พิมพ์หน้านี้ - ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: natsikijang ที่ 26-06-2017 20:07:38

หัวข้อ: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-06-2017 20:07:38
************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0)

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0)

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com)  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-06-2017 20:14:27
ตามหทัย


(ครุฑ×นาค)

ขอบคุณ คุณsirin_chadada  มากๆ นะคะที่ช่วยทำสารบัญให้

สารบัญ
ตอนที่ ๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3661800#msg3661800)
ตอนที่ ๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3663947#msg3663947)
ตอนที่ ๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3671226#msg3671226)
ตอนที่ ๔  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3682256#msg3682256)
ตอนที่ ๕  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3682256#msg3682256)
ตอนที่ ๖  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3725379#msg3725379)
ตอนที่ ๗   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3725379#msg3725379)

 
บทนำ

จะปกปักษ์รักษาเผ่าพันธุ์ครุฑ     จะป้องบุตรจากศัตรูทั่วทุกถิ่น
 จะทวงรักทวงหทัยจอมนาคินทร์  ชั่วชีวินจะรักเจ้านิรันดร


                 

                  ความแค้นของสองเผ่าพันธุ์ครุฑและนาคที่ต่างฝ่ายต่างขัดแย้งมายาวนานนับพันปีกับความรักองค์ราชาครุฑกับนาคราชผู้เป็นเจ้าแห่งท้องทะเลตะวันออก เมื่อราชาครุฑเข้าพระทัยผิดว่าองค์นาคราชขโมยไข่ของพระโอรสเพียงพระองค์เดียวจากพระชายาผู้ล่วงลับไปแล้ว

                  พระองค์จึงหมายจะสั่งสอนจนทรงพลั้งพลาดทำร้ายนาคราชถึงกับบาดเจ็บสาหัสจึงต้องทรงดูแลและปกป้องรักษานาคราชผู้มีพระพักตร์เหมือนพระชายาผู้เป็นหทัยมิผิดเพี้ยน


        ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ  มาแนวพีเรียดไทยข้ามภพข้ามชาติ แต่งแนวนี้เป็นเรื่องแรก เป็นแนวที่ท้าทายมากค่ะ แอบยากในเรื่องข้อมูล ตำนานและราชาศัพท์ ผิดพลาดอย่างไรต้องขอโทษด้วยนะคะ  เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ


     ปล.กลอนแต่งเองค่ะ  สำนวนอาจจะแปลกๆ ลิเกไปบ้าง มือใหม่หัดแต่งค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 26-06-2017 20:45:34
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 26-06-2017 21:08:59
รอค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 26-06-2017 21:17:43
รอครับ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-06-2017 21:28:32
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 26-06-2017 21:50:51
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: รอจ้า
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 26-06-2017 23:13:53
Intro ได้น่าติดตามมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 26-06-2017 23:36:49
ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: กบกระชายไทยนิยม ที่ 27-06-2017 23:37:59
กางเต็นท์รอเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 27-06-2017 23:57:54
ติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 28-06-2017 00:00:47
           
#ตอนที่ ๑
เงาอดีต

            อุโมงค์ทอดยาวสุดสายตา ร่างบางเดินก้าวเข้าไปใกล้พร้อมสูดลมหายใจลึกสุดปอด ขอเพียงดื่มน้ำแห่งการลืมเลือนและลอดเข้าไปในอุโมงค์ตามที่พระยมที่สวมชุดสีแดงซึ่งยืนยิ้มต้อนรับบอก เขาก็จะทิ้งอดีตชาติเรื่องราวในโลกมนุษย์ที่เจ็บปวดไว้ฝังไว้ในรอยอดีต

            ดวงตาของร่างบางพร่ามัวไปด้วยน้ำตา

            มือเรียวยกแก้วน้ำแห่งการลืมเลือนขึ้นดื่มจนหมดแก้วแล้วหลับตาเดินลอดอุโมงค์ไป สติเริ่มเลือนลางจนร่างบางฝืนทนเดินต่อไปไม่ไหวจึงล้มตัวนอนในกลางอุโมงค์

            เมื่อเขาลืมตาอีกครั้งมองไปที่อีกปลายทางหนึ่งของอุโมงค์ก็ปรากฎร่างของคนห้าคนยืนอยู่ แต่เขารู้ดีว่าพวกนี้มิใช่มนุษย์ เป็นครอบครัวของเขาเอง พวกเขาเป็นพญานาค !

            ความทรงจำมหาศาลไหลเข้ามาให้ห้วงความคิด

            ‘ข้าคือนาคราช ชื่อของข้าคือ ศศิศมหานาคราช ข้าต้องโทษจากสวรรค์ชั้นฟ้าให้จำศีลบำเพ็ญเพียรนับห้าร้อยปีและลงไปเวียนว่ายตายเกิดนับห้าร้อยชาติกว่าพันปี’ 

            ‘ในแต่ละชาติ ข้าต้องรับกรรมโดนใส่ความจนต้องโทษ เฆี่ยนตีทรมาน โดนประหารชีวิต ประสบเคราะห์กรรม อุบัติเหตุ ภัยพิบัติ สัตว์ร้ายกัดตายมิได้ตายดีเลยสักชาติ ชีวิตแลกชีวิต ข้าฆ่าคนนับร้อยชีวิต ข้าก็ต้องใช้กรรมนับร้อยชาติ แม้ข้าจะเป็นเทพชั้นสูงที่กำเนิดโดยโอปาติกะก็มิอาจหลีกเลี่ยงกรรมได้เพราะข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชะตามนุษย์อันเป็นสิ่งต้องห้ามจึงต้องรับกรรมที่ทำไป’

            พระเนตรของร่างบางเริ่มพร่ามัวไปหยดน้ำพระเนตร

           “ลูกกลับมาแล้วพะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ เสด็จแม่”

           พระองค์เอ่ยเสียงสั่น ไอร้อนวูบหนึ่งผ่านพระศอขึ้นมาจนพระองค์ข่มพระทัยสะกดความโศกเศร้า พระองค์ก้าวเดินเข้าไปทรงก้มกราบบุพการีทั้งสองพระองค์

            “โธ่ เด็กโง่ เจ้ารู้ไหมพ่อกับแม่เป็นห่วงเจ้าแทบแย่”

            “หนึ่งพันปีมานี้ไม่มีวันไหนเลยที่แม่ไม่คิดถึงเจ้า”

           ร่างบางมิอาจกลั้นน้ำพระเนตรไว้ได้จนต้องปล่อยโฮออกมาจนได้

            “ลูกผิดไปแล้ว ลูกขอโทษที่ทำให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ต้องเป็นห่วง”

           ศศิศมหานาคราชโผเข้ากอดพระราชมารดา ในที่สุดต่างฝ่ายต่างก็กรรแสงออกมา ผู้เป็นเสด็จแม่ทรงเช็ดน้ำพระเนตรเช็ดน้ำพระเนตรให้แต่เช็ดเท่าไรก็ไม่แห้งเสียที

            “น้องสิบ เจ้ากลับมาแล้ว พวกพี่บ่นถึงเจ้ากันทุกวัน”

            “ใช่ พวกพี่คิดถึงเจ้ามาก ในที่สุดเจ้าก็กลับมาเสียที”

             “ข้าก็คิดถึงพวกพี่ๆ”

             พระทัยของพระองค์ปวดร้าวราวกับมีเข็มมาทิ่มตำ

            ‘ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้าเอง ข้าทำให้เสด็จพ่อเสด็จแม่และพี่น้องต้องทุกข์ใจ การพลัดพรากจากเสด็จพ่อเสด็จแม่และครอบครัวเป็นสิ่งที่ทรมานใจข้า ตลอดเวลาหนึ่งพันปีที่ผ่านมาข้าไปเวียนว่ายตายเกิดทิ้งให้พวกท่านต้องทรมานใจกับการรอคอยข้านับพันปี’

            ‘ข้าช่างอกตัญญูเหลือเกิน…’

            “ข้ามันเป็นลูกที่ไม่เอาไหนคอยแต่ทำให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ต้องทุกข์ใจ”

            “เอาเถอะ เจ้าอย่ามัวแต่โทษตัวเองอีกเลย ตอนนี้เรื่องร้ายๆมันผ่านไปแล้ว เจ้าเองก็ได้รับบทเรียนจากความใจร้อนและความเจ้าคิดเจ้าแค้นของเจ้าแล้ว ต่อไปเจ้าจงตั้งมั่นอยู่ในความดี หมั่นบำเพ็ญเพียร”

           “ลูกขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงสั่งสอน”

            “พ่อขอมอบหน้าที่ให้เจ้าไปปกครองทะเลฝั่งตะวันออกแทนศศิพรรณวดี พี่สาวของเจ้า เจ้าจงเป็นผู้ปกครองที่ดี จงดูแลให้ทะเลฝั่งตะวันออกร่มเย็นและสงบสุขสืบไป”         

            “พะย่ะค่ะเสด็จพ่อ ลูกจะทำสุดความสามารถ มิให้เสด็จพ่อต้องทรงผิดหวังในตัวลูกอีก”




           หลังจากพระองค์ได้รับพระราชบัญชาจากพระราชบิดา ผู้เป็นกษัตริย์เจ้านครบาดาลและพญานาคราชผู้ทรงฤทธิ์เดชเหนือเทพทั้งปวงในบาดาลให้ไปปกครองท้องมหาสมุทรฝั่งตะวันออกแล้ว

           ร่างเพรียวประทับที่นครหลวงของบาดาลนาน 7 วัน จากนั้นพระองค์จึงทรงกลับร่างเดิมเป็นพญานาคตัวมหึมาและรีบมุดแผ่นดินไปโผล่ไปยังทะเลตะวันออกทันที 



           นาคราชหนุ่มประทับทอดพระเนตรท้องทะเลฝั่งทะเลตะวันออกที่ทอดยาวออกไปจนถึงเส้นขอบฟ้า พื้นน้ำสีครามกว้างสุดลูกหูตา แสงสะท้อนจากพื้นน้ำส่งประกายสีน้ำเงินเข้ม เพียงแค่นี้พระทัยของพระองค์ก็สงบ


           ศศิศมหานาคราชหลับพระเนตรลงซึบซับลมทะเลที่พัดเย็นสบายแล้วหวนนึกถึงอดีต ตอนนี้พระองค์สัมผัสได้ว่ากาลเวลาได้หมุนย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งพันกว่าปีที่แล้วอีกครั้ง

             พระองค์หวนดำริถึงสาเหตุที่ต้องลงไปจุติยังโลกมนุษย์อีกครั้ง
             .
             .
             .

(ภาคอดีต)
             พระองค์ทำความผิดมหันต์ที่ทั้งสามโลกมิอาจให้อภัยได้…

         
             พระองค์ยังจำได้ดี…

             ตอนนั้นพระองค์เพิ่งอายุห้าสิบกว่าปี พระองค์และพระพี่นางทรงแปลงร่างเป็นกระรอกเผือกขึ้นไปดูงานฉลองขวัญเมืองระแหงด้วยกัน เพราะพระพี่นางทนความอ้อนอยากขึ้นมาเที่ยวเมืองมนุษย์ของพระองค์มิไหว แต่พวกพระองค์กลับถูกนายพรานใจร้ายทำร้ายแล้วเอาไม้ตีทั้งสองพระองค์จนทรงบาดเจ็บสาหัสจนไม่มีพลังและไม่อาจคืนร่างเดิมได้

           ศศิพรรณวดีเสียเปรียบจนต้องเอาพระวรกายบังพระอนุชาและเข้าต่อสู้สกัดกั้นจนศศิศนาคราชกระโดดหนีไปได้ แต่พระอนุชาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลเต็มตัวจนสลบไปหนึ่งวันเต็ม

             หลังจากพระองค์ตื่นบรรทมขึ้นมาในถ้ำด้วยความงุนงงและทำอะไรไม่ถูก เมื่อตั้งสติหวนนึกถึงเหตุการณ์ตอนก่อนที่จะทรงสลบไปได้ ทันใดนั้นก็ดำริขึ้นมาได้ว่าพระองค์ต้องรีบกลับร่างทิพย์และรีบเสด็จช่วยพระพี่นางแต่เมื่อไปถึงที่แนวป่าข้างแม่น้ำกลับเจอแต่รอยเลือดเป็นแนวยาว ไม่ทรงพบพระพี่นางแม้แต่เงา

             ตอนนั้นพระองค์ร้อนพระทัยจนทรงทำอะไรไม่ถูก เที่ยวแต่เสด็จหาไปทั่วจนระหว่างทางก็ทรงเจอกับพวกชมพูนุชและเกตุไพลินสหายวัยเยาว์ของทั้งสองพระองค์

             พวกนางพาพระองค์เสด็จไปทอดพระเนตรพวกมนุษย์ใจร้ายนำพระศพของพระพี่นางในร่างกระรอกเผือกออกจากหม้อแล้วตักกินกันอย่างเอร็ดอร่อยและกินเท่าไร เนื้อก็งอกออกมาเรื่อยๆ อย่างน่าอัศจรรย์ใจ

             ชั่วขณะนั้นเองพระทัยของพระองค์ก็หล่นวูบลงกับพื้น

             “ข้ามาไม่ทันเสียแล้ว มันสายไปเสียแล้ว ฮึกๆ ฮื่อๆ”

             ศศิศมหานาคราชทอดพระเนตรด้วยน้ำพระเนตรที่มิอาจห้ามได้จนต้องกรรแสงสะอึกสะอื้นแทบขาดพระทัย

             “พวกข้าเองก็เพิ่งรู้ มิฉะนั้นพวกข้าคงจะเข้าไปช่วยพี่ของเจ้าไว้แล้ว”

             “ใช่ พอพวกข้ารู้ก็รีบตามหาเจ้า แล้วพอเจอเจ้า พวกข้าก็มาบอกเจ้าทันทีเลย”

              ชมพูนุชและเกตุไพลินเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

              “เจ้าพวกมนุษย์ชั่ว เจ้ากล้าดีอย่างไรจึงมาฆ่าพี่สาวข้า ข้าจะไม่มีวันให้อภัยพวกเจ้า”

             “ในเมื่อเจ้าโกรธแค้นถึงเพียงนี้ ไยเจ้าไม่แก้แค้นพวกมันเล่า พวกมันเป็นแค่มนุษย์บังอาจมาฆ่าพญานาคอย่างเรา พวกมัน
 ช่างไม่เจียมตนเสียจริงๆ”

             “ใช่ๆ พวกมันสมควรตาย ถ้าข้าเป็นเจ้าจะแก้แค้นถล่มเมืองพวกมันให้วอดวายเสียให้หมด”

             “แก้แค้นอย่างนั้นรึ”

             “ใช่ เจ้าจะไม่เรียกร้องความยุติธรรมให้พี่เจ้าที่ตายอย่างอนาจเยี่ยงนั้นหรือ ชีวิตแลกชีวิตสิ เจ้าต้องแก้แค้น”

             “ถูกต้อง เจ้าต้องแก้แค้นให้พี่ของเจ้า”

             หลังจากพระองค์สดับคำยุยงของพวกนางผสมกับเพลิงแค้นที่เผาไหม้จนเต็มไปด้วยแรงอาฆาต

             ศศิศมหานาคราชจึงทรงกลับร่างเดิมเป็นพญานาคเจ็ดเศียรมุดแผ่นดินจนเมืองระแหงเกิดแผ่นดินไหวจนผู้ล้มตายนับร้อยและทำให้ยอดพระเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองหักลงมาเพื่อระบายความแค้น

             เสียงผู้คนกรีดร้องโหยหวน ภาพผู้คนวิ่งหนีตายอลหม่าน บ้านเรือนพังเสียหาย เจดีย์วัดวาอารามที่ก่ออิฐถือปูนก็ถล่มลงมา

             นาคราชเจ็ดเศียรทอดพระเนตรในขณะที่พระทัยที่ขุ่นมัวได้ด้วยเพลิงแค้นกลับทำให้ยิ่งมองภาพธรณีพิบัตินี้ด้วยความสะใจ ชูพระเศียรแผ่ผังขยายและขู่คำรามเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

           นครแห่งความรุ่งโรจน์ล่มสลายภายในไม่กี่ชั่วเพลา…เหลือเพียงซากปรักหักพัง

           หลังจากนั้นชมพูนุชและเกตุไพลินได้นำความไปฟ้องพระตุลาการแห่งการพิพากษาจนศศิศมหานาคราชทรงต้องโทษจากสวรรค์ชั้นฟ้าให้จำศีลบำเพ็ญเพียรนับห้าร้อยปีและลงไปเวียนว่ายตายเกิดนับห้าร้อยชาติ เพลากว่าพันปี

             แต่ละชาติล้วนต้องเผชิญการสูญเสียคนรัก ครอบครัวและสหายวนเวียนมิจบสิ้น

             ตอนนี้พระองค์ทรงพ้นโทษแล้ว พระองค์กลับมานครบาดาลแล้ว…

     
(โปรดติดตามตอนต่อไป)
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) บทนำ (๒๖/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 28-06-2017 00:37:52
     ตอนที่ 1 เปิดมากับการอ้างอิงตำนานหนองหานหลวง ปัจจุบันอยู่จ.สกลนคร เรื่องนางไอ่คำกับท้าวผาแดงค่ะ ใครดูนาคีคงบอกว่าคล้ายกันก็ต้องบอกว่า มรุกนครในเรื่องนั้นคือชื่อเดิมของนครพนม มีตำนานพญานาคล่มเมืองเหมือนกัน

         อ่านแล้ว ทวงถาม ติชมได้เต็มที่เลยค่ะ  เรื่องนี้นัทมีสต็อกไว้ส่วนหนึ่งแล้วค่ะ แต่ต้องเช็คข้อมูลกับคำราชาศัพท์ เกลาสำนวนเรื่อยๆ ค่ะ 

        ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ   





                 ขอบคุณมากนะคะที่มาเจิมให้คนแรกเลย :pig4:



รอตอนต่อไปค่ะ


      และก็อีกหลายคอมเม้นต์ที่มาติดตามกันตั้งแต่วันแรกๆเลย   
รอค่ะ  :katai2-1:
 
รอครับ
  mild-dy
:pig4: :pig4:
  Veesi3
:katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: รอจ้า
Yara
Intro ได้น่าติดตามมากค่ะ

 mystery Y
ติดตามๆ
  กบกระชายไทยนิยม 
กางเต็นท์รอเลยค่ะ

ขอบคุณนะคะที่มาให้กำลังใจกันตั้งแต่บทนำเลย  รู้สึกมีกำลังใจเต็มเปี่ยม


 พอเห็น 
ติดตามค่ะ
นัทก็รีบเข็นตอนที่ 1 ออกมาต้อนรับเลยค่ะ 

       
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 28-06-2017 00:56:06
แค่เริ่มก็สนุกแล้วค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 28-06-2017 01:13:08
มาต่อไวมากเลยค่ะ
น่าสนุกมากเลย มีปมด้วย
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: nunda ที่ 28-06-2017 01:24:56
ติดตามจ้าาาา
ชอบมาก ครุฑ นาค เนี่ย ^^
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Psycho ที่ 28-06-2017 07:38:16
นาคีจบแล้วมาตามนาคาต่อ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-06-2017 09:03:13
รอๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 28-06-2017 10:26:29
น่าสนุกติดตาม ค่าาาาา
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 28-06-2017 10:35:26
ทำไมรู้สึกว่าส่วนหนึ่งเพราะเพื่อนยุ ชมพูนุชกับเกตุไพลินใช่เพื่อนจริงเหรอ ทำไมดูเหมือนจ้องจะแทงข้างหลังกัน
สรุปว่าที่หนีขึ้นไปเที่ยวคราวนั้นทำให้พี่สาวตายเหรอ
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: vavavivi ที่ 28-06-2017 20:30:06
มารอ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 01-07-2017 14:10:37
ทำไมรู้สึกว่าส่วนหนึ่งเพราะเพื่อนยุ ชมพูนุชกับเกตุไพลินใช่เพื่อนจริงเหรอ ทำไมดูเหมือนจ้องจะแทงข้างหลังกัน
สรุปว่าที่หนีขึ้นไปเที่ยวคราวนั้นทำให้พี่สาวตายเหรอ
รอตอนต่อไปค่ะ


ชมพูนุชกับเกตุไพลินอิจฉาพี่สาวกับศศิศค่ะ  เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด อารมณ์ผู้หญิงริษยาเพราะครอบครัวศศิศเป็นพญานาคชั้นสูงกว่าและตอนหน้าคู่นี้จะกลับมาก่อเรื่องอีกครั้งค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๑ (๒๘/๖/๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 01-07-2017 21:47:09
ตอนที่ ๒

       “น้องหญิง พี่คิดถึงเจ้า คิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

         องค์ฆเคศวร พญาครุฑราช เจ้าผู้ครองนครวิมานฉิมพลีทรงโรยกลีบกุหลาบบนเนินดินที่ล้อมรอบไปด้วยต้นกุหลาบสีแดงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก

       “เจ้าคงจะโกรธพี่ที่พี่ดูแลลูกของเราไม่ดี ปล่อยให้พวกคนชั่วขโมยลูกของเราไป” สายพระเนตรแปรเปลี่ยนเป็นอาฆาตมาดร้าย

    “แต่พี่ขอสัญญากับเจ้า ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรหรือแม้แต่ชีวิตของพี่ พี่ก็จะตามเอาลูกของเราคืนมาให้ได้แล้วพี่จะเลี้ยงลูกของเราให้ดี เจ้ามิต้องเป็นกังวล หลับให้สบายนะ คนดี ยอดดวงใจของพี่”

        สายพระเนตรเศร้าหมองเมื่อหวนดำริถึงพระชายาที่ล่วงลับไปกว่าปีเศษ พระชายาที่สิ้นพระชนม์ไปตั้งแต่ตอนที่ประสูติพระโอรสในวันที่พระองค์ขึ้นครองราชย์พอดิบพอดี ทำให้พระองค์ทรงติดพระราชพิธีมิอาจเสด็จทันไปดูพระทัยพระชายาได้ รวมทั้งคนร้ายใช้ช่วงเวลานั้นลอบขโมยไข่พระโอรสไป





         นครบาดาลแห่งมหาสมุทรตะวันออกกำลังมีงานเลี้ยงฉลองการรับตำแหน่งของเจ้าผู้ครองนครของศศิศมหานาคราช

           ลานพิธีเลี้ยงฉลองมีร่างบางประทับเป็นประธานพิธีบนแท่นเปลือกหอยประดับเพชรนิลจินดา แขกทวยเทพ เชื้อพระวงศ์ ขุนนางประทัยตามลำดับฐานันดร คณะแขกทยอยกันเข้ามาอวยพรโดยเฉพาะเชื้อสายนาคราชต่างทยอยกันมาร่วมงานมิขาดสาย

           พิธีนี้จัดอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมพระเกียรติ ในงานมีการเล่นดนตรี มีการฟ้อนรำจากสาวงามยาวนานถึงสามวันสามคืน เหล่าราษฎรทะเลฝั่งตะวันออกต่างมาแซ่ซ้องแสดงความจงรักภักดีทั้งต่อร่างบาง ส่วนเหล่าขุนนางทำความเคารพอย่างนอบน้อม

           วันนี้มีแขกสูงศักดิ์มากมายทยอยมาร่วมอวยพรรวมทั้งวิพัชรมหากุมาร ศิษย์ร่วมสำนักของฤาษีมหาธารด้วย เขานำของขวัญมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย แม้กาลเวลาผ่านมายาวนาน แต่รูปโฉมของศิษย์พี่ของศศิศมหานาคราชยังคงเป็นบุรุษรูปงามอันดับต้นๆ ในสามภพมิเปลี่ยนแปลง

            “พี่พัชร  เชิญนั่งก่อน ท่านอุตส่าห์มายังวังของข้าด้วยตนเอง”   

           ร่างบางไม่ได้เจอเขามาหนึ่งพันกว่าปีแล้ว

            “ศศิศ ข้ายินดีกับเจ้าด้วย ข้ายังจำตอนเจ้าเพิ่งเข้าสำนักใหม่ๆ เจ้าดื้อเสียจนอาจารย์และข้าต้องนั่งกุมขมับเลยทีเดียว ดูตอนนี้สิเจ้าเป็นถึงผู้ปกครองเขตทะเลฝั่งตะวันออกที่กว้างใหญ่ไพศาลเสียแล้ว พวกเจ้าไปนำของขวัญของข้าเข้ามาสิ“ 

          "พะย่ะค่ะ"

           ข้าราชบริภารของเผ่านรสิงห์ยกกล่องสี่เหลี่ยมขนาดกลางมาวางตรงหน้าร่างบาง วิพัชรมหากุมารทรงเปิดฝาออกกล่องออก ภายในกล่องเป็นต้นราชพฤกษ์งอกขึ้นมามีใบและผลิดอกออกทันตาเห็น

            “ช่างหน้าอัศจรรย์ใจจริง ข้าขอขอบคุณพี่มาก”

            “มิเป็นไรหรอก แค่ข้าเห็นเจ้าชอบมัน ข้าก็ดีใจแล้ว”

           ข้าราชบริภารก้าวเดินมาถวายบังคมแล้วทูลว่า

            “ทูลพระบาทเจ้า ราชทูตจากนครยักษ์ขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

            “ให้เข้ามา”

            “พะย่ะค่ะ”
   
             คณะทูตจากนครยักษ์จำนวน 8 ตน เดินเข้ามาเฝ้าพร้อมด้วยข้าวของมากมาย พวกเขาก้มลงถวายบังคมศศิศมหานาคราชแล้วเอ่ยว่า

            “ทูลพระบาทเจ้า  ใต้ฝ่าพระบาทของกระหม่อม กษัตริย์นพเนตรแห่งนครเภตราของกระหม่อมให้นำกระจกมรกตและเพชรนิลจิดดาพวกนี้มาถวายพระองค์พะย่ะค่ะ และยังให้กระหม่อมนำพระราชสาสน์ขอเป็นพันธมิตรมาถวายด้วยพะย่ะค่ะ”

           ร่างบางทรงรับมาทอดพระเนตรแล้วตรัสตอบว่า “ ข้ามีความรู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับของขวัญอันมีค่าจากพวกท่านและข้าขอมอบเพชรนาคราชเพื่อเป็นของขอบคุณน้ำใจท้าวนพเนตรและฝากพวกท่านไปบอกว่า พวกเราชาวทะเลตะวันออกยินดีเป็นพันธมิตรกับนครเภตรา”

            “รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ

           เมื่อคณะราชทูตออกไป วิพัชรมหากุมารหันมาหาร่างบางและตรัสว่า

            “ศศิศ เจ้าลืมไปแล้วรึ พวกยักษ์ชอบระรานแล้วก็ทำร้ายเทพและมนุษย์ เจ้าไปยุ่งกับพวกมันจะทำให้พวกสวรรค์มิพอใจได้นะ”

             ยังมิทันที่วิพัชรกุมารจะตรัส องค์ศศิศชิงตรัสเสียก่อนว่า

             “พี่พัชร ท่านอย่าได้ห้ามข้าเลย ข้าวางแผนเอาไว้ในใจแล้ว อีกสองวันข้าส่งคนไปขอเจรจาเป็นพันธมิตรกับพวกเทพสวรรค์ ในอนาคตถ้าเกิดสงครามขึ้นจริง ข้าก็จะอ้างเหตุผลว่า ข้าต้องวางตัวเป็นกลาง ไม่ขอเข้าร่วมสงครามเพราะเรามีความสัมพันธ์อันดีกับทั้งสองฝ่าย และข้าได้ยินมาว่าฝ่ายสวรรค์จะให้พวกครุฑนำทัพ ข้าสะอิดสะเอียนเกินกว่าจะเข้าร่วมทัพกับพวกมัน”

            “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ค่อยคลายกังวลลงหน่อย แต่เจ้าต้องระลึกไว้เสมอว่า เจ้ากำลังเล่นกับไฟ เจ้าก็ต้องระวังไฟมันจะลวกเอาได้ เจ้าจงระวังตัวให้ดี”


           “ข้าจะจำไว้ใส่ใจ แต่พี่พัชรมิต้องเป็นกังวลไปหรอก ข้าสามารถรับมือได้”




           หลังจากที่วิพัชรมหากุมารเสด็จกลับไปได้ไม่นาน ชมพูนุชและเกตุไพลินได้นำของขวัญมามอบให้  พวกนางเป็นพระสหายวัยเด็กที่คอยยุแยงให้พระองค์จมเมืองมนุษย์แล้วไปฟ้องจนพระองค์ต้องโทษ พวกนางนั้นเป็นนาคิณีสีเขียวเกิดในตระกูลเอราปถและเป็นธิดาเจ้าบาดาลผู้ปกครองแถบแม่น้ำเอยาวดี

            “เจ้าลงไปโลกมนุษย์คงต้องลำบากมาก พวกข้าล่ะทั้งสงสารทั้งเป็นห่วง วันนี้พวกข้าจึงตั้งใจมาเยี่ยมและมาอวยพร”

            “ ใช่แล้ว ตอนนั้นข้าไปแอบดูเจ้าที่โลกมนุษย์ด้วยความเป็นห่วง ข้าเห็นเจ้าที่เป็นถึงพระราชธิดาผู้สูงส่งตกอับยับทั้งเสื้อทั้งหน้าเลยเชียว”

            “ถ้าจะมาสมน้ำหน้าข้าเรื่องในอดีตก็มิต้องมา วันนี้ข้าจัดงานมงคล ข้ามิอยากมีเรื่องกับพวกเจ้าให้กลายเป็นงานอวมงคล”

            ศศิศมหานาคราชตรัสตอบพวกนางอย่างไม่สบอารมณ์

            “ไยเจ้าคิดเช่นนั้นเล่า พวกข้าเห็นใจเจ้าต่างหากล่ะข้าจำได้มีชาติหนึ่ง พวกข้าลงไปเห็นเจ้าหนีตามผู้ชายไป ข้าล่ะสะเทือนใจนัก อุ๊ยๆ ข้าพูดอะไรผิดไปรึเปล่า หากทำให้เจ้าไม่พอใจ ข้าต้องขอโทษด้วยนะ”

           เกตุไพลินตีพระพักตร์เศร้าเล่าความเท็จจนร่างบางนึกหมั่นไส้

           ส่วนศศิศมหานาคราชได้แต่หลับพระเนตรข่มความโกรธแล้วแสร้งแสดงสีพระพักตร์ไม่ทุกข์ไม่ร้อนทันทีที่พวกนางเอ่ยทั้งที่ในพระทัยนึกชังพวกนางจนมิอยากจะทอดพระเนตร แต่วันนี้มีแขกบ้านแขกเมืองอยู่เต็มงาน พระองค์จึงต้องเก็บความรู้สึกขุ่นมัวไว้ในพระทัยและแสร้งทำพระพักตร์สดใสแทน

            “ตอนอยู่ในโลกมนุษย์ พระบาทเจ้าลงไปใช้กรรม ชะตากรรมย่อมไม่น่าพิสมัยอยู่แล้วและพวกเจ้าเองก็มีส่วนทำให้พระองค์ต้องมีชะตาเช่นนั้น ถึงข้าจะรู้ว่าพวกเจ้าคงจะไม่สำนึก แต่อย่างน้อยก็ควรให้ความเกรงใจกันบ้าง นี่อะไรกันยังมีน้ำหน้ามาพูดจาเย้ยหยันพระองค์อีก” 

           อัญรัตน์พูดขัดขึ้น นางเป็นลูกพี่ลูกน้องคนสนิทของศศิศมหานาคราชและเป็นพระพี่เลี้ยงส่วนพระองค์ นางนั้นเป็นนาคิณีสีรุ้งในตระกูลฉัพพยาปุตตะ นางมองชมพูนุชและเกตุไพลินที่ยืนอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ของพระองค์ด้วยแววตาแข็งกร้าวแค้นเคือง นางคลานเข่าเข้ามานั่งอยู่ข้างแท่นประทับแล้วก้มกราบแทบพระบาทถวายความเคารพอย่างนอบน้อม

            “ถวายพระพรเพคะ พระบาทเจ้า”

           พระองค์ทรงแย้มพระโอษฐ์

            “ลุกขึ้นเถิด”

            “เพคะ”

            “วันนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว ท่านเสนาบดี!”

            “พะย่ะค่ะ”

           ปัณธรณ์ พระสหายในวัยเยาว์ซึ่งบัดนี้ได้เป็นเสนาบดีก้าวมาเบื้องหน้าอาสน์ที่ประทับ

            “ข้ารบกวนท่านพาพระนางทั้งสองไปพักผ่อนตามอัธยาศัยด้วย!”

            “ใจเย็นๆ ก่อนสิสหายรัก พวกข้ามาดีนะ อย่าเพิ่งทำเหมือนจะไล่พวกข้าเช่นนี้สิ”

            “ใช่ๆ พวกข้าอุตส่าห์มาแสดงความยินดี พวกข้ามีของขวัญมามอบให้เจ้าด้วย นี่เป็นของวิเศษในแถบป่าลุ่มแม่น้ำเอยาวดีถิ่นของข้าว่ากันว่าหากผู้ใดเสวยไปจะมีพละกำลังมหาศาล ช่วงนี้เจ้าเสียพละกำลังไปมาก พวกข้าเลยตั้งใจนำมาฝากเจ้า”

           นาคราชสูงศักดิ์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์มิให้เผลอตรัสผรุสวาทพวกนางแต่ต้องตีพระพักตร์ยินดี เมื่อร่างบางมิอยากทอดพระเนตรหน้าพวกนาง พระองค์จึงหันไปทอดพระเนตรของขวัญที่พวกนางนำมาถวายแทน

            ในพระทัยพระองค์นึกฉงน อยากจะทราบนักว่า พวกนางจะมาไม้ไหนอีก เมื่อพระองค์ทรงเปิดหีบออกเมื่อแรกเห็นของวิเศษ พระองค์ก็ต้องเบิกพระเนตรกว้าง จู่ๆก็รู้สึกราวกับมีแรงดึงดูดให้อยากได้มันมาครอบครองจากเดิมทีที่พระองค์ตั้งพระทัยจะปฎิเสธหักหน้าพวกนางเสีย

           ของภายในกล่องมันมองดูแล้วคล้ายกับไข่นกกระจอกเทศ สีชมพูระเรื่อนวลตา แต่ไม่รู้ว่าทำไมกันร่างบางถึงรู้สึกผูกพันหวงแหน พระองค์จึงตั้งพระทัยจะนำไปไว้ที่ห้องบรรทม

            “ขอบใจพวกเจ้ามาก”

           แม้พระองค์จะไม่ไว้ใจพวกนาง แต่เพราะของขวัญถูกพระทัยพระองค์มาก พระองค์จึงต้อนรับขับสู้พวกนางเป็นอย่างดี

           ในเมื่อพวกนางต้องการให้พระองค์เสวย พระองค์ก็จะไม่เสวย !

           แต่อัญรัตน์กลับเอ่ยขัดขึ้นว่า  “พระบาทเจ้า อย่าไปหลงเชื่อนะเพคะ พวกจิตใจอิจฉาริษยามีรึจะถวายของขวัญด้วยใจบริสุทธิ์ นี่คงเป็นกลอุบายลวงอีกแน่ๆ ดูหน้าก็รู้แล้วว่าโกหก มิได้จริงใจ”

           พระองค์ทอดพระเนตรสถานการณ์ด้วยความเป็นกังวลมิอยากให้เกิดเรื่องทะเลาะกันกลางห้องโถงโดยเฉพาะตอนนี้ที่กำลังมีสายตาหลายคู่กำลังสอดรู้สอดเห็นอยากรู้ว่า เกิดเหตุอันใดขึ้นในงานเลี้ยง

            “อีอัญรัตน์!” ชมพูนุชตวาดเสียงดังด้วยความเกรี้ยวกราด

           ขณะเดียวกันอัญรัตน์ก็หาได้ลดราวาศอกและตะคอกกลับไปพร้อมชี้หน้าด่า  “ข้าพูดผิดอันใดเล่า เจ้าพวกงูพิษจอมทรยศ”

           เกตุไพลินชักสีหน้าไม่พอใจตวาดเสียงดังด้วยอีกตน “หยุดพูดจาดูหมิ่นพวกข้าเดี๋ยวนี้ พวกข้าเป็นแขกและเกิดในตระกูลสูงส่งกว่าเจ้า จงสำนึกรู้ไว้”

            “ใช่ หัดเจียมตนไว้เสีย เป็นแค่งูบริวาร แต่แว้งกัดมิเลือกที่ ” ชมพูนุชรับคำเป็นลูกคู่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

           อัญรัตน์เม้มปากแน่นอย่างเจ็บใจและกำลังจะโต้ตอบ แต่ศศิศมหานาคราชส่งสายพระเนตรปรามห้ามทัพ

            “อัญรัตน์ ข้าวานเจ้านำของขวัญเหล่านี้ไปเก็บในห้องพระคลังของข้าเสียหน่อยนะ ”

            “เพคะ”

           แม้ท่าทางนางจะยังโกรธมาก แต่ก็ตัดใจคุมนางกำนัลนำของขวัญทั้งหลายไปเก็บตามคำสั่ง     

            “ขออภัยแทนอัญรัตน์ด้วยที่นางเสียมรรยาทกับพวกเจ้า”

             “มิเป็นไร ข้ามิถือสาหาความแค่พวกนางกำนัลเล็กๆคนหนึ่งหรอก”

             “นั่นสิ พวกข้าน่ะมันพวกใจกว้างอยู่แล้ว”

             พวกนางรีบตอบรวดเร็ว ไม่แม้แต่จะคิดสักนิด แถมยังทำสีหน้าเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อก่อนหน้านี้เเสียด้วยซ้ำ ช่างเปลี่ยนบุคคลิกได้เร็วเสียจนน่ากลัว

            สายพระเนตรของเจ้าชีวิตแห่งทะเลฝั่งตะวันออกทอดพระเนตรพระสหายวัยเยาว์ด้วยพระเนตรอาฆาต หากแต่เมื่อพวกนางหันมา พระองค์ก็ทรงกลับมาแย้มพระโอษฐ์และมีสีพระพักตร์สดใสแทน
            .
            .
            .
            .

           ‘ ยิ้มเข้าไปเถอะ มีความสุขเสียให้พอ แล้วสักวันหนึ่งข้าจะทำให้พวกเจ้าหลั่งน้ำตาเป็นสายเลือด พวกงูพิษจอมทรยศ’

โปรดติดตามตอนต่อไป

       ตอนนี้กำลังเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  เรื่องนี้มีทั้งภพอดีต ปัจจุบัน สลับกันไปมา กลัวจะงงเหมือนกัน ถ้าไม่เข้าใจหรือมีข้อผิดพลาดตรงไหนท้วงติงติชมได้เลยนะคะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ   
       

หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 01-07-2017 22:01:14
ตามต่อ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 01-07-2017 22:21:55
ตามต่อ พวกนังงูพิษนี้ต้องจับลงหม้อ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 01-07-2017 22:42:27
พวกนังงูพิษ พิษสมชื่อ ไข่ครุฑแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: ashbyipcet ที่ 01-07-2017 23:38:40
พวกนังงูพิษเลี้ยงไว้สักหน่อยค่อยฆ่าก็ได้ o18
ว่าแต่จะฆ่าแบบไหน  :impress2:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-07-2017 23:48:43
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: askmes ที่ 02-07-2017 01:59:28
รอติดตาม
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: vavavivi ที่ 02-07-2017 11:21:08
เกลียดนังงูพิษ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-07-2017 12:08:37
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-07-2017 14:33:50
ทำไมรู้สึกว่าตอนนี้มันสั้นไป สงสัยเพราะอ่านเพลิน อยากรู้เรื่องราวตอนต่อไปเร็ว ๆ แน่เลย
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 02-07-2017 19:36:21
งูพิษจริงๆนังสองคนนี้
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 02-07-2017 19:52:56
กี่ภพชาติทั้งสองคนก็ยังหักหลังอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: arjanlai ที่ 02-07-2017 23:01:24
แนวแบบนี้ก็ดีครับ..ติดตามอยู่นะ :ruready
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: manow1 ที่ 04-07-2017 08:27:48
ตัวร้ายก็ร้ายจริงๆ ตามต่อ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: jeje.minburi ที่ 04-07-2017 21:52:20
ชอบแนวพญานาค รออ่านนะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 04-07-2017 23:46:43
แปะไว้
รอคนเขียนลงเยอะๆ
กลัวค้าง
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 05-07-2017 00:20:45
สนุกมากเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-07-2017 07:20:30
มันไปเอาไข่พวกครุฑมาได้ยังไง!?
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: Babyboys ที่ 05-07-2017 22:59:46
ไข่ครุฑแน่เลยยยยย รอตอนต่อไปค้าบบบบ :katai3:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)ตอนที่ ๒ ( ๑/ ๗/ ๖๐)
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 12-07-2017 23:50:33
   
     
ตอนที่ ๓

    งานเลี้ยงยังคงจัดมาถึงวันที่ ๓ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ศศิศมหานาคราชยังทรงรับเครื่องบรรณาการและของขวัญแสดงความยินดีจนงานเลี้ยงค่ำคืน พระองค์ทรงพระสุบิรร้ายติดต่อกันมาตลอดนับแต่วันแรกที่จัดพระราขพิธีเฉลิมฉลอง และรู้สึกเหนื่อยล้าพระวรกายจึงเสด็จออกจากงานมาประทับยังห้องพักรับรองข้างห้องโถงว่าราชการ

            “ทูลพระบาทเจ้ามีราชทูตจากนครฉิมพลีนำราชสาสน์มาถวายพะยะค่ะ”

            “ให้เข้ามาได้”

            “พะย่ะค่ะ”

           ราชทูตถวายราชสาสน์แด่นาคราชสูงศักดิ์ พระองค์ทรงรับมาแล้วรีบทอดพระเนตรด้วยความแปลกพระทัย
     
          ร้อยวันพันปีพวกครุฑมิเคยติดต่อกับพวกพระองค์เลยสักครั้ง แล้วไยเพลานี้ถึงได้ส่งพระราชสาสน์มา

             พระองค์คลี่สาสน์เปิดออกทอดพระเนตร
       
            ‘ศศิศมหานาคราชเจ้า

           เจ้ากับข้ามีหนี้แค้นที่ต้องชำระ หากเจ้าคืนบุตรแห่งข้าพร้อมก้มลงกราบพระบาทข้า ข้าจะอภัยให้ถือว่าเป็นการทำทาน แต่หากเจ้ายังปฎิเสธดื้อดึงที่จะไม่คืนบุตรของข้า แม่ทัพนายกองแห่งเหล่าครุฑก็พร้อมจะถล่มทะเลตะวันออกเขตปกครองของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง 
                                                                                    ฆเคศวร   ’

           บังอาจนัก!

          เจ้าพวกครุฑกล้าหยามข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ ข้ายังมิได้ทำสิ่งใดอันเป็นการดังที่พวกมันกล่าวหาเลยสักนิด นี่คงหาเรื่องทำสงครามรุกรานอาณาเขตของข้า

          ตอนนี้องค์นาคราชเจ้าโกรธจนพระวรกายสั่นไปหมด สายพระเนตรของพระองค์จับจ้องราชสาสน์ด้วยความรังเกียจตามแรงอารมณ์ แต่ก็ยังต้องแย้มพระสรวลให้ราชทูตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

           หากเป็นพระองค์ในอดีตสมัยยังเป็นพระโอรสองค์ที่สิบแห่งเมืองบาดาลแล้วล่ะก็ พระองค์คงบุกไปทำลายวิมานฉิมพลิของพวกมันแล้ว แต่ขณะนี้พระองค์มีศักดิ์และศรีในฐานะเจ้าผู้ปกครองนครบาดาลแคว้นมหาสมุทรตะวันออก พระองค์จะทำการสิ่งใดจะต้องรอบคอบ ระงับโทสะเสียและคำนึงถึงไพร่ฟ้าประชาราชเป็นอันดับแรก

           พระองค์จะต้องไม่ตกหลุมพรางของพวกครุฑเด็ดขาด อีกทั้งชื่อเสียงและความสามารถด้านการสงครามของฆเคศวร องค์ราชาครุฑก็เป็นที่เลื่องลือไปทั่วสามภพกับฉายาเทพแห่งสงคราม ไม่มีศึกใดที่เขานำทัพแล้วจะไม่ได้ชัยชนะ

           ขณะที่องค์นาคราชเจ้าพยายามสะกดความเคียดแค้นไว้ในพระทัยแล้วส่งราชสาสน์ให้อัญรัตน์ และพระองค์เสแสร้งแย้มพระสรวลและตรัสออกไปว่า

            “ข้ามิรู้ว่า องค์ฆเคศวรทรงหมายถึงเรื่องใดกัน ข้ามิได้ยุ่งเกี่ยวกับบุตรแห่งพวกครุฑเลยสักนิด ข้ามิเคยย่างกรายออกนอกเขตบาดาลและมิเคยไปสวรรค์ชั้นฟ้าเลยสักครั้ง แล้วข้าจะลักพาตัวบุตรขององค์ราชาไปได้อย่างไร ข้าเองก็เพิ่งจะรู้ด้วยซ้ำว่า องค์ราชาแห่งครุฑมีโอรส ข้าไม่เคยได้ยินว่า พระองค์มีราชินีหรือมีพระสนมเสียด้วยซ้ำ”

           ในสามภพนี้ใครๆ ก็ต่างรู้ว่า ราชาแห่งพวกครุฑโหดเหี้ยมไร้พระทัยเพียงใด ไม่เคยมีข่าวว่ามีสตรีใดเคียงข้างตลอดห้าร้อยกว่าปีที่จุติมา สตรีนางใดที่ทอดสะพานให้ก็มักจะโดนความเย็นชาหรือคำปฎิเสธอย่างไร้เยื่อใย แต่กลับกลายเป็นบุรุษอันดับหนึ่งที่สตรีทั่วหล้าใฝ่ฝัน ไฉนเลยจะมีโอรสโดยปราศจากราชินีหรือสนมได้เล่า น่าขัน!

            “กระหม่อมเพียงแต่นำราชสาสน์มาถวายเท่านั้น เรื่องภายในราชสำนักมิอาจแพร่งพรายให้คนภายนอกล่วงรู้ได้ กระหม่อมต้องขอพระราชทานอภัยโทษที่มิอาจตอบข้อสงสัยของพระองค์ได้พะย่ะค่ะ”

           ราชทูตยิ้มมุมปาก เขาช่างฉลาดตอบเหลือเกิน

            “เอาเถอะ ข้าคิดว่าคงเป็นเรื่องเข้าพระทัยผิดระหว่างสองเผ่าเสียมากกว่า จริงอยู่เผ่าบาดาลของข้ามีความแค้นแต่เก่าก่อนกับพวกท่าน แต่ข้าหาใช่เอาความเก่าก่อนนานนมมาแก้แค้นให้เสียเพลาไม่ ใจจริงข้าตั้งใจจะขอเป็นพันธมิตรกับพวกครุฑ ฝากท่านนำความไปบอกองค์ราชาด้วย และหากองค์ราชามิเชื่อก็ขอเชิญพระองค์เสด็จมาเป็นพระราชอาคันตุกะแคว้นข้า และลองค้นดูด้วยพระองค์เองเถิด ข้าพร้อมต้อนรับและยินดีอย่างยิ่งที่จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ”

           
            “พะย่ะค่ะ”

           ราชทูตกลับไปแล้วพร้อมกับวางกล่องของขวัญเพียงใบเดียวไว้ ช่างไร้มรรยาทเหลือเกิน นอกจากเก่งแต่ฆ่าแกงแล้วพวกครุฑก็มิมีสิ่งใดน่าชื่นชมเลยสักนิด แต่องค์นาคราชเจ้าต้องสะกดอารมณ์ขุ่นมัว มอบเกล็ดแก้วนาคราชกลับไปเป็นของตอบแทน

           อัญรัตน์เงยหน้าขึ้นจากราชสาสน์

            “เหตุใดพระบาทเจ้าจึงเชิญศัตรูมาประทับที่นี่กันเพคะ หม่อมฉันมิเข้าพระทัยพระองค์เลย ทรงมีพระดำริเช่นใดหรือเพคะ”

           “ในเมื่อกุเรื่องโกหกมาตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นจะหาเท่าไรก็ไม่มีทางเจอหลักฐานใดๆ ที่นำมาใช้เป็นข้ออ้างทำสงครามกับข้าได้หรอก แต่หากข้าบ่ายเบี่ยงหรือแสดงท่าทีแข็งกร้าว พวกมันก็จะอ้างความชอบธรรมรุกรานเราทันที ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน หากทำสงครามกันจริงก็มีแต่เสียเปรียบและเสียเลือดเนื้อโดยไม่จำเป็น ”

           “เป็นเช่นนี้นี่เอง ทรงพระปรีชาสามารถเหลือเกินเพคะ”






           คืนนี้เป็นคืนที่สามหลังจากพระสุบินร้ายถึงอดีตที่ลบเลือนของชาติหนึ่งในขณะเป็นมนุษย์

           ในคืนแรก พระองค์จำได้เพียงเลือนลางเท่านั้น แต่ในคืนที่สองเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น และในคืนนี้พระองค์เริ่มรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญเหตุการณ์นั้นอยู่ มีอารมณ์ร่วมและความรู้สึก

(ภาคอดีตในความฝัน)
           ภาพเมืองที่กำลังจะล่มสลาย ข้าศึกปิดล้อมพระนคร พวกมันจับเสด็จพ่อ พระญาติของพระองค์เสียงกรีดร้องดังระงมโหยหวนไปหมด นักโทษสูงศักดิ์คลุมด้วยถุงแดงและทุบด้วยท่อนจันทน์ก่อนนำโยนใส่หลุม ส่วนนักโทษต่ำศักดิ์ถูกเพชรฆาตบั่นคอ ศพหัวไปทาง ร่างไปทาง ช่างน่าสยดสยอง พระองค์ทอดพระเนตรภาพเหล่านั้นด้วยน้ำพระเนตรนองหน้าเสด็จฝ่าทหารไปโดยปราศจากความกลัว
 
         พระองค์ดิ้นรนกรีดร้องอย่างทำพระทัยรับไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเงื้อท่อนจันทน์ฟาดลงร่างของคนในครอบครัวพร้อมกับวิ่งถลาไปเขย่าร่างเสด็จพ่อ เสด็จแม่ เสด็จพี่ ครู่หนึ่งก่อนจะถอยมาก้มกราบแทบเท้าพวกท่าน
 
          เสียงร้องของอีกาแร้งเหยี่ยวที่บินเต็มท้องฟ้าชวนขนลุก
 
         ขณะที่ขุนนางผู้น้อยบ่าวไพร่พากันหวาดกลัวพวกข้าศึก จึงต่างพินอบพิเทายอมรับแต่โดยดี

           หลังจากนั้นพระองค์ถูกใส่โซ่ตรวนจำขังอยู่ในคุกที่อับชื้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน
 
          วันรุ่ง ตัวพระองค์ถูกลากไปยังลานกลางเมือง บนประตูเมืองแขวนศีรษะของแม่ทัพที่พระองค์เคารพนับถือ เพื่อถวายเป็นเครื่องสังเวยทวยเทพในฐานะสาวพรหมจรรย์บนกองไฟที่ร้อนระอุ ปวดร้อนไปหมดทั้งร่างกาย
 
          พระองค์ทำอะไรไม่ได้ นอกจากสะอื้นกรรแสงน้ำพระเนตรนองพระพักตร์อยู่ท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชน ยากจะทำพระทัยรับได้กับเคราะห์กรรมที่กำลังเผชิญ
 
           “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
 
          องค์นาคราชเจ้าสะดุ้งตื่นจากบรรทม เหงื่อชุ่มไปทั่วพระวรกาย หลังจากประทับนั่งพักสักครู่จากนั้นก็ล้มพระวรกายลงบรรทมต่อ
          ทว่าแม้ว่าจะพยายามกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะพลิกตัวไปมากกว่าแปดตลบก็ยังไม่สามารถข่มพระเนตรบรรทมลงอีกครั้งได้เสียที

            สุดท้าย พระองค์ลืมพระเนตรขึ้นทอดพระเนตรเพดานห้อง เพราะภาพในพระสุบินยังคงหลอกหลอนในโสตประสาทของพระองค์จนพระองค์ต้องถอนพระทัยออกมาแรง ๆ อย่างหงุดหงิด

           ตอนใกล้รุ่งสาง พระองค์ก็เข้าโรงครัวเสด็จไปทรงทำกับข้าวของมนุษย์ด้วยพระองค์เองโดยมีพวกนางกำนัลคอยช่วยเป็นลูกมือเพื่อขึ้นจะเสด็จไปตักบาตรบนหมู่บ้านริมชายทะเล




(ภาคปัจจุบัน)

           ค่ำคืนราตรีเริ่มย่างกรายเข้ามา แต่องค์นาคราชเจ้ายังประทับเพื่อทอดพระเนตรฎีกาและทำพระราชกรณียกิจราชการงานเมืองอยู่  พระองค์ไม่อยากบรรทม ไม่อยากจะเจอกับพระสุบินร้ายเหล่านั้นอีกแล้ว

           พระองค์ทอดพระเนตรฎีกาไปก็เริ่มหาวไปด้วย แม้จะเริ่มง่วงแต่ยังฝืนประคองสติทอดพระเนตรฎีกาต่อไปจนได้กลิ่นหอมของดอกแก้วมาจากกล่องของขวัญของพวกครุฑจนเผลอบรรทมไป

           พระองค์ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด และยังประทับอยู่บนบัลลังก์ฝาหอยมุกเช่นเดิม แม้รู้สึกเพลียแต่ไม่รู้สึกง่วงอีกต่อไป และไม่อยากบรรทมต่อ

        องค์นาคราชเจ้าประทับนิ่งๆ มีพระดำริว่า ตนพรากชีวิตผู้คนไปมากมาย พวกเขามีพี่น้องมีคนรัก มีญาติพี่น้องที่ต้องเสียใจ ผลกรรมจึงสะท้อนกลับมา แม้พระองค์จะชดใช้กรรมด้วยชีวิตต่อชีวิตไปแล้ว แต่บาปที่ทำให้คนเหล่านั้นต้องสูญเสียกำลังเล่นงานความรู้สึก ตอนนี้คงต้องชดใช้ และตัดสินพระทัยแล้วว่าจะไปบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำมรกตที่สงบเงียบและไม่ไกลจากเขตปกครองของตนเจ็ดวันตามคำแนะนำของเทพพยากรณ์

            “ท่านเสนาบดี ระหว่างช่วงที่ไปจำศีล ฝากท่านดูแลเมืองด้วย กิจธุระอันน้อยใหญ่ ข้ามอบให้ท่านเป็นผู้สั่งการ แต่หากมีกิจใดอันสำคัญยิ่งขอให้ท่านนำความไปบอกแก่ข้าได้ทุกเพลา”

            “รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ”
          เมื่อเสนาบดีสหายคนสนิทรับปากแล้ว 

 
           องค์นาคราชหนุ่มก็กลายร่างเป็นพญานาคเจ็ดเศียรขนาดมหึมาเลื้อยขึ้นสู่ท้องน้ำเหนือนครบาดาลมุ่งหน้าไปยังเหนือน้ำที่มีถ้ำมรกต








          หลังจากบำเพ็ญเพียรได้ห้าวัน องค์นาคราชเจ้าก็ไม่เผชิญกับพระสุบินร้ายอีก

        ในขณะนั้น เสนาบดีก็ส่งทหารมารายงานว่า องค์ราชาของพวกครุฑเสด็จมาเป็นแขกทะเลฝั่งตะวันออกอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ พวกเขาไม่ต้องการให้เผ่าอื่นรู้ พระองค์จึงกำชับให้พวกเขาดูแลองค์ราชาให้ดีในฐานะเจ้าบ้าน   

           องค์นาคราชเจ้าสงสัยเหลือเกินว่า ราชาครุฑมีความลับใดแอบซ่อนอยู่กันแน่ ตอนแรกก็อ้างเรื่องพระโอรสเพื่อโจมตีหรือพวกเขาจะมาสอดแนมกำลังพลของแคว้นทะเลตะวันออกก่อน

            “ส่งคนจับตาความเคลื่อนไหวของพวกพวกครุฑไว้ และส่งสาสน์ไปบอกเสด็จพี่ใหญ่และเสด็จพี่กลางว่าข้าต้องการให้เชิญพวกเขามาพบข้าในอีกสามวัน บอกว่าข้ามีเรื่องด่วนจะปรึกษา”

            “พะย่ะค่ะ”

           องค์นาคราชเจ้านึกห่วงเขตปกครองของตน เนื่องจากไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร พระองค์พึ่งจะผลัดแผ่นดิน ไหนจะพวกยักษ์ที่มีชายแดนติดกัน ไหนจะราชาพวกครุฑซึ่งมีจุดประสงค์แอบแฝงเข้ามาพักที่ทะเลฝั่งตะวันออกของพระองค์ แต่ตอนนี้พระองค์จะต้องแสร้งทำนิ่งสงบให้พวกมันตายใจเพื่อไม่ให้พวกศัตรูอ่านเกมออก


           ระหว่างที่บำเพ็ญเพียร องค์นาคราชเจ้าคืนร่างเป็นพญานาคเจ็ดเศียรขนาดใหญ่กกกอดไข่วิเศษสามราตรีจนไข่ทอแสงสุกสกาวน่าพิศวง

           จู่ๆ ก็มีพญาครุฑพร้อมลูกน้องเผ่านกอีกสี่ตนตรงเข้ามาทำร้ายพระวรกายของพระองค์ถึงในถ้ำมรกต พระองค์ปัดป้องแต่หาสู้พละกำลังมหาศาลของพญาครุฑตัวนี้ได้ พระองค์สบตาสีแดงชาดที่มองมาด้วยสายตาอาฆาต

            “ปล่อยข้านะ เราไม่มีความแค้นต่อกัน ไยเจ้าทำเช่นนี้”

            “เจ้ายังมีน้ำหน้ามาทำไขสืออีกรึ ทำชั่วอะไรไว้น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ”

            พญานาคเจ็ดเศียรพ่นไฟเพลิงกาล แต่พญาครุฑมันหลบไปได้ พญานาคจึงเลื้อยเข้าไปใกล้และพ่นพิษผ่านพระเนตรของพระองค์ แต่พญาครุฑกลับสลายปีกและเพียงกระพือปีกครั้งเดียวจนพิษนาคถูกพัดพาสลายไปทันตาและพญาครุฑท่องบทสวดพระคาถาที่ทำให้พระองค์สิ้นอิทธิฤทธิ์จนต้องตรัสถามด้วยความฉงนในพระทัย

            “มนต์อาลัมพายณ์ เจ้าคือผู้ใดกัน เจ้าไม่ใช่ครุฑธรรมดาแน่ๆ”

            “ข้าคือฆเคศวร”

           พอมันเอ่ยจบก็ตรงเข้าจิกพระวรกายนาคราชจนสร้างบาดแผลฉกรรจ์ ทั้งใช้จงอยเท้าขยุ้มพระองค์เหวี่ยงไปสู่ท้องฟ้าและปล่อยพระองค์สู้พื้นดินจนพระองค์กระอักเลือด เลือดแดงฉานที่แผลยังไหลไม่หยุดหยดลงพื้นไหลจนเป็นทางยาว

            “ข้าล่ะชังน้ำหน้าพวกนาคเยี่ยงเจ้านัก วันนี้ข้าจะลงโทษเจ้าให้สาแก่ใจสมกับความชั่วช้าของเจ้าที่กล้าขโมยบุตรของข้า”

           “เจ้าใส่ความข้า ข้ามิได้ยุ่งเกี่ยวกับบุตรของเจ้าสักนิด”

            “หลักฐานชัดถึงเพียงนี้ เจ้ายังจะปากแข็งอีกหรือ”

            มันทำท่าจะโจมตีพระองค์อีกครั้ง แต่จู่ๆ กลับบินไปทางด้านหลังของพระองค์แทน

           พระองค์นอนดิ้นไปมารู้สึกเจ็บทรมานปวดร้าวเหลือเกิน

            ‘นี่ข้ากำลังจะตายแล้วหรือ’

           พระองค์นึกในพระทัย ความเจ็บจากพิษบาดแผลทำให้สติพระองค์เลือนลาง แต่ก็ทันเห็นว่าพญาครุฑพร้อมบริวารของมันมิสนในไยดีพระองค์อีกแล้ว พวกมันกำลังสนใจไข่วิเศษที่เริ่มเปล่งแสงสว่าง พวกมันมีสีหน้ายินดีและพูดบางอย่าง

            “ยินดีด้วยพะย่ะค่ะ ในที่สุดความพยายามปีเศษของพระองค์ก็สมปรารถนา พระโอรสเริ่มรู้สึกพระองค์แล้วพะย่ะค่ะ ในไม่ช้านี้จะต้องเสด็จออกมาจากไข่แน่ๆพะย่ะค่ะ”

           ในเพลานั้น พระองค์แจ้งพระทัยแล้ว ไข่ที่พระองค์นอนกอดเป็นพระโอรสองค์เดียวขององค์ราชาพวกครุฑซึ่งเผ่าพันธุ์นี้มีบุตรน้อย พวกมันหวงแหนบุตรนักหนา หลังจากรับพรอันประเสริฐจากเทพบิดรให้ไม่มีผู้ใดต่อกรชนะได้  นอกจากเทพบิดรและเหล่ามหาเทพซึ่งมิยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกสามภพแล้ว พวกครุฑมีอำนาจมากที่สุดมายาวนานนับแต่เกิดการแบ่งแผ่นดินออกเป็นสามโลก คือ สวรรค์ชั้นฟ้า โลกมนุษย์ และบาดาล

           ตอนนี้พระองค์เข้าพระทัยแล้ว.....

           ที่แท้พวกชมพูนุชและเกตุไพลิน พวกนางต้องการวางแผนจะยืมมือพวกครุฑมาทำร้ายพระองค์ พระองค์ชะล่าพระทัยเกินไปจึงตกหลุมพรางของพวกนางซ้ำแล้วซ้ำอีก น่าเจ็บพระทัยจริงๆ


           แสงสว่างเจิดจ้าส่องล้อมรอบตัวพญานาคกับไข่วิเศษใบนั้น พระองค์รู้สึกเหมือนถูกดูดพลังและปวดร้าวไปทั้งร่างกาย เหงื่อซึมทั่วพระพักตร์ เลื้อยดิ้นทุรนทุรายจนกระทั่งไข่ใบนั้นร้าวจนแตกออกเหลือเพียงเปลือกไข่หลังจากนั้นพญานาคเจ็ดเศียรก็ล้มลงกับพื้นและสลบไป

(จบตอน)


กลับมาแล้วค่า หลังจากนัทไปเที่ยวน่าน อุทัยธานีและสระบุรีมาในช่วงวันหยุดยาวเข้าพรรษา ตะลุยไหว้พระ เที่ยวมาเต็มอิ่ม   มาต่อตอนที่ 3 ในที่สุดทั้งคู่ก็มาเจอกันแล้ว หลายคนเดาได้ ใช่ค่ะ เป็นไข่พญาครุฑ คราวนี้เจอกันแล้วจะเป็นอย่างไรต่อ ลองเดาๆกันมานะคะ

           ฝากติดตามเรื่องนี้ต่อด้วยนะคะ


****
      คำอ่าน

       ฆเคศวร    อ่านว่า  คะ - เค - สวน
       ศศิศมหานาคราช อ่านว่า สะ - สิด - มะ - หา - นาก - คะ - ราด
       

***** เดี๋ยวนัทจะทยอยไปทบทวนคำที่อ่านยากมาเต็มให้นะคะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 13-07-2017 00:12:52
จะรักกันด้วยลำแข้งไหมเนี้ย  :a5:
เจ้าครุฑก็ช่างโมโห เจ้านาคก็ไว้ใจคนง่ายเกินไป(นังงูพิษษษษษที่เอาไข่มา) กว่าจะเข้าใจกันได้ก็คงยาวๆไปสินะ
ปล.คนเขียนคะ ช่วยทำคำอ่านชื่อที่สะกดยากๆหน่อยได้ไหมคะ เรากลัวอ่านผิด ขอบคุณค่ะ  :call:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-07-2017 07:05:56
ไม่อยากอ่านเลยค่ะ อ่านทีละตอนแล้วรู้สึกว่าอยากอ่านตอนต่อไปเรื่อย ๆ (อารมณ์ประมาณแค่ตอนเดียวก็เสพติด ฮา)
สงสารนายเอก พระเอกนี่เป็นสายใช้กำลังสินะ มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรแล้ว ยำตรีนยำปีก(?)ลูกเดียวเลย
ที่นายเอกเพลียมาก ๆ นี่เพราะฤทธิ์ของไข่ที่นอนกก(?)อยู่ตั้งแต่ไหนมาหรือเปล่า อยู่บนฟ้ากับพ่อตั้งนานครุฑน้อยไม่ยอมออกมา
พอมาอยู่เมืองบาดาลให้นายเอกกกไข่ไม่นานก็จะออกมาแล้ว
ชมพูนุชกับเกตุไพลินจะได้รับผลกรรมอะไรไหมคะ ทั้งริษยาทั้งยุแยงวางแผนชั่วช้า ว่าแต่เป็นนาคชั้นกลางแล้วขึ้นไปขโมยไข่ได้ไงอะ หรือว่าฝ่ายครุฑก็มีหนอนบ่อนไส้
รอตอนต่อไปค่ะ (มาเร็ว ๆ นะคะคนเขียน เราอยากอ่านมาก... ครั้งจะทิ้งไว้หลาย ๆ ตอนแล้วค่อยอ่าน คนเขียนก็ทิ้งช่วงอัพเดทแต่ละตอนนานเหลือเกิน)

ปล. คำผิดค่ะ
รีบอด (รีบทอด)พระเนตรด้วยความแปลกพระทัย
ย่างกาย (กราย)
ข้าไม่เคยได้ยินว่า ข้ามี (พระองค์มี)ราชินี
ไร้หัวพระทัย (พระทัย/พระหทัย ก็พอค่ะ ไม่ต้องมีหัว)
กหม่อม (กระหม่อม)ต้องขอพระราชทานอภัยโทษ
ไม่รู้ว่าวันพระองค์งหน้า (วันข้างหน้าพระองค์)จะเป็นอย่างไร
พอมันเอ่ยจบก็ตรงเพระองค์ (เดาไม่ออกเลยว่าคือคำว่าอะไร)จิกเนื้อวรกายนาคราช
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-07-2017 07:54:59
รำคาญ นังร้าย ชมพูนุชและเกตุไพลิน สองตัว

แต่ศศิมหานาคราช ก็ช่างอ่อนจริงๆ ตกหลุมพลางอีกและ
เข้มแข็งสักที แล้วเอาคืนนัง ให้หลายๆเท่าเลย

เหมือนศศิมหานาคราช  จะสัมพันธ์อะไรกับไข่วิเศษนะ
ไข่นั่น เป็นโอรสของราชาครุฑเหรอ
แล้วมาอยู่ที่เมืองบาดาล
เพราะนังร้ายชมพูนุชและเกตุไพลิน หรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 13-07-2017 08:30:18
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 13-07-2017 08:35:00
ครุฑน้อยออกจากไข่แล้ว~
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: SaNip015 ที่ 13-07-2017 08:35:30
 :katai2-1: :katai2-1: ชอบเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้คนเขียน ถึงแม้ตอนนึงอาจจะสั้นไปหน่อย แต่ก็ชอบนะ 
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 13-07-2017 08:56:27
พออ่านรอบสองแล้วชัดเจนเลย คำว่า พระองค์ เยอะมาก (มากเกินไปค่ะ ให้การบ้านคนเขียนไปคิดว่าจะทำยังไงนะคะ) อีกอย่างคือการใช้คำราชาศัพท์กับประธานของประโยค เราว่าคนเขียนอาจจะมึนหรือรีบไปหน่อย มันเลยพลาดบ้าง (หลายที่อยู่นะ)

ขอเชิญพระองค์เสด็จมาเป็นพระราชอาคันตุกะทะเลตะวันออกของพระองค์ (ข้า ... เพราะอยู่ในเครื่องหมายคำพูดค่ะ)
หม่อมฉันมิพระทัย (มิเข้าใจ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่พิมพ์ตกแน่นอน)พระองค์เลย
ฝันร้ายฝันถึงอดีตที่ลมเลือน (ลบเลือน)
เสียงกรีดร้องดั่ง (ดัง)ระงม
นักโทษสูงศักดิ์คลุมด้วยถุง (ถุงแดง)
เมื่อได้ยินเสียงเงื้อม (เงื้อ)ท่อนจันทน์ฟาดลงร่าง
บ่าวไพร่พากันหวาดกลัว พวกข้าศึกต่างพินอบพิเทายอมรับแต่โดยดี (ตรงนี้ไม่ต้องเว้นวรรคค่ะ เพราะจะทำให้ความหมายเปลี่ยน หรืออาจจะเว้นวรรคตรงก่อน ต่างพินอบพิเทาก็ได้ค่ะ)
ค่ำคืนราตรีเริ่มย่างกรายเพระองค์มา
ส่งสาส์น (สาสน์)ไปบอกเสด็จพี่พระองค์ใหญ่และเสด็จพี่พระองค์กลางว่าพระองค์ (ข้า ...อยู่ในเครื่องหมายคำพูด)ต้องการให้
พระองค์นึกห่วงเขตปกครองของพระองค์ (ตน)
จุดประสงค์แอบแฝงเพระองค์ (ในการ)มาพักที่ทะเลฝั่งตะวันออกของพระองค์
ให้พวกมันตายพระทัย (ตายใจ ก็พอค่ะ พวกมันไม่ใช่เหล่ากษัตริย์ แต่นับรวมทั้งเจ้านายลูกน้อง)
ระหว่างที่บำเพ็ญเพียร พระองค์คืนร่างเป็นพญานาคขนาดใหญ่กกกอดไข่วิเศษสามราตรี (ก่อนหน้านี้บอกว่า 5 วัน)
จู่ๆ มีพญาครุฑพร้อมลูกน้องเผ่านกอีกสี่ตัวตรงเพระองค์ (เข้า)มาทำร้ายร่างกายพระองค์
พระองค์จึงถลาเพระองค์ไปใกล้และพ่นพิษ
พญาครุฑพร้อมบริวารของมันมิสนพระทัย (ใจ)ไยดี
พวกมันกำลังสนพระทัย (ใจ)ไข่วิเศษ
ข้อสงสัย
พระชายาที่ล่วงลับไปกว่าปีเศษ พระชายาที่สิ้นพระชนม (พระชนม์)ไปตั้งแต่ตอนที่ประสูติพระโอรส แต่ ยินดีด้วยพะย่ะค่ะ ในที่สุดความพยายามร้อยกว่าปีของพระองค์ก็สมปรารถนา พระโอรสเริ่มรู้สึกพระองค์แล้วพะย่ะค่ะ ตกลงว่าไข่นี่อายุกี่ปีแน่คะ   

นาคน้อยเพิ่งขึ้นครองน่านน้ำเลยยังไม่รอบคอบพอสินะ จริง ๆ ควรจะให้สืบเรื่องฝั่งนั้นด้วย แทนที่จะปักใจไปว่าเป็นข้ออ้างของฝ่ายนั้นที่จะทำสงครามด้วย ฝ่ายพ่อครุฑนั้น...สติของเขาหายไปแล้ว เราจะยังไม่ด่า (เพราะเม้นก่อนเราว่าไปแล้ว ฮา)
ตอนต่อไปครุฑน้อยจะออกมาแล้วใช่ไหมคะ ตอนอยู่ในไข่เจ้าตัวจะรู้เรื่องราวภายนอกไหมนะ
ถ้าเม้นท์บ่อยไปจนรำคาญต้องขออภัยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: magarons ที่ 13-07-2017 10:05:25
สนุกจัง ชอบแนวนี้ จะดราม่าไหมเอ่ยยยย ขอให้ไม่ดราม่ามากแล้วกัน ติดตามๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 13-07-2017 10:41:09
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 13-07-2017 10:54:06
รู้สึกบทมันแปร่ง ๆ นิดหน่อยอะครับ ถ้ามีเวลาลองรีไรท์ ปรับบทให้สอดคล้องน่าจะดีนะครับ

เนื้อเรื่อง พล๊อตดีแล้ว
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 13-07-2017 10:57:01
ชอบบมากกก รอมานานมาทุกวันเลยได้มั้ยคะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 13-07-2017 12:09:15
รอๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 13-07-2017 12:28:50
     ขอบคุณนะคะ คุณ sirin_chadada  ที่ช่วยตรวจทานและเสนอแนะให้  ตอนนี้ทยอยแก้แล้ว ลองอ่านทวนแล้วมีจุดที่ต้องแก้ไขเยอะจริงๆ นัทลงตอนเที่ยงคืนและก็ตั้งใจจะกลับมาอ่านทวนเรื่อยๆ ค่ะ เพราะเมื่อคืนรีบลงหลังจากหนีไปเที่ยวมานานเลยทีเดียว
 
      ยิ่งเม้นต์เยอะๆ นัทยิ่งดีใจ ไม่มีทางรำคาญแน่นอนค่ะ  ส่วนพล็อตเรื่อง ศศิอาจจะดูอ่อนต่อโลก เพราะโดนหลอกอีกแล้ว ซ้ำซาก แต่เพราะศศิมีอายุพันปีก็จริง แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาโดนให้จำศีลและลงไปเกิดในโลกมนุษย์ตลอด  และเพราะสายใยที่ผูกพันกับไข่จึงทำให้ชะล่าใจรับไว้ทั้งที่จากเดิมจะปฎิเสธไปค่ะ  ส่วนประเด็นอื่นๆ เดี๋ยวจะเฉลยในเรื่องค่ะ

 

พออ่านรอบสองแล้วชัดเจนเลย คำว่า พระองค์ เยอะมาก (มากเกินไปค่ะ ให้การบ้านคนเขียนไปคิดว่าจะทำยังไงนะคะ) อีกอย่างคือการใช้คำราชาศัพท์กับประธานของประโยค เราว่าคนเขียนอาจจะมึนหรือรีบไปหน่อย มันเลยพลาดบ้าง (หลายที่อยู่นะ)

ขอเชิญพระองค์เสด็จมาเป็นพระราชอาคันตุกะทะเลตะวันออกของพระองค์ (ข้า ... เพราะอยู่ในเครื่องหมายคำพูดค่ะ)
หม่อมฉันมิพระทัย (มิเข้าใจ อันนี้ไม่แน่ใจ แต่พิมพ์ตกแน่นอน)พระองค์เลย
ฝันร้ายฝันถึงอดีตที่ลมเลือน (ลบเลือน)
เสียงกรีดร้องดั่ง (ดัง)ระงม
นักโทษสูงศักดิ์คลุมด้วยถุง (ถุงแดง)
เมื่อได้ยินเสียงเงื้อม (เงื้อ)ท่อนจันทน์ฟาดลงร่าง
บ่าวไพร่พากันหวาดกลัว พวกข้าศึกต่างพินอบพิเทายอมรับแต่โดยดี (ตรงนี้ไม่ต้องเว้นวรรคค่ะ เพราะจะทำให้ความหมายเปลี่ยน หรืออาจจะเว้นวรรคตรงก่อน ต่างพินอบพิเทาก็ได้ค่ะ)
ค่ำคืนราตรีเริ่มย่างกรายเพระองค์มา
ส่งสาส์น (สาสน์)ไปบอกเสด็จพี่พระองค์ใหญ่และเสด็จพี่พระองค์กลางว่าพระองค์ (ข้า ...อยู่ในเครื่องหมายคำพูด)ต้องการให้
พระองค์นึกห่วงเขตปกครองของพระองค์ (ตน)
จุดประสงค์แอบแฝงเพระองค์ (ในการ)มาพักที่ทะเลฝั่งตะวันออกของพระองค์
ให้พวกมันตายพระทัย (ตายใจ ก็พอค่ะ พวกมันไม่ใช่เหล่ากษัตริย์ แต่นับรวมทั้งเจ้านายลูกน้อง)
ระหว่างที่บำเพ็ญเพียร พระองค์คืนร่างเป็นพญานาคขนาดใหญ่กกกอดไข่วิเศษสามราตรี (ก่อนหน้านี้บอกว่า 5 วัน)
จู่ๆ มีพญาครุฑพร้อมลูกน้องเผ่านกอีกสี่ตัวตรงเพระองค์ (เข้า)มาทำร้ายร่างกายพระองค์
พระองค์จึงถลาเพระองค์ไปใกล้และพ่นพิษ
พญาครุฑพร้อมบริวารของมันมิสนพระทัย (ใจ)ไยดี
พวกมันกำลังสนพระทัย (ใจ)ไข่วิเศษ
ข้อสงสัย
พระชายาที่ล่วงลับไปกว่าปีเศษ พระชายาที่สิ้นพระชนม (พระชนม์)ไปตั้งแต่ตอนที่ประสูติพระโอรส แต่ ยินดีด้วยพะย่ะค่ะ ในที่สุดความพยายามร้อยกว่าปีของพระองค์ก็สมปรารถนา พระโอรสเริ่มรู้สึกพระองค์แล้วพะย่ะค่ะ ตกลงว่าไข่นี่อายุกี่ปีแน่คะ   

นาคน้อยเพิ่งขึ้นครองน่านน้ำเลยยังไม่รอบคอบพอสินะ จริง ๆ ควรจะให้สืบเรื่องฝั่งนั้นด้วย แทนที่จะปักใจไปว่าเป็นข้ออ้างของฝ่ายนั้นที่จะทำสงครามด้วย ฝ่ายพ่อครุฑนั้น...สติของเขาหายไปแล้ว เราจะยังไม่ด่า (เพราะเม้นก่อนเราว่าไปแล้ว ฮา)
ตอนต่อไปครุฑน้อยจะออกมาแล้วใช่ไหมคะ ตอนอยู่ในไข่เจ้าตัวจะรู้เรื่องราวภายนอกไหมนะ
ถ้าเม้นท์บ่อยไปจนรำคาญต้องขออภัยค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: มะลิ mali ที่ 13-07-2017 20:26:08
นายเอกโดนหลอกอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: alternative ที่ 13-07-2017 23:24:25
กะแล้วเชียว
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-07-2017 10:03:28
สารบัญ
ตอนที่ ๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3661800#msg3661800)
ตอนที่ ๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3663947#msg3663947)
ตอนที่ ๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3671226#msg3671226)
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: Loste ที่ 15-07-2017 10:22:17
เพื่อนนาคสองคนนั้นร้ายมาก  สงสารศศินาคราชจัง
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 15-07-2017 22:19:36
ตอบคอมเม้นต์

มันไปเอาไข่พวกครุฑมาได้ยังไง!?

    ขโมยมาแน่ๆค่ะ  แต่ขโมยมาได้ยังไงน้า  ต้องติดตามต่อค่ะ

ไข่ครุฑแน่เลยยยยย รอตอนต่อไปค้าบบบบ :katai3:
ใช่ค่ะ เป็นไข่ครุฑ



จะรักกันด้วยลำแข้งไหมเนี้ย  :a5:
เจ้าครุฑก็ช่างโมโห เจ้านาคก็ไว้ใจคนง่ายเกินไป(นังงูพิษษษษษที่เอาไข่มา) กว่าจะเข้าใจกันได้ก็คงยาวๆไปสินะ
ปล.คนเขียนคะ ช่วยทำคำอ่านชื่อที่สะกดยากๆหน่อยได้ไหมคะ เรากลัวอ่านผิด ขอบคุณค่ะ  :call:

* เจ้าครุฑทำไปเพราะรักลูกค่ะ คิดว่าศศิศขโมยลูกมา กว่าจะเข้าใจก็ต้องยาวนานหน่อยค่ะ ไหนจะโมโหที่ทำร้ายครั้งนี้แล้วยังความแค้นระหว่างครุฑกับนาคอีก

    ส่วนคำสะกดยากๆ ตอนนี้ใส่ไว้ในท้ายตอนที่ 3 แล้วค่ะ  แล้วพอเจอคำใหม่ๆ จะใส่ไว้ในท้ายตอนแต่ละตอนนะคะ จะได้สะดวกแก่การอ่านและถ้ามีคำไหนตกหล่นไป ช่วยเม้นต์บอกนัทด้วยนะคะ เดี๋ยวจะตามมาเพิ่มให้ค่ะ


รำคาญ นังร้าย ชมพูนุชและเกตุไพลิน สองตัว

แต่ศศิมหานาคราช ก็ช่างอ่อนจริงๆ ตกหลุมพลางอีกและ
เข้มแข็งสักที แล้วเอาคืนนัง ให้หลายๆเท่าเลย

เหมือนศศิมหานาคราช  จะสัมพันธ์อะไรกับไข่วิเศษนะ
ไข่นั่น เป็นโอรสของราชาครุฑเหรอ
แล้วมาอยู่ที่เมืองบาดาล
เพราะนังร้ายชมพูนุชและเกตุไพลิน หรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

*** ขอบคุณนะคะที่ติดตามทั้งเรื่องนี้และเรื่อง In love With My Roommate 
      เกตุไพลินและชมพูนุชร้ายเพราะอิจฉาริษยาค่ะ  นัทเอามาจากนิสัยนาคในตำนานที่มักจะยังมีโลภ โกรธ หลง และโมโหร้ายๆ  ส่วนศศิศจะเป็นตัวแทนของพญานาคที่จิตใจดีงามค่ะ  ถึงอาจจะดูอ่อนต่อโลก มองโลกในแง่ดีค่ะ  แต่เดี๋ววจะมีพัฒนาการเริ่มโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  มีฉากเอาคืนตัวร้ายแน่นอนค่ะ
      ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างไข่กับศศิศจะค่อยๆเฉลยออกมาเองค่ะ  อดใจรอหน่อยนะคะ

:hao7: :hao7:

 :pig4: :pig4:

ครุฑน้อยออกจากไข่แล้ว~

***ออกมาเป็นกามเทพน้อยๆ ให้พ่อกับศศิศค่ะ หุหุ

:katai2-1: :katai2-1: ชอบเรื่องนี้ เป็นกำลังใจให้คนเขียน ถึงแม้ตอนนึงอาจจะสั้นไปหน่อย แต่ก็ชอบนะ

 ***ขอบคุณนะคะ มีกำลังใจแต่งทุกครั้งที่อ่านคอมเม้นต์เลย   เดี๋ยวจะพยายามแต่งให้มันยาวขึ้นค่ะ  ดีใจมากๆค่ะที่ชอบเรื่องนี้ ฝากติดตามด้วยนะคะ

สนุกจัง ชอบแนวนี้ จะดราม่าไหมเอ่ยยยย ขอให้ไม่ดราม่ามากแล้วกัน ติดตามๆ

  *** คงไม่ดราม่าอะไรมากค่ะ เพราะฉากดราม่า เศร้า สุดแแสนจะรันทดจะอยู่ในภพที่เป็นมนุษย์ แต่ภพนี้จะเป็นผลที่ตามมาจากชาติที่แล้ว อาจจะมีแค่หน่วงๆไปบ้างเท่านั้นค่ะ  และฆเคศวรเองเป็นครุฑตามตำนานก็มีความเป็นอมตะและไม่มีผู้ใดแพ้ ส่วนศศิศเองก็เป็นถึงนาคราช เจ้านครจะมาอ่อนแอ โดนรังแกมากเกินไปก็ดูจะขัดๆเนอะ

:pig4:

****ขอบคุณที่ติดตามนะคะ

รู้สึกบทมันแปร่ง ๆ นิดหน่อยอะครับ ถ้ามีเวลาลองรีไรท์ ปรับบทให้สอดคล้องน่าจะดีนะครับ

เนื้อเรื่อง พล๊อตดีแล้ว

      ตอนนี้กลับไปรีไรท์ใหม่แล้วค่ะ น่าจะดีขึ้นเนอะ 


ชอบบมากกก รอมานานมาทุกวันเลยได้มั้ยคะ  :mew1:

     ได้ค่ะ  มารอแล้วถ้านัทหายไปนานๆเกินรอ ทวงได้เลยนะคะ   

รอๆ

     แค่รู้ว่ามีคนรออ่านอยู่ก็มีกำลังใจเพิ่มขึ้นมากค่ะ


นายเอกโดนหลอกอีกแล้ว

      ดูอ่อนเนอะ  โดนหลอกสองครั้งติดกัน เดี๋ยวต่อไปจะเริ่มเอาคืนค่ะ

กะแล้วเชียว

      กะแม่นจัง  o13


สารบัญ
ตอนที่ ๑ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3661800#msg3661800)
ตอนที่ ๒ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3663947#msg3663947)
ตอนที่ ๓ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60831.msg3671226#msg3671226)

        ขอบคุณสำหรับสารบัญนะคะ   นัทCopy เอาไปวางไว้ตั้งแต่เริ่มบทนำเลย 

เพื่อนนาคสองคนนั้นร้ายมาก  สงสารศศินาคราชจัง

      ไม่ใช่แค่นาคสองตนนั้นค่ะที่ร้าย  ยังมีตัวร้ายอีกเยอะ มีทั้งร้ายลึก ร้ายหลบใน ร้ายนะคะ  55555 ตัวร้ายฝั่งครุฑ ฝั่งยักษ์และตอนเป็นมนุษย์ยังไม่ได้ออกโรงเลย  เดี๋ยวตอนต่อๆไปศศิศจะยิ่งออกมาเรียกคะแนนสงสารเพิ่มขึ้นอีกแน่นอนค่ะ 
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: arjanlai ที่ 16-07-2017 03:25:31
 :ruready เป็นกำลังใจให้นะครับ ้ขียนเรื่องแนวนี้ก็สนุกไปอีกแบบ รอติดตามต่อคับ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: LiqueuR ที่ 19-07-2017 20:38:12
สนุกกกกกก
มาต่อไวไวน้าาาาา
 o13
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๓ หน้า ๒ [ ๑๓ /๗/๑๗]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 02-08-2017 00:16:24
 
    ตอนที่ ๔


(ฝันว่าตนเองเข้าไปอยู่ในภาคอดีต)



      ศศิศมหานาคราชลืมพระเนตรตื่นจากขึ้นมา

        พระองค์รู้สึกว่ามีพระสุบินเหมือนเดิมอีกครั้งแต่ภาพในนั้นเลือนลาง เมื่อพระองค์ตื่นขึ้นมากลับจำอะไรแทบไม่ได้ พระองค์ปวดพระเศียรเหลือเกิน สายพระเนตรพร่ามัวไปหมด

            “เจ้าฟื้นแล้ว”

           “ที่นี่ที่ไหนไม่ใช่ถ้ำมรกต”
     
          ‘นี่ข้าฝันซ้อนฝันหรือ ข้ากรอกตาไปมาเห็นเพดานห้องตกแต่งเหมือนตำหนักวังของข้า’

 

           ตอนนี้พระองค์สัมผัสและรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ปลายพระหัตถ์ ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะตรัสใดๆ พระศอแห้งไปหมด รู้สึกเวียนพระเศียร ทรมานเหลือเกิน ตอนนี้พระวรกายเริ่มรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ

            “ไปตามหมอหลวงมาเร็ว นางฟื้นแล้ว”

           นาคราชหนุ่มอยากจะตรัสถามว่าข้ามายังที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็ไม่มีแรงแม้แต่จะเอ่ยคำใดๆ พระวรกายตอนนี้อ่อนล้าเหลือเกิน

           ศศิศทอดพระเนตรบุรุษที่กุมเพราะหัตถ์ของพระองค์อยู่ซึ่งเป็นชายหนุ่มคิ้วเข้ม นัยน์ตาดุคมเหมือนเหยี่ยว จมูกโด่งเป็นสันได้รูป ริมฝีปากหยัก รูปหน้าหล่อคม ร่างสูงบ่ากว้าง รูปร่างดีจนน่าอิจฉา เขาใส่ชุดเสื้อกับกางเกงเข้าชุดกันสีครีมมีลายดิ้นปักสีทอง ดูอย่างไรก็มิใช่มนุษย์

           เมื่อทอดพระเนตรศิราภรณ์บนศีรษะแล้วอยากจะเลื้อยหนีทันที ราชาเผ่าปักษา ครุฑ !

           'ฆเคศวร ต้องเป็นเขาแน่ๆ'

          พญาครุฑตนนี้น่าจะเป็นตนที่ทำร้ายพระองค์จนบาดเจ็บปางตาย อิทธิ์ฤทธิ์และพละกำลังของมันมากมายมหาศาลเหนือกว่านาคราชชั้นสูงอายุพันปีห้าร้อยเจ็ดสิบกว่าวันหลายเท่านัก กายหยาบเดิมของศศิศมหานาคราชเป็นพญานาคสีทองเจ็ดเศียรขนาดใหญ่ ดวงเนตรสีฟ้า

            ในสามโลกนี้มีเพียงครุฑเพียงห้าตนซึ่งเป็นใหญ่บนสวรรค์ชั้นฟ้าเท่านั้นที่จะทำอันตรายนาคราชหนุ่มได้ได้ นอกจากนั้นมิใช่คู่ต่อสู้เลย

            “ถวายบังคมองค์ราชา ถวายบังคม...”

            “ไม่ต้องมากพิธี! รีบรักษานางเถอะ”   เขาตวาดเสียงดังท่าทางร้อนรน

           นาคราชเผลอสะดุ้งตกพระทัย เหงื่อออกชุ่มไปทั้งพระวรกาย พระกรสั่นไปหมดด้วยความกลัว เพียงแค่อยู่ใกล้ศศิศก็สัมผัสได้ถึงอำนาจที่ยิ่งใหญ่จากเสียงของเขา ราชาของเผ่าครุฑเป็นผู้ที่เก่งกาจจนได้ชื่อว่า ‘เทพสงคราม’

            “คราที่แล้วเจ้าบอกว่า นางเป็นปกติแล้ว แต่เหตุใดกลับเป็นเช่นนี้ หากนางเป็นอันใดไป ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้า”

           เขากล้าดีอย่างไรจะสั่งตัดหัวใครก็ได้โดยไม่มีเหตุผล!

          ‘ถึงข้าจะหน้าหวาน แต่ข้าเป็นบุรุษนะ เจ้าครุฑตาบอด’ พระองค์นึกในพระทัย

           ตอนนี้ศศิศกล้าตรัสได้ว่า ‘ไม่ชอบขี้หน้าราชาครุฑตนนี้เลย’ เพราะมาหาว่าพระองค์เป็นสตรี !

           หมอหลวงดูลนลานเวลาตรวจชีพจรของนาคราชหนุ่ม หน้าเขาซีดเป็นไก่ต้มก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีแดง สีเขียวและก็ขมวดคิ้ว เขามองคนไข้สลับกับราชาที่นั่งข้างๆ

            “พระมหาเทวีเจ้ายังทรงพระครรภ์อยู่พะย่ะค่ะ “ เขาตอบเสียงดังฟังชัด ก่อนจะรำพึงว่า “เป็นไปได้อย่างไรกัน”

           องค์ฆเคศวรแย้มพระสรวลน้อยๆ

            “น้องหญิง ลูกของเรายังอยู่”

           เขาเสกก้อนทองคำและมอบมันให้หมอหลวงแล้วหันมาสนใจศศิศ ตอนนั้นเขาลูบหน้าท้องนาคราชหนุ่มเบาๆอย่างทนุถนอม

            “ลูกพ่อ ลูกรักของพ่อ”

           ศศิศเบิกพระเนตรกว้าง นี่พระองค์ป่วยจนเพ้อไปแล้วหรือฟังไม่ชัดหรืออย่างไร

           ‘ข้ากำลังจะมีลูก’

            “นี่ข้ากำลังฝันอยู่หรือ”

            นอกจากท้องที่ยื่นออกมาแล้ว นาคราชหนุ่มสัมผัสได้ถึงดวงจิตของสิ่งมีชีวิตในพระวรกายของพระองค์ที่กำลังดิ้นน้อยๆอยู่

           ‘ข้าเป็นพญานาค แต่กำลังท้องลูกของพญาครุฑ ศัตรูคู่อาฆาตมาตั้งแต่สองหมื่นปีก่อน!’

            นี่มันฝันร้ายชัดๆ

            “น้องหญิง เจ้าไม่ได้ฝันไปหรอก เรากำลังจะมีลูก เจ้ารอคอยมันมา 5 ปีแล้วไม่ใช่หรือ”

            “ห๊ะ พูดเพ้อเจ้ออะไรของท่านน่ะ ข้าไม่ใช่คนรักของท่าน”

           ศศิศอุทานออกมาอย่างงุนงง

           ‘มันพูดอะไรของมัน ข้าไม่เห็นเข้าใจ’

           “เจ้าเพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เจ้าได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้อาจจะทำให้เจ้าอาจจะหลงลืมไปก็มิใช่เรื่องแปลก น้องหญิงตอนนี้เจ้าคงจะคอแห้งเช่นนั้นเจ้าจงดื่มน้ำเสียก่อนนะ คนดี”
       
          ครุฑราชตรัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พระกรหนารินน้ำและยื่นมาตรงพระพักตร์

           นาคราชหนุ่มรวบรวมแรงทั้งหมดปัดแก้วน้ำจนกระเด็นหล่นลงพื้นแล้วมองพระพักตร์ของครุฑราชด้วยความแค้นเคือง

          แม้ว่าจะรู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงตอนที่เขาทำร้ายพระองค์แล้ว พอเห็นท่าทางหงอยๆของเขาแล้วพระองค์ก็รู้สึกสะใจขึ้นมาทันที ศศิศเชิดคางขึ้นและแย้มพระโอรษฐ์เล็กน้อย

            “ท่านเพิ่งจะประสงค์ชีวิตของข้ามิใช่รึ ข้าจะกล้าดื่มน้ำที่ท่านรินให้ได้อย่างไรกันเล่า องค์ราชา”

           “พี่ไม่เคยประสงค์ชีวิตของเจ้า พี่รักเจ้าดั่งดวงหทัยจะทำเช่นนั้นได้เยี่ยงไร พี่อาจจะทอดทิ้งเจ้าไปนาน จนทำให้เจ้าถูกรังแก แต่พี่มีเหตุผล พี่ต้องออกไปรบ ท่านแม่บอกว่า ถ้าหากพี่รบชนะ ท่านแม่จะอนุญาตให้ประกาศว่า เจ้าเป็นราชินีของพี่ พี่ขอโทษ ครั้งนี้พี่ผิดจริง  “

            “พอเสียที ข้ามิอยากฟังท่านเสแสร้งแสดงละคร ไยข้าจะมิรู้ว่า ท่านทำดีกับข้าก็เพื่อโอรสของท่าน แต่ท่านสบายใจได้”

             “เจ้ากำลังเข้าใจพี่ผิด” ฆเคศวรตรัสด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน 

             “อย่างนั้นรึ เอาเถอะอย่างไรเสีย ข้าไม่ใช่พวกใจร้ายไส้ระกำจนคิดจะกินยาขับเลือดหรือหาเรื่องให้แท้งโอรสของท่านหรอก”

             “พี่ขอขอบใจเจ้ามาก” ราชาครุฑรวบศศิศที่งุนงงเข้าสู่อ้อมพระอุระแกร่ง

             “ไม่ต้องมาขอบใจข้าหรอก ข้าทำเพื่อความสบายใจของข้าเพราะในอดีตข้าฆ่าคนบริสุทธิ์มามากแล้ว ข้าไม่อยากฆ่าใครอีก ถึงจะยังเป็นแค่ทารกที่ยังไม่ลืมตาดูโลก แต่เขาก็คือผู้บริสุทธิ์อีกหนึ่งชีวิตเหมือนกัน”

             “เจ้าไม่เคยฆ่าผู้ใด เอาเถอะไม่ว่าเจ้าจะคิดเช่นไร แต่ขอให้รู้ไว้พี่จะไม่มีวันทำร้ายเจ้าและลูกเด็ดขาด”

             “อย่าเพิ่งรีบดีใจไป ในเมื่อข้าต้องอุ้มท้องโอรสท่านกว่าจะคลอดข้าก็ต้องลำบากมิใช่น้อยย่อมถือว่าท่านติดหนี้บุญคุณข้า ท่านต้องรับปากว่าจะทำตามข้อแลกเปลี่ยนของข้าสองข้อก่อน”

            “เจ้าว่ามาสิ”

            “ดี ตอนนี้ข้ายังนึกไม่ออก เดี๋ยวถ้าข้านึกออกแล้วจะบอกท่าน” ศศิศตรัสอย่างเป็นต่อ

            “พี่รับปากเจ้า”

            “ท่านรับปากข้าเร็วไปหรือเปล่า ไม่คิดจะขอเวลาไตร่ตรองดูก่อนหรือ เกิดในอนาคตข้าคิดจะฆ่าท่านขึ้นมา ท่านจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอาจจะโดนฆ่าตายก็ได้ไม่รู้ด้วยนะ ท่านไม่อยากต่อรองหรือตั้งเงื่อนไขอะไรบ้างหรือ ข้าจะให้โอกาสท่านกลับไปคิดอีกสองวันค่อยมาให้คำตอบข้า“

            “ไม่ต้องหรอก พี่คิดดีแล้ว หากในอนาคตเจ้าต้องการชีวิตของพี่ พี่ก็ยินดีจะมอบให้เจ้า ”

            “งั้นก็ตามใจท่าน ท่านร่างสัญญาเลือดมาให้ข้าสิ”

          “ได้”

         ฆเคศวรร่ายมนต์จนเกิดสร้อยที่มีจี้หยดเลือดและมันลอยเข้ามาปรากฎเป็นสร้อยห้อยพระศอของศศิศ เป็นเครื่องยืนยันสัญญาที่หากผู้ให้สัตย์บิดพริ้ว ผู้นั้นจะถูกตราสัญญานี้กัดกินดวงวิญญาณจนตาย เว้นแต่ผู้เป็นเจ้าของสร้อยจะเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาเอง

           “ ข้าให้โอกาสท่านแล้ว แต่ท่านเลือกที่จะปฎิเสธมันเอง พูดจบแล้วก็ออกไปสิ ข้าจะนอน”

            ศศิศมหานาคราชตรัสไล่ พระองค์ต้องรีบหาโอกาสหนีออกจากถิ่นครุฑ

            “เดี๋ยวก่อน พี่มีเรื่องจะขอร้องเจ้า”

            “ขอร้อง ราชาแห่งเผ่าสวรรค์ขอร้องข้า ท่านว่ามาสิแต่ข้ายังไม่รับปากท่านนะว่าจะให้ตามขอ ถ้าข้าฟังแล้วพอใจจะทำข้าถึงจะทำให้ตามที่ท่านขอ”

            “พี่ขออยู่ที่นี่กับจนกว่าเจ้า…เจ้าจะจำข้าได้ น้องหญิง ”

            เขายื่นข้อเสนอใหม่ล่าสุด ทำเอาศศิศชะงักกึกเงยหน้ามองคนพูดแทบไม่ทัน ประโยคนี้ทำเอานาคราชหนุ่มฉงน

            “นี่จะมากไปแล้วนะ ไม่รู้หรืออย่างไรว่าข้าน่ะเกลียดท่านเข้ากระดูกดำ เรื่องอะไรข้าจะยอมให้ท่านมาอยู่ที่นี่”

            “แต่ก่อนเราก็อยู่ด้วยกันนะ และพี่ห่วงเจ้ากลัวเจ้าจะเป็นอะไรไป”  ราชาครุฑเอ่ยเสียงแข็ง

            “ถ้าท่านไม่ไว้ใจข้านักทำไมไม่ท้องเองเสียเลยล่ะ”

            “ถ้าพี่ทำได้ พี่ทำไปเองแล้ว” ฆเคศวรเถียง และเอ่ยออกมาด้วยเสียงเศร้าๆ ว่า “พี่ไม่อยากให้เจ้าลำบาก”

            สายพระเนตรที่ทอดพระเนตรมาด้วยความห่วงใยทำให้พระทัยของนาคราชหนุ่มเต้นผิดจังหวะ

            “ท่านนี่มันชอบยั่วโมโหข้าเสียจริง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่มีวันให้ท่านมาพักอยู่ที่นี่”

            “ถ้าอย่างนั้นเจ้าต้องไปนอนที่วิมานแก้วอากาศกับพี่แทนดีไหม คนดี”

            องค์ฆเคศวรตรัสตอบอย่างว่องไว ไม่แม้แต่จะคิดสักนิด แถมยังทำสีหน้าเหมือนไม่ทุกข์ร้อนกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อในอดีตจนศศิศเกือบตายเสียด้วยซ้ำ

            “ฝันไปเถอะ”

            คำตอบสั้นๆนั้นเปลี่ยนสายตาของฆเคศวรให้กลายเป็นแข็งกร้าวเหมือนโกรธขึงในชั่ววูบหนึ่ง แต่วินาทีต่อมามันก็จางหายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ช่างควบคุมอารมณ์ได้รวดเร็วเหลือเกิน

            “เจ้าก็น่าจะเดาได้นะ น้องหญิง ในวังนี้มีคนอิจฉาเจ้ามากมาย พวกเขาหาโอกาสกลั่นแกล้งเจ้าอยู่ ถ้าเกิดเจ้ากับลูกของเราเป็นอะไรแม้เพียงน้อยนิด พี่คงเสียใจไปจนตาย ”

            แม้ว่าฆเคศวรจะแสร้งทำกุเรื่องข่มขู่พระองค์ แต่ศศิศก็ไม่ใส่พระทัยแม้แต่น้อย

            “ท่านกล้าขู่ข้าอย่างนั้นรึ”

            “พี่มิได้ขู่ แม้พี่เป็นราชา แต่ก็มิอาจควบคุมจิตใจบริวารได้ทุกคน แต่หากพี่อยู่กับเจ้าที่นี่ หากมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นข้าจะได้ช่วยเหลือเจ้าได้ทันท่วงที”

             “นึกว่าข้ากลัวงั้นรึ”

             “เจ้าแน่ใจนะว่าจะปฎิเสธคำขอร้องของพี่ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกเราบ้างเถอะ”

            เสียงทุ้มตรัสถามย้ำ

           องค์ศศิศทอดพระเนตรด้านนอกห้องที่ประทับที่ตอนนี้มีแต่เหล่าครุฑเดินไปเดินมา

           อันตรายจริงๆ ตอนนี้พระองค์ยังบาดเจ็บอยู่ด้วยถ้าหากโดนรุมคงจะรอดกลับไปยังบาดาลยากแน่ๆ

          ตอนนี้คงเหมือนกับขอนไม้ที่ลอยมามาใกล้นาคราชหนุ่มที่ลอยคอในทะเล หากพระองค์ไม่รีบไม่คว้าเอาไว้ พระองค์คงจมน้ำตายและก็คงไม่มีโอกาสอีก

           นาคราชหนุ่มหันไปมองหน้าเขาแล้วยักไหล่แล้วพูดว่า “ก็ได้ ข้าอนุญาตให้ท่านอยู่ที่นี่ได้ พอใจหรือยัง”

           “พี่พอใจมาก”

            องค์ศศิศมองดูเขาที่ส่งสายตากวนประสาทและสีหน้ายียวน รวมทั้งพยายามซ่อนรอยยิ้มไว้ที่มุมปากแล้วรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

            “รู้ไว้เสียด้วยที่ข้ายอมครั้งนี้เพราะข้านึกเห็นใจท่านที่เป็นห่วงโอรสเพียงองค์เดียว มิใช่กลัวคำขู่ของท่านหรอกนะ”

            “แล้วพี่จะจำใส่ใจเอาไว้”

            เขาทำสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อนไม่มีสำนึกใดๆยิ่งทำให้รู้สึกอยากตบหน้าแรงๆสักที แต่ศศิศก็ได้แต่ขบกรามแน่น

          “แล้วนี่ท่านไม่มีธุระอะไรหรอ? เป็นถึงราชาครุฑทำไมดูว่างงานเสียจริง”

          “น้องหญิง เจ้าพูดเหมือนไล่”

          “ใช่ นี่ท่านรู้ตัวแล้วว่าข้าอยากไล่ยังไม่รีบไปอีกเหรอ ?”
 
        เขาหัวเราะอย่างข่มขื่น ก่อนจะเอ่ยว่า “สวรรค์คงจะลงโทษพี่แล้ว ตอนที่เจ้าเรียกร้องให้พี่อยู่เป็นเพื่อนพี่กลับบ่ายเบี่ยง พออยากจะชดใช้ให้เจ้า เจ้าก็ไม่ต้องการมันเสียแล้ว”

        “…”  ท่าทางเศร้าสร้อยเหมือนคนสูญเสียของสำคัญของฆเคศวร ทำให้องค์ศศิศรู้สึกสงสารจับพระทัย

    ร่างสูงฝืนแย้มพระโอรษฐ์ตรัสตอบ “เอาเถอะ อย่างไรเจ้ากับลูกก็ยังอยู่ตรงนี้กับพี่ เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว พอแล้วล่ะ”

   องค์ศศิศปล่อยให้ฆเคศวรจับพระกรไว้ พระองค์ไม่ตรัสตอบอะไร

        “ น้องหญิง พี่ไม่รบกวนเจ้าแล้ว เจ้าพักผ่อนเยอะๆ เถอะ”

       หลังจากราชาครุฑออกจากห้องไป ศศิศเดินไปส่องกระจก ร่างบางไม่สนใจบาดแผลตามลำตัว ใบหน้าหวานบอบช้ำที่แก้มซ้ายมีรอยนิ้วมือ แขนขวามีรอยถลอก บนหน้าผากมีผ้าพันแผล

      นาคราชหนุ่มเปลื้องผ้าออกก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ

     พระองค์มีหน้าอก และเครื่องเพศเป็นสตรี!

       ร่างบางรีบใส่เสื้อผ้าทันทีแล้วกลับไปล้มตัวลงบนเตียงทันที

       'ข้าต้องยังฝันอยู่แน่ๆ'
 
       เมื่อลองหยิกต้นแขนก็ยังรู้สึกเจ็บ

       'ชักจะแปลกแล้วสิเนี่ย'

       องค์ศศิศเตรียมเข้าบรรทมอีกครั้งแล้วหลับพระเนตร

      'หนึ่ง สอง สาม'

      เมื่อลืมพระเนตรอีกครั้งก็ยังทรงประทับอยู่ที่เดิม

     "เอาใหม่สงสัยข้าจะนับเร็วไป คราวนี้นับให้นานๆหน่อย เอาให้ถึงร้อยเลย"

     นาคราชหนุ่มหลับพระเนตรแล้วนับเลขในพระทัย

    ' หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด แปด เก้า สิบ สิบเอ็ด สิบสอง สิบสาม...หนึ่งร้อย'


     เมื่อร่างบางลืมพระเนตรก็ต้องตกใจสุดขีด

      "อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกป"


        ร่างบางแทบจะลุกขึ้นมาเต้น ก็จะอะไรเสียล่ะถ้าไม่ใช่เจ้าครุฑบ้าลามกมันมาลักหลับจุมพิตพอดี พอลืมพระเนตรมาสบกันพอดีศศิศถึงได้ตกพระทัยสุดขีด


           " ไอ้ครุฑเฒ่าบ้ากาม!!!!!"


     (จบตอน)
 
         กลับมาแล้วค่า หลังจากนัทวุ่นวายกับการงานและก็แต่งเพิ่มตอนที่ 4 ใหม่แล้วลบแล้วก็แต่งใหม่ เพราะตอนเดิมที่แต่งไว้มันข้ามไปเลยแล้วเนื้อหามันงงก็เลยแต่งเพิ่ม แต่มันก็จะเป็นพาร์ทที่อ่านแล้วต้องตั้งสติดีๆ นะ มีเฉลยอะไรๆหลายอย่าง ส่วนปมอื่นๆจะทยอยแกะไปเรื่อยๆ ตอนต่อๆไปค่ะ

          ฝากติดตามด้วยนะคะ


 *******  ขอบคุณ คุณ sirin_chadada  ด้วยนะคะ สำหรับการตรวจสำนวน คำผิดและคำชี้แนะต่าง ๆ  นัทปรับแก้ตามแล้วค่ะ ขอบคุณสำหรับการติดตามด้วยค่ะ   
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 02-08-2017 07:14:47
ชักจะงงตามศศิศ (ตกลงชื่อ ศศิ หรือ ศศิศ คะ เคยเห็นในบทก่อน บางทีก็ศศิ/ศศิศ ไม่รู้คนเขียนแก้ไขหรือยัง)
คือ ศศิศมาอยู่ในร่างพระชายาของฆเคศวรตอนที่กำลังทรงครรภ์อยู่เหรอ (เหมือนจะย้อนเวลาไปในตอนที่นางยังไม่ตายเสียด้วย) ตอนนั้นนางก็ถูกทำร้ายบาดเจ็บแบบนี้เลยเหรอ
แปลกอะ ถ้ารักดั่งดวงใจจริงก็น่าจะดูแลดีกว่านี้หรือเปล่า
คงต้องรอดูต่อไปสินะ

คำผิดค่ะ
ท่าทางร้อนลน (รน)
นอกจากท้องที่ยืน (ยื่น)ออกมาแล้ว
พี่รักเจ้าดั่งดง (ดวง)หทัย
“พี่ไม่อยากให้เจ้าเห็นเจ้า (เลือก ให้เจ้า/เห็นเจ้า อย่างใดอย่างหนึ่ง)ลำบาก”
ในวังนี้มี (คน) อิจฉาเจ้ามากมาย
ถึงไป (ได้)ตกพระทัยสุดขีด
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-08-2017 09:24:40
งงในงง!!
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-08-2017 12:19:05
ยังไงๆๆ ........... :katai1: :katai1: :katai1:
จากนาคราช มาเป็นพระชายาราชาครุฑ  o22
หรือดวงจิตของนาคราช มาเข้าร่างพระชายา  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 02-08-2017 13:13:20
แสดงว่าจริง ๆ แล้วมันเกิด time paradox ขึ้นมา ดวงจิตของศศิเข้าไปในร่างของพระชายาในอดีตรึเปล่า แล้วลูกที่อยู่ในท้องก็เลยเป็นลูกของศศิ แบบนี้ล่ะมั้ง เดา ๆ เอา
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 02-08-2017 22:10:45
เอ้าาางงง
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 03-08-2017 17:43:39
 โอ้โห เดาถูกทุกอย่างเลยค่ะ ตอนนี้เกิด Time Paradox ระหว่างดวงจิตของของศศิศและพระชายา  ส่วนสาเหตุที่เกิดและความสัมพันธ์ของทั้งคู่เกี่ยวข้องกันยังไงนั้นต้องรอติดตามต่อนะคะ หรือจะลองเดาดูเล่นๆก็ได้นะคะ

แสดงว่าจริง ๆ แล้วมันเกิด time paradox ขึ้นมา ดวงจิตของศศิเข้าไปในร่างของพระชายาในอดีตรึเปล่า แล้วลูกที่อยู่ในท้องก็เลยเป็นลูกของศศิ แบบนี้ล่ะมั้ง เดา ๆ เอา
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 03-08-2017 22:18:00
ว่าแล้วต้องเกี่ยวกันจริงๆ ไม่งั้นศศิศจะฟัก(?)ไข่ได้ยังไง
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 03-08-2017 22:31:30
 :really2:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Poseidon ที่ 06-08-2017 19:13:13
แบบนี้นี่เอง สู้ๆนะศศิศ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 26-09-2017 11:06:34
คืออยากถามว่าคนเขียนได้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นชายหญิงด้วยมั้ยค่ะพอดีเราเห็นนิยายเรื่องนึ่งมาในเด็กดีเห็นเนื้อเรื่องเหมือนกันเลยต่างแค่ชื่อตัวละครน่ะค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 26-09-2017 14:41:58
งั้นแบบนี้เท่ากับว่าไข่นั่นก็ต้องเป็นลูกของศศิศสินะ ตอนแรกถึงมีปฏิกิริยาแปลกๆตอนเห็นไข่
แล้วจากคำโปรยเรื่องคงไม่ใช่แค่ศศิศหน้าเหมือนพระชายาแล้วมั้ง น่าจะเป็นเลยรึเปล่า(?)
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ตีสี่ ที่ 27-09-2017 14:22:39
คืออยากถามว่าคนเขียนได้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นชายหญิงด้วยมั้ยค่ะพอดีเราเห็นนิยายเรื่องนึ่งมาในเด็กดีเห็นเนื้อเรื่องเหมือนกันเลยต่างแค่ชื่อตัวละครน่ะค่ะ

แต่เราเหมือนอ่านเรื่องต่อของนิยายที่เราเคยอ่านในเด็กดีค่ะ เรื่องโดยย่อของเรื่องนั้น คือ พญาครุฑมีจิตปฏิพัทธ์กับธิดานาคถึงขั้นไปลักพาตัวมาซ่อนไว้ในวิมานฉิมพลี ธิดานาคจึงพยายามหาทางหนีแต่ก็ไม่เคยหนีรอด สุดท้ายแล้วด้วยความใกล้ชิดหรือเล่ห์กลทั้งหลายทั้งแหล่ของพญาครุฑ ธิดานาคองค์นั้นก็ตกหลุมรักพญาครุฑและแต่งงานกัน จบเรื่อง แต่ยาวและสนุก

แต่อ่านตอนที่สี่แล้วงงจริง ไม่ได้งงโดยพล็อตเรื่องนะ แต่งงโดยการเขียนบรรยายมากกว่า เราก็เข้าใจตามที่คุณหมอตัวเปียกเขียนคอมเมนต์ไว้ค่ะ ตอนที่สี่คือช่วงที่ดวงจิตขององค์ศศิศนาคราชย้อนกลับไปอยู่ในร่างพระชายาของพญาครุฑ แน่นอนว่าค่ะว่าตัวละครในเรื่องต้องงงว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน แต่คุณคนเขียนควรจะเขียนให้คนอ่านเข้าใจชัดว่า ตัวละครอยู่ที่ไหน

     ‘นี่ข้าฝันซ้อนฝันหรือ ข้ากรอกตาไปมาเห็นเพดานห้องตกแต่งเหมือนตำหนักวังของข้า’ -> ท่อนนี้เป็นดำริในองค์ศศิศนาคราช ในขณะที่ตัวละครอยู่ในร่างของพระชายาของพญาครุฑ โดยตามธรรมชาติแล้วตำหนักครุฑกับนาคย่อมตกแต่งไม่เหมือนกันตามสภาพแวดล้อม จากประโยคที่ยกมา เราเลยเดาว่าองค์ศศิศนาคราชและองค์ฆเคศวร อยู่ในวังบาดาลมากกว่าวิมานครุฑ แต่ไปๆมาๆ กลับไปอยู่ตำหนักของครุฑ

          พระองค์ตายอีกแล้วหรือ? วิญญาณเลยกลับมายังที่นี่

           เป็นไปไม่ได้ เทพที่ตายแล้วต้องดับสูญคืนสู่ความว่างเปล่า พระองค์มิใช่มนุษย์ที่จะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก


ส่วนสองประโยคนี้ มันดูขัดกับพล็อตเรื่องค่ะ
เราเดาว่า พระชายากับองค์ศศิศนาคราชคือดวงจิตเดียวกัน เพราะตอนที่องค์ศศิศนาคราชได้รับไข่มาเป็นของขวัญ ผู้เขียนระบุไว้ว่าพระองค์เกิดความรู้สึกผูกพันกับไข่ในกล่องของขวัญ กรณีถ้าเป็นคนละดวงจิตกับพระชายา กรณีนี้มันจะไม่เกิดค่ะ แม้จะอ้างอิงว่า ดวงจิตขององค์ศศิศนาคราชได้ย้อนไปอยู่ในร่างของพระชายา แต่การย้อนดวงจิตเกิดหลังจากที่ได้รับไข่มาแล้ว พล็อตเรื่องมันเลยยิ่งขัดกับสิ่งที่เป็นความจริง (Fact) ที่คุณเขียนระบุไว้ ในเมื่อเวียนว่ายไม่ได้ ทำไมดวงจิตของพระชายาถึงได้อุบัติเป็นองค์ศศิศนาคราชได้ ยังไม่นับรวมกับคำว่าโอปปาติกะที่คุณนำมาเขียนอ้างไว้อีกนะ

 ‘ในแต่ละชาติ ข้าต้องรับกรรมโดนใส่ความจนต้องโทษ เฆี่ยนตีทรมาน โดนประหารชีวิต ประสบเคราะห์กรรม อุบัติเหตุ ภัยพิบัติ สัตว์ร้ายกัดตายมิได้ตายดีเลยสักชาติ ชีวิตแลกชีวิต ข้าฆ่าคนนับร้อยชีวิต ข้าก็ต้องใช้กรรมนับร้อยชาติ แม้ข้าจะเป็นเทพชั้นสูงที่กำเนิดโดยโอปาติกะก็มิอาจหลีกเลี่ยงกรรมได้เพราะข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชะตามนุษย์อันเป็นสิ่งต้องห้ามจึงต้องรับกรรมที่ทำไป’ (จากตอนที่ 1 )

"โอปปาติกะ" เป็นการกำเนิดของเหล่าสัตว์บางประเภทคือเมื่อสัตว์ได้ตายลง จุติจิตเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นทันทีคือเป็นตัวผุดขึ้นทันที สมบูรณ์ทันที โตดั่งกับคนอายุ 16 ปี เป็นต้น โดยทั่วไปแล้ว  มนุษย์จะต้องอยู่ในครรภ์ก่อนค่อยเป็นจุดเล็กๆแล้วก็ค่อยๆโตขึ้น นี่คือกำเนิดในครรภ์      แต่ถ้าเป็นหมู่สัตว์ที่เป็นโอปปาติกะ เมื่อสัตว์นั้นตายก็โตเป็นตัวขึ้นทันที    ไม่ต้องรอให้โต  ดังนั้นจึงเป็นการเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน       ซึงสัตว์ที่เกิดเป็นโอปปาติกะก็จะเป็น เทวดาทั้งหมด คือเมื่อสัตว์ใดจะไปเกิดเป็นเทวดา   เมื่อตายแล้วไปเกิดเป็นเทวดา ก็จะเป็นตัวโตผุดขึ้นทันที โดยฉับพลัน ไม่ต้องรอค่อยๆโตหรืออยู่ในครรภ์ ในไข่แล้วค่อยๆโต

โอปปาติกะจึงเป็นเหล่าสัตว์ที่เป็นพวกเทวดา เปรตและสัตว์นรก คือเมื่อบุคคคลใดจะต้องไปนรกเมื่อตาย ดังเช่น  พระเทวทัตเมื่อตายไปก็ไปเกิดในอเวจีมหานรก เกิดเป็นตัวใหญ่ขึ้นมาทันทีโดยฉับพลันแล้วก็ถูกทรมานในนรก   ส่วนมนุษย์โดยทั่วไปแล้วก็จะเกิดในครรภ์ มีบ้างที่เป็นโอปปาติกะคือเกิดมาแล้วโตทันที     เช่น มนุษย์ในยุคแรก     ตายจากความเป็นพรหมแล้วก็มาเกิดเป็นมนุษย์แต่โตเป็นตัวใหญ่ทันทีเหมือนบุคคลอายุ 16  ไม่ต้องอยู่ในครรภ์ ในไข่แล้วค่อยๆโต
(แหล่งข้อมูลจาก http://www.dhammahome.com/webboard/topic18345.html)
 
แต่องค์ศศิศนาคราชกลับมีพ่อแม่อ่ะ
คือเราไม่ได้มีข้อคัดค้านเกี่ยวกับทฤษฎีในนิยายหรอกนะ ถึงจะหยิบคำจำกัดความทีมีใช้จริงๆมาใช้ในนิยาย แต่ถ้าต้องการใช้ในความหมายที่ต่างจากเรื่องจริง คือต้องบัญญัติความหมายใหม่ในเรื่องด้วย และสิ่งที่เป็นความจริง (Fact) ในเรื่อง มันต้องไม่ขัดแย้งกันเอง อย่างประโยคที่เรายกมา

 เป็นไปไม่ได้ เทพที่ตายแล้วต้องดับสูญคืนสู่ความว่างเปล่า พระองค์มิใช่มนุษย์ที่จะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก

ถ้าไม่อยากให้ประโยคเป็น Fact มันควรจะเป็น

"เป็นไปไม่ได้ ตามที่องค์ศศิศนาคราชทรงทราบ เทพที่ตายแล้วต้องดับสูญคืนสู่ความว่างเปล่า พระองค์มิใช่มนุษย์ที่จะได้เวียนว่ายตายเกิดอีก"

แต่ถ้าอ้างอิงตามทฤษฎีจริงๆ แม้จะเป็นโอปปาติกะก็ยังอยู่ในวัฏจักรนะ โอปปาติกะเกิดจากผลกรรม เมื่อสิ้นสุดผลกรรมย่อมต้องไปเกิดในภพภูมิอื่น เทพยังจุติเป็นมนุษย์ได้เลยเมื่อหมดผลบุญ และถ้าพูดถึงนาคที่เป็นโอปปาติกะจริงๆไม่น่าจะมีเยอะ เหมือนมนุษย์นั่นแหละ มนุษย์คนแรกกำเนิดแบบโอปปาติกะ มนุษย์คนที่หนึ่งร้อยต้องกำเนิดแบบโอปปาติกะด้วยเหรอ มันก็ไม่ใช่ไง

และการเขียนในตอนที่ 4 ของคุณก็รวนไปหมด เขียนใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งผสมกับสรรพนามบุรุษที่สามปนกันติดๆเลย หรือเพราะเราแก่เกินไปแล้วก็ไม่รู้ ปกติเราก็ไม่ค่อยชื่นชอบอ่านนิยายประเภทที่ 'ย่อหน้าแรกบรรยายเรื่องด้วยสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง พอย่อหน้าต่อมาเปลี่ยนไปเขียนบรรยายด้วยสรรพนามบุรุษที่สาม' เรารู้สึกว่าอารมณ์ของเรื่องมันจะไม่ค่อยต่อเนื่อง อ่านแล้วสะดุด แต่สมัยนี้นิยมเขียนแบบนี้กัน เราว่านะเขียนนิยายแนวแบบที่คุณเขียนมันไม่เหมาะกับการเขียนด้วยวิธีสลับสรรพนามไปมาหรอกนะ

ถ้าคุณไม่รู้ว่าจะแก้คำซ้ำที่คุณsirin_chadada เคยเขียนบอกไว้ยังไง เราแนะนำให้คุณไปอ่าน 'ดั่งดวงหฤทัย' ค่ะ ที่จริงมีนิยายอีกเยอะที่ใช้คำราชาศัพท์ แต่เราจำไม่ได้แล้ว แม้แต่นิยายวายเรื่องที่รู้สึกว่าคนเขียนใช้คำราชาศัพท์ได้เทพมากก็จำไม่ได้เหมือนกัน  จำได้แค่ว่าคนเขียนเรื่องนั้นเทพจริงๆ

สุดท้าย การเขียนนิยายแนวนี้ความรู้คุณต้องแน่น แม้เราจะบอกว่าสามารถสร้างทฤษฎีใหม่ในนิยายได้ แต่คนศึกษาทฤษฎีมาเขาจะไม่เชื่ออยู่แล้วค่ะ ไม่ใช่ว่าเราอ่านทฤษฎีมาเยอะนะ แต่เราพยายามหานิยายแนวนี้อ่าน เท่าที่อ่านมา ถ้าพูดเล่าถึงสัตว์ในหิมพานต์ หรือภพภูมิสวรรค์ จะไม่ค่อยมีนักเขียนคนไหนแตกจากทฤษฎีดั้งเดิม แต่มักจะเขียนให้ภพภูมิพิเศษเหล่านี้มีหลักความเป็นไปเหมือนมนุษย์ อย่างบุตรที่เกิดจากนาคชนชั้นปกครองย่อมมีอิทธิและศักดิ์เหมือนนาคที่เป็นบิดามารดา ขอแนะนำให้คุณลองไปหาไตรภูมิพระร่วงมาอ่านค่ะ หาอ่านจากในอินเทอร์เน็ตก็ได้ เราก็หามาแต่ยังไม่ได้อ่าน ตอนนี้ไฟล์ไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ด้วย หนังสือแนะนำเรื่องนี้มาจากผู้รู้ในพันทิปค่ะ เคยมีนิยายเรื่องหนึ่งเขียนเกี่ยวกับภพภูมิพิเศษที่ว่า แล้วไปโดนสับเละอยู่ในพันทิปทั้งที่ดังมากในเด็กดี 

ถ้าคำที่ใช้ดูรุนแรงกระทบใจต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ

หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 27-09-2017 17:10:24
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 18-10-2017 20:48:59
คืออยากถามว่าคนเขียนได้เขียนนิยายเรื่องนี้เป็นชายหญิงด้วยมั้ยค่ะพอดีเราเห็นนิยายเรื่องนึ่งมาในเด็กดีเห็นเนื้อเรื่องเหมือนกันเลยต่างแค่ชื่อตัวละครน่ะค่ะ


ใช่ค่ะ  มาจากเรื่องวิวาห์แห่งโชคชะตาค่ะ     เว็บเด็กดี   Username catear -a   ที่ใช้แต่งนิวายวายแสนนาน เจ้าจอม จอมใจจักพรรดิค่ะ   นึกว่าจะไม่ใครอ่านแล้ว  ดีใจมาก มากจริงๆ  ขอบคุณนะคะคุณ Gamemy ตามมาอ่านเว่อร์ชั่นนี้อีก
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 19-10-2017 08:37:42
มาต่อเร็วนะค่ะ หนูชอบเรื่องนี้นะอ่านแล้วเข้าใจง่าย ไม่งงดีค่ะ ส่วนเรื่องเจ้าจอม หนูชอบมาเลยค่ะอ่านจบไปหลายรอบแล้ว o13 :katai2-1: :hao5:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-10-2017 09:24:52
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ (ยังรออ่านอยู่นะคะ)
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 19-10-2017 22:34:47
ตามดูๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 20-10-2017 21:24:02
รออ่านอยู่ค่าาาา
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: flowerloveyaoi ที่ 21-10-2017 01:35:05
สนุกมากค่ะ ถึงจะงงๆไปบ้าง5555 เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก ช-ญ ใช่มั้ย คืออ่านแล้วนายเอกของเราจะให้บรรยกาศเป็นผู้หญิงเลยสำหรับเรา และที่น่าสนใจคือแต่ละชาตินายเอกเกิดเป็นหญิงหมดเลยเหรอจากที่อ่านมาหรือมีที่เป็นชายด้วยแต่ยังมาไม่ถึง? เราอยากให้มีนะจะได้ดูไม่ขัดๆ หรือจะมีเหตุผลว่าต้องเกิดเป็นหญิงเท่านั้น มีเสริมตรงนี้นิดนึงก็ดีนะคะ
เราเป็นสาววายประเภทอ่านแต่วายอย่างเดียว ช-ญ ไม่แล อาจแสดงรสนิยมส่วนตัวมากเกินไปก็ขอโทษด้วยนะคะเพราะเราชอบเรื่องนี้ค่ะเลยอยากอ่านต่อเรื่อยๆแต่ถ้าให้ความ ช-ญ เกินไปเราจะเลิกอ่านทันที ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจตรงนี้ของตัวเองเหมือนกัน5555 ยังไงก็ติดตามรออยู่นะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 22-10-2017 22:16:00
          ตอนที่  ๕


 (ฝันว่า ตนเองอยู่ในภาคอดีต)



        หลังจากวันนั้น ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ฆเคศวรมักจะมาเฝ้านาคราชหนุ่มทุกครั้งที่ครุฑราชมีเวลาว่าง ทรงตามใจทุกอย่าง ข้าวของใช้ที่พระองค์ปรารถนาหากราชาครุฑรู้ก็จะหามาให้ทุกอย่าง


         แรกๆ พระองค์ก็รำคาญและอึดอัด แต่ในระยะหลังองค์นาคราชก็เริ่มชิน  พระองค์มีนางกำนัลประจำตัวชื่อ จำปาที่เป็นพระพี่เลี้ยงตั้งแต่เด็กและหิมาลายา พระภคินีเชื้อสายเผ่าครุฑที่ฆเคศวรสั่งให้มาดูแลร่างบาง


           
           ตอนนี้ศศิศยังคงอยู่ในร่างของพระธิดาลัญยาวดี พระราชธิดาแห่งอาณาจักรนันทปุระ 

          ในอดีตสตรีนางนี้ได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฆเคศวรที่ปลอมตัวไปช่วยปราบฝูงอสูรวายุภักดิ์ เพราะเอาตัวเองรับเพลิงอสูรป้องกันชาวเมือง  แม้จะมิได้ทำอันตรายถึงชีวิตต่อพญาครุฑอย่างฆเคศวรได้ แต่ก็ทำให้บาดเจ็บไม่น้อย 


        ช่วงเวลานั้นพระธิดาลัญยาวดีกลับมิทรงรังเกียจมานพหนุ่มพเนจรและยังคอยเฝ้าดูแลรักษาจนฆเคศวรในร่างมนุษย์หายดีจนทั้งสองตกลงใจขอกษัตริย์แห่งอาณาจักรนันทปุระมาใช้ชีวิตร่วมกันที่กระท่อมท้ายเมือง นางก็มิได้ย่อท้อต่อความลำบากจนเมื่อนางตั้งครรภ์ ฆเคศวรถึงได้พานางมายังวิมานฉิมพลี


      “ เจ้าครุฑเฒ่าบ้ากาม  ข้าเบื่อ ข้าอยากทำงาน”


      ศศิศเอ่ยขึ้นในขณะที่ฆเคศวรประคองพระองค์มาชมสวนดอกไม้บนวิมานฉิมพลี พระองค์อยากจะเบี่ยงตัวหลบแต่ตอนนี้ครรภ์ของศศิศขยายใหญ่ขึ้นมากเดินเหินไม่สะดวกเลยจึงจำใจยอมให้เจ้าเวหาประคอง หมอหลวงบอกว่าอีกครึ่งเดือน พระองค์จะถึงกำหนดคลอด


      “ เจ้ากำลังท้องกำลังไส้ ข้าจะปล่อยให้ชายาที่กำลังท้องแก่ไปทำงานหนักได้อย่างไร ข้าเป็นห่วงเจ้า”


      “ เจ้าเป็นห่วงลูกของตัวเองเสียมากกว่า”

      ความคุ้นเคยกันในช่วงนี้ทำให้พระองค์เริ่มกล้าจะสนทนาเป็นกันเองกับราชาครุฑมากขึ้น

      “ ลูกของเรา”

      ฆเคศวรกล่าวเสียงเศร้า

          “ โอ๊ย”

         ศศิศรู้ถึงแรงถีบน้อยๆ แต่กลับเล่นเอาจุกเสียดจนต้องทรุดพระวรกายนั่งลงกับพื้นจนคนประคองตกใจตามไปด้วย

           “น้องหญิง เจ้าเป็นอะไรไป!”

          “ ทำตกใจไปได้ก็แค่ลูกดิ้น”

          “ ลำบากเจ้าแล้ว น้องหญิง” ราชาครุฑลูบท้องศศิศและทอดพระเนตรพระองค์เจือความห่วงใย  จู่ๆ ทหารองครักษ์คนสนิทก็เข้ามารายงานสถานการณ์การรบระหว่างเผ่าครุฑกับเผ่ายักษ์

          หลังจากสนทนากับเหล่าทหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฆเคศวรก็หันมาตรัสกับศศิศว่า “น้องหญิง เจ้าชมอุทยานที่นี่ไปก่อนนะ  พี่จะไปประชุมสถานการการรบเสียหน่อย”

          “ก็รีบไปสิ ข้าอยู่ได้ นางกำนัลออกจะมากโข”

         “เดี๋ยวพี่จะรีบกลับมานะ”

           หลังจากตรัสลาจบแล้ว ฆเคศวรก็เสด็จจากไปทันที
   

           ในระหว่างทางที่กำลังจะเดินกลับตำหนัก

           “โอ๊ย”  ศศิศล้มลงไปกองกับพื้น  ร่างบางเงยพระพักตร์ขึ้นทอดพระเนตรผู้ประทุษร้ายด้วยสายพระเนตรคมกริบ

            “ ว้ายยยย พระธิดา” เหล่านางกำนัลถลามาประคองและปัดฝุ่นตามเนื้อตัว   

              “ นางมนุษย์ชั้นต่ำ อย่าคิดนะว่าข้าจะยอมรับเจ้าเป็นชายาของเสด็จพี่ของข้า”

             ศศิศเลิกคิ้วทอดพระเนตรคนที่มาขวางอย่างดูถูก

              “จำเอาไว้นะ คนเดียวที่จะมาเป็นพี่สะใภ้ข้าคือ พี่นาตยา ผู้นี้ผู้เดียว”

              “ อ่อ ข้าแจ้งใจแล้ว ถ้าไม่มีอะไรแล้วพวกข้าขอตัวก่อน พี่ลัญญาต้องการจะไปพักผ่อน” หิมาลายาคงนึกหมั่นไส้ส่งสายตาขออนุญาตจัดการพวกนาง พระองค์จึงพยักหน้าอนุญาต

               “หลบไป” เมื่อขอทางดีๆ แล้วนางจึงเดินเบี่ยงกระแทกไหล่สตรีผู้ซึ่งเป็นพระน้องนางฆเคศวรทันทีเพื่อเปิดทางให้ศศิศเดินตาม แต่สตรีเดินเข้าไปกระชากหิมาลายาที่จนล้มลงแล้วหัวเราะสะใจร่วมกับสตรีอีกคนข้างๆ เมื่อหิมาลายาลุกขึ้นได้ก็เข้าไปจิกผมนางทันที แต่อีกนางกลับมาตบตีหิมาลายาไม่นับจนคนของพระองค์เสียเปรียบ

                “ หยุด ข้าบอกให้หยุดทั้งสามคนนั่นแหล่ะ “ พระองค์ตะโกนร้องห้ามปรามแต่ไม่มผู้ใดฟังเลย”

               “ ว้าย! เจ้านี่มันรุมกันนี่น่า” หิมาลายาโวยวายร้องลั่นเมื่อเป็นฝ่ายเสียเปรียบสู้ไม่ได้

                “ หิมาลายา เจ้าก็มีสองคนเท่ากันจะมาหาว่า พวกข้ารุมเจ้าได้เยี่ยงไร”

                “พี่ลัญยาของข้าไม่ลดตัวลงมาตบกับพวกเจ้าหรอก ” หิมาลายายอกย้อนจนพวกนางโกรธควันออกหู แล้วแขกผู้มาใหม่เงื้อง่าจะตบหิมาลายาซ้ำแต่ต้องชะงักเพราะเห็นฆเคศวรเดินมาแต่ไกล ทำให้หิมาลายากลายเป็นฝ่ายรุมตบอยู่ฝ่ายเดียว

                “ หยุดได้แล้ว นพนภา นาตยา” เสียงห้ามปรามของฆเคศวรทำให้สองฝ่ายหยุดชะงัก

               นพนภาคงโกรธแค้นพวกศศิศน่าดู ขณะที่นางที่ชื่อนาตยาคลานเพระองค์ไปบีบน้ำตาแต่งเรื่องฟ้องฆเคศวรให้ลงโทษพระองค์

                 “หม่อมฉันไม่คิดเลยว่าพวกนางจะกล้าตบพระน้องนางกับหม่อมฉัน ทั้งที่พวกเราแค่ขอทางดีๆนะเพคะ ไม่เชื่อก็ทรงถามพระน้องนางดูได้เพคะ ขอพระองค์โปรดให้ความเป็นธรรมแก่พวกหม่อมฉันด้วยเพคะ”

                 “ ใช่เพคะ เสด็จพี่ต้องจับตัวมันมาลงโทษให้สาสมกับความผิด”

              นพนภาพยักหน้ารับร่วมกันเล่นละครหลอกตาคนดู ศศิศสบตากับหิมาลายา และจำปา ทอดพระเนตรด้วยสีพระพักตร์ที่เรียบเฉย แต่ในพระทัยนึกหมั่นไส้สองนางนี้เหลือทน

           ในตอนนี้พวกพระองค์คงจะกลายเป็นฝ่ายผิดแน่ แต่ดีแล้วพระองค์จะได้ถือโอกาสแสร้งทำเป็นโกรธและสลัดฆเคศวรออกเพราะราชาครุฑต้องเข้าข้างพระน้องนางของตนแน่ๆ

                 “ข้าต้องเชื่อพวกเจ้ารึ “

                ศศิศและจำปาหันขวับไปมองฆเคศวรที่เอ่ยด้วยนำเสียงเย็นชา นางเป็นลูกพี่ลูกน้องเขามิใช่หรือ ขณะที่หิมาลายายืนกอดอกยิ้มอย่างผู้กำชัย

                 “ เสด็จพี่แต่นางเป็นคนทำร้ายข้านะเพคะ พระองค์ก็เห็น”

                  “ข้าเห็นแค่พวกเจ้าตบตีกัน ดังนั้นข้าจำต้องลงโทษเจ้ามากกว่า เพราะเจ้าถือเป็นน้องข้าและอีกฝ่ายก็เป็นถึงชายา เจ้าควรให้ความเคารพนางถึงจะถูก และตอนนี้นางก็กำลังท้อง”

                  “ก็แค่นางมนุษย์ กล้าดีอย่างไรถึงมารังแกข้าที่เป็นถึงพระน้องนางแห่งวิมานฉิมพลี”

                  “ นางรังแกเจ้างั้นรึ นางน่ะอ่อนโยนและจิตใจดีมีเมตตาจะไปรังแกเจ้าก่อนได้อย่างไรกัน อีกอย่างนางน่ะกำลังท้อง”

                  “นางเนี่ยนะ อ่อนโยนและจิตใจดีมีเมตตา เสด็จพี่ท่านคงโดนนางหลอกแล้วแน่นอน รบกวนท่านช่วยมีสมองหน่อยได้ไหม นางน่ะ..”

                  “ หยุดได้แล้ว ข้าเป็นพี่เจ้า เจ้ากล้าก้าวร้าวกับข้าด้วยรึ”

                  “ ก็เสด็จพี่เข้าข้างนาง”

                  “ นางนิสัยเป็นเช่นไร ข้ารู้จักนางดีที่สุด ไม่ต้องให้คนอย่างเจ้ามาบอกหรอก นึกว่าข้าไม่รู้หรือว่าเจ้ามีนิสัยร้ายกาจเพียงใด พวกเราเป็นลูกหลานเชื้อพระวงศ์เผ่าครุฑ ความอ่อนน้อมถ่อมตนย่อมเป็นคุณธรรมหลักของพวกเรา แต่เจ้ากลับเที่ยวระรานชาวบ้านเขาไปทั่ว ข้าเห็นว่าเจ้าเป็นน้องจึงได้ตามใจ แต่ครั้นนี้ข้าจะต้องลงโทษเจ้า”

                  “ เสด็จพี่ใจร้าย นางรังแกข้านะ”

                  “ พอได้แล้ว ต่อไปนี้ข้าจะดัดนิสัยกลับไปสำนึกผิดในตำหนัก ห้ามออกไปไหนทั้งสิ้น 1000 ราตรี”

                  “เสด็จพี่!!!!!  ข้าเกลียดท่านที่สุด”

                  “ข้าสั่ง เจ้ายังไม่รีบไปอีกรึ”

                 เมื่อพวกนางจำใจเดินกลับตำหนักไปตามคำสั่งของฆเคศวร ศศิศจึงหันมาตรัสถามราชาครุฑว่า

                  “เจ้าครุฑเฒ่าบ้ากาม เจ้าไยไม่เข้าข้างพวกนาง”

                  “ ไยข้าต้องเข้าข้างพวกนาง”

                  “ คนทั่วไปเห็นสถานการณ์เช่นนี้มีแต่คนต้องปกป้องนางและนางก็เป็นน้องสาวแท้ของเจ้าด้วย แต่นี่เจ้ากลับไม่ปกป้องนางสักนิด ”

                  “ เจ้าอยากให้ข้าปกป้องนางงั้นหรือ”

                  “มิใช่ ข้าเพียงแต่สงสัยว่า ทำไมเจ้าถึงเลือกที่จะเข้าข้างข้าและลงโทษนางแทน”

                 “เพราะข้ารู้นิสัยนางดี และข้ารู้นิสัยเจ้าดี มนุษย์ที่จิต จประเสริฐเยี่ยงเจ้าไม่มีทางไปหาเรื่องใครก่อน”

                  ฆเคศวรตรัสตอบเสร็จแล้วก็หันมาจ้องพระพักตร์ศศิศ จ้องจนพระองค์เริ่มขัดเขินเลยตรัสตอบแก้เก้อไปว่า

                 “ เจ้าจะมารู้จักข้าดีได้อย่างไร เราเพิ่งจะเจอกันแค่ไม่สัปดาห์เองนะ”

                 เขาถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ น้องหญิง ถึงเจ้าจะลืมข้าไป แต่ข้าไม่มีวันลืมเจ้าได้ เจ้าคือดวงใจของข้า”

                 องค์ศศิศเผลอแย้มพระโอษฐ์ออกมา พระทัยเต้นแรง พระหัตถ์ลูบพระนาภีเบาๆ พระองค์แอบทอดพระเนตรว่าฆเคศวรแย้มพระโอษฐ์บางๆ แต่เมื่อพระองค์หันไปเขากลับตีหน้าขรึม

                 “คนหนึ่งเป็นน้องสาวเจ้า ส่วนอีกคนพระองค์ดูสายตานางแล้วนางคงจะชอบเจ้า เจ้ายังทำอย่างนี้กับผู้หญิงที่ชอบเจ้าอีกหรือ”

                  “ แล้วเจ้าล่ะรู้สึกเช่นไร”

                  “ ตอนนี้ข้าเริ่มนึกสงสารนางเสียแล้ว ”

                  “ ข้ามิน่าถามเจ้าเลย”

                 เมื่อเอ่ยจบประโยค ราชาครุฑก็หันหลังเสด็จจากไป ศศิศหันไปสบตากับหิมาลายาที่เดินตามหลังพระองค์เงียบๆ มาตลอดทาง

                  “ เสด็จพี่คงน้อยใจมังเพคะ พี่ลัญยาพูดเหมือนมิมีเยื่อใยต่อพระองค์เลย อะไรกันไปสงสารหญิงอื่นที่จะมาแย่งคนรักของตน”

                  “ เพ้อเจ้อ ข้ากับฆเคศวรมิได้เป็นอะไรกันเสียหน่อยแถมเราเพิ่งจะเจอกันเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น”

                  “ เมื่อไรความทรงจำของพี่จะกลับมานะ ข้าสงสารเสด็จพี่เหลือเกิน”

            องค์ศศิศไม่ได้ตรัสตอบอะไร ปล่อยให้หิมาลายาและทุกคนในวิมานฉิมพลิเข้าใจผิดว่า พระองค์ความจำเสื่อมจากการโดนวางยาครั้งที่แล้วไปเถอะ ดีกว่าต้องมารับรู้เรื่องแปลกประหลาดที่นาคราชเยี่ยงเขามาเข้าร่างพระชายาครุฑ

             หลังเสด็จกลับมายังตำหนัก องค์ศศิศก็คลื่นไส้อาเจียนแพ้ท้องอย่างหนักจนไม่เสวยทั้งอาหารและยาที่จำปาจัดมา

              “ อ้วกกกกก”

             จำปาประคองพระองค์ขึ้นมาจากแท่นบรรทมและคอยลูบพระวรกายพระองค์ตลอด

            “โธ่ พระธิดาเสวยอะไรหน่อยนะเพคะ วันนี้ทั้งวันทรงพระอาเจียนออกทั้งหมด”

             “ ข้ากินอะไรไม่ลงจริงๆ พวกเจ้า เอาไปเก็บเถอะ”  ศศิศตรัสเบาๆอย่างอ่อนแรง

            หิมาลายาเดินเข้ามาหน้าตื่น “ แย่แล้วเพคะ พระอัยยิกาเจ้าเสด็จมา พี่รีบไปหาที่หลบเร็ว”

            คำบอกกล่าวของหิมาลายา ทำให้ศศิศแทบอยากจะเสด็จหนีไปจากตำหนัก แต่พระองค์ได้ยินเสียงกุกกักอยู่ริมหน้าต่าง ทอดพระเนตรไปก็พบว่าขบวนเสด็จของพระพันปีหลวง และพระอัยยิกาเจ้าของฆเคศวรอยู่หน้าพระตำหนักเสียแล้ว เมื่อทั้งสองพระองค์เสด็จมาถึงนำหนักนี้ก็เปิดฉากทันทีด้วยการตรัสดูถูกร่างบางที่อยู่ในร่างมนุษย์ธรรมดา

              “ งามหน้าเหลือเกิน เจ้าหลานมิรักดี ไปคว้ามนุษย์มาเป็นเมียเช่นนี้แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”  ไม่ขาดคำพระอัยยิกาเจ้าตวัดหลังมือตบร่างบางจนหน้าหันและรู้สึกถึงรสข่มปร่าของเลือดในปาก 

             “พระธิดา!  “ เหล่านางกำนัลกรูเข้ามาประคองศศิศทันที

              “ เสด็จย่าอย่าทรงกริ้ว โปรดพระทัยเย็นก่อนพะย่ะค่ะ” มณีจันทร์ ผู้เป็นพระภคินีของฆเคศวรอีกพระองค์มายื้อยุดพระอัยยิกาเจ้า

              “ เสด็จแม่โปรดพระทัยเย็นก่อนเพคะ”พระพันปีหลวงดึงตัวนาคราชหนุ่มในร่างสาวงามออกห่างและมายืนบังพระองค์ไว้ และโอบกอดปลอบใจพระองค์ที่ร่ำไห้น้ำตานองหน้าด้วยความน้อยใจ พระองค์ได้แต่ก่นด่าสาปแช่งผู้กำหนดโชคชะตาที่เมื่อมาอยู่ในร่างนี้กลายเป็นคนเจ้าน้ำตาเสียอย่างนั้น

              “ เจ้ามันปกป้องลูกเสียจนเสียคน”

             พระอัยยิกาเจ้าสะบัดพระพักตร์หนีแล้วรีบเดินออกไปทันที   

              “อย่าร้องไห้ น้ำตาของเจ้าจะทำให้เจ้ายิ่งทำเจ้าอ่อนแอ เจ้าต้องเร่งทำทุกอย่างให้มันถูกต้อง ผู้คนทั่วสามภพจะได้หยุดติฉิน
นินทาเสียที อย่าลืมว่าตัวเจ้าเป็นถึงพระชายาของราชาเจ้าเวหา จงหาทางรักษาเกียรติของตนไว้ เชื่อแม่และแล้วจำคำแม่ไว้ให้ขึ้นใจ ”

              “เพคะ”

             หลังจากนั้น พระพันปีหลวงก็ตามพระอัยยิกาเจ้าไป ทิ้งให้ศศิศเศร้าโศกเสียใจอยู่เพียงลำพังที่ต้องมารองรับอารมณ์ของเผ่าครุฑที่เจ้ายศเจ้าอย่างโดยที่ถ้าพระองค์โต้แย้ง จำปา หิมายาและนางกำนัลในตำหนักนี้ก็จะถูกลากไปรุมเฆี่ยนอย่างทรมาน ตอนนี้พระองค์สงสารเหล่าบริวารและต้องรักษาพระวรกายเพราะทรงตั้งพระครรภ์อยู่จึงต้องอดทน

           ‘ฝากไว้ก่อนเถอะ นางนกแก่หนังเหี่ยว’           
           
       ในห้องบรรทมในตำหนักเล็กๆ ที่มีศศิศรับใช้เพียงสองนาง

        “ น้องหญิง นี่เป็นยาบำรุงครรภ์ ข้าให้เทพโอสถเตรียมไว้ให้เจ้า รีบดื่มสิ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด”

         ศศิศพยักหน้าแล้วลูบท้องที่กำลังจะมีลูก พระองค์เสแสร้งยิ้มให้ผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นสามีของพระองค์

         “เดี๋ยวข้าดื่มเอง เจ้าไปที่ค่ายทหารเตรียมเสบียงเถิด อย่าได้เป็นห่วงข้าเลย การศึกสำคัญกว่านะ”

        “อืม งั้นเจ้ารีบดื่มยาแล้วพักผ่อนเสียเถิด”
         
      หลังจากฆเคศวรเสด็จไปรบ  ศศิศก็ต้องได้ยินบทสวดโบราณทุกคืน พระองค์รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งพระวรกาย บรรทมหลับๆตื่นๆ 
        คืนหนึ่งเมื่อพระองค์ทรงเจ็บพระครรภ์อย่างหนัก  หมอหลวงก็ทูลว่า พระองค์กำลังจะคลอด พระองค์เบ่งท้องคลอดลูกท่ามกลางเสียงของนางกำนัลที่คอยปรนนิบัติพระองค์

       ‘เจ็บ เจ็บเหลือเกิน’

      พระองค์ประคองสติเพื่อรอฟังเสียงลูกแต่หลังจากพระองค์คลอดลูกแล้วกลับไม่มีเสียงเด็กร้อง
      เสียงบทสวดคาถาโบราณดังก้อง

     “ ไย ข้าไม่ได้ยินเสียงลูก”  พระองค์รำพึงเสียงแผ่ว

     “พระธิดาเพคะ นี่คือพระโอรสของพระนางเพคะ เพียงแต่…”

     พระองค์มองไข่ฟองใหญ่สีชมพูอ่อนแปลกตาด้วยความแปลกใจ พระองค์คลอดลูกออกมาเป็นไข่อย่างนั้นหรือ?

     “ โอรสของพระชายาสิ้นพระชนม์แล้วพะย่ะค่ะ ข้าไม่อาจสัมผัสได้ถึงดวงจิตของพระโอรสในไข่ใบนี้ได้เลยพะย่ะค่ะ ”

    “ ไม่จริง ท่านหมอหลอกข้า ลูกข้าต้องยังไม่ตาย”

     พระองค์ตกใจจนคุมสติไม่อยู่ ตรัสทั้งน้ำพระเนตรไหลรินด้วยความเสียใจกอดไข่ฟองนั้นด้วยความหวงแหน แม้ว่าพระองค์จะไม่ใช่พระราชธิดาลัญญาวดี แต่ก็รู้สึกผูกพันธ์กับพระราชบุตรในพระครรภ์มาตลอด

     “ พระชายามีประสูติกาลก่อนกำหนด ทำให้ข้ามิอาจช่วยพระโอรสของพระนางไว้ได้ ข้าน้อยสมควรตาย”

     คืนนั้นพระองค์ทำพระทัยไม่ได้จึงกรรแสงตลอดทั้งคืน

     จนรุ่งเช้า พระองค์เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและพระองค์รู้ตัวดีว่า พระองค์คงจะมิรอดแล้ว และความหวังของพระองค์คือลูกของพระองค์คลอดออกมาอย่างปลอดภัยและแข็งแรงถูกทำลายลงเสียแล้ว

      เสียงบทสวดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เสี้ยวสุดท้ายของชีวิตจะดับสูญ พระองค์ได้ยินชัดเจนบทสวดสองบทที่เคยเห็นในพระคัมภีร์โบราณในวัยเยาว์ก่อนจะแบ่งร่างไปจุติใช้กรรม

        ‘มนต์มลายวิญญา?  ’
   
         ร่างบางกระอักเลือดสีดำ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของหิมาลายา จำปาและเหล่านางกำนัลในตำหนักหลังเล็กๆ ท้ายอุทยานหลวง




         
        (ภาคปัจจุบัน)
     
        หลังจากครุฑราชได้ทอดพระเนตรพระราชโอรสเสด็จออกมาจากไข่ พระองค์ก็ทรงดีพระทัยมาก  พระโอรสน้อยมีพระพักตร์เหมือนพระองค์มิได้ผิดเพี้ยนและทรงเจริญพระชันษาเรื่อยๆ จนหยุดที่พระชนมายุประมาณ 8 พระชันษา
     
        พระราชโอรสน้อยกลับถลาเสด็จเข้าไปหานาคราชที่มีเจ็ดเศียรที่นอนสลบอาบเลือดอยู่

        "เสด็จแม่! "  ครุฑน้อยตกรพระทัยที่เมื่อพระองค์เขย่าร่างนาคราชแล้วไร้เสียงตอบใดๆ  พระราชโอรสน้อยมิรู้จะทำเช่นไรได้แต่ทรงกรรแสงมิหยุด

        ครุฑราชรีบถลามายังพื้นและร่ายมนต์คืนเป็นกลายทิพย์แล้วตรัสว่า "ลูกพ่อ อย่าได้กรรแสงได้เลย"

        ครุฑน้อยจำเสียงระราชบิดาได้จึงเสด็จไปกอดพระเพลาและตรัสว่า "เสด็จพ่อช่วยเสด็จแม่ด้วย ฮื่อๆๆๆ"


         "หยุดร้องก่อนนะลูก เดี๋ยวพ่อจะรักษา เขาเอง"  พระทัยของพระองค์สั่นไหว เมื่อทอดพระเนตรพระโอรสกรรแสง  ครุฑราชรีบคืนร่างกลับเป็นครุฑและอุ้มพระโอรสบินขึ้นสู่ท้องฟ้าไปยังนครบาดาลฝั่งตะวันตก

       "พวกเจ้านำร่างนาคตัวนั้นมาด้วย"

        "พะย่ะค่ะ"  องครักษ์ครุฑทั้งสองตนช่วยกันคาบร่างศศิศมหานาคราชบินลงสู่นครบาดาลฝั่งทะเลตะวันออกทันที



         เมื่อเหล่าข้าราชบริภารเห็นสภาพพระวรกายขององค์เจ้าชีวิตก็รีบระดมหมอหลวงเข้ามารักษา

          องค์ศศิศมหานาคราชทรงประชวรด้วยพิศไข้นานถึง 9 วัน โดยมีอัญรัตน์เฝ้าดูพระอาการอย่างใกล้ชิด


         ขณะที่ปัณธรณ์ ผู้เป็นเสนาบดีคอยต้อนรับราชาครุฑและพระราชโอรสอย่างดี เขาไม่กล้าแม้จะเอ่ยปากถามองค์ฆเคศวรถึงสาเหตุใดๆ เพราะกรงกลัวสายพระเนตรดุ  และพระพักตร์นิ่งที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

     
   

        ภายในห้องบรรทมขององค์มหานาคราช

     

   
       “ พระองค์ฟื้นแล้ว” อัญรัตน์ในร่างกายทิพย์เอ่ยถามขึ้น

        องค์ศศิศค่อยๆ ลืมพระเนตรขึ้นมาอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย

       “ น้ำ”

        พระองค์ทอดพระเนตรพระวรกายของพระองค์ในร่างนาคราชแล้วจึงได้ตระหนักว่า พระองค์ตื่นจากความฝันอันยาวนานแล้ว 
   
       “ ข้าฝันประหลาด”

      “ฝันว่าอะไรหรือเพคะ”

      “ ข้าฝันว่าข้าคือผู้หญิงที่ชื่อลัญญาวดี เป็นชายาของเจ้าครุฑเฒ่าบ้ากามมัน ช่างน่าตลกเหลือเกิน ยังแค้นใจไม่หายที่ถูกน้องสาวมันและย่ามันรุมรังแกทั้งที่ข้าท้อง เจ้าพวกนกชั่ว ดีนะที่เป็นแค่ความฝันมิเช่นนั้น ข้าจะไปสั่งสอนพวกมันเสียให้รู้สำนึก” ศศิศตรัสเบาๆ

     “ เจ้าครุฆเฒ่าบ้ากาม ? ”

        เสียงเปี่ยมด้วยพลังอำนาจเปี่ยมไปด้วยความปิติดังขึ้นจากด้านนอกของถ้ำจนพระองค์ต้องหันพระพักตร์ไป

         “ฆเคศวร !”


      ***************


           # มาแล้วค่ะ คราวนี้ภาคอดีตช -  ญ ก็จบไปแล้วนะคะ  จะเริ่มกลับมาช – ช ต่อค่ะ เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ  เพราะศศิศจะต้องตามหาคนฆ่าตัวเองในชาติก่อน ดูแลลูก ฆเคศวร และจัดการกับสองงูพิษ  นัทสึพยายามปรับสำนวนในตอนที่แล้วให้เป็นบุรุษที่สามหมดแล้วนะคะ  ส่วนให้ตอนนี้ก็พยายามเขียนให้ต่อเนื่องกับตอนที่แล้ว มีข้อสงสัยหรืองงตรงไหนบอกเลยนะคะ  เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนค่ะ นัทสึคิดพล็อตให้ค่อยๆเฉลยไปทีละปม แต่ก็ดูแล้วเดาถูกกันเกือบหมด คราวนี้มาสืบกันว่า   ’ ใครคือคนฆ่าลัญยาวดี ‘


หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๔ หน้า ๓ [ ๒/๐๘ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 22-10-2017 22:36:09
สนุกมากค่ะ ถึงจะงงๆไปบ้าง5555 เรื่องนี้ดัดแปลงมาจาก ช-ญ ใช่มั้ย คืออ่านแล้วนายเอกของเราจะให้บรรยกาศเป็นผู้หญิงเลยสำหรับเรา และที่น่าสนใจคือแต่ละชาตินายเอกเกิดเป็นหญิงหมดเลยเหรอจากที่อ่านมาหรือมีที่เป็นชายด้วยแต่ยังมาไม่ถึง? เราอยากให้มีนะจะได้ดูไม่ขัดๆ หรือจะมีเหตุผลว่าต้องเกิดเป็นหญิงเท่านั้น มีเสริมตรงนี้นิดนึงก็ดีนะคะ
เราเป็นสาววายประเภทอ่านแต่วายอย่างเดียว ช-ญ ไม่แล อาจแสดงรสนิยมส่วนตัวมากเกินไปก็ขอโทษด้วยนะคะเพราะเราชอบเรื่องนี้ค่ะเลยอยากอ่านต่อเรื่อยๆแต่ถ้าให้ความ ช-ญ เกินไปเราจะเลิกอ่านทันที ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจตรงนี้ของตัวเองเหมือนกัน5555 ยังไงก็ติดตามรออยู่นะคะ :mew1: :mew1:

    ยินดีต้อนรับนะ เรื่องนี้เน้นหลายชาติหลายภพค่ะ  มีทั้งชาติที่เกิดเป็น ญ และเกิดเป็นช  นัทสิเชื่อว่า คนที่คู่กันแล้ว ไม่ว่าจะเพศไหนก็เป็นคู่กัน เพราะฉะนั้นเดี๋ยวมีชาติที่เป็นคู่ช - ช ด้วยค่ะ แต่ที่เริ่มด้วยชาติที่เป็นผู้หญิงเพราะอยากจะให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่าง ไข่ ฆเคศวรและศศิศค่ะ  ตอนต่อไปก็จะกลับมาช - ช เต็มตัวแล้วค่ะ  ย้อนไปให้เห็นว่า ชาติก่อนเกิดอะไรขึ้นและเพราะการที่ยังไม่ได้รับความเป็นธรรม และความรัก ความห่วงลูกของลัญยาวดีจึงทำให้ศศิศฝัน?  หรือว่าย้อนเวลาไปจริงๆ ?
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: JellyKei ที่ 22-10-2017 23:50:35
มาต่อแล้ว~~
ตอนแรกมีบอกว่าลูกดิ้นแสดงว่าจริงๆแล้วจะคลอดออกมาเป็นคนแต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้สุดท้ายกลายเป็นไข่รึเปล่านะ(?)
รอดูความสัมพันธ์ของศศิกับท่านพญาครุฑเลยค่ะ อยากรู้ว่าจะเดินหน้าไปยังไงกัน
เป็นกำลังใจให้ไรท์เตอร์นะคะ สู้ๆ นักอ่านตาดำๆคนนี้รอตอนต่อไปอยู่ :katai2-1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 22-10-2017 23:51:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 23-10-2017 07:43:16
เฮ้ยยยยย   ตอนนี้รู้สึกได้ชัดเลยค่ะว่าวิธีบรรยายเปลี่ยนไปอ่านแล้วไหลลื่นขึ้นเยอะมาก   รู้สึกตื่นเต้นน่าติดตามขึ้นมากเลยค่ะจากตอนแรกเราอ่านเพราะคิดว่าพอร์ตน่าสนใจถึงภาษาจะขัดๆหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรเพราะอยากอ่าน แต่ตอนนี้พอเปลี่ยนวิธีบรรยายเราว่ามันดีขึ้นมากเลยค่ะทำเอาตื่นเต้นอยากรีบอ่านต่อเร็วๆเลยค่ะคุณคนเขียน   จะคอยติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 23-10-2017 08:38:39
รอตอนต่อไปค่ะ
ให้กำลังใจคนเขียนนะคะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 23-10-2017 10:06:16
รอๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 23-10-2017 20:32:37
เรื่องนี้หายไปนานเลยนะนี่  :mew5:

ดีแล้วที่มาต่อ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 24-10-2017 00:08:53
น่าสนใจดีนะคะ ถ้าศศิศได้ขึ้นไปแก้แค้นที่วิมานแก้ว คงจะมันน่าดูเชียว
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๕ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 24-10-2017 08:14:39
รอตอนต่อไป~
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๓ [ ๒๒/ ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 24-10-2017 22:58:23
ตอนที่  ๖

                ศศิศมหานาคราชร่ายคาถากลับคืนสู่ร่างทิพย์ ทันใดนั้นมีเด็กน้อยวัยประมาณ 7 - 8 ขวบวิ่งถลาเข้ามากอดพระองค์ทันที
         
          "เสด็จแม่ ! "

      เด็กน้อยตรงหน้าที่มีหน้าตาคล้ายคลึงกับฆเคศวรไม่มีผิดวิ่งเข้ามากอดองค์ศศิศนาคราช ผู้สูงศักดิ์จนพระองค์รู้สึกงุนงง
 
       "ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้าหรอก เด็กน้อย"  องค์ศศิศตรัสเสียงอ่อนโยน

        "เสด็จแม่ไม่ต้องการข้าแล้ว  เพราะข้าทำให้เสด็จแม่ต้องตาย" เด็กน้อยร่ำไห้ฟูมฟายจนนาคราชหนุ่มรู้สึกสะเทือนพระทัย

        "เจ้าหมายความว่าอย่างไร"

        "เสด็จแม่ตายเพราะคลอดข้า  มันเป็นความผิดของข้า"

       องค์ฆเคศวรผู้เป็นบิดาเข้ามาแก้ไขความเข้าใจผิดของครุฑน้อยด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย "วาโย เขามิใช่เสด็จแม่ของเจ้า ท่านผู้นี้คือศศิศมหานาคราช"

        "ไม่จริงพะย่ะค่ะ เสด็จพ่อโกหก" เด็กน้อยตรัสตอบทั้งสีหน้างอแง

        "วาโย เสด็จแม่ของเจ้าไม่อยู่แล้ว ตอนนี้เรามีกันแค่สองพ่อลูกเท่านั้น กลับไปวิมานฉิมพลีกับพ่อเถอะ อย่าได้รบกวนศศิศมหานาคราชอีกเลย" ราชาครุฑเบือนพระพักตร์หนีภาพลูกน้อยเกาะพระกรของศศิศแน่นราวลูกลิง

        "ลูกไม่เชื่อ เสด็จแม่ ลูกจะอยู่กับเสด็จแม่ ฮื่อๆ เสด็จพ่อใจร้าย ลูกเกลียดเสด็จพ่อ" พระทัยของคนเป็นพระราชบิดาเจ็บปวดเหลือแสน สงสารลูกน้อยนักที่ไม่มีโอกาสได้อยู่กับพระราชมารดา

        ศศิศทอดพระเนตรพระโอรสองค์น้อยเศร้าโศกจนถึงกับสะอื้นไห้คร่ำครวญอย่างขวัญเสีย พระองค์เห็นพระทัย ในพระทัยเจ็บปวดราวมีเข็มมาทิ่มแทง พระองค์ก้มพระวรกายเข้าไปลูบพระเศียรพระโอรส

           'ทำไมข้าถึงรู้สึกผูกพันเด็กคนนี้ราวกับเขาเป็นลูกของข้า ทั้งที่เขาคือลูกของฆเคศวรหรือว่าชายาของฆเคศวรคือร่างหนึ่งของข้าตอนไปชดใช้กรรมในโลกมนุษย์' ศศิศนึกสงสัยในพระทัย

   "หยุดร้องได้แล้วนะเด็กดี เจ้าชื่ออะไรหรือ "

     "วาโยพะย่ะค่ะ"

     องค์ศศิศเสก กำไล 'บ่วงนาคบาศ' แล้วทรงตั้งจิตอธิษฐาน

     'หากเด็กน้อยตนนี้เป็นโอรสของข้า ขอให้กำไลอันนี้กลายเป็นบ่วงนาคบาศเป็นอาวุธคุ้มครองเขา หากเขามิใช่โอรสของข้าขอให้กำไลอันนี้กลับกลายเป็นเพียงกำไลเครื่องประดับธรรมดา'

      หลังจากนั้นพระราชทานแก่พระโอรสน้อยทันที

     เมื่อครุฑน้อยสวมใส่ มันกลับกลายเป็นนาคราชเลื้อยพันรอบข้อมือ เด็กน้อยหัวเราะชอบใจ ขณะที่องค์ฆเคศวรรีบจับนาคน้อยนั้นกระชากออกจากพระกรพระโอรส ครุฑราชพนมพระกรร่ายมนต์อาลัมพายน์ใส่นาคน้อยที่ขยายขนาดเป็นพญานาคขนาดเท่าลำต้นตาลทันที ขณะที่ศศิศชูพระหัตถ์ขึ้น พญานาคตนนั้นเลื้อยเข้ามาพันขดและกลายเป็นกำไลดังเดิม

      องค์ศศิศทอดพระเนตรเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วรู้สึกมั่นพระทัยว่า พระโอรสครุฑตนนี้คือโอรสของตนไม่ผิดแน่แท้

      "นี่เจ้า! คิดจะทำร้ายลูกของข้าอย่างนั้นรึ" องค์ฆเคศวรตวาดเสียงก้องผุดลุกขึ้นยืนชี้พระพักตร์ศศิศอย่างโกรธจัด แต่พระองค์หาได้สะทกสะท้าน เชิดพระพักตร์ท้าทายแล้วตรัสว่า

     "เจ้ากำลังเข้าใจผิด เจ้าครุฑโง่ นี่คือ บ่วงนาคบาศ" 

       องค์ศศิศก้มพระวรกายตรัสกับพระโอรสน้อยว่า " เมื่อลูกสวมใส่มัน ลูกจะอยู่ในน้ำได้มิต่างจากนาคราชตนหนึ่ง หากลูกใช้มันเป็นอาวุธมันจะเป็นศาสตราที่ทรงอานุภาพร้ายแรง หากลูกต้องการให้มันเป็นเชือกวิเศษ เมื่อมันตรึงมัดผู้ใดก็มิอาจมิดิ้นสุดจากมันได้ ลูกชอบหรือเปล่า"

     "ชอบพะย่ะค่ะ"

     " ลูกน่ารักขนาดนี้ แม่มีหรือจะไม่รักลูก ตอนนี้ลูกออกไปวิ่งเล่นข้างนอกก่อนนะ แม่มีเรื่องอยากจะคุยกับเสด็จพ่อของลูก"

     "พะย่ะค่ะ เสด็จแม่"

     องค์ฆเคศวรหันพระพักตร์ไปตรัสกับทหารองครักษ์ทั้งสองตน "พวกเจ้าจงดูแลลูกข้าให้ดี ให้เขาเที่ยวเล่นสักพักแล้วพาเขากลับไปยังตำหนักวิมานแก้วอากาศของข้า"

    "รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ"



     เมื่อเด็กน้อยวิ่งออกไปพร้อมกับพี่เลี้ยงครุฑทั้งสองตนที่ติดตามไปด้วยจนราชาครุฑคลายกังวลก็หันพระพักตร์ไปทางข้าราชบริภารของศศิศที่พอทราบว่าเจ้าเหนือหัวของตนได้รับบาดเจ็บก็พากันขึ้นจากบาดาลมาเฝ้าหน้าถ้ำริมทะเลตะวันออกแห่งนี้

     "พวกเจ้าก็ออกไปด้วย" องค์ศศิศตรัสเมื่อทอดพระเนตรท่าทางกังวลของเหล่าข้าราชบริภาร

     "แต่ว่า..."

     "ออกไปเถอะ ข้ามีเรื่องต้องการถามจากปากของราชาครุฑ

       "พะย่ะค่ะ / เพคะพระบาทเจ้า"


     เมื่อทุกคนออกไปหมด


     "เด็กคนนั้นคือโอรสของเจ้าที่อยู่ในไข่ใช่หรือไม่"

     "ใช่"


     "โตเร็วสมกับเป็นบุตรครุฑ ถ้ามิใช่เพราะมีแม่เป็นมนุษย์คงจะโตเป็นหนุ่มเลยทีเดียว"


     "ใช่"


     "นางตายหลังจากคลอดเด็กคนนั้นคลอดใช่หรือไม่"


      "ใช่"


      "นางชื่อ ลัญยาวดีแห่งนันทปุระใช่หรือไม่"


      "ใช่"

      องค์ศศิศเม้มพระโอษฐ์แน่น ตอนนี้พระองค์แน่พระทัยแล้วว่า พะราชธิดาลัญยาวดีคือร่างหนึ่งของพระองค์ไม่ผิดแน่ พระองค์เริ่มตั้งพระทัยว่าจะสืบหาคนร้ายผู้ที่ฆ่าพระองค์ในตอนนั้น พระองค์อยากรู้ว่านักว่าเป็นฝีมือใครทำไมถึงเลือดเย็นขนาดนี้  และจะแก้แค้นผู้ที่ทำร้ายพระองค์ในตอนนั้นทุกตน

       "เจ้าไม่คิดจะแก้แค้นคนที่ฆ่านางเลยรึ"

       "แก้แค้นอย่างนั้นหรือ ผู้ที่ทำให้นางตายนั้นก็คือข้า นางตายเพราะข้า ถ้าข้าดูแลนางดีกว่านี้ นางคงไม่ตาย "     

       องค์คเฆศวรตรัสตอบเสียงเบาด้วยความเจ็บปวด ในพระทัยนึกสงสัยว่าเหตุใดนาคราชตนนี้ถึงรู้เรื่องราวของชายาตนได้หรือมีครุฑตนใดทรยศ ในโลกนี้นอกจากชาวครุฑที่วิมานฉิมพลีแล้ว ผู้ที่เคยเห็นชายาของตนล้วนแต่ตายกันไปหมดแล้ว เหตุใดนาคราชตนนี้ถึงได้รู้เรื่องนี้ได้

       "เจ้าครุฑโง่ "

       "หากมิใช่ว่า ข้าติดค้างหนี้บุญคุณเจ้าที่ได้ช่วยเหลือโอรสของข้า ข้ามิยอมให้เจ้ามาหยามเกียรติข้าเช่นนี้แน่"

      " หึ เจ้ากล้าทำร้ายผู้ที่มีใบหน้าเหมือนชายาเจ้าอย่างนั้นหรือ"

      องค์ฆเคศวรเบิกพระเนตรกว้างแล้วมีพระพักตร์เกรี้ยวกราด

      "ด้วยเหตุนี้เจ้าจึงแสร้งเนรมิตใบหน้าเพื่อลวงข้าใช่หรือไม่ เล่ห์กลของเจ้าลวงข้ามิได้หรอก"

      องค์ศศิศทอดพระเนตรราชาครุฑแล้วนึกฉงนในพระทัย เหตุใดคราที่พระองค์เป็นพระราชธิดาลัญยาวดีถึงไปยอมเป็นชายาครุฑงี่เง่าโง่เขลาตนนี้ได้

     "ข้ามีใบหน้าเช่นนั้มาตั้งแต่จุติเมื่อพันกว่าปีก่อนแล้ว หากเจ้ามิเชื่อลองไปทูลฯถามพระแม่อุมาเทวีผู้ประทานพรกำเนิดข้าได้" องค์ศศิศทอดพระเนตรท่าทีของราชาครุฑแล้วก็นึกหวั่นพระทัยกลัวฆเคศวรจะล่วงรู้ความลับที่พระองค์ปิดซ่อนไว้และอาจจะเข้ามาขัดขวางการแก้แค้น

     ขณะที่องค์ฆเคศวรนิ่งไปชั่วครู่ ไม่ว่ากระไร แต่ชำเลืองดูท่าทีของนาคราชหนุ่มเพื่อประเมินท่าที เพราะราชาครุฑเองก็เคยได้ยินเรื่องราวพรกำเนิดของนาคราชหนุ่มผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นนาคราชที่งดงามที่สุดในสามโลก แต่มิเคยสนพระทัยไยดีเรื่องราวของเผ่าศัตรูเท่าใดนัก
 
     ทันใดนั้นฆเคศวรก็คว้าศศิศเข้าไปจุมพิตอย่างดูดดื่ม นานจนศศิศแทบขาดอากาศถึงได้ยอมปล่อยแล้วก็ยังคว้าพระกรของศศิศมากุมไว้

      "ปล่อย"

      "ไม่ปล่อย พี่ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปจากพี่อีกแล้ว"

      "น้องหญิง ในที่สุดพี่ก็หาเจ้าพบ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาพี่เฝ้าตามหาดวงจิตของเจ้าบนโลกมนุษย์จนลืมตามหาเจ้าที่เมืองบาดาลแห่งนี้"

      "เจ้าเพ้อเจ้ออะไรกัน ข้ามิใช่ชายาของเจ้า ข้าเป็นนาคราช นามของข้าคือ ศศิศมหานาคราช ข้าถือกำเนิดจากบงกชมณีหยาดตามพรของพระแม่เจ้าอุมาเทวีที่ทรงประทานพรให้เสด็จพ่อของข้า ข้าจะเป็นมนุษย์ได้อย่างไรเล่า  เจ้าปล่อยมือข้าได้แล้ว"

      ศศิศมหานาคราชตรัสตอบเสียงเบา พระองค์เองเคยไปชดใช้กรรมในโลกมนุษย์และมิใช่เรื่องแปลก หากพระองค์จะเป็นพระราชธิดาลัญยาวดี เพราะพระนางสิ้นพระชนม์ด้วยมนต์ดำซึ่งสอดคล้องตามคำสาปที่พระองค์ได้รับ
   
      พระองค์จะต้องแก้แค้น!

      แต่เรื่องนี้จะให้องค์ฆเคศวรรับรู้มิได้เพราะผู้ที่ลงมือคงไม่พ้นเป็นผู้ที่ใกล้ชิดครุฑราชอย่างแน่นอน

      "ตอนที่วาโยบอกพี่ พี่ยังคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อครู่พี่สัมผัสได้ถึงดวงจิตของเจ้า แม้มันจะเบาบางเหลือเกิน น้องหญิง ต่อให้เจ้าจะอยู่ในร่างไหน เจ้าก็คือดวงหทัยของพี่"

      หลังจากตรัสจบ องค์ฆเคศวรก็เข้าอุ้มศศิศที่ยังงุนงงขึ้นแนบพระอุระก่อนจะกลับร่างเป็นพญาครุฑแล้วโผบินสู่ท้องฟ้า

      "ปล่อยข้าลงบัดเดี๋ยวนี้"

      "พี่จะพาเจ้าไปหาผู้หนึ่ง"

      "ผู้ใดกัน"

      "ผู้ที่คอยดูแลเจ้าตอนที่เจ้าอยู่ที่วิมานฉิมพลี"

       "ข้าบอกเจ้ากี่ครั้งแล้ว ข้ามิใช่ชายาของเจ้า ข้ายังมิเคยไปวิมานฉิมพลีของพวกเจ้าเลยสักครั้ง"

       "น้องหญิง เจ้าจะจำอดีตชาติไม่ได้ พี่ก็ไม่ว่า แต่เจ้าจะใจร้ายใจดำกับลูกกับสวามีเยี่ยงพี่ได้ลงคอเชียวรึ" สองพระกรประสานกันแน่นรอคอยคำตอบ แต่แล้วคำตอบของศศิศก็ทำให้ราชาครุฑพระพักตร์ซีดเผือด

       "เจ้ามิใช่สวามีของข้า"

        ความรักระหว่างพวกเขามันจบสิ้นไปแล้ว แม้ลึกๆแล้วพระองค์จะเริ่มสงสารราชาครุฑที่ต้องสูญเสียชายาอันเป็นที่รักไป ต้องรอคอยการถือกำเนิดของโอรสพระองค์เดียวกว่าร้อยปี แต่ลัญยาวดีตายไปแล้วที่ยืนอยู่นี่คือ 'ศศิศมหานาคราช'   

       "แต่เจ้าคือชายาของพี่"

        "....."


              เมื่อพญาครุฑพานาคราชหนุ่มไปยังวิมานฉิมพลีก็บินตรงไปยังตำหนักแห่งหนึ่ง องค์ฆเคศวรพาพระองค์เสด็จยังด้านในตำหนัก
      องค์ศศิศกำลังจะตรัสโต้เถียง แต่สายพระเนตรกลับทอดพระเนตรวิมานสีขาวที่ประดับประดาไปด้วยผ้าม่านสีน้ำทะเล

      "ตำหนักเบญจมาศ"

      ภาพตำหนักและของประดับทุกอย่างเหมือนในความฝันไม่มีผิดเพี้ยน ทุกสิ่งอย่างเป็นของที่เกี่ยวกับทะเลแสดงถึงรสนิยมของเจ้าของตำหนักว่า ชื่นชอบทะเลเป็นอย่างมาก

         ภายในห้องบรรทมประดับประดาไปด้วยม่านสีฟ้าและเปลือกหอย ศศิศเอื้อมพระกรไปยังข้างแท่นบรรทม มีสมุดเล่มน้อยเล่มสีฟ้าวางอยู่

      องค์ศศิศรู้ได้ทันทีว่า นี่คือตำหนักที่ประทับของพระชายาลัญยาวดี เพราะพระองค์เคยสุบินถึงตำหนักแห่งนี้

      "พระธิดา" หญิงสาวในชุดนางกำนัลของชาวครุฑโผเข้ามากอดนาคราชหนุ่มทันที

      "จำปา ? แล้วหิมาลายาล่ะ "

      พระองค์ตรัสชื่อสตรีในฝันที่ใบหน้าเหมือนคนตรงหน้ามิผิดเพี้ยน พระองค์รู้สึกคุ้นเคยราวกับรู้จักกันมานานแสนนาน

      "หม่อมฉันรอคอยพระธิดากลับมานานแสนนานแล้ว ในที่สุดพระองค์ก็กลับมา ฮื่อๆ หม่อมฉันคิดถึงพระองค์เหลือเกิน"

       "ข้า... เจ้าจำคนผิดแล้ว ข้ามิใช่พระราชธิดาลัญยาวดีที่เจ้ารู้จักหรอก" พระองค์เบือนพระพักตร์หนีเมื่อทอดพระเนตรสตรีตรงหน้าร่ำไห้สะอึกสะอื้น

       องค์ฆเคศวรเพียงแย้มพระโอษฐ์กว้างทันที ราชาครุฑคว้าพระกรศศิศมาจับไว้

      "ปล่อยมือข้า!"

      "พี่กลัวเจ้าหลง"

       องค์ฆเคศวรกระชับพระกรที่จับพระองค์ไว้แน่น

       "พี่? ข้ามิเคยจำได้ว่า มีพี่เป็นครุฑ"

       "พี่มิใช่พี่ของเจ้า แต่พี่คือสวามีของเจ้า"

       "ข้ามิใช่ชายาของเจ้า"

       "น้องหญิง หากเจ้ามิใช่ชายาของพี่ ไยเจ้าถึงจำจำปาได้ และเจ้ารู้ได้เยี่ยงไรเล่าว่า ชายาของพี่นามว่า ลัญยาวดี"

       " ข้า  คือข้า...ข้าได้ยินมาน่ะ"

       "นอกจากคนสนิทในตำหนักของวิมานฉิมพลีแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้เรื่องชายาของพี่เลย และหิมาลายาตั้งแต่เล็กจนโตก็มิได้ออกจากวิมานฉิมพลีเลยสักครั้ง เจ้าจะไปรู้จักนางได้เยี่ยงไร เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะเคยมายังวิมานฉิมพลีของพี่ "

        "ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้น ข้ารู้แต่ข้าเกลียดครุฑเยี่ยงเจ้าที่สุด"

        "น้องหญิง แต่พี่รักเจ้าที่สุด แม้ตอนนี้เจ้าจะลืมพี่ไป แต่พี่สัญญาว่า พี่จะดูแลปกป้องเจ้ากับลูกอย่างดีที่สุด"

       องค์ศศิศย้อนให้ว่า "เจ้ามีสิทธิ์อันใด อย่าลืมว่าเจ้าน่ะดูแลตัวเองยังไม่ได้เลย ข้าได้ยินว่า เพียงรับมือฝูงอสูรปักษา เจ้าก็บาดเจ็บปางตายแล้วมิใช่หรือ "

        "มิใช่ว่าพี่สู้พวกมันมิได้ แต่ครั้งนั้นหากพี่ไม่แกล้งเจ็บ เจ้าก็คงมิได้สนใจไยดีพี่" องค์ฆเคศวรหลบพระเนตรตรัสตอบปฏิเสธไม่เต็มเสียง

        "ข้ามินึกเลยว่า ครุฑเยี่ยงเจ้าจะมีเล่ห์กลร้ายกาจเช่นนี้"


        "น้องหญิง พี่เพียงแต่มิรู้วิธีเกี้ยวพาราณสีเจ้าเท่านั้น หาได้มีเจตนาหลอกลวงเจ้าเลย พี่เพียงแต่ รักเจ้าตั้งแต่แรกพบจนมิอาจจะหักห้ามความรู้สึกได้จึงได้ทำเช่นนั้น"

        "นั่นมันก็เรื่องของเจ้ามิได้เกี่ยวกับข้า" องค์ศศิศตรัสย้อนให้

        "เกี่ยวสิ วาโยก็เป็นลูกของเรา เจ้าจะใจร้ายทอดทิ้งเขาได้อย่างนั้นหรือ"

        "ข้า..ข้าเป็นพญานาคจะมีลูกเป็นพญาครุฑได้อย่างไร ที่ข้ายอมเป็นแม่เขาก็เพราะสงสาร กำพร้าแม่แล้วยังมีครุฑโง่เยี่ยงเจ้าเป็นพ่ออีก แล้วไม่ต้องมาถามอะไรข้าอีกนะ ข้ารำคาญ" ท่าทีแสร้งหงุดหงิดไม่พอพระทัยขององค์ศศิศทำให้องค์ฆเคศวรพอจะคาดเดาได้

        " มีผู้ใดเคยบอกเจ้าหรือไม่ว่าเจ้าน่ะ โกหกใครมิแนบเนียนเลย"องค์ฆเคศวรตรัสเสียงระรื่น

        "ข้า... ช่างเถอะ เอาเป็นว่า เจ้าหยุดเรียกข้าว่าน้องหญิงเสียที ข้าเป็นบุรุษหาใช่สตรีไม่"

        "ถ้าเช่นนั้น ข้าจะเรียกเจ้าว่า 'ศศิศ' พระจันทร์ในหทัยข้า" ราชาครุฑตรัสเสียงหวาน ขณะที่ศศิศเริ่มรู้สึกพระทัยเต้น รู้สึกเขินอายและหมั่นไส้ในเพลาเดียวกัน

#########
       

          พอมีเวลาปุ๊บต้องรีบมาต่อเลยค่ะ  เพราะเวลายิ่งมีน้อยๆ แต่พอรู้ว่ามีคนรออ่านยังไงก็มาค่ะ   ตอนหน้าศศิศมาแก้แค้นและสืบหาผู้ที่ทำร้ายทุกตนค่ะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

     ขอกำลังใจสักหน่อย เม้นต์สักนิด ให้มีแรงมาต่อนะคะ สัปดาห์นี้เศร้าเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-10-2017 06:15:59
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: หมอตัวเปียก ที่ 25-10-2017 07:58:14
ดีใจมาต่อแล้ว
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 25-10-2017 08:12:19
ศศิศจะทำยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 25-10-2017 08:31:21
พ่อครุฑนี่มือไวใจเร็วจริงๆเลย ทำไมน่าหมั่นไส้แบบนี้
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-10-2017 20:10:19
รอตอนต่อไป  :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: First14120 ที่ 25-10-2017 20:56:46
รอค่าาา  :mew1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: bojaemyboo ที่ 26-10-2017 00:41:43
พ่อครุฑนิปากหวานจริงเชียว
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 26-10-2017 13:33:36
อห.  ปุ๊บปั๊บจนตกใจตั้งตัวไม่ทันหรือเราอ่านข้ามไปนะ  เหมือนต้องกลับไปอ่านใหม่คือที่เราจำได้ก็คือศศิได้ไข่ลูกจากคนที่ไม่หวังดี  แล้วเหมือนไปทำอะไรซักอย่างพร้อมไข่ในถ้ำจนครุฑมาเจอแล้วทำร้านเจ็บหนัก  ก็ตัดเข้าภาคอดีตที่ใันใช่มั้ยคะ  นี่ก็รอตามพอรู้ว่าเริ่มจะวายเเล้ว  แต่งงว่าลูกออกจากไข่แล้ว? ศศิที่โดนทำร้ายตื่นจากฝันหายจากบาดเจ็บ? เหมือนมันกระโดดๆ  หรือไม่ก็เราอ่านนานแล้วลืมเอง
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: oilzaza001 ที่ 26-10-2017 21:08:37
อห.  ปุ๊บปั๊บจนตกใจตั้งตัวไม่ทันหรือเราอ่านข้ามไปนะ  เหมือนต้องกลับไปอ่านใหม่คือที่เราจำได้ก็คือศศิได้ไข่ลูกจากคนที่ไม่หวังดี  แล้วเหมือนไปทำอะไรซักอย่างพร้อมไข่ในถ้ำจนครุฑมาเจอแล้วทำร้านเจ็บหนัก  ก็ตัดเข้าภาคอดีตที่ใันใช่มั้ยคะ  นี่ก็รอตามพอรู้ว่าเริ่มจะวายเเล้ว  แต่งงว่าลูกออกจากไข่แล้ว? ศศิที่โดนทำร้ายตื่นจากฝันหายจากบาดเจ็บ? เหมือนมันกระโดดๆ  หรือไม่ก็เราอ่านนานแล้วลืมเอง

เราก็งงเหมือนกันค่ะ น่าจะบรรยายตอนช่วงศศิศสลบไปหน่อยเพราะเรางงๆตื่นขึ้นมาทำไมลูกโตเลย? สลบไปนานเท่าไหร่ แล้วไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง โอยยย ยังไงก็ติดตามตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 26-10-2017 21:48:02
อห.  ปุ๊บปั๊บจนตกใจตั้งตัวไม่ทันหรือเราอ่านข้ามไปนะ  เหมือนต้องกลับไปอ่านใหม่คือที่เราจำได้ก็คือศศิได้ไข่ลูกจากคนที่ไม่หวังดี  แล้วเหมือนไปทำอะไรซักอย่างพร้อมไข่ในถ้ำจนครุฑมาเจอแล้วทำร้านเจ็บหนัก  ก็ตัดเข้าภาคอดีตที่ใันใช่มั้ยคะ  นี่ก็รอตามพอรู้ว่าเริ่มจะวายเเล้ว  แต่งงว่าลูกออกจากไข่แล้ว? ศศิที่โดนทำร้ายตื่นจากฝันหายจากบาดเจ็บ? เหมือนมันกระโดดๆ  หรือไม่ก็เราอ่านนานแล้วลืมเอง

เราก็งงเหมือนกันค่ะ น่าจะบรรยายตอนช่วงศศิศสลบไปหน่อยเพราะเรางงๆตื่นขึ้นมาทำไมลูกโตเลย? สลบไปนานเท่าไหร่ แล้วไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง โอยยย ยังไงก็ติดตามตอนต่อไปค่าาา

       ขอบคุณมากนะคะ  เดี๋ยวนัทสึไปรีไรท์ใหม่ในจุดนี้   :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: PAiPEiPEi ที่ 27-10-2017 11:13:12
ค่าาาารอติดตามนะคะคุณคนเขียนเราชอบพอร์ตเรื่องนี้น่าติดตามดี  จริงๆเราว่าคุณคนเขียนบรรยายภาษาก็ดีนะคะ  อาจจะขาดการเชื่อมๆกันและภาพรวมๆของบริบท เราว่าถ้าเติมเต็มตรงนี้ได้ต้องสนุกมากแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: Axis._. ที่ 26-12-2017 19:23:43
อยากอ่านตอนต่อไปเเล้วววว เห็นการพัฒนาภาษาสำนวนของคนเขียนชัดเจนเลยจากตอนเเรกๆพอมาตอนที่ห้าที่หกนี่ไหลลื่นเลยทีเดียว อยากให้มาต่อเร็วๆจัง รออยู่น้าาาา  :impress2:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 26-12-2017 22:25:23
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: j4c9y ที่ 18-02-2018 10:40:18
ชอบตัวเลยยน
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 20-02-2018 23:00:28
ขอโทษที่ดองเรื่องนี้ไปนานนะคะ   เพิ่งจะเคลียร์งานได้ค่ะ เรื่องนี้มันยาก ใช้เวลาเขียนแต่ละตอนนานมาก เพราะนัทสึไม่ถนัดเลย ขอบคุณนะคะที่ยังติดตามกัน ขอบคุณทุกคอมเม้นต์ที่ยังมารออ่าน และให้กำลังใจนะคะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: kanj1005 ที่ 20-02-2018 23:20:43
รอค่ะ
แวะไปอ่านบทที่2ต่อก่อน
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๖ หน้า ๔ [ ๒๔ / ๑๐ / ๖๐ ]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 01-03-2018 07:58:08
ตอนที่  ๗

        นาคราชหนุ่มทอดพระเนตรพระพักตร์ของพระโอรสน้อยบรรทมหลับสนิทบนแท่นบรรทม ตอนนี้ฆเคศวรเสด็จไปว่าราชการแล้ว เหลือเพียงจำปาและพระองค์เท่านั้นแล้วจึงตรัสกับจำปาว่า


        “ก่อนพระนางลัญญาวดีจะสิ้นพระชนม์ เจ้าจำได้ไหมว่ามีเหตุการณ์ประหลาดๆ อะไรเกิดขึ้นบ้าง”


        จำปาพยายามนึกถึงอดีต นางส่ายหัวปฎิเสธ แต่สักครู่ก็กราบทูลว่า “ตอนนั้นพระองค์ทรงมีพระสุบินร้ายทุกคืนเลบเพคะแล้วตามพระวรกายก็มีรอยเสือขบกัด”


        องค์ศศิศนิ่งอึ้งไปทันที


        มีพระสุบินร้ายทุกคืน…


        มีรอยเสือขบกัด…


       สิ่งเหล่านี้มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว ทำไมไม่มีผู้ใดตรวจรักษานาง ทำไมไม่มีใครสนใจเรื่องนี้  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่


       นาคราชหนุ่มครุ่นคิดย้อนไปถึงเรื่องราวในอดีต แต่ร่างเพรียวกลับจำอะไรไม่ได้เลย จึงจำต้องหันมาถามจำปาต่อ “แล้วเรื่องเหล่านี้ ฆเคศวรไม่ทราบเลยรึ”


      “องค์พระบาทเจ้าในช่วงนั้นทรงเสด็จนำทัพปราบอสูรสารเศียรเพคะ แม้ว่าพระนางจะประชวร แต่ก็ไม่มีหมอหลวงคนไหนมารักษา มีเพียงหมอหญิงที่คอยดูแลเรื่องพระครรภ์เท่านั้นเพคะ หม่อมฉันเคยไปหาหมอหลวงเรื่องนี้ หมอหลวงหาว่าหม่อมฉันบอกเรื่องไร้สาระเพคะ”


      “ดูเหมือนทุกคนจะไม่ใครสนใจนางเลยนะ หึ สนใจแต่พระโอรส”


       องค์ศศิศนึกสงสารชะตาชีวิตตนเองในอดีตชาติ  พระองค์ทรงลูบพระเกศาพระราชโอรสวาโยแล้วตรัสว่า “ข้าต้องกลับนครบาดาลแล้ว ถ้าลูกตื่นแล้วร้องหาข้าให้เจ้าเอาสิ่งนี้ให้เขา ถ้าเขาเรียกหาข้า ข้าจะตอบเขาทันที”


       แม้จะไม่อยากพรากจากพระราชโอรสพระองค์น้อยเพียงใด แต่ภาระหน้าที่ในตำแหน่งกษัตริย์แห่งท้องทะเลตะวันตกก็มิอาจจะทอดทิ้งได้ ร่างเพรียวหยิบกระจกมรกตที่เผ่ายักษ์แห่งนครเภตรามอบเป็นของบรรณาการขึ้นมาแล้วพระราชมันให้แด่พระราชโอรสองค์น้อย


       “จะไปแล้วหรือเพคะ” จำปาทูลถามน้ำตาคลอ นางเพิ่งจะได้พบพระนางผู้เป็นเจ้านายเพียงชั่วครู่เท่านั้น


      ร่างเพรียวแย้มพระโอรษฐ์แล้วตรัสว่า “อันตัวข้านั้นเป็นพญานาคา แต่วิมานแห่งนี้เป็นที่ประทับของครุฑ มันไม่ใช่ที่ของข้า เจ้าเข้าใจใช่ไหม”


      “เพคะ”


      นางเข้าใจแต่ไม่อยากจะยอมรับ ไม่อยากจะทนดูพระนางต้องจากไปอีก แต่ครั้งนี้พระนางอยู่ในร่างพญานาคราชผู้ทรงฤทธิ์ ไม่ใช่พระนางผู้ทรงอ่อนแอและถูกผู้ใดรังแกได้อีกแล้ว  จำปานึกในใจ


      “พระนางต้องเสด็จกลับมานะเพคะ”


     “มาสิ ข้าต้องมาหาลูกของข้าอยู่แล้ว”


     ตอนนี้พระองค์เป็นพระมารดาแล้ว อย่างไรก็ต้องทำหน้าที่พระมารดาพระราชโอรสน้อย เพราะเจ้าครุฑราชงี่เงาที่วันๆ เอาแค่ตามหาพระราชชายานั่นคงไม่มีปัญญาปกป้องลูกของพระองค์ได้ดีหรอก  เรื่องอันใดจะปล่อยให้เขาดูแลพระราชโอรสของเขาเพียงลำพัง    พระองค์ไม่ไว้พระทัยเด็ดขาด


      “ข้าไปนะ”  องค์ศศิศเสด็จออกจากตำหนักก่อนจะเสด็จออกจากวิมานฉิมพลีจากนั้นทรงเหาะกลับไปยังริมชายทะเลาอาณาเขตของพระองค์แล้วทรงกลับร่างเป็นมหานาคราชเจ็ดเศียรขนาดมหึมาเลื้อยลงสู่ท้องทะเลกว้าง


     เมื่อเสด็จกลับยังนครบาดาลแล้วทรงว่าราชการเสร็จก็เสด็จยังห้องทรงพระอักษรและทอดพระเนตรพระตำราที่มีในห้อง


     “ฝันร้าย เนื้อตัวมีรอยถูกขบกัด เสือที่ไหนกันจะกล้ากัดพระราชชายาครุฑงี่เง่านั่นได้”


     มันเหมือนหนทางไขปริศนาจะมืดมิด พระองค์เริ่มคิดว่า มันจะต้องเป็นมนตราที่ร่ายให้เกิดพระอาการประชวรเช่นนั้น แต่เมื่อค้นเท่าไรก็มิเจอ


      วิ้งงงงงงงงงงง


      เสียงเรียกของกระจกมรกต นาคราชหนุ่มแย้มพระโอรษฐ์แล้วร่ายพระคาถาปรากฎกระจกบานใหญ่ขึ้นทันที


      “ว่าอย่างไร คนเก่งของแม่” พระองค์ตรัสเสียงอ่อนโยน


      “น้องหญิง นี่พี่เอง” ครุฑราชตรัสตอบ พระองค์ทอดพระเนตรพระราชชายาอยู่ในห้องทรงพระอักษรแล้วแย้มพระโอรษฐ์


       กระจกวิเศษนี่มันดีจริงๆ…


       นาคราชหนุ่มตรัสต่อว่าทันทีว่า “เจ้ากล้าดีอย่างไรมาขโมยของลูกข้า”


       “ลูกยังหลับอยู่ พี่เลยขอยืมมาใช้หน่อยน่ะ พี่คิดถึงเมีย”


       “ครุฑหน้าด้าน”

        ร่างเพรียวพระพักตร์เห่อร้อนเมื่อถูกเกี้ยวพาราณสี พระองค์ทำเป็นไม่สนพระทัย เสด็จไปค้นหาพระตำราเล่มอื่นต่อ


       “น้องหญิง อ่านอะไรอยู่รึ”


       “เรื่องของข้า”


      “ถ้าเจ้าไม่เข้าใจตำราเล่มไหนถามข้าได้นะ  ตำราในห้องของเจ้า ข้าล้วนอ่านมันมาแล้วทั้งสิ้น”

      เจ้าครุฑงี่เง่า บ้ากามนี่ ช่างขี้โม้สิ้นดี…


      “เช่นนั้น เจ้ารู้รึไม่ มนตราอันใดทำให้ฝันร้ายและเนื้อตัวมีรอยถูกเสือขบกัด”


       ครุฑราชหนุ่มนิ่งเงียบไปแล้วส่ายพระพักตร์ตอบ “ข้าเองไม่เคยได้ยินมนตราเช่นนั้นมาก่อน”


      “ถ้าเช่นนั้นก็อย่ามารบกวนข้า ข้ากำลังยุ่ง แค่นี้นะ” พระองค์คว่ำกระจก ภาพของครุฑราชหนุ่มหายไปทันที


       มนตราอันใดกันที่ครุฑและนาคยังมิรู้ รึว่าจะเป็นมนตราของอสูรกัน มันมิน่าจะใช่มนตราของเทพเทวาอย่างแน่นอน…

       เห็นทีว่าพระองค์คงต้องเสด็จไปแดนอสูรเพื่อหาคำตอบด้วยพระองค์เองเสียแล้ว….


***************************************************************************

   กลับมาแล้วค่ะ  มาร่วมกันไขปริศนาการตายในอดีตชาติของศศิศไปพร้อมๆกัน ต่อไปนาคจะบุกแดนอสูรแล้ว แฟนซีไปอีกค่ะ  เรื่องนี้ยังไม่จบเลยไปเปิดเรื่อง หงส์เหนือบัลลังก์อีก  แต่พอมีไอเดีย ถ้าไม่ได้เขียนต่อแล้วมันจะตายค่ะ นัทสึเป็นพวกเด็กไฮเปอร์ ที่มาต่อช้าไม่ใช่ว่าเพราะติดเรื่องใหม่ แต่เพราะติดเรื่องข้อมูลมากกว่าค่ะ  ไม่อยากแต่งมาไม่ดีแล้วตัวเองก็ไม่มีความรู้ด้านวรรณคดีไทยแนวหิมพานต์ลึกซึ้ง


    ขอตัวไปทำการบ้านเกี่ยวกับแดนอสูรก่อนนะคะ 
    ขอบคุณที่ติดตาม ขอบคุณที่ทวงถามค่า  ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ 

   ใครอ่านขอให้สวยให้หล่อ ใครเม้นต์ขอให้รวยทุกคนนะคะ




หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๒๘ .๐๒ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: xexezero ที่ 01-03-2018 11:31:48
วาโยน่ารักกกก รอตอนต่อไปนะคะ^^
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๒๘ .๐๒ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-03-2018 16:08:30
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๒๘ .๐๒ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: neverland ที่ 01-03-2018 17:56:00
คิดว่าจะไม่มาต่อเรื่องนี้แล้วค่ะ ดีใจมากๆที่กลับมา
ตอนต่อไปคงมีงัดข้อกันบ้างล่ะ มารังแกกันจนตาย สงสารชาติที่แล้วของศศิศจริงๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๒๘ .๐๒ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-03-2018 17:57:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๒๘ .๐๒ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-03-2018 22:31:27
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๑ .๐๓ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-03-2018 00:12:54
รออ่านตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๑ .๐๓ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: ปักษธร ที่ 14-03-2018 17:12:58
รออยู่นะค่ะมาต่อเร็วๆนะค่ะสู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๑ .๐๓ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: suck_love ที่ 14-03-2018 18:33:07
อ่านแล้วอยากอ่านต่อเรื่อยๆเลยค่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๑ .๐๓ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-03-2018 09:24:34
รอๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค) ตอนที่ ๗ หน้า ๔ [ ๑ .๐๓ .๒๕๖๑]
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 31-05-2018 23:04:31
   
       
ตอนที่ ๘     

       เมื่อแสงสุดท้ายลับขอบฟ้า หลังจากสุริยะเทพทรงเคลื่อนราชรถกลับสู่แดนสุริยโลก ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสลัว     


       นาคราชหนุ่มยังคงประทับในห้องทรงพระอักษรคอยตรวจตราฎีกาที่บอกเล่าความเป็นไปของโลกบาดาล รวมทั้งจำนวนเม็ดฝนที่ตกบนพื้นโลกด้วยความสนพระทัย


       กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกปาริชาตลอยมาตามลม


       มันหอมเสียจนพระวรกายที่เหนื่อยล้าจากการทรงงานเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย รู้สึกวิงเวียนพระเศียร


       "กลิ่นอะไรกัน ช่างหอมเหลือเกิน"


       ศศิศมหานาคราชนึกฉงนพระทัยยิ่งนัก เหตุใดจึงได้กลิ่นหอมในโลกบาดาลของพระองค์ได้ องค์ศศิศเงยพระพักตร์ขึ้นแล้วเสด็จออกไปด้านนอกพระตำหนักทันที


       เมื่อทอดพระเนตรออกไปยังด้านนอกพระตำหนัก พระองค์ทอดพระเนตรต้นไม้แห่งสรวงสวรรค์ส่องแสงเรืองรองระยิบระยับด้วยอำนาจแห่งเทวมนตรา


       หลังจากนั้นตรัสด้วยน้ำเสียงกึกก้องกังวานไปทั่วทั้งบาดาลว่า "ฆเคศวร เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าเข้ามาในนครบาดาลของข้า โดยมิได้รับอนุญาต"


        ร่างสูงองอาจของครุฑราชเสด็จออกมาจากด้านข้างพระตำหนักทันที
 
      "อย่าโกรธไปเลย ชายาแห่งพี่ อันตัวพี่นั้นมาที่นี่เพราะมาตามหทัยที่คิดถึงเจ้าเท่านั้น"


        นาคราชหนุ่มหันไปทอดพระเนตรต้นปาริชาตที่ออกดอกงามเด่นอยู่หน้าทางเข้านครบาดาล "เหตุใดเจ้าถึงบังอาจขโมยต้นไม้สวรรค์มาไว้ที่นี่ เจ้าปรารถนาจะให้เหล่าเทพบุกมาโจมตีเมืองบาดาลของข้ากระนั้นหรือ เจ้าครุฑเจ้าเล่ห์"


      ครุฑราชแย้มพระโอรษฐ์บางๆ ก่อนจะรีบตรัสแก้ไขความเข้าพระทัยผิดว่า "หาเป็นเช่นนั้นไม่ พี่เพียงปรารถนาให้กลิ่นหอมของมันช่วยทำให้เจ้าสดชื่นบ้าง พี่จึงได้ขอยืมต้นปาริชาตมาจากองค์เทวราช"
   
   
      ศศิศนาคราชนึกขันในพระทัย อันดอกปาริชาตนั้นจะมีดอกบานครั้งหนึ่งต่อเมื่อครบหนึ่งร้อยปีเท่านั้น มีรึเทวราชพระอินทร์จะทรงยินยอมพระราชทานมาง่ายดาย

       หากมิใช่เพราะความอหังการของเจ้าครุฑตนนี้ ที่มีพลังเหนือวัชระของเทวราชจนพระองค์ต้องยอมพระราชทานต้นปาริชาตในที่สุด

     "เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่ ครุฑราช"


      "พี่เพียงอยากให้เจ้าจำพี่กับบุตรของเราได้อีกครั้งเพียงเท่านั้น"


      องค์ศศิศส่ายพระเศียรน้อยๆ แล้วตรัสว่า "อดีตที่เจ็บปวด มีค่าอันใดที่ต้องจดจำ ชีวิตของข้าจุติมาเพื่อหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เพื่อพิทักษ์บาดาล เหตุใดต้องมาสนใจจดจำเรื่องเล็กๆน้อยๆ ไร้ค่าด้วยกันเล่า"


      ครุฑราชนิ่งชะงัก สายพระเนตรสะท้อนเงาความเศร้าดุจจมอยู่ในห้วงมหาสมุทรลึก พระองค์ตรัสเสียงเศร้าว่า "คงถึงเวลาที่พี่ต้องกลับวิมานฉิมพลีแล้ว"


      "ข้ารอเพลานี้มานานเหลือเกิน" องค์นาคราช รีบตรัสตอบ


      องค์ฆเคศวรฉวยโอกาสที่องค์ศศิศเผลอ ทรงจับพระหัตถ์ของชายาของพระองค์มาจุมพิตแล้วตรัสว่า "พี่คงไม่ได้มาหาเจ้าอีกสักพักใหญ่ทีเดียว ตอนนี้อสูรภัทรกรกำลังบุกเข่นฆ่าเหล่ามนุษย์ในเขตไพศาลี พระหรินารายณ์มีพระราชโองการผ่านพระอัยกาเจ้าให้เหล่าครุฑกำจัดพวกมัน"


       อสูรภัทรเป็นอสูรร่างกายใหญ่โต มีฤทธิ์เดชมากมายและได้รับประทานพรจากเทพผู้ให้กำเนิดพระพรหมให้มีพละกำลังเหนือศัตรูทั้งปวง
 
 
      องค์ศศิศอดตรัสถามด้วยความสนพระทัยมิได้ว่า "อสูรตนนั้นได้รับพรจากพระพรหมมิใช่หรือ แล้วเจ้าจะสามารถสู้กับมันได้รึ"


      "เจ้ามิต้องกังวล แม้อสูรตนนั้นจะมีพละกำลังเหนือกว่า แต่พี่จะเอาชนะมันด้วยปัญญา"



      "หึ มั่นใจเสียจริงนะ ครุฑราช"

      นาคราชหนุ่มเริ่มรู้สึกเวียนพระเศียร แต่ยังฝืนเสด็จไปส่งครุฑราชถึงหน้าทวารแห่งนครบาดาล
 
   
      "พี่มีชายาที่ทรงเกียรติ มีบารมีอำนาจยิ่งใหญ่ในบาดาล งดงามจนสามโลกกล่าวนาม และมีบุตรที่น่าชื่นชม เช่นนี้แล้วหาต้องกลัวอาวุธหรืออำนาจชั่วร้ายใดๆ อีก ความรักที่มีต่อพวกเจ้าจะทำให้พี่มีพลังและเอาชนะอสูรร้ายได้" ครุฑราชตรัสด้วยสุรเสียงอันอ่อนโยน


      องค์ศศิศรีบตรัสตอบว่า "ช่างเป็นผู้ที่กล่าววาจาหวานเลี่ยนได้ชวนคลื่นไส้อาเจียนเสียจริง รีบไปเสียทีสิ ข้าชักจะทนฟังต่อมิไหวเสียแล้ว"


      "พี่ไปก่อนนะเจ้า ขอให้เจริญสุข พรของพี่จะอยู่กับเจ้าไปตลอด" ครุฑราชตรัสจบก็เสด็จผ่านทวารบานออกไปเหนือผิวน้ำก่อนจะกลายร่างเป็นพญาครุฑมหึมาทะยานสู่ท้องฟ้าทันที


    องค์นาคราชบรรทมเหนือแท่นบรรทม กลิ่นหอมจากดอกปาริชาตลอยอบอวนทั้งบาดาล
     หยดพระอัสสุธาราเริ่มไหลคลอพระเนตรทั้งสอง


       ต้นไม้แห่งการระลึกชาติเริ่มแสดงเทวฤทธิ์ของมันเสียแล้ว ความทรงจำมากมายเริ่มย้อนกลับมา กี่ร้อยชาติ กี่ร้อยภพ นับไม่ถ้วนเสียแล้ว


(ฉากฝันถึงอดีต)




       ภาพครุฑราชประทับเคียงข้างสตรีนางหนึ่งที่สวดขอพรอยู่ หลังจากสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศ ทั้งสองจึงสวดว่า


      "โอม ไจ มาตา ดี (สามจบ)

       โอม ชยะ ศรี ปารวตี มาตา (สามจบ)

        โอม ศรี มหา อุมาเทวะไย นะมะห์ (สามจบ)

        โอม โรคา นะเศษา นะปะหัมสิตุษฎา
รุษตาตุกามาน สะกะลา นะภีษะตาน
ตะวามา ศะริตานาม นะวิปัน นะรานาม
ตะวามา ศะริตายา ศะระยะตาม ประยันติ (หนึ่งจบ)



       พระแม่ได้โปรดประทานโอรสให้เราด้วยเถิด"


       สตรีนางนั้นยังคงสวดวิงวอนต่อพระแม่ปารวตีต่อเนื่องจนสิบปีต่อมาพระแม่ปารวตี มหาเทวีผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาประทานพรแด่พวกเขา พระมหาเทวีประทับบนหลังเสือ พระพักตร์งดงามเปี่ยมด้วยความเมตตา ทรงช่างสง่างามเหลือเกิน


        "คารวะ พระแม่"


        "เราพอใจในการสวดสรรเสริญของเจ้า ข้ามาเพื่อทำคำขอของพวกเจ้าให้เป็นจริง ต่อไปนี้เจ้าจะมีบุตรที่ยิ่งใหญ่ คำสาปใดๆ มิอาจทำอันตรายเขาได้ ครุฑราช"


        พวกเขาก้มลงคารวะพระแม่ด้วยความซาบซึ้งและยินดี


        "ขอบพระทัยพระแม่"


        พระมหาเทวีผู้ยิ่งใหญ่ประทานต่อว่า "ขอให้เจริญสุข"


        หลังจากนั้นพระนางก็เสด็จจากไปยังเทือกเขาไกรลาสเคียงข้างผู้เป็นพระสวามี องค์พระมหาเทพศิวะ ผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวาล


        สืบเนื่องด้วยพรของพระมหาเทวีกระมังจึงทำให้วาโย ยุพราชแห่งวิมานฉิมพลีทรงรอดพ้นภยันตรายจากคำสาปของผู้ไม่ประสงค์ดี
        *******************************

       นัทสึมาแล้วค่ะ คราวนี้ไปทำการบ้านอ่านตำนานเหล่าทวยเทพมาแล้ว ตั้งใจจะเขียนเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ติชมกันบ้างนะคะ และสุดท้ายขอบคุณทุกคนที่ยังรอและเม้นต์ทวง ทำให้นัทสึดีใจมากๆ กดบวกให้แล้วทุกคนเลย
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 01-06-2018 03:33:07
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: donut4top ที่ 01-06-2018 13:40:05
เพิ่งมาตามอ่านค่ะ พล็อตเรื่องน่าสนใจมาก เราชอบนะคะ อาจจะมีช่วงแรกๆที่มันไม่ค่อยสมูธ ไม่มีจุดเชื่อมโยงกันบ้างแต่หลังๆดีขึ้นมากเลย เป็นกำลังใจให้ค่ะ จะติดตามอ่านไปตลอดเลย
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 01-06-2018 16:01:29
ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ จะติดตามนิยายเรื่องนี้ค่ะ :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-06-2018 20:05:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: koikoi ที่ 10-06-2018 16:58:04
สนุกมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Lautenyu ที่ 16-06-2018 10:53:13
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ฃ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 29-06-2018 19:35:00
           
ตอนที่ ๙

(ภาคปัจจุบัน)



          วันนี้เป็นวันพระของพวกมนุษย์ องค์ศศิศเสด็จมาเหนือท้องทะเลเพื่อทรงเตรียมของตักบาตรทำบุญด้วยพระวรกายมุนษย์ รูปโฉมงดงามในร่างบุรุษหนุ่ม โดยมีอัญรัตน์และปัณธรณ์ติดตามมาด้วย ผู้ติดตามทั้งสองออกไปเลือกซื้อของสดมาทำอาหารถวายพระ ขณะที่พระองค์ทรงประทับอยู่หน้าตลาดสด สายพระเนตรทอดไปไกลตามท้องทะเลสีฟ้าใสสะอาด


            หลังจากมีพระสุบินเมื่อราตรีที่ผ่านมา พระองค์ก็มั่นพระทัยว่า พระสุบินนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ชาติกำเนิดของพระโอรสของครุฑราชและพระราชชายาลัญยาวดีมาจากพรของพระแม่ปาราวตีหรือพระแม่อุมาเทวี พระแม่ของจักรวาล


            พระองค์ยังระลึกถึงสายพระเนตรอ่อนโยนของครุฑราชได้ สายพระเนตรที่เปี่ยมไปด้วยความรัก หากแต่สายพระเนตรของพระราชชายาลัญยาวดีกลับเต็มไปด้วยความหวัง พระนางปรารถนาจะมีพระโอรสมาก



            ตอนนี้ พระนางควรจะมีความสุขกับพระโอรสน้อยและพระสวามีที่รักพระองค์สุดพระทัย แต่ใครกันช่างใจร้าย ฆ่าพระนางซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาและพระโอรสน้อยผู้บริสุทธิ์ได้ลงคอกัน



             ภาพพระโอรสน้อยบรรทมอยู่ที่วิมานฉิมพลีปรากฎขึ้นในพระเศียร ทำให้พระองค์แย้มพระโอรษฐ์กว้าง



             ภาพไข่ใบใหญ่ที่พระองค์ได้มาจากชมพูนุชและเกตุไพลิน สองราชนาคีพร้อมคำแนะนำให้เสวยไข่ใบนั้น พวกนางวางแผนให้พระองค์เสวยพระโอรสของพระองค์เอง ถ้าหากพระองค์เสวยไป พระองค์ต้องเสียพระทัยไปตลอดพระชนม์ชีพเป็นแน่



             พระองค์เริ่มกำพระหัตถ์แน่น พระเนตรแดงกล่ำ



             แต่นาคีสองตนนั่นมีรึจะขึ้นไปยังวิมานฉิมพลี ดินแดนของครุฑได้ จะต้องมีผู้อื่นลงมือเป็นแน่ และแม้สองนาคีนั่นจะชอบยุแหย่วางแผนชั่วร้ายต่างๆนานา แต่พวกนางมิน่าจะมีสติปัญญาวางแผนซับซ้อนจนแม้แต่ครุฑราชเองก็มินึกสงสัยได้แน่



             “ถ้าข้ารู้ว่ามันเป็นผู้ใด วางแผนฆ่าลูกของข้า ข้าจะฆ่ามันเสีย”



             เสี้ยววินาทีหนึ่ง ความอาฆาตแค้นเข้าครอบงำในพระทัยองค์ศศิศ พระองค์ปรารถนาจะล้างแค้นให้กับตนเองในอดีตชาติ พระองค์จะสืบหาความจริงและฆ่ามันผู้นั้นด้วยพระหัตถ์ของพระองค์เอง ขณะเดียวกันในพระทัยก็นึกห่วงพระโอรสของพระองค์



            องค์ศศิศร่ายพระเวทย์จนปรากฎกระจกบานใหญ่เท่าตัวของพระองค์ ทอดพระเนตรพระโอรษฐ์ที่กำลังเสวยพระกยาหารเช้า



           “ตื่นเช้าเหลือเกิน ลูกแม่” พระองค์ตรัส



           พระโอรสแห่งครุฑรีบหยิบกระจกวิเศษขึ้นมาแล้วตรัสตอบสุรเสียงสดใส “คารวะเสด็จแม่พะย่ะค่ะ เสด็จแม่อยู่ที่ใดกัน มีผู้คนมากมายเหลือเกิน”



           แววพระเนตรพระโอรสเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น


            “ที่นี่คือ โลกมนุษย์ ด้านหลังของแม่คือตลาดสดของพวกมนุษย์”



           ครุฑน้อยรีบตรัสถามด้วยความสงสัยทันที “ตลาดสดคืออะไรรึเสด็จแม่”



           องค์ศศิศแย้มพระโอรษฐ์กว้าง “ตลาดสดคือ ที่ขายของสดของพวกมนุษย์ สินค้าของพวกเขาก็พวกอาหารทะเล เสื้อผ้า ของใช้ ของประดับ”



            ครุฑน้อยแย้มพระโอรษฐ์กว้าง “ลูกอยากไปด้วยเหลือเกิน เสด็จแม่พาลูกไปด้วยได้รึไม่”


            “หากลูกเป็นเด็กดี แม่ก็จะพามา”



            “เสด็จแม่สัญญาแล้วนะ”



           “จ้ะ”  องค์ศศิศเริ่มรู้สึกผิดสังเกต เหตุใดมิมีพระพี่เลี้ยงของพระโอรสอยู่แถวนั้นเลย แต่กลับเต็มไปด้วยเหล่าครุฑร่างกำยำ อาวุธครบมือ “นั่นลูกอยู่ที่ใดกัน”



            พระโอรสน้อยทอดพระเนตรไปรอบตัวด้านหลังพระองค์แล้วสะดุ้ง “ลูกมาเที่ยวกับเสด็จพ่อพะย่ะค่ะ"



           “มาเที่ยวอย่างนั้นรึ มาเที่ยวในค่ายทหารอย่างนั้นรึ ฆเคศวรเสียสติไปแล้วรึถึงพาลูกมาเที่ยวที่แบบนี้ เจ้ายังเด็กนัก” นาคราชตรัสเสียงขุ่น นึกพิโรธครุฑราชที่พาพระโอรสเสด็จไปที่แบบนั้น



          เจ้านกน้อยตัวลีบทันที ตรัสเสียงอ่อยๆ ว่า “เสด็จแม่อย่าเพิ่งกริ้วเสด็จพ่อเลย ลูกแอบติดตามออกมาเอง” 

         ครุฑราชที่เสด็จออกมานอกกระโจมที่ประทับทอดพระเนตรพระโอรสสนทนากับพระราชมารดาก็เสด็จมาใกล้และโบกพระหัตถ์ทักทาย



        “เจ้าสบายดีรึ น้องหญิง”



         “ข้าอยากจะขึ้นไปฉีกเนื้อเจ้านัก เป็นพระราชบิดาเยี่ยงไรกันถึงปล่อยให้ลูกไปร่วมรบ”



         องค์ศศิศตรัสเสียงเข้ม ไม่สนพระทัยคำปฎิสันถารของครุฑราช แต่กลับรีบตรัสต่อว่าทันที ขณะเดียวกันพระองค์กำลังข่มอารมณ์โกรธที่คุกกรุ่นอยู่ในพระทัย



          “น้องหญิง วาโยลูกเรานี้ หาใช่เด็กธรรมดาไม่ เขามีเชื้อสายครุฑ มีพละกำลังมหาศาลและมีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ไม่มีภยันตรายใดจะทำร้ายลูกเราได้” ฆเคศวรตรัสเสียงอ่อนโยน



         นาคราชมิเห็นด้วย “แม้ว่าลูกจะเป็นพญาครุฑผู้ยิ่งใหญ่ แต่ลูกก็ยังเด็กนัก”



         “เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย พี่จะคอยดูแลคอยปกป้องลูกของเราเอง”



         “ปกป้องตัวเองยังจะมิรอดเลย” นาคราชตรัสเสียดสี



        “หึ น้องหญิง เจ้าลืมไปแล้วหรือ วาโยมีบ่วงนาคบาศก์ของเจ้าและความรักอันยิ่งใหญ่ของคนเป็นแม่อย่างเจ้า ลูกเราจะต้องปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง”



        องค์ศศิศตรัสตอบเสียงดังว่า “ถ้าลูกข้าเป็นอันตรายแม้แต่น้อย ข้าจะถอนขนเจ้าทั้งตัวเลย”



       ครุฑราชและพระโอรสน้อยสรวลพร้อมๆกัน



      “เสด็จแม่ลูกขอไปฝึกต่อสู้กับเสด็จพ่อก่อนนะพะย่ะค่ะ”



      องค์ศศิศมหานาคราชแย้มพระโอรษฐ์กว้างแล้วตรัสตอบว่า  “ดูแลตนเองด้วยนะ เจ้านกน้อยของแม่”



      “พะย่ะค่ะ” พระโอรสตรัสตอบเสียงสดใส



      หลังจากนั้น ครุฑราชเข้าตรัสสนทนาแทนทันที “พี่ไปก่อนนะน้องหญิง”



      “อืม”


      ครุฑราชแสร้งตรัสเสียงเศร้าว่า


      “ช่างเย็นชาเหลือเกิน”


      “ไปเสียทีสิ”  นาคราชตรัสไล่ หลังจากภาพก็หายไป องค์ศศิศแย้มพระโอรษฐ์กว้างจนอัญรัตน์อดทักไม่ได้


      “อารมณ์ดีเรื่องอันใดเพคะ หม่อมฉันเห็นพระองค์แย้มพระโอรษฐ์กว้างปานจะกลืนพระสุริยะเสียแล้ว”


     องค์ศศิศมหานาคราชรีบตีพระพักตร์นิ่งทันที


     “หม่อมฉันไม่ล้อเลียนพระองค์แล้ว มิต้องตีพระพักตร์นิ่งเช่นนั้นก็ได้” อัญรัตน์เอ่ยเสียงสดใส นางสนิทสนมกับองค์ศศิศตั้งแต่ทรงพระเยาว์จึงกล้าเอ่ยวาจายอกเย้าได้ มิเกรงกลัวอาญา



      นาคราชหันพระพักตร์ไปแย้มพระโอษฐ์แล้วตรัสว่า “เมื่อครู่ข้าเพิ่งสนทนากับลูกน่ะ”


      เมื่อเสนาธิบดีหนุ่มได้ยินรีบเอ่ยถามทันทีว่า “พระโอรสวาโยเสด็จมาที่นี่หรือพะย่ะค่ะ กระหม่อมเสียดายเหลือเกินที่ไม่ได้พบพระโอรส”


      “มิใช่ดอก ปัณธรณ์ ข้าสนทนากับลูกผ่านกระจกนี่ต่างหากเหล่า”  องค์ศศิศร่ายมนต์ขึ้น ทันใดนั้นก็ปรากฎรูปกระจกบานใหญ่ขึ้นมา ภายในมีภาพของครุฑราชและพระโอรสน้อยประลองกันอยู่


     “ลูกรัก เสด็จแม่ของลูกกำลังดูเจ้าอยู่”  ฆเคศวรตรัสขึ้น หลังจากกระจกวิเศษเล็กเพียงปลายนิ้วก้อยส่องแสงสว่างจ้า ก่อนจะขยายขนาดเป็นบานใหญ่เท่าขนาดตัวพระโอรส


      “เสด็จแม่ ตอนนี้เสด็จพ่อกำลังจะสอนลูกใช้พลังของครุฑอยู่พะย่ะค่ะ” พระโอรสวาโยตรัสเสียงสดใส พระองค์อยากอวดพระราชมารดา พระองค์เสด็จมาประทับอยู่เบื้องหน้ากระจกบังพระราชบิดาที่ชะโงกพระพักตร์มาเพราะอยากสนทนากับเจ้าของดวงหทัยของพระองค์บ้าง


      “ตั้งใจเรียนนะ ลูกรัก เจ้าจะต้องเก่งกว่าบิดาของเจ้าอย่างแน่นอน” นาคราชหนุ่มตรัสเสียงอ่อนโยน


       พระโอรษฐ์น้อยรีบตรัสตอบทันทีว่า “ลูกจะตั้งใจเรียน”


       ทั้งปัณธรณ์และอัญรัตน์รีบถลาเข้ามาแย่งพื้นที่หน้ากระจกและแย่งกันพูด


       “ถวายบังคมพะย่ะค่ะ พระโอรส อ๊ะ อัญรัตน์ เจ้าเข้ามายืนบังข้าทำไม ไม่เห็นรึข้ากำลังสนทนากับพระโอรส”


        “ถวายพระพรเพคะ พระโอรส เอ๊ะ ท่านปัณธรณ์ท่านจะมาเบียดข้าทำไม ข้าจะสนทนากับพระโอรส”

       พระโอรสวาโยทรงพระสรวลแล้วตรัสตอบไปว่า


        “เราสบายดี”


       “พระโอรสโตเร็วเหลือเกิน คราที่กระหม่อมเห็นพระองค์ล่าสุด พระองค์เพิ่งจะเหมือนเด็กพระชันษาเพียง 7 – 8 ขวบเท่านั้น” เสนาบดีหนุ่มเอ่ยถามขึ้น


        “นั่นสิ เหตุใด พระองค์จึงเหมือนมีพระชันษา 11 – 12 ปี ภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน” อัญรัตน์เองก็แปลกใจมิแพ้ปัณธรณ์ พระโอรสประสูติจากไข่ แต่ช่างโตเร็วจนน่าตกใจ


       “นั่นเพราะวาโยคือบุตรของข้าน่ะสิ สายเลือดเข้มข้น ทำให้เขาโตเร็วและเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง เผ่าครุฑของเรา ยิ่งศักดิ์สูง ยิ่งมีโอรสหรือธิดายาก หากแต่ถ้าถือกำเนิดแล้วจะเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง สติปัญญาและบารมี”  ครุฑราชกลับเป็นฝ่ายตรัสตอบปัญหานี้แทนพระโอรส “วาโยน่ะ มีพลังตั้งแต่เขายังอยู่ในท้องเสด็จแม่ของเขาเสียด้วยซ้ำ”


        “ถ้าเช่นนั้น พระโอรสก็เก่งตั้งแต่อยู่ในพระครรภ์แล้วสิพะย่ะค่ะ” เสนาธิบดีแห่งนครบาดาลรู้สึกทึ่งเหลือเกิน


       “ใช่ วาโยน่ะรับรู้ทุกอย่าง มีตาทิพย์ หูทิพย์ตั้งแต่ตอนอยู่ในครรภ์แล้วล่ะ เพียงแต่พอออกจากไข่ความทรงจำนั้นก็จะหายไปเพราะร่างกายเปลี่ยนสภาพ” ครุฑราชตรัสตอบ


       “ช่างน่ามหัศจรรย์เหลือเกินนะเพคะ” อัญรัตน์เอ่ยชื่นชม


       แม้ว่าองค์ศศิศจะนึกหมั่นไส้ในคำตรัสของครุฑราช แต่ความเป็นแม่ในพระทัยของพระองค์มีมากล้นจนสามารถก้าวข้ามความขัดแย้งของสองเผ่าพันธุ์ได้ พระองค์รู้สึกยินดีที่พระโอรสแข็งแรง และเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา


         “ดีเหลือเกิน เจ้านกน้อยของแม่ แม่หวังให้เจ้าแข็งแรงและมีความสุขในทุกๆวัน”


         “ลูกมีสุขทุกๆวันที่ลูกได้อยู่กับเสด็จแม่และเสด็จพ่อ”


         “แม่ก็มีความสุขที่ได้อย่กับลูกจ้ะ เจ้านกน้อยของแม่” องค์ศศิศตรัสตอบ พระโอรสสุดรักของพระองค์เอง


      ขณะที่ครุฑราชกลายร่างเป็นพญาครุฑขนาดมหึมา ขนสีแดงเพลิง ดวงเนตรสีทอง เมื่อทรงสลายปีกเบาๆ กลับมีแรงลมมหาศาลจนทำให้ต้นไม้ใหญ่ล้มได้ “วาโย ลูกลองแสดงพละกำลังอันมหาศาลของลูกให้เสด็จแม่ของลูกได้ดูสิ”


      “พะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”


      พระโอรสน้อยทรงชื่นชมพระอัจฉริยภาพของพระราชบิดา พระองค์กลับกลายเป็นพญาครุฑตัวมหึมา แม้จะเล็กกว่าครุฑราช แต่ก็ใหญ่กว่าครุฑทั่วไปหลายเท่าตัวนั้น เพียงสลายปีกเบาๆ ต้นไม้ใหญ่ก็หักโค่นลงมาเช่นกัน ลมแรงพัดหมุนวนจนเหล่าทหารครุฑด้วยกันแทบจะล้มทั้งยืน


     นาคราชตกพระทัยเมื่อพระองค์ได้ทอดพระเนตร พระองค์มิเคยรู้เลยว่า พระโอรสจะมีพละกำลังมหาศาลเท่านี้

 
     “ทำไมกัน”

 
    ครุฑราชตรัสตอบทันทีเมื่อเห็นสีพระพักตร์ตกตะลึงของพระราชชายา


    “พี่ถึงบอกเจ้าอย่างไรเล่า ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายลูกเราได้”


    “แต่ลูกยังเด็ก” องค์ศศิศตรัสเถียงขึ้น แม้เจ้านกน้อยจะมีพละกำลังมหาศาลเพียงใด เขาก็ยังเป็นเด็กที่เพิ่งเกิดได้เพียง 7 วัน เป็นเด็กน้อยในสายพระเนตรของมารดาผู้นี้อยู่เสมอมา


       “น้องหญิง เจ้าอย่าให้ความคิดของเจ้ามาขัดขวางความสามารถของลูกสิ ลูกของเรามาจากพรอันประเสริฐของพระแม่อุมา ลูกของเราไม่ใช่เด็กธรรมดา”  ฆเคศวรตรัสอธิบายอย่างพระทัยเย็น


       “ข้ารู้” พระองค์ตรัสตอบพึมพำ พระองค์รู้ดียิ่งกว่าใครว่า เจ้านกน้อยเก่งกาจเพียงใด แต่ความเป็นแม่ทำให้อดเป็นห่วงมิได้     


     
            หลังจากทอดพระเนตรสองบิดาและบุตรเรียนต่อสู้กันแล้ว พระองค์ก็ทรงเสด็จไปปรุงอาหารเพื่อถวายพระตามแรงศรัทธา


           ( ต่อด้านล่าง)
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 29-06-2018 20:49:28
มีต่อหรือเปล่าฮะ?

กำลังม่วน…

  :m5:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 29-06-2018 20:54:47
         
   

ตอนที่ ๙  (ต่อ)

       
         หลังจากทอดพระเนตรสองบิดาและบุตรเรียนต่อสู้กันแล้ว พระองค์ก็ทรงเสด็จไปปรุงอาหารเพื่อถวายพระตามแรงศรัทธา


            ในอดีต ศศิศมหานาคราชเป็นเพียงนาคราชหนุ่มที่สนพระทัยแต่เสด็จเที่ยวให้ทรงพระสำราญหาได้สนพระทัยในพระพุทธศาสนาไม่  แตกต่างจากชาวนครบาดาลส่วนใหญ่ที่ล้วนมีจิตศรัทธาต่อพระพุทธศาสนา ในทุกวันพระเหล่านาคินทร์และนาคีจะขึ้นมายังโลกมนุษย์แล้วแปลงกายเป็นมนุษย์นุ่งขาวห่มขาวเพื่อตักบาตร บ้างก็ถวายสังฆทาน ฟังเทศน์ฟังธรรมในวันพระใหญ่


           แต่เมื่อผ่านการจำศีลในถ้ำ ขณะที่ดวงจิตแบ่งร่างเสด็จไปชดใช้กรรมยังโลกมนุษย์ ทำให้พระองค์เข้าพระทัยโลกมากขึ้น


           กรรมมาจากการกระทำ กรรมใดใครก่อ ผู้นั้นย่อมรับกรรม…ไม่มีใครหนีพ้นกฎแห่งกรรมได้ แม้แต่เหล่าทวยเทพ นาค อมนุษย์ทั้งหลายล้วนต้องชดใช้กรรมที่ตนทำทั้งสิ้น เมื่อถึงเวลาล้วนต้องเวียนว่ายตายเกิด


           นาคราชหนุ่มก้มพระเศียรรับพรจากพระชรา ผู้มีญาณเก่งกล้าเพียงแว่บเดียวก็รู้ถึงร่างแท้จริงของพระองค์ พระองค์รู้สึกคุ้นเคยกับหลวงปู่ตั้งแว่บแรกที่ขึ้นมาทางตักบาตรครั้งแรก นับตั้งแต่นั้นพระองค์ก็เสด็จมาที่หน้าวัดนี้เสมอ


           "อะภิวาทะนะสีลิสสะ นิจจัง วุฒาปะจา ยิโนจัตตาโร ธัมมาวัฑฒันติ อายุ วัณโณ สุขัง พลัง “  หลวงปู่ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยว่า “เจริญพรนะ มหาบพิตร”


           องค์นาคราชแย้มพระโอรษฐ์ “ขอรับหลวงปู่ หลวงปู่สบายดีรึไม่ขอรับ”


           “อาตมาก็เจ็บๆไข้ๆ ตามประสาคนแก่ วันนี้มหาบพิตรดูมีเรื่องทุกข์ใจนะ ปล่อยไปบ้างเถิด เรื่องในอดีตมันผ่านมาแล้ว ยิ่งคิดจะยิ่งทุกข์ใจกันไปเปล่าๆ” หลวงปู่ตอบ


            “หลวงปู่รู้”  องค์ศศิศตรัสตอบ


           “ที่เรามาพบเจอกันในชาตินี้ก็เพราะเราทำกรรมร่วมกันมาในชาติที่แล้ว มหาบพิตรควรหันมาสร้างกรรมดี เป็นผู้ปกครองที่ดีเถิด”


           “แล้วจะปล่อยให้ผู้ที่ฆ่าข้าลอยนวลรึขอรับ” นาคราชตรัสถาม พระองค์เป็นนาคที่มีความโกรธอาฆาตแค้นตามวงศ์วานพญางู ซึ่งเป็นราชาแห่งอสรพิษ


           “ชาติก่อน มหาบพิตรอาจไปล่วงเกินเขาไว้ ชาติต่อมาเขาถึงตามมา”


            “ผู้ที่ฆ่าข้าคือ ชาวเมืองมรุกนครเช่นนั้นรึ” นาคราชตรัสถาม


           “มหาบพิตรจะพยายามนึกถึงมันอีกทำไมกันรึ แม้แต่เจ้าตัวเขาเองยังอยากจะลืมความทรงจำเหล่านั้นเสีย เหตุใดจึงจะต้องค้นหาให้กลับไปทุกข์ใจกันเล่า”


            “อยากจะลืมแล้วทำไม ข้าถึงจำได้เล่า” พระองค์มิเข้าใจว่า เหตุใดถ้าพระราชธิดาลัญยาวดีอยากลืมแล้วทำไมพระองค์ถึงจำได


            หลวงปู่ยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า “นั่นใช่ความทรงจำในอดีตของมหาบพิตรแน่หรือ ในเมื่อพระองค์ดื่มน้ำลืมเลือนไปแล้ว คงต้องอาศัยอำนาจจากต้นปาริชาติกระมัง ถึงจะทำให้ระลึกชาติได้อีก” หลวงปู่เอ่ยถาม


             “ถ้าเช่นนั้น มันคือความทรงจำของผู้ใดกัน”


             “นั่นคือความทรงจำของพระโอรสในครรภ์ของพระองค์” หลวงปู่เอ่ยตอบ มือเหี่ยวชราถือดอกไม้วางไว้เหนือฝาบาตร


             “ข้าสับสนไปหมดแล้ว หลวงปู่” องค์ศศิศตรัสอย่างผู้หมดเรี่ยวแรง
   
     
            “ นี่ก็สายแล้ว อาตมาต้องกลับวัดก่อนนะ  เจริญสุขเถิด มหาบพิตร” หลวงปู่เอ่ยลา “แล้วสักวัน ทุกอย่างจะกระจ่างเองแหล่ะ มหาบพิตร อดใจรอเพียงไม่นานเถิด”


            เมื่อหลวงปู่เดินจากไปจนเกือบลับสายตา นาคราชหนุ่มกลับทอดพระเนตรภาพกษัตริย์ชราซ้อนทับกับหลวงปู่


            “เสด็จพ่อ” พระโอรษฐ์เอื้อนเอ่ย น้ำพระเนตรไหลอาบพระพักตร์



             นาคราชหนุ่มยังคงเสด็จประพาสโลกมนุษย์ด้วยพระทัยที่สับสนจนพระองค์เสด็จมายังโรงหมอเล็กๆ


            พระองค์ทรงหลับพระเนตรแล้วลืมพระเนตรอีกครั้ง


            ‘ โรงพยาบาลประจำตำบลสุขสดใส’


           ผ่านไปไม่กี่ร้อยปีโรงหมอเปลี่ยนแปลงไปมากเหลือเกิน พวกมนุษย์นี่พัฒนาไปเร็วจริงๆ


           แม้องค์ศศิศจะประทับอยู่ด้านนอก แต่ก็ทรงมีพระเนตรทิพย์ ทำให้สามารถทอดพระเนตรความเป็นไปในโรงหมอได้


           พระองค์ทอดพระเนตรชายแก่นอนเจ็บปวดร้องครวญครางข้างเตียงชายชรามีกลุ่มวิญญาณนับสิบล้อมรอบ พวกเขามีสีหน้าอาฆาตแค้น


           ‘ทำไมข้ารู้สึกคุ้นหน้าพวกเขาเหลือเกิน? ‘ องค์ศศิศมีพระดำริ


           พระองค์รู้สึกปวดพระเศียรราวกับมีเข็มเป็นหมื่นๆเล่มทิ่มแทง


            “ โอ๊ยยยย” พระองค์ประชวรจนต้องกุมพระเศียรและล้มลงไปนอนดิ้นกับพื้น


     
           กลุ่มวิญญาณเหล่านั้นดูร้อนลนและสีหน้ากังวลใจ องค์ศศิศเงยพระพักตร์ทอดพระเนตรพวกเขา


            จู่ๆ น้ำพระเนตรก็ไหลอาบพระพักตร์ ในพระอุระตื้นตันดีพระทัยเป็นความรู้สึกเหมือนเจอคนคุ้นเคยที่ห่างหายกันไปยาวนาน


          ‘ ข้ารู้จักพวกเขามาก่อน!’ นาคราชมั่นพระทัยนัก



           ฉับพลันในพระเศียรของพระองค์ก็ปรากฏภาพเหตุการณ์ข้าศึกทำการสำเร็จโทษปรากฎขึ้นมา


           ภาพเมืองที่กำลังจะล่มสลาย ข้าศึกปิดล้อมพระนคร

          ตอนนี้พระองค์คือ สตรี ผู้นั้นรึ แต่ความรู้สึกเจ็บปวดแสนทรมานนี้เป็นของผู้ใดกัน?

        ความเจ็บปวดเหล่านี้มาจากที่ใด รึว่ามันจะเป็นความรู้สึกของสตรีนางนี้กัน

          พวกข้าศึกจับเสด็จพ่อ ซึ่งในชาตินี้คือ หลวงปู่ และพระญาติของพระองค์เสียงกรีดร้องดังระงมโหยหวนไปหมด นักโทษสูงศักดิ์คลุมด้วยถุง และทุบด้วยท่อนจันทน์ก่อนนำโยนใส่หลุม ส่วนนักโทษต่ำศักดิ์ถูกเพชรฆาตบั่นคอ ศพหัวไปทาง ร่างไปทาง ช่างน่าสยดสยอง พระองค์ทอดพระเนตรภาพเหล่านั้นด้วยน้ำพระเนตรนองหน้าเสด็จฝ่าทหารไปโดยปราศจากความกลัว

              พระองค์ดิ้นรนกรีดร้องอย่างทำพระทัยรับไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเงื้อท่อนจันทน์ฟาดลงร่างของคนในครอบครัวพร้อมกับวิ่งถลาไปเขย่าร่างเสด็จพ่อ และเหล่าพระญาติครู่หนึ่งก่อนจะถอยมาก้มกราบแทบเท้าพวกท่าน

              เสียงร้องของอีกาแร้งเหยี่ยวที่บินเต็มท้องฟ้าชวนขนลุก   ขณะที่ขุนนางผู้น้อยบ่าวไพร่พากันหวาดกลัวพวกข้าศึก จึงต่างพินอบพิเทายอมรับแต่โดยดี   หลังจากนั้นพระองค์ถูกใส่โซ่ตรวนจำขังอยู่ในคุกที่อับชื้นไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน

             ผ่านไปนานเท่าไรก็ไม่รู้ เสียงกุกกักดังขึ้นหน้าห้องขัง ผู้คุมร่างใหญ่ ใบหน้าดุร้ายก็คุมตัวพระองค์ไปยังท้องพระโรงที่มีเจ้าหลวงผู้เป็นราชานั่งบนตั่งทองและเชื้อพระวงค์ขุนนางนั่งและยืนตามลำดับฐานันดร
 
             “ ทหารนำพระราชธิดาลัญยาวดีไปประหารชีวิตเซ่นวิญญาณทหาร”  ชายชราผู้นั่งลำดับรองจากเจ้าหลวงสั่งเสียงเข้ม ขุนนางผู้นี้ คือ

            ชายชราบนเตียงผู้ป่วยมิผิดแน่ !

            และสตรีผู้สูงศักดิ์ผู้นี้คือ พระราชชายาลัญยาวดี!.

            องค์ศศิศยังมิเข้าพระทัย เหตุใดผู้เป็นที่รักพญาครุฑ ผู้เป็นมหาราชาแห่งวิมานฉิมพลีถึงอาลัยรักบุรุษผู้นั่งบนตั่งทองนัก

             “ เจ้าพี่ไยทำเช่นนี้กับข้า” พระองค์ไม่ได้ตรัส แต่เหตุใดเสียงออกมาจากพระโอรษฐ์ นี่คือคำตรัสของพระราชชายาลัญยาวดี มิใช่ออกมาจากพระดำริของพระองค์

            เหล่าขุนนางและข้าไทที่เคยประจบประแจงข้านั่งก้มหน้าไม่กล้าสบตา ปล่อยให้ทหารรักษาการณ์เข้ามานำตัวข้าออกไปคุมขัง พระองค์ดิ้นจนหลุดจากแรงทหารและหันกลับไปตรัสถามตัดท้อน้อยพระทัย

             “ เจ้าพี่ไยไม่รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับข้า เจ้าพี่ว่าจะรักข้าจนตาย คำที่ท่านกระซิบให้ข้าฟัง ไยท่านลืมหมดสิ้นแล้ว”

             “ ลัญยาวดี พี่ก็มิอยากทำเช่นนี้ แต่นครของเจ้าตกเป็นของพี่แล้ว พี่มิอาจไม่ลงโทษเจ้าได้ หัวใจของพี่มิอาจสำคัญกว่าหน้าที่เจ้าแผ่นดิน”

             คำตรัสของเจ้าหลวงนั้นแล้วสะเทือนพระทัยน้ำพระเนตรไหลพราก พระวรกายสั่นสะท้านแทบหมดแรงยืนจนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น พระองค์เงยพระพักตร์ทอดพระเนตรเจ้าหลวงผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพระคู่หมั้นด้วยพระทัยที่แตกสลาย

             “ ชีวิตของข้าช่างน่าขันเหลือเกิน หลงเชื่อคำพูดของเจ้าพี่ โง่งมอยู่กับความรักที่มิมีจริง เจ้าพี่ไร้หัวใจ เจ้าพี่หลอกใช้ข้า”

            ในพระทัยยังคงจดจำคำสัญญาคำกระซิบรัก พระโอรษฐ์เม้มแน่นก่อนจะตรัสว่า“ ข้าอยากขอเจ้าพี่เป็นครั้งสุดท้าย ข้ายอมรับความตาย แต่ขอพระองค์ทอดพระเนตรข้าจนกว่าข้าจะสิ้นลมได้ไหมเพคะ”

             “ พี่รับปากเจ้า”

            ท่ามกลางข้าราชบริภาร ประชาชนที่มุงดูวินาทีสุดท้ายของราชธิดาเมืองเชลย พระองค์ประทับอยู่บนเสื่อใส่ชุดขาวผ้าดิบไร้การฟอกสี เบื้องหน้าเป็นชายที่พระองค์รักสุดหัวใจ องค์ศศิศถวายพระพรลาเจ้าหลวง ก่อนจะยิ้มให้พระองค์ พระองค์ปล่อยนกสีแดงเพลิงที่ทรงช่วยมัน หลังจากทรงพบมันนอนจมกองเลือดและรักษามันจนหายดี

             “ข้าขอให้เจ้าใช้ชีวิตที่อิสระแทนข้าด้วย”  หลังจากที่พระองค์ตรัสจบแทนที่นกจะบินหนีไป แต่มันกลับเกาะอยู่บนไหล่ของพระองค์

             “ เสด็จพี่เคยตรัสถามข้าว่า ข้ายิ้มได้อย่างไรเมื่อเสียใจผิดหวัง สำหรับข้านั้นการร้องไห้มันดูเหมือนคนอ่อนแอเกินไป มิท้าทายเหมือนการยิ้มหรอกเพคะ  ประชาชนกำลังมองข้าอยู่ข้าอยากให้พวกเขาจดจำภาพรอยยิ้มของข้า ข้ามิได้เข้มแข็ง แต่ข้ามิอยากอ่อนแอ ขอเจ้าพี่ถนอมพระวรกายด้วยนะเพคะ”

              ตัวพระองค์ถูกลากไปยังลานกลางเมือง บนประตูเมืองแขวนศีรษะของแม่ทัพที่พระองค์เคารพนับถือ เพื่อถวายเป็นเครื่องสังเวยทวยเทพในฐานะสาวพรหมจรรย์บนกองไฟที่ร้อนระอุ ปวดร้อนไปหมดทั้งร่างกาย

 
          พระองค์ทำอะไรไม่ได้ นอกจากสะอื้นกรรแสงน้ำพระเนตรนองพระพักตร์อยู่ท่ามกลางกองไฟที่ลุกโชน ยากจะทำพระทัยรับได้กับเคราะห์กรรมที่กำลังเผชิญ

 
             “ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”

            พระเนตรพร่ามัวและเจ็บพระอุระก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลง


            หากแต่เมื่อลืมพระเนตรขึ้นมาพระองค์กลับทอดพระเนตรพระพักตร์ของฆเคศวรแทน

            “ฟื้นแล้วรึ” สุรเสียงทุ้มอ่อนโยนเหลือเกิน

            พระองค์ฟื้นบนวิมานฉิมพลี แม้พระองค์จะเคยเสด็จไปเพียงครั้งเดียว แต่พระองค์ก็มั่นพระทัยว่าที่นี่คือวิมานฉิมพลีไม่ผิดเป็นแน่


            แต่แปลกนักในเมื่อครั้งก่อนที่พระองค์มีพระสุบินว่า พระองค์อยู่ในร่างของพระราชธิดาลัญยาวดีนั้นกลับมีความขัดแย้งกับเรื่องราวที่ระลึกชาติได้


            พระราชธิดามิได้ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของฆเคศวรในร่างมนุษย์ แต่อยู่ในร่างนกน้อยต่างหาก ครุฑราชคงจะได้รับบาดเจ็บหนักจนต้องใช้พลังรักษาไปหมดจนมิอาจกลับวิมานฉิมพลีได้ เนื่องจากไปปราบฝูงอสูรวายุภักดิ์ เพราะเอาตัวเองรับเพลิงอสูรป้องกันชาวเมือง  แม้จะมิได้ทำอันตรายถึงชีวิตต่อพญาครุฑอย่างฆเคศวรได้ แต่ก็ทำให้บาดเจ็บหนักทีเดียว 
   

         ช่วงเวลานั้นพระธิดาลัญยาวดีมิได้ตกลงใจขอกษัตริย์แห่งอาณาจักรนันทปุระมาใช้ชีวิตร่วมกันที่กระท่อมท้ายเมือง เพราะกษัตริย์แห่งอาณาจักรนันทปุระสิ้นพระชนม์เพราะถูกข้าศึกสำเร็จโทษด้วยท่อนจันทน์เสียก่อน

 
         เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้กัน…

   
     
          ตอนนี้พระองค์จำได้แล้ว ชายชราที่กำลังนอนป่วยคือผู้ที่สั่งฆ่าพระองค์ในอดีตชาติ ครอบครัวของพระองค์ ขุนนางและทหารผู้ภักดีนับร้อยชีวิตนั่นเอง


           พระองค์กำพระหัตถ์แน่น


           ชายแก่คนนี้คือศัตรูที่เคยทำร้ายพระองค์ในภาพพระสุบินนั่นเอง


           ศศิศมหานาคราชยกพระหัตถ์ขึ้นร่ายคาถาจะปลิดชีพชายผู้นั้นเสีย แต่ชั่วขณะหนึ่งพระองค์ก็ลดพระหัตถ์ลง พระองค์กำลังปล่อยให้ความอาฆาตแค้นครอบงำพระทัยเสียแล้ว


            พระองค์ตั้งจิตทำพระสมาธิเพื่อควบคุมพระอารมณ์จนเข้าสู่สภาวะปกติจึงลืมพระเนตรขึ้นมา

           พระองค์ทอดพระเนตรพวกอดีตขุนนางและนางกำนัลกำลังรุมบีบคอ ดึงกระชากขาและแขน บีบขมับและตอกนิ้วอดีตศัตรูอยู่

            “ พวกเจ้าทำไมทำตัวได้น่าเกลียดขนาดนี้ มิเห็นรึ เขาเป็นคนป่วยทรมานอยู่ พวกเจ้ายังจะยึดติดความอาฆาตแค้นในอดีตคิดจะไปฆ่าเขาอีกหรือ ปล่อยเขาไปเถอะ”  พระองค์ตรัสเบาๆ แล้วเสด็จเข้าไปจับมือพวกเขาออกให้หยุดทำร้ายชายผู้น่าเวทนาผู้นั้น

             “เจ้าเป็นใครกันถึงกล้ามาขวางพวกเรา !” อดีตมหาเสนาบดีที่บัดนี้มีเลือดและน้ำหนองไหลอาบใบหน้าจนน่าสะพรึงกลัว ตาเหลือกโปรนตะโกนถามเสียงดุ

            องค์ศศิศทอดพระเนตรแล้วสะเทือนพระทัยยิ่งนัก ขุนนางผู้จงรักภักดีของพระองค์จมอยู่ในเพลิงแค้นจนมิได้ผุดได้เกิดต้องเป็นสัมภเวสีคอยตามรังครานชายชราผู้นี้มานาน นานเหลือเกิน

            พะองค์หันพระพักตร์ไปตรัสตอบว่า “แม้ว่าข้าจะอยู่ในร่างมนุษย์ แต่จิตใจของข้ามิเคยลืมความจงรักภักดีของพวกท่าน ในชาตินี้เราคือ ศศิศมหานาคราช แต่ชาติก่อนเราคือ พระราชธิดาลัญยาวดี ที่มิอาจปกป้องผู้ภักดีต่อเราได้ ข้าละอายใจยิ่งนัก”

            พระองค์ตรัสจบก็ทรงแปลงเป็นพระราชธิดาลัญยาวดี

            เหล่าสัมภเวีเปลี่ยนสภาพเป็นรูปเหมือนมนุษย์ก่อนที่พวกเขาจะสิ้นใจตายจากการทรมานอันโหดร้ายแทน ทุกตนก้มลงถวายบังคมทันที

            “พระราชธิดา โปรดอภัยให้พวกกระหม่อมด้วยที่บังอาจล่วงเกินพระองค์”
           
                 "พวกท่านลุกขึ้นเถิด หยุดทำร้ายเขาเถิด"

            “ แต่มันสั่งฆ่าเจ้าหลวง และพวกเราอย่างเหี้ยมโหดนะเพคะ พระธิดาลืมไปแล้วหรือเพคะ” ชบา อดีตนางกำนัลคนสนิทของพระราชธิดาลัญยาวดีเอ่ยขึ้น

            “ ใช่ๆๆ พวกเรามิมีวันอภัยให้มันต่อให้มันตายอีกร้องครั้งพันครั้งมันก็มิสาสม ”

            “ สิ่งที่มันทำกับข้าในอดีตข้าไม่มีวันอภัยให้มันได้ แต่ในเวลานี้ผู้นี้ได้รับความทุกข์ทรมานจากกรรมที่มันทำแล้ว ข้าเป็นห่วงพวกเจ้า ไม่อยากให้พวกเจ้าก่อกรรมทำเข็ญอีก มันจะกลายเป็นบาปติดตัวพวกท่านในชาติหน้าอีก ปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาเถอะ ข้าขอร้อง”
 
             พระองค์คุกเข่าต่อหน้าพวกเขา

            “ พระธิดาลุกขึ้นเถอะเพคะ” ชบาถลาเข้ามาประคองนาคราชผู้สูงศักดิ์

            “ ข้าไม่ลุกจนกว่าพวกเจ้าจะยอมสัญญา” พระองค์ตรัสจบก็ได้ยินเสียงสัญญาณเครื่องช่วยหายใจเตือนและดังติ๊ดยาวๆ บอกให้รู้ว่า ชายชราได้สิ้นลมแล้ว

            “ เขาตายแล้ว พวกเจ้าก็ปล่อยความแค้นที่ยึดถือไว้จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่ดี” องค์ศศิศตรัสเบาๆ พระองค์มิใช่เพียงตรัสบอกข้าราชบริภาร แต่ตั้งพระทัยตรัสเตือนพระองค์เองด้วย

            “ เพคะ”

            “พะย่ะค่ะ”

           กลุ่มวิญญาณสีหน้าสดใส พวกเขายิ้มอ่อนให้พระองค์ แสงรอบตัวค่อยๆ จางลง พวกเขาก้มลงกราบแทบพระบาทของพระองค์

            “ พวกกระหม่อมทูลลาพะย่ะค่ะ”

            “ หม่อมฉันทูลลาเพคะ พระธิดา รักษาพระวรกายด้วยนะเพคะ”

             ขณะที่นาคราชโบกพระหัตถ์ลาจนร่างเหล่านั้นหายลับพระเนตรไป

            “ หวังว่าเราคงได้พบกันใหม่”  พระองค์ตรัสจบก็เสด็จไป แต่กลับมีมือปริศนารั้งพระกรไว้ เมื่อพระองค์หันกลับไปทอดพระเนตรแล้วต้องตกพระทัย

             ร่างโปร่งแสงของชายชราที่เพิ่งสิ้นลมหายใจหันมายิ้มให้แล้วกล่าวว่า

             “ลุงขอบคุณนะ”

             “ขอรับ” องค์ศศิศตรัสตอบกลับไป

             ขณะที่มือเหี่ยวนั้นปล่อยพระกรแล้วเอ่ยต่อว่า “ลุงไม่รู้หรอกว่า ชาติที่แล้วทำกรรมอะไรไว้ แต่ลุงขออโหสิกรรมในสิ่งที่ทำไว้กับหลานชายด้วยนะ”

            นาคราชหนุ่มอึ้งไป พระองค์ค่อยๆ แย้มพระโอรษฐ์ออกบางๆ แล้วตรัสว่า “ข้าอโหสิกรรมให้ ข้าเองก็ขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกินลุงไว้ในอดีตด้วยนะขอรับ” 

            ชายผู้นี้ยุยงเจ้าหลวง พระคู่หมั้นรุกรานบ้านเมืองของพระราชชายาลัญยาวดีจนสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน แต่นี่สืบเนื่องมาจากผลกรรมที่พระองค์เคยเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์มากมายจากพลังของนาคราช ทำให้พวกเขากลับมาจองเวรพระองค์

           ชายชรายิ้มกว้าง “ลุงอโหสิให้ ขอให้มีความสุขนะ หลานชาย”

           “ขอรับ” นาคราชหนุ่มตรัสตอบ “ขอให้ลุงไปสู่ภพภูมิที่ดีนะขอรับ”

           ร่างโปร่งแสงค่อยๆ จางหายไปในที่สุด องค์ศศิศรู้สึกมีความสุขพระทัยขึ้นมา ทั้งที่พระองค์ไม่ได้แก้แค้น แต่กลับทรงตัดสินพระทัยที่จะให้อภัยตามที่หลวงปู่สอน

           ตอนนี้ พระองค์เข้าพระทัยแล้วว่า พระสุบินในคราแรกๆ หลังจากที่บรรทมกับไข่วิเศษนั่นคือ ความทรงจำของวาโย และเสด็จแม่ของพระโอรสน้อยในพระสุบินคือ จินตนาการของพระโอรสน้อย ศศิศมหานาคราชมิเคยไปอยู่ในร่างของพระราชชายาลัญยาวดีเลยสักครั้ง

           “เจ้านกน้อย  เจ้าคงกลัวแม่จำเจ้าไม่ได้ใช่ไหม เจ้าถึงใช้พลังของเจ้าทำให้แม่ฝันเช่นนั้น” องค์ศศิศเข้าพระทัยแล้ว   


        พระโอรสน้อยเล่าเหตุการณ์ในอดีตผ่านมุมของเด็ก ไม่ใช่ไม่จริงไปเสียทั้งหมด แต่ก็มีบางส่วนที่ต่างไป
     
         "ถ้าแม่เข้าไปอยู่ในร่างลัญยาวดีตอนท้องลูก เจ้าครุฑนั่นมีรึจะไม่สงสัยและสืบหาความจริง"
       
                คำบอกเล่านั้นล้วนมาจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นผสมผสานความเชื่อ ทัศนคติ อารมณ์ความรู้สึก ประสบการณ์  และอาจเป็นการมองความจริงเพียงด้านเดียว ดังนั้นเราควรจะมองความจริงในหลายๆด้าน

                ตอนนี้พระองค์เข้าพระทัยแล้ว !

                สองพ่อลูกนั่น นิสัยคล้ายกันเสียจริง พระโอรสวาโยใช้พลังเพื่อให้องค์ศศิศจำพวกเขาได้ ขณะที่พระราชาฆเคศวรใช้สารพัดวิธีรวมทั้งขอยืมต้นปาริชาติจากพระอินทร์เพื่อให้องค์ศศิศจำพระองค์และพระโอรสได้

              นาคราชนึกสงสารพระโอรสน้อยนัก  เห็นพระทัยองค์ฆเคศวรเหลือเกินที่ต้องเจ็บปวดที่ต้องสูญเสียพระชายา และชื่นชมที่ครุฑราชยังคงมั่นคงในความรักมิเปลี่ยนแปลง

           

            #%$#^^@&%$@^^^@*##$%:


คุยกับนัทสึ
              เรื่องนี้หายไปนานเพราะแต่งแล้วแก้แล้วแก้อีกค่ะ มันมีความงง กลัวคนอ่านงง แต่ก็อยากซ่อนเงื่อนงำค่ะ แต่งไปแล้วลบ แต่งแล้วเปลี่ยนเหตุการณ์ไปเลยก็มี
            ขอบคุณสำหรับการติดตาม การมาทวงนะคะ  สงสัย งงตรงไหนถามได้นะคะ เรื่องนี้มันซับซ้อน


หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-06-2018 22:16:58
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: blanchard ที่ 29-06-2018 22:42:00
ช่วงหลัง ๆ ที่ศศิศปล่อยวางและบอกให้อดีตบริวารอโหสิกรรมให้คุณลุง อ่านแล้วดีจังเลย     :m2:



มีคำผิดประปรายนะครับ น่าจะเป็นเพราะพิมพ์เร็ว ลอง proofread ดูอีกสักรอบเนอะ


รอติดตามตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Porm ที่ 30-06-2018 11:57:33
ชื่อเรื่องน่าอ่านจัง ชอบแนวอภิหารตำนานเทพอยู่แล้วด้วย
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Vanna ที่ 30-06-2018 22:16:32
 :katai5: :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Pe_no ที่ 01-07-2018 17:26:54
ชอบค่ะ ติดตามต่อไปจ้า  :mew2:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Pthassa ที่ 16-08-2018 15:34:24
ชอบบบบบบ มากเลยค่า เอฟซีคนน้อยค่า
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๙ วันที่ ๒๙ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 29-09-2018 14:52:24
                             ตอนที่ ๑๐   

                   นาคราชหนุ่มประทับบนบัลลังค์ทองในท้องพระโรงแห่งนครบาดาลออกว่าราชการ เหล่าข้าราชบริภารนครบาดาลต่างเรียงแถวสองฝั่งเพื่อถวายรายงานเหตุการณ์บ้านเมือง


         "ทูลพระบาทเจ้า ตอนนี้มีเหล่าอสูรวารีร้ายบุกมาทำร้ายเหล่านาคและชาวบ้านในฝั่งทะเลจองพวกเราจนได้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก กระหม่อมส่งทหารออกไปแล้ว แต่ก็ถูกฆ่าตายทั้งสิ้น"


          "บังอาจนัก พวกอสูรวารีมันกล้าดีเนี่ยงไรมาท้าทายอำนาจของข้า ข้าจะนำทัพไปจัดการพวกมันเอง ท่านเสนาบดี" พระองค์ทรงกำพระหัตถ์แน่นด้วยความขุ่นเคือง
         

 
           "พะย่ะค่ะ"  เสนาบดีหนุ่มก้าวออกมาถวายบังคม


          "ไปเตรียมทหารพันนาย อาวุธและเสบียงให้พร้อม ย่ำรุ่งวันพรุ่งนี้ ข้าจักนำทัพไปสังหารพวกมัน" องค์ศศิศมีพระราชบัญชาเสียงเข้ม ในพระทัยเต็มไปด้วยความโมโห


         "รับด้วยเกล้าพะย่ะค่ะ"  เสนาบดีปัณธรณ์ก้มตัวลงรับพระบัญชา ก่อนจะโค้งตัวลงออกจากท้องพระโรงไปจัดทัพ เตรียมไพร่พล



         ในสนามรบเต็มไปด้วยกองทัพอสูรวารี แต่ผู้นำทัพกลับเป็นผู้ที่มิใช่อสูร มีพลังอำนาจแข็งแกร่ง ใบหน้าและดาบของผู้นั้นปกคลุมด้วยเงาดำจนมิอาจรู้ได้ว่าเป็นผู้ใด
 

        เมื่อองค์ศศิศเป็นฝ่ายได้เปรียบ  ผู้นำทัพผู้นั้นกลับหนีไปจนพระองค์ไล่ตามเข้าไปในถ้ำ แต่ทหารนาคของพระองค์กลับตามเสด็จเข้าไปในถ้ำไม่ได้ จึงมีเพียงพระองค์โดนขังในถ้ำศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณความอาฆาตแค้นของอสูร

 
         องค์ศศิศเสด็จไปพบแท่นน้ำแข็งที่ภายในมีศิลาของอสูรแห่งภูผาที่ทรงอานุภาพอยู่  พระองค์ทอดพระเนตรเข้าไปปรากฎว่า มันมีร่างคนสูงใหญ่ที่ไร้ศีรษะ ไร้แขน ไร้ขานอนอยู่ด้านใน อีกด้านหนึ่งมีศีรษะอยู่ภายใน

           ถ้ำนี้เป็นแหล่งกำเนิดพลังอสูรอาฆาตดุร้าย พระองค์จะต้องเผาทำลายมันเสียก่อนที่มันจะมีพลังอำนาจมากจนกำเนิด อสูรร้ายที่ทำลายจักรวาลนี้ได้


          พระองค์ตกพระทัยกับแท่นน้ำแข็งที่รวบรวมเหล่าเทพมากมายในถ้ำนี้ พระองค์จึงเสด็จออกไปยังอีกมุมหนึ่งของห้อง ก็พบโลงแก้วที่บรรจุร่างชายและหญิงที่ล้วนแต่มีใบหน้าตาเหมือนพระองค์ทั้งสิ้น


         "หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก เจ็ด....ห้าสิบเอ็ด นี่มัน ลัญยาวดีมิใช่รึ!!!"


          พระองค์ทรงจำได้ดีว่า ร่างสตรีที่นอนในโลงสุดท้ายลักษณะและเครื่องแต่งกายเหมือนพระชายาลัญยาวดีไม่มีผิด


         ถ้ำนี้มันคือ ถ้ำอะไรกัน มนต์มายาใดที่ทำให้พระองค์ทอดพระเนตรเป็นเช่นนี้


        “ ครืนๆ”


         จู่ๆ ก็เหมือนถ้ำถล่ม ก้อนหินตกใส่ทั้งก้อนเล็กและก้อนใหญ่ แผ่นดินไหว มีเสียงดังกังวานว่า


        "มันผู้ใดกันบังอาจบุกรุกเข้ามาในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนอสูร"


        "หึ ข้าถูกล่อลวงข้าให้เข้ามาที่นี่ต่างหาก ใครจะอยากเข้ามาให้ถ้ำบ้าๆนี่กัน"


         ศศิศเสด็จเข้าไปใกล้ๆ ใช้พระหัตถ์สัมผัสกับแท่นน้ำแข็งเพื่อจะดึงศิลาจิตวิญญาณออกมา ภายในแท่นน้ำแข็งนั้นเหมือนมีใครบ้างคนอยู่ในนั้น พระองค์ต้องการจะปลดผนึกถ้ำและหนีออกไป พลังของพระองค์มิอาจจะเผาทำลายถ้ำนี้ได้ พระองค์ต้องรีบเสด็จออกไปหาผู้อื่นมาช่วยกันเผาทำลาย


         "เป็นเจ้า!" เสียงบุคคลผู้ที่ถูกผนึกกลางแท่นน้ำแข็งตะโกนก้อง


          องค์ศศิศหันพระเศียรไปทอดพระเนตรพร้อมตรัสถามว่า “เจ้ารู้จักข้าด้วยรึ” พระหัตถ์ของพระองค์เอื้อมไปจับโลงที่ตั้งอยู่ใกล้พระวรกายที่สุด


         ฉับพลัน พระองค์ก็รู้สึกโดนดูดเข้าข้างในแท่นน้ำแข็งแล้วภาพเคลื่อนไหวก็ปรากฎขึ้นมาบนผนังถ้ำทันทีราวกับมนตราบางอย่างทำให้มันเป็นเช่นนั้น

   
         (ภาพเหตุการณ์ในอดีตชาติ)

 
         
       
        “บงกชธร !”  องค์ฆเคศวรตรัสเสียงเข้ม


        องค์บงกชธรเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา พระพักตร์และพระวรกายคล้ายคลึงกับองค์ศศิศไม่มีผิดเพี้ยน แต่แววพระเนตรแฝงไปด้วยความสดใส

                 นี่ต้องเป็นอดีตชาติหนึ่งของศศิศมหานาคราชอย่างแน่นอน พระองค์แน่พระทัย

             พระองค์เป็นพระโอรสบุญธรรมของพญายักษ์วรณันยะ และเป็นพระโอรสในอุทรของพระนางวารัตดาแห่งกรุงหัสตินาปุระ มีรสิน ยักษ์ร้ายตัวใหญ่มหึมาเป็นผู้ติดตาม พระองค์ถูกพระมารดาส่งมาทรงศึกษากับพระพฤหัสบดี เทพฤาษีผู้เป็นอาจารย์ของเหล่าเทพทั้งปวงที่อาศรมแห่งนี้ พระองค์เป็นศิษย์ร่วมสำนักกับองค์ฆเคศวร ลูกศิษย์คนสำคัญของสำนักด้วย


        องค์พระราชโอรสบงกชธรเป็นผู้ที่รักความสนุกสนานรื่นเริงและรักการต่อสู้ เนื่องจากที่สำนักแห่งนี้มิรับศิษย์ที่เป็นอสูร ยักษ์ และปีศาจ แต่พระราชบิดาขององค์บงกชธรได้ทูลขอกับพระพฤหัสบดีให้รับพระโอรสบุญธรรมผู้เป็นมนุษย์ธรรมดาให้มาทรงศึกษาเล่าเรียนที่นี่

         พระสหายร่วมสำนักส่วนใหญ่กลับดูถูกเหยียดหยามพระองค์ที่เป็นเพียงเป็นมนุษย์สามัญและเป็นพระโอรสบุญธรรมของเหล่ายักษ์ รวมทั้งตรัสพาดพิงไปถึงพระราชบิดาที่เป็นยักษราช เพราะความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี  พระองค์จึงมักมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับเพื่อนร่วมสำนักบ่อยครั้ง


        ขณะที่องค์ฆเคศวรนั้นเป็นศิษย์พี่จอมโหดที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันนับตั้งแต่เพลาแรกที่เสด็จเข้าสู่สำนักในช่วงพระชนมายุ 12 ชันษา จนตอนนี้ผ่านมา 4 ปีแล้ว เพราะเป็นผู้สั่งลงโทษองค์บงกรชธรอยู่เป็นประจำในฐานะศิษย์ผู้พี่ผู้คุมกฎในสำนัก


         คืนนี้เป็นคืนแรกที่ทุกพระองค์มาร่วมเข้าเรียนหลังจากที่ได้รับอนุญาตให้เสด็จกลับบ้านกลับเมืองไปร่วมสามเดือนเต็ม


        องค์บงกชธร และองค์ภาสกร พระราชบุตรแห่งสุริยเทพ พระสหายสนิทประทับเคียงข้างกันรอบกองไฟโดยมีรสิน ยักษ์รูปร่างสูงใหญ่นั่งกับพื้นใกล้ๆ คอยอารักขา แม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ เขาก็ยังมีความสูงเหนือกว่าเหล่าเทพทั้งปวง และมีใบหน้าคมเข้ม  จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูป และทันทีที่เขายิ้มกว้างจะเผยเขี้ยวที่คมกริบขึ้นมา


        "โอ๊ะ โทษที ข้าหลุดมือน่ะ" องค์บงกชธรตั้งใจปาเปลือกกล้วยไปโดนพระศอของพระราชโอรสแห่งวิมานฉิมพลี


        องค์ฆเคศวรหันพระเศียรกลับมาทอดพระเนตร สายพระเนตรคมเฉียบ ขณะที่พระพักตร์นิ่งสนิท  ไม่บอกอารมณ์ใดๆ


        "ศิษย์พี่ ข้ากับรสินไปล่าหมูป่ามาได้ คืนนี้มาเสวยด้วยกันรึไม่” องค์บงกชธรตรัสเสียงสดใส


        "ข้าไม่กินเนื้อสัตว์” พระวรกายสูงตรัสเสียงทุ้มต่ำ ราบเรียบ


        "ห๊า  ไม่กินเนื้อสัตว์แล้วท่านกินอะไรล่ะ" เสียงยียวนตรัสถาม


        "ผลไม้"  บุตรแห่งครุฑราชตรัสตอบ


       “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็ควรมานั่งกับพวกเรา  รสินขนผลไม้มามากมาย ท่านมาร่วมดื่มเมรัยฉลองกับพวกเราสิ เดี๋ยวข้าจะบรรเลงเพลงเพราะๆให้ฟัง”


        หลังจากที่ตรัสจบ องค์บงกชธรก็ทรงหยิบวีณาที่พระองค์ได้รับพระราชทานจากพระแม่สุรัสวตี เทวีแห่งศิลปวิทยาการทั้งปวง หลังจากที่พระราชบิดาพาพระองค์และพระราชอนุชาเสด็จไปยังพรหมโลก เพื่อถวายการบูชาองค์พรหมเทพ ผู้สร้างและพระแม่ ร่วมทั้งทรงทูลขอวิธีการควบคุมจิตใจ หลังองค์บงกรชธรมักมีเรื่องวิวาทกับสหายร่วมสำนัก พระองค์หยิบวีณาขึ้นมาบรรเลง


       “ที่นี่ห้ามส่งเสียงดัง” องค์ฆเคศวรตรัสเสียงเข้ม


        "ถ้าเช่นนั้นท่านก็ช่วยอะลุ่มอร่วยให้ข้าหน่อยนะ งานเลี้ยงขาดเสียงดัง มันจะไปสนุกเยี่ยงไรเล่า”


        "ไม่"  บุตรแห่งครุฑราชตรัสปฎิเสธเสียงแข็ง


        "ถ้าท่านยอมช่วยข้า ข้าจะมอบเมรัยที่รสชาติดีเลิศจากบ้านเมืองข้าให้ท่านเป็นการตอบแทนเลย" บุตรแห่งพญายักษราชชูไหใส่เมรัยชั้นดียื่นไปถวายแด่องค์ฆเคศวรที่เพียงปรายพระเนตรมาเท่านั้น


        "ถ้าเจ้าไม่ทำตาม เจ้าจักต้องรับโทษ"บุตรแห่งครุฑราชตรัสสุรเสียงเย็นชา


        "ใจร้ายจัง" องค์บงกชชธรแสร้งตีพระพักตร์เศร้า แต่นัยน์พระเนตรเต็มไปด้วยความสนุกสนาน


        "...."  ขณะร่างสูงเสด็จหนีไปทันที


        พระราชโอรสบงกชธรหันไปถามองค์ภาสกร บุตรของสุริยเทพ เพื่อนร่วมสำนักตั้งแต่วัยเยาว์ "ทำไมเขาเดินหนีข้าล่ะ"


        "เขารำคาญเจ้า ยังไม่รู้ตัวอีกรึ"


        "ข้าไม่ยักจะรู้ เห็นครุฑนั่นชอบทำแต่หน้านิ่งๆ ใครจะรู้เล่าว่า เขาอาจจะยิ้มให้ข้าอยู่ในใจก็ได้ เจ้าดูไม่ออกหรอก"


        "เจ้านี่ยังจะเสแสร้งเฉไฉอีกรึ เขาโกรธเจ้าชัดๆ"


        "เสแสร้งอะไรกัน  ข้าออกจะเปี่ยมด้วยความจริงใจ!!"


         "แต่ข้าว่ามันแปลกๆนะ" สุริยบุตรขนวดพระขนงด้วยความสงสัย


         ขณะพระราชโอรสบงกชธรหันขวับส่งสายพระเนตรขวางๆ "แปลกอะไรของเจ้า"   


         "กระหม่อมก็รู้สึกว่ามันแปลกนะพะย่ะค่ะ" ขุนพลยักษ์เอ่ยขึ้น


         "เจ้าก็เป็นไปกับเขาด้วยรึ รสิน แปลกอะไรกัน"


         "ก็เวลาที่ทะเลาะกันกับพระโอรสภาสกร พวกพระองค์ทรงชอบตีกันน่วมไปข้างหนึ่ง แต่กับพระโอรสฆเคศวร กระหม่อมรู้สึกว่าพระองค์เหมือนอยากจะทะเลาะหาเรื่องหยอกเท่านั้น แต่ไฉนพระโอรสฆเคศวรถึงมิโกรธ แต่กลับเพียงเสด็จจากไปเฉยๆ เยี่ยงนี้เล่า" รสินเอ่ยตอบ


          องค์ภาสกรหันไปหารสินแล้วตรัสว่า " เขาคงควบคุมอารมณ์เก่งกระมัง"


         รสินพยักหน้ารับ “กระหม่อมรู้สึกว่า เราโชคดีเหลือเกิน มิเช่นนั้นหากต้องปะทะกับองค์ฆเคศวรแล้ว กระหม่อมคงมิอาจต้านทานพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ได้”


        บุตรแห่งสุริยเทพหันไปทอดพระเนตรพระสหายสนิท แล้วตรัสว่า “หรือว่า เขาเก็บความแค้นไว้ลงโทษเจ้าพรุ่งนี้หนักๆ”


        "โอ๊ย...สงสัยคราวนี้ ข้าต้องโดนกักบริเวณให้ทำสมาธิอีกเป็นเดือนแน่ๆ ครั้งที่แล้วเขาก็เดินหนีไปอย่างนี้ เสร็จแล้วก็ไปฟ้องท่านอาจารย์ เจ้าครุฑขี้ฟ้อง คราวหน้าข้าจะแกล้งให้หนักๆเลย"


        "เจ้านี่ยังไม่รู้จักเข็ดอีก" ภาสกรตรัสต่อว่า "รสิน เจ้าควรจะเตือนพระโอรสของเจ้าบ้างไม่ให้ไปแกล้งคนอื่น สักวันจะโดนเขาฆ่าตาย ไม่ใช่แค่โดนลงโทษเล็กๆน้อยๆอีก"

 
         รสินเลยบอกว่า " พระโอรสภาสกรมิรู้หรือขอรับ หากบุรุษชอบผู้ใดก็จะคอยแกล้งแต่คนผู้นั้น เพราะอยากเรียกร้องความสนใจจากผู้ที่ตัวเองชอบอย่างไรล่ะพะย่ะค่ะ"


          เพียงเท่านั้น จากที่องค์บงกชธรแย้มพระสรวลก็หุบพระโอษฐ์ทันที


          รึว่า ที่ข้าชอบแกล้งเจ้าครุฑนั่น ก็เพราะข้าชอบเขารึ ไม่จริง ข้า...ข้าเพียงแต่...


          "ข้าแค่สนุกที่ได้หยอกเขา"


          "แล้วพระโอรสศรัณล่ะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเห็นสายพระเนตรที่มองพระองค์แล้ว กระหม่อมมั่นใจว่าพระโอรสศรัณมีพระทัยให้พระองค์แน่นอนพะย่ะค่ะ" รสินหันไปถามสุริยบุตรที่สะดุ้งทันทีที่ถูกถาม


          "ข้ารู้สึกขนลุกเลย บุรุษกับบุรุษ" องค์ภาสกรตรัส  "พวกเจ้าคิดอะไรไร้สาระ"


          "ถ้าเช่นนั้นเจ้าช่วยชี้ทางสว่างให้ข้าหน่อยสิ เผื่อข้าจะหลุดจากความสงสัยที่มีอยู่เต็มหัวตอนนี้ได้ พี่ศรัณชอบเจ้ารึไม่”  องค์บงกชธรตรัสถาม


         "ข้าจะไปรู้ได้เยี่ยงไรเล่า เจ้าอยากรู้ก็ไปถามเขาเองสิ" สุริยบุตรตรัสตอบเสียงดุ 



        ขณะที่ทั้งสามประทับรอบกองไฟ ย่างหมูป่านั้นก็มีเสียงเหล่าเทพผู้เยาว์สนทนาการเรื่อยๆ


        " พวกยักษ์นั่น ล้มพวกอสูรได้น่าแปลกใจตรงไหน   แค่มีรสินคนเดียว ก็ต้านทัพได้นับแสน เจ้าเด็กมนุษย์นั่นแค่นั่งสบายๆในที่ปลอดภัย ก็ชนะแล้ว ไม่ต้องมาเสี่ยงแบบพวกเราหรอก"


         พวกเหล่าเทพวัยเยาว์พากันสนทนาถึงศึกพาราณสีที่กองทัพยักษ์บุกไปช่วยชาวเมือง โดยขับไล่อสูรร้ายนับพันได้เพียงคืนเดียว ในศึกนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนก่อนโดยมีรสิน ขุนพลยักษ์เป็นแม่ทัพใหญ่ ทำใให้ชื่อเสียงของยักษ์หนุ่มดังไกล เขาเป็นผู้ควักดวงตาของราชาอสูรนำมาเก็บไว้ที่กรุงหัสตินาปุระ



           “พวกเจ้าจะนินทาผู้ใด มิรู้จักดูให้ดีเสียก่อนหรือ”  องค์บงกชธรตรัสเสียงขุ่น


          พวกเทพที่สนทนากันหยุดสนทนาต่อทันที ทุกองค์ต่างตกใจ “ข้า ข้าขอโทษ”


          รสินที่เสกตะบองขึ้นมาในมือและตะโกนด่าเสียงก้อง ทำให้พวกลูกเทพต่างพากันวิ่งหนีไปทันที


          "แน่จริงอย่าเก่งแต่ปาก  มารับตะบองจากข้าเดี๋ยวนี้!!"


          "พวกขี้นินทาช่างน่าตบปากจริงๆ" องค์ภาสกรตรัส ทอดพระเนตรรสินถือตะบองไล่เหล่าเทพวัยเยาว์ด้วยความขบขัน


          ขณะที่องค์ศรัณ พระราชโอรสของอินทรเทพที่เสด็จผ่านมาทันทอดพระเนตรเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้น พระองค์ประทับลงข้างๆ องค์บงกชธร


        " บงกชธร เจ้าอย่าไปใส่ใจเลย เทพพวกนั้นยังเยาว์นักจึงพูดไปโดยมิคิด” องค์ศรัณรีบตรัสปลอบ


         "ช่างมันเถอะ ศิษย์พี่ คนมองข้าไม่ดีอยู่แล้ว พวกนั้นชอบมองข้าเหยียดๆ ตลอดเวลาจนข้าชินเสียแล้ว ข้ามันบุรุษงามอันดับหนึ่งในจักรวาลย่อมมีแต่คนอิจฉาเป็นธรรมดา"


          องค์ภาสกรหันพระพักตร์มาจ้องพระพักตร์พระสหายแล้วตรัสว่า “ข้าอยากจะอาเจียน เจ้าน่ะหรือรูปงามอันดับหนึ่ง ”


          “เอาน่ะ กินหมูย่างนี่ดีกว่า” องค์ศรัณฉีกเนื้อหมูป่าที่ร้อนๆ แล้วยื่นพระหัตถ์ส่งไปให้องค์พาสกรที่ทอดพระเนตรอย่างุนงง “เอารับไปสิ กลิ่นหอมน่ากินเชียว”


           พระราชโอรสเมืองยักษ์ทรงหยิบหมูย่างจากพระหัตถ์ขององค์ศรัณไปเสวยทันที เคี้ยวไปก็ตรัสไปว่า “อร่อยมาก ข้าเป็นคนไปล่ามาเอง ข้าเก่งใช่ไหมล่ะ”


         สุริยบุตรรีบตรัสตอบด้วยความหมั่นไส้ว่า   “เจ้าไปขอแบ่งพี่ยศธรมามิใช่รึ เจ้ามิได้ล่าเอง  พวกพี่ยศธร พี่บุณยภู และพี่รัตยทัตต่างหากที่ล่ามันมา พวกนั้นล่าสัตว์เก่งกาจกันเหลือเกิน"


          สองคนเถียงกันต่อจนองคศรัณอดแย้มสรวลมิได้ สายพระเนตรจ้องไปที่สุริยบุตร


         "ข้าก็ช่วยล่า ถึงพี่ยศธรเขาเป็นหัวเรือใหญ่ แต่ข้าก็เป็นคนที่ยืนข้างๆเขาไม่ใช่หรือไร เจ้าจำได้ไหมล่ะ" พระโอรสแห่งเมืองยักษ์รีบตรัสเถียงทันควัน


         "ตื่น! นั่นที่ข้า เจ้าน่ะยืนอยู่หลังสุดต่างหาก”


         “ชิ”


        “ ข้าอยากรู้ว่าศิษย์พี่รัตยทัตกับศิษย์พี่ฆเคศวรนี่มีสายเลือดเดียวกันรึไม่ แล้วทำไมหน้าคล้ายกันเหลือเกิน”


         “คนละสายเลือด พี่รัตยทัตเป็นกินนรถือว่าเป็นญาติห่างๆ ของครุฑ บินได้เหมือนกัน เผ่าพันธุ์คล้ายกันเลยหน้าคล้ายกันกระมัง เจ้ารอไปถามพี่ๆ เขาเอานะ”


        “ ข้าอยากจะถามพี่รัตยทัตอยู่ แต่ข้าไม่ค่อยเจอพี่เขาเลย”


        “เจ้าไม่ถามพี่ฆเคศวรล่ะ”


        “ใครจะไปกล้าถาม เย็นชาเป็นน้ำแข็งเช่นนั้น เจ้าไปถามให้หน่อยสิ”


        “เจ้าอยากรู้เจ้าก็ไปถามเองสิ”


        “แม่ของพี่รัตยทัตน่ะ เป็นครุฑซึ่งเป็นป้าแท้ของฆเคศวร” องค์ศรัณตรัสตอบคำถามที่ทั้งสองสงสัย แต่ไม่กล้าถาม 


        ทั้งสองหันขวับ และทันใดนั้นเอง องค์บงกชธรตรัสขึ้นมาว่า “ อ้าว พี่ศรัณ พี่ยังนั่งอยู่อีกหรือนี่ ข้านึกว่าท่านลุกไปเสียแล้ว”


        “นั่นสิ ข้าก็นึกว่า พี่ลุกไปแล้ว”   


         องค์ศรัณทอดพระเนตรสองสหายด้วยสายพระเนตรขบขันแล้วตรัสว่า “ข้าเริ่มจะรู้สึกน้อยใจเสียแล้วสิ แล้วนี่มีใครเห็นฆเคศวรบ้างรึไม่ "


          “ข้าเห็น ศิษย์พี่ฆเคศวรรำคาญเจ้านี่ ข้าเห็นเดินจ้ำอ้าวไปทางอาศรมแล้วล่ะ” องค์พาสกรตรัสตอบ พระหัตถ์ชี้ไปที่องค์บงกชธร


          “เจ้านี่! ชอบใส่ความข้าอยู่เรื่อย”


          “ถ้าเช่นนั้น ข้าขอไปหาเพื่อนข้าก่อนล่ะกันนะ”  องค์ศรัณลุกขึ้นแล้วเสด็จไปทางอาศรม เพื่อไปหาพระสหายรัก


          “ขอรับ”  ขณะที่ทั้งองค์บงกชธรและองค์ภาสกรทอดพระเนตรตาม


          "พวกพี่เขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันด้วย น่าอิจฉาจริงๆ  ข้าก็อยากมีสหายที่ดีแบบนั้นบ้าง"


         "ข้าไง"


         "เจ้าเนี่ยนะ สหายที่ดี วันๆ ชอบหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ข้าตลอด"


          "เจ้าชอบบ่นเป็นพ่อข้าเลย   พ่อข้ายังไม่เคยว่าอะไรข้าเลย"


          "พ่อเจ้าเป็นยักษ์นี่ พวกยักษ์น่ะชอบเรื่องทะเลาะวิวาทประจำ เจ้าคงจะเป็นลูกรักของพ่อเจ้าทีเดียว วันๆ วิวาทกับผู้อื่นไปทั่ว”


            องค์ภาสกรมิได้ตรัส แต่เป็นองค์อติศร โอรสนาคราชแห่งทะเลฝั่งตะวันตกเป็นผู้ตรัสเสียงเหยียดหยัน
   

          “เจ้า!!!!”
 
 


         “ทำไม มิพอใจรึ “  องค์อติศรและสมัครพรรคพวกนาคนับสิบส่งสายพระเนตรเอาเรื่องมาทางทั้งสองจนองค์บงกชธรต้องตรัสว่า


          “ฝากไว้ก่อนเถอะ!”  หลังจากนั้นจึงกุมพระหัตถ์ขององค์ภาสกรลุกหนีไป พร้อมหยิบหมูป่าและวีณาไปด้วย


               จบตอน



        คุยกับนัทสึ
       มาต่อแล้วค่ะ ขอบคุณมากๆ ที่ยังติดตามเรื่องอยู่  พล็อตเรื่องเราวางไว้อาจจะงงกันไปบ้าง เพราะมันย้อนไปย้อนมาหลายชาติ หลายภพ แต่ตอนนี้ทุกคนน่าจะเริ่มเข้าใจแล้วว่า พี่ครุฑไม่ได้เพิ่งรักที่ชาติที่เป็นผู้หญิง  แต่รักตั้งแต่ชาติที่เป็นผู้ชาย นับจากจำนวนโลง นั่นคือจำนวนชาติที่พี่ครุฑแก่คอยดูแล และรักแบบไม่ต้องการอะไรตอบแทน จนกระทั่งแกยื่นมือไปช่วยลัญยาวดี ถึงไปมีลูกด้วยกันค่า
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-09-2018 19:41:50
 o22  ตกใจเลย 51 โลงเลยนะ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: greenapple ที่ 29-09-2018 20:16:33

ต้องกลับไปอ่านใหม่ จำเนื้อเรื่องไม่ค่อยจะได้
ขอบคุณคนแต่งนะคะ

 :mew1:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 29-09-2018 21:48:25
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวโจร500 ที่ 30-09-2018 07:59:36
โว้ววววววววววว ความรักของพี่นี้
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-10-2018 09:47:07
ปมเยอะจัง
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 02-10-2018 09:43:59
งงๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๑๐ วันที่ ๒๙ / ๙/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: natsikijang ที่ 18-01-2019 12:56:27
เดี๋ยวจะรีไรท์ใหม่ให้นะคะ   ตอนนี้อาจจะยังงงหน่อย เนื้อเรื่องมันข้ามไปข้ามมา

งงๆ
หัวข้อ: Re: ตามหทัย(ครุฑ x นาค)หน้า ๕ ตอนที่ ๘ วันที่ ๑ /๖/๖๑
เริ่มหัวข้อโดย: benver ที่ 07-10-2021 15:56:58
ตามต่อตอนที่ 11 มารึยังคะ สนุกมากๆค่ะ