นๆแล้วสิเดินเลือกๆกันไป เดินไปสักพักก็ไม่รู้จะซื้ออะไรผมก็เลยชวนพวกมันไปตลาด ผมว่าจะซื้อผลไม้เจ้าประจำที่ผมชอบไปซื้อนั้นแหละ เขามีกระเช้าน่ารักใส่ให้ด้วย ผมก็เลือกผลไม้ไป เพื่อนๆบอกว่าจะไปซื้อดอกไม้กันมันก็ทิ้งผมไว้คนเดียวแล้วก็ไป ผมก็เลือกผลไม้ไปโดยเสริชเน็ทดูสรรพคุณด้วยว่าผลไม้ชนิดไหนน่าจะเหมาะกับพ่อและแม่ของสิงโตผมก็เดาๆไป พอเลือกเสร็จก็ยื่นให้ป้าเขาใส่ตะกร้าแล้วห่อให้ ผมก็ยืนรอพวกมันสักพักก็มากัน ได้ดอกไม้มาช่อนึงคงรวมตังกัน พอเสร็จเราก็เดินไปขึ้นรถแล้วก็ไปบ้านไอสิงโตกัน วันนี้มีบอดี้การ์ดด้วย ยืนกันเป็นจุดๆรอบบ้านเลย อยากรู้แล้วสิพ่อมันทำงานอะไรเนี่ย พอผมเข้าไปไอสิงโตกับน้องซินก็ออกมา........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:46:50
“พี่นททท!” เสียงหวานเชียว วิ่งมาจับมือผม
“ดีจ้าน้องซิน” ผมทักทายด้วยรอยยิ้ม ไอสิงโตก็ยิ้มอย่างเดียว
แล้วมันก็พาผมเอากระเป๋าไปไว้ในห้องเล่นกัน พวกไอโค้กก็มาด้วย คุยกันนิดหน่อยน้องซินก็มาตามบอกพ่อแม่มาแล้ว ผมก็พากันไป รวมถึงพวกไอโค้กด้วย พอไปถึงเราก็นั่งกับพื้นกันเป็นห้องนั่งเล่นใหญ่ คือโซฟาไม่พอ และเอาจริงๆก็ไม่กล้านั่งเทียบเท่าด้วย คือพ่อสิงโตคือสง่ามากเหมือนมาเฟียใหญ่จริงๆ ดูมีอายุแต่ยังสมาร์ทอยู่ ส่วนแม่ก็ยังสวยและดูดีมากแต่งตัวเหมือนนางแบบเลย ผมนี่เกร็งเลย ผมก็ยังคงทำหน้านิ่งๆยิ้มอ่อนไว้ เราก็ไหว้พ่อและแม่ไอสิงโต ก็ทักทายกันนิดหน่อย พ่อสิงโตดูแบบว่าไม่ค่อยพูดชอบทำตาดุๆ ผมต้องหลบตาตลอดเวลา ส่วนแม่ของสิงโตก็ใจดีราวกับนางฟ้าพูดจาเสียงหวานหยดย้อยเลย น้องซินก็แนะนำผมใหญ่เลย ผมอึดอัดไปหมด ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าทำไมเหมือนพ่อสิงโตไม่ชอบผม เขามองผมแบบไม่พอใจยังไงไม่รู้ แล้วผมก็เอาของที่ซื้อมาฝากให้พ่อกับแม่มันไป เพื่อนๆผมก็ยื่นดอกไม้ให้ด้วย.....
“อุ้ย! คุณคะเด็กๆซื้อของมาให้เราด้วยน่ารักจริงๆเลยค่ะ” ดูคุณแม่จะดีใจมากเลย จับดอกไม้ขึ้นมาดม แล้วก็ดูผลไม้
“อื้มๆ” พยักหน้า แล้วก็มองของที่ผมให้ “ผลไม้นี่ใครเลือกเหรอ?” ถามเสียงเข้ม ผมชะงักไปนิดแล้วก็หันไปตอบ
“ผมครับ” ผมพูดแล้วก็มองหน้าแบบตาต่อตา ผมรู้สึกหวั่นจริงๆ คุณพ่อเขาพยักหน้ารับรู้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกับเพื่อนๆขอตัวก่อนนะครับ” สิงโตพูดสุภาพเหลือเกิน แล้วมันเข้าไปกอดคุณแม่แล้วละออกมา
“พี่นท!” เข้ามานั่งข้างผมแล้วก็กระซิบ... “วันนี้ซินแอบซื้อแฮมส์เตอร์มาด้วย พี่นทมาช่วยซินจัดกรงด้วยนะคะ อิอิ” หันมาหัวเราะคิกคัก
“จ้าๆ เดี๋ยวพี่ช่วย” ยิ้ม คือจะเปิดสวนสัตว์หรอจ้ะน้องซิน
“เอาละเด็กๆ ไปเล่นกันเถอะ เดี๋ยวแม่จะไปเตรียมของว่างให้” ยิ้มแล้วแม่สิงโตก็ลุกไป
พวกเราก็ลุกแล้วเดินออกไป ผมแยกออกมากับน้องซินโดยบอกเพื่อนๆว่าจะไปช่วยน้องซินดูการบ้าน ตอนแรกสิงโตจะตามมาแต่น้องซินห้ามไว้ แล้วน้องซินก็ดึงผมไป...
“โหห!” ผมเข้ามาแทบช๊อค
คือจากตอนแรกที่มีแค่กระต่ายกับแกสบี้ ตอนนี้มีนก มีตู้ปลา มีหมา เอิ่ม แล้วก็กล่องกรงแฮมส์เตอร์ แล้วก่อนเข้ามาผมเห็นป้ายหน้าห้องว่าห้ามใครเข้าถ้าไม่ได้รับอนุญาต...
“เยอะเลยใช่ไหมคะ หนูชอบพวกนี้มากๆเลย” ยิ้มแล้วเดินดูอย่างภูมิใจ
“แล้วทำไมซินถึงติดป้ายหน้าห้องแบบนั้นล่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็ป๋าอะสิคะ ชอบให้คนงานมาขนออกไปบอกว่ามันสกปรก” ทำหน้างอ
“เอ่อ...คือ” พูดไม่ถูก คือตอนนี้ผมว่าห้องนี้มันมีกลิ่น แม้จะดูสะอาดจากการที่มีคนเข้ามาทำความสะอาด แต่มูลสัตว์กับกลิ่นสัตว์คงเลี่ยงไม่ได้สินะ
“แล้วนี่” ชี้ไปที่แฮมส์เตอร์ “หนูแอบซื้อมา ไม่มีใครรู้ ถ้าป๋าหนูรู้โดนดุแน่นอน” กระซิบบอกผม
“โอเคๆ งั้นเรารีบมาทำให้เสร็จดีกว่าเนอะ” พูดอย่างเหนื่อยใจ ผมว่ามันไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
ผมก็ช่วยน้องซินทำไป น้องก็เล่นกับหนูไป จนเสร็จผมก็ช่วยเคลียล์อะไรให้เข้าที่ ผมก็เดินดูนิดหน่อย คือห้องนี้มันกลายเป็นห้องสัตว์เลี้ยงไปแล้วจริงๆ พอทำอะไรเสร็จผมก็ขอตัวออกไปหาเพื่อนๆ น้องซินก็บอกว่าจะอยู่เล่นก่อนเดี๋ยวมีอะไรจะตามไป พอออกห้องมาผมต้องสูดลมหายใจแบบลึกสุดๆ ข้างไหนเหม็นเขียวหญ้าเหม็นขี้ ฉี่ เต็มไปหมด เฮ้อ! แล้วผมก็เดินมาแถวห้องนั่งเล่นใหญ่ก็ได้ยินเสียงคุยกัน ได้ยินเสียงก็รู้เลยว่าใคร ตอนแรกก็ไม่ได้จะเสียมารยาท แต่ในบทสนทนามีชื่อผมด้วยผมก็หยุดเดินแล้วตั้งใจฟัง........
“เพื่อนๆลูกน่ารักทั้งนั้นเลยนะค่ะ โดยเฉพาะนทดูจะเข้ากับซินได้ดี” เสียงแม่สิงโต
“ก็ดีนิ” เสียงพ่อแบบไม่ใส่ใจอะไร
“ฉันเห็นพวกกระแตพูดกันว่านททำข้าวผัดให้สิงโตทานด้วยนะคะ เด็กคนนี้เก่งจริงๆเลย” พูดเสียงหวานเหมือนภูมิใจมาก
“หึ หวังอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ ระวังไว้ก็ดีนะคุณ” พูดเสียงติดไม่พอใจ ผมชะงักไปนิดเลย
“คุณก็เด็กๆน่ารักขนาดนี้คิดอะไร” ถามแบบไม่พอใจ
“ก็ดูสิหน้าตาแบบนั้นผู้ชายหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่ามาชอบสิงโตเหรอ ดีไม่ดีมาหลอกลูกเราหรือเปล่าก็ไม่รู้!” พูดเสียงดังหน่อย แต่ผมรู้สึกไม่ดียังไงไม่รู้
“คุณนี่คิดอะไรก็ไม่รู้ฉันไม่คุยด้วยแล้วค่ะ” แล้วผมก็ได้ยินเสียงคนเดินกระแทกเท้าออกไป คงจะเป็นแม่สิงโตนั่นแหละ...
“จะยืนแอบฟังอีกนานไหม!” ตะคอกขึ้นมา ผมสะดุ้งเลยสิ แล้วอยู่ๆผ้าม่านก็เลื่อนออก พ่อสิงโตยืนจ้องผมตาเขม่งเลย ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย แต่ก็ยังแปลกใจว่ารู้ได้ยังไง แต่ก็ไม่สำคัญ โดนจับได้แล้ว.......
“อะ..เอ่อ! คะ...คือขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังนะครับ”  พูดแบบสำนึกผิด
“เข้ามานี่สิ!” พูดเสียงเข้ม
ผมก็เดินตามเข้าไปพอผมหยุดเขาก็เรียกให้ผมตามไปอีกห้องนึงคาดว่าน่าจะห้องทำงานเพราะมีโต๊ะเอกสารอะไรเต็มไปหมดเหมือนที่ทำงานเลย ผมก็ยืนก้มหน้าอย่างเดียว พ่อสิงโตก็ล๊อกประตูห้องและปิดผ้าม่านคือทั้งห้องมีผมและพ่อสิงโต ผมเงียบและรู้สึกว่าพ่อสิงโตยืนจ้องผมอยู่ เงียบจนได้ยินเสียงแอร์ ต้องโกรธมากแน่ๆที่ไปแอบฟังแบบนั้น รู้สึกผิดแบบหาทางแก้ตัวไม่ได้......
“ไม่รู้เหรอ ว่าการแอบฟังผู้ใหญ่คุยกันมันไร้มารยาท” พูดกดเสียง ผมก็เงยหน้ามองนิดหน่อย
“ทราบครับ ผมขอโทษครับ” ยกมือไหว้ขอโทษแล้วก็ก้มหน้า
“แล้วคุยกับผู้ใหญ่ต้องมองหน้าสิ” พูดเสียงเข้มผมก็ค่อยๆเงยหน้ามอง คือเขาหน้านิ่งมาก “หน้าตาดีนะเรา”
“ขอบคุณครับ” พูดเบาๆ และส่งฝืนยิ้มให้ไป
“อยู่คนละโรงเรียนกัน ทำไมถึงรู้จักกันได้” พูดเสียงนิ่งๆ แล้วเดินวนไปนั่งที่เก้าอี้
“ผมเป็นเพื่อนของมินครับ” พูดแล้วหลบสายตา
“อืมๆ” พยักหน้า “หึ! คงเหมือนๆกันสินะ เพื่อนๆที่หวังประโยชน์กับสิงโต....” ยิ้มเหยียด แต่นั้นทำให้ผมไม่พอใจอย่างมาก
“ไม่ใช่นะครับ” ผมพูดไปแบบธรรมดาไม่ได้ขึ้นเสียงแต่อย่างใด
“หึ! เห็นเพื่อนมันแต่ละคน ถ้าไม่ให้มันเลี้ยงก็มาเกาะกับของเล่นของมันใช่ไหมล่ะ” มองนิ่งๆ ผมเริ่มจะหายเกร็งแล้วสิ นี่เขาจะดูถูกเพื่อนลูกเขามากไปแล้วนะ
“ถ้าการที่ผมแค่บังเอิญไปได้ยินที่คุณพ่อและคุณแม่คุยกันก็ขอให้ต่อว่าแค่ผมเถอะครับ คนอื่นไม่เกี่ยว” ผมก็มองนิ่งๆหลบสายตาบ้าง
“ฉันไม่ใช่พ่อของเธอไม่ต้องมาเรียกฉันแบบนั้น” พูดนิ่งๆมองนิ่งๆ ผมชะงักไปนิด
“ขอโทษครับ” หน้าเสียเลยผม
“แค่มารยาททางสังคมยังไม่มี แล้วอย่างอื่นจะเหลือเหรอ” พูดประชดประชันได้เจ็บใจสุดๆ
“ผมขอโทษอีกครั้งครับ ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงให้คุณหายโกรธผมทำคงได้แค่ขอโทษ” ผมก็มองไปทางเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“หึ! เด็กคนนี้นิปากดีจริงนะ!” พูดเสียงแข็ง ผมปากดียังไงวะ
“งั้นผมขอตัวนะครับ” ผมกำลังจะหันหลัง
“หยุดนะ! ไม่มีใครกล้าหันหลังให้ฉันถ้าฉันยังคุยไม่จบ!” ผมสะดุ้งเฮือกแล้วหันกลับมา
“ผมแค่คิดว่า ยิ่งอยู่ก็ยิ่งทำให้คุณไม่พอใจ ผมไปดีกว่านะครับ อีกอย่าง ผมว่าคุณคงเข้าใจผิด...” ผมพยายามข่มความกลัว “ผมเป็นแค่เพื่อนลูกคุณครับ ไม่ใช่ลูกน้อง กรุณา เลิกขึ้นเสียงใส่ผมได้แล้ว” พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมว่าจะไม่แล้วนะ แต่ผู้ใหญ่ควรพูดแบบนี้จริงๆเหรอ พ่อเพื่อนก็พ่อเพื่อนเถอะ ทำแบบนี้มันเกินไป เพราะเห็นเป็นเด็กใช่ไหม ถึงพูดแรงขนาดนี้
ปัง! ฝ่ามือใหญ่ฟาดลงโต๊ะอย่างแรง ผมก็ทำได้แค่ใจดีสู้เสือ และยังคงมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“กล้ามากที่พูดย้อนฉันแบบนี้!” เลือดขึ้นหน้าเลยสินะ ผมก็ยิ้มอ่อนส่งไป แล้วก็ยังนิ่ง เขาก็ดูพยายามข่มอารมณ์ “….อย่างที่เธอได้ยินที่ฉันคุยนั้นแหละคือคำถาม เธอหวังอะไรจากสิงโต” หลังจากที่เขาดูจะสกัดกั้นอารมณ์สักพัก ก็เอ่ยถามผมขึ้นมา มองผมแบบนิ่งมาก ผมก็นิ่งเช่นเดียวกัน
“ผมไม่ได้หวังอะไรครับ” พูดแบบติดไม่พอใจนิดๆ
“หึ!.” ลุกจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผม บีบคางผมให้หน้าผมเงยขึ้น บีบแรงอยู่ ผมรู้สึกเจ็บเลยขึ้นมา ผมเลยเดินถอยหลังนิดหน่อยเพื่อตั้งตัว
“ผมไปได้หรือยังครับ” ผมพูดด้วยสายตานิ่ง แอบมีเสียงสั่นนิดหน่อย
“จะกล้าหรือจะกลัว ให้มันสักอย่างสิ!” พูดด้วยความไม่พอใจ
“ผมไม่กล้าอะไรทั้งนั้นแหละครับ แล้วผมไปได้หรือยัง” ผมถามหน้านิ่งเหมือนเดิม
“หึ! ไปสิอยากไปไหนก็ไป!แล้วก็เลิกยุ่งกับสิงโตสะ!” พูดเสียงดัง ทำผมสะดุ้งนิดหน่อย
ผมก็จ้องหน้าพ่อไอสิงโต ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล...และไม่ทันคิดจบ น้ำตาก็ไหลแล้ว ผมยกมือปัดน้ำตัวลวกๆ ไหว้ลาเขาแล้วก็เดินออกมาจากห้อง คงเกลียดผมมากจริงๆสินะ ผมเกลียดสถานการณ์เมื่อกี้ แต่ที่ร้อง เพราะผมรู้สึกไม่พอใจ และก็อาจจะเพราะความกลัวด้วย ผมเดินไปห้องเล่นของไอสิงโต พวกมันตกใจกัน  ผมร้องไห้ แต่ก็ไม่ได้สะอื้น หรือฟูมฟาย แค่น้ำตาไหล ผมไม่เคยเจอผู้ใหญ่ที่ไหนกล้าทำกับผมแบบนี้เลย...
ผมไม่ตอบคำถามใครทั้งนั้น ผมเดินไปหยิบกระเป๋าของตัวเองสะพายแล้วเดินออกจากห้องเล่นทันที ปอก็ดึงผมไว้ผมก็สะบัดออก พออกมาได้กำลังจะผ่านห้องนั่งเล่นใหญ่นั้น พ่อกับแม่มันก็ยืนอยู่แล้วมอง ผมเดินผ่านไปโดยไม่สนใจ ผมเดินออกมาเลย พวกไอสิงโตก็วิ่งตามมา....
“เป็นอะไรนทเป็นอะไร” ปอถามและจับมือผมอย่างเป็นห่วง
“นทใครทำอะไรมึง” ไอมินจับไหล่ผม
“นทเป็นอะไรวะ” ไอสิงโตจับหน้าผม ผมมองหน้ามันนิ่งๆ นึกถึงหน้าพ่อมันขึ้นมา ผมเลยผลักไอสิงโตให้ถอยห่างผม ตอนนี้น้ำตาผมได้หยุดลง แล้วผมก็เดินไปทางประตูบ้าน
พอผมถึงประตูหน้าบ้านแล้ว ยามก็ไม่ยอมเปิดประตู ผมเขย่าประตูก็ไม่ยอมเปิด.....
“ช่วยเปิดประตู...ให้ผมด้วยครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง และก็มองออกไปทางนอกประตู
ลุงยามก็อึกอักเล็กน้อยเพราะไอสิงโตไม่ยอมบอกให้เปิด แถมพวกมันยังคาดคั้นว่าผมเป็นอะไร ผมก็ไม่พูด ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วไม่รู้จะพูดทำไม.....
“ไอสิงโต มึงจะเปิดประตูให้กูไหม!” ผมหันไปตะคอกมันตาขวาง
“มึงเป็นอะไรมึงบอกกูมาก่อนดิ!” ตะคอกผมกลับ ผมมองมันด้วยความอดทน ผมรู้สึกพาล ผมรู้สึกแพ้ให้กับคำพูดพ่อของมัน ผมพยายามข่มอารมณ์อีกครั้ง
“กูจะกลับบ้าน!” พยายามอดกลั้น ผมอยากอยู่คนเดียวตอนนี้
“ชัยเปิดประตูสิเด็กจะกลับบ้าน!” เสียงพ่อไอสิงโตตะโกนมา ผมมองไปเขาก็หันหน้าหนี แล้วลุงชัยหรือลุงยามก็เปิดประตู......
“มิน พวกมึงอยู่ก่อนก็ได้นะกูรีบกลับ” ผมพูดแบบข่มเสียง
แล้วผมก็เดินไปเลย ไอสิงโตก็ตามมาเรื่อยๆเพื่อนๆคนอื่นก็วิ่งไปเข้าบ้านไป ตอนนี้เหลือไอสิงโตที่ตามผมมาติดๆ....
“นทมึงบอกกูได้ไหมมึงเป็นอะไรกูเป็นห่วงมึงนะเว้ย” พูดด้วยหน้าเศร้าๆ ถ้าสังเกตไม่ผิดมันไม่ได้ใส่รองเท้าออกมาด้วย
“หึ!” ผมที่กำลังอยู่ในภวังค์ของตัวเอง หันไปมองมัน “ ไปถามพ่อมึงเองแล้วกัน แล้วก็เลิกยุ่งกับกูได้แล้ว!”ตะคอกสุดเสียง
ผมผลักมัน จนมันเซไปเหยียบก้อนหินแล้วล้มลง แล้วผมก็รีบไปปากทางเข้าหมู่บ้านเพื่อหารถสองแถวขึ้น ผมเห็นพวกเพื่อนผมตามมาแล้ว รถผ่านมาพอดี ผมก็โบกแล้วก็รีบขึ้นรถ พร้อมกับตะโกนบอกคนขับว่าไป...(บ้านผม) แล้วผมก็เห็นพวกเพื่อนหยุดวิ่งแล้วตะโกนเรียกผม ผมก็หันหลังทำไม่สนใจ ผมขอเวลาอยู่กับตัวเองสักพัก
พอถึงบ้านผมก็รีบเก็บของแล้วไปนอนบ้านพี่อ๊อฟทันที โดยบอกป๊ากับแม่ว่าพรุ่งนี้ที่โรงเรียนมีงานโรงเรียนเลยเป็นข้ออ้างได้ เพราะผมมั่นใจแปลกๆว่าไอสิงโตต้องมาหาผมที่บ้าน พอป๊าอนุญาตผมก็รีบไปบ้านพี่อ๊อฟทันที โดยป๊าก็บอกว่าพรุ่งนี้จะไปงานที่โรงเรียนด้วย เพราะมีคุยงานกับผอ. มันเป็นงานเปิดในโรงเรียน นักเรียน ผู้ปกครองชาวต่างชาตินักท่องเที่ยวเข้ามาดูได้หมด
พอถึงบ้านพี่อ๊อฟผมก็ปรับหน้าให้ปกติที่สุดแล้วกดกริ่ง วันนี้พี่อิฐมาเปิดประตูให้ผมคุยอะไรกันนิดหน่อยก็ขึ้นไปหาพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟหลับอยู่ มันคงเหนื่อยมาผมวางของแล้วก็ขึ้นไปนอนข้างๆแล้วกอดพี่อ๊อฟ ผมก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยโดนผู้ใหญ่กระทำผมได้ทราบ และแย่ขนาดนั้นเลย เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร กล้าดียังไงมาพูดกับผมแบบนี้......
“เป็นอะไร” หลังจากที่ผมคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นสักพัก พี่อ๊อฟก็เอ่ยขึ้นมาแล้วลูบหัวผม
“เปล่า!” กอดแน่นขึ้น ได้ยินเสียงพี่อ๊อฟแบบนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นจัง
“ร้องทำไม” มันจับไหล่ ดันผมออกมามอง ผมหันหน้าหนี
“ขอกอดหน่อย” แล้วมันก็เป็นฝ่ายกอดผมเอง
“ไม่เป็นอะไรแล้ว อยากร้องก็ร้องเถอะกูจะปลอบมึงเอง” ลูบหัวผม ผมปล่อยโฮแล้วกอดมันแน่นเลย
ผมก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้นสักพักพี่อ๊อฟก็กอดผมแน่นแล้วก็ลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาจนผมสงบลงพี่อ๊อฟก็ผละออกมาเช็ดน้ำตาให้....
“บอกได้ยังว่าเป็นอะไร” ลูบแก้มผม
ผมก้มหน้าหงุด ผมไม่รู้ว่าเรื่องที่ผมเจอควรจะบอกใครไหม พี่อ๊อฟก็มองผมอยู่นั่นแหละ....
ก๊อกๆๆ “อ๊อฟแม่นทโทรมา” พี่อิฐตะโกนเรียกพี่อ๊อฟก็เดินออกไปเอาโทรศัพท์เข้ามาคุย ผมก็จับใจความที่คุยกันไม่ได้หรอก เหมือนในหัวมันไม่อยากรับรู้อะไร...
“นทแม่จะคุยด้วย” พี่อ๊อฟยื่นโทรศัพท์ให้ผม
“อื้ม!” รับโทรศัพท์จากมันมาคุย “ฮัลโหล”
“นทเพื่อนๆมาหาน่ะลูก” แล้วเมื่อกี้คุยอะไรกับพี่อ๊อฟ เอออช่างเถอะ
“บอกให้กลับไปเลยแม่ นทมานอนบ้านพี่อ๊อฟแล้ว ยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกัน” พูดแบบขอไปที
“คะ..คือ” แม่ดูอึกอัก ผมแปลกใจนิดๆ
“แม่มีอะไรหรือเปล่า” ถามอย่างสงสัย
“คือเพื่อนๆลูกมาเยอะเลย พวกปอแล้วก็พวก...” ได้ยินคนตะโกนบอกว่าสิงโต “พวกสิงโตน่ะลูก”
“แม่ บอกให้พวกมันกลับไปเถอะ แม่ไม่ต้องคิดมากนะ ไม่มีอะไรหรอก ติ๊ด!” ผมพูดจบก็ตัดสายทันที ผมยังไม่อยากคุยกับพวกมัน
แล้วผมกับพี่อ๊อฟก็พากันอาบน้ำทำอะไรแล้วขึ้นนอน ผมรู้ว่าพี่อ๊อฟอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คงจะกลัวว่าจะทำให้ผมรู้สึกแย่เลยไม่ถาม พอเช้ามาผมก็อาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปโรงเรียนกัน พอถึงโรงเรียนพี่อ๊อฟก็แยกไปซุ้มตัวเองเพราะวันนี้ทั้งวันพี่อ๊อฟต้องอยู่ซุ้มเพราะมันเป็นคนไปประกวดวาดรูปต้องอยู่อธิบายผลงานอะไรไม่รู้ ผมก็เดินไปซุ้มตัวเองวันนี้คนเยอะมาก พอไปถึงเพื่อนๆผมก็เข้ามาผมถามในเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ผมทำหน้าตายประมานว่าไม่อยากพูดอะไรตอนนี้พวกมันก็เงียบกันไป
วันนี้ผมไม่ยิ้มไม่ค่อยพูดสักเท่าไหร่ ผมก็นั่งอยู่หลังซุ้มนี่แหละ นั่งเล่นโทรศัพท์พวกปอก็นั่งอยู่ด้วยกัน พวกมันก็พูดไปทั่ว จนถึงเวลาพักพวกเราก็พากันไปกินข้าว  เราก็นั่งกินกันไป ไอมินก็ลุกไปไหนก็ไม่รู้ผมก็ไม่สนใจ กินไปเขี่ยไป สักพักไอมินก็เดินกลับมาพร้อมกับพวกไอสิงโต.......
“นท” เรียกผมแผ่วเบาผมก็หันไปมองมันแล้วก็หลบหันไปมองอย่างอื่น
ทุกคนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็อึดอัดใจแต่ที่พ่อมันสั่งให้เลิกยุ่งกับไอสิงโตจะเพราะอะไรก็ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเขาคงไม่อยากให้ลูกตัวเองมีเพื่อนที่ไม่ดีผมก็คงจะอยู่ในความเข้าใจนั้น ผมก็เข้าใจ เอาเถอะ! เลิกคบกันไปจะเป็นอะไรก็แค่เพื่อนคนนึงจะไปใส่ใจอะไร คิดแล้วก็รู้สึกใจไม่ดียังไงไม่รู้ ผมไม่ใช่คนประเภทนั้นสะด้วย เลยรู้สึกแย่จริงๆถ้าจะให้เลิกคบเพื่อนสักคนนึง.....
“สิงโต” ทุกคนหันมามองที่ผมหมดเลย
“ว่าไงมึง” ยิ้มอ่อนส่งมาให้ผม ผมละเสียดายจริงๆ จะไม่เห็นแบบนี้แล้วสินะ คิดแล้วก็หดหู่ ผมก็ยิ้มอย่างเศร้าๆ
“กูว่า.....มึงกับกูเลิกเป็นเพื่อนกันเถอะ” พูดแบบจริงจังพวกมัน
“นทมึงพูดอะไรวะ!” ไอมินลุกขึ้นเลย
“ทะ...ทำไมนท กูทำอะไรผิดวะ!” จับมือผม ผมสะบัดออก พ่อมันคงไม่ได้บอกสินะ จะบอกหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของผมอีกต่อไป
“มึงไม่ผิดหรอก” ยิ้ม ในใจผมก็คิด พ่อมึงนั่นแหละผิด “กูผิดเอง เลิกเป็นเพื่อนกันกูไม่อยากยุ่งกับมึง แล้วจากนี้ไป เลิกเรียกชื่อกูด้วย กูไม่ใช่เพื่อนมึง!”พูดด้วยเสียงสั่นเครือที่ดังออกมา คนบริเวณนั้นก็เริ่มมอง แล้วผมลุกหยิบจานข้าวตัวเองแล้วเดินไปเลย พวกมันมองกันแบบงงกันหมดผมเห็นสายตาไอสิงโตวูบไหวไปหมด ผมทนดูต่อไม่ได้หรอก ผมใจร้ายเกินไป
ผมคงดูเลวมากที่เลิกคบเพื่อนเพราะพ่อมันขู่มา แต่ขอให้เชื่อเถอะว่ามันไม่ใช่แค่ความกลัว ผมเดินเอาจานข้าวไปเก็บแล้วก็เดินไปหาที่นั่งเงียบๆ คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ผมว่าพวกปอคงจะโกรธและเกลียดผมแล้วแน่ๆซึ่งผมเข้าใจดีเพราะผมไร้ซึ่งเหตุผล ผมนั่งคิดอะไรอยู่นานคิดไปทั่ว ผมไม่อยากให้พ่อมันคิดว่าผมไปเกาะมันด้วยอีกอย่าง ผมก็คิดแค่นแค้นอยู่ในใจ ทำไมผมซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ถึงโดนกระทำขนาดนี้ แล้วเพื่อนเก่าๆทำไมไม่โดน นั่นก็อาจจะเป็นอะไรไปได้ เกลียดผมไง...
“หึ!”ผมเงยหน้ามองถึงกับต้องตกใจ พ่อไอสิงโต มาได้ยังไง คือผมมานั่งแถวหลังตึกเรียนซึ่งแน่ล่ะไม่มีคนเพราะเขาไปอยู่ในงานกันหมด เขามาคนเดียวด้วย...
“สวัสดีครับ” ยกมือไหว้แบบไม่เต็มใจ แล้วก็กำลังจะลุกแล้วเดินหนี
หมับ! จับไหล่ผมกระชากผมล้มลงเลย เจ็บก้นมากมาย ผมค่อยๆถอยตัวลุกขึ้น พร้อมกับมองไอคนตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:47:40
“จะไปไหนเหรอ” มองผมนิ่งๆ ผมก็มองกลับ
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ แล้วกำลังจะเดินหนีอีกครั้ง
“หึ!” จับแขนผมไว้แล้วบีบ “คุยกันก่อนสิ” ผมพยายามดึงมืออก แต่ก็ไม่ได้ผล เขากระชากผมไปนั่งตรงม้าหินอ่อนคือพอถึงก็ผลักผมให้นั่งลง อย่างเจ็บ แต่ผมก็ไม่ได้แสดงอาการอะไร
ผมก็นั่งลง แล้วก็มองหน้าเขา เขาก็จ้องอยู่นั่นแหละ...
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมพูดพร้อมทำลอยหน้าลอยตา ผมไม่กลัวคนที่มีอายุมากกว่าแล้วมารังแกผมแบบนี้แน่นอน
“มองหน้าฉัน!” พูดเสียงดัง ผมก็มองตามที่เขาต้องการ
“ผมจะขอย้ำอีกครั้งนะครับ ผมไม่ใช่ลูกน้องของคุณเลิกขึ้นเสียงกับผมสักที! แล้วก็เลิกมาดึงหรือกระชากอะไรผมด้วย!” ผมตะคอกกลับ “แล้วผมก็เลิกคบกับไอสิงโตแล้วด้วย คุณไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะไม่ไปเหยียบที่บ้านคุณอีกจะไม่ติดต่ออะไรไปเลยครับ ผมสัญญา!” ผมพูดออกมาด้วยความโกรธ และก็จ้องหน้าเขากลับอย่างไม่ยอม
“ดีๆ! ในเมื่อเข้าใจความหมายก็ดี ฉันไม่อยากให้สิงโตมันเดินทางผิดนักหรอก” ยิ้มเหยียด ผมก็สงสัยนะเดินทางผิดอะไร แต่เลือกที่จะไม่สนใจแล้วตอบไป
“ก็ตามนั้นครับ” ก้มหน้ากำลังจะล้วงโทรศัพท์
“เงยหน้ามองฉัน!” กัดฟันพูด ผมก็เงยมองหน้าเขาด้วยความไม่พอใจ ไม่เข้าใจสินะ ว่าผมไม่ใช่ลูกน้อง หรือคนรองรับอารมณ์ของเขา
“ผมขอตัวนะครับ” ผมพูดจบกำลังจะลุก
“พาฉันไปเดินดูแนะนำในงานหน่อยสิ ฉันเพิ่งเคยมาน่ะ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ผมมองแบบด้วยสายตาเรียบนิ่ง
“มีคนพาแนะนำอยู่หน้างานครับ และ หรือ ถ้ากลัวจะไม่พอใจ ก็ให้ลูกน้องของคุณนำไปก็ได้ จะได้ตะคอกหรือออกคำสั่งได้ แต่คงไม่ใช่ผม!”ผมพูดประชดประชันด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แล้วกำลังจะเดินไป 
“หึ!” มองผมด้วยสายตาเย็นชา
“คุณเกลียดผมเพราะอะไรเหรอครับ” ผมหยุดเดินแล้วถามขึ้นมา
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น!” มองผมอย่างสงสัย เขาคงเคยชินกับเรื่องแบบนี้ ทั้งพูดทั้งกระทำกับผมไปขนาดนี้ ยังรู้สึกสบายๆ ไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด
“แล้วที่ทำอยู่นี่ถ้าไม่ได้เรียกว่าเกลียดก็คงเรียกอย่างอื่นไม่ได้หรอกครับ” ผมมองแบบนิ่งๆ
“ก็จริงเนอะ เอาเถอะฉันว่าฉันไปเข้างานก่อนดีกว่า”
ผมก็ดูข้อแขนที่พ่อสิงโตจับเมื่อกี้คือแดงเลย ผมก็ลูบไปลูบมาอยู่อย่างนั้นแหละ แล้วก็นั่งอยู่ที่เดิม ผมโมโหจริงๆ ถ้าไม่ใช่พ่อไอสิงโตนะ จะงัดหน้าให้สักที โทรศัพท์ผมก็สั่นอยู่นั้นแหละ ผมล้วงหยิบขึ้นมาดู ไอสิงโตนั้นเอง ผมก็มองอยู่อย่างนั้นแหละครับ แล้วผมก็ฟุบหลับไป....
“นท นท” ผมรู้สึกถึงแรงเขย่าแล้วผมก็ค่อยๆลุกขึ้นมา พวกไอปอ แล้วก็พวกไอสิงโต ผมชะงักไปนิดเห็นพ่อมันยืนอยู่ข้างหลังผมตาสว่างทันที ผมกดดูในโทรศัพท์นี่ผมฟุบไปได้แค่10นาทีเองคงจะคิดมากจนเผลอหลับสินะ....
“มาทำอะไรตรงนี้มึง” ปอถามอย่างเป็นห่วง...
“ปวดหัวนิดหน่อย” ยิ้มอ่อนให้มัน ไอวิวเอามือมาแนบหน้าผากผม
“ตัวรุมๆว่ะ” ไอมินหันไปบอกพวกนั้น
“ไหวไหมมึง?” ไอนัทถามอย่างเป็นห่วง
“เออลุกได้ไหม เห้ย! แล้วแขนมึงไปโดนอะไรมา” มันจับดูที่แขนมผม ผมก็ดึงคืนมา
“ไม่เป็นอะไรมึง ก็แค่กูซุ่มซ่ามเอง..” ยิ้มให้พวกมัน มองไปทางไอสิงโตคือมองผมด้วยสายตาที่แบบผมรีบหันหนีเลย “พวกมึงมีอะไรเปล่ามาตามกู” ผมหันไปถามทางปอ
“ก็ไม่มีอะไรเห็นมึงหายไปเลยเป็นห่วง!” ไอปอยิ้มแล้วลูบหลังผม
“นท” เสียงเศร้าไป ผมมองมันนิดหน่อย พ่อมันก็ทำเหมือนดูหนังเรื่องนึงอยู่ ชอบมากสินะ ที่ให้ลูกต้องเป็นแบบนี้ ผมก็สงสัยนะทำไมพ่อมันไม่ลากกลับไป หวงมากไม่ใช่หรือยัง ยังจะเอามายืนหน้าสล่อนอยู่ทำไม...
“มึงเป็นอะไรวะ” จะเข้ามาจับแขนผมผมหันตัวหนี
“มึงจะไปไหนต่อป่ะ! กูไม่อยากอยู่ตรงนี้” ผมหันไปคุยกับไอมิน ไอมินก็เลิ่กลั่กไม่ตอบ “อื้มงั้นเดี๋ยวกูว่าจะไปซื้อขนมกินนะ พวกมึงจะอยู่นี่ใช่เปล่า” บอกพวกมันแล้วลุกขึ้น
“มึงปวดหัวไม่ใช่เหรอ” ปอจับข้อมือผม
“เดี๋ยวก็หายน่า” ยิ้มให้มัน
แล้วผมก็เดินออกมาเลย ผมเห็นพวกมันคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ผมไม่สนใจเดินไปอย่างเดียวเลย ผมต้องหาที่สลัดอารมณ์ไม่งั้นผมคิดมากจนไข้ขึ้นแน่ โทรศัพท์ก็สั่นอยู่นั้นแหละ ผมล้วงขึ้นมาดูอีกที อ่าว!ไอฮาเล่ ผมก็กดรับ....
“ฮัลโหลฮาเล่” พูดเสียงเบา
“โฮ! นท กว่าจะรับ นึกว่าจะไม่รับแล้วด้วยซ้ำ”  เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ก็ที่โรงเรียนมีงานแล้วเสียงดัง เลยไม่ได้ยินโทรศัพท์” แถไปสิ
“ก็เราอยู่โรงเรียนนทเนี่ย! นทอยู่ตรงไหน” ถามหาด้วยเสียงติดกังวล มันหลงทางหรือเปล่านะ
“ฮาเล่นั่นแหละอยู่ไหนเดี๋ยวเราไปหา….”
แล้วฮาเล่ก็บอกรายละเอียด ผมก็กดวางแล้วเดินไปหา ฮาเล่อยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ กลุ่มเพื่อนมันดู เป็นเด็กเรียนจัง แล้วผมก็ยืนคุยกับมันนิดหน่อย แล้วก็พามันเดินดูนู่นนี่นั้นไปทั่ว แล้วเราก็ไปหาอะไรกินกัน พอทำอะไรเสร็จผมก็ไปนั่งกับพวกไอฮาเล่แถวที่ประกวดร้องเพลง คนเยอะมากเพราะมีแต่คนหน้าตาดีมาร้องเพลง ทั้งคนในและนอกโรงเรียน ผมก็นั่งดูไป พอดูจนเบื่อแล้วพวกเพื่อนๆไอฮาเล่ก็ชวนไปเดินต่อตอนแรกไอฮาเล่มันชวนผมไปด้วย แต่ผมว่าจะไปหาพี่อ๊อฟซักหน่อยเลยแยกกับมัน แล้วผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟ เห็นมันนั่งเหนื่อยอยู่กับพวกพี่ๆ แต่ยัยอิงฟ้านี่คืออะไร ทั้งพัดทั้งวีออกหน้าออกตาจนน่าหมั่นไส้ ซุ้มตัวเองละไม่ไปดู เอาจริงๆผมก็ไม่ไป555....
“เหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ” ยิ้มพี่อ๊อฟก็หันมาดู
“ไปไหนมานท เพื่อนๆตามหามึงอะ” จับข้อมือผมแล้วยิ้ม
“ไปหาที่แอบงีบมาน่ะสิ”(ยิ้ม)
“อื้ม กินอะไรยัง?” ถามอย่างอ่อนโยน ยัยอิงฟ้าเดินไปไหนแล้วไม่รู้
“กินแล้วนะ พี่อ๊อฟละ?” ถามกลับแล้วนั่งลงข้างๆ
“ยัง ไปหาอะไรกินเป็นเพื่อนหน่อยสิ” (ยิ้ม)
“ไม่อะ” พี่อ๊อฟขมวดคิ้วทันที
“ทำไม” มันถามอย่างสงสัย
“ไปเป็นเพื่อนไม่ไปด้วยหรอก ต้องไปเป็นแฟนดิ” ยิ้ม พูดเองก็เขินเองบ้าจริง555
“ร้ายนักนะมึง” ยิ้ม หูแดงแล้ว
แล้วมันก็พาผมไปหาอะไรกิน คือก็เดินจนทั่ว อิ่มจนอืดแล้ววันนี้ผมกินเยอะมาก ประมาณว่าเจอเรื่องเครียดๆมา การกินก็คือที่ระบายของผมอย่างนึงเลยนะ แล้วก็พากันกลับมาที่ซุ้มยัยอิงฟ้าบ่นใหญ่เลย เธอบอกว่าอุตส่าเดินไปหยิบน้ำมาให้ บางทีก็น่าสงสารนะ ผมก็นั่งคุยกับพวกพี่ๆไป ก็เห็นป๊าเดินมา...
“ ป๊า!” วิ่งไปหาป๊า
“ไปไหนมาป๊าโทรหาก็ไม่รับ” น้ำเสียงติดหงุดหงิด
“อยู่กับพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟยึดโทรศัพท์ไป” ยิ้ม พี่อ๊อฟที่เดินออกมาพอดีถึงกับค้าง
“อะเอ่อ ผม...” พูดไม่ออก555หน้าตลกจริง
“ป๊ามานานยัง” ผมเลยเปลี่ยนเรื่องเลย
“เพิ่งมา” ป๊าทำหน้าเซ็งด้วยนะ
“ป๊าจะเดินดูเหรอ?” ถามทำหน้าบ๊องแบ้ว
“ ไม่ๆป๊ามาคุยงาน เดี๋ยวจะกลับพร้อมป๊าหรือว่ายังไง?” ลูบหัวผม
“ พี่อ๊อฟยังไง?” ผมหันไปถามมัน
“เดี๋ยวผมไปส่งก็ได้ครับ” ยิ้มอ่อน
“โอเคๆ เดี๋ยวป๊าไปคุยงาน นทไปส่งป๊าหน่อยห้องนี้มันอยู่ไหน!” ป๊าเอาโทรศัพท์มาเปิดให้ผมดู
ผมก็พาป๊าไป เป็นห้องสภานักเรียน ทำไมต้องไปห้องนั้นก็ไม่รู้ พอไปถึงผมก็เห็นพ่อไอสิงโตอีกแล้ว คืออะไรผมก็ทำเป็นไม่สนใจ...
“ไงมานานยัง” ป๊าหันไปคุยกับพ่อไอสิงโต ผมงงนิดหน่อยแต่ทำเป็นไม่สนใจ พ่อไอสิงโตก็มองผมแต่เก็บอาการ
“อืมเมื่อกี้นี่เอง” พ่อไอสิงโตพยักหน้าบอกแล้วมองผม
“นี่ลูกชาย นทหวัดดีลุงโรจน์สิ” ผมก็มองงงๆ แล้วก็หวัดดีไปตามป๊าสั่ง พ่อไอสิงโตก็งงเหมือนกัน
“นี่ลูกนายหรอกรานต์” ถามด้วยความสงสัย
“ใช่” ป๊าตอบ แล้วมองอย่างสงสัย
“ป๊ารู้จักด้วยเหรอ?” ผมกระซิบถามป๊าอย่างสงสัย
“เพื่อนที่ไปออกรอบด้วยกัน ทำไมนทรู้จักเหรอ?” ป๊ากระซิบตอบแล้วมองผมอย่างสงสัย
แล้ว ผอ.ก็เดินออกมาตามก็ไม่ทันได้พูดอะไร ป๊ากับพ่อไอสิงโตก็เข้าไปผมก็เดินลงตึกไป ไปเจอกับพวกไอสิงโต อีกแล้ว....
“นท” จับแขนผม ผมก็หันไปมอง
เอาจริงๆคือผมไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิดถึงพ่อมันจะรู้จักกับป๊าไม่ว่าจะด้านมิตรภาพหรือธุรกิจ ผมก็ไม่สนอยู่แล้วในเมื่อเขาไม่อยากให้ผมยุ่งกับลูกเขาจนกระทำกับผมแบบนี้ ผมก็ไม่ยุ่งหรอก หรือถ้าเขาจะมาพูดดีกับผมหรือทำดียังไงเพราะรู้จักกับป๊าผมก็ไม่เอาเหมือนกัน
“นทมึงเป็นอะไร” ไอสิงโตหน้านี่แบบสุดๆ จะเศร้าอะไรปานนั้น
“ปล่อย!” ผมก็ดึงแขนออกมันก็ไม่ยอมปล่อย พวกไอโค้กก็นั่งมองคืออะไร มันก็เหมือนอยากจะช่วยแหละแต่ไม่อยากยุ่งมากกว่า
“นทกูทำอะไรผิดวะ” มันบีบแขนผมแน่น
“ปล่อย” มองหน้ามันนิ่งๆ มันผ่อนแรงลงแต่ยังไม่ปล่อย
“นท” มันเอ่ยเรียกผมอีกครั้ง แล้วมันก็ปล่อยมือออก
ผมก็เดินไป ตอนแรกมันก็จะตามมาแต่พวกไอโค้กเรียกไว้ ผมก็ไม่สนเดินไปหาพี่อ๊อฟ พอถึงพี่อ๊อฟก็กำลังแนะนำและอธิบายอะไรไม่รู้ดูน่าจะสำคัญนะ
หมับ! พวกไอปอล็อคแขนล็อคคอมผมแล้วลากไป คือทุลักทุเลมาก คนมองกันตรึมเลย ผมก็ดิ้นสิ พวกมันลากผมมาหลังตึกคนไม่มีเลย แล้วก็ดันผมให้นั่งลง....
“พวกมึงทำเหี้ยอะไรเนี่ยกูเจ็บนะ” ผมด่าพวกมันแล้วลูบต้นคอ
“มึงพูดมาได้แล้วว่าเป็นอะไร!” ไอปอมองผมอย่างกับจะกินหัวผม
“ขอตรงๆความจริง ห้ามเฉไฉ” ไอมินนี่ชี้หน้าเลยนะ
“พูดดินทมีอะไรก็พูด มึงจะเก็บไว้คนเดียวทำไมวะ” ไอวิวนี่หน้าเป็นตูดเลย แต่ละตัว
“มีเพื่อนไว้ทำไม มึงมีปัญหาไม่ให้เพื่อนช่วยอะ” ไอนัทอันนี่ซึ้งละ
ผมก็ได้แต่นั่งก้มหน้า จะให้พูดเหรอ ผมรู้สึกพ่ายแพ้จัง.....
“นท!” พวกมึงนี่พร้อมเพรียงกันเลยนะ
“กูไม่อยากพูดวะ” ผมหันหน้าหนี
“พวกกูเพื่อนมึงป่ะ” ไอปอจ้องมาที่ผมทั้ง4คนมันเลยแหละ เจอไม้นี้จะให้ผมทำยังไงเนี่ย
“เรื่องมันเป็นแบบนี้...” ผมก็เริ่มเล่าไป หน้าพวกมันแบบอึ้งซีดสั่นกันหมด พอเล่าจบพวกมันกลืนน้ำลายแทบไม่ลง “อันนี้กูไม่ได้พูดเพื่อให้พ่อมันดูไม่ดีในสายตาพวกมึงนะเว้ย! นี่มันเรื่องจริง อีกอย่างที่ไม่พูดกูก็กลัวพวกมึงไม่เชื่อด้วย “หนักใจมากบอกตามตรง แต่ก็โล่งขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ได้ระบาย
“นทมึงเจ็บหรือเปล่าวะ” ไอมินมันจับแขนผมไปลูบ
“ไม่เป็นอะไรนะมึง มีพวกกูมึงไม่ต้องกลัวหรอก” ไอนัทเดินมาตบไหล่ผม
“นั่นดิ แค่บอกกู กูก็ยืนข้างมึงนะเว้ย! อย่าเก็บไว้คนเดียวดิ” ไอวิวยีหัวผม
“มึงเก่งมาก ที่ต่อสู้คนเดียว แต่จากนี้ไป พวกกูจะสู้ไปกับมึงนะ” ไอปอยิ้มแล้วจับมือผม
“พวกมึงก็ทำตัวปกติไปเถอะ คบกับสิงโตเหมือนเดิมนั่นแหละ กูไม่อยากทำให้เป็นปัญหาแค่นั้นแหละ” (ยิ้ม)
“พวกกูเข้าใจแล้วมึง” ไอมินลูบคอผม เพื่อ? ตัวดีเลยไอนี่
“มึงกล้ามากอะ พ่อมันดูน่าเกรงขามนะ มึงสุดยอดเลยนท” ไอวิวพูดขึ้น
“พวกมึงพอเลย กูเล่าให้ฟังก็หนักใจอยู่นะ อย่าเอาไปพูดที่ไหนล่ะ” ผมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ทันแล้ววะ” ยิ้มอ่อน แล้วชูโทรศัพท์ขึ้นมา 20นาทีสนทนากับไอสิงโต
“ไอเหี้ยมิน!” คว้าโทรศัพท์มันมากดวาง ผมอยากให้มันไปรู้จากปากพ่อมันเองมากกว่า
“คือมันเครียดนะมึง มันก็เพื่อนพวกเรามึงอย่าเพิ่งโกรธนะ พวกกูไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะกัน” ไอปอลูบหลังผม
“กูไม่ได้โกรธเหี้ยอะไรมันหรอก แต่กูโกรธพ่อมัน ถ้าไอสิงโตจะรู้ก็ให้พ่อมันเล่าให้ฟัง ไม่ใช่จากปากกู!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“ใจเย็นมึง” วิวพูดขึ้น
พวกมันกับผมก็คุยกันไปมา จนสักพัก พวกไอสิงโตก็โผล่มา ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ
“นท” ผมเด้งตัวขึ้นมา มันมานั่งข้างๆผม
“อืม” แล้วก็หันหน้าไปทางอื่น
“ทำไมไม่บอกกู” จะจับแขนผม ตรงข้างที่ผมเจ็บ ผมถอยห่างมัน
“กูบอกให้มึงไปถามพ่อมึง แล้วมาถามกูทำไม!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“กูจะไปคุยกับป๋า!” แล้วมันก็ลุกขึ้น ผมก็ทำท่าเชื้อเชิญมันก็ไปโดยเร็ว
แล้วมันก็วิ่งไป พวกไอโค้กก็ตามไป ผมสงสารไอสิงโตที่มีพ่อแบบนั้น ในเมื่อกล้ามาทำกับผมแบบนี้ ก็ต้องยอมรับในสิงที่ จะเกิดขึ้น ถึงจะเป็นพ่อเพื่อน ผมก็ไม่สนทั้งนั้น รับผิดชอบให้ได้แล้วกัน ผมกับพวกปอก็คุยกันไป พวกมันก็พูดถึงเรื่องนี้กันไม่จบสักที และผมก็เอ่ยกับพวกมัน ว่ายังไงก็คงต้องเลิกคบ ตามที่พ่อมันต้องการ แล้วที่ผมถอดตัวง่ายๆก็เพราะ ในเมื่อเป็นความต้องการของพ่อมัน ผมก็จะทำ ให้รู้เลยว่า ถ้าคิดในมุมที่เป็นผู้ใหญ่แนวนี้คิดผิดมหันต์ และผมไม่ให้อภัยพ่อมันง่ายๆแน่ ส่วนตัวผมอยากจะรู้จริงๆว่าพ่อมันจะพูดอะไรกับไอสิงโต เราคุยกันไปได้ไม่นานก็พากันออกไปเดินเล่นอีกครั้ง แล้วผมแยกตัวเดินไปหาพี่อ๊อฟพี่อ๊อฟนั่งง่วงอยู่ เห็นแล้วน่าเบื่อแทน ไม่เห็นมีอะไรนั่งจมอยู่ได้ ผมก็เข้าไปคุยเล่นอะไรกับพี่อ๊อฟสักหน่อยแล้วป๊าก็โทรมาบอกให้ไปหา ผมก็ไป ตอนแรกจะชวนพี่อ๊อฟไปด้วยแต่พี่อ๊อฟไม่ไปบอกต้องดูซุ้ม อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ ผมก็เดินไปคนเดียวเนี่ยแหละ เห็นยืนอยู่กับพ่อไอสิงโต พ่อไอสิงโตมองผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง ผมไม่แน่ใจว่าได้คุยกับไอสิงโตหรือยัง ผมไม่ได้สนใจอยู่แล้ว...
“ป๊ามีอะไร” ยิ้มแล้วไปยืนข้างป๊า โดยไม่สนใจพ่อไอสิงโต
“ไปหาอะไรกินกันดีกว่าป๊าหิวแล้ว” ยิ้มแล้วลูบหัว
“ป๊านทกินจนอืดแล้วไม่ไหวแล้ว” ทำท่าลูบท้อง
“อืมๆ จะกลับกับเพื่อนใช่ไหม” ป๊าถามย้ำอีกครั้ง
“อื้ม” ผมเหลือบไปมองไอสิงโตเดินมา
มันเดินมาหาพ่อมันแล้วก็คุยกัน พ่อมันแนะนำสิงโตให้ป๊ารู้จักนิดหน่อย ป๊าก็รับรู้แล้วยืนคุยกันนิดหน่อยถึงเรื่องผมและก็สิงโต ประมานพ่ออวดลูกกันทำนองนั้นแหละ ไอสิงโตก็มองอยู่นั่นแหละ ผมก็หันไปมองทางอื่น ทำไมสนใจมัน....
“ป๊า นทไปหาเพื่อนก่อนนะ”(ยิ้ม)
“อื้ม รีบกลับละ” (ยีหัวผม)
แล้วผมก็เดินไป ป๊าก็เดินไปกับพ่อไอสิงโต ส่วนไอสิงโตก็เดินแยกไปไหนไม่รู้เรื่องของมัน ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟ เห็นเพื่อนๆยืนอยู่ ก็เข้าไปหาพวกมัน พวกมันก็ยังคุยเรื่องไอสิงโตประมานไกลเกลี่ยว่าไม่ดีหรอกที่จะเลิกคบกันนู่นนี่นั่น ผมก็ตอบบ้างเงียบบ้าง ผมว่ามันน่าเบื่อ จบง่ายๆก็ดีแล้วเปล่า ในเมื่อความแตกต่างก็เห็นแต่แรกไม่พอ พ่อมันไม่เห็นด้วยขนาดนั้น ผมก็ไม่ด้านพอที่จะยืนอยู่ข้างมัน ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อนหรือคนรู้จักก็ แล้วพี่อ๊อฟก็ฟุบหลับไปแล้วคงเหนื่อย ไม่อยากกวน ผมก็เลยเดินไปหาที่นั่งพวกมันก็ตามมา.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:48:54
“มึงไม่สงสารมันเหรอวะ มึงก็รู้ว่ามันชอบมึง เล่นหักดิบแบบแม้แต่เพื่อนยังไม่ได้เป็นเนี่ยนะ” ไอมินยังไม่จบ
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงบอกมาสิ!” ผมถามอย่างรำคาญ
“ไปบอกแม่มันเลยดีไหมมึง แม่มันต้องเข้าใจสิ!” ไอปอช่างคิดเนอะ ผมก็มองนิ่งๆไม่พูดอะไร
“น้องซินละมึง!” ไอนัททำท่าเหมือนถูกหวย
“เออน้องซินต้องช่วยได้แน่ ใช่ไหมไอมิน” ไอนัทพูด แล้วทุกคนก็หันไปมองไอมินกัน
“อาจจะนะ กุก็ไม่รู้ว่ะ” ไอมินดูลังเลนะ
แล้วมันก็คุยกันไปผมก็นั่งมอง เอาจริงๆจะทำให้มันยุ่งยากทำไม ผมก็ฟุบลงโต๊ะไม่สนพวกมัน มันก็คุยกันไป สะกิดผมบ้างแล้วผมก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ทั้งๆที่ฟุบอยู่แบบนั้นแหละจนสักพักผมก็ได้ยินเสียงพวกไอสิงโตมา มันก็มานั่งคุยกัน คุยกันไปทั่วไม่ได้พูดเรื่องที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ผมก็ไม่ได้ลุกมาสนใจ เขี่ยโทรศัพท์ดูนู่นนี่ไปทั่ว.....
“นทไปกินบุฟเฟ่ขาหมูเยอรมันไหม กูอยากกอะ” ไอปอมันยื่นโทรศัพท์มาใต้แขนผมผมก็ลุกขึ้นมาแล้วดึงโทรศัพท์มาดู
“เออ ร้านนี้น่าลองวะ กูชวนป๊าไปกินตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมพาไปสักที” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร
“ไปไหมมึง?” นัทหันมาถาม
“โห! น่ากินจริงๆด้วยว่ะ!” วิวมันดูโทรศัพท์ไปพูดไป
“ไปดิๆ ไปกินหลังงานเลิกไหม” ผมถาม พวกมันพยักหน้า
ผมเหลือบไปมองพวกสิงโตมันก็คุยกันอยู่ ไอสิงโตก็จ้องผมอยู่นั่นแหละ แล้วสักพักมันก็เดินออกไป ผมก็คุยกับเพื่อนไม่ได้สนใจอะไร....
“กูไปชวนพี่อ๊อฟดีกว่า วันนี้กูกลับกับพี่อ๊อฟ” หันไปบอกพวกมัน
“ปอเอาดิๆ มึงชวนพวกนี้ไหม” ชี้ไปทางพวกไอสิงโต
“แล้วแต่ดิ ไม่เกี่ยวอะไรกับกู” ยักไหลอย่างไม่ใส่ใจ
ผมไม่สนอยู่แล้ว ก็ต่างคนต่างอยู่แล้วกัน แล้วผมก็ลุกไปหาพี่อ๊อฟรายนั้นนั่งเบื่อจนเหี่ยวไปหมดแล้ว....
“ไปไหนมา” พี่อ๊อฟถามด้วยรอยยิ้ม
“นั่งคุยกับพวกปอตรงโน้น” ผมชี้ไปทั่ว
“วันนี้คนเยอะไปนะ กูเบื่อแล้วเนี่ย” พี่อ๊อฟทำหน้าเซ็ง
“ชอบไม่ใช่เหรออะไรแบบนี้” ผมหันไปดูรูป
“กูชอบ แต่ถ้าคนเยอะขนาดนี้กูก็ไม่ไหวเบื่อ” มันมุ่ยหน้า
“เอาเถอะ ใกล้จะเสร็จแล้วนี่” ยิ้มแล้วนั่งลงข้างมัน “อิงฟ้าไปไหนแล้ว” ผมถามแล้วมองหา
“ไปไหนไม่รู้เห็นเพื่อนมาเรียก” ผมก็พยักหน้ารับรู้
“เย็นนี้เพื่อนๆชวนไปกินบุฟเฟ่ขาหมูอะ ไปปะ” ยิ้มบาน
“ไปดิ กูเริ่มหิวอีกแล้วเนี่ย!” ลูบท้อง
“เมื่อกี้ก็กินไปตั้งเยอะ” ผมหรี่ตามองมัน
“ก็กินแต่ขนมมันจะอิ่มได้นานเท่าไหร่กัน”(ยักคิ้ว)
ผมก็คุยกับมันไปอีกแปปก็ไปหาเพื่อนๆ ก็เจอฮาเล่อีกก็คุยกันนิดหน่อยเพราะมันจะกลับแล้ว พอคุยเสร็จผมก็เดินไปที่เพื่อนๆผมนั่งกัน แต่ต้องชะงักไปนิดเพราะน้องซินมานั่งด้วย....
“พี่นท!”วิ่งมาหาผมอย่างหน้าตื่นๆผมก็มองนิ่งๆไม่พูดอะไร มองไปทางสิงโตมันก็จ้องอยู่นั่นแหละ “พี่นทเป็นอะไรมากไหมคะ” จับมือผมดู ผมก็ดึงออก “หนูรู้เรื่องหมดแล้วนะคะ” ทำหน้าเศร้า
“ครับ” แล้วเดินเลยไปนั่งที่ผม น้องซินก็เดินตามมาไม่ห่าง
“หนูจะคุยกับป๋าค่ะ พี่นทไม่โกรธนะ” เขย่าแขนผม ผมก็มองแบบนิ่งๆ ใจจริงไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้เลยด้วยซ้ำ พอมองไปทางสิงโต มันก็ทำหน้าเศร้า ใจผมอาจจะไม่แข็งพอ ถ้าขืนเป็นแบบนี้นานๆ
“น้องมาได้ยังไงครับ” ผมถามนิ่งๆ
“พี่สิงโตบอกว่า...”
“พี่ไม่เป็นอะไรครับ ขอบคุณนะ” ตัดบทน้องซินแล้วผมก็ฟุบหน้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
“นทมึงฟังน้องเขาก่อนก็ได้นะเว้ย!” ปอก้มลงมากระซิผม ผมก็ไม่ตอบอะไร
ผมไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้ พ่อเขาตั้งหากทำไมผมต้องสนใจ เลิกยุ่งก็ไม่ควรคุยถึงเรื่องนี้อีกมันจบแล้ว ผมก็เล่นโทรศัพท์ไป น้องซินก็สะกิดแล้วก็พูดไป ผมก็ฟังแต่ไม่ตอบอะไร.....
“สิงโต ซินกลับบ้าน!”เสียงพ่อไอสิงโต ผมก็ไม่ได้ลุกขึ้นไปดูแต่อย่างใด ก้มหน้าอยู่อย่างนั้นแหละ
“ป๋าคะ ทำไมถึงทำแบบนี้!” น้องซินเสียงดังใส่พ่อ
“ซิน!” พ่อไอสิงโตเรียกน้องซินเสียงดัง ตะคอกสินะ
แล้วน้องซินก็ขึ้นเสียงใส่พ่ออยู่อย่างนั้น ผมก็เงยหน้าขึ้นมามอง พ่อมันก็มองผมอยู่ผมก็มองแบบไม่รู้เรื่องอะไร......
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้” เขาหันไปบอกลูกๆแบบไม่พอใจ
“ปอกูไปก่อนนะเจอกันที่ซุ้มห้องเรานะ” ผมหันไปกระซิบบอกปอที่นั่งข้างผมแล้วก็ลุกขึ้น
“พี่นทจะไปไหนคะ” น้องซินวิ่งมาดึงแขนผม
“ซินกลับบ้านลูก” พ่อไอสิงโตเดินมาดึงแขนซิน
ผมก็พยายามดึงแขนออกน้องซินก็จับแน่นเลย ถ้าสะบัดแรงๆก็กลัวน้องเขาเจ็บอีก โว๊ะ วินาทีนี้อึดอัดสุดๆ....
“ปล่อยเถอะครับ” ผมบอกอย่างใจเย็น พวกเพื่อนๆก็มองกันด้วยความเกร็งกับสถานการณ์ตรงนี้
“ไม่ปล่อยค่ะ พี่นทยังโกรธอยู่ หนูไม่ปล่อยค่ะ” น้องซินกอดแขนผมแน่นเลย
“ปล่อยแขนเขาเถอะลูก ไปได้แล้วเร็ว” พ่อสิงโตบอกอย่างอ่อนโยน
“ป๋าใจร้าย! ทำไมทำแบบนี้” หันไปขึ้นเสียงใส่พ่อ ตอนนี้คนเริ่มมามองมาด้วยความสนใจแล้ว
ภาพตอนนี้คือ เหมือนเด็กผู้หญิงขอร้องให้ผู้ชายอย่าไป คนเข้าใจผิดหมดละมั้ง ว่าผมไปทำอะไรเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักมาแล้วพ่อเขามาตามก็ไม่กลับ พวกเพื่อนผมก็ยืนดูห่างๆ อยากช่วยแต่ก็ไม่กล้า ไอสิงโตก็ยืนข้างๆพ่อมันนั่นแหละ...
“กลับบ้านก่อนนะลูก” พยายามดึงมือซินออกจากผมแต่ก็ไม่เป็นผล เพราะซินบีบและจิกแขนจนผมเจ็บไปหมดแล้วตอนนี้
“ซินพี่นทเจ็บแล้วนะ!” สิงโตขึ้นเสียงใส่น้องแล้วมาช่วยดึงออก ก็ไม่ปล่อย
“ไม่เอา! พี่นท” น้องซินจิกแน่นกว่าเดิม
“น้องซินๆ ฟังพี่ก่อน” ผมจับไหล่น้องซินแล้วดึงแขนออก น้องก็ปล่อยผม ผมก้มหน้าไประดับหน้าน้องซิน.. “พี่ไม่ได้โกรธโอเคไหม พี่ไม่ได้โกรธอะไรเลย น้องซินกลับบ้านได้แล้วนะครับ อย่าดื้อกับป๋านะ” ผมฝืนยิ้มส่งไปให้น้องซิน ผมแสบแขนมาก น้องซินเล่นจิกเล็บเข้าเนื้อผมขนาดนี้
“ตะ...แต่...”ก้มหน้า ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“น้องซินกลับกันได้แล้ว” พ่อไอสิงโตแล้วมองมาทางผมแบบนิ่งๆ ผมก็ไม่สนใจ
“พี่นทจะไปช่วยซินจัดกรงอีกใช่ไหมคะ จะไปเล่นกับหนูอีกใช่ไหม” น้องซินทำหน้าเศร้าน้ำตาคลอ
“ถ้ามีโอกาศนะ” ผมยิ้มหวานส่งไป ซึ่งมันไม่มี ก็พูดไปนั่น “พี่ไปแล้วนะ” แล้วผมก็หันหลังแล้วเดินไปเลย
น้องซินก็ตะโกนเรียกผม เอาจริงน้องซินจะเว่อร์ไปไหน ทำอย่างกับจะไม่ได้เจอกันอีกงั้นแหละ อะไรก็ไม่รู้ผมไม่ใส่ใจเดินไปห้องน้ำ ไปล้างแขนครับ แสบโครต เป็นรอยเล็บจิกอะ เจ็บตัวจนได้ ล้างเสร็จก็เดินออกห้องน้ำ แล้วเดินกลับไปที่ซุ้มห้อง มาถึงอีแนนก็ปากดีเลย....
“หายหัวทั้งวันนะมึง ไม่เคยจะช่วย!” อีนี่มันต้องอวดดีตลอด
“กูปวดขี้มึงจะอะไรนักหนาวะ!” พูดอย่างรำคาญแล้วก็นั่งลง
“มึงคงขี้จนเครื่องในมึงหลุดออกมาด้วยเลยสินะ ทั้งวันขนาดนี้” ดูมันจิกกัดผมนะ
“เอ๊ะ! อีนี่มึงจะเอายังไงเนี่ย” ผมพูดพร้อมทำหน้าอยากมีเรื่องเต็มที
“พอเลยๆมึงสองคนนี้ไม่ไหวเลยนะ” วาสพูดแบบปัดๆ แล้วก็ดึงอีแนนไป
แล้วผมก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปสักพักเพื่อนผมก็เดินมากัน มันก็มานั่งคุยบอกน้องซินอย่างนู้นอย่างนี้ พวกมันก็เอาผ้าห่อน้ำแข็งมาประคบแขนให้ผมด้วย เป็นเพื่อนที่ดีกันจริงๆ แล้วเราก็นั่งคุยกันไป จนได้เวลาเลิกงานเราก็ช่วยกันเก็บของแล้วก็พากันไปหาพี่อ๊อฟ รายนั้นคือเก็บเสร็จเร็วมากเร็วกว่าตอนทำอีก แล้วก็พากันไปยังจุดหมาย สรุปคือพวกไอโค้กก็ไปด้วยไอสิงโตก็ด้วย ผมก็ไม่ได้ถามหรือพูดถึงแต่อย่างใด ไม่อยากสนอะไรทั้งนั้น ผมคิดมากพอแล้ววันนี้
แล้วเราก็พากันไปร้านบุฟเฟ่ขาหมูเยอรมันคือร้านน่ารักมาก ตกแต่งแนวคลาสสิก พวกผมก็เข้าไปนั่งกัน ตอนนี้ยังไม่เย็นมากคนก็ไม่เยอะ เราก็ไปตักนู่นตักนี่มาไว้เต็มโต๊ะ แล้วก็มานั่งกินกัน พี่อ๊อฟก็นั่งข้างผม อีกข้างผมก็เป็นปอเราก็นั่งกินไปคุยไป....
“กินนี่สิ” พี่อ๊อฟยื่นสเต็กมาจ่อปากผม ผมก็อ้าปากรับ “นี่ด้วย” ยื่นมาอีก ผมก็อ้าปากรับอีก
“อิจฉาวุ้ยมีคนป้อน” ไอปอแซวอีก
“แล้วมึงไม่ชวนไอโต้มาล่ะ วันนี้มันไม่ได้มางานที่โรงเรียนเหรอ” ผมหันไปถามปอ โดยก็เหลือบไปมองไอสิงโตก็เห็นมันจ้องอยู่
“ไอนั่นไม่ต้องไปพูดถึง แม่งมัวแต่เล่นเกมส์ไม่ยอมมาหากู” ปอทำหน้านอยๆ
“แหมทำตอแหลนะมึง กูได้ข่าวว่ามันไปหามึงที่บ้านทุกวัน!” ผมมองอย่างเอือมๆ มันนี่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“มึงก็!” ปอมันเขิน
“นทนี่ของชอบมึง” ไอมินหยิบหอยเชลล์อบชีสให้ผม
“นี่มึงก็ชอบนิ” ไอนัทหยิบผักโขมอบชีสให้ผม
“นี่ด้วย” ไอวิวหยิบมันบดให้ผม
“เอ้องี้สิรู้ใจกูจริง” ยิ้มบาน แล้วก็หยิบมากิน
“อะฮึ่ม!” พี่อ๊อฟมันสะกิดผม แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ “ไม่ต้องดีใจขนาดนั้นหรอกมั้ง” พูดเสียงแข็งผมหันไปยิ้ม
“หึงเหรอ” ยิ้ม มันไม่ตอบก้มหน้าก้มตากินไป หูแดงเชียวนะ “แค่เพื่อนน่า” หันไปกระซิบมัน มันก็ไม่สนใจผมก็ยักไหล่แล้วหันมากินต่อ
“ อะ” ไอสิงโตยื่นกุ้งอบชีสมาใส่ให้ผมในจาน ผมก็มองหน้ามัน มันนั่งเยื้องๆผม
“อย่าหักหานน้ำใจมันเลยมึง” ปอมันหันมากระซิปผม ผมก็พยักหน้า
“ขอบใจ..” ผมหันไปบอกมันหน้านิ่งๆ มันก็ยิ้ม
“กูอยากกิน ป้อนหน่อย” พี่อ๊อฟชี้ไปที่กุ้งอบชีสที่ไอสิงโตตักให้
“เอิ่ม!” ผมหันไปมองพี่อ๊อฟทำหน้าดุใส่ผม “เออๆ อะ” ตักแล้วเอาไปจ่อปากมัน มันก็รับเข้าปากก แล้วหันไปยักคิ้วให้ไอสิงโต “อย่ากวนดิ” หันไปบอกมัน
“กูไม่ได้กวน” พี่อ๊อฟยักไหล่อย่างเท่แล้วก้มกินต่อ
“เออๆแม่ง!” ผมก็หันไปมองสิงโต มันนอยมากเลยสินะ ไม่รู้จะสงสารมันดีไหมยังไงมันก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย พอมาคิดๆแล้วก็หนักใจ
แล้วก็พากันนั่งกินกันไป จนถึงเวลาของหวาน โอ้โห! บราวนี่อร่อยเหาะจริงๆ มันอร่อยมาก ใส่ในแก้วคอกเทลเล็กๆน่ารัก และเครปเค้กจัดแต่งใส่ช้อนพอดีคำน่ารักมากอร่อยเว่อร์....
“มึงจะกินไหมไอนท ชื่นชมจนแห้งแล้วนะ” ไอวิวบอกผมอย่างรำคาญ
“กูขอถ่ายรูปก่อนดิ แม่งน่ารักน่ากินมากเลย” ผมพูดแล้วก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป
“ปล่อยมันไปเถอะพวกมึง” ปอพูดแล้วมันก็ตักเค้กเข้าไปปากอย่างหงุดหงิด
อะไรคือแค่ผมชื่นชมกับของหวานมันดูน่ารำคาญขนาดนั้นเลยเหรอ น่าเบื่อจริงๆไอพวกนี้ แล้วผมก็กดโทรศัพท์อยู่ไอพี่อ๊อฟก็เอาเค้กทั้งสองของผมไปกินหน้าตาเฉย....
“ไอพี่อ๊อฟ!” ตะคอกเลยสิ นี่มันของกินนะ ใครจะยอม
“อะไรมึงจะเสียงดังทำไม!” ปากก็เคี้ยวเค้กไปพูดไป
“ของผมนะ จะกินทำไมไม่ไปหยิบ!” พูดแบบหงุดหงิดมาก
“ก็กูอยากกินจะทำไม” พี่อ๊อฟยักคิ้วทำหน้ากวนตีน
“ไปหยิบมาให้ใหม่เลยนะ!” ผมตาขวางใส่มัน
“ไอนทแค่ของกินมึงอย่าทำให้เป็นเรื่องน่า!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปเอามาเลยไม่งั้นไม่คุยด้วยแล้วนะ” ผมหันหน้าหนีมัน
“เออๆ แค่นี้เองอะไรวะ” พี่อ๊อฟทำอารมณ์เสียใส่ ผมนี่สิต้องอารมณ์เสีย
แล้วมันก็ลุกไปหยิบมันก็เลือกๆไปครับแต่.....
“อะ กูหยิบให้” สิงโตมันหยิบมาวางไว้ในจานผม 2 ชิ้นผมก็มอง
“เออ อันนั้นก็ให้พี่อ๊อฟกินไปมึง” ปอบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอบคุณนะ” แล้วก็หยิบมากำลังจะเอาเข้าปาก
ไอพี่อ๊อฟดึงมือผมให้ไปป้อนมันแทนผมมองอย่างหงุดหงิด.....
“มึงให้กูหยิบมาให้ก็กินของกูดิ” พี่อ๊อฟทำเสียงดุ
“เออ เอามาดิ” กระแทกเสียง ไม่ต้องกงต้องกินมันแล้วมั้ง โอย! เสียอารมณ์จริง
พี่อ๊อฟมันก็เอาอีกชิ้นนึงในจานผมที่สิงโตให้ไปกิน แล้วหยิบจานที่มันเพิ่งตักมาให้ผมสี่ชิ้นเลย คือเอาจริงๆเพื่ออะไร? ตอนนี้รำคาญมันมาก ผมก็กินๆไป พี่อ๊อฟก็หยิบมาให้เพิ่มตลอด....
“พอแล้วๆ ไม่ไหวแล้ว” ผมเอนหลังแล้วลูบพุง
“สมควรแล้ว แดกอะไรขนาดนั้น” ปอมองผมแบบเอือม
“ทำอย่างกับไม่เคยกิน” ไอวิวพูดแล้วมันก็ตักเค้กเข้าปาก
“ว่าแต่มันดูมึงเถอะไอวิว ไม่หยุดปากเลยนะ” ไอนัทมองไอวิว
“อิ่มจริงว่ะ กูไปเข้าห้องน้ำดีกว่า” ไอมินพูดแล้วมันก็ลุกไป
พวกเราก็นั่งคุยกันไป จนไอมินกลับมาก็นั่งคุยกันอีกสักพัก นั่งนานมากพนักงานก็เดินมาเก็บจานแล้วเก็บอีก เพราะระหว่างที่นั่งคุยก็ไม่มีการที่จะหยุดกินกันเลย กินแบบร้านเขาแทบเจ๊ง จนเวลาเช็คบิล...
“เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” อยู่ๆไอสิงโตก็หันมาพูด พวกมันเฮกันใหญ่เลยผมนึกถึงคำพูดของพ่อมันขึ้นมาทันทีเลย พวกมันก็ยังมีหน้ามาเฮฮากันอยู่เนอะ ผมคิดว่า จริงๆแล้ว ไม่เคยมีใครเคยเอ่ยขอมันเลยนะเรื่องนี้ แต่มันแสดงเสนอตัวตลอดด้วยตัวมันเอง จะมาผิดอะไรที่เพื่อนล่ะ
“กูจะจ่า....”
“กูกับนทจ่ายแยกเอง” อยู่ๆพี่อ๊อฟก็พูดแทรกผมขึ้นมาเสียงเข้ม พวกมันเงียบกันเลย
“กูเลี้ยงไม่เป็นอะไร” ไอสิงโตยักคิ้วอย่างเป็นต่อ   
“พี่ครับผมสองคนจ่ายแยก” พี่อ๊อฟยื่นแบงค์พันให้พนักงานทุกคนก็มองกันแบบเลิ่กลั่ก ไอสิงโตก็ไม่ยอม ผมก็อยากรู้พี่อ๊อฟจะทำอะไรก็นั่งดูเงียบๆ
“พี่ครับคืนมันไป เอานี่ครับ” ไอสิงโตยื่นแบงค์ไปหลายแบงค์ให้พี่พนักงานเขาไป
“กูจะจ่ายเองมึงไม่ต้องยุ่งมึงเลี้ยงคนอื่นก็เลี้ยงไป” พี่อ๊อฟพูดติดจะไม่พอใจ
“มึงอยากจ่ายมึงก็จ่ายเองดิ กูจะจ่ายให้นทด้วย!” ไอสิงโตมันก็ไม่ยอม พวกเพื่อนๆก็เริ่มรนกันแล้ว
“มึงจะจ่ายให้ไอนทมันฐานะอะไร ได้ข่าวว่าแม้แต่เพื่อนมึงก็ยังไม่ได้เป็น” พี่อ๊อฟพูดกระแทกเสียง ผมอึ้งไปนิดพี่อ๊อฟมันรู้ได้ยังไง แต่ไอสิงโตนี่หน้าหมองลงเลย เพื่อนๆคนอื่นถึงกับชะงักกันเลยทีเดียว
“กูอยากขอโทษมัน เลยเลี้ยงมันมึงจะทำไม แล้วมึงเป็นแค่รุ่นพี่มันจะอะไรมากมายวะ!” เริ่มเสียงดัง พี่พนักงานเริ่มมีที่ท่าตกใจ
“พอเถอะน่า! จะจ่ายก็จ่ายดิพี่อ๊อฟ ยังไงผมก็ไม่ให้คนอื่นจ่ายให้อยู่แล้ว” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจติดหงุดหงิดด้วยซ้ำ กลายเป็นเรื่องได้ยังไง
“ได้ยินแล้วนะ” พี่อ๊อฟยักคิ้วแล้วทำหน้ากวนตีนให้สิงโต ไอสิงโตมันคงโกรธมาก มันมองมาทางผมหน้ามันเศร้าสุดๆ
แล้วพี่อ๊อฟก็จ่ายเงินไป ไอสิงโตก็ยื่นจ่ายไป แล้วก็นั่งรอกัน ผมว่าพี่เขาอาจจะงงๆหรือเปล่าแบบจ่ายแยกสองคนอะแบบนี้ ผมก็ไม่รู้เห็นเขาไปคุยกับพี่แคชเชียร์ด้วยหน้างงๆ5555....
“ปอ พี่อ๊อฟรู้เรื่องนี้ได้ยังไงวะ” ผมหันไปกระซิบถาม พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็จ้องหน้ากันอย่างเมามันส์อารมณ์ประมานว่าถ้าลุกขึ้นตีกันได้ก็คงทำไปแล้ว
“กูเล่าให้เขาฟังเองแหละ ดูเหมือนพี่อ๊อฟจะไม่พอใจมากอะมึง” ไอปอทำหน้ากังวลแล้วก็ยิ้มนิดหน่อย
“เพื่อ?” ผมมองปออย่างเบื่อหน่าย มันก็ยักไหล่อย่างหาไม่ได้ รู้แล้วพี่อ๊อฟทำไมทำแบบนี้เพราะว่ามันคงไม่พอใจไอสิงโตไม่น้อยเลยสินะ “พี่อ๊อฟเลิกกวนได้แล้ว ผมไม่อยากมีปัญหา” หันไปบอกมันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ทำไม มึงแคร์มันเหรอ” พี่อ๊อฟมองผมตาขวางเอาแล้วไงเริ่มแล้วสินะ
“พี่ก็น่าจะรู้ความหมายนะ อย่ามาหาเรื่องผม!” ผมกันฟันพูด มันจะมาง้องแง้งอะไรตอนนี้น่าโมโหจริง
“เออๆ” พี่อ๊อฟทำท่าไม่พอใจ
“ทำไมมึงกับพี่อ๊อฟดูแปลกๆ มีอะไรในก่อไผ่ป่ะเนี่ย” ปอหันมาถามผมแล้วทำหน้าสงสัย
“อยากรู้มึงก็ไปถามมันดิ” ผมยักคิ้วให้ไอปออย่างกวนตีน แล้วปอมันก็ทำหน้าเซ็งๆ เพราะแน่นอนมันไม่กล้าถามหรอก
แล้วสักพักพี่เขาก็เอาตังมาทอน นานมากผมเกือบลืมไปแล้วว่านั่งรอตังทอน พอได้ตังทอนเสร็จก็พากันออกจากร้าน ไอสิงโตก็ฟึดฟัด เดินชนไหล่ไอพี่อ๊อฟ ไอพี่อ๊อฟก็ยอมที่ไหนผลักไอสิงโตอีก เกือบจะมีเรื่องกันแล้ว ดีพวกเพื่อนๆช่วยจับแยก ชี้หน้าด่ากันอีกนะ ไม่รู้จักโตเลย......
“มึงจะเอายังไงวะ!” พี่อ๊อฟจะพุ่งเข้าหาไอสิงโตพวกไอมินก็จับไว้ ผมก็ยืนมองนิ่งๆ คือจะทะเลาะกันเพื่อ?!
“มึงนั่นแหละสัส กวนตีนกูตังแต่เมื่อกี้แล้วนะไอเหี้ย” พวกไอโค้กก็จับมันไว้
แล้วมันก็ยืนฉุดกระชากด่ากันไปมาอย่างนั้นแหละ จนคนแถวนั้นเขามองกันแบบตกใจ พนักงานในร้านนี้ถอยห่างกันเลย ผมเห็นแล้วรำคาญจริงๆ
“พี่อ๊อฟ! พอเลย!” ผมตะคอกใส่มันเลย เพราะดูแล้วไม่น่าจะหยุดง่ายๆ
“มันเดินชนกูอะนท” พี่อ๊อฟทำตาขวางใส่มัน
“เป็นจิ๊กโก๋กันหรือยังไงวะ แค่เดินชนแค่นี้เนี่ยนะ” พูดแล้วดึงมันไปที่รถ คนอื่นๆก็ไปคุยกับไอสิงโต
“มึงจะห้ามทำไมวะ” มันฟึดฟัดใส่ผม
“จะไม่จบใช่ไหม” ผมมองมันอย่างรำคาญอย่างมาก วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว ผมเหนื่อยจะต้องคิด จะต้องใช้อารมณ์ เกินจะรับไหวแล้ว
“เออๆ” แล้วมันก็เข็นรถถอยออกมาตรงถนน
ผมก็มอง ความจริงผมว่ามันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่เข็นรถถอยเนี่ย แต่มันใส่อารมณ์ไงเลยถอยไม่ได้สักที ผมก็ยืนมองมัน ไม่พอใจถอยไม่ได้ก็เตะล้อรถอีกนะ ไอนี่ถ้าจะประสาท แล้วไอสิงโตก็เดินมา พี่อ๊อฟแทบจะพุ่งเข้าหามัน เพื่อนๆผมก็ซ้อนกับพวกไอโค้กแล้วมันก็หันมามอง ประมานว่าเบื่อจะห้าม มึงจะตีก็ตีกันไปเลย....
“นท กูจะคุยกับป๋ากูนะ น้องซินก็จะคุย มึงอย่าเป็นแบบนี้เลยนะ” พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ หน้าหมองเลย
“มึงไม่ต้องมายุ่งกับนทแหละสัสง่ายสุด! ทำมันร้องไห้ได้นะมึง!” พี่อ๊อฟที่ยืนอยู่ด้านหลังผมพูดขึ้นอย่างใส่อารมณ์
“หยุดแหกปากได้แล้ว สงบสติหน่อยเหอะ!” ผมหันไปบอกพี่อ๊อฟ มันถึงกับชะงักแล้วเดินหัวฟัดฟัวเหวี่ยงไปนั่งรอที่รถ
“นทมึงอย่าใจร้ายดิ กูไม่ผิดนะเว้ย!” มันดราม่าแล้ว น้ำตาคลอเลย จริงๆมันไม่ผิดอย่างที่มันพูดนั่นแหละ แต่พ่อมันผิด ให้พ่อมันเคลียล์เองแล้วกัน ผมไม่ใช่คนดีอะไร แล้วยิ่งเป็นผู้ใหญ่มาทำกับผมแบบนี้ ผมก็รับไม่ได้เหมือนกัน ก็คงต้องได้แต่ขอโทษมันในใจ
“เลิกยุ่งกับกูเถอะ อย่าเจอกันอีกเลยมึง แล้วก็ไม่ต้องกลับไปคุยอะไรกับพ่อมึงทั้งนั้น เพราะต่อจากนี้ กูกับมึงไม่รู้จักกัน”พูดเสร็จผมก็หันหลังเลย ถ้าผมมองไม่ผิด ผมเห็นน้ำตาไอสิงโตไหล “อะ..อย่าทำให้กูลำบากใจกว่านี้เลยนะ กูขอโทษจริงๆ” ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มันแบบไม่หันไปหามัน มันรับผ้าจากมือผมแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือผมก็ดึงมือมาเลย แล้วผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟ
ผมขึ้นรถ พี่อ๊อฟก็ออกรถไปเลย ไอสิงโตก็ยืนนิ่งแบบนั้นแหละ เพื่อนๆก็วนรถกลับไปดูมัน ผมใจร้ายกับมันเกินไปจริงๆ มันไม่ผิดเลยสักนิด ปล่อยไว้แบบนี้แหละ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง ผมก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนถึงบ้านพี่อ๊อฟมันพาผมไปเอาของที่บ้านมันก่อนเพราะเมื่อคืนผมไปนอนกับมัน แล้วมันก็มาส่งผมบ้านพอเข้าบ้านมาก็คุยกับป๊าและแม่นิดหน่อย แล้วก็ขึ้นห้องนอนพี่อ๊อฟก็ตามมาด้วย...
“มานี่ดิ้” พี่อ๊อฟเรียกผมไปนั่งข้างๆมันผมก็ไป “มีอะไรทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะ ทำไมต้องไปเจอเรื่องแบบนั้นคนเดียว”จับมือผม
“ก็คิดว่ามันไม่มีอะไร...”ผมหันไปบอกมันหน้านิ่งๆ
“มึงจะไม่บอกใครก็ได้นะ แต่ยกเว้นกู ไม่ว่าจะเรื่องอะไรต้องบอกกูนะรู้ไหม ไม่ว่ามันจะหนักแค่ไหน ขอแค่บอก” พูดอย่างอ่อนโยนแล้วลูบหัวผม
“อื้ม ต่อจากนี้จะบอกนะ” ผมกอดมันมันก็กอดตอบ
“กูไม่ชอบเลยนะมันทำมึงร้องไห้” พี่อ๊อฟพูดแบบหงุดหงิด
“รู้เปล่าไอสิงโตเป็นเพื่อนที่ดีมากนะพี่อ๊อฟ มันไม่ได้ทำผมร้องนะ พ่อมันตังหาก ที่ใจร้าย”ละออกจากกอด มามองหน้า
“ก็เหมือนกันแหละ” พี่อ๊อฟหันหน้าไปอีกทางด้วยความไม่พอใจ
“อย่าไปหาเรื่องมันเลย มันไม่ผิดอะไรเลยสักนิดนะ ผมต่างหากละที่ผิด” ผมจับมือพี่อ๊อฟ
“มึงก็เป็นแบบนี้แหละ ใครต่อใครถึงได้รังแกมึง! พ่อมันก็เกินไป เป็นผู้ใหญ่เป็นผู้ดีใหญ่ แต่คิดได้แค่นี้!” มันกัดฟันพูดพร้อมทำหน้าโหด
“เอาน่า มันผ่านมาแล้ว แล้วมันก็จบไปแล้วด้วย ต่อจากนี้ไม่พูดถึงมันแล้วนะ แล้วถ้ามันมาคุยหรือมาพูดอะไรพี่อ๊อฟก็ทำให้ปกติเหมือนเดิม อย่าไปหาเรื่องมันนะรู้เปล่า ไอสิงโตมันน่าสงสารนะ”(ยิ้ม)
“กูรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ผิด แต่กูเห็นมันอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เพื่อนมึงเล่าให้ฟัง อยากเห็นพ่อมันจริงๆ”พี่อ๊อฟพูดเสียงแข็ง
“เอาน่า สัญญานะ” ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมามันก็คล้องด้วยนิ้วก้อยมัน
“สัญญา”(ยิ้ม) “มึงก็ต้องสัญญานะว่ามีอะไรต้องบอกกูห้ามเก็บไว้คนเดียวอีกรู้ไหม” ลูบหัวผม ผมก็พยักหน้า
“สัญญา จะบอกพี่อ๊อฟคนแรกเลย” (ยิ้ม)
“เจ็บมากไหม” มันจับแขนผมดึงไปดู
“ไม่เลยนิดเดียวเอง” ผมก็มองอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงนี่นะ หาเรื่องเจ็บตัวตลอด” ยีหัวผม
“คราวนี้ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย” ทำหน้างอ
“รู้แล้วคร้าบ!” (ยิ้ม)
แล้วก็คุยอะไรกันไปนิดหน่อย มันทำแผลให้ผมด้วย น่ารักจริงๆ แต่ก็บ่นไม่หยุดเลย แล้วมันก็กลับบ้านไปตอนแรกจะไปขนของมานอนกับผม แต่ผมห้ามไว้เพราะว่าเดี๋ยวโดนแม่ด่า ไปมาหากันบ่อยเกิน เจอกันทุกวันอยู่แล้ว พอมันกลับไปผมก็อาบน้ำแล้วก็มานั่งเล่นคอม เปิดเพลงฟังชิวๆ ผมนึกขึ้นได้ไปหยิบโทรศัพท์มากดดู โอ้โห! ไอสิงโตก็ยังรัวโทรมา น้องซินด้วย แล้วก็เบอร์แปลกๆ ผมเคลียล์หน้าจอโทรศัพท์ให้ว่างแล้วก็วางไว้เฉยๆนั่นแหละ แล้วก็นั่งเล่นเฟส ไอสิงโตก็ทักมาในแชทเฟสอีก ผมก็ปล่อยมันไว้ ไม่อ่านไม่ตอบอะไรทั้งสิ้น สักพักผมก็ปิดคอมปิดไฟขึ้นนอน พี่อ๊อฟก็โทรมาผมก็รับสาย....
“ว่าไง” เสียงหวาน
“ทำอะไร?” เสียงมันงัวเงียเชียว
“นอนไหมเสียงขนาดนี้” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ
“อยากคุยกับมึงก่อนไง” ทำเสียงดีขึ้น
“คุยกันทั้งวันยังไม่พอใจอีกเหรอ” เขินจริงๆ
“เอาน่า หาวววว!” โอ้โหไหวไหมหาวทีอย่างกับเปิดพัดลมเบอร์5
“ผมจะนอนแล้ว พี่นอนเถอะพรุ่งนี้มารับด้วยน้า” บอกปัดไปไม่งั้นมันก็ไม่ยอมนอน
“อ่าๆได้ๆ เจอกันพรุ่งนี้ ฝันดีนะครับ” โหเสียงหล่อเชียว
“คร้าบฝันดีนะ” ยิ้มบานเลยสิ น่ารักที่สุด
เวลาพี่อ๊อฟพูดเพราะๆ น่ารักมากเลยนะแต่มันก็หยาบกับผมตลอดนั่นแหละ พอมันวางสายไปผมก็เล่นนู่นนี่อีกสักพักก็เข้านอน และแล้วเวลาก็ล่วงผ่านมา 2 วันแล้วหลังจากเกิดเรื่องราวน่าปวดหัว ชีวิตก็กลับมาปกติ ผมก็ทำตัวปกติสุดๆเพื่อนๆก็มีพูดถึงบ้างแต่ผมก็ไม่ใส่ใจแต่อย่างใด แต่ไอสิงโตและน้องซินก็โทรมาตลอดผมก็ไม่ใส่ใจไม่ติดต่อไม่พูดถึง และวันนี้ผมก็ตื่นเช้ามาผมก็อาบน้ำแต่งตัวลงไปกินข้าวกับแม่และป๊า.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:49:55
“นทวันนี้เย็นกลับเร็วหรือเปล่า” ถามผมตอนที่ผมนั่งกินข้าวและป๊าก็อ่านหนังสือพิมพ์ ส่วนแม่ก็ไปซักผ้าแล้ว
“ไม่รู้ป๊าแล้วแต่อารมณ์” ยักคิ้วกวนประสาทให้ป๊า
ป๊าป! เอาหนังพิมพ์ฟาดใส่หัวผมครับ
“ป๊าอ่ะ!” ลูบหัว
“ป๊าจะชวนไปกินข้าวบ้านเพื่อน” ป๊าจะอารมณ์ดีไปไหน
“ไม่ไปป๊าก็ไปกับแม่สิ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ลูกชายเขาหล่อนะ” กระซิบบอกผม ผมมองป๊าอย่างเบื่อหน่าย
“ป๊าเห็นนทเป็นคนยังไงเนี่ย” ผมพูดกวนๆพร้อมกับทำหน้ามุ่ย
“ก็แม่ไม่ว่างจะออกไปกับสมาคมแม่บ้านเขานะสิ” ทำหน้าบึ้ง
“ป๊าก็ไปกินกับเพื่อนๆสิ จะเอานทไปเกะกะทำไม” แล้วก็กินข้าวไป
“แล้วแต่แล้วกัน ถ้าไม่ไปอันนี้ก็ไม่ต้องเอา” ถือหนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดของผมขึ้นมาให้ผมดู
ผมตาลุกวาวเลย นี่มันเพิ่งออกใหม่นิ......
“เฮ้อ! เสียดายจังนทไม่ไปด้วย!” ทำท่าเสียดายแล้วจะฉีกทิ้ง
“ปะ...ป๊า เดี๋ยวดิ เอามานี่เลย” ลุกขึ้นไปดึงมาเลย แล้วเอามาดูอย่างตื่นเต้น “อ๊าก...ดีใจอ่า><” เอามาดมเอามากอด
“ไปกับป๊าด้วยนะ!” พูดอย่างอารมณ์ดีแล้วก็จิบกาแฟ
“ก็ได้ๆ” ยิ้มบาน แต่ผมก็เอะใจ “ป๊าทำไมถึงอยากให้นทไปจัง ปกติป๊าก็ไปกับพวกพี่ๆที่ทำงานก็ได้นี่” ถามอย่างสงสัย แต่ตาก็ยังมองที่หนังสือการ์ตูน มันแพงมากเลยเซ็ทนี้ ภาพสีด้วย
“ก็ลุงโรจน์ไง พอดีเขาโทรมาชวนป๊าไปกินข้าวบ้านเขาวันนี้ตอนเย็น โทรมาตั้งแต่เมื่อวาน เขาบอกให้พานทไปด้วย จะได้ทำความรู้จักกับลูกเขา อายุก็รุ่นเดียวกันน่าจะทำความรู้จักกันไว้” ผมชะงักไปนิดป๊าก็พูดอย่างสบายใจ ผมเริ่มไม่สบายใจแล้วสิ การ์ตูนในมือไม่น่าสนใจขึ้นมาทันทีเลย
“ป๊าสนิทกับลุงโรจน์มากเหรอ” ถามอย่างจริงจัง แล้วหันไปคุยกับป๊าดีๆ
“ไม่นะ ก็แค่ไปเจอกันที่สนามตอนไปออกรอบ เขาก็มาชวนไปเล่นด้วย คุยกันไปคุยกันมาเลยได้ทำงานด้วยกันซะงั้น อย่างวันนี้เขาชวนไป ก็ไปตามมารยาท” พูดแบบหยั่งเชิง ก็จริงอย่างป๊าพูดนะ ดูไม่ค่อยสนิทกับป๊า เพราะถ้าเพื่อนป๊าแบบสนิทสนมป๊าจะไม่พูดไพเราะสักเท่าไหร่
“ถ้านทไม่ไปนทยังจะได้การ์ตูนไหม” หรี่ตามองอย่างเซ็ง
“ได้นะ แต่ป๊าจะหักค่าขนมเพราะป๊าบอกเขาไว้แล้วจะพานทไป”(ยักคิ้ว) “เห้อ! เดี๋ยวตอนเย็นป๊าไปรับที่โรงเรียนนะ แล้วเดี๋ยวเพื่อนมารับพาไปโรงเรียนใช่ไหม” ผมพยักหน้าแล้วป๊าก็ลุกเดินออกไปเลย ผมก็นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยไป ไม่อยากไปเลย
ผมกังวลว่าจะเจออะไรไม่ดีอีกหรือเปล่า ทำไมพ่อไอสิงโตมันต้องการอะไรอีก! ผมนั่งคิดไปสักพักพี่อ๊อฟก็มาบีบแตรเรียก ผมก็เตรียมกระเป๋าแล้วก็ออกไปหามันแล้วก็พากันไปโรงเรียน พอถึงก็แยกย้ายกัน ผมก็ไปหาเพื่อนๆ พวกมันก็พูดถึงไอสิงโตร้องไห้เมื่อวันนั้นอีกผมฟังเรื่องนี่มา 3 วันแล้ว พวกมันก็ไม่จบสักที เพราะยิ่งพูดผมก็ยิ่งดูเลวในสายตาเพื่อน ผมก็นั่งฟังไปงั้นแหละ ขี้เกียจจะเถียงกับพวกมันและเพราะผมมีเรื่องหนักใจกว่านั้นอีก ทำไมนะ เขาจะอยากเจอผมทำไมอีก ก็คิดนั้นแหละ คิดทั้งวันจนไม่เป็นอันเรียนจนเวลาพักเที่ยงพวกเราก็พากันไปกินข้าวกัน พวกมันก็กินไปคุยไป วันนี้ผมรู้ตัวเองเลยว่าไม่ค่อยพูดติดจะเหม่อด้วยซ้ำ เป็นใครก็ต้องคิดมาก....
“เป็นอะไรวะมึง นท!” ปอสะกิดผม ผมก็หันไปมอง
“ปะ..เปล่า ไม่มีอะไร” ผมตอบแบบเหนื่อยๆ
“กินข้าวดิวะมึงจะเขี่ยทำไม เขาจะกินกันจะหมดแล้ว” ปอพูดเสียงดุ
“รีบกินเลยไอนท” ไอมินข้าวเต็มปากก็ยังจะพูด
“เป็นอะไรหรือเปล่ามึง” ไอวิวถามอย่างเป็นห่วง
“นั่นดิ ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ” ไอนัทมองอย่างสงสัย
ผมก็มองพวกมันนิ่งๆแล้วก็ก้มหน้ากินข้าวไป พวกมันก็ถามกันอีกผมก็ทำไม่สนใจจนกินเสร็จก็พากันไปหาขนมกิน ผมก็แยกบอกพวกมันจะไปเข้าห้องน้ำ ตอนแรกจะตามมากัน ผมก็บอกจะไปคนเดียวมันก็เออออกันไป ผมก็เดินไปล้างหน้าสักหน่อยจะได้สดชื่นขึ้น พอล้างหน้าเสร็จก็เข้าห้องน้ำไปฉี่ พอออกมาก็ต้องตกใจไปนิด ไอแบงค์นั่นเองมันหายหัวไปตั้งหลายวันทำไมต้องโผล่มาช่วงที่ผมเครียดๆด้วยก็ไม่รู้ ไม่รู้มันจะหาเรื่องอะไรผมอีก ผมก็มองมันนิ่งๆ มันก็มอง.....
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์กู” ไอแบงค์พูดเสียงดุ
“ถอย” ผมพูดแล้วก็เบี่ยงตัวจะออกจากห้องน้ำมันก็ขวางไว้ “ไอแบงค์วันนี้กูไม่มีอารมณ์จะมาเล่นกับมึงหรอกนะถอย!” ผมขึ้นเสียงใส่มันแล้วก็ดันมันออก มันก็ออก ผมก็เดินออกจากห้องน้ำไปมันก็ตามมา
“เป็นอะไรวะ” ไอแบงค์ถามเหมือนเป็นห่วง แน่นอนว่าผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันเลย
“ไปไกลๆกูไป” พูดอย่างรำคาญแล้วเดินหนีมัน มันก็ไม่ตามมาแล้ว ผมก็เดินขึ้นตึกเรียนไป
พอขึ้นตึกมาเพื่อนๆผมก็ยังไม่มา สงสัยกำลังมาผมก็นั่งรอเล่นโทรศัพท์ ไอสิงโตก็ทักมาไม่หยุด ผมก็ไม่สนใจดูเฟสอะไรไปเรื่อยๆจนเพื่อนๆ ขึ้นมาพวกมันก็มานั่งเม้ากันจนครูเข้านั่นแหละ ก็เรียนกันไปจนเลิกเรียนผมก็แยกกับพวกมันแล้วเดินไปหาพี่อ๊อฟเพื่อจะไปบอกมันว่าวันนี้จะไปธุระกับป๊า  แต่ต้องมาเจอภาพหงุดหงิดตาอีกก็คือ อีผีพลอยอีกแล้ว วันนี้ผมไม่มีอารมณ์จะมาต่อต้านใครแล้ว ผมก็เดินเข้าไปหาพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟมันสะดุ้งนิดหน่อยแต่ก็ปรับหน้าเป็นปกติ....
“มะ...มึงคือ กู” พี่อ๊อฟมันอึกอัก
“วันนี้จะไปธุระกับป๊านะไม่ได้กลับด้วย ไม่ต้องคิดอะไรนะ ผมแค่เหนื่อยๆ” ผมบอกมันแล้วก็เดินหันหลังมาเลย โดยไม่สนใจอีผีพลอยแม้แต่นิด
มันก็เดินตามมาเรียกผมนะแต่ผมก็วิ่งไปเลย เพราะป๊าโทรมาแล้วคงมารอหน้าโรงเรียน ผมยังไม่อยากรับรู้อะไรเพิ่มเติม ผ่านวันนี้ไปก่อนแล้วกัน ขอเก็บแรงไว้สู้กับเสือตัวใหญ่ก่อน เพราะต้องเข้าถ้ำเสือนี่นะ ส่วนพี่อ๊อฟก็คงคิดว่าผมโกรธแล้วมั้ง ช่างเถอะไว้ค่อยเคลียล์ผมเดินไปขึ้นรถ ป๊าก็พูดนู่นพูดนี่ให้ฟัง ผมก็นั่งมึนๆไป กดดันไม่อยากไปแต่ก็ต้องได้ไป เฮ้อ! ถ้าผมไม่ไป เดี๋ยวป๊าก็จะกลายเป็นคนเสียคำพูดอีก (หนังสือการ์ตูนก็อีกเรื่องน้า5555) และพ่อไอสิงโตต้องการอะไร ผมไม่เข้าใจอะไรเลย พอถึงบ้านมันผมก็ทำตัวนิ่งๆ พ่อมันออกมารอรับแล้ว ไอสิงโตก็อยู่ผมเห็นรถมันจอดอยู่แต่ตัวมันไปไหนไม่รู้ผมไม่สนใจ พอลงรถก็เดินไปหาพ่อสิงโต ผมก็เดินไม่ห่างป๊านะ (ผมขอเรียกลุงโรจน์แล้วกัน)….
“สวัสดีครับ” ไหว้ตามมารยาท ผมยืนอยู่ข้างหลังป๊า ลุงเขาก็พยักหน้ารับ
“มายากไหมกรานต์” หันไปถามป๊า
“นิดหน่อย” ป๊ายักไหล่อย่างกวนๆ ทำตัวเป็นวัยรุ่นตลอด
แล้วเขาก็คุยกันไปครับผมก็ยืนเงียบๆ เขาพาเข้าไปห้องรับแขก ผมก็ไปนั่งฟังตอนนี้เหมือนรอแม่ไอสิงโตทำกับข้าวเสร็จ ผมก็นั่งรออย่างเงียบๆเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ป๊าก็ชวนผมพูดบ้าง ผมก็เออออไป แล้วน้องซินก็เดินผ่านมา พอเห็นผมทำท่าตกใจเหมือนเห็นผี.....
“พี่นท!” วิ่งมาหาผม
“ครับ” ป๊าก็มองอย่างสงสัย
“รู้จักน้องเขาดหรอนท” ป๊าหันมาถามอย่างสงสัย
“นิดหน่อยป๊า” ยิ้ม พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“พี่นทเป็นยังไงบ้างคะ” น้องซินจับแขนผมไปลูบ ซึ่งมันไม่เป็นอะไรแล้ว เหลือแต่แผลเป็นรอยเล็บนิดหน่อย
“ไม่เป็นอะไรครับ” ผมดึงมืออกมาแล้วก็ถอยห่างแล้วก็ก้มเล่นโทรศัพท์ต่อ ผมเห็นน้องซินหน้าหงอย แต่ผมก็ต้องทำใจแข็งแหละ ไม่อยากมีปัญหา
น้องซินก็ชวนผมคุยไปสักพักพอผมไม่เล่นด้วย น้องซินก็เดินตึงตังออกไป ผมก็ไม่ได้เงยขึ้นมามองแต่อย่างใด จนแม่สิงโตมาตาม ตอนแรกเขาก็ทักทายผมใหญ่เลย ผมก็ทักทายตามมารยาทแล้วก็นิ่งๆไป ป๊าก็ดูสงสัยนะ แต่ห่วงคุยกับลุงโรจน์มากกว่า แล้วก็พากันไปนั่งที่ห้องกินข้าว ไอสิงโตกับน้องซินก็มา มันชะงักไปนิดที่เห็นผม ผมก็มองนิ่งๆไม่ได้พูดหรืออะไรก็กินข้าวกันไป น้องซินก็ชวนผมคุยใหญ่เลยครับ ผมก็ตอบบ้างตามมารยาท ป๊ากับลุงโรจน์ก็คุยกันแบบเมามันส์มาก โดยเฉพาะลุงแกนะ ป๊าจะกินก็คุยอยู่นั่นแหละผมขำท่าทางป๊าจริงๆ พอกินเสร็จก็ตบของหวานกันไป.....
“เด็กๆ ทานเสร็จก็พากันไปเล่นก่อนก็ได้นะจ้ะ พ่อๆเขาจะคุยกัน” คุณแม่บอกอย่างใจดี ไอสิงโตยิ้มบานเลย
“ผมนั่งรอได้ครับไม่เป็นอะไร” ผมยิ้มหวานให้ แม่สิงโตก็ยิ้มตอบแล้วเดินไปไหนไม่รู้
“พี่นทค่ะไปช่วยหนูดูการบ้านหน่อยได้ไหมคะ” น้องซินทำหน้าหมองๆเสียงหงอยๆ
“น้องก็ให้พี่น้องสอนสิครับ” บอกอย่างไม่ใส่ใจแล้วกดโทรศัพท์เล่นไป
“นท! น้องมาขอก็ไปช่วยสิ” ป๊าทำเสียงดุ พร้อมส่งสายตาอาฆาต ผมก็มองแบบไม่พอใจ
“ก็ได้ครับๆ” ผมก็มองไปที่น้องซิน “ไหนละครับการบ้าน” ผมถามอย่างอ่อนโยน
“ไปทำในห้องเล่นหนูนะคะ” ดึงมือผม ไอสิงโตก็มอง
“ทำตรงนี้ดีกว่าครับ เพราะพี่ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่ ถ้าไม่เข้าใจจะได้ถามผู้ใหญ่ด้วยไงครับ” บอกปัดๆแบบทำหน้าจริงจัง
“ก็ได้ค่ะ” เดินหงอยไปเลย
ผมก็นั่งรอ ไอสิงโตก็นั่งมอง ป๊าก็คุยกับลุงโรจน์ไป ตอนนี้เราย้ายมานั่งที่ห้องนั่งเล่นใหญ่แล้ว ป๊าก็คุยนานจริงๆ ผมเริ่มเบื่อแล้วนะเนี่ย แล้วนี่ลุงแกก็พาป๊าไปไหนก็ไม่รู้แล้ว ตอนนี้ในห้องเหลือผมกับไอสิงโต ผมก็ไม่สนใจนั่งก้มเล่นมือถือไป ไอสิงโตก็มอง แล้วสักพักน้องซินก็ถือสมุดมา บอกผมว่าไม่เข้าใจตรงนั้นตรงนี้ ผมก็อธิบายไปน้องซินก็เหมือนแกล้ง ผมว่ามันไม่ได้ยากอะไรเลย แต่น้องซินเขาก็ทำเป็นไม่เข้าใจ....
“คือพี่ก็สอนได้เท่านี้นะครับ ทำไมน้องเข้าใจยากจัง” ผมพูดด้วยเสียงเหนื่อยๆพร้อมเอามือเกาหัว
“พี่นทค่ะ ซินก็เบื่อค่ะ ไปเดินเล่นกันไหมคะ” บอกผมอย่างอารมณ์ดี
“ไม่เอาดีกว่าครับ พี่รอนี่แหละน้องไปเล่นเถอะ” ยิ้มอย่างอ่อนโยน
“พี่นทอ่ะ!” ทำหน้างอแล้วก็เดินตึงตังออกไป
ตอนนี้ในห้องก็เหลือผมกับไอสิงโตเหมือนเดิม ผมมองมันนิดหน่อยแล้วก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไปสักพักลุงโรจน์ก็เดินเข้ามา ผมตกใจนิดหน่อยแต่ก็ปรับสีหน้าทัน ป๊าไปไหนเนี่ย ผมก็ไม่สนใจ ลุงแกก็เดินมานั่งใกล้ๆผม ผมก็ถอยห่างนิดหน่อย ไอสิงโตก็กำลังเดินมา....
“สิงโตไปสั่งลุงยูรล้างรถให้ป๋าหน่อยไป” บอกเสียงเข้ม ผมก็เงยหน้ามอง คืออะไร ตอนนี้จะโดนอะไรอีก
“นทไปกับกูป่ะ” สิงโตเข้ามาดึงแขนผม ประมานไม่อยากให้ผมคุยกับพ่อมัน
“สิงโต!” ตะคอกแล้ว ผมสะดุ้งไปเลยไอสิงโตก็เดินฟึดฟัดไป
“ผมขอตัวไปหาป๊านะครับ” แล้วก็ลุกขึ้น แต่ตามเดินครับลุงแกก็กระชากผมนั่งลง
“คุยกันก่อนสิ!” ลุงแกพูดเสียงนิ่งผมก็มองนิ่งๆ
“ป๊าไปไหนครับ” มองหาอย่างสงสัย
“คุยกับคุณแพรอยู่ที่สวนด้านนอก” คุณแพรคือแม่ของไอสิงโต
“ครับ” แล้วหันไปมองหน้าลุงโรจน์ ก็มองผมนิ่งๆ ผมก็มองกลับ
“ป๋าคะ มาทำอะไรตรงนี้คะ!” อยู่ๆน้องซินก็เดินพรวดพราดเข้ามาอย่างหัวเสีย
“ป๋าคุยกับพี่เขาอยู่ไปรอข้างนอกนะซิน” บอกอย่างใจเย็น
“ไม่ค่ะ หนูไม่ให้คุยไปกันค่ะพี่นท” ดึงแขนผม ผมก็ลุกตามเพราะจริงๆผมก็ไม่อยากคุยอะไรสักเท่าไหร่
“ซิน!” ขึ้นเสียงใส่ซิน ซินสะดุ้งเฮือก ผมก็ตกใจไม่น้อย
“ป๋าตะคอกใส่หนูทำไมคะ” พูดเสียงสั่นน้ำตาคลอ
“น้องซินครับ” เข้าไปโอบไหล่น้องเขาไว้ เขาก็กอดผม ผมก็มองหน้าพ่อของไอสิงโตอย่างไม่พอใจ “ผมขอนะครับ โกรธอะไรด่าผมตะคอกผมเถอะครับ น้องเขาไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้นนะครับ” ผมพูดเสียงแข็ง แบบไม่พอใจ แสดงออกมาชัดเจน
“ฉันแค่จะคุยกับเธอดีๆเท่านั้นแหละ!” หันมาบอกผมอย่างหัวเสีย “ซินป๋าขอโทษนะลูก” น้องซินถดตัวหนี ลุงแกชะงักไปนิด
“น้องซินพี่ขอคุยกับป๋าน้องแปปนึงนะครับแล้วเดี๋ยวพี่จะเดินไปหาที่ห้องเล่นดีไหมครับ” บอกอย่างใจเย็น
น้องซินตอนแรกก็ไม่ยอมไป ผมก็พูดจนน้องเขายอมลุงแกก็พาผมเข้าไปห้องทำงาน ผมมองไปนอกหน้าต่างเห็นป๊าคุยกับแม่สิงโตอยู่ตรงสวนข้างบ้าน พอเข้ามาห้องทำงานพ่อมันก็ล๊อคห้องปิดม่าน เหมือนเดิม ผมไม่เข้าใจทำไมต้องทำอะไรมิดชิดขนาดนี้ ผมก็ยืนนิ่งๆ มองนิ่งๆ......
“ฉันประทับใจนะที่เธอทำได้” ลุงแกพูดเสียงนิ่งๆมองผมนิ่งๆ ผมก็ไม่รู้เขาพูดถึงอะไร “นั่งก่อนสิ” ชี้เก้าอี้ตรงข้ามกับโต๊ะที่ลุงแกนั่ง
“ไม่เป็นอะไรครับ” ผมบอกอย่างเกรงใจ
“นั่งเถอะ!” พูดเสียงแข็ง ผมก็เลยพยักหน้าแล้วไปนั่ง เพราะไม่อยากมากความ ถึงอยากจะกลับบ้านแล้วก็ตาม
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” พูดอย่างไม่ใส่ใจ ผมก็หันไปมองรอบห้อง
“ มีสิ” ยื่นรูปให้ผม เป็นรูปผมทั้งนั้น รูปเดี่ยวๆเลย บางรูปก็ตลกเชียวบางรูปผมก็เหวอๆ ผมก็มองอย่างสงสัย แต่ดูจากรูป รูปพวกนี้มันนานแล้วนี่นา เพราะตอนนั้นผมจำได้มันรูปเมื่อปีที่แล้วหรือสองปีแล้วได้มั้ง “รูปพวกนี้มันอยู่ในห้องนอนสิงโต และก็คงไม่ต้องเดานะว่าไอสิงโตมันเก็บรูปเธอไว้ทำไม” ผมอึ้งเลยสิ ไอรู้มันก็รู้แหละแต่นี่มันอะไรกันอย่าบอกนะที่พ่อมันไม่พอใจผมก็เพราะเรื่องนี้ “ใช่...ไม่ต้องทำหน้าตกใจอย่างนั้นหรอก ที่ฉันไม่อยากให้เธอยุ่งกับสิงโตเพราะเรื่องนี้เนี่ยแหละ ฉันมีลูกชายคนเดียว ฉันไม่อยากให้ลูกฉันเดินทางผิดเธอคงเข้าใจใช่ไหม” พูดเสียงเครียดแล้วกุมขมับเหมือนแกปวดหัว
“ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแล้วครับ เพราะที่ผมทำไปก็ตัดทุกอย่างแล้ว ผมไม่ยุ่งกับสิงโตแล้วครับ อีกอย่าง ผมมีแฟนแล้วด้วย ผมไม่สนใจมันสักนิด” ผมบอกอย่างจริงจัง เรื่องนี้ถ้าเขาจะรับไม่ได้ก็ไม่แปลกผมเข้าใจดี และดีกว่านั้นคือดีที่ผมไม่หลงไอสิงโตมันไม่งั้นละช้ำตายแน่ๆ พ่อสามีไม่ให้ความร่วมมือ555
“ใช่มันเป็นอะไรที่ดี แต่ตอนนี้ลูกฉันไม่คุยกับฉันเลย ทั้งซินและสิงโต เขาไม่พอใจฉันที่ฉันทำแบบนี้” ผมมองนิ่งๆ คิดในใจก็สมควรแล้วนี่ แกทำหน้าเครียดแบบเห็นได้ชัด คงจะรักลูกมากจริงๆสินะ
“ครับ แล้วยังไงเหรอครับ ผมก็ทำตามที่คุณบอกแล้วไงครับ” ตอบนิ่งๆพ่อไอสิงโตก็ทำหน้าเครียดอยู่นั่นแหละ ผมไม่อินด้วยหรอกนะ ก่อเรื่องไว้ก็ต้องแก้ให้ได้ เรื่องบางเรื่อง ถึงจะเป็นเรื่องของเด็ก ก็ควรจะให้เด็กจัดการ หากผู้ใหญ่เอามือเอื้อมเข้ามายุ่ง และนี่คือผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึง!
“เธอไม่ได้ชอบผู้หญิงใช่ไหม” ถามทำหน้าจริงจังมาก
“ครับ” ตอบแบบมั่นใจมาก นี่มันยุคไหนแล้ว จะมานั่งแอ๊บแมนเอาใจผู้ใหญ่ มันก็ไม่ใช่เรื่อง
“แล้วเธอชอบสิงโตมันหรือเปล่า” ถามเสียงเครียด ผมชะงักไปนิดนึงแล้วก็ตอบไป....
“ผมมองสิงโตเป็นเพื่อนที่ดีมาตลอด และอีกเรื่องที่ผมอยากบอกคือ ผมไม่เคยต้องการอะไรจากสิงโตเลย ทุกครั้งที่ผมไปเที่ยวกับมัน มันจะคอยจ่ายให้ผมซึ่งผมปฏิเสธมันแทบจะทุกครั้ง บางครั้งก็ออกให้มันบ้างด้วยซ้ำ ส่วนเรื่องเกมส์หรือของเล่นผมไม่ต้องการมันอยู่แล้ว ป๊าผมมีให้ผมไม่ขาดแคลนไม่ต่างไปจากที่สิงโตมีเลย ที่บอกไม่ใช่จะพูดให้ตัวเองดูดีนะครับ แค่อยากให้คุณเข้าใจให้ถูกเท่านั้นครับส่วนคุณจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่คุณแล้วล่ะครับ” พูดอย่างจริงจัง พ่อมันชะงักไปนิด
“ระ...เรื่องนั้นฉันก็พอรู้อยู่แล้ว”น้ำเสียงอ่อนลง “ฉันพอจะรู้มาตลอดนะว่าเธออะเป็นเด็กดี อย่างซินเข้ากับใครไม่ค่อยได้ พอมีเธอเขาก็ดูร่าเริงขึ้น สิงโตที่ชอบทำตัวขรึมๆมันก็ยิ้มได้บ่อยๆ เรื่องนี้ฉันยินดีและขอบคุณเธอนะ” ยิ้ม นั้นคือยิ้มแรกที่ผมได้รับ แต่ผมไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด
“ไม่เป็นอะไรครับ”ผมก็ไม่รู้แล้วว่าเขาต้องการอะไร ใจนึงก็คิดนะ ถ้าผมดีจริงเขาคงไม่ทำกับผมแบบนี้หรอก
“และก็ขอโทษเธอด้วยที่ทำไม่ดีกับเธอ” ลุงแกเดินอ้อมมาจับแขนผมแล้วลูบๆ
“ไม่เป็นอะไรครับ” ผมดึงมือคืนมาแล้วก็ถอยห่าง
“แต่ฉันอยากให้เธอเข้าใจฉันนะ ฉันมีลูกชายคนเดียว” ทำเสียงหดหู่แล้วนั่งข้างๆผม
“เข้าใจครับ” ผมมองเขาไม่ละสายตา
“ฉันก็ไม่รู้ ว่าควรจะทำยังไงต่อ แต่สิงโตและซินโกรธฉัน....ฉันคงเป็นพ่อที่แย่มากเลยสินะ”ทำเสียงเศร้ามากแล้วทำหน้ากังวล
“จริงๆแล้วคุณเป็นพ่อที่ดีนะครับ ดูเป็นห่วงและรักสิงโตกับซินมาก ผมว่าคุณง้อพวกเขาบ่อยๆเดี๋ยวพวกเขาก็หายโกรธคุณเองแหละครับ ผมก็พูดได้แค่นี้ เพราะเมื่อผมโกรธป๊าป๊าก็มักจะง้อผมบ่อยๆ จนผมใจอ่อนเอง” พูดแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข เพราะพูดไปนึกถึงเวลาที่ป๊าง้อผมไป
“เฮ้อ! เธอว่าฉันทำถูกไหมที่ทำแบบนี้” หันมาทำเสียงนิ่งๆ
“คงถูกแล้วแหละครับ” (ยิ้ม) “ผมเชื่อว่าพ่อทุกคนมีเหตุผลของตัวเองนะครับ และเหตุผลของคุณตอนนี้ก็คือการที่ไม่อยากให้สิงโตเดินทางผิด เรื่องนี้ผมเข้าใจดีครับ” ยิ้มแล้วจับมือลุงแก “ผมเป็นกำลังใจให้นะครับ” ยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วก็กระชับมือแน่นๆลุงแกก็มองนิ่งๆ “ผมขอตัวนะครับป่านนี้ป๊าคงรอแล้ว และผมอยากบอกให้คุณรู้นะครับว่าตอนแรกผมโกรธและเกลียดคุณมาก แต่พอผมได้ยินวันนี้ผมเข้าใจและไม่โกรธคุณแล้วครับ และต้องขอโทษคุณด้วยที่ทำท่าทีไร้มารยาทกับผู้ใหญ่ และก็ต้องขอโทษที่ทำให้สิงโตและซินโกรธคุณ ผมจะคุยให้นะครับ” ผมยิ้มให้แกอย่างจริงใจ แกทำหน้าเหมือนสำนึกผิดมาก
“ไม่ต้องขอโทษหรอกฉันต่างหากที่ต้องขอโทษเธอ และขอบคุณมากนะ 2-3 วันมานี่ฉันมองหน้าลูกไม่ค่อยติดเลย”พูดเสียงเศร้า ผมก็พยักหน้าแล้วก็กระชับมือแน่นขึ้น
“ครับไม่เป็นอะไรเลย แล้วทุกอย่างมันจะผ่านไปด้วยดี” ยิ้มแล้วคลายมืออก “ผมขอตัวนะครับ” แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตู สิงโตกับน้องซินก็ยินรออยู่เหมือนว่าแอบฟังแหละแต่ดูเหมือนห้องนี้จะเก็บเสียงดีด้วยสิ
“พี่นท ป๋าทำอะไรพี่นทหรือเปล่าคะ” จับตัวผมดู ทำเสียงตื่นตระหนกด้วยนะ
“พี่ไม่เป็นอะไรครับ” ยิ้มไอสิงโตก็มองไปทางพ่อมันด้วยหน้าที่ไม่พอใจ ผมก็ไม่สนใจเดินผ่านไป น้องซินก็เดินตามมา
“พี่นทบอกจะไปเล่นห้องซินนี่คะ” ทำเสียงหงอยๆ
“ไปสิครับ พูดแล้วนิเนอะ” ยิ้ม น้องซินยิ้มบานเลย
ผมกับน้องซินก็เดินไปห้องเล่นของน้องกัน ไอสิงโตเหมือนจะเดินเข้าไปคุยกับพ่อมัน พอเข้ามาในห้องน้องซินก็พูดใหญ่เลย จับนู่นนี่ออกมาเล่น ผมก็นั่งมอง น้องซินนี่เด็กน้อยน่ารักจริงๆ.....
“น้องซิน” ผมเสียงหวาน
“คะ” เงยหน้าขึ้นมามองผม
“น้องซินต้องไม่โกรธป๋านะรู้หรือเปล่า” ผมลูบหัวน้องซิน
“แต่ป๋าแกล้งพี่นทนะคะ” น้องทำหน้าไม่พอใจ
“นั่นก็เพราะป๋าของน้องเขามีเหตุผลนะสิ น้องซินสัญญากับพี่นะว่าจะไม่โกรธป๋า” บอกอย่างจริงจังแล้วยกนิ้วก้อยขึ้นมา น้องซินเหมือนลังเลแต่ก็ยอมพยักหน้าแล้วเอานิ้วก้อยขึ้นมาคล้อง
“สัญญาค่ะ” ยิ้มบาน
“งั้นน้องซินต้องไปขอโทษแล้วก็พูดดีๆกับป๋านะครับ ไม่งั้นพี่ไม่เล่นด้วยแล้วนะ”ผมทำหน้างอ น้องซินพยักหน้ารัว
“ได้ค่ะๆ ซินสัญญาซินจะทำตั้งแต่ตอนนี้เลย มาสิค่ะพี่นทต้องดูด้วยนะ” ยิ้มแล้วลุกขึ้นดึงผมให้ตามไปด้วย
น้องซินก็พาผมออกห้องแต่ต้องตกใจนิดนึงไอสิงโตมันมายืนอยู่หน้าห้อง แอบฟังชัวร์เลย ผมคาดว่าเรื่องนี้แม่มันไม่รู้แน่นอน ดูจากอาการแล้ว ป๊าก็ยังคุยไม่เสร็จสักที น้องซินก็ลากผมไปหาลุงโรจน์แล้วก็วิ่งเข้าไปกอดไปขอโทษอย่างที่บอกนั่นแหละ ผมก็มองด้วยรอยยิ้ม น้องซินนี่น่ารักจริงๆ พ่อมันดีใจมากเลยสินะยิ้มใหญ่เลย ส่วนไอสิงโตก็เดินมายืนข้างๆผม....
“มึงก็ด้วยนะ ถือว่ากูขอร้อง”หันไปบอกมันเพราะแน่นอนว่ามันต้องได้ยินที่ผมพูด มันก็พยักหน้าด้วยหน้าเศร้าๆ ผมก็ดันมันเข้าไปนั่นแหละ พ่อมันก็มองมันก็มองพ่อมัน
แล้วมันก็อึกอักนะตอนแรก แต่แล้วมันก็ยอมพูดขอโทษพ่อมันแล้วก็เดินเข้าไปกอด ผมยกนิ้วโป้งให้มันกับน้องมัน พ่อมันหันมายิ้มให้ผมผมก็พยักหน้ารับ แล้วผมก็เดินไปหาป๊าไปนั่งดูเขาคุยกัน ตอนนี้รู้สึกแบบโล่งจริงๆ พ่อมันคงเข้าใจอะไรมากขึ้นแหละมั้ง
ส่วนเรื่องที่ผมกับไอสิงโตต้องเลิกคบกัน ก็คงต้องเป็นไปแบบนั้นแหละ เพราะผมก็เข้าใจพ่อมันดี พ่อมันคงไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ตามแบบคนหัวโบราณ เป็นเรื่องที่ถ้าผมมีแฟน ผมก็กังวลว่าพ่อแม่เขาจะเป็นแบบนี้ เหมือนตอนที่กังวลตอนไปบ้านพี่ไอซ์ตอนแรก ผมเข้าใจแล้ว ว่าการที่เป็นเพศที่ 3 พ่อแม่บางคนก็รับไม่ได้ และไม่ได้เข้าใจไปทั้งหมด ผมที่โกรธพ่อมันเป็นฝืนเป็นไฟ ขอยกโทษให้เขาโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรอีกต่อ.......
กว่าป๊าจะคุยอะไรเสร็จเล่นแบตโทรศัพท์ผมหมดเกลี้ยงเลย ก็เข้าไปในบ้านแล้วก็ร่ำรากันนิดหน่อย ไอสิงโตก็มองผม น้องซินยิ้มใหญ่เลย ผมไม่ได้เป็นคนดีอะไรที่ทำให้พวกเขาเข้าใจกันหรอก แต่ผมไม่ชอบให้ใครต้องมาโกรธเกลียดกันเพราะผม แล้วยิ่งเป็นเรื่องพ่อลูก เรื่องครอบครัวยิ่งไม่ได้เลย ผมไม่โอเค คุณลองคิดสิถ้ามันเกิดขึ้นในบ้านคุณคงไม่มีใครโอเคหรอก แต่ผมว่าสิงโตและซินก็คงรู้สึกผิดอยู่ลึกๆนั่นแหละไม่งั้นคงไม่ยอมขอโทษหรอก ส่วนลุงโรจน์แกคงจะรักลูกมากจริงๆ....
“3 พ่อลูกนี่ยังไง เมื่อวานยังงอนๆกันอยู่เลย” คุณแม่ถามอย่างแปลกใจ
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะคุณแม่” ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
แล้วก็พูดคุยกันอีกนิดหน่อยป๊ากับผมก็พากันกลับ ไอสิงโตก็มาส่งผมขึ้นรถผมก็ยิ้มให้มัน ผมว่ามันคงเข้าใจผิดว่าทุกอย่างจะต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ผมว่าก็ปล่อยให้มันเข้าใจแบบนี้ไปแหละ เพราะถ้าอธิบายตอนนี้ ทุกอย่างคงแย่ลงกว่าเดิม ป๊าก็พูด ที่ไปคุยกับแม่ไอสิงโตเพราะเขาจะชวนป๊าทำธุรกิจเสื้อผ้าอะไรพวกนั้นผมก็ไม่เข้าใจก็เออออตามไป จนถึงบ้านแม่ก็ยังไม่กลับป๊าบ่นใหญ่เลย แม่ไปปาร์ตี้กับแก๊งแม่ๆในหมู่บ้าน ผมก็ขึ้นบ้านไปแต่ต้องตกใจหนักมาก เพราะไอพี่อ๊อฟมันนอนอยู่บนเตียงผม....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:51:13
“พี่อ๊อฟ!” เขย่าตัวมัน มันค่อยๆลืมตาขึ้นมา “มาได้ยังไงเนี่ย!” ผมถามอย่างตกใจ
“ก็เดินเข้ามา...” มันยิ้ม ทำท่างัวเงีย
“แต่บ้านผมไม่มีคนอยู่นะ!” มองอย่างตกใจ นี่มันเป็นนักย่องเบาขึ้นบ้านหรือเปล่าเนี่ย
“แม่มึงอยู่เถอะตอนกูมา” มันบอกผมอย่างหงุดหงิด แสดงว่ามันมาตั้งแต่เลิกเรียนน่ะสิ เพราะแม่ผมไปตอนเย็นๆ
“นี่มานานแล้วใช่ไหมเนี่ย!” ผมนั่งลงข้างๆมัน
“ก็ตั้งแต่มึงเดินหนีกู..” กระเถิบมากอดผม
“ไม่ได้เดินหนี คือมันเป็นงี้...” แล้วผมก็เล่าให้มันฟังไป มันเด้งตัวขึ้นมานั่งฟังอย่างตั้งใจอะ พอเล่าจบมันยิ้มบานเลย
“สุดท้ายไอสิงโตก็เลิกยุ่งกับมึง555”พี่อ๊อฟหัวเราะได้ชั่วร้ายมาก
“ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“แต่ก็สมัยนี้แล้วเนอะ พ่อมันอะไรจะขนาดนั้น!” พี่อ๊อฟทำท่าคิด
“นั่นสิ แต่ก็เข้าใจนะ ไอสิงโตมันเป็นลูกชายคนเดียว พ่อมันคงอยากให้สืบทอดอะไรของเขาแหละมั้ง” ยิ้มพูดแบบไม่ใส่ใจ ว่าแต่พ่อพี่อ๊อฟรับได้ปะเนี่ย ผมเริ่มกลัวแล้ว” ผมกังวลเลย มาเจอแบบนี้
“รับไม่ได้ก็พาหนีเลยสิครับ” มันพูดแล้วก็ล้มตัวนอนตักผม
“เอาดีๆดิ นี่ผมนึกว่ามีแต่ในนิยายนะเนี่ย! ถ้าพ่อพี่อ๊อฟเป็นแบบนี้ผมไม่ช้ำใจตายเลยเหรอ” คิดแล้วก็เศร้า เพราะถึงผมกับครอบครัวพี่อ๊อฟจะดูสนิทสนมกันแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะรับได้นะ
“เห้ย! ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย กูบอกพ่อกูแล้ว พ่อกูรับได้ ถ้ารับไม่ได้มึงคงเข้าบ้านกูไม่ได้มึงก็รู้” ลุกขึ้นมาพูดแบบจริงจัง แล้วลูบแก้มผม ก็จริงอย่างมันว่านะ เพราะพ่อมันดุมาก เป็นครูสอนยิงปืนผมกลัวจริงๆแต่จะใจดีกับผมมาก ไม่รู้เพราะอะไรอาจจะเพราะที่พี่อ๊อฟไปบอกว่าผมเป็นแฟน?ใช่หรือเปล่าก็ไม่รู้
“แน่ใจเหรอ” ถามอย่างไม่มั่นใจ
“แน่ดิ พ่อกูที่เขาไม่พูดเพราะไม่อยากยุ่งต่างหาก เดี๋ยวเขาจะแกล้งมึง เขายิ่งเอ็นดูมึงอยู่ด้วย เขาเคยบอกไว้” พูดแล้วยิ้ม ไม่เดี๋ยวละม้าง เจอผมทีไรหาเรื่องได้แกล้งตลอด อย่างวันนั้นผมไปหามันที่บ้าน พ่อมันก็ใส่หมวกโม่งถือปืนมาขู่ผม ปลอมเป็นโจรไรงี้ หัวใจผมแทบวาย และอีกเยอะไปหมด
“ก็ดีแล้ว” พูดอย่างโล่งใจ “เออ แล้ววันนี้คุยอะไรกับมันอีก” คิดได้เริ่มไม่พอใจแล้วสิ
“เออๆ เรื่องนี้แหละที่กูมาหามึง” ทำหน้าจริงจังมาก ผมก็ตั้งใจฟัง “ก็วันงานโอเพ้นเฮ้าส์ มันพาแม่มันมาแล้วแม่มันก็ชอบรูปที่กูเคยวาดให้พลอยมัน แม่มันเลยขอให้กูไปวาดให้ ตอนในงานกูปฏิเสธไปแล้ว แต่วันนี้มันยังมาตามตื้อกูอีก เอายังไงดี”
“อยากไปเหรอถึงเอามาคิดมากแบบนี้” ผมมองอย่างจับผิด
“ไม่อยากเลย มันหาข้ออ้างเก่งมาก แถมขู่กูอีกว่าจะไปบังคับครูประจำชมรมกูให้มาบังคับกูให้ไปทำ” มันทำหน้าเซ็งๆ “มึงก็รู้พวกครูชอบมันจะตายกูอึดอัด” พูดอย่างเบื่อหน่าย
“ไม่ต้องไป และไม่ต้องสนใจ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ยอมให้ไปหรอก” ผมพูดแบบจริงจัง
“เออขนาดกูอ้างมึงไปแล้วนะ มันก็ไม่ยอมเลิกตื้อและยังบอกอีกว่าไม่ได้คิดไม่ดีอะไร มันจะเอายังไงก็ไม่รู้” ดูมันทำหน้าทำตา
“ไม่ต้องพูดและไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่ต้องไป จบไหม” ผมทำเสียงดุ
“เออๆ ไปอาบน้ำไป” แล้วมันก็ลุกขึ้นถอดผ้าแล้วเข้าห้องน้ำไป ผมก็เอาหนังสือออกจากกระเป๋า “เห้ย!มาเร็วๆกูรออยู่”ชะเง้อหน้าออกมาบอก
“อะ....อาบด้วยกันเหรอ?” ถามอย่างตกใจ
“เออดิ” ยิ้มหื่น
“บ้าจริง!” เขินนะ แต่ก็เดินไปถอดผ้าแล้วก็เข้าไปห้องน้ำ คืออะไร?55
ผมก็ต้องตกใจนิดๆไอพี่อ๊อฟมันเปลือยหมดเลย ยืนหันหลังให้ผม ก็ผมใส่บ๊อกเซอร์ ผมก็ยืนหันหลังให้มันแล้วแปรงฟันไป....
“มึงจะใส่เกงเกงเข้ามาทำไม” ถามอย่างหงุดหงิด
“อายนะเว้ย!” พี่อ๊อฟมันเดินมายืนข้างหลัง ซึ่งกระจกมันสะท้อน ทำให้ผมเห็นทุกอย่าง เห็นหมดจริงๆ เล่นผมหน้าร้อนผ่าวไปหมด
“ถอดออก!” บอกอย่างไม่พอใจ ผมเขินนะเนี่ย
“ถอดให้หน่อยดิ” พูดแล้วหลบตามัน แรดสุดๆ
พี่อ๊อฟก็จับขอบกางเกงแล้วรูดลง ผมก็ยกขาให้มันเอาออกให้แล้วมันก็เอาไปไว้ในตะกร้าข้างนอกห้องน้ำ แล้วมันก็เดินเข้ามาอาบน้ำ ก็อาบกันไป พี่อ๊อฟทำให้ผมมีอารมณ์นะเนี่ยตอนมันถอด มันลูบต้นขาผมไปด้วย ขนลุกไปหมด ผมก็อ่อยมันบ้างแกล้งเอามือไปโดนของมันบ้าง มันก็ดูเหมือนจะมีอารมณ์ เพราะส่วนล่างของมันก็ชี้ฟูแล้วแต่มันก็ทำไม่สนใจ เหมือนมันแกล้งผม ก็อาบกันไปพลัดกันสระผมไปถูหลังให้กันจนเสร็จ พี่อ๊อฟก็ดูจะไม่ทำอะไรล่วงเกิน ผมหงุดหงิดจริงๆผมก็ไม่ได้รักนวลสงวนตัวขนาดนั้นจะทำอะไรก็ทำเถอะ อ่อยขนาดนี้แล้วนะเนี่ย ฮึ่ย!จริงๆปกติก็ไม่ได้อาบด้วยกันอยู่แล้ว แล้ววันนี้คือมาทำให้อยากแล้วก็จากไป คืออะไร?...
“คือแค่อาบน้ำด้วยกันงั้นเหรอ”ผมถามอย่างเซ็งๆขณะเช็ดตัว
“ก็อาบดิ มึงจะทำอะไร” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ ผมกรอกตาอย่างเหลืออด
แล้วมันก็เดินไปแต่งตัว ผมก็เช็ดตัวอย่างหงุดหงิดค้างเลย แล้วผมก็ไปแต่งตัว แล้วเดินไปนั่งข้างๆมันบนเตียง....
“พี่อ๊อฟ” ทำเสียงหวาน
“อะไร” มันก็นั่งเล่นเกมส์ในโทรศัพท์ไปปากก็ตอบแต่ไม่หันมามองผมคืออะไร ไอนี่นิ!
“เอาจริงๆก็คือไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” ถามแบบติดไม่พอใจนิดหน่อย
“จะให้กูรู้สึกอะไร หืม?” หันมามองผมด้วยหน้านิ่งๆผมก็มองแบบเซ็งๆเลย ไอว้อน ทำไมมึงไม่รู้ว้า555  “เฮ้อเมื่อยหลังจัง” แล้วมันก็ล้มตัวนอนไป
“ไอพี่อ๊อฟ!” ผมดึงโทรศัพท์ออกจากมือมัน
“อะไร” ถามอย่างใสซื่อ
“เอ่อคือ...” มันควรต้องพูดเหรอวะ โอ้ย!อายนะเว้ย!
“ไปปิดไฟด้วยกูจะนอนแล้ว” พูดเสียงนิ่งแล้วมันก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่ม
“เออก็ได้โว้ย!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด เอาจริงๆคือหมดอารมณ์แล้วแม่งตายด้านหรือยังไง
ผมก็เดินฟึดฟัดไปปิดไฟแล้วก็ขึ้นนอน นอนหันหลังให้มันนั่นแหละ ก็ตั้งแต่เป็นแฟนมันมา มันไม่เคยจะทำอย่างว่าเลย นอกจากตอนนั้นที่ผมทำมันเอง และหลังจากนั้นคือไม่มีเลย ทำไมไม่เห็นเหมือนคนอื่นๆเลย เฮ้อ! คิดแล้วเซ็ง ผมก็คิดไปคิดมาก็หลับตาลง.....
“หันมานี่ ยังไม่คิสก่อนนอนเลยนะ” ทำเสียงงัวเงีย
ผมก็หันไป เอาปากตัวเองโน้มไปจูบปากมัน แถมด้วยการกัดริมฝีปากมันด้วย....
“โอ้ย! กัดทำไมวะ” มันถอยห่างแล้วจับปาก
ผมก็ไม่ตอบอะไรนอนหันหลังให้มัน บอกตรงงอนหนักมาก อะไรกันนี่ไม่รู้จริงๆเหรอเนี่ย แล้วผมก็หลับไปนั่นแหละมันก็มากอดผมจากด้านหลัง ผมก็ไม่สนใจนอนไปเลย พอเช้ามามันหายไปไหนแล้วไม่รู้ ของมันก็หายไปด้วยคงกลับบ้านไปแล้ววันนี้วันหยุด ผมไม่รู้มันเป็นบ้าไปแล้วหรือเปล่าคืออยากทำอะไรก็ทำ ผมก็คิดไปทั่วแล้วก็ลุกไปอาบน้ำทำอะไรไป จนใกล้ๆเที่ยง ไอพี่อ๊อฟมันโทรมาบอกจะไปพาไปหาอะไรกิน ผมก็เออออไป แล้วก็มานั่งดูทีวีรอมันกับแม่นี่แหละ พอมันมาผมก็ไปด้วยหน้านิ่งๆ ไม่ถามอะไรมันเลย มันก็พูดคนเดียวไป จนถึงห้าง....
“เป็นอะไร เงียบทำไม” ถามผมอย่างสงสัย ผมก็มองมันแบบเบื่อๆ “โกรธกูที่กูหนีกลับมาก่อนเหรอ” ยิ้ม ผมก็มองมันนิ่งๆ “พ่อกูให้ไปช่วยยกของแต่เช้าเห็นมึงนอนสบายอยู่เลยไม่อยากปลุก” ทำเสียงหวาน ผมก็พยักหน้า “กินอะไรดี” หันมาถาม
“แล้วแต่” พูดนิ่งๆ
“นี่ดีกว่า ปะ!” ดึงมือผมเข้าร้านอาหารญี่ปุ่น
ผมก็นั่งนิ่งๆ มันก็สั่งไปผมไม่ต้องทำอะไรมันสั่งให้ผมเลย ประมานว่าอวดรู้ว่าผมต้องอยากกินอันนี้แน่ๆ.....
“หิวเหรอ? แปปน่าสั่งไปแล้ว” มันพูดอย่างอารมณ์ดี
“เฮ้อ!” ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น
“คุยกับใคร!” มันลุกมาดึงโทรศัพท์ผมไปดู “โอ้โหๆ! เกินไปแล้วไอนท คุยกับใครเยอะแยะเนี่ย” พูดอย่างหงุดหงิดแล้วก็ดูโทรศัพท์ผมไป
ผมก็ไม่ตอบอะไรมันก็บ่นๆอยู่คนเดียวมันนั่นแหละ จนของที่สั่งมาเสริฟผมก็นั่งกินไปเงียบๆ มันก็บ่นไป เอาจริงๆคือมันแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆเนี่ย ผมงอนยังไม่รู้อีกเหรอ น่าโมโหจริงที่ต้องมางอนมันเพราะเรื่องน่าอายแบบนี้ คิดแล้วก็ตลกจริงๆ พอกินกันเสร็จก็พากันไปเดินเล่น ผมก็ตอบมันบ้างนะเออๆออๆตามมันไปนั่นแหละ......
“เป็นอะไรไอนท นี่กูพามาเที่ยวมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ” พูดขณะเดินดูปลาในตู้โชว์กลางห้าง
“เปล่า” มองมันแล้วก็ตอบนิ่งๆแล้วหันไปดูปลาต่อ
“แล้วมึงเป็นอะไรวะ ตั้งแต่มาแล้วนะ!” นี่มันจะโกรธหรืออะไร พูดไปยิ้มไปไอเวรนี่นะ
“ประสาทป่ะ” ผมมองมันอย่างรำคาญ
แล้วผมก็เดินหนีมันไปทางอื่น มันก็เดินตามมาพูดกระแนะกระแหนผม หาว่าผมเบื่อมันนู่นนี่นั่น ผมก็ทำไม่สนใจเดินดูไปเรื่อยๆแหละ……….
“งั้นกลับเลยไอนท” มันเริ่มหงุดหงิดแล้วสินะ
“ อืม ” ผมพยักหน้าตอบ
มันก็เดินนำผมไป ผมก็เดินตามมันไป อยู่ๆก็เป็นอะไรของมัน แล้วก็พากันกลับไปบ้านมันทำไมก็ไม่รู้?.....
“มาทำไม” ผมถามอย่างสงสัย
“ทำไม มึงมาบ้านกูไม่ได้เหรอ” มันทำหน้าทำตาน่ากระโดดตบสักที
ผมไม่ตอบมัน แล้วก็เดินนำมันเข้าไปเลย วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน ผมก็นั่งรอตรงโซฟานี่แหละ สักพักมันก็เดินเข้ามา....
“ขึ้นไปบนห้องกัน” ยิ้ม ผมว่ามันบ้าไปแล้วแหละ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวกวนตีน ผมมองมันอย่างรำคาญ แล้วเดินขึ้นไปข้างบนแล้วเข้าห้องมันไปนั่งบนเตียงมันก็เอากระเป๋าตังโทรศัพท์ไปวางไว้บนโต๊ะ แล้วมานั่งข้างๆผม “เป็นอะไร” ถามผมอย่างอ่อนโยน
“เปล่า แค่ง่วง” หันหน้าหนีมัน
“งั้นนอนสิ” จับหมอนมาวางตรงตักมัน
“ไม่ง่วงแล้ว” ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
“เฮ้อ! โอเคๆ มึงนี่เกินไปจริงๆ” ยีหัวผม ผมมองมันตาขวาง “ทำไม มึงโกรธกูเพราะกูไม่ยอมทำกับมึงงั้นเหรอ” ถามไปยิ้มไป ผมชะงักไปนิด ก็สงสัยอยู่แหละว่ามันแกล้งหรือเปล่า ซึ่งมันก็จริงผมก็มองมันนิ่งๆ
“เปล่า” แล้วหันมองโทรศัพท์ต่อ
“มึงไม่คิดเหรอว่ากูก็อยากทำ” โน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมถอยห่างนิดหน่อยแล้วมองหน้ามัน
“แล้วทำไมไม่ทำเล่า” พูดแล้วก็อายจริงๆ พี่อ๊อฟมันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“กูเห็นมีคนแอบฟังอยู่หน้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าป๊าหรือเปล่า ไม่งั้นกูทำไปนานแล้ว” ยิ้มแล้วยักคิ้วให้ผม ผมตกใจสิ
“พี่เห็นได้ยังไง เราปิดประตูนะ” ผมพูดด้วยความตกใจ
“เงาใต้ประตู เห็นยืนอยู่กูว่าไม่ใช่ผีคนแน่ๆ มึงก็ให้ท่าจัง กูเก็บอารมณ์แทบไม่อยู่” พูดอย่างเซ็งๆ
“ป๊าแน่เลย ชอบทำอะไรก็ไม่รู้” คิดแล้วก็น่าโมโห คราวที่แล้วป๊าก็แอบดูผมกับพี่ไอซ์ แล้วก็เอามาพูดล้อ นิสัยไม่ดีจริงๆ
“หายงอนได้หรือยัง” มันยิ้มทำหน้ากวน ผมก็เขินอะสิ บ้าที่สุด!
“ไม่ได้งอนอะไรโว้ย!” ผมพูดกลบเกลื่อน
“ป๊าทำไมชอบเข้ามาในห้องมึงวะ ทุกครั้งที่กูไปนอนกับมึงเลย ตอนที่มึงอาบน้ำชอบเข้ามาเดินดูนู่นนี่ไปทั่ว กูถามก็บอกแค่มาดูนทเฉยๆ แล้วก็ออกไป” พี่อ๊อฟทำหน้าสงสัย
“ป๊าเป็นแบบนั้นแหละ อย่าไปสนเลย แค่หาเรื่องเอาไปล้อผมนั่นแหละ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
เพราะป๊าชอบเข้ามาเช็คของห้องผม อย่างการ์ตูนเรื่องโปรดผม ป๊าก็มักจะซื้อเล่มที่ผมไม่มีให้ตลอด หรือพวกเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ ป๊าจะมาดูให้เสมอ ส่วนแม่ก็มักจะไม่ยุ่งเพราะป๊าเป็นคนออกตัง 555 แม่ก็แค่เป็นแม่บ้านแม่เรือนที่ดีไป....
“แล้วจะทำเปล่า” มันโน้มหน้ามาใกล้ๆผม ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
“ทำอะไรเนี่ย” หันหน้าหนีเพราะเขินหนักมาก
มันกดผมลงเตียง แล้วก็โน้มหน้ามากระซิบผม...
“ก็ทำ...ที่มึงอยากทำไง” มันงับหูผมเบาๆ
และหลังจากนั้นคงไม่ต้องเดา จัดหนักจัดเต็ม จนเย็น เอาจริงๆที่งอนก็เพราะคิดว่ามันเบื่อผมหรือเปล่า ทำไมไม่ยอมทำบ้าง นอยมากพอคิดถึงตรงนี้ และอีกเรื่องคือนอยที่มันทำผมค้าง พอหลังจากเสร็จกิจกรรมอันแสนสุขใจ? ผมก็นอนไปหลับไปเลย เพราะเมื่อยมาก เหล็กจัดฟันพี่อ๊อฟบาดปากและตามตัวผมไปหมดเจ็บแต่ก็ต้องทน เพราะว้อนท์เอง จนค่ำพี่อ๊อฟก็ปลุกผมไปอาบน้ำ แล้วก็ลงไปกินข้าวกับครอบครัวพี่อ๊อฟ ก็คุยกันไปทั่ว พอเสร็จผมจะกลับพี่อ๊อฟก็ไม่ยอม มันบอกให้นอนนี่ แถมยังโทรไปบอกป๊าให้ด้วยนะ เกินไปจริงๆ แล้วก็พากันขึ้นห้อง....
“นท จัดเตียงดีๆ” หันมาบอกผมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
ผมก็จัดเตียงไป มันก็เข้าห้องน้ำ เอาจริงๆคือนี่เตียงคนหรือเปล่า ถ้ามันจะเละขนาดนี้ คิดสภาพนะผ้าปูหลุดทั้งสี่มุมไปกองอยู่กลางเตียงกับผ้าห่มและหมอน โอ้โห! เล่นเหนื่อยเลยนะ ไอพี่อ๊อฟก็ออกมาช่วยทำเสร็จก็นั่งเล่นกัน พี่อ๊อฟก็เล่นโทรศัพท์ไป ผมก็หยิบขึ้นมาเล่นบ้าง ไอสิงโตก็โทรมาทักแชทมา และคนอื่นๆเพื่อนฝูงเอย เพื่อนต่างโรงเรียนเอยและใครต่อใครมากมายไปหมด ผมก็ตอบแชทไป...
“พรุ่งนี้กูไปสนามกับพ่อไปกับกูนะ” บอกอย่างอ้อนๆ สนามยิงปืนสินะ
“ป๊าให้ไปธุระด้วย” บอกปัดไป ผมไม่อยากไปกับพ่อพี่อ๊อฟ เขาชอบแกล้งผม หาอะไรมาแกล้งผมตลอด  อีกอย่างผมเบื่อด้วย ผมไม่ค่อยชอบเสียงปืน หรือ เสียงดังๆแบบนั้น ผมขี้กลัวน่ะ
“โอเคๆ” มันพยักหน้ารับรู้
แล้วก็คุยไปเล่นกันไป จนนอนนั่นแหละ พอเช้ามามันก็มาส่งผมที่บ้าน แล้วก็ร่ำรากันสะนานเลย กว่ามันจะยอมไป ผมก็เดินเข้าไปบ้าน ป๊าบ่นผมหนักเลย ผมก็หนีขึ้นบ้านไปทำการบ้านสักหน่อย พอทำอะไรเสร็จก็เปิดคอมเล่นไปทั่ว คนทักมาเรื่อยๆ ผมก็มองผ่านๆอยู่เรื่อยๆ ขี้เกียจตอบ ....
แกร๊ก! ผมหันไปมองป๊าเปิดประตูเข้ามา...
“นทวันนี้ไปกับป๊าไหม” เดินเข้ามาจับไหล่ผม
“ไม่อ่ะ” ตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็เล่นคอมต่อ
“เฮ้อ! งั้นโน๊ตมันก็คงน้อยใจแย่เลยเนอะ ว่าจะไปหามันสักหน่อย” ผมหันขวับเลย
“จริงเหรอป๊า!”  ยิ้มบานเลยสิผม
ผมไม่ได้เจอพี่โน้ต 3-4 เดือนกว่าได้แล้วมั้ง ตั้งแต่พี่โน๊ตไปเรียนมหาลัย เขาก็ไม่ได้กลับบ้านเลย ก็จะมีโทรคุยกันบ่อยๆแต่ก็ไม่รู้สึกดีเท่าเจอกันหรอกมั้ง พอได้จังหวะจะไปหาผมก็ไม่ว่างสะงั้น ก็มีแต่ป๊ากับแม่ที่ได้ไปหาบ่อยๆแต่ผมไม่เลย แล้ววันนี้ก็โอกาศดี ผมก็แต่งตัวเตรียมพร้อม วันนี้ที่ป๊ามาชวนก็นึกว่าจะชวนผมไปดูป๊าตีกอล์ฟคือมันน่าเบื่อมาก เป็นอะไรที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับเด็กอย่างผม พอทำอะไรเสร็จผมก็ลงไปหาป๊าและแม่ เราก็พากันไปมหาวิทยาลัย ป๊าบอกไปรับพี่โน๊ตไปหาอะไรกินกัน พอไปถึงพี่โน๊ตก็นั่งรออยู่หน้าหอแล้ว...
“พี่โน๊ต!!!!” เปิดประตูลงจากรถแล้วก็ตะโกนและวิ่งไปกอดพี่โน๊ตเลย
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยไอตัวดี” ดันผมออกทำหน้ากวนๆ “ไม่เคยมาหาพี่เลย” ทำหน้านอย
“ก็ป๊าไม่ยอมพามาอะพี่โน้ต” ชี้ไปทางป๊าที่กำลังเดินมากับแม่
“ป๊าฟ้องพี่หมดแล้ว ว่าเรามัวแต่บ้าผู้ชาย จนลืมพี่” ทำหน้างอนได้น่ารักจริงๆ
“พี่โน๊ต ขอโทษๆ มาแล้วนี่ไง” กอดแขนพี่โน๊ตแล้วเอาหน้าถูแขน
“รู้แล้วน่า พี่เคยโกรธนทเหรอ” พี่โน้ตยิ้มให้ผม พี่โน้ตนี่น่ารักตลอด “ป๊าโน๊ตพาเพื่อนไปด้วยได้ไหม” หันไปคุยกับป๊า
“เพื่อนหรือแฟน?” ผมมองอย่างจับผิด
“อย่าเยอะๆ” พี่โน้ตเคาะหัวผม
“ไปดิ เขาจะอึดอัดหรือเปล่าเราไปกันแบบครอบครัวนะ” ป๊าถามอย่างเป็นห่วง
“คงไม่อึดอัดมั้งครับ” พี่โน้ตทำหน้าไม่มั่นใจ ใครกันอยากรู้แล้วสิ
แล้วก็ยืนคุยกันไปสักพักเพื่อรอเพื่อนของพี่โน๊ต “น้องนท!” ผมหันไปมองตามเสียง พี่อาร์ม! อยู่มหาลัยนี้หรือเนี่ย ผมก็หันไปยิ้มให้...
“พี่อาร์มดีครับ” ผมทักทายตามมารยาท
“แล้วนี่” พี่อาร์มชี้ไปทางป๊าและแม่กับพี่โน๊ต
“อ้อ! นี่ป๊าแม่และพี่โน๊ตพี่ชายผม” ผมบอกอย่างอารมณ์ดี
“นทไปรู้จักกับมันได้ยังไง” พี่โน้ตถามด้วยความไม่พอใจ
“พี่ชายพี่ไอซ์รุ่นพี่โรงเรียน” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“น้องนทอย่าลืมที่สัญญากับพี่ไว้ล่ะ” พี่อาร์มเข้ามากระซิบผม “ที่จะไปกินข้าวบ้านพี่” แล้วผละออกมายิ้ม
“อื้มไว้ผมว่างๆนะครับ”(ยิ้ม)
“ไปได้แล้วนท ไม่ต้องไปยุ่งกับมันมากหรอก” พี่โน้ตดึงผมให้กลับไปที่รถ พี่อาร์มก็โบกมือบ๊ายบายผมแล้วก็เดินไป
“พี่โน๊ตเป็นอะไรเนี่ย” ผมพูดแล้วรั้งตัวเองไว้
“อย่าไปยุ่งกับมันนะนท มันนิสัยไม่ดีนะนั่น” พี่โน้ตพูดแล้วทำหน้าหงุดหงิด
“นิสัยไม่ดียังไง?” ผมทำหน้าสงสัย ตอนนี้ป๊ากับแม่ไปรอในรถแล้วเพราะมันร้อนไง
“อย่าไปยุ่งกับมันก็พอ โอเคไหม” พี่โน้ตพูดอย่างใจเย็น
“อื้มๆรู้แล้วๆ” ผมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ พี่อาร์มดีกับผมจะตาย ไม่เห็นจะนิสัยไม่ดีอะไรเลย
แล้วก็ยืนรอเพื่อนพี่โน๊ตไป นานไปหน่อยนะ พอมาถึงเป็นผู้หญิงครับ เอิ่ม! คงไม่ใช่เพื่อนหรอกกระหนุงกระหนิงแบบนี้ เห็นแล้วหงุดหงิด หน้าตาน่ารักเชียว ขาวสวยเลยหมวยแหละดูเฟลนลี่แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ค่อยชอบพี่เขาสักเท่าไหร่...
“โน้ตรอนานไหม” เสียงหวานเชียว
“นิดหน่อย”(ยิ้ม)
“แล้วนี่” นางชี้มาทางผม
“อ้อ! นี่นท น้องชายเรา นทนี่พี่ตอยแฟนพี่เอง” พี่โน้ตยิ้มเขินๆ
“พี่โน๊ตไหนบอกเพื่อนไง” ผมทำหน้ามุ่ย
“เอาน่า” พี่โน้ตพูดพร้อมเอามือลูบหัวผม
“น้องโน๊ตน่ารักจังเลย” พี่ตอยบอกผมก็ทำหน้านิ่ง
“นทไปรอบนรถนะ” ผมบอกเสร็จแล้วก็เดินไปขึ้นรถ
แล้วสองคนนั้นก็ตามมาเหมือนป๊ากับแม่จะรู้อยู่แล้ว แล้วทำไมผมไม่รู้ ป๊ากับแม่ก็ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย ผมเป็นโรคขี้หวงพี่ชายอยู่ด้วย คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆ มานั่งมุ้งมิ้งกันข้างๆผมเนี่ย!.....
“นททำหน้าให้มันดีๆหน่อย ไม่ดีใจหรือยังไงมาเจอพี่โน้ต”ป๊ามองผ่านกระจกแล้วบอกผม แม่ก็หันมาดู
“เป็นอะไรนท ไม่สบายหรือเปล่า” แม่หันมาถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่านทไม่ได้เป็นอะไร” ผมยิ้มส่งไปให้แม่
“ไหนเรายังไม่ได้ถ่ายรูปด้วยกันเลยนะ” โอบไหล่ผม ผมกับพี่โน้ตชอบถ่ายรูปด้วยกันมากเลย
“ไม่เอา” ผมดึงแขนพี่โน้ตออก
“นทเป็นอะไรเนี่ย!” พี่โน้ตลูบหัวผม
“เปล่า” ผมเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น
แล้วพวกเขาก็คุยกันไปสนุกเชียว ผมไม่พอใจยังไงก็ไม่รู้ ทุกครั้งที่พี่โน๊ตมีแฟน พวกผู้หญิงพวกนั้นก็ไม่ดีกันสักคน แล้วคนนี้มันจะดีจริงๆเหรอผมไม่อยากเห็นพี่โน๊ตเสียใจผมบอกเลย ผมก็นั่งทำหน้าเป็นตูดตลอดทางนั้นแหละ แล้วก็พากันมาเดินห้าง เดินดูนู่นนี่แล้วก็พากันไปกินอาหารญี่ปุ่น.....
“พี่สั่งให้นทเอง พี่รู้ดีเราชอบอะไร” พี่โน้ตยิ้มอย่างอบอุ่น
“น่ารักจังเลยนะพี่น้องคู่นี้” ยิ้มมองผมอย่างเอ็นดูผมก็มองนิ่งๆ
“2 คนนี้เป็นอย่างนี้แหละ มันรักกันยิ่งกว่าอะไรดี ยิ่งโน๊ตนี่นะรักน้องมันที่สุดเลย” ป๊าพูดแล้วทำหน้าภูมิใจ
“ค่ะ โน้ตเล่าถึงน้องนทให้ฟังตลอดเลย” พี่ตอยยิ้ม
แล้วก็คุยโม้กันไป ผมก็นั่งกินนิ่งๆเซ็งๆ อะไรก็ไม่รู้กินไปสักพักแม่ก็ไปเข้าห้องน้ำ พี่ตอยก็ไปด้วย ผมก็นั่งกับป๊าและพี่โน๊ต ก็นั่งกินไปคุยไป....
“ไหนนทบอกคิดถึงพี่โน๊ตไง แล้วนี่อะไร” ป๊าถามอย่างอารมณ์ดี
“ป๊าทำไมไม่บอกว่าพี่โน๊ตมีแฟน” ผมถามป๊าอย่างไม่พอใจ
“ก็พอนทรู้ก็เป็นสะแบบนี้แหละ” พี่โน้ตพูดอย่างไม่พอใจ
“นทเป็นยังไงพี่โน๊ต” ถามอย่างไม่พอใจ
“อย่าทะเลาะกันนะ” ป๊าพูดเสียงแข็ง
ผมก็นั่งเงียบ พี่โน๊ตก็ชวนคุยผมไม่ชอบที่พี่โน๊ตมีแฟนอันนี้ยอมรับ ไม่ได้หลงรักพี่ชายตัวเองแต่อย่างใด เข้าใจไหมว่าหวง คิดแล้วก็นอยจริงๆ ผมก็นั่งกินเงียบๆไป แล้วสักพักแม่กับพี่ตอยก็เข้ามาก็นั่งคุยไปกินไปอีก....
“ป๊า นทจะไปเดินเล่นนะ นทจะกลับเอง” ผมเบื่อฟังพูดเชยชมกันอยู่นั่นแหละ
“ได้ยังไงนท มาด้วยกันก็กลับด้วยกัน ป๊าไม่ให้ไป!” ป๊าพูดเสียงดุ
“จะไปไหนนท เป็นอะไรนักหนาเนี่ย” พูดอย่างเซ็งๆ ก็เพราะว่าพี่โน๊ตมีแฟนแล้วน้องคนนี้ก็เลยน่ารำคาญสินะ
“เป็นอะไรนท มานี่สิ” แม่ดึงผมไปนั่งข้างๆ
“เปล่า นทนัดเพื่อนไว้แถวนี้ นทขอไปนะแม่” หันไปอ้อนแม่แทน
“ป๊าไม่ให้ไป นั่งลงแล้วกินไปนท อย่ามีปัญหาได้ไหม” ป๊าเริ่มเสียงดัง
“นทมีเหตุผลหน่อยสิ เราไม่ได้เจอกันบ่อยๆนะนท” พี่โน้ตพูดอ่อนลง
ผมก็มองนิ่งๆไม่พูดอะไร แล้วป๊าก็เริ่มว่าผม พี่โน๊ตก็พูดขัดป๊าบ้างเพื่อจะช่วยไม่ให้ผมโดนบ่น ผมหน่ายจริงๆ....
“นท กินนี่สิอร่อยนะ” พี่ตอยหยิบปลามาให้ผม ผมก็มองนิ่งๆแล้วเขี่ยไปไว้ตรงขอบจาน
“นท! รักษามารยาทด้วย” ป๊าพูดเสียงแข็ง
“ก็นทไม่ชอบกินปลาอะ!” ผมพูดเสียงดัง
“มาๆพี่กินเอง” พี่โน้ตหยิบไปกิน
“นทไปเข้าห้องน้ำนะ” ผมพูดแล้วก็ลุกขึ้น
“เอาโทรศัพท์กับกระเป๋าตังมานี่” รู้ทันอีก ผมก็หันไปมอง
“แค่ไปเข้าห้องน้ำนะป๊า อย่าหาเรื่องได้ไหม” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“นท!” ป๊าพูดเสียงดุ
“ป๊าเดี๋ยวโน๊ตไปส่งนทก็ได้” พูดเพื่อไม่ให้ป๊าดุผม
“แค่จะไปเข้าห้องน้ำอะไรนักหนาอะ” ผมทำไม่พอใจแล้วก็เดินไปเลย ป๊าก็เรียก ผมก็ไม่สนใจเดินต่อไป
ผมเข้าห้องน้ำล้างหน้าสักหน่อย รู้สึกน้อยใจพี่โน๊ตมาก ส่วนป๊าจะดุมันก็ถูกแล้วเพราะผมมันเอาแต่ใจเอง น่าเบื่อจริงๆ ผมก็เดินเข้าไปนั่งเล่นในห้องน้ำเอาโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น คิดได้ก็โทรหาแม่ บอกว่าจะไปเดินเล่นแล้วจะกลับเอง ขอโทษแม่ไปด้วยแม่ก็เข้าใจ ผมก็ออกไปแล้วไปเดินเล่น คิดอะไรเรื่อยเปื่อย แล้วผมก็ไปหาร้านกาแฟนั่งชิวๆเล่นโทรศัพท์ไปพี่โน๊ตก็โทรหาผมเรื่อยๆผมก็กดตัดสายทิ้งไปเลย นั่งไปสักพักผมก็เช็คบิลแล้วก็ไปหาเดินเล่น จะโทรหาพี่อ๊อฟก็ไม่มีอารมณ์ไม่อยากเจอใครอะ เดินไปเดินมาก็รู้สึกเบื่อผมก็ไปโบรถกลับบ้าน
พอถึงบ้านก็ยังไม่มีใครกลับมา ผมก็ขึ้นไปอาบน้ำแล้วก็นอนเล่น นอนไปนอนมาก็หลับไป ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดไปแล้ว ผมได้ยินเสียงข้างล่างป๊ากับแม่คงกลับมาแล้ว ผมก็ไม่สนใจอะไร ป๊ากับแม่ก็มาเคาะประตูผมก็เงียบ ประมาณว่าหลับไปแล้วจริงๆไม่อยากคุยอะไรตอนนี้
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:52:05
พอมาอีกวันผมก็ตื่นเตรียมตัวไปโรงเรียนตามปกติ ป๊าก็มาถามมาเซ้าซี้อะไรก็ไม่รู้ ผมก็ไม่คุยด้วยเพราะยังงอน ผมก็คุยแต่กับแม่ไป จนพี่อ๊อฟมารับพอพี่อ๊อฟมารับก็บ่นอีกว่าทำไมเมื่อคืนไม่รับสายนู่นนี่นั้น ผมก็แถไป พอถึงโรงเรียนก็แยกกันผมก็ไปหาเพื่อนที่กำลังนั่งโม้กันอย่างเมามันส์......
“ไอนททททท! มานี่เลยๆ” ไอมินพอมันเห็นผมวิ่งมาลากผมด้วยหน้าตาตื่นๆ
“มีอะไรกันวะ?” ถามอย่างสงสัยแล้วนั่งลงข้างปอ
“มึงคืนดีกับไอสิงโตแล้วเหรอ?” ปอถามผมชะงักไปนิด พวกมันยิ้มกันใหญ่เลย
“ทำไมวะ?” ผมทำหน้างง
“ก็ไอมินอะดิ บอกว่าไอสิงโตบอก” ไปปอทำหน้านิ่งๆ
“ตกลงมันเป็นยังไงมึง” ไอนัทหันมาถามพร้อมทำหน้าเคร่ง
“เฮ้อ! คือมันเป็นงี้มึง.............” (ผมก็เล่าให้พวกมันฟังไป) “มันก็แบบนี้แหละ”(ยิ้ม)
“เดี๋ยวนะ เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็ได้นี่!” ไอมินทำหน้าสงสัย
“แต่มันชอบกูนะเว้ย! กูอะเป็นเพื่อนกับมันได้อยู่แล้ว แต่มันคิดแบบกูหรือเปล่าใช่ไหม กูว่าอยางนี้ดีที่สุดแล้ว” ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“เออก็จริงนะมึง เหมือนยิ่งไปสานต่อความรู้สึกมัน” ไอมินทำท่าคิด
“ซับซ้อนดีมึง กูมึนๆ” ไอวิวทำหน้างง
“ยังไงก็ได้มึง เอาที่มึงสบายใจกูเข้าใจ” ไอนัทพูดพร้อมยิ้มออกมา
แล้วเราก็นั่งคุยกันไปนั่นแหละ จนได้เวลาเข้าเรียนเราก็เรียนกันไป จนพักเที่ยงป๊าก็โทรมา.....
“นทวันนี้ป๊าจะไปรับนะ” ป๊าพูดอย่างอารมณ์ดี
“นทจะกลับกับพี่อ๊อฟ” พูดน้ำเสียงนิ่งๆ งอลอยู่
“นทเลิกงอลได้แล้ว พี่โน้ตเขาโตแล้วนะ” ป๊าพูดน้ำเสียงเหนื่อยๆ
“ก็เรื่องของพี่โน๊ตดิป๊า นทไม่ว่างแล้วนทจะกินข้าว!” พูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆแล้วก็ว่างสายไป
“เป็นอะไรวะมึง ทะเลาะกับที่บ้านเหรอ”ปอหันมาถามผมขณะนั่งกินข้าว
“เปล่าๆไม่มีอะไร” ผมยิ้มอ่อน
“มีอะไรบอกได้นะเว้ย!” ไอมินพูดอย่างเป็นห่วง
พวกมันก็ถามกันไป ผมก็หันไปยิ้มให้พวกมันนั่นแหละ แล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าว กินเสร็จก็ไปหาขนมขึ้นห้องไปนั่งรอเรียน...
“มึงพี่โน๊ตโทรมา” ไอวิวยื่นโทรศัพท์ผมมาให้ผม มันเอาของผมไปเล่นเกมส์
“ตัดสายไปเลยมึง กูไม่อยากคุย” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็ก้มทำงานที่จะส่งคาบต่อไป
“ฮัลโหลครับพี่โน๊ต” ไอนัทมันกดรับสาย ผมหันควับเลย “อ้อ!นทอยู่ครับ มันกำลังอยากคุยกับพี่เลย อะ” ไอนัทยื่นโทรศัพท์มาให้ผมผมรับมากำลังจะกดวาง “อย่ากดวางนะมึง” มันชี้หน้าผมแล้วทำหน้าโหด
“ว่า” ผมเอามาแนบหูแล้วก็คุย
“นทพี่ขอโทษ อย่าเป็นแบบนี้สิ พี่ไม่ชอบเลยนะ” พี่โน้ตพูดน้ำเสียงเศร้าๆ
“……”(เงียบ)
“นท นี่จะไม่คุยกับพี่เหรอ” พูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ
“นทไม่ว่างทำการบ้านอยู่” ผมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“นท ตอยไม่เหมือนคนอื่นๆ นทเข้าใจพี่หน่อยนะ” พูดเพื่อ?
“แล้วบอกนททำไม มันเรื่องของพี่โน้ตนี่” ผมพูดแล้วก็น้อยใจ
“พี่ไม่ได้รักเราน้อยลงนะนท อย่าทำเสียงแบบนั้นสิ” พี่โน้ตทำน้ำเสียงติดกังวล
“นทต้องวางแล้วพี่โน้ต” แล้วกดวางสายไปเลย ผมน้อยใจพี่โน้ตมากเลย
“ไหวไหมมึง” ปอถามอย่างเป็นห่วง ผมก็พยักหน้า
“มึงอะไอนัท เสือกไม่เข้าเรื่อง ดูดินทร้องเลย!” ไอมินด่าไอนัท ผมไม่ได้หันไปมอง แต่ไม่รู้ทำไมน้ำตาไหล
“นทกูขอโทษวะ ก็กูเห็นมึงไม่ค่อยร่าเริง”ไอนัทพูดด้วยน้ำเสียงติดกังวลแล้วเดินมาจับไหล่
“ไหนเงยหน้าขึ้นมาหน่อย” ไอวิวเดินมานั่งหน้าผมแล้วมันจับหน้าผมเงยขึ้นมาแล้วเอาผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำตาให้ เพื่อนพวกนี้มันก็ดีจริงๆ
“พอแล้วๆ กูไม่เป็นอะไร” ผมพูดอย่างปัดๆหันหน้าหนีมันแล้วก้มหน้าทำงานต่อ
พวกมันก็ด่ากันไปนั่นแหละ ผมก็นั่งทำงานเงียบๆไป คือตอนนี้ผมอยากย้อนกลับไปตอนเด็กๆมากเลย ตอนที่ผมได้อยู่กับพี่โน๊ต ที่คอยห่วงคอยหวงผม ไม่ใช่แบบเมื่อวาน พี่โน๊ตเข้ามหาลัยแล้วไม่ยอมกลับบ้านก็เพราะผู้หญิงคนนั้นสินะ ผมก็ว่าทำไมพี่อิฐพี่อาร์มยังกลับบ้านได้เลย คิดรวมๆก็ยิ่งรู้สึกแย่
จนถึงเวลาเลิกเรียนผมก็แยกกับเพื่อนๆเพื่อไปหาพี่อ๊อฟ แต่พี่อ๊อฟอยู่กับเพื่อนๆสะงั้น หนึ่งในนั้นก็มีพี่ไอซ์ด้วย จริงๆช่วงนี้ก็เห็นพี่ไอซ์บ่อยๆ พอมันจะมองมาทางผม ผมก็หลบไป เพราะยังไม่อยากคุยอะไร มันก็โทรมาบ้างส่งข้อความมาบ้างแต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่อย่างใด ตอนนี้ก็เห็นว่ายังโสดและก็ไม่มีใครคุยเป็นพิเศษอันนี้พวกอีแนนเม้าให้ฟัง ผมเลยโทรหาพี่อ๊อฟบอกจะไปรอที่รถ มันก็โอเค แล้วพี่โน๊ตก็โทรมาอีก พี่เขารู้เวลาเรียนผมมาจากป๊านั่นแหละ ผมก็ไม่รับตัดสายทิ้งไปเลย แล้วสักพักพี่อ๊อฟก็เดินมา......
“รอนานไหม”(ยิ้ม)
“นานอยู่นะ”ผมพูดนิ่งๆ
“ทำไมทำหน้างั้นวะ หรือว่าเจ็บจากเมื่อวันนั้น” มันมองผมอย่างตกใจแล้วจับก้มผมผมก็ปล่อยให้มันจับไป
“พอเลยๆ พูดอะไรเนี่ย” ผมเขินสะงั้น เอาจริงๆไม่เจ็บเท่าไหร่ อาจจะเสียดๆบ้างก็เถอะ
“ฮ่าๆกูล้อเล่น กลับบ้านกัน” แล้วมันก็ถอยรถออกมา
เราก็พากันกลับบ้าน มันก็ชวนพูดไปเรื่อยอะแหละ จนถึงบ้านมันก็ส่งผมแล้วก็กลับไป มันบอกว่าเดี๋ยวจะมานอนด้วย กลับไปเอาของก่อน ผมก็เออออไป พอเข้าไปในบ้านเห็นป๊านั่งดูทีวี ส่วนแม่ทำกับข้าว....
“แม่นทกลับมาแล้ว!”ผมตะโกนบอกแม่
ป๊าก็มองนะแต่ผมไม่สนใจ เป็นลูกที่ไม่ดีสักเท่าไหร่อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ผมก็เดินไปบอกแม่ว่าพี่อ๊อฟจะนอนด้วย ให้แม่ทำกับข้าวเผื่อ พอบอกเสร็จผมก็เดินขึ้นบ้าน เข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้านั่งทำการบ้านไป แกร๊ก! ป๊าเดินเข้ามาครับ ผมไม่ได้หันไปมองแต่ผมดูจากเงาสะท้อนของหน้าต่าง...
“นท ทำแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะ” ป๊านั่งบนเตียง
“นทจะทำการบ้าน” ผมพูดนิ่งๆ
“อาทิตย์หน้าพี่โน๊ตจะกลับมานอนบ้านแล้วนะ พี่เขาเป็นห่วงเรานะรู้หรือเปล่า” ป๊าเดินมาลูบหัวผม
“นทก็เห็นพี่คนอื่นเขาก็ไปกลับบ้านบ้างนะแต่ทำไมพี่โน๊ตถึงอยู่แต่หอ ไม่เข้าบ้านเลยแปลกดีเนอะ”ผมพูดประชดประชันไป เพราะเมื่อก่อนผมไม่รู้เลยนึกว่าเป็นกฏอะไรของมหาลัยหรือเปล่า ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อเจอพี่อาร์มที่มหาลัย เพราะพี่อาร์มอยู่บ้านตลอด ผมเคยถามพี่อาร์มบอกไม่อยู่หอ ขับรถไปมอได้ แล้วพี่โน๊ตคืออะไร?
“พี่นทไม่อยากขับรถไง พี่เขาเลยเลือกจะนอนหอ แล้วอีกอย่างพี่เขาเป็นเด็กกิจกรรมนะ แทบจะไม่ว่างเลย เข้าใจพี่เขาหน่อย” ป๊าพูดจบก็มานั่งเบียดผม ผมก็ขยับให้ป๊านั่ง
“อื้ม นทเด็กโง่เองแหละ ไม่รู้อะไรเลย” พูดแล้วก็ก้มหน้าทำการบ้าน
“ไม่เอาน่า พี่โน้ตเขาแค่มีแฟนนะ นทต้องเข้าใจ ทีเรายังมีเจ้าอ๊อฟเลย” เรื่องพี่อ๊อฟผมเล่าให้ป๊าฟังตั้งนานแล้ว ตอนนั้นบ่นผมใหญ่เลย แต่ดีที่ป๊าก็ดูถูกใจพี่อ๊อฟใช่ย่อย แม่ก็ชอบอีกเพราะเป็นลูกเพื่อนแม่
“มันเหมือนกันที่ไหนละป๊า ก็พี่โน๊ตชอบโดนผู้หญิงพวกนั้นหลอก นทไม่อยากเห็นพี่โน๊ตต้องเสียใจนะ!” พูดแล้วก็น้อยใจ เพราะพี่โน๊ตคบกับใครพี่โน๊ตทุ่มสุดตัวให้เต็มร้อยเลยเพราะพี่โน๊ตเป็นคนที่แบบรักใครรักจริง แล้วก็โดนทิ้งอยู่เรื่อยไม่รู้เพราะอะไรเพราะผมก็ไม่ได้ไปติดตามชีวิตรักของเขา แต่มันน่าเศร้ากว่านั้นตอนที่พี่โน๊ตอกหัก ผมแทบจะไปฆ่าผู้หญิงพวกนั้น พี่นทเก็บตัวไม่ไปไหนไม่ยอมออกมาจากห้องเลย คือเอาข้าวเอาน้ำไปให้กินก็ไม่ยอมกิน เศร้าอยู่นานโรงเรียนก็ไม่ยอมไป ผมทนเห็นไม่ได้ ถึงผมจะเคยอกหักแต่ผมบอกเลยว่าผมเผื่อใจตลอด ไม่ได้วางไว้เต็มร้อย กับพี่อ๊อฟผมก็พูดได้เต็มปากว่าไม่เต็มร้อย ตั้งแต่นั้นผมก็ไม่ชอบที่จะให้พี่โน๊ตมีแฟนไม่ว่าจะกรณีไหนก็ตาม ยิ่งไปอยู่ข้างนอกแบบนั้นผมยิ่งห่วง คิดแล้วก็ปวดใจ ไม่ใช่มีแต่ผมที่เป็นห่วงพี่โน๊ตนะ พี่โน้ตเขาหวงผมยิ่งกว่าอีก ตอนยังเรียนอยู่โรงเรียนคือใครแกล้งผมนี่เป็นเรื่องเลยนะ และอีกเยอะแยะ คิดแล้วก็หดหู่ถ้ามันจะเปลี่ยนไปเพราะพี่โน้ตโตแล้วผมก็คงจะเศร้าไม่น้อย
“พี่โน้ตเขาต้องเรียนรู้นะนท พี่เขาอกหักบ่อยจนชินแล้ว ไม่เหมือนนทหรอกเก่งตั้งแต่แรก โดนใครทิ้งมาไม่เคยเห็นจะเสียใจสักครั้งเลย ลูกป๊าเก่งที่สุด” ป๊าโอบไหล่ผม
“ก็เพราะพี่โน๊ตเป็นแบบนั้นไง นทถึงกลัวยิ่งพี่โน๊ตไปอยู่ข้างนอกแบบนั้น” ผมพูดเสียงสั่น
“กลัวพี่เขาจะเสียใจหรือกลัวพี่เขาจะรักแฟนมากกว่าละนท” ผมชะงักไปนิด ป๊าก็ลูบหัวผม
“ทั้งสองอย่างนั้นแหละป๊า” ผมหันหน้าหนี
“โอเคๆ ป๊าขอโทษที่ไม่ได้บอกเรื่องพี่โน๊ต” ยื่นนิ้วก้อยให้ผมผมก็พยักหน้าแล้วก็เกี่ยวก้อย “แต่ที่พี่โน๊ตไม่ได้กลับมาเพราะพี่เขากิจกรรมเยอะนทเข้าใจนะ พี่เขาเพิ่งเข้ามหาลัย มันเลยยุ่งๆอีกอย่างพี่เขาเด็กกิจกรรม มีอะไรพี่เขาก็ทำเลยยุ่งกว่าคนอื่น ป๊าเช็คมาหมดแล้วไม่ปล่อยให้พี่โน๊ตพูดโกหกหรอก” ป๊าพูดอย่างจริงจัง
“อื้ม” ผมพยักหน้ารัว
“แล้วอาทิตย์หน้าเนี่ยกิจกรรมของพี่เขาก็เริ่มหมดแล้ว จะกลับมาอยู่ที่นี่ขับรถไปกลับ ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ด้วย”(ยิ้ม)
“แล้วเรื่องแฟนพี่โน๊ตล่ะป๊า” ผมพูดเสียงเบา
“ก็บอกแล้วไง ให้พี่เขาเรียนรู้ นทก็ทำหน้าที่น้องชายที่ดีก็พอ แล้วก็.....” ป๊าจับหน้าผมให้สบตากับป๊า “อย่าได้กลัวว่าพี่โน้ตเขาจะเปลี่ยนไป พี่เขายังเหมือนเดิมทุกอย่างนะ ป๊าคุยโทรศัพท์กับพี่เขาทุกวันนั้นแหละ และในทุกวันที่คุยพี่เขาก็ไม่ลืมที่จะถามและพูดถึงเรา ป๊าได้เล่าทุกอย่างที่นททำหรือนทมาเล่าให้ป๊าฟังให้พี่เขาฟังหมดนะ ยิ่งวันที่นทมีเรื่อง พี่โน้ตเขาโกรธมากเลยรู้ไหม จะมาดูเราให้ได้แต่ป๊าก็ห้ามไว้ หลายๆเรื่องเลย พี่เขาก็ไม่พอใจนะที่เรามีแฟน” ผมชะงักไปนิด “แต่พี่เขาไว้ใจเพราะยังมีป๊าและแม่คอยดู เข้าใจไหมนท” ป๊าหอมเหม่งผม
“เข้าใจแล้วป๊า แต่ทำใจไม่ได้” (ยิ้ม)
“ดีแล้วที่เข้าใจ” (ยิ้ม) “แล้วอย่างนี้ยอมคุยกับพี่เขาได้หรือยัง”(ยิ้มบาน)
“ยัง” ป๊าทำหน้าสงสัย “ก็พี่โน๊ตไม่เคยโทรหานทเลยนี่นา มีแต่นทที่โทรไป นทเห็นมีแค่เมื่อวานกับแค่วันนี้ที่นทโกรธพี่โน๊ตเลยโทรมาง้อ” ผมทำหน้าเศร้า
“เหรอ แต่ป๊าได้ข่าวว่าเราไม่ค่อยจะรับโทรศัพท์เลยนะ” ผมชะงักไปนิดแล้วยิ้มอ่อนส่งไป “พี่เขาก็บ่นตลอด ว่าแต่โทรศัพท์นทพังเหรอ” หยิบจากโต๊ะมาดู แล้วก็กดไปกดมา “ก็ไม่นิ ปกติดี เสียงก็ดัง ทำไมถึงไม่ค่อยรับโทรศัพท์ไม่ค่อยตอบข้อความ?” ป๊าถามอย่างสงสัย
“นทไม่ค่อยได้เล่นมันอะดิ ขี้เกียจ”(ยิ้ม)
“แล้วก็รู้ไว้ด้วยว่าไม่ใช่ว่าพี่เขาไม่โทรหา แต่เราไม่รับสายพี่เขาเอง” ป๊าพูดเสียงดุ
“คร้าบบ! รู้แล้ว” หันไปกอดป๊า
“เคลียล์แล้วนะ” ผมพยักหัวรัว ป๊าก็ลูบหัวผม
ผมกับป๊าก็นั่งคุยกันไปสักพักป๊าก็ลงไป จริงๆดีใจมากที่พี่โน๊ตจะกลับมานอนบ้านแล้ว แต่ก็ยังน้อยใจอยู่นิดๆแหละ แต่ก็เอาเถอะ ได้ยินที่ป๊าบอก ผมก็ดีใจมากแล้วจริงๆ แกร๊ก!....
“ป๊ามีอะไรอีก” ผมพูดแต่ก็ยังก้มหน้าเขียนการบ้าน
“กูเอง” ผมหันไป มันยิ้มหวานให้ผม “มึงงอนพี่โน๊ตเหรอ?” ผมมองอย่างสงสัย “อ้อกูมานานแล้ว แต่แม่ห้ามไว้บอกป๊ากำลังเคลียล์กับมึงอยู่ แล้วกูก็ถามแม่ก็เล่าให้ฟัง แค่นั้นเอง” ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ
แล้วมันก็มานั่งกับผมช่วยผมทำการบ้าน จนเสร็จก็พากันลงไปกินข้าว ป๊าโม้แตกให้พี่อ๊อฟฟังใหญ่เรื่องที่ผมงอน ผมก็เถียงไปบ้าง แม่ก็เสริมตลอด พี่อ๊อฟก็เอาแต่หัวเราะ ในที่สุดความสุขก็มาเยือนอีกครั้ง ทำอะไรเสร็จก็ขึ้นห้อง.....
“จะอาบน้ำด้วยกันไหม” ผมหันไปถามพี่อ๊อฟที่นั่งอยู่บนเตียง
“อยากเหรอ” มันหันมาถามหน้านิ่งๆ นั่นทำให้ผมอายมากเลยนะ
“ถ้าไม่อยากแล้วอาบด้วยกันไม่ได้เหรอ” ผมถามแบบไม่มองหน้านะ เพราะรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าจริงๆ
“ไม่ เพราะกูจะอยาก” แล้วมันก็ก้มเล่นโทรศัพท์ไป
ผมมองมันอย่างหมั่นไส้แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ พอเสร็จก็ออกมาทั้งโป๊ๆแบบนั้นแหละ ไม่ได้ยั่วแต่ประชดมัน ก็ยืนหันหลังให้มันแล้วเช็ดตัว....
“มึงนี่วอนจริงๆ” มันพูดแล้วก็เดินมาหยิบพาเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป
ผมก็แต่งตัวแล้วก็ขึ้นเตียงไปนอนเล่นโทรศัพท์พี่อ๊อฟ โอ้โห! ไอที่มันกดๆนี่คือดูรูปผู้หญิงน่ารักๆ? ไอนี่มันวอนแล้วจริงๆ ผมก็ดูไปเรื่อยๆ แชทเยอะจริงๆมีแต่อะไรไม่รู้ จะเยอะกับยัยอิงฟ้าเนี่ยแหละ แล้วมันก็ออกมาจากห้องน้ำเช็ดตัวแล้วก็ใส่เสื้อผ้า ผมก็นั่งมองมัน..........
“มองจังนะมึงเนี่ย เดี๋ยวจับกดสะดีไหม” มันพูดแล้วก็เดินมานั่งข้างๆผม
“ไม่ต้องจับหรอกยอมอยู่แล้ว” ยักคิ้วให้
“แล้วนี่อะไรครับ ค้นเหรอ?” มันชี้ไปที่มือผมที่ถือโทรศัพท์มัน
“ไม่ได้เหรอ?” ผมถามมันด้วยหน้านิ่ง
“กูให้ค้นทุกอย่างเลย แล้วมึงละให้กูค้นไหม?” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์ ทำให้ผมไม่มั่นใจขึ้นมาเลยนะแบบนี้
“อยากค้นก็ค้นสิ บริสุทธิ์ใจพอ” ผม ยักคิ้วให้มันอย่างเหนือกว่า แล้วมันก็หยิบโทรศัพท์ผมที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมากด ผมละระแวงจริงๆ
“โอ้โห! กูแค่ดูที่หน้าจอไม่ต้องกดก็รู้แล้วไอนท เด้งขึ้นตลอดเวลาขนาดนี้” มันทำหน้าไม่พอใจ “ฝันดีนะครับ ไม่ตอบกันบ้างเลย คิดถึงนะ แล้วก็บลาๆๆๆ” มันไล่อ่านแชทของผม ผมก็ไม่สนเล่นโทรศัพท์ของมันไป “ไอสิงโตมันก็หน้าด้านจริงๆ ทักมึงมาได้ทุกวัน และทุกเวลาดู” มันยื่นมาให้ผมดู ผมดูแล้วก็พยักหน้ามันก็ดึงกลับไป “ฮาเล่ไหนวะ ไม่ใช่เพื่อนมึงนิ” ถามผมอย่างสงสัย
“ฮาเล่เพื่อนโรงเรียน....รู้จักกันเพราะเล่นเกมส์” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“รู้จักคนง่ายจังนะมึง!” มันพูดติดไม่พอใจ
“โอ้ย!ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ถ้าจะขนาดนั้นก็แลกกันใช้เลยไหม” ผมพูดแบบรำคาญ ผมไม่ชอบสักเท่าไหร่ แค่คนคุยด้วยจะอะไรขนาดนั้น ผมก็แทบจะไม่ได้ตอบอะไรใครอยู่แล้ว ผมไม่ไปจากมันง่ายๆหรอกไอนี่นิ
“ก็ดีนะ” พยักหน้าทำท่าคิด “เออก็ดีๆ กูก็อยากรู้เหมือนกันวันๆใครจะทักมึงมาบ้างกูจะตอบให้กระเจิงให้หมดเลยคอยดู”มันยิ้มอย่างร้ายกาจ
“ก็แล้วแต่แล้วกันอยากทำอะไรก็ทำเลยครับ” ผมพูดแบบปัดไป ผมไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้วเพราะโทรศัพท์ผมก็ไม่ค่อยยจะสนใจอยู่แล้ว
“เดี๋ยวกูจะให้เบอร์มึงกับพ่อแม่พี่กูแล้วกันจะได้ติดต่อได้ ส่วนมึงก็ไปให้ป๊ากับแม่ด้วย” มันดูจริงจังมากมาย ผมก็พยักหน้ารับรู้
“ตั้งแต่คบกันมาไม่เคยถ่ายรูปคู่เลยเนอะ” ผมพูดไปงั้นแหละ เพราะจริงๆผมก็ไม่ได้มุ้งมิ้งอะไรเหมือนพวกผู้หญิงหรอกแต่ถ้าได้ก็ดี555
“กูไม่ชอบถ่ายรูป แต่ถ้ามึงอยากถ่ายก็ได้นะ” มันหันมาบอกนิ่งๆ
“ยัง รอไปเที่ยวกันก่อนก็ได้ ว่าแต่เพื่อนๆยังไม่รู้เรื่องของเราเลยนะ” ผมพูดเมื่อนึกขึ้นได้จริงๆคือไม่ได้บอกเลย
“นั่นดิ แต่กูว่าเราอยู่ของเราแบบเงียบๆอย่างนี้แหละดีแล้ว ใครถามก็บอกไป เรารักกันไม่จำเป็นต้องให้โลกรู้หรอก มึงรู้กับกูก็พอ”(ยักคิ้ว)
“รักสงบว่างั้น” ผมมองอย่างเซ็ง
“อื้ม” (ยิ้ม)
“เออถ้ารักสงบอย่างที่พูดมันก็ดีนะ ไม่ใช่ไม่อยากเปิดเพราะกลัวใครรู้เหรอ?” ผมพูดอย่างสงสัย
“กูจะมีใคร มีแต่มึงนั่นแหละไอนท เต็มไปหมดเนี่ย” ตั้งแต่ถือโทรศัพท์ผมมันก็ยังไม่หยุดจ้อง
“เออๆ แล้วแต่แล้วกัน แล้วสถานะในเฟส ไม่ขึ้นหน่อยเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็แล้วแต่ มึงทำแล้วกัน” แล้วมันก็กดไป
ผมก็เอาโทรศัพท์มันตั้งสถานะไปมันก็เอาเครื่องผมกดยอมรับ จริงๆที่พี่อ๊อฟพูดก็ถูกนะ เรารักกันไม่จำเป็นต้องให้ใครรู้หรอกเรารู้กันอยู่แก่ใจ ส่วนใครถามก็บอกไปไม่ได้ปิดแต่อย่างใด จริงๆพี่อ๊อฟมันรักสงบมากมาย ทุกวันนี้มันทำอะไรไปเที่ยวไหนหรือเรื่องที่ทะเลาะกับผมมันไม่เคยไปปรึกษาหรือหารือกับเพื่อนมันเลย มีอะไรมันถามผมเลยชอบตรงไหนไม่พอใจตรงไหน คือตรงๆ มันดีตรงนี้แหละ แต่ที่ไม่ดีคือผม เพื่อนๆชอบถามผมก็ชอบเล่า แล้วพี่อ๊อฟมันก็เป็นคนประเภทไม่ชอบเปิดเผยเรื่องความรักสักเท่าไหร่ และหลังจากที่ได้อัพเดทสถานะแล้วนั้น คอมเม้นเอย แชทเอยก็เด้งขึ้นมาเพียบเลย ขนาดของพี่อ๊อฟนะของผมคงสั่นรัวๆ.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:53:07
“นท เครื่องมึงจะเจ๊งแล้ว สั่นอะไรขนาดนี้ ค้างเลย” มันทำหน้าตกใจ พร้อมให้ผมดูมือถือผม มันค้างจริงๆ
“ก็ดูเครื่องตัวเองหน่อยเหอะ” ผมยกให้มันดู
“ของกูมึงตอบได้นะ กูไม่ห้าม” มันพูดอย่างจริงจัง
“มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว!” ผมทำหน้าไม่พอใจ
“ก็ของกูมีแต่อะไรที่มีสาระ ดูของมึงไร้สาระทั้งนั้น” พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เออๆ ไอคนมีสาระ” แล้วผมก็กระแทกตัวลงนอน
“พรุ่งนี้ต้องตอบคำถามเยอะแน่เลยวะ” มันทำหน้าเครียด
“ถ้าพี่อ๊อฟไม่อยากตอบอะไรก็ไม่ต้องตอบหรอก อยู่นิ่งๆแล้วก็ปล่อยมันไป” ผมยิ้มและยักคิ้วให้มัน
“อืมๆ แล้วมึงก็ไม่ต้องพูดไรมากนะ กูไม่ชอบที่จะเอาเรื่องของเราไปประกาศให้ใครรู้สักเท่าไหร่”บอกผมอย่างกังวล
“รู้แล้วน่า จะตอบเท่าที่ควรตอบนะ” ยิ้ม มันก็ยิ้มให้ผม
“ความจริงกูอยากให้เรื่องของเราเป็นความลับ แต่มึงแรด ต้องทำให้รู้ว่ามีเจ้าของแล้ว” มันยิ้มกวนตีน
“เกินไปป่ะ แรดยังไง!” ผมถามมันอย่างหาเรื่อง
“อย่าไอนท อย่าให้กูได้พูด มันเยอะ” มันพูดติดไม่พอใจ
แล้วก็เริ่มสงครามเถียงกันไป จนพากันเข้านอน และก็มาอีกวันตื่นเช้ามาก็พากันทำนู่นนี่แล้วก็ลงไปกินข้าวกับป๊าและแม่โดยไม่ลืมบอกเบอร์พี่อ๊อฟให้ไป ป๊ามีแซวนะ แต่ผมไม่สนใจ ทำอะไรเสร็จก็พากันไปโรงเรียน พอไปถึงก็แยกย้ายกันไปหาเพื่อนๆ พอพวกเพื่อนมันเห็นผมเท่านั้นแหละ..........
“ไอนท!” ไอมินวิ่งมาคล้องคอผมไปนั่งข้างมัน
“มีอะไรกันวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“นี่คืออะไรจ้ะ” ปอถามแบบทำหน้าหมั่นไส้แล้วยื่นโทรศัพท์มาให้ผมดู
“ก็เฟสบุคไง มึงจะถามโง่ๆเพื่อ?” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“พวกกูรู้ว่ามันคือเฟสบุค แต่ไอสถานะที่พี่อ๊อฟกับมึงตั้งกันคืออะไร” ไอมินถามแบบจริงจัง
“อะไรคือ คบหากันแบบอธิบายได้ยาก?” วิวทำหน้างง
“พวกมึงก็ตื่นเต้นไปได้ ก็มันกับพี่อ๊อฟคบกัน ก็แค่นี้เอง” ไอนัทพูดนิ่งๆ แต่ถูกใจผมนะ
“เออก็อย่างที่ไอนัทบอก จะตื่นเต้นกันเพื่อ?” ผมมองมันอย่างรำคาญ
“กูแค่ตกใจ แต่ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะกูเดาไว้แต่แรกอยู่แล้ว” ปอพูดแล้วทำหน้าทำตา
“ทำไมไม่บอกพวกกูบ้างวะ ปล่อยให้เพื่อนๆตกข่าวได้ยังไง” ไอมินทำหน้านอย
“โอ้ย! พอเถอะน่า ก็รู้กันแล้วนี่ไง” ผมตอบไม่จริงจังนัก
“แล้วอย่างนี้ไม่มีปัญหากับพี่ไอซ์เหรอวะ นั่นเพื่อนสนิทกันเลยนะ” ไอวิวทำท่าคิด
“เออวะ” ไอนัททำหน้าตกใจ
“พวกมึงไม่ต้องคิดอะไรมาก ไม่มีอะไรหรอก เย็นนี้ไปเที่ยวกันไหม” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็เปลี่ยนเรื่องไป พูดกันไม่จบสักที
“ไปไหนวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“ไปหาอะไรแดกไง” ผมมองพวกมัน
“เออเดี๋ยวๆ! อีกเรื่อง” มันทำท่าเหมือนพึ่งคิดอะไรได้ทุกคนก็มองมัน “ทำไมมึงไม่ตอบไม่รับสายไอสิงโตเลยวะ มันไปบ่นหามึงกับกูที่บ้านเลยนะ” ไอมินถามแบบจริงจัง
“เดี๋ยวก็ตอบเองแหละน่า ช่วงนี้กูยุ่งๆ” พูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
“มึงเปลี่ยนโทรศัพท์เหรอ?” ผมชะงักไปนิด ลืมไปนี่มันโทรศัพท์พี่อ๊อฟ
“เปล่า ของพี่อ๊อฟ” ผมพูดนิ่งๆแล้วก็ก้มหน้าเล่นต่อไป
แล้วพวกมันก็ระดมถามกันรัวๆ มีแย่งไปดูด้วยนะ ผมก็ปล่อยพวกมันไป จนรำคาญเลยเล่าทุกอย่างให้พวกมันฟัง มีอึ้งกันนะตลกหน้าพวกมันกันจริงๆ อึ้งไม่ได้ไม่นานเสียงกริ่งก็ดังพวกมันเลยไม่ได้ถามอะไรต่อ พากันเข้าแถวเสร็จก็พากันขึ้นห้องเรียน จนเวลาพักเที่ยงก็ไปหาอะไรกินกัน พวกมันก็พูดกันไม่หยุด ผมละเบื่อหน่ายจริงๆ.....
“นทมึงไปดูไออ๊อฟกับไอไอซ์หน่อยมันจะตีกันอยู่แล้ว”อยู่ๆมีพี่ ผมจำได้ว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับพี่อ๊อฟแต่ไม่รู้จักชื่อ..
“ทำไมอะครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็เรื่องของมึงนั่นแหละ ไปห้ามมันหน่อยดิ้ พวกกูขี้เกียจจะพูดแล้วพวกมันอยู่กันในห้องเรียนนะ!” แล้วพี่มันก็เดินไป
“พวกมึงคือกะ.....”
“กูไปด้วย!” พวกมันพร้อมเพรียงกันเชียว
ผมก็พยักหน้ารับรู้ พวกเราก็รีบเอาจานเข้าไปเก็บ แล้วก็ไปหามันที่ห้องเรียน โอ้โห! ขึ้นมามีแต่คนมอง เพราะนี่เป็นชั้นม.5  แล้วผมก็เข้าไปในห้องเห็นพี่ไอซ์กับพี่อ๊อฟจ้องตากันอย่างเมามันส์คือประมาณว่าด่ากันทางสายตา พี่ๆคนอื่นก็พูดให้ใจเย็น....
“พี่อ๊อฟ” ผมเดินเข้าไปสะกิดมันแล้วพูดเบาๆ มันก็หันมา
“มาทำไมวะ!” อารมณ์เสียด้วยนะ
“นท” พี่ไอซ์เรียกผมเสียงหวาน
“พี่อ๊อฟไปคุยกับผมหน่อย” ผมไม่สนใจดึงเสื้อพี่อ๊อฟออกมา พี่อ๊อฟมันก็ลุกตามมานอกห้องมันมองผมแบบประมานว่ามีอะไร เหมือนยังไม่พร้อมพูดอะไรทั้งนั้น “มีอะไรกัน?” ถามอย่างเกร็งงๆ ก็ดูสายตาหลายคู่ก็มองมาที่พวกผมนะ พวกเพื่อนๆผมยืนตัวหดกันเลยไม่น่ามาเลยเรา
“นทคบกับมันเหรอ” พี่ไอซ์อยู่ๆก็เดินออกมา
“อื้ม” ผมพยักหน้าตอบ
“นททำแบบนี้ได้ยังไง นี่เพื่อนพี่นะ” พี่ไอซ์พูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วมึงจะทำไมวะไอซ์” พี่อ๊อฟไอนี่ก็ทำหน้าหาเรื่องเหลือเกิน
“อย่ามาไร้สาระกันน่า ผมว่าเลิกเรียนค่อยคุยกันดีกว่า คนมองเต็มแล้ว” ผมพูดเบาๆแบบเกร็งๆ
“เออๆก็ได้ๆ” พี่ไอซ์เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเข้าไปในห้องเรียน
“แล้วมึงมาทำไม” พี่อ๊อฟหันมาถามผมอย่างหาเรื่อง
“ก็เพื่อนพี่มาตาม ไม่งั้นไม่มาหรอก!” ผมกัดฟันพูด
“ไปๆ กลับไปได้แล้ว” ไอนี่พูดแบบรำคาญแล้วก็เดินเข้าห้องไป
ผมกับเพื่อนๆก็เดินกลับไปตึกเรียนพวกมันทั้งงงทั้งถามกัน ผมสิต้องงคืออะไร ไอเราก็อุตส่าไปดูด้วยความหวังดี นี่อะไร? ทำอารมณ์เสียใส่ โอ้ย!แต่ละคน เราก็เรียนคาบบ่ายไป แล้วไม่นานก็เลิกเรียน บอกเลยผมไม่ยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว ให้มันไปเคลียล์กันเองสองคนนั้นแหละ ผมกับเพื่อนๆก็เลยพากันไปเดินเที่ยวที่ห้างทันทีที่เลิกเรียนไม่รอไม่โทรบอกอะไรไอพี่อ๊อฟทั้งนั้น...
“มันจะดีเหรอมึงที่ไม่บอกพี่อ๊อฟ” ไอปอถามอย่างกังวล
“ดีที่สุด กูอุตส่าไปเพราะกลัวว่ามันจะมีเรื่องกัน แต่ดันทำรำคาญกูสะงั้น ก็ช่างแม่งมันไป” พูดอย่างเก็บอารมณ์ คิดแล้วแค้นนัก
“นท” ผมหันไปตามเสียง เอิ่ม! ไอสิงโต โอ้ย! แล้วก็ต้องมาเจอคนที่ไม่อยากเจออีกนะวันอะไรของผมเนี่ย ไม่เป็นไปอย่างใจคิดสักอย่าง
“สิงโตมาได้ยังไงวะ” ไอมินถามอย่างสงสัยพวกผมก็มองมันกัน
“มาเดินเที่ยวกับเพื่อนๆ เห็นพวกมึงเลยมาหา” ไอสิงโตยิ้ม พูดกับไอมินนะแต่ตาจ้องแต่ผม คืออะไร?
“มาหาแต่ไอนทล่ะสิ” ไอวิวทำหน้ากวนตีน
“อย่ายุ่งนะเว้ย! ไอนทของกู” ไอนัทพูดพร้อมเอาแขนคล้องคอผม แล้วดึงผมไปหอมแก้ม ผมก็เฉยๆเพราะเล่นแบบนี้กับเพื่อนในกลุ่มมันธรรมดาไปแล้ว แต่ไอสิงโตนี่หน้านิ่งเลย
“นท พี่อ๊อฟใช้เบอร์มึงโทรหากูอยู่นั่นแหละ” ไอปอมันยื่นโทรศัพท์ให้ผมดู
“เออปล่อยไปมึง ตัดสายไปเลยอย่าได้สน” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“มันจะไม่มาตีกูใช่ไหม” ปอพูดอย่างกังวล
“กูจะตีมันเองเนี่ยแหละ มึงเลิกพูดมากได้แล้ว” แล้วผมก็หันไปมองทางอื่น เพราะไอสิงโตมันจ้องตลอด “แล้วมึงจะเอามือออกได้ยัง” ผมหันไปบอกไอนัท แม่งก็ทำหน้ากวนตีนนะ
“เออๆ ทำหวงตัวนะมึง!” ไอนัทพูดอย่างกวนตีน
“ถ้ากูหวงตัว ปลายเล็บกูมึงยังไม่ได้เตะไอนัท” หอมแก้มผมขนาดนั้นบอกผมหวงตัว
“นท ทำไมไม่รับโทรศัพท์กูเลย กูอยากไปเที่ยวกับมึงนะเนี่ย” ไอสิงโตยิ้มบาน ผมรู้สึกกระดากใจยังไงไม่รู้
“ไม่ค่อยว่างอะ” ผมยิ้มส่งไป แล้วหลบตามัน
“คุยกับกูหน่อยได้ไหม?” ไอสิงโตเดินเข้ามาใกล้ผม พวกเพื่อนมันก็เข้าใจสร้างบรรยากาศเงียบๆให้ ยืนดูอย่างเงียบๆ ผมก็อึดอัดนะ
“ก็คุยอยู่นี่ไง” ผมพูดแบบขอไปที แต่ไม่มองหน้ามันนะ
“หมายถึงมีแค่กูกับมึง” มันทำหน้าอ้อนวอน
“ตระ...” จะพูดว่าตรงนี้ก็ได้มั้ง แต่....
“เฮ้ย! ไอปอไอนัทไอวิวเสื้อตรงนั้นสวย ไปส่งกูดูหน่อยดิ” ไอมินพูดเสียงดังขึ้นมาแล้วมันก็ลากไอพวกนั้นไป ไอมินไอเวรนี่นะ ผมมองพวกมันอย่างไม่พอใจ ปอจะเดินกลับมาแล้วแต่ไอมิน ล็อคคอแล้วลากเลย
“ทำไม...มึงทำเหมือนไม่อยากคุยกับกูเลยวะ” มันถามด้วยหน้าเศร้าๆ ผมไม่ชอบโมเม้นนี้เลย
“แล้วเพื่อนไปไหนหมด” ผมยิ้มอ่อนให้มัน แล้วทำชะเง้อหน้าหาเพื่อนมัน
“พวกมันไปเดินเล่นก่อนแล้ว” ไอสิงโตยิ่มอ่อน ผมพยักหน้ารับรู้ “มึงยังไม่หายโกรธเรื่องพ่อกูเหรอวะ” มันถามด้วยหน้าเศร้าๆ
“ไม่เลย กูไม่โกรธเลยเลยมึง อย่าคิดมากน่า กูแค่ไม่ว่างจริงๆ” มันเดินเข้ามาหาผม ผมก็ถอยห่างจากมัน
“แล้วทำไม...มึงทำเหมือนไม่อยากเจอไม่อยากคุยกับกูแบบนี้วะ” มันทำหน้าเจ็บปวด ซึ่งมันทำให้ผมรู้สึกผิดขึ้นมา
“กูขอโทษ...” ผมยิ้มอ่อนส่งไปมันก็ทำหน้าเหมือนจะร้องอีกแล้ว “ละ...แล้วกินอะไรหรือยัง” ถามมันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ซึ่งทำให้มันยิ้มได้นิหน่อย
“ยังเลย อยากกินกับมึงได้ไหม” มันถามแล้วทำหน้าอย่างมีความหวัง แต่มันทำให้ผมชะงักไปนิดนึง
“คะ...คงไม่ได้ เพราะกูกินมาแล้ว ขอโทษนะ” ผมพูดอย่างอึกอักแล้วก็หลบสายตามัน และยังคงส่งยิ้มให้เรื่อยๆ แม้จะเป็นยิ้มที่ดูฝืนๆก็ตาม
“มึงจะทำแบบนี้จริงๆเหรอนท ถึงป๋ากูจะเข้าใจและมึงก็เข้าใจ มึงก็เป็นเพื่อนกับกูไม่ได้ใช่ไหม” ผมอึ้งไปเลย มันก็คงพอรู้เรื่องที่พ่อมันคุยกับผมบ้างแล้วไอสิงโตน้ำตาคลอแล้ว
“เฮ้อ! กินนมปั่นไหม กูเลี้ยงเอง” มันก็เอาแต่ยืนก้มหน้า “มึงอย่าเศร้าดิวะ กูรู้สึกไม่ดีนะเว้ย!” ผมพูดอย่างกังวล แต่ก็ไม่ได้เข้าไปแตะตัวมัน
“ถ้ามึงไม่อยากรู้สึกไม่ดี ก็เป็นแบบเดิมสิ” มันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับเสียงสั่นๆ
“มึงกำลังโมโหหิวใช่ไหม เดี๋ยวกูไปซื้อขนมให้กิน รอแปปนะ” ผมว่ายิ่งอยู่ยิ่งอึดอัดไปตั้งหลักก่อนดีกว่า
หมับ! ไอสิงโตจับแขนผมไว้ในขณะที่ผมกำลังจะหันหลัง............
“เลิกเปลี่ยนเรื่องได้ไหม! ทำไมมึงแม่งใจร้ายกับกูแบบนี้วะ!” ไอสิงโตน้ำตาไหลแล้ว ผมก็มองบริเวณนั้นคนก็เริ่มมอง เพื่อนๆก็มองกันแต่ก็ไม่เข้ามาช่วย ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ ทุกคนทำให้ผมเหมือนเป็นคนใจร้าย ทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนทำอะไรเลย มีแต่ตัวแปรพวกนั้นที่ทำให้ผมดูแย่
“สิงโต ฟังกูดีๆ มึงตั้งสติถ้ามึงร้องอีก ก็กูจะไม่คุยกับมึงอีกเลยนะ!” พูดเสียงดุ แล้วล้วงผ้าเช็ดหน้าให้มัน มันก็รับไปเช็ดแบบลวกๆ จมูกมันแดงเลย
“มึงจะให้กูทำยังไงนท มึงถึงจะเป็นเหมือนเดิม” มันพูดเสียงสั่นแล้วก็นั่งลงกับเก้าอี้ข้างๆเสา ที่ห้างมีไว้ให้นั่งพัก
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ มึงแค่อยู่เฉยๆ และก็ลืมว่าเป็นเพื่อนกู” ตอนแรกพูดเสียงค่อนข้างดังแต่อันหลังเบามาก เบาจนไม่รู้มันจะได้ยินไหม
“ไม่ได้ กูทำไม่ได้นะมึง” มันหันมาจับมือผม แล้วทำหน้าเศร้าหนักมาก
“เว่อร์ไปไหม กูสำคัญอะไรขนาดนั้น!” ผมถามอย่างหงุดหงิด
“กะ....กู” มันหันหน้าหนี
ผมก็นั่งมองมัน ไอสิงโตก็ก้มหน้าอย่างเดียว ถ้าผมมองไม่ผิดขอบตามันคล้ำๆ แล้วก็ดูผอมลงแบบซูบไป แต่ผมไม่อยากถามมันเดี๋ยวจะคิดว่าผมเป็นห่วงอีก จริงๆก็เป็นห่วงนะ แต่จะให้ทำยังไง เฮ้อ! อึดอัดใจชะมัด แล้วมันก็นั่งเงียบไปแบบนั้นแหละ ผมมองไปทางเพื่อนๆ เห็นพวกไอโค้กไปรวมอยู่ด้วยคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ทำกับกูได้นะไอพวกนี้.....
“กูว่า กูต้องไปแล้ว....” ผมพูดแบบอึกอักนิดหน่อย
“ไปกินข้าวกับกูนะ กูขอร้อง” ไอสิงโตทำหน้าอ้อนวอน
“คะ....คือเพื่อนๆกูรออยู่ กูต้องไปแล้วจริงๆมึง” พูดแบบเกร็งๆ สงสารมัน ผมจะร้องไห้แล้วนะเนี่ย
“แค่มื้อเดียวก็ไม่ได้เหรอ ชวนเพื่อนๆไปก็ได้นะ” พูดเสียงสั่นตอนนี้ใจผมสั่นไปหมด สงสารมันมาก ทั้งหน้าตาและสภาพ มันไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ได้กินข้าวบ้างไหม
“เฮ้อ! โอเคๆ กูยอมแล้วๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยนะกูขอละ” ยกมือยอมมัน แล้วบอกมันอย่างจริงจัง มันเผยยิ้มขึ้นมาทันที
แล้วมันก็วิ่งไปชวนเพื่อนๆ ผมก็ลำบากใจนะ แต่คราวหลังก็คงจะเลี่ยงๆสถานที่ ที่จะเจอกับมัน พวกเราพากันไปกินเอ็มเค ไอสิงโตมันพาเข้า ที่แรกที่ผมกับมันเจอกันเลย ไอนี่มันจะตอกย้ำหรือยังไง แล้วมันก็นั่งข้างๆผมเนี่ยแหละ จะถอยไอปอก็ไม่ให้ถอย มันทำท่าแปลกๆกันนะ ผมว่าพวกไอโค้กต้องเล่าอะไรให้มันฟังแน่ๆ ก็สั่งกันไป..........
“กูสั่งเป็ดให้มึงสองจานเลยนะ มึงชอบใช่ไหม” ไอสิงโตยิ้มอย่างมีความสุข ผมชะงักไปนิด ผมรู้สึกว่าตัวเองเลวสุดๆ พวกเพื่อนๆถึงกับนั่งเงียบเลย
“อะ...เอ่อ” ผมหันไปมองเพื่อนๆมันก็หลบหน้าผมกัน “ก็ชอบๆ” ยิ้มอ่อนส่งไป มันก็ยิ้ม แต่ละคนช่วยกูได้ทั้งน้านนนน!
“มึงอย่าทำแบบนี้อีกเลย กูสงสารมันนะ!” ปอหันมากระซิบบอกผม
“กูก็อึดอัดมึงจะให้กูทำยังไง” ผมหันไปกระซิบพูดอย่างกังวล
“นท” สิงโตเรียกแล้วจับมือผม ผมก็หันไปมองมัน
“ว่า” ผมมองนิ่งๆ แล้วก็ดึงมือกลับมา ผมไม่อยากให้มันเข้าใจอะไรผิดไปมากกว่านี้
“หลังจากวันนี้ มึงก็จะพยายามหลบหน้ากูอีกใช่ไหม” มันพูดเสียงเศร้า ผมชะงักไปนิด
“จะ...จะหลบทำไมล่ะ” ผมพูดแบบอึกอักแล้วก็มองมัน
“อืมๆ” มันเอื้อมมือมาจับมือผมอีกครั้ง แล้วกระชับมือผมแน่นขึ้น
“มึงอย่าพากูเศร้าดิ กูจะร้องไห้แล้วนะเว้ย!” ผมพูดติดตลก แต่ดูมันไม่ยิ้มเลย
“กูขอโทษ อย่าร้องเลยนะมึง” มันพูดแบบเศร้ามาก ผมหนักใจโครต
“ชะ...ช่วงนี้มึงดูผอมลงเนอะ ไดเอตเหรอ” ผมถามมันด้วยเสียงปกติ
“อืม ไม่ค่อยกินอะไร กินไม่ลง” ผมอยากกลับบ้านแล้วสิ......
แล้วของก็มาเสริฟ เราก็จัดแจงนู่นนี่นั้นลงหม้อ และก็เป็ด......
“อะ” สิงโตคีบเป็ดมาจ่อปากผม ผมก็อ้าปากรับไป
“ดะ...เดี๋ยวกูกินเองก็ได้นะ” ผมพูดขณะที่เคี้ยวแล้วยิ้มอ่อนขึ้นมา ไอสิงโตก็ยิ้ม
“ไปเข้าห้องน้ำกับกูหน่อยดิ” ปอหันมากระซิบ ผมก็พยักหน้า
“เดี๋ยวกูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” สิงโตมันชะงักไปแล้วทำหน้าเศร้า ผมก็มองมันแบบอะไรจะขนาดนั้น “ฝากกระเป๋าด้วยนะ”ชี้ไปที่กระเป๋าผม มันก็เผยยิ้มขึ้นมา มันคงกลัวผมจะหนีกลับสินะ
แล้วผมก็ไปเข้าห้องน้ำกับปอ ไม่ได้เข้าหรอก ยืนอยู่หน้าห้องน้ำเนี่ยแหละ..........
“ไอนทมึงรู้ไหมไอสิงโตมันไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลยนะ!” ไอปอพอเดินออกมาจากห้องน้ำก็พูดแล้วทำหน้าจริงจัง
“ทำไมวะ?” ผมถามอย่างกังวล
“ก็พวกไอโค้กเล่าให้ฟังว่าหลังจากวันที่มึงไปคุยกับพ่อมัน ไอสิงโตก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ มันก็เอาแต่เก็บตัว ข้าวปลาก็ไม่กิน หนักกว่านั้นคือมันติดต่อมึงไปมึงก็ไม่รับไม่อ่านอะไรทั้งนั้น แถมไม่ยอมไปโรงเรียนอีก จนพวกไอโค้กต้องมาลากมันไป แล้วพวกไอโค้กก็บอกว่าวันๆกดแต่โทรศัพท์โทรหามึง ไม่ก็ส่งข้อความหาแต่มึง” ปอพูดอย่างเครียดๆ
“แล้ววันนี้มันมาได้ยังไงวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็วันนี้มึงอยากมาห้าง แล้วไอมินก็เลยบอกพวกไอโค้กไปมันก็ชวนไอสิงโตมาเพราะมันบอกไอสิงโตว่ามึงจะมามันเลยมา”ปอพูดอย่างจริงจัง
“มึงว่ากูจะทำยังไงดีวะ กูก็ดูรู้นะว่ามันแย่ แต่จะให้กูทำยังไงวะ” ผมเครียดจริงๆ
“ปกติไปเลยมึง สงสารมันเหอะ! กูสงสารมัน มึงอยากให้มันตายเหรอ ถ้าพ่อมันจะทำอะไรอีกคราวนี้กูช่วยลุย กูสงสารมันจริงๆ ดูมันทำให้มึงดิ” ไอปอพูดแบบจริงจัง
“กูก็เห็นกูก็รู้จะให้ปกติเหรอวะ พ่อมันก็ต้องเครียดนะเว้ย!” ผมบอกอย่างกังวล
“มึงห่วงไอสิงโตก่อนไหม มันไม่โอเคเลยนะ!” ไอปอพูดอย่างจริงจัง
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจแล้วเอาหลังพิงกำแพง
“เชื่อกูเถอะทำเพื่อไอสิงโตที่เป็นเพื่อนของเรา ส่วนพ่อมันก็ไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งนั้น!” ไอปอพูดอย่างหงุดหงิด
“เออๆ กลับไปกันเถอะ แล้วกูจะพยายามแล้วกัน” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ ก็เอาอย่างที่มันบอกแล้วกัน เจอกันวันนี้ ผมก็จะทำให้มันดีขึ้นแล้วกัน หลังจากนี้ ก็พยายามอย่าเจอกันอีกก็พอ
แล้วเราก็กลับไปที่ร้านอาหาร เห็นไอสิงโตนั่งซึมเขี่ยของกินเล่นไปมา พอมันเห็นผมมันก็เผยยิ้มออกมา เห็นแล้วหดหู่ใจ.......
“ไปนานจัง” ไอสิงโตถามอย่างสงสัย
“ไอปอมันไปอ่อยผู้ชายอะสิ!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ ไอปอนี่หยิกผมเลย พวกมันก็หัวเราะกัน “ทำไมไม่กิน” ผมหันไปถามไอสิงโต เมื่อนั่งที่แล้ว
“กูคิดว่ามึงไปแล้ว...” มันพูดเสียงเบา
“พอเลย เลิกดราม่าใส่กูได้แล้ว” ผมพูดอย่างหงุดหงิด “อะ” ผมตักเป็ดป้อนมันบ้าง มันยิ้มบานอ้าปากรับ “ทำไมช่วงนี้ดูโทรมๆซูบๆไป” ผมถามอย่างจริงจัง
“ไม่รู้ กูป่วยมั้ง” มันพูดเสียงเบา
“งั้นกินเยอะๆเลย กูป้อนเอง” พูดดวยน้ำเสียงร่าเริง แล้วก็ตักป้อนมันไป เหมือนเด็กน้อยเลย
ผมก็ป้อนมันไป เพื่อนๆก็แซวบ้าง ดูมันกินได้เยอะจริงๆ เป็ดที่บอกสั่งมาให้ผมคือป้อนมันจนจะหมดสองจานแล้ว ผมกินไป2ชิ้นเองอะโถ่! ...........
“อะ กินนี่ไหม” มันก็พยักหน้าแล้วอ้าปากรับ “อะนี่ และนี่ๆๆๆ” คือป้อนไป มือมันไม่มีหรอกไอนี่ “กินเองได้แล้วม้าง!” ผมพูดแล้วยิ้ม
“อื้มๆ!” แล้วมันก็เริ่มตักกินเอง
ผมก็เอามือไปแตะหน้าผากมันตอนมันหันมามองผม ตัวรุมๆเป็นไข้หรือเปล่านะ หรือเป็นเพาะไอร้อนจากหม้อสุกี้ก็ไม่รู้
“ที่ว่าไม่สบายนี่ ปวดหัวไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“นิดหน่อย” มันพูดแล้วยิ้ม
“กินยาหรือยัง” ผมถามแล้วมองมันนิ่งๆ มันส่ายหน้าตอบ “นัทๆกูขอยาพาราหน่อย” หันไปบอกมัน มันก็ยื่นมาให้ไอนัทมันพกตลอด
พวกนั้นดูจะไม่ค่อยยุ่งกับผมและไอสิงโตเท่าไหร่มันคงรู้ ว่าไอสิงโตต้องการแบบนี้เดี๋ยวพวกมันแซวแล้วผมไม่ทำไอสิงโตจะซวยอีก.........
“นอนน้อยหรือเปล่า?” ผมถามอย่างสงสัย
“นอนไม่ค่อยหลับ มันหลับๆตื่นๆ” มันพูดแล้วขมวดคิ้ว
“กินนมอุ่นๆก่อนนอนก็ช่วยได้นะ” ผมยิ้มให้มัน มันก็ยิ้มตอบ
“กูคิดถึงมึงนะ” อยู่ๆมันก็ยื่นหน้าเข้ามากระซิบผม....ผมก็เพียงแค่ยิ้มแล้วพยักหน้าตอบ แอบเขินนิดหน่อย “เสาร์อาทิตย์นี้ไปเที่ยวกับกูได้ไหม” มันถามแล้วมองผมอย่างมีความหวังแต่คำถามนั้นทำให้ผมหนักใจมากมายเหลือเกิน
“เอ่อคือ....” หันหน้าไปทางอื่น แต่ผมดันไปเห็นเหมือนน้องซิน แต่เขาหลบไปแล้ว “เอ๊ะ! นั้นน้องซิน!” พูดขึ้นมา แล้วพวกมันก็ชะงักไปกัน ผมก็มองเพื่อนๆนิดหน่อย “ปอ มีอะไรจะบอกกูเพิ่มเติมไหม” ผมกระซิบถามมันอย่างคาดคั้น
“จะ...จริงๆคือ เรื่องนี้น้องซินเขาก็อยากให้ช่วย เขาโทรมาขอร้องไอมิน” ปอพูดแบบจริงจัง ผมก็พยักหน้าแล้วหันไปมองไอสิงโต
“น้องซินไม่ได้มานะ” ไอสิงโตพูด พร้อมมองอย่างสงสัย
“อืมๆ วันเสาร์อาทิตย์นี้จะไปไหนเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไปขึ้นดอยกัน ป๋ามีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นั้น” มันพูดแล้วยิ้มอย่างดีใจ แต่ผมนี่จะเอายังไงดีละเนี่ย
ผมหันไปมองเพื่อนๆ เหมือนมันก็ลุ้นๆกันว่าผมจะไปไหม ผมละเบื่อหน่ายจริงๆ.......
“ใครไปบ้างเนี่ย!” ผมถามอย่างสงสัย
“เพื่อนๆด้วยไง ใช่ไหม” ไอสิงโตหันไปบอกกับพวกมัน พวกมันก็พยักหน้าแล้วก็บอกใช่ๆกัน ไอพวกนี้มันน่าสงสัย
“ขอคิดก่อนนะ” เครียดจริงๆ ไอพี่อ๊อฟรู้มันไม่ยอมแน่สิงโตก็ทำหน้าหมองเศร้าอยู่ได้ บ้าชะมัด!
“คิดอะไรมากมาย ไปเที่ยวกับเพื่อนๆนะเว้ย!” ไอปอนี่มันมีพิรุธนะ
“พี่อ๊อฟจะยอมให้ไปเหรอวะ มึงก็รู้” ผมบอกมันไปอย่างเครียดๆ
“เออก็จริง” ปอมันทำท่าตกใจ
แล้วพวกเราก็นั่งกินกันไป พูดคุยกันบ้าง ไอสิงโตก็โอเคขึ้น จนกินอะไรเสร็จก็ถึงเวลาเช็คบิล......
“กูเลี้ยงเองนะ” ยักคิ้วหล่อเลย เห็นมันร่าเริงผมก็ดีใจ
“โนวๆ! มึงเลี้ยงคนอื่นไป กูจะจ่ายเอง” ผมก็หยิบบิลมาดูแล้วกดหาร
“นี่ครับพี่ ไม่ต้องทอนเนอะ เพราะมันพอดี” ผมเงยหน้าขึ้นมา คือมันจ่ายให้พี่เขาแล้ว พี่เขาก็เดินไป
“อะ” ผมล้วงตังให้มัน “กูหารแล้วนี่ส่วนของกู” มันมองผมอย่างไม่พอใจ ผมก็ไม่สนใจ ขืนมาทำแบบนี้ แล้วให้พ่อมันมาด่าตอกหน้าอีกผมก็ไม่เอา
“นทเพื่อนเลี้ยงนี่มึงจะอะไรนักหนาวะ!” ไอมินพูดอย่างกวนตีน ผมมองมันด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
“นี่นะ!” ผมยัดเงินใส่กระเป๋าเสื้อมัน “ป๊ะ” แล้วก็ลุกขึ้นพวกมันก็ลุกตาม
ไอสิงโตทำไม่พอใจ ผมก็ไม่สนใจ พออกมาจากร้านตอนแรกผมจะแยกกลับเลย แต่พวกไอปอ มันบอกอย่างเดินย่อยก่อน ก็เดินกับพวกมันสักหน่อย พวกไอสิงโตก็มาเดินด้วยจนถึงเวลากลับ เวลาแสนหนักใจกว่าเดิม..........
“กูไปส่งมึงนะ” ทำหน้าอ้อนได้น่ารักมากมาย
ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆอยู่กันหน้าลานจอดรถมอไซค์เพราะพวกปอมันจะให้พวกไอโค้กไปส่งผมจะแยกกลับมันก็ลากผมมาด้วย คืออะไรเนี่ย........
“มะ...ไม่ต้องหรอกมึง เดี๋ยวกูขึ้นรถกลับเองดีกว่า” ผมพูดอย่างเกรงใจ
“เอาน่ามึง แค่ไปส่งบ้านเอง” ไอมินพูดอย่างจริงจัง ทำไมเพื่อนๆไม่เข้าใจความรู้สึกผมบ้าง ไออยากช่วยสิงโต ผมก็เข้าใจ แล้วความรู้สึกผมล่ะ พี่อ๊อฟจะเข้าใจยังไง แล้วพ่อมันจะเป็นยังไง ถ้ารู้ว่าลูกตัวเองยังมาเดินทางเดิมอยู่ คิดว่าผมสบายใจกันมากสินะ ที่คิดแต่จะปฎิเสธมันแบบนี้ ผมก็ลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน ทำไมไม่มีใครเข้าใจผมบ้าง
“เอาน่ามึง ไหนๆก็ไหนๆแล้ว” ปอพูดเพื่อ?ไอสิงโตก็ยืนทำตาปริบๆข้างๆผมเนี่ย
“เออๆก็ได้” ผมพูดปัดๆไป ปฏิเสธไปก็เท่านั้น
ไอสิงโตมันจะดีใจอะไรขนาดนั้น แล้วเราก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถของเพื่อนๆ พวกมันออกไปแล้วเหลือผมกับไอสิงโต มันลีลาเยอะ เดี๋ยวชวนคุยเดี๋ยวหากุญแจไม่เจอ เดี๋ยวและเดี๋ยวจนผมได้ด่ามัน มันเลยยอมออกรถ ระหว่างทางก็คุยกันไป ส่วนมากไอสิงโตจะชวนคุยมากกว่าผมก็ตอบมันไปบ้างถามมันบ้าง จนถึงหน้าบ้าน เอ่อคือ เจ้ากรรมนายเวรผมนั่งรออยู่ ไอสิงโตก็วอนไงไปจอดตรงหน้ามันเลยไง แล้วผมก็ลงรถ.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:54:04
“ไปไหนกันมา!” พี่อ๊อฟพูดเสียงแข็งมองไอสิงโตตาขวาง
“ไปเดินห้าง...” ผมยิ้มอ่อนส่งไปให้พี่อ๊อฟ
“กูไปห้างไปเจอนทเลยอาสามาส่ง มึงไม่ต้องทำท่าหาเรื่องขนาดนั้นหรอก” ไอสิงโตบอกอย่างจริงจัง
“แล้วมึงจะไปห้างทำไมไม่บอกกู กูจะได้ไปด้วย แล้วนี่คืออะไรโทรหาก็ไม่รับ โทรหาเพื่อนๆมึงก็ไม่รับ!” พี่อ๊อฟอารมณ์เดือดมาก
“ใจเย็นๆก่อนเถอะ” ผมหันไปบอกพี่อ๊อฟด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “สิงโตมึงกลับเลยก็ได้เนอะเย็นแล้ว” บอกด้วยเสียงนิ่งๆ
“โอเคๆ” ยิ้มหวาน “มึงอย่าได้ทำอะไรนทนะ!” สิ่งโตหันไปบอกพี่อ๊อฟแล้วมันก็ขับรถไป
“ดูมึงจะมีความสุขมากนะไปกับมัน” มันพูดแล้วทำหน้าไม่พอใจ
“เข้าบ้านเถอะน่า ปะ” ผมจับมือมัน แต่มันสะบัดออก
“กูจะไปนอนบ้าน” มันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แล้วเดินไปขึ้นรถผมก็เดินตามไป
“พี่อ๊อฟ มันไม่มีอะไรจะโกรธทำไมเนี่ย!” ผมถามอย่างหงุดหงิด
“หึ!” แล้วมันก็ขับรถไปเลย
เดือดร้อนผมอีกทีนี้ โอ้ย! อะไรก็ไม่รู้ ผมก็เดินเข้าบ้าน เจอป๊ากับแม่ก็ทักทายคุยกันนิดหน่อย ผมก็ขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเรียบร้อยก็โทรหาคุณชายสักหน่อย ปรากฏว่าไม่รับสาย เอายังไงทีนี้ นี่ก็ค่ำแล้ว ถ้าไม่ไปง้อจะมีปัญหามั้ยเนี่ย เฮ้อ! ยังไงก็ต้องไปอะแหละ ผมก็เตรียมของอะไรลงบ้านไปขอป๊ากับแม่...
“ป๊านทจะ....”   
“ไม่ให้ไป!” ป๊าพูดตัดบททันที
“ป๊าอ้า! นทลืมของไว้จะไปเอาแล้วก็นอนนั่นเลย” ผมพูดอย่างงอแง
“ไม่เอาๆ ไปบ่อยแล้ว!” ป๊าพูดเสียงดุ
“แม่” เดินไปหาแม่ “ให้นทไปน้า” ทำเสียงอ้อน
“ถามป๊าเอานะ” แม่ยิ้มหวาน ผมมุ่ยหน้าเลยสิ
“เจ้าอ๊อฟมันโกรธเราใช่ไหม!” อยู่ก็พูดขึ้นมา ผมพยักหน้า “ให้มันโกรธไปเลย ชอบหนีเที่ยวดีนัก ป๊าเห็นมานั่งรอตั้งแต่เลิกเรียนแล้ว” พูดติดไม่พอใจ
“ก็จะไปง้อนี่ไงป๊า อะไรเนี่ย!” ผมโวยวาย
“ขึ้นบ้านไปเลยนท!” ป๊าขึ้นเสียง
ผมก็เดินหน้าบูดหน้างอกระแทกเท้าขึ้นบ้านไป ป๊าจะแกล้งผมสินะ แหมทำเป็นพูดดี แล้วเอายังไงละเนี่ย ผมก็กระหนำโทรไป มันก็ปิดเครื่องไปเลย ดี...ดีที่สุด ผมก็ปล่อยไป แล้วก็เล่นนู่นเล่นนี่ไปแล้วก็นอน...
พอมาอีกวันผมก็ตื่นทำอะไรตามปกติ จนรอไปโรงเรียน....
“วันนี้ป๊าจะไปส่ง เจ้าอ๊อฟมันแวะมาบอกป๊าตั้งแต่นทยังไม่ลงมาเลย” ป๊าพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมละหงุดหงิดจริงๆ นี่มันจะไม่คุยกับผมจริงๆเหรอ พอถึงโรงเรียน ผมก็เดินไปหามันที่มันชอบนั่งกับเพื่อนๆมันก็ไม่อยู่ไปหาที่ชมรมก็ไม่อยู่ผมก็เลยเดินกลับไปหาเพื่อนๆ พวกมันก็นั่งกันอยู่ครบเชียว.....
“เป็นอะไรวะ ทำหน้าเป็นตูด” ปอถามอย่างสงสัย
“ก็ไอสิงโตไปส่งกูเมื่อวาน พี่อ๊อฟเห็นก็โกรธกูเนี่ย ไม่คุยไม่เจอตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว” ผมพูดอย่างคิดมาก
“เอาน่าๆ เดี๋ยวเขาก็มาหามึงเองแหละ” ไอมินบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“เออ ร่าเริงเข้าไว้มึง” วิวพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม
“แล้วมึงจะไปไหม เสาร์อาทิตย์นี้” ไอนัทถามนิ่งๆ ผมก็มองมัน ทุกคนก็จับจ้องมาที่ผม
“พวกมึงมีอะไรกัน! กูเห็นมีพิรุธกันตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ ทำกูเดือดร้อนไม่หยุดไม่หย่อนเลย!” ผมถามอย่างหงุดหงิด
“ปะ..เปล่ามึง แค่อยากชวนมึงไปเที่ยว” ปอพูดแบบอึกอัก
“ก็น้องซินวางแผนให้มึงคืนดีกับไอสิงโต เลยหาพามึงไปนู่นไปนี่…” ไอนัทพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์
“ไอนัท!” พวกมันพร้อมเพรียงเชียว
“บอกไปเถอะ ไอนทมันรู้ทีหลังแล้วมันโกรธจะแย่กว่านะ” ไอนัทเงยหน้าบอก
“กูถามพวกมึงจริงๆเถอะนะ มึงก็รู้ว่าพ่อมันไม่ค่อยอยากจะให้กูยุ่งกับไอสิงโต มึงจะส่งเสริมเพื่อ? มึงต้องให้ครอบครัวเขาแตกแยกกันก่อนใช่ไหม” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“พ่อมันนั่นแหละที่ให้ซินมาพูดกับพวกกูอะ!” ไอมินพูดขึ้นเสียงดังผมชะงักไปนิด
“จริงๆนะมึง พ่อมันทนไม่ได้หรอกที่เห็นไอสิงโตเป็นแบบนั้น!” ปอพูดอย่างเป็นห่วง ผมก็ใช้ความคิด ทำไมพ่อมันไม่คุยเอง ใช้น้องซินทำไม
“ที่พ่อมันไม่คุยกับมึงเพราะเขาอยากให้เด็กๆคุยกันเองจะง่ายกว่านะมึง” ไอวิวนี่เหมือนอ่านความคิดผมได้ ผมก็นั่งนิ่ง
“มึงไม่ต้องทำท่าคิดหนักขนาดนั้นก็ได้ เพราะที่มันพูดคือเรื่องจริงนะ” ไอนัทนี่ก็เฉยชาจังวะ
“เออๆ รู้แล้วๆ ยังไงกูก็ขอดูก่อนอีกทีแล้วกัน” ผมเครียดเรื่องพี่อ๊อฟมากกว่าเนี่ยคิดแล้วก็หงุดหงิด
พวกมันก็พูดเกลี้ยกล่อมผมอยู่นั่นแหละ จนได้เวลาเข้าแถว และขึ้นเรียนพวกเราก็ขึ้นเรียนกันไป จนถึงเวลาพักเที่ยงก็ไปหาอะไรกินกัน แต่ผมฝากเพื่อนๆซื้อให้แล้วรีบไปปดูพี่อ๊อฟก่อน หายังไงก็ไม่เจอไปชมรมก็ไม่มีคน มันหายหัวไปไหนของมัน จนผมไปเจอเพื่อนๆพี่อ๊อฟ ดีพี่ไอซ์ไม่อยู่.....
“พี่ครับเห็นพี่อ๊อฟไหม” ผมถามพวกพี่เขาขณะที่พี่ๆเขานั่งกินข้าวกันอยุ่
“อ่าว! ไออ๊อฟมันไปกรุงเทพฯอะ ไม่รู้เหรอ?” มองผมอย่างงงๆ
“ไปทำไม ไม่เห็นบอกผมเลย” ผมคิ้วขมวดแล้ว
“ก็เมื่อวาน กูเห็นมันบอกว่า ต้องไปกระทันหันเพราะจดหมายที่ทางกรุงเทพฯส่งมามันมีปัญหาเพิ่งมาถึง มันเลยต้องไปเลยพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“งานอะไรพี่” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็พวกประชุมแล้วก็ทัศนศึกษาอะไรพวกนั้นของชมรมมันนั่นแหละ เรื่องนี้กูเคยเห็นมันพูดมาสักพักแล้ว มันบอกว่ารอจดหมาย จนมาเมื่อวานเนี่ยแหละ พวกมันคงบอกที่บ้านไว้ตั้งนานแล้ว ถึงไปกันได้ไม่งั้นซวย กระทันหันแบบนี้”(ยิ้ม)
“อะไรวะ?” ผมงงเลยสิ “แล้วมันไปกี่วันอะครับ” ผมเอ่ยถามพร้อมส่งยิ้มไป
“เห็นว่ากลับถึงวันจันทร์อะมั้ง” พี่มันทำท่าคิด
ผมกับพวกพี่ๆเขาคุยกันอีกนิดหน่อยผมก็ขอตัวกลับไปหาเพื่อน ระหว่างผมเดินกลับไปหาเพื่อนๆก็โทรหาพี่อ๊อฟมันไปด้วย คือมันก็ไม่รับ ใจร้ายจริงๆ จะโกรธอะไรก็บอกผมหน่อยก็ได้มั้งว่าจะไปไหน พอเดินมาถึงโต้ะเพื่อนๆก็กำลังกินข้าวกันอร่อยเลย ผมก็ไปนั่งกิน พวกมันก็ถามกันว่ามีอะไรผมก็บอกพวกมันไปตามความจริง พวกมันก็เฮกันใหญ่ประมานว่าผมต้องไปกับพวกมันได้โดยไม่มีพี่อ๊อฟคอยห้าม แต่มันไม่ใช่ไง ผมรู้สึกผิดจัง จนกินเสร็จก็พากันเดินขึ้นห้อง ผมก็โทรหาพี่อ๊อฟตลอด มันก็ไม่ยอมรับสายคืออะไร พอถึงห้องผมก็กดดูในเฟสเห็นแจ้งเตือนไรเยอะแยะเลย โอ้โห! เดี๋ยวนะ ไปงานของชมรมแต่ยัยอิงฟ้ามันสล่อนอะไร คือถ่ายรูปแล้วแท๊กพี่อ๊อฟ อีนี่มันยังไม่เห็นสถานะหรืออย่างไร วอนแล้วจริงๆมันถ่ายรูปกับพี่อ๊อฟที่งานที่ไหนสักที่เมื่อ1ชั่วโมงที่แล้ว อ้อ!หรือว่ามัวแต่หวานกับยัยอิงฟ้าเลยไม่รับโทรศัพท์ผม ดีอย่างนั้นก็ดี....
“พวกมึงกูจะไปนะวันเสาร์อาทิตย์นี้! กูจะสนุกให้เต็มที่เลย!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ตอนแรกกะจะนอนสำนึกผิดอยู่บ้านแต่พี่อ๊อฟก็ใจร้ายเกินไปจริงๆ ก็ตามนั้น
“ใจเย็นๆดิมึง มันอาจจะไม่มีอะไรหรอก” ปอมันชะเง้อดูในโทรศัพท์
“เออๆ ไม่มีหรอก แต่กูงง ไปงานของชมรมแล้วอิงฟ้าคืออะไร?” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
“มึงก็รู้อิงฟ้าไปช่วยชมรมบ่อยๆเขาจะชวนอิงฟ้าไปก็ไม่แปลกนะเว้ย!” ปอพูดนิ่งๆ ผมชะงักไปนิด แล้วผมพยักหน้ารับรู้
แล้วพวกมันก็ชวนผมคุยนู่นนี่ไป ผมก็ตอบบ้างเออออบ้างมือก็กดรัวโทรหาพี่อ๊อฟมันก็ไม่รับ อะไรวะ! ผมเลยโทรหาพี่ดาวไม่รู้ใช่ไหมมันมีชื่อดาวอยู่แค่เบอร์เดียวในโทรศัพท์มัน ดีนะแลกโทรศัพท์กับมันใช้เลยติดต่อคนที่อยู่กับมันได้ด้วย แล้วพี่ก็รับสาย....
“ฮัลโหล” เสียงหวานเลย พี่ดาวนี่แหละ
“พี่ดาวผมนทนะครับ พี่ดาวอยู่ไหนครับ” ผมพูดอย่างกังวล
“อ่าว!นี่เบอร์อ๊อฟ.. พี่มางานไง” พี่ดาวทำเสียงตกใจ
“ผมแลกโทรศัพท์กับพี่อ๊อฟใช้น่ะพี่ นี่พี่ไปกระทันหันเลยเหรอครับ?”  ผมถามด้วยความสงสัย
“จริงๆไม่กระทันหันนะ ครูบอกไว้ตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้ว แต่จดหมายมันไม่มาสักทีครูเลยบอกว่าให้ไปบอกกับที่บ้านไว้ก่อน แล้วจดหมายก็มาถึงเมื่อวาน เมื่อวานวิ่งวุ่นเลย เพราะต้องให้ครูโทรขอพ่อแม่ให้ จดหมายมันเพิ่งถึงแล้วต้องมาวันนี้อีก เลยยุ่งไปหมด” พูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร
“ครับๆ แล้วพี่อยู่กับพี่อ๊อฟหรือเปล่าครับ ผมขอคุยด้วยได้ไหม ผมโทรไปพี่เขาไม่รับ...” ผมทำเสียงเศร้า
“ได้สิ แปปนะ” แล้วก็มีเสียงดังอะไรไม่รู้…. “ฮัลโหล...” (พี่อ๊อฟ!)
“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟทำไมไม่รับโทรศัพท์” ผมถามอย่างกังวล
“โทรศัพท์อยู่ในกระเป๋า” น้ำเสียงเฉยชามาก
“พี่อ๊อฟหายโกรธเถอะนะ ผมอยู่ไม่เป็นสุขแล้วเนี่ย” พูดน้ำเสียงเศร้าๆแล้วเดินออกมาจากห้องเรียนมาคุยหน้าห้อง
“แล้วยังไงวะ” มันพูดแบบหงุดหงิด
“เรื่องเมื่อวานมันไม่มีอะไรนะพี่อ๊อฟ” ผมพูดจริงจัง
“ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์คุย ไว้กูจะโทรไปเองนะ ไม่ต้องโทรมาแล้ว” แล้วมันก็วางสายไปเลย ผมยืนนิ่งเลย
แล้วก็เดินคอตกเข้าห้อง เพื่อนๆก็ถามผมก็บอก มันก็ปลอบผมกันไปจนครูเข้าเราก็เรียนกันไปพอเลิกเรียน ผมก็อึนๆ ตอนแรกพวกมันจะแยกย้าย แต่มันเห็นผมเศร้าพวกมันเลยพาผมไปหาอะไรกินแถวหน้าโรงเรียน นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้ง ที่ผมนั่งรอโทรศัพท์จากคนคนนึง พี่อ๊อฟมีอิทธิพลต่อความรู้สึกผมเหลือเกิน......
“มึงเว่อร์ไปแล้ว เดี๋ยวเขาโทรมามึงก็ได้ยินเองแหละ ไปจ้องอะไรขนาดนั้น” ปอพูดแล้วมันเก็บโทรศัพท์ยัดใส่กระเป๋าเสื้อผม
“กูไม่น่าให้ไอสิงโตไปส่งเลย” ผมพูดอย่างเครียดๆ
“ไม่เกี่ยวหรอกน่า อย่าคิดมากเลยมึงพี่เขาอาจจะเหนื่อยก็ได้นะเว้ย!” ไอมินพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เออกินเถอะมึง ไอติมจะละลายแล้ว” ไอนัทเลื่อนไอติมมาหน้าผม
แล้วก็นั่งกินกันไปคุยกันไป พอเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ ผมก็บอกป๊าให้มารับ พอถึงบ้านก็ขึ้นบ้านไปนอนจ้องโทรศัพท์มันก็ไม่โทรมาสักที ใจดำจริงๆ โถ่!เพราะผมทำตัวเองด้วยแหละเฮ้อ! ผมก็เอาการบ้านขึ้นมาทำทำเสร็จลงไปกินข้าวแล้วก็ขึ้นมาอาบน้ำแต่ตัว นอนเล่นบนเตียง คือรอโทรศัพท์อย่างเดียว จะโทรไปก็กลัวมันจะรำคาญหนักกว่าเดิม.......
ครืดๆๆ........
“ฮัลโหล” ผมรับเร็วมากกดรับเร็วมากจริงๆ
“เอ่อใครครับ?” เสียงผู้ชายคุ้นๆ ผมลองยกขึ้นมาดู พี่โอม? เอิ่ม! พี่โอมเป็นเพื่อนกลุ่มพี่อ๊อฟที่ผมไปถามหาพี่อ๊อฟเมื่อตอนกลางวัน
“พี่โอม ผมนทเอง ผมแลกโทรศัพท์กับพี่อ๊อฟใช้” ผมบอกเสียงนิ่งๆ
“อ่อ แล้วมันใช้เบอร์ไหน จะโทรไปฝากมันซื้อของหน่อย” พี่โอมพูดด้วยเสียงร่าเริง
“เบอร์08........อะพี่” ผมบอกเสียงเศร้าๆ
“เป็นอะไร เสียงหงอยๆ” พี่โอมถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“พี่อ๊อฟไม่รับโทรศัพท์และไม่ยอมโทรหาผมอะดิ” ผมเศร้าเลยทีเดียว
“เอาน่าเดี่ยวมันก็โทรหาเองแหละ มันโลกส่วนตัวสูง งั้นวางก่อนนะ เออแล้วมีอะไรก็โทรมาได้นะ!” พูดอย่างเป็นห่วง+กวนๆนิดหน่อย
“อ่าๆขอบคุณพี่” แล้วก็กดวางไป
ผมก็นอนรอโทรศัพท์นอนรอไปนอนรอมาก็ผลอยหลับไปสะงั้น ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว มองโทรศัพท์ก็ยังไม่มีใครโทรมา เห็นแล้วก็เศร้า ผมก็ทำนู่นทำนี่ไป ผมมองตัวเองในกระจกแล้วก็ยิ้มให้ตัวเอง “วันนี้เราจะลืมเรื่องเศร้าแล้วก็ร่าเริงเหมือนเดิม เย้!” เป็นบ้าไปแล้ว พูดคนเดียวสะงั้นคิดแล้วก็ขำ พอป๊ามาส่งที่โรงเรียน ผมก็เดินตรงไปหาเพื่อนๆด้วยความสดใสที่ผมสร้างมันขึ้นมาเอง.....
“เป็นอะไรวะ ร่าเริงสะน่ากลัว” ไอปอไอนี่นิ
“เปล่า กูแค่เบื่อ พี่อ๊อฟก็ไม่โทรหาสักที กูก็ไม่รู้จะเศร้าทำไม!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ พวกมันมองหน้ากัน
“มึงป่วยหรือเปล่าวะ” ไอนัทเอามือมาจับหน้าผากผม ผมก็จับมือมันมาหอม มันดึงมือมันกลับอย่างเร็วเลยพวกนั้นก็หัวเราะกันใหญ
“กูไม่ได้ป่วย กูแค่คิดว่าในเมื่อมันไม่อยากคุย กูก็ไม่ต้องทำอะไรมากมายหรอก เศร้าไปก็แค่นั้น” ผมยักไหล่อย่างกวนๆ
พวกมันก็คุยเล่นกันไปผมก็ด้วย จริงๆก็เศร้าแหละ แต่ผมเก็บอาการได้ดี แถๆไปเถอะ ไอพี่อ๊อฟมันจะใจร้ายกับผมได้นานแค่ไหนก็ต้องลองดู ผมก็จะชิวและแรดให้เต็มที่แล้วกันตอนที่มันไม่อยู่ และถึงเวลาพักเที่ยง พวกเราก็ไปหาอะไรกินกัน....
“พวกมึงวันนี้ไปร้องเกะกันกูอยากแหกปาก” ผมพูดขึ้นมาอย่างร่าเริง
“เออๆดีเหมือนกันไม่ได้ร้องนานแล้ว” ไอวิวพูดขึ้นอย่างดีใจ
“ชวนไอสิงโตด้วยได้ไหมมึง” อยู่ๆมันพูดขึ้น ผมชะงักไปนิด
“แล้วแต่เลยมึง” ผมยิ้ม ก็ดี ไหนๆพี่อ๊อฟมันก็โกรธเรื่องนี้อยู่ ผมก็ช่างแม่ง ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
แล้วพวกมันก็คุยกันไป ผมก็คุยไปจนขึ้นห้องเรียนก็เรียนกันไปพอเลิกเรียน.....
“พวกมึงเดี๋ยวพวกไอสิงโตมารับนะเว้ย!” อยู่ๆไอมินมันก็พูดขึ้นขณะที่พวกผมเก็บกระเป๋า
พวกมันดีใจกันใหญ่ ที่ไม่ต้องหานั่งรถให้เสียตัง ผมก็เออออไปไม่อยากทำให้เพื่อนอึดอัดไปด้วย พอลงไปรอสักพักพวกมันก็มารับ ผมก็ซ้อนไอสิงโตเหมือนเดิม มันก็ชวนผมคุย ผมก็เออออไปมันดูดีขึ้นจากเมื่อวานซืนดีนะดูสดใสมากเลยทีเดียว พอถึงห้างเราก็พากันไปเช่าห้องร้องเกะกันห้องใหญ่เลย พวกมันก็แย่งกันร้องไปผมก็นั่งอยู่ตรงโซฟาไอสิงโตก็นั่งข้างๆ.......
“ป๋ากูอยากคุยกับมึงนะ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา
“อืม” ผมยิ้ม แบบไม่รู้สิจะคุยอะไรอีก เลิกหาเรื่องมายัดใส่หัวผมได้แล้ว แค่นี้ผมก็เหนื่อยจะรับอะไรแล้ว
“หลังจากร้องเสร็จไปบ้านกูไหม” ไอสิงโตถามอย่างมีหวัง ผมนชะงักไปเลยสิ ไม่อยากไป คืออยากพูดสวนมันไปทันที
“มะ....มันจะดีเหรอ” ผมถามแบบเกร็งๆ แต่ยังคงมีรอยยิ้มส่งให้มัน
“ดีที่สุด!” พวกมันพูดใส่ไมค์ ผมหันไปมองพวกมันยิ้มร่าเริ่งกันเลยทีเดียว
“เฮ้อ! พวกมึงนี่นะ” ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“ไปไหม” ไอสิงโตถามย้ำ
“ไปก็ได้” ผมตอบแบบนิ่งๆ จะคุยก็คุย จะทำอะไรก็ทำ เบื่อๆอยู่พอดี
พวกมันเฮกันใหญ่ ผมก็นั่งฟังพวกมันร้องเพลงไป ผมชวนพวกมันมายังไม่ได้ร้องเลย จนผ่านไปสักพัก.....
“ไอนท ให้ไอนทร้องบ้างดิ” ปอบอกขณะที่มันแย่งไมค์กับไอสอ
“เออๆไอนทมึงมาร้องบ้างดิ กูอยากฟังเสียงมึง” ไอโค้กพูด ผมเขินน่ะสิ เสียงก็ไม่เพราะยังจะมาอยากฟัง
“เอาเลยกูรอฟังด้วย” ไอสิงโตยิ้ม
“เออๆก็ได้” อายจุง แต่รีบคว้าไมค์คืออะไร555 “เอาเพลงอะไรดีวะ” ผมยืนเลือกเพลงอยู่ที่หน้าจอกับไอปอ
“เพลงนี้เลยมึง” ปอมันก็กดให้ผม เอ่อ.....
“ไอปอทำไมต้องเพลงนี้วะ มันเก่ามาแล้วนะมึง กูไม่ร้องเปลี่ยนเลย!” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ
“เอาน่ากูชอบเพลงนี้รองให้ฟังหน่อย” ไอปอยิ้มแล้วมันก็กดเลือกเพลงและกดเล่นเลย
พวกมันร้องโห่แซวกันใหญ่เลย ผมละเขินจริงๆ ก็รอเสียงดนตรีเริ่ม........
“……คนดีขอโทษที่ทำให้วุ่นวาย
ให้หวั่นไหวและต้องมาถามกัน
ว่าคนไหนที่เป็นคนสำคัญของฉัน
ที่นั่งในใจคือเขาหรือเธอ
ไม่รู้จะบอกกับเธอได้ยังไง
จะผิดไหมถ้าบอกว่าเท่ากัน
อาจจะเห็นแก่ตัวเมื่อเธอช่างดีกับฉัน
และเขาก็สำคัญเป็นคนที่รู้ใจ
หากฉันฝันถึงเธออย่างเขา
หรือถ้าเขาแสนดีอย่างเธอ
สิ่งที่ถามฉันคงไม่ลำบากใจ
อย่าเลยอย่าบอกให้ฉันเลือกเลย
เพราะฉันไม่เคยรู้เลย
ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร
ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ
ไม่อยากจะเลือกใคร
อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน
ฉันรู้ว่ามันก็คงไม่ดี
ทำอย่างนี้ที่สุดอาจไม่เหลือใคร
หากว่าเธอเกลียดฉัน
ก็อยากขอโทษได้ไหม
เหตุการณ์ที่เป็นไปใจฉันเองก็เจ็บ
หากฉันฝันถึงเธออย่างเขา
หรือถ้าเขาแสนดีอย่างเธอ
สิ่งที่ถามฉันคงไม่ลำบากใจ
อย่าเลยอย่าบอกให้ฉันเลือกเลย
เพราะฉันไม่เคยรู้เลย
ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร
ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ
ไม่อยากจะเลือกใคร
อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน
อย่าเลยอย่าบอกให้ฉันเลือกเลย
เพราะฉันไม่เคยรู้เลย
ไม่รู้ว่าจะเลือกใคร
ขาดเธอก็เหงาขาดเขาก็คงเสียใจ
ไม่อยากจะเลือกใคร
อยากเก็บเธอเอาไว้ทั้งสองคน”
เพลงอยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน เอ็มวีเวอร์ชั่นเลิฟซิค ที่ออกัสร้องระหว่างที่ผมร้องพวกมันก็เงียบกัน พอร้องจบก็ยังนิ่ง เอาผมไปไม่เป็นเลย......
“อะ...เอ่อมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะ” อายมาก พูดติดๆขัดๆ
แล้วพวกมันก็ตบมือกัน ผมก็งงเลยสิโดยเฉพาะไอสิงโต......
“เพราะมากเลยมึง” ไอโค้กยิ้มอย่างยินดีแล้วเดินมาจับไม้จับมือ
“อะแฮ่ม!” ไอสิงโตมอง ไอโค้กรีบปล่อยมือ “เพราะมากมึงกูชอบ” ยิ้มเขินเอิ่ม!เขินเพื่อ
“จะ...จริงเหรอวะ กูเห็นพวกมึงเงียบกันกูก็นึกว่าฟังกันไม่ได้” ผมพูดอย่างเขินอาย
“เพราะจริงๆมึง ถ้าไม่เพราะกูไม่ให้มึงร้องให้ขายขี้หน้าหรอก” ปอพูดติดตลก ผมก็ยิ้มบานเลยสิ
“นทเพลงนี้มึงจะสื่ออะไรหรือเปล่า” ไอมินทำหน้าล้อ
ผมก็ด่ามันไปเราก็คุยกันไป......
“ไอสิงโต มึงร้องบ้างเลย!” ตี๋ยื่นไมค์ให้ไอสิงโต
“เออพวกมึงต้องฟัง ไอสิงโตก็ร้องเพราะร้องเลยๆ เอาเพลงอะไรมึง” ไอต้นอวดเพื่อนแล้ว
“เพลงนี้เลยมึง กูเลือกให้เอง” ไอโค้กก็เดินไปกดๆ ส่วนไอสิงโตก็ยืนยิ้มให้ผม มันทำผมเขินนะเนี่ยไอบ้านิ!
แล้วมันก็เลือกเพลงไป แต่เพลงมัน เอ่อคือ เอาเถอะแค่ร้องเพลงเท่านั้นแหละ แล้วเพลงก็เริ่มไอสิงโตมันก็หันหน้ามาทางผมจ้องหน้าผมและหน้ามันก็ดูมีความสุขมาก ผมอึกอักเล็กน้อย ไอพวกเพื่อนๆก็ตั้งใจเงียบกันเหลือเกิน.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:55:11
ถ้าเธอไม่ได้รักกับเขา
เราจะได้รักกันไหม
เป็นคำถามที่ยังข้องใจ
เธอไม่รักเพราะมีเขา
หรือว่าฉันไม่ใช่
เรื่องเดียวที่อยากรู้ โอ้
แต่มันก็คงจะสายถ้าจะให้ฉันพูดออกไป
ก็เธอน่ะมีเขาฉันก็ควรที่จะเข้าใจ
ก็แบบว่ามันยังคิดอยู่
อยากให้เธอลองคิดดู
ก็เผื่อว่าวันพรุ่งนี้เธอจะเปลี่ยนใจ
ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่รอและมันก็คงต้องยอมก่อน
ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไง
ก็แบบว่าถ้าเธอเหงาขึ้นมาเวลาที่ไม่มีใคร
ให้ฉันไปหาเธอได้ไหม
ถ้าเกิดว่ามีความลับที่ฉันยังไม่อยากจะบอก
ถ้าเกิดว่ามีคำถามที่ไม่อยากได้ยินคำตอบ
ถ้าเกิดว่าไม่มีเขาเธอจะมองฉันดูกระจอกไหม
ก็แบบว่าเอาจริงจริง
ไม่อยากจะได้ยินคำปลอบใจ
ละถามว่ารักเธอไหมฉันก็คงจะตอบว่ามากแหละ
แต่ถามว่าเกลียดเธอไหม
บางทีมันก็ตอบยากแหละ
ก็แบบว่ามันไม่ทราบเลยที่จริงเธอคิดอะไรอยู่
บางทีก็ให้ความหวัง
ชอบมาเล่นอะไรก็ไม่รู้
เล่นอะไรก็ไม่รู้
ถ้าเธอไม่ได้รักกับเขา
เราจะได้รักกันไหม
เป็นคำถามที่ยังข้องใจ
เธอไม่รักเพราะมีเขา
หรือว่าฉันไม่ใช่
เรื่องเดียวที่อยากรู้
ถ้าเธอไม่ได้รักกับเขา
เธอจะมองฉันบ้างไหม
ถ้าหากเราไม่เจอช้าไป อุ้
ถ้าหากไม่ใช่เขา
จะเป็นฉันได้ไหม
หรือความจริงไม่ว่ายังไง
เธอก็ไม่รักฉันอยู่ดี
Yeah aha
ที่ทักไปหาทุกวันจะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ
ถ้าเกิดว่าไม่มีเขาอะไรอะไรมันคงจะง่ายนะ
ก็แบบว่าตอบได้มะว่าเป็นที่ฉันหรือเขา
ตอนนี้มันค้างคาก็แบบว่าฉันไม่อยากจะเดาเลย
บางทีเธออยู่กับเขาก็คิดว่าทำไมไม่ใช่เราวะ
ที่จริงก็รู้คำตอบ
แต่ความจริงแล้วมันก็เศร้านะ
ช่างแม่งไม่อยากจะเล่าละ
โซดาผสมกับเหล้านะ
ถ้าเกิดคืนนี้ฉันเมา
โทรไปหาเธอไม่ต้องเดานะ
เธอคงจะอยู่กับเขาอะ
ถ้าเธอไม่ได้รักกับเขา
เราจะได้รักกันไหม
เป็นคำถามที่ยังข้องใจ
เธอไม่รักเพราะมีเขา
หรือว่าฉันไม่ใช่
เรื่องเดียวที่อยากรู้
ถ้าเธอไม่ได้รักกับเขา (yeah yeah)
เธอจะมองฉันบ้างไหม
ถ้าหากเราไม่เจอช้าไป
ถ้าหากไม่ใช่เขา
จะเป็นฉันได้ไหม
หรือความจริงไม่ว่ายังไง
เธอก็ไม่รักฉันอยู่ดี
Ah
แต่มันก็คงจะสายถ้าจะให้ฉันพูดออกไป
ก็เธอน่ะมีเขาฉันก็ควรที่จะเข้าใจ
ก็แบบว่ามันยังคิดอยู่
อยากให้เธอลองคิดดู
ก็เผื่อว่าวันพรุ่งนี้เธอจะเปลี่ยนใจ
ตอนนี้คงทำได้เพียงแค่รอและมันก็คงต้องยอมก่อน
ก็แล้วจะให้ฉันทำยังไง
ก็แบบว่าถ้าเธอเหงาขึ้นมาเวลาที่ไม่มีใคร
ให้ฉันไปหาเธอได้ไหม
เธอได้ไหมอะ
เพลงถามคำ ของURBOYTJ ไงละ ร้องนี่ตาไม่ละจากผมเลย ผมเลิ่กลักนิดหน่อยจะลุกหนีไอปอก็จับไว้ พอร้องจบพวกมันก็ตบมือกัน มีการมองผมแบบแซวกันด้วยไอพวกนี้ ก็มันเป็นสะแบบนี้ไงถึงทำให้ผมหนักใจ เฮ้อ!.....
“เพราะไหม” สิงโตมานั่งข้างผมแล้วก็ถาม
“อืมก็เพราะดี” ยิ้ม มันทำให้ผมลำบากใจอีกแล้วนะเนี่ย จะว่าไป มันหล่อมากเลยนะ เป็นคนๆนึงที่น่าจะมีคนสนใจมากมาย แต่ด้วยการวางตัวอะไรแล้วคนเข้าถึงมันได้ยากอยู่นะ จากที่รู้จักมันมาสักพัก
“เอาน่ามึงขำๆ” ปอหันมากระซิบ
“แต่กูไม่ขำด้วย มึงก็รู้นะ” ผมหันไปกระซิบมันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“เอาน่าๆ แล้วมึงจะรู้เองแหละ” ปอยิ้มอย่างใจเย็น ผมก็สงสัยนะแต่เลือกจะเงียบไว้ดีกว่า ไม่ได้อยากจะรับรู้อะไรขนาดนั้น
แล้วเราก็ร้องเล่นเต้นกันไปจนหมดชั่วโมงพวกเราก็พากันแห่ไปบ้านไอสิงโต พอผมเห็นบ้านมันเท่านั้นแหละ ผมก็เกิดความรู้สึกที่ว่าไม่อยากเข้าไปเลย พอเข้ามาพ่อแม่น้องมันก็ออกมารอแล้ว พวกเราก็ทักทายนิดหน่อย เพื่อนๆก็พากันไปห้องเล่นไอสิงโต พอผมจะตามไปพ่อมันเรียกให้ไปหาผมก็เดินตามไป แม่มันก็ด้วยเฮ้อ! ทำไมต้องทำอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ เข้ามาห้องทำงาน อารมณ์เหมือนห้องเชือดยังไงไม่รู้ พ่อมันก็ไปนั่งผมก็นั่งตรงข้ามพ่อมันแม่มันก็นั่งข้างๆผม.......
“สบายดีนะ” ลุงโรจน์ถามพร้อมยิ้มหวาน
“ครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“แม่รู้เรื่องหมดแล้วนะ ป๋าเขานิสัยไม่ดีแบบนี้แหละหนูโอเคใช่ไหม” น้าแพร นางฟ้าชัดๆทั้งเสียงท่าทางกริยาสวยสง่า
“ครับผมโอเคไม่เป็นอะไรครับ” ตอบแบบนิ่งๆไม่ใส่ใจอะไร และส่งยิ้มให้ตามมารยาท
“คุณแพรนี่นะ” ลุงโรจน์ทำเสียงดุ ผมก็มองว่านี่อะไรกัน ทำไมต้องมาคุยอะไรบ่อยๆ ผมชักเบื่อแล้ว
“ทำไมคะ หรือคุณอยากจะให้ฉันกับลูกๆไปอยู่ที่อื่น” น้าแพรพูดเสียงแข็ง จะมาทะเลาะกันให้ผมดูหรือยังไง
“ครับๆเข้าใจแล้วครับ” ลุงโรจน์หัวหดเลย ผมแอบยิ้มนิดหน่อย
“นทคือแม่รู้เรื่องสิงโตมานานแล้วรู้ว่าเขามีรสนิยมยังไง แต่แม่ไม่เคยปิดกั้นเลยนะ สนับสนุนด้วยซ้ำ เขาชอบมาพูดถึงนทให้แม่ฟังบ่อยๆ แต่พ่อเขาน่ะสิ” หันไปทำตาดุใส่ลุงโรจน์ “ชอบทำตัวให้ลูกไม่รัก หนูนทไม่โกรธนะจ้ะ” น้าแพรยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วลูบหัวผม
“ไม่โกรธครับ ผมเข้าใจดีทุกอย่างครับ ว่าคุณทั้งสองหวังดีต่อสิงโต โดยเฉพาะคุณผมก็ทำตามที่คุณบอกแล้วต้องการอะไรอีกครับ” ผมหันไปมองแล้วถามลุงโรจน์
“ดะ....เดี๋ยวนะ ทำไมหนูเรียกป๋าเขาแบบนั้น” น้าแพรถามอย่างตกใจ
“คุณเขาเคยบอกว่าผมไม่ใช่ลูกเขาเรียกไม่ได้ครับ” พูดนิ่งๆ จริงๆไม่ได้อยากจะกร้าวร้าวหรืออย่างใด ผมต้องการจะตัดอะไรหลายๆอย่างแล้วจริงๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังมีเรื่องให้ได้พบปะเจอกันอีกผมก็ไม่เข้าใจ
“คุณคะ” กัดฟันพูดแล้ว ผมก็นิ่งๆ “ทำไมคุณใจร้ายแบบนี้” น้าแพรถามอย่างไม่พอใจ “ต่อไปนี้นทเรียกฉันว่าแม่นะ ส่วนนู่นก็เรียกว่าพ่อหรือป๋าก็ได้ โอเคนะ” พูดอย่างใจเย็น
“.......ผมว่ามันไม่จำเป็นครับ ผมไม่คิดว่าจะมาที่นี่อีกด้วย ผมรู้สึกเบื่อจริงๆแล้วนะครับน้าแพร” ผมพูดเสียงสั่น แล้วหันไปทางอื่น ที่ไม่ได้มองพวกเขา “แค่เรียนผมก็ปวดหัวเพราะผมไม่ฉลาดพอแล้ว ผมยังต้องมาคิดหรือต้องมาเจอเรื่องพวกนี้อีกยิ่งทำให้ผมรู้สึกเบื่อมากเลยครับ ผมต้องการจะตัดอะไรหลายๆอย่างแล้วจริงๆ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไม ทุกคนถึงเอาแต่ให้ผมมาเจอกับสิงโตอยู่เรื่อย ผมไม่เข้าใจ ทั้งๆที่ ผมไม่ได้ทำอะไรด้วยซ้ำ....” ผมพูดอย่างอัดอั้น มันอยู่ในใจผมมาตลอด ผมไม่รู้ว่าพูดไปด้วยความรู้สึกอะไร แต่มันหลากหลายความรู้สึกมากๆจริงๆ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ผมหันหน้าออกไปทางหน้าต่าง ผมก็หมดความอดทนกับเรื่องนี้มามากพอแล้ว พวกเขาน่าจะลืมไปว่าผมแค่เด็กคนนึงที่เรียนอยู่ชั้นมอปลาย มีความสุขกับการเรียนและการใช้ชีวิต ไม่ใช่ต้องมาเจอเรื่องบ้าบอพวกนี้ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ในเมื่อแค่เลิกคบกับมัน ผมก็ทำแล้ว ทำไมต้องมาวุ่นวายอะไรกับผมอีก ผมไม่เข้าใจ ผมอึดอัดจริงๆ
“แม่ขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกเรื่องจริงๆ ขอโทษแทนป๋าที่เขาทำแบบนั้น” น้าแพรพูดด้วยสีหน้าจริงจังแล้วจับมือผม “ช่วยกลับมาเป็นเพื่อน...เป็นเหมือนเดิมกับสิงโตได้ไหม” ถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง “จะเป็นเพื่อนเป็นแฟนคนรักอะไรก็ได้ ถือว่าแม่ขอร้องนะ! สิงโตเปลี่ยนไปเพราะนท ดูร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย เพราะตั้งแต่คุณตาสิงโตเขาเสียเขาก็เหมือนเด็กเก็บกดไปเลย ไม่ค่อยยิ้มไม่ค่อยหัวเราะ ไม่ค่อยแคร์ใคร และตั้งแต่เขามาพูดเรื่องนทให้แม่ฟังเขาดูมีความสุขนะ เขายิ้มได้บ่อยขึ้น หัวเราะ มันทำให้แม่มีความสุขมากเลยนะ” น้าแพรยิ้มอย่างมีความสุข “แต่3-4วันมานี่สิงโตเอาแต่เก็บตัวข้าวปลาไม่กินเลย แม่เป็นห่วงมากเลย เห็นว่าเมื่อวานไปกินข้าวกับนทมา สิงโตก็เอาแต่ยิ้มแถมยังกลับมากินข้าวกับแม่อีกนะ” ร่ายยาวเลย ผมก็นั่งฟังนิ่งๆ “ส่วนป๋าจะพูดยังไงก็ไม่ต้องสนหรอกนะฟังแม่คนเดียวก็พอ เขาไม่ค่อยรักลูกเท่าไหร่หรอก” พูดประชดแล้วหันไปทำตาดุใส่ลุงโรจน์
“มันจะดีจริงๆเหรอครับผะ....”
“ฉันขอโทษอีกครั้ง สำหรับสิ่งที่ฉันทำอย่างใจจริง” ตัดบทผมและทำหน้าจริงจัง “ฉันขอร้องด้วยคนนะ ฉันเข้าใจแล้ว จริงๆฉันก็ไม่อยากจะยอมรับสักเท่าไหร่หรอกนะเรื่องที่ลูกฉันเป็นแบบนี้” น้าแพรส่งสายตาดุให้ ลุงแกชะงักไปนิด “แต่ในเมื่อมันคือความสุขของสิงโตฉันยอมทุกอย่างเลย...”(ยิ้ม)
“ครับ” ผมพยักหน้าตอบรับ
“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้นทตกลงไปกับเราใช่ไหม” น้าแพรถาม ผมมองอย่างสงสัย “อ้อ! เรื่องนี้แม่เป็นคนเสนอเอง กะจะพานทไปเที่ยวไถ่โทษแทนป๋าเขา” ยิ้มแล้วจับมือผม
“ไปเถอะนะ ถือว่าฉันขอร้อง” ลุงแกยิ้มแบบอบอุ่นส่งมา
“ ครับ” ยิ้ม ผมพูดสิ่งที่อยากพูดไปหมดแล้ว แล้วก็ได้รับคำขอโทษ แต่ก็ดีแล้ว ตอนนี้ก็โล่งกว่าเดิมเป็นไหนๆ พ่อมันก็ตาสว่างมากกว่าเดิมแล้วผมก็ดีใจด้วย แล้วผมก็คุยกับพ่อและแม่ของไอสิงโตไป โดยไม่ลืมที่จะขอโทษที่พูดจาแข็งกระด้างใส่พวกเขาด้วยพวกเขาเข้าใจดีครับ....
“เรียกฉันว่าป๋าเถอะนะ” ลุงแกเอ่ยขึ้น ผมก็ยิ้ม
“ครับ”
จริงๆแล้วเพื่อนๆทุกคนก็เรียกพ่อแม่เพื่อนว่าพ่อแม่เนี่ยแหละ จะมีใครเรียกเป็นอื่นใด แล้วก็คุยกันไป จนสักพักผมก็ขอตัวไปหาเพื่อนๆ พอเปิดประตูออกมาเท่านั้นแหละ พวกมันยืนอยู่หน้าห้องกันเต็มไปหมด ประมานว่าแอบฟัง โดนพ่อไอสิงโตสวดกันใหญ่เลย แต่พวกมันก็ยิ้มกันอย่างเดียวพอฟังเสร็จน้าแพรก็ชวนพวกเรากินข้าวเย็นกัน พวกมันดีใจกันใหญ่เลย แล้วก็พากันไปเล่นที่ห้องเล่นของไอสิงโต ผมก็ไปนั่งอยู่ที่มุมเดิมที่ผมชอบนั่ง เพื่อนๆก็เล่นกันไปไอสิงโตก็มานั่งข้างๆผม......
“มึงจะเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม” สิงโตโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ ผมก็ไม่ถอย
“อื้ม! กูขอโทษนะมึง” ผมยิ้ม ไอสิงโตก็ทำหน้างง
“อะไรวะ?” มันทำหน้าสงสัย
“ขอโทษที่ทำให้มึงรู้สึกไม่ดี ขอโทษที่รู้ว่ามึงไม่ผิดกูก็ยังทำให้มึงผิดหวังขอโทษสำหรับทุกอย่างจริงๆนะมึง” ผมพูดอย่างรู้สึกผิด
“มึงไม่รู้เหรอ?” จับมือผม “กูไม่เคยโกรธหรือโทษมึงเลยนะ” มันยิ้ม
“อืม!” เขินสิทีนี้
พวกเพื่อนก็แซวกัน จะแซวทำไมไอพวกเวรนี่.....
“แล้วมึงเป็นแฟนกับไออ๊อฟจริงเหรอวะ” มันถามด้วยหน้านิ่งๆ
“อืม” ผมตอบนิ่งๆ
“แล้วกูละ...” มันพูดเบาๆเหมือนไม่กล้าจะถาม แต่ผมก็ได้ยิน
“มึง...ก็อยู่ข้างๆกูนี่ไง อย่าคิดมากเลย” ผมยิ้มแล้วจับมือมัน
“ได้เหรอวะ” มันทำหน้าสงสัย
“ได้ดิ มึงก็เพื่อนกู คิดอะไรมาก” ยิ้ม “พรุ่งนี้เลิกเรียนไปถนนคนเดินกับกูไหม” ผมถามมันแล้วยิ้ม
“ไปดิ” มันพยักหน้ารัว
“ถ้าไปกันสองคนมึงจะอยากไปไหม” มันทำหน้าเหวอ
“มะ...มึง” มันเอามือทั้งสองจับหน้าผม “ไป...ไปกูไป” ดีใจอะไรขนาดนั้น
“ไปไหนกันวะ!” ไอโค้กถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“อย่าเสือก!” ไอสิงโตตอบไอโค้กพร้อมกับยิ้มบาน
“เกินไปแล้วมึง” ผมหันไปบอกไอสิงโต มันก็ยิ้มส่งมา
แล้วเราก็นั่งเล่นกันไปคุยกันไปจนถึงเวลากินข้าวก็พากันไป ไอสิงโตก็ดึงมือผมไปนั่งข้างๆมันน้องซินก็นั่งตรงข้าม ข้างๆผมก็ปอ.....
“อันนี้อร่อยนะมึง” สิงโตพูดแล้วตักยำให้ผม
“อะแฮ่ม!” ทั้งโต๊ะถึงกับเงียบ แต่น้าแพรส่งสายตาอำมหิตไปให้ลุงแกชะงักเลย “นี่ก็อร่อยนะ” แล้วก็ตักไก่ทอดให้ผม สถานการณ์ก็คลี่คลาย ก็นั่งกินไปคุยไป โดยเฉพาะไอพวกเพื่อนผมเนี่ย แฉเรื่องของผมให้พ่อกับแม่ไอสิงโตฟังผมแทบจะไปกินข้าวใต้โต้ะแล้วอายเหลือเกิน พ่อมันก็ขำอย่างเดียว จนถึงเวลาของหวานก็พากันกินกันอย่างอร่อย......
“นทพาป๊าเราไปด้วยนะ เสาร์อาทิตย์นี้ถ้าไม่ติดอะไร” ลุงโรจน์พูดอย่างใจดี
“ไม่รู้นะครับว่าป๊าจะว่างไหม เดี๋ยวผมจะกลับไปชวนนะครับ” ผมยิ้มพร้อมตอบลุงแก
“ชวนแม่ด้วยนะนท แม่จะได้มีเพื่อนบ้าง” น้าแพรพูดขึ้น
“ครับๆ” ผมพยักหน้าตอบรับ
“นทเดี๋ยวขึ้นไปบนห้องกูแปปดิ” ไอสิงโตยิ้ม ผมชะงักไปนิด
“จะข่มขืนเหรอ?” ผมถามอย่างกวนตีน
“ได้ไหมล่ะ??” มันยักคิ้ว ผมก็เถียงกับมันต่อไป
พอเรากินเสร็จ พวกเพื่อนก็ไปเล่นกันในห้องไอสิงโตก็พาผมขึ้นไปบนห้องมันก็ไปหยิบอะไรไม่รู้ลิ้นชักหน้าโต้ะมันมา.....
“นั่งก่อนดิ ยืนทำไม” สิงโตมันชี้ไปที่เตียง
“นั่งตรงโซฟาก็ได้มั้งเดี๋ยวเตียงมึงเปื้อน” ผมพูดอย่างเกรงใจ แล้วก็กำลังจะเดินไปที่โซฟา มันก็มาลากผมไปนั่งบนเตียง
“เอาน่ามาดิ เดี๋ยวกูจะให้อะไร” สิงโตเอ่ยขึ้น
“อะไรวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“หลับตาก่อน” ผมก็หลับตาลง ได้กลิ่นอะไรหอมๆ
“อะไรหอมๆ?” ผมเอ่ยถาม มันเอาผ้ามาปิดตาผมครับ กลิ่นผ้า?
“แปปนะอย่าเพิ่งเอาออก!” แล้วมันก็ลุกขึ้นไปทำอะไรสักอย่าง เสียงเหมือนค้นหาอะไรอยู่ “เจอแล้ว” แล้วมันก็มานั่ง “นท” เรียกผมแบบกระซิบ คือจะกระซิบทำไมอยู่กันแค่สองคน
“วะ...ว่า” ผมอึกอักเล็กน้อย
“ถะ....ถ้ามึงไม่รังเกียจกะ...กูขอจูบได้ไหมวะ” ไอสิงโตพูดอย่างเบา แต่ผมอึ้งไปนิด
“ตะ...แต่กูมีพี่อ๊อฟแล้วนะ” ผมพูดแล้วถอยห่างมันนิดหน่อย
“กะ....กูรับได้ไม่เป็นอะไร” มันพูดแบบกล้าๆกลัวๆ
“ถะถอดผ้าได้ไหม” ผมถามมนิ่งๆ
“ดะ...ได้” แล้วมันก็ถอดให้ผม ตอนนี้หน้าไอสิงโตมันแดงมากเลย
“ทะ...ทำไมถึงอยากจูบ….” ผมถามไปผมก็เขินนะ
“กะ...กูอยากลองกับมึงนะเว้ย!” มันพูดแล้วหลบตา “ถะ...ถ้าไม่ดะ.....”
ผมคว้าคอมันมาประกบปากทันที มันเบิกตาด้วยความตกใจเลยทีเดียว ตอนแรกผมแค่ประกบปากแตะปากเท่านั้น แต่มันเล่นดันลิ้นเข้ามา ลิ้นเราก็หยอกล้อกันไปมาพอควร ไอสิงโตไม่ธรรมดาจริงๆ ผมก็ผละออกมา....
“อะ...โอเคใช่ไหมวะ” ผมพูดแบบไม่สบตา ทำตัวไม่ถูกเลย ผมทำอะไรลงไปนะ ภาพที่ไอสิงโตหน้าแดงนั่น ทำให้ผมตอบรับมันโดยไม่ลังเลเลย บ้าจริง! เรากำลังทำผิดอยู่!
“อะ..อื้ม” ผมว่ามันมีอารมณ์แล้ว เพราะดูจากกางเกงถ้าจะชี้ฟูขนาดนั้น
“อะ...เอ้อมึงมีอะไรจะให้กูนะ” ผมเปลี่ยนเรื่อง สถานการณ์ตอนนี้มันล่อแหลมเกินไป ผมอาจจะเผลอใจไปมากกว่านี้
“เอ้ออะ...นี่!” มันยื่นของให้ ทำตัวกันไม่ถูกเลยทีเดียว
“อะไร?” ผมรับมาดู มันเป็นซองสีฟ้า ผมแกะดูข้างในมีตั๋ว? “ตั๋วอะไรวะ” ถามอย่างสงสัย
“งานการ์ตูน....” เป็นงานอีเว้นท์ ที่รวมการ์ตูนจากญี่ปุ่นมา ผมเคยเห็นโฆษณา ใจก็อยากไป แต่ดูท่าน่าจะเสียเงินเยอะ “ไปกับกูนะ” (ยิ้ม)
“ที่ไหนวะ” ผมถามแล้วมองมันอย่างสงสัย
“กรุงเทพฯ มีงานอาทิตย์หน้านู้นเป็นวันเสาร์”มันพูดไปยิ้มไป
“กะ....กูขอดูก่อนได้ไหมวะ มึงก็รู้ว่าพี่อ๊อฟ” ผมพูดแบบติดขัด ไอสิงโตหน้านิ่งขึ้นมา
“กูจะรอคำตอบนะ” มันพูดแล้วยิ้มอ่อนส่งมา
“ไปแค่สองคนเหรอ?” ผมถาม มันพยักหน้า
“มะ....เมื่อกี้กู....รู้สึกดีนะ” ไอสิงโตพูดพร้อมกับหลบตา
“อื้ม กูก็เหมือนกัน” ผมพูดตามความจริงก็รู้สึกดี แต่ก็น้อยกว่าพี่อ๊อฟอยู่ดี “ลงไปกันได้แล้วมั้ง เดี๋ยวเลยเถิด” ผมพูดทีเล่นทีจริงมันก็ยิ้มออกมา พร้อมกับเริ่มสงครามหยอกล้อและเถียงกัน  ไม่นานเราก็พากันลงไปข้างล่าง รู้สึกผิดยังไงไม่รู้สิเนี่ย เฮ้อ! เอาเถอะแต่ก็รู้สึกดีอยู่นะ พวกเราก็ลงไปหาเพื่อนๆพวกมันก็เตรียมจะกลับบ้านกันแล้ว และเช่นเดิมไอสิงโตก็รบเร้าจะไปส่งผมให้ได้ก็ยอมมันอยู่ดี พอจอดหน้าบ้านป๊าก็เพิ่งกลับมาพอดี.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:56:02
“อ้าว! สิงโต? นท...” ป๊าตกใจนิดหน่อย คงไม่คิดว่าผมกับสิงโตจะสนิทถึงกับมาส่งบ้าน สิงโตมันก็หวัดดีป๊าไป
“นทไปเที่ยวบ้านสิงโตมาป๊า” ผมเดินไปหาป๊า ป๊าก็พยักหน้า
“...เข้าบ้านก่อนสิ กินน้ำกินท่าก่อน” ป๊าพูดอย่างใจดี
“ป๊ามันจะระ......”
“รบกวนด้วยนะครับ” มันพูดแทรกผมขึ้นมา พร้อมกับยักคิ้วให้ ผมมองมันแบบไม่เข้าใจ ทำไมมันไม่รีบกลับ
แล้วก็พากันเข้าไป ก็นั่งคุยกัน ไอสิงโตก็ชวนป๊าไปเสาร์อาทิตย์นี้ด้วย ตอนแรกป๊าเหมือนจะไม่ว่าง แต่พอดูตารางงานกลับว่างสะงั้น แม่ก็ไปด้วยเลย และมันก็ไม่ลืมที่จะขออนุญาติเรื่องไปงานการ์ตูนที่กรุงเทพฯให้ผม ตอนแรกป๊าก็ลังเล และจะไม่ให้ไป แต่พอมันบอกป๊าว่ามีน้าอยู่ที่กรุงเทพฯคอยรับส่ง ป๊าก็โอเค ผมเซ็งมาก มาจัดแจงแบบนี้ได้ยังไง ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ป๊า อยู่ที่คุณชายขี้งอน ซึ่งตอนนี้มันก็ยังไม่ยอมโทรมา เอาจริงๆผมก็แอบโทรไปถามกับพี่ดาวบ่อยๆโดยบอกเขาไม่ให้บอกพี่อ๊อฟ เขาก็บอกว่าปกติดี ติดจะขรึมๆไม่ค่อยยิ้ม แล้วป๊ากับไอสิงโตก็คุยกันไปจนฟ้ามืดเนี่ย.......
“ป๊าจะคุยอีกนานไหมมันมืดแล้วนะ” ผมถามอย่างกังวล
“เออจริงด้วย! มายังไง” ป๊าหันไปถามไอสิงโต
“ขับรถมอเตอร์ไซค์มาครับ” สิ่งโตตอบเวยยิ้ม)
“ดึกแล้วอันตรายหรือเปล่า” ป๊าถามอย่างเป็นห่วง “นอนนี่ไหม นอนกับนท เดี๋ยวขับกลับไปเกิดอุบัติเหตุทำยังไง” ป๊าพูดอย่างเครียดๆ
“ป๊าก็พูดเว่อร์ ดึกกว่านี้มันยังเคยมาส่งเลย” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
“อันตรายนะครับ พวกรถใหญ่ก็ขี่เร็วกัน” ผมหันมองขวับเลยไอนี่มันจะเอายังไง มันยักคิ้วให้ผม
“หรือจะให้ป๊าไปส่งดี” ป๊าก็ไปกันใหญ่แล้ว
“ไม่เป็นอะไรครับ แค่นี้เองผมกลับได้” ไอสิงโตกล่าว
แล้วก็แย้งกันไปมาจนมันก็ได้กลับเอง ผมก็ออกไปส่งร่ำรากันนิดหน่อยมันก็ไป ผมก็เข้าบ้านคุยกับป๊านิดหน่อยก็ขึ้นห้อง อาบน้ำขึ้นเตียงนอนเล่นโทรศัพท์ พี่อ๊อฟก็ไม่โทรมา เอาจริงๆนี่คือจะใจร้ายกับผมจริงๆเหรอ ผมก็แชทหาพี่ดาวประมานว่าให้ดูให้หน่อย เขาก็บอกผมเรื่อยๆ พี่โอมก็โทรมา.....
“ฮัลโหล” ผมเสียงนิ่ง
“นทกูโทรหามันไม่รับเลย” พี่โอมทำเสียงเครียด
“พี่ลองโทรหาคนอื่นๆดู ผมก็โทรไม่ติดมันก็ไม่โทรกลับด้วย” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอาเบอร์คนอื่นจากมึงแล้วกันกูก็ไม่มี” พี่โอมพูดแบบจริงจัง
“อ่าๆ” ผมตอบแล้วพี่โอมก็วางไป
ผมก็นอนเล่นจนหลับไป พอมาอีกวันป๊าก็ไปส่งโรงเรียนตามปกติผมก็ไปหาเพื่อนเม้ามอยกันเสร็จก็เข้าแถวขึ้นเรียนจนพักเที่ยง......
“เตรียมชุดไปกี่ชุดดีวะพรุ่งนี้?” ไอมินพูดขึ้น พรุ่งนี้ก็ไปขึ้นดอยกับพวกไอสิงโต ได้ข่าวว่าไปรวมตัวกันที่บ้านไอสิงโต
“ชุดเดียวก็ได้มึงสกปรกอยู่แล้ว” ไอวิวพูดแล้วก็กินข้าวไป
พวกเราก็หัวเราะกัน ไอมินทำหน้าโครตอุบาทว์ แล้วพวกพี่โอมก็เดินมา......
“ขอยืมโทรศัพท์หน่อย” พี่โอมพูดขึ้น ผมก็ยื่นให้มันไป
“ไออ๊อฟยังไม่โทรมาเหรอ” พี่กรถาม ผมก็พยักหน้า
“เดี๋ยวมันก็คงโทรมาเองแหละ” พี่กฤษพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็คุยกับพวกพี่เขานิดหน่อยก็เดินออกไปกัน พอกินข้าวเสร็จก็หาซื้อขนมก็ขึ้นห้องไปรอเรียนเรียน
“เออไอนทมึงแลกโทรศัพท์กับพี่อ๊อฟใช้มึงยังไม่ได้ให้เบอร์พวกกูเลยนะเว้ย!” ไอมินพูดขึ้นมาขณะกินขนม
“เออจริงด้วย อะ!” ผมก็ยื่นโทรศัพท์ให้พวกมันไป
พวกมันก็กดโทรเข้าหาเครื่องพวกมันแล้วก็เมมเบอร์ให้ผมด้วยเลย......
“นทไอสิงโตขอเบอร์ด้วยอะให้ปะ” ไอมินถามหน้านิ่ง
“มึงไปเอาอะไรของมันมาอีก คือทำไมดูจะเทคแคร์มันดีจังนะ” ผมถามมันอย่างจับผิด
“ปะ...เปล่า ก็มันทักมาตอนกูเล่นโทรศัพท์เนี่ย!” ไอมินมึงไม่มีพิรุธเลยทำตาล่อกแล่กแบบนั้น
“เออๆให้มันไปดิ” ผมบอกมันไปอย่างรำคาญ
แล้วก็นั่งคุยกันไป จนครูเข้าก็เรียนๆไปพอเลิกเรียนไอสิงโตก็โทรมาเลย ผมจำเบอร์มันได้ เหมือนรู้เวลา ผมมองไปทางไอมินก็ทำเป็นยุ่ง ไอเวรนี่นะ…..
“ฮัลโหล” ผมพูดเสียงนิ่ง
“นทกูรออยู่หน้าโรงเรียนนะ” พูดเสียงร่าเริง
“มาเร็วจังวะ” ผมตกใจไปนิด
“วันนี้วันศุกร์กูเลิกเร็ว รีบๆมานะ” มันพูดจบแล้วก็วางสายไป
“ไอมิน ถ้ามึงจะบอกทุกย่างก้าวของกูแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ” ผมหันไปพูดกับมันด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“เอาน่ามึง ไอมินมันแค่ได้แผ่นเกมส์10แผ่นของแท้จากญี่ปุ่น ของไอสิงโตไป มันทำแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” ไอปอพูดประชดประชัน ไอมินหน้าเสียเลยสินะ
“ก็เหี้ยเนอะ” ไอวิวมองไอมินแบบเหยียดๆ
“ไปเถอะนท กูจะแกล้งไอสิงโตสักหน่อย” ไอนัทยิ้มร้ายแล้วก็เดินมากอดคอผม ส่วนไอมินเดินหน้าละห้อยตามมา
พวกเราก็เดินลงตึกแล้วก็เดินไปหน้าโรงเรียนเห็นไอสิงโตนั่งค่อมมอไซค์รออยู่ พวกผมก็เดินไปกัน.....
“ไงสิงโตมึงมาทำไมวะ” ไอนัทถามแล้วทำหน้ากวนตีน แขนก็ไม่ยอมเอาออกจากคอผม
“ไอนัทมานี่เลย มันจะไปทำธุระกัน” ไอมินเกมส์สิบแผ่นทำให้มันเป็นเอามาก จริงๆบ้านมันก็ไม่ได้ขาดแคลนอะไร มีฐานะที่ดีมากด้วยซ้ำ แค่บ้านมันเคร่งกับมันมากๆ เรื่องไร้สาระนี่ไม่ได้เลย ที่บ้านมันห้ามไม่ให้ซื้อ มันก็เลยต้องมาคอยเอาของไอสิงโตเนี่ยแหละ!
“เออกูมารับนท พวกมึงพรุ่งนี้ก็ไปเจอบ้านกู ตอน8โมง อย่าช้านะมึง” ไอสิงโตมองไอนัทแบบรำคาญ ทุกคนก็พยักหน้าตอบรับมัน
“เออ! แล้วพวกมึงจะไปไหนกัน?” ปอถามอย่างสงสัย
“ธุระ” ไอสิงโตยิ้มพวกมันก็เหมือนรู้กันก็พยักหน้าไป
“นทคืนนี้โทรหากูด้วยนะเว้ย!” ไอนัทหอมแก้มผมอีกแล้วหน้าโรงเรียนเลย ดีคนไม่ค่อยสนใจ
“เกินไปแล้วนะไอนัท เดี๋ยวเถอะมึง” ผมถอยห่างจากมัน มันก็รั้งไว้ ไอสิงโตดูมันเริ่มจะไม่ค่อยพอใจ
“ไอนัทมาเลยไอสัส!” ไอมิน ไอนี่ก็ทุ่มสุดตัว ดึงไอนัทไปเลย
“นทไปกันเถอะ!” ไอสิงโต พูดด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ แล้วมองไอนัท ไอนัทก็กวนตีนไม่หยุด มันเป็นอะไรของมัน
ผมก็ร่ำราเพื่อนๆนิดหน่อยก็ขึ้นซ้อนไอสิงโต ระหว่างทางมันก็ดูเงียบๆดีสงสัยจะอารมณ์ขึ้นเรื่องไอนัท แล้วมันก็พาผมมาสวนสาธารณะ เอิ่ม!.....
“มะ.....มาทำไมวะ?” ผมถามแล้วก็ลงรถ มันก็ลงแล้วถอดหมวก
“เดินเล่นฆ่าเวลา” มันพูดพร้อมส่งยิ้มมา
“ชิวดีเนอะ” ผมพูด พร้อมยิ้มอ่อนส่งไปให้มัน
“อยากให้อาหารนก” มันชี้ไปตรงฝูงนก
ผมก็พามันไปซื้อแล้วก็พามันไป แต่ก็ได้วิ่งหนีกันอีก เพราะด้านบนนกมันขี้ลงมา ดีไม่โดนไม่งั้นเละ แล้วก็โยนๆให้มันแถวที่โล่งๆ แล้วก็พากันไปให้อาหารปลา พอเสร็จก็ไปหาที่นั่งชิวๆหาน้ำกินไปด้วย....
“กูว่ามันแปลกๆ” ผมถามอย่างใช้ความคิด
“แปลกยังไง?” ไอสิงโตทำหน้าสงสัย
“มึงพากูมาเดทเหรอ?” ผมถามแบบไม่เข้าใจ
“อ้าวนี่มึงพึ่งรู้เหรอ?” ผมชะงักไปนิด
“เอ่อคือมึงก็รู้....ว่ากูกับพี่อ๊อฟอุ้บ!” มันเอามือปิดปากผม ประเด็นคือเหม็นอาหารปลาติดมือมันเนี่ยสิ
“กูไม่สนเลย! แค่กูได้อยู่กับมึงกูก็สนุกและมีความสุขแล้ว ถึงจะในฐานะเพื่อนก็เถอะ” มันเอ่ยขึ้นพร้อมทำหน้าจริงจัง ผมก็แกะมือมันออก
“มึงนี่โลกสวยเนอะ” ยิ้ม มันก็พยักหน้า “มือมึงเหม็น เอามาปิดปากกูได้ยังไงวะ” ผมก็เอามือถูปากไป
“เออจริงด้วยวะ” มันก็เอาน้ำที่มันกินล้างมือกันไป
“กูให้เป็นเพื่อนรักเลยแล้วกัน” ผมเข้าใจความรู้สึกมัน จะถอยห่าง ก็จะกลายเป็นทำร้าย จะใกล้เกินไปก็ไม่รู้จะเป็นการให้ความหวังมันหรือเปล่า ผมอึดอัดใจจริง
“เพื่อนรักก็ต้องรักเพื่อนมากๆนะเว้ย!” มันพูดพร้อมยิ้มหน้าบาน
“แน่อยู่แล้ว” ผมพูดมันจับมือผม
“หอมยัง” มันเอามือมาให้ผมดม
“ยัง เออเอานี่ดิ” ผมล้วงครีมบำรุงมือหลอดเล็กๆในกระเป๋าออกมา แล้วก็ทาๆให้มัน
“มึงพกของแบบนี้ด้วยเหรอ” มันถามแล้วหยิบครีมขึ้นมาดู
“อืม น้ำที่โรงเรียนพอล้างมือแล้วมือแห้งแบบแปลกๆ กูเลยพกไว้ทาหลังล้าง” ผมก็ทามือมันไปมือมันนิ่มดีจัง เพลินเลย
“ท่าจะทาขนาดนั้น มึงก็ตัดเอาไปทาที่บ้านเลยไหม” มันประชดสินะ
“เออๆ” ผมก็หยุดทา
“กูล้อเล่นทาต่อก็ได้” มันยื่นมาอีกครั้ง
“พอๆแค่นี้ก็ทั่วมือแล้ว” ผมพูดแล้วก็เก็บครีมใส่กระเป๋า…..
“ขอโทษนะครับ คุณสนใจจะลองไปโบสถ์ไหมครับ” ผมหันไปมองตามเสียง เป็นฝรั่งใส่ชุดนักศึกษา2คนหล่อด้วย พูดไทยติดสำเนียงฝรั่งอยู่....
“เอ่อคือ” เอายังไง ปฏิเสธคนหล่อไม่เป็นด้วย 55555 แล้วเขาก็บรรยายไป
“ยังดีกว่าครับ พอดีไม่ว่างเลยครับขอโทษนะครับ” ปฏิเสธแบบสุภาพแล้วพวกเขาก็ไปกัน “ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นะมึง ชอบอะดิของนอก” มันพูดแบบนอยๆ
“ไอบ้า! นอกเนิกอะไรเล่า!” ผมพูดเสียงดังกลบความอาย
“เออๆ ไปกันได้ยัง เดี๋ยวหาที่จอดรถไม่ได้!” ไอสิงโตพูดขึ้นอย่างกังวล
“อืมไปดิ”
แล้วเราก็ลุกพากันไปที่รถไอสิงโตก็พาผมไปถนนคนเดิน เขาเพิ่งตั้ง คนก็ยังไม่ค่อยเยอะเลยเอารถไปจอดได้สะดวกหน่อย แล้วก็พากันเดิน....
“กินเค้กไหม” สิงโตพูดพร้อมชี้ไปตรงร้านโปรดผม ผมก็พยักหน้า
มันก็พาผมไปกิน แถมยังซื้อให้ มันหยิบตังในมือผมยัดใส่กระเป๋ากางเกงผมเองเลย ผมก็บ่นมันตามสเต็บ เราก็นั่งกินไปคุยกันไป พอกินเสร็จก็เดินกันต่อไอสิงโตก็พาแวะดูนู่นดูนี่ เจอเพื่อนมันบ้างก็ทักทายตามประสาแล้วก็แยกมา ก็เดินๆกันไปจนปวดขา ก็พากันออกมา แล้วไอสิงก็พาขับรถไปหาอะไรกินอีก เอิ่ม!...มันพาผมมากินแถวหน้ามอ เป็นตลาดหน้ามหาวิทยาลัย คนเยอะโครต....
“ไอสิงโตมึงจะพากูมากินอะไรที่นี่วะ” ผมถามอย่างสงสัย
“เปลี่ยนบรรรยากาศบ้าง จะไปกินแต่ในห้างไม่เบื่อหรือยังไง” มันพูดพร้อมยักคิ้วแล้วก็เดินนำผมไป ผมก็ตามมันไป
มันพาผมไปร้านอาหารเกาหลี ก็ดูเกาหลีดี สั่งต๊อกปอกกีมากิน ตอนแรกผมก็กลัวไม่อิ่มเถียงกับมันตั้งนานจนมันชี้ให้ดูโต๊ะข้างๆผมถึงรู้ มันมาเป็นหม้อใหญ่ ผมก็ให้มันสั่งไป ผมก็ไม่เคยกิน พอสั่งเสร็จก็รอเขาเอามาเสริฟ.....
“อร่อยดีนะ กูมากินกับเพื่อนๆบ่อยอยู่” สิงโตพูดขึ้นพร้อมจัดแจงจาน ช้อนให้
“จ้ะๆ”ผมยิ้มทำหน้าล้อมันนิดหน่อย “แล้วมึงเลี้ยงทุกครั้งไหม” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่นะ ก็แล้วแต่โอกาศ แต่อยู่กับมึงกูอยากจะเลี้ยงทุกครั้งเลย” ดูมันจะอารมณ์ดีจริงๆ
“เสี่ยจริงๆ” ส่ายหัวแบบเอือมๆ “งั้นแสดงว่าถ้ากูขออะไรมึงก็จะให้ใช่เปล่า” ผมพูดอย่างจริงจัง มันพยักหน้ารัว พร้อมกับยิ้ม “งั้นกูขอมือมึงหน่อย” มันทำหน้างงๆแล้วก็ยืนมาข้างซ้ายมา
ผมก็หยิบแหวนไม้โอ๊คมาสวมนิ้วกลางให้มัน ผมแอบซื้อตอนที่มันทักกับเพื่อนมันที่ถนนคนเดินนั่นแหละ ของมันที่ซื้อให้ผมยังอยู่ในลิ้นชักข้างเตียงผมเลย มันยิ้มใหญ่เลย.....
“อย่างนี้ก็แหวนคู่ใช่ไหม” มันมองแหวนแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “เอ๊ะ! หรือมึงเอามาคืนกูวะ” แล้วมันก็ทำหน้าสงสัยอย่างแรงเลย
“เฮ้อ! อย่าเยอะ!”ผมบอกอย่างไม่พอใจ “กูซื้อให้ตอนมึงเจอเพื่อน คิดเยอะ” ผมบอกปัดๆไป จริงๆซื้อคืนนั้นแหละ ผมไม่ได้หลายใจนะ ไอสิงโตมันดีมาผมก็ดีตอบ แต่ยังคงให้ความรู้สึกเพื่อนแก่มันมากกว่าไปทางอื่นแหละ ถ้าสถานการณ์ไม่พาไปทางล่อแหลมอะนะ5555
“กูจะใส่ทุกวันเลยนะ มึงไม่ใส่ของกูบ้างเลย เอ๊ะ...ไม่ใช่ว่านี้มันของกูเหรอ เหมือนเลย” มันพูดพร้อมทำหน้าสงสัย มันจำได้ด้วยเรอะ แต่ก็จริง ที่ผมเลือกมาเหมือนของที่มันซื้อให้ผมมากเลย
“ของมึงที่ให้กูอยู่บ้าน และมึงก็ไม่จำเป็นต้องใส่ทุกวันหรอกมั้ง” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นจะใส่ทุกครั้งที่เจอมึง มึงจะได้ดีใจที่กูใส่ของที่มึงให้” มันพูดอย่างจริงจัง ผมชะงักไปนิด
“เออๆคราวหลังกูจะใส่ที่มึงซื้อให้เมื่อมาเจอมึงโอเคไหม แดกดันตลอด” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจมันหัวเราะขึ้นมา
แล้วพี่เขาก็เอาอาหารที่สั่งมาเสริฟเราก็นั่งกินไปคุยไป ดูมันจะมีความสุขดีจริงๆ พอกินเสร็จก็เดินตลาดนิดหน่อยก็พากันกลับเพราะมันมืดมากแล้วไง มันก็พาผมไปส่งบ้าน ก็ร่ำรากันนานทำเหมือนกับจะไม่เจอกันแล้ว พอเข้าบ้านป๊าก็บ่นนิดหน่อยเพราะพรุ่งนี้จะไปขึ้นดอยกันแต่ผมยังห่วงไปเที่ยว ผมก็หนีขึ้นบ้านอีกตามเคย แล้วก็เตรียมจัดเสื้อผ้า ไปพรุ่งนี้ เตรียมเสร็จก็อาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน
ผมก็มานอนเล่นโทรศัพท์ ก็ไม่ลืมที่จะไลน์หาพี่ดาวเพื่อถามหาพี่อ๊อฟเพราะโทรไปมันก็ไม่รับคืออะไร นี่จะโกรธอะไรขนาดนั้น แล้วก็หลับไปพออีกวันแม่ก็มาปลุกแต่เช้า ผมก็ตื่นขึ้นมาทำอะไรพร้อมแล้วก็ถือกกระเป๋าลงบ้านไป พอเตรียมอะไรเสร็จแม่กับป๊าก็ช่วยกันดูตรวจบ้านแล้วเราก็ไปกัน พอถึงบ้านไอสิงโตทุกคนก็มากันพร้อมแล้ว นัด8โมง นี่เพิ่ง7.30เองรีบกันจัง พอถึงป๊ากับแม่ก็เดินไปคุยกับพ่อแม่ไอสิงโต ผมก็เดินแยกไปหาเพื่อนๆ........
“พวกมึงมาเช้ากันจังวะ!” ผมถามอย่างสงสัย
“มาก่อนก็ดีนะเว้ย!” ไอมินพูดอย่างตื่นเต้น
“เออก็จริง มาเป๊ะก็ไม่ไหวนะ!” ไอโค้กพูดขึ้น ผมก็พยักหน้าตอบรับ
แล้วพวกมันก็พูดกันไป ไอสิงโตก็มายืนข้างผมตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ วันนี้แต่งตัวเบาๆชิวๆ ดูเท่ไปอีกแบบนะเนี่ย…..
“กูหล่อขนาดนั้นเลยเหรอวะ” มันยื่นหน้ามาถาม ก็หล่อดิ ไม่งั้นจะมองทำไม ผมได้แต่คิดในใจแหละนะ
“กะ...ก็เท่ห์ดี” ผมพูดแล้วหันหน้าหนี
พวกมันก็แซวกันไป ผมก็ทำไม่สนแล้วพวกเราก็ขึ้นรถ ไอสิงโตก็นั่งข้างผมแทบจะกลืนกิน มันจะเบียดอะไรนักหนาก็ไม่รู้ พอบอกมัน มันก็บอกไอโค้กดันมาไอนี่มันวอนโดนด่าจริงๆ แต่ผมก็ได้แต่ส่งสายตาไปเท่านั้น ระหว่างทางไปแม่ไอสิงโตพาทุกคนแวะทำบุญแล้วก็หาอะไรกินรองท้องก่อน คืนนี้มีปาร์ตี้เล็กๆด้วย พอถึงดอยใช้เวลา 2 ชั่วโมงเลย เพราะมันอยู่นอกเมืองไปไกลมากทางคดเคี้ยวและก็ชัน รถที่มาเป็นรถใหญ่ด้วยเลยลำบากนิดหน่อย
พอไปถึงคือบ้านสวยมากใหญ่ด้วยติดกับเนินเขาแล้วก็มีบ้านคนอื่นๆติดกันเป็นแถวๆไป พวกเราก็พากันเอาของไปเก็บ บ้านหลังนี้ มี 5 ห้องนอน พอถามไอสิงโตทำไมห้องเยอะ มันบอกญาติมันเยอะรวมกันทีต้องไปเช่าหลังข้างๆเพิ่มด้วยซ้ำผมก็พยักหน้ารับรู้ พ่อแม่ไอสิงโต 1 ห้อง ป๊ากับแม่ 1 ห้อง เหลือสามห้องให้พวกผมแบ่งๆกันเอง......
“น้องซิน กับไอนทนอนกับกูแล้วกัน คนอื่นๆก็แบ่งไปเนอะ” ไอสิงโตพูดแบบหน้าตายเหมือนบังคับคนอื่นแหละ
“มึงนอนกับน้องซินไปเถอะไอสิงโต อย่าเยอะ” ผมหันไปบอกมันอย่างไม่พอใจ
“ได้ยังไงวะ กูไม่ยอมนะเว้ย!” มันทำไมพอใจ เพื่อนๆก็มองกัน เหมือนว่าคำพูดของไอสิงโตคือคำตัดสิน
“พวกมึงจะนอนยังไง” ผมหันไปถามเพื่อนๆพวกมันก็อึกอักกัน
“พวกพี่ไม่ต้องนับหนูรวมนะคะ เพราะหนูจะไปนอนกับป๋าและแม่ค่ะ” น้องซินยิ้มบานแล้วก็วิ่งไปหาป๋ากับแม่ตามที่พูด
“ก็แค่นั้นแหละ10คนหาร3 ไงมึง ห้องนึงต้องมี4คนนะเว้ย! แฟร์ๆไปเลย” ผมพูดแล้วยิ้ม พวกมันก็พยักหน้าแบบว่าโอเคกัน
“ไอนทกูจะนอนกับมึงนะเว้ย!” ไอนัทนี่ก็ไม่เลิกเล่นสักที เดินมากอดคออีกตอนนี้พวกผู้ใหญ่เอาของเข้าไปเก็บแล้ว น้องซินก็ด้วย
“แล้วแต่มึงเลยแล้วกันนท!” ไอสิงโตยืนทำหน้างอน จริงๆพาเพื่อนมาจะให้เพื่อนไปอัดกันได้ยังไงวะไอนี่นิ
“ตามนี้นะพวกมึงโอเคไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
พวกมันก็โอเคกัน ไอปอมากระซิบผมประมานว่าไอสิงโตมันอยากจะนอนกับผม เลยให้เพื่อนๆไปนอนด้วยกัน มันก็เกรงใจจะพูดมากก็ไม่ดี ดีที่ผมช่วยแบ่งไม่งั้นละแย่ แต่พอเข้าไปดูห้องไม่แย่อย่างที่คิด เตียงละ5คนก็เอาอยู่เตียงนี่ใหญ่เกินมาตรฐานไปเยอะ มันใหญ่จริงๆ เราก็แยกย้ายกันไปเก็บของ ไอสิงโตก็เดินหน้ามุ่ยไม่พอใจอะไรของมันนักหนาก็ไม่รู้ ห้องผมมีปอผมสิงโต อีกห้องก็มินนัทวิว อีกห้องก็สอตี๋ต้นโค้ก ก็แบ่งๆกันไป.....
“สิงโตคือมึงไม่สะดวกใจจะนอนกับคนอื่นใช่ไหมกูเข้าใจนะ!” ผมพูดอย่างเป็นห่วงมันเพราะมันดูไม่ค่อยจะชอบนอนร่วมเตียงกับใคร
“กูอยากนอนกับมึงครับ เข้าใจไหม!” มันพูดอย่างหัวเสีย ผมชะงักไปนิด มันก็เหมือนรู้ตัวอะว่าพูดอะๆไรออกมา
“กะ...ก็นี่ไงก็นอนนี่ไง” ผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก
“งั้นกูไปนอนกับพวกไอมินก็ได้นะเว้ย! เตียงกว้างขนาดนี้นอน4คนสบายๆเลย” ไอปอพูดอย่างใจดี
“เออก็ดีนะ!” ไอสิงโตยิ้มบาน ไอนี่นิ ไอปอก็ส่งเสริมเหลือเกิน
“จะดีเหรอวะมึง กูกลัวโดนมันข่มขืนนะเว้ย!” ผมพูดติดตลกแล้วไปยืนข้างปอ
“มึงอย่ากวนตีน มันเป็นเจ้าของบ้านนะมึง กูไม่อยากมีปัญหาอีกอย่างนอนสี่คนมันก็ไม่ได้อึดอัดอะไรเลยจริงๆเชื่อกูดิ ตอนแรกกูนึกว่าเตียงมันเล็ก เลยกังวล แต่พอเห็นแล้วก็โอเค”ปอมันก็ดูเข้าใจและก็ไม่อยากมีปัญหาไอสิงโตมันมาเอาแต่ใจอะไรก็ไม่รู้ไอเวรนี่นะ
“ก็คือถ้าปอไม่ไปมึงก็จะงี่เง่าแบบนี้ใช่ไหม” ผมถามมันก็พยักหน้า “เออๆปอเดี๋ยวกูไปด้วย” ผมก็จูงมือปอออกไป
“เดี๋ยวคือมึงจะให้กูนอนคนเดียว?” ไอสิงโตถามอย่างตกใจ
“มึงมันปัญญาอ่อนไอสิงโต” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็เดินออกไป มันก็ไม่ตามมา เพราะคงเห็นกระเป๋าผมอยู่ในนั้น
ผมก็เดินไปส่งปออีกห้องนึงแล้วก็บอกพวกมัน พวกมันก็โอเค เพราะรู้อยู่แล้วว่าไอสิงโตต้องทำแบบนี้ เพราะมันข่มขู่พวกเพื่อนผมไว้เมื่อเช้า และอีกอย่างเตียงนึง 4 คนคือเหลือเฟือจริงๆ ผมเลยไม่ห่วงมากเท่าไหร่ จริงๆนี่พูดเลย 4 คนรวมคนนอนดิ้นอีกนี่ก็ยังสบายนะ และถ้าผมไม่นอนกับมันเดี๋ยวก็จะมีปัญหาอีก แล้วผมก็เดินย้อนกลับไป เห็นมันนั่งอยู่ตรงปลายเตียง.....
“ถ้ามึงไม่อยากนอนกับกูมึงก็พาเพื่อนๆแบ่งมานอนนี่ก็ได้นะกูจะไปนอนกับป๋าแม่เอง” พอมันเห็นผมมันก็พูดแบบสำนึกผิด และทำหน้าสำนึกผิด เพิ่งรู้ตัวไงว่าทำตัวน่ารำคาญ
“มาขนาดนี้ไม่ทันแล้ว กูจะนอนกับมึงถึงตอนนี้มึงจะไม่อยากนอนกับกูแล้วก็เถอะ” ผมพูดแบบรำคาญ มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ผมก็ไปกระโดดขึ้นเตียง โอ้โห!นุ่มจัง
“ชอบหรือเปล่า”มันถามผม
“ชอบ” ผมหลับตามเคลิ้ม
“ไปเดินเล่นไหม” ไอสิงโตถามอย่างร่าเริง
“ชวนเพื่อนด้วยดิ” ผมพูดมันหุบยิ้มทันที
“แค่กูกับมึงไม่ได้เหรอ” มันพูดเสียงเศร้าแล้วทำหน้ามุ่ย
“กูว่ามึงเยอะไปแล้ว” ผมมองแบบรำคาญ
“คือกูแค่อยากไปกับมึงเองนะ” เป็นเอามากแล้ว ทำหน้าเศร้า อะไรขนาดนั้น
“ไปก็ไป มึงนี่นะ” ผมพูดอย่างจำยอม มันก็เผยยิ้มออกมาแล้วทำท่าเหมือนผู้ชนะ
ผมว่ามันชอบเอาความน่าสงสารของตัวเองมาล่อให้ผมใจอ่อนกับมันเนี่ยแหละ ซึ่งผมก็หลงกลมันทุกทีไป แย่จริง! มันก็พาผมไปเดินเล่น เดินไปทั่วชวนคุยนั้นคุยนี่ ผู้ใหญ่ก็นั่งคุยกันตรงโต๊ะหน้าบ้าน เดินไปเดินมาก็เพลินดี อากาศกำลังดีเลยสดชื่นโล่งโปร่งสบาย ผมก็แปลกใจนะทำไมเพื่อนๆมันไม่ออกมากันเพราะมันคงไม่อุดอู้อยู่แต่ในห้องหรอกมั้ง....
“มึงเพื่อนๆไปไหนกันวะ” ผมถามอย่าสงสัย
“ไปดูมันกัน” ไอสิงโตพูดจบ แล้วก็เดินนำผมไป
แล้วพวกเราก็ไปหาเพื่อนๆที่ห้องกัน ไปห้องเพื่อนๆผมไม่เจอ แต่พอไปเปิดห้องพวกไอโค้กเท่านั้นแหละ โอ้โห! นั่งเล่นเกมส์กันอย่างเมามันส์เลย รู้แล้วว่าทำไมมันไม่ออกไปกัน.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:56:45
“คืออะไรวะ พวกมึงมาเที่ยวหรือมาเล่นเกมส์กันเนี่ย!” ผมพูดนิ่งๆแล้วก็เดินไปหาพวกมัน
“ไอสิงโต เอาเกมส์ใหม่มาให้พวกกูลอง สนุกสัส” ปอพูดขึ้น ผมมองไปทางไอสิงโต คือทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
แม่งจะทุ่มทุนเกินไปแล้ว ผมละหน่ายจริงๆ ผมก็นั่งดูพวกมันเล่นไปผมก็ไปนอนเล่นโทรศัพท์พี่ดาวก็บอกนู่นบอกนี่มา คือพี่อ๊อฟไม่ได้คุยกับผม 3 – 4 วันแล้วนี่มันไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ผมน้อยใจนะเนี่ยบ้าจริง!....
“ถ้ามันไม่ตอบไม่รับสายก็ไม่ต้องพยายามหรอก” ไอสิงโตพูดแบบลอยๆ ผมก็มองมันนิ่งๆ “ถ้ามันอยากคุยเดี๋ยวมันก็โทรมาเองแหละน่าทำดุไปได้” มันพูดแล้วยิ้ม
“เพราะมึงเลยนะไอสิงโต” ผมพูดแล้วหันหน้าหนีมัน
“โถ่!นทอย่าโกรธกูดิ กูไม่รู้เรื่องเลยนะเว้ย!” มันพูดแล้วจับมือผม ไอนี่มันก็ขอให้ได้จับเถอะเนอะผมก็ไม่ตอบอะไร “งั้นเดี๋ยวกูพาไปเล่นน้ำไหม แถวนี้มีน้ำตกอยู่ด้วยนะ” ผมหันไปมองมันแล้วยิ้มเลย “แต่ต้องหายโกรธกูนะ!” ผมพยักหน้ารัว
พวกเพื่อนๆก็หันมาด้วยความสนใจ แล้วพวกเราก็เตรียมผ้าเช็ดตัวกัน มันต้องอย่างนี้สิมาเที่ยวต้องได้เที่ยว ไม่ใช่นั่งดูพวกมันเล่นเกมส์กัน พวกเราก็พากันเดินไป ก็เอ่อ!...ไกลพอควรแต่พอถึงคือสวยมากๆ มันเป็นน้ำตกในชุมชนเขาอนุรักษ์ไว้ สวยมาก มันธรรมชาติสุดๆน้ำนี่ใสมาก.......
“ไอนทอย่าเพิ่งลงน้ำนะเว้ย! ให้พวกกูเช็คก่อน” ปอพูดอย่างเป็นห่วง เพราะพวกมันรู้ว่าผมว่ายน้ำไม่เป็น และผมเคยพรวดพลาด โดดแบบไม่ดูอะไร ลงไปจมไปเลย ลำบากพวกมันมางมหาผมอีก
“เช็คทำไม?” ไอสิงโตถามอย่างสงสัย
“ไอนทว่ายน้ำไม่เป็น ครั้งแรกที่กูพามันไปเล่นน้ำกูก็นึกว่ามันหลอก เลยผลักมันลงน้ำ ไอนทเกือบตายแหละ” ไอมินพูดแล้วทำท่าภูมิใจ ครั้งนั้นผมแทบจะตัดเพื่อนกับมันเลยมั้ง ดีมันง้อทุกวันและทำทุกอย่างให้ผมเลยยอมๆมันไป
“ยังมาทำท่าภูมิใจอีกเนอะ ทำเพื่อนจะตาย” ไอนัทพูดแล้วมองเหยียดไอมิน ไอสิงโตหน้านิ่งอีกแล้ว
“พวกมึงลงไปดิ้น้ำลึกไหม” ไอวิวพูดแล้วก็ค่อยๆลงไปคนแรก “โอ้โหน้ำเย็นสบาย” ทำหน้าฟิน น้ำอยู่ระดับพุงเอง
แล้วพวกมันก็ทยอยลงไปกัน น้ำไม่ลึกครับสูงสุดก็แค่อกก็ดี........
“ยืนทำไมวะลงไปดิ” ผมหันไปถามไอสิงโตที่ยืนเงียบอยู่ข้างหลังผม
“กูโกรธไอมินอยู่ มันทำแบบนั้นกับมึงได้ยังไง” สิงโตทำหน้าเคร่ง ผมชักจะบ้ากับความไร้สาระของมันเต็มทน
“ถ้ายังไม่หยุดไร้สาระ ผมจะไม่คุยกับเสี่ยแล้วนะครับ” ผมทำหน้าจริงจัง มันเผยยิ้มออกมา
“ก็ได้ๆ เห็นว่าผ่านมาแล้วหรอกนะ” ไอสิงโตพูดแล้วทำอมยิ้ม
แล้วก็พากันลงน้ำ รู้สึกดี รู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่ มันคือน้ำจากธรรมชาติ โอ้มายกอด! ความรู้สึกคือแบบดีเว่อร์.....
“เกินไปไหม ดูมันทำหน้าดิ” ไอโค้กพูดแล้วก็มองมาทางผมกัน
“อะไรของพวกมึง นานๆกูจะได้เล่นบ้างอย่ามาขัดคอกูนะ” ผมพูดแบบจริงจัง พวกมันก็หัวเราะ
ไอสิงโตก็ไม่ห่างจากผมเลย เกาะหนึบคืออะไร บอกจะสอนผมว่ายน้ำผมบอกไม่ ก็ตื้ออยู่นั้นแหละ เพราะผมเคยไปเรียนแล้วเจอครูโหด ที่จับเด็กโยนลงสระลึกๆ หลังจากนั้นน่ะเหรอ สระว่ายน้ำแทบไม่คิดจะใกล้......
“อ๊ากกกกกกกกกกกก” ผมหันไปดูตามเสียงไอนัท มันไปทำอะไรอยู่ตรงตรงทางที่น้ำตก ตกลงมา
“มึงจะแหกปากทำไม!” ไอวิวตะโกนถามไอนัท
“งู ไอเหี้ย งู!” ไอนัทพูดเสียงดังแล้วสั่นมาก
พวกเรารีบขึ้นจากสระแล้ววิ่งไปดูมันทางฝั่งนั้น....
“ตรงไหนไอนัท!” ผมถามอย่างตกใจ
“มึงดูข้างล่างเท้าดูดิ” ไอนัทพูด พร้อมกับหลับตาด้วยความกลัว
พวกเราก็ดูกัน เอิ่ม! เพี๊ยะ!ไอวิวกับไอมินฟาดมันให้
“งูเหี้ยอะไร มึงยกขามึงขึ้นมาดูก่อนดิ้!” มันค่อยๆยกขึ้นมา
ปรากฏว่าเป็นเปลือกไม้เปื่อยๆ ไปเกาะพันอยู่ที่ข้อขามันไอนัทหน้าเสียเลยทีเดียว......
“555ไอนัทมึงหลอนแล้ว” ผมพูดขึ้น พวกเราก็พาหัวเราะมันกัน ไอนัทหน้ามุ่ยเลย “โอเคๆไม่หัวเราะแล้ว ไหนขึ้นมาดิ้ ขอดูหน่อย” ยิ้ม ผมกลั้นขำไว้ด้วยนะ เพราะมันก็ขึ้นมาจริงๆ
“กูโครตกลัวเลยไอสัส” ไอนัทมันขึ้นมาแล้วก็ดึงออกแล้วนั่งลง
“เจ็บหรือเปล่ามึง” ผมยิ้มล้อๆมัน
“ไอนทมึงอย่ากวนตีน” ไอนัททำหน้าดุ
คนอื่นๆก็ลงไปเล่นน้ำต่อแล้ว ผมก็นั่งดูไอนัทเนี่ย ไอสิงโตก็ไม่ห่างเลย พวกนั้นก็แซวไม่หยุด น่าสงสารจริงๆ...
“ไหนขอดูหน่อยดิ้” ผมยกขามันมาไว้หน้าตักแล้วดูตรงข้อเท้ามัน “ไม่มีเจ็บอะไรใช่ไหมมึง” ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เจ็บเว้ย! แค่ตกใจ” ไอนัทมันดึงขากลับไป “กูไปเล่นต่อดีกว่า” ทำหน้าระรื่น แล้วก็ลงน้ำไป
ผมก็งงๆกับมันจริงๆ ผมหันไปดูไอสิงโตทำหน้าเป็นตูดเลย.....
“ร้อนเหรอครับเสี่ย มาเดี๋ยวผมพาไปเล่นน้ำ” ผมยิ้มหน้ากวนๆ
“มึงดูเป็นห่วงเพื่อนๆดีเนอะ” สิงโตทำเสียงแข็ง
“เป็นห่วงดิวะ ถ้ามันเป็นอะไรมาทำยังไงละมึงก็ถามได้” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วก็พากันลงน้ำ ผมก็วักน้ำใส่หน้ามันมันก็วักคืน เล่นกันไปเล่นกันมาจนใกล้เที่ยงแม่ก็โทรตามแล้วก็พากันขึ้นสิรออะไร เราเล่นน้ำก็ใส่ทั้งเสื้อแล้วก็กางเกง ไม่มีใครถอดเปลือยโชว์แต่อย่างใดเราก็แค่เอาผ้าเช็ดตัวมาเช็ดเท่านั้น เราก็เดินกลับกันทุกคนก็เริ่มหิวแล้ว หิวจริงๆ พอถึงก็รีบเข้าไปอาบน้ำกัน พวกไอปอคงจะอาบด้วยกันไปแล้วผมก็กะจะไปอาบบ้าง เพราะพวกผมเห็นยันไส้ติ่งกันแล้วไม่มีใครอายหรอก....
“จะไปไหนวะ” สิงโตถามอย่างสงสัยเพราะผมถือของกำลังจะออกห้อง
“จะไปอาบน้ำกับพวกไอปอ มึงอาบไปเถอะห้องน้ำมีห้องเดียวมันจะช้า” ผมพูดแล้วยิ้ม
“มะ...มึงจะไปอาบรวมกันเนี่ยนะ” สิงโตถามอย่างตกใจ
“ก็เออไงมึงจะทำไม?” มองงงๆ ผมว่าไม่แปลกนะผมกับเพื่อนๆคบกันมานานแล้ว อีกอย่างเข้าค่ายผมกับพวกมันก็แก้ผ้าอาบห้องเดียวกันประจำ ลดความเสี่ยงที่จะเสียเวลาด้วย
“อาบพร้อมกับกูก็ได้นะ” สิงโตพูดอย่างอารมณ์เสีย
“เออๆ รีบเถอะกูหิวแล้ว” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินเข้าห้องน้ำ
ผมก็ถอดเสื้อถอดกางเกงเหลือแต่บ๊อกเซ่อร์ไอสิงโตก็เข้ามาถอดบ้าง ผมก็มองมัน ขาวโอโม่ หัวนมชมพูมาก >.< แล้วผมก็เปิดฟักบัวอาบน้ำไป ไอสิงโตก็เข้ามาแย่งอาบ ก็แย่งกันไปแย่งกันมา….
“ไอสิงโตเกาหลังให้หน่อยกูคัน” ผมหันหลังให้มันแล้วเอามือไขว้หลังชี้ให้มันเกา มันก็เกา? “มึงเข้าใจคำว่าเกาไหม แรงหน่อย กูคันลูบแบบนั้นแม่งยิ่งคัน” พูดแล้วมันก็เกา เบามากแต่ก็ดีเคลิ้มเชียว “พอๆกูหายแล้ว” ผมหันไปยิ้มให้มัน
แล้วก็อาบกันไป ไอสิงโตดูจะไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ แต่หุ่นมันน่าเจี๊ยะมาก ผมต้องมองบนตลอด เก็บอาการ555....
“กูเสร็จแล้วนะเว้ย!” ผมยืนเช็ดตัว
“อืมๆ” มันพยักหน้า อะไรคือสระผมเป็นชั่วโมง
“ถ้ามึงจะนานขนาดนี้นะ มานี่มา” ผมก็จับไหล่มันให้หันหลังแล้วขยี้หัวให้มัน “กูว่าพอแล้วสะอาดจะผมมึงจะร่วงหมดหัวแล้ว รีบเหอะกูหิว!” ผมเร่งมัน แล้วไปเช็ดตัวต่อ
ผมก็หันหลังให้มันแล้วถอดกางเกงออกคือผมเปลือยเลยแล้วเอาผ้าเช็ดตัวพัน....
“รีบๆนะเว้ย! ถอดเกงมาดิกูจะเอาไปตากตรงระเบียงให้” ผมพูด มันก็อึกอักเล็กน้อย ผมก็ลืมไปมันคงอาย “โอเคๆ” ยืนหันหลังให้มัน “ถอดแล้วเอามาเร็ว” ผมเอื้อมมือไปข้างหลัง แล้วมันก็ถอดมาให้ผมผมก็เดินออกไปเลย เอาผ้าไปตากตรงระเบียง
“หู้วๆ! โชว์นมเหรอว้า” ผมหันไปห้องข้างๆ ไอวิวยื่นหน้ามาแซว
“อย่าดูน้า>.<” ผมเอามือปิดนมแล้วทำเสียงตอแหลแล้วบิดไปมา เหมือนสาวน้อยโดนส่องนม555
พวกมันโผล่หัวมาหัวเราะกัน….
“จะเล่นอีกนานไหมมึง” ไอสิงโต มาดึงผมเข้าห้อง ไอนี่อารมณ์แปรปรวนจริง
“อารมณ์ดีๆหน่อย กูตามไม่ทันวะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงทำแบบนี้กับเพื่อนทุกคนหรือเปล่าวะ?” มันถามอย่างสงสัยแบบไม่สบตา
“แบบไหนวะ?” ผมทำหน้างง
“ก็แบบแก้ผ้าต่อหน้ากันหรืออะไรแบบนี้” มันพูด หน้ามันแดง สงสัยมันคงอายสินะ
“ไม่ทุกคนนะกับพวกไอปอและก็มึงแค่นั้นแหละก็กูสนิทกับพวกมันนี่หว่า และมึงคือเพื่อนรักกูไงลืมไปแล้วเหรอวะ” ผมพูดแล้วยิ้ม พูดอย่างจริงใจ ก็เคยบอกมันไปแล้วนี่เพื่อนรัก ก็จะปฏิบัติแบบเพื่อนสนิทจริงๆ ผมไม่ได้โรคจิตจะต้องแก้ผ้าอาบน้ำกับเพื่อนทุกคนนี่ ขนาดกับพี่อ๊อฟ หรือพี่ไอซ์ผมยังอายเลย”
“อะ...เออ” มันพยักหน้าตอบรับ แล้วมันก็หันหน้าหนี เพราะหน้ามันแดงจริงๆ
“เสี่ย” ผมเดินไปใกล้ๆมัน มันก็หันมาหาผม ผมก็จ้องไปที่หัวนมมัน ตอนนี้มันพันผ้าเช็ดตัวไว้ตรงเอว... “ทำไมหัวนมชมพูจัง” พูดแล้วก็อาย ของผมไม่ชมพูเลยอ่า><แต่ก็ไม่ดำน้า5555 น้ำตาลอ่อนๆ ไอสิงโตทำหน้าไม่ถูกเลย “5555กูล้อเล่นแต่งตัวเหอะ” เอาจริงๆแค่จะหยอกมันแค่นั้นแหละ
แล้วเราก็แต่งตัวกัน แล้วก็พากันลงไปหาอะไรกิน ของกินเพียบเลย ผู้ใหญ่กับเด็กคนละโต๊ะ ส่วนน้องซินจะเกาะติดกับพวกผู้ใหญ่มากกว่า......
“สิงโตน้องซินทำไมไปเกาะอยู่แบบนั้น ปกติกูเห็นชอบมาคุยกับกู” ผมถามอย่างสงสัยขณะกินข้าว มันชะงักไปนิด
“กะ.....ก็คงจะยังไม่อยากกวนมึงแหละมั้ง” ไอสิงโตยิ้มแบบมีพิรุธ ผมว่ามันต้องวางแผนไว้แน่ แต่ช่างเถอะ
“อันนี้อร่อย!” ผมชี้ไปที่ลาบ
วันนี้มีแต่อาหารพื้นเมืองของทางเหนือ ก็ของที่กินๆกันอยู่ทุกวัน แต่มากินที่นี่ทำไมอร่อยจังสงสัยหิวจัด5555......
“ไอนทอันนี้ก็อร่อยมึง” ไอนัทตักหมูทอดให้ผมผมก็ยิ้มรับ
“อันนี้ด้วยมึง” ไอวิวตักแกงฮังเลให้ผม
“นี่มึงอร่อย” ปอหยิบแคปหมูส่งมาให้
“เห้ยขอบใจเว้ย!” ดี๊ด๊าเลยสิของกินเยอะแยะขนาดนี้555
และที่ดีใจจริงๆคือพวกมันตักเนื้อมาให้ผมบ้าง ตรงหน้าผมทำไมมีแต่ผักผมไม่เข้าใจ ขอจัดแจงสักหน่อยแล้วกัน...
“โค้ก กินนี่ดิอร่อยนะ” ผมยิ้มหวานแล้วตักให้มันก็มอง “สอ อันนี้อร่อยเว้ย!กินดิ” ผมตักให้มันไปมันก็ยื่นจานมารับ “ตี๋ต้น มึงยื่นจานมาเลยมา” มันก็ยื่นมาผมก็ตักให้มันไปกัน
“เอาอีกแล้วนะมึง” ไอมินพูดอย่างเอือมระอา
“มินอยากกินเหรอเอาสิ!” ผมตักให้มันคำโตๆเลย เพื่อนๆผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“ทำไมวะมันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรอวะ?” ไอสิงโตถามอย่างสงสัย
“มาเดี๋ยวกูป้อนเอง” ผมพูดแล้วตัก ป้อนมันมันก็ทำหน้าเฉยๆ
“ไอนทมันไม่ชอบกินผักไง มันก็พยายามเคลียล์ผักให้พวกมึงกินมันจะได้กินของที่มันชอบ” ไอปอไอนี่นิ จะบอกพวกมันทำไมผมมองดุเลย
“แล้วทำไมไม่บอก” สิงโตพูดอย่างไม่พอใจ ผมหน้าหงอยเลย
แล้วไอสิงโตก็เรียกแม่บ้านมา จริงๆเป็นคนแถวนี้ ที่มารับจ้างดูบ้าน เป็นแม่บ้านไปด้วย เรียกมาเปลี่ยนอาหารเพราะเพื่อนๆก็ไม่ค่อยชอบกินกันอยู่แล้ว แล้วก็เปลี่ยนมา ต้องแบบนี้สิ หมูอย่างหมูทอดไก่ย่างลาบน้ำตก เอ่อคือ ถ้าท้องผูกตายไม่ต้องสงสัย....
“พอใจหรือยัง” สิงโตให้มาถาม ผมพยักหน้ารัว
แล้วก็กินกันชนิดที่ว่าห่าลง กินกันจนแบบว่าไม่เหลือเอาจริงๆพวกมันก็ไม่ชอบกินผักกันหรอก มีแต่ผมที่ต่อต้านไม่ฝืนกิน พวกมันเลยได้ผลพลอยได้กินกันอร่อยไปด้วย พอกินเสร็จก็พากันไปเดินเล่น......
“เอ่อคือ...มึงนี่ตัวติดกูตลอดเวลาเลยเนอะ” ผมถามแล้วยิ้ม แอบอึดอัดนิดหน่อย
“เอาน่านานๆที” มันตอบอย่างไม่ใส่ใจ แล้วยิ้ม
ผมก็พยักหน้ารับรู้เบื่อจะถามแล้ว ถามไปก็ตอบแบบนี้ ก็ไม่สนใจมันเพื่อนๆก็กระจายกันไป มีแต่ผมที่เดินกับไอสิงโตเนี่ยเหมือนอะไรๆก็เป็นใจให้ผมกับมันอยู่กันสองคนเหลือเกิน สัญาณโทรศัพท์ก็ขึ้นๆลงๆ เฮ้อ!.....
“กูไม่เห็นมึงใส่แหวนกูเลย มีแต่กูที่ใส่ของมึงอย่างเดียว” ไอสิงโตพูดขึ้นมาแบบนอยๆ พร้อมโชว์แหวนที่นิ้วขึ้นมา
“อยู่ในกระเป๋า เดี๋ยวไปเอาก่อนได้ไหม” ผมพูด มันก็พยักหน้าผมก็วิ่งไปห้องนอน
ผู้ใหญ่คุยกันได้ทั้งวี่ทั้งวัน อะไรนักหนา น้องซินไม่เบื่อหรือยังไงก็ไม่รู้ ผมก็เข้าไปค้นหาแหวนไม้โอ๊ค แล้วก็สวมใส่นิ้วกลางแล้วก็เดินออกมา เห็นพวกไปปอมันถ่ายรูปกันอยู่ ผมก็วิ่งเข้าไปแทรกเลยสิรออะไร.....
“พวกมึงทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่มีกูได้ยังไงวะ!” ผมทำหน้านอย
“กูแค่ถ่ายเล่นๆ จะซีเรียสทำไมวะ” ปอพูดแล้วก็จับไหล่ผม
“ถ่ายอีกก็ได้ มาๆ” ไอนัทพูดแล้วดึงผมไปโอบไหล่
“มาเร็วๆยิ้มๆ” ผมก็มองกล้องแล้วก็ยิ้ม
แล้วก็ถ่ายกันไป ไอสิงโตก็ไปยืนกับพวกไอโค้ก พวกผมถ่ายกันไปด่ากันไป สนุกสนาน แล้วก็ไปลากพวกไอสิงโตมาถ่ายด้วย สนุกกันไป ครืดๆๆ! และแล้วโทรศัพท์ผมก็สั่นผมก็ล้วงขึ้นมาดู พี่อ๊อฟ! ผมเดินแยกออกมารับสาย.....
“ฮัลโหลพี่อ๊อฟ!” ผมรับสายแล้วพูดอย่างดีใจ
“อืม! เป็นยังไงบ้าง!” มันพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นยังไงหรอก ทำไมพี่อ๊อฟใจร้ายแบบนี้ ผมคิดถึงพี่จะแย่แล้วนะ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
“กูก็เหมือนกันนะ” มันทำน้ำเสียงเครียดๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า?” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ถะ...ถ้ากูทำอะไรผิดไปมึงจะให้อภัยกูได้ใช่ไหม” มันพูดเสียงเบา ผมชะงักไปนิด
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าพี่อ๊อฟ” ผมถามด้วยน้ำเสียงติดจะกังวลขึ้นมา
มันก็เงียบไปสักพัก ผมก็ใจไม่ดีสิ หายไปหลายวันอยู่ๆโทรมาพูดแปลกๆ....
“ถ้าเกิดอะไรขึ้น ขอให้มึงรู้นะ ว่ากูรักมึงคนเดียว มึงต้องเข้าใจกูนะ” พี่อ๊อฟพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“พูดมาเลยพี่อ๊อฟ อย่ามาทำให้ลุ้นเถอะใจไม่ดี!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“กะ....กูกับอิงฟ้า.....” มันพูดเบาๆเบาชนิดที่ว่าถ้าไม่กดโทรศัพท์ลงหูแรงๆผมคงไม่ได้ยิน พอได้ยินเท่านั้นแหละครับ ผมตกใจสิ 
“ดะ....เดี๋ยว! ก่อนจะพูดอะไรออกมาผมก็ขอให้พี่รู้ไว้เหมือนกัน ว่าผมก็รักพี่นะ” ผมพูดตัดบทมันด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้
“นท คือ....” มันอึกอักไปเลย ผมว่าผมยังไม่พร้อมฟัง ยังไม่พร้อมจริงๆ...
“พะ...พี่อ๊อฟ ผมว่าผมต้องวางแล้ว กลับมาค่อยคุยกันนะ” จุก แน่นอกไปหมด มั้นตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก
“ดะ....ได้ นทกูรักมึงนะ!” พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง มันทำให้ผมอยากร้องไห้ คืออะไรมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ผมก็รักพี่นะ” เสียงสั่นมาก
แล้วพี่อ๊อฟก็วางไป ผมก็ยังคงเอาโทรศัพท์แนบหูไว้ สิ่งที่ผมกลัวมันกำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วใช่ไหม ทำไมต้องเป็นกับพี่อ๊อฟผมก็ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่ผมคิดนะ.....
“เป็นอะไรหรือเปล่ามึง” ปอเดินมาหาผม แล้วถามขึ้น
ผมรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แล้วก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกง พวกมันก็เดินตามมากันแล้ว.....
“กูง่วงแล้ววะ กูขอไปนอนแปปนะ” ผมเอ่ยขึ้นพร้อมส่งยิ้มอ่อนไปให้มัน
แล้วผมก็เดินไปห้องพักแล้วก็ล้มตัวนอน นอนคิดอะไรไปทั่ว กลัวไปหมดกลัวจะเสียพี่อ๊อฟไป เฮ้อ! คิดไปคิดมาน้ำตาก็ไหล ผมก็เช็ดแบบลวกๆแล้วก็หลับตาลง แล้วก็ผลอยหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีก็เย็นแล้ว เพื่อนๆก็คงไปหาเดินเล่นกันแหละมั้ง ผมก็นอนกลิ้งไปมาอยู่อย่างนั้นแหละ.......
“ทำอะไรแบบนั้น” ผมสะดุ้งเลย ไอสิงโตเดินมาจากระเบียง
“มะ...มึงทำไมมาอยู่นี่อะ” ผมถามด้วยยเสียงงัวเงีย
“ก็กูมาอยู่เป็นเพื่อนมึงไง” มันพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“ไม่ต้องก็ได้มึง เบื่อเปล่าๆทำไมไม่ไปอยู่กับเพื่อนๆวะ” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“อยู่กับมึงไม่เคยเบื่อเลยวะ” ยิ้ม ไอนี่มันก็หยอดตลอด ผมก็เขินสิโว๊ะ!
“พอเลยๆ มึงทำกูเขินนะเว้ย!” ผมพูดเสียงดัง
“ไออ๊อฟโทรมาเหรอ” อยู่ๆมันก็ถามขึ้นมาเสียงนิ่งๆ
“อะ..อืม” ผมพยักหน้า คิดแล้วก็เศร้า
“มันทำไม บอกกูได้ไหม” พูดอย่างอ่อนโยนแล้วนั่งลงข้างๆผม แล้วจับมือ
“มึงอยากฟังจริงๆเหรอวะ” ผมมองมันอย่างลังเล
“จริง! เรื่องของมึง กูอยากฟังทุกเรื่องเลยนะ” ไอนี่มันจะเอาให้ผมลอยขึ้นฟ้าเลยใช่ไหม
“กะก็.....” แล้วผมก็เล่าไป เล่าพอคร่าวๆ “ก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่รู้มันเป็นอะไรอยู่ๆก็โทรมาแบบนั้น” ผมทำหน้าเศร้า
“คงไม่มีอะไรหรอกมึง ไออ๊อฟอาจจะแค่เครียดก็ได้ อีกอย่างตอนอยู่กับกู อย่าเศร้า ดูไม่เป็นตัวมึงเลย” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วยีหัวผม
“นั่นสิเนอะ มาเที่ยวทั้งที” ผมยิ้ม ผมควรปลงๆไปก่อน เพราะว่าวันจันทร์ก็ได้เจอกับมันแล้ว
“เออต้องแบบนี้สิ!” มันบีบจมูกผมแล้วปล่อยออก
“เพื่อนๆล่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไปดูเพราะอาทิตย์ตกกันตรงเนินหลังนู่นอะ” มันพูดพร้อมกับชี้ไปนอกระเบียง
“อยากดู>.<” ผมพูดพร้อมทำท่าตื่นเต้น
แล้วมันก็ดึงมือผมไป ผมว่าจะล้างหน้าสักหน่อยโถ่! พอไปถึงก็อยู่กันครบเลย พ่อแม่ไอสิงโตน้องซิน ป๊ากับแม่และเพื่อนๆ เราก็คุยกันเฮฮากันไป แล้วก็ถ่ายรูปรวมกันนิดหน่อย สวยมากจริงๆพระอาทิตย์ตกดิน และก็ล่วงเวลามาถึงปาร์ตี้ตอนเย็น มีย่างเนื้อปิ้งบาร์บีคิวและแอลกอฮอล์ มีเปิดเพลงกันสนุกสนานเชียว......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:57:43
“โรจน์แอลกอฮอล์ไม่เหมาะสำหรับเด็กๆมั้ง” ป๊าถามอย่างเป็นห่วง
“นานๆที จะได้สอนเด็กๆดื่มกันด้วยไงกรานต์ ดีกว่าพวกเด็กๆไปดื่มกันข้างนอกนะ” ลุงโรจน์พูดอย่างมีเหตุผล ป๊าก็พยักหน้ารับ
“เด็กๆก็เอาแต่พอดีเนอะ แต่ถ้ากินน้ำผลไม้จะดีมากเลย” ป๊าพูดอย่างเป็นห่วง ป๊าไม่ค่อยชอบให้ผมยุ่งกับของพวกนี้มันไม่คู่ควรแก่ผม555
พวกเราก็พยักหน้ารับรู้ แต่เหมือนพวกไอสิงโตมันจะดื่มกันบ่อยแล้วมั้ง ชิวเชียว แต่ก็ดีนะ ให้ลูกๆกินอยู่ที่บ้านดีกว่าไปหาเที่ยวกินข้างนอก ทั้งอันตรายทั้งไม่มีคนดู แต่พวกผมก็จิบบ้างพอเป็นพิธี ไอนัทเหมือนจะบ่อย ชิวๆ ผมก็นั่งมองเฮฮาปาร์ตี้กัน ผ่านไปสักพัก สรุปป๊าผมเมาก่อนใครเขาเลย คือป๊าเป็นคนคออ่อนมาก......
“นท นทต้องลองดื่มไว้น้าลูก จะได้ชินๆ เผื่อไปโดนผู้ชายที่ไหนมอมจะได้รู้ตัว!” ป๊าเริ่มแล้ว เริ่มจะยัดนู่นยัดนี่ให้ผมดื่มแล้ว
แม่ก็ช่วยห้าม ลุงโรจน์กับน้าแพรด้วย ปรากฏว่าโดนบังคับให้ดื่มกันหมด นั่งปาร์ตี้กันไปสักพัก ผมก็มึนๆแล้วสิ คือไม่ไหวเอาจริงๆ กว่าจะแยกย้าย พวกไอโค้กฟุบคาโต๊ะกันแล้ว ผมก็ง่วงเหลือเกิน ยิ่งกินยิ่งง่วง ผู้ใหญ่ก็ยังคึกคักกันอยู่ ป๊ากับลุงโรจน์ลุกขึ้นมาเต้นแม่กับน้าแพรก็ตบมือเชียร์  พวกไอปอก็ช่วยกันลากพวกไอโค้กเข้าบ้านกัน ส่วนพวกผู้ใหญ่มีคนงานคอยดูอยู่แล้ว พอช่วยเพื่อนๆเข้าห้องแล้วผมก็รีบไปห้องตัวเองแล้วล้มตัวนอนเลย มึนหัวง่วงหนักมาก คราวที่แล้วก็กับพี่โน๊ตนอนตายกันหน้าบ้านเลยทีเดียว หัวถึงหมอนปุ๊ปผมก็หลับไปเลย........................
เช้ามาผมสะดุ้งตื่นเพราะแสงมันแยงตาผม มองไปทางผนังดูนาฬิกา เพิ่งจะ 7 โมงเช้าผมบิดขี้เกียจนิดหน่อย? แล้วก็รู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว แล้วต้องมาตกใจหนักกว่านั้นก็คือ ไอสิงโตนอนอยู่ข้างๆผมไม่ใส่เสื้อ เสื้อผมก็หาย.......
“เห้ยยยย!” พอผมเปิดดูใต้ผ้าห่ม เท่านั้นแหละเปลือยทั้งคู่ ผมมองไปทางไอสิงโตไม่มีท่าว่าจะตื่น “ผมก็กระโดดตัวลงเตียงแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ เอาจริงๆวิ่งไม่ได้ ก็เดินแหละเพราะมันปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย ผมสำรวจร่างกายตัวเองมันก็มีรอยแดงๆ ตามหน้าอกกับพุงและต้นขา และสำคัญกว่านั้นผมเจ็บก้น พอหันหลังและส่องดูทางกระจก! ก็พบร่องลอยมหัศจรรย์ และคราบที่ทำให้รู้เลยว่าไอสิงโตมันข่มขืนผม!.........
“ไอสิงโต!!” แหกปากหาผ้าพันตัวแล้วเดินไปที่เตียง “มึงทำอะไรกูไอเลววววว!” ผมคว้าหมอนข้างขึ้นมาทั้งทุบทั้งด่ามันไปครับ
ตุบๆๆๆ ผมเอาหมอนข้างทุบมันพร้อมกับสรรหาคำด่า ด่ามันไม่ยั้งมันค่อยๆลืมตาขึ้นมา แล้วก็มองผม แล้วก็ใช้มือปัดหมอนที่ผมตีมัน......
“มึงทำอะไรกูไอสิงโต!” ผมถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจผมหยุดตี มันก็มอง
“กูทำอะไรวะ!” มันทำหน้างัวเงีย
“นี่อะไร แล้วนี่อะไร!” ผมชี้ตามรอยแดง แล้วก็เลิกผ้าให้มันดูตรงต้นขา มันสะดุ้ง
“จะ...ใจเย็นนท กะ...กูไม่ได้อยากทำนะเว้ย! ก็มึงนั่นแหละ” มันทำท่าตกใจ
“กูทำอะไร กูได้ข่าวว่ากูนอนของกูเฉยๆนะไอสิงโต!” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“ก็เมื่อคืนกูไปดูผู้ใหญ่พอเข้ามานอน มึงก็มาอ้อนบอกว่า.....” มันพูดแบบเขินๆ ผมตกใจมาก “กะ...กูก็รู้นะว่ามึงเมามาก พอถามมึงก็บอกไม่ได้เมา แถมยังจับกูแก้ผ้าอีก” พูดแบบหลบตา เอาจริงๆทำไมผมจำอะไรไม่ได้
“กูไม่เห็นรู้เรื่องเลยไอสิงโต!ทำไมกูจำอะไรไม่ได้!” ผมนั่งลงตรงปลายเตียงแล้วนวดตรงขมับ
“พอกูห้ามมึงมึงก็บอกจะร้องไห้ กูก็เลยยอม” มันทำหน้าจริงจัง
“โอ้ย! ไอห่า กูจำอะไรไม่ได้เลย!” ผมพูดอย่างกังวล อาการปวดหัวเริ่มแล่นเข้ามา
“เมื่อคืนกูไม่ได้ทำอะไรมึงเลยนะ มึงขึ้นกูเองด้วยซ้ำ ส่วนรอยพวกนั้น กูขอโทษทีเผลอใจไปหน่อย...”มันบอกแบบนิ่งๆ และพูดเสียงดังในตอนท้าย
“อยะ...อย่าบอกใครนะเว้ย! โอ้ยกู!” ผมเอามือตบหน้าผากตัวเอง
“แต่กูรู้สึกดีมากเลยนะ” มันพูดด้วยสีหน้าที่ดูมีความสุข ผมมองมันแบบไม่พอใจ
“ทำไมมึงไม่หนีไปนอนที่อื่น มันจะดีเหรอวะเนี่ย เกิดเรื่องแบบนี้” ผมเริ่มเครียดแล้ว มันลุกขึ้นมานั่งใกล้ๆผม ผ้าก็ไม่ใส่เอาผ้าห่มปิดไว้
“นทมึงจะโกรธทำไม กูขอโทษ มึงอยากให้กูทำยังไง กูรับผิดชอบมึงได้อยู่แล้ว” มันทำหน้าจริงจัง
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละมึง กูแค่รู้สึกผิด ทั้งกับมึงและพี่อ๊อฟ โอ้ย! อะไรกันวะเนี่ย” ผมพูดอย่างหัวเสีย
ผมก็พยายามคิด เมื่อคืนผมจำอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ แล้วผมจะไปขึ้นมันได้ยังไง ทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัวก็มีเหรอวะ? หรือว่าผมป่วยเนี่ยเอายังไงดี!.....
“กูขอโทษนะ” มันพูดพร้อมกอดผมจากด้านหลัง เอาแล้ว ผมว่าปัญหามันต้องตามมาแน่ๆ
“มึงจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครใช่ไหมวะ” ผมถามอย่างกังวล
“ไม่บอกใครหรอก ใครจะเอาไปพูด เรื่องแบบนี้” มันพูดแล้วเอาคางเกยไหล่ผม
“มึงถ้าเมื่อคืนกูทำแบบนั้นจริงๆกูบอกเลยนะเว้ย! กูไม่ได้ตั้งใจ กูจำอะไรไม่ได้เลยวะ” คิดแล้วก็ปวดใจ ทำไมผมต้องไปข่มขืนคนอื่นด้วย คราวที่แล้วก็พี่อ๊อฟ คราวนี้ก็ไอสิงโตแต่คราวนี้มันไม่รู้สึกตัวนี่สิ ผมต้องไปหาหมอไปตรวจหรือเปล่าเนี่ย โว๊ะ! เครียดไปหมด
“อย่าคิดมากเลยมึง ถ้าอยากให้กูรับผิดชอบก็ได้นะ” มันพูดอย่างอ่อนโยนแล้วหอมแก้มผม
“ไอสิงโต” ผมลุกขึ้น “กูไม่ใช่ผู้หญิงนะเว้ย!” แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป
จะทำยังไงดี ไอสิงโตมันต้องเรียกร้องแน่ๆเลย โอ้ย! นี่ผมทำมันจริงๆเหรอเนี่ย หรือมันทำแล้วใส่ร้ายผม ผมสับสนไปหมดแล้ว แกร๊ก! ไอสิงโตก็เดินเข้ามาด้วยสภาพไม่ใส่อะไร....
“นะ...นี่มึงไม่อายแล้วเหรอวะ” ผมถามอย่างอึกอัก
“มากกว่าเห็นก็ทำมาแล้วไม่ต้องอายแล้วมั้ง” มันพูดแล้วยิ้มเขินๆ ขึ้นมา
“ให้ตายสิวะ!” เป็นผมเองที่ต้องอาย เพราะหุ่นมันและไอนั่นมันทำผมมีอารมณ์ ผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย! ผมหันหลังให้มัน
“ถ้ามึงคิดมากเรื่องไออ๊อฟไม่ต้องห่วงนะ กูยินดีในความสัมพันธ์แบบนี้” มันพูดแบบจริงจังแล้วเดิมมากอดผม “เพื่อนรัก มีอะไรด้วยกันก็ไม่ผิดใช่ไหม จูบยังเคยมาแล้วเลย” ไอสิงโตพูดอย่างใจเย็น ซึ่งผมไม่เย็นเลย มันถลำลึกเกินไปแล้วจริงๆ
“ไอสิงโต มึงก็หล่อ หล่อมาก เพอร์เฟคด้วย มึงนึกออกไหม มึงทำไมไม่ไปหาอะไรที่มันดีๆกว่ากูวะ กูแม่งโครตจะรู้สึกผิดซ้ำซากเลยวะ!” ผมพูดอย่างไม่สบอารมณ์แล้วหันตัวไปหามัน
“นอกจากมึงกูก็นึกไม่ออก ว่าอะไรที่มันดีๆ” มันพูดเป็นพระเอกเลย จบแล้ว ยิ่งพูดยิ่งไปกันใหญ่ ให้ตายสิ!
“อาบน้ำเถอะเนอะ กูว่าเลิกคุยเรื่องนี้เถอะ!” ผมพูดอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็เปิดฟักบัวอาบน้ำ
“มึงเจ็บไหม” พูดเสียงกระเส่า แล้วมันเอามือมาลูบร่องก้มผม
“มะ...ไม่” ผมถอยหนีมัน
“ถ้ากูจะขอ....” มันเดินเข้ามาหาผม ผมก็ถอยจนติดกำแพง มันก็เอามือทั้งสองยันกำแพงไว้ล็อคไม่ให้ผมไปไหน
“ขะ...ขออะไร” ผมตกใจนิดหน่อย
มันโน้มหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ผมหลับตาปี๋.....
“ขอให้มึงปฏิบัติกับกูเหมือนแฟนก็พอ” พูดด้วยเสียงที่ดูเซ็กซี่ แล้วเลียใบหูผมขนลุกซู่
“จะ...จะบ้าเหรอ กูจะทำได้ยังไง เพื่อนก็พอแล้ว!” ผมพูดแล้วหันหน้าหนี
“งั้นเรื่องเมื่อคืนกูจะบอกทุกคน” มันพูดจริงจัง พร้อมกับทำหน้ากวนตีน
“ไอสิงโตมึงอย่ามาขู่กูนะ! กูบอกแล้วไงว่าเมื่อคืนกูไม่รู้เรื่องจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น” ผมเถียงเสียงดังอย่างไม่ยอม
“กูไม่ได้ขู่ กูกับมึงได้กันแล้วนะ มึงจะทำแบบนี้กับกูไม่ได้!” มันพูดอย่างไม่ยอม ผมว่าแล้วมันจะต้องกลายเป็นแบบนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกมัน ผมทำอะไรลงไปเนี่ย!
“กูไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย อีกอย่างกูมีพี่อ๊อฟอยู่นะ!” ผมพูดอย่างใจเย็น
“กูรับได้กูบอกแล้วไง!” มันพูดอย่างอ่อนโยน แล้วยิ้มอย่างมีหวัง
“เพื่ออะไรอะ? คือกูไม่อยากทำร้ายจิตใจมึงทางอ้อมนะเว้ย! มึงคิดดีๆดีกว่าไหม กูไม่ได้มีอะไรดีเลยนะ! มึงจะคิดว่าครั้งนี้กูเป็นแค่ที่ระบายความใคร่ของมึงก็ได้ แล้วลืมเรื่องนี้ได้ไหม!” ผมพูดด้วยความเครียด เหตุการณ์มันกำลังจะซ้ำรอย เหมือนตอนพี่ไอซ์และพี่อ๊อฟ ผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย แต่ครั้งนี้และตอนนี้ผมกับมันมาไกลเกินไปแล้วและดูเหมือนว่าจะร้ายแรงกว่าครั้งที่แล้วด้วย
“ไอนท มึงคนแรกของกูนะ! ให้ความสำคัญกับกูหน่อย มึงก็ทำร้ายไปเลยจิตใจกูเนี่ย เอาให้มันแหลกคามือมึงเลยก็ได้!” มันพูดอย่างหัวเสีย
“โว๊ะ! ฟังนะกูมีพี่อ๊อฟอยู่แล้วและกูไม่อยากทำร้ายมึงทางอ้อมโดยการที่มาแอบๆซ่อนๆมึง มึงรับได้เหรอวะ ถึงมึงรับได้กูก็ทนไม่ได้  มึงเข้าใจกูบ้าง!” ผมพูดเสร็จก็หันหน้าหนี ผมยืนเถียงกับมันทั้งๆที่ถูกมันกักไว้เนี่ยแหละ มันเอาแขนทั้งสองยันกำแพงไว้ แล้วผมอยู่ตรงกลาง
“มึงจะสนใจกูบ้างไม่ได้เหรอวะนท” มันทำเสียงเศร้าแล้วก้มหน้าลงนิดหน่อย
“สิงโตกูสนใจมึงตลอดเวลานั่นแหละ กูเคยเจอมาแล้วไอรักสามเศร้าเนี่ยมันไม่โอเค” ผมพูดอย่างเหนื่อยใจ
“เมื่อคืนแม่งไม่มีความหมายวะสัส! กูไม่น่ายอมมึงเลย” มันพูดอย่างไม่พอใจ แล้วมันก็หันหลังให้ผม
“ไอสิงโต กูเป็นคนโดนเสียบนะ ไม่ใช่มึง อย่ามาทำตัวเหมือนสาวแรกแย้มเสียซิงเลย!” ผมนี่ต้องโอดครวญ รำคาญมันจริงๆ
“ทำไมมึงใจร้ายแบบนี้วะ” พูดเสียงสั่นน้ำตาคลอแล้ว
“หยุดเลยสิงโต อย่าร้องนะเว้ย!” ผมชี้หน้ามัน
“ก็ดูมึงทำกับกู กูแคร์ความรู้สึกมึงทุกอย่าง แต่พอมันเป็นแบบนี้มึงกลับใจร้ายกับกูเนี่ยนะ” น้ำตาไหลรินเลยสินะ
แล้วมันก็พูดไป คือมันไม่เข้าใจที่ผมพูด เฮ้อ! ผมก็มองมันพร่ำเพ้อไป ผมจะทำยังไงดี ทำไมเรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้?  ไอสิงโตก็เรียกร้อง ความกังวลที่ผมกลัวก็เกิดขึ้นมาจนได้....
“มึงต้องการแบบนี้ใช่ไหม” ผมพูดอย่างใจเย็น มันก็หยุดแล้วฟังผม “จริงๆกูก็ชอบมึงนะ แต่มันติดหลายเรื่องว่ะ ทั้งพ่อมึงทั้งที่กูมีพี่อ๊อฟ แต่มึงจะให้กูทำยังไงกูถามหน่อย” ผมพูดอย่างจริงจัง
“พ่อกูก็ไม่อะไรแล้วไง ส่วนอ๊อฟมึงก็คบไป และก็คบกับกูไปด้วยแค่นั้นเอง” สิงโตพูดแบบฟูมฟาย หมดหล่อก็คราวนี้แหละมึง!
“หยุดร้องก่อนเถอะ” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวผมมาเช็ดน้ำตาให้มัน “มึงกับกูจะเจ็บปวดนะสิงโต มึงรู้ใช่ไหมที่มึงพูดหมายความว่ายังไง” ผมพูดอย่างใจเย็น มันทำหน้าจริงจัง
“กูรู้ดิ กูมาทีหลังกูเข้าใจดี จะเจ็บปวดกูก็ยอม” มันจับประคองหน้าผม แล้วหอมหน้าผากผมเบาๆ
ผมมองมันด้วยความรู้สึกต่างๆ เพราะมันต่างจากคราวที่แล้วมากจริงๆ คราวที่แล้วพี่ไอซ์กับผมมีความสัมพันธ์ที่คาดเส้นระหว่างพี่น้องกับแฟนเลยทำให้ผมตัดใจไปหาพี่อ๊อฟได้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ผมรักพี่อ๊อฟผมพูดได้จากใจ มันทำให้ผมลำบากใจ ไอสิงโตก็คนที่ดี พี่อ๊อฟก็คนที่รัก มางานปวดหัวแล้ว นี่มันยิ่งกว่าละครน้ำเน่าอีก
เรายืนจ้องหน้ากันอยู่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ไอสิงโตก็โน้มหน้ามาจูบผมอย่างแผ่วเบาและต่อจากนั้นผมกับมันก็...ต่อในห้องน้ำ ภาพเมื่อคืนก็ค่อยๆลอยมาแม้ไม่ชัดเจน แต่ก็ชัดพอที่จะทำให้ผมรู้ว่ามันคือเรื่องจริง พอเสร็จกิจกรรมอันแสนพิเศษ? ผมก็อาบน้ำแล้วออกมาแต่งตัวกัน ถามว่ารู้สึกดีไหม ก็ดีไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย อย่างที่บอกคือผมก็ชอบไอสิงโตไม่น้อย มันเพอร์เฟคขนาดนี้ ถ้าผมไม่คิดอะไรนี่สิแปลก ผมเครียดมาก ผมหวั่นใจจริงๆ จุดจบของรักแบบนี้ไม่สวยแน่ๆ คิดแล้วก็ปวดหัว ไอสิงโตมันก็มานั่งข้างๆผม.......
“กูรักมึงนะ” มันพูดอย่างอ่อนโยน แล้วหอมแก้มผม พร้อมกับจับมือแน่น
“กู.....ชอบมึงนะ” ผมตอบกลับแล้วหอมแก้มมันคืน
“แค่ชอบก็ยังดี!” มันพูดด้วยรอยยิ้มแล้วจับมือผมไปหอม
รู้สึกว่าตัวเองเลวระยำ แน่นอนว่าผมมันก็เลวอย่างที่ทุกคนคิดนั่นแหละ ผมเชื่อว่าทุกคนย่อมมีความเห็นแก่ตัว ซึ่งผมก็มี ดูเหมือนว่าจะมีมากด้วย ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกผิดนะ รู้สึกผิดมากเลย สับสนไปหมด....
“มึงแน่ใจแล้วใช่ไหม” ผมถามย้ำมันอีกครั้ง
“แน่ดิ ถึงมันจะผิด กูก็ไม่สน มึงก็ด้วย มองข้ามมันไป แล้วก็ทำให้มันเป็นเรื่องปกติไปได้แล้ว” พูดอย่างจริงจังและยิ้มออกมา ผมก็พยักหน้าแบบอึนๆ “ไปหาอะไรกินกันได้แล้ว” ยิ้ม กระชับมือผมแน่นแล้วลุกขึ้น
เราก็พากันไปหาเพื่อนๆ พวกมันเพิ่งอาบน้ำเสร็จกันเลย ไอสิงโตก็ไม่ปล่อยมือ เอาจริงๆรู้สึกผิดอย่างมหันต์และปรับตัวไม่ทัน ทำไมมันรวดเร็วอะไรแบบนี้ แล้วพวกมันก็แต่งตัวกันเสร็จ เราก็พากันไปหาอะไรกิน ผู้ใหญ่ยังไม่ตื่นกันเลย น้องซินก็ยังไม่ตื่น.........
“นทแขนมึงไปโดนอะไรมา ทำไมเป็นรอยแดงๆ” ไอนัทพูด ผมยกแขนขึ้นมาดูถึงกับชะงัก
“เปล่า แค่โดนยุงกัดแหละมึง” ผมตอบมันแต่ก็หลบตามัน
“โดนยุงกันหรือโดน…” ไอมินพูดพร้อมกับหันมองไอสิงโต “กัดวะ” แล้วก็หัวเราะไป ผมก็นิ่งก้มหน้าก้มตากินไป
พวกมันก็แซวไป ผมก็เถียงพวกมันไปบ้าง ไอสิงโตก็บ้า นั่งยิ้มอย่างเดียวไม่ช่วยกันเลย...
“นทเบค่อน อะ” ปอตักเบค่อนให้ผม
“นท หมูกระเทียม อะ” โค้กมันตักให้ ผมก็มองแปลกๆ “มึงตักถึงหรือยังไง เอาจานมาเร็ว” ผมก็ยกจานให้มัน
“พอเลยพวกมึง เดี๋ยวกูตักให้มันเอง” ไอสิงโตพูดเสียงกวนตีนแต่ติดไม่พอใจ
ผมก็นั่งดูมัน มันก็ตักนู่นนี่มาให้ การที่ผมเทคแคร์ไอสิงโตหรือไอสิงโตเทคแคร์ผมมันเหมือนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะที่ผ่านมาก็เป็นแบบนี้ตลอด ผมก็กินไปพอกินเสร็จพวกผู้ใหญ่ก็ลงมากัน เราก็ไปหาเดินเล่นกัน จะกลับเข้าเมืองตอนบ่ายๆเลยชิวๆไป.....
“นท เมื่อคืน เหมือนกูได้ยินเสียงคนร้องครางอะไรสักอย่าง” อยู่ๆไอปอมันก็พูดขึ้นมา ผมชะงักไปนิด
“เออ กูก็ได้ยินแว่วๆ” ไอมินทำท่าคิด
“พะ...พวกมึงเมาหรือเปล่า คิดไปเองแหละน่า” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“กูก็ได้ยินนะ แต่ไม่ได้สนใจวะ” นัทพูดแบบไม่ใส่ใจ
“เออช่างมันเถอะ ถ่ายรูปกัน” ผมพูดแล้วยิ้ม เปลี่ยนเรื่องไปครับ
“เออดูนู่นดิ สวยอะไปถ่ายกัน” ไอวิวชี้ไปทางเนินเขา แล้วมันก็วิ่งนำไป พวกเราก็ตามไป
แล้วเราก็ถ่ายรูปไปทำอะไรกันไป จนถึงเวลากลับก็ไปเตรียมของขึ้นรถ ไอสิงโตก็นั่งข้างผมเหมือนเดิม ไม่ปล่อยมือเลย ผมก็ปล่อยมันจับไป แล้วก็พากันกลับระหว่างทางเจอวัดก็แวะทำบุญกัน พอถึงบ้านเพื่อนๆก็แยกย้ายกลับ พวกผู้ใหญ่ก็คุยกันนิดหน่อยแต่พอจะแยกย้าย........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:58:38
“ป๊าครับเดี๋ยวผมไปส่งนทเองครับ ผมขอให้นทช่วยทำการบ้านนิดหน่อย” ไอสิงโตยิ้มบาน ไม่ถามผมสักคำ
“ได้ๆ อย่ามืดนะ รถเยอะมันอันตราย” ป๊าบอกอย่างเป็นห่วง
แล้วมันก็ลากผมเข้าบ้านมัน พ่อแม่ไอสิงโตก็มอง ผมงงหนักกว่าอีก มันลากผมขึ้นมาเข้าห้องนอนมัน ผมยื้อไว้มันก็ทั้งดึงทั้งลาก.....
“คือมึงต้องการอะไร” ผมถาม มันจับผมนั่งลงที่เตียง
“อยู่กับกูก่อนนะ” ไอสิงโตเอ่ยขึ้น
“การบ้านอะไร กูโง่นะ ถามกูกูไม่รู้หรอก” ผมบอกอย่างจริงจัง ผมยังอึนๆ อยากกลับบ้าน อยากไปอยู่คนเดียวพิจารณาตัวเองบนเตียงโง่ๆแล้ว
“กูแค่อยากอยู่กับมึงเท่านั้นเองครับ” มันพูดพร้อมทำหน้ากวนบาทาให้ผม
“มึงจะเว่อร์ไปแล้วไอสิงโต” ผมพูดอย่างรำคาญ
“เอาน่า ต่อเลโก้ช่วยกูหน่อยดิ”(ยิ้ม)
แล้วมันก็เดินไปเอากล่อเลโก้ เอิ่ม! ทำไมไม่ไปต่อที่ห้องเล่นก็ไม่รู้ มาต่ออะไรบนเตียงก็ไม่รู้ มันดูล่อแหลมไปหน่อย555 ผมก็ได้แต่คิด ถามไปเดี๋ยวก็ตอบอะไรที่ชวนปวดหัวให้ผมฟังอีก ก็ต่อไปต่อมาก็เพลินดี มันก็เปิดเพลงให้ฟังด้วย ชิวๆไปแอร์เย็นๆ มันจะทำให้โรแมนติกสินะ มานั่งเบียดกับผมแล้วก็ต่อเลโก้ ผมก็ปล่อยๆมันไป เดี๋ยวแม่งดราม่าอีกจะยุ่ง ก็ทำไปจนเสร็จ มันก็ชวนไปหาขนมกินข้างล่าง ดูมันจะมีความสุขมากเลยนะ ผมเลยเคลิ้มไปกับมันเลยสิ ไอนี่มันยิ้มได้ตลอดจริงๆ พอถึงเวลากลับมันก็ไปส่ง ระหว่างทางก็พูดมากมายเหลือเกิน ผมก็เออออไป พอถึงก็ร่ำราอย่างกับจะไปตาย เฮ้อ! พอมันไปผมก็เข้าบ้านคุยกับป๊าและแม่นิดหน่อยก็ขึ้นไปอาบน้ำนอน เพลียเหลือเกิน เจออะไรไม่รู้เยอะแยะจริงๆ นอนคิดไปคิดมากว่าจะได้นอนก็ดึกเลย
พอวันถัดมาป๊าก็ไปส่งผมที่โรงเรียน พวกพี่อ๊อฟก็ยังไม่กลับมาเห็นว่ามาเที่ยงๆ เพื่อนๆก็พูดถึงเรื่องที่ไปเที่ยวกันมาสนุกสนานเลย ผมก็พูดคุยไปด้วยบ้างแต่ใจก็ยังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ พอพักเที่ยงก็ไปนั่งกินข้าวกันไป พี่ดาวก็ไลน์มาบอกว่าถึงแล้วผมก็ยังไม่อยากไปกวนตอนนี้ เขาอาจจะเหนื่อยหรือยุ่งๆกันอยู่ พอกินอะไรเสร็จก็พากันขึ้นตึกเรียน ก็นั่งเม้ามอยกันนิดหน่อย ยัยอิงฟ้าก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา......
“นท! เอาโทรศัพท์พี่อ๊อฟมานะ!” อยู่ๆก็มาฟึดฟัด คนมองเต็มไปหมด
“ทำไมต้องให้อะ” ผมถามนิ่งๆ
“พี่อ๊อฟให้อิงฟ้ามาเอา!” พูดเสียงแข็ง ทำตาโต
“แล้วทำไมพี่อ๊อฟไม่มาเอาเองละ!” ผมขึ้นเสียง มันชะงักไปนิด ยิ่งเครียดอยู่ มากวนอารมณ์ผมอีก
“ก็พี่อ๊อฟไม่ว่าง! อิงฟ้าเลยมาเอาให้ แล้วนี่โทรศัพท์นทไม่ใช่เหรอ” มันล้วงโทรศัพท์ผมออกมาแล้ววางไว้บนโต๊ะผม ผมอึ้งเลยสิ
“แล้วอิงฟ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับของๆเรา!” ตะคอกแล้วลุกขึ้น เพื่อนๆก็จับไว้
“ก็ไม่รู้สินะ” ยิ้มแบบนางร้าย “ไปถามพี่อ๊อฟเองแล้วกันว่าสิทธ์อะไร แต่ตอนนี้เอาโทรศัพท์พี่อ๊อฟมาได้แล้ว”ทำหน้าทำตา เป็นนางร้ายมือใหม่สินะ
“กูไม่ให้!” ผมเก็บโทรศัพท์ของผมเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วก็เดินออกไปนอกห้อง
หมับ! ยัยอิงฟ้าก็ดึงแขนผมไว้ เพื่อนๆก็ตามมาห่างๆอย่างห่วง พวกเพื่อนผมก็เดินมาหาผม
“นทเอาโทรศัพท์ของพี่อ๊อฟมานะ!” นางทำหน้าโกรธ
“ทำไมต้องให้ละ?” ผมถามหน้าตาย
“ก็เพราะว่าอิงฟ้าแลกโทรศัพท์กับพี่อ๊อฟใช้ไง” พูดแบบภูมิใจมาก ผมค้างไปเลย
“อิงฟ้า นี่ไม่รู้รึไงว่านทกะ.....” ปอเอ่ยขึ้นมา
“อิงฟ้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละ อิงฟ้ามาก่อนตั้งนานแล้วนทนั่นแหละมาแย่งพี่อ๊อฟไป!” พูดแทรกปอแบบเหวี่ยงๆ
“แล้วยังไงละ?” ผมเดินเข้าไปหาอิงฟ้า มันถอยหลังไปนิดนึง “ไปทำกันอีท่าไหนถึงแลกโทรศัพท์ใช้กัน” พูดแบบข่มอารมณ์
“นทก็น่าจะรู้นะว่าแบบไหน” ดูมันทำหน้า ผมกำมือแน่นเลย พวกไอปอก็จับไหล่ผมไว้
“น่าไม่อายที่สุด! เป็นผู้หญิงกล้ามาพูดแบบนี้ได้ยังไง!” ผมกัดฟันพูดเลย รู้สึกน้ำตามันจะไหล
“อิงฟ้าไม่สนทั้งนั้นแหละ นทผิดเองนะที่มาแย่งพี่อ๊อฟไปอะ” พูดเหวี่ยงๆแล้วถอยห่างผม
“อย่ามาพูดแบบนี้นะ!” ผมตะคอกสุดเสียง ยัยอิงฟ้าสะดุ้งไปนิด “กูไม่ได้แย่งของใครมาทั้งนั้น แล้วจำไว้ว่า กูกับพี่อ๊อฟรักกัน เรารักกันมาก!” น้ำตาไหลแล้ว มันเหมือนตอกย้ำตัวเองผมเครียดไปหมด ทั้งเรื่องผมทั้งเรื่องพี่อ๊อฟทั้งเรื่องไอสิงโต ตอนนี้เหมือนหัวผมจะระเบิด ทั้งสับสนทั้งหวงพี่อ๊อฟตีกันไปหมดในหัว
“ไม่จริง! พี่อ๊อฟรักอิงฟ้า พี่อ๊อฟใจดีกับอิงฟ้ามาตลอดและก็เรียกหาอิงฟ้าตลอด ไม่เคยพูดไม่เพราะกับอิงฟ้าเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีแต่นทนั่นแหละที่มาขวางอิงฟ้า!” นางพูดแบบโวยวาย ลุคคุณหนูไปไหนหมดแล้วผมเช็ดน้ำตาลวกๆ
“ปัญญาอ่อน แค่ทำดีด้วยหน่อยมึงก็หาว่าเขารักมึงเหรอห๊ะ!” ผมจะพุ่งเข้าหามันแล้วแต่เพื่อนๆดึงไว้
“นทใจเย็นๆ อย่ามีเรื่องในโรงเรียนนะมึง!” ปอพูดแล้วจับไหล่ผมแน่น
“ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย ถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับไอพี่อ๊อฟ กูไม่ปล่อยมึงไว้แน่!”กัดฟันพูด คือมันจะระเบิดออกมาแล้ว ผมจะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น
“คิดว่าพี่อ๊อฟจะยอมให้ทำก็ลองดู” มันทำหน้าตอแหล “เอาโทรศัพท์พี่อ๊อฟคืนมาได้แล้ว” ยื่นมือมาทำไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ไม่ให้!” แล้วผมก็สลัดตัวจากการเกาะกุมของเพื่อนๆแล้วเดินกระแทกไหล่อิงฟ้าเข้าไปในห้องแล้วนั่งสงบสติอารมณ์ที่โต๊ะ เพื่อนๆก็ตามเข้ามา อิงฟ้าก็ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ครูก็ไม่เข้ามาสอนสักที
“ใจเย็นๆน่ามึง” ไอนัทพูดมันมานั่งหน้าผมแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ผม
“มึงดูดิ”พูดแบบข่มน้ำตาไม่ให้ไหล “ทำไมของรักของกูต้องมีอีพวกนรกมายุ่งตลอดเลยวะกูไม่เข้าใจ!”พูดอย่างน้อยใจ
“เอาน่ามึง ยังไงกูว่าพี่อ๊อฟก็ไม่ทิ้งมึงหรอก” ไอวิวลูบหลังผม
“นั่นดิ ยัยอิงฟ้ามันอาจจะมโนไปเองก็ได้นะเว้ย!” ไอมินพูดอย่างจริงจัง
“จะเพราะอะไรก็ช่างแม่งเหอะ” พูดแล้วก็แค้น ผมปาดน้ำตาลวกๆ
“มึงใจเย็นๆนะ ถึงไม่มีคนพวกนั้นมึงยังมีพวกกูนะเว้ย!”ปอจับมือผมแน่น ผมพยักหน้ารับรู้ ตอนนี้น้ำตาของผมก็ได้หยุดไหลแล้ว
“เพื่อนๆ คาบนี้ครูไม่เข้านะ ให้ทำงานในห้องเงียบๆ” อยู่ๆอีแนนมันก็ตะโกนบอก
เพื่อนๆก็เฮฮากันใหญ่เลย ผมจะโทรหาพี่อ๊อฟก็ไม่ได้โทรศัพท์อยู่ที่ผมทั้งสองเครื่อง แต่นึกขึ้นได้ผมก็โทรหาพี่โอม แปปเดียวก็รับ.....
“พี่โอม พี่อยู่กับพี่อ๊อฟหรือเปล่า” ผมถามอย่างร้อนใจ
“อยะ.....มะไม่อยู่อะ มันยังไม่มา” พูดแบบอึกอัก ผมว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ
“พี่โอมผมอยากคุยกับมันให้ผมคุยนะ” พูดอย่างร้อนรน
“มันไม่อยู่จริงๆมึง โทษทีวะกูเรียนอยู่แค่นี้นะ” แล้วก็วางไปเลย
ผมโทรหาพี่กรกับพี่กฤษก็พูดทำนองเดียวกัน พอโทรหาพี่ไอซ์พี่ไอซ์ก็ไม่ได้มาเรียน โอ้ย! ให้มันได้อย่างนี้สิวะ!......
“ไอนทมึงใจเย็นๆดิ้ มึงทำให้เพื่อนเป็นห่วงนะ!”ไอนัทเดินมาลูบหลังผม
“มึงจะให้กูทำยังไงบอกดิ มันเกิดเรื่องเหี้ยอะไรขึ้นเนี่ย!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
“เฮ้อ! กูเข้าใจมึงวะ แต่มึงต้องใจเย็นๆก่อนนะเว้ย!” ไอวิวพูดด้วยความใจเย็น
พวกมันก็พูดไปผมก็จ้องแต่โทรศัพท์ไป จนถึงวิชาต่อไปครูเข้าผมไม่เป็นอันเรียนเลย จนเลิกเรียนผมรีบเก็บของแล้วก็รีบไปตามหามันเลย เพื่อนๆก็มาด้วย ก็ตามหามันทั่ว ก็ไม่เจอ ทั้งห้องเรียน โรงยิม ห้องชมรม ผมยืนหัวเสียอยู่ล่างตึก......
“นท” ผมหันไปเสียงแป้ง เพื่อนร่วมห้องเรียนผมเอง...
“ว่า?” ผมหันไปตอบ
“ตามหาพี่อ๊อฟอยู่ใช่ไหม” ผมพยักหน้า “กูพึ่งทำเวรลงมาจากตึกกูเห็นพี่อ๊อฟอยู่ในห้องเรียนยัยอิงฟ้าน่ะสิ” มันบอกด้วยเสียงตื่นเต้น
“เออๆขอบใจ” แล้วผมก็เดินมาเลย
ไอพี่อ๊อฟห้องเรียนผมไม่เคยมาหา แต่ไปหายัยอิงฟ้านั่นเนี่ยนะ โว๊ะ! สมองคิดไปทั่ว ผมเดินขึ้นตึกไปโซนห้องEP ห้องของเด็กอินเตอร์ วันนี้จะได้ตบกับเด็กอินเตอร์สักหน่อย พอไปถึงผมแทบคลั่ง พี่อ๊อฟไปนั่งดูยัยอิงฟ้าซ้อมเต้นกับเพื่อนๆ พอพี่อ๊อฟเห็นผมชะงักไปนิดแล้วนั่งนิ่งเหมือนเดิม.....
“พี่อ๊อฟ!” ผมเดินเข้าไปหาอย่างร้อนรน ยัยอิงฟ้าเห็นก็เดินมาขวาง
“มาก็ดีแล้ว ขอโทรศัพท์พี่อ๊อฟคืนด้วย” อิงฟ้าเชิดหน้าเชิดตา เพื่อนๆมันก็ใช่ย่อยนะทำหน้าทำตา น่าหมั่นไส้ที่สุด!
“พี่อ๊อฟมาคุยกันหน่อยดิ!” ผมพูดอย่างไม่สนใจอิงฟ้า
“ไม่ได้ยินที่อิงฟ้าพูดหรือยังไง!” นางเริ่มฉุนแล้วสินะ
“หลีกไปดิ้ เกะกะวะ” ผมผลักมันไปข้างๆมันก็รั้งตัวจับผมไว้
“นทมานี่ก่อน...” พี่อ๊อฟจับแขนผมแล้วดึงออกมาหน้าห้อง ตอนแรกยัยอิงฟ้าตามมาแต่พี่อ๊อฟห้ามไว้
“พี่อ๊อฟ!” ผมโผเข้ากอดพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็ดันผมออก
“นท ช่วงนี้มึงกับกูห่างกันสักพักนะ” ผมนิ่งเลย ใจสั่นแทบจะระเบิดออกมา “ไม่ใช่เลิกกันนะ อย่างที่กูเคยบอกไง เชื่อใจกูนะว่ากูรักมึง ตอนนี้มีปัญหานิดหน่อย กูจะรีบจัดการโอเคไหม” ผมยืนมองมันด้วความรู้สึกที่หลากหลาย
“ไม่โอเค....ไม่เลย”พูดแล้วน้ำตาก็ไหล “ผมผิดขนาดที่ต้องทำแบบนี้เลยเหรอ กล้าให้มัน มาแหกหน้าผมถึงห้องเรียน แล้วพอมาเจอกัน ยังมาพูดแบบนี้อีกเหรอ สรุป อยากให้ผมเป็นควายมากใช่ไหม!” ผมตะคอกมันสุดเสียง
“นทฟังสิ กูรักมึงนะเว้ย!”จับหน้าผมให้สบตากับมัน “กูรักมึง ตอนนี้มีปัญหา ช่วยเข้าใจกูหน่อยนะ” ทำหน้าเศร้าแล้วใช้นิ้วโป่งเช็ดน้ำตาให้ผม
“ปัญหาอะไร แล้วทำไมต้องรอ ไหนบอกมีอะไรจะบอกกันไงวะ!” ผมพูดอย่างน้อยใจ
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ แต่เชื่อเถอะกูต้องบอกมึงแน่ๆ” ยังเยือกเย็นอยู่สินะ
“แล้วต้องรอนานแค่ไหนพี่อ๊อฟ หรือต้องรอพี่รักกับมันจริงๆก่อน” ผมเริ่มจะหมดความอดทน
“นทตอนนี้คุยไม่รู้เรื่องแล้วนะ” พูดอย่างเหนื่อยหน่าย ใช่สิ ผมมันก็แบบนี้ ทุกคนเลยหาเรื่องที่จะเลิกกับผม
“.......” ผมยืนจ้องหน้ามันเงียบๆ
“ห่างกันสักพักนะ และอย่าเข้าใจว่ากูขอเลิก กูรักมึงคนเดียวนะ ขอโทรศัพท์กูคืนด้วย” ยื่นมือมาข้างหน้า
ผมมองมันอย่างตัดพ้อ แล้วผมก็ล้วงโทรศัพท์คืนมัน........
“แน่นอนว่าไม่เลิก ผมจะรอ แต่ถ้าการรอคอยมันทำให้ผมผิดหวัง พี่กับมันเตรียมตัวไว้เลย! ผมจะทำให้รู้ว่า นรกบนดินมันเป็นยังไง!” ผมกัดฟันพูด
“ห่างกันสักพัก คือกูจะไม่ติดต่อไป และไม่ไปรับมึงประมาณอาทิตย์นึงนะ” ผมมองมันด้วยสีหน้าที่มีแต่คำถามและความโกรธ คือพี่อ๊อฟพูดแบบชิวมาก มันทำผมร้องไห้ ทั้งๆที่มันเคยบอกว่าไม่ชอบ
“มันต่างไงกับเลิกกันวะ?” ผมถามเสียงสั่น มันคิดว่าผมใจกว้างขนาดไหน
“กูแลกโทรศัพท์กับอิงฟ้าใช้ละ....”
เพี๊ยะ! ผมตัดบทมันด้วยการตบหน้ามันอย่างแรง สุดแรงของผมเท่าที่จะตบคนคนนึงได้ หมั่นไส้นักมีอะไรก็ไม่บอก.....
“ไปตายซะ!” พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวแล้วเดินกระแทกไหล่มันออกมา มันทำหน้าเศร้าจริงๆแต่ผมเศร้ากว่ามันเยอะ
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันมีอะไร ผมจะลองเชื่อใจมันแล้วกันที่ตบมันคือหมั่นไส้จริงๆมีอะไรก็ไม่พูด พูดแต่อิงฟ้าๆน่ารำคาญที่สุด! จะพูดให้มันดีกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้หรือยังไง จะอ้างมันทำไมไม่เข้าใจ.....
“นทมึงจะไปไหนเนี่ย” ปอเอ่ยถามผมทำให้ผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง
ตอนนี้ผมกับเพื่อนๆยืนอยู่หน้าโรงเรียน ผมไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปไหนคงไปหาที่เดินเล่นแหละมั้ง......
“พวกมึงกลับก่อนก็ได้นะ!” ผมพูดนิ่งๆ
“ได้ยังไงวะมึง มึงกำลังเครียดพวกกูต้องอยู่เป็นเพื่อนดิ” ไอมินพูดขึ้น
“มึงอยู่ก็ไม่ได้ช่วยไอมิน” ผมหันไปตอบมัน มันหน้าเจื่อนเลย คนอื่นๆก็หัวเราะกัน
“ไปเดินห้างไหมละ” ไอวิวพูดขึ้น
“ก็ดีนะ แต่กูเบื่อแล้ววะ ไปสนามกีฬาเทศบาลไหม กูว่าไอนทต้องชอบ” ไอนัทยิ้มเจ้าเล่ห์
“จริงๆไอนทกูว่ามึงชอบ” ไอปอยิ้มร้ายๆกับไอนัท
“เอาดิ” ผมยิ้มอ่อนๆให้พวกมัน
แล้วก็พากันนั่งรถไปสนามกีฬา เอิ่ม! คนเยอะจริงๆ มีทั้งนักกีฬา นักเรียน หลากหลายมาก เขามาออกกำลังกายกัน คืออาหารสายตาเยอะมากจริงๆ.......
“พวกมึงเห็นกูเป็นคนยังไงวะ” ผมพูดแบบจริงจัง
“ไม่ต้องมาทำเข้มไอนท เมื่อกี้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ” ไอนัทแซว
“เดี๋ยวเถอะมึง” ผมทำตาขวางแต่ก็ยิ้ม
แล้วก็พากันไปนั่งเดินเล่นแถวนั้นแหละ เขาไปออกกำลังกายกันพวกผมไปเดินเล่น555 อาหารสายตาเยอะเชียว....
“มึงดูนักบอลดินท ไม่ธรรมดาเลยมึง” ปอดี๊ด๊าสะไม่มี เอาจริงๆคือเกินหน้าเกินตา
“เออเขามองมาทางมึงด้วยนะนั่นอะ” ผมแซวมัน555
“จริงเหรอมึง><” เอิ่ม!...ไอปอบินไปแล้ว ผมก็ได้แค่เงียบ เพราะจะบอกพูดเล่นก็จะทำร้ายเพื่อนเกินไป
พวกไอนัทก็ดูสาวๆไป ดูไปดูมาพอเป็นพิธีก็ชวนกันกลับ อยู่นานใจไม่ดี555 วันหลังต้องแอบมาคนเดียวบ้างแล้ว มากับเพื่อนๆแรดไม่ถนัด อิอิ ก็แยกย้ายกัน ผมก็โบกรถกลับบ้าน พอถึงบ้านก็เห็นไอพี่อ๊อฟนั่งรออยู่หน้าบ้านอีกแล้ว...
“นทไปไหนมา” มันถามอย่างเป็นห่วง รอยแดงที่แก้มมันยังชัด ตราประทับที่ผมฝากมันไว้
“ไปหาแฟนใหม่มา” พูดแบบไม่ใส่ใจ ไอพี่อ๊อฟหน้าเครียด “ห่างกันสักพักนิ มาทำไม?” ผมพูดแบบประชดประชัน
“นทเข้าใจกูหน่อยดิ” ทำหน้าเครียด
“อ่าว!ก็เข้าใจไง ห่างกันสักพักพี่พูดเองไม่ใช่เหรอจะไม่ติดต่อจะไม่มารับสักพักไม่ใช่เหรอ? แล้วผมไม่เข้าใจอะไร” ผมพูดนิ่งๆ ผมไม่เข้าใจอะไร? ก็มันบอกเอง
“นทกูไม่อยากทะเลาะนะ มึงอย่าไปมีใครนะ!” พูดเสียงเครียด
“แต่พี่มีได้?” ผมมองนิ่งๆพี่อ๊อฟถอนหายใจ ผมกระชากคอเสื้อมันให้หน้ามันเข้ามาใกล้ๆ “ถึงเวลาที่ต้องบอกเหตุผลเมื่อไหร่ ผมหวังว่าเหตุผลนั้นมันจะคุ้มค่ากับการรอนะ ไม่งั้นอย่าหวังว่าจะเหมือนเดิม! แล้วจะได้รู้ว่าผมทำอะไรได้มากกว่าที่พูดหรือเปล่า”แล้วผมก็พลักมันออกไป
“กะ...กูไม่รู้นะว่าเหตุผลนั้นมันจะดีพอไหม แต่มึงต้องรอกูนะ!” จับมือผม
“ไปได้แล้ว” ผมพูดปัดอย่างรำคาญ แล้วก็เดินชนไหล่มันผ่านเข้าไปในบ้าน
“ นทรอกูนะเว้ย!” พูดน้ำเสียงสั่นๆ
ผมก็ไม่สนใจ แล้วเดินเข้าบ้านเลย ผมว่ามันต้องเป็นเรื่องเครียดๆของมันที่ไม่อยากให้ผมยุ่งเกี่ยวก็ได้ ผมจะพยายามเข้าใจแล้วกัน ผมก็ไม่อยากบั่นทอนจิตใจของมันจนเกินไป เพราะแววตามันก็ยังดูรักและห่วงใยผมไม่ต่างจากเดิมเลย ก็คงต้องรอเวลาต่อไป ช่วงนี้ผมก็คงต้องโสดไปชั่วคราว555 แรดได้แต่ก็คงไม่มาก พอเดินเข้าไปในบ้านก็ต้องตกใจกว่านั้นก็คือ.................
“เซอร์ไพร์ซ ปุ้ป! ซ่า!” เอิ่ม!เต็มๆเลย ทั้งสเปรย์หิมะ ทั้งผลุดึงเต็มหน้าผมเล้ย!
“คิดถึงที่สุดเลยน้องรัก” พี่โน้ตกอดผมแน่น ผมก็กอดตอบแบบงงๆ แล้วเอามือปัดเศษอะไรต่างๆออกจากหน้า
“ตั้งแต่วันนี้พี่โน๊ตจะกลับมานอนที่บ้านแล้วนะ” ป๊าพูด ผมเบิกตาโตยิ้มบานเลยสิ
“ดูทำหน้าเข้าสิ มาๆเข้ามาเร็ว” แม่ก็ดูมีความสุขเชียว
“ดีใจที่สุดเล้ย!” ผมกระโดดกอดคอพี่โน๊ตมาหอมแก้ม
“พี่ป๊าแม่ รอตั้งนานแหนะ” พี่โน้ตยิ้มหวาน ผมก็ยิ้มกว้างเลย
เราก็พากันมานั่งที่โต๊ะของกินเต็มไปหมด เยอะมากจริงๆกิน 4 คนจะหมดเหรอเนี่ย แต่..............
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 17:59:25
“หวัดดีจ้ะน้องนท” อยู่ๆก็เดินมาจากหลังบ้านกับเพื่อนอีก2คนผู้ชายทั้งสองเลย คือพี่ตอยผู้หญิงคนเดียว?ผมหุบยิ้มหน้านิ่งถอยห่างพี่โน๊ตทันที
“อะแฮ่ม!” ป๊าส่งสายตาอย่างมีความหมายมาให้ผม
“งั้นนทเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ แล้วเปลี่ยนชุดก่อนนะ เดี๋ยวลงมา” พูดนิ่งๆแล้วผมก็เดินขึ้นห้องไป
ป๊ากับพี่โน้ตก็ตะโกนเรียกผมก็เดินขึ้นมาเลยไม่สนใจ ผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูนิดนึง โอ้โห! โทรศัพท์ผมอยู่กับพี่อ๊อฟคือหน้าจอสะอาดมากไม่มีแจ้งเตือนให้รกตา ผมก็ไล่ดูที่มันตอบแชทให้ ดีๆทั้งนั้น โดยเฉพาะไอสิงโตนี่โดนหนักเลย แกร๊ก!....
“นทเราคุยกันแล้วนะ” ป๊ามานั่งข้างๆผม
“ป๊านี่พากันมาถึงบ้านเลยเหรอ” ผมพูดติดไม่พอใจ
“ไม่เอาน่านท อย่าทำให้พี่โน๊ตหนักใจสิ” ป๊าพูดอย่างกังวล
“โอเคๆ นทจะทำตัวให้น่ารักโอเคไหม” พูดปัดๆ เพราะเบื่อจะเถียงแล้ว ป๊าก็ยิ้ม
“งั้นลงไปกัน แล้วอย่าพูดหรือทำอะไรที่มันเสียดสีกระแทกกระทั้นนะไม่งั้น อันนี้อด” ยื่นหนังสือนิยายเรื่องโปรดของผมให้ ผมตื่นเต้นเลยสิ เล่มละตั้งหลายพันตอนนั้นขอป๊าแล้วป๊าไม่ยอมซื้อให้
“ป๊า!” กระโดดกอดป๊าเลย
“โอเคหรือยัง” ป๊ายิ้ม ผมพยักหน้ารัว
ป๊าก็จูงมือผมลงบ้านไป ทุกคนก็รออยู่ ผมยิ้มบานเลย ดูพี่ตอยจะงงๆเพราะเมื่อกี้ผมยังทำไม่พอใจอยู่เลย......
“นทกินนี่สิของโปรดเรานิ” พี่โน้ตตักเนื้ออบให้ผม ผมก็พยักหน้ารับ
“พี่โน๊ตไม่เห็นแนะนำเพื่อนให้นทรู้จักเลยอะ” ผมมองไปทางพี่ผู้ชายสองคนคนนึงดูหล่อเลย อีกคนก็งั้นๆ
“อ้อ! นี่พี่ตัง พี่ชายตอย แล้วนี่ไอเติ้กเพื่อนพี่เอง” พี่โน้ตบอกแล้วยิ้ม
“ดีครับพี่ๆ” ทักทายพี่ๆเขารวมถึงพี่ตอย
“น้องนทน่ารักอย่างที่โน๊ตมันบอกจริงๆด้วย” พี่ตังพูดขึ้น พร้อมยิ้มส่งมาให้ผม
“ใครๆก็บอกนะครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม พวกเขาก็หัวเราะกัน จริงๆผมก็ประชดแหละ ก็เห็นๆอยู่ว่าผมไม่พอใจพี่ตอย จะมาชมว่าผมน่ารักอีกเหรอ เกินไปจริงๆ “ป๊า แล้วเล่มสองนทจะได้ไหม” ผมหันไปกระซิบ
“ถ้าทำตัวน่ารักไม่งอแงได้ชัวร์” ป๊าพูด ผมยิ้มบานเลยสิ
“พี่ตอยกินนี่หน่อยน้า” ผมตักกับข้าวที่อยู่หน้าผมให้พี่เขา
“ขอบใจจ้ะ” พี่ตอยตอบ ดูน่ารักเชียว
“ป๊าพี่อ๊อฟมันบอกนทว่าห่างกันสักพักอะ” พูดด้วยน้ำเสียงนอยเสร็จทุกคนแทบสำลัก ผมก็มองงงๆ ทำไมอะ?
“มะ...หมายความว่ายังไงนท” ป๊าถามนิ่งๆ
“ก็ไม่รู้อะ สงสัยนทจะโดนทิ้งอีกแล้วมั้ง” ผมทำเสียงเศร้า
“ใครนท!” พี่โน้ตพูดเสียงแข็ง
“ก็แฟนของนทไง” ผมยักคิ้วกวนๆให้พี่โน้ต
“โอ้โห! ตัวแค่นี้มีแฟนแล้ว?” พี่เติ้กมองกวนๆ
“มีแล้วดิ ตัวแค่นี้หมายความว่ายังไงครับ” ผมมองอย่างหาเรื่อง เขาก็หัวเรากัน
“ทำไมนท ทำไมมันถึงจะทิ้ง!” พี่โน้ตก็ไม่จบดูเครียดด้วย
“ไม่รู้เขาบอกว่าห่างกันสักพัก....” ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่เป็นอะไรนะนท โดนทิ้งก็หาใหม่555” ป๊าอารมณ์ดีจริง
“แน่อยู่แล้วป๊า นทอะมีในสต๊อกเพียบ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ให้มันน้อยๆหน่อยนท เดี๋ยวเถอะ!” แม่เตือนด้วยน้ำเสียงดุ
“นทโอเคจริงๆหรือเปล่าเนี่ย!” พี่โน้ตนี่ก็จริงจังตลอด
“เว่อร์ไปแล้วพี่โน๊ต นทโอเคจริงๆ” (ยิ้ม)
“นทน่ารักขนาดนี้ยังมีคนทิ้งลงอีกเหรอเนี่ย” พี่ตอยพูดแซว
“มีดิพี่ ผมก็ชอบถูกทิ้งตลอดแหละ” ผมยิ้มหวานให้พี่ตอย แล้วเหล่พี่ตังนิดๆ ตบด้วยพี่เติ้กหน่อยๆ555
“แหนะๆ ร้ายนะ!” พี่ตอยก็พูดกวนไปได้
เอาจริงๆผมเข้ากับคนไม่ยากหรอก ผมก็พอดูออกแหละว่าพี่ตอยเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แต่เพราะเป็นแฟนกับพี่โน๊ตผมเลยต่อต้าน แล้วตอนนี้ผมก็เข้าใจดีแล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไร ตอนแรกก็ตกใจนะพากันมาถึงบ้านเลยเหรอ แต่พอแนะนำก็รู้ว่าเขาพาพี่มาด้วยผมก็อุ่นใจนึกว่าเป็นผู้หญิงมากับผู้ชายเป็นฝูงน่าไม่อายสุดๆ และที่ทำให้ผมเข้าใจกระจ่างแจ้งก็คือหนังสือนิยายที่ป๊าซื้อให้ยังไงล่ะ5555 วันหลังต้องงอนบ่อยๆจะได้ของที่อยากได้...........
“นทวันนี้นอนกับพี่นะ” พี่โน้ตอยู่ๆก็พูดขึ้นมา
“จะดีเหรอ เดี๋ยวพี่ตอยว่านะ”ผมยิ้มไปทางพี่ตอย
“เชิญเลยจ้ะ พี่ไม่ว่า55” พี่ตอยก็ดูร่าเริงดีนะ
“ป๊านทกลับมาใช้เครื่องเดิมแล้วนะ ลืมบอก”ล้วงโทรศัพท์มาให้ป๊าดู “พี่อ๊อฟมันเอามาคืน” เงียบกันทั้งโต๊ะ
“นี่นทแลกโทรศัพท์กับมันใช้ด้วยเหรอ?” พี่โน้ตจะตกใจอะไรขนาดนั้น ผมก็พยักหน้าตอบ
“ใจเย็นๆสิโน๊ต เป็นอะไร” พี่ตอยก็จับไหล่พี่โน้ต
“หวงน้องอะไรขนาดนั้นไอโน๊ต เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย ปกติเห็นพูดๆไม่คิดว่าจะขนาดนี้นะ”พี่ตังพูดขึ้น
“ดูน้องมันด้วยพี่” พี่เติ้กทำตากวนตีนนะ
“ผมทำไม” ผมทำหน้าหาเรื่อง
“นท ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!” ป๊าพูดอย่างไม่จริงจัง
“แฟนน้องนทคงน่ารักมาเลยใช่ไหม” พี่ตอยถามขึ้น
“ไม่ค่อยนะพี่ นี่ผมจะให้ดู” แล้วผมก็กดโทรศัพท์ให้พี่ตอยดู
“โห! หล่อกว่าโน๊ตอีกนะเนี่ย” ยิ้ม พี่โน๊ตก็แย่งไปดู ผมคาดว่าพวกพี่เขาคงรู้แล้ว ว่าผมมีรสนิยมยังไง
“ไออ๊อฟเนี่ยนะเหรอ? นี่มันลูกเพื่อนแม่ซอยข้างๆนี่” พี่โน้ตพูดอย่างสงสัย
“อืมใช่ เขามารับมาส่งนททุกวันเลยนะ แต่ช่วงนี้ไม่เห็น เขาคงเบื่อนทแล้วมั้ง” แม่พูดจบผมชะงักไปนิด
“แม่!” พี่โน้ตเรียกแม่เสียงดัง
“นทแม่แค่พูดเล่นนะแม่ขอโทษ” แม่จับมือผม
“มะ...ไม่เป็นไรแม่ นทบอกแล้วไงนทโอเค” ยิ้มบาน “ถ้าไม่โอเคก็จีบพี่ตังเอา” ผมยิ้มไปทางพี่ตัง
“พี่ยังโสดพอดีเลย พี่จะคิดดูนะฮ่าๆ” หล่อจริงๆ พี่ตังพูดแบบทีเล่นทีจริง
“เฮ้อ! เรามันไม่หล่อ” พี่เติ้กพูดอย่างนอยๆ
“พี่เติ้กด้วยก็ได้ แต่พี่ต้องลดระดับความกวนนิสนึงนะ55” แล้วเราก็หัวเราะกันไป พี่โน๊ตก็นั่งจ้องผมอย่างเดียว เขาคงรู้แหละว่าผมกลบเกลื่อน
เราก็คุยกันไปทั่ว จนกินกันเสร็จก็มีของหวานแล้วก็พากันนั่งคุยอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนถึงเวลากลับบ้านของพวกพี่เขา พี่ตังขับรถเก๋งมา แต่ก่อนพวกพี่เขาจะขึ้นรถ..........
“ขอไลน์หน่อยสิ เดี๋ยวว่างๆพี่จะพาไปดูหนัง” พี่ตังพูดขึ้น
“ผมพูดเล่นเองนะพี่ไม่ต้องจริงจังหรอก” ผมพูดพร้อมยิ้มหวาน จริงๆก็อยากได้
“แค่ว่างๆไปดูหนังเป็นเพื่อนพี่ก็ได้” พี่ตังพูด ผมก็มองแปลกๆ
“อะก็ได้ๆ” แล้วพี่ตังก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็พิมพ์ไอดีให้ไป
“พี่ขอด้วย” พี่เติ้กก็ยื่นมา ผมก็กดให้ไป
“เสน่ห์แรงจริงๆนะเนี่ย” พี่ตอยพูดขึ้น
“ไม่เท่าพี่ตอยหรอก แล้วพี่ตอยไม่อยากได้ไลน์นทเหรอ?” แล้วพี่ตอยก็รีบยื่นมือถือให้ผม ผมเห็นเงอะๆงะๆเหมือนอยากจะขอแต่ไม่กล้า ผมก็เลยพูดขึ้น ผมก็กดไอดีให้ไป
แล้วเราก็คุยกันไปอีกนิดหน่อยพวกพี่เขาก็ไปกัน พี่โน๊ตทำหน้าเป็นตูดเลย ผมก็ช่วยป๊ากับแม่เก็บของในครัวล้างพอเสร็จผมก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำ พออกมาจากห้องน้ำตกใจไปนิด พี่โน๊ตมานั่งอยู่ที่เตียง....
“ดีนะนทไม่โป๊ออกมาอะ!” ผมพูดขำๆ ผมกับพี่นทไม่มีอะไรแทบจะต้องอาย ยิ่งเรื่องเพศพี่โน้ตยิ่งสอนผม เขาก็เหมือนสอนแทนป๊า กลัวว่าป๊ามาสอนแล้วเหมือนว่าผมจะอาย เรื่องเพศก็จำพวกตรงนั้นควรทำความสะอาดหรือจัดการอะไรยังไงทำนองนั้น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องเพศนะ ในหลายๆเรื่องของผู้ชาย พี่โน้ตก็จะทำหน้าที่สอนผมแทนป๊า......
“ไปนอนกับพี่นะ” พี่โน้ตพูดเครียดๆ
“โอเค! จะนอนกอดทั้งคืนเลย” ผมยิ้มแล้วก็แต่งตัว
แล้วพี่โน๊ตก็เดินไป เขาดูเครียดจริงๆ ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร นั่งทำการบ้านนิดหน่อยผมก็ปิดไฟในห้องตัวเองแล้วก็ไปห้องพี่โน๊ต พอเข้าไปพี่โน๊ตนอนเล่นอยู่บนเตียง.......
“พี่โน๊ต” ผมขึ้นเตียงไปนอนกอดพี่โน๊ต
“ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ไออ๊อฟมันทำอะไร” พี่โน้ตลูบหัวผม
“ก็...” ผมก็เล่าไป เพราะผมมีอะไรก็คอยบอกป๊าบอกแม่บอกพี่โน้ตตลอด ไม่ใช่อยากอวดว่ามีแฟนแต่ผมคิดว่าผมยังเด็กการที่ผมจะคบใครหรือมีเพื่อนที่ไหนควรบอกผู้ใหญ่ไว้ก็เป็นเรื่องที่ดี เผื่อเกิดปัญหาอะไรพวกเขาก็ยังรู้ว่าผมมีเพื่อนที่ไหนบ้าง จริงๆผมก็เป็นแบบนี้มาแต่เด็กแล้ว กลับมาป๊าก็มักจะถามเสมอว่าเป็นยังไงบ้างวันนี้เจออะไรมา จนโตมาก็เหมือนกลายเป็นนิสัยไปเลย ไม่ต้องถามผมก็เล่าเอง555 “ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอกน่า นทเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว”(ยิ้ม)
“แล้วไป ไม่ใช่เหมือนไอคนที่แล้วนะ ที่ทำให้เรามีเรื่องถึงกับต้องเข้าห้องปกครอง” พี่โน้ตพูดแบบไม่พอใจ
“ไอนั่นลงหลุมไปนานแล้วพี่โน๊ต”(ยิ้ม) “เลิกคิดมากได้แล้วน่า ว่าแต่นท พี่ตอยอะยังไง ไปแอบรักกันตอนไหนทำไมไม่บอกนทบ้าง”ผมทำหน้างอ
“แหม! ตอนแรกพี่ก็กะจะค่อยๆบอก แต่เรามันไม่ยอมรับโทรศัพท์สักเท่าไหร่เลยนะ” เคาะหัวผม “พอโทรมาพี่ก็ไม่ค่อยว่างก็เลยกลายเป็นไม่ได้บอกไปสะงั้น” พี่โน้ตบอกอย่างเซ็งๆ
“แหะๆ เล่าให้นทฟังเลยก็ได้”
“ตอยเขา...เป็นเพื่อนในคณะ ตอนแรกก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะสนใจกันหรอก แต่วันที่มีกิจกรรมวันแรกมันรวมเด็กทุกคณะ แล้วพี่ไม่รู้จักใครเลย แต่พี่จำตอยได้เขาก็อยู่ร่วมกับเด็กกิจกรรมพี่เลยเข้าไปทักเข้าไปคุย ก็สนิทกันจนผ่านไปสักเดือนนึง รู้สึกดี ใจตรงกันในหลายๆเรื่องก็ตกลงคบกัน เขาก็ดูจริงใจดี ขนาดวันที่เจอนทคราวแล้ว พี่ยังคิดในใจเลยว่าได้เลิกชัวร์ แต่ที่ไหนได้เขาเข้าใจ และมีการบอกด้วยนะว่าจะเอาชนะใจนทให้ได้ พี่ละปลื้มจริงๆ”พี่โน้ตพูดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข ผมรู้สึกผิดจริงๆ
“นทขอโทษน้า” กอดพี่โน๊ตแน่น
“ไม่เป็นอะไรตอนแรกพี่ก็คิดเหมือนกันถ้านทไม่โอเคมากๆพี่ก็จะเลิกเพื่อนท แต่ป๊าก็บอกจะจัดการให้ พี่ดีใจจริงๆ” ลูบหัวผม
“ก็ดีแล้ว บอกพี่ตอยด้วยละถ้าทิ้งพี่โน๊ตนทไม่ยอมแน่ๆ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รู้แล้วน่า เจอขนาดนี้ถ้าทิ้งก็เกินไปแล้ว”
แล้วเราก็คุยกันไปสักพักก็พากันหลับ พอมาอีกวันพี่โน๊ตก็ไปส่งที่โรงเรียน บ้านผมมีรถยนต์สามคัน จริงๆมีสองคันแต่ซื้อไว้ให้พี่นทก่อนเข้ามหาลัยแล้วแต่พี่นทไม่ใช้ก็จอดทิ้งไว้ปล่อยให้ฝุ่นมันเกาะไป วันนี้เลยได้ฤกดีขับมันออกมา และพี่โน๊ตก็คงจะเอารถไปล้างด้วยแหละ.....
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารับนะ หรือถ้าไปไหนก็โทรบอกพี่ก่อนนะ” พี่โน้ตพูดขณะจอดรถหน้าโรงเรียน
“ได้อยู่แล้วคุณพี่ชาย” ผมทำหน้ากวนๆ
“เดี๋ยวๆ” ผมกำลังจะลงรถดึงผมไว้ “ลืมอะไรหรือเปล่า” ทำแก้มป่องแล้วชี้ที่แก้ม ผมก็หอมไป “เดี๋ยวสิ ฟอด!”จับหน้าผมไว้แล้วหอมคืน แล้วผมก็ลงรถไป
ครอบครัวผมจะเป็นกันแบบนี้ ป๊าจะสอนให้แสดงความรักต่อกันเสมอ ไม่ได้เพิ่งมาสอนหรอก สอนกันตั้งแต่เด็กๆมันก็ติดกันมาจนโตเนี่ยแหละ จนผมชินกับการหอมการจูบกับคนในครอบครัวไปแล้ว....
พอเข้าไปในโรงเรียนก็เดินไปหาเพื่อนๆ แต่ระหว่างทางก็ดันเหลือบไปเห็นไอพี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้าเดินไปคุยกันไป เอาจริงๆหน้าพี่อ๊อฟคือไม่อยากคุยเลย มีแต่ยัยอิงฟ้านั่นแหละทำจริตเยอะ น่าหมั่นไส้ผู้ชายรังเกียจนี่ไม่ได้รู้ตัวเลย ผมก็ไม่สนใจเดินไปหาเพื่อนๆ ก็เม้ามอยกันนิดหน่อย ไอมินก็ถามผมทำไมไม่ตอบไลน์ไม่รับสายไอสิงโต เอาจริงๆเมื่อวานผมไม่ได้รับสายไม่ได้กดเล่นอะไรเลย มันไม่มีอารมณ์จะคุยกับใคร ผมก็ตอบปัดๆไป พวกมันก็ไม่ได้พูดหรือถามกันถึงเรื่องพี่อ๊อฟ คงไม่อยากให้กระทบจิตใจผม แต่ผมว่าพวกมันคงคิดว่าผมกับพี่อ๊อฟเลิกกันแล้วแน่ๆ ผมก็ไม่ใส่ใจ
เราก็พากันไปเข้าแถวขึ้นเรียนกัน พวกอีแนนก็เม้ากันสนุกปากเลยเรื่องเมื่อวาน ผมก็เบื่อจะด่าพวกมันอยากพูดก็ปล่อยให้มันพูดกันไปเลย เพื่อนๆก็บอกผมไม่ต้องสน ผมก็ไม่แคร์อยู่แล้ว จนถึงเวลาพักเที่ยง พอครูบอกเลิกได้เท่านั้นแหละ ไอสิงโตโทรมาเลย ผมมองไปทางไอมิน ยิ้มแบบกวนตีนให้ ผมก็ทำปากด่ามันว่า “ไอควาย” แล้วก็กดรับสายครับแล้วก็เดินไปโรงอาหารกับเพื่อนๆ.....
“ฮะ....”
“นทมึงหายไปไหนมาเมื่อวานกูโทรไปก็ไม่รับ กูจะไปหาแล้วรู้เปล่า เห็นไอมินบอกว่ามึงทะเลาะกับไออ๊อฟเหรอ”พูดแทรกผมด้วยน้ำเสียงกังวล
“นิดหน่อยอะมึง เมื่อวานก็ไม่ได้เล่นโทรศัพท์ด้วยวะ โทษที” ผมพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“โอเคใช่เปล่า? เย็นนี้กูไปหาได้ไหม” โอ้ย! ไอนี่ก็มาดีเกิ้น
“ได้ดิ คิดถึงเสี่ยอยู่พอดีเลยไปเที่ยวกัน” พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงไหนๆก็ไหนๆ มันก็ดีจริงๆอย่าหักหานน้ำใจมันเลย
“จริงนะ!” ไอนี่ก็เกินไป “เลิกเรียนเดี๋ยวกูไปรับนะ” เสียงสดใสมาก
“ชวนเพื่อนๆด้วยเนอะ ไปกันสองคนไปเมื่อไหร่ก็ได้” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ และอีกอย่างไปกับมันสองคนเดียวมันปฏิบัติกับผมเกินงาม ผมเบื่อจะฟังมันดราม่าด้วย
“ได้เลยครับ เย็นนี้เจอกันนะ มายฮานนี่” แล้วมันก็วางสายไป ผมจะด่ามันสักหน่อยไอเวรนี่นะ
“ว่าไงวะ?” ไอมินถามผมขณะยืนรอสั่งข้าวกัน
“เย็นนี้เสี่ยชวนไปเที่ยวครับ” ผมหันไปบอกมันอย่างประชด
“หมายถึงพวกกูด้วยใช่ปะ?” ไอวิวถามอย่างสงสัยผมก็พยักหน้า
“เออกูละเบื่อเสี่ยมึงจริง เผด็จการเกิน อยากอยู่กับมึงจนออกนอกหน้า” ไอนัทพูดอย่างหมั่นไส้
“เอาน่าๆ เพื่อนมันชอบก็สนับสนุนหน่อย”ปอเอ่ยขึ้น
ผมก็ฟังมันพร่ำเพ้อไปกัน แล้วเราก็สั่งข้าวไปกินที่โต๊ะ ผมก็เห็นยัยอิงฟ้ามันนั่งป้อนข้าวป้อนน้ำพี่อ๊อฟ ผมก็ทำไม่สนใจ เอาเลยอยากทำอะไรทำไปเต็มที่ถือว่าผมให้ยืม และพี่อ๊อฟนะถ้าเหตุผลมันฟังไม่ขึ้นล่ะก็ ผมไม่ไว้หน้าไอ้อีตัวไหนแน่....
“เอาน่ามึง ปล่อยๆไป” ปอพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็พากันนั่ง
“เออๆ กูจะปล่อยมันไปก่อนแล้วกัน ถ้าถึงเวลาเมื่อไหร่เรื่องไม่เคลียล์กูจะปิดบัญชีเอง!” ผมพูดอย่างเดือด
“ใจเย็นๆมึงคุยเรื่องอื่นเถอะ กูไม่อยากให้มึงเครียด” ไอนัทพูดอย่างเป็นห่วง
ผมก็พยักหน้ารับรู้พวกมันก็พาคุยเรื่องอื่นไป ก็ไม่พ้นไอมินพาเข้าเรื่องไอสิงโต ผมก็คุยร่วมไปด้วย ตอนนี้ไม่อยากจะคิดอะไรให้มากมายแล้ว ผมจะเชื่อใจพี่อ๊อฟ ถึงการกระทำผมมันจะดูเหมือนไม่รักพี่อ๊อฟแต่ผิดเลย ผมแทบอยากไปกระชากหัวยัยอิงฟ้ามาตบ แต่ในเมื่อพี่อ๊อฟพูดผมก็จะลองเชื่อใจมันดูสักครั้ง เพราะมันก็เชื่อใจและไว้ใจผม อย่างน้อยครั้งนี้มันก็บอกผมว่ามันมีปัญหาถึงผมจะยังไม่รู้ก็เถอะ มันเหมือนพี่อ๊อฟฝืนทำ แต่เพราะอะไรนั้นผมก็ยังไม่รู้ พอพวกเรากินเสร็จก็พากันขึ้นห้อง แต่ก่อนจะเข้าห้องผมก็ได้ยินพวกอีแนนเม้า ผมก็หยุดยืนฟังมันนอกห้องเนี่ยแหละ.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:00:14
“สงสารไอนทนะมึง ดูดิคราวแล้วพี่ไอซ์ก็ถูกพี่พลอยแย่งไป คราวนี้ก็อิงฟ้า” อีแนนทำเสียงตอแหล ผมได้ยินมันพูดกันตั้งแต่เช้า ไม่จบสักที เพื่อนๆก็พูดประมานให้ผมใจเย็นผมก็ยืนฟังอย่างใจเย็น
“ไม่รู้สิวะ กูว่าผู้ชายมันจะสู้ผู้หญิงได้เหรอวะ?” อีวาสพูดแบบทำเสียงสงสัย
“ไม่รู้สิมึง แต่ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงเปล่าวะ?” มีนพูดแบบจริงจังผมชะงักไปนิด
“กูว่าไอนทมันงี่เง่าเปล่าวะ เพราะดูๆแล้วจะพูดว่าแย่งก็ไม่ถูกนะถ้าพี่เขาไม่เต็มใจ”อีแพรพูดอย่างมั่นใจ
ผมก็ยืนฟังพวกมันพูดไป เหมือนตอกย้ำหลายๆอย่าง และมันก็ทำให้ผมหวั่นไหวน่ะสิ.....
“พวกมึงไม่มีเรื่องจะพูดกันหรือยังไงวะ!” ไอมินเดินเข้าไปตะคอก พวกนั้นทำเสียงตกใจ
“เออดีแต่เห่าดีแต่หอนนักนะพวกมึงนะ กูได้ยินพวกมึงพูดแต่เช้าแล้วนะ แม่งไม่จบสักที!” ปอตามไปสมทบ
“อย่าไปฟังมันนะเว้ย! พวกกูรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ส่วนพวกเห็บหมัดอะ ปล่อยให้มันตอดไป” ไอนัทพูด ตอนแรกพูดกับผมตอนหลังตะโกนเข้าไปในห้อง
“เข้าห้องเถอะมึง”วิวมันก็ดึงผมเข้าห้องไป ไอปอกับมินก็ยืนข่มขู่พวกนั้นอยู่หน้าห้อง พอมันเห็นผมเดินเข้ามามันก็เดินมาหา เราก็นั่งประจำที่ไป
พวกอีแนนทำหน้าไม่ถูกเลย เพื่อนๆคนอื่นๆก็มองพวกอีแนนแบบสมน้ำหน้า ชอบนินทาชาวบ้านดีนักผมก็มองมันนิ่งๆ มันก็หลบตา ผมเบื่อจะไปต่อล้อต่อเถียงกับคนพวกนี้แล้ว พวกมันไม่รู้อะไรพวกมันก็สักแต่พูดกัน ได้ยินแล้วก็บั่นทอนจิตใจ สู้ทำไม่สนใจแหละง่ายสุด ผมก็ไม่ลืมที่จะไลน์ไปบอกพี่โน๊ต พี่เขาก็โอเคตอนแรกจะไปด้วยนะ ผมบอกไม่ต้องเขาก็โอเค พี่โน๊ตนี่น่ารักเสมอต้นเสมอปลายเป็นพี่ชายที่ดีจริงๆ ตอนแรกก็กลัวว่าจะเปลี่ยนไป แต่ไม่เลย เหมือนเดิมไม่มากขึ้นหรือน้อยลง แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว จนครูเข้าก็เรียนๆกันไป พอเลิกเรียนไอสิงโตโทรมา วันนี้มันเลิกช้าพวกผมก็เลยลงไปรอมันแถวหน้าโรงเรียน ก็เจอพี่อ๊อฟขี่รถออกมายัยอิงฟ้าก็ซ้อน เห็นแล้วรำคาญลูกตาจริงๆ อิงฟ้ามันพยายามกันพี่อ๊อฟให้ห่างผมที่สุด ก็ดูออกว่ามันไม่ต้องการให้พี่อ๊อฟกับผมเจอกัน......
“ไม่เอาน่ามึงเรากำลังจะไปเที่ยวนะเว้ย!” ปอหันมาพูดอย่างใจเย็น
“อืมๆ” ผมหันไปทางอื่น
พวกมันก็ชวนผมคุยไป เราก็คุยกันสักพักพวกสิงโตก็มาก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ ผมก็ขึ้นกับไอสิงโต แต่....
“กอดเอวกูด้วย” มันดึงมือผมไปจับไว้ข้างหน้า
“เอิ่ม! คนมองเยอะแล้วจะไปก็รีบไป” ผมก็เร่งมัน เอาแล้วไงยังไม่ทันออกก็เริ่มแล้ว เฮ้อ! นี่ขนาดเพื่อนๆอยู่ด้วยนะ แต่เห็นแบบนี่แล้วผมว่ามันคงจะไม่แคร์แล้วละ
คือผมก็ต้องได้กอดเอวมันจริงๆ มันรั้งมือผมไว้ ผมจะเกร็งฝืนตัวไว้ก็ปวดหลัง ผมก็กอดๆไป มากกว่ากอดก็ทำมาแล้วจะไปแคร์ทำไม เล่นตัวไปก็เท่านั้น แล้วพอถึงห้างก็เอารถไปจอดแล้วก็พากันเดินเข้าห้าง จริงๆก็มีแต่ห้างเนี่ยแหละที่พากันมา ไม่มีที่ไป555 แต่ประเด็นก็คือว่า....
“นทจับมือ” ไอสิงโตยื่นมือมาหาผม ผมก็มองแบบเอิ่ม! มันก็คว้ามือผมไปจับแล้วจูงผมเดินนำไปเลย
“อะไรวะ จับไม้จับมือกันแล้วเหรอเดี๋ยวนี้” ไอมินก็ไม่จบหรอกเอาจริง
พวกมันก็แซวกันไป แล้วก็พากันเดินไปนู่นนี่ไอสิงโตก็ไม่ปล่อยมือสักที....
“มึงเดินปกติก็ได้มั้ง กูว่าเหงื่อที่มือกูมันออกเยอะมันลื่นเนี่ย” ผมดึงมือตัวเองกลับมาเช็ดที่กางเกงนักเรียน
“เออๆ ก็ได้ๆ” ยิ้ม เอาจริงๆคือมันคิดว่าเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามันใช่ไหม แบบต้องจับมือกันตลอดเวลา ต้องหวานงุ้งงิ้งกันแบบนั้นอะเหรอ
“มึงกูหิววะ หาอะไรกินเถอะ” ไอสอบอกพร้อกับทำหน้าไม่ไหว
“สอมึงไม่ได้กินข้าวเที่ยงเหรอวะ” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“พวกกูทั้งหมดเนี่ยแหละ มันมีงานต้องเร่งทำส่งตอนเย็นทีนี้ไอสิงโตมันชวนมึงไปเที่ยวได้มันก็บอกให้เร่งทำให้เสร็จ พวกกูเลยอดแดกข้าวเที่ยงเนี่ย” ไอโค้กพูดอย่างโมโห
“จะบ่นทำไมวะ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ไอสิงโตพูดอย่างภูมิใจ
“ไอสิงโต ถ้ามึงทำแบบนี้อีกกูจะไม่มากับมึงแล้วนะ” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไร! พวกมึงอะจะฟ้องทำไมวะ” ไอสิงโตหันไปว่าพวกไอโค้ก
“พอเลยๆ แล้วพวกมึงอยากกินอะไร” ผมหันไปถาม ตอนแรกมันเลิ่กลักประมานว่าอยากให้ผมเลือก “พวกมึงเลือกเลย วันนี้เสี่ยเลี้ยงนะเว้ย!” ผมพูดปัดๆไปเพราะไม่อยากให้พวกมันต้องเป็นแบบนี้เพราะผม
ก็สรุปกันว่าจะกินอาหารญี่ปุ่นกันก็พากันเข้าไป ผมกับเพื่อนก็ไม่เท่าไหร่แต่พวกไอโค้กดูจะหิวมาก น่าสงสารจริงๆ ผมก็สั่งๆกันไปไอสิงโตก็นั่งเบียดผมอยู่นั่นแหละ ผมก็ปล่อยๆมันไปพอสั่งอาหารเสร็จก็นั่งเม้ามอยไป.........
“วันนี้มึงให้กูเลี้ยงเหรอ” ไอสิงโตถามอย่างดีใจ
“ใช่” (ยิ้ม) “อะ” ผมยื่นบัตรกำนันส่วนลดที่มากินคราวที่แล้วให้มันไป จริงๆป๊าชอบให้ผมพกพวกบัตรพวกนี้ใส่กระเป๋าตังไว้เผื่อมากินจะได้ประหยัดซึ่งมันก็มีประโยชน์จริงๆ
“โอ้โห! มึงนี่พร้อมดีเนอะ” ไอสิงโตพูดขึ้น ผมก็ยิ้มตอบ
“แน่อยู่แล้ว ไม่เหมือนเสี่ยหรอก เอะอะจ่ายอย่างเดียว” ผมหยิกแก้มมัน
“แล้วถ้ากูจะซื้อ....คนข้างๆกลับบ้าน เท่าไหร่มีส่วนลดไหม” มันพูดพร้อมส่งยิ้มหวานมาให้ ผมก็มองมัน
“ไม่ต้องซื้อไม่ต้องมีส่วนลดอะไรกูก็ไปครับ” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจอะไร
“งั้น เสาร์นี้มึงคงไม่ลืมนัดกูนะ” ยื่นหน้ามาพูดใกล้ๆ ผมเอะใจไปนิดแล้วก็นึกขึ้นได้งานการ์ตูนนี่เอง
“ไม่ลืมหรอก ไปกับเสี่ยจะลืมได้ยังไง” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี ยังไงก็จะไป เพราะผมไม่มีอะไรจะทำ ไอพี่อ๊อฟมันก็ไปเคลียล์ปัญหามัน มันคงยังไม่ได้มาหาผมง่ายๆ
“มึงนี่เวลายอมกูนี่น่ารักกว่าตอนที่คัดค้านกูอีกนะเนี่ย” ไอสิงโตพูดแล้วจับมือผม
“มึงนี่เวลาไม่ดราม่าใส่กูก็ดูน่ารักมากเหมือนกันนะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม พูดประชดมัน แต่ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้าน
ผมก็นั่งคุยกับมันไป จนข้าวมาเสริฟก็จัดแจงแต่ไอสิงโตก็ยังไม่ถอยห่างผม แทบจะกินผมไปทั้งตัวแล้วมั้งไอสิงโตเนี่ย ถ้าจะใกล้ขนาดนี้............
“จีบกันเข้าไป ข้าวนะไม่ต้องแดกแล้วมั้ง!” ไอโค้กพูดอย่างกวนตีนแล้วยิ้มล้อ
“มึงมาจีบกูบ้างดิกูรอมึงอยู่นะเนี่ย!”ผมหันไปบอกไอโค้ก ไอสิงโตหันขวับไปมองไอโค้กเลย อึ้งแดกกันทั้งโต้ะ
“จะ...จีบกันไปเถอะ กูยังไม่อยากตายตอนนี้” ไอโค้กเงิบไปเลยทีเดียว
แล้วผมกับมันก็จัดแจงกินข้าวกันไป ก็กินกันไปจนมาถึงของหวานตอนแรกไอสิงโตจะพาไปกินซเวนเซ่นอีก แต่ผมว่ากินที่นี่ให้มันจบไปเลยดีกว่า ผมขี้เกียจไปหลายที่ ก็สั่งกันมา น่ากินทั้งนั้นก็โซ้ยกันไป พอเสร็จก็เช็คบิลครับ แพงโครตขนาดลดแล้วนะเนี่ย ผมก็ยื่นตังไปช่วยไอสิงโตจ่าย มันก็ไม่เอาแถมทำหน้าโหดใส่ผมอีกผมก็ยอมๆมันไป แล้วก็พากันออกมา.....
“อยากกินอะไรอีกไหม” ไอสิงโตหันมาถามอย่างใส่ใจ
“พอแล้วมั้ง มึงก็เกินไปแล้ว!” ผมพูดอย่างหมั่นไส้
“ไอนท ไอเบสอะ” ไอมินมันสะกิดผมให้หันไปดู เอิ่ม!
“ไปกันเถอะพวกมึง” ผมก็เร่งพวกมันให้เดินไป....
“นท!” นั่นไง ยังไงก็ไม่ทันมันก็วิ่งมา....
“นททำไมไม่รับสายเบสเลย” ไอเบสถามด้วยความไม่พอใจ
“ช่วงนี้ไม่ค่อยว่างอะเบส” ผมพูดแบบจริงจัง
“แต่นทสัญญาแล้วนะว่าจะไปกินข้าวกับเบส” มันทำหน้าหงอย
“วันหลังเนอะนทเพิ่งไปกินข้าวกับเพื่อนๆและแฟนมา” ผมจับมือไอสิงโต ผมมองมันมันยิ้มกว้างเลย
“ไอนี่มันดียังไงอะนท! เบสบอกแล้วไงนทอยากได้อะไรจะซื้อให้ จะอะไรก็ได้ทั้งนั้น!” พูดแล้วทำหน้าเป็นตีน เพื่อนๆก็มองกัน
“คงสู้แฟนนทไม่ได้หรอกเบส ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังสปอร์ตอีก”ผมทำเสียงตอแหล ไอเบสน่าจะโกรธ เพื่อนๆก็หัวเราะคิกคักกัน
“นท! ยังไงนทก็ต้องไปกินข้าวกับเบสนะ!” ไอเบสพูดแบบไม่พอใจ
“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วเบส” ผมมองแบบจริงจัง “เบสได้กินข้าวกับนทอยู่แล้ว แต่คงยังไม่ใช่ช่วงนี้นะ รอไปก่อนแล้วกัน”ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ มันก็พยักหน้ารับรู้
“ไปกันเถอะนท!” ไอสิงโตพูดแบบรำคาญ ไอเบสก็ยืนนิ่งอยู่แบบนั้น พวกผมก็เดินผ่านมันไปเลย
“วันหลังมึงไม่ต้องไปพูดกับมันเยอะหรอกนะเว้ย! เสียเวลา” ไอสิงโตพูดด้วยความไม่พอใจ
“เออน่า สนุกๆอย่าซีเรียสดิ”(ยิ้ม)
ก็คุยกันไปไอสิงโตก็หน้าเป็นตูด จริงๆช่วงนี้เหมือนเป็นบ้า เพราะพี่อ๊อฟนั่นแหละทำให้ผมเป็นแบบนี้คิดไปคิดมาก็ปลง ผมก็เดินเล่นไป ก็เจอพวกไอเบสอีก ผมก็ทำเป็นมองไม่เห็น แต่พี่เต็มเดินมาหา..........
“นท! หายหัวเลยนะมึง” พี่เต็มมันก็ตลอด ทักแบบนี้ตลอด
“พี่นั่นแหละหาย” ผมยิ้ม ไอสิงโตก็จับมือผม ผมมองมันมันก็ทำหน้าไม่พอใจ
“นี่?” ชี้ไปที่สิงโตกับพวกไอโค้ก
“อ๋อพะ.....”
“แฟนนทครับ” ไอสิงโตพูดแทรกเสียงแข็ง
“โอ้โห! ร้ายนะมึง” พี่เต็มทำหน้าแซว
“อืม แล้วพวกพี่มาเดินเล่นกันเหรอ?” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจมันก็พยักหน้า
“พี่เต็ม เดี๋ยวนี้ไม่ได้ไปเรียนเหรอ?ไม่เห็นที่โรงเรียนเลยอะ” ปอเอ่ยถามอย่างสงสัย
“เรียนดิ กูก็ไม่เห็นพวกมึงเหมือนกันแหละน่า” พี่เต็มทำหน้ากวนตีน
“เขาติดเมียมึงไม่รู้เหรอ?” ไอนัททำหน้านิ่ง
“พอเลยพวกมึงนี่ กูไปแล้ว แล้ววันหลังไปเที่ยวกัน” แล้วมันก็เดินหน้าแดงไป
พวกผมก็เดินไปกันทั่ว ไอสิงโตก็มางอนอะไรก็ไม่รู้ มือก็ไม่ปล่อย เราไปหาร้านน้ำนั่งคุยกัน.......
“เดี๋ยวนี้พวกมึงสองคนนี่? ยังไงวะ?” ไอโค้กถามอย่างสงสัย
“แฟนได้กะ อุ้บ!” ไอสิงโตพูดผมเอามือปิดปากมัน
“อย่าพูดอะไรเลอะเทอะนะเว้ย!” ผมหันไปกระซิบมัน
“ดะ...ได้อะไรมึง!” ไอมินพูดขึ้น พวกมันก็ตกใจกัน
“ได้เวลาที่จะบอกพวกมึงไง” ผมพูดพร้อมกับยิ้ม แถไปสิ
“นี่มึงสองคนเป็นแฟนกันจริงๆเหรอวะ?” ไอนัทถามอย่างไม่เชื่อ
“เออกูเป็น.....แฟนมัน” ไอสิงโตมันจะเว้นเพื่อ!
“ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“เออ กูก็นึกว่าเทคแคร์กันตามประสาคนจีบกัน?” ไอตี๋พูดอย่างแล้วทำหน้าสงสัย
“ก็ตั้งแต่....” ผมมองไอสิงโตตาขวาง “ตั้งแต่ตอนไหนไม่สำคัญ พวกมึงรู้ไว้แค่นี้ก็พอ!” มันตอบปัดๆไป
แล้วพวกมันก็รัวคำถามมากันเลย ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างแต่ไอสิงโตนี่ย่อยเลย เอาแล้วไงจับปลาสองมือแล้ว พี่อ๊อฟก็ยังอยู่แถมเพิ่มไอสิงโตเพิ่มมาด้วยอีก งานงอกแล้ว แถมเพื่อนๆก็รู้กันด้วยเรื่องไอสิงโต เครียดเลย.....
“นี่มึงเลิกกับพี่อ๊อฟแล้วเหรอวะ?” ไอปอกระซิบถามอย่างสงสัย ผมก็ส่ายหน้า “ห๊ะ! มึงจะคบซ้อนเหรอ? คราวแล้วยังดีไม่มีใครรู้นะไอนท แต่คราวนี้พวกกูรู้กันแล้วนะเว้ย!” มันมองผมอย่างตกใจ
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไงวะ มันมีเหตุอะดิ้ และไอสิงโตมันก็ยอมรับได้กูก็ไม่รู้จะพูดยังไงเหมือนกัน”ผมกระซิบให้ปออย่างหนักใจ
“เหตุอะไรวะ?” มันทำหน้าคิดแปปนึง... “ห๊า! อย่าบอกนะว่า!” ไอปอกระซิบใส่หูผมเสียงแหลมมาก
“อืม อย่าบอกใครนะเว้ย!”โอ้ย! เริ่มรู้กันทีละคนแล้วไงอยากบ้าตายจริงๆ
“ตอนไหนวะ หรือว่าที่ดอยวันนั้นที่พวกกูได้ยินเสียง?”มันมองผมแบบตะลึงมาก ผมก็ได้แต่จำใจพยักหน้า “ไอนทคืนนี้รับสายกูด้วย และมึงต้องเล่าให้ละเอียดนะ”ผมก็โอเคไป ก็ดีนะ มีเพื่อนมาคอยรับรู้ด้วย อีกอย่างผมกับปอสนิทกันสุดมันไม่เคยเอาเรื่องของผมไปแพร่พรายที่ไหนแน่นอน
“คุยอะไรกัน?” ไอสิงโตยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผมสะดุ้งเล็กน้อย
“คุยว่าทำไมมึงถึงได้น่ารักขนาดนี้” ผมแถไป ไอสิงโตมันก็เขิน
“ไปนอนบ้านกูไหม” ไอสิงโตหันมากระซิบ
“ได้ยังไงเล่า กูต้องไปโรงเรียนนะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นวันนี้กูไปเล่นบ้านมึงได้ไหม”(ยิ้ม)
“ได้ดิ ไม่มีปัญหา”(ยิ้ม)
เราก็คุยกันไป แต่ไอสิงโตรบเร้าจะกลับให้ได้ พอผมถามมัน มันก็บอกอยากไปบ้านผมเร็วๆ ผมละเบื่อหน่ายมันจริงๆ ก็พากันแยกย้ายกลับ ตอนแรกจะชวนพวกปอกับพวกไอโค้กไปด้วย ไอสิงโตไม่ยอม ก็เลยยอมๆมันไปเดี๋ยวได้ดราม่าใส่อีกแล้วจะยุ่ง ก็พาผมกลับบ้าน ระหว่างทางก็พูดคุยกันไป พอถึงบ้านมันร่าเริงเลย แต่...........
“นี่ใครนท!” พี่โน้ตถามเสียงแข็ง
“พะ...”
“แฟนนทครับ แล้วคุณเป็นใคร”ไอนี่หาเรื่องผิดคนแล้ว พี่โน๊ตมองตาขวางเลย
“พี่ชายกูเองไอสิงโต เยอะแล้วมึง” มันหน้าเจื่อนเลย
“ขอโทษและสวัสดีครับ” มันยิ้มอ่อน พี่โน้ตก็พยักหน้ารับ
“เข้าบ้านกันสิ” พี่โน้ตเดินหน้าไม่พอใจเข้าบ้าน ไอสิงโตหงอยเลย
เข้าไปก็เจอแม่ กับเพื่อนๆพี่โน๊ตแปลกหน้าทั้งนั้นสงสัยมาทำงานผมก็ไม่ได้ถาม คุยอะไรกันนิดหน่อยผมก็พาไอสิงโตขึ้นไปเล่นบนห้องนอนผม.....
“พี่มึงโกรธกูแน่เลย” มันทำหน้าไม่สู้ดีนัก
“สมควรกร่างไม่ดูเอง” ผมพูดอย่างหมั่นไส้
“อะไรว้า” มันทำหน้ากวนตีน ผมหลุดขำเลย “ห้องมึงน่ารักจัง” มองรอบๆ
“น่ารักเหมือนคนไง”(ยิ้ม)
“จริงด้วย” ยิ้ม ผมเขินเลยสิไม่คิดว่ามันจะเล่นด้วย
ผมก็เดินเอาของไปเก็บไว้บนโต๊ะไอสิงโตก็ขึ้นไปนั่งบนเตียง...
“มานั่งนี่เร็วๆ” มันตบปุๆข้างมัน ผมก็เดินไปนั่ง
“มึงอย่าเกินหน้าเกินตาดิ มึงอย่าลืมนะว่ากูยังมีพี่อ๊อฟ” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็เอาแต่ยิ้ม
“บอกแล้วไง กูไม่สนอีกอย่างตอนนี้มันก็ทิ้งมึงไปอยู่กับผู้หญิงนั่นแล้วไม่ใช่เหรอ?” มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เอาเถอะ แล้วแต่แล้วกัน มึงจะว่ากูจับปลาสองมือไม่ได้นะมึงเลือกเอง” ความจริงก็เตือนมันบ่อยๆเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนมันจะมั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่าทำแบบนี้แล้วดี
“อืม” (ยิ้ม) “ไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไง กูจะไม่ทิ้งมึงและมึงก็จะต้องไม่ทิ้งกูสัญญานะ” มันยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“อืมคิดแบบนี้ก็ดีนะ” ยกนิ้วก้อยมาคล้องกับนิ้วมันอย่างน้อยไม่ว่าสุดท้ายจะเป็นยังไงผมจะเลือกใคร ผมก็ไม่เสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป
“ก็แค่นี้แหละ คิดให้มันง่ายๆดิ้ มึงอย่าคิดมากเข้าใจไหม” มันยิ้ม ผมว่ามันจะชิวไปแล้ว
“แล้ววันนี้เสี่ยทำไมถึงอยากมาเล่นบ้านผมละครับ” ผมถามแบบกวนๆ
“ก็อยากมาเล่นบ้านมึงบ้าง” ยิ้มเขิน
“มีอะไรให้เล่นวะ” ผมมองอย่างงๆ บ้านผมไม่มีอะไรพิเศษเลย ไม่เหมือนบ้านมันสักนิด
“มีมึงไง” มันจับมือผม
“อย่ามาเลี่ยนเถอะเสี่ย!” ผมก็กระเถิบขึ้นไปนอน ไอสิงโตก็นอนตะแคงมองผม
“อยากให้กูเล่าให้ฟังเรื่องคืนนั้นไหม” ผมชะงักไปนิด
“เออไหนมึงลองเล่ามาดิ กูจำอะไรไม่ค่อยได้เลยจริงๆมึง ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองเป็นคนทำ? มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอวะ? เอ๊ะ หรือว่ามึงทำกูแล้วมาโบ้ยกู” ผมถามอย่างสงสัย แล้วชี้หน้ามันอย่างหาเรื่อง
“มึงนี่บ้าจริงๆ มึงนั่นแหละ ถ้ากูจะทำกูทำไปนานแล้ว และกูก็คงไม่ทำถ้ามึงไม่ยอม” มันพูดอย่างจริงจัง ผมก็คิดตาม เออมันก็จริง แต่เราเมานะ ยังไงๆอยู่ คิดแล้วมึน
“อะ...เออ แล้วมันเป็นยังไงวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็หลังจากที่ทุกคนเข้าห้องพักแล้ว กูก็เดินไปส่งมึงเข้าห้อง พอมึงล้มตัวนอนหัวถึงหมอนก็คือหลับไปเลย กูก็เขย่าตัวมึงให้ลุกมาล้างหน้ามึงก็ไม่รู้เรื่อง กูเลยเดินออกไปดูพวกผู้ใหญ่และไปฝากคนงานดูด้วย พอเสร็จกูก็เข้าไปอาบน้ำแล้วก็ขึ้นนอน กูนอนไปสักพักมึงก็เอามือมาลูบท้องกู กูลืมตาขึ้นดูมึงมองกูตาเยิ้ม” มันเขินนะ ผมก็อึ้งไปเลยสิทำไมจำไม่ได้วะ แม้จะมีภาพลางๆแต่ผมเหมือนฝันว่าได้ทำอะไรกับพี่อ๊อฟแน่นอนเลย “แล้วกูก็ถามว่ามึงจะทำอะไร มึงก็ไม่พูดจะถอดเสื้อกูออก กูก็ห้ามมึงก็พยายามจะดึงพูดยังไงก็ไม่ฟัง จนกูเดินลงจากเตียง มึงก็ขู่ว่าจะไม่คุยกับกูแล้วก็จะร้องไห้ กูเลยต้องขึ้นเตียงไปหามึงอีก พอขึ้นไปมึงก็จับกูถอดเสื้อผ้ากูก็ยื้อไว้มึงก็ดึงกูเลยยอมๆไป พอถอดของกูเสร็จมึงก็ถอดของตัวเอง และมึงก็พลักกูให้นอนลง แล้วก็ขึ้น อุ้บ!......” ผมเอามือปิดปากมัน มันจะเล่าได้เห็นภาพเกินไปแล้ว เพราะผมฟังมันผมก็ลองนึกไปด้วย นึกยังไงก็ไม่เห็นนึกออกเลย ผมทำมันจริงๆเหรอวะ
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:01:06
“กะ...กูพอจะเดาออกว่าต่อจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ถะ....ถึงจะจำไม่ได้ก็เถอะ” ผมพูดแบบอึกอัก
“กูน้อยใจนะเนี่ย ทำไมจำไม่ได้” มันทำหน้านอย
“กูจำไม่ได้จริงๆ...ขอโทษ” พูดอย่างสำนึกผิด จริงๆผมไม่รู้ว่าที่ไอสิงโตมันพูดเรื่องจริงไหม แต่นั้นจะสำคัญอะไรในเมื่อมันมีสติอยู่คนเดียว ก็เอาเถอะมันคงไม่โกหกหรอกมั้ง อีกอย่าง เรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้วด้วย
“แต่รอบที่สองมึงจำได้ใช่ไหม” มันพูดถึงในห้องน้ำวันนั้น เล่นเอาหน้าผมร้อนผ่าวเลย เพราะมันเร่าร้อนจริงๆ
“พอเถอะน่า” ผมเขินจริงๆนะเนี่ย
“แล้ววันศุกร์มึงไปนอนกับกูนะ” ไอสิงโตบอกผมด้วยรอยยิ้ม
“ทำไม?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็วันเสาร์ตอนเช้าเราจะไปกรุงเทพฯกัน อยู่กันคนละที่เดี๋ยวจะยุ่ง” (ยิ้ม)
“ก็ได้ๆ” ผมทำหน้าคิด
“กูไม่เคยรู้สึกเบื่อเลยวะอยู่กับมึง”(ยิ้ม)
“เดี๋ยวมึงก็เบื่อกูเองแหละอย่ามาพูดให้ดูดี” ผมพูดอย่างจริงจัง เพราะคนส่วนมากที่หลงใหลผม มันก็แค่ชั่วคราว ดูอย่างพี่ไอซ์สิ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกแย่
“เชื่อดิไม่เบื่อ” มันโน้มหน้ามาใกล้มากจนจมูกมันชนกับจมูกผมเลย
“รู้นะคิดอะไร” ผมถามด้วยรอยยิ้ม
“ถ้ารู้แล้วต้องทำยังไงต่อวะ” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์
“นั่นสิทำยังไงดี” เอาจริงๆผมก็คือว้อนอะนะ5555
สิงโตมันก็จูบผมเบาๆ แกร๊ก! ผมผลักไอสิงโตให้ถอยห่างทันที....
“นททำอะไร!” พี่โน้ตเดินเข้ามาอย่างหัวเสีย ก็สภาพตอนนี้มันชวนคิดไปไกลอยู่นะ
“ปะ...เปล่า พี่โน๊ตมีอะไร” ผมถามด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
“ไปกินข้าว” พี่โน้ตพูดแล้วมองไอสิงโตอย่างไม่พอใจ แล้วเดินออกไป
“อ่าๆ” ถึงจะยังไม่ค่อยหิวก็ต้องกินสินะ
“พี่มึงดุจังว้า” ไอสิงโตทำหน้าสยอง
“ก็มึงแหละไปกวนตีนเขาอะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เออๆ กูไม่ลงไปนะมึงลงไปเลย” ไอสิงโตพูดอย่างจริงจัง
“ได้ยังไงลงมาเลยมึง!” ผมดึงตัวมันลงมาจากเตียง
มันก็ดิ้นแล้วก็ยื้อไว้ จนผมลากลงมาได้ พวกพี่เขาก็มองกัน ผมก็พาไอสิงโตไปนั่งกินข้าววันนี้คนเยอะครึกครื้นดี แต่พี่โน๊ตนั่งหน้าเป็นตูด....
“สิงโตมึงตักกับข้าวให้พี่โน๊ตบ้างดิ เอาใจเขาหน่อย” ผมหันไปกระซิปมันมันก็พยักหน้า จริงๆไม่อยากให้พี่โน๊ตมองไอสิงโตไม่ดี เพราะมันแค่กวนตีนแต่จริงๆมันเป็นคนดีเลยละ
“อย่าได้ตักมานะ!” พี่โน้ตพูดเสียงแข็ง
“พี่โน๊ต!” ผมเรียกอย่างไม่พอใจทั้งโต๊ะก็ตกอยู่ในความเงียบ
“โน๊ต! ทำตัวให้สมกับเป็นพี่หน่อยสิ!” แม่พูดเสียงดุ ป๊าก็นั่งยิ้มอย่างเดียว
“นทไม่แนะนำเพื่อนให้พี่รู้จักเหรอ” พี่โน้ตพูดนิ่งๆ
“ไอนี่ชื่อสิงโต เป็นลูกของเพื่อนป๊า ใช่ไหมป๊า” ผมโยนไปให้ป๊าเลย ป๊าถึงกับสำลัก
“อื้ม! ใช่แล้ว” ป๊าเอาแต่ยิ้ม ป๊านี่นะ
“แต่มันบอกเป็นแฟนนทนะป๊า” พี่โน้ตพูดอย่างไม่พอใจ
“เป็นอะไรก็เป็นกันไป เนอะ!” ป๊ายิ้มไปทางไอสิงโต ไอสิงโตยิ้มหน้าบาน
เราก็คุยกันไปเหมือนพี่โน๊ตจะไม่ถูกชะตากับไอสิงโตสักเท่าไหร่ ไอสิงโตก็พยายามชวนคุย แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ จนกินข้าวเสร็จผมกับมันก็ขึ้นห้อง.....
“พี่มึงเกลียดกู” มันพูดแล้วทำหน้าเศร้า
“แบบนี้แหละ” ผมยิ้มให้มัน “อย่าคิดมากมึง กูยังสนใจมึงอยู่” มันยิ้มบานเลย
“พูดจาน่ารักนะมึง” มันพูดแล้วจับมือผม
“จะกลับหรือยัง ค่ำแล้วนะ” ผมพูดอย่างเป็นห่วง
“นอนนี่ได้ไหม” มันทำหน้าหื่น
“พอเลยๆ กลับไปเถอะ” ผมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วก็ไล่มัน
เราก็คุยกันอีกนิดหน่อย ผมก็ลากไอสิงโตลงบ้าน มันก็ไม่ยอมท่าเดียว พอไปถึงหน้าบ้านก็ร่ำรากันอย่างกับจะไปตายทุกครั้งเลยไอนี่ พอมันไปผมก็กำลังจะเดินเข้าบ้านแต่.....
“นท! เดี๋ยวสิ”วิ่งมาจับมือผม จริงๆผมก็เห็นมันแล้วละว่ามาแอบดูอยู่หน้าบ้านแต่ผมทำเป็นไม่เห็นแค่นั้นเอง....
“ว่า” ผมทำหน้านิ่ง
“พาไอสิงโตเข้าบ้านทำไม!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจ
“ก็มันเป็นแฟนผม” ผมพูดแบบนิ่งๆ พี่อ๊อฟชะงักไปนิด
“นะ...นท แล้วกูละ ไหนบอกจะรอไง” มันกระชับมือแน่น หน้าเศร้าเกินไปนะ
“ก็ยังไม่ครบเวลารอนิ ผมจะทำอะไรก็ได้” ผมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“นท อย่าทำแบบนี้เลยนะ มึงไม่รักกูแล้วเหรอ” มันทำหน้าอ้อนวอน ผมก็เริ่มจะหงุดหงิดแล้วนะ
“รักดิ รักมากด้วย มีแต่พี่อ๊อฟนั่นแหละที่ไม่รักผม” พูดแล้วก็นอย แต่ผมก็ผิด อาจจะผิดมากกว่าพี่อ๊อฟด้วยซ้ำเรื่องสิงโต
“กูไม่เคยไม่รักมึงนะ มึงต้องเชื่อใจกูนะ” พูดแบบจริงจัง ผมพยักหน้าตอบรับนิดหน่อย ไม่อยากคิดอะไรเยอะแล้ว “แล้วไอสิงโตคืออะไร? ทำไมละนท” มันพูดอย่างน้อยใจ ผมใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่แล้วยังไง มันก็ยังไม่เคลียล์เรื่องอิงฟ้า งงไม่รู้จะรู้สึกผิดหรือรู้สึกโกรธดีแล้วเนี่ย
“แฟนชั่วคราวเท่านั้น!” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ ปัดๆไปก่อน พี่อ๊อฟยิ้มบานเลยทีเดียว คิดถึงยิ้มแบบนี้จัง
“รอนะนท แล้วกูจะรีบจัดการ มึงอย่าเพิ่งไปมีใจให้ใครนะ” หน้ามันน่าสงสารเกินไปแล้ว ผมพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“พี่ก็เหมือนกันนะ ไม่ว่าจะทำอะไร ผมก็จะเชื่อใจ อย่าทำให้ผมผิดหวัง แล้วก็อย่าเศร้าให้มันมากเลยผมก็แค่ประชดพี่เพราะโกรธเท่านั้นแหละ รีบๆนะผมรออยู่” ผมลูบแก้มมันเบาๆ
ผมไม่อยากให้มันเครียดมากไป มันดูโทรม ดูไม่สดใสเหมือนช่วงก่อนเลย ผมคิดว่าแค่นี้มันคงเครียดมากพอแล้ว อีกอย่างการที่ผมมีสิงโตเข้ามาคั่นแบบนี้ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าความห่างของผมกับพี่อ๊อฟ ไอสิงโตมันจะมีอิทธิพลต่อผมมากแค่ไหน ตอนนี้ถามว่ามีไหม ผมว่าก็เฉยๆ ก็อย่างผมบอกมันออกจะเหมือนเพื่อนรักกันมากกว่า แต่กับพี่อ๊อฟเห็นผมอย่างนี้ผมโทรถามพี่อิฐทุกวัน เป็นห่วงมันใช่ย่อยที่ไหน แต่พอโทรถามทีไรพี่อิฐก็บอกปกติไม่มีอะไร ผมก็งง พอติดตามเรื่องอิงฟ้าพวกสายสืบผมก็บอกปกติ ผมว่าเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ แต่เอาเถอะผมจะรอจนกว่าพี่อ๊อฟจะบอกแล้วกัน....
“ขอบคุณนะ และ.....” มันประคองหน้าผมด้วยมือทั้งสอง “ถึงมึงจะเผลอไปกับใคร รู้ไว้ด้วยว่ากูจะทำให้มึงกลับมาเป็นเหมือนเดิม” มันมองด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง...
“พูดแล้วนะ ทำให้ได้ด้วย แล้วผมก็คงมีเรื่องจะต้องบอกพี่เหมือนกัน.....” ผมยิ้มอ่อนให้มัน
“กูทำใจไว้แล้ว” ยิ้ม ผมอึ้งไปนิด มันรู้อะไรหรือเปล่านะ “มีแฟนแรดขนาดนี้ไม่ทำใจก็คงได้ฆ่าตัวตายอย่างเดียว” มันพูดติดตลก ผมก็ขำนิดหน่อย
“ทำใจไว้เยอะๆละ มันอาจจะหนักนะ” ผมพูดจริงจัง
“หนักแค่ไหนก็รับได้” จริงจังเหมือนกันสินะ “ขอแค่มึงไม่ทิ้งกูก็พอ” โน้มหน้าเข้ามาหอมแก้มผม ผมว่าพี่อ๊อฟเนี่ยแหละใช่สุดแล้ว เข้าใจผมไปเสียทุกเรื่องเลย
“อื้ม ไม่ทิ้งแน่นอนสัญญา” ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมา มันก็ยกนิ้วรับ
ถึงตอนนี้ผมยอมรับความรู้สึกตัวเองได้เลย ว่ายังไงก็พี่อ๊อฟ ไอสิงโตไม่ใช่ไม่ดีนะ ดีในแบบที่ดีเกินไปจริงๆผมรู้สึกดีกับมันนั่นคือเรื่องจริง รู้สึกชอบมันแต่ในทางกลับกันผมก็รักมันในรูปแบบเพื่อนมากกว่า แค่มันเกิดเรื่องผมก็ต้องรับผิดชอบความรู้สึกมัน ต่างจากพี่อ๊อฟที่ถึงจะอยู่ไหนผมก็คิดถึงและโหยหาตลอดผมเข้าใจแล้วตอนนี้ แต่อย่างที่ผมกับไอสิงโตคุยกัน ไม่ว่าสุดท้ายผมกับมันจะลงเอยแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นแฟนน้อยต่อไปหรือจะชู้ต่อไป สุดท้ายผมก็ไม่ทิ้งมันแน่นอน เพราะถึงไม่ได้ให้ตำแหน่งคนรักกับมัน แน่นอนว่าตำแหน่งเพื่อนรักที่สุดก็คือของมัน ช่างเป็นอะไรที่ดูซับซ้อน^^  และถ้าไอสิงโตมันไม่ใจสลายทิ้งผมไป เราคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้........
ผมก็ยืนคุยสักพักพี่อ๊อฟก็กลับไป ผมก็เดินเข้าบ้าน โดนพี่โน๊ตบ่นไม่หยุด เขาไม่ชอบไอสิงโต บอกว่ามันหล่อเกินไป อาจจะเจ้าชู้ก็ได้นู่นนี่นั่น ผมก็ฟังไปเถียงบ้าง จนขึ้นบ้าน พี่โน๊ตก็ให้ไปนอนด้วยเราก็นอนคุยกันไปจนหลับ
และก็ล่วงเวลามาจนถึงวันศุกร์ วันที่ผมต้องไปนอนบ้านไอสิงโตผมก็ตื่นไปเรียนตามปกติ 3-4 วันที่ผ่านมาก็ปกติดี พี่อ๊อฟก็มาหาทุกวัน พอผมชวนเข้าบ้านก็ไม่ยอมมันบอกยังรู้สึกติดค้างอยู่ขอให้ผ่านเรื่องพวกนี้ไปก่อนแล้วกันจริงๆผมก็ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอะไร แค่เข้าไปนั่งคุยในบ้านผมเนี่ย ผมก็เออๆออๆตามมันไปนั่นแหละ และก็ไม่ลืมที่จะบอกบอกมันว่าจะไปเที่ยวกรุงเทพฯกับไอสิงโตตอนแรกก็ไม่พอใจ มันก็ยอมให้ผมไปแบบไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ ส่วนไอสิงโตก็ชวนไปเที่ยวทุกวันผมก็ไปบ้างไม่ไปบ้างแล้วแต่อารมณ์ มันก็โทรมาคุยกับผมทุกวี่ทุกวันทุกเวลาผมก็คุยกับมันไป ก็ดีไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไรอาจจะรำคาญบ้างเวลามันเริ่มดราม่า...
พอถึงโรงเรียนผมก็ไปนั่งเม้ากับเพื่อนๆจนถึงเวลาเข้าแถวก็ไปเข้ากันเสร็จก็ขึ้นเรียน  วันนี้วันศุกร์คาบว่างผมค่อนข้างจะเยอะเพราะครูประชุม ว่างๆก็เม้ามอยกันไปบ้างอะไรบ้าง จนอีแนนวิ่งหน้าเหมือนควายโดนเฆี่ยนมา......
“นทๆ! มึงรู้เรื่องนี้หรือเปล่าวะ แฮ่กๆ!” โห! นั่นหอบเหรออีแนน เพื่อนๆผมมองอย่างตกใจ ผมมองนิ่งๆ
“อะไรของมึง!” ผมมองอย่างรำคาญ
“ก็อิงฟ้ากับพี่อ๊อฟไงมึง” ผมหันมองอีวาสอย่างเร็ว
“ทำไม?” ผมถามแบบเก็บอาการ จริงๆก็อยากรู้
“ก็ที่พี่อ๊อฟเลิกกับมึงแล้วไปคบกับอิงฟ้า มันมีเหตุอะดิมึง” อีแนนพูด เอาจริงๆพวกมันไม่รู้กันหรอก ว่าผมยังไม่เลิก ก็เล่นไปรู้อะไรมาก็เสริมเติมแต่งกันขนาดนั้นนิเนอะ
“อะไรของมึงพูดให้รู้เรื่องดิ้ เล่าก็เล่ามาเลยอย่ามาลีลา” ปอพูดอย่างรำคาญ
“เออๆ ก็หลังจากที่พี่อ๊อฟเลิกกับมึงใช่ไหม” อีแนนนี่ก็ย้ำจังแหละนะเดี๋ยวเถอะมึง ผมมองค้อนมัน “แล้วเขาก็ไปคบกับอิงฟ้า” คบเลยเหรอ?ผมก็พยักหน้ารับรู้ “แต่กูได้ยินพวกเพื่อนๆมันพูดมามึง ว่าพี่อ๊อฟไม่ได้เต็มใจจะคบกับนาง เพราะนางอะไปแบลคเมล์พี่อ๊อฟไว้” ผมชะงักไปนิด “ยัยพิ้งมันเม้ากับเพื่อนๆกูไปได้ยินมามึง ว่าอิงฟ้ามันทำทุกอย่างเลยนะเพื่อให้พี่อ๊อฟเป็นของมัน พยายามไม่ให้มาเจอมึงอะนทกั้นทุกวิธี กูได้ข่าวว่านางแอบไปจ้างเด็กแถวบ้านมึงให้คอยดูพี่อ๊อฟด้วยนะ แม่งร้ายสัส” ผมอึ้งเลยสิ
“แล้วก็ได้ยินมาว่า ไอที่แบลคเมเป็นรูปและคลิปอะไรสักอย่างเนี่ยแหละมึง” อีวาสมันทำหน้าสงสัย
“คลิปอะไรวะ” ผมก็นั่งคิด
“เอาง่ายๆมึง สรุปพี่อ๊อฟฝืนใจคบกับอิงฟ้าเพราะอิงฟ้ามีรูปหรือคลิปไว้แบลคเมพี่อ๊อฟไง” อีมีนพูดเหมือนผมเป็นคนโง่ไม่เข้าใจเลยสรุปให้เนอะ
“พวกกูรู้แล้วอีมีน ไอนทมันหมายถึงคลิปกับรูป มันคืออะไร!” ไอมินหันไปด่าอีมีน
พวกมันก็ถกเถียงกันไป ผมว่าแล้วเรื่องมันต้องเป็นทำนองนี้ ผมอยากรู้จริงๆรูปกับคลิปนั่นมันเป็นยังไง ผมก็นั่งใช้ความคิดไป ผมว่าจะไปคุยกับพี่อ๊อฟสักหน่อย จริงๆก็อยากจะช่วยนะ แต่ผมกลัวว่ามันจะยุ่งกว่าเดิมหรือเปล่า พอคิดได้อย่างนั้น ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกห้องไปเลย พวกมันก็งงกัน เพื่อนๆผมมันก็ตามมา ผมก็เดินไปที่ชมรมก็ไม่เจอ พอเดินไปที่ห้องมันก็ไม่เจอ เอ๊ะ! หรือว่าอยู่ที่ห้องยัยอิงฟ้า ผมก็เดินกลับไป จริงๆด้วย อยู่จริงๆแล้วผมจะเดินวนรอบโรงเรียนให้เหนื่อยเพื่อ? เพื่อนๆก็เดินตามมาพวกมันก็งงกัน เพราะผมไม่พูดอะไรเลย ผมก็เดินเข้าไปหาเลย....
“พี่อ๊อฟขอคุยด้วยหน่อย!” พูดเสียงแข็งมองค้อนไปที่อิงฟ้า
“อิงฟ้าไม่ให้คุย ไปกันเถอะค่ะพี่อ๊อฟ” ทำหน้าตอแหลสะไม่มี แล้วก็คล้องแขนพี่อ๊อฟจะเดินให้หลังให้ผม ผมก็จับแขนพี่อ๊อฟ “ปล่อยนะ!” มันทำไม่พอใจ
“ก็แค่ขอคุยกับแฟนเก่าไม่ได้เหรอ?” อิงฟ้ามันลังเล พี่อ๊อฟก็มองอย่างสับสน
“ถ้างั้นคุยกันก็คุยตรงนี้สิ” นางพูดอย่างไม่ยอม
“จะดีเหรออิงฟ้า บางทีมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ผู้หญิงไม่ควรฟังก็ได้นะ” ผมพูดกดเสียงมันเลิกลั่กนิดหน่อย
“ก็ได้! แต่ต้องตรงนี้นะ อิงฟ้าจะรอในห้องและจะดูด้วย...นี่ค่ะพี่อ๊อฟ!” พูดอย่างไม่พอใจยื่นอะไรไม่รู้ยัดใส่กระเป๋าเสื้อให้พี่อ๊อฟแล้วก็เดินตึงตังเข้าไป ก็ดีง่ายกว่าที่คิด
“ผมรู้เรื่องแล้วนะ” พี่อ๊อฟชะงักไปนิด
“ระ...รู้” มันทำหน้าโง่ ผมก็พยักหน้าประมาณว่าเรื่องมึงนั่นแหละ “คะ...ใครบอก” พูดอย่างอึกอัก แล้วเอามือกุมกระเป๋าเสื้อไว้
“ก็พวกอีแนนขี้เม้า! แล้วก็พวกเพื่อนยัยอิงฟ้ามันเอาไปเม้ากันแล้วเขาก็ได้ยินกัน” ผมพูดอย่างนิ่งๆ ผมก็ไม่ได้อยากเดินมาหามัน ถ้ายัยอิงฟ้ามันไม่บลอคเบอร์ผม ในเครื่องพี่อ๊อฟ
“อืม ก็อย่างที่มึงได้ยินมาแหละ” พี่อ๊อฟทำหน้าเครียด
“คลิปอะไรแล้วรูปอะไร” ผมถามอย่างสงสัย
“กูขอจัดการเองนะนท มึงอย่ามาเกี่ยวข้องเลยนะ!” มันทำหน้าซีเรียส
“พี่อ๊อฟ ผมอยากช่วยนะ แล้วอีกอย่างมันจะถึงเวลาที่พี่สัญญาแล้ว ผมไม่เห็นพี่จะทำอะไรเลย!” ผมพูดแบบซีเรียส
“กูไม่อยากให้มึงเดือดร้อนนท” มันขมวดคิ้วจนจะผูกเป็นโบว์ได้อยู่แล้ว
“เดือดร้อนยังไง ผมขอคำอธิบาย” ผมทำหน้าจริงจัง
“เล่าไม่ได้” มันเข้ามากระซิบ “อิงฟ้ากดโทรศัพท์ฟังเราอยู่” พูดอย่างแผ่วเบาแล้วให้ผมมองที่มือมันที่กุมกระเป๋าเสื้อไว้ ผมอึ้งเลย อีนี่มันร้ายลึกมาก กล้าดียังไงมาทำกับคนของผมขนาดนี้
“สรุปคือผมทำอะไรไม่ได้?” มันพยักหน้าอย่างลำบากใจผมก็โน้มหน้าไปกระซิบมัน “เย็นนี้ผมจะไม่อยู่แล้วนะ พี่ไหวจริงๆใช่ไหม” ผมผละออกมา มันพยักหน้า “ถ้ากลับมายังไม่เคลียล์ผมจะลุยเองแล้วนะ” มันก็ทำหน้าลำบากใจ ผมว่ามันต้องมีอะไรร้ายแรงพอควรแหละ ไม่งั้นพี่อ๊อฟมันไม่ยอมทำถึงขนาดนี้
“อยะ...อย่าเลย ปล่อยกูทำคนเดียวเถอะ!” มันฝืนยิ้มให้ผม
“ไปแล้วนะ!” ผมสงสารมันจริงๆ เกลียดยัยอิงฟ้านัก ผมทำอะไรไม่ได้เลย
แล้วผมก็เดินออกมาเพื่อนๆก็ถามกัน ดูเหมือนจะมีแต่ปอที่พอจะรู้เรื่อง จากที่เมื่อคืนมันโทรมาหาผม ผมก็เล่าให้พวกมันฟังไป แต่ผมก็พยายามจะไม่เอาไอสิงโตเข้ามาเกี่ยวข้อง ไอมินก็ลากมันเขามาเกี่ยวผมก็บ่ายเบี่ยงจะตอบไป พอพักเที่ยงเราก็ไปหาอะไรกินกัน โดยที่พวกมันก็ยังไม่เลิกพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างตามอารมณ์ กินข้าวเสร็จขึ้นห้องไอสิงโตก็โทรมา จริงๆผมก็เล่าเรื่องพี่อ๊อฟให้มันฟังบ้างมันก็เข้าใจดี แถมยังคอยช่วยพูดให้ผมรู้สึกดีขึ้นไปอีก.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:01:48
“โทรมาถี่เกินไปม้าง! เย็นนี้ก็เจอกันนะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ความสุขของกูนี่เนอะ” มันทำเสียงกวนๆ
“กินข้าวยังมึง” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“กินแล้ว มึงก็กินแล้วกูรู้” ไอนี่มันกวนตีนจริง
ผมก็คุยกับมันไปสักพักมันก็วาง ไอนี่มันก็โทรมาได้ตรงเวลาตลอด หรืออาจจะเพราะไปมินคอยบอกก็แล้วแต่ จนเลิกเรียนผมก็กลับบ้านไปเตรียมของ เรื่องจะไปเที่ยวมีที่บ้าน ผม พี่อ๊อฟแค่นั้นที่รู้เพื่อนๆไม่รู้ ไอสิงโตบอกไม่ให้บอก ผมกลัวพวกมันมารู้ทีหลังแล้วจะโกรธผมเอาน่ะสิ แต่เอาเถอะไปผ่อนคลายบ้างก็ดี เตรียมของเสร็จก็โทรหาไอสิงโตให้มันมารับ พี่โน๊ตก็ย้ำนู่นย้ำนี่ไม่หยุดตั้งแต่ผมกลับมาเก็บของ ผมก็รับทราบอย่างเดียว ป๊าก็ฝากฝังผมกับไอสิงโต รายนั้นก็ดูเหมือนจะเต็มใจเหลือเกิน ร่ำรากันสักพักไอสิงโตก็พาไปบ้าน ระหว่างทางมันพูดมากเหลือเกิน ทำอย่างกับคนไม่เคยได้คุยกันงั้นแหละ พอถึงบ้านมัน พ่อแม่มันก็ชวนกินข้าวก่อนกินเสร็จก็ขึ้นห้องนอนมัน ตอนแรกน้องซินให้ผมอยู่เล่นด้วยก่อน แต่ไม่รู้ไอสิงโตไปพูดอะไรน้องซินเดินหน้าจ๋อยไปเลย....
“มึงไปพูดอะไรกับน้องซินวะ?” ผมถามขณะเดินขึ้นไปบนห้องมัน
“อย่าใส่ใจเลยมึง!” ยิ้ม ผมก็เบื่อจะถามแล้ว ถ้าถามอีกมันก็คงไม่บอกคงแถไปทั่วเหมือนเดิม
พอเข้าห้องมันไปผมก็เอากระเป๋าไปวางแล้วก็เตรียมของอาบน้ำแต่....
“อาบด้วยกันนะ!” มันยิ้มร่าเริง เหมือนเป็นโอกาสที่มันรอมานานแล้วอะไรทำนองนั้น
“เอาดิ” ผมก็ยิ้มอย่างจำยอม ขี้เกียจจะมาถกเถียงเล่นตัว
ไอสิงโตก็เข้าห้องน้ำไป ผมก็เตรียมถอดเสื้อผ้าใส่บ๊อกเซอร์เตรียมของเข้าห้องน้ำไป เอิ่ม! มันเปลือยเลยครับ ผมอายนะเนี่ย แต่ก่อนไม่นะ แต่หลังจากวันนั้นผมก็รู้สึกแปลกๆไปน่ะสิ.....
“ใส่เกงมาไม? ไหนว่าเพื่อนรักอาบน้ำด้วยกันไม่อายไง” มันทำหน้าไม่พอใจ
“ตอนนี้มึงเป็นแฟนน้อยนะเว้ย!” มันทำหน้าโหด “อะ...เออๆ ถอดก็ได้วะ!” ผมไม่น่าพูดแบบนั้นเลย
“โห! คิดถึงร่างกายมึงจัง” สวมกอดขณะผมกำลังก้มถอดกางเกง ไอนั้นมันทิ่มก้นผม ผมเด้งตัวขึ้นมาเลย สถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ
“แค่อาบน้ำนะเว้ย! อย่าเกินเลย” ผมหันไปชี้หน้ามัน
“อะไรวะ!” ทำหน้าเป็นตีนแล้วก็ปล่อยผม
จริงๆจะทำก็ได้เพราะผมก็ว้อนนะ5555 พักหลังมานี่ไม่รู้เป็นอะไร ผมมีอารมณ์ทางเพศค่อนข้างจะบ่อย อาจจะเพราะผมกำลังโตขึ้นหรือเปล่าไม่แน่ใจ ผมถามพี่โน๊ตพี่เข้าก็บอกผู้ชายก็เป็นแบบนี้แหละ เอิ่ม! ก็อย่าไปใส่ใจเลยเนอะ555 ผมอาบน้ำกับมันไปพอเสร็จก็ออกมาแต่งตัว ไอสิงโตนี่ก็ตลอด ขอให้ได้โดนตัวผมเหอะไอนี่นิ....
“กูงอนมึงแล้วนท” มันเดินไปล้มตัวนอนบนเตียง
“เรื่องอะไรวะ” ผมนั่งข้างๆมัน มันเด้งตัวขึ้นมา
“มึงไม่ทำกับกูจริงๆเหรอ” มันพูดแบบจริงจัง แต่ผมนี่สิอายจนแทบจะเอาหัวมุดกำแพง
“อะ...เอ่อ มะ...มึงอยากจริงๆเหรอ” ผมถาม มันพยักหน้ารัว ผมก็พอรู้ ก็ตอนอาบน้ำของมันชี้ฟูขนาดนั้น “มึงว่ามันจะดีเหรอวะ มึงก็รู้นิกูกับพี่อ๊อฟ...” ผมหันหน้าหนีมัน
“บอกแล้วไงว่ากูไม่สน จะแฟนน้อยชู้เพื่อนรักกูเป็นหมด” มันจับมือผม
“เออๆ คิดงั้นก็ดี” ผมยิ้มอ่อนส่งไป จริงๆผมก็อยากทำนะ หุ่นไอสิงโตนี่ทำผมมีอารมณ์ได้ง่ายๆเลย บ้าชะมัด
“งั้น” มันโน้มหน้ามาเอาหน้าผากมันชนกับหน้าผากผม “ทำนะ” เราสบตากัน มันก็ค่อยๆจูบลงมา
และหลังจากนั้นกิจกรรมบนเตียงก็เริ่มขึ้น ผมไม่น่าใส่ชุดนอนเลย ไอสิงโตเร่าร้อนมาก มันดึงเสื้อผ้าผมออกได้อย่างรวดเร็ว เราประกบจูบกันอย่างเร่าร้อน ด้วยความต้องการของทั้งสอง สักพัก มันก็ผละจากจูบ แล้วเล้าโลมผมด้วยปลายลิ้น จากหูไล่ลงมาจากต้นคอ มาจนถึงยอดอก ต้องยอมรับว่ามันเก่งจนผมอ่อนระทวยไปหมด และมันก็ค่อยๆ ลงไปต่ำกว่านั้น...
“จะทำอะไร” ผมจับหัวมันไว้ ด้วยเสียงแหบ มันกำลังจะใช้ปากกับนทน้อย ผมรู้สึกอาย เพราะผมมักจะไวต่อความรู้สึกเกินไป มันไม่ได้ตอบอะไร มันก็ดำเนินกิจกรรมต่อ ผมก็ได้แต่ดิ้น ด้วยความเสียวซ่านที่วิ่งไปทั่วร่างกายผม  จนผมทนไม่ไหว ผมจับหัวมัน ให้ออกมา แล้วผมก็ปลดปล่อยออกมาในรอบแรก ไอสิงโตไม่รอช้า มันลุกขึ้นถอดเกงเกงของตัวเอง แล้วจับแท่งร้อนของมัน มาจ่อที่ปากผม ผมก็ทำให้มัน อย่างไม่รอช้า กลิ่นของไอสิงโต ทำผมรู้สึกเหมือนยิ่งต้องการมากยิ่งขึ้น ผมใช้ปากให้มันได้ไม่นาน มันก็ถอยออก...
“กูจะเริ่มแล้วนะ” ไอสิงโตมองผมด้วยสายตาเร่าร้อน มันลูบไล้น้ำที่ผมปลดปล่อยออกมาบริเวณหน้าท้อง ไปลูบแกนกายมัน เพื่อจะใช้เป็นน้ำหล่อลื่น ไม่นานมันก็จับขาของผมทั้งสองพาดไหล่ พร้อมกับกดแกนกลางของมัน เข้ามาในตัวผม ผมรู้สึกเจ็บนิดหน่อย แต่ยังพอทนได้ พอกดตัวลงมาแล้ว ไอสิงโตก็ค้างไว้ ยังไม่ได้ขยับเอว แต่โน้มตัวมาจูบผมอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง ผมก็ตอบสนองโดยเร็ว ไม่นาน มันก็เริ่มขยับเอว.....
“ให้กูได้ยินเสียงมึง” ไอสิงโตมันดึงมือผมที่เอามือปิดปากไว้เพราะกลัวว่าเสียงครางจะเล็ดลอดออกมาออกมาไว้ข้างตัวแล้วมันก็เร่งความเร็วขึ้น ไม่นานนักมันก็ปลดปล่อยเข้ามาในตัวผม ไอสิงโตมันร้ายกาจเกินไป ครั้งที่แล้วในห้องน้ำมันยังไม่เก่งขนาดนี้เลย ทำไมมันทำได้ดีขึ้นเหมือนไปฝึกมายังไงอย่างนั้น ผมคิดเรื่องนี้ได้ไม่นาน มันก็ลากผมเข้าไปห้องน้ำ และผมก็ต้องเป็นที่รองรับความใคร่ของมันไปจนเสร็จไปอีก 3 ยก ผมหลับคาอ่างอาบน้ำบ้านมันเลย....
เช้ามาผมก็นอนอยู่บนเตียง โดยมีแค่บอกเซอร์ที่ไอสิงโตน่าจะใส่ให้ ผมกับมันก็ลุกไปอาบน้ำด้วยความเร่งรีบ เนื่องจากตื่นสายจากกิจกรรมเมื่อคืน ทำอะไรเสร็จก็ถือกระเป๋าไปคนละใบ ขึ้นรถให้คนขับรถไปส่งข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กิน โดนพ่อกับแม่มันบ่นเลย หลังจากนั้นพอถึงสนามบินก็วิ่งสิ เกือบไม่ทันแหนะพอขึ้นไปแล้วก็นั่งกันอย่างโล่งใจ...
“นึกว่าจะไม่ทันแล้ว” ไอสิงโตพูดด้วยความเหนื่อย
“เออ” ผมก็หอบเลย
“หิวไหม สั่งอาหารไหม” มันถามผมอย่างเป็นห่วง
“มันแพงและได้น้อยนะมึง เดี๋ยวก็ถึงแล้วแปปเดียวอดได้” (ยิ้ม)
“ไม่ได้!” มันเสียงดังจนคนอื่นเริ่มหันมามอง “หิวก็ต้องกิน! แล้วยิ่งเมื่อคืนมึงกับกู ทะ แปะ!อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมันอย่างแรง คนข้างๆเขามองใหญ่แล้วเนี่ย!
“อย่ามาพูดอะไรโง่ๆในที่สาธารณะ นะเว้ย!” ผมกัดฟันพูดอย่างเหลืออด ไอเวรนี่นะ
“ก็ได้” มันหงอยไปเลย “แต่มึงต้องกินข้าวนะ กูกลัวมึงปวดท้อง” มันพูดแบบเศร้า
“ไม่เป็นอะไรอดได้เข้าใจไหม มึงก็ต้องอดด้วย นั่งแค่45นาทีเอง” ผมพูดแบบรำคาญ มันก็พยักหน้าด้วยความจำยอม
แล้วมันก็นั่งหงอยได้ไม่ถึง 5 นาทีก็กลับมาชวนผมคุยนู่นคุยนี่ ผมเกรงใจคนข้างๆจริงๆ เขานั่งกันเงียบๆมันก็พูดมากเหลือเกิน ผมก็อือเออออไปกับมัน พอเครื่องลงเราก็พากันไปหาน้าไอสิงโตที่ประตูทางออก เขามารอรับแล้ว โอ้โห! เอาแม่บ้านมาช่วยยกกระเป๋าด้วย เกินไปหรือเปล่าเนี่ย น้าสิงโตเป็นผู้หญิง ดูจะรักสิงโตมากเลย ทักทายกันยาวนานจนแทบจะลืมผม พอแนะนำผมเท่านั้นแหละ น้ามันตกใจ ผมก็ตกใจ มันบอกว่าผมเป็นแฟนน่ะสิ แทนที่จะบอกว่าเพื่อนก็ได้ ผมละหน่ายใจกับมันจริงๆ พอทักทายกันเสร็จก็พากันไปบ้านน้ามัน หลังใหญ่โตมว๊ากก รวยกันทั้งนั้นตะกูลไอสิงโตเนี่ย......
“สิงโต กูขอไปโทรหาป๊าก่อนนะ” ผมหันไปบอกมันพยักหน้าผมก็แยกมานอกบ้านเดินไปตรงสวน แล้วกดโทรศัพท์หาป๊า
ผมก็โทรหาป๊า หาแม่ หาพี่โน๊ต บอกเขาสักหน่อยจะได้ไม่ห่วงเอาจริงๆป๊ากับแม่ไม่ค่อยเท่าไหร่ พี่โน๊ตนี่ดิ กระเป๋าตังติดตัวดีๆ ระวังนู่นนะระวังนี่นะ บลาๆ เกินไปจริงๆ พอโทรหาทั้งสามคนเสร็จ ผมก็ลองโทรหาพี่อิฐครับ สักพักก็รับ.....
“พี่อิฐพี่อ๊อฟอยู่ไหม” ผมถามเสียงหวาน
“อยู่ดิ เมื่อกี้เห็นกำลังแต่งตัว มันจะไปไหนก็ไม่รู้” พี่อิฐพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ขอคุยได้เปล่า” ผมพูดนิ่งๆ
“วันนี้คุยเองเลยเหรอ? ว้า! อย่างนี้พี่ก็ไม่มีคนถามแล้วอะดิ” ก็ยังคงความขี้เล่นไว้ให้ดูน่ารักเสมอสินะพี่อิฐ
“เอาน่า เดี๋ยวพี่อ๊อฟเผลอเราเจอกันนะ อิอิ” ผมพูดทีเล่นทีจริงพี่อิฐก็หัวเราะออกมา แล้วพี่เขาก็เงียบไปได้ยินเสียงคุยกับพี่อ๊อฟนิดหน่อย....
“ฮัลโหล!” เสียงนี่ตื่นเต้นเชียว
“อื้ม! จะไปไหน” ผมถามอย่างสงสัย
“กะ...ก็...อิงฟ้าแหละ” พูดอึกอัก
“เล่าให้ฟังได้ไหม ว่ามันเป็นยังไง” ผมพูดแบบจริงจัง
“มึงฟังแล้วอย่าโกรธนะ ที่กูไม่อยากพูด ก็เพราะกลัวมึงโกรธแล้วก็ทำอะไรใจร้อน” มันพูดอย่างกังวล
“ไม่โกรธหรอกน่า มันเลยจุดนั้นมามากแล้ว” ผมพูดแบบจริงจัง
“เรื่องมันเป็นแบบนี้ คือวันศุกร์ที่แล้ว ที่กูไปทัศนศึกษา อย่างที่มึงรู้ กูก็ทำตัวปกติไปแหละอาจจะเงียบไปบ้างเพราะ...คิดถึงมึง” มันทำผมเขินนะเนี่ย “นั่นแหละทั้งวันกูก็ดูงานปกติไม่มีอะไร อิงฟ้ามันก็ทำตัวเหมือนที่มึงรู้ เกาะติดแต่กู กูก็ไม่ใส่ใจอะไร พอถึงเวลาพักก็แยกย้ายกันไปกูอาบน้ำทำอะไรเสร็จก็ขึ้นนอน คือเขาแบ่งห้องนอนห้องละสองคน เป็นโรงแรม กูนอนกับไอเฟิส แล้วมึงก็รู้เวลากูนอนชอบไม่ใส่เสื้อ” อันนี้เรื่องจริง “กูก็เหนื่อยทั้งวัน พอหลับก็หลับไปเลย กูสะดุ้งตื่นอีกทีกลางดึก อิงฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆกู” ผมอึ้งเลย “แต่ที่ตกใจกว่านั้นคือมันไม่ได้ใส่กางเกง” ตาผมจะหลุดออกจากเบ้าแล้ว ตกใจจริงๆ
“นะ...นี่อยะ....อย่าบอกนะ!” ผมทำเสียงตกใจ
“ไม่ใช่ๆ ฟังก่อนกูไม่ได้มีอะไรกับอิงฟ้า คือหลังจากที่กูตกใจอยู่อิงฟ้าก็ตื่นขึ้นมาแล้วลุกออกมาจากผ้าห่มกูหันหน้าหนีเลย คือมึงรู้ไหมมันไม่ใส่เสื้อใน เห็นหมดเลยดีมันยังใส่กางเกงใน” ผมช็อคสิอะไรจะไร้ยางอายขนาดนี้ “แล้วมานอนกับกูได้ยังไงกูยังไม่รู้เลย แล้วกูก็ถามว่ามาทำอะไร นี่แล้วเสื้อผ้าไปไหน มันตอบว่ากูเป็นคนทำ กูจะไปทำมันได้ยังไงพอกูไปฏิเสธไปมันก็เอารูปมาให้กูดู แม่งรูปแต่ละรูป เหมือนกูกับมันเพิ่ง..กันเสร็จแล้วโดนแอบถ่ายไว้ คลิปนี่ก็เป็นคลิป....อิงฟ้ากำลังนอนกอดกัน” ผมเริ่มจะรับไม่ได้แล้วสิ อีนั่นมันจะมากไปแล้ว
“แต่อย่าเพิ่งคิดไปไกล แค่นอนกอดนะมึง ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านั้นเลย กูเถียงกับมันไปสักพักมันก็บอกกู ว่ากูไปข่มขืนมัน กูก็เดินเข้าห้องน้ำไปสำรวจ..ของกูก็ไม่มีอะไรแน่นหนาเหมือนเดิม กูก็ไปยืนเถียงกับมันอีกจนมันคายออกมาเองว่ามันจัดฉาก พอกูบอกว่าให้เลิกยุ่งกับกู นั่นแหละปัญหา มันบอกจะเอารูปกับคลิปไปให้โรงเรียนดูแล้วบอกกว่ากูข่มขืน พอกูถามมันว่าจะเอายังไง มันก็บอกกูว่าให้เลิกกับมึงแล้วไปเป็นแฟนมัน กูบอกมันเลยว่าไม่ยอม มันก็ขู่อย่างเดียว พอกูจะแย่งโทรศัพท์มันมา แม่งก็บอกเซฟไว้หลายที่แล้ว กูขู่ว่าจะบอกให้มึงมาเคลียล์มันก็บอกว่าถ้าทำแบบนั้น มันจะบอกว่ามึงเป็นคนถ่าย และไม่พอมันบอกว่าถึงมึงไม่ยุ่งถ้ากูไม่ยอมทำตามที่มันบอกมันก็จะบอกว่ามึงบังคับให้มันทำอีก ที่กูไม่อยากให้มึงยุ่งเพราะกูไม่อยากให้มึงเดือดร้อน” ผมทั้งอึ้งทั้งอึนได้แต่ฟังมันเงียบๆ
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:02:28
“ร้ายสุดๆ ร้ายเกินไปแล้ว” ผมพูดเสียงสั่น สั่นเพราะโกรธมาก
“แล้วแม่งก็จัดแจงทุกอย่างเลย ทั้งเรื่องโทรศัพท์แล้วก็อะไรต่างๆ แถมยังแยกกูกับมึงแบบไม่ให้เจอกันได้เลย ไปจ้างเด็กแถวบ้านเราให้ดูกูอีกเนี่ย!” มันพูดอย่างเครียดๆ
“แล้วพี่อ๊อฟจะทำยังไง รูปกับคลิปนั่น ไล่ออกสถานเดียวเลยนะเว้ย!” ผมพูดอย่างเป็นห่วงมัน เรื่องใหญ่อยู่นะ
“ก็เนี่ยแหละ กูถึงได้ขอเวลามึง มันยากตรงที่กูไม่รู้ว่ามันเซฟไว้ในไหนบ้าง อีกอย่างที่กูก็ไม่อยากให้มึงยุ่งก็กลัวมึงจะซวยไปด้วย เพราะมึงยิ่งใจร้อนอยู่ด้วย” ผมว่ามันก็จริง
“ขะ....เข้าใจแล้วพี่อ๊อฟ” คิดแล้วก็รู้สึกผิด “แล้วคืนนั้นเพื่อนพี่อ๊อฟไม่อยู่เหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
“ไอนี่แหละเป็นคนถ่ายคลิปกับรูป มันโดนขู่เหมือนกัน” มันพูดอย่างหงุดหงิด
ผมเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว ยัยอิงฟ้ามันร้ายลึกนักนะ คอยดูเถอะผมจะเอาคืนให้มันอับอายจนไม่มีหน้าให้เดินในโรงเรียนเลย......
“พี่อ๊อฟ อย่าเครียดนะรู้เปล่า” ผมบอกมันอย่างเป็นห่วง
“ตอนแรกเครียดมาก กลัวมึงไม่เข้าใจ แต่พอมึงเข้าใจก็โอเค” มันพูดอย่างกังวล
“พี่อ๊อฟก็ทำตัวปกติไปนะ กลับไปผมจะไปช่วยเคลียล์เอง” ผมพูดแบบจริงจัง
“ไม่ได้นะ! กูไม่อยากให้มึงมีปัญหา!”
“พี่อ๊อฟพูดเหมือนไม่รู้จักผมเลยนะ ผมเอาตัวรอดได้อยุ่แล้ว อีกอย่างพี่อ๊อฟตามไม่ทันมันหรอก ต้องงูเห่าเหมือนกันสิมันถึงจะสู้กันได้!” ผมกัดฟันพูดอย่างแค้นเคือง
“กูรู้ว่ามึงทำได้นะนท แต่กูกลัวป๊าจะไม่ไว้ใจกู” มันดูกังวลมากเลยสินะ
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้น ทุกคนจะเข้าใจพี่อ๊อฟโดยเฉพาะผม และทำอย่างที่บอกทำตัวปกติไป ผมกลับไปจะไปช่วย” พูดอย่างใจเย็น ตอนนี้ก็ทำให้อิงฟ้ามันหลงระเริงจนตายใจไปก่อนแล้วกัน และหลังจากนั้นจะตีมันให้หัวแบะเลย อีงูเห่าฝึกหัด!
“กะ...ก็ได้ แต่ถ้ามันทำให้มึงเดือดร้อนกูไม่ให้มึงทำนะนท” มันพูดเสียงกังวลมาก
“อย่าได้กลัว ถึงจะเดือดร้อนก็เพื่อพี่อ๊อฟนะ” ผมเสียงหวาน
“มึงแม่งเป็นสะแบบนี้ จะไม่ให้กูรักได้ยังไง” ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้า
“อื้ม! อย่าเครียดล่ะ ทำตามที่บอกนะ ทำตัวปกติไปไม่ต้องพยายามอะไรแล้ว เพราะต่อจากนี้นทจะจัดการเอง” ผมพูดอย่างจริงจัง
“อืมๆ”
จริงๆก็ยังไม่รู้วิธี ก็เอาไว้ก่อน ค่อยคิดๆไป คุยกันไปสักพักก็วางไปเพราะยัยอิงฟ้าโทรตามแฟนชาวบ้านแล้ว น่าตบจริงๆ เรื่องนี้ค่อนข้างยากนะ เพราะดูเหมือนมันจะคิดไว้หมดแล้ว ถ้าผมไปยุ่งมันก็จะโทษผม ถ้าพี่อ๊อฟไม่ทำตามมันมันก็จะแฉพร้อมบอกว่าผมบังคับอีก อีนี่มันดักไว้หมด เก่งนักนะเป็นผมไม่กล้าทำนะวิธีนี้ เฮ้อ!
ไอสิงโตก็คุยกับใครไม่รู้ในบ้านเสียงดังเชียว ผมก็เดินเข้าไปหา มีผู้ชายน่าจะรุ่นพี่มั้ง 2 คนหน้าเหมือนกันด้วย แล้วก็น้ามันกับสิงโต พอไอสิงโตเห็นผมก็แนะนำนิดหน่อย แล้วก็นั่งคุยกัน ผู้ชาย 2 คนนี้ อยู่ม.5กันทั้งสองเป็นฝาแฝด หน้าตาดีเชียว เป็นลูกพี่ลูกน้องไอสิงโต ชื่อดิน กับ ไฟ เขาก็ดูพูดสนุกดี ไม่ได้ทำให้ผมเกร็งแต่อย่างใด.....
“คุยกับใครตั้งนานวะ กูไปตามมึง 2 รอบแหนะเห็นว่าคุยอยู่เลยไม่อยากกวน” สิงโตหันมาถามกับผม
“กะ...ก็พี่โน๊ต บ่นยาวเลย” ผมพูดมันก็พยักหน้าเข้าใจ
เราก็คุยกันไป สักพักก็ไปห้องพักก็เอาของเข้าไปเก็บ นี่ยังไม่เที่ยงเลย แล้วก็หิวมากด้วย ก็คือมัวแต่โม้กัน....
“เออมึงกูหิวแล้ววะ ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”  อยู่ๆไอสิงโตก็พูดขึ้น
“เพิ่งรู้เหรอ” ผมพูดประชดมัน จริงๆจะพูดตั้งแต่นั่งคุยกันแล้วแต่เกรงใจ
แล้วมันก็พาผมลงไปหาอะไรกิน ก็มีแม่บ้านทำให้ก็นั่งกินกันไป กินไปเยอะเลย เพราะหิวมาก และเสียพลังงานไปเยอะ ตั้งแต่เมื่อคืน กินจนจุก....
“พี่ดินกับพี่ไฟไปด้วยนะ” อยู่ๆไอสิงโตก็พูดขึ้นมา
“ไปไหน?” ผมมองอย่างสงสัย
“งานการ์ตูน แล้วก็อย่าได้คิดไปเหล่ใครละ เมื่อกี้กูเห็นนะมองพี่ดินกับพี่ไฟตาเป็นมันเลย” มันพูดแบบจริงจังมาก
“กูแค่กำลังแยก ว่าคนไหนพี่ดินคนไหนพี่ไฟ เหมือนกันอย่างนั้นกูก็คุยลำบากนะ” ผมพูดแบบนิ่งๆ ก็มันจริงนะ แทบจะไม่ต่างกันเท่าไหร่เลยทั้งหน้าตาและนิสัย
“เอาน่าเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
ผมก็คุยกับมันนิดหน่อยพอกินเสร็จเรียบร้อยก็ไปนอนเล่น กินแล้วก็นอน55 เราจะไปงานช่วงบ่ายๆหน่อย ไอสิงโตบอกไปช่วงนี้คนเยอะขี้เกียจไปต่อแถว ผมก็แล้วแต่ ไม่ได้อยากได้อะไรพิเศษอยู่แล้ว พอถึงเวลาไปก็ไปกัน ไปเอ่อเอิ่ม!.....
“จริงๆเรานั่งรถไปกันเองก็ได้นะ ไม่จำเป็นต้องเอารถไปหรอก” ผมกระซิบบอกไอสิงโต
“พี่ดินกับพี่ไฟเขาไม่ชอบนั่งรถโดยสารแบบนั้น” มันกระซิบผมก็พยักหน้า ดูก็รู้คุณชายสุดๆ ตระกูลนี้ ดงผู้ดีแล้ว1
ก็พากันไป ก็คุยกันไปผมก็นั่งดูจำไม่ได้สักทีคนไหนดิคนไหนไฟก็จ้องพวกพี่เขาแบบนั้นแหละ หาจุดสังเกตุ และก็เจอ พี่ไฟจะมีไฝตรงติ่งหู พี่ดินไม่มีแค่นี้เอง จะคุยกับใครก็มองหูแล้วกัน อ้ออีกอย่างคงเสื้อผ้าคนละสีสินะ ผมก็คุยไป มันก็ได้ผลจริงๆ พอไปถึงคนก็ยังเยอะอยู่ดี อะไรก็ไม่รู้ เราก็พากันเดินไปทางคนที่มีตั๋ว วีไอพี? ก็เข้าได้เลยไม่ต้องต่อแถว พอเข้าไปไอสิงโตก็เริ่มแล้ว......
“นทจับมือ” มันยื่นมือมาให้ผม “คนเยอะนทเดี๋ยวหลง!” มันทำเสียงดุอีกนะ ผมก็ยื่นๆให้มันจับไป
“มึงไม่อายเหรอวะ?” ผมหันไปถามมัน
“ไม่อาย ถึงมึงอายมึงก็ต้องทนแล้ว” มันยักคิ้วกวนตีนอีก จริงๆผมไม่ได้อายนะ กลัวมันอายนั่นแหละ แต่ถ้ามันคิดแบบนี้ก็แล้วแต่มันไป
“มึงจะมาซื้ออะไรวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
เพราะงานนี่มีแต่โมเดลและฟิกเกอร์แล้วก็เกมส์ คอสเพลย์ก็เยอะ ผมไม่ค่อยสนใจสักเท่าไหร่ก็ดูได้ ผมชอบอ่านหนังสือการ์ตูนกับนิยายแปลมากกว่า พวกนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่......
“โมเดลไง ขาดอีกไม่กี่ตัวก็ครบเซ็ทแล้ว” มันยิ้มอย่างดีใจ
“มึงกูว่ามือกูลื่นเพราะเหงื่อมือออกแล้ว” ผมบอกมันอย่างเกรงใจ
“อื้ม” มันหยิบผ้าขึ้นมาเช็ดในมือให้ผม ผมก็มองแบบอึ้งๆ “มีอะไรก็บอกกูพร้อมทำให้” ยิ้ม ไอนี่มันจะดีเกินไปแล้ว พร้อมตลอดเวลาเลย
ผมก็เดินไป พี่ดินกับพี่ไฟก็เดินนำหน้า....
“มีอะไรที่เป็นของฝากได้ไหมนะ? เอาไปฝากเพื่อนๆหน่อย เดี๋ยวพวกมันจะงอนกัน” ผมพูดอย่างไม่จริงจัง แล้วก็หันซ้ายขวามองดูร้านต่างๆ
“ได้ พวงกุญแจฟิกเกอร์ไหม แบบนั้นอะ” ชี้ให้ผมดูเป็นการ์ตูโจรสลัดชื่อดัง แต่..
“เอิ่ม! ตัวแค่นั้นตัวละ220แล้วนะมึงแพงไปไหน” ของฝากแพงขนาดนั้นไม่ไหว ตัวละ220เพื่อน10คน จนกันพอดี มันไม่สมเหตุสมผล ตัวนึงเท่านิ้วโป้ง จะแพงอะไร ถ้าเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่ก็ว่าไปอย่าง
“อยากได้กี่ตัวไปหยิบ” มันดึงผมเข้าร้าน ผมละหน่ายจริงๆมากับเสี่ยเนี่ย
“เออแปปๆขอโทรหาเพื่อนๆก่อน” ต้องถามพวกมันก่อน ว่าชอบอะไรจะได้ซื้อไปถูก ซื้อคละไปเดี๋ยวไปตีกันอีก “เออมึงก็โทรถามพวกไอโค้กด้วย” มันก็พยักหน้าแล้วก็ปล่อยมือจากผมไปเอาโทรศัพท์ขึ้นมากด
ผมกับไอสิงโตก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆไปด้วยพอพวกมันแต่ละคนรู้นะ ทั้งบ่นทั้งด่าเพราะพวกมันก็อยากมากัน ผมก็แถไปทั่ว แล้วเลือกตัวที่มันอยากได้ไปด้วย ไอห่ามินเรื่องเยอะอีกนะจะเอากบเคโรโระ เอาจริงก็ต้องไปเดินวน มันหมดยุคกบไปแล้วไม่ใช่เรอะ มันจะย้อนยุคหรือยังไง ไอนัทก็จะเอานารูโตะ เรื่องเยอะกันชิบ กว่าจะเสร็จ แต่ผมก็ไม่ลืมที่จะซื้อไปให้พี่อ๊อฟด้วยนะ มาจากการ์ตูนหรือเกมส์ก็ไม่รู้ เป็นเหมือนเด็กผู้ชายมือข้างนึงถือพู่กัน อีกข้างถือถาดสีน่ารักเชียว น่าจะเหมาะกับพี่อ๊อฟพอผมจะจ่ายไอสิงโตก็ไม่ยอมอีก เถียงกันจนผมยอม เพราะผมยื่นตังให้พี่เขาแล้วมั้นก็เอามายัดคืนผมอีกไอสิงโตก็จ่ายไป ไอนี่ซื้อไปเผื่อใครอีกไม่รู้เยอะแยะ เอามันว่ารวยนักนิ......
“แล้วมึงอยากได้อะไรนท” มันหันถามอย่างจริงจัง
“ไม่อะ กูว่ามันแพงไปหน่อย ถ้าป๊ารู้ว่ากูมาซื้อของพวกนี้ กูโดนด่าพอดี” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะว่ามันแพงจริงๆ555
“งั้นไปเดินดูกัน” มันก็เดินจูงผมไปนู่นไปนี่ กลายเป็นว่าพี่ดินกับพี่ไฟได้เดินตามแล้วทีนี้
“สิงโต พวกเราอยากไปดูตรงโซนเกมส์ ไปกัน” พี่ไฟพูดขึ้นพร้อมดึงแขนเสื้อไอสิงโต
ก็พากันไป พูดคุยกันไปด้วยสนุกสนานเฮฮากันไป ไอสิงโตซื้อโมเดลหมดไปเป็นหลายหมื่นแค่ของมันยังไม่รวมของฝากเพื่อน พี่ๆเขาก็ได้แผ่นเกมส์กับอุปกรณ์เสริมเกมส์เยอะแยะไปหมด และผมที่ไม่ได้ซื้ออะไร ผมไม่ค่อยอิน เล่นได้แต่ไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนพวกนี้....
“นทไม่ซื้ออะไรเหรอ?” พี่ดินหันมาถามผม
“ไม่รู้จะเอาอะไรอะพี่” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“นี่ไหม เหมาะกับนทดีนะ” พี่ไฟชี้ไปทางตุ๊กตา? ตุ๊กตาโลมา มันเหมาะยังไง
“เหมาะตรงไหนเนี่ย!” ผมยิ้มแล้วเดินเข้าไปดู ก็แค่ตุ๊กตาเหมือนตัวละครในเกมส์ มันน่ารักดี แต่ก็งั้นๆ ทั่วไป
“เดี๋ยวกูมานะ” ไอสิงโตหันมาบอก ผมก็พยักหน้า แล้วมันก็เดินไป
“เอาเปล่าเดี๋ยวพี่ซื้อให้” พี่ไฟพูดอย่างใจดี
“จะดีเหรอพี่ เอาไปก็คงเอาไปตั้งโชว์” ผมกับตุ๊กตาคือเป็นอะไรที่ไม่ถูกกันสักเท่าไหร่ มันดูแค่น่ารัก เอามาเล่นไม่ได้หรอกแค่โชว์ ผมไม่ใช่เด็กผู้หญิงสักหน่อย
“ไม่อยากได้อะไรเลยเหรอ?” พี่ดินถามอยากสงสัย
“ไม่นะพี่ ผมไม่ค่อยชอบอะไรแนวนี้สักเท่าไหร่” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ถ้ามันมีการ์ตูนที่ผมชอบก็ว่าไปอย่าง ผมเดินทั่วแล้วก็ไม่เห็น คงไม่มีหรอก
“แล้วนทชอบทำอะไร” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“ชอบอ่านหนังสือครับ” อ่านหนังสือก็เพลินดี หนังสือไร้สาระนะ ไม่ใช่หนังสือเรียน
“งั้นแปปนะ” พี่ไฟพูดแล้วยิ้ม แล้วก็ลากพี่ดินไปไหนไม่รู้ ผมได้ยืนอยู่คนเดียวเลย
ไอสิงโตก็ไปนานจริงๆ พี่ดินกับพี่ไฟก็ดูเหมือนจะรักกันดีความคิดเขาดูเชื่อมกันดี รอไปสักพักไอสิงโตก็มา....
“อะนี่!” มันยิ้มบานแล้วยื่นกล่องฟิกเกอร์ดิเอเวนเจอร์เป็นเซ็ตให้ผม ผมก็มอง “กูเห็นผ้าปูที่นอนมึงเป็นไอตัวพวกนี่คิดว่าน่าจะชอบ ไอโมเดลการ์ตูนที่มึงอยากได้มันไม่มีในงานนี้กูถามเขาแล้ว” มันพูดไปยิ้มไป มันก็ดู..ใส่ใจดีเนอะ
“ขอบใจวะ มึงอยากได้อะไรหรือเปล่ากูจะได้ซื้อให้บ้าง” ผมพูดอย่างดีใจ จริงๆไม่ชอบไอพวกนี้สักเท่าไหร่ แค่ลายบนผ้าปูที่นอน ป๊านั่นแหละซื้อให้ ผมไม่ได้เลือกของพวกนั้นด้วยซ้ำ แต่ก็ดีใจที่มันจดจำรายละเอียดของผมมากว่า
“ไม่อยากได้อะไร แค่มีมึงก็พอแล้ว” ไอสิงโตพูดด้วยสายตาลึกซึ้ง เอาจริงๆผมจะอ้วก แต่ต้องเขินมากกว่าเพราะมันส่งสายตาซึ้งมาให้ ไอสิงโตมันร้าย ทำผมหวั่นไหวจริงๆ
“ไอบ้า!” ผมรู้สึกร้านผ่าวที่หน้า
แล้วมันก็แซวผมอย่างนั้นแหละ จนพี่ดินกับพี่ไฟมา....
“นี่น่าจะเหมาะกับนทนะ” พี่ไฟพูด แล้วพี่ดินยื่นโมเดล!เด็กผู้ชายนอนอ่านหนังสือมาให้ผม น่ารักมากเลย น่าจะมาจากเกมส์หรือเปล่าไม่รู้
“ชอบไหม” พี่ดินพูดขึ้น
“ชะ...ชอบครับ ขอบคุณครับ พี่ๆอยากได้อะไรไหม ผมไม่รู้จะซื้ออะไรตอบแทนเลย...” ผมพูดอย่างเกรงใจ
“ตอบแทนแค่.....ไปเล่นน้ำด้วยกันไง” พี่ดินพูดขึ้น ผมทำหน้าสงสัย
“สวนน้ำที่ไหนดี นทอยากไปที่ไหน?” พี่ไฟถามอย่างดีใจ
“อะ...เอ่อ ผมว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ” ผมยิ้มอ่อนส่งไป
“อ้าว!เหรอ? งั้นไปดรีมเวิร์ดไหม” พี่ดินก็ยังพยายาม
“ไม่ต้องลำบากพาผมไปก็ได้นะพี่ ผมเกรงใจนะครับ” ผมยิ้ม จริงๆเครื่องเล่นพวกนั้นผมเล่นไม่ได้มาก เป็นโรคกลัวเครื่องเล่นหวาดเสียว เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ นอกจากคนในครอบครัว โรคปอดแหกนั่นเอง
“ไม่ลำบากเลยนะเห็นนทคุยสนุกดี อยากพาไปเที่ยว” พี่ไฟเอ่ยขึ้น
“ผมว่าให้นทเลือกดีกว่าว่าจะไปไหน” ไอสิงโตพูดแล้วยิ้มให้ผม พี่ทั้งสองก็พยักหน้า
“อะ..เอ่อ” โยนมาได้นะมึงไอสิงโต คิดหนักเลยสิ สวนน้ำว่ายน้ำไม่เป็นไปกับพวกเขาเดี๋ยวก็กร่อยอีก ไปสวนสนุกกร่อยหนักกว่าเดิมผมคงแค่ไปนั่งดูเพราะไม่เล่นแน่นอน “ละ...แล้วพี่อยากไปไหนกัน สิงโตอยากไปไหน” ผมหันไปถามด้วยความที่คิดไม่ออก
“จริงๆพี่อยากพาไปหัวหินนะ แต่เสียดายกลับพรุ่งนี้กันแล้ว งั้นไปเล่นน้ำกันนะ สวนน้ำที่มีเครื่องเล่นเยอะๆน้ำไม่ลึกหรอก” พี่ไฟเสนออีกครั้ง(ยิ้ม)
“ใช่ก็ดีนะไปไหม” พี่ดินเสริม
“กะ..ก็ได้ครับ” ผมยิ้ม ก็ดี หวังว่าคงไม่ลึกอย่างที่พี่เขาบอกนะ
“ไม่ต้องกลัวหรอกน่า กูไม่ปล่อยให้มึงจมหรอก” ไอสิงโตกระซิบบอก ผมก็หันไปยิ้ม
แล้วเราก็เดินอีกนิดหน่อยก็พากันออกจากงาน พวกพี่ๆเขาก็พาไปเดินห้าง ห้างอีกแล้ว เบื่อจริงๆ! ก็เดินไปไปหาขนมกินกัน เป็นร้านเอ่อ....ร้านขนมหวาน หวานจริงๆสีชมพูดทั้งร้านเลย เราก็สั่งกันไป เอาจริงๆก็อึดอัดเล็กน้อย คือพวกเขาถูกเลี้ยงดูมาแบบหรูหรากัน ไอร้านนี้ขนมบ้าอะไรชิ้นนิดเดียว500กว่าบาท ก็สั่งๆไป ให้ไอเสี่ยมันเลี้ยงเลย พาเข้าแต่ร้านแพงๆดีนัก.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:05:06
“ร้านน่ารักเนอะ” สิงโตหันมาบอกผม
“อื้มน่ารักมากเลยละ” ผมตอบมันแล้วกวาดตามองไปทั่วร้าน
“นทมากรุงเทพฯบ่อยหรือเปล่า?” พี่ไฟถามผมอย่างสงสัย
“ก็บ่อยนะครับ แล้วแต่โอกาศบางทีก็มาหาญาติหรือบางทีป๊าก็พามาเที่ยว” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ! งั้นคราวหลังวันหยุดยาวมาเที่ยวอีกนะไปหัวหินกัน” พี่ดินพูดขึ้น ผมก็พยักหน้าตอบเล็กน้อย
“ชวนเพื่อนๆมาด้วยไง” ไอสิงโตหันมาบอกผม
“ครับ พวกพี่นี่เหมือนกันมากเลย ทำยังไงให้คนแยกออกเหรอ” ผมถามพี่น้อง 2 คนอย่างสงสัย
“พี่ถูกใจเราเรื่องนี้แหละ ดูดิเจอกันไม่ถึงวันแยกเราออกด้วย” พี่ไฟพูดขึ้น
“นั่นสิ นทดูยังไง?” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“ดูที่ไฝตรง” ชี้ที่หู “ของพี่ไฟอะครับ ตอนแรกผมก็นั่งมองตั้งนาน เลยสังเกตุเห็น” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“โอ้โห! ว่าแล้วที่ตอนแรกๆนั่งนิ่งๆแล้วจ้องพวกเราอะนะ” พี่ไฟถามขึ้น
“ครับกลัวเรียกผิดไง แหะๆ” ผมเกาหัวแก้เขิน
“เก่งนะมึง คนอื่นดูจากการแต่งตัวเพราะนิสัยของพี่ทั้งสองจะเหมือนกัน” สิงโตหันมาบอกก็จริง เหมือนกันทั้งหน้าตาและความคิดก็เหมือนกันด้วย แต่การแต่งตัวนี่ก็เหมือนกันนะแค่คนละสี
“ยังไงอะ?” ผมทำหน้าสงสัย
“ก็พี่ดินจะใส่เสื้อสีโทนเย็น พวกสีน้ำเงินน้ำตาลอะไรพวกนี้ แต่พี่ไฟจะใส่สีโทนร้อน พวกแดงส้มอะไรพวกนั้นแหละ” ไอสิงโตบอก ผมก็พยักหน้าเข้าใจ มีแบบนี้ด้วยเหรอ
“น่ารักดีนะครับ เหมือนกันไปหมดแบบนี้” ผมพูดอย่างจริงใจ
แล้วเราก็นั่งคุยกันไป ของก็ทยอยเอามาเสริฟ เราก็นั่งกินกันไปคุยกันไป พอกินเสร็จพี่ดินกับพี่ไฟเขาเลี้ยง สองคนนี้คือมีบัตรเครดิตส่วนตัวเลยนะ อะไรจะไฮโซขนาดนั้น เราก็เดินเล่นกันนิดหน่อย ไปส่งพี่ๆเขาซื้อของอีกกว่าจะกลับก็เย็นแล้ว พอกลับมาก็ไปนั่งกินข้าวกับครอบครัวของพี่ดินและไฟ กินเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน......
“เมื่อยจังวันนี้” ไอสิงโตพูดจบก็ล้มตัวนอนบนเตียง
“นั้นดิ! เพลียมาก” ผมนั่งตรงปลายเตียง
“ไปอาบน้ำดิจะได้รีบมานอน” มันนอนหลับตาพูด
ผมก็เดินเข้าไปอาบทำอะไรเสร็จก็ออกมาไอสิงโตหลับไปเรียบร้อยแล้ว ผมก็ปลุกมันไปอาบ ตอนแรกงอแงจะไม่อาบ จนผมต้องขู่ว่าจะให้มันนอนล่างเตียงนั่นแหละมันถึงลุกไปอาบ ผมก็นอนเล่นโทรศัพท์สักพักมันก็ออกมาแต่งตัว เสร็จก็ปิดไฟขึ้นเตียงมานอนข้างผม.....
“ทำอะไรวะ” มันหลับตาพูด
“นอนเถอะถ้าจะขนาดนี้” คือมันก็คงไม่ไหวจริงๆ
“ขอนอนกอดได้ไหม” มันทำเสียงอ้อนแล้วมันก็ลืมตาขึ้นมา
“เอาดิ” ไอนี่ก็ประสาทเนอะ เดี๋ยวขอเดี๋ยวไม่ขอก็ทำเลยงงกับมันจริงๆ
ผมก็เอาโทรศัพท์วางไว้ข้างเตียงแล้วก็เขยิบตัวให้มันนอนกอด บอกตามตรงว่าก็คิดมากในหลายๆเรื่อง แต่ก็ควรจะปล่อยๆมันไป เพราะตอนนี้เครียดไปก็ทำอะไรไม่ได้ อะไรจะเกิดก็คงต้องยอมรับ ผมก็หลับไปในที่สุด เช้าวันต่อมาก็พากันตื่นแต่เช้า? น้าของไอสิงโตมาปลุกให้ไปใส่บาตร พอใส่บาตรเสร็จว่าจะไปนอนต่อ พี่ดินกับพี่ไฟก็ให้ไปเตรียมตัว เขาจะพาผมไปสวนน้ำ แต่เช้าเนี่ยนะ? ผมก็ไปเตรียมผ้าเช็ดตัว แค่นั้นแหละ ที่เหลือไปเช่าเอาเพราะไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย
เตรียมของเสร็จกินข้าวนั่งคุยกันไปก็เลยเวลาไปสายๆแล้ว ก็พากันเดินทาง พอไปถึงสวนน้ำเปิดพอดี พี่ดินไปเคลียล์เรื่องตั๋ว พวกผม 3 คนก็ยืนรออยู่ พอได้แล้วก็พากันเข้าไปหาที่นั่งวางกระเป๋า แล้วก็พากันไปเช่าชุดเปลี่ยนชุดกันไป พอออกมาก็พากันไปเล่น โอ้โห! พี่ดินกับพี่ไฟ มีซิคแพคอ่อนๆแบบเห็นได้ชัดด้วย เริ่ดที่สุด! ผมต้องมองอย่างระวังนะเนี่ย ใจไม่ดี5555 ก็เล่นกันไปวิ่งไล่กันบ้าง และ.....
“ไปเล่นสไลด์เดอร์ กัน” พี่ดินชี้ไปที่สไลด์เดอร์อันใหญ่ยักษ์ เอิ่ม!
“มันลงได้ทีละหลายคน ลงพร้อมกันทั้งสี่คนเนี่ยแหละ” ไอสิงโตยิ้ม พูดให้ผมอุ่นใจ? แต่ผมรู้สึกหนักใจหนักกว่าเดิมอีก
“นั่นสิ ไม่มีอะไรหรอก” พี่ไฟพูดขึ้น
ผมก็พยักหน้าตกลง แล้วพากันเดินขึ้นบันไดไป โอ้โห! ถ้าจะสูงขนาดนี้ ขาสั่นแล้วสิ.......
“ไหวไหมมึง อีก3ชั้นก็ถึงแล้ว” ไอสิงโตพูดขึ้น ผมมองแบบอึ้งๆ คือสไลด์เดอร์มีที่ลงหลายชั้น แต่นี่มันจะเล่นชั้นสูงสุดกันเลยเหรอ-_-“”
ผมไม่ตอบอะไรก็พยักหน้าแล้วจำใจขึ้นไป พอถึงก็ต่อคิวกัน ฟิวตอนนี้เหมือนได้กระโดดหอ มือเริ่มสั่น.....
“นทนั่งตรงกลางเลย ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวพวกเราจะกอดแน่นๆเลย” พี่ดินพูดเข้ามาโอบกอดผม
“ขะ...ขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ผมยิ้มเขิน
“พอเลยๆ มานี่” ไอสิงโตดึงผมออกจากพี่ดิน
และแล้วก็ถึงคิวพวกเรา ผมก้าวเท้าไม่ออกเลย มองลงไปเหมือนผมจะตาย หวาดเสียวเว่อร์ๆ ไอสิงโตก็นั่งลงก่อนคนแรก ผมก็ซ้อนเอาขาเกี่ยวเอวมัน ตามด้วยพี่ดินและพี่ไฟ ซ้อน4ไปเลย พี่ดินเขาก็กอดแน่นจริงๆ พอกำลังจะไหลลง...
“ดะ...เดี๋ยวได้ไหม!” ผมท้วงขึ้นเสียงดังไม่กล้าสะงั้น กลืนน้ำลายแบบไม่ลงเลย
“ไปเลยน้อง!” ไลฟ์การ์ดดันพี่ไฟ ไหลลงมากันทั้งสี่คนนั้นแหละ
ผมกรีดร้องอย่างหวาดกลัว ร้องจนแบบแทบตาย พวกพี่เขาก็จับแน่นไม่หลุดเลยจริงๆ ไอสิงโตก็ร้องโหยหวนไป คือเหมือนจะมันส์ แต่ก็มันส์จริงๆนั่นแหละ สุดๆไปเลยจริงๆ พอลงถึงข้างล่างนี่ก็เกือบตาย พุ่งดิ่งลงน้ำ น้ำเนิ้มเข้าจมูกหมด พี่ๆเขาก็ช่วย และหลังจากนั้นพวกมันก็ลากผมไปสังเวยให้กับเครื่องเล่นหลากหลาย แทบทั้งสวนน้ำ ผมหัวใจจะวายเอาให้ได้ อย่างบางอันเขาให้ลงแค่คนเดียวก็หลอกผมว่าขึ้นได้หลายคน แล้วพลักผมลงมา พวกมันสามคนก็สนุกสนานกันไงที่ได้แกล้งผม ตลกกันใหญ่ แล้วก็พาผมไปเล่นที่น้ำลึกๆบอกให้เกาะหลังพวกมันกัน สุดท้ายก็แกล้งผมจนได้ ปล่อยผมบ้างหนีผมบ้าง พอผมจะจมก็เข้ามาผมก็เกาะพี่ดินทีพี่ไฟทีไอสิงโตที แกล้งผมเนี่ยพวกมันสนุกกันยิ่งกว่าเล่นน้ำอีก
แล้วก็ถึงเวลากลับ เพราะนี่ก็บ่าย2กว่าแล้ว ผมกับสิงโตกลับบ้านกันตอน1ทุ่ม พวกเราก็พากันไปอาบน้ำเคลียล์เรื่องคืนของที่เช่ามา ก็พากันกลับบ ระหว่างทางกลับก็พูดคุยกันถึงเรื่องที่ได้แกล้งผม ผมก็นั่งงอนๆไป เถียงพวกมันไปบ้าง สามคนนี้แกล้งผมยังไม่พอยังเอามานั่งคุยกันสนุกปากอีก พอถึงบ้านผมก็เดินหน้ามุ่ยขึ้นห้องนอนไปเลย ผมก็เตรียมเก็บของ เก็บเสร็จ ก็นอนเล่นโทรศัพท์ ไอสิงโตก็ไม่ตามมาคืออะไร ผมก็ตอบไลน์ตอบข้อความอะไรไป สักพักไอสิงโตก็มาตามลงไปกินข้าว วันนี้มีแต่เด็กๆน้าไปไหนไม่รู้ ผมก็นั่งกินเงียบๆไม่ได้สนใจอะไร......
“งอนเหรอ?” ไอสิงโตหันมาถามด้วยรอยยิ้ม ผมก็มองค้อนมัน
“ขี้งอนนะนท เราแค่เล่นๆกันเอง” พี่ไฟยิ้ม ผมกรอกตาแล้วหันหน้าหนี ผมไม่งอนหรอก แต่พวกมันจะอารมณ์ดีกันไปไหนเนี่ย เห็นแล้วหงุดหงิด
“พอแล้ว เลิกแกล้งนทได้แล้ว” พี่ดินหันไปบอกพวกนั้นทีเล่นทีจริง ผมก็มองงๆ “พวกเราขอโทษนะ” พี่ดินเดินมาจับไหล่ผม ผมก็มอง
“อะนี่ พวกเราสามคนหาซื้อให้” หนังสือการ์ตูนเรื่องโปรดของผม? เล่มพิเศษผมมองตาโตยิ้มกว้างขึ้นมาทันที
“ชอบไหม?” ผมพยักหน้ารัว “โกรธอะดิที่ไม่ไปง้อ” พี่ไฟพูดด้วยรอยยิ้ม
“ระ...รู้ได้ไงอะว่าผมชอบ” ผมถามอย่างดีใจ แล้วก็เปิดดูหนังสือการ์ตูนไปด้วย
“กูโทรไปถามป๊ามึงมา” ไอสิงโตยักคิ้ว ผมยิ้มกว้างเลย
“อิจฉาสิงโต มีเพื่อนน่ารัก น่าแกล้งขนาดนี้” พี่ไฟพูดอย่างใจดีผมก็เขินเลยสิ
“ไม่หรอกพี่ มันน่ารักแบบนี้แหละ” ไอสิงโตพูดแล้วมองผมแบบซึ้งๆ ผมก็หลบตามัน
“จริงๆนะ ไว้พี่จะขึ้นไปหาบ้าง นทพาพี่เที่ยวบ้างนะ!” พี่ดินยิ้ม ผมพยักหน้ารัว
“ได้เลยพี่ ไปไหนไปกันเลย แค่นี้ก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วเนี่ย เมื่อวานก็ฟิกเกอร์” ผมตอบอย่างดีใจ
“หายโกรธแล้วใช่ไหม” พี่ไฟถามขึ้น
“ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย” ผมตอบ มีคนเอาใจเยอะขนาดนี้ก็เขินสิ
“แน่นะ” พิ่ดินด้วยสายตากวนๆ
“บ้าน่า!” ทั้งเขินทั้งอายเลยตอนนี้
พวกเราก็นั่งไปคุยไป พอกินข้าวเสร็จพวกพี่เขาพาไปห้องเล่นของเขา คือโครตเจ๋งอะ  แต่งห้องเหมือนอยู่ในเกมส์เลย ไอสิงโตคือสู้ไม่ได้แล้วงานนี้ ของคือเพียบ เยอะมากจริงๆ ก็เล่นไปคุยกันไป จนตอนนี้สนิทกันหมดแล้ว พอถึงเวลากลับผมก็ขึ้นไปขนของลงมาก....
“ให้พี่ไปส่งด้วยนะ” พี่ดินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“พี่ด้วยนะ” พี่ไฟก็ด้วย
คือพี่ไฟกับพี่ดิน่ารักมาก เขารักกันมากเลย ความคิดเอย นิสัยเอย หน้าตาก็เหมือนกันเป๊ะ! ผมเห็นแล้วก็คิดถึงพี่โน้ตเลย....
“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!” สิงโตพูดเสียงแข็งแล้วจับมือผม
“เอาน่า” ผมบอกมันอย่างไม่ใส่ใจ “ขอบคุณพี่ๆมากนะครับ ผมสนุกและมีความสุขมากๆเลย” ผมบอกตามความรู้สึกจริง
“ยังไงก็ต้องเจอกันบ่อยๆนะ นทกลับไปพี่สองคนคงเหงา” พี่ดินทำหน้าเศร้า
“ใช่ วันหยุดอยู่บ้านสองคนเล่นแต่เกมส์ก็เบื่อๆ” พี่ไฟหงอยเลย
“แล้วเพื่อนๆพี่ละครับ” ผมถามอย่างใส่ใจ
“พวกนั้นมันก็มาเล่นกับเราบ่อยๆนะ แต่เสาร์อาทิตย์มันไม่ค่อยว่างส่วนมากติดแฟนกันน่ะ” พี่ไฟยิ้ม
“แล้วส่วนมากก็ไม่พาเพื่อนมาบ้านหรอก มันวุ่นวายน่ะ” พี่ดินพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“หมายถึงจะไปเที่ยวข้างนอกมากกว่าใช่ไหมครับ” พี่สองคนก็พยักหน้า “งั้นวันหยุดยาวพี่ๆก็ไปเที่ยวหาผมก็ได้นะครับ”(ยิ้ม) “หรือถ้าเสาร์อาทิตย์อยู่บ้านเหงาๆ พี่ก็โทรมาคุยเล่นกับผมก็ได้นะ” (ยิ้ม)
“อะแฮ่ม!” ไอสิงโตมองขวาง ผมก็ไม่สนใจ
“ได้เหรอ!” พี่ดินยิ้ม ผมพยักหน้า
“เอาโทรศัพท์นทมาสิ” พี่ไฟพูด ผมก็ยื่นให้
พี่เขาก็เอาไปพิมพ์เบอร์ยิงเข้าอะไรของเขาไป ไอสิงโตก็ยืนทำหน้ามุ่ยอยู่ข้างๆผม พอทำอะไรเสร็จก็คุยกันนิดหน่อย ก็พากันขึ้นรถ น้าเขาก็ไปด้วย ระหว่างทางก็คุยกันมากมาย  จนถึงสนามบินพี่ทั้งสองแล้วก็น้าไอสิงโตก็ลงมาส่งด้วย.....
“สัญญานะนทว่าจะมาหากัน” พี่ไฟยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“สัญญานะถ้าพี่ไปหา เราจะเที่ยวและเล่นด้วยกัน” พี่ดินยกนิ้วก้อยขึ้นมา
“สัญญาครับ” ผมยิ้มบานแล้วเอานิ้วก้อยทั้งมือซ้ายและขวาเกี่ยวก้อยกับพี่เขา
“นี่คือลืมผมแล้วใช่ไหม?” ไอสิงโตถามอย่างน้อยใจ
“ไม่ลืมๆไอน้อง” พี่ดินและพี่ไฟก็ เดินไปกอดไอสิงโต
แล้วก็หันมากอดผมด้วย ผมก็ตกใจไปนิดหน่อย แต่ก็กอดตอบ เราร่ำรากันสักพักก็พากันเข้าประตูไปรอ พวกพี่ๆกับน้าเขาก็กลับไปแล้ว...........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:06:42
“กูหึงมึงนะ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมาขณะนั่งรอ
“อื้ม แล้วยังไงอะ” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ เพราะตอนนี้ผมคิดถึงวันพรุ่งนี้มากกว่า เรื่องจะจัดการกับยัยอิงฟ้าเนี่ย
“นี่คือไม่แคร์กูเลย?” ผมก็มองนิ่งๆอย่างเบื่อหน่าย “ใช่สิ! พี่ดินกับพี่ไฟหล่อกว่า! รวยกว่ากูด้วย มึงชอบเขาใช่ไหม!” เอาแล้วไง เริ่มแล้วไง
“มึงจะพูดให้มันได้อะไรไอสิงโต กูไม่ได้ชอบคนที่รวยหรือไม่รวยหล่อหรือไม่หล่อหรอกนะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“ก็มึงเล่นไม่สนใจกูเลย เอาแต่นั่งนิ่ง!” มันทำหน้างอ
“กูมีอะไรต้องคิดไอสิงโต มึงอย่ามาง้องแง้งดิ้!” ผมบอกอย่างรำคาญ มันนั่งหันหลังให้ทันที เฮ้อ! “สิงโตหันมานี่เลย” มันรีบหันมาเลย ผมตกใจไปนิด “มึงจะคิดมากทำไมวะ” ผมถามอย่างจริงจัง
“กูหึงมึงจริงๆนะ” มันจับมือผม
“สิงโตแล้วถ้าพี่อ๊อฟ....มึงจะหึงไหม” ผมถามอย่างจริงจัง
“หึง! แต่ก็จะหึงแบบแอบๆนะ” มันตอบอย่างรวดเร็วและมั่นใจ
“เฮ้อ! แล้วแต่แล้วกันนะ ส่วนเรื่องพี่ดินกับพี่ไฟอะไรถึงทำให้มึงหึงได้” ผมถามอย่างเบื่อหน่าย
“ก็มึง! ทำตัวสนิทสนมกับพี่เขาเกินไปไหม!” หน้างอ
“มึงจะให้กูทำท่ารังเกียจพี่เขาหรือยังไง” ผมถามอย่างรำคาญ
“เออ! ทีหลังอย่านะ” มันออกคำสั่ง
“ครับเสี่ย ผมไม่ทำแล้วครับ” ผมรับคำแบบประชด มันก็ยิ้ม
แล้วสักพักก็เดินขึ้นเครื่องกัน ผมก็นั่งติดหน้าต่างคุยกันไปทั่ว ผมยังคิดไม่ตกเลยจริงๆว่าจะทำยังไงเรื่องอิงฟ้า คิดไปคิดมาก็ปวดหัว ไอสิงโตก็ชวนพูด เริ่มเยอะขึ้นทุกวันไอนี่....
“นทเดี๋ยวตอนกูไปส่งมึงบ้าน เราไปหาอะไรกินกันไหม มึงอยากกินอะไร” มันจับมือผมแน่น คือตั้งแต่นั่งมามันก็จับยังไม่ปล่อยเลย
“เสี่ยอยากกินอะไรครับ” ผมหันไปถามมัน
“กิน อืม กิน” มันทำท่าคิด
ผมก็มองมันคิด คิดนานเหลือเกิน เฮ้อ! ก็ปล่อยมันไปพอเครื่องลงมันก็ยังไม่หยุดคิด ตอนนี้มายืนรอคนที่บ้านสิงโตมารับ...
“มึงคิดตั้งแต่บนเครื่องแล้วนะสิงโต” ผมบอกอย่างรำคาญ
“ก็กูคิดไม่ออก กูอยากกินอะไรก็ไม่รู้ เลือกไปก็กลัวมึงไม่ถูกใจ” มันเห็นผมเป็นคนยังไง
“เสี่ยครับ มันก็แค่ของกิน” ผมทำหน้าเบื่อมัน “งั้น ก๋วยเตี๋ยวไหม” ผมเสนอมันไป
“ก็ได้ๆ ไม่ได้กินนานแล้ว ที่ไหนดี” มันหันมาถาม
“แถว....ไงก๋วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋น อร่อยนะมึง” ผมพูดพร้อมทำท่าคิด
เราก็คุยกันไปสักพักคนที่บ้านมันก็มารับ เป็นคนขับรถ ก็พาไปบ้านมันก่อน พ่อแม่มันไม่อยู่ ไปต่างจังหวัด ไอสิงโตเอากระเป๋าไปเก็บแล้วก็ขับมอไซค์พาผมไปหาของกิน ก็มาร้านที่บอกเนี่ยแหละ เราก็เข้าไปนั่งคนเยอะเลยทีเดียวนั่งได้ก็สั่งๆไปแล้วก็รอ......
“มึงเบื่อไหม...เวลาอยู่กับกู” อยู่ๆมันก็ถามขึ้นมา
“ไม่เบื่อเลยมึง” ผมพูดแบบจริงจัง มันก็เผยยิ้มขึ้นมา “แต่รำคาญมากกว่า!” ผมยิ้ม ไอสิงโตหน้าหงิกทันที
“กูทำอะไรให้มึงรำคาญ บอกกูหน่อย!” มันจริงจังมาก
“กูพูดเล่น กูอยู่กับมึงมีความสุขแล้วก็สนุกมาก โอเคไหม” ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม “แล้วมึง...เริ่มเบื่อกูหรือยัง” ผมถามแบบจริงจัง
“มึงฟังไว้นะ กูไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้นแม้แต่นิด” มันพูดอย่างมั่นใจ “แต่กูไม่ชอบเวลาที่มึงไปยุ่งกับใครต่อใครเลย...” มันเอื้อมมาจับมือผม
“สิงโต คนมองนะ!” ผมบอกอย่างเกร็งๆ
“ให้เขามองไปเถอะ” ไอสิงโตก็ยิ้มอย่างเดียว
“ถามจริงเถอะ ทำไมถึงต้องเป็นกูวะ” ผมถามอย่างจริงจัง มันทำหน้างง “ทำไมกูต้องเป็นคนที่มึงชอบ ทั้งๆที่มึงก็หล่อ แค่กระพริบตาก็มีคนเข้าหามึงแล้ว ทำไมต้องเป็นกู....” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ กูแค่ชอบมึงที่ร่าเริง ไม่ถือตัว ห่วงคนอื่น ไม่ยอมใคร แล้วก็แคร์ทุกคน และอีกหลายๆอย่างเลยนะบอกวันนี้คงไม่หมด” มันจ้องตาผมแล้วก็พูดออกมา
“แล้วมึงรู้ได้ยังไงว่ากูเป็นคนแบบนั้น” ผมมองมันอย่างสงสัย “บางทีกูอาจจะไม่ได้เป็นอย่างมึงเห็นก็ได้นะเว้ย!” ผมบอกมันอย่างจริงจัง
“กูมั่นใจนท” กระชับมือแน่น “กูมองคนไม่ผิดหรอก กูติดตามมึงตลอด ตั้งแต่ก่อนมึงจะรู้จักกูอีก” ผมมองมันอย่างตะลึง
“มึงบ้าไหม มาตามอะไรกู”  ตกใจนะ มันโรคจิตหรือเปล่า
“มึงจำงานครบรอบโรงเรียนมึงเมื่อปีที่แล้วได้ไหม” ผมก็ทำท่าคิด “จำไม่ได้ใช่ไหม” ผมพยักหน้า “งานของโรงเรียนมึงจะเอาเด็กจากโรงเรียนอื่นมาร่วมขึ้นแสดงด้วย” ผมก็พยักหน้า “มึงจำได้ไหมว่าโรงเรียนกูก็ได้ขึ้น” ผมพอจำได้ ก็มันจะมีโรงเรียนต่างๆในตัวเมืองมาเป็นแขกรับเชิญแสดงโชว์ โรงเรียนมันก็ต้องมาอยู่แล้ว “ปีที่แล้วกูก็ขึ้นแสดงนะ” ผมทำท่าคิด
“อะ...อ๋อๆ จำได้แล้ว แต่ปีที่แล้วพวกโรงเรียนมึงแต่งตัวอะไรก็ไม่รู้ ปิดหน้าปิดตาเหลือแต่ลูกกะตา” ผมจำได้เพราะผมไปยืนดูแบบติดขอบกับปอครับ ประเด็นคือจะดูผู้ชายเพราะผู้ชายโรงเรียนไอสิงโต หล่อๆกันทั้งนั้น แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะปีที่แล้วโรงเรียนไอสิงโต โชว์ศิลปะการต่อสู้ แต่งตัวแบบว่าปิดหน้ามิดชิดเชียว
“ใช่ และมึงก็ยืนดูแบบติดเวทีเลย จริงไหม” ผมก็มองอย่างตกใจ
“ระ...รู้ได้ยังไง” ผมยิ้ม แล้วทำหน้าสงสัย
“ตอนแรกกูโครตรำคาญมึงเลย มองอยู่นั้นแหละ แถมแหกปากบอกให้ถอดผ้าที่หน้าออกอีก กูก็คิดว่ามึงเป็นพวกตัวก่อกวนน่ารำคาญ” เอิ่ม! ผมมองค้อนมันเลย “แล้วมึงจำได้ไหม ตอนที่มึงแอบตามพวกกูไปหลังเวที” ไปกันใหญ่แล้วถ้ามันจะจำละเอียดขนาดนี้ “แล้วคนที่ตะคอกไล่มึงวันนั้น คือกูนะ” ผมตกใจมาก
วันนั้นจะเล่าให้ฟัง งานโรงเรียนเมื่อปีที่แล้วไม่เหมือนโอเพ้นเฮ้าส์ เป็นงานช่วงกลางคืน จะมีการแสดงมากมายบนเวทีใหญ่กลางสนามกีฬาโรงเรียน ผมกับปอก็มักจะไป เอ่อ! ไปดูผู้ชายอยู่หน้าเวที จนพอโรงเรียนไอสิงโตขึ้น ผมก็ทั้งร้องทั้งแหกปากจริงๆคือเชียร์ ไม่ได้สร้างความน่ารำคาญอย่างที่ไอสิงโตบอกหรอก ที่มองเพราะดูแค่รูปลักษณ์หุ่นก็รู้แล้ว ว่าน่าจะดูดีมาก หุ่นดีกันทุกคน ถึงจะปิดหน้ามิดชิด แต่ใส่เสื้อแบบเสื้อตาข่ายสีดำ แล้วข้างในไม่ได้ใส่อะไร เห็นแล้วใจไม่ดี ซิคแพคเอย หัวนมเอย555 ว่าไปนั่น พอพวกมันแสดงจบ ผมก็ยังอยากเห็นหน้าพวกนี้อยู่ ก็เลยแอบตามไปหลังเวทีปอมันก็ห้ามแล้วผมก็ไม่ฟังมันก็เลยบอกจะรอข้างนอก แต่.....
“มึงมีปัญหาอะไรวะ!” ถ้าไอสิงโตบอกว่ามันคือคนที่ตะคอกผมก็คือคนนี้แหละ
“ผมชอบการแสดงของพวกพี่มากเลย ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ” ผมก็พูดดีๆเนี่ยแหละ ออกจะสุภาพกับมันเลยด้วยซ้ำ
“กูไม่ให้ถ่าย ออกไปเลยไม่รู้จักขอบเขตนะมึง!” ตะคอกผมแบบว่า ผมสะอึกเลย เพื่อนๆมันก็มาห้าม เพราะไอสิงโตมันผลักผมล้มลงกับพื้น ตอนนั้นปอมันมาตามผมก็เห็นพอดี เลยมาช่วยผมออกไป ตอนแรกไอปอไปฟ้องพวกไอมิน พวกนั้นเกือบไปหาเรื่องไอสิงโต แต่ผมก็ห้ามไว้ และผมก็ขอแยกกับเพื่อนๆไปเข้าห้องน้ำ จริงๆก็สะเทือนใจนะ แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก ผมก็คงเข้าไปผิดจังหวะด้วย เขาก็เลยโมโห ผมทำธุระเสร็จก็ออกมา แต่ก็ตกใจนิดหน่อย เพราะเจอคนที่ใส่ชุดแสดงปิดหน้าปิดตาไม่รู้ว่าคนเดียวกับคนที่ตะคอกผมหรือเปล่ายืนอยู่หน้าอ่างล้างมือ มันก็มองผม ผมก็มองมันนิดหน่อยแล้วเดินไปล้างมือ ถ้าผมมองไม่ผิด ผมเห็นว่ามีเลือดออกจากตรงเท้าข้างขวา ไม่รู้ว่าส่วนไหน เพราะกางเกงมันสีดำ ตอนแรกล้างมือเสร็จผมก็กะจะออกไปเลย แต่ผมเห็นว่านี่มันท่าจะไม่ๆไหว แถวนี้คนก็ไม่ค่อยมีด้วย เพราะห้องน้ำนี่มันค่อนข้างไกลจากตัวงาน ผมว่าเขาคงเดินหลงมา.............
“ไหวไหมครับ เป็นอะไรหรือเปล่า” ถามอย่างเป็นห่วง เขาก็มองผม แต่ผมงงว่างานแสดงก็เสร็จแล้วทำไมไม่ถอดผ้าที่หน้าสักที
“ไหว ไม่ต้องยุ่ง!” ใช่แล้วไอคนที่ตะคอกผม ไอสิงโตผมจำเสียงได้แม่นเลย
“เลือดออกเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอกนั่งก่อนเถอะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วเข้าไปประคองมัน ตอนแรกก็ขัดขืน แต่พอผมดึงมันอยู่อย่างนั้นมันเลยยอม มันคงไม่ไหวแล้ว ผมเลยประคองมันไปนั่งที่บันไดหน้าอ่างล้างมือ.....
“ไปโดนอะไรมา”ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้! ไปเหยียบใส่เศษแก้วมั้ง กูเดินหาห้องน้ำสะทั่วก็ไม่เจออะ เดินไปหลังตรงนั้นเศษแก้วอย่างเยอะ”มันชี้ไปทางหลังตึกซึ่งนั้นมันเป็นที่เก็บขยะ ผมว่าแล้ว ผมก็ค่อยๆถอดรองเท้าให้มัน แล้วถอดถุงเท้า คือมันร้องแบบว่าเหมือนจะตาย พอถอดมาได้ก็ดูแผล โอ้โห! ใต้เท้ามันมีร้อยแก้วกับรอยตะปู ผมลองหงายรองเท้าดู ตะปูยังคาอยู่เลย เศษแก้วด้วย
“ไหวไหมจะล้างน้ำให้ก่อนนะ” มันก็พยักหน้า ผมก็เอาขันในห้องน้ำ มาเติมน้ำแล้วก็เอามาราดล้างแผลให้มัน มันร้องคำรามอยู่ในลำคอ คงเจ็บมาก
“เดี๋ยวจะเอาผ้าผันให้ก่อนนะ แล้วเดี๋ยวจะพาไปห้องพยาบาล” มันก็พยักหน้าไม่พูดอะไร ผมก็เอาผ้าเช็ดหน้าของผมมาพันหุ้มเท้ามัน หลังจากนั้นก็พยุงมันไปห้องพยาบาล คือแขนข้างนึงก็โอบพยุงมัน อีกข้างก็ถือรองเท้าหนังของมันหนักมาก คนแถวนั้นก็มีน้ำใจกันมาก เห็นนะแต่ไม่มีใครช่วย ผมก็พยุงไปจนถึงห้องพยาบาล ก็บอกครูไปว่าโดนนั่นนี่มา ครูก็ล้างแผลทายาอะไรให้ ครูบอกว่าแผลแค่บาดๆไม่ลึกอะไรมากทายาพันแผลเดี๋ยวก็หาย ผมก็นั่งดูมันแปปนึง...........
“ไม่ร้อนหรอ? ถอดผ้าออกก็ได้มั้ง?” ผมบอกมันด้วยรอยยิ้ม
“อย่ามายุ่งน่า” มันยังคงพูดด้วยเสียงรำคาญ คือขอบคุณก็ไม่มีแถมยังมาพูดจาแบบนี้อีกผมก็ยิ้มให้มันไปนั่นแหละ
“โอเคๆ งั้นเราไปนะ” มันก็หันหน้าหนีผมก็ยิ้ม คนอะไรอวดดีสะไม่มี ไม่ไหวก็ยังปากแข็ง คิดแล้วยังขำอยู่เลย แล้วผมก็เดินออกห้องไปเลย......
“ทำไมมึง....” ผมดึงมือออกจากการจับของมัน
“มึงรู้ใช่ไหมวันนั้น ว่าคนที่ไล่มึงกับคนที่มึงทำแผลให้เป็นคนเดียวกัน” มันถามอย่างจริงจัง
“กะ...กูรู้ กูรู้ว่าคนที่กูช่วยในห้องน้ำวันนั้นคือคนทีตะคอกและผลักกูที่หลังเวที” ผมมองมันนิ่งๆ
“กูอยากขอโทษและก็ขอบคุณมึง ช่วงนั้นกูยอมรับเลยว่ากูเอาแต่ใจและขี้โมโหมาก” มันพูดขึ้น ก็เรื่องนี้ที่พ่อกับแม่มันเล่าให้ฟัง ก่อนจะเจอผมมันเป็นประเภทเด็กเก็บกดเอาแต่ใจ
“อยะ...อย่าบอกนะ ว่าที่มึงทำกับกูทั้งหมด เพราะแค่มึงรู้สึกผิด!” ผมมองมันแล้วถามนิ่งๆ
“ไม่ใช่นะเว้ย! มึงอย่าเพิ่งเข้าใจผิด กูชอบมึงจริงๆนะ!” อ้อมมานั่งข้างผม ตอนนี้ก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟแล้ว ผมเริ่มจะสับสนแล้วสิ
“กูว่านะสิงโต มึงแค่รู้สึกผิดหรือเปล่า ถ้ามึงรู้สึกแบบนั้นมึงบอกกูตรงๆก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำเหมือนชอบเหมือนจะใส่ใจกูแบบนี้หรอกวะ” ผมเสียความรู้สึกมากนะ
“ไม่ใช่ มึงฟังดีๆตั้งแต่วันนั้น กูก็อยากจะขอบคุณมึง แต่กูก็ปากแข็งไม่กล้าพูด กูก็เลยติดตามดูมึง จนกูก็รู้สึกอิจฉาคนรอบข้างมึง ทำไมใครๆอยู่ข้างมึงมึงก็ดูมีความสุขวะ มึงทำยังไง แล้ววันนั้นมึงโดนกูพูดขนาดนั้นแต่มึงก็กลับยิ้มให้กูได้อยู่ แล้วก็อีกหลายๆอย่างเลยนท มึงก็เห็นไม่ใช่เหรอรูปที่พ่อกูเอาให้มึงดู กูแอบไปถ่ายมึงในหลายๆที่เลยนะเว้ย!” มันพูดอย่างรนๆ
“พอเถอะวะ กูว่ากินก๋วยเตี๋ยวเถอะเดี๋ยวมันจะอืดหมด” ผมก็จับตะเกียบกับช้อนแล้วกินไป
ผมควรรู้สึกยังไงดี ผมไม่แน่ใจแล้วที่มันบอกว่าชอบผมนั่นคือเรื่องจริงหรือเปล่า แต่จะใช่หรือไม่แล้วทำไมผมต้องรู้สึกละ เฮ้อ! ผมก็กินไป ไอสิงโตก็นั่งกินเงียบๆ ตอนนี้ผมจมอยู่กับความคิดตัวเอง ผมไม่รู้ว่ามันอาจจะแยกแยะไม่ออกหรือเปล่า ความรู้สึกผิด กับ ความชอบ? แล้วเรื่องที่มันอยู่กับผมทุกวันนี้ล่ะ? ผมสับสนไปหมด ผมก็นั่งคิดไปจนได้เวลากลับมันก็ไปส่งผมที่บ้าน........
“นท กูยืนยันนะว่ากูชอบมึง กูไม่ได้โง่ ที่จะไม่รู้ว่าอะไรคือความรู้สึกผิดอะไรคือความรู้สึกชอบ ตอนนี้กูรักมึงไปแล้วด้วยซ้ำนท” มันพูดอย่างจริงจัง แล้วหนักแน่น
“กูขอเวลาคิดหน่อยนะมึง กูสับสนไปหมดแล้ว….” ผมก้มหน้า ผมควรจะรู้สึกยังไงดี เฉยๆหรือ?
หมับ! ไอสิงโตลากผมเข้าไปในบ้าน ทักทายคนในบ้านนิดหน่อยมันก็ลากผมขึ้นห้องนอนแล้วล๊อค....
“มึงจับนี่นท” มันดึงเอามือขวาผมไปจบอกซ้ายมัน “ทุกครั้งที่กูอยู่กับมึงกูรู้สึกหวั่นไหว และใจของกูก็สั่นนตลอดเวลา แล้วกูก็ไม่เคยทำเพราะรู้สึกผิดด้วย กูว่ากูอาจจะหลงรักมึงตั้งแต่วันนั้นแล้วก็ได้ เพราะตั้งแต่วันนั้น กูก็ตามมึง อยากรู้ว่ามึงเป็นคนยังไง อยากรู้ว่ามึงจะยิ้มให้คนอื่นแบบยิ้มให้กูในวันนั้นไหม อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมันไว้
“มึงมีความสุขไหมที่ได้อยู่กับกู” ผมถาม มันโน้มหน้ามาหอมแก้มผม
“มีความสุขมาก” มันพูดแบบจริงจัง
“แล้วมึงทำไมไม่บอกกูตั้งแต่แรก....เรื่องนี้” ผมถามมันอย่างสงสัย มาบอกผมตอนนี้ต้องการอะไร
“ที่กูไม่บอกมึงตั้งแต่แรกนั้นก็เพราะ กูอยากให้มึงมั่นใจว่ากูชอบมึงจริงๆ และเรื่องที่กูเล่าก็เป็นเรื่องที่กูเจอกับมึงครั้งแรกจริงๆ และนั่นมันทำให้กูไม่ลืมมึงจริงๆ” พูดแบบจริงจัง น้ำเน่าจัง
“มึงดูละครมากไปสิงโต มึงชอบกูตั้งแต่ตอนนั้น แล้วมึงหายไปไหนมาวะ เพิ่งโผล่หัวมาอะ!” ผมถามอย่างสงสัย
“เพราะกูไม่ได้ชอบผู้ชายไง!” ผมชะงักไป “กูกังวลไปหมด กูกลัวว่ากูจะเป็นเกย์กูเครียด ถึงกูจะเครียดจะกลัวยังไง พอกูได้เห็นมึงทำไมกูรู้สึกสบายใจ ถึงจะเห็นแค่รูปก็เถอะ จนวันนึงก็ทนไม่ได้กูก็ไปปรึกษาแม่กู แม่กูบอกว่า ถ้าอยากมั่นใจก็ลองไปเจอมึงไปคุยไปทักทายดู ถ้ามึงทำให้กูหวั่นไหว ทำให้กูคิดถึงหนักกว่าดูรูป นั่นก็คือความโหยหา...” พูดแบบไปเอาบทประพันทธ์ไหนมาเนี่ย
“ละ...แล้วยังไงต่อ” ผมถามอย่างอึกอัก
“และตอนนั้นกูก็เห็นไอมิน เพื่อนในหมู่บ้านแทบจะไม่เคยรู้จักกันเลยด้วยซ้ำ มันมีเฟสกูเพราะกูมีของที่เด็กแถวนั้นอยากได้ เกมส์ของเล่นทั้งหลายที่กูไม่ใช้ กูก็จะเอาไปให้พวกนั้นแหละ ไอมินมันเลยมีเฟสกู กูเห็นมันถ่ายรูปกับมึง กูก็เลยทักไปถามมัน และหลังจากนั้น ที่เอ็มเค ที่กูได้เจอกับมึงครั้งที่สองไง” มันพูดแบบซีเรียส
“แล้ว?” ผมทำหน้าอึนๆ งงไปหมด ซับซ้อนดี
“กูเลยมั่นใจมากขึ้น เพราะมึง เป็นคนที่ทำให้กูหวั่นไหว กลับบ้านมาวันนั้นกูก็เอาแต่นอนคิดถึงมึง กูเปลี่ยนไปเพราะมึง” ผมยังไม่ได้เอามือออกจากอกมัน ใจมันเต้นแรงมากมาย ผมกลัวว่ามันจะหลุดออกมากองอยู่ตรงพื้นห้องผมเนี่ย
มันกำลังสาระภาพรักกับผม?....
“กะ...กูเข้าใจละ... อุ้บ!” มันจับหน้าผมแล้วประกบจูบทันที ผมตกใจไปหน่อย
มันทำให้ผมมั่นใจจริงๆว่ามันรักผม ที่ผมต้องสับสนเพราะแค่กลัวว่ามันรู้สึกผิด เลยยอยากทำให้ผมรู้สึกดีเลยต้องมาทนคบกับผมเท่านั้นเอง และถ้ามันมาทำดีเพราะรู้สึกผิดผมบอกเลยว่าพลาดมาก มันจะเป็นการทำลายความรู้สึกผมแบบสุดๆ และแน่นอนว่าผมไม่ให้แม้แต่คำว่าเพื่อนกับมันหรอก...........
“มึงมั่นใจหรือยัง” ผละออกมา ผมก็ได้แต่พยักหน้าช้าๆ
“ขะ...ขอบคุณที่ทำให้กูมั่นใจ” ผมรู้สึกร้อนที่หน้าไปหมด
“แย่จัง! กูกะจะเอามาเป็นหัวข้อสารภาพรักสักหน่อย” (ยิ้มเขิน) “แต่ต้องเอามาเป็นหัวข้อแก้ตัวสะงั้น”
“สิงโต ถึงมึงจะแน่นอนและกูก็มั่นใจ มึงกะ....”
“บอกแล้วไงเรื่องไออ๊อฟช่างมัน กูไม่สน กูยังยืนยันคำเดิมทุกอย่าง เลิกพูดตอกย้ำสักทีได้ไหม” มันตัดบทผม แล้วพูดแบบจริงจัง
“กูกลัวว่าสุดท้ายถ้ามึงจะเจ็บปวด กูไม่อยากเห็นมึงแย่ เพราะมันจะทำให้กูโกรธตัวเองด้วย!” ผมพูดอย่างกังวล
“กูจะพูดวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายนะ” จับมือผมแน่น “กูจะรักกับมึงแบบนี้ และไม่ว่าสุดท้ายมึงกับกูจะเป็นยังไง จำสัญญาได้ไหม” ผมพยักหน้า “กูก็จะไม่ทิ้งมึงและมึงก็จะไม่ทิ้งกูจำได้ใช่ไหม นั่นแหละคือสิ่งที่กูจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย และหลังจากนี้มึงและกูจะรู้กันอยู่แก่ใจ อย่าได้กลัวว่าใครจะเจ็บปวด ไม่มีใครต้องเจ็บปวดทั้งนั้น เพราะผลสุดท้ายเราจะยังอยู่ด้วยกัน” พูดแบบหนักแน่น ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อย
“เข้าใจแล้ว” ผมโผลเข้ากอดมัน
“อย่าคิดมาก กูดีใจนะที่มีมึง ถึงมันจะเป็นความสัมพันธิ์แบบนี้ก็เถอะ” ผมกอดมันแน่นเลยขึ้น มันก็กอดผมแน่น
“กะ...กูก็ดีใจ” ผมผละออกมาแล้วจ้องหน้ามัน
เราคุยกันสักพักไอสิงโตก็กลับไป ผมก็นอนคิดไปมาเรื่องมันเยอะกว่าเดิม ผมกลัว กลัวว่าไอสิงโตมันจะผิดหวังในผลสุดท้าย อีกอย่างเรื่องอิงฟ้าอีก ตอนนี้มันหนักมากขึ้นทุกอย่างมันหนักแล้วจริงๆ มันคงจะไม่เคยมีคนไปทำดีกับมันในช่วงนั้น แล้วผมก็ดันไปใจดีผิดที่ผิดเวลา มันก็เลยถูกใจผมที่แม้ผมจะไม่เห็นหน้าหล่อๆของมันแต่ผมก็ทำดีกับมันซึ่งต่างจากคนอื่นๆที่เข้าหามันเพราะหน้าตาแหละฐานะ เป็นเรื่องที่ซับซ้อนจริงๆ
วันถัดมาผมก็ตื่นไปโรงเรียนตามปกติพี่โน้ตก็ไปส่ง พอถึงโรงเรียน ผมก็ไปหาเพื่อนๆ นั่งคุยกับเพื่อนนี่แทบจะไม่ได้คุย นั่งคิดอะไรไปทั่ว นึกขึ้นได้ผมก็เอาของฝากที่ไปกรุงเทพฯให้พวกมัน ดีใจกันใหญ่พูดกันอยู่นั่นแหละ......
“ปอ ไปส่งเข้าห้องน้ำหน่อย” ผมมันก็พยักหน้า
ผมกับปอก็เดินไปห้องน้ำกัน ยังไม่ถึงห้องน้ำผมก็หยุด ปอมันก็งงๆ...
“มีอะไรมึง?” มันถามอย่างสงสัย
“ปอกูจะปรึกษามึงเรื่องไอสิงโต...” ผมทำหน้าคิด
“เกิดอะไรขึ้นวะ?” ปอถามอย่างเป็นห่วง
“มึงว่ากูกับไอสิงโตมันจะเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่วะ” ผมถามอย่างเครียดๆ
“กูว่าแล้วว่าสักวันมึงต้องมาพูดเรื่องนี้ ทำไมวะมึงรำคาญมันแล้วเหรอ” ไอนี่นิ
“ไม่ใช่ มันเป็นเพื่อนที่ดีมากเลยนะเว้ย! กูกลัวว่าสุดท้ายแล้ว คนที่จะเจ็บปวดคือมัน กูกลัวว่าจะเสียเพื่อนดีๆไป” ผมพูดอย่างกังวล
“ง่ายๆเลยนะ มึงก็ทำแบบทุกครั้งไป อยู่เฉยๆ เครียดตอนนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์” ผมคิดตามมันก็จริง แต่มันก็อดคิดไม่ได้
“กูย้ำกับมันหลายครั้งแล้วนะมึง ว่ารักแบบนี้มันไม่โอเค มันก็ไม่ยอม แถมยืนยันหนักแน่นเข้าไปอีก” ผมบอกอย่างเครียดๆ
“ก็อย่างที่กูบอกไงเฉยๆไว้ก่อน เพราะถ้าถึงเวลาทุกคนก็จะรู้ตัวเองแหละ ว่าใครจะเลือกใคร” ผมมองมันอย่างงง “ และก็อย่าได้เครียด เพราะเรื่องพวกนี้อะ จะอยู่ให้มึงคิดมากไม่นานหรอก กูมีความรู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปเหมือนทุกครั้งแหละวะ” มันยิ่งพูดยิ่งงงๆ
“เออๆ ปกติเข้าไว้ใช่ไหม มึงจะอยู่ข้างกูใช่ไหมเมื่อถึงเวลานั้น” ผมถามอย่างกังวล
“มึงถามอะไรโง่ๆเนี่ย ไม่ว่ายังไง กูและเพื่อนๆก็อยู่ข้างๆมึงเสมอ โดยเฉพาะกูที่จะช่วยมึงในเรื่องนี้ด้วย” ผมมองมันอย่างสงสัย “หมายถึงช่วยพูด เพราะมึงก็บอกกูอยู่แค่คนเดียวนิจริงไหม” ผมก็พยักหน้า
เอาวะในเมื่อมันมาไกลขนาดนี้แล้ว ผมก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไป แล้วให้เวลาเป็นตัวตัดสิน ว่าใครจะเลือกใครอย่างที่ปอบอก เพราะก็จริง ผมเครียดไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มีแต่บั่นทอนจิตใจ ผมกับปอคุยกันอีกนิดหน่อยก็พากันไปหาเพื่อนๆ ผมเห็นพี่อ๊อฟเดินมากับยัยอิงฟ้า ด้วยท่าทีที่สดใสกว่าแต่ก่อน สงสัยมันจะทำตามที่ผมบอก และคงรอผมลงมือ ซึ่งตอนนี้ผมยังคิดไม่ออกเลย บ้าจริง!
พักเที่ยง ผมก็ไปหาไรกินกับเพื่อนๆตามปกติ จะว่าไม่ให้คิดมากเลยก็ไม่ได้นะ ขอเวลาสักนิด ขอเวลาให้มันเคลียล์พื้นที่ในสมองสักหน่อย.....
“เป็นอะไรวะมึง เครียดๆ” ไอมินหันมาถาม
“มีอะไรให้คิดนิดหน่อยวะ” ผมตอบอย่างไม่จริงจังนัก
“บอกพวกกูได้นะเว้ย! จะได้ช่วยกันคิด” ไอนัทบอกอย่างเป็นห่วง
“เออนั่นดิ เก็บไว้คนเดียวไม่ดีหรอก!” ไอวิวย้ำอีกครั้ง
“มันคงเครียดหลายๆเรื่อง พวกมึงหากิจกรรมช่วยมันดิ!” ไอปอนี่มันเจ้าเล่ห์นะ หาเรื่องให้ผมแล้วไง
แล้วมันก็คิดกันไป สรุปจะพาผมไปออกกำลังกายที่สนามกีฬาอีก ผมว่าก็ดีนะแถมยังดีที่วันนี้ใส่ชุดพละมากันอีก แต่บางคนอยากใส่กางเกงขาสั้น ดีที่วันนี้พี่ไอนัทมันว่างเลยเอามาให้ได้ บ้านไอนัทเปิดสนามบอลเทียม โรงยิมอะไรพวกนี้แถมยังขายอุปกรณ์กีฬาอีก พอขึ้นห้องผมก็พยายามตัดเรื่องไอสิงโตไปก่อน ก็พยายามคุยกับเพื่อนไปเรื่อย แต่....ไอสิงโตก็โทรมา.....
“ฮัลโหลครับ ที่รักทำอะไรอยู่” เอิ่ม!
“เกินไปจริงๆ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นทอย่าเครียดเลย กูไม่โอเคเลยนะ ถ้ามึงไม่เลิกคิดมากเรื่องกู วันนี้กูจะไปปล้ำมึงถึงที่บ้านแล้วนะ!” มันพูดขู่เสียงจริงจัง
“ไอบ้า!” เขินสิ มาพูดเรื่องบ้าอะไรตอนนี้
“เย็นนี้จะไปออกกำลังกายกันใช่ไหม เดี๋ยวกูเอากางเกงไปให้ มึงอย่าไปเอาของไอนัทมาใส่นะเว้ย!” ผมมองไปทางไอมิน มันรีบหลบหน้าผม
“สายของมึงจะรายงานละเอียดไปแล้ว มึงจ้างมันด้วยอะไร ถึงเชื่องขนาดนี้” ผมพูดเสียงดังตั้งใจให้ไอมินมันได้ยิน ไอมินมองค้อนผม
“ก็แค่ให้กระดูกควายสองสามก้อนเองมึง” มันพูดติดตลก แต่นั้นทำให้ผมขำจริงๆ
“55 กระดูกควายเลยเหรอวะ ไอมินไอสิงโตให้กระดูควายมึงเป็นอาหารเหรอ” ผมพูดเสียงดังไอมินทำหน้าเป็นตีนเลย
“แล้วมึงไม่ถามกูเหรอว่ากินข้าวหรือยัง” (เอิ่ม)
“กินข้าวหรือยังครับเสี่ย!” ผมประชดมัน ไอนี่มันว้อนทุกเรื่องจริงๆ
“กินแล้วครับ และกูก็รู้ว่ามึงกินแล้ว แต่กินได้นิดเดียว” ไอนี่มันละเอียดเกินไป
“ถ้าจะละเอียดขนาดนี้นะ” ผมพูดอย่างเซ็งๆ
“ไม่ละเอียดได้ยังไง มึงแฟนกูนะ!” มันพูดกวนประสาท
“คร้าบบ! รู้สึกว่าแฟนคนนี้จะดูแลผมดีจังเลย เมื่อไหร่จะมาขอแต่งงานสักทีละ” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ
“อยากแต่งเหรอ?” ไอนี่ดันจริงจังสะงั้น โถ่!
“อย่ามาทำจริงจังนะไอสิงโต เดี๋ยวมึงจะโดน!” ผมพูดเสียงแข็ง
ผมกับมันก็คุยกันไปสักพักก็วางเพราะครูเข้าสอนแล้ว ผมก็เรียนคาบบ่ายไป ก็อารมณ์ดีขึ้น อาจจะวางเรื่องไอสิงโตได้แล้ว แต่เรื่องยัยอิงฟ้านี่ต้องทำยังไง? พอเลิกเรียน...........
“นท มึงปิดเครื่องทำไม ไอสิงโตโทรหาไม่ได้เนี่ย!” ไอมินจะอารมณ์เสียเพื่อ? ผมมองมันนิ่งๆ เพราะโทรศัพท์ผมแบตหมดไปแล้ว
“มึงจะอะไรนักหนาไอมิน!” ไอปอถามอย่างรำคาญ
“เฮ้อ! ไปกันเถอะพวกมึง” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
เราก็พากันลงตึกไป พอลงมาได้ยังเดินไม่พ้นอาคาร ก็เห็นยัยอิงฟ้าเดินควงพี่อ๊อฟ เดินผ่านไป ผมก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้เคลียล์เรื่องนี้เลย แล้วจะไปออกกำลังกายเนี่ยนะ? ไม่ได้แล้วต้องทำอะไรสักอย่าง......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 24-09-2022 18:07:37
“พวกมึงไปรอหน้าโรงเรียนนะ กูจะไปเข้าห้องน้ำ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“เข้าห้องน้ำแน่นะ” ปอมองผมอย่างจับผิด
ผมก็แถไปทั่ว เพราะเมื่อกี้พวกมันก็เห็นอิงฟ้า พอพวกมันยอมไปได้แล้วผมก็เร่งตามพี่อ๊อฟไปเลย เพราะมันน่าจะเดินไปทางชมรม พอไปถึงก็จริงๆ นั่งจู๋จี๋เห็นแล้วหมั่นไส้เชียว ผมก็เดินไปหาเลยแต่เดินไปทางด้านหลังนะ.............
“อะแฮ่ม!” ผมเรียกร้องความสนใจสักหน่อย
“นท!” พี่อ๊อฟเรียกผมอย่างดีใจแล้วยิ้ม เห็นแล้วสงสารจัง
“นท มาทำไม!” นางทำไม่พอใจ ผมก็มองนิ่งๆ
“ขอคุยด้วยหน่อยสิอิงฟ้า” พูดด้วยดีๆ น้ำเสียงปกติ
“คุยอะไร?” อิงฟ้าทำหน้าสงสัย
“คุยเรื่อง...” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบมัน “เรื่องของพี่อ๊อฟยังไงละ” มันกระตุกเลย ผมก็ผละออกมา “จะคุยไหม” ทำหน้านิ่งๆ มันก็พยักหน้า
ผมก็เดินห่างออกมา มันคุยอะไรกับพี่อ๊อฟนิดหน่อยแล้วก็เดินมา แต่เดินมาแบบกล้าๆกลัวๆนะผมก็มองนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็ชะเง้อคอมองอย่างเป็นห่วง..........
“เป็นยังไงบ้าง คบกับพี่อ๊อฟ” ผมถามมันแบบนิ่งๆ
“กะ...ก็ดี เรารักกันดี” พูดอย่างมั่นใจ ผมก็มองมัน
“เหรอ? ได้ข่าวว่าพี่เขาไม่โอเคกับอิงฟ้า ดูๆเหมือนฝืนที่จะคบนะ” ผมพูดนิ่งๆแต่กดเสียงในบางช่วง
“พี่อ๊อฟไม่ได้ฝืน ช่วงนี้พี่อ๊อฟแค่ไม่สบาย อย่ามาพูดเลอะเทอะนะ” นางพูดอย่างไม่พอใจ ผมก็เลิกคิ้วมองมัน
“ถามจริงๆนะ ไม่รู้สึกอะไรเหรอที่ทำแบบนี้?” ผมถามมันอย่างเหลืออด
“ทำอะไร อิงฟ้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นแหละ” พูดอย่างไม่พอใจ
“พี่อ๊อฟไม่ได้ชอบผู้หญิง อิงฟ้าทำแบบนี้อะไม่รู้สึกอะไรเหรอ” มันทำหน้าไม่พอใจ “พี่อ๊อฟคบกับเราอยู่ดีๆ อิงฟ้าก็ไปปั่นเรื่อง เอาตัวเองเข้าแลกเพื่อจะแย่งพี่อ๊อฟไป” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมัน มันมองผมแบบอึ้งๆ เหมือนรู้ได้ยังไง “….ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ?” ผมถามแบบนิ่งสุดๆ
“มะ...ไม่จริง! พี่อ๊อฟชอบผู้หญิง และพี่อ๊อฟก็ข่มขืนอิงฟ้าแล้วด้วย ถึงนทจะมาพูดยังไงอิงฟ้าก็ไม่ยอมหรอก เพราะอิงฟ้ามีหลักฐานมัดตัวพี่อ๊อฟไว้แล้ว!” พูดอย่างรนๆ ผมก็มองนิ่งๆ
“นี่คิดว่าที่เรามาพูดวันนี้ เราไม่รู้อะไรเลยงั้นสิ!” มันมองค้อนผม “เรารู้หมดแล้วอิงฟ้า รู้ว่าไอหลักฐานที่อิงฟ้ามี มันเป็นแค่สิ่งที่อิงฟ้าสร้างขึ้นมา” มันมือสั่นเลยทีเดียว “เพื่อที่จะให้พี่อ๊อฟไปคบกับอิงฟ้าไม่ใช่เหรอ เราพูดถูกไหม” ผมมองมันแบบผู้ชนะ
“อย่ามาใส่ร้ายนะนท เราไม่คุยด้วยแล้ว!” กำลังจะหันหลังผมจับไว้ก่อน
“ถามจริงๆเถอะ ก็รู้อยู่ว่าพี่อ๊อฟคบกับเราทำไมถึงทำแบบนี้” มันก็มองผมแบบเหมือนเห็นผี“และสำคัญกว่านั้นเราไม่ใช่ผู้หญิงนะอิงฟ้า เราเป็นเกย์อิงฟ้าก็รู้ ! และที่พี่อ๊อฟมาคบกับเราอิงฟ้าก็รู้ใช่ไหม ว่าพี่อ๊อฟ ไม่ใช่ผู้ชายแล้ว” ผมบอกมันอย่างใจเย็น อีนี่ ถ้าพูดแบบรุนแรงกับมันมันจะไม่คุย ผมจับกึ๋นมันได้แล้ว
“พะ...พี่อ๊อฟกับนทแค่สนิทกัน พี่อ๊อฟอาจจะแค่เผลอตัวเท่านั้นแหละนท นทก็น่ารักนะ เห็นว่ามีเด็กโรงเรียน...มาจีบไม่ใช่เหรอ นทก็คบกับเขาไปสิ อิงฟ้าก็จะได้คบกับพี่อ๊อฟอย่างไม่มีปัญหา” โลกสดใสเพราะยัยนี่เหรอนี่
“เรามาพูดด้วยดีๆ ว่าจะปล่อยพี่อ๊อฟไปไหม” ผมปล่อยแขนจากมันแล้วกอดอก
“ไม่อิงฟ้าไม่ยอมหรอก!” ทำเสียงแข็ง
“อิงฟ้าก็รู้นะ ว่าคราวที่แล้วเรากับพี่พลอย เป็นยังไง” มันชะงักไป “เราก็ไม่ยอมเหมือนกัน!” ผมพูดเสียงดัง “และเราจะให้เวลากลับไปคิดนะ ไอคลิปกับรูปอุบาทว์นั่น จะจัดการแล้วปล่อยพี่อ๊อฟ หรือจะต้องมีเรื่องกับเรา เราใจเย็นไม่พอนะอิงฟ้า และที่คุยเมื่อกี้ มันน่ารำคาญ!” ผมเดินไปบีบแขนมัน “ทำเป็นพูดจาโลกสวย กระแดะสะไม่มี!” ผมมองมันตาขวางเลย มันทำหน้าเหมือนจะกลัวผมจริงๆ
“อิงฟ้าก็ไม่ยอมหรอก ถึงนทจะขู่อิงฟ้ายังไงอิงฟ้าก็ไม่ยอม อิงฟ้ารักพี่อ๊อฟ และไม่ว่ายังไง” มันผลักผมออก “อิงฟ้าก็จะทำทุกอย่าง นทก็อย่ามายุ่งกับอิงฟ้าและพี่อ๊อฟ ไม่งั้นอิงฟ้าก็จะไม่ใจดีกับนทเหมือนกัน!” โอ้ย! เจอแต่คนพูดไม่รู้เรื่อง
“ทำไม จะไปบอกทุกคนหรือยังไง ว่าเราบังคับให้ถ่ายคลิปกับรูปน่ะเหรอ? ดูละครมากไปหรือเปล่าอิงฟ้า ใครจะเชื่อห๊ะ!”ผมตะคอกมันไป ต้องคุยยังไง? หรือต้องลงไม้ลงมือก่อน
“นท!” ผมหันไปดู เฮ้อ! พวกเพื่อนๆกับพวกไอสิงโต เดินมากันเป็นแก๊งเชียว พี่อ๊อฟผมก็เห็นนั่งมองอย่างกังวลตอนนี้เดินมาแล้ว........
“นั่นไงนท คนที่อิงฟ้าพูดถึง ก็ดูเป็นห่วงเป็นใยนทดีนะ นทเลือกเขาเถอะ เลิกยุ่งกับพี่อ๊อฟเถอะนะ” นางพูดอย่างจริงจัง
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!” ผมกัดฟันพูด
คือผมพยายามพูดกับมันดีๆแล้วนะ แต่มันเล่นโลกสวยทำตัวบ๊องแบ๊วไม่รับไม่รู้อะไรแบบนี้ใครจะทน!......
“มีอะไรกันนท!” ไอสิงโตพูดเสียงแข็ง
“มึงมาทำไมไอสิงโต!” ไอพี่อ๊อฟนี่เสียงดังเลย
“กูมาพาแฟนกูกลับ! มึงก็ดูแฟนของมึงดีๆเถอะ!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“ไอสิงโต ไปกันเถอะ!” ผมรีบแยกมันมาก่อน เดี๋ยวมันจะพูดจนเสียแผนผมหมด
ผมก็ลากมันออกมา มีการตะโกนแหกปากด่าพี่อ๊อฟด้วยนะ ฝ่ายนั้นก็ใช่ย่อย ยอมกันที่ไหน คนก็มองกัน ตอนนี้มันยากกว่าที่คิด ทุกอย่างผมต้องทำแบบระวัง........
“พูดอะไรออกมาวะ!” ผมถามไอสิงโตอย่างไม่พอใจ ตอนนี้เรายืนกันหน้าโรงเรียน
“ก็กูพูดในสิ่งที่อยากพูดไง มึงจะโกรธทำไมวะ!” ไอสิงโตขึ้นเสียงใส่ผม ผมตกใจไปหน่อย มันไม่เคยทำแบบนี้กับผม
“อย่าทะเลาะกันดิวะ!” ไอโค้กจับไหล่ผม
“ไอสิงโต มึงก็เกินไป แค่นี้ต้องขึ้นเสียงใส่ไอนทนะมึง” ปอพูดเสียงติดไม่พอใจแล้วมายืนข้างผม
ผมก็ยืนจ้องมันอย่างนั้นแหละ มันก็ยืนมองผมนิ่งๆ ผมผิดใช่ไหมที่ผมไปไม่พอใจใส่มัน มันเป็นคนบอกเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่พูดอะไร แต่นี่มันเล่นพูดแบบนั้นออกมาแถมยังแสดงอาการอีก แผนผมจะพังไหม แล้วพี่อ๊อฟจะคิดยังไง?.......
“ขอโทษ กูขอโทษ....” ไอสิงโตพูดอย่างใจเย็น
“พวกมึงยังจะไปกันอยู่ไหม?” ผมหันไปถามเพื่อนๆผมอย่างใจเย็น
“แล้วแต่มึงเลยยังไงก็ได้ อะนี่พี่กูเพิ่งเอามาให้” ไอนัทยื่นกางเกงมาให้ผม ผมกำลังจะรับไอสิงโตก็กระชากไป
“กูเอามาให้แล้ว!” ไอสิงโตพูดเสียงดัง แล้วก็เอากางเกงคืนไอนัทไป ผมก็มองแบบไม่พอใจ
“ปะ...ไปกันเถอะเนอะ อากาศกำลังดี” ไอมิน มันพยายามจะพูดเพื่อให้บรรยากาศมันดีขึ้น แต่ผมว่าไม่เลย
เราก็พากันไป ผมก็ทำตัวปกติ ไปซ้อนไอสิงโต มันก็เงียบ พอมาถึงสนามกีฬาก็พากันไปหาที่วางกระเป๋าแล้วพากันไปเปลี่ยนกางเกง พวกไอโค้กนั่งรอกันอยู่ที่วางกระเป๋า ไอสิงโตก็ตามผมมาด้วย ผมก็ไม่พูดอะไร.........
“อะ” ไอสิงโตยื่นกางเกงให้ผม ผมก็รับมา
แล้วก็พากันเข้าไปเปลี่ยกางเกง พอเปลี่ยกันเสร็จก็ออกมา.........
“กางเกงสวยดีนะ!” ไอนัทพูดแดกดัน ผมรู้ไอนัทมันไม่พอใจที่ผมเลือกใส่ของไอสิงโต มันอุตส่าให้พี่มันเตรียมมาให้เนอะ เสียน้ำใจมันหมด
“เอ่อ นัทกะ.....”
มันเดินไปเลย มันงอลผมแล้ว โถ่! ชีวิต พวกผมก็เดินไป ไอสิงโตก็ไม่ห่างผมเลย ไอนัทก็งอลไม่เข้าใกล้ผม  และเราก็มาเดินวอร์มกันรอบสนามกีฬา....
“เอาไงละมึง ตอนนี้มีแต่เรื่องวะ” ไอปอพูดพร้อมทำหน้าเครียด เอาจริงๆคือผมควรเครียดนะ
“ทำยังไงดีวะมึง” ผมถามปออย่างกังวล
“ไปง้อไอนัทเลย” ดันผมไปทางไอนัท
ตอนนี้ไอสิงโตไปเดินกับเพื่อนๆมัน ผมก็พยายามเดินไปใกล้ๆไอนัท มันก็ไม่ยอมหนีห่างผมอย่างเดียวคืออะไร....
“นัท อย่างอลดิว้า! กูก็อยากใส่กางเกงของมึงนะเว้ย!” ผมพูดอย่างกังวล
“เรื่องของมึง!” ไอนัทพูดอย่างไม่พอใจ แล้วก็เดินนำไปเลย
“มึงก็เนอะ มันงอลแล้ว ง้อยังไงละเนี่ยมึงก็รู้อะไอนัทอะ” ไอวิวทำหน้าหนักใจ ใช่แล้ว ไอนัทมันจะงอลจะโกรธคนน้อยมากแต่ถ้าได้งอลนะ ง้อไปเถอะ ง้อจนเบื่อกันไปเลย
“เอายังไงมึง ไอนัทมันงอลมึงด้วย พวกกูไม่เกี่ยวน้า!” ไอมินไอเวรนี่มันก็กวนตีนจัง
ผมก็วิ่งไปหามัน มันไม่หนี และก็ไม่คุยทำเป็นไม่ได้ยินที่ผมพูด ต้องทำยังไงละเนี่ย โถ่!.....
“นัทหายงอลเถอะนะ กูจะไปเปลี่ยนกางเกงแล้วโอเคไหม” มันก็ไม่ฟังทำเป็นไม่ได้ยิน “ปะ...ไปส่งกูเปลี่ยนหน่อยน้าๆๆ”ผมจับข้อมือมัน มันก็ไม่หยุดเดิน
“น่ารำคาญวะ!” โอ้โห! โดนมันตอกหน้าเลย ทีนี้
“มึงรำคาญกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ!” สะเทือนใจจริงๆ
มันก็มองนิ่งๆ ผมก็พูดไปทั่ว มันก็ยังไม่หาย เราก็เริ่มออกวิ่งกันแล้ว ก็วิ่งกันไป จนเหนื่อยก็หยุดพักกัน..........
“อะ” ไอสิงโตยื่นน้ำมาให้ผม ผมก็งงนะว่ามันไปเอาไหนมา แต่ช่างเถอะเหนื่อยก็กินก่อนแล้วกัน
แล้วพวกไอโค้กก็แจกจ่ายน้ำให้เพื่อนๆผม ไอนัทก็ยังไม่หายโกรธทำยังไงดีละ?......
“นัท อย่าโกรธกูดิ มึงให้ทำอะไรกูยอมหมดแล้วนะๆๆๆๆ อย่างอลเลยนะ” ผมเดินไปนั่งข้างมันแล้วอ้อน มันก็ยังนิ่ง
“เกินไปแล้วมั้ง!” ไอสิงโตมันเหมือนจะพูดขึ้นลอยๆ แต่ผมก็รู้แหละว่ามันจะสื่ออะไร
“แฟนมึงจะโกรธนะ!” ไอนัทหันหน้าหนีผม
“ไอสิงโต มานี่เลยมึงอะ!” ผมมองมันตาขวางแล้วก็เดินห่างออกมาหน่อย มันก็เดินตามมา
“หายโกรธกูได้ยัง กูขอโทษ ขอโทษ” ไอสิงโตมันพูดอย่างจริงจัง
“กูยังไม่หายโกรธมึงหรอก เดี๋ยวนี้คือขึ้นเสียงใส่กู? อีกหน่อยมึงไม่ตบตีกูเลยเหรอ” ผมถามมันอย่างหาเรื่อง
“ก็เพราะมึงเลยนท กูเป็นห่วงมึงแต่มึงดันไปปกป้องไออ๊อฟอีก มึงก็เห็นว่ามันเข้าข้างผู้หญิงคนนั้น มึงจะไม่ให้กูโมโหมึงเลยใช่ไหมวะ” มันพูดแบบจริงจัง
“ความจริงมันมีเรื่องที่มึงไม่รู้ และที่กูต้องพูดแบบนั้นเพราะมึงกำลังจะทำแผนกูเสียนะสิงโต” ผมพูดมันชะงักไปนิด
“แผนอะไร เรื่องอะไร มึงกำลังจะทำอะไรอีก!” มันทำหน้าสงสัย
“เดี๋ยวค่อยกลับไปคุยที่บ้านกูแล้วกัน!” ผมบอกมันยิ้มบาน และก็จับมือผม ตลอดอะ ขอให้ได้ถูกเนื้อต้องตัวหน่อย
“หายโกรธกูแล้วใช่ไหม” มันจับมือผมโยกไปมา ผมรำคาญจริง ถึงมันจะหล่อก็เถอะ
“เออๆ เห็นว่าเพราะเป็นห่วงกูหรอกนะ” มันยิ้มจนไม่เห็นลูกตาแล้ว “แล้วก็ตอนนี้มีหนักกว่าเรื่องกูกับมึงอีกนะ” ผมทำหน้าจริงจัง
“อะไร?” มันทำหน้าบ๊องแบ้ว
“ไอนัทมันงอลกู มึงไม่รู้เหรอเพราะเรื่องกางเกงมึงเนี่ย!”ผมพูดอย่างกังวล
“อะไรวะ แค่กางเกงเนี่ยนะ! มันจะอะไรนักหนา กูเห็นตั้งแต่วิ่งแล้ว หรือมันชอบมึง เดี๋ยวกูจะไปเคลียล์” มันพูดเองเออเองแล้วก็จะเดินไปผมก็จับมันไว้
“ไอสิงโต มึงฟังกูก่อน คือไอนัทมันไม่ค่อยงอลหรือโกรธใครหรอก แต่ถ้ามันงอลทีง้อยากชิบ คือกูจะบอกมึงว่า มึงอย่าเยอะ เพราะมึงเป็นคนก่อเรื่อง เก็ทไหม อยู่เฉยๆ ไม่ต้องพูดมาก กูจะง้อมันเอง” ผมชี้หน้าอย่างออกคำสั่ง
“อะไรวะ แค่เพื่อนงอลนะเว้ย! มึงอย่าจริงจังได้ไหม แบบนี้มึงก็ไม่มีเวลาให้กูเลยดิ ไม่เอาๆ ไปง้อกันที่โรงเรียนนู่น!” ผมเอามือตบหน้าผากตัวเองหนักมาก ทุกวันนี้คนที่พูดง่ายๆมีอยู่ม้ายยยยยย!
“เดี๋ยวมึงก็ไปส่งกูบ้าน และมึงก็โทรหากูวันละหลายๆเวลา นี่ยังไม่มีเวลาให้มึงอีกเหรอห๊ะ!” ผมพูดอย่างเหลืออด
“ไม่พอวะ ยิ่งตอนอยู่กับมึงกูยิ่ง.....” โน้มหน้ามาใกล้ๆ ผมถอยนิดนึงเพราะคนค่อนข้างเยอะ “ยิ่งอยากอยู่นานๆ” (ยิ้ม)
“อย่ามาน้ำเน่าไอสิงโต ทำตามที่กูบอกด้วย!” ผมชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ จริงๆก็เขินแหละแต่ก็กลบเกลื่อนไปก่อน
ผมก็เดินมาเลย ไอสิงโตก็เดินตามมาพูดจาบ้าบออะไรไม่รู้ พอถึงที่เพื่อนๆนั่งผมก็ไปนั่งข้างไอนัท ไอสิงโตก็ไปนั่งกับพวกไอโค้ก.........
“กินติมไหมกูเลี้ยง” ผมยิ้ม ไอนัทก็มองนิดหน่อย แล้วก็ก้มเล่นโทรศัพท์ไป
“นัทมึงก็อย่าไปงอลไอนทเลย มึงก็รู้ไอสิงโตมันเอาแต่ใจอะ” ไอปอพูดเบาๆ กลัวไอสิงโตได้ยิน555
“เออนัท นทมันง้อเยอะแล้วนะเว้ย! เดี๋ยวมันเบื่อมึงจะกร่อยเอานะ!” ไอวิวพูดติดตลก
“กูมันน่าเบื่ออยู่แล้ว ไม่เหมือนแฟนมันหรอก” ไอนัทพูดประชดประชัน
“นัทมึงอย่าใจร้ายดิ้ อยากให้กูทำอะไรบอกมาเลยเร็วๆ กูทำทุกอย่างเลยน้าๆๆๆ” ผมกอดแขนมัน
“ทุกอย่าจริงนะ!” มันถามนิ่งๆ แต่ยังคงเก๊ก!
“อื้ม อะไร ได้หมดเลย จะเลี้ยงข้าว หรือไอติมหรืออะไรก็ได้นะๆๆ กูขอโทษเรื่องกางเกงน้าๆๆ” ผมเขย่าแขนมัน
“อืมๆ” (ยิ้ม) “งั้น.....” โน้มมากระซิบผม... “ไปขอเบอร์ผู้หญิงคนนั้นให้กูหน่อย” ชี้ไปทางผู้หญิงเอ่อ น่ารักเลย แถมยืนกับผู้ชายอีกตังหากแฟนเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ผู้ชายดูน่าจะแก่กว่า ส่วนผู้หญิงน่าจะรุ่นพี่ผมมั้ง
“นัทเขามากับแฟนหรือเปล่าวะ ไม่ใช่มึงหาเรื่องให้กูโดนตีนเหรอ” ผมถามอย่างกังวล
“ไหนว่าทำอะไรก็ได้ไง!” มันก้มหน้าหงอยเลย ผมรู้สึกผิดแบบกะทันหันเลยทีเดียว
“กะ..ก็ได้มึง อย่านอยดิ แปปแล้วกัน” ผมก็ลุกขึ้น เพื่อนๆก็มองงงๆ
ผมก็เดินไปหาผู้หญิงคนนั้น เอ่อ ก็เงอะๆงะๆแหละ เพราะกลัวเขามากับแฟนผมยุ่งเลยนะ งานโดนตีนก็มาไง555...
“อะ...เอ่อขอโทษนะครับ” ผมเดินไปพูดใกล้ๆ เขาก็หันมา ผู้ชายคนนั้นก็หันมา
“คะ”  ผู้หญิงมองอย่างสงสัย
“อะ..เอ่อ พะ..พอดีเพื่อนผมอยากได้เบอร์อะครับ” บอกอย่างกล้าๆกลัวๆ ก็ดูไอผู้ชายคนนั้นมันมองผมดิ นิ่งเกิ้นน่ากลัว
“คนไหนอะคะ? ทำไมเขาไม่มาขอเอง” ผู้หญิงถามอย่างกวนๆ
“คะ...คือ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไรครับ” ผมยิ้มอ่อนส่งไป เกรงใจไอผู้ชายที่มากับเขาด้วย ถ้าเขามาคนเดียวหรือกับเพื่อนๆผมจะไม่พูดมากเลยนะแต่นี่ เอิ่ม! ผมก็กำลังจะเดินหันหลัง ก็มีมือมาจับแขนผมไว้
ผมหันกลับไปมอง เป็นผู้ชายคนนั้นเอง ผมนี่ปั้นหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว......
“เดี๋ยวสิ! จะเอาเบอร์ไม่ใช่เหรอ?” พี่ผู้ชายเขาพูดเสียงเข้มผมก็มองงงๆ
“ครับ?” ผมมองงงๆ
“ได้สิ อะนี่เบอร์เรา” ผู้หญิงหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนแล้วยื่นให้ผม ผมยิ้มกว้างเลย
“ขอบคุณครับ” ยิ้มพวกเขาก็ยิ้ม “คือพี่...เป็นแฟนกับคนนี้หรือเปล่าครับ” ผมถามแบบกล้าๆกลัวๆ
“คิดว่ายังไง? ถ้าคิดว่าเป็นแฟนแล้วยังกล้ามาขออีกเนี่ยนะ” พี่ผู้ชายทำเสียงกวนๆผมหน้าเสียเลย
“งะ...งั้นผมไม่เอาแล้วครับ ขอโทษด้วยครับ” ผมรีบยื่นกระดาษคืนเลย
แล้วแล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกัน ผมก็มองงงๆ.....
“ตลกอะไรกันอะครับ” ผมถามแบบสงสัย ผมไม่เห็นว่ามันจะน่าตลกตรงไหนแค่ถามเอง
“นี่พี่ชายเรา ไม่เหมือนกันเลยเหรอ” ผู้หญิงพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
“มะ...ไม่นะครับ ไม่เหมือนเลย” ผมยิ้มอ่อนส่งไป ตกใจนิดๆ
“ทำหน้าตลกไปละน้อง55” ผมมองนิ่งๆเลย อารมณ์แบบกูเป็นตัวตลกของพวกมึงสินะ
“ขอบคุณนะครับ เพื่อนผมคนนั้นอะครับ ที่นั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์” ชี้ไปทางไอนัท พวกนั้นก็มองกันอยู่แล้วมันคงงงว่าผมทำอะไร “ที่มันให้ผมมาขอ” (ยิ้ม)
“ให้แอดไลน์มาก็ได้เนอะ” ยิ้ม มันง่ายแบบแปลกๆเนอะ
“ครับ ขอบคุณมากครับ” (ยิ้ม) “งั้นผมไปก่อนนะครับ” แล้วก็โบกไม้โบกมือ แล้วก็วิ่งกลับไปหาเพื่อนๆ
ผมหอบเลย อายก็อาย ไอนัทนะถ้ามันไม่งอลอย่าหวังว่าผมจะทำเถอะ....
“อะ” ยื่นกระดาษให้ไอนัท มันยิ้มเลย “เขาบอกแอดไลน์ไปก็ได้” แล้วก็นั่งลง
“ไปไหนมานท!” ไอสิงโตเสียงแข็งอีกแล้ว
“ไอนัทมันให้ไปขอเบอร์สาวให้” ผมยักคิ้วให้มัน มันก็พยักหน้ารับรู้
“เจ๋งวะ! นทขอให้กูบ้างดิ คนนั้นก็น่ารักนะ” ไอมินชี้ไปทางกลุ่มผู้หญิง
“พอเลย พวกมึงแมนๆกันหน่อยดิวะ กูก็อายเป็นนะเว้ย!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เออ ต้องแมนๆเว้ย! ไปเลยไอมินอยากได้ไปขอ” ไอวิวดึงไอมิน ไอมินก็รั้งตัวไว้
แล้วพวกมันก็เถียงกันไปแบบนั้นแหละ เราก็ไปเล่นบอลกัน จริงๆคนอื่นเขามาชวนไปเล่น เล่นได้แปปเดียวก็กลับ เพราะว่ามันจะค่ำแล้ว ก็แยกย้ายกัน พวกไอโค้กก็ไปส่งเพื่อนผมที่บ้านกัน ผมก็กลับกับไอสิงโต ระหว่างทางกลับมันก็พูดอย่างกับคนไม่เคยพูดเช่นเดิม ย่อยและย่อย พอถึงบ้านผมก็ลงรถ มันก็ลงตามมา.............
“ยังไม่กลับเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็มึงจะเล่าอะไรให้กูฟัง?” มันถามอย่างกวนๆ
ผมก็มองแบบเบื่อหน่ายจริงๆ ก็นึกว่ามันลืมไปแล้ว ไม่อยากให้มันรู้อะไรมากหรอก ผมก็พามันเข้าไปในบ้านคุยกับป๊าแม่พี่โน๊ตนิดหน่อยก็พาขึ้นบ้าน พอเข้าห้องนอนผมมา ผมก็เริ่มเล่าเรื่องที่พี่อ๊อฟโดนยัยอิงฟ้ามันทำไป มันก็ถามบ้างผมก็ตอบในสิ่งที่มันสงสัยไป พอเล่าจบ.........
“ก็เป็นแบบนี้แหละ” ผมพูดนิ่งๆ
“เออ ผู้หญิงก็แปลกเนอะ ผู้ชายมีเยอะแยะทำไมต้องมายุ่งกับไออ๊อฟก็ไม่รู้” มันทำท่าสงสัย
“มึงก็รู้เรื่องแล้ว อย่าเยอะเข้าใจไหมทีหลัง” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เออๆ แต่มันไม่เสี่ยงไปเหรอ ถ้ามึงไปยุ่งมากๆ มันอาจจะโยนให้มึงว่ามึงเป็นคนบังคับให้ทำก็ได้นะเว้ย” มันพูดอย่างกังวล
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” ผมมองนิ่งๆ
“เออๆ แล้วแต่มึง! แต่ถ้ามีปัญหากูก็ไม่อยากให้มึงทำนะนท กูเป็นห่วงมึงนะ” มันจับมือผม
“กูรู้ แต่เรื่องแค่นี้เองไม่ใหญ่หรอก กูจัดการได้อยู่แล้ว” ผมพูดอย่างชิว ใจจริงก็แอบกังวลอยู่
“ให้กูช่วยอะไรไหม” มันถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ต้อง อย่าเข้าไปข้องเกี่ยวเยอะจะดีกว่า”(ยิ้ม)
ผมกับมันก็คุยกันไปสักพักมันก็กลับ พอมันกลับผมก็คุยอยู่กับป๊าแม่พี่โน้ตสักพัก ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้ไปนอนกับพี่โน้ต เพราะต้องโทรหาพี่อิฐบ้าง หาข้อมูลเพื่อนๆยัยอิงฟ้าบ้าง บางทีมันก็วุ่นๆกว่าที่คิด.......
อีกวันนึงผมก็ไปโรงเรียนตามปกติโดยมีพี่โน้ตไปส่ง พอไปโรงเรียนก็ไปนั่งเม้ามอยกับเพื่อนปกติ และก็เหนื่อยเป็นพิเศษต้องง้อไอนัท ดีมันยอมคุยด้วยบ้างแม้จะเย็นชาสุดๆก็ตาม จนขึ้นเรียนก็ไปเรียนกันตามปกติ.........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Oaokhodomo ที่ 29-09-2022 10:24:54
กำลังเข้มข้นเลย มาต่อนะครับ รอฉากพี่ดินกับพี่ไฟอยู่นะครับ :hao6:
คิดถึงบอร์ด gterday ขึ้นมาเลย
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:15:54
กำลังเข้มข้นเลย มาต่อนะครับ รอฉากพี่ดินกับพี่ไฟอยู่นะครับ :hao6:
คิดถึงบอร์ด gterday ขึ้นมาเลย

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:32:00
“เรื่องเมื่อวานนี่มึง...” อยู่ๆปอก็ถามขึ้นมาขณะเรียนอยู่
“อืม เดี๋ยวเล่าให้ฟัง”
ผมก็เรียนไป ก็พอคิดได้แล้ว ว่าจะทำยังไง เฮ้อ! พอได้เวลาพัก ปอก็ลากผมไปห้องน้ำ แล้วก็บังคับให้เล่าให้มันฟัง ผมก็เล่าไป มันก็อึ้งนะ ........
“แล้วอย่างนี้มึงจะทำยังไงวะ?” ปอถามอย่างกังวล
“กูก็พอคิดได้นะ แต่ไม่รู้ว่าจะดีไหม” ผมทำหน้าเครียด
เราคุยกันไปสักพักก็พากันไปกินข้าวกับเพื่อนๆ โดยที่ปอก็ยืนยันว่าจะช่วยคิดและแก้ปัญหา ปัญหานี้มันดูเหมือนง่ายๆ แต่ทำไมผมมองว่ามันดูยากจัง? เฮ้อ! พอกินข้าวเสร็จก็ต้องขึ้นเรียน และอีแนนก็วิ่งหน้าตื่นมาอีกตามเคย......
“นท มึงเห็นรูปนี้ยัง!”ยื่นโทรศัพท์มันมาให้ดู ผมตกใจสิ มันเป็นรูปที่พี่อ๊อฟกับยัยอิงฟ้าเอ่อ! นอนกอดกันอิงฟ้าไม่ใส่เสื้อด้วย คือถ้าไม่รู้ คนเขาคงคิดว่าทำอะไรกัน แบบเพิ่งเสร็จกิจ
“มึงไปเอามาจากไหน?!” ผมถามอย่างตกใจ
“ก็เพื่อนๆยัยอิงฟ้าน่ะสิ เอามาให้พวกกูดูบอกว่าอิงฟ้าเอามาให้ดู” อีวาสพูดขึ้น
“ถ้ามันไปถึงมือครูพวกมึงก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!” ผมพูดเสียงแข็ง
“ใจเย็นๆน่ามึง!” ปอจับไหล่ผม “แล้วทำไมพวกมันถึงเอามาให้พวกมึงดูละ?” ผมหันไปถามพวกอิแนน
“ก็พวกมันอะหมั่นไส้ยัยอิงฟ้าไง บังคับพี่อ๊อฟให้ทำตามที่มันบอกทุกอย่างเลยนะ แล้วมีการบอกว่ารูปนี้อะ พี่อ๊อฟขืนใจมัน!” อีแนนพูดแบบใส่อารมณ์ คงอินมากสินะ
พวกมันก็พูดกันไป ผมนั่งฟังแล้วก็หงุดหงิด อิงฟ้ามันเริ่มปล่อยข่าวแล้ว ผมว่าผมคงต้องเร่งจัดการแล้ว ยิ่งรอยิ่งจะมีแต่ผลเสีย! สักพักครูก็เข้าสอนผมก็เรียนไป พอเลิกเรียน ผมก็ตรงไปชมรมพี่อ๊อฟเลย โดยมีเพื่อนๆตามมา เพื่อนๆทุกคนในกลุ่มผมรู้หมดแล้ว ว่าเรื่องมันเป็นยังไงเพราะปอเล่าให้ฟัง และวันนี้ที่ผมมาชมรม ผมไม่ได้มาหาพี่อ๊อฟหรืออิงฟ้า แต่มาหาพี่เฟิส คนที่เป็นคนถ่ายคลิปและอยู่ในเหตุการณ์ และแน่นอนว่าตอนนี้พี่อ๊อฟกับอิงฟ้าไม่ได้อยู่ชมรมหรอก อิงฟ้ามันลากพี่อ๊อฟไปดูมันเต้น พอถึงชมรม ผมก็เข้าไปตามหาพี่เฟิส เพื่อนๆก็รออยู่ข้างนอก เพราะผมก็จำหน้าเขาไม่ได้หรอก ผมไปถามเอากับพี่ดาวก็เจอ เป็นรุ่นพี่เอ่อ....ทำไมผมไม่คุ้นเลย
“พี่ดาว ทำไมผมไม่เคยเห็นพี่คนนี้เลยละ” ผมถามอย่างสงสัย
“ไอเฟิสมันไม่ค่อยเข้าหรอกชมรม แต่มันฝีมือดีไงครูเลยอนุโลมให้” พี่ดาวพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็พยักหน้ารับรู้ถามอะไรพี่ดาวนิดหน่อย ผมก็เดินไปหาพี่เฟิสที่นั่ง สเก็ตภาพวาดจากในมือถืออยู่......
“พี่เฟิสครับ” ผมเดินไปนั่งข้างๆพี่เขา พี่เขาก็มอง “ผมนทครับพี่ เป็น..นะ น้องพี่อ๊อฟครับ” ยิ้ม เดาว่าพี่เฟิสคงยังไม่รู้ก็ดีแล้ว จะได้ง่ายไปหน่อย
“มีอะไร?” ถามได้ห้าวมาก คือทำหน้ากวนตีนด้วย
“พี่เฟิส ผมรู้เรื่องรูปกับคลิปที่อิงฟ้าให้พี่เฟิสถ่ายจากพี่อ๊อฟ..”มันมองผมแบบชะงักไปนิดแต่ก็ปรับสีหน้าปกติเหมือนเดิม
“ทำไมวะ?” มันมองอย่างสงสัย
“ตอนนี้พีอ๊อฟโดนอิงฟ้าแบลคเมล์เพราะรูปที่พี่ถ่ายให้ และตอนนี้ภาพมันก็เริ่มหลุดแล้ว” ผมพูดอย่างจริงจัง
“แล้วไงวะ? ไม่เกี่ยวอะไรกับกูสักหน่อย” มันพูดอย่างกวนตีนแล้วก็ก้มหน้าสเก็ทภาพต่อ
“พี่เฟิส ช่วยเป็นพยานให้พี่อ๊อฟหน่อยเถอะนะ ถ้ารูปพวกนั้นหลุดไป” ผมทำหน้าขอร้องมัน มันก็มองนิ่งๆ
“ถ้ากูไปเป็นพยานให้ไออ๊อฟ แล้วอิงฟ้าบอกว่ากูเป็นคนถ่ายกูก็ซวยอะดิ!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“พี่อ๊อฟบอกว่าพี่โดนบังคับนิ!” ผมพูดอย่างไม่ยอมมันชะงักไปนิด
“กูไม่รู้ !” มันทำลอยหน้าลอยตา ไอเวรนี่
“ช่วยเถอะนะพี่ พี่อ๊อฟก็เพื่อนพี่นะ” ผมบอกอย่างใจเย็น
“กูก็ห่วงตัวกู! วันนั้นมันก็ถ่ายกับกูไป มึงจะให้กูทำยังไงวะ!” มันกระชากคอเสื้อผมแล้วมาพูดใกล้ๆ ผมตกใจสิ
“แล้วพี่จะปล่อยให้มันขู่แบบนี้อะเหรอ” ผมพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง มีหลักฐานขนาดนั้น กูไม่อยากซวยวะ” มันทำหน้าขยาด
“งั้นร่วมมือกับผมก็ได้นะ ช่วยหน่อยนะๆ” เขย่าแขนมัน
“ไม่!” มันสะบัดแขนออก แล้วมองผมตาขวาง “กูว่ามึงเลิกยุ่งเถอะ ไม่งั้นมึงนั่นแหละที่จะซวยไปด้วย อิงฟ้ามันไม่ธรรมดาอย่างที่มึงคิดหรอกนะ!” มันพูดอย่างจริงจังแล้วลุกหนีผมไป
ผมก็มองมันเดินไป ไอพี่เฟิสก็โดน? โดนถ่ายยังไงวะ? แล้วผมจะทำยังไงละทีนี้ โถ่เว้ย! ผมก็มองตามไอพี่เฟิส แล้วทำไมมันต้องทำเหมือนกลัวอิงฟ้าขนาดนั้นด้วย ผมกำลังจะลุก พี่ดาวก็มาดึงแขนผมไว้แล้วนั่งลงข้างผม......
“เรื่องอิงฟ้า...ใช่ไหม” พี่เขาพูดแบบจริงจัง ผมก็พยักหน้า “อะนี่” พี่ดาวยื่นแฟรชไดร์ฟให้ผม “ตอนนี้นทไปเอาไออ๊อฟคืนมาเถอะ พี่ว่ามันไม่โอเคเท่าไหร่เลยวะ มันโครตซึมอะนท เหมือนโดนผีสิง” พี่ดาวพูดแบบจริงจัง แล้วพวกพี่ๆเขาก็มานั่งข้างๆผม
“ใช่นท พี่เห็นมานานแล้ว หมั่นไส้จริงยัยนี่ ทำเป็นใสๆ” พี่หนิงทำหน้าหมั่นไส้
แล้วพวกพี่เขาก็พูดกันไปในหลายๆเรื่อง ผมก็ฟังอย่าตั้งใจก็ประมานทั้งหมั่นไส้และรำคาญในความจู้จี้ของยัยอิงฟ้า ผู้หญิงคนอื่นเข้าใกล้ไม่ได้เลยนู่นนี่นั่น แล้วก็บลาๆๆๆจนมาหยุดอยู่เรื่องนึง.....
“หญิง มึงเล่าดิวันนั้นอะ เกิดอะไรขึ้น” พี่ดาวหันไปบอกพี่หญิง
“วันนั้น ใช่วันที่อิงฟ้ามันถ่ายคลิปหรือเปล่า แล้วพี่หญิง?” ผมมองอย่างสงสัย
“หญิงเป็นคนที่นอนห้องเดียวกับอิงฟ้า มันรู้ทุกอย่างเลยนะ แล้วก็มาบอกพวกเรา ที่พี่ไม่บอกนท เพราะกลัวนทจะเสียใจนะ” พี่ดาวมองผมอย่างจริงจัง เพราะพี่ดาวคอยบอกผมทุกอย่างช่วงที่พวกที่เขาไปทัศนศึกษา
แล้วเขาก็เริ่มเล่ากัน ซึ่งตอนนี้ไอพี่เฟิสเดินไปไหนไม่รู้แล้ว วันนั้นอิงฟ้ากับไอพี่เฟิส นัดอะไรกันไม่รู้ซึ่งพี่หญิงเขาก็สงสัยตอนแรกคิดว่าไม่มีอะไรแต่พอพูดถึงอะไรแอบถ่ายสักอย่าง พี่หญิงเขาเลยตามไปดู พออิงฟ้ากับเฟิสเข้าห้องไป พี่หญิงก็เริ่มรู้สึกว่ามันแปลกๆ เลยไปตามพี่หนิงกับพี่ดาวมาดู แต่ปรากฏว่าประตูล๊อค พวกพี่เขาเลยเข้าไปห้องข้างๆที่เพื่อนเขาอีกสองคนอยู่ซึ่งห้องข้างๆมันสามารถเชื่อมเข้าห้องพี่อ๊อฟได้ พี่เขาก็แอบไปเปิดดู ก็เลยเห็นทุกอย่าง ตั้งแต่การจัดฉากและให้ไอพี่เฟิสถ่าย ก็คือเหมือนที่พี่อ๊อฟเล่าเลย ผมก็อึ้งเลยสิ...........
“จริงๆดาวมันจะบอกนทตั้งแต่ตอนนั้นแล้วนะ แต่พี่ห้ามไว้” พี่หนิงพูด ผมก็มองแบบสงสัย “ตอนแรกพี่คิดว่ามันคงไม่มีอะไรมาก แต่มาตอนนี้พี่คิดว่าหนักนะ นทถึงขนาดต้องมาขอให้ไอเฟิสช่วย! คราวที่แล้วพวกพี่ก็พอรู้นะเรื่องพลอย พี่เห็นว่านทคงจัดการเองได้ไม่มีปัญหาอะไรก็เลยไม่ได้บอก กลัวว่านทจะเสียใจด้วย” พี่หนิงพูดแบบจริงจัง
“ตอนแรกผมก็จะจัดการเองแหละครับ แต่เพราะรูปและคลิปนั้น ทำให้ผมกลัวจะทำให้พี่อ๊อฟเดือดร้อนน่ะสิครับ ถ้าผมทำอะไรใจร้อนลงไป” ผมพูดนิ่งๆ
“เอาเป็นว่าพี่ช่วยได้เท่านี้นะ” ชี้มาที่เฟรชไดร์ฟในมือผม “ที่ไม่บอกเพราะพี่ไม่อยากยุ่งด้วยแหละ อิงฟ้าเป็นถึงหลาน ผอ. ที่ไปกับชมรมได้เพราะผอ.ให้ส่งชื่อมันไปด้วยนะสิ!” พี่ดาวพูดแบบไม่พอใจ ตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจอะไรแล้ว
ตอนแรกก็ไม่ค่อยพอใจในความคิดของพี่หนิงสักเท่าไหร่ที่ไม่ยอมบอกผมคิดว่าผมจัดการเองได้? ผมไม่ใช่ซุปเปอร์ฮีโร่นะ ที่จะจัดการไปได้ทุกเรื่อง แต่พอมาได้ยินว่าเป็นหลานผอ. อ๋อ ใช้อำนาจงั้นสินะ หึ! ผมคุยอะไรกับพวกพี่เขาอีกนิดหน่อย  ผมก็ลุกเดินออกไปหาเพื่อนๆ แล้วก็เล่าให้พวกมันฟังแค่เรื่องที่พี่เฟิสพูด พวกมันนี่เครียดแทนผมใหญ่เลย จริงๆไม่อยากปิดบังอะไรหรอก แต่เดี๋ยวเพื่อนๆจะซวยไปด้วย ถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นผมก็ขอเป็นคนเดียวแล้วกันที่เป็นคนผิด ไม่ได้อวดเก่ง มันเป็นเรื่องของผมกับพี่อ๊อฟ ถ้าเพื่อนๆจะเข้ามายุ่งและเดือดร้อน ผมไม่เอาหรอก ตอนนี้ผมอยากรู้แล้ว ว่าอะไรอยู่ในแฟรชไดร์ฟ...........
“มึงกูว่าไปปรึกษาพวกพิ้งไหม เพื่อนห้องมัน มันอาจจะช่วยได้นะ!” ไอวิวพูดอย่างใจเย็น
“มึงรู้ได้ยังไงว่าพวกนั้นจะช่วย และอีกอย่างที่อีแนนบอกว่าพวกมันเอารูปมาให้อีแนนดู ก็เพราะมันอาจจะรู้ว่า ยังไงๆ มันก็ต้องเอามาให้กูดู ใช่ไหม”มันทำท่าคิดกันแล้วก็พยักหน้า
“แล้วพี่อ๊อฟทำอะไรไม่ได้เลยเหรอวะ?” ไอนัทถามนิ่งอย่างสงสัย แต่ก็ก้มหน้าก้มตาเอาแต่จ้องมือถือ ไอนี่ถึงจะงอลแต่ก็ยังเป็นห่วงผมนะเนี่ย
“มันจะทำอะไรได้วะ แค่ขยับอิงฟ้าก็เกาะติดยิ่งกว่าเห็บหมาอีก!” ผมพูดอย่างหงุดหงิด
ผมกับเพื่อนๆก็ยืนคุยกันอยู่ด้านหน้าชมรมไอพี่อ๊อฟเนี่ยแหละ สักพักพี่อ๊อฟก็เดินมากับอิงฟ้า ตอนแรกอิงฟ้ามันเห็นผม มันดึงพี่อ๊อฟให้ แต่เหมือนพี่อ๊อฟไม่ยอม มันก็เลยต้องได้เดินมา พอมาใกล้ๆพี่อ๊อฟก็มองผมตาไม่วางเลย.....
หมับ!....ผมคล้องแขนพี่อ๊อฟเลย ทุกคนก็มอง ประมาณว่าผมจะทำอะไร....
“ปะ...”
“พี่อ๊อฟ เราไปหาไรกินกันเถอะ!” ผมพูดตัดบทอิงฟ้าด้วยน้ำเสียงที่สดใส และก็ยิ้มบานแบบไม่สนอิงฟ้า
“อะ เอ่อ!” พี่อ๊อฟแสดงท่าทีอึดอัดเล็กน้อย
“ไปเถอะน่า” ผมยิ้มแล้วก็ดึงพี่อ๊อฟมาเลย
อิงฟ้าหน้าเกือบคว่ำเพื่อนๆขำกันใหญ่เลยละ....
“ปล่อยพี่อ๊อฟเดี๋ยวนี้นะ!” นางพูดเสียงดัง แล้วมาดึงพี่อ๊อฟผมก็ไม่ปล่อย
ผมกับมันดึงกันไปมาพักนึงเห็นพี่อ๊อฟเริ่มเจ็บละ ผมก็ปล่อยมือพี่อ๊อฟ ยัยอิงฟ้าล้มไปกองอยู่กับพื้ ส่วนพี่อ๊อฟแค่เซๆ เพื่อนๆก็พากันยืนหัวเราะกัน พี่ๆในชมรมก็ออกมายืนดู...........
“เอางี้แล้วกัน” (ยิ้ม) “พี่อ๊อฟจะไปกับใครครับ” ผมยิ้มอย่างมั่นใจ พี่อ๊อฟมันเลิกลั่กนิดหน่อย
“พี่อ๊อฟ อิงฟ้าจะไม่พูดนะคะ!” นางพูดข่มขู่
“อะ เอ่อ” ทำหน้าคิดหนักเลยทีนี้
“ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นแหละ ไปกินติมกับผมดีกว่า” ไปคล้องแขนแล้วดึงมาเลย ยัยอิงฟ้าก็วิ่ตามมาคล้องแขน ศึกแย่งผู้ชายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“พี่อ๊อฟไปไหนอิงฟ้าก็จะไปด้วย!” พูดเสียงแข็งมองค้อนผม
“หน้าไม่อาย!” ผมพูดขึ้นลอยๆ แต่คงเสียงดังไปนิด
“นทนั่นแหละที่หน้าไม่อาย! มาแย่งแฟนอิงฟ้าทั้งๆที่มีแฟนอยู่แล้ว!” ผมมองมันตาขวาง แล้วหยุดเดิน ตอนนี้ก็เห็นเพื่อนๆตามมาไม่ห่าง
“ผู้หญิงอะไรน่าไม่อาย มาแย่งแฟนเกย์ หน้าด้านสะไม่มี!” ผมมองมันด้วยสายตาที่รังเกียจ
“พี่อ๊อฟไม่ได้เป็นเกย์ และพี่อ๊อฟก็ไม่ได้ชอบนทด้วย!” มันก็ไม่ยอม
“ใช่! พี่อ๊อฟไม่ได้ชอบกู แต่พี่อ๊อฟรักกู!” เสียงดังใส่มัน “ใช่ไหมพี่อ๊อฟ!” กระตุกแขนมัน มันมองผมแล้วยิ้ม
“ใช่! กูรักมึงนท” ยิ้ม ผมหันไปยิ้มเยาะให้อิงฟ้า มันทำหน้าเจ็บปวดและก็ปล่อยมือจากแขนพี่อ๊อฟ
“คงได้ยินชัดแล้วนะ! อ้อ” เดินไปหามันแต่มือผมก็ไม่ปล่อยจากพี่อ๊อฟนะ “แล้วรูปกับคลิปนั่น ไม่จำเป็นต้องจงใจเอามาให้กูดูหรอกนะ ถือว่ากูให้พี่อ๊อฟไปยืมเป็นนายแบบแก้เงี่ยนของมึงแล้วกัน เพราะมากกว่านี้อะ กูก็ทำกันมาแล้ว” ผมพูดกระซิบแล้วยิ้มอย่างสะใจให้มัน มันยืนกำหมัดแน่นเลย
“แล้วนทจะได้รู้!” นางกัดฟันพูด ตาเริ่มแดง
“ไม่มีอะไรที่ต้องรู้หรอกนะ เรื่องที่มึงต้องรู้ก็คือ มึงไปขู่อะไรไอพี่เฟิสไว้ตังหาก!” มันทำหน้าตกใจ “และจะบอกให้นะ อยากจะเอาคลิปกับรูปนั่นไปแขวนคอประจานตัวเองโชว์ที่ไหนก็เชิญ เพราะ....” เดินไปบีบแขนมัน มันก็พยายามดึงออก “กูไม่สนใจคนอุบาทว์อย่างมึงหรอก!” ผลักมันเกือบล้ม
“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟจะต้องรับผิดชอบอิงฟ้านะ! พี่อ๊อฟได้อิงฟ้าแล้วก็จะทิ้งหรอ!” นางเริ่มบีบน้ำตา
“อิงฟ้าแต่เราไม่ได้มีอะไรกันนะ” พี่อ๊อฟพูดอย่างลำบากใจ ดูเหมือนมันจะเห็นน้ำตาผู้หญิงไม่ได้สะด้วย
“แต่อิงฟ้ามีหลักฐานนะพี่อ๊อฟ อิงฟ้าจะเอาไปให้พ่อดู แล้วพี่อ๊อฟก็จะต้องรับผิดชอบ” น้ำตาไหล
“พอเถอะ อิงฟ้า ผู้ชายมีเยอะแยะ เสือกมาเลือกพี่อ๊อฟที่เป็นแฟนกู มึงบ้าป่ะ!” ผมเสียงดัง ตอนนี้คนเริ่มมอง แต่ก็ไม่มากเพราะมันเลิกเรียนแล้ว
“อิงฟ้าไม่ได้บ้า! นทนั่นแหละ! มาแย่งพี่อ๊อฟไป!” มันตะคอกผม
“รู้อะไรไหม” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆมัน ผมปล่อยมือจากพี่อ๊อฟแล้ว “มันไม่ได้อยู่ใครจะแย่งใครไปหรอกนะ แต่มันอยู่ที่ว่า พี่อ๊อฟจะเลือกใคร เท่านั้นแหละ!” ยิ้มเหยียด มันก็เช็ดน้ำตาล้วกๆ แล้วผลักอกผมให้ถอยห่าง
“อิงฟ้าไม่ยอมหรอก! แล้วนทคอยดูละกัน!” พูดจบมันก็วิ่งไปเลย
การทำแบบนี้มันอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะผลที่ตามมามันคงจะน่าปวดหัวไม่น้อย แต่ผมคงสติแตกแล้วจริงๆ ว่าจะหาวิธีที่มันดีกว่านี้แล้วเชียว ผมว่าพรุ่งนี้ผมอาจจะต้องมีปัญหา และแน่นอนว่าผมเตรียมรับมือไว้แล้วแน่ๆผมก็มองพวกพี่ๆในชมรมเฮกัน เหมือนดูมวย เพื่อนๆกับพี่อ๊อฟมองผมอย่างสงสัย พวกพี่ในชมรมเขาก็กลับเข้าไปในชมรมกัน........

“คืออะไรวะ นี่คือสิ่งที่มึงจะทำ? มึงทำตั้งแต่แรกก็ได้ ปล่อยให้กูอยู่กับมันทำไมตั้งนานวะ! กูทำอะไรไม่ได้สักอย่างเลย โถ่!”พี่อ๊อฟพูดอย่างหัวเสีย
“ใจเย็นๆ ผมก็เพิ่งได้ข้อมูลสำคัญมาเนี่ย! อย่าเพิ่งใจร้อนดิ”ผมพูด ในใจผมตอนนี้เริ่มมีความกังวลขึ้นมามากมาย
“ข้อมูลอะไรวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“พรุ่งนี้ถ้าอิงฟ้ามันเล่นตลกกับกู พวกมึงก็รู้เองแหละ แต่วันนี้ไปกินไอติมกัน กูเลี้ยงทุกคน” ผมพูดด้วยความอารมณ์ดีแล้วยิ้มบานออกมา
แล้วพวกมันก็บ่นผมกัน ผมก็แถไปทั่วแล้วเราก็พากันไปหาไอติมหน้าโรงเรียนกินกัน ตอนแรกพวกเพื่อนๆก็บ่นผม พอเห็นของกินเท่านั้นแหละ แทบไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเลย แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่ยอมกิน.....
“ทำไมไม่กิน?” ผมถามพี่อ๊อฟอย่างสงสัย
“มึงทำอะไรวะนท?” พี่อ๊อฟถามอย่างจริงจัง
“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย อย่าคิดมากน่า!” ยิ้ม ก็ผมไม่ได้ทำอะไรจริงๆนี่ พวกพี่ๆในชมรมต่างหากที่ทำ
พี่อ๊อฟก็ยังคงรัวคำถามใส่ผม  ผมก็ลอยหน้าลอยตากินไอติมไป จนเสร็จก็แยกย้ายกัน ผมก็เดินไปกับพี่อ๊อฟที่โรงรถ....
“เดี๋ยว!” ห้ามพี่อ๊อฟขณะที่พี่อ๊อฟกำลังจะขึ้นรถ “เอาผ้าใต้เบาะรถออกมาเดี๋ยวนี้เลย!” ผมพูดเสียงแข็ง
มันก็เปิดเบาะใต้รถหยิบผ้ามาให้ผม ผมก็ให้มันถือไว้ แล้วก็หยิบขวดน้ำของผมขึ้นมา เทราดทั้งเบาะรถเลย....
“นทมึงทำอะไรเนี่ย!” พี่อ๊อฟถามอย่างตกใจ
“ผมรังเกียจ ไม่อยากนั่งทับรอยอีเวรนั่น!” ผมพูดเสียงดัง
“เออๆ” มันพยักหน้ารับรู้พร้อมกับเช็ดน้ำที่เบาะ แล้วขึ้นรถ
ผมก็ขึ้นซ้อนมันก็ออกรถ ผมก็ดมเสื้อมัน ดมผมดมต้นคอมัน.............
“นทกูจั๊กจี๋วะ” มันดิ้นไปดิ้นมา
“ไปบ้านพี่อ๊อฟเลยนะ ผมจะไปดูอะไรสักหน่อย” ผมพูดเสร็จผมก็นั่งนิ่งๆ
ระหว่างทางมันก็บ่นอะไรไม่รู้ ผมก็ไม่ค่อยฟังหรอก พอถึงบ้านมัน ผมก็เข้าไปเจอพี่อิฐนั่งดูทีวีทักทายนิดหน่อยพี่อ๊อฟก็พาขึ้นห้อง หมับ!....
“กูโครตคิดถึงมึงเลยวะ!” มันกอดผมจากด้านหลัง
“อิงฟ้าได้มาที่นี่หรือเปล่า” ผมถามอย่างจริงจัง
“เห้ย! กูไม่ให้เข้าบ้านกูหรอก” ผมหันหลังไปมองมัน มันเลิกลั่กแปลกๆ จริงๆผมรู้อยู่แล้วเพราะพี่อิฐบอกว่าพี่อ๊อฟมันไม่ได้พาใครเข้าบ้านเลย
“แล้วได้ไปบ้านมันหรือเปล่า!” มันสะดุ้งนิดหน่อย
“คะ...แค่ไปสอนการบ้านนะ อย่าคิดไปไกล!” มันพูดแบบรนๆ ผมชี้หน้ามัน ประมานว่าบอกมาให้หมด “ก็ทำการบ้านละ... แล้วก็ไปนั่งเล่นบ้าง แต่กูไม่ได้เต็มใจนะเว้ย!” มันจับมือผม
“แล้วได้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้ไหม!” ผมพูดเสียงแข็ง
“ไม่มีจริงๆ บางทีก็แค่เกือบๆ” มันยิ้มอ่อนส่งมา
“ยังไง” ผมถามแบบข่มอารมณ์
“อิงฟ้าชอบมัดมือชก เอะอะ ให้หอมให้จูบ กูหลบทุกทาง ดีที่กูหลบได้ทุกครั้งไป” (ยิ้ม)
“แน่นะ!” มันพยักหน้ารัว “ก็ดีแล้ว” ยิ้ม พี่อ๊อฟมองผมงงๆ
“อะไรของมึง เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย” มันพูดอย่างสงสัย
“กลับแล้วดีกว่า พรุ่งนี้เอาโทรศัพท์ไปคืนมันด้วยนะ แล้วเอาของตัวเองกลับมาใช้ด้วย!” พูดจบผมก็หันหลังจะเดินออกประตู แต่พี่อ๊อฟมันจับผมแล้วลากมานั่งที่เตียง “อะ...อะไร?” ผมถามอย่างสงสัย
“มาแค่สอบสวนกูแล้วก็กลับ ไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ?” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์
“แล้วจะทำอะไร” ผมถามนิ่งๆ
“เรื่องของมึงกับไอสิงโตไง” ยิ้ม ผมถึงกับชะงักไปเลย
“รอให้เคลียล์เรื่องอิงฟ้าจบก่อนแล้วกัน เพราะพรุ่งนี้พี่อ๊อฟอาจจะเจอศึกหนัก” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“เฮ้อ!” มันล้มตัวนอนแล้วจับมือผม “มึงไม่คิดถึงกูเลยเหรอ?” หลับตาแล้วถาม
“คิดถึง....คิดถึงทุกอย่างที่เป็นพี่อ๊อฟ คิดถึงมากๆเลย” ผมล้มตัวนอนแล้วกอดพี่อ๊อฟ
“กูโครตจะคิดถึงมึง ช่วงที่อยู่กับอิงฟ้าเหมือนตกนรก” พูดแล้วลูบหัวผม
“เดี๋ยวผมจะพาขึ้นสวรรค์เอาไหม” ผมเงยหน้ามองมัน แล้วเอามือลูบเป้ามัน “โอ้โห! อะไรจะโด่แต่หัววัน” ผมยิ้มล้อมัน
“มันหลายวันแล้วนะ ถ้างั้น....” มันทำหน้าหื่น แล้วจะโน้มตัวมาหาผม
“อดไปก่อนนะ เพราะว่าผมมีอะไรจะต้องไปทำนิดหน่อย” ผมถอยห่างแล้วยิ้ม พี่อ๊อฟหน้าเจื่อนเลย จริงๆผมก็ว้อน แต่ขอเคลียล์อะไรให้มันเสร็จก่อนแล้วกัน ค่อยจัดหนัก
“ทำอะไรวะ?” มันถามอย่างสงสัย
“เอาน่า พี่อ๊อฟพักผ่อนไปเลย เดี๋ยวผมต้องกลับแล้ว” ผมลุกขึ้น
พี่อ๊อฟก็ดึงมือผมเอาไว้ และก็เซ้าซี้จะไปส่งให้ได้ ผมก็ยอมๆไป พอไปส่งก็จะเข้ามาเล่นบ้านผมอีก ผมก็เบื่อจะพูด มันก็เข้ามา วันนี้พี่โน้ตกลับดึกแม่เห็นพี่อ๊อฟตกใจไปนิดแต่ก็ปรับตัวปกติสุดๆ มาคุยเล่นสักแปปแม่พี่อ๊อฟก็โทรตามมันก็กลับไป ผมก็ขึ้นบ้านเปลี่ยนผ้าและ เปิดคอมเอาแฟรชไดร์ฟขึ้นมาเสียบดูสักหน่อย เป็นคลิป? ผมก็คลิกเปิดดู.......
“พี่เฟิสถ่ายรูปกับคลิปของอิงฟ้ากับพี่อ๊อฟให้หน่อย”พูดแล้วยื่นกล้องให้พี่เฟิส พี่เขาก็รับด้วยท่าทางนิ่งๆ ในภาพเห็นไม่ชัดเจนเท่าไหร่ มันแอบอยู่ตรงมุมแบบสุดๆ และดูจากคุณภาพวีดีโอน่าจะเป็นกล้องโปรด้วย คงต้องหลบแบบสุดๆสินะ พี่หญิงสุดยอดเลย
“เดี๋ยว! จะถอดเสื้อทำไม?” พี่เฟิสหันหน้าหนีจากอิงฟ้า เพราะตอนนี้อิงฟ้าน่าจะถอดเสื้อแต่ในวีดีโอไม่เห็นเพราะมันอยู่ในมุมอับ
“อิงฟ้าแค่จะทำอะไรสนุกๆ พี่เฟิสแค่ถ่ายๆไปเถอะน่า!” อิงฟ้าพูดแบบไม่พอใจ แล้วหลังจากนั้นอิงฟ้าก็ขึ้นเตียงไป พี่เฟิสก็เริ่มถ่ายโดยมีอิงฟ้าคอยสั่งให้ทำแบบนู้นแบบนี้ไปจนจบคลิป เห็นแล้วสมเพชจริงๆ ต้องขอบคุณพี่ดาว และพี่หญิงอย่างมาก ที่ให้ของที่เป็นประโยชน์ต่อผมแบบนี้ จริงๆไม่มั่นใจหรอกว่าจะได้คลิปที่เกินคาดมา เพราะใจก็หวั่นๆ ว่าสิ่งที่ได้มาอาจจะเป็นประโยชน์ก็จริงแต่ไม่คิดว่าจะมากพอขนาดนี้ ส่วนไอพี่เฟิสน่ะเหรอ ผมก็จะเอาให้มันรู้ว่ามันเข้าข้างคนผิด ผมก็เสริชหาเฟสมันจากเพื่อนของพี่อ๊อฟ แล้วก็ส่งข้อความไป.....
ผม : พี่เฟิส ผมนทเองนะ(อ่านเร็วมาก สงสัยกำลังเล่นอยู่ แต่ผมไม่ได้แอดเฟรนด์ไปนะทักข้อความไปเฉยๆ)
พี่เฟิส : ทำไมอีก?
ผม : ผมให้โอกาสพี่อีกครั้ง พี่จะเป็นพยานให้ผมหรือไม่?
พี่เฟิส : ไม่ และไม่ต้องมาคุยกับกูเรื่องนี้อีก เพราะกูไม่เกี่ยวข้อง!(ตอบแบบไม่คิดเลยสินะ)
ผม : โชคดีครับ บาย(แล้วก็บลอคเพื่อนมันไป พร้อมกับออกจากเฟสไป)
ผมก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รู้สึกโล่งจริงๆ แต่ก็ไม่แน่ บางทียัยอิงฟ้าอาจจะมีลูกเล่นเตรียมไว้ให้ผมก็ได้ ผมต้องไม่ชะล่าใจ พอเคลียล์อะไรเสร็จผมก็ลงไปกินข้าวและก็คุยกับป๊าแม่และพี่โน้ตนิดหน่อย ก็ขึ้นนอน โดยพี่โน้ตเริ่มงอแงแล้วเพราะผมไม่นอนกับพี่เขามาหลายวัน วันนี้จึงต้องไปนอนเดี๋ยวเขาจะงอนเอา
พอมาอีกวันผมก็ทำตัวปกติเตรียมตัวไปโรงเรียน แต่......
“นทอ๊อฟมารับไปโรงเรียนนะ” แม่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ไหน ขอดูหน้าไออ๊อฟหน่อยดิ้” พี่โน้ตเดินออกไปเลย ผมก็รีบวิ่งตามไป
“พี่โน้ตสวัสดีครับ” พี่อ๊อฟทักทายพี่โน๊ต
“มึงเองเหรอ ที่ทำให้น้องกูคิดมากอะ!” พูดเสียงแข็ง พี่อ๊อฟนิ่ง
“พี่โน๊ต! ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ “นทไปแล้ว จุ๊บ!” กระโดดหอมแก้มพี่โน้ต แล้วก็ขึ้นซ้อนรถพี่อ๊อฟ “ไปเลย!” ยิ้ม แล้วโบกมือให้พี่โน้ตที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่หน้าบ้าน
ระหว่างทางผมก็เล่าเรื่องที่พี่โน้ตกลับมาอยู่บ้านให้พี่อ๊อฟฟัง พี่อ๊อฟเขาก็เออออรับรู้ พอถึงโรงเรียนผมกับพี่อ๊อฟก็แยกย้ายกัน แต่ผมไม่แยกสิ ผมแอบตามพี่อ๊อฟไปดู ผมอยากรู้นักว่ายัยอิงฟ้ามันจะทำอะไรหรือเปล่า และมันก็จริง ยัยอิงฟ้าไปนั่งรอพี่อ๊อฟกับพวกพี่โอม หน้าไม่อาย ไปนั่งอยู่กับกลุ่มผู้ชายหน้าตาเฉย พอมันเห็นพี่อ๊อฟรีบวิ่งไปหาทันที ไม่รู้พูดอะไรทำหน้าทำตาตอแหลเหลือเกินเห็นแล้วหมั่นไส้ชะมัดยาก ผมดูไปสักพักก็ไปเข้าแถว เพราะออดดังแล้ว เพื่อนๆบ่นผมอีกแล้ว ผมก็แถๆไป พอขึ้นห้องเรียน มาแล้วนังตัวดีย์........
“นทบอกให้พี่อ๊อฟเอาโทรศัพท์มาคืนเราใช่ไหม!” โวยวายเลยสินะ คนก็มองกันเต็มไปหมด ผมก็นั่งมองมันนิ่งๆ
“โทรศัพท์ก็ของพี่อ๊อฟนะอิงฟ้า ถ้าเขาจะทวงคืนก็ไม่แปลกหรือเปล่า?” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก้มหน้าดูหนังสือเรียน
พรึ่บ! ตุบ! มันหยิบหนังสือผมเขวี้ยงลงพื้น ผมหันมองมันตาขวางแล้วลุกขึ้นเลย กล้ามากนะ!.....
“จะเอายังไงวะ!” ผมตะคอกเสียงดัง แล้วจะเดินไปหามันแล้วปอดึงไว้
“แล้วจะทำไม อิงฟ้าจะทำแบบนี้”ทำหน้าเหมือนนางร้าย “และก็จะทำแบบนี้ โครม!” พลักโต๊ะเขียนหนังสือผมล้มคว่ำเสียงดังเลยทีเดียว
“ทำอะไรกัน!” ครูสิครูวิชาภาไทยเป็นครูที่ผม เอ่อ! ไม่ชอบหน้าแกสักเท่าไหร่ เดินมาแล้วถาม เพราะคนเริ่มมุงกันเยอะแล้วไง
“ครูคะ คนนี้เขาจะทำร้ายหนูค่ะ” มันตอแหลเสร็จแล้ว เดินไปหลบหลังครู
คือเพื่อนทั้งห้องมองมันแบบเอือม คือพ่อมันคงเป็นผู้กำกับจริงๆ.....
“นี่เธอจะทำร้ายผู้หญิงเหรอ!” เดินมาตรงหน้าผมแล้วขึ้นเสียงใส่ผม
ผมก็มองนิ่งๆไปทางยัยอิงฟ้า ผมไม่ได้ตอบและผมก็ห้ามเพื่อนๆด้วยสายตาไว้ตอนพวกมันจะตอบแทน ผมเดินไปทางหน้าครูแล้วก้มเก็บหนังสือ และยกโต๊ะขึ้นและมองไปทางครูกับอิงฟ้าแบบกวนๆแล้วนั่งลงกับที่.....
“เธอไม่ได้ยินที่ครูถามหรือยังไง!” ครูขึ้นเสียงใส่ผมอย่างต่อเนื่อง
“ก็แล้วครูเห็นหรือเปล่าละครับ ว่าผมทำร้ายผู้หญิง” พูดแบบเน้นเสียงบางช่วง
“นี่เธออย่ามายอกย้อนนะ! อย่าคิดว่าพ่อเธอจะช่วยเธอได้สะทุกเรื่องนะณฐภะ…...”
“อย่ามาพูดถึงพ่อผมแบบนั้นนะ!” ผมแทรกด้วยเสียงที่ดัง จริงๆก็ตะคอกแหละและลุกขึ้น ครูถึงกับถอยหลัง
เหตุผลที่ผมไม่ตอบและเลือกที่จะนิ่งใส่ครูคนนี้ ตอนนี้คงนิ่งไม่ไหวออกจะก้าวร้าวไปหน่อย เพราะว่าตั้งแต่มีเรื่องกับยัยผีพลอยคราวที่แล้ว เวลาเขามาสอนผมทีไรเขาก็จะกระแหนะกระแหนผมด้วยคำพูดที่ว่า นักเรียนบางคนพ่อมีอำนาจอยากจะทำอะไรก็ทำได้! และบางทีก็พูดแล้วจิกกัดผมด้วยถ้อยคำที่หลากหลาย แทบจะตลอดคาบ และก็ชอบประชดผมเวลาบอกคะแนนอย่าง เด็กคนนี้พ่อเขาใหญ่ต้องให้คะแนนเป็นพิเศษ มีแต่ครูคนนี้แหละ ที่ไม่เหมือนชาวบ้านเขาทั้งๆที่ความจริงของเรื่องที่แล้วก็ปรากฏแล้วว่าผมไม่ผิดแต่ครูเขาก็ยังไม่จบ เป็นครูเขาทำกันแบบนี้เหรอ ทุกทีผมทำเป็นไม่สนใจเพราะเห็นว่าเป็นครู แต่คราวนี้ผมไม่ยอมแน่ ผมบอกเลยเป็นครูผมก็ไม่สนแล้ว โกรธอีอิงฟ้าไม่พอยังมาเจอคำพูดของครูที่ไม่ชอบหน้าอีกผมก็ไม่ไว้หน้าเหมือนกันแหละ!....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:32:48
“นี่นทกล้าตะคอกใส่ครูได้ยังไง!” อีตอแหล เสแสร้งสะไม่มี
“ไม่ได้ตะคอก แค่ประท้วงเท่านั้นแหละ!” หันไปบอกอิงฟ้าเสียงแข็ง “ผมจะบอกให้นะครับครูผมไม่ได้ทำอะไรผู้หญิงคนนี้หรอกครับ มีแต่มันเท่านั้นแหละที่ทำลายข้าวของผม!” หันมาพูดกับครูพูดแบบเสียงนิ่งๆ
“เด็กก้าวร้าว ไร้มารยาทที่สุด! ฉันจะหักคะแนนจิตพิสัยเธอ!” พูดแล้วก็ถือสมุดคะแนนขึ้นมาเปิด ผมก็มองนิ่งๆ
“ความจริงครูไม่น่าจะหักคะแนนผมนะครับ” ผมไปชะเง้อดูใบคะแนน ทุกคนก็หันมามองผม ผมก็เผยยิ้มอ่อน “ครูบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพ่อผมใหญ่ ต้องให้คะแนนเป็นพิเศษ หักคะแนนแบบนี้ถือว่าผิดคำพูดนะครับ” ครูสิเงยมองผมตาแทบถลนออกมา ผมก็แสยะยิ้มแล้วก็นั่งลงที่ตัวเอง ครูยืนจ้องผมเขม่งเลย
“นทมึงใจเย็นๆดิวะ มึงกำลังพาลนะเว้ย!” ปอกระซิบพูดแล้วจับมือผม
“กูไม่ได้พาล! มึงไม่เห็นที่เขาพูดถึงป๊ากูเหรอวะ กี่ครั้งแล้ว แล้วครั้งนี่กูก็นิ่งก่อนแล้วด้วย เขาหาเรื่องกูเองนะ!” ผมกระซิบคืนเสียงแข็ง
“ตามฉันไปห้องปกครองเดี๋ยวนี้!” แล้วครูแกก็เดินไปเลย
“ใจเย็นๆดินท แค่มันมาปั่นหัวมึงเองนะก็อย่าพาลไปตามอารมณ์มันดิ” ไอวิวจับไหล่ผมแน่น
“เรื่องใหญ่แล้วไง ครูจะทำอะไรมึงก็ไม่รู้!” ไอนัทพูดอย่างเป็นห่วง คงหายโกรธผมแล้วมั้ง
“ให้พวกกูไปเป็นเพื่อนไหมมึง” ไอมินพูดแล้วลุกขึ้นเดินมาหาผม
“กูจะไปเอง และไม่กูไม่ได้เป็นคนก่อเรื่อง กูจะให้มันได้รู้ว่า” หันไปทางอีอิงฟ้า “คนอย่างมันทำอะไรกูไม่ได้หรอก!” แล้วผมก็ลุกขึนเดินกระแทกไหล่อิงฟ้าอย่างแรงแล้วเดินออกไปเลย
ผมคงจะเก็บกดมาแล้วจริงๆ แต่กับครูนี่ก็หลายครั้งแล้ว เป็นใครใครจะชอบเหรอ มาพูดกระแหนะกระแหนถึงป๊าผม ผมก็ไม่ยอมไหม ผมผิดด่าผม ผมจะไม่ว่าเลยนะนี่ลามถึงป๊าตลอดและเรื่องมันก็จบมาตั้งนานแล้วด้วย เป็นผู้ใหญ่ภาษาอะไร ผมก็คิดไปเรื่อยเปื่อยจนเดินมาถึงห้องปกครองเนี่ยแหละ พอเข้าไปครูกมลนั่งทำหน้านิ่งอยู่ ครูสินั่งหน้าเศร้า ผมก็ยักมือไหว้ครูกมล
“นั่งก่อนสิ” ครูกมลชี้ไปที่เก้าอี้ข้างครูสิ
“ขอบคุณครับ” ผมพูดแล้วก็นั่ง ใจก็คิดแล้วจะโดนอะไรอีก ผมก็นั่งมองหน้าครูกมลนิ่งๆ
“มีอะไรจะอธิบายในการกระทำของเธอไหม?” ครูกมลบอกผมอย่างใจเย็น
“ผมไม่ทราบว่าเรื่องอะไรครับ” ผมบอกอย่างจริงจัง จ้องตาครูกมลเพื่อให้รู้ว่าผมไม่ผิดและจริงใจพอ
“ครูสิบอกว่าเธอขึ้นเสียง เข้าขั้นตะคอกใส่ครูเขาและทำกริยาไม่เหมาสมกับครูสิ” ครูกมลบอกผมนิ่งๆ
“เรื่องนี้ผมไม่มีข้อแก้ตัวครับ แต่ที่ผมทำไปไม่ใช่เพราะอยากอวดดีหรือก้าวร้าวนะครับ”ผมพูดแบบสบตากับครูกมล
“ไม่จริงค่ะ เด็กคนนี้โกหกเขาทำเพราะโมโหเพื่อนและก็พาลมาโวยวายใส่อิฉันค่ะ” ผมก็นั่งนิ่งๆ ฟังครูแกค้านไป
“จริงเหรอ?” ครูกมลถามผม
“ไม่ทราบว่าครูสิได้เล่าหรือเปล่าครับว่าครูสิพูดอะไรกับผม?” ผมหันไปถามอย่างนิ่งๆ
“ทำไม เธอจะบอกว่าฉันโกหกเหรอ!” ครูหันมาเอ็ดผม
“เปล่าครับ ผมเกรงว่าครูสิจะเล่าให้ครูกมลฟังไม่ครบนะครับ” ผมพูดนิ่งๆแล้วก็หันกลับมาสบตากับครูกมล
“ครูสิบอกว่า ครูสิได้เข้าไปถามว่าเธอทำอะไรอังศุมาหรือเปล่าแต่เธอกับทำกริยาที่ไม่เหมาะกับครูเขา และพอครูถามย้ำเธอก็ตะคอก และก็ทะเลาะกับเพื่อนต่อหน้าครู และพูดขู่ครูสิเรื่องหักคะแนน?” ครูกมลพูดจบ ผมก็แอบกรอกตาเลยนะ
“คือครูสิครับ ผมไม่ได้ขู่นะครับ และที่ผมพูดแบบนั้นเพราะครูสิเคยพูดเองไม่ใช่เหรอครับ?” ผมหันไปถามอย่างใจเย็น เพราะประโยคนั้นผมทนฟังแทบทุกคาบที่ครูแกสอนผม
“แต่นั้นมันคือการยอกย้อน และเด็กอย่างเธอก็ไม่สมควร” ผมก็พยักหน้ารับรู้
“ครูกมลครับ ถ้าผมจะเล่าบ้างละครับครูกมลจะรับฟังผมไหม” ผมหันไปบอกครูกมล เชาก็พยักหน้า “คือ.....” แล้วผมก็เล่าไป พอเล่าจบครูกมลก็พยักหน้า
“อ่าวยังไงครับครูสิ?” ครูกมลถามครูสิ
“เด็กคนนี้ก้าวร้าวกับดิฉันยังไงละคะ ถ้าตอบฉันดีๆตั้งแต่แรก ฉันก็คงจะไม่ต้องดุ”พูดจีบปากจีบคอ
“การดุของครูต้องอ้างถึงพ่อผมแบบนั้นเหรอครับ” ผมหันไปถามนิ่งๆ “ผมว่ามันก็ไม่ควรหรือเปล่าครับครูกมล” ผมหันมาทางครูกมล “คือเรื่องคราวที่แล้วผมไม่ผิดครูก็รู้นะครับ แต่ทำไมครูสิถึงต้องเอาไปพูดเสียดสีผมทุกเวลาด้วยละครับ และถ้าตอนนั้นครูสิคิดว่าผมผิดจริงก็ควรจะด่าหรือเสียดสีผมเพียงแค่ผม ผมรับไว้เอง  ไม่จำเป็นถึงพ่อผมนะครับ!” ผมพูดแบบจริงจังมาก
“เธอก็พูดดีๆได้นิ ไม่เห็นจำเป็นต้องตะคอกใส่ฉันเลย” ครูสิมองผมแบบดุๆ
“ผมไม่ได้ตะคอกครับ ผมแค่ประท้วง อาจะแค่...เสียงดังไปหน่อย” ผมไม่ยอมหรอกเอาจริง
“หึ! เด็กไร้มารยาท” พูดแล้วหันหน้าไปทางอื่น
“เอ่อ! แล้วอย่างนี้จะเอายังไงดีละครับ” ครูกมลพูดอย่างเกร็งๆ เพราะดูเหมือนครูสิจะไม่ยอม
“ทำโทษเด็กคนนี้ค่ะ ฉันเป็นถึงครูบาอาจารย์ แต่เด็กคนนี้มาทำเกเรใส่ฉัน เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีแก่นักเรียนคนอื่นๆนะคะ งั้นถ้านักเรียนคนไหนไม่พอใจครูก็ลุกขึ้นมาด่าขึ้นมาเสียงดังใส่งั้นเหรอค่ะ?” ครูสิพูดแบบนิ่งๆ มาดเข้ม
“แต่ที่ฟังครูก็มีความผิดนะครับ ที่พูดจา...เอ่อ...เสียดสีให้เด็กก่อน” ครูกมลพูดแบบเกรงใจและเบาๆ
“ยังไงละคะ หรือครูจะทำโทษฉันละคะ?” นางประชดประชันแล้ว
“งั้นผมขอคุยกับเด็กคนนี้ตามลำพังก่อนนะครับ รบกวนครูสิรอด้านนอกสักครู่นะครับ” ครูกมลพูดอย่างนอบน้อม ผมเข้าใจดี เพราะครูสิก็แก่มากแล้ว เป็นครูรุ่นดึกดำบรรพ์เลย ครูกมล เห็นแบบนี้ก็ยังรุ่นๆอยู่เลย อายุยังน้อยกว่าป๊าผมอีกมั้ง
ครูสิแกกบ่นอะไรนิดหน่อยแล้วก็เดินฟึดฟัดออกไป ผมก็นั่งหน้างออยู่นี่แหละ.....
“ก็จริงอย่างที่ครูสิบอกนะ ถึงครูจะผิดยังไงเธอก็ไม่ควรทำแบบนั้น” ครูกมลพูดอย่างใจเย็น
“ครับ ผมพยายามใจเย็นแล้วนะครับครูจากที่ผมเล่าให้ฟัง ตอนนั้นครูเขาก็เห็นว่าผมไม่ได้ทำอะไร พอผมนิ่งเขาก็ขึ้นเสียงใส่ผม พอผมตอบเขาก็ยกเรื่องพ่อผมมาพูด ครูจะให้ผมทำยังไงครับ แล้วทำไมเรื่องมันจบไปตั้งนานแล้วครูเขาก็ไม่เลิกพูดเสียดสีผมสักทีละครับ ทั้งๆที่ตอนนั้นผมไม่ผิดด้วยซ้ำ! แล้วตอนนี้อีกผมอาจจะผิดที่พูดไม่ดีจริงครับผมยอมรับตามตรงเลย แต่เรื่องทำร้ายผู้หญิงผมไม่ได้ทำ หรือเพียงแค่ผมเกิดมาเป็นผู้ชาย ไม่ว่าจะทำอะไรผมก็ผิดใช่ไหมครับ” ผมพูดอย่างน้อยใจ
“ครูก็เข้าใจนะ แต่เธอก็รู้ครูสิเขาอยู่มานานและเขาก็ชอบฝังใจกับเรื่องบางเรื่อง เอาแบบนี้แล้วกันเธอไปขอโทษครูเขาแล้วกันนะ แล้วก็แยกย้าย โอเคไหม เพราะจากที่ดูจะผิดทั้งคู่เนอะ” พูดอย่างใจดี ผมก็พยักหน้า
แล้วครูเขาก็พาผมออกไปหาครูสิที่ยืนทำหน้าเป็นยักษ์อยู่หน้าห้อง ครูกมลก็สกิดประมานว่าขอโทษสิ......
“ครูสิครับ ผมขอโทษนะครับที่ทำกริยามารยาทไม่ดีและตะคอกใส่ครูสิครับ” ผมพูดอย่างจริงใจและน้อมไหว้
“สำนึกได้ก็ดีแล้ว!” นางทำเสียงแข็ง!
“ในเมื่อเด็กก็ขอโทษแล้ว....”
“ยังไงก็ต้องลงโทษค่ะ! เพื่อให้หลาบจำ ไม่งั้นคราวหลัง เด็กคนนี้ไม่กระโดดขี่คอครูเลยเหรอคะ?!” พูดตัดบทครูกมลด้วยเสียงแข็งผมก็มองนิ่งๆ
“คือว่าจริงๆจากที่เล่าครูก็มีส่วนผิดนะครับ และเด็กก็ขอโทษแล้วเราเป็นผู้ใหญ่.....”
“อ้อ! หรือว่าพ่อของเด็กคนนี้ติดสินบนอะไรครูกมลเหรอคะ ถึงได้เทคแคร์ดูแลเป็นพิเศษขนาดนี้” ก็ยังไม่หยุด
“ไม่ใช่ครับ คือ....”
“จะลงโทษผมยังไงละครับ” ผมพูดแทรกขึ้นมาเลย ผมเบื่อจะต่อความยาวกับผู้ใหญ่ที่พูดไม่รู้เรื่อง แถมเป็นครูอีกนะแต่จริงๆก็ไม่ควรมีเรื่องกับครูคนนี้อยู่แล้ว เพราะครูสิเรื่องเยอะที่สุด ผมมันหาเรื่องเองแหละที่ทนคำพูดเสียดสีของแกไม่ได้
“ต้องแบบนี้สิ กล้าทำก็ต้องกล้ารับ” นางพูดแบบแสยะยิ้ม
“อย่างนั้นไปวิ่งรอบสนาม 2 รอบละกันครูจะยืนดู” ครูกมลบอกอย่างใจดี
“ง่ายไปค่ะแบบนั้น แควิ่งวิชาพละก็ได้วิ่งมากกว่า2รอบอยู่แล้ว ฉันว่าพักการเรียนเลยดีกว่าค่ะ” นางพูดเย้ย ผมก็มองนิ่งๆ
“ผมเกรงว่ามันจะเป็นโทษที่หนักเกินไปนะครับเพราะจริงๆเด็กก็ไม่ได้ผิดถึงขนาดนั้นนะครับ” ครูกมเริ่มโมโหแล้วพูดเสียงแข็งเชียว
“ก็จริงนะคะ เด็กแบบนี้โดนตีสักสองสามทีฉันก็ว่าน่าจะเข็ดแล้วละค่ะ”(ยิ้ม)
“เรื่องบทลงโทษขอให้เป็นหน้าที่ผมนะครับ ครูสิเชิญไปสอนต่อเถอะนะครับ” พูดอย่างใจเย็น เพราะการตีนั้น เอ่อ! ไม้เรียวห้องปกครองนี่ใหญ่และยาวมาก สมัยนี้หลายคนคิดว่าไม่น่าจะมี แต่โรงเรียนผมมี และฟาดที่นี้เลือดซิบเลยละ
“ฉันสั่งงานนักเรียนไว้แล้ว เพราะฉันจะดูเด็กเกเรโดนทำโทษ” ผมมองนิ่งๆ
“ผมจะให้เขาวิ่ง 2 รอบสนามครับ” ครูกมลพูดนิ่งๆ
แล้วก็ดึงแขนผมไปเลย ไม่ฟังคำค้านของครูสิ แล้วก็ลากผมม่ที่สนามบอลโรงเรียน เอ่อคือ แดดจัดจ้านและ สนามที่มโหฬารขนาดนี้ วิชาพละสนามเล็กๆในโรงยิมผมก็จะตายแล้ว แต่นี่สนามใหญ่กลางโรงเรียนเลยเหรอ....
“วิ่งๆไปเท่าที่ไหวนั่นแหละ” ครูกมลพูดแล้วตบบ่าผม ผมก็เริ่ม หันหลังมาเห็นครูสิมายืนดู
ผมก็วิ่งไป พอวิ่งผ่านครูครูสิก็ตะโกนประมานว่าเร็วกว่านี้ วิ่งสิใครให้เดินอะไรทำนองนั้น ผมก็วิ่งไปเดินไปเอาตัวเองไหว พอครบสองรอบผมแทบช็อก คือชุดนักเรียนเปียกเหงื่อหมด เปียกจริงๆ เห็นเรือนร่างภายในของผมหมดเลย...........
“ทำโทษเขาไม่มีให้พักหรอกนะ! วันนี้ฉันจะปล่อยเธอไปแล้วกัน และถ้าหากมีครั้งหน้าละก็ ฉันไม่ยอมจบแค่วิ่งหรอก!”พูดอย่างร้ายกาจแล้วก็เดินไป
“ไหวไหม?” ยื่นผ้ามาให้ผม
“ขอบคุณครับ” ผมพูดด้วยความหอบ แล้วรับผ้ามาเช็ดหน้า
“จริงๆถ้าเป็นครู ครูคงไม่แค่ลุกขึ้นมาตะคอกหรอกรู้ไหม” ยิ้ม แล้วพูดติดตลก ผมก็ยิ้มแบบหอบๆ
“ขอบคุณนะครับที่รับฟังผม” พูดขึ้นระหว่างเดินไปห้องปกครอง เพราะต้องเดินไปเอาใบขอเวลาเข้าห้องเรียน เข้าสายแล้ว
“แน่สิ เธอก็ผิดนะ แต่คงไม่ถึงครึ่งครูสิหรอก” ครูกมลพูดแล้ว ผลักหัวผม
ผมก็เดินคุยกับครูกมลไป ถ้าเขาไม่โหดเขาก็ดูเป็นครูที่ใจดีคนนึงเลยละ พอผมเอาใบขอเวลาเข้าเรียนเสร็จนั่งตากแอร์ให้ตัวแห้งสักพักก็ขึ้นเรียน พอเข้าห้องเรียนเพื่อนๆมองผมกันใหญ่เลย......
“เป็นยังไงบ้างมึง!” ไอนัทลุกขึ้นมาหาผมอย่างเป็นห่วง
“ก็ดีวะ” ผมยิ้มอ่อนส่งไปให้มัน แล้วไปนั่งที่ เหนื่อยมาก ล้าเลย
แล้วพวกมันก็รัวคำถามมากัน ผมก็ตอบไปบ้างนิ่งบ้าง เฮ้อ! นี่เข้าห้องปกครองครั้งที่2แล้ว กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเนี่ย ดีนะไม่ถึงกับต้องเรียกป๊ามาไม่งั้นผมคงโดนหนักแน่นอน ก็จนถึงเวลาพักเที่ยง พวกผมก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร และวันนี้พี่อ๊อฟก็มารอกินด้วย ก็จัดแจงแยกย้ายกันไปซื้อข้าวซื้อน้ำแล้วมานั่งกัน
“นทวันนี้มึง.....โดนเข้าห้องปกครองเหรอ?” มันถามแบบเหมือนไม่ค่อยอยากถาม
“อื้ม ไม่มีอะไรหรอก”  ผมก็ไม่ค่อยอยากบอกอยู่แล้ว
“มีปัญหากับครูอะพี่” ไอปอสาระแนแล้วไง
“ใช่ไม่รู้ไอนทมันโดนอะไรถามก็ไม่บอก” ไอวิวพูดอย่างอยากรู้
แล้วมันก็พูดกันไปผมก็นั่งนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็มองหน้าผมเราก็กินข้าวกันไป ยัยอิงฟ้าก็เดินมาแล้วผมก็มองนิ่งๆ.....
“พี่อ๊อฟอิงฟ้านั่งด้วยคนนะคะ!” แล้วก็นั่งเบียดพี่อ๊อฟที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม ผมเหนื่อยเหลือเกิน
จริงๆผมก็สงสัยนะว่า ทำไมมันยังไม่ปล่อยคลิปกับรูปให้ครูดู เพราะจริงๆมันก็ขนาดนี้แล้วแต่มันก็แค่คอยมาด่ามารังควาน ผมก็สงสัยไม่น้อยเลยละ......
“ไม่เห็นเหรอว่าทั้งโต๊ะมีแต่ผู้ชาย หัดมียางอายสะบ้างนะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“จะอายทำไม อิงฟ้ามานั่งกับแฟน!” อีนี่มันวอนจริงๆ
“มึงจะเอายังไง?” เพื่อนๆที่มองอยู่ก็เริ่มรำคาญ
“นิ่งไว้มึง กูก็อยากรู้ว่ามันจะทำอะไร” ผมก็หันไปบอกปอ ผมเหนื่อยทั้งร่างกายเหนื่อยทั้งจิตใจ ทำไมมันยังไม่หยุดสักที
ผมก็นั่งมองมันนิ่งๆ มันก็ออเซาะพี่อ๊อฟ ดูพี่อ๊อฟจะรำคาญมันมาก พอกินเสร็จก็เอาจานไปเก็บกัน.....
“พี่อ๊อฟไปกินขนมกันนะคะ อิงฟ้าอยากกินอะ” นางยังคงโลกสวย
“มากไปแล้ว ถามจริงนี่ทำเพื่ออะไร อิงฟ้า? ก็เห็นๆอยู่ว่าพี่อ๊อฟเขารำคาญอะ” ผมพูดอย่างรำคาญ ผมงงไปหมดแล้วว่าตอนนี้มันจะทำอะไร?
“ก็จะแย่งพี่อ๊อฟคืนมาไง!” (ยิ้ม)
“โว๊ะ! มึงดูหนังมากไปไหม เพ้อเจ้อสะไม่มี ประสาท ไปกันเถอะพี่อ๊อฟ!” ผมดันอิงฟ้าออกไป
แล้วคล้องแขนพี่อ๊อฟแล้วเดินไปเลย นี่อย่าบอกนะว่ามันจะมาทำเรื่องโง่ๆแบบนี้จริงๆ....
“อิงฟ้ามันแปลกๆ มึงว่าไหม” พี่อ๊อฟถามขณะนั่งกันอยู่หน้าชมรมพี่อ๊อฟ
“โครตแปลกเลย ทำไมมันไม่เอาคลิปกับรูปไปให้ครูดูวะ?” ปอถามอย่าสงสัย
“เออนั่นสิ ตอนนี้พี่อ๊อฟก็กลับมาหานทแล้ว แล้วทำไมอิงฟ้ามันยังลอยหน้าลอยตาอยู่ละ?” ไอวิวสงสัยกันหนักมาก
ทุกคนก็ถามกันอย่างสงสัย ไม่ต่างจากผมเลย เราก็คุยกันอีกนิดหน่อยก็ขึ้นห้องเรียนไปเรียนคาบบ่าย พอเรียนเสร็จผมกับเพื่อนๆก็พากันไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม ผมก็เห็นอิงฟ้านั่งอยู่กับพี่อ๊อฟเหมือนเดิม ผมก็เดินไปหาเลย
“พี่อ๊อฟเสร็จหรือยัง?” ผมเอ่ยถามพี่อ๊อฟที่กำลังก้มหน้าวาดอะไรสักอย่างเงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วยิ้ม
“มาทำไมหรอนท” อิงฟ้ายิ้มทำหน้าใสๆแบ๊วๆ
“ไม่เสือกนะจ้ะ” ผมยิ้มหวานให้มัน มันมองค้อนผมเลย
“นทจะกลับหรือยังรอแปปนะ” พี่อ๊อฟพูดแล้วมันก็เก็บของ
“พี่อ๊อฟไปส่งอิงฟ้าด้วยสิคะ” มันเขย่าแขนพี่อ๊อฟ
“น่ารำคาญจังอิงฟ้า!” ผมพูดแบบรำคาญโครตๆ
“นทนั่นแหละที่น่ารำคาญอะ!” นางขึ้นเสียง
“พี่อ๊อฟไปกันเถอะ!” ผมบอกแบบกระแทกเสียง ไม่อยากจะสนใจมัน พี่อ๊อฟก็จับมือผม
“พี่อ๊อฟไปส่งอิงฟ้าด้วยสิคะ” อิงฟ้าทำเสียงอ้อนวอน
“พี่ไม่ว่าง อิงฟ้าให้พ่อมารับสิ” พี่อ๊อฟบอกแบบนิ่งๆผมก็ยิ้มสะใจ
“แค่ไปส่งเองนะคะ” ทำหน้าเศร้า
“แค่ไปส่งก็ไม่ได้! พี่อ๊อฟไปเถอะ!” ผมคล้องแขนพี่อ๊อฟกำลังจะเดินหันหลังอิงฟ้าก็มาจับแขนพี่อ๊อฟอีกข้างไว้ก่อน
“งั้นพี่อ๊อฟไปสอนการบ้านอิงฟ้าก็ได้นะ” นางทำหน้าอ้อนวอน พี่อ๊อฟก็พยายามแกะมือมันออก มันก็ไม่ยอม
ผมก็มองมันอ้อนวอนพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็ทำท่ารำคาญขนาดนี้ยังไม่ปล่อย คืออะไร? ผมก็เบื่อจะฟังความน่ารำคาญของมันแล้ว ผมก็กระชากแขนพี่อ๊อฟแล้วเดินออกมาเลย ตอนแรกยัยอิงฟ้าก็ตามมานะ เหมือนพวกปอจะขวางไว้ มันก็เลยไม่ตามมา ผมละรำคาญจริงๆ พอไปถึงหน้าโรงเรียนก็แยกย้ายกัน เพื่อนๆก็ไปขึ้นรถกลับบ้าน ผมก็ไปตรงลานจอดรถกับพี่อ๊อฟ....
“ทำไมอิงฟ้าไปนั่งกับพี่อ๊อฟได้?” ผมถามอย่างหงุดหงิด
“กูไล่ก็ไม่ไปเถอะนท อะไรนักหนาวะ” มันทำหน้ารำคาญ
“ก็เพราะพี่นั่นแหละ ชอบไปทำดีกับมันเป็นยังไงละ” หงุดหงิดจริง
“กูก็เห็นเป็นรุ่นน้องเนอะ ช่วยงานกูอย่างดิบดี สุดท้ายแม่งงูเห่าชัดๆ” มันพูดอย่างหัวเสีย
“เออๆ ห่างๆมันไว้แล้วกัน” ผมบอกปัดๆไป ไม่อยากยืนเถียงกับมันนาน
ผมกับมันก็พากันกลับบ้านไป วันนี้มันจะมานอนด้วย ผมว่ายุ่งแน่ๆเพราะพี่โน้ต ยืนรอผมหน้าบ้านทำหน้าเป็นยักษ์เลยเนี่ย พอถึงบ้านผม ผมก็ลงรถ....
“พี่โน้ตคิดถึงจังเลย” ผมกอดพี่โน๊ต
“หวัดดีพี่โน๊ต” พี่อ๊อฟก็ไหว้ตามมารยาท
“เข้าบ้านนท!” พี่โน้ตพูดเสียงหงุดหงิดแล้วก็ดึงแขนผมเข้าบ้าน ผมก็ส่งซิกให้พี่อ๊อฟนิดหน่อย
แล้วพี่อ๊อฟก็ขับรถออกไป ผมก็เดินเข้าบ้านฟังพี่โน้ตบ่นเรื่องพี่อ๊อฟและไอสิงโต คือช่วงนี้ไอสิงโตโทรมาถี่ยิบ ผมก็บอกมันไปแล้วว่าช่วงนี้มีปัญหานิดหน่อยมันก็งอแงบ้าง แต่มันก็เข้าใจ มันก็เพลาๆลงบ้างแล้ว เดี๋ยวค่อยหาเวลาไปเที่ยวกับมันแล้วกัน พอฟังพี่โน้ตบ่นเสร็จผมก็บอกไปว่าวันนี้พี่อ๊อฟจะมานอนด้วย ก็ฟึดฟัดไม่พอใจ ผมว่าพี่โน้ตเป็นเอามาก ผมก็อ้อนๆไปก็ยอม พี่โน้ตบอกว่าหวงผม? คือไม่ทันแล้ว เพราะมากกว่านอนด้วยกันก็ทำมาแล้ว555 และเรื่องที่ผมเข้าห้องปกครองวันนี้ดีนะที่ทางบ้านผมไม่รู้ไม่งั้นละก็ เละ เละสถานเดียว ผมก็ขึ้นไปเปลี่ยนผ้านั่งทำการบ้านรอพี่อ๊อฟ แกร๊ก! ผมหันหลังไปดูเป็นพี่โน๊ต......
“จะบรรยายอะไรให้นทฟังอีกละคร้าบบบ” ผมพูดแล้วหันกลับมาก้มหน้าทำการบ้าน
“วันนี้ทำไมนทถึงได้เข้าห้องปกครอง!” พี่โน้ตยังคงพูดเสียงแข็ง ผมค้าง
“คะ..แค่เข้าไปช่วยงานครูกมลนิดหน่อยน่ะพี่โน้ต” ผมยิ้ม รู้ได้ยังไง!
“มีเรื่องอะไรนท!” พี่โน้ตเดินมาดึงผมให้ลุกไปนั่งบนเตียง
“ไม่มีอะไรจริงๆพี่โน้ต แค่เรื่องเข้าใจผิดอะสิ” ผมพูดปัดๆไปไม่อยากให้เป็นเรื่อง
“เล่ามาเลยนท” พี่โน้ตเสียงแข็ง
“พี่โน้ตรู้ได้ยังไง?” ผมถามอย่างสงสัย
“กูบอกเองแหละ” พี่อ๊อฟเดินเข้ามาแล้วยิ้มอ่อนให้ จะบอกทำไมเนี่ย
“นี่ถ้ามันไม่บอกพี่นทก็จะไม่บอกคนในบ้านใช่ไหม?” พี่โน้ตพูดแบบน้อยใจ
“อย่าน้อยใจดิโถ่!” สวมกอดพี่โน้ต พี่อ๊อฟก็ไปนั่งรอที่โต๊ะ “คือเรื่องมันเป็นแบบนี้......” ผมก็เล่าทั้งหมดให้พี่โน้ตฟัง โดยไม่พูดถึงประเด็นของอิงฟ้า ไม่งั้นพี่อ๊อฟซวยแน่ “ก็เป็นแบบี้แหละ”(ยิ้ม)
“ครูสิชอบหาเรื่องเด็กทุกคนที่เคยเข้าห้องปกครองแหละนท ดีนะนทแค่วิ่ง ของพี่นี่ทั้งโดนตีทั้งโดนหักคะแนน”พี่โน้ตพูดอย่างเจ็บใจ
“เห็นไหม บอกแล้วไม่มีอะไร นทเอาตัวรอดได้อยู่แล้วน่า”(ยิ้ม)
“แต่ครูสิก็เกินไปนะ นี่เสียดสีถึงป๊าเลยเหรอ เป็นพี่พี่ก็ไม่ยอมหรอก นทนี่เจ๋งวะ”ยีหัวผม
“บอกแล้วว่านทเอาตัวรอดได้ อีกอย่างนทก็ไม่ยอมอยู่แล้ว ถ้าด่านท นทจะไม่โกรธหรอกแต่นี่ลามถึงป๊าตลอดคืออะไร?” พูดแล้วก็แค้น
“ดีแล้ว ทีหลังก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับแกหรอก ยังไงเขาก็เป็นครู เข้าใจไหม”(ยิ้ม)
แล้วก็พูดกันนิดหน่อย ดูแล้วพี่โน้ตจะดูชอบพี่อ๊อฟขึ้นมาเลยนะ ฝากดูผมนู่นนี่นั่น เกินไปจริงๆคุยไปสักพักพี่โน้ตก็ออกไป.....
“พี่อ๊อฟจะบอกพี่โน้ตทำไม ไม่รู้หรือยังไงว่าถ้าเรื่องอิงฟ้ากระเด็นเข้าหูพี่โน้ต พี่นั่นแหละที่จะซวย” ผมมองมันอย่างหงุดหงิด มันก็เดินมานั่งข้างๆผม
“ก็กูจะขึ้นมาหามึงพี่มึงก็เรียกให้นั่งคุยกูก็คุย เขาถามถึงมึงที่โรงเรียนกูก็เล่าไป จริงๆเรื่องที่มึงเข้าห้องปกครองวันนี้กูหลุดปากไปด้วยแหละ” มันมองผมแบบเกร็งๆ ผมมองค้อนเลยสิ “ก็กูเป็นห่วงมึงนี่ ถามก็บอกแต่ไม่เป็นอะไร”ยังมาขมวดคิ้วใส่ผมอีกนะ
“เออๆช่างเถอะ ว่าแต่ทำไมวันนี้ถึงอยากมานอนด้วยละ?” ผมถามอย่างสงสัย
“คิดถึง มานอนไม่ได้เหรอ?” ทำหน้ากวนตีน
“เฮ้อ! พี่อ๊อฟทำไมเวลาอยู่กับอิงฟ้าถึงไม่ต่อต้านผลักไสมันไปไกลๆ นั่งนิ่งๆทำไม” ผมล้มตัวนอนบนเตียง แล้วถามอย่างสงสัย
“กูก็อยากผลักไส แต่แม่งชอบทำตัวน่าสงสารกูทำไม่ลง แค่มึงไล่ก็พอแล้ว” ยิ้ม นอนลงข้างๆผม
“ทำมาขี้สงสาร ไปอ่อยมันไว้เป็นยังไงละ เกิดเรื่องเลย” ผมหยิกแก้มมันทีนึง
“กูสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าอิงฟ้าจะต้องทำอะไรแน่ๆ มึงต้องระวังตัวนะ” มันพูดอย่างเป็นห่วง
“ผมก็ว่างั้นแหละ แต่ช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไรจะเลวร้ายกว่านี้แล้วมั้ง”(ยิ้ม)
ผมกับมันก็นอนคุยกันไปจนได้เวลาลงไปกินข้าวก็ไปกิน แลดูทุกคนจะเข้ากับพี่อ๊อฟได้ดีโดยเฉพาะพี่โน้ตแกดูจะเป็นปลื้มที่พี่อ๊อฟบอกว่าคอยดูแลผมไม่ห่าง ตอแหลสะไม่มีนะพี่อ๊อฟ555 ผมก็ฟังเขานั่งโม้กันไปจนทำอะไรเสร็จ ผมก็พาพี่อ๊อฟขึ้นห้อง.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:33:46
“อาบน้ำด้วยกันนะ” พี่อ๊อฟชวนผม หน้ามันแดง ดูก็รู้มันคิดอะไร
“รู้นะว่าคิดอะไร” ผมยิ้มล้อมัน
“ได้ไหมละ” มันยิ้มเขิน
“กลัวพี่โน้ตแอบฟังอะดิ แถมถ้าป๊ามาแอบดูอีกทำยังไง” ผมถามอย่างกังวล
“งั้นพรุ่งนี้ไปบ้านกูนะ” มันถามอย่างตื่นเต้น ผมก็พยักหน้าตอบรับ
แล้วเราก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกัน ก็แก้ผ้าอาบด้วยกันไปนั่นแหละ ให้ตายสิ ผมเห็นเรือนร่างของพี่อ๊อฟที่ไรใจสั่นทุกที เอาจริงๆก็เกือบทุกคนเลยที่ไม่ใช่เพื่อน55555.....
“ตัวมึงทำไมมีรอยแดงๆ เป็นจุดๆวะ” มันลูบหลังผม ผมตกใจไปนิด หรือจะเพราะรอยจากไอสิงโต ผมก็หันหลังส่องดูในกระจก
“โถ่! แค่ผื่นร้อนนะทำเป็นตื่นเต้นไปได้” ผื่นจริงๆ ตกใจหมด เพราะว่ารอยที่ไอสิงโตทำมันหายไปนานแล้ว
แล้วก็อาบน้ำกันไป พี่อ๊อฟนี่เขาก็ตลอด ขอให้ได้สัมผัสเถอะ ผมก็ยอมๆไป ดูพี่อ๊อฟจะมีอารมณ์ไม่น้อยเลย เพราะน้องชายของพี่อ๊อฟตั้งโด่แบบเต็มที่เลย ผมก็เริ่มจะมีอารมณ์ตามแล้วนะเนี่ย.....
“ช่วยกูก็ได้นะ กูไม่ไหวแล้ววะ” พูดแล้วทำหน้าหื่น ใจผมเต้นแรงเลย
“ชะ...ช่วยยังไงดี” เอาจริงๆเขินนะเนี่ย
“ใช้ปากมึง” เอามือลูบปากผม หน้าพี่อ๊อฟตอนนี้ค่อนข้างแดง แต่หูนี่แดงเถือกเลย
“จะดีเหรอ” ปากก็พูดจะดีหรอ แต่มือก็คว้าแท่งของพี่อ๊อฟไว้
ผมค่อยๆรูดแท่งของพี่อ๊อฟขึ้นลงอย่างเบาๆ พี่อ๊อฟก็จ้องหน้าผมแบบโหยหา ทำผมรู้สึกร้อนไปทั้งตัวเลย แล้วมันก็เอามือทั้งสองมาจับบ่าผม แล้วค่อยๆกดผมลง ผมก็ค่อยๆนั่งลง ให้หน้าผมอยู่ตรงกลางตัวมัน ผมใช้มือรูดแท่งของพี่อ๊อฟขึ้นลงและก็เริ่มใช้ลิ้นค่อยๆเลียส่วนหัว มันครางออกมาด้วยเสียงที่ทำให้อารมณ์ผมกระเจิง ผมรูดแท่งของพี่อ๊อฟลงจนสุดแล้วแล้วใช้ปากครอบบริเวณส่วนหัวพร้อมกับวนลิ้นตรงส่วนหัวขณะที่ของมันอยู่ในปากผม ผมก็เริ่มขยับหัวตัวเองขึ้นลงเป็นจังหวะ พร้อมกับใช้มือรูดตรงกลางโคนขึ้นลงไปพร้อมกัน ผมทำแบบนี้ได้ไม่นาน มันก็จับหัวผมไว้แล้วก็ขยับเอว ได้สองสามที มันก็บอกไม่ไหวแล้ว ผมก็เร่งทั้งลิ้นทั้งมือ แล้วไม่นานนักมันก็ปลดปล่อยออกมา พี่อ๊อฟแบมือมาตรงหน้าผมประมาณว่าให้คายออกมา แต่ผมก็เลือกที่จะกลืนลงไป ถึงรสชาติมันจะไม่ได้เรื่องก็เถอะ.....
“กลืนทำไมวะ?” มันถามแล้วเอาผ้าปากให้ผม หูมันแดงไปหมด
“ของคนรักผมไม่รังเกียจหรอก” ยิ้ม เขิน หน้าผมร้อนผ่าวไปหมด พูดเองก็อายเอง>< แต่ผมก็น้ำตาเกือบไหลนะ มันโดนลิ้นไก่อะ เกือบอ๊อกออกมาแล้ว แต่รู้สึกดีเชียวละ5555
“แล้วมึงละ” พี่อ๊อฟจับนทน้อย
“ของผมอดไว้รอพรุ่งนี้ดีกว่า” ยิ้มแล้วก็ดึงมือพี่อ๊อฟออกจากน้องชายของผม จริงๆก็ว้อนนะ แต่ผมว่าอดเปรี้ยวไว้กินหวานดีกว่า
แล้วเราก็พากันอาบน้ำ เสร็จก็ออกมานั่งคุย นั่งทำการบ้านก็เข้านอน พอตกอีกวันก็พากันไปโรงเรียนตามปกติ พอพักเที่ยงผมก็ไปกินข้าวกัน วันนี้พี่อ๊อฟพาเพื่อนๆมันมานั่งกินด้วยกันไม่มีพี่ไอซ์นะ ก็นั่งกินกันไปคุยกันไป แต่แปลกตรงที่ยัยอิงฟ้าไม่มา ปกติจะมาตอแย และวันนี้มันแปลกๆ ผมมีรางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี แต่อาจจะคิดมากไปเองก็ได้ ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร จนเลิกเรียนวันนี้ไม่มีอะไร ไม่ได้นัดใครไปไหนด้วย ส่วนไอสิงโตไอมินบอกว่าเพ้อหาแต่ผม? ขนาดนั้นเลยเหรอ? ผมก็ฝากไอมินไปบอก ว่าช่วงนี้ไม่ว่าง ถ้าว่างแล้วจะไปหาเอง มันก็โอเค แล้วผมกับเพื่อนๆก็แยกย้ายกัน ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม แต่.....
“เห้ย! มึงอะ!” ผมหันหลังไปดู ตุบ! ผั๊วะ! ทั้งตีนทั้งหมัดเต็มๆเลย ผมล้มลงไปกองกับพื้น.....
“อะไรวะ!”ผมปัดป้องหมัดที่รัวใส่หน้าผม และก็ทำให้ผมเห็นว่าใครเป็นคนทำ “ไอเชี่ยพี่เฟิส!” ผมใช้ตีนยันมันออกไป แล้วก็ตั้งหลักเพื่อลุกขึ้นกำลังจะวิ่งหนี
หมับ! ผั๊วะ โดนมันจับทันแล้วปล่อยหมัดใส่หน้าผมอีกหมัด แต่คราวนี้ผมตั้งตัวทันถีบมันกลับไปแล้วก็วิ่งหนี คือมันก็เหมือนรู้ เพราะว่าทางที่ผมเดินมามันเป็นซอกตึกด้านหลังอาคารเลยไม่มีคนเพราะเลิกเรียนแล้ว คือผมโครตซวยเลยแล้วไอพี่เฟิสมันเป็นบ้าอะไรของมัน ผมก็วิ่งเลย มันก็ตามมาติดๆ วิ่งเร็วไปไหนวะ ตุบ!
“โอ๊ย!” ผมล้มลง ไอเวรนั่นมันปาท่อนเหล็กขนาดใหญ่ใส่ข้อพับผมอย่างแรงแล้วเดินมาทางผม “อึก!” มันกระชากหัวผมให้เงยขึ้นมา
“หึ! หมดสภาพเลยนะมึง” มันพูดเสียงแข็ง
“เป็นเหี้ยอะไรของมึงไอพี่เฟิส อยู่ๆมาทำกูเนี่ย!” ผมพูดแบบไม่พอใจ แล้วก็ดึงมือมันออกมันก็ไม่ยอมปล่อย แถมดึงแรงกว่าเดิมอีก “โอ๊ย!” มันเหยียบมือผมอีกข้างที่เท้าพื้นไว้
“ปากดีนักนะมึง คิดว่ามึงเก่งมากเหรอห๊ะ!” ตะคอกใส่ผม ผมมองมันอย่างไม่ยอม
จากความรู้สึกตอนนี้คือแน่นอนว่าปากแตก รู้สึกตึงแถวหน้าคาดว่าคงช้ำหลายที่ และศอกกับขาถลอกแน่นอนล้มเมื่อกี้....
“แล้วกูไปทำอะไรให้มึง!” ผมถามมันเสียงแข็ง
“มึงคิดว่าจะขู่กูเรื่องอิงฟ้ากับไออ๊อฟได้เหรอ” มันพูดเสียงนิ่ง แต่มือกับตีนก็ยังไม่เอาออก แถมยังกดลงแรงขึ้นอีกด้วย
“ปล่อยแล้วนั่งคุยดีๆไม่ได้หรือยังไงเล่า!” ผมพูดอย่างหัวเสีย เพราะผมเจ็บมือจนมันชาไปหมดแล้ว
“ได้สิ!” มันพูดกดเสียง
แล้วมันก็ปล่อยมือจากหัวผมมาจับแถวคอเสื้อ แล้วกระชากตัวผมขึ้นมา คือกระดุมขาดและเสื้อผมก็หลุดลุ่ยหมด เสื้อผ้าก็เปื้อนฝุ่นเปื้อนดินไปหมด พี่เฟิสตัวใหญ่กว่าผมอยู่แล้ว ทำไมผมต้องอ่อนแอขนาดนี้ แค่จะสู้แรงยังไม่ได้ถึงครึ่งของมันเลยด้วยซ้ำ โถ่!...
“ตุบ!” พอมันกระชากผมขึ้นมามันก็ผลักผมจนติดกำแพง หัวผมโขกกับกำแพงดังตุบ ผมนี่ทรุดเลย ทั้งเจ็บทั้งมึน....
“ทีนี้จะคุยกันได้หรือยังวะ!” มันพูดแบบข่มอารมณ์
ผมก็มองมันนิ่งๆแล้วพยุงตัวเองขึ้นมายืน แสบหัวเข่า กับท้ายทอยมาก หัวแตกแล้วหรือเปล่านะ เพราะจากที่ก้มดูมันเลือดออกค่อนข้างเยอะ คงโดนหินบาด หรือไม่ก็เศษไม้ที่กองๆไว้แถวนี้....
“ไม่ได้คิดจะขู่ แค่จะช่วยตังหาก และที่บอกมึงแบบนั้นเพราะกูแค่อยากให้มึงรู้ว่ามึงเข้าข้างคนผิดต่างหากละ อีกอย่างมึงก็โดนอิงฟ้ามันบังคับไม่ใช่เหรอ” ผมพูดแบบเสียงสั่น สั่นเพราะเจ็บแผล อย่างมาก มันหลายจุดจนผมไม่รู้จะเจ็บอะไรก่อนดีแล้ว
“จริงๆแล้วกูไม่ได้โดนอิงฟ้าบังคับหรอกเว้ย!” มันเดินเข้ามาประชิดตัวผม แล้วเอามือบีบคอผมเบาๆ ผมก็เอามือทั้งสองจับข้อมือมันไว้
“ถ้าไม่ได้โดนบังคับ แล้วมึงจะทำ ทำไม” ผมถามอย่างเกร็งๆ เพราะมันใกล้เกินไป ผมเกรงว่าถ้าพูดแบบปากต่อปากกับมันอาจจะไม่ปลอดภัย
“ก็เพราะว่ากูเป็น.......”
ครืดๆๆๆ เสียงโทรศัพท์ผมสั่นในกางเกง ผมว่าพี่อ๊อฟโทรตามแน่เลย มันปล่อยมือจากคอผมแล้วก็เอามือล้วงเข้ามาในกางเกงผม ผมก็ฉุดกระชากยื้อแย่งกับมัน จนมันได้ไป แล้วก็เอาโทรศัพท์ไปกดอะไรไม่รู้ ผมว่ามันน่าจะปิดเครื่องแล้วมันก็เอาใส่กระเป๋ากางเกงมัน....
“กูว่ามึงอย่าทำแบบนี้เลย! ไม่รู้หรอกว่ามึงเป็นอะไรกับอิงฟ้า และกูก็ไม่ได้จะขู่หรือทำร้ายใครด้วย!” ผมพูดอย่างจริงจัง ผมไม่มีทางสู้กำลังกายของมันได้
“เหรอ ไม่ได้ทำเหรอ” มันเดินเข้ามาหาผมแล้วผลักผมติดกำแพงอีกครั้ง “ตุบ!”  “มึงแย่งไออ๊อฟไปจากอิงฟ้า มึงรู้ไหมว่าอิงฟ้าชอบไออ๊อฟขนาดไหน!” มันพูดอย่างหัวเสีย
“แล้วอิงฟ้ามันจะชอบหรือไม่ชอบแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงละ อะ...”
เพี๊ยะ! หน้าผมหันไปตามแรงตบชาทั้งแทบเลย ผมค่อยๆหันหน้ากลับมามองมัน....
“ก็เพราะว่า กูเป็นพี่อิงฟ้ายังไงละ!” ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“อิงฟ้าไม่มีพี่ กูดูประวัติมาแล้ว!” ผมก็เถียงไป
“กูเป็นพี่คนละแม่กับอิงฟ้า! และกูก็รักอิงฟ้าที่เป็นน้องสาวกู ในฐานะของพี่ชายกูไม่ยอมให้อิงฟ้าเสียใจหรอก!” ผมแทบจะหัวเราะออกมา นี่มันยิ่งกว่านิยายน้ำเน่าอีกนะ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรผมก็ไม่สนหรอก
“หึ! แล้วที่มึงมาตีกูวันนี้ มึงต้องการอะไร!” ผมถามแบบเสียงดัง จริงๆไม่ได้กลัวอะไรหรอก แต่สู้มันไม่ได้เท่านั้นแหละ
“มึงเลิกยุ่งกับไออ๊อฟซะ! อย่าหาว่ากูไม่เตือนและวันนี้กูก็แค่มาเตือน” โอ้โห! แค่เตือนแค่เตือนของมันเล่นผมน่วมเลยนะ “กูไม่ได้มาขอร้อง แต่กูบังคับ!” มันบีบแขนผมอย่างแรง
“แล้วคิดว่ากูจะต้องกลัวเหรอ?” ผมทำหน้ากวนตีนมัน มันกัดฟันกรอดเลย แถมยังเพิ่มแรงบีบที่แขนผมอีก จริงๆเจ็บมากแต่ข่มอาการไว้
“กูก็ไม่คิดว่าคนอวดดีอย่างมึงจะกลัวหรอก และกูจะบอกให้ที่กูทำในวันนี้กูไม่กลัวว่าจะถูกทำโทษหรือไม่เพราะกูปะ...”
“เป็นหลาน ผอ. ใช่ไหมละ!” ผมพูดแทรกมันขึ้นมาอย่างเหลืออด มันชะงักไป
“มะ มึงรู้ได้ยังไง!” มันถามผมเสียงดัง
“กูก็พอรู้มาแหละ! และกูไม่กลัวด้วย กูจะบอกให้นะ มึงช่วยอิงฟ้าไปก็เท่านั้นแหละเพราะถึงกูไม่ยุ่งกับพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็ไม่ได้ชอบน้องสาวของมึงมากขึ้นหรอก!” ผมพูดเหยียดมันด้วยสายตารังเกียจ มันมองผมแบบจะฆ่าผมเลย 
“การที่มึงเจ็บตัวขนาดนี้ไม่ได้ทำให้มึงกลัวหรือสลดได้เลยใช่ไหมห๊ะ!” มันจับคอเสื้อผมด้วยมือทั้งสอง
“เรื่องเจ็บตัวอะ กูโดนประจำอยู่แลว แต่ถ้า...”ผมเอามือขึ้นมาจับมือมันที่จับอยู่ที่คอเสื้อผมแล้วลูบอย่างแผ่วเบา “มึงจะลองเปลี่ยนจากโกรธมาเป็น......”
“หึ! หรือว่ามึงอยากจะลองละ” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผมชะงักไปนิดไม่คิดว่ามันจะเล่นด้วย... ผมแค่ต้องการให้มันทำรังเกียจแล้วออกไปห่างๆผม
“เหอะ! พอจะเดาออกแล้ว ที่รูปกับคลิปมันไม่หลุดออกมา เพราะมึงเป็นคนคอยสั่งให้อิงฟ้าทำใช่ไหมละ!” ผมพูดเปลี่ยนเรื่องไป แล้วผมมองมันด้วยสายตานิ่งๆ มันชะงักไป โกหกได้เนียนนะ ว่ามันโดนอิงฟ้าแบลคเมด้วย ผมเชื่อสนิทเลย บ้าจริง เจ็บไปหมด หัวผมก็เริ่มปวดแล้ว คิดเยอะด้วย กลัวเหมือนกันว่ามันจะทำอะไรมากไปกว่านี้
“มันก็ต้องเป็นแบบนั้นหรือเปล่าวะ! อีกอย่างกูไม่ยอมให้น้องกูเสียหายหรอก!” มันพูดขึ้นเสียง แต่ก็ยังกำคอเสื้อผมแน่น
“งั้นมึงกับน้องสาวก็เลิกมายุ่งกับกูและพี่อ๊อฟได้แล้ว ถ้ามึงคิดอีกมุมนึงไม่คิดว่ามันแปลกเหรอวะ พี่อ๊อฟคบกับกูพี่อ๊อฟก็เป็นเกย์ มึงจะให้น้องสาวตัวเองมาคบกับเกย์หรือยังไง!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“เรื่องนั้นกูรู้มาแล้วว่าไออ๊อฟมันยังชอบผู้หญิงอยู่ และมันก็ไม่เคยมองเกย์คนไหนเลยด้วยซ้ำ กูอยู่กับมันมานานกูรู้!” พูดแบบอวดรู้ แต่นั้นก็คือเรื่องจริง และมันก็ปล่อยมือจากคอเสื้อผม
“แล้วทำไมพี่อ๊อฟถึงยอมคบกับผมละ! แถมยังไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วด้วย!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
“ก็เพราะว่ามึงมันมารยาไง! เป็นเกย์ร่านไม่ใช่เหรอมึง กูได้ข่าวว่ามั่วไปทั่วและไอเด็กโรงเรียน...นั่นมันรวยนี่ คงจะจ่ายมึงไปเยอะละสิท่า ถึงติดมึงขนาดนั้นอะ!” มองผมแบบตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใครจะมาติดกูก็ไม่ใช่ธุระอะไรของมึง ถ้าจะมาพูดเรื่องส่วนตัวของกูก็ขอตัว!” พูดอย่างไม่พอใจ ผมกำลังจะเดินไปอีกทาง มันกระชากแขนผมกลับไป
“มึงต้องเลิกกยุ่งกับไออ๊อฟ!” มันมองผมด้วยสายตาอาฆาต
“ไม่!” มันก็บีบแขนผมแน่นขึ้น
“อ้อ! หรือว่ามึงเกิดชอบกูขึ้นมา มึงถึงได้เล่นตัว ทั้งๆที่เจ็บตัวซะขนาดนี้”มันมองผมแบบยิ้มเหยียด ผมแสยะยิ้ม
“หลงตัวเอง! ถ้าชอบคนอย่างมึง กูไปเอากับหมาดีกว่า!” พูดกระแทกมันไปตรงนั้นแหละ มันบีบแขนผมแน่นมาก ผมว่าช้ำไปหมดแล้วตัวผมเนี่ย
“มึงมีสิทธิ์เลือกขนาดนั้นเลยเหรอวะ! มึงอยากได้เท่าไหร่! ได้ข่าวว่าพวกคนขายตัวเนี่ย ครั้งละ ‘ตุบ!’ โอ้ย!”ผมถีบมันเลย แต่มันไม่ยอมปล่อยแขนผมไง ผมเลยเซไปกับมัน
“ไอเลว!” ผมพยายามแกะมือมันออกมันก็ไม่หลุด มือแน่นจังวะ!
“หึ! เก่งจังนักนะมึงอะ มานี่เลยไอสัส!” มันกระชากผมให้ไปตามมัน ผมก็เดินกระเพกแล้ว เพราะความรู้สึกเจ็บแล่นมาที่ขาอย่างรุนแรง
ผมก็ฉุดกระชากมันอย่างนั้นแหละ ตอนนี้คนในโรงเรียนเริ่มซาแล้ว เพราะมันก็เย็นแล้วด้วย.....
“ปล่อยนะเว้ย!” ผมทั้งรั้ง ทั้งดึงแม่งเอ้ย! แรงเยอะชิบ
“ทำไมมึงอยากไม่ใช่เหรอ กูก็จะจัดให้นี่ไง!” มันพูดแบบกวนตีน
“ปล่อยนะเว้ย!ไอเหี้ย!” ผมรั้งตัวสุดแรง
“โว๊ะ!” มันปล่อยมือขณะที่ผมกำลังรั้งตัว ผมล้มไปกับพื้นอย่างแรง “555 สมน้ำหน้าโง่ดีนัก!” ผมมองมันตาขวาง เหตุการณ์คุ้นๆ หรือว่ามันจะทำกับผมเหมือนที่ผมทำกับอิงฟ้านะ บ้าจริง!
“เลิกเล่นสักที เย็นแล้วจะกลับบ้าน!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“ใครบอกว่ากูเล่น! กูเอาจริง!” มันเดินเข้ามาใกล้ๆผม แล้วมายืนคร่อมตัวผมไว้
“ทำอะไรกัน!”  เสียงภารโรงเดินผ่านมาพอดีแต่ก็ยืนไกลเกินไป
“ช่วยด้วยครับลุง! มันตีผมครับชะ อุ้บ!” มันเอาผ้าอุดปากผม ผมกำลังจะเอาผ้าออกมันก็รวบมือผมไว้แล้วบีบอย่างแรงอะ เจ็บชะมัดเหมือนกระดูกจะแตก
“ลุง! น้องผมโดนพวกเด็กมอปลายรุมตีมาน่ะครับ ผมจะพาไปทำแผลไม่มีอะไรหรอก” มันพูดนิ่งๆ แล้วมองผมตาขวาง ผมก็ดิ้นสิ
“อื้อ! อุง! อื้อ อ่อยอะ” ผมหันไปมองลุง แล้วก็ดิ้นสุดๆ แต่ขาดิ้นมากไม่ได้เลย เจ็บมาก แต่ดูเหมือนลุงเขาจะแก่เกินไป ตาคงไม่ดีแล้ว ผมก็ดิ้นไปเถอะ “อุ้ก!” มันเอาเข่ากดท้องผมไว้อย่างแรง จุกเลยสิ
“แน่นะ พวกเอ็งก็รีบกลับกันได้ละมันเย็นแล้ว!” ลุงบอกเสียงดุ ลุงเขาก็ไม่เดินมาดูหรอก ยืนตะโกนอยู่ตรงนั้นแหละโถ่!
“อื้ออออ! อ่วยอ้วย!” ผมครางในลำคออย่างดัง และก็ดิ้นทั้งๆที่เข่ามันยังกดท้องผมไว้นั่นแหละ
“ครับลุง จะกลับแล้ว!” มันตอบอย่างรำคาญ
ผมก็มองลุงแกเดินไป ที่ผมอยู่ตอนนี้มันอยู่หลังตึกชมรมต่างๆ และวันนี้เป็นวันซวยของผม เป็นวันศุกร์ทุกชมรมจะกลับเร็วง่ายๆคือเย็นวันศุกร์ไม่มีชมรม เพราะวันศุกร์คาบว่างเยอะอยู่แล้ว เขาเลยปล่อยให้เด็กๆกลับกันไว และผมคาดว่าพี่อ๊อฟก็คงจะกลับไปแล้ว มันก็เอาผ้าออก แล้วปล่อยมือและลุกขึ้นจากตัวผม....
“กลับบ้าน! วันนี้ถือว่ากูเตือนอย่างที่บอก ถ้ายังไม่เลิกยุ่งมีเจอดีแน่!” มันชี้หน้าผมแล้วก็เดินไป
ผมค่อยๆลุก ตอนนี้ความรู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายผมเริ่มแล่นเข้ามา ทั้งตัวเลยปวดไปหมด ผมก็ค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมาแล้วเดินไปทางห้องน้ำ พอผมออกมาพ้นจากหลังอาคารนักเรียนบางส่วนก็ยังอยู่ พวกมันเห็นผมก็มองกันนะ ผมก็ไม่สนเดินไปห้องน้ำอย่างเร่งรีบ พอถึงก็รีบไปดูกระจก โอ้โห! ตาในช้ำเลย เส้นเลือดในตาแตกแน่ เป็นคราบเลือดในตาเห็นได้ชัดเจน ปากแตก แก้มถลอกน่าจะตอนที่ล้ม ท้ายทอยก็แสบๆ พอลูบดูก็มีเลือด ไม่แน่ใจตอนโดนกระแทกกำแพงหรือเปล่า ตามแขนก็เป็นรอยที่มันบีบ หัวเข่านี่ไม่ต้องพูด ขาก็ถลอก นี่มันแผลเต็มตัวเลย ผมก็ล้วงผ้าเช็ดหน้ามาชุบน้ำแล้วก็เช็ดเลือดตามรอยแผลที่มีเลือด พอทำอะไรเสร็จ ผมก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไอพี่เฟิสมันเอาโทรศัพท์ผมไป เป็นอะไรที่บัดซบที่สุด ผมจะตอบคำถามที่บ้านยังไงกับสิงที่มันเกิดขึ้นบนตัวผมนี่ แล้วถ้าทุกคนรู้เรื่องต้องใหญ่แน่ พี่อ๊อฟรู้ก็คงไม่ยอม ผมคิดมากไปหมด ปวดตัวยังไม่พอ ยังต้องปวดหัวอีก ผมก็จัดการแต่งตัวให้ดูเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ดูยังไงก็รู้ว่าไปมีเรื่องมา  ก็แต่งๆไปแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำอย่างทุลักทุเลและตรงไปทางประตูโรงเรียน........
“นท!” นั่นไง ผมก็กลัวจะเจอคนรู้จักอยู่ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะในโรงเรียน ผมก็รู้จักคนไปทั่ว ผมหันไปมอง เอ่อ! ไอพอร์ชเป็นเพื่อนผมไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่ เจอก็ทักกันตลอด มันตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล ผมก็พยายามฝืนเร่งเดินหนีมันเพราะสภาพตอนนี้คุยกับใครคงไม่ได้หรอก...
หมับ! มีคนจับแขนผมจากข้างหลังอย่างแรงพอหันไปดู ไอพี่เฟิส? ผมมองมันตาขวาง....
“เดี๋ยวกูจะไปส่ง มานี่!” แล้วมันก็กระชากผมให้ไปทางโรงรถ ผมก็ตามๆมันไป เพราะเจ็บไปหมดแล้ว ขืนรั้งตัวไว้มันได้ตีผมอีก ผมก็ไม่ไหวจะเจ็บตัวแล้วด้วย
พอมาถึงโรงรถ มันก็จัดการถอยมอไซค์มันออกมา ผมก็ยืนมองมันนิ่งๆพอมันถอยได้แล้วก็หันมามองผมด้วยสายตาที่รำคาญ....
“เพื่ออะไร? สำนึกผิดเหรอ?” ผมถามมันนิ่งๆ
“หึ! จองหองนักนะมึง กูสมเพชมึงตังหาก” มันพูดแบบกดเสียง ผมมองมันนิ่งๆนั่นแหละ
“ถ้าคิดแบบนี้ก็กลับไปเถอะ กูกลับเองได้!” ผมพูดนิ่งๆ แล้วกำลังจะเดินผ่านมันไป มันก็ดึงแขนผมไว้ ผมก็มองหน้ามันนิ่งๆ
“ขึ้นรถ!” ตะคอกใส่ผม
“ไม่!” ผมตอบมันแล้วพยายามดึงแขนตัวเองออก มันก็ไม่ยอมจับผมแน่นและมองผมตาขวางอยู่นั่นแหละ
“มึงจะเล่นตัวทำไม!” มันบอกอย่างรำคาญ
“กูกลับเองได้!” ผมก็ตะคอกแล้วฉุดกระชากกับมัน
แล้วมันก็ฉุดกระชากด่าผมอยู่อย่างนั้นแหละ ผมก็เริ่มนิ่ง ไม่ขึ้นจนมันรำคาญมันก็ขี่รถไปอย่างหัวเสีย จริงๆผมไม่อยากให้มันรู้จักบ้านผมตังหาก ดีไม่ดีตอนนี้พี่อ๊อฟอาจจะนั่งรออยู่หน้าบ้านผมแล้วก็ได้ ผมไม่อยากให้พี่อ๊อฟเข้าใจผิด และผมก็ไม่ยอมแน่ เรื่องนี้ต้องไม่จบด้วยดี แต่ก่อนอื่น ผมต้องไปหาหมอก่อน ผมก็เดินไปทางหน้าโรงเรียน และก็หาโบกรถขึ้นไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำของผม ที่มีอาหมอเป็นเพื่อนของป๊าอยู่ พอไปถึงผมก็ทำเรื่องติดต่อรักษาโดยโทรหาอาหมอให้ดูให้ ซึ่งวันนี้ก็ยังดีที่อาหมออยู่ เพราะปกติอาหมอไม่ค่อยอยู่เย็นขนาดนี้ ถ้าอาหมอไม่อยู่ก็จะฝากเพื่อนเขาให้รักษาให้ นั่งรอแปปนึงพยาบาลก็มาเรียก ผมก็เข้าไปห้องตรวจ......
“เป็นยังไงละตัวแสบ ไปฟัดกับใครมา” เปิดประตูมาผมยังไม่ทันมองหน้าอาหมอก็ถามขึ้นมาทันที
“หวัดดีครับ อาหมอ” ผมยิ้มอ่อน แล้วเดินไปนั่งเก้าอี้หน้าอาหมอ
“สภาพไม่ไหวเลยนะ!” อาหมอบอกผมดุๆ ผมก็ได้แค่ฝืนยิ้ม “เดี๋ยวเช็คอาการและทำแผลเตรียมของด้วย” หันไปบอกพยาบาลผู้ช่วยที่ยืนอยู่หลังผม
พยาบาลเขาก็รับคำสั่งและก็ออกไป?เตรียมของมั้ง อาหมอก็ให้ผมลุกไปนั่งที่เตียง เช็คอาการ ตรวจดูแผลพยาบาลก็เข้ามา พร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลเพิ่มเติม เพราะในห้องก็มีอยู่แล้วบางอย่าง เขาก็ทำแผลไป อาหมอก็สวดผมใหญ่เลย ปกติผมมีเรื่องไม่บ่อยมาก แต่มีทีนึงก็หนักพอควร ก็ทำแผลไป โดนแอลกอฮอร์ทีนึงนี่ผมแทบดิ้น แสบโครต มีฉีดยากันบาดทะยักด้วย เพราะตรงหัวเข่า กับท้ายทอยมีเศษสนิม? จริงๆอาจจะไม่ได้โดนหินหรือไม้บาด เพราะตรงที่ล้มนั้นมันมีของเก่าเต็มไปหมด พอทำอะไรเสร็จ อาหมอก็ให้พยาบาลออกไป ผมส่องกระจก เหมือนมัมมี่เลย แขนขาต้องพันผ้ากอซไว้ พันหัวไว้ด้วย จริงๆแผลมีแค่ท้ายทอย แต่มันเป็นตรงที่มีผมอยู่ ถ้าจะแปะแค่แผลก็ได้แต่ต้องโกนผมบริเวณนี้ออก ผมไม่อยากโกนผมเลยให้อาหมอพันไว้ให้ดีกว่า ....
“อาจะโทรบอกป๊าเรานะ” พูดจบ ไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“อย่านะครับ!” พูดขึ้นมาอย่างรนๆ อาหมอก็มองแปลกๆแล้ววางโทรศัพท์ลง “ทะ ทำไมวันนี้อาหมออยู่ละครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องไปสิ
“ช่วงนี้อาเข้าที่นี่เย็นมากกว่า ช่วงเช้าจะอยู่ที่โรงพยาบาล..” บอกนิ่งๆ ผมก็พยักหน้ารับทราบ “ไปมีเรื่องกับใครมา?”ถามเสียงนิ่งมาก
บางทีผมก็ไม่อยากจะให้อาหมอรักษาให้สักเท่าไหร่หรอก เพราะเขาชอบสอบสวนและบังคับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆของแกนั่นแหละ ผมก็นั่งมองแกแบบหลบตานั่นแหละ ตาดุเหลือเกิน ถ้าลุกมาตีผมได้แกคงทำไปแล้ว......
“ถ้าไม่บอกอาจะโทรบอกป๊า!” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด
“นทบอกแล้วครับ อย่าโทรนะ!”ผมเอื้อมไปแย่งโทรศัพท์อาหมอมา แล้ววางไว้ตรงหน้าผมเนี่ยแหละ เขาก็มองผมนิ่งๆ ประมาณว่าเล่ามาเลย “คือ...นทโดนรุ่นพี่ที่โรงเรียน ทำร้ายมา” พูดแล้วก้มหน้า
“มันเป็นใคร?” อาหมอพูดเสียงไม่พอใจ
อาหมอเป็นเพื่อนกับป๊ามานานแล้วตั้งแต่ก่อนผมเกิดอีก และตอนผมเกิดอาหมอเนี่ยแหละที่เข้าเคสทำคลอดให้ผม เขารักผมเหมือนลูกคนนึงเลย ตอนเด็กๆชอบเอาผมไปเลี้ยง แต่หลังๆมา ผมไม่ค่อยได้แวะมาเที่ยวหาอาหมอสักเท่าไหร่หรอก เพราะงานอาหมอยุ่งมาก จะมาก็ตอนเจ็บป่วยเท่านั้นแหละ....
“รุ่นพี่... เขาไม่พอใจ อะ เอ่อ! ไม่ชอบหน้านทเท่านั้นเอง” ผมฝืนยิ้มให้อาหมอ
“โกหกไม่เคยเนียนเลยนะนท” นิ่งเกินไป
“แค่เรื่องไม่พอใจกันแค่นั้นเองอาหมอ และนทก็เอาคืนมันไปสะหนักกว่านทอีก” ยิ้ม แถไปครับ แต่หน้าอาหมอคือแบบไม่เชื่ออย่างแรง
“เจ็บตัวขนาดนี้ ยังไงก็ต้องบอกที่บ้านนะนท เรายังเด็กอยู่นะ เป็นอะไรจะไม่บอกที่บ้านเลยเหรอ?” อาหมอถามอย่างไม่พอใจ เหมือนแกก็ไม่อยากจะถามแล้ว ถามไปผมก็ไม่บอก
“อาหมอก็รู้ ถ้าป๊ากับพี่โน้ตรู้...มันจะเป็นเรื่องใหญ่...” ผมพูดแบบติดขัดนิดหน่อย
แล้วผมกับอาหมอก็นั่งคุยกันไป อาหมอก็ดูเอ่อถามเยอะ และก็บ่นด้วย ตอนนี้ก็มืดแล้ว ผมจะทำยังไงดีก็ไม่รู้ ถ้าที่บ้านรู้ ผมซวยแน่ๆ แต่ยังไงก็ต้องรู้สินะ.....
“แล้วกลับบ้านยังไง ?” ถามอย่างเป็นห่วง
“อะ เอ่อ....” ผมก้มหน้าอย่างเดียว
“ป่ะ! เตรียมตัว เดี๋ยวอาไปบอกเจ้าหน้าที่ก่อนนะ รอแปปนึง” ยิ้ม แล้วก็ลุกออกจากห้องไป
ผมก็สะพายกระเป๋าเตรียมตัว นั่งรอสักพักอาหมอก็มา ถอดเสื้อกาวน์และก็เก็บของๆแก ผมเดาว่าแกก็น่าจะกลับเลยหรือไม่ก็ไปนั่งเล่นที่บ้านผมก่อน พอเตรียมอะไรเสร็จก็ไปขึ้นรถ อาหมอก็พาไปส่งบ้าน ระหว่างทางอาหมอก็ชวนคุยไปทั่ว เหมือนเขาก็ยังไม่อยากพูดถึงเรื่องบาดแผลที่เกิดขึ้นกับตัวผม และผมก็ยังไม่อยากจะบอกด้วยแหละ อีกอย่างการพาอาหมอไปบ้าน ก็เป็นเรื่องที่ดีนะ เขาอาจจะช่วยพูดได้555 พอถึงหน้าบ้าน ผมต้องตกใจอย่างหนัก เพราะพี่อ๊อฟก็ยังคงนั่งรอผมอยู่........
“พี่อะ......” ผมกำลังจะเปิดประตูรถแล้วเรียกพี่อ๊อฟ แต่นึกขึ้นได้ว่าสภาพตัวเองตอนนี้มัน เอ่อ…
“ลงไปกันเถอะ เดี๋ยวมีอะไรอาจะช่วยพูด” ผมยิ้มเลย “แต่!.....” ผมหุบยิ้มทันที “ต้องบอกความจริงทุกอย่างกับอา โอเคไหม” พูดแบบจริงจัง ผมคิดแปปนึงแล้วก็พยักหน้า
จริงๆเรื่องนี้ก็อย่างที่หลายๆคนคิด ผมควรบอกป๊ากับแม่หรือไม่ก็พี่โน้ต เพราะมันรุนแรงเกินไป และยังไงครอบครัวผมก็ต้องรู้เรื่องนี้ แต่ผมกลัวว่าเรื่องมันจะใหญ่เกินไป ในความรักของป๊ากับแม่ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก แต่พี่โน้ตนี่เขาไม่ยอมแน่นอน ผมก็คิดหนักนะ ไม่ใช่ว่าจะไม่บอก แต่แค่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก อันนี้ผมแค่คิดนะ เพราะเข้าบ้านไปไม่รู้จะโดนสอบสวนจนทนไม่ไหวแล้วต้องบอกหรือเปล่า
ตอนนี้ผมกับอาหมอก็ได้ลงรถ แต่เท้าผมยังไม่แตะพื้น พอพี่อ๊อฟเห็นผมก็รีบเข้ามาหาผมเลย.....
“นท! หายไปไหนมา แล้วนี่ไปโดนอะไรมา” พี่อ๊อฟถามผมอย่างเป็นห่วง ผมสบตากับพี่อ๊อฟที ผมหันหน้าหนีแทบไม่ทันพี่อ๊อฟคือน้ำตาคลอ และจับผมอย่างเบา คงเพราะกลัวผมเจ็บ
“คะ คือ....” ผมก้มหน้า
“เข้าบ้านกันก่อนดีกว่า มาเธอก็เข้ามาด้วย” จับมือผมแล้วก็หันไปบอกพี่อ๊อฟ
และอาหมอก็พาผมเข้าบ้าน พอทุกคนเห็นผมเท่านั้นแหละ รัวคำถามผมอย่างเป็นห่วง และรีบเข้ามาประคองผม ทุกคนล้วนแต่เป็นห่วงผม ถามผมว่าเป็นอะไร เจ็บมากไหม มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมา มันตื้นตัน ร้อนผ่าวที่ขอบตาไปหมด ผมบอกได้เลย ว่าตั้งแต่เกิดมาป๊ากับแม่ยังไม่เคยตีผมด้วยซ้ำ อาจจะดุบ้างแต่ก็ไม่รุนแรงอะไร เพราะผมกับพี่โน๊ตก็ไม่ได้เกเรออกนอกลู่นอกทางขนาดนั้น แต่ครั้งนี้มันหนักจริงๆอะมั้ง ไอพี่เฟิสมันทำกับผมแบบนี้ผมไม่ยอมแน่ ทุกครั้งที่ผมมีปัญหา ทุกครั้งที่ผมเจ็บ ทุกทีที่ผมท้อ มีป๊าแม่และพี่โน้ตนี่แหละ กำลังใจสำคัญที่สุด พวกเขาจะทำทุกอย่างให้ผมมีแรงใจแรงกาย พวกเขาไม่เคยทำให้ผมต้องเสียใจเลยสักครั้ง มักจะมีแต่ผมเนี่ยแหละ ที่สร้างแต่ปัญหา เพราะแบบนี้ผมเลยไม่อยากให้ป๊าแม่และพี่โน้ตคิดมากกับเรื่องผมจนเกินไป
ส่วนพี่อ๊อฟ ผมก็รักมันนะ ผมก็ไม่อยากให้มันเครียด จริงๆดูเหมือนผมจะอวดดีอย่างที่ไอพี่เฟิสพูดแหละ แต่ไม่ใช่เลย จงมองกลับเถอะ ผมนั้นแคร์ความรู้สึกพวกเขาจริงๆ เพราะผมไม่อยากให้พวกเขาคิดมาก เพราะเรื่องที่มันเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นเพราะผมเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง? เรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ผมถือคตินี้มาตลอด เราทำอะไรพลาดไว้ก็ต้องลองแก้ด้วยตัวเองก่อน แต่ถ้าแก้ไม่ไหวตอนนั้นเราจะหันกลับไปหาป๊าบอกป๊าแม่หรือพี่โน้ตให้ช่วยผมแก้ก็ไม่สายไป แต่นั้นมันก็แค่ความคิดเพราะความจริงแล้วผมก็ยังเด็กเกินกว่าจะแก้ปัญหาที่ครั้งนี้มันดูจะเกินไป เพราะผมได้โดนทำร้ายร่างกายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแน่นอนว่าพี่เฟิส มันก็จะต้องได้รับบทลงโทษที่สาสมแน่นอน
ตอนนี้พี่โน้ตกอดและปลอบผมอยู่ เพราะผมได้ร้องไห้ออกมา ป๊ากับแม่ก็ถามอาหมอใหญ่เลย พี่อ๊อฟก็นั่งลูบหลังผมอย่างแผ่วเบา ผมหันไปมองพี่อ๊อฟ มันร้องไห้ตามผม? ผมเอื้อมมือไปจับมือมันเบาๆ มันก็กระชับไว้แน่นเลย
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:34:44
จนเวลาผ่านไปสักพัก พี่อ๊อฟจะอยู่เพื่อนอนกับผม ซึ่งพี่โน้ตเป็นคนบอกไว้ว่าให้พี่อ๊อฟอยู่ดูแลผม ส่วนอาหมอก็ได้บอกกับทุกคนในบ้านผมว่า ผมเกิดอุบัติเหตุในโรงเรียน แต่สาเหตุนั้นรอฟังจากผมเอง และพวกเขาก็คุยกันไปจนกลับนั่นแหละ พี่อ๊อฟก็พาผมเดินขึ้นห้อง โดยที่ป๊าแม่และพี่โน้ตก็ตามมาดูด้วย เขาก็ช่วยจัดยา และก็เตรียมน้ำผ้ามาเช็ดตัวผมกันเป็นอย่างดีเลย พอทุกอย่างเรียบร้อยก็ออกไปกัน ผมก็นอนนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็ไปอาบน้ำจัดการตัวเอง เสร็จก็ปิดไฟขึ้นมานอนข้างๆผม แล้วจับมือผมไว้....
“ขอโทษ” พี่อ๊อฟพูดแล้วตะแคงข้างหันมามองผม ผมก็หันหัวไปมอง เพราะตะแคงไม่ได้ปวดตัว
“ขอโทษทำไม?” ผมถามอย่างสงสัย
“ขอโทษที่ไม่ดูแลมึง ขอโทษ อึก!” มันพูดเสียงสั่นๆติดสะอื้น ผมกระชับมือมันแน่น
“มันไม่ใช่ความผิดของพี่อ๊อฟเลยนะ อย่าร้องไห้สิ เดี๋ยวไม่หล่อนะ” ผมค่อยๆเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้มัน ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาจริงๆ แค่นี้มันก็ร้องแล้ว ถ้ามันรู้ว่าเป็นเพราะมัน มันจะเป็นยังไง?
ผมใช้มือที่เอื้อมไปเช็ดน้ำตาให้มัน รั้งหัวมันมานอนใกล้ๆผม พี่อ๊อฟก็ได้แต่พร่ำเพ้อแต่คำว่าขอโทษ จนเราก็หลับไปในที่สุด
อีกวันนึง แม่ก็มาปลุกผมให้กินข้าวกินยา ป๊าไปทำงานแล้ว พี่อ๊อฟก็อยู่ไม่ห่างผมเลย จะรีบกลับมาดูผม พอแม่เอาข้าวมาให้พี่อ๊อฟก็บอกจะจัดการป้อนอะไรผมเอง ส่วนแม่ก็ลงไปอยู่ข้างล่าง พอผมกินข้าวกินยาเสร็จ พี่อ๊อฟก็เช็ดตัวให้ผม แล้วผมก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็บ่ายแก่ๆแล้ว คงเป็นเพราะเพลียและเหมือนจะเป็นไข้ร่วมกับอาการเจ็บปวดพวกนั้นด้วย แลดูแย่ไปหมด เพราะแผลที่หัวเข่านี่อักเสบเพิ่มอีก ระบมไปทั้งตัวเลย พี่อ๊อฟก็ดูแลอย่างดี ไม่ห่างเลย ไม่ยอมกินข้าวกินน้ำด้วยนะ จนผมต้องบังคับ จะบ้าเกินไปมั้ง ไม่ดูแลตัวเองแบบนี้ แม่ก็ขึ้นมาดูเรื่อยๆ ก็จนเย็น ผมก็นอนพักผ่อนไปเถอะ ถ้าเบื่อก็เปิดหนัง ฟังเพลง....
แกร๊ก! ผมและพี่อ๊อฟได้หันไปมอง ป๊ากับพี่โน้ตเข้ามา....
“ป๊า พี่โน๊ต” ยิ้ม ป๊ากับพี่โน้ตก็ยิ้มแล้วมานั่งข้างๆผมที่นอนอยู่ พี่อ๊อฟก็ลุกขึ้นไปนั่งเก้าอี้แทน
“เป็นไงบ้าง คนเก่ง” ป๊ายิ้มแล้วเอามือลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา แม่คงทำกับข้าวอยู่กลิ่นลอยขึ้นมาเลย
“ใกล้จะหายแล้ว นทเก่งจะตาย” ผมพูดเสียงร่าเริง แล้วยิ้มบาน
“แผลพวกนี้ไปโดนอะไรมานท” พี่โน้ตพูดเสียงติดไม่พอใจ กระชับมือผมแน่น
“อะ เอ่อ.....” ผมฝืนยิ้มส่งไป ดูทุกคนจะอยากได้ยินมาก
“จะไม่ยอมบอกใช่ไหม?” ป๊าถามนิ่งๆ หรือป๊าไปรู้อะไรมาแล้วเนี่ย ผมก็หลบตา “งั้นพักผ่อนไปนะ เดี๋ยวป๊าจะให้อ๊อฟเอาข้าวขึ้นมาให้” บอกผมอย่างอ่อนโยน แล้วลูบหัวผม “ปะ อ๊อฟลงไปกินข้าวกัน” หันไปบอกพี่อ๊อฟ
แล้วเขาก็พากันลงไป ผมก็นอนคิดไปทั่ว จริงๆเหตุผลมันคือกลัวทุกคนจะคิดมาก ผมกลัวจะเสียพี่อ๊อฟไปมากกว่า ถ้าป๊ากับพี่โน้ตรู้ว่าคนที่มาทำร้ายผมเพราะเรื่องของพี่อ๊อฟ ผมว่าไม่มีใครพอใจแน่ และพี่อ๊อฟก็คงจะหนักใจไม่น้อยเลยละ ถ้าไม่รักมันผมไม่ทำแบบนี้หรอก ส่วนเรื่องไอพี่เฟิส ผมก็พอมีวิธีเอาคืนมันอยู่แล้วแหละ ตอนนี้ก็ขอรักษาตัวก่อน จริงๆไม่ได้เป็นอะไรหนักมากหรอก แค่ระบมทั้งตัว ปวดตัวไปหมด และอาหมอก็ไม่อยากให้ขยับตัวมากด้วย เดี๋ยวมันจะช้ำไปกันใหญ่ คิดอะไรไปสักพัก พี่อ๊อฟก็ขึ้นมาพร้อมถาดข้าวและยา พี่อ๊อฟก็พยุงตัวผมขึ้นมาพิงหัวเตียง และจัดการป้อน? ซึ่งจริงๆผมก็กินเองได้แต่พี่อ๊อฟไม่ยอม ก็ปล่อยไป พอกินข้าวกินยาเสร็จพี่เขาก็เช็ดตัวให้ เป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่ดี ห่วงผมทุกย่างก้าว ผมนอนพลิกตัวโดนแผลแล้วร้องนิดหน่อย พี่อ๊อฟนี่มาดูผมอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก และระหว่างที่พี่อ๊อฟดูแลผมมาทั้งวันนี่ เขาก็ชวนผมคุยไปเรื่อยเปื่อย พูดเรื่องตลกที่มันไม่ค่อยจะตลกให้ผมฟัง ร้องเพลงให้ผมฟัง ชวนดูหนัง พยายามทำให้ผมไม่เบื่อ ซึ่งจริงๆก็อยากจะบอกว่า แค่พี่อ๊อฟอยู่กับผม ผมก็ไม่เบื่อแล้ว แต่นั้นมันก็เขินเกินจะพูดออกไป ก็จนทำอะไรเสร็จก็เข้านอนแหละ
มาอีกวัน วันนี้ผมตื่นมากับเสียงที่ค่อนข้างดัง ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา เอิ่ม! เพื่อนๆผม และพวกไอสิงโต ผมมองดูนาฬิกาที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียง นี่ก็สายมากแล้ว สงสัยเพราะฤทธิ์ยาเลยตื่นสายขนาดนี้ พอเห็นผมลืมตาได้พวกมันก็ถาโถมคำถามใส่ผมกันเลยทีเดียว ผมก็อึนๆงงๆเนอะ คนพึ่งตื่น จนพี่อ๊อฟได้ด่าพวกมัน ดูไอสิงโตจะไม่พอใจเท่าไหร่เลย แต่ผมแปลกใจอยู่อย่างนึงคือพวกมันรู้กันได้ยังไง เท่านั้นแหละ ผมก็ค่อยๆพยุงตัวเองขึ้นมานั่ง วันนี้ดูจะเจ็บน้อยลงกว่าเมื่อวาน สงสัยยาจะตอบรับกับร่างกายผมดี พี่อ๊อฟก็มาประคอง ไอสิงโตก็ด้วย คือมันทำให้ผมอึดอัดใจนะเนี่ย.......
“มากันได้ยังไงเนี่ย” ผมพูดเสียงงัวเงีย พี่อ๊อฟก็นั่งข้างๆผม ไอสิงโตก็นั่งอีกข้าง
“กูโทรบอกเพื่อนๆมึงเองแหละ แต่ไม่คิดว่า...” ผมมองพี่อ๊อฟด้วยสายตาดุๆ ประมานว่าพูดดีๆนะ “ไม่คิดว่าพวกไอสิงโตมันจะมาด้วยอะสิ!” พูดติดไม่พอใจแล้วก็มองไอสิงโตตาขวาง
“เป็นยังไงบ้างมึง ใครทำมึงขนาดนี้!” ไอสิงโตถามอย่างกังวลโดยไม่สนใจพี่อ๊อฟ และก็จับแขนผมไปดูรอยช้ำอย่างแผ่วเบา
และเพื่อนๆก็รัวคำถามมากัน เจ็บมากไหม โอเคหรือเปล่า บลาๆๆ ผมก็ตอบไปตามจริง จนพวกมันถามกันถึงสาเหตุและสิ่งที่ทำให้ผมเกิดแผลเนี่ย ผมละหนักใจจริงๆ .....
“ไอนท มีคนทำมึงใช่ไหม มันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่อาหมอบอกกับป๊าใช่ไหม?” ไอวิวถามอย่างเป็นห่วง
จริงๆบาดแผลก็ฟ้องอยู่แล้ว ว่าอุบัติเหตุอะไรจะทำให้ตาแตก ปากแตก หน้าช้ำ ขนาดนี้ จริงไหม? ทุกคนคงรู้อยู่แล้วแหละ ว่าผมไปมีเรื่องมา.....
“อะ เอ่อ....” หลบตา สเต็บเดิมไม่อยากบอกให้ใครรู้เลย
“ใครทำมึงนท!” ไอนัทพูดแบบไม่พอใจ
พวกมันก็เริ่มคะยั้นคยอผมให้บอก ผมว่าไอพี่อ๊อฟพาพวกมันมาง้างปากผมแน่นอน แย่จริงถ้าบอกไปผมว่าเรื่องใหญ่แน่นอนเลย เฮ้อ.....แกร๊ก! ป๊ากับพี่โน้ตเดินเข้ามา ห้องผมเต็มไปด้วยผู้คนเลยทีเดียว ก็มันไม่ได้ใหญ่เหมือนห้องนอนไอสิงโตนี่นะ พวกมันก็ทักทายป๊ากัน....
“เด็กๆ นี่ก็จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวลงไปกินกัน ป๊าสั่งของมาให้กินแล้วนะ” ป๊าบอกอย่างใจดี พี่โน้ตก็มองผมนิ่งๆ
แล้วทุกคนก็รับคำ แล้วก็คุยกับผมสักพักก็พากันลงไป โดยที่ผมก็ลงไปด้วย เพราะอาการก็เริ่มดีขึ้นแล้ว เจ็บอยู่บ้างแหละ แต่ไม่มากเท่าไหร่แล้ว ลงไปก็คุยสนุกสนานเลย พวกมันก็ไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย กินกันไปคุยกันไป ป๊ากับพี่โน้ตก็ร่วมวงด้วย แม่ไปวัดกับเพื่อนๆในหมู่บ้านเนี่ยแหละ ไอสิงโตก็นั่งประกบผมกับพี่อ๊อฟ คือไม่ห่าง แย่งกันป้อนผมอีกนะ......
“เอาละๆ ไหนใครบอกป๊าได้ว่านทไปโดนอะไรมา” อยู่ๆป๊าก็พูดขึ้นมา เล่นทำผมชะงักไปเลย
“นทมันไม่ยอมบอกครับป๊า พวกเราถามมันแล้วถามมันอีกอะครับ” ไอมินพูดอย่างจริงจัง
“นั่นสิครับ ผมก็งง ป๊าต้องจัดการทำให้มันพูดให้ได้นะครับ” ไอปอพูดทีเล่นทีจริง
“มันต้องมีอะไรแน่ๆ” ไอวิวมองอย่างจับผิด
“นั่นน่ะสิ จะปิดบังทำไมวะ!” ไอนัทมองอย่างสงสัย
“บอกกูคนเดียวก็ได้นะ ถ้ามึงลำบากใจจะบอกคนอื่น” ไอสิงโตหันมาพูดเบาๆอย่างจริงจัง แต่ดูเหมือนพี่อ๊อฟจะได้ยินน่ะสิ
“นทมันเป็นแฟนกู มีอะไรมันก็ต้องบอกกูหรือเปล่าวะ!” พี่อ๊อฟพูดในลำคออย่างไม่ยอม
“ไม่เอาน่า!” ผมบอกทั้งสองคนอย่างรำคาญ
“แล้วมึงไปโดนอะไรมานท บอกมาสิวะ ทุกคนรอฟังอยู่นะ” ไอโค้กพูดอย่างเครียดๆ
“นท นี่ป๊ากับพี่โน้ต ก็คนในครอบครัวนะ อีกอย่างนี่ก็เพื่อนๆทั้งนั้น มีอะไรก็พูดมาเลย ทุกคนเขาก็เป็นห่วงนททั้งนั้นนะ” พูดแบบจริงจัง
“นั่นสิ มีอะไรก็เก็บไว้คนเดียวแบบนี้มันจะดีเหรอนท พี่เป็นห่วงเรานะ” พูดอย่างเป็นห่วง
“เฮ้อ!” ผมถอดหายใจอย่างหนักใจ
“นท จับมือผม ไม่ว่ามันจะเพราะอะไร ขอให้รู้ว่าทุกคนเป็นห่วงมึงนะ” พี่อ๊อฟจับมือผมกระชับมือแน่น
ตั้งแต่เกิดเรื่อง ก็จะมีแต่พี่อ๊อฟเนี่ยแหละ ที่ไม่ถามว่าใครเป็นคนทำหรือเกิดอะไรขึ้น เอาแต่พร่ำบอกผมว่าขอโทษซึ่งจริงๆผมดูออกตลอดเวลานั่นแหละว่ามันก็ดูอยากรู้มาก แต่มันเลือกจะทำให้ผมสบายใจโดยการชวนผมคุยเรื่องอื่นๆไปทั่วก่อนเลยไม่ถาม ผมก็เข้าใจดี ผมว่าถึงเวลาบอกแล้วมั้ง เพราะดูจากที่ผมทำตอนนี้แล้ว ยิ่งทำให้ทุกคนหนักใจหนักกว่าเดิมอีกด้วยซ้ำ เฮ้อ!.....
“จะ...จริงๆ นทโดนรุ่นพี่คนนึง....ซ้อมมา” พูดอย่างแผ่วเบา แต่นั้นทำให้ทุกคนนิ่งไปกันหมดเลย
“ปั้ง!” พี่โน้ตตบโต๊ะอย่างแรงแล้วลุกขึ้น “มันเป็นใครนท!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาอย่างดัง ทุกคนสะดุ้งหมด
“โน้ต! ใจเย็นๆนั่งลง!” ป๊าบอกพี่โน้ตเสียงแข็ง แล้วก็ดึงพี่โน้ตนั่งลง
“มันเป็นใครวะไอนท?” ไอมินถามอย่างไม่พอใจ
ตอนนี้ทุกคนก็มองมาที่ผม เพื่อรอผมตอบ พี่อ๊อฟก็กระชับมือแน่น ไอสิงโตก็นั่งจ้องผม......
“ที่ไหนนท? โดนมันทำร้ายนทที่ไหน” ป๊าถามอย่างใจเย็น แต่หน้านี่ไปหมดแล้ว คงข่มอารมณ์มาก
“นะ...ในโรงเรียนป๊า”ผมพูดเบาๆ
“ในโรงเรียนเลยเหรอวะ มันจะกล้าไปไหมมึง!” ไอวิวพูดเสียงแข็ง
“เล่ามาสิ ว่ามันเป็นยังไง!” พี่โน้ตพูดเสียงแข็งข่มอารมณ์สุดๆ
“.......วันนั้นหลังจากที่นทแยกกับเพื่อนๆ นทก็กำลังเดินไปหาพี่อ๊อฟเพื่อจะกลับบ้าน แต่...พี่เฟิส” พอผมพูดชื่อนี้ขึ้นมาพี่อ๊อฟบีบมือผมแน่นเลย เพื่อนๆก็ดูตกใจกันพอควรนะ แต่ดูเหมือนพวกไอสิงโตยังงงๆว่าพี่เฟิสคือใคร
“ไอเฟิส มึง!” ไอนัทกัดฟันพูด
“ทำไมวะมึง?!” ไอปอถามอย่างตกใจ
“ทุกคนอย่าเพิ่งขัด นทเล่าให้จบ” ป๊าทำหน้าไม่พอใจหนักมาก ทุกคนนิ่งและเงียบกันทันทีเลย
“คะคือ.......” ผมก็เล่าทุกอย่างไปตามที่ผมเจอและพูดคุยกับไอพี่เฟิสมา ป๊าแสดงสีหน้าฆาตกรออกมา ไอสิงโตก็ด้วย พี่อ๊อฟปล่อยมือผมเลย พี่อ๊อฟเอาแต่ก้มหน้า พอเล่าจบ ทุกคนก็มองไปทางพี่อ๊อฟ...... “มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพี่อ๊อฟเลยนะ เพราะมันสองพี่น้องนั้นแหละประสาท พี่อ๊อฟไม่ได้ผิดอะไรนะป๊าพี่โน้ต ทุกคน” ผมบอกกับทุกคน อย่างจริงจัง
“ป๊ารู้...ดูก็รู้...”  ป๊าพยักหน้าอย่างใจเย็น
“ดีนะ ที่มึงยังมีความดีไม่งั้น...”พี่โน้ตชี้หน้าพี่อ๊อฟอย่างหาเรื่อง
“โน้ต! ไม่เอาน่า!” ป๊าบอกอย่างหัวเสีย
“มันเป็นใคร คนไหนนท!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“ใจเย็นๆน่าสิงโต” ผมพูดนิ่งๆ
“มันเจอพวกกูแน่!” ปอพูดอย่างโกรธแค้น
“กูขอโทษนะนท” พี่อ๊อฟพูดเสียงสั่น ผมจับมือพี่อ๊อฟแน่น
“พี่อ๊อฟ มันไม่ใช่ความผิดพี่อ๊อฟนี่ อย่าคิดมากดิ” ยิ้ม มันก็ยิ้มอ่อนส่งมา
“ป๊าจะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด หลานผอ.เหรอ เจอดีแน่” แล้วป๊าก็ลุกขึ้น
“ป๊า นทวะ...”
“ไม่ได้นทป๊าไม่ยอมหรอก! ป๊ายังไม่เคยตีนทเลยด้วยซ้ำ มันเป็นใคร กล้าดียังไงทำกับนทขนาดนี้ ยังไงป๊าก็ไม่ยอม!” ป๊าพูดแทรกเสียงดังแล้วก็เดินขึ้นบ้านไป พี่โน้ตก็ตามขึ้นไป
ผมเข้าใจป๊า และนี่แหละมันกำลังจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะป๊าจะทำทุกอย่างให้ถึงที่สุดจริงๆ ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้เลยนะ...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:36:08
“ปอ มันเป็นใครคนไหนวะ” ไอสิงโตลุกขึ้นเดินไปหาปออย่างหัวเสีย
“นี่มึงกูจะเปิดรูปมันให้ดู” ปอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็กดๆไป
พวกมันก็ไปรวมกันกลางโต้ะ ผมก็นั่งกุมมือพี่อ๊อฟไว้แน่น พี่อ๊อฟดูหน้าเครียดมากจริงๆ ผมละหวั่นใจจริงๆ....
“พี่อ๊อฟอย่าคิดโทษตัวเองหรือจะไปจากผมนะ ผมไม่ยอมหรอก” ผมหันไปบอกอย่างจริงจัง
“กูไม่ยอมไปจากมึงหรอก และกูจะเอาคืนกับที่มันทำกับมึงให้ถึงที่สุดเหมือนกัน” กัดฟันพูดและกระชับมือผมแน่นมาก
ตอนนี้ทุกคนก็คุยกันไป ไอสิงโตจะไปเอาเรื่องมันให้ได้ ผมก็พยายามไกล่เกลี่ย มันโทรไปบอกพ่อกับแม่มันด้วยนะ ไม่รู้ว่าเพื่ออะไร? ไปกันใหญ่แล้วตอนนี้ เฮ้อ สักพักป๊าก็ลงมา....
“นทวันนั้นไปหาหมอ ให้อาหมอรักษาให้ใช่ไหม?” ป๊าถามแบบจริงจัง
“ใช่ อาหมอดูให้ ทำไมอะป๊า?” ผมถามอย่างสงสัยทุกคนก็มอง
“โอเค รอนี่กันนะ” พี่โน้ตพูดแบบปัดๆแล้วก็ออกไปนอกบ้าน
ขับรถออกไปไหนกันไม่รู้ เฮ้อ! ไปกันใหญ่แล้วทีนี้ พวกผมก็นั่งคุยกันไปสักพัก พ่อไอสิงโตก็โทรมา บอกจะช่วยเรื่องผมเพราะพวกเขารู้จักกับตำรวจเยอะนู่นนี่นั่น ผมตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง จริงๆแค่เดินไปบอกครูในห้องปกครองก็น่าจะจบแล้วไหม นี่มันไปกันใหญ่ไปหมดแล้ว ตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆแล้ว เราก็ยังไม่เลิกคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และอีกสักพักป๊าก็กลับมา พร้อมซองเอกสาร ไอสิงโตก็กดโทรศัพท์โทรหาพ่อมันให้พ่อมันคุยกับป๊าผมอีก หนักอึ้งหัวไปหมดครับ วุ่นวายไปกันใหญ่ ......
“พรุ่งนี้นทไปโรงเรียนพร้อมกับป๊านะ!” ป๊าพูดเสียงแข็ง
“ตามนั้น พี่จะไปด้วย” พี่โน้ตพูดแบบจริงจัง
แล้วเราก็คุยกันไป โดยที่ป๊าให้ทุกคนอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันอีกมื้อ ทุกคนก็ขึ้นไปนั่งเล่นห้องผม พี่อ๊อฟก็ไปเอาผ้ามานอนกับผมเพิ่มเติม ตอนนี้ในห้องนอนผมก็คือเอ่อ มีเพื่อนๆผมและก็พวกไอสิงโต แน่นจริงๆไอสิงโตก็นั่งข้างผมไม่ห่างเลย เจ็บไหม เป็นยังไงบ้าง ถามซ้ำซากไปมา ผมรำคาญมากเอาจริง......
“พรุ่งนี้กูจะไปกับป๊ามึงด้วยนะ ไปกับป๋า” ไอสิงโตพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ต้องหรอกมึง แค่ป๊ากับพี่โน้ตไปก็เรื่องใหญ่แล้วนะ มึงจะไปทำไมอีก” ผมพูดอย่างปัดๆ มันจับมือผม
“แฟนกูเจ็บตัว มึงจะให้กูอยู่เฉยๆได้ยังไงวะ?!” ไอสิงโตพูดแบบไม่พอใจ
ผมก็ปลงไป อยากทำอะไรก็ทำกันไปโลด ผมจะอยู่นิ่งๆตามประสาคนเจ็บแล้วกัน เบื่อมีแต่เรื่อง แล้วไอสิงโตก็มากระเหง้ากระหงอดไม่ห่างผมอีก พี่อ๊อฟจะคิดยังไงเนี่ย แกร๊ก! นั่นไง คิดไม่ทันไรคุณชายของผมก็เดินเข้าห้องมาแล้ว ประเด็นคือมือไอสิงโตก็ยังไม่ปล่อยจากมือผมไงผมดึงออกมันก็จับแน่น พี่อ๊อฟก็มองนิ่งๆ แล้วก็เอาของเข้าไปเก็บ....
“ไอสิงโต มึงก็ปล่อยดิ!” ผมพูดเบาๆ แต่มันก็เอาแต่ยิ้ม
“เออๆ” (ยิ้ม)
ผมก็เบื่อมันจริง มันก็ไม่ถอยห่างผมเลย ทำตัวปกติของมัน และพี่อ๊อฟก็รู้สึกจะไม่พอใจผมเป็นอย่างมากด้วยสิ โอ้ย! แต่ละคน และถึงเวลาไปกินข้าวก็พากันลงไป วันนี้ป๊าจ้างคนมาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวตรงสวนหน้าบ้าน สนุกสนานกินกันอิ่มเลยสิ พี่อ๊อฟก็จ้องไอสิงโตตาขวางเลย ไอสิงโตก็ไม่ห่างผมเหมือนทำเป็นไม่สนพี่อ๊อฟ เดี๋ยวป้อนเดี๋ยวเช็ดปาก พี่อ๊อฟน้อยหน้าที่ไหน ผลักไอสิงโตออกจนจะได้ตีกันอยู่แล้ว เจ็บตัวแล้วยังต้องมาปวดหัวกับคนพวกนี้อีก พอจบปาร์ตี้ทุกคนก็แยกย้าย แต่ก่อนแยกย้ายก็ไม่ลืมที่จะคุยกันเรื่องพรุ่งนี้.....
“ป๊าจะแจ้งความเรื่องนทนะ” ป๊าพูดขึ้นมา ผมตกใจสิ
“นทว่าแค่บอกครูห้องปกครองก็ได้มั้ง ไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่เลยนะป๊า” ผมพูดอย่างกังวล และอีกอย่างมันก็แค่เรื่องเด็กทะเลาะกันเอง
“ตามนั้นแหละมึง มันทำมึงขนาดนี้มึงไม่ต้องทำเป็นห่วงมันหรอก” ปอพูดอย่างไม่ยอม
“ป๊า พรุ่งนี้ผมกับป๋าจะพาลุงไปด้วยนะ ตามที่บอก” ป๊าก็พยักหน้า ไปบอกไปคุยอะไรกันตอนไหนวะ?
ก็คุยกันไป พี่อ๊อฟก็กันผมห่างจากไอสิงโตตลอด แต่ก็ไม่พ้น จนพี่อ๊อฟไม่พูดกับผมเลย ไอสิงโตก็เกินไป พอทุกคนแยกย้ายกันกลับ พี่อ๊อฟก็ช่วยพยุงผมขึ้นห้องนอน วันนี้อาบน้ำได้แล้ว ป๊าไปหาอาหมอมา อาหมอฝากผ้าก๊อตพันสำหรับอาบน้ำมาให้ ไม่มีปัญหาแล้ว ก็ดีไปอย่าง เหนียวตัวจะแย่ พอเข้ามาในห้องพี่อ๊อฟก็ไม่พูดไม่จาอะไร จับผมถอดเสื้อผ้า แล้วก็พยุงเข้าห้องน้ำ จริงๆคือถอดผมหมดเลย  ไม่คิดว่าผมจะอายมันไหม? มันก็ถอดของมันแล้วเข้ามาอาบพร้อมผม แต่คือมันไม่ยอมคุยกับผมไงถามอะไรก็ไม่ตอบ งอลเรื่องไอสิงโตชัวร์......
“อย่าโกรธเรื่องไอสิงโตดิ มันก็เพื่อนผมนะ” ผมพูดนิ่งๆ มันก็ถูสบู่ให้ผมไป
ถึงงอลแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะดูแลผมน่ารักไปป่ะ? ก็จนทำอะไรเสร็จออกมาก็แต่งตัวให้พาผมขึ้นเตียงทำแผลให้ผม ไปปิดไฟแล้วก็ขึ้นมานอนข้างๆผมบริการดีนะเนี่ย.....
“อย่าโกรธดิ” ผมหันหัวไปทางพี่อ๊อฟแล้วเอามือลูบแก้มพี่อ๊อฟที่นอนตะแคงเข้าหาผม
“มึงไม่ได้รักกูแล้วเหรอ?” มันถามด้วยน้ำเสียงนอยๆ
“รักดิ รักมากด้วย ทำไมถามแบบนี้?” ผมถามอย่างสงสัย
“กูโครตหึงมึงเวลามึงอยู่กับไอสิงโตเลยวะ” มันพูดแบบจริงจัง แต่มันทำให้ผมรู้สึกเขิน เพราะผมแทบไม่เคยได้ยินพี่อ๊อฟบอกว่าหึงผมเลยมั้ง?
“ถ้าหึง ก็อย่างอนดิ” หยิกแก้มมัน “เพราะไม่ว่ายังไง...” กระเถิบตัวเข้าไปใกล้ๆมันอย่างลำบาก มันเห็นอย่างนั้นมันก็เลยกระเถิบเข้ามาใกล้ๆผมแทน “ไม่ว่ายังไง ผมก็เลือกและรักพี่นะ ไอสิงโตมันเป็นเพื่อนที่ดี พี่อ๊อฟเข้าใจนะ แม้มันจะดูเยอะไปหน่อย แต่มันก็เป็นห่วงผมนะ” ผมหอมแก้มมัน
“แน่นะ” มันถามเบาๆ แต่ผมว่ามันเขินแน่ๆ
“อื้ม” ผมยิ้มบาน
เราก็นอนคุยกันไปจนหลับ พอมาอีกวันผมตื่นก็สายมากแล้ว ง่ายๆคือมันเลยเวลาเรียนคาบแรกมาแล้ว ผมรีบลุกขึ้นอย่างเร็วๆ เพราะต้องรีบไปโรงเรียนแต่.....
“ตื่นแล้วเหรอ ไหวไหม” มันเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนักเรียน
“สายแล้วนะทำไมไม่ปลุกผมละ?” ผมถามด้วยความตื่นตระหนก
“วันนี้ป๊าจะพามึงไปทำเรื่องที่มึงโดนมา ไม่ต้องเรียน เห็นว่ายังนอนสบายอยู่เลยไม่อยาปลุก เดี๋ยวรอแปปนึงนะ กูไปบอกป๊าก่อนว่ามึงตื่นแล้ว ป๊ากับพี่โน้ตจะได้เตรียมตัว” มันพูดแล้วยิ้มบาน เดินออกห้องไป
ผมก็ส่ายหัวให้กับความอารมณ์ดีของมัน แล้วค่อยๆพาตัวเองลงจากเตียงแล้ว ตรงไปห้องน้ำล้างหน้าแปลงฟันรอพี่อ๊อฟสักพักมันก็เข้ามาช่วยผมอาบน้ำจัดแจงทำแผลและช่วยแต่งตัวให้ พอเสร็จผมก็เตรียมของและลงไปหาป๊า ซึ่งก็นั่งรออยู่หน้าทีวีอยู่แล้ว พอเห็นผมก็มาช่วยพยุงแล้วก็พากันไปขึ้นรถ และมุ่งหน้าไปโรงเรียน แม่ก็เฝ้าบ้านไป ตอนแรกจะมาให้ได้เพราะแม่ก็โมโหไม่น้อยเลย แต่ป๊าไม่ยอมเพราะถ้าแม่ไป คงไม่ได้คุยง่ายๆ แม่ผมโมโหร้ายมาก พอถึงโรงเรียนก็ตรงไปห้องปกครองกันเลย พอเข้าไปผอ.?ก็นั่งรออยู่แล้ว กับภารโรงคนนั้น และไอพี่เฟิส!? และครูในห้องปกครองนั่งกันเต็มไปหมด และมีเอ่อน่าจะพ่อแม่ของไอพี่เฟิสหรือเปล่า?ไม่รู้ เรื่องนี้เหมือนถูกจัดแจงไว้แล้ว แค่รอผมมา?........
“ไง!” ป๊าพูดทักเสียงเข้ม ผอ. ก็ยิ้มอ่อนให้
“คนนี้เหรอนท ที่มันทำนทอะ!” พี่โน้ตพูดเสียงดัง ไอพี่เฟิสนั่งหน้านิ่ง ผมก็พยักหน้า
“เชิญนั่งก่อนนะครับ ทุกคนเลยครับ” ครูกมลพูดนิ่งๆ มองมาทางผม พร้อมกับมองทั่วร่างกายผม
ตอนนี้ทุกคนนั่งอยู่ในห้องปกครองแล้ว ดูจะพร้อมไปหมด แปลกๆจังหรือว่าป๊าเป็นคนโทรสั่งและจัดการไว้หมดแล้ว?
แกร๊ก! “ขอโทษที่มาสาย” พ่อไอสิงโต?! มาจริงๆเหรอเนี่ยมากับ เอ่อ ตำรวจ? ไอสิงโตยิ้มหน้าบานเดินมานั่งข้างผม พี่อ๊อฟก็ทำหน้านิ่งๆ เพราะเมื่อคืนผมว่าคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ.....
“ผมขอดูของที่ผมฝากครูกมลดูด้วยนะครับ” ป๊าหันไปบอกครูกมลหน้านิ่งๆ
ครูกมล ก็ลุกขึ้นไปกดเปิดเทป? กล้องวงจรปิด! แน่นอนว่าทุกโรงเรียนต้องมีผมคิดไม่ถึงเลยนะเนี่ย มันเป็นมุมที่ถ่าย เหมือนเอาไว้ดูของเพราะมันเป็นที่เก็บของหลังอาคาร เห็นไม่ชัดมาก แต่ก็เห็นว่าผมโดนทำร้าย ดูจะรุนแรงด้วยจริงๆ ขนาดผมเป็นคนโดนพอมาเห็นแบบนี้แล้วก็ดู...หนักไม่ใช่ย่อยเลย รุนแรงมากนะนั่น ครูกมลก็กดกรอไปมา ก็เห็นหน้าไม่ค่อยชัดแต่ก็รู้ว่ามีคนโดนทำร้ายอย่างรุนแรง......
“ทำแบบนี้ได้ยังไงวะ!” พี่โน้ตลุกขึ้นชี้หน้าไอพี่เฟิส
“โน้ต!” ป๊ามองพี่โน้ตแบบดุ พี่โน้ตก็นั่งลง
“มีอะไรจะอธิบายไหม? คุณกรกฏ” ครูกมลมองไปทางไอพี่เฟิสนิ่งๆ
“ไม่มีครับ”หน้านิ่งๆ ไม่ได้สำนึกผิดสินะ
“หึ!” ป๊ามองพี่เฟิสแบบเหยียดๆ “คุณผอ. จะจัดการเรื่องนี้ยังไงครับ? ผมไม่ยอมนะ ลูกผมโดนทำร้ายร่างกายขนาดนี้” ยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้ผอ.ดู “เด็กคนนี้ทำเกินไปมากเลย” บอกผอ.ด้วยเสียงแข็ง “ไหนเธอลองบอกมาสิ! ว่าลูกชายของฉันไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจนักหนาถึงได้ทำกับลูงของฉันขนาดนี้” ป๊าพูดกดเสียง ไอพี่เฟิสมันสะดุ้งไปนิด
“คะ คือ.....” ไอเฟิสมันอึกอัก
“ลูกดิฉันต้องโดนใส่ร้ายแน่ๆค่ะ เพราะลูกของดิฉันไม่เคยไปมีเรื่องชกต่อยใครเลย!” แม่มันพูดขึ้นอย่างจองหอง
“ใช่ครับ ถึงจะทำจริงๆ แสดงว่าเด็กคนนี้” พ่อมันชี้มาทางผม “ต้องทำอะไรให้ลูกผมก่อนชัวไม่งั้นไม่เกิดเรื่องแบบนี้หรอกครับ”โอ้โห!นิสัยแบบนี้กันทั้งบ้านเลยสินะ
“งั้นลองพูดมาสิ ว่าลูกฉันทำอะไรให้ นายถึงได้ทำร้ายลูกฉันขนาดนี้” หันไปถามพี่เฟิส มันก็ก้มหน้า “แต่แปลกนะครับ ถ้าลูกผมไปทำอะไรให้ลูกคุณก่อน อย่างน้อยก็ต้องมีบาดแผลสิครับ แต่ดูลูกคุณจะสมบูรณ์ไร้แม้ร่องรอยการโดนทำร้ายนะครับต่างจากลูกผมลิบลับ” ป๊าพูดไม่พอใจ พ่อแม่มันเริ่มรน
“กะ..ก็อาจจะมาด่าลูกผมก่อนก็ได้!” พ่อมันแถไปสิ เป็นพ่อคนได้ยังไงวะ
“เอาโทรศัพท์น้องกูคืนมาด้วย!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ พ่อกับแม่มันหันไปมองลูกมันอย่างตกใจ
“พูดความจริงเถอะ เพราะลูกผมเล่าความจริงทั้งหมดให้ผมฟังแล้ว และผมจะแจ้งความ! เอาเรื่องให้ถึงที่สุด!” ป๊าพูดแบบโมโหหนักมาก พ่อแม่มันสะดุ้งกันเลยทีเดียว
“หลักฐานละ แค่วีดีโอเนี่ย ไม่พอหรอกนะ!” แม่มันพูดอย่างรนๆ
“หึ! คุณภารโรงช่วยเล่าเหตุการณ์ที่คุณเห็นวันนั้น ให้ทุกคนได้ฟังได้ไหมครับ?” ป๊าบอกอย่างใจเย็น
“คือผมเห็นเด็กคนนี้ ขึ้นคร่อมเด็กคนนี้เหมือนกำลังมีเรื่องกันครับ พอผมถามเด็กคนนี้” ชี้ทางไอเฟิส “ก็บอกว่า เด็กคนนี้” ชี้มาที่ผม “โดนพวกรุ่นพี่รุมตีมา ตอนแรกผมก็ไม่เอะใจอะไรหรอกครับ แต่เด็กคนนี้” ชี้มาทางผม “ดิ้นๆเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง ผมก็เลยไปตามครูกมลมาดู เพราะตอนนั้นโรคเก๊าที่ขาผมมันกำเริบ เดินมากไม่ได้จะเข้าไปดูใกล้ๆก็กลัวจะเสียเวลา เพราะกว่าจะเดินมาตามครูไปดูเด็กสองคนนี้ ก็นานพอควรหนะครับ” ผมยิ้มบานเลยครับ ไม่คิดว่าลุงเขาก็ดูออก 
“นี่ไงครับพยาน และหลักฐานก็เป็นเทปกล้องวงจรปิดนะครับ และใบรับรองแพทย์ของหมอที่รักษาลูกผมหลังจากลูกผมโดนทำร้าย ตอนนี้ผมได้พาตำรวจมาแล้ว พวกคุณมีอะไรจะพูดอีกไหมครับ?” ป๊าพูดนิ่งๆ แต่ทำหน้าเหมือนผู้ชนะ ป๊าร้ายกาจมาก
“อะ...เอ่อ” ป๊าหันไปมองขวับไปทางผอ. “คะ...คือถะ...ถ้าทำแบบนั้นเด็กคนนี้อาจจะต้องโดนไล่ออกเลยนะครับ เพราะทำให้โรงเรยนเสื่อมเสียชื่อเสียง.....” ผอ.พูดแบบเบาๆ เหมือนไม่อยากพูดอะไรแต่ต้องพูดบ้าง
“ไหนลองบอกแนวการแก้ไขของ ผอ. ให้ผมฟังหน่อยสิครับ?” ป๊าถามทุกคนก็จ้องผอ.กันหมด
ส่วนพ่อแม่ของไอพี่เฟิสก็ใช้สายตาข่มผอ. แลดูตอนนี้ผอ.นี่เอ่อ หนักใจสุดๆเลย.....
“จะ....จริงๆแล้วเรื่องนี้ให้ทางโรงเรียนดำเนินการลงโทษเด็กเองดีกว่านะครับ ผมว่าแจ้งความมันจะเสียหลายด้านนะครับ”ครูกมลพูดอย่างหนักใจ บางทีผมก็สงสารครูกมล เจอแต่ละอย่าง ผมก็ไม่ได้อยากจะมาหาครูเขาบ่อยเลย
“พวกคุณก็ดูนะครับ ฝ่ายนั้นยังไม่ยอมรับเลยว่าลูกเขาผิด แล้วพวกคุณจะทำอะไรได้ครับ? ยังไงผมก็ไม่ยอม ผมมีทั้งพยานหลักฐาน ครบทุกอย่างแล้ว” ป๊าพูดไปทางครูกมล “อันนี้ผมต้องเตรียมอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่าครับคุณตำรวจ” ป๊าหันไปถามคุณตำรวจ
ตำรวจก็เดินมากระซิบอะไรกับป๊าก็ไม่รู้ ป๊าถึงกับเหยียดยิ้มเลย.....
“เอายังไงครับ? ตอนนี้?” ป๊าทำหน้าจริงจัง
“ผมว่าเด็กเขาก็ทำรุนแรงไป ถึงจะไม่พอใจอะไรกันก็ไม่ควรจะกระทำอะไรที่มันรุนแรงขนาดนี้ ดูสิ แผลเต็มตัวขนาดนี้”อยู่ๆลุงโรจน์ก็พูดขึ้นมาหลังจากที่นั่งฟังอยู่นาน แล้วเดินมาหาผม จับดูที่แผลผม “ไม่โหดร้ายไปหรอครับ? ถึงจะให้โรงเรียนทำโทษ ถ้าผู้ปกครองจะเอาเรื่องก็สามารถแจ้งความได้นะครับ ตามกฏหมาย” เขามองไปทางพี่เฟิส
“เอายังไงครับ พวกคุณก็พูดกันมาเลย จ้องหน้าผอ.เขาก็ช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้หรอก!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาเสียงดังอย่างไม่พอใจ
พ่อแม่พี่เฟิส และพี่เฟิสมันเหงื่อตกตั้งแต่ป๊าพูดถึงหลักฐานและพยานแล้ว ผมพี่อ๊อฟไอสิงโตก็นั่งมองนิ่งๆ แต่ดูแล้วพี่อ๊อฟกับไอสิงโตจะมองไอพี่เฟิสด้วยสายตาเดียวกัน นั่นก็คืออาฆาตแค้น อย่างกับจะไปตีไอพี่เฟิสให้ได้ พี่เฟิสมันก็นั่งนิ่งๆ.....
“ชิ!” พ่อแม่มันมองพวกผมอย่างหัวเสีย
“กรกฏ พูดความจริงออกมาให้หมดดีกว่า!” ผอ.พูดเสียงเข้ม
“ครับ ผมทำเพราะความสะใจ ผมไม่ชอบหน้าเขา เพราะเขาชอบทำตัวอวดดีและแย่งแฟนคนอื่น!” มันพูดแล้วมองหน้าผมแบบไม่พอใจหนักมาก ผมมองมันตาขวางเลยสิ ไม่พอใจมากบอกตรงๆ พูดมาได้หน้าด้านๆ พ่อกับแม่มันก็มองกันแบบว่าไอเฟิสจะพูดทำไมอะไรทำนองนั้นแหละ
“ยังไงพวกผมก็ไม่ยอมครับ ถึงลูกผมจะพูดแบบนั้น ผมไม่ยอมให้ลูกผมถูกดำเนินคดีหรอกครับ! แล้วทางโรงเรียนก็ไม่ได้คุ้มครองเด็กเลยเหรอครับ เด็กแค่ทะเลาะกันในโรงเรียน นี่ถึงกับต้องพาตำรวจมาจับเลยอย่างนั้นเหรอครับ!” พ่อมันมีอาการพาลแบบเห็นได้ชัด
“จริงๆแล้วผมก็มีอีกเรื่องที่ยังไม่ได้เล่านะครับ” ทุกคนหันมามองทางผมกันหมด กะว่าจะไม่พูดอยู่แล้วเชียว แต่หมั่นไส้ในความจองหองของพ่อมัน และความปากดีจนหยดสุดท้ายของไอเหี้ยเฟิส
“อะไรนท?” ป๊าถามอย่างสงสัย
ผมรู้ดีที่มันพูดแบบนั้นไม่ใช่ความจองหอง เพราะที่มันไม่ได้พูดถึงอิงฟ้าเพราะไม่อยากให้น้องมันเข้ามาข้องเกี่ยว หึ! น่าสมเพชสิ้นดี ในเมื่อไม่ยอมรับผิดดีๆ ก็ขอประจานมันเลยก็แล้วกัน!
“พี่เฟิสพูดไม่หมดหรือเปล่าครับ ผมเกรงว่าพี่เฟิสคงจะลืมพูดถึงเรื่องอิงฟ้าด้วย!” พูดอย่างหมั่นไส้ ปากดีนักมาหาว่าผมแย่งแฟนชาวบ้าน น้องมันนั่นแหละไอเลว มันตกใจอย่างเห็นได้ชัด อย่างที่ผมคิดจริงๆ มันไม่อยากให้ผมพูดถึงน้องมัน
“แล้วอิงฟ้า อะ...เอ่อ อังศุมาเกี่ยวอะไรด้วย?” ครูกมลถามอย่างสงสัย ผมยกยิ้มขึ้นมา
“ก็ที่พี่เขามาทำร้ายผมก้เพราะว่า ยะ.....”
“หยุดพูดนะเว้ย!” ไอเหี้ยเฟิสลุกขึ้นมาชี้หน้าผมแล้วพูดอย่างเสียงดัง ผมยิ้มมุมปากอย่างสะใจ
“หยุดนะ! นั่งลงเดี๋ยวนี้!” ครูกมลออกคำสั่งเสียงแข็ง พ่อแม่มัน และทุกคนก็มองอย่างตกใจ
จริงๆผมก็สงสารนะที่ป๊าจะเอามันเข้าคุก แต่มันไม่ได้มีความสำนึกผิดกันเลย ผมก็ขอไม่ไว้หน้าพวกมันบ้างแล้วกัน.....
“เล่าต่อเถอะ เพราะงานนี้ผมว่า พวกคุณไม่รอดหรอก รักษามารยาทด้วย!” ผอ.พูดอย่างไม่พอใจใส่พวกพี่เฟิส
“หึ! งั้นผมก็ขอเล่าเลยนะครับ คะ...”
“ผมยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง จะจับก็จับผมไปเลย!” ไอเฟิสพูดแทรกขึ้นมาอย่างเสียงดัง
เพราะเรื่องที่ผมจะพูดนั้น มันจะไปทับกับความผิดที่มันได้ก่อ จนมันดิ้นไม่ได้เลย น่าสมเพชนักนะ คนมันจนมุมมันก็ทำได้ทุกอย่างจริงๆ แต่มันจะรักน้องมันเกินไปไหม?.......
“ไม่! ฟังให้จบก่อน มันจะได้เคลียล์ๆกันไปเลย!” ครูกมลพูดอย่าเบื่อหน่อย
“ก็จริงนะครับ พูดให้มันจบๆไป จะได้เคลียล์ๆ และไม่มีปัญหาต่อกันอีกต่อไป” ผมยิ้มอ่อนให้พี่เฟิส มันมองผมด้วยสายตาอาฆาตเลยละ ดูท่าแล้วทุกคนจะงงกับเรื่องนี้ มีแต่พี่อ๊อฟเท่านั้นแหละ ที่รู้ว่าผมจะพูดเรื่องอะไร
“เล่ามาเลย” ป๊าพูดนิ่งๆ
“เรื่องทั้งหมด มันเกิดเพราะ.....อิงฟ้า หรืออังศุมาไงละครับ” พี่เฟิสและพ่อแม่มันตกใจ “เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ.....”ผมก็เล่าไป เริ่มตั้งแต่ยัยอิงฟ้าแบลคเม และทำทุกๆอย่างกับผมจนผมได้เข้าห้องปกครอง รวมถึงตอนที่ผมได้ช่วยพี่อ๊อฟออกมาจากอิงฟ้า จนมาถึงตอนที่ผมโดนไอพี่เฟิสมันซ้อมเนี่ยแหละ! พี่เฟิสมันกำหมัดแน่น มองผมด้วยความโกรธแค้น พ่อแม่มันก็ดูตกใจไม่น้อย ส่วนพวกครูๆก็ดูจะอึ้งที่พี่เฟิสเป็นพี่อิงฟ้า พอเล่าจบ ป๊าถึงกับยิ้มบานเลย พี่โน้ตก็เช่นกัน “เนี่ยแหละครับ คือเรื่องน้ำเน่า ของสองพี่น้อง!” ผมพูดแบบเหยียดสุดๆ ผมคิดว่ามันตลกเหมือนกันนะ มาตีผมเพราะหาผู้ชายให้น้อง
“ไหนละคลิป อย่ามาพูดแต่งเรื่องซี้ซั้วไปเรื่อยนะ!” แม่มันลุกขึ้นมาโวยวาย
“แน่ใจจริงๆเหรอครับว่าอยากจะดู!” ผมถามแล้วจ้องตาไปที่แม่มัน
ฝ่ายไอพี่เฟิสดูจะชะงักไปเลย เพราะผมมีคลิปจริงๆ อย่าท้าผมมาก ผมพกติดตัวตลอดตอนอยู่โรงเรียน กลัวว่าอิงฟ้าแล้วก็พี่เฟิสมันจะเล่นไม่ซื่อเอาคลิปออกมาปล่อยให้ว่อนเพื่อจะให้พี่อ๊อฟรับผิดชอบอิงฟ้า ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่มีวันให้มันเกิดขึ้น......
“อ้อ! เรื่องทั้งหมด ก็เพราะ......จะจับผู้ชายให้น้อง? แค่นั้น? ลูกผมต้องมาเจ็บตัวเพราะเรื่องนี้เหรอ” ป๊าพูดอย่างไม่พอใจ
“ตลกว่ะ คิดได้เนอะ ตัวแค่นี้จะหาแฟนให้น้อง แต่หาได้วิธีอุบาทว์แบบนี้” พี่โน้ตพูดขึ้น อันนี้ก็เกินไป
“ทำร้ายนทเพราะเรื่องแค่นี้ไม่มากไปหน่อยเหรอ? มีอาการทางจิตหรือเปล่า ไปเช็คมาบ้างนะ หัวรุนแรงขนาดนี้ โตมาจะเป็นคนแบบไหนกัน” พ่อไอสิงโตพูดเป็นเชิงสั่งสอนสินะ
ตอนนี้พวกพ่อแม่มันเริ่มต่อว่าไอพี่เฟิสแล้ว และตอนนี้ป๊ากับผอ.กำลังคุยเจรจากันว่าจะเอายังไง ในทางกฎหมายอะไรผมไม่รู้หรอกครับ ก็ให้ผู้ใหญ่เค้าจัดการเองแล้วกัน.....
“สุดท้าย นทก็ต้องเดือดร้อนเพราะมึง!” ไอสิงโตหันมาแดกดันพี่อ๊อฟ
“แล้วมึงจะทำไม!” ไอพี่อ๊อฟนี่ก็จะมีเรื่องให้ได้เลยใช่ไหม
“พอเลย ทั้งคู่นั่นแหละ!” ผมพูดด้วยความรำคาญ
“นท วันนี้กูจะไปหาที่บ้านนะ แม่จะไปเยี่ยม” ไอสิงโตพูดขึ้น
“แม่มึงจะมาเยี่ยมแล้วเกี่ยวอะไรกับมึงละ! กูไม่ให้มึงเยี่ยม!” พี่อ๊อฟเริ่มแล้ว
“เอ่อ คือถ้าจะตีกัน เชิญด้านนอกนะครับ” ผมบอกอย่างรำคาญ พวกมันก็นิ่งเลย
ผู้ใหญ่ก็เคลียกันไป ผมก็นั่งฟังเขาคุยกันพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็ตีกันทางสายตาไป ผมก็เบื่อจะห้ามแล้ว น่ารำคาญจริงๆ พ่อแม่ไอพี่เฟิสก็ยังไม่ยอม ยังกร่างและยึดมั่นว่าลูกตัวเองไม่ผิด ผมก็เบื่อหน่ายจะฟัง พอจะออกไปรอข้างนอก ป๊าก็ให้อยู่ฟัง เพราะผมคือผู้เสียหาย?
“เอ๊ะ! จะว่าไปไหนลูกสาวของพวกคุณละ?” ป๊าถามขึ้นมาเพราะฝ่ายนั้นคือ ยังไงก็ไม่ยอมและก็พูดแถไถไปทั่ว
“อิงฟ้าเขาไม่ได้เกี่ยวอะไรนะครับ” ไอเฟิสพูดขึ้นแบบกังวล
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ก็เรื่องที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะอิงฟ้าไม่ใช่เหรอ?!” ผมพูดแบบเสียงแข็ง มันมองอาฆาตมาทันที
“ครูกมล ไปตามเด็กคนนั้นมาทีนะครับ” ผอ.บอกครูกมลอย่างใจเย็น
ครูกมลก็รับคำและก็ออกไปตามอิงฟ้ามา ตอนนี้เรื่องมันแย่ยิ่งกว่าเดิม เพราะพ่อแม่ของมัน ถ้าพ่อแม่มันยอมรับในความผิดของลูกและก็ขอโทษทุกอย่างน่าจะจบอย่างดี แต่นี่ไม่ คือโวยวายแถไปทั่ว จนผอ. ทำหน้าเบื่อหน่าย เลี้ยงลูกแบบนี้นี่เองลูกถึงได้กลายเป็นเด็กมีปัญหา และตอนนี้ป๊าให้พี่โน้ตไปเรียนก่อน เพราะพี่โน้ตดูจะไม่ไหว จ้องหน้าพี่เฟิสอย่างกับจะมีเรื่อง พี่โน้ตก็ให้เพื่อนมารับ ส่วนพ่อไอสิงโตก็จะอยู่กับป๊าก่อนเพราะจะไปคุยงานต่อ? แต่ทำไมไอสิงโตไม่ไปเรียน?.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:37:33
“สิงโต มึงไม่เรียนเหรอวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่! วันนี้กูหยุด อยากอยู่กับมึง” ดูมันนะ
“นี่มึงอย่ามากวนตีนได้ไหมวะ!” พี่อ๊อฟผลักไหล่ไอสิงโตอย่างไม่ยอม ไอสิงโตก็ทำหน้ากวนตีน
“สิงโต มึงก็อย่ากวนตีนดิวะ พี่อ๊อฟก็ใจเย็นๆหน่อยเถอะ!” ผมพูดแบบรำคาญ แล้วผมก็ลุกย้ายไปนั่งข้างๆป๊า รำคาญมันสองคนกัดกันอยู่ได้
แกร๊ก! ครูกมลเดินเข้ามากับยัยอิงฟ้า แต่ประเด็นคืออิงฟ้าก็ไม่ได้สนใจคนในห้องเลย เห็นพี่อ๊อฟนี่ยิ้มดี๊ด๊าใหญ่เลย ไม่ได้ดูสถานะกรณ์อะไรเลยย พี่อ๊อฟก็หันหน้าหนีอิงฟ้าเลยทีเดียว....
“อิงฟ้า! มานี่!” ไอเฟิสสั่งน้องมันเสียงเข้ม เพราะอิงฟ้ามันเอาแต่มองพี่อ๊อฟ
“เธออัดคลิปเบลกเม อิทธิพล เหรอ อังศุมา?” ครูกมลถามนิ่งๆ ทุกคนก็มอง อิงฟ้ามันกระตุกเลย แล้วพี่เฟิสก็กระซิบอิงฟ้าด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“อะ...เอ่อหนูเปล่านะคะ” อิงฟ้าตอบแบบอึกอัก ทำหน้าไม่ถูกเลย
“นั่นไงคะ ลูกดิฉันไม่ได้ทำ เด็กคนนี้ใส่ร้าย!” แม่มันก็ขี้โวยวายจังวะ!
“แต่อิงฟ้าบอกเองไม่ใช่เหรอ ว่าโดนพี่อ๊อฟขืนใจ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม อิงฟ้ามันก็มองผมด้วยความโกรธ
“อิงฟ้าไม่เคยพูด และก็ไม่มีคลิปอะไรทั้งนั้นแหละ!” พี่เฟิสเถียงอย่างไม่ยอม
“เรื่องมันงงๆนะนท” ป๊าหันมาถามอย่างงงๆ
“เอาโทรศัพท์ผมคืนมาก่อนสิพี่เฟิส ผมจะให้ดูอะไรดีๆ” ผมยิ้มร้าย
มันเลิกลั่กไปนิด เพราะตอนที่พี่โน้ตทวงมันนิ่งเหมือนไม่ได้เอาไป.....
“ไม่ได้เอาไป!” มันพูดนิ่งๆ
“อ้อ! งั้นเหรอ? ป๊าเอาโทรศัพท์มานี่หน่อย” ป๊าก็ยื่นให้
ผมก็กดเปิดโปรแกรมติดตามเครื่องที่ป๊าเอาไว้ติดตามผม ในไอโฟน......
“นี่ไง? มันบอกว่าโทรศัพท์ผมอยู่ในโรงเรียนนี้ และ” ผมลองกดโทร เห้ย! โทรติดด้วย!
ครืดๆๆ! เสียงเพลงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผม ดังมาจาก....กระเป๋ากระโปรงอิงฟ้า?! ไปอยู่ที่อีนี่ได้ยังไงเนี่ย! มันลุกลี้ลุกรนกันใหญ่เลย โง่จริงๆ ผมคิดว่าพวกมันจะปิดเครื่องสะอีกนะเนี่ย......
“หึ! เป็นเด็กขี้ขโมยไม่ดีเลยนะ” ป๊ามองไปทางพวกนั้นอยางสมเพช “อย่างนี้ก็เพิ่มอีกข้อหาได้เลยใช่ไหมครับคุณตำรวจ” ป๊าหันไปถามตรวจ พวกอิงฟ้านี่หน้าซี้ดเลย โดยเฉพาะพี่มัน
“ได้สิครับ” ตำรวจพูดขึ้น
“เอาโทรศัพท์ของลูกฉันคืนมาเดี๋ยวนี้!” ป๊าพูดเสียงแข็ง
อิงฟ้ามาก็ล้วงแล้วยื่นมาให้ ผมก็กดๆดู ว่ามีอะไรเสียหายหรือไม่ แล้วก็ไม่มีอะไรเสียหายจริงๆ.....
“ไหนละ? จะให้ดูอะไร?” ครูกมลถามอย่างสงสัย
“ความจริงไม่มีอะไรอยู่ในโทรศัพท์หรอกครับ ผมก็พูดไปเพราะจะเอาโทรศัพท์คืนก็เท่านั้น” ผมยิ้ม พวกมันดูโล่งใจกันนะ55 แต่พวกครูนี่ทำหน้าเครียดกันเลยทีเดียว จริงๆที่ทวงโทรศัพท์เพราะจะหาเรื่องพวกมันให้พวกมันมีความผิดเพิ่มเท่านั้นแหละ “แต่....ที่จะให้ดูอยู่ในนี้ตังหากละครับ” ผมยื่นแฟรชไดร์ฟให้ครูกมล
พวกมันแลดูกังวลใจขึ้นมาทันที โดยเฉพาะสองพี่น้องนั่น ครูกมลก็เอาไปเสียบและเปิดไฟล์คลิปดู ในนั้นมีอยู่ไฟล์เดียวนั่นแหละ ไม่มีข้อมูลอย่างอื่น พอคลิปเริ่มเล่นเท่านั้นแหละ พวกมันถึงกับอยู่ไม่สุข คือพวกครูทำหน้าแบบรังเกียจอย่างมาก ผอ.ก็ด้วย คือมองพวกนั้นด้วยหางตา สะใจจริงๆ สองพี่น้องนรกนั่นนั่งก้มหน้าไปเลย ดูจะอาย?หรือสำนึก? ส่วนพ่อกับแม่มันนั้น มองค้อนลูกๆตัวเองกันอย่างกับจะฆ่าเลยทีเดียว....
“แย่จังเลยนะครับ เป็นแค่เด็กม.4 แต่กลับมีความคิดเอ่อ...เกินผู้ใหญ่ขนาดนี้ พวกคุณเลี้ยงลูกๆมายังไงครับเนี่ย!”พอคลิปจบ พ่อสิงโตก็พูดขึ้นมาอย่างขยะแขยง
“นั่นสิ! ลูกพวกคุณนี่ความคิดเกินเด็กในทางที่ไม่ดีเอาสะเลยนะครับ” ป๊าพูดเหยียดๆ พวกมันนี่ทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว
“นี่แค่คลิปเบื้องหลังนะครับ เพราะรูปและคลิปเบื้องหน้า อิงฟ้าและพี่เฟิสคงเก็บไว้เป็นอย่างดี!”ผมพูดแล้วมองไปทางมันที่เอาแต่ก้มหน้า
ตอนนี้อิงฟ้ากับพี่เฟิสถึงกับเงียบ แล้วพ่อแม่มันก็หันไปคุยกับลูกๆมันไป พวกผมก็มองแบบสมเพช......
“ยังไงครู ผมมีธุระต่อ นั่งนานไปแล้วเมื่อย!” ป๊าพูดติดไม่พอใจ
“อะ เอ่อ...” ครูกมลหันไปมองผอ.
“ตามนั้นแหละครับ ทางโรงเรียนก็จะลงโทษตามความเป็นจริงไป และอาจจะลงโทษสูงสุด”ไล่ออกสินะ “ถ้าทำให้โรงเรียนเสื่อมเสียชื่อเสียง” พูดกดเสียงไปทางอีพวกนั้น “แต่ยังไงก็ต้องตรวจสอบกันก่อน ส่วนฝ่ายเด็กที่เสียหายถ้าจะดำเนินเรื่องคดีอะไรก็ตามแต่สมควรเถอะครับ เพราะ พวกคุณก็มีหลักฐานอะไรครบ และเด็กสองคนนี้ก็มีความผิดจริงๆ ส่วนพวกคุณจะยอมรับหรือไม่ก็แล้วแต่นะครับ ไปหาทนายไปเคลียล์กันได้เลย แล้วโรงเรียนก็จะช่วยเท่าที่ช่วยได้เท่านั้น! หากมีข้อพิพาธให้โรงเรียนเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องนี้ ผมขอไม่รับรองให้ใครทั้งนั้น!” ผอ.พูดอย่างเหลืออด พวกนั้นหน้าเจื่อนเลย “และทางโรงเรียนต้องขอโทษด้วยนะครับ  ที่เกิดเรื่องแบบนี้ในโรงเรียน ต่อจากนี้เราจะดูแลให้เป็นอย่างดีและจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ทางโรงเรียนจะรับผิดชอบทางเด็กที่โดนกระทำ ตามทุกอย่างที่เรียกร้องมา” พูดอย่างเซ็งๆมาทางพวกผม ป๊ายิ้มแบบผู้ชนะ
“ต้องงี้สิวะ เป็นผอ. นั่งบื้ออยู่ได้!” ป๊ากับพ่อไอสิงโต ตำรวจหัวเราะกันใหญ่เลย
จริงๆเรื่องนี้ตอนแรกดูเหมือนว่าผอ.อยากจะช่วยเหลือพวกไอเฟิสนะ แต่เหมือนการกระทำกริยาต่างๆของพ่อแม่พวกมันไม่น่าช่วย ผอ.คงหมดความอดทนแหละ พวกมันคือนั่งกังวลกันแล้ว ตลกหน้าอีอิงฟ้ากับไอพี่เฟิส ทำหน้าแบบหมาหงอยเลย…..
“ดีครับ! ทางโรงเรียนก็ทำโทษตามความผิดไป ส่วนผม ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะลูกๆของพวกคุณผิดกันเต็มประตูอยู่แล้ว แต่พวกคุณยังไม่ยอม หลังจากนี้ไปเจอกันที่....สถานีตำรวจหรือศาลก็ได้นะครับ” ป๊ายิ้มเหยียดพวกนั้นและลุกขึ้น “คุณตำรวจเห็นและได้ยินทั้งหมดแล้ว ช่วยทำเรื่องต่อจากนี้ให้ผมด้วยนะครับ” ป๊าหันไปบอกตำรวจแบบชิวๆ
“ครับ” รับคำป๊าด้วยรอยยิ้ม? “ผมขอหลักฐานทั้งหมดด้วย และขอความร่วมมือจากครูฝ่ายปกครองและผอ.ด้วยนะครับ”พูดกับพวกครูในห้องปกครองอย่างมาดเข้ม
“โรจน์ไปเถอะ ผอ. มาด้วยกันเลย” เข้าไปกอดไหล่ผอ.
คือผอ.กับป๊าเท่าที่เคยบอกเขาเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว ไม่มีอะไรหรอกแค่งานนี้ดูเหมือนว่า เขาอาจจะต้องช่วยญาติตัวเองมั้ง เลยอึดอัดใจแหละ ผมเข้าใจนะ คนนึงญาติคนนึงเพื่อนมันก็ลำบากใจ แต่ก็ช่างมันเถอะ…..
“วันนี้ผมลาให้เด็กสองคนนี้นะครับ ลูกผมยังต้องพักผ่อน ดูผ้าพันแผลน่าจะรู้” ป๊าชี้มาทางผมกับพี่อ๊อฟ ครูกมลก็พยักหน้า “นทกับอ๊อฟไปรอที่รถเลยก็ได้นะ สิงโตวันนี้ไม่ได้ไปเรียนก็ไปดูนทก็ได้นะ” ไอสิงโตยิ้มบานเลยสิ พี่อ๊อฟนี่มองค้อนไอสิงโตเลย
แล้วป๊ากับผอ.และพ่อไอสิงโตก็พากันออกไป เหลือตำรวจคุยกับครูและก็ฝ่ายนั้น ผมก็นั่งมอง พวกมันก็ดูเจียมเนื้อเจียมตัวขึ้นเนอะพ่อแม่มันนี่หน้าหดเหลือ2นิ้วเลย ผมว่ายัยอิงฟ้ากับไอพี่เฟิสกลับไปโดนหนักแน่ ผมเห็นแม่มันหยิกลูกตัวเองทั้งสองอย่างโกรธเกรี้ยว ผมนั่งมองแปปนึงผมก็เดินออกห้องไป ไอสิงโตก็ช่วยพยุง พี่อ๊อฟก็ช่วย ทำอย่างกับผมเป็นคนพิการงั้นแหละ มันก็พาผมมานั่งโต๊ะม้าหิ่นอ่อน หน้ารถที่ป๊าจอดไว้.....
“มึงมันก็ได้พ่อช่วยเท่านั้นแหละ!” อยู่ๆไอพี่เฟิสก็เดินพรวดพราดมาโวยวาย ผมก็มองนิ่งๆ....
“แค่นี้ยังไม่พอเหรอถึงได้ตามมาหาเรื่อง” ผมบอกอย่างใจเย็น
พี่อ๊อฟลุกขึ้น ผมจับมือมันไว้ก็สะบัดออก....
“อย่ามีเรื่องนะพี่อ๊อฟ!” ผมตะโกนบอกเพราะมันไม่ฟังเลย
“ไอเหี้ยเฟิส มึง!” พี่อ๊อฟตะคอกอย่างโมโห
ตุบ! ผั๊วะ! ไอสิงโตก็ตามไปเลยสิงานนี้! ตุบตับ ตีกันมันเลย ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วก็เดินไปหาพวกมัน แต่เข้าใกล้ไม่ได้คือมันตีกันไง ขืนโดนลูกหลงมาเจ็บซ้ำอีกทำไง ไอพี่เฟิสคือล้มไปนอนกับพื้น ไอพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็รุม ไอพี่เฟิสก็กินตีนไปเต็มๆ……
“หยุดนะเว้ย! ไอสิงโต พี่อ๊อฟ ไม่งั้นเรื่องมันจะไปกันใหญ่นะ!” ผมตะคอกบอก “.....ถ้าไม่หยุดกูจะโกรธพวกมึงสองคนแล้วน้ะโว้ย!!!” ผมแหกปากบอกอย่างสุดเสียง พวกมันก็หยุดกัน
“อย่าให้กูเจอมึงข้างนอกนะไอเฟิส!” พี่อ๊อฟพูดคาดโทษแล้วเดินมาหาผม
“เออ มึงเจอดีแน่ เก่งนักหรอมึง!” ไอสิงโตชี้หน้าด่า
“สิงโต มานี่เลยมึง ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน!” ผมเรียกมันแล้วไอสิงโตก็เดินมา
พี่เฟิสมันก็ค่อยๆลุกขึ้นมา แล้วก็ปัดฝุ่นตามตัว ดีนะเลือดมันไม่ออก แต่หน้ามันช้ำหลายที่เลยทีเดียว แต่พี่อ๊อฟนี่คือไม่เป็นอะไรเลย....
“กูไม่ยอมแน่ กูจะเอาคืนมึงไอนท!” ไอเฟิสมองผมตาขวาง
พี่อ๊อฟล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเป้มันแล้วก็หยิบ!!! ผมกับไอสิงโตถึงกับถอยห่าง ไอพี่เฟิสนี่ตาโตเลย พี่อ๊อฟมันชี้ของที่มันหยิบขึ้นมาจ่อไปทางไอพี่เฟิส
“พี่อ๊อฟ! เก็บมันเข้าไปเลยนะเว้ย!” ผมบอกอย่างตกใจ มันเอา ปืน! มา! ของพ่อมันแน่ๆ
“อ๊อฟ มึงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นนะเว้ย! เก็บเลยไอสัส!” ไอสิงโตพูดอย่างตกใจ
“กะ...กูเพื่อนมึงนะ มึงจะทำเหี้ยอะไร! ไออ๊อฟ” ไอเฟิสพูดด้วยความกลัว พร้อมกับยกสองมือขึ้นมาอย่างยอม และค่อยๆเดินถอยหลังไป
“มึงยังกล้าพูดว่ากูเป็นเพื่อนอีกเหรอวะ!” มันโกรธมากแล้วlbot
“พี่อ๊อฟ เก็บเดี๋ยวนี้ ถ้ามีคนมาเห็นจะทำยังไง!” ผมกลัวว่ามันจะทำอะไรโง่ๆน่ะสิ
“ไม่ต้องห่วง กูแค่จะสั่งสอนมัน” พี่อ๊อฟหันมาบอกผม “ไง มึงจะเอาคืนไอนทเหรอ งั้นกูคงจะไม่เอามึงไว้แล้วละไอเหี้ยเฟิส!” เสียงแข็งมาก ผมกลัวแล้วจริงๆนะ
“กะ...กูจะ ไม่ยุ่งกับมันแล้ว โอเคไหม! กูแค่โมโห เลยพูดแบบนั้นไป! กูขอโทษ” พี่เฟิสพูดอย่างรนๆและถอยตัวไปเรื่อยๆ มือไม้ตัวมันสั่นแบบเห็นได้ชัด
“หึ! แกร๊ก!” ผมตาโตเลย ใจผมสั่นตุบๆ กลัวไอพี่อ๊อฟมันจะยิง ผมมันกดดันลูกปืนแล้ว
“พี่อ๊อฟ หยุดนะเว้ย!” ผมเอื้อมไปจับแขนมัน! “อย่าทำอะไรห้มันแย่ดิว้ะ!” ผมพูดอย่างกังวล
ตรงที่พวกผมอยู่นั้นมันลานจอดรถ ซึ่งตอนนี้แน่นอนไม่มีคนเพราะนักเรียนและครูก็เข้าสอนและเรียนกัน ยามแถวนี้ไม่มีหรอก  ภารโรงไปทำความสะอาดแถวโรงอาหารกันหมด......
ปั้ง! ผมหลับตาปี๋เลย ใจผมสั่นไปหมด ผมโครตกลัว แต่มือก็ยังไม่ปล่อยจากแขนมันนะบีบแขนมันแน่นเลยละ.......
“55555 เก่งอย่างที่ปากพูดหน่อยดิว้ะไอสัสเฟิส!555” พูดและหัวเราะอย่างสะใจ ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาดู
เอิ่ม! พี่เฟิสก็ยืนหลับตาปี๋เหมือนกัน ไอสิงโตก็ด้วย.....
“เล่นบ้าอะไรวะ ตกใจหมด ไอบ้าเอ้ย! เพี๊ยะ!” ผมตีแขนมันไปแล้วมองมันแบบไม่พอใจ พี่อ๊อฟก็เดินไปใกล้ๆไอพี่เฟิส...
“กูไมได้ขู่มึงนะไอเฟิส กูจะเตือนมึง และคราวนี้อะกูแค่เตือน” มันเอาปืนไปถูลำคอไอพี่เฟส ไอพี่เฟิสคือเหงื่อตก แถมตัวสั่นแบบสั่นมาก “แต่ถ้าคราวหน้าอะ กูจะเล็งตรงนี้” มันเอาปืนจ่อหน้าผากไอพี่เฟิส ไอพี่เฟิสคือหน้าซีดเลยทีเดียว เหงื่อมันออกเยอะมาก คงจะกลัวจัด....
“เออๆๆ! กะ กูรู้แล้วววว!” ไอเฟิสยืนขาสั่นพูดเสียงสั่น แล้วถอยหลังรีบวิ่งไปเลย
“55555555” มันสะใจมากมั้ง
“ไออ๊อฟ มึงแม่ง!”  ไอสิงโตมองแบบกลัวๆ
“มึงอีกคน อย่ามายุ่งกับแฟนกูให้มาก!” มันพูดอย่างโมโห ไอสิงโตตกใจสิ
“ให้มันน้อยๆหน่อยพี่อ๊อฟ สิงโตมันเพื่อนรักผมนะ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม ไอสิงโตยิ้มบานเลย
“เพื่อนรักเลยเหรอวะ!” มันพูดอย่างโมโห
“เราคุยกันแล้วนะพี่อ๊อฟ!” มันก็มองผม แล้วก็พยักหน้าแบบยอมๆ
“นท ไออ๊อฟแม่งน่ากลัววะ” ไอสิงโตพูดกระซิบเสียงสั่นๆ
“มันพูดเพราะโมโหมันไม่ทำอะไรหรอกน่า” ผมหันไปกระซิบมันคืน
“ใกล้ไป ไอสิงโต!”(เอิ่ม...)
“เยอะ!” ผมบอกพี่อ๊อฟ มันก็อมยิ้ม ไอสิงโตนิ่งไปเลย
พวกผมก็นั่งคุยกันไป จริงๆพี่อ๊อฟเอาปืนแก๊ป? สำหรับเอาไว้ยิงตอนแข่งกีฬามา มันมีแค่เสียงที่ดัง แต่ไม่สามารถยิงกระสุนได้ แต่ที่ต้องกลัวเพราะอย่างที่รู้ๆกัน มันยิงปืนเป็นและพ่อมันยังเป็นถึงครูสอนยิงปืน ผมกับไอสิงโตนั่งขำกันใหญ่ นึกถึงหน้าซีดๆตัวสั่นๆของไอพี่เฟิส พี่อ๊อฟร้ายมาก ผมละเชื่อมันเลยจริงๆ แล้วเราสามคนก็นั่งพูดกันไป โดยที่พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็กัดกันไปๆมาๆ ไม่รู้สินั่งฟังมันเถียงกันไปมาก็เริ่มเพลินดี ตลกกับการที่พี่อ๊อฟทำหึง ผมเริ่มจะชินแล้วมั้ง555 ก็นั่งรอป๊าไป
จนนี่ก็เที่ยงแล้วยังไม่ออกมาเลย เพื่อนๆก็โทรมาหา ถามไถ่ผมก็เลยบอกจะไปหามันที่โรงอาหาร จะได้ไปหาอะไรกินด้วย ผมโทรหาป๊าแล้ว ดูท่าคงอีกนาน ผมก็เลยบอกป๊าว่าจะไปกินข้าวกับเพื่อนๆก่อน พวกเราสามคนก็พากันเดินไปโรงอาหาร คือคนเยอะ และมองพวกผมสามคนกันเต็มไปหมด ไม่รู้ว่ามองเพราะไอสิงโตที่อยู่ต่างโรงเรียนแล้วเข้ามาช่วงพักเที่ยง หรือเพราะอะไร แต่นั่นก็ช่างมันเถอะ พอเจอเพื่อนๆก็ไปหาซื้อข้าวซื้อน้ำแล้วมานั่งกินกัน ระหว่างนั่งกินก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปด้วย พวกมันดูตื่นเต้นเนอะได้ฟังเรื่องผม ส่วนเพื่อนๆคนอื่นที่เดินผ่านมา เจอผมก็ถามผมบ้างเป็นอะไร เจ็บหรือเปล่าตามประสา แต่.......
“นท! ไปโดนอะไรมา!” พี่ไอซ์อยู่ๆเดินหน้าตาตื่นมาหาผม แล้วก็มานั่งเบียดผมด้วยนะ คือผมนั่งหัวโต้ะไง นั่งกลางๆแล้วมันลำบาก พี่อ๊อฟมองแบบนิ่งๆแต่ไอสิงโตนี่มองแบบไม่พอใจ? เพื่อ?
“โดนซ้อมมาอะดิ” ผมพูดนิ่งๆ
“เจ็บมากไหมนท” พี่ไอซ์จับแขนผมขึ้นมาดูอย่างแผ่วเบา
“มันจะเจ็บเพราะมึงทั้งเบียดทั้งจับมันเนี่ย!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“เออ ถอยไปเลย!” ไอสิงโตพูดเสียงดังขึ้นมา
“ไม่เป็นอะไรมากพี่ไอซ์” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“จริงเหรอ?” พี่ไอซ์ทำหน้าเศร้าๆ
“อื้ม พี่ไอซ์ไปกินข้าวเถอะ” ผมพูดเป็นเชิงไล่ แต่ยังส่งยิ้มอ่อนไปให้
“แล้วที่แม่พี่ชวนนทไปกินข้าวละ? หลังนทหายต้องไปนะ” พี่ไอซ์แล้วทำหน้าอย่างมีหวัง
“อื้ม! ถ้าผมหายผมจะไปนะ” ตอบปัดๆไปอย่างไม่ใส่ใจ
“นท!” พี่อ๊อฟและไอสิงโตจะพร้อมเพรียงกันเพื่อ!
“จริงนะ! งั้นนทหายไวๆนะ เดี๋ยวถ้าตอนเย็นว่าง พี่จะไปเยี่ยมหากับพี่อาร์ม!” พี่ไอซ์พูดเองเออเอง แล้วก็ลุกไปเลย มันก็เป็นสะแบบนี้
ผมก็กินข้าวต่อ พี่อ๊อฟกับไอสิงโต? สองคนนี้คือแฟน? มันทำไมพร้อมใจกันงอล? แล้วผมต้องสนไหม......
“นท สามีทั้งสองของมึงงอลนะ” ปอพูดพร้อมทำหน้ากวนตีน
“ไอนทโครตร้ายอะสัส ควบสองเลยเหรอวะ” ไอวิวพูดอย่างตื่นเต้น
“ยังๆ มีกูอีกคน เป็นสาม” ไอนัทพูดนิ่งๆ พี่อ๊อฟกับไอสิงโต มองขวับ
“ไอนัท ปากมึงนี่นะ!” ไอมินทำเป็นไม่พอใจแทนไอสิงโต
“พวกมึงพอเลย” ผมหันไปบอกเพื่อนๆอย่างไม่ใส่ใจ “แล้วคุณชายทั้งสอง ไม่ต้องมางอลคิดว่าผมจะไปจริงๆเหรอครับ ผมก็พูดไปแบบนั้นแหละ ไม่งั้นมันก็จะยาว เข้าใจไหม!” ผมบอกอย่างนิ่งๆ แต่ทำไมต้องแก้ตัวกับทั้งสอง? ควรแก้ตัวกับพี่อ๊อฟคนเดียวไม่ใช่เหรอ? ผมงงตัวเองไปหมด
พี่อ๊อฟก็อมยิ้ม ไอสิงโตก็ยิ้มบานเชียว เอาจริงๆนี่ พี่อ๊อฟยอมรับไอสิงโต?หรืออะไรยังไง? งงไปหมด แต่ก็ช่างเถอะ ผมก็ยังไม่อยากปวดหัวเรื่องนี้ตอนนี้ด้วย เราก็กินข้าวกันไปแล้วก็นั่งคุยกับเพื่อนๆไป จนป๊าโทรมาให้กลับบ้าน ผมก็แยกกับเพื่อนๆ หลายคนอาจจะแปลกใจว่าผมมาถึงโรงเรียนแล้วทำไมไม่เรียน สำออย? เปล่าหรอก ป๊าจะพาผมไปเช็คร่างกายอีกที ตามคำสั่งอาหมอ ตอนนี้ผมก็ขึ้นรถแล้วแต่.....
“ป๊า จะเอานทไปตรวจที่โรงบาลเหรอครับ?” ไอสิงโตถามอย่างสงสัย คือไอสิงโตตามมาด้วย มันนั่งหน้ากับป๊า ผมกับพี่อ๊อฟนั่งข้างหลัง
“ใช่ เพราะวันนั้นแค่ทำแผล ไม่รู้ข้างในอะไรแตกหักหรือเปล่า ต้องเอ็กซ์เรย์ตรวจให้ละเอียดหน่อย!” ป๊าพูดอย่างกังวล สิงโตก็พยักหน้ารับรู้
“ป๊าไปคุยอะไรกับผอ.?” ผมถามอย่างสงสัย
“เรื่องงานน่ะสิ ผอ. จะต่อเติมอาคารเรียน กับอะไรหลายๆอย่าง...” ป๊าก็พูดไป ผมก็พยักหน้า
“สิงโต ทำไมไม่ไปโรงเรียนวะ?” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“วันนี้หยุด.....ดูแลแฟน” ไอสิงโตตอบกวนๆแล้วยักคิ้วอย่างกวนตีน พี่อ๊อฟทำปากด่ามันว่า ‘ไอควาย’  ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“ป๊า แล้วคนพวกนั้นจะโดนอะไรบ้าง?” ผมถามอย่างสงสัย
“รอตำรวจเรียก” ป๊าบอกอย่างไม่ใส่ใจ ผมก็พยักหน้ารับรู้ แค่รอตตำรวจเรียก? งั้นเหรอ? ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ระหว่างทางเราก็คุยอะไรกันไปเยอะแยะ แต่พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็ยังแขวะและกัดกันตามประสา ผมละเหนื่อยใจจริงๆ พอถึงโรงพยาบาล พี่อ๊อฟก็ไปเอารถเข็นวิวแชร์มา พอไม่ยอมนั่งมันก็อ้างเหตุผลว่าผมเดินช้า ก็นั่งๆไป ไอสิงโตก็จะแย่งพี่อ๊อฟเข็น พี่อ๊อฟก็ไม่ยอม ทะเลาะกันเป็นเด็กแย่งของเล่นเลยทีเดียว พอเข้าไปข้างใน อาหมอก็รออยู่แล้ว คราวนี้พยาบาลก็มาเข็นผมไปตรวจตามห้องต่างๆ บางห้องญาติก็เข้าไปดูได้ แต่บางห้องก็ไม่ได้ คือห้องไหนที่เข้าได้พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็แย่งกันเข้าตลอด จริงๆป๊าควรเข้ามาแค่คนเดียวหรือเปล่า? ปล่อยมันสองคนไป ประสาทกันทั้งคู่ พอตรวจอะไรเสร็จ ก็ไปรอฟังผลที่ห้องอาหมอ ได้สิทธิ์พิเศษอยู่แล้ว ไม่ต้องไปนั่งรอคิวฟังผล อันนั้นรอนานจริงๆเป็นชั่วโมง แต่นี่แปปเดียวก็รู้ผลแล้ว เราก็นั่งคุยกันไป อาหมอสวดผมยับเลย ยิ่งกว่าป๊าอีกอะ โถ่! สักพักพยาบาลก็ถือชาจมาให้อาหมอ.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:38:29
“อืม” อาหมอดูชาจ แล้วก็ทำหน้านิ่งๆ “อืม ปกติดี ผลเลือดก็ไม่มีติดเชื้อบาดทะยักหรืออะไร แผลก็แห้งแล้ว โอเค! แค่รอรอยช้ำกับแผลหายก็โอเคแล้ว”(ยิ้ม)
“แน่นะ แล้วมีโรคอะไรหรือเปล่า?” ป๊าถามขึ้น
“ไม่มี สุขภาพแข็งแรงดีเลยนะ” อาหมอบอกด้วยรอยยิ้ม
แล้วป๊าก็คุยอะไรกับอาหมอนิดหน่อย ก็พาผมกลับ ตอนแรกชวนอาหมอไปกินข้าวแต่อาหมอไม่ว่าง ป๊าก็พาพวกเราไปส่งที่บ้าน และป๊าก็ไปดูงานต่อ พอถึงบ้านแม่ก็เข้ามาถามอย่างอยากรู้ ไอสิงโตกับพี่อ๊อฟก็เล่าไป เพราะผมเหนื่อยแล้ว หลังจากเล่าให้แม่ฟังแล้ว ดูแม่จะสะใจมาก และพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็พาผมขึ้นไปพักผ่อน.....
“เปลี่ยนผ้าก่อนนะ จะได้นอนสบาย” พี่อ๊อฟบอกอย่างใจดี ผมก็พยักหน้า
“มาเดี๋ยวกูช่วยเปลี่ยน” ไอสิงโตพูด พี่อ๊อฟมองมันตาขวางเลย ผมชะงักไปนิด
“พอเลยทั้งคู่นั้นแหละ รอข้างนอกจะไปเปลี่ยนเอง” ผมบอกปัดๆ แล้วก็ถือเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ
พอออกมา พี่อ๊อฟกับไอสิงโต ก็นั่งรอบนเตียง โดยที่มันทั้งสองก็ถอดถุงเท้าและเข็มขัดออก พวกมันคงจะอึดอัดแหละ....
“ล้างหน้าหรือยัง?” พี่อ๊อฟถาม ผมก็พยักหน้า
“ขึ้นมานอนพักเถอะมึง กินยาไปแล้วนิ” ไอสิงโตพูดอย่างเป็นห่วง
ผมก็ขึ้นไปนอน ไอสิงโตก็นอนข้างๆ อีกข้างก็พี่อ๊อฟ เอิ่ม! มันดูแปลกๆจัง ผมอึดอัดใจนะเนี่ย....
“ไอสิงโต ไปนอนข้างล่างเลยมึง!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“ได้ยังไงวะ กูเพื่อน รัก! ไอนทนะเว้ย!” ไอสิงโตมึงจะเน้นคำว่ารักเพื่อ!
“หุบปากทั้งคู่นั่นแหละ ถ้าไม่นอนก็ออกไปกันเลยไป!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด เพราะผมเริ่มง่วงแล้ว กินยาไปตั้งนานแล้วด้วย ฤทธิ์ยาคงเร่งให้ผมนอนแล้ว
มันสองคนก็เงียบไป พี่อ๊อฟก็นอนกอดผม ดึงผมให้นอนห่างๆไอสิงโต ไอสิงโตก็เขยิบตามมา ผมละหน่ายจริงๆ ผมก็หลับตาไปเลย เบื่อจะด่าแล้ว พูดไปก็เท่านั้น จนหลับไป........
ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะความหนักที่มันทับอยู่บนตัวผม และความเจ็บปวดของแผลหน่อยๆ พอลืมตาดูผมถึงกับตาข้าง ไอสิงโตกับพี่อ๊อฟ เอาทั้งขาทั้งแขนมาทับตัวผม ประมานว่ากอด มันนอนหลับกันทั้งคู่ แค่คนเดียวผมพอไหวนะ นี่ทั้งพี่อ๊อฟและไอสิงโต พวกมันคิดได้ยังไง ใครเห็นเขาจะคิดยังไง!...
“อื้อ!” ผมพยายามดันขามันออก แต่ขามันทั้งสองคนเกี่ยวตัวผมแน่นขึ้นอีก เกี่ยวกันไปมาเนี่ยแหละ ขาไอสิงโตก็ไขว้กับพี่อ๊อฟ แขนพี่อ๊อฟก็ทับซ้อนแขนไอสิงโต เฮ้อ! พวกมันไม่เมื่อยตัวกันหรือยังไงวะ!
“พี่อ๊อฟ ไอสิงโต!” ผมเรียกพวกมันอย่างเหนื่อยๆ แล้วดิ้นตัว
“อื้อ!” พี่อ๊อฟทำเสียงไม่พอใจด้วยนะ แต่ก็ไม่ยอมตื่น
“ไอสิงโต ตื่นดิ้! พี่อ๊อฟ!” ตอนนี้ดีนะที่แผลไม่ปวดมากแล้ว ไม่งั้นคงระบมหนักกว่าเดิม
ผมดิ้นตัวไปมาสักพัก มันทั้งสองก็ตื่นกัน พอพี่อ๊อฟเห็นไอสิงโตกอดผมเท่านั้นแหละ ทีบไอสิงโต ทีกำลังงัวเงียออกทันที แล้วก็ด่ากันไปมา คือตื่นมาก็เอาเลย....
“โอ้! ตื่นมาก็กัดกันเลย” ผมบอกอย่างเซ็งๆ
“มึงให้มันกอดได้ยังไงนท!” พี่อ๊อฟบอกอย่างไม่พอใจ กูเป็นคนป่วยนอนอยู่ดีๆ พวกมึงกระทำกูกันทั้งนั้น ผมก็ได้แต่มองนิ่งๆ
“ไอนทเพื่อนรักกูนะไออ๊อฟ กอดกันก็ไม่เป็นอะไรหรือเปล่าวะ!” ไอสิงโตก็ยอมสะที่ไหน
แล้วก็เถียงกัน ข้ามหัวผมไปมาเนี่ยแหละ จนผมเริ่มรำคาญผมก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตา ออกมามันสองคนก็ยังไม่หยุดกัน คือไม่มีใครยอมใคร.....
“จะกัดกันอีกนานไหม?” ผมถามนิ่งๆ “วันนี้กลับไปกันก่อนเถอะ อยากพักผ่อน มาทำแบบนี้ ผมเจ็บทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ไม่ไหวจะรับฟังแล้ว!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด
และก็ยังไม่จบ มันแย่งกันเข้าห้องน้ำอีก เอากับพวกมันสิ ผมก็ปล่อยไป มานอนเล่นโทรศัพท์ตัวเอง โอ้โห! คนทักมาเยอะเลยสิ ผมก็ไล่ตอบไปบ้าง จนมาสะดุดตากับ พี่ตัง เขาทักมาชวนผมไปดูหนัง? 5 วันที่แล้ว เอิ่ม? ผมไม่ได้เปิดดูเลย?555 ผมก็คุยก็ตอบพี่เขาไป ไอสองคนนั้นก็ยังไม่หยุดเถียงกัน เดินออกมานั่งที่เตียงก็ยังไม่หยุด ผมก็ไม่สนนั่งดูโทรศัพท์ไป ตอบพี่ตังไปได้ไม่นาน พี่ตังก็ตอบกลับมา....
พี่ตัง : โอ้โห! ไม่ตอบปีหน้าเลยละครับ?
ผม : ผมไม่ว่าง มีปัญหาด้วยแหละ
พี่ตัง : พี่รู้แล้วละ ไอโน้ตไม่เป็นอันเรียนเลยวันนี้ ตอยบอกว่านั่งหน้าเป็นตูดเลยอะ
ผม : 555 แย่เลยนะครับ
พี่ตัง : เดี๋ยวเย็นนี้พี่เข้าไปเยี่ยมนะ (ส่งสติ้กเกอร์มา)
ผม : ใจดีจังเลยนะ
พี่ตัง : ให้ไปป่าว?
ผม : แล้วแต่อะ
พรึ่บ! พี่อ๊อฟกระชากโทรศัพท์ผมไปดู แล้วเขี่ยหน้าจอไปมา มองผมแบบโกรธ.....
“ไอนท! มึงคุยกับใครอีกเนี่ย!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจมาก ถึงมากที่สุด
“พี่ชายของแฟนพี่โน้ต” ไอพวกนี้มันจะอะไรกับผมนักหนาเนี่ย!
“คุยไปยิ้มไปนะมึง!” พี่อ๊อฟพูดแล้วก้มหน้าดูโทรศัพท์ผมต่อ ไอสิงโตก็แย่งไปดู
“โอ้โห! หล่อด้วยนะมึง จัดการเลยไออ๊อฟ” ไอสิงโตพร้อมใจกันขึ้นมาเลยไง
“พอเลยสองคนนี้!” ผมบอกปัดๆอย่างรำคาญ ไหนว่าแม่มึงจะมา?” ผมถามอย่างสงสัย
“แม่กูจะมาพร้อมน้องซินเย็นๆ พ่อกูด้วย” ไอสิงโตพูดด้วยรอยยิ้ม
“มึงก็กลับไปได้แล้วมั้ง” พี่อ๊อฟเริ่มแล้วไง
แล้วก็เริ่มบทกัดกันไปมา สงบได้ไม่ถึง1นาทให้มันได้งี้สิ ผมก็ดึงโทรศัพท์มากดเล่นต่อ พี่ตังก็แค่โอเคๆผมก็ส่งสติ้กเกอร์ไป แล้วก็หาไล่ดูเฟส และก็ไปดูข้อความของโทรศัพท์ ฮาเล่ โทรมาบ่อยเลยเชียว ส่งข้อความมาเยอะด้วย ส่วนมากก็ทำไมไม่รับสาย? ทำไมไม่ตอบไลน์ ทำนองนั้นแหละ ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกระเบียง รำคาญมันสองคนกัดกัน ไล่ก็ไม่ไป พอออกมาก็กดโทรหาฮาเล่ ไม่นานมันก็รับ....
“ฮะ...”
“หายไปไหนมานท เราโทรหาไม่รับเนี่ย!” ไอฮาเล่พูดอย่างกังวล
“อะ...เอ่อ ไม่สบายน่ะสิ ว่าแต่โทรมาเยอะแยะ ส่งข้อความก็เยอะมีอะไรเปล่า?” ผมถามอย่างสงสัย
“กะ ก็คิด...ก็ไม่มีเพื่อนเล่นเกมส์น่ะ” มันทำเสียงอึกอัก
ผมก็คุยกับมันไป สรุปว่า ไม่มีเพื่อนไปเล่นเกมส์ด้วย แค่นั้น ผมก็บอกว่าป่วยจริงๆ แผลเต็มตัวขนาดนี้ แล้วก็ได้เถียงกับมันอีกเพราะมันจะมาเยี่ยม จนผมต้องยอม เพราะที่โทรกลับไปนึกว่ามันโดนไอเบสทำร้ายหรือเปล่า อะไรแบบนี้ ที่ไหนได้ไม่มีอะไรแถมยังไร้สาระสุดๆ ผมก็กดส่งโลเคชั่นบ้านไปให้มัน แลดูให้ที่อยู่คนอื่นง่ายจัง? แต่ฮาเล่มันก็เพื่อนนิ ช่างเถอะ พอผมเข้าไปก็เห็นภาพที่ เอ่อ! ห้องผมกลายเป็นสนามรบ? มันเอาหมอนตีกันไปมา แถมโยนข้าวของผมอีก ห้องผมเละเลยทีเดียว.....
“นี่คือ เล่นอะไรกัน?” ผมถามนิ่งๆ
“ก็ไออ๊อฟมันจะไล่กูกลับอะนท” ไอสิงโตพูดอย่างหงุดหงิด
“พอเลยไอสิงโต จะเพื่อนจะห่าอะไรมึงไม่ต้องไปคบมันแล้วนท!” พี่อ๊อฟพูดอย่างหัวเสีย
“เก็บของด้วยนะ จะไปรอข้างล่าง!” ผมพูดเสียงแข็งแล้วก็เดินออกห้องไป……
ผมลงมานั่งดูทีวี แม่ก็เตรียมของว่างเยอะเลย เพราะผมบอกว่ามีเพื่อนๆพี่ๆมาเยี่ยมเยอะ? จริงๆไม่เยอะเท่าไหร่หรอกมั้ง ก็เผื่อๆไว้ นั่งรอไปสักพักคุณชายทั้งสองก็ลงมาในสภาพที่แบบว่า เอิ่ม......
“ทำอะไรกันเนี่ย!” ผมถามอย่างไม่พอใจ
คือสภาพมันสองคนคือเสื้อผ้าหลุดลุ่ย มันตีกัน? ปากไอสิงโตช้ำๆนะ.....
“นท ไออ๊อฟมันต่อยกู” ไอสิงโตวิ่งมานั่งข้างๆ
“ไอสิงโตมึงปากเสียเองนะ แถมมันยังมาลามปามดึงคอเสื้อกูอีกอะนท!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“เออๆ จะตีกันทำไมวะเนี่ย” ผมหันไปทางไอสิงโตดูแผลมัน “คงจะช้ำวะ” เอามือจับแผลเบาๆ มันสะดุ้งนิดหน่อย
“นท มันโดนแค่นั้นสำออยไปไหน!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจ
ผมก็ไปหยิบยาทาแก้ฟกช้ำมาทาให้ไอสิงโต พอทาเสร็จผมหันไปดูทางพี่อ๊อฟรายนั้นงอลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฮ้อ! คือจริงๆแล้วหลายคนอาจจะคิดว่าผมนั้น เอ่อ ไม่ได้รักพี่อ๊อฟเหรอ ถึงให้สิงโตมันเข้ามาป้วนเปี้ยน ผมเคยบอกไปแล้ว ไอสิงโตคือคนที่ดี(เพื่อนที่ดี) และดีกับผมมาตลอด คือมันก็ทำเพื่อผมมาตลอดหลายๆอย่าง ถ้าจะให้ผมผลักไสไล่ส่งมันก็ไม่ใช่หรือเปล่า เพราะผมยืนยันได้เลยยังไงมันก็คือเพื่อนรัก ส่วนพี่อ๊อฟนั้นผมก็เข้าใจว่ามันก็พยายามจะปรับตัว ทำเหมือนเป็นเล่นกับไอสิงโตนั่นแหละ แต่มันก็คงต้องแอบมีน้อยใจบ้าง และผมบอกได้เลยเต็มปาก ไม่มีเหตุผลไหนที่จะทำให้ผมไม่รักพี่อ๊อฟ ผมกับพี่อ๊อฟผ่านอะไรหลายๆอย่างมาด้วยกัน มันอาจจะไม่มากมาย แต่นั่นมันทำให้ผมรู้ว่าพี่อ๊อฟ คือคนสำคัญของผม ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาผมคงไม่ทำเพื่อมันหรอก แต่เหมือนมันยังไม่เข้าใจ มันคงน้อยใจมากแหละผมรู้ ตอนนี้ผมก็นั่งดูทีวีไป แม่ก็เอาของว่างมาให้ พี่อ๊อฟก็นั่งนิ่ง ไอสิงโตก็ชวนพูดชนิดที่ว่า มึงไม่เคยพูดหรือยังไง?....
“กูกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ” พี่อ๊อฟพูดแล้วมันก็เดินขึ้นบ้านผมไป
สักพักมันก็ลงมาพร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้ามัน มันคงเอาไปเปลี่ยน........
“พี่อ๊อฟรีบมานะ” ผมบอกอย่างอารมณ์ดี มันก็แค่หันมามองไม่พูดอะไรแล้วก็เดินออกไปเลย “เฮ้อ!” ผมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ
“มึงไออ๊อฟมันคงโกรธจริงๆแล้วว่ะ” ไอสิงโตพูดอย่างกังวล
“มึงก็รู้หรือเปล่าวะสิงโต พี่อ๊อฟแฟนกูนะ” ผมพูดนิ่งๆ
“แล้วกูละนท? มึงไม่แคร์กูเลยเหรอ?” ไอสิงโตเอาแล้ว เริ่มดราม่าแล้ว
“สิงโต มึงฟังดีๆนะ ถ้ากูไม่แคร์มึง มึงคงไม่ได้มานั่งหน้าสล่อนอยู่ตรงนี้หรอกนะกูจะบอกให้” ผมพูดอย่างใจเย็น
“กูรู้ กูผิดเองแหละ กูห้ามตัวเองไม่ได้ มึงจะให้กูทำตัวห่างกับมึงตอนที่มึงอยู่กับไออ๊อฟ กูทำไม่ได้หรอก” มันทำหน้าเศร้า
“แต่มึงบอกเองไม่ใช่เหรอวะ ว่ามึงรับได้ แล้วก็จะไม่พูดอะไร” ผมละเหนื่อยใจจริงๆ
“มึงไม่อยากให้กูอยู่ใกล้ๆเหรอ?” มันถามแล้วจับมือผม
“กูก็อยากนะ แล้วพี่อ๊อฟละสิงโต” ผมถามมันอย่างเหนื่อยใจ
“งั้นเป็นแบบนี้ต่อไปเถอะ กูโอเค” มันตอบกลับอย่างสบายใจ
“แต่กูรู้สึกว่า ทำแบบนี้มันดูทำร้ายพี่อ๊อฟเกินไป...” ผมบอกมันจริงจัง
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” ไอสิงโตพูดจริงจัง กระชับมือผมแน่น
“มึงไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้นหรอกตอนอยู่กับพี่อ๊อฟ มึงก็ทำปกติ เพราะที่มึงทำตอนนี้มันดูเยอะไป มันดูเหมือนมึงจะทำให้พี่อ๊อฟไปจากกูนะสิงโต” ผมพูดอย่างจริงจัง แล้วดึงมือออกจากมือมัน
“แต่กูไม่ได้คิดอย่างนั้นนะเว้ย!” มันพูดอย่างตกใจ
“กูรู้ แต่การที่มึงทำแบบนี้มันเหมือนไง มึงก็ทำตัวปกติสิ ไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้น ก็คุยเล่นกันปกติ เพราะถ้าวันไหนกูไปเที่ยวกับมึงแล้วพี่อ๊อฟไม่อยู่ มึงจะทำอะไรก็ได้ โอเคไหม?” ผมบอกมันแบบจริงจัง มันยิ้มบานเลย ทำไมผมต้องมารับผิดชอบความรู้สึกมันขนาดนี้ ผมก็แค่ไปข่มขืนมันตอนเมา มันเป็นอุบัติเหตุ ที่มันเองก็ไม่ยอมรับ และผมก็ต้องมารู้สึกผิด เฮ้อ! ทำไมผมต้องเป็นคนแบบนี้ก็ไม่รู้
“จริงนะ!” ดีใจเกินไปมั้ง “โอเคๆ กูจะทำตามที่มึงบอกนะ” มันยิ้มบานแล้วจับมือผมอีกครั้ง “คือ..จริงๆแล้ว....กูก็แอบกลัวว่ามึงจะหายไป” ผมมองมันนิ่งๆ “เพราะการที่ไออ๊อฟกลับมาคบกับมึง นั่นหมายถึง.....มึงจะมาหากูไม่ได้หรือเปล่า” โถ่!
“อย่าบอกนะ ว่าที่มึงแกล้งกวนตีนหาเรื่องพี่อ๊อฟเพราะเรื่องนี้อะ!” ผมถามอย่างไม่เชื่อ มันพยักหน้าแบบคนสำนึกผิด เอิ่ม! “ไหนบอกไม่ได้คิดแบบนั้นไง” ผมถามมันเสียงแข็ง
“ไม่ได้คิด แต่ตั้งใจไง” ดูมันนะ
“สิงโต มึงกับกูก็คุยกันแล้วนี่หว่า ไม่ว่ายังไงมึงก็จะไม่ทิ้งกู และกูก็จะไม่ทิ้งมึงนะ มึงเห็นกูเป็นคนผิดสัญญาหรือยังไงวะ”ผมถามมันอย่างเซ็ง
“ปะ...เปล่า กะ...ก็มึงก่อนหน้านี้ก็หายไปตั้ง 3 วัน โทรไปก็ไม่รับข้อความอะไรก็ไม่ตอบ พอกูถามไอมิน ไอมินก็บอกมึงเครียดเรื่องไออ๊อฟ เอะอะ อะไรก็ไออ๊อฟ แล้วกูอยู่ตรงไหนวะ” มันทำหน้างอ ผมละขำจริงๆ “ขำอะไร มีอะไรน่าขำวะ!” มันทำไม่พอใจ
“กูคิดไว้แล้ว ตอนแรกกูว่าจะเคลียล์เรื่องพี่อ๊อฟให้จบ แล้วกะจะหาเวลาไปเที่ยวกับมึงอยู่แล้วไอสิงโต แต่ดันเกิดเรื่องนี้สะก่อนเนี่ย มึงมันบ้า!” ผมยิ้ม มันยิ้มบาน
“มึงก็ยังนึกถึงกูตลอดใช่ไหม” ผมก็พยักหน้า “โอเคๆ กูเข้าใจแล้วๆ” ยิ้มบานแล้วจับมือผมไปลูบแก้มมัน ผมส่ายหัวอย่างตลกกับการกระทำมัน
“มึงอย่าทำอะไรเกินความจำเป็นอีกนะ ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน!” ผมบอกมันอย่างออกคำสั่ง
“คร้าบ! กูฟังที่มึงพูดเมื่อกี้เข้าใจทุกอย่างแล้วต่อจากนี้กูจะฟังที่มึงบอกทุกอย่างโอเคไหมครับ!” น่ารักจริงเชียว
ผมกับมันก็คุยกันไป และก็หวังว่ามันจะเข้าใจในความหมายลึกๆที่ผมต้องการจะสื่อ ว่าผมนั้นแคร์พี่อ๊อฟมาก วันนี้เพื่อนๆผมก็จะมา แต่ผมบอกไม่ต้องหรอกเพราะไม่เป็นอะไรแล้วส่วนที่มาวันนี้ก็มีแต่พวกที่ยังไม่ได้มาเยี่ยมผม ก็พวกพี่ตัง ฮาเล่ พี่ไอซ์พี่อาร์ม แล้วก็แม่สิงโตกับน้องซิน ผมนั่งคุยกับไอสิงโตสักพักพี่อ๊อฟก็มา มองผมแบบงอนๆแล้วก็เอาของขึ้นไปเก็บ แต่ก็ไม่ยอมลงมา จนพี่โน้ตกลับมา พร้อมกับพี่ตังแล้วก็พี่ตอย แต่ไอพี่เติ้กมาด้วยไง ผมก็ทักทายนิดหน่อย แล้วก็แยกตัวออกมาคุยกับพี่โน้ตเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากพี่โน้ตกลับไปให้ฟัง พี่โน้ตดูโกรธแค้นมากเลย ไอสิงโตก็นั่งคุยกับพวกพี่เขาไป เพราะพี่เขาชวนคุยเรื่องรถมอไซค์ มันละชอบนักเชียว ผมเห็นว่าพี่อ๊อฟขึ้นไปข้างบนนานเกิน ก็เลยเดินขึ้นไปตาม พอเข้าห้องก็เห็นมันนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ ผมก็ไปนั่งข้างๆมัน......
“ทำไมไม่ลงไปอะ” ผมถามนิ่งๆ
“ไปอยู่กับสิงโตดิ มาตามกูทำไม!” มันประชดจนได้
“โอเคๆ ผมขอโทษโอเคไหมพี่อ๊อฟ เราคุยกันรู้เรื่องแล้วนี่” ทำปากยื่น พี่อ๊อฟอมยิ้มเลยทีเดียว
“คุยอะรู้เรื่องแล้ว แต่การกระทำมึงไม่ใช่ แบบนี้มันเกินไปนท” มันพูดแบบน้อยใจ
“แล้วพี่อ๊อฟอยากให้ผมทำยังไง” ผมล้มตัวนอนข้างๆแล้วก็แย่งโทรศัพท์พี่อ๊อฟมาดู เล่นเกมส์?
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นแหละ” มันกอดผม “กูแม่งงี่เง่าเอง มึงไม่เบื่อใช่ไหม” (ผมรู้สึกจุกอยู่ในอกเลยทีเดียว)
“ทำไมถึงคิดแบบนั้น” ผมถามนิ่งๆ
“มึง....ยังรักกูใช่ไหม” มันถามแบบกังวล
“รัก รักมากด้วย!” ผมตอบอย่างเร็ว แล้วกอดพี่อ๊อฟแน่น
“กูรักมึงนะ ถึงมึงจะรักกูน้อยลงก็เถอะ” มันพูดเสียงสั่น ผมกระชับกอดพี่อ๊อฟแน่น
“อย่าพูดแบบนี้! ผมไม่เคยรักพี่น้อยลงเลยนะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“แล้วทำไมต้องแคร์ไอสิงโต แล้วทำไมต้องใจดีกับคนอื่นไปทั่ว ใครเข้าหามึงก็เล่นด้วยไปหมด มึงไม่คิดว่ากูจะหวงจะหึงบ้างเหรอวะ” มันพูดอย่างน้อยใจ
“ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้วนะพี่อ๊อฟ อีกอย่างถึงผมจะเป็นแบบนี้ ผมก็ไม่เคยรักใครนอกจากพี่อ๊อฟเลยนะ!” ผมเงยหน้าขึ้นมามองมนแล้วก็หอมแก้มมัน มันก็มองผมนิ่งๆ
“ไหนมึงลองพูดมาสิเรื่องของมึงกับไอสิงโต ตอนนี้เรื่องของกูกับอิงฟ้าก็จบแล้ว กูพร้อมฟังแล้วนท” มันมองผมแบบจริงจัง นั่นทำให้ผมชะงักแบบใจกระตุกเลย
ผมนิ่งไปนิด ในใจก็กลัวว่าพี่อ๊อฟจะรับไม่ได้ กลัวจะโดนมันทิ้ง กลัวว่ามันจะจากผมไป ความกลัวและความกังวลเริ่มมาจริงๆผมอยากจะแถไปก่อน และที่ผ่านมาสองสามวันนี้จริงๆผมก็เลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้มาแล้ว และถ้าผมจะแถอีกมันก็ไม่มีค่าอะไร เพราะยังไงสักวันนึง มันอาจจะรู้จากปากคนอื่น สู้ผมบอกเองดีกว่า......
“พี่จะโกรธผมก็ได้นะ จะตบจะตีก็ได้ แต่อย่าทิ้งผมไปเพราะเรื่องที่ผมจะบอกนะ” ผมล้มตัวนอนกอดมันแน่น
บอกตรงๆว่าผมกลัว เพราะตอนนี้พี่อ๊อฟกำลังน้อยใจในหลายๆเรื่อง แล้วยิ่งเรื่องที่มันอยากฟังตอนนี้ มันยิ่งทำให้พี่อ๊อฟเสียใจ ผมกลัวมันจะทิ้งผมไป พี่อ๊อฟเอามือลูบหัวผมเบาๆ......
“กูบอกแล้วไง ไม่ว่าอะไรกูทำใจไว้แล้ว ขอแค่มึงไม่ทิ้งกู และ......ยังรักกู” มันบอกผมด้วยน้ำเสียงสั่น
ผมกระชับกอดมันแน่นมาก บอกตรงๆว่าไม่มั่นใจเลย ตอนแรกผมคิดว่าพี่อ๊อฟมีอะไรกับอิงฟ้าแล้ว และถ้าผมมีอะไรกับสิงโตมันก็คงจะเจ๊ากันแต่นี่ไม่ใช่ พี่อ๊อฟไม่ได้ทำอะไรเลย มีแต่ผม ผมเท่านั้นที่ไม่ซื่อตรงกับพี่อ๊อฟ ผมไม่ได้สติในครั้งแรก ครั้งต่อมาคือความเผลอและหลงผิด....
“บอกมาเถอะ กูไม่ทิ้งมึงหรอก” มันจับหน้าผมเงยขึ้นมาสบตา
“ผมขอโทษพี่อ๊อฟ” ผมเอาหน้าซุกกับอก
“มึงมีคนใหม่แล้วใช่ไหม” มันถามเสียงสั่น
“ไม่ใช่นะ!” ผมตอบมันทันทีที่มันพูดจบ แล้วเงยหน้าขึ้นมามองมัน
“แล้วเพราะอะไร?” มันมองผมอย่างหาคำตอบ
“ผม....ผมมีอะไรกับคนอื่นตอนที่พี่อ๊อฟไปอยู่กับอิงฟ้า” ผมหลับตาแล้วพูดแบบเบาๆ และแน่นอนว่าพี่อ๊อฟต้องได้ยิน เพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้
ผมหรี่ตามอง คือพี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆ....
“กับใคร?” มันถามนิ่งมาก
“กับ......สิงโต” ผมหลบตามัน
พี่อ๊อฟดันผมให้ลุกขึ้นนั่ง และพี่อ๊อฟก็ลุกนั่งตาม แล้วมองมาที่ผมแบบ ด้วยสายตาที่ผมไม่อยากมองมันเลย....
“มึงมีอะไรกับมัน แถมวันนี้มึงยังให้มันมาอยู่ด้วยเนี่ยนะ!” มันมองผมด้วยสายตาที่ผิดหวัง ผมใจสั่น ร้อนผ่าวที่ขอบตาไปหมด “มึงต้องการอะไร? ตอกย้ำกู? หรือ จะทำกับมันให้กูดู?” มันนิ่งเกินไป
“พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟตีผมก็ได้นะ” ผมพุ่งเข้าไปกอดพี่อ๊อฟ น้ำตาก็เริ่มไหล “พี่อ๊อฟบอกว่ารับได้ไง แล้วทำไม...”
“คือมันไม่มากไปหน่อยเหรอนท มึงทำกับมันไม่พอ แถมยังให้มันติดตัวกับมึงขนาดนี้ ถ้ามันไม่มาหามึงหรือมันหายไปกูจะไม่โกรธเลยนะนท” มันพูดแทรกผมแบบเสียงสั่น
“ผมขอโทษพี่อ๊อฟ!” ผมเสียใจ ผมเสียใจกับการกระทำของตัวเอง น้ำตาผมไหลออกมา แต่มันไม่มีการสะอื้นแต่อย่างใดผมกอดพี่อ๊อฟไว้แน่นมาก มันก็นั่งเฉยๆให้ผมกอดมันนั่นแหละ
“กูรักมึงนะนท แต่กูไม่รู้แล้ว ว่ามึงยังรักกูจริงหรือเปล่า หรือแค่กลัวกูจะผิดหวังบอกกูตรงๆได้นะนท” พี่อ๊อฟบอกเสียงสั่นมาก ผมเงยหน้าขึ้นดู มันร้องไห้
“ผมรักพี่นะ รักมากด้วย” ผมผละออกมาแล้วจะเช็ดน้ำตาให้มัน มันหันหน้าหนี....
“มึงอยากให้กูทำยังไงนท ทำเป็นไม่รู้เหรอ? หรือที่มึงไม่ว่าอะไรตอนมันมาอยู่ใกล้ๆก็เพราะกำลังตัดสินใจว่าจะทิ้งกูดีหรือเปล่า งั้นเหรอ?” มันมองผมแบบน้อยใจสุดๆ
“พี่อ๊อฟ มันไม่ใช่นะ พี่อ๊อฟอย่าคิดแบบนั้นดิ ผมเคลียล์กับไอสิงโตแล้วตังหาก มันคือเพื่อนผมนะพี่!” ผมเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วมองมันอย่างจริงจัง
พี่อ๊อฟมองผมแบบน้อยใจ ผิดหวัง หลากหลายอารมณ์เหลือเกิน เพราะพี่อ๊อฟมองผมแบบนั้นนั่นแหละ มันทำให้ผมไม่อยากจะพูดอะไรต่อนอกจากขอโทษ มันเหมือนว่า ผมยิ่งพูด ก็ยิ่งทำให้ผมดูน่ารังเกียจ พี่อ๊อฟดันผมออกแล้วลุกขึ้นออกจากเตียง แล้วมันก็เดินไปเก็บของของมันแล้วก็เดินออกห้องไป ผมนั่งมองมันนิ่งๆอยู่บนเตียง อยู่กับความคิด อยู่กับน้ำตา ผมไม่โทษพี่อ๊อฟเลยที่ไม่ฟังผม ไม่คิดโทษใครเลย นอกจากตัวผมเอง ผมว่ามันไม่แปลกเลยที่พี่อ๊อฟจะโกรธผมขนาดนี้ จริงๆไม่เคยเตรียมใจเรื่องนี้ แต่ผมคงมองโลกในแง่ดีเกินไป ความรู้สึกตอนนี้เหมือนตกเหว เหมือนลอยอยู่ในที่โล่งๆ มันดูไม่มีอะไร มันกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้ว แต่มันมาจบเพราะผมเองเนี่ยนะเหรอ?เสียใจ เสียใจมาก...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:39:36
แกร๊ก! ไอสิงโตเดินเข้ามาครับ มันก็มองผมอย่างตกใจ แล้วเข้ามานั่งข้างๆผม.....
“เป็นอะไรวะนท” ไอสิงโตถามอย่ากังวล แล้วจับมือผม
“พี่อ๊อฟรู้เรื่องกูกับมึงแล้วนะ” ผมบอกด้วยน้ำเสียงสั่นๆ น้ำตาก็เริ่มหยุดไหลแล้ว
“เพราะกูใช่ไหม” มันทำหน้าสำนึกผิด
“เปล่าหรอก กูบอกมันเองแหละ” ผมบอกไอสิงโตเสียงสั่น
“เฮ้อ!...” มันกอดไหล่ผม “กูขอโทษว่ะ” มันกดหัวผมให้ซบไหล่มัน
“กูต้องทำยังไงดีวะ” ผมถามมัน
“มึงคงรักมันมากอะดิ” มันถามผมด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ผมก็ได้แค่เงียบ  “กูก็รักมึงนะ” กระชับมือที่กอดไหล่ผมแน่น
“อืม! กูรู้ กูไม่ทิ้งมึงหรอก ตามที่เราคุยกันไว้เลย” ผมผละออกมาแล้วยิ้มให้มัน
“รักมันก็ง้อมันดิ! เรื่องแค่นี้เอง มันก็ดูรักมึงมากนะนท” มันประคองหน้าผมด้วยมือทั้งสอง แล้วใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตา “กูว่ามึงทำให้มันเข้าใจได้” มันยิ้มให้ผม
“แต่สายตาที่พี่อ๊อฟมองกูเมื่อกี้ มันทำให้กูหมดคำพูด...กูดูเลวใช่ไหมวะ ที่มีทั้งมึงและพี่อ๊อฟในเวลาเดียวกัน”ผมพูดอย่างเครียด
“มึงคิดผิดแล้วนท!” ไอสิงโตพูดขึ้นผมมองมันนิ่งๆ “กูเป็นเพื่อนรัก ที่รักมึงมาก และมึงก็ชอบกูจริงไหม” ผมก็พยักหน้า “แล้วมึงก็รักไออ๊อฟมาก เหมือนที่มันรักมึงจริงไหม” ผมก็พยักหน้า “นี่ไง มึงจะคิดมากทำไม มึงมองกูให้เป็นเพื่อนรัก และเป็นปกติสิวะอย่างที่มึงเคยบอกกู กูรู้ว่ายังไงมึงก็รักมันมาก แต่ที่มึงแคร์กูมากเพราะไม่อยากให้กูเสียใจใช่ไหม!” ผมก็พยักหน้า “นั่นไง ก็เพราะมึงแม่งเป็นสะแบบนี้แหละ จะไม่ให้กูรักมึงได้ยังไงวะ” มันกอดผม “ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีนท มึงไปง้อมันนะ” ผมผละออกมา
“ละ แล้วมึง....” ผมพูดเบาๆ
“กูก็จะเป็น....” มันจับมือผม “เพื่อนรักของมึงต่อไปไง” หอมแก้มผม “ทุกอย่างจะเหมือนเดิม อาจจะแค่เวลามึงอยู่กับมันกูก็จะพยายามไม่มาเจอ โอเคไหม?” ผมก็พยักหน้า “ห้ามให้ตำแหน่งเพื่อนรักกับใครนอกจากกูสัญญานะ” ยกนิ้วก้อยขึ้นมา ผมก็ยกนิ้วก้อยมาคล้องกับมัน ผมยิ้มบานเลย “และกูก็จะเป็นแฟน...จำเป็นของมึงต่อไป โอเคไหม” มันยิ้ม
“ยังจะสานต่ออีกเหรอ?” ผมมองมันอย่างตกใจ
“กูตัดใจไม่ได้หรอกนท กูรักมึงนะเว้ย!” มันยิ้มก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปแหละเนอะ
“เพื่อนรัก” ผมยิ้ม แล้วเอามือลูบแก้มมัน “มึง...มึงไม่เสียใจใช่ไหม” ผมถามมันอย่างเป็นห่วง
“เสียใจอะไร กูก็ยังมีมึงอยู่ดี ไม่มีใครต้องเสียใจ มึงเห็นไหม อาจจะแค่ ไออ๊อฟมันน้อยใจก็แค่นั้นแหละ” มันยักไหล่อย่างมาด ผมก็ยิ้มให้กับท่าทางของมัน
“เฮ้อ! กูกำลังเครียดเรื่องพี่อ๊อฟนะ แต่ทำไม มึงมาทำให้กูยิ้มได้ในเวลาแบบนี้ละ โถ่!” ผมบ่นอย่างไม่ใส่ใจ
“ก็กูคือเพื่อนรักมึงยังไงละ อย่าคิดมากดิ” มันพูดอย่างอบอุ่น
“อื้ม พี่อ๊อฟโกรธกูกลับบ้านไปแล้วเนี่ย” ผมพูดอย่างกังวลขึ้นมา
“เดี๋ยวกูไปอธิบายให้มันฟัง ที่เหลือมึงก็เคลียล์กันเอง โอเคไหม” มันยักคิ้ว
“ไม่ใช่ไปตีกันอีกเหรอวะ?” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่น่า เดี๋ยวโทรไปก็ได้ มึงก็อย่าคิดมากนะรู้เปล่า อย่าร้องไห้ เพราะกูไม่ชอบ ยิ้มให้กูดูบ่อยๆนะ” มันยิ้ม พร้อมกับลูบหัวผม
ผมกับมันนั่งคุยกันสักพัก แม่ก็ขึ้นมาตามเพราะฮาเล่มาหา และแม่สิงโตกับพี่ไอซ์และพี่อาร์มก็มาติดๆกันเลย จริงๆหลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเศร้าแปปเดียว จริงๆมีอยู่เรื่องนึงที่ผมมั่นใจ คือพี่อ๊อฟไม่ได้บอกเลิกผม และที่มั่นใจสุดๆคือพี่อ๊อฟคงงอลผมระดับสูงสุด(งอนหรือโกรธ?) และผมก็ไม่ยอมให้พี่อ๊อฟเลิกกับผมแน่ ผมจะตามไปง้อพี่อ๊อฟส่วนสิงโต ก็อย่างที่ผมพูดกับมัน ยังไงมันก็คือเพื่อนรัก ส่วนมันจะมาเป็น เอ่อ! แฟนจำเป็นของผมบางเวลา นั่นก็อีกเรื่องเนอะ เพราะยังไงแล้ว ผมก็ยังไม่เสียเพื่อนดีๆอย่างมันไป หลายคนอาจจะมองดูเหมือนผมสวมเขาพี่อ๊อฟหรือเปล่า โลภไปหรือเปล่า บอกเลยว่าการกระทำผมอาจจะใช่ แต่ในใจผมบอกได้เลยว่าไม่ มันมีเหตุผลหลายอย่าง ถ้าลองไล่จากเหตุผลและสถานการณ์ดูก็จะรู้ ว่าผมนั้น แคร์ทุกคนจริงๆ
และตอนนี้ผมก็นั่งคุยกันอยู่ข้างล่างแม่ไอสิงโตกับน้องซินถามผมไม่หยุด ไอสิงโตก็โม้เต็มที่ ไอฮาเล่ก็ถามผมอย่างเป็นห่วงพี่ไอซ์กับพี่อาร์มก็ด้วย ส่วนพี่ตัง พี่เติ้กก็แกล้งผมไง เอามือมาจิ้มแผล แซวผมบ้างก็ปล่อยไป พี่ตอยกับพี่โน้ตก็ดูเป็นห่วงเป็นใยผมเกินความจำเป็นประคบประหงมจนโอเว่อร์ และพี่โน้ตดูจะไม่พอใจที่พี่อาร์มมา เพราะมองค้อนตลอดเวลา ไม่รู้ไปมีเรื่องอะไรกัน พี่ตอยก็คอยห้าม...
ป๊ากับพ่อไอสิงโตก็คุยงานกัน แม่ก็มาชวนแม่สิงโตคุยด้วยดูสนุกดี สักพักไอสิงโต ก็โทรไปหาพี่อ๊อฟพอพี่อ๊อฟรับสายมันก็เดินออกไปคุยข้างนอก ไม่ยอมให้ผมได้ยิน ผมก็ปล่อยมันไปเถอะ ผมก็ยืนพูดคุยกับน้องซินไป ดูน้องซินจะพูดเป็นต่อยหอยเลย ย่อยเชียว ฮาเล่กับพี่ไอซ์และพี่อาร์มที่ยืนข้างผมยังยิ้มขำ พอไอสิงโตเข้ามาก็บอกผมว่าทุกอย่างจะโอเค? ผมก็เอออไป ไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ก็เอาไว้ก่อนแล้วกัน...
ป๊าชวนทุกคนอยู่กินข้าวที่บ้าน เพราะจะได้คุยกันนานๆ? ป๊าก็ต้องสั่งจากข้างนอกมา เพราะไม่คิดว่าคนจะเยอะ พออาหารมาถึงก็ช่วยกันจัดแจง และก็นั่งกินกัน นั่งพูดคุยกันไปป๊าก็ถามหาพี่อ๊อฟ แต่ไอสิงโตก็ช่วยพูดประมานว่าพี่อ๊อฟรีบกลับไปทำธุระ อะไรทำนองนั้น ผมก็ได้แต่นั่งอึนๆ...
ป๊าก็ดูไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่พี่ไอซ์มา แต่ดูเหมือนว่าป๊าจะโตพอที่จะแยกแยะเรื่องของเด็กๆได้ ฮาเล่ก็ชวนคุยบ้างพี่ไอซ์กับพี่อาร์มก็ด้วย ดูท่าไอสิงโตจะไม่ค่อยชอบทั้งสามคนนี้ มันดู เอ่อ! ชอบพูดกระแทกกระทั้นเขาทั้งสามคนเหลือเกิน ผมก็ไม่คิดอะไร มันอยากทำอะไรก็ปล่อยมัน ไอสิงโตมันก็กวนตีนเขาไปทั่ว จนได้เวลากลับ ผมก็ขอบคุณทุกคนยกใหญ่ เพราะทุกคนก็มีของมาเยี่ยมผมกันทั้งนั้น ผมก็ฝากพี่อาร์มไปส่งฮาเล่ด้วย ตอนแรกฮาเล่มันก็ดูเหมือนจะเกรงใจแหละ แต่พอผมพูดแนวบังคับหน่อยมันก็ยอมไป พี่ไอซ์ก็คงยังทวงสัญญาการไปกินข้าวที่บ้านมัน ผมก็รับปากไปก่อน รำคาญมันเซ้าซี้มันนี่ดี๊ด๊าเกินไป น้องซินก็คะยั้นคะยอให้ผมไปเล่นที่บ้านน้องเขาบ้าง ผมก็รับปากไป เพราะยังไงก็คงได้ไปอยู่แล้วละ
พอแยกย้ายกันกลับหมด ผมก็ไปขอให้พี่โน้ต ไปส่งผมไปนอนกับพี่อ๊อฟ ตอนแรกป๊ากับแม่และพี่โน้ตไม่ยอมเพราะผมยังไม่หายเจ็บดี แต่ผมก็แถจนได้ไป ผมก็ขึ้นไปเก็บของ แล้วก็ลงมา พี่โน้ตยืนทำหน้างอ พอถามแกก็บอกว่าอยากนอนกับผม? เพราะพี่อ๊อฟนอนกับผม3วันแล้ว? ผมก็บอกไปว่าพรุ่งนี้แล้วกัน พี่โน้ตก็ยอมไปตามสเต็บ พี่โน้ตขี่มอไซค์มาส่งผม บ้านผมก็มีมอไซค์ แต่ไม่มีใครใช้นอกจากพี่โน้ต เพราะผมกับแม่ขับรถมอไซค์ไม่เป็น จอดทิ้งไว้นั้นแหละ...
พอถึงบ้านพี่อ๊อฟผมกดกริ่ง พ่อพี่อ๊อฟก็เดินมาเปิดให้ ก็รัวคำถามผมว่าเป็นยังไงบ้าง พอเข้าบ้านไปก็มีทั้งแม่พี่อ๊อฟและพี่อิฐรุมถามอย่างเป็นห่วง พี่โน้ตเห็นอย่างนั้นคุยด้วยนิดหน่อยแล้วก็กลับไป ผมก็เดินขึ้นไปหาพี่อ๊อฟ จริงๆก็ไม่มั่นใจว่าพี่อ๊อฟจะให้นอนด้วยไหม ก็หน้าด้านแบกหน้ามาแล้วนิเนอะ ทำยังไงได้ พอผมเปิดประตูเข้าไป ก็เห็น เอ่อ! กระเป๋าที่มันเอามาจากบ้านผม กองอยู่กลางห้อง และตัวมันก็นอนคดอยู่ในผ้าห่ม ผมก็เอากระเป๋ามันไปเก็บของให้ และก็เก็บของตัวเอง พอเสร็จก็ไปหามันที่เตียงนั่งข้างๆแล้วเอามือลูบตัวมัน....
“พี่อิฐ ออกไปอย่าเข้ามาในห้องอ๊อฟ!” มันพูดเสียงสั่นอย่างไม่พอใจ
“พี่อ๊อฟ!” ผมเรียกอย่างอ่อนโยน มันนิ่งไป “ผมมานอนกับพี่นะวันนี้ อ่า! นี่ขนาดผมเจ็บผมยังตามมาง้อพี่เลยน้า โอย!” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี จริงๆแผลก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากแล้ว อาจมีปวดบ้างนิดหน่อยก็ทนไป ไม่สำออยขนาดนั้น แต่ก็ร้องโอดโอยนิดหน่อย
พี่อ๊อฟไม่ตอบผมแต่อย่างใด แต่มันเอาผ้าห่มออกแล้วลุกขึ้นจากเตียง ไปค้นในกระเป๋าที่ผมเตรียมมา? แล้วหยิบถุงยามานั่งข้างๆผม....
“อาบน้ำหรือยัง” มันถามนิ่งๆ
“ยังครับ” ผมยิ้มบาน
พี่อ๊อฟไม่ตอบอะไรก็จับแขนผมให้ลุกขึ้นพาผมไปอาบน้ำ แต่หน้ามันนิ่งเกิน ยังทำเข้ม มันก็ช่วยผมถอดเสื้อผ้าและพันผ้าก๊อตสำหรับอาบน้ำให้ผมและมันก็ถอดด้วย เราก็อาบน้ำด้วยกัน มันก็ถูหลังสระผมให้ผม แต่พอผมจะทำให้มันบ้างมันก็ไม่ยอม ระหว่างอาบน้ำผมก็พูดไป คือพูดคนเดียว เพราะมันไม่ยอมพูดอะไรกับผมเลยToT พออาบน้ำอะไรเสร็จก็ออกมาแต่งตัว แล้วผมก็ไปนั่งบนเตียง มันก็เดินมานั่งข้างๆผมพร้อมถุงยาอีกครั้ง มันก็เอายาทา มาทาตามแผลฟกช้ำให้ผม และก็พันผ้าก๊อซตรงเข่าให้ด้วย ผมก็นั่งมองมันด้วยรอยยิ้ม พี่อ๊อฟก็ยังเป็นพี่อ๊อฟ ที่ถึงจะโกรธผมยังไง ก็ไม่เคยเลยที่จะไม่ใส่ใจผม พอมันเงยหน้ามามองผม มันก็ทำหน้ายักษ์ใส่ผมทันที ประมาณว่า มึงยิ้มทำไม?! ผมถึงกับหุบยิ้มเลยทีเดียว พอทำอะไรเสร็จ มันก็เดินไปปิดไฟ แล้วก็ขึ้นนอน ผมก็ล้มตัวนอนข้างๆมัน แต่ เอ่อคือ นอนห่างกับผมเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ผมก็เขยิบตัวไปใกล้ๆมัน แล้วก็เอื้อมมือไปจับมือมัน มันก็นิ่งให้ผมจับ......
“ผมขอโทษ” ผมพูดอย่างจริงจัง
“.......”(เงียบ)
“จะไม่คุยกับผมจริงๆเหรอ?” ผมถามเสียงหงอยๆแล้วก็ค่อยๆตะแคงตัวหันไปมองทางมัน
“เดี๋ยวก็เจ็บแผลหรอก นอนดีๆ!” มันบอกผมเสียงดุ แล้วดันตัวผมให้นอนหงาย แต่นั้นมันทำให้ผมยิ้มไม่หยุด
“ก็พี่อ๊อฟไม่คุยกับผมอ่า” ผมทำเสียงนอยๆ แล้วหันหัวไปทางมัน มันก็มองผมอยู่แล้ว
“..........”เงียบ มองผมนิ่งๆ
“เฮ้อ!” ผมก็ขยับตัวเข้าไปจนชิดมันเลย ตัวติดกันเลยทีเดียว “พี่อ๊อฟ ผมขอโทษ” ผมหันตะแคงตัวนิดหน่อยแล้วหอมแก้มมัน
พี่อ๊อฟก็ไม่ตอบ แถมยังหันหน้าหนีผมอีกนะ ผมใช้มือข้างนึงรั้งหน้ามันมาทางผม.......
“ผมสำนึกผิดแล้วพี่อ๊อฟ อยากให้ผมทำอะไรผมยอมทำทุกอย่างแล้ว น้าๆๆๆ ฟอด! จุ้บๆๆ!” ผมทั้งหอมแก้ม ทั้งจุ้บปากมันก็ยังนิ่ง
“เลิกยุ่งกับไอสิงโตสิ เลิกคบกับมันไป แม้แต่เพื่อนก็ห้ามเป็น” มันหันมาบอกเสียงนิ่งๆ หน้านิ่งๆ ทำให้ผมชะงักไปนิด
“พี่อ๊อฟ...” ผมตะแคงตัวกอดมันแล้วเอาหน้าซุกตรงคอมันผมชอบกลิ่นพี่อ๊อฟจัง มันทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย แอบโรคจิตไปนิดนะ ไม่ได้ดูเวลาและสถานะการณ์เลยเอาจริง
“ทำไม่ได้ใช่ไหม” มันถามผมเสียงนิ่ง
“มันเป็นเพื่อนผม ผมตัดเพื่อนกับมันไม่ได้นะพี่ อีกอย่างผมเคลียล์กับมันแล้วด้วย” ผมพูดทั้งๆที่หัวก็ยังคงซุกอยู่ที่คอมันนั่นแหละ
“แล้วกู...กูเป็นอะไรสำหรับมึง”
“คนที่ผมรัก รักที่สุด รักมากๆ รัก รัก รักๆๆๆ และขอโทษ ขอโทษ ขอโทษๆๆๆ” ผมพูดแล้วก็กระชับกอดมันแน่น
“ไม่เจ็บแผลเหรอวะ!” มันพูดเสียงดุแล้วพยายามดันผมออก ผมก็เอาหัวซุกคอมันแน่น
“ปล่อยให้มันเจ็บไป ผมขอโทษนะ พี่อ๊อฟ นะๆๆๆ ขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ก็ไม่ยอมปล่อยและไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาดู
“ง่วงแล้ว ถอยไปจะนอน” มันพูดแบบรำคาญ
ผมก็ผละตัวออกมา มันก็นอนหันหลังให้ผมเลย โถ่! พี่อ๊อฟ ผมก็กระเถิบเข้าไปนอนกอดมันนั่นแหละ งานนี้ง้อยาวดูจากสภาพ เฮ้อ!....
พอมาอีกวัน ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกยังไงละ?! ลืมตาขึ้นมาก็เห็น เอ่อ...พี่อ๊อฟมันนอนกอดผม? ผมจำได้ว่าผมนอนกอดมันนิ? ยังไงก็ช่างมันเถอะ ผมก็นอนยิ้มอยู่อย่างนั้นแหละ >.< แล้วสักพักมันก็ตื่น ผมก็แกล้งหลับตา.......
“หึ!” แล้วมันก็ลุกขึ้น ผมก็ลืมตามองแบบเซ็งๆ มันก็รู้ทันตลอด
“มอนิ่งคิสอะ?” ผมถามในสิ่งที่มันชอบทำ มันก็มองผมนิ่งๆ
มันไม่พูดอะไร แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมนั่งหน้าเหวอเลยทีเดียว ผมก็ลุกตามมันไปอาบน้ำ มันก็คอยช่วยตลอด แต่ก็ไม่พูดกับผมเหมือนเดิม คืออะไร? พอทำอะไรเสร็จก็ออกมาแต่งตัว พี่อ๊อฟก็ทายาให้เหมือนเดิม แล้วก็พากันลงไปกินข้าว พี่อ๊อฟก็จัดยาให้ผมพร้อม ผมก็ยิ้มบานอย่างเดียวเลย แล้วเราก็พากันไปโรงเรียนระหว่างทางผมก็พูดคนเดียวเหมือนเดิม มันก็เงียบเหมือนเอาปากหย่อนลงไปในชักโครกตอนเข้าห้องน้ำที่บ้านมันสินะ พอถึงพี่อ๊อฟไปส่งผมหาเพื่อนๆด้วย ไม่เชิงไปส่งหรอก มันก็ประมาณว่าเดินตามมา จะยังไงผมก็ยิ้มบานอย่างเดียว พอถึงโต๊ะเพื่อนๆผม มันก็เดินไปเลย ไปโดยไม่มีคำพูดอะไรใดๆหลุดออกจากปากมันเลย ผมละนอยจริงๆ แต่ก็ยังไงผมก็เป็นคนผิดอยู่ ทำยังไงได้ แรดเอง เพื่อนๆก็ถามอาการผมอย่างเป็นห่วง ผมก็ตอบบ้าง เงียบบ้างก็มัวแต่คิดเรื่องพี่อ๊อฟนี่เนอะ เฮ้อ!....
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นวะ?” ปอหันมาถามผม
“ทำหน้ายังไงวะ?” ผมถามมันแบบงงๆ
“เดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวทำหน้าหงอย เป็นบ้านะมึง!” ไอวิวนี่นะ ผมมองค้อนมัน
“นท วันนี้ว่างปะ!” ไอนัทหันมากระซิบ ผมนั่งข้างมัน อีกข้างก็ไอมิน
“ทำไมวะ?” ผมหันไปถามอย่างสงสัย
“ก็กู....นัดกับคนที่มึงไปขอเบอร์ให้ไปเดทอะดิ ไม่กล้าไปคนเดียววะ กูอาย” มันกระซิบบอกผมด้วยท่าทางเขินอาย
“มึงชวนคนอื่นได้หรือเปล่าอ่า พอดีกูต้องง้อพี่อ๊อฟอีก เขาโกรธกูอยู่อะมึง” ผมบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“มึงจะให้กูชวนใคร ดูแต่ละคนด้วย ทำเดทแรกกูพังพอดี” มันบอกอย่างไม่พอใจ
“ก็เดทแรกมึงไม่จำเป็นต้องเอาเพื่อนไปหรอก” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ! คือได้แฟนคืนมาแล้วก็จะไม่เห็นหัวเพื่อนใช่ไหม” มันทำท่างอน ผมละอยากตายจริงๆ
“ไอนัท เดทแรกนะไอเวร จำเป็นต้องเอาเพื่อนไปเกะกะไหม!” ผมบอกอย่างหงุดหงิด
“มึงสองคนคุยอะไรกันวะ” ไอมินถามมาทางผมอย่างสงสัย
“เออ งุ้งงิ้งๆ อย่าบอกนะมึงสองคนจีบกันอะ” ไอวิว!ผมเบื่อปากมันจริงๆ
“ปากมึงนี่นะไอวิว!” ผมหันไปเอ็ดมัน
“แล้วมึงคุยอะไรกันวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“ก็ไอนัทมัน....” ผมกำลังจะบอกไอนัทมองผมด้วยสายตาอาฆาต “เอ่อ คือมันคุยกับกูเรื่องการ์ตูนน่ะ แหะๆ” แถไปสิ
“เหรอวะ ทำไมต้องกระซิปกระซาบกัน?” ปอมองอย่างจับผิด
แล้วผมก็แก้ๆตัวไป ไอนัทมันไม่อยากให้ใครรู้นี่ แล้วนี่ผมต้องทำยังไงละ? พี่อ๊อฟก็ต้องง้อ ไอนัทก็ต้องไปส่ง อะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ นั่งคุยกันสักพักก็พากันขึ้นห้องเรียน เพื่อนๆคนอื่นก็มาถามไถ่ว่าผมเป็นยังไงบ้าง ผมก็ตอบๆไป พอพักเที่ยงก็ลงไปหาอะไรกินกับเพื่อนๆ พี่อ๊อฟก็ไม่มาหาเลย ไปกินข้าวกับเพื่อนตั้งไกล โถ่! ใจร้ายกับผมเกินไปมั้ง ผมก็ชะเง้อมองแล้วมองอีกอะ.....
“มองขนาดนั้นก็เดินไปหาเถอะ” ปอพูดขึ้น
“เออๆงั้นแปปนะเดี๋ยวมา” ผมก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินตรงไปหาพี่อ๊อฟเลย
เพื่อนๆก็งงๆกัน มันคงงงว่าปอพูดประชดแล้วผมไปจริง? ผมก็ไม่สน เพราะจริงๆก็อยากไปอยู่แล้ว55 แต่พี่อ๊อฟมันนั่งหลังโรงอาหารเลยไกลเกิน พอไปถึงเพื่อนๆมันก็ยิ้มให้ผม พี่อ๊อฟมันก็นั่งกินข้าวนิ่งๆ ผมก็นั่งเบียดมันเลย เพราะมันนั่งมุมโต๊ะ มันก็หันมามองผมนิ่งๆ แล้วก็กินข้าวต่อไป ไม่สนใจผม?......
“ไงมึง ได้ข่าวว่าไปมีเรื่องมาเหรอ” พี่กรถามขึ้นมา
“นิดหน่อยอ่าพี่” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“แหนะๆ จะมาอ้อนอะไรไออ๊อฟอีกละ!” พี่กฤษพูดกวนๆ ผมก็ยิ้มเขิน
“แล้วนี่มึงหายดียัง” พี่โอมถามอย่างสงสัย
“หายดีแล้ว ได้คนดูแลดี” (ยิ้ม)
ผมก็พูดคุยกับพวกพี่ๆเขาไปสักพัก พี่อ๊อฟก็ลุกเดินเอาจานไปเก็บ คืออะไร? ไม่สนใจผมเลย ผมก็มองตาม....
“มันโกรธมึงเหรอ?” พี่กรถามอย่างอยากรู้
“อืม ไม่ยอมคุยกับผมเลยอ่า” ผมทำหน้างอ
“เอาน่า ง้อมันบ่อยๆเดี๋ยวมันก็หายเองแหละ” พี่โอมพูดด้วยรอยยิ้ม
พวกพี่เขาก็ปลอบและแนะนำผมไปด้วยผมก็รับฟังอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ชะเง้อหาพี่อ๊อฟแหละ โถ่! นึกว่าจะดีแล้วซะอีกอ่า ผมก็เดินกลับไปหาเพื่อนๆ มันก็นั่งเม้ากันอยู่....
“ไงมึง คอตกเลยนะ” ไอวิวพูดแซว
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเซ็ง
“พี่อ๊อฟโกรธมึงเหรอวะ?” ปอถามอย่างสงสัย ผมก็พยักหน้าด้วยหน้าหงอยๆ
“ไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกละมึง” ไอนัทถามนิ่งๆ
ผมก็นั่งเซ็งๆ ข้าวก็กินไปได้นิดเดียวเอง โถ่......
“นท มีคนบอกให้เอายามาให้มึงวะ” ผมหันไปมองตามเสียง พี่โอม? ผมหันมองซ้ายขวามันมาคนเดียวด้วย
“แล้วพี่อ๊อฟละ” ผมถามแล้วมองหา
“มันให้กูเอายามาให้ อะกินเลยนะ มันบอก” ผมก็รับยามากินแบบงงๆ ผมลืมเอายามานิ! เพราะเมื่อเช้ามัวแต่พูดคนเดียวและก็กลุ้มที่พี่อ๊อฟไม่พูดด้วย
“แล้วทำไมพี่อ๊อฟไม่เอามาให้เองอะ” ปอถามผมก็มองพี่โอมอย่างอยากรู้
“มันโกรธไอนทอยู่แหละมั้ง” พี่โอมพูดแล้วยิ้ม ผมซึมเลยทีเดียว “เอาน่า มันยังเป็นห่วงมึงนะ” ตบไหล่ผม “งั้นกูไปก่อนนะ” โบกไม้โบกมือแล้วก็เดินไป
“คงเรื่องใหญ่แน่ๆเลยใช่ไหม” ไอนัทถามผม
ผมก็ไม่ตอบอะไร จนพวกมันเปลี่ยนเรื่องคุยกันนั่นแหละ เราก็พากันขึ้นห้องไปเรียน เรียนไปแบบไม่รู้เรื่อง เพราะรู้ตัวเองเลยว่าเหม่อ ตลอดเวลา....
“นท พี่อ๊อฟโกรธมึงเรื่องอะไรวะ?” ปออยู่ๆหันมาถามขณะเรียนกันอยู่
“เขารู้แล้วว่ากูกับไอสิงโต…” ผมบอกมันตกใจ
“รู้ได้ยังไง แล้วยังไงวะ? เขาเลิกกับมึงเหรอ?” ไอปอถามอย่างตกใจ
“ไม่พูดอะไร พอรู้กูก็อธิบายนะ มันก็ดูเสียใจอะมึง แต่มันก็ไม่ได้บอกเลิกหรืออะไรอะ กูก็พยายามตามง้อนะ มันไม่คุยกับกูด้วยเนี่ย” ผมพูดอย่างหัวเสีย
“เอาน่า กูว่ายังไงๆ มันก็รักมึงแหละ ขนาดตอนเที่ยงมันยังให้เพื่อนมันเอายามาให้เลยนะเว้ย!” ปอพูดปลอบใจ?
แล้วมันก็พูดๆมา ผมก็พยักหน้าอย่างรับรู้? จนเลิกเรียนผมก็เก็บของอย่างไร้จุดหมาย ไม่รู้สิ สำนึกผิดจริงๆ ไม่รู้จะทำไง เฮ้อ......
“นท ไปส่งกูนะ!” ไอนัททำหน้าอ้อนวอน
“มึงก็เห็นอ่า ว่ากูกับพี่อ๊อฟ อื้อ!” มันเอามือมาปิดปากผม ตอนนี้ปอมินวิว มันเดินออกไปรอนอกห้องแล้ว
“อย่าเครียดดิ กูจะพามึงไปคลายเครียดนะเนี่ย เดี๋ยวไปขอไออ๊อฟให้” ผมก็มองมันงงๆ “งั้นตามนี้” แล้วมันก็ลากผมออกไปเลย “พวกมึงกูไปก่อนนะ” มันบอกพวกปอ และลากผมไปพวกมันก็มองงงๆ
มันก็พาผมไปชมรมพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็นั่งวาดรูปหน้านิ่งๆอยู่คนเดียว ใต้ต้นไม้หน้าชมรม พอมันเห็นผมกับนัท มันก็เงยมามองนิ่งๆ แล้วก้มหน้าวาดรูปต่อ....
“พี่อ๊อฟ ผมขอพานทไปซื้อของเป็นเพื่อนหน่อยนะ” ไอนัทอยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา ผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลย พี่อ๊อฟก็เงยขึ้นมามองนิ่งๆ
“ไปที่ไหน?” พี่อ๊อฟถามนิ่งมาก คือนิ่งเกิ้น
“กะ...ก็ที่ห้างน่ะพี่” ไอนัทยิ้มอ่อน ถึงกับไปไม่ถูก
“งั้นรอแปป” แล้วมันก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินเข้าไปในชมรม
“จะให้ไปหรือเปล่าวะ?” ไอนัทหันมาถามผมอย่างกังวล
“กูจะไปรู้เหรอ กูบอกแล้วว่ามันโกรธกูอยู่!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
ผมก็ยืนเถียงกับไอนัทอยู่นั่นแหละ จนพี่อ๊อฟเดินออกมา พร้อมกับกระเป๋า?.....
“ยังไงพี่” ไอนัทถามอย่างสงสัย
“กูจะไปด้วย” พี่อ๊อฟบอกนิ่งๆ แล้วก็เดินนำไป
“แล้วกูจะไปยังไง ซ้อนสาม?” มันหันมาถามผม
“ไอนัท พี่อ๊อฟมันยังไม่คุยกับกูเลย มึงก็ถามกูอยู่ได้ ไอห่า!” ผมพูดแล้วผมก็เดินตามพี่อ๊อฟไปอย่างหัวเสีย ไอนัทก็วิ่งตามา
มันก็ถามผมอยู่นั้นแหละ คือผมไม่รู้อะไรทั้งนั้นไง เพราะพี่อ๊อฟหน้าผมมันยังไม่อยากมองเลยมั้ง โถ่! ชีวิต พอเดินไปถึงลานจอดรถ พี่อ๊อฟก็ถอยรถออกมา.....
“อะ...เอ่อ” ไอนัททำเงอะงะ ไง
“ขึ้นมาเถอะ ซ้อนสามไปเนี่ยแหละ!” พี่อ๊อฟบอกอย่างรำคาญ
ไอนัทก็ให้ผมขึ้นก่อนแล้วมันก็ขึ้นตาม พี่อ๊อฟก็ถามมันห้างไหน ไอนัทก็บอกไปพี่อ๊อฟก็ขับนรถไปเงียบๆ ผมก็เนียนไง เอามือกอดเอวพี่อ๊อฟเลย ไอนัทก็ชวนพูดนู่นพูดนี่ไป ผมก็เอามือลูบท้องพี่อ๊อฟเบาๆ มันก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด นิ่งๆให้ผมทำ ไอนัทก็พูดมากเหลือเกิน พอถึงก็พากันไปจอดรถแล้วก็เดินเข้าห้าง.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:40:26
“นัท ร้านไหนวะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“สตาร์บัคเว้ย!” มันบอกผมอย่างมาด ผมมองอย่างหมั่นไส้
“จ้าๆ” ผมหมั่นไส้มันจริงเชียว
“เอาน่า” ไอนัทพูดอย่างไม่สนใจ
“มึงว่า เขาไม่ใช่พวกมาหลอกแดก หลอกให้มึงเลี้ยงใช่ไหม!” ผมถามมันอย่างกังวล เรื่องเงินไม่เท่าไหร่ กลัวไอนัทมันจะพลาดไปเจอแต่คนหวังผลประโยชน์แล้วไม่ได้รักมันนี่สิ
“เออๆน่า ที่ให้มึงมาก็จะให้มึงช่วยดูด้วยนี่ไง” มันบอกผมอย่างกังวล ดูมันจะประหม่ามากนะ
“จะเข้าไปพร้อมกันหมดเลยเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“อืม เขาก็เอาเพื่อนมาด้วย” มันบอกอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกเราก็เดินไปร้าน.. พอเข้าไป พวกนั้นผมจำได้เพราะผมไปขอเบอร์ให้ไอนัท ไอนัทก็เขินอายเหลือเกิน จนผมได้ลากมันเดินไป มันบิดจนตัวจะเป็นเกลียวแล้ว ก็นั่งกัน 5 คนมีพี่ชายเขาคนนึง เราก็ทักทายกันนิดหน่อย พี่อ๊อฟก็ยิ้มอ่อน มันก็นิ่งและเงียบเหลือเกิน เฮ้อ....
“อ้อ! นี่นท และก็พี่อ๊อฟ เพื่อนและพี่ผมครับ นทพี่อ๊อฟ นี่พี่ฮอน พี่ฮัน” พูดอย่างเก้ๆกัง ผมก็ยิ้มทักทายนิดหน่อย
“เอ๊ะ น้องหน้าคุ้นๆนะ” พี่ฮอน เป็นผู้หญิงที่ไอนัทชอบ มองผมแล้วยิ้ม
“ก็ผมเป็นคนไปขอเบอร์พี่ให้นัทอะครับ แหะๆ” ผมเกาหัวแก้เขิน
“ฮ่าๆ นึกว่าจะจำกันไม่ได้สะแล้ว” พี่ฮอนยิ้ม ดูเป็นกันเองเนอะ
“สั่งอะไรไหม?” พี่ฮันหันมาถามนิ่งๆ
“เดี๋ยวผมไปสั่งนะครับ นัทปะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้มแล้วก็กระตุกแขนนัทให้ลุกขึ้น
ผมก็ลุกขึ้นไปสั่งชาเขียวให้พี่อ๊อฟแล้วก็ช๊อกโกแลตให้ผมไอนัทก็สั่งของมันไป พอได้ก็กลับไปนั่งที่โต๊ะ ยื่นชาเขียวให้พี่อ๊อฟ มันก็รับไปนิ่งๆ แถมอมยิ้มด้วยนะ ทำเป็นมาดเข้มอยู่ได้ แล้วเราก็นั่งคุยกันไป ดูเหมือนว่าไอนัทจะชอบพี่ฮอนจริงๆ ดูมันจะเขินอายเป็นอย่างมาก พี่ฮอนแกก็ดูชอบแซวเหลือเกิน พี่ฮันนี่อยู่กับน้องสาวอย่างพี่ฮอนตลอดเวลาเลยเหรอ? เจอทีไรก็เห็นอยู่ด้วยกัน ช่างเถอะ เราก็คุยกันไป พวกพี่เขาก็คุยกันสนุกดี พี่อ๊อฟก็นั่งนิ่งๆ พอจะแยกย้ายก็ร่ำรากันสะนานเลย ไอนัทมีการขอคุยกับพี่ฮอนส่วนตัวด้วยนะ มันร้ายมากเอาจริง ผมก็ยืนยิ้ม.....
“นัทมันดูจะขี้อายเนอะ” พี่ฮันพูดขึ้นมา
“ไม่หรอกครับ มันคงเขินพี่ฮอนแหละ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
ผมก็ยืนคุยกันไป จนมันคุยกับพี่ฮอนเสร็จก็เดินกลับมา เราก็แยกย้ายกัน ไอนัทยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว......
“มึงไปคุยอะไรกับพี่เขา” ผมถามอย่างสงสัย
“กูชวนพี่เขาเที่ยว2ต่อสองว่ะ” ดูท่ามันนะ บิดไปบิดมา โว๊ะ! ไม่ไหวแล้วมั้ง
“เป็นเอามากนะ แล้วนี่ยังไง คือจริงจัง?” ผมถามมันนิ่งๆ มันก็พยักหน้าอย่างเขินอาย “กูว่าคนนี้น่ารักเลยนะ เขาก็ดูชอบพูดชอบแซวดี ดูจริงจังด้วย” ผมพูดอย่างจริงจัง
“เหรอวะ....” มันพูดอย่างอารมณ์ดี
ผมก็แซวมันไป เราก็เดินไปที่จอดรถกัน นี่ก็เย็นมากแล้ว ตอนแรกไอนัทจะแยกไปขึ้นรถ แต่พี่อ๊อฟอาสาไปส่ง ก็ไปส่งมันที่บ้านกัน ระหว่างทางก็คุยกันไปผมก็เหมือนเดิม กอดเอวพี่อ๊อฟ พอถึงบ้านไอนัทผมก็ลงไปทักทายพ่อแม่พี่มันสักหน่อย ไม่ได้เจอกันนาน พอทักทายอะไรเสร็จ ผมก็กลับ ระหว่างทางกลับผมก็ชวนพี่อ๊อฟคุยเยอะแยะ แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีสัญญานตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก? มันก็ขับไปพอถึงมันก็จอดหน้าบ้านผม....
“อยากนอนกับพี่อ๊อฟอีก” ผมกอดมันแน่นไม่ยอมลงรถ
พี่อ๊อฟมันก็แกะมือผมออก แล้วก็ดันผมลงรถ ผมก็หน้ามุ่ยลงรถสิ มันนี่ไม่มองหน้าผมเลย พอผมลงแล้วมันก็บิดรถไปเลย โว๊ะ! ใจแข็งจังวะ! ผมก็เดินเข้าบ้านในสภาพเซ็งๆ พี่โน้ตกลับมาแล้วผมก็ทักทายแม่กับพี่โน้ตคุยกันนิดหน่อยผมก็ขึ้นบ้านไปทำการบ้าน พอถึงเวลาลงไปกินข้าว แม่ก็จัดยามารอไว้ให้ผม ผมจำได้ว่าถุงยาอยู่ที่พี่อ๊อฟ พอถามแม่ แม่ก็บอกว่าพี่อ๊อฟเอามาให้ ทำอะไรเสร็จจนเวลาเข้านอน พี่โน้ตก็ให้ไปนอนด้วย ก็นอนคุยกันไปจนหลับแหละ
พอมาอีกวัน พี่อ๊อฟก็มารับผมที่บ้าน ผมก็ไปกับมัน แต่วันนี้ผมเบื่อจะพูดคนเดียวแล้ว พูดไปมันก็ไม่ตอบ ไม่รู้จะพูดให้ได้อะไร ผมก็เอาหน้าซบหลังมันจนถึงโรงเรียนนั้นแหละ มันก็เดินตามผมมาที่โต๊ะที่เพื่อนๆผมนั่ง แล้วมันก็เดินเลยไป ผมก็มองมันอย่างเศร้าๆ มันจะนานแค่ไหนนะที่เป็นแบบนี้ โถ่! ผมไม่ชอบเลย..........
“ไงมึง ยังไม่ดีกันอีกเหรอ?” ปอถามอย่างสงสัย ผมก็ทำหน้างอแล้วก็นั่งข้างมัน
“เอาน่ามึง ว่าแต่งอลกันเรื่องอะไรวะ?” ไอมินถามอย่างอยากรู้ ก็มีปอคนเดียวที่รู้ ว่าพี่อ๊อฟโกรธผมเรื่องอะไร
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
พวกมันก็ทั้งรัวคำถาม ทั้งบังคับให้ผมบอก ผมก็มองหน้าพวกมันนิ่งๆไม่ตอบอะไร ปอก็ช่วยตอบบ้าง ผมจะทำยังไงดี จะทำยังไงให้พี่อ๊อฟหายโกรธผม ผมรู้ว่าที่ทำมันผิด ผิดมาก แต่จะให้ทำยังไงละ เลิกคบกับไอสิงโตแม้แต่เพื่อนก็ไม่ได้เป็นอะนะ?  แล้วพี่อ๊อฟจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม? หรือว่าเขาเบื่อ รำคาญผมแล้ว? หรือที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะรอผมบอกเลิก? หรือเปล่า? ผมก็คิดไปต่างๆนาๆ ยอมรับว่าเครียดมากกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพี่อ๊อฟก็เหมือนสร้างระยะห่างระหว่างผมกับมัน เครียด!...
จนขึ้นเรียนก็เรียนไป เรียนไม่รู้เรื่องเลยเอาจริง แต่ก็อย่างว่าอะเนอะ ความผิดบางอย่างแค่คำขอโทษก็ไม่ได้หรอก เรียนกันไปจนพักเที่ยงผมก็ไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร วันนี้ผมแยกกับเพื่อนๆซื้อข้าวไปนั่งกินกับพี่อ๊อฟ พวกมันก็เข้าใจกันดี ผมก็แยกตัวเดินไปหาพี่อ๊อฟพอไปถึงก็เหมือนเดิม พี่อ๊อฟก็นั่งกับเพื่อนๆมัน ผมก็ทักทายเพื่อนๆมัน แล้วก็ขอนั่งด้วยคน..
พี่กรที่นั่งข้างพี่อ๊อฟก็เขยิบให้ผมเข้าไปนั่งแทรก ระหว่างกินก็ได้มีการพูดคุยกันมากมาย ผมก็หันไปมองทางพี่อ๊อฟบ่อยๆมันก็ไม่ได้สนใจอะไรผมเลย เอาแต่นั่งเงียบ ก้มหน้ากินข้าว ผมเห็นแล้วน้อยใจจัง แต่ทำยังไงได้ ผมเป็นคนผิด พวกพี่โอมก็ชวนผมพูดเยอะแยะไปหมด พี่อ๊อฟก็เงียบเกิน จนกินกันเสร็จ วันนี้พี่อ๊อฟนั่งรอ มันไม่ลุกไปก่อนเหมือนเมื่อวาน......
“กินยาด้วย” มันพูดนิ่งๆ
ผมก็หันไปยิ้มให้มันอย่างดีใจแล้วก็หยิบยาขึ้นมากิน แม่เตรียมยัดใส่กระเป๋ากันผมลืม พอผมกินเสร็จมันก็ลุกเอาจานไปเก็บเลย รวมถึงจานของผมด้วยที่มันถือไป พวกพี่โอมก็มองผมแล้วยิ้มอ่อนและก็เดินตามพี่อ๊อฟไป ผมก็นั่งหงอยเลย โถ่! อยากร้องไห้จัง ผมก็นั่งซึมอยู่นั่นแหละ จนพวกปอมาตามผม.............
“หนักเลยเหรอวะมึง?” ปอถามผมก็พยักหน้า
“เอาน่า เดี๋ยวก็ดีเองแหละ” ไอนัทตบไหล่ผม
“เอออย่าคิดมากมึง” ไอวิวพูดด้วยรอยยิ้ม
และก็สาระพัดคำปลอบ ซึ่งจริงๆก็ไม่ได้เข้าหูผมเลย รู้สึกอึน พวกมันก็ปลอบผมจนพากันขึ้นห้องไปเรียนคาบบ่ายกันนั่นแหละ ผมก็คิดเรื่องพี่อ๊อฟตลอดเวลา ถึงมันจะดูเป็นห่วงผม แต่มันก็ทำตัวห่างเหินกับผม พอเลิกเรียนผมกับเพื่อนๆก็แยกย้ายกัน ตอนแรกพวกมันจะไปส่งผมหาพี่อ๊อฟ แต่ผมบอกไม่ต้องหรอก ไม่ได้มีอะไร ทำไมต้องไปส่ง ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟ คราวนี้เดินทางหน้าตึกนะ ไปทางข้างหลังเดี๋ยวเจอแจ๊คพอตอีก พอไปถึงหน้าชมรมก็เห็นพี่อ๊อฟนั่งวาดรูปนิ่งๆ ผมก็ไปนั่งข้างๆมัน ไม่ติดมาก ยังรักษาระยะห่างนิดนึง กลัวว่ามันจะรำคาญ มันก็ไม่ได้เงยหน้ามามองผมแต่อย่างใด ผมก็นั่งมองมันแบบหงอยๆเลยเอาจริง..........
“อีกแปปนึง” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นแต่ไม่ได้เงยหน้ามามองผม ผมก็พยักหน้ารับรู้
“พี่อ๊อฟ” เรียกมันอย่างแผ่วเบา มันก็หยุดมือแล้วหันมามองผม “ผม.....รักพี่นะ” ผมบอกอย่างจริงจัง
“.........” มันเงียบ มองผมนิ่งๆ
แล้วมันก็ก้มทำงานต่อ ผมอึดอัด แต่ไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ซึมและก็หงอย สักพักมันก็เดินเข้าไปในชมรม กลับออกมาพร้อมกระเป๋า มองผมนิดหน่อยแล้วก็เดินไป ผมก็เดินตามมันไป จนถึงลานจอดรถมันก็ไปถอยรถมา ผมก็ขึ้น และก็เอาหน้าซบหลังมันเหมือนเดิม และก็ได้แต่พูดคำว่าขอโทษเบาๆ ซึ่งไม่รู้ว่าคำขอโทษนั้นมันยังจะมีค่าอยู่ไหม...
พอถึงบ้านพี่อ๊อฟก็จอดแล้วก็นิ่ง ผมก็ต้องผละออกมาแล้วลงรถ กำลังจะบอกลามันมันก็บิดรถไปเลย ผมก็ยืนค้างอยู่อยู่อย่างนั้นสักพัก แล้วก็เดินกลับเข้าบ้านด้วยสภาพที่เหมือนลืมวิญญาณไว้ที่โรงเรียน พอเข้าบ้านก็ทักทายแม่ พี่โน้ตกับป๊ายังไม่กลับ แล้วก็ขึ้นไปทำการบ้าน ทำอะไรเสร็จผมก็ล้มตัวนอนบนเตียง คิดทบทวนอะไรหลายๆอย่าง โทรศัพท์ของผมมันก็มีข้อความ และคนโทรเข้าตลอดเวลา แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้ผมสนใจเลย เพราะผมไปโรงเรียนผมก็เอาใส่กระเป๋านักเรียนไว้นั้นแหละ ยังไม่อยากที่จะติดต่อหรือพูดคุยกับคนอื่นนอกจากพี่อ๊อฟ นอนนิ่งๆ นอนคิดมันไปอย่างนั้น คำว่ารักที่ผมบอกมันวันนี้ มันยังมีความหมายอยู่ไหม? ทำไมมันได้ยินแล้วก็แค่มองนิ่งๆละ ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ? คิดแล้วก็ร้อนผ่าวที่ขอบตา พี่อ๊อฟทำให้ผมกลัว กลัวจะเสียมันไป ยังไม่อยากคิดถึงตรงนั้นเท่าไหร่หรอก แต่ถ้าอยู่แล้วมันทรมาณ ผมอาจจะเป็นฝ่ายเดินออกไปเอง เพราะยังไง ผมก็เลวโดยสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว....
ตอนนี้น้ำตาผมก็ไหลลงมา พร้อมกับความรู้สึกสำนึกผิดมากมาย 2 วันแล้วที่ผมไม่ได้เห็นรอยยิ้มของพี่อ๊อฟ คิดแล้วก็ปวดใจ ผมก็หลับไปทั้งอย่างนั้งแหละ ตื่นมาอีกทีพี่โน้ตก็มาปลุกให้ไปกินข้าว ผมก็ลงไปกิน เราก็ได้พูดคุยกันมากมาย เฮียบอมย้ายมาอยู่คอนโดในเมืองแล้ว? และเฮียบูมน้องของเฮียบอมกำลังจะกลับมาจากไอซ์แลนด์ เฮียบูมนิสัยดีกว่าเฮียบอมเยอะ น่ารักเลยละ แต่นั้นก็ไม่สำคัญนี่ แค่จะไปกินเลี้ยงกับพวกบ้านของเฮียนั่นแหละ จนป๊าได้พูดวนมาเรื่องเรียนผมทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ใบขออนุญาตผู้ปกครองไปเข้าค่าย!3วัน2คืน นึกขึ้นได้ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นห้อง ทุกคนก็ดูงงๆกัน ผมก็ลงมาพร้อมใบนั่น ป๊าก็พูดใหญ่เลยว่ามันคงต้องสนุกแน่? แล้วก็พูดกันไปในเรื่องเข้าค่ายเยอะแยะไปหมด แล้วป๊าก็เซ็นต์ให้ กินข้าวทำอะไรเสร็จ ผมก็ขึ้นห้อง วันนี้พี่โน้ตให้ไปนอนด้วย ผมเดินเข้าห้องมาอาบน้ำจัดกระเป๋าสำหรับเรียนในวันพรุ่งนี้ ทำอะไรเสร็จก็เดินไปห้องพี่โน้ต เพื่อไปนอน? จริงๆก็นอนคุยกันไปจนหลับแบบเช่นทุกครั้ง....
อีกวันนึงพี่อ๊อฟก็มารับผมปกติ แล้วก็พากันไปโรงเรียน ผมก็เอาหัวซบหลังพี่อ๊อฟเหมือนเดิม พอถึงโรงเรียนก็เอารถเข้าไปจอดตามแบบทุกวัน.....
“พี่อ๊อฟ ผมจะไปเข้าค่ายอาทิตย์หน้า....” มันมองผมนิ่งๆ
ผมถึงกับพูดไม่ออกเลย ก็เลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า ผมก็เดินหันหลังแล้วก็เดินตรงไปหาเพื่อนๆ พี่อ๊อฟมันก็เดินตามมา พอถึงมันก็เดินเลยไป ผมจะทนได้นานแค่ไหนไม่รู้ มันอึดอัดแต่ทำอะไรไม่ได้..….
“โอเคหรือเปล่ามึง” ปอพูดแล้วดึงผมให้นั่งลง ผมก็นั่ง
“มึงว่า.....พี่อ๊อฟเขา อยากเลิกกับกูหรือเปล่าวะ” ผมถามเบาๆ
“ทำไมมึงคิดงั้นวะ เท่าที่ดูเขาก็ยังดูเป็นห่วงดูใส่ใจมึงนี่ ช่วงหลังเดินมาส่งเลยนะ” ไอวิวพูดแล้วทำหน้าคิด
“นั่นสิ เขาอาจจะโกรธอยู่ ง้อๆ!ไปเถอะน่า อย่าเพิ่งท้อสิ!” ไอนัทพูดอย่างจริงจัง
“นท ติดต่อไอสิงโตบ้างนะ มันเริ่มบ่นหามึงแล้ว” ไอมินบอกเสียงนิ่งๆ นั่นทำให้ผมคิดมากไปยิ่งกว่าเดิมอีก
แล้วพวกมันก็พูดกันไป ถามผมบ้าง โดยพวกไอนัทมินวิว มันยังไม่รู้ไงว่าพี่อ๊อฟโกรธผมเรื่องอะไร ปอก็บอกแค่ว่าโกรธกัน แล้วก็ช่วยผมแถไป ผมเครียดเรื่องพี่อ๊อฟ ทำไมพี่อ๊อฟทำกับผมแบบนี้ ผมสำนึกผิดจนไม่รู้จะทำตัวยังไงแล้วนะเนี่ย....
จนได้เวลาไปเข้าแถวเราก็ไปเข้ากันเสร็จก็ขึ้นเรียน พอพักเที่ยงผมก็เหมือนเดิม แยกกับเพื่อนๆไปหาพี่อ๊อฟ วันนี้มันไม่อยู่ พี่โอมบอกว่ามันไปนั่งกินที่ชมรม ใจผมวูบไปนิด หรือมันรำคาญผมที่มานั่งกินข้าวกับมันนะ รู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตาทันที ผมก็พยายามเก็บอาการ แล้วบอกพวกพี่โอมว่าจะไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรม แล้วผมก็เดินไปหามันพร้อมจานข้าวกับน้ำไปที่ชมรม ก็เจอมันนั่งกินอยู่คนเดียวจริงๆ มันเห็นผมมันก็มองนิดหน่อย แล้วก็นั่งกินปกติ ผมก็เดินไปนั่งข้างมัน...........
“ผมขอโทษพี่อ๊อฟ” ผมกอดเอวมันแล้วเอาหน้าซบไหล่ “ผมขอโทษ ไม่เอาแบบนี้ได้ไหม ผมยอมแล้ว” น้ำตาเริ่มไหล “ผมยอมทุกอย่างเลยนะ” ข่มเสียงไม่ให้สั่น “ผมเสียใจ...ผมผิดไปแล้วพี่อ๊อฟ” ผมจับเสื้อมันแน่น
ตอนนี้คนในชมรมไม่น่ามีใครอยู่เพราะเงียบมาก พี่อ๊อฟมันก็ดันผมออกเบาๆ แล้วก็เอามือมาเช็ดน้ำตาให้ผม...........
“ผมขอโทษ ขอโทษ” ผมจับมือมัน แล้วเอามืออีกข้างเช็ดน้ำตาลวกๆ
“เอายามาหรือเปล่า” มันถามเสียงอ่อน
“เอามา” ผมล้วงให้มันดู
“กินข้าวสิ จะได้กินยา” มันบอกผมนิ่งๆ แล้วมันก็ก้มกินข้าวต่อ
“รำคาญผมใช่ไหม พี่บอกตรงๆเลยพี่อ๊อฟ ผมผิดผมเลวเอง ที่พี่ทำแบบนี้อยากจะเลิกแต่พี่จะให้ผมทนไม่ไหวแล้วพูดใช่ไหม” ผมฟูมฟายหนักมาก พี่อ๊อฟก็มองนิ่งๆ “ผมไม่ยอมพูดหรอกนะ ละ และไม่ว่ายังไง ผมก็จะทำให้พี่อ๊อฟหายโกรธให้ได้” พูดเสียงสั่นแล้วก็ลุกขึ้น
ผมหยิบจานกับน้ำแล้วเดินกลับไปทางเดิม มันก็มองนิ่งๆ ผมไม่รู้ว่าพี่อ๊อฟโกรธมากขนาดไหน ตอนนี้ผมเสียใจ เสียใจมาก ผมขอกลับไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน ร้อนผ่าวที่ขอบตาไปหมด ผมเอาจานไปเก็บที่โรงอาหาร แล้วก็วิ่งไปล้างหน้าที่ห้องน้ำ แต่ก็ยังไม่โอเค เพราะรู้สึกน้ำตามันไม่หยุดไหลก็เลยเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำนั้นแหละ(แลดูนางเอก) ไม่รู้สิ มันเสียใจ ผมไม่เคยคิดว่าจะต้องมารู้สึกแบบนี้ แต่พอมาเจอกับตัวเองมัน รู้สึกผิดจน....จนทำอะไรไม่ไหว ผมทำคนที่รักผมเสียใจ ผมไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขยังไง พี่อ๊อฟก็ไม่ยอมพูดกับผม และอีกไม่กี่วันผมก็ต้องไปเข้าค่าย มันจะไม่ถามไม่พูดอะไรเลยเหรอ ทุกการกระทำที่พี่อ๊อฟทำกับผมช่วงนี้มันทำให้ผมอ่อนไหว มันทำให้ผมรู้สึกทุกอย่างเลย ผมก็นั่งคิดไปทั่ว จนสงบสติอารมณ์ได้ก็ออกไปล้างหน้า แต่ประกฎว่าตาบวมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เฮ้อ! ผมก็พยายามปรับสีหน้าให้ดีที่สุด แล้วก็เดินออกห้องน้ำ และก็เห็น พี่กร? เดินมาพอดีมันก็เข้ามาทัก.........
“ตาเป็นอะไรวะ” พี่กรถามอย่างเป็นห่วง
“ปะ เปล่า” ผมก้มหน้า กำลังจะเดินหนีพี่กรก็จับไว้
“มึงร้องไห้เหรอนท?” พี่กรถามอย่างเป็นห่วง ปนสงสัย
“บ้าน่า ใครจะร้อง แค่แมลงมันเข้าตาแล้วก็ขยี้ ตอนนี้หายดีแล้ว” ผมพูดแล้วพยายามแกะมือ
“ไหนดูหน่อย” พี่กร ก็พยายามจะจับหน้าผม
“ปล่อยเถอะน่าจะรีบไปเรียน!” ผมพูดติดรำคาญไปนิด มันก็ปล่อย
ผมก็วิ่งไปขึ้นตึกเรียน พอเพื่อนๆเห็นก็ถามผมอีก ก็ได้แถอีก ผมเบื่อจะตอบคำถามแต่ก็ต้องตอบไปแหละ และดีที่ครูเข้าสอนก่อนจะได้ไม่ต้องตอบคำถามมากมาย ผมก็เรียนไป บอกตรงๆเฮิร์ทมากเอาจริง พี่อ๊อฟใจร้ายเกินไป สู้ตบตีด่าผมแรงๆ ผมจะไม่ว่าเลย แต่นี่ทำกับผมเกินไป มันเหมือนใจจะขาด เฮ้อ! จนเลิกเรียนผมก็ไปหามันเพื่อนๆก็แยกย้าย วันนี้มันนั่งอยู่กับเพื่อนๆในชมรมมัน ผมก็นั่งรอห่างๆ เพื่อนๆมันก็ทักทายผมบ้างตามประสา จนสักพักมันก็พากันเข้าไปในห้องชมรม พี่อ๊อฟก็ออกมาพร้อมกระเป๋า มองผมนิดหน่อยแล้วเดินไปเหมือนเดิม ผมก็เดินตามมันไป พอถึงลานจอดรถก็ขึ้น ผมก็เอาหน้าซบหลังแล้วก็กอดมันเหมือนเดิม ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไร พี่อ๊อฟทำแบบนี้เหมือนทิ้งผมทางอ้อมยังไงไม่รู้ พอถึงบ้านมันก็จอดรถนิ่งๆ ไม่ได้ดันหรือผลักไสให้ลงแต่อย่างใด ผมก็คงต้องรู้ตัวเองสินะ ว่าต้องลง พอลงมันก็บิดรถไป ไม่มองผมแต่อย่างใด ทำไมนับวันยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ คิดแล้วก็ร้อนผ่าวที่ขอบตาอีกแล้ว ผมก็รีบเข้าบ้านทักทายแม่นิดหน่อยแล้วก็วิ่งขึ้นบ้าน ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้ แล้วก็มองรูปที่พี่อ๊อฟเคยวาดให้ผม มันรู้สึกหลากหลาย เสียใจ เสียใจจนไม่รู้จะทำยังไง มองภาพนั้นน้ำตาก็ไหล กลัว กลัวว่าพี่อ๊อฟจะทิ้งผมไป
แกร๊ก! ผมก็รีบฟุบหน้าลงโต้ะทันที ขืนคนในบ้านเห็นผมร้องไห้ เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่อีก
พรึ่บ! มีคนดึงผมให้เอาหน้าขึ้นมาจากโต้ะผมตกใจ พี่อ๊อฟ! มันดึงผมให้ลุกขึ้น มันดูชะงักไปนิดที่เห็นหน้าผม แต่ ผมสวมกอดมันทันที......
“พี่อ๊อฟ! อึก!” ผมพูดเสียงสั่นปนสะอื้น
มันไม่พูดอะไร มันดันผมออกแล้วก็จูงมือผมไปนั่งที่เตียง แล้วก็หยิบ ผ้ามาเช็ดหน้าให้ผม ผมก็มองมันอย่างดีใจ พอเช็ดหน้าให้เสร็จมันก็เอาถุงเจลเย็นมาประคบตรงบริเวรตาให้ผม ผมยิ้ม แล้วก็เริ่มหยุดร้องไห้........
“วันนี้.....ไม่มีใครอยู่บ้าน ขอนอนด้วยแล้วกัน” มันพูดนิ่งๆ ผมก็พยักหน้าตอบรับ “ปวดตาไหม” มันถามอย่างเป็นห่วง ผมส่ายหน้าเป็นการตอบรับ “แล้วปวดหัวไหม”
“ไม่เลย ผมขอโทษ” ผมโน้มตัวเข้าไปกอดมัน ถุงเจลก็อยู่ที่มือมันนั่นแหละ
พี่อ๊อฟมันก็ไม่พูดอะไร ปล่อยผมกอดมัน สักพักมันก็ดันผมออกแล้วก็กดผมนอนลงกับเตียง แล้วเอาถุงเจลมาวางไว้ตรงตาผม.....
“ประคบไว้ก่อน เดี๋ยวตาบวม” มันพูดนิ่งๆ ผมก็นอน ยิ้มอ่อนนิดหน่อย
แล้วมันก็ลุกไป ผมถึงกับรน กลัวมันจะหนีกลับพอจะเอามือเปิดถุงเจลออก....
“อย่าได้เอาออกนะ!” มันบอกเสียงดุ ผมถึงกับนอนิ่งเลย “.....จะเก็บของแปปนึง” พูดนิ่งๆ แล้วผมก็ได้ยินเสียงมันเดินไป
ผมก็นอนนิ่งๆ แล้วเมื่อไหร่จะเปิดไอถุงบ้านี่ละ เย็นเกิน เย็นจนชา แต่ก็ต้องทนแหละ เดี๋ยวคุณชายของผมจะโกรธอีก สักพักมันก็เดินมานั่งข้างๆผม......
“โอเคหรือยัง?” มันถามอย่างสงสัย
“เลยคำว่าโอเคมาเยอะแล้วอ่า” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนัก
แล้วมันก็เอาเจลออกให้ ผมก็ค่อยๆลืมตา มันเย็นไปหมด แต่ก็สบายดีนะ ผมก็เห็นพี่อ๊อฟมองผมนิ่งๆ คือผมก็ยิ้มให้มัน......
“ผมดีใจจัง” ผมโผเข้ากอดพี่อ๊อฟ มันก็นั่งนิ่ง
พี่อ๊อฟมันก็นิ่งอย่างนั้นแหละ สักพักมันก็ดันผมออกแล้วก็ลุกขึ้นไปนั่งทำอะไรสักอย่าง ที่โต้ะเขียนหนังสือผม พอผมเดินไปดูมันก็นั่งทำการบ้าน คือเอาอีกแล้วอ่า หลอกให้ผมดีใจแล้วก็เป็นเหมือนเดิม ผมก็นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงเตียงนั้นแหละ มันก็ไม่ได้หันมาสนใจผมแต่อย่างใด ผมก็นอนมองแผ่นหลังมัน ดูมันก้มๆเงยๆอยู่ตรงนั้น ความจริงถ้าเป็นคนอื่นผมจะไม่สนใจเลย แต่นี่เป็นพี่อ๊อฟ ผมมองได้แบบไม่เบื่อเลย มันเหมือนว่าพี่อ๊อฟก็ยังอยู่กับผม ไม่ว่าจะยัง ผมก็เชื่อมั่นได้แค่นี้ จริงๆก็ปลอบใจตัวเองแหละ ไม่งั้นมันจะห่อเหี่ยวเกินไป....
จนพี่อ๊อฟทำอะไรเสร็จมันก็หันมามองผมนิ่งๆ ผมก็ยิ้มให้มัน มันเดินไปเข้าห้องน้ำเลย เกินไปจริงๆ จะโกรธไปถึงไหนเนี่ย  ผมจะบ้าเพราะพี่อ๊อฟอยู่แล้วนะ แล้วแม่ก็มาตามลงไปกินข้าว ผมก็รอพี่อ๊อฟออกมา แต่พอมันออกมาคือเดินลงไปเลยไง ไม่ได้รอผมแต่อย่างใด เราก็ไปนั่งกินข้าว ระหว่างกินก็มีการพูดคุย พี่อ๊อฟก็ดูปกติทุกอย่าง แต่พยายามเลี่ยงการที่จะคุยกับผม ก็ทำไปเถอะ เอาให้ผมขาดใจตายไปเลยพี่อ๊อฟ!..........
“ไออ๊อฟมาแบบนี้ พี่ก็ได้นอนคนเดียวอีกแล้วดิ” พี่โน้ตพูดอย่างนอยๆ
“ก็นอนอัดกันสามคนไปเลยสิ!” ป๊าพูดติดตลก
“ป๊า!” ผมทำหน้ามุ่ย
“นทแล้วอาทิตย์หน้าไปเข้าค่ายเตรียมอะไรบ้างละ?” แม่ถามอย่างสงสัย
“นทเอาใบให้ป๊าไปแล้ว ป๊าบอกจะเอาให้แม่ป๊ายังไม่ให้เหรอ” ผมพูดแล้วมองป๊า
“อยู่หน้าตู้เย็น หนีบไว้แล้ววว” ป๊าลากเสียงยาว
“แม่เตรียมให้นทครบๆนะนทไม่อยากขาดอะไรเลยอ่า” ผมบอกอย่างอ้อนๆ เพราะถ้าขาดของอะไรที่เตรียมไปเข้าค่ายทุกคนคงรู้นะ ว่ามันลำบากเพียงใด55 ปีที่แล้วลืมเยอะเลย ดีนะที่มันเป็นค่ายในตัวเมืองยังพอแอบออกมาซื้อได้ แต่ปีนี้ในป่าในเขา ไม่ได้เตรียมไปคือไม่ได้ใช้
“พูดเว่อร์ไปนท แล้วอ๊อฟไม่ได้ไปด้วยเหรอ?” แม่หันไปถามพี่อ๊อฟ
“พี่อ๊อฟจะไปทำไมแม่ นี่เข้าค่ายม.4นะ” ผมบอกอย่างไม่จริงจัง
“ใช่ครับมันเป็นเข้าค่ายม.4” พี่อ๊อฟยิ้ม
แล้วเราก็คุยกันไป จนกินอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันขึ้นห้อง พี่อ๊อฟมันก็ไปนั่งทำอะไรไม่รู้ของมันที่โต้ะ ผมก็เลยเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำก่อน พอเสร็จก็ออกมาพี่อ๊อฟก็เข้าไปต่อ มันก็ยังไม่พูดกับผมอยู่ดี ผมก็ไปนอนรอมันบนเตียง สักพักมันก็ออกมาแต่งตัวทำอะไรไป แล้วก็ปิดไฟขึ้นมานอนข้างๆผม แต่คือ นอนห่างไปนะเนี่ย! ผมก็เขยิบเข้าไปนอนใกล้ๆมัน.........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:41:49
“จะไม่คุยกับผมเลยเหรอ” ผมพูดเสียงเศร้า แล้วตะแคงตัวกอดมัน
“......” (เงียบ)
“ขอโทษๆ จะให้ผมทำยังไงอ่า” ผมเสียงหงอยๆ
“........” เงียบ ผมเงยหน้ามอง มันก็นอนมองผมนิ่งๆ
ผมก็เลยนอนเอาหน้าฟุบลงตรงแขนมันนั่นแหละจนหลับไป พออีกวันนึงผมก็ตื่นอาบน้ำเตรียมไปโรงเรียนปกติ....
“เอาโทรศัพท์มา” พอผมออกมาจากห้องน้ำมันก็พูด ผมที่กำลังใส่ถุงเท้าเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
ผมก็เดินไปหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ข้างเตียงไปให้มัน....
“เอาไปทำไมอ่า” ผมถามอย่างสงสัย
“........” มันเงียบแล้วมองผมนิ่งๆ มันเก็บโทรศัพท์ผมเข้ากระเป๋ากางเกงมัน
“จะยึดโทรศัพท์ผมเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
มันไม่ตอบอะไรผมก็เอาแต่ยิ้ม จริงๆก็ไม่ควรยิ้ม แต่ยังไงผมก็ไม่ใช่คนติดโทรศัพท์อะไรอยู่แล้ว อีกอย่างมันก็จะได้รู้ว่าผมจริงใจพอ มันก็ไปแต่งตัวผมก็มองมัน จนทำอะไรเสร็จก็พากันลงไปกินข้าวและก็พาผมไปโรงเรียน ระหว่างทางผมก็พูดบ้างไม่ให้มันเงียบเกินไป พอถึงก็เหมือนเดิม พี่อ๊อฟก็เดินตามไปส่งผมหาเพื่อนๆ พอถึงโต้ะเพื่อนผมมันก็เดินเลยไป.......
“ไงมึง ยิ้มบานเลยนะ” ปอพูดแซว
“เรื่องของกูน่า” ผมนั่งลงข้างมัน
เราก็พูดคุยกันไป จนได้เวลาขึ้นห้องเรียนก็เรียนกันไป จนพักเที่ยงผมก็แยกตัวไปกินข้าวกับพี่อ๊อฟเหมือนเดิม ช่วงนี้ต้องอยู่กับมันบ่อยๆ ทำคะแนนมันจะได้หายโกรธไวไว วันนี้พี่อ๊อฟก็ไปนั่งกินที่ชมรมอีกแล้ว ทำไมมันต้องแยกไปนั่งคนเดียวด้วยก็ไม่รู้ผมก็ถือจานข้าวและน้ำเดินไปหามัน มันมองมาทางผมนิดหน่อยแล้วมันก็กินข้าวต่อ ผมก็ไปนั่งข้างมัน
“พี่อ๊อฟทำไมชอบมานั่งกินตรงนี้อ่า” ผมหันไปถามมัน มันก็หันมามองผม แล้วก็หันกลับไปกินข้าวเหมือนเดิม
แต่ด้วยความหน้าด้านของผม ผมก็ถามมันไปทั่ว ถึงมันจะไม่ตอบไม่พูดกับผมก็เถอะ ผมก็ถามมันไปและก็พูดอะไรให้มันฟังไปทั่ว สรุปคือพูดคนเดียว มันก็มีมองบ้าง จนกินเสร็จ พี่อ๊อฟมันก็หยิบจานกับแก้วน้ำทั้งของผมและของมัน แล้วลุกขึ้นและเดินเอาไปเก็บ ผมก็เดินตามมันไป พอเก็บอะไรเสร็จ มันก็หันมามองผมนิ่งๆ ประมานว่า ไล่ผมทางสายตา ผมก็เลยเดินคอตกกลับห้องเลยทีเดียว พอไปถึงห้องเพื่อนๆที่กำลังคุยกันอยู่เห็นผม พวกมันคงรู้แหละว่าอาการผมแบบนี้คือยังไม่มีอะไรดีขึ้น มันก็พูดคุยกันไป จนมาสะดุดเรื่องไปเข้าค่ายเนี่ยแหละ.............
“มึงเข้าค่ายอาทิตย์หน้ากูได้ข่าวว่าจะมีโรงเรียนอื่นด้วยนิ!” ไอวิวพูดอย่างตื่นเต้น
“เออ กูก็ได้ยินพวกครูเขาคุยกัน กูไม่ชอบเลยวะ” ไอมินพูดอย่างไม่ชอบใจ
“เออ เหมือน ม.1 ไง กูจำได้เลยอะโครตอึดอัด กูแม่งไม่รู้จักใครเลย” ไอนัทพูดแบบไม่พอใจ
“กูว่าก็สนุกดีนะมึง เขาคงอยากให้เราได้รู้จักเพื่อนใหม่ละมั้ง” ปอคิดในแง่ดีเสมอ
ผมก็นั่งฟังพวกมันรำพันกันไป จริงๆก็อย่างที่ไอนัทบอก อึดอัด การเข้าค่ายรวมกับโรงเรียนอื่นมันอึดอัด แค่ชั้นม.4ของโรงเรียนผมยังรู้จักกันไม่ครบเลย นับอะไรไปรวมกับโรงเรียนอื่นละ ได้ยินแบบนี้แล้วก็เซ็ง แต่ทำยังไงได้ไม่ไปก็ติด 0 ไง ก็ต้องจำยอมไป ผมก็นั่งเงียบๆฟังพวกมันถกเถียงกันไป จนครูเข้าสอนอะเราก็เรียนกัน พอเลิกเรียนก็แยกกับเพื่อนๆไปหาพี่อ๊อฟ รายนั้นก็เหมือนเดิม ไม่มีอะไรมากนั่งเก๊กวาดรูปไป พอผมเดินไปหามันก็มองนิดหน่อยแล้วก็ก้มหน้าวาดรูปต่อ ผมก็นั่งดูมันห่างๆ พอมันทำอะไรเสร็จมันก็เดินเข้าไปในห้องชมรมหยิบกระเป๋าออกมาแล้วก็พากันไปโรงรถ และก็กลับบ้าน วันนี้พี่อ๊อฟมันแวะบ้านผมไปเก็บเสื้อผ้าที่มันมานอนเมื่อคืน และมันก็ไปโดยไม่มีคำพูดใดเหมือนเดิม เห็นแบบนี้แล้วผมก็ท้อหนักมา บอกตรง.......
ชีวิตช่วงหลายวันที่ผ่านมา ผมก็ต้องอยู่อย่างทรมาณพี่อ๊อฟก็ยังไม่ค่อยคุยกับผมสักเท่าไหร่เลย มันก็อ่อนลงนะ แต่ก็ยังดูไม่ค่อยอยากคุยกับผมสักเท่าไหร่ ก็ไม่มีอะไรผมก็ตามง้อและก็คลุกคลีอยู่แต่กับมันนั่นแหละ ส่วนไอสิงโตก็ติดต่อผมผ่านทางไอมิน ผมก็อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้มันฟัง มันก็ดูเข้าใจดี ก็เคลียล์ไป โทรศัพท์ของผมมันเอาไปก็คือไม่คืนไม่พูดถึงเลย เรื่องนี้ผมถามปอแล้ว ปอบอกว่าพี่อ๊อฟอาจจะไม่อยากให้ผมติดต่อหาใครก็ได้ ผมก็พยายามจะเชื่อแบบนั้นแล้วกัน...
แล้วก็มาถึงวันไปเข้าค่าย วันนี้ที่โรงเรียนนัด 6 โมงเช้า เอิ่ม! ผมต้องตื่นตี5 เพื่อมาเตรียมตัว แต่จะเช็คของสะมากกว่าเพราะแม่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว พอดูว่าครบหมดแล้วผมก็ลงบ้านไป แต่ต้องตกใจเพราะพี่อ๊อฟนั่งรออยู่ที่โซฟา เห็นแบบนั้นผมก็ยิ้ม แล้วก็เดินไปนั่งใกล้ๆกับมัน มันก็มองผมนิดหน่อยแล้วก็กดเปิดทีวีดู เอิ่ม!............
“อ้าว! อ๊อฟจะไปส่งนทเหรอ?” แม่ที่เดินออกมาจากครัวถามอย่างตกใจ พี่อ๊อฟคงพึ่งมา แม่ตื่นมาทำข้าวให้ผมกิน ป๊าก็คงกำลังเตรียมตัว
“พี่อ๊อฟเอากระเป๋ามาจะไปไหน?”ผมถามอย่างสงสัย ผมเห็นพี่อ๊อฟถือกระเป๋าเสื้อผ้า
“จะตามกันไปเลยเหรอ?” ป๊าถามเสียงงัวเงียแล้วก็เดินลงมา
“ผมลงชื่อไปเป็นสตาร์ฟดูแลน้องๆน่ะครับ ปีนี้ไปรวมกับโรงเรียนอื่นทางโรงเรียนคงกลัวจะวุ่นวาย ก็เลยให้รุ่นพี่อาสาไปช่วยดูแลครับ” พี่อ๊อฟบอกอย่างอารมณ์ดี ผมก็ยิ้มบานเลย
พี่โน้ตก็คงยังไม่ตื่นหรอกเช้าขนาดนี้ ป๊าแม่ผมและพี่อ๊อฟก็พากันนั่งกินข้าว พอทำอะไรเสร็จป๊าก็ขับรถไปส่งผมกับพี่อ๊อฟที่โรงเรียน พอถึงโรงเรียนผมก็ไปเข้าแถวที่สนาม พี่อ๊อฟก็แยกไปอยู่กับพวกรุ่นพี่ที่จะไปดูแลน้องๆ พอผมถึงแถวเพื่อนๆก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น เราก็เช็คชื่อเตรียมขึ้นรถกัน ก็แบ่งๆไปกัน เป็นรถบัส ห้องละ 2 คันคิดดูแล้วกันว่าคนเยอะแค่ไหน แต่ละคันก็จะมีครูและรุ่นพี่แบ่งมานั่งกัน พอได้เวลาขึ้นรถ ผมและเพื่อนๆก็จับกลุ่มกันไว้ ไม่ให้โดนแยกไปคนละคัน และก็สำเร็จพวกเราได้นั่งคันเดียวกัน พอขึ้นไปได้เราก็เลือกเบาะยาวด้านหลังสุด นั่งกันได้พอดี5คนเลยทีเดียว เราก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ก็ไม่รู้ไปค่ายจะเจออะไรบ้าง......
“นท ไปค่ายคราวนี้มึงคงได้เหยื่อติดไม้ติดมือมาเยอะแน่!” ปอพูดอย่างดี๊ด๊า
“เออ รวมกับโรงเรียนอื่นสะด้วย” ไอมินก็ใช่ย่อย
“ก่อนพวกมึงจะพูดอะไร ดูเจ้าชีวิตมันด้วย!” ไอนัทชี้ไปทางประตู
ผมถึงกับตกใจ พี่อ๊อฟ! มันขึ้นรถคันเดียวกับผม ผมเผยยิ้มออกมาอย่างดีใจ แต่มันดันมองผมนิ่งๆแล้วนั่งข้างหน้ากับครูเขาอะดิ โถ่!.....
“เอาน่ามึง แอบหาเหยื่อเอาก็ได้ถึงจะมีคนมาคุมก็เถอะ!” ไอนัทยิ้มล้อๆ ผมก็มองค้อนมัน
“แล้วนี่มึงดีกันแล้วเหรอวะ?” ไอวิวถามอย่างสงสัย
“ก็ยังว่ะ แต่ก็ดีขึ้นนิดหน่อยแล้ว” ผมบอกแบบไม่ใส่ใจ
“เขาก็โกรธมึงนานเกินเนอะ!” ไอมินพูด
“นั้นดิ แต่ก็ยังดีวะที่คอยตามดูแลมึงตลอดอ่า” ไอปอพูดแล้วยิ้ม
แล้วพวกมันก็พูดกันไปผมก็นั่งมองพี่อ๊อฟไป นานมากกว่าจะถึง เพราะมันต้องเข้าป่าขึ้นเขาขึ้นดอย ทางมันค่อนข้างลำบากด้วยแหละ ผมนั่งไปได้ไม่นานผมก็เผลอหลับไป ตัวก็โยกเยกอยู่ตลอดเวลา เส้นทางดูห่างไกลความเจริญเหลือเกิน พอถึง ก็ลงไปรวมตัวเข้าแถวเช็คชื่ออีกที ละเอียดเกินไปกะไม่ให้หนีไปไหนเลยสินะ เช็คชื่ออะไรเสร็จก็พากันไปเข้าแถวกลางลานใหญ่ ซึ่งมีโรงเรียนอื่นมานั่งคอยอยู่แล้ว เราก็เข้าแถวไปนั่งฟังเขาอธิบายการเข้าค่ายครั้งนี้ เพื่อรอให้อีกโรงเรียนมา? เอ่อ! นี่มากัน 3 โรงเรียนแล้วนะ ค่ายไม่แตกกระเจิงเลยเหรอเนี่ย และสักพักอีกโรงเรียนก็มากัน ก็มานั่งฟังครูฝึกเขาพูดซ้ำอีกครั้งนึง และก็ทำการเปิดพิธีเข้าค่ายอันสุดแสนจะน่าเบื่อไป นั่งตากแดดไปสิ เป็นชั่วโมง พอพิธีเปิดเสร็จ ก็ถึงเวลาเอ่อ!.....
“เอาล่ะครับ! หลังจากนี้ผมจะให้พวกคุณแต่ละแถวตอนนับเลข 1-60 นะครับ เอาละเริ่มครับ!” ผมเกลียดวิธีแบ่งกลุ่มโดยการใช้วิธีนับเลขจริงๆ เพราะมันทำให้ผมกับเพื่อนแตกกระเจิงกันคนละทิศคนละทางไงละ
ตอนนี้แต่ละแถวก็เริ่มนับกันแล้ว บางคนก็เริ่มสลับที่เพื่อให้โดนเลขเดียวกันกับเพื่อนตัวเอง ซึ่งเพื่อนๆผมก็ทำ ขอแลกกันไปทั่ว กลัวได้แยกกัน และพอนับกันเสร็จก็เริ่มรนกันแล้ว.....
“ใครนับเลข 1 ลุกขึ้นครับ!!” ครูฝึกบอกเสียงดุ ผมสะอึกเลย อย่างนี้ก็แอบตามเพื่อนไปไม่ได้อะดิ ผมกับเพื่อนๆมองหน้ากันเลย ทุกคนเริ่มรน เพราะมันจะได้ลุกกันทีละแถวหน้ากระดานไง แถวตอนถ้าลุกซ้อนก็โดนอ่าดิ! โถ่!ซวยไป ทุกคนก็มองหน้ากันอย่างรู้ชะตา “มาตรงนี้ครับ!” แล้วชี้ไปยังจุดที่คนที่นับเลข 1 ต้องไปยืน
พวกคนที่นับเลข 1 ก็ทยอยกันออกไป และครูฝึกก็ไล่ทีละเลขครับ ตอนนี้หลายคนเริ่มกังวล เพราะหันซ้ายขวาคือไม่รู้จักใครเลย ผมก็นั่งอึนเลย ตื่นเต้นไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ผมนับเลข 12 ไง เพื่อนๆผมก็ต่อๆผมเลย แยกย้ายจบ  พอถึงเลขผม ผมก็โบกมืออำลาเพื่อนและก็ไปรวมกลุ่มกับพวกที่นับเลข12 คือเพอเฟค ไม่รู้จักใครเลยจริงๆด้วย พวกที่อยู่โรงเรียนเดียวกับผม ผมแทบไม่เคยเห็นหน้าเลยมั้งพวกนี้ โถ่! แย่เลย ผมก็ยืนถือกระเป๋านิ่งๆนั่นแหละ ในใจคิดเดี๋ยวค่อยแลกกับใครสักคนในกลุ่มปอก็ได้มั้ง.....
“เอาละครับ ผมจะให้กระดาษแต่ละกลุ่มนะครับ เขียนชื่อ ชื่อเล่น โรงเรียน เบอร์โทรของแต่ละคนลงไปด้วยนะครับ!” เอ่อคือไม่ทันแล้วละ ความคิดที่จะแลกกลุ่มผมพังทลายไปเลยทีเดียว
ผมก็ได้แต่ปลง แล้วก็เขียนชื่อลงไปจนครบ จริงๆคือมันปลีกตัวหนีไม่ได้ เพราะรุ่นพี่ที่มาช่วยดูเขาก็มายืนคุมแต่ละกลุ่มเลย ไม่ใช่มีแค่รุ่นพี่โรงเรียนผมนะ โรงเรียนอื่นก็พามา คละกันมั่วไปหมด พอเขียนชื่อเสร็จครบทุกกลุ่มแล้ว ก็นั่งกันเป็นกลุ่มเลย แล้วก็ฟังเขาอธิบายกฎระเบียบอะไรต่างๆมากมาย คือต้องนอนกับกลุ่มตัวเอง กางเต๊นท์ เป็นเต๊นท์ใหญ่ เต๊นท์นึงนอนได้ประมาน7-8คน ผู้หญิงกับผู้ชายต้องแยกกันด้วย อันนี้มันก็ต้องแน่อยุ่แล้วไหม และ ห้ามแลกกลุ่มหรือหายไปอยู่กลุ่มอื่นไม่งั้นกลุ่มตัวเองจะโดนทำโทษ ทำกับข้าวกินเอง! และอีกมากมายเลย ฟังแล้วก็อยาเดินกลับบ้านเลยทีเดียว พอฟังอะไรเสร็จครูฝึกก็ปล่อยให้ทำความรู้จักคนในกลุ่มไป และก็เรียกพวกรุ่นพี่สตาร์ฟไปประชุมอะไรกันไม่รู้ ผมเดาว่าน่าจะแบ่งแหละว่าใครดูกลุ่มไหน อะไรทำนองนั้นมั้ง.......
“เราว่าแนะนำตัวทีละคนดีไหมจะได้รู้จักกันทั่วถึงอ่า” ดูเหมือนจะมีผู้นำออกความคิดแล้ว ทุกคนก็พยักหน้า
แล้วทุกคนก็แนะนำตัวกันไป ผมก็มองแต่ละคนละก็จำๆเอา เพราะคนเยอะแบบนี้จริงๆก็คงจำไม่หมดหรอก เพิ่งรู้จักกันด้วย เขาก็แนะนำกันไป  จนมาถึงผมที่เป็นคนสุดท้ายที่นั่งเงียบๆ ทุกคนก็มองมาที่ผม ผมก็ยิ้มให้ไป
“เราชื่อ นทครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ” ผมยิ้มแบบเป็นมิตร
แล้วพวกเราก็ทำความรู้จักกันไป พูดคุยกันสนุกสนาน ผมก็คุยไปด้วย เข้ากับคนง่ายก็ดีแบบนี้ จนพวกรุ่นพี่ก็กระจายตัวกันไปแต่ละกลุ่ม แต่ที่ผมต้องตกใจคือ พี่อ๊อฟ! มาดูแลกลุ่มผม กับพี่เอ่อ! น่าจะโรงเรียนอื่นอีก2คน ผมก็ดีใจเลย ยิ้มบานเชียว แล้วครูฝึกก็ประกาศว่าให้พวกเราทำกิจกรรมแรก? มายังไม่ถึงไหนกิจกรรมแรกแล้วเหรอ พวกพี่ๆเขาก็พาเราไปที่จุดทำกิจกรรม....
พอทุกคนถาม มันก็คือการจับกลุ่มกางเต๊นท์ เอิ่ม! ตอนแรกคนในกลุ่มก็แยกผู้ชายและผู้หญิงก่อน และหลังจากนั้นก็จับกันเอาเอง กลุ่มผมมีผู้ชายน้อย นอกนั้นเป็นผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ คนเยอะมากจริงๆ ของผู้ชายก็แบ่งกัน เต็นท์ละ7-8คน ก็แยกกันไปช่วยเต๊นท์ใครเต๊นท์มันพวกพี่ๆก็ยืนดู แล้วก็ถือสมุดจดอะไรกันไม่รู้ พี่อ๊อฟก็มองมาทางผมนิ่งๆ ผมก็ยิ้มให้มันบ้างมันก็หันหน้าหนีเลย ผมถึงกับหน้างอเลย...
แล้วเพื่อนๆก็เริ่มจัดแจงเต๊นท์ที่เขาเพิ่งเอามากองไว้ให้ แต่ละคนก็ทำกันอย่างทุลักทุเล เพราะมันยากพอสมควรมันเป็นเต๊นท์ใหญ่ กางกันจนเมื่อยมือเลยทีเดียว พวกรุ่นพี่ก็มาช่วย พี่อ๊อฟก็พยายามดันผมให้ไปไกลๆ ประมานว่าเดี๋ยวช่วยเองมึงอยู่เฉยๆเหอะ อะไรทำนองนั้นแหละ แต่ผมก็อยากมีส่วนร่วมนิ ขืนอยุ่นิ่งๆไอพวกนี้ได้ไม่พอใจแน่ๆ ผมก็ช่วยบ้างพอเป็นพิธีแต่ก็ยืนไม่ห่างพี่อ๊อฟหรอก จนเสร็จ ก็พากันเอาของเข้าไปเก็บ จัดแจงที่นอน ....
หมับ! ผมกำลังจะถือของเข้าเต๊นท์พี่อ๊อฟมันดึงไว้ก่อน ผมก็ยิ้มให้มัน......
“นอนริม อย่านอนกลาง!” มันพูดเสียงดุ ผมยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว
“ได้ครับๆ” (ยิ้ม)
แล้วผมก็เข้าไป เพื่อนๆก็ได้ที่กันหมดแล้วแต่....
“อะ...เอ่อ คือจะเว้นไว้ทำไมอ่า” ผมถามอย่างสงสัย เพราะมันเว้นตรงกลางๆไว้
“เห็นมึงคุยกับรุ่นพี่อยู่ไง กูเลยเว้นไว้ให้” ไอปลื้มพูดขึ้น หวังดีเกินไปม้าง ไอนี่มันก็หล่อนะ แต่พูดจาห้าวไป เพิ่งรู้จักกันขึ้นมึงกูสะแล้ว
“ไม่เป็นอะไรหรอก เรานอนริมก็ได้นะ พวกนายก็เขยิบเข้าไปกันเถอะจะได้นอนสบาย” ผมบอกอย่างใจดีแล้วก็สะกิดเพื่อนให้เขยิบไป
“มานอนเถอะน่า! ทำไมมึงรังเกียจเหรอวะ!” ไอปลื้มพูดจาหาเรื่องด้วยเสียงที่ดังพอควร ผมถึงกับสะดุ้งไปนิด
“พูดดีๆก็ได้นี่มั้ง!” ไอซ์พูดอย่างไม่พอใจ
“เออ! ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงเลยอะ” โบลิ่งพูดแล้วมองนิ่งๆ ไอปลื้มมองมันสองคนอย่างไม่พอใจ
“อะ...เอ่อ เราไปนอนตรงนั้นก็ได้เนอะ ขอโทษนะ” ผมฝืนยิ้มหันไปขอโทษทุกคน พวกมันก็พยักหน้ากัน แล้วผมก็ลุกไปที่มันเว้นไว้ให้ ผมไม่อยากมีปัญหาไง เฮ้อ! อึดอัดใจชะมัดยาก
คือข้างขวาก็ปลื้ม ข้างซ้ายก็ไอซ์ผมนอนกลางเลย ถ้าเรียงก็โกกิ มายด์ ไอซ์ ผม ปลื้ม โอ้ โบลิ่ง โถ่!ถ้าพี่อ๊อฟเห็นต้องโดนแน่ๆเลย คิดแล้วก็กังวลนะ ผมก็เอาของไปวางแล้วก็เอาของจำเป็นออกมาติดตัวไว้ กระเป๋าตัง “เราก็คุยกันในเต้นปกติ แต่การที่พูดเสียงดังของไอปลื้มเมื่อกี้ ดูท่าแล้วจะทำให้ไม่มีใครชอบมันสักเท่าไหร่......
พรึ่บ! อยู่ๆผ้าเต๊นท์ก็เปิด พี่อ๊อฟ! มันเปิดผ้าดู ผมก็นั่งคุยกับเพื่อนๆอยู่ ทุกคนก็หันไปมองมันงงๆ พี่อ๊อฟมันส่งสายตาไม่พอใจให้ผมแล้วก็ปิดผ้าแล้วเดินไปไหนไม่รู้.....
“อะ...เอ่อ เดี๋ยวเรามานะ” ผมยิ้มแล้วก็ลุกออกจากเต้นไปหาพี่อ๊อฟ
ผมเห็นพี่อ๊อฟเดินไปตรงต้นไม้ใหญ่ซึ่งไม่ไกลจากเต๊นท์ ผมก็เดินไปหามัน มันก็ยืนกอดอกพิงต้นไม้ใหญ่ ทำตัวเป็นพระเอกเลย....
“พี่อ๊อฟ คือ....” ผมพูดมันมองผมตาดุ
“กูบอกว่ายังไง”มันพูดนิ่งๆมองนิ่งๆ
“เพื่อนมันเว้นที่ไว้ให้อะ ละ..”
“มึงรู้จักพวกมันด้วยเหรอ มันถึงเว้นที่ไว้ให้มึง!” มันพูดแทรกผมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง นิ่งจนผมกลัว
“พี่อ๊อฟ ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ อีกอย่างพวกนั้นก็ผู้ชายทั้งนั้นมันคงไม่คิดอะไรหรอก” ผมจับมือมัน
“แล้วมึงละคิดไหม” มันดึงมือผมออก
“จะคิดบ้าอะไรละ ผมก็มีพี่อ๊อฟคนเดียวเนี่ย” ผมบอกอย่างจริงจัง มันก็มองนิ่งๆ
“เออๆ” แล้วมันก็เดินหน้าบึ้งไป ผมก็กำลังจะเดินกลับเต๊นท์ ครูฝึกก็เป่านกหวีดเรียกแล้ว
ผมก็รีบวิ่งเลยสิ คนที่อยู่ในเต๊นท์คือรีบออกมากันเลยทีเดียว เราก็วิ่งไปเข้าแถวที่ลานกว้าง แล้วครูฝึกก็อธิบายกิจกรรมที่จะให้ทำในวันนี้? เยอะมากทีเดียว เป็นกิจกกรมกลุ่ม ให้ทำร่วมกัน หลายกิจกรรมเลย ทั้งให้รวมกันออกความคิดรณรงค์อะไรสักอย่างแล้วก็เขียนใส่กระดาษแผ่นใหญ่แล้วออกไปพรีเซนต์ และก็เกมส์ต่างๆ สุดท้ายก็การแสดงแต่ละกลุ่มจะต้องคิดและไปแสดง งานรณรงค์ครูเขาก็ให้เวลาก่อนเที่ยง ต้องเสร็จก็ประมาน 2 ชั่วโมงกว่าๆ พวกเราก็จับกลุ่มแล้วก็ช่วยกันออกความคิด พี่อ๊อฟก็ยืนอยู่แถวผมเนี่ยแหละ..........
พอเลือกหัวข้อที่จะทำได้แล้วก็แบ่งงานกัน และก็แยกเป็นกลุ่มย่อยอีกที กลุ่มย่อยก็เป็นกลุ่มที่นอนด้วยกัน เพราะน่าจะคุยกันง่ายกว่า? ไม่รู้หัวหน้ามันพูด จริงๆก็มีการเลือกหัวหน้าอะไรก่อนแล้ว เลือกกันเอง ผมก็มานั่งกองกับกลุ่มนอนของตัวเอง เราได้หัวข้อเรื่อง รณรงค์ต่อต้านความรุนแรง ของพวกผมได้หาหัวข้อสาเหตุ ของพวกอื่นๆก็กระจายกันไป พอหาได้ก็เอาไปรวมกัน พวกผมก็ช่วยกันคิดไป บางคนก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาหา แต่ประเด็นคือโทรศัพท์ผมอยู่ที่พี่อ๊อฟไง ผมหันไปมองมัน มันก็มองผมนิ่งๆ ผมก็ใช้สมองอันน้อยนิดนั่นแหละ คิดย่อยๆออกมาก่อนแล้วก็เขียนลงกระดาษไว้ ส่วนคนอื่นๆก็ทำเหมือนกัน............
“คิดกันคนละกี่สาเหตุเหรอ” ผมหันไปถามเพื่อนๆ เพราะผมก็ได้นิดเดียวอยู่
“ก็แล้วแต่เลย เอาเท่าที่ได้ ยังไงก็ต้องเอามารวมกัน เผื่อมันจะซ้ำอีก” โกกิยิ้ม ดูเป็นมิตรดี ผมก็ยิ้มตอบ
“แล้วนทไม่ใช่โทรศัพท์เสริชหาเอาเหรอ?” มายด์ถามอย่างสงสัย
“อะ...เอ่อ....” ผมมองไปทางพี่อ๊อฟ มันก็ส่งสายตาไม่พอใจมาให้ผม “คะ....คือเราไม่มีโทรศัพท์น่ะ”ผมบอกอย่างถ่อมตัว เพราะดูท่าแล้วคุณชายเขาจะไม่ชอบใจสักเท่าไหร่
“ทำไมไม่มีอะ?” โอ้ถามอย่างสงสัย ถามเยอะจริง
“บ้านเราจนมั้ง” ผมพูดปัดอย่างไม่ใส่ใจ ตัดปัญหาทุกอย่าง เพื่อนๆก็เงยหน้ามองผมแบบนิ่งๆ นี่ผมน่าสมเพชขนาดนั้นเลยเหรอ โถ่! สภาพผมออกจะลูกคุณหนู 5555
“ขะ ขอโทษนะที่ถาม” โอ้ ทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรๆ!” ผมยิ้ม แล้วก็ก้มหน้าเขียนต่อ
ผมหันไปมองทางพี่อ๊อฟมันก็ยิ้มนิดหน่อย มันคงสะใจมากสินะ ผมก็ทำไปจนเสร็จนั้นแหละก็เอามารวบรวมกัน แล้วก็ส่งให้คนที่จะเอาไปเขียนในกระดาษแผ่นใหญ่ เราก็นั่งคุยกัน เพราะงานของเราเสร็จก่อน พวกเพื่อนๆมันรู้ว่าผมพูดว่าผมจนมันก็ไม่ได้ทำท่ารังเกียจหรืออะไรแต่อย่างใดนะ แถมยังดูเทคแคร์ผมดีแปลกๆด้วย เราก็คุยกันไป เพื่อนๆที่ลายมือสวยก็เขียนลงกระดาษแผ่นใหญ่เราก็นั่งคุยรอไป.....
“นท มาจากโรงเรียน...เหรอ” โกกิถามอย่างสงสัย
“อื้ม แล้วโกกิอ่ะ” ผมถามกลับด้วยรอยยิ้ม
“เราโรงเรียน....อะ!” ผมถึงกับสะอึก โรงเรียนเดียวกับไอสิงโต
วันนี้เราใส่ชุดพละ แต่ละโรงเรียนก็จะมีชุดพละประจำของแต่ละโรงเรียน หวังว่าคงจะไม่ได้เจอกับสิงโตนะ ก็ได้แต่หวังอะเนอะ ผมเดาว่ามันต้องตามหาผมแน่ๆ โถ่! พี่อ๊อฟกำลังดีขึ้นอยู่แล้วเชียว.....
“เป็นอะไรอ่ะ?” ไอซ์หันมาถามผมที่นิ่งไป
“ปะ เปล่า เหมือนว่าจะมีเพื่อนอยู่โรงเรียนโกกิอะมั้ง” ผมยิ้มอ่อนให้ไป
“นทรู้จักพี่คนนั้นเหรอ เห็นคุยกันเหมือนสนิท” โกกิชี้ไปทางพี่อ๊อฟที่กำลังคุยกับพวกพี่ที่มาคุมกับมันอยู่
“อืม พี่ชายเรา” ยิ้ม จริงๆก็อยากบอกว่าแฟน แต่กลัวว่าพวกมันจะรับกันไม่ได้ไงและขี้เกียจจะอธิบายอะไรตอนนี้ด้วย
เราก็นั่งคุยกันไปจนงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาพักเที่ยง เราก็ไปรับข้าวกล่องมานั่งกินกันเป็นกลุ่มเหมือนเดิม บอกเลยไม่อยากปลีกตัวออกจากกลุ่ม กลัวตามเขาไม่ทัน ก็เลยอยู่แต่กับกลุ่มตัวเอง มองหาเพื่อนๆก็ไม่เห็นไปอยู่ไหนกันก็ไม่รู้ ผมก็นั่งกินข้าวไปพูดคุยกันไป พี่อ๊อฟก็นั่งไม่ไกลจากผมเท่าไหร่ ผมก็มองมันตลอด.....
“อะ กินเยอะๆ” ไอปลื้มพูดขึ้นพร้อมกับตักบางอย่างมาให้ผม
ผมก็มองมันนิ่งๆ เอ่อคือ ข้าวกล่องวันนี้มันก็มีแต่ผักอยู่แล้ว ซึ่งอย่างที่เคยบอกไปผมไม่ชอบกินผัก มันก็ยังตักมาให้  มันหวังดีเกินไปมั้ง....
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” โบลิ่งถามผมนิ่งๆ
ผมรู้สึกว่าพวกมันปฏิบัติกับผมแบบแปลกๆ หรือเป็นเพราะว่าผมบอกว่าผมจน? แต่ก็เอาเถอะ ยังไงพวกนี้ก็ดีกับผมเนอะ....
“ปะ...เปล่า ขอบใจนะ” ผมยิ้มอย่างเป็นมิตรตอบมันไป
ผมหันไปมองพี่อ๊อฟมันก็มองมนิ่งๆ ผมว่ามันโกรธผมอีกแน่เลย แล้วผมก็ก้มดูกล่องข้าวของผม ผักที่อยู่ในกล่องผมจะทำยังไงดีเนี่ย เฮ้อ!....
พรึ่บ! พี่อ๊อฟมันเดินมาแล้วก้มหยิบกล่องข้าวของผม แล้วก็วางกล่องข้าวกล่องใหม่ให้ผม ผมหันไปยิ้มให้มันนิดหน่อย มันก็มองนิ่งๆแล้วเดินกลับไป เพื่อนๆก็มองงงๆ....
“ทำไมพี่เขาเอามาเปลี่ยนให้อะนท? มีอะไรหรือเปล่า?” โอ้ถามอย่างสงสัย ทุกคนก็มองมาทางผม
ผมอึกอักไปเลย จะบอกว่าเลือกกินเดี๋ยวพวกมันก็ด่าอีก....
“มันแพ้ผัก! กินๆไปถามมาก!”  พี่อ๊อฟบอกอย่างอารมณ์ไม่ดี พวกมันก็พยักหน้าเข้าใจ
แพ้ผัก? มีด้วยเหรอวะ เมื่อกี้ก็กินไปตั้งหลายคำแล้วนิ โถ่! จะพูดอะไรไม่ดูเลยพี่อ๊อฟเนี่ย....
“มึงแพ้ผักทำไมไม่บอกวะ?” ไอปลื้มถามนิ่งๆ
“เออ จะเป็นอะไรเปล่าวะ? เห็นกินไปหลายคำแล้วด้วย!” โบลิ่งถามผมอย่างเป็นห่วง
“ขอบใจมาก เราไม่เป็นอะไร อีกอย่างเมื่อกี้ที่กินเข้าไปเราก็เลือกกินแต่เนื้อ ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกอ่า!” ผมทำหน้าสำนึกผิด
พวกมันก็โอเคกัน เข้าใจผมเป็นอย่างดี ไม่แปลกใจกันเหรอวะ โรคแพ้ผักมันเป็นยังไงอะ ผมละงงกับพวกนี้จริงๆ ผมก็นั่งกินหมูกระเทียมมที่พี่อ๊อฟเอามาเปลี่ยนให้อย่างอร่อย
พี่อ๊อฟมันดูผมตลอดเลยเหรอ น่ารักจริงเชียว ผมก็กินไป มองไปทางพี่อ๊อฟมันก็กินของมันไป กินข้าวกล่องของผม? มันกินข้าวกล่องที่เอามาเปลี่ยนให้ผมไป ผมละตื้นตันใจจริงๆ
กินเสร็จก็เอากล่องไปทิ้งแล้วก็มานั่งคุยกัน ผมเห็นพี่อ๊อฟลุกไปเดินไปไหนไม่รู้ ผมก็บอกเพื่อนๆแล้วตามมันไป แต่เหมือนพี่อ๊อฟรู้มันก็หยุดเดินแล้วหันมามองผมนิ่งๆ แล้วมันก็ลากผมไปทางข้างๆห้องน้ำ ซึ่งไม่น่าจะมีใครเห็นมั้ง ผมก็ยิ้มให้มัน....
“ขอบคุณน้าพี่อ๊อฟ ถ้าไม่ได้พี่อ๊อฟผมคงกินข้าวไม่อิ่มแน่เลย!” ผมยิ้มบาน
“ อืม” นิ่งเกิน
“พี่อ๊อฟกินอิ่มเปล่า ผมเห็นพี่กินกล่องของผมที่พี่เอามาเปลี่ยนให้ผมไป” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“กูกินอิ่ม และไม่ต้องห่วงกูให้มาก มึงห่วงตัวเองเถอะ มีอะไรก็มาบอกกู ข้าวไม่ชอบแดกก็นั่งแดกอยู่ได้ เดี๋ยวก็อ้วกออกมาหรอก!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
พี่อ๊อฟมันเคยบังคับผมกินผัก ด้วยความที่ผมก็ยอมทำตามมันบอก ฝืนกินผักไปมากๆ อ้วกออกมาเลย หลังจากนั้นพี่อ๊อฟก็ไม่บังคับผมกินผักหรืออะไรที่ผมไม่ชอบอีกเลย...
“ครับ ขอบคุณน้าาา มีอะไรผมจะบอกโอเคไหม” ผมยิ้ม มันก็มองผมนิ่งๆ
“ใครขอเบอร์อะไรก็ไม่ต้องให้ และคืนนี้นอนริมได้ก็นอน ไม่ต้องไปนอนอัดกลางกับพวกมันหรอก พวกมันอะไม่คิดอะไรหรอก แต่กูว่ามึงอะคิดชัวร์” ผมหุบยิ้มทันทีที่มันพูดจบ
“นี่คือ ไม่ไว้ใจผมเหรอ?” มันก็พยักหน้า “ผมก็มีพี่คนเดียวนี่แหละ ไม่มองใครหรอกน่า” ผมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะจริงๆคือไม่ได้สนใจใครอยู่แล้ว และผมก็มีพี่อ๊อฟที่เป็นที่รักของผมอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสนใจใครนิ เอ๊ะ! แต่ไอปลื้มหล่อสเปคเลยนะ ไม่ใช่แล้ว
“กูไม่เชื่อ!” มันพูดเสียงแข็ง มองผมนี่แทบจะกินผมอะ “หมับ!” มันบีบแขนผมค่อนข้างจะแรง ไม่ถึงกับเจ็บ แต่น่าจะเป็นรอย ผมก็นิ่งๆให้มันทำนั่นแหละ เอาที่มันสบายใจไปก่อนแล้วกัน “และมึงก็รู้ว่าไอสิงโตมันอยู่ที่นี่ ถ้ากูเห็นมึงกับมันอยู่ด้วยกัน.....กูจะไม่ให้โอกาศมึงอีกเลยนะนท!” พูดเสียงแข็ง ใจผมกระตุกฮวบเลย
“ละ แล้วถ้ามันมาทักละ มันพะ.....”
“ก็ไปอยู่กับมัน ถ้ามึงทำแบบนั้นกูถือว่ามึงเลือกมันนะนท ถ้ายังไปสุงสิงกับไปสิงโตอีก” บีบแขนผมจนเจ็บ แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ “...กูจะคิดว่ามึงเลือกมัน แล้วกูก็จะกลับบ้านทันที” มันพูดแบบข่มอารมณ์แล้วก็ผลักผมออก
และมันก็เดินไปเลย ผมก็ยืนอึนอยู่ตรงนี้นี่แหละ เอายังไงละทีนี้ ผมต้องเลี่ยงการเจอกับไอสิงโตอย่างจริงจังแล้ว พี่อ๊อฟอยู่ๆเป็นอะไรอะ เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ร้าย โถ่!.....
“เป็นอะไรไหมนท” มายด์ เดินมาสะกิดผม ผมสะดุ้งไปนิด
“อะ...เอ่อ มาได้ยังไงอะ” ผมถามนิ่งๆ
“เห็นมานานเลยมาตาม เขาจะเรียกรวมแล้ว” โบลิ่งโผล่มา ผมชะงักไปนิด แต่ก็เก็บอาการทัน
“ไม่เป็นอะไรอ่ะ เราแค่คุยกับพี่ชายนิดหน่อยเอง” ผมยิ้มอ่อน
โบลิ่งมันก็มองผมนิ่งๆ แล้วก็ก้มมองดูที่แขนผม ผมก็เอาแขนไขว้หลังทันทีเลย....
“แขนนั่น?” โบลิ่งมันทำไมต้องทำหน้าเหมือนผมเป็นพวกน่าสมเพชด้วยนะ
คือเอาจริงๆผมจะพูดเพราะกับพวกมันและพวกมันก็พูดเพราะและพูดดีกับผมแหละ แต่ตอนที่ผมบอกว่าผม"จน" พวกมันก็มีท่าทีที่เปลี่ยนไป ประมานว่าเทคแคร์ผม ดูไม่อยากให้ผมบั่นทอนจิตใจมั้ง แบบไม่อยากทำให้ผมดูด้อยกว่าเพื่อนๆคนอื่น  ไม่เห็นต้องทำอะไรเป็นพิเศษเลยจริงไหม ปกติเหอะ ผมก็ได้แต่คิดในใจ พูดออกไปคงไม่ดี....
“ไม่ใช่ เราไม่เป็นอะไรจริงๆ เข้าไปข้างในเถอะ เขาจะเรียกแล้วใช่เปล่า” ผมยิ้ม แล้วก็เดินนำพวกมันไป ผมก็เห็นมันคุยอะไรกันก็ไม่รู้ แล้วมองผมด้วยสายตาที่ดูจะเป็นห่วง?
ผมว่าเกิดการเข้าใจผิดอย่างมหันต์แล้วละ มันคงคิดว่าผมเป็นพวกน่าสงสารที่ไม่มีอันจะกินแถมยังโดนพี่ชายใจร้ายทำร้ายร่างกายอีก ผมว่ามันคิดแบบนั้นชัวร์ป้าบ ผมก็ไม่สนใจ
อีกอย่างผมก็ยังไม่อยากจะสนิทกับพวกมันมากด้วยพี่อ๊อฟก็ยังไม่โอเค ผมไม่อยากจะรู้จักใครเพิ่มขึ้นจริงๆ ผมรักษาระยะห่างกับเพื่อนใหม่ทุกคน ไม่ให้สนิทจนเกินไป
เดี๋ยวคุณชายของผมเขาจะนอยเข้าไปใหญ่ ผมเข้ามาตอนนี้เขาก็เป่านกหวีดเรียกให้ไปเข้าแถวกันพอดี ก็รีบสิไม่งั้นก็โดนทำโทษ ก็วิ่งไปเข้าแถว และรอทำกิจกรรมต่อไปคือพรีเซนต์
เรื่องพรีเซนต์ต้องพวกผู้หญิง ผู้ชายไม่มีใครกล้าคนเยอะเกินอายกัน ตอนนี้ก็ไปจับฉลากว่ากลุ่มไหนจะได้พรีเซน์กันเป็นกลุ่มที่เท่าไหร่ พี่เขาก็แยกไปเตรียมของทำกิจกรรมต่อไป
ก็พวกเล่นเกมส์ต่างๆ กลุ่มผมได้ลำดับสุดท้ายเราก็มีเวลาเตรียมตัว ตอนนี้กลุ่มแรกก็กำลังพรีเซนต์ผมก็นั่งมองนิ่งๆ เพื่อนๆก็ชวนกันคุยบ้างตั้งใจดูบ้างเมื่อเนื้อหามันน่าสนใจ.....
“แขนมึงไปโดนอะไรมาวะ เป็นรอยแดงๆ” ปลื้มมันมองแขนผมที่เอายันขางอยู่ ผมก็เอาแขนลงแล้วก็ลูบตรงรอยแดง
“คงร้อนแหละ ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรบอกพวกเราได้นะเว้ย! เพื่อนกันอ่ะ” โอ้พูดอย่างจริงจัง
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:42:36
ผมเดาว่าตอนนี้ โบลิ่งกับมายด์คงเอาเรื่องที่มันเข้าใจผิดไปเล่าให้เพื่อนๆฟังหมดแล้ว เพราะดูจากสายตาทุกคนที่มองผมนี่คือ ดูสงสารผมเนอะ ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ....
“ไม่มีอะไรจริงๆ ทำไมอ่ะ แค่แขนเราแดงเราต้องเป็นอะไรขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผมถามนิ่งๆอย่างสงสัย
“อืมๆ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แค่เป็นห่วง มีอะไรก็บอกได้เว้ย! เพื่อนกลุ่มเดียวกัน” ไอซ์พูดขึ้น เหอะๆ รู้จักกันยังไม่ถึงวันเป็นห่วงกันสะแล้ว โกหกสะไม่มี มองก็รู้ว่าพวกมันทำหน้าสงสารผม ผมไม่ชอบเลย ผมก็นั่งหันหน้าไปมองเพื่อนๆที่พรีเซนต์งานไป ไม่อยากต่อความให้มันยาวสักเท่าไหร่ มันไม่มีอะไรจริงๆทำไมต้องอธิบายให้มากความ
แล้วการพรีเซนต์ก็ดำเนินไปเรื่อยๆ ผมก็เห็นพวกไอโค้กออกมาจนครบเพื่อนผมบางคนก็อยู่กลุ่มเดียวกับพวกไอโค้ก ดีจังยังมีคนรู้จัก ดูผมสิไม่รู้จักใครและไม่อยากรู้จักด้วยกลัวใจตัวเอง555(ไม่ใช่แล้ว) จนมาถึงกลุ่มสิบเนี่ยแหละ
ตกใจไปนิด ไอสิงโตไง จริงๆก็ไม่ควรตกใจเพราะก็รู้อยู่แล้วว่าจะต้องเจอ กลุ่มมันก็พรีเซนต์ไป ผมก็นั่งมองนิ่งๆ มันก็มองมาซ้ายขวา พอมันเจอผมโบกไม้โบกมือ โว๊ะ! ไอนี่มันไม่รู้จักอายหรือยังไง
ผมก็มองมันนิ่งๆนั่นแหละ แล้วก็ผมมองหาพี่อ๊อฟ ก็ไม่อยู่สงสัยไปจัดเตรียมกิจกรรมต่อไป ไอสิงโตก็จ้องผมอยู่นั้นแหละ ผมนิ่งเข้าไว้ ตอนนี้ต้องทำตามที่พี่อ๊อฟบอกไปก่อน ไว้เคลียล์กับพี่อ๊อฟได้เมื่อไหร่ค่อยคุยกับไอสิงโตแล้วกัน.....
“รู้จักไอสิงโตด้วยเหรอ?” โกกิถามอย่างสงสัย ผมก็มองมันนิ่งๆ
“อืม เพื่อนอะ แล้วนายรู้จักมันเหรอ?” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“อื้ม เพื่อนห้องเดียวกันอ่ะ” โกกิบอกนิ่งๆ ผมพยักหน้ารับรู้ แล้วก็หันไปดูเขาพรีเซนต์ต่อ ไอสิงโตทำหน้าไม่พอใจอะไรของมัน
ผมก็ได้แต่ปลง ไม่รู้แล้วจะทำยังไง ผมว่าไอสิงโตมันต้องหาทางมาคุยกับผมแน่เลย ผมก็คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปแล้วก็ค่อยแก้กันเอาดาบหน้า คิดมากตอนนี้ก็ไม่ช่วยอะไร
การพรีเซนต์ก็ดำเดินไปเรื่อยๆ จนถึงกลุ่มผมที่เป็นกลุ่มสุดท้าย พวกผมก็ลุกออกไปกัน คนตัวสูงๆก็ไปช่วยถือกระดาษผมก็ยืนนิ่งๆ ยิ้มให้พวกปอบ้าง พวกไอสิงโตบ้างพอเป็นพิธี ตอนนี้พวกรุ่นพี่ก็มายืนประจำแต่ละกลุ่มแล้ว
ผมก็พรีเซนต์ไป จนเสร็จกลุ่มผมก็ไปนั่งประจำที่และครูฝึกและครูในโรงเรียนก็ออกมาพูดถึงการพรีเซนต์ของแต่ละกลุ่มและก็บอกกลุ่มที่ได้รางวัล ซึ่งแน่นอนว่ากลุ่มผมไม่ได้ ก็พอมอบรางวัลอะไรเสร็จก็เบรก พี่ๆก็มาแจกขนมน้ำ
ผ่อนคลายกันไป พอพักเสร็จคราวนี้ก็เป็นกิจกรรมนันทนาการ ผมว่าน่าจะพัฒนาความสัมพันธ์หรือละลายพฤติกรรมนี่แหละ เพราะหลายโรงเรียนก็เลยต้องกระชับความสัมพันธ์ไว้ จะได้ไม่อึดอัด? คราวนี้พวกพี่ๆทหารก็มาช่วยกัน เขาก็ให้รวมกันทั้งหมดเป็นวงกลมใหญ่คือรวมกันมั่วไปหมดแล้ว แยกกับกลุ่มตัวเองไปปนกับใครมั่วไปหมด
คือต้องแบ่งเป็นสามวงใหญ่ เนื่องจากคนเยอะ พอได้ก็นั่งลงฟังเขาบรรยายว่ากิจกรรมนี้ควรเล่นยังไง ก็นั่งฟังไป ก็ดูจะตื่นเต้น แต่ผมปลงแล้วละ ทำอะไรผิดนิดเดียวก็โดนทำโทษงั้นเหรอ? เฮ้อ!
เกมส์ส่งบอลเวียนไปเรื่อยๆตามเสียงเพลง เพลงหยุดแล้วบอลอยู่ที่คนไหนคือโดนทำโทษ ก็เล่นกันไป เล่นกันไปจนครบ10รอบก็มีคนโดนออกไปทำโทษ30คน วงละ10คน
คนที่โดนก็ออกไปรับชะตากรรมซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีไอนัทไง555 ผมขำมันใหญ่เลย มันมองค้อนผมแล้วมองค้อนผมอีก ตอนนี้ทุกคนก็เชียร์ให้พวกมันเต้นกัน เสียงดังระเบิดเลยละ.....
“หัวเราะอะไรเหรอ?” ไอคนที่นั่งข้างๆผมไม่รู้ใครน่าจะพลัดกลุ่มมั้งตอนเขาให้จับวงกลม เขาสะกิดถามผมด้วยเสียงที่ดังคือถ้าไม่ดังคงไม่ได้ยิน เพราะเสียงในโดมนี่ดังมากเอาจริง ผมหันไปมองทั้งๆที่ยังไม่หยุดขำ
“ขำเพื่อนเราอะดิ555 ดูมันทำหน้าดิ55” ผมตอบกลับเสียงดัง เป็นบ้าไปแล้วเอาจริง ไอนัทอย่างฮา
“หัวเราะได้น่ารักดีนะคะ” พูดเสียงดังแล้วยิ้ม ผมถึงกับหยุดขำแล้วหันมามอง ผู้หญิงที่สะกิดผมเมื่อกี้
“อะ เอ่อ....” ผมก็ยิ้มอ่อนส่งไปให้
“เราชื่อจ๋า แล้วนายอะ” จ๋าถามเสียงดังอย่างเป็นมิตร
“เรานท ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ผมก็ตอบไปด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง เขายิ้มหวาน เอ่อ เขาเขิน? แก้มแดง
จ๋าเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักเลย ตัวขาวๆ ไปทางน่ารักมากกว่าสวย ผมว่าก็คงเป็นผู้หญิงในสเป็คของผู้ชายหลายๆคนแหละ....
“เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามอย่างสงสัย ไม่สบายหรือเปล่านะ
“ปะ..เปล่า” พูดด้วยท่าทางแปลกๆ แล้วก็หันหน้าไปมองคนที่โดนทำโทษ
ตอนนี้คนที่โดนทำโทษก็ทั้งถูกเต้น ถูกแกล้งกันอย่างเต็มที่ ผมหันไปเห็นไอนัททำหน้านี่ ผมหัวเราะขึ้นมาทันทีเลย มันตลกจริงๆนะ ทุกคนก็ทั้งหัวเราะแล้วก็ส่งเสียงเชียร์ลั่นเลย.....
“เอาละครับ ผมว่าแค่นี้มันยังสนุกน้อยไป ให้คนที่โดนทำโทษ หาเพื่่อนมาโดนด้วยดีกว่า โอเคไหมครับ!” พี่พิธีกรพูดอย่างสนุกสนาน แต่พวกที่ส่งเสียงเชียร์คือโฮ่กันเลย ไอนัทมองผมอย่างร้ายกาจ
ผมเตรียมจะหนีแล้ว แต่ไปไม่ได้ เพราะเขานั่งกันเป็นแถวอยู่แล้ว พอจะลุกทีคนก็มองมาที่ผมกัน แย่จริง ก็ต้องนั่งหน้าจ๋อยอยู่นั่นแหละ...
“เอาละครับ ให้ไปพาเพื่อนมาได้คนนึงไปเลยครับ” พี่เขาหันไปบอกพวกที่โดนทำโทษ พวกนั้นก็วิ่งไปหาเพื่อนๆที่ต้องการ คนแถวนั้นคือเริ่มหนีแล้วไง ไอนัทก็เช่นกัน เดินมาทางผมแล้ว ผมส่ายหัว จะถอยหนีก็ติดคนข้างหลังโถ่!
“ไอนท ไอเพื่อนยาก มาเลยมึง!” ไอนัทดึงแขนผมแล้ว ผมก็ยื้อตัวสุดแรง
“มึงก็ไปลากไอวิวดิ้ เกี่ยวอะไรกับกูวะ” ผมยื้ออย่างไม่ยอม
“ก็มึงหัวเราะกูออกนอกหน้าขนาดนี้ ไม่เป็นมึงไม่ได้แล้ว ออกมาเลย!” ไอนัทพูดอย่างสะใจแล้วก็ลากผม เพื่อนคนอื่นๆก็เชียร์กันอย่างเต็มที่ พื้นมันลื่น ลากผมไปกลางวงเลย ทั้งๆที่ผมยังไม่ลุกขึ้นเนี่ยแหละ อายเหลือเกิน ทุกคนก็หัวเราะกัน....
“เอาละๆ เราจะให้เพื่อนๆที่โดน เอ่อ!” พี่เขามองมาทางผมที่ยังไม่ได้ลุกขึ้น “...โดนลากมาเนอะ5555 ให้เพื่อนๆที่โดนลากมาแนะนำตัวด้วยนะครับ คนแรกต้องคนนี้เลยครับ” ชี้ไปที่คนอื่น ผมก็โล่งเลยสิ
ผมกับไอนัทอยู่สุดท้ายของแถว ผมว่าแนะนำคนสุดท้ายมันต้องมีอะไรเด่นแน่นอน ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วก็มองค้อนไอนัท มันก็ยิ้มกวนตีน มองไปในแถวพวกไอมินปอวิว หัวเราะผมอย่างสะใจ พวกไอโค้กก็ด้วยพี่อ๊อฟก็ยืนมองผมนิ่งๆ.....
“มึงอ่า ดูดิ้ลากกูมาเด่นเลยไอสัส!” ผมบอกมันอย่างหัวเสีย
“เอาน่าสนุกๆหนะมึง กูโดนมาก่อนแล้ว” ไอนัทพูดอย่างภูมิใจ
ผมมองความกวนตีนของมัน พี่เขาก็ไล่ถามจนจะถึงผมแล้ว ตอนยืนรอไม่ค่อยคิดอะไรแต่พอจะถึงผมนี่ใจสั่นอยู่นะ และพอถึงผม.....
“อะ ต่อไปคนนี้เลยนะครับ” ยื่นไมค์ให้ผม ผมกำลังจะรับ.. “อะเดี๋ยว เดี๋ยวๆ” ว่าแล้วไง มันกอดไหล่ผมแล้วลากผมให้เดินมาตรงกลางเด่นๆเลย “ขอถามความรู้สึกขณะโดนลากมาหน่อยสิครับ” พูดแบบกลั้นขำ พวกเพื่อนๆหัวเราะหันลั่นโดมเลยทีเดียว ผมนี่แทบเอาหน้ามุดแผ่นดิน
“อะ...เอ่อ” อายวะ
“ขี้อายสะด้วย” ไอพี่นี่ก็แซวไม่เข้าเรื่องนะเนี่ย
“พี่ให้ผมไปยืนกับเพื่อนเถอะ อายเขา!” ผมบอกมันอย่างแผ่วเบา มันก็ยิ้มเจ้าเล่ห์
“น้องเขาบอกอยากเต้น ทุกคนว่าเพลงอะไรดีคร้าบบบ!” ผมหันมองขวับเลยครับ โอ้ย! อายเหลือเกิน ร้อนผ่าวที่หน้าไปหมด
ทุกคนก็เชียร์กัน โดยเฉพาะแก๊งไอสิงโตนี่จะเกินหน้าเกินตา แหกปากบอกชื่อเพลงเลยทีเดียว ผมก็ยืนเก็บอาการนิ่งๆ จริงๆก็ไม่นิ่งมีอาการหน้าแดงและก็มือสั่นนิดๆ55.....
“พร้อมหรือยังครับ” พี่มันตบไหล่ผมแล้วถาม เพื่อนๆก็เชียร์อะไรขนาดนั้น
“นี่ผมต้องเต้นคนเดียวเหรอครับ?” ผมหันไปชะเง้อถามอย่างอายๆ
“โอ้โห! น้องเขาบอกอยากเต้นคนเดียวด้วยนะครับเนี่ย เห็นอายๆแบบบนี้ เอ้า! ทุกคนเชียร์หน่อยเร็ว เปิดเพลงเลยคร้าบ!”แหกปากใส่ไมค์อย่างบ้างคลั้ง ผมแทบจะเป็นลมตรงนั้น คือกะจะให้ผมไม่มีที่ยืนในค่ายนี้เลยมั้ง
ผมก็ยืนแบบว่าทำหน้าไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่ดนตรีเพลงเริ่มคือขาเริ่มขยับไง อันนี้คืออาย? ทุกคนก็เริ่มลุกเต้นกัน ผมเห็นแบบนั้นสติก็เริ่มไม่อยู่กับตัว พวกปอมินวิวก็วิ่งมาเต้นกับผมไอนัทก็มา ทุกคนสนุกสนานกันมากเลยย
โดยเฉพาะท่อนฮุคเนี่ย เต้นไปหัวเราะไปสนุกสนานดี ก็พอเพลงจบพี่ทหารก็เป่านกหวีดไล่ให้เพื่อนๆกลับไปนั่งที่ พอผมจะหนีพี่เขาก็ล็อคคอผมไว้......
“ร้ายนักนะ พาเพื่อนเต้นกันยกโดมเลยเหรอ555” จะดุหรือจะตลกก็เลือกนะ “เอาละคนอื่นๆไปนั่งได้” คนอื่นๆที่จะถูกทำโทษคือวิ่งกลับอย่างรวดเร็วทิ้งผมให้ยืนหน้างออยู่นี่  “แนะนำตัวด้วย อะ” ยื่นไมค์ให้ผม แล้วก็ปล่อยแขนออกจากคอผม
“ผมชื่อ ณฐถัทร ครับ ชือเล่นชื่อนท มาจากโรงเรียน...ครับ” ผมบอกผ่านไมค์อย่างอารมณ์ดียิ้มแย้ม
“อ่อ ชื่อเพราะดีนะ” ผมก็ยิ้ม “เอาละกิจกรรมต่อไป เป็นเกมส์....” หันตัวผมให้หันไปทางมัน “เลี้ยงไข่ เราจะมีลูกปิงปองให้แบบนี้ และก็เอามันไว้ที่ส่วนไหนของใบหน้าก็ได้” พี่มันเอามาไว้ตรงหน้าผากผม “และให้อีกคนประกบแบบนี้” ผมตกใจเลย เขาเอาหน้าผากเขาชนกับลูกปิงปองที่ติดอยู่ตรงหน้าผากผม มันใกล้ ใกล้มาก เพื่อนๆก็โฮ่ร้องแซวกัน “และก็เลี้ยงมันไป ห้ามให้หล่น เลี้ยงไปใส่ตะกร้าตรงนั้น!” ชี้ไปทางตะกร้าที่พี่สตาร์ฟเอามาวางไว้อย่างระมัดระวัง “เอาละเดี๋ยวจะลองทำให้ดู” พี่มันเอาไมค์ออกจากปาก “เราจะเลี้ยงมันไปใส่ตะกร้า อย่าถอยละ ดันไว้” ผมก็พยักหน้าเบาๆ
แล้วเราก็ค่อยเดินไป แลดูอันตราย ผมว่าพี่อ๊อฟต้องไม่พอใจแน่ ตอนนี้ทุกคนก็ส่งเสียงลุ้นกันเหลือเกิน เพราะมันเกือบหลุดตั้งหลายครั้งแหนะ ผมก็ประคองไว้อย่างดี ขืนหลุดแล้วได้ช็อตเด็ดตรงนี้ ผมได้โดนคุณชายของผมฆ่าแน่ๆ ก็ประคองไปจนรอด ทุกคนก็ส่งเสียงปรบมือกัน ผมละเกร็งจนหน้าผากเป็นตะคริวเลยทีเดียว.....
“เห็นตัวอย่างแล้ว เอาละ แบ่งเป็นแถวเลยครับ แถวละ40คนไม่จำเป็นต้องเป็นกลุ่มเราก็ได้ และแน่นอนต้องแยกชายหญิงนะครับ เริ่มครับ ปี๊ด!!” พูดจบก็เป่านกหวีด หลังจากนั้นทุกคนก็แตกกระเจิง หากลุ่มกันระนาวเลย พอผมจะไปบ้างพี่เขาก็จับไว้
“ผมจะไปหากลุ่ม!” ผมบอกอย่างกังวล
“อยากเล่นหรืออยากยืนดู” บอกนิ่งๆ ผมยิ้มบานเลย “จับผิดคนโกงด้วย” ผมก็พยักหน้ารัวเลย “เอาละ พี่ๆมาดูน้องที่ตะกร้านะครับ ใครโกงจับออกมาเลย” พี่ๆก็เดินมารอตรงจุดที่วางตะกร้า “พร้อมแล้วนะ” ทุกคนก็ส่งเสียงว่าพร้อมแล้ว “เริ่มได้!ปี๊ด!” บอกเสียงดังแล้วก็เป่านกหวีด ทุกคนก็เร่งเลย บางคนก็เอาไว้ที่ปาก
แน่นอนว่า เสียงลุ้นและร้องเชียร์กันอย่างตื่นเต้นดังกระหึ่ม เต็มโดม ผมก็ยืนมองลุ้นๆอยู่ข้างๆพี่เขานั้นแหละ ไอสิงโตก็มองผมอย่างเสียดาย จริงๆมันก็ดีนะอยู่เฉยๆเนี่ยแหละจะได้ไม่มีปัญหา แล้วก็แข็งกันไปแต่ละแถวมันมาก วิ่งตามลูกปิงปองกันก็มี จุ๊บปากกันก็มี เอาหน้าผากชนกันจังๆก็มี สนุกสนานกันไป พอเกมส์จบก็มีคนโดนทำโทษไปตามระเบียบ ผมก็โดนพวกพี่เขาแกล้งไปและก็มีกิจกรรมอีก2-3กิจกรรมก็เล่นกันไปเฮฮา
ผมก็ไปเล่นด้วยนะ ตอนแรกพี่ทหารเขาก็บอกให้อยู่ช่วยคิดบทลงโทษ แต่ผมไม่อยากคิดอยากเล่นมากว่าก็หนีไปสิ จนจบกิจกรรมอันแสนสนุกพวกนี้เราก็พักเบรกกันไป เขาก็ให้แยกย้ายไปนั่งที่กลุ่มตัวเองแล้วก็นั่งกินขนมกินน้ำกันไป......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:43:21
“นทเจ๋งวะ เห็นนิ่งๆเต้นเก่งไม่เบาเลยน้า” โอ้พูดอย่างล้อๆ ผมก็ยิ้ม
“นั่นดิ ดูเป็นคนร่าเริงจัง ชอบอะไรแบบนี้เหรอ?” โกกิถามอะไรแปลกจัง
“ก็สนุกนะ ชอบด้วยสนุกดี จริงๆก็อายนะ แต่ถ้ามัวแต่ไปยืนอายมันไม่น่าอายกว่าเหรอ?” ผมตอบแบบไม่จริงจัง พวกมันก็พยักหน้ากัน
"นท มานี่หน่อย!"ผมหันไปดู พี่อ๊อฟตะโกนเรียกผม ทำหน้าไม่ค่อยพอใจนัก ผมก็บอกเพื่อนๆว่าเดี๋ยวมา มันก็พยักหน้าแล้วมองผมกันแปลกๆ ผมก็ไม่สนใจ แล้วก้ลุกเดินตามพี่อ๊อฟไป มันก็เดินนำผมไปให้ห่างๆจากผู้คนหน่อย
แต่ก็อยู่ในบริเวณโดมนะ....
“มีอะไรอ่า?” ผมทำหน้าสงสัย
“ได้เอายากันยุงมาหรือเปล่า?” มันถามนิ่งๆ
“ผมไม่ได้ดู มันอยู่ในกระเป๋าแม่เตรียมไว้ให้แล้วมั้ง” ผมบอกอย่างไม่แน่ใจ
“เดี๋ยวช่วงที่พวกมึงคิดการแสดงกัน พวกกูจะออกไปซื้อของตรงหมู่บ้าน มึงก็ไปเช็คดูแล้วกันว่าขาดอะไรไหม” บอกนิ่งๆ
“โอเคๆ งั้นไปเช็คกันเลยดีไหม” ผมพูดมันก็พยักหน้า ผมก็เดินนำไป มันก็ตามมา
เต๊นท์กับโดมไม่ไกลกันมาก พอถึงเต๊นท์นผมก็เข้าไปเช็คพี่อ๊อฟก็มาช่วยดู ช่วยไปช่วยมาเป็นว่ามันได้รื้อของผมออกมาเช็ค.....
“แม่คงลืมสบู่ ใช้กับกูก็ได้นะ” มันบอกแต่ไม่มองหน้านะ
“โอเคๆ ซื้อขนมมาให้ผมแอบกินด้วยก็ดีนะ” ผมพูดอย่างตื่นเต้น
“เออๆ ไปกันได้แล้ว” มันดันผมให้ออกจากเต๊นท์ แต่ผมรั้งตัวไว้
“เดี๋ยวสิ เรามา...” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆมัน มันก็นิ่งไง ผมก็จูบปากมันเบาๆไม่ได้ลุกล้ำนะ “เราไม่ได้ทำแบบนี้มะ…….”
“กลับจากค่ายค่อยว่ากัน” มันพูดตัดบทผมนิ่งๆ แล้วก็ออกไปจากเต็นท์ “อ้อ!” มันก้มหน้ามามองผมที่กำลังจะลุก “ถึงมึงจะบอกกับพวกมันว่ากูเป็นแค่พี่ชาย” ผมชะงักไปนิด “มึงก็ควรรู้อยู่แก่ใจนะ ว่ากูเป็นอะไรกับมึง ไว้หน้ากูด้วยไม่ใช่ ให้ท่าเขาไปทั่ว!” พูดแบบไม่พอใจผมเหวอเลยสิ ไอนี่มันแรงจริง ผมก็ได้แต่ทำหน้างออะแหละ ถ้าเถียงเดี๋ยวก็ไม่จบ
ผมกับมันก็เดินกลับไปที่โดม ตอนนี้เขาก็แยกย้ายกันเป็นกลุ่มไปคิดการแสดงแล้ว พวกรุ่นพี่ก็คงไปซื้อของกัน พวกเพื่อนๆพอเห็นผมมันก็มองผมแปลกๆ....
“มีอะไรอะ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ทำไมทำหน้างั้นวะ?” ปลื้มถามแบบสงสัย
“ขี้สงสัยจังวะ!” ผมถามแบบไม่พอใจ อารมณ์เสียอยู่นะเนี่ย! พอพวกมันมองแบบอึ้งๆ ผมก็เพิ่งนึกได้ว่าก็ไม่ได้สนิทอะไรขนาดที่จะมาพูดกันแบบนี้ ผมก็ยิ้มอ่อนให้พวกมันแล้วก็นั่งลง “คือ เราขอโทษอะ พอดีเรามีปัญหานิดหน่อยนะ ขอโทษนะ ที่พูดไม่ดี” ผมบอกอย่างใจเย็น พวกมันก็ดูเข้าใจกันดีนะ
ก็พูดคุยกันไปทั่ว ผมก็ไม่ค่อยพูดเท่าไหร่ คือผมก็เอาแต่คิดถึงคำพูดพี่อ๊อฟ ผมไปให้ท่าใครตอนไหนวะ แล้วอะไร เดี๋ยวนี้คือพูดด้วยเยอะขึ้น แต่ด่าเหน็บแนมเก่งแบบนี้ก็ไม่เอานะ โว๊ะ! คิดแล้วก็หงุดหงิด พวกเพื่อนๆก็ปรึกษากันเรื่องการแสดงรอบกองไฟคืนนี้ ผมก็นั่งเงียบๆเนี่ยแหละ ให้พวกเพื่อนๆคิดกันไป จนตัดสินใจกันได้ว่า จะแสดงละครสั้นกับเต้น? ผมก็งงนะว่ามันจะออกมาเป็นไง ก็จัดแจงไป ละครก็แนวรักน้ำเน่า พอละครจบ ทุกคนก็ออกมาเต้นกัน? คนไปเบิกชุดก็เป็นพวกผู้หญิงนั่นแหละ ผมก็รอรับบทบาท ตอนแรกผมเสนอว่าผมขอเป็น ก้อนหินหรือต้นไม้ก็ได้ แต่ความเด่นของผมวันนี้มันทำให้ผมนิ่งไม่ได้ ให้ผมเป็นตัวนำเต้นเลย แถมในบทละครยังเล่นเป็นคนบ้าอีก ดูพวกมันทำกับผมสิ โถ่!...
พวกเราก้ซ้อมบทกันไป ผมก็คงไม่มีบทพูดอะไรมาก แค่ทำตัวบ้าๆบอไป ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวนะที่เป็นบ้า คือไอปลื้มก็ได้เป็น ไอปลื้มมันแบบปากเสีย เขาหมั่นไส้มันกันก็เลยโยนบทนี้ให้มันไป แต่คนอื่นเขาไม่ได้หมั่นไส้ผมน้าา เห็นว่าผมบ้าอยู่แล้ว เหมาะกับบทพอดี ผมก็มาซ้อมพูดกับไอปลื้มไป หามุกหาอะไรมาเสริมไป จนได้เวลาลองชุดที่ไปเบิกเขามา ผมถึงกับสะอึก ให้วิกผมมากับสไบและเกาะอก กระโปรงขาดๆ ส่วนไอปลื้มได้กางเกงจงกะเบนเน่าๆมา คือ?เขาบอกว่าจะได้เป็นคู่รักผีบ้า? ผมอายเหลือเกิน และตอนกลางคืนต้องใส่แบบถอดข้างในออกด้วยนะ แบบผมใส่ได้แค่บอกเซอร์ ไอปลื้มก็ถอดเสื้อโชว์ไป ผมยังดีมีเกาะอก น่าภูมิใจตรงไหน?พวกบทดีๆก็ไปซ้อมกันอย่างกับจะไปประกวดเดอะสตาร์ ผมกับปลื้มก็นั่งคุยกันสะส่วนมาก ไม่มีอะไรนิเนอะคนบ้า......
“มึงดูพวกมันทำกับเราดิ มึงยอมเหรอวะ?” ปลื้มพูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีทางเลือกนี่หว่า!” ผมพูดห้วนๆไป ผมคุยกับมันจนค่อนข้างจะเป็นกันเองแล้ว
“มึงมันกล้าอยู่แล้ว ดูกูด้วย หน้าตาดีขนาดนี้มาให้ทำตัวบ้าๆบอๆได้ยังไง” มันมั่นมากนะ ผมเบะปากหนักมากให้กับความหลงตัวเองของมัน จริงๆมันก็หล่อนะ ดีย์เลย แต่มันปากเสีย และค่อนข้างจะเอาตัวเองเป็นใหญ่ ไม่มีใครชอบมันสักเท่าไหร่
“เบื่อจะคุยกับคนหล่อว่ะ” ผมพูดประชดไป มันก็หัวเราะ
“ปลื้ม นท บทของแก2คนอ่ะ ดูไปคร่าวๆไม่ต้องพูดนะ เพราะจะให้ทำตามเสียงพากย์เอา ก็ดูบทไปก่อนแล้วกันว่าทำอะไรบ้างจะได้ไม่งง” น้ำพูดพร้อมยื่นบทมาให้ ผมก็พยักหน้ารับ
แล้วรับบทมาดู จริงๆก็อ่านแต่คำพูดนะ พอมาเห็นฉากเอ่อ! คนบ้าข่มขืนกันใครคิดวะ! อุบาทว์มากเอาจริง ไอปลื้มมันก็มองผมแบบร้ายกาจ.....
“มึงต้องโดนกูปล้ำสินะ555” ไอปลื้มชั่วร้ายมาก ผมถึงกับถอยหลังหนี มันก็เดินตามมาทำหน้าโรคจิตด้วย “มาซ้อมบทข่มขืนกันมา” โอ้ย!สยอง
“พอเลยๆ กูจะอ้วก ดูทำหน้าทำตาดิ้!” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนักเพื่อให้มันหยุด และมันก็หยุด “ฉากนั้นอะ นายก็แค่.... แค่ เออแค่นอนทับเราแล้วก็เอาผ้าคลุมไง” ผมหยิบผ้าห่ม ซึ่งไม่รุ้มันเอามากันทำไม “และก็ตัดฉากไปที่กองไฟโอเคไหม5555” เหมือนในละครทีวีไง ฉากนี้ทีไรตัดไปโคมไฟทุกทีเลย แต่ของผมคงตัดไปที่กองไฟอะนะ
“ก็มันบอกให้เราสมจริงนะเว้ย! อีกอย่างในบทมันมีที่ไหน ตัดไปกองไฟของมึงอะ!” มันบอกอย่างงงๆ
“คือจะให้มันสมจริงไปไหน เต้นอะเราพอยอมนะ แต่เรื่องอุบาทแบบนั้นเราอายวะ!” ผมทำท่าอาย
“ เอาน่ากูไม่ถือ” ดูมันจะชอบจังนะ บทแบบนี้
“แต่เราถืออะดิ! พอเลย เอาผ้าไปคลุมแล้วกัน อายเขา อีกอย่างเราใส่กระโปรงนะเว้ย! เดี๋ยวน้องก็ออกมาดูโลกพอดี!” ผมพูดติดตลก แต่ไอปลื้มขำเกินเหตุ
“5555 เอาน่าสนุกๆ” ผมว่าไอปลื้มต้องแกล้งผมชัวร์ ปลงเถอะผมหมดทางรอดแล้ว “เออ! ว่าแต่นั่นพี่แท้ๆเหรอ?” ถามแล้วชี้ไปทางพี่อ๊อฟ ที่กำลังเดินมาหาผม?
“อะ เอ่อ...” พี่อ๊อฟเดินมาแล้ว
“ของเดี๋ยวค่อยเอานะ” พี่อ๊อฟเดินมาบอกนิ่งๆแล้วก็เดินไปผมก็พยักหน้าแค่นั้น
“พี่มึงนี่ดูเป็นห่วงมึงเนอะ” มันพูดด้วยรอยยิ้ม
“อื้ม พี่แถวบ้าน สนิทกันมากกกก” ผมลากเสียงยาว
“มึงไม่มีโทรศัพท์ใช้จริงดิ?” มันถามเบาๆ เหมือนไม่ค่อยกล้าถาม
“อืม บอกแล้วไง” ผมยิ้ม จริงๆคือพี่อ๊อฟยังไม่คืนโทรศัพท์ผม ผมก็ไม่ใส่ใจอะไร และถ้ามีโทรศัทพ์ตอนนี้คงเป็นเรื่องไม่ดีเพราะเกิดการแลกเบอร์ของเพื่อนในกลุ่มแน่นอน และนั่นจะทำให้พี่อ๊อฟยิ่งไม่โอเค การโกหกไม่ดี แต่บางทีถ้ามันช่วยตัดปัญหาได้ผมก็ขอโกหกแล้วกัน
“กูไม่ได้อยากจะตอกย้ำนะเว้ย! แต่มันเป็นไปได้เหรอวะ ยังมีคนไม่มีโทรศัพท์!” มันพูดอย่างจริงจัง
“ก็มีดิ เราไง” ยิ้ม แล้วผมก็ก้มหน้าดูบท
“มีเฟสป่ะ?” ผมเงยหน้ามามองมันนิ่งๆ
“ถามอะไรนักหนาเนี่ย” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“เออๆไม่ถามละ แล้วนี่พี่มึงซื้ออะไรมาให้วะ?” มันถามอย่างสงสัย ไหนว่าจะไม่ถามแล้วไง
“อ่อ! เราฝากซื้อขนม แล้วก็ไม่รู้ว่าพี่เขาซื้ออะไรมาให้เพิ่มเติมหรือเปล่า” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงจะพูดเพราะทำไมวะ ดูห่างเหินเกินไปเปล่า พูดแบบเป็นกันเองดิ!” มันบอกแบบกวนๆ
“เอาแบบนั้นเหรอ” ผมมองอย่างกวนๆ
“ทำไม? หรือพูดไม่เป็น?” มันยักคิ้วกวนๆ
“เออๆ พูดก็ได้ๆ ก็เพิ่งรู้จักกันนี่หว่า ใครจะไปพูดสนิทขนาดนั้นเหมือนนายอะ!” ผมพูดแล้วยักไหล่
“เออๆ มึงกูก็ได้ กูไม่ถือ” ผมเบื่อมันจริงๆ
“เออ” ผมพยักหน้ารับอย่างรำคาญ
ผมกับมันก็นั่งคุยกันไป โดยสรรพนามก็เปลี่ยนเป็นกูมึงไปตามระเบียบ ตอนนี้ทุกคนเริ่มซ้อมแล้ว ซ้อมรวมเลย เอาจริงๆก็อายกับบทบาทตัวเองนะ คือเดินแหกปากโวยวาย แถมยังโดนพวกเพื่อนคนอื่นรุมตีอีก ดูไม่ดีเลย แถมฉากข่มขืนไอปลื้มก็เล่นสะสมจริงเกิ้น ก็จนได้เวลากินข้าวเย็น เราก็ไปรับของมาช่วยกันทำกิน ผมก็ช่วยเขาก่อไฟ ทำไมไม่แจกข้าวกล่องเหมือนตอนกลางวัน ก็คือให้ไปรับของมาทำเองเป็นกลุ่ม พี่ๆก็คอยช่วย ผมก็ไปช่วยเขาเท่าที่ช่วยได้ ทำอะไรเสร็จก็นั่งรอ พี่อ๊อฟก็เดินมาหา ผมก็ยิ้มบาน....
“เหนื่อยหรือเปล่า?” พี่อ๊อฟถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้ทำอะไรมากจะเหนื่อยได้ยังไงละ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืมๆ!” มันพยักหน้า แล้วก็เอาผ้ามาเช็ดมือให้ผม ผมก็มองแล้วยิ้ม
“ผมรักพี่ที่สุดเลยอะ” ผมบอกอย่างเขินๆ มันก็นิ่งๆ แต่หูนี่แดงเถือกเลย
“พูดว่ารักกู แต่กูเห็นคุยกับไอพวกนั้นแล้วดี๊ด๊าเหลือเกิน” มันบอกอย่างประชด
“ก็เพื่อนทั้งนั้น จะไม่ให้พูดกับพวกมันเดี๋ยวก็ไม่มีใครคบหรอก” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็อมยิ้ม
“กูรู้แล้ว แค่พูดไปเท่านั้นแหละ” มันบอกนิ่งๆ ยังคงเก๊ก!
ผมก็คุยอะไรกับมันไปนิดหน่อย แล้วก็ไปช่วยเขาต่อ ทำเสร็จก็นั่งกินกัน อาหารออกมาคือ เอ่อ ก็พอกินได้ แต่ค่อนข้างเค็มไปนิด ผมก็กินๆไปนิ่งๆอะ ดีกว่าไม่มีอะไรกินอะเนอะ...........
“เค็มวะ!” ไอปลื้มเริ่มแล้ว ทุกคนหันไปมองมันเลย มันนั่งข้างๆผมด้วย
“มึงจะพูดทำไมปลื้ม กินๆไปเถอะ!” ผมกระซิบบอกมันเบาๆ
“เค็มขนาดนี้กูกินไปไตกูไม่วายเลยเหรอวะ!” มันจะแหกปากทำไมวะ
“กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินนะ ช่วยก็ไม่ช่วย!” ฟ้าพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ ปลื้มมันลุกขึ้นมองหน้าผู้หญิงคนนั้นอย่างหาเรื่อง
“ปลื้มมึงใจเย็นๆดิ นั่งลง!” ผมพูดอย่างเบาๆ มันก็นั่งลงตามแรงดึงของมือผมเนี่ยแหละ “มึงกินไปเถอะน่า เดี๋ยวไม่มีอะไรกินจะแย่นะเว้ย!” ผมบอกมันอย่างจริงจัง
“กูไม่กิน กินไม่ลง! เคร้ง!” มันโยนจานของมันไว้แล้วมันก็ลุกไปเลย
ผมก็ได้แต่นั่งกินเงียบๆแล้วก็ยิ้มอ่อนให้ทุกคน แล้วทุกคนก็พูดถึงไอปลื้มกันแบบว่า เลวร้ายเว่อร์ จริงๆผมเห็นแล้ว มันไม่ใช่ไม่ช่วย มันช่วยแต่เหมือนมันทำอะไรไม่เป็นเลยช่วยอะไรเขาก็พังหมด ช่วยหั่นผักก็หั่นสะชิ้นเบ้อเริ่ม ช่วยก่อไฟมันก็ไปเอาหญ้าเขียวๆสดๆมาโยนใส่ คือไม่รู้มันกวนตีนหรือเปล่า แต่ดูแล้วมันน่าจะทำอะไรไม่เป็นมากกว่านะ อันนี้จากที่ผมเห็นนะ พวกเราก็กินกันไปพูดคุยกันไปกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บ ทำอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันไปทำกิจส่วนตัวเขานัดอีกทีตอน2ทุ่ม ให้ไปอาบน้ำ?เตรียมตัวอะไรก่อน ผมงงทำไมไม่ทำกิจกรรมอะไรให้เสร็จแล้วค่อยไปอาบน้ำละ อาบแล้วไปทำกิจกรรมก็สกปรกอยู่ดี ตอนนี้ผมก็อยู่ที่เต๊นท์ไอปลื้มก็อยู่นี่แหละ ผมกำลังจะเข้าไปหามัน แต่พี่อ๊อฟเรียกผมให้ไปหามันก่อน ผมก็เลยเดินไปหาพี่อ๊อฟก่อน.....
“จะอาบน้ำเลยใช่เปล่า?” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ
“จริงๆผมอยากอาบหลังทำกิจกรรมเสร็จมากกว่า แต่เพื่อนๆมันไปอาบกันตอนนี้อะดิ ก็ต้องไปอ่ะ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่ของ แล้วก็สบู่ อาบไปก่อนก็ได้ ถ้าหลังเสร็จกิจกรรมมึงไม่สบายตัวก็บอกแล้วกันนะ” มันบอกนิ่งๆ แล้วยื่นของให้ผม ผมก็รับมาแล้วผมยิ้มบานเลยทีเดียว ทำไมพี่อ๊อฟน่ารักขนาดนี้
“น่ารักตลอดอ่า ขอบคุณน้า” ผมกำลังจะยื่นหน้าไปหอมแก้มมัน มันเอามือดันไว้ก่อน
“นทคนมองเต็มไปหมดแล้ว!” พี่อ๊อฟบอกอย่างอายๆ ผมหันซ้ายขวา คนก็มองอยู่จริงๆ ผมถอยแทบไม่ทัน
ผมก็คุยกับพี่อ๊อฟนิดหน่อย ผมก็เดินเข้าไปในเต๊นท์ ไปเอาของเพื่อนๆก็นั่งคุยกันอยู่ ผมก็เอาของที่พี่อ๊อฟยื่นให้ออกมาดู โอ้โห! ขนมมันจะเยอะไปไหนมีโน๊ตด้วยนะ"แบ่งเพื่อนๆกินด้วย" ผมก็ยิ้ม มันก็น่ารักเกินไปแล้วนะเนี่ยจะให้ผมมองคนอื่นได้ยังไงละ......
“นทพี่ซื้ออะไรมาให้เยอะแยะเลย” โกกิถามอย่างอยากรู้
“ขนมอ่า พี่เราให้แบ่งพวกนายด้วยนะ!” ผมบอกอย่างใจดี พวกมันก็เฮฮากันใหญ่เลย ผมดูแล้วเห็นมีขนมปัง ขนมจุกจิกเต็มไปหมดกับนมน้ำผลไม้ เยอะมาก “อะ กินหน่อยเดี๋ยวปวดท้องนะ!” ผมยื่นนมกับขนมปังให้ปลื้ม เพื่อนๆก็ถึงกับมองผมนิ่งๆ เพราะไม่มีใครคุยกับปลื้มมัน ผมเข้าใจนะ มันอาจจะแตกต่างแต่มันก็ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
“ไม่เอา!” มันปัดมือผมออก ของในมือผมตก ผมก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“เพื่อนให้มึงก็พูดดีๆหน่อยเถอะวะ!” ไอซ์บอกอย่างไม่พอใจ
“เสือก!” ไอปลื้มมองอย่างหาเรื่อง
“อย่าทะเลาะกันเลยน่า!” ผมบอกพวกมันอย่างใจเย็น “กินเถอะมึงอะ กูไม่อยากได้ยินเสียงท้องมึงร้อง!” ผมบอกอย่างจริงจัง แล้วก็ยื่นไปให้มันอีกครั้ง มันก็ดูลังเล เหมือนกลัวเสียฟอร์ม ผมก็ยัดใส่มือมันนั่นแหละ “กินเถอะ อย่าเก๊กเยอะ ยังไงมึงก็หล่ออยู่แล้ว ไม่เสียฟอร์มหรอก” ผมพูดกวนๆแล้วยักคิ้วให้มัน มันก็อมยิ้มแล้วก็แกะขนมกิน
“ไปสนิทกับมันตอนไหนอะนท?” โบลิ่งถามอย่างสงสัย ปลื้มก็ไม่สนใจแล้ว กินอย่างเดียว มันคงหิวแหละ
“ตอนซ้อมบทละครแหละมั้ง” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นทอย่าไปยุ่งกับมันมากนะ มันนิสัยไม่ดี” โอ้กระซิบบอกอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอกน่า เอ้อ! แบ่งๆกันกิน หรือจะเอาไว้กินกลางคืน!” ผมถามนิ่งๆขี้เกียจตอบคำถามพวกมัน
พวกมันก็บอกเอาไว้กินตอนกลางคืน ผมก็คุยอะไรกับพวกมันไป ดูท่าแล้วขนมปังชิ้นเดียวคงไม่อยู่ ผมก็ยื่นขนมไปให้มันเพิ่ม เพราะมันเยอะ กินคืนนี้คงไม่หมด ยังไงพรุ่งนี้ฝากพี่อ๊อฟไปซื้ออีกก็ได้ จนปลื้มมันกินเสร็จเราก็พากันเตรียมตัวแล้วก็พากันออกไปอาบน้ำ มันต้องไปกันเป็นเต๊นท์ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่ก็ช่างเถอะ.....
“ขอบใจนะ” ปลื้มบอกอย่างอายๆ ขณะกำลังเดินไปห้องน้ำ
“อื้ม” (ยิ้ม) “เออ มึงก็เงียบๆบ้างก็ดีนะเว้ย! ไม่พอใจอะไรก็เก็บไว้ไม่ต้องแสดงออกมาขนาดนั้นหรอก” ผมบอกมันเบาๆ
“กูช่วยแล้วแม่งบอกไม่ช่วย มึงจะพอใจเหรอ” มันพูดอย่างไม่ยอม
“กูเห็นแล้ว แต่มันก็แบบนี้แหละมึง มึงไม่ต้องไปสนใจหรอก คนหมู่มาก ทำใจน่า” ผมบอกอย่างใจเย็น
“เออๆ ยังดีที่มึงเข้าใจอะ” มันพูดผมก็หันไปมองมัน มันก็ยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มให้มัน
พวกเราก็เดินไปห้องน้ำพอถึงก็ห้องน้ำรวม ตอนแรกกะจะแยกไปอาบกับพวกปอ ก็ไม่ได้ไงเขาให้ไปกันเป็นเต๊นท์ เราเข้ามาก็ถอดเสื้อเหลือแต่บ๊อกเซอร์ ก็เริ่มอาบน้ำกัน ผมรู้สึกอายไอโกกิ กับไอไอซ์มากเอาจริง มันใส่กางเกงในอาบไงคือหุ่นดีกันทั้งนั้น ไม่พอไอส่วนตรงกลางของมันนั่นอะไรกันช่างดึงดูดให้ผมมองจริงๆ ผมต้องเงยหน้าอาบน้ำเลย รู้สึกใจไม่ดี55555.....
“หลังมึงเนี๊ยนเนียนวะ” ไอปลื้มลูบหลังผม ผมถอยห่างเลย
“มึงอย่ามาหื่นนะเว้ยไอปลื้ม!” โบลิ่งพูดไม่จริงจังนัก
“ รีบอาบเหอะน่า” ผมบอกอย่างไม่สนใจแล้วก็อาบๆไป แล้วตาผมก็ไปสะดุดเห็นพี่อ๊อฟที่ยืนดูอยู่หน้าประตู ผมก็ยิ้มให้ไปมันก็มองนิ่งๆ
ผมก็รีบอาบ พออาบกันเสร็จก็พากันเดินกลับเต๊นท์ พี่อ๊อฟก็เดินกลับไปก่อนแล้ว ผมเตรียมแค่กางเกงบ๊อกเซอร์กับเสื้อยืดไปเปลี่ยนเท่านั้นแหละ พอถึงเต๊นผมก็ไปหยิบกางเกงวอร์มที่เตรียมมาใส่ แล้วก็เดินออกไปหาพี่อ๊อฟ ที่ยืนดูความเรียบร้อยของเต๊นท์อยู่...
“พี่อ๊อฟ” มันก็หันมา “เหนื่อยไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่อ่ะ” มันบอกนิ่งๆ
“อย่าเข้าใจอะไรผิดละ ผมไม่ได้คิดอะไรเลยนะ และมันก็ไม่มีอะไรด้วย!” ผมบอกอย่างจริงจัง เพราะกลัวมันโกรธเรื่องในห้องน้ำ
“เออๆ กูรู้อยู่แล้ว กูไม่ได้โง่กูเห็นอยู่!” มันบอกกอย่างรำคาญ
“เมื่อไหร่พี่อ๊อฟจะหายโกรธอ่า ชอบทำรำคาญผมจัง” ผมจับมือมัน แล้วมันก็เดินหนีผมไป
ผมทำอะไรผิดอีกหรือเปล่าเนี่ย แย่จริงๆ แล้วผมก็กลับไปที่เต็นท์เพื่อนๆก็คุยกันดูสนุกสนานดี ผมก็เข้าไปนั่งคุยด้วย จนเขาเรียกก็พากันไป กลางลานว่าง ไปนั่งล้อมกองไฟกันเป็นกลุ่มๆ แล้วเขาก็อธิบายอะไรไป ก็นั่งฟังกันไปคุยกันบ้างจนถึงเวลาไปจับฉลากว่าเราจะได้แสดงเป็นกลุ่มที่เท่าไหร่ ได้กลุ่มสุดท้ายอีกแล้ว ก็ดีไปจะได้มีเวลาเตรียมตัว กลุ่มแรกก็เตรียมตัวอะไรแล้ว พวกเราก็นั่งดูอย่างใจจดใจจ่อ ดูไปพูดคุยกันไป สนุกสนานดี....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:44:40
“นทพี่เรียก!” โกกิสะกิดบอกผม ผมหันไปพี่อ๊อฟยกโทรศัพท์ให้ผมดู สงสัยป๊าโทรมา
“อืมขอบใจนะ” ผมหันไปบอกโกกิ
ผมก็ลุกออกไปหาพี่อ๊อฟ มันก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ป๊าโทรมาจริงๆด้วย ผมยิ้มอย่างดีใจ แล้วก็เอาโทรศัพท์แนบหู....
“ป๊า!”พูดอย่างดีใจ
“ไงตัวแสบ สนุกไหม” ป๊าเอ่ยถาม
“สนุกมากกกก คิดถึงป๊าแม่แล้วก็พี่โน้ตมากกกก!” ผมลากเสียงยาว ป๊าขำใหญ่เลย
แล้วผมก็คุยกับป๊าไปป๊าก็ยื่นให้แม่ให้พี่โน้ตคุยบ้าง จนวางไปผมก้ยิ้มบานเลย มีความสุขไง ......
“ยิ้มบานเลยนะมึง” มันพูดแล้วก็ยิ้ม
“ผมชอบยิ้มพี่อ๊อฟจัง ยิ้มให้ผมบ่อยๆนะ” มันหุบยิ้มเลย ไอนี่มันขี้เก๊กจังวะ ผมไม่น่าพูดเลย
“ยังกูยังไม่พอใจเรื่องของมึงนะ อย่ามาเนียน” แล้วมันก็เดินไป ไอนี่มันบ้าไปแล้ว ถึงบ้าก็รักแหละวะ5555
ผมก็เดินกลับไปนั่งในแถว ด้วยอารมณ์ที่ดีสุดๆ ผมก็นั่งดูกลุ่มอื่นมันแสดงไป ดูไปยิ้มไป ที่ยิ้มนี่คือคิดถึงที่พี่อ๊อฟทำเมื่อกี้ไง คืออะไรจะน่ารักขนาดนั้น....
“เป็นไรของมึง ยิ้มอย่างกับคนเป็นบ้า!” ไอปลื้มหันมาพูดแบบสงสัย ผมก็มองมันแล้วก็ยักคิ้ว
“อย่ายุ่งเถอะน่า กูซ้อมบทคนบ้าอยู่ไม่รู้เหรอ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็ดูการแสดงไป ก็มีการพูดคุยกับเพื่อนบ้าง ไอปลื้มก็เจ๊าะแจ๊ะเหลือเกิน ก็ไม่มีใครยุ่งกับมันนิเนอะ จนจะมาถึงกลุ่มเราก็เตรียมตัวเปลี่ยนชุดอะไรกันไป ตื่นเต้นกันทีนี้ รู้สึกอายเลย พวกมันให้ผมถอดเสื้อแล้วใส่เกาะอก และถอดกางเกงวอร์มออกใส่แค่บ๊อกเซอร์ มันเอากระโปรงขาดๆมาให้ผมใส่ พร้อมกับวิกและสไบ ผมละขำกับตัวเองในกระจกจริงๆ คือมันใช่อะ มันคนบ้าดีๆนี่แหละ ไอปลื้มก็ถอเสื้อผ้าเหลือแต่บ๊อกเซอร์แล้วใส่จงกะเบนเน่าๆ นมมันชมพูนะผมมองตลอดเลยอะ5555 คนอื่นๆก็ใส่ผ้าที่ดูดีเลย แล้วทำไมผมกับปลื้มเอ่อ!.........
“กูอายวะ” หน้ามันแดงเชียว
“เอาน่ามึง ดูสภาพกูสะก่อน จัดเต็มกว่ามึงอีกเนี่ย!” ผมพูดแล้ว ส่องกระจก หนักใจเหลือเกิน
และก็ถึงคิวพวกผมไปยืนรอหลังฉาก เฮ้อ! ใจก็คิดแล้วไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็ทำๆไปเถอะ ไอปลื้มนี่หน้าซีดเลย....
“มึงไหวเปล่าเนี่ย” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ตื่นเต้นว่ะ” มันพูดเหงื่อออกเต็มไปหมด
“ใจเย็นๆสิมึง มึงไม่ต้องไปมองใครหรอก มึงก็คิดว่ามึงซ้อมกับกูอยู่ มึงไม่ต้องไปสนใจคนดูเลย สนใจกูก็พอ!”มันก็มองผมนิ่งๆ ที่พูดแบบนั้นเพราะในบทผมก็เล่นกับมันแค่สองคนนั้นแหละ
“เออๆ” มันจับมือผม ผมก็มองมันแปลกๆ แต่มือมันเย็นมาก
“นท! ฉีดยากันยุงหน่อย เดี๋ยวยุงกัด!” พี่อ๊อฟมันมาจากไหนเนี่ย อยู่ๆก็โผล่มา
ปลื้มมันก็ปล่อยมือผมแล้วพี่อ๊อฟก็หมุนตัวผมไปมาเพื่อเอายากันยุงแบบฉีด ซอฟเฟล ไม่ใช่ไบกอนนะ555 ฉีดเสร็จมันก็คุยอะไรกับผมนิดหน่อยแล้วก้เดินไปรอข้างหน้า ตอนนี้กลุ่มผมก็ได้เวลาออกไปแล้ว ออกไปแนะนำตัวและก็แนะนำว่าจะแสดงอะไรบ้าง หลังจากกนั้นก็เริ่ม ผมกับไอปลื้มก็ไปนั่งอยู่ใกล้ๆกระถางต้นไม้ มโนว่าเป็นต้นไม้ใหญ่อย่างที่คนพากย์บอก ผมก็นั่งคุยเล่นเหมือนคนบ้ากับปลิ้มอะแหละ....
“ปลื้ม มึงอย่าเงอะงะดิกูตลกอะ55555” มันทำเงอะๆงะๆ เหมือนตื่นคน
“กูอายอ่า” มันเบะปาก ผมหัวเราะเลย สภาพตัวเองก็ตลกอยู่แล้ว มาดูหน้าไอปลื้มตอนนี้คือไม่ไหว ลั่นเลย! แล้วผมก็เพิ่งสังเกตุว่าคนดูก็หัวเราะตามผม?หรือเปล่าแต่คือหัวเราะลั่นเลย
คนพากย์ก็พากย์ไป ให้ผมลุกขึ้นรำบ้าง ให้ผมทำท่าหมาแล้วให้ไอปลื้มเอาเชือกคล้องคอผมบ้าง ทำไมในบทไม่มีละ ตอนนี้ตัวเด่นไม่ใช่ตัวนางเอกพระเอกแล้ว เป็นผมกับไอปลื้มเนี่ยแหละ และมาถึงฉากคนบ้าโดนกระทืบ คือเละ ผมกับไอปลื้มคือคลุกฝุ่น เสื้อผ้าที่ว่าเน่าอยู่แล้วคือเน่ากว่าเดิม หลังจากนั้นก็เป็นฉากคนบ้าข่มขืนกัน คนพากย์ก็จังไร บอกให้ไอปลื้มกระชากเกาะอกเสื้อผ้ากระโปรงที่ผมใส่กระจุยกระจาย ผมก็จับกระโปรงไว้ไอปลื้มก็ดึง คราวนี้คนอื่นก็มารุมแก้ผ้าผม หัวเราะกันกระจาย สภาพนี่โดนรุมโทรมจริงๆ เหลือแต่บอกเซอร์ อายเหลือเกิน มองไปทางพี่อ๊อฟมันก็ยืนขำ ผมเอาหน้ามุดดินดีกว่าไหม และการแสดงน่าอายก็ดำเนินไปเรื่อยๆจนจบ ก็ถึงเวลาที่ผมนำเต้น ก็เต้นกันกระเจิง เต้นทั้งๆที่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเหลือแต่บอกเซอร์ เพลงก็มันส์เหลือเกินแดนซ์กันจนครูฝึกบอกให้พอ เพราะไม่ใช่มีแค่พวกผมนะ คนดูก็ลุกขึ้นแดนซ์กันกระจายพวกครูก็ด้วย พอจบการแสดงเสียงปรบมือก็ดังขึ้นมา พวกผมก็กล่าวขอบคุณแล้วก็กลับไปนั่งที่ เหนื่อยจริงๆ ทุกคนก็หันมาพูดกับผมกับไอปลื้มใหญ่เลย สุดยอดอย่างอย่างนั้นอย่างนี้ ผมว่ามันก็ขึ้นอยู่ที่ทุกคนแหละ ถ้าไม่ช่วยมันก็คงออกมาแป๊ก อย่างคนพากย์ก็พากย์นอกบทไปสะไกลเชียว แต่โดยรวมก็โอเคเลย เพราะทุกคนก็ดูสนุกกับสิ่งที่กลุ่มผมแสดง ตอนนี้ครูก็บรรยายอะไรไปและก็เตรียมประกาศกลุ่มที่ชนะ ง่ายๆก็คือนั่งรอต่อไป......
“นท มึงได้แผลวะ” โบลิ่งจับที่หลังผม ตอนนี้ผมใส่แค่บ๊อกเซอร์ไง ผมรู้สึกแสบที่หลังนะ ส่งสัยถลอกตอนโดนข่มขืนอะมั้ง
“อืม ถลอกใช่เปล่า เต็มแขนเต็มขาเลยเนี่ย555” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี คือมันเป็นพื้นหญ้าแห้ง คงโดนบาดแหละมั้ง
“ไหวปะมึง?” ไอปลื้มถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ถลอกนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“อะ! ใส่เสื้อก่อนนะ” โกกิมันถอดเสื้อมาให้ผม คือมันใส่เสื้อสองชั้น เสื้อกล้ามข้างในอะ
“อะ...เอ่อ มันจะดีเหรอ” ผมถามอย่างเกรงใจ อีกอย่างผมกลัวว่าพ่อ๊อฟจะเตรียมมาให้อยู่แล้วด้วย ผมก็หันมองมันนิดหน่อย เห็นมันกำลังยุ่งกับการเก็บฉาก ผมว่ามันคงไม่ว่างไปเอาให้แล้วละ “ขอบใจนะ” ผมยิ้มแล้วก็รับเสื้อมันมาใส่
“โห! ของกูไม่มีใครเอามาให้ใส่เลย!” ไอปลื้มพูดอย่างนอยๆ
“มึงไม่ได้มีแผลอะไรเลยไอปลื้ม อย่าสำออย!” ไอซ์พูดติดตลก ทุกคนก็ขำกันไป
แล้วเราก็พูดคุยกันไป จนถึงเวลาครูประกาศว่ากลุ่มไหนชนะ ปรากฏว่ากลุ่มผมได้ที่1 เพราะเอ็นเตอร์เทรนดี ก็เฮฮากันไป รางวันคือ ขนมปี๊ป แล้วก็ส้มถุงใหญ่ ก็โอเค เอามานอนกินเล่นแล้วกัน พอฟังอะไรจบก็สวดมนต์ขอพร แล้วก็แยกย้ายกันกลับเต้นท์ คนส่วนมากก็พากันไปอาบน้ำอีกรอบ และผมคือหนึ่งในนั้น ผมก็กลับไปที่เต๊นท์ไปเอาของออกมาเตรียมไปอาบน้ำ เพื่อนๆมันก็บ่นเหนียวตัวกันก็ไปอาบกันใหม่ทั้งหมดนั่นแหละ จริงๆอากาศก็หนาวเลย นี่มันกลางป่ากลางเขาเลย แต่ที่เหงื่อออกก็คงเพราะทำกิจกรรม ผมเนื้อตัวก็มีแต่ฝุ่น พี่อ๊อฟก็ไปช่วยพวกพี่ๆเขาเก็บของอยู่ยังมาไม่ได้เลย พวกเราก็พากันไปห้องน้ำ แล้วผมก็ต้องตกใจไปอีก เพราะไอสิงโตก็กำลังเดินไปห้องน้ำพอดี และตกใจไปกว่านั้นคือมันหันมาเห็นผมด้วย มันยิ้มให้อย่างดีใจแล้วก็กำลังเดินมาทางผม..............
“นท!” ไอสิงเรียกอย่างดีใจ แล้วก็โผล่เข้ากอดผม ผมตกใจ
“มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!” ผมดันมันออก แล้วมองซ้ายขวาเพื่อนๆก็มองกัน ผมกลัวพี่อ๊อฟเห็น!
“มันไม่อยู่หรอกน่า มึงไม่ต้องห่วง!” ผมตบหน้าผากตัวเองทันที คือไม่ได้สำนึกอะไรเลย
ตอนนี้เพื่อนๆใหม่ผมก็มองงงๆ ประมานว่าอะไรกัน ผมก็มองพวกมันแบบยิ้มอ่อนให้......
“พวกนายรอแปปนะ เราขอคุยกับเพื่อนแปปนึง” ผมยิ้มให้ทุกคนแล้วก็จูงแขนไอสิงโตออกมาห่างนิดหน่อย เพื่อนๆก็ดีมีน้ำใจดี ยืนรอผม
“ไออ๊อฟใจร้ายไปแล้วนะ มันจะไม่ให้กูยุ่งกับมึงเลยเหรอ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา
“ก็เออดิ แล้วนี่อะ ช่วงนี้มึงห่างๆกูไว้ก่อนเลยนะ กูเคลียล์กับพี่อ๊อฟได้เมื่อไหร่กูจะบอกมึงเอง โอเคไหม”ผมบอกมันอย่างจริงจัง
“ตอบไลน์รับโทรศัพท์กูบ้าง กูคิดถึงมึงนะไอนท!” มันบอกอย่างจริงจัง
“กูโดนพี่อ๊อฟยึดโทรศัพท์ไป และมึงก็ไม่ต้องมางอแงอะไรตอนนี้ด้วย เขาบอกกูว่าถ้ากูสุงสิงอยู่กับมึงเขาจะไม่ให้โอกาสกูอีก” ผมบอกมันอย่างจริงจัง พร้อมมองซ้ายขวาไปด้วย ระแวงเหลือเกิน
“โอเคๆ มึงไม่ต้องทำหน้าลำบากใจขนาดนั้นนะ กูจะรอ” ผมก็พยักหน้า
มันพูดอะไรกับผมนิดหน่อยแล้วมันก็เดินไป ผมก็ไม่อยากทำร้ายไอสิงโต แต่จะให้ทำยังไงละ ก็ในเมื่อผมเลือกพี่อ๊อฟ ผมก็เดินกลับไปหาเพื่อนที่ยืนรอ ขอโทษมันนิดหน่อยก็พากันไปอาบน้ำ....
“นท ถูหลังให้หน่อย มีแต่ฝุ่น!” ไอปลื้มหันหลังให้ผม
“เดี๋ยวกูเอง!” ไอซ์มันกระซิบบอก แล้วดึงผมให้ถอยไป ไอซ์มันก้ถูหลังให้ไอปลื้มแทน
“เบาๆสิวะ! หลังกูไม่ใช่พื้นนะเว้ย! ถูขนาดนี้เลาะหนังกูไปเลยไหม!” ไอปลื้มหันมาโวยวายแล้วก็มองแบบตกใจ
“อะ...เอ่อ ไอซ์อาสานะ กูไม่เกี่ยว” ผมทำหน้าไม่รู้เรื่องแล้วก็อาบน้ำไป
ไอปลื้มมันก็โวยวายใหญ่เลยทีเดียว ผมก็ทำมึนไม่รู้เรื่อง เอาแต่หัวเราะให้กับท่าทางปัญญาอ่อนของมัน พออาบน้ำอะไรกันเสร็จก็พากันกลับเต๊นท์ เข้าไปก็จัดแจงที่นอน พี่อ๊อฟหายไปไหน? ผมก็เดินออกไปตามหาพี่อ๊อฟพอเดินไปแถวโดมเห็นมันกำลังประชุมกันอยู่กับพวกรุ่นพี่ สรุปคือมันไม่ว่างเลย ผมก็กลับไป แล้วดูในกระเป๋า เจอเอายาแก้ปวดเมื่อย ไม่รู้ว่าแม่ยัดมาให้ทำไม แต่ผมว่ามันก็ดีนะไม่ได้เลวร้ายกว่าที่ คิดพี่อ๊อฟก็เริ่มคุยกับผมมากขึ้น ผมก็เข้ากับเพื่อนๆได้ สรุปคือดีกว่าที่คิดไว้เยอะ แล้วก็ออกจากเต๊นท์อีกครั้งเพื่อเอายาไปให้พี่อ๊อฟ พอผมเดินมาอีกที มันก็กำลังเดินออกมาพอดี ผมก็เดินไปหามัน มันก็มองผมนิ่งๆ....
“เมื่อยเปล่า!” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“นิดหน่อย!” มันพูดแล้วบีบต้นคอ
“ไปอาบน้ำเถอะ แล้วก็...” ตอนแรกว่าจะยื่นยาไปให้มันเอาไปทาเอง ผมทำให้ดีกว่า “อาบน้ำเสร็จไปเรียกผมที่เต๊นนะ เดี๋ยวจะทายาแก้เมื่อยให้ จุ๊บ!” ผมพูดแบบเร็วๆ แล้วหันมองซ้ายขวาจุ๊บแก้มมันไปทีนึงแล้วก็วิ่งไปเลย มันก็มองแบบตกใจ
ผมก็กลับไปนั่งรอที่เต๊นท์ เพื่อนๆก็คุยกันไป กินขนมกันไป แต่เสียงดังไม่ได้นะ ไม่งั้นซวยกันยกเต๊นท์.....
“โครตเพลีย!” ปลื้มล้มตัวนอน
“เออ ล้าสุดๆ!” ผมล้มตัวนอนข้างมัน
“โกกิ ข้อเท้าเป็นอะไรบวมๆ!” โอ้ถามอย่างสงสัย ทุกคนก็หันไปมอง
“มันปวดๆ สงสัยที่แพลงเมื่อตอนแสดงละครมั้ง!” โกกิพูดแล้วลูบๆข้อเท้า
“กูมียา เอาเปล่า?” ผมพูดมันก็มองนิ่งๆแล้วผมก็ยื่นยาไปให้มัน มันก็รับไปทาเบาๆ ตอนนี้เราคุยแบบเป็นกันเองแล้ว ตอนแรกผมก็ไม่ยอมหรอก พวกมันก็บังคับกัน และหลังจากที่การแสดงผ่านไปได้ด้วยดี ดูเหมือนทุกคนก็ชอบไอปลื้มมากขึ้น
แล้วเราก็นั่งคุยกันไป คือมันไม่มีใครง่วง แปลกที่และเพื่อนเยอะด้วยแหละ จนพี่อ๊อฟมาเรียกเบาๆหน้าเต๊นท์ ผมก็หยิบยาที่โกกิแล้วก็ลุกออกจากเต๊นท์ไป พี่อ๊อฟมันก็ทำหน้าสงสัยว่าให้มาหาทำไม....
“เมื่อยเหรอ ไปนั่งก่อนดิ!” ผมจับมือมันแล้วก็พามันเดินไปตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ๆเต๊นท์แล้วนั่งลงกับเก้าอี้เก่าๆ “ผมนวดให้นะ” ยิ้ม มันก็อมยิ้ม
ผมก็บีบยาใส่ตามลำคอมันแล้วก็นวดเบาๆ ตามแขนมือ ไล่ไปเรื่อยๆ มันก็เคลิ้มเชียว.....
“พี่อ๊อฟ” พี่อ๊อฟที่หลับตาอย่างเคลิ้มลืมตามามองผม “รักพี่นะ” ผมยิ้มเขิน
“กูก็รักมึง” มันยิ้ม
“หายโกรธได้แล้วนะ” ผมจับมือมัน
“สาระภาพมาสิว่าวันนี้ได้คุยกับไอสิงโตหรือเปล่า!” มันถามอย่างจับผิด
“คุย” มันทำหน้าไม่พอใจ “คุยเมื่อตอนไปอาน้ำตอนที่พี่ยุ่งๆอยู่มันมาทักทาย ผมก็ไล่มันไป” ผมบอกอย่างจริงจัง “อย่าโกรธเลยนะ ผมขอโทษ” จับมือมันแล้วก้มหน้า ถ้ามันโกรธผมอีกรอบ ผมคงช้ำใจตาย
“อืม ไม่โกรธหรอก กูเห็นอยู่” ผมเงยหน้ามองมันแล้วยิ้มทันที “ดีนะที่กูเห็นว่ามึงทำหน้าไม่พอใจมัน ถ้ากูเห็นมึงดี๊ด๊านะ อย่าหวังเลยนท!” มันพูดแบบจริงจัง
“รู้แล้วๆ แฟนผมน่ารักจัง” ผมยิ้ม แล้วก็นวดมือมัน
“แล้วนอนริมหรือเปล่า?” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“ไม่ นอนที่ๆพี่อ๊อฟเห็นนั่นแหละ มันสนิทกันแล้วไง อีกอย่างย้ายตอนนี้มันก็ดูเหมือนรังเกียจเพื่อนหรือเปล่า”ผมพูดแบบไม่จริงจังนัก มันก็พยักหน้า
“อย่าไปทำอะไรพวกมันละ” มันพูดกวนๆ
“บ้า!” เริ่มหายโกรธผมแล้วละ เริ่มจะเป็นเหมือนเดิมแล้ว
ผมก็นวดให้มันและก็คุยกับมันไปนิดหน่อย ก็ต้องรีบเข้าไปในเต็นท์เพราะพี่คุมมา ผมเข้าไปก็บอกให้เพื่อนๆแกล้งหลับไปก่อน เพราะถ้ายังไม่นอนแล้วโดนจับได้ตอนนี้คือไม่ได้นอนเลยนะ เขาจะทำโทษ อันนี้จริงหรือเปล่าไม่รู้ก็เขาพูดไว้แบบนี้ พอเสียงเงียบไป ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกันอีก สนุกสนานไป....
“นทกูปวดตรงนี้วะ ใช้ยานวดให้หน่อยดิ!” ไอปลื้มมันนอนคว่ำแล้วชี้ไปตรงกลางหลัง ผมก็พยักหน้าแล้วก็ทำให้มัน
“พอแล้วมั้งกูเมื่อยแล้ว” ผมพูดนิ่งๆ
“อืมๆ” แล้วมันก็หันมานอนหงาย “อ่า สบาย!” มันครางออกมาอย่างสบาย
“โกกิ ดีขึ้นยังอ่า” ผมหันไปถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่รู้เหมือนกัน” มันก็ลุกขึ้นมาดู รู้สึกว่าบวมกว่าเดิมอีก
“ทำไมมันบวมกว่าเดิม ขอดูมันหน่อยนะ” ผมสะกิดให้ไอซ์กับมายด์ถอยหน่อย มันก็เขยิบให้ผมไปนั่งข้างๆโกกิ “ปวดมากเปล่า?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่มาก แต่ก็ปวดนะ” โกกิบอกแล้วเบ้หน้า
“เดี๋ยวไปตามพี่เขามาดีกว่า พรุ่งนี้อาจจะไม่ไหวนะ!” ผมบอกอย่างจริงจัง
“ไม่ลองนวดให้มันดูก่อนละ” โบลิ่งบอกนิ่งๆ
“กลัวมันจะช้ำกว่าเดิมอะดิ”ผมบอกแล้วมองไปที่ข้อเท้า ผมก็บีบยาแล้วก็นวดเบาๆ “เจ็บไหม?” ผมถามอย่างเป็นห่วง มันก้ส่ายหน้า
ผมก็นวดไปตามที่เคยรู้มาจากอาหมอ ตอนเด็กๆผมชอบขาแพลง แล้วก็ปวดหนักเป็นประจำ อาหมอก็สอนผมบ่อยๆ ผมก็นวดๆไปดึงข้อมันบ้างเผื่อมันจะส้น ผมทำไปมองหน้ามันไปก็เหมือนไม่ปวดมาก ผมก็เลยนวดไปตามวิธี พอเสร็จก็ลองให้มันหมุนข้อเท้าดู.....
“เออ โอเคขึ้นวะ” มันเผยยิ้มออกมา
“อื้ม อย่าเพิ่งไปกระแทกแรงละ!” แล้วผมก็ลุกกลับที่นอนตัวเอง
“เก่งว่ะ มึงเป็นหมอเหรอ?” ไอปลื้มถามกวนตีนไง
“อากูเป็นหมอ” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“อาเป็นถึงหมอ แล้วไหงมึงบอกว่าจน!” ไอปลื้มถาม ผมถึงกับชะงัก
“อากูเป็นหมอ ก็ไม่ได้แปลว่ากูจะรวยป่ะ” ผมล้มตัวนอน
“กระเป๋าสวยนะนท รุ่นนี้แพงมากเลยนะ” ไอซ์ถามขึ้นมา ผมเบื่อไอพวกนี้จริง ผมเอากระเป๋ากีฬาแบรนดังมาเข้าค่ายไง จะจับผิดกันเพื่ออะไรวะ?
“อืม ของพี่อะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกมันก็ถามแบบจับผิดผมกันต่อไป ผมก็ตอบนิ่งๆ คือบ้านผมจะจนจะรวยแล้วเกี่ยวอะไรกับพวกมัน ถามกันอยู่นั่นแหละ จนผมนอนไปเพราะถ้าดูจากนาฬิกาข้อมือของไอซ์ก็5ทุ่มแล้วก็ควรนอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งตี5แหนะ เช้าเกินผมก็หลับไป เพื่อนๆก็ทยอยหลับกันแล้ว...
ผมสดุ้งตื่นกลางดึก คือปวดฉี่หนักมาก บวกกับอากาศที่ค่อนข้างจะหนาวด้วยแหละ ไอปลื้มมันดึงผ้าห่มผมไปห่มคนเดียวหมดเลย........
“ปลื้มๆ” ผมเรียกมันเบาๆแล้วก็เขย่าตัวมัน
“อื้อ!” ไอเวรนี่มันทำรำคาญผม
“ไอซ์ๆ” ไอนี่หันหลังหนีเลย พึ่งพากันได้จริงๆนะพวกมึง
ผมก็ไม่ไหวแล้วด้วย โถ่! ผมก็เลยค่อยๆลุกแล้วก็เดินข้ามเพื่อนๆไปเพื่อออกจากเต๊นท์ พอออกไปได้ก็เห็นว่าบรรยากาศมันวังเวงเหลือเกิน ผมเอาแขนกอดตัวเองไว้ เพราะอากาศเย็น ผมก็ค่อยๆเดินไป อย่างกล้าๆกลัวๆ ปิดไฟมืดหมด น่ากลัวจริงๆ เสียงนกเสียงสัตว์ป่าก็โหยหวนอะไรกันก็ไม่รู้
"แคว้กๆๆ!!! พรึ่บๆ! พรือๆ!"
“อ๊ากกกกกกก!” ผมวิ่งเลยสิ ไปหลบอยู่ข้างเต๊นท์ใครก็ไม่รู้แล้วเอามือปิดตา เสียงอะไรก็ไม่รู้ เหมือน แมวหรือนกอะไรสักอย่าง........
ขนาดผมร้องเสียงดังขนาดนั้นก็ยังไม่มีใครเดินมาเลย แม้แต่คนในเต๊นท์ก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาดู ผมก็คงต้องพึ่งตัวเอง ผมก็ค่อยๆลืมตา แล้วก็รีบเดินไปห้องน้ำก่อนฉี่มันจะราดตรงนี้ ผมก็เดินจ้ำๆไป เอามือปิดหูไปด้วย กลัวมากบอกตรงๆ จะฉี่ข้างต้นไม้ก็กลัวโดนผีหักคอเอาอีก คือทำไมเวลาแบบนี้เรื่องผีต้องอยู่ในหัวผมเต็มไปหมดก็ไม่รู้นะ พอถึงห้องน้ำผมก็รีบเข้าไปฉี่เลย....
“เฮ้อ!” ผมถอดหายใจอย่างโล่ง เมื่อได้ปลดปล่อย(ฉี่)
"มึงแน่ใจนะว่ามันอยู่ในนี้อ่ะ!" ผมชะงักไป ใคร?....
"แน่สิ เมื่อกี้กูเห็นมันทำท่ากลัวอะไรสักอย่างแล้ววิ่งเข้ามาในห้องน้ำเนี่ย!" เสียงผู้ชายแต่ไม่ใช่ผู้ชาย คือแอ๊บเสียงกันมาก พวกตุ๊ดชัวร์ๆ จริงๆโรงเรียนผมก็มีนะ และถึงผมจะเป็นเกย์แต่ก็ไม่ได้แสดงออกขนาดนั้นด้วย อีกอย่างคนพวกนั้นมักจะไม่ค่อยพอใจผม สักเท่าไหร่ ชอบหาว่าผมแอ๊บ? ชอบแขวะหรือมองจิกเวลาเดินผ่าน แต่ผมก็มักจะไม่สนใจ เพราะว่าผมไม่ยุ่งกับคนพวกนั้นอยู่แล้ว มีบ้างที่ชอบมายุ่งกับพี่อ๊อฟ เพราะในห้องพี่อ๊อฟก็มีตุ๊ดเกย์เหมือนกันแต่พี่อ๊อฟก็ไม่เล่นด้วยอยู่แล้ว อย่างมาที่ค่ายวันนี้ก็มีเยอะอยู่นะแต่ผมก็ไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพวกนั้น แล้วพวกนี้มาตามผม? ทำไม? เพราะตอนนี้ในห้องน้ำมีผมคนเดียวไง จากที่ผมสังเกตุก่อนจะมาเข้าห้องน้ำห้องนี้.........
"ปั้งๆๆๆ!" ประตูห้องน้ำผมถูกทุบอย่างดัง ทำให้ผมหลุดจากความคิดของตัวเอง
"ออกมาได้แล้วเว่ยยย!" เสียงนี่สุดๆเลย ผมก็เปิดประตูออกไป ตกใจไปหน่อย ยืนกัน5คน ก็เคยเห็นแล้วละในค่ายแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะอยู่คนละกลุ่ม และคนละโรงเรียนด้วย.............
“มีอะไรเหรอ?” ผมถามนิ่งๆ
“คือพวกเราข้องใจเว่ย!” ผมอมยิ้มให้กับท่าทางและการพูดของมัน คือทำปากทำหน้าทำตา ผมเกือบหลุดขำแหนะ “นี่มีอะไรน่าขำเหรอ!” มันทำหน้าไม่พอใจ
“ปะ..เปล่า ข้องใจอะไรเหรอ?” ผมปรับสีหน้านิ่งทันที
“แกเป็นใช่ป่ะ?” ผมก็พยักหน้า คงรู้ความหมายกันเนอะ
“ฉันเห็นแกอะ ยุ่งกับผู้ชายที่พวกฉันชอบ พวกฉันไม่พอใจมากบอกตรง” พูดไปทำหน้าไม่พอใจไป
“ผู้ชายคนไหนอะ?” ผมถามนิ่งๆ แล้วกอดอกมองมัน ผมก็เริ่มไม่พอใจแล้ว จะมาหาเรื่องกันยามวิกาลแบบนี้เหรอ
“รุ่นพี่คนนั้นอ่ะ ที่แกนั่งนวดให้เขาใต้ต้นไม้อะ ดี๋ด๊าน่าหมั่นไส้สุดๆเว่ย!” เบะปากได้หน้าเหมือนปลาไหลมาก ผมก็พยักหน้านิ่งๆ
“อ่อ! อันนั้นอะแฟนเราเอง! ถ้าทำให้ไม่พอใจก็ขอโทษด้วย!” ผมพูดนิ่งๆ
“มโนค่ะ พี่เขาบอกว่าแกเป็นแค่น้องแถวบ้านที่สนิท!” นางโมโห ผมก็ชะงักไปนิดเพราะไม่คิดว่าพี่อ๊อฟจะพูดแบบนั้น
“อ๋อ! จะคิดยังไงก็แล้วแต่อะ ถ้าไม่พอใจก็ช่วยไม่ได้ และอีกอย่างนะ” ผมมองพวกมันทีละคน ถามว่ากลัวไหม กลัวนะ แต่ถ้าแสดงให้พวกมันเห็นว่ากลัวมันก็แปลว่าผมแพ้น่ะสิ “พี่เขาไม่สนใจพวกแกหรอก” ผมพูดนิ่งสุดๆ
“แหมๆๆๆ! ทำเป็นมั่นใจไป หน้าอย่างแกก็เป็นได้แค่อีแอบนั่นแหละ!” พูดแล้วทำตาถลน
“ถ้าจะมาพูดเรื่องไร้สารก็พอเถอะนะ เราจะไปนอนแล้ว” ผมจะเดินออกจากห้องน้ำมันก็มายืนบังกันไว้ “จะเอายังไง” มองแบบไม่พอใจ
“นี่ฉันไม่ได้อดหลับอดนอนเพื่อมาพูดกับแกแค่นี้หรอกนะ!” นางเสียงดังแล้ว
ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ และก็แปลกใจหลายๆอย่างทำไมไม่มีครูฝึกมาเฝ้าเวรยามหรือพวกรุ่นพี่ไปไหนหมด? ผมก็ถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:45:47
“โอเคๆ เขาเป็นแค่พี่แถวบ้าน โอเคไหม จบนะเราขอตัวก่อน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก” ผมพูดอย่างเก็บอารมณ์ คือผมไม่อยากมีเรื่อง ยิ่งต้องมาทะเลาะกันเพราะเรื่องพวกนี้อีกผมขอไม่เอาแล้ว
“อย่างนั้นก็ดี” พวกมันยิ้มอย่างผู้ชนะกัน ผมก็กรอกตาให้กับความหลงตัวเองของพวกมัน
“งั้นก็ถอย เราจะไปนอน” ผมบอกนิ่งๆ
“มันไม่ใช่แค่พี่คนนั้นนะ ไอคนที่เล่นเป็นบ้ากับแกด้วยอะ แล้วก็คนที่กอดแกหน้าห้องน้ำคนนั้นอีก แล้วก็คนที่ไปลากแกออกไปโดนทำโทษเมื่อตอนบ่ายด้วย ละ....” ผมตะลึงนะ มันเฝ้าตามผมเลยเหรอ แล้วผู้ชายตั้งเยอะตั้งแยะ ต้องมาวนเวียนกับไอพวกที่อยู่ข้างๆผมเนี่ยนะ
“นี่คือตามดูเราเพราะเรื่องแค่นี้น่ะเหรอ!”ผมพูดตัดบทมันอย่างไม่พอใจ มันเกินไปจริงๆ
“ก็แกมันฉาวนี่ ทำไมฉันจะไม่รู้จักแก เขาเอาแกไปพูดกันให้ทั่ว!” มันทำหน้าเหยียดผม
“พูดอะไร? และเขาไหน?” ผมถามนิ่งๆ
“ไม่รู้ตัวเหรอ?” ทำจีบปากจีบคอน่าหมั่นไส้มาก
“งั้นขอตัวนะ!” ผมพูดนิ่งๆ เพราะเบื่อจะมาพูดจาไร้สาระเต็มทน
ปึก! ผมเดินชนพวกมันอกมาเลย ขวางดีนัก ผมเดินพ้นห้องน้ำมาได้นิดหน่อยมันก็เดินตามมาด่าผมแล้วก็เดินมาขวางหน้าผมอีก ตอนนี้เรายืนกันอยู่หน้าห้องน้ำ ซึ่งทั้งมืดทั้งวังเวง.....
“มันจะมากไปแล้วนะ!”โกรธ?
“แล้วมันจะน้อยไปไหมละ เรารู้จักกันขนาดต้องมายืนด่ามายืนทำหน้าไม่พอใจกันหรือยังไง! และอีกอย่างนะถึงพวกแกจะชอบพวกมันอะ พวกมันก็ไม่ชอบพวกแกหรอก!” ผมพูดอย่างหมดความอดทน พร้อมกับทำหน้าสมเพชพวกมัน
“ปากดีนะมึง!” ง้างมือจะตบ ผมก็เชิดหน้ารอมันพร้อมทำตาแข็ง
“อย่าเลยมึง เพราะคนสวยๆอย่างพวกเราไม่ควรลดตัวไปตบกับพวกชั้นต่ำหรอก” พูดจีบปากจีบคอ ผมก็แสยะยิ้ม
“งั้นคนชั้นสูงทั้งหลายก็ควรไปนอนนะ ดึกดื่นป่านนี้ไม่นอน แถมยัง...ทาแป้งสะหน้าขาวเป็นผีแบบนี้ ระวังผู้ชายเขาจะตกใจหนีเข้าป่ากันไปหมดนะ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วก็ยิ้มเยาะพวกมัน
“ฮึ! ถามจริงๆเถอะนะ การที่พวกฉันมากันหลายคนเนี่ย.....” มันกัดฟันพูดมันคงโกรธเต็มทีแล้วละ “หมับ!” บีบแขนผมอย่างแรง ผมนิ่วหน้านิดหน่อยเพราะมันเอาเล็บจิก ผมก็ใช้มืออีกข้างพยายามดึงออกแต่ก็ไม่เป็นผล “ไม่ได้ทำให้แกกลัวเลยใช่ไหม!” ตะคอกอย่างโมโห แต่เสียงแมนมาก ขัดกับแป้งและลิปบนหน้าที่มันทามา
“แล้วทำไมจะต้องกลัวละ ในเมื่อเราไม่ได้ทำอะไรผิด อีกอย่างพวกแกเองไม่ใช่หรือยังไงมาหาเรื่องเราอะ!”ผมเถียงอย่างไม่ยอม
ปึก! ตุบ! ตัวผมล้มไปตามแรงถีบจากด้านข้าง คนที่จับแขนผมก็เอาเล็บขูดแขนผมตอนที่ผมกำลังล้มไปด้วยเป็นรอยมีเลือดซิบเลย ผมเงยหน้ามองพวกมันตาขวาง......
“มึงยังจะเก่งอยู่นะ! มองพวกกูอย่างนี้มึงอยากเจ็บตัวอีกหรือยังไง!” คือมันจะพุ่งมาแต่เพื่อนอีกคนมันจับไว้
“นี่ไม่กลัวว่าเราจะไปฟ้องครูเหรอ? ถึงได้ทำตัวเหมือน...ไม่มีใครรักแบบนี้อะ!” ผมตะคอกกลับอย่างไม่ยอม
เพี๊ยะ! คนที่อยู่หน้าผมพุ่งเข้ามาตบผม ผมก็เอามือปัดป้องแล้วก็ใช้ตีนถีบพวกมันบางคนก็ถอยออกไป อีกคนก็วิ่งเข้ามานั่งทับตัวผมแล้วก็ข่วน ตามแขนผมมีแต่รอยไปหมดแล้ว เพราะเอามือบังหน้าไว้ ไม่งั้นเสียโฉมจะทำยังไง ผมได้จังหวะจับมือมันได้ผมก็บีบข้อมือมันสุดแรง มันตัวอ่อนล้มไปข้างๆผม ผมกำลังจะลุกอีกคนกระโดดถีบผมล้มไปอีกครั้ง พวกมันกำลังจะวิ่งเข้ามาซ้ำผมกำทรายที่อยู่ที่พื้นโยนใส่หน้ามันเลย และก็ได้ผล ทรายเข้าตาพวกมัน ผมก็ลุกขึ้นอย่างเร็วคนที่โดนทรายวิ่งไปห้องน้ำสามคน ตอนนี้เหลืออีกสอง มันมองผมแบบจะฆ่าผม ผมก็ยิ้มให้มันแบบกวนๆ มันกรีดร้องแบบโกรธแค้นแล้วกะโจนใส่ผมทั้งคู่ ผมใช้ตีนทีบอีคนที่มันมาถึงผมก่อนจนมันล้มไปแล้วผมก็กระโดดคร่อมมันแล้วก็รัวหมัดใส่มันไม่ยั้ง ทั้งหมัดทั้งตบ ทั้งข่วน เอาคืน อีกคนก็จิกหัวผม ทุบหลัง ผมเอาความเจ็บทั้งหมดที่หลัง มาลงอีคนที่มันโดนผมคร่อมเนี่ยแหละ เน้นต่อยไปที่ปาก กะเอาให้ฟันแม่งหักไปเลย ทำแบบนั้นไปสักพักอีกสามคนก็ออกมารุมผม อีกคนก็มารัวทุบ ผมก็จับหัวคนที่ผมคร่อมมันอยู่โขกกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง อีกคนก็สาดทรายใส่ผม และแน่นอนว่ามันก็ต้องกระเด็นโดนเพื่อนมัน ไปๆมาๆเพื่อนของมันสามคนลากผมลงจากตัวเพื่อนมันที่ผมคร่อม ตอนนี้ผมโดนรุมเตะ น่วมเลยเอาจริง
"เห้ย! ทำอะไรกัน!" ใครไม่รู้ตะโกนมา อีพวกนี้วงแตกเลย หนีกันไปคนละทิศคนละทางเลย ผมก็นอนเจ็บอยู่เนี่ยแหละ สักพักคนที่ตะโกนมาเมื่อกี้ก็เข้ามาช่วยพยุงผมลุกขึ้น จริงๆไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่มันเหนื่อยอะดิ พอผมหันไปมอง.......
“พี่ชล” ผมยิ้ม ก็พี่ชล ที่จัดกิจกรรมเมื่อบ่าย ที่แกล้งผมให้เต้น
“ทำไมสภาพเป็นงี้วะ” มันมองผมแบบตกใจ
“โดนพวกเวรนั่นรุมไง เจ็บชิบ!” ผมดูตามเนื้อตัวมีแต่รอย จบกัน เพิ่งหายจากโดนซ้อม มาโดนรุมอีก เวรกรรมอะไรของผม
“เออๆ ไปทำแผลก่อนเถอะ!” พี่ชลบอกเสียงดุ แล้วก็ลากผมไป
ใช้คำว่าลากเนอะ มันก็เห็นไงว่าผมเจ็บ ดึงสะแบบว่ารีบไปตายเหรอครับพี่ ผมก็ตามไปนิ่งๆเนี่ยแหละ ตอนนี้ก็ตี2กว่าแล้ว โถ่! ต้องมามีเรื่องเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องอีกแล้ว ผมก็ไปนั่งทำแผลที่ห้อง เอ่อ! ห้องอะไรสักอย่างมีกล้องวงจร มีแฟ้มเยอะแยะไปหมด ผมถามพี่เขาว่าไม่มีเวรเฝ้าอะไรตอนกลางคืนเลยเหรอ เขาก็บอกมีแค่เดินตรวจตามเวลา และตอนที่ผมมีเรื่อง มันไม่มีใครมาเดินตรวจ ผมก็ซวยไป ผมก็คุยกับพี่เขาไปเขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้นผมก็เล่าไป แบบหมดเปลือกพี่เขาก็ทายาอะไรตามตัวให้ผม แสบมากตรงรอยข่วน ดีนะที่หน้าผม ไม่โดนเยอะ มีแดงๆที่แก้มเป็นรอยมือ และรอยข่วนนิดๆ มุมปากก็แตกนิดหน่อย แค่นั้น แต่แขนขานี่เต็มเลย พอทำแผลเสร็จพี่ชลเขาก็ไปส่งที่เต๊นท์ เราก็เดินคุยกันไปด้วยจนถึงเต๊นท์.....
“พี่ชล ผมไม่ยอมนะ ฟ้องครูฝึกเลย เอาเรื่องให้ถึงที่สุด!” ผมบอกอย่างแค้นใจ ตอนนี้เรายืนกันหน้าเต๊นท์ผม
“เออๆ เดี๋ยวจะจัดการให้ ดูแลตัวเองดีๆละ ถ้าใครมาหาเรื่องก็ไม่ต้องไปต่อปากต่อคำกับมันหรอก พี่ไปแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้” พูดจบก็ขยี้หัวผมแล้วก็เดินไป
ผมก็กลับเข้าเต๊นท์ เพื่อนๆก็นอนกันสบายเหลือเกิน มีผมที่ตกระกำลำบากอยู่คนเดียวเนี่ย แค่ไปเข้าห้องน้ำต้องเจ็บตัวถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย รู้งี้ฉี่ตรงต้นไม้ดีกว่า ยอมโดนผีหลอกดีกว่ามั้ง คิดอะไรไปทั่วผมก็ล้มตัวนอน เพราะง่วงมากเหลือเกิน ก็หลับไป  ผมมาสดุ้งตื่นอีกทีเพราะมีแรงเขย่าที่ตัวผมและเสียงก็ดังด้วย ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา เพื่อนๆนั่งล้อมตัวผม นี่ก็ยังมืดอยู่....
“เอ่อ! เขาเรียกแล้วเหรอ อืม” ผมพูดอย่างงัวเงีย เหมือนเพิ่งนอนไปได้แปปเดียวเอง
“ตื่นเลยมึง ครูเป่านกหวีดแล้ว แล้วตัวมึงไปโดนอะไรมาวะ!” ไอปลื้มถามอย่างเป็นห่วง
“แผลเหมือนไปมีเรื่องกับใครมา” โกกิถามแล้วทำหน้าเครียด
ผมก็นอนหลับตาฟังคำถามที่พวกมันรัวมาให้ แล้วผมก็ลุกขึ้นนั่ง แล้วก็ลูบหน้าตัวเองนิดหน่อย ปรากฏว่าเจ็บ ระบมเลย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก อดเอาแค่นี้เอง ไอพี่เฟิสจัดผมหนักกว่านี้ 10 เท่านะ แค่นี้เล็กน้อยมาก.......
“เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังนะ ไปอาบน้ำกันเถอะ!” ผมพูดนิ่งๆ พวกมันก็ทำหน้าไม่พอใจกัน
เอาจริงๆจะเป็นห่วงผมอะไรขนาดนั้น ผมก็เตรียมของแล้วก็เดินออกเต๊นท์ไปกัน เราก็ตรงไปห้องน้ำ และก็ไปเจอพวกนั้นอีก มันก็มองผมแบบผู้ชนะ ผมก็ยิ้มให้มันแบบร้ายๆตอนนี้ผมกับปลื้มเดินหลังเพื่อนๆคนอื่นไง....
“ปลื้ม ดูสิเจ็บมากเลยอ้า!” ผมทำท่าอ้อนไอปลื้มมันก็ดูที่แผลผมอย่างเป็นห่วง
อีพวกตุ๊ดหน้าวอกพวกนั้นถึงกับสั่น มันคงจะหมั่นไส้ผมเต็มที่ ผมก็อ้อนไปปลื้มแล้วก็เดินผ่านพวกผีหน้าวอกพวกนั้นไป พวกมันดูจะของขึ้นนะ ผมจะเอาคืนให้สาสมเลยคอยดูอีพวกผีวอกเนี่ย! พอเข้าไปในห้องน้ำพวกผมก็ล้างหน้าแปรงฟันกันเท่านั้น เพราะสายๆเขาจะให้อาบอีกทีนึง.....
“แสบมากหรือเปล่ามึง” ปลื้มถามอย่างเป็นห่วง
“นิดเดียว” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
“อะไรวะ! เมื่อกี้ยังมาอ้อนให้กูดูอยู่เลย” ไอปลื้มพูดอย่างไม่พอใจ
“มึงอย่าเยอะน่า” โกกิพูดแล้วมายืนข้างๆผม
“นทมึงต้องเล่านะเว้ย! ไม่งั้นกูจะบอกครูฝึกว่ามึงไปโดนกระทืบมา” ไอซ์พูดติดตลก
“กูโดนรุมซ้อมมาวะ” ผมพูดนิ่งๆ พวกมันเงียบกันเลย
“รอยเต็มตัวมึงเลยรู้เปล่านท ดูหลังดิ ถอลกไปหมด ดูแขนมึงด้วย!” โบลิ่งพูดอย่างกังวล
“กูจะเอาคืนพวกแม่ง!” ผมพูดแบบข่มอารมณ์แล้วก็กระแทกแปรงฟันเข้าปากตัวเอง เจ็บสุดๆ555
“ใครวะมึง?” โอ้ถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวพวกมึงก็รู้” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ ควรอายไหมไปมีเรื่องกับพวกนั้น โถ่ชีวิต!
พอล้างหน้าแปรงฟันอะไรเสร็จก็เดินกลับ พวกพี่เขาก็ไปประชุมกัน พี่อ๊อฟจะรู้ไหมเนี่ยว่าผมเจ็บตัวอีกแล้ว กลับไปที่เต้นก็เปลี่ยนชุด วันนี้ใส่กางเกงวอร์มเสื้อยืด สบายๆ แต่ต้องใส่ผ้าพันคอกับหมวกที่เขาเพิ่งแจกให้ อึดอัดชิบ ทำอะไรเสร็จก็ไปเข้าแถว เขาจะพาออกกำลังกายยามเช้า เอ่อ! นี่เช้าเหรอ ทำไมฟ้ามันมืดแบบนี้...........
“ไหนวะ ใครที่เป็นคนทำมึง” ไอปลื้มอยู่ๆมันก็พูดขึ้น เพราะตอนเดินมาเข้าแถว คนเขาก็มองผมกันเต็มเลย อย่างที่รู้ผมก็เด่นพอควรอยู่แล้ว และยังมีแผลประดับเรือนร่างอีกเด่นเข้าไปใหญ่ ขาอะไม่เห็นหรอก แต่แขนก็เละขนาดนี้ไม่มองให้รู้ไป
“รอก่อนเถอะน่า!” ผมพูดปัดๆไป หวังว่าพี่ชลจะบอกครูฝึกแล้วนะ
แล้วก็เริ่มกิจกรรมออกกำลังกายไป ผมก็ทำแบบไม่ค่อยเต็มที่เท่าไหร่ แสบมันตึงแผล ก็ทำไปเท่าที่ทำได้ พอเสร็จครูฝึกก็ออกมาพูดถึงกิจกรรมวันนี้นิดหน่อย พวกพี่ๆเขาไปไหนกันหมดก็ไม่รู้ อยากเจอพี่อ๊อฟจะแย่อยู่แล้ว....
“เอาละ เดี๋ยวจะให้พักกันก่อนเนอะแล้วเดี๋ยวมารวมตัวกันอีกที จะได้ทำข้าวเช้าทานกัน”ทุกคนโฮ่กันเลยทีเดียว ทำกินเองอีกแล้ว แล้วพวกพี่ๆทหารก็เดินมากัน พี่ชลก็เดินไปกระซิบครูฝึก “อ้อ! เมื่อคืน!” ตอนแรกยังอารมณ์ดี คราวนี้พูดเสียงแข็ง ทุกคนถึงกับเงียบกริบ “เมื่อคืนมีการทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น!” ทุกคนมองหน้ากันเลย ส่วนคนที่อยู่ใกล้ๆผม ก็มองผมกันเต็มไปหมด “ครูเข้าใจครับว่ามันหลายโรงเรียน แต่เราก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงจริงไหมครับ!” ทุกคนก็ตอบว่าจริงครับจริงค่ะเสียงดังฟังชัด “แล้วทำไมถึงได้เกิดเหตุทะเลาะกันได้อยู่! ออกมาเลยครับ! อย่าให้ผมต้องได้เรียกชื่อครับ!” บอกเสียงโหดมาก ผมก็มองซ้ายขวาเอาไงดีวะ
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:46:29
พี่ชลก็ส่งซิกให้ผมออกไป ผมก็ลุกขึ้น ทุกคนก็มอง พวกพี่ๆที่กำลังเดินมาก็มองผมกันอย่างตกใจ หน้าผมไม่เท่าไหร่ แต่แขนอะ เป็นรอยขีดยาว เหมือนโดนมีดบาด หลายรอยเลย เป็นแผลตกสะเก็ดยาวๆเต็มแขนเลย พี่อ๊อฟมองผมแบบตั้งคำถามไปหมด ผมเดินออกไปหาครูฝึกข้างหน้าแถว......
“เรื่องมันเป็นยังไงครับ คุณทำร้ายตัวเองเหรอ แล้วอีกฝ่ายไปไหน!” ครูก็โหดไปไหน พูดเสียงดังผมถึงกับสะดุ้ง พี่ชลก็เอาแขนโอบไหล่ผมไว้
“ตรงที่น้องมีเรื่อง มันหน้าห้องน้ำเลย มันมีกล้องอยู่นะ ไม่ต้องกลัว พี่เช็คแล้วยังไงพวกมันก็ผิด” พี่ชลกระซิบบอกผมอย่างใจดี ผมก็ยิ้มอ่อนให้ไป
“จะต้องให้ผมเรียกชื่อพวกคุณทั้ง5คนหรือเปล่าครับ” ผมมองหน้าครูฝึกเลย เขาได้ดูกล้องคงรู้หมดแล้ว
แล้วอีกพวกผีหน้าวอกก็ลุกขึ้นมา ทุกคนคือฮือฮา โดยเฉพาะพวกเพื่อนๆผม เพื่อนใหม่ และพวกไอสิงโต ดูจะไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก พี่อ๊อฟคือนิ่ง นิ่งมาก อีพวกผีวอกมันก็ทำหน้างอเบะปากกัน ยืนบิดไปบิดมา บางคนก็ทำหน้าไม่พอใจ ผมก็มองนิ่งๆ......
“ดูจากสภาพก็น่าจะรู้นะครับว่าใครผิด” มองไปทางพวกนั้นอย่างไม่พอใจ คือครูเขาไม่ได้ใช้ไมค์หรือทรโข่ง แกตะโกนพลังเสียงของแกคือยิ่งใหญ่มาก ก้องกังวาล
“ครูคะหนูไม่ได้ทำค่ะ อีกอย่างมันอะเริ่มก่อน!” มันชี้มาทางผมแล้วโวยวาย
“พวกเธอตั้ง5คน รุมเขาบอกว่าเขาเริ่มก่อน” ครูถามอย่างนิ่งๆ พร้อมทำหน้าตั้งคำถาม
“คือเขาตบหน้าหนูก่อนอะค่ะครู” บีบน้ำหูน้ำตา เป็นอะไรที่น่าขยะแขยงที่สุด
“เอาล่ะ พวกที่เหลือไปพักซะ แล้วรอไปรับวัตถุดิบไปทำข้าวกิน ส่วน6คนนี้ตามครูมา” พูดเข้มๆแล้วก็เดินไป
ผมก็เดินตามไป พี่ชลก็เดินไม่ห่าง เพราะพี่ชลคือพยานคนเดียวของผม เราก็เดินกันไป ห้อง เอ่อ! ห้องที่พี่ชลพาผมมาทำแผลเมื่อคืน ครูฝึกก็ให้พี่ชลไปเปิดกล้องวงจรให้ดู คือเต็มๆ เห็นจะๆ หน้าชัดเจน คือมันอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำเลย และภาพที่เห็น ผมกำลังต่อสู้เพื่อป้องกันตัวสะด้วย พวกรุ่นพี่ก็ตามมาดูบางส่วน หนึ่งในนั้นก็มีพี่อ๊อฟ.....
“จริงๆพวกเธอก็ไม่น่ามีพฤติกรรมที่รุนแรงขนาดนี้นะ สถานที่นี้ไม่ได้มีไว้ให้พวกเธอมาทำเรื่องแบบนี้กัน!” หันไปพูดกับพวกนั้นนิ่งๆ ผมก็นั่งทำหน้าเศร้าๆ
ตอนนี้พวกครูที่มากับโรงเรียนก็มาดูกันแล้ว โรงเรียนผมมีครูห้องปกครองมาด้วยและหนึ่งในนั้นก็มีครูกมล และครูวิชาพละ ส่วนโรงเรียนอื่นผมไม่รู้ ตอนนี้ก็เริ่มพูดคุยกันแล้ว เพราะอีพวกผีหน้าวอก มันไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันทั้งหมด มันอยู่โรงเรียนไอสิงโต2คน และก็อีกโรงเรียน3คน ผมก็งงมันมารวมตัวกันได้ยังไงวะ ตอนนี้เริ่มเคลียล์กัน เพราะผมถูกทำร้ายและครูกมลคงรู้ ว่าถ้าผมกลับไปบ้านสภาพนี้จะเป็นยังไง ผมก็ได้แต่เล่าเรื่อง และพวกมันก็เอาแต่สร้างเรื่องโกหกสาระพัด ซึ่งจริงๆไม่ต้องถามอะไรมาก พวกมันก็ผิดอยู่แล้ว อีกอย่างคือพวกมันไม่ได้เป็นอะไรมากเลยต่างจากผมสิ้นเชิง พวกมันก็มีช้ำบ้างถลอกบ้างแต่ไม่เท่าผม.....
“คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เด็กทะเลาะกัน และแน่นอนไม่ว่าจะเหตุผลอะไร เด็กของโรงเรียนคุณทั้งสองเป็นฝ่ายผิด กรุณาทำให้ถูกต้องด้วยนะครับ” ครูกมลพูดอย่างจริงจัง
“แล้วอย่างนี้ใครจะเป็นคนรับผิดชอบละครับ ทางค่ายหรือทางโรงเรียน?” ครูฝึกถามอย่างจริงจัง คงไม่เคยมีเรื่องแบบนี้สินะ ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องอุบาทว์อยู่เรื่อยเลย
เขาก็พูดคุยกันไป ผมก็เริ่มเบื่อแล้ว จะขอออกไปก่อนก็ไม่ได้ ครูกมลจะพาผมไปอนามัยในหมู่บ้านแถวนี้ เริ่มไปกันใหญ่แล้ว พอเคลียล์กันจบก็ลงตัว พวกครูฝ่ายโรงเรียนนั้นเขาก็ยอมรับอยู่แล้วว่านักเรียนเขาอะผิดแต่อีตัวก่อเรื่องมันด้านไง แถจนถลอกปอกเปือกก็ยังไม่ยอมหยุด จนครูเขาบอกให้พวกมันหุบปาก ผมถึงกับหลุดขำ ตั้งแต่ผมเข้ามานั่งในห้องนี้ผมก็เล่าเหตุการณ์นิ่งๆไปเท่านั้นไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้น ต่างจากพวกมันทั้งแก้ตัวทั้งแถ
จนไปไม่รอดทั้งสองโรงเรียนจะรับผิดชอบ และลงโทษพวกนั้น พวกนั้นถูกลงโทษโดยการไม่ให้ผ่านกิจกรรมนี้ ง่ายๆคือตกวิชานี้ไป ไปแก้เอาปีหน้าหรือปิดเทอม ผมก็มองพวกมันนิ่งๆ แล้วยกยิ้มมุมปากอย่างสะใจให้พวกมันไป
พวกมันดูโกรธแค้มผมมาก งานนี้ผมไม่ผิดนะพวกมันมาว้อนหาเรื่องเองช่วยไม่ได้ ถึงพวกมันจะโดนไม่ให้ผ่าน แต่พวกมันก็ต้องทำกิจกรรมไป แถมยังต้องโดนทำโทษโดยครูฝึกตลอดการเข้าค่ายนี้ด้วย หนักสุดๆ ตอนนี้ผมก็ได้ไปตรวจร่างกายที่อนามัยในหมูบ้านครูกมลไปส่ง ตอนแรกครูทั้งสองโรงเรียนนั้นจะไปส่งแต่ครูกมบอกไม่ต้อง พวกครูเขาก็ไปอบรมนักเรียนของตัวเองไปและคงพาพวกมันไปทายาด้วยมั้ง ผมมากับครูกมล พี่ชล และพี่อ๊อฟ? มันขอมาด้วยโดยอ้างว่าเป็นพี่ชายผมเขาก็เลยยอม พอมาถึงอนามันก็ตรวจอะไรไปนิดหน่อยแล้วก็ได้ยาแก้ปวดแก้อักเสบมากินได้ยามาทาแค่นั้นก็พากันกลับ ระหว่างทางผมก็ได้พูดคุยทั้งกับครูและพี่ชลอย่างสนุกปาก แต่พี่อ๊อฟก็เอาแต่นั่งเงียบ ผมก็เอื้อมมือไปจับมือมันมันนั่งข้างหลังกับผม เอารถเก๋งของค่ายมา....
“นท ครูต้องโทรบอกป๊าเธอนะ” ครูกมลอยู่ๆก็หันมาบอก ผมกำลังจะคุยกับพี่อ๊อฟอยู่แล้วเชียว
“ครับครู” ผมยิ้มอ่อนให้ครู
แล้วครูก็โทรหาป๊าไป พูดอย่างเกรงอกเกรงใจเชียว ผมก็หันมองพี่อ๊อฟ มือก็ยังไม่ปล่อยจากมือมันนะ มันก็หันหน้าออกไปนอกกระจกรถ ผมก็กระเถิบเข้าไปนั่งใกล้ๆมัน....
“ผมทำอะไรให้พี่ไม่พอใจหรือเปล่า” ผมถามเบาๆ เพราะครูกำลังคุยกับป๊าอยู่
“กูแค่.....รู้สึกผิดว่ะ” กระชับมือผมแน่น “กูมากับมึงแท้ๆ แต่ดูแลมึงไม่ได้อีกแล้ว”(น้ำตาคลอ)
“บอกแล้วไงว่าอย่าโทษตัวเอง” ผมหยิกแก้มมัน แล้วโน้มหน้าไปกระซิบมัน... “กลับถึงค่ายค่อยคุย อย่าคิดมากดิ” กระซิบบอกมัน มันก็อมยิ้ม
ไกลพอสมควรเลย หมู่บ้านกับค่าย ครูกมลก็คุยกับป๊านานเหลือเกิน ป๊าเหมือนไม่ยอม ครูกมลก็ไกล่เกลี่ยอะไรทำนองนั้นแหละ สักพักครูกมลลก็ยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็เอาแนบหู....
“ฮะ.....”
“นท! ใครมันทำอะไรนทอีกละ! ทำไมครูเขาปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้!แล้ว บลาๆๆๆๆๆ!” ตะคอกแบบเสียงดัง ผมถึงกับต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหูเลย
“โน้ต! เอาโทรศัพท์มา!” ป๊าพูดขึ้น เหมือนยื้อแย่งกัน แล้วป๊าก็ได้เอาโทรศัพท์มาคุยพี่โน้ตก็บ่นไป “นทเป็นอะไรมากไหม?” ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“นทไม่เป็นอะไรป๊า” ผมตอบไม่รู้สิครับ มันตื้อๆอะ พอเจอเรื่องแบบนี้แล้วมาได้ยินเสียงป๊าเป็นห่วงแบบนี้ผมรู้สึกร้อนผ่าวที่ขอบตา พี่อ๊อฟกระชับมือผมแน่นเลย
“แม่เขาเป็นห่วงมากเลยนะนท” ป๊าพูดผมได้ยินเสียงแม่บอกจะมาหาผมให้ได้
“ป๊ามันไม่มีอะไรนทโอเค พี่อ๊อฟก็อยู่” ผมน้ำตาเริ่มไหล
“ไม่เอานะนท ไม่ร้องนะ อยากให้ป๊าไปหาไหมครับ คนเก่ง” ป๊าพูดอย่างอ่อนโยน ผมร้องเลย
ผมก็เอาแต่เงียบแล้วก็ร้องไห้ ครูกมลก็ดึงโทรศัพท์ไป พี่อ๊อฟก็กอดปลอบผม ผมไม่ชอบเลย ที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วงแบบนี้ มันกี่ครั้งแล้ว ครูกมลก็ยืนยันและรับปากเป็นอย่างดีว่าจะดูแลผมให้ แล้วก็วางไป ครูกมลก็พูดปลอบใจผมไป พี่ชลก็ขับรถไปเงียบๆ พี่อ๊อฟก็ยังคงกอดผมอยู่ สักพักโทรศัพท์พี่อ๊อฟเข้า ป๊าโทรมาหามัน บอกให้พี่อ๊อฟดูผมดีๆ พี่อ๊อฟก็รับปากรับคำไป ผมก็ร้องจนสงบก็เผลอหลับไปในอ้อมแขนพี่อ๊อฟ พอถึงพี่อ๊อฟก็ปลุกผมให้ลง ตอนแรกครูฝึกกับพี่ชลให้ผมไปนอนพัก แต่ผมไม่ได้เป็นอะไร ผมก็ยืนยันว่าจะกลับไปร่วมกิจกรรม ผมก็แยกกับครูและพี่ชล เดินกลับเต๊นท์กับพี่อ๊อฟระหว่างทางก็พูดคุยไป....
“โอเคแน่หรือเปล่า!” พี่อ๊อฟพูดแล้วเอามือเช็ดคราบน้ำตาให้ผม
“โอเค พี่อ๊อฟอย่าคิดมากละ” ผมพูดด้วยท่าทีสบาย
“มึงต้องอย่าร้องไห้อีกนะ ไม่งั้นกูไม่หายโกรธมึงจริงๆด้วย” มันอมยิ้ม ผมยิ้มก็ยิ้มตอบ
แล้วก็คุยกันไป ผมก็ไปล้างหน้าที่ห้องน้ำและก็ไปทำกิจกรรม พอไปถึงเพื่อนๆเขาก็ทำอาหารเสร็จพอดีเลย ใช้เวลาทำนานอยู่นะ เป็นชั่วโมงเลย ผมจำเวลาได้ พี่อ๊อฟมันแยกไปอยู่กับเพื่อนมัน ตอนแรกก็เกรงใจ ไม่ได้ช่วยจะกินดีไหม เพื่อนๆเขาเข้าใจกัน แล้วก็ถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ผมก็เล่าไป เล่าตามความจริง อาจจะเว้นเรื่องพี่อ๊อฟไป ทุกคนก็ดูตกใจ ผมก็บอกไปแล้วว่าผมไม่ได้คิดอะไร และไม่ใส่ใจกับเรื่องไร้สาระด้วย พวกเพื่อนๆก็ดูเข้าใจกันดี.....
“ไงมึงไอปลื้ม หล่อนักหล่อหนา ทำให้เพื่อนเดือดร้อนเลยเนี่ย” ไอซ์แล้วก็หันไปมองไอปลื้มกัน คือทำหน้าสำนึกผิด?
“ขอโทษว่ะมึง” ไอปลื้มหน้ามันจริงจังมาก
“เออเพราะมึงเนี่ย กูเลยเจ็บตัวเลย” ผมพูดแล้วทำหน้าเจ็บแผล
“ไถ่โทษด้วยไอปลื้ม” โอ้พูดขึ้น ไอปลื้มมันก็มองผมแบบจริงจัง ผมจะแกล้งมันไง เกือบหลุดขำแหนะ
“เออๆ กูจะรับผิดชอบเอง กูจะดูแลมึงเอง” มันทำหน้าจริงจังสุดๆ
“เป็นเบ๊มันเลย!” โกกิพูดติดตลก
แล้วทุกคนก็แหย่มันไป ตลกหน้ามัน จริงจังเกิน555 ก็พอกินเสร็จก็ช่วยกันเอาไปล้าง พอเสร็จก็ไปรวมตัวเข้าแถว ครูฝึกก็บรรยายและเทศนาเรื่องทะเลาะวิวาทนิดหน่อยก็ปล่อยไปอาบน้ำ วันนี้ชิวๆ ครูบอกไปหนักช่วงบ่าย กิจกรรมจัดเต็ม เข้าฐานเข้าด่าน เราก็กลับไปเอาของที่เต็นท์กัน เพื่อนๆผมก็มารออยู่ที่เต๊นท์ พวกไอปอกับพวกไอสิงโต พอเห็นผมวิ่งกรูเข้ามาหาเลย เพื่อนๆใหม่ก็บอกผมว่าจะไปรอในเต๊นท์พวกมันก็รัวคำถาม ผมก็เล่าไปพอคร่าวๆ เรื่องนี้มีไอนัทไอสิงโตเกี่ยวเต็มๆ ไอสิงโตเดือดมาก มันจะไปเอาเรื่องแล้วแต่ผมห้ามมันไว้ ส่วนเพื่อนๆก็ดูไม่พอใจมาก ไอนัทนี่ซึมเลยทีเดียว ผมก็ปลอบมันไป คุยกันไปจนแยกย้าย ผมก็เดินเข้าไปในเต๊นท์ ที่ไอสิงโตมาหาพี่อ๊อฟก็เห็นนะ มันก็พยักหน้าประมานว่าเข้าใจอะแหละ แล้วมันก็ยืนดูนิ่งๆไป พอเข้ามาในเต็นท์ก็เตรียมของไปอาบน้ำกัน อาบเสร็จก็กลับมาแต่งตัว แล้วก็รอเวลาเขาเรียก พี่อ๊อฟก็เรียกผมออกไป มันบอกให้เอาถุงยาไปด้วยผมก็เตรียมไป มันก็พาผมไปนั่งใต้ต้นไม้ไม่ไกลจากเต๊นท์ที่เดิม.....
“กินยาแล้วใช่ไหม!” พี่อ๊อฟถามอย่างอ่อนโยน ผมยิ้ม มันกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว มันก็ดึงถุงยาผมไปดู แล้วก็เอายาทาออกมา
“กินแล้ว” ยิ้ม ถ้าเจ็บตัวแล้วได้พี่อ๊อฟคนเดิมกลับมา รู้งี้เจ็บตัวเร็วๆกว่านี้ก็ดี
“ทายาหน่อยนะ” ยิ้ม
ผมก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม มันก็ทาให้อย่างบอบบาง มือเบาสุดๆ ผมก็ยิ้มบานเหมือนคนบ้าเลยทีเดียว พอทำอะไรเสร็จก็นั่งคุยกับมันนิดหน่อย มันก็ไปหาเพื่อนๆ เพราะเพื่อนมันเรียกให้ไปช่วยทำอะไรก็ไม่รู้ผมก็กลับไปนั่งในเต๊นท์ เพื่อนๆก็มองกัน....
“มีอะไร?” ผมถามอย่างสงสัย
“นั่นพี่มึงจริงๆเหรอวะ ดูกระหนุงกระหนิงเนอะ” ไอซ์ถามอย่างสงสัย
“พี่ดิ คิดอะไรมาก” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วพวกมันก็เปลี่ยนเรื่องกันไป คุยกันสนุกสนาน จนเขาเรียกให้ไปในโดม ทำกิจกรรมนันทนาการอะไรต่างๆ จนพักเที่ยงก็พากันไปทำอาหารอีกแล้ว ค่ายนี้เน้นการดำรงชีวิตจริงๆ และมันก็เค็มได้ทุกมื้อจริงๆ555 ก็ช่วยกันทำไป สนุกสนาน ทำเสร็จก็นั่งกินกันไปพูดคุยกันไป.......
“มึง กินนี่ป่ะ” ไอปลื้มตักไข่เจียวให้ ผมก็พยักหน้า “นี่อะ แล้วนี่อะ” ผมมองมันแบบเริ่มรำคาญ
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้มั้งมึง” มายด์หันไปบอกไอปลื้มอย่างกวนๆ
“นทวันจากนี้ จะไปไหนก็บอกรู้เปล่า” โบลิ่งบอกผมอย่างเป็นห่วง
“เอาจริงๆก็บอกแล้ว แต่ไม่มีใครตื่น5555” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
พวกมันก็ตลกกันใหญ่ ดูเป็นห่วงผมดี เป็นเพื่อนใหม่ที่ดีนะ ก็กินกันไปคุยกันไป กินเสร็จก็ช่วยกันเก็บอะไรไป ครูเขาก็ให้ไปพักผ่อนก่อนจะได้เตรียมตัวเข้าฐานต่างๆ พี่อ๊อฟก็ไปช่วยเตรียมฐาน ผมก็เดินไปหาพวกไอปอไปคุยเล่นกับพวกมัน พวกไอโค้กก็มา แต่ไอสิงโตเห็นไปคุยอะไรไม่รู้กับเพื่อนโรงเรียนมัน ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมก็คุยกับเพื่อนไป จนครูเรียก เราก็ไปเข้าแถว ครูก็อธิบายไป ก็จะมีใบกิจกรรมแจก ให้ไปทำว่าฐานนี้ทำอะไร ได้ความรู้จากฐานนี้ยังไง 20 ฐาน เบื่อเลยทีเดียว พออธิบายอะไรเสร็จก็จะมีรุ่นพี่มาเป็นพี่เลี้ยงของแต่ละกลุ่ม โดยกลุ่มผมแน่นอนว่าพี่อ๊อฟ มันก็มานำพากลุ่มผมไปแต่ละฐาน และแต่ละฐานก็จะมีครูเฝ้า2คน เราก็เข้าฐานทำกิจกกรมกันไป สนุกสนานมีกิจกรรมให้ทำ และบางกิจกรรมผมก็เล่นไม่ได้ เพราะแผลเต็มแขน ผมก็ไม่ได้ใส่ใจ เล่นไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร มีฐานกระโดหอด้วยนะ อันนี้เด็ดจริงๆ...........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:47:19
“ไหวหรือเปล่าวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น!” ปลื้มถามอย่างเป็นห่วง ซึ่งตอนนี้ใกล้ถึงคิวแล้ว มือผมสั่น เหงือออกเยอะมาก
“หวะ...ไหวน่า โถ่!แค่นี้เอง” ผมฝืนยิ้ม แล้วมองลงไป ลมแทบจับ ทั้งสูง ทั้งหวาดเสียว พี่อ๊อฟมันก็ขำผมใหญ่ ไอบ้านี่นะ ผมมองมันตาขวางเลย
“เห้ย!จะถึงแล้วนะเว้ย! ใครโดดคู่กูว้า!” โอ้มันมองแถวข้างมัน แล้วทำหน้ากวนตีน
คือตอนนี้ผมแทบไม่สนใจอะไรเลยทั้งกลัว ทั้งอะไรมาหมด ไอปลื้มก็พูดมากเหลือเกิน.....
“นทมึงจะไปก่อนหรือกูก่อนวะ” ปลื้มมันยืนหน้าผมไง แล้วหันมาถาม
“มึงอยู่หน้ากูมึงก็โดดไปก่อนดิวะ” ผมพูดเหลืออีกคนนึงก็จะถึงไอปลื้มแล้ว
“กูเริ่มกลัวแล้ววะ” มันทำหน้ากังวล มันเพิ่งเริ่มกลัวเหรอ ผมกลัวตั้งแต่ขึ้นมาแล้วนะ
“กูกลัวตั้งแต่ยังไม่ขึ้นมาแล้วไหม” ผมพูดเบาๆ
“ว่ายังไงนะ?” ปลื้มหันมาถามอย่างสงสัย
“ปะ...เปล่า โดดๆไปเถอะน่า พูดมากวะ” ผมบอกมันแบบรนๆ
“เอาคนต่อไป” ครูตบไหล่ไอปลื้มแล้วก็ใส่ชุดให้มัน
“ครูครับ ผมปวดฉี่” ไอปลื้มบอกเสียงสั่นๆ ผมถึงกับขำ ตอนแรกทำหน้ามาดแมนมาก ดูตอนนี้หน้ามันซีดอย่างกับไก่ต้ม
“เอาหันหน้าไป แล้วจับเชือกดีๆละ” ไม่ได้ฟังไอปลื้มเลย
“มะ...ไม่เอาแล้วได้ไหมครับ” มันกอดเสาข้างๆที่กระโดด
“จะโดดเองหรือให้ถีบส่งวะ!” ครูบอกอย่างหงุดหงิด ไอปลื้มถึงกับชะงัก คือผมก็เข้าใจ ครูฝึกเขาเป็นทหารอะเนอะ คงไม่ชอบคนชักช้า แล้วผมจะรอดไหมเนี่ย
ปลื้มมันก็กล้าๆกลัวๆ คือเพื่อนๆในกลุ่มกระโดดลงไปหมดแล้วไง ผมเป็นคนสุดท้ายอะสิ โถ่!..................
“อ๊ากกกกกกกกกก!” ผมที่กำลังเหม่ออยู่หันไปมองมันคือมันโดนครูฝึกยันลงไปเลย คือทุกคนข้างล่างหัวเราะกันหมด
เอาจริงๆผมว่ามันไม่ตลกนะ ยันลงไปเลยเหรอ ผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เลย เขาก็กวัดมือเรียกผม ผมก็เดินไปแบบเกร็งๆ และสั่นๆ เขาก็ใส่เชือกอะไรให้ พี่อ๊อฟก็มาช่วย..........
“กลัวเหรอ?” พี่อ๊อฟถามเบาๆ
“อืม!”ผมพยักหน้ารัว
“เจอกันข้างล่างนะ”ทำเสียงกวนตีนไง ไอบ้านี่ ผมมองมันแบบไม่พอใจ แล้วมันก็เดินลงไปเลย ตอนนี้เหลือผมอยู่คนเดียวแล้ว
จริงๆผมก็ได้คิวกลางๆแหละ ก็อ้างว่าปวดฉี่บ้างลืมของบ้าง เผื่อจะไม่ได้โดด แต่ไอปลื้มน่ะสิ ตามผมไปและลากผมมา ผมละทรมานใจจริงๆ...........
“พร้อมยังไอหนุ่ม!” พูดเสียงเข้มเลย ผมมองแล้วก็ฝืนยิ้มให้
“ยะ...ยังครับ ขอ30วิ” ผมจับเสาทั้งสองที่อยู่ทางกระโดด หลับตาปี๋ด้วยประเด็น
“เอ้า!จับเชือกไว้ครูรอได้!” บอกอย่างใจดี แล้วเขาก็เอามือผมจับตรงเชือกที่ติดกับตัวผม
“ขะ..... ผลัก! อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก” ผมกำลังจะหันไปขอบคุณ คือยังไม่ทันพูดอะไรคือยันผมลงเลย โหดร้ายสุดๆ
ผมกรีดร้องแบบว่าดังมาก หลับตาปี๋เลย ดีคอไม่เคล็ด ครูใจร้ายเกินไป พอขาถึงพื้นผมทรุดเลย พี่อ๊อฟกับพวกเพื่อนๆก็รอรับอยู่......
“55555 ท่ามึงแม่งตลกสุดๆเลยวะ!” ไอปลื้มหัวเราะแล้วพูดอย่างสะใจ ผมไม่ได้สนใจเลย กำลังอยู่ในสภาวะทิ้งตัว555
“ไหวไหม” โกกิจับผมพยุงขึ้น พี่อ๊อฟก็ช่วยถอดชุด ขาสั่นไปหมด บ้าจริง ผมไม่ชอบอะไรหวาดเสียวแบบนี้เลย
พอถอดชุดได้ เพื่อนๆก็วิ่งเอาเชือกไปเก็บที่เดิมให้เนื่องจากผมไม่ไหว555 สั่นไปทั้งตัวเลย พี่อ๊อฟพยุงผมไปนั่งเก้าอี้แถวนั้น เพื่อพักก่อน เดี๋ยวไปฐานต่อไปกัน.....
“ไง โอเคยัง” พี่อ๊อฟยิ้ม ผมก็หันไปมองนิ่งๆ
“กลัวนะเว้ย!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ มันขำใหญ่เลย
“555 เอาน่ายังไงมึงก็กระโดดลงมาได้แล้วนะ” ไอซ์พูดปลอบใจ
“มันโดนยันลงมามึงไม่เห็นเรอะ55555” ไอปลื้มไอบ้านี่ก็เกิน
ผมก็นั่งฟังพวกมันกวนตีนไป ถ้าสังเกตไม่ผิดคือหลายๆคนมองมาที่ผมแล้วขำ? คือน่าขำตรงไหนวะ ผมกลัวจริงๆนะเนี่ย พอนั่งพักไปสักแปปก็ถึงเวลาเปลี่ยนฐาน ก็ไปกัน ผมก็เริ่มดีขึ้น คือตกใจจริงๆ ครูเขาเล่นแรงไปเปล่า ถีบเลยเหรอ โหดเกิน ด่านต่อไปนี่ก็อีกนะ จะเอาให้ผมตายเลยหรือยังไง คือไต่เชือกข้ามแม่น้ำ แม่น้ำจริงๆ เจริญแล้ว ดูท่าแล้วลึกด้วย มีพี่ๆแสตนบายกันอยู่ข้างล่างตั้ง5คนแหนะ แถมมีตะข่ายกั้นไว้ไม่ให้ไหลไปไหนด้วย ดูเหมือนปลอดภัยเนอะ แล้วเชือกที่ให้ไต่มีแค่เชือก2เส้น มีข้างล่างกับข้างบน ประมานว่ามันให้จับแล้วก็ให้เหยียบ โถ่!ชีวิต ครูเขาก็อธิบายไป ผมก็ฟังแบบนิ่งๆไป เพื่อนๆก็ดูตื่นเต้นกันจัง.......
“มึงด่านนี้น่าสนุกกว่าด่านอื่นๆว่ะ” ไอปลื้มพูดอย่างตื่นเต้น
“เออ น่าสนุกมากๆเลยละ” ผมบอกมันแบบกวนๆ
“ใครว่ายน้ำไม่เป็นบ้างครับ” ผมยกมืออย่างรวดเร็ว
ซึ่งนั่นเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะมีผมยกมือคนเดียว เขามองมากันหมดอะผมนี่เอามือลงแทบไม่ทัน..........
“ว่ายไม่เป็นก็ต้องเล่นนะครับ5555” แล้วก็พากันหัวเราะ โอ้ย!อายเหลือเกิน
แล้วพวกเพื่อนๆก็แซวกัน ผมก็เถียงบ้างเงียบบ้างตามสเต็บ ตอนนี้เราต่อคิวเพื่อขึ้นไปบนเชือก ซึ่งผมคิดว่าคงจะไม่มีอะไรหนักกว่ากระโดดหอแล้วละ ผมก็ต่อคิวรอขึ้นแบบไม่คิดอะไรมาก เพราะจากที่ดูแล้วก็มีคนตกลงไปในน้ำก็ไม่จม แสดงว่าน้ำไม่ลึก55 ผมก็ต่อแบบชิวๆไปไง ไม่คิดอะไรมาก ผมคนสุดท้ายตลอดอะแหละ555 ไปกลางๆเดี๋ยวเป็นตัวถ่วงไง พอถึงเวลาผมขึ้น มีอาการมือสั่นเล็กๆเนอะ ไอพวกข้างหน้าผมมันก็กวนตีนไง ขย่มเชือก เอนไปเอามา ผมร้องเสียงหลงเลยสิ ตกลงไปก็คงเปียกและไม่สบายตัวแน่ๆ ยังเหลืออีกหลายฐานด้วย ผมก็ค่อยๆไต่ไป....
แคว่ก! พรึ่บ!
“อ๊ากกกกกก!”ผมร้องเสียงหลงเลย เชือกขาด
“อ๊ากกกกกกก กรี๊ดดดดด!” เพื่อนอีกสามคนข้างหน้าก็คือกรีดร้องอออกมาไม่ต่าง เพราะเชือกมันค่อยๆขาด มันกำลังจะขาดหมดแล้ว.....
พรึ่บ!
“อ้ากกก! ตุบ!” คือเพื่อนๆทิ้งตัวลงไปในน้ำ แต่ผมไม่ทิ้งตัวลงน้ำ คือเกาะเชือกแน่นไม่ปล่อย แล้วตัวก็ลอยไปกับเชือก ไปชนกับหินจังๆเลย
“เห้ย!!”
“นท!!!” คือทุกคนส่งเสียงร้องเรียกผมแบบตกใจ
และหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้แล้ว เพราะมันมึนไปหมด ภาพสุดท้ายคือผมกำลังจมน้ำลงไป เหมือนว่าหัวผมไปฟาดกับหินอย่างแรงแล้วตัวก็หล่นลงน้ำไป.........
“อื้ม อือ!” ผมสะดุ้งตื่นเพราะเสียงพูดคุยที่ดังเหลือเกิน ได้แต่ครางออกมาอย่างรำคาญ เพราะปวดหัวเกินกว่าจะลืมตาได้
“นท! นทๆ” เสียงเรียกผม หลายเสียงเลย แยกไม่ออกไปหมด
“ออกไปกันก่อน เสียงดังกันอยู่ได้!” เสียงดุมาเลยใครไม่รู้
แล้วก็มีอะไรมายุ่งกับร่างกายผมเต็มไปหมด ทั้งเอามือมาง้างลูกตาผมแล้วก็เอาไฟฉายมาส่อง ทั้งเจ็บตรงข้อพับเจ็บหัว ง่ายๆคืออาการไม่น่าจะดี “แปะๆ!” ตบหน้าผมเบาๆ
“นท นท!” เรียกผมอย่างแผ่วเบา ผมก็หนักตาเหลือเกิน ขยับไปมาได้นิดหน่อย แล้วทุกอย่างก็ดับลงไปอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมชีวิตมีแต่การเจ็บตัว ยิ่งช่วงหลังๆมานี่ยิ่งหนัก เฮ้อ! ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะหิวน้ำมาก ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“นะ น้ำ แค่กๆ!” แล้วคนที่อยู่ข้างๆผมก็รีบเอาน้ำมาป้อน พอกินน้ำเสร็จผมก็ค่อยๆดูรอบๆ ตาก็ยังมัวๆอยู่ พอมองชัดแล้วผมก็สังเกตุว่าผม อยู่ที่ เอ่อ! ที่ไหนไม่รู้ คือห้องน่ากลัวมาก น่าจะเป็นห้องพยาบาลสำหรับทหารหรือเปล่า แล้วคนที่เฝ้าผมก็คือพี่อ๊อฟ ตอนนี้น่าจะมืดมากแล้ว มันดูเอ่อ...วังเวง แล้วก็มีแค่ผมกับพี่อ๊อฟ..........
“เป็นยังไง เจ็บตรงไหนไหม” ลูบแก้มผมแล้วถามอย่างเป็นห่วง
“เจ็บไปหมดเลย” ผมพูดเสียงแหบพร่า
“รอแปปนะ เดี๋ยวไปตามหมอให้” หมอ? ผมก็ไม่ได้ทันถามพี่อ๊อฟก็เดินออกไป คือหมดแรงไปหมด เพลียอย่างแรง
แล้วสักพักก็มีคนเข้ามาถามอาการผม ผมก็บอกแบบเบลอๆไป เขาก็ตรวจนู่นตรวจนี้ ถ้าผมได้ยินไม่ผิดก็น่าจะตี 3 กว่าแล้ว คือผมหลับไปนานมากขนาดนั้นเลยเหรอ และดีที่แค่หัวแตกไม่ลึกมาก ไม่ถึงกับต้องเย็บ เขาคาดว่าที่สลบเพราะหัวคงกระแทกแรง คือหลายอย่าง ตอนนั้นฟังไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ เขาก็ให้ยา แล้วก็ฉีดยาอะไรให้ก็ไม่รู้ เห็นใส่เสื้อกราวน์ด้วย ผมก็ไม่มีแรงจะถาม พอให้ยาอะไรผมเสร็จเขาก็ออกไปเหลือพี่อ๊อฟ...........
“โอเคขึ้นไหม” พี่อ๊อฟจับมือผมแล้วมองด้วยสายตาที่เป็นห่วง
“โอเคแล้ว แต่ก็ยังเจ็บแหละ” ผมฝืนยิ้มส่งไปให้มัน
“นอนพักเถอะ” ยิ้ม แล้วห่มผ้าให้ผม
พี่อ๊อฟก็นั่งมองผมจนผมหลับไป นอนบ่อยและถี่มาก ไม่รู้เพราะอะไร เพราะฤทธิ์ยา? หรืออะไร.....
ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอีกแล้ว และก็รู้สึกหนักที่แขนด้วย ไม่พอแดดแยงตาอีกครบเซ็ต ใครนอนต่อได้ก็เกินไปแล้ว ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา วันนี้ไม่ค่อยเบลอเท่าไหร่ น่าจะดีขึ้นแล้ว แต่อาการเจ็บบาดแผลที่หัวก็ยังมีแต่ไม่มากนัก ครูก็เข้ามาถามผมอย่างเป็นห่วง และพี่อ๊อฟก็ฟุบอยู่ตรงแขนผมเนี่ยแหละ ครูก็ปลุกมันให้ตื่น มันคงดูผมทั้งคืน..
พอผมตื่นบรรดาครูฝึกพี่ทหารเอย ก็พากันเข้ามาดู แล้วหมอก็มาตรวจ เขาก็บอกว่าอาการของผมดีขึ้นแล้ว? พอผมถามเรื่องหมอเขาก็บอกเป็นหมอประจำค่าย ผมก็งงว่าเมื่อวานทำไมไม่ให้หมอคนนี้รักษาผมละ ทำไมต้องไปถึงหมู่บ้าน เขาก็บอกว่าหมอไม่อยู่ไปในเมือง ผมก็เออออไป ถามอะไรไม่ได้มากหรอก ปวดหัว จนได้เวลาข้าวเช้าพี่อ๊อฟก็ไปเอามาป้อน พวกครูก็ออกไปฝึกนักเรียนกัน ผมก็นอนซม? ไม่ซมนะ อย่างที่บอกไม่ได้เป็นอะไรมาก เหมือนแค่หัวกระแทกแรง ก็เลยเบลอและมึน บวกกับเสียเลือดเยอะแหละ ตอนนี้ก็โอเคแล้ว ผ้าพันหัว เหมือนคนเป็นมะเร็ง555....
“ส่องอะไรขนาดนั้นวะ” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ เพราะผมดูกระจกไง มันดูเหมือนคนป่วยเป็นโรคร้ายแรง
“แผลใหญ่เหรอพี่อ๊อฟ ทำไมพันทั่วหัวขนาดนี้อ่ะ”ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่ใหญ่ แต่ต้องพันไว้ ที่นี่ฝุ่นเยอะ เดี๋ยวแผลติดเชื้อ” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ “กินข้าวได้แล้ว อย่าถามมากเดี๋ยวปวดหัว ไว้หายจะบอกให้ฟัง” พูดอย่างใจดี ผมก็ยิ้มแล้วก็พยักหน้า
พี่อ๊อฟก็ป้อน จริงๆผมจะกินเองมันก็ไม่ยอม ก็กินๆไปจนหมด ระหว่างกินผมก็ถามมันไปด้วยแหละ ว่าเมื่อวานเป็นไงแล้วใครช่วยผมขึ้นมา มันก็มองผมดุๆ เหมือนประมาณว่า มึงจะพูดมากทำไม ผมก็ไม่สน กินไปพูดไป พี่อ๊อฟก็ด่าผมไป555 สนุกดีจนทำอะไรเสร็จ พี่อ๊อฟก็ออกไป มันบอกว่าจะออกไปกินข้าว? ให้ผมนอนพัก แต่ผมเริ่มไม่อยากนอนแล้วสิ เข้าค่ายทั้งทีเจ็บแค่นี้มาเอาแต่นอนได้ยังไง ผมก็แกล้งทำเป็นนอนไป พอมันออกไปผมก็ค่อยๆลุก แล้วก็ลงจากเตียง แล้วก็ไปออกไปข้างนอก โอ้โห! สดชื่นจริงๆ อากาศดีมากวันนี้ ผมก็ย่องไปเต็นท์ เพื่อนๆคงรวมกันอยู่ที่โดม ผมก็เอาของไปห้องน้ำ อยากอาบน้ำแล้วไง ไม่รู้เมื่อวานได้อาบไหม แล้วใครเปลี่ยนชุดให้ผม? พี่อ๊อฟละมั้ง ผมก็เตรียมของไปอาบน้ำ แล้วก็กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในเต็นท์ พอออกมาก็ต้องตกใจนิดหน่อย.....
“ใครให้มึงลงมาจากเตียงนท!” พี่อ๊อฟตะคอกเลยทีนี้ ผมถึงกับทำหน้าไม่ถูก
“กะ...ก็...อยากอาบน้ำแล้วก็ไปทำกิจกรรมต่อนี่นา” ผมบอกแบบเบาๆ เหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้
“มึงนี่พูดอะไรไม่ฟังหน้าซีดขนาดนั้นเดี๋ยวก็เป็นลมหรอก!”ดุแล้ว
“เข้าค่ายทั้งทีนะพี่อ๊อฟ เป็นแค่นี้เองผมไหว” ผมบอกอย่างดื้อรั้น
“คือมึงจะไปให้ได้ใช่ไหม”มันถามนิ่งๆ
“อย่าโกรธดิ ยังไงกลับไปจะพักให้เต็มที่เลยโอเคไหม” ผมเข้าไปเกาะแขนมัน มันก็มองนิ่งๆ
“แล้วตอนนี้มึงดีขึ้นแล้วเหรอ หน้ามึงยังดูซีดๆอยู่นะ” มันบอกอย่างเป็นห่วง
“ดีแล้ว ไม่มึนแล้วแค่เจ็บแผลนิดหน่อยเอง” ผมบอกตามความจริง
“แน่นะ” ถามนิ่งๆ ผมก็ยักหน้า “เออป๊ามึงรู้เรื่องแล้วนะ กูว่าเรื่องใหญ่แน่นอน” ผมถึงกับชะงัก
“ทะ..ทำไมอ่า” ผมถามอย่างกังวล
“โวยวายใหญ่เลย ตอนแรกจะมาหามึงให้ได้ ดีกูพูดให้เขาใจเย็นลงได้ แต่กลับไปมึงคงมีปัญหาแน่ๆ” มันบอกนิ่งๆ
“ไม่มีอะไรหรอก ผมไปเข้าแถวดีกว่า” ผมบอกปัดๆไป ไม่อยากคุยเรื่องนี้ คุยแล้วปวดหัวจี๊ดเลย เอาไว้ก่อนแล้วกัน
แล้วมันก็จับแขนผม ประมาณว่าเหมือนพยุง จริงๆก็ไม่จำเป็นแต่ผมก็ให้มันทำไปเถอะ เพราะมันบ่นตลอดทางเลย พอครูเห็นผมนี่คือแบบเดินเข้ามาถามและก็ดุผมตามระเบียบ เพื่อนๆก็มองกัน พอมันเห็นผม พี่อ๊อฟก็ช่วยพูดไป ผมก็พูดบ้าง ครูเขาก็เข้าใจ เพราะวันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่มานั่งฟังบรรรยาย แล้วก็ทำกิจกรรมอีกนิดหน่อยก็กลับกันแล้ว ผมก็เดินเข้าไปนั่งกับเพื่อนๆ มันถามผม ผมก็ตอบไปตามความจริงแหละ แล้วพวกมันก็พูดถึงเหตุการณ์ที่ผมตกลงน้ำนั้นแหละพูดกันจนผมเบื่อ...
แล้วก็นั่งฟังบรรยายไป พี่อ๊อฟก็ยืนไม่ใกล้ไม่ไกล มองผมตลอด ผมก็หันไปยิ้มให้มันบ่อยๆ ก็จนเขาปล่อยให้เบรก พวกปอและก็ไอสิงโตก็มาดูผมกัน ถามผมอย่างเป็นห่วง แต่ผมมันทำอะไรก็เจ็บตัวไปสะหมดช่วงนี้ ทุกคนเลยดูเป็นห่วงผม เวลาผ่านไปจนถึงเวลากลับ ก็กล่าวพิธีปิดค่าย อำลากันนิดหน่อย แล้วก็มีการถ่ายรูปร้องเพลง อะไรตามสเต็บไป พอจบอะไรทั้งหมด ก็มีเวลาให้คุยกัน ผมก็ไปลาครูฝึกกับพี่ชล เขาก็ขอไลน์ผมนะ ตอนแรกผมก็มองแปลกๆ เขาบอกว่าเผื่อว่างๆคุยกัน ผมก็ให้ไป พี่อ๊อฟก็มอง แต่ผมก็กระซิบบอกมันก็เข้าใจ และผมก็ไปลาเพื่อนๆในกลุ่ม เฮฮากันไป มีถ่ายรูปกลุ่มนู่นนี่นั่น เราไปเก็บของแล้วก็เก็บเต็นท์กัน........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:48:23
“เฮ้อ! แปปเดียวเอง” ปลื้มพูดอย่างเสียดาย
“งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราเว้ย!” โบลิ่งบอกอย่างอารมณ์ดี
แล้วก็พูดคุยกันไป ผมก็หดหู่นะ ไมชอบการจากลาเลย โถ่!ถึงจะแปปเดียวก็รู้สึกผูกพันกับพวกนี้ พี่อ๊อฟมันก็ไปเก็บของของมันแหละ.........
“มองอะไรวะ” ผมถามโกกิที่มองหน้าผมแบบนิ่งๆ
“มองคนขี้โกหก” โกกิบอกนิ่งๆ ทุกคนก็หันไปมองมัน
“โกหก? ใครโกหกอะไร?” มายด์ถามอย่างงงๆ ทุกคนก็งง มันก็มองมาทางผม
“ไอนทไง มันโกหกเรื่องที่มันจน และก็ไม่มีโทรศัพท์ใช้!” ทุกคนก็หันมามองผม ผมก็นิ่งเลย “ทำไม มึงจะพูดให้ทุกคนสงสารมึงเหรอ?” มันถามผมนิ่งๆ ผมก็มองมันนิ่งๆ
“เดี๋ยวๆ อะไรของมึงวะโกกิ?” ไอปลื้มถามแบบงงๆ พวกมันก็งงกัน
“เพื่อนๆกูบอกว่ามันอะฐานะทางบ้านดีจะตาย แถมบางทียังจะรวยกว่าพวกเราด้วยซ้ำ และที่สำคัญกว่านั้นอะมันไม่ใช่ผู้ชาย มันเป็นเกย์” ไอโกกิพูด ผมชะงักไปนิด ไม่ได้ตกใจที่มันรู้ความจริงหรือยังไง แต่ตกใจที่มันทำหน้ารังเกียจผม
“จริงเหรอวะนท?” ไอซ์หันมาถามผมนิ่งๆ
“อืม แต่เรื่องฐานะมันก็ไม่เกี่ยวเปล่าวะ! กูจะจนหรือจะรวยแล้วมันยังไงอะ?” ผมถามแบบไม่พอใจ ไม่จริงหรอก มันเกี่ยวอะไรกับฐานะ “ส่วนเรื่องที่เป็นเกย์ เออกูเป็น และที่กูไม่บอกพวกมึงก็เพราะกลัวพวกมึงจะรังเกียจเนี่ยแหละ และความคิดของกูก็ถูก เพราะมึงรังเกียจกู และถ้ากูทำให้มึงไม่พอใจขนาดนั้นก็ขอโทษด้วย” แล้วผมก็เดินออกมาจากเต็นท์พร้อมกระเป๋าเลย ไอโกกิก็มองผมนิ่งๆ
เห็นได้ชัดว่ามันรังเกียจผม ยิ่งตอนที่มันพูดว่าผมเป็นเกย์นะ คือทำหน้าแบบสุดๆ ผมไม่ชอบ อีกอย่างเรื่องจะผมจะมีฐานะดีหรือไม่ดียังไงมันก็ไม่เกี่ยวหรือเปล่า ที่ผมพูดแบบนั้นเพราะผมไม่อยากจะให้มันถามถึงเรื่องส่วนตัวผมมาก เพราะเดี๋ยวพี่อ๊อฟจะไม่พอใจเอา และเรื่องที่ผมเป็นเกย์ก็กลัวว่าพวกมันจะรับไม่ได้ และก็จริงพวกมันดูรับไม่ได้กันนะ แต่ผมก็เกลียดคนประเภทนี้นะ ทำไมต้องรังเกียจ? ทำไมต้องไม่พอใจ ผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรมันสักหน่อย ไม่ได้ไปแอบชอบหรือไปทำมิดีมิร้ายมันนิจริงป่ะ?......
“นท!” พวกมันออกมาแล้วเดินมาหาผม ผมก็หยุดแล้วหันไปมองพวกมัน
“พวกกูไม่ได้รังเกียจอะไรเลยนะเว้ย! ไอโกกิมันแค่ไม่พอใจที่มึงโกหก!” โบลิ่งบอกอย่างจริงจัง
“อืม กูขอโทษแล้วกันที่โกหก!” ผมบอกอย่างจริงจัง
“อีกอย่างเรื่องแค่นี้กูไม่ใส่ใจวะ” ปลื้มบอกอย่างอารมณ์ดี
“เออ! จริงๆมันก็ไม่มีอะไร ที่นทพูดไปก็คงมีเหตุผลใช่เปล่าละ” โอ้พูดด้วยรอยยิ้มขึ้นมา
“อืม ขอโทษแล้วกันที่ทำให้ลำบากใจ” ผมทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นไรเว้ย! เพื่อนกัน!” มายด์กอดไหล่ผม
“เออ จะเป็นอะไรก็เพื่อนเปล่าวะ อีกอย่างมึงก็คือเพื่อนที่ดีนะ กูไม่คิดมากหรอกแค่นี้เอง!”ไอซ์ตบไหล่ผม
แล้วพวกมันก็พูดกันไปให้ผมสบายใจ ผมก็ไม่อะไร จริงๆผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร ผมก็รู้อยุ่แล้ว เพื่อนใหม่ที่รู้จักกันแค่ในค่ายไม่ถึง3วัน มันจะผูกพันอะไรมากมาย ขนาดตอนม.1เคยเข้าแบบนี้รู้จักกันแบบนี้แหละ สุดท้ายพอออกไปเจอกันข้างถนนหรือที่ห้างก็ไม่รู้จักกันแล้ว ผมก็เลยเบื่อที่จะสนิทสนมกัน แต่แปลกที่กับพวกนี้รู้สึกผูกพันดี และสักพักไอโกกิก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าของมัน แล้วมันก็เดินมาตรงพวกผมเนี่ยแหละ......
“กูจะบอกให้ว่ากูไม่ได้รังเกียจที่มึงเป็นเกย์ แต่กูเกลียดมึงที่โกหก” โกกิบอกนิ่งๆ
“มันก็แค่นี้เองไม่ได้หนักหนาอะไรเลยนี่หว่า!” ไอซ์พูดแบบจริงจัง
“ตอนที่มันบอกว่ามันจน พวกเราก็สงสารมันป่ะ คือมันจะพูดให้พวกเราสงสาร? เพื่ออะไรวะ?” โกกิถามอย่างไม่พอใจ
“ถ้ามึงคิดแบบนั้นก็แล้วแต่ เพราะมึงก็เห็นนะโกกิ กูไม่เคยต้องการความสงสารจากมึง และกูก็ดีใจ ที่ได้รู้จักมึงแค่ในค่ายนี้แหละมึงดูเป็นคนดีนะ แต่มึงก็ไม่เข้าใจกูวะ” ผมพูดแบบนิ่งๆ
“ไอโกกิ อะไรของมึงวะ ทำไมมึงดูแบบ ไม่พอใจมันอะ เรื่องแค่นี้เองนะเว้ยละ.....” ปลื้มกำลังจะพูด
“ก็กูชอบมันไง มันทำดีกับทุกคน มึงก็เห็นอะปลื้ม แต่แม่งขี้โกหกวะ กูไม่พอใจตรงนี้ไง” ตอนแรกตกใจนะ คำว่าชอบของมันคงหมายถึงชอบในแบบเพื่อนแหละมั้ง
“งั้นกูขอโทษแล้วกันที่ทำให้ผิดหวัง จริงๆกูมันก็เห็นแก่ตัวแหละ กูพูดออกไปเพราะกูมีเหตุผล และขอบคุณสำหรับคนที่เข้าใจ แต่ถ้ามึงไม่เข้าใจแล้วมาโกรธกูเป็นตุเป็นตะ กูก็คงต้องปล่อยให้มึงโกรธวะ” ผมพูดแบบไม่จริงจังมาก
ทำไมดูเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ละ?  แค่คำพูดผมแค่นั้นเหรอ แล้ว 3 วันมานี้ผมทำตัวไม่ดีเหรอ? มันถึงได้ทำไมพอใจ มันก็มองผมนิ่งๆ พี่อ๊อฟก็เดินมา.....
“มีอะไรกัน?” พี่อ๊อฟถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอก เข้าใจผิดกันนิดหน่อย” ผมยิ้มให้มัน
“ป๊าจะคุยด้วย” ยื่นโทรศัพท์ให้ผม ผมก็รับแล้วเดินออกมาคุย
ตอนแรกเห็นพี่อ๊อฟจะเดินตามผมมา แต่พวกเพื่อนๆดึงไว้แล้วคุยอะไรกันไม่รู้.....
“ว่าไงป๊า” ผมถามเสียงร่าเริง
“เป็นไงไอแสบ เจ็บตัวถี่ยิบเลยนะ!” ป๊าพูดเสียงเข้ม
“นิดหน่อยเองป๊า55” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
แล้วผมก็คุยกับป๊าไป จนคุยกันไปสักพักก็วางเพราะยังไงวันนี้ก็เจอกันอยู่แล้ว พอเดินกลับไป พวกมันก็มองกันนิ่งๆ.....
“กูไปละ” โกกิพูดแล้วมันก็เดินแยกไป ผมก็ไม่สนใจ
“นทกูขอไลน์หน่อย!” ปลื้มมันยื่นโทรศัพท์ให้ พี่อ๊อฟก็มองนิ่งๆ เอาแล้วไง
“มาเดี๋ยวกูกดให้” พี่อ๊อฟมันดึงโทรศัพท์ของไอปลื้มไปกด
แล้วเพื่อนๆ คนอื่นก็ขอกัน ผมก็แปลกใจทำไมพี่อ๊อฟให้ไป ไลน์ผมด้วยนะ ผมก็ไม่สนใจอะไร ก็พูดคุยกันอีกนิดหน่อยก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ จริงๆก็อยากให้ไอโกกิเข้าใจนะ แต่ดูมันทำสิ เรื่องแค่นี้เอง โถ่! พอขึ้นรถไปก็ไปนั่งกับพวกปอ พี่อ๊อฟก็ไปลาเพื่อนๆมัน
“นท!” เสียงตะโกนเรียกผมจากด้านล่างรถ เสียงผู้หญิง? พอผมมองจากหน้าต่างลงไป จ๋า? คนที่บอกว่าผมหัวเราะน่ารัก ผมก็ลงไปหาเขา.....
“ว่าไง?” ผมยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ระ...เราขอไลน์ได้ไหม” จ๋าถามแบบเบาๆ เหมือนอาย
“อะ...เอ่อ” ลังเล
“ถ้าไม่ได้ไม่เป็นอะไรนะ ระ...เราไปแล้ว”ทำหน้าเศร้า
“ดะ...เดี๋ยว” ผมเรียกตอนที่จ๋ากำลังหันหลัง แล้วจ๋าก็หันมามองผมแล้วยิ้มอ่อนให้ “ให้ก็ได้” (ยิ้ม)
แล้วจ๋าก็ยิ้มบานแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ เราคุยกันนิดหน่อยพอเสร็จก็แยกย้ายขึ้นรถ จริงๆจ๋าก็น่าจะดูออกแหละว่าผมเป็นอะไร บางทีอาจจะแค่หาเพื่อนละมั้ง ผมก็ไม่คิดอะไรมาก พอขึ้นรถมาก็นั่งเม้าแตกกัน คือสนุกมากมาย และตอนที่ผมตกจากเชือกไอนัทกับวิวมันก็เห็นนะ เพราะมันอยู่แถวนั้นพอดี พูดกันไม่จบ ผมก็นิ่งเงียบบ้าง ไม่รู้สิ ผมนึกถึงคำพูดของไอโกกิ ทำไม แค่ผมโกหกนิดเดียวมันถึงต้องเกลียดผมเลยเหรอ? จริงๆผมแคร์ความรู้สึกมันนะ แต่ก็ยังคาใจทำไมมันถึงโกรธขนาดนั้น จะให้ตามไปเคลียล์ผมก็ไม่เอาหรอก เดี๋ยวพี่อ๊อฟเข้าใจผิดก็ไปกันใหญ่อีก  คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะ นั่งไปนั่งมาก็เคลิ้มหลับไป...
ตื่นมาอีกทีก็จะถึงแล้ว พี่อ๊อฟก็นั่งหน้ากับครู พอถึงก็ลงไปเข้าแถวเช็คชื่ออีกรอบ วุ่นวายดี แล้วก็ทำนู่นนี่นั่น พอเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ป๊ามายืนรอผมนานแล้ว กับพี่โน้ต ดูหน้าตาของทั้งสองแล้ว ผมไม่อยากจะสบตาเลยทีเดียว หน้าดุมาก อย่างกับจะมากินเลือดกินเนื้อ ให้ตายสิ ผมก็ยิ้มบาน ทำตัวร่าเริง วิ่งเข้าไปกอดป๊ากับพี่โน้ตก็เนียนๆไปก่อนแล้วกัน พี่อ๊อฟก็ตามมา พอเอากระเป๋าไว้หลังรถเสร็จ เราก็ขึ้นรถกลับบ้านกัน...........
“อ๊อฟ มึงดูน้องกูยังไงวะ!” หลังจากที่นั่งเงียบๆกันมา พี่โน้ตก็พูดขึ้น
“โน้ต” ป๊าเรียกอย่างใจเย็น
“พี่โน้ต มันเป็นอุบัติเหตุ และนทก็ไม่เป็นอะไรแล้วด้วย” ผมพูดอย่างจริงจัง
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงนท ดูผ้าพันแผลเราสิ มีเลือดออกด้วยนะ” ป๊าบอกแบบเก็บอารมณ์
ผมก็ตกใจไปนิด แล้วหันดูกระจก เห้ย! เลือดซึม ไม่ทันได้สังเกตเลย พี่อ๊อฟก็ดูตกใจนะ มันซึมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ ตอนนี้ป๊าก็เลยเปลี่ยนทิศทางจากที่จะกลับบ้านก็ไปโรงพยาบาล ไปโรงพยาบาลที่อาหมออยู่ พอไปถึงก็พี่อ๊อฟก็วิ่งไปเอารถเข็นมารอผม พี่โน้ตก็มาประคองผมลง อาหมอรออยู่แล้ว เขาก็พาผมไปเช็คบาดแผล และทำแผลให้ใหม่ ป๊าเขาก็บอกให้ไปเช็ค ไปเอ็กเรย์ ให้พร้อม...
ผมละเซ็งแต่ต้องทำตามไป เดี๋ยวก็เป็นเรื่องยาวขี้เกียจโดนบ่น พอตรวจเช็คอะไรเสร็จก็ไปฟังผลตรวจที่อาหมอ เขาก็บอกไม่เป็นอะไร แผลก็นิดเดียว แล้วก็คุยกันนิดหน่อยอาหมอก็ไล่ให้ผมกลับไปพักผ่อน ป๊ากับพี่โน้ตก็บ่นยาวเลย พี่อ๊อฟก็นั่งก้มหน้า มันจะรู้สึกผิดทำไม มันไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ผมก็นั่งเงียบๆไป อะไรกัน ทำไมมีแต่เรื่องละ? โถ่!ชีวิตผม...
พอถึงบ้านเราก็ลงรถขนของเข้าบ้าน แม่วิ่งมาดูผมอย่างดีใจ กอดผมปลอบผมยกใหญ่เลยทีเดียว ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก ทำไมทุกคนดูเป็นห่วงผมเกินจริงนัก และก็พากันไปกินข้าว พี่อ๊อฟก็เล่าไป เรื่องที่มันรู้ ผมก็นั่งกินเงียบๆ ปวดหัวไม่อยากจะรับรู้อะไรตอนนี้ กินกันไปคุยกันไปพอเสร็จก็กินยาแก้ปวดแก้อักเสบแล้วขึ้นบ้านไปอาบน้ำพักผ่อน พี่อ๊อฟกลับไปเอาของ จริงๆผมไล่มันกลับไปนอนบ้านมัน เพราะมันควรจะกลับบ้านบ้าง ป๊าก็บอก แต่มันไม่ยอมไง มันก็กลับไปเอาของ ผมก็อาบนี้รอมัน ดีนะพรุ่งนี้หยุดเรียน จะได้พักผ่อนไป ผมอาบน้ำทำอะไรเสร็จก็มานอนอ่านหนังสือเล่น.......
แกร๊ก! ผมหันไปมอง พี่โน้ต? ผมก็ยิ้มบานเลย พี่โน้ตเดินมานั่งข้างๆผมที่นอนอยู่.....
“นท” พี่โน้ตลูบหัวผม
“อะไรเหรอ?” ถามอย่างร่าเริง มือก็ยังไม่วางหนังสือ
“นทอยากย้ายโรงเรียนไหม” ผมชะงักไปนิด
“ไม่อ่ะ ทำไมถึงถามแบบนี้ละ!” ผมถามแล้วลุกขึ้นนั่งแล้วก็มองพี่โน้ตนิ่งๆ
“พี่ไม่สบายใจเลย ย้ายโรงเรียนเถอะนะ” บอกผมแบบจริงจัง
“ไม่! เพื่อนนทอยู่ที่นี่ทั้งนั้น นทไม่ไป!” ผมหันหลังให้พี่โน้ต
“โอเคๆ เดี๋ยวค่อยคุยกันก็ได้ พี่อยากให้นทคิดดีๆนะ” พูดแล้วกอดผมจากด้านหลัง
“ไม่คิดอะไรทั้งนั้นพี่โน้ต นทไม่ย้าย” ผมบอกอย่างไม่ยอม
แกร๊ก! ผมหันไปดูพี่อ๊อฟเข้ามา มันก็เอาของไปเก็บของมันไป.......
“โอเคๆ ยังไงก็ลองคิดดูนะ ฟอด!” พี่โน้ตพูดเสร็จก็โน้มหน้ามาหอมแก้มผม แล้วก็ลุกไป ผมก็นั่งนิ่งๆ
การที่พี่โน้ตมาพูดแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดี ผมว่าผมสร้างปัญหาแล้ว การที่เจ็บตัวเยอะๆแบบนี้ทำให้คนที่บ้านผมไม่สบายใจ แต่จริงๆมันไม่ได้เกี่ยวที่โรงเรียน มันอยู่ที่ผมไม่ใช่เหรอ ซุ่มซ่ามเอง ผมก็คิดไปทั่ว........
“คิดอะไรอยู่” พี่อ๊อฟพูดแล้วนั่งลงข้างๆผม
“คิดเรื่อยเปื่อยอ่า!” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็คุยกับมันไปแปปนึงแล้วมันก็ไปอาบน้ำ พอเสร็จก็ออกมาปิดไฟแล้วมานอนข้างๆผม คราวนี้นอนชิดเลย ผมก็นอนตะแคงกอดมันเอาหน้าซุกอยู่ตรงคอมัน.....
“เป็นอะไร” ถามอย่างอ่อนโยนแล้วลูบแขนผม
“คิดถึงพี่อ๊อฟ ฟอด!” ผมเงยหน้ามาหอมแก้มมัน
“คิดถึงอะไรเจอกูอยู่ทุกวัน” ยิ้ม
“ก็ไม่ได้นอนกอดนี่นา” ผมเอาหน้าซุกคอมัน
“ก็กอดแล้วนี่ไง” พูดแล้วหอมหัวผม
“พี่อ๊อฟ” ผมเรียกมันเบาๆ
“ว่า” เสียงนิ่งๆ
“ผมรักพี่อ๊อฟที่สุดเลย” กอดมันแน่น
“รักมึงเหมือนกัน เอามือออกด้วย” มันพูดแล้วมันจับมือผมที่กุมเป้ามันออก
“แหะๆ ทำไมอ่าจับไม่ได้เหรอ” ถามอย่างอารมณ์ดี
“ไม่ได้ๆ เดี๋ยวมันตื่นมาจะยุ่งนะ!” มันพูดติดตลก
ผมก็คุยกับมันไปจนหลับ ตื่นมาอีกทีก็สายๆแล้ว พี่อ๊อฟก็หายไปไหนไม่รู้ เขียนโพสอิทไว้ว่าพ่อจะพาไปซื้อของ ผมก็ตื่นมาก็อาบน้ำแล้วลงไปหาอะไรกิน กินเสร็จก็ช่วยแม่รดน้ำต้นไม้ วันนี้ป๊ากับพี่โน้ตไม่อยู่ ไปไหนไม่รู้ ทำอะไรเสร็จผมก็ขึ้นไปเล่นคอม แล้วตาผมก็ไปสะดุดกับโทรศัพท์ของผม? พี่อ๊อฟมันวางไว้ในกล่องใส่ปากกา ผมก็หยิบขึ้นมาดู...
“อย่าแอบมีกิ๊ก เดี๋ยวกูกลับมาเช็ค” เอิ่ม! เป็นข้อความที่ไม่ดีเลยนะ555 แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้ พอเปิดเครื่องขึ้นมา โอ้โห! หน้าจอสะอาดจริงๆ พี่อ๊อฟมันไล่ตอบให้ผมหมด น่ารักจริงๆ ผมก็เลื่อนไปดู เพื่อนใหม่ก็ทักมาเยอะ ไอสิงโตนี่ยาวเลย การตอบข้อความของพี่อ๊อฟคือมันจะตอบให้เหมือนผมตอบเอง สวมรอยชัดๆ แต่ก็ดีนะ มันดูรู้จักผมไปหมดเลย น่ารักจริงๆ
แกร๊ก! ผมหันไปดู พี่โน้ตกับป๊าเข้า ผมก็หันไปยิ้มให้พี่โน้ตก็ไปนั่งรอที่เตียงป๊าก็เดินมาหาผมที่นั่งอยู่หน้าคอม.....
“วันนี้ป๊าจะพาไปเที่ยว โอเคไหม?” ป๊าพูดอย่างใจดี
“จริงเหรอป๊า!” ผมยิ้มแล้วหันไปกอดป๊าที่ยืนข้างๆผมที่นั่งอยู่
แล้วคุยกันนิดหน่อยผมก็เปลี่ยนชุด แม่ไม่ไปแม่ต้องไปเม้ามอยกับสมาคมแม่บ้านของเขา วันนี้พี่โน้ตขับรถ พาผมไปที่ห้างไปหาอะไรกิน ซึ่งจริงๆก็กินมาแล้ว แต่ก็กินอีกได้ ก็กินๆไป กินเสร็จก็พาผมไปที่ทำงานป๊า ป๊าบอกลืมของ พี่โน้ตก็ฝึกทำงานกับป๊าบ่อยๆ หลังจากที่กิจกรรมที่มหาลัยเริ่มน้อยลง........
“ป๊า! ความจริงป๊าไม่ว่างก็ไม่ต้องพานทออกมาหรอก” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ แล้วมองไปทางป๊าที่เซ็นเอกสารอะไรไม่รู้เยอะแยะ
“ว่างสิ มาเซ็นเอกสารนิดหน่อยเอง” ป๊าพูดแบบไม่มองหน้าผม
“นทอยากเห็นห้องทำงานพี่เปล่า ป๊าทำให้พี่ด้วยนะ” ผมยิ้มแล้วพยักหน้ารัวเลย
พี่โน้ตก็พาผมออกจากห้องทำงานป๊าไป ห้องข้างๆ เป็นห้องของพี่โน้ต และ...........
“พี่โน้ต นี่โต๊ะใคร?” ผมเอ่ยถามในห้องมีโต๊ะ2 ตัว
“โต๊ะนทไง ป๊าเอามาไว้ให้ เพราะว่างๆจะให้นทเข้ามามาเล่นที่นี่บ้าง มาดูป๊าทำงานบ้าง หรือให้นทดูงานด้วยไง!”พูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ดูงาน? ไม่เอาอ่ะ พี่โน้ตก็ดูไปสิ! นทไม่ชอบงานแบบป๊าอ่ะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นี่บริษัทป๊านะนท ไม่ชอบก็ต้องทำแหละ อีกอย่างเราก็ต้องมาช่วยพี่ดู!” พี่โน้ตหยิกแก้มผม ผมมองอย่างเบื่อหน่าย
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:49:19
ผมก็พูดคุยกับพี่โน้ตไป จะว่าไป ผมไม่ค่อยได้มาบริษัทหรอก มันน่าเบื่อ ป๊าก็เอาแต่ทำงานไม่สนใจผมเลยเวลาผมมา ผมก็เลยไม่ชอบที่จะมา แต่เห็นแบบนี้แล้วก็โอเค เพราะในห้องพี่โน้ต มีทั้งทีวี ทั้งคอม เกมส์ หนังสือ เยอะแยะ นี่คือจะดึงดูดให้ผมมาที่นี่บ่อยๆสินะ พอดูอะไรเสร็จป๊าก็มาตาม เราก็ออกไปกัน ป๊าสั่งงานพนักงานที่เข้าออฟฟิศนิดหน่อยก็ออกมา ผมก็พูดคุยกับป๊าและพี่โน้ตถึงเรื่องห้องทำงานที่น่าไปเล่น เขาก็โม้ใหญ่ จนรถจอด ผมก็มองไปรอบๆ.......
“นี่มันโรงเรียนในมหาลัยพี่โน้ตนี่ พานทมาทำไมอ่ะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็พามาเที่ยวดูไง เผื่อนทชอบ!” ป๊ายิ้ม ซึ่งผมพอจะรู้เหตุผลที่ทั้งป๊าและพี่โน้ตพาผมมาแล้ว
ผมก็ไม่พูดอะไร ก็เดินตามป๊ากับพี่โน้ตไป เขาก็บอกข้อดีต่างๆของโรงเรียนนี้ เพราะมันอยู่ในมหาลัยพี่โน้ตเขาจะได้มาดูผมได้บ่อยๆ บลาๆๆ ดูเสร็จก็กลับมาขึ้นรถ.........
“ป๊า พี่โน้ต รู้อะไรไหม” เขาก็หันมามองผม “จริงๆเรื่องที่เกิดขึ้น มันไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนหรอกนะ นททำตัวเองซุ่มซ่ามเองอะและอุบัติเหตุนทก็ห้ามไม่ให้มันเกิดขึ้นกับนทไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะโรงเรียนไหนถ้านทไม่ระวังตัวนทก็เจ็บตัวอยู่ดี นทไม่ย้ายโรงเรียนหรอกนะ!” ผมพูดแบบจริงจัง
“แต่ป๊าแม่และพี่โน้ตไม่สบายใจนะลูก ดูสิ เนื้อตัวมีแต่แผลขนาดนี้!” ป๊าบอกอย่างเครียดๆ
“ป๊า นทยังเด็กนะ แผลพวกนี้มันก็เกิดขึ้นตามวัยหรือเปล่า นทก็ขอใช้ชีวิตช่วงให้คุ้มค่าหน่อยสิ” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนัก
“เอางั้นแบบนั้นเหรอ?” ป๊าถามอย่างลังเล
“ป๊ากับพี่โน้ตก็รู้ว่านทกับพวกปอสนิทกัน นทไม่แยกกับเพื่อนเด็ดขาด!” ผมบอกอย่างไม่ยอม
เขาก็พูดไกล่เกลี่ยผมอยุ่นั่นแหละ ผมก็ยืนยันคำเดิมว่าไม่ ผมไม่ได้เอาแต่ใจ แต่ถ้าผมย้ายมันก็ต้องวุ่นวายนี่ผมก็มอ4กลางเทอมแล้ว ถ้าย้ายตอนนี้ยุ่งตายเลย ผมไม่เอาอะ จนสุดท้ายป๊าก็พากลับบ้าน เพราะป๊ากับพี่โน้ตโอเคแล้ว ผมก็ไม่คิดจะย้ายอะไรด้วย พอถึงบ้านก็เย็นแล้ว แม่ทำกับข้าวไว้รอ ก็ยังคงพูดถึงอยากให้ผมย้ายโรงเรียนกัน ผมก็นั่งกินข้าวเงียบๆไป....
“นทจำทิกเกอร์กับทิกเก็ทได้ไหม” อยู่ๆแม่ก็หันมาถามผม
“จำได้ดิ ลูกพี่ลูกน้องนทที่อยู่อังกฤษอะนะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เขาเรียนที่อังกฤษตั้งแต่เด็กเลยนะ เห็นว่าการเรียนการสอนที่นั่นดีมาก และได้หลายภาษาด้วย” แม่พูดอย่างจริงจัง
“จะส่งนทไปเรียนเมืองนอกเหรอ?” ผมถามนิ่งๆ แค่ผมอยู่ไทยยังโดนขนาดนี้ ถ้าไปผมคงโดนหนักกว่านี้
“อยากไปหรือเปล่า” ป๊าถามอย่างจริงจัง
“งั้นนทจะเรียนที่นิวยอร์กแล้วกัน นทขอคอนโดกลางเมืองด้วยนะป๊า เอาแบบที่เลี้ยงหมาได้ด้วยอะแม่ และก็ขอแม่บ้านคนนึงนะ นทขี้เกียจทำความสะอาด” ผมบอกอย่างตื่นเต้น เพราะว่านิวยอร์กไม่มีญาติหรือคนรู้จักผมอยู่ที่นั่นเลย  อีกอย่างประเทศอื่นหรือรัฐย่อยๆในฝั่งยุโรปหรือทั้งฝั่งเอเชีย ทั้งญาติและคนรู้จักก็เยอะอยู่ จะว่าญาติทั้งหมดก็ไม่ใช่ เพราะถึงญาติจะเยอะ แต่คนรู้จักเยอะกว่า แม่ผมเคยเป็นแอร์โฮสเทส แต่ตอนนี้เป็นแม่บ้านแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกับป๊าเขาก็ไปเที่ยวในหลายๆที่กัน ช่วงที่ป๊ากับแม่แต่งงานกันตอนนั้นป๊าเป็นไกด์นำทัวร์ในไทยและจีนของบริษัทอากง ทำให้ป๊ารู้จักคนมากมายหลายประเทศ ซึ่งตั้งแต่มีผมป๊าก็แยกตัวออกมาจากอากงแล้วเริ่มสร้างบริษัทและกิจการย่อยหลายๆอย่างเป็นของตัวเอง โม้ให้ผมฟังตั้งเยอะ จนผมพอจะจำได้ ว่าใครอยู่ที่ไหนบ้าง ผมไม่เคยไปหรอก ทางทวีปยุโรป ส่วนมากก็แถวเอเชียเนี่ยแหละ แต่ไม่ได้ไปบ่อยขนาดนั้น อย่างไปจีนก็ไปรวมญาติ
“อย่ากวนนท ไปอยู่คนเดียวป๊าไม่ให้ไปหรอก” ป๊าพูดเสียงดุ
“ให้นทไปอยู่กับพวกญาติก็ไม่เอาเหมือนกัน” ผมพูดอย่างไม่ยอม ทุกคนมองผมแบบดุเลย ผมถึงกับหงอย “ก็นทอยากอยู่บ้านอ่า! จะให้ไปทำไมตั้งไกล อีกอย่างนทบอกแล้วไงว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะตัวนท ไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนสักหน่อยจะให้ย้ายทำไมอ่า!” ผมบอกอย่างงอแง
“นท ป๊ากับแม่และพี่โน้ตคุยกันแล้ว มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้น ถ้าได้ไปต่อนอกป๊าว่าอนาคตไกลเลยละ” ป๊าบอกอย่างใจเย็น
“จริงๆถ้านทไป แม่กับป๊าก็จะให้พี่โน้ตไปเรียนด้วยนะ” แม่พูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เอา นทไม่อยากห่างกับป๊ากับแม่นะ!” ผมลุกแล้วเดินอ้อมไปกอดป๊าและจับมือแม่
ผมกลัวจริงๆ ผมไม่อยากอยู่ห่างกับป๊าและแม่เลย กลัวความคิดถึง กลัวไปหมด...........
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไม่ไปนะ ไม่ร้องนะลูก” แม่เช็ดน้ำตาให้ผม ซึ่งไม่รู้มันไหลมาตอนไหน
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไปป๊าขอโทษๆ อย่างอแงสิ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วโอเคไหม” ป๊าพูดอย่างอ่อนโยนผมก็พยักหน้าช้าๆ แล้วก็กลับไปนั่งที่
“ไม่ร้องน้ะ!” พี่โน้ตหันมายิ้ม ผมก็มองนิ่งๆ “พี่แค่อยากให้นทมองมุมกลับเท่านั้นเอง เรียนเมืองนอกมันดีหลายอย่างนะ ทั้งได้เปิดหูเปิดตา เรียนรู้สังคมที่ต่างออกไป หลายอย่าง” พี่โน้ตพูดแบบจริงจัง
“ไม่เอา” ผมก้มหน้ากินข้าว
“งั้นปิดเทอมใหญ่ต้องไปซัมเมอร์ที่อังกฤษนะ!” ป๊าพูด ผมเงยหน้าขึ้นมามองป๊า
จริงๆมันแค่เรื่องที่ผมเจ็บตัวบ่อยๆกับโรงเรียน ทุกคนถึงกับต้องส่งผมไปไกลๆแบบนั้นเลยเหรอผมละเซ็งหนักเลย....
“จริงๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่นทไปเจ็บตัวอะไรมาหรอก ป๊าแม่และพี่ก็คุยกันไว้สักพักแล้ว ว่าอยากให้ไปเรียนรู้ เพราะนทก็อ่อนภาษา ไปซัมเมอร์ก็เหมือนไปเที่ยวนะ อีกอย่างเรื่องที่อยากให้ย้ายโรงเรียนมันก็อยากอะแต่นทไม่ยอมนี่ และเรื่องไปเรียนเมืองนอกก็เป็นอะไรที่ดีด้วย พี่ก็เลยเสนอป๊าไป นทจะได้หลุดออกจากสังคมแบบนี้แล้วลองไปเปิดหูเปิดตากับสังคมใหม่ๆไง” พี่โน้ตพูดจริงจัง ผมก็พยักหน้ารับรู้
“ใช่ แต่ป๊าไม่บังคับนะ นทไม่อยากไปก็ไม่เป็นอะไร ป๊าก็คงทนคิดถึงตัวแสบของป๊าไม่ได้หรอก” ป๊ายิ้ม “อย่างน้อยไปเรียนซัมเมอร์ช่วงปิดเทอมใหญ่นะ ไปกันหมดบ้านเนี่ยแหละ ถือว่าไปเที่ยว!” ผมยิ้มบานเลย
“ก็ได้ป๊า” ผมยิ้มให้ป๊า
แล้วเราก็คุยกันไป ใจหายวาบ นึกว่าจะถูกโยนไปไกลๆคนเดียว ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยห่างป๊ากับแม่ไปไหนไกลๆเลย ไปไกลสุดก็ไปเข้าค่ายหรือนอนค้างกับเพื่อนไปเที่ยวกับเพื่อนก็แค่นั้น แต่นี่ก็ไม่ไหว โหดร้ายเกินไป จนกินข้าวเสร็จผมกินยาแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำวันนี้พี่โน้ตเรียกให้ไปนอนด้วย ทำอะไรเสร็จผมก็ไปหาพี่โน้ตที่ห้อง พี่โน้ตนอนรออยู่แล้ว ผมก็ไปนอนข้างๆ..........
หมับ! พี่โน้ตกอดผมแน่นเลย.........
“ทำไมไม่อยากไปอยู่กับพี่เหรอ” อยู่ๆพี่โน้ตก็พูดขึ้น
“พี่โน้ตอยากไปเหรอ?” ผมถามอย่างกังวล
“อยากอยู่นะ แต่ถ้าไม่มีคนในครอบครัวไปด้วยพี่ก็ไม่ไป” พี่โน้ตยิ้ม แล้วก็ปล่อยผม
“นททำลายความฝันพี่โน้ตหรือเปล่า!” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่ พี่คิดไว้แล้ว พี่รอจบปริญญาตรีก่อน แล้วค่อยไปต่อโทที่นั้น ถึงตอนที่พี่จะไปนทก็อยู่ปี1แล้วมั้ง ถึงตอนนั้นนทอาจจะอยากไปกับพี่ก็ได้!” พี่โน้ตลูบหัวผม
“จริงนะ!  งั้นนทสัญญาก็ได้ว่า....เอ่อ นทจะไปเรียนกับพี่โน้ตช่วงที่พี่โน้ตไปเรียนปริญญาโทที่นั่น!” ผมยกนิ้วก้อยขึ้นมา พี่โน้ตก็เอานิ้วก้อยมาคล้อง
“สัญญาแล้วนะ!” บีบจมูกผม
“อื้ม! ตอนนี้นทอยากอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตกับเพื่อนๆมากกว่าพี่โน้ตเข้าใจนทใช่เปล่า!” ผมถามแบบอ้อนๆ
“เข้าใจสิ แต่ถ้านทอยู่มอ6นทก็จะเลือกได้เองแหละ!”
เราก็คุยไปกันจนหลับ ตื่นเช้ามาพี่โน้ตก็ปลุกผมให้ไปวัด ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง คือแทนที่จะบอกผมก่อนนะจะได้นอนเร็ว ผมก็ไปล้างหน้าแปรงฟันเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำอะไรเสร็จก็ลงไปเห็นแม่ทำเตรียมของไปทำบุญเยอะเลย ผมก็ไปช่วย สักพักป๊ากับพี่โน้ตก็ลงมาก็มาช่วยกันขนของขึ้นรถ แล้วก็พากันไปวัด ระหว่างทางก็พูดคุยกันมากมายเหลือเกิน ผมก็กึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่ วัดก็ไกลจัง กว่าจะมาถึงฟ้าก็สว่างจ้า แดดก็ร้อนแล้ว ก็ลงไปทำบุญฟังธรรม ขอพรและพูดคุยกับพระ พูดคุยเสร็จก็ไปให้อาหารปลาปล่อยสัตว์ อะไรไปทั่ว กว่าจะเสร็จก็สายมากแล้ว ผมก็ไม่ได้เอาโทรศัพท์มาด้วย จริงๆคือชินแล้วกับการที่ไม่มีโทรศัพท์ ทำอะไรเสร็จก็ไปหาอะไรกินกัน กินเสร็จก็พากันกลับบ้านไปพักผ่อน แผลตามตัวผมก็เริ่มแห้ง บางที่ก็เริ่มหายหาย ตอนนี้ผมเอาผ้าพันหัวออกได้แล้ว และผมโชคดีมาก ผิวพรรณครอบครัวผมทุกคนแข็งแรงกันหมด ตั้งแต่เกิดเรื่องไม่ว่าจะเรื่องอะไรที่ผมได้แผล ผมไม่มีแผลเป็นเลย โชคดีตรงนี้ พอถึงบ้านผมก็กลับเข้าห้องนอนล้างหน้าล้างตากระโดดขึ้นเตียงนอนเลย
ผมมารู้สึกตัวอีกทีก็รู้สึกมีคนมายุ่งย่ามกับร่างกายผม พอค่อยๆลืมตาขึ้นมา พี่อ๊อฟ! มันกำลังถอดกางเกงผม....
“จะทำอะไรอะ!” ผมพูดเสียงงัวเงีย และก็รั้งกางเกงที่มันกำลังดึงลง ผมดูนาฬิกาตอนนี้ก็บ่ายแก่แล้ว
“ก็ ทำโทษคนไม่รับโทรศัพท์ไง” มันทำหน้าหื่น
“ถ้าว้อนก็บอก” ผมยิ้มเขิน มันก็เขินไง
แล้วมันก็ล้มตัวนอนข้างๆตัวผม ผมก็เอามือไปสัมผัสเป้ามัน แข็งโด่มาก เล่นหน้าผมร้อนผ่าวไปหมด....
“ทำไมไม่รับโทรศัพท์?” มันพูดแล้วลูบแก้มผม
“ไม่ได้พกติดตัว” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม มือก็คลำๆอยู่ตรงเป้ามัน
“เมื่อคืนก็ไม่รับ? ไปนอนกับพี่โน้ตเหรอ” มันถามผมก็พยักหน้าตอบ
“พี่อ๊อฟ” ผมเรียกมันเบาๆ มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่หวานเยิ้ม “ไม่ได้ทำมากี่วันแล้วเนี่ย”
“ก็ตั้งแต่....กับมึงครั้งล่าสุด” มันพูดไปเกาจมูกไป
“ไม่ได้ช่วยตัวเองบ้างเหรอ” มันก็ส่ายหน้า “จริงเหรอ” ผมทำหน้าไม่เชื่อ
“งั้นพิสูทสิ!” มันก็พลิกตัวมาคร่อมผม
“ไม่กลัวป๊าได้ยินหรือยังไง” ผมถาม แล้วก็จ้องหน้ามัน
“อย่าเสียงดังสิ!” แล้วก็โน้มหน้ามาจูบผมอย่างแผ่วเบา
ผมเอามือล้วงไปจับแท่งของมันในกางเกงยืดขาสั้น คือหัวน้องฉ่ำเปียกไปหมด ผมก็ถูวนไป มันถดตัวหนีแต่ปากก็ยังคงไม่หยุดจูบ....
“อื้ม”มันครางออกมาในลำคอเพราะผมเริ่มรูดแท่งของมันขึ้นลง ผมผละออกมาจากจูบมันและปล่อยมือจากแท่งของมันแล้วก็ค่อยๆถอดกางเกงตัวเองออก มันก็ลุกไปถอดเสื้อผ้ามัน บอกเลย เวลานี้เห็นร่างเปลือยเปล่าของพี่อ๊อฟแล้ว ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว เห็นแล้วอดใจไม่ไหว มันก็ดึงกางเกงผมออกไป และช่วยผมถอดเสื้อ จากนั้นมันก็ลุกขึ้นมายันเข่านั่งระหว่างอกผม ให้แท่งของมันจ่อที่ปาก.....
“อมให้หน่อย” บอกผมเสียงสั่น ผมก็ค่อยๆใช้มือรูดแท่งของมันแล้วก็เอาเข้าปาก เอาเข้าได้แค่ครึ่งเดียวพี่อ๊อฟก็เริ่มขยับเอว
“ซี๊ด! โดนฟัน” ผมก็ถอนออกมารูดแล้วก็เอาเข้าปากอีกครั้ง มันก็เริ่มขยับเอวอีกครั้ง ครั้งนี้มันมันเร่งความเร็ว จนผมเริ่มเมื่อยปาก ผมก็ใช้ลิ้นเลียบริเวณส่วนหัวมันไปด้วย
“อ่าห์ ไม่ไหวแล้ว......อ้าห์” น้ำมันพุ่งเข้าปากผมเต็มไปหมด
“แค่กๆ อึก!” ผมสำลักน้ำมันออกมาเพราะมันไม่ยอมถอนแท่งนั้นออกจากปากผม
“กินให้หมด” มันใช้แท่งของมันกวาดน้ำรักที่ผมสำลักออกมาเข้าปากผมอีกครั้ง ผมก็ค่อยๆกลืนลงไป มันเยอะมาก ผมเชื่อแล้วว่ามันนานจริงๆที่มันไม่ได้ปลดปล่อย พอกลืนหมด มันก็เอาแท่งของมันมาจ่อปากผมอีกครั้ง...
“เลียให้หมด” บอกผมเสียงแหบพร่า ที่ผมฟังยังไงมันก็ดูเซ็กซี่เรียกอารมณ์ผมเหลือเกิน ผมก็จับแท่งของมันเลียตั้งแต่หัวยันโคน...
“อ้า!” ผมร้องออกมาเสียงสั้น พี่อ๊อฟจับแท่งของผมที่ชี้โด่รูดขึ้นลงอย่างแรง มันทำให้ผมเจ็บนิดหน่อยแต่คงเสียวมากกว่า ตอนนี้ในห้องมีเสียงครางของผมที่ถูกรูดแท่งขึ้นลงและเสียงครางของพี่อ๊อฟที่ถูกผมเลีย สักพักมันก็ลุกขึ้น และก็เดินไปหยิบอะไรในกระเป๋ามา ผมก็มองอย่างสงสัย มันมานั่งตรงหว่างขาผม....
“ตัวช่วยจะทำให้มึงเจ็บน้อยลง” เจลหล่อลื่น มันบีบลงบนนิ้วแล้วก็เอาป้ายที่ช่องหลังของผม ป้ายไปสักพักมันก็เอานิ้วเข้ามา
“อื้ม เบาๆ” มันรัวนิ้วเข้าออกช่องหลังผมอย่างสนุกมือ
“แน่นสัส!” สักพักมันก็ถอนนิ้วออกมาแล้วก็เอาแท่งของมันมาจ่อช่องหลังของผม มันเอาแท่งของมันถูไปมาบริเวณนั้น ผมเสียวหวาบไปหมดมันรู้สึกถึงความอุ่นร้อนของแท่งนั้น สวบ!
“อุ้ก! จุก อ่าห์ เจ็บ” ผมร้องเสียงหลง เมื่อมันใส่แท่งของมันเข้ามาแบบทีเดียวมิดด้าม และรวดเร็วมาก น้ำตาเล็ดเลย ทั้งจุกทั้งเจ็บ มันก็แช่ไว้แบบนั้นแปปนึงแล้วโน้มตัวลงมาจูบผมเบาๆ...
“รักกูไหม”ถามเสียงแหบพร่า
“รักมากรักที่สุด”บอกเสียงสั่น ตอนนี้ผมหลับตาเบาๆ พยายามผ่อนคลายตัวเองเพราะเจ็บจริงๆ ทำไมรู้สึกเจ็บกว่าครั้งก่อนๆ และมันก็ประกบจูบผมอีกครั้ง และก็เริ่มขยับ ผมสั่นเลย ความเสียวเริ่มแล่นมา มันทั้งเจ็บทั้งเสียว ไปหมด
“อ่าห์ อื้ม!”เสียงครางของผมและพี่อ๊อฟประสานกัน จนตอนนี้เริ่มได้ที่พี่อ๊อฟก็เริ่มรัวเอวแรงขึ้น
“ปัปๆๆ” เสียงกระแทกรัวดังอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ผมร้องเสียงหลงเลย พี่อ๊อฟมันลุกขึ้นแล้วเอามือรูดแท่งของผมไปด้วย มันทำให้ผมฟินจนจะตายอยู่แล้ว ผมบิดตัวนิดหน่อยเพราะความเสียวที่มันเกิดจากทั้งด้านหน้าด้านหลังทำให้ความรู้สึกความผมมันจะถึงจุดอยู่แล้ว มันรัวมือชักแท่งร้อนของผมเร็วขึ้น จนผมทนไม่ไหวแล้ว เอวมันก็ยังไม่หยุดขยับ แถมยังใส่รัวและเร็วกว่าเดิม.....
“อ้าห์! อ่า อ่า!” ผมปล่อยน้ำของตัวเองออกมา มันพุ่งกระจายเต็มมือและโดนหน้าพี่อ๊อฟ กระเด็นลงเตียง กระจายไปทั่ว ผมถึงกับกระตุก มันถึงจุดสุดยอดจริง พี่อ๊อฟหยุดขยับเอว แล้วเอามือที่เปื้อนน้ำของผมไปเลีย ด้วยท่าทางที่ผมเห็นแล้วอาย พี่อ๊อฟมันร้ายมาก ผมอายไปหมดแล้วเนี่ย พอมันเลียในมือหมด มันก็โน้มมาจูบผม และดันน้ำของผมที่อยู่ตรงลิ้นของมันให้เข้าปากผม ผมก็รับมาอย่างไม่รังเกียจ มันยิ้มแบบหื่นๆแล้วก็จูบผมอย่างบ้าคลั่ง มันเริ่มขยับเอวอีกครั้ง แรงและรัว ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงความเสียวสุดๆ ทั้งห้องมีแต่เสียงครางและเสียงหอบ..
“จะเสร็จแล้ว อึก อ้า อ่าห์!” มันขยับเอวรัวและก็กระตุก2-3ครั้ง และก็พ่นน้ำเข้ามาในช่องหลังของผม รู้สึกวูบวาบเต็มไปหมด พอมันปล่อยน้ำของมันเข้าตัวผม มันก็ล้มตัวนอนลงทั้งๆที่แท่งนั้นของมันยังคาอยู่นั้นแหละ ผมก็เพลียมาก ผมก็หลับตาลงเบาๆ....
“ชอบไหม” มันเงยหน้าขึ้นมาถาม ผมก็ลืมตามองมันแล้วยิ้มเขิน
“ชอบ” หันหน้าหนีเพราะอายเหลือเกิน
“งั้น......”
และหลังจากนั้นก็อีก2หรือ3ยกก็ไม่รู้ ผมคือหลับไปเลย เพลียกายไปหมด มันไปตายอดตายอยากมาจากไหนนะ แต่จริงๆผมก็ชอบมากนะ><…………
ผมตื่นมาอีกทีก็เย็นมากแล้ว พี่อ๊อฟมันก็นอนข้างๆผมเนี่ยแหละ สภาพคือเปลือยทั้งคู่ ที่นอนคือเละมาก ผ้าปูหลุดลุ่ยไปหมด ไม่พอน้ำของมันและผมเลอะเต็มผ้าปูและผ้าห่มเลย แย่จริง! ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นมา มึนหัวนิดหน่อย รู้สึกเสียดๆตรงช่องข้างหลัง แต่ไม่เจ็บ ผมก็ค่อยๆลงเตียงแล้วเดินไปล้างตัวในห้างน้ำ คือน้ำของไอพี่อ๊อฟไหลออกมาเป็นทางเลย โหดสุดๆ จะเยอะไปไหน...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:50:09
“ท่ามึงนี่เอ๊กซ์สุดๆเลย!” ผมตกใจไปนิดหน่อย ก็ผมยกขาข้างนึงขึ้นมาแล้วใช้นิ้วล้วงเข้าไปทางช่องด้านหลัง ผมไม่ตอบอะไรมัน เพราะเขินอายสุดๆ ก็ยืนทำไปแบบนั้นแหละ “มาเดี๋ยวกูช่วย” มันยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วเดินเข้ามา
และหลังจากนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง โดนไปอีก1ดอกเต็มๆ พอเสร็จมันก็ช่วยผมเอาน้ำออก แล้วเราก็อาบน้ำกัน เพลียสุดๆ ล้าไปหมด พออาบน้ำเสร็จ ผมก็มายืนแต่งตัว แต่ต้องตกใจไปนิด
“พี่อ๊อฟ! อะไรเนี่ย!” ผมชี้ไปตรงคอ
“รู้ตัวสะแล้ว!” บอกอย่างกวนๆ
“ถ้าป๊าแม่หรือพี่โน้ตถามจะบอกยังไงละ!” ผมพูดอย่างกังวล
“มึงอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม กูหิวแล้ว หรือจะให้กูกินมึงอีก!” ดูมันนะ
แล้วเราก็รีบแต่งตัวกัน ผมเพิ่งสังเกตุ พี่อ๊อฟมันเอาชุดมานอนกับผมอีกแล้ว ที่บ้านมันไม่ว่าหรือยังไงนะ ถี่ขนาดนี้ ทำอะไรเสร็จก็ลงไปกินข้าว ป๊ากับพี่โน้ตไปกินข้าวกับลูกค้าวันนี้เลยเหลือผมกับพี่อ๊อฟและแม่ เรากินข้าวกันไปพูดคุยกันไป กินเสร็จก็ช่วยแม่เก็บของ และก็พากันขึ้นไปช่วยเปลี่ยนผ้าปูและจัดที่นอนกัน พอทำอะไรเสร็จก็นอนกันเลย ไม่ไหวจริงๆ ล้าไปหมด.......
เช้ามาผมก็ตื่นนอนอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนตามปกติ จะขัดก็นิดหน่อยก็ตรงที่เสียดๆด้านหลัง เนื่องจากจัดหนักเมื่อวาน แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทำอะไรเสร็จก็ลงไปกินข้าวไปโรงเรียน พอถึงโรงเรียนพี่อ๊อฟก็เดินไปส่งผมหาเพื่อนๆเหมือนเดิม พอถึงมันก็เดินเลยไป.....
“หน้าบานนนนนเชียวนะมึง!” ปอพูดแซว ผมก็เดินไปนั่งข้างมัน
“เรื่องของกูน่า!” ผมยิ้ม
“เออมึงตกลงเรื่องอิงฟ้ากับไอพี่เฟิสมันยังไงวะ” ไอวิวถามอย่างสงสัย
“ไม่รู้ว่ะ กูไม่ได้ไปเคลียล์ เห็นป๊าบอกว่ามันจ่ายค่ารักษาและค่าทำขวัญให้กู แค่นั้น” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ เพราะเรื่องนี้ดูเหมือนจะเงียบไปแปลกๆพอลองถามป๊าป๊าก็บอกแบบนี้ ซึ่งผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากอยู่แล้ว
แล้วพวกมันก็คุยกันไปทั่ว แล้วก็พากันขึ้นเรียน จนถึงเวลาพัก วันนี้พี่อ๊อฟเดินมารอผมหน้าห้องเรียนเลยนะ เป็นอะไรที่แปลก เพื่อนๆก็แซวกัน ผมก็ยิ้มให้พี่อ๊อฟแบบเขินๆ มันก็อมยิ้ม ผมก็เดินออกไปหามัน.....
“มาทำไมเนี่ย!” ผมเขิน ถามไปงั้นแหละจริงๆดีใจมาก
“ไปกินข้าวกัน” มันเอ่ยชวน ผมพยักหน้าตอบรับ
เราก็ลงไปหาอะไรกินกัน กินเสร็จก็ไปหาขนมกินต่อ พี่อ๊อฟมันให้ผมไปส่งที่ชมรมแปปนึง ผมก็ไปกับมันแหละนัดเพื่อนๆเจอกันบนห้อง พอถึงชมรมมันก็นั่งลงตรงม้าหินอ่อนหน้าชมรม ผมก็นั่งลงข้างๆมัน..........
“วันนี้ทำตัวน่ารักแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” ผมหันไปถามอย่างดีใจ
ก็ตั้งแต่เดินลงตึกมา มีการจับมือด้วย เขินไปหมด มีการป้อนข้าวป้อนน้ำ กลางโรงอาหารเลย ถามว่าอายไหม ก็นิดนึงแหละ แต่เขินมากกว่า><….
“ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” มันหันมาถามด้วยท่าทีที่เขินอายไม่ต่างจากผม
“ไม่อะ” ผมยิ้ม มันก็มองผมแบบสงสัย “ก็อยากให้พี่อ๊อฟเป็นเหมือนเดิมแหละ ไม่ต้องทำอะไรให้มันพิเศษขึ้นหรอก ทำให้เหมือนเดิม ทำให้เท่าเดิม แค่ไม่ให้มันน้อยลงก็พอ” (ยิ้ม)
“พูดจาดีนะ” มันยิ้มเขิน แล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆผม “…รักมึงนะ” กระซิบเบาๆ หน้าผมร้อนผ่าวไปหมด
“เขินวะ!” ผมหันหน้าหนี มันก็แซวไป….
“เจ็บหรือเปล่า!” ลูบเอวผม
“ไม่อ่ะ ชินแล้ว!” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
ผมกับมันก็คุยกันไป เป็นว่าที่มันดูแลดีเพราะว่ากลัวผมยังเจ็บจากที่ทำกับมัน น่ารักจริงๆเลย คุยกับมันไปสักพักก็ไปขึ้นตึกเรียน โดยมีมันไปส่ง พอถึงห้องเรียนเพื่อนๆก็แซวกันใหญ่เชียว ผมเขินอายจริงๆ.........
“กูรู้แล้วๆ” ปอพูดขึ้นทุกคนก็มองไปทางมัน “ที่พี่อ๊อฟมันทำดีกับไอนทเพราะอะไร!” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วชี้มาที่คอผม ทุกคนก็มองมา
ผมสะดุ้งเลยสิ ลืมไปเลยว่าไอพี่อ๊อฟมันประทับตราไว้ แย่จริง ผมก็เอามือลูบตรงคอ.........
“บะ บ้าเหรอพวกมึง ยุงกัดเว้ย!” ผมพูดแบบรนๆ หน้าร้อนผ่าวไปหมด
แล้วพวกมันก็ล้อก็แซวกันไปผมก็เอาหน้าฟุบลงโต๊ะเลย อายเหลือเกิน แถไม่รอดแล้ว แซวจนมันเลิกแซวกันไปเอง คาบต่อไปครูไม่เข้าสะด้วย เราก็นั่งคุยกันไปนั่งทำงานกันไป.........
“เออ พวกมึงยังติดต่อเพื่อนๆที่ค่ายอยู่หรือเปล่าวะ?” อยู่ๆปอก็ถามขึ้นมา
“ก็ติดต่ออยู่นะ” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจ
“เออ เนี่ยคุยกันอยู่!” วิวยื่นไลน์มาให้ดู
“กูด้วย” นัทเปิดเฟสให้ดู
“กูก็ด้วยเว้ย!” ไอมินยิ้มบาน
“แล้วมึงละ?”  ผมถามปอ
“ก็ติดต่อนะ!” ปอพูดแล้วมันก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์ไป “เออว่าแต่มึงขอบคุณคนที่ช่วยมึงตอนตกน้ำยังไง?”อยู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมาถามผม
“ขอบคุณอะไร? ครูช่วยกูไว้ไม่ใช่เหรอ?” ผมถามแบบสงสัย เพราะตอนที่พวกมันเล่าหรือตอนที่ถามพี่อ๊อฟ พวกมันก็ใช้คำว่าเขา ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าเขาไหน ผมก็คิดว่าเป็นครู ตอนนอนอยู่ที่ห้องพยาบาลที่ค่ายผมขอบคุณครูไปแล้วด้วย เขาก็ไม่ว่าอะไร
“ใช่ที่ไหนละ!” นัทเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ไอนี่ต่างหาก มันกระโดดลงไปช่วยมึงเลยนะ ตอนที่ทุกคนกำลังตกใจ!” มันซูมรูปในโทรศัพท์ของมัน ซึ่งเป็นรูป โกกิ! ผมตกใจสิ
“ทำไมกูไม่เคยได้ยินมึงพูดถึงตอนนี้ พูดกันมากมาย สรุปคือเล่าไม่ละเอียด?!” ผมถามอย่างค้างคาใจ
“งั้นเริ่มเล่าใหม่ มึงฟังดีๆนะ ไอวิว เล่า!” ไอมินหันไปบอกไอวิว ด้วยเสียงที่ดูก็อยากรู้มากพอสมควรเพราะมันก็ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
“เออๆ!”ไอวิวทำหน้าเหมือนขี้เกียจเล่า “ก็หลังจากที่ตัวมึงไปกระแทกกับหิน แล้วหล่นลงน้ำ เพื่อนมึงคนนี้มันก็กระโดดน้ำลงไปช่วยมึงเลย ทุกๆคนก็ยังอึ้งๆกันอยู่ กูก็อยู่ไกลจากมึง จะวิ่งไปช่วยมึง มึงคงตายก่อนใช่ไหม” ผมก็พยักหน้า “เออ...พอมันกระโดดลงไป ครูและเพื่อนๆพี่ๆที่อึ้งก็หายอึ้งกันแล้วก็รีบไปช่วยมึง ยิ่งกูเห็นพี่อ๊อฟของมึงหน้าซีดเลยสัส มันคงกลัวมึงจะเป็นอะไรแหละ หลังจากนั้นก็ บลาๆๆๆ” แล้วมันก็เล่าเรื่องที่มันเล่าซ้ำเล่าซากให้ผมฟังอีก คือทำไมไม่เล่าให้ครบ ไอโกกิเป็นคนช่วยผมเหรอ? แล้วทำไมไม่มีใครพูดถึงเลย? ผมรู้สึกผิดขึ้นมาแบบเต็มๆ
แล้วเราก็คุยกันไปจนคาบต่อไปครูก็เข้า ก็เรียนๆกันไป ผมก็ยังคงคิดถึงเรื่องของไอโกกิ ซึ่งผมไม่ชอบติดค้างใคร และถ้าผมรู้ว่ามันช่วย ผมจะไม่พูดตัดมันแบบนั้นหรอก เอายังไงดีละเนี่ย คิดไปคิดมานั้น จนเลิกเรียน ผมก็ไปหาพี่อ๊อฟที่ชมรมมันนั่งวาดรูปแบบแฮปปี้เชียว ผมก็เข้าไปนั่งใกล้ๆมัน แล้วก็ถามมันเรื่องไอโกกิ มันก็บอกว่าใช่ พอผมถามทำไมไม่บอก มันบอกผมว่าไม่สำคัญอะไร เพราะไอโกกิช่วยผมนิดเดียว? ช่วยงมผมขึ้นมาจากน้ำนี่ช่วยนิดเดียวเหรอวะ? ไอบ้านี่ มันพูดจบก็ก้มหน้าวาดรูปต่อไป ผมก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแชทไลน์กลุ่มที่มีเพื่อนๆที่ค่ายที่นอนด้วยกันอยู่ในกลุ่ม ซึ่งแน่นอนว่ามีไอโกกิ แต่เวลาผมคุยมันจะเงียบไปเลยมันไม่ยอมคุย แต่พอผมไม่อยู่มันก็มาคุย ผมก็เข้าไปในรายชื่อเพื่อนในกลุ่มแล้วกดแอดไป ผมก็ทักมันไป มันอ่านแต่ไม่ตอบด้วยประเด็น 
พรึ่บ! มือถือผมลอยไปอยู่ในมือพี่อ๊อฟเลย มันก็ไล่อ่านแบบนิ่งๆ.....
“มึงอยากจะขอบคุณมันขนาดนั้นเลย?” มันถามหน้านิ่งๆ
“เอออออออ เพื่อนนะเว้ย! มันช่วยชีวิตผมเลยนะ!” ผมพูดแบบไม่พอใจ
“โอเคๆ กูรู้แล้วๆ” มันยิ้ม ผมก็มองงงๆ มันบ้าหรืออะไร เดี๋ยวทำเหมือนจะโกรธเดี๋ยวก็ดี อะไรไม่รู้
“งั้นวันนี้ผมกลับเอง จะไปหามันสักหน่อย!” ผมพูดจบแล้วลุกขึ้น
“ถ้าอยากตายมึงลองเดินไปสิ” มันพูดเสียงแข็ง ผมถึงกับชะงักแล้วนั่งลงทันที โหดเลยสินะ
“ทำไมต้องทำเสียงโหดวะ!” ผมหน้ามุ่ย
“คิดว่ากูไม่รู้ใช่ไหม ว่าเพื่อนมึงคนนั้นอยู่โรงเรียนเดียวกับไอสิงโต!” มันพูดแบบไม่พอใจ
“เอาจริงๆ มันก็เพื่อนทั้งนั้น คิดอะไรเนี่ย! ทำไมไม่หึงพวกไอปอด้วยเลยละ!” ผมประชดแบบไม่พอใจ
“กูดูอยู่ มึงกับไอนัทก็รักษาระยะห่างบ้างก็ดีนะ อย่าให้มันเกินไป!” ผมมองมันแบบอึ้ง เกินไปจริงๆ
“แล้วแต่เลยละกัน จะคิดไงก็แล้วแต่ แล้วนี่ยังไง! จะไปเคลียล์กับเพื่อน พี่ไม่ต้องไปหรอก” ผมพูดปัดๆไป
“ทำไม มึงจะได้ไปสวีทกับไอสิงโตใช่ไหม อ้อ! หรือกับไอคนที่ช่วยมึงอีกคน หน้าตี๋ๆแบบนั้นชอบนักนี่!” พูดกระแหนะกระแหน ผมก็มองมันนิ่งๆ
“คือมันไม่ใช่เรื่องที่เราควรมาทะเลาะกันหรือเปล่า?” ผมก็ต้องลงก่อน ไม่งั้นไม่จบ
“อะไรวะ ได้กูแล้วก็ทำเป็นเบื่อกู ให้มันได้แบบนี้สิ!” มันหันหลังให้ผม แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเบื่อ! แม่งงี่เง่า
“ผมเบื่อพี่ยังไงพี่อ๊อฟ หันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ผมก็จับไหล่มันให้หันมา มันก็รั้งไว้ไม่ยอม
“มึงทำหน้าเบื่อกู!” ให้ตายสิวะ นี่มันอะไรกัน
“พอเถอะ มาง้องแง้งอะไรเนี่ย!” ผมเดินไปนั่งฝั่งที่มันหันหน้าไป มันก็ทำหน้าบูดเลย “จะเอายังไง” ผมถามอย่างเก็บอารมณ์
“อยากไปก็ไปเลย” แล้วผมจะได้ไปไหม มันงอลแบบออกอาการขนาดนี้
“ไปก็ได้!” ผมก็ลุกขึ้น
“เออ! ไปเลย มึงเห็นคนอื่นดีกว่ากูทุกครั้งอยู่แล้วนี่!” เสียงดังไง ผมแค่จะลุกไปนั่งดีๆเท่านั้นแหละ ดูมันทำ พี่ๆในชมรมออกมาดูกันหมดแล้ว ผมก็ยิ้มอ่อนให้พวกพี่เขาไปแล้วก็นั่งลงที่เดิม มันก็ก้มหน้าวาดรูปไป
“จะแหกปากเพื่อ?!” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“อยากไปก็ไปสิ!” เสียงสั่นเลย ขี้น้อยใจเป็นบ้า ไอนี่นิ
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย พี่อ๊อฟมันมีหลากหลายอารมณ์เหลือเกิน ผมก็นั่งนิ่งๆกดโทรศัพท์ไป
มันก็แอบชำเลืองมองผมบ้าง ผมก็ดูในแชทไป คือโกกิก็ไม่ตอบเลย ผมก็คุยกับเพื่อนๆในกลุ่มไป คุยกับไอสิงโตบ้าง พอเป็นพิธี พี่ดินพี่ไฟก็ยังคงทักมาเรื่อยๆ ไอฮาเล่อีก รายนั้นชวนไปเล่นแต่เกมส์ ให้ตายสิ สักพักพี่อ๊อฟมันก็ลุกเข้าไปในชมรมแล้วก็ออกมาพร้อมกระเป๋า.........
“กลับบ้าน” มันบอกนิ่งๆ นี่คือจะงอลแบบจริงจังใช่ไหมเนี่ย
“ไม่กลับ! ไปหาไอติมกินก่อน” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ต้องง้อมันก่อน ไม่อยากจะให้มันมาเคืองในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“เออ กูเลือกร้านเอง” มันยิ้มบานแล้วก็เดินนำไปเลย
ผมว่าเป็นแผนมันแน่ๆ ที่ทำเป็นงอล ไม่อยากให้ผมไปหาไอโกกิชัวร์ ไอนี่มันร้ายจริงๆ ผมก็เดินตามมันไป มันก็ขับรถพาผมไปกินไอติมที่ห้าง ห้างอีกแล้ว... ไปถึงก็ตรงไปร้านไอติมเลย พอสั่งอะไรเสร็จก็นั่งมองหน้ากัน มันก็ทำหน้ากวนตีนไป ผมก็มองมันอย่างเพลียจิตจริงๆ..........
“พี่อ๊อฟ คือผมว่าเราต้องคุยกันแล้วละมั้ง!” ผมพูดแบบจริงจัง มันก็ทำหน้าสงสัย “ผมเลือกพี่ผมรักพี่ แล้วพี่จะเป็นอะไรอีก? พวกนั้นก็เพื่อนๆผมทั้งนั้นนะ” พูดแบบจริงจัง
“กูรู้ว่าพวกมันอะเพื่อนมึงทั้งนั้น” มันก็ยิ้ม ผมก็ยิ้ม “แต่!” ทำหน้าดุ อะไรของมัน ผมถึงกับนิ่ง “กูไม่อยากให้มึงยุ่งกับพวกมัน จบไหม” มันทำหน้ากวนๆ หลากหลายอารมณ์จริงๆ
“ไม่จบ พวกนั้นก็เพื่อนๆทั้งนั้น ถ้าผมบอกให้พี่อ๊อฟเลิกยุ่งกับพวกพี่โอม หรือออกจากชมรมเพราะผู้หญิงเยอะพี่จะทำไหมละ!” ผมถามกลับแบบไม่พอใจ
“มึงก็รู้ว่ากูรู้ว่ากูจะไม่ทำ อีกอย่างกูก็ไม่ยุ่งกับใครแน่นอน ไม่เหมือนมึง ให้ท่าเขาไปทั่ว” มันพูดแบบโกรธแค้น
“นี่ผมมันดูไม่น่าไว้วางใจขนาดนั้นเลยเหรอ? แล้วผมต้องทำยังไง บอกมาสิ!” ผมถามแบบรำคาญ
“กูไม่พอใจที่เวลามึงไปเจอเพื่อนๆใหม่ของมึงแล้วบอกว่ากูเป็นพี่!” มันพูดแบบจริงจัง
“พี่อ๊อฟก็พูดแบบนั้น!” ผมเถียงอย่างไม่ยอม ตอนนี้ไอติมมาเสริฟแล้ว ก็กินไปถียงกันไป
“กูพูดตามมึงไง” บอกแบบไม่ใส่ใจ
“คือพี่จะไม่ยอมอะไรผมเลยใช่ปะ?” ผมตักไอติมคำโตเข้าปากอย่างหงุดหงิด
“กูยอมมึงมาตลอด และเกือบทุกเรื่องด้วย!” เอื้อมมือมาเช็ดปากให้ผม
“แล้วทำไม เรื่องของไอสิงโตยังไม่เข้าใจสักทีละ!” ผมถามแบบไม่พอใจ
“ถ้ากูกลับไปคุยกับอิงฟ้าปกติ มึงจะพอใจไหม” มันถามนิ่งๆ ผมถึงกับชะงัก
“แต่มันไม่เหมือนกันนะ” ผมพูดเบาๆ
“ใช่ ไม่เหมือน ก็ตรงที่มึงกับมัน.....ได้กันแล้ว” ผมถึงกับก้มหน้าหงุด
“พอเถอะ!” ผมก็กินไอติมเงียบๆไป
ตอนนี้เราทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ อะไรกัน ดีกันได้ไม่กี่วันก็มีเรื่องให้ผิดใจกันอีกแล้วเหรอ เฮ้อ! กินเสร็จก็ไปจ่ายตัง พี่อ๊อฟมันก็ออกให้ ผมก็ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว เราก็เดินเล่นกันนิดหน่อย......
“เป็นอะไร? คิดมากเหรอ?” ผมที่กำลังเหม่อลอยหันไปมองมันนิ่งๆ
“อืม ขอโทษ ผมผิดเองนี่ ยังไงผมก็เลือกพี่อะ ผมไม่อยากเห็นแก่ตัว” ผมพูดแบบไม่จริงจังนักแล้วยิ้มอ่อน
“อืม” ยิ้ม
เราก็เดินเล่นไปกัน จนพากันกลับ วันนี้มันชวนผมไปนอนบ้านมัน ผมก็ตอบตกลงไป แล้วก็เข้าไปเก็บของ พี่โน้ตก็บ่นเหมือนเดิม แต่ผมก็แถไปได้ ก็พากันไป ทำไมผมอึดอัดใจจัง คือพี่อ๊อฟกำลังหมายความว่าให้ผมตัดเพื่อนกับพวกนั้นเหรอ? คิดไปทั่ว จนถึงบ้านมันก็ลงไปเปิดประตูให้มันเอารถเข้าบ้าน เจอพ่อแม่พี่อิฐก็ทักทายนิดหน่อยก็ขึ้นบ้าน ผมก็ล้มตัวนอนบนเตียง มันก็เอาของผมไปเก็บให้ พอเสร็จมันก็เดินมานั่งข้างๆผมที่นอนอยู่..........
“พี่อ๊อฟ ผมทำให้พี่อ๊อฟเสียใจบ่อยไหม” ผมหันไปถามมันนิ่งๆ มันก็พยักหน้า “เหนื่อยไหม?” มันดูชะงักไป “ขอโทษสำหรับทุกอย่างเลยนะ ที่ทำให้เหนื่อย และเสียใจขนาดนั้น” ผมหลับตาลง
“ถึงกูจะเสียใจ เหนื่อย หรือหนักใจ กูก็ยังรักมึงอยู่ดี” มันล้มตัวนอนข้างๆผม “ทำไม พูดแบบนี้จะบอกเลิกกูเหรอ” มันหันมาถามนิ่งๆ ผมลืมตาขึ้นมาทันที
“บ้าเหรอ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“นั่นน่ะสิ ถึงมึงจะบอกเลิกกู กูก็ไม่ยอมหรอก” หันมากอดผม ผมก็ลูบหัวมัน “เรื่องไอสิงโต...กูไม่ได้คิดอะไรแล้ว” ผมชะงักไปนิดนึง “กูแค่ยังไม่อยากให้มึงไปไหนช่วงนี้ กูกลัวว่ามึงจะเจ็บตัวอีก” มันกอดผมแน่น ผมยิ้มออกมาเลย
“ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกเล่า!” ผมพูดอย่างดีใจ
“ขอโทษที่ทำให้มึงคิดมาก” เอาหน้าซุกคอผม
“ขอโทษเหมือนกัน” ผมลูบหลังมัน
“มึงอย่าทิ้งกูนะ” มันกอดผมแน่น
“ไม่มีทางที่จะทิ้งพี่แน่นอน” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมก็จุ้บหน้าผากมันไปทีนึง
ผมกับมันก็นอนคุยกันไป จนพี่อิฐขึ้นมาเรียกให้ไปกินข้าวก็ไปกินกัน ผมก็โม้ยาวเลย คุยกันสนุกดี พอกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บ เสร็จแล้วก็พากันขึ้นบ้าน.....
“มึงมองพี่อิฐแบบนั้นหมายความว่ายังไง!” มันถามแบบไม่พอใจ
“ก็มองเฉยๆ แล้วเป็นอะไรเนี่ย!” ผมเห็นมันนั่งเงียบๆ คงเพราะเรื่องนี้แหละ นั่นพี่ชายมันนะ หน้าเหมือนกันขนาดนี้ จะอะไรนักหนา
“มึงนี่แม่ง!” เป็นเอามากจริงๆ มันเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว
ผมก็ตามมันเข้าไปในห้องน้ำ ผมเริ่มจะมาสังเกตุ หลายๆครั้งหลังจากที่ผมมีอะไรกับมัน มันจะดูเอ่อ งี่เง่าผิดปกติ ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกี่ยวไหม แต่ผมเห็นเป็นแบบนี้ตลอด ผมเข้ามา มันยืนอยู่หน้าอ่างล้างหน้า......
“ก็พี่อิฐเขาพูดกับผมนี่จะไม่ให้มองได้ยังไงละ!” ผมกอดมันจากข้างหลัง
“อาบน้ำกันเถอะ!” มันหันมาบอกด้วยยิ้มอ่อน ผมก็พยักหน้าตอบ
แล้วก็ไปถอดผ้ามาอาบน้ำกัน แค่อาบน้ำ ไม่ได้ทำอะไรขืนทำได้มีเลือดแน่นอน อาบเสร็จก็ออกไปแต่งตัวแล้วก็แยกย้ายกันนั่งทำการบ้าน....
“พี่อ๊อฟ ถามจริง ช่วงนี้เป็นอะไร!” ผมถามแบบจริงจัง เพราะผมทำการบ้านเสร็จแล้ว
“ไม่รู้ ช่วงนี้กูรู้สึกหวงมึงแปลกๆ” มันบอกแบบไม่ใส่ใจ ผมพยักหน้ารับรู้ “ง่วงยัง?” มันหันมาถาม
“พี่อ๊อฟเสร็จหรือยัง” ผมก็ลุกไปหามันที่นั่งอยู่ที่โต้ะเขียนหนังสือ ผมนอนทำบนเตียง
ผมไปนั่งข้างๆมัน มันก็ทำเสร็จแล้วนี่ แต่นั่งดูอะไรในโทรศัพท์อยู่ ผมก็ดึงมาดู เอิ่ม! วิธีระงับอารมณ์....
“ถึงกับต้องดูเลยเหรอ?” ผมถามแบบสนใจ มันก็ทำหน้าเครียด ผมก็วางโทรศัพท์มันแล้วก็ใช้มือทั้งสองประคองหน้ามันไว้ “พี่อ๊อฟ คือพี่อ๊อฟไม่จำเป็นต้องปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรเพื่อผมหรอก พี่เป็นแบบนี้ผมรับได้ทุกอย่างเลย ไม่เบื่อด้วย” ยิ้ม มันก็ยิ้ม
“กูกลัวมึงจะเบื่อกูเพราะกูทำตัวงี่เง่า” มันบอกเบาๆ
“ไม่เบื่อเลย”(ยิ้ม)
มันก็ยิ้มบาน เราคุยกันนิดหน่อยแล้วก็พากันขึ้นเตียงปิดไฟนอน ก็นอนคุยกันไปจนหลับ ไม่มีอะไรมากมาย จนเวลาผ่านไป3-4วัน ช่วงที่ผ่านมาก็ไม่มีอะไรมากก็ใช้ชีวิตปกติ ไปมาหาพี่อ๊อฟบ่อยๆพี่อ๊อฟก็ดูจะดีขึ้นจากวันนั้น ส่วนเรื่องไอโกกิ ผมก็ติดต่อมันตลอด แต่ไม่ตอบอะไรเลย อ่านแล้วไม่ตอบ ผมก็เซ็ง...
จนมาวันนี้ ที่ผมตัดสินใจว่ายังไงก็ต้องไปคุยกับโกกิให้ได้ เพราะมันคาใจมาหลายวันแล้ว วันนี้ผมก็ไปโรงเรียนตามปกติ จนพักเที่ยง ผมก็ไปกินข้าวกับเพื่อนๆ  พี่อ๊อฟมันก็แยกไปกินข้าวกับเพื่อนๆมัน ผมก็กินข้าวไปพูดคุยกับเพื่อนๆไปในเรื่องต่างๆ แต่จะเน้นเรื่องสอบมากกว่า เพราะใกล้สอบแล้วจริงๆก็ไม่ได้สนใจอะไรกัน แค่บ่นกันเท่านั้นว่าจะสอบแล้วยังไม่รู้อะไรเลย คะแนนเก็บพอหรือยังบลาๆๆ....
“ไปเที่ยวหาไอสิงโตบ้างไหม ได้ข่าวว่าลูกพี่ลูกน้องมันจะมา” อยู่ๆไอมินก็พูดขึ้นมา
“เออ ไม่ได้ไปนานแล้วนะ” ปอพูดขึ้นมาข้าวเต็มปากยังจะพูด
“ลูกพี่ลูกน้องมัน เป็นยังไงวะ จะใจดีเหมือนไอสิงโตเปล่า!” วิวถามอย่างสงสัย
“นั่นดิ กลัวว่าแม่งจะไม่ชอบหน้าพวกเรายังไงไม่รู้!” ไอนัทพูดอย่างกังวล
“เรื่องนี้ต้องถามไอนทเว้ย! มันเจอเขามาแล้วไอสิงโตบอก” ไอมินเม้าท์เกินไปแล้ว
“เกี่ยวอะไรกับกูละ!” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
คือจริงๆแล้วไอสิงโตมันโทรมาบอกผมเมื่อวันก่อนแล้ว แต่ผมยังให้คำตอบไม่ได้ มันก็ขู่และก็บังคับ จนมันให้ไอพวกนี้กดดันผมนั่นแหละ แต่กลัวว่าพี่อ๊อฟจะไม่เข้าใจนี่สิ.........
“มึงจะไปกันวันไหน กูว่าจะไปเคลียล์กับไอโกกิก่อนว่ะ” ผมพูดอย่างกังวล เพราะเรื่องโกกิผมได้เอามาปรึกษาเพื่อนๆแล้ว ซึ่งมันก็น่าเครียดพอตัวเพราะนี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ผมรู้สึกติดค้างมันจังเลย เพราะผมได้เล่าเรื่องที่พี่อ๊อฟไม่พอใจให้พวกมันฟังไปด้วย
“แล้วพี่อ๊อฟให้มึงไปเหรอวะ?” ปอถามอย่างสงสัย
“เขาก็ไม่พูดอะไรนะ” ผมพูดอย่างกังวล
เราก็คุยกันไป พอคุยกับมันเรื่องนี้ทีไรมันก็ชอบนิ่งๆ เหมือนคิดอะไรสักอย่าง ผมก็เลยไม่อยากจะพูดและทำให้มันบั่นทอนจิตใจเกินไป ก็เลยเหยียบๆการคุยเรื่องนี้ไป จนกินกันเสร็จก็ขึ้นเรียนไป พอเลิกเรียนผมก็แยกไปหาพี่อ๊อฟ โดยบอกเพื่อนๆว่ายังไงวันนี้จะไปหาโกกิให้ได้ซึ่งตอนแรกพวกมันจะกลับบ้านกันอยู่แล้วไง มันเลยเปลี่ยนใจกันว่าจะไปกับผม ห้ามแล้วก็ไม่ฟังกัน ผมก็เลยปล่อยๆไป อีกอย่างพวกมันก็ไม่อยากกลับบ้านเร็วด้วยช่วงนี้ พวกมันเลยตามผมมากันเป็นขโยงเลย พี่อ๊อฟก็มองงงๆ……..
“พี่อ๊อฟ วันนี้ผมจะปะ.....”
“ไม่ได้! วันนี้มึงต้องกลับไปอ่านหนังสือ จะสอบแล้วนะนท!” มันตัวบทผมแล้วพูดแบบดุๆ
“ไม่เอาไปแปปเดียวเอง!” ผมนั่งลงข้างๆมัน เพื่อนๆก็ช่วยได้มาก ยืนสงบนิ่งกันเพื่อ
“กูจะฟ้องป๊า!” มันพูดแบบไม่พอใจ
“อะไรว้า!” ผมพูดอย่างรำคาญ มันมองค้อนผมเลย
“กูว่าแล้ว!” ไอปอพูดขึ้นแบบคนอวดรู้
“จะไปๆๆๆๆๆๆ!” แหกปากแล้วทีนี้ “ไม่สนใจละ ปะกันเถอะพวกมึง!” ผมลุกขึ้น แล้วก็เดินไปหาเพื่อนๆ
“ไปแล้วก็ไปลับนะ ไม่ต้องมาหากูอีก!” ผมถึงกับหยุดเดิน หันไปดูมันก็ก้มหน้าวาดรูปไปนิ่งๆ
“จะเอายังไง!” ผมถามแบบไม่พอใจ
“มึงจะไปไหนกัน” มันเงยหน้าขึ้นมาถามนิ่งๆ
“จะไปซื้อเครื่องเขียนครับ!” อยู่ๆไอนัทก็พูดขึ้นมา ผมหันไปมองมันแบบอึนๆ
“ของกูก็มีตั้งเยอะตั้งแยะนท เอาที่กูไปนี่!” พี่อ๊อฟขมวดคิ้ว
“อะ...เอ่อ!” ผมไปไม่ถูกเลยทีนี้
“งะ...งานกลุ่มน่ะพี่” ไอวิวไปกันใหญ่แล้ว
แล้วก็แถกันไป ปวดหัวเลย....
“งั้นกูจะไปด้วย!” พี่อ๊อฟพูดขึ้น ผมถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่ คือโกหกไปแล้วไง ขืนให้มันไปด้วยโดนแน่ๆ
“เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่อ๊อฟค่อยไปรับก็ได้ ผมอยากไปกับเพื่อนๆบ้าง!” ผมยิ้มอ่อนให้มัน
“กู จะ ไป!” เน้นทุกคำ ชัดเจนมาก แล้วมันก็ลุกเข้าไปในชมรม
“เอายังไงดีวะ ไอนัทมึงจะไปโกหกมันทำไมเนี่ย เดี๋ยวมันก็งอนกูอีก!” ผมพูดอย่างกังวล
“ขนาดมึงโกหกมันยังไม่ให้ไปเลย นี่แค่เรื่องไปซื้อเครื่องเขียนนะ ถ้ามึงบอกไปง้อผู้ชายมันไม่จับมึงล่ามเตียงเลยเหรอ!” ไอนัทพูดเบาๆแบบกังวล
“นั่นดิ กูว่าวันนี้ก็คงได้ไปซื้อเครื่องเขียนกันแล้วล่ะ!” ไอปอยิ้มอ่อน
“เฮ้อ!” ปวดหัวเลยทีเดียว “เห้ย! กูนึกออกแล้ว! เอาแบบนี้ไหม ไอมินมึงบอกไอสิงโตให้หน่อยดิ ให้พาไอโกกิมาด้วย!” ผมหันไปบอกไอมิน
“มันจะดีเหรอมึง พี่อ๊อฟเจอกับไอสิงโต..” ไอปอถามอย่างกังวล
“ไปกันยัง” อยู่ๆพี่อ๊อฟออกมา สะดุ้งกันเลยทีเดียว ผมพยักหน้าตอบเล็กน้อย
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:50:47
แล้วมันก็เดินนำไปที่รถ ผมก็ตกลงกับเพื่อนๆ เอามันมาแหละตั้งใจไว้แล้วนี่ อีกอย่างถ้าเลื่อนวันมันจะยิ่งหนัก จะสอบอยู่แล้ว พี่อ๊อฟมันคุมผมเข้ม ถ้าไม่ไปวันนี้วันอื่นคงไม่ได้ใกล้ๆนี่แน่นอน ทุกคนก็ตกลงกัน ไอมินก็โทรหาไอสิงโต ดูทำอะไรเป็นทีม ไอสิงโตก็รีบเลยสิ รายนั้นแค่ได้ยินว่าผมขอมันก็รีบเลยทีเดียวก็โอเค เพื่อนๆก็ไปส่งผมไปหาพี่อ๊อฟที่โรงรถ แล้วพวกมันก็นั่งรถไปกัน มันนัดเจอกับไอสิงโต ให้ผมกับพี่อ๊อฟไปเดินก่อน เป็นแผนที่แยบยล ทำไมต้องทำลับๆล่อๆก็ไม่รู้ โถ่! ผมก็นั่งซ้อนพี่อ๊อฟไป ระหว่างทางมันก็ถามมากมาย ดูพูดเยอะ สงสัยอารมณ์ดี...........
“มึงไม่ได้โกหกอะไรกูใช่ไหม?” อยู่ๆมันก็ถามทั้งๆที่เมื่อกี้คุยกันเรื่องไปเที่ยว ไอนี่มันยังไงวะ
“กะ...โกหกอะไร!” ผมรนเลย
“คิดว่ากูดูไม่ออกเหรอ?” ผมถึงกับเกร็งเลยทีเดียว
“อะ...เอ่อ วันนี้อากาศน่ากินไอติมจริงๆ!” ผมแถไปสิ
“หึ!” ไอนี่นิ มันเกินไปแล้ว
มันก็พูดแดกดันผมมาตลอดทาง ผมก็แถไปทั่ว จนถึงเราก็ไปจอดรถ แล้วก็เข้าไปเดิน ตอนแรกพี่อ๊อฟจะรอเพื่อนๆผมด้วย แต่ผมก็แถ รอเจอก็โป๊ะแตกพอดีสิ ผมก็เดินไปดูในร้านเครื่องเขียนนั่นแหละ จะปลีกตัวก็ปลีกไม่ได้พี่อ๊อฟก็เกาะติดเกิน จะแอบดูโทรศัพท์สักหน่อยว่าพวกมันมาถึงหรือยัง ขนาดผมพามันไปดูทางพวกสีที่มันชอบไปยืนดูแล้วนะ..........
ครืดๆ! เสียงโทรศัพท์สั่น ผมก็ล้วงขึ้นมาดู วิว โทรมาผมก็หยิบขึ้นมา พี่อ๊อฟมันก็มองนิ่งๆ ผมก็หันจอไปให้มันดูมันก็พยักหน้า ผมก็กดรับ......
“มาแล้วนะเว้ย!มึงอยู่ไหน” ไอวิวถามแบบตื่นเต้น จะตื่นเต้นทำไม
“กะ...ก็รอพวกมึงอยู่ร้านเครื่องเขียนไง” ผมบอกแบบมองตาพี่อ๊อฟ แล้วทำตัวเกร็งๆ ก็มันยืนจ้องอะไรขนาดนั้น
“เออๆ จะไปหานะ ทำตัวให้ปกตินะมึง ตึ๊ด!” เวร บอกแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ!
พอมันวางไปพี่อ๊อฟก็ถามประมานว่ามีอะไร ผมก็บอกมันไป ว่าพวกมันกำลังขึ้นมาหา พี่อ๊อฟดูแบบจับผิดผมตลอดเวลา ผมว่าโป๊ะแตกก็เพราะโกหกไม่เนียนเนี่ยแหละ โถ่ชีวิต ผมก็เดินดูไปทั่ว พี่อ๊อฟก็บ่นเรื่องซื้อของไม่จำเป็น และก็อะไรของมันมากมายเหลือเกิน.....
“นท!”ผมหันไปดู ไอสิงโตไง ยิ้มหน้าบานวิ่งมาหาผมแล้ว พี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆแล้วทีนี้ แต่พอไอสิงโตเห็นพี่อ๊อฟ มันก็เก็บอาการทันที......
“อะ..อ้าว สิงโตมาได้ยังไง” ผมยิ้มอ่อน
“มานี่เลยมึง!” แล้วพี่อ๊อฟก็ดึงแขนผมให้ไปทางคนเงียบๆ ผมก็บอกพวกมันให้ยืนรอแปป
มันลากผมมาด้านหลังๆ โซนเงียบๆ เพื่อนๆก็มองผมแบบเป็นห่วง เป็นห่วงหรือสาปส่ง......
“กูว่าแล้ว ต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากล มีอะไรจะบอกกูไหม” มันกอดอกแล้วทำหน้าดุ
“แหะๆ” ผมเอามือเกาหัว “กะ ก็....” ผมพูดไม่ออก
“กูจะรอฟังเหตุผลที่มันลื่นๆหูกูเลย” ยื่นหูมาใกล้ๆ ประชดได้เจ็บแสบมาก
“จะ...จริงๆแล้ว.....ผมแค่จะมาหาโกกิ แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าพี่อ๊อฟไม่น่าจะไม่ให้มา ก็เลยให้ไอสิงโตพามา..” ผมพูดแล้วหลบตา มันก็ถอยกลับไปแล้วมองผมนิ่งๆ
“หึ! กูไม่ยกโทษให้แน่นท” ผมหันมองมันทันทีเลย แต่มันยื่นมือให้ผมไง “งงอะไร จับมือกูเลย แล้วก็บอกมันด้วยว่ากู ผัวมึง!” ผิดคาด มันดูจะไม่โกรธ? มันยิ้ม ผมก็จับมือมัน แล้วยิ้ม “ มึงต้องโดนทำโทษนะ” มันโน้มหน้ามากระซิบบอกผม
“ไอบ้า!” เขินสิแบบนี้
แล้วผมก็เดินไปหาเพื่อนๆที่รออยู่ พวกมันก็ดูงงๆ ไอโกกิก็ไม่มองหน้าผมเลย......
“ไง อ๊อฟ มึงหล่อขึ้นนะเนี่ย!” ไอสิงโตทักทายได้กวนตีนตลอด
“หล่อน้อยกว่ามึงแล้วกัน ไม่งั้นนทมะ อุ้บ!......” ผมเอามือปิดปากมันทันที
ผมก็กอดคอพี่อ๊อฟแล้วก็โน้มหน้าไปกระซิบมัน “อย่าได้พูดอะไรที่มันไม่ควรนะ!” มันก็ขำออกมา มันดูอารมณ์ดีแปลกๆแหะ ผมชักหวั่นใจ....
“ปอ เอายังไงดีวะ มันไม่มองหน้ากูเลยนะมึง” ผมหันไปกระซิบปอ เพื่อนคนอื่นๆก็คุยกันอยู่ พี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็กัดกันไป
“ไปคุยกันไหมละ!” ไอปอนี่ก็ช่วยได้มาก
“อะ...เอ่อ ไหนๆก็อยู่กันพร้อมหน้า” พูดๆไปก่อน “ปะ...ไปกินไอติมกันไหม กูเลี้ยงเอง”ยิ้มอ่อน พี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆ
แล้วพวกมันก็ตกลง เราก็เดินไปร้านซเวนเซ่นกัน ไอโกกิแทบจะไม่มองหน้าผมเลยเอาจริง เดินนำโล่ไปนู่นคนเดียว.....
“พี่อ๊อฟ ขอไปคุยกับมันก่อนได้เปล่า?” คือมันไม่ยอมปล่อยมือเลย
“เออ แต่อย่าให้มันเกินความจำเป็นนะมึง!” พี่อ๊อฟพูดเสียงดุ ผมก็ยิ้ม พี่อ๊อฟน่ารักขึ้นนะเนี่ย
แล้วผมก็แยกตัวออกมา ไอสิงโตก็เดินคุยกับพี่อ๊อฟไป ก็กวนตีนกันไปมา ผมก็เดินไปหาโกกิ มันมองผมนิดหน่อยแล้วก็หันกลับไปมองทางเดินมัน......
“โกกิ มึงใส่ชุดนักเรียนแล้วหล่อนะเนี่ย” ผมยิ้ม มันก็มองผมแบบนิ่งๆ
“อืม!” มันกระแทกเสียงสะด้วย
“โอเคๆ ขอโทษๆๆๆ กูขอโทษ” พูดเสียงค่อนข้างดังนิดนึง
“จะขอโทษทำไม มึงไม่ควรมายุ่งกับกูด้วยซ้ำ!” ตายแล้ว ดูท่าจะยากกว่าที่คิด
“โอเค มึงอยากให้กูทำอะไรกูยอมแล้วกูขอโทษ และก็ขอบคุณมากที่ช่วยกูไว้” ผมจับไหล่มัน มันก็เดินไม่หยุดเลย
“งั้นก็เลิกยุ่งกับกูสะ!” ผมถึงกับชะงัก
“อะ เอ่อ!” ผมหน้าเสียเลย ผมก็ชะลอเดินช้าลง มันก็เดินนำไป แล้วอยู่ๆมันก็เดินกลับมายืนข้างๆผมแล้วเดินไปด้วยกัน ผมก็ค่อนข้างนิ่ง เพราะหมดคำพูด “ขอโทษจริงๆนะที่ทำให้รำคาญ จริงๆก็อยากจะมาขอโทษ ขอโทษจากใจจริงเลย แล้วก็จะมาขอบคุณที่ช่วย ยังไงก็ให้กูเลี้ยงไอติมแล้วกัน ถือว่าเป็นคำขอบคุณและขอโทษนะ หลังจากนี้กูก็จะไม่ยุ่งกับมึงแล้ว” ผมยิ้มให้มัน มันดูชะงักไปนิดนึง
“อะ...อืม!” มันดูลังเล มันดูแปลกๆนะ แต่ผมก็ไม่สนใจ
“งั้น กูกับมึงก็ฉลองเนอะ เพื่อนกันวันสุดท้าย โอเคไหม!” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้าช้าๆ
ผมก็ชวนมันคุยตลอดทาง มันก็ตอบบ้างคุยบ้าง จริงๆก็ไม่ได้อยากให้เป็นแบบนี้เลย แต่ในเมื่อมันต้องการ ก็ช่วยไม่ได้ พอถึงร้านผมก็ไปนั่งข้างๆพี่อ๊อฟ แล้วก็เรียกไอโกกิมานั่งข้างๆ โดยที่สิงโตนั่วตรงข้ามผม เราก็สั่งๆกันไป แล้วก็คุยกันไป โดยที่ผมก็บอกเรื่องโกกิกับพี่อ๊อฟด้วย มันก็โอเค มันเข้าใจดี มันดูแปลกๆเนอะ......
“ถ่ายรูปไปอวดพวกไอซ์ดีไหม!” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้า
ผมก็ถ่ายรูปมันแล้วก็ลงแชทกลุ่ม เพื่อนๆก็บ่นกันใหญ่ ไม่ชงไม่ชวน ก็คุยกันขำๆไป พอไอติมมาเสริฟเราก็กินกันไป ผมก็กินกับพี่อ๊อฟไง มันชอบสั่งชุดใหญ่มากินด้วยกัน ไอโกกิก็รู้แล้วว่าผมกับพี่อ๊อฟอะไรยังไง ไอสิงโตก็แหย่ตลอด มาแย่งกิน มาป้อนผม พี่อ๊อฟจะฆ่ามันตายตรงนี้แหละ พอกินเสร็จผมก็ไปจ่ายตังแต่.....
“เท่าไหร่?” พี่อ๊อฟชะเง้อดูบิล “อะ...เอาตังกู” มันหยิบออกมาพอดีเลย
“ได้ยังไง ผมบอกจะเลี้ยงนะ” ผมถามอย่างไม่ยอม แล้วก็วางบัตร
“กูจะจ่ายให้ มึงจะทำไม” มันทำหน้าดุ
“ครับๆ ยอมแล้วๆ” ผมยกมือยอมมันไป
“อะไรวะ ทีกูจะเลี้ยงไม่ค่อยจะยอมเลย!” ไอสิงโตพูดอย่างน้อยใจ
“มันก็ยอมแฟนมันดิ ไอควาย” พี่อ๊อฟพูดกวนๆ
ทุกคนก็ขำๆกันไป แล้วเราก็พากันเดินเล่นนิดหน่อยก็แยกย้าย เพื่อนๆก็ไปขึ้นรถกัน ส่วนโกกิก็กลับกับสิงโต เราก็คุยกันไปเดินไปที่จอดรถไป......
“กูสนุกมากที่ได้กินไอติมกับมึง” ผมยิ้มให้โกกิ
“แค่กินไอติมจะสนุกอะไรวะ!” โกกิตอบห้วนๆ
“ว้า! เวลาหมดแล้ว กูน่าจะเที่ยวกับมึงได้นานกว่านี้เนอะ!” ยิ้ม “ยินดีเว้ยที่ได้รู้จักมึง!” ผมยื่นมือไปให้มันข้างนึง ตอนนี้ถึงที่จอดรถแล้ว พี่อ๊อฟก็มอง โกกิมันก็เอื้อมมือมาจับมือผม “ขอบคุณเรื่องที่ช่วย และขอโทษที่พูดไม่ดีด้วย กูจะทำตามที่มึงบอก” ผมปล่อยมือออกมา “ลาก่อน ไปแล้วนะ” ผมยิ้มให้มัน มันก็ดูอึนๆ ผมก็หันไปมองไอสิงโต “สิงโต ไปส่งเพื่อนกูดีๆนะเว้ย!” ผมบอกอย่างไม่จริงจังนัก
“ครับๆ รับทราบ” มันตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่ดินกับพี่ไฟมาถึงวันนี้แล้วนะเว้ย! เขาปิดเทอมเล็ก2อาทิตย์เขาอยากเจอมึงนะ” ไอสิงโตบอกอย่างตื่นเต้น
“กูก็จะสอบอาทิตย์หน้านี่แล้ว เอายังไงดี สอบสามวันเองนะ รอก่อนได้เปล่า?” ผมถามอย่างไม่จริงจัง
“อะ แฮ่ม!” พี่อ๊อฟเรียกร้องความสนใจแล้วไง
“อะ..เอ่อ ถ้าพี่อ๊อฟไม่ให้กูไปก็อีกเรื่องนะ!” ผมบอกแบบเบาๆ
“อ๊อฟมึงก็เกินไป กูเพื่อนมันนะเว้ย! เรื่องเก่าๆให้มันจบไปดิวะ” สิงโตพูดแบบไม่พอใจ ติดจะไม่จริงจัง
“แฟนกู กูดูแลเอง อย่าเสือก ถ้ามันจะไปกูก็จะไปด้วย กูไม่ปล่อยให้มึงสองคนเล่นลับหลังกูอีกหรอก!”พี่อ๊อฟพูดแบบไม่พอใจ
ผมถึงกับชาวาบไปทั่วหน้าเลย แล้วก็คุยกันไปนิดหน่อย ไอโกกิก็ยืนเงียบ ผมก็ไม่อยากรบเร้าอะไรมัน เพราะลากันไปแล้ว คุยกันสักพักก็แยกย้าย ไอโกกิก็มองผมเศร้าๆ? ผมไม่แน่ใจแต่รู้สึกแบบนั้น ก็มันต้องการแบบนั้นไม่ใช่เหรอ ผมก็เศร้านะ แต่สบายใจแหละที่เคลียล์แล้ว ระหว่างทางกลับพี่อ๊อฟก็ถามถึงเรื่องไอโกกิ พี่อ๊อฟยังบอกเลยว่ามันแปลกๆ.....
“แค่มึงโกหกมันจะโกรธมึงอะไรขนาดนั้นวะ” มันถามอย่างสงสัย
“พี่เห็นไหมละ ถ้าผมไม่เข้าไปคุย วันนี้มันคงไม่คุยกับผมอะ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“มันแปลกๆ...” พี่อ๊อฟพูดแบบสงสัย
เราก็คุยกันไป จนถึงบ้าน วันนี้มันจะมานอนกับผม อีกแล้ว คือพ่อแม่พี่มันไม่ว่านะ เหมือนจะชอบที่ให้มานอนกับผม เพราะแม่พี่อ๊อฟบอกว่าพี่อ๊อฟมันดูยิ้มเยอะขึ้น ไม่รู้ว่าเกี่ยวไหมก็เอาเถอะ มันส่งผมบ้าน แล้วมันก็กลับไปเอาของ ผมก็เข้าบ้านทักทายแม่นิดหน่อย แล้วก็ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุด แล้วก็เล่นโทรศัพท์ พวกไอซ์ก็คุยกันไปผมก็คุยบ้าง ไอโกกิก็เงียบ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็คุยไปทั่ว พี่ดินกับพี่ไฟก็ทักมารัว เขาก็บอกว่าถึงแล้ว ให้มาหาหน่อย ไม่ได้ดูเวลาอะไรเลย สักพักพี่อ๊อฟก็มา มันก็มานั่งข้างๆผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่.....
“วันหลังมีอะไรก็บอกตรงๆ ถ้าทำแบบวันนี้อีกกูไม่ยกโทษให้แน่!” มันพูดแล้วดึงโทรศัพท์ผมไปดู
“ก็พี่อ๊อฟอ่า พอถามแล้วก็เงียบ ก็กลัวว่าจะไม่ให้ไปนี่เนอะ!” ผมเถียงอย่างไม่ยอม
“กูกำลังคิด ว่าเพื่อนมึง มันเป็นยังไง กูลืมแล้ว ก็แค่นั้น!” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ผมก็คุยกับมันไป มันบอกว่ามันเข้าใจอะไรหลายๆอย่างแล้ว และก็เชื่อมั่นในตัวผม แต่ถ้ามีครั้งต่อไป มันจะไม่ใจดี? กับผมแล้ว มันบอกแบบนี้ ผมก็รับทราบไปตามระเบียบ พอคุยกันเคลียล์แล้วเราก็พากันลงไปกินข้าว แล้วก็ขึ้นมาอาบน้ำทำการบ้าน ช่วงนี้พี่อ๊อฟมาติวให้ ป๊าบอก มีค่าขนมให้พี่อ๊อฟด้วย แต่พี่อ๊อฟไม่เอา ป๊าก็ให้จนได้
ชีวิตก็กลับมาสู่โหมดปกติ ไม่มีปัญหาอะไรมาก ช่วงนี้ก็จะอ่านหนังสือหนัก เพราะพี่อ๊อฟคุมเข้ม ยิ่งตอนวันสอบยิ่งหนัก พี่อ๊อฟสอบคนละวันกับผม สลับกัน มันตามไปติวให้ผมถึงที่โรงเรียน เพื่อนๆก็เลยได้รับความรู้ไปด้วยกันเลย มันก็ทำแบบนี้ไป จนสอบเสร็จ  เพราะสอบเสร็จก็ปิดเทอมเล็กกัน 2 อาทิตย์ การสอบก็ผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีอะไร...
หลังจากนั้นก็นัดกันไปเที่ยวนู่นนี่นั้น แต่ที่แรกจะต้องไปก็คือบ้านไอสิงโตยังไงเล่า คือโทรตามผมได้ทุกวี่ทุกวัน จนพี่อ๊อฟหงุดหงิด และวันนี้ก็ฤกดี สอบวันสุดท้ายเนี่ยแหละ พวกไอสิงโตสอบเสร็จก่อนพวกผมไปวันนึงแล้ว ได้ข่าวว่าวันนี้บ้านมันมีปาร์ตี้ปิดเทอมด้วย เพื่อนๆในห้องมันก็มา คนเยอะแยะครึกครื้น พี่อ๊อฟเหลือสอบอีกวันนึงคือพรุ่งนี้ มันก็ยังจะตามมา ผมกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน และผมก็เลยขอให้ไอสิงโตหาห้องเงียบๆให้พี่อ๊อฟอ่านหนังสือ มันก็โอเค เราก็นั่งคุยกันในห้องเล่นของไอสิงโต พี่ดินกับพี่ไฟออกไปดูงานอะไรไม่รู้กับพ่อสิงโต ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ พวกเพื่อนๆมันก็อยู่ ห้องมันกว้าง ตอนนี้คนไม่เยอะมาก 30 กว่าคนในห้องนี้ เดี๋ยวรอฟ้ามืดก็พากันออกไปริมสระว่ายน้ำ คือมีแต่ผู้ชาย ผู้หญิงมีแค่3-4คนเอง ผมก็ไปนั่งมุมเดิมของผม ไอสิงโตก็มานั่งด้วย พี่อ๊อฟไปอยู่ห้องรองรับของพ่อสิงโตมัน วันนี้มันบอกมันปล่อยผมวันนึง ก็ดี55 โกกิก็อยู่นะ มันก็มองผมเรื่อยๆ ผมก็ไม่สนใจ......
“นท!” พี่ดินกับพี่ไฟเปิดประตูเข้ามา ทุกคนก็มองแบบอึ้งๆ ผมยังอึ้งเลย เขาดู....หล่อขึ้น? ทั้งสองคนเลย หล่อขึ้นมาก หรือเพราะแต่งตัวหล่อ...........
“พี่ดินพี่ไฟ” ผมยิ้มแล้วลุกขึ้น
หมับ! เขาทั้งสองเข้ามากอดผม อึ้งไปหน่อย....
“คิดถึงจะแย่” พี่ดินผละออกมาแล้วยิ้ม ดีที่พี่อ๊อฟไม่อยู่
“คิดถึงเหมือนกัน” พี่ไฟยิ้ม
“ผม กะ...ก็เหมือนกัน” ยิ้มอ่อน เพื่อนๆก็มองกันด้วยความสนใจ “ไปไหนมาครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“พี่ไปดูที่กับคุณอา” พี่ไฟเอ่ยขึ้น
“ดูให้พ่อน่ะ” พี่ดินพูดตาม
“เอ้อ! นี่ทุกคน นี่ลูกพี่ลูกน้องกู คนนี้พี่ดิน คนนี้พี่ไฟ” ไอสิงโตแนะนำอย่างไม่เป็นทางการนัก เพราะทุกคนเงียบไป ทุกคนก็พยักหน้ารับ
“หวัดดีค่ะพี่ดินพี่ไฟ หล่อทั้งคู่เลยอะ” ส้มเป็นผู้หญิงที่ดูเปรี้ยวๆ ตามชื่อ เขาแสบซ่าขี้กวน เดินมาหาพี่ดินพี่ไฟแล้วทักทาย
“อีส้มมานี่เลย อย่าแรด!” แพรวเดินมาดึงเพื่อนตัวเองกลับไป ทุกคนก็ขำกัน
“พี่ดิน พี่ไฟ หล่อจังเลย มีแฟนหรือยังฮะ” ปอนด์พูดขึ้น นี่ก็อีกราย เป็นตุ๊ดที่ออกอาการว่าอยากได้ผัวจนตัวสั่น
“ให้มันน้อยๆหน่อยอีปอนด์ เดี๋ยวโดนกูตบ” ปิงคู่ซี้ของปอนด์ มันชอบแขวะกันไปมาแหละ
ทุกคนก็คุยเล่นกันสนุกสนาน ผมก็นั่งลงพี่ดินกับพี่ไฟก็นั่งลงด้วย เราก็คุยเล่นกันไป น้องซินยังไม่กลับจากโรงเรียนเลยเห็นว่ามีงานอะไรสักอย่าง คุยกันไปสักพักผมก็เดินไปดูพี่อ๊อฟ มันก็นั่งอ่านนั่งเขียนของมันไป ผมเข้ามามันก็มองผมนิ่งๆแล้วก็ก้มหน้าอ่านต่อ.........
“พี่อ๊อฟ เคร่งไปหรือเปล่า” ผมถามอย่างเป็นห่วงแล้วนั่งลงข้างๆมัน
“นิดหน่อย กูอยากได้เกรด4 วิชานี้!” มันชี้ให้ดูที่วิชาคณิต เอิ่ม! ผมไม่ซีเรียสขนาดนั้น แค่ผ่านก็ดีใจแล้ว ยากจะตาย
“เดี๋ยวปวดหัวนะ พักบ้าง เดี๋ยวค่อยอ่านต่อก็ได้!” ผมบอกอย่างเป็นห่วง มันก็ยิ้ม
“แล้วมึงทำไมไม่ไปอยู่กับเพื่อนๆละ?” มันถามอย่างสงสัย
“มาไม่ได้?” ผมมองอย่างไม่พอใจ
“อย่ามาหาเรื่องกูนะ!”มันชี้หน้าอย่างกวนๆ
“ถ้าเบื่อก็กลับก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวเสร็จค่อยให้พี่โน้ตมารับก็ได้ พรุ่งนี้พี่มีสอบนะ เดี๋ยวจะไม่มีสมาธิ” ผมจับมือมัน
“กูไม่อยากปล่อยมึงไว้คนเดียว” มันบอกหน้านิ่ง แต่อาการล้าออกที่หน้ามันอย่างเห็นได้ชัด
“พี่อ๊อฟยังไม่ไว้ใจผมอีกเหรอเนี่ย!” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้า “ไม่มีอะไรหรอกน่า!” ผมบอกปัดอย่างไม่ใส่ใจ
“จริงๆ กูก็อยากกลับแหละ แต่ห่วงมึงมากกว่า” มันพูดแบบจริงจัง
“กลับเหอะ ผมห่วงพี่จะไม่มีเวลาพักผ่อนแล้วไปสอบไม่ไหวนะ!” ผมพูดอย่างเป็นห่วง มันก็ดูลังเล “เชื่อเถอะว่าจะไม่มีอะไร เดี๋ยวผมให้พี่โน้ตมารับ โอเคไหม? ให้ไอปอรายงานตลอดได้เลย” มันก็พยักหน้าเบาๆ
จริงๆวันนี้มันไม่ควรมาเลยด้วยซ้ำ เพราะพรุ่งนี้มันมีสอบผมก็บอกมันแล้วว่าไม่ต้องมันก็จะตามมาให้ได้ ดูมันเถอะ มันจะไม่มีเวลาพักผ่อน กว่าผมจะกลับก็กี่โมงไม่รู้.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:52:22
“เออ เอางั้นก็ได้ รับโทรศัพท์กูด้วยนะ ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้กูสอบกูก็ไม่กลับหรอก อย่าเหลวไหลนะมึง!” มันพูดเสียงดุแล้วก็เก็บของ
พอมันเก็บของเสร็จแล้วผมก็ไปส่งมันหน้าบ้าน หน้ามันดูเหนื่อยๆ ผมก็เอามือทาบหน้าผากมัน..........
“พี่อ๊อฟ ตัวรุมๆ กินยาด้วยนะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปหา โอเคไหม” ผมบอกอย่างเป็นห่วง
“โอเคๆ ห้ามกินเหล้านะ แล้วก็อย่าลืมรับโทรศัพท์ด้วย ถ้าไม่รับแม้แต่สายเดียวกูโกรธนะ” พูดจริงจัง ผมก็ยิ้มให้มัน
คุยกันนิดหน่อยมันก็กลับไป พี่ไฟเดินออกมาตามผม? ผมก็บอกว่ามาส่งพี่อ๊อฟ แล้วก็กลับเข้าไปในห้องเล่นของไอสิงโต เราก็นั่งเล่นกันเพื่อนๆก็ถามว่าผมไปไหนมา ผมก็บอกตามความจริงไป แมวไม่อยู่หนูร่าเริงง555 พี่ดินกับพี่ไฟก็ชวนผมไปปีนเขาในวันพรุ่งนี้ ผมยังไม่แน่ใจเลยเนี่ยเอายังไงดีไม่รู้ พอฟ้าใกล้จะมืดพี่อ๊อฟก็โทรมา ผมก็ออกมาข้างนอกห้อง แล้วผมก็กดรับ.........
“ทำอะไร” มันถามนิ่งๆ
“ก็เล่นเกมส์กันเนี่ยแหละ อ่านหนังสือเสร็จหรือยัง” ผมถามมันอย่างเป็นห่วง
“อื้ม จะเสร็จแล้ว” มันพูดอย่างสบายใจ
“กินยายังเนี่ย!” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“กินแล้ว อย่ากลับดึกนะ เดี๋ยวกูจะลงไปกินข้าว 2 ทุ่มก็กลับได้แล้ว กูจะรอนะ” มันพูดเสียงหล่อเชียว ผมยิ้มบานเลย
“อื้ม จะรีบกลับครับ แต่ 2 ทุ่มไม่แน่ใจนะ ยังไงจะรายงานเรื่อยๆ!” เราคุยกันอีกนิดแล้วมันก็วางไป
พี่อ๊อฟนี่ น่ารักจริงๆเชียว ผมก็กลับเข้าไปห้องนั่งเล่น ตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยกันออกไปตรงสระว่ายน้ำหลังบ้านไอสิงโต ผมก็เข้าไปเห็นสิงโตมันยืนคุยกับพี่ดินและพี่ไฟอยู่....
“ไปข้างนอกกันเถอะ” พี่ดินเอ่ยขึ้น
ผมก็ออกไปกับพวกเขานั่นแหละ ไอสิงโตก็หงุ้งหงิ้งอะไรก็ไม่รู้น่ารำคาญจริงๆ ก็ไปสังสรรค์กัน เพลงดังสนุกสนานเชียว เต้นกันบ้าง เล่นกันบ้าง พวกไอโค้กคือกระโดดลงน้ำกันเลยทีเดียว งานนี้ไม่มีแอลกอฮอล์นะ อาจจะมีแค่พันช์ หรือ น้ำผลไม้น้ำอัดลม ผมก็นั่งคุยกับพี่ดินพี่ไฟไป ไอสิงโตก็นั่งไม่ห่างเลย พูดคุยกันสนุกสนาน พวกไอปอก็ไปเล่นกับพวกเพื่อนไอสิงโต..........
“นท อาทิตย์หน้าไปหัวหินกันเปล่า!” อยู่ๆไอสิงโตก็ชวน
“นั่นสิ ที่พี่เคยชวนไป” พี่ไฟบอกอย่างใจดี
“อะ...เอ่อ!” ผมอึกอักเล็กน้อย
“ค่อยๆคิดก็ได้ ยังไงก็ตั้งอาทิตย์หน้า!” พี่ดินบอก
แล้วเราก็พูดคุยกันไป จนถึงเวลาที่ผมควรจะกลับ พี่อ๊อฟก็โทรตามแล้ว ผมก็บอกไอสิงโต เพื่อนๆก็ยังสนุกกันอยู่เลย แต่ผมบอกพวกมันไปว่าจะกลับก่อน เพื่อนๆอยู่สนุกต่อก็ได้ พวกมันก็โอเค แต่พี่ดินกับพี่ไฟเขาก็จะมาส่งผมให้ได้ ตอนแรกจะโทรบอกพี่โน้ต สิงโตมันก็ไม่ยอม ตอนนี้ก็รบกวรลุงคนขับรถ ระหว่างทางก็คุยกันไป จริงๆก็เกรงใจไม่ใช่น้อย แต่ก็เอาเถอะ พอถึงบ้าน ไอสิงโตก็กวนตีนไง บอกว่าอยากคุยกับป๊าอีกและก็ไปอวดเรื่องห้องนอนผมกับพี่ดินพี่ไฟ จนพี่เขาอยากขึ้นไปดู ผมก็ต้องยอมนั่นแหละ ก็พากันเข้าบ้าน ป๊ากับพี่โน้ตนั่งดูทีวีกันอยู่ เราก็นั่งคุยกับป๊านิดหน่อย ผมก็พาพี่ดินกับพี่ไฟขึ้นบ้าน พาผู้ชายขึ้นห้องนอนอีกแล้ว พอเข้ามา ก็เปิดไฟแล้วผมก็เอากระเป๋าไปเก็บ.....
“ห้องน่านอนจัง พี่ขอขึ้นเตียงนะ!” พี่ดินพูด ผมก็หันไปยิ้มแล้วก็พยักหน้า
“ห้องน่ารักจังนท ขอนอนด้วยได้เปล่า!” พี่ไฟยิ้ม ผมชะงักไปนิด
“อะ..เอ่อ ห้องมันเล็กนะครับ สู้ห้องของพี่สองคนไม่ได้หรอก” ผมพูดติดตลกไป พี่เขาก็ขำเล็กน้อย
“นท มีแฟนหรือยัง” ผมก็มอง ไอสิงโตยังไม่บอกเหรอว่าผมมีแฟนแล้ว “เป็นแฟนกับสิงโตจริงๆเหรอ?”พี่ถามอย่างสงสัย
“ปะ..เปล่า มันแค่พูดเล่นน่ะ” ผมยิ้ม แล้วเดินไปนั่งที่เตียง
“นทชอบผู้ชายใช่ไหม” พี่ดินถามผมก็พยักหน้าไป
“บอกแล้ว ไม่เชื่อ” พี่ไฟหันไปคุยกับพี่ดิน พี่ดินก็พยักหน้า
“อะไรกัน นึกว่ารู้ตั้งนานแล้ว!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“รู้...แต่ไม่เห็นนทจะแสดงอาการว่าชอบใครเลย นี่พวกพี่ไม่หล่อเหรอ ทำไมนทไม่มีทีท่าว่าจะชอบบ้างละ” พี่ดินพูดผมอึ้งไปนิด นี่เขาจะสื่อถึงอะไร
“อะ..เอ่อ พี่หมายความว่ายังไง” ผมถามอย่างสงสัย และรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแล้วสิ
“ก็.........” พี่ไฟยื่นหน้ามาใกล้ๆ “พี่สองคน พอมีลุ้นไหม” ผมถอยห่างไปนิด
“พี่สองคนหมายความว่ายังไงครับ” ผมตกใจมากนะ คำถามแปลกๆ และสถานการณ์นี้ จะทำผมกลับไปที่วงจรอุบาทว์หรือเปล่า!
“เราไม่เคยมีแฟน ชอบใครก็ชอบคนเดียวกัน ทำอะไรก็แบบเดียวกัน จะผู้ชายหรือผู้หญิงพี่ก็ไม่สนใจหรอก นทเข้าใจความหมายใช่ไหม” พี่ดินพูดด้วยรอยยิ้ม ผมอึ้งหนักเลย แบบนี้ก็มีเหรอ พี่น้องชอบคนคนเดียวกันเนี่ยนะ
“ละ...แล้วยังไงต่ออ่ะครับ!” ผมยิ้มอ่อน แล้วก็ถอยห่างพี่สองคนนิดหน่อย ไอสิงโตก็ไม่ขึ้นมาสักที!
“ขอลองจูบได้ไหม!” พี่ไฟพูดมาได้ยังไง หน้าตาเฉยเลย! ผมตกใจสิ พี่เขาหล่อ เป็นที่หมายปองของใครต่อใครแน่นอน ถ้าถามว่าผมชอบไหมก็ชอบ แต่เขาก็ไกลเกินเอื้อมแล้วผมก็มีพี่อ๊อฟอยู่แล้วด้วย
“ได้ไหม!” พี่ดินก็ย้ำจัง ผมค้างเลย นี่มันอะไรกัน ตระกูลไอสิงโตมันเป็นอะไรกับผมมากหรือเปล่า!
“อุ้บ!” พี่ดินไม่รอให้ผมตอบอะไร เขาเข้ามาประกบจูบผมเลย ผมพยายามดันหน้าออกพี่เขาก็ล๊อคคอผมไว้ ส่วนมือผมก็ดันหน้าอกพี่เขา ตอนนี้พี่เขาสอดลิ้มเข้ามาแล้ว แต่ดูไม่ช่ำชองสักเท่าไหร่ สักพักพี่เขาก็ผละออก ด้วยใบหน้าที่แดงไม่น่าจะต่างกับผมเท่าไหร่ แล้วพี่ไฟก็มาประกบจูบผมต่อทันที ทั้งๆที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว ก็แนวเดียวกัน ผมพยายามขัดขืน พี่ดินก็ล้วงมือเข้ามาลูบท้องผม ผมถึงกับชะงัก ผมจับมือพี่ดินไว้ แล้วก็ผละออกมาจากพี่ไฟ ด้วยท่าทางที่รนๆ........
“ผะ...ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ!” แล้วผมก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป
ในใจก็คิดไปทั่วแล้ว มันเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย ผมชอบคนง่ายอยู่แล้ว แต่นี่ความรู้สึกเมื่อกี้มันน่ากลัวเกินไป ถ้าผมอยู่ต่อคงทำอะไรที่ไปไกลเกินจะห้ามใจ เฮ้อ! ผมนั่งสงบสติอารมณ์สักพักแล้วเดินไปล้างหน้า และออกจากห้องน้ำ พี่เขาก็นั่งกันอยู่ที่เตียงนั่นแหละ.............
“นท” พี่ดินลุกขึ้นเดินมาหาผม ผมถอยห่างเล็กน้อย “พี่ขอโทษ” จับไหล่ผม
“พี่ด้วย!” พี่ไฟจับมือผม
นี่มันอะไรกัน ผมทำอะไรลงไปเนี่ย สองพี่น้องฝาแฝดสุดหล่อกับผม! มันดูน่าเกลียดไปไหม! ทำไมผมกากีชั่วได้ขนาดนี้ ให้ตายสิ! ถ้าไม่ห้ามใจตัวเองเมื่อกี้จะเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากคิดเลย.....
“นท” เสียงเรียกของพี่ไฟทำผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง
“อะ...เอ่อครับ!” ผมมองพี่เขาทั้งสองคนนั้นแหละ เอายังไงดี ทำตัวไม่ถูกเลย “ผม เอ่อ ผม....” หาคำพูดไม่เจอเลย
“ไปนั่งก่อนเถอะ” พี่ดินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ” แล้วผมก็เดินไปนั่งตรงเตียงกัน
“เมื่อกี้.....พี่รู้สึกดีมากเลยนะ” พี่ดินพูดแบบอายๆ
“พี่ด้วยนะ!” พี่ไฟพูดแล้วยิ้ม
“ผม กะ...ก็ด้วยมั้ง!” ผมยิ้มอ่อน ตายจริง รู้สึกผิดกับพี่อ๊อฟจัง “ผมว่า วันนี้พี่กลับไปพักผ่อนก่อนดีไหมครับ แล้วพรุ่งนี้ยังไง เดี๋ยวผมจะติดต่อไป” (ยิ้ม)
“โอเคๆ นทไม่โกรธพี่ใช่ไหม” พี่ดินถามอย่างกังวล
“ไม่เลย ถ้าโกรธผมคงไล่พี่ไปแล้วจริงไหม” ผมยิ้ม จะโกรธได้ยังไง ดันไปมีอารณ์ร่วมด้วยแบบนั้นอ่ะ โถ่!
“โอเค งั้นพวกพี่กลับก่อนก็ได้ แต่พรุ่งนี้นทต้องไปเที่ยวกับพวกเรานะ!” พี่ไฟพูดอย่างตื่นเต้น
ผมก็ตกลงปัดๆไปก่อน คุยกันนิดหน่อยก็ลงบ้านไป เป็นว่าไอสิงโต ช่วยแม่ผมทำขนมไปฝากแม่มัน เลอะเทอะเชียว ผมก็เข้าไปดูมัน....
“โห สุดยอด เสี่ยเข้าครัวเองเลยเหรอครับเนี่ย!”ผมเช็ดแก้มมันที่มีแป้งติด มันยิ้มบาน พี่ดินกับพี่ไฟก็ตามเข้ามาดู
“จะลองทำไหมละ แต่ตั้งครั้งหน้านะ เพราะนี่เสร็จหมดแล้ว!” แม่พูดอย่างอ่อนโยน
“นทชิมหน่อยฝีมือกู” สิงโตเอามาป้อนผม ผมก็รับเข้าปาก
“โอ้โห! สุดยอดเลย นี่ครั้งแรกเลยใช่ไหม!” ผมยิ้ม มันพยักหน้ารัวเลย
“นท เอาป้อนพี่บ้าง!” พี่ไฟอ้าปากรอ ผมก็หยิบป้อน
“พี่ด้วย!” พี่ดินอ้าปาก ผมก็ป้อนไป ทำตัวเป็นเด็กน้อยกันไปได้
“อย่ายุ่งพี่ แฟนผม” ไอสิงโตกอดคอผมแล้วหอมแก้ม พี่ดินกับพี่ไฟคือเปลี่ยนสีหน้าทันที ดูเขาทั้งสองทำหน้าไม่พอใจสักเท่าไหร่ เอิ่ม!
“อะ...เอ่อ ผมว่านี่มันก็ดึกแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ อีกอย่างเพื่อนๆยังรออยู่ที่บ้านด้วย ใช่ไหมครับเสี่ย!” ผมเปลี่ยนเรื่องไปก่อน สถานการณ์มันน่าอึดอัดเกินไป
เราก็คุยอะไรกันอีกนิดหน่อย สามคนนั้นก็พากันกลับ ผมก็ขึ้นไปเตรียมของ แล้วก็รีบไปหาพี่อ๊อฟ โดยบอกป๊าว่า พี่อ๊อฟให้ไปติวหนังสือสอบ ซึ่งป๊าอาจะลืมไป ว่าผมสอบเสร็จแล้ว ป๊าก็เลยให้ผมมาได้ พี่โน้ตมาส่ง ระหว่างทางก็พูดคุยกันตามประสาพี่น้อง พอถึงผมก็เข้าบ้านพี่อ๊อฟ พี่โน้ตส่งแค่หน้าบ้านก็กลับไป พี่อิฐออกมาเปิดประตูให้ ผมก็คุยกับพี่เขานิดหน่อยแล้วก็ขึ้นบ้านไปหาสุดที่รักของผม พอขึ้นไปมันก็นั่งอ่านหนังสืออย่างงเคร่งเหมือนเดิมเลย ผมก็เข้าไปกอดมันจากด้านหลัง มันก็นิ่ง......
“นี่กี่โมงแล้ว” พี่อ๊อฟถาม ผมถึงกับชะงัก
“3ทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วครับ!” ผมเอาหน้าซบหลังมัน
“กูบอกว่ากูจะรอ แล้วโทรศัพท์อีกปิดเครื่องทำไม มึงทำอะไรอยู่!” มันพูดเสียงสั่น
“แบตมันหมด ไอสิงโตมาส่งแล้วนั่งคุยกับป๊านิดหน่อยเลยมาช้า ไม่มีอะไรเลย อย่าคิดมากดิ” ผมอ้อมไปนั่งเบียดมันที่เก้าอี้ที่มันนั่ง
“เฮ้อ!” มันเอามือนวดขมับเบาๆ
“ขอโทษๆ ขอโทษที่ปล่อยให้รอ ผมมาหาแล้ว” ผมกอดมัน
“อืม” กอดตอบผม “กินข้าวมาหรือยัง” มันผละออกมาแล้วถาม
“กินแล้ว พี่อ๊อฟ” มันก็จ้องหน้าผม
ผมโน้มหน้าเข้าไปจูบมันอย่างแผ่วเบา ผมอยากให้พี่อ๊อฟลบจูบของพี่ดินและพี่ไฟ ผมไม่อยากรู้สึกผิด แต่ถ้าบอกไปพี่อ๊อฟคงไม่พอใจ ผมคงไม่บอกเรื่องนี้ พี่อ๊อฟมันก็ดูงงๆ แต่ก็จูบตอบผม ลิ้นเราหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานในปาก จนผมสัมผัสได้ว่า น้องชายของพี่อ๊อฟมันตื่นตัวขึ้นมาแล้ว ผมก็เอามือไปสัมผัส แต่พี่อ๊อฟรั้งมือผมไว้ ผมก็ผละออกมาจากจูบแล้วก็มองอย่างไม่พอใจ......
“ไม่ได้ พรุ่งนี้กูสอบ มึงจะทำให้กูลืมข้อสอบนะ” มันพูดแล้วยิ้ม “พรุ่งนี้นะ จุ้บ!” จุ๊บแก้มผมเบาๆแล้วลุกขึ้น
เราก็ไปที่เตียงกันพี่อ๊อฟก็ไปปิดไฟขึ้นมานอนข้างๆผม.......
“มึงอยากเหรอ” เป็นคำถามที่ทำให้ผมเขินได้สะทุกครั้งเลย
“บ้า!” ผมหันหลังให้มัน
 หมับ! มันก็กอดผมจากด้านหลัง แล้วเอามือมันล้วงเข้ามาในกางเกงผม.....
“เดี๋ยวกูช่วย!” มันจับน้องชายผม
“ไม่เอา รอพรุ่งนี้ได้!” ผมดึงมือมันออก มันก็ไม่ยอม รูดขึ้นรูดลงจนมันแข็งแล้ว “พี่อ๊อฟ!” ผมพูดแบบไม่พอใจ มันก็ยิ้มแล้วก็ปล่อย
“โอเคๆ หันหน้ามาดิ” ผมก็พลิกตัวหันไปหามัน “นอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้สอบเสร็จ ไปกินเลี้ยงกับเพื่อนๆกูนะ” (ยิ้ม)
“ที่ไหนอ่าใครบ้าง!” ผมถามอย่างสงสัย
“แค่พวกไอโอม จริงๆตอนแรกก็นัดกันทั้งห้องแหละ แต่ตกลงกันไม่ได้เพราะบางคนมันไม่พอใจกัน ก็เลยแยกย้ายกันไป กูก็ไปกับกลุ่มเพื่อนกู แค่นั้น!” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ!” ผมพยักหน้า “จะว่าไปพี่โอมก็หล่อนะ” ยิ้ม พี่อ๊อฟมันทำหน้าไม่พอใจ
“สนใจไหม กูจะติดต่อให้!” มันพูดแบบไม่พอใจ
“สนใจพี่อ๊อฟมากกว่า” ผมยิ้ม แล้วก็หอมแก้มมันทีนึง
เราก็คุยกันไปจนหลับ ตื่นมาอีกที ผมก็ไม่เห็นพี่อ๊อฟแล้ว มันทิ้งโพสอิทไว้ “ตื่นมาแล้วก็ไปหาอะไรกิน เดียวสอบเสร็จจะกลับมารับ” ผมก็อมยิ้มให้กับข้อความนั้น แล้วก็ลุกขึ้นจัดที่นอนแล้วก็ไปอาบน้ำ วันนี้ไม่มีอะไรมาก เพื่อนๆก็ชวนไปเที่ยวตั้งแต่เช้า ผมก็ไล่ตอบแชทไป จนไปสะดุดที่แชทของไอโกกิ มันทักผมมา ผมก็กดเข้าไปดู.....
โกกิ : กูขอโทษเหมือนกัน กูยังอยากเป็นเพื่อนของมึงนะ แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์อะไรของมันมา
ผม : อื้ม (แล้วก็ส่งสติ๊กเกอร์ยิ้มไป จริงๆพอจะรู้แล้วว่าไอโกกิมันไปรู้เรื่องว่าผมไม่ได้จนมาได้ยังไง ก็ตอนที่เกิดเรื่องมันอุ้มผมไปห้องพยาบาลด้วย แล้วดูเหมือนว่าพี่อ๊อฟก็วิ่งตามมาแล้วครูกมลก็คงพูดถึง แล้วก็คุยกันเรื่องผมมันคงได้ยิน ก็แค่นั้นเอง)
แล้วผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงไป ผมสำรวจห้องพี่อ๊อฟก็ไม่มีอะไรผมก็ลงไปข้างล่าง เห็นพี่อิฐทำอะไรไม่รู้อยู่ที่สวน ไม่มีใครอยู่นอกจากผมกับพี่อิฐ? ผมก็เดินรอบบ้าน ก็ไม่มีคนอื่นอยู่จริงๆ ผมก็เดินไปหาพี่อิฐที่กำลังปลูกต้นไม้อยู่.......
“พี่อิฐ” ผมเข้าไปทัก พี่อิฐก็หันมามองผมแล้วก็ยิ้มนิดหน่อย ดูท่าจะเหนื่อยนะ เหงื่อออกเยอะเลย
“ร้อนนะนท เข้าไปในบ้านเถอะ” พี่อิฐพูดเนือยๆ
“ให้ผมช่วยเปล่า!” ผมไม่รอให้พี่เขาตอบ ก็หยิบจอบ ไปพรวนดินกับพี่เขานั่นแหละ
“จะไหวเหรอ?” มองผมอย่างกวนๆ
“ก็ลองดูดิ” ผมยักคิ้วกวนๆส่งกลับไป
แล้วเราก็เริ่มทำสวนกัน เป็นว่าพี่อิฐจะจัดสวนหน้าบ้านใหม่ ผมก็ช่วยไป บ้านนี้จัดสวนกันเก่งจริง คราวที่แล้วพี่อ๊อฟก็บังคับให้ผมทำ คราวนี้พี่อิฐก็ลงมือกันเองอีก เราก็ช่วยกันไปพูดคุยกันไป พี่อิฐก็เปิดน้ำราดแกล้งผมบ้าง จนเสร็จ ก็ออกมาดูดีเลย ผมก็นั่งพักตรงชิงช้าหน้าบ้านนั้นแหละ พี่อิฐเข้าไปหยิบน้ำมาให้ สักพักก็ออกมา เดินมาหาผม ยื่นน้ำพร้อมกับผ้ามาให้ผมเช็ดหน้า ผมก็ขอบคุณพี่เขาแล้วก็รับมา พี่เขาก็นั่งข้างๆผม.........
“เหนื่อยไหม” พี่อิฐหันมาถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่อ่ะ หิวมากกว่า” ผมพูดพร้อมลูบท้อง
“อ้าว! ทำไมไม่บอก ไปเลยๆ” ดึงแขนผมให้เข้าไปในบ้าน ผมก็ไปล้างหน้าล้างมือล้างเท้า แล้วก็ไปนั่งรอที่โต้ะตามคำสั่งของพี่อิฐ
วันนี้พ่อแม่พี่อิฐไปต่างจังหวัดแต่เช้าเลยไม่ได้ทำอะไรไว้ให้กิน จริงๆตอนแรกผมว่าจะกลับบ้านไปกินที่บ้านแหละ แต่อยากช่วยพี่อิฐทำสวน พี่อิฐก็บ่นไปทำอาหารให้ผมไป น่ารักจริงเชียว555 เหมือนพี่อ๊อฟเป๊ะ!.....
“พี่อิฐนี่ขี้บ่นเหมือนพี่อ๊อฟเลยอะ” ผมพูดแทรกในขณะที่พี่เขากำลังบ่น
“อย่าเยอะนท ถ้าไออ๊อฟมันรู้ว่าพี่ใช้งานเรา พี่โดนมันโกรธแน่” พี่อิฐพูดอย่างจริงจัง
“ผมเต็มใจตังหาก อย่าเว่อร์เลยน่า อีกอย่าง เดี๋ยวพี่อ๊อฟก็มาพาผมไปกินข้าวอยู่ดี” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ยังไงก็ต้องกินก่อน” ถือมาวางไว้หน้าผม ผัดซีอิ้ววุ้นเส้น ผมก็มองหน้าพี่เขาแบบกวนๆ “ทำไม ไม่ชอบเหรอ?” พี่อิฐถามอย่างนอยๆ
“เปล่า ไม่ยักรู้ว่าพี่อิฐก็ทำอาหารเป็น” ผมพูดแล้วยิ้ม
“แน่สิ ส่วนน้อยนะ ที่จะได้กินฝีมือพี่ กินเลยๆ!” พี่อิฐเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งข้างๆผม
ผมก็ตักคำแรกกำลังจะเข้าปาก ดันรู้สึกอายสะงั้น ก็พี่อิฐเล่นจ้องหน้าผมแบบนั้นผมจะกินลงได้ยังไงเล่า!....
“ทำไมไม่กินละ!” พี่อิฐถามแบบไม่พอใจ
“อย่าจ้องตอนกินดิ้ อายนะเนี่ย!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก พี่อิฐก็ทำหน้ากวนๆ
ผมก็ตักคำแรกเข้าปากไป มัน........อร่อย ก็อร่อยดีนะเนี่ย ผมก็ทำหน้านิ่งๆ ทำท่าคิด แกล้งพี่อิฐ พี่อิฐคือหน้าเสียแล้ว ตอนนี้........
“ถ้ามันแย่ขนาดนั้น เดี๋ยวพี่ต้มมาม่าให้ก็ได้” พี่อิฐบอกอย่างหัวเสีย
“555 อร่อยพี่ ทำน้อยใจไปได้ อร่อยมากเลยละ”  ผมยิ้ม แล้วก็ตักเข้าปากอีก พี่อิฐก็ยิ้มเลย
“แน่นะ” พี่มันทำหน้าดีใจ
“แน่ดิ จะกินให้หมดเลย” (ยิ้ม)
แล้วผมก็กินไป พูดคุยกับพี่อิฐไป พี่อิฐเขาขี้กวน เหมือนพ่อเขา ชอบแกล้ง แต่พี่อ๊อฟน่าจะเหมือนแม่ นิ่งๆ ขี้อาย และไม่ค่อยแสดงออกมาก พอกินเสร็จ พี่อิฐก็ไล่ผมไปอาบน้ำ ผมจะล้างจานเองก็ไม่ยอม ทำดุใส่ผมอีก ผมก็ต้องขึ้นไปอาบน้ำใหม่ เพราะตอนนี้เหม็นเหงื่อตัวเองจะแย่แถมตัวยังชื้นจากที่โดนพี่อิฐเอาน้ำสาดแกล้งอีก พออาบน้ำเสร็จผมก็แต่งตัวแล้วก็มานั่งเล่นบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็พบว่า เอ่อ พี่ดินกับพี่ไฟโทรมา แล้วผมไม่ได้รับ ผมปิดสั่นปิดเสียงไว้ไง ผมก็กดโทรกับไป ไม่นานพี่ดินก็รับ.........
“นท ทำไมไม่รับสายพี่ พี่ว่าจะไปหานทอยู่แล้วนะ!” ทำเสียงไม่พอใจ
“เอ่อ ....” คือรับสายปุ๊ปรัวปั๊ปเลย “พี่ดินกับพี่ไฟมีอะไรหรือเปล่าอะครับ” ผมถามเสียงปกติ
“ก็จะชวนไปปีนเขา นทไปไหม พี่จะไปรับ” พี่ดินถามอย่างตื่นเต้น
“วันนี้ไม่ได้อ่ะครับ วันนี้ผมต้องไปกับพี่อ๊อฟอ่า!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังมาก
“งั้นเย็นนี้มากินข้าวด้วยกันนะ ไฟก็รออยู่ โอเคนะ นะ!” อ้อนวอนเหลือเกิน
“ผะ..ผม...”
“งั้น เดี๋ยวพี่โทรขอให้ป๊านท พานทมาก็ได้นะ ไว้เจอกันตอนเย็น ตึ๊ด!” เอิ่ม! พูดเอง เออเอง คิดเอง แล้วก็ไปเลย
ผมก็งงๆนะ แต่ก็ช่างเถอะ ผมก็เดินลงไปหาพี่อิฐเห็นนั่งดูทีวีอยู่ วันนี้พี่เขาหยุด พอผมถามถึงเรื่องเพื่อน พี่เขาก็บอกว่าไม่ค่อยอยากจะสุงสิงกับใคร เพราะเพื่อนในมหาลัยหายาก ผมก็เออออตามพี่เขาไป ผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรมาก ผมก็นั่งคุยกับพี่เขาไป พี่เขาก็คุยสนุกดีนะ ดูเข้าใจเด็กอย่างผมดี ตอนนี้ก็จะเที่ยงแล้ว ไม่รู้พี่อ๊อฟเลิกกี่โมง.....
ครืดๆๆ! โทรศัพท์ผม ผมล้วงขึ้นมาดู ป๊า? ผมก็กดรับ......
“ป๊า!” ผมเรียกป๊าอย่างดีใจ
“วันนี้นทไม่มีสอบนิ ร้ายนักนะ หลอกป๊าได้!” ป๊าพูดเสียงดุ
“ป๊าลืมเองตังหาก555!” ผมพูดอย่างอารมณ์ดี
“แล้วอยู่บ้านอ๊อฟใช่ไหม!?” ป๊าถามอย่างสงสัย
“ช่ายยยยย!” ผมลากเสียงยาวกวนๆ พี่อิฐก็ขำกับท่าทางของผม
“สัก5โมงก็กลับบ้านนะ ป๊าจะพาไปกินข้าวบ้านสิงโต!” ผมชะงักไปนิด นี่พี่ดินพูดจริงหรือนี่ ผมนึกว่าแค่พูดเล่น
“ป๊าจะไปเหรอ!” ผมถามด้วยความสงสัย
“เขาชวน เราก็ไปตามมารยาท นทก็ต้องไปเพราะป๊าจะไปคุยงานด้วยพี่โน้ตไม่ว่าง แล้วเจอกัน ตึ๊ด!” แล้ววางสายไปเลย ไม่ได้ถง ไม่ได้ถามว่าผมอยากจะไปไหม
ผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วก็นั่งดูทีวีอย่างเซ็งๆ คือผมไม่อยากให้มันเกินเลยหรือไปไกลกว่านี้ ผมยิ่งอ่อนไหวง่ายอยู่บ้าจริง แล้วไอสิงโตมันรู้ไหมเนี่ยว่าพี่ดินกับพี่ไฟทำกับผมแบบนี้.......
“คิดอะไรอยู่?” พี่อิฐถามขึ้นมา ทำให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง ผมก็หันไปมองพี่อิฐแล้วยิ้ม
“กำลังคิดว่าพี่อ๊อฟจะเลิกกี่โมง” ผมแถไปนั่น
“เที่ยงก็เสร็จแล้ว มันไปสอบ สองวิชาสุดท้ายนิ ทำไม ไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอ!” พี่อิฐถามกวนๆ
“เปล่า!” ยิ้ม จริงๆก็รู้อยู่แล้วว่าพี่อ๊อฟเลิกกี่โมง
แล้วก็นั่งดูทีวีและพูดคุยกันไป จนพี่อ๊อฟมา มาพร้อมกับพวกพี่โอม เขามาเปลี่ยนชุดกัน ผมก็งงว่าใส่ชุดนักเรียนไปก็ได้ แต่ก็ช่างพวกเขาเถอะ พี่อ๊อฟก็มองผมนิ่งๆ สลับกับมองพี่อิฐ ไอนี่มันบ้านะ หึงแม้กะทั่งพี่ชายตัวเอง มันก็เดินขึ้นบ้านมันไปกับเพื่อนๆมัน ผมก็ทักทายพวกพี่โอมนิดหน่อย พอพี่เขาขึ้นไปผมก็นั่งรออยู่ข้างล่างกับพี่อิฐ..........
“ไอนท!” เสียงแหกปากของมันที่ดังมาจากข้างบนพร้อมกับเสียงวิ่งของมันที่กำลังวิ่งลงมา
“อะไร!” ผมถามอย่างตกใจ ในมือมันถือชุดผมอยู่ ชุดที่เมื่อเช้าช่วยพี่อิฐจัดสวน
“นี่อะไร!” มันชูเสื้อผ้าผมขึ้นมา พวกพี่โอมก็ทยอยกันลงมาดู
“ก็เสื้อผ้าไง ถามอะไรแปลกๆ” พี่อิฐตอบมันนิ่งๆ
“มึงทำอะไรนท มีแต่กลิ่นเหงื่อ!” ผมมองอึ้งสิ! ทุกคนก็เช่นกัน มันคิดอะไรอุบาทว์ขนาดนี้เนี่ย
“ตลกแล้ว จะบ้าไปแล้วเหรออ๊อฟ!” พี่อิฐพูดอย่างไม่พอใจ
“เราแค่ช่วยกันทำสวนหน้าบ้านเท่านั้นเอง ไม่เชื่อก็ออกไปดูสิ!” ผมพูดอย่างจริงจัง มันดูชะงักไปนิด พวกพี่โอมก็มองงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น
มันก็ออกไปดู แล้วก็กลับเข้ามาด้วยหน้านิ่งๆ....
“เออๆ กูขอโทษ!” มันพูดเสียงแข็งแล้วก็เดินขึ้นบ้านไป
ผมก็ตามมันขึ้นไป พวกพี่โอมก็คุยกับพี่อิฐ พอผมขึ้นมาก็เห็นมันกำลังเปลี่ยนชุด ผมก็นั่งรอมันที่เตียง......
“พี่อ๊อฟ ใจเย็นๆได้ไหม ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ไว้ใจกันหน่อยเหอะ!” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็มองนิ่งๆ แล้วก็ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย
“กูผิดเอง กูแค่ตกใจ ที่เห็นมึงกับพี่อิฐดูสนิทสนมกันขนาดนั้น!”มันพูดอย่างเครียดๆแล้วก็นั่งลงข้างผมที่นั่งอยู่บนเตียง
“เฮ้อ! เชื่อใจกันหน่อยเถอะนะ!”ผมจับมือมัน มันก็มองผมนิ่งๆ แล้วก็พยักหน้า
“ขอโทษ ที่ไม่ไว้ใจมึง” มันกอดผม แล้วลูบหัวผมเบาๆ
“ไปขอโทษพี่อิฐเถอะ ผมอะชินแล้ว” ผมผละออกจากกอดมันแล้วก็ยิ้ม มันก็พยักหน้า
เราก็ลงไปข้างล่างกัน พี่อ๊อฟมันก็เดินไปขอโทษพี่อิฐ ดูพี่อิฐเขาก็เข้าใจอยู่แล้ว เราก็คุยกันเฮฮาเหมือนเดิม พี่อ๊อฟมันอารมณ์แปรปรวนช่วงนี้ มันเครียดเรื่องสอบมันด้วยแหละ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมัน และก็ไม่น้อยใจมันแม้แต่นิดที่มันจะไม่ไว้ใจผม ก็ผมเคยทำให้มันเสียใจมาครั้งนึงแล้ว ถ้าพี่อ๊อฟจะไม่ไว้ใจมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร..
ตอนนี้เราก็อยู่บนรถกระบะ4ประตูของพี่อิฐ เพราะชวนพี่อิฐมาด้วย เลยเอารถใหญ่ไปกัน เพราะจะได้ไม่ต้องขี่รถมอไซค์ไปกัน ระหว่างทางเราก็ได้พูดคุยกันมากมาย ผมนั่งหน้ากับพี่อิฐ พี่อ๊อฟก็ไปนั่งอัดกับเพื่อนๆมันข้างหลัง ตอนแรกว่าจะไปร้านอาหารในห้าง แต่พี่อิฐได้บัตรส่วนลดห้องอาหารในโรงแรมมา ลดเยอะด้วย เห็นว่าพี่อิฐไปช่วยงานอะไรผู้จัดการของโรงแรมไม่รู้ ได้ลดตั้ง50%  ก็ลั้นลากันเลย ก็ไปกัน...
พอไปถึงพี่อิฐก็เอารถไปจอดพอเสร็จก็พากันไปห้องอาหาร และติดต่อเรื่องห้องวีไอพีที่เคาท์เตอร์ พอเสร็จก็พากันเข้าไป เป็นห้องแบบ มันมีคาราโอเกะด้วยนะ มันดูหรูดี ผมก็เพิ่งเคยมาครั้งแรก มันเหมือนห้องเอาไว้จัดงานเลี้ยงเล็กๆ แต่มันก็ใหญ่มากอยู่ดี ผมว่าห้องนี้น่าจะจัดได้ประมาน20 คนแหละ แต่พี่อิฐได้สิทธิ์พิเศษ ก็เลยโชคดีไป เราก็สั่งอาหารเครื่องดื่มกันไป เพราะยังไงก็ช่วยหารกันออกอยู่แล้ว สั่งกันเต็มที่เลยเชียว.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:52:53
“วันนี้มึงจะนอนกับกูไหม” พี่อ๊อฟหันมาถามผม ผมนั่งข้างมัน ส่วนคนอื่นๆก็กระจายกันเลย พวกพี่โอมก็ร้องเกะกันสนุกสนานเชียว
“เออ ผมลืมบอก 5 โมงผมต้องกลับบ้านนะ ป๊าจะพาไปกินข้าว ไปด้วยกันเปล่า!” ผมพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้
“ไปไม่ได้ ต้องอยู่เฝ้าบ้าน เย็นนี้พี่อิฐไปทำงานที่มหาลัย!” ผมก็พยักหน้า
“แล้วพี่ไอซ์ไม่มาเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย เพราะยังไงมันก็เป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน
“มันกำลังมา ถามทำไม!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“กะ...ก็นึกว่าจะไม่มาไง” ผมยิ้มอ่อน มันมองผมอย่างกับจะกินหัว
เราก็พูดคุยกันไป ก็ร้องเพลงกันไปสนุกสนานผมก็กินอย่างเดียวเลย อาหารอร่อยมากมาย ทั้งๆที่เพิ่งกินผัดซีอิ้วของพี่อิฐไปไม่นานนัก5555 กินจุก็แบบนี้ สักพักพี่ไอซ์ก็มา พี่ไอซ์ดูดีใจที่ผมอยู่ ผมก็ไม่อะไร นิ่งเข้าไว้ พี่ไอซ์มันบอกว่าไปทำธุระกับพี่มา เรื่องไปแข่งบอลอะไรของมันนั่นแหละ พี่อิฐก็ดูรู้จักกับเพื่อนๆของพี่อ๊อฟดีเลย.....
“นท เป็นยังไงบ้าง!” พี่ไอซ์เดินมาหาผม ผมก็มองนิ่งๆ
“ก็ดีครับ” ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปนั่งเลยไอไอซ์ อย่าเยอะ!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
“ไอซ์ ร้องเพลงไหม” พี่โอมถาม พี่ไอซ์ก็พยักหน้า แล้วยิ้มบานมาทางผม
“พี่ร้องให้นทนะ” พี่ไอซ์ยิ้ม ทุกคนถึงกับเงียบ ผมอึดอัดขึ้นมาเลย
“ไอไอซ์ อย่ากวนตีน จะร้องเพลงอะไรก็รีบร้องแล้วก็มานั่งหาอะไรอุดปากมึงไป!” พี่กรพูดติดตลก เพื่อให้บรรยากาศอันแสนอึดอัดนี้คลายลง
ทุกคนก็ดูตลกตามไป เพื่อไม่ให้มันเสียบรรยากาศ พี่ไอซ์มันก็เลือกเพลงไป พอมันเลือกได้ผมถึงกับนิ่ง เพลงพูดไม่คิด ดูดี๊ด๊ามาก พวกพี่โอมถึงกับโห่และแซวมันกันใหญ่เลย ผมก็นิ่งๆ มันก็มองผม ผมก็กินอย่างเดียวไม่สนใจ มันก็ร้องไป ร้องเพราะอยู่นะ พอมันร้องจบก็พูดข้อความน้ำเน่าออกมา “คิดถึงนทเสมอนะ” พูดไม่ดูพี่อ๊อฟที่นั่งข้างผมเลย ผมก็นิ่งเข้าไว้ พี่อิฐซึ่งรู้ดีก็ชวนพูดคุยและเปลี่ยนบรรยากาศที่น่าอึดอัดขนาดนี้ให้กลายเป็นเสียงร้องและเต้นกันอย่างสนุกสนาน พี่โอมก็กันๆพี่ไอซ์ไม่ให้มาหาผม ผมก็นั่งกินไป ไม่อยากจะพูดอะไรตอนนี้ ผมรู้ดีว่าพี่อ๊อฟมันกำลังหงุดหงิด เดี๋ยวมันจะได้ทะเลาะกันอีก......
“นท สักเพลงไหม” พี่อิฐยื่นไมค์ให้ผม ผมก็รับมา
“ร้องเพลงอะไรดีอ่า!” ผมถามอย่างอายๆ ทุกคนก็ส่งเสียงเชียร์กันใหญ่ มันเป็นปาร์ตี้เล็กๆ แต่สนุกมากเลย ถึงคนจะน้อยก็เฮฮากันได้
“ร้องให้กูใช่ไหม” พี่อ๊อฟถามนอยๆ ผมเบื่อมันจริง ถ้ามันมาคิดเล็กคิดน้อยจะพาผมมาทำไม มันจะนอยทำไมละเนี่ย
“เฮ้อ! จะคิดมากเพื่อ!” ผมหันไปพูดใส่มันอย่างรำคาญ
“มันคือคนที่มึงชอบมะ...”
“แต่พี่คือคนที่ผมรัก จบไหม!” ผมพูดเสียงค่อนข้างดัง พี่อ๊อฟยิ้มขึ้นมาทันที ทุกคนก็ล้อแซวกัน พี่ไอซ์ก็ดูจะสลดไปเลย “เอาละๆ เพลงนี้ผมจะร้องให้พี่อ๊อฟน้า!” ผมบอกมันอย่างตื่นเต้น มันก็ยิ้ม
ผมก็เดินไปบอกพี่กฤษที่เป็นคนกดเพลง ผมไม่ชอบเลยที่พี่อ๊อฟมันคิดมากแบบนี้ พี่อ๊อฟชอบพูดว่าผมไม่ใช่คนที่มันชอบ มันจะพูดแบบนี้เมื่อมีพี่ไอซ์อยู่ด้วยหรือพูดถึงพี่ไอซ์ ซึ่งมันก็จริง พี่อ๊อฟไม่ใช่คนที่ผมชอบหรอก แต่ผมอะ รักมันเลยละ......
“ฟังไว้ดีๆนะพี่อ๊อฟ เพลงนี้ผมร้องให้พี่!” ผมยิ้ม ทุกคนก็แซว ผมก็เดินกลับไปนั่งข้างๆมัน เสียงอินโทรเริ่มเพลงมาแล้ว.......
“......แค่ผ่านมา เพียงสบตา
เหมือนว่าใจ ลอยหลุดไป
เธอฆ่าคนด้วยสายตา
เพียงแค่เธอนั้นมองมา ไม่ปลอดภัย
 
แม้อยู่ไกล สักเท่าไหร่
เหมือนว่าโดน ดึงดูดไป
หากใครเข้าไปใกล้นาน
ก็ยากที่จะต้านทาน อดใจไม่ไหว
 
แค่อยากจะรู้จัก ก็เธอดันน่ารักซะสาแก่ใจ 

เธอมาทำให้ละลาย
โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอนั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่มๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ
 
ยังไม่ทัน ได้ตั้งตัว
แน่ก็มา ฉันไม่กลัว
ฆ่ากันแล้วก็เอาให้ตาย
ฉันน่ะยอมให้เธอมาทำลาย หัวใจของฉัน
 
ยิ่งลองได้ทบทวน
แต่ใจก็ยังหวนย้อนคืนที่เดิม
 
เธอมาทำให้ละลาย
โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอนั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่มๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ
 
ไม่ใช่แค่ฝัน ที่ฉันต้องตื่น
และฉันก็ฝืนหัวใจตัวเองไม่ไหว
เธออยู่ตรงนั้น อยากเพียงแค่ชิดใกล้
ห้ามใจเท่าไหร่ไม่ได้ สักที

เธอมาทำให้ละลาย
โดนสาปให้ตายแล้วตายอีก
อย่าได้คิดที่จะหลีก ต้องโดนสะกดให้ยิ้ม
ยังคงมองภาพที่เธอนั่งอยู่โต๊ะริม ใจฉันปริ่ม
เธอเชือดฉันได้นิ่มๆ ด้วยรอยยิ้มเธอ” 
พอร้องจบผมก็หน้าร้อนผ่าวไปหมด อายเหลือเกิน พี่อ๊อฟก็เขินจนหูแดงไปหมดแล้ว จริงๆว่าจะร้องเพลงจังหวะช้ากว่านี้แต่มันจะซึ้งไป เลยเอาเพลงนี้ จังหวะมันน่ารักดีอะ เพลงโต๊ะริม ของพี่นนท์ พวกพี่โอมพี่อิฐปรบมือแซวกันใหญ่ พี่ไอซ์ก็ด้วย ผมก็งงๆนะ....
“อะไรมึงไอไอซ์ เมื่อกี้ยังจะไปแย่งเขามาอยู่เลย!” พี่โอมพูดกวนๆ เพราะพี่ไอซ์มันก็ดูจะยินดีด้วย
“เรื่องของกูน่า!” พี่ไอซ์พูดอย่างไม่ใส่ใจ
พี่อ๊อฟมันก็เขิน นั่งมองผมอยู่นั่นแหละ ตอนนี้ผมยื่นไมค์ไปให้พี่อิฐแล้วเขาก็ร้องเต้นกันไป ก็สั่งอาหารมาเรื่อยๆ ผมก็นั่งจับมือกับพี่อ๊อฟ โดยไม่มีคำพูดอะไรนะ ก็เขินนี่ บ้าจริง ร้องเองก็เขินเองเนอะ.....
“ขอบคุณนะ” พี่อ๊อฟพูดด้วยรอยยิ้ม ผมพยักหน้าตอบรับ
เราก็เฮฮาปาร์ตี้กัน พี่ไอซ์ก็เดินมาหาผม ผมก็มองแล้วยิ้มให้.....
“ขอโทษนะไออ๊อฟที่กูชอบทำให้มึงไม่พอใจ นทด้วยพี่ก็ขอโทษที่ผ่านมา พี่ยอมรับว่าพี่เสียดาย พี่โง่เองแหละ ถ้าพี่ย้อนกลับไปได้ พี่ก็จะไม่ทำแบบนั้นนะนท แต่พี่คงไม่มีโอกาสแล้วใช่ไหม” ผมก็พยักหน้า “งั้นพี่ก็ขอเป็นพี่ชายนท ได้ไหม” ยิ้มอ่อนมาให้ผม
“ได้สิ! ผมก็เห็นพี่เป็นพี่ชายคนนึงมาตลอดนะ!” ผมบอกอย่างจริงจัง
“กูก็ไม่คิดอะไรหรอก มึงก็เพื่อนกู อีกอย่างกูไม่เคยโกรธมึงเลยนะ กูเข้าใจมึง แต่มึงทำตัวเอง ทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดไป” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ เล่นทำผมนิ่งเลย มีค่าที่สุดงั้นเหรอ....
“อืม สนุกกันเถอะ” พี่ไอซ์พูดด้วยรอยยิ้ม
และแล้วทุกอย่างก็ดีขึ้น ผมตัดติ่งปัญหาเล็กๆออกไปได้หนึ่ง ผมก็ดีใจแล้ว เพราะผมก็ยังเป็นห่วงพี่ไอซ์ในหลายๆเรื่อง ผมก็พูดเสมอกับพี่อ๊อฟ ว่าอย่าทิ้งพี่ไอซ์ เพราะมันดูตามไม่ทันโลก ง่ายๆคืออ่อนต่อโลก แต่พอพูดทีไรพี่อ๊อฟก็ดูจะนอยไปสะทุกครั้งเลย ผมก็ง้อมันตลอด แต่วันนี้มันดูลงตัว และพี่อ๊อฟก็คงดีขึ้น เราก็ปาร์ตี้กันไป...
จนได้ 4โมงกว่าเห็นว่าควรกลับกันได้แล้ว เพราะมาตั้งแต่เที่ยงกว่าแล้ว มันนานเกินไป ก็เช็คบิล ยื่นส่วนลดอะไรไปแล้วก็หารกัน พี่อ๊อฟก็ไม่ยอมให้ผมจ่าย พี่อิฐก็ไม่ยอม ง่ายๆทุกคนไม่ยอมให้ผมจ่าย เพราะผมมาก็ทำให้อะไรมันสนุกขึ้น? ไม่รู้พี่ๆเขาบอก เช็คบิลอะไรเสร็จก็พากันกลับ พี่ไอซ์ขี่รถมาเอง นอกนั้นก็กลับไปบ้านพี่อ๊อฟไปเอารถ ผมแวะลงบ้านผมเลยเพราะผมจะไปกับป๊าต่อ ก่อนลงรถพี่อ๊อฟก็ย้ำเหลือเกินว่าให้รับโทรศัพท์ด้วย อะไรจะขนาดนั้น พอลงรถมาผมก็เข้าไปในบ้าน ป๊ารออยู่ก่อนแล้ว แต่รอกับ........
“ช้าจัง จะเอาให้ตรงเวลาเลยเหรอนท พี่ๆเขามารอเนี่ย!” โดนป๊าดุเลย ก็พี่ดินพี่ไฟ และไอสิงโต นั่งหน้าสล่อนกันอยู่นี่
“นทไปกับพี่อ๊อฟมาป๊า อย่าบ่นเลยน่า ไปกันยังอ่า!” ผมพูดปัดๆไป
“พี่มารอนทไม่นานเลยนะ แปปเดียวเอง!” พี่ไฟพูดด้วยรอยยิ้ม
“ขอโทษน้า ที่ให้รออ่า ผมนี่แย่จัง!” ผมพูดอย่างสำนึกผิด
“กูโทรหามึงแล้วมึงไม่รับ พี่เขาสองคนก็ร้อนใจ เลยให้ลุงชัยมาส่งที่นี่ไง แล้วค่อยไปกับป๊าเอา!” ไอสิงโตยิ้ม แลดูเหมือนกำหนดไว้หมดแล้ว
แล้วเราก็คุยกันนิดหน่อยก็พากันไปบ้านไอสิงโต โดยมีป๊าขับรถพาไป พี่โน้ตไม่ว่างเลยไม่ได้มาด้วยกัน ระหว่างทางก็พูดกันมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะพี่ดินกับพี่ไฟและไอสิงโต พูดมากจนน่ารำคาญ พอถึงบ้านสิงโต พ่อมันก็ออกมาต้อนรับอย่างดี แล้วก็พากันไปที่โต้ะอาหารเลย ของกินเพียบ เราก็พากันกินไปพูดคุยกันไป น้องซินก็น่ารักเหมือนเดิม ผมก็พยายามปลีกตัวไปหาน้องซิน เพราะไม่อยากจะสุงสิงกับสามคนนั้นให้มาก แต่ก็ไม่เป็นผล พวกนั้นก็กันน้องซินออกจนได้ น้องซินดูหงอยไปเลย ผมละสงสารจริงๆ ดูเหมือนว่าป๊ากับพ่อสิงโตยังมีอะไรคุยกันอีกเยอะ ซึ่งผมก็คงต้องได้เล่นกับสามพี่น้องนี่ก่อน พอกินข้าวอะไรเสร็จ ทั้งสามคนก็พาผมไปห้องเล่นสิงโต......
“ทำไมทุกคนดู เยอะจังอะ!” ผมถามขึ้นมาเพราะความอดทนเริ่มหมด
“เยอะอะไรอ่ะ?!” พี่ไฟทำหน้าบ้องแบ้วกันอีก จบ ไอนิสัยมึนพูดยาก มันคงเป็นกันทั้งตระกูล ผมเบื่อแล้ว ผมก็ไปนั่งมุมเดิมของผม แล้วก็ตามมานั่งอัดกันตรงมุมนี้แหละ ผมนี่จะกรีดร้องออกมาดีไหม คือห้องตั้งกว้าง
“ไหน แบมือมานี่หน่อย” ไอสิงโตพูดผมก็แบมือทั้งสองไปให้มัน “โห! แม่ง ไหนบอกว่าอยู่กับกูจะใส่แหวนที่กูให้ไง”เอิ่ม!
“ก็เล่นไปรอแบบนั้นกูก็เกรงใจไม่อยากให้รอนาน เลยไม่ได้ขึ้นไปเอา!” ผมพูดปัดๆไป เดี๋ยวไม่จบ
“แหวน?” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“แหวนคู่ของผมกับนทไง นี่ไงของผม ผมพกติดตัวตลอดเวลาเลยนะ” ไอสิงโตพูดแล้วมันก็เอาแหวนไม้โอ๊คออกมาโชว์ เว่อร์ไปแล้ว
“นี่มันแหวนไม้ธรรมดานิ ดูไม่มีอะไรเลยนะ!” พี่ไฟจ้องแหวนที่มือสิงโต
“ใช่ มันดูธรรมดา แต่มีคุณค่าทางจิตใจนะพี่!” ไอสิงโตยิ้ม น้ำเน่าสะไม่มีไอสิงโตเอ้ย! พี่ทั้งสองก็พยักหน้าตอบรับ
แล้วก็ถกเถียงกันไป ผมก็กดโทรศัพท์เล่น แชทไปคุยกับพี่อ๊อฟบ้าง มันก็บอกว่านอนเหงานู่นนี่นั่น น่ารักจริงๆมีมุมขี้อ้อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ....
“ตกลงมึงจะไปไหม? หัวหิน” อยู่ๆสิงโตมันก็ถามขึ้นมา
“ยังไม่ได้คุยกับที่บ้านเลยอ่า พี่อ๊อฟก็ไม่รู้จะว่ายังไง” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปขอป๊านทให้นะ!” พี่ไฟยิ้ม แล้วสองพี่น้องฝาแฝดก็ลุกขึ้นออกไปจากห้อง
“ดูท่าพี่ๆเขาจะติดมึงแล้ววะ” ไอสิงโตพูดติดตลก
“ไอสิงโต มึงรู้ไหมว่าพี่สองคนนั้นเขาทำอะไรกับกูบนห้องนอนเมื่อวาน!” ผมพูดอย่างจริงจัง มันชะงักไปนิด
“ทำอะไร!” มันถามอย่างตกใจ
“พี่เขาสองคนจูบกู!” ผมพูดแล้วหันหน้าหนี
“ทั้งสองคนนั้นอะเหรอ” มันถามผมแบบอึ้งๆ ผมก็พยักหน้า
“แล้วก็ไม่ต้องคิดว่ากูจำยอมนะ มึงก็รู้ว่าพี่ของมึงทั้งสองคนเป็นยังไง กูเริ่มจะไม่ค่อยอยากจะไปไหนมาไหนกับพวกเขาแล้วด้วย!” ผมพูดปัดไป ผมอาจจะมีอารมณ์ร่วมจริง แต่พี่เขาเป็นคนเริ่มก่อน ก็แสดงว่าพี่เขาผิด ผมไม่ผิด
“แค่จูบ?” มันมองผมอย่างต้องการคำตอบ ผมก็พยักหน้า มันทำหน้านิ่งๆ
หมับ! มันล๊อคคอผมแล้วก็ประกบจูบผม ผมตกใจสิ
แกร๊ก! ผมต้องสะดุ้งอีกครั้งพี่ดินกับพี่ไฟเข้ามา ผลั่ก! ผมผลักไอสิงโตออกไปจากผม แล้วก็เช็ดปากลวกๆ พี่ดินกับพี่ไฟดู ตกใจไม่น้อยเลย.......
“สิงโต ทำนทแบบนั้นทำไม!” พี่ไฟถามนิ่งๆ
“ก็..อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมันไว้
“คะ...แค่ล้มเท่านั้นครับ อุบัติเหตุ อย่าใส่ใจ ตกลงป๊าว่าไงอะครับ” ผมยิ้ม แถไปก่อน ผมไม่อยากให้พวกเขาทะเลาะกัน จริงๆพี่ดินก็ดูไม่ค่อยเชื่อ แต่ผมก็ไม่ใส่ใจ แล้วเอามือออกจากปากไอสิงโต
“ป๊านทอนุญาต เราจะได้ไปเที่ยววกัน!” พี่ดินยิ้ม
“เหรอครับ ดีจัง!” ผมยิ้มอ่อนส่งไป
“เมื่อกี้มันจริงเหรอนท?” พี่ดินถามอย่างจับผิด
“จริงดิพี่ อีกอย่างผมกับไอสิงโตอะ ไม่ถืออยู่แล้วแค่นี้เอง เนอะสิงโต!” ผมพูด มันก็พยักหน้าแบบไม่พอใจ
แล้วเราก็คุยกันไปจนพี่ดินหายสงสัยเองนั้นแหละ ไอสิงโตดูมีคำถาม แต่ผมก็เอาไว้ก่อน จนพ่อของพี่ดินกับพี่ไฟโทรมา เขาก็ไปคุยกับพ่อเขา ตอนนี้เหลือผมกับสิงโต มันก็มองผมอย่างไม่พอใจ......
“ทำไม มึงชอบพี่เขาสองคนนั้นเหรอ?” มันถามผมนิ่งๆ
“พอเลย ที่กูไม่ให้มึงพูดเพราะกูไม่อยากให้มึงทะเลาะกับพี่ๆเขานะ อีกอย่าง.... ที่กูบอกมึงเพราะกูบริสุทธิ์ใจพอ กูบอกพี่อ๊อฟไม่ได้เรื่องนี้กูบอกมึงแทนแล้วกัน เพราะกูก็อึดอัดใจไม่น้อยเลยนะเว้ย!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“อะ..โอเคๆ กูเข้าใจแล้ว!” มันจับมือผม “พี่ๆเขาบังคับมึงเหรอ?” ผมก็พยักหน้า
“จริงๆก็ไม่เชิงบังคับ เพราะพี่เขาก็จับคอกูไว้เหมือนที่มึงทำเมื่อกี้ กูก็ดิ้นแหละ แต่รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้” ผมพูดไม่จริงจังนัก
“ชอบ ว่างั้น?” มันทำหน้าไม่พอใจ
“ไม่เว้ย! แค่มึงกับพี่อ๊อฟก็พอก่อนแล้ว ไม่ไหวจะเคลียล์ปวดหัว!” ผมพูดติดตลก ไอสิงโตมันก็ยิ้ม
“เออต้องงี้ดิวะ” มันโน้มหน้ามาหอมแก้ม
“ให้มันพอดีสิงโต!” ผมผลักมันออกไป มันก็ขำใหญ่เลย
แล้วผมก็พูดกับมันไปให้เข้าใจเพิ่มอีกไม่อยากให้ค้างคาและให้มันเอาไปทะเลาะกับพี่เขา จริงๆที่บอกสิงโต ไม่ได้ต้องการอะไรก็อย่างที่บอกไป ผมอึดอัดใจและรู้สึกผิด อย่างน้อยก็ต้องมีคนรับรู้แหละ และมันก็ดูเข้าใจดี และพี่ดินกับพี่ไฟเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร ดูน่ารักดีด้วยซ้ำ ถามว่าชอบมั้ยก็ชอบแหละ แต่ยังไงละ ผมรักพี่อ๊อฟอยู่แล้วด้วย ไอสิงโตก็ยังกึ่งๆ จะให้เพิ่มมาก็ไม่ไหวหรอก ผมไม่อยากเสียพี่อ๊อฟไป อย่างน้อยถ้าไอสิงโตรู้มันก็จะได้ช่วยห้ามพี่ดินกับพี่ไฟสักหน่อย ผมก็คุยกับมันไป มันบอกว่านานแล้วที่ไม่ได้นั่งจับมือคุยกัน ทำเป็นซึ้ง มันก็ตลอด...
จนสักพักป๊าก็มาตาม พี่ดินกับพี่ไฟก็คุยโทรศัพท์ยังไม่เสร็จ ผมก็ฝากไอสิงโตลาพี่เขา  ผมก็กลับบ้าน ระหว่างทางก็คุยกับป๊านิดหน่อย ป๊าก็บอกผมเรื่องไปเที่ยว ประมานว่าเตือนมากกว่า ไปแล้วต้องทำตัวยังไง อย่าดื้อนู่นนี่นั่น บลาๆ จนถึงบ้าน วันนี้พี่อ๊อฟมันนอนคนเดียวผมก็ขอป๊าไปนอนกับพี่อ๊อฟ ป๊าก็เข้าใจ รวดไปส่งผมบ้านพี่อ๊อฟเลย ของๆผมก็อยู่ที่นี่แล้วส่วนนึง ก็ไม่มีปัญหาอะไร ป๊าก็รอจนผมเข้าบ้าน แล้วค่อยไป พี่อ๊อฟมารับผมเข้าบ้าน วันนี้บ้านดูวังเวงมาก เพราะไม่มีใครอยู่ ผมก็ขึ้นห้องไปอาบน้ำ พี่อ๊อฟมันอาบแล้วไง อาบเสร็จผมก็มานั่งคุยกับมันที่เตียง มันก็เช็คโทรศัพท์ผมใหญ่เลย......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:53:46
“พี่อ๊อฟ อาทิตย์หน้าไปหัวหินกัน” ผมเอ่ยชวน พี่อ๊อฟก็เงยหน้ามองผม
“ไปทำไม?” มันถามนิ่งๆ
“ไปเที่ยวไง” ผมยิ้ม
“กูไปไม่ได้ คือยายกูป่วย ช่วงอาทิตหน้าก็ต้องกลับไปดูเขากับพ่อแม่ ขอโทษนะ” พูดอย่างจริงจังแล้วจับมือผม
“ยายเป็นอะไรมากไหม!” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“เขาก็แก่แล้ว ก็ป่วยตามวัย!” มันทำหน้าเศร้า
“แล้วตอนนี้มีคนไปดูเขาหรือยัง” ผมถามอย่างเป็นห่วง
แล้วผมก็คุยกับมันไปเรื่องยายมัน ตอนนี้ก็มีลูกหลานดูอยู่ พี่อ๊อฟบอกว่ากลัวว่าอาจจะเป็นวาระสุดท้ายของเขา เขาอยากให้ไปอยู่พร้อมหน้ากัน จริงๆก็จะไปกันแล้ว แต่พ่อแม่พี่อ๊อฟติดงาน ไปได้อาทิต์หน้า ผมก็เข้าใจมันทุกอย่าง ผมก็ปลอบใจมัน มันดูเศร้า มันบอกว่าเขาเพิ่งโทรมาบอกมันเมื่อหัวค่ำนี่เอง ผมก็ปลอบมันไป พี่อ๊อฟดูอ่อนแออย่างเห็นได้ชัดเลย ตอนนี้ผมก็ลุกไปปิดไฟแล้วก็นอนกัน มันก็กอดผมแน่น ผมก็นอนลูบหลังมันจนหลับ.....
ตื่นเช้ามา พ่อแม่พี่อ๊อฟก็มาปลุก มันเร็วมากเลย พี่อ๊อฟต้องไปดูยายแล้ว ตอนแรกผมจะไปด้วยแต่พี่อ๊อฟไม่ยอมให้ไป มันร้องไห้แบบเงียบๆตามแบบของมัน ผมสงสารจับใจเลย อยากไปด้วยก็ไม่ได้ พ่อแม่เขาก็บอกว่าอย่าไปเลย พี่อ๊อฟคงไม่อยากจะร้องไห้ต่อหน้าผม ผมใจไม่ดีเลย พี่อิฐก็เลยได้ไปส่งผมที่บ้านแต่เช้า แล้วเขาก็พากันออกเดินทางไปบ้านยายเลย ผมอยากไปมาก แต่ทำไมนะ ป๊าก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็บอกไป ตอนแรกป๊าจะไปส่งผมเลยนะ แต่ผมว่าไม่ดีกว่า พี่อ๊อฟอาจจะอยากอยู่กับครอบครัวมากกว่าผมในตอนนี้ ผมก็พยายามเข้าใจ พี่อ๊อฟก็ส่งข้อความมาหาผมเรื่อยๆ ประมานว่าอธิบายว่าทำไมไม่อยากให้ผมไป ผมก็เข้าใจทุกอย่าง ก็ปลอบมันไป ทำได้แค่นั้นจริงๆ
ผ่านไปสักพักพี่อ๊อฟก็ดูเงียบไป ใจผมก็เริ่มไม่ดี โทรหาก็ปิดเครื่อง พอโทรหาพี่อิฐก็บอกว่าต้องอยู่ยาวยายอาการไม่ค่อยดี ส่วนพี่อ๊อฟก็ร้องไห้จนหลับไป มันคงรักยายมันมาก ผมก็เข้าใจ ผมก็พยายามบอกว่าจะไปหาดีไหมพี่อิฐก็ไม่ยอม เหมือนไม่อยากให้ผมไปเจอสภาพพี่อ๊อฟตอนนี้ ผมเข้าใจ พี่ดินพี่ไฟก็โทรมาเรื่อยๆ ผมก็ไม่สนใจ เป็นห่วงพี่อ๊อฟมัน คิดอะไรไปมา ผมก็เปิดเพลงฟังเบาๆแล้วก็เคลิ้มหลับไป.......
“สิงโต อย่ายุ่งน่า เราแค่จะนอนเป็นเพื่อนนท”
“ลุกขึ้นมาเลยพี่ดินพี่ไฟ!”ผมตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงคนเถียงกันเนี่ยแหละ
ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา เงยหัวขึ้นมามองซ้ายขวา พี่ดินกับพี่ไฟ คนละข้างเลย นอนข้างๆผมเนี่ย ไอสิงโตก็ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ตรงข้างเตียง.....
“อะไรกัน!” ผมพูดเสียงงัวเงีย
“พี่ดินกับพี่ไฟ ทำให้นทตื่น!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“สิงโตนั่นแหละ เราแค่จะนอนเป็นเพื่อนเท่านั้นเอง ยุ่งจริงๆเลย!” พี่ไฟทำไม่พอใจ
แล้วก็เถียงกันไปมาอย่างบ้าคลั่ง ผมถึงกับตาสว่างเลย แล้วก็ลุกเดินเข้าห้องน้ำ คือพี่เขาจะมาก็มาเลย ไม่ได้สนใจว่าผมอยากให้มาไหม ผมก็ไปล้างหน้าล้างตา เสียงเถียงกันก็ยังไม่หยุดลง มองนาฬิกาในห้องน้ำนี่ก็เพิ่งจะเที่ยงเองนะ มาทำอะไรกัน ผมก็เปิดประตูออกไป ตีกันแล้ว ห้องผมเละ หมอนกระจัดกระจาย ไอสิงโตโดนรุม ผมก็มองภาพนั้นนิ่งๆ..........
“เล่นสนุกกันเสร็จหรือยังครับ” ผมพูดแบบหงุดหงิด
“นท กูโดนรุมช่วยด้วย!” พี่ดินเหยียบหลังไอสิงโตอยู่
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายแล้วก็ออกจากห้องไป พี่ๆเขาก็รีบเก็บที่นอนผม
ผมลงมาหาน้ำกิน แม่ก็นั่งดูทีวีอยู่ ผมก็ไปนั่งข้างๆแม่ สักพักพวกนั้นก็ลงมากัน เสื้อผ้ายับยู่ยี่หมด แล้วก็มานั่งเบียดผม บางทีมันก็เหมือนจะดีนะ แต่ผมว่าน่ารำคาญมากกว่า......
“จะพากันไปไหนจ้ะเด็กๆ” แม่ถามอย่างใจดี
“พานทไปปีนเขาอะครับ” พี่ไฟพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“จะอันตรายหรือเปล่านะ” แม่ถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่แน่นอนครับ ผมจะดูแลนทอย่างดีเลย อีกอย่างที่นั้นมีคนดูเยอะอยู่แล้วครับ!” พี่ดินพูดอย่างดีใจ
แล้วก็พูดจากล่อมแม่ผมไป สักพักผมก็ต้องได้ไปเปลี่ยนชุด ซึ่งวุ่นวายมาก ผมก็แต่งตัวแนวลุยๆ กางเกงออกกำลังกายขาสั้น เสื้อยืด รองเท้าผ้าใบ ชิวๆไป เอาโทรศัพท์กระเป๋าตังไปก็เท่านั้น แต่ดูพวกนั้นนะ ต้องมีการเอาชุดไปเปลี่ยน วุ่นวายกันจริงๆ ผมก็แต่งแบบนี้ไปเนี่ยแหละ ไอสิงโตก็ยังไปค้นเสื้อผ้าผมไปให้ด้วย บ้าจริง! วุ่นวายไปหมด พอเตรียมอะไรเสร็จก็ออกเดินทางกัน แม่ก็บอกผมว่าให้ระวังเยอะแยะไปหมด วันนี้เอารถอัลพาล์ดมา ดีจะได้ไม่นั่งเบียด......
“เราจะไปที่ไหนกัน” ผมถามอย่างอยากรู้ ปีนเขางั้นเหรอ ชิวๆมั้ง แต่ก็แอบกลัวนะ พวกนี้ชอบพาผมไปทำอะไรเสียวๆตลอด
แล้วพวกมันก็หันไปซุบซิบกัน ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว และไม่นานก็ถึงเข้ามาลึกพอควร บรรยากาศดีเลยละ พอผมลงไปถึงกับตาค้าง เป็นที่ที่ผมไม่อยากมามากที่สุด......
“ไหนว่าจะพามาปีนเขาไง!” ผมถามอย่างไม่พอใจ เพราะที่นี่ถ้าใครอยู่จังหวัดเดียวกับผมก็น่าจะรู้จัก กิจกรรมแอฟเวนเจอร์ ที่ชื่อกระรอกบิน ฟรายอิ่ง.... คือผมเคยมากับพี่โน้ตเมื่อปีที่แล้ว โดนพี่โน้ตแกล้งหลอกให้เล่น เป็นลมเลย น่ากลัวทั้งนั้น คือเขาจะเน้นให้ดูวิวจากมุมสูง โดยห้อยอยู่กับสลิง แล้วโหนไปทีละจุดทีละจุด คล้ายๆกระโดดหอเลย แต่จะสูงกว่ามากหลายเท่า ผมไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น หลับตาปี๋อย่างเดียวจำได้เลย
“มึงกลัวเหรอวะ เห็นไหมพี่ดินพี่ไฟ บอกแล้ว!” ไอสิงโตหันไปบอกแบบไม่พอใจ
“นทอยากเล่นอะไรบอกมาเลย พี่จะพาไป หรือปีนเขาก็ได้นะข้างๆนี่มันก็มีนี่” พี่ดินพูดอย่างอารมณ์ดี
“เล่นนี่แหละพี่ ไหนๆก็มากันแล้วนี่ อีกอย่าง พี่ไฟก็วิ่งไปติดต่อเรียบร้อยแล้วด้วย” ผมบอกอย่างจำยอม ผมมีเสียงเดียวค้านไปก็เท่านั้น รู้เลยว่าพวกนี้จงใจจะแกล้งผมToT
เราก็เข้าไปด้านในกัน ก็จะมีพี่เลี้ยงมาอธิบาย ลุงคนขับรถก็มาช่วยเก็บของของพวกเราเอาไปไว้ที่รถ ขาเขอผมสั่นไปหมด แค่พี่เขาพูดก็กลัวแล้ว มีตั้ง32ด่าน ด่านแรกก็ไต่สะพานอันหวาดเสียว มองลงไปคือเวียนหัวมากเอาจริง ให้ตายสิ ผมสั่นไปหมด พอพี่เขาแนะนำอธิบายอะไรเสร็จ ก็ใส่ชุด ใส่หมวกใส่กันกระแทกที่หัวเข่าข้อศอกเยอะแยะไปหมด ผมว่าใส่ไปก็เท่านั้น ตกลงไปก็ตายอยู่ดี ใส่ให้ดูดีสินะ
พอใส่เสร็จก็เริ่มแล้ว พี่ดินนำไป ต่อด้วยผมและพี่ไฟสิงโต เรียงกันเลย ตอนนี้ขาสั่นไปหมด สะพานมันโยกอย่างกับจะขาดแหนะ ผมหลับตาแล้วเดินอย่างเดียวเลย มันแย่กว่าที่คิดอีก.....
พรึ่บ!
“อ๊ากกกกกกก!” ผมกระโดดเกาะพี่ดินแล้วหลับตาปี๋เลย เสียงอะไรอะ เหมือนเชือกขาดเหรอ?
“นท มึงตั้งสติหน่อย เสียงนกเหยี่ยวบนต้นไม้ หลอนแล้วมึง ไหวเปล่า!” ไอสิงโตถามอย่างเป็นห่วง พี่ดินกับพี่ไฟก็ขำกัน ผมก็ค่อยๆลืมตาแล้วก็ถอยห่างจากพี่ดิน อายนะเนี่ย!
“ไปต่อเหอะน่า กะ..กูแค่ ตกใจนิดหน่อยเอง!”ผมพูดแบบกลัวเสียฟอร์ม คนอื่นเขาใส่ขายาวกันผมขาสั้นคนเดียวด้วย ขืนล้มหรืออะไรแผลคงเต็มขา
แล้วก็เดินไปเรื่อยๆจนถึงจุดต่อไป ตอนแรกก็นึกว่าจะโล่งใจ หนักกว่าเดิม ด่านนี้คือให้โหนแล้ว ผมหันหลังเลย มันวาบหวิวมาก..........
“มันลงพร้อมกันสองคนได้ มึงไม่ต้องกลัว!” ไอสิงโตบอกอย่างใจดีจับไหล่ผม ผมก็พยักหน้า กลับใจตอนนี้จะทันไหม โถ่!
แล้วก็ตกลงกัน เพราะว่าไอโหนไปมาเนี่ยไม่ใช่แค่ตรงนี้ มีหลายจุดมาก ก็สลับกันไปมา ด่านนี้ผมคู่กับไอสิงโตก่อน ด่านหน้าก็เปลี่ยนจะได้ไม่เบื่อกัน จริงๆผมไม่ซีเลยว่าใครจะโหนคู่ผม ตอนนี้ในใจคืออยากกลับบ้านมากมาย กลัวมาก ตอนนี้พี่ดินกับพี่ไฟก็ไปแล้ว ผมก็ยืนขาสั่นรอคิวต่อไปเนี่ยแหละ........
“ไหวหรือเปล่าเนี่ยน้อง มือไม้สั่นไปหมดเลยนะ!” พี่มาร์ชที่เป็นพี่เลี้ยงถามอย่างเป็นห่วง
“หวะ...ไหวครับ” ผมฝืนยิ้ม
“จับมือเพื่อนไว้แน่นๆ” พี่มาร์ชยิ้ม ผมก็พยักหน้า
เฮ้อ! ผมมองไปข้างหน้าลมแทบจับ มันสูงมาก แตะยอดต้นไม้เลยนะ.....
“พร้อมยัง!” ไอสิงโตจับมือผม
“พะ พร้อมแล้วมั้ง!” ผมหันไปตอบมัน บอกตามตรงยิ้มไม่ออกแล้ว
“เอาละ พี่จะนับถึงสามนะ แล้วพี่จะดันเราทั้งสองคนลง” พี่มาร์ชพูด ผมก็พยักหน้าช้าๆ “1 2..”
“ปะ แปป! แปปนึงครับ!” ผมท้วงขึ้นให้ตายสิวะ ผมหลับตาแล้วทำสมาธิ “โอเคพร้อมแล้ว” หันหน้าไปอย่างมาดมั่น
“3” พี่มาร์ชพูด แล้วดันผมกับสิงโตเลย
พรึ่บ! “อ๊ากกกกกกกก” ผมร้องสุดเสียงเลย พี่ดินพี่ไฟไอสิงโตขำกันใหญ่ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นด้วย คือเขาไม่นับใหม่ มาถึง3 เลย ผมหลับตาปี๋เอาขาเกี่ยวกับตัวไอสิงโตแน่นเลย หัวเราะกันลั่นป่าเลยไหม คนพวกนี้นี่! ผมก็ร้องจนถึงที่ พอถึงนี่คือทรุดเลย ขาอ่อนไปหมด เขาก็ช่วยพยุงผมกัน.....
“555 นทไหวไหม” พี่ไฟมันมีอะไรน่าขำ ไอพี่ที่แกะเชือกให้ผมด้วย ขำกันจัง
“เหมือนลูกลิงกอดแม่โหนมาเลยอ่า 5555” พี่ดินขำกันเข้าไป ให้ตายสิ ขายหน้าชะมัด
แล้วเราก็ไปด่านต่อไป ก็โหนอีก คราวนี้พี่ไฟไปคู่ผม ไม่ต่างจากตอนไอสิงโตเลย แต่พี่ไฟมีแกล้งดิ้นด้วย ผมนี่แทบร้องไห้ ก็เล่นไปๆ ทั้งโดนแกล้ง ทั้งโดนล้อ ความสุขของพวกมันอยู่บนความทุกข์ของผมตลอด ให้ตายสิ ก็เป็นอย่างนี้ไปจนจบ ผมแทบตาย แหกปากร้องจนเสียงหมด เขาก็มีให้พักเรื่อยๆนะ แต่ผมไม่พักแล้ว อยากกลับบ้านเร็วๆก็รัวๆไปเลย สภาพตอนนี้ไม่ต่างจากศพสักเท่าไหร่ก็เอาเถอะ ก็ไปถอดชุดคืน แล้วผมก็เดินไปรอที่รถเลย ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอไปพักในรถเลยแล้วกัน พวกพี่ดินพี่ไฟไอสิงโตก็เคลียล์อะไรไป ผมก็ไปนอนรอในรถ ลุงเขาเปิดแอร์ให้ผม สบายเลย สักพักก็หลับไป ผมหลับหรือตายไปรู้ หลับลึกมาก เพราะเพลียมากจริงๆ ฝันว่าตกเขาบ้างอะไรบ้างก็ว่ากันไป.........
“นทๆ” แรงเขย่าและเสียงที่เรียกชื่อผมทำให้ผมตื่นขึ้นมา ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา พี่ดิน ผมหันซ้ายขวาไม่เจอใคร หลือแต่พี่ดินเนี่ยแหละ.........
“ไปไหนกันหมดแล้วอ่า!” ผมถามด้วยเสียงงัวเงีย บิดขี้เกียจนิดหน่อย
“มันไปซื้อของ แล้วนทเป็นอะไรหรือเปล่า เห็นสะดุ้งและก็กระตุกๆเป็นพักๆ แถมยังกอดแขนพี่แน่นเลยด้วย!” พี่ดินถามอย่างเป็นห่วง ผมละเมอ? ตายแล้ว ผมดูที่แขนตัวเอง โอ้โห! กอดพี่ดินแน่นจริงๆด้วย ผมก็ปล่อยออก
“ผมฝันร้าย ดูเล่นแต่ละอย่างด้วย!” ผมบอกอย่างอายๆ พี่ดินก็ขำ ผมละเบื่อจริงๆ
ผมมองไปรอบๆ แล้วก็ก้มดูนาฬิกา นี่มันก็เย็นมากแล้วเหรอ?! แล้วทำไมผมยังไม่กลับ บ้าน พี่ดินก็ขำอยู่นั้นแหละ แล้วสักพักพี่ไฟกับสิงโตก็มา ถามผมว่าตื่นแล้วเหรอเป็นยังไงบ้าง อัดคลิปตอนผมละเมอแล้วก็เอาไปดูกัน หัวเราะกันสนุกสนานเลย.......
“นี่มันเย็นมากแล้วนะ ทำไมไม่พาผมไปส่งบ้านอีก” ผมหันไปถามพี่ดินที่นั่งข้างๆผม
“ตอนแรกว่าจะกลับ แต่ไปสวนสัตว์กันดีกว่า พี่ดินพี่ไฟอยากไป” ไอสิงโตตอบแทน มันคงหมายถึงไนท์ซาฟารี ที่ให้ขับรถเข้าไปดูได้
“เฮ้อ!” ผมก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมา เพื่อจะโทรบอกป๊า
“พี่โทรบอกป๊านทให้แล้ว ไม่ต้องห่วง” พี่ไฟพูดขึ้นคือ มันวางแผนกันไว้แล้วสินะ 3 คนนี้เริ่มน่ากลัวแล้ว ผมก็กดโทรศัพท์โทรไปหาพี่อ๊อฟ ทำไมมันเงียบๆไป
จนสายตัดไปหลายครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมโทรหาพี่อิฐก็ไม่ติด ให้ตายสิ ใจไม่ดีเลย พี่ดินพี่ไฟสิงโตก็ถาม ผมก็บอกโทรหาพี่อ๊อฟไม่ได้ ไอสิงโตก็บอกให้ผมใจเย็นๆ แต่ดูท่าแล้วพี่ดินกับพี่ไฟคงจะอยากรู้นะว่าพี่อ๊อฟเป็นใคร ผมก็เลยโทรหาพ่อพี่อ๊อฟ ประกฎว่ารับ.......
“ฮัลโหล พ่อครับ ทำไมพี่อ๊อฟกับพี่อิฐไม่รับสายครับ!” พอพ่อรับปุ๊ปก็รัวเลย
“คือตอนนี้เราอยู่โรงพยาบาลกันนะลูก ยายเขาไม่ค่อยดีเลย สงสัยสองคนนั้นลืมโทรศัพท์ไว้บ้าน จะคุยไหม” พ่อพูดทำเสียงเครียดๆ
“....ไม่ดีกว่าครับ พี่อ๊อฟเป็นยังไงบ้างครับ!” ผมถามอย่างเป็นห่วง ผมไม่อยากได้ยินเสียงมันตอนนี้ และแน่นอนว่ามันคงร้องไห้อยู่ ซึ่งสียงมันลอดเข้ามา เสียงร้องไห้ต็มไปหมด ทั้งพี่อ๊อฟทั้งใครต่อใคร ผมว่ามันคงไม่มีอารมณ์คุยกับผมหรอก แต่ผมอยากจะไปกอดปลอบมันมากเลย เหมือนตอนที่มันทำให้ผม...
“มันก็เสียใจนะ ยายเขาเลี้ยงอ๊อฟตั้งแต่เด็กๆเลย มีอะไรอ๊อฟก็ชอบเอาไปปรึกษายายเขาตลอดแหละ เรื่องนท อ๊อฟก็ยังเอาไปพูดให้ยายฟังบ่อยๆเลยนะ อ๊อฟมันรักยายมันมากเลยละ” พ่อพูด ผมสะเทือนใจแปลกๆ
“ให้ผมไปหาได้ไหม” ผมถามเสียงสั่นๆ ผมอยากอยู่ข้างๆมัน ในวันที่มันกำลังเสียใจแบบนี้
“มันจะดีเหรอ นทจะลำบากนะ!” พ่อพูดเสียงเครียดๆ
“ไม่เลยครับ ให้ผมได้อยู่ข้างๆพี่อ๊อฟนะ นะครับพ่อ” ผมพูดแบบจริงจัง
“ก็แล้วแต่นะ จริงๆ อ๊อฟมันสั่งให้พ่อห้ามนทมานะ แต่ถ้านทมาแล้วทำให้มันรู้สึกดีได้ก็มาช่วยมันหน่อยแล้วกัน ดูมันอาการหนักเลยละ” พ่อยังคงเสียงเครียด
ผมก็คุยกับพ่อพี่อ๊อฟนิดหน่อยก็วางไป รู้สึกคิดถึง เป็นห่วงความรู้สึกพี่อ๊อฟ ตอนนี้ในหัวผมมีแต่พี่อ๊อฟไปหมด และตอนนี้ผมก็ได้มาอยู่ในสวนสัตว์แล้ว ไอสิงโตก็ถามว่าพี่อ๊อฟเป็นอะไรผมก็บอกไป ตอนแรกมันจะไปส่งผม แต่ผมปฏิเสธมันไป ขืนมันไปเดี๋ยวหนักกว่าเดิมอีก ตอนนี้ก็ดูสัตว์กันไป ไม่ค่อยจะเห็นอะไรเลย ผมก็ดูๆไป ใจก็กระวนกระวายอยากกลับบ้านเหลือเกิน แต่ก็ต้องทำเหมือนสนุก ไหนๆเขาก็พาผมมาเที่ยว ก็ขับรถวนไปวนมาจนถึงทางออกก็พาผมกลับบ้าน..
พูดคุยกันตลอดทาง ผมก็ตอบบ้างเงียบบ้าง โดยอ้างว่าเหนื่อย พวกนั้นก็เข้าใจกัน พอถึงบ้าน ผมก็ลงรถ ร่ำราพี่ดินพี่ไฟและไอสิงโตนิดหน่อย และก็บอกพวกเขาไว้ก่อนเลยว่าพรุ่งนี้อาจไม่อยู่บ้านไม่ต้องบุกมา ก็พูดติดตลกไป เขาก็ถามกันใหญ่เลย ผมก็บอกว่าจะไปหาพี่อ๊อฟไอสิงโตก็เข้าใจแหละ ผมก็ฝากไอสิงโตอธิบายให้สองฝาแฝดนั้นเข้าใจด้วย มันก็รับปาก แล้วก็คุยกันอีกนิดหน่อยมันก็กลับไปกัน...
ผมก็รีบเข้าบ้านไปบอกป๊า แล้วก็เอาที่อยู่ที่พ่อพี่อ๊อฟส่งให้ให้ป๊าดู ตอนแรกป๊าก็ดูเหมือนจะมีงาน ป๊าก็ไปบอกงานพี่โน้ตอะไรไป แล้วผมก็ไปเก็บของ เตรียมไปเผื่อได้นอนอะไร แล้วเสื้อผ้าที่ไอสิงโตเตรียมไปให้ผมสรุปคือไม่ได้ใช้ เตรียมไปเพื่อ? ผมก็ไปเตรียมเผื่อให้ป๊าด้วย พอเสร็จผมก็รีบลงบ้านไป ป๊าก็รออยู่แล้ว จริงๆแม่ก็อยากไปด้วย แต่แม่ติดงานบุญของเพื่อนข้างบ้าน ก็ได้แต่ฝากความห่วงใยไปก่อน...
บ้านยายพี่อ๊อฟ ห่างจากตัวเมืองไปก็ไม่ไกลมาก ทางมันคดเคี้ยวไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร ผมก็พูดคุยกับป๊าไปตลอดทาง ป๊าก็แวะซื้อของเยี่ยมเยียนอะไรไปพอเป็นมารยาท จริงๆป๊ากับพ่อพี่อ๊อฟก็รู้จักกัน ไม่สนิทมากก็รู้จักกันในฐานะเพื่อนบ้านเนี่ยแหละ แต่แม่คือก็ถือว่าสนิทกับแม่พี่อ๊อฟเลย ขับรถไปไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลที่พ่อพี่อ๊อฟบอก พ่อพี่อ๊อฟก็โทรมาถามเรื่อยๆ ว่าถึงไหนแล้ว ยังไงบ้าง....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:54:25
พอถึงผมก็ถือกระเช้าของฝากอะไรไป พ่อพี่อ๊อฟ กับ...? ญาติมั้ง ดูมีอายุแล้วคนนึง ป๊ากับผมก็ทกทายเขานิดหน่อย แล้วก็พากันไปห้องที่ยายพี่อ๊อฟอยู่ เป็นว่ายายพี่อ๊อฟออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้ว แยกมาห้องพิเศษเรียบร้อย พอเข้าไปก็ต้องตกใจไปนิด คนเต็มห้องเลย ยังไม่รวมที่ยืนรออยู่ข้างหน้าห้องนะ ญาติเยอะพอควรเลย ยายคงเป็นที่รักของคนในครอบครัวมากๆเลย เพราะทุกคนดูเป็นห่วงไม่น้อยเลยละ พี่อ๊อฟไปไหนไม่รู้ ผมก็ยังไม่อยากถาม เพราะป๊าก็กำลังคุยกับพ่อพี่อ๊อฟและก็ญาติๆคนอื่นๆอยู่ พี่อิฐก็เดินเข้ามา ดูตกใจนิดหน่อยที่เห็นผม เขาก็เข้ามาคุยแหละ.........
“มาทำไม” พี่อิฐถามอย่างสงสัย
“ก็มาดูคนขี้แยอะดิ” ผมยักคิ้วกวนๆ
“จริงๆไม่ต้องมาหรอก ดูดิคนเยอะแยะเลย” พี่อิฐพูดอย่างเกรงใจ
“ก็อยากมา มาไม่ได้หรือยังไง” ผมถามแบบกวนๆ
“ได้สิ แต่ไม่อยากให้มา กลัวเบื่อไง” พี่อิฐพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เบื่อหรอก ถ้ามีพี่อิฐไม่เบื่อเลย” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวไออ๊อฟก็มาหักคอพี่อีกหรอก!” พี่อิฐทำหน้ากวนๆ
“แล้วพี่อ๊อฟไปไหนอ่า” ผมถามอย่างสงสัย
“มันไปคุยกับญาติๆ พวกลูกน้องที่เขามาจากต่างจังหวัดกัน” ผมก็พยักหน้ารับรู้
ผมก็พูดคุยกับพี่อิฐนิดหน่อย สักพักพี่อ๊อฟก็เข้ามา แต่เข้ามากับ.....ผู้หญิง ที่ไหนไม่รู้ ตอนแรกมันก็ตกใจนะที่เห็นผม แต่ผมตกใจกว่า เพราะมันเข้ามาพร้อมผู้หญิงคนนั้นแถมจับมือกันอีก ผมก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วก็ยิ้มให้มัน และผู้หญิงคนนั้น.......
“นท มาได้ยังไง” พี่อ๊อฟเดินเข้ามาถามผมอย่างดีใจ ตาพี่อ๊อฟดูบวมอย่างเห็นได้ชัด คงจะร้องไห้หนักพอควรเลย
“ป๊าพามาน่ะ” ผมยิ้มอ่อน ไม่รู้ทำหน้าไม่ถูก นี่มันเสียใจจริงๆเหรอวะ? ทำไมดูดี๊ด๊าจัง
“เอาแล้วๆ เคลียล์เอาเองนะน้องรัก” พี่อิฐบอกกวนๆแล้วก็เดินไปตบไหล่พี่อ๊อฟ แล้วก็เดินเลยออกไปนอกห้อง
“อ้อ นี่อิน ลูกพี่ลูกน้องกูเอง อินนี่นท.....แฟนอ๊อฟ!” พี่อ๊อฟพูดอย่างเขินๆ
“นี่....เรื่องจริงเหรอ ที่อ๊อฟคบกับผู้ชาย.....” อินเขาดูตกใจไม่น้อยเลย แต่ผมก็ยิ้มบานเลย
“จริงดิ ทำไม!” พี่อ๊อฟเดินมากอดไหล่ผม ผมไม่รู้ดิ มีความสุข ตอนนี้คนอื่นๆเริ่มหันมามองทางผมกับพี่อ๊อฟอย่างสนใจแล้ว
ตอนนี้ที่ผมอยู่มันเป็นห้องวีไอพีแยกเป็นส่วนๆเลย ห้องที่พวกผมอยู่ตอนนี้ก็ห้องรองรับแขก ห้องที่ยายนอน ตอนนี้มีแม่และน้าๆของพี่อ๊อฟเข้าไปดู แล้วบรรดาญาติๆของพี่อ๊อฟก็กรูเข้ามาถามผมกับพี่อ๊อฟกันด้วยความสนใจ มันก็จะมีทั้งรับได้ เฉยๆ แล้วก็รับไม่ได้ทำหน้าไม่พอใจก็มี แต่แล้วยังไง ผมไม่จำเป็นต้องสน แค่พี่อ๊อฟคนเดียวที่สนใจผมก็เกินพอแล้ว ^^
พอคุยอะไรกันเสร็จก็พากันแยกย้ายกลับ เพราะถึงเวลายายพักผ่อนแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ได้ไปเจอยายหรอก ไม่อยากเข้าไปยุ่งวุ่นวายตอนกำลังจะพักผ่อน ผมว่าจะอยู่กับพี่อ๊อฟสักคืนสองคืนก็ได้ ตอนแรกป๊าก็ไม่อยากให้อยู่เดี๋ยวผมจะไปรบกวนเขา ป๊าเลยไปเปิดห้องที่รีสอร์ทแถวนั้นนอน เพราะป๊าโทรให้พี่โน้ตเช็คลูกค้าที่อยู่แถวนั้นของป๊าว่ามีเยอะไหม ป๊าจะได้เข้าไปพูดคุยเยี่ยมเยียนบ้าง ป๊าบอกก็ดีจะได้มาคุยกับลูกค้าเก่าๆบ้าง อะไรของป๊านั้นแหละ ผมก็ไปนอนกับพี่อ๊อฟที่บ้านยาย แต่ป๊าบอกว่าถ้าป๊าจะกลับ ผมก็ต้องกลับ อยู่รบกวนเขานานไม่ดี อีกอย่างญาติเขาก็เยอะพอแล้ว บ่นตลอด ผมก็เออออไป ก็ป๊าเล่นบ่นจนผมไม่อยากฟัง
และป๊าก็แยกกับผมไป ตอนนี้ผมก็กำลังไปบ้านยายของพี่อ๊อฟ ตอนนี้มันมืด ก็เลยดูไม่น่ามีอะไร มันทึบไปหมด ผมว่าตอนเช้าๆต้องมีวิวสวยๆแน่ๆเลย พอถึงบ้านก็ลงรถ แต่บ้านนี้มันคุ้นๆนะ แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร อาจจะแค่เคยเห็นรูปในบ้านพี่อ๊อฟมั้ง บรรยากาศดีมาก บ้านสวย วิวดี ผมว่าตอนเช้าต้องโอเคมากแน่ๆเลย พี่อ๊อฟก็พาผมไปเก็บของในห้องของมัน ห้องมันน่ารักเชียว ห้องใต้หลังคา ส่วนญาติๆคนอื่นก็ไปนอนตามห้องรับแขก หรือห้องยายบ้างตามที่พวกเขาเคยนอนกันเพราะห้องพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟไม่ยอมให้ใครเข้ามานอนด้วย
“ชอบไหม” พี่อ๊อฟมันเดินมานั่งข้างผมที่นั่งอยู่บนเตียงแล้วมองออกไปนอกระเบียง คือมันเห็นต้นไม้มากมาย สวยจริงๆถึงจะเป็นตอนกลางคืนก็เถอะนะ
“ชอบมาก สวยมาก ทำไมไม่พาผมมาเที่ยวบ้างอ่า!” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็.....ไม่รู้ดิ มึงอาจจะเคยมาแล้วไง” มันยิ้มกวนๆ ผมหน้ามุ่ยเลย
“เคยมาบ้าอะไรเล่า!” ผมพูดไม่จริงจังนัก มันก็หัวเราะ
“555 ก็พักหลังมายายป่วย เลยไม่อยากให้มึงมาไง เดี๋ยวมึงจะเบื่อ ได้ยินเสียงยายกูไอ!” พี่อ๊อฟพูดแบบไม่จริงจังนัก
“อ่อ อืมๆ หันหน้ามานี่สิ!” มันก็หันมา ผมก็เอามือนวดใตต้ามันเบาๆ ตามันบวม ดีนะไม่ช้ำ “เสียใจมากเลยใช่ไหม” ผมถามอย่างอ่อนโยนมันก็พยักหน้า
“กูไม่อยากให้มึงมา กูไม่อยากให้มึงเห็นกู...อุ้บ” ผมประกบจูบมันเบาๆ ไม่ได้ลุกล้ำอะไรแต่อย่างใด แล้วก็ผละออกมา
“อย่าทำเหมือนผมเป็นคนอื่นคนไกลสิ ผมต้องได้เห็นทุกมุมของพี่อ๊อฟ ไม่ว่าพี่อ๊อฟจะอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นยังไง พี่อ๊อฟ ก็คือพี่อ๊อฟของผม ให้ผมได้อยู่ข้างๆพี่ เหมือนที่พี่คอยอยู่ข้างๆผมตลอดมานะ” ผมพูดอย่างจริงจัง มันก็ยิ้มอ่อน
พี่อ๊อฟก็โน้มมาจูบผมอย่างอ่อนโยน ผมก็เคลิ้มไปกับมันเลยทีเดียว.....
แกร๊ก!
“อ๊อฟจะอะ.......” ผมกับพี่อ๊อฟผละออกจากกันแทบไม่ทัน พี่อิฐคือจะเข้ามาก็เข้ามาเลย ไม่เคาะไม่อะไร “โทษๆ...”
ปั้ง! แล้วก็ปิดประตูไป ผมถึงกับหมดอารมณ์เลย แล้วก็ผมกับพี่อ๊อฟมองหน้ากันแบบอายๆ แล้วพี่อ๊อฟก็ลุกออกห้องไป
ผมก็จัดของไป แล้วไอสิงโตก็โทรมา มันก็ถามอย่างเป็นห่วง ผมก็บอกไป ถึงมันจะน่ารำคาญ มันก็ดีนะ เป็นห่วงผมตลอด สักพักพี่อ๊อฟก็เข้ามามันไปเอาของที่พี่อิฐมา เราก็เข้าไปอาบน้ำกัน แค่อาบน้ำ ไม่ได้ทำอะไร เพราะเราก็ต่างรู้ ว่าสถานที่นี้มันคงไม่สมควรเกินเลย อาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัวปิดไฟ ขึ้นเตียง นอนคุยกัน........
“มีอะไรเล่าให้ผมฟังได้นะพี่อ๊อฟ” ผมลูบแก้มมันเบาๆ
“อยากฟังเหรอ” มันจับมือผม
“อยากสิ ถ้าเป็นเรื่องของพี่อ๊อฟ ผมฟังได้ทั้งวันทั้งคืนไม่เบื่อเลยละ!” ผมพูดอย่างจริงจัง
“พูดจาน่ารักนะ”ยิ้ม
“ไหน คุณชาย ของผมมีอะไรอยู่ในใจ บอกผมได้ไหมครับ” ผมจับมือมัน
“มีสิ มีเยอะแยะไปหมด” มันทำหน้าเครียด “รู้อะไรไหม สิ่งที่กูกลัวที่สุด คือคนที่กูรัก จะจากกูไป” พูดแบบจริงจัง “กูรักยายกูมาก รักพอๆกับพ่อแม่เลยละ เขาเคยเลี้ยงกูตอนเด็กๆ สอนกูทุกอย่าง สอนให้รู้จักความผิดหวัง สอนให้รู้ในความจริงหลายๆอย่าง เป็นคนที่เข้าใจกู บางทีอาจจะเข้าใจกูมากกว่าพ่อแม่กูด้วยซ้ำ” มันหลับตาลง และน้ำตาก็ไหลลงมา ผมก็เอามือไปเช็ดให้เบาๆ แล้วกระชับมือมันแน่นขึ้น “รู้ไหม ทำไมกูถึงชอบมึง” ผมส่ายหน้าช้าๆ จริงๆเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มานานแล้ว แต่มันก็เลี่ยงที่จะบอกผมทุกครั้ง “มึงคงจำไม่ได้หรอกนท เมื่อ 8- 9 ปีที่แล้วมั้ง มึงก็เคยมาที่นี่นะ!” ผมก็ทำหน้าคิดนิดหน่อย แต่ก็คุ้นๆนะ ไม่รู้สิ “แม่มึงชอบพามึงมาเที่ยวที่นี้ มึงก็ชอบมาเล่นกับกู” ผมจำได้รางๆไม่รู้สิผมมันขี้ลืมด้วย แต่ผมว่ามันต้องไม่สำคัญอะไรมากหรอกมั้ง ไม่งั้นผมต้องจำได้แม่นเลยสิ จริงไหม
“เดี๋ยวนะ นี่เราเคยรู้จักกันมานานแล้วเหรอเนี่ย!” ผมถามอย่างงงๆ มันก็พยักหน้า
“ตอนนั้นมึง 6-7 ขวบเองมั้ง กู 9 ขวบ มั้งนะ”ยิ้ม “มึงไม่เคยเรียกกูว่าพี่เลย กูจำได้หมดเลยนะ ตอนนั้น มึงเป็นเด็กที่น่ารักที่สุด”(ยิ้ม) “และยายกูก็เอ็นดูมึงมากเลยนะ” ผมชะงักไปนิด เพราะมันก็คุ้นๆไม่น้อยเลยนะ “มึงจำไม่ได้ใช่ไหมละ” ผมก็พยักหน้า “มีวันนึง มึงตกจากต้นไม้เพราะกูพาปีน” ผมพอจะจำได้แล้ว
“ผมพอจำได้ๆ วันนั้น ผมตกลงมา หัวแตก แขนถลอก เข่าก็แตก จำได้เลยความเจ็บตอนนั้นอ่า แล้วหลังจากนั้น.... ก็.....” ยิ้มอ่อน นึกไม่ออกสะงั้น จำได้แต่ความรู้สึกเจ็บฝังใจ เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมกลัวความสูงด้วยToT
“หลังจากนั้น แม่กูก็ตีกูใหญ่เลยละ และมึง ก็เข้ามาขวางแม่กูแล้วก็กอดกูไว้ แล้วบอกกับแม่กูว่า “อย่าทำอ๊อฟนะ นทตกลงมาเอง ถ้าทำอ๊อฟ ก็ต้องทำนทด้วย” แล้วมึงก็กอดกูแน่นเลย ตอนนั้นกูไม่รู้สึกเจ็บจากที่แม่ตีกูเลยนะ กูรู้สึกดี ที่มึงปกป้องกู” ผมอึ้งไปนิด อย่าบอกนะ ว่าเรื่องแค่นี้ทำให้มันชอบผม จริงๆก็แค่เรื่องตอนเด็กๆจะเก็บมาคิดอะไรให้มันมากมายเนี่ย! “มึงจำเรื่องเล่าของยายได้ไหม เรื่องเพื่อนรักอะ” ผมก็นึกๆ
“จำได้ ที่มีผู้ชายสองคนเป็นเพื่อนรักกันอะนะ ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมทะเลาะกับ เด็กคนนึง คงเป็นพี่แหละมั้ง!”ผมยิ้ม จำได้รางๆ ไม่แม่นเท่าไหร่
“อืม กูทิ้งมึงไว้ที่สวนผลไม้ หลังบ้าน” ยิ้ม “จริงๆไม่ได้ทิ้ง ก็ตอนนั้นแม่กูเรียกกูไปเก็บของ พอกลับมาดู มึงก็โกรธกูแล้วก็ไปฟ้องยาย หลังจากนั้นเราก็ทะเลาะกันต่อหน้ายาย และยายก็เล่าเรื่องนั้นให้เราฟัง พอฟังจบ เราก็คืนดีกัน” ผมก็พยักหน้า
“ผมจำได้รางๆ ว่าเราเล่นกันทุกวันในตอนเย็นหลังเลิกเรียน เพราะแม่ชอบมาช่วยงานอะไรสักอย่างที่นี่ ใช่ไหม” ผมไม่ค่อยแน่ใจ แต่ก็จำได้ลางๆ
“อืม มันนานมาแล้วละ และกูก็เป็นแค่เพื่อนเล่นของมึงตอนเด็กๆเท่านั้น มึงเป็นคนที่ชอบปกป้องคนอื่นในตอนเด็กๆ ไม่เคยทิ้งกู ไม่เคยลืมกูตอนนั้นมึงให้ความสำคัญกับกูมากเลยนะ มึงคนเดียวที่เห็นกูมีตัวตนกว่าเพื่อนคนอื่นๆในตอนเด็ก ชอบมาเล่าให้กูฟังว่า เอากูไปพูดให้เพื่อนๆที่โรงเรียนฟัง จนเพื่อนๆคนอื่นๆอิจฉามึง กูจำได้เลย วันสุดท้าย ก่อนที่มึงจะหายไป” หายไป? “มึงมาหากูที่นี้ เราเล่นกันปกติ มึงพูดถึงเรื่องแฟน มึงบอกว่าถ้าเราจะมีแฟนได้ เราก็ต้องมีความรู้สึกดีๆให้กับคนๆนึง กูก็แปลกใจ มึงไปเอาที่ไหนมาพูด เพราะตอนนั้นมึงเรียนแค่ประถมเองนะ พอกูถาม มึงก็บอกว่าพี่อิฐบอก” ผมก็พยักหน้ารัวเลย
“ผมจำได้แล้ว ผมไปบอกชอบพี่ใช่ไหม” มันพยักหน้า “ตอนนั้นผมจำได้ว่า พี่อิฐมีแฟน พอผมไปถามพี่อิฐก็บอกแบบนั้นแหละ และตอนนั้น พี่อ๊อฟก็คือคนที่ผมรู้สึกดีมากที่สุด ผมก็เลยบอกไป จริงๆผมเริ่มรู้ตัวว่าชอบผู้ชายก็เพราะพี่อ๊อฟมั้งนะ” ยิ้ม มันก็ยิ้ม “ผมจำได้ ผมเอาแต่นึกถึงพี่ตลอดเวลาเลยนะ แต่พอผมพูดให้ป๊าฟัง จำได้เลยว่าป๊า ดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ และผม.........” ผมนึกออกแล้ว ทำไมผมถึงหายไป ไม่มาเจอเด็กคนนั้นที่เป็นเพื่อนรักของผมในตอนเด็ก “ป๊าไม่ให้ผม......มาเจอกับพี่อีก ตอนนั้นผมไม่เข้าใจอะไรเลยพี่อ๊อฟ แค่ผมชอบเพื่อนคนนึงมันไม่เห็นผิดเลย แต่ป๊าก็ไม่ยอมให้ผมมาเจอพี่อ๊อฟอีกเลย”
“ใช่ ตั้งแต่ตอนนั้นมึงก็หายไป และกูก็คิดถึงแต่สิ่งที่มึงพูดคิดถึงมึง พอมึงหายไปได้หลายปีอยู่ กูก็ขอพ่อแม่กูให้ย้ายไปโรงเรียนเดียวกับมึง และกูก็ได้ไปเรียนที่เดียวกับมึง แต่ก็โชคดีไปอีก ที่บ้านมึงกับบ้านกูอยู่ไม่ไกลกันเลย กูแอบดูมึงบ่อยๆ เพราะแม่ของมึงมาพูดเรื่องที่ป๊ามึงไม่พอใจ กูก็เข้าใจ แอบดูมึงมาได้ไม่นาน กูก็เริ่มรู้ว่ามึง มีแฟนเป็นผู้ชาย นั่นก็คือไอเบส กูตามดูมึงตลอด จนมึงมาสนใจไอไอซ์ มันทำให้กูรู้สึกหลายๆอย่าง มึงบอกชอบกูไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมึงจำกูไม่ได้ ถ้าตอนกูเดินชนมึงตอนนั้น มึงจำกูได้ กูก็จะไม่โกรธมึงขนาดนั้นเลยนะ แต่กูก็พยายามจะเข้าใจแหละ ผ่านมานานมึงคงจำไม่ได้ จนกระทั่งตอนนี้ กูงงนะ เราสนิทกันสะขนาดนั้น เวลาแค่ไม่กี่ปี มึงลืมกูได้หมดเลยเหรอวะ?” มันถามแบบนอยๆ
“ไม่สิ ตอนนั้นผมเด็กนะ อีกอย่างตอนเด็กๆ ผมก็มีเพื่อนมากมาย ห่างกับพี่อ๊อฟนานขนาดนั้นจำได้ก็แปลกแล้ว”ผมพูดอย่างจริงจัง เพราะช่วงเวลาเราเด็ก แน่นอนว่าทุกคนต่างก็มีเพื่อนมากมาย พอเพื่อนคนนึงหายไป ก็จะมีเพื่อนอีกคนมาแทนที่ แน่นอนว่าเราก็จะลืมเพื่อนคนที่หายไป อาจจะลืมไม่หมด แต่ด้วยเพราะระยะห่างเลยทำให้เรา เลือกที่จะลืม ละมั้ง
“ใช่ กูก็พยายามคิดแบบนั้น และกูก็ได้แต่เอาไปเล่าให้ยายฟัง ว่ามึงอะลืมเพื่อนคนนี้ไปแล้ว ลืมคนที่ไปเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกไปแล้ว ยายก็เอาแต่บอกว่า มึงไม่ได้ลืมกูเลย แค่มึงมาหากูไม่ได้ และตอนที่กูเจอมึงตอนมึงอยู่ม.1 มึงก็มองกูติดตาตลอด” ผมทำแบบนั้นเหรอ? ทำไมไม่เห็นจำได้555 จริงๆก็ไม่ค่อยคุ้น ที่มองมัน เพราะเหมือนมันเดินกับพี่ไอซ์ละมั้ง หรือไม่ก็อาจจะคุ้นๆหน้ามันแหละ? “กูก็พยายามให้มึงเห็นบ่อยๆ หวังว่ามึงจะเข้ามาทักทายบ้าง แต่ก็ไม่เลย ยายกูก็บอกให้เข้าไปคุยเลย แต่กูก็อายเกินกว่าจะเข้าไปทัก คำพูดตอนเด็กๆ มันจะตลกไปไหม ตอนแรกกูก็กะจะตัดใจแล้ว แต่กูก็อยากลองที่จะรู้จักมึงอีกครั้ง กูก็เลย ตั้งใจเดินชนมึง ในวันแรกที่เปิดเทอมวันนั้นไง และก็ไม่ผิดหวัง มึงก็ยังเป็นมึง มึงที่ไม่ยอมใคร มึงที่ขี้อ้อน มึงที่เข้มแข็งและห่วงใยคนอื่น และ...อุ้บ!” ผมเอามือปิดปากมัน
“เด็กน้อยจริงๆนะพี่อ๊อฟ เอาคำพูดผมตอนเด็กๆและนิสัยตอนเด็กๆของผมมาคิดมากเนี่ย!” ผมพูดไม่จริงจังนักมันก็ยิ้ม แล้วเอามือออกจากปากมัน “คิดมากเกินไปแล้วพี่อ๊อฟ” ผมพูดแบบจริงจัง
“จะบอกให้นะ สีที่ทำหักในวันนี้ คือสีที่ยายกูซื้อให้เลยนะ” ผมชะงักไปนิด ดีนะผมเก็บสีนั้นไว้เป็นอย่างดี เพราะราคามันแพงมากด้วยแหละ
“ผมเก็บไว้อย่างดีเลยละ”(ยิ้ม)
“จริงๆมันก็มีอีกหลายเรื่องนะ ที่ทำให้กูชอบมึง ให้เล่าก็คงเล่าไม่หมด”(ยิ้ม)
“พอเลย เว่อร์ไปแล้วน่า” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
แล้วผมกับมันก็คุยกันไปถึงเรื่องตอนเด็กๆ ย้อนกันไป สรุปคือมันชอบผมตั้งแต่เด็กๆแล้ว มันจะจริงเหรอ? เรื่องแบบนี้ ตอนเด็กๆเรารู้จักคำว่ารักแล้วเหรอ? ตอนนั้นคำว่าชอบกับแฟน หรือความรู้สึกดีๆมันเป็นยังไงผมยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำมั้ง แต่ผมก็เชื่อนะ ไม่รู้สิพี่อ๊อฟดูจริงใจและผมก็รู้สึกได้แหละ เพราะผมก็ทำอย่างที่มันบอกจริงๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะเอาไปคิดมากขนาดนั้น คำพูดตอนเด็กๆ คิดแล้วก็ขำ ตอนเด็กๆ เราคิดอะไรอยากทำอะไรอยากพูดอะไรเราก็ทำมัน ก็ไม่คิดว่ามันจะทำให้คนคนนึงคิดมากขนาดนั้น แต่เอาเถอะ มันเป็นคนชอบฝังใจกับเรื่องบางเรื่อง...
และผมบอกเลย ทำไมผมถึงจำมันไม่ได้ก็เพราะว่า เมื่อก่อนมันไม่เหมือนกับตอนนี้เลย มันไปเอารูปที่ผมถ่ายคู่กับมันตอนเด็กมาให้ดู ไม่เหมือนตอนนี้เลยย แต่ก่อนมันไม่ใช่แบบนี้อ่ะ อาจจะคล้ายๆ แต่ก็ไม่เหมือนนะ ผมว่าละทำไมถึงจำมันไม่ได้คือไม่แปลกเลย ที่มันบอกผมชอบมองมันก็เพราะมันหน้าคล้ายๆกับเด็กที่ผมเคยเล่นด้วยไง มันซับซ้อนมาก
เราพูดคุยย้อนวันวานกันสนุกมาก มันก็เล่าถึงยายมันให้ฟัง เท่าที่ฟังคือยายเป็นส่วนนึงของชีวิตมันเลย อะไรๆก็ยายเลยก็ว่าได้ นี่ผมเพิ่งรู้นะ แต่ก็ดีแล้วที่รู้เรื่องของมันเยอะขึ้น>< มันพูดไปยิ้ม ดูมันมีความสุขมากและก็แอบเศร้าบ้าง แต่มันคงไม่อยากให้ผมเป็นห่วงก็เลยปรับสีหน้านิ่งๆบ้างเมื่อมันเศร้า แต่ดูจะยิ้มมากกว่า ผมก็รู้สึกดีที่ทำให้มันยิ้มได้ อ่อ อย่าเพิ่งงงนะว่าทำไมพี่อิฐไม่มาเล่นด้วยในช่วงที่ผมเล่า ช่วงนั้นพี่อิฐเป็นนักกีฬาเยาวชน ซ้อมทุกเย็น ส่วนพี่โน้ตของผมก็ติดแฟนบ้างติดเพื่อนบ้างและก็ติดกิจกรรมของที่โรงเรียนบ้างเพราะพี่โน้ตนี่เด็กกิจกรรมตั้งแต่เด็กเลย ผมก็เลยโดนแม่หิ้วไปเล่นที่บ้านยายพี่อ๊อฟบ่อยๆ
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:55:21
ส่วนที่ป๊าไม่พอใจนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผมชอบผู้ชาย เพราะเรื่องที่ผมชอบผู้ชายผมบอกแล้วว่าป๊ารับได้ แต่ตอนนั้นผมจำได้ว่า ผมเจ็บตัวบ่อยตอนที่เล่นกับพี่อ๊อฟ ได้รอยแผลกลับบ้านมาทุกเย็น ป๊าเขาก็ไม่พอใจอยู่แล้ว ทะเลาะกับแม่เรื่องที่พาผมไปบ้านยายพี่อ๊อฟค่อนข้างจะบ่อย แล้วยิ่งผมไปบอกป๊าว่าผมชอบพี่อ๊อฟ ป๊ายิ่งไม่พอใจ คือผมเคยลองถามป๊าตั้งแต่เด็กๆนั้นแหละ ป๊าก็บอกว่ากลัวว่าเด็กคนนั้นจะข่มขู่ผม แล้วก็พาไปเล่นอะไรแผลงๆ ก็ตามฉบับพ่อหวงลูก แต่ตอนนั้นผมก็ไม่เข้าใจ ก็ยังเด็ก งอแงงอลป๊ายกใหญ่เลย จนป๊าได้ซื้อของเล่นมาเป็นกองๆ เพื่อง้อผม แต่ก็ไม่ยอมให้ผมได้เจอกับพี่อ๊อฟอยู่ดี จนมันนานเข้า ก็มีเพื่อนใหม่ๆมาเข้าแทนที่พี่อ๊อฟ จนทำให้ผมลืมมัน คิดๆดูก็รู้สึกผิดนะเนี่ย ลืมได้ยังไง คนทั้งคน ผมนี่แย่จัง ผมว่าจะลองถามป๊าดูอีกรอบ ว่ามันเป็นยังไง แล้วป๊าจะยังจำได้อยู่ไหม ผมกับพี่อ๊อฟคุยกันจนหลับ
ตื่นมาอีกทีพี่อิฐเข้ามาปลุก ก็ตื่นแต่งตัวกันไปโรงพยาบาล แต่เช้า เพราะเขาบอกว่ายายเรียกหาพี่อ๊อฟ ก็พากันไป พี่อิฐก็มีแซวนิดหน่อย เรื่องที่เข้ามาเห็นผมกับพี่อ๊อฟคิสกัน>< ผมก็แก้ตัวแล้วก็แถไป พี่อ๊อฟก็เอาแต่ยิ้ม ตอนนี้มีครอบครัวพี่อ๊อฟ กับครอบครัวของพี่อินไปกันก่อน ส่วนคนอื่นๆเห็นว่าจะไปทำบุญกัน ลูกพี่ลูกน้องพี่อ๊อฟเยอะ และหน้าตาดีๆด้วย จากที่เห็นและผมก็แอบมองบ่อยๆ..
ก็พากันไปโรงพยาบาล พอถึงก็ตรงไปห้องพักยาย มีน้าๆของพี่อ๊อฟนอนเฝ้าอยู่ 3 คน ก่อนจะถึงห้องป๊าก็โทรมาหา ผมก็บอกให้พี่อ๊อฟเข้าไปก่อน พี่อ๊อฟก็โอเคมันก็คงอยากคุยกับยายมันเร็วๆ ผมก็รับสายคุยกับป๊า โทรมาแต่เช้าเลย ป๊าโทรมาถามไถ่อาการยาย จริงๆก็ดูเหมือนว่าป๊าจะรู้จักยายอยู่แล้วด้วย ก็เขาเป็นผู้ใหญ่ที่เคยดูแลแม่ผม จะไม่ให้รู้จักได้ยังไง ผมก็บอกว่ากำลังจะเข้าไป คุยกันนิดหน่อย ป๊าก็เน้นเตือนว่าอย่าไปดื้อหรือเกเรนะ บ่นตามเคย ผมก็รับปากแล้วก็วางไป โดยไลน์บอกแม่ด้วย เพราะแม่ก็ดูเป็นห่วงยายไม่น้อยเลย แต่ติดงานบุญ.....
ผมก็กำลังจะเดินเข้าห้อง... ปึก! “โอ้ย” ผมหันหลังไปดูตามเสียง คุณยายน่าจะเป็นญาติของคนไข้สักห้อง ล้มลงกับพื้น โดยมีผู้ชายคนนึงยืนมองแบบไม่พอใจ...
“ยายเดินยังไงเนี่ย!” ผู้ชาย ดูแก่กว่าผมไปหน่อย หน้าตาดีเลยละ แต่สันดานไม่เลย ยืนทำหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ช่วยยายด้วย ผมก็เดินกลับไปช่วยยายพยุงยายเขาขึ้นมา และประคองให้นั่งเก้าอี้ที่อยู่แถวนั้น….
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณยาย” ผมนั่งยองๆตรงหน้ายายแล้วก็ถาม
จริงๆผมก็เห็นยายกับไอพี่นี่เดินมาพร้อมกันตั้งแต่ผมคุยกับป๊าแล้ว แต่ยายเขาดูเดินอย่างระมัดระวัง เหมือนกลัวล้มตามประสาคนแก่ ไอพี่นี่ก็เดินกดโทรศัพท์ไม่มองอะไรเลย ผมก็ไม่ได้สนใจ จนมาได้ยินเสียงยายล้ม มันคงจะเดินชน อีกอย่างนี้มันก็เช้าอยู่ คนเลยไม่มีเพราะแถวนี้มันห้องพิเศษไง ไม่เหมือนห้องรวมที่คนจะพลุกพล่าน.........
“ไม่เป็นไรจ้ะหนุ่ม ขอบใจมาก” คุณยายยิ้มอย่างอ่อนโยน ผมก็ยิ้มให้ไป
“ทำเป็นคนดี! ยายเขาเดินชนกู กูไม่พูดสักคำ!” ไอผู้ชายนี่มันพูดขึ้น ผมหันมองมันแบบไม่พอใจ ว่าจะไม่สนแล้วนะ ยืนทำหน้าทำตาเป็นควายยืนค้ำหัวผมอยู่เนี่ย
“ผมไม่ได้เป็นคนดีหรอกครับ ยายล้ม ผมก็แค่ช่วย ไม่เหมือนคนบางคน เป็นคนหรือเปล่าก็ไม่รู้! เดินชนยายแล้วไม่คิดจะช่วยไม่พอ ยังพูดจาไม่ดีอีก!” ผมพูดแบบไม่พอใจ
“ก็บอกแล้วไงยายเดินชนกู!” มันทำท่าจะตีผม ผมก็มองมันตาขวาง ไม่ยอมเหมือนกันแหละ
“ยายคงเดินไม่ดีเองอะจ้ะหนุ่ม ขอโทษด้วยนะ!” ยายหันไปบอกไอพี่นั้นด้วยรอยยิ้ม “ขอบใจมากนะจ้ะหนู” ยิ้มให้ผม
“ก็แค่เนี่ย!” พูดกระแทกเสียง แล้วมันก็เดินไป สันดานเสียสุดๆ
“ยายไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เลยจ้ะ ดีล้มไม่แรง เข่ายายก็ไม่ค่อยดีแล้ว ยายมาเยี่ยมเพื่อน พอดีลูกยายกำลังขึ้นมา ยายขึ้นมาก่อน เป็นห่วงเพื่อนอยากไปดูเร็วๆน่ะจ้ะ” ยายพูดเพราะมากเสียงหวานเชียว น่ารักมาเลยละ
“งั้นผมจะไปส่งนะครับ อยู่ห้องไหนครับ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“แม่!” มีคนโผล่มาจากลิฟ แล้วเรียกมาทางยายเสียงดังหน่อยนึง แล้วก็รีบเดินมา มากัน 3 คน น่าจะพ่อแม่ลูกและ ลูกชายเขาน่าจะอายุเยอะกว่าผมอยู่
“แม่ บอกให้รอก่อน ทำไมขึ้นมาคนเดียว มันอันตรายนะ” น้าผู้หญิงที่เพิ่งมาพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้วลูก เมื่อกี้แม่ล้ม ดีหนุ่มน้อยเขามาช่วยไว้” ยายพูดอย่างใจดี ผมก็ยิ้ม
“ครับ จริงๆอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะครับ แต่ไม่เป็นอะไรแล้ว” ผมพูดอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณหนูมากนะจ้ะ พ่อดียายเขาใจร้อนน่ะจ้ะ” น้าผู้หญิงบอกผม
“ครับไม่เป็นอะไร งั้นผมขอตัวนะครับ สวัสดีครับ” ผมไหว้ทั้งยายและคุณน้าผู้หญิงและผู้ชาย ลูกเขาก็มองผมนิ่งๆ ผมก็มองนิดหน่อยไม่ได้สนใจอะไรแล้วก็หันหลังไปเลย
ผมก็เดินตรงไปทางห้องยายพี่อ๊อฟ และก็เข้าห้องไป เห็นน้าๆกำลังเก็บของ ผมก็ทักทายนิดหน่อย แล้วก็เข้าไปหายาย ที่ห้องนอนคนไข้ พี่อ๊อฟก็นั่งข้างเตียงจับมือยายแล้วก็พูดคุยอยู่ ผมก็มองนิ่งๆ แล้วก็ยืนข้างๆแม่พี่อ๊อฟเงียบๆ พี่อิฐก็อยู่อีกข้างของเตียง พี่อินก็ยืนมอง ยืนได้แปปนึง ก็มีคนเข้ามา เป็นคุณยายคนนั้น เขาก็ดูตกใจที่เห็นผม ทักทายผมใหญ่เลย น้าผู้หญิงและน้าผู้ชายเขาดูจะใจดีกับผม พูดอวยผมใหญ่เลย แล้วพ่อพี่อ๊อฟก็หาเก้าอี้ให้ยายเขานั่งข้างๆเตียง พี่อ๊อฟมันก็เรียกให้ผมไปยืนข้างๆมัน ผมก็ทักทายยายนิดหน่อย แล้วยายก็คุยกับเพื่อนเขาไปถามไถ่อาการกันเสร็จสรรพ จริงๆยายก็ป่วยค่อนข้างหนัก แต่เขาดูแข็งแรงมาก น่ารักด้วย....
“นี่หลานเธอเหรอจันทร์” คุณยายชี้มาทางผม ยายพี่อ๊อฟชื่อจันทร์
“ใช่ เป็นลูกของศรไง เธอจำศรได้ไหม เพื่อนของอร เด็กที่ฉันเคยเลี้ยงตอนเด็กๆ” ยายจันทร์พูดชื่อเก่าแม่ผม? ยายเขาจำผมได้? จริงๆผมจำยายได้ตั้งแต่เห็นรูปที่บ้านยายแล้ว
“เหรอ!” ดูตกใจนะ “เป็นเด็กที่น่ารักมากจริงๆเลยนะจันทร์ มารยาทดีมีน้ำใจ เหมือนศรเลยละ” คุณยายยิ้ม
แล้วเขาก็พูดอวยจนผมจะลอยแล้ว สักพักก็มีคนเข้ามาอีก ผมต้องตกใจไปนิด ไอเวรนั่นไง ที่เดินชนยาย พอมันเห็นผม มองผมตาขวางเลย.......
“เจออีกแล้ว คนดีของโลกนี้!” พูดแดกดันผมแล้วจ้องผมแบบไม่พอใจ
“เจออีกแล้ว คนเลวของโลกนี้!” ผมพูดขึ้นลอยๆ มันกำหมัดแน่น
“จะเอายังไง!” มันชี้หน้าผม
“หยุดเดี๋ยวนี้นะไอเอส!” พี่อ๊อฟตะคอกมัน นั่นชื่อมันเหรอ
“ทำไมกูจะพูด” ไอเอสทำหน้ากวนตีน
“อะไรกันลูก แขกเยอะแยะนะเอส รักษามารยาทหน่อย” ยายจันทร์พูดเตือนอย่างเหนื่อยๆ
“ขอโทษนะครับยาย” ผมทำหน้าสำนึกผิด
“ไม่เป็นอะไรเลยลูก เอสมันก็เป็นแบบนี้แหละ เอาแต่ใจสะไม่มี นี่ก็คงไปทำให้หนูไม่พอใจใช่ไหม” ยายจันทร์พูดผมก็เดินเข้าไปจับมือยาย
“เปล่าครับ เขาเดินชนยายศรีอะครับ แล้วก็ตะคอกใส่ยายศรีอีก แถมยังว่าให้ผมอีกนะครับ” ผมมารยาเลยไง คือทุกคนมองไปทางมันหมด โดยเฉพาะ น้าผู้ชายที่เป็นลูกของยายศรี มองไอเอสอย่างไม่พอใจสักเท่าไหร่ เดินชนแม่เขาอะเนอะ ใครจะพอใจละ
“อะไร! ยายเขาเดินไม่ดูเองตังหาก!” ไอเลวนี่มันเลวสุดๆ
“ผมเห็นว่าเขาเอาแต่กดโทรศัพท์ไม่มองทางอะไร พอชนยายล้มก็ไม่ช่วย มีชี้หน้าบอกว่ายายเดินไม่ดีอีก คนอะไรนิสัยแย่!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ แต่พี่อิฐชี้หน้ามันอย่างคาดโทษ
“นท ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน เลิกพูดได้แล้ว เดี๋ยวยายเครียด” พี่อ๊อฟกระซิบบอกผม ผมก็พยักหน้า
“ขอโทษนะครับยายผมไม่ได้ฟ้องนะ ผมแค่บอกความจริง” ผมก็พูดอย่างอ่อนน้อม ไม่ได้ใส่อารมณ์แต่อย่างใด
“ยังเหมือนเดิมเลยนะนท” ยายจันทร์ยิ้ม ผิดคาด นึกว่ายายจะไม่พอใจสะอีก
“ยายยังจำผมได้เหรอครับ” ผมยิ้ม ดีใจมาก
“จำได้สิ เด็กน่ารักขี้อ้อน มีนทคนเดียวเลยนะ เป็นยังไง สบายดีนะลูก” ยายจันทร์ยิ้ม
“สบายดีครับ” ยิ้มบาน
“แล้วแม่เราไปไหน ไม่มาเหรอ?” ยายจันทร์ถามอย่างสงสัย
“แม่ติดงานบุญอะครับยาย ถ้าว่างแม่บอกจะมาครับ” ผมก็เข้าไปจับมือยาย
“แม่เราน่ะมาหายายบ่อยมาก แต่ไม่ยอมพาเรามาหายายเลย ยายคิดถึงจะแย่” ยายจันทร์ยิ้ม ที่แท้แม่ก็มาบ่อยแล้วนี่เอง โถ่! ไม่ชวนผมมาบ้างเลย “มาให้ยายกอดทีเร็ว” ผมก็ค่อยๆโน้มตัวไปกอด มันรู้สึกได้ ว่ากอดนี้มันคุ้นเคย และอบอุ่น
“คิดถึงยายเหมือนกันนะครับ” ผมหลับตาลงเบาๆ
แล้วผมก็ผละออกมาเบาๆ ยายจันทรก็ยิ้ม แล้วก็ร้องไห้? ให้ตายสิ ผมก็รนเลย ผมทำให้ยายเจ็บหรือเปล่า! ทุกคนก็ถามอย่างเป็นห่วง....
“ไม่ได้เป็นอะไร คิดถึงหนูนทน่ะจ้ะ ยายเคยเลี้ยงเคยเล่นด้วยตอนหนูยังเด็กๆ ดูตอนนี้สิ โตเป็นหนุ่มแล้ว แถมหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู” ยายจันทรยิ้มทั้งน้ำตา ผมก็น้ำตาซึมไปเลยสิ ซึ้งอะ
“เด็กคนนี้น่ารักมากเลยนะจันทร์” มองมาทางผม ผมก็เขินพอเป็นพิธี “อ้อ! นี่ก็หลานฉัน ชื่อออม” กวักมือเรียกเด็กผู้ชายที่ยืนเงียบอยู่ด้านหลังยายให้มายืนข้างหน้า ดูเป็นคนเรียบร้อยเนอะ นิ่งๆ “อายุน่าจะไล่เลี่ยกับเจ้าอ๊อฟแหละ” ผมถึงกับชะงัก ดูสายตาที่ออมมองพี่อ๊อฟสิ
และก็พูดคุยกันไป ผมเริ่มสังเกตว่าออมมันเอาแต่จ้องพี่อ๊อฟ ตอนแรกนึกว่ามองเฉยๆ หรือว่ามองพี่อิฐก็ไม่ใช่ มันจ้องพี่อ๊อฟเลย ร้ายกาจมาก ผมก็เฉยๆไว้ อย่าร้อนรน เดี๋ยวพี่อ๊อฟจะหาว่างี่เง่า ให้ตายสิผมไม่ชอบเลย มีคนจะมาแย่งของผมเหรอเนี่ย! ไอเอสก็เงียบปากแล้วก็ยืนกดโทรศัพท์ไป ยายก็คุยกันสนุกสนานเลย ยายจันทร์ดูจะสดใสขึ้น หมอบอกว่ายายแข็งแรง การรักษาเลยตอบสนองดี แถมกำลังใจล้นเปี่ยมด้วย สักพักพวกผมก็ออกไปนั่งที่ห้องรับแขกด้านนอกกันให้ผู้ใหญ่เขาคุยกันไป เพราะตอนนี้มีญาติเข้ามาเพิ่มแล้ว ไอเอสมันก็โดนพี่อิฐจัดการไป ผมก็มานั่งกับพี่อ๊อฟข้างๆ แล้วออม ก็ออกมานั่ง......
“อ๊อฟ อยู่ม.5ใช่เปล่า” พี่อ๊อฟมันก็พยักหน้า “เท่าเราเลยแล้วนทละ?” ออมหันมาถามผม แต่ถ้าผมมองไม่ผิด คือแวบแรกสายตาดูจิกกัดผมมาก มันก็ดูน่ารักดีนะ มันดูผอมบาง ต่างจากผมที่ค่อนข้างจะมีเนื้อมีหนัง
“ม.4 ครับ” ผมตอบไปตามมารยาทด้วยสายตานิ่งๆ
ตอนนี้ในห้องนี้คนเริ่มเยอะ พี่อินก็เดินมานั่งด้วย พี่อิฐก็ไปฟ้องพ่อแม่ไอเอส ซึ่งจริงๆยายศรีเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องอะไร แค่สั่งสอนด้วยการตักเตือนนิดหน่อย แต่ดูแล้วก็ยังคงไม่สำนึกอะไรก็ปล่อยมันไป เราก็คุยกันไป และออมก็ดูจะออกตัวแรงมากกับพี่อ๊อฟ ผมก็นั่งชิดมาก จับมือด้วยพี่อ๊อฟมันก็ดูงงๆนะแต่ก็จับกับผมไง........
“นท แหมๆ ไม่ต้องกลัวใครจะแย่งหรอกจ้ะ” พี่อินเอ่ยแซว
“เปล่าพี่” ผมยิ้มเขิน ออมมันดูชะงักไปนิดหน่อย
“น่ะ...นี่เป็นแฟนกันเหรอ” ออมถามอย่างตกใจนิดๆ
“อื้ม แฟนอ๊อฟเอง!” พี่อ๊อฟพูดจาน่ารักมาก คือมันพูดเพราะกับทุกคนยกเว้นผม ไม่รู้ทำไม
“อะ อ่อ!” ออมยิ้มอ่อน แต่ก็มองผมแบบ เหมือนจะแย่งพี่อ๊อฟไป ตลก คืออะไร เอาอีกแล้วไง คนประเภทนี่มันน่ารำคาญจริงๆ
“ทำไม? ไม่พอใจเหรอ?” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ
“เปล่า แค่แปลกใจ ดูเหมือนไม่ใช่ทั้งคู่เลย” บอกด้วยท่าทีลนลาน
“ก็งี้แหละพี่” ผมยกยิ้มมุมปากให้ออมไป
“นท ไปหาคุณยายกัน” พี่อินเอ่ยขึ้นผมก็ลุกไปกับพี่อิม พี่อ๊อฟกำลังจะลุกตามมา ออมมันดึงไว้ผมก็ไม่ร้อนรนอะไร อย่างมากมันก็ทำได้แค่ตอมเท่านั้นแหละ!
ผมเข้าไปคุยกับคุณยาย คุณยายก็ชวนผมพูดรำลึกความหลังกัน ผมก็พูดเท่าที่จำได้บ้าง หรือไม่ก็จำจากที่พี่อ๊อฟเล่าบ้าง คุยไปสนุกไป ยิงมุกบ้าง คุณยายขำจนท้องแข็งเลย สนุกสนานเฮฮาเลยทีเดียว คุณยายเขาก็ดูจะเอ็นดูผมไม่น้อย แถมยังแซวเรื่องพี่อ๊อฟกับผมด้วยนะ เขาไม่ถือสาเรื่องเพศที่สามเขาเข้าใจด้วยซ้ำ เราก็คุยกันไป ยายเป็นคนอบอุ่นมาก น่ารักมาก คุยกันไปสักพักก็ได้เวลายายพักผ่อนก็ออกมานั่งข้างนอกกัน ยายศรีก็พูดคุยกับผมต่อ ก็คุยไป แล้วผมก็มองไปทางพี่อ๊อฟตลอด เอาจริง คือออมอ่อยทุกอนู อ่อยแบบทุกตอนที่มีจังหวะ จับต้นขา จับต้นแขนพี่อ๊อฟ ทุกอย่างมันย้ายไปนั่งข้างพี่อ๊อฟ จนผมคุยกับยายศรีเสร็จ ผมก็เดินไปหาพี่อ๊อฟ พ่อแม่ของพี่อ๊อฟก็ไปคุยกับยายศรีต่อ ผมก็ไปนั่งข้างพี่อิน พี่อินก็ดูไม่ชอบหน้าออมเท่าไหร่ มันดูรู้อะว่าอยากได้พี่อ๊อฟจนตัวสั่น และคงจะคันในร่มผ้ามากด้วย.........
“นท ยอมได้ยังไง” พี่อินหันมากระซิบผม
“ก็ได้แค่นั้นแหละพี่” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะพี่อ๊อฟก็ดูรำคาญไม่ใช่น้อยเลย
“ออมกับอ๊อฟดูสนิทกันเร็วจัง” พ่อของออมเดินมาแล้วพูด
“นิดนึงครับพ่อ” ออมตอบพ่อมันอย่างร่าเริง พี่อ๊อฟเขยิบตัว ถอยห่างจากออมทันที
“สนิทกันไว้ก็ดีนะ มีอะไรก็จะได้พึ่งพากัน” แม่ของออมเดินมาสมทบ จริงๆพ่อแม่ยายของอออมก็ไม่ได้อะไร นิสัยดีมากเลย แต่ออมเนี่ยหนักสุดๆ เป็นอีแอบ แต่เป็นอีแอบที่แอบไม่มิด
“แม่ อ๊อฟเขาเรียนเก่งนะ ให้แม่จ้างเขาสอนออมหน่อยสิ” ออมพูดขึ้น ผมก็รู้สึกว่าจะอยู่เฉยไม่ได้แล้วสิ
“เอาสิ อ๊อฟช่วยออมมันหน่อย หัวมันไม่ค่อยดี” แม่ของออมพูดขึ้น พี่อ๊อฟคือทำหน้าลำบากใจเลย แต่ผมไม่ทนแล้ว
“ขอโทษนะครับ” ผมพูดแทรกอย่างมีมารยาทเบาๆ ทุกคนก็หันมามอง “พี่อ๊อฟคงไม่สะดวกสอนหรอกครับ เพราะพี่อ๊อฟไม่ถนัดสอนใคร อีกอย่างตอนนี้พี่อ๊อฟก็สอนผม...วาดรูปอยู่นะครับ” ผมพูดอย่างใจดี น้าเขาก็ยิ้มแล้วก็พยักหน้ารับรู้
“นั่นสิ อยู่ม.5เหมือนกัน สอนกันมันจะรู้เรื่องได้ยังไง ถ้าออมอยากเรียนเดี๋ยวพ่อพาไปหาที่เรียนพิเศษก็ได้นะ” พ่อของออมพูดอย่างจริงจัง
“ผมมีที่แนะนำครับ นี่เลยครับ” ผมล้วงกระเป๋าตังออกมา คือมันเป็นนามบัตรพวกโรงเรียนกวดวิชาที่ชอบมายืนแจกหน้าโรงเรียน ผมก็เก็บไว้บ้าง บางที่ที่น่าสนใจ ผมก็ล้วงออกมาใบนึงแล้วยื่นให้คุณน้าผู้ชาย “ที่นี่ดีเลยนะครับ ผมเคยไปทดลองเรียน สอนตัวต่อตัว ไม่ใช่แบบเรียนกับทีวีอะครับ” ผมบอกอย่างอารมณ์ดี ยักคิ้วให้ออมมันนิดหน่อย มันดูไม่ยอม
“นั้นสิ ดูน่าสนใจนะ เดี๋ยวพ่อพาไปแล้วกัน ขอบคุณนะนท” พ่อของออมยิ้มอย่างใจดี ผมก็ยิ้มตอบ
เราก็คุยกันไป พี่อินคือดูอึ้งๆในวิธีจัดการเห็บหมัดของผม เพราะเขาบอกว่าเพื่อนเกย์เก้งกวางของเขา ไม่จัดการแบบนี้หรอก ปกติคือจะรุนแรง ถ้าเจอแบบผมเพื่อนพี่เขาคือลุกตบลุกด่า แต่ผมไม่ ผมฉลาดพอ จัดการออมได้ไม่พอ ยังได้ใจพ่อแม่ของมันอีก ชนะไปอีก มันมองค้อนผมเลยทีเดียว ผมก็ยิ้มสวยๆให้ไป ก็คุยกันไป มันก็ดูเงียบไปเลยนะ ผมก็ไม่สน จนมันจะกลับ.........
“อ๊อฟ เราขอไลน์หน่อยได้ไหม” ออมก็พูดขึ้นมา สงสารพี่อ๊อฟจริงๆ มันต้องรักษามารยาท ดูมันอึดอัดไม่น้อย
“ได้สิ เดี๋ยวผมพิมพ์ให้” ผมพูดอย่างเป็นมิตร แล้วยื่นมือไป มันก็ดูชะงักไปนิด พ่อแม่มันก็มองอยู่
“เราขออ๊อฟนะ ไม่ได้ขอนท” ออมพูดนิ่งๆ
“ก็โทรศัพท์พี่อ๊อฟอยู่ที่ผมนี่ ไม่ต่างกันหรอก” ผมชูโทรศัพท์ผมขึ้นมา แล้วก็กดให้มันขึ้นภาพหน้าจอเป็นรูปพี่อ๊อฟถ่ายคู่กับผม จริงๆมันคือโทรศัพท์ของผม แอ๊บว่าของพี่อ๊อฟไง
มันก็ดูไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ยื่นมาให้ผม ผมก็พิมพ์ไอดีไลน์ไป แล้วก็ส่งคืนให้มัน แล้วเราก็ร่ำรากันนิดหน่อย จริงๆพ่อแม่ของออมเนี่ย เขาจะเลี้ยงข้าวผมตอบแทนที่ช่วยยายศรี แต่ผมปฏิเสธไป แถมยังชวนเขาไปกินข้าวบ้านผมเองสะอีก เขาก็ตกลง เอาเบอร์ผมไป แล้วก็เขาก็ไปกัน พี่อ๊อฟทำท่าขนลุกขนชันใหญ่เลย ไปล้างมือที่อ่างล้างจานเลย ผมกับพี่อินถึงกับหัวเราะพี่อินคือสะใจมาก ตอนที่รู้ว่าที่ผมเอาโทรศัพท์ของผมขึ้นมาโชว์ พี่อ๊อฟก็ออกมาแล้วทำหน้าไม่พอใจให้ผมกับพี่อิน......
“ไม่ชอบเหรออ๊อฟ ร่างบางสเปคหลายๆคนเลยนะ55” พี่อินล้อเลียน
“ไม่อ่ะ น่ากลัว ขนลุกไปหมด” พี่อ๊อฟทำหน้าสยอง
พูดคุยเล่นกันพักนึงก็เข้าไปอยู่เป็นเพื่อนยาย ผมก็เข้าไปคุยกับยายบ้าง พลัดกันเข้าไป จนเย็นๆก็พากันกลับ คือพูดตรงๆเลยว่าปกติการเฝ้าไข้มันจะน่าเบื่อมาก แต่ที่นี่บอกเลยว่าไม่ เม้ามอยกันมันส์หยด พี่อินพูดเก่งมาก แล้วก็พูดคุยกับญาติคนอื่นๆไป สนุกดี ไม่อึดอัดอะไรเลย ผมก็เพิ่งรู้จักพวกเขา ถึงบางคนจะไม่ชอบที่ผมกับพี่อ๊อฟคบกัน แต่เขาก็ยังมาพูดคุยบ้างพอเป็นมารยาท พอเย็นๆก็กลับบ้านยายกัน ป๊ากับแม่ก็โทรมาถามอาการเรื่อยๆ แต่ประเด็นคือพรุ่งนี้ยายก็ออกโรงบาลได้แล้ว เป็นเรื่องที่น่ายินดี ป๊าก็บอกจะกลับไปรับแม่กับพี่โน้ตมาเยี่ยมยายด้วยในวันพรุ่งนี้....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:56:13
พอมาถึงบ้าน เขาก็ทำกับข้าวกินกันมากมาย ผมก็ไปอยู่ในส่วนของเด็กๆ ไอเอสก็มา ยืนกดโทรศัพท์ทั้งวัน และก็ลูกพี่ลูกน้องคนอื่นๆของพี่อ๊อฟก็มานั่งคุยกัน จริงๆก็มี10กว่าคนที่นั่งในห้องนั่งเล่นเนี่ย ผมก็ออกแนวอึดอัดนิดนึง เพราะบางคนก็ยังไม่เคยคุย แต่พอคุยไปคุยมาก็สนิทกันไป แต่จะสนิทกับพี่อิมมากกว่า........
“นทรู้จักกับอ๊อฟมันนานแล้วเหรอ” พี่อันถามอย่างสงสัย พี่อันเป็นพี่ชายของพี่อิม ส่วนมากลูกพี่ลูกน้องของพี่อ๊อฟมีแต่ผู้ชาย ง่ายๆคือมีพี่อินเป็นผู้หญิงคนเดียว
“นานมากกกก” ผมลากเสียงยาว
“หึ! พวกเกย์!” ไอเอสพูด ผมหันมองมัน ทุกคนก็ดูจะไม่พอใจกับคำพูดมันสักเท่าไหร่
“เอาน่าไม่ต้องไปสนใจมันหรอก พวกเด็กมีปัญหา” เอ็มน้องของไอเอส ซึ่งรุ่นเดียวกับผมพูดขึ้น
“พูดดีๆนะมึงไอเอส เดี๋ยวเถอะ!” พี่อิฐพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ มันก็แค่ทำหน้ากวนตีน
แล้วก็พูดคุยกันไป โทรศัพท์ผมก็สั่นทั้งวันเหลือเกิน ผมก็ล้วงขึ้นมาดูไอสิงโต พี่ดินพี่ไฟ และอีกมากมาย ผมก็กดไล่ดู ไปสะดุดกับคนที่พึ่งทักมาใหม่ ออมนั่นเอง มันก็ทักมาประมานว่ารู้ว่าไลน์นี้เป็นของผม ผมก็ไม่สนใจ ผมก็เอารูปผมกับพี่อ๊อฟส่งไปให้มัน มันก็รัวไลน์มาเลย ผมอ่านแต่ก็ไม่ตอบ หมั่นไส้ พี่อ๊อฟก็ชะเง้อมอง พอมันเห็นว่าเป็นใครมันก็ไม่สนใจเลย ผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไป แล้วก็พูดคุยกันนิดหน่อย ผู้ใหญ่ก็มาตามเราไปกินข้าว พอกินข้าวก็พูดคุยกันสนุกสนาน ไอเอสก็ไม่มีใครยุ่งกับมัน มันแยกไปกินคนเดียวตรงสวน ก็กินกันไป กินสร็จก็ช่วยกันเก็บและก็ไปนั่งพูดคุยกันที่ห้องนั่งเล่นนิดหน่อยก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมก็ขอให้พี่อ๊อฟพาไปเดินเล่นก่อน มันก็พาไป มันพาผมออกไปตรงข้างหลัง ที่มีต้นไม้เยอะๆ และก็มีต้นไม้ต้นนึงที่มีชิงช้า เหมือนโรแมนติก แต่ผมว่าน่ากลัวมากกว่า มันวังเวง มันมืด มันมีหมาหอน น่ากลัว..........
“เข้าบ้านเถอะ มันน่ากลัวนะเนี่ย!” ผมพูดแล้วก็เกาะแขนพี่อ๊อฟ
“เออ ตอนเช้าค่อยมาดูก็ได้ ยุงเยอะ!” มันก็ดึงแขนผมออกแล้วก็จับมือจูงมือผมเข้าไปในบ้าน
เราก็ขึ้นบ้านอาบน้ำ ก็พูดคุยกันเรื่องวันนี้ เรื่องของออม พี่อ๊อฟมันบอกโครตขยะแขยงคนประเภทนี้เลย อีกอย่างพี่อ๊อฟไม่เคยคิดจะสนใจด้วย ผมก็เออออไป มันดูจริงจังเกินไป คุยกันจนหลับไปนั้นแหละ
ตื่นมาอีกทีก็สายๆแล้ว ข้างนอกเสียงดังกันเชียว พี่อ๊อฟก็นอนอยู่ผมก็เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตา แล้วก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาป๊า ป๊ากำลังมาเลย ผมคุยนิดหน่อยก็วาง พี่อ๊อฟกำลังนอนหลับอย่างมีความสุขเชียว ผมไม่อยากกวน ก็ออกไปเดินเล่น ยายกลับมาแล้ว คนมาเต็มไปหมด ผมก็ปลีกตัวไปเดินนอกบ้าน ที่ๆพี่อ๊อฟพามาเมื่อคืน เป็นต้นไม้ที่มีชิงช้าผูกติดอยู่ ผมพอจำได้คร่าวๆ เป็นต้นไม้ที่ผมกับพี่อ๊อฟชอบมาปีน ผมก็นั่งลงที่ชิงช้าแล้วก็แกว่งไปมา......
“เฮ้อ! โชคร้ายชิบหาย มาเจอกับพวกผิดเพศ!” ผมหันไปมองตามเสียง ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็เด็กมีปัญหานั่นเอง ผมก็ไม่พูดอะไร มันก็เดินเข้ามาใกล้ผมเรื่อยๆ พูดจาเสียดสีผม ผมก็นั่งชิวๆไป ไม่สนใจมัน......
“ทำเป็นหูตึงนะมึง!” ไอเอสมันจับชิงช้าผมให้หยุด ผมก็มองมันนิ่งๆ
“เห่าหอนแต่เช้าเลยนะครับ” ผมพูดแล้วทำหน้ากวนๆมัน
“นี่เช้าของมึงเหรอ คงจะทำเรื่องอุบาทว์กันสินะ นี่มันสายแล้วโว้ย!” มันพูดอย่างสะใจ เป็นอะไรมากไหม ไอเวรนี่
“จะทำอะไร หรือไม่ทำอะไร ก็เรื่องของผมนะครับ ไม่เสือก!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ แล้วก็ลุกขึ้น
“ปากดีให้ได้ตลอดนะมึงอะ!” มันพูดกระแทกเสียง ผมก็มองมันด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
“เฮ้อ! วันนี้เป็นวันที่ฟ้าปรอดโปร่งนะ แต่อากาศเป็นมลพิษไปหน่อย เพราะปากคนแถวนี้เหม็นเน่าสะไม่มี!” ผมพูดแล้วก็เดินกระแทกไหล่มันไปทางอื่น
ผมก็เดินเข้าไปในสวนผลไม้ ไอเอสมันก็แหกปากด่าผมแล้วก็เดินตามมาเนี่ยแหละ ผมละรำคาญจริงๆ ผมก็เดินหนีมันไปขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียง
หมับ! มันจับแขนผมไว้ ผมก็หันไปมองมันแล้วก็แกะมือมันออก แล้วก็มองมันนิ่งๆ.....
“ทำไมมึงถึงชอบจิกกัดกูอยู่เรื่อยวะ!” มันพูดอย่างไม่พอใจ คือมันไม่รู้ตัวเอง?
“ทำไมถึงชอบมายุ่งกับเราละ!” ผมตอบคำถามด้วยคำถาม
“หึ! คิดว่าเป็นแฟนไออ๊อฟแล้วกูจะกลัวเหรอ!” มันพูด ผมก็มองมันนิ่งๆ
“ไม่ได้ขอให้กลัวนี่ อีอย่างไม่เห็นเหรอว่าคนไม่อยากคุยด้วย เดินหนีมาขนาดนี้แล้วจะเอาอะไรอีก!” ผมพูดกระแทกเสียง มันก็มองผมแบบไม่พอใจ “ถามจริงเป็นโรคจิตหรือเปล่า คือมาหาเรื่องผมทำไม?” ผมถามอย่างข้องใจ
“มึงมันชอบเสแสร้งเป็นคนดีไง และเมื่อวานกูโดนผู้ใหญ่ด่าก็เพราะมึง!” ผมกรอกตาหนักมาก ไอนี่อาการหนัก
“พอเถอะ” ผมก็เดินไปทางอื่น มันก็ตามมา ผมก็หยุดแล้วหันไปมองมัน “นี่จะเอายังไง อยากเอาคืนใช่ไหม” มันทำหน้ากวนตีน “เอาสิว่ามาจะให้ทำอะไร ถ้ามันทำให้หายโกรธจะทำไรก็ทำเถอะ ระ.....”
เพี๊ยะ! หน้าผมหันไปตามแรงตบของมัน อึ้งไปนิด ผมก็หันกลับมามองมันนิ่งๆ....
“พอใจแล้วใช่ไหม? เลิกยุ่งกับผมด้วย!” ผมพูดอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินชนไหล่มันอย่างแรงจนมันเซ แล้วเดินผ่านมันไป คราวนี้มันก็ไม่ตามมาแล้ว ให้ตายสิ เจ็บ เมื่อกี้ตอนมันตบผมกำลังพูดอยู่ไง กัดใส่ลิ้นตัวเอง เลือดออกแน่ๆ
ผมก็ไปเปิดก๊อกน้ำแถวนั้นบ้วนปาก ได้เลือดจริงๆ แต่เช้าเลย บ้าที่สุด! แล้วก็มีคนเดินมา จริงๆแถวนี้ก็มีคนสวนเดินไปมาอยู่แล้ว แล้วไอที่ผมโดนตบเมื่อกี้ไม่รู้ว่ามีคนเห็นไหม เอาเถอะ ผมไม่สนอะไรหรอก........
“นท” มีคนมาแตะไหล่ผมที่นั่งยองๆล้างปากอยู่ ผมหันไปมอง พี่อ๋อง หนึ่งในลูกพี่ลูกน้องของพี่อ๊อฟ  ผมก็เช็ดปากลวกๆแล้วก็ลุกขึ้นยิ้มให้พี่อ๋อง พี่อ๋องเป็นรุ่นพี่ อยู่ม.5 รุ่นเดียวกับพี่อ๊อฟ เขาก็ดูน่ารักดี หล่อใสๆ
“มีอะไรหรือเปล่าครับพี่” ผมยิ้มอ่อน
“เจ็บไหม” พี่เขาถามอย่างเป็นห่วง ผมชะงักไปนิด “พอดีพี่เห็นเมื่อกี้....” เหมือนเป็นห่วงแต่ก็ไม่อยากถามสินะ
“มะ...ไม่เป็นอะไรพี่ อุบัติเหตุครับ” ผมพูดแบบรนๆ “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมยิ้มแล้วก็เดินไป
ผมก็เดินกลับขึ้นห้อง ตอนผ่านหน้าประตูผมก็เจอไอเอส มันก็มองผมนิ่งๆ ผมก็ไม่อะไร ไม่สนใจเดินขึ้นห้องไป พี่อ๊อฟก็กำลังอาบน้ำเสร็จพอดี ถามผมว่าไปไหนมาผมก็บอกไป พอมันทำอะไรเสร็จก็พาผมลงไปหาอะไรกิน ตอนนี้คนเต็มบ้านเลย ป๊ากับแม่ก็มาแล้วพี่โน้ตด้วย เขาก็ไปพูดคุยกับผู้ใหญ่กัน ผมก็ไปหาอะไรกินกับพี่อ๊อฟแล้วก็พวกลูกพี่ลูกน้องพี่อ๊อฟ...........
“นท หน้าไปโดนอะไรมา!” พี่อ๊อฟถามแล้วจับหน้าผม ทุกคนก็มอง มันพลิกหน้าผมไปมา “อ้าปากดิ้!” ผมก็พยายามแกะมือมันออก เพราะมันบีบแรงแล้วไง
“อ๊อฟ เบาๆหน่อย นั้นหน้านะ!” พี่อิมพูดอย่างเป็นห่วง
“ปล่อย!” ผมพยายามดึงมือมันออก
“ไออ๊อฟ ปล่อยน้องกู” พี่โน้ตพูดเสียงนิ่ง แล้วก็เดินมาดึงมือพี่อ๊อฟออกมันก็ปล่อย
“มึงไปทำอะไรมานท” พี่อ๊อฟถามอย่างไม่พอใจ
เอาแล้วไง เริ่มเป็นประเด็นแล้ว ไอเอสมันก็มองผมนิ่งๆ ผมไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย โถ่! อีกอย่างที่นี่ไม่ใช่ที่ของผม ไม่อยากจะทำตัวให้โดดเด่นเกินไป เพราะเป็นคนนอก แล้วถ้ามาสำออยเพราะเรื่องแค่นี้ เรื่องคงจะใหญ่ไปมากกว่านี้ด้วย ตอนนี้หลายๆคนเริ่มมองมาที่ผม พี่โน้ตก็ถามผมอย่างเป็นห่วง ดีนะตอนนี้มีแต่เด็กๆ.....
“ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้พี่อ๊อฟ ผมแค่ไปกินลำไยตรงสวนข้างหลังนั้นมา แล้วก็เผลอกัดลิ้นตัวเองก็แค่นั้น”(ยิ้ม)
“หน้านทเป็นรอยมือนะ” พี่โน้ตลูบแก้มผม
“นท!” พี่อ๊อฟมันจะเสียงแข็งทำไมเนี่ย
“ยุงกัดก็เลยตบหน้าตัวเอง ก็เท่านั้น จบไหม กินเถอะ หิวแล้ว” ผมพูดปัดอย่างรำคาญ
แล้วทุกคนก็กินกัน ผมก็กินค่อยๆ แสบลิ้น ไม่ได้จะปกป้องมันนะ แต่ก็อย่างที่บอกไม่อยากให้เป็นเรื่อง พี่โน้ตก็เดินกลับไปคุยกับป๊า ผมก็กินเงียบๆ กินได้นิดเดียวก็กินไม่ลง เจ็บลิ้นจริงๆ ผมก็ลุกเอาจานของผมไปเก็บแล้วก็ไปเดินเล่นนอกบ้าน พี่อ๊อฟก็ไปคุยกับยายจันทร์นั้นแหละ มันงอลผม มันบอกว่า มันรู้ว่าผมโกหก ให้ตายสิ ใช่เรื่องไหม ผมก็มานั่งเล่นแถวบ่อปลาหน้าบ้าน มันมีม้าหินอ่อนอยู่ ทุกคนอยู่ในบ้าน ผมออกมานั่งคนเดียว....
“ทำไมมึงไม่บอกว่ากูเป็นคนทำวะ?” มาแล้วไง ไอนรกนี่ ผมก็หันไปมองมันนิ่งๆ “ทำไม หรือชอบกูขึ้นมาแล้วละ” ผมแทบจะล้วงคออ้วกตรงนั้น
“อย่าหลงตัวเองให้มันมากเหอะ ที่พูดแบบนั้นไปก็เพราะอยากให้จบ ตบแล้วก็เลิกยุ่ง ตามที่พูดด้วย!” ผมพูดอย่างไม่พอใจแล้วก็หันหน้าหนีมัน
“กูไม่ได้เป็นคนพูดนะ มึงพูดเอง!” ผมหันไปมองมันตาขวาง มันทำหน้ากวนตีนหนักมาก
“ไอเลว!” ผมพูดเสียงต่ำ เจ็บใจ
“ทำไม มึงจะเอาคืนเหรอ? มาสิ!” มันยื่นหน้ามาให้ผม
ผมก็มองมันนิ่งๆ พยายามข่มอารมณ์ไว้ก่อน แล้วผมก็ปรับสีหน้าเป็นปกติแล้วลุกขึ้น ผมก็ยิ้มให้มันอ่อนๆ....
“ผมไม่ทำอะไรพี่เอสหรอกครับ เพราะผมรู้ว่าพี่มันป่วย ถือว่าการตบหน้าผม มันอาจจะช่วยรักษาอาการทางจิตของพี่ได้แล้วกันนะ” ผมยิ้ม แล้วก็หันหลังจะเดินไป มันก็จับแขนผมไว้ และบีบแน่นมาก จนเจ็บ ผมก็พยายามจะดึงออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“ทำไม ที่ตบไปไม่ได้ทำให้มึงเข็ดเลยเหรอ!” มันกัดฟันพูด
“น้อยไปสิ บางทีพี่อาจจะต้องกระทืบผมมั้ง ผมถึงจะเข็ด อ้อ! ลืมบอกผมมันเป็นพวก ซาดิสด้วยสิ” ผมพูดยั่วมันอย่างไม่ยอม
มันบีบแขนผมแรงมาก ผมก็พยายามข่มความเจ็บไว้ แต่ก็ได้เบ้หน้าอยู่ดี และก็พยายามสะบัดแขนมันออก แต่ก็ไม่หลุด....
“ปล่อยสิวะ!” ผมดันอกมันอย่างแรง มันก็ไม่ปล่อย
“ขอโทษกูก่อนสิ” มันพูดแล้วทำหน้ากวนตีน
“เรื่องอะไรเล่า!” ผมถามแบบไม่พอใจ
“ไม่มีใครกล้าต่อปากต่อคำกับกู มึงมันอวดดี!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“ทำไม จะพูดแล้วจะทำไม เป็นแค่เด็กมีปัญหา อย่ามาคิดว่าตัวเองดะ....”
ผลัก! มันต่อยผมเลย ไอนี่มันบ้าไปแล้ว ผมก็ใช้ตีนทีบมัน มันล้มไป ผมหยิบกระถางต้นไม้ขึ้นมาจะเอาทุบหัวมัน  ตอนนี้คนในบ้านเริ่มออกมาดูแล้ว ผมก็เลยถือกระถางไว้ในมือเฉยๆแล้วมองไอเอสอย่างอาฆาต ไอเอสมันก็ไม่ยอม มันกระชากคอเสื้อผมแล้วก็จะต่อยผมอีก ผมก็ยกกระถางขึ้นมาให้สูงนิดหน่อย แล้วปล่อยกระถางต้นไม้ในมือให้หล่นใส่ตีนมัน มันเบ้หน้าด้วยความเจ็บ น่าจะเจ็บหนักอยู่ เพราะกระถางหล่นไปโดนตีนมันแตกเลย แล้วจะปล่อยหมัดใส่ผมอีก พวกพี่อ๊อฟมาจับมันไว้ทัน แล้วพี่อ๊อฟก็สวนมันคืนจนทุกคนได้แยกมันกับไอเอส ผมได้เลือดอีกแล้ว พี่โน้ตจะเข้าไปใส่มันแล้ว แต่ป๊าห้ามไว้ ผมมองไอเอสตาขวางเลย มันก็มองผมไม่ต่างกันหรอก แล้วผู้ใหญ่ก็ให้เข้าไปคุยกันในบ้าน ผมก็ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน ปวดฟันเลยไอบ้าเอ้ย! ปากก็แตก หมัดหนักชิบ พี่อ๊อฟก็ตามเข้ามา พอล้างหน้าล้างปากเสร็จก็ออกไปกัน พี่อ๊อฟก็ช่วยเช็ดช่วยอะไร พอออกมาก็ไปนั่งโซฟา คนก็นั่งล้อมเต็มไปหมด บางส่วนก็อยู่กับยาย เพราะยายเพิ่งกลับมาจากโรงบาลไม่อยากทำให้เป็นเรื่องไง.........
“มึงเป็นอะไรมากหรือเปล่าวะไอเอส! ไปทำน้องเขาทำไม!” พี่อิฐถามไอเอสอย่างหมดความอดทน
“ไม่ได้เป็นอะไรนี่” เอสทำหน้ากวนตีน แล้วมองมาทางผม
สักพักยายก็เดินมา ทุกคนก็เงียบกัน ผมก็แสร้งทำเป็นยิ้มไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยายก็มองผมแล้วยิ้ม แล้วมานั่งข้างผม โดยมีน้าๆช่วยพยุง และผมก็ลุกไปพยุงยายมานั่งด้วย.......
“เจ็บมากไหมลูก” ยายจันทร์ลูบหัวผมเบาๆ แล้วก็จับมุมปากผมเบาๆ
“ผมไม่เป็นอะไรครับ ยายไปพักผ่อนดีกว่านะครับ” ผมบอกปัดๆไป
“ยายพักมาจนเบื่อจะนอนแล้ว” ยายจันทร์พูดแล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาซับปากให้ผม
ตอนนี้ผู้ใหญ่บางส่วนก็ไปเข้าครัวกัน เพื่อทำอาหารเที่ยง ที่อยู่ก็เห็นจะเป็นน้าๆที่คอยดูและคุณยายและป๊าแม่พ่อพี่อิฐพ่อของไอเอส แค่นั้น คนอื่นๆเขาไปเตรียมของทำอะไรกัน......
“ยายก็ทำเป็นห่วงมันเกินหน้าเกินตาไปนะครับ ผมเป็นถึงหลานแท้ๆ แต่นั้น ใครก็ไม่รู้!” ไอเอสพูดจาประชดประชัน
“เอส!” พอมันเดินไปเคาะหัวไอเอส
แล้วก็เริ่มการดุด่าและตีไอเอสนิดหน่อย ผมก็มองภาพนั้นด้วยความสมเพช เพราะพี่อ๋องเล่าถึงเหตุการณ์ที่เขาเห็นผมโดนมันตบ ซึ่งยายจันทร์เองก็เห็น เขาบอกว่ามองมาจากทางหน้าต่าง ผมก็ไม่ค้านอะไร ทุกคนก็รุมประณามมัน โดยเฉพาะพี่อ๊อฟดูจะไม่พอใจมันมาก ป๊าก็มองนิ่งๆ ไม่พูดอะไร คงเก็บอาการพอตัวแหละ.........
“ผมว่าอย่าต่อว่าพี่เขาเลยดีกว่านะครับ วันนี้ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาคุณยายคงมีความสุข อย่าให้คนนอกอย่างผมมาเป็นตัวทำให้คนในบ้านทะเลาะกันเลยนะครับ” ผมบอกอย่างจริงจัง
“พูดอะไรแบบนั้นละลูก!” ยายจันทร์ถามอย่างไม่พอใจ ทุกคนก็มองผม
“ผมก็ว่างั้นแหละครับ วันนี้วันครอบครัวของคุณยาย อย่าเครียดมากเลยนะครับ” ป๊าหันไปบอกยายอย่างอ่อนโยน “แต่ผมก็ต้องขอตัวแล้วนะครับ พอดีมีธุระต่อครับ ว่างๆผมจะพานทมาเที่ยวนะครับ” ป๊าบอกอย่างจริงจัง “นทไปเก็บของ!” ป๊าพูดกระแทกเสียงใส่ผม ผมสะดุ้งไปเลย
เป็นเรื่องแล้วไง แม่ผมหน้าเจื่อนเลย พี่อ๊อฟก็มองประมาณว่าจะกลับจริงๆเหรอ? ผมก็คงต้องกลับแล้ว ทำยังไงได้ละจริงไหม ผมก็ขึ้นไปเก็บของ พี่อ๊อฟก็ตามมา...
“ป๊ามึงดูไม่พอใจมากเลยนะ” พี่อ๊อฟทำหน้าเครียด
“อืม ผมไม่น่ามาที่นี่เลย พยายามจะไม่ให้เป็นเรื่องแล้ว ขอโทษนะพี่อ๊อฟ ยายจันทร์ต้องมารับรู้เรื่องบ้าๆที่ผมอดทนไม่ไหว” ผมบอกอย่างสำนึกผิด ทำให้ครอบครัวเขาวุ่นวาย
“มันไม่ใช่ความผิดมึงเลยนะนท ไอเอสมันเป็นบ้า มันเที่ยวหาเรื่องเขาไปทั่วแบบนั้นแหละ” พี่อ๊อฟบอกอย่างกังวล
“ผมรู้พี่อ๊อฟ แต่คนอื่นเขาจะมองแบบพี่อ๊อฟหรือเปล่า!” ผมยิ้ม มันก็ส่ายหน้า
“คนอื่นเขาก็รู้กันนท อย่าคิดมากดิ กูไม่อยากให้มึงกลับนะ ละ......”
“นท เสร็จหรือยัง” พี่โน้ตขึ้นมาตาม ผมก็ปิดกระเป๋าแล้วก็เดินไปหาพี่โน้ต แล้วก็พากันลงไปข้างล่าง พี่อ๊อฟก็ตามมา ป๊าก็คุยกับคุณยาย ป๊าก็พูดเหมือนตัดปัญหา ประมานว่าให้ผมกลับดีกว่า ถ้าอยู่ต่อแล้วคนในครอบครัวเขาไม่พอใจ จะอยู่ทำไมจริงไหม ป๊าก็พูดไป คือทุกคนก็ดูรู้แหละ ว่าที่ป๊าทำแบบนี้จะได้ให้เรื่องมันจบ ผมก็เข้าใจ ไม่งั้นก็จะทะเลาะกัน และไอเอสมันก็เหมือนคนประสาท ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ผู้ใหญ่ทุกคนก็เข้ามาคุยกับผมว่าไม่เป็นอะไรนะ นู่นนี่นั่น พ่อของไอเอสต้องมาขอโทษผม ทุกคนดูเข้าใจ ป๊าก็พูดไปตามมารยาทแหละ เพราะป๊าคงไม่อยู่ต่อแล้ว พอคุยอะไรกันเสร็จ ก็พากันไปขึ้นรถ พี่อ๊อฟก็ตามมา........

หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:56:53
“คิดดีๆนะอ๊อฟ ป๊าจะไม่พูด ไปคิดเอาแล้วกันเราดูแลนทดีพอไหม” ป๊าพูดจบแล้วก็เปิดประตูรถเข้าไปในรถ ปิดประตูเสียงอย่างดัง
“อ๊อฟ ตอนนี้ป๊าเขากำลังโมโห อย่าไปสนใจเลยนะลูก” แม่ผมตบไหล่พี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟก็พยักหน้า แล้วแม่ก็ขึ้นรถไป
“มึงก็ดูเป็นคนดีนะอ๊อฟ แต่ถ้านทอยู่กับมึงแล้วเจ็บตัวมากๆ ป๊าก็ไม่ยอมนะ กูช่วยไม่ได้นะอ๊อฟ” พี่โน้ตตบไหล่อย่างให้กำลังใจแล้วก็ขึ้นรถไป ผมก็ยืนฟังนิ่งๆ มันก็เอาแต่มองผมนั่นแหละ
“ถ้าไม่โง่พอ ก็คงรู้ใช่ไหม สิ่งที่ต้องคิดคืออะไร” ผมพูดอย่างจริงจัง มันจับมือผม
“ขอโทษนะนท กูแม่งมะ....”
“เลิกโทษตัวเอง ผมไม่ได้คิดว่าพี่อ๊อฟผิดเลย อีกอย่างทุกคนเขารู้ว่าอะไรคืออะไร ป๊าพูดไปเพราะโมโห พี่อ๊อฟก็อยู่นี่ไปก่อน ผมจะติดต่อมาแล้วกัน” ผมพูดตัดบทมันอย่างอ่อนโยน
“มึงจะไม่ละ....”
“ไม่มีทาง และไม่มีวันนั้น และอย่าเครียด ทำให้ยายมีความสุขมากๆนะ เรื่องผมเอาไว้ก่อน” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้าช้าๆ
ผมคุยกับมันอีกสักพักผมก็ขึ้นรถ แล้วป๊าก็ออกรถไป ผมหันหลังไปมอง เห็นมัน....เช็ดน้ำตา ผมก็หันกลับมามองข้างหน้าแล้วก็ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แม่ก็พูดกล่อมป๊า ป๊าก็พูดออกมาประมานว่า ป๊าไม่ชอบไอเอสเลย มันเหมือนเด็กที่ป่วยทางจิต ที่ป๊าโกรธก็เพราะ วิธีการเลี้ยงลูกของพ่อแม่ไอเอสนั่นแหละ แล้วเขาก็บ่นไป จนลามมาถึงพี่อ๊อฟ บอกว่าสังเกตุมาสักพักแล้ว ตั้งแต่ผมคบกับพี่อ๊อฟก็มีแต่เรื่อง แล้วก็บ่นไป ทุกคนก็นั่งฟังเงียบๆ โดยมีแม่ช่วยพูดให้ป๊าเย็นลงบ้าง แต่ก็รู้สึกว่าไม่......
“นท นทเลิกคบกับอ๊อฟดีไหมลูก” ป๊าเอ่ยถามผมเสียงแข็ง ผมชะงักเลย
“ป๊า!” พี่โน้ตเรียกป๊าเสียงดัง
“ตั้งแต่เด็กๆเลยนะโน้ตก็รู้ที่ป๊าเล่าให้ฟัง ห้ามให้มาเจอกันก็กลับมาคบกันอีก นี่มันอะไรกันเนี่ย!” ป๊าพูดอย่างไม่พอใจ
“ป๊า อย่าเยอะ! เด็กมันก็มีเรื่องบ้างจะเป็นอะไร!” แม่เริ่มโมโห
“แม่ก็อีกคน ไม่น่าพานทไปเล่นที่บ้านนั้นตอนเด็กๆตั้งแต่ตอนนั้นเลย ไม่งั้นไออ๊อฟมันคงไม่ตามนทมาหรอก!” ป๊าพูดเริ่มมีปากเสียงกันแล้ว ผมชะงักไปนะ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไป
แล้วก็เถียงกันไปมา ผมก็นั่งฟังนิ่งๆ พี่โน้ตก็จับมือผมไว้ แม่ก็พยายามพูดให้ป๊าเข้าใจถึงเรื่องอดีต แต่ป๊าก็ยิ่งพูดว่าเหตุมันเกิดเพราะนู่นนี่นั่น แม่ก็อธิบาย ผมก็เหมือนได้ฟังเรื่องตอนนั้นทั้งหมดด้วย จริงๆที่แม่ไปบ้านยายบ่อยๆก็เพราะว่าแม่ผมก็ถูกยายจันทร์เลี้ยงมาเหมือนกัน ประมานว่า ยายของผมแม่ของแม่นั้นแหละ ตอนแม่เด็กๆเขาก็ไม่มีเวลา เลยเอาไปฝากยายจันทร์เลี้ยง แม่ก็เลยผูกพันเพราะยายจันทร์สอนแม่หลายอย่างมาก ทั้งการทำอาหาร ขนม งานบ้านงานเรือน  และหลายๆอย่าง แม่ก็เลยชอบที่จะไปคลุกคลีอยู่ที่นั้น ไปช่วยทำขนมทำอาหารไปวัดกัน ที่แม่ไปบ่อยๆแล้วไม่พาผมไปก็เพื่อป๊า เพราะป๊าไม่อยากให้พาไป แม่ก็ไม่พาไป แต่พออย่างนี้จะมาโทษแม่ และความคิดของผมก็ถูก ป๊าไม่ชอบให้ผมไปบ้านนั้นเพราะกลับบ้านมาทีไรผมก็เจ็บตัว ไม่ก็ร้องไห้งอแงกลับบ้านตลอด ป๊าเลยไม่ชอบ ก็เลยกลายเป็นประเด็นมากมาย พี่โน้ตก็กอดผมไว้..........
“ ป๊า แม่ พอเถอะน่า นทร้องแล้ว!” พี่โน้ตพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ กระชับกอดผมให้แน่นขึ้น
แล้วป๊าก็เงียบลง แม่ก็หันมาจับมือผม ป๊าก็เย็นลงทันที หันมามองผมอย่างเป็นห่วง แล้วก็ขอโทษผม ผมก็พยักหน้ารับ แม่ก็ด้วย แล้วก็ชวนกันเปลี่ยนเรื่องคุย คุยกันไปสักพัก แล้วผมก็หลับไป
ตื่นมาอีกทีก็ถึงบ้านแล้ว พี่โน้ตปลุกผม แล้วเราก็ลงรถ ผมก็หยิบกระเป๋าเดินขึ้นเอาของไปเก็บ แล้วก็ล้มตัวนอนบนเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู พี่อ๊อฟส่งข้อความมาหาเต็มไปหมด ผมก็อ่านแล้วก็ตอบมันไป.....
แกร๊ก! ผมหันไปดู ป๊าเข้ามา แม่และพี่โน้ตด้วย ผมก็หันไปยิ้มให้นิดหน่อย แล้วลุกนั่ง ป๊าก็มานั่งข้างผม แม่ก็นั่งอีกข้างนึง พี่โน้ตก็นั่งหน้าผมเนี่ยแหละ ล้อมผมไว้เลยละ ป๊าก็มาขอโทษผมที่พูดแบบนั้นออกมา ที่พูดแบบนั้นเพราะป๊าก็เป็นห่วง ซึ่งผมก็เข้าใจ แต่มันสะเทือนใจ แม่ก็ช่วยพูด พี่โน้ตก็ด้วย จริงๆผมก็นอยๆที่ป๊าพูดแบบนั้น แต่ก็ไม่อะไร จนคุยกันเคลียล์ แล้วก็นั่งคุยกันไปสักพัก แม่ก็ลงไปทำกับข้าว
ผมก็ถามว่าจริงๆมันยังไง เรื่องตั้งแต่ผมเด็กๆ ป๊าก็บอกเหมือนที่ผมได้ยินมาในรถนั้นแหละ ป๊าไม่ชอบที่ผมไปบ้านนั้นแล้วเจ็บตัวกลับมาตลอด และตอนที่เจอพี่อ๊อฟครั้งแรกที่ผมพาเข้าบ้าน ป๊าก็บอกว่าป๊าก็ตกใจนะ ไม่คิดว่าพี่อ๊อฟจะกลับมาเจอกับผมอีก เพราะมันก็นานแล้วแต่ป๊าก็ยังจำพี่อ๊อฟได้ ป๊าก็คิดว่ามันนานมาแล้วและตอนนี้พี่อ๊อฟก็ดูโตดูเป็นผู้ใหญ่พอป๊าก็เลยไม่พูดถึงเรื่องเก่าๆ เพราะคิดว่าผมก็คงลืมไปแล้วซึ่งนั่นก็จริง ผมลืมไปแล้ว ป๊าก็เลยไม่อะไร แต่พอมาสังเกตดู ป๊าบอกตั้งแต่ผมเริ่มรู้จักกับพี่อ๊อฟอีกครั้ง ผมก็เริ่มที่จะมีแต่ปัญหา ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่ค่อยจะมีอะไรแท้ๆ แต่นี่ทั้วเจ็บตัว ทั้งโดนเข้าห้องปกครอง มากมาย ป๊าเขาคงเป็นห่วง ผมก็อธิบายไป ให้ป๊าเข้าใจ ว่าทั้งหมดไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ใครหรอก บทผมจะเจ็บตัว จะซวยมันก็เป็นเพราะผม โทษคนอื่นไม่ได้หรอก แล้วผมก็บอกไป ป๊าก็ดูจะเข้าใจ เขาก็ไม่ว่าอะไรแต่จะเตือนผมสะมากกว่า พอคุยกันไปอีกสักพักป๊าก็ออกไป.......
“เฮ้อ!” พี่โน้ตลูบหัวผม หลังจากที่นั่งฟังเงียบๆอยู่นาน
“พี่โน้ต อย่าโทษพี่อ๊อฟเลยนะ” ผมพูดแล้วทำหน้าเศร้า
“รู้แล้ว ไม่มีใครโทษมันหรอก ป๊าก็เข้าใจแล้ว พี่ก็เข้าใจ” พี่โน้ตยิ้ม ผมก็กอดพี่โน้ต
เราก็คุยกันไปสักพักแม่ก็มาเรียกให้ลงไปกินข้าว ทุกอย่างก็กลับมาสู่โหมดปกติ เพราะเราต่างก็เข้าใจกันแล้ว ครอบครัวของผมมักจะเป็นแบบนี้ มีอะไรเคลียล์ให้ชัดเจน พูดให้จบไม่ใช่ปล่อยเอาไว้ให้คาใจมันก็จะเป็นผลไม่ดีต่อใครคนใดคนนึงในครอบครัว พอกินข้าวเสร็จผมก็ขึ้นไปพักผ่อน รู้สึกเพลียจริงๆ มีแต่เรื่อง ผมคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยก็เคลิ้มหลับไป........
“ชู่ว เงียบๆ”….ผมมารู้สึกว่าตัวก็เพราะได้ยินเสียงคนซุบซิบและก็แรงจากการนั่งลงข้างๆตัวผมที่นอนอยู่ ผมก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมา.....สามพี่น้องนั่นเอง สิงโต พี่ดิน พี่ไฟ มากันอีกแล้ว คราวนี้จะอะไรกันอีก.......
“อะไรกันเนี่ย!” ผมถามเสียงงัวเงีย
“พร้อมเดินทางหรือยัง” พี่ไฟถามด้วยรอยยิ้ม
ผมก็มองงงๆ ดูพี่ดินกับพี่ไฟและไอสิงโตแต่งตัวอย่างกับจะไปเที่ยว ผมก็ค่อยๆลุกขึ้น มีกระเป๋า? อะไรมากมาย...
“แม่นทเก็บของไว้ให้แล้ว เราจะไปเที่ยวกันไง!” พี่ดินยิ้ม ผมตกใจสิ เที่ยวอะไร
“จริงๆจะไปอาทิตย์หน้า แต่พี่ดินพี่ไฟเขาบอกว่ามึงมัวแต่ไม่ว่าง ก็เลยให้มาลากมึงไปเลย” ไอสิงโตพูดผมตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง
แกร๊ก! ผมหันไปดู ป๊ากับพี่โน้ตเข้ามา.....
“สิงโต ดูแลนทดีๆนะเว้ย!” พี่โน้ตพูดเสียงดุ
“ไม่ให้มดไต่เลยเพ่!” ไอสิงโตตอบพี่โน้ต
“ไปเที่ยวพักผ่อนสมองสักหน่อยนะนท ให้พี่ๆเขาพาไป” ป๊าพูดด้วยรอยยิ้ม
ผมเบลอไปหมดแล้ว คืออะไรตอนนี้  แล้วไอสิงโตก็ดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ดันผมเข้าห้องน้ำแล้วบอกให้อาบน้ำแต่งตัว ผมก็ทำเข้าห้องน้ำจัดการตัวเอง เขาไม่ถามผมกันหน่อยเหรอว่าผมอยากไปไหม ผมว่าป๊าต้องมีส่วนรู้เรื่องนี้แน่ ผมอาบน้ำเสร็จก็ออกมาแต่งตัว พวกนั้นก็ยืนมองผมไป จริงๆยังมึนๆ เพราะนอนไม่เต็มอิ่ม เบลอมาก พอทำอะไรเรียบร้อยป๊าก็บอกว่าให้ไปเที่ยวบ้าง อยู่แต่บ้านน่าเบื่อ คงไม่อยากให้ผมอยู่บ้านน่ะสิ โถ่! ไปก็ได้ ผมก็ไปขึ้นรถ ล่ำราป๊าแม่พี่โน้ตนิดหน่อยก็ไป เพราะไอสิงโตกับพี่ดินพี่ไฟขนกระเป๋าขึ้นรถให้ผมพร้อมเลย พอถึงสนามบินก็พากันไปเช็คอิน ผมก็หลับๆตื่นๆ เช็คอินอะไรเรียบร้อยก็ไปนั่งรอหน้าเกต รอเขาเรียก สามคนนั้นพูดมากน่ารำคาญมาก ผมก็นั่งหลับไปนั่นแหละ ง่วงมาก จนเขาเรียก ก็พากันไปขึ้นเครื่อง ผมก็เดินไปนั่ง เราจองแถวเดียวเลย นั่งกันไป ผมนั่งข้างไอสิงโตกับพี่ไฟ พี่ดินไปนั่งติดหน้าต่างแล้วไล่มาก็ไอสิงโตผมพี่ไฟพี่ดิน
เราก็ตรงไปดอนเมือง เพราะจะเข้าบ้านสองฝาแฝดนั้นก่อนแล้วก็ค่อยให้คนขับรถพาไป บนเครื่องผมก็หลับตลอด หัวซบไอสิงโตทีพี่ไฟที มันจะง่วงอะไรขนาดนั้น นี่มันก็เย็นแล้วด้วย ไม่รู้จะมาลากผมออกมาทำอะไรตอนนี้ พรุ่งนี้ก็ไม่ได้เนอะ พอถึงสนามบิน เราก็พากันลงและไปรอรับกระเป๋า พี่ดินกับพี่ไฟกระเป๋าใหญ่ต้องโหลดไว้ใต้เครื่อง ได้กระเป๋าเสร็จก็พากันไปทางออก วันนี้มีแต่ลุงคนขับรถมารอ เพราะแม่พี่ดินพี่ไฟไม่ว่าง ก็พากันไปขึ้นรถและตรงไปบ้านพี่เขา พอถึงเขาก็บอกว่านี่ก็ค่ำแล้ว พักผ่อนกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยเดินทาง ผมก็ขึ้นไปนอนกับไอสิงโต ห้องเดิม ผมไม่คิดอะไรมากหรอก เพราะเราก็ต่างรู้ดีว่ามันจะไม่มีอะไร หรือเปล่า? ขึ้นไปได้ผมจัดของเสร็จก็กระโดดขึ้นเตียงเลย แล้วก้นอน ไอสิงโตก็บ่นไป ผมก็ไม่ฟังนอนเลย....
ตื่นมาอีกทีไอสิงโตก็ปลุกให้ผมไปกินข้าว เพราะมันก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว ผมก็ลงไป รู้สึกว่านอนเต็มอิ่มจริงๆ ตาสว่างโร่เลย ผมก็กินๆๆอย่างบ้าคลั่ง ดูทั้งสามคนจะตกใจ แต่ผมก็ไม่สน พอกินเสร็จคราวนี้ทุกคนก็จะแยกย้ายไปนอนไง แต่ผม.....
“เดี๋ยวสิ! อะไรกัน พาผมมาก็จะหนีไปนอนกันแล้วเหรอ!” ผมงอแงสะงั้น
“พี่ง่วงแล้วนะนท” พี่ดินพูดแล้วหาว
“พี่ด้วยอ่า” พี่ไฟขยี้ตา
“อื้อ ไปนอนกันเถอะ” ผมผิดเอง ดันนอนตั้งแต่ช่วงบ่ายยันดึก เลยไม่ง่วงเลย
“เขาง่วงกันหมดแล้วนะ มีแต่มึงนั่นแหละ นอนอะไรขนาดนั้น” ไอสิงโตพูดอย่างงัวเงียแล้วก็เดินขึ้นไปบนบ้านกัน
ให้ตายสิ! ผมนอนไม่ได้หรอก เพิ่งจะตื่นมาเอง ผมก็เลยออกไปเดินเล่นสักหน่อย มันก็ยังไม่ดึกมากนะเอาจริง 3 ทุ่มจะ4ทุ่มเอง ผมก็ใส่รองเท้าแล้วก็เดินรอบๆบ้าน บ้านมันใหญ่ มันกว้าง แต่มันเงียบ ผมได้ยินเสียงเพลงอะไรไม่รู้ข้างนอก ผมก็จะออกไปบริเวณนอกบ้าน โดยบอกลุงยามหน้าประตูว่าจะไปเดินเล่น ตอนแรกเขาก็ไม่ยอมเพราะเห็นมันดึกแล้ว ผมก็อ้างนู่นอ้างนี่ไป จนเขายอมแหละ ผมก็เดินไปตามเสียง เหมือนมีปาร์ตี้อะไรสักอย่าง ที่บ้านตรงหัวมุมนั้น ผมก็ลองไปดู นี่คืออารมณ์อยากรู้อยากเห็นของผม พอไปถึงผมก็ไปชะเง้อมอง จริงๆด้วย มีปาร์ตี้กัน คนเยอะเชียว ท่าทางน่าสนุก ผมก็เกาะรั้วมองไปอย่างเสียดาย....
“ใครอะ” ผมสะดุ้งเลย คิดอะไรเพลินๆอยู่กระเจิงหมดเลย มี..เอ่อ..วัยรุ่น น่าจะเป็นรุ่นพี่ผมแหละ เพราะดูจากตัวก็ค่อนข้างใหญ่กว่า เดินมาจากทางประตูบ้าน2คน ผมก็รนๆนิดหน่อย มาแอบส่องบ้านคนอื่นเขาเวลาแบบนี้ ไม่ต่างจากโจรเลย...
“อะ..เอ่อ ผมแค่มาเดินเล่นนะครับ เห็นมีเสียงเพลงดังมา ท่าทางน่าสนุก ผมเลยมาดู แต่ผมจะไปแล้วนะครับ” ผมพูดรนๆแล้วยิ้มอ่อน เขาก็มองหน้าผม แล้วก็มองหน้ากันประมานว่าไม่เชื่อ
ผมก็กำลังจะเดินไป หมับ! คนนึงจับแขนผมไว้ ผมมองเห็นเขาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เพราะมันมุมมืด อีกอย่างผมเริ่มกลัวแล้วด้วย....
“เดี๋ยวดิ บ้านอยู่ไหน ทำไมมาเดินเล่นเวลานี้” จับแขนผมเบาๆ แล้วพูดขึ้น
“บ้านอยู่ตรงนั้นอะครับ บ้านเพื่อน ผมมานอนด้วยแต่นอนไม่หลับเลยมาเดินเล่นอ่า” ผมยิ้ม ทำตาปริบๆ
“แน่เหรอ?” ทำหน้าสงสัย
“ไม่เชื่อก็ไปถามลุงยามหน้าประตูก็ได้นะครับ” ผมพูดนิ่งๆแล้วชี้ไปที่บ้านของพี่ดินพี่ไฟ
“นั่นมันบ้านไอดินไอไฟนี่หว่า มันไปต่างจังหวัดนะ” เขาถามอย่างไม่เชื่อ
“ก็ผมกลับมาพร้อมพี่ดินพี่ไฟเมื่อค่ำๆนี่เอง ไม่เชื่อก็โทรไปถามสิ!” ผมบอกอย่างรำคาญ จะถามอะไรเยอะแยะ แล้วก็สะบัดแขนออก “ผมไปแล้วนะ” ผมบอกแล้วก็เดินไป
“เข้าไปสนุกด้วยกันไหม” เขาถามแบบกวนๆ ผมก็หันไปมอง
“มึงไปชวนมันทำไม!” หันไปถามอีกคนอย่างไม่พอใจ
“ไม่ดีกว่าครับ” ผมยิ้ม
แล้วผมก็เดินต่อไป เดินไปแถวๆสนามเด็กเล่น ซึ่งไม่ไกลจากบ้านพี่ดินพี่ไฟนัก มันไม่ดีเลยออกมาดึกๆแบบนี้ แต่ถ้าอยู่ในบ้านคงน่าเบื่อแน่ๆ อีกอย่างไม่อยากอยู่รบกวนไอสิงโตด้วยปล่อยให้มันนอนไป ผมก็มานั่งชิงช้าเล่น คือตรงสนามเด็กเล่นมีสปอร์ทไลท์เปิดตลอดเวลา สว่างโร่เลย ตอนนี้ก็ยังมีพวกผู้ใหญ่เขาเล่นบาสกันอยู่เลยนะ ผมก็นั่งมองไป เพลินดี....
“มานั่งทำไมนี่อะ” ผมหันไปมอง ก็ไอพี่สองคนเมื่อกี้ ผมก็ไม่สนใจ ขยับให้ชิงช้ามันแกว่งแรงๆ...
“เห้ย! ถามไม่ได้ยินเหรอ หมับ!” มันจับโซ่ให้ชิงช้าผมหยุด หน้าเกือบทิ่มดิน ผมก็หันไปมองมันแบบไม่พอใจเท่าไหร่
“ถามทำไมครับ เราไม่รู้จักกันไม่จำเป็นต้องถามไถ่อะไรกันขนาดนั้นก็ได้มั้งครับ” ผมลุกขึ้นจากชิงช้าแล้วก็กำลังจะเดินไป
“ว่าแล้ว ทำไมปากเป็นแผล ปากดีอย่างนี้นี่เอง” ผมถึงกับหยุด จริงๆไม่ได้เป็นแผลชัดเจนอะไรขนาดนั้น เป็นในปากมากกว่ามันจ้องเข้าไปในปากผมหรือยังไง? แต่ก็ไม่เจ็บอะไรแล้ว ป๊าให้ยาอะไรไม่รู้มาทา
“พวกเราสงสัย เลยไปถามยามบ้านดินกับไฟ เห็นเขาว่าเริ่มเป็นห่วงนายแล้วนะ รีบกลับเหอะ” ประเด็นคือมายุ่งอะไร
“อืมๆ” ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินไปทางที่เขาเล่นบาส มันก็เดินแยกไปกันอีกทาง
ผมก็ไปนั่งข้างๆสนามดูเขาเล่นบาสกัน ดูสนุกกันเชียว เหงื่อแตกกันทุกคน และอายุน่าจะรุ่นพ่อผมทั้งน้าน555...
“ไอหนู มานั่งอะไรดึกดื่น” เขาพักกันแล้ว มีคนนึงเดินมาถาม
“ผมนอนตอนเย็นไปเยอะเลยนอนไม่หลับอะครับ” ผมยิ้มอ่อน
“งั้น ออกกำลังสักหน่อยไหมละ” ยักคิ้วเหมือนวัยรุ่นเลย ผมก็พยักหน้ารัวเลยสิ กำลังเบื่อๆพอดี
หลังจากนั้นไม่ต้องพูดถึง เด็กโดนผู้ใหญ่รังแกตลอดเกมส์ ผมเตี้ยที่สุด จะชู้ดทีคือพวกเขาไม่ต้องกระโดดรับ น่าอายชะมัด ก็เล่นกันไป มีอยู่4คนที่เป็นผู้ใหญ่ รวมผมก็5 เขาบอกเลิกงานดึก ไม่มีเวลาออกกำลังกายก็พากันมา ดูเป็นผู้ใหญ่ที่รักสุขภาพกันทุกคนเลย ก็เล่นกันไป ส่วนมากจะแกล้งผมมากกว่า อะไรกัน ก็คือเล่นไปพูดคุยกันไป เขาก็ดูตกใจนะที่ผมมาจากต่างจังหวัด แต่เขาก็คิดกันไปว่าคงแปลกที่ผมเลยนอนไม่หลับ ก็แนะนำไปต่างๆนาๆตามประสาผู้ใหญ่ จริงๆน้าๆเขาก็ดูใจดีกันทุกคน มีการให้ผมเรียกพี่ ผมก็เรียก เอาใจพี่ๆเขาหน่อย เล่นไปสักพักผมก็เริ่มไม่ไหวแล้ว เหนื่อยเกิน ผู้ใหญ่แรงเยอะกันชะมัด.....
“แฮ่กๆๆ!” ผมหอบเหมือนหมา แล้วนั่งลงข้างสนาม
“อะ” พี่เดชยื่นน้ำให้ผม แล้วยิ้ม
“ขอบคุณครับ” ผมรับมาแล้วก็ดื่มอย่างกระหาย
“ไงไอน้อง แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ” พี่ชินยิ้มกวนๆ
“โห! ไม่ไหวครับ ไม่เหนื่อยกันเลยเหรอครับ” ผมพูดแบบหอบๆ
“แค่นี้จิ้บๆ ต้องเห็นพวกเราวิ่งรอบหมู่บ้านสะก่อน” พี่โตทำท่าเก๊ก
“ให้น้อยๆหน่อยโต จะขี้โม้เกินไปแล้ว55” พี่นายพูดอย่างอารมณ์ดี
แล้วเขาก็ชวนผมนั่งคุยโม้ไป เขาก็คุยเหมือนผมเป็นลูกของพวกเขาคนนึง ไม่อึดอัดเลย ทั้งๆที่พึ่งรู้จักกันแท้ๆ แล้วก็พูดถึงลูกๆเขาให้ผมฟัง คือพวกเขาไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกกันเพราะทำงาน ผมก็แนะนำไปบ้าง ว่าอาจจะต้องทำแบบนี้หรือเปล่าลูกพวกเขาถึงจะเข้าใจ จริงๆก็เหมืนอคำบอกเล่ามากกว่าประมาณเอาเรื่องของผมกับป๊ามาพูดเป็นเชิง เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว แนะนำจริงจังไปก็จะหาว่าเป็นเด็กอวดรู้ ก็พูดคุยกันไปสักพัก ก็แยกย้าย พี่ๆเขาก็ถามว่าบ้านอยู่ไหน ผมก็จำเลขที่บ้านไม่ได้ ก็บอกไปเพราะก็ไม่ได้ไกลจากตรงนี้ เขาก็ไม่เข้าใจ พวกเขาก็บอกให้ผมพาไปดูผมก็พาไป พอถึงเท่านั้นแหละ.........
“นาย บ้านแกนิ” พี่โตพูดอย่างงๆ ผมก็งงเข้าไปใหญ่
“นี่เพื่อนดินกับไฟเหรอ?” พี่นายถามผมอย่างสงสัย
“ใช่ครับ พี่ดินพี่ไฟ”  ผมยิ้ม
“555 เพื่อนลูกแก อย่างนี้จะให้เรียกพี่อยู่ไหมวะ555” พี่เดชพูด ขำกันหมดเลย เพราะคนที่ให้ผมเรียกพวกเขาว่าพี่ก็คือพี่นายนั่นแหละ
“555 เรียกมันอย่างนั้นแหละนท มันอยากเด็ก555” พี่ชินพูดกวนๆก็ขำกันไป
พูดคุยกันนิดหน่อยก็แยกย้าย เพราะบ้านพวกเขาติดๆกันเลย คงเป็นเพื่อนบ้านที่สนิทกัน ผมกับพี่นายก็พากันเข้าบ้าน เขาดูเข้าใจเด็กมาก ทำเหมือนเป็นเพื่อนกันจริงๆ เข้ามาก็ชวนผมไปหาอะไรกิน เอิ่ม ออกกำลังกายเสร็จแล้วไปหาอะไรกินเนี่ยนะเขาให้ขนมอะไรมานั่งกินแล้วก็พูดคุยกับผม จนนี่ก็จะเที่ยงคืนแล้ว ผมก็เริ่มมีอาการง่วงแล้ว คุยไปสักพักอาการผมเริ่มหนัก พี่นายเขาก็เลยไล่ผมขึ้นไปนอน ผมก็ไป เพราะไม่ไหวจริงๆ พอขึ้นไป ไอสิงโตนอนตายเหรอนั่น นอนคว่ำเป็นศพเลย ผมก็ไปอาบน้ำแต่งตัวอะไรก็ขึ้นนอน....
ตื่นมาอีกที ก็มีอะไรหนักๆมาทับอยู่บนตัวผมอีกแล้ว ต้องพูดว่าอีกแล้ว ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา โอ้โห! ข้างนึงพี่ไฟ ข้างนึงพี่ดิน นอนเอาขาพาดตัวผม........
“ทำอะไรกันครับ” ผมถามแบบงัวเงีย แล้วมองหาไอสิงโต มันยืนทำหน้าไม่พอใจอยู่ล่างเตียง ด้วยชุดไปเที่ยว? ผมหันมองนาฬิกาที่ติดผนังห้อง สะดุ้งเลย มันจะเที่ยงแล้ว! “ทำไมไม่ปลุกผม!” ผมเด้งตัวขึ้นมา
“ปลุกอะไรละ จะเข้ามาปลุกก็โดนลากมาเป็นหมอนข้างสะงั้น” พี่ดินพูด หมายความว่าผมดึงสองคนนี้มานอนด้วย?
“นั่นดิ พอจะปลุกก็ดึงเรามานอน พอจะออกก็ทำเสียงจะร้องไห้ ก็เลยปล่อยให้เป็นไปแบบนั้น” พี่ไฟยิ้มเขินๆ บ้าไปกันหมด
ผมก็ลุกขึ้นไปห้องน้ำเลย รีบอาบน้ำแต่งตัว ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วง แค่มาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว ทำอะไรเสร็จเขาก็พาผมลงไปกินข้าวกัน......
“พี่นาย!” ผมยิ้ม แล้ววิ่งไปหา จนคนทั้งบ้านมองงๆกันใหญ่เลย ยิ่งแม่บ้านตกใจออกนอกหน้า “แหะๆ” ผมลืมมารยาทไปเลยเรา
“นั่งก่อนสิ ได้ข่าวตื่นไม่ไหวเลยเหรอเรา” พี่นายยิ้ม แบบกลั้นขำ ผมคงจะตลกมากใช่ไหม
ผมก็ยิ้มอ่อนแล้วก็นั่งลง แม่พวกพี่เขาไปสัมนาที่ต่างจังหวัด เรากินข้าวไปพูดคุยกันไป สนุกสนานเชียว พวกพี่ดินพี่ไฟสิงโตก็มองผมกับพี่นายงงๆ.......
“พ่อ นี่อะไรครับ ไปรู้จักกันตอนไหน!” พี่ดินถามอย่างงงๆ
“ก็เมื่อคืนนะ....”
“ชู่ว!” ผมเอานิ้วชี้วางไว้ที่ปากตัวเอง ประมานว่าไม่ต้องบอกหรอก เพราะขืนบอกว่าผมแอบไปเล่นข้างนอกตอนกลางคืนแบบนั้นโดนสิงโตด่าแน่ พี่นายเขาก็ยิ้ม ให้ผมแบบรู้กัน
“อานาย! มีอะไรกันครับ!” ไอสิงโตมันจะเสียงดังทำไม
“จะเสียงดังทำไมสิงโต อาก็รู้จักกับนท เหมือนที่สิงโตรู้จักนั้นแหละ” พี่นายพูดไอสิงโตชะงักเลย แต่ผมเข้าใจความหมายนะ พี่นายเขาคงหมายถึงเพื่อน แต่ไอสิงโตคงคิดไปไกลเลยละมั้งนั่น ดูมันมองผมสิ
“อะ เอ่อ อันนี้อร่อยนะครับ สิงโตลองกินดิ” ผมแถไปนั่น
“ตักให้พี่บ้าง!” พี่ไฟทำท่าอ้อน
“พี่ด้วย” พี่ดินก็อีกคน
ผมก็ตักๆให้พวกเขาไป ดูพี่นายเขาจะ เอ่อ มีความสุขแปลกๆเนอะ พอกินอะไรเสร็จก็พากันขึ้นไปเอากระเป๋า แบตโทรศัพท์ผมหมดตั้งแต่เมื่อวานเย็นแล้ว ยังไม่ได้ชาจ เพราะเอาแต่นอน ค่อยไปชาจเมื่อถึงที่เที่ยวแล้วกัน พอเตรียมของอะไรเสร็จ พี่นายก็รอที่รถแล้ว? ผมก็มองงงๆ เป็นว่าพี่นายเขาจะไปด้วย บอกว่าอยากสนุกบ้าง แล้วก็มากระซิบกับผมประมานว่า ลองทำตามที่ผมบอกดู เผื่อพี่ดินพี่ไฟจะรักเขามากขึ้น เอิ่ม! ผมแค่บอกว่าหาเวลาไปเที่ยวกับลูกๆบ้าง แค่นิดๆหน่อยๆ หรือแค่เดินไปซื้อของด้วยกัน ลูกๆของเขาก็น่าจะดีใจมากแล้วละ สำหรับพ่อที่ยุ่งกับงาน แต่นี่ก็ทุ่มเกิน ถึงกับไปเที่ยวด้วยกันหลายๆวันเลยเหรอ แล้วงานเขาจะไม่ยุ่งหรอเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ ผมก็ไม่กล้าถามมากหรอก เราก็พูดคุยกันไปทั่ว แล้วไอสิงโตทำไมมันต้องโกรธผม ไม่เข้าใจตรงนี้แหละ ระหว่างทางก็คุยกันสนุกสนานเลย แวะซื้อของกินตลอดทาง ดูพี่ดินกับพี่ไฟเขาจะมีความสุขจริงๆ เขาคุยกับพี่นายอย่างมีความสุขเลยทีเดียว ผมมองภาพตรงหน้าก็คิดถึงป๊าเลย......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:57:57
“มึงทำอะไรกับอานาย!” ไอสิงโตหันมากระซิปผมเสียงแข็ง
“ไม่ได้ทำอะไร” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ มันมองผมแบบไม่พอใจสักเท่าไหร่ “มึงจะโกรธทำไมสิงโต!”ผมถามอย่างรำคาญ
“กูเพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้มึงชอบรุ่นพ่อนะ!” ไอสิงโตพูดผมตกใจเลยสิ
“ไอบ้านี่ มึงคิดอะไรเนี่ย!” ผมพูดกดเสียงอย่างไม่พอใจ
“ก็แล้วเมื่อคืนทำอะไรกัน!” มันถามเสียงไม่พอใจ
“เมื่อคืนกูแค่เบื่อๆ เลยออกไปเล่นนอกบ้านมา” ผมยิ้มอ่อน มันมองผมนิ่งเลย
“หมายถึง ข้างนอกอะนะ!” ผมก็พยักหน้า มันมองผมอย่างกับจะกินหัว “กูนึกว่ามึงนั่งเล่นในห้องเล่นของพี่ดินพี่ไฟ มึงออกไปทำไมดึกดื่น!” ถ้ามันตบผมได้มันคงทำแล้ว ดูหน้ามันตอนนี้ผมละกลัวจริงๆ
“ก็ในบ้านมันดึกแล้ว เสียงดังรบกวนคนอื่นเขา” ผมพูดแบบเกร็งๆ
“แล้วยังไงต่อ!” คาดคั้นเหลือเกิน
“ก็เดินไปตามเสียง เจอบ้านที่เขาปาร์ตี้กันก็แอบไปส่องนิดหน่อย จนคนในบ้านเขาสงสัย!” ผมยิ้มอ่อน
“เขาคงคิดว่ามึงเป็นโจร ดึกดื่นป่านนั้นออกไปทำไมก็ไม่รู้ มันอันตรายนะนท!” มันพูดแบบไม่พอใจหนักมาก
“แล้วก็ผ่านไปอีกทาง เห็นพวกพี่นาย อะ..เอ่อ อานาย เขาเล่นบาสกับเพื่อนๆอยู่ กูก็เลยไปนั่งดู หลังจากนั้น พวกเขาก็ชวนกูเล่น สนุกสนานแค่นั้นเอง” ผมพูดอย่างจริงจัง
“แล้วมึงไปเรียกอานายว่าพี่ทำไม!” มันจะไม่พอใจอะไรนักหนาเนี่ย ผมเริ่มเบื่อแล้วนะ
“เขาให้กูเรียก มึงอย่าเยอะไอสิงโต!” ผมพูดอย่างรำคาญ
“เออๆ วันหลังอย่าไปไหนคนเดียวนะ มากับกูแล้วมีปัญหาเดี๋ยวป๊ากับพี่มึงก็เล่นงานกูหรอก!” มันพูดนิ่งๆ
“คร้าบเสี่ย! อย่าโกรธดิ้!” ผมเอาหน้าถูแขนมัน มันก็อมยิ้ม
หลังจากนั้นมันก็บ่นซ้ำบ่นซาก ผมก็แถๆ ชวนมันเปลี่ยนเรื่องคุยไป ผมนั่งด้านหลังกับสิงโต ส่วนสามพ่อลูกก็นั่งข้างหน้า คุยกันจนลืมผมกับไอสิงโตไปแล้ว ดูท่าแล้ว พี่นายเขาคงจะไม่ค่อยมีเวลาให้ลูกจริงๆ พี่ดินกับพี่ไฟดูมีความสุขแบบเห็นได้ชัดเลย ผมก็ไม่อยากขัดเนอะ....
นั่งไปไม่นาน ก็คุยกับไอสิงโตบ้าง หลับบ้าง จนถึง โอ้โห! สวยมากจริงๆ บ้านตากอากาศ ริมทะเลเลย ดูส่วนตัวมาก และเดินเลียบไปอีกไม่ไกลก็มีแหล่งท่องเที่ยวด้วย คือเพอเฟค ดูนาฬิกาตอนนี้ก็จะเย็นแล้ว อากาศกำลังดีเลย ไม่ร้อนมาก......
“ชอบไหมนท” พี่นายถามด้วยรอยยิ้ม
“ชอบมากเลยครับอานายยยย” ผมลากเสียงยาว แล้วมองไปทางทะเล มันสวยมันสดชื่น มันดี><
“อะไร ไม่เรียกพี่แล้วเหรอ” พี่นายทำเสียงนิ่งๆ ผมก็หันไปมองแล้วยิ้มอ่อน
“ผมกลัวว่ามันจะไม่เหมาะสมหรือเปล่าอะครับ” ผมถามอย่างเกรงใจ
“เรียกได้ พี่ไม่ถือ” พี่นายโน้มหน้ามาใกล้ๆผม “ให้พี่ดูเด็กๆหน่อย อาดูแก่ไป” ผมก็หันไปพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
“สองคนนี้จะสนิทกันเกินไปหรือเปล่าครับ” อยู่ๆพี่ดินเดินมา ผมที่กำลังพูดกับพี่นายถึงกับต้องหันไปมอง
เพราะสามคนนั้นอาสาเอาของไปเก็บให้ เพราะผมลงรถได้ก็วิ่งมาดูทะเลเลย พี่นายก็เดินตามมา พี่ดินพี่ไฟสิงโต  ก็เลยได้เอาของไปเก็บให้
“แหะๆ” ผมเกาหัว
“นั่นสิครับ มีอะไรที่พวกผมไม่รู้หรือเปล่าครับ อานาย” ไอสิงโตทำหน้ากวนๆ
“ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ นี่น้องของพ่อ พ่อก็ต้องสนิทเส้!” พี่นายวัยรุ่นจริงๆ
“ไปเล่นน้ำกันเถอะ!” พี่ไฟวิ่งออกมาพร้อมห่วงยางปลาโลมาตัวใหญ่
แล้วทุกคนก็วิ่งไปที่ทะเลและเริ่มเล่นกันอย่างสนุก เขาก็ดูเข้ากับเด็กๆได้ดี เล่นกันไป พี่ดินพี่ไฟก็หาเรื่องแกล้งผมตลอด เลยทำให้สิงโต และพี่นายรุมแกล้งผมด้วย จับผมไปที่น้ำลึกๆ ให้ตายสิ บอกว่าว่ายน้ำไม่เป็นยิ่งแกล้งเลย ก็เล่นกันไป จนพระอาทิตย์ตกดิน เราก็นั่งดูกันทั้งตัวเปียกๆ ชิวมากโรแมนซ์ดี แดดก็ไม่ร้อนมากลมพัดเย็นๆ พอดูเสร็จก็พากันขึ้นไปอาบน้ำล้างตัว แยกย้ายกันไป แต่.........
“นี่เรานอนด้วยกันสี่คนเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็นอนด้วยกันไง ทำไม มึงนอนไม่ได้เหรอ?” ไอสิงโตถามอย่างสงสัย
“ปะ...เปล่า” ผมส่ายหัวตอบ พร้อมฝืนยิ้มส่งไป ผมอึดอัดกับสองพี่น้องนี่ต่างหาก
“จริงๆมีอีกสองห้องนอนนะ แต่คือเขากำลังซ่อม ช่วงพายุเข้าน้ำมันสาด ห้องพังหมด” พี่ดินพูดแบบไม่ใส่ใจ
“ใช่ มันก็เลยเหลืออยู่สองห้อง พ่อนอนห้องนู่น เรานอนกันห้องนี้” พี่ไฟยิ้ม
“อ่อครับ” (ยิ้ม) “งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำข้างล่างก็ได้เนอะ” ผมหยิบของในกระเป๋า
“อาบด้วยกันเลยก็ได้เราไม่ถือ” พี่ดินเอ่ยขึ้น
“อ่อไม่เป็นอะไรครับผมถือ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก ทุกคนก็เงียบ ไม่ให้ถือได้ไง ไปอาบน้ำกับผู้ชาย ไม่งามอย่างยิ่ง
“รังเกียจพวกเราขนาดนั้นเลยเหรอ!” พี่ไฟเอ่ยขึ้น ผมที่กำลังเตรียมของถึงกับชะงัก เฮ้อ!
“ก็ได้ครับๆ อาบด้วยกัน!” ผมพูดจบก็เอาของเดินเข้าห้องน้ำเลย
“นท จะอาบด้วยกันจริงเหรอ? ไฟแค่ล้อเล่นนะ” พี่ดินชะเง้อหน้ามาถามผมในห้องน้ำ แหม! ดราม่าขนาดนั้นมาล้อเล่น
“อาบด้วยกันเนี่ยแหละพี่” ผมยักคิ้วกวนๆ ผมเบื่อจะเล่นตัวแล้ว ยอมไปให้เรื่องมันจบ ผมก็ถอดชุด เหลือแต่บ๊อกเซอร์ แล้วไอสิงโตก็เข้ามา พี่ดินพี่ไฟก็เข้ามาตาม
เราก็อาบกันไปเล่นกันไป ห้องน้ำมันกว้าง พี่ดินพี่ไฟเขาอาบด้วยกันบ่อยๆอยู่แล้ว เขาไม่คิดว่าจะมีคนที่ชิวแบบผม ไม่ชิวได้ไง พูดกับผมแต่ละอย่าง มีหรือที่ผมจะไม่จำยอม ก็ใจอ่อนแบบนี้ ถึงโดนข่มเหงบ่อยๆ แย่ชะมัด
พออาบเสร็จก็ลงไปหาอะไรกินกัน พี่นายนั่งรออยู่แล้ว มีแม่บ้านทำอาหารรอด้วย แบบปิ้งย่าง อาหารทะเล น่ากินทั้งนั้น ก็กินกันไปพูดคุยกันสนุกสนาน.......
“มาๆ เดี๋ยวแกะให้!” พี่นายแย่งปูในมือผมไปแกะ มันแกะยาก และผมก็อยากกินมาก ไอสิงโตก็แกะไม่เป็น
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มบาน แล้วก็มองปูที่จะได้กินอย่างดีใจ
“อะนะ....” พี่นายที่กำลังจะยื่นให้ผม
หมับ! ไปอยู่ในมือพี่ดินแล้ว....
“ขอบคุณครับพ่อ” พี่ดินยิ้มกวนๆให้ผม ผมหน้ามุ่ยเลย
“ปูของผมอ่า!” ผมทำหน้างอ
แล้วเขาก็หัวเราะกัน พี่ดินก็ยื่นคืนมาก ผมก็รีบกินเลย อยากกินมาก ก็เฮฮากันไป พวกเขาก็สนุกกับการแกล้งผม มันน่าสนุกตรงไหน บางครั้งมันก็น่าโมโห กินเสร็จก็พากันไปเดินเล่น แถวนั้นมีถนนคนเดิน ตอนกลางคืน ของเพียบ ไปเดินเล่นกัน ซื้อของบ้างสนุกดี พอเดินจนเหนื่อยก็พากันกลับ ไม่มีอะไรพิเศษมาก พอถึงบ้านทุกคนก็เพลียกันหมดแล้ว ทั้งเดินทางทั้งเล่น ก็พากันแยกย้ายไปอาบน้ำอีกรอบแล้วก็พักผ่อนกัน ผมก็ขึ้นเตียงนอน มันเป็นเตียงใหญ่ นอนอัดกันไป ก็ไล่ไป ไอสิงโต ผม พี่ดิน พี่ไฟ นอนเรียงกันไป จริงๆก็ไม่ได้อึดอัดอะไรมาก ก็นอนกันได้สบายอยู่.....
“อบอุ่นดี” พี่ดินหันมายิ้มให้ผม ระยะแบบนี้มันน่ากลัวนะ มันใกล้ไป ผมถอยนิดหน่อย
“อย่าเยอะพี่ดิน!” สิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“ทำหวงไปได้ นทไม่ใช่ของสิงโตนะ!” พี่ดินเริ่มแล้วไง
“พอเถอะน่าทั้งคู่เลย” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็ปิดตาลง
แล้วก็เงียบไป ผมก็หลับไปเลย พวกเขาสามคนก็ยังคุยกันบ้าง แต่ผมไม่สนก็หลับไป ตื่นมาอีกทีก็เช้ามืด แล้ว ผมเห็นทั้งสามคนยังหลับสนิทอยู่ พี่ดินกับพี่ไฟนอนกอดกันน่ารักเชียว สมกับเป็นพี่น้องฝาแฝด ผมก็ค่อยๆลุกออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ มองนาฬิกานี่ก็เพิ่งตี5จะ6โมงเอง ไม่รู้สิทำไมถึงตื่นเช้า สงสัยอยากเที่ยวนานๆมั้ง ผมได้กลิ่นอายทะเลตลอด มันเลยรู้สึกอยากตื่นมาสูดอากาศ ผมล้างหน้าล้างตาอะไรเสร็จก็หยิบโทรศัพท์แล้วก็กระเป๋าตังออกไปเดินเล่นที่ริมชายหาด ก่อนออกมาผมเจอแม่บ้านก็ทักทายกันนิดหน่อย พี่นายก็ยังไม่ตื่น มีผมตื่นคนเดียวสงสัยพวกนั้นเพลียจัด ผมก็บอกป้าแม่บ้านไว้ ว่าจะออกไปเดินเล่นแล้วก็ออกมาเลย อากาศดีมากมาย ผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง คือตั้งแต่เมื่อวานก็ไม่ได้จับเลย กว่าจะเอามาชาจแบตอะไรไว้อีก พอเปิดมาเท่านั้น สายโทรเข้าทั้งจากป๊าพี่โน้ต และใครต่อใคร แต่มากสุดก็น่าจะพี่อ๊อฟ เป็นร้อยสายเลย ผมก็กดดูทั้งข้อความอะไรที่มันส่งมา เพ้อหนักมาก มันกลัวว่าผมจะทิ้งมันบ้าบออะไรไม่รู้เยอะแยะ ผมดูข้อความอยู่ มันก็โทรมาเลย แต่เช้าเนี่ยนะ! ผมก็กดรับ........
“นท! หายไปไหน ไหนว่าจะโทรมา ทำไมไม่ตอบข้อความ แล้วปิดเครื่องทำไม!” ผมรับปุ๊ปก็รัวเลย
“ใจเย็นๆก่อน พี่อ๊อฟ ทำไมตื่นเช้าจัง!” ผมพูดอย่างดีใจ
“กูยังอยู่บ้านยายอยู่เลย นี่ก็มาทำบุญกับยายแต่เช้า แล้วมึงละกูจะเป็นบ้าแล้วนะนท!” มันทำเสียงเครียด
“ก็ป๊าอะดิ ไล่ให้ผมมาเที่ยวที่หัวหินกับพวกสิงโต!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ “และพี่ก็ไม่ต้องคิดมากด้วยไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ลูกพี่ลูกน้องของไอสิงโตก็อยู่ นอนกันหลายคน ไม่ต้องกลัวว่าจะมีอะไรเกินเลย!” เห็นมันเงียบๆไปก็อธิบายสักหน่อย
“อืม กูรู้อยู่แล้ว กูเชื่อใจมึงนะ” ผมยิ้มบานเลย “แล้วป๊ามึง….” มันทำเสียงเบา
“ไม่มีอะไร ป๊าแค่ไม่พอใจ พี่อ๊อฟก็รู้ เคลียล์แล้ว ไม่ต้องคิดมากนะ ผมไม่ทิ้งพี่อ๊อฟหรอก ที่หายไปเพราะเมื่อวานฉุกระหุกมาก แบตก็หมด อะไรก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด” ผมพูดอย่างชิวๆ เพราะเดินไปคุยโทรศัพท์ไป
“อืม มึงหายเจ็บแล้วใช่ไหม” มันถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เจ็บเลย แค่นี้เอง หายแล้วด้วย” ผมบอกอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วก็คุยอะไรกันนิดหน่อย จริงๆพี่อ๊อฟมันก็ไม่ได้อะไรเรื่องไอสิงโตแล้ว แต่ผมก็พูดเพื่อให้มันสบายใจกว่าเดิม ที่มันคิดมากตอนนี้ก็เรื่องป๊าเนี่ยแหละ ที่มันกลัวว่าป๊าจะไม่พอใจ จริงๆพี่อ๊อฟไม่ได้ทำอะไรผิดเลย ทำไมมันต้องกังวล ผมก็ไม่ใส่ใจ พยายามพูดให้มันดีขึ้น ตอนแรกมันบอกจะตามมาหาผมที่นี่ แต่ผมบอกไม่ต้อง เอาจริงๆก็บังคับมากกว่า เพราะอยากให้มันอยู่กับยายให้เยอะๆ อยู่โดยไม่มีผมดีสุดแล้ว ถ้ามีผมมันก็จะสนใจแต่ผมไม่สนใจยาย ผมก็เลยพูดตัดปัญหาไป คุยกันไปอีกนิดหน่อยก็วาง เพราะพ่อพี่อ๊อฟให้ไปทำอะไรไม่รู้....
ผมก็เดินเล่นไปเรื่อย แต่ก็ไม่ได้ไปไกลจากบ้านสักเท่าไหร่ เดินไปเดินมาผมเห็นพระเดินมาบิณฑบาต ผมก็เลยไปซื้อของแถวนั้นแล้วก็ใส่บาตร คนค่อนข้างเยอะอยู่ ทั้งชาวบ้าน นักท่องเที่ยว ขนาดเช้าๆคนยังเยอะ พอใส่บาตรเสร็จผมก็เดินกลับ แถวชายหาดคนไม่ค่อยมี ยังเช้าอยู่ ที่ผมใส่บาตรมันอยู่แถวตลาดไม่ไกลเท่าไหร่ ผมก็เดินกลับไปทางบ้านเรื่อยๆ จนไปเจอยายคนนึง ขายขนมไทยแบบหาบเร่ ขายแบบขนมเทียน ขนมตะโก้อะไรพวกนี้ ผมก็เลยแวะอุดหนุนสักหน่อย เพราะท่าทางดูน่ากิน......
“ยายครับ อันนี้ขายยังไงครับ” ผมนั่งยองๆดูขนมแล้วก็ชี้ไปที่ลูกชุบ
“ชิ้นละบาทจ้ะ” ยายตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเอา20ครับ คละมาให้ผมเลยนะครับ แล้วก็ นี่ นี่ด้วย นี่อีกครับ” ผมก็หยิบที่เขาห่อไว้อยู่แล้วอย่างพวกตะโก้ที่เป็นแพคละ6ลูก ขนมต่างๆ เยอะแยะไปหมด
ยายเขาก็หยิบให้ผมไป ผมก็มอง จริงๆขนมไม่ได้เยอะ แต่มันดูหลากหลาย และกลิ่นก็หอมออกมาด้วย...
“อันนี้ยายทำเองหมดเลยเหรอครับ” ผมถามอย่างสังสัย
“ใช่จะ ยายทำขายเฉพาะเช้าๆ ให้คนมาใส่บาตรบ้าง บางคนก็เอาไปกินเป็นของว่าง ยายทำไม่มาก ทำให้ขายหมดทุกวัน” ยายบอกอย่างใจดี
“โห! ดีจังครับ อย่างนี้ของก็สดใหม่ทุกวันเลยนะครับ” ผมพูดอย่างตื่นเต้น
“ขนมพวกนี้ ถ้าปล่อยไว้นานๆหรือข้ามวันมันก็ไม่อร่อย” ยิ้ม ดูใจดีจัง “หนูลองชิมนี่สิ” ยื่นขนมเทียนให้ผม
ผมขอบคุณยายแล้วก็รับมาชิม หอมมากไส้ก็อร่อย นุ่มมาก ผมกินอย่างอร่อยเลย เพราะมันยังอุ่นๆอยู่เลย ปกติกว่าผมจะได้กินก็ยืนชืดหมดแล้ว ผมกินไปยิ้มไป...
“ยายครับ งั้นเอาขนมนี่มาอีก20นะครับ แล้วก็นี่ นี่ด้วยครับ อันด้วยดีกว่า ผมจะเอาไปฝากพี่ๆที่บ้าน” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับชี้ไปที่ขนมมากมาย
“ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวยายลดให้ซื้อสะเยอะเลย” ยายพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้นะครับยาย ห้ามลดนะครับ ของอร่อยแบบนี้ผมจะให้เพิ่มด้วย” ผมพูดอย่างจริงจังยายเขาก็ขำออกมา
คนอื่นๆก็มาเลือกมาอะไรด้วย แต่ผมไปนั่งข้างๆยาย ไปนั่งชิม แล้วก็คุยกับยายนิดหน่อย ยายเขาอยู่นอกเมือง เขาบอกว่าชอบทำขนมเลยทำมาขายที่นี่เช้าๆ ลูกๆเขาก็ไม่อยากให้มาหรอก แต่ยายเขาก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ คุยกันไปผมก็ช่วยยายขายไปด้วย ยายเขาน่ารักดีนะ สักพักผมก็ขอตัวยายกลับ เพราะทุกคนน่าจะตื่นแล้ว ผมก็เลยต้องรีบกลับเดี๋ยวทุกคนจะเป็นห่วง ยายเขาแถมให้เยอะมาก ผมไม่อยากรับมาหรอก กลัวยายเขาจะขาดทุนแต่เขาคะยั้ยคะยอก็ต้องรับมา แต่ผมก็จ่ายเกินไปอยู่แล้วกลัวยายเขาจะขาดทุน ก่อนผมจะกลับขนมของยายเขาก็จะหมดแล้ว ผมก็เดินกลับแบบชิวๆ รับลมบ้างอะไรบ้าง......
“ขอโทษครับ!” ผมหันไปมอง? ฝรั่ง ฝรั่งหัวทอง ผู้ชาย ดูหล่อมากสะด้วย ผมก็มองซ้ายขวา เขาขอโทษอะไรกับใคร ก็มีผมคนเดียวไงที่อยู่แถวนั้น ผมก็หยุดแล้วมองนิ่งๆ เขาวิ่งมาหาผม คงจะหอบเชียว ผมก็ลืมไปว่าตัวเองพูดไม่เป็นมัวแต่ตกตะลึงในความหล่อ ผมตั้งสติได้ก็กำลังจะหมุนตัวกลับ เขาก็จับไหล่ผมไว้ก่อน ผมก็มองงงๆ....
“ดะ เดี๋ยวก่อนครับ” พูดแบบติดจะหอบไปหน่อยผมยิ้มนิดหน่อย เขาพูดไทยได้ สำเนียงก็ไม่ชัด แต่ก็พูดคล่องเลย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมค่อยๆดึงแขนตัวเองออกจากการจับของเขา
“พอดี ขนมที่คุณซื้อ ผมขอแบ่งซื้อจากคุณบ้างได้ไหมครับ” ผมอมยิ้มนิดหน่อยให้กับสำเนียงของเขา
“อะ..อ่อ ได้สิครับ เดี๋ยวผมแบ่งให้ก็ได้ครับ ยังไงก็ไม่น่าจะกินหมด ซื้อมาเยอะมาก และ คุณยายก็แถมให้มาเยอะเลยครับ” ผมพูดเสร็จผมก็ก้มดูขนมแล้วแยกเป็นสองถุง
เขาก็มองผมที่กำลังก้มๆเงยๆล้วงๆอยู่นั้นแหละ มันไม่มีที่นั่ง ก็ลำบากนิดหน่อย พอแบ่งเสร็จผมก็ยื่นไปให้....
“ขอบคุณครับ คุณ....?” มองผมอย่างสงสัย
“ผม นท ครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“ครับคุณนท ผมคริส ครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” คุณคริสพูดแล้ว ยื่นมือมา ผมก็ยื่นมือไปจับ แล้วก็ปล่อยออก “นี่ครับค่าขนม” ยื่นแบงค์ร้อยให้ผม
“ไม่เป็นอะไรหรอกครับ แค่นี้เอง แบ่งๆกันก็ได้ครับ” ผมยิ้ม เขาก็มองผมแบบ วุ้ย! ไม่อยากสบตา ตาสีฟ้าน้ำทะเล หล่อ
“งั้นให้ผมได้เลี้ยงกาแฟคุณตอบแทนนะครับ” ก็ยังไม่จบ
“ไม่เป็นอะไรจริงๆครับ ผมขอตัวนะครับ” ผมก้มตัวให้เขานิดหน่อยแล้วผมก็หันหลังให้เขา และก็เดินไป
ผมก็หันไปมองเขานิดหน่อยเขาก็มองผม ผมก็ยิ้มให้เขานิดหน่อยแล้วก็เดินกลับไป หล่อเป็นบ้า เขาคงจะอยู่เมืองไทยนานแล้ว ดูจากการแต่งตัวและคำพูดที่ดูจะคล่องแคล่ว คิดอะไรไปทั่วก็เดินจนถึงบ้านพัก ทุกคนตื่นแล้วจริงๆด้วย แต่!.....
“ไปไหนมานท! เขาเป็นห่วงกันทั้งบ้าน!” ไอสิงโตเดินมาตะคอกใส่ผมแล้วจับแขนผมแน่นเลย ผมก็ยิ้มอ่อน
“ไปซื้อขนมมาอะ ทำไมต้องดุด้วยเล่า!” ผมทำหน้างอ มันจ้องผมอย่างกับจะกินหัว
“ใจเย็นๆน่าสิงโต ป้าเขาก็บอกแล้วไงว่านทไปเดินเล่น นี่ไง นทก็กลับมาแล้วไม่เป็นอะไรปลอดภัยดีด้วย” พี่นายแกะมือสิงโตออกจากแขนผม แล้วไอสิงโตก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปนั่งที่โต๊ะ “ป่ะ กินข้าวเช้ากัน จะได้เที่ยวต่อ” พี่นายพูดอย่างใจดี ผมก็พยักหน้าแล้วก็เดินไปตามพี่นายไปนั่งที่โต้ะ นั่งข้างๆไอสิงโตนั่นแหละ
“ขอโทษทุกคนนะครับ ที่ทำให้เป็นห่วง ผมก็แค่ไม่อยากรบกวนเวลานอนของทุกคนก็แค่นั้นเอง” ผมบอกอย่างสำนึกผิด
“ไม่เป็นอะไรนท แถวนี้มันต่างถิ่นไง พวกเราก็กลัวนทจะเดินหลงแค่นั้นเอง” พี่ดินพูดอย่างใจดี
“ดีแล้วที่นทรีบกลับมา เราเกือบจะโทรแจ้งตำรวจกันแล้วนะ” พี่ไฟพูดนิ่งๆ รู้สึกผิดเลย
“เอ้อ! แล้วนี่ซื้ออะไรมาเหรอ” พี่นายถาม ผมก็หยิบขนมขึ้นมา
“อุ้ย! นี่ของคุณยายขนมหวานข้างตลาดใช่ไหมคะ” ป้าแม่บ้านพูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น ผมก็พยักหน้า แล้วทุกคนก็ป้ามองง “ยายแกทำขนมมาขายเช้ามาก ป้าไปทีไรไม่เคยทันเลยนะคะ เขาทำทุกวันขนมสดมากๆ อร่อยมากด้วยนะคะ” ป้าแม่บ้านพูดอย่างดีใจ
“อร่อยมากๆเลยนะครับ ยายเขาให้ผมลองชิมขนมเทียน มันอร่อยมากจริงๆครับ ลองดูได้นะครับพี่นาย” ผมก็แกะขนมแล้วยื่นไปให้พี่นาย เขาก็รับไปกิน
“อื้ม! จริงด้วย ยังอุ่นๆอยู่เลยนะ” พี่นายกินไปยิ้มไป
“พี่ขอด้วยนท” พี่ดินพูดอย่างตื่นเต้น
“พี่ด้วย” พี่ไฟยิ้มร่าเลย
ผมก็แกะแล้วยื่นให้ทั้งสอง เขาก็กินกันไป พูดกันไปสนุกเลย ผมก็แบ่งให้ป้าแม่บ้านเขาไปกินด้วย แต่มีคนนึง ทำตัวมีปัญหา ไอสิงโตไง นั่งทำหน้าเป็นตูดข้างๆผมเนี่ยแหละ.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:58:40
“สิงโต อะ!” ผมยื่นขนมไปจ่อปากมัน มันหันหน้าหนี “อย่าโกรธดิ แค่ไปเดินเล่นเท่านั้นเอง และก็ได้ของอร่อยมาให้ทุกคนกินด้วยนะ” ผมง้อมันสักหน่อย มันก็หันมามองขนมที่อยู่ตรงหน้ามันนิ่งๆ “อ้าปากเร็ว” ผมบอกอย่างใจดี
“สิงโต ลองดิ อร่อยนะ” พี่ไฟพูดด้วยรอยยิ้ม
ไอสิงโตมันก็ค่อยๆอ้าปาก ผมก็ค่อยๆดันเข้าไปมันก็กิน มีอมยิ้มนะ....
“อร่อยไหม” มันก็พยักหน้า
แล้วผมก็แกะขนมอื่นๆออกมา ตอนนี้ข้าวปลาไม่ต้องกิน กินขนมกันเนี่ยแหละ พอขนมหมดก็กินข้าวกันต่อ ข้าวก็เป็นข้าวต้มก็กินกันไป กินเสร็จก็พากันไปเดินเล่นรอบบ้าน ไอสิงโตก็งอลเป็นเด็กๆเลย ผมก็ตามมันขึ้นไปบนบ้าน พี่ดินกับพี่ไฟเขาอยู่กับพี่นาย ที่ริมหาด เขาไปเดินเล่นกัน ไอสิงโตมันขึ้นมาข้างบนทำไม ผมขึ้นมาดูมันก็นั่งกดโทรศัพท์อยู่บนเตียง....
“สิงโต อย่าโกรธดิวะ แค่นี้เองนะเว้ย!” ผมขึ้นไปนั่งข้างๆมัน
“มึงไม่คิดอะนท ถ้ามึงเป็นอะไรมา ป๊ามึงจะโกรธกูนะเว้ย!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“โอเคๆ ขอโทษๆๆๆๆ วันหลังไปไหนจะบอกก่อนโอเคไหม” เอาคางเกยไหล่มัน มันก็ยิ้ม
“ถ้ามีอีกกูไม่ให้อภัยจริงๆด้วย!” มันพูดอย่างจริงจัง
“โอเคๆ สัญญาเลยอะ” ผมจับมือมันแล้วเอานิ้วก้อยคล้อง
“เออๆ” มันยิ้ม
“โกรธเก่งนะมึงเนี่ย” ผมพูดแบบไม่จริงจังนัก แล้วก็ดึงมือกลับมา
“ถ้าจะให้หายโกรธแบบหายสนิท ต้องนี่” มันชี้ไปที่แก้มมัน
“เอาจริงดิ” มันก็พยักหน้า “ฟอดดดดดด!” ผมล๊อคคอมันแล้วก็หอมแบบยาวๆไปเลย
“เกินไปแล้ว”  มันดันผมออก แล้วยิ้มเขิน
ผมกับมันก็หยอกล้อกันไป ผมเข้าใจดีว่ามันเป็นห่วง ผมมันก็ดื้อเองแหละ ชอบทำอะไรไม่บอก มันก็น่ารักดีนะเนี่ย>< ยิ่งเวลาเขิน เล่นกับมันไปสักพัก ผมก็ลากมันไปเดินเล่นข้างล่าง พี่นายก็จะพาไปเที่ยวสวนสนุก ดีใจกันใหญ่เลย ก็ไปเตรียมตัวกัน มีไปว่ายน้ำด้วยนะ ผมก็เอาอีกแล้วเหรอ ไปก็ไป ไหนๆก็มาแล้วแล้วก็พากันไป พอถึงก็ต้องเบิกตากว้างๆ เป็นสวนน้ำ มีเครื่องเล่นมากมาย และก็มีสวนสนุกในนั้นด้วย แถม ยังมีแต่เครื่องเล่นแปลกๆเต็มไปหมดเลย..
“เราจะเล่นสวนสนุกก่อน หรือเล่นน้ำก่อนดีนะ” พี่นายถามอย่างใจดี
หลังจากนั้นสามคนนั้นก็พาผมเดินไปดูนู่นนี่นั่น ผมไม่ออกความคิดเห็นใดๆ บอกตรงๆ ไม่ชอบที่จะเล่นอะไรหวาดเสียว แล้วก็ถกเถียงกัน ว่าเราจะเล่นอะไรก่อน สรุปได้ว่า เล่นน้ำก่อน และค่อยเล่นเครื่องเล่น เพราะพอเล่นเครื่องเล่นเสร็จก็จะได้กลับกันเลย ก็พากันไปเช่าชุด พี่นายก็เล่นด้วย และลุงคนขับรถก็มานั่งเฝ้าของให้ ตอนแรกก็ลงเล่นน้ำวนไป สำรวจเครื่องเล่นก่อน สักพักก็เริ่ม พาไปสไลด์เดอร์ รูปทรงแปลกๆ ผมก็เริ่มหวั่นใจ ไอสามคนนั้นดี๊ด๊าจนลืมผมเลย ผมก็เลยตามหลังพวกนั้นกับพี่นาย ตอนนี้เรากำลังขึ้นบันไดเพื่อจะลงสไลเดอร์...
“ไหวหรือเปล่านท!” พี่นายจับไหล่ผม ผมก็มองหน้าพี่นายแล้วยิ้มอ่อน
“กลัวอ่าครับ” ผมพูดเสียงสั่นๆ
“555 เอาน่ามันลงได้หลายคนที่นี่ นั่นไงเขามีห่วงยางให้ด้วย เดี๋ยวลงพร้อมพี่ก็ได้” พี่นายพูดอย่างใจดี ชี้ไปที่จุดที่เขาให้ยืมห่วงยางใหญ่
ผมก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจำยอม ถึงจะได้เล่นมาบ่อยแล้วแต่ก็ยังไม่ชินเอาสะเลย ก็คนมันกลัวนี่ ก็ต่อคิวไป ลงได้ทีละไม่เกิน3คน พี่ดินพี่ไฟสิงโตมันก็ไปลงพร้อมกัน แบบไม่ใช้ห่วงยางด้วย พี่นายก็ไปเช่ามาให้....
“พร้อมยัง” พี่นายตบไหล่ผมเบาๆ ผมก็พยักหน้า
แล้วก็เข้าไปอยู่ในห่วงยาง พี่นายก็ดันให้ไปอยู่ตรงสไลเดอร์แล้วก็จับไว้ พอการ์ดให้สัญญาณ อยู่ๆพี่นายก็กระโดดเข้ามาอัดกับผมในห่วงยาง แล้วก็ไหลลงไปเลย ผมร้องลั่นเลยทีเดียว ไม่พอกอดพี่นายแน่นเลย คือมันแคบ ถึงห่วงยางจะดูใหญ่แต่แคบเกินไปสำหรับคนสองคน และห่วงยางก็เซไปเซมาเหมือนจะหลุดออกจากสไลเดอร์ด้วย ผมก็กลัว กอดพี่นายแน่นเลย พี่นายก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน และพยายามจะดันผมออกมาแต่ผมก็ไม่ยอม....
“555555นท อะ5555 ออกมาก่อนสิ แบบนี้ก็ไม่สนุกสินท5555” พี่นายจะขำอะไรขนาดนั้น ตอนนั้นผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้น หลับตาปี๋กอดแน่นเลย สไลเดอร์อันนี้ก็ยาวเหลือเกิน ไม่ถึงสักที
ก็ไหลไปเรื่อยๆ ผมลืมตาดูมันมีอุโมค์มืดๆด้วยอะไรไม่รู้ ผมก็หลับตาแล้วก็เกาะพี่นายเป็นปลิงเลย....
ตู้ม!.... และแล้วก็ถึงที่ลง ผมก็ยังอยู่ในสภาพเกาะพี่นาย พากันจมไปก้นสระ
“555555” เสียงหัวเราของไอสามพี่น้องจอมกวน ผมก็ปล่อยจากพี่นายแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้นเลย....
“ขำอะไรกันนักหนาไม่ทราบ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“เหมือนลูกลิงเลยนท5555” พี่นายพูดอย่างตลกสุดๆ
ผมก็ฟึดฟัดอย่างไม่พอใจแล้วก็เดินขึ้นจากสระไปหาที่เล่นของผมเองเลย ที่เล่นของผมที่ว่าก็คงจะเป็นสระเด็ก แบบเดิมไปที่ชอบแอ๊บเนียนไปเล่นกับเด็กน้อย พวกนั้นก็เดินตามมา.........
“นท จะเล่นสระเด็กเหรอวะ?” ไอสิงโตดึงแขนผมแล้วพูดอย่างกลั้นขำ ผมมองมันอย่างไม่พอใจ
“เออ ไปเล่นกันเถอะ เดี๋ยวเล่นรอเนี่ยแหละ!” ผมพูดอย่างงอนๆแล้วก็แกะมือไอสิงโตออก
“โอเคๆ ไม่แกล้งแล้ว เดี๋ยวพาไปเล่นที่นทเล่นได้ โอเคไหม” พี่นายพูดอย่างใจดี แต่ก็กลั้นขำ
“ไม่เอาแล้วพี่ ผมจะเล่นแถวนี้แหละ พี่ๆไปเล่นกันเถอะครับ” ผมพูดนิ่งๆ ติดจะนอยๆบ้าง ก็ดูดิ เอาแต่แกล้งผม ผมกลัวอยู่แล้วยังมีหน้ามาหัวเราะกันอย่างสนุกสนานอีก มันน่าโกรธไหม
ผมกับทั้งสี่คนก็ยืนเถียงกันไปมา จนสุดท้ายเขาก็ลากผมไปจนได้ ก็ไม่ได้ว่าจะสงสารผมเลย ลากผมไปเล่นแต่อะไรที่หวาดๆเสียวทั้งนั้น ผมก็เลยต้องปลง ทำตัวบ้าบิ่นเล่นๆกับพวกเขาไปทั้งๆที่กลัวมาก ติดเกรงใจพี่นายเขาด้วยแหละ อุตส่าคะยั้ยคะยอให้เล่น ผมก็ต้องเล่นไป พอเล่นน้ำเสร็จก็พาไปเล่นพวกเครื่องเล่นอะไรมากมาย ผมก็เล่นบ้างไม่เล่นบ้าง ผมงอนพวกเขาไปเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกว่าจะปลงๆ แต่ก็ปลงไม่ได้ เห็นผมยอมหน่อยก็แกล้งผมหนักเลย ผมเลยงอนไม่คุยกับใครเลย แม้แต่พี่นายก็เถอะ กว่าจะเสร็จก็ปาไปเย็นมากแล้ว ก็พากันกลับ ระหว่างทางก็คุยกันสนุกสนานเลย ผมก็นั่งนิ่งๆ เงียบๆ พอถึงบ้านพักก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอะไร พี่ดินพี่ไฟก็ให้ไปอาบน้ำด้วยกันอีก ผมก็ไป ขัดอะไรไม่ได้ ก็นั่นบ้านเขานิ มาแล้วถึงจะงอนก็ต้องมีขอบเขตเนอะ ไม่ควรจะงี่เง่าเกินเหตุ พออาบน้ำเสร็จก็พากันแต่งตัว ป้าๆแม่บ้านก็กำลังจัดอาหารกันเลย วันนี้ไปกินกันที่สวนหลังบ้าน อากาศดีเว่อร์ๆ ผมก็ไปเดินเล่นที่ชายหาด คนเดียว แต่เดินออกมาพวกเขาก็เห็นแหละ เพราะผมก็เดินบ้างชมวิวบ้าง ผมก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู พี่อ๊อฟ โทรมาเป็นสิบๆสายเลย ผมก็เลยโทรกลับ ไม่นานมันก็รับ.....
“นท หายไปไหนมา!” จะตื่นเต้นทำไม
“เขาพาไปเที่ยวสวนน้ำมาอ่ะ พี่อ๊อฟอยู่ไหน” ผมถามอย่างอ่อนโยน
“ยังอยู่บ้านย่าอยู่เลย แล้วมึงสบายดีไหม ทำไมเสียงเป็นแบบนั้น” มันถามอย่างเป็นห่วง
“เปล่าหรอก แค่ไม่พอใจพวกนั้นสักเท่าไหร่ มันเอาแต่แกล้งผมอ่ะ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“มันทำอะไร” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ
ผมก็เล่าให้มันฟังไป มันยังหลุดขำออกมา จนผมบอกจะโกรธมันมันก็เลยหยุด แล้วเงียบฟัง ไม่รู้ไอที่เงียบคือแอบขำหรือยังไงนะ....
“มันก็เป็นแบบนี้แหละ!” ผมพูดแบบหงุดหงิด
“ระ..เหรอ” มันกลั้นขำ
“จะไม่หยุดใช่ไหม” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“โอเคๆ พอแล้วๆ!” มันพูดอย่างจำยอมด้วยเสียงร่าเริง “แล้วกินข้าวยัง เล่นทั้งวันเลยนะ!” พี่อ๊อฟถามอย่างอ่อนโยน
“เขากำลังทำ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“คิดถึงมึงนะ เมื่อไหร่จะกลับมา” มันพูดด้วยสียงหงอย แต่นั้นทำให้ใจผมเต้นแรงมาก ผมรู้สึกเขินขึ้นมาเลย
“คิดถึงเหมือนกัน คิดถึงมากด้วย ไม่นานก็กลับแล้ว แต่ยังไม่แน่นอนอ่ะ เดี๋ยวผมจะถามแล้วบอกอีกทีนะ”
ผมก็คุยกับมัน มันดูหวานขึ้นเยอะ ผมเริ่มคิดถึงมันอย่างเต็มเปี่ยมแล้วสิ พอคุยได้ไม่นานก็ต้องวางไป พี่อ๊อฟมันก็ย้ำกับผมตลอดว่า มันอยู่บ้านยายคุยนานไม่ได้ เพราะต้องคอยดูยาย อีกอย่างญาติพี่น้องมันก็เริ่มทยอยกลับแล้ว แต่บางคนก็ยังอยู่ ผมก็ถามมันบ้างแหละ ไม่ใช่ให้มันถามผมอย่างเดียว ผมก็เดินเล่นอยู่แถวนั้น คนก็มีบ้างประปราย ลมโกรกกำลังดีเลย ชิวมาก ผมหันไปมองในบ้านบ่อยๆ ก็ยังไม่เสร็จกัน เห็นวุ่นๆอะไรกันก็ไม่รู้ ผมก็ไม่อยากไปเกะกะหรอก ผมก็เดินเลยไปหน่อย เห็นกลุ่มเด็กๆวิ่งเล่นกันอยู่ ผมก็เลยไปนั่งดูไม่ใกล้ไม่ไกลจากบ้าน....
“ตั้ว มาทำของเราทำไม!” เด็กผู้ชายคนนึง ปาก้อนหินใส่ทรายที่น้องผู้หญิงก่อขึ้นมา ตอนนี้มีเด็ก6คนนั่งเล่นกันอยู่ ก็มีผู้หญิงสองคน ผู้ชายสี่คนน่าจะไม่เกินสิบขวบ ผมก็นั่งมองนิ่งๆ เพราะเด็กก็แกล้งกันเล่นๆตามประสา เด็กพวกนี้น่าจะอยู่บ้านแถวนี้แหละ และก็ไม่น่าจะเป็นลูกชาวบ้านธรรมดาด้วย เพราะผิวพรรณเด็กแต่ละคนคือขาวและมีคนนึงคือน่าจะลูกครึ่งด้วย ผมสีน้ำตาลทองเชียว และแต่งตัวดูน่าจะเป็นลูกคนรวย น่าจะหมู่บ้านเดียวกับที่พักผมแหละผมก็นั่งมองเขาเล่นกันไปเพลินดี....
“เออตั้วอย่านิสัยไม่ดีสิ ไม่งั้นจะฟ้องพ่อตั้วนะ” เพื่อนของเด็กผู้หญิงอีกคนนึงก็พูดขึ้นมา เพราะเด็กผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่ยอมหยุดแกล้ง
“ทำไมละ ก็เราอยากทำแบบนี้นี่” แล้วก็เดินมาเตะทรายของน้องผู้หญิงทั้งสอง
“เห้ย ตัวอย่าไปแกล้งไหมสิ รังแกผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายนะ” เด็กที่เป็นลูกครึ่งพูดขึ้นมา
เขาก็ถกเถียงกันไป เด็กลูกครึ่งน่าจะมีความคิดโตสุด พูดจาดีมากเลย....
“พี่ขอเล่นด้วยคนได้ไหมครับ” ผมลุกขึ้นไปถามน้องผู้หญิงอย่างใจดี เขาก็มองผมงงๆกัน “พี่ช่วยก่อทรายเอาไหม” น้องเขาก็เริ่มยิ้มแล้วก็พยักหน้า
“ไหม เราไม่ต้องไปยุ่งกับพวกนั้นหรอก เรามาเล่นกับพี่เขากันเถอะ” พูดอย่างอ่อนโยนแล้วจับมือน้องที่ชื่อไหมมา
“แต่พี่เขาเป็นคนแปลกหน้านะหวาน” น้องกระซิบกระซาบกัน
“ไม่หรอกไหม เมื่อวานเราเห็นพี่เขาเล่นน้ำกับพวกเพื่อนๆอยู่บ้านถัดไปเองนะ เพื่อนบ้านเราไง” พูดอย่างใจดี
เขาก็กระซิบกระซาบกันไป น้องไหมนี้ไหวพริบดี ไม่ไว้ใจใครง่ายๆ.....
“ไม่ต้องห่วงเลยครับ พี่ไม่ใช่ผู้ร้ายแน่นอน อีกอย่างพ่อแม่ของน้องๆก็ดูอยู่นู้นนะ” ผมชี้ไปทางบ้านของน้อง ก็มีผู้ใหญ่มายืนดู
“ค่ะ แล้วเราจะก่อทรายยังไงดีค่ะ พี่....” เขาก็มองอย่างสงสัย
“พี่ชื่อนทครับ” ผมยิ้ม
“พี่นท” น้องไหมเรียกผมด้วยรอยยิ้ม
“พี่นท หวานอยากก่อปราสาททรายค่ะ” น้องหวานพูด ผมก็ชะงักไป ประสาททรายก่อยังไง
“เรามาลองดูกันไหมครับ พี่ก็ทำไม่ค่อยเป็นนะ” ผมยิ้มอ่อนแล้วก็เกาหัว
เราก็เริ่มช่วยกันก่อทรายขึ้นมากัน ก็มีผม น้องไหม น้องหวาน น้องเจฟ น้องเจฟดูเขินอายอะไรผมไม่รู้ ไม่ค่อยพูดเลย การก่อทรายตอนแรกเหมือนจะดี แต่ก็ไม่ดี เพราะทรายมันเปียกเกินไป ก็ทำๆกันไป ฟังเด็กๆพูดกันไป เด็กผู้ชายคนอื่นๆก็เล่นวิ่งไล่กันไป ผมก็ช่วยสร้างปราสาททรายไป พี่นายก็มาชะเง้อมองผมบ้าง ผมก็มองหน้าเขาตอบเพื่อให้รู้ว่าเห็นแล้วว่ามองอะไรทำนองนั้น เหมือนว่าจะเตรียมของกันยังไม่เสร็จ เพราะถ้าเสร็จคงจะมาตาม...
“เด็กๆ เข้าบ้านกันได้แล้วค่ะ” มีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินออกมาตามเด็กๆ ผมเงยหน้าขึ้นมอง โห! สวยมาก น่ารักด้วย ผมก็มองเขาแล้วยิ้มนิดหน่อย....
“คุณแม่คะ พี่นทมาช่วยหนูก่อทรายด้วยค่ะ” น้องน้ำหวานวิ่งเข้าไปกอดแล้วก็พูดอ้อนๆ
“เหรอ ก่อเป็นรูปอะไรกันเอ่ยไหนแม่ดูหน่อยสิ” แม่น้องเข้าพูด แล้วก็จูงมือน้องหวานมาหาผมแล้วก็ดูทรายที่ก่อกัน
“ปีรมิทค่ะคุณน้า” น้องไหมพูดด้วยรอยยิ้ม
แล้วผมก็ทักทายแม่ของน้องหวานนิดหน่อย เขาน่ารักมาก เป็นกันเองมาก เหมาะกับใบหน้าสวยๆปนหวานๆ....
“เจฟ พาเพื่อนๆเข้าบ้านลูก” ผมเงยหน้าไปมองตามเสียงของผู้ชายที่มาเรียกเด็กๆผู้ชาย คริส ที่ผมเจอเมื่อเช้า เขาเห็นผมแล้วก็เดินมาด้วยรอยยิ้ม....
“อ้าว! คุณเมื่อเช้า” คุณคริสพูดอย่างเป็นมิตร ผมยิ้มตอบเล็กน้อย
“รู้จักกันเหรอคะ?” แม่น้องน้ำหวานถามอย่างสงสัย
คุณคริสก็เล่าให้ฟังเรื่องที่เขาไปซื้อขนมคุณยายเมื่อเช้า แล้วไปซื้อไม่ทันเขาก็เลยมาขอแบ่งซื้อจากผม ก็อวยผมซะผมจะลอยเลย เป็นคุณพ่อของน้องเจฟ น้องลูกครึ่งคนนั้น เป็นคุณพ่อที่ยังหนุ่มและหล่อมากๆเลย บอกว่าขนมนั้นเด็กๆชอบ แต่ตื่นไม่ทันไปซื้อ พอไปซื้อก็ซื้อได้ทีละนิด เพราะหมดเร็วมาก ผมก็คุยกับเขาไป ดูอัธยาศัยดีกันทุกคนเลย..........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 20:59:25
“นท ของพร้อมแล้วนะ” ผมหันกลับไปดู พี่นายมาตามแล้ว
“อ้าว! นาย” คุณคริสทักขึ้นอย่างดีใจ
“คริส ไง”  พี่นายก็จับไม้จับมือกัน
แล้วเขาก็พูดคุยกัน คุณคริสเป็นเพื่อบ้านพี่นายอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว พี่นายก็เคยอยู่ที่นี่นานพอสมควรเลยรู้จักกัน คุยกันสนุก เขาลากผมเข้าไปคุยด้วย แล้วก็พูดถึงเรื่องขนมเมื่อเช้าอีก คุยกันไปคุยกันมา พี่นายก็ชวนครอบครัวพี่คริสไปกินข้าวที่บ้าน เพราะพี่นายบอกว่าทำไว้เยอะพอควร อีกอย่างว่าจะมาชวนคุณคริสอยู่แล้ว ผมก็เออออตามไป ไม่ได้อะไร สักพักผมกับพี่นายก็เดินกลับบ้านกัน คุณคริสก็บอกจะเตรียมของมาสมทบ จะได้เฮฮากัน ระหว่างทางกลับผมก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับพี่นาย อยู่ในอารมณ์นอย เอาแต่แกล้งผม แถมพี่นายเป็นผู้ใหญ่สุดไม่น่าจะทำกับผมได้…..
“งอนเหรอ!” พี่นายชะเง้อหน้ามาใกล้ๆผม ผมก็เหล่มองนิดหน่อยแล้วก็ทำไม่สนใจ
“เปล่าครับ ผมจะงอนทำไม แค่ผมมาด้วยก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วครับ” ผมพูดนิ่งๆ ไม่จริงจังนัก
“พูดจาเป็นผู้ใหญ่เลยนะ” พี่นายพูดแล้วขยี้หัวผม ผมก็ปล่อยให้เขาทำไป
แล้วก็เดินพูดคุยกันไป ผมก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้างตามสเต็บคนงอน พอถึงบ้าน ทุกคนก็นั่งยิ้มหน้าบานกันเลย ผมก็ทำหน้านิ่งๆ นั่งที่เก้าอี้ข้างๆไอสิงโต ออกแนวจะห่างๆนิดหน่อย เขาก็ชวนผมพูดนั่นพูดนี่ไปผมก็พูดบ้าง จนอาหารเสร็จผมก็ก้มหน้าก้มตากิน คุณคริสกับครอบครัวก็มา ก็พูดคุยกันสนุกสนานเลย ผมก็หนีไปเล่นกับน้องหวานกับน้องไหมและน้องเจฟ ไม่อยากคุยกับ4คนนั้น พวกผู้ใหญ่ก็คุยกันสนุกสนานไป สักพักไอสิงโตก็เดินมานั่งข้างๆผม ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ......
“เล่นอะไรกันอยู่ครับเด็กๆ” ไอสิงโตถามน้องหวานกับน้องไหม
“ปั้นดินน้ำมันค่ะ พี่สิงโตเล่นด้วยกันไหมคะ” น้องไหมถามอย่างใจดี
“น้องหวาน ปั้นหนูได้น่ารักจังครับ” น้องหวานปั้นรูปแฮมส์เตอร์ น่ารักมากเลย
“ค่ะ หนูไปเรียนมา ครูจี้สอนค่ะ” น้องหวานพูดอย่างดีใจ
“น่ารักจังเลย พี่ขอดูหน่อยสิ” ไอสิงโตพูด น้องหวานก็หยิบให้มันดู
ผมก็นั่งเล่นไป ไอสิงโตก็น่ารำคาญ เดี๋ยวก็จับมือ เดี๋ยวก็โอบไหล่ ผมปัดออกแล้วปัดออกอีก นี่ขนาดไม่คุยกับมันแล้วนะ มันเกาะแกะ น่ารำคาญจริงๆ.....
“พี่สิงโต แกล้งพี่นททำไมคะ” น้องไหมขมวดคิ้วถาม เพราะคงจะรำคาญแทนผม
“ใช่ครับ อย่างแกล้งพี่นทนะ!” น้องเจฟเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าเข้มขมวดคิ้ว
“นั่นสิคะ พี่นทเขารำคาญแล้วนะคะ” น้องหวานพูดอย่างไม่พอใจ
“หวานกับไหมแล้วก็เจฟไม่ต้องไปพูดกับคนนิสัยไม่ดีหรอก เราไปกินขนมกันเถอะ” ผมมองค้อนไอสิงโต แล้วก็จับมือน้องๆให้ลุกไปหาของกินที่โต๊ะ
ไอสิงโตก็ทำหน้าเหวอ ประมานว่ากูทำอะไรผิด ผมก็ไม่สนใจ ก็เดินไปกินผลไม้ที่โต้ะ เต็มไปหมด ก็ไปกินกับน้องๆ สนุกดี เด็กๆชอบพูดนู่นพูดนี่ไปเรื่อย น่ารักมากๆ ผมหันไปมองทางพี่ดินกับพี่ไฟ สองคนนั้นก็พูดคุยกับผู้ใหญ่ไปด้วยแล้วก็ ดื่มแอลกอฮอล์ไปด้วย เริ่มจะหน้าแดงกันแล้วด้วยท่าทางจะได้ที่แล้ว สักพักไอสิงโตก็ไปร่วมกับพวกเขา พี่นายก็ชวนผมไปกินด้วยผมก็ไม่ไปนั่งเล่นกับน้องๆ พอสักพัก แม่ๆของเด็กๆก็พาเด็กๆไปนอนเพราะก็ดึกมากแล้ว แต่ผู้ใหญ่ก็ยังนั่งคุยและดื่มกันต่อไป.....
“นท มานี่หน่อยสิ!” พี่นายกวักมือเรียกผมที่นั่งหงอยๆอยู่คนเดียว
ผมก็ลุกขึ้นเดินอ้อมไปหาเขา......
“มาๆ มานั่งด้วยกันสิ ไปนั่งทำไมตรงนั้นละ” พี่นายเขยิบให้ผมนั่งข้างๆเขา ผมก็นั่ง ดูท่าจะเมาแล้ว กลิ่นหึ่งเชียว
“ไม่ดีกว่าครับ” ยิ้มอ่อน แล้วดันแก้วที่คุณคริสส่งให้กลับคืนไป
“นทมันไก่อ่อนครับ กินไม่เป็นหรอกของพวกนี้อ่ะ!” ไอสิงโตมันพูด ผมหันไปมองค้อนให้มันเลย มันก็ยักคิ้วให้ผม
“ว้าแย่จังเลยนะ นึกว่านทจะดื่มสะอีก” คุณคริสยิ้ม
“ผมก็ดื่มได้ครับ” ผมยิ้ม แล้วก็คว้าแก้วที่คุณคริสยื่นให้ดื่มหมดแก้วทีเดียวเลย เบ้หน้าให้กับความขมปี๋นิดหน่อย
และหลังจากนั้นก็มีเสียงปรบมือเชียร์ให้ผมดื่มกันมากมายๆ และก็ตามมาด้วยแก้วต่อไปและต่อไป เป็นเหล้าธรรมดา กินไปเรื่อยๆ แต่พวกเขาเมาแล้วไง และผมก็ไม่ชอบให้ใครมาว่าด้วย ก็เลยกินเข้าไป ที่ไม่อยากกินก็เพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย คราวที่แล้วยังจำไม่ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น คราวนั้นแค่ดื่มแบบจิบๆ ยังมึนๆเบลอๆเลย แต่คราวนี้ยกเอาๆ ดื่มไปดื่มมาเริ่มเพลิน เคลิ้มไปกับพวกเขาด้วย.....
“พวกพี่มานใจร้ายกับผม แกล้งแต่ผมอะ!” ผมเริ่มแล้ว อาการเรื้อน จากที่นั่งกินเงียบๆ อยู่ๆก็พูดขึ้นมาเลย ฤทธิ์แอลกอฮอล์เริ่มทำงาน
“นท เมามากแล้วนะ ขึ้นไปนอนเหอะป่ะ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะ!” พี่ดินจับแขนผมให้ลุกผมก็สบัดออก
“ไม่ๆๆๆๆ ม่ายยยยยยย!” ผมแหกปากใส่หน้าพี่ดินแล้วก็กระดกแก้วต่อ พี่นายกับคุณคริสก็เอาแต่หัวเราะ
และผมก็เริ่มเพ้อหนักขึ้นเรื่อยๆ พี่ดินพี่ไฟสิงโตก็คอยห้ามคอยเตือนผมก็สวดพี่เขา คุณคริสกับพี่นายก็ชวนผมชนๆๆๆๆและชนแก้ว จนผมไม่รู้เรื่องอะไรไปเลย ภาพตัด......
ครืดๆๆๆๆ ! ผมสะดุ้งตื่นมาเพราะแรงสั่นจากโทรศัพท์ผมที่อยู่ข้างๆผม ผมก็ใช้มือคว้าๆหยิบมากดรับแล้วก็เอาแนบหูทั้งๆที่ตาก็ยังไม่ลืม อาการปวดหัวแล่นเข้ามาแบบหนักมากๆ ทั้งปวดทั้งมึน เจ็บไปหมดทั้งหัว....
“นทๆ”
“ฮืม ครายอ่า” ผมพูดงัวเงีย ปนสลึมสลือ
“นท เป็นอะไร กูเรียกตั้งนานแล้วนะ!” พี่อ๊อฟ! ผมรีบเด้งตัวขึ้นมานั่งเลย
“ผมยังไม่ตื่นเลยนะ พี่อ๊อฟโทรมาทำไมแต่เช้าอ่ะ!” ผมพูดอย่างงอแง
“จะเที่ยงแล้วนท นอนอะไรขนาดนั้น!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่พอใจ
ผมก็ค่อยๆโฟกัสภาพรอบๆ เพราะตาลายไปหมด นี่หรืออาการแฮ้งค์ มันเหมือนจะตาย มันปวดหัว ปวดตัว มึนไปหมด....
“อะ..เหรอ พี่อ๊อฟดะ อุ้ก!.....” ผมรีบเอามืออุดปากไว้
ผมรีบกระโดดลงจากเตียงนอนแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำทันที.......
“อ้วกกก โอ๊กก อ๊ากกกก” อ้วกออกมา ออกมาเยอะมาก แบบหมดไส้หมดพุงเลยมั้ง ผมก็นั่งลงแล้วกอดคอห่านไว้ เอาหน้าก้มลงกับชักโครก แล้วก็อ้วกมันออกมาอยู่อย่างนั้น แสบจมูกไปหมด สักพักก็หยุด ผมก็ค่อยๆลุกแล้วก็ไปล้างหน้าบ้วนปาก เหนื่อย หมดแรงเลยทีเดียว สัญญากับตัวเองเลยว่าครั้งต่อไปจะไม่ยุ่งกับเหล้าเบียร์อีกแล้ว ถ้าจะทรมานขนาดนี้....
“นทๆ”ผมมองโทรศัพท์ตัวเองที่อยู่กับพื้นห้องน้ำ พี่อ๊อฟมันยังไม่วางสาย ตะโกนเรียกผมดังจนผมได้ยิน ผมก็หยิบขึ้นมาแล้วเอาแนบหู....
“ยังไม่วางเหรอ” ผมพูดเสียงเหนื่อยๆแล้วก็ลุกขึ้นนั่งบนโถส้วม
“มึงเป็นอะไรนท ทำไมอ้วกออกมาขนาดนั้น!” พี่อ๊อฟถามอย่างตกใจ
“เมื่อคืนดื่มไปนิดหน่อยอะ มึนหัวมากเลย” ผมพูดเสียงงัวเงีย ตาก็จะปิดอีกแล้ว
“เฮ้อ! มึงนี่นะนท! ไปอาบน้ำเลย แล้วก็รีบโทรมาหากู อย่าให้กูต้องโมโหนะ!” แล้วมันก็วางสายไป
ผมก็พยายามตั้งสติ แล้วก็ลืมตาขึ้นมา มันเบลอไปหมด แล้วหายไปไหนกันหมดเนี่ย ผมก็พยายามเรียกหาคนอื่นๆ ลุกไม่ขึ้น ผมก็เอียงตัวพิงกำแพงแล้วก็หลับตาลงไป ปวดหัวมากมายเหลือเกิน ปวดจนทนไม่ไหว ตัวผมล้มลงกับพื้น ผมก็ค่อยๆคลานเข้าไปบริเวณที่อาบน้ำแล้วก็เอื้อมมือไปเปิดฝักบัวเปิดน้ำออกมารดตัวเลย รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย ผมพยุงตัวเองขึ้นมายืนแล้วก็อาบน้ำ กินน้ำจากฝักบัวเลยนั่นแหละ ไม่ไหวจริงๆคอแห้งไปหมด จำได้ว่าอาบอยู่นาน ปล่อยให้น้ำมันทำให้ตาสว่าง ก็ได้ผล เริ่มดีขึ้น พอดีขึ้นผมก็ค่อยๆปรับสายตามองรอบๆ อื้มห้องน้ำในห้องนอนของตัวเอง ผมก็ก้มดูตัวเอง อ้าว!เสื้อผ้าไม่ได้ใส่! ผมตกใจไปนิด แต่ในใจก็คิดว่ายังคงไม่มีอะไร เพราะที่วิ่งเข้าห้องน้ำเมื่อกี้ไม่ได้เห็นใคร หรือผมไม่ได้มองนะ เริ่มส่างเลย รีบอาบน้ำถูสบู่ แล้วก็ไปยืนดูหน้ากระจก ต้องตกใจไปกว่านั้นคือ รอยแดงๆเป็นจ้ำๆเต็มตัวเลย ผมเริ่มเหงื่อตก คิดในใจตลอดว่าทำอะไรลงไปอีกหรือเปล่าวะ! ผมก็เอาผ้าเช็ดตัวพันรอบเอวไว้ และก็ออกจากห้อง....
“เห้ย!” ผมตกใจหนักมาก!
ภาพที่ผมเห็นคือ ไอสิงโต พี่ดิน พี่ไฟ! นอนแก้ผ้ากันอยู่บนเตียง ด้วยสภาพที่หลับสนิท ผมอึ้งไปหมด ในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวมันก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ผมไปหยิบเสื้อผ้าตัวเองในตู้เสื้อผ้าแล้วกลับเข้าห้องน้ำไปอีกครั้ง ไปเช็คประตูหลังตัวเองสักหน่อย ผมก็หันหลังแล้วก็ก้มดูผ่านกระจก ตกใจหนักมาก ตกใจที่ประตูหลังแดงและช้ำมาก พอเห็นแบบนั้นอาการเจ็บเสียดๆเริ่มมา ผมอึ้งทึ่งงงไปหมด ผมรีบแต่งตัวและพยายามกลบเกลื่อนความผิด คือเอาบ๊อกเซอร์ไปใส่ให้มัน 3 คน ใส่อย่างยากลำบาก พอเสร็จก็ออกจากห้องนอนไป คือสภาพของสามคนนั้นก่อนที่ผมจะใส่กางเกงให้ พวกมันนอนกองกันอยู่มุมเตียง เปลือยล่อนจ้อน ผ้าห่มเสื้อผ้ากระจายเต็มห้องไปหมด พอออกจากห้องไป ผมก็เข้าไปดูที่ห้องพี่นาย พี่นายไม่อยู่! ผมก็รีบลงไปดูข้างล่าง พี่นายนอนอยู่บนโซฟากลางบ้าน คุณคริสก็นอนกองอยู่กับพื้น และนอนกอดขวดเหล้า ผมหายแฮ้งตั้งแต่เห็นสภาพของสามคนนั้นแล้ว ผมว่าเมื่อคืนมันต้องเกิดเรื่องอุบาทว์ขึ้นแน่ๆ ผมก็รีบไปดูในครัว เห็นป้าแม่บ้านกำลังเก็บของเข้าบ้านเลย....
“อ้าว! หนูนทตื่นแล้วเหรอคะ” ป้าแม่บ้านยิ้มอย่างใจดี
“ป้าครับ เมื่อคืน....”
“แหมๆ เมื่อคืนหนู สุดเหวี่ยงอยู่คนเดียวเลยนะคะ เต้นสะโคโยตี้อายเลยนะ” แล้วแกก็ขำของแกไป
ผมก็ขอให้ป้าเขาเล่าให้ฟัง สรุปคือ ผมรั่วสุดๆ เต้นยั่วยวนเต้นเลื้อยไปทั่ว และก็ดื่มไม่หยุดเลย เขาบอกผมดูคอแข็งมาก เพราะดูดื่มไปเยอะ แต่ก็ยังเต้นไม่หยุดพอประมานตี2ป้า ก็บอกว่าผมให้สามคนนั้นพาขึ้นห้องไป ส่วนพี่นายกับคุณคริสก็เข้าไปนอนที่ห้องนั่งเล่นเอง ผมชวนพวกมันขึ้นห้อง ผมอึ้งๆไปนิด อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด สามคนนั้นอาจจะแค่ร้อน รวมถึงผมด้วย ร้อนยังไงรอยเต็มตัวขนาดนี้ ตอนนั้นคิดรนๆไปหมด โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นไม่หยุดเลย ผมก็ล้วงขึ้นมาดู พี่อ๊อฟ โทรมาเป็นสิบสายแล้ว ผมก็กดโทรกลับไป....
“เป็นยังไงบ้างนท ดีขึ้นหรือยัง” พี่อ๊อฟถามอย่างเป็นห่วง
“คะ คือ..ดะ ดีขึ้นแล้ว พี่อ๊อฟ ผมสร่างแล้ว พี่อ๊อฟทำอะไร” ผมพยายามทำเสียงให้ปกติ
ผมบอกเลย ถ้ามันจะเป็นอย่างที่ผมคิด ผมก็ไม่มีทางบอกให้พี่อ๊อฟฟังแน่นอน ผมจะไม่ยอมให้เรื่องที่ผมทำตอนเมาทำให้ผมกับพี่อ๊อฟทะเลาะกันอีกแน่ และ 3 ตัวข้างบนนั่น ไม่ว่าจะยังไง พวกมันก็คงเมาเหมือนกัน ผมจะทำเป็นไม่รู้เรื่อง แล้วก็ปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป....
“อืม มึงดีขึ้นก็ดีแล้วนะ อีก 3 วันกูก็จะกลับไปอยู่บ้านแล้วนะ มึงจะกลับเมื่อไหร่” พูดอย่างใจดี ผมสะเทือนใจแปลกๆ
“ไม่นานเกินรอ ผมจะรีบกลับนะ พี่อ๊อฟ...ผมรักพี่นะ” ผมพูดนิ่งๆ ในใจผมรนไปหมด
“อืม กูก็รักมึงนะ กูจะรอมึงกลับมา คิดถึงมึงจะแย่อยู่แล้ว” มันพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“อื้ม ผมก็เหมือนกันนะ” รู้สึกผิด
ผมก็คุยกับมันไปสักพักก็วาง ผมคิดอะไรไม่ออก เรื่องมันต้องเป็นแบบที่ผมคิดแน่ๆ สภาพแบบนั้นมองโลกในแง่ดีไม่ลงแล้วสิ ผมจะทำยังไงดีนะเนี่ย แล้วรอยเต็มตัวเลย ให้ตายสิ! ผมก็ไปช่วยป้าเขาเก็บของ เก็บไปเก็บมาก็เสร็จ สักพักคุณคริสก็ตื่นขึ้นมา ผมก็เอาผ้าเย็นให้ ดูแล้วพี่นายจะหนักมาก ผมก็เลยเช็ดตัวให้เขานิดหน่อย ไม่ได้แก้ผ้าเช็ดนะ แค่เอาผ้าชุบน้ำเย็นลูบตามหน้าตามแขนและขาของเขาก็เท่านั้น....
หมับ! พี่นายจับมือผมที่เช็ดหน้าให้เขาอยู่...
“เป็นเด็กดีจริงๆเลยนะนท” พี่นายยิ้ม แต่ตาก็ยังไม่ลืม
“ครับ พี่นายลุกไหวไหมครับ” ผมถามอย่างเป็นห่วง แล้วก็ดึงมือพี่นายที่จับมือผมออก
“ปวดหัวมากเลยละ” พี่นายพูดแล้วบีบขมับตัวเอง
“นี่ค่ะ น้ำมะระปั่น แก้แฮ้งนะคะ คุณผู้ชาย” ป้าแม่บ้านเอามาให้ ผมก็ค่อยๆพยุงตัวพี่นายให้ลุกขึ้น
แล้วพี่นายก็ดูดน้ำมะระปั่นกิน สีมันน่ากินนะ แต่กลิ่น เอ่อผมกินไม่ลง....
“หนูนทก็หนักนะคะ สักหน่อยไหม” ป้าแม่บ้านถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่ดีกว่าครับ ผมสร่างแล้ว” ผมยิ้มอ่อน ไม่สร่างก็ให้มันรู้ไปเถอะ ผมทำอะไรไว้อีกก็ไม่รู้ บอกตามตรงผมจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ ภาพมันตัดไปตั้งแต่ผมกระดกๆ ที่ป้าผมบอกเต้นยั่วอะไรผมไม่รู้อะไรเลย
พอพี่นายกินน้ำมะระเสร็จผมก็พยุงแกขึ้นห้องไปส่งแกอาบน้ำ แล้วผมก็ออกมา ผมไม่กล้าเข้าไปในห้องที่ผมนอนตอนนี้ รู้สึกกลัวแปลกๆ สามคนนั้นรุมผม? 3รุม1 ทำไปได้ คิดสภาพแล้ว ใช่เหรอมันใช่เหรอ! โอ้ย! ผมก็ลงบ้านไป ไปเดินเล่นริมหาด ใจผมกระวนกระวายไปหมด มันเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกทีที่ผมเมาในแต่ละครั้ง ความรั่วความบ้าจะไม่เหมือนกันสักครั้งเลย และเมื่อคืน เมาที่สุดในชีวิตผมแล้วมั้ง ปวดหัวไปหมด อาการเจ็บก้นก็เริ่มมา เจ็บตามรอยจ้ำที่ตัวก็เริ่มออกอาการเจ็บแปลบๆ คิดอะไรไปมาเพลินๆ ท้องก็เริ่มหิวมากแล้ว เพราะเอาออกไปเมื่อเช้าคือเยอะมาก หมดตัวเลยมั้ง ผมก็เดินกลับไปที่บ้าน..
ยังไม่มีใครลงมา ป้าเขาก็จัดข้าวของผมให้ผมก่อนผมก็นั่งกินไป แล้วผมก็เสริชในเน็ท วิธีทำให้รอยจ้ำหายเร็วที่สุด เพราะถ้าผมกลับไปแล้วพี่อ๊อฟเห็นไม่ปลอดภัยแน่ เขาบอกมียาตัวนึง ผมก็รีบกินข้าวเลย แล้วก็ถามป้าว่าร้านยาอยู่ที่ไหน ตอนแรกป้าเขาจะไปซื้อให้แต่ผมก็ค้านสิ ว่าจะไปซื้อเอง ขืนบอกไปเป็นเรื่องแน่ พอกินเสร็จและรู้ทางแล้ว ผมก็ขอยืมจักรยานป้าเขาปั่นไป ป้าบอกเลยตลาดไปหน่อยจะมีร้านยาอยู่ร้านนึง บอกตรงทรมานมาก เจ็บแสบและเสียดก้นมากมาย แต่ก็ต้องทนแล้วละ พอไปถึงก็มีร้านยาเล็กๆอยู่ร้านนึง เภสัชเป็นผู้ชาย น่าจะนักศึกษาฝึกงาน เพราะยังใส่ชุดนักศึกษาอยู่เลย...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:00:04
“มียาตัวนี้ไหมครับ” ผมก็ยื่นโทรศัพท์ไปให้เชาดู เขาก็มองหน้าผมนิดหน่อย แล้วก็หันไปหยิบยาให้ ผมก็เอาโทรศัพท์ไปเลื่อนดูอีกรูปนึง ที่ผมก็เสริชหาก่อนจะเดินเข้าร้านมา
“นี่ครับ ทาหลังอาบน้ำเนอะ ตัวนี้จะไม่มีผลข้างเคียงอะไรนะ ผิวน้องใช้ได้แน่นอนครับ” เขาก็พูดแนะนำไป
“ละ แล้วยานี้มีไหมครับ” ผมยื่นรูปยาไปให้เขาดู เป็นยาทา แก้ฟกช้ำ ตรงรูทวารชื่ออุบาทมาก มันเป็นเหมือนคนที่เป็นริดสีดวง ไม่รู้ใช้ได้เหมือนกันไหม เขาก็มองหน้าผมนิ่งๆ...
“เป็นริดสีดวงเหรอ?” ถามนิ่งๆ ผมอายมาก ต้องพูดออกมาเหรอ
“ปะ...เปล่าครับ” ผมก้มหน้า
“ต้องบอกอาการที่ชัดเจนนะครับ พี่จะได้จัดยาให้ถูก ขืนพี่ให้ซี้ซั้วไป ก็เสียชื่อพี่แย่เลยนะ!” ผมก็เงยหน้ามองเขานิ่งๆ
ผมก็บอกอาการด้วยเสียงที่เบาๆไปว่าเจ็บ เสียดและแสบตรงรูนั้น เพราะโดนสวนก้นมามั้ง ผมพูดแบบแหบพร่า ขอให้ไม่ได้ยินเถอะ ผมกลัวว่าพี่นายจะพาไปเล่นอะไรที่โลดโผนแล้วมันจะอักเสบ เลยหายาทากันไว้ดีกว่า เขาดูตั้งใจฟังเกินไป พอผมบอกจบ เขาก็อมยิ้มนิดหน่อย แล้วก็หันไปจัดยาให้ อายมากบอกตรง อายสุดๆ เขาให้ยาทากับยาแก้อักเสบแก้ปวกแล้วก็อะไรต่อมิอะไรมา แล้วพี่เขาก็อธิบายไปว่ายานี่ควรกินควรใช้ยังไง ผมก็ฟังแบบนิ่งๆ พอเสร็จผมก็จ่ายตังแล้วก็รีบออกจากร้านเลย ผมขึ้นจักรยานอย่างระมัดระวัง พี่เภสัชก็ยืนยิ้มมองผมอยู่ในร้าน ผมก็รีบปั่นจักรยานกลับบ้านเลย พอถึงก็จอดรถ แต่!.....
“นท!” ไอ 3 คนนั่นวิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม
ผมเห็นเขาวิ่งมากัน ผมเลยรีบเก็บยาใส่กระเป๋าด้านหลังกางเกงเลย แต่คาดว่ามันก็คงเห็นกันแล้ว.....
หมับ! พี่ดินวิ่งเข้ามาสวมกอดผม พี่ไฟก็สวมกอดข้างๆผม พวกพี่เขาคงอาบน้ำแล้วจากกลิ่นตัวของพี่เขา.....
“พวกเราหานทแทบแย่ ไปร้านยาทำไม เป็นอะไรหรือเปล่า!” ทั้งคู่ก็ผละออกมาแล้วพี่ดินก็ถามผมอย่างเป็นห่วง
ผมก็นิ่งๆอึนๆ ไม่รู้ คือถ้ามันเป็นอย่างที่ผมคิดผมก็ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้จะทำหน้ายังไง ไอสิงโตก็มองผมอย่างเป็นห่วง...
“อะ..เอ่อ...ผะ...ผมไม่เป็นอะไร เข้าบ้านดีกว่า” ผมก็เดินไปทางประตูเข้าบ้าน พี่ๆเขาก็ตามมา ผมก็แอบอึดอัด
อยากจะถามเหมือนกันว่าเมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้น แต่ผมพอจะเดาได้ ก็เลยเงียบไว้เถอะ อย่าถามอย่ารู้อะไรเลยดีกว่ามั้ง พอเข้าบ้านมาพี่นายที่นั่งกินข้าวอยู่ พอเห็นผมก็ยิ้มให้ผม.....
“กินข้าวหรือยังนท ไปร้านยาเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่นายถามอย่างเป็นห่วง
“ป่ะ...เปล่าครับ แค่ไปหาอะไรมาอมหน่อย รู้สึกคอแห้งแปลกๆ แต่ร้านยามันปิด ผมก็เลยแวะซื้อลูกอมในตลาดมานะครับ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนักแล้วก็นั่งลงประจำที่ของตัวเอง สามคนนั้นก็นั่งลงแล้วก้จ้องผม
แล้วก็พากันกินข้าวกันไป ผมก็นั่งกินขนมที่ป้าจัดให้ นั่งกินกันไปนิ่งๆ พอขนมผมหมดผมก็ขอตัวทุกคนขึ้นห้อง พอขึ้นห้องได้ผมล๊อคประตูแล้วก็รีบเข้าห้องน้ำเลย ทายาตามรอยจ้ำๆ และก็ทายาตรงนั้น ยามันเย็นๆ ทาเสร็จผมก็กินยา ผมแวะไปหยิบน้ำขวดเล็กในครัวก่อนขึ้นห้องมาด้วย กินเสร็จผมก็ออกจากห้องไป ดูความเสียหายบริเวณรอบเตียง ผ้าปูเตียง เป็นคราบอะไรเต็มไปหมด มีคราบเปื้อนสีแดงๆนิดๆ ผมคาดว่าน่าจะเลือด ผมละอายแก่ใจนะเนี่ย.....
ก๊อกๆๆๆ แกรกๆ! เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงหมุนกลอนดังขึ้น ผมก็สะดุ้งเล็กน้อยเพราะมัวแต่คิดอะไรอยู่ ผมก็ลุกไปเปิดประตู โดยไม่ลืมเอายาซ่อนไว้ในกระเป๋า พอเปิดประตู ก็เจอสามคนนั้นยืนหน้าสล่อนกันเชียว ผมก็ยิ้มให้นิดหน่อย พวกนั้นก็เข้าห้องมา ผมกำลังจะเดินออกไปจากห้อง.....
“มึงอย่าบอกนะ ว่ามึงจำอะไรไม่ได้อีกแล้ว!” ไอสิงโตพูดเสียงแข็ง ผมถึงกับหยุดนิ่ง แล้วก็หันไปมองมัน
“อะไร” ผมถามนิ่งๆ
“เรื่องเมื่อคืนน่ะ...” พี่ดินพูดขึ้นมา
“ผมว่าต้องมีการเข้าใจผิดอะไรแน่นอน!” ผมพูดสวนขึ้นมาด้วยยิ้มอ่อน
“นะ..นี่นท จะผิดสัญญาเหรอ....” พี่ไฟมองผมหน้าเศร้าๆ
“สะ...สัญญา?” ผมทำหน้างงๆ ไอสิงโตกรอกตาใส่ผม
สิงโตมันก็เดินมาหาผมแล้วจับข้อมือผม หันไปบอกพี่ดินกับพี่ไฟว่ารอแปปนึง แล้วก็ลาก ใช้คำว่าลากเนอะเพราะผมไม่เต็มใจจะไปกับมัน มันก็ดึงและลากผม ให้ไปกับมัน มันลากผมออกมานอกบ้าน พี่นายก็ถามอย่างเป็นห่วงแหละ ว่าเป็นอะไรกัน สิงโตก็บอกเขาว่ามีเรื่องจะคุยกับผม เอิ่ม! ผมยิ่งไม่อยากไปเลย ไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยิน มันลากผมมาที่ริมชายหาด วันนี้อากาศดี๊ดีลมโกรกแรงเว่อร์ แดดก็อุ่นกำลังพอดีเลย......
“วันนี้อากาศดีจัง ลมเย็นสบาย” ผมยิ้มให้มัน เพราะมันทำหน้ายักษ์ใส่ผม
“นะ..”
“เห้ย! นั้น นกอะไรอะปะ...” ผมเอ่ยสวนมันขึ้นมา
“นท! มึงอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง!” ไอสิงโตตะคอกใส่ผม
“จะดุทำไมวะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“เมื่อคืนมึงเมามาก มึงไม่รู้ตัวใช่ไหม” ผมก็พยักหน้ารัวเลย
“เมามาก เมาแบบไม่รู้เรื่องเลย ถ้ากูทำอะไรพูดอะไร มึงจะไม่ใส่ใจกับมันใช่ไหม!” ผมพูดอย่างอ้อนวอน
“พอเลย เรื่องนี้มึงต้องฟัง ถึงมึงจะไม่อยากฟังก็เหอะ!” มันพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ต้องละเอียด เพราะถึงกูจะจำไม่ได้กูก็ไม่อยากเห็นภาพ สรุปมาเลยสั้นๆ กูทำอะไรลงไป” ผมพูดอย่างจำยอม
“มึง มีอะไรกับกูพี่ดินและพี่ไฟ เมื่อคืน” ผมตกใจ ไม่คิดว่าจะเป็นจริงๆ “ จริงๆกู 3 คนก็เมากันมากด้วย เมามากจริงๆ แต่ก็พยายามยืนยันแล้วนะนทว่ายังไงก็จะไม่ทำเพราะมึงเมา แล้วก็เมากันหมด เดี๋ยวเป็นเหมือนคราวที่แล้วอีก ตอนแรกกูก็นึกว่ามึงจะโอเคเห็นฟุบหลับไป พอพวกกูจะนอน มึงก็บังคับพวกกู และก็จัดการเองเลย แถมยังสัญญากับพวกกูอีกว่า จะไม่ลืม จะทำทุกอย่างที่พวกกู3คนต้องการอีก ถึงพวกกูจะเมามากแล้วเคลิ้มไปกับการกระทำของมึงแต่ก็ยังจำได้นะ” ผมเอามือตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง
“ลืมมันได้ไหมวะ มึงก็รู้ว่ากูเมา” ทำหน้าไม่ถูกเลย “แล้วมึงยอมให้กูมีอะไรกับสองคนนั้นอะนะ!” ผมถามอย่างไม่พอใจ
“เรื่องนี้ กูต้องขอโทษมึงจริงๆ กูเมามาก มึงขึ้นให้กู แถมเรียกพี่ดินกับพี่ไฟมาแล้วก็อม...ให้เขาทั้งสองตอนแรกกูตกใจมาก แต่มึงเองไม่ใช่เหรอ ที่บอกว่าไม่เป็นอะไร!” ไอสิงโตพูดอย่างหาเรื่อง
งานงอก เมื่อคืนผีนางร่านคงเข้าสิงผมแน่ๆ หรือผมจะดูหนังอย่างว่ามากเกินไปนะ โถ่ ทำไปได้! เอายังไงละเนี่ย ไอสิงโตก็ยืนรำลึกเรื่องเมื่อคืนให้ผมฟัง ก็อย่างที่เล่าเลย ผมกับเขาสามคนมีอะไรกัน แบบสามรุมหนึ่ง เสียบกันมันส์ มั่วกันระเบิด แถมผมยังเป็นตัวนำให้ทุกคนทำแบบนั้นแบบนี้ด้วย และด้วยความที่ทั้งสามคนนั้นก็เมา พวกนั้นก็เลยปล่อยเลยตามเลย พี่ดินพี่ไฟก็มายืนมองหน้าละห้อยแล้ว และที่สำคัญกว่านั้น มันเป็นครั้งแรกของพี่ดินและพี่ไฟ เอิ่ม! ใครควรจะเสียหายวะ ผมรู้สึกแปลกๆ สามรุมหนึ่ง ทำไปได้เนอะ โว้ะ! ฟังไอสิงโตมันสวดเสร็จ มันก็ลากผมกลับขึ้นไปนั่งกับพี่ทั้งสองที่โต๊ะ พี่นายเดินไปหาคุณคริส ผมก็นั่งก้มหน้าอย่างสำนึกผิด......
“ขอโทษทุกคนนะครับ” ผมยกมือไหว้แล้วก้มหน้า
“นทไม่ผิดเลยนะ พวกเราเองอะสิ รู้ทั้งรู้ว่านทเมา แต่ก็ยังทำ” ผมก็เงยหน้ามองนิ่งๆ พวกมันยิ้มกรุ่มกริ่มกันไง
“นัดแนะกันไว้หรือเปล่าเนี่ย!” ผมพูดย่างจับผิด พวกมันก็ปรับสีหน้าเคร่งครึม เริ่มไม่ปลอดภัย
“นท อย่ามาโบ้ยนะ ตกลงจะผิดสัญญาใช่ไหม” พี่ดินพูดแล้วทำหน้าจริงจัง
“จะให้ทำอะไรบอกมาเลยครับ” ผมพูดอย่างจำยอมเพื่อให้เรื่องมันจบ แต่พวกนี้มันดูดี๊ด๊าผิดปกตินะ สงสัยเป็นสิ่งที่มันชอบกันอยู่แล้ว ทำไมมันต้องมายอมผมตอนที่ผมจำอะไรไม่ได้ โถ่! กะว่าจะเนียนๆลืมๆไป
“เมื่อคืน พี่รู้สึกดีมากเลยนะ” พี่ดินพูดอย่างอบอุ่น ผมก็ฝืนยิ้ม จนมันยกยิ้มไม่ขึ้นแล้ว
“พี่ก็ด้วยนะ” พี่ไฟก็ด้วย
“มันไม่ตลกไปหน่อยเหรอ ผมเมามากนะ อีกอย่าง เมื่อคืนคือ3รุม1 ทำไปได้!” ผมพูดท้วงนิดหน่อย ประเด็นคือตัวผมก็รับไหวได้ไง กับหนุ่มสุดฮอต 3 คน โอยตาย!
“มึงเป็นคนจัดการและบังคับพวกเราเองนท” ไอสิงโตพูดนิ่งๆ
“เฮ้อ! ถามจริง ไม่รู้สึกขยะแขยงอะไรเลยเหรอ เราสี่คน แบบ….” ผมเอามือปิดหน้า รังเกียจตัวเองชะมัด
“ไม่เป็นอะไรเลย เราคนกันเองทั้งนั้น” พี่ดินพูด แล้วดึงมือผมที่ปิดหน้าตัวเองออก
“เออ ยังไงกูก็รับได้ เมื่อคืนมึง สุดยอดเลยวะ” ไอสิงโตยิ้มอย่างอารมณ์ดี พวกนี้มันวิตถาร
“แต่ผมรับไม่ได้ ผมขอไกล่เกลี่ยเรื่องนี้ ผมเมามาก แบบมากๆๆๆๆ ทุกคนรู้ใช่ไหม” 3 คนก็พยักหน้า “อย่างนี้ได้ไหม เรื่องเมื่อคืน ขอให้มันจบแค่เมื่อคืน คิดสะว่าผมเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ก็ได้นะ...”
“ได้ยังไง นทมีค่ามากกว่านั้น อย่าพูดแบบนี้นะนท!” พี่ไฟพูดแทรกผมอย่างไม่พอใจ
แล้วก็เริ่มสงครามรุมประณามผม ผมจะบ้าตาย รู้สึกว่าตัวเองจะมาไกลมาก ไกลมากจริงๆ แค่เมื่อก่อนมีพี่อ๊อฟกับไอสิงโตก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว แล้วนี่พี่ดินพี่ไฟเพิ่มขึ้นมาอีก ไม่พอ ไอสิงโตก็ดันไปประสาทตามพี่น้องสองคนนั้นอีก ตอนนี้พวกนั้นก็พูดปลอบให้ผมรู้สึกดี เพราะหลังจากที่มันด่าผม ผมเกือบจะร้องไห้ มันจะรู้สึกดีได้ยังไงวะ เรื่องเมื่อคืนผมเมา ไม่ได้สติ จำอะไรไม่ได้ ไม่พอ การมีเซ็กส์ด้วยกันสี่คนเมื่อคืนมันเป็นเรื่องผิด มันหนักหนา แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิด จริงๆก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากหรอก เพราะส่วนหนึ่งก็จำอะไรไม่ได้ คุยไปคุยมา ผมก็เริ่มเออออตามพวกนั้นไป เริ่มรำคาญที่มันพูดซ้ำซาก.....
“เรื่องนี้จะต้องเป็นความลับ ผมไม่ยอมให้เรื่องบ้าๆตอนผมเมามาทำให้ผมกับพี่อ๊อฟสั่นคลอนหรอก!” ผมพูดอย่างคิดหนัก ถ้าพี่อ๊อฟรู้มันคงบอกให้ป๊า พาผมไปอยู่ซ่องเลยมั้ง
“ทุกอย่างจะเป็นเหมือนเดิมนท” ไอสิงโตจับมือผม เหมือนเดิมตลอดแหละมึงเนี่ย!
“ใช่ นทมีแฟนแล้วก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย เราไม่สนใจสักหน่อย” พี่ไฟไปกันใหญ่แล้ว
“แล้วก็ เรื่องเมื่อคืนมันก็คงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วละพะ..อุ้บ!...”
“ไม่ได้นะนท นทสัญญาแล้วว่าจะทำตามที่พวกเราต้องการ” พี่ดินเอามืออุดปากผมไว้ แล้วก็พูด
“เฮ้อ!” ไอสิงโตยิ้มอย่างผู้ชนะ
ไอสามพี่น้องนี่มันร้าย ร้ายมาก ผมเริ่มจะกลัวๆพวกมันแล้วนะเนี่ย คุยกันสักพักพี่นายก็เดินมา บอกว่าคุณคริสเขาหมดสภาพเลยนู่นนี่นั่น ผมก็เริ่มตีตัวออกห่างสามคนนี้ก่อน ให้มันมีความรู้สึกกับผมแบบปกติก่อนแล้วกัน ไม่งั้นยิ่งใกล้เกินไป เดี๋ยวก็จะเกินเลยอีก ตอนนี้ผมก็ตามพี่นายเข้าบ้าน พวกนั้นก็นั่งคุยอะไรกันไม่รู้.....
“พี่น้อย ขอน้ำหน่อยนะครับ” พี่นายบอกป้าแม่บ้าน
“พี่นายยังปวดหัวอยู่ไหมครับ” ผมถามแล้วนั่งลงข้างๆ
“หายแล้วละ เหลือก็แค่ปวดเมื่อยตามประสาคนแก่ก็เท่านั้น” ผมยิ้ม
“งั้นผมนวดให้นะครับ” ผมยิ้มอย่างใจดี
“จะดีเหรอ” พี่นายมองผมอย่างกวนๆ ผมก็ทำหน้ามุ่ย “โอเคๆ ก็ได้ๆ ลองดูๆ” แล้วเขาก็หันหลังให้ผม
ผมก็บีบไหล่ออกแรงลงที่ไหล่อย่างพอดีและสม่ำเสมอ ใจผมวุ่นวายกระสับกระส่ายไปหมด ไอสิงโตมันบอกว่าชอบผมไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมมันถึงปล่อยให้สองพี่น้องนั้นทำอะไรกับผม คิดมากไปหมด หรือว่าเมื่อคืนผมทำอะไรหนักกว่านั้นนะ มันจำอะไรไม่ได้เลย คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก และเมื่อคืนก็เมาหนักมากจริงๆ ผมกลัวว่าตัวเองจะก่อเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเองด้วย แต่ก็น่าจะเป็นแบบนั้นแหละนะ คิดไปก็นวดให้พี่นายไปด้วย เสียงเคลิ้มเชียว..........
“พอดีไหมพี่นาย” ผมถามอย่างสงสัย
“น้ำหนักกำลังดีเลยนะ นวดเก่งจัง” พี่นายพูดด้วยเสียงเคลิ้มๆ
“ผมเคยนวดให้ป๊าบ่อยๆนะครับ” ผมตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“อืมๆ! เป็นเด็กดีจริงๆ” พี่นายพูดแล้วก็หันมายิ้มให้ผมนิดหน่อย
ผมก็นวดไปพูดคุยกันไป พวกนั้นไปไหนแล้วไม่รู้ ผมก็ไม่สนใจ นวดไปสักพักผมก็ถาม ว่าจะกลับวันไหน พี่นายบอกพรุ่งนี้ก็กลับแล้วเพราะเขาติดงานแต่ถ้าพวกผมอยากจะอยู่ที่นี่ก่อนก็ไม่เป็นอะไรเดี๋ยวเขาไปนั่งเครื่องกลับเอง ผมก็ท้วงทันทีเลย ว่าก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน โดยอ้างว่าคิดถึงป๊า และก็ถึงเวลาข้าวเที่ยง เราก็กินกันไป พวกนั้นก็คุยกันสนุกสนาน ผมก็ค่อนข้างจะเงียบๆ ผิดหวังในตัวไอสิงโตมัน จะพูดว่าทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะตอนผมเมาผมบอกเลยว่าไม่รู้ตัว เลยโทษมันทั้งหมดก็ได้ กินข้าวเสร็จพี่นายก็พาไปไร่ผลไม้ ไปเดินเล่นกัน ผมก็เดินไม่ห่างพี่นายเลย รู้สึกปลอดภัยมากกว่า ก็เดินไปเก็บผลไม้กินไป ไร่ผลไม้สวยมาก เรียงรายแบ่งเป็นโซนๆ ว่าอันไหนคือผลไม้ชนิดไหน อากาศสดชื่นมากมาย.....
“น่ากินเนอะ” ไอสิงโตมององุ่นในมือผมด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“พะ...พี่นายครับ ลองชิมลูกนี้ดูนะครับ ผมล้างให้แล้ว” ผมหนีไปหาพี่นาย
ผมก็ทำแบบนี้เรื่อยๆ ยังไม่พร้อมจะคุยกับ3คนนั้น รู้สึกอะไรหลายๆอย่าง พอเดินเล่นกันพอใจก็พากันไปขับรถเล่นชมวิว ผมก็นั่งหลังกับไอสิงโตเนี่ยแหละ มันก็ชวนผมพูดนู่นนี่นั่น แต่ผมก็เลี่ยงที่จะคุยบ้าง พอเที่ยวอะไรเสร็จก็กลับบ้านไปพักผ่อนกัน วันนี้ชิวๆ เพราะพี่นายเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว คนมีอายุก็แบบนี้ พอถึงบ้าน ผมก็อาสาไปนวดให้พี่นายที่ห้องนอน สามคนนั้นก็ไปเล่นกันที่ชายหาด ผมก็ไม่สนใจ ตอนแรกพวกนั้นก็มาลากผมไป แต่ผมก็ไม่ยอมไป บอกจะนวดให้พี่นาย มันก็เลยยอมกัน ผมก็นวดไป พี่นายก็เคลิ้มเชียว......
“นท นทเป็นแฟนกับสิงโตเหรอ?” อยู่ๆพี่นายก็ถามขึ้นมา
“ปะ..เปล่าครับ ทำไมเหรอ” ผมถามกลับอย่างสงสัย
“เห็นชอบเอามาพูดให้พี่ฟัง” พี่นายพูดเสียงเคลิ้มๆ
“มัน...คงคิดไปเองหรือเปล่าครับ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“นทชอบผู้ชายเหรอ?” พี่นายถามขึ้นมานิ่งๆ ผมก็แอบหวั่นนิดนึง กลัวเป็นเหมือนพ่อไอสิงโตแล้วยุ่งเลยนะนั่น “บอกมาเถอะ พี่ไม่ว่าอะไรหรอก พี่เข้าใจน่า” พี่นายพูดอย่างใจดี เมื่อเห็นว่าผมเงียบไป
“ครับ ผมชอบผู้ชาย” ผมพูดเบาๆ มือก็ยังคงนวดต่อไป
“อืม แต่นทไม่ค่อยเหมือนเลยเนอะ หมายถึงดูไม่รู้เลย” พี่นายพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ครับ พี่นายไม่รังเกียจใช่หรือเปล่าครับ” ผมถามอย่างเกร็งๆ
“จะรังเกียจทำไมละ นทเป็นเด็กดีขนาดนี้ โถ่ พี่ไม่คิดอะไรหรอก” หันหน้ามายิ้มให้ผม “เอ๊ะ! ว่าแต่ชอบเจ้าดินกับเจ้าไฟมันหรือเปล่าเนี่ย” อยู่ๆก็หันมาถาม ผมตกใจหมด
“ไม่ชอบหรอกพี่ ผมมีแฟนแล้ว” ผมพูดอย่างเขินๆ
พรึ่บ! พี่นายหันพลิกตัวมานอนหงายมองผม ผมตกใจเล็กน้อย....
“มีแฟนแล้ว? ใครน่ะ” มองผมอย่างสงสัย
“นี่ครับ” ผมเปิดรูปในโทรศัพท์ให้พี่นายดู
“สู้ดินกับไฟไม่ได้เลยนท” พี่นายพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“แหมๆ ผมไม่ได้ชอบเพราะหน้าตาหรือฐานะนะครับพี่นาย” ผมตอบกลับอย่างไม่จริงจังนักแล้วก็นั่งข้างๆพี่นาย
“เหรอ นทนี่เหมือนมีอะไรดึงดูดรู้ไหม” ผมก็มองพี่นายด้วยความสงสัย “ก็ ไม่รู้สิ ทำให้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็อยากจะเข้าหานะ” ลูบหัวผมเบาๆ ผมก็เขินนิดหน่อย
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็เป็นของผม และที่ผมมากับพี่ดินพี่ไฟ ไม่ใช่เพราะความชอบหรือแอบชอบครับ ผมมองพี่ดินและพี่ไฟก็พี่ชายคนนึงเท่านั้น และสิงโตก็เพื่อนรักผม ถึงผมจะชอบผู้ชายผมก็มีกฎเกณฑ์นะครับ ไม่ได้ชอบซี้ซั้ว” ผมพูดแบบเบาๆ เหมือนบ่นมากกว่า
“พูดจาดีเลยนะเนี่ย” พี่นายพูดด้วยรอยยิ้ม “เห็นดินกับไฟพูดถึงนทบ่อยๆเหมือนกันนะ” ผมก็มอง “หมายถึงตอนที่เรายังไม่เจอกัน” ผมก็พยักหน้ารับ “แต่พอเจอและได้รู้จัก ก็รู้สึกว่ามันดีกว่าที่ดินกับไฟพูดอีกนะ” ผมก็ยิ้มเขินนิดหน่อย “ดินกับไฟไม่ค่อยมีเพื่อนดีๆหรอกนะนท คนที่เป็นเพื่อนกับเด็กสองคนนั้นก็เพราะเงินทั้งนั้น” พี่นายพูดแล้วทำหน้าเครียด “แต่พอได้ยินเรื่องเล่าของนทจากสิงโตแล้ว นทเป็นเพื่อนที่พี่อยากได้อยากให้เป็นเพื่อนกับดินและไฟเลยนะ” ยิ้ม
“เหมือนสิงโตเลยนะครับ” ผมพูดนิ่งๆ
“อืมใช่!” พี่นายพยักหน้าแล้วจับไหล่ผม “เป็นเพื่อนกับดินไฟและสิงโตต่อไปนะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ดีใจที่รู้จักนท” อยู่ๆมาพูดอะไรแบบนี้
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“ว่าแต่ เราโกรธอะไรสามคนนั้นหรือเปล่า พี่เห็นวันนี้ทำเหมือนหนีหน้าสามคนนั้นตลอดเลยนะ” ผมชะงักไปเลยสิ
“ปะ เปล่าครับ ผะ ผม” เลิ่กลักเลยสิ “เอ่อคือ ผมแค่เห็นว่าพี่นายอุตส่ามาด้วยแล้ว จะมัวแต่เล่นได้ยังไง ต้องเอาใจพี่นายด้วยสิครับ” ยิ้มอ่อนส่งไป
“โห! น่ารักจริงๆนะเด็กคนนี้เนี่ย5555 อยากได้อะไร เดี๋ยวจะซื้อให้” พี่นายพูดแบบไม่จริงจังนัก
“เฮ้อ! ทำไม่ชอบทำตัวเป็นเสี่ยจังอ่าครับ เหมือนไอสิงโตเลย ผมไม่ได้พูดหรือทำเพราะอยากได้อะไรสักหน่อย” ผมพูดอย่างเซ็งๆ
“5555 แปลกนะ ถ้าพี่พูดแบบนี้มีแต่คนเอ่ยปากขอนู่นขอนี่แล้ว มีแต่เราเนี่ย!” พูดอย่างอารมณ์ดี แล้วเอามือบีบปากผม
“อื้อ!” ผมดันมือออก “ก็ผมไม่ได้อยากได้อะไรสักหน่อยนี่นา แค่พี่มาด้วยและให้ผมได้อยู่บ้านสวยๆแบบนี้ผมก็ดีใจแล้วครับ” ผมตอบอย่างจริงใจ
“พูดจาเก่งนะเรานะ” พี่นายยิ้ม “คริสมันชมนทใหญ่เลยนะ เรื่องขนมเมื่อวาน เห็นว่าไม่รับเงินจากเขาด้วยเหรอ แบ่งให้ขนมไปเยอะพอควรเลยนี่” พูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็จริงๆผมซื้อมาไม่เยอะมากหรอกครับ แต่ไปคุยกับยายขายขนมนานไปหน่อย ก็เลยแถมนู่นแถมนี่ให้สะเยอะเลยละครับ พอผมกลับมาคุณคริสก็ตามมาขอซื้อต่อ ผมเห็นว่ามันเยอะ และก็ไม่แน่ใจด้วยว่าพี่นายกับสามคนนั้นจะกินหรือเปล่าผมก็เลยแบ่งๆไป กลัวเหลือแล้วน่าเสียดายอ่า” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ดูเป็นคนที่อัธยาศัยดีจริงๆเลยนะ นี่ถ้านทเป็นผู้หญิง พี่ต้องขอให้แต่งงานกับดินหรือไฟแน่ๆ” ผมชะงักไปนิด
“เอ่อ.....”  ผมอึกอักเล็กน้อย
“ล้อเล่นนะ” ยิ้ม “จริงๆถ้าเป็นนท อยากคบกับสองคนนั้นในฐานะแฟน พี่ไม่ว่าเลยนะ แต่ถ้าคนอื่นพี่ไม่ยอมนะ อันนี้พูดจริงจัง” พี่นายทำหน้าจริงจัง
“ทำเป็นพูดไปครับ ขนาดป๋าของสิงโตยังไม่พอใจผมเลย” ผมพูดอย่างนอยๆ
“เรื่องนั้น พี่ชายพี่มันหัวโบราณ มันชอบคิดมาก ชอบทำอะไรแบบคนแก่ๆ ไม่เหมือนพี่หรอก เด็กแนวไง55” พูดตลก “จริงๆนะ ถ้านทจะเป็นแฟนกับดินหรือไฟ พี่ไม่ห้ามไม่ว่าหรอก” พูดอย่างจริงจัง
“ว้า! แย่จังนะครับ งั้นก็คงต้องรอผมเลิกกับแฟนก่อนเนอะ” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“โห! เสน่แรงจริงๆนะเรา” พูดแล้วจิ้มเอวผม
จริงๆพี่นายก็เข้ากับเด็กๆได้ดีกว่าผู้ใหญ่คนอื่น ความคิดเขาก็ออกแนวเด็กๆเลย พูดจาวัยรุ่นมากไม่ถือตัว คือรวมๆแล้วเหมือนพี่มากกว่าพ่อพี่ดินพี่ไฟอีก ก็ดีจะไม่อึดอัด ผมก็คุยกับเขาไปจนถึงเวลาข้าวเย็นก็ลงไปกินกัน อาหารทะเลทุกเย็นเลย ผมก็เริ่มจะหันกลับไปคุยกับสามคนนั้นแบบปกติแล้ว ก็พยายามจะคิดว่าไม่มีอะไร และก็คงจะไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว อย่าทำตัวมีปัญหาจะดีกว่า ก็ทำตัวร่าเริงเข้าไว้นั้นแหละ แต่.........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:00:40
“นทกินนี่นะ พี่แกะให้” พี่ดินยิ้ม แล้วยื่นกุ้งมาให้ผม
“นี่ด้วยนะนท ชีสด้วย” พี่ไฟยิ้ม แล้วยื่นหอยกับชีสมาให้ผม
“นี่ก็อร่อยนะ กับน้ำจิ้มซีฟู้ด!” ไอสิงโตก็ด้วย
เพราะตั้งแต่เริ่มกินกันมาและเริ่มพูดคุยกัน สามคนนี้มันก็เอาใจผมออกนอกหน้าสะจนผมเริ่มรำคาญแล้ว.....
“เอาใจนทกันพิเศษแปลกๆนะ มีอะไรกันหรือเปล่า” พี่นายมองอย่างสงสัย
“ก็พวกเราสามคนเนี่ย.........” ผมมองพี่ไฟอย่างไม่พอใจ “อะ เอ่อ......”
“ก็พวกเราชอบนทไงพ่อ ก็เลยเอาใจเป็นพิเศษ” พี่ดินตอบด้วยรอยยิ้ม
“ชอบไม่ได้นะ นทเขามีแฟนอยู่แล้ว” พี่นายพูดอย่างกวนๆ
“พ่อครับ สมมุติว่าถ้าเรามีอะไรกับคนคนนึง แล้วคนนั้นเป็นคนที่เราชอบอยู่แล้ว เราต้องทำยังไงหรอครับ บะ.....” พี่ดินอยู่ๆก็พูดขึ้นมา
เคร้ง! ช้อนในมือผมหลุดเลย....
“อะ...เอ่อ ผมตกใจน่ะครับ พี่ดินพูดอะไรก็ไม่รู้” ผมแถๆแบบรนๆ ไม่คิดว่าพี่ดินมันจะพูด
“อืม” พี่นายทำหน้าคิด “ก็คงจีบ แต่ก็ต้องดูจากเหตุการณ์ด้วย อย่างมีอะไรกันเพราะอะไรเช่น มีอะไรกันเพราะมีใจทั้งคู่ หรือมีใจคนเดียวหรือเมา ทำนองนั้น ต้องดูด้วย” พี่นายพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก เชิงแนะนำ
“ถ้าตอนเมาอะพ่อ” พี่ดินก็ขี้สงสัยจริง ผมเริ่มอยู่ไม่สุขแล้ว พี่ดินก็มองมาทางผมแบบเจ้าเล่ห์เหลือเกิน
“ถ้าเราชอบ ก็คงจีบไปเลย แต่ถ้าชอบพอนอนด้วยแล้วไม่ใช่ก็คงปล่อย” พี่นายพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก้มกินต่อ
“งั้นก็จีบเลยใช่เปล่าพ่อ” พี่ไฟถาม พี่นายก็พยักหน้า
“แต่คนที่มีอะไรกันแล้ว ยังจะต้องจีบอีกเหรอพ่อ” พี่ดินยังไม่จบ
“ก็ตอนนั้นเมา ก็แสดงว่าสติไม่ครบ ทำอะไรไปไม่รู้ตัวหรอก สุดท้ายแล้วถ้าชอบก็เดินหน้าจีบไป” พี่นายพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก “อะไรกันอยู่ๆมาถามเรื่องแบบนี้ มีอะไรหรือเปล่า เอ๊ะ! หรือไปทำอะไรใครมา” พี่นายหรี่ตามอง พร้อมกับถามพี่ดินพี่ไฟอย่างจับผิด
“ก็พะ...” พี่ไฟ
“อ้า! พี่นายผมอยากกินปู แกะให้โหน่ยยยยย!” ผมพูดอย่างรนๆ ผมไม่ไหวแล้ว พี่ดินมันต้องบอกพี่นายแน่ๆ ถ้าจะบอกอะไรกันก็ขอให้บอกตอนผมไม่อยู่เถอะนะ ยางอายผมพกมาไม่พอแล้ว
“อ่าๆ เดี๋ยวแกะให้” พี่นายหยิบปูไปแกะ “ดิน เมื่อกี้จะว่าอะไรนะ” พี่นายหันไปถามพี่ดินนิดหน่อยแล้วก็ก้มแกะปูต่อ
“พ่อคิดยังไงกับการมีเซ็กส์ในรูปแบบ3รุม1ครับ” ผมอยากจะกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง พี่ดินมันต้องการอะไรเนี่ย ผมหันไปให้ไอสิงโตช่วยมันก็เอาแต่นั่งยิ้มแล้วก็กิน
“ก็ไม่รู้สิแล้วแต่ความชอบ ส่วนตัวพ่อว่าก็ปกตินะ ไม่ว่าจะ3รุม1หรืออะไรยังไง เมื่อเต็มใจจะร่วมก็ถือว่าเป็นการร่วมรักกันอีกแบบแหละมั้ง” พี่นายพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ทำไม ชอบแนวนั้นเหรอ” พี่นายถามอย่างไม่จริงจังนัก
“ผมไม่ค่อยชอบอะพ่อ แต่นะ..” พี่ดินจะเอาให้ผมจนมุมเลยใช่ไหม
“ได้ยังครับพี่นาย!” ผมจะไม่อยู่ใกล้กับไอสามคนนรกแตกนี้แล้ว อันตรายจริงๆ จะพูดให้มันได้อะไรวะ
“ได้แล้วๆ จะตะโกนทำไมเนี่ย!” พี่นายพูดแบบไม่จริงจังนัก
“นท ดูร้อนรนนะ” พี่ดินยิ้มกวนๆ
“พี่ดินคงอยากจะกินอะไรหวานๆใช่ไหมครับ เดี๋ยวผมทาเนยที่ปลาหมึกให้แล้วกันนะ!” ผมก็เอาเนยใส่ปลาหมึกย่างแล้วก็เอื้อมเอาไปวางไว้ในจานพี่ดิน
พี่ดินลุกขึ้น แล้วก็เดินมาที่ผม ทุกคนก็มอง แล้วก็จับแขนผมดึงให้ลุกตามไป โดยบอกทุกคนว่ามีเรื่องจะคุยกับผมแบบสองต่อสองห้ามใครยุ่ง ผมก็ตามไป ลากผมออกมานอกบ้าน ไกลพอสมควร......
“นท ทำไมทำแบบนี้ละ!” พี่ดินถามผมอย่างไม่พอใจ
“ผมทำอะไรพี่ดิน ผมเห็นมีแต่พี่นะที่ทำ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
“นทหนีหน้าพวกเรา แล้วพอตกเย็นมาก็มาพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อคืนพี่รู้สึกดีพี่ก็บอกไปแล้วไง อีกอย่างมันเป็นครั้งแรกของพี่นะนท ให้ความสำคัญกับพี่หน่อยบ้างสิ!” พี่ดินพูดอย่างน้อยใจ
“แต่ผมจะ....”
“จำไม่ได้เหรอ!” ผมก็พยักหน้าอย่างรู้สึกผิด “ก็พอจะเล่าให้ฟังนทฟังไหมละ นทก็เอาแต่หนี!” พี่ดินขมวดคิ้ว
“ผมไม่ได้อยากจะหนีปัญหานะพี่ แต่ผมแค่ไม่อยากฟังเท่านั้นเอง อีกอย่างไม่ใช่ไม่อยากจะไม่ใส่ใจ อยากอยู่ แต่ผมแค่ลำบากใจ ถ้าแฟนผมรู้แล้วจะทำยังไงหลายเรื่องเลย ที่ผมกังวลและกลัว และเรื่องที่ผมกลัวที่สุดคือถ้าพ่อพี่รู้เขาจะคิดยังไง ผมก็คิดมากนะพี่ ไม่ใช่พี่จะคิดอยู่คนเดียว!” ผมพูดเป็นเชิงระบาย เขาก็มองผมนิ่งๆ “ใช่ เมื่อคืนมันอาจจะเป็นครั้งแรกของพี่ ผมเอาแต่กังวลเองนั้นแหละโอเคๆ” ผมจับมืพี่ดิน “ผมจะฟังทุกอย่างโอเคไหม พี่อย่าโกรธผมนะ!” ผมพูดอย่างจำยอม ผมว่านิสัยเขาก็ไม่ต่างจากไอสิงโตเลย คือพูดอะไรไม่ค่อยจะฟัง ต้องยอมมันก่อน
“พี่ก็รู้ว่านทกังวล พี่มันเห็นแก่ตัวเองแหละ” พี่ดินทำหน้าสำนึกผิด
“งั้นเล่ามาเลยผมจะฟัง” พูดปัดๆไปครับ เดี๋ยวมาดราม่าอีกขี้เกียจจะฟัง อะไรที่มันกระทบต่อความรู้สึก
พี่ดินก็เริ่มเล่า เพราะคำท้าของไอสิงโตที่ว่าผมเป็นไก่อ่อน ผมก็เลยกระดกๆยกแก้วเอาแบบบ้าคลั่ง พอผมค่อนข้างจะเมามากแล้วก็เริ่มลุกขึ้นเต้น เต้นเลื้อยไปหาคนนั้นทีคนนี้ที เต้นๆๆและเต้น พอเริ่มเหนื่อย ก็ชวนสามคนนั้นขึ้นนอน พอถึงเตียง ผมก็กระโดดลงนอนเลย สามคนนั้นก็ไปอาบน้ำกัน พอออกมาจากห้องน้ำยังไม่ทันแต่งตัว ผมก็วิ่งเข้าไปกอดไอสิงโต และก็จับไอสิงโตจูบอย่างเมามันส์ พี่ดินบอกว่าตอนแรกพี่เขาเห็นเค้าก็ตกใจ จูบไปสักพัก ผมก็ผลักไอสิงโตลงเตียง และก็แก้ผ้าตัวเองออก และขึ้นคร่อมไอสิงโตเลย พี่ดินกับพี่ไฟก็ตกใจ ตอนแรกจะเดินออกจากห้องไป ผมก็เรียกเขาไว้ ให้เขามายืนอยู่หน้าผม ตอนแรกเขาก็บอกว่าเขาสองคนลังเล เพราะกลัวว่าผมเมาอยู่ แต่ผมเองนั่นแหละที่ยืนยันว่าไม่เป็นอะไร และไม่ได้เมา ก็บังคับให้เขาทั้งสองขึ้นมาและได้พูดสัญญากับเขาไปว่าจะทำตามที่ทั้งสามคนนั้นต้องการ และปลดผ้าขนหนูเพื่อให้ผม อมแท่งของเขาทั้งสอง ซึ่ง ไอสิงโตก็พยายามดันและผลักผมออก แต่ผมก็กดมันไว้และก็ได้แต่บอกมันว่าไม่เป็นอะไร..
พี่ดินบอกว่ามันดูไม่พอใจอย่างมาก แต่พอผ่านไปสักพักมันก็คงปล่อยให้เป็นไปตามนั้น และหลังจากนั้นผมก็จัดแจงทุกอย่างเลย ขึ้นของไอสิงโตจนไอสิงโตเสร็จก็บอกให้พี่ไฟนอน แล้วก็ขึ้นให้พี่ไฟต่ออย่างมันส์ พี่ดินบอกผมว่าเมื่อคืนผมทำให้พวกเขามีอารมณ์มาก พอพี่ไฟเสร็จก็ต่อด้วยพี่ดิน และพอพี่ดินเสร็จ ผมก็หลับไป พร้อมกับพวกเขาทั้งสามคน เอิ่ม! มันเป็นอะไรที่เอ่อคือ ผมก็ได้แต่นั่งอึนฟังพี่ดินเล่า รู้สึกเหมือนว่านั่นผมเหรอ ถ้าเมาแล้วจะรั่วมั่วร่านได้ขนาดนั้น โถ่! ……….
“แล้วพี่ดินจะให้ผมทำยังไงครับ” ผมถามขึ้นเมื่อพี่ดินพูดจบ
“อย่าหนีหน้าพวกเรา ไม่ว่าจะยังไงก็เถอะ” พี่ดินจับมือผม
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเซ็ง
“เข้าไปกินข้าวต่อเถอะ” ผมก็พยักหน้า
เราก็เดินกลับเข้าไปกินข้าวกัน ผมก็ปรับตัวให้ปกติ พี่นายก็ถามว่าไปคุยอะไรกันมา พี่ดินบอกว่าเรื่องส่วนตัวนิดหน่อย แล้วทำหน้ากวนๆให้พี่นาย พี่นายก็ไม่ว่าอะไร ผมก็เทคแคร์ทั้งสามคนไป แบบปกติดังเดิม พอกินอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน วันนี้ผมคุยไลน์กับพี่อ๊อฟทั้งวันแล้ว มันก็บอกว่าไม่โทรมาเพราะวันนี้มันนอนกับยาย ผมก็ออกไปเดินเล่นตรงชายหาดสักหน่อย รู้สึกอะไรหลายๆอย่างเลย เฮ้อ!.....
“เครียดเลยดิ” ผมหันไป ไอสิงโต ผมพยักหน้าแล้วใช้เท้าเขี่ยทราย “อย่าเครียดเลยมึง ปกติไว้ กูไม่อยากให้มึงเครียดนะ” ไอสิงโตจับมือผม
“กูมาไกลเกินไปแล้วว่ะ พี่ดินกับพี่ไฟเพิ่มขึ้นมาอีกกูจะทำยังไงดีวะ มึงไม่รังเกียจกูบะ...” พูดอย่างกังวล
“ไม่! และมึงห้ามคิดแบบนั้น!” อยู่ๆมันพูดอย่างจริงจังขึ้นมา ผมสะดุ้งไปนิดมันก็ปรับหน้าให้เป็นปกติ “เฮ้อ! นทอย่าคิดมาก กลับไปทุกอย่างก็ปกติแล้วมึง” มันกระชับมือผม
“เออกูจะพยายามคิดแบบนั้นแล้วกันนะ” ก็พยายามจะปลง เรื่องมันเกิดขึ้นมาแล้ว
ผมคุยกับมันนิดหน่อยมันก็ชวนผมเข้าบ้านแล้วก็ขึ้นไปบนห้อง พี่ดินกับพี่ไฟอาบน้ำแล้ว ผมก็เข้าไปอาบบ้างอาบเสร็จก็ออกมาไอสิงโตก็อาบไปก่อนแล้ว ผมก็ขึ้นไปนอนข้างพี่ดินที่เดิม........
“นท คืนนี้มานอนข้างพี่บ้างได้ไหม” พี่ไฟถามด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน
“ได้ดิ” ผมก็ลุกไปนอนระหว่างพี่ดินกับพี่ไฟ
ก็นอนไป ไอสิงโตออกมามันก็มองนิ่งๆ ผมก็ไม่อยากมีปัญหาอะไรมากก็ได้แต่คิดว่ากลับไปแล้วทุกอย่างก็จะจบ อดเอาพรุ่งนี้แล้ว พอไอสิงโตทำอะไรเสร็จก็ปิดไฟแล้วขึ้นนอน พี่ไฟกับพี่ดินก็นอนกอดผม อึดอัด แต่ก็อดเอา เฮ้อ!
พอเช้า พี่นายก็มาปลุกให้อาบน้ำเก็บของแล้วก็ลงไปกินข้าว พี่นายมีงานด่วนต้องรีบกลับ ก็กินข้าวเสร็จก็ร่ำลาป้าน้อยและก็ไปลาคุณคริสและก็พากันกลับ ระหว่างทางก็เปิดดูรูปที่เที่ยวกันอย่างสนุกสนาน ผมก็นั่งกับสิงโตเหมือนเดิม ผมก็หลับๆตื่นๆเนี่ยแหละ พอถึงบ้านพี่นายก็รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วก็ขับรถออกบ้านไป แม่พี่ดินพี่ไฟก็อยู่ ก็ไปทักทายกันนิดหน่อย พี่ดินกับพี่ไฟชวนผมไปหาอะไรกินนอกบ้านผมก็ไป ระหว่างทางก็พูดนู่นพูดนี่ตามสเต็บเขาสองคนก็น่ารักนะ แต่พูดมากไปหน่อย....
จนถึงห้างก็ไปหาอะไรกินกันกินเสร็จก็พาผมไปดูหนัง ไปส่งพี่ๆเขาช้อปปิ้งอีก จนเย็นก็พากันกลับ ผมก็บอกสามคนนั้นว่าจะไปเดินเล่น เขาก็บอกจะไปด้วย ผมก็ห้ามแล้วนะ แต่ก็ไม่พ้น ผมกะจะไปเดินเล่นเงียบๆสักหน่อย.....
“ดิน ไฟ!” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังระหว่างที่พวกผมกำลังเดินไปทางสนามเด็กเล่น พวกเราก็หันไปมอง ผมก็มองอย่างงๆ....
“อ้าว! ไอนี่มัน” ชี้หน้าผม
“ไอเด็กปากดี” ทำหน้ากวนตีน
“รู้จักนทด้วยเหรอ?” พี่ดินถามอย่างสงสัย
“ก็ไอเด็กนี่มันไปแอบดูหน้าบ้านเราอะสิ” ผมก็นึกออกเลย ไอสองคนนั้นนั่นเอง
“อ้อ! นี่สิงโตลูกพี่ลูกน้องเรา นี่นท...น้องชายเรา” พี่ไฟพูดแล้วยิ้ม “นี่กายนี่กัน เป็นพี่น้องกัน” พี่ไฟหันมาบอกผม
สองคนนี้หน้าตาก็ใช้ได้ ผิวดี ดูรู้เลยว่าเป็นลูกคนรวย ผมก็มองมันสองคนอย่างสังเกต รู้สึกว่ามันจะมองผมแบบไม่พอใจสักเท่าไหร่ ไอคนที่ชื่อกาย.....
“พี่ดินพี่ไฟคุยกับเพื่อนพี่ไปนะ ผมไปเดินเล่นก่อน” พูดจบก็เดินหันหลังไป
พี่ดินก็ตะโกนเรียกให้ผมรอ แต่ผมไม่ฟัง เดินมาเลยไอสิงโตก็ตามมา ผมก็ไปนั่งที่ชิงช้า ไอสิงโตก็มานั่งข้างๆ....
“กลับกันพรุ่งนี้เนอะ อยู่เล่นนี่ก่อน” ไอสิงโตพูดด้วยรอยยิ้ม
“แล้วแต่เสี่ยเลยครับ” ผมยิ้มอ่อนให้มัน
แล้วก็นั่งพูดคุยกันไป จนพี่ดินกับพี่ไฟเดินมากับพี่กายและพี่กัน ผมก็ไม่สนใจ คือเขาดูไม่อยากจะเป็นมิตรกับผมสักเท่าไหร่ ผมก็ไม่อยากยุ่งผมไม่อยากมีปัญหาแล้วเหนื่อยจะเจ็บตัวแล้วด้วย พี่กายดูจะไม่ค่อยชอบผมอย่างแรง แต่พี่กันก็คงจะเฉยๆ แต่ผมก็ไม่สนใจอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้อยากรู้จักด้วย.......
“คืนนี้บ้านกันมีปาร์ตี้ พวกเราไปด้วยกันนะ” พี่ดินพูดแล้วยิ้มออกมา
“เอาดิ น่าสนุก” ไอสิงโตก็เอ็นจอยเหลือเกิน
แล้วก็พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ผมก็ไม่ค่อยตื่นเต้นเท่าไหร่ เพราะไม่คิดที่จะไป ผมก็นั่งนิ่งๆ แกว่งชิงช้าไป สักพักพี่อ๊อฟก็โทรมา ผมก็กดรับแล้วก็เดินออกไปจากตรงนั้น..
พี่อ๊อฟก็โทรมาถามไถ่ผมก็บอกไปว่าจะกลับพรุ่งนี้อะไรยังไง มันก็ดูเป็นห่วงผมมากมายเลย ผมก็คิดถึงมันมากๆแล้วด้วย อยากเจออยากกอด คิดถึงบ้านคิดถึงทุกอย่างเลย คุยเสร็จก็วาง ผมก็เดินไปดูเด็กๆเล่นกันไป....
“ชอบเด็กๆเหรอ” ผมหันไปตามเสียง พี่กัน ผมก็มองซ้ายมองขวา ประมานว่าคุยกับใคร ตอนนี้ทุกคนก็มายืนอยู่ข้างหลังผมแล้วไง...
“กวนตีน เขาถามมึงนั้นแหละ นั่งอยู่คนเดียวยังมาหันมองอีก!” พี่กายพูดแบบไม่พอใจ
“พี่กาย พูดให้มันดีๆ นั้นน้องผมนะ!” พี่ดินพูดแบบไม่พอใจ
“นั่นสิ” พี่กันพูดแล้วมองผมแปลกๆ
“พี่ดิน พี่ไฟ สิงโต ผมกลับไปรอที่บ้านนะครับ ยังไงก็เที่ยวให้สนุกนะ” ผมยิ้ม แล้วก็เดินผ่านไป
“นท ไม่ไปด้วยกันเหรอ” พี่ดินจับแขนผมไว้
“ไม่อ่ะ ผมอยากเล่นเกมส์มากกว่า!” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“แต่บ้านเราก็มีเกมส์นะ บางเกมส์บ้านดินกับไฟยังไม่มีเลย!” พี่กันพูดอย่างใจดี
“จริงนท บ้านกันอ่ะเจ๋งสุดๆ ไปดูก่อนนะ” พี่ไฟพูด ผมก็มองนิ่งๆ เพราะเริ่มรำคาญแล้ว ไอพี่กายมองมาที่ผมแบบไม่พอใจมาก ผมจะไปเพื่อให้มันแดกดัน? เดี๋ยวก็มีปัญหาอีก
“ไปเถอะน่า กูไม่ให้ใครมาทำอะไรมึงหรอก กูจะไม่ห่างมึงเลย” ไอสิงโตพูดกระซิบผม
“อืม ไปดูก่อนก็ได้” ผมพูดอย่างจำยอม และได้แต่ท่องในใจว่า อดเอา เพราะมาเที่ยว มาต่างถิ่นอย่างแตกต่างเกินไป
ก็พากันไป เดินไปบ้านพี่กัน คนเริ่มเยอะแล้ว ปาร์ตี้เหมือนเด็กฝรั่ง พี่ดินบอกพี่เขาสองคนเรียนโรงเรียนอินเตอร์ ก็เลยมีจัดปาร์ตี้แบบนี้บ่อยๆ ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรใครก็พากันเดินเข้าไป เสียงเพลงเริ่มดัง.......
“อ้าวดินไฟ” หันไปตามเสียง....
“พี่ชิน!” ผมเอ่ยทัก พี่ชินคนที่ผมไปเล่นบาสที่สนามบาสตอนกลางคืนด้วยกับพวกพี่นาย
“อ้าว! นท มายังไงละเนี่ย” พี่ชินเดินมาหาผมแล้วก็ขยี้หัวผมนิดหน่อย
ทุกคนก็งงกันเลย ว่าทำไมผมถึงได้รู้จักกับเขาแล้วเขาก็เล่าให้ฟัง ทุกคนก็ดูจะเฮฮากันใหญ่เลยนะ แต่ก็มีอยู่คนนึงแหละ ไอพี่กายไง ผมไปทำอะไรให้มันไม่พอใจนักหนานะ มองค้อนผมแล้วมองค้อนผมอีก ผมก็คุยกับพี่ชินไป ตอนแรกก็จะเรียกอานั้นแหละ แต่ไม่ยอมมาแนวเดียวกับพี่นายเลย ผมก็เลยยอมๆไป จนมืด เสียงเพลงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ผมก็ไปนั่งโต้ะเดียวกับพี่กันพี่กาย เพื่อนๆพี่ๆเขาเยอะมาก ผมก็ไปเดินเล่นดูบ้านบ้าง บ้านพี่เขาใหญ่มาก ดูท่าน่าจะใหญ่กว่าบ้านพี่ดินพี่ไฟอีก ผมมาเดินคนเดียว พวกนั้นคุยกันสนุกสนานเลย ผมเบื่อเลยแยกออกมาเดินเล่น....
“เพื่อนกันเหรอคะ?” ผมที่เดินดูสวนดอกไม้เล็กๆ ที่แยกออกมาข้างๆบ้านสะดุ้งนิดนึง ที่มีเสียงผู้หญิงถาม พอหันไป ก็เห็นผู้หญิคนนึง สวยเลย....
“เปล่าครับ ผมเป็นเพื่อนของพี่ดินกับพี่ไฟ แล้วพี่?” ผมถามอย่างสงสัย
“เราชื่อ เกรซ เรียกพี่อย่างนี้เราก็แก่อะดิ” พี่เกรซพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็ในงานนี้มีแต่รุ่นพี่ทั้งนั้น” ผมยิ้มอย่างเปนมิตร พี่เขาก็พยักหน้ารับรู้
“ชอบดอกไม้เหรอ?” พี่เกรซถามผมอย่างสงสัยแล้วเดินมาข้างๆผม
“เปล่าครับ เสียงเพลงมันหนวกหูก็เลยมาเดินเล่นน่ะครับ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ เรียนที่ไหนอ่ะ” พี่เกรซถามอย่างสงสัย
“ที่.....อะครับ” ผมบอกแล้วยิ้ม
“โห! หนุ่มเหนือนี่เอง ว่าแล้ว ผิวขาวผิวสวยเลย” ยิ้ม “มาเที่ยวเหรอ” ผมก็พยักหน้า
เราก็คุยกันไป พี่เกรซน่ารักมาก เป็นกันเองมาก ตอนนี้ก็เดินมานั่งที่โต๊ะไม้เล็กๆข้างบ้าน บรรยากาศดีมากเลยละต้นไม้สวยๆดอกไม้ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆมา.....
“เฮ้อ!” อยู่ๆพี่เกรซก็ถอนหายใจออกมา แล้วทำหน้าเศร้า
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“พี่ทะเลาะกับแฟนน่ะ เครียดๆ เขาเป็นคนใจร้อน ขี้โมโห พี่ตามอารมณ์เขาไม่ค่อยทันเลย ทำอะไรเขาก็มักจะรำคาญ พี่คงไม่ดีพอสำหรับเขาหรอกมั้ง” พี่เกรซพูดเศร้าๆ
“ที่พี่เดินมานี่ กำลังเศร้าหรอกหรอครับ แล้วมาชวนผมคุยชิวๆเนี่ยนะ” ผมพูดอย่างไม่เชื่อ เพราะพี่เขาคุยกับผมแบบชิวๆดูไม่เศร้าอะไรเลยนะ
“พี่คงจะชินน่ะ บ่อยแล้ว อยากระบายบ้าง บอกเพื่อนไปก็กลัวเพื่อนจะซ้ำเติม” พี่เกรซทำหน้าเศร้า
“งั้นระบายให้ผมฟังก็ได้ครับ รับรอง ผมไม่ซ้ำเติมแน่นอน” ผมยิ้ม พี่เขาก็ยิ้ม
เขาก็เล่าทำนองว่าแฟนเขาเป็นคนนิสัยแย่ หัวรุนแรง ชอบตะคอกเอาแต่ใจตัวเอง เยอะแยะ ดูท่าจะเพิ่งทะเลาะกันมาด้วย คืออินมากเวลาเล่า ผมละแอบเกร็งนิดๆเลย เพราะเหมือนพี่เกรซเขาก็แบบหมดความอดทน ทั้งด่าทั้งอะไร มาหมด หมดลุคสาวสวยในมุมมองผมเลย แต่เขาก็น่ารักนะ ดูจริงใจดี แต่แปลกไปหน่อย มาเล่าเรื่องส่วนตัวให้กับคนที่เพิ่งรู้จักฟังเนี่ยนะ....
“โอ้โห!” พอเล่าจบผมก็อุทานออกมา
“พี่อ่ะ รักมันไง ก็เลยทนแหละ” พี่เกรซพูดอย่างจริงจัง
“ผมก็เคยเจอนะครับ ความรักแย่ๆ” ผมยิ้ม พี่เขาก็มอง “อยากฟังของผมเปล่า บางทีอาจจะแย่กว่าของพี่อีกมั้ง”(ยิ้ม)
“อะไรกัน เด็กใสๆแบบนี้ มีแฟนแล้วเหรอ” พี่เกรซยิ้มล้อๆ ผมก็เขินสิ “ผู้ชายหรือผู้หญิงละ” พี่เกรซถามแล้วทำหน้ากวนๆ
“ผู้ชาย” ผมยักคิ้วให้พี่เกรซเขาตกใจไปนิด
“ดูไม่ออกเลย!” พี่เกรซขมวดคิ้ว
“เอาน่า จะเล่าแล้วนะ” พี่เขาก็พยักหน้า ผมก็เริ่มเล่าเรื่องของไอเบสให้พี่เขาฟังไป เล่าคร่าวๆ…. “ตลอดเวลาที่ผมทน ผมก็คิดมาตลอด ว่าแบบเออเรารักมัน เราก็ต้องยอม แต่คนเราอะพี่ มีรักได้ก็มีหมดรักได้จริงไหม มันเอาแต่ทำลายมันไม่ยอมเติมเต็ม จนสุดท้ายก็จบกัน ในแบบไม่สวยเลยละ” ยิ้มอ่อน เพราะพูดถึงเรื่องนี้ผมสะเทือนใจทุกทีเลย
“โห! นท พะ..พี่” พี่เกรซจับมือผม
“ไม่เป็นอะไรครับ ทีพี่ยังเล่าให้ผมฟังเลย ผมเล่าให้พี่ฟังบ้างจะเป็นอะไรครับ” ผมตอบด้วยรอยยิ้ม
“นั่นสินะ นทยังโชคร้ายกว่าพี่เยอะเลยอะ ถึงไอกาย” ผมชะงักไปนิด “มันจะเอาแต่ใจอะไรมันก็ใส่ใจพี่ไม่ลดลงเลยนะ แต่ของนท…...” พี่เกรซกระชับมือที่จับมือผม
“ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมอะ แข็งแรงพอกับเรื่องพวกนี้แล้ว เพราะตอนนี้ผมมีคนที่ดีที่สุด คอยดูแลผมแล้ว” ผมยิ้ม
“จริงเหรอ” พี่เกรซยิ้ม “จริงๆพี่เป็นสาววายเลยนะ พี่ชอบมากเลยอะ” ทำหน้าตื่นเต้น “ขอดูรูปแฟนนทหน่อยดิ” ยิ้มบาน
“นี่ครับ” ผมก็เปิดรูปคู่ผมกับพี่อ๊อฟให้ดู
“กรี๊ด! ฟินอ่ะ” พี่เกรซทำท่าทางดี๊ด๊า “นทดีแล้วละ รักที่ไม่ดีอะอย่าไปจำ จำปัจจุบันที่มันใช่ก็พอนะ พี่เป็นกำลังใจให้” พี่เกรซพูดอย่างตื่นเต้น
“ไม่ขนาดนั้นหรอกน่าพี่” ผมยิ้มเขินๆ เออว่าแต่ แฟนพี่ชื่อกาย ใช้กายทะ.....”
“เออ กูเอง!” ผมหันไปมองขวับเลย ไอพี่กาย.....
“กาย!” พี่เกรซลุกขึ้นไปกอดแขนพี่กาย ผมก็มองนิ่งๆ “กาย น้องนทคุยสนุกมากเลยละ” พี่เกรซยิ้มแล้วส่งซิกให้ผมประมานว่าอย่าบอกใครเรื่องที่เราคุยกัน
“คุยอะไรกัน ทำไมไม่ไปอยู่ข้างหน้า!” พี่กายถามอย่างสงสัย
“เกรซนึกว่ากายโกรธ ก็เลยว่าจะเดินมานั่งเงียบๆ แต่เห็นนทเดินมาเลยชวนคุยน่ะ” พี่เกรซพูดด้วยรอยยิ้ม
“หึ!” ดูไอพี่กายมันมองผมนะ
ผมก็ลุกขึ้นเตรียมจะเดินหนีมัน....
“เอะอะก็เดินหนี มารยาทมันอยู่ตรงไหนวะ” พี่กายพูดกระแทกขึ้นมา ผมหยุดเดินแล้วก็หันไปมองมันด้วยรอยยิ้ม
“พี่เกรซครับ แล้วไว้คุยกันใหม่นะครับ” ผมพูดโดยไม่สบตาไม่สนใจอะไรไอพี่กายเลย ผมเห็นมันทำหน้าโกรธที่ผมเมินมันด้วยสะใจมาก พี่เกรซก็ยิ้มรับ
แล้วผมก็เดินไปดูดอกไม้ของผมไป พี่เกรซก็เดินผ่านหลังผมไปกับพี่กายพี่เกรซก็ทักผมนิดหน่อย ผมก็หันไปยิ้มให้พี่เกรซเท่านั้น  สักพักไอสิงโตก็มาตาม ผมก็ไปนั่งกับมัน ตอนนี้โต้ะที่ผมนั่งก็มี พี่กายพี่กันพี่ดินพี่ไฟพี่เกรซพี่แอมผมสิงโต นั่งพูดคุยกันไป และผมก็พูดคุยกับทุกคนอย่างสนุกสนานยกเว้นไอพี่กาย ดูมันก็พยายามจะคุยกับผม แต่ผมไม่คุย ไม่สนใจเลย เบี่ยงประเด็นหนีตลอด จนลุกไปเต้นกัน ผมก็นั่งกินข้าวไป คนอื่นๆก็ลุกไปหมดแล้ว ตอนนี้ที่โต้ะเหลือผมคนเดียวนั่งกินอยู่.....
ตึง! พี่กายมันนั่งลงตรงข้ามผมอย่างแรง ผมก็เหล่ตามองมันนิดหน่อยแล้วก็ไม่สนใจกินต่อไป........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:01:33
“ทำไม!ไอที่ทำท่าเมินกู ทำเป็นไม่เห็นหัวกู เพราะคิดว่าตัวเองแน่เหรอ อย่าคิดนะ ว่าทุกคนชอบมึงแล้วกูจะต้องชอบเด็กอย่างมึง!” พี่กายพูดกดเสียง
ผมเงยหน้ามองมันนิดหน่อย แล้วก็ไปหยิบแก้ว เทน้ำอัดลมมาอีกแก้วนึงแล้วก็ยื่นให้มัน มันก็รับไปแบบงงๆ....
“กินน้ำหน่อยนะครับ คอคงแห้ง” ผมพูดนิ่งๆแต่ก็ไม่มองหน้ามัน ก็ก้มกินข้าวต่อ
“จะกวนตีนกูใช่ไหม!” มันดึงซ้อมผมที่กำลังจิ้มเนื้อย่างไป ผมก็มองมันแบบไม่พอใจ ขัดขวางตอนกินของผมงั้นเหรอ
“เป็นอะไรครับ มารยาทไม่มีเหรอ คนกำลังทานข้าวแล้วมาดึงไปแบบนี้!” ผมพูดนิ่งๆ
“ในที่สุดมึงก็พูดกับกูได้ แถมพูดได้ยาวสะด้วย” มันยิ้มแบบผู้ชนะ ผมกรอกตาหนักมาก
และก็ไม่สนใจมัน หยิบส้อมในจานไอสิงโตมาจิ้มกินต่อไป มันก็บ่นอะไรของมัน ผมก็ไม่สนใจ พวกเด็กเรียกร้องความสนใจ มองแล้วก็น่าจะทำได้แค่นั้น ทุกคนก็ตะโกนมาเรียกผมไปเล่นเกมส์อะไรไม่รู้ผมก็ไม่ไป เพราะไม่ค่อยรู้จักใครด้วย.......
“มึงไม่ได้ฟังที่กูพูดเลยเหรอวะ!” เอาแล้ว มันเดินมานั่งข้างๆผม ผมก็เขยิบนิดหน่อยแล้วก็กินต่อไป “หมับ!” มันจับแขนผม ไม่แรงมากผมก็หันไปมองหน้ามัน “ไม่มีใครกล้าเมินกูหรอกนะ แล้วยิ่งคนอย่างมึงมาเมินกูกูยอมไม่ได้!” มันพูดแบบไม่พอใจ
ผมก็ใช้มืออีกข้างนึงหยิบเลย์ มาจ่อปากมัน...
“อ้าปากเร็ว” พูดนิ่งๆ มันก็มองผมแปลกๆแล้วก็อ้าปาก ผมก็ยัดเลย์ใส่ปากมัน แล้วก็ดึงมือข้างที่มันจับออกจากแขนผม แล้วก็กินสเต็กต่ออย่างอร่อย
“มึงนี่มัน!” มันพูดออกมาอย่างเหลืออด จริงๆผมก็อยากจะเถียง เพราะอยากจะกินมากกว่าเลยขี้เกียจเถียง และอีกอย่างดูดีๆมันก็ไม่น่าจะทำร้ายอะไรผมหรอก มันก็คงแค่อยากคุยอีกอย่างมันก็แค่พวกชอบเรียกร้องความสนใจแค่นั้นเอง
“โอย อิ่ม!” ผมเอนตัวพิงกับเบาะแล้วลูบท้อง ไอพี่กายมันก็นั่งทำหน้าไม่พอใจผมอยู่ข้างๆนี่แหละ
“ไม่อิ่มให้มันรู้ไป ยัดเข้าไปได้ยังไงวะนั่น!” มันพูดประชดแดกดันแล้วจ้องผม ผมก็หันซ้ายหันขวาประมานว่ามันคุยกับใคร “เลิกกวนตีนได้ไหมวะ! นี่กูคุยกับมึงอยู่นะ!” พูดอย่างโมโหแล้วสินะ
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างรำคาญแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู แล้วกดโทรหาพี่อ๊อฟ
กดโทรไปสายนึงมันไม่รับ แล้วสักพักมันก็โทรกลับมา ไอพี่กายก็ยังคงนั่งมองผมผมก็ไม่สนใจมัน......
“เมื่อกี้อยู่กับยาย” พี่อ๊อฟพูดอย่างดีใจ
“ทำอะไร” ผมถามด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดูทีวีกับยาย และก็คิดถึงมึง” พูดเสียงเบาๆ
“บ้า!” เขินไง หันไปมองไอพี่กายมันก็จ้องอยู่ ผมก็ปรับสีหน้าปกติทันที
“พรุ่งนี้กูก็จะกลับไปนอนกับมึงนะ” พี่อ๊อฟพูดอย่างตื่นเต้น
“ไม่เอา พี่อ๊อฟนอนกับยายไปเลย นอนกับผมอะเมื่อไหร่ก็ได้” ผมพูดอย่างเขินๆ
“ไม่เอา เดี๋ยวกูไปรับมึงมานอนด้วยไง เหลือเวลาอีกตั้งหลายวันจะเปิดเทอม มานอนนี่อีกสัก2คืนก็ได้นะ” พี่อ๊อฟพูดอ้อน
“ก็ได้ๆ ป๊าจะยอมใช่เปล่า!” ผมพูดไปแล้วนึกถึงป๊าไป
“เดี๋ยวไปขอให้ไง” พี่อ๊อฟพูดอย่างจริงจัง
ผมก็คุยกับมันไป คิดถึงมันมากมาย อยากเจอแล้วสิ คุยไปสักพักก็วาง.....
“คิดถึงอย่างนั้นคิดถึงอย่างนี้ จะอ้วก!” ผมวางสายเสร็จ ไอพี่กายก็ทำล้อเลียนผม
ผมก็ไม่สนใจมัน ถ้าผมพูดกับมันแสดงว่าผมแพ้ มันกำลังเล่นเกมส์กับผมอยู่ ผมไม่อยากมีเรื่องด้วย เพราะถ้าผมพูด มันจะต้องเป็นเรื่องแน่ๆ สักพักมันก็ลุกไป ผมก็โล่งใจ เบื่อมันรำคาญมากเหลือเกิน และอีกสักพักผมก็ปวดฉี่แล้วก็ลุกไปหาห้องน้ำเข้า พอออกมาทุกคนก็กำลังสนุกอยู่ที่สระว่ายน้ำเลย เขาเล่นเกมส์อะไรกันสักอย่างผมก็กำลังจะเข้าไปร่วมด้วย……..
“โอ้ย!” ผมหันไปมองห้องข้างๆห้องน้ำ มันเหมือนห้องฟิสเนท มีเสียงคนร้องอยู่ในนั้น ผมก็เปิดประตูเข้าไปดู ไอพี่กายอีกแล้ว นอนชักดิ้นชักงอยู่กับพื้น ผมก็มองมันนิ่งๆ คนอื่นๆคงไม่ได้ยิน เพราะห้องน้ำที่ผมมาเข้าค่อนข้างไกลจากตรงที่จัดปาร์ตี้.........
“ออกไป มายืนดูเหี้ยอะไร!” ไอพี่กาย พูดอย่างทรมาน ผมก็มองมันนิ่งๆ
ผมก็เดินเข้าไปประคองตัวมันให้ลุกขึ้น และพยุงมันไปนั่งเก้าอี้แถวนั้น มือก็ยังคงใส่นวมอยู่ สงสัยจะต่อยกระสอบทรายมั้ง ผมก็มองมันนิ่งๆ....
“เป็นอะไร” ผมถามนิ่งๆ มันก็หันหน้าหนีผม ผมจับหัวมันให้มันหันหน้ามา มันมองผมตาขวาง “เป็นอะไรเล่า!” ผมพูดเสียงดังนิดหน่อย
“ข้อมือส้นเว้ย! พูดกับกูให้มันดีๆหน่อยเถอะ กูอายุเยอะกว่ามึงนะ!” มันพูดเสียงดังอย่างไม่ยอม
“แค่ข้อมือส้นต้องลงไปนอนชักดิ้นชักงอแบบนั้นเลยเหรอ” ผมมองมันอย่างกลั้นขำ มันทำหน้าไม่พอใจ
ผมก็ค่อยๆแกะนวมในมือมันออก ตอนถอดก็ร้องโอดโอยสำออยจริงๆ พอถอดได้มันก็ทำท่าโล่งเชียว โอ้โห!บวมเลย ผมก็ไปหยิบกล่องยาตรงชั้นวางยา มันตั้งเด่นอยู่มุมห้อง พอเปิดดู เออยังดีมียานวด ผมก็บีบยายนวดใส่มือตัวเองนิดหน่อย แล้วก็ลูบตรงข้อมือข้างซ้ายของมัน มันก็นิ่งๆให้ผมทำ.........
“ปวดหนักเลยเหรอ?” ผมถามนิ่งๆ
“ไม่รู้วะ มันเคล็ดๆ ปวดๆปนเจ็บ!” มันพูดแล้วทำหน้าจะร้อง โว๊ะ ขี้แยชะมัด ผมก็ยิ้มนิดหน่อย
ผมก็นวดๆคลึงๆ มันก็คงจะเหมือนกับข้อเท้าส้นละมั้ง ผมนวดๆ บีบๆไปนิดหน่อย จนมันเริ่มเคลิ้ม ผมก็กระตุกข้อมือมันนิดหน่อย มันสะดุ้งบ้าง ผมก็ทำอย่างนี้4-5ครั้ง แล้วก็กระตุกทีเดียวแรงๆเลย...
“โอ้ย!” มันดึงมือตัวเองกลับไป “แขนคนนะเว้ย ทำเบาๆก็ได้” มันสะบัดข้อมือตัวเอง คงได้ผลแหละ
“โอเคยัง” ผมถามนิ่งๆ
มันก็เริ่มสำรวจข้อแขนตัวเอง มันก็สบัดๆ แล้วก็ยิ้มอย่างดีใจ
“หายแล้ว” มันยิ้ม
“ยังไม่หายดีหรอก มันอาจจะช้ำหรือบวมขึ้นได้ เอายานี่ไปทาหลังอาบน้ำแล้วก็นวดเบาๆละ” พูดจบยื่นยาให้มัน
แล้วกำลังจะเดินออกไป มันก็ลุกขึ้นมาจับแขนผมไว้ ผมก็มองมันนิ่งๆ.....
“ขะ ขอบใจ” ผมก็ยิ้มนิดหน่อย
“ไม่เป็นไร ถือว่าช่วยสัตว์โลกนะ” ผมยิ้มกวนๆ มันหุบยิ้มเลย
แล้วผมก็วิ่งหนีมันไปหาคนอื่นๆที่โต๊ะ เขากลับมานั่งที่กันแล้ว ไอพี่กายก็วิ่งตามมา ทุกคนก็มองงงๆ เพราะไอพี่กายมันตะโกนแล้วก็วิ่งไล่ผมมา...
“พี่ดิน พี่ไฟ สิงโต ช่วยด้วย!” ผมตะโกนแล้วก็วิ่งไปหลบหลังสามคนนั้น ทุกคนก็มองงงๆ
“มึงเป็นอะไรไอกาย หาเรื่องน้องเขาทำไม!” พี่กันถามอย่างไม่พอใจ
“มะ...”
“พี่กายไม่พอใจที่ผมไปเข้าห้องน้ำของเขาครับ!” ผมพูดฟ้องแล้วทำหน้าเศร้า
“ไอกาย!” พี่กันจับแขนพี่กาย เขาเป็นพี่น้องที่ตัวใหญ่เท่าๆกันเลย
“มันกะ....”
“พี่กายทำไมถึงเกลียดผมขนาดนั้นละครับ ถ้าไม่พอใจผมกลับไปรอที่บ้านก็ได้นะ” ผมพูดแทรกแล้วก็ทำหน้าเศร้าๆ จริงๆกินอิ่มแล้วอยากกลับบ้านแล้ว เลยหาเรื่องคนสักหน่อย
“กาย ทำเกินไปแล้วนะ” พี่เกรซพูดนิ่งๆ
“อย่าว่าพี่กายเลยครับทุกคน ผมคงนิสัยไม่ดีพี่กายเลยไม่ชอบ ไม่เป็นอะไรครับ” พูดหน้าเศร้าๆ แล้วก็กำลังจะเดินหันหลัง
หมับ! ไอพี่กาย ทำหน้าเป็นยักษ์เลย จับแขนผมแน่นเลย แล้วมันก็ลากผมให้ไปกับมัน โดยบอกกับทุกคนว่าจะคุยกับผมห้ามใครตามมา! แล้วใครจะฟังมันละ ทุกคนก็กรูมาช่วยกันฉุดกระชากลากถู จนผมไม่รอด แล้วมันก็ลากผมไปในบ้าน และก็พาเข้าห้องอะไร ห้องเล่นของมันมั้ง มีแต่ของเล่นแล้วก็เกมส์ พอถึงมันก็ล็อคห้องอย่างแน่นหน้า พร้อมปิดม่าน เพราะห้องนี้เป็นห้องกระจก คนอื่นๆก็เริ่มมาเคาะ เพื่อช่วยผม แล้วปล่อยมึงจากแขนผม แล้วผมก็เดินสำรวจห้อง....
“กูไม่ได้พามึงมาในนี้เพื่อให้มึงดูของของกูหรอกนะ” มันพูดอย่างไม่พอใจ ผมก็หันไปมองมันนิ่งๆ
“พี่กายนี่ หัวอ่อนจังเลยนะครับ เป็นพวกชอบเรียกร้องความสนใจใช่ไหม” ผมพูดนิ่งๆ มันก็ทำหน้าไม่พอใจของมันต่อไป
“มึงพูดแบบนั้นทำไม อยากให้ตัวเองดูน่าสงสารเหรอ!” มันเดินมาพูดแล้วก็จับแขนผม
“ผมอยากจะพูดผมก็พูด เหมือนที่พี่พูดให้ผมรำคาญใจไง ก็เจ๊ากันนะ” ผมพูดแล้วก็แกะมือมันออกมันก็ไม่ยอม
“อย่ามาต่อปากต่อคำกับกู” มันจับแขนผมแน่นขึ้น
“พอเถอะ ผมง่วงจะไปนอนแล้ว” ผมบอกนิ่งๆ
“กะ...กูได้ยิน ที่มึงพูดกับเกรซ เรื่องที่มึงชอบผู้ชาย!” ผมก็มองนิ่งๆ
“แล้ว?” ผมทำหน้านิ่งๆ
“ที่มึงพูดแบบนั้นไปเมื่อกี้เพราะมึงสนใจกู เพราะมึงชอบกูใช่ไหม” มันถามผมนิ่งๆ เสียงเคาะประตูก็ยังไม่หยุด
“หลงตัวเองน่า ถ้าผมสนใจใคร ผมคงไม่ทำกับคนที่ผมชอบแบบนั้นหรอก ไม่ต้องห่วง” ผมยิ้ม
“แต่มึงช่วยกูเรื่องข้อมือ” มันถามผมอย่างนิ่ง
“ก็แค่ช่วยอะ เป็นใคร ใครก็ต้องช่วย” ผมพูดเบาๆ มันมองผมแบบแปลกๆ ผมชะงักไปนิดนึง
ปั้งๆๆๆ! “ไอกาย แกทำอะไรน้องนท!” พี่ชิน พ่อพี่กายยังไงเล่า
“อ้อ! หรือว่าพี่เกิดชอบผมขึ้นมาละครับ เพราะส่วนน้อยเลยนะ ที่ผมอะ จะเข้าหาคนอื่น!” ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆมัน มันก็ไม่ยักกะถอยหนีนะ
“กะ กู......” ผมก็เลื่อนเข้าไปใกล้อีก ใกล้อีก จนจมูกแตะกันแล้ว
“หวั่นไหวเหรอ” ผมสบตากับมันระยะประชิดเลย
ผมเลื่อนมือมาจับตรงอกมัน ใจมันเต้นแรงมาก ผมก็เลยเอาปากของผมไปแตะกับปากของมันเบาๆ มันก็หลับตาลง หึ! ไอนี่มันเป็นอะไรเนี่ย มีแฟนเป็นพี่เกรซอยู่แล้วและพี่เกรซก็เป็นผู้หญิงที่น่ารักมากสะด้วย แล้วมันยังมาทำเรื่องแบบนี้กับผมอีก ผมละสงสารพี่เกรซจริงๆ แล้วผมก็ผละออกมา......
“หัวใจพี่...เต้นแรงเหมือนกับหัวใจผมเลย” ผมจับมือมันมาวางไว้ตรงอกซ้าย เหงื่อมันออกค่อนข้างเยอะมาก
เสียงโวยวายก็ดังอยู่หน้าห้อง ผมคิดอะไรได้สนุกๆ ผมเอามือไปลูบเป้ามันเบาๆ มันเงยหน้าเคลิ้มเลยทีเดียว เพราะผมเน้นตรงหัวมัน ใหญ่ใช่ย่อยเลยนะ.....
หมับ! มันจับตัวผมดันล้มลงบนโต้ะสนุก ตอนนี้ตัวผมนอนอยู่บนโต้ะสนุก แต่ขาก็ยังแต่พื้นอยู่นะ.....
“ทำแบบนี้พี่เกรซไม่ว่าเหรอครับพี่กาย” ผมยิ้มเขินๆ
“มึงแม่ง กวนกูว่ะ” มันโน้มหน้าเข้ามาเรื่อยๆ ผมก็เริ่มจะบีบน้ำตา แล้วก็กัดที่มุมปากตัวเองที่เป็นแผลเดิม แต่ไอพี่กายมันคงมองว่าผมทำปากเชื้อเชิญมันสินะ
แกรก! ผมเงยหน้ามอง พี่ชิน พี่นายก็ด้วย ไอพี่กายรีบผละตัวออกไป ทุกคนก็มองอย่างตกใจ พอลุกขึ้นยืนได้ น้ำตาที่ผมบีบไว้ก็ไหลลงมาเลย....
“นท!” ทุกคนเรียกผม แล้วก็เข้ามาดูผม
“ปะ เป็นอะไรวะ” พี่กายมันเอื้อมมือมาจะมาจับมุมปากผม ผมถอยห่างเล็กน้อย
ผลัก! ไอสิงโตผลักมือมันออกแล้วมองไอพี่กายตาขวางเลย....
“กายทำอะไรน้อง!” พี่เกรซพูดแล้วจับไหล่ผม
“คะ...คือ” มันอึกอักไป
“เราสามคนพานทกลับบ้านไป!” พี่นายพูดแบบไม่พอใจ
แล้วทุกคนก็พาผมออกไปข้างนอก ไอพี่กายก็อยู่กับพี่ชินข้างในพี่กันก็ด้วยพอออกมาทุกคนก็ถามกัน ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมก็มองพี่เกรซนิ่งๆ สิ่งที่เกิดขึ้น ผมควรบอกพี่เกรซไหม หรือว่าจะนิ่งๆไว้ หรือยังไง มันเป็นอะไรที่สับสน.....
“อะ...เอ่อ” ผมอึกอัก ทำไมผมต้องมารู้เรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
“เจ็บไหมนท” ไอสิงโตลูบมุมปากผม ผมก็เอาแต่มองพี่เกรซ ผมรู้สึกสับสน ผมสงสารพี่เกรซแต่ว่า ถ้าบอกไป พี่เกรซอาจจะเสียใจมากก็ได้...
“เป็นอะไรหรือเปล่านท” พี่เกรซจับแขนผม
“คะ...คือ” ผมอึน ผมไม่รู้ ผมไม่รู้เลยว่าควรบอกดีไหม
‘กลับเถอะนท!” พี่นายดึงแขนผมไป พี่เกรซก็มองอย่างเป็นห่วง
ผมก็ได้แต่คิดอยู่ในใจ ใจนึงก็สงสารพี่เกรซ อยู่ๆ ความคิดผมก็กลายเป็นมองมุมกลับไป แล้วถ้าพี่อ๊อฟรู้เรื่องนี้ละ ถ้ามีคนเอาไปบอก พี่อ๊อฟจะเสียใจมากไหม ผมจะทำใจได้หรือเปล่า ทุกอย่างในตอนนั้นมันตีตื้นขึ้นมาในอก ผมเริ่มกลัว กลัวไปหมด กลัวเรื่องพี่อ๊อฟ อยู่ๆทุกอย่างมันก็สะท้อน สะท้อนว่าผมเองก็ทำผิดไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แค่พี่กายที่ทำผิด ผมผิดมหันต์เลย อยู่ๆ จิตสำนึกของผมมันก็บอกว่าผมนั้น เลวเกินไป ผมควรจะทำยังไงดี ผมจะทำยังไงกับเรื่องที่มันเกิดขึ้นดี......
หมับ! พี่นายกดหัวผมลงอกพี่นาย ตอนนี้เราอยู่ในบ้านพี่นายกันแล้ว นั่งอยู่ในห้องรับแขก พี่นายปลอบผมเหมือนเด็กๆ แต่ตอนนี้คำพูดทุกอย่างหลายๆอย่างที่เกิดขึ้นตอนนั้นไม่ได้เข้าหัวผมเลย ผมรู้สึกผิดมากมายเหลือเกิน น้ำตาก็ไหลลงมา ทุกคนก็ลูบหลังปลอบผมกัน  ความรู้สึกผิดอยู่ๆมันก็เกิดขึ้น ผมไม่น่าไปเล่นกับพี่กายเลย แย่จริง!......
แล้วพี่นาย และทุกๆคนก็ปลอบผมไป ปลอบได้ไม่นาน พี่นายก็ให้ 3 คนนั้น ขึ้นไปรอบนห้อง และพูดอะไรมากมายให้ผมสบายใจ ผมพูดคุยกับพี่นายอีกนิดหน่อยพี่นายก็พาผมไปส่งที่ห้องนอน พวกพี่เขาก็มารออยู่ที่ห้องนอนผมกับสิงโตแล้ว เขาก็ถามกันใหญ่ ไอสิงโตก็ดูจะไม่พอใจพี่กายมาก ผมก็บอกปัดๆไปบอกว่ายังไงพรุ่งนี้ก็กลับแล้วไม่มีอะไรมากหรอก จริงๆผมก็บ้าบอเนอะ อยู่เฉยๆดีๆไม่ชอบไปหาเรื่องเขาดันเข้าตัวเองสะได้ โถ่ เวรกรรมมีอยู่จริง ผมก็เตรียมใจไว้แล้ว ว่ากลับไป ผมจะต้องทำดีกับพี่อ๊อฟมันให้มากๆ ทำเพื่อทดแทนทุกอย่าง แต่นั้นก็แค่สิ่งที่คิด จะทำได้หรือเปล่าก็อีกเรื่อง หลังจากพูดคุยกันเสร็จผมก็ไปอาบน้ำและขึ้นนอน....
ตอนเช้ามาแม่พี่ดินพี่ไฟมาปลุกพวกผมทั้งสี่คนแต่เช้าเพื่อทำบุญหน้าบ้านเราก็ไปกัน อากาศแจ่มใส ดูสดใสมากจริงๆ ผมก็หายคิดมากไปบ้างแล้ว ทำบุญเสร็จก็พากันไปกินข้าวและพูดคุยกันนิดหน่อยพี่นายกับแม่พี่ดินพี่ไฟก็ไปทำงานก็เหลือแต่พวกผม วันนี้ตอนเย็นพี่นายจะมารับผมกับสิงโตไปส่งที่สนามบินเอง ตอนแรกผมว่าจะกลับตอนเที่ยงนี่แหละ แต่พี่นายเขาอยากไปส่งก็เลยเออออไป ผมก็นั่งเล่นนั่งพูดคุยกับสามคนนั้นไป แต่พวกนั้นมันน่ารำคาญ เกาะแกะ แบบสุดๆ มือเป็นปลาหมึกเลยจริงๆ ผมรำคาญมากมาย ก็อดเอา กลับไปเรื่องก็จบ ไอสิงโตดูแล้วมันก็ไม่ค่อยจะอะไรหรอก แต่พี่ดินกับพี่ไฟนี่อะไรเกินไป......
“เลิกเกาะแกะสักทีได้ไหม!” ผมพูดแบบหมดความอดทน
“เออ ผมเห็นแล้วยังรำคาญแทนเลย ถอยออกมาเถอะพี่ดินพี่ไฟ!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไร ไหนนทบอกว่าจะทำตามที่เราต้องการไง นี่ก็แค่อยู่ใกล้ๆนทเองนะ” พี่ดินขมวดคิ้วพูด ให้ตายสิวะ มันจะเป็นกันทั้งตะกูลเลยใช่ไหมไอนิสัยพูดยากพูดเย็นเนี่ย!
“งั้นก็เอาเลย ใกล้ไว้ให้มากๆละ อย่าได้ห่างผมนะ!”ผมพูดประชดอย่างไม่พอใจ
แต่นั้นก็หาได้ทำให้สองฝาแฝดนั่นสำนึกนะ เขยิบมาใกล้ผมกว่าเดิม แล้วก็จับมือผมไว้คนละข้างเลย ผมอยากจะบ้าตายจริงๆ ให้ตายสิ! ก็นั่งเล่นกันไปจนถึงเวลาอาหารเที่ยงอยู่ๆพี่นายก็กลับมา บอกว่าจะอยู่เล่นกับผมก่อน เพราะนานๆอาจจะได้เจอกันที เขาดูจะติดผมนะพี่นาย ผมก็ปลีกตัวไปหาพี่นายตลอด รำคาญสองฝาแฝดนั่น พอกินข้าวเสร็จพี่นายก็ชวนเล่นเกมส์ ก็ไปเล่นกัน เกมส์ต่อสู้ มีพนันกันด้วยนะ งานนี้ทุกคนก็เลยตั้งใจและก็เต็มที่เลยทีเดียวโดยเฉพาะผมที่ค่อนข้างจะอ่อนมาก เพราะไม่ค่อยได้เล่นหรอก ก็เล่นกันไป เล่นกันอย่างเมามันส์และอินมาก เพราะใครแพ้ ต้องกินชีสเหม็นๆ มันเหม็นจริงๆ ชีสที่พี่นายบอกราคาแพง แต่ผมไม่อยากจะกินมันเลย คือมันเหม็นมากอะ ก็เล่นไป ทุกคนก็ดูลุ้นเหลือเกิน ผมก็แข่งกับพี่นายไป แข่งไปแข่งมา สรุปผมแพ้ ก็กินชีสเน่าไปตามระเบียบ รสชาตินี่อ้วกแทบพุ่ง ก็เล่นไปแบบนี้เรื่อยๆ คนอื่นก็มาแข่งบ้าง ก็เล่นกันไปจนบ่ายๆ พวกพี่ชินก็มา มากับพี่กันและพี่กาย ผมก็อึกอักเล็กน้อย พี่กายมันก็มองหน้าผมนิ่งๆ พี่นายก็คุยกับพี่ชินไป.......
“ขอคุยด้วยหน่อยสิ!” พี่กายพูดขึ้น ทุกคนที่กำลังคุยกันอย่างส่งเสียงดังต้องหยุดแล้วหันไปมองทางพี่กาย
“คุยกับใครไม่ทราบ!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“คุยกับ...นท” พี่กายพูดนิ่งๆ แต่ก็จ้องผมไม่หยุด
ทุกคนก็ห้ามกัน ผมก็จ้องหน้ากับมัน แล้วก็คิดได้ว่า คงต้องพูดอะไรกับมันสักอย่าง ก่อนที่จะไม่ได้เจอกันอีก...
“ครับๆ คุยกันหน่อยก็ดี” ผมยิ้ม ทุกคนก็หันมองผม ประมานว่ามึงยังจะกล้าไปอีกเหรออะไรทำนองนั้น
พี่กายมันก็ลุกออกไปครับ ผมก็ลุกตามมันไปโดยบอกทุกคนว่าจะไม่เป็นอะไร พี่เขาก็เข้าใจแหละ ผมตามมันมาสวนข้างบ้าน ยืนเก๊กเป็นพระเอกเอ็มวีเลยเชียว ผมเห็นพวกแฝด สิงโต พี่นายพี่ชินก็มองห่างๆอย่างห่วงๆ......
“เฮ้อ! อากาศสดชื่นจังเลยนะ” ผมยิ้มบาน มันก็หันมามองผมนิ่งๆ
“มึงทำแบบนั้นทำไมวะ!” พี่กายพูดอย่างไม่พอใจ “มึงจะมะ....”
“ขอโทษ ผมขอโทษครับ” ผมพูดสวนขึ้นมาแล้วเดินไปใกล้ๆพี่กาย มันก็ไม่ถอยหนี “ผมขอโทษจริงๆ ผมแค่อยากจะแกล้งพี่เท่านั้น แต่ผมไม่คิดว่าสิ่งที่ผมทำมัน....” ผมหันหน้าหนีมัน
“กู....ทำไมมึงไม่บอกเกรซละ” มันถามผมเบาๆ
“นั่นแหละ คือสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกผิด” ก้มหน้า “ไม่ใช่แค่พี่หรอกนะที่ทำผิด ผมเองก็ทำผิด และผมคิดว่า....ผมจะบอกพี่เกรซทำไม ในเมื่อคนที่ควรบอกคือพี่ ซึ่งนั่น มันก็ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมขอโทษจริงๆที่แกล้งพี่แบบนั้น” ผมพูดอย่างจริงจัง เพราะรู้สึกผิด ผมเงยมองหน้ามัน มุมปากมันเป็นแผลนิดหน่อย ถ้าไม่สังเกตดีๆก็ไม่เห็น
“กู...ก็ขอโทษเหมือนกันที่ทำไม่ดีกับมึง จริงๆมันก็สมควรแล้วละ ที่มึงทำกับกูแบบนี้” มันยิ้มอ่อน เป็นยิ้มแรกเลยมั้งที่ผมได้รับจากมันอย่างเต็มใจ
“พี่โดน....” ผมจับที่มุมปากพี่กาย มันก็ไม่ยักกะถอยหนีเลยนะ ไอนี่มันสู้จริง “เพราะผมเหรอ?” ผมถามอย่างสำนึกผิด
“อืม ไม่ใช่มีแค่มึงแล้วละที่ปากดี กูก็ด้วยเลยโดนเลย” มันยิ้ม ผมก็ยิ้ม
“เหมือนผมเลย ปากดี ได้แผลที่ปากบ่อยๆ” ผมพูดติดตลกไปมันก็ยิ้ม “ผมขอโทษจริงๆนะพี่” ผมทำหน้าจริงจัง
“อืมไม่เป็นอะไร กูก็ด้วยนะ ขอโทษด้วย กูควรจะพูดกับมึงให้ดีกว่านี้” ผมก็พยักหน้า “จริงๆแล้วกูอะชอบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนะ” ผมเบิกตากว้างตกใจนิดๆ “ตกใจละสิ แต่ต้องตกใจกว่านั้น กูดันชอบมึงว่ะ” เอิ่ม! ผมถอยห่างมันไปก้าวนึง
“อะ เอ่อ....อย่ามาพูดบ้าๆน่า ผมเจอกับพี่แค่สองครั้งเองเอาอะไรมาชอบ” ผมพูดแบบเลิ่กลักไปหน่อย “อีกอย่างพี่เกรซเป็นคนที่น่ารักมากเลยนะ อย่าทำร้ายพี่สาวผมแบบนี้นะพี่กาย” ผมพูดติดตลกไป
“กูไม่เคยจีบผู้ชายเหมือนกัน เลยไม่รู้จะเข้าหามึงยังไง อีกอย่างวันนั้นกูเห็นมึงชะเง้อมองที่หน้าบ้าน กูก็.....ไม่รู้สิ รู้สึก ถูกชะตากับมึงแปลกๆ” มันพูดนิ่งๆ
“เพ้อเจ้อน่า! เดี๋ยวผมก็กลับแล้ว อีกนานละมั้งกว่าจะได้มาอีก ป่านนั้นพี่ก็ลืมผมไปแล้วละ” ผมไหวไหล่นิดหน่อย
“ถ้ารอได้ละ จะสนไหม” มันพูดอย่างเท่ห์
“ต่อคิวเอาละกัน ตอนนี้ก็เหลืออีก3คนอ่ะนะ รอต่อไป” ผมพูดติดตลกไป
“มึงนี่มัน” มันเคาะหัวผมนิดหน่อย ผมก็หัวเราะไป
“แล้วข้อมือหายดีแล้วเหรอ” ผมคว้าข้อมือพี่เขามาดู “หายดีแล้วนี่” ผมก็บีบๆคลำดู “ไม่บวมไม่ช้ำ” ผมยิ้มแล้วเงยมองหน้ามัน มันก็จ้องผมอยู่ ผมก็ปล่อยมือมันคืนไป “อะ เอ่อ....” ทำหน้าไม่ถูกเลย
“มึงก็บ้าเนอะ ขนาดกูทำไม่ดีกับมึง มึงก็ยังมาช่วยกูเมื่อวาน” มันพูดแล้วยิ้ม
“เพ้อเจ้อ! ใครเห็นก็ต้องช่วยแหละน่า!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ “แล้ววันนี้พี่เกรซไม่มาหาเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
“เกรซไปเรียนพิเศษ นทกูขะ.....”
“นท! อานายเรียก” ไอสิงโตชะเง้อหน้ามาตะโกนเรียกผม ผมก็พยักหน้ารับ....
“เข้าไปกันเถอะพี่” ผมยิ้ม พี่เขาก็พยักหน้า
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:02:07
ก็พากันเดินเข้าไป พี่ชินก็ถามพี่กายว่าขอโทษผมหรือยัง ผมก็บอกว่าขอโทษแล้ว และก็ไม่มีอะไรค้างคา แล้วก็พูดคุยกัน พอผมบอกจะกลับเย็นนี้แล้ว พี่ชินก็ดูตกใจไปนิดนึงเพราะมันดูเร็วไปหน่อย พี่กายก็ทำหน้าเศร้าๆ ผมก็ไม่อยากจะสานสัมพันกับใครแล้ว ไอพี่กายมันเจ้าเล่ห์ ผมดูออก ว่ามันต้องร้ายมากแน่ๆ ยิ่งเป็นเด็กกรุงเทพฯแล้วหล่อขนาดนี้ด้วย ไม่น่าเหลือ.....
“เอ้อ! เดี๋ยวไปกินข้าวเย็นบ้านฉันนะนาย พานทกับสิงโตไปด้วย ถือว่าเลี้ยงส่ง!” พี่ชินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ขนาดนั้นครับอา ผมก็มาเที่ยวนี่บ่อยๆแหละครับ” ไอสิงโตพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วนทละ จะได้มาที่นี่บ่อยๆหรือเปล่า” พี่กันหันมาถามผมหน้ากวนๆ ไอพี่กันเนี่ย ร้ายกาจ ดูสายตาเจ้าเล่ห์ของมันนะ
“ถ้าพี่กันอยู่ ผมคงไม่มาอะครับ”ผมยิ้ม ทุกคนก็หัวเราะกันสนุกสนาน
คุยกันได้สักพักก็พากันไปที่บ้านพี่ชิน ส่วนผมกับสิงโตเก็บของกันแต่เช้าแล้ว และก็ไม่คิดว่าจะอาบน้ำอะไรก่อนไปหรอก ถึงเวลาก็ไปเอากระเป๋าแล้วก็ไปกันเลยทำนองนั้น บ้านพี่ชินใหญ่และกว้างกว่าบ้านของพี่นายมาก ก็นั่งเล่นในห้องนั่งเล่นกัน เล่นไปสักพักก็ชวนกันไปเล่นบาส ผมเตี้ยสุดบอกตรง แล้วจะไปเล่นอะไรกับใครเขาไหว พอพากันออกไปเล่นผมไม่ไปก็บังคับผมให้ลงไปเล่น เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่าเล่นลิงชิงบอลสะงั้น ผมก็กลายเป็นลิงไง มีแต่คนแกล้ง พอผมได้บอลผมก็จะเอาไปชู้ดลงห่วง พี่นายยกแค่แขนผมก็ปาไม่พ้นแล้ว แย่จริง! ก็เล่นบาสเตะบอล จนได้เวลาอาหารเย็นก็พากันไปกินข้างๆบ้าน จัดเป็นแบบกินข้าวในสวนมีปิ้งบาร์บีคิวย่างเนื้ออะไรพวกนี้ ของกินเยอะแยะมากมายเหลือเกิน ผมก็กินอย่างบ้าคลั่ง เลอะปากไปหมด...........
“อื้อ!” ผมส่ายหน้าอย่างไม่พอใจ ก็อยู่ๆไอพี่กายมันเอากระดาษมาถูปากผมอย่างแรงเลย!
“กินอะไรเลอะเทอะจังวะ” พี่กายยิ้มแล้วก็นั่งลงข้างๆผม
“อย่ายุ่งกับนทของเรานะพี่กาย!” พี่ดินเดินมานั่งแทรก พี่ไฟก็นั่งอีกข้าง เอากับเขาสิ
ก็เถียงกันไป ผมก็ไม่สน กินและกิน ตั๋วเครื่องบินออกตอน3ทุ่ม นี่ยัง4โมงเย็นอยู่เลย ก็เลยมีเวลากินอีกเยอะ และบ้านก็อยู่ไม่ไกลจากสนานบินสักเท่าไหร่ด้วย กินๆและกินไป....
“กูยังยืนยันนะว่ากูชอบมึง และ.....ชอบมากกว่าเดิมแล้วด้วย” อยู่ๆพี่กายมันก็มากระซิบผมจากด้านหลัง ผมกำลังจะหันไปมันมองมัน มันก็ก้มหน้ามาใกล้ๆผม ปากมันชนแก้มผมเลย
“พี่กาย! ทำอะไร!” ไอสิงโตพูดอย่างเสียงดัง
“กะ กูแค่เห็นอะไรติดเสื้อไอนทเท่านั้นแหละ!” พี่กายพูดแล้วก็เดินไป
ไอสิงโตก็มองผมแบบจะกินเลือดกินเนื้อ เฮ้อ! หาได้สนไม่ ผมก็กินอย่างเดียว มีแต่เนื้อของชอบทั้งนั้น ส่วนบาร์บีคิวผมก็เอาผักไปให้พี่ดินกับพี่ไฟกิน มันก็กินไง คิดว่าผมใส่ใจมันกันจริงๆแล้วแค่ผมไม่กินผักก็แค่นั้น กินไปพูดคุยกันไป ก็จนถึงเวลาที่ผมจะต้องไปนั่นแหละก็ร่ำรากับพี่ชินเขาสักหน่อย.....
“ว่างๆก็มาเที่ยวอีกนะ มานอนบ้านพี่ก็ได้” พี่กันพูดด้วยรอยยิ้ม
“เยอะแล้วไอกัน” พี่ดินพูดนิ่งๆ
“นทไม่มีทางไปนอนบ้านกันหรอก” พี่ไฟยิ้มร้ายๆ
“พอเถอะน่า เอาละ เราจะไปกันได้หรือยัง เดี๋ยวตกเครื่องนะ!”พี่นายพูดแล้วยิ้ม
“ขอบคุณพี่ชินมากครับสำหรับอาหารมื้อนี้ผมอร่อยและมีความสุขมาก ขอบคุณมากๆครับ” ผมยิ้ม เขาก็เดินมาลูบหัวผมอย่างเอ็นดู
แล้วก็ร่ำรากันจนเสร็จ พี่กายมันก็มองผมนิ่งๆไม่พูดอะไร จนผมกำลังหันหลังจะเดินไป.....
“นท!” ผมก็หันไปมอง “ขะ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม ไม่นาน!” พี่กายพูดแล้วมองไปทางพี่นาย ผมก็มองหน้าพี่นาย
“ยังพอมีเวลา รีบๆหน่อยแล้วกัน” พี่นายพูด ผมก็เดินไปหามัน
มันก็จับแขนผมดึงไปอีกทาง ไอสิงโตจะตามมาแต่พี่นายเขาห้ามไว้ มาที่สวนดอกไม้ข้างบ้านมัน.....
“คุยสะไกลเชียว ใกล้ๆก็ได้มั้ง!” ผมพูดติดตลกไป
“ขะ ขอเบอร์หน่อยได้ไหม” มันถามแบบอายๆ
“เอาโทรศัพท์มา” มันก็ยื่นให้ผม ผมก็กดๆๆให้มันไป “เบอร์ ไลน์ เฟส ทวิต กาเกา เอาไปให้หมดเลยนะ!” ผมยิ้ม มันยิ้มบานเลย กดเสร็จก็ส่งคืนให้มัน
“ยิ่งรู้จักก็ยิ่งชอบมึงว่ะ” มันยิ้ม
“ละเมอต่อไปเถอะพี่!” ผมยิ้ม
“ไปส่งมึงด้วยได้ไหม” ผมก็มองอย่างจับผิด
“ไปขอพี่นายเองแล้วกัน” แล้วผมก็เดินกลับไปทางเดิม
ผมก็เดินกลับไป พี่กายมันก็ขอพี่นาย พี่กันก็เลยขอด้วย ปรากฏว่าก็ได้ไปส่งกันหมด จะอะไรขนาดนั้น ก็กลับไปเอากระเป๋าที่บ้านแล้วก็เอารถไป ระหว่างทางก็พูดคุยกันมากมายเหลือเกิน พอถึงสนามบินก็ร่ำรากันอีกหน่อย...
หมับ! พี่ดินกับพี่ไฟ สวมกอดผมแทบล้ม ไม่ได้ดูตัวเลย.....
“นท ต้องคิดถึงเราสองคนนะ” พี่ดินพูดเสียงเศร้าๆ
“แน่นอนครับ พี่ชาย” ผมตอบแล้วเอามือลูบหลัง
“ถึงแล้วโทรหาพี่ด้วยนะ!” พี่ไฟพูดเบาๆ
“ครับพี่ ผมสัญญา” ผมลูบหลังทั้งสองเบาๆ
แล้วเขาก็ผละออกมา พี่นายก็มาพูดส่งท้ายผม แล้วก็ยื่นกล่อง? กล่องอะไรไม่รู้ ห่อมาอย่างดีให้ผม....
“อะไรครับพี่” ผมถามแล้วมองกล่องอย่างสงสัย
“รางวัลของเด็กดีไง” พี่นายยิ้ม “มีอะไรก็โทรมาหาพี่ได้เสมอนะ ไม่ว่าจะเดือดร้อน หรือ อยากเที่ยวที่ไหนก็โทรมาเดี๋ยวพาไป” พี่นายยักคิ้วอย่างมาดแมน ผมก็ยิ้มบานเลย
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างครับพี่นาย ผมมีความสุขมากนะครับที่ได้ไปเที่ยวกับพี่ๆ ผมจะไม่ลืมเลย และถ้าว่างๆผมจะมาเที่ยวหาใหม่นะครับ ขอบคุณที่ดูแลผมอย่างดี” ผมไหว้พี่เขาอย่างอ่อนน้อม พี่เขาก็ลูบหัว
พูดคุยกันอีกนิดผมก็กำลังจะไปเข้าเกด.....
หมับ! พี่กายสวมกอดผมอย่างแน่นหนา ผมก็เอามือกอดตอบอย่างๆงง......
“มึงมันร้าย ร้ายที่สุด มาทำให้กูชอบ แล้วก็จะทิ้งกูไป” ผมก็เอะใจนิดหน่อย ไปทำให้มันชอบตอนไหนนะ “เอาละ ถึงแล้วโทรหากูด้วยนะ และ อย่าลืมกู เพราะกูจะไม่ลืมมึง กูจะรอมึง” พี่กายพูดเบาๆแล้วผละออกไป
ผมก็ทำหน้างงๆนิดหน่อย ไอพี่กายมันเป็นเอามากนะ ติดใจอะไรนักหนาของมัน เจอกันแบบนับครั้งได้บอกชอบกันแล้วเนอะ ผมก็เออออตามไป ก็โบกไม้โบกมือร่ำรากันผมก็เดินเข้าไปในเกด ทุกคนก็หันหลังกลับกันไป.....
“มึงมันเกินไปไอนท!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“เสี่ยครับ อย่าโกรธผมเลยนะ” ผมคล้องแขนมันแล้วก็เอาหน้าซบไหล่ ขณะนั่งรอเขาเรียก
“มึงไปทำดีกับมันทำไม มันทำร้ายมึงนะนท” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“เสี่ยๆๆๆ เลิกพูดเลิกงอนได้แล้วน่า” อ้อนมันสักหน่อย
“เออๆ อย่าอ้อนเยอะดิวะ” ผมเงยหน้ามองมัน หน้ามันแดงๆ
“จุ๊บ!” ผมจุ๊บแก้มมันทีนึง “เสี่ยน่ารักที่สุดอะ ขอบคุณนะที่พามาสนุก” ผมยิ้ม มันก็ยิ้ม
ผมกับมันก็นั่งคุยกันไปจนขึ้นเครื่อง ขึ้นเครื่องบินไป ผมก็คุยกับมันไป มันก็งุ้งงิ้ง ผมก็เอากับมันสักหน่อย ไหนๆมันก็พาไปเที่ยว เอาใจมันหน่อย มันก็จับมือผมตลอดอะ พอถึง คนที่บ้านมันก็มารับ ตอนแรกผมบอกมันให้แวะไปส่งผมเลย แต่มันไม่ยอมไง จะไปส่งผมเอง ก็แล้วแต่มันเถอะ เอามันว่าเลย พอถึงบ้านมันผมก็เข้าไปทักทายพ่อแม่น้องซินนิดหน่อย มันก็ไปส่งผมระหว่างทางก็พูดกันมากมาย จริงๆมันจะพาผมไปกินนู่นกินนี่อีก แต่ผมไม่ไหวแล้ว เนื้อเต็มท้องเลย มันก็เลยไปส่งผมที่บ้าน......
พอถึงบ้านก็เหมือนเดิม มันก็ร่ำราผมอย่างกับจะไปตายเลยสิ แต่วันนี้ พี่อ๊อฟไม่เห็นโทรมาเลย พอผมล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาดู อ้าว แบตหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ก็ช่างเถอะ แล้วก็เข้าบ้าน แม่อยู่คนเดียว ผมก็เข้าไปกอดไปหอมแม่ตามสเต็บ พี่โน้ตกับป๊าไปนอกเมืองเลยอาจกลับดึก ผมคุยกับแม่นิดหน่อยก็เอาของขึ้นไปเก็บแล้วก็รีบเอาโทรศัพท์ไปชาจแบต แล้วตัวเองก็ไปอาบน้ำผ่อนคลาย มันรู้สึกสดชื่นจริงๆ กลับบ้านมา เจออะไรที่เงียบสงบ ตลอดหลายๆวันที่ผ่านมา คนมันเยอะ มันวุ่นวายมันเสียงดัง พอมาอยู่ในที่เงียบๆคนเดียว มันก็ทำให้ผมสงบได้จริงๆ..
พออาบน้ำเสร็จ ผมก็เช็คร่องรอยต่างๆ จางลงแทบไม่เห็นแล้ว ดีเพราะใช้ยาช่วยด้วยไม่งั้นคงหายช้าแน่ๆ และประตูหลังก็ไม่มีอาการอะไรแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้นผมก็ดูแลดีขึ้น คอยทายากินยา ตอนนี้ก็เหลือรอยเล็กน้อย เหมือนรอยยุงกัดมากกว่า อาบน้ำทำอะไรเสร็จผมก็ออกมาแต่งตัวแล้วก็ขึ้นนอนไป......
ตื่นมาอีกทีก็เช้าแล้ว ผมก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัวเบาๆสบายๆ ชิวๆ ทำอะไรเสร็จก็มาเปิดโทรศัพท์ดู ผมจำไม่ได้ว่าโทรศัพท์ตัวเองแบตหมดไปตั้งแต่ตอนไหน แต่พี่อ๊อฟโทรมาหาผมตั้งแต่เมื่อเช้าของเมื่อวานแล้ว หลายสายมากมายทั้งข้อความอะไรสาระพัด พวกพี่กายพี่ดินพี่ไฟ ทุกคนเพื่อนๆ ทักมากันเต็มไปหมด แย่ละสิ ผมก็กดโทรหาพี่อ๊อฟเลย ไม่ทันดังตื้ดมันก็รับ....
“พี่อ๊อฟ ผะ...”
“รู้ไหมว่ากูเป็นห่วงมึง” มันพูดนิ่งๆ
“รู้ครับ” หงอยเลยสิ
“แล้วมึงมีโทรศัพท์ไว้ทำไม แบตหมดก็ไม่ชาจ กูทั้งโทรแล้วก็ส่งข้อความ” มันบ่นยิ่งกว่าป๊าอีก
“ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วพี่อ๊อฟอย่าโกรธผมน้า!” ผมพูดอ้อนๆ
“เออๆ คราวหลังก็ดูให้ดีๆ” มันพูดอย่างเซ็งๆ “แล้วถึงบ้านหรือยัง” มันถามนิ่งๆ
“ถึงแล้ววว!” ผมลากเสียงอย่างร่าเริง
“อ่าๆ เดี๋ยวกูจะไปหาแล้วกัน” ผมยิ้มบานเลยสิ
คุยกับมันอีกนิดหน่อยก็วาง ผมว่าจะโทรหาพี่ๆที่กรุงเทพสักหน่อย แต่เอาไว้ก่อนดีกว่า มันยังเช้าอยู่ ไม่อยากกวนพวกเขา ผมก็ลงไปข้างล่าง ก็เจอแต่แม่ ป๊ากับพี่โน้ตออกไปข้างนอกแต่เช้า ผมก็ไปรดน้ำต้นไม้หน้าบ้าน ทำหน้าที่เด็กดีไป สักพักรถป๊าก็มาจอดหน้าบ้าน ผมก็แอบป๊าอยู่ตรงพุ่มไม้หน้าบ้าน กะจะเซอร์ไพรซ์สักหน่อย.....
“ซะ.....”
“เซอร์ไพร์ซ!” เฮียบูม!ผมหน้าเหวอเลย เจอเซอร์ไพร์ซซะเอง
“เฮียบูม! อ๊า!” ผมกระโดดกอดเลย
“โว้วๆๆ! ใจเย็นๆ” เฮียบูมกอดผมแน่นเหมือนกัน
“จุ๊บ ๆๆๆ” ผมหอมแก้มเฮียหลายๆทีเลย เป็นปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน
“ว้า ทำให้กับแต่ไอบูม” เฮียบอมไง ผมก็เหล่มองนิดหน่อยไม่สนใจ ยิ้มบานให้กับแต่เฮียบูมนี่แหละ....
ตุบ! เสียงอะไรหล่นหน้าบ้าน ทุกคนก็หันไปดู ไม่มีอะไร แค่หมามาคุ้ยถังขยะ พวกเราก็พากันเข้าบ้าน พูดคุยกันสนุกสนานเลย เฮียบูมเรียนจบแล้ว เขามาชวนผมไปกินเลี้ยง มีของฝากด้วย รองเท้า เสื้อ และก็ช็อคโกแลต ผมนี่ดี๊ด๊าเลย สักพักก็นึกขึ้นได้ พี่อ๊อฟบอกจะมาหาไม่ใช่หรือ แล้วมันหายไปไหนนะ ผมก็เลยขอป๊าไปดูมันหน่อย ป๊าก็ให้ไป เพราะป๊าก็กำลังพูดคุยกับเฮียทั้งสองอยู่ ผมก็ปั่นจักรยานไปบ้านมัน เห็นมันนั่งอยู่ที่ชิงช้าหน้าบ้าน พอมันเห็นผมมันลุกแล้วเดินเข้าบ้านเลย ผมก็รีบเข้าบ้านมันแล้วก็วิ่งตามมันไป พี่อิฐนั่งอยู่กับพ่อผมก็ทักทายนิดหน่อย ไอพี่อ๊อฟมันเดินขึ้นบ้านไปแล้ว ผมก็เอาขนมที่ซื้อมาจากกรุงเทพให้พี่อิฐไปบอกว่าเป็นของฝาก พูดคุยกันนิดหน่อย แล้วผมก็ตามพี่อ๊อฟขึ้นบ้านไป มันไม่ล๊อคประตูนะ มันนอนคดตัวอยู่ในผ้าห่ม..........
“พี่อ๊อฟ หนีผมทำไมเนี่ย!” ผมพูดแล้วนั่งลงข้างมันแล้วเขย่าตัวมันนิดหน่อย
“ทำไมมึงทำแบบนี้วะนท!” มันพูดเสียงสั่นๆ ผมชะงักไปนิด
“ทะ..ทำอะไร!” ผมเริ่มอึกอักแล้วสิ มันเปิดผ้าห่มมา แล้วทำหน้าเหมือนเพิ่งร้องไห้เสร็จ ผมก็โน้มตัวกอดมัน
“มึงทำกับกูแบบนี้ได้ยังไงนท” ผมกอดพี่อ๊อฟแน่นขึ้น” มึงพาคนใหม่มาหาถึงที่บ้าน แถมป๊ามึงดูจะยินดีกับมึงอีก” มันพูดเสียงสั่น ผมชะงักไปเลย แล้วผละออกมา...
“พูดอะไร” ผมอึน งงไปหมดแล้ว
“ก็มึงกอดกับผู้ชายคนนั้นหน้าบ้านมึง แถมหอมแก้มกันด้วย ป๊ามึงก็ดูยินดีมากด้วย!” มันพูดอย่างโมโห
ผมอึ้งไปเลยสิ ตกใจหมด เฮ้อ! ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เกือบไปแล้วไหม ผมก็อธิบายให้มันฟัง ตอนแรกมันก็ฟึดฟัด แต่พออธิบายจบ มันก็ดูสงบลงเยอะเลย.....
“แล้วมึงจะทำหน้าตกใจอะไรขนาดนั้นนท!” มันพูดอย่างจับผิด
“อะ...เอ่อ เปล่าก็กลัวพี่อ๊อฟโกรธ ก็ดูดิ ผมเพิ่งกลับมา พี่ไม่ดีใจเลยหรือยังไง” แถไปนั่น
“ก็กูไปเห็นมึงทำแบบนั้น ใจก็ตกหวบไปอยู่ที่ตีนเลยนะนท กูนึกว่ามึงจะทิ้งกูไปแล้ว” มันพูดอย่างเศร้า
“ผมไม่ทิ้งพี่หรอกน่า ถ้าพี่ไม่ทิ้งผมก่อน” ผมยิ้ม
“ไม่มีวัน” มันจับมือผม
“ถ้าผมทำผิด พี่อ๊อฟก็ไม่มีวันจะทิ้งผมใช่ไหม” ผมถามเบาๆ มันก็จ้องผมแบบสงสัย “คะ คือ....” ผมดันอึกอักไปไง
“มึงไปทำอะไรมานท ทำอะไรผิด” มันมองผมอย่างสงสัย
“ปะ...เปล่า หมายถึงไง ถ้าผมทำผิดร้ายแรงหรืออะไร พี่อ๊อฟจะไม่ทิ้งผมใช่ไหม” ผมพูดอย่างจริงจัง
“ไม่ทิ้งหรอก รุนแรงแค่ไหนก็ไม่ทิ้ง รักมึงขนาดนี้แล้ว ถ้าทิ้ง...มึงก็เอาปืนมายิงกูได้เลยนท” มันยิ้ม ผมยิ้มแบบมีความสุขเลย ได้ยินแบบนี้แล้ว มันทำให้ผมมั่นใจแปลกๆ แต่ก็ยังไม่พร้อมจะบอกหรอก เพราะเกรงว่าคนที่จะถูกยิงน่าจะเป็นผม
ผมก็พูดคุยกับมันไป มันก็ทั้งกอด ทั้งบ่นคิดถึงผมอย่างนู้นอย่างนี้ ผมไม่เคยรำคาญมันเลย เวลามันทำง้องแง้งหรือเกาะแกะ นานๆทีมันจะทำมั้ง ผมก็เลยชอบที่จะให้มันทำแบบนี้ ผมก็ยิ้มอย่างมีความสุข มันบอกจะพาผมไปนอนบ้านยายตอนนี้ญาติกลับหมดแล้ว พี่อ๊อฟอยากให้ผมไปกับมัน ผมก็โอเค แต่ป๊าจะยอมมั้ยก็ไม่รู้...
คุยกันสักพักผมก็พาพี่อ๊อฟไปที่บ้าน เพราะอย่างน้อยต้องขอป๊าก่อนแหละ เอ๊ะ! หรือหนีตามพี่อ๊อฟไปดี พอถึงบ้านพี่อ๊อฟมันลังเลนิดหน่อย มันกลัวว่าป๊าจะไม่ยอม ผมก็ดึงแขนมันเข้าไปเลย ทุกคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน พอเข้าไปก็หันมามองกันหมด มีแขกมาเพิ่ม พ่อแม่ของเฮียๆไงเล่า ผมก็ทักทายนิดหน่อยแล้วก็แนะนำให้พี่อ๊อฟทุกคนรู้จัก เฮียดูจะแปลกใจไปนิด เพราะคราวแล้วมันไม่ใช่พี่อ๊อฟไง ก็นั่งพูดคุยกันไป เฮียบูมจ้องพี่อ๊อฟเขม่งเลย......
“นท เฮียมึงมองกูแปลกๆว่ะ” อ๊อฟกระซิบบอกผม
“งี้แหละ” ผมยิ้ม “เฮียอย่าจ้องพี่อ๊อฟแบบนั้นได้ป่ะ!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไรนท พอแฟนมาพูดกับเฮียแบบนี้เลยเหรอ” เฮียบูมพูดติดจะน้อยใจ
“ม่ายยย!” ผมลุกไปหาเฮียครับ “อย่างอนครับเฮีย เดี๋ยวนทยอมเฮียทุกอย่างเลย ก็เฮียอะไปจ้องพี่อ๊อฟแบบนั้นหมายความว่างายอ่า” ผมพูดกวนๆเฮียยิ้มนิดหน่อย
“ป๊า คนนี้น่ะเหรอ ที่บอกว่านทอยู่ด้วยแล้วเจ็บตัวบ่อยๆ” เฮียบูมหันไปถามป๊า เฮียบูมเรียกป๊าผมว่าป๊า แล้วเรียกพ่อตัวเองว่าเตี่ย ส่วนเฮียบอมปล่อยมันไป
แล้วก็นั่งคุยกันไป เฮียเขาแกล้งพี่อ๊อฟ ผมก็เลยบอกให้รีบบอกมาเลยว่าจะไปกินเลี้ยงวันไหนยังไง เขาตกลงกันแล้วว่าพรุ่งนี้ เพราะญาติคนอื่นๆก็ว่างพอดี ผมก็โอเคเออออไป แล้วก็พาพี่อ๊อฟกลับไปเอาของมานอนกับผม เดี๋ยวค่อยไปหายายพี่อ๊อฟวันอื่นก็ได้ พรุ่งนี้ผมอยากพาพี่อ๊อฟไปหาญาติๆผมบ้าง ญาติๆผมในจังหวัดเดียวกันมีไม่มากหรอก ส่วนมากก็อยู่ที่จีนบ้างกรุงเทพฯบ้าง กระจายๆไป ส่วนคนที่พี่บูมจะชวนมาก็แค่คนที่อยู่ในจังหวัดเดียวกันมา บอกพอเป็นพิธีว่าเฮียบูมเรียนจบแล้วอะไรทำนองนั้น ส่วนคนอื่นๆก็โทรไปบอกเอาหรือค่อยบอกอีกทีตอนวันรวมญาติที่จีนเอา...
ไปส่งพี่อ๊อฟเอาของนิดหน่อยก็กลับมาบ้านผม เย็นนี้เฮียอยู่อยู่กินข้าวด้วย ก็นั่งเล่นกันไป คุยเล่น เฮียบูมถามพี่อ๊อฟเยอะแยะ ผมก็แยกตัวออกมาคุยกับพี่โน้ตบ้างป๊าบ้าง เล่าเรื่องที่ผมไปกับไอสิงโตมาให้พวกเขาฟัง ตามแบบที่ผมชอบทำเท่านั้นเอง คุยอะไรเสร็จก็ไปนั่งรวมกัน ตอนแรกพี่อ๊อฟดูจะเกร็งๆ แต่ผมก็พยายามดึงเข้ามาร่วมคุยตลอด....
จนเย็นก็ช่วยกันทำบาร์บีคิว จนเสร็จก็ก็ไปนั่งกันที่สนามหน้าบ้าน จัดโต้ะนู่นนี่นั้นแล้วก็ไปช่วยกันย่าง เฮียบอมอาสาไปซื้อแอลกอฮอล์ ผมไม่แตะมันอีกแล้วแน่นอนผมสาบานได้เลย ไม่ว่ายังไงก็เถอะนะ เข็ดมากบอกตรง ถึงจะอยู่กับพี่อ๊อฟก็เถอะ เราก็นั่งกินกันไปพูดคุยกันไปครับสนุกสนาน มีเปิดเพลงชิวๆ สบายใจมากมาย สักพักก็มีรถมาจอดหน้าบ้าน ผมชะเง้อมอง พี่ตอย พี่ตัง พี่โน้ตก็วิ่งไปรับและก็แนะนำ และก็พามานั่งกับผม.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:02:46
“หายเลยนะนท” พี่ตังพูดขึ้นแล้วยิ้มหล่อ ผมก็ยิ้มเขินนิดหน่อย
“อะ แฮ่ม!” พี่อ๊อฟสะกิน ผมสะดุ้งนิดหน่อย
“อะ...เอ้อ พี่ตอยพี่ตังนี่พี่อ๊อฟ แฟนผมเอง” ผมยิ้มเขินๆ
“ตัวจริงหล่อกว่าในรูปอีกนะ” พี่ตอยพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ” พี่อ๊อฟยิ้มเขิน
“พี่ตอยอย่านะ!” ผมกอดแขนพี่อ๊อฟ แล้วก็หัวเราะกันใหญ่เลย เพราะผมแค่ล้อเล่น
“ว้า! พี่อกหักแล้วดิ”  พี่ตังพูดแล้วยิ้ม
“พี่ตัง พี่อ๊อฟเผลอเจอกันนะ” ผมกระพริบตาข้างเดียวให้ทีนึง
ทุกคนก็โห่แซว พี่อ๊อฟนี่มองค้อนผมเลย ก็พูดเล่นกันไปสนุกสนานไป เฮฮาดี.......
“มึงจะไปบ้านยายกับกูอยู่ใช่ไหม” อยู่ๆพี่อ๊อฟมันก็ถามขึ้นมา ผมก็มองมัน มันก็เหมือนอยากจะมั่นใจ
“ไปสิ ผมคิดถึงยายจันทร์จะแย่” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
“เดี๋ยวนะ!” มันใช้มือทั้งสองข้างจับหน้าผมไว้
“แหมๆ จะทำอะไรกันเนี่ย พี่ฟินนะ” พี่ตอยทำหน้าดี๊ด๊า
“ปากมึงไปโดนอะไรมานท ทำไมแตกละ” พี่อ๊อฟพูดอย่างเป็นห่วง
“เออ ผมกัดปากตัวเอง” ผมยิ้มอ่อนส่งไป
แล้วพวกเราก็คุยกันไป ผมก็เล่าเรื่องที่ผมไปเที่ยวมาบ้าง เพราะบทสนทนาก็วนแต่เรื่องเดิมๆ....
“โห! สงสารเกรซ ทำไมชอบแบบนทแล้วต้องคบกับผู้หญิงด้วยละ!” พี่ตอยถามอย่างสงสัย เพราะผมเล่าเรื่องพี่กายให้ฟัง
“ก็คงเป็นพวก เสือไบ อะไรละมั้งที่เขาว่ากัน” พี่ตังพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วพี่ตังเป็นแบบนั้นหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นจีบผมด้วยนะ ตุบ! โอยย” ผมพูดไม่ทันจบ ไอพี่อ๊อฟเคาะหัวผมอย่างแรงเลย ทุกคนก็หัวเราะกัน ผมก็นั่งคุยกัน 4 คนไปเนี่ยแหละ เพราะผู้ใหญ่คุยอะไรกันไม่รู้น่าเบื่อ ผมพี่อ๊อฟ พี่ตังพี่ตอยเลยแยกมาคุยกัน
“ทำไมชอบทำอะไรบ้าบอแบบนั้น ถ้ามันทำขึ้นมาจริงๆมึงจะทำยังไง” พี่อ๊อฟพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เรื่องที่พี่กายจะข่มขืนผม ผมแต่งบ้าง ไม่ได้เรียล
“ก็ต้องยอมแหละ หล่อสะขนาดนั้น” ผมยิ้มกวนๆ พี่อ๊อฟมันมองผมตาขวางเลย
“นทนี่นะ พูดให้มันดีๆหน่อยสิ เดี๋ยวอ๊อฟไปหาคนอื่นบ้างจะรู้สึกนะ!” พี่ตอยพูดแซวแรงนะเนี่ย
“พี่อ๊อฟมันไม่กล้าหรอกน่า เพราะถ้าผมรู้ ผมจะ....จัดการมันด้วยมือผมเองเลย!” ผมทำตาถลน
“มึงมีได้คนเดียวว่างั้น” ผมก็ชะงักไปนิด
“อิจฉานะนิ” พี่ตังยิ้ม
“งั้นคืนนี้ผมไปนอนกับพี่ตังแล้วกัน นอนกอดพี่ตังถ้าจะอะ โอยๆๆ” พี่อ๊อฟมันบีบแขนผมอย่างแรงเลย
“5555 นทนี่นะ” พี่ตอยส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“อย่าพูดเล่นเยอะ พี่คิดจริงนะนิ” พี่ตังยิ้มเขินๆ
“พี่ตอย พี่ตังมีแฟนยัง” ผมยื่นหน้าไปถามใกล้ๆ คาดว่าพี่ตังไม่ได้ยินหรอก
“ยัง พี่ตังมันขี้เลือก เลือกมากก เลยไม่มีใครเอา 555” พี่ตอยบอก ผมก็หลุดขำนิดหน่อย
“แต่พี่เขาก็ดูไม่หยิ่งนี่ ไม่เห็นเลือกอะไรเลยนะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็มีแต่นทนี่แหละที่เขาพูดเล่นน่ะ ชอบบ่นถึงนทบ่อยๆด้วยนะ บอกว่าไม่ตอบแชทเลย555 สงสัยหลงเสน่” พี่ตอยยิ้มเขินๆ ผมเพิ่งมารู้ทีหลังว่าพี่ตอยนี่ก็สาววาย พี่โน้ตบอกหนังสือนิยายวายกองเป็นภูเขาเลยที่บ้านพี่ตอย
พี่อ๊อฟก็พูดคุยกับพี่ตังไป ดูจะพูดกันถูกคอเรื่องอะไรไม่รู้ ผมก็ซุบซิบกับพี่ตอยไป สนุกดี จนถึงงเวลาแยกย้าย ก็ร่ำรากัน พรุ่งนี้ช่วงกลางวันก็มีนัดไปกินเลี้ยงให้กับเฮียบูมกับเฮียบอม พี่ตอยกับพี่ตังก็ต้องไปเพราะผมบังคับ จริงๆเขาก็จะไปกันอยู่แล้ว ตอนแรกเฮียชวนไปนอนที่คอนโดด้วย แต่ผมไม่ไปเพราะพี่อ๊อฟมานอนด้วย เฮียก็เข้าใจ พอแยกย้ายกันหมด ผมกับพี่อ๊อฟและทุกคนก็ช่วยกันเก็บของ ป๊ากับพี่อ๊อฟก็คุยเคลียล์กันแล้ว พี่อ๊อฟก็บอกย้ำกับป๊าว่าจะไม่ทำให้ผมเจ็บตัวอีก หรือถ้ามีก็จะน้อยที่สุด และก็ขอให้ผมไปเที่ยวบ้านยายอีกครั้งด้วย ตอนแรกป๊าก็ไม่ยอมหรอกแม่ก็ช่วยพูดก็โอเค ทำอะไรเสร็จก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ผมกับพี่อ๊อฟก็ขึ้นห้องนอน.........
“นท อาบน้ำด้วยกันนะ!” พี่อ๊อฟชวน ผมชะงักไปนิดนึง “อะไร มาเลย.....”
มันดึงผมเข้าห้องน้ำไปเลย ผมก็ลังเลนิดหน่อย ดูล่าสุดรอยมันก็จางมากแล้วคงไม่มีอะไรหรอก ผมก็ถอดเสื้อผ้า...
“ไอนท!”ผมสะดุ้งเลย รีบหันหน้าไปหามันเลย
“อะ...อะไรพี่อ๊อฟ” ตกใจสิ
“มึงไม่ได้ทาครีมกันแดดใช่ไหมเนี่ย!” มันจับดูที่แขนแล้วก็ตัวผม “แดงๆดำๆทั้งตัวเลยเนี่ย!” มันพูดอย่างไม่พอใจ ผมนี่โล่งเลย ทำความผิดนี่มันลำบากจริงๆ ระแวงไปหมด
“ใช่ ทำยังไงได้ ผมไม่ชอบทาครีมอะไรนี่พี่ก็รู้” ผมพูดแล้วยิ้มอ่อน
“เออ แปปแล้วกัน” แล้วมันก็ออกจากห้องน้ำไป
ผมก็รีบเช็คผิวตัวเองอีกครั้ง ผิวตัวไม่เป็นอะไรมาก ผมก็เช็คประตูหลังอีกที โอเคแล้ว ปกติแล้วอาจจะเพราะว่าช่ำชองและผ่านศึกมาเยอะก็เลยหายไว ใช้ยาด้วยแหละ แต่ช่ำชองนี่เกินไปไหม ไม่หรอกน่า ผมไม่ใช่คนอย่างนั้น สักพักมันก็เข้ามา ถือขวดน้ำมันมะพร้าว?........
“บำรุงสักหน่อยนะ” ผมก็พยักหน้า มันก็ทาให้ผม
“นี่! ทาแบบนี้ต้องการอะไรไม่ทราบคุณชาย!” มันทาเบาๆ ผมขนลุกไปหมดแล้วเนี่ย
“ถ้าต้องการ....มึงจะทำไหม” มันพูดเบาๆที่ข้างๆหูผม วันนี้มันเป็นอะไร ปกติผมจะเป็นคนเริ่มนะเนี่ย! ถามว่าชอบไหมก็ชอบอะแหละ>.<
“ถ้าพี่อ๊อฟอยาก ผมก็....” ผมเอามือจับแท่งของมัน “อยากเหมือนกัน” คือแท่งของมันแข็งอยู่แล้ว “ได้ช่วยตัวเองบ้างไหม” มันก็ส่ายหน้า “อีกแล้ว? ทำไมไม่ทำบ้างละ” ผมถามอย่างไม่พอใจ อั้นไว้มันจะดีเหรอ เอิ่ม! ไม่ควรพูดเนอะ
“รอมึงนั่นแหละ” มันยิ้มเขินๆ
พี่อ๊อฟมันก็เอาน้ำมันมาลูบตัวผมไป มือผมก็รูดแท่งของมันขึ้นลงอย่างได้จังหวะ พี่อ๊อฟมันมองผมด้วยสายตาที่หยาดเยิ้มเกินไป เห็นแล้วของผมก็เริ่มเกิดอาการแข็งเหมือนกันขึ้นมาแล้ว ผมก็โน้มหน้าเข้าไปหามันเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนประกบจูบกัน มันเอาลิ้นเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นผมอย่างเมามัน ผมว่าจูบพี่อ๊อฟเนี่ยแหละ ที่ผมโหยหาสุด เป็นจูบที่กระชากใจผมจริงๆ
“อื้อ อืม” เสียงผมและเสียงมันครางออกมาจากในลำคอ ตอนนี้มือผมก็เร่งความเร็วขยับแท่งของพี่อ๊อฟขึ้นลงอย่างเมามันส์ พี่อ๊อฟก็จับแท่งของผมรูดเหมือนกัน
“โอย จะออกแล้วนท”ผละอออกมาจากจูบแล้วพูดขึ้นมาเสียงกระเส่า ผมกำลังจะย่อตัวลงไปพี่อ๊อฟรั้งตัวผมไว้ก่อน มันจับมือผมข้างที่ว่างอยู่แบออกมา แล้วมันก็จับมือผมที่ชักแท่งให้มันอยู่ชักให้เร็วขึ้น
“โอย อ่าห์” มันก็กระตุก2-3ที น้ำมันก็ออกมา เยอะมาก เต็มฝ่ามือเลย มันเอานิ้วชี้กับนิ้วกลางของมือข้างขวาจุ่มลงไปในฝ่ามือที่มีน้ำของมันแล้วก็เอามาป้ายปากผม ผมก็อ้าปากรับ และก็ดูดนิ้วของมันอย่างโหยหา พอผมดูจนนิ้วมันสะอาดเสร็จ พี่อ๊อฟมาก็เอาน้ำจากฝ่ามือของผม ไปถูที่แท่งของมัน แล้วจับผมหันหลังให้หน้าอกผมชนกับกำแพงห้องน้ำและก็จับแขนทั้งสองข้างของผมไขว้หลังไป และมันก็ค่อยๆสอดแท่งของมันเข้ามา
“โอ้ย อ่าห์ เบาๆ”ผมบอกมันเสียงแหบพร่า เพราะมันแสบและจุก มันก็ค่อยๆ ดันเข้ามาจนสุดแท่งของมัน มันก็เอาคาไว้ แล้วก็โน้มหน้ามันเลียหูผม ผมสั่นสะท้านไปทั้งตัวเพราะความเสียว
“ชอบไหม อ่าห์” มันถามด้วยเสียงที่แหบดูจะเซ็กซี่มาก และก็กดตัวเข้ามา ให้แท่งของมันเข้าไปลึกอีก
“ชะ อ่าห์ ชอบ” ผมก็เริ่มต้องการอย่างมากแล้ว ผมดึงมือตัวเองกลับมาเพื่อจะมาช่วยตัวเอง แต่พี่อ๊อฟมันไม่ยอม
“เดี๋ยวกูจะทำให้” มันก็เอื้อมมือมันมารูดให้ผม พร้อมกับเริ่มขยับเอวของมัน ตอนนี้ ทั้งข้างหน้าข้างหลัง ไม่รู้จะเสียวตรงไหนก่อนดี มันสุดๆเลย ผมร้องครางออกมาอย่างเหนื่อยหอบ
“อ่า อ้าห์”พี่อ๊อฟรูดแท่งของผมได้ไม่นานผมก็กระตุกปล่อยน้ำออกมามันก็เอาน้ำของผมที่เปื้อนมือมัน มาล้วงเข้าในปากมัน ผมอายนิดหน่อย มันดูเซ็กซี่เกินไป พี่อ๊อฟทำให้ผมต้องการมันมากขึ้น แล้วพี่อ๊อฟก็เริ่มขยับเอวเร็วขึ้น และเร็วขึ้นกว่าเดิม เสียงในห้องน้ำตอนนี้ มีแต่เสียงเนื้อกระทบกันดัง พั่บๆๆ และเสียงร้องครางของผมกับพี่อ๊อฟ ที่ร้องออกมาเพราะครวามเสียวส่าน
“จะออกแล้วนะ” มันโน้มหน้ามาบอกผม แล้วก็กัดที่คอผมนิดหน่อย ผมก็พยักหน้า มันเร่งเอวแรงขึ้นกว่าเดิม ซอยอยู่อย่างนั้นสักพักมันก็ถอนออกมา ผมก็หันตัวไปหามันแล้วย่อลงให้ใบหน้าอยู่ระหว่างแท่งของมันอย่างรู้หน้าที่ มันก็มองหน้าผมด้วยสายตาที่หยดเยิ้ม แล้วก็ชักแท่งของมันไป ผมก็ใช้ลิ้นเลียหัวมันไปพราง พี่อ๊อฟมันก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ล้วงเข้ามาในปากผม สักพักมันก็เอานิ้วโป้งมากดลิ้นผมไว้แล้วก็ใช้นิ้วชี้ดันให้ผมอ้าปาก
“อ่าห์ โอ้ะ โอย!” มันกระตุก2-3ครั้ง แล้วก็เอาแท่งของมันมาจ่อปากผมเลย น้ำของมันทุกหยดเข้ามาอยู่ในผากผมหมด ผมก็ดูดกลืนอย่างไม่รังเกียจเลย และก็ดูดแท่งของพี่อ๊อฟต่อ
“ซี้ด! เสียว อ่าห์!” ลูบหัวผม ดูดแบบนั้นสักพัก ผมก็ลุกขึ้นมา มันก็จับผมไปจูบแลกลิ้นอย่างเมามันส์อีกครั้ง เราประคองหน้าคองกันและกันและจูบอย่างโหยหาเนิ่นนานพอสมควร จนผมเริ่มเมื่อยปากก็ผละออกมา......
“ชอบไหม” ผมก็พยักหน้าอย่างเขินอาย
“แล้วพี่อ๊อฟละ” ผมถามแบบอายๆ
“ชอบมากเลยละ” มันหอมแก้มผมอย่างแผ่วเบา
และหลังจากนั้นเราก็อาบน้ำกัน โดยพี่อ๊อฟมันก็ทาน้ำมันมะพร้าวบำรุงผิวผมก่อน  ทาเสร็จก็ล้าง ตอนทาเกือบได้ต่ออีกรอบ เพราะผมดันมีอารมณ์ แต่พี่อ๊อฟไม่ไหวแล้ว มันบอกว่าวันนี้เหนื่อยจริง เพราะยืนทำ บอกไปต่อบนเตียงก็ได้มันก็บอกพักก่อน อะไรอะ เป็นว่าผมต้องการมากมายอยู่คนเดียวเหรอเนี่ย น่าอายจริงๆ อาบน้ำเสร็จก็พากันออกไปแต่งตัวและก็ปิดไฟขึ้นไปนอนบนเตียง......
“ไม่ต่อจริงเหรอ” ผมถามอย่างอายๆแล้วลูบแก้มมัน
“มึงนี่นะ” มันยิ้ม “ช่วงที่มึงไม่อยู่กูนอนน้อย เหนื่อยจริงๆ วันหลังนะ” มันก็จับมือผม
“แน่นอน จุ้บ!” ผมโน้มหน้าไปจุ้บปากมันเบาๆ
“รักมึงนะ”มันกระชับมือผมแน่น
“รักพี่อ๊อฟเหมือนกันนะ” ผมยิ้มบาน
และเราทั้งคู่ก็หลับลงเพราะความเหนื่อยล้า ผมรู้สึกมีความสุข มีความสุขมากจริงๆ แต่ก็ยังอดหวั่นใจไม่ได้เรื่องนั้น แต่ตอนนี้ผมก็ขอเก็บเกี่ยวความสุขและทำเพื่อมันไปก่อนแล้วกัน.....
ตื่นเช้ามาเป็นเช้าที่เช้ามากจริงๆ เอิ่ม.......
“อะไรเล่า!” ผมพูดอย่างงัวเงีย เพราะไอพี่อ๊อฟมันสะกิดผมตั้งแต่ตี5 ฟ้ายังไม่สว่าเลย
“ไปทำบุญกันเร็ว ลงไปทำกับข้าวไปทำบุญกัน กูบอกแม่ไว้เมื่อวานแล้ว” มันเขย่าตัวผม
“เฮ้อ!” ผมลุกขึ้นมานั่ง “โอยๆ เมื่อยๆๆๆๆ!” ผมงอแงเลยไง
“เอาน่า กูอยากทำบุญไปทำกัน” มันยิ้ม มันจะร่าเริงไปไหน
“ไม่อาบน้ำนะ ขี้เกียจ” ผมบอกแบบงัวเงีย
“ไปล้างหน้าแปรงฟันก็ได้ไป” มันก็กระชากผมให้ลงจากเตียงเลย รุนแรงจริงๆ
เราก็มายืนแปรงฟันด้วยกัน ตาผมก็ยังปิดอยู่เลย ไอพี่อ๊อฟก็แปรงฟันไปบ่นไป อะไรของมัน นี่ผมได้แฟนหรือได้ป๊าเพิ่มเนี่ย! ทำอะไรเสร็จก็เปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็ลงไปเตรียมตัวใส่ผ้ากันเปื้อน ไอพี่อ๊อฟใส่ผ้าลายหมีน้อย ของผมเป็นกระต่ายน้อยไง น่ารักมุ้งมิ้งเชียว เตรียมตัวเสร็จก็เริ่มกันเลย มันบอกให้ผมช่วยหยิบของ มันจะเป็นคนทำเอง ผมก็หยิบๆ ตามที่มันบอกนี่แหละ ยังไม่มีใครลงมาเลยเนี่ย โถ่! ก็ทำๆไป มีไข่เจียว หมูกระเทียม แกงเขียวหวาน ไข่พะโล้ แล้วก็ทำขนมหวาน กล้วยบวชชี ดีละงานนี้ มันทำได้เยอะกว่าที่ผมคิดนะเนี่ย....
เพี๊ยะ! มันตีมือผมอย่างแรงเลย....
“กูทำไปใส่บาตรไม่ได้ให้มึงกิน!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไรกัน ทำกับข้าวได้เยอะแยะขนาดนี้ แถมยังทำของหวานได้อีก ทำไมผมไม่ค่อยได้กินฝีมือพี่อ๊อฟ เอะอะก็ทำแค่ไข่เจียวให้กินอะ!” ผมเริ่มงี่เง่า มันก็มองผมนิ่งๆ
“เคยขอให้กูทำให้กินไหม เห็นชอบแต่ของหรูๆในห้าง กูทำไม่เป็นหรอกของพวกนั้น” เวรกรรม มันประชดผมได้เนอะ
“อื้อ! ไม่ยอม! ยังไงก็จะกินๆๆๆๆๆๆๆ!” ผมเริ่มโวยวาย
“อย่ามาทำตัวประสาทไอนท!” มันเริ่มโมโห
“ฮือ! ไม่เอาผมจะกินมันอ้า” มันทำตาขวางใส่ผม “โอ้ย! ไม่กินก็ได้!” งกจริง โถ่!
“อย่างี่เง่า กลับมาจะทำให้กินใหม่” มันพูดนิ่งๆ แต่ผมนี่ยิ้มบานเลย
“จริงนะ จริงนะ” มันก็พยักหน้า “ผมอยากกินต้มยำกุ้ง แกงฮังเล แล้วก็ห่อนึ่งปู แล้วก็ไข่ตุ๋นทะเล และก็กล้วยบวชชี กล้วยขอนิ่มๆไม่ฟาดนะ ผมชอบ” ผมยิ้ม มันก็อมยิ้มนิดหน่อย
“เยอะไปไหม” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่เยอะเลย น้าๆ” ผมเอาหน้าไปถูหลังมัน “น้าๆ พี่อ๊อฟของนท นทอยากจะกินมัน” ผมพูดขึ้นอย่างอ้อนๆ
“ทำอะไรกันจ้ะเด็กๆ” แม่ลงมาแล้ว ตอนนี้ก็6โมงครึ่งแล้ว พี่อ๊อฟมันทำเร็วอยู่นะ มันทำอย่างละนิดหน่อย ตอนนี้มันกำลังตักใส่ถุง
“จะไปวัดกันอะครับ” พี่อ๊อฟหันไปยิ้มให้แม่นิดหน่อย
“มาเดี๋ยวแม่ช่วย ตักใส่ถุงแล้วก็รีบไปกันได้แล้วนะ ที่เหลือเดี๋ยวแม่จัดการเอง” แม่ยิ้ม
“เดี๋ยวผมจัดการเองก็ได้ครับ แม่ไม่ต้องทำนะ!” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ยอม
แล้วก็เถียงกันไปมาจนพี่อ๊อฟแพ้เสด็จแม่ไป แล้วห่ออะไรเสร็จแม่ก็เอาตะกร้ามาให้ใส่ของ แล้วก็ไปเก็บดอกไม้ที่สวนหน้าบ้านมาให้ด้วย เตรียมส่วนที่ขาดให้ ผมก็ได้แต่ยืนมองเพราะทำอะไรไม่เป็น แต่ก็อยากช่วยนะ พอช่วยแล้วมันยุ่งกว่าเดิมพี่อ๊อฟเลยให้ผมดูเฉยๆน่าจะดีกว่า เอิ่ม! ดูมันพูดกับผมสิ...
“ผมทำเผื่อแม่ป๊าแล้วก็พี่โน้ตด้วยนะครับ อยู่ในขันโตกตรงโต้ะกินข้าวนะครับ” ผมอึ้งไปนิด ตอนแรกมันทำอย่างละสองชุดไง ไข่เจียวสองอะไรงี้ก็นึกว่าทำเยอะ ที่แท้ทำเผื่อ แล้วผมขอชิมทำไมไม่ให้ชิมละ!
“อุ้ย! น่ารักจริงเชียว ขอบคุณนะจ้ะ รีบไปเลยดีกว่า เดี๋ยวที่เหลือแม่จะเก็บให้ ป๊าต้องดีใจมากแน่ๆเลย ได้กินฝีมืออ๊อฟ” แม่พูดพี่อ๊อฟก็ยิ้มเขินนิดหน่อย
ผมกับพี่อ๊อฟก็ถอดผ้ากันเปื้อน ผมก็ไปหยิบของไปรอที่รถพี่อ๊อฟขึ้นไปเอากระเป๋าตังกับโทรศัพท์ สักพักมันก็ออกมาเราก็ไปกัน ระหว่างทางผมก็ไม่คุยอะไรกับมัน งอนบอกตรง อะไรทำให้ทุกคนกินยกเว้นผม มีที่ไหนละ! มันพาผมมาวัดใกล้ๆบ้านเนี่ยแหละไม่ไกลมาก แต่เป็นวัดใหญ่อยู่นะ คนค่อนข้างเยอะเชียว......
“งอนเหรอ?” ผมก็หันหน้าหนีมัน “555 ก็บอกแล้วไง ของมึงอะ เดี๋ยวทำให้กินใหม่จะงอนทำไม” มันจับมือผม
“ก็พี่อ๊อฟอ่ะ ผมแค่อยากชิมเอง!” ผมพูดอย่างงอแง
“ก็กูรู้ไง ถ้ามึงชิมมันหมดถ้วยแน่ๆ กูจะทำให้มึงกินเอง โอเคไหม ไอที่มึงอยากกิน ของในบ้านก็มีครบแล้วที่กูดูเมื่อกี้อะ โอเคไหมครับ” มันพูดจาดีนะเนี่ย ผมอมยิ้มนิดหน่อยแล้วก็พยักหน้า
ผมกับมันก็เดินจูงมือกันไปใส่บาตร คนเยอะอยู่ ก็ใส่บาตรกรวดน้ำเสร็จก็เดินเล่นกันนิดหน่อยครับ ไปหยอดตังบ้าง ปล่อยนกปล่อยปลาบ้าง ถ่ายรูปกันนิดหน่อยพอเป็นพิธี.......
“สดชื่นจังเลย” ผมยิ้ม
“อื้ม” มันมองผมแล้วก็ยิ้มหวาน
“อ้ะ! ขอเศษตังหน่อย” มันก็ล้วงกระเป๋าตังมัน เพราะผมไม่ได้เอาตังมา มันก็ควักเหรียญห้าเหรียญสิบให้ผมประมาณ6-7เหรียญ “ไปด้วยกันดิ” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้าแล้วก็ตามมาแบบงงๆ
ในวัดก็จะมีลุงๆที่เป็นขอทานมานั่งเป็นจุดๆ ผมเห็นมีประมาน3คนผมก็เดินเอาเหรียญไปหยอดให้ พี่อ๊อฟมันก็ถือตะกร้าตามผมมาเรื่อยๆนั่นแหละ จนผมให้เสร็จ มันก็มองผมนิ่งๆ....
“ทำไม?” ผมถามอย่างสงสัย
“ไม่คิดว่ามึงจะรู้จักให้คนอื่นด้วย!” พูดเสร็จมันก็เดินหันหลังไปเลย
ผมก็เหวอสิ มาหลอกด่าแบบนี้หมายความว่ายังไงวะ! ไอบ้านี่! ผมก็เดินตามมันไป มันก็เดินไปรอผมที่รถ.....
“พูดให้มันดีๆ ผมเนี่ยนะไม่เคยให้อะไรใครอะ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
“กูล้อเล่น” มันยิ้ม “มึงน่ะ มีแต่ให้คนอื่นเขาไปทั่ว!” มันยิ้มกวนประสาท แต่ผมนี่ค้างเลยสิ ทำไมชอบด่าผมจัง
“ไปเอานิสัยด่าจิกกัดเหน็บแนมนี่มาจากไหนนะ!” ผมพูดอย่างโมโห
“จากมึงไง อยู่กับมึง พูดดีๆด้วยไม่ได้หรอก พูดด้วยแล้วได้ใจ” เอาเข้าไป
“เป็นอะไรอีกเนี่ย!” ผมถามอย่างหัวเสีย
“กูเห็นนะ ยิ้มให้ไอนั้น” เอิ่ม!
“เขายิ้มให้ก็ยิ้มตอบไหม” อะไรกัน หึงเหรอเนี่ย
“พอๆ ขึ้นรถเลย กูชักจะหงุดหงิดมึงแล้ว!” แล้วมันก็ถอยรถออกมา
ผมก็อึนๆไอนี่มันอารมณ์แปรปรวนจริงๆ ผมก็ซ้อนรถมันแล้วก็กอดเอวมันแน่น มันก็บ่นผม เรื่องความอัธยาศัยดี มันบอกว่าผมมากเกินไป เฮ้อ! ผมก็ยอมๆมันไปไม่อยากมีเรื่อง พอถึงบ้านนี้ก็เพิ่งจะ8โมงกว่าๆ ป๊าก็ยังไม่ไปทำงานเลย นั่งกินข้าวอยู่กันสามคน พอเข้าไปป๊าก็ยิ้มให้ผมกับพี่อ๊อฟ พี่โน้ตก็ด้วย.....
“สุดยอดเลยอ๊อฟ กับข้าวอร่อยมากๆเลย!” ป๊าพูดชมออกนอกหน้าไปแล้ว
“นั่นสิ! ฝีมือดีนะเนี่ย!” พี่โน้ตยิ้ม
“เฮ้อ! ต่างจากคนบางคน ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง!” แม่มองเหล่มาทางผม
ผมกลายเป็นหมาหัวเน่าไปสะแล้ว ผมก็ทำหน้างอนิดหน่อย ทุกคนก็ขำกัน แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมเข้าไปในครัว เก็บตะกร้า แล้วก็เอาของที่จะทำให้ผมออกมา มันก็ให้ผมช่วยทำในสิ่งที่ผมทำได้ ก็ทำกันไป สักพักแม่ก็เก็บจานเข้ามา ป๊ากับพี่โน้ตก็ออกไปทำงานและเรียนแล้ว ปกติตื่นสายไม่เจอแล้ว แม่ก็มาช่วยพี่อ๊อฟกับผมทำบ้าง จนเสร็จนั่นแหละ กว่าจะเสร็จก็จะสิบโมงแล้ว ผมก็บ่นหิวตลอด มันก็เลยไล่ผมขึ้นไปล้างหน้าล้างตาอีกรอบ ผมก็ไป ลงมาอีกทีของก็ถูกจัดวางไว้เต็มโต้ะแล้ว แม่ก็ไปซักผ้า พี่อ๊อฟก็นั่งรอผม.....
“โอ้โห! พี่อ๊อฟ” ผมเดินเข้าไปกอดคอมัน แล้วก็หอมแก้มมันเลย “พี่ทำให้ผมจริงๆเหรอเนี่ย!” ผมดีใจ คือมันครบตามที่ผมบอก ตามที่ผมอยากกินเลยอะมีต้มยำกุ้ง แกงฮังเล ห่อนึ่งปู แล้วก็ไข่ตุ๋นทะเล และก็กล้วยบวชชี ครบตามที่ผมบอกเลย
“ชอบไหม!” มันหันมายิ้ม
“ชอบๆ ชอบมาก ขอบคุณนะพี่อ๊อฟ” ผมลากเก้าอี้แล้วนั่งลงข้างๆพี่อ๊อฟ
“อยากได้อะไร อยากกินอะไรบอกกูนะ กูจะทำให้” มันยิ้ม ผมยิ้มตาม ตื้นตันอยากจะร้องไห้เลย
“ผมจะกินให้หมดเลยละ” แล้วผมก็เริ่มตักต้มยำกุ้งมาชิม
อร่อย ทุกอย่างอร่อย ผมกินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข มันปริ่ม มันอร่อยที่สุดในโลก ผมรักมัน ผมก็กินบ้างป้อนมันบ้าง กินจนหมด ไม่เหลือสักอย่าง เพราะมันทำมาพอดีด้วย ก็เลยหมดเกลี้ยงเติมไม่ได้ กินเสร็จผมก็อาสาจะล้างให้มันก็ไม่ยอม แต่ผมก็ค้าน จนสุดท้ายก็ได้ช่วยกัน ล้างไปผมก็แหย่มันบ้าง ทำอะไรเสร็จ ผมกับมันก็ไปช่วยแม่ทำงานบ้าน เพราะเดี๋ยวช่วงบ่าย ก็ต้องไปกินเลี้ยงของเฮียบูมอีก ก็ช่วยแม่กวาดบ้านถูบ้านไป จนทำอะไรเสร็จผมก็ไปนั่งเล่นอยู่หน้าบ้านกับคุณชายอ๊อฟเนี่ยแหละ............
“เหนื่อยไหม!” ผมหันไปมองหน้ามัน มันก็หันมามองหน้าผม
“ไม่เลย” มันตอบ ผมก็เอาผ้าซับหน้าให้มัน
“ให้ผมนวดให้ก็ได้นะ” ผมดึงมือมันมานวดๆ
“มึงนี่นะ” มันยิ้ม เอามืออีกข้างมาลูบแก้มผม
ผมกับมันก็นั่งจู๋จี๋กันอยู่หน้าบ้านสักพักก็พากันขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวรอป๊ามารับ วันนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะมีญาติมาเยอะหรือเปล่า.....
“พี่อ๊อฟ วันนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะมีคนมาเยอะไหม พี่อ๊อฟจะไม่อึดอัดใช่ไหม” ผมถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่หรอก แค่มีมึงก็พอแล้ว!” มันยิ้ม ไอบ้านี่มันทำผมเขินได้ตลอดเลย
เรานั่งคุยกันไปสักพักป๊าก็มา เราก็ลงไปช่วยป๊าเตรียมของ พอเสร็จก็พากันไปขึ้นรถ พี่โน้ตก็นั่งอัดกับผมและพี่อ๊อฟข้างหลังแม่ก็นั่งกับป๊าข้างหน้าแล้วก็เดินทางไปร้านอาหารที่เฮียบูมนัดไว้ ระหว่างทางก็ได้พูดคุยกันมากมาย พี่อ๊อฟดูจะมีความสุขแบบแปลกๆ ผมก็ดีใจที่มันมากับผมแล้วมีความสุขนะ นั่งไปกันสักพักก็ถึง เป็นร้านอาหารพื้นเมือง พอถึงก็พากันเข้าไป มันมีแบ่งเป็นห้องๆ เฮียเขาเปิดห้องใหญ่ คนเยอะเชียว ญาติผมมากมาย ผมก็เข้าไปทักทายบ้าง พี่อ๊อฟก็ยืนไม่ห่างผมเลย ผมก็แนะนำพี่อ๊อฟไปด้วย จนแล้วเสร็จก็ไปนั่งที่ พี่โน้ตก็อออกไปรับพี่ตอยกับพี่ตังเข้ามา พอเข้ามาแล้วก็มานั่งกับผมเนี่ยแหละ นั่งคุยกัน เพราะพวกพี่เขาก็รู้จักแต่กับพวกผม ก็นั่งคุยกันไปกินกันไป เฮียบูมคิดถึงอาหารเหนือ อยากกินมาก ก็เลยพามาห้องอาหารเมือง สั่งแหลก และมีคาราโอเกะ ก็ร้องเล่นเต้นกันไป.....
“เฮียนท!” ไอตี้วิ่งเข้ามากอดคอผม ไอตี๋ตี้ ไอเด็กปากเสียเป็นลูกพี่ลูกน้องผมเองอายุแค่11ปีเอง หน้าตามันดีแต่ปากมันเสียมาก
“ว่าไง” ผมถามอย่างใจดี
“เฮียมีผัวแล้วเหรอ ทำไมเร็วจังอะ” นั่นไง เริ่มแล้วไง ผมมองมันด้วยหางตาทันที ไอเด็กเปรตนี่!
“ไอตี้ อย่าพูดจาเลอะเทอะ มาอยู่กะป๋าเลยเร็ว!” อาแปะพ่อของไอตี้เรียกมันกลับไป ผมก็มองนิ่งๆ เพราะเขารู้ไง ถ้าขืนมันอยู่อีก ผมคงได้ด่าไอเด็กเปรตนี่จนวงแตกแน่ๆ
“ไอเด็กนั่นมันน่ารักดีนะ 555” ผมมองไอพี่อ๊อฟนิ่งๆ มันน่าขำเหรอที่ให้เด็กตัวแค่นี้มาพูดจาแบบนี้
“ปากเสียอย่างนั้นเนี่ยนะ บอกว่าน่ารัก” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“เอาน่านท เด็กเขาก็พูดไป เขาไม่รู้เรื่องหรอกน่า” พี่ตอยพูดอย่างใจเย็น
แล้วก็มีลูกพี่ลูกน้องผมมากมาย เข้ามาทักทาย จริงๆลูกพี่ลูกน้องผมมีเยอะกว่าพี่อ๊อฟอีก แต่ถ้าพูดถึงความสนิทสนมก็จะเป็นเฮียบูมกับเฮียบอม คนอื่นๆก็ไม่เท่าไหร่.....
“นท นี่ใครอะ” พี่ใบบัว หนึ่งในลูกพี่ลูกน้องผมเอง เป็นผู้หญิงน่ารัก ติดจะหมวยๆ นิสัยขี้กวน
“แฟนนทเอง” ผมยิ้มเขิน
“แหมๆ เกินไปแล้วน้ะเดี๋ยวนี้” พี่ใบบุญพูดอย่าล้อๆ คนนี้เป็นน้องของพี่ใบบัว เป็นผู้หญิงเหมือนกัน แต่แสบกว่าเยอะ
แล้วเขาก็เริ่มกลั่นแกล้งพี่อ๊อฟของผม มันก็ได้แต่เขินอาย ผมก็ยิ้มให้กับภาพตรงหน้า พี่อ๊อฟมันน่ารักจริงๆ....
“นท กูจะไปห้องน้ำนะ” ผมก็พยักหน้า
“ผมไปด้วย” แล้วก็ลุกขึ้น
แล้วก็พากันไปห้องน้ำ พอถึงห้องน้ำก็แยกย้ายกันทำธุระส่วนตัว....
“ออกไป! อย่ามาขายของในนี้นะไอเด็กบ้า!” เสียงเอะอะ โวยวายดังมาจากด้านหลังของห้องน้ำ พี่อ๊อฟก็ยังไม่ออกมาสักที ผมก็เลยเดินอ้อมไปดู ก็เห็นพนักงาน2คนยืนชี้หน้าเด็กคนนึงแต่งตัวมอมแมม ถือตะกร้าอะไรสักอย่างผมคาดว่าน่าจะเข้ามาขายของในร้าน แล้วโดนพี่พวกนั้นไล่....
“ผมขอเข้าไปขายแค่ตรงหน้าร้านนั้นก็ได้นะครับ ผมไปขายที่อื่นไม่ได้....” ก้มหน้าอย่างกลัวๆ
“บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้เว้ย!”  ผลัก! ผลักเด็กคนนั้นล้ม ผมก็เลยวิ่งเข้าไปช่วยพยุงน้องเขา พนักงานสองคนนั้นก็ตกใจนิดหน่อย เพราะเขาก็น่าจะจำผมได้ที่เขาเข้ามาเสริฟอาหารในห้องอาหารที่ผมใช้บริการ น้องคนนี้ยังเด็กอยู่เลย อายุก็น่าจะประมาน9ขวบเองมั้ง น่าสงสารมากเลย เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วย.....
“พี่พูดดีๆกับน้องเขาก็ได้นะครับ” ผมก็ปัดฝุ่นที่เสื้อผ้าน้องเขาให้นิดหน่อยแล้วก็ช่วยเก็บของใส่ตะกร้าให้น้องเขา เป็นพวงกุญแจ แล้วก็ลูกอมเป็นห่อๆ
“คุณลูกค้าอย่าไปยุ่งเลยครับ เด็กเร่ร่อนนะครับ” พี่พนักงานบอกอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นอะไรครับ พี่ๆกลับเข้าไปเถอะ เพราะผมสนใจของที่น้องเขาขาย” ผมพูดนิ่งๆ พี่เขาก็ลังเลนิดหน่อย
“เด็กคนนี้เขาชอบแอบเข้ามาขายของ ทางผู้จัดการเห็นว่ามันไม่เหมาะสม เราก็เลยต้องไล่นะครับ” พูดแบบอธิบาย
“ครับผมเข้าใจ” ผมยิ้ม “จริงๆมันก็มีหลายวิธีนะครับ พี่ไม่น่าจะรุนแรงกับเด็กขนาดนั้นนิ” ผมพูดนิ่งๆ “แต่ไม่เป็นอะไรหรอกครับ ยังไงพี่ก็โตกว่าผม ผมรู้ว่าพวกพี่ควรจะทำยังไงอะแหละครับ” ยิ้ม “ผมขอดูของของน้องเขาหน่อยแล้วกันนะครับ” ผมพูดดีๆกับพวกเขาเนี่ยแหละ
แล้วเขาสองคนก็เดินเข้าไปกัน โดยที่ซุบซิบกันไปด้วย ผมไม่สนใจหรอก...
“ไหน น้องมีอะไรมาขายเหรอครับ” ผมก็พูดกับน้องอย่างใจดี
“ขอบคุณนะครับพี่” น้องไหว้ผม ผมก็รับไหว้
“ไม่เป็นอะไรเลย แล้วทำไมถึงอยากเข้าไปขายที่ร้านนี้ละครับ” ผมถามอย่างสงสัย
“ร้านนี้คนมีตังมากินเยอะ พอผมเข้าไปขาย ก็ขายได้หมดทุกที แต่พวกพี่พนักงานเขาไม่พอใจ เพราะเขาจะไม่ได้ทิปจากคนที่มากิน” น้องพูดเสียงเบาๆ
“โห! รู้ได้ยังไงเนี่ย!” ผมยิ้ม
“เขาพูดกันบ่อยครับ” น้องพูดแบบอายๆ
“งั้นของในนี้ขายยังไงครับ” ผมถามอย่างใจดี
“พวกกุญแจตัวละ20ครับ ลูกอมห่อละ10บาท” น้องพูดแนะนำด้วยรอยยิ้ม
“โอ้โห! ขายถูกจังเลยนะ พวงกุญแจนี่ทำเองหรือเปล่าครับ” น้องเขาก็พยักหน้า
“ทำอะไร” พี่อ๊อฟเดินมาข้างหลังผม แล้วถามผมด้วยรอยยิ้ม
“พี่อ๊อฟ!” ผมยิ้มหวานให้มันมันก็ยิ้มตอบ “มาก็ดีละ มาดูของน้องเขาเร็ว” ผมพูดอย่างตื่นเต้น มันก็ยิ้มแล้วก็เดินมานั่งข้างๆผม
“ทั้งหมดนี่เท่าไหร่ครับ” พี่อ๊อฟถามอย่างอ่อนโยน
“250 บาทครับ” เขาคิดอยู่นานกว่าจะพูดออกมา แต่ผมมองดูแล้วเขาน่าจะคิดผิด หมายถึงคิดไม่ถึงที่จะต้องจ่าย น้องขาดทุนแน่นอน
“งั้นพี่ให้ 500 เลยนะ” มันล้วงตังออกมายื่นให้น้องเขา
น้องเขาก็ทำหน้าดีใจแล้วก็หยิบถุงออกมาใส่ของให้ พี่อ๊อฟก็รับมา....
“วันหลัง ถ้าร้านนี้ไม่ให้เข้าก็ไม่ต้องเข้าหรอกนะ น้องไปรออยู่หน้าร้านหรือแถวที่จอดรถก็ได้ ทำตัวน่ารักๆ เดี๋ยวก็มีคนซื้อนะ” มันลูบหัวน้องเขา
“ขอบคุณครับพี่” น้องยิ้มไม่หุบตั้งแต่ได้เงินแล้ว
“ไป...รีบกลับบ้านนะ” แล้วน้องเขาก็วิ่งไป
ผมก็มองพี่อ๊อฟด้วยรอยยิ้ม เวลามันใจดี มันดูหล่อมากกเลยนะเนี่ย ผมละปลื้มปริ่มเลย ผมกับมันก็เดินไปห้องน้ำล้างมือสักหน่อย เพราะมือผมเปื้อนฝุ่นที่ปัดตัวให้น้องเมื่อกี้ พี่อ๊อฟมันบอกว่าเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เห็นตั้งแต่แรกแล้วทำไมไม่เข้ามา มันก็เอาแต่เก๊ก ผมถามก็ไม่ตอบ เราก็กลับเข้าไปนั่งในห้องอาหาร พี่อ๊อฟก็ให้เอาของที่ซื้อมาไปแบ่งทุกๆคน ผมก็เอาไปแบ่ง เป็นตุ๊กตาเชือก เอามาพันๆแล้วติดกาวเข้ากับกุญแจ น่ารักดี มีแต่คนชอบ แต่มีอยู่คนนึงที่มีปัญหา.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:03:41
“โห! เฮียนท ตุ๊กตาน่าเกลี้ยดน่าเกลียด เอามาให้ตี้ได้ยังไงเนี่ย!” ดูปากมันนะไอเด็กผีนรกเจาะปากมาเกิด
“นี่ ไอตี๋ ถ้าไม่อยากได้ก็ไม่ต้องพูดมาก เอาคืนมาเลย!” ผมดึงมาจากมือมันนั่นแหละ ปากมากเหลือเกิน
“อะไร ได้ยังไง ให้ตี้แล้วนี่ เฮียขี้โกงอะ!”  มันก็มาแย่งกับผมในมือเนี่ยแหละ มาแกะมือผม
“นท! ปล่อยเลย เด็กมันก็พูดไปนั่นแหละ จะไปอะไรมากละ!” พี่อ๊อฟพูดแล้วก็จับไหล่ผมเบาๆ
“ไอเด็กกระหังเนี่ยมันปากไม่ดีนัก!” ผมพูดอย่างไม่ยอม มือกระฉุดกระชากกับมัน
“ไอเฮียบ้า เอาคืนมา” เอาแล้วไง
“เออ เอาไปเลย ไอเด็กกระหัง!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“แบร่ เฮียนทนิสัยไม่ดี!” ดูมันแลบลิ้นปริ้นตาใส่ผมอีกนะ ตบปากเด็กนี่จะผิดไหม
คือผู้ใหญ่จะนั่งอีกฝั่ง แล้วเด็กๆก็นั่งอีกฝั่ง เพราะจะได้พูดคุยกันสะดวก....
“ตี้ เป็นเด็กเป็นเล็ก พูดจาให้มันดีๆหน่อยนะ” ภัทรหันไปดุไอตี๋ตี้ ภัทรก็หนึ่งนลูกพี่ลูกน้องผมเหมือนกัน รุ่นเดียวกับผม
“เอาน่าตี้มันยังเด็ก” พี่ภาพี่สาวของภัทรพูดขึ้น ก็ไอตี้มันเที่ยวไปปากเสียใส่คนอื่นไปทั่ว
แล้วทุกคนก็เริ่มจะรุมด่าไอตี้กันแล้ว เพราะมันชักลามปามพอใครช่วยมันมันก็ได้ใจไงละ.....
“เด็กอะไร แก่แดดชะมัด” พี่อ๊อฟพูดอย่างเหลืออด
“ไหนว่ามันยังเด็กไงละ” ผมพูดอย่างกวนๆ มันก็มองค้อนผม
เราก็เฮฮาปาร์ตี้ไปจนเย็น ก็ถึงเวลาแยกย้ายกัน ก็ร่ำลากันสะนานเชียว แล้วก็พากันกลับบ้าน ระหว่างทางป๊าก็พูดนู่นพูดนี่เยอะแยะเชียว พอถึงบ้านก็ไปพักผ่อนกัน ผมกับพี่อ๊อฟก็ขึ้นไปบนบ้านกัน ไปเปลี่ยนชุดให้สบายๆกว่านี้ แล้วก็มานอนเล่นกันบนเตียง........
“เฮ้อ!” มันล้มตัวนอนทับพุงผม
“เป็นอะไร” ผมลูบหัวมัน
“พรุ่งนี้ไปบ้านยายนะ” ไอนี่มันจะพูดถี่ไปแล้วนะ มีอะไรหรือเปล่า
“รู้แล้วๆ มีอะไรหรือเปล่าพี่อ๊อฟ ดูอยากจะให้ไปมากเลยนะ” ผมถามอย่างสงสัย
“เปล่า อยากไปกับมึงก็แค่นั้นแหละ” จับมือผม
“พูดจาน่ารักขึ้นทุกวันเลยน้า” ผมหยิกแก้มมัน
“ไม่ได้เดี๋ยวมึงไม่รัก” มันยิ้มบาน
ผมกับมันก็นอนเล่นกันไป จนมืดแม่ก็เรียกลงไปกินข้าวเย็น กินอะไรเสร็จก็ขึ้นบ้านอาบน้ำอีกรอบและปิดไฟขึ้นนอน โดยเมื่อตอนกินข้าว พี่อ๊อฟได้บอกป๊าไปว่าจะพาผมไปบ้านยายพรุ่งนี้ ป๊าก็โอเคด้วย มันดูดีใจแปลกๆนะ มันมีอะไรหรือเปล่านะ ผมก็ไม่อยากถามให้มากความหรอก ถ้ามันอยากเซอร์ไพร์ซผมก็จะรอ เอาใจมันหน่อย…..
“พรุ่งนี้เดี๋ยวกูเตรียมของให้นะ” มันจับมือผม ผมก็พยักหน้า “ไปบ้านยาย กูจะทำข้าวให้มึงกินทุกมื้อเลยนะ” ผมก็ยิ้มแล้วก็พยักหน้ารัว
“ว้า! พี่อ๊อฟทำให้ผมหมดแบบนี้แล้วผมทำอะไรตอบแทนพี่อ๊อฟได้ละเนี่ย” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก แต่มันก็น่าคิดนะให้มันทำให้แต่ผมฝ่ายเดียวมันจะดีเหรอ...
“มึงก็คอยช่วยกูไง” มันเอามือลูบแก้มผม
“พี่อ๊อฟ เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมจับมือมันที่ลูบแก้มผม มันพูดจาหวานแปลกๆตั้งแต่ผมกลับมาแล้ว ผมเริ่มจะค้างคาใจแล้วละสิ
“เปล่า แค่.....” มันเขยิบตัวมาใกล้ๆผม ผมก็ไม่ถอยหนี “อยากจะดูแลมึงให้ดี ให้ป๊าได้เห็นไง ว่ากูดูแลมึงดีไม่ต่างจากที่ป๊า แม่ หรือพี่โน้ตดูแลมึง” จูบผมเบาๆ ผมเผยยิ้มออกมาอ่อนๆ มันซึ้ง มันกินใจ มันปลื้ม มันตื้นตัน มันหลากหลายความรู้สึกเหลือเกิน
หมับ! ผมมุดตัวไปกอดพี่อ๊อฟ เอาหน้าไปซบอกมันแล้วกอดมันแน่น มันก็กอดผมไว้แน่นเหมือนกัน และเราทั้งคู่ก็หลับลงไป คืนนั้นเป็นคืนที่ผมฝันหวานและอบอุ่นที่สุดเลย…..
เช้ามา ผมก็ตื่นขึ้นพร้อมกับมัน มาช่วยกันเก็บของใช้ของผมเข้ากระเป๋าเป้ ผมก็ช่วยมันอย่างไม่มีบ่นเลย พอเสร็จก็อาบน้ำ แต่งตัวลงไปกินข้าว ป๊าก็ย้ำผมเหลือเกินว่าอย่าไปดื้อ และก็ย้ำกับพี่อ๊อฟอีก ถ้าทำผมเจ็บตัวกลับมาพี่อ๊อเจอหนักแน่ ขู่คนนั้นทีคนนี้ที ป๊านี่เป็นเอามากแล้วละ แต่ทุกคนก็ต้องจำยอม ขืนเถียงป๊าก็คงไม่ได้ไปกันพอดี ทำอะไรเสร็จ ผมก็ไปบ้านพี่อ๊อฟ วันนี้เราจะขี่มอไซค์ไปกัน ตากลม ชิวดี กลับบ้านมันไปเตรียมของๆมันผมก็ช่วยมันด้วย ทำอะไรเสร็จผมก็นั่งคุยกับพ่อและพี่อิฐและแม่นิดหน่อย พี่อ๊อฟก็พาผมไป ทุกๆคนก็เตือนพี่อ๊อฟเรื่องการขับรถอย่างเป็นห่วง ร่ำลาอะไรเสร็จก็พากันไป ระหว่างทางก็ได้มีการพูดคุยกันมากมาย....
“พี่อ๊อฟ ถ้าเหนื่อยก็จอดพักก็ได้นะ” ผมพูดอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรมันไม่ได้ไกลขนาดนั้น!” พูดด้วยเสียงเบาๆ
“จอดปั้มหน้าเลย ผมปวดฉี่!” ผมพูดขึ้นมาอย่างขนลุก ก่อนออกมามัวแต่โม้กับพี่อิฐ ไม่ได้สนใจทำอะไรให้เรียบร้อยเลย
แล้วมันก็บ่นผมยาวเลย ผมก็เออออไป มันก็มาส่งผมเข้าห้องน้ำ ผมก็พามันไปซื้อของในเซเว่น ซื้อเกลือแร่ให้มันหน่อย จะได้สดชื่น แล้วเราก็เดินทางต่อ ผมก็ชวนมันพูดตลอดทาง กลัวมันจะหลับใน ผมก็พูดไม่หยุดเลย จนมันเริ่มรำคาญ แล้วสุดท้ายก็ถึง ยายจันทร์ยืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว พอถึงผมก็ลงรถแล้วก็วิ่งไปกอดยายจันทร์.......
“นท เหนื่อยไหม” ยายจันทร์ถามอย่างใจดีแล้วก็ลูบหัวผม
“มะ....”
“มันจะเหนื่อยอะไรยาย อ๊อฟขี่รถมานะ อีกอย่างมันอะพูดมากที่สุดเลย!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไร รำคาญผมเหรอ!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
“โว้ะ!” แล้วมันก็เดินเข้าไปในบ้านครับ ผมก็ทำหน้ามุ่ยเลย อะไร แค่พูดก็รำคาญเหรอ
“อ๊อฟคงเหนื่อยแหละ อย่าไปถือสาเลย” ยายจันทร์ยิ้ม
“ป้าเตรียมขนมอร่อยๆไว้รอเยอะแยะเลยจ้ะ รีบเข้าไปเร็ว” ป้าแมวพูดอย่างใจดี ป้าแมวเป็นญาติยายจันทร์เนี่ยแหละ ยายจันทร์อยู่กับญาติๆ ประมา 7-8คน 2ครอบครัว ประมานนั้น
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้มหวาน
แล้วผมก็จูงมือยายจันทร์เข้าบ้าน พี่อ๊อฟมันก็นั่งกินขนมหน้านิ่งๆอยู่ พอมันเห็นผมมันก็ทำเป็นหันหน้าหนี ดูมันสิ มาโกรธอะไรผมเนี่ย!....
“กินเสร็จก็เอาของไปเก็บไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้ หายเหนื่อยแล้วก็ค่อยลงมา” ยายจันทร์พูดด้วยรอยยิ้ม
“เชอะ! ไปเลย ไอขี้งอล!” ผมเบะปากใส่พี่อ๊อฟ มันก็มองผมนิ่งๆ
“เออ ไอพูดมาก!” แล้วมันก็ลุกขึ้นไปเลย
ผมพูดมากแล้วมันผิดตรงไหนละเนี่ย! บ้าที่สุด มันจะโกรธทำไมนะ! ผมก็มองตามหลังมันอย่างเป็นห่วง....
“ตามไปสิจ้ะ งอลไปนู้นแล้ว” ยายจันทร์ยิ้มล้อๆ ผมก็ยิ้มอ่อนให้ยาย
ผมก็รีบตามมันขึ้นไป กองเสื้อผ้าไว้ไม่เก็บ นอนถอดเสื้อใส่แต่บ๊อกเซอร์ด้วย ผมก็เก็บของให้มันและของผม พอเสร็จก็ขึ้นไปนั่งข้างๆมัน....
“โกรธที่ผมพูดมากจริงๆเหรอ” ผมถามอย่างนอยๆ มันก็หันมามองผมนิดหน่อย
“กูไม่เคยเบื่อเรื่องที่มึงพูดเลยนะ แต่ไอที่มึงพูดมาตลอดทาง มีแต่เรื่องไอสิงโต!” มันพูดอย่างไม่พอใจ ผมชะงักไปนิด
“ผมไปเที่ยวกับมันมา ก็อยากพูดให้พี่อ๊อฟฟังไง ว่าผมเป็นยังไง ไปเจออะไรมาบ้าง ถ้าไม่อยากฟังวันหลังก็บอกด้วยแล้วกัน!” ผมพูดอย่างไม่พอใจแล้วก็ลุกขึ้น
ผมก็เดินลงเตียงกำลังจะไปเปิดประตูห้องมันก็วิ่งมากอดผมไว้ หมับ! ผมก็นิ่งๆ จริงๆไม่โกรธนะ ผมเองก็ผิดแหละ รู้ว่าไอพี่อ๊อฟไม่ชอบยังพูด แต่ที่พูดไปมากมายก็พูดเรื่องตอนไปเที่ยวกับพวกสิงโตนั่นแหละ เพราะผมยังไม่ได้เล่าให้พี่อ๊อฟฟัง และก็อยากเล่าให้มันฟังด้วย แต่ผมก็ลืมนึกไปว่าพี่อ๊อฟคงไม่ชอบ ผมผิดเองแหละ....
“ขอโทษ! ขอโทษๆ กูมันงี่เง่าเองนท” มันกอดผมแน่น
ผมก็หันไปหามัน....
“ผมเองก็ขอโทษพี่อ๊อฟ วันหลังผมจะไม่พูด ในสิ่งที่พี่อ๊อฟไม่อยากได้ยินนะ” ผมยิ้มอ่อน
“ไม่! พูดมาเลยนท กูจะฟังอย่างตั้งใจเลย ทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของมึงกูอยากฟังนะ” มันกอดผมอีกครั้ง
“ถึงจะมีไอสิงโตอะนะ” ผมพูดเบาๆ
“อืม กูขอโทษ มึงอุตส่าเล่าตอนที่มึงไปเที่ยวมาให้กูฟัง แต่กูกลับทำไม่พอใจ ขอโทษ ขอโทษ” มันพูดอย่างอ่อนโยน
“อืม” จริงๆก็รู้สึกผิด แต่ก็ช่างมันเถอะ “ผมก็อยากฟังเรื่องของพี่อ๊อฟนะ ไม่เล่าให้ผมฟังบ้างเหรอ” ผมพูดด้วรอยยิ้ม
“ได้สิ แต่...อยากฟังของมึงมากกว่า” พูดแล้วหอมแก้มผม
“ขอบคุณนะพี่อ๊อฟ ที่เข้าใจผม” ผมหอมแก้มมันคืน
“อืม เหมือนกันนะ!”
ผมกับมันก็คุยกันไป งุ้งงิ้งกันไปสักพักก็พากันลงไปหายาย ยายกำลังจะไปทำสวน ผมก็ห้ามทันทีเลย แต่พี่อ๊อฟบอกยายก็เป็นแบบนี้แหละ เขาไม่ยอม พี่อ๊อฟก็เลยได้ไปช่วยบ่อยๆ ถึงจะมีคนคอยช่วยและดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว แต่พี่อ๊อฟก็อยากทำหน้าที่นั้นบ้าง ผมก็ยิ้มให้กับความคิดที่ดีของมันเลยนะเนี่ย ผมก็อาสาไปช่วยด้วยคน พี่อ๊อฟก็ไปเอาหมวกถุงมือเสื้อแขนยาวรองเท้าบูธอะไรเยอะแยะมาใส่ให้ผมพร้อมเลย...
เมื่อเตรียมตัวพร้อมกันแล้ว เราก็พากันไปสวนหลังบ้าน ยายก็ถางหญ้า ผมก็ช่วยถาง หญ้าที่มันไม่ควรขึ้นก็ต้องโดนผมถางไปสะ ผมก็ทำอย่างไม่ถนัดนัก เพราะชุดมันรุงรัง ไม่รู้จะใส่อะไรเยอะแยะ ทำไปได้ไม่นานรู้สึกว่ามันร้อน ร้อนมาก เหงื่อออกเต็มตัวผมไปหมด แต่ก็ทนได้ เพราะรู้สึกว่าสนุกดี ทำไปพูดคุยกันไป ยายจันทร์ก็ไล่ผมให้กลับไปพักในบ้านตลอด แต่ผมไม่ยอม ก็ทำๆไป ถางหญ้ากว่าจะเสร็จก็นานพอสมควรเลย พอเสร็จก็ขนเศษหญ้าไปใส่ตะแกรง เคาะๆเศษดินออกแล้วเอาไปให้หมูกิน ไอพี่อ๊อฟมันบอก ขนหญ้าเสร็จแล้วก็ไปช่วยยายพรวนดินต้นกล้าที่พึ่งลงไป พรวนพร้อมใส่ปุ๋ย พรวนเสร็จก็เปิดสปิงเกิล รดน้ำ มันเหนื่อยจริงๆ แต่รู้สึกดีมากเลยละ.....
“จะเที่ยงแล้ว ไปพักกันก่อนนะ เดี๋ยวเขาจะทำกับข้าวมาให้นะ” ยายจันทร์พูดอย่างใจดี
พี่อ๊อฟก็พาผมกับยายจันทร์ไปที่โต้ะนั่งกลางสวน โต้ะใหญ่ สักพักพี่ๆป้าๆก็ยกกับข้าวอะไรมาเต็มไปหมด เขาบอกทำไว้ตั้งแต่เช้าแล้ว แค่อุ่นแล้วเอามากินได้เลยจะได้ไม่เสียเวลา พี่ๆคนงานเอยอะไรเอย มานั่งกินด้วยกัน เฮฮามาก เป็นกันเองมากเลย เขาอยู่กันแบบระบบครอบครัว ผมก็กินอย่างหิวโหย เพราะเหนื่อยมากจริงๆ เสียพลังงานไปเยอะพอควรเลยละ.....
“นท ตอนบ่ายไม่ต้องทำแล้วนะ นั่งดูก็พอ” พี่อ๊อฟพูดอย่างเป็นห่วง
“ม่ายยย!” ข้าวเต็มปากก็ยังพูด
“ตายแล้ว! อย่าพูดตอนเคี้ยวข้าวนะ” ยายจันทร์ดุ ผมแบบไม่จริงจังนัก เขาก็หัวเราะกัน
ผมก็รีบกิน กินข้าวเสร็จก็กินผลไม้ต่อครับ กินดีอยู่ดี กินเสร็จก็ช่วยกันเก็บ แล้วก็ไปช่วยทำสวนต่อ คราวนี้ยายไล่ผมไปให้อาหารปลาในบ่อ ให้ผมไปทำอะไรที่มันง่าย ให้อาหารปลาเสร็จก็ไล่ไปเติมน้ำให้ไก่...
“ว้าววววววว!” ผมร้องออกมาอย่างตื่นเต้น พี่อ๊อฟมันก็วิ่งมาหาผมหน้าตาตื่นเลย
“เป็นอะไรนท!” พี่อ๊อฟถามอย่างตกใจ
“พี่อ๊อฟ หมู! ดูมันดิ น่าร้ากกกกกก” ผมดี๊ด๊ามาก ผมเพิ่งเคยเห็นใกล้ๆแบบนี้ครั้งแรกเลยนะเนี่ย “อยากจับอ่า อยากจับๆๆๆๆๆๆ” ผมอ้อนพี่อ๊อฟ คนงานแถวนั้นก็หัวเราะกับท่าทางปัญญาอ่อนของผม
“มันจะกัดมึงเอานะ” พี่อ๊อฟพูดแล้วยิ้ม
“อยากจับๆๆๆๆๆๆๆ” ผมมองไปในคอกหมูอย่างตื่นเต้น ถึงมันจะเอ่อ! เหม็นไปหน่อยก็เถอะ มันมีลูกๆมันที่น่ารักมากๆด้วย ผมหลงรักเลย น่ารักมากกก เอากลับไปเลี้ยงดีไหมนะ
“เออๆ” มันยิ้มให้ผม
มันก็พาผมเปิดเข้าไปในคอกหมู หมูมันวิ่งหนีกระจุยกระจาย น่ารักมากเลย เสียงร้องของมันก็น่ารักเชียว....
“อะ” พี่อ๊อฟยื่นพลั่วตักดินมาให้ผม ผมก็มองงงๆ “ตักขี้หมูไปใส่รถเข็นตรงหน้าประตูด้วยนะ กูจะไปดูยายต่อ” พูดหน้าตาเฉย
“และไอตักขี้หมูมันต้องทำยังไงเล่า!” ผมถามมันก็เดินไปเลย เอายังไงละทีนี้
“ก็แค่ตักแล้วก็เอาไปไว้ในรถเข็นไง” พี่คนนึงเดินมาบอก น่าจะเป็นคนงานหรือ ญาติพี่อ๊อฟแหละ ผมคุ้นๆแต่ไม่เคยได้คุยกัน...
“งี้เหรอ” ผมก็ค่อยๆตักมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
“ใช่ เดินเอาไปใส่รถเข็นเลย” พูดอย่างใจดีผมก็เดินไป
ก็ทำไปจนเสร็จ เนื้อตัวเหม็นเหงื่อเหม็นขี้หมูเหม็นไปหมด พอเสร็จผมก็ยืนดูลูกหมูอยู่อย่างนั้นแหละ มันน่ารักมากเลยละ แต่เหมือนมันจะกัดนะ >.<…
“ลองอุ้มมันสิ!” พี่เขาบอกอย่างใจดี ผมก็กลัวๆนิดนึง พี่อ๊อฟบอกว่ามันกัดไม่ใช่เหรอ
“อะ เอ่อ มันกัดไม่ใช่เหรอพี่” ผมพูดอย่างกลัวๆ
“ไม่หรอก ลองดู นี่ไง” เขาก็เดินไปลูบหัวมัน
ผมก็ลองบ้าง ขนมันแข็งแปลกๆแหะ น่ารักเลย จับไปจับมาผมก็เลยอุ้มมันขึ้นมาเล่น ตัวเล็กเท่าลูกแมวอยู่เลย ผมก็คุยกับพี่เขาไป แล้วก็เล่นกับลูกหมูไป น่ารักมากเลยละ คุยกับพี่เขาก็สนุก พี่เขาชื่อต้น เป็นคนงานในสวนเนี่ยแหละ เขาก็หน้าตาบ้านๆ แต่ก็หล่อแบบเข้มๆ ใจดีมาก พี่ต้นบอกว่าพี่อ๊อฟให้มาดูผม ไอพี่อ๊อฟมันไปช่วยเขาเก็บลำไย ให้ตายสิ พอเล่นกับหมูจนพอใจผมแล้ว พี่ต้นก็ชวนผมไปดูวัว บ้านยายจันทร์เป็นสวนใหญ่เลย มีผลไม้หลายชนิดเลย และก็มีสัตว์เยอะมาก ทั้งปลา หมู วัว ควาย เป็ด ไก่ พื้นที่เยอะกว้างมาก ผมเดินจนเมื่อย ยังมีนาข้าวอะไรอีกเยอะแยะของเขาก็ไม่รู้ ถ้าทำคนเดียวก็คือตายจริงๆ ต้องมีคนงานคอยช่วย......
“ห้ะ! มีม้าด้วยเหรอ!” ผมหันไปดูคอกด้านหลัง มีม้าอยู่5-6ตัวเลย
“มีสิ ขี่ได้ด้วยนะ เอาไว้สำหรับแขกในรีสอร์ทของยายเขาน่ะ” พี่ต้นบอก ผมก็ยิ้มอย่างดีใจ
“ยายจันทร์มีรีสอร์ทด้วยเหรอพี่ ผมไม่เห็นรู้เลยอะ” ผมถามอย่างสงสัย
“มีสิ พึ่งเปิดได้ไม่นานหรอก อยู่แถวปากทางเข้าหมู่บ้าน มันมองเห็นง่าย และสะดวกด้วย ส่วนคนที่อยากขี่ม้าก็จะมีคนพามาขี่ด้านหลัง” พี่ต้นบอกด้วยรอยยิ้ม
โอ้โห! ยายจันทร์นี่ ธุรกิจเยอะมากเลยนะ ผมตะลึงไปเลย แล้วก็มีอะไรอีกเยอะแยะเลย พี่ต้นมันพูดให้ผมฟัง ผมก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง เพราะมันเยอะจนไม่อยากรู้แล้ว...
“ไง เหนื่อยไหม” ผมหันไปข้างหลัง ไอพี่อ๊อฟ มันเดินมากับยายจันทร์
“เป็นยังไงนท มอมแมมเลยนะ” ยายจันทร์พูดแล้วยิ้ม
“สนุกมากครับ ผมอยากขี่ม้า!” ผมบอกอย่างตื่นเต้น
“ให้อ๊อฟ พาขี่นะ เดี๋ยวยายจะนั่งดูอยู่แถวนี้แหละ” ยายจันทร์บอกอย่างใจดี ผมก็ตื่นเต้นดี๊ด๊าเลยสิ
แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมไปที่คอกมาพร้อมพี่ต้น เขาก็แต่งตัวให้ม้าไป ส่วนยายจันทร์นั่งที่แคร่ ใต้ต้นไม้ใหญ่ ข้างสนามม้า คนงานคนสวนก็เอาน้ำเอาอะไรมานั่งกับยาย สนามม้าถูกล้อมด้วยเสาไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยม ไม่กว้างมาก ข้างในเป็นพื้นทราย บรรยากาศดีสุดๆล้อมรอบด้วยสวนผลไม้ และยังมองเห็นภูเขา....
“ขึ้นแล้วก็ทรงตัวดีๆนะ มันเหมือนนั่งเก้าอี้ไม่มีที่พิง” พี่อ๊อฟพูด ผมก็ขึ้นไป
“อ้าว! พี่อ๊อฟ ไม่ขึ้นมาเหรอ?” ผมถามอย่างสงสัย
“มันขึ้นได้คนเดียวนท มึงอย่ามาตลก” พี่ต้นก็หัวเราะ
“อ้าว! ทำไมในหนังมันนั่งด้วยกันได้ละ” ผมถามอย่างสัย
“นั่นมันม้าแข่ง นี่มันม้าเอาไว้ขี่เล่น!” มันพูดอย่างหัวเสีย
ผมก็เออออไป มันก็ให้พี่ต้นไปพัก แล้วมันก็เอาสายจูงเกี่ยวที่บังเหียนตรงมุมปากม้าแล้วก็จูงพาผมเดิน ระหว่างนั้นผมก็พูดไปทั่วพูดอย่างตื่นเต้น เพราะชอบมาก....
“พี่อ๊อฟ อยากวิ่งๆๆๆ” ผมพูดอย่างตื่นเต้นเมื่อเดินมาสักพัก
“พอเลย มึงอย่ามาบ้าบิ่น มันอันตราย มึงไม่ได้เรียนมา เดี๋ยวก็ตกม้าตายห่าหรอก!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“อะไรอะ!” ผมงอแงแล้วไง
มันก็พาผมเดินไปมาสักพักก็บอกให้ผมพอแล้ว แล้วพี่ต้นก็วิ่งมาเก็บม้าให้ ผมกับพี่อ๊อฟก็เดินไปนั่งกับยายจันทร์ ไปนั่งกินน้ำกินขนมพูดคุยกันไป สนุกสนานเลยละ......
“เหนื่อยแย่เลยนะวันนี้” ยายจันทร์ลูบหัวผม
“ไม่เลย สนุกมากเลย พรุ่งนี้ให้ผมทำอีกนะยาย” ผมกอดยายจันทร์
“เด็กคนนี้มันดื้อจริงๆเลยนะ บอกว่าไม่ต้องก็ไม่ต้องสิ 555” ยายจันทร์พูดติดตลกทุกคนก็เฮฮากัน
นี่ก็บ่ายแก่ๆแล้ว ก็นั่งพักผ่อนพูดคุยกันไป ยายจันทร์ก็พักแล้วที่เหลือให้คนอื่นทำ ยายจะทำเท่าที่ยายอยากทำ เพื่อตรวจการอะไรด้วย นอกนั้นก็จะสั่งให้คนเขาทำต่อ เราก็พากันกลับบ้าน ไปอาบน้ำลางตัว ผมกับพี่อ๊อฟก็อาบน้ำด้วยกัน ไอพี่อ๊อฟมันก็เกินไป......
“ถ้าจะขัดตัวผมขนาดนั้นก็เลาะหนังออกมาขัดเถอะ!” มันถูตัวให้ผม อย่าเรียกว่าถู เรียกว่าขัดเลยเถอะ เอาสะหนังแดงไปหมดแล้วเนี่ย!
“มันสกปรกไง เดี๋ยวมึงจะคันนะ” หวังดีจังอะ เจ็บไปหมดแล้วเนี่ย!
“งั้นก็ขัดๆไปเถอะนะ!” ปล่อยมันไป
เราก็อาบกันไป กว่าจะเสร็จเล่นเอาตัวผมถลอกไปหมดเลยมั้ง ทำเหมือนผมเป็นเด็กน้อย อาบน้ำให้ ทาแป้งให้ จะแต่งตัวให้ด้วยนะ ผมก็ห้ามมันไว้ ผมไม่ได้เป็นง่อยสักหน่อยนี่! โถ่! อาบน้ำเสร็จ ก็พากันลงไปนั่งเล่น ไอพี่อ๊อฟมันก็พาผมไปเข้าครัว เตรียมทำอาหารเย็น จริงๆมันก็ให้ผมไปนั่งรอแหละ แต่ผมอยากช่วยมันไง ก็ทำไป ผมก็ช่วยอย่างเต็มที่เลย......
“ออกไปรอข้างนอกไป” มันพูดนิ่งๆ
“ทำไมอะ” ผมถามนิ่งๆ
“มึงทำบ้าอะไรของมึงไอนท! ก็ให้มึงเด็ดใบกระเพรามึงจะซอยทำไม มันไม่ใช้ต้นหอมผักชีนะ!” มันพูดอย่างหงุดหงิด
“แหะๆ” ยิ้มอ่อน “กะ..ก็มันน่าจะใช้ได้เหมือนกันนี่ ใส่ๆไปก็เหมือนกันแหละ” แถไปนั่น
“ไปรอข้างนอกไป!” ดูมันไล่ผมสิ
“เออ ไปก็ได้วะ” แล้วผมก็เดินออกจากครัวไป
อะไรว้า คนมันอยากช่วยนี่นา ผมละน้อยใจจริงเลย ผมมานั่งหงอยอยู่หน้าบ้าน เซ็งเลย ผมก็ล้วงโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู เอิ่ม! แบตหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่อีกละเนี่ย! คือตั้งแต่กลับมาแทบไม่ได้กดโทรศัพท์เลยมั้ง ผมก็เดินกลับขึ้นห้องนอนเอาไปชาจทิ้งไว้ แล้วก็ลงมา เห็นยายกำลังแต่งหน้าขนมอยู่ ผมก็เดินเข้าไปถาม ยายบอกเป็นขนมที่เตรียมอบไปทำบุญพรุ่งนี้เช้า ผมก็มองอย่างสนใจเลยละ......
“อยากทำไหม” ยายจันทร์ถามอย่างใจดี
“อยะ.....” ผมก็คงจะทำมันเละอีกอะแหละ “ ผมจะทำได้เหรอครับ” ผมยิ้มอ่อน
“ทำได้สิจ้ะ ลองดูนะ มาเดี๋ยวยายสอน” ยายเขาก็มานั่งข้างๆผม
จับมือผมให้วาดแต่งหน้าขนม ผมก็ทำอย่างตั้งใจเลยละ จนสักพักยายก็ปล่อยมือผม ผมก็ทำได้ดีเลยนะ ถึงจะไม่ดีมากก็เถอะ ทำไปทำมาก็สนุกมาก...
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:04:44
“เจ้าอ๊อฟก็ปากเสียไปหน่อย อย่าไปถือสาเลยนะ อ๊อฟคงอยากให้นทกินของอร่อยๆน่ะ” อยู่ๆยายจันทร์ก็พูดขึ้นมา
“ครับ” ผมยิ้ม ยายเขารู้ด้วยเหรอเนี่ย
“ทำได้ดีเลยนะ สวยเลยละ” ผมยิ้มบานเลย
แล้วก็ทำกันไปจนค่ำๆ พี่อ๊อฟมันก็ออกมาจากห้องครัว ผมก็ทำขนมเสร็จพอดีเลย เราก็ไปกินข้าวกัน แต่....
“ยายจันทร์กินข้าวกันนะครับ” ผมเรียกยายจันทร์มากินด้วย เพราะพี่อ๊อฟมันยกกับข้าวไปหน้าบ้าน ตรงม้าหินอ่อน
“เดี๋ยวยายกินกับป้าๆเขาเอา นทไปกินกับเจ้าอ๊อฟเถอะนะ” ยายจันทร์พูดอย่างใจดี
ผมก็ตอบรับไปนิดหน่อย แล้วก็เดินไปช่วยพี่อ๊อฟมันยกออกไป ทำไมไม่กินด้วยกันละ จะยกออกไปกินทำไมสองคนนะ ยกของเสร็จก็ไปนั่งกันที่โต้ะ......
“อยากกินกับมึงสองคน ไม่ได้เหรอ” อยู่ๆมันก็พูดขึ้นมา เพราะผมคงทำหน้าสงสัยมากไปหน่อย
“อื้ม” ผมยิ้ม
“เหนื่อยไหม” มันเอาผ้ามาเช็ดมือให้ผม
“ไม่เลย พี่อ๊อฟเหนื่อยแย่เลยละสิ ต้องช่วยงานยายและก็ดูแลผมไปด้วย” ผมก็หยิบกระดาษทิชชู่ไปซับเหงื่อให้มัน มันคงจะเหนื่อยแหละ
“ชินแล้ว” มันยิ้ม
“กินข้าวเถอะ เดี๋ยวผมนวดให้”
เราก็กินข้าวกันไป พี่อ๊อฟมันทำให้ผมรู้สึก...อบอุ่นใจ รู้สึกมั่นใจว่ามันต้องดูแลผมได้ดีแน่นอน มันทำให้ผมรู้สึกหลากหลายอย่างเลย มันตีแผ่เหมือนชีวิตตอนทำงาน ไม่ว่ามันจะทำงานหนักมันก็ดูแลผมได้แน่นอน.........
ผมรักมัน รักมากที่สุด ผมจะไม่เปลี่ยนใจไปรักใครแน่นอน คนๆนี้ทำให้ผมรักได้มากมายเหลือเกิน........
เรากินข้าวเสร็จก็ช่วยกันเก็บไปล้าง หลังจากนั้นก็ไปเดินเล่นย่อยอาหารกันสักหน่อย แล้วก็พากันขึ้นไปอาบน้ำ อาบเสร็จก็ออกมาแต่งตัว ผมก็อาสาจะนวดให้มัน ตอนแรกมันไม่ยอม แต่ผมบังคับ ก็เริ่มนวดไป....
“อ่าห์ สบายจัง” มันร้องออกมาอย่างเคลิ้มเลย
“เจ็บก็บอกนะ” ผมพูดอย่างเป็นห่วง มันก็พยักหน้า
ผมก็นวดให้มันไป จุดประสงค์จริงๆก็คืออยากจะสำรวจด้วยแหละ ว่ามันเจ็บหรือเป็นอะไรไหม เพราะมันทำงานเยอะไง แล้วก็กลัวมันจะมีแผล ผมก็เป็นห่วงมันนะ นวดไปสักพักผมก็เริ่มเมื่อยแล้ว มันก็บอกให้พอ แล้วผมก็เอายานวดทาไว้ให้มันนั่นแหละ ช่วงนี้มันทำงานหนัก ต้องทำเหมือนคนแก่เลย ทำอะไรเรียบร้อยก็ปิดไฟ แล้วก็นอนคุยกัน....
“สบายตัวเลยละ” มันพูดแล้วยิ้ม
“ทำไมญาติคนอื่นๆไม่เห็นมาช่วยอะไรเลยละ ธุรกิจของยายเยอะมากเลยนะ” ผมถามอย่างสงสัย
“ก็พ่อกับแม่กูก็คอยดูช่วยตลอด ส่วนคนอื่นๆเขาก็ไม่ค่อยเท่าไหร่หรอก เพราะเขาก็มีงานมีกิจการที่ต้องดูแลกัน ก็จะมีป้าๆ น้าๆ ที่มึงเห็นที่อยู่ที่นี่อะเป็นหลักๆที่คอยช่วย กูก็นานๆทีมาช่วย” มันพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“โห! อย่างนี้พี่อ๊อฟก็เป็นหลานรักเลยละสิ” ผมยิ้ม มันก็พยักหน้า
ผมกับมันก็คุยกันไปจนหลับ ตื่นมาอีกทีก็เช้าตรู่เลย ผมตื่นเองนะ เพราะกลิ่นขนม มันหอมจนต้องตื่น หอมมากเลยละ แล้วพี่อ๊อฟก็สะดุ้งตื่นตาม มันบอกมันก็ตื่นแบบนี้ทุกวันที่มาอยู่บ้านยาย มันบอกว่ากลิ่นขนมก็ปลุกมันเหมือนกัน ผมกับมันก็ไปล้างหน้าล้างตาแปรงฟันลงไปช่วยยาย ก็ไปช่วยจัดห่อขนมใส่กล่องอาหารเป็นชุดๆ เพื่อเอาไปทำบุญ ขนมน่ากินมากเลย ทำอะไรเสร็จก็พากันไปวัด โดยเอารถกระบะไปวัดใกล้ๆบ้าน เป็นวันพระใหญ่นี่เองคนเต็มวัดเลย ก็พากันไปทำบุญ กรวดน้ำรับพร พอทำอะไรเสร็จ ยายจันทร์ก็จะอยู่พูดคุยกับหลวงพ่อทุกครั้งเลย ผมกับพี่อ๊อฟก็เลยไปเดินเล่นรอ ส่วนน้าๆที่มาด้วยก็นั่งคุยกับยายและหลวงพ่อไป.....
“สดชื่นจังเลย” อากาศดีมากเลย
“อืม ต่างจากในเมืองมากเลยละ” มันพูดแล้วก็จับมือผม เราก็เดินไปนู่นนี่กัน
“พี่อ๊อฟ” ผมหันไปเรียกมัน ตอนนี้ผมกับมันยืนดูบ่อปลาที่อยู่ในวัด
“ว่า” มันหันมาถามหน้านิ่งๆ
“เรื่องที่ผมมาที่นี่เมื่อคราวที่แล้ว ป๊าไม่พอใจมากเลยละ” มันก็ทำหน้ากังวลขึ้นมาเลย “จนป๊าจะให้ผมย้ายโรงเรียนน แล้วก็ให้ผมเลิกกับพี่อ๊อฟเลยนะ” หน้ามันดูเศร้าขึ้นมาเลย ผมก็กระชับมือมันแน่นขึ้น “แต่ผมก็ยืนยันนะ ว่ายังไงผมก็ไม่ย้ายและผมก็เลือกพี่อ๊อฟ” ผมยิ้ม มันก็เผยยิ้มอ่อนออกมา
“ขอบคุณนะ” มันกระชับมือแน่น
“เขาจะส่งผมไปเมืองนอกเลยด้วยซ้ำ” พูดขึ้นมาพร้อมกับยิ้มให้มัน “แต่ผมก็ยืนยันว่าจะไม่ไป แต่....” ผมหันตัวไปหามัน “ตอนที่ผมจบม.6 ผมอาจจะต้องไปเรียนที่เมืองนอกนะ” พี่อ๊อฟมันทำหน้าตกใจ
“ทะ ทำไม...” มันทำหน้า... ผมไม่อยากมองเลย “แค่อาจจะน่ะ พี่อ๊อฟอย่าเศร้าดิ และมันก็อีกตั้งนาน” มันจับมือมันแน่นเลย
“มันก็แค่เหมือนจะนานนะนท แล้วถ้าถึงเวลานั้น กูละ มึงจะทิ้งกูไว้นี่....เหรอ” ทำเสียงเศร้าน้ำตาคลอ
“ถ้าผมกับพี่ยังไม่เลิกกัน บางที ผมก็ไม่ไปหรอก เพราะผมเลือกพี่อยู่แล้ว” ผมยิ้ม
“ไม่มีทางนท” มันดึงผมเข้ามากอด
“ไม่เอาน่า พี่อ๊อฟ ผมบอกเพื่อให้พี่รู้ ไม่ได้บอกเพื่อให้พี่เศร้านะ พี่คือคนที่ผมรักมากเลยนะ” ผมก็กอดมันกลับ
“กะ กู.....” คงจะสะเทือนใจมันไม่น้อยเลย
“ถ้าได้ไปจริงๆ พี่ไปกับผมก็ได้นะ” ผมพูดไม่จริงจังนักแล้วลูบหลังมัน
“เฮ้อ!” มันถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆ ผมกระชับกอดมันแน่นขึ้น ตรงนี้ลับตาคน กอดเพราะรักและห่วงใยถึงจะในวัดก็คงไม่บาปเนอะ
“อย่าเครียดดิ” ผมผละออกมา แล้วก็ลูบแก้มมัน
หน้ามันเครียดอย่างเห็นได้ชัด ผมก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วละสิ ไกลกันขนาดนั้น อีกอย่างถึงมันจะอีกนาน ถ้าผมกับพี่อ๊อฟคบกันไปถึงตอนนั้น ตอนผมจะไปคงทำใจไม่ได้แน่ๆ จริงๆเรื่องนี้ก็คิดๆมาสักพักแล้วแต่มัน ก็ยังคงเป็นเรื่องของอนาคต มันไม่แน่นอน มันไม่มีใครบอกอะไรได้.....
ผมกับมันก็คุยกันไปนิดหน่อย แต่พี่อ๊อฟก็ดูเหมือนจะรับไม่ได้ มันดู เศร้า มันดูหงอยไปเลย ผมรู้สึกผิด ไม่น่าบอกมันเลย เฮ้อ! ผมจะทำยังไงดี แล้วน้าๆก็มาตามผมกับพี่อ๊อฟให้กลับบ้าน พี่อ๊อฟมันดู....เงียบๆไป ผมกังวลใจจริงๆ พอถึงบ้านมันก็แยกตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมเป็นห่วงมันแล้วนะเนี่ย....
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก ทำไมอ๊อฟมันดูซึมไปเลยละ” ยายจันทร์เดินมาถามผมที่ยืนกังวลใจอยู่แถวๆห้องน้ำที่พี่อ๊อฟเข้า
“คะ คือ...” ผมก็จูงมือยายออกมาจากแถวนั้นก่อน
แล้วก็เริ่มเล่าให้ยายฟัง ยายก็ดูจะเข้าใจ แถมยังยิ้มหวานให้ผมอีก ผมก็ค่อนข้ากังวล ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดไป มันควรจะพูดไหม....
“รู้ใช่ไหมว่าอ๊อฟ เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด เป็นคนเงียบๆ เป็นเด็กที่ไม่ร่าเริงสักเท่าไหร่” ผมก็พยักหน้า “อืม เขาคงจะคิดมากเลยละ นทไม่ผิดหรอกที่บอกอ๊อฟไว้ เพราะบอกไว้ก่อนจะได้เตรียมใจไว้ก่อนไงจริงไหม” ผมก็พยักหน้า “ถึงมันจะไม่แน่นอน แต่...การที่บอกออกมาแสดงว่านทก็กังวลใจไม่น้อยเลยใช่ไหมจ่ะ” ผมก็พยักหน้า “เฮ้อ เจ้าอ๊อฟน่ะนะ เขาชอบเรามากเลยนะ การที่ได้ยินเรื่องแบบนี้ก็คงจะสะเทือนใจ เขาคงกลัวเป็นเหมือนตอนเด็กๆ ตอนที่นทหายไป...” ยายจันทร์ลูบหัวผม
“แล้วผมต้องทำยังไงดีละครับยาย” ผมกอดยาย
“ทำให้เขายิ้มได้เท่านั้นก็พอแล้วละจ่ะ” ยายจันทร์ยิ้ม “จริงๆมันก็ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นแค่เรื่องสะเทือนใจนั่นแหละ เดี๋ยวยายจะช่วยพูดให้นะ” ผมก็ผละออกมา แล้วก็พยักหน้า
แล้วยายจันทร์ ก็ให้ผมเอาขนมที่เหลือไปให้ข้างบ้านบ้างอะไรบ้าง ผมก็เอาไปให้เขา หลายบ้านเลยละ ผมเข้าไปแต่ละบ้าน กว่าจะออกมาได้แต่ละบ้าน ถามเยอะมากมาย แต่ก็สนุกดี เขาก็มีของมาให้ยายด้วย ผมก็หิ้วแบบพะรุงพะรัง กว่าจะเสร็จก็สายแล้ว นานมาก พอเสร็จก็กลับบ้าน เอาของที่เพื่อนบ้านฝากให้ยายไปไว้ในครัว แล้วก็บอกน้าๆที่อยู่ในครัว เขาก็รับรู้กัน ผมก็เดินหาพี่อ๊อฟก็ไม่เจอ มาเจอมันนั่งอยู่กับยายในสวน พอมันเห็นผมก็วิ่งมาหาผม.....
หมับ! กอดผมแน่นเลย ผมก็กอดตอบ ยายจันทร์ก็ยิ้มให้ผม ผมก็งงๆนิดหน่อย....
“กูเข้าใจทุกอย่างแล้วนท” มันกอดผมแน่น พูดเสียงสั่นๆ “กูดีใจที่มึงบอกกูเรื่องนี้ และ กูก็ขอโทษที่ทำตัวให้มึเป็นห่วง” ผมก็ลูบหลังมัน “ถ้า....มึงได้ไปจริงๆ กู....จะไปหามึงบ่อยๆนะ ถะ ถึงกูจะไปกับมึงไม่ได้ กูก็จะไปเที่ยวหามึงบ่อยๆ” มันกอดผมแน่น
“ทะ ทำไมละ ไม่ไปกับผมเหรอ” ผมถามอย่างสงสัย
“กูยังมีอะไรต้องทำที่นี่อีกเยอะ กู...มีสิ่งที่ต้องสานต่อ ส่วนมึง” ผละออกมา “ยังมีสิ่งที่ป๊ามึงอยากให้ทำ กูเข้าใจแล้ว”มันยิ้ม
“อื้ม แต่อย่าพึ่งเผื่อใจไปขนาดนั้น เพราะถ้าผมไม่อยากไป ป๊าก็คงไม่บังคับหรอก ผมน่ะ อยากอยู่กับพี่อ๊อฟมากกว่านะ”(ยิ้ม)
“ยังไงอนาคตมึง กูจะไม่เป็นตัวถ่วงนะนท กูมีสิ่งที่กูฝันและอยากทำแล้ว ส่วนมึงก็คงยังไม่รู้และอาจจะอยากตามหา...กูจะรอ และเวลาที่เหลือไม่กี่ปีนี้ กูจะอยู่กับมึงและทำให้มันมีค่าดีที่สุดนะ!” ผมก็โผลกอดมัน
แล้วมันก็พูดคำมากมาย มากมายจน น้ำตาผมไหลออกมาอย่างตื้นตัน ทำไม ทำไมมันรักผมได้มากขนาดนี้นะ ทำไมกัน ผมรู้ตัวเองแล้ว ผม....ไปจากมันไม่ได้แน่นอน... และยายจันทร์ก็เรียกผมกับพี่อ๊อฟไปนั่งด้วย แล้วยายก็บอกและพูดให้ผมและพี่อ๊อฟเข้าใจในหลายๆเรื่อง ว่าคนเราน่ะนะ รักกันไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันเสมอไปหรอก ถึงจะห่างกันก็รักกันได้ ดีไม่ดีอาจจะรักกันมากขึ้นสะอีก และที่สำคัญ ระยะทางทำให้คนเปลี่ยนไปมันไม่จริงเลย เพราะถ้าคนๆนั้นจิตใจมั่นคง ระยะทางหรืออะไรทุกสิ่งก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนได้ แล้วยิ่งเป็นผม ยายบอกว่าผมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ยังคงนิสัยเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนเลย ดูจะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นด้วยซ้ำ ยายก็พูดให้ผมและพี่อ๊อฟมันใจในกันและกันขึ้น พี่อ๊อฟมันก็โอเคขึ้นแล้ว อาจจะยังมีเหม่อๆบ้าง แต่มันก็ต้องดีขึ้นแหละ ผมดีใจ ดีใจที่มีพี่อ๊อฟ ดีใจที่ยายเข้าใจ ดีใจและมีความสุขในชีวิตตอนนี้...
เมื่อเข้าใจกันดีแล้ว ผมก็ไปช่วยเขาทำงานเหมือนเดิม ยายก็ให้ผมทำง่ายๆ ไม่เหนื่อยเลย พี่อ๊อฟก็ติดผมแจเลย ผมก็ไม่อะไร สนุกสนานไป เป็นอะไรที่ผมมีความสุขที่สุด ผมทำให้พี่อ๊อฟมันยิ้มได้ทั้งวัน จนเย็นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนพี่อ๊อฟก็ให้ผมนอนเล่นพักผ่อน เพราะเพลียมาก จะไปช่วยมันมันก็ไม่ยอม ผมก็เลยทำตามที่มันบอกไป ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเอาโทรศัพท์ชาจแบตไว้ตั้งแต่เมื่อวาน ผมก็ลุกไปเปิดเครื่องแล้วก็เข้าห้องน้ำ พอออกมาก็ถือโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต้ะมาที่เตียงแล้วก็ล้มตัวนอนเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผมแทบจะปิดเครื่องคือ เป็นพันๆข้อความในไลน์ เพื่อนๆพี่ๆเยอะแยะไปหมด ของผมไม่ได้ติดตามโฆษณานะ ที่เยอะเนี่ยแชทจริงๆ ยังไม่รวมสายที่ไม่ได้รับอีกเป็นร้อยๆสายเลย.......
ผมกดโทรหาป๊าก่อน เพราะป๊าโทรมาด้วย พอรับเขาก็ดูโมโหผมไม่น้อยเลย ที่ผมไม่โทรไปบอกอะไรเลย ผมก็โดนสวดไป จนเสร็จก็โทรหาพี่โน้ตและแม่ เพื่อบอก โดนบ่นจนหูผมชาไปหมดแล้ว เฮ้อ! จะว่าไปตั้งแต่ปิดเทอมมา ผมยังไม่ได้ติดต่อกับพวกปอเลยนะ มันก็ทั้งโทรทั้งไลน์ทั้งเฟสอะไรมากัน ผมจะดูเป็นเพื่อนที่เลวมาก มัวแต่ไปเที่ยวกับผู้ชายเนี่ยผมก็กดโทรไปหาปอก่อนเป็นอันดับแรกเลย ไม่นานก็รับ...
“ฮะ...”
“#$%^$%^$&^%*&*(&(_+_()#@#?_+)()__@#$” ผมต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหู เพราะว่ามันรัวด่าผมมาซะแบบว่า ผมไม่ใช่คนละมั้งนั่น
“จบแล้วใช่ไหม!” ผมถามเมื่อมันเงียบไป
“ยัง กูยังไม่จบมึงเนี่ยนะ!” ผมกรอกตาหนักมาก
“พอเถอะน่า” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“ลืมเพื่อนลืมฝูงมัวแต่ไปกับผู้ชาย ทำไปได้!” ไอวิวพูดมันอยู่ด้วยกันเหรอเนี่ย!
“เออ ทำได้ยังไงวะ!” ไอนัทพูดอย่างไม่พอใจ”
“เออ ไปเที่ยวไม่เคยจะชวน!” ไอมินซ้ำเลยไง
“มึงอยู่ไหนกันเนี่ย!” ผมถามอย่างสงสัย
“พวกกูมาแดกหมูทะกัน ไม่มีมึงพวกกูก็กินอร่อยโว้ย!” ไอมินพูดอย่างงอนๆ
แล้วก็แย่งกันพร่ำเพ้อยาวเป็นห่างว่าวเลย ผมก็ได้แต่ขอโทษและขอโทษ โดยบอกว่าจะไปเลี้ยงมัน ยังไงก็ก่อนเปิดเทอมแน่ๆแหละ เฮ้อ! จนพวกมันวางไป ก็แอบรู้สึกผิดนะ แย่จัง ไม่มีเวลาให้เพื่อนๆเลยอะ เฮ้อ!.....
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:05:21
ครืดๆ! เสียงโทรศัพท์เข้า เอิ่ม! พี่กาย ผมก็กดรับแล้วก็เงียบฟัง.....
“ฮะ...ฮัลโหล” มันพูดอย่างลังเล
“ว่า” ผมพูดนิ่งๆ มันโทรมาเยอะสุดเลย จากที่ผมดู 50กว่าสายโทรมาเพื่อ! พี่ดินพี่ไฟยังไม่ขนาดนั้นเลย
“กว่าจะรับสายได้ กูโทรหามึงตั้งแต่คืนวันที่มึงกลับ ถึงวันนี้มึงก็รับสักที!” มันพูดอย่างภูมิใจ
“บอกพี่เกรซหรือเปล่าว่าโทรหาผม” ผมพูดติดจะประชดไปนิดหน่อย
“โฮ! นท! นทก็มีแฟน พี่ก็มีแฟน ก็คุยกันได้!” อยู่ๆมาเปลี่ยนสรรพนาม คืออะไร
“พูดจาแปลกๆนะ” ผมเริ่มจะกลัวละสิ
“ต่อจากนี้ จะพูดดีๆด้วยนะ” มันพูดเสียงหวาน
“เฮ้อ! ผมไม่สนใจพี่หรอกน่า ถึงพี่จะพูดดีก็เถอะ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“กิ๊กกันก็ได้น่า อย่าจริงจังดิ คุยๆกันไปก่อน ติดใจเดี๋ยวเลื่อนตำแหน่งให้” มันพูดจาเจ้าเล่ห์ เริ่มออกลายแล้วไง
“เฮ้อ! ไปใช้มุกน้ำเน่าแบบนี้จีบตุ้ดเด็กเถอะ!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“555 ว่าแล้ว ก็ถ้าตุ้ดเด็กมันง่ายไป แบบนทเนี่ยยากดี” มันพูดอย่างอารมณ์ดี
“จริงๆผมก็ได้ง่ายๆเลยนะ” ผมพูดเสียงอ่อยๆ “ถ้าพี่หวังแค่เรื่องอย่างว่า ก็บอกดีๆสิ ผมก็จะให้ จะได้จบๆไป พี่จะได้ไม่ต้องมาโทรตื้อผมหรอก” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก เพราะก็จะแกล้งๆมันนั่นแหละ มาทำตัวเจ้าชู้ ดีนะที่มันหล่อ ถ้าหน้าปลวกทำแบบนี้จะด่าให้
“คิดว่าพี่เป็นคนแบบนั้นจริงๆเหรอ” มันพูดเสียงจริงจัง
“อืม! ถ้าไม่ใช่แล้วหวังอะไรละ” ผมถามนิ่งๆ
“ก็บอกไปแล้วไงว่าชอบ ทำไมไม่เชื่อกันละ!” มันถามอย่างหัวเสีย
“พี่เกรซละครับ” ผมถามกลับอย่างนิ่ง
“เฮ้อ! เกรซเขาไม่เกี่ยวอะไรหรอกนท แค่นทกับพี่ก็พอน่า” มันพูดปัดๆ
“เฮ้อ! อืมๆ เป็นเพื่อนคุยให้ก็ได้ แต่อย่าคิดเกินเลย เพราะผมไม่อยากให้พี่สาวผมเสียใจ” ผมพูดอย่างจริงจัง
“โอเคๆ เอางั้นก่อนก็ได้” จะดีใจอะไรขนาดนั้น
ผมก็คุยกับมันไปอีกแปปก็วางเพราะรำคาญคำพูดเสี่ยวๆของมัน คิดว่าผมคงชอบมันมากละสินะ ก็นิดนึงแหละน่า555 แล้วก็กดโทรไปหาพี่ดินพี่ไฟ สองคนนั้นก็ดราม่าทันทีเลย ผมก็เออออไปโดยบอกว่าโทรศัพท์มันพังนู่นนี่นั่น มีการจะซื้อส่งมาให้ผมด้วยนะ ไปกันใหญ่แล้ว ผมก็คุยๆไป จนวางไป ก็โทรหาสิงโต รายนี้ดีหน่อยพูดรู้เรื่อง มันบอกช่วงนี้มันไปดูตึกแถวให้พ่อมันไม่ว่างเลย อยากมาหาผมเหมือนกันแต่ยุ่งๆนู่นนี่นั่น ผมก็คุยไปแล้วก็วาง และอีกมากมายที่โทรมาผมก็โทรกลับไป คุยนิดหน่อยก็วางไป จนโทรศัพท์แบตจะหมดอีกรอบนึง โทรเป็นสิบๆคน ผมก็เอาไปเสียบชาจแบตทิ้งไว้เหมือนเดิมนั่นแหละ แล้วก็เอาโทรศัพท์ของพี่อ๊อฟมากดเล่นแทน....
แต่ก็ต้องตกใจไปหน่อย เพราะผมค้นโทรศัพท์พี่อ๊อฟ มันก็คุยกับเพื่อนๆบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่มีคุยกับใครที่น่าสงสัยนะ จนมาเจอคนนึงที่มันสะดุดตาเนี่ยแหละ อีแอบออม ศัตรูตัวฉกาจ มันทักพี่อ๊อฟมา! แต่พี่อ๊อฟไม่ได้ตอบ มันอ่านแล้วไม่ตอบ ให้ตายสิ มันไปเอาไลน์มาจากไหนนะ ผมก็ถือโทรศัพท์พี่อ๊อฟลงบ้านไป แล้วก็ไปหามันที่กำลังจัดโต้ะกินข้าวหน้าบ้านอยู่ พอมันเห็นผมก็ยิ้มบานเลย แต่ผมนี่สิ ไม่สบอารมณ์เลย.....
“นี่อะไร!” ผมยื่นโทรศัพท์ไปให้มันดู
“มันโทรมาขอเบอร์กูจากยาย แต่กูไม่ได้รับสายหรือตอบข้อความอะไรมันนะ” มันพูดอย่างจริงจัง
“แน่นะ!” ผมยื่นหน้าไปใกล้ๆมัน มันก็พยักหน้า “จุ้บ!” ผมจุ้บปากมันเบาๆทีนึงแล้วก็นั่งลงที่โต้ะกินข้าว
“อะไรวะ นึกว่าจะโกรธ” มันพูดอย่างงงๆ
“ไม่เลย เพราะเห็นแล้วว่าไม่ตอบและไม่รับสายมัน” ผมยิ้ม มันก็นั่งลงข้างๆผม
เราก็เริ่มดินเนอร์สองต่อสอง มีความสุขมาก เพราะอาหารที่มันทำมาให้กินมีผัก แต่มันทำเมนูที่ทำให้ผมกินผักได้ อย่างผักทอดน้ำพริกกะปิ หรือไข่เจียวผัก มันดัดแปลงหมดเลย บอกอยากให้ผมกินผักบ้าง มุ้งมิ้งกันไป พอกินเสร็จก็เก็บแล้วก็ขึ้นบ้านอาบน้ำพักผ่อนกัน......
“พรุ่งนี้ก็กลับกันได้แล้วนะ จะได้กลับไปเตรียมตัว อีกไม่กี่วันก็ไปเรียนแล้ว” มันจับมือผม ตอนนี้เรานอนคุยกันบนเตียง
“ยังไม่อยากกลับเลย ยังอยากอยู่ที่นี่นานๆ อยู่ที่นี่แล้ว มันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมจะได้อยู่กับพี่อ๊อฟตลอดไปเลย” ผมพูดติดตลกไป มันก็ยิ้ม
“หยุดเลยนท” มันบอกผมพร้อมกับจับข้อมือผมไว้ “สถานที่ไม่เหมาะหรอก” มันยิ้ม
“ผมขอจับไม่ได้เหรอ” ผมพูดเขินๆ เพราะผมจับเป้ามันอยู่
“ถ้ามันตื่นจะยุ่งเอานะ” พูดแล้วยิ้ม
ผมก็นอนจับพี่อ๊อฟน้อยไป แค่จับเล่นนะ จนหลับไปนั่นแหละ ตื่นมาอีกทีก็ไปทำบุญกันเหมือนเดิม สนุกดี ได้สูดอากาศอันสดชื่น และก็เห็นผู้คนมาทำบุญกัน มันดีมากเลย......
“เที่ยงๆก็กลับกันได้แล้วเนอะ” หันมาบอกผม ตอนนี้เรายืนกันแถวๆรถเนี่ยแหละ
“อื้ม! ยังไม่อยากกลับเลยเนอะ” มันก็พยักหน้า “เออ ตั้งแต่ปิดเทอมมาเนี่ย ผมยังไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนๆบ้างเลย มันโทรมาด่าผมแล้ว วันนี้ว่าจะไปหาเลี้ยงอะไรพวกมันสักหน่อย เดี๋ยวมันจะงอลกัน” ผมพูดบอกอย่างไม่จริงจังนัก
“อืม ไปดิ เดี๋ยวกูไปด้วย” มันยิ้ม
“หยุดเลย พี่ก็ไปกับพวกพี่โอมบ้างพี่อ๊อฟ ติดผมเกินมันไม่ดี” ผมพูดดุมัน
“เออจะว่าไปพวกมันก็โทรมาด่ากูเหมือนกันนะ ปิดเทอมไม่ได้ไปไหนกับเพื่อนๆเลยวะ” มันยิ้ม
ผมกับมันก็ถกเถียงกันไป เพราะมันไม่ยอมห่างกับผมเลย บอกว่ามันก็จะไปกับผมและเพื่อนๆ แล้วผมก็ไปกับมันและเพื่อนๆของมัน เอิ่ม! เราควรมีระยะห่างบ้าง อยากอยู่กับเพื่อนบ้าง ผมก็อธิบายไป ตอนแรกไม่พอใจนะ แต่ผมก็พูดจนมันเข้าใจนั่นแหละ...
แล้วสักพักก็พากันกลับบ้านไปกินข้าวเช้ากัน กินเสร็จก็ไปช่วยทำงานนิดหน่อย เน้นจะนั่งเล่นกับยายมากกว่า ยายก็พูดสอนตลอด ให้ตั้งใจทำอะไรทำให้สำเร็จนู่นนี่นั้น จนเที่ยงผมกับพี่อ๊อฟก็ไปอาบน้ำแล้วก็กินข้าวเที่ยงอีกรอบ และก็พากันกลับเข้าเมือง ร่ำลายายสะนานเลย ยายให้ไปหาบ่อยๆ ทุกอย่างดูสดใสดี ต้องไปบ่อยๆแน่ เพราะมันมีความสุขจริงๆ ระหว่างทางกลับผมก็โทรนัดเพื่อนๆ พี่อ๊อฟก็ด้วย พวกมันก็โอเคกัน พี่อ๊อฟเพื่อนๆนัดมันไปบ้านพี่โอม ส่วนของผมเพื่อนๆนัดไปห้าง พอถึงบ้านก็เอาของไปเก็บ แล้วก็อยู่คุยกับแม่นิดหน่อยเพราะป๊ากับพี่โน้ตไปทำงานและเรียนแล้ว ผมก็ขอแม่ไปหาเพื่อนๆแม่ก็โอเค....
สักพักพี่อ๊อฟมารับผมไปส่ง ตอนแรกบอกมันแล้วว่าจะไปเองมันก็ไม่ยอม ผมก็ต้องให้มันไปส่งแหละ ขี้เกียจเถียงมัน ระหว่างทางมันก็เตือนก็พูดอะไรไม่รู้เยอะแยะมากมาย ผมก็รับคำมันไปก่อนนั่นแหละ พูดมากจริง ไอพี่อ๊อฟมันติดผมเกินไปแล้วจริงๆ แล้วสักพักมันก็ไปผมก็เดินเข้าห้าง เพื่อจะไปยังจุดนัดพบเพื่อนๆ....
“นท!” ผมหันไปมองข้างหลัง ไอเบส.. ผมก็หยุดมองมันนิ่งๆ....
“ไม่ได้เจอนทนานเลยอะ!” มันจับมือผม ผมก็มองนิ่งๆ
“แล้ว?” ผมดึงมือกลับ
“คิดถึงนทนะ ไหนนทว่าจะไปกินข้าวกับเบสไง” มันทำหน้าหงอย
“อืม” ผมดูนาฬิกานิดหน่อย อ่าว! นี่ผมมาเร็วกว่าเวลาเหรอเนี่ย! เพื่อนๆคงยังไม่มาหรอกมั้ง “ตอนนี้ก็ได้นะ แต่ไม่นานนะเบส นทนัดเพื่อนๆไว้” มันก็ยิ้มบาน
มันก็พาผมเข้าร้านซีสเลอร์ ก็เข้าไปมีมันคนเดียวนั้นแหละที่ดี๊ด๊าออกหน้าออกตา ผมก็ไม่อะไร เคยสัญญาแล้วนี่ ทำให้มันจบๆไป จะได้ไม่ค้างคา ไปถึงก็สั่งๆ ผมก็สั่งเมนูที่มันไม่หนัก เมนูที่มันเบาๆเพราะเดี๋ยวต้องไปกินกับเพื่อนต่อ สั่งเสร็จก็นั่งมองหน้ากันเนี่ยแหละ......
“มาคนเดียวเหรอ?” ผมถามมันนิ่งๆ
“มากับพวกไอเต็ม แต่เห็นนท เลยมาหานทก่อน”(ยิ้ม)
“บังเอิญเนอะ” ผมยิ้มอ่อน
“นท เบสคิดถึงนทที่สุดเลยนะ” มันเอื้อมมือมาคว้ามือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหนายแล้วก็ดึงมือกลับมา
“กลับมาคบกันเถอะนะนท เบสสัญญา ว่าจะไม่ทำแบบเดิมนทอยากได้อะไร เบสซื้อให้หมดเลยนะ” ดูมันพูดสิ
“อยากให้เบสไม่ต้องมายุ่งกับนทอีก เบสนทมีแฟนใหม่แล้ว และเบสก็ดูมีความสุขดีนิ ทั้งผู้หญิงมากมาย ทั้งเพื่อนฝูง” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“ไม่มีใครดีเท่านทเลยนะ เบสคิดถึงนท ตอนเบสไม่สบาย เบสก็ฝันถึงแต่นท นท เบสขอโทษจริงๆนะ” มันทำหน้าสำนึกผิด
“เบสถ้ายังจะพูดเรื่องนี้นทจะลุกออกไป แล้วก็ถือว่านทมากินข้าวกับเบสแล้วนะ!” ผมพูดกดเสียง ผมไม่อยากฟัง ผมไม่อยากได้ยิน มันสะเทือนใจมากมาย
“นท” มันเรียกผมเบาๆแล้วก้มหน้า
ผมก็เงียบไปเลย สักพักอาหารที่สั่งก็มาเสริฟ ผมก็กินไป กินเงียบๆ มันก็เอาแต่จ้องหน้าผม ไม่ยอมกินของตัวเอง....
“กินสิเบส เอาแต่นั่งมองก็ไม่ได้อิ่มหรอก” ผมพูดแบบไม่มองหน้ามัน
“เบสขอโทษจริงๆนะนท” มันพูดอย่างเศร้าๆ
“เฮ้อ!” ผมก็ดึงจานมันมา แล้วก็หั่นสเต็กของมันแล้วก็เอาจ่อปากมัน “อ้าปาก” มันก็อ้าปากรับ “กินไปนะ ชวนมากินข้าวไม่ใช่เหรอ” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
แล้วมันก็กิน เงียบบ้างถามกันบ้าง จนกินเสร็จ ก็นั่งมองหน้ากัน ไม่รู้ ผมไม่รู้จะพูดอะไร ไอเบสมันก็เอาแต่รำพันขอโทษ มาขอโทษอะไรมากมายตอนนี้มันไม่ทันแล้ว......
“กินข้าวกับนทวันนี้มัน......ไม่อร่อยเหมือนเมื่อก่อนเลยนะ” ผมก็มองนิ่งๆ “นทเย็นชาเกินไป นทใจระ....”
“ไม่เกี่ยวหรอกเบส ไม่เกี่ยวอะไรกับนทหรอก คิดดีๆ” ผมพูดตัดบทอย่างไม่พอใจ
“วันนี้มันทำให้เบสนึกถึงวันก่อนๆ ทะ....”
“หยุดเลยเบส! นทจะไปแล้ว” ผมพูดเสร็จแล้วก็ลุกขึ้น มันก็ลุกตาม
เบสมันก็เดินมาจับมือผมแล้วก็ไปเช็คบิล ทำอะไรเสร็จก็ออกมา มันก็ไม่ยอมปล่อยมือผมนะ ผมก็ปล่อยให้มันจับไปก่อนนั่นแหละ....
“ปล่อยได้แล้ว นทจะไปหาเพื่อนๆ” ผมพูดแล้วพยายามแกะแขนมันก็ไม่ยอมปล่อย
หมับ! มันดึงตัวผมเข้าไปกอด ให้ตายสิ คนยิ่งเยอะๆอยู่ และเขาก็เริ่มมองแล้ว ผมก็พยายามขัดขืน มันก็ผละออกแล้วก็ดึงมือผมไปนั่งที่เก้าอี้แถวนั้น.....
“คนเยอะนะเบส ทำอะไรคิดหน่อยนะ!” ผมพูดแล้วก็ปัดเสื้อผ้า เพราะมันเลิกขึ้นมานิดหน่อย
“อยู่เดินเที่ยวกันก่อนนะ!” มันพูดแล้วทำหน้าอย่างมีหวัง
“นทจะไปแล้วเบส เพื่อนมารอแล้ว” ผมดึงมือออกมา มันก็ปล่อย
“เฮ้อ!” มันเอามือปิดหน้าตัวเองไว้
“อย่ามาทำดราม่านะเบส ที่นทยอมกินข้าวด้วยเพราะนทสัญญาไว้ และ...เราจบกันไปนานแล้วเลิกรื้อฟื้นสักที ที่สำคัญไปกว่านั้นอะนะ นทไม่เคยคิดถึงเบสหรอก จะพูดหรือรื้อฟื้นสักแค่ไหน นทก็ไม่รู้สึกอะไร ที่กินข้าวด้วยวันนี้ ก็ทำให้เบสเห็นแล้วนะ ว่านทไม่ได้รู้สึกอะไร!” ผมพูดอย่างจริงจังแล้วก็ลุกขึ้น
มันก็เงยหน้ามองผมนิ่งๆผมก็เดินไปเลย ไปยังที่เพื่อนๆรอ มันก็ไม่ตามมาแล้ว ผมก็โล่งใจไป พอไปถึงที่เพื่อนๆรอก็ต้องตกใจไปนิด ทำไมพวกไอสิงโตก็อยู่ แล้วดูพวกไอปอมองผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนี่สิ โถ่! พอผมเดินไปใกล้ๆพวกมันก็เริ่มเลย ไอปอ วิว นัท มิน รุมด่าผมเละ ให้รอนานอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็เออออแล้วก็แถๆไป จนบอกว่าจะเลี้ยงเองมันก็เลยหุบปากกันไปบ้างแหละ แต่ก็ยังมีแดกดันตลอด.....
“ให้พวกกูเลือกร้านเลย!” ไอนัทพูดเสียงเข้ม
“จ้าๆ เชิญเลย” ผมพูดอย่างจำยอม
มันก็เดินไปแถวโซนร้านอาหารกัน แล้วก็ถกเถียงกันไปว่าจะกินอะไร ผมก็เดินคุยกับไอสิงโตไป ก็เลือกกันไปเรื่อย ไอสิงโตบอกว่าเดินผ่านมาเจอพวกไอปอพอดีก็เลยทักทายเห็นว่ารอผมอยู่มันก็เลยรอด้วยเลยจะได้เดินด้วยกัน มันว่างี้นะ จนแล้วจนรอดก็เลือกได้สักที เป็นร้านราเม็ง พวกมันอยากกินกัน ก็เข้าไปกัน เจริญแล้ว มากันกี่คนเนี่ย เป็นสิบเลย จะเลี้ยงไหวไหม เอาเถอะก็สัญญาไว้แล้ว เข้าไปก็สั่งๆกัน พวกไอปอคือสั่งแหลก เหมือนจะแก้แค้นผมที่หายไปไม่ยอมติดต่อเพื่อนฝูง ผมก็ไม่ว่าอะไร ถ้านั่นคือการไถ่โทษ สั่งเสร็จก็นั่งคุยกันไป.......
“โห! หายไปเป็นอาทิตย์ ดำเลยนะมึง” ไอนัทจับแขนผม นัทนั่งข้างผม อีกข้างก็สิงโต
“อืมไปเที่ยวมาหลายที่ว่ะ” ผมยิ้ม
แล้วพวกมันก็ถามกันผมก็เล่าให้มันฟังไป มีมองค้อนผมกันนะ ไอพวกนี้นี่นะ พอเล่าจบก็บ่นโอดโอยอิจฉาผมอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็ได้แค่หัวเราะกลบเกลื่อน จะทำยังไงได้ ไอที่ผมไปมันไม่ใช่บ้านผมสักหน่อย ชวนซี้ซั้วได้ยังไงเล่า.....
“พวกมึงแม่งเลว ไม่ชวน พวกกูก็เหี่ยวกันเลยอะ ไม่มีที่เที่ยว!” ไอมินพูดอย่างเซ็งๆ
“เสี่ยเขาพากูไป ทำยังไงได้ละ วันหลังมึงก็ขอมันเองแล้วกัน” ผมยิ้มอ่อน รู้สึกผิดเหมือนมาพูดอวดเพื่อนๆ
“แหม่ๆ มึงมันร้ายนะไอนท!” ไอปอทำหน้าล้อเลียน
ก็พูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน สักพักอาหารก็มาเสริฟ ก็กินไปพูดคุยกันไป แย่งกันไป ผมกินจุมากอย่าแปลกใจถึงจะเพิ่งกินสเต็กมาก็กินราเม็งต่อได้ไม่ใช่ปัญหา.........
“อ้า! ไอวิว! เอาเนื้อกูคืนมา!” ผมร้องขึ้นมาอย่างขัดใจ ไอวิวมันมาคีบเนื้อผมไป
“แบ่งเพื่อนดิว้า อย่างกๆ” ไอมินพูดแล้วทำหน้ากวนตีนดูมัน มาแย่งของกินของผมได้
“อะ..เอาของกูก็ได้” ไอสิงโตยิ้ม ผมก็ยิ้มให้มัน
“อะ..กูให้คืน” ผมตักผักทั้งหมดในจานให้มัน มันก็มอง “กินให้หมดนะเสี่ย” ผมยิ้ม
“ไม่กินผักบ้างวะ” มันพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“นี่ไง กินแล้ว” ผมชี้ไปที่งาขาวในน้ำซุป
“เอิ่ม!” ไอปอกรอกตาใส่ผม แล้วพวกมันก็หัวเราะกัน
กินกันไปพูดคุยกันไป สนุกสนาน กินเสร็จก็ถามหาของหวานกันไง ชีวิตของผมมีแต่การกิน กินดีอยู่ดี ก็ไปเช็คบิลที่เคาท์เตอร์ยังไงละ พอเห็นยอดแอบตกใจนิดๆ 3พันกว่าเกือบ4พันเลยนะ.....
“เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ไอสิงโตพูดขึ้นมา
“ไม่ได้ๆ กูบอกแล้วว่าจะเลี้ยง” ผมก็ล้วงกระเป๋าตังขึ้นมา ตังไม่พอไง เอิ่ม...
“ตังมึงไม่พอนท กูมีพอกูจ่ายเอง” ไอสิงโตนี่นะ
“ไม่ต้อง!” ผมพูดอย่างหัวเสีย “พี่ครับ รูดบัตรนี่ได้ไหม” ผมยื่นบัตรเอทีเอ็มของผมให้พี่เขาไป
“ได้ค่ะ ชำระเลยนะคะ” พี่เขาถาม ผมก็พยักหน้า
“โอ้โห! สุดยอด มีบัตรด้วย” ไอสิงโตก็พูดขึ้น ผมก็ยักคิ้วให้มัน
.........
“เสี่ยมีเยอะกว่าผมอีกนะครับรู้สึกอะ” จริงๆนะ บัตรอะไรไม่รู้เต็มกระเป๋าตังมันเลย ของผมมีนิดเดียวเอง ส่วนมากจะเป็นพวกบัตรสมาชิกมากกว่า
แล้วก็เดินออกจากร้านกันไปพูดคุยกันไป ไปหาของหวานกินต่อ โดยคราวนี้ไอสิงโตมันบอกจะเลี้ยงเอง ถ้าให้ผมออกอีกมันจะโกรธ ผมก็ต้องยอมแล้วละ เพราะเมื่อกี้ก็ เอ่อ...ขนลุกเลยนะ5555 แพงจุง แต่ไม่เป็นอะไร เต็มที่กับเพื่อนเสมอ แล้วก็ไปร้านนม ไปหาขนมปังเค้กอะไรกินกัน พวกมันบอกเบื่อไอติมกันแล้วก็เข้าไป สั่งๆๆ ไอพวกนี้มันล้างพลาญจริงๆ สั่งได้ไม่เกรงใจเลย ผมก็ใช่ย่อยนะ สั่งเค้ก4-5ชิ้นเลยนะ สั่งชาเขียวอีก คนอื่นก็สั่งๆไป.....
“มากับมึงสองคนได้กินฟรีบ่อยเลยว่ะ วันหลังมาด้วยกันบ่อยๆอีกนะเว้ย!” ไอโค้กพูดติดตลก
“ให้มันน้อยๆหน่อยไอโค้ก กูเลี้ยงแค่ครั้งนี้โว้ย! แล้ววันนี้ก็ไม่คิดว่าจะเจอพวกมึงด้วย” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“ถึงมึงไม่เลี้ยง แต่ไอสิงโตก็เลี้ยงอยู่ดีว่ะ” ไอสอพูดอย่างภูมิใจ
“ไอห่าพวกนี้นิ หาแดกแต่ของฟรีนะพวกมึง” ผมพูดแบบไม่ใส่ใจนัก
พวกมันก็หัวเราะกัน แล้วก็เถียงกันไปมาสักพักของก็มาเสริฟก็กินๆกันไป.....
“อยู่เฉยๆดิ” ไอสิงโตบอกผมก็นิ่ง มันเอากระดาษมาเช็ดปากให้
แล้วก็เริ่มมีเสียงโห่แซว ผมก็เขินไปนิดหน่อย ตายละไอสิงโตนี่มันร้ายกาจ เพื่อนอยู่กันเยอะแยะไม่อายเลยนะเนี่ย! ผมก็กินไปแบบอายๆ พวกมันก็ไม่หยุดแซวกันสักที ก็ปล่อยพวกมันไป กินไปกินมาสักพักก็มีคนเข้ามา จริงๆก็มีเข้ามาเรื่อยๆแหละก็ร้านขนมนิเนอะ แต่คนๆนี้ทำให้ผมต้องสนใจ พี่ตัง! พี่ชายของพี่ตอยไง มากับผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ สวยสะด้วย ผมก็มองด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็นมากมาย.........
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:06:12
“มองอะไรวะ” ไอสิงโตถาม แล้วมันก็มองไปตามผม “นี่มึงอยะ...”
“อย่าเพ้อเจ้อ กูแค่มองเอง!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ชอบอีกละสิมึง หล่อด้วยนะนั่น กูก็ชอบ!” ปอยิ้มเขินๆ
“ชอบก็ไปจีบปอ กูสนับสนุน” ผมยักคิ้วให้มัน ทุกคนก็หัวเราะ
“ไปจีบให้มันเลยนท” ไอนัทพูดเชียร์
“เอาจริงๆเหรอ” ผมถามอย่างไม่แน่ใจ สักพักพี่ผู้หญิงลุกขึ้น “ผมก็ได้ๆ รอแปป” ผมลุกขึ้น ไอสิงโตก็จับมือผมไว้
“ไม่เอาน่านท!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“แปปเดียวเอง” ผมยิ้มให้มัน
มันก็ปล่อยมือออก ผมก็เดินตรงไปหาพี่ตัง พี่ตังนั่งหันหลังให้ผม เพราะฉะนั้นเข้าไม่รู้ว่ามีใครเดินมาหาแน่นอน ผมก็โน้มหน้าเข้าไปทางด้านหลังเขา.....
“มาทำอะไรครับ” ผมพูดเบาๆ พี่ตังหันมาปากผมชนกับใบหูพี่เขานิดหน่อย
“อ้าว!” พี่ตังทำหน้าตกใจ “มาได้ยังไงนท” พี่ตังยิ้ม
“มากับเพื่อนๆ” ผมชี้ไปทางโต๊ะผม ค่อนข้างไกลกันอยู่ แน่นอนว่าพวกนั้นไม่ได้ยินหรอกว่าผมพูดอะไรกัน
“นั่งก่อนสิ” พี่ตังเลื่อนเก้าอี้ข้างๆเขาให้ผมนั่ง ผมก็นั่ง
“เห็นนะว่ามากับสาวสวยด้วยอ่า” ผมพูดแล้วยิ้ม
“หึงเหรอ?” พี่ตังยิ้มล้อๆ
“ช่าย ใครมายุ่งกับพี่ตังของผมน้า!” กอดแขนพี่ตัง จริงๆก็เล่นกับแบบนี้บ่อยๆแหละ
“เขาเป็นลูกค้าพี่น่ะ พี่จะไปถ่ายรูปให้เขา” พี่ตังพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“อ่อ! งี้เองเหรอครับ” ผมปล่อยมือจากแขนพี่เขา
“อะไร นึกว่าแฟนพี่หรือยังไง” พี่ตังยิ้ม ผมก็พยักหน้า “555 พี่ไม่มีแฟนง่ายๆหรอกน่า” ยิ้ม
“มีคนชอบพี่ด้วยนะ” ผมยิ้ม พี่ตังเลิกคิ้วนิดหน่อยเป็นเชิงถามว่าใคร “นั่นอะพี่ คนนั้นอะ” ผมชี้ไปทางปอ
“555 เอาจริงดิ” พี่ตังถามแบบไม่จริงจังนัก
“55ชอบเปล่าละ” ผมตลกไปเลยละ
“ไม่เอาอะ ถ้าเป็นนทพี่ยอมอยู่นะ!” พี่ตังบีบจมูกผม
“อื้อ อะไรอ่า!” ผมทำหน้ามุ่ย
“เออแล้วเดี๋ยวไปไหนต่อไหม ไปดูหนังกันป่ะ” พี่ตังยักคิ้ว
“จะจีบเหรอ?” ผมเลิกคิ้วถามอย่างกวนๆ
“ได้ปะละ” พี่ตังยิ้มหล่อ
“เดี๋ยวไปถามเพื่อนแปป!” ผมก็ลุกขึ้น แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นก็มาพอดี เขาก็มองผมแล้วก็ยิ้มนิดหน่อย
แล้วผมก็เดินกลับไปที่โต้ะของตัวเอง หันไปมองทางพี่ตังนิดหน่อย เขาก็พูดแล้วชี้มาทางผมประมานว่าบอกว่าผมคือใครอะไรทำนองนั้นแหละ พอถึงโต้ะก็นั่งลงที่เดิม.....
“เกินไปแล้วนะมึง!” ไอสิงโตพูดอย่างไม่พอใจ
“เอาน่าๆ” ผมยิ้ม
“ร้ายสัสๆ แต่มึงรู้จักกันเหรอวะ ทำไมดูสนิทกันจัง!” ปอถามอย่างสงสัย
“อยากรู้ไหมละ!” ผมทำหน้าแบบนางร้าย ดูพวกมันทำหน้าเอือมระอาผมสิ “เออ กินเสร็จจะไปไหนต่อไหม พอดีกูมีนัดต่อ”ผมยิ้ม
“นี่มึงไปจีบให้ปอ แล้วมึงก็ได้เองเนี่ยนะ!” ไอนัทพูดอย่างตกใจ
“อืม เขาบอกไม่ชอบอะ เขาบอกชอบกู” ผมยิ้มให้ปอ ปอมันก็มองค้อนผม “555ล้อเล่น เขาเป็นผู้ชาย เขาไม่ชอบหรอกน่าไม่ว่าจะมึงหรือกู” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจหยิบน้ำขึ้นมาดูด
“แล้วกอดแขนทำหน้าหวานกันนั้นคือไรวะ” ไอตี๋ถามอย่างสงสัย
“เขาเป็น......” ผมมองไปทางพี่ตัง พี่ตังคุยงานเสร็จพอดีมั้งผมเห็นเขาเก็บของแล้ว “เดี๋ยวกูพามาแนะนำ” ยิ้มแล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหาพี่ตัง
พอไปหาพี่ตังพี่ตังก็แนะนำลูกค้าให้ผมรู้จัก ผมก็ยิ้มทักทายนิดหน่อย แล้วก็ลากพี่ตังมาที่โต้ะพวกผมเนี่ยแหละ ให้พี่เขามานั่งข้างๆผม ไอสิงโตดูไม่พอใจก็ปล่อยมันไป....
“ทุกโคนนนน นี่พี่ตังปะ....”
“เป็นแฟนนทครับ” พี่ตังพูดด้วยรอยยิ้ม ทุกคนตะลึงเลย ผมก็ตกใจแล้วหันไปมองพี่ตังเลย เขาก็ยิ้มขำๆ
“ไอนท!” ไอสิงโตพูดเสียงแข็ง คือทุกคนข้างกันหมด
“ผมไปเป็นแฟนกับพี่เมื่อไหร่ไม่ทราบพี่ตัง” ผมถามอย่างงงๆ
“เมื่อกี้ไง” พี่ตังยิ้ม
“บ้าบอจริงๆ เดี๋ยวผมเสียหายนะ” ผมยิ้ม พี่ตังก็หัวเราะ “นี่พี่ตัง เป็นพี่ชายของพี่ตอยที่เป็นแฟนพี่โน้ต งงป่ะ?” ผมพูดแนะนำแบบนิ่งๆ
“พี่ตัง” ปอยิ้มเขิน
“ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนเลยนะ” พี่ตังยิ้มเขินๆ เขาก็ดูขี้อายเนอะ “แล้วตกลงไปไหม” พี่ตังกระซิบถามผม
“เออจะไปไหนกันอีกไหม พอดีจะไปดูหนังกับพี่เขาอะ วะ....”
“ไปด้วย!” พวกมันพูดขึ้นมาแบบพร้อมเพรียงกันเลย
“อะ เอ่อ!” ผมยิ้มอ่อน “พี่ตังสะดวกไหมคนเยอะ” พี่ตังก็พยักหน้าทันทีเลย
“ไปกันเยอะๆอะสนุกดี ไปเที่ยวกับเด็กๆ พี่จะได้ดูเด็กบ้างไง” ยิ้ม ไม่เห็นจะดูหยิ่งอย่างที่พี่ตอยว่าเลย ช่างเถอะ
แล้วเราก็เช็คบิล แล้วก็ไปกัน พี่ตังก็ดูจะเข้าได้กับทุกคนนะ ไอสิงโตพอมันรู้ก็ไม่อะไร ก็นิ่งๆ ก็คุยกับพี่เขาบ้าง พี่เขาก็พูดเก่งนะ คุยแต่เรื่องที่พวกเพื่อนๆผมชอบเลยเข้ากันได้ง่ายๆ ก็ไปเลือกหนังที่จะดูกัน คราวนี้ไม่มีเลี้ยงแล้วนะจ่ายใครจ่ายมัน ก็โอเคแล้ว เลือกหนังอะไรได้ก็ไปซื้อตั๋ว โดยเพื่อนๆผมอาสาไปซื้อให้พี่ตังก็เอาเงินให้เพื่อนๆผมไปแต่......
“พี่ออกให้นทด้วยดีกว่า!” พี่ตัง ยื่นเงินเพิ่มให้ปอ
“ไม่ต้องครับ ผมออกให้เอง” ไอสิงโตเอาแล้วไง
“เอ่อ...” ผมลำบากใจเลยไง
“พี่ออกให้เนี่ยแหละ ไปเถอะ” พี่ตังพูดแล้ว ดันหลังปอให้ไป
ก็เลยจบเรื่องไป ไอสิงโตก็ดูจะไม่พอใจไปหน่อยแต่ก็ไม่อะไรมาก มันก็เกินไปนะเรื่องแค่นี้เอง ผมก็ปล่อยมันไป อะไรของมัน จะมาฟึดฟัดไม่ได้นะ ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย ถึงจะมีอะไรกันแล้วก็เถอะนะ ก็ไปซื้อน้ำขนม แล้วก็นั่งรอสักพัก ถึงเวลาก็เข้าไปกัน พี่ตังนั่งข้างผมอีกข้างก็ไอสิงโต ผมได้ถือถังป๊อปคอร์นไว้ไง แล้วให้ทั้งสองล้วงกิน ก็ดูหนังกันไป กินกันไป...
หมับ! มือผมที่กำลังล้วงป๊อปคอร์นก็ถูกมือใหญ่ๆของพี่ตังจับเข้า ผมก็หันไปมอง พี่เขาก็ยิ้มให้ผมแล้วก็ยักคิ้วกวนๆให้
“เป็นอะไรครับ” ผมถามเบาๆ
“จับผิด” เอิ่ม!
ผมก็ไม่อะไรหันไปดูหนังต่อ ไอสิงโตก็งุ้งงิ้ง ให้ผมจับมือมัน เอากับมันสิ ผมก็ปล่อยไป จนดูหนังจบก็พากันออกมาจากโรง.....
“ไปไหนกันต่อไหม” ผมถามอย่างสงสัย
“นท วันนี้โน้ตมันให้ตอยไปกินข้าวที่บ้าน นทกลับกับพี่ก็ได้พี่จะไปบ้านนทอยู่แล้ว” พี่ตังพูดผมก็พยักหน้ารับ
“ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากันไหม กูกินจนอิ่มไปหมดแล้วเนี่ย อิ่มแล้วก็ง่วงงมาก” ปอทำตาปริบๆ
“เออเอางั้นนะ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่” ผมพูดด้วยรอยยิ้ม
แล้วก็สรุปกันได้ว่ากลับกันก่อนและค่อยมาใหม่ เพราะทุกคนก็หนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อนกันแล้ว ก็กลับไอสิงโตก็ดู เอ่อไม่พอใจที่ไม่ได้ไปส่งผมแหละ แต่ผมก็บอกว่าไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้ก็ได้ มันก็โอเคแหละ จนแยกย้ายกันหมดผมก็ไปกับพี่ตัง ระหว่างเดินไปลานจอดรถก็พูดกันมากมายเลย พอถึงก็ขึ้นรถ..........
“โห! ได้นั่งรถกับพี่ตังด้วย” ผมยิ้มเขินๆ
“เล่นเยอะนะเราน่ะ” พี่ตังยิ้ม แล้วเอามือลูบหัวผม
“กลับบ้านเลยใช่ไหมพี่” ผมถามอย่างสงสัย ตอนนี้รถออกแล้ว
“ทำไม หรืออยากไปไหนก่อน” พี่ตังยิ้มเจ้าเล่ห์
“ถ้าไปกับพี่ตังผมไปหมดแหละ” ผมยักคิ้วกวนๆให้
ก็พูดคุยกันหยอกล้อกันไป พี่ตังแวะเข้ามหาลัยก่อน ผมก็ไม่อะไร พี่ตังบอกจะเอางานไปส่งและก็แวะเอาอะไรให้เพื่อนไม่รู้ผมก็เออออไป ไม่รู้เรื่องอะไร ไปถึงมหาลัยก็เอารถจอดแถวๆหน้าตึก พี่เขาให้ผมรอในรถ ผมก็นั่งรออย่างเด็กดี.....
ครืดๆๆ! โทรศัพท์ผมสั่น ผมก็ล้วงขึ้นมาดู พี่อ๊อฟโทรมา ผมก็กดรับทันทีเลย.....
“ฮัลโหล” ผมพูดเสียงปกติ
“อยู่ไหนกูกำลังจะกลับ ให้ไปรับไหม” พี่อ๊อฟถามนิ่งๆ
“วันนี้จะนอนกับผมหรือเปล่า” ผมถามกลับไปด้วยความสงสัย
“อืม! มึงไปนอนกับกูไหม” มันถามอย่างลังเล
“วันนี้พวกพี่ตอยมากินข้าวที่บ้าน คงต้องอยู่ดึกหน่อยอะนะกว่าจะได้ไป” ผมพูดอย่างไม่แน่ใจ
“อืมๆได้ พรุ่งนี้พ่อให้ไปซื้อของให้ มึงก็ไปกับกูด้วยนะ” พี่อ๊อฟบอกอย่างดีใจ
“ได้สิครับ” ยิ้มคนเดียวเลยไง
“ตกลงอยู่ไหน จะให้ไปรับไหม!” มันถามอีกรอบ
“ผมเจอพี่ตังที่ห้าง เขาจะพาผมไปบ้าน พี่อ๊อฟก็ไปรอที่บ้านผมเลยนะ แล้วก็ขอป๊าให้ด้วยเลย” ผมพูดอย่างสดใส
“โอเคๆ รีบๆกลับละ อย่าทำอะไรพี่เขานะมึง” มันพูดเสียงดุแล้วก็วางสายไป
ไอนี่นิ ใครจะทำใครละ บ้าจริงๆ! ผมก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าไป พี่ตังก็ไม่มาสักที ผมเริ่มเบื่อแล้วนะนิ....
ก๊อกๆๆ! มีผู้หญิงคนนึง มาเคาะกระจกฝั่งผม เป็นพี่สาวนักศึกษา หน้าตาก็สวย แต่แต่งหน้าจัดและใส่กระโปรสั้นมาก ผมก็เลื่อนกระจกลง เขาก็มองเข้ามาข้างใน ประมาณว่าหาอะไรสักอย่าง....
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถามอย่างสงสัย
“เปล่า!” นางพูดกระแทกเสียง ผมก็มองนิ่งๆ
“ถ้าไม่มีอะไรก็ถอยไปด้วย” ผมพูดจบผมก็กดปิดกระจก
เขาก็ดูจะโวยวายไปหน่อย หน้าตาก็ดี ทำตัวและนิสัยแย่ชะมัด ผมก็ปล่อยให้มันโวยวายไปนั่นแหละ แล้วก็เปิดเพลงในรถฟังดังๆไปเลย แล้วก็ลอยหน้าลอยตา มันก็เคาะแล้วก็แหกปากอะไรไม่รู้ของมัน น่ารำคาญมาก แต่ผมไม่สนใจ และไม่นานนักพี่ตังก็เดินมา แล้วพี่ผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งเข้าไปกอดแขนพี่ตัง ทำออเซาะ อ้อนพี่ตัง ผมเห็นพี่ตังทำหน้ารำคาญสุดๆ พี่ตังพยายามแกะแขนออกมันก็ไม่ยอมปล่อย แถมจะลากพี่ตังไปไหนไม่รู้ ผมเห็นแล้วก็ทนไม่ไหว เลยลงรถไป  พี่ตังก็ยิ้มอ่อนให้ผม ผมก็มองนิ่งๆ.........
“กลับกันได้ยังครับพี่ตัง” ผมถามนิ่งๆ
“พี่ตังจะไปกับฉัน เธอกลับไปก่อนสิ” ดูมันพูดจีบปากจีบคอ
“นี่พราว พูดกับน้องพี่ดีๆนะ!” พี่ตังพูดเสียงดุ
“ไม่พูดดีๆค่ะ พี่ตังไม่เคยมีน้องชายนี่คะ พราวจะพูดดีกับตอยเท่านั้นค่ะ” เอิ่ม!
“ไม่ทราบว่าพี่จะลากพี่ตังของผมไปไหนเหรอครับ” ผมยิ้มอ่อน มันก็หันมามองค้อนผม
“พี่ตังของแกที่ไหน ของฉันหรอกยะ ไปเถอะค่ะพี่ตัง” ดึงพี่ตังไป
หมับ! ผมคว้าแขนอีกข้างนึงของพี่ตังไว้ ดูพี่ตังจะหนักใจไม่น้อยเลยนะ ผมก็มองหน้าพี่พราวนิ่งๆ.....
“ปล่อย!” นางพูดเสียงแข็ง
“พี่ตังอยากไปกับเขาหรอครับ” ผมถามนิ่งๆ พี่ตังก็ส่ายหัวช้าๆ เหมือนอึดอัดใจ
“พี่ตัง! มากับพราวเลยนะคะ” นางพูดอย่างไม่ยอม
“พี่ตังจะไปกับพี่ในฐานะอะไรครับ” ผมออกแรงดึงพี่ตังมาทางผม พี่พราวเซนิดหน่อย
“ในฐานะว่าที่แฟนยังไงละ!” กล้ามาก ผู้หญิงสมัยนี้ ยางอายไม่รู้จักพก มาปาวๆให้ตัวเองขายขี้หน้ากลางมหาลัย
“งั้นก็คงต้องปล่อยให้พี่ตังไปกับแฟนเขาแล้วละครับ!” ผมพูดเสียงแข็งอย่างไม่ยอม
“ไหนย่ะ แฟนอะไรของแก!” นางพูดอย่างหาเรื่อง แล้วก็มองซ้ายขวา
“ก็ผมเนี่ยแหละ แฟนพี่ตัง” ผมยิ้ม พี่ตังก็ดูตกใจนะ แต่ก็ไม่พูดอะไร แต่พี่พราวนี่ตาโตเลย
“ไม่จริง พี่ตังไม่ได้เป็นเกย์!” นางพูดอย่างไม่ยอม
“จริงไม่จริงไม่รู้ ไม่เชื่อก็ถามพี่ตังเองแล้วกันนะ” ผมยิ้มร้ายๆ
“อะ เอ่อ...” พี่ตังทำหน้าอึดอัดใจ
“ไปเถอะพี่ตัง วันนี้พี่ตังจะไปกินข้าวที่บ้านผมไม่ใช่เหรอครับ” ผมยิ้ม
“พี่ตัง!” พี่พราวดูตกใจมาก
“ปล่อยสักทีเถอะครับ” ผมก็ดึงพี่ตังมาทางผม จนยัยพี่พราวปล่อยมือออกไป
“พราว พี่ไปก่อนนะ” พี่ตังพูดนิ่งๆ
“พี่ตัง! แล้วเรื่องของเราละคะ!” นางพูดอย่างไม่ยอม
จุ้บ! ผมเอื้อมหน้าไปหอมแก้มพี่ตังเลย พี่พราวดูตาโตไปเลย พี่ตังก็ดูอึ้งไปหน่อย....
“เรื่องของผมกับพี่ตังต่างหากละ” ยิ้ม “พี่ตังไม่ชอบคนแต่งหน้า เขาชอบคนหน้าสดๆใสๆ อย่ามายุ่งกับแฟนผมอีก ไปแล้วนะ พี่สาวสั้นเสมอหู” ผมพูดแล้วทำหน้าเชิด แล้วก็ดึงแขนพี่ตังไปเลย พี่พราวก็กระทืบเท้าอย่างไม่ยอมอยู่อย่างนั้นแหละ
แล้วก็พาพี่ตังมาขึ้นรถ พี่ตังชี้หน้าผมอย่างคาดโทษแล้วก็ยิ้มหล่อให้ผม พอขึ้นรถมาพี่ตังก็ดูเงียบๆไปหน่อยเขาก็ถอยรถแล้วก็ออกรถไป.....
“ขอโทษนะครับพี่ตัง” ผมพูดขึ้นมาเพราะเห็นมันเงียบไป
“ขอโทษเรื่องอะไร” พี่ตังหันมามองผมนิดหน่อย
“ที่ทำให้พี่ขายหน้า เมื่อกี้” ผมยิ้มอ่อน ก็ที่จุ้บไปเมื่อกี้คนก็เยอะพอควรเลยนะ
“555 ไม่เลยพี่ไม่โกรธไม่คิดอะไรเลย ต้องขอบคุณนทด้วยซ้ำนะ พี่รำคาญพราวมากเลยนะ ชอบมาเกาะแกะ แล้วก็ลากพี่ไปนั่งคุยกับเพื่อนๆเขา” พี่ตังพูดอย่างรำคาญจริงๆ
“แล้วพี่เงียบทำไมอ่า” ผมถามเบาๆ
“พี่กำลังคิดอยู่ ว่าถ้าตอยรู้ ตอยต้องดีๆใจแน่ๆเลย เพราะตอยก็ช่วยพี่ให้พ้นจากพราวมาตั้งหลายครั้งแหนะ เจอนทไปทีนึง ยัยพราวจอดเลยนะ” พี่ตังยิ้ม
เราก็พูดคุยกันไปหัวเราะกันไป ผมก็ว่าอยู่แล้วพี่พราวดูปลอมเกินไป เขาดูเหมือนจะสวย แต่ก็ดูแปลกปลอม แถมไม่ค่อยรักนวลสงวนตัวอีก พี่ตังพูดถึงข้อเสียของพี่พราวเต็มไปหมดเลย ก็พูดคุยกันไปจนถึงบ้านผม ทุกคนก็อยู่รอหน้าบ้านอยู่แล้ว  วันนี้ทำหมูกระทะกินกันนะเนี่ย! ไม่ได้กินมานานแล้วเหมือนกัน พี่อ๊อฟก็นั่งคุยกับพี่โน้ตพี่ตอยอยู่ พอผมเข้าไปก็ทักทายทุกคนนิดหน่อย ก็ไปนั่งข้างๆพี่อ๊อฟ พี่ตังก็นั่งอีกข้างนึงของผม...........
“ตายแล้วๆ คู่นี้ไปไหนมากันเนี่ย! แล้วพี่ตังจะยิ้มหน้าบานไปไหนละคะ” พี่ตอยพูดอย่างฟินๆ
“อะไรๆ พอดีไปมอมา ไปเจอยัยพราวด้วย” พี่ตังยิ้ม
“ยัยนั้นอีกแล้วเหรอพี่” พี่โน้ตส่ายหน้าอย่างเอือมระอา
“มันลากพี่ไปไหนอีกละคะ” พี่ตอยพูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่ทันจะได้ลาก นทก็จัดการจนพราวหน้าหงายเงิบไปเลยนะสิ555” พี่ตังพูดแล้วมองมาทางผม
แล้วพี่ตอยกับพี่โน้ตก็ขอให้พี่ตังเล่าให้ฟัง พี่ตังก็เล่า ผมก็เสริมตอนมันมาเคาะรถแล้วมองหาพี่ตังในรถด้วย พี่ตอยคือแบบขึ้นเลย แต่พอพี่ตังบอกวิธีจัดการของผมไปทุกคนดูจะชอบใจและสะใจกันมากยกเว้น.....
“นท” พี่อ๊อฟเรียก ผมหันไปมองมันมันทำหน้านิ่งมากเลย
“ไม่เอาน่า ผมช่วยพี่เขานะ” ผมจับมือมัน
“ต้องหอมแก้มด้วย?” เอิ่ม!
“พี่อ๊อฟอ่า...จุ้บ! ฟอด!” ผมโน้มหน้าไปจุ้บแก้มมันแล้วก็หอม มันอมยิ้มนิดหน่อย
แล้วเสียงโห่แซวก็เริ่มขึ้นมา พี่อ๊อฟมันก็อายไปเลย ผมก็เขินนิดหน่อย......
“พอใจยัง” มันก็ยิ้ม
“โห่! นท มาทำให้พี่ดีใจแล้วก็ทิ้งพี่นะ!” พี่ตังยิ้มกวนๆ
“วันหลังๆ” ผมกระซิบกระซาบ พี่อ๊อฟก็หยิกผมเลย
“พอเลยพี่ตัง เดี๋ยวอ๊อฟก็น้อยใจแย่หรอก” พี่ตอยพูดแล้วยิ้ม
“ไม่น้อยใจหรอกครับ ถ้าน้อยใจเพราะเรื่องแค่นี้ผมตายไปแล้วละ มันทำหนักกว่านี้อีก!” ไอพี่อ๊อฟพูดกวนๆ
“ให้มันน้อยๆหน่อย!” ผมพูดอย่างไม่ยอม
แล้วก็กินกันไปเฮฮากันไป สนุกสนาน พี่ตังเขาก็ขี้เล่นเกิน ชอบมาแหย่มาอ้อนผมจัง ผมละหวั่นไหวจริงๆ ล้อเล่นนะ พี่อ๊อฟนั่งอยู่ข้างๆจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ก็กินกันไป พอกินเสร็จก็ช่วยกันเก็บ นั่งกินผลไม้แล้วก็พูดคุยกันอีกหน่อยก็แยกย้าย ส่งพี่ตังกับพี่ตอยขึ้นรถ ผมก็ไปนอนบ้านพี่อ๊อฟ โดนป๊าบ่นไปหน่อยเลย แต่ก็เอาเถอะ พอไปถึงบ้านพี่อ๊อฟก็เจอพี่อิฐกับพ่อแม่ก็อยู่คุยกันอีกนิดหน่อยก็พากันขึ้นบ้านไปอาบน้ำแล้วก็ปิดไฟขึ้นเตียงนอนคุยกันไป.....
“มึงมันร้ายที่สุด” พี่อ๊อฟพูดแล้วหยิกแก้มผม
“ผมร้ายกว่าที่พี่อ๊อฟคิดอีกนะ” ผมยิ้ม
“พรุ่งนี้เราไปซื้อของแต่เช้านะ” พี่อ๊อฟพูดขึ้นอย่างดีใจ
“ซื้ออะไรอ่ะ!” ผมถามอย่างสงสัย
“อื้ม เดี๋ยวก็รู้” มันยิ้ม
“เฮ้อ! ชอบให้ลุ้นตลอดเลยอ่า!” ผมทำหน้าเซ็ง
ผมกับมันก็นอนคุยกันจนหลับไป ตื่นมาอีกทีก็จะสายแล้วเราก็รีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปซื้อของกัน โดยมีพี่อิฐและพ่อไปด้วย ผมก็ไม่ได้ถามอะไรเนอะ ก็พากันไป แต่พอถึง เอ่อ......
“มะ...มาซื้ออะไรกันครับ” ผมยิ้มอ่อน
“กระสุนปืนสำหรับเอาไว้ฝึกสอนมันหมดน่ะ เลยมาซื้อ” พ่อพูดอย่างใจดี
“พี่อ๊อฟ จริงๆก็มากันเองก็ได้ พี่ก็รู้ว่าผมไม่ชอบอะไรพวกนี้!” ผมพูดเบาๆกับพี่อ๊อฟ จริงๆผมไม่ถูกกับปืนหรือพวกอาวุธอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่ มันดูอันตรายจริงๆนะ
“เอาน่า สนุกๆ เดี๋ยวจะพามึงไปยิงปืนด้วย” พี่อ๊อฟพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วก็เดินไป ผมก็ยืนทำหน้าเป็นตูดอยู่หน้าร้านเนี่ยแหละ
“นท เข้ามาสิ” พี่อิฐเดินออกมาเรียกผม
ผมก็เข้าไป เอ่อ! มีของขายเพียบเลยละ ทั้งปืนเอย ลูกกระสุนอะไรต่างๆเอย ผมก็เดินดูไป จนพวกเขาซื้อกันเสร็จก็พากันไปขึ้นรถ แล้วก็มุ่งหน้าไปสนามยิงปืนกัน จริงๆพี่อ๊อฟเคยชวนผมมาหลายครั้งแล้ว แต่ผมไม่ชอบเสียงมัน ทั้งดัง ทั้งน่าเบื่อ อะไรก็ไม่รู้ มาถึงก็ช่วยเขาถือกล่องกระสุนไปเก็บ แล้วพี่อ๊อฟก็พาผมไปลองปืน.....
“ผมไม่อยากยิง!” ผมพูดอย่างงอแง
“ฝึกไว้ เผื่อวันไหนจำเป็นต้องใช้” พี่อ๊อฟยิ้ม “อืม…อันนี้น่าจะเหมาะกับมึงนะ” มันหยิบปืนอะไรไม่รู้ เล็กๆหน่อยพอดีกับมือผม
“จะทำอะไรก็แล้วแต่เถอะ!” ผมพูดอย่างหมั่นไส้
แล้วมันก็จัดการใส่ถุงมือ ใส่แว่นแล้วก็เสื้ออะไรสักอย่างผมไม่ได้ตั้งใจฟังมัน ใส่เสร็จก็ไปยืนประจำล๊อค มันก็ประกบอยู่ข้างหลังผม และก็อธิบายอะไรต่างๆผมไม่ได้สนใจเลยบอกตรง มันบังคับผมให้ทำ! จนมันอธิบายเสร็จก็ใส่ที่ครอบหูให้ผม ซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วก็จับมือผมตั้งขึ้น แล้วก็พูดถึงว่าต้องจับปืนอะไรยังไง เอิ่ม!.....
“มึงมองเป้าตรงกลาง เล็งดีๆ” ผมก็หรี่ตามองอย่างตั้งใจ เพราะมันก็เริ่มหน้าสนใจแล้วละสิ
แกรก! มันจับมือผมรั้งกระสุนไว้....
“มองดีๆ กูจะปล่อยมือแล้วนะ” แล้วมันก็ค่อยๆปล่อยมือแล้วถอยห่างจากผม
“ยะ..ยิงเลยไหม” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ
“เล็งดีๆ ตั้งมือดีๆ ถ้าคิดว่ากะดีแล้วก็ยิ่งเลย” มันพูดจบ ผมก็มองไปข้างหน้าอย่างตั้งใจ
ปั้ง! ผมยิงไปแล้ว ตื่นเต้นมาก มองไปข้างหน้าอย่างอึ้งๆ......
“ไอนท! มึงจะหันหน้าหนีทำไม!” มันพูดเสียงดุ
“กะ ก็กลัวนี่นา!” ผมพูดเบาๆ
“มันอันตรายนะนท ถ้ามึงไม่มองไปข้างหน้า ปืนมึงอาจจะหันตามหน้ามึงก็ได้!” มันพูดอย่างไม่พอใจ
“อื้อ! ก็บอกว่ากลัวไง จะดุทำไมเล่า!” ผมพูดอย่างน้อยใจแล้วก็วางปืนลง คนก็เริ่มมองแล้ว
ผมก็มานั่งที่เก้าอี้ข้างหลังล๊อคตัวเองเนี่ยแหละ มันก็มองผมแบบไม่พอใจแล้วก็เดินไปไหนไม่รู้ ผมก็นั่งนอยมันเลย ใจร้ายกับผมจริงๆ! บ้าเอ้ย!....
“ยิงได้สวยเลยนะ” พ่อเดินไปดูเป้าที่ผมยิง
“สวยยังไงพ่อ เชียดขนาดนั้น” ผมพูดอย่างเซ็งๆ
“เฮ้อ!” พ่อเดินมานั่งข้างๆผม “จริงๆแล้วไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก” พ่อยิ้มให้ผม
“แต่ผมกลัวนี่นา” ผมก้มหน้าพูด
“มาเดี๋ยวพ่อสอน” เขาจับมือผม
แล้วก็ดึงให้ผมลุกไปกับเขาอีกครั้ง เขาก็มายืนซ้อนผมแล้วก็จับมือผมให้จับปืนดีๆ........
“เอาละ พร้อมหรือยัง” พ่อถามเบาๆ
“พะ...พร้อม ก็ได้” ผมพูดแบบไม่มั่นใจ
“มองตรงไป อย่าหัน คิดซะว่าข้างหน้าเป็นสิ่งที่เราเกลียด” ผมก็มองที่เป้า มองเป็นรูปพี่อ๊อฟ กำลังเกลียดมันเลย “เอาละ มองอย่างมุ่งมั่นนะ อย่าหันหน้าหนีละ” ผมก็พยักหน้า
แกรก! .......ผมมองตาแข็งเลย พ่อก็ค่อยๆถอยจากตัวผม “ยิงเลย” ปั้ง!.......
แปะๆๆๆ! เสียงคนตบมือข้างหลังผม ผมหันไปมอง พี่อ๊อฟกับพี่อิฐ.....
“เอ้อ! ทำได้ดีเลยนะ ขนาดฝึกแบบไม่เป็นทางการนะเนี่ย!” พ่อยิ้ม แล้วลูบหัวผม
“โห! เข้าเป้าด้วยอ้า!” ผมชี้ไปที่เป้าที่ผมยิง
“ดีแล้ว” พี่อ๊อฟยิ้มแล้วเดินมาทางผม
“ไม่ต้องมายุ่งเลย!” ผมก็ถอยไปยืนข้างๆพ่อ
ทุกคนก็หัวเราะกัน แล้วก็เริ่มยิงอีกเรื่อยๆ ผมก็เริ่มยิงเองถนัดแล้ว ก็ยิงๆไป ไปๆมาๆเริ่มสนุก มันเป็นอะไรที่ต้องใช้สมาธิมากพอควรเลย ก็ยิงไปจนเริ่มเบื่ออะแหละ กระสุนก็หมดไปแค่แม๊กเดียวเอง ผมเมื่อยมือแล้วด้วย พี่อิฐเลยพาผมไปยิงธนูต่อ เอ่อ! ที่นี่เป็นสนามยิงโดยเฉพาะจริงๆ......
“ธนู ผมอยากยิงๆๆ!” ผมยิ้ม แล้วก็มองหาอย่างดีใจ
“ยากกว่าปืนนะนท!” พี่อิฐพูดด้วยรอยยิ้ม
“ผมอยากทำเหมือน เจนนิเฟอร์ รอว์เร้นซ์ ในฮั้งเกอร์เกมส์” ผมยิ้มบานเลย
แล้วพี่อิฐก็พาผมไปที่ ลานยิงธนู พี่อ๊อฟมันไปเขียนรายงานอะไรไม่รู้ให้พ่ออยู่ ผมก็ไปกับพี่อิฐ ธนูมันเอ่อ!....
“หนักจัง!” ผมยิ้มอ่อน
“สายก็แข็งด้วยนะ เวลาดึง ต้องดูดีๆละ และอย่าให้มันดีดโดนเนื้อตรงแขนนะ แสบได้เลือดเลยละ” พี่อิฐพูดเตือนอย่างหวังดี
ผมก็ลองดึงๆดู ทำท่าทางว่าจะยิงไปก่อน จนถนัด ก็ลองเอาลูกศรธนูมาจับ ธนูอันที่ผมลองมันดีนะ มีรูล๊อคตรงกลางด้วย.....
หมับ! พี่อ๊อฟมันมาจับธนูที่ผมถือไว้..........
“พอๆ ธนูอันตรายกว่าปืนอีก เดี๋ยวได้แผลมาจะยุ่ง!” มันดึงธนูไปเก็บ ไอบ้านี่นิ!
แล้วก็พาผมไปเดินเล่น ที่นี่มีอีกหลายอย่างเลย ผมสนใจบีบีกัน มันน่าลองจริงๆ เอ๊ะ!....
“พี่อ๊อฟ อยากเล่นบีบีกันอ่า!” ผมพูดอย่างตื่นเต้น
“คนไม่พอ ต้องคนเยอะๆมันถึงสนุก” พี่อ๊อฟพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“ชวนเพื่อนๆผมกับพวกสิงโตก็ได้นิ” มันก็มองผมนิ่งๆ “อะ เอ่อ.....”
“ชวนพวกมันมาก็ได้ถ้าอยากเล่น!” มันยิ้ม
“เย้!” ผมกระโดดกอดมันเลย
แล้วก็รีบโทรไปชวนเพื่อนๆทั้งหลาย มันก็โอเคกัน โดยผมให้พวกไอสิงโตไปรับเพื่อนๆผมด้วย คือดี ก็เดินเล่นรอพวกมันนั่นแหละ.......
“วันนี้มึงดูบ้าๆบอๆ กล้าๆกลัวๆไม่เข้าเรื่องเนอะ” มันพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใครจะเก่งเหมือนพี่อ๊อฟละ!” ผมพูดอย่างไม่จริงจังนัก
“นท! มานี่เร็ว” หันหลังไป พ่อเรียกผม ผมก็วิ่งไปโดยไม่รอพี่อ๊อฟเลย เขาพาผมไปห้องทำงานพ่อเขา ผมก็ตามไปอย่างว่าง่าย ไอพี่อ๊อฟมันก็ตามมาติดๆนั่นแหละ.....
“มีของจะให้” พ่อพูดด้วยรอยยิ้ม
“อะไรเหรอครับ” ผมถามอย่างอยากรู้
“อะ” พ่อยื่นกระเป๋าสีดำเล็กๆให้ผม
“อ้า! กระเป๋าสวยจัง” มันเป็นกระเป๋าหนัง พอผมเปิดดูข้างใน... “อะ เอ่อ......” ผมยิ้มอ่อน
“เอาไว้ใช้ป้องกันตัว หรือ เก็บไว้เฉยๆก็ได้” พี่อิฐยิ้ม
“ให้ปืนกับเด็กอย่างผมมันจะดีเหรอครับ” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ มันเป็นปืนพก แบบพอดีมือผม จะให้ผมทำไม
“นั่นแหละ เพราะรู้ไงว่านท ไม่เอาไปใช้ซี้ซั้วแน่นอน และปืนนี้อะ เป็นปืนที่....อ๊อฟจับเป็นครั้งแรกด้วยนะ” พ่อยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม
“ก็ให้พี่อ๊อฟสิครับ ให้ผมทำมายยย” ผมพูดติดตลกไป
“เอาไว้ให้มึงป้องกันตัวไง ชอบมีคนมาหาเรื่องดีนัก เอาไว้ขู่พวกมันก็ได้” พี่อ๊อฟยิ้ม
เข้าใจคิดเนอะ เขาก็พูดจนผมรับมานั่นแหละ พร้อมกับเอกสารอนุญาตอะไรพร้อมเลยนะ แต่ผมอายุแค่นี้มีปืนไว้ในครอบครองตำรวจรู้โดนจับสถานเดียว ผมก็คงเอาเก็บไว้ที่บ้านนั่นแหละ มันดูอันตรายไปถ้าจะพกติดตัว ก็นั่งคุยกันในห้องทำงานของพ่อจนพวกเพื่อนๆมากัน ก็ออกไปหาเพื่อนๆ พ่อพี่อ๊อฟก็จัดการให้คนไปเตรียมของให้ พวกผมก็ไปแต่งตัวรอเลย พี่อ๊อฟมาช่วยผมแต่งตัวด้วย มิดชิดเชียว ใส่หมวกด้วย มีแค่ผ้าพันคอแบ่งฝั่งเท่านั้น ก็ดี ดูท่าน่าจะมันส์......
“นทอยู่ฝั่งกูดิ” ไอสิงโตพูดขึ้นอย่างไม่ยอม
“อะ...เอ่อ” ผมยิ้มอ่อน
“มันต้องอยู่กับกู!” พี่อ๊อฟยิ้มกวนๆ
“เอาผ้าใส่ถังแล้วก็ล้วงเลย จะได้แบ่งกันได้แฟร์ๆ” พี่อิฐพูดจบเรื่องเลย เพราะไอสองคนนั้นเถียงกันสักพักแล้ว
ก็ล้วงๆกันไป สรุปผมได้อยู่กับไอสิงโต พี่อ๊อฟได้อยู่อีกสี ดูมันจะไม่พอใจมากเลย แต่มันก็แค่เกมส์ไหมพี่อ๊อฟเอ้ย! จริงจังเกิน ตอนนี้ก็แยกกันไปอยู่กับธีม ธีมผมสีแดงก็จะมีนัท วิว ตี๋ ต้น ผม สิงโต แล้วก็สีน้ำเงินก็จะมี พี่อ๊อฟ ปอ มิน โค้ก สอ พี่อิฐเราก็แยกย้ายไปปรึกษากัน ผมก็ไม่เคยเล่นหรอก ทำตามๆเขาไปนั่นแหละ เพราะอยากเล่นไง ก็วางแผนอะไรกันไป ให้แยกกันไปตามจุดนู่นนี่นั่น พอปรึกษาอะไรเสร็จก็เริ่มไปซ่อนตามจุด พวกพี่อ๊อฟก็ไปบ้างแล้วไง แล้วก็ส่งสัญญาณว่าเริ่ม...
ปักๆ! เอาแล้วไง เริ่มปุปก็ยิงเลย ก็วิ่งหนีบ้าง ลุยบ้างก็ตามแต่ละคน ผมก็หนีอย่างเดียว ไม่ลุยเลย ซ่อนไปซ่อนมาอยู่อย่างนั่นแหละ.....
หมับ! ผมตกใจไปนิด มีคนมาจับผมทางด้านหลัง พอหันไปไอสิงโตนั่นเอง โถ่ ตกใจหมด......
“อะไรของมึงเนี่ย!” ผมถามอย่างตื่นเต้น
“มึงจะซ้อนอะไรนักหนายิงพวกมันบ้างสิวะ!” ไอสิงโตพูดเสียงดุ
“เออๆกูรู้แล้ว กำลังหาจังหวะไง” ผมพูดอย่างมาดเข้ม
มันก็มองผมนิ่งๆ ผมก็มองมันกลับแล้วก็เอาปืนในมือจี้ไปที่คอมัน....
“มึงมองแบบนี้อยากตายหรอวะ ไอเสี่ยใหญ่!” ผมพูดอย่างนักเลง
“ตลกแล้วนท มึงไม่ได้ยิงเลยนะ นู่นไปยิงไอพวกนู่นไป!” มันพูดเสียงดุแล้วก็ลากผมไปกับมัน
ปุๆๆๆๆ ปักๆๆ! ผมก็ยิงมั่วซั่วไปหมดเลย หลับหูหลับตายิง เละเทะไปหมด.....
หมับ! มีคนจับมือผม ผมก็ลืมตาขึ้นมา เอ่อ.....
“แหะๆ!” ผมยิ้มอ่อน ก็คือผมยิงมั่วจนโดนทุกคนหมดเลย แต่ละคนนี้เปื้อนไปหมดเลย
“เล่นบ้าอะไรของมึงเนี่ย!” พี่อ๊อฟพูดนิ่งๆแล้วก็เช็ดสีที่กระจกบังหน้า
แล้วทุกคนก็เริ่มรุมด่าผมกันอย่างเมามัน ผมก็ได้แต่ยิ้มอ่อนไป แล้วเขาก็เริ่มเล่นกันใหม่ ผมก็โดนให้นั่งดูอยู่เฉยๆเลย อดเล่นเลย โถ่! เซ็ง คือต้องนั่งดูเขาสนุกกัน ก็ผมแค่บอกว่าเล่นไม่เป็นแค่นั้นเขาก็เด้งผมออกมาจากสนามเลย!......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.hasey14 ที่ 03-10-2022 21:06:50
“เซ็งเลยอะดิ” ผมหันไป พ่อนั่นเอง ผมก็ยิ้มนิดหน่อย พ่อก็มานั่งข้างผม...
“ครับ อะไรอ่า ก็ผมเล่นไม่เป็นนี่นา ทำไมต้องไล่ผมมาก็ไม่รู้” ผมทำหน้านอย
“เป็นพ่อ พ่อก็ไล่เราออกมานะ เล่นยิงไม่ดูอะไรเลยแบบนั้น” พ่อยิ้ม
“อะไรอ่า โถ่!” ผมทำหน้ามุ่ย เบะปาก
“เอาน่าๆ ไปเดินเล่นกับพ่อดีไหม” พ่อพูดอย่างใจดี ผมก็หันไปยิ้มแล้วก็พยักหน้ารัวเลย
พ่อก็พาผมไปเดินดูสนามต่างๆ เราเดินไปพูดคุยกันไป พ่อเขาเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว ติดจะขี้แกล้งขี้แซวไปหน่อยก็เท่านั้น แต่ก็โอเคเดินไปพูดคุยกันไปสนุกสนาน....
“นท” ผมก็หันไปยิ้มให้พ่อ “รู้ไหม ว่าเราน่ะ สำคัญต่ออ๊อฟนะ” ผมก็มองนิ่งๆ “อย่าทำให้มันเสียใจละ” พ่อยิ้มแล้วรูปหัวผม
“ผมไม่รับปากครับ แต่ผมจะทำให้ดีที่สุดนะ” ผมยิ้ม
แล้วก็พูดคุยกันไปพ่อเขาก็เหมือนไม่อยากยุ่งแหละ แต่ก็อยากจะพูดเพื่อให้ผมรักพี่อ๊อฟมันมากๆ เพราะเนื้อหาที่พูดกันก็ไม่พ้นเรื่องพี่อ๊อฟ ดูก็รู้ว่าพ่อคงเป็นห่วงและรักพี่อ๊อฟมาก คงไม่อยากให้ผมทำให้พี่อ๊อฟเสียใจ และผมก็จะไม่ทำให้พี่อ๊อฟมันเสียใจอีกแน่นอน......
“สวัสดีค่ะ คุณลุง”ผมที่เดินเล่นกับพ่ออยู่ต้องหันหลังไปดู เป็นผู้หญิง แต่งตัวเกงยีนส์ขาสั้นเสื้อยืดสีขาวรองเท้าผ้าใบ สวยด้วยสิ ดูท่าแล้วน่าจะมาฝึกยิงปืน..........
“อ้าว มายด์” พ่อยิ้ม
“อะ...เอ่อ” ผมยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นที่ยิ้มมาทางผม
“อ้อ! นี่มายด์ เพื่อนอ๊อฟตอนมันเรียนอยู่โรงเรียนแถวบ้านยายน่ะ” พ่อบอกผม ผมก็พยักหน้ารับทราบ
“หวัดดีครับ ผมนทครับ” ผมยิ้ม
“หวัดดีจ้ะ น่ารักจังเลย” พี่มายด์ยิ้มหวาน
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” ผมยิ้มเขินๆ
“ปะ...ไปคุยกันก่อนสิ” พ่อพูดอย่างใจดี
“เดี๋ยวค่ะ คุณลุง แล้วอ๊อฟละคะ ได้ยินว่าวันนี้มาที่สนาม...” พูดแล้วชะเง้อมองหา
“ลงสนามกับเพื่อนๆเขาน่ะ” พ่อตอบด้วยรอยยิ้ม
“อ่อค่ะ งั้นมายด์ไปรออ๊อฟแถวนั้นได้ไหมคะ” พี่มายด์พูดอย่างดีใจ
“เอาสิ!” ไปด้วยกันเลย
แล้วก็พากันไป ผมก็ไม่ได้อะไร พี่เขาก็ชวนผมคุยบ้าง พ่อก็ถามใหญ่เลย เหมือนไม่ได้เจอกันนาน และถ้าผมจับใจความไม่ผิด พี่เขาเหมือนว่าจะย้ายไปเรียนกรุงเทพฯเพิ่งกลับมาเที่ยว อะไรทำนองนั้น เราก็ไปยืนข้างสนามที่พี่อ๊อฟลงไปเล่น เราก็นั่งรอกันสักพักเนี่ยแหละ ทำไมผมรู้สึกแปลกๆ ผมรู้สึกว่า พี่เขาจะดีใจเกินไป แค่เพื่อนกันไม่ใช่เหรอ อาจจะไม่ได้เจอกันนานแหละมั้ง ผมก็คิดไปทั่ว แล้วพี่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรผมสักเท่าไหร่ เหมือนคุยกับผมตามมารยาทเท่านั้นด้วย พ่อก็ไม่ได้แนะนำผมอย่างเป็นทางการแต่อย่างใดด้วย จริงๆก็ไม่ได้คิดมากกอะไร แค่ไม่รู้จะคุยอะไรมากกว่า สักพักพวกนั้นก็พากันเดินออกมา.....
“อ๊อฟ!” พี่มายด์ลุกแล้ววิ่งไปหาพี่อ๊อฟ
ทุกคนก็มองกันงงๆ เพราะเขาถอดหมวกกันแล้วไง และก็ต้องตกใจ เพราะ พี่มายด์ กอดกับพี่อ๊อฟ และมันก็เป็นกอดที่นิ่งๆกอดเหมือนคนคิดถึงกันมากมายด์มันนิ่งเกินไป และพี่อ๊อฟก็ดูอึ้งมากไม่น้อยเลย และกอดนั่นเป็นกอดที่ผมมองแล้ว มันทำให้ผมเจ็บแปล๊บแปลกๆ ทุกคนก็มองแบบอึนๆ คืออะไร......
“เดี๋ยวพ่อไปดูสองคนนั้นหน่อยนะ” พ่อพูดอย่างดีใจแล้วก็เดินไป
ผมก็อึนๆนิดหน่อย มัน....ไร้ซึ่งคำอธิบาย มันงง คืออะไร เพื่อนกันต้องดีใจมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ แล้วพี่อ๊อฟดูจะ..อึนแปลกๆ เหมือนก็ตกใจหรืออะไร หน้ามันสื่อออกมาหลากหลายความรู้สึกเกินไป ผมรู้สึกใจสั่นแปลกๆ ตอนนี้เพื่อนๆผมก็เดินมาทางผม ไอสิงโตก็จับไหล่ผมแน่น พี่อ๊อฟไม่แม้แต่จะมองมาทางผมเลยด้วยซ้ำ พี่มายด์เป็นใครกันแน่ ทำไมพี่อ๊อฟถึงไม่สนใจผมเลยละ แล้วคำถามมากมายก็พุดขึ้นมาในใจผม เพื่อนๆก็พูดคุยกัน.....
“นท ไม่มีอะไรหรอกนะ” ไอสิงโตพูดอย่างอ่อนโยน
“อะ...อืม จะมีอะไรละจริงไหม” ผมยิ้ม
“ไปหาน้ำกินกัน” ปอพูดขึ้น ทุกคนก็พยักหน้า
เราก็พากันเดินไป ผมหันไปมองพี่อ๊อฟนิดหน่อย พี่อิฐกับพ่อก็ดูจะ ดีใจแปลกๆ ผมก็คิดไปทั่ว จนเดินไปที่ร้านน้ำ ก็ซื้อน้ำแล้วก็นั่งกินกันไป จริงๆมันก็ดูเหมือนไม่มีอะไรหรอก เพื่อนๆก็พูดกัน เพราะคงเป็นเพื่อนที่สนิท เลยดีใจขนาดนั้น แต่ผมก็แค่สังหรณ์ใจแปลกๆเท่านั้นแหละ มัน...มันเหมือนว่าผมกำลังจะโดนลืม เพราะเพื่อนคนนั้นของพี่อ๊อฟ......
“คิดมากเหรอวะ?” อยู่ๆสิงโตก็พูดขึ้นมา
“เปล่า กูแค่คิดอะไรเพลินๆ” ผมยิ้มให้มัน
“เฮ้อ! จะเปิดเรียนอยู่แล้ว!” ไอปอพูดขึ้นมาอย่างเซ็งๆ
“เออช่วงนี้มึงกับไอโต้เป็นยังไงบ้าง” ผมถามขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ เพราะมันเงียบๆกันเลย
“มันก็มาหากูที่บ้านทุกวันแหละ มันไม่ค่อยจะมาเที่ยวกับกูสักเท่าไหร่ เพราะมันก็ติดเพื่อนมันเหมือนกัน” ปอพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“มึงดีวะ กูอิจฉาความรักของมึงจัง” ผมพูดแล้วมองบนท้องฟ้า ผมก็คิดไปทั่ว
“พูดบ้าอะไรของมึง กูสิต้องอิจฉามึง มีแต่คนดีๆหน้าตาดีๆ รวยๆเข้าหามึง” ปอยิ้ม
“แต่มันก็ไม่ใช่หรือเปล่า ความรักกูมีแต่การแย่งชิง สูญเสีย และก็พังไม่เป็นท่าเลยอะ ดูมึงสิ ไม่มีอะไรที่จะทำให้มึงกับไอโต้แยกจากกันได้เลย” ผมพูดอย่างน้อยใจตัวเอง
“ไม่จริงหรอก กูว่าพี่อ๊อฟอะ ชัวร์สุดๆ เขาไม่ทำให้มึงเสียใจแน่นอนนท คิดมากไปแล้วนะมึง” ปอจับไหล่ผม
“คุยอะไรกันวะ” ไอนัทที่กำลังคุยอย่างสนุกกับเพื่อนคนอื่นหันมาถาม
“กำลังสงสัยว่า มึงกับพี่ฮอนเป็นยังไงบ้าง” ผมพูด มันเขินขึ้นมาทันทีเลย จริงๆก็กะจะแถไปทั่ว ผมดันลืมเรื่องพี่ที่มันแอบชอบเลย
“ก็ไม่ไงวะ เขาก็ดู จริงใจดี” ไอนัททำท่าทำทางน่าหมั่นไส้จริง “เออ แต่พี่ฮันเขาถามหามึงด้วยนะ”(ยิ้ม)
“ปล่อยเขาไปเถอะน่า!” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ
แล้วก็พูดคุยกันไปทั่ว จนพี่อิฐเดินมา ทุกคนก็หันไปเรียกพี่อิฐอย่างสนใจ.....
“สิงโต เดี๋ยวฝากไปส่งนทที่บ้านด้วยนะ พอดีอ๊อฟมันจะคุยกับเพื่อนน่ะ คงอีกนานเลย” พี่อิฐบอกไอสิงโตอย่างใจดี “แล้วค่อยเจอกันที่บ้านนะนท” พี่อิฐยิ้มให้ผม
ผมก็พยักหน้านิดหน่อย เขาก็พูดคุยกันไป คืออะไร แค่เดินมาบอกพี่อ๊อฟยังไม่เดินมาเลย แล้วพี่อ๊อฟยอมให้ผมไปกับไอสิงโตง่ายๆเนี่ยนะ คืออะไรกันตอนนี้ คุยกันได้สักพักก็เริ่มเกิดอาการหิวกันแล้วเลยขอตัวกลับกันก่อนพี่อิฐก็โอเคแล้วเขาก็เดินกลับไปทางเดิม ผมก็เดินไปกับพวกไอสิงโต ด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าเหลือเกิน....
ตอนนี้ก็พากันมาที่จอดรถแล้วก็แยกย้ายกันขึ้นรถ ไปหาอะไรกินกัน วันนี้ไม่เข้าห้าง ตอนนี้ก็11โมงกว่าๆ เพื่อนๆผมมันอยากไปหาอะไรกินข้างนอกห้างบ้าง เพราะเบื่อจะเข้าห้างแล้ว ก็พากันไปตระเวนหา ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรสักเท่าไหร่ จนสุดท้ายก็พากันไปกินบะหมี่ ก็เป็นบะหมี่ธรรมดาที่เขาว่าอร่อย ผมก็ไม่เคยได้ไปสักที ก็ไปกัน คนค่อนข้างเยอะ เพราะอยู่แถวมหาลัย มีทั้งนักศึกษาอะไรมากมาย ก็เข้าไปนั่งแล้วก็สั่งๆๆกันไป ผมก็สั่งไปแล้วก็ล้วงโทรศัพท์ที่ไม่ค่อยจะได้กดมันสักเท่าไหร่ออกมาดู โอ้โห้! ข้อความจากไอพี่กาย มากมายเหลือเกิน ผมก็ไม่สน พี่ดินพี่ไฟเอยอะไรเอยเยอะแยะไปหมด ผมก็กดปิดมันไปแล้วก็เลือกจะเข้าเฟส และก็เข้ารหัสของพี่อ๊อฟ หาเฟสพี่มายด์ หายังไงก็หาไม่เจอ ถึงจะเพื่อนเก่าแค่ไหนก็ต้องมีเป็นเพื่อนกันหรือ....
พรึ่บ! ผมเงยหน้าขึ้นมอง ไอนัทมันดึงโทรศัพท์ผมไป......
“มึงอย่าคิดมากไอนท พี่อ๊อฟเขาไม่ทำอะไรหรอก นั่นก็เพื่อนเขา จะกังวลอะไรนักหนาเนี่ย!” ไอนัทพูดอย่างจริงจัง ทุกคนก็มอง
“กูแค่รู้สึกแปลกๆ พี่อ๊อฟมันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะ!” ผมพูดนิ่งๆ
แล้วก็ถกเถียงกันไป บางคนก็เห็นด้วยกับผม บางคนก็บอกว่าผมคิดมากไปเองนู่นนี่นั้น จนผมเริ่มเบื่อก็หยุดพูดไป บะหมี่ก็มาเสริฟแล้วก็กินกันไปพูดคุยกันไป กินเสร็จก็เช็คบิล ไอสิงโตเลี้ยง อีกแล้ว ก็ปล่อยมันไป แล้วก็พากันแยกย้ายกลับ จริงๆตอนแรกก็กะจะไปหาเดินเที่ยวกันก่อน แต่หลายๆคนบอกเหนื่อยและง่วงกันแล้วเลยแยกย้ายกันไป ไอสิงโตก็ไปส่งผมที่บ้าน ส่งเสร็จก็ร่ำรากันนิดหน่อยมันก็กลับไป......
ผมก็เข้าบ้าน แล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวมานอนเล่นบนเตียง ผมถือโทรศัพท์ขึ้นมากดดู....ไม่มีการโทรหา ข้อความ ไม่มีเลย ผมก็ลังเลอยู่ว่าจะโทรไปดีไหม หรือรอมันโทรมา มันอาจจะยุ่งหรือแบตหมดไปก็ได้ มองโลกในแง่ดีไป ถึงจะรู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ก็เถอะ คิดอะไรไปๆมาๆก็เผลอหลับไป ตื่นมาอีกทีก็บ่าย3กว่าๆแล้ว ผมรีบดูที่โทรศัพท์ก็ยังไม่มีการติดต่อใดๆมา มีแต่เพื่อนๆพี่ๆเยอะแยะไปหมด เฮ้อ!....
แกร๊ก! ป๊าเดินเข้ามา ผมก็ยิ้มให้นิดหน่อย....
“ตื่นแล้วหรอตัวแสบ!” ป๊าเดินมานั่งแล้วก็ยีหัวผม
“ป๊ารู้ได้ยังไงว่านทนอน” ผมขยี้ตานิดหน่อย
“เข้ามารอบนึงแล้วน่ะสิ” ผมยิ้ม
“มีอะไรอ่า” ผมกอดป๊า
แล้วเราก็คุยกันไป ป๊ามาถามไถ่ผมในช่วงนี้ ตามประสาคุณพ่อที่น่ารัก เขาบอกผมทำตัวไร้สาระไปวันๆ และหลังจากนั้นก็เป็นบทสวดที่เด็กๆมักจะไม่ชอบกันสักเท่าไหร่555 เขาบ่นไงละ ผมก็ฟังอย่างสำนึกผิดไปนั่นแหละจริงๆผมก็ช่วยงานบ้านตลอด แต่เหมือนว่าแค่นั้นก็คงจะไม่พอ เพราะป๊ารู้เรื่องการใช้เงินที่จะเกินตัวไปของผม เขาก็เลยร่ายยาวให้ผมอย่างหนักเลย.....
“เฮ้อ!” ผมถอนหายใจอย่างโล่งๆเมื่อป๊าหยุดพูดแล้ว
“เฮียบูมเปิดร้านกาแฟ ไปช่วยเขาหน่อยแล้วกัน” ผมชะงักไปนิด
“อะไรอะ ป๊าบ่นนทเพราะจะให้ไปช่วยเฮียแค่นี้เนี่ยนะ! บอกนทดีๆก็ได้น่า!” ผมพูดอย่างไม่พอใจ
“ไม่ได้บ่นนะนท ป๊าแค่เตือนๆ ทำอะไรอย่าเกินตัว ให้รู้ค่าของเงิน เข้าใจไหม” ป๊าพูดอย่างจริงจังเสียงดุไปหน่อย ผมก็สะดุ้งเล็กน้อย
“ฮึก! ฮือ!” ผมแกล้งร้องไห้เลยไง ป๊าถึงกับสะดุ้ง
“นะ...นท!” ป๊าจับมือผมแล้วก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆ
หมับ! ดึงผมเข้าไปกอด ผมก็สะอื้นร่ำไห้ออกมา ประมานว่าเล่นละครเก่ง เคยไปเรียนอยู่ช่วงนึงก็เลิกไป เป็นคลาสสอนการแสดง เพื่อให้เรามีความกล้าแสดงออก และมันก็ทำให้ผม ตอแหลได้แนบเนียนขึ้น จริงๆป๊าก็แค่เตือนผมอย่างที่บอกนั่นแหละ แต่ผมมันดื้อไง ไม่ฟังอะไรเอาแต่ใจตัวเอง ตอนนี้ป๊าก็กำลังโอ๋ปลอบผมใหญ่เลย และผมก็สะอึกสะอื้นไป.....
“โอ๋ๆ! โอเคๆ ป๊ายอมแล้วๆ อย่าร้องนะลูก” ป๊ากอดผมแน่น
“ฮือ! ป๊าไม่อยากให้นทไปเที่ยวเหรอ” ผมพูดอย่างฟูมฟาย
“ปะ..เปล่า ป๊าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ” ผละออกมา แล้วก็มองหน้าผม ผมก็เช็ดหน้าลวกๆ “ป๊าไม่อยากให้นทใช้เงินไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเอง อีกอย่าง นทว่างๆป๊าก็อยากให้ไปช่วยพวกเฮียบ้างก็เท่านั้น อย่าร้องเลยนะ” เช็ดหน้าให้ผม
“แต่นทไม่ได้เอาเงินไปใช้ไม่เป็นเรื่องนะ” ผมพูดสะอื้นนิดๆ
“ป๊ารู้แล้วๆ โอเคๆ ป๊าแค่พูดเฉยๆไม่มีอะไรหรอก” ป๊ายิ้ม
ผมก็บอกไปเรื่องเงินนั่นที่เอาไปเลี้ยงเพื่อนๆด้วยเหตุผลอะไร ป๊าก็เข้าใจ เขาไม่ชอบให้ผมผิดสัญญา ซึ่งผมสัญญากับเพื่อนๆไว้แล้ว อีกอย่างที่ผ่านมาผมก็ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยอะไรขนาดนั้น มันก็จะมีแค่เมื่อวันนั้นที่ไปเลี้ยงเพื่อนๆนั่นแหละ ป๊าก็คงอยากรู้แหละ แต่หาเรื่องคุยกับผมสะยาวเลยไง ผมก็เลยเล่นละครใส่เลยทีนี้ ส่วนเรื่องเฮียบูมจริงๆเขาก็ชวนผมไปช่วยตั้งแต่ไปกินเลี้ยงแล้ว แต่ผมขี้เกียจเลยปฏิเสธไป เป็นร้านกาแฟ แถวมหาลัย จริงๆเฮียก็มีธุรกิจของครอบครัว ควบสองเลยไง ส่วนเฮียบอมก็ดูกิจการครอบครัวตัวเองไป สงสัยผมต้องไปช่วยแล้วละ ป๊ามาพูดถึงขนาดนี้......
“โอเคๆ ป๊าเข้าใจแล้ว ป๊าขอโทษแล้วกันที่ไม่ถามนทก่อน” บีบแก้มผม
“นทก็ขอโทษ ที่ทำอะไรแล้วไม่บอกป๊า” ผมยิ้ม
“อื้ม เออแล้วตกลงจะไปช่วยเฮียๆไหม” ป๊าถามอย่างสงสัย
ทำให้ผมฉุกคิดเรื่องพี่อ๊อฟขึ้นมาได้ และก็อีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอมแล้ว เอายังไงดี....
“ไปช่วยสักหน่อยนะ เฮียมาขอให้ป๊ามาพูดให้นทไป” ผมชะงักไปนิด “ก็ไปช่วยจนเปิดเทอมนั้นแหละ อีกไม่กี่วันเองนี่” ป๊าพูดอย่างใจดี
“เฮ้อ! ก็ได้ครับ” ยิ้ม “แล้วนทก็ต้องไปนอนกับเฮียอะดิ” ป๊าก็พยักหน้า
“อืม ให้อ๊อฟไปด้วยก็ได้นะ” ผมชะงักไปนิด
“เอ้อ! ป๊า!” ผมนึกขึ้นได้เดินไปหยิบกระเป๋าหนังที่มีปืนที่พ่อพี่อ๊อฟให้มาให้ป๊าดู “พ่อพี่อ๊อฟให้นทมาอ่า ป๊าจะเก็บไว้ไหม” ยื่นไปให้ป๊าดู ป๊าก็เปิดดู แล้วก็ลูบๆคลำอยู่อย่างนั้นแหละ
“นทเก็บไว้อะดีแล้ว ปืนสวยเลยนะเนี่ย” ยิ้ม “ป๊าก็มีของป๊าอยู่แล้วนี่นทก็รู้” ป๊าพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วก็เก็บปืนเข้าที่แล้วก็ยื่นมาให้ผม
“ทำไมทุกคนดูไว้ใจเอาของแบบนี้มาไว้กับนทจะดีเหรอป๊า” ผมถามอย่างไม่มั่นใจ
“ควรมีติดห้องไว้ก็ดีนะนท เอาไว้บนหัวเตียงเนี่ยแหละ เผื่อจงโจรหรืออะไรก็จะได้เอาไว้ป้องกันตัว…..” ป๊าก็อธิบายเหตุฉุกเฉินต่างๆไป ผมก็พยักหน้ารับ
“โอเคๆ นทเก็บไว้ก็ได้” ผมยิ้ม
“เก็บของเลยนะ แล้วก็ เออเดี๋ยวป๊าไปเตรียมของด้วย เก็บของเลยป๊าจะไปส่งหาเฮีย!” แล้วป๊าก็ลุกไป
ผมก็เดินไปเก็บของนิดหน่อย เพราะของใช้ส่วนตัวมีพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว พร้อมเดินทางตลอดเวลา ก็เก็บเสื้อผ้าอะไรไปไม่กี่ชุดหรอก ไปใส่ของเฮียก็ได้ ทำอะไรเสร็จ ผมก็จ้องที่มือถือ พี่อ๊อฟ หายไปเลย คืออะไร ผมก็เลยตัดสินใจ อย่างน้อยโทรไปบอกมันก็ยังดี ไม่นานมันก็รับสาย......
“เออ ว่า!” มันพูดด้วยเสียงร่าเริง และผมก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะมากมายดังออกมาจากโทรศัพท์
“ไม่ว่างเหรอพี่” ผมถามนิ่งๆ
“อืม ไม่ว่าง มีอะไร!” ผมชะงักไปเลย
“ผะ...ผม....ผมจะไปช่วยเฮียบูมที่ร้านกาแฟนะ และต้องไปนอนที่นั่นสักพัก พี่อะ......”
“โอเคๆ ไปดีมาดีละ ยังไงกูจะติดต่อไปนะ ตึ้ด!” อะไรคือไม่ใส่ใจเลยอะ รู้สึกโหว่งเหวงแปลกๆแหะ แต่ช่างเถอะ มันอาจจะ ยุ่งอยู่ผมก็ไม่ควรงี่เง่าหรือคิดอะไรมาก
ผมหยิบของลงไปข้างล่าง ป๊านั่งรออยู่แล้ว ป๊าก็ถามหาพี่อ๊อฟผมก็บอกไปว่าเขาไม่ว่างป๊าก็โอเค แล้วก็บอกแม่ว่าจะไปแล้ววันนี้พี่โน้ตไปบริษัทให้ป๊า ร่ำลาแม่เสร็จก็ไปขึ้นรถ แล้วก็พากันไป ระหว่างทางก็พูดอะไรกันไปมากมาย เยอะแยะไปหมด ผมก็ทำนอยป๊าเรื่องเงิน ป๊าก็บอกไม่เป็นอะไร เดี๋ยวจะเอาเงินไปเข้าให้อีก ผมก็เฮเลยสิ แถมยังให้เงินติดตัวผมไว้อีก ป๊านี่น่ารักจริงๆเลย ผมก็ออดอ้อนออเซาะป๊ายกใหญ่เลย ก็ออดอ้อนไป จนถึงที่นั่นแหละ เป็นร้านกาแฟ ร้านค่อนข้างใหญ่เลย แต่งได้น่ารักมากเลย คนก็เยอะมากเลยด้วย ป๊าก็พาผมเข้าไปนั่งหลังเค้าท์เตอร์ มีที่สำหรับพนักงานแล้วก็ให้ไว้วางของอะไรนั่นอะแหละ มีพี่พนักงานประมาณ 4-5 คนแหละมั้งเห็นเดินวนกันไปหมดเลย ผมก็นั่งมองอย่างตื่นเต้น จากที่คิดมากเรื่องพี่อ๊อฟก็หายไปเลยละ.....
“มาจนได้นะ” เฮียบูมเดินมาจากด้านหลัง ผมหันไปยิ้มอย่างดีใจ แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปหา...
“เฮียบูม! หมับ!” ผมกอดเฮียบูมเลย พวกพี่ๆพนักงานก็มองกันใหญ่ มองทำไมก่อน
“เฮ้อ เซ็ง เป็นหมาหัวเน่าอยู่คนเดียว” เฮียบอม สาระแนมาทำไมเนี่ย ผมก็เหล่มอง....
“เฮียบอม” ผมยิ้ม “หมับ!” ผมกอดมันบ้าง
“โอยๆ” มันกัดฟันร้องอย่างเจ็บปวด
“คิดถึงเฮียมากมายเลยน้า!” พูดกดเสียง ผมเหยียบตีนเฮียไง
แล้วมันก็ดันผมออกแล้วก็มองผมแบบไม่พอใจ......
“ป๊าดื่มอะไรดี” เฮียบูมหันไปถามป๊า
“มานี่เลยไอนท!” เฮียบอมมันลากแขนผมไปกับมัน
ป๊าก็คุยกับเฮียบูมไป เฮียบอมก็ดึงผมออกมาแถวด้านหน้าร้าน ผมก็ตามมันไปนั่นแหละ ขี้เกียจเถียงละเบื่อ....
“จะไปไหน” ผมถามอย่างสงสัย
“หาอะไรกิน” มันยิ้มหวาน เอ๊ะ! ไอท่าทางน่ากลัวแบบนี้มันอะไรนะ
ผมก็พยักหน้า มันก็ดึงมือผมไปหาร้านอาหาร แล้วก็เทคแคร์ผมดีแปลกๆ คืออะไร ผมก็สงสัยนะ มันก็บอกให้ผมสั่งให้เต็มที่เลย จริงๆตอนนี้ก็เริ่มหิวแล้ว ผมก็สั่งไอสิ่งที่ผมอยากกินไป แล้วก็นั่งจ้องหน้าเฮียมันเมื่อสั่งเสร็จ........
“อะไร มองอะไรวะ” มันจับหน้าตัวเอง
“มีอะไรเฮีย มาทำดีแปลกๆแบบนี้” ผมมองอย่างจับผิด
“เปล่า กูอยากเลี้ยงข้าวมึง ก็แค่นั้น ทำไม ไม่ได้?” ดูมันทำหน้ากวนตีน
“เออ!” ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา
“เออ ว่าแต่ แฟนมึงไม่มาเหรอวะ?” เฮียบอมถามอย่างสงสัย
“มันติดธุระ” ผมพูดอย่างไม่ใส่ใจ “เออแล้วทำไมไม่ชวนเฮียบูมกับป๊ามากินด้วยละ?” ผมถามอย่างนึกขึ้นได้
“กูบอกไปแล้วเดี๋ยวเขาก็ตามมาเองแหละ!” อ้าว! ไหนบอกว่าจะเลี้ยงข้าวผมไง ไอบ้านี่มันพูดจาเอาดีเข้าตัวเองจริงๆ ผมก็ไม่สนใจมันแล้ว รำคาญ
แล้วมันก็พร่ำเพ้อพูดอะไรก็ไม่รู้ไป ผมก็เถียงกับมันไป ว่าจะไม่สนแล้วไง จนได้อะ พูดให้ผมหมดความอดทนตลอด แล้วไม่นานของที่สั่งก็มาเสิร์ฟ ป๊ากับเฮียบูมก็เดินเข้าตามมา แล้วก็สั่งเพิ่มไป ก็นั่งคุยกันเฮฮาดี สรุปร้านกาแฟเปิดมาได้สักพักแล้วตั้งแต่เฮียบอมกลับมา และที่ให้ผมมานี่เพราะเฮียบูมอยากให้มา ผมติดต่อไม่ได้เลยให้ป๊ามาคุยให้ เฮียบอมเปิดสาขาธุรกิจของครอบครัวในเมืองด้วย เลยอยู่คอนโดเดียวกับเฮียบูม แล้วก็อีกมากมายที่พูดกัน สรุปได้ว่าผมก็มาอยู่เล่นกับพวกเขาเนี่ยแหละ เฮียเหงาตอนทำงาน เอาผมมาก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก ผมก็คงกินทั้งวันแหละ.......
หัวข้อ: Re: ไดอารี่ ของเด็กหนุ่มผู้มากรัก
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 30-10-2022 01:27:18
เข้ามาอ่านยาวเลย
ชอบ สนุกดี

อย่าลืมมาต่อเรื่องอีกนะ
มีเรื่องให้ลุ้นได้อีก
กรณีล่าสุดนี้ อยากรู้ว่าพี่อ๊อฟจะทำให้นทผิดหวังหรือเปล่า

ขอบคุณจ้า