พิมพ์หน้านี้ - [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: cheepoke ที่ 19-07-2017 22:08:49

หัวข้อ: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 19-07-2017 22:08:49
****************************

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

***********************************


FAN PAGE  -->  BlueGusten (https://www.facebook.com/BlueGusten.FictionY/?ref=bookmarks)


มาแล้วจร้าาาเรื่องที่ 2 ของเซต!!!!!
"กงจักรจอมพล" เป็นเรื่องของ จอมพล (เพื่อนของราชันย์) x ภีม (เพื่อนของแฟร์) ในเรื่องราชันย์พ่ายรัก
เรื่องแรกของเซตนั่นเอง ใครที่ยังไม่ได้อ่านตามอ่านได้ที่นี่

ราชันย์พ่ายรัก (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61208.0)
กงจักรจอมพล
เล่ห์กลอัศวิน
มลทินธนัท

ยังไงก็ขอกำลังหน่อยนะคะ

สารบัญ

INTRO (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3678760#msg3678760)
CHAPTER  1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3675204#msg3675204)
CHAPTER  2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3675433#msg3675433)
CHAPTER  3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3675620#msg3675620)
CHAPTER  4
 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3675925#msg3675925)CHAPTER  5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3676159#msg3676159)
CHAPTER  6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3676482#msg3676482)

CHAPTER 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3676629#msg3676629)
CHAPTER 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3676942#msg3676942)
CHAPTER 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3677137#msg3677137)
CHAPTER 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3677528#msg3677528)
CHAPTER 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3677737#msg3677737)
CHAPTER 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3678058#msg3678058)
CHAPTER 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3678389#msg3678389)
CHAPTER 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3678711#msg3678711)
CHAPTER 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3678946#msg3678946)
CHAPTER 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3679207#msg3679207)
CHAPTER 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3679358#msg3679358)
CHAPTER 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3679709#msg3679709)
CHAPTER 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3679873#msg3679873)
CHAPTER 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3680184#msg3680184)
CHAPTER 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3680458#msg3680458)
CHAPTER 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3680837#msg3680837)
CHAPTER 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3680959#msg3680959)
CHAPTER 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3681451#msg3681451)
CHAPTER 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3681530#msg3681530)
CHAPTER 26 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3681836#msg3681836)
CHAPTER 27 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3682135#msg3682135)
CHAPTER 28 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3682450#msg3682450)
EPILOGUE (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61221.msg3682723#msg3682723)     END


********************************

เนื่องจาก INTRO ที่แต่เดิมอยู่ในหน้านี้ทำให้ตัวหนังสือเกินนนนนน
กิ่งเลยย้ายไปไว้อีกหน้าหนึ่งนะคะ
ใครที่เข้ามาอ่านกรุณาคลิ๊กเลือกจากสารบัญเอาค่ะ จะง่ายต่อการหาบทต่างๆ นาาาาาาา


:mew1: :mew1: :mew1:


หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 19-07-2017 22:15:49

CHAPTER  1


ร่างโปร่งของภีมวิทธิ์หยุดยืนมองสิ่งก่อสร้างหลังใหญ่ตรงหน้าอย่างชั่งใจ มือเรียวกระชับกระเป๋าเป้ที่แบกเอาเอกสารส่วนตัวติดมาด้วยเอาไว้แน่น

ภีมกวาดตามองประติมากรรมตัวอักษรชื่อบริษัทเบื้องหน้าอย่างนึกเกรง ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ความกังวลมากมายที่หวนกลับมาอีกครั้งหลังจากที่มันเคยเกิดขึ้นไปเมื่อไม่นานมานี้ตอนที่เขาต้องสัมภาษณ์เพื่อเข้าทำงานในบริษัทของราชันย์ยิ่งทำให้มือของภีมนั้นชื้นเหงื่อขึ้นทันตา

นัยน์ตาสีดำหลุบลงต่ำพลางปิดเปลือกตาอยู่สักพักก่อนเจ้าของร่างโปร่งจะตัดสินใจเปิดเปลือกตาขึ้นและเดินลุยเข้าไปข้างในอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“ผมมา…”

“คุณภีมวิทธิ์ จิระกรกิจ ใช่มั้ยคะ” ไม่ทันที่ภีมจะพูดจบพนักงานสาวแผนกบุคคลก็สวนกลับเขาทันควัน

“อ่ะ…เอ่อ ใช่ครับ” ร่างโปร่งตอบกลับไปอย่างเขินๆ ก่อนคนตรงหน้าจะผายมือและพูดขึ้น

“ผู้บริหารรอพบคุณอยู่ในห้องทางซ้ายมือแล้วค่ะ”

“อะไรนะครับ! นี่ผมไม่ได้ทำให้เขาต้องรอนานใช่มั้ยเพราะคุณราชันย์บอกให้ผมมาเวลานี้” ภีมว่าพลางมองนาฬิกาข้อมือข้างซ้ายที่บอกเวลาแปดโมงตรง

“คุณจอมพลก็เพิ่งจะเดินเข้าไปนี่แหละค่ะไม่ต้องกังวลไปนะคะ” พนักงานสาวฉีกยิ้มก่อนที่คนตรงหน้าจะสะดุดกับชื่อนี้อย่างจัง

“จอมพล?” ภีมถามย้ำร่างโปร่งรู้สึกคุ้นชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินผ่านหูที่ไหนมาก่อน

“ค่ะคุณจอมพลผู้บริหารของที่นี่” อีกฝ่ายตอบกลับ

“เอ่อ…แล้วผมต้องเตรียมอะไรเข้าไปบ้างครับ มันจะเหมือนการสัมภาษณ์งานใหม่มั้ยเพราะตำแหน่งของผมถูกโยกย้ายมาหรือแค่…”

“ดิฉันว่าคุณภีมวิทธิ์ถามกับคุณจอมพลโดยตรงจะดีกว่านะคะเพราะคำถามที่คุณถามดิฉันมาทั้งหมดก็คงมีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ตอบได้” หญิงสาวเอ่ยออกมาหลังจากขำท่าทีประหม่าของภีม

“ผมตื่นเต้นจังเลยครับ…เขาดุมั้ย?” ร่างโปร่งตัดสินใจถามหน้าแหย

“ไม่นะคะคุณจอมพลจะดุก็ต่อเมื่อแกเครียดเท่านั้นซึ่งดิฉันทำงานมาสามปีเพิ่งจะเคยเห็นแค่ครั้งเดียวเองคุณภีมวิทธิ์สบายใจได้เลยนะคะ” เธอตอบก่อนชายหนุ่มตรงหน้าจะเบาใจลงไปหน่อย

“เชิญเข้าไปข้างในเถอะค่ะเดี๋ยวคุณจอมพลจะรอนาน” พนักงานสาวบอกร่างโปร่งอีกครั้ง ก่อนภีมจะตัดสินใจกล่าวขอบคุณอีกฝ่ายและเดินเข้าห้องด้านซ้ายไปเบาๆ

ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศฉุดให้ขนแขนของภีมลุกกราวอย่างเสียไม่ได้ ร่างโปร่งมองเข้าไปข้างในห้องกว้างด้วยท่าทีประหม่าก่อนที่สายตาของเขาจะปะทะเข้ากับร่างสูงของใครอีกคนที่นั่งรออยู่บนชุดโซฟาติดผนังตรงมุมห้องทางขวามือ

ภีมยิ้มพลางก้มหัวให้อีกฝ่ายราวกับทำความเคารพหากทว่าชายหนุ่มอีกคนกลับใช้เพียงสายตาราบเรียบมองเขากลับเท่านั้น

“เชิญนั่ง” ผู้บริหารบริษัทอย่างจอมพลเอ่ยก่อนที่ภีมจะทำตาม

“ขอบคุณครับ” ร่างโปร่งนั่งลงพร้อมกับถอดกระเป๋าเป้วางไว้ข้างตัว

“รสรินบอกอะไรนายไปบ้างแล้ว” ร่างสูงถาม

“รสริน?”

“พนักงานฝ่ายบุคคล” จอมพลขยายความเมื่อภีมไม่เข้าใจ

“อ๋อ เธอไม่ได้บอกอะไรครับเพียงแค่ให้ผมเข้ามาพบคุณข้างในนี้” ร่างโปร่งยิ้มกลับแต่จอมพลก็ยังตีสีหน้านิ่งไม่เปลี่ยน

“เรียนจบที่ไหนมา” ร่างสูงเปิดฉากถามขึ้น

“ผมจบปริญญาโทด้านบริหารจากมหาวิทยาลัย xxx ประเทศอเมริกาครับ”

“เรียนที่อเมริกาเมื่อไหร่”

“เมื่อปลายปี 2013 ครับ” ภีมตอบพลางมองอีกคนที่เปิดดูประวัติของเขาที่ราชันย์ส่งมาให้อย่างเงียบๆ

“นี่เป็นรายละเอียดสัญญาว่าจ้างอ่านจบแล้วก็เซ็นต์ซะ” หลังจากเปิดดูประวัติของอีกฝ่ายจนหมดจอมพลก็ได้ยื่นแฟ้มเอกสารให้กับภีมไปตรงหน้า

ร่างโปร่งยื่นมือออกไปรับหากแต่จอมพลกลับปล่อยมือก่อนที่ภีมจะทันได้หยิบแฟ้มดังกล่าวติดมือมาเสียอีกทำให้แฟ้มที่ว่าตกลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

ภีมวิทธิ์เงยหน้าขึ้นสบนัยน์ตาสีดำสนิทของอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ ร่างโปร่งรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่อุบัติเหตุหากแต่จอมพลจงใจที่จะทำแบบนั้น

“โทษที” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ

“ไม่เป็นไรครับ” ภีมตอบ ร่างโปร่งเก็บแฟ้มที่ว่าขึ้นมาก่อนจะเปิดอ่านหนังสือสัญญาที่แนบมาด้านใน

ภีมกวาดสายตามองข้อความตรงหน้าเพียงครู่ก่อนร่างโปร่งจะคว้าปากกาที่อีกฝ่ายสอดด้านในแฟ้มมาด้วยพร้อมกับเซ็นต์ชื่อลงตรงช่องด้านล่างทันที

“นี่ครับ” ร่างโปร่งปิดแฟ้มพลางวางมันไว้บนโต๊ะเล็กตรงหน้าอีกฝ่าย

“เคยมีแฟนมั้ย” จอมพลมองการกระทำของภีมก่อนจะถามขึ้น

“ครับ?”

“ฉันถามว่าเคยมีแฟนมั้ย”

“เอ่อ…เคยครับ” ร่างโปร่งที่ดูจะงงกับคำถามของอีกฝ่ายตอบกลับหลังจากมองจอมพลอย่างสงสัย

“เคยหักอกใครมาก่อนหรือเปล่า”

“ทำไมคุณจอมพลถึงถามแบบนี้ล่ะครับ”

“มีหน้าที่ตอบก็ตอบมา” ร่างสูงเอ่ยเสียงทุ้มหากทว่าคำพูดของเขากลับทำให้ภีมเริ่มรู้สึกถึงการก้าวก่ายเป็นที่สุด

“แต่ผมเกรงว่า…มันเป็นเรื่องส่วนตัว…ของผม” ภีมตอบด้วยคำพูดสุภาพที่พยายามเลือกเปล่งออกมาแต่อีกคนที่ได้ยินกลับแสยะยิ้มสมเพช

“หึ! ตอนนี้นายเป็นพนักงานของฉันเรียบร้อยแล้วฉะนั้นไม่มีคำว่าเรื่องส่วนตัวบ้าบออะไรทั้งนั้น!” จอมพลขึ้นเสียงก่อนภีมจะสะดุ้งโหยง ร่างโปร่งขมวดคิ้วมุ่นมองคนตรงหน้าก่อนร่างสูงจากอีกฝั่งจะตวาดขึ้นอีกครั้ง

“ตอบมา!”

“ไม่เคยครับ”

“โกหก!!”

“อ่ะ! คุณจอมพลเดี๋ยวก่อนครับคุณจะทำอะไร!!” ภีมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็พุ่งตัวเข้ามาคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้พร้อมกับกระชากให้ลุกขึ้นยืน

“มึงพูดออกมาอีกทีสิว่าไม่เคยหักอกใคร!” ร่างสูงตวาดถามกลับอย่างเอาเรื่อง ใบหน้าหล่อเหลาถูกฉาบไว้ด้วยแววตาไม่พอใจเป็นที่สุด จอมพลจ้องภีมอย่างคาดโทษก่อนคนตัวเล็กกว่าจะพยายามแกะมือของเขาออกเป็นพัลวัน

“คุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ!”

“พูดออกมา!!”

“ครับ! ผมไม่เคย!...ไม่เคยจริงๆ!” ร่างโปร่งตอบเมื่อถูกจอมพลขู่กลับอีกครั้งก่อนร่างสูงที่ได้ยินคำตอบนี้จะยิ่งทวีความโกรธมากขึ้นหลายเท่าตัว

“ตอแหล!!”

“โอ้ย!” ภีมร้องออกมาเมื่อคนที่ขยำคอเสื้อผลักให้ตัวเขากระแทกเข้ากับผนังห้องอย่างจัง

“เกิดอะไรชึ้นคะคุณจอมพล!?” พนักงานฝ่ายบุคคลอย่างรสรินที่ประจำอยู่ด้านนอกรีบเปิดประตูเข้ามาถามเมื่อได้ยินเสียงเอะอะดังออกไป

“ออกไปผมยังคุยธุระกับเลขาฯ คนใหม่ไม่เสร็จ” จอมพลว่าก่อนที่หญิงสาวจะพยายามขัดใจด้วยการเอ่ยปากออกมาอีก

“แต่…”

“ไม่มีแต่! และก็อย่าให้ใครเข้ามาในนี้หากผมไม่อนุญาต!” ร่างสูงตวาดก้องจนรสรินพี่เพิ่งจะเคยเห็นจอมพลอารมณ์ร้ายถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรกยอมออกไปแต่โดยดี

“กูไม่ใจดีกับมึงเหมือนไอ้ชันย์หรอกเตรียมใจเอาไว้เลย!” ให้หลังจากที่พนักงานสาวอีกคนออกจากห้องไปจอมพลก็หันกลับมาเอาเรื่องภีมวิทธิ์ต่อทันที

ร่างสูงก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายที่เอาแต่ลูบต้นแขนของตัวเองที่เจ็บจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อนจอมพลจะเอ่ยคำพูดให้ร้ายออกมาอีกครั้ง

“มึงมันน่าเกลียดยิ่งกว่าที่กูคิดซะอีก!”

“ทำไมคุณถึงทำกับผมแบบนี้! ผมไปทำอะไรให้คุณ!” ภีมถามกลับก่อนเจ้าตัวจะพยายามถอยหนีอีกฝ่ายที่เดินเข้ามาไม่หยุด

“ทำอะไรให้กูยังงั้นเหรอ!?” จอมพลแสยะยิ้ม

“กูไม่ปล่อยให้มึงทำอะไรกูได้ง่ายๆ หรอก! แต่คนที่มึงทำมันคือน้องของกู!” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งจนภีมเสียวสันหลัง ร่างโปร่งสบเข้ากับนัยน์ตาของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวก่อนจะถามกลับเมื่อเรื่องที่อีกฝ่ายพูดไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจสักนิด!

“น้องของคุณ?”

“มึงกับน้องของมึงรวมหัวกันบอกเลิกน้องของกูเมื่อสองปีที่แล้ว!!”

“!!”

“ไง! จำได้แล้วใช่มั้ย?” จอมพลว่าเมื่อเห็นท่าทีของภีมที่เปลี่ยนไป

ร่างโปร่งมองใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวของอีกฝ่ายอย่างนึกกลัวพลันภาพเหตุการณ์ในวันนั้นก็หลั่งใหลออกจากความทรงจำส่งต่อมายังสมองของเขาให้นึกถึง

“คุณคือ…พี่ชายของเด็กคนนั้น” ร่างโปร่งเอ่ยออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“นับว่ายังฉลาด!”

“ตะ…แต่วันนั้นผมไม่รู้เรื่อง” ภีมว่าก่อนจอมพลจะตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายมากำไว้อีกครั้ง

“มึงจะไม่รู้เรื่องได้ยังไง! แล้วหมาที่ไหนมันนั่งบอกเลิกน้องกูกับอีเด็กผู้หญิงมักมากคนนั้น!!” ร่างสูงด่ากราดอย่างหัวเสีย เขาไม่เคยเห็นคนดื้อด้านและตอแหลได้โล้ถึงขนาดนี้มาก่อน!!

“ผมไม่รู้เรื่องจริงๆ น้องสาวผมเธอขอให้ผมไปด้วยผมไม่รู้ว่าเธอจะไปบอกเลิกน้องของคุณ!” ภีมพยายามอธิบายจนจอมพลเลือดขึ้นหน้า

“มึงยังกล้าปฏิเสธกูอีกเหรอ!!”

“ก็ผมไม่ได้ผิด! ผมไม่รู้เรื่อง!”

“ไอ้ภีม!!!”

ร่างโปร่งหลับตาปี๋เมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าเงื้อหมัดที่กำเอาไว้แน่นขึ้น อารมณ์ของจอมพลเดือดกว่าครั้งไหนๆ หากทว่าร่างสูงก็ยังสามารถยั้งมือตัวเองเอาไว้ได้ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโน้มใบหน้าลงไปกระซิบข้างหูของภีมวิทธิ์กลับอย่าคาดโทษ

“กูจะทำให้มึงเจ็บมากกว่าน้องกูเป็นร้อยเท่า! จำใส่สมองมึงไว้เลย!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็ผลักอีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้น

“ถ้าคุณยังคิดว่าผมผิดผมก็คงต้องขอยกเลิกสัญญาว่าจ้างผมจะไม่ทำงานกับคุณ!” ภีมว่าก่อนจะลุกขึ้นหมายจะตรงไปหยิบแฟ้มที่ตัวเองเพิ่งจะเซ็นต์ชื่อไป แต่แล้วการกระทำของร่างโปร่งกลับช้ากว่าจอมพลอยู่หลายขุม

“คิดว่ามึงทำได้?” ร่างสูงว่าพลางชูแฟ้มที่ฉวยหยิบมาได้ก่อนขึ้น

“ได้อยู่แล้วเอาแฟ้มนั่นมาให้ผม!” ร่างโปร่งที่รู้ดีว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายหากยังฝืนอยู่ที่นี่ต่อไปพยายามตรงเข้าแย่งแฟ้มนั้นกลับจนสุดแรง

จอมพลผลักอีกฝ่ายที่เอื้อมมือยื้อแย่งแฟ้มเอกสารนี้จากตัวเองก่อนร่างสูงจะแสยะยิ้มกลับเมื่อคนตรงหน้าไม่ได้รู้ชะตากรรมที่กำลงัจะตามมาของตัวเองเลยสักนิด

“กูจะบอกอะไรมึงให้นะ…สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกูตั้งแต่มึงเซ็นต์ชื่อลงไปแล้ว!!” จอมพลว่าก่อนภีมที่พยายามยื้อแม้จะถูกอีกฝ่ายกีดกันสักแค่ไหนจะหยุดการกระทำที่ทำอยู่และจ้องหน้าอีกฝ่ายกลับไปนิ่ง

“คุณหมายความว่าไง!” ร่างโปร่งร้องถามก่อนจอมพลที่แสยะยิ้มออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่าจะเปิดแฟ้มเมื่อครู่และอ่านทวนข้อยกเว้นที่ระบุไว้ด้วยขนาดตัวอักษารที่เล็กจนอีกคนไม่ทันได้ให้ความสนใจไปเมื่อครู่

“มึงจะต้องทำงานให้กูสามปี! แต่ถ้าหากมึงไม่อยากทำก็แค่หาเงินมาไถ่ตัวเองออก…แค่ยี่สิบล้านเอง” น้ำเสียงทุ้มพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ยพลางชี้ไปยังข้อยกเว้นที่ว่าก่อนร่างโปร่งที่มองมาจะเบิกตาโพรงเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเสียรู้ให้กับอีกฝ่ายไปเสียแล้ว

“เป็นไปไม่ได้!!” ภีมเอ่ยเสียงดังลั่น ร่างโปร่งกำมือเอาไว้แน่นพลางมองอีกคนด้วยแววตาโกรธเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยต้องรู้สึกเกลียดคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรกอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต!

“หึ! ต้องโทษที่มึงเสือกโง่เอง”

“คุณจอมพล!”

คนถูกว่าทำหน้าไม่ยี่หระ ร่างสูงเดินไปหยุดอยู่ตรงกองเอกสารที่ถูกวางไว้บนโต๊ะในห้องนี้เป็นเวลานานก่อนจะหอบมันขึ้นและเดินไปหาภีมวิทธิ์

“อยากทำงานที่นี่มึงก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเพราะกูจะให้ทั้งงานและแก้แค้นแทนน้องกูให้สาสม!!”

โครม!

“แก้งบประมาณในเอกสารพวกนี้ให้เสร็จไม่เสร็จมึงไม่ต้องกลับบ้าน!!” ร่างสูงโยนเอกสารกว่าสิบแฟ้มลงบนพื้นตรงหน้าร่างโปร่งก่อนจะออกปากสั่งและเดินออกจากห้องไปทันทีเหลือไว้แต่เพียงภีมวิทธิ์ที่ทรุดตัวนั่งลงอย่างหมดแรงท่ามกลางความรู้สึกมากมายที่เขาไม่สามารถอธิบายออกมาได้ในเวลานี้



TBC...

---------------------------------------

นี่แค่บท 1 นะบท 1 !!
อูยยยยย จอมพลจะโหดไปไหน
ภีมเจอศึกหนักแล้วค่ะและจะทวีความร้ายขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย
ง่อวววววววว สงสารภีม แต่ชอบจอมพลนะ 555
   
:hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 19-07-2017 22:32:30
สมเป็นเพื่อนกัน ศีลเสมอกัน
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2017 00:40:35
พระเอกร้ายใด้ใจ :hao5:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Guill ที่ 20-07-2017 06:35:59
อ้าวคุณพี่ชาย ไม่ไปลงกับน้องเขาล่ะ ลงกะคนพี่เพื่อ?
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 20-07-2017 10:41:49
เดี่ยว แบบนี้ก้อได้หรอ จอมพล!!!
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.2 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 20-07-2017 11:32:19


CHAPTER 2



ภีมวิทธิ์ล้มตัวลงบนที่นอนภายในห้องคอนโดที่เขาซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองอย่างอ่อนล้าหลังจากจัดการกับงบประมาณที่กรอกผิดย้อนหลังไปกว่าสี่เดือน ร่างโปร่งเที่ยวเดินหาผู้รู้และมีส่วนรับผิดชอบในเอกสารทั้งหมดกว่าจะรวบรวมข้อมูลและทำการแก้ไขได้ก็ปาไปบ่ายกว่าจนกว่าจะเสร็จก็ทำให้เขาทำงานล่วงเวลาไปเกือบจะสองทุ่ม

ร่างโปร่งยกมือขึ้นก่ายหน้าผากพลางคิดถึงเรื่องเมื่อตอนเช้าที่ถูกจอมพลกล่าวหาก่อนจะปิดพับเปลือกตาลงเมื่อความทรงจำที่เกือบเลือนหายไปตามกาลเวลาถูกอีกฝ่ายฉุดมันขึ้นมาให้ร่างโปร่งต้องนึกหวนไปอีกครั้ง...

:


“แต่งตัวแล้วออกไปข้างนอกกับฉันเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวอายุสิบเก้าปีสั่งเจ้าของห้องพักขนาดเล็กในหอพักใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เขาเรียนอยู่ด้วยน้ำเสียงกร้าว

“ไปไหน?” ร่างโปร่งของภีมวิทธิ์เงยหน้าจากเอกสารข้อปฏิบัติและข้อตกลงของทุนที่เพิ่งจะได้รับเพื่อไปเรียนต่อระดับปริญญาโทที่อเมริกาก่อนจะมอง 'ทิชา' หญิงสาวที่มีศักดิ์เป็นน้องด้วยแววตาเรียบเฉย*

“อย่าถามมากจะได้มั้ยบอกให้ทำอะไรก็ทำสิ!!” ทิชาเอ็ด

“พี่ก็ต้องถามเป็นธรรมดา เราเข้าห้องของพี่โดยไม่เคาะมันก็ละเมิดความเป็นส่วนตัวของพี่พออยู่แล้วนี่เรายังสั่งให้พี่ทำอะไรแบบนี้อีกมันไม่น่ารักเลยนะทิชา” คนเป็นพี่พูดเชิงตำหนิ

“ฉันจะเป็นยังไงมันก็เรื่องของฉันใช่ธุระที่แกจะมาสั่งสอนเมื่อไหร่ ขนาดพ่อกับแม่แท้ๆ ของฉันยังไม่เคยว่าสักคำ*!” ร่างเล็กพยายามเน้นเสียงหนักให้อีกคนกระอักเล่นหากทว่าภีมกลับยังนิ่งเฉยเพราะเรื่องที่อีกฝ่ายพยายามย้ำเป็นเรื่องที่เขาทำใจได้มาตั้งนานแล้ว

“จะพาพี่ไปไหน” ภีมถามก่อนจะเก็บเอกสารต่างๆ เข้าที่เพื่อกันไม่ให้อีกฝ่ายรู้เรื่องที่เขากำลังจะไปเรียนต่อยังต่างประเทศนี้

“ห้าง”

“ถ้างั้นพี่ขอไม่ไปเพราะพี่มีธุระที่ต้องทำ” ร่างโปร่งว่าก่อนจะเดินหนีไปนอกระเบียงแคบเพื่อเก็บเสื้อผ้าที่แห้งแล้วบนราว

“แกกล้าขัดใจฉันเหรอ*!!” ร่างเล็กตามออกไปก่อนจะปัดถุงเท้าในมือที่อีกฝ่ายเพิ่งจะเก็บกระจัดกระจายเต็มพื้น

“ฉันจะฟ้องพ่อ! ว่าแกกล้ากำเริบเสิบสานกับฉัน ดูซิแกจะอยู่เป็นสุขอีกมั้ยถ้าพ่อรู้ว่าแกเลี้ยงเสียข้าวสุกแบบนี้!!” เสียงแหลมด่าทอก่อนภีมจะก้มลงเก็บถุงเท้าที่ถูกปัดเมื่อกี้ขึ้นมาใหม่พลางถอนหายใจแล้วถามกลับอย่างต้องการให้จบๆ ไปที

“จะไปทำอะไรที่นั่น”

“ก็แค่ไปเที่ยว” ทิชามองร่างโปร่งอย่างถือไพ่เหนือกว่าเพราะหากภีมถามออกมาแบบนี้ก็แสงดว่าอีกฝ่ายตกลงที่จะไปกับเธอแล้ว

“ทุกครั้งพี่ก็เห็นเธอไปเองได้ทำไมคราวนี้มาชวนพี่ล่ะ” ภีมถามต่อ

“ไม่มีคนช่วยถือของ! จบป่ะ!!” คนตรงหน้ายิ้มเยาะก่อนร่างโปร่งจะเดินเข้าห้องและตรงไปยังตู้เสื้อผ้าเพื่อพับเสื้อผ้าที่เพิ่งจะเก็บมาเมื่อกี้ใส่ไว้ข้างใน

“เร็วๆ ฉันไม่อยากรอนานหรอกนะ*!!” สิ้นเสียงของทิชาภีมวิทธิ์ก็ตัดใจคว้าชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อเปลี่ยนทันที

:

:

“ทำไมถึงพาพี่มาที่นี่” ร่างโปร่งถามเมื่อทิชาบอกแท๊กซี่ให้จอดที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งแทนที่จะเป็นห้างตามที่อีกฝ่ายได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้

“ก็แค่แวะมาทานข้าวก่อนไปผิดตรงไหน?” หญิงสาวว่าก่อนจะเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับเดินนำเข้าไปในร้าน

“หิวก็ไปกินที่ห้างก็ได้” ภีมเสนอก่อนทิชาจะหยุดเดินแล้วหันมาจ้องเขาเขม็ง

“แต่ฉันนัดคนไว้ที่นี่”

“นัดใคร?”

“อย่าถามมากเดี๋ยวเจอก็รู้เองแหละน่า*!” ว่าเสร็จทิชาก็หันกลับก่อนจะเดินเข้าไปยังโซนสวนร่มรื่นใต้ต้นไม้ใหญ่หลังร้านสถานที่ที่นัดกับอีกฝ่ายเอาไว้

ภีมเดินตามทิชาอย่างช่วยไม่ได้ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นชายหนุ่มหน้าตาน่ารักอายุรุ่นราวคราวเดียวกับคนที่บังคับเขามากำลังโบกมือให้ก่อนทิชาจะเดินตรงเข้าไปหาฝ่ายนั้นทันที

“รอนานมั้ย” หญิงสาวเอ่ยถามก่อนคนที่นั่งอยู่จะส่งยิ้มกลับพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน

“ไม่นานหรอกขอแค่ทิชาออกปากชวนนานแค่ไหนจอมก็รอได้” ชายหนุ่มที่เรียกตัวเองว่า 'จอม' ตอบก่อนที่ดวงตาคมนั่นจะเหลือบมองภีมที่นั่งตามหญิงสาวลงบนโต๊ะอย่างสงสัย

“เอ่อ*…แล้ว...?”

“อ่อ ฉันลืมแนะนำไปนี่พี่ภีม…” ทิชาแนะนำภีมให้กับอีกฝ่ายได้รู้จัก เจ้าของโต๊ะมองร่างโปร่งด้วยสายตาเป็นมิตรพร้อมกับส่งยิ้มให้แต่แล้วประโยคต่อมาของร่างเล็กกลับทำให้รอยยิ้มนี้หุบลงไปทันใด

“เป็นแฟนคนใหม่ของฉัน”

“!!”

คนตรงหน้าเบิกตากว้างเมื่อได้ยินพอๆ กับภีมเองที่ตกใจกับคำพูดนี้จนต้องพยายามแก้ตัวกลับไป

“ทิชา!? มันมะ!...”

“หยุดนะพี่ภีม*!” ทิชาบีบแขนของคนเป็นพี่ใต้โต๊ะอย่างแรงพลางโน้มหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยรอดไรฟันอย่างคาดโทษ

“ลองพี่พูดออกมาสิฉันจะบอกพ่อเรื่องที่พี่จะไปเรียนต่ออเมริกาแน่*!” หญิงสาวมองคนเป็นพี่อย่างเอาเรื่อง ภีมเบิกตากว้างเมื่อทิชาเกิดรู้ความลับนี้ของเขาเข้าก่อนร่างโปร่งจะเอาแต่นั่งเกร็งเมื่อคนตรงหน้าที่ถูกประโยคนี้ทำร้ายมีใบหน้าถอดสีลงทันที

“นะ…นี่มันเรื่องอะไรกัน ทิชาเป็นแฟนจอม…เราเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ” จอมพูดตะกุกตะกักพลางมองทิชาด้วยแววตาเศร้าที่เคล้าไปด้วยน้ำใส

“ยังไม่ชัดอีกเหรอว่าพี่ภีมน่ะเขาเป็นแฟนใหม่ส่วนเธอน่ะมันแฟนเก่า!”

“ทิชากำลังอำจอมเล่นใช่มั้ย” จอมพูดพลางร้องไห้ออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“โง่ดักดาน! ในเมื่อพูดแบบนี้แล้วยังไม่เข้าใจงั้นฉันจะไม่อ้อมค้อมเลยแล้วกัน!...” ร่างเล็กตะเบ็งเสียงว่าจนผู้คนในร้านเริ่มหันมาให้ความสนใจกับโต๊ะของพวกเขาทันที

“ฉันเบื่อ! เบื่อนิสัยเด็กๆ ไม่รู้จักโตของเธอ! เบื่อที่เธอเอาแต่อ้อนตลอดเวลา เบื่อความอ่อนแอ เบื่อ!ๆๆๆ”

“!!”

คำด่าทอของทิชาทำเอาคนตรงหน้าถึงกับชะงัก ภีมมองน้องสาวของตัวเองด้วยแววตาอึ้งก่อนที่คนโดนว่าเมื่อครู่จะเอ่ยชื่อของร่างเล็กออกมาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน

“ทิชา…”

“เราเลิกกันเถอะ! ฉันไม่ได้รักเธอแล้ว ไม่ใช่สิ!...ไม่ใช่ไม่ได้รักแต่ฉันไม่เคยรักเธอเลยต่างหาก!!ตลอดสองปีที่รู้จักกันฉันไม่เคยมีความสุขเลยสักวันเดียวรู้เอาไว้ด้วย!!” ว่าเสร็จทิชาก็คว้าแขนภีมเพื่อหมายจะลุกเดินออกจากร้านไปหากทว่าจอมกลับลุกตามพร้อมกับล้มลงฉวยกอดเอวบางนั่นเอาไว้พลางร่ำไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร

“ทิชา! จอมขอโทษ! อะไรที่จอมทำผิดไปที่ทำให้ทิชาไม่ชอบใจจอมยินดีจะแก้ไขมันแต่ทิชาอย่าทำแบบนี้เลยนะอย่าเลิกกับจอมเลย” จอมละล่ำละลักราวกับอยากจะให้ทิชาเปลี่ยนใจจนภีมที่มองเหตุการณ์ทั้งหมดทนไม่ได้คว้าไหล่เล็กของคนที่นั่งอยู่บนพื้นก่อนจะพยายามปลอบ

“น้องครับพี่ว่าน้องลุกขึ้นก่อนเถอะแล้วมาคุยกันดีๆ อ่ะ!”

“ไม่ต้องมายุ่ง!!”

ภีมล้มลงเมื่อจอมลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงที่เกือบจะเท่ากันกับเขาที่สูงถึงร้อยเจ็ดสิบแปดเซ็นติเมตรก่อนฝ่ายนั้นจะหันไปคว้าแขนทิชาเอาไว้แน่น

“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! เรื่องระหว่างเรามันจบแล้ว ปล่อย!” ร่างเล็กพยายามแกะมือของอีกฝ่ายจนพนักงานในร้านต่างก็วิ่งเข้ามาช่วยจับจอมแยกออกมาด้วยอีกแรงเมื่อเหตุการณ์เริ่มจะบานปลาย

“ทิชา! ไม่นะ! อย่าทิ้งจอมไป อย่าทำกับจอมแบบนี้!!” จอมที่ถูกพนักงานยื้อตัวไว้ร้องเรียกอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่งก่อนภีมที่มัวแต่มองภาพเหตุกาณ์ตรงหน้าจะร่างเล็กฉวยแขนพลางลากเดินออกมา

“ทิชา…” ภีมพยายามยื้อน้องสาวหากแต่อีกฝ่ายกลับตวาดขัดขึ้นทันที

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วกลับ!”

“แต่!...”

“ไม่มีแต่!! กลับเดี๋ยวนี้

“ทิชา! ไม่นะ กลับมา! กลับมาหาจอม ทิชา!!!”

ร่างเล็กเดินออกจากร้านมาโดยไม่สนเสียงตะโกนไล่หลังเคล้าเสียงร่ำไห้จนเหมือนจะขาดใจนั้นอีกเลยผิดกับภีมที่หันไปมองใบหน้าของอีกคนตลอดทางที่เดินออกมาจนอีกฝ่ายหายลับสายตาไป

ใบหน้าของเด็กผู้ชายที่ตอนแรกมันช่างเต็มไปด้วยความน่ารักและเป็นมิตรหากแต่ตอนนี้มันกลับเต็มไปด้วยความเสียใจและเจ็บปวด จนทำให้ภีมที่เห็นใบหน้าเหล่านั้นนั้นรู้สึกจุกจนพูดไม่ออก…


:

:

ภีมเปิดเปลือกตาขึ้นอีกครั้งท่ามกลางห้องที่มีเพียงแสงจากโคมไฟบนหัวเตียง เหตุการณ์ในวันนั้นแม้จะผ่านไปนานกว่าสองปีแล้วแต่ร่างโปร่งก็ยังจำมันได้เป็นอย่างดี ภีมนึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ตัวเองหลวมตัวถูกทิชาใช้เป็นเครื่องมือจนเป็นสาเหตุให้อีกคนต้องเจ็บปวดจากความรักมากมายถึงขนาดนี้

ร่างโปร่งคิดโทษตัวเองพร้อมกับคิดถึงเรื่องของจอมพลขึ้นมาอีกครั้งจนมันเริ่มตีกันให้ปวดหัวก่อนเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาที่ดังขึ้นจะฉุดให้ภีมละทิ้งความฟุ้งซ่านที่มีอยู่ไปพลางยันตัวเองลุกนั่งและรับสายที่โทรเข้ามาทันที

“ครับ”  ร่างโปร่งกดรับโดยไม่ดูชื่อของคนที่โทรเข้ามา

“กลับไทยแล้วทำไมแกถึงไม่กลับบ้าน!” เสียงแว้ดดังลั่นจนแสบแก้วหูจากปลายสายทำให้ภีมยกโทรศัพท์ออกจากก่อนจะจ้องไปยังเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอ

“ทิชา?” ภีมเอ่ยถามเมื่อเขากลับมาใช้เบอร์เดิมเหมือนที่เคยใช้ตอนยังไม่ได้ไปอเมริกาส่วนเบอร์ที่โทรมาแม้จะไม่ถูกบันทึกเอาไว้แต่เขาก็จำมันได้เป็นอย่างดี

“ก็ใช่น่ะสิแกคิดฉันเป็นใคร!? กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะลืมบุญคุณพ่อแม่ฉันไปแล้วเหรอไง!!” คนเป็นน้องว่าเสียงลั่น

“พี่ขอโทษไว้พี่จะหาเวลาว่างกลับไปเยี่ยม” ภีมเอ่ยเสียงเรียบเขาไม่ต้องการทะเลาะกับน้องสาวในเวลานี้ ทั้งที่รู้ดีว่าหากกลับมาอยู่ไทยชีวิตของเขาก็คงวุ่นวายเพราะคนๆ นี้อีกแต่ร่างโปร่งก็ยังอยากที่จะกลับมาอยู่ผืนแผ่นดินเกิดเสียมากกว่า

“พูดอย่างกับทุกวันนี้แกไม่ว่างยังงั้นแหละ!” อีกฝ่ายจับผิดกลับ

“ใช่พี่ไม่ว่าง พี่ทำงานแล้วแถมยังต้องทำงานล่วงเวลาแทบจะทุกวันอีกด้วย” ภีมทำทีหาทางกลบเกลื่อนทิชากลับไป

“นี่แกโกหกฉันใช่มั้ย! เพิ่งกลับมาได้ไม่นานทำไมแกถึงได้งานแล้วล่ะ!”  อีกฝ่ายไม่เชื่อ

“เพราะพี่สมัครทิ้งไว้ตั้งแต่ก่อนจะจบ”

“เหอะ! งั้นถ้าแกได้งานทำแล้วก็ต้องมีเงินน่ะสิเอามาให้ฉันใช้สักสี่ห้าหมื่นซิ” ไม่ว่าเปล่าปลายสายยังทำเรื่องที่มักจะทำกับภีมเสมอตั้งแต่ตอนที่เขายังเรียนอยู่มหา'ลัยที่นี่จนมาถึงตอนนี้ทิชาก็ยังไม่เปลี่ยน

“มากขนาดนั้นพี่ไม่มีให้หรอก” ร่างโปร่งปฏิเสธกลับ

“ไหนบอกว่าทำงานแล้วไง! ทำงานแล้วก็ต้องมีสิ เงินแค่นี้ให้ฉันไม่ได้หรือไงพ่อกับแม่ฉันมีบุญคุณกับแกนะ!” ปลายสายตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ

“แต่พี่ยังทำไม่ถึงเดือนเลยแล้วจะเอาเงินที่ไหนให้” ภีมว่าพลางกุมขมับ

“แล้วเงินที่แกได้กลับมาจากอเมริกาล่ะ! ฉันรู้นะว่าอยู่ที่โน้นแกทำงานเก็บเงินอย่าโกหกซะให้ยาก!”

“เงินนั่นพี่เอาไปใช้ในส่วนอื่นแล้ว” ร่างโปร่งว่า ซึ่งส่วนอื่นที่ภีมบอกก็คือรถยนต์มือสองและคอนโดแห่งนี้ที่ซื้อต่อจากรุ่นพี่ที่เคยเรียนคณะเดียวกันมาอีกที

“ส่วนอื่น? อะไร! บอกฉันเดี๋ยวนี้นะ!” ทิชาไม่ยอมแพ้หญิงสาวยังคงคาดคั้นคนเป็นพี่กลับอย่างเอาเรื่อง

“เอาเป็นว่าพี่จะกลับไปเยี่ยมบ้านแล้วกันนะทิชาตอนนี้พี่ไม่ว่างแค่นี้ก่อนนะ” ภีมไม่ตอบคำถามของอีกคนหากแต่ตัดบทจนปลายสายเดือดขึ้นมาอย่างเสียไม่ได้

“แก!...ไอ้ภีมบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าเอาเงินไปทำอะไร! ไอ้เกย์ไม่สำเนียกบุญคุณ! ไอ้!…ตู๊ดดดด”

ร่างโปร่งตัดสายเมื่ออีกฝ่ายเริ่มพรั่งพรูคำด่าว่าที่มักจะตวาดออกมาทุกครั้งเมื่อไม่พอใจ ภีมกดปิดเครื่องทันทีเพื่อกันไม่ให้ผู้เป็นน้องสาวโทรมารบกวนอีกครั้งก่อนจะพาตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชะรำล้างร่างกายและคิดทบทวนกับปัญหาที่เริ่มจะถาโถมเข้ามาแม้ว่าตัวเขาเองเพิ่งจะกลับมาอยู่ไทยได้เพียงแค่เดือนเดียวก็ตาม

ภีมบีบยาสีฟันลงบนแปรงอย่างเชื่องช้าร่างโปร่งดูมีท่าทีและใบหน้าที่ไม่สดชื่นเอาเสียเลยหลังจากผ่านเรื่องมากมายในวันนี้ คำพูดที่ถูกทิชาว่าให้จนรู้สึกจุกไปทั้งอกฉุดให้ภีมนึกย้อนกลับไปในวันที่ผู้เป็นน้องสาวคนที่เคยแสนดีของเขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดที่พ่อกับแม่พยายามปิดบังเธอมาตลอดชีวิต

'ทิชา…ภีมไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของลูก'

เสียงผู้เป็นแม่ที่ทั้งร่ำไห้และสะอื้นออกมาในคราวเดียวกันเอ่ยขึ้นในขณะที่ผู้เป็นน้องสาวได้แต่คะยั้นคะยอให้ร่างโปร่งบริจาคเลือดให้กับผู้เป็นพ่อที่พลัดตกบันไดเพราะเมาหนักจนบาดเจ็บสาหัสโดยหารู้ไม่ว่าภีมนั้นไม่ได้มีหมู่เลือดเดียวกับคนในบ้านเลยแม้แต่คนเดียว

พ่อกรุ๊ปบี แม่กรุ๊ปโอ ทิชากรุ๊ปบี ส่วนภีม…เอบี

ทิชาตกใจมากเมื่อได้รู้ หญิงสาวมีท่าทีเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันทีจนภีมต้องทำใจ จากเด็กที่ตามติดเขาแจเพราะหวงที่มีหนุ่มๆ แวะเวียนเข้าหาภีมไม่หวั่นไม่ไหวกลายเป็นคนปากร้ายแถมยังพูดจาส่อเสียดรสนิยมคบหาผู้ชายด้วยกันของเขาจนบางทีภีมก็ถึงขั้นปวดหัวเพราะอีกฝ่ายเล่นเอาเรื่องนี้ไปพูดในที่สาธารณะให้อายอยู่เสมอ

ร่างโปร่งถอนหายใจพลางมองตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนกลับมาเบื้องหน้า ด้วยแววตาเศร้า ภีมถูกพ่อและแม่ของทิชารับมาเลี้ยงดูในตำแหน่งของลูกอิจฉาตั้งแต่เขาอายุได้เพียงห้าขวบ โดยที่แม่นภาแม่ประจำบ้านเด็กกำพร้าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่ยังแบเบาะได้บอกกับภีมในวันนั้นแค่ว่าครอบครัวที่รับเขามาอุปการะนี้มีฐานะทางการเงินและคุณสมบัติที่ดีพอจะดูแลเขา ซึ่งความจริงแล้วหากถามว่าพวกเขาทั้งคู่เลี้ยงดูร่างโปร่งมาอย่างดีหรือไม่ ภีมก็คงจะตอบกลับไปอย่างไม่ลังเลเลยว่าในช่วงหกเดือนแรกน่ะ…ใช่ แต่หลังจากนั้นชีวิตของเขาก็ดำดิ่งเข้าสู่โลกของการเป็นกาฝากอย่างเต็มตัวเมื่อจู่ๆ ผู้เป็นแม่เกิดตั้งท้องทิชาขึ้นและต่อจากนั้นเพียงไม่นานปฏิกิริยาของคนเป็นพ่อก็เปลี่ยนไป

ภีมทนอยู่ในสภาพแบบนั้นนานหลายปีจนกระทั่งร่างโปร่งตัดสินใจออกมาอยู่หอพักและทำงานหาเงินส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่อายุได้เพียงสิบห้า ภีมรับงานทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นทำรายงานให้รุ่นพี่ ช่วยป้าเจ้าของร้านอาหารตามสั่งข้างหอพักล้างจาน แจกใบปลิวในวันหยุด หรือแม้กระทั่งรับสอนพิเศษเด็กประถม ร่างโปร่งก็ล้วนผ่านงานพวกนี้มาแล้วทั้งหมด แต่ด้วยความที่ร่างโปร่งไม่สามารถตัดขาดจากครอบครัวนั้นได้เพราะคำว่าบุญคุณยังค้ำคอจึงไม่แปลกที่ภีมจะยังคงถูกทิชารังควานแบบนี้ไม่เลิก

ภีมออกจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ ร่างโปร่งแต่งตัวด้วยชุดนอนลายหมีแพนด้าทั้งชุดก่อนจะเดินออกมากดเปิดเครื่องเล่น MP3 ตั้งโต๊ะที่บรรจุเพลงคลาสสิคเอาไว้กว่าร้อยเพลงพลางหยิบหนังสือเล่มโปรดออกมาพร้อมกับกางเปิดอ่านบนโซฟาราวกับกำลังหาที่สงบจิตใจของตัวเองให้เย็นลง

ร่างโปร่งอ่านไปได้สักพักก็ได้ยินเสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้น ภีมเงยหน้าจากหนังสือก่อนที่คิ้วทั้งคู่ของเขาจะขดกันเป็นปมเมื่อร่างโปร่งยังไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักที่นี่เลยสักคนเหตุเพราะเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นาน

ภีมตัดสินใจปิดหนังสือในมือลงก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้องเผยให้เห็นผู้ชายรูปร่างสูงที่น่าจะมีเชื้อสายทางตะวันตกสิ่งยิ้มมาให้เขาอย่างผูกมิตร

“เออ…สวัสดีครับพอดีผมเพิ่งจะย้ายมาอยู่ใหม่ที่ห้องตรงข้ามของคุณ” คนตรงหน้าเอ่ยก่อนจะชี้ไปยังประตูห้องตรงข้ามเพื่อให้ร่างโปร่งที่ยืนทำหน้างงอยู่เข้าใจ

“อ๋อครับผมก็เพิ่งมาอยู่ใหม่เหมือนกันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ” ภีมว่า

“ดีเลยผมกำลังหาเพื่อนอยู่พอดีไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ” ชายร่างสูงเอ่ยถามกลับด้วยใบหน้าที่ดูจะผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง

“ผมภีมแล้วคุณล่ะครับ”

“ผมเดนิสครับ” พูดจบคนตรงหน้าก็ยื่นถุงที่มีโลโก้ของซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งมาให้ภีมทันที

“นี่เป็นของเล็กๆ น้อยๆ ที่ผมซื้อมาคุณภีมโปรดรับไว้เถอะนะครับ คิดเสียว่าเป็นของขวัญจากเพื่อนบ้านใหม่ก็ได้” ร่างโปร่งมองตามการกระทำของอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างประหม่า

“จะดีเหรอครับ”

“ดีสิครับและถ้าหากมีอะไรที่คุณภีมอยากขอความช่วยเหลือเรียกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ” เดนิสว่าก่อนจะยื่นถุงมาตรงหน้าจนร่างโปร่งที่ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจำใจต้องยื่นมือออกไปรับมาอย่างช่วยไม่ได้

“แล้วคุณเดนิสอายุเท่าไหร่เหรอครับ” ภีมถาม

“ผม 26 แล้ว คุณภีมล่ะครับ”

“ผมคงต้องเรียกคุณว่าพี่ซะแล้วเพราะผมเพิ่ง 25” ร่างโปร่งว่าก่อนจะยิ้มกลับไปให้อีกคนบ้าง

“งั้นพี่ไม่เรียกภีมว่าน้องนะมันไม่ชินขอเรียกแค่ภีมเฉยๆ ได้มั้ย” เดนิสพูดก่อนจะกระชับสายเป้ที่พาดบ่ามาด้วยพลางมองอีกคนกลับอย่างกรุ้มกริ่ม

“ตามใจพี่เดนิสละกันครับ” ภีมไม่ขัด

“เอาเป็นว่าเรียกพี่ว่าเดนเฉยๆ ก็พอ” เดนิสเสนอให้อีกฝ่ายเรียกชื่อเล่นที่มักจะมีแค่คนสนิทเท่านั้นที่รู้

“เอ่อ…ได้ครับพี่เดน” ภีมพยักหน้าเข้าใจกลับอย่างประหม่าก่อนคนตรงหน้าจะมองผ่านตัวเขาเข้าไปในห้อง

“แล้วนี่อยู่คนเดียวเหรอ” เดนิสถาม

“ครับผมอยู่คนเดียว”

“คงเหงาแย่เลยเนอะ พี่เองก็เตรียมใจเอาไว้แล้วล่ะเพราะที่ผ่านมามีคนอยู่ด้วยมาตลอดเพิ่งจะเคยอยู่คนเดียวจริงๆ ก็ตอนนี้แหละ” ร่างสูงว่าก่อนภีมจะพยายามพูดในสิ่งที่เขาเจอมาก่อนออกไป

“แรกๆ อาจจะยังไม่ชินครับแต่นานๆ ไปมันจะเป็นอะไรที่สบายมากๆ เพราะเราไม่ต้องสนใจคนอื่นอยากทำอะไรในห้องก็ได้ที่อยากจะทำ” ว่าเสร็จเดนิสก็จ้องภีมกลับก่อนจะถามออกมาอีก

“แสดงว่าภีมอยู่คนเดียวมานาน?”

“ก็หลายปีแล้วล่ะครับ” ร่างโปร่งตอบอย่างไม่กั๊ก

“แล้วตอนนี้ทำงานที่ไหน”

“ผมเพิ่งจะเข้าทำงานที่ CHOM Group. วันนี้วันแรกครับ”

“อ้าว! พี่ก็ทำงานที่นั่น” เดนิสเผยรอยยิ้มให้กับความบังเอิญของพวกเขาในครั้งนี้ออกมาอีกครั้ง

“จริงเหรอครับ”

“ใช่ทำมาได้ครึ่งปีแล้วพี่เป็นวิศวกรโครงสร้างคอยควบคุมงานก่อสร้างของทางบริษัทน่ะแล้วภีมล่ะอยู่ฝ่ายไหน”

“ผะ…ผมเป็นเลขาฯ ผู้บริหารน่ะครับ” ร่างโปร่งตอบอย่างละเหี่ยใจ ภีมไม่คิดว่ามันน่าดีใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้ทำงานกับคนร้ายกาจแบบนั้น

“หว่า…เป็นถึงเลขาฯ คุณจอมพลทำไมไม่บอกพี่ให้เร็วกว่านี้ปล่อยให้พี่เล่นใหญ่จนอายปากตัวเองเลยเนี่ย” เดนิสตอบกลับด้วยท่าทีเขินอายเมื่อตำแหน่งของภีมดูจะสูงกว่าเขาอยู่มาก

“มันไม่ได้น่าดีใจขนาดนั้นหรอกครับ อีกอย่างผมก็ยังไม่รู้ว่าจะทำมันได้ดีหรือเปล่า” แค่เจอจอมพลหมายหัวก็แทบจะแย่อยู่แล้ว ยังไม่รวมถึงเนื้องานที่น่าจะหนักอยู่มากโขนั่นอีก พูดแล้วร่างโปร่งก็แทบจะคอตก

“ดีอยู่แล้วน่าถ้าเราตั้งใจ งั้นพรุ่งนี้ไปทำงานด้วยกันสิเอารถพี่ไป คันเดียวกันไปด้วยกันประหยัดค่าน้ำมันนะ” เดนิสให้กำลังใจพลางเสนอ

“เอ่อ…คือผมค่อนข้างที่จะตื่นสายสักหน่อยน่ะครับไม่อยากให้พี่ต้องพลอยรีบไปด้วยเพราะนิสัยนี้แก้ยังไงก็ไม่หาย” ร่างโปร่งตอบกลับเสียงอ้อมแอ้มชวนให้คนตรงหน้าขำกับท่าทีของเขา

“โอเคๆ งั้นไว้เจอกันที่บริษัทแล้วกันนะ” เดนิสว่าพลางทำท่าจะเดินกลับห้อง

“ครับ ขอโทษที่ไม่ได้เชิญพี่เข้าห้องนะคือตอนนี้มันค่อนข้างที่จะรกนิดหน่อย” ภีมเอ่ยก่อนเดนิสจะหันกลับมาแซว

“ชีวิตคนโสดล่ะสิ พี่เข้าใจๆ” ว่าเสร็จภีมก็ย่นจมูกกลับ

“งั้นพี่เข้าห้องก่อนนะมีอะไรก็เรียกได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย” เดนิสส่งยิ้มให้ก่อนจะหันหลังเดินกลับห้องตัวเองไปทันทีเช่นเดียวกับภีมเองที่ปิดประตูก่อนจะวางของที่อีกฝ่ายเพิ่งจะให้มาลงบนโต๊ะพลางเปิดดูว่าข้างในคืออะไร

“ช็อคโกแลตกับลูกอมหลากรสเนี่ยนะ?” ร่างโปร่งมองของข้างหน้าอย่างนึกขำ

ผู้ชายอายุ 26 คนนี้คิดว่าเขาเป็นเด็กอายุเก้าขวบหรือยังไงถึงได้ซื้อของพวกนี้มาฝาก?

ถึงแม้จะงงกับของฝากตรงหน้าอยู่ไม่น้อยแต่สุดท้ายร่างโปร่งก็เลือกหยิบช็อคโกแลต KITKAT สีแดงขึ้นมาก่อนจะแกะซองออกและยัดเข้าปากเคี้ยวอย่างเมามัน รสชาติที่ห่างหายมาเป็นเดือนหลังกลับจากอเมริกาทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลังจากที่ต้องจมอยู่กับความคิดมากมายมาตลอดทั้งวัน


TBC...

---------------------------------------

ชีวิตน้องภีมดราม่าไปอีกกกก ตั้งแต่เด็กเลยยย งื้ออ T^T
เป็นกำลังใจให้นักเขียนด้วยนาาา
#จอมพลจะทวีความร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 20-07-2017 11:32:28
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.2 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-07-2017 12:45:43
ชีวิตภีมน่าสงสาร
จอมพลมาแก้แค้นภีมนี่เพราะจอมเป็นอะไรหรือเปล่า ก่อนแก้แค้นก็น่าจะหาข้อมูลดี ๆ ก่อนนะ เฮ้อ
เดนนิสเป็นหนึ่งในพวกพระเอก(เลว)หรือเปล่า แบบว่าหนึ่งในแผนของจอมพลงี้
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.1 100% [19/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-07-2017 13:28:35
อ้าวคุณพี่ชาย ไม่ไปลงกับน้องเขาล่ะ ลงกะคนพี่เพื่อ?

เก่งจนทำให้บริษัทได้กำไรเป็นร้อยๆล้าน
แต่เรื่องน้องสาวทำไมไม่สืบให้แน่ชัด
มีสมองซะเปล่า

คิดแก้แค้นก็ทำกับคนน้องสิ แล้วพี่ชายไปเกี่ยวไรด้วย
มาเอาคืนกับคนพี่ ยังไง ตลกป่ะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 20-07-2017 20:40:49


CHAPTER  3



ภีมมาทำงานตรงตามเวลาก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะขนาดไม่ใหญ่มากที่ทางบริษัทจัดไว้ให้ในห้องทำงานที่อยู่รวมกันทั้งแผนกบุคคล บัญชี ลูกค้าสัมพันธ์และเลขาฯ เช่นเขา

ร่างโปร่งเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะลุกเดินไปกดน้ำจากเครื่องทำน้ำเย็นที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะมากนัก พนักงานมากมายที่กำลังหลั่งไหลเดินเข้ามาเอ่ยทักกันเสียงดัง ในขณะที่ภีมทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากส่งยิ้มให้กับทุกคนที่ยิ้มส่งมาให้กับเขาเช่นกันเพียงเท่านั้น

“เมื่อวานทำงานวันแรกเป็นไงบ้างจ้ะ” พนักงานสาวที่ภีมจำได้ว่าคือคนที่เขาเจอเมื่อวานกล่าวทักขึ้นก่อนที่เธอจะวางกระเป๋าลงบนโต๊ะใกล้ๆ กับเขา

“ก็ดีครับพี่…” ภีมตอบเชิงถามชื่ออีกคนกลับเมื่อลืมไป

“รสรินจ้ะ เรียกพี่รินเฉยๆ ก็ได้” เธอบอกก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาที่โต๊ะ

“ส่วนผมภีมครับ” ร่างโปร่งแนะนำตัวกลับไปบ้าง

“จ้ะน้องภีมพี่รู้ชื่อเราตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ” คนตรงหน้าบอกก่อนที่ภีมจะขมวดคิ้วพลางนึกว่าอีกฝ่ายรู้ได้ยังไงจนรสรินต้องเอ่ยปากบอกออกไป

“ก็ตอนคุณจอมพลแกตะโกนออกมาไง” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็ถึงกับชะงัก

“อ๋อ…”

“มีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่าเมื่อวานคุณจอมพลน่ากลัวจนพี่ขนลุกเลย” รสรินถามด้วยสีหน้าอยากรู้ปนเป็นห่วง

“ผมไม่ได้อยากมีเรื่องกับเขาหรอกครับเขาต่างหากที่หาเรื่องผมก่อน” ภีมตอบพลางถอนหายใจออกมาอย่างหนัก

“แต่…” รสรินทำท่าจะพูดต่อแต่แล้วสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเมื่อบุคคลที่เดินเข้าห้องมาเป็นคนเดียวกับที่พวกเขากำลังพูดถึงอยู่

จอมพลแบกแฟ้มงานที่ภีมนำไปวางไว้บนโต๊ะของเขาเมื่อวานหลังจากที่แก้รายละเอียดของงบประมาณที่กรอกผิดไปจนเสร็จ ร่างสูงเดินตรงมายังโต๊ะของภีมด้วยใบหน้าบึ้งตึงก่อนเหตุการณ์ที่ชวนให้ทั้งห้องต้องอึ้งจะเกิดขึ้น

โครม!!

แฟ้มงานกระจัดกระจายลงบนโต๊ะของภีมด้วยฝีมือของจอมพล รสรินที่ยืนอยู่ด้วยถึงกับยกมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างตกใจก่อนที่ทั้งห้องจะตกอยู่ในความเงียบทันทีที่ผู้บริหารได้เอ่ยปากพูดออกมา

“แก้ใหม่ทั้งหมด!!” จอมพลตวาดลั่นก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้องไป จนภีมที่มองตามการกระทำของอีกฝ่ายเลือกที่จะตะโกนไล่หลังกลับไปอย่างไม่เกรง

“เดี๋ยวก่อนครับ! ผมอยากรู้ว่าทำผิดตรงไหน” ร่างโปร่งถามลั่นท่ามกลางพนักงานมากมายที่มองมายังพวกเขาเป็นจุดเดียว

จอมพลชะงักฝีเท้าที่กำลังเดินออกมาลงก่อนจะหันหลังกลับไปมองอีกคนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

“หาเอาเอง!” เสียงทุ้มว่าให้ก่อนที่ภีมจะไม่ยอมแพ้ด้วยการเถียงกลับ

“จะหาเอาเองได้ยังไง! ในเมื่อผมคิดว่าแบบนี้มันถูกต้อง ผมก็ไม่รู้หรอกว่าที่มันผิดน่ะมันผิดตรงไหน” คำพูดของร่างโปร่งสร้างความไม่พอใจให้กับจอมพลเป็นอย่างมาก ร่างสูงเดินเข้าหาก่อนจะกระชากแขนอีกฝ่ายพลางจ้องหน้านิ่ง

“มึงกำลังหาว่ากูมั่ว!?” จอมพลเค้นเสียงถาม

“ผมยังไม่ได้พูด”

“แต่มึงคิด!” จอมพลตวาดกลับ

“คุณมีกระแสจิตหยั่งรู้หรือไงถึงได้ยินว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่”

“มึง!!!” คำพูดของภีมทำเอาจอมพลถึงกับฟิวส์ขาด ร่างสูงลงแรงบีบต้นแขนอีกฝ่ายกลับจนร่างโปร่งหน้านิ่ว

เหล่าพนักงานในห้องต่างร้องเสียงหลงออกมาเมื่อผู้บริหารที่เคยสุขุมและเคร่งขรึมมาโดยตลอดกำลังเผยอีกด้านหนึ่งจนทุกคนเริ่มกลัวจนหัวหดไปกันใหญ่

จอมพลเงยหน้าขึ้นมองไปรอบห้องเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเผลอทำอะไรที่คนอื่นไม่สมควรได้เห็นก่อนจะผละมือออกจากต้นแขนของภีมพร้อมกับสั่งร่างโปร่งด้วยคำที่ใครได้ยินเป็นต้องเสียวสันหลังกันทุกราย

“ไปหากูที่ห้อง!”

ร่างสูงบอกเพียงแค่นั้นก่อนจะจ้ำอ้าวเดินออกจากห้องไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวทันที ทิ้งไว้แต่เพียงร่างโปร่งที่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างนึกหวาดท่ามกลางพนักงานคนอื่นๆ ที่หันมองมายังเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามกันเป็นตาเดียว!

:

:

ภีมหยุดหายใจเข้าจนเต็มปอดอยู่หน้าห้องของจอมพลสักพักใหญ่ ร่างโปร่งรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลยเมื่อต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้งเพียงเพราะความปากไวของตัวเอง มือเรียวเอื้อมไปเคาะประตูห้องก่อนที่เสียงจากคนข้างในจะขานรับออกมาเมื่อเขาเคาะลงไปเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

ร่างโปร่งผลักประตูเข้าไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ ก่อนดวงตากลมจะกวาดมองหาอีกฝ่ายจนทั่วห้องหากทว่ากลับไม่เจอแม้แต่เงาของจอมพลเลยแม้แต่น้อย

“โอ้ย!” ภีมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ ร่างโปร่งก็ถูกผลักจากทางด้านหลัง

“ใครใช้ให้มึงพูดจาแบบนั้นกับกู!” จอมพลย่างสามขุมเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะเค้นเสียงถามกลับไปอย่างเอาเรื่อง

“เมื่อกี้ผมขอโทษผมไม่ได้ตั้งใจ” ภีมพยายามถอยหนีก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะกล่าวละล่ำละลักออกไป

“ไม่ได้ตั้งใจ!? มึงจะบอกว่าพลั้งปากพูดออกมาว่างั้น!” ร่างสูงเอ่ยถ้อยคำยียวนก่อนจะคว้าแขนของคนที่พยายามหนีกระชากเข้าหาตัวเองแบบไม่ยั้งแรง

“ผมก็แค่พูดทุกอย่างตามที่คิดแต่ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจหรืออยากจะคิดแบบนั้นล่ะก็…ตามใจคุณเลยผมไม่ว่า” ภีมเอ่ยอย่างไม่ยอม

“ปากดีนะมึง!” จอมพลตวาดลั่นก่อนลงแรงบีบแขนอีกฝ่ายจนภีมหน้านิ่วทว่าร่างโปร่งก็ไม่ปริปากร้องออกมาแต่อย่างใด

ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งก่อนจะลากร่างโปร่งที่จ้องตอบไม่วางไปยังโต๊ะทำงานของเขาพร้อมกับเหวี่ยงอีกฝ่ายล้มลงบนโต๊ะกว้างก่อนจะตามเข้าไปคร่อมร่างโปร่งเอาไว้และตรึงแขนทั้งสองข้างของภีมเหนือหัวไม่ปล่อย

“คุณจะทำอะไร!?” ภีมเบิกตากว้างตกใจก่อนจะรีบดิ้นหนีพันธนาการของอีกฝ่ายเมื่อความรู้สึกไม่ปลอดภัยถาโถมเข้ามาอย่างจัง!

“ดูท่ากูต้องจัดการกับท่าทางพยศของมึงซะแล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงเย็นเยียบก่อนจะโน้มตัวลงจนภีมร้องเสียงหลง

“อย่านะ! นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ!?”

“ทำไม? กลัว? แน่จริงมึงก็ลองปากดีกับกูอีกสิ!!” จอมพลตะโกนใส่หน้าอีกฝ่ายอย่างบ้าคลั่ง ร่างสูงเกลียดท่าทางที่ภีมพยายามขัดขืนและอยากลองดีกับเขาจนเลือดขึ้นหน้า

“โอ้ย! ผมเจ็บ!” ร่างโปร่งร้องออกมาเมื่อจู่ๆ จอมพลก็รวบแขนของเขาไว้ในมือเพียงข้างเดียวพลางบีบไว้แน่นก่อนที่มืออีกข้างจะเคลื่อนต่ำลงไปยังตำแหน่งกลางกายของเขาเสียจนร่างโปร่งถึงกับเบิกตาโพรงเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะทำอะไร

“อ่ะ! ปล่อยนะ! คุณมันผู้ชายร้ายกาจ!!” ภีมร้องเสียงหลงเมื่อจอมพลลูบไล้มือหนาไปตามกลางกายของเขาก่อนที่ร่างโปร่งจะพยายามหนีจนสุดแรง

“กูก็ไม่เคยบอกว่าตัวเองเป็นคนดี” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบพลางจ้องอีกคนกลับอย่างเอาเรื่องก่อนมือหนาที่ลูบไล้ยังช่วงล่างจะตะปบบีบกลางกายจนอีกฝ่ายเผลอร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“โอ้ย!!” ภีมขบกรามแน่นเพื่อกักเก็บความเจ็บที่ถูกอีกฝ่ายเล่นงานก่อนจะมองจอมพลด้วยแววตารังเกียจหากทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สะทกสะท้านต่อสายตานี้แต่อย่างใด

“แต่ที่แน่ๆ กูดีกว่ามึงก็แล้วกันเพราะกูไม่เที่ยวไปรวมหัวบอกเลิกใครให้เขาต้องเจ็บช้ำเล่นๆ แบบมึง!” จอมพลวกเข้าหาเรื่องนี้จนได้

“ผมบอกไปแล้วไงว่าวันนั้นผมไม่รู้เรื่อง! เอามือของคุณออกไปเดี๋ยวนี้!!” ภีมกัดฟันปฏิเสธกลับ

“กูไม่โง่เชื่อมึงหรอกไอ้เศษสวะ!” สิ้นเสียงตะคอกกลับของร่างสูงภีมถึงกับชะงักกับคำเรียกที่อีกฝ่ายใช้กับเขาทันที

ร่างโปร่งจ้องจอมพลกลับอย่างเอาเรื่อง ภีมโกรธมากที่อีกคนใช้คำนี้เรียกเขา ทั้งที่ความผิดที่ถูกอีกฝ่ายกล่าวหามันไม่ใช่เขาเลยที่เป็นฝ่ายเริ่ม

“ปล่อย! ปล่อยนะเว้ย!!” ร่างโปร่งออกแรงขัดขืนอีกครั้งก่อนความสุภาพที่เคยมีเพราะด้วยสถานะในที่ทำงานจะพังทลายลงเมื่อตอนนี้ภีมรู้ดีแล้วว่าถูกจอมพลหมายหัวและไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ แน่ ไม่ว่าเขาจะพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบอีกฝ่ายมากแค่ไหนแต่ร่างสูงที่ปักใจเชื่อแบบนั้นยากจะกู่กลับเสียแล้ว

จอมพลยื้อแขนของภีมไว้ก่อนที่ร่างโปร่งจะทำการชันเข่าขึ้นมาและออกแรงถีบอีกฝ่ายออกไปทันทีหากทว่าร่างสูงกลับรู้ทัน จอมพลเบี่ยงตัวหลบก่อนที่ร่างสูงจะทาบทับลำตัวหนาลงบนตัวของภีมพร้อมกับใช้แขนแกร่งกดลงบนลำคอขาว เพื่อให้อีกคนหยุดดิ้น

“อึก!”

“คิดจะต่อกรกับกูยังเร็วไปสิบชาติไอ้ลูกหมา!!” ร่างสูงว่าก่อนที่คนใต้ร่างจะหน้าแดงก่ำเพราะหายใจไม่ออก

จอมพลมองใบหน้านั้นด้วยความรู้สึกสะใจก่อนที่ร่างสูงจะหยัดตัวเองให้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและชี้หน้าด่าอีกฝ่ายลั่น

“นี่แค่บทลงโทษแรกที่มึงพยายามฉีกหน้ากูต่อหน้าพนักงานคนอื่นๆ หากมีอีกเป็นครั้งที่สองกูไม่ใจดีแบบนี้แน่จำใส่หัวเอาไว้!”

ภีมสำลักไอออกมาจนหน้าดำหน้าแดง ร่างโปร่งกอบโกยอากาศเขาปอดถี่รัวก่อนจะทรุดตัวนั่งลงเสียตรงนั้นอย่างหมดแรง ขณะที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของอีกฝ่ายดังขึ้น

จอมพลล้วงเอาต้นตอของเสียงออกมาก่อนจะกดรับเมื่อหน้าจอปรากฎชื่อลูกค้าคนสำคัญที่พวกเขามีนัดกันในวันนี้

“ครับ…ครับผมจำได้…เอาเป็นที่ที่คุณมาริกาสะดวกแล้วกันครับ…ครับได้แล้วแจอกันครับ” ร่างสูงวางสายลงก่อนจอมพลจะสังเกตเห็นภีมที่ค่อยๆ เดินไปทางประตูจึงได้เอ่ยทักขึ้น

“นั่นมึงจะไปไหน!” ภีมสะดุ้งโหยงก่อนจะหันมาตอบอีกฝ่ายเบาๆ

“ผมจะกลับไปแก้งานที่คุณสั่งเมื่อกี้”

“ใครอนุญาตให้มึงเดินออกจากห้องนี้ไม่ทราบ” จอมพลคาดคั้น

“ถ้างั้นคุณต้องการอะไรอีก”

“…”

อีกฝ่ายจ้องเขากลับเขม็งเมื่อสิ้นเสียงคำถามเมื่อครู่ก่อนที่ภีมจะรู้ตัวว่าคำพูดนี้ไม่เข้าหูของจอมพลอีกแล้ว

“คุณต้องการให้ผมทำอะไรอีก…ครับ” ร่างโปร่งเรียบเรียงคำพูดพลางกล่าวออกไปใหม่ก่อนร่างสูงจะเดินเข้ามาหาพร้อมกับแฟ้มในมือสองสามอัน

ปึก!

“ไปพบลูกค้ากับกูแล้วมึงค่อยกลับมาแก้งานของเมื่อวาน” จอมพลว่าหลังจากทิ้งแฟ้มงานลงตรงหน้าของภีมจนมันเกยไปบนรองเท้าหนังที่เขาสวมอยู่

ร่างสูงเดินไปยังประตูห้องทันทีก่อนจอมพลจะหันกลับไปหาภีมอีกครั้งเมื่ออีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะเดินตามเขาออกมา

“ยืนทำหน้าโง่อยู่ได้นะมึง! ตามมาสิวะกูไม่อยากให้ผู้หญิงเขารอนาน” จอมพลเอ็ดก่อนภีมจะตัดสินใจก้มลงไปเก็บแฟ้มบนเท้าของตัวเองมาถือไว้อย่างไม่ชอบใจนักและเดินตามอีกฝ่ายออกจากห้องไปเงียบๆ

:

:

“ริกาอยากได้วัสดุที่คงทนแต่ราคาย่อมเยาหน่อยไม่ทราบว่าคุณจอมพลสามารถหาให้ได้มั้ยคะ” หญิงสาวผมยาวสีน้ำตาลทองดัดเป็นลอนใหญ่ลูกค้าคนสำคัญอย่างมาริกาลูกสาวบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายต้นๆ ของประเทศเอ่ยปากขอก่อนจะมองจอมพลกลับด้วยแววตากรุ้มกริ้ม

“ไม่มีปัญหาครับ” ร่างสูงเอ่ยรับเมื่อพวกเขาตกลงนั่งทำสัญญาซื้อขายกันหลังจากที่ทั้งสามคนต้องเดินไปดูไซต์งานของมาริกานานหลายชั่วโมงจนเวลาล่วงเลยมาจนเกือบจะพลบค่ำเข้าไปทุกที

“ขอบคุณคุณจอมพลจริงๆ นะคะ ไม่แปลกใจเลยที่คุณพ่อท่านวางใจให้บริษัทของคุณจัดการเรื่องวัสดุก่อสร้างของโครงการเราทั้งหมด” มาริกาออกปากชม

“ผมก็เป็นแค่นักธุรกิจที่อยากจะสร้างมาตรฐานที่ดีกับคู่ค้าเอาไว้ไม่งั้นก็คงติดแบล็กลิสส์ของโครงการต่างๆ จนไม่มีงานเข้ามาน่ะสิครับ” ร่างสูงว่าพลางชำเลืองมองคนข้างๆ อย่างภีมที่กำลังปิดแฟ้มลายลักษณ์อักษรของหนังสือสัญญาในการร่วมธุรกิจครั้งนี้เก็บ

“แหม…ขึ้นชื่อว่าวัสดุก่อสร้างทั้งหมดมาจาก CHOM Group. แล้วไม่มีลูกค้าคนไหนหรอกค่ะที่จะไม่อยากร่วมงานด้วย” มาริกายกยอร่างสูงจนภีมที่นั่งฟังอยู่ถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่ต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ทันที

“คุณมาริกาชมกันเกินไปแล้วล่ะครับ”

“เรียกแค่ริกาเฉยๆ ดีกว่าค่ะเพราะริกาเองก็อ่อนกว่าคุณจอมพลตั้งหลายปี” มาริกาเอ่ยก่อนจะส่งยิ้มอย่างพยายามผูกมิตร

“งั้นริกาก็เรียกพี่แค่พี่จอมพลก็พอ” ร่างสูงบอกกลับก่อนหญิงสาวตรงหน้าจะยิ่งหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาใหญ่เหตุเพราะเขินร่างสูงที่กำลังคุยอยู่ด้วยซะเหลือเกิน

“แปลกจังเลยนะคะทำไมเลขาฯ ของพี่จอมพลไม่ค่อยพูดเลย” มาริกาเอ่ยทักเมื่อดวงตากลมโตเหลือบไปเห็นภีมที่เอาแต่นั่งเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างห้องก่อนที่จอมพลจะเหน็บอีกคนออกมา

“คงลืมเอาปากมามั้งครับ”

“เอ๊ะ! เมื่อกี้พี่จอมพลว่าไงนะคะพอดีริกาได้ยินไม่ชัด” หญิงสาวถาม ในขณะที่ภีมเองก็ได้แต่มองอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาที่เริ่มจะเคืองเพียงเท่านั้น

“เปล่าครับ เขาก็เป็นคนแบบนนี้แหละอย่าสนใจเลย” ร่างสูงว่าก่อนที่มาริกาจะยกข้อมือที่ประดับไปด้วยนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดู

“ว้า…เสียดายจังอยากอยู่คุยกับพี่ให้นานกว่านี้แต่เผอิญริกามีนัดกับหุ้นส่วนคนสำคัญของบริษัทอีกคนพอดีต้องขอโทษด้วยนะคะถ้าจะขอตัวกลับก่อน” หญิงสาวว่าก่อนจะเก็บแฟ้มเอกสารของเธอมาถือไว้บ้าง

“ไม่เป็นไรครับตามสบายเลย” จอมพลเอ่ยก่อนอีกฝ่ายจะยื่นมือเล็กมาตรงหน้าร่างสูง

“ยินดีที่ได้ทำธุรกิจร่วมกันนะคะ” จอมพลเอื้อมมือจับอีกฝ่ายไปก่อนน้ำเสียงทุ้มจะเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตร

“เช่นกันครับ”

:

ร่างสูงเดินออกมาส่งมาริกาขึ้นรถโดยมีภีมเดินตามหลังอยู่ห่างๆ ทั้งคู่ร่ำลาด้วยคำพูดอ่อนหวานอยู่สักพักก่อนที่ตัวรถของมาริกาจะแล่นผ่านหน้าภีมออกไป พลันร่างสูงของเจ้านายก็ตีหน้านิ่งเดินเข้ามาหาเขาทันที

“เก็บหลักฐานการพูดคุยวันนี้ทุกอย่างให้ดี ถ้ากูรู้ว่าอะไรหายไปกูเอามึงตาย!” จอมพลที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคนแสดงความหยาบกระด้างออกมาอย่างไม่กั๊ก

“ครับ” ร่างโปร่งขานรับก่อนจะเดินตามหลังอีกคนมไปยังรถของจอมพลที่จอดอยู่ไม่ไกล

“เอ่อ…แล้วคนขับรถล่ะครับ” ภีมถามเมื่อตอนมามีคนขับรถคันนี้

“ขอกลับไปก่อนเพราะลูกเขาไม่สบาย” ร่างสูงบอกก่อนจะเปิดประตูฝั่งคนขับ

“ถ้างั้นเดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับบริษัทเอง” ร่างโปร่งตัดสินใจเอ่ยออกไปเมื่อไม่อยากเดินทางกับจอมพลเพียงลำพัง ภีมมองอีกฝ่ายที่เริ่มจะมองเขากลับด้วยแววตาไม่สบอารมณ์ก่อนจอมพลจะทำเพียงเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นกว่าทุกครั้ง

“เลยเวลาเลิกงานแล้วมึงจะกลับไปทำอะไรที่บริษัท”

“ผมจะกลับไปเก็บของครับ”

“ไม่ต้องห่วงเพราะบริษัทกูมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงแถมยังมีกล้องวงจรปิดทุกชั้นไม่มีใครขโมยของของมึงหรอก” ร่างสูงว่า

“แต่…”

“กูมีธุระจะไปทำต่อขี้เกียจต้องวกกลับไปที่โน้น”

“เอ่อ…ผมถึงบอกไงครับว่าจะกลับรถเมล์” ภีมพยายามพูดออกไปให้น่าฟังที่สุดก่อนที่อีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดที่ภีมคาดไม่ถึงออกมา

“ขึ้นมา”

“…”

“กูบอกให้ขึ้นมาก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย!!” จอมพลสั่งเสียงแข็ง

“คือผม…” ร่างโปร่งชั่งใจจนจอมพลทนไม่ไหวหมายหัวกลับ

“จะเอาตรงนี้ใช่มั้ย!?” ร่างสูงเค้นเสียงเอ่ยจนภีมเสียวสันหลังวาบ

“ครับๆ ขึ้นก็ขึ้น” ร่างโปร่งเปิดประตูรถก่อนจะขึ้นไปนั่งยังที่นั่งข้างคนขับของจอมพลทันที

“บ้านมึงอยู่ไหน” คนข้างๆ ถามเสียงเรียบ

“บีจีทีคอนโด” ภีมตอบก่อนคนสวมบทเป็นสารถีจะออกตัวรถมาทันทีท่ามกลางคนที่ไม่เข้าใจในการกระทำของเขาอย่างภีมที่เอาแต่เสมองอีกฝ่ายไม่วาง

:

:

ร่างสูงดับเครื่องยนต์ลงในที่ที่เขาคิดเอาไว้ตั้งแต่แรก จอมพลมองคนข้างๆ ที่พอขับออกมาได้ไม่นานก็หลับมาตลอดทางด้วยแววตาเกลียดชัง มือหนาเอื้อมขึ้นจับหัวของอีกฝ่ายที่ใช้ไหล่ของเขาเป็นที่พิงก่อนจะออกแรงผลักหัวนี้ไปทางประตูจนมันกระทบกันเกิดเสียงดัง

โป้ก!!

“โอ้ย!!!” เจ้าของหัวร้องออกมาด้วยความเจ็บก่อนที่ภีมจะลืมตาตื่นและมองจอมพลกลับอย่างเอาเรื่อง

“ลงจากรถกูไปซะ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบหากทว่ากลับเต็มไปด้วยการบังคับจนร่างโปร่งที่เพิ่งตื่นรีบกวาดสายตามองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้ทันที

ซึ่งภาพข้างนอกตัวรถที่เขาเห็นกลับเป็นเพียงถนนสายโล่งที่แทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านจนภีมเลิกคิ้วพลางถามอีกฝ่ายกลับไป

“ทะ…ที่นี่ที่ไหน”

“ที่ไหนไม่สำคัญแต่กูบอกให้ลงไปมึงก็ต้องลง!” จอมพลตวาดลั่นก่อนภีมจะจ้องอีกฝ่ายกลับเมื่อเริ่มจะเข้าใจว่าเขากำลังถูกอีกฝ่ายกลั่นแกล้งอีกแล้ว

“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม!? คุณจะส่งผมกลับคอนโดไม่ใช่เหรอ” ร่างโปร่งเริ่มถามเสียงสั่น

“กูบอกมึงสักคำเหรอว่าจะไปส่ง”

“!!”

คำตอบของจอมพลทำเอาภีมจุกจนพูดไม่ออก จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูดจอมพลไม่ได้เอ่ยออกมาเลยสักนิด ร่างโปร่งไม่เคยคิดเลยว่าคนข้างๆ เขาในตอนนี้จะใจไม้ไส้ระกำเสียยิ่งกว่าอะไรดี

ภีมเกลียด! เกลียดผู้ชายคนนี้จนอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ!

“อย่าลืมสิว่ามึงติดหนี้แค้นกูอยู่ไม่มีวันที่กูจะทำดีกับมึงจำไว้!” จอมพลเค้นเสียงเอ่ยพลางส่งมือหนาบีบคางของอีกฝ่ายกลับเต็มแรง

“ทำไมคุณทำกับผมถึงขนาดนี้!!” ภีมพยายามแกะมือหนาออกท่ามกลางดวงตาของเขาที่เริ่มจะเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

“กูทำได้มากกว่านี้อีกเตรียมตัวลงนรกเอาซะตั้งตอนนี้ได้เลย ลงไป!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็สะบัดมือที่บีบคางอีกฝ่ายจนภีมหน้าหัน ก่อนร่างโปร่งที่ทำอะไรไม่ได้จะตัดสินใจเปิดประตูเดินลงจากรถ

“มีแรงก็ยืนรอรถให้ผ่านมารับมึงเองแล้วกันแต่กูบอกไว้เลยว่าคงอีกหลายชั่วโมงว่ะ” ว่าเสร็จร่างสูงก็ติดเครื่องก่อนจะขับรถออกไปทันที

ภีมได้แต่ยืนนิ่งไม่หันไปมองตามรถที่ขับออกไปแต่อย่างใด ร่างโปร่งก้มหน้าลงช้าๆ ก่อนที่ลาดไหล่เล็กทั้งสองข้างนั้นจะกระเพื่อมไปตามแรงสะอื้นที่เจ้าตัวไม่ได้อยากจะให้ของเหลวภายในดวงตานั้นไหลออกมาเลยสักนิด หากทว่าในเวลานี้นอกจากความเกลียดมากมายที่มีให้กับจอมพลแล้ว ภีมเองก็ยังเกลียดตัวเอง! เกลียดที่ไว้ใจขึ้นรถอีกฝ่ายมาทั้งที่รู้ดีว่าคนๆ นี้ไม่มีทางทำดีกับเขาได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม


TBC.....
-------------------------------------------------

คุณพระคุณเจ้า! เห็นความร้ายกาจของจอมพลกันหรือยังคะ!! กิ่งว่าราชันย์นี่ดูด้อยไปเลย
เอาใจช่วยภีมกันด้วยนาาาาาา
ส่วนคนเขียนไม่ขออะไรมาก ขอแค่คนละ 1 เม้นท์ เป้นกำลังใจให้กันก็พอออออ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-07-2017 21:14:32
อย่าไปยอมนะคะ ตาต่อตา ฟันต่อฟันเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 20-07-2017 21:18:35
+เป็ดจ้า
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 20-07-2017 23:33:23
+เป็ดจ้า
ขอบคุณค่ะ  :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.3 100% [20/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-07-2017 01:19:24
โอ๊ยยย
อยากตบพระเอก
โง่แล้วยังโฉดอีก!
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 21-07-2017 07:57:02


CHAPTER 4



ร่างสูงของจอมพลมาทำงานแต่เช้าก่อนจะต้องชะงักเมื่อเห็นว่าภีมวิทธิ์นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย จอมพลมองคนที่กำลังนั่งแก้เอกสารบนโต๊ะภายในห้องพนักงานที่มีเพียงอีกฝ่ายเพียงคนเดียวด้วยสีหน้าถมึงทึง ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาเรื่องอีกฝ่ายทันทีเมื่อบุคคลตรงหน้ากลับดูไม่เป็นอะไรทั้งที่เขาได้ทิ้งมันไว้บนถนนสายเปลี่ยวแหล่งซ่องสุมชั้นดีของพวกขี้ยาและอันธพาลที่มักจะก่อเหตุทำร้ายหรือแม้กระทั่งชิงทรัพย์ไม่เว้นแม้แต่ละวัน

“เป็นไง!? เมื่อวานมึงโดนไอ้พวกที่อยู่แถวนั้นทำอะไรไปบ้างล่ะ” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย

“ผมยังสบายดีและก็ไม่ได้โดนทำอะไรนี่ครับ” ภีมว่าในขณะที่ดวงตาสีน้ำตาลทั้งสองข้างของเขาไม่ได้หันไปให้ความสนใจกับเจ้าของคำถามเลยจนอีกฝ่ายขบกรามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้แน่น

“แล้วกลับมาได้ยังไง” ร่างสูงจดจ้องไปยังอีกคนรอคำตอบ

“ผมจำเป็นต้องบอกคุณด้วยเหรอครับ” ภีมปรายตามองอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ

“มึงคิดจะเล่นลิ้นกับกูใช่มั้ย!!!?” จอมพลตรงเข้ากระชากคอเสื้อของคนที่นั่งอยู่ทันที ร่างสูงกระชากอีกฝ่ายเข้าหาจนภีมหน้านิ่ว ทว่าคนตัวเล็กกว่ายังคงไม่สะทกสะท้านหนำซ้ำเขายังสาดคำพูดไม่ยี่หระกลับไป

“เปล่านี่ครับ ถ้าคุณไม่มีอะไรนอกจากอยากจะตามมาสมน้ำตาผมที่โดนคนจิตใจไม่ปกติขับรถเพื่อเอาไปทิ้งไว้แบบนั้นล่ะก็…คุณก็คงทำไม่สำเร็จเพราะไม่ใช่แค่ผมไม่โดนอะไรแล้วแต่ผมยังกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหลังจากที่ไอ้โรคจิตคนนั้นมันกลับไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอีกด้วย!” ภีมเอ่ยเสียงเรียบหากแต่ทุกๆ คำพูดกลับเต็มไปด้วยการสาดเสียเทเสียซะจนคนถูกว่าเส้นกระตุกผลักเขาให้ล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“มึง!!!”

“โอ้ย!!”

“อยากลองดีกับกูนักใช่มั้ย! ได้!!” จอมพลที่ตามมาคร่อมอีกฝ่ายเอาไว้ปัดป้องมือของคนข้างใต้ที่พยายามปัดป่ายให้โดนตัวเขาจนร่างสูงต้องทำการรวบมือของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยมีเพียงข้างเดียว

“คุณจะทำอะไร! หยุดนะเว้ย!!” ภีมร้องออกมาจนสุดเสียงก่อนมือหนาของคนด้านบนจะบีบคางของเขาไว้แน่นพลางโน้มใบหน้าลงมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงคาดคั้นจนร่างโปร่งรู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาทันที

“ปากมึงนี่โครตน่าตบให้เลือดกบจนพูดไม่ได้เลยว่ะ!!” มือหนาสะบัดจนอีกคนหน้าหันหากทว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังไม่ผละออกจากใบหน้าเรียวของคนข้างใต้เลยแม้แต่น้อย

จอมพลมองอีกฝ่ายที่เริ่มจะเกิดอาการกลัวอย่างเห็นได้ชัดด้วยแววตาเกลียดชังระคนโกรธแค้น ร่างสูงจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของอีกฝ่ายก่อนภีมจะเริ่มดิ้นจะพยายามเคลื่อนตัวเองออกจากการเกาะกุมหากแต่จอมพลกลับไม่ยอมร่างสูงกระตุกยิ้มเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก ก่อนจะเคลื่อนมือข้างที่เป็นอิสระลงไปบีบคลึงกลางกายของภีมอย่างนึกชอบใจ

“คุณมันบ้าไปแล้ว! อื้ออออ!!” จอมพลบดจูบภีมลงมาทันทีในขณะที่อีกคนไม่ทันระวังตัว ร่างโปร่งเบิกตากว้างพลางดิ้นหนีจนสุดแรงก่อนร่างสูงจะกัดริมฝีปากของเขากลับจนห่อเลือด

“ทำบ้าอะไร! ปล่อยกูนะเว้ย!!” ภีมสบถด่าออกมา ร่างโปร่งจ้องอีกคนด้วยไฟโทสะจนจอมพลที่เพิ่งรู้ว่าเผลอทำอะไรนอกเหนือกฎเกณฑ์ของตัวเองลงไปรีบหยัดตัวเองลุกขึ้นก่อนจะส่งหมัดหนักๆ เข้าท้องอีกฝ่ายไป

“อึก!” ร่างโปร่งส่งเสียงร้องออกมาพลางงอตัวระงับความเจ็บที่แล่นเข้ามา

“แม่ง! กูอยากฉีกเนื้อมึงออกเป็นชิ้นๆ ให้ตายๆ ไปซะ!!” จอมพบคว้าคอเสื้อของภีมอีกครั้งก่อนจะกระชากอีกคนเข้าหาตัวในขณะที่ร่างโปร่งนิ่วหน้าพร้อมกับส่งสายตาอาฆาตไม่แพ้ร่างสูงกลับไปอย่างเอาเรื่อง

“ก็เอาสิ! ถ้าคิดว่ามันจะทำให้ความแค้นของคุณจบลงได้ละก็…ทำเลย!!” ภีมตะโกนกร้าว

“หึ! แต่ถ้ามึงตายตอนนี้ก็ไม่สนุกสิวะ” จอมพลเอ่ยเสียงเหี้ยม

“…”

“เพราะกูยังไม่ได้ลากมึงลงนรกจริงๆ เลยจะรีบฆ่าไปทำไมกัน” ร่างสูงเหยียดยิ้มร้าย

“โรคจิต!! โอ้ย!” ร่างสูงผลักอีกฝ่ายลงกับพื้นก่อนจะกระชากขึ้นมาอีกครั้ง

“ด่าอีก!! ด่าออกมา!!” จอมพลตวาดลั่นพลางบีบคางอีกฝ่ายแน่นจนภีมน้ำตาเล็ด

“ปล่อยนะเว้ย!!”

แกร๊ก!

เสียงจากประตูห้องที่ดังขึ้นฉุดให้คนเป็นเจ้านายรีบผละออกจากคนข้างใต้พร้อมกับหยัดตัวเองขึ้นยืนจนเต็มความสูงทันทีที่ผู้มาใหม่ก้าวเท้าเข้ามา

“สวัสดะ!!...” รสรินมองจอมพลและภีมสลับกันไปมาอย่างนึกสงสัยก่อนจะเอ่ยปากถามกลับไป

“เอ่อ…มีอะไรกันหรือเปล่าคะ?”

“เปล่า” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบในขณะที่ภีมเองก็พยายามพยุงตัวเองขึ้นนั่งและปาดเลือดที่มุมปากออกเพราะกลัวรสรินจะเห็นเข้า

“แต่ว่าคุณจอมพะ…”

“ไม่มีอะไรทั้งนั้น…รสริน”

“ค…ค่ะ” พนักงานสาวที่พยายามถามออกไปอีกปิดปากเงียบลงทันทีก่อนคนเป็นเจ้านายจะหายออกจากห้องนี้ไป เธอจึงรีบเข้าไปดูอีกคนที่กำลังลุกยืนขึ้นที่โต๊ะทันที

“เป็นไรหรือเปล่าน่ะเรา” หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วงเพราะภาพที่เห็นมันต้องมีอะไรมากกว่าที่เธอคิดเป็นแน่

“ไม่เป็นไรครับ” ภีมว่าพลางนั่งลงบนเก้าอี้ท่ามกลางความเจ็บบริเวณหน้าท้องที่ยังคงอยู่

“ทำไมเสื้อผ้ายับขนาดนี้ล่ะภีมคุณจอมพลเขาทำอะไรเราหรือเปล่า” รสรินที่ไม่รู้จะเริ่มถามอีกฝ่ายยังไงหยิบเอาเรื่องเสื้อขึ้นมาพูด

“ปะ…เปล่าหรอกครับ พอดี CPU ของผมมันไม่ทำงานผมเลยลงไปซ่อมมันนิดหน่อย” ร่างโปร่งเฉไฉหากทว่ารสรินกลับรู้ดีว่ามันเป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นเพราะคนซ่อม CPU ที่ไหนจะลงไปนอนกองกับพื้นขนาดนั้นกันล่ะ!

“พี่ถามจริงๆ เถอะเราได้ไปทำอะไรให้คุณจอมพลเขาไม่พอใจหรือเปล่า” พนักงานสาวที่ทนเก็บความอยากรู้ไม่ได้อีกต่อไปถือโอกาสนี้ถามออกไปในที่สุด

“ทำไมพี่รินถึงถามยังงั้นล่ะครับ” ร่างโปร่งถามกลับเพราะไม่คิดว่ารสรินจะจับโกหกกับเรื่องที่เขาแก้ตัวไปเมื่อกี้ได้

“ก็เพราะร้อยวันพันปีพี่ไม่เคยเห็นคุณจอมพลเป็นแบบนี้เลยน่ะสิ เขาดูเครียดๆ เวลามองภีม แถมสองวันมานี้เขาก็ยังเข้ามาในห้องนี้ด้วยทั้งที่แต่ก่อนไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหนหรือเอกสารจะผิดพลาดยังไงแกก็ไม่เคยหอบงานพวกนั้นให้พนักงานแก้เลยนะ คุณจอมพลน่ะจะแก้ทุกอย่างเคลียร์ทุกงานแต่พอกับภีมทำไมแกถึงได้ซีเรียสขนาดนี้ก็ไม่รู้” หญิงสาวสาธยายออกมาอย่างอัดอั้นจนร่างโปร่งที่ได้ยินถึงกับชะงักหากทว่าภีมก็ไม่อาจบอกใครให้รู้ได้

“คงมีแหละมั้งครับแต่ติดตรงที่เรื่องพวกนั้นผมไม่ได้เป็นคนเริ่ม” ร่างโปร่งบอกเพียงเท่านี้ก่อนจะหันหน้าไปให้ความสนใจกับงานที่ต้องแก้ตรงหน้าอีกครัง

หญิงสาวมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ โต๊ะด้วยความรู้สึกสงสัยปนสงสาร รสรินรู้ดีว่าเรื่องระหว่างภีมวิทธิ์กับจอมพลที่ทำตัวเปลี่ยนไปตั้งแต่ที่อีกคนเข้ามาทำงานต้องมีอะไรมากพอให้คนเป็นเจ้านายหมายหัวอีกคนแบบนี้เป็นแน่!

:

:
“ภีมไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ร้านป้าเข็มข้างๆ บริษัทนี่เอง” รสรินเอ่ยชวนร่างโปร่งที่นั่งข้างโต๊ะเมื่อถึงเวลาของอาหารกลางวัน

“ตามสบายครับพี่รินเดี๋ยวผมไปซื้ออะไรง่ายๆ กินที่ 7-11 เพราะต้องรีบแก้เอกสารพวกนี้ให้เสร็จ” ภีมภายใต้แว่นสายตาหนาเตอะหันมาพูดกับหญิงสาวพลางส่งยิ้มให้เธอ

“เอางั้นเหรอ”

“ครับขอบคุณพี่รินมากนะครับที่ชวน”

“ให้พี่ซื้อใส่กล่องมาให้มั้ย” รสรินเสนอ

“ไม่ต้องหรอกครับผมเกรงใจ” ภีมว่า

“ได้นะ! ไม่ต้องเกรงใจหรอกเอามั้ยเดี๋ยวซื้อมาให้” หญิงสาวคะยั้นคะยอ

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับเดี๋ยวผมออกไปซื้อเองพอดีมีอะไรอีกสองสามอย่างที่อยากได้”

“อ๋อ ถ้างั้นก็เจอกันตอนบ่ายนะ”

“ครับ”

หญิงสาวยิ้มรับพร้อมเดินออกไปกับกลุ่มเพื่อนพลันร่างโปร่งก็หันไปแก้เอกสารต่ออีกสักพักก่อนจะลุกออกจากโต๊ะและเดินออกจากบริษัทเพื่อมุ่งหน้าไปยังร้านสะดวกซื้อที่ได้บอกกับรสรินไปทันที

ภีมมองหาอาหารกล่องแช่เยือกแข็งง่ายๆ อย่างข้าวผัดกะเพราขี้เมาหมู ก่อนจะฝากให้พนักงานอุ่นให้พร้อมกับเดินไปเลือกหยิบ ไข่ลวกและนมอีกหนึ่งขวดใหญ่ก่อนจะเดินต่อไปยังชั้นวางขนมขบเคี้ยวที่เขาชอบทานเป็นชีวิตจิตใจพลางยืนเลือกด้วยใบหน้าที่ดูสดชื่นขึ้นหลังจากผ่านเหตุการณ์เมื่อเช้ามาเพียงนิด

ร่างโปร่งตัดสินใจเอื้อมมือออกไปหยิบขนมเลย์รสดั้งเดิมซองใหญ่ตรงหน้าก่อนจะมีอีกมือหนึ่งที่เอื้อมผ่านทางด้านหลังของเขามาหยิบเอาถุงเดียวกันด้วยเช่นกันจนภีมต้องรับผละมือออกพลันหันหลังละล่ำละลักคำพูดขอโทษออกไป

“อ่ะ! ขอโทษครับ เชิญคุณก่อนละ!…”

“ภีม!!” คนข้างหลังตะโกนชื่ออีกฝ่ายกออกมาอย่างตกใจ

“แดน!!” ร่างโปร่งที่เมื่อเห็นอีกคนชัดเต็มสองตาตะโกนชื่ออีกคนออกมาอย่างตกใจไม่แพ้กัน

“มึงมาทำอะไรที่นี่!?” แดน หรือ แดเนียล ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกัน รูปร่างสูงที่มาพร้อมกับใบหน้าอันหล่อเหลาและมัดกล้ามเนื้อที่ไม่ใหญ่มากหากทว่ากลับดูเป็นคนรักสุขภาพเอ่ยถามอดีตเพื่อนและคนเคย รัก ตรงหน้ากลับไป

“กูมาทำงานมึงล่ะ?” ภีมเอ่ยตอบกลับไปก่อนจะเหยียดยิ้มให้อีกฝ่ายหากทว่ารอยยิ้มนี้กลับดูเศร้าลงเสียจนถนัดตา

“กูมาหาญาติ”

“เหรอ”

ร่างโปร่งตอบกลับเสียงเรียบพลางหลบสายตาก่อนร่างสูงตรงหน้าจะมองอีกฝ่ายด้วยความคิดถึงที่ไม่ได้เห็นมานานหลายเดือนพร้อมกับนึกหวนกลับไปยังวันดีๆ ที่พวกเขาเคยมีร่วมกันมาอีกครั้ง

“แล้วนี่ซื้ออะไร” แดนเอ่ยทำลายความเงียบก่อนภีมจะนึกขึ้นได้เดินไปยังแคชเชียร์ทันทีโดยมีร่างสูงเดินตามมาติดๆ

“ข้าวกลางวันกับของกินเล่นน่ะมึงล่ะ?” ภีมว่าพลางวางของที่ถือทั้งหมดลงคิดเงินรวมกับข้าวกล่องของตัวเอง

“กูซื้อน้ำ”

“อ่อ…อืม” ภีมตอบรับในลำคอพลางยื่นเงินให้กับพนักงาน

“เจอกันกระทันหันแบบนี้อึดอัดเนอะว่ามั้ย”

“ก็นิดหน่อยน่ะ” ร่างโปร่งถอนหายใจ

“มึงพอมีเวลาว่างคุยกับกูหน่อยหรือเปล่า” แดนถามกลับก่อนคนข้างๆ จะหันไปมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยแต่สุดท้ายแล้วภีมก็เลือกที่จะ…

“เอ่อ…ได้สิ” ร่างโปร่งตอบรับพลางรับของที่ซื้อมาจากพนักงาน

“งั้นไปหาที่คุยกัน”

“อื้ม”

:

:
ม้านั่งใต้ร่มต้นไม้ใหญ่หน้าบริษัทเป็นสถานที่ที่ภีมวิทธิ์เลือก เนื่องจากร่างโปร่งไม่มีเวลาที่จะออกไปข้างนอกแถมยังมีงานที่ต้องเคลียร์จึงขออีกฝ่ายให้เป็นที่แห่งนี้ซึ่งเดนียลเองก็ไม่ปฏิเสธ ร่างสูงนั่งลงข้างๆ ร่างโปร่งก่อนจะเอาแต่มองอีกฝ่ายที่กำลังแกะข้าวกล่องที่ซื้อมาทานจนภีมที่พยายามหลบสายตาคมคู่นี้อยู่ต้องจำใจเอ่ยท้วงขึ้นมาเมื่อไม่รู้จะทำตัวยังไงอีกต่อไปดี

“มองกูทำไมนักหนา”

“กู…คิดถึงมึง”

“…”

“กลับไทยมาทำไมไม่บอกกู” แดนเอ่ยถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไป

“ตอนนั้นกูยุ่งๆ น่ะขอโทษแล้วกันที่ไม่ได้บอก” ภีมว่าก่อนจะปิดกล่องข้าวที่เพิ่งจะกินไปได้เพียงนิดลง

“ไม่ต้องขอโทษกูหรอกกูก็แค่ถามเฉยๆ” ร่างสูงว่าก่อนจะเกลี่ยนิ้วมือเช็ดริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างคุ้นชิน

“มึงแค่บอกกู เรื่องแบบนี้กูทำเองได้” ภีมที่ชักหน้าออกห่างกล่าวออกไปเสียงเรียบสร้างความรู้สึกผิดมากมายให้ประเดประดังเข้าหาอีกคนจนแดนชะงักพลางทำหน้าเศร้า

“กูขอโทษ” ร่างสูงเอ่ยออกไปเสียงอ่อน

“ไม่เป็นไร”

“แล้วเริ่มทำงานนานยัง” แดนพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อบรรยากาศระหว่างเขากับภีมดูจะอึมครึมขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“เพิ่งมาวันที่สาม”

“ตำแหน่งอะไร”

“เลขาฯ ผู้บริหาร”

“สุดยอด! กูนี่เดาไม่ผิดเลยว่ามึงต้องได้ตำแหน่งดีๆ แน่” ร่างสูงเอ่ยยินดีก่อนคนถูกชมจะทำหน้าเหยเกและเอ่ยเสียงอ่อนกลับไปบ้าง

“คงดีล่ะมั้ง”

“ไหงทำหน้าแบบนั้น ตำแหน่งงานสูงขนาดนี้ควรจะดีใจนะ” แดนว่าก่อนภีมจะทำเพียงแค่พยักหน้ากลับ

“เอ่อ…แล้วมึงมีคนคุยคนใหม่หรือยัง” ร่างสูงถามขึ้นมาอีกเมื่อมีอีกเรื่องที่เขาอยากจะบอกกับอีกฝ่ายมาโดยตลอด

“ยัง ทำไม?”

“กูก็แค่อยากรู้ ไม่อยากให้มึงเสียใจและคิดมากเพราะกูอีก” ร่างสูงจ้องอีกคนนิ่งพลันร่างโปร่งที่มองมาเพราะได้ยินคำพูดนี้ก็ถอนหายใจพลางพูดขึ้น

“เรื่องพวกนั้นที่มึงทำกับกู กูอโหสิให้หมดแล้วตอนนี้กูไม่ถือโทษโกรธอะไรทั้งนั้นมึงต่างหากที่เอาแต่คิดแทนกู” ภีมว่า

“ก็เพราะว่ามันเป็นความผิดของกูไง”

“ใช่ มันเป็นความผิดของมึงแต่มึงก็เลือกทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วไง กูเองก็เข้าใจเลยไม่เห็นว่าอะไรที่ยังทำให้มึงโทษตัวเองอยู่แบบนั้น” ร่างโปร่งตอบจนอีกฝ่ายชะงัก

“…”

“มึงจะรอญาติมึงที่นี่ต่อมั้ย” ภีมที่เก็บของทุกอย่างลงถุงเอ่ยถามเมื่อเวลาพักของเขากำลังจะหมดลง

“อื้ม คงจะรอต่อมึงมีอะไรหรือเปล่า”

“กูจะกลับไปทำงานแล้ว”

“งานมึงคงยุ่งมากสินะ”

“ก็ตามเนื้อผ้า งั้นกูขอตัวก่อนนะ” ว่าเสร็จภีมก็ลุกออกจากม้านั่งก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นทันทีก่อนที่เสียงจากคนที่ยังคงนั่งอยู่จะตะโกนไล่หลังมา

“เดี๋ยว!” ร่างโปร่งหันไปหาอดีตคนเคยรู้สึกดีๆ ด้วยอีกครั้ง

“กูขอเบอร์มึงหน่อยสิเผื่อนัดออกมาคุยกันอีกพอดีกูยังไม่สนิทกับใครที่นี่นอกจากญาติของกู อีกอย่างกูมีเรื่องอยากคุยกับมึงเยอะมากเลยนะภีม” แดนว่าก่อนภีมที่นิ่งงันอยู่สักพักจะบอกออกไปในที่สุด

“090-85446xx โทรมาแล้วกัน”

“ขอบคุณ”

“ภีม!” แดนเรียกอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าบริษัทไว้อีก

“เรื่องนั้นกูขอโทษมึงจริงๆ”

“อืม”

ร่างโปร่งที่หันกลับมาอีกครั้งพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัททันที ทิ้งไว้แต่เพียงร่างสูงของแดนที่ยังคงมองแผ่นหลังของภีมที่เดินไกลออกไปไม่วางกับอีกหนึ่งคู่สายตาที่มองลงมาจากในห้องทำงานของตนตั้งแต่ที่อดีตคนเคยรักกันคู่นี้นั่งคุยกันตั้งแต่ต้นจนจบ!!

:

:

“ภีมพี่กลับก่อนนะ” รสรินบอกเมื่อเก็บของของตัวเองบนโต๊ะเสร็จแล้ว

“ครับพี่ริน” ภีมหันมาเอ่ยรับเพียงเสี้ยวนาทีก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเอกสารงบประมาณตรงหน้าอีกครั้งเพราะไม่อยากให้เสร็จดึกเหมือนเมื่อคราวก่อน

“อีกเยอะมั้ยมีอะไรให้พี่ช่วยหรือเปล่า” พนักงานสาวเดินเข้ามาพลางถามขึ้น

“ไม่เป็นไรครับอีกนิดเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว”

“จ้ะ เสร็จแล้วก็กลับบ้านดีๆ นะ”

“ครับ”

ร่างโปร่งเอ่ยกลับเพียงเท่านั้นก่อนจะพยายามเร่งมือแก้ไขเอกสารตรงหน้าอย่างรีบเร่ง หากทว่าเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นภีมก็กลายเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ภายในห้องทำงานกว้างนี้เสียแล้วพร้อมกับตัวเลขตรงหน้าปัดนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาหนึ่งทุ่มตรงพอดี

ให้ตายเถอะ! เขาไม่ได้ทำมันเสร็จเร็วขึ้นสักเท่าไหร่เลย

ภีมเก็บของใส่กระเป๋าตัวเองพร้อมกับสะพายมันขึ้นก่อนจะเดินหอบเอาเอกสารที่แก้เสร็จพวกนี้ไปวางไว้บนโต๊ะของจอมพลในห้องทำงานที่มืดสนิทราวกับไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้ว

“โอเค…” ภีมเอ่ยขึ้นกับตัวเองเมื่อเอกสารทั้งหมดถูกเขาวางไว้บนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ของจอมพลเป็นที่เรียบร้อย

ร่างโปร่งหันหลังเดินกลับไปยังประตูพลางเอื้อมมือขึ้นเพื่อหมายจะผลักมันออก ทว่า...

“คิดไม่ถึงว่าคนอย่างมึงกับผู้ชายก็ไม่เว้น” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากมุมห้องด้านหลังของภีมจนเจ้าตัวสะดุ้งโหยง

“ผู้ชายเมื่อตอนกลางวันเป็นใคร!?” เสียงนี้ดังขึ้นมาอีกก่อนที่ไฟภายในห้องจะถูกติดขึ้นจนหมดเผยให้เห็นจอมพลที่ยืนเท้าแขนข้างซ้ายบนโต๊ะวางแฟ้มเล็กๆ ข้างหน้าต่างในขณะที่มือขวาของเขาถือแก้วเครื่องดื่มสีอำพันเอาไว้พร้อมกับมองมายังภีมด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนที่ภีมเองจะทำเป็นไม่สนใจคำถามเมื่อครู่พร้อมกับพูดเรื่องธุระออกไปเพียงเท่านั้น

“งานที่คุณให้ผมแก้ผมวางไว้บนโต๊ะให้แล้วนะครับ ขอตัวก่อน” สิ้นเสียงร่างโปร่งก็หันหลังให้กับจอมพลทันทีก่อนอีกฝ่ายจะบันดาลโทสะกลับด้วยการ…

“ไอ้ภีม!!”

เพล้ง!!

แก้วที่อยู่ในมือของร่างสูงถูกเจ้าตัวปาไปยังประตูห้องเหนือหัวของร่างโปร่งอย่างหวุดหวิด จอมพลอาศัยจังหวะที่ภีมกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่างสามขุมเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าทันทีก่อนกระชากอีกฝ่ายให้หันมาหาตน

“กูถามไม่ได้ยิน!?”

“ได้ยิน! แต่ที่ไม่ตอบเพราะมันเรื่องของผม!!” ภีมเถียงเมื่อเริ่มจะดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง

“หึ! แต่กูมีสิทธิ์ที่จะรู้!!”

“สิทธิ์อะไร!? สิทธิ์เจ้านายที่จิตใจโหดเหี้ยมทำอะไรเอาแต่ใจของตัวเองเป็นใหญ่หรือสิทธิ์ของพี่ชายที่กำลังเรียกศักดิ์ศรีให้กับคนเป็นน้องที่โดนหักอกไปล่ะ!!”

“มึง!!”

ผัวะ!

หมัดหนักๆ ถูกร่างสูงส่งเข้าปะทะใบหน้าเรียวของร่างโปร่งอย่างจัง! ภีมล้มลงไปกองกับพื้น ผ่ามือของเขาถูกเศษแก้วที่แตกกระจายเมื่อครู่บาดจนเลือดไหล ร่างโปร่งนิ่วหน้าพลางมองผ่ามือตัวเองกลับด้วยความตกใจแต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรอีกฝ่ายก็กระชากคอเสื้อของเขาให้ลุกขึ้นและด่าสาดเสียเทเสียกลับมาอีก

“หุบปากพล่อยๆ ของมึงซะ!! ถ้าไม่ใช่เพราะมึงกับน้องของมึงน้องกูคงไม่ได้อยู่ในสภาพแบบนั้น!!” จอมพลตวาดลั่น

“สภาพไหน!? ผมก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ากะอีแค่ถูกผู้หญิงบอกเลิกแค่คนเดียวมันจะเป็นอะไรกันนักกันหนา!!” ภีมเถียงกลับอย่างเอาเรื่อง

ร่างโปร่งจ้องอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาแข็งข้อไม่ยอม ในเมื่อตอนนี้จอมพลเริ่มเปิดศึกขึ้นมาแล้วเขาก็จะไม่ยอมแพ้และจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองให้ได้เพราะเรื่องทั้งหมดที่ร่างสูงเข้าใจมันไม่ได้เป็นความผิดของเขาเลยสักนิดเดียว!

“ได้!! เห็นน้องกูเมื่อไหร่ช่วยบอกกูด้วยว่าอะไรที่กูต้องทำกับมึงให้สาสมกับสิ่งที่พวกมึงทำกับน้องกู!!” ว่าเสร็จจอมพลก็กระชากอีกฝ่ายให้เดินตามออกจากบริษัทก่อนจะตรงไปยังที่จอดรถท่ามกลางเสียงเอะอะโวยวายของคนด้านหลังตลอดทาง

“โอ้ย! ผมเดินเองได้!! ปล่อย!!” ภีมพยายามแกะมือหนาที่รวบข้อมือของเขาและลากเดินออกมาเป็นพัลวัน แรงที่อีกฝ่ายส่งผ่านมามันมากจนข้อมือของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนร่างสูงที่เดินมาจนถึงรถของตัวเองจะตะโกนว่าให้อีกคนจนสุดเสียง

“หยุดสะดีดสะดิ้งเป็นผู้หญิงซะทีเห็นแล้วกูรำคาญ!!”

“ก็ปล่อยผมซะสิ! โอ้ย!! ผมเจ็บนะ!!” ร่างโปร่งร้องออกมาอีกครั้งเมื่อจอมพลเปิดประตูรถและผลักตัวเขาให้เข้าไปข้างในอย่างไม่ออมแรงจนหัวของภีมโขกกับขอบประตูรถอยู่หลายที

จอมพลโน้มตัวลอดเข้าไปยังที่นั่งของอีกฝ่ายจนภีมที่พยายามดันแผงอกแกร่งอย่างนึกกลัวต้องหดคอหนีเพื่อไม่ให้ใบหน้าของพวกเขาที่ห่างกันแค่ไม่กี่เซ็นฯ ต้องสัมผัสกัน

กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาตามลมหายใจของอีกคนทำเอาร่างโปร่งปวดหัวจนอยากจะหนีออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ทั้งยังแววตาที่ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนลงเลยสักนิดของอีกฝ่ายยิ่งทำให้ร่างโปร่งหายใจติดขัดไม่ทั่วท้องเมื่อแววตาดังกล่าวกลับเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เครียดแค้น จนภีมเองก็สัมผัสได้ผนวกกับคำพูดที่จอมพลเค้นน้ำเสียงเย็นเยียบตวาดออกมามันยิ่งทำให้ภีมเริ่มมีความรู้สึกกลัวจนยากจะรับไหวได้อีกต่อไป

“เจ็บสิดี! กูอยากให้มึงเจ็บ! เจ็บและทรมานมากกว่าน้องกูเป็นร้อยเท่าพันเท่า! ค่อยๆ ซึมทราบความรู้สึกตายทั้งเป็นอย่างช้าๆ จนกว่าพวกมึงจะชดใช้ให้น้องกูหมด!!”

“!!”


TBC....
------------------------------------------------

เฮียพลมันร้ายยยยยยยยย
และมันก็ไร้เหตุผล T^T
แต่เดี๋ยวทุกคนจะได้รู้กันค่ะว่าทำไมแกถึงแค้นนักแค้นหนา
เรื่องราวจะมีปมไปเรื่อยๆ


 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-07-2017 08:40:17
น้องชายตาย?
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 21-07-2017 09:43:05
ขอชมว่าภีมจิตใจเข้มแข็งเกินปถุชนคนธรรมดา
โดนทั้งกูมึงจากคนได้ชื่อว่าเจ้านาย
แถมบีบคอ จูบประทุษร้ายกันขนาดนี้
ยังสติลนายเอกแน่วแน่
 :z3:
อยากวาร์ปไปเป็นตอนอิคุณจอมพลหลงรักน้องภีมจุงเบย
อยากเห็นคนแค้น เปลี่ยนเป็นคลั่งรักจนจุกอกตาย
 :hao7:

หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 21-07-2017 13:11:47
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-07-2017 17:19:10
+เป็ดให้นะ
สนุกดี พระเอกนี่ก็นะ บื้อจริงๆ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 21-07-2017 17:29:50
+เป็ดให้นะ
สนุกดี พระเอกนี่ก็นะ บื้อจริงๆ

ขอบคุณนะคะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.4 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 21-07-2017 17:46:59
พระเอกไทยในตำนาน
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 21-07-2017 19:08:28


CHAPTER 5
(เนื้อหาตอนนี้ค่อนข้างรุนแรงเพื่ออรรถรสในการอ่านเท่านั้น)



ภีมนั่งตัวลีบมาตลอดทางเพราะคนข้างๆ ที่ขับเคลื่อนยานพาหนะสี่ล้อหรูคันนี้ได้ทำการแหกทุกกฏจราจรจนทำให้เกือบจะประสบอุบัติเหตุอยู่หลายครั้งจนร่างโปร่งขนหัวลุก

ภีมกระชับเข็มขัดนิรภัยที่คาดตัวเขาเองติดกับเบาะหนังอยู่แน่นก่อนจะมองไปยังทางเบื้องหน้าเมื่อตัวรถถูกคนขับเลี้ยวเข้าในอาณาเขตของสิ่งปลูกสร้าสูงระฟ้าสีขาวสะอาดตาขนาดใหญ่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่เดินเข้าออกยังสถานที่แห่งนี้กันเป็นว่าเล่น ร่างโปร่งหันไปมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายเมื่อไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นที่นี่แต่ถึงกระนั้นคนถูกมองก็ไม่ได้สนใจกับแววตาของเขาเลยแม้แต่น้อย

จอมพลดับเครื่องยนต์ลงในอาณาที่จอดรถของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่ห่างไกลจากบริษัทของเขาอยู่หลายสิบกิโลฯ ก่อนจะลงจากรถและเดินอ้อมไปยังที่นั่งของอีกฝ่ายพร้อมกับเปิดประตูและกระชากคนด้านในออกมาอย่างไม่ออมแรง

ร่างสูงทั้งกระชาก ทั้งดึงและลากอีกคนที่พยายามยื้อตัวเองอยู่ด้านหลังเข้าไปด้านในก่อนจะตรงไปยังแผนกจิตเวชที่อยู่บนตึกด้านหลังสุดท่ามกลางเสียงร้องดังลั่นของภีมวิทธิ์ที่ตะโกนออกมาเมื่อจู่ๆ ร่างโปร่งก็รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ปล่อยผมนะ!! ปล่อย!!” ภีมพยายามดึงแขนตัวเองกลับแต่จนแล้วจนรอดข้อมือของเขาก็ไม่พ้นเงื้อมือหนาของอีกฝ่ายอยู่ดี

“มึงอยากเห็นน้องกูมากใช่มั้ย มานี่!!”

“โอ้ย! คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ร่างโปร่งร้องขณะจอมพลยังคงออกแรงลากให้เขาเดินไปตามทางเดินก่อนนางพยาบาลคนหนึ่งจากเคาน์เตอร์ติดต่อ-สอบถามจะเดินออกมาปรามเมื่อทั้งคู่ที่กำลังทำผิดกฎของโรงพยาบาล

“ขอโทษนะคะ! กรุณาอย่างส่งเสียงดังในบริเวณ!...”

“หยุดพล่ามซะ! ผมรู้ว่าตัวเองทำอะไร หลีก!” ร่างสูงไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ จอมพลพ่นคำพูดว่าร้ายก่อนจะใช้ลำแขนแกร่งดันอีกฝ่ายให้พ้นทาง

“นี่คุณ!!...”

“ขืนมึงตะโกนอีกกูต่อย!” ภีมวิทธิ์เงียบเสียงลงทันทีเมื่อถูกอีกฝ่ายหมายหัวกลับก่อนร่างโปร่งจะถูกคนตัวสูงกว่าลากเดินต่อไปตามทางจนกระทั่งทั้งคู่หยุดลง ณ หน้าห้องๆ หนึ่งในที่สุด

ภีมกวาดสายตามองประตูตรงหน้าด้วยใจที่เต้นไม่เป็นระส่ำ มือหนาของจอมพลคว้าลูกบิดเอาไว้ก่อนจะออกแรงบิดและผลักมันเข้าไปในขณะที่ร่างโปร่งก็โผงคำพูดหนึ่งออกมาในทันใด

“เดี๋ยว!”

“…”

“ผมไม่อยากเข้าไปแล้ว” ภีมมองจอมพลสลับกับบานประตูตรงหน้าที่ถูกอีกฝ่ายเปิดแง้มเอาไว้ด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนัก

“ทำไม!? เกิดปอดแหกไม่กล้ายอมรับสิ่งที่ทำไว้กับน้องกูว่างั้น!!” ร่างสูงตวาด

“ปะ…เปล่าแต่ผมไม่คิดว่าน้องคุณจะอยู่ที่นี่” น้ำเสียงกลัวเอ่ยแผ่วเบา คำพูดที่ไม่ทันได้ยั้งคิดทำให้จอมพลถึงกับเลือดขึ้นหน้า

“แล้วมึงคิดว่าน้องกูจะอยู่ที่ไหน!!”

“ผะ…ผมไม่รู้ แต่ไม่ควรจะอยู่ที่นี่!”

“หึ! มึงคิดยังงั้นใช่มั้ย ได้! ถ้างั้นมึงก็เข้าไปดูเองว่าทำไมน้องกูถึงต้องอยู่ที่นี่! ไป!!” ว่าเสร็จจอมพลก็ผลักอีกคนเข้าไปในห้องทันที

แรงของเขาส่งผลให้ร่างโปร่งที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเสียหลักล้มลงจนหัวแทบคะมำตรงกลางห้องก่อนดวงตากลมจะเคลื่อนเข้าสบกับร่างของใครอีกคนบนเตียงนอนของทางโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ

“นี่มัน!?...เป็นไปไม่ได้!!” ร่างโปร่งเบิกตาโพรงเมื่อเห็นใบหน้าของคนด้านบน ภีมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับรับภาพตรงหน้า ทว่าคนที่เขาเห็นก็ยังเป็นคนเดียวกับในวันนั้นไม่มีผิดเพียงแต่มีบางอย่างในที่เปลี่ยนไป

“อยากเห็นน้องกูมากใช่มั้ย!? นี่ไง!! คนๆ นี้ไงที่ถูกพวกมึงสองพี่น้องทำร้ายจิตใจจนขับรถชนและต้องเสียขาไปข้างหนึ่ง!!”

“!!”

ภีมตกใจกับเรื่องที่ได้ยิน ร่างโปร่งพยายามกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากภายใต้แววตาที่ยังคงมองไปยังคนหลับไหลอย่างสั่นระริก

“แต่…น้องคุณเป็นผู้ชาย?” คนตัวสั่นเอ่ยถามเสียงแผ่ว

ใช่…สิ่งที่เปลี่ยนไปสำหรับคนบนเตียงคือเธอกลายเป็นหญิงสาวผมยาวหน้าตาสะสวยที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายกันกับบุคคลที่ผู้เป็นน้องสาวของเขาบอกเลิกไป เพียงแต่ในวันนั้นอีกฝ่ายกลับสวมเครื่องแต่งกายของผู้ชายจนทำให้ร่างโปร่งที่ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงเชื่อสนิทใจว่าคนที่เห็นในวันนั้นเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง

“ไม่รู้จริงๆ หรือแกล้งโง่!! ว่าคนที่น้องสาวมึงบอกเลิกเป็นผู้หญิง!!” ร่างสูงเข่นเขี้ยวถามกลับลั่นก่อนภีมจะละล่ำละลักคำพูดมากมายออกมาแก้ตัว

“มะ…ไม่รู้…ผมไม่รู้จริงๆ ว่าน้องคุณเป็นผู้หญิง”

“ตอแหล!!”

“คุณจอมพล!…ผมเจ็บ!!” ร่างสูงตรงเข้ากระชากคอเสื้อของภีมพลางกระชากเข้าหาตัวจนมันเสียดสีไปกับผิวหนังของอีกฝ่ายเป็นรอยแดง

“เจ็บ!? อย่ามาทำสำออยให้กูกระดากลูกตา! ในเมื่อมึงอยากจะเห็นน้องกูนัก ทีนี้ก็บอกกูมาซะว่ามึงจะชดใช้ให้น้องกูยังไง!!” จอมพลคาดคั้น

“ผะ…ผมไม่รู้ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น!”

“ไม่ได้ตั้งใจ!? มึงรู้มั้ยว่าไอ้ความไม่ได้ตั้งใจของมึงและน้องของมึงมันทำให้น้องกูเกิดอุบัติเหตุไม่พอพวกมึงยังทำให้จอมใจไม่ยอมพูดอีกเลยหลังจากนั้น!!!”

“โอ้ย!” ภีมร้องเมื่อจอมพลใช้มือหนาบีบรัดลำคอของเขา

ร่างสูงมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเกรี้ยวกราด จอมพลเกลียดท่าทีเย่อหยิ่งและสีหน้าที่ดูเหมือนไม่ทุกข์ร้อนของอีกคนจนเข้าไส้

“กูเกลียดมึงไอ้ภีมกูเกลียดมึง!!” จอมพลตวาดพลางเขย่าอีกคนจนร่างโปร่งที่พยายามเอ่ยคำพูดออกมาต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ

“ผมขอโทษ!…ขอโทษจริงๆ แต่วันนั้นผมไม่รู้เรื่องคุณเชื่อผมนะ”

“มึงไม่รู้เรื่อง? แสดงว่าคนที่รู้เรื่องทั้งหมดคือน้องของมึงใช่มั้ย ได้! ถ้างั้นกูจะแก้แค้นน้องมึงแทนแล้วกัน!”

“ไม่ใช่นะ! ผมไม่ได้หมายความว่ายังงั้นเพียงแต่ผมอยากให้คุณอโหสิกรรมให้พวกผมจะได้มั้ย คุณบอกเองว่าสิ่งที่เกิดกับน้องคุณมันเป็นอุบัติเหตุซึ่งมันก็ไม่ได้มีใครอยากจะให้เกิดขึ้นอยู่แล้ว”

“อโหสิกรรม? มึงเอาตัวรอดง่ายไปหรือเปล่าไอ้ภีม! น้องกูต้องเสียขา! เสียความรู้สึก! เสียใจ! มึงจะให้กูอโหสิกรรม!?...ไม่มีทาง!!!” พูดเสร็จร่างสูงที่ขบกรามแน่นจนเส้นเลือดข้างขมับปูดโปนก็ลากตัวอีกคนเหวี่ยงเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดล๊อกประตูและหันไปจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม็ง

“คะ…คุณจะทำอะไร!?” ภีมมองจอมพลด้วยแววตาสั่นระริก ร่างโปร่งถอยกรูดจนแผ่นหลังติดกับผนังห้องด้านหลังในที่สุด

ภีมวิทธิ์มองใบหน้าเดือดดาลของคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกกลัว ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างนึกหวั่นเมื่อบางอย่างกำลังบอกกับเขาว่าครั้งนี้จอมพลที่ดูโกรธกว่าทุกครั้งเอาจริง!

“กูจะทำให้มึงตกนรกทั้งเป็น! มึงต้องชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องกูทั้งหมด! มานี่!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็กระชากตัวภีมเข้าหาก่อนจะเหวี่ยงอีกฝ่ายล้มลงไปบนพื้นและตามขึ้นคร่อมเอาไว้ไม่ให้หนี

“หยุดนะ! คุณมันบ้าไปแล้ว! โอ้ย! อื้ออออ!” ภีมที่พยายามหาทางหนีเบิกตาโพรงเมื่อมือหนาคว้าเอาแขนของเขาที่ใช้เป็นเครื่องปัดป้องทั้งสองข้างเอาไว้พลางบีบมันเต็มแรงก่อนจอมพลจะกระแทกริมฝีปากประกบลงกับริมฝีปากของเขาจนได้เลือด

ร่างโปร่งเบือนหน้าหนีสัมผัสจาบจ้วงของอีกฝ่ายทันทีเป็นเหตุให้เจ้าของสัมผัสอันดิบเถื่อนโกรธจนเลือดขึ้นหน้าพลางกระชากข้อมือที่บีบเอาไว้แน่นเข้าหาก่อนจะเค้นเสียงเย็นเยียบพูดกับอีกคนกลับ

“กูบ้าได้มากกว่าที่มึงคิดอีก! เตรียมซ่อมร่างกายไว้ได้เลย!!”

สิ้นเสียงที่เป็นเหมือนดั่งคำพิพากษาของมัจจุราชร้าย ร่างสูงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและไฟแห่งโทสะก็ถอดเนคไทของตัวเองออกก่อนจะใช้มันมัดไปยังข้อมือเล็กติดไว้กับราวเหล็กบนผนังท่ามกลางคนใต้ร่างที่พยายามดิ้นหนีจนสุดชีวิต

“อย่า! ปล่อยนะเว้ย!! อึก!” มือหนาคว้าหมับไปที่ลำคอของอีกฝ่ายก่อนจะแสยะยิ้มร้ายพลางหมายหัวกลับ

“ขอต้อนรับสู่ขุมนรกของกู!”

แควก!!

“อย่า!!!” ภีมร้องลั่นเมื่อคนด้านบนฉีกเสื้อเชิ้ตที่เขาสวมอยู่จนขาดหวิ่น กระดุมที่กระเด็นไปคนละทิศละทางทำให้ร่างโปร่งถดตัวหนีแต่แล้วไม่ทันไรจอมพลที่คร่อมตัวเขาเอาไว้ก็โน้มตัวลงมาซุกไซร้ไปยังต้นคอขาวทันที

ริมฝีปากของร่างสูงขบเม้มและกัดย้ำไปตามผิวหนังของคนใต้ร่าง ในขณะที่มือหนาก็เอื้อมลงไปปลดเปลื้องอาภรณ์ด้านล่างของอีกฝ่ายจนร่างโปร่งเปลื้อยเปล่าเพียงชั่วพริบตาเดียว

“โอ้ย!! ปล่อยผมไป! ปล่อยนะเว้ย!!!”  ภีมร้องออกมาจนสุดเสียงเมื่อจอมพลพยายามแหวกขาทั้งสองข้างที่เขายกมันขึ้นเพื่อปิดบังกลางกายของตัวเองเอาไว้ออก ร่างสูงหยัดตัวลุกขึ้นพร้อมกับคว้าเอาผ้าขนหนูที่ยังไม่ได้ใช้บนชั้นลงมาพลางยัดเข้าปากอีกคนอย่างไม่ออมแรง

ร่างโปร่งมองการกระทำของคนด้านบนด้วยความรู้สึกกลัวจนถึงขีดสุดพลางพยายามดิ้นต่อให้หลุดจากพันธนาการนี้อย่างบ้าคลั่งเมื่อจู่ๆ จอมพลที่ก้มลงไปขบเม้มตามแผงอกและตุ่มไตเล็กสีชมพูของเขาเปลี่ยนมาควักกลางกายที่ผงาดเตรียมพร้อมสำหรับศึกที่กำลังจะเกิดของตัวเองออกมาทำเอาภีมที่พอเห็นขนาดของมันถึงกับเบิกตากว้างและพยายามถดตัวหนีทันทีที่อีกฝ่ายโน้มตัวลงมาอีกครั้ง

“อยากร้องเท่าไหร่ก็เชิญ…กูแม่งโครตชอบเสียงครางเวลาที่กูกระแทกแรงๆ!” จอมพลเอ่ยเสียงเย็นข้างใบหูของภีมก่อนจะมองหน้าคนใต้ร่างด้วยรอยยิ้มเหี้ยมที่ถูกฉาบเอาไว้จนอีกฝ่ายใจเต้นไม่เป็นระส่ำ

“อ่า! อ่าอ่ะ!!” (อย่า! อย่านะ!) ร่างโปร่งส่ายหน้าอย่างกลัวสุดขีดเมื่อคนด้านบนเอื้อมมือลงไปลูบไล้ตามสะโพกเล็กก่อนจะหยุดอยู่ที่ช่องทางกลีบกุหลาบของเขา

จอมพลมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อของคนใต้ร่างด้วยแววตาสะใจก่อนจะจ่อกลางกายที่ผงาดจนเต็มขั้นของตัวเองไปยังช่องทางนั้นและดันมันเข้าไปทันทีโดยไม่มีการเล้าโลมหรือแม้แต่หล่อลื่นให้อีกฝ่ายแต่อย่างใด

“โอ้ย!!!!!!” ภีมจิกเล็บลงบนฝ่ามือของตัวเองจนเป็นรอยช้ำ ร่างโปร่งกระตุกเกร็งด้วยความเจ็บอันมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาผ่านช่องทางด้านหลังที่ไม่เคยมีใครได้ล่วงล้ำจนเจ้าตัวน้ำตาเล็ด

จอมพลนิ่วหน้าเมื่อความคับแน่นของโพรงอุ่นถูกเจ้าของตอดรัดจนร่างสูงแทบจะเสร็จทุกทีที่พยายามดันแท่งร้อนของตัวเองเข้าไป ร่างโปร่งมองใบหน้าคนด้านบนด้วยแววตาเจ็บปวดระคนโกรธแค้นก่อนอีกฝ่ายจะบีบคลึงสะโพกเล็กให้เขาผ่อนคลาย ทว่า…เมื่อภีมที่เผลอไผลไปกับสัมผัสนี้ผ่อนลมหายใจที่ตื้อขึ้นมาลงคนด้านบนก็ถือโอกาสดันกลางกายเข้ามาจนมิดด้ามทันที

“เอ็บ!!! อ๊มเอ็บ!! เอาอันออกไอ! อึก!” (เจ็บ!!! ผมเจ็บ!! เอามันออกไป! อึก!) เสียงร้องอู้อี้ที่ร่างโปร่งเปล่งออกมาสร้างรอยยิ้มให้กับคนด้านบนเป็นอย่างมาก

จอมพลมองไปยังใบหน้าที่แสนจะเจ็บปวดของคนใต้ร่างด้วยความรู้สึกชอบใจก่อนร่างสูงจะเอ่ยทับพร้อมกับเริ่มจังหวะโดยการขยับสะโพกสอบเข้าออกทันที

“เอาออกตอนนี้ก็ไม่มันน่ะสิ…ภีมวิทธิ์! ซี้ดดด แม่งรัดฉิบหาย!” ร่างสูงสบถออกมาอย่างหัวเสียเมื่อความคับแน่นทำให้เขาขยับได้เพียงนิด

“อื้อออ!! ฮึก! ฮือออ!” ภีมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ฟันเล็กของเขากัดผ้าขนหนูในปากแน่นเผื่อหวังจะส่งผ่านความเจ็บนี้ออกไปให้หมดหากแต่มันกลับไม่ได้ผลเลยสักนิดเมื่อร่างสูงที่แสนจะป่าเถื่อนคนนี้กลับเร่งเครื่องขึ้นด้วยการโถมตัวลงมาท่ามกลางสะโพกสอบของตัวเองที่ยังทำหน้าที่ของมันได้เป็นอย่างดี

“โอ้ย! อ๊มเอ็บ! อุดเออะอ๋ออ๊อง ฮือออ อ่ะ!ๆ” (โอ้ย! ผมเจ็บ! หยุดเถอะขอร้อง ฮือออ อ่ะ!ๆ) ภีมพยายามร้องขออีกฝ่ายจนสุดเสียงแต่จอมพลกลับไม่สนใจและยังคงเอาเปรียบร่างกายที่ยังปรับสภาพไม่ได้นี้ต่อไปเรื่อยๆ

“กูเพิ่งรู้ว่าเอากับผู้ชายแม่งมันกว่าผู้หญิงซะอีก หึ! มึงคิดงั้นมั้ย?” ร่างสูงแสยะยิ้มพลางก้มลงถามร่างโปร่งที่เอาแต่จ้องเขาเขม็งก่อนคนใต้ร่างจะตวาดกลับด้วยความโกรธแค้น

“อ๋าอ่ะเอว!” (สารเลว!)

“มึงว่าไงนะ!!” ร่างสูงชะงักพลางดึงผ้าขนหนูที่อุดปากอีกฝ่ายอยู่ออกก่อนจะมองหน้าภีมอย่างคาดโทษ

“ผมบอกว่าคุณมันสารเลว! เลวไม่มีที่ติ!!” ภีมตวาดลั่น

“ไอ้ภีม!!” จอมพลตะโกนชื่ออีกคนออกมาอย่างเดือดดาลก่อนจะกระแทกสะโพกเข้าหาจนร่างโปร่งร้องเสียงหลง

“โอ้ย! อ่ะๆๆๆ เจ็บ! โอ้ย! อึก”

“อยากปากมากนักใช่มั้ย! กูจะทำให้มึงร้องไม่หยุดเลยคอยดู!!” ว่าเสร็จร่างสูงก็กระแทกกลางกายเข้าออกถี่รัวให้สมกับความคับแค้นที่มีต่ออีกคนจนเต็มอก

“อ๊า!! อึก! อ่ะๆๆๆ” ภีมหันหน้าไปอีกทางก่อนจะพยายามกลั้นเสียงร้องของตัวเองเอาไว้แต่จนแล้วจนรอดเขาก็หักห้ามมันไม่ได้เลยสักนิด

ร่างโปร่งทั้งเจ็บและโกรธในคราวเดียวกัน ภีมจิกเล็บลงบนฝ่ามือหนักเข้าจนมันช้ำเลือดเพื่อให้สมกับความเจ็บปวดที่กำลังได้รับ

“หันหน้ามา!” ร่างสูงฉุนกึกเมื่อคนใต้ร่างไม่ยอมมองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“กูบอกให้มึงหันมา!!!” ร่างสูงคว้าหมับเข้ากับคางมนของอีกฝ่ายพลางออกแรงฝืนให้ร่างโปร่งหันมา

น้ำตามากมายไหลออกจากหางตาของภีมก่อนจะตกลงสู่พื้นห้องด้วยความรู้สึกทั้งหมดของคนที่กำลังถูกย่ำยีในตอนนี้ทำเอาจอมพลชะงักไปนิด แต่แล้วร่างสูงก็ปรับเปลี่ยนสีหน้าได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เป็นอะไร ร้องไห้!?”

“…” ภีมไม่ยอมตอบ ร่างโปร่งได้แต่กัดริมฝีปากล่างของตัวเองเพื่อระงับความเจ็บบริเวณช่องทางด้านหลังที่กำลังถูกลุกล้ำอยู่ในขณะนี้

“อย่ามาบีบน้ำตาแถวนี้เพราะถึงยังไงกูก็ไม่สงสาร!!” ว่าเสร็จจอมพลก็กระแทกสะโพกของตัวเองเข้าใส่อีกคนอีกจนร่างโปร่งถึงกับนิ่วหน้าพลางกัดริมฝีปากจนห่อเลือด

“หึ! แบบนี้แม่งสนุกดีว่ามั้ย?”

“อยากทำอะไรก็เชิญ! อึก! เพราะเมื่อไหร่ที่ผมเอาคะ…คืนก็อย่าละ…ลืมว่าเคยทำอะไรไว้ก็แล้วกัน!!”

“!!”

สีหน้าและแววตาของภีมทำคนด้านบนที่ได้ยินคำพูดที่ดูเหมือนกับคำปรามาสนี้ของเขาโกรธจนเลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง มือหนาคว้าหมับเข้าที่เอวบางก่อนจะส่งแรงกระแทกกระทั้นเข้าออกจนภีมทนต้านความเจ็บต่อไปไม่ไหวร้องออกมาเสียงหลง

“อึกๆๆๆ อ๊า!! อ่ะๆๆ ฮึก ฮืออออ”

“กูจะจำทำไมให้รกสมอง! มึงไม่ได้มีค่าขนาดนั้นจำเอาไว้!!” จอมพลเร่งเครื่องเมื่อใกล้สุดทาง ร่างโปร่งหลับตาลงราวกับยอมรับชะตากรรมหากทว่าความเจ็บยังคงแทรกซึมเข้าสู่หัวใจดวงนี้ของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนสติของภีมจะมลายหายไปพร้อมๆ กับร่างสูงที่ปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้ามาในช่องทางของเขา

“ซี้ดดดด! อ่า!!!” จอมพลส่งเสียงออกมาอย่างสุขสมเมื่อบทความสัมพันธ์ทางกายเมื่อครู่เดินทางมาจนถึงสุดทาง ร่างสูงมองไปยังใบหน้าคนใต้ร่างที่หลับตาพริ้มก่อนจะใช้มือหนาตบไปยังแก้มใสสองสามที

“ลืมตาขึ้นมารอบเดียวมันยังไม่สาแก่ใจกู!” เสียงเข้มบอกด้วยน้ำเสียงบังคับ

“…”

“นี่มึงสำออยอีกแล้วใช่มั้ย!?”

“…”

“กูบอกให้ลืมตาขึ้นมา!!!”

ร่างบางยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติงจนจอมพลที่ยังคงคากลางกายของตัวเอเอางไว้ในช่องทางของอีกคนหยัดตัวที่ทาบทับอีกฝ่ายขึ้นและเขย่าตัวคนใต้ร่างกลับ

“ไอ้ภีม!!”

“…”

“ภีมวิทธิ์! ภีม!!!”

“…”

ร่างสูงจับใบหน้าของอีกฝ่ายให้หันกลับมาก่อนความรู้สึกมากมายจะถาโถมปะทะเข้าสู่ห้วงสติของเขาอย่างจังเมื่อใบหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาตรงหน้ายังคงไม่มีท่าทีโต้ตอบอะไรเลยแม้แต่น้อย ทำเอาคนกระทำตัดสินใจถอนกลางกายของตัวเองออกท่ามกลางสายตาที่เคลื่อนลงไปสบกับของเหลวสีแดงฉานมากมายตรงบริเวณเรียวขาด้านในของภีมวิทธิ์

“แม่งเอ้ย!!” จอมพลสบถออกมาอย่างหัวเสีย การกระทำเมื่อครู่ส่งผลให้ร่างสูงรีบแก้มัดให้อีกฝ่ายก่อนจะหอบเอาร่างที่ไร้ซึ่งสติในตอนนี้ของภีมออกไปยังโซฟาข้างเตียงของจอมใจที่ยังคงหลับใหลเพราะฤทธิ์ยาเหมือนเช่นทุกวันทันที


TBC.....
----------------------------------------------

จอมพลจะใจร้ายไปไหน สงสารภีมมากกกกกก (จริงๆ นะ)
แต่ต้องฝืนเขียนให้โดนกระทำ (เค้าขอโทษนะภีม)
งาน SM ก็มา กระชากเลือดคนเขียนไปอี๊กกกกกก
อ่านตอนนี้จบแล้วเม้นท์ๆ ด้วยนาาาาา


 :jul1: :jul1: :jul1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-07-2017 02:24:08
Ncหนักหน่วง สงสารภีมอ่ะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: pktherabbit ที่ 22-07-2017 06:45:59
เป็นผช. ที่มีตรรกะความคิดแปลกๆ นะ
นางแค้นผิดคนเปล่าหว่า มิเข้าใจเจงๆ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.5 NC 100% [21/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 22-07-2017 08:15:22
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.6 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 22-07-2017 08:52:00


CHAPTER  6


ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศตกกระทบแขนเรียวที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนบางออกมาจนส่งผลให้เจ้าของร่างโปร่งที่นอนตะแคงอยู่รู้สึกตัว ใบหน้าที่มีรอยแผลข้างๆ มุมปากเล็กน้อยนิ่วหน้าลงทันทีเมื่อสติที่ก่อตัวขึ้นทำให้เขารับรู้ถึงความเจ็บมากมายที่ประเดประดังเข้ามาจนภีมที่พยายามพลิกตัวเพื่อนอนหงายส่งเสียงร้องครางในลำคออย่างยากที่จะฝืน

ร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมกับกวาดสายตามองไปยังสิ่งของรอบๆ กายภายในห้องที่เขานอนอยู่

ภีมมองไปตามเพดานขาวสะอาดพลางเคลื่อนสายตานี้ไปยังทีวีจอแบนขนาดยี่สิบห้านิ้วบริเวณปลายเตียงก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเงาที่สะท้อนออกมาจากหน้าจอทีวีที่ยังไม่ได้เปิด…

มันเป็นเงาของผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเตียงทางซ้ายมือของภีมและมองมายังเขาที่นอนอยู่บนโซฟาด้วยท่าทีที่ไม่ไหวติง

ร่างโปร่งตัดสินใจหันไปหาอีกคนที่มีสถานะเป็นเจ้าของห้องห้องนี้ด้วยใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก แววตาที่อีกฝ่ายใช้มันเพื่อมองมาช่างเรียบเฉยเสียจนคนถูกมองต้องตัดสินใจค่อยๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบากก่อนจะรีบละล่ำละลักคำพูดออกไปทันที

“ขอโทษที่ผมมาที่นี่” ภีมว่าแต่จอมใจยังคงนิ่ง

ร่างโปร่งถอนหายใจพลางหลบสายตาที่แม้ว่ามันจะดูราบเรียบหากแต่ภีมกลับรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรเช่นเดียวกับคนเป็นพี่ชายของเธออย่างบอกไม่ถูกจนต้องหันมาสำรวจตัวเองแทน

กางเกงตัวเดิมที่ถูกสวมใส่อย่างลวกๆ กับเสื้อเชิ้ตผืนใหม่ที่ยังไม่ได้ตัดป้ายราคาออกช่างบ่งบอกนิสัยของคนที่ทำเรื่องทั้งหมดพวกนี้กับเขาได้เป็นอย่างดี ร่างโปร่งรวบมือที่กำผ้าห่มเอาไว้แน่นพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อภาพเหตุการณ์ในห้องน้ำเมื่อค่ำวานยังคงวนเวียนหลอกหลอนเขาไม่หาย

ไม่ใช่แค่เจ็บกายเพียงอย่างเดียว! แต่สิ่งที่จอมพลทำเอาไว้มันช่างโหดร้ายจนเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจจนสุดจะหาใดเปรียบ

“คือผม…”

“เอ๊ะ! ตื่นแล้วเหรอคะ”

ภีมที่กำลังจะเอ่ยกับจอมใจต่อชะงักลงทันทีเมื่อพยาบาลคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเก้าอี้วีลแชร์ตัวหนึ่งที่เธอจูงเข้ามาด้วย

“เอ่อ…ครับ” ร่างโปร่งตอบไม่เต็มเสียงพลางทำท่าว่าจะลุกขึ้นยืน ทว่าเมื่อเขาออกแรงเหยียบลงบนพื้นเท่าไหร่ความปวดร้าวมากมายก็ถาโถมเข้ามามากเท่านั้น

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” พยาบาลคนนี้ถามราวกับเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับพอดีก่อนหน้านี้ผมหกล้มนิดหน่อยเลยยังเจ็บเท้า” ภีมแก้ตัวน้ำขุ่น           ความจริงแล้วเป็นเพราะขาของเขาแทบจะไม่มีแรงที่จะยืนต่างหากล่ะ ไหนจะเจ็บจากการเสียดสีของช่องทางด้านหลังอีกทำเอาร่างโปร่งถึงกับต้องนิ่วหน้าห้ามอาการเหล่านี้ทุกครั้งที่ขยับตัว

“ไม่ทราบว่าตอนนี้กี่โมงแล้วครับ” ร่างโปร่งตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องถามขึ้นเมื่อภายในห้องนี้ไม่มีนาฬิกาอยู่เลยสักเรือนเดียว

“บ่ายครึ่งแล้วล่ะค่ะ เห็นคุณจอมพลบอกว่าคุณเป็นเพื่อนที่จะมาเฝ้าน้องสาวแทนแต่ทำไมถึงกลายเป็นว่าน้องจอมใจต้องเป็นฝ่ายนั่งเฝ้าคุณล่ะคะ” หญิงสาวแซว

“เพื่อน?” ภีมถามเมื่อสิ่งที่อีกคนพูดดูจะขัดใจเขาไม่น้อย

“ค่ะ คุณจอมพลบอกเอาไว้เมื่อตอนเช้าที่เข้ามาดูน้องจอมใจ”

“ผมไม่ใช่เพื่อนของเขา” ร่างโปร่งปฏิเสธ

“เอ๊ะ!? แต่คุณจอมพลบอกอย่างนั้นจริงๆ นะคะ”

“ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ครับ” ภีมย้ำ

แค่สถานะ คนรู้จัก คนแบบนั้นยังไม่คู่ควรจะได้รับคำนี้จากเขาเสียด้วยซ้ำ!

“ค่ะๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” พยาบาลสาวยอมแพ้ก่อนจะหันไปหาหญิงสาวอีกคนที่นั่งเงียบมองชายหนุ่มบนโซฟาไม่วางตา

“น้องจอมใจคะถึงเวลาทำกายภาพแล้วค่ะ”

จอมใจเคลื่อนสายตาที่แต่เดิมใช้มองร่างโปร่งที่นั่งอยู่ไม่ปล่อยนั้นมาก่อนจะตวัดมองไปยังพยาบาลสาวอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก

หญิงสาวคว้าเอาไวท์บอร์ดสีขาวที่วางอยู่ข้างๆ เตียงขึ้นมาพลางเขียนอะไรบางอย่างลงไปด้วยปากกาหมึกสีน้ำเงินก่อนจะเงยหน้าพร้อมกับพลิกไวท์บอร์ดดังกล่าวไปทางพยาบาลคนนี้ทันที

ไม่ไป

คำสั้นๆ แต่แสดงถึงความเอาแต่ใจอย่างไม่สิ้นสุดทำเอาหญิงสาวผู้เป็นพยาบาลถึงกับเอ่ยขอร้องออกมาน้ำเสียงอ่อน

“ไปเถอะนะคะน้องจอมต้องฝึกสวมขาเทียมและเดินเยอะๆ จะได้ชิน ใครๆ ก็อยากเห็นน้องจอมเดินได้อีกครั้งโดยเฉพาะคุณจอมพลพี่ชายของน้องจอมเองนะคะ”

ร่างโปร่งหันไปหาคนถูกอ้อนวอนก่อนจอมใจจะเขียนอะไรอีกสักพักแล้วพลิกไวท์บอร์ดกลับมา

บอกว่าไม่ก็คือไม่!

“โธ่…แบบนี้พี่อิงก็ลำบากอีกแล้วน่ะสิคะ คุณหมอบดินทร์ท่านยิ่งกำชับมาอย่างหนักให้น้องจอมทำกายภาพทุกวันด้วย ไปเถอะนะคะๆ” คนร้องขอเอ่ยขึ้นอีกอย่างยอมแพ้ก่อนหญิงสาวผู้เป็นคนไข้จะเขียนคำพูดกลับมาอีกครั้ง

บอกคุณอาบดินทร์ว่ามีอะไรให้มาหาฉัน

บรรยากาศภายในห้องเงียบลงถนัดตาเมื่อเจ้าของห้องเริ่มมีน้ำโห ภีมที่นั่งฟังทั้งคู่คุยกันอยู่สักพักรู้สึกถึงการเป็นคนนอกอย่างบอกไม่ถูกก่อนจะพยายามกลั้นใจลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและเดินไปยังโต๊ะเล็กใต้ทีวีเพื่อหยิบเอากระเป๋าสะพายของตัวเองมาถือไว้พลางหันกลับไปหาคนทั้งคู่อีกครั้ง

“ผมขอโทษที่มารบกวนเวลาของคุณนะครับ ขอตัวก่อน” ภีมพูดกับจอมใจที่เอาแต่มองเขานิ่งก่อนร่างโปร่งจะค่อยๆ เดินออกจากห้องไปท่ามกลางการเสียดสีของช่องทางด้านหลังที่ทำให้เขาแทบจะน้ำตาเล็ดทุกครั้งที่ก้าวเดิน

ภีมเดินพ้นจากหน้าห้องของจอมใจมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายดังขึ้นร่างโปร่งจึงหยุดเดินและควานหา

(“ครับ”) ภีมเอ่ยกลับไปยังปลายสายที่โทรเข้ามา

(“ตื่นแล้ว?”)

(“นั่นใคร?”)  ร่างโปร่งเลิกคิ้วถามกลับ

(“จำผัวตัวเองไม่ได้? เพิ่งสนุกกันไปเมื่อคืนนี้เองนะเมีย”)

(“!!”) คำพูดที่ถูกปลายสายเอ่ยกลับทำเอาภีมที่ถือโทรศัพท์อยู่ชะงักงันพลันลงแรงบีบเครื่องมือสื่อสารนี้เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะเยอะของอีกฝ่ายที่ดังลอดเข้ามา

(“ตื่นแล้วก็ดีรีบมาทำงานของมึงซะเพราะกูไม่ได้จ้างให้มึงมาอู้งานแบบนี้!”) จอมพลพ่นคำพูดว่าร้ายออกมาเป็นพรวนหากทว่าร่างโปร่งกทางนี้กลับเลือกที่จะข่มอารมณ์และคำด่าทอมากมายที่อยากจะสาดใส่อีกฝ่ายเอาไว้แทน

(“…”)

(“ไม่ได้ยินหรือไง!? กูบอกให้มาทำงาน!!”) ร่างสูงย้ำน้ำเสียงไม่พอใจ

(“…”)

(“ไอ้ภีม!! ภะ...!”)

ตัดสายไปแล้ว…

ภีมมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอมืดสนิทด้วยความคับแค้น เจ้าของเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่ไม่รู้เลยว่าคำพูดและการกระทำของเมื่อวานของเขาได้สร้างบาดแผลมากมายให้ทำให้จิตใจของคนทางนี้แค่ไหน ก็คงเหมือนภีมเองที่ไม่รู้เช่นกันว่าการตัดสายเมื่อครู่จะทำให้ร่างสูงทางโน้นโมโหจนเลือดขึ้นหน้า

ภีมเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกจากตึกจิตเวชมาและมุ่งหน้าไปยังจุดรอรถของทางโรงพยาบาลทันที

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้นมาอีกครั้ง ร่างโปร่งมองอย่างชั่งใจอยู่สักพักก่อนจะล้วงมันออกมารับโดยที่ไม่ดูหมายเลขที่โทรเข้ามาพร้อมกับระเบิดอารมณ์กลับไปจนสุดเมื่อคิดว่าปลายสายยังคงเป็นจอมพลที่โทรมาระรานตัวเองเหมือนเมื่อครู่

(“หยุดบังคับผมสักที!”) ภีมตะโกนลั่น

(“ภีมนี่กูเอง”)

(“ใคร?”)

(“แดเนียล”) สิ้นเสียงจากอีกฝั่งร่างโปร่งที่เต็มไปด้วยโทสะก็ปลดปล่อยอารมณ์ที่มีอยู่ก่อนหน้าออกไปจนหมดพลางเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงปกติ

(“มึงเองหรอกเหรอ”)

(“มึงเป็นอะไรหรือเปล่า ตะโกนอย่างกับโกรธใครมา”) แดเนียลถาม

(“เปล่า”) ร่างโปร่งปฏิเสธก่อนปลายสายจะถามต่อ

(“เย็นนี้หลังเลิกงานมึงว่างมั้ย”)

(“วันนี้กูไม่ได้ไปทำงาน”)

(“งั้นเหรอ แล้วตอนนี้มึงอยู่ไหน”)

(“กูอยู่…”)

ภีมชะงักชื่อสถานที่ที่เกือบจะหลุดปากออกไปก่อนจะโกหกอีกฝ่ายด้วยชื่อสถานที่ที่อยู่แถวนี้เช่นกันแทนเพราะไม่อยากให้แดเนียลต้องคิดมากหากรู้ว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ในโรงพยาบาล

(“กูอยู่แถวๆ ถนน xxx”) ภีมเอ่ยออกไปไม่เต็มเสียงนัก

(“มึงมาทำอะไรแถวนี้”)

(“กูมาหาซื้อของอะไรนิดหน่อย”)

(“งั้นดีเลยกูอยู่แถวนี้พอดีบอกพิกัดมึงมาเดี๋ยวกูไปรับ”) แดเนียลพูด

(“ไปไหน”)

(“ไหนๆ มึงก็ไม่ได้ไปทำงานแล้ววันนี้ไปหาอะไรกินกัน”) ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงดีใจจนภีมรู้สึกได้ หากทว่าตอนนี้ร่างโปร่งกลับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวจนไม่อยากไปไหนเสียมากกว่า

(“เอ่อ…คือกู”)

(“มึงจะปฏิเสธ?”) แดเนียลถามสวนกลับทันทีอย่างรู้ทัน

(“ไปด้วยกันเถอะไม่นานหรอกแค่ไปกินข้าวก็ได้เสร็จแล้วกูก็ส่งมึงกลับ”) ปลายสายอ้อนวอนจนภีมที่ฟังอยู่ถึงกับลำบากใจขึ้นมาทันที

(“กูไม่ได้เจอมึงหลายเดือนเลยนะภีม ขอร้องเถอะ…กูก็แค่อยากอยู่กับมึงเหมือนเมื่อก่อนเท่านั้นเอง”) เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอีกด้วยน้ำเสียงเศร้าก่อนร่างโปร่งทางนี้จะตัดสินใจออกไปในที่สุด

(“กูจะรอมึงที่หน้าตึก K แล้วกัน”) ภีมเอ่ยอย่างยอมแพ้

(“โอเคแปปเดียวกูก็ถึงรอหน่อยนะ”)

(“อืม”)

:

[Peam’s Part]

ผมนั่งมองแดเนียลทานอาหารตรงหน้าจนกระทั่งอีกคนรวบช้อนวางเอาไว้พลางยกน้ำขึ้นดื่มหลังจากที่ตัวผมเองกินมันเข้าไปได้เพียงแค่สามคำก็ต้องยอมแพ้เมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“มึงเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมทานน้อยอย่างนี้” แดเนียลถามกลับหลังจากวางแก้วน้ำที่เพิ่งจะดื่มลงบนโต๊ะ

“วันนี้กูไม่อยากอาหารเท่าไหร่” ผมปดกลับ

“ไม่สบายเหรอ”

“เปล่า มึงล่ะอิ่มมั้ย”

“ก็โอเค แต่เห็นมึงเป็นแบบนี้กูก็อดเป็นห่วงไม่ได้” คนตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเดิมที่มันเคยพูดกับผมเพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมัน…ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

“มึงไม่ต้องเป็นห่วงกูหรอก…ห่วงคนของมึงจะดีกว่า” ผมว่าพลางมองมันนิ่ง

“ภีมเรื่องนั้นกะ!...”

“ขอโทษนะคะ ทั้งหมดหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบบาทค่ะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาขัดจังหวะในขณะที่อีกคนกำลังจะบอกบางอย่างกับผมพอดี

ผมมองหัวคิ้วที่ขดกันเป็นปมของแดเนียลอย่างรู้สึกหนักใจไม่ต่าง ใช่ว่าผมจะยังโกรธเรื่องนั้นอยู่เพราะมันก็ผ่านไปตั้งหลายเดือนแล้ว…หลายเดือนที่ผมต้องเสียผู้ชายที่เป็นทั้งเพื่อนและคนรักในตอนนั้นอย่างเขาไปเพียงเพราะเขาดันทำผู้หญิงท้องไว้อีกคน

“เดี๋ยวกูจ่ายเอง” แดเนียลบอกเมื่อเห็นว่าผมล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมา

“แชร์กันดีกว่า”

“ได้ที่ไหน! กูเป็นผู้ชายกูเลี้ยงเอง”

“แล้วกูไม่ใช่ผู้ชาย? แชร์กันนั่นแหละดีแล้ว” ผมเอ็ดกลับ

“งั้นเอาเป็นว่าเพราะกูเป็นคนชวนมึงมาแล้วกันฉะนั้นกูเลี้ยงเอง” ว่าเสร็จมันก็ยื่นเงินให้บริกรหญิงไปพันห้าพร้อมกับบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องทอนทันที

“แดน…”

“เถอะน่าภีม ปล่อยให้กูได้ทำอะไรเพื่อมึงบ้างเถอะ” คนตรงห้าขัดขึ้นเมื่อรู้ว่าผมไม่ชอบให้มันทำแบบนี้นักก่อนที่พวกเราทั้งสองคนจะเดินออกจากร้านมาและตรงไปยังรถของมันที่จอดห่างจากร้านอยู่ไม่มากนัก

“มึงจะไปไหนต่อมั้ย” แดนถาม

“ไม่ล่ะกูอยากกลับคอนโดเลย” ผมว่าเมื่อไม่อยากเดินมากไปกว่านี้อีกแล้วเพราะมัน…แม่งเจ็บ! จนตอนนี้อยากจะนอนเสียมากกว่า

“งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง” มันเสนอ

“ความจริงกูกลับเองได้” แต่ผมไม่อยากสนอง

“แค่ขับรถไปส่งมันไม่ได้ทำให้กูคิดบุญคุณกับมึงหรอกนะ” แดเนียลว่าก่อนผมจะหันไปหามันเพื่อหวังจะเถียงกลับแต่แล้วภาพตรงหน้ากลับมืดไปชั่วขณะบวกกลับขาที่อ่อนแรงลงเสียดื้อๆ จนผมต้องรีบฉวยไหล่หนาของมันเอาไว้เป็นหลักค้ำ

“เป็นอะไร!?” คนข้างๆ เอ่ยถามเมื่อแดเนียลเองก็รีบพยุงตัวผมเอาไว้เช่นกัน

“กูปวดหัวนิดหน่อย” ผมว่าพลางส่ายหน้าไปมาก่อนแดเนียลจะทาบมือของมันลงบนหน้าผากของผม

“ดูเหมือนมึงจะมีไข้” มันว่าหลังจากยกมือออกไป

“กูไม่เป็นไร”

“ไปหาหมอกัน”

“กูไม่ไปมึงไปส่งกูที่คอนโดพอ” ผมบอกก่อนจะผละมือออกจากไหล่กว้าง

“แต่หน้ามึงซีดมากเลยนะภีม” คนข้างๆ ตีสีหน้าเป็นห่วงผมขึ้นมาจนผมเองอดที่จะคิดถึงใบหน้านี้ไม่ได้

“กูไม่เป็นไรจริงๆ” ผมชิงตัดบทเมื่อความคิดเริ่มจะฟุ้งซ่านก่อนจะเดินไปข้างหน้าทันที แต่แปลกเพราะทุกก้าวที่ผมเหยียบลงไปกลับเบาหวิวและรู้สึกโหว่งๆ จนมันกลายเป็นว่าผมกำลังเดินเซไปมา

“ภีม! กูว่ามึงไม่ไหวกูจะพามึงไปหาหมอ!” คนด้านหลังรีบเข้ามาคว้าตัวผมเอาไว้แต่ผมก็ยังพยายามฝืนและปฏิเสธกลับ

“มึงไป…กูโกรธ”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรมากเลย มาเดี๋ยวกูอุ้ม” ว่าเสร็จมันก็สอดแขนเข้าใต้ขาของผม

“ไม่ต้องกูเดินเองได้!” ผมรีบขัดขืนทันทีก่อนจะผละออกและเดินไปอีก

“ภีมมึงอย่าอวดเก่งจะได้มั้ย!”

เสียงของแดเนียลที่ดังไล่หลังมาฉุดให้ผมต้องทำทีว่าไม่เป็นอะไร แต่จู่ๆ เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มีก็เหือดหายไปทันทีเมื่ออีกเพียงไม่กี่ก้าวก็จะถึงรถของมันแล้วแต่ผมกลับทรุดลงตรงนั้นเสียดื้อๆ

“ภีม!!!”

ทุกอย่างมืดไปหมดก่อนผมจะได้ยินเพียงชื่อของตัวเองที่แดเนียลตะโกนออกมา…ผมได้ยินเท่านี้แค่เท่านี้จริงๆ
[End of Peam’s Part]

:

ร่างสูงของลูกครึ่งหนุ่มแบกร่างโปร่งที่หมดสติวิ่งเข้ามาในคลีนิคแห่งหนึ่งด้วยความร้อนรน แดเนียลหอบหายใจถี่รัวร่างสูงไม่มีทางเลือกอื่นเนื่องจากร้านอาหารที่เขาพาภีมไปทานเมื่อครู่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควรจึงไม่สามารถหาโรงพยาบาลในละแวกนี้ได้จนต้องพึ่งคลีนิคแห่งนี้แทน

ผู้ช่วยพยาบาลและหมอสาวต่างพากันแตกตื่นใหญ่ที่เห็นการมาของเขาแต่สุดท้ายพวกเธอก็ให้ความร่วมมือกับแดเนียลเป็นอย่างดี ผู้ช่วยพากันหาห้องชั้นบนของคลีนิคให้ร่างโปร่งนอนก่อนแดเนียลจะออกมานั่งรอข้างนอกเมื่อผู้เป็นหมอเดินเข้าไปตรวจอาการของภีมวิทธิ์ในห้อง

“ขอโทษนะคะคุณหมอต้องการคุยกับคุณค่ะ” ผู้ช่วยสาวหน้าตาน่ารักเดินเข้ามาบอกแดเนียลที่ตีสีหน้าเครียดก่อนร่างสูงจะพยักหน้ารับและเดินเข้าไปในห้อง

“ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับคนไข้เหรอคะ” หมอถามขึ้นทันทีที่แดเนียลนั่ง

“ผม เอ่อ…เป็นเพื่อนครับ” ร่างสูงงุนงงกับคำถามนี้

“เมื่อวานนี้คุณได้อยู่กับเขาหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับเราไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนแล้ว นี่ก็เพิ่งเจอกันครั้งที่สองหลังจากหลายเดือนที่ผ่านมานั้นเอง” แดเนียลตอบด้วยความสัตย์จริงก่อนร่างสูงที่ไม่เข้าใจกับคำถามของคุณหมอสาวจะถามอีกฝ่ายกลับ

“คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าครับ”

หญิงสาวตรงหน้ามีอาการลำบากใจที่จะพูดอย่างเห็นได้ชัด เธอพยายามมองไปยังคนบนเตียงที่กำลังถูกให้น้ำเกลืออย่างชั่งใจก่อนจะถอนหายใจออกมาและตัดสินใจบอกอีกฝ่ายไปในที่สุด

“คือหมอจะไม่อ้อมค้อมแล้วกันนะคะ”

“…”

“คนไข้ถูกล่วงละเมิดทางเพศมาค่ะ”

“อะไรนะครับหมอ!!?” ร่างสูงตะโกนออกมาอย่างไม่เชื่อหู

“พูดง่ายๆ ก็คือคนไข้ถูกข่มขืนมาค่ะ”

“!!”

สิ้นเสียงของหมอสาวแดเนียลถึงกับตัวชาวาบขึ้นมาทันที ชายหนุ่มรวบมือกำเอาไว้แน่นก่อนจะมองไปยังภีมวิทธิ์ที่นอนหมดสติอยู่บนเตียงด้วยแววตาสลดกับเรื่องที่เพิ่งจะรู้จากปากของคนตรงหน้า

“คนไข้มีร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกายอยู่หลายแห่งบวกกับอาการอ่อนเพลียและมีไข้หมอจึงให้น้ำเกลือเขาไปก่อนเพื่อรอดูอาการตอนฟื้นอีกที”

“ครับ”

“เดี๋ยวหมอจะจัดยาให้หากเขาฟื้นเมื่อไหร่ช่วยเรียกหมอด้วยนะคะเพราะหมอจะมาตรวจอาการทั่วไปให้”

“ครับ ขอบคุณมากเลยนะครับ”

“ยินดีค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับคำขอบคุณของร่างสูงก่อนจะเดินลงชั้นล่างไปเพื่อตรวจอาการคนไข้คนอื่นๆ อีกครั้ง ในขณะที่แดเนียลเองก็ได้แต่นั่งมองไปยังใบหน้าเรียวของคนบนเตียงท่ามกลางความรู้สึกผิดมากมายที่ประเดประดังเข้ามาหาตัวเขาไม่หยุด

:

“มึงอยู่คอนโดนี้เหรอ” ร่างสูงถามหลังจากที่ทั้งคู่แวะซื้อของกินข้างทางจนกระทั่งจอดรถเทียบท่าภายในบริเวณคอนโดสูงตระง่านตรงหน้าในที่สุด

“ใช่”

“ที่เดียวกับลูกพี่ลูกน้องกูเลย” แดเนียลบอกก่อนคนที่พยายามเปิดประตูลงจากรถจะถามกลับ

“ใครเหรอ”

“ก็คนที่กูไปรอที่บริษัทมึงวันนั้นไง” ภีมพยักหน้าเข้าใจพลางเดินตามอีกคนที่เข้ามาพยุงเขาไว้ด้วยการโอบไหล่และพาเดินเข้าไปยังชั้นล่างทันที

“มึงอยู่ชั้นไหน” แดนถามด้วยความอยากรู้

“ชั้นแปด”

“จริงดิ!?”

“อืม ทำไม?” ภีมเลิกคิ้วถามกลับ

“อยู่ชั้นเดียวกับลูกพี่ลูกน้องกูเลยว่ะ” แดนว่าก่อนอีกฝ่ายจะแกะมือของคนข้างๆ ออกจากไหล่เมื่อคนที่เดินผ่านไปมาเริ่มจะมองเขาสองคนเยอะเข้าไปทุกที

“ลูกพี่ลูกน้องมึงชื่ออะไร” ภีมถาม

“เดนิส” ร่างสูงตอบเสียงเรียบหากแต่ชื่อนี้กลับทำให้ร่างโปร่งตกใจไม่น้อย

“บังเอิญจังเลยนะเพราะกูอยู่ห้องตรงข้ามกับเขา” ภีมบอกก่อนจะยิ้มขำเมื่อใบหน้าของแดนดูจะอึ้งมันยิ่งกว่าเขาเอามากๆ

“จริง!!?”

“อืม”

“งั้นกูขอขึ้นไปส่งมึงนะ ไหนๆ ก็ห้องตรงข้ามกันแล้วจะได้ถือโอกาสไปหามันด้วยเลย” ร่างสูงว่าก่อนจะโอบไหล่ร่างโปร่งเอาไว้อีก

“แต่กูไม่อยากรบกวนมึง” ภีมพยายามแกะมือหนาออกแต่แดเนียลกลับไม่ยอม ร่างสูงกระชับมือหนาแน่นกว่าเดิมและเหยียดยิ้มขึ้น

“รบกวนอะไร กูก็บอกมึงแล้วไงว่าจะแวะไปหาไอ้เดนมันด้วย มึงไม่ต้องคิดมากไปหรอกไหนๆ กูก็พามึงไปหาหมอมาแล้วขอส่งมึงถึงห้องเลยละกัน”

“แต่แดนคือกู…”

“ขึ้นไปคุยกันต่อที่ห้องของมึงเถอะมึงคงไม่อยากยืนอยู่แบบนี้นานๆ หรอกใช่มั้ย” แดเนียลตัดบทก่อนจะลากภีมที่เดินด้วยท่าทีขัดๆ ไปหน้าลิฟต์และกดเพื่อขึ้นไปยังชั้นแปดทันที

ภีมเปิดประตูและเดินเข้าห้องโดยมีแดเนียลเดินตามหลังเข้ามาติดๆ ร่างสูงวางของที่ซื้อมาลงบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาก่อนจะเดินดูห้องของร่างโปร่งไปจนทั่ว

“มึงจะกินข้าวต้มเลยมั้ยเดี๋ยวกูแกะให้” แดเนียลว่าเมื่อหยิบของที่ซื้อมาเข้าครัวเล็กไปหลังจากเดินดูห้องนี้ทุกซอกทุกมุมแล้ว

“ยังกูขออาบน้ำก่อน” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะท้วงขึ้น

“แค่เช็ดตัวก็พอมั้งภีมมึงมีไข้อยู่นะ”

“ไม่พอหรอก…กูอยากอาบมากๆ เลยตอนนี้” ร่างโปร่งตอบเสียงสั่นจนคนได้ยินถึงกับชะงัก

แดเนียลไม่ต่อความยาวสาวความยืดอีก ร่างสูงเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดีเขาเลยเลือกที่จะเบี่ยงเบนประเด็นออกไปแทน

“โอเคงั้นกูจะจัดโต๊ะรอมึงนะ” ว่าเสร็จภีมก็พยักหน้าก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนของตัวเองทันที

:

“ยังอาบน้ำนานเหมือนเดิมเลยนะมึง” ร่างสูงแซวเมื่อภีมเดินออกจากห้องนอนของตัวเองมาหลังจากผ่านไปร่วมชั่วโมง

ร่างโปร่งไม่เถียงกลับหากทว่ามือเรียวยังคงถือผ้าเช็ดตัวและขยี้หัวตัวเองไปมาก่อนแดเนียลจะลุกจากโซฟาและเดินไปที่โต๊ะอาหารพลางขยับเก้าอี้ออกให้เพื่อเป็นการบอกโดยนัยว่าต้องการให้อีกฝ่ายนั่งลง

“มากินกัน” แดเนียลพูดน้ำเสียงสดใสก่อนภีมจะเดินเข้ามานั่งแต่โดยดี

ร่างโปร่งมองไปยังบรรดาอาหารมากมายบนโต๊ะก่อนจะเคลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ชามข้าวต้มตรงหน้าตัวเองพลางเอ่ยเสียงอ่อน

“ขอโทษที่กูทำให้มึงต้องพลอยเหนื่อยไปด้วยนะ”

“อย่าคิดมากน่ากูเต็มใจทำให้มึงเหอะ!” แดเนียลว่าก่อนจะนั่งลงยังตำแหน่งตรงข้ามกับภีม

“แต่กูไม่อยากให้มึงทำแบบนี้กับกูแดน ตอนนี้มึงเองก็มีคนของมะ…”

“ลูกในท้องของอลิสไม่ใช่ลูกกู”

“!!” ภีมชะงักทันทีที่ได้ยิน

ร่างโปร่งมองหน้าคนตรงข้ามไม่วาง เรื่องราวที่ผ่านไปสำหรับความรักของพวกเขาหวนกลับเข้ามาในความคิดของภีมอีกครั้ง เพราะในความเป็นจริงแล้วหากไม่มีเรื่องยุ่งๆ พวกนั้นเกิดขึ้นไม่แน่ว่าตอนนี้พวกเขาอาจจะคบกันอยู่ก็เป็นได้

“เมื่อตอนกลางวันกูอยากจะบอกมึงเรื่องนี้แต่ติดตรงที่บริกรดันเดินมาขัดจังหวะซะก่อน” แดเนียลพูดพลางมองอีกฝ่ายนิ่งเช่นเดียวกัน

“มึงหมายความว่าไง?” ร่างโปร่งถามเมื่อยังไม่เข้าใจ

“อลิสท้องกับไอ้จอร์จ มึงจำได้ใช่มั้ยไอ้คนกร่างๆ ที่เที่ยวมีเรื่องกับเขาไปทั่วคนนั้นน่ะ” อีกคนว่าก่อนภีมจะพยักหน้าตอบ

“หึ! กูมันก็แค่แพะเท่านั้น” ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยสมเพชตัวเองที่กลายเป็นหมากให้ผู้หญิงคนหนึ่งปั่นหัวเสียจนต้องจำใจเลิกรากับคนที่เขารักมากตรงหน้าไปเพียงเพราะคืนนั้นเขาเมา

“แล้วมึงรู้ได้ไง” ภีมถามต่อ

“พ่อกับแม่กูท่านไม่เชื่อเลยขอให้ทางนั้นเขาตรวจดีเอ็นเอ”

“แต่กูว่าเรื่องนี้อลิสไม่น่าจะยอม”

“ก็ไม่ยอมน่ะสิ กูเลยต้องขโมยผมเด็กมาเองสุดท้ายพอผลตรวจออกมายัยนั่นก็ยอมสารภาพความจริงทั้งหมด แม่ง! ชีวิตกูอย่างกับในหนังไม่มีผิด!” ร่างสูงสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อนึกไปถึงใบหน้าของหญิงสาวอีกคนที่ทำให้ความรักของเขาต้องพังลงอย่างไม่มีชิ้นดี

“แต่มึงแต่งงานกับเขาไปแล้วนะแดน”

“แต่งได้กูก็เลิกได้ เด็กนั่นไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับกูอีกอย่างตอนที่กูรู้ความจริงไอ้จอร์จมันก็ระแคะระคายอยู่ก่อนแล้วจนตอนนี้มันเข้าบ้านอลิสเพื่อขอรับผิดชอบแล้วว่ะ” ร่างสูงแสยะยิ้ม

“โครตไม่น่าเชื่อ” ภีมเอ่ยอย่างไม่เชื่อหูเพราะจอร์จที่เขารู้จักคืออันธพาลที่ไม่เคยยอมให้ใครมาก่อนแต่แปลกที่สุดท้ายก็ตกหลุมพรางของอลิสคาสโนวี่ประจำมหา'ลัยจนได้

“กูเองก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าคนอย่างมันจะกล้าทำกล้ารับถึงขนาดนี้” เดเนียลเสริมพลางมองภีมที่ตักข้าวต้มเข้าปากก่อนร่างสูงจะตัดสินใจพูดอีกเรื่องหนึ่งขึ้น

“ภีม”

“หืม?”

“ตอนนี้กูไม่มีพันธะอะไรอีกแล้ว”

“…”

“กูขอเป็นคนดูแลมึงเหมือนเดิมจะได้มั้ย”

ร่างโปร่งมองหน้าแดเนียลด้วยแววตาเรียบเฉยก่อนภีมจะถอนหายใจและตัดสินใจตอบกลับไปว่า…

“ตอนนี้ความรู้สึกของกูมันเปลี่ยนไปแล้ว”

“แต่เราทำให้มันกลับมาได้นี่นา” แดนพยายามหาทางให้อีกฝ่ายยอมรับ

“สำหรับมึงกูให้ได้แค่เพื่อนว่ะแดน”

“ทำไมวะภีม! เรื่องพวกนั้นก็คลี่คลายไปหมดแล้วมึงเข้าใจหรือเปล่า!?”

“กูเข้าใจ…แต่มึงจะปฏิเสธมั้ยว่าคืนนั้นมึงกับอลิสไม่ได้มีอะไรกัน” สิ้นเสียงคำถามของภีมแดเนียลถึงกับชะงักงัน

ร่างสูงรู้ดีว่าคืนนั้นเขากับอลิสทำอะไรกันลงไปเพียงแต่นั่นก็เพราะเขาเมาและขาดสติยั้งคิดไม่ได้ทำเพราะความรักหรืออะไรทั้งนั้น

“หยุดไว้แค่นี้ก็พอ มึงกับกูสมควรเป็นเพื่อนกันมากกว่า” ภีมว่าก่อนแดเนียลจะตื้อไม่เลิก

“แต่กูอยากดูแลมึงจริงๆ นะ”

“กูดูแลตัวเองได้น่าแดน”

“แน่ใจว่าได้?”

“!!”

ร่างสูงสวนกลับทันควันจนอีกฝ่ายชะงัก ภีมหน้าเจื่อนลงทันทีก่อนแดเนียลที่พลั้งปากออกไปจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น

“ช่างเถอะเอาล่ะกินข้าวกันดีกว่ากินเสร็จแล้วมึงจะได้กินยายิ่งไม่สบายอยู่” ว่าเสร็จร่างสูงก็ทำทีเป็นตักแกงใส่จานของตัวเองแต่คนตรงข้ามกลับยังคงนิ่ง

“แดน…” ภีมเรียกก่อนเจ้าของชื่อจะหยุดการกระทำและรอฟังคำพูดต่อจากนี้ของอีกฝ่าย

“หมอบอกอะไรกับมึงบ้าง”

“…”

“เขาพูดอะไรกับมึง”

ร่างสูงเงียบไม่ยอมตอบอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจพูดกลับไปราวกับไม่อยากให้อีกคนคิดมาก

“ก็ไม่ได้พูดอะไรแค่บอกว่ามึงไม่สบายและก็จัดยาให้เฉยๆ” แดเนียลพยายามเลี่ยงประเด็น

“มึงโกหก”

“…”

“กูรู้ว่ามึงรู้มากกว่านี้และมึงเองก็มีอะไรอยากถามกูด้วยเหมือนกัน” ร่างโปร่งถามเสียงเรียบ

“…”

“กูสังเกตตั้งแต่มึงขับรถออกจากคลีนิคมาแล้วแดนอย่าพยายามปิดบังกูเสียให้ยากเลย” คำพูดพื้นๆ หากทว่ามันกลับทำให้ร่างสูงลำบากใจที่จะบอกออกไป แดเนียลเงยหน้าขึ้นสบตากับภีมนิ่งก่อนที่เขาจะถอนหายใจและยอมแพ้ให้กับสายตาของอีกคนไปในที่สุด

“ใช่เขาเล่าให้กูฟัง” ร่างสูงเอ่ยเสียงเรียบ

“…”

“ใช่เขาบอกกูหมดทุกอย่าง และก็ใช่ที่กูมีเรื่องอยากจะถามมึง”

“…”

“กูแค่อยากรู้…” แดเนียลเว้นช่องว่างเอาไว้ก่อนคำถามต่อมาจะยิ่งทำให้ภีมอึ้ง

“ว่าไอ้ที่มันข่มขืนมึงนั่นมันเป็นใคร!?”

“!!”


TBC....
------------------------------------------------

สำหรับบทนี้แดเนียลเอาใจเราไปเต็มๆ #ฮีรักน้องภีม #ฮีเป็นห่วงนายเอกของเรา ครุๆ
แต่น้องภีมสิ! → กันท่าอย่างเดียวเลย สงสารแดนนะว่ามั้ย T^T
 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.6 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-07-2017 16:25:12
เรื้องยิ่งยุ่งแล้วววว
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.7 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 22-07-2017 18:38:53


CHAPTER 7



หลังจากถูกตัดสายจากภีมไปร่างสูงของจอมพลก็รวบกำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่นพลางวางกระแทกมันลงบนโต๊ะทำงานอย่างไม่ใยดีจนรสรินที่เดินเข้ามาให้ห้องถึงกับสะดุ้งโหยงก่อนหญิงสาวจะค่อยๆ ก้าวเข้ามาด้วยท่าทีหวาดๆ เพราะตอนนี้เจ้านายคนที่เคยสุขุมทุกครั้งกลับเคร่งเครียดเสียจนเธอไม่กล้าจะเอ่ยอะไรออกไปจนอีกฝ่ายต้องถามขึ้นมาแทน

“มีอะไรหรือเปล่ารสริน”

“รินเอาเอกสารของแผนกที่คุณจอมพลต้องเซ็นต์มาให้ค่ะ” รสรินว่าพริ้มกับวางเอกสารในมือลงบนโต๊ธทำงานกว้าง

“เอ่อ…”

“มีอะไรอีก” จอมพลถามเมื่อคนที่เหมือนจะเสร็จธุระแล้วยังไม่เดินออกไปไหน

“วันนี้ภีมวิทธิ์ไม่มาทำงานค่ะ”

“ผมรู้แล้ว”

“คุณจอมพลจะให้รินทำยังไงคะเพราะน้องเขาก็ไม่ได้โทรมาลา” หญิงสาวแค่ทำตามหน้าที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้อยากให้อีกคนต้องโดนอะไรเพราะยังถือว่าเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่วัน

“ไม่เป็นไรผมมีธุระวานให้เขาไปทำเอง”

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอคะรินนึกว่าน้องเขาขาดงานไปเฉยๆ เสียอีก” รสรินว่าก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

“มีอะไรอีกมั้ย” ร่างสูงถามอีก

“ไม่มีแล้วค่ะรินขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”

“เดี๋ยวรสริน”

“?”

“ผมอยากรู้ที่อยู่ของภีมวิทธิ์ช่วยดูจากประวัติส่วนตัวที่เขากรอกให้ที”

“คุณจอมพลจะเอาไปทำไมเหรอคะ” พนักงานสาวพลั้งปากถามจนอีกคนตีสีหน้าขรึมขึ้นมาทันที

“แค่ทำตามที่ผมบอกก็พอ”

“ขอโทษค่ะ รินปากเร็วไปหน่อยงั้นเดี๋ยวรินหาเสร็จจะเข้ามาบอกนะคะ”

“ไม่ต้องหรอกโทรเข้ามาก็ได้”

“ค่ะ”

เพระกลัวจะถูกอีกฝ่ายตำหนิเมื่อพูดเสร็จร่างระหงของรสรินก็รีบจ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที

จอมพลคว้าเอาแฟ้มเอกสารสรุปการเข้างานของพนักงานแต่ละแผนกที่รสรินเพิ่งเอามาส่งมาเปิดดู ร่างสูงกวาดสายตาไปมาด้วยท่าทีเคร่งขรึมทว่าใครเลยจะรู้ว่าเขากำลังรอคำตอบจากพนักงานสาวคนเมื่อครู่ถึงเรื่องที่ถามไปจนรายละเอียดของเอกสารตรงหน้าไม่เข้าหัวเลยสักนิด

จอมพลผละสายตาจากแฟ้มงานตรงหน้าก่อนจะจ้องไปยังโทรศัพท์มุมซ้ายบนของโต๊ะอย่างจดจ่อ และทันทีที่เสียงเตือนดังขึ้นมือหนาก็เอื้อมไปกดปุ่ม speaker โดยเร็วในขณะที่เสียงเตือนครั้งแรกยังไม่ทันดับลงทันที

(“ว่าไง”)

(“ภีมอยู่บีจีทีคอนโด ชั้นแปดห้องแปดศูนย์สี่ค่ะ”) เสียงใสตอบกลับมา

(“โอเคขอบใจมาก”)

(“เอ่อ…คุณจอมพลคะ”)

(“ว่า?”)

(“คุณมาริกาลูกสาวคุณประพันธ์มาขอพบค่ะ”)

ร่างสูงขมวดคิ้ว จอมพลไม่รู้ว่าอีกฝ่านมาทำไม แต่ด้วยการงานที่ยังคงต้องโคกันอีกยาวจึงทำให้เขาเลือกไม่ได้ที่จะบอกรสรินกลับไปว่า

(“ให้เธอเข้ามา”)

จอมพบวางสายจากพนักงานสาวไปได้ไม่นานร่างสูงโปร่งของรสรินก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเหยียดรอยยิ้มหวานส่งให้เขาชนิดที่ว่าหากเป็นสมัยก่อนโน้นร่างสูงคงต้องลุ่มหลงกับรอยยิ้มนี้อย่างแน่นอน

“สวัสดีค่ะพี่จอมพล”

“สวัสดีครับ” ร่างสูงตอบพลางลุกขึ้นและเดินไปยังชุดโซฟาพร้อมกับผายมือให้อีกฝ่ายนั่งลง

“ไม่ทราบว่าริกามากวนหรือเปล่าคะ”

“เปล่าครับวันนี้งานไม่เยอะเท่าไหร่ริกามีธุระอะไรหรือเปล่า” จอมพลไม่รอช้าเข้าเรื่องทันที

“ความจริงริกาเองก็อยากมาหาพี่จอมพลแบบไม่ต้องมีธุระบ้างจัง”

“…”

“ริกาแค่ล้อเล่นน่ะค่ะทำหน้าเครียดเชียว” หญิงสาวหัวเราะแก้เขินทว่าร่างสูงตรงหน้ากลับรู้ดีว่าคำพูดเมื่อกี้ของอีกฝ่ายนั้นเธอจริงจัง

“พอดีโครงการที่นนทบุรีมีปัญหานิดหน่อยน่ะค่ะริกาเลยอยากจะขอให้พี่ช่วยไปดูให้หน่อย” หญิงสาวบอกก่อนรสรินจะเดินถือแก้วน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้กับแขกคนสำคัญคนนี้และเดินออกไป

“มีปัญหาอะไรเหรอครับ”

“เห็นทีมวิศวกรบอกว่าวัสดุที่ส่งไปไม่ได้ตาม spec. ที่วางไว้น่ะค่ะ”

“ถ้าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องไปถึงที่โครงการก็ได้ เดี๋ยวพี่คุยกับทางวิศวกรแล้วจะจัดส่งไปให้ใหม่” จอมพลพยายามหาทางออกที่ดีกว่าให้

“แต่ริกาอยากให้พี่ไปดูด้วยจริงๆ นะคะเผื่อมีอะไรแนะนำเพราะริกาเองก็เพิ่งจบมาทำงานได้ไม่นาน คุณพ่อท่านก็ไม่แนะอะไรเลยให้ทำเองล้วนๆ ลำพังจบบริหารจะรู้เรื่องโครงสร้างต่างๆ ของโครงการได้ดีเท่าพี่ที่จบวิศวะฯ มาได้ยังไงล่ะคะ” มาริกาพูดเสียงอ่อนพลางมองร่างสูงตาเป็นประกาย

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

“แหม…ไม่ถึงขนาดนั้นอะไรล่ะคะคุณพ่อน่ะชมพี่ให้ริกาฟังมาตั้งแต่เด็กแล้ว นี่ถ้าไม่ติดที่ริกาต้องไปเรียนเมืองนอกนะเราสองคนอาจจะรู้จักกันเร็วกว่านี้ก็ได้” หญิงสาวพยายามพูดต้อนจนร่างสูงที่เริ่มรู้สึกถึงความต้องการบางอย่างเปลี่ยนเรื่องทันที

“แล้วริกาอยากไปนนทบุรีวันไหน”

“วันจันทร์ที่จะถึงนี้เลยพี่จอมพลว่างมั้ยคะ”

“โอเคครับ พี่ว่างพอดี”

“ขอบคุณมากเลยนะคะ”

“ยินดีครับ”

ว่าเสร็จมาริกาที่เอาแต่มองหน้าจอมพลด้วยแววตากรุ่มกริ้มก็ยกแก้วน้ำเมื่อครู่ขึ้นดื่มพลางถามอีกคนกลับในขณะที่ร่างสูงเองก็รอเวลาให้อีกฝ่ายเอ่ยขอตัวออกจากห้องเขาไปสักที

“เอ่อ…ว่าแต่พี่ทานมื้อกลางวันยังคะ”

“?” จอมพลเลิกคิ้วกลับ

“เพราะถ้าหากพี่ยังไม่ได้ทานงั้นเราไปหาอะไรทานด้วยกันมั้ยคะริกาอยากเลี้ยงขอบคุณ” หญิงสาวว่าพลางยิ้มออกมาอย่างขวยเขิน

“เลี้ยงขอบคุณ? ขอบคุณอะไรครับพี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” ร่างสูงหาทางเลี่ยงอีกเพราะความจริงแล้วเขากะจะไปหาใครอีกคนเสียมากกว่า

“ก็ขอบคุณที่พี่ยอมไปนนทบุรีกับริกาไงคะเอาเป็นว่าขอบคุณล่วงหน้าเลยโอเคมั้ย” มาริกาพรั่งพรูคำพูดออกมา ทว่าจอมพลกลับนิ่งจนคนออกปากชวนถึงกับหน้าเจื่อนลงไปนิดแต่ถึงกระนั้นหญิงสาวก็ไม่วายอ้อนอีกฝ่ายอยู่ดี

“นะๆ ไปด้วยกันนะคะ~~”

จอมพลชั่งใจอยู่สักพัก นึกจะปฏิเสธก็ดูเหมือนจะเสียมารยาทยิ่งอีกฝ่ายเป็นถึงลูกค้าคนสำคัญหนำซ้ำพ่อของเธอยังเป็นเพื่อนพ่อตัวเองอีกร่างสูงจึงต้องยอมแพ้ไปตามระเบียบ

“ก็ได้ครับแต่พี่อยู่ได้ไม่นานนะ”

“ค่ะ” มาริกายิ้มกว้างรับคำ

:

จอมพลขอตัวทันทีที่ทานเสร็จ ร่างสูงเบื่อเอามากๆ จากการต้องตอบคำถามโน้นนี่ของมาริกาเสียจนเขาต้องเอางานขึ้นมาอ้างว่าจะรีบกลับไปทำ ทว่าความจริงแล้วยานพาหนะสี่ล้อสุดหรูสีดำกลับมุ่งหน้าไปยังคอนโดของใครบ้างคนที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทของเขามากนักทันที

ร่างสูงดับเครื่องยนต์ลงก่อนจะลงจากรถเพื่อหมายจะเดินเข้าไปหาร่างโปร่งที่ตัวเขาเพิ่งจะยัดเยียดความเป็นเจ้าของให้ไปเมื่อคืน แต่แล้วจู่ๆ แววตาคมกลับสบเข้ากับคนคู่หนึ่งที่ลงจากรถถัดไปประมาณห้าคัน จอมพลรีบสาวเท้าเดินหลบเข้าหลังรถของตัวเองก่อนจะมองไปยังไหล่บางของภีมวิทธิ์ที่ถูกชายหนุ่มลูกครึ่งคนเดียวกับที่เขาเห็นที่บริษัทเมื่อวันก่อนโอบเอาไว้แน่นและพากันเดินเข้าชั้นล่างของคอนโดไปด้วยท่าทีที่ดูสนิทสนมกันเกินคำว่าเพื่อน

จอมพลรวบหมัดกำไว้แน่น ร่างสูงเปิดประตูขึ้นรถตามเดิมพลางจะกระแทกประตูปิดเสียงดังลั่น มือหนาจับพวงมาลัยเอาไว้แน่นก่อนจะออกตัวรถขับไปยังโรงพยาบาลที่ที่น้องสาวของเขารักษาตัวอยู่ทันที

เป็นอะไร?

จอมใจเขียนถามบนไวท์บอร์ดเมื่อคนเป็นที่ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบึ้งตึงกลับนั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรกว่าสิบนาทีแล้ว

“เปล่า”

แต่พี่หงุดหงิด

“ก็แค่เรื่องงาน” ร่างสูงว่าแต่ผู้เป็นน้องกลับเขียนตอบมาว่า

โกหก

จอมพลเงยหน้าขึ้นมองจอมใจอย่างหัวเสีย ร่างสูงเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้เพียงเพราะเห็นภาพเมื่อครู่เท่านั้นหรอกหรือ?

“แล้วนี่เรามานั่งจับผิดพี่ทำไมกันหึใจ” ผู้เป็นพี่ว่าก่อนจะลุกเดินเข้าไปหาน้องสาวที่นั่งอยู่บนเตียงพลางลูบหัวแต่จอมใจกลับเขียนเอ็ดจอมพลขึ้นมาแทน

บอกให้เรียกว่าจอมไงเล่า! คนบนเตียงทำแก้มป่อง

แม้ว่าสภาพร่างกายตอนนี้ของเธอจะดูเหมือนผู้หญิงกว่าเมื่อสองปีที่ผ่านมากแต่จอมใจก็ยังมีจิตใจที่รักในเพศเดียวกันไม่เปลี่ยน

“หึ! แต่พี่จะเรียกเธอแบบนี้ แล้วทำไม?” จอมพลกวนน้องตัวเองแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายได้แต่กรอกตาบนกลับเพียงเท่านั้น

ร่างสูงยิ้มขำออกมาเมื่อเห็นท่าทีของจอมใจก่อนรอยยิ้มที่ว่านี้จะเหือดหายลงทันใดเมื่อประเด็นที่อีกฝ่ายเขียนถามกลับมาฉุดให้เขานึกย้อนกลับไปถึงเรื่องก่อนหน้าจนโมโหขึ้นมาอีกครั้ง

ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงมานอนที่โซฟานี้ได้  จอมใจถามแต่จอมพลกลับเงียบหญิงสาวจึงได้เขียนคั้นผู้เป็นพี่ถามกลับไปอีก

พี่ทำอะไรเขา ร่างสูงปรายตามองคำถามพลางถอนหายใจและตอบกลับเสียงเรียบ

“ไม่ได้ทำอะไร”

แต่ท่าทางของเขาเหมือนโดนทำร้ายมา

“มันเรื่องของพี่”

เรื่องของพี่ที่มีฉันเป็นต้นเหตุใช่มั้ย

ประโยคนี้ทำเอาจอมพลชะงัก จอมใจมองหน้าพี่ชายอย่างคิดไม่ถึงก่อนที่เธอจะเขียนกลับมาอีก

พี่ทำแบบนี้ทำไม

“มันทำเธอเจ็บ” จอมพลตอบพร้อมกับมองหน้าน้องสาวก่อนเขาจะตะโกนออกมาอย่างมีน้ำที่เต็มไปด้วยความแค้นอีกระลอก

“มันทำให้เธอต้องกลายเป็นแบบนี้ใจ มันต้องชดใช้!!”

ด้วยการที่พี่ไปทำร้ายเขากลับเนี่ยนะ?

“ก็สมควรแล้วนี่! รู้มั้ยว่ามันไม่ใช่แฟนยัยเด็กนั่นแต่มันคือพี่ชาย! พี่ชายที่ร่วมมือกับน้องของมันเพื่อหลอกเธอ!!”

ฉันรู้แล้ว

“!!” จอมพลชะงักเมื่ออ่านลายมือของน้องตัวเองจบ

“เธอหมายความว่าไง”

ฉันรู้หลังจากที่ทิชาบอกเลิกแล้วซึ่งไอ้การที่ฉันต้องเป็นแบบนี้มันก็ไม่เกี่ยวกับเขา มันเป็นอุบัติเหตุพี่เองก็น่าจะรู้ว่าคนผิดมันคือฉันเอง เพราะถ้าคืนนั้นฉันไม่ดื่มหนักฉันก็คงไม่เป็นแบบนี้

จอมใจระบายเรื่องที่เธอใช้เวลาคิดทบทวนมาตลอดหลังจากฟื้นจากการหลับไปนานกว่าครึ่งปีจนคนเป็นพี่ได้แต่เงียบ

เลิกแล้วต่อกันไปเถอะฉันไม่ได้อยากแก้แค้นอะไรใครทั้งนั้น มันผิดที่ฉันไม่ยอมรับการตัดสินใจของทิชา

จอมใจบอกผ่านตัวหนังสือ หญิงสาวมีใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมเคลื่อนลงไปมองขาขวาของตัวเองที่ไม่มีอีกแล้วพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาราวกับยอมรับจริงแต่กับชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆ เขากลับไม่คิดแบบนั้น

“ไม่” จอมพลเอ่ยขึ้นเสียงทุ้ม

“เป็นไปไม่ได้…เธอไม่ผิด! พวกมันต่างหากที่ผิดที่คิดแผนการชั่วๆ นั่นขึ้นมาหลอกเธอ ยังไงซะพี่จะแก้แค้นพวกมันให้ถึงที่สุด!”

แล้วที่ทำเมื่อวานยังไม่พอ?

“เธอรู้” ผู้เป็นพี่ถามตาตื่น

จอมพลกลัวว่าสิ่งที่เขาทำกับภีมวิทธิ์เมื่อคืนอีกฝ่ายจะล่วงรู้เข้าเพราะแน่นอนว่าเขาเองก็รู้ว่ามันผิดแต่จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้มันกลายเป็นว่าเขาได้ลงมือทำมันไปแล้ว

ฉันไม่รู้หรอกว่าพี่ทำอะไรเขา แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ และเขาเองก็ดูเหมือนจะเสียใจเอามากๆ ด้วย

“เมื่อคืนเธอเห็นอะไร”

ฉันเห็นพี่เปลี่ยนเสื้อและเช็ดตัวให้เขา

“…”

ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือตัวเองพี่คงจะไม่เสียเวลาทำให้เขาหรอกจริงมั้ย?

“…”

หยุดทุกอย่างแค่นี้เถอะถือว่าฉันขอร้อง

“เรื่องของมันกับพี่มาไกลเกินกว่าจะหยุดแล้วใจ ไม่ต้องห่วงว่าพี่จะเอามันถึงตายเพราะถ้าตายก่อนมันก็คงจะไม่สำนึก” จอมพลไม่ฟังคำอ้อนวอนของผู้เป็นน้องเพราะตอนนี้ความเกลียดชังมันมีมากกว่าความรู้ผิดชอบชั่วดีอยู่มาก

“อย่าห่วงเรื่องของพี่เลยดูแลตัวเองก็พอ นอนซะพรุ่งนี้พี่จะมาหาใหม่…ฝันดี”ว่าเสร็จร่างสูงก็เดินออกจากห้องของจอมใจทันทีโดยไม่รอให้อีกฝ่ายทักท้วงท่ามกลางผู้เป็นน้องที่ทำหน้าคิดหนักไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ชายของเธอกำลังทำอยู่เป็นอย่างมาก

:

[Peam’s Part]

ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์ ให้ตายเถอะ! เมื่อวานผมหลับเป็นตาย ไม่รู้ว่าโทรศัพท์ที่เปิดเพียงระบบสั่นและวางไว้บนโต๊ะข้างเตียงนั้นสั่นขึ้นทั้งหมดกี่ครั้งหรือแม้กระทั่งกริ่งหน้าห้องว่าดังขึ้นมากี่หน ผมแค่รู้สึกว่าไม่อยากลุกไปทำอะไร อยากนอนอยู่เฉยๆ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกินจนตอนนี้มันเริ่มจะแผลงฤทธิ์กับกระเพาะอาหารของผมเข้าให้แล้วสิ

ผมเดินออกจากห้องน้ำหลังจากอาบน้ำเสร็จด้วยผ้าขนหนูที่พันไว้รอบเอวเพียงผืนเดียวก่อนจะเดินไปยังโทรศัพท์ที่ว่าและหยิบมันขึ้นมาเปิดดู

45 สายไม่ได้รับ
-แดเนียล-
[/i]

คิดไว้ไม่มีผิดว่าคนที่โทรมาจะต้องเป็นมันอย่างแน่นอน เพราะตั้งแต่ตอนเย็นวันศุกร์ที่ฝ่ายนั้นคาดคั้นเอาความจริงถึงคนที่ทำเรื่องอัปยศนั่นกับผม แดนก็ไม่ลดละความพยายามที่จะถามแม้ว่าผมจะไม่ยอมบอกมันก็ตามกว่าจะเกลี่ยกล่อมให้มันยอมกลับไปได้ก็เล่นปาไปเกือบสี่ทุ่ม!

ผมทิ้งโทรศัพท์ลงบนเตียงพลางเดินไปหยุดอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดที่จะใส่ในวันนี้แต่แล้วจู่ๆ วัตถุสีดำที่เพิ่งจะวางทิ้งเอาไว้นั้นกลับสั่นขึ้นมาอีกครั้ง

(“ว่าไง”) ผมเอ่ยเสียงเนือยกลับไปเมื่อชื่อที่โชว์หราบนหน้าจอคือคนเดียวกับที่พยายามติดต่อผมตั้งแต่เมื่อวาน

(“เมื่อวานมึงไปไหนมา! กูโทรไปก็ไม่รับ!!”) แดนตะคอกกลับเสียจนผมต้องรีบยกหูออก

(“กูก็อยู่ในห้องเนี่ยแหละ”)

(“แล้วทำไมถึงไม่รับสายกู!? แถมยังไม่ยอมเปิดประตูให้กูอีกรู้มั้ยกูเป็นห่วงมึงนะภีม!”) ผมชะงักกับคำว่า เป็นห่วง ของมันในทันใด

(“กูแค่ง่วง”) ผมตอบเสียงเรียบ

(“แม่งเอ้ย! มึงรู้มั้ยกูเกือบจะแจ้งตำรวจแล้วนะเว้ย!!”)

(“ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ แล้วนี่โทรมามีอะไร”) ผมถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

(“วันนี้กูจะเข้าไปหามึงรอเปิดประตูให้กูด้วย!”) ปลายสายบอกด้วยน้ำเสียงแกมบังคับ

(“มึงจะมาทำไมอีก”)

(“ไปหามึงกูต้องมีเหตุผลด้วย?”)

(“อย่างน้อยก็ต้องมีเปล่าวะ”) ผมเถียงกลับ

(“งั้นก็คิดซะว่าเพื่อนไปเยี่ยมไข้ก็แล้วกัน”) มันแม่งย้ำคำนี้กลับมา คำที่เหมือนกับว่าผมเองก็ยัดเยียดให้มัน

(“แต่กูหายแล้ว”)

(“เออน่า…ก็กูจะไปมึงห้ามกูไม่ได้หรอก”)

(“เบื่อจะเถียงแล้วว่ะ เอาที่มึงสบายใจแล้วกัน”) ผมเอ่ยเมื่อหมดคำพูดที่จะหยิบขึ้นมาว่าให้มันอีกก่อนจะได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจจากปลายสายตามมา

(“ตอนนี้กูอยู่ซุปเปอร์ฯ ใกล้ๆ คอนโดมึงอยากได้อะไรหรือเปล่า”) แดนเปลี่ยนเรื่องเมื่อมันหัวเราะผมสร็จ

(“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูออกไปซื้อเอง”)

(“อย่ามัวแต่เกรงใจดิวะ”)

(“แต่ของที่กูอยากได้มันเยอะ”)

(“มันจะซักเท่าไหร่กัน บอกมา!”) ผมถอนหายใจให้กับความเป็นเซอร์วิสแมนของมันก่อนจะร่ายสิ่งที่อยากได้ออกไปทันที

(“อืม…งั้นเอาไข่ไก่โหลนึง ผักคะน้า แครอท เนื้อสันนอก เออ…กูอยากกินองุ่นด้วยว่ะ งั้นเอาองุ่นมาแพ็คนึง สบู่ ยาสีฟะ…”)

(“เดี๋ยวๆ! กูจำไม่ทัน!!”) ปลายสายโวยวายใส่

(“เห็นมั้ยกูบอกแล้วว่ามันเยอะเดี๋ยวไปซื้อเอง”) ผมว่า

(“ไม่ต้องมึงพิมพ์ส่งมาในไลน์กูทีดิ๊เดี๋ยวซื้อเข้าไป”) แดนว่า

(“เอาจริง!?”)

(“เออ”)

(“งั้นเดี๋ยวกูส่งไป”)

(“ให้ไวเลย!”)

ผมกดวางสายพลางพิมพ์ทุกอย่างที่อยากได้ส่งไปให้แดเนียล ก่อนจะเดินเข้าครัวเพื่อปิ้งขนมปังเผื่อมันและเดินย้อนเข้ามาในห้องเพื่อแต่งตัวอีกครั้ง

ผมยืนมองตัวเองในกระจกเงาตรงหน้าสักพักใหญ่ ร่องรอยของความอัปยศในวันนั้นยังคงมีให้เห็นจางๆ ผมหลับตาพลางลืมขึ้นอย่างทำใจ ใช่ว่าผมจะไม่เสียใจ ใช่ว่าผมจะไม่เจ็บกับสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นทำ แต่ผมเพียงไม่อยากจมปรักกับสิ่งเหล่านั้นเพราะหากยิ่งคิดถึงมันก็เหมือนกลับยิ่งซ้ำเติมตัวเองไม่จบไม่สิ้น และด้วยนิสัยที่เครียดง่ายอยู่แล้วจึงทำให้ผมชอบที่จะขจัดเรื่องวุ่นวายในหัวออกไปให้ได้มากที่สุดเสียมากกว่า

ผมหยิบเอาเสื้อยืดใส่สบายออกมาสวมก่อนจะหยิบเอากางเกงขาสามส่วนออกมาแต่แล้วสายตาของผมเกิดสะดุดเข้ากับถุงยาที่วางเอาไว้บนโต๊ะปลายเตียงเข้าเสียก่อน ผมจึงเดินไปหยิบเอาถุงยานี้ขึ้นมาดูก่อนจะล้วงเอาหลอดยาทาออกมาเพราะจำได้ว่าคุณหมอเขาบอกให้ทาหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ

ติงหน่องๆ~ ติงหน่องๆ~

ผมเลิกคิ้วพลางเงยหน้าออกจากหลอดยาที่กำลังอ่านวิธีใช้ก่อนจะลุกเดินออกไปเมื่อคิดว่าแดเนียลคงมาถึงแล้ว

“ทำไมมึงมาไวจะ!...คุณ!?” ผมเบิกตากว้างพลางมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นจนมันแทบจะทะลักออกมาจากอก

ใบหน้าของคนที่ผมพยายามไม่นึกถึงและคิดแค่ว่าจะทำยังไงเมื่อถึงพรุ่งนี้ที่ต้องไปทำงานกำลังจ้องมาด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาก่อนที่เขาจะแสยะรอยยิ้มเหี้ยมพร้อมกับเอ่ยเสียงทุ้มราวกับอยากจะเยาะเย้ยผมกลับมา!...

“ตกใจผัวตัวเองแบบนี้ไม่ดีเลยนะ…เมีย”

“!!”

[End of Peam’s Part]


TBC....
------------------------------------------------

โอ้ย!!! อีพี่พลไม่ยอมฟังน้องใจเลยค่ะ
ไม่รู้ว่าติดใจหรืออะไร ถึงได้กัดน้องภีมไม่ปล่อยเลย
เศร้าแทนนายเอกไปอี๊กกกก T^T
#ภายใต้ความดาร์กแกยังดีที่ยังเช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อให้น้องภีมนะ
(จะเรียกว่าความดีได้มั้ย ถามใจเธอดู?? >_<)
ช่วยเม้นท์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนาาาา
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.7 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-07-2017 23:26:05
จะโดนอะไรอีกละทีนี้
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.7 100% [22/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 22-07-2017 23:33:14
อยากเห็นจอมพลกระอัก
พระเอกแบบนี้
ตอนสุดท้าย
ไม่ค่อยจะได้รับบทเรียนสักเท่าไหร่
หวังว่าภีมจะสอนคุณพลให้สาสม
กับสิ่่งที่คุณพลตัดสินใจทำลงไป

พระเอกไทยในตำนานแบบนี้
อยากให้ตอนสุดท้ายตายด้วยฝีมือนายเอกจัง
คงจะสนุกพิลึก
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 23-07-2017 09:00:02


CHAPTER 8




“นึกไม่ถึงว่ามึงจะยั่วกูตั้งแต่หัววัน” จอมพลเอ่ยคำพูดยียวนพลางมองคนตรงหน้าด้วยสายตาโลมเลียก่อนภีมที่ยืนอึ้งจะดึงสติกลับพร้อมดันประตูปิด ทว่ามือหนากลับชิงยื้อเอาไว้พร้อมกับผลักเจ้าของห้องให้เข้าไปข้างในก่อนที่ตัวเขาจะเดินผ่านประตูตามเข้ามาติดๆ

“ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้!!” ภีมตวาดใส่พลางถอยกรูด

“มึงไม่มีสิทธิ์ไล่กู” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะย่างสามขุมเข้าไปหา  อีกคนราวกับราชสีห์ที่กำลังจะตะครุบเหยื่อก็ไม่ปาน

“ไม่ออกผมจะตะโกนให้คนช่วย!”

“ก็เอาสิถ้ามึงอยากให้พวกเขารู้ว่าเราเป็นอะไรกัน”

“เป็นอะไร? คุณกับผมเป็นอะไรกันยังงั้นเหรอ?!” ภีมเถียง

“หรือมึงอยากให้กูเตือนความจำซะตรงนี้จะได้รู้ว่าเป็นอะไรกัน!!”   จอมพลว่าและตรงเข้ากระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้ทันที

“ปล่อยนะเว้ย! โอ้ย!!” ภีมฮึดสู้ก่อนจอมพลจะผลักเขาที่เพิ่งจะหายไข้ให้ล้มลงจนหลอดยาที่ถือติดมือออกมาด้วยกระเด็นไปอีกทาง

“นั่นอะไร?!” จอมพลถามแต่ภีมกลับรีบฉวยมันเอาไว้พร้อมกับลุกขึ้นยืนเพื่อตั้งหลักและแอบมันไว้ข้างหลัง

“มันเรื่องของผม!”

“เอามาให้กูดู”

“ไม่! ออกไปได้แล้ว!!”

“เอามาให้กูดู! เดี๋ยวนี้!!” จอมพลตรงเข้าแย่งหลอดยาในมือของภีมอย่างไม่ยอมง่ายๆ

ร่างสูงโอบลำแขนแกร่งพลางควานหามือข้างขวาของภีมก่อนอีกฝ่ายจะพยายามยื้อและใช้มือข้างซ้ายที่เหลืออยู่ปัดป้องเพื่อไม่ให้อีกคนแย่งมันไปได้

“หยุดนะ! ปล่อย! โอ้ย! ซี้ดดดด” ภีมส่งเสียงร้องออกมาเมื่อจอมพลที่ดูจะหัวเสียกับการกระทำของเขาเผลอออกแรงผลักให้เขาล้มลงบนโซฟาก่อนจะอาศัยจังหวะที่เผลอแย่งของในมือไป

“ยาทาแก้อักเสบ?” ร่างสูงเลิกคิ้ว “อะไรของมึงอักเสบ” จอมพลถามต่อ

“มันเรื่องของผมเอาคืนมา!” ภีมว่าก่อนจะพยายามแย่งหลอดยานั่นคืน  ทว่าใบหน้าคมของอีกฝ่ายกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มร้ายขึ้นทันทีที่คิดออก

“อ๋อ…คงจะเป็นรูของมึงที่กูขย่มไปเมื่อวันก่อนสินะ”

“!!”

“หึ! โทษทีว่ะที่ของกูมันดันใหญ่จนทำของมึงเยินแต่รับรองว่าคราวหลังกูจะออมมือหะ…”

ผัวะ!

“หยุดพูดจาแบบนั้นซะที!! มันจะไม่มีครั้งที่สองจำเอาไว้!” คนได้ยินถึงกับเลือดขึ้นหน้า ภีมสวนหมัดเข้าปะทะซีกหน้าด้านซ้ายของจอมพลจนคนถูกต่อยชะงักกึก

“มึงกล้าต่อยกูเหรอห๊ะ! ไอ้ภีม!!” ร่างสูงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดก่อนจะผลักคนตรงหน้าที่ยืนจังก้าลงไปบนโซฟาพร้อมกับขึ้นคร่อมเอาไว้

“กล้าสิ! ออกไปจากห้องของผมเดี๋ยวนี้ผมไม่อยากเห็นหน้าคุณ!!” ภีมดันแผงอกของคนด้านบนออกจนสุดกำลัง

“ไม่อยากเห็นมึงก็ต้องเห็น! กูจะรังควานมึงไม่เลิกจำเอาไว้!”

“ไอ้โรคจิต!”

“ปากดีนักใช่มั้ย!!” ร่างสูงดึงคอเสื้อของภีมขึ้นก่อนจะเอื้อมมือหนาคว้าลำคอขาวเอาไว้มั่น

“โอ้ย! ปล่อยนะเว้ย! อื้ออออ!!” ภีมเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆ จอมพลก็ประกบริมฝีปากของเขาลงมาอย่างจัง

เขาพยายามดิ้นในขณะที่จอมพลเองก็ส่งบทจูบอันดุดันพลางกัดริมฝีปากจนคนเป็นเจ้าของนิ่วหน้า

“เจ็บ!!” ภีมว่าเมื่อดันอีกฝ่ายให้ถอนริมฝีปากออกไปได้สำเร็จ

“ไง! ด่าอีกสิวะ!! แน่จริงมึงก็ด่าออกมา!!” จอมพลตะคอกกลับพลันส่งมือหนาเข้าขย้ำคออีกคนจนขึ้นรอย

“ปล่อย!...ผม…หายใจมะ…ไม่ออกอึก!”  ภีมขัดขืนเมื่อเริ่มขาดอากาศหายใจใบหน้าเรียวขึ้นสีแดงก่ำดวงตากลมจ้องมองใบหน้าเหี้ยมของอีกฝ่ายสั่นระริกก่อนจอมพลที่เต็มไปด้วยไฟโทสะจะยอมคลายมือออกเมื่อจู่ๆ น้ำใสภายในดวงตาของภีมเริ่มเอ่อขึ้นมาในที่สุด

“แฮ่กๆ แฮ่กๆ” คนเป็นอิสระหอบเอาอากาศเข้าปอดถี่รัว ภีมปาดน้ำตาออกในขณะที่จอมพลเองก็เอาแต่สาดคำพูดเย้ยหยันออกมาไม่หยุดหย่อน

“คนอย่างมึงอย่าคิดที่จะต่อกรกับกู!”

ว่าเสร็จเขาก็จับตัวอีกคนพลิกให้นอนคว่ำไปบนโซฟาก่อนจะตามขึ้นนั่งบนโคนขาเรียวและทำการร่นผ้าเช็ดตัวที่ภีมพันรอบเอวเอาไว้ลง

“คุณจะทำอะไร?!!” ภีงถามเสียงหลง

“อยู่เฉยๆ!” มือหนาของจอมพลคว้าเอาหลอดยาเมื่อครู่ขึ้นมาเปิดและบีบเนื้อครีมลงบนนิ้วก่อนจะทาไปยังช่องทางที่ยังคงบวมแดงอยู่

ภีมตกใจเบิกตากว้างเขาไม่คิดเลยว่าจอมพลจะทำเรื่องแบบนี้สัมผัสที่อ่อนโยนทำเอาเขาถึงกับต้องกัดริมฝีปากข่มอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เมื่อปลายนิ้วของจอมพลกลับสร้างความเสียวซ่านให้จนลืมความเจ็บไปเสียชั่วขณะ

“อ่ะ! อึก!” ภีมส่งเสียงออกมาเมื่อปลายนิ้วของจอมพลสัมผัสเข้ากับบริเวณที่บวมเป่งจนร่างสูงที่ชะงักไปเพราะเห็นบาดแผลของอีกฝ่ายจะดึงสติกลับมาได้ก่อนสาดคำพูดร้ายๆ ออกไปอีก

“ยังไม่หายบวมแล้วงี้กูจะเอามึงได้อีกทีวันไหนวะ”

“ฝันไปเถอะ! โอ้ย!!” ภีมร้องลั่นเมื่อจอมพลลงแรงกดปลายนิ้วไปยังบาดแผลของเขาเมื่อดันพูดคำที่ไม่เข้าหูออกมา

“ขืนยังปากมากกูจะเสียบมึงซะตรงนี้เอาให้ลุกไม่ขึ้นเลยดีมั้ย?” จอมพลเอ่ยก่อนจะหมุนปิดฝายาหลอดดังกล่าวหลังจากทาเสร็จ

“เสร็จแล้วก็ปล่อยผมสักที!”

จอมพลลุกออกจากเรียวขาก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกับภีมที่ลุกขึ้นพลางรวบผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอวของตัวเองและทำทีจะเดินออกไป

“มึงจะไปไหน”

“อย่ามาแตะต้องตัวผม!!” ภีมปัดมือของจอมพลที่คว้าแขนของเขาออกจนอีกฝ่ายเกิดเส้นกระตุกอย่างมีน้ำโห

“มีใครเคยบอกมั้ยว่ามึงไม่ควรรังเกียจผัวตัวเอง” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบทว่าน้ำเสียงนี้กลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจเป็นที่สุด

“แต่คุณไม่ใช่ผัวของผม!”

“แล้วไอ้การที่รูของมึงถูกของๆ กูเสียบไปเมื่อวันก่อนเขาเรียกว่าอะไร?!” จอมพลกระชากตัวอีกคนมาพร้อมตวาดลั่น

“หึ! ถูกเสียบแล้วไง? ใช่ว่าคุณจะเป็นคนแรก!”

“!!”

ภีมแสยะยิ้มร้ายเมื่อเห็นท่าทีที่ชะงักไปของอีกฝ่าย ร่างโปร่งไม่สนว่าตอนนี้คนตรงหน้าจะมองว่าเขาเป็นผู้ชายใจง่ายหรือยังไงแต่หากคำพูดพวกนี้มันทำให้จอมพลเลิกทนงตัวและเลิกยุ่งกับเขาได้…เขาก็จะทำ!!

“น่าสมเพชนะว่ามั้ย?” ภีมเอ่ยเสียงเรียบพลางปรายตมองอีกคนอย่างเอาเรื่อง “ได้เพราะข่มขืนแล้วยังมีหน้าเที่ยวเอาคำว่าผัวยัดเยียดทำตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอีกไม่อายตัวเองบ้างหรือไง?!!”

“ภีมวิทธิ์!!!”

เพี้ยะ!!

มือหนาตวัดฟาดลงบนเสี้ยวหน้าด้านซ้ายของคนตัวเล็กกว่าอย่างจังจอมพลขบกรามแน่นจนเห็นเส้นเลือดข้างขมับเป็นสันปูดนูนก่อนที่คนอารมณ์ร้ายจะผลักภีมที่มองมาด้วยแววตาสมเพชเช่นเดียวกับคำพูดของเขาลงไปนอนบนโซฟาและตามขึ้นคร่อมเอาไว้อีกครั้ง

“พูดแบบนี้รู้ใช่มั้ยว่ามึงจะโดนอะไร?!”

“ก็เอาสิ! อยากทำอะไรก็เชิญ!!!” ภีมตะโกนกลับอย่างไม่กลัว

ร่างโปร่งจ้องคนด้านบนอย่างไม่ยอมแพ้จนจอมพลที่คร่อมเขาเอาไว้จะไม่ขัดศรัทธาเคลื่อนมือหนาลงไปบีบเค้นสะโพกสอบทันที
“มึงวอนหาเรื่องใส่ตัวเองนะไอ้ภีม!”

“อ่ะ!!” ภีมร้องออกมาเมื่อนิ้วยาวของจอมพลกดไปยังช่องทางด้านหลังที่เพิ่งจะทายาให้มันอย่างไม่ออมแรง

ร่างสูงก้มลงซุกไซ้ซอกคอขาวท่ามกลางภีมที่พยายามใช้มือดันแผงอกของเขาเอาไว้มั่นแม้ปากจะบอกออกไปแบบนั้นแต่เมื่อถึงคราวที่จอมพลเอาจริงภีมก็เกิดอาการกลัวขึ้นมาจนสั่นไปทั้งตัว

ริมฝีปากสีแดงระเรื่อถูกฉกฉวยเมื่ออารมณ์ของจอมพลกำลังไต่เต้าขึ้นจนเกือบจะเต็มแม็กซ์ รสจูบอันแสนดุดันและวาบหวามในคราวเดียวฉุดให้ภีมที่มีประสบการณ์กับเรื่องพวกนี้เพียงน้อยนิดเบิกตาพลางมองผ่านเสี้ยวหน้าของคนด้านบนอย่างไม่เข้าใจ
จอมพลบดจูบริมฝีปากที่ปิดสนิทของภีมไปมาราวกับคนหิวกระหายก่อนที่ร่างสูงจะเอื้อมมือคว้าบีบไปยังคางเล็กเมื่อขัดใจกับท่าทีที่ไม่ยอมรับจนภีมเผลอเปิดปากพลันให้จอมพลส่งลิ้นร้อนเข้าไปเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานทันที แม้ว่าภีมจะพยายามหดคอหนีแต่มีหรือที่อีกคนจะยอมปล่อยเขาไปง่ายๆ หากไม่ได้กำราบท่าทีหยิ่งพยองนั่นลงซะ!

จอมพลที่ไล่ต้อนปลายลิ้นของภีมไปมายอมผละออกเมื่อมือเล็กที่ขยำเสื้อบริเวณหน้าอกของเขาเอาไว้เริ่มสั่นระริกราวกับเจ้าเข้า ร่างสูงมองใบหน้าและดวงตาฉ่ำปรือของภีมด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ท่ามกลางคนใต้ร่างที่เอาแต่โกยอากาศเข้าปอดถี่รัวแต่แล้วจู่ๆ เสียงกริ่งจากประตูห้องก็ฉุดให้พวกเขาทั้งคู่ที่กำลังใช้สายตาฟาดฟันกันไปมาให้ชะงักในบัดดล

“ใคร?”

“ปล่อย!!” ภีมไม่ตอบคำถามหากแต่เขากลับดิ้นหนีแทน

“กูถามว่าใคร?!”

'ภีมเปิดประตูให้กูหน่อย'

ร่างโปร่งมองไปยังประตูเมื่อเสียงของใครอีกคนที่ยืนรออยู่ด้านนอกคือเสียงของแดเนียลก่อนจอมพลที่อ่านสีหน้าตื่นตระหนกนี้ออกจะแสยะยิ้มร้ายพร้อมกับเคลื่อนมือเข้าไปยังใต้ผ้าเช็ดตัวสีขาวที่อีกฝ่ายใช้มันเพื่อปกปิดช่วงล่างของตัวเองเอาไว้

“จะทำอะไร?! อย่านะ!” ภีมร้องห้าม

“หึ! ถ้ามันเข้ามาเห็นตอนกูเอามึงอยู่มันจะเป็นยังไงนะ”

“โอ้ย! ซี้ดดดด” ภีมสะกดกลั้นความเจ็บเมื่อจอมพลส่งนิ้วเรียวเข้ามาหยอกล้อกับโพรงอุ่นภายในช่องทางสีกุหลาบของเขา

'ภีมกูหนักนะเว้ยเปิดประตูให้กูเร็วๆ!!'

คนเป็นเจ้าของห้องหันไปทางประตูอีกครั้งก่อนจะออกแรงขัดขืนจอมพลอีกหนแต่ทว่าแรงของเขาที่ถึงแม้จะตัวเล็กกว่าอีกฝ่ายไม่มากนักกลับสู้แรงของจอมพลที่มองลงมาด้วยแววตานึกสนุกไม่ได้เลยสักนิด

บ้าจริง!!

ปัง!ๆๆๆ

แกร๊ก!

“อยู่คนเดียวทำไมไม่ล็อคประ!...เฮ้ย!!” แดเนียลปล่อยมือจากถุงที่มี  โลโก้ของซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งลงก่อนจะวิ่งเข้ามากระชากตัวของจอมพลออกจากภีมที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดนั้นไม่หยุดทันที

ผัวะ!

“มึงทำอะไรเพื่อนกู!!” ชายหนุ่มลูกครึ่งชี้หน้าตวาดใส่อีกคนที่หันไปตามแรงปะทะตรงมุมปากซ้ายด้วยฝีมือของเขา

“แดนหยุด!” ภีมร้องห้ามเมื่อแดเนียลกำลังจะก้าวเข้าไปหาจอมพลอีกครั้งทว่าคำพูดของชายอีกคนกลับยิ่งทำให้อดีตคนเคยรักของภีมยิ่งเดือดดาล

“มันเพื่อนมึง…แต่เมียกู” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบ

“มึงใช่มั้ยที่ข่มขืนมัน!!”

“ถ้าใช่แล้วมึงจะทำไม?”

“อย่าอยู่เลยมึง!!” แดเนียลสะบัดมือเรียวที่จับต้นแขนตัวเองออกก่อนจะตรงเข้าหาจอมพลทันที

ร่างสูงของนักธุรกิจหนุ่มหลบหลีกหมัดจากอีกฝ่ายได้ในครั้งที่สองหลังจากไม่ทันตั้งตัวไปเมื่อครู่ก่อนจะสวนหมัดหนักๆ ของตัวเองเข้าใบหน้าหล่อของอีกคนไปเต็มแรง

“หยุด! หยุดก่อน!!” ภีมพยายามห้ามและดึงแดเนียลกลับทว่าชายหนุ่มทั้งคู่กลับไม่ยอมทำตามเขาเลยแม้แต่น้อย

“ภีมมึงอย่าห้ามกู! กูจะเอาเลือดหัวมันออก!!” แดเนียลว่าหลังจากปาดเลือดที่ซึมออกจากมุมปากของตัวเอง

“แน่จริงก็เข้ามา!!” จอมพลว่ากลับก่อนอีกคนจะถลาเข้าใส่

“หน๊อย! ไอ้ชาติชั่ว!!” แดเนียลพุ่งตัวเข้าไปสวนหมัดใส่จอมพลไม่ยั้งเช่นเดียวกับอีกคนที่ไม่ยอมเสียเปรียบด้วยการปล่อยหมัดออกไปอีกหลายดอก

“แดนหยุด! คุณ!...หยุด! โอ้ย!!!” ภีมที่พยายามห้ามทั้งคู่ล้มลงไปบนพื้นเมื่อถูกลูกหลงเข้าให้

“ภีม!!” แดเนียลตะโกนชื่อของเขาก่อนจะผละจากจอมพลและตรงเข้าพยุงคนที่ล้มลงทันที

“หยุด! อย่าทำเขา!!” ภีมใช้ตัวเองเป็นเกาะกำบังให้กับแดเนียลที่ไม่รู้ตัวว่าเกือบจะเสียรู้ให้จอมพลที่ตรงเข้ามาทีเผลอเสียแล้ว
ร่างสูงที่เงื้อหมัดนิ่งค้างเมื่อภาพที่เห็นตรงหน้าทำเขารู้สึกโมโหอย่างบอกไม่ถูกก่อนภีมที่มองมาด้วยแววตาตำหนิจะหันไปให้ความสนใจกับคนข้างกายตัวเอง

“แดนมึงเป็นไรหรือเปล่า” ร่างโปร่งถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“นิดหน่อย” แดเนียลว่าก่อนจอมพลจะกระชากภีมให้กลับไปหาตัวเอง

หนุ่มลูกครึ่งมองตามการกระทำห่ามๆ นี้ด้วยความโมโหก่อนจะลุกขึ้นเพื่อหมายจะตรงเข้าช่วยทว่าจอมพลกลับตะคอกกลับมาเสียก่อน

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของมึง!!!”

“แต่กูเป็นเพื่อนภีม!!!”

“แต่นี่มันเมียกู!!” จอมพลตวาดสวนจนแดเนียลชะงักงัน

นักธุรกิจหนุ่มจ้องคนทั้งสองด้วยแววตาเกรี้ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จอมพลรวบหมัดกำไว้แน่นก่อนจะเบนสายตาจากแดเนียลไปยังภีมที่มองเขาด้วยแววตาไม่เข้าใจระคนเกลียดชังพลางถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ให้เป็นปกติที่สุดออกมา

“มันเป็นใคร?”

“ทำไมผมต้องบอกคุณด้วย!” ภีมสวนกลับเพราะสถานะของเขากับแดเนียลในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่จอมพลต้องมาสนใจเลยสักนิด


“อย่ามาเล่นลิ้นกับกูนะภีมวิทธิ์!”

“กูกับภีมจะเป็นอะไรกันแล้วมันธุระกงการอะไรของมึง!” จอมพลหันมองแดเนียลราวกับอยากจะฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นๆ

“เรียกคนที่ตัวเองใช้กำลังข่มขืนว่าเมียไม่คิดว่ามึงมันน่าสมเพชไปหน่อยรึไงไอ้เลว!” แดเนียลพ่นคำพูดว่าร้ายใส่จอมพลก่อนภีมจะจับมือคนข้างกายเพื่อปราม

จอมพลมองสองมือที่ผสานกันอย่างขัดตาเขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาเห็นอะไรแบบนี้…ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กัน!

“ผมขอร้อง…ไม่ว่าคุณจะอยากรู้อะไรจากผมตอนนี้ผมไม่พร้อมตอบคุณทั้งนั้น” ภีมเอ่ยเสียงเรียบพลางมองคนที่ยืนโกรธตรงหน้ากลับ

“ออกไปจากห้องของผมซะแค่เรื่องเมื่อวันก่อนคุณก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ใช่คนพออยู่แล้วได้โปรดอย่าทำให้ผมรู้สึกแย่ไปกว่านี้เลย”

จอมพลมองดวงตากลมที่ทอดมองมานิ่ง ร่างสูงชะงักเมื่อจู่ๆ น้ำใสที่เอ่อขึ้นมาในดวงตาของอีกฝ่ายกลับทำให้รู้สึกจุกอกอย่างบอกไม่ถูกหากทว่าเขาก็ยังไม่ทิ้งลายของการเป็นผู้ชายร้ายๆ ในสายตาของภีมลงเลยสักนิด

“พรุ่งนี้ถ้ามึงไม่ไปทำงานก็เตรียมเงินไว้ให้กูได้เลย!!” ว่าเสร็จจอมพลถึงจะยอมเดินออกจากห้องไปแต่โดยดีทิ้งไว้แต่เพียงภีมที่ถอนหายใจออกมาราวกับยกภูเขาออกจากอกกับแดเนียลที่มองมาด้วยแววตาของความอยากรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับอดีตคนรักคนนี้ทั้งหมด


TBC.....
----------------------------------------------
งานแฟนเก่า กะ ผัวใหม่ ก็มา!!! OMG ปวดหัวแทนภีมจิมๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยการกดถูกใจและเม้นท์ให้กันด้วยนะคะ

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 23-07-2017 13:05:47
ยังไม่พ้นเคราะห์พ้นโศกอีกน้อภีม
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 23-07-2017 15:41:55
เมื่อไหร่จอมพลจะฉลาด?
.
.
ในหัวตอนนี้จินตนาการถึง
ในมือของภีม...
ถือมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดสีแดงช้ำ
เลือดที่มาจากร่างกายของจอมพล...
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.8 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 23-07-2017 16:30:26
เมื่อไหร่จอมพลจะฉลาด?
.
.
ในหัวตอนนี้จินตนาการถึง
ในมือของภีม...
ถือมีดปลายแหลมเปื้อนเลือดสีแดงช้ำ
เลือดที่มาจากร่างกายของจอมพล...


ใจเย็นนาาาาา อีกไม่นานๆ   o18 o18  อีเฮียพลโดนหใายหัวแล้วมั้ยเนี่ยยยย
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 23-07-2017 17:51:05


CHAPTER 9



Chomphon’s Part…
“โธ่เว้ย!!!!” ผมตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนจะทุบพวงมาลัยรถเพื่อระบายอารมณ์บ้าๆ นี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไรทำไมในหัวของผมถึงได้มีแต่ภาพไอ้คนนั้นกับคนที่ผมเพิ่งจะอึ้บไปเมื่อวันก่อนกัน!

น่าบัดซบที่สุด!! หนำซ้ำคำพูดของภีมวิทธิ์ยังดังก้องในนี้ไม่หายอีกมันช่าง…ทำให้ผมอยากจะบ้าให้ได้เลยจริงๆ!

[ไอ้ชันย์! กูอยากแดกเหล้า!] ผมล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงออกมาต่อสายถึงเพื่อนสนิททันทีที่คิดขึ้นได้

[แหกตาดูเวลาซะไอ้พลว่านี่มันกี่โมง!!] ปลายสายสวนมาอย่างไม่ต้องคิดให้เสียเวลา

แหงล่ะ! ผมรู้ดีว่าตอนนี้มันยังไม่เที่ยงวันเลยด้วยซ้ำแต่จะให้ทำไง? ในเมื่ออยากแดกก็คืออยากแดกสิวะ!

[แต่กูอยาก!]
 
[อยากก็หาแดกเองไม่ต้องชวนกู!!] น้ำเสียงงัวเงียตวาดกลับเพราะผมดันไปรบกวนเวลานอนของมันเข้า ถ้าไม่ติดตรงที่ตอนนี้อารมณ์ของกูแทบจะฆ่าคนได้แล้วล่ะก็…กูไม่โทรหามึงหรอกโว้ย!!!

[แต่มึงเป็นเพื่อนกูนะเว้ย!]

[เพื่อนแล้วยังไง?!]

[มึงก็ต้องออกมาแดกเป็นเพื่อนกูดิถึงจะถูก]

[ไม่!]

[ไอ้ชันย์!!]

[แม่ง! มึงมีเรื่องอะไรก็ว่ามา!!] น้ำเสียงไม่สบอารมณ์ของราชันย์ดังลั่นก่อนที่ผมจะบังคับมันอีกครั้ง

[ออกมาแดกกับกู!]

[เชี่ยพล! มึงพูดไม่รู้เรื่อง?!]

[เออ! ถ้ายังเห็นกูเป็นเพื่อนกูจะไปรอมึงที่ร้านเดิม!] ผมยื่นข้อเสนอ

[ห่า! ร้านเขาจะเปิดให้มึงหรอก]

[มึงดูถูกกูเกินไปแล้วไอ้ชันย์ตามนี้แล้วกันให้ไวนะเว้ย!]

[ไอ้หอก! มึงมะ!...] ผมตัดสายทันทีที่รู้ว่าไอ้ชันย์มันกำลังจะบ่น

ผมโยนโทรศัพท์ลงบนเบาะข้างคนขับก่อนจะเหลือบมองไปยังชั้นบนของคอนโดตรงหน้าอีกครั้ง

แม่ง! โดนของกูเสียบมันยังไม่พอสำหรับมึงสินะภีมวิทธิ์!!!



“มีอะไรก็ว่ามา!” ราชันย์พูดขึ้นเมื่อนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามภายในผับที่มีเพียงมันกับผมแค่สองคนที่เป็นลูกค้ากับเจ้าของร้านที่จัดการเรื่องต่างๆ อยู่ในห้องด้านในเท่านั้น

“ถ้ากูฆ่าคนตายจะผิดมากเปล่าวะ” ผมกระแทกแก้ววอดก้าที่ดื่มเข้าไปกว่าครึ่งลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

“มึงจะฆ่าใคร?”

“ก็แค่ไอ้หน้าอ่อนคนหนึ่งที่มันดันมาขัดหูขัดตากู!”

“คงไม่ผิดมากหรอกแต่มึงต้องไปนอนแดกข้าวแดงในคุกจนตายห่าเท่านั้นเอง” ราชันย์ว่าก่อนมันจะยกแก้ววิสกี้ตรงหน้าขึ้นดื่มบ้าง

“ไอ้ห่า! นี่กูจริงจังนะเว้ย!”

“ที่พูดกูก็จริงจัง” มันว่าก่อนจะจ้องผมนิ่ง “แล้วตกลงมึงเป็นอะไร?”

“กู…โธ่เว้ย!!” จะตอบมันยังไงล่ะในเมื่อตัวผมเองยังไม่รู้เลยว่าตอนนี้กำลังเป็นห่าอะไรอยู่!

“เป็นห่าอะไรของมึง?!”

“กูแม่ง! ทำไมกูถึงได้คิดแต่ภาพพวกนั้นวะ!” ผมสบถออกมาเมื่อในห้วงความคิดยังคงมีสองคนนั้นไม่หาย

“ภาพ? ภาพอะไรของมึง?” ราชันย์เลิกคิ้วถาม

“ช่างกูเหอะว่ะ!”

“เอ้า! ไอ้นี่!! โทรจิกกูให้ออกมานั่งฟังมึงบ่นเรื่องห่าอะไรก็ไม่รู้แค่เนี่ย?!”

“เออ! กูก็ยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าเป็นอะไร”

“เชี่ยเอ้ย! นี่กูต้องถ่างตาตื่นขึ้นมาเพราะเรื่องแค่นี้?!!”

“ไม่บ่นกูสักวันเหอะว่ะแค่นี้กูก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว”

“มันน่ามั้ยล่ะไอ้พล! งานการกูก็มีนะเว้ย!”

“เออๆ งั้นมึงก็แดกๆ แล้วก็กลับไปซะปล่อยกูไว้ที่นี่แหละแม่ง! ชวนออกมาทีไรเป็นงี้ทุกที” ผมว่ามันกลับปวดหัวเรื่องสองคนนั้นยังไม่พอยังต้องรับมือกับฝีปากไอ้เพื่อนหอกคนนี้อีก

นี่ตกลงไม่มีใครที่ผมพอจะพึ่งได้ในเวลานี้เลยใช่มั้ย?!

ผมผละสายตาที่ใช้มองอีกคนก่อนจะยกวอดก้าขึ้นดื่มจนหมดแก้วพลางคว้าเอาแก้วที่บรรจุของเหลวใสใบใหม่ขึ้นมาถือไว้แต่แล้วมือของราชันย์กลับคว้ามันออกไปแทน

“เมาเป็นหมาขับรถกลับบ้านไม่ได้นะมึง”

“สัด! ช่างกูดิ”

“ไม่ช่างว่ะ” มันว่าก่อนจะเทวอดก้าที่เหลือในแก้วลงถังขยะใต้โต๊ะไป

“เหี้ยชันย์!!!”

“เลิกแดก”

“มึงนี่มัน!...”

“แล้วนี่มึงรู้จักเจ้าของร้านเหรอวะเขาถึงได้ยอมเปิดร้านให้มึงมานั่งแดกเอาๆ อยู่อย่างเนี่ย” มันถามขัดขึ้น

“เออ…เคยนอนด้วยกันสองสามครั้งได้”

“ไอ้ห่านี่!”

“เอ้า! กูก็บอกมึงตรงๆ แล้วไง ทำไมรับไม่ได้ที่กูเป็นแบบนี้?!”

“กูยังไม่ได้พูดสักคำเหอะ”

ผมปรายตามองมันอย่างเสียอารมณ์ใช่ว่ามันจะไม่รู้ว่าผมเป็นคนยังไงมาก่อน…ที่ไหนมีเหล้ากับผู้หญิงที่นั่นมักจะมีไอ้จอมพลคนนี้เสมอ!

แต่หลังจากที่จอมใจประสบอุบัติเหตุเรื่องพวกนี้ก็ค่อยๆ ห่างหายจากชีวิตประจำวันของผมไปจนตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าเที่ยวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่เพราะหลังจากทำงานเสร็จผมก็ต้องรุดไปดูแลจอมใจที่โรงพยาบาลแทนพ่อกับแม่ที่ดูแลบริษัทอีกสาขาหนึ่งอยู่ที่ญี่ปุ่นซึ่งนานๆ ทีพวกท่านถึงจะกลับมา

“แล้วเลขาฯ เก่ากูเป็นไงบ้าง” หลังจากที่ผมมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยเสียงของราชันย์ก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“มึงถามหามันทำไม?”

“มึงคงยังไม่ได้ทำอะไรเขาหรอกใช่มั้ย”

“…”

“ไม่ตอบแสดงวะ!...”

“กูไม่อยากพูดถึงมันตอนนี้” แม่ง! มึงยิ่งทำให้กูเครียดเข้าไปใหญ่!!

“แสดงว่าที่มึงเป็นแบบนี้เพราะภีมว่างั้น?” คนตรงหน้ายิ้มเยาะ

“กูไม่ได้เป็นเพราะใครทั้งนั้น! มันไม่มีค่าให้กูต้องมานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้นอกจากกูต้องการที่จะแก้แค้นมันแล้วเรื่องอื่นของมันไม่มีอยู่ในหัวกูเลยสักนิด!”

“จริง?”

“เออ” ว่าเสร็จผมก็ฉวยเอาแก้ววิสกี้ของมันที่ยังเหลืออยู่ขึ้นดื่ม

“อย่ากลืนน้ำลายตัวเองก็แล้วกัน” ราชันย์ว่าก่อนจะมองจับผิดผม

“มึงแม่ง! จะชวนกูทะเลาะ?!”

“เปล๊า! กูก็แค่พูดไปตามเนื้อผ้า”

ผมส่งเสียงฮึดฮัดออกมาจนราชันย์ยกยิ้มมันมองผมเหมือนรู้อะไรบางอย่างไอ้ห่ารากเอ้ย! นี่ผมกำลังตกเป็นจำเลยให้มันสอบสวนอยู่รึไง! คนที่กลุ้มอยู่มันคือผมแล้วทำไมเพื่อนอย่างมันถึงได้ไม่เข้าข้างแบบนี้ล่ะมันต้องเห็นดีกับผมสิถึงจะถูกขนาด TAKE* ที่มันอยากทำผมยังเห็นดีคอยช่วยเหลือมันทุกอย่างเลย! ( *ติดตามเรื่องราวได้ใน “ราชันย์พ่ายรัก” )

นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ!!

“ไอ้พล”

“อะไร?” ผมสวนกลับทันทีที่มันเอ่ยชื่อผมออกมา

“ความจริงกูก็ไม่ได้อยากยุ่งเรื่องของมึงนักหรอกนะเพราะหลังจากที่มึงซื้อตัวภีมวิทธิ์ไปกูก็เหมือนกลายเป็นคนนอกแล้วสำหรับเรื่องนี้” ไอ้ชันย์พูดพลางจ้องผมนิ่ง “แต่กูแค่อยากจะถามว่าที่มึงทำอยู่ตอนนี้มันเป็นเพราะมึงอยากจะ  แก้แค้นให้น้องมึงจริงๆ หรือเป็นเพราะมึงแค่โกรธแทนน้องมึงกันแน่วะ”

ผมชะงักไปทันทีที่ได้ยิน คำถามที่มันว่าทำเอาผมต้องกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งบอกตามตรงตอนนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าเพราะอะไรแต่เท่าที่รู้คือผมอยากให้มันลิ้มรสของความเจ็บปวด…เจ็บอย่างที่จอมใจเคยเจอมา

“มึงต้องการจะพูดอะไรไอ้ชันย์?” ผมไม่ตอบแต่หยั่งเชิงมันกลับ

“เพราะเท่าที่กูไปเยี่ยมน้องมึงมาไม่มีครั้งไหนที่จอมใจจะรื้อฟื้นเรื่องพวกนั้นเลยมึงเองก็รู้ดีว่าที่จอมใจไม่ยอมออกจากโรงพยาบาลไม่ได้เป็นเพราะโกรธที่สองคนนั่นเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดแต่น้องมึงเพียงแค่อายไม่อยากให้ใครเห็นสภาพของตัวเองก็เท่านั้น”

“…”

“ดูเหมือนว่าน้องมึงจะไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับเรื่องนี้เท่ามึงเลยนะ” มันว่าก่อนจะมองผม

จริงอยู่ที่จอมใจยอมให้อภัยและไม่ถือโทษโกรธคนพวกนั้นแต่กับผม…ผมกลับคิดว่าสิ่งที่ฝ่ายนั้นถูกกระทำมันยังไม่สาสมกับสิ่งที่น้องผมได้รับ! น้องผมต้องกลายเป็นคนพิการที่ไม่ยอมออกไปไหนอีกเลยนอกจากอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมนั่นทุกวัน เธอรอคอยแต่ผมที่จะไปหาหลังเลิกงาน เธอไม่ยอมพูดได้แต่เขียนตอบแล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าที่น้องผมเป็นแบบนี้เธอน่าสงสาร? แค่ผมเห็นสภาพจอมใจผมก็ให้อภัยพวกนั้นไม่ได้แล้ว

“ใครที่มันทำน้องกูเจ็บกูจะทำให้มันเจ็บมากกว่าเป็นพันเท่า!”

“…”

“แค่เห็นท่าทีไม่ยี่หระตอนรู้ว่ากูเป็นใครกูก็อยากจะขย้ำคอมันให้แหลกคามืออยู่แล้ว! ยังไงซะกูก็จะทำ!!” ผมว่าต่อก่อนจะจ้องราชันย์เขม็ง

“แต่เท่าที่กูทำงานกับเขามาภีมวิทธ์ถือว่าเป็นคนใช้ได้คนหนึ่งเขาไม่เห็นเป็นแบบที่มึงพูด” ราชันย์ขัดก่อนผมจะยื่นคำขาดเพื่อเป็นการยุติเรื่องนี้กลับไป

“มึงไม่ต้องพูดอะไรแล้วไอ้ชันย์กูจะแก้แค้นจนกว่ามันจะสำนึกผิดที่ทำกับน้องกูจากใจจริงๆ ของมันไม่งั้นกูไม่เลิก!!”
End of Chomphon’s Part




Peam’s Part…
หลังจากจอมพลยอมออกจากห้องของผมไปคำถามมากมายจาก     แดเนียลก็หลั่งไหลออกมาราวกับสายน้ำ ผมถูกคาดคั้นและถามถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจนกระทั่งทนไม่ไหวต้องตอบมันกลับไปว่า…

'เขาคือคนที่ข่มขืนกูจริงแต่เรื่องอื่นที่มันมากไปกว่านี้กูบอกมึงไม่ได้'

ผมบอกแดเนียลกลับไปเพียงเท่านี้ก่อนจะลุกเดินหนีและไม่พูดถึงเรื่องนี้อีกเลยซึ่งตัวมันเองก็คงจะรู้ดีว่าผมไม่อยากรื้อฟื้นเรื่องที่ไม่น่าจดจำนี้ขึ้นมาอีกจึงได้แต่นั่งเงียบกระทั่งขอตัวกลับไป

ผมมาทำงานในเช้าวันจันทร์ก่อนจะต้องระหกระเหินขึ้นรถของบริษัทเพื่อเดินทางไปยังโครงการของคุณมาริกาลูกค้าคนสำคัญที่กำลังเกิดปัญหาใน ตัวเมืองจังหวัดนนทบุรี โดยที่ผมเองก็ไม่ได้รู้เรื่องนี้มาก่อนแถมจะโทษใครก็ไม่ได้ในเมื่อวันศุกร์ผมดันลาหยุดหนำซ้ำคนที่บุกไปหาถึงคอนโดเมื่อวานก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผมเลยสักนิดเอาแต่จะหาเรื่องให้เจ็บตัวอยู่ได้ทุกครั้งที่เจอหน้า
 
“จดรายละเอียดเรื่องที่กูคุยกับริกาและติดต่อกลับไปที่โรงงานให้จัดส่งวัสดุที่มีปัญหามาใหม่ทั้งหมด” จอมพลสั่งหลังจากที่ผมกับเขารวมถึงคุณมาริกาเดินดูและเก็บรายละเอียดของปัญหาจนทั่วโครงการ

ผมคว้าเอาโทรศัพท์ขึ้นมาพลางควานหาเบอร์โทรของสถานที่ที่อีกคนบอกก่อนเจ้าของคำสั่งเมื่อครู่จะสาวเท้าเดินเข้ามาและถามขึ้นเสียงดุ

“ได้ยินที่กูพูดหรือเปล่า?!”

ผมผละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะพยักหน้ากลับไป

“ได้ยินแล้วทำไมมึงไม่ตอบ!” จอมพลว่าพลางจ้องผมเขม็งดวงตาสีดำดูแข็งกร้าวจนผมที่ไม่อยากมีเรื่องยอมปริปากออกไป

“ครับได้ยิน” ผมตอบก่อนจะก้มลงควานหาเบอร์ของโรงงานต่อไปประจวบกับที่คุณมาริกาเดินเข้ามาพอดี

“พี่จอมพลคะเดี๋ยวพวกเราเข้าออฟฟิศกันก่อนดีกว่าพอดีหัวหน้าวิศวกรแกยังเคลียร์กับคนงานไม่เสร็จ”

“เคลียร์เรื่องอะไร”

“คนงานจะขอลาหยุดเพราะภรรยาจะคลอดลูกน่ะค่ะ”คุณมาริกาตอบก่อนที่พวกเราจะเดินไปยังออฟฟิศแบบติดตั้งชั่วคราวห่างจากสถานที่ก่อสร้างประมาณร้อยเมตร

“แล้วมีปัญหาอะไรยังงั้นเหรอ”

“ก็เพราะคนที่ภรรยาจะคลอดมีตั้งห้าคนเลยน่ะสิคะแถมกำหนดวันคลอดยังติดๆ กันอีกโครงการของริกาเองก็ยืดเยื้อออกไปไม่ได้อีกแล้วด้วย เฮ้อ…มีแต่ปัญหาจนริกาเริ่มท้อแล้วสิคะ” คนบ่นมีสีหน้าท้อแท้อย่างเห็นได้ชัด

“ไม่ต้องคิดมากหรอกถ้าหากริกาขาดคนงานจริงๆ เดี๋ยวพี่จะช่วยดึงคนจากโครงการอื่นมาช่วย” จอมพลเสนอ

“จริงเหรอคะ!”

“ครับ”

“พี่จอมพลเนี่ยใจดีจริงๆ เลยนะคะถ้าวันนี้พี่ไม่มาด้วยริกาไม่รู้เลยค่ะว่าจะแก้ไขอะไรยังไง” เสียงหวานเอ่ยขึ้นหลังจากที่พวกเราเดินเข้ามาให้ออฟฟิศจนผมอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มกับคำพูดนี้ของเธอ

หึ! ใจดียังงั้นเหรอแค่เรียกว่าไม่ร้ายจนกลายเป็นฆาตรกรยังดีเสียกว่า!

ผมนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามกับบุคลลทั้งสองก่อนคุณมาริกาจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำในขณะที่พนักงานประจำออฟฟิศแห่งนี้เดินเข้ามาเสิร์ฟกาแฟพอดี

“ขอโทษนะครับผมขอแค่น้ำเปล่าจะได้มั้ย” ผมถามเธอ

“เรื่องมาก! ถ้าแค่กาแฟมึงยังแดกไม่ได้งั้นก็ไม่ต้องแดก!” คำพูดที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าทำพนักงานหญิงถึงกับหน้าซีดเผือด

“เออ…ไม่เป็นไรหรอกค่ะเดี๋ยวครีมไปเอาให้ใหม่”

“ถ้างั้นก็ให้คนที่อยากดื่มไปเอามาเอง”

ผมมองคนที่แม่งบ้าถึงขนาดหาเรื่องได้แม้กระทั่งการขอดื่มน้ำของผมกลับก่อนจะลุกเดินตามพนักงานที่ชื่อครีมคนนี้ไปเพื่อหยิบน้ำจากข้างในตู้เย็น

ผมเดินกลับมาที่โซฟาพลางเปิดขวดน้ำและยกมันขึ้นดื่มพลันสายตาก็สบเข้ากับจอมพลที่มองมาจนผมถึงกับสำลัก

“แค่กๆๆๆ มองทำไม?!” ผมไอจนหน้าดำหน้าแดงแต่จอมพลกลับทำเพียงแสยะยิ้มเย้ยหยันมาเท่านั้น

“ใครมองมึง”

“ก็เห็นอยู่ว่าคุณ!...”

“อย่าสำคัญตัวผิดไปหน่อยเลยว่ะมึงไม่ได้มีอะไรให้กูสนใจถึงขนาดนั้น”ผมชะงักตึงกับคำพูดนี้

เออ…แม่งกูไม่น่าถามให้อายตัวเองแบบนี้เลย!!

ผมอดกลั้นอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ก่อนที่ใครอีกคนจะเดินเข้ามาในห้องยุติคำพูดมากมายที่ผมกำลังจะเอ่ยออกไปในที่สุด

“สวัสดีครับคุณจอมพล”

“สวัสดีเดนิส” จอมพลเอ่ยตอบคนเข้ามาใหม่ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะหันมาทางผมที่เหยียดยิ้มให้

“ว่าไงภีม”

“สวัสดีครับพี่เดน” ผมตอบพลันให้จอมพลที่ขมวดคิ้วสวนกลับทันควัน

“รู้จักกัน?”

“พอดีเราอยู่ห้องตรงข้ามกันน่ะครับ” ไม่ว่าเปล่าพี่เดนิสยังขอนั่งข้างๆผมและหยิบขวดน้ำที่ผมเพิ่งจะดื่มทิ้งไว้ไปดื่มต่ออีก

ผมพยายามห้ามเพราะเห็นว่ามันเป็นของเหลือแต่อีกฝ่ายกลับบอกปัดและเปิดดื่มรวดเดียวหมดจนผมได้แต่อ้าปากค้างก่อนเสียงใสจะถามขึ้นเมื่อเธอเปิดประตูเข้ามาเห็นหัวหน้าวิศวกรโครงการที่รออยู่

“เคลียร์กับคนงานเสร็จแล้วเหรอคะ” คุณมาริกานั่งลงข้างๆ จอมพลก่อนผมจะชะงักเมื่อสบเข้ากับแววตาแข็งกร้าวนั่นของเขาอีกครั้ง

ให้ตายเถอะจะมองอะไรนักหนา!

“ครับคุณมาริกา” พี่เดนิสตอบ

“สรุปว่าไงบ้างคะ”

“ผมให้เวียนหยุดกันคนละวันตลอดสองอาทิตย์น่ะครับดีหน่อยที่กำหนดคลอดไม่ตรงกันแถมครอบครัวของภรรยาพวกเขาก็พร้อมดูแลแทนในช่วงที่ต้องมาทำงานด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็เท่ากับว่าคนงานจะหายไปแค่วันละคนใช่มั้ยคะ”

“ครับ”

“โอเคค่ะถือว่ายังยอมรับได้ขอบคุณมากเลยนะคะ”

“ยินดีครับ” คนข้างๆ ผมตอบเสร็จก็หันมาคุยกับผมต่อ

“ถึงเวลาพักกลางวันแล้วภีมยังมีธุระอะไรต่ออีกหรือเปล่า”

“ไม่มีครับ”

“งั้นไปทานข้าวด้วยกันมั้ย”

“ได้ครับ” ผมตอบตกลงทันทีโดยไม่คิด

“แต่งานของนายยังไม่เสร็จ” น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขัดหากแต่ผมกลับรู้สึกเบื่อที่จะได้ยินมากกว่ากลัวซะอีก

“งานอะไรครับ” สรรพนามที่จอมพลใช้เรียกผมเปลี่ยนไปเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นผมเองก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากแสร้งทำเป็นสุภาพกลับไปบ้าง

“โทรหาโรงงานหรือยัง”

“เรียบร้อยแล้วครับ”

“สั่งอะไรไปบ้าง”

“ตาม List ทั้งหมดนี้ครับ” ผมบอกก่อนจะยื่นสมุดพกจดรายละเอียดข้อมูลของงานทั้งหมดให้กับจอมพล

“โห…นี่คุณภีมจดทุกอย่างที่ริกาคุยกับพี่จอมพลเลยเหรอคะแถมรายการวัสดุที่สั่งไปใหม่ยังครบไม่ตกหล่นอีกต่างหากสุดยอดมากเลยค่ะ” เจ้าของโครงการอย่างคุณมาริกาเอ่ยปากชมผมกลับมา

“ขอบคุณครับ”

“ถ้าอย่างนั้นก็พักทานข้าวกันเถอะครับคุณจอมพลกองทัพต้องเดินด้วยท้องนะครับ” พี่เดนิสว่า

“จะว่าไปริกาเองก็เริ่มหิวแล้วล่ะค่ะไปทานข้าวด้วยกันนะคะพี่จอมพล”คุณมาริกาเกาะแขนจอมพลพร้อมกับออดอ้อนอีกฝ่ายกลับไป

“จะไปทานกันที่ไหน” จอมพลหันมาถามพี่เดนิสเสียงนิ่ง

“ร้านอาหารเล็กๆ แถวนี้แหละครับ”

“ริกาเองก็มีร้านที่อยากไปค่ะพี่จอมพลไปเป็นเพื่อนริกานะห่างจากที่นี่ประมาณสิบกว่ากิโลฯ เอง”

“พี่ว่างานเรายังเหลืออีกเยอะนะริกาทานแถวนี้จะดีกว่า” คนถูกอ้อนเอ่ยปฏิเสธด้วยคำพูดนิ่มนวลก่อนจะหันมาหาพี่เดนิสอีกครั้ง

“พอดีวันนี้ผมนั่งรถบริษัทมา…” จอมพลว่าพลางปรายตามองมาทางผมอย่างมีเลศนัย

“จะเป็นอะไรมั้ยถ้าขอติดรถไปทานด้วย”

“!!”

บะ…บ้าไปแล้ว! นี่เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?!

“ยินดีครับแต่ว่าร้านที่ผมจะไปมันไม่ได้หรูหรานะแค่ร้านเล็กๆ ข้างทางไม่รู้ว่าคุณจอมพลจะทานได้มั้ย” พี่เดนิสพูดด้วยใบหน้าฉีกยิ้ม

คงมีแต่ผมกับคุณมาริกาสินะที่หน้าเจื่อนลงทันทีที่จอมพลพูดจบ

“ผมไม่มีปัญหาแล้วริกาล่ะ” จอมพลหันไปถามคนข้างๆ

“เออ…ริกายังไงก็ได้ค่ะ” คุณมาริกาตอบอย่างไม่เต็มใจนักหากแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรจนกระทั่งพี่เดนิสที่เดินไปหยิบของที่โต๊ะจะเดินกลับมา

“ถ้ายังงั้นเราไปกันเลยดีกว่าครับ”

“งั้นเดี๋ยวฉันขับรถให้” จอมพลเสนอ

“ไม่เป็นไรครับ! เดี๋ยวผมขับเองคุณเป็นถึงผู้บริหารจะขับให้ผมที่เป็นแค่ลูกจ้างนั่งได้ยังไงล่ะครับ” พี่เดนิสว่าอย่างประหม่า

“เถอะน่า…ถือซะว่าแทนคำขอบคุณก็แล้วกัน” ไม่ว่าเปล่าจอมพลยังฉวยกุญแจรถในมือของพี่เดนิสไปก่อนจะเดินนำกระทั่งพวกเรามาถึงรถเก๋งโตโยต้าซีวิคคันสีขาวของพี่เดนิสในที่สุด

“เดี๋ยวริกา” คนอาสาเป็นสารถีคว้าข้อมือของคุณมาริกาที่กำลังจะเปิดประตูข้างคนขับเอาไว้ “พี่ว่าริกานั่งด้านหลังดีกว่านะสบายกว่าเยอะ”

“เออ…แต่ว่าริกา…” คุณมาริกาดูท่าอยากจะปฏิเสธเสียให้ได้แต่คนออกปากบอกกลับไม่สนใจเดินเข้ามาดึงแขนผมไว้แทนพร้อมกับเอ่ยคำพูดที่เต็มไปด้วยการบังคับภายใต้ใบหน้าเรียบที่แฝงไปด้วยอาการของอะไรบางอย่างที่  ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจเขาเช่นเดียวกัน

“ส่วนนาย…”

“?”

“ก็นั่งข้างฉัน”

“!!”
End of Peam’s Part




TBC.......
-----------------------------------------------------
#มีความหึงโดยไม่รู้ตัว
จอมพลคนปากร้าย ปากแข็ง เอาแต่พูดทำร้ายจิตใจภีม T^T
บทนี้งานอดีตพระเอกมาแจมก็มา พูดไปก็คิดถึงราชันย์เนอะว่ามั้ย 555
เม้นท์เป็นกำลังใจให้กิ่งกันด้วยนาาา
ขอบคุณค่ะ ^/\^


หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: fay 13 ที่ 23-07-2017 20:50:24
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 24-07-2017 00:10:01
ภีมเอ๋ย
จอมพลช่างไร้เหตุผล

คนเขียนบอกว่าอีกไม่นานจอมพลจะได้รับบทเรียน
อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.9 100% [23/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 24-07-2017 05:47:39
ตบกะโหลกไอพลได้บ่ :z3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 24-07-2017 12:08:37


CHAPTER 10



ชุดอาหารห้าหกอย่างถูกวางเรียงรายลงบนโต๊ะไม้ขนาดใหญ่ด้วยฝีมือของเหล่าบริกรสาวที่ต่างพากันแย่งแวะเวียนเดินเข้ามาเฉียดโต๊ะที่เต็มไปด้วยหนุ่มหล่อและอีกหนึ่งสาวที่มีหน้าตาสะสวยยิ่งกว่าดาราบางคนเป็นไหนๆ

จอมพลที่นั่งฝั่งเดียวกับมาริกาลงมือปลานึ่งมะนาวให้กับหญิงสาวก่อนเดนิสที่นั่งฝั่งเดียวกันกับภีมจะตักไก่กระเทียมใส่จานให้กับร่างโปร่งข้างตัว เช่นเดียวกับ ภีมที่ยิ้มรับพลางกล่าวขอบคุณก่อนจะตักปูผัดผงกระหรี่ให้อีกคนกลับ

ร่างสูงของจอมพลมองการกระทำของทั้งสองคนจากฝั่งตรงข้ามด้วยอารมณ์ขุ่นมัว มาริกาที่เอาแต่ตักโน้นนี่ให้กับเขาไม่ได้ทำให้เจ้าตัวหันกลับมาให้ความสนใจกับรอยยิ้มของผู้หญิงคนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยผิดกับรอยยิ้มของคนตรงข้ามที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นมันเป็นครั้งแรก มันดูสดใสเสียจนจอมพลนึกอิจฉาชายหนุ่มอีกคนอยู่ในใจกรายๆ เพราะ

“จริงสิ เมื่อกี้ตอนไปเข้าห้องน้ำแดนมันโทรมาด้วยพี่เลยบอกว่าวันนี้ภีมมาทำงานที่นี่มันเลยฝากความคิดถึงมาให้นายน่ะ” เดนิสเริ่มเปิดประเด็นคุย

ภีมที่ก้มหน้ากำลังจะตักกับข้าวเข้าปากตัวเองชะงักกึก ก่อนอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นกับจอมพลที่นั่งยังฝั่งตรงข้ามของร่างโปร่งเช่นเดียวกันเพราะมือหนาที่กำลังจะตักปูผัดผงกระหรี่นิ่งค้างไปเสียชั่วขณะ

“เหรอครับ” ร่างโปร่งตอบเสียงเรียบก่อนจอมพลจะเอาแต่จ้องภีมกลับ

ร่างสูงไม่ชอบที่จะต้องได้ยินอะไรแบบนี้ ตกลงไม่ใช่แค่เพื่อนกันจริงๆ ใช่มั้ย!? เป็นสิ่งที่เขากำลังคิดเสียจนหัวคิ้วขมวดเป็นปม

“ภีมรู้จักไอ้แดนมันนานแล้วเหรอ” เดนิสถามต่อ

“ครับก็ตั้งแต่สมัยเรียนป.โทที่อเมริกา”

“แล้วตกลงนี่เป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ ใช่มะ?”

“อึก!” ภีมสำลักไก่กระเทียมที่กำลังเคี้ยวอยู่เพราะคำถามของอีกคน ร่างโปร่งยกแก้วที่บรรจุน้ำเย็นขวามือขึ้นดื่มก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ แล้วถามกลับ

“ทะ…ทำไมพี่เดนถึงถามแบบนี้ล่ะครับ”

“ก็ตั้งแต่ที่มันรู้ว่าห้องนายอยู่ตรงข้ามกับพี่มันก็เอาแต่มาหาพี่ทุกวันแถมยังพูดแต่เรื่องของนายให้ฟังซะจนพี่รู้สึกสนิทกับนายไปด้วยเลยเนี่ย” เดนิสว่าก่อนสายตาของภีมจะหันไปสบกับดวงตาสีดำเข้มจากฝั่งตรงข้ามที่จ้องมาเขม็ง

ขนแขนของร่างโปร่งลุกกราวทันทีอย่างไม่บอกไม่ถูก ภีมรีบหลุบตาลงต่ำเมื่อรู้สึกถึงรังสีอะไรบางอย่างที่ถูกคนตรงข้ามแผ่ออกมาเสียจนเขาไม่กล้าที่จะตอบอะไรออกไปในตอนนี้

“เอาไว้ผมค่อยบอกพี่วันหลังแล้วกันนะครับ” ภีมพยายามเลี่ยงแต่เดนิสกลับไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ร่างสูงยังคงเอ่ยถามกลับอย่างไม่ลดละ

“แสดงว่ามีอะไรในกอไผ่?”

“ผมว่าพี่ไปถามแดนมันเองจะดีกว่า”

“มันชอบเข้าข้างตัวเองพี่ว่าถามจากนายได้ความจริงมากกว่านะ”

“ถ้างั้นผมขอไม่ตอบแล้วกันครับ” ภีมพยายามยุติคำถามเหล่านี้

“ทำไมล่ะ” เดนิสเลิกคิ้วไม่เข้าใจ

เพราะด้วยความแมนของเขาจึงทำให้ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าปิดบัง หากทว่าร่างโปร่งเองก็ไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเพียงแต่ภีมไม่อยากพูดในขณะที่มีคนอื่นนั่งอยู่ด้วยโดยเฉพาะคนตรงหน้าที่มองมาไม่หยุด

“ผมว่าทานข้าวกันเถอะครับอย่าสนใจเรื่องของผมเลย” ร่างโปร่งเอ่ยตัดบทก่อนเดนิสจะชะงักและรู้ตัวทันทีว่าตัวเองละลาบละล้วงเรื่องของอีกฝ่ายมากจนเกินไปเสียแล้ว

“พี่จอมพลคะปลาที่พี่ตักให้ริกาเมื่อกี้อร่อยมากเลยนะลองทานดูสิคะ” มาริกาที่ไม่ได้สนใจเรื่องเมื่อครู่เลยตั้งแต่แรกเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าจู่ๆ คนข้างตัวก็เงียบไป

“พอดีพี่นึกขึ้นได้ว่ายังไม่หิวเท่าไหร่เชิญริกาตามสบายเลย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนร่างสูงจะรวบช้อนส้อมที่ถืออยู่วางลงบนจานและยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

“แต่พี่ทานเข้าไปนิดเดียวเองนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ไม่ค่อยหิวจริงๆ”

“อาหารไม่ถูกปากเหรอครับคุณจอมพล” เดนิสถามด้วยความประหม่าเพราะกลัวว่าร้านอาหารที่พาผู้บริหารทั้งสองคนมาจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ

“ไม่ต้องกังวลหรอกอาหารน่ะถูกปากแต่บางอย่างมันชวนให้อารมณ์เสีย” ว่าเสร็จสายตามาดร้ายก็ถูกส่งไปยังภีมเสียจนร่างโปร่งชะงักเกร็ง

“อะไรเหรอครับเดี๋ยวผมจัดการให้” อีกคนถามพร้อมกับเสนอ

“ไม่มีอะไรอย่าห่วงเลยทานกันตามสบายมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”

น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยด้วยถ้อยคำเชื้อเชิญ ทว่า…กับภีมที่นั่งทานอยู่เงียบๆ คำพูดเหล่านี้กลับทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุขจนเริ่มรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วนเสียจนความอยากอาหารลดลงไประดับสิบ! ร่างโปร่งรู้สึกอึดอัดเพราะสายตาของคนตรงหน้าที่มองมาช่างดูเหมือนกับตำรวจกำลังจ้องจับผิดผู้ร้ายไม่มีผิด!

ภีมพยายามยัดอาหารตรงหน้าเข้าปากอย่างลำบากในขณะที่มาริกาเองก็รู้สึกได้ถึงความมาคุบางอย่างที่แผ่ออกมาจากคนข้างๆ หญิงสาวเหลือบมองคนทั้งคู่อยู่หลายครั้งจนกระทั่งแน่ใจว่าระหว่างจอมพลกับภีมวิทธิ์จะต้องมีอะไรที่ไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน

:

หลังจากทานข้าวเสร็จทุกคนก็กลับมายังไซต์งานของโครงการอีกครั้งก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองจนเวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลาเลิกงาน

ภีมเดินตามจอมพลเข้าไปยังออฟฟิศอีกครั้งหลังจากที่พวกเขากลับมาจากการตรวจเช็ควัสดุที่ถูกส่งมาใหม่ ร่างโปร่งทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาเช่นเดียวกับจอมพลเองที่เหนื่อยล้าเพราะปัญหามากมายมาตลอดทั้งวัน ก่อนมาริกาที่กำลังคุยอยู่กับเดนิสจะผละออกจากอีกฝ่ายพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ กับจอมพลพลางถามอีกคนด้วยความรู้สึกผิด

“ขอโทษพี่จอมพลมากเลยนะคะที่ทำให้ต้องเหนื่อย” เสียงหวานเอ่ยหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไรครับ” ร่างสูงว่าก่อนจะคลายเนคไทที่คอออกและปลดกระดุมสองเม็ดบนของเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่จนเห็นเข้าไปถึงแผงอกแกร่งที่เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

ภีมวิทธิ์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่จู่ๆ หัวใจของเขาก็เกิดเต้นรัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ร่างโปร่งลอบกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อความร้อนผ่าวที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งหน้ากำลังเล่นงานเจ้าตัวเสียจนต้องรีบหนีออกจากเหตุการณ์ตรงหน้าทันที

ภีมตัดสินใจเดินออกไปยังห้องน้ำข้างๆ ออฟฟิศ ร่างโปร่งสบถว่าตัวเองไปตลอดทางถึงอาการบ้าๆ ที่เกิดขึ้นเขาไม่รู้ตัวเลยว่าเผลอใช้สายตาแบบไหนมองอีกคนกันแน่ แต่ที่เขารู้แน่ๆ ตอนนี้คือเมื่อเขาเห็นแผงอกนั่นมันก็ฉุดให้เขาหวนคิดย้อนกลับไปในวันที่ถูกอีกฝ่ายกระทำ…วันที่โหดร้ายจนไม่อยากจะจำแต่ก็ทำได้เพียงลบมันออกไปจากหัวได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นเพราะเรื่องที่จอมพลทำกลับกลายมาเป็นแผลที่เหมือนจะติดตัวร่างโปร่งเอาไว้จนรักษาไม่หายเสียแล้ว

ร่างโปร่งคิดวกไปวนมาจนสับสนไปหมด ภีมรีบเปิดน้ำล้างหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติกลับคืนกระทั่งมีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังที่ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ทันได้เห็นตัวเจ้าของน้ำเสียงนี้แต่มันก็ทำให้ร่างโปร่งรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“มึงทำอะไร” น้ำเสียงห้วนเอ่ยถามก่อนภีมจะหันไปหลังจากลูบน้ำที่เกาะพราวบนใบหน้าออก

ร่างโปร่งสบตากับจอมพลเพียงครู่ก่อนจะหันไปทางซ้ายทีขวาทีและเดินผ่านตัวร่างสูงไปโดยไปปริปากเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาเลยสักคำ

“กูถามไม่ได้ยิน!?” จอมพลกระชากแขนภีมเข้าหาตัวพร้อมกับจ้องกลับเขม็ง

“คุณถามผมหรอกเหรอ?” ภีมทำหน้าซื่อถามกลับ

“แล้วในนี้มันมีคนอื่นนอกจากมึงกับกูหรือไง!?”

“ใครมันจะไปรู้นึกว่าคุณพูดกับอ่างหน้าไม่ก็โถฉี่เสียอีก”

“ปากดีนักนะมึง!!” ร่างสูงออกแรงบีบแขนเล็กของภีมจนขึ้นรอยเมื่ออีกฝ่ายเหน็บแนมกลับ ทว่าร่างโปร่งที่ถูกกระทำกลับไม่แสดงท่าทีอะไรออกมานอกจากจะแกะมือหนาที่พันธนาการตัวเขาเอาไว้ออกพร้อมกับมองจอมพลกลับอย่างไม่ยอมแพ้

“หึ! คิดว่าตัวมึงเองมีดีนักหรือไงโดนนิดโดนหน่อยทำเป็นหวงก็แค่รูที่โดนกูขย่มจนเยินแค่นั้นล่ะว่ะ”

“!!”

“ใช่ว่ามึงจะสดก่อนมาเจอกับกู”

ภีมชะงักกึกกับคำพูดเสียๆ หายๆ ที่ถูกอีกฝ่ายสาดกลับมา ร่างโปร่งรวบมือกำเอาไว้แน่นเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองก่อนที่เขาจะเหยียดยิ้มพร้อมกับกระแทกหน้าอีกฝ่ายด้วยคำพูดร้ายๆ กลับไปบ้าง

“ไม่สดแล้วยังไง!? คุณเองยังแดกคนอย่างผมไปแล้วเลยไม่อายคำพูดตัวเองหน่อยเหรอ?”

“ภีมวิทธิ์!!”

“โอ้ย!”

จอมพลกระชากอีกฝ่ายเข้าหาตัวพลางลงแรงบีบที่ต้นแขนจนร่างโปร่งออกปากส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“เห็นกูไม่ทำอะไรเข้าหน่อยเกิดย่ามใจขึ้นมาว่างั้น!? อย่าลืมสิว่าการแก้แค้นมันยังไม่จบ!”

“คนอย่างคุณมันก็ดีแต่ทำเรื่องพวกนี้! ผมชักสงสัยซะแล้วสิว่าจิตใจของคุณมันยังปกติดีอยู่หรือเปล่า!?”

“ไอ้!...”

“คุณจอมพลครับ!...อ้าว! ภีมเองก็อยู่ที่นี่เหรอพี่ตามหาตั้งนาน” เดนิสส่งเสียงร้องเรียกก่อนจะพรวดพราดเข้ามา ทำเอาทั้งสองคนที่กำลังเฉือดเฉือนกันด้วยคำพูดรีบผละออกจากกันทันทีก่อนร่างสูงของผู้บริหารหนุ่มจะเอ่ยถามคนมาใหม่กลับไป

“มีอะไรเดนิส”

“คือผมอยากจะชวนคุณไป relax หลังเลิกงานน่ะครับไม่ทราบว่าคุณจอมพลว่างไปด้วยกันหรือเปล่า”

“ฉันต้องกลับไปเคลียร์งานต่อที่บริษัทอีกนิดหน่อยคงไปด้วยไม่ได้” ร่างสูงที่ทำหน้าคิดอยู่สักพักเอ่ยบอก

“แล้วภีมล่ะ” เดนิสหันไปถามคนข้างๆ

“กลับไปผมก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้วงั้นผมไปด้วยครับ”

“!!” จอมพลหันไปหาอีกฝ่ายทันทีที่พูดจบ

ภีมเหยียดยิ้มกลับไปให้เดนิสอย่างสนิทใจจนจอมพลที่มองอยู่ถึงกับเส้นกระตุก! ร่างสูงรู้สึกหงุดหงิดทุกทีที่อีกฝ่ายยิ้ม เขาไม่ชอบเวลาเห็นภีมยิ้มให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่เขาคนที่ไม่เคยถูกภีมยิ้มให้เลยสักครั้ง

ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้กัน*!?*

“ดีเลยพี่รู้จักร้านดีๆ ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่เป็นร้านอาหารบรรยากาศน่านั่งเดี๋ยวพี่เลี้ยงเองนะ”

“ได้ครับพูดแล้วอย่ากลับคำนะ”

“ไม่หรอกน่าป่ะเก็บของกันใกล้เลิกงานแล้ว”

“ครับ”

“ขอตัวก่อนนะครับคุณจอมพล” เดนิสว่าก่อนจะพยักหน้าให้ภีมตามตัวเองไป

“เดี๋ยว!”

“?”

“นายต้องกลับไปเคลียร์เอกสารกับฉัน” จอมพลบอกภีมด้วยน้ำเสียงคาดคั้น

“มันอยู่นอกเหนือเวลางานของผมแล้วครับคุณจอมพลขอตัวก่อนนะครับ” ว่าเสร็จภีมก็หันหลังกลับแต่แล้วคนข้างตัวของเขากลับถูกอีกคนเรียกชื่อขึ้นอีกครั้ง

“เดนิส”

“ครับ?”

“งั้นฉันไปด้วย”

“!!”

สิ้นเสียงของจอมพลร่างโปร่งถึงกับขมวดคิ้วพร้อมกับมองอีกฝ่ายกลับอย่างไม่เข้าใจทันที ร่างสูงมองภีมตอบด้วยความรู้สึกเย้ยหยัน จอมพลไม่เข้าใจตัวเองเช่นเดียวกันว่าทำไมถึงพูดออกไปอย่างนั้นเพียงแต่ตอนนี้ในหัวของเขากลับมีแต่คำว่า…อย่าปล่อยให้พวกเขาไปด้วยกันอยู่เต็มไปหมด!!

“อ้าว! คุณจอมพลไม่กลับไปเคลียร์เอกสารแล้วเหรอครับ”

“จำได้ว่ามันไม่ด่วนเท่าไหร่พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน”

“โอเคครับถ้างั้นผมขอตัวไปเก็บของก่อน ป่ะภีม” เดนิสหันมาบอกคนข้างตัวก่อนจะรีบจ้ำอ้าวเดินออกไปทันทีในขณะที่ภีมเองก็เบือนสายตาที่ใช้จ้องคนตรงหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเพื่อหมายจะตามอีกคนออกไป ทว่าร่างโปร่งกลับถูกจอมพลรั้งไว้ด้วยถ้อยคำปรามาสเสียก่อน

“เพิ่งรู้ว่ากับผู้ชายมึงก็ร่านได้ไม่เว้น!!” ร่างสูงเค้นเสียงตะคอกกลับ

ภีมเบิกตากับคำว่ากล่าวที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ร่างโปร่งกำหมัดตัวเองไว้มั่นก่อนใบหน้าเรียวที่เต็มไปด้วยความโกรธจะกลับกลายเป็นฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มร้ายที่เหยียดออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่า

“ผมจะร่านกับคนที่ผมอยากจะร่านด้วยเท่านั้นซึ่งต้องขอโทษด้วยที่มันไม่ใช่คุณ!!” ว่าเสร็จภีมก็สาวเท้าเดินออกไปทันทีทิ้งไว้แต่เพียงจอมพลที่ขบกรามแน่นพลางต่อยเข้ากับกำแพงจนเกิดเสียงดังด้วยอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านออกมาจนเกือบจะถึงขีดสุด!

:

:
ภายในร้านอาหารกึ่งบาร์บรรยากาศสุดชิลล์ เต็มไปด้วยลูกค้าที่กำลังจับจองมองหาโต๊ะนั่งกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งหนึ่งในโต๊ะที่มีผู้จับจองอยู่แล้วนั้นคือสามชายหนุ่มกับอีกหนึ่งหญิงสาวที่ออกปากขอตามมาด้วยกำลังนั่งดื่มกันหลังจากทานอาหารที่สั่งมาจนอิ่มพร้อมกับคุยเรื่องปกิณกะตามประสาคนวัยทำงานด้วยกัน

“แล้วคุณทำยังไงหลังจากนั้น” มาริกาถามเดนิสที่เล่าประสบการณ์ในการทำงานของตัวเองให้ฟัง

“ผมก็ด่าลูกน้องคนนั้นกลับไปว่า เฮ้ย*! มึงทำให้กูต้องโดนคุณจอมพลดุอย่าอยู่เลย!!*”

“คุณทำร้ายเขา?” หญิงสาวเบิกตา

“เปล่าครับ…ผมกอดคอมันแล้วบอกว่า อย่าอยู่เลยว่ะคนอ่อนแออย่างมึงไปยื่นใบลาออกแล้วกลับบ้านไปดูดนมแม่ซะ”

“แล้วเขายอมลาออกมั้ยคะ”

“ไม่หรอกครับ…พอวันรุ่งขึ้นมันก็ขยันกว่าเดิมอีกเป็นเท่าตัวจนเมื่อโครงการนั้นเสร็จผมก็ได้โบนัสจากบริษัทมาก้อนหนึ่ง”

“คุณนี่ร้ายจริงๆ เลยนะคะ”

“ผมก็แค่พูดให้มันคิดน่ะครับเพราะคนทำงานอย่างเรามันขี้เกียจไม่ได้ไม่งั้นกำหนดการก่อสร้างก็จะเลื่อนออกไปเรื่อยๆ อีกอย่างโบนัสก้อนนั้นที่ผมได้มาผมก็ยกให้มันหมด”

“ว้าววว…พ่อวิศวกรดีเด่น”

“อย่าแซวกันสิครับผมเขินแย่” เดนิสพูดออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

ภีมมองทั้งคู่ที่กำลังเมาได้ที่คุยกันด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ร่างโปร่งยกแก้วพั้นซ์ขึ้นดื่มก่อนสายตาของเขาจะเคลื่อนไปสบกับอีกคนที่ดันนั่งตรงข้ามกันอีกครั้ง

จอมพลนั่งมองภีมนิ่งจนคนถูกมองเริ่มทำตัวไม่ถูก ร่างสูงใช้นิ้วเรียวเกลี่ยปากแก้วที่บรรจุเครื่องดื่มสีอำพันของตนในมือไปมา ร่างโปร่งจึตัดสินใจวางแก้วพั้นซ์ในมือของตัวเองลงในขณะที่กลืนของเหลวในปากลงคอไปอย่างฝืดๆ

“คุณจอมพลครับดื่มกับผมอีกสักแก้วจะได้มั้ย” เดนิสหันไปหาเจ้านายของตัวก่อนจะร้องขอ

“นายดื่มเยอะไปแล้วเดนิสเดี๋ยวต้องขับรถกลับอีกไม่ใช่เจอด่านตรวจกลางทางขึ้นมาจะทำไง” คนเป็นนายเตือนด้วยความหวังดี

“ไม่เป็นไรหรอกครับภีมบอกจะขับกลับให้”

“หมายความว่าไง” แววตาที่ใช้มองไปยังอีกคนแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่ได้ยิน

“ผมจะกลับกับพี่เดนเพราะถึงยังไงเราก็อยู่คอนโดเดียวกันคนขับรถของคุณจะได้ไม่ต้องลำบากไปส่ง” ภีมอธิบาย

“แต่นายมากับฉัน!” จอมพลขึ้นเสียง

“ก็นั่นมันตอนมาแต่ตอนนี้ผมจะกลับกับพี่เดนยังไงล่ะครับ” ร่างโปร่งว่าก่อนจะมองไปยังคนข้างๆ ของจอมพลที่เอาแต่เหมอลอยหลังจากที่ตบหน้าตัวเองเพื่อเรียกสติอยู่หลายที

“ผมว่าคุณดูแลคุณมาริกาเธอจะดีกว่าดูท่าว่าเธอคงดื่มไปเยอะเหมือนกัน”

“ใช่ค่ะพี่จอมพลริกาปวดหัวไปหมดเลย ริกาไม่ไหวแล้ว” มาริกาเอนตัวซบไหล่กว้างหลังจากพูดจบ

“ถ้ายังงั้นขอแค่แก้วนี้อีกแก้วเดียวนะครับคุณจอมพล” เดนิสคะยั้นคะยอจนจอมพลยอมดื่มกับเขาอีกแก้ว

:

ทั้งสี่เดินออกจากร้านมาด้วยสภาพที่ไม่น่าดูนัก จอมพลพยุงมาริกาที่แม้ว่าเธอจะเมามากจนเดินขาลากแต่กระนั้นความสวยก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปได้เลย เช่นเดียวกันกับภีมที่พยุงเดนิสเดินขึ้นรถไปอย่างทุลักทุเล

ภีมปิดประตูรถก่อนจะเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับแต่แล้วจอมพลก็เดินตรงเข้ามากระชากเขาไว้หลังจากปล่อยให้คนขับรถช่วยนำมาริกาขึ้นรถแทนเสียก่อน

“มึงคิดจะทำอะไร!!?” จอมพลถามด้วยใบหน้าเหี้ยม

“ทำอะไร?”

“ทำไมมึงไม่กลับกับกู!!”

“คุณไม่เห็นหรือไงว่าพี่เดนเขาเมาเกิดขับกลับเองแล้วเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง อีกอย่างจะกลับกับใครมันก็เหมือนกัน ปล่อยได้แล้ว!” ภีมสะบัดมือของอีกฝ่าย

“มึงกำลังทำกูอารมณ์เสีย!”

“นั่นมันเรื่องของคุณ! ปล่อย!” ภีมสะบัดจนมือหนาหลุดออกจากแขน

“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” เดนิสเลื่อนกระจกลงพลางยื่นหน้าออกมาถามด้วยเสียงยานคาง

“เปล่าครับ” ภีมว่าก่อนจะปรายตามองจอมพลอีกครั้งและเปิดประตูขึ้นรถไป

ร่างสูงมองคนทั้งคู่ในรถด้วยแววตาดุดัน หากแต่กระนั้นร่างโปร่งก็ไม่ได้สนใจต่ออีกอย่างใด

“คาดเข็มขัดด้วยครับพี่เดน” ภีมบอกคนข้างตัว

“เข็มขัด?”

“ครับเข็มขัดนิรภัย”

“อยู่ไหน…” เดนิสควานหาสะเปะสะปะจนร่างโปร่งต้องเอี้ยวตัวไปทำให้

จอมพลขบกรามแน่นกับภาพที่เห็น ร่างสูงหันหลังเดินกลับไปยังรถของตนก่อนจะบอกให้คนขับรถขับออกไปทันที

ภีมมองรถของร่างสูงที่เคลื่อนออกไปพลางพ่นลมหายใจอย่างโล่งอก ท่าทีทั้งหมดที่เขาทำกับจอมพลมันเป็นเพียงแค่การแสดงเท่านั้นไม่ใช่นิสัยส่วนตัวของเขาเลยสักนิด ภีมลำบากใจทุกครั้งที่อีกฝ่ายตรงเข้ามาหาเรื่องแต่ถึงกระนั้นเขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจากต้องคอยรับมือให้พ้นไปเป็นวันๆ

“มีเรื่องกันเหรอ” เดนิสถามขั้น

“ครับ?”

“ภีมมีเรื่องกับคุณจอมพลเหรอเห็นเขาจ้องนายไม่ปล่อย”

“พี่ไม่ได้เมา?”

“แค่เดินไม่ตรงแต่ยังพอมีสติ” ร่างสูงว่าพลางปรือตามองคนที่อาสาเป็นสารถี

“แค่เรื่องเข้าใจผิดน่ะครับ” ภีมบอกก่อนจะขับเคลื่อนตัวรถออกจากร้านมา

“จริง?”

“ครับ”

“แต่พี่ว่าเขาดูมีอะไรกับภีมนะ” เดนิสถามเสียงเรียบ ทว่าคำถามนี้กลับทำให้ภีมชะงักราวกับกลัวโดนจับผิดจนต้องรีบตัดบทกลับทันที

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่เดนคิดมากไปแล้ว”

“แล้วกับไอ้แดนล่ะจะบอกพี่ได้หรือยัง” ร่างโปร่งหันมองคนข้างๆ ที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วพลางถอนหายใจและยอมรับออกไปในที่สุด

“ผมกับแดนเคยคบกันครับ” ภีมว่าก่อนอีกฝ่ายจะเงียบกริบ

“พี่เดนคงรังเกียจที่ความจริงแล้วผมเป็นแบบนี้แล้วล่ะสิ”

“ใครบอกแค่อยากฟังจากปากของนายมากกว่าเพราะไอ้แดนมันก็เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว”

“เหรอครับ”

“ไม่โกรธมันใช่มั้ยที่เล่าให้พี่ฟัง”

“ไม่หรอกครับเรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“รวมทั้งเรื่องที่มันไปนอนกับผู้หญิงมาด้วยมั้ย”

“ครับผมไม่ได้โกรธมันแล้วแต่จะให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมมันก็ไม่ได้”

“ทำไม?”

“ผมกับมันเป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้วครับเป็นแฟนกันไม่รอดหรอก ผมมีข้อเสียมันเองก็มีข้อเสียและติดตรงที่เราไม่สามารถปรับมันเข้าหากันได้ยังไงล่ะครับ”

“เศร้าน่าดู” เดนิสว่า

“ฮ่าๆ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ” ภีมอดขำกับคำพูดของคนเมาไม่ได้

“ดูท่าว่าแก้วสุดท้ายที่ดื่มกับคุณจอมพลจะออกฤทธิ์ซะแล้วล่ะ พี่ของีบสักหน่อยแล้วกัน”

“ครับเดี๋ยวถึงแล้วผมจะเรียก” ร่างโปร่งมองไปยังทางเบื้องหน้าพร้อมกับตั้งใจขับต่อไป

:

“พี่เดนๆ”

“หืม?”

“ถึงแล้วครับ” ภีมบอกก่อนคนงัวเงียจะเปิดเปลือกตาที่ฉ่ำปรือนี้ขึ้นและเอ่ยตอบ

“ขอบใจมากภีม” เดนิสก้าวเดินลงจากรถก่อนจะพิงประตูไว้เพื่อเรียกสติ

“พี่เดินเองไหวมั้ย”

“ไหวๆ” ร่างสูงบอกก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างโซซัดโซเซ

“แม่ง! ไม่น่าดื่มหนักขนาดนี้เลยบ้าฉิบหาย!” เดนิสสบถว่าให้ตัวเองในขณะที่เดินมาถึงประตูลิฟต์ของลานจอดรถ

“ผมช่วยดีกว่า” ภีมตัดสินใจตรงเข้าช่วยพยุงร่างสูงเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูเปิดออก

“ขอโทษที่ทำให้นายลำบากขับรถมาตั้งไกลนะ” เดนิสว่า

“สบายมากครับผมเองก็อาศัยรถพี่กลับนะถือว่าหายกัน” ภีมพยุงเดนิสออกจากลิฟต์เมื่อมันหยุดที่ชั้นแปด

ร่างโปร่งพาอีกคนที่ลากเท้าเดินราวกับคนไม่มีแรงไปตามทางเดินก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องแปดศูนย์เจ็ดห้องของอีกฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับเขา

“กุญแจครับพี่เดน”

“อยู่ในกระเป๋าช่องตรงกลางเล็กๆ” ภีมเปิดกระเป๋าและควานหาข้างในจนเจอก่อนจะพาอีกคนเดินเข้าห้องไป

“ช่วยพาพี่เข้าห้องนอนหน่อย” เดนิสวานเมื่อร่างสูงไม่มีแรงจะเดินเข้าไปด้วยตัวเอง

ภีมทำตามที่เดนิสขอก่อนจะล้มตัวลงบนเตียงของอีกคนพร้อมๆ กับเจ้าของห้องที่ดันทิ้งตัวลงมาโดยไม่สนใจเขาเมื่อเห็นผืนเตียงกว้างตรงหน้า

“พี่แดนผมหนัก” ร่างโปร่งว่าเมื่อเดนิสทับภีมไว้ทั้งร่าง

“โทษที” ร่างสูงยันตัวเองออกพร้อมกับพลิกตัวนอนแผ่หรากลางเตียงกว้าง

ภีมหยัดตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนที่กระดุมเม็ดที่สองของเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่จะหล่นลงบนเตียงของเดนิส ร่างโปร่งมองเสื้อเชิ้ตที่เปิดจนเผยให้เห็นอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามพองามของตัวเองอย่างระเหี่ยใจ คงเป็นตอนล้มลงเมื่อกี้แน่ๆ ภีมคิดในใจพลางลุกขึ้นยืน

“พี่อยากได้อะไรอีกหรือเปล่า” เดนิสยกมือขึ้นพลางโบกไปมาปฏิเสธคนถาม

“งั้นผมกลับห้องแล้วนะนอนดีๆ นะพี่ เดี๋ยวผมล๊อกห้องให้” ร่างโปร่งบอกร่างสูงที่ทำเพียงแต่สัญลักษญย์ OK กลับมาก่อนจะปิดล๊อกห้องตามที่ได้บอกอีกคนเอาไว้และไขกุญแจเข้าห้องตัวเองไป

หมับ!

“!!”

ภีมเบิกตาโพรงเมื่อจู่ๆ ก็มีมือหนาของใครบางคนเอื้อมมาจับประตูห้องของเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะทันได้ปิดมัน

ร่างโปร่งออกแรงดันเมื่อสมองสั่งการณ์ว่าคนที่ทำแบบนี้ต้องมีเจตนาไม่ดีอยู่แน่ๆ ทั้งสองคนออกแรงยื้อแย่งกันไปมาจนกระทั่งร่างสูงของใครบางคนด้านนอกจะออกแรงผลักเจ้าของห้องอย่างเขาให้เซไปด้านหลังพร้อมกับแทรกตัวเดินผ่านประตูเข้ามาในห้องและปิดล๊อกมันไว้ในทันที

“แค่มันเมามึงจำเป็นต้องเซอร์วิสขนาดไปส่งจนถึงเตียง?” ภีมกระพริบตาถี่ๆ เนื่องจากไฟในห้องยังไม่ติด

น้ำเสียงห่ามแม้ไม่เห็นตัวก็ฉุดให้ร่างโปร่งขนลุกและเสียวสันหลังขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเจ้าของเสียงเช่นนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก!...

“แล้วถ้าผัวอย่างกูเกิดเมาขึ้นมาล่ะอยากรู้จริงๆ ว่ามึงจะเซอร์วิสยังไง!” จอมพลมองภีมด้วยแววตาเดือดดาลในขณะที่แสงไฟภายในห้องสว่างขึ้นชั่วพริบตาเดียวหลังจากที่คำพูดนี้สิ้นสุดลง

“!!”



TBC......
----------------------------------------------
งานหึงงานหวงแบบไม่รู้ตัวก็มา #ง่อววววววว
เฮียเอ๋ย เฮียแพ้น้องภีมราบคาบแล้วนะรู้ตัวมั้ย?
เอะอะ จับกด! คนไม่รู้สึกอะไรเขาไม่ทำกันหรอกนะเฮียยยยยย
#บางทีก็เหนื่อยกับความเป็นจอมพล 555+
อ่านแล้ว เม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจให้กิ่งด้วยนะคะ ตอนหน้า NC ค่ะ >x<!!
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 24-07-2017 15:22:00
ไอพลกับไอชันย์เนี่ย บ้ากับบอพอกัน
 :เฮ้อ:แถมไบโพล่าอีก
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 24-07-2017 19:01:54
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.10 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-07-2017 20:49:47
พระเอกที่คงสเต็ปมโนสม่ำเสมอ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 24-07-2017 20:52:36
CHAPTER 11



 “ตอบ!!” จอมพลตวาดเร่งเร้า ร่างสูงจ้องภีมด้วยแววตาเดือดดาลพลางสืบเท้าเข้ามาด้วยท่าทีน่าเกรงขามจนภีมเลือกที่จะถอยกรูดอย่างนึกหวั่นเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่โชยมาจากอีกคน

“คุณเมามากแล้วนะคุณจอมพล! มีอะไรก็ไว้คุยกันพรุ่งนี้กลับบ้านของคุณไปซะ” ภีมบอกเสียงสั่น

“มึงคิดว่าผัวอย่างกูพอเห็นเมียออกจากห้องไอ้ตัวผู้ตัวอื่นมาแล้วจะปล่อยไปง่ายๆ ว่างั้น?!”

ภีมเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดีร่างโปร่งกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองก่อนจะเริ่มมองหาทางหนีทีไล่ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เขาคิดคือต้องรีบเข้าห้องนอนและปิดล๊อกให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้โทรลงไปแจ้งรปภ. ให้ขึ้นมาจัดการกับคนตรงหน้าแต่ทว่า…

“กูจะกำราบท่าทางพยศของมึงจนลุกไม่ขึ้นเลยคอยดู!!” ว่าเสร็จจอมพลก็ก้าวเท้าเข้าหาตัวการที่ทำให้เขาเดือดขนาดนี้ทันที

ภีมหลบหลีกมือหนาที่เอื้อมมาหมายจะจับตัวเขาก่อนจะพยายามวิ่งไปยังประตูห้องนอนแต่สิ่งที่คิดเอาไว้กลับผิดไปเสียทุกอย่างเพราะแค่เขาก้าวออกไปจากจุดที่ยืนอยู่ได้เพียงไม่กี่ก้าวจอมพลที่คว้าตัวเขาเอาไว้ได้ก็ออกแรงอุ้มตัวเขาให้พาดลงบนไหล่หนาพลันทิ้งลงบนโซฟาด้านนอกอย่างไม่ใยดี

ปึก!!

“อย่านะ!” ภีมชันขาขึ้นก่อนจะดันตัวอีกฝ่ายที่ขึ้นมาบนโซฟาในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีออก จอมพลดึงขาของภีมลงก่อนจะควบเอวบางนี้เอาไว้พร้อมกับรวบมือของอีกฝ่ายขึงไว้เหนือหัว

“คุณจอมพลคุณเมาอยู่ตั้งสติหน่อย!!” ภีมตะโกนว่า

“เหล้าแค่ไม่กี่แก้วมันไม่ระคายสติกูเท่ามึงหรอกภีม! ปากดีนักนี่มีปากไว้แซะกูทั้งวันก็อย่าลืมใช้มันครางให้กูฟังตอนโดนเอาหน่อยเป็นไง!” คนเดือดดาลทึ้งเสื้อเชิ้ตของภีมจนกระดุมกระเด็นหายไปคนละทิศละทาง

“ไม่เอานะ! โอ้ย!!” ภีมร้องเมื่อจอมพลที่ก้มลงซุกไซ้ซอกคอของเขาออกแรงกัดจนเห็นเป็นรอยเขี้ยว

ภีมดิ้นและพยายามดันแผงอกของคนด้านบนออกจนสุดแรงทว่าจอมพลกลับไม่สะท้าน เขายังคงซุกไซ้ซอกคอของภีมไปมาอย่างหื่นกระหายก่อนริมฝีปากร้อนผ่าวที่โลมเลียและจูบซับไปตามลำคอจะเคลื่อนขึ้นมาบดจูบไปบนริมฝีปากสีระเรื่อที่เผยอออกเพราะพยายามร้องเรียกให้หยุด

จอมพลขบเม้มริมฝีปากของภีมตามแรงอารมณ์ที่เริ่มจะปะทุขึ้นมาเรื่อยๆ ร่างโปร่งเบิกตาโพลงและพยายามปิดปากตัวเองลงแต่การกระทำของเขาก็ดูจะสายเกินไปเพราะในขณะที่ภีมกำลังร้อนรนกับรสจูบที่ดุดันจอมพลก็ทำการส่งเรียวลิ้นเข้ามาเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานอย่างผู้ชำนาญเสียจนคนใต้ร่างแทบจะหมดลม

กึก!

“เหี้ย!!”

ปึก!

ภีมตัดสินใจกัดริมฝีปากของอีกคนไปเต็มแรงก่อนจะผลักจอมพลให้ล้มลงไปบนพื้นพลันรีบลุกออกจากโซฟาและวิ่งเข้าห้องนอนไปหากแต่ทันทีที่ภีมเอี้ยวตัวคว้าประตูเพื่อจะปิดลงจอมพลกลับวิ่งตรงเข้ามาดันมันเอาไว้พร้อมกับออกแรงผลักจนคนตัวเล็กกว่าที่พยายามดันประตูให้ปิดล้มลงไปอย่างหมดท่า

“มึงกล้ากัดกูเหรอ!!” จอมพลตามเข้ากระชากภีมให้ลุกขึ้น

“ปล่อยผม!!” ภีมว่าพลางพยายามแกะนิ้วมือที่บีบต้นแขนตัวเองออก

“กล้ามากที่กัดกู! เดี๋ยวมึงได้ครางไม่หยุดแน่!!”

จอมพลเหวี่ยงภีมลงบนเตียงกว้างจนฝ่ายโดนกระทำนิ่วหน้าเพราะจุกก่อนเขาจะตรงขึ้นมาคร่อมตัวภีมเอาไว้ไม่ให้หนี

“หยุดนะคุณจอมพลอย่าทำผม!!” ภีมว่าเมื่อคนด้านบนครอบริมฝีปากลงบนเม็ดบัวสีชมพูกลางหน้าอก

แรงของภีมไม่สามารถต้านทานแรงอารมณ์ของอีกฝ่ายในเวลานี้ได้เลยจอมพลไม่สนใจคำพูดของภีมแม้แต่น้อยร่างสูงจูบซับไปตามแผงอกบางและหน้าท้องที่ประกอบไปด้วยมัดกล้ามเพียงนิดนี้ไปเรื่อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือลงไปปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงของภีมลงท่ามกลางคนเป็นเจ้าของที่ไร้ซึ่งความเต็มใจ

“คุณจอมพล! คุณลืมไปแล้วเหรอไงว่าผมเป็นคนทำให้น้องคุณต้องเป็นแบบนั้นน่ะห๊ะ?!”

ได้ผล…จอมพลหยุดการกระทำก่อนหน้าลงพลันเงยหน้าขึ้นมาสบตากับภีมที่สั่นระริกไปทั้งตัวอย่างคาดโทษ

“คุณบอกว่าคุณเกลียดผม! แล้วคุณจะทำแบบนี้กับคนที่เกลียดไปทำไม!!” ภีมว่าในขณะที่ดวงตากลมเต็มไปด้วยน้ำใส

“เพราะว่ากูเกลียดมึงยังไงล่ะ! กูอยากให้มึงเจ็บมากกว่าที่น้องกูเคยเจ็บ! มึงมันก็แค่รูเน่าเฟะที่กูลดตัวลงมาเกลือกกลั้วด้วยก็เป็นบุญค้ำหัวไปเท่าไหร่แล้ว!!”

“!!” ภีมจุกกับคำพูดเหล่านี้เสียจนพูดไม่ออก

“หรือมึงอยากได้เงิน?”

“…”

“ถ้าอยากได้นักก็ใช้ร่างกายปรนเปรอกูหน่อยเป็นไงอยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามากูยินดีจ่ายค่าความเป็นคนของมึงคืน!” ว่าจบจอมพลก็ทำการรั้งกางเกงของอีกฝ่ายลงพร้อมกับควักเอากลางกายที่ผงาดจนเต็มขนาดของตัวเองออกมา

ภีมพยายามดิ้นหนีเพื่อเอาตัวรอดแต่จอมพลกลับทำการพลิกตัวเขาให้นอนคว่ำลงไปบนเตียงพร้อมกับแยกขาทั้งสองจนต้องร้องลั่น

“อย่า!! โอ้ย!! ปล่อยผม!!!” จอมพลมองช่องทางด้านหลังที่ยังไม่หายดีด้วยแววตาเหี้ยมใบหน้าของเขาไม่มีความสงสารภีมอยู่เลยแม้แต่น้อยมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจความโกรธที่ถูกอีกฝ่ายไม่สนใจหรือแม้กระทั่ง…ความหึงหวงที่เจ้าตัวคงยังไม่รู้ว่ามันกำลังก่อตัวขึ้นทีละนิดจนเกือบจะเต็มไปทั้งอก

ภีมเอี้ยวตัวดันหน้าท้องอีกฝ่ายเอาไว้เมื่อจอมพลทำท่าว่าจะสอดใส่แท่นหนาเข้ามา ร่างโปร่งพยายามตะเกียกตะกายหนีก่อนจะถูกคว้าเข้าที่ข้อเท้าพลันถูกลากกลับไปอย่างไม่ใยดี

จอมพลครางหืออย่างไม่สบอารมณ์ร่างสูงคว้าหมับเข้าที่สะโพกงอนก่อนจะยัดกลางกายขนาดใหญ่ของตัวเองเข้าไปทันทีโดยไร้ซึ่งการเบิกทาง

“โอ้ย!!!! เจ็บบบบ!!! ผมเจ็บ! ฮึก!” ภีมร้องลั่น

มือเรียวขยำผ้าห่มและผ้าปูที่นอนราวกับอยากจะให้มันขาดออกเป็นเสี่ยงๆ น้ำตาของภีมไหลออกมาเป็นทางก่อนคนข้างหลังจะโน้มตัวทาบอกแกร่งลงกับแผ่นหลังของเขาพร้อมกับคว้าคางเล็กบังคับให้หันไปหาพร้อมกับปรามาสออกมาด้วยคำพูดอีกเช่นเคย

“หยุดน้ำตาของมึงไว้ซะเพราะไม่ใช่แค่กูจะไม่สงสารแล้วมันยังทำให้มึงน่าสมเพชรู้ตัวไว้!!” จอมพลเอ่ยเสียงแหบพร่าก่อนจะพยายามดันกลางกายเข้าไปอีกเมื่อมันยังเข้าได้ไม่ถึงครึ่ง

“โอ้ย! อย่า!! ผมเจ็บได้โปรด…” ภีมกัดริมฝีปากจนห่อเลือดก่อนจอมพลจะหยัดตัวขึ้นพร้อมกับสวนสะโพกเข้าใส่จนกลางกายที่คาอยู่เข้าไปในช่องทางของภีมจนมิดด้าม

“โอ้ย!!!!!”

เรียวขาเล็กสั่นระริกเช่นเดียวกับร่างกายที่เพิ่งจะฟื้นไข้ได้ไม่นานที่     สั่นเทาเพราะสิ่งที่คับแน่นอยู่ด้านล่าง จอมพลมองช่องทางของภีมที่มีกลางกายของตัวเองครอบครองอยู่ด้วยใบหน้าพอใจก่อนเขาเริ่มขยับทันทีที่อีกคนนิ่ง

สวบๆๆ สวบๆๆ

“หึ! ทีนี้มึงยังจะกล้าปากดีกับกูอีกมั้ย?” จอมพลเอ่ยถามแต่ภีมกลับยังเงียบไม่ยอมตอบ

ร่างสูงขบกรามแน่นเมื่อภีมไม่มีทีท่าว่าจะร่วมมือกับบทรักครั้งนี้ของเขาเลยแม้แต่น้อยจอมพลมองแผ่นหลังที่ขยับเพราะแรงกระแทกของตัวเองด้วยแววตาหงุดหงิดก่อนเขาจะเอื้อมมือหนาลงไปคว้ากลางกายของภีมพร้อมกับรูดรั้งมันจนร่างโปร่งทนไม่ไหวต้องส่งเสียงร้องครางออกมา

“อย่า! อ่ะ! อึก!”

“เห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ยแค่กูทำให้หน่อยก็ครางซะลั่นทีกูกระแทกอยู่อย่างนี้แม่งไม่ร้องออกมาสักแอะหรือมันยังไม่สมใจมึง?” คนตัวใหญ่ว่าก่อนจะกระแทกกลางกายเข้าใส่ช่องทางแบบเน้นๆ ไปหลายที

พั่บๆๆๆ

“อ่ะ! จุก! มันลึกโอ้ย!!” ภีมร้องออกมาเมื่อจอมพลลงแรงสวนกระโพกใส่จนเขารู้สึกได้ว่ามันกำลังฉีกขาด

ช่องทางเริ่มเหนอะหนะเพราะของเหลวที่ไหลออกมาจอมพลมองไปยังต้นตอพลันต้องชะงักเมื่อเลือดของภีมกำลังไหลและหยดลงบนเตียงจนมันขยายเป็นวงกว้าง

ร่างสูงจับตัวภีมให้พลิกหงายขึ้นมาทั้งที่ด้านล่างของพวกเขายังคากันอยู่จอมพลตรึงแขนทั้งสองข้างที่แทบจะไม่มีแรงของภีมไว้เหนือหัวพลันจ้องใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตากลับในขณะที่คนใต้ร่างเองก็ไม่ได้รับรู้ความหมายของแววตานี้เลยสักนิด
ภีมเบือนหน้าหนีแววตานี้ไปอีกทางเขาสะอื้นพลางนิ่วหน้าเพราะความคับแน่น…มันไม่ได้แค่เจ็บตัวแล้วตอนนี้แต่เขากำลังเจ็บมันไปทั้งใจ

“กูจะสนองความร่านของมึงจนถึงเช้าเลยดีมั้ย?” จอมพลมองคนใต้ร่างพลางแสยะยิ้ม

“…”

“วันนั้นแม่งยังไม่สาแก่ใจกูเลยว่ะ!”

“อึก! อ่ะ!” ภีมส่ายหน้าเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเคลื่อนสะโพกเนิบนาบเข้าออกอย่างเป็นจังหวะจนเขาเกิดความรู้สึดวาบหวามขึ้นมา

“ซี้ดดดด แม่งรัดฉิบหาย” จอมพลสบถเมื่ออีกฝ่ายเกร็งจนเขาเองรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ขยับ

ร่างสูงก้มลงเลียไปตามใบหูของภีมเพื่อให้ผ่อนคลายทว่าในมุมของคนถูกกระทำภีมยังคงพยายามขัดขืนอย่างไม่ลดละกระทั่งจอมพลที่ซุกไซ้อยู่ตามซอกคอขาวจะเคลื่อนริมฝีปากขึ้นมาครอบครองริมฝีปากหยักได้รูปสีแดงระเรื่อของเขาอีกครั้งขณะที่สะโพกสอบยังคงทำหน้าที่กับช่วงล่างได้เป็นอย่างดี

“อื้อออ!!” ภีมส่งเสียงร้องขัดในลำคอเมื่ออีกคนเริ่มเร่งจังหวะ

จอมพลขบเม้มริมฝีปากนี้ไม่ปล่อยแม้ว่าอีกคนจะพยายามขัดขืนแต่ ร่างสูงกลับรู้สึกมัวเมาจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป

จอมพลยอมผละริมฝีปากออกในที่สุดก่อนจะขยับช่วงล่างรัวเร็วขึ้นจนภีมที่สั่นไปตามจังหวะกระแทกกระทั้นนี้ส่งเสียงร้องครางออกมาเมื่อความเจ็บปวดกลับกลายเป็นความเสียวซ่าน ลำแขนแกร่งของจอมพลซุกลอดผ่านแผ่นหลังที่ติดกับเตียงของภีมเอาไว้พร้อมกับออกแรงโอบกอดอีกคนที่กำลังสั่นระริกไปทั้งตัวด้วยบทรักที่ยังคงดำเนินต่อไปอย่างเร่าร้อน

“อ่ะ! ๆๆๆ อึก! อ่ะ! ๆๆๆ อ๊าอ่ะ!”

ภีมเกยคางตัวเองไว้บนไหล่กว้างร่างโปร่งไม่สามารถกลั้นเสียงครางน่าอายของตัวเองได้อีกต่อไปเมื่ออีกฝ่ายพยายามกระแทกกลางกายเข้ามาจนโดนจุดกระสันของเขาไปหลายที

“ซี้ดดดด” จอมพลหยัดตัวขึ้นมองไปยังใบหน้าทรมานกับดวงตาฉ่ำปรือของภีมด้วยความรู้สึกที่จู่ๆ ก็จุกอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหากแต่หวังจะให้หยุดตอนนี้เขาเองก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน

คล้ายกับ วอดก้า เครื่องดื่มที่เขาชอบ…ที่พอได้มัวเมาก็ไม่อยากวางมันลงจนกว่าจะดื่มให้หนำใจ

จอมพลยังคงกระแทกกลางกายเข้าออกถี่รัวไม่หยุดร่างสูงเร่งเครื่องขึ้นมาอีกเมื่อบทรักในรอบแรกใกล้จะถึงปลายทางเช่นเดียวกับภีมที่ขยำผ้าปูที่นอนเอาไว้เมื่อรู้สึกได้ถึงความคับแน่นของสิ่งแปลกปลอมที่อีกฝ่ายยัดเยียดมันเข้ามาในร่างกายของเขา
“อ่ะๆๆๆ โอ้ย! อย่า! อย่าทำ…ผมขอร้อง!” ภีมส่ายหน้าพลางร้องห้าม

“ซี้ดดดด กูจะทำ! มึงมีปัญหา?!” จอมพลที่ใกล้จะปลดปล่อยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมก่อนจะขยับสะโพกเข้าออกจนอีกฝ่ายร้องเสียงหลงพร้อมกับปลดปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นเข้าไปข้างในจนภีมร้อนวาบไปทั่วท้อง

“อ่า!!!” เสียงร้องครางดังขึ้นอย่างสุขสมพร้อมๆ กับถอดกลางกายของตัวเองออกจนคนใต้ร่างรู้สึกเสียววาบไปทั้งกาย

ภีมงอเข่านอนตะแคงทันทีที่เป็นอิสระร่างโปร่งหอบหายใจเข้าออกไม่แพ้กับผู้กุมบังเหียนของเรื่องบนเตียงในครั้งนี้ที่ดังอยู่ใกล้ๆ
จอมพลมองคนข้างๆ ด้วยแววตาที่ยังคงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์อย่างไม่มีที่สิ้นสุดก่อนเขาจะลุกเดินลงจากเตียงพลันดึงข้อเท้าของภีมให้อีกฝ่ายลงมาเช่นเดียวกัน

“โอ้ย!! ฮึก!” ภีมร้องเมื่อสะโพกของเขาปะทะเข้ากับพื้นห้องเย็นเฉียบ

จอมพลไม่รอช้ากระชากเรียวแขนเล็กขึ้นมาให้ภีมนั่งชันเข่าพร้อมกับหมอบลงไปบนเตียงก่อนจะใช้มือหนาคลึงสะโพกจนอีกฝ่ายต้องร้องห้าม

“อย่าทำอีกผมขอร้อง…ผมไม่ไหวแล้ว ฮึก!” ภีมหันหน้ามองจอมด้วยน้ำตา

“แต่กูยังไหว” จอมพลว่าพลางจ่อกลางกายไปยังช่องทางนี้อีกครั้ง

“ผมไม่ไหว…ไม่ไหวแล้วจริงๆ”

“คิดว่าบีบน้ำตาแล้วกูจะสงสาร? หึ! ฝันไปเถอะมึง!!”

สวบ!

“โอ้ย!!” ภีมร้องด้วยน้ำเสียงปวดร้าวอีกครั้งเมื่อถูกอีกฝ่ายส่งกลางกายที่ยังผงาดเข้ามาทีเดียวจนมิดด้าม

กายหนาบรรเลงบทรักครั้งที่สองขึ้นอีกครั้งในขณะที่ภีมได้แต่ภาวนาอยู่ในใจขอให้ค่ำคืนนี้ผ่านพ้นไปเสียที ร่างโปร่งกัดริมฝีปากเพื่อข่มความเจ็บเอาไว้ก่อนจอมพลจะอาศัยความดิบเถื่อนกัดเซาะหัวใจของเขาให้แหลกละเอียดจนเป็นผง

ภีมร้องครวญครางทั้งคืนก่อนจะสลบไปเมื่ออีกฝ่ายพยายามต่อบทรักครั้งที่สี่ จอมพลชะงักพลางมองใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'คนของเขา' อยู่พักใหญ่ร่างสูงจัดการถอนกายหนาออกเมื่อทำต่อจนสำเร็จความใคร่ก่อนจะลุกขึ้นนั่งข้างๆ คนที่หมดสติไปอย่างหัวเสีย

จอมพลสบถคำหยาบออกมามากมายอย่างบ้าคลั่ง เขารู้ดีว่าการกระทำของตัวเองมันเริ่มที่จะเลวร้ายเข้าไปทุกทีแต่ไม่รู้ทำไมเมื่อยิ่งทำก็กลับยิ่งรู้สึกกับคนๆ นี้มากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นความรู้สึกที่เขาพยายามหาข้ออ้างเพื่อลบล้างทั้งที่ในใจก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าภีมนั้นได้เข้ามาอยู่ในความสนใจของเขาเสียแล้ว

ที่ทำลงไปวันนี้มันเป็นเพราะเขาหึงภีมมั้ยนะ?

จอมพลคิดหนักกับเรื่องนี้เอามากๆ เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้กับคนที่คิดมาตลอดว่าจะแก้แค้นให้สาสมกับสิ่งที่อีกฝ่ายทำไว้กับน้องสาว เพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับกลายเป็นว่าจอมใจจะไม่เอาเรื่องอีกฝ่ายแต่อย่างใดแล้วไอ้การที่เขายังคงเดินหน้าทำร้ายภีมต่อไปมันเพื่ออะไรกัน?

ร่างสูงสลัดเรื่องราวกวนใจทั้งหมดออกก่อนจะตัดสินใจช้อนตัวภีมขึ้นและเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายให้กับอีกฝ่ายทันที
ภีมส่งเสียงครางในลำคอเมื่อกระแสน้ำจากฝักบัวรินรดลงบนร่องรอยมากมายทั่วร่างกายของเขา ความแสบส่งผลให้คิ้วเรียวขมวดมุ่นแต่ถึงกระนั้นคนในอ้อมอกของจอมพลก็ยังไม่ได้สติตื่นขึ้นมาแต่อย่างใด ร่างสูงมองไปยังร่างกายของอีกคนด้วยหัวใจที่กระตุกวูบจอมพลรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกหากแต่ความรู้สึกผิดทั้งหมดกลับยังไม่พอที่จะทำให้เขาสำนึกอะไรขึ้นมาได้มากนัก

เมื่ออาบน้ำให้อีกคนจนเสร็จร่างสูงก็อุ้มภีมออกมาวางบนเตียงพลางเช็ดตัวและหาเสื้อผ้าที่ใส่สบายมาสวมให้ จอมพลเดินหาของบางอย่างจนทั่วห้องก่อนจะสะดุดกับถุงยาสีขาวที่ถูกวางไว้บนตู้เย็นเขาจึงควานหาหลอดยาที่เคยเห็นเมื่อคราวก่อนพลันหยิบมันออกมาและตรงเข้าห้องนอนไปอีกครั้ง

จอมพลพลิกตัวภีมให้นอนตะแคงพลางรั้งกางเกงผ้าของอีกฝ่ายลงก่อนจะบีบยาทาแก้อักเสบจากหลอดละเลงไปยังบาดแผลที่ช่องทางของภีมจนทั่ว

ร่างสูงวางหลอดยาไว้บนโต๊ะข้างเตียงก่อนจะนั่งมองอีกฝ่ายอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงตีสามเขาจึงตัดสินใจก้มลงจูบซับไปยังริมฝีปากบางที่ห่อเลือดพร้อมกับเคลื่อนขึ้นไปจูบซับบนขมับข้างซ้ายราวกับอยากจะปลอบโยนให้กับคนที่เจ็บปวดเหลือเกิน ก่อนจอมพลจะตัดสินใจลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงและหันหลังเดินออกจากห้องนี้ไปเมื่อถึงเวลาที่เขาคิดว่าควรจะกลับได้สักที


มีต่อค่ะ......

 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:

หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 24-07-2017 20:57:11


ต่อค่ะ.......


Peam’s Part…
“แค่กๆๆ” ผมไอออกมาเมื่อความเย็นที่ปะทะตัวส่งผลให้คัดจมูกจึงต้องอาศัยปากหายใจแทนจนคอแห้ง

ผมค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาพลางกวาดมองไปรอบห้องที่เงียบกริบราวกับไม่มีคนอื่นอยู่นอกจากตัวเอง ผมขยับตัวเพื่อพลิกนอนตะแคงเมื่อสายตาหันไปสบเข้ากับนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกเวลาตีห้าสี่สิบนาที

มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะตื่นแต่ทำไมจู่ๆ น้ำตาของผมถึงได้ไหลออกมา?

ผมสะอื้นไห้อย่างไม่เก็บกักอีกต่อไปเมื่อความเจ็บมากมายจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนทำผมต้องนิ่วหน้าทุกครั้งที่ขยับตัว

ใบหน้าเหี้ยมกับการกระทำเหี้ยๆ ของจอมพลยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงความคิดของผมไม่หาย มันโหดร้ายยิ่งกว่าชักปืนออกมายิงผมให้ตายๆ ไปเลยซะอีก…ตกลงนี่คือสิ่งที่ผมต้องชดใช้ให้น้องสาวเขาหรือตัวเขาเองกันแน่?!!

เมื่อข่มตาให้หลับต่อไปยังไงก็ไม่ได้ผลผมจึงพยายามหยัดตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปยังเสื้อผ้าที่สวมอยู่
มันเป็นชุดใหม่…ที่คนเปลี่ยนให้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเขา

“ข่มขืนเสร็จแล้วยังอุตส่าห์เปลี่ยนชุดให้มึงควรจะดีใจหน่อยมั้ยภีม” ผมพูดอย่างนึกสมเพชตัวเองก่อนจะสะดุดกับหลอดยาบนหัวเตียง

“หึ! โครตน่าสมเพชเลยว่ะ” ผมสบถออกมาเมื่อปะติดปะต่อเรื่องที่อีกคนทำเวลาที่ผมไม่ได้สติออกก่อนจะหอบเอาร่างกายที่หนักอึ้งเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว

ผมแต่งตัวพร้อมไปทำงานและเดินออกมาอุ่นอาหารง่ายๆ อย่างโจ๊กหมูกินรองท้องเนื่องจากต้องกินยาดักไข้ที่ความจริงตอนนี้มันเริ่มจะส่งผลให้เนื้อตัวของผมรุมๆ ขึ้นมาบ้างแล้วก่อนจะออกเดินทางไปทำงานเมื่อถึงยังไงท้ายที่สุดผมก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงเขาได้หากยังติดสัญญาบ้าๆ นั่นอยู่ดี

ผมเดินเข้าห้องทำงานด้วยความประหม่าหลังจากดันมาทำงานสายกว่าทุกวันก่อนพี่รินที่ชะเง้อคอมองมาจะรีบสาวเท้าเดินมาหาด้วยใบหน้าตื่น

“ภีมเกิดอะไรขึ้น?!”

“อะไรเหรอครับพี่ริน?” ผมเลิกคิ้วเมื่อเธอเอ่ยคำถามแปลกๆ ออกมา

“ก็เมื่อเช้านี้น่ะคุณจอมพลบอกให้พวกช่างมาช่วยกันขนข้าวของแล้วก็โต๊ะของนายเข้าไปไว้ในห้องของเขาแล้ว”

“!!”

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีก?!

“ไปทำอะไรไว้? เขาถึงได้ทำอย่างกับจะคอยดูพฤติกรรมเราแบบนี้”

“มะ…ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ” ผมว่าพลางบีบสายเป้ที่จับอยู่แน่น

ทำไงดี?...ทุกอย่างเริ่มหนักขึ้นจนผมจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว

“แปลกมาก…ทำไมพักนี้คุณจอมพลแกดูเปลี่ยนไปนะ” พี่รินบ่นพึมพำก่อนจะหันมองมายังผมด้วยความสงสัย “แล้วทำไมถึงได้แต่งตัวแบบนี้ล่ะไม่ร้อนหรือไง” เธอว่าเมื่อการแต่งตัวของผมที่มันคงดูบ้าเอามากๆ

แม้สภาพอากาศจะโครตร้อนอบอ้าวแต่ผมก็ยังเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวที่คลุมจนถึงข้อมือและติดกระดุมเสื้อจนหมดทุกเม็ดแต่ที่เลือกสวมแบบนี้ก็เพราะว่าผมจำเป็นไม่เช่นนั้นร่องรอยที่ถูกทำเมื่อคืน…

“ไม่ครับ…ผมไม่ร้อน” ผมว่าทั้งที่เหงื่อโชกไปทั้งตัว

“ช่างเถอะๆ ถ้าไม่มีอะไรจริงๆ พี่ขอไปทำงานก่อนนะ”

“ครับ” ผมตอบก่อนพี่รินจะฉวยจับแขนไว้อีก

“ภีม…พี่อยากให้เราอยู่ทำงานที่นี่นานๆ นะมีอะไรปรึกษาพี่ได้อย่าทำอะไรที่มันไม่ดีเลย” ผมเลิกคิ้วก่อนจะเข้าใจในคำพูดของอีกคน

“เดี๋ยวนะครับนี่พี่รินคิดว่าผมโกงบริษัท?”

“เอ่อ…พี่ไม่ได้ดูถูกภีมนะแต่ว่า…” พี่รินอึกอักเมื่อผมรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่

“ผมเข้าใจครับผมไม่ทำอย่างนั้นหรอก” ผมว่าก่อนเธอจะฉีกยิ้ม

“จ้ะ”

“แต่ผมคงทำอย่างที่พี่บอกเมื่อกี้ไม่ได้”

“…”

“ผมคงทำงานที่นี่ไม่นานหรอกครับถ้าอะไรที่เป็นอยู่มันจบลงผมก็จะไปจากที่นี่” ผมบอกเมื่อจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็แว็บเข้ามาในหัวอย่างจัง

คือผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากจุดๆ นี้ให้เร็วที่สุด!

“ภีม…”

“ทำงานกันเถอะครับสายแล้ววันนี้ผมเองก็มาสายด้วย” ผมยุติเรื่องที่คุยอยู่ก่อนจะยิ้มให้อีกฝ่ายและเดินออกจากห้องเพื่อตรงไปยังห้องของผู้บริหารที่อยู่ด้านซ้ายมือ

ผมยืนนิ่งทำใจอยู่หน้าประตูบานใหญ่สักพักก่อนจะรวบรวมความกล้าตัดสินใจยกมือขึ้นและออกแรงเคาะไปสองที

ก๊อกๆ

“ใคร?” เสียงห่ามที่ยังคงก้องอยู่ในหูสวนถามกลับก่อนผมที่ถอนหายใจอย่างชั่งใจจะเอ่ยตอบ

“ผม…”

“เข้ามา” ไม่ทันพูดจบเสียงของคนด้านในก็ขัดขึ้นด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งอยู่กรายๆ

ผมเอื้อมมือขึ้นดึงประตูตรงหน้าให้เปิดออกพลางก้าวขาเดินผ่านมันเข้าไปก่อนที่จู่ๆ ผมจะถูกโอบรัดเอาไว้จากบุคคลที่อยู่ด้านหลัง

หมับ!

“คิดว่ามึงจะลุกไม่ขึ้นซะอีก” เสียงทุ้มกระซิบข้างหูอย่างเย้ยหยันผมเบิกตากับสิ่งที่เกิดขึ้นหากทว่าไม่รู้ทำไมถึงไม่ยอมขัดขืนอีกฝ่ายเลยสักนิด

“เมื่อคืนกูแก้ความร่านของมึงหมดหรือเปล่า?” จอมพลกดจมูกลงบนแก้มขวาของผมอย่างหนัก

“…”

“แต่ทำไมกูแม่งรู้สึกยังไม่อิ่มเลยวะ”

“…”

“ทำไมไม่ยอมพูด?” น้ำเสียงทุ้มเริ่มแสดงถึงความไม่พอใจเมื่อผมไม่ยอมตอบอะไรออกไปจนจอมพลคลายแขนออกและจับตัวผมให้หันไปหา

“กูพูดกับมึงอยู่นะภีมวิทธิ์!”  คนตรงหน้าตะคอกพลางออกแรงบีบต้นแขนของผมจนมันเจ็บไปหมด

“ขอตัวทำงานครับ” ผมไม่อยากพูดอะไรมากในตอนนี้ แค่โดนทำอย่างกับหมาก็ทรมานพออยู่แล้วไหนต้องมาฟังคำพูดพวกนี้อีกแม้ว่าก่อนออกจากห้องผมจะพร่ำบอกตัวเองให้เข้มแข็งสักแค่ไหนแต่พอเอาเข้าจริงผมกลับอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างบอกไม่ถูกเลย

“มึงนี่มัน?!”

“อึก!” ผมนิ่วหน้าเมื่อจอมพลจับตัวผมเขย่าจนมันเจ็บเหมือนแขนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เสียให้ได้

“ดื้อด้าน! กูพูดด้วยมึงทำไมไม่ตอบ!!”

“โอ้ย!!”

“อย่าแสดงท่าทางแบบนี้กับผัวตัวเองอีกจำเอาไว้!” ผมถูกผลักให้ล้มลงบนโซฟาเต็มแรง

“แต่คุณไม่ใช่!...”

“มึงจะปฏิเสธกูให้ได้เลยใช่มั้ย! ดี! งั้นกูจะเตือนความจำว่าเมื่อคืนมึงกับกูทำอะไรกันไปบ้างซะตรงนี้เลย!!”

“อย่า!!” ผมว่าพลันดันจอมพลที่โถมตัวเข้ามาด้วยขาทั้งสองข้าง

“หยุดทำตัวสะดีดสะดิ้งเพราะมันไม่ได้เพิ่มค่าของมึงขึ้นมาเลยสักนิด!”

ปึก!

เพี้ยะ!!

“หยุดต่อว่าผมสักที!!!” ผมยันจอมพลกลับไปเต็มแรงก่อนจะตรงเข้าตบจนเขาหน้าหัน

“แค่โดนข่มขืนมันก็เจ็บมากพออยู่แล้วคุณยังต้องการอะไรจากผมอีก?!” ผมตะโกนออกมาจนสุดเสียงขณะที่คนตรงหน้าได้แต่มองกลับด้วยแววตานิ่งอึ้งเพียงเท่านั้น

“ถูกทำอย่างกับเป็นอีตัวที่คอยแหกขาให้เอามันก็ทำให้ผมแทบไม่เหลือความเป็นคนอยู่แล้ว!!”

“…”

“ต้องการอะไรอีก? แก้แค้นพอหรือยัง? เมื่อไหร่คุณจะปล่อยผมไปสักทีล่ะ…หืม?” ผมถามคนตรงหน้าก่อนที่น้ำตาจะค่อยๆ ไหลลงมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่

นี่ผมเป็นอะไรกันทำไมถึงรู้สึกหดหู่จนควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้

“กูไม่ปล่อยมึงไปง่ายๆ หรอกภีม” จอมพลว่าก่อนจะใช้แววตาเอาเรื่องมองมาไม่หยุด

“ต้องทำยังไงเหรอ…หรือผมต้องพิการเดินไม่ได้ซะก่อนคุณถึงจะพอใจ?!” ผมว่าในขณะที่ร่างกายเริ่มจะสั่นเทาจนยากจะบังคับ

“หึ! แล้วทำได้มั้ยล่ะ? ถ้าทำได้กูยินดีปล่อยมึงไปตามที่มึงต้องการ” จอมพลแสยะยิ้มท้าทาย “อยากแลกกันสักหน่อยมั้ย”

“คุณพูดจริงเหรอ?”

“!!”

“แค่ผมเดินไม่ได้คุณจะปล่อยผมไปใช่มั้ย?” ผมถามย้ำก่อนจะคว้าเอามือหนามากุมไว้แน่น

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะภีมวิทธิ์!!”

“ถ้างั้นผมจะทำ!” ผมปล่อยมือจากเขาและหันหลังเดินไปที่ประตูห้อง

“ภีม!!” จอมพลตะโกนเรียกพลันกระชากแขนผมให้กลับไปหา

ผมไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังจะทำอะไรรู้แต่เพียงว่าร่างกายมันชาไปหมด    ชาจนไม่รู้สึกเจ็บก่อนที่ผมจะออกแรงสะบัดแขนจากอีกคนออกจนสุดแรง

“ปล่อยผม! แค่เดินไม่ได้ผมก็ไม่ต้องเจอหน้าคุณแล้วปล่อย!”

“นี่มึงอยากไปจากกูมากเลยใช่มั้ย!”

“ใช่!! เพราะผมเกลียดคุณ! ผมเกลียดคุณ!!!”

จอมพลเบิกตากว้างก่อนเขาจะปรับเปลี่ยนสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยท่ามกลางคำพูดร้ายๆ ที่ยังคงดังออกจากปากของเขาไม่หยุด

“งั้นก็เกลียดให้มากๆ เพราะสำหรับมึงคนอย่างกูพร้อมจะเหี้ยได้เสมอ! คิดเหรอว่าถ้ามึงเดินไม่ได้จริงๆ แล้วกูจะทำตามที่บอกน่ะห๊ะ?!”

“นี่คุณกำลังหลอกผม?” ผมย้อนถามตาโต

“บอกแล้วไงกับมึงกูเหี้ยได้เสมอ” เขาเอ่ยน้ำเสียงเหี้ยมจนผมที่ชะงักพรั่งพรูน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย

ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต มันทั้งเจ็บทั้งแค้นทั้งหมดคำพูดผสมปนเปกันไปหมด ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายตอบด้วยแววตาแข็งกร้าวพร้อมร่างกายที่สั่นเทิ้มเพราะแรงสะอื้นก่อนจะตวาดว่าให้เมื่อสุดท้ายแล้วคนที่กำลังจะปลดโซ่ตรวนอันนี้ออกกลับปิดกุญแจอีกอันเข้ามาจนผมหมดทางที่จะหนี

“เลว! ปล่อย! ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!!” ผมร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อน    อีกคนจะโน้มตัวลงมากระซิบด้วยถ้อยคำที่บาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ

“จำไว้! ตัวมึงเป็นของกู! คิดอยากจะหนีมึงก็หนีไม่พ้นหรอกเพราะเมื่อไหร่ที่มึงหนีไอ้จอมพลคนนี้แหละที่จะตามไปลากคอมึงกลับมาเอง!!”

ผมร้องไห้เหมือนคนกำลังจะตายก่อนจะทรุดตัวลงบนพื้นอย่างหมดแรงเสียตรงนั้น ผมไม่รู้ว่าเขากำลังใช้สายตาแบบไหนมองมาแต่ภาพที่เห็นกลับมีเพียงตัวผมที่นั่งร้องไห้อย่างบ้าคลั่งสะท้อนพื้นห้องสีขาวตรงหน้า ผมสะอื้นจนรู้สึกแน่นไปทั้งอกก่อนเรี่ยวแรงที่มีอยู่จะเหือดหายไปจนล้มลงไปนอนกองกับพื้น

“ภีม!” จอมพลรีบประคองผมขึ้นแต่เปลือกตามันช่างหนักอึ้งเกินกว่าจะเปิดขึ้นอีกแล้ว

“ภีม! มึงเป็นอะไร?!” เขาตบหน้าเพื่อเรียกสติผมหลายทีแต่ผมกลับไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกจนกระทั่งคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินคือเสียงเรียกชื่อจากเขาเพียงเท่านั้น

“ภีมวิทธิ์!!!”

ทำไม…ผมถึงได้อ่อนแออย่างนี้?
End of Peam’s Part



TBC............
--------------------------------------------
เชื่อนายเอกเรื่องนี้จริงๆ ค่ะ อดทนอดกลั้นเป็นที่ 1
สำหรับใครที่ งง ว่าทำไมอีเฮียพลมันถึงร้ายได้ไม่มีเหตุผลแบบนี้
คนเขียนก็คงตอบได้อย่างเดียวค่ะว่าแกเริ่มจากการแค้นภีมเพราะคิดว่าภีมรวมหัวกับทิชาบอกเลิกจอมใจ
ประจวบกับที่เข้าใจผิดอยู่แล้วว่าภีมรู้ทั้งรู้ว่าทิชากำลังจะไปบอกเลิกจอมใจแต่ก็ยังทำ มันเลยทำให้อีเฮียของเรายิ่งโกรธค่ะ
**ซึ่งพระเอกที่เราวางไว้ไม่ใช่คนหวาน คนโรแมนติกและพูดเพราะค่ะ พระเอกในเซตนี้ของเราจะออกแนวห่าม โหด เถื่อน
แต่จริงใจ อาจจะปากแข็งไปบ้างก็ตามอรรถรสนิยายแหละเนอะ ยังไงก็เม้นท์เป็นกำลังใจให้คนเขียนด้วยนาาาาา

 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 24-07-2017 22:10:16
อะหือ  :mew5: ภีมจะตายก่อนไหมเนี่ยะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 25-07-2017 09:13:02
คุณสมบัติพระเอกไม่พอนะ ขาด "โง่" ไปอีกตัวนะ ตรรกะวิบัติไปสุดกู่ ไหนจะเห็นแก่ตัวอีก โอ๊ย ขาดอีกเยอะอ่ะ
แต่ละตัวสร้างความฉิบหายให้คนอื่นทั้งนั้น   
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.11 NC 100% [24/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 25-07-2017 10:03:04
คุณสมบัติพระเอกไม่พอนะ ขาด "โง่" ไปอีกตัวนะ ตรรกะวิบัติไปสุดกู่ ไหนจะเห็นแก่ตัวอีก โอ๊ย ขาดอีกเยอะอ่ะ
แต่ละตัวสร้างความฉิบหายให้คนอื่นทั้งนั้น   

55+ ลืมไปเลย มีอีกหลายตัวแหละ พวกเขาคือสูญรวมความเ_ี้ยที่แท้จริง
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 25-07-2017 10:09:57


CHAPTER 12



[Chomphon’s Part]

ผมหอบภีมไปห้องพยาบาลของบริษัท แม่ง! เป็นผู้ชายเสียเปล่าทำไมมันถึงได้อ่อนแอขนาดนี้นะ! ผมวางมันลงบนเตียงก่อน ทอฝัน หมอประจำของที่นี่จะรีบเข้ามาตรวจร่างกายของมันอย่างไว

“เป็นไงบ้าง” ผมถามในขณะที่เธอกำลังเปิดเปลือกตาของภีมเพื่อตรวจอาการ

“มีไข้เล็กน้อยแต่อาการโดยทั่วไปไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงค่ะ” เธอก่บอกอนจะวัดชีพจรและความดันต่อ

“ไม่น่าเป็นห่วงแล้วทำไมมันถึงได้เป็นลมง่ายขนาดนี้”

“จากที่ฝันตรวจดูคุณคนนี้น่าจะอ่อนเพลียบวกกับมีภาวะเครียดน่ะค่ะ”

“เครียด?” ผมเลิกคิ้วถาม

เป็นเพราะผมสินะ?

“ค่ะเพราะความดันสูงไปนิดเดี๋ยวฝันจะฉีดยาแก้ไข้และให้น้ำเกลือเองค่ะอีกเดี๋ยวก็คงจะฟื้น” ทอฝันบอกก่อนจะถอด Stethoscope ออกและเดินกลับไปที่โต๊ะ

ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างเตียงพลางก้มหน้ากุมขมับอย่างคิดหนัก

แทนที่ผมจะสะใจที่เห็นมันเป็นแบบนี้แต่ทำไมตอนนี้ผมกลับรู้สึกจุกไปทั้งอกกันนะ!? ผมควรดีใจสิที่ทำให้มันเจ็บได้อย่างที่เคยคิดไว้ แต่ทำไมถึงรู้สึกเหมือนตัวเองทำพลาดไปจนเจ็บขึ้นมาซะเองก็ไม่รู้!

“คุณจอมพลคะ” ทอฝันที่เรียกมาจากทางด้านหลังทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด

“ว่าไง?”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะดูหน้าเครียดๆ”

“เปล่าผมไม่เป็นอะไร” ผมปฏิเสธแต่ความจริงแล้วตอนนี้ผมกำลังแย่

แย่…ที่ปล่อยให้ผู้ชายคนนี้มีผลต่อความรู้สึกของตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นคุณจะกลับไปทำงานก่อนก็ได้นะคะเดี๋ยวฝันดูแลเขาเอง” เธอเสนอ

“ไม่เป็นไรผมจะอยู่เฝ้าเขาสักพัก” ผมบอกก่อนจะมองไปยังใบหน้าซีดนั่น

“เอางั้นเหรอคะ”

“อืม”

“ว่าแต่คุณคนนี้เขาเป็นใครเหรอคะฝันไม่เคยเห็นเลย” ทอฝันที่เดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างๆ ผมถามขึ้น

“เลขาฯ คนใหม่ของผม” ผมบอกก่อนอีกฝ่ายจะส่งเสียงอื้ออึงในลำคอตามออกมา

“อ๋อ!…คนนี้นี่เองที่พวกพนักงานเขาเม้าส์กัน”

“เม้าส์อะไร?” ผมสวนถามด้วยความอยากรู้ทันที

“เขาพูดต่อๆ กันมาน่ะค่ะว่าพนักงานใหม่ของบริษัทน่ะทั้งหล่อ สูง แถมยังขาวตี๋อีกต่างหากมิน่าล่ะตอนคุณจอมพลแบกเขาเข้ามาฝันเองยังอึ้งกับออร่าของเขาเลยนะคะนี่ขนาดเขาป่วยยังดูดีมากๆ เลย” เธอว่าก่อนจะก้มมองภีมอย่างพินิจแต่ผมกลับรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเสียดื้อๆ

“หื้มมมม หล่อจริงๆ ด้วย” ทอฝันเอ่ยต่ออย่างหลงไหล

“คุณชอบเขาเหรอ” ผมถามพลางขมวดคิ้ว

“แหม…ก็มีบ้างล่ะค่ะฝันเป็นผู้หญิงนะไว้เดี๋ยวเขาฟื้นขึ้นมาค่อยทำความรู้จักก็แล้วกัน” ทอฝันยิ้มแก้มปริ

“แต่ผมได้ยินมาว่าเขามีเจ้าของแล้ว” ผมเอ่ยดักอีกฝ่ายกลับจนทอฝันหน้าเจื่อนลงทันที

“ว้า! เขาแต่งงานแล้วเหรอคะ”

“เปล่า”

“อ้าว! แล้วคุณจอมพลรู้ได้ไงว่าเขามีเจ้าของแล้ว?”

“เพราะผมคือคนๆ นั้น”

“!!” คนตรงหน้านิ่งไปทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ

“หยุดความคิดพวกนั้นเถอะเพราะไม่ว่าใครหน้าไหนก็แย่งเขาไปจากผมไม่ได้” ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นเพียงแต่สมองมันสั่งให้พูดออกมา

“เอ่อ…ถ้างั้นก็แสดงว่า…”

“ไม่ต้องสงสัยอะไรมากไปกว่านี้รู้แค่ว่าใครที่คิดจะยุ่งกับเขาก็เตรียมตัวเจอกับผมไว้ได้เลย” ผมว่าพลางมองไปยังทอฝันที่มีท่าทีอึ้งกิมกี่

“ฝะ…ฝันขอโทษค่ะฝันไม่ได้ตั้งใจที่จะยุ่งคนของคุณนะคะ!” ทอฝันละล่ำละลักคำพูดออกมาเป็นพรวน

ผมเหยียดยิ้มให้เธอเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรก่อนทอฝันจะยอมเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองตามเดิม ผมรู้ดีว่าตัวเองเลวมากแค่ไหนที่ทำร้ายมันแล้วยังจะรวบหัวรวบหางให้มันกลายมาเป็นคนของตัวเองอีก

ผมมันปากร้ายปากหมามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแต่ที่ทำไปทั้งหมดก็เพราะว่าผมไม่ชอบเห็นมันคุยกับคนอื่น ผมไม่ชอบที่มันไม่สนใจผม ผมเกลียดทุกครั้งที่มันพยศจนผมอดไม่ได้ที่จะลงไม้ลงมือทำเรื่องเลวร้ายนั่นเพื่อเป็นการกำราบ ผมอยากให้มันคุยกับผมเหมือนกับคนอื่นๆ แต่เพราะตัวผมเองก็ยังไม่เคยพูดดีกับมัน ภีมเลยไม่ยอมทำอย่างที่ผมหวังสักที

ผมเริ่มจะห้ามตัวเองไม่ได้…ผมหลอกตัวเองมาตลอดว่าที่น้องสาวของผมต้องเป็นแบบนั้นก็เพราะฝีมือมันกับน้องสาวของมัน ผมรุนแรง ป่าเถื่อนกับมันมากกว่าใครแต่ผมก็ทำอะไรที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนกับมันเช่นเดียวกัน

ผมสับสนจนไม่รู้ทิศทางว่าจะเอายังไงต่อ ผมรู้สึกแน่นไปทั้งอกตอนมันบอกว่าจะทำให้ตัวเองพิการเพื่อที่จะได้ไปจากผม ตอนนั้นตัวผมสั่นไปหมดมันอาจจะไม่รู้และดูไม่ออกเพราะผมยังทำเป็นแข็งกร้าวทำร้ายมันไม่หยุด แต่เอาจริงๆ ตอนนั้นผมแทบบ้า!

ตกลงว่าตอนนี้ผมแพ้มันแล้วใช่มั้ย?

แพ้ให้กับคนที่ผมเอาแต่ทำร้าย แพ้คำพูดของราชันย์ แพ้จนตอนนี้ในใจลึกๆ แล้วผมไม่อยากให้มันเกลียดผมอย่างที่บอกไปเมื้อกี้เลยสักนิด

ผมควรจะทำยังไงต่อไป?

เป็นครั้งแรกที่สับสนจนหาทางออกไม่ได้ ผมเริ่มเหนื่อยที่จะต้องเป็นคนแบบนั้นในสายตาของมันแต่จะทำยังไงในเมื่อเมื่อคืนที่ผ่านมาผมยังทำร้ายมันอยู่เลย

ผมคิดวกไปวนมาจนปวดหัวไปหมดก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นนาฬิกาบนฝาผนังที่บอกว่าถึงเวลาที่ผมจะต้องออกเดินทางเพื่อไปประชุมนอกสถานที่กับหุ้นส่วนและลูกค้าคนสำคัญของบริษัท

ผมมองไปยังคนบนเตียงอีกครั้งก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากมันราวกับวิงวอนขอให้ฟื้นขึ้นมาเร็วๆ ผมพยายามสลัดความคิดที่กวนใจทั้งหมดออกพลางลุกเดินออกมาด้านนอกก่อนจะเอ่ยสั่งคนที่นั่งเงียบตั้งแต่ที่ผมเอ่ยคำพูดเหล่านั้นกลับไป

“ผมต้องไปประชุมต่อฝากดูแลเขาด้วย” ทอฝันผละสายตาออกจากจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้า

“ได้ค่ะ”

“ถ้าเขาฟื้นขึ้นมาบอกด้วยว่าคืนนี้ผมจะไปหาที่คอนโด”

“ดะ…ได้ค่ะ”

“ขอบคุณ” ผมเดินออกมาจากห้องพยาบาลก่อนจะตรงไปยังที่จอดรถทันที

ถ้ารู้ว่าคืนนี้ผมจะไปหาอีกมันจะรู้สึกยังไง? จะยิ่งเกลียดมากกว่าเดิมมั้ย? เป็นคำถามมากมายที่ตัวผมเองก็ตอบไม่ได้ เพียงแต่ตอนนี้เรื่องราวระหว่างผมกับมันถลำลึกเกินกว่าจะกู่กลับซะแล้ว ในเมื่อผมตัดสินใจที่จะไม่หยุดก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นคือผมต้องเดินต่อ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สำหรับมันแล้วผมคืออะไร จะเป็นไอ้ชั่วเลวทรามต่ำช้าสักแค่ไหน! แต่สำหรับผมมันคือคนที่เข้ามาทำให้ทุกอย่างที่ผมเคยรู้สึกเปลี่ยนไปผมไม่เคยต้องการใครถึงขนาดนี้มาก่อน

ความรู้สึกที่ผมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้แปลว่า…ผมรักมันแล้วใช่มั้ย?
[End of Chomphon’s Part]

:

[Peam’s Part]

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาท่ามกลางห้องสีขาวสะอาด อาการปวดหัวตุบๆ ยังคงมีอยู่บ้างเล็กน้อยแต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อตอนเช้า ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพลางกวาดตามองไปรอบๆ

ห้องนี้ดูไม่เหมือนโรงพยาบาลสักเท่าไหร่หากแต่กลิ่นกลับเป็นกลิ่นสะอาด เตียงที่ผมนอนเป็นเพียงเตียงขนาดประมาณสามฟุตธรรมดาๆ ที่มีเพียงหมอนหนึ่งใบและผ้าห่มอีกหนึ่งผืน แต่ทว่าผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนหรือแม้กระทั่งผ้าห่มก็ยังเป็นสีขาวเช่นเดียวกับห้องซึ่งก็ดูไม่เหมือนกับห้องนอนโดยทั่วๆ ไปแถมยังมีฉากกั้นที่เป็นผ้าสีฟ้าใช้แบ่งอาณาเขตกับข้างนอกอีกด้วย

ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงกดคีย์บอร์ดรัวๆ ดังขึ้น ผมทำทีชะเง้อหน้าออกไปมองผ่านที่กั้นก่อนจะพบกับผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะสีขาวสะอาดภายใต้การแต่งตัวและเครื่องหน้าที่จัดจ้านแต่เธอกลับอยู่ภายใต้เสื้อกาวน์อีกผืนซึ่งทำให้ผมรู้ทันทีว่าเธอต้องเป็นหมอ

“อ้าว! ฟื้นแล้วเหรอคะ” ผู้หญิงคนนี้เงยหน้าขึ้นมาก่อนจะทักผมกลับ

“ครับ”

“รู้สึกดีขึ้นหรือเปล่าคะ?”

“ก็…ครับ” ผมมองเธออย่างงงๆ ก่อนจะถามต่อ “แล้วที่นี่ที่ไหนครับ”

“ที่นี่เป็นห้องพยาบาลของบริษัทน่ะค่ะส่วนฉันชื่อทอฝันเป็นแพทย์ประจำที่นี่” เธอยื่นมือออกมาหลังจากแนะนำตัวเอง

“ขอบคุณคุณทอฝันมากเลยนะครับที่ช่วยดูแลผม” ผมจับมือเธอตอบ

“แหม…ฝันไม่ได้ทำอะไรหรอกค่ะคนที่คุณต้องขอบคุณคงจะเป็นคุณจอมพลมากกว่าเพราะเขาเป็นคนแบกคุณมาเลยนะ”

“อะไรนะครับ!?” ผมสวนถามกลับทันที

มันเป็นไปไม่ได้! เขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่!!

“นี่คุณจำอะไรก่อนหน้าจะสลบไปไม่ได้เหรอคะ” ทอฝันเลิกคิ้ว

“ผมจำได้ว่า…” ผมเงียบลงก่อนจะพยายามคิด

ผมจำได้ว่าผมทะเลาะอยู่กับจอมพล ผมร้องไห้ ผมปวดหัวมาก ผมโกรธ ผมพูดอะไรบางอย่างที่จำไม่ได้แล้วออกไป ผมรู้สึกอัดอั้นและสั่นไปทั้งตัวแต่หลังจากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

“ว่าไงคะ” เธอถามจนผมหลุดออกจากภวังค์ความคิด

“ช่างมันเถอะครับไม่ได้สำคัญอะไร” ผมเลี่ยงที่จะตอบ

“งั้นถ้าคุณไม่เป็นไรแล้วเตรียมเก็บของเถอะค่ะ”

“เก็บของ?” ผมเลิกคิ้วถามก่อนที่เธอจะชี้ไปยังนาฬิกาบนฝาผนัง

“อีกสิบห้านาทีก็เลิกงานแล้วค่ะ”

“!!” ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองจนต้องรีบถามอีกฝ่ายออกมา

“นี่ผมหลับไปนานแค่ไหนกันครับ!?”

“ก็ตั้งแต่ตอนสิบโมงจนถึงตอนนี้แหละค่ะ นี่ดีนะคะที่วันนี้ไม่มีใครเป็นอะไรฝันเลยให้คุณพักต่อเพราะไม่อย่างงั้นคงต้องปลุกกันแล้วล่ะค่ะ”ทอฝันยิ้มกลับจนผมอดที่จะพึมพำออกมาไม่ได้

“นานขนาดนั้นเชียว”

“ปกติแล้วถ้าแค่หน้ามืดเป็นลมไปสักพักก็ฟื้นค่ะแต่คุณคงมีความเครียดสะสมบวกกับมีไข้และร่างกายอ่อนเพลียจึงทำให้หลับไปนาน” ผมชาวาบกับคำว่าอ่อนเพลียแต่ก็รวบรวมสติกลับมาได้อีกครั้ง

“ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มารบกวน”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะมันหน้าที่ฝันอยู่แล้ว”

“ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ผมว่าก่อนจะเดินไปทางประตูแต่ถูกคนด้านกลังเรียกซะก่อน

“เออ…เดี๋ยวค่ะๆ”

“?”

“เกือบลืมไปเลยว่าคุณจอมพลฝากให้ฝันบอกคุณค่ะว่าคืนนี้เขาจะไปหาคุณที่คอนโด”

“!!” ผมชะงักอย่างจังกับสิ่งที่ได้ยิน

เขาจะไปหาผมอีกทำไม? ตกลงเขาคิดจะทำอะไรอยู่กันแน่? จู่ๆ ผมก็เริ่มสั่นไปทั้งตัวเมื่อภาพเหตุการณ์มากมายเมื่อคืนฉายชัดขึ้น เหงื่อบนฝ่ามือชื้นไปหมด จนคนตรงหน้าสังเกตุเห็น

“เป็นอะไรอีกหรือเปล่าคะ” เธอถามก่อนจะจ้องหน้าผมนิ่ง

“ปะ…เปล่าครับ” ผมปฏิเสธพลางปาดเหลื่อตัวเองออก

“แน่นะคะ”

“ครับ”

“พวกคุณเนี่ยหวานกันดีนะคะ”

“?”

“ฝันเพิ่งรู้น่ะค่ะว่าคุณจอมพลชอบผู้ชายด้วยกัน”

“!!” ผมชะงักอีกครั้งก่อนจะถามกลับทันที “คุณหมายความว่าไงครับ”

“อ้าว! พวกคุณไม่ได้เป็นแฟนกันหรอกเหรอคะ” เธอว่าก่อนผมจะหลุบตามองต่ำและส่ายหน้ากลับ

มันเรื่องอะไรทำไมเธอถึงได้เข้าใจแบบนั้น?

“แล้วทำไมคุณจอมพลถึงดูเป็นห่วงแถมยังหวงคุณล่ะคะ” เธอถามต่อแต่ผมไม่ตอบ

หวงเหรอ? ห่วงเหรอ? มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาก็ดีแต่ใช้กำลังทำร้ายผมอยู่อย่างนั้น!!

“หรือเขาแอบชอบคุณ?” ทอฝันเบิกตากว้าง

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณกำลังเข้าใจผิดผมขอตัวก่อน” ผมรีบเปิดประตูเดินออกจากห้องพยาบาลมาทันที

ผมเดินขึ้นมาจนถึงห้องทำงานของจอมพลก่อนจะรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเคาะประตูไปสองครั้ง

ก๊อกๆ…

ไร้เสียงตอบรับ…หรือเขาไม่อยู่ที่นี่?

ผมเปิดประตูเดินเข้าไปก่อนจะพบว่าทั้งห้องมืดสนิท ผมเอื้อมมือกดเปิดไฟพลางเดินไปยังโต๊ะของตัวเองที่ถูกฝ่ายนั้นสั่งคนขนย้ายเข้ามาให้เมื่อตอนเช้า

ทุกอย่างเหมือนเดิม วางไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรขาดไปเลยสักอย่างเดียว

ผมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยล้า คำพูดของหมอที่ชื่อทอฝันยังดังก้องอยู่ในหูไม่หาย

'คุณจอมพลฝากให้ฝันบอกคุณค่ะว่าคืนนี้เขาจะไปหาคุณที่คอนโด'

'เขาจะไปหาที่คอนโด*…เขาจะไปหาที่คอนโด…'


“ซี้ดดดด” ผมจับหัวตัวเองเมื่อจู่ๆ มันก็เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีก

ตอนนี้ผมไม่อยากกลับคอนโดเลยสักนิด ผมจะทำยังไงดี? ผมไม่อยากติดอยู่แบบนี้ถึงสามปีหรอกนะ เงินยี่สิบล้านที่จะใช้ไถ่ตัวเองออกไปหากไม่อยากอยู่ที่นี่นานขนาดนั้นก็ไม่มี นึกจะหยิบคนอื่นก็ไม่กล้าเพราะเงินตั้งมากคงไม่มีใครเสี่ยงให้คนที่ไม่มีเครดิตอย่างผมแน่ๆ…ผมคงต้องทำอะไรสักอย่าง ใช่…ต้องทำอะไรก่อนที่สภาพร่างกายของผมจะแย่ไปกว่านี้

ผมเอื้อมมือกดเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้าก่อนจะคลิ๊กเข้าโปรแกรม Microsoft Word ทันทีที่มันบูทเสร็จ ผมถอนหายใจพลางพิมพ์บางอย่างที่พอจะสามารถทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากบุคคลคนนี้ได้ลงไป แม้ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่จะได้ผลมั้ยแต่มันก็ยังดีกว่าที่ผมจะนั่งเฉยๆ เพื่อรอให้เขาทำร้ายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

ผมเสียเวลาเรียบเรียงประโยคในหน้ากระดาษกว่าชั่วโมงก่อนจะตรวจทานถึงความถูกต้องและปริ้นท์มันออกมาพลางเก็บเข้ากระเป๋าเป้และคว้าเอาโทรศัพท์มือถือจากช่องเล็กๆ ด้านในออกมาต่อสายถึงใครบางคนที่ผมพอจะแบ่งปันเรื่องคับอกพวกนี้กับเขาได้เพราะอย่างน้อยคนๆ นี้ก็เป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของผม

(“ว่าไงภีม”) เสียงจากปลายสายเอ่ยตอบทันทีที่สัญญาณดังขึ้นไม่ถึงห้าครั้ง

(“แฟร์มึงว่างหรือเปล่า”) ผมเอ่ยถามอีกคนในขณะที่น้ำตาก็เรื่อขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

(“มึงเป็นอะไรทำไมเสียงเป็นแบบนั้น”)

(“กูอยากเจอมึงกูขอไปบ้านมึงนะ”) ผมว่าหลังจากที่แฟร์เพื่อนสมัยมหา'ลัยถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่น

(“ได้สิแต่มึงรู้จักบ้านกูเหรอ”)

(“ไม่…”)

(“ถ้างั้นเดี๋ยวกูแชร์โลเคชั่นไปให้”)

(“อืมขอบใจ”) ผมเอ่ยเสียงเรียบก่อนอีกฝ่ายจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงซึ่งมันกลับเรียกน้ำตาของผมได้เป็นอย่างดี

(“ภีม…มึงไหวนะ”)

(“เกือบไม่ไหวแล้วว่ะ”) ผมตอบเสียงสั่นพลางปาดน้ำตาที่เกือบจะร่วงลงมาของตัวเองออก

(“งั้นมึงรีบมาเลยอย่าเก็บอะไรไว้คนเดียวกูพร้อมเป็นคนรับฟังมึงทุกเรื่อง”)

(“แล้วเจอกัน”)

ผมวางสายหลังพูดจบพลางเปิดดูโลเคชั่นที่แฟร์ส่งมาทางไลน์ก่อนจะเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเป้และเดินมุ่งหน้าไปยังรถที่จอดเอาไว้หน้าบริษัทพร้อมกับขับออกไปตามแผนที่ที่ปรากฏบนหน้าจอทันที

:

ผมถูกเพื่อนสนิทอย่างแฟร์นั่งมองอยู่นาน ฝ่ายนั้นไม่ปริปากพูดอะไรออกมาจนเวลาล่วงเลยผ่านไปนานหลายนาที ผมถือแก้วน้ำที่อีกคนเอามาให้พลางจับมันหมุนไปมาราวกับอยากจะค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในนั้นแต่มันกลับยังใสสะอาดไม่มีอะไรเจือปนเลยสักนิดก่อนที่คนตรงหน้าจะถอนหายใจออกมาเมื่อผมเองก็เอาแต่เงียบไม่ยอมเอ่ยปากพูดออกไป

“มึงดูผอมลงนะ” แฟร์ยังมองผมนิ่ง

“เหรอ” ผมตอบพลันนึกสมเพชตัวเองอยู่ในใจ

“เป็นอะไรหรือเปล่า” แฟร์เอื้อมมือมาจับมือของผมเอาไว้ก่อนที่น้ำตามากมายที่ผมพยายามกลั้นจะหลั่งออกมาเป็นสาย

“แฟร์…กูไม่ไหวแล้วว่ะ ฮึก!”

“ภีม! มึงร้องไห้ทำไม! ใครทำอะไรมึง!” แฟร์ขมวดคิ้วถามขึ้นอย่างร้อนรนแต่ผมกลับไม่ตอบ

“มึงบอกกูสิว่าใครทำอะไรมึง!” คนตรงหน้าเบิกตามองผมที่เอื้อมมือขึ้นปาดน้ำตาของตัวเองออกก่อนที่เขาจะตัดสินใจรั้งคอเสื้อผมลงทันทีพ้อมกับพึมพำออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

“คิสมาร์ก?” แฟร์พูดเสียงสั่น

“ภีมมึง…”

“กูถูกเขาเอาคืนในเรื่องที่กูไม่ได้ก่อ! กูจะทำไงดีแฟร์! กูควรทำไงดี!! ฮืออออ” ผมระเบิดอารมณ์ทุกอย่างออกมาอย่างไม่กั๊กอีกต่อไป

แม้จะพยายามให้กำลังใจและบอกตัวเองสักแค่ไหนว่าเรื่องพวกนี้ผมเองก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่สุดท้ายเหตุการณ์พวกนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวไม่หาย

“มึงบอกกูได้มั้ยว่าใครทำมึง”

“…”

“ไม่บอกกูก็ไม่รู้หรอกนะ”

ผมเงยหน้าขึ้นสบกับนัยน์ตาสีน้ำตาลของเพื่อนสนิทที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่าสี่ปีคนนี้นิ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยชื่อของบุคคลที่ทำร้ายกันซ้ำๆ นี้ออกไป

“จะ…จอมพล…จอมพลเพื่อนคุณราชันย์”

“!!” แฟร์เบิกตาตกใจก่อนที่ผมจะคว้ามือมันเอาไว้และละล่ำละลักคำพูดมากมายออกมา

“มันไม่ใช่ความผิดของกูเลยที่กูทำไปเพราะกูไม่รู้แต่เขากลับไม่เชื่อคำพูดของกูเลยสักนิด แฟร์…กูไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้ว” น้ำตาของผมยิ่งไหลมากขึ้นกว่าเดิม

“ใจเย็นๆ ภีม มึงค่อยๆ เล่าให้กูฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้วกูจะช่วยมึงหาทางออก” แฟร์เสนอด้วยใบหน้าจริงจังจนผมเล่าให้มันฟังในที่สุด…

:

“กูไม่คิดเลยว่าสองคนนั้นมันจะเลวได้ถึงขนาดนี้” คนตรงหน้าของผมพูดออกมาด้วยความโมโห

“มึงพอจะคิดหาทางช่วยกูได้มั้ย” ผมถามเผื่อว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกให้ผมได้ดีกว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำแต่แล้วแฟร์ก็ส่ายหน้ากลับมา

ผมก้มหน้าลงอย่างยอมรับในชะตากรรม คงไม่มีทางไหนที่จะทำให้ผมพ้นจากคนใจร้ายคนนั้นได้เท่ากับสิ่งที่ผมกำลังจะทำแล้วสินะ

“เป็นเพราะกูติดสัญญา! สัญญาที่กูดิ้นไม่หลุดชาตินี้ทั้งชาติกูคงต้องอยู่แบบนี้ไปตลอด” ผมตัดพ้อออกมา

“ความจริงกูอยากบอกให้มึงหนีแต่ด้วยความสามารถของฝ่ายนั้นกูก็คิดว่ามึงคงหนีไปได้ไม่นานกูกลัวว่าพอมันจับได้แล้วมึงจะโดนลงไม้ลงมืออีก” แฟร์บอกเสียงเรียบก่อนจะถามขึ้น

“แล้วทิชาล่ะรู้เรื่องนี้หรือยัง? น้องมึงเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดอย่างน้อยๆ ก็บอกให้น้องมึงออกมาพูดก็ยังดีเผื่อจอมพลมันจะคิดได้”

“กูไม่อยากบอกทิชาเลยกูสงสารน้อง” ผมว่าก่อนอีกคนจะเอ็ด

“แล้วน้องมึงเคยสงสารมึงมั้ย! มึงหยุดมองโลกในแง่ดีบ้างเหอะว่ะภีมตอนนี้เป็นมึงที่ต้องรับกรรมที่มันก่ออยู่นะเว้ย!”

“กูรู้แต่ถ้าทิชาเดือดร้อนเพราะจอมพลอีกล่ะเรื่องนี้ก็ไม่จบลงหรอกมันจะยืดเยื้อแบบนี้ไปเรื่อยๆ สู้ให้มันจบที่กูจะดีกว่า” ผมว่า

“ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะทำไงต่อไปกูคิดหาทางอื่นไม่ออกแล้วว่ะ” แฟร์เอ่ยก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของผมจะดังขึ้น

ผมล้วงมันออกมาพลางมองไปยังรายชื่อของคนที่โทรเข้ามาพลันให้นิ่งค้างอยู่แบบนั้นจนแฟร์ถามขึ้นจะเบิกตาโพรงเมื่อเห็นรายชื่อของคนที่โทรมาในเวลานี้

“ใครโทรมา?”

“…”

“ภีม!”

“จอมพล” ผมถือโทรศัพท์ด้วยความสั่นเทาก่อนแฟร์จะฉวยมันไป

“เอามาให้กูพูด!”

“ไม่ต้อง! กูต้องกลับแล้วขอบใจมึงมากนะ” ผมชักกลับก่อนจะตัดสาย

“แต่กูไม่ได้ช่วยอะไรมึงเลยนะ”

“แค่มึงเป็นที่ให้กูได้มีโอกาสพูดกูก็ดีใจแล้ว” ผมบอกพลางเหยียดยิ้มพลันค่อยๆ ลุกยืนขึ้น

“ภีม…สภาพมึงแทบจะไม่ไหวแล้วนะ” แฟร์บอกอย่างเป็นห่วง

“กูรู้แต่กูก็ทำอย่างอื่นไม่ได้นอกจากต้องคอยรับมือกับเขา”

“แต่ภีม…”

“กูจะพยายามให้เขารับฟังกู บางทีคนๆ นั้นอาจไม่ได้ร้ายอย่างที่กูเห็น” ก็แค่…หลอกตัวเองไปวันๆ

“แผลพวกนั้นที่มึงได้มาไอ้หมอนั่นมันไม่ร้ายเลยเนอะ!” แฟร์เหน็บกลับ

ผมไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่โบกมือลาและเดินออกมาขึ้นรถโดยมีอีกฝ่ายเดินมาส่งอย่างเงียบๆ เพียงเท่านั้น ก่อนที่ผมจะขับรถออกมาทันทีท่ามกลางความกลัวที่เคลือบคลานเข้ามาพร้อมๆ กับเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่ดังไม่หยุด...



TBC.....
---------------------------------------------
อย่าแค่คิดนะเฮียพล น้องภีมเจ็บปวดเพราะเฮียมากจนเกือบจะทนไม่ไหวแล้วนะ!
ถ้าไม่รีบดีกับเขาเดี๋ยวแกล้งให้เจ็บเยอะๆ นะเออ หึ้ย!!
มาต่อแล้วนะคะ ตอนหน้าดีกรีความร้ายของเฮียแกลดลงบ้างแล้วเดี๋ยวภีมช้ำในหมด ไม่รักกันพอดี


 :z3: :z3: :z3: :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 25-07-2017 10:19:04
ภีมน่าจะนอนเล่น ชิลๆ เติมพลังกะแฟร์ก่อน
เอาให้อิโฉดจอมคลั่งมากๆ ลงแดงตายไปข้าง
รีบกลับไปหามันทำมายคร้าบบบบบ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.12 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 25-07-2017 20:22:29
รู้ตัวแล้วก็ทำตัวดีๆ นะนายจอมพล
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 25-07-2017 22:01:40


CHAPTER 13



ร่างโปร่งสาวเท้าเดินไปตามทางเพื่อตรงไปยังห้องของตัวเองอย่างเร่งรีบ ภีมเสียบกุญแจไขลูกบิดก่อนจะเปิดเข้าไปข้างในพร้อมกับปิดล็อกมันทันทีราวกับกลัวว่าใครจะบุกตามเขาเข้ามา ร่างโปร่งยืนพิงประตูพ่นลมหายใจออกมาในความมืดอย่างโล่งอกเมื่อตลอดทางที่เขาเดินผ่านกลับไม่เห็นวี่แววของใครอีกคนที่เอาแต่โทรจิกตลอดทางจนภีมค่อนข้างที่จะแน่ใจว่าครั้งนี้เขาสามารถหลบหนีอีกฝ่ายได้สำเร็จ

“เหนื่อยอะไรขนาดนั้น”

“!!”

ร่างโปร่งตกใจจนตัวโยนก่อนภีมจะรีบกดสวิตซ์ไฟข้างกำแพงจนทั้งห้อง  สว่างขึ้นในชั่วพริบตา

“กูโทรหาทำไมไม่รับ”

“คะ…คุณเข้าห้องผมได้ยังไง!?” ร่างโปร่งสั่นเทาเมื่อร่างสูงของคนที่เขาพยายามหนีกำลังนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับมองมาด้วยแววตาเอาเรื่อง

“ไม่เห็นจะยากแค่บอกว่าเมียไม่ยอมรับโทรศัพท์และกูก็กลัวว่ามึงจะคิดสั้นเขาก็ให้ไอ้นี่กูมาแล้ว” จอมพลว่าก่อนจะยกกุญแจในมือขึ้น

ภีมมองภาพตรงหน้าด้วยความอึ้งและหมดจะสรรหาคำต่อว่าก่อนอีกฝ่ายจะเดินตรงเข้ามาทำให้เขาถอยจนแผ่นหลังติดกับประตู

“ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์กู” จอมพลถามขึ้นอีกครั้งร่างสูงสบตากับคนตัวเล็กกว่านิ่งก่อนภีมจะใช้แขนดันตัวเขาออกและเดินหนีไปยังห้องรับแขก

“จะมาอยู่แล้วนี่จะให้ผมรับทำไมให้เสียเวลา”

“หึ! แล้วที่รีบร้อนเปิดประตูเข้าห้องมานี่มึงไม่ได้กำลังหนีกูอยู่ใช่มั้ย?”

“ผมจะหนีไปทำไมในเมื่อพรุ่งนี้ก็ต้องเจอคุณอีกอยู่ดี” ร่างโปร่งพยายามทำใจดีสู้เสือเอ่ยก่อนจะวางกระเป๋าเป้ลงบนเก้าอี้โซฟาตัวใหญ่และเดินเข้าครัวไป

“ให้มันจริงเถอะ” จอมพลเหยียดยิ้มเมื่อเห็นท่าทีประหม่าของอีกฝ่ายก่อนจะตามภีมเข้าไปในครัวพลางจ้องอีกคนที่ยกน้ำขึ้นดื่มไม่ให้คาดสายตา

“มึงไปไหนมา” จอมพลขวางภีมที่กำลังจะเดินออกจากครัวแต่อีกฝ่ายกลับเบือนหน้าไปทางอื่นและตอบมาด้วยน้ำเสียงห้วนจนสร้างความไม่พอใจให้กับเขา

“มันเรื่องของผม” ภีมแทรกตัวเดินออกมา

“กูถามว่ามึงไปไหนมา!?” ร่างสูงฉวยคว้าข้อมือภีมเอาไว้

“ก็บอกแล้วไงว่ามันเรื่องของผม!” ภีมสะบัดมือจอมพลจนหลุดก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องรับแขก

“กูไม่ใจเย็นตลอดหรอกนะรีบบอกก่อนที่กูจะอารมณ์เสีย!” ร่างสูงที่เดินตามมาตวาดเสียงดังก่อนภีมจะเอาแต่เงียบจนจอมพลฟิวส์ขาดในที่สุด

“ภีม!!!”

พรึ่บ! ผลัก! ตุบ!

“!!” ร่างสูงเบิกตากว้างเมื่อเขาพยายามที่จะกระชากอีกฝ่ายเข้าหาแต่ภีมกลับอาศัยจังหวะพลิกตัวสะบัดมือของเขาจนหลุดออกพร้อมกับผลักจนเขาเป็นฝ่ายล้มลงไปบนโซฟาแทน

ภีมถอนหายใจออกมาพลางเงยหน้าขึ้นเพื่อข่มอารมณ์ด้วยท่าทีที่จอมพลไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างสูงมองคนที่เดินบีบขมับตัวเองไปมาอย่างแปลกใจก่อนที่        ร่างโปร่งจะหันมาถามเขาด้วยน้ำเสียงเรียบ

“คุณมาที่นี่ทำไม?”

“…”

“จะมาแก้แค้นหรือทำร้ายกันอีกใช่มั้ย!” ภีมเอ่ยขึ้นด้วยความคับแน่นไปทั้งอก

ร่างโปร่งพยายามทำตัวเองให้เป็นปกติที่สุดแล้วแต่เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไรมันก็ทำให้เขาอยากจะร้องไห้ออกมาทุกที

“เมื่อกี้มึงไปไหนมา” ร่างสูงไม่ตอบ จอมพลทำเพียงแค่มองภีมด้วยแววตาเรียบเฉยแต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกประหม่าเพราะท่าทีของคนตรงหน้าที่เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก

มันทั้งเด็ดเดี่ยว…แข็งกร้าวและดื้อรั้น

จนจอมพลต้องพยายามปรับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลงเพื่อที่จะได้ไม่พลั้งมือ  ทำร้ายภีมเหมือนเมื่อคืนก่อนอีก แต่ทว่ากับร่างโปร่ง…อารมณ์เดือดดาลของเขานั้นยิ่งทำให้คนที่พยายามอย่างหนักเพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ต้องโผลงคำพูดร้ายๆ ออกไป

“อย่าเฉไฉ! ตอบผมมานะว่าที่คุณมาที่นี่เพราะอยากจะแก้แค้นกันอีกใช่มั้ย!!”

“…”

“ตอบ!!”

“ใช่! กูมาเพื่อแก้แค้นมึงอีกพอใจหรือยัง!?” จอมพลตะคอกกลับ ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายเขม็งและแทนที่ภีมจะหวาดกลัวกับคำพูดนี้แต่ร่างโปร่งกลับมองเขานิ่งและพ่นลมหายใจออกมาเพียงเท่านั้น

“โอเค…ยังไงซะผมก็ยังติดค้างน้องสาวคุณใช่มั้ย”

“…” ร่างสูงไม่ตอบหากแต่เขากำลังมองท่าทีของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจว่าตอนนี้ภีมกำลังเป็นอะไรไปกันแน่

“ถ้าอย่างนั้นผมต้องการยื่นข้อเสนอ” ภีมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หมายความว่าไง”

“ผมคิดดูแล้วว่ายังไงซะผมก็ไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรในอดีตได้พอๆ กับที่ไม่สามารถทำให้ขาของน้องคุณกลับคืนมาได้เหมือนกัน”

“…”

“แต่สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในตอนนี้คือผมจะทำให้น้องคุณกลับมาพูดอีกครั้งและยอมกลับบ้านไปอยู่กับคุณ”

“…”

“เพื่อแลกกับสัญญาที่ผมเคยเซ็นต์ไปให้มันถือเป็นโมฆะ” ภีมว่าก่อนจะมองไปยังร่างสูงเพื่อรอคำตอบ

“หึ! คิดว่าตัวมึงจะทำได้ว่างั้น? กูกับพยาบาลรวมถึงหมอทั้งแผนกพยายามกันมาเป็นสองปียังไม่สำเร็จแล้วคนอย่างมึง!...” จอมพลชะงักถ้อยคำเอาไว้ก่อนจะลุกยืนขึ้นและมองไปยังอีกคนราวกับคาดโทษ

“คิดยังไงถึงได้เอาเรื่องนี้มาต่อลองกับกู!”

“คุณคงไม่รู้…ว่าไม่มีใครโง่อยากโดนทำร้ายไปตลอดชีวิตหรอก”

“!!” ร่างสูงชะงักกับคำพูดนี้ของภีมอย่างจัง

“คุณรักชีวิตตัวเองรักชีวิตน้องสาวของคุณ ผมเองก็รักชีวิตของผมเหมือนกัน”

“…”

ภีมยังคงพูดต่อท่ามกลางอีกฝ่ายที่เอาแต่ยืนนิ่งกับคำพูดมากมายที่มันทำให้เขาหวนนึกไปถึงการกระทำทั้งหมดที่ได้ทำลงไปกับคนตรงหน้า

ร่างโปร่งเดินไปยังกระเป๋าเป้ของตัวเองที่วางเอาไว้ก่อนจะเปิดและหยิบเอกสารบางอย่างที่เขาตั้งใจพิมพ์มันเมื่อตอนเย็นออกมาพร้อมกับยื่นไปให้อีกฝ่าย

“ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมจะทำมันพอลบล้างความผิดที่ผมเคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้…ช่วยเซ็นต์สัญญาฉบับนี้ให้ผมด้วย” จอมพลมองกระดาษตรงหน้าพลางถามกลับ

“อะไร”

“ข้อตกลงระหว่างคุณกับผม”

ร่างสูงหยิบกระดาษเอสี่สีขาวที่เต็มไปด้วยข้อตกลงมากมายมาก่อนจะอ่านมันอย่างตั้งใจ

เนื้อความที่ถูกพิมพ์ด้วยน้ำหมึกสีดำแสดงรายละเอียดทั้งหมดของข้อตกลงว่าอีกฝ่ายจะทำให้จอมใจยอมพูดและออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปอยู่ที่บ้านอีกครั้งโดยระบุข้อแม้ว่าเมื่อทำสำเร็จสิ่งที่ร่างโปร่งจะได้รับคืออิสระภาพที่ไม่มีร่างสูงเกี่ยวข้องในชีวิตอีก

“มึงอยากหลุดพ้นจากกูมากว่างั้น?” จอมพลถามเสียงเย็น ร่างสูงมองภีมที่สบตากลับด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังถูกบีบรัดอย่างบอกไม่ถูก

“ผมคงไม่ต้องตอบคุณก็น่าจะรู้” ภีมว่า

ร่างสูงมองตอบนัยน์ตาที่มีแต่ความเด็ดเดี่ยวตรงหน้าอย่างครุ่นคิด แม้ว่าข้อตกลงในสัญญาฉบับนี้อีกฝ่ายจะเป็นรองอยู่มากเพราะยังไม่รู้ว่าน้องสาวของเขาจะยอมให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใดแต่ทว่าภีมก็เลือกจะทำ

ร่างโปร่งเลือกจะทำในสิ่งที่ทำให้ตัวเองหลุดพ้น…ไปจากคนอย่างเขา

“ได้…กูจะเซ็นต์”

สิ้นเสียงของจอมพลคนตรงหน้าก็เผยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังทันที

หึ! ก็แค่พูดตามน้ำให้อีกฝ่ายดีใจไปก่อน…ไม่มีทางที่ร่างสูงจะยอมตกเป็นหมากในเกมส์ที่อีกคนสร้างขึ้นโดยไม่มีข้อแลกเปลี่ยนเพียงเพราะมั่นใจว่ายังไงภีมก็ทำให้จอมใจพูดและยอมกลับบ้านไม่ได้เหมือนกับที่เขาพยายามมาตลอดสองปี

“แต่กูมีข้อแม้” จอมพลเอ่ยเสียงเรียบ

“?”

“ในระหว่างที่มึงยังทำให้จอมใจพูดและยอมกลับบ้านไม่ได้สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกู!”

“!!”

“ว่าไง? อยากจะแลกกันคนละหมัดหน่อยมั้ยเพราะสิ่งที่กูพูดมันรวมไปถึงการที่กูจะทำอะไรกับมึงและตัวของมึงก็ได้” ร่างสูงแสยะยิ้มเมื่อยกเรื่องที่อีกคนไม่มี   ทางยอมอย่างแน่นอนออกมาเพื่อเป็นการบังคับให้ภีมยกเลิกสัญญานี้อยู่กรายๆ

“หึ! อย่าทำตัวเป็นเสือหน่อยเลยถ้ามึงยังเป็นแค่ลิงโง่ๆ” จอมพลเหน็บแต่แล้วจู่ๆ ภีมกลับ…

“ได้”

“!!”

“ผมรับข้อเสนอของคุณ”

“ภีม!...” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายราวกับไม่เชื่อหู

“แค่นอนให้คุณเอา…ผมทำได้” ร่างโปร่งมองตอบ “เพราะถึงยังไงผมก็ถูกคุณทำตั้งสองครั้งแล้วนี่”

“ภีม!!” ร่างสูงกระชากอีกคนมาปะทะอกก่อนภีมจะพยายามดันออก

“รู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา!!” จอมพลตวาดลั่น

“รู้สิ! พูดความจริงมันผิดตรงไหน!” ร่างโปร่งว่าพลางจ้องอีกคนเขม็ง

“มึงกำลังดูถูกตัวมึงเอง!”

“พูดอย่างกับว่าคุณไม่เคยดูถูกผมอย่างนั้นแหละ!”

“เอ้อ! กูดูถูกมึงแล้วยังไงนั่นมันสิทธิ์ของกู!”

“สิทธิ์อะไรไม่ทราบ!”

“สิทธิ์ของการเป็นผัวมึงไง!!”

“หยุดยัดเยียดคำๆ นั้นให้ผมสักทีเถอะน่าสะอิดสะเอียนจะแย่!”

ติ๊งหน่อง~ ติ๊งหน่อง~

เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นยุติวาจาเฉือดเฉือนที่สาดใส่กันไปมาของทั้งคู่ให้ดับลงในชั่วพริบตา ร่างโปร่งหันไปยังประตูที่มาของเสียงทันทีเช่นเดียวกับจอมพลที่หันไปด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

ก๊อกๆ

"ภีม!"

“!!”

ภีมรีบผลักคนตรงหน้าออกเมื่อเสียงของคนที่เรียกชื่อเขาอยู่ข้างนอกเป็นเสียงของแดเนียล

ติ๊งหน่อง~ ติ๊งหน่อง~

'ภีมมึงอยู่ในห้องหรือเปล่า*?*'

ร่างโปร่งจ้ำอ้าวไปยังสวิตซ์ไฟก่อนจะกดปิดมันลงเพราะไม่อยากให้คนที่มารู้ว่าเขากำลังอยู่ในห้องพร้อมกับผู้ชายอีกคนที่เคยมีเรื่องกันไปเมื่อคราวก่อน

“กลัวมันจะรู้ว่าอยู่กับกูมะ!...” จอมพลที่เดินตามหลังเอ่ยเหน็บไม่ทันจบภีมก็รีบใช้มือเรียวปิดปากอีกฝ่ายไว้ทันทีพร้อมกับดันให้ร่างสูงแผ่นหลังแนบไปกับกำแพงหน้าประตูห้อง

“ผมไม่อยากมีปัญหาไปมากกว่านี้ขอร้องล่ะอย่าเพิ่งโวยวายอะไร!” ภีมเอ่ยขณะที่ใบหน้าของเขาห่างจากจอมพลเพียงไม่กี่เซนต์

ร่างสูงมองดวงตากลมแน่วแน่ของคนตรงหน้าก่อนจะยกแขนแกร่งขึ้นรวบ  เอวบางให้แนบชิดกับกายหนาของตัวเองจนแทบไม่มีที่ว่างให้อากาศพัดผ่านทันที

ภีมตกใจปล่อยมือออกจากปากของจอมพลก่อนร่างสูงจะทาบริมฝีปากที่เพิ่งจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระลงบนริมฝีปากที่กำลังจะคายคำพูดบางอย่างออกมาท่ามกลางแววตาตื่นตระหนก

ร่างโปร่งทุบกำปั้นของตัวเองลงบนอกแกร่งของจอมพลไปหลายทีแต่ร่างสูงกลับไม่สะทกสะท้าน จอมพลยังคงกดจูบเน้นๆ ราวกับอยากจะกลืนกินอีกคนไว้ทั้งตัวก่อนจะยอมผละออกเมื่อภีมใกล้จะหมดลม

“แฮ่กๆ ทำบ้าอะไร!?” ร่างโปร่งหอบหายใจอย่างหนักก่อนจะเค้นเสียงถาม

“อยากให้ทำตามมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันหน่อย” จอมพลแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่ภีมได้แต่ทำหน้ายุ่งราวกับกำลังถูกขัดใจ

อืดดด~ อืดดด~

จู่ๆ โทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงของร่างโปร่งที่ตั้งระบบสั่นไว้ก็ดังขึ้น   ร่างสูงจ้องไปยังต้นตอของเสียงก่อนจะส่งสัญญาณให้ภีมที่เอาแต่ส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอเพราะถูกอีกฝ่ายแกล้งรับสายที่โทรเข้ามา

(“ว่าไงแดน”) ร่างโปร่งเอ่ยเมื่อคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เป็นคนที่กำลังยืนอยู่หน้าห้องของเขาตอนนี้นี่เอง

(“ภีมมึงอยู่ห้องเปล่า?”) แดเนียลถามกลับ

(“เปล่ากูมาทำงานนอกสถานที่”) ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าจะแสยะยิ้มกับสิ่งที่เขาโกหกขึ้น

(“อ้าวเหรอ? เมื่อกี้ตอนกูยังไม่ขึ้นมาเหมือนห้องมึงยังเปิดไฟอยู่เลย”)

(“มึงตาฝาดแล้ว”)

(“เหรอ…ถ้าอย่างงั้นแล้วมึงจะกลับเมื่อไหร่”)

(“พรุ่งนี้ ทำไมเหรอ?”)

(“คือกูมีเรื่องจะคุยกับมึง”)

(“เรื่องอะไร? เอ๊ะคุณ!!”) ภีมหลุดว่าให้คนตรงหน้าทันทีที่อีกฝ่ายเอื้อมมือลงไปบีบคลึงก้นงอนของเขาไปมา

(“มีอะไรหรือเปล่า?”)

(“เปล่าพอดีกูออกมาซื้อของข้างนอกแล้วเดินชนกับคนจิตไม่ปกติแถวนี้น่ะ”) ร่างโปร่งเน้นเสียงว่าพลางถลึงตาใส่จอมพลที่ส่งยิ้มยียวนกลับมา

(“อย่ามีเรื่องกับเขานะมึงต่อยใครเป็นซะที่ไหนกูเป็นห่วง”) ปลายสายว่า

(“ครับๆ แล้วเรื่องที่มึงบอกอยากคุยกับกูล่ะ?”)

(“ไว้คุยกันต่อหน้าดีกว่ากูไม่อยากพูดทางโทรศัพท์สักเท่าไหร่”)

(“งั้นก็ตามใจมึง”)

(“ตั้งใจทำงานนะกลับมาแล้วโทรบอกกูด้วย”)

(“ได้”)

(“แค่นี้นะ”)

(“อืม”)

ร่างโปร่งกดวางสายพลางดิ้นจนหลุดออกจากการเกาะกุมของร่างสูงแต่   จอมพลก็ไม่วายหาเรื่องเขาต่อเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินห่างจากหน้าห้องออกไปแล้ว

“ใคร?”

“เพื่อน” ภีมตอบอีกคนอย่างไม่ใส่นักพลางเดินเข้าไปในห้องรับแขกอีกครั้ง

“ไอ้ลูกครึ่งเมื่อคราวก่อนใช่มั้ย” จอมพลที่เดินตามเจาะจงถามขึ้นทันที

“…”

“ตอบกูมาภีม!”

“ใช่”

“ตกลงไอ้ห่านั่นมันเป็นอะไรกับมึงกันแน่!?”

“แล้วคุณจะอยากรู้ไปทำไม!?”

ร่างสูงไม่ตอบจอมพลทำเพียงเสยผมขึ้นอย่างข่มอารมณ์ก่อนจะหันไปหา  ร่างโปร่งอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่เริ่มหุนหันเข้าไปทุกที

“จะบอกไม่บอก?”

“ไม่” ภีมว่าก่อนจะเดินหนีไปทางประตูห้องนอน

“อย่าทำให้กูโมโหเพราะไม่อย่างงั้นคืนนี้มึงไม่รอด!”

“ถ้างั้นก็เซ็นต์ซะ” ภีมหันไปยื่นข้อเสนอ “ผมจะบอกก็ต่อเมื่อคุณเซ็นต์มันแล้วเท่านั้น” ร่างโปร่งหยิบสัญญาที่พิมพ์ขึ้นให้กับอีกคน

ร่างสูงขบกรามแน่นมองภีมที่วันนี้อีกฝ่ายดูเปลี่ยนไปจากเดิม ร่างโปร่งเต็มไปด้วยการต่อรอง ชั้นเชิง จนเป็นเขาเสียเองที่ทนความอยากรู้ความจริงจากปากอีกคนไม่ไหวจนต้องยอมคว้าสัญญาฉบับนั้นมาและยอมเซ็นต์ลงไปในที่สุด

“ว่ามา” จอมพลเอ่ยหลังจากวางปากกาที่เพิ่งจะลงลายเซ็นต์ของตัวเองในสัญญาที่ภีมทำขึ้นเสร็จ

“แดนเป็นเพื่อน…” ภีมว่า

“…”

“ที่กลายมาเป็นแฟน”

“แม่งเอ้ย!”

พรึ่บ!

“อ่ะ!” ร่างโปร่งร้องออกมาเมื่อจู่ๆ คนตรงหน้าก็ผลักเขาจนแผ่นหลังติดกับกำแพงก่อนที่ร่างหนาจะตามเข้ามาประชิดตัวจนร่างโปร่งหนีออกไปไหนไม่ได้

“มึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?” จอมพลถามเสียงกร้าว

“โอ้ย! ผมเจ็บนะคุณจอมพล!” ภีมนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายบีบคางเขาไว้แน่น

“กูถามว่ามึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?”

“แล้วอะไรทำให้คุณเข้าใจแบบนั้น!?”

“ก็พวกมึงเป็นแฟนกัน!”

“เป็นแฟนแล้วยังไง! จำเป็นต้องมีเหรอเรื่องพวกนั้นน่ะ!?” ภีมตะโกนตอบ

“อย่าเฉไฉ! กูถามว่ามึงเคยมีอะไรกับมันใช่มั้ย!?”

“โอ้ยเจ็บ!” ภีมมองหน้าพลางพยายามจับข้อมมืออีกฝ่ายให้ปล่อยจากคางแต่ก็ไม่เป็นผล

“มึง!...”

“ก็แค่ข้างนอก!”

“…”

“ไม่ได้ใส่” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงอ่อนก่อนจอมพลจะคลายมือหนาออกจาก      คางมนและผละตัวออกไปเพียงนิด

“แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเพื่อนเหมือนเดิมแล้ว” ภีมว่าก่อนจะลูบคางด้วยความเจ็บ

ร่างสูงมองเจ้าของคำตอบอย่างไม่เชื่อหูก่อนที่จู่ๆ จอมพลจะมีท่าทีเย็นลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากได้ยินประโยคที่ตามออกมา

“หมายความว่าไง?” ร่างสูงทำทีถามกลับ

“ก็อย่างที่บอกตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันคุณไม่ต้องกังวลว่าผมจะสกปรกขนาดนั้น” ภีมว่าก่อนจะเดินเลี่ยงเปิดประตูเดินเข้าห้องนอนและตรงไปยังโต๊ะวางหนังสือเพื่อเก็บสัญญาที่อีกฝ่ายเซ็นต์เอาไว้พลางหันกลับไปมองจอมพลที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหลัง

“มีอะไรที่คุณอยากรู้อีกมั้ย” ร่างโปร่งว่าก่อนอีกคนจะถอนหายใจออกมาเมื่ออารมณ์ฉุนเฉียวที่เมื่อครู่ยิ่งทำให้ร่างโปร่งเจ็บตัวทั้งที่ในใจลึกๆ แล้ววันนี้จอมพลไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนั้น

“แล้วเดนิส...”

“เขาเป็นพี่ชายไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะถามจบภีมก็สวนตอบคำถามนี้ทันควัน

“แล้ววันนี้มึงไปไหนมา”

“ไปบ้านเพื่อนสมัยเรียนมหา'ลัย”

“ไปทำไม”

“ก็แค่…คุยเรื่องทั่วไป” ร่างโปร่งชะงักไปนิดก่อนจะเลือกตอบเพียงเท่านี้

“มึงโกหกกู” จอมพลว่าก่อนจะก้าวเข้าไปหาอีกฝ่าย

“ผมไม่ได้โกหกมันอยู่ที่ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่แค่นั้น” ภีมบอกก่อนจะเสมองไปทางอื่นแต่แล้วคำถามต่อมาของร่างสูงก็ทำเอาเขานึกฉงนขึ้นมาทันใด

“แล้วกินอะไรมาหรือยัง?” ร่างสูงว่าพลางมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

ทำไมจอมพลถึงได้ถามคำถามพรรคนี้กับเขากันนะ!?

“ยัง” ภีมตอบเสียงอ่อนก่อนร่างสูงจะคว้าแขนเขาไว้พลางต่อว่ากลับ

“ทำไมมึงถึงไม่กิน!”

“ก็เพราะผมไม่หิว”

“ไม่หิวก็ต้องกิน!”

“ผมให้สิทธิ์คุณทำอะไรกับผมก็ได้แต่คุณจะมาบังคับเรื่องพวกนี้กับผมไม่ได้นะคุณจอมพล!” ภีมว่าให้

“ทำไม!?”

“เพราะเรื่องพวกนี้สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องส่วนตัว! ผมจะกินหรือไม่กินมันก็เป็นเรื่องของผม! หวังว่าคุณจะเข้าใจ”

“กูไม่เข้าใจเพราะตอนนี้สิทธิ์ในตัวมึงเป็นของกู! กูจะบังคับให้มึงทำอะไรก็ได้ที่กูอยากจะให้ทำ!”

“!!”

จอมพลตวาดว่าอย่างถือสิทธิ์ที่เพิ่งจะได้รับออกมา ร่างโปร่งจ้องร่างสูงตาขวางก่อนมือหนาที่จับต้นแขนอีกคนอยู่จะออกแรงบีบลงไปอีกเป็นเท่าตัวราวกับอยากจะส่งผ่านความไม่พอใจออกไปทั้งหมด

“กูแม่งไม่ชอบท่าทีของมึงตอนนี้เลยว่ะ!” ว่าเสร็จจอมพลก็สะบัดมือออกจากต้นแขนไร้กล้ามนี้

“หยุดทำตัวเหย่อหยิ่งซะทีเถอะว่ะคิดว่าตอนนี้กูง้อมึงอยู่หรือไงถึงได้กล้าพูดกับกูแบบนี้ทั้งที่รูของมึงก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้น!” ร่างสูงปรามาส

“ผมรู้” ภีมเอ่ย

“…”

“ก็ไม่ได้หวังจะให้ใครหน้าไหนมาติดใจมันอยู่แล้ว” ร่างโปร่งเงยหน้าสบตากับนัยน์ตาคมของคนตรงหน้า

จอมพลเข้าใจความหมายของคำพูดนี้ดี ร่างสูงยืนมองภีมที่ถอนหายใจออกมานิ่งก่อนอีกฝ่ายจะเอ่ยคำพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าออกมาในที่สุด

“แค่นี้ใช่มั้ยที่ทำให้คุณต้องถ่อมาหาผมถึงที่นี่? ดึกแล้วคุณกลับไปก่อนเถอะวันนี้ผมอยากพัก” ร่างโปร่งนั่งลงบนเตียงเพื่อรอให้อีกฝ่ายออกไปอย่างที่ขอ

“เห็นแก่ตัวไปหน่อยมั้ย? พล่ามเสร็จก็บอกให้กูกลับทั้งที่กูยังไม่ได้ในสิ่งที่กูต้องการ”

“แล้วคุณต้องการอะไร?”

“ไปอาบน้ำ” ร่างสูงออกปากสั่ง

“จริงๆ ที่มาเพราะคุณอยากใช่มั้ย?” ภีมมองตอบด้วยแววตายอมแพ้ทว่า    ร่างสูงกลับยังย้ำคำเดิมออกมา

“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้”

“งั้นก็รอผมหน่อยแล้วกัน” ร่างโปร่งลุกเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดพับเปลือกตาลง

ภีมรู้ว่าจอมพลต้องการอะไรเพียงแต่ตอนนี้ร่างกายของเขายังไม่หายดี       ร่างโปร่งจึงลำบากใจที่จะใช้แต่ก็คงปฏิเสธและขัดขืนอีกฝ่ายไม่ได้นอกเสียจากต้องยอมฝืนความเจ็บและร่างกายตัวเองอีกครั้ง

:

ภีมเดินออกจากห้องน้ำมาหลังจากใช้เวลาอาบน้ำประมาณยี่สิบนาที ร่างโปร่งมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวสะอาดคลุมร่างกายท่อนล่างไว้เท่านั้นในขณะอีกคนที่นั่งรออยู่กลับลอบกลืนน้ำลายลงคอตัวเองเมื่อดวงตาคมของเขาดันสบเข้ากับรอยแดงมากมายทั่วกายสมส่วนที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานจนจอมพลต้องรีบเดินเข้าห้องน้ำเพื่อข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ทันที

“ทำไมไม่แต่งตัว?” ร่างสูงถามภีมที่นอนอยู่บนเตียงในสภาพผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเหมือนเมื่อครู่ทันทีที่เขาออกจากห้องน้ำมา

“จะแต่งทำไมเดี๋ยวคุณก็ถอดมันออกอยู่ดี” ร่างโปร่งไม่ว่าเปล่าภีมยังเลิกผ้าเช็ดตัวขึ้นก่อนจะชันขาและหันไปบอกอีกคนเสียงเรียบ

“รีบทำให้เสร็จๆ ไปเถอะครับผมจะได้พักสักที”

“ภีม!”

“อ่ะ!”จอมพลที่ตวาดชื่ออีกฝ่ายพุ่งตัวขึ้นเตียงพลางคร่อมภีมเอาไว้มั่น

“อย่าทำให้กูโมโหจะได้มั้ย!!?” ร่างสูงตะโกนว่าให้

“ก็คุณอยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับผมไม่ใช่เหรอ!?”

“ไม่ใช่!”

“!!” ภีมชะงัก

ร่างโปร่งมองคนด้านบนอย่างไม่เข้าใจก่อนจอมพลจะผละตัวออกและสั่งอีกคนกลับไปเสียงแข็ง

“ไปแต่งตัว!” ภีมยังคงมองร่างสูงไม่หยุดจนจอมพลต้องคาดคั้น

“เดี๋ยวนี้!”

ร่างโปร่งลุกเดินไปยังตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบเอาชุดนอนออกมาและเดินไปทางประตูห้องน้ำ

“นั่นมึงจะไปไหน?” จอมพลที่นอนตะแคงกับเตียงทางฝั่งขวาถามขึ้น

“ผมจะไปแต่งในห้องน้ำ”

“เมื่อกี้แม่งยังไม่อายตอนนี้เกิดนึกอายอะไรขึ้นมาแต่งตรงนี้แหละ!”

“งั้นคุณก็หันไปก่อน!” ภีมหน้าร้อนผ่าว

“แต่งเดี๋ยวนี้!!” ร่างโปร่งขมวดคิ้วทำหน้างอก่อนที่เขาจะค่อยๆ สวมชั้นในและตามด้วยชุดนอนท่ามกลางร่างสูงที่มองไม่ปล่อย

ร่างโปร่งแขวนผ้าเช็ดตัวเข้ากับไม้แขวนเสื้อก่อนจะจอมพลที่มองภีมทุกฝีก้าวจะตบลงบนที่นอนฝั่งซ้ายพร้อมกับพูดขึ้น

“มานอน”

“ตกลงคุณจะทำอะไรกันแน่?”

“ไม่ถามกูสักเรื่องจะตายมั้ยบอกให้มานอนก็มาสิ”

ภีมเดินมาหยุดอยู่ตรงข้างเตียงแต่ก็ยังไม่ปักใจก้าวขึ้นจนร่างสูงต้องลุกขึ้นดึงแขนอีกฝ่ายให้นั่งลงมาแทน ร่างโปร่งเบิกตากว้างขยับให้ห่างจากอีกคนก่อนจอมพลจะใช้แขนแกร่งโอบเอวบางพลางดึงเข้าหาตัว

“ตาบอดเหรอไง! มึงจะตกเตียงอยู่แล้ว” จอมพลว่าก่อนจะออกแรงโอบรัดจนใบหน้าของภีมซุกเข้ากับแผงอกตัวเองอย่างจัง

“ปล่อยผมนะ! คุณ!...”

“กูง่วงแล้ววันนี้เหนื่อยไม่มีแรงทำอย่างที่มึงอยากจะให้กูทำหรอก” ร่างสูงขัดก่อนภีมจะทันโวยวายจบ

“ง่วงแล้วทำไมไม่กลับไปนอนบ้านตัวเอง!”

“เกิดกูหลับในรถชนขึ้นมาจะทำไง”

“ก็ดีน่ะสิ”

“มึงว่าไงนะ!?”

“ปะ…เปล่า”

จอมพลเลิกคิ้วพลางถลึงตาใส่คนในอ้อมกอดจนภีมต้องหดคอหนีแววตาดุคู่นี้และตอบอ้อมแอ้มกลับไป

“มึงแค่นอนเฉยๆ ก็พอ” ร่างสูงว่าก่อนจะเกยคางตัวเองกับหัวของอีกคน

“แต่มันอึดอัด” ภีมว่าเสียงอู้อี้

“อีกหน่อยก็ชิน”

“ไม่ชินอะไรทั้งนั้นแหละถ้าคุณอยากจะนอนที่นี่ก็นอนดีๆ”

“แล้วแบบนี้ไม่ดีตรงไหนกูไม่ได้กำลังขี่มึงอยู่สักหน่อย”

ร่างโปร่งกัดริมฝีปากตัวเอง ภีมอยากจะผลักอีกคนออกและด่าจริงๆ แต่ติดตรงที่จอมพลกอดตัวเขาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออกนี่สิ!

“กูว่ามึงอยู่เฉยๆ เหอะถ้าไม่อยากเจ็บ…”

หมับ!

“อ่ะ!” ภีมเผลอร้องออกมาเมื่อจอมพลบีบเข้าที่สะโพกใกล้กับช่องทางที่ยังเจ็บอยู่ของเขา

“หึ! ยังเจ็บไม่หายแล้วเสือกทำเป็นเก่งนะมึง” ร่างสูงเหยียดยิ้มเยาะเย้ยขึ้นก่อนคนในอ้อมแขนที่ดิ้นๆ อยู่จะสงบลงทันที

“หยุดโวยวายแล้วหลับซะอยากพักก็พักไปพรุ่งนี้มึงไม่เห็นเงาหัวกูตอนตื่นมาหรอกไม่ต้องกลัว”

ภีมยอมนอนนิ่งให้อีกฝ่ายกอดอยู่อย่างนั้นท่ามกลางความรู้สึกบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ร่างโปร่งสูดเอากลิ่นกายของจอมพลเข้าไปก่อนดวงตากลมจะค่อยๆ แหงนขึ้นมองใบหน้าที่ไร้ที่ติของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ในขณะที่เสียงหัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ทว่าสิ่งที่ฉุดเอาความสนใจของภีมไปแทบสิ้นกลับเป็นอีกจังหวะเสียงเต้นของหัวใจที่ดังเล็ดลอดออกจากอกแกร่งของคนตรงหน้าต่างหาก

ทำไมหัวใจของจอมพลถึงได้เต้นแรงพอๆ กับเขากันนะ?

หรือเพราะเหนื่อย?

ร่างโปร่งมองใบหน้าจอมพลอย่างครุ่นคิดก่อนอีกฝ่ายจะคลายแรงโอบรัดออกและหายใจอย่างสม่ำเสมอจนภีมคิดว่าตอนนี้ร่างสูงน่าจะหลับไปแล้ว ภีมจึงค่อยๆพลิกตัวหันไปอีกข้างก่อนที่แขนแกร่งของคนตัวใหญ่จะรัดเข้ามาอีก

“ไม่อยากเห็นหน้ากูขนาดนั้น?” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น

“เปล่า…ผมก็แค่หายใจลำบาก” ภีมตอบด้วยใบหน้าร้อนผ่าว

“ให้มันจริงเถอะ” จอมพลว่าก่อนจะพาดขาขึ้นทับตัวอีกคนราวกับเป็นหมอนข้างจนทำให้ภีมขมวดคิ้วขึ้นเพียงนิดแต่ถึงกระนั้นร่างโปร่งก็ไม่ว่าอะไรจนกระทั่งถอนหายใจออกมาและผล๊อยหลับไปในที่สุด



TBC........
------------------------------------------------
เฮียพลแกดีขึ้นแบบโหดๆ
โธ่เอ้ย! อยากนอนกอดเขาก็ไม่บอก ปากแข็งจริงๆ อ้างนู้นอ้างนี่สารพัด
ไอ้ผู้ชายห่ามแถมยังปากแข็งเอ้ย!!!!!


 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:


หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 26-07-2017 00:07:28
พูดดีๆ จะตายไหม?
ภีม ที่ห้องครัวมีมีดนะ
ใช้มันให้เป็นประโยชน์
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-07-2017 01:57:20
พี่พลเริ่มมีการพัฒนา แต่ปากแข็งไปหน่อยนะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.13 100% [25/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Romanee-Conti@msn.com ที่ 26-07-2017 06:34:36
ทำตัวแบบนี้ ไม่ควรสมหวังในความรักอ่ะ
ข่มขืนไม่พอ ยังพูดจาดูถูกชนิดที่คนปกติไม่มีทางรับได้ แล้วยังทำร้ายร่างกายด้วย ไม่ควรจบแฮ้ปปี้เอนดิ้งอ่ะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 26-07-2017 10:40:32

CHAPTER  14




[Peam’s Part]

เขาทำอย่างที่พูด…

จอมพลหายไปก่อนหน้าที่ผมจะตื่นจริงๆ ผมไม่รู้ว่าเขาออกไปตอนไหนแต่สิ่งที่อีกฝ่ายยังคงหลงเหลือเอาไว้คือความรู้สึกอบอุ่นจากอ้อมกอดเมื่อคืน สัมผัสอ่อนโยนที่เขาไม่เคยทำมันกับผม สัมผัสที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก การกระทำที่ดูไม่มีเหจตุผลของเขาเริ่มทำให้ผมสับสนและไม่เข้าใจว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไรจากผมกันแน่

ผมเดินทางไปทำงานก่อนหน้าเวลาเข้างานอยู่สักนิด ร่างสูงที่นั่งตรงตำแหน่งผู้บริหารมาถึงก่อนหน้าแล้ว ผมเอ่ยทักอีกฝ่ายเพื่อเป็นมารยาทหากแต่จอมพลกลับทำเพียงแค่พยักหน้ากลับและก้มหน้าทำงานต่อเท่านั้น

ผมลอบมองเขาอยู่พักใหญ่ก่อนคนถูกมองจะรู้ตัวหันมาสบตากับผมอย่างจัง แต่ก็เพียงเท่านั้นเพราะหลังจากที่ผมทำเป็นก้มหน้าลงเขาก็หันกับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จอมพลไม่หาเรื่อง ไม่เสียงดัง ไม่โมโหใส่จนผมรู้สึกผิดสังเกต มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาลุกและเดินมาหาผมตอนนั้นก็คิดในใจแล้วล่ะว่ายังไงก็ต้องโดนยำเละแน่ๆ ที่ไหนได้เขาแค่เอกสารที่ผมต้องรับผิดชอบมาให้และเดินกลับไปทำงานต่อที่โต๊ะของตัวเอง

นี่เขาคงไม่ลืมกินยาหรอกใช่มั้ย? หรือต้องไขลานก่อนกันนะ?

ผมถอนหายใจที่ถึงแม้มันจะแปลกและทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างแต่ผมก็รู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องคุย ไม่ต้องโดนตะคอกหรือโมโหใส่นี่คงเป็นสัญญาณบอกผมอยู่กรายๆ ว่าชีวิตที่สงบสุขกำลังจะกลับมาแล้วใช่มั้ย?

:

พอเลิกงานผมก็ขับรถเพื่อตรงไปยังโรงพยาบาลที่จอมใจรักษาตัวอยู่ทันที เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นส่งผลให้ผมคว้ามันขึ้นมารับหลังจากดับเครื่องยนต์ลง รายชื่อที่ปรากฎบนหน้าจอสร้างความขี้เกียจให้ผมนิด แต่ถึงอย่างนั้นผมก็กวาดนิ้มลงไปเปิดรับสายอีกฝ่ายทันที

(“ว่าไงแดน”)

(“มึงเลิกงานแล้วใช่มั้ย”) ปลายสายถามกลับทันที

(“อื้ม”)

(“กูขอไปคอนโดมึงนะ”)

(“คือกูยังไม่กลับน่ะแวะทำธุระอยู่”)

(“ที่ไหนให้กูไปหาก็ได้”)

(“ไม่เป็นไรกูคงทำธุระไม่นานเจอกันที่คอนโดกูก็ได้”) ผมว่าพลางขมวดคิ้ว

(“งั้นเดี๋ยวกูซื้ออะไรไปกินกับมึงนะ”)

(“ตามใจมึงเลย”)

(“เอาข้าวมันไก่ของโปรดมึงมั้ย”)

(“อะไรก็ได้กูกินได้หมด”)

(“โอเคงั้นถ้ามึงจะกลับแชทบอกกูด้วยกูจะได้ขับรถออกไป”)

(“ได้”) ผมกดวางสายก่อนจะมองโทรศัพท์ตัวเองอยู่แบบนั้น

เอาจริงๆ สิ่งที่แดนกำลังทำอยู่ทุกวันนี้ผมรู้สึกไม่โอเคกับมันสักเท่าไหร่ แม้อีกฝ่ายจะอ้างสถานะของความเป็นเพื่อนก็เถอะแต่มันก็ยังก้าวข้ามขอบเขตของคำว่าเพื่อนมาอยู่ดี

ผมตัดสินใจสลัดเรื่องของแดนออกจากหัวก่อนจะเอื้อมเอาของฝากเล็กๆ น้อยๆ ที่ซื้อมายังเบาะข้างๆ มาถือไว้พลางเปิดประตูเดินเข้าไปยังตึกสูงระฟ้าตรงหน้าทันที

ในมือของผมถือกระเช้าเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังในขณะที่ขาก็เดินไปตามทางของแผนกจิตเวชเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องของเธอที่อยู่ด้านขวามือไม่ไกลจากเคาน์เตอร์พยาบาลประจำชั้นมากนัก

“เอ๊ะ! คุณคือเพื่อนของคุณจอมพลนี่นา” พยาบาลคนหนึ่งทักขึ้นตอนผมเดินผ่านเคาน์เตอร์ที่เธอกำลังนั่งอยู่

“เออ…สวัสดีครับคุณ…”

“อิงฟ้าค่ะเรียกอิงเฉยๆ ก็ได้” เธอยิ้มกลับ

“มาหาน้องจอมใจเหรอคะ”

“ครับ”

“แล้วคุณจอมพลไม่มาด้วยเหรอคะ”

“เอ่อ…ครับเขาไม่ได้มาด้วย” ผมชะงักก่อนจะตอบเธอกลับไป

“หว่า…นึกว่าจะได้เห็นหน้าหล่อๆ ของเขาซะละ” เธอบ่นหน้างอก่อนพยาบาลคนข้างๆ จะเอ็ดกลับ

“ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะยัยอิงคุณจอมพลน่ะเขามีแฟนแล้วนะ” เธอว่าพลันหูของผมก็ผึ่งขึ้นมาทันใด

“ใครบอกแกห๊ะยัยมุก” อิงฟ้าถามกลับ

“ไม่มีใครบอกหรอกย่ะแต่ฉันว่าเขาคงมีใครแล้วแหงๆ ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นมาค้างกับน้องจอมใจที่นี่เลย ก็แค่มาหาแป๊ปๆ แล้วก็กลับไปเหมือนคนรีบไปหาแฟนยังไงยังงั้นเลยล่ะ” พยาบาลที่ชื่อมุกเอ่ยแต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโดนนินทาอยู่กรายๆ ไงไม่รู้แฮะ

“งั้นผมขอตัวไปเยี่ยมน้องจอมใจก่อนนะครับ” ผมว่าเมื่อไม่อยากได้ยินพวกเธอพูดถึงผู้ชายคนนั้นอีก

“เชิญตามสบายค่ะคุณ…” อิงฟ้าชะงักถามชื่อของผม

“ภีมครับ”

“ค่ะคุณภีม” เธอยิ้มเมื่อผมตอบก่อนผมจะเดินต่อไปยังหน้าห้องของจอมใจ

ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องเธอสักพักก่อนจะเคาะและถือวิสาสะเปิดเข้าไป จอมใจนั่งอยู่บนเตียงโดยมีหนังสือเล่มใหญ่ในมือ เธอผละสายตาจากสิ่งที่ถือพลางมองมายังผมนิ่ง สายตาที่เรียบเฉยบ่งบอกว่าเธอไม่แปลกใจที่เห็นผมมา ผมจึงเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะวางกระเช้าที่ถือติดมือมาด้วยบนโต๊ะเล็กข้างเตียง

“ขอโทษที่ถือวิสาสะเปิดเข้ามานะครับพอดีผมรู้ว่ายังไงคุณก็ไม่ขานรับอยู่ดี” เธอพยักหน้ารับรู้ก่อนจะวางหนังสือในมือลงและคว้าเอาไวท์บอร์ดพร้อมกับปากกาที่วางไว้ข้างเตียงขึ้นมาเขียน

คุณมาที่นี่ทำไม  จอมใจพลิกไวท์บอร์ดหันมาทางผม

“ผมมาเยี่ยมและก็มา…ขอโทษ” ผมว่าพลางนั่งลงบนโซฟาข้างเตียง

ขอโทษเรื่อง?

“ก็เรื่องเมื่อสองปีก่อน” ผมเอ่ยเสียงเบาก่อนจอมใจจะถอนหายใจแล้วเขียนกลับมาอีกว่า…

ไม่ต้องขอโทษหรอกฉันรู้ว่าความจริงเป็นยังไง

“คุณรู้? รู้ได้ยังไง” ผมถามเมื่ออีกฝ่ายพลิกไวท์บอร์ดกลับมา ตอนนี้ผมเริ่มงงไปหมดแล้วจริงๆ ทั้งที่คิดว่าจะโดนจอมใจอาละวาดใส่แต่เธอกลับนิ่งมากนิ่งจนเป็นผมเสียเองที่รู้สึกประหม่า

ฉันไม่ใช่คนหน้ามืดไม่ฟังอะไรหรอกนะเพราะหลังจากนั้นสามวันฉันก็ให้คนสะกดรอยตามคุณ

“สะกดรอยตามผม?” อึ้งสิครับ! ผู้หญิงคนนี้ทำอะไรใหญ่กว่าที่ผมคิดเสียอีก

จอมใจก้มเขียนอะไรยุกยิกอยู่สักพักก่อนเธอจะพลิกมันหันมาและผมก็รีบกวาดตาอ่านทันที

แล้วก็รู้ว่าคุณคือคนที่ครอบครัวของทิชารับมาเลี้ยง คุณมีศักดิ์เป็นพี่ชายของทิชาฉันเข้าใจเรื่องนี้ดีแต่เรื่องที่ทำให้ฉันโกรธในวันนั้นมันเป็นเรื่องที่ฉันรู้ว่าทิชาแอบคบกับเพื่อนสนิทของฉันต่างหาก

ผมเบิกตามองคนตรงหน้ากลับ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนเพราะหลังจากวันที่ทิชาใช้ผมเป็นเครื่องมือวันนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อเธออีกเลยจนกระทั่งไปเรียนต่ออเมริกา

“ทิชาไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง…จะบอกยังไงดีล่ะคือความสัมพันธ์ของผมกับคนในครอบครัวมันไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมเลยย้ายออกจากบ้านของทิชามาอยู่หอพักตั้งแต่อายุสิบห้าแล้ว” จอมใจมองหน้าผมก่อนเธอจะเขียนอะไรกลับมาอีก

มันก็ไม่แปลกที่พี่จะไม่รู้ใช่มั้ย?

“พะ…พี่เหรอ?” ผมย้ำกลับอย่างไม่เขื่อสายตาตัวเอง

เรียกได้ใช่มั้ย?

“เอ่อ…ได้ ได้ครับแต่ว่าคุณไม่โกรธผมเหรอที่วันนั้นผมไม่ได้บอกความจริงกับคุณทั้งที่ถ้าผมบอกสักนิดมันก็คงไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้น” ผมว่าก่อนเธอจะเขียนอีก

ถึงมันไม่เกิดขึ้นก็ไม่เกี่ยวกับวันนั้นอยู่ดี บอกแล้วไงว่าวันนั้นฉันไม่เป็นอะไรแค่ตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเฉยๆ

ผมชะงักนิ่งเหมือนไม่รู้จะทำอะไรต่อไปเมื่ออ่านประโยคนี้ของอีกฝ่ายจนจบ คำมากมายวิ่งเข้าใส่หัวของผมอย่างจัง เหตุการณ์ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อสิ่งที่จอมพลทำกับผมมันสวนทางกับสิ่งที่น้องสาวเขาคิดอยู่เป็นอย่างมาก

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!?

“แล้วทิชารู้เรื่องที่คุณประสบอุบัติเหตุหรือยัง?” ผมทำลายความเงียบหลังจากมัวแต่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

จอมใจพยักหน้าก่อนผมจะชิงถามกลับอีกครั้ง

“เธอเคยมาเยี่ยมคุณมั้ย?” อีกฝ่ายส่ายหน้าพลางก้มหน้าลง ผมมองจอมใจที่ดูจะเจ็บปวดกับเรื่องนี้เอามากๆ ตรงหน้าก่อนจะลุกเดินมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงใกล้กับเธอมากยิ่งขึ้น

“ผมต้องขอโทษแทนเขาด้วย ทิชาน่ะถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กเธอมักจะแยกแยะไม่ออกว่าอะไรควรหรือไม่ควร เธอเป็นคนเอาแต่ใจทั้งที่ความจริงแล้วเธอก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น” ผมว่าก่อนจอมใจจะพลิกสิ่งที่เขียนหลังจากที่ผมพูดเสร็จกลับมา

ฉันเข้าใจเพราะเขาหมดรักฉันแล้ว เมื่อไม่รักยื้อให้ตายยังไงเขาก็ไปอยู่ดี   เธอมองสิ่งที่ตัวเองเขียนท่ามกลางน้ำตาที่เอ่อขึ้นมาจนผมชะงักไป

แกร๊ก!

เสียงลูกบิดประตูที่ดังขึ้นฉุดให้จอมใจรีบแหงนหน้าเพื่อกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาเอาไว้ทันทีในขณะที่ผมเองก็หันไปตามต้นตอของเสียงก่อนคนที่เดินเข้ามาจะเป็นพี่ชายของคนบนเตียงที่เมื่อเขาเห็นผมเข้าจอมพลก็ชะงักก่อนที่เขาจะตัดสินใจเดินไปยังโต๊ะเล็กใต้ทีวีเพื่อวางของที่ซื้อมา

“ทำไมไม่บอกกูว่ามึงจะมาที่นี่” เสียงทุ้มเอ่ยทั้งที่ยังไม่ได้หันมา

“ผมลืม…ขอโทษด้วยครับ”

“อืม” จอมพลหันมาเขามองผมนิ่งก่อนคนเป็นน้องสาวที่รีบเขียนอะไรยิกๆ จะพลิกไวท์บอร์ดมาพร้อมกับยิ้มแป้น

วันนี้ซื้ออะไรมาบ้าง ได้ DVD หนังเรื่องใหม่ที่เค้าอยากดูมั้ย

“พี่หาซื้อแล้วแต่มันไม่เจอ” คนถามทำหน้างอผิดหวังเหมือนเด็กๆ

“ทานอะไรหรือยัง” จอมพลถามก่อนจอมใจจะส่ายหัวกลับ

“งั้นเดี๋ยวพี่แกะผัดไทร้านโปรดของเราให้” จอมใจพยักหน้า

“เอาแอปเปิ้ลด้วยมั้ย” คนบนเตียงยิ่งยิ้มแป้นเข้าไปใหญ่

“โอเค”

ผมยิ้มหลังจากเอาแต่มองทั้งคู่คุยกัน แม้อีกฝ่ายจะทำเพียงเขียนตอบและแสดงท่าทางก็เถอะแต่ดูเหมือนว่ามันก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้ร่างสูงเลยแม้แต่น้อย จอมพลยังคงตอบโต้กับน้องไปมาได้เป็นปกติ ทำเอาผมที่มองดูเขาทั้งคู่เหยียดยิ้มขึ้นมาราวกับลืมตัว

เขาดูเป็นพี่ชายที่แสนดีนะตามใจน้องทุกอย่างแต่ติดตรงที่อารมณ์ร้อนและไม่มีเหตุผลไปสักหน่อยแค่นั้น

“งั้นเดี๋ยวผมปลอกให้” ผมบอกเมื่อจอมพลที่แกะผัดไทให้จอมใจเสร็จกำลังคว้าเอาแอปเปิ้ลที่ซื้อมาออกจากถุงใส่ลงในกะละมัง

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูทำเอง”

“คุณอยู่คุยกับน้องเถอะดูเหมือนเธอมีอะไรอยากจะคุยกับคุณเยอะเลยนะ” ผมว่าก่อนจะถือวิสาะฉวยกะละมังในมือของเขามาถือไว้

“หึ! ได้คุยกันจริงๆ ซะที่ไหน”

“…” ผมนิ่งเมื่อเข้าใจความหมายของคำพูดนี้

“อยากทำนักก็เชิญปลอกอย่าให้เปลือกขาดนะมึง”

“ห๊ะ!?”

“อยากปลอกดีนักนี่กูขอสั่งให้มึงห้ามทำเปลือกขาดไม่งั้นโดน!!”

ผมอ้าปากค้างทันที นี่มันคำสั่งแบบไหนกัน!? ผมไม่ใช่นักปลอกผลไม้นะถึงจะทำขนาดนั้นได้ ความจริงก็ปลอกไม่เอาไหนหรอกแต่คือถ้าให้นั่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรมันก็รู้สึกแปลกๆ ไง แล้วไหงพอผมจะช่วยเขาถึงทำแบบนี้กับผมล่ะ! หึ้ย!!

“ไม่พอใจอะไร” เขาถามเมื่อผมเอาแต่จ้องเขานิ่ง

“เปล่า!” ผมกระแทกเสียงตอบ

“งั้นก็ให้ไว”

ผมปรายตามองเขาก่อนจะไปยังประตูห้องน้ำ เพียงแค่ไม่กี่ก้าวจู่ๆ ขาของผมก็ชะงักเมื่อภาพเหตุการณ์ต่างๆ ในวันนั้นกลับหวนเข้ามาอีกครั้ง ผมยืนนิ่งไม่ไหวติง เหงื่อเริ่มชื้นขึ้นอย่างบอกไม่ถูก มือผมสั่นเหมือนหัวใจที่เต้นแรงจนมันแทบจะทะลุออกจากอก ทำไงดีผมไม่กล้าเปิดมันเข้าไปเลย

ผมยืนจ้องประตูตรงหน้าอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเอื้อมมือจับลูกบิดและออกแรงผลักมันเข้าไปแต่แล้วมือหนาก็ฉวยจับมือผมเอาไว้และแย่งกะละมังแอปเปิ้ลไป

“ไปนั่งกับน้องกูโน่นเดี๋ยวกูล้างเอง” ว่าเสร็จจอมพลก็เข้าห้องน้ำไปทันที

ผมอึ้งกับสิ่งที่เขาทำ เขารู้เหรอว่าผมเป็นอะไรและกำลังคิดอะไรอยู่?

แต่ก็ช่างเถอะเพราะเมื่อดึงสติกลับคืนมาได้ผมก็ยอมเดินไปนั่งโซฟาข้างเตียงแต่โดยดีก่อนจะสบตากับจอมใจที่มองมาด้วยแววตาสงสัยจนกระทั่งอีกคนเดินออกจากห้องน้ำมาในที่สุด

“อ่ะมีด…ไหนลองปลอกให้กูดูดิ๊” จอมพลยื่นมีดเล็กและแอปเปิ้ลมาให้

ผมรับมาแต่โดยดีก่อนจะเริ่มปลอกมันอย่างตั้งใจ หึ! โครตจะตั้งใจเลยแหละก็แม่ง! ดันลงข้างๆ แถมยังจ้องที่มือผมไม่วางอีก

“มึงทำอะไรของมึง!”

“มันเพิ่งเริ่ม ผมไม่ได้ปลอกมานานก็ต้องมีบ้างสิคุณ” ผมบอกทันทีที่ลงมีดไปได้แค่ไม่ถึงนาที

“หึ! โกหกหน้าด้านๆ” จอมพลเหน็บก่อนจะโวยวายผมออกมาอีกเป็นพรวน

“มันจะเหลืออะไรให้น้องกูกินมึงเล่นปลอกเข้าเนื้อขนาดนั้น!”

“…”

“มีดจะบาดมือมึงอยู่ละเอามาเดี๋ยวกูทำเอง!!”

“ไม่เอาผมทำได้!” ผมรีบเบียงมือหลบเมื่อเขากำลังจะแย่งมันไป

ต้องได้สิน่า…เรื่องแค่นี้มึงอย่าให้เขาดูถูกมึงได้นะเว้ยไอ้ภีม ฮึ!!

“อย่าเกร็งข้อมือมึงมากสิวะ”

“…”

“แบบนั้นเดี๋ยวได้เลือดกันพอดี”

“…”

“โด่ของง่ายแบบนี้มึงยังทำไม่ได้”

“…”

“มึงมะ!...”

“โอเคๆ ผมไม่ทำแล้ว! ยอมรับว่าปลอกไม่เก่งถ้าคุณเก่งนักก็ปลอกเองเลย” ผมยอมแพ้ในที่สุดก่อนจะยัดมีดและแอปเปิ้ลที่ปลอกเปลือกแบบกากๆ ไปให้อีกฝ่าย

จอมพลรับไปพลางปรายตามองผมเล็กน้อยก่อนจะลงมือปลอกแอปเปิ้ลที่เหลือจากผม มือหนาทั้งสองข้างของเขาทำงานประสานกันเป็นอย่างดี คนข้างๆ ของผมดูมีความชำนาญภายใต้แววตาคมที่จดจ้องไปยังของในมือนั้นทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่อีกฝ่ายหันมาเยาะเย้ยหลังจากปลอกจนเสร็จในชั่วพริบตาเดียว

“ไงไม่เห็นจะยาก” ว่าเสร็จก็ยักคิ้วกวนมาอีกที

“เหอะ! ขี้อวดเป็นเด็กๆ ไปได้” ผมว่าก่อนจอมพลจะโยนแอปเปิ้ลลูกใหม่มาให้

“เอาไป”

“…”

“ปลอกใหม่เดี๋ยวกูสอน”

“ไม่เอาแล้วคุณทำเองเถอะ” ผมบ่ายเบี่ยงแต่เขากลับจ้องหน้าพร้อมสั่งเสียงดุ

“ถือมีดขึ้นมา”

“…”

“ยังอีก”

“โอเคๆ ถือแล้ว” ผมยอมถือขึ้นมาก่อนคนข้างๆ จะโอบหลังพร้อมกับจับมือผมบังคับให้ค่อยๆ เฉือนเปลือกออกทีละน้อยไปเรื่อยๆ

“มึงอย่าเกร็งมือมึงมากถ้ายังไม่เป็นก็ค่อยๆ ขยับมีดไปทีละนิดไม่งั้นมันจะบาดนิ้วเอา” ผมหันมองเสี้ยวหน้าของคนข้างๆ ที่ใกล้จนสามารถรับรู้ได้ถึงเสียงหัวใจของเขา…

ทำไมมันถึงเต้นแรงพอๆ กับผมเลยนะ?

เอาจริงๆ ตอนนี้สติของผมเริ่มจะเตลิดออกทะเลไปไกลจนกู่แทบไม่กลับ ผมไม่สนใจแอปเปิ้ลและมีดที่ถือในมือเลยสักนิด ผมปล่อยในอีกฝ่ายบังคับทิศทางและน้ำหนักของมือไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงไอของจอมใจดังขึ้น

ผมดึงสติกลับคืนพลางส่ายหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะหันไปสนใจแอปเปิ้ลในมืออีกครั้งแต่กลายเป็นว่ามันถูกอีกฝ่ายใช้มือของผมปลอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“เห็นมะ? ยากตรงไหน” จอมพลหันมาพลันปลายจมูกของเขาก็เฉียดเข้ากับปลายจมูกของผมที่หันไปจนอีกฝ่ายชะงักงัน

“…” ผมมองนัยน์ตาสีดำของเขาอยู่สักพักก่อนจะเลือกเป็นฝ่ายผละออกแทน

ให้ตายเถอะ! ทำไมหัวใจผมถึงได้เต้นแรงแบบนี้!?

“ที่กูสอนก็จำไว้ด้วยโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้วเรื่องแค่นี้ยังทำไม่เป็น” จอมพลบ่นพลางส่งจานแอปเปิ้ลที่หั่นเป็นคำให้กับจอมใจที่มองมาด้วยใบหน้าฉงน

ผมไม่ตอบก่อนจะลุกขึ้นและเดินผ่านหน้าอีกคนไปทางประตูห้อง

“จะไปไหน” จอมพลถามไล่หลังมา

“ไปข้างนอก” ผมหยุดก่อนจะหันไปตอบ

“ไปทำไม”

“แค่ออกไป…” ผมว่าก่อนจะเหลือบมองไปยังประตูห้องน้ำ

“มึงอยากเข้าห้องน้ำ?” ผมพยักหน้าให้กับคำถามนี้ของเขาก่อนจอมพลจะถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อ

“รีบกลับแล้วกัน”

ผมพยักหน้าเข้าใจอีกครั้งก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำด้านนอก ความจริงก็ไม่ได้ปวดอะไรหรอกหาเรื่องออกมาสงบความคิดและความรู้สึกบ้าๆ ซะมากกว่า

ผมกำลังสับสนและไม่เข้าใจตัวเอง ทั้งเรื่องที่ยอมให้จอมพลนอนกอดเมื่อคืน เรื่องที่ไม่รู้สึกโกรธที่รู้ว่าสิ่งที่เขาทำกับผมทั้งหมดมันเป็นเพราะความแค้นส่วนตัว มันแปลกมากๆ ที่ผมไม่โกรธและแปลกที่ผมแค่ประหลาดใจแค่นั้น

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!?

“อ้าวคุณภีมไปไหนมาเหรอคะ” เสียงพยาบาลที่ชื่อิงฟ้าทักขึ้นทันทีที่ผมเดินผ่านเคาน์เตอร์ของเธอหลังออกจากห้องน้ำมา

“ไปเข้าห้องน้ำมาครับ” ผมตอบ

“ทำไมไม่เข้าในห้องน้องจอมใจล่ะคะหรือมันไม่สะอาด?”

“เปล่าครับพอดีผมอยากออกมาสูดอากาศด้วย” ผมต้องโกหกเธอจนได้

“อึดอัดเหรอคะ”

“เปล่าครับแต่ผมไม่ค่อยชินกับโรงพยาบาลสักเท่าไหร่” ผมตอบหน้าแหย

“งั้นเหรอคะ” เธอหมดคำถามก่อนจะส่งยิ้มมาให้

“เอ่อ…คุณอิงฟ้าครับ”

“คะ?”

“พอจะเล่าอาการของจอมใจให้ผมฟังหน่อยจะได้มั้ย” ผมถือโอกาสนี้ถามคนที่ใกล้ชิดกับจอมใจเพื่อจะได้เริ่มสัญญาที่ทำไว้กับจอมพลทันที

“คุณภีมอยากรู้ไปทำไมเหรอคะ”

“พอดีผมอยากช่วยให้เธอกลับมาพูดอีกครั้งหนึ่งน่ะครับ”

“โห…ยากค่ะคุณภีม น้องจอมใจน่ะเห็นแบบนั้นดื้อเงียบจะตาย” อิงฟ้าตอบพลางทำหน้าเหนื่อย

“งั้นเหรอครับ”

“ค่ะ อิงน่ะอยู่กับเธอมาสองปีแล้ว น้องเขาเหมือนสร้างกำแพงกั้นไม่ให้คนอื่นเข้าไปในโลกที่ตัวเองอยู่ เธอไม่ยอมเปิดใจ ไม่สนใจการรักษา ไม่ยอมทำอะไรเลยนอกจากนั่งอยู่เฉยๆ ดูหนัง ฟังเพลง และรอให้คุณจอมพลมาหาตอนเย็นแค่นั้น” อิงฟ้าสาธยายเพิ่ม

ฟังดูไม่หมูเลยแฮะ!

“แต่เธอก็ยอมคุยกับผมนะครับ…แบบว่าเขียนตอบ”

“บางวันตอบบางมันนิ่งเป็นแบบนี้ประจำแหละค่ะ”

“แสดงว่าเธอเป็นแบบนี้มาตลอด”

“ใช่ค่ะก็ตั้งแต่ที่เธอฟื้นขึ้นมา”

“เธอหลับไปนานแค่ไหนครับ” ผมถามอีก

“สามเดือนค่ะ พอฟื้นขึ้นมาก็ถามหาคุณจอมพลเลย”

“สงสัยเธอคงติดเขามาก”

“มากๆ เลยค่ะเห็นว่าอยู่กับคุณจอมพลมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อกับแม่พวกเขาต้องดูแลกิจการบริษัทที่ญี่ปุ่นพูดง่ายๆ ก็คือพ่อแม่พวกเขาอยู่ที่โน้นจะไปมาหาสู่กันนานๆ ครั้งเท่านั้นแหละค่ะ” ผมพยักหน้าเข้าใจเมื่อได้ข้อมูลใหม่มา

ไม่แปลกที่จอมพลจะแค้นผมแทนจอมใจ…

“แล้วตอนที่เธอเข้าโรงพยาบาลล่ะครับพ่อแม่พวกเขาได้มาเยี่ยมหรือเปล่า”

“ก็มานะคะแต่พอรู้ว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้วก็กลับญี่ปุ่นไปยกหน้าที่ดูแลให้คุณหมอบดินทร์กับคุณจอมพลไปโดยปริยาย”

“คุณหมอบดินทร์?” ผมถามกลับเมื่อคุ้นๆ ชื่อนี้

“หัวหน้าแพทย์ประจำแผนกนี้น่ะค่ะ”

“อ๋อ…” ผมทำหน้าเข้าใจ “แล้วที่เธอไม่ยอมพูดมันมีสาเหตุมาจากอะไรครับ”

“มีหลายสาเหตุค่ะ อาจจะเพราะตกใจกับเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งซึ่งทางเรามุ่งไปที่อุบัติเหตุค่ะเพราะมันค่อนข้างรุนแรง หรืออาจจะเป็นเพราะมีบางอย่างกระทบกระเทือนจิตใจมากๆ จนทำให้น้องจอมใจปิดกั้นตัวเองอย่างที่บอกไปน่ะค่ะ นี่ก็เพิ่งจะได้ลดปริมาณยานอนหลับไปไม่นานนี้เอง”

“จอมใจต้องทานยานอนหลับด้วยเหรอครับ”

“ค่ะ เธอเคยนอนไม่หลับติดต่อกันห้าวันเลยนะคะ เอาจริงๆ ก็เพราะมีเรื่องค้างคาใจอยู่แหละค่ะแต่แกสร้างเกราะป้องกันตัวเองทำให้ดูเหมือนไม่มีอะไรแท้ที่จริงแล้วน่ะมี”

ผมชะงักกับสิ่งที่ได้ยิน ถ้าอย่างงั้นก็เท่ากับว่าสิ่งที่เธอคุยกับผมไปเมื่อกี้อาจจะเป็นวิธีป้องกันตัวเองก็ได้ใช่มั้ย? เธออาจจะโกรธผมแค้นผมก็ได้แต่กลับพูดออกมาแบบนั้นเนี่ยนะ

ผมยืนครุ่นคิดอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นด้านหลังประชิดตัวพร้อมกับอิงฟ้าที่เหยียดยิ้มข้ามหัวผมไป

“คุยอะไรกัน” จอมพลถามเสียงเรียบ

“คือคุณภีมเขามาถาม!...”

“เรื่องทั่วไป” ผมเอ่ยขัดพลางมองอีกฝ่ายนิ่งจนอิงฟ้าที่เหมือนจะเข้าใจสถานะจะตามน้ำขึ้น

“ใช่ค่ะคุยกันเรื่องทั่วไป นี่ก็กำลังจะถามของโปรดของคุณภีมอยู่เลย” อิงฟ้าพูดก่อนจะเหยียดยิ้มจนตาหยีกลับมา

“คุณมีธุระอะไร” ผมหันไปหาคนข้างหลังเมื่อขอความช่ยวเหลือจากอิงฟ้าสำเร็จ

“มึงช้า” จอมพลตอบก่อนจะโยนเป้ของผมมาให้

“กลับ” ว่าเสร็จก็คว้าแขนผมเดินออกจากแผนกจิตเวชมาทันที

“เดี๋ยวๆ! คุณจะพาผมไปไหน!” ผมโวยวายท่ามกลางขาที่ก้าตามแรงดึงของเขาไปเรื่อยๆ

“กลับคอนโด”

“คอนโดใคร!?”

“มึง”

แม่ง! ตอบมาได้หน้าตาเฉย!

“แต่ผมเอารถมาผมกลับเองได้!”

“จอดไว้ที่นี่แหละวันนี้กูจะไปส่ง”

“ไม่เอาผมจะกลับเอง!” ผมสะบัดมือออกก่อนจอมพลจะหันมาจ้องหน้าด้วยแววตาที่เริ่มจะอารมณ์เสียทันทีที่เขาพาผมมาถึงรถคันหรูเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“อย่าบังคับให้กูต้องลงมือนะภีม”

“…”

“ขึ้นรถ”

“แต่ผม…”

“ตอนนี้มึงต้องทำตามสิ่งที่กูต้องการทุกอย่างจำไม่ได้?”

“…”

“ขึ้นรถ”

ผมปรายตามองคนบังคับเพียงนิดก่อนจะยอมเปิดประตูเดินขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับทันที

“คาดเข็มขัดด้วย” จอมพลสั่งเมื่อเปิดประตูเดินขึ้นมานั่งตรงที่นั่งของคนขับ

“ครับๆ” ผมเอ่ยพลางถอนหายใจก่อนจะสังเกตเห็นกระเป๋าใบโตตรงเบาะหลัง หลังจากที่จอมพลเคลื่อนตัวรถออกมาแล้ว

“นั่นกระเป๋าอะไรของคุณ” ผมถาม

“กระเป๋าเสื้อผ้า”

“คุณจะไปไหน”

“ไปคอนโดมึง”

“คุณจะไปค้างคอนโดผม!?” ผมว่าพลางเบิกตา

“เปล่า”

“…”

“กูไปอยู่”

“ไม่ได้!!” โอ้โห! เด็ดกว่าไปค้างอีกแม่งเอ้ย!

“ทำไม!?”

“อย่างน้อยก็ไม่ใช่วันนี้”

“กูถามว่าทำไม!?”

ตายแน่ไอ้ภีมเอ้ย!! จะบอกยังไงว่าแดเนียลจะมาหาอย่าบอกนะว่าสงครามของสองคนนี้กำลังจะเริ่มขึ้นอีก

ไอ้ภีมขอลาตายตอนนี้ทันมั้ย!?

[End of Peam's Part]



TBC................
----------------------------------------------------------
ภีมกำลังตกที่นั่งลำบากไม่รู้ว่าจอมพลจะว่าไงถ้ารู้ว่าแดเนียลจะมา
รถไฟสองขบวนหัวจะชนกันมั้ย กิ่งเหนื่อยแทนภีมจิมๆ


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 26-07-2017 11:03:11
เนื้อหอมหนักมากภีม
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 26-07-2017 13:20:22


กงจักร อาวุธวงกลมมีแฉกแหลมคมล้อมรอบ
'หากไม่อยากเจ็บตัว'
ก็จงหนีเสียก่อนจะโดนคมของมันเฉือนเข้าเนื้อ
ทว่า…หากมันถลำลึกจนเกินกว่าจะหนี
คงมีทางเดียวเท่านั้นที่คุณจะรอด…
คือเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต
แม้บางครั้งมันจะคอยสร้างบาดแผลให้มากแค่ไหนก็ตาม!
!


INTRO


“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปไม่ต้องมาทำงานที่บริษัทผมอีกแล้วนะคุณภีม”

เสียงประธานบริษัทอย่างราชันย์ดังขึ้นสร้างความตกใจเป็นอย่างมากให้กับร่างโปร่งที่ยืนอยู่ตรงหน้าเพราะสีหน้าของเขาเจือนลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“ผะ…ผมทำอะไรผิดเหรอครับคุณราชันย์” ภีมวิทธิ์หรือ 'ภีม' ชายหนุ่มนักเรียนนอกที่เพิ่งเรียนจบปริญญาโทและเข้าทำงานกับบริษัทแห่งนี้ด้วยตำแหน่งเลขานุการของประธานบริษัทถามขึ้นอย่างสงสัยระคนเสียใจเป็นอย่างมากเพราะเจ้าตัวเพิ่งจะเริ่มทำงานที่นี่ได้เพียงแค่อาทิตย์เดียวเท่านั้น

“ไม่ผิดหรอกคุณทำงานทุกอย่างที่ผมมอบหมายได้เป็นอย่างดี” ราชันย์ตอบก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูงพลางมองไปยังอีกฝ่ายที่ได้แต่ขมวดคิ้ว

“แล้วทำไมคุณถึงไล่ผมออกล่ะครับ”  ภีมทำหน้าเศร้าก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่ตัวเขาไม่เข้าใจออกไป

“ใครบอกว่าผมไล่คุณออก” ร่างสูงตอบอีกคนกลับหน้าตาย

“อะไรนะครับ!?” ภีมถามขึ้นอย่างไม่เชื่อหูก่อนประธานบริษัทอย่างราชันย์จะค่อยๆ อธิบายเขากลับ

“ผมไม่ได้ไล่คุณออกเพียงแต่โยกย้ายตำแหน่งของคุณให้ไปอยู่ในความดูแลของเพื่อนผมเท่านั้น”

“เพื่อน?”

“ใช่พอดีตำแหน่งของคุณที่นี่ผมยกมันให้กับพนักงานอีกคนไปแล้ว” ร่างสูงแสยะรอยยิ้มร้ายออกมาอย่างนึกสนุกเมื่อพูดถึงอีกคนที่เขากำลังจะรับเข้ามาทำงานในตำแหน่งนี้แทนภีมวิทธิ์

“พอจะบอกผมได้มั้ยครับว่าใคร” ร่างโปร่งถามขึ้นอย่างสงสัยเพราะกลัวว่าคนที่มาแทนจะทำงานต่อจากเขาได้ไม่ดีเพราะถ้าหากเป็นคนที่เขาพอจะรู้จัก ภีมก็ยังสามารถไปกำชับกับคนนั้นได้

“เขายังไม่เข้ามาทำงานแต่สำหรับคนนี้ผมจำเป็นต้องจ้างเขาจริงๆ” ราชันย์พูดเพียงแค่นั้น แต่มันกลับทำให้ภีมสบายใจขึ้นเพราะร่างโปร่งเชื่อว่าหากราชันย์มั่นใจก็แสดงว่าคนๆ นั้นมีดีพอจะรับตำแหน่งนี้แทนเขา

“แล้วบริษัทเพื่อนของคุณราชันย์?” ภีมวิทธิ์ถามเมื่อยังไม่ทราบข้อมูลของบริษัทใหม่ที่เขาจะต้องไปทำงาน

“จริงสิ ผมลืมไปเลย…นี่เป็นข้อมูลและระเบียบการทำงานคร่าวๆ ที่ทางนั้นส่งมาให้กับผมเพื่อที่คุณจะได้อ่านและทำความเข้าใจก่อนเริ่มงาน” ร่างสูงยื่นแฟ้มบางที่บรรจุเอกสารเพียงสองสามอย่างให้กับร่างโปร่ง

ภีมรับเอาแฟ้มที่ว่าก่อนจะล้วงเอกสารข้างในออกมาและกวาดสายตาอ่านเนื้อความที่ระบุทั้งคุณสมบัติประจำตำแหน่ง ลักษณะงานประจำตำแหน่งหรือแม้กระทั่งเงินเดือนที่เขาจะได้รับซึ่งมันมากกว่าที่นี้อยู่ประมาณนึงจนร่างโปร่งถึงกับเบิกตาโพรง

“เงินเดือน?”

“ตามนั้น”

“งั้นก็คงมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ” ภีมแย้งเมื่อจำนวนเงินเดือนที่เขาจะได้สูงกว่ามาตรฐานตามวุฒิของเขาอยู่หลายหมื่น

“เรื่องนี้ผมเองก็ไม่รู้คุณต้องไปถามทางโน้นเขาเองมากกว่าเห็นว่าได้มากกว่าบริษัทผมใช่มั้ย” ราชันย์ถามก่อนที่ภีมจะพยักหน้ายอมรับออกมาอย่างไม่ปิด

“มันก็ใช่ครับแต่ผมคิดว่ามันมากจนเกินไป” ภีมเริ่มหนักใจกับข้อเสนอที่อีกบริษัทให้มาจนไม่กล้าตัดสินใจ

“ไม่มีอะไรมากไปหากทางนั้นเขาเต็มใจจ่ายหรอก เอาเป็นว่าถ้าคุณตกลงเพื่อนผมบอกให้เข้าไปหาวันมะรืนนี้”

“มะรืนนี้เลยเหรอครับ”

“พอดีพนักงานของมันกำลังขาดอยู่เลยเร่งรัดคุณนิดหน่อยไม่ว่ากันนะ”

“เอ่อ…ครับ” ภีมไม่นึกถือสาก่อนจะถอนหายใจและเอ่ยคำพูดออกไปอีก

“ถ้าอย่างงั้นแล้วคุณราชันย์ครับ” ร่างโปร่งเดินเข้าไปหาราชันย์

“มีอะไร”

มือเรียวยื่นออกไปตรงหน้าของร่างสูงก่อนที่คนเป็นนายจะยื่นมือของตัวเองคว้าจับกับมือของอีกคนเอาไว้

“ขอบคุณคุณราชันย์มากนะครับแม้ว่าจะเพียงแค่อาทิตย์เดียวแต่ผมก็ได้เรียนรู้งานจากคุณมาก” ภีมพูดออกมาจากใจจริง

“ขอให้คุณโชคดี” ร่างสูงเองก็เอ่ยอวยพรอีกคนกลับเช่นเดียวกัน

“ยินดีที่หลังจากนี้ไปผมก็เคยได้ร่วมงานกับคุณครับ” ภีมโค้งตัวลงก่อนจะก้าวเดินออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาที่ราชันย์ใช้มองอีกฝ่ายจนกระทั่งประตูห้องถูกปิดลงด้วยฝีมือคนข้างนอกอย่างแผ่วเบา ราชันย์ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อย่างคิดหนัก สายตาที่เขาใช้มองไปยังประตูห้องยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

มันคือสายตาที่เต็มไปด้วยความหนักใจ…หนักใจเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเจอกับอะไรที่ตัวเขาเองไม่สามารถห้ามได้นอกเสียจากยอมเล่นตามหมากของเพื่อนอีกคนที่กำชับมาอย่างแน่นหนัก




ภีมเดินกลับมายังโต๊ะของตัวเองก่อนจะทรุดตัวนั่งลงพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่จนมินตราพนักงานฝ่ายบุคคลที่บังเอิญเดินผ่านมาต้องออกปากถาม

“คุณราชันย์เรียกภีมไปคุยเรื่องอะไรเหรอ”

“ผมโดนย้าย”

“โดนย้าย!?” มินตราตะโกนลั่นอย่างไม่เชื่อหูก่อนที่พนักงานคนอื่นๆ แถวนั้นจะหันมาให้ความสนใจกับพวกเขาทั้งคู่ทันที

“ใช่วันนี้ก็ทำงานวันสุดท้ายแล้วด้วย” ร่างโปร่งพูดออกมาอย่างระเหี่ยใจก่อนจะเอนหลังพิงพนักพร้อมกับปิดเปลือกตาลงเพื่อทบทวนเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

“ทำไมเร็วแบบนี้ล่ะ” มินตราลากเก้าอี้ที่ว่างบริเวณนั้นมานั่งอย่างใคร่รู้

“ไม่รู้เหมือนกันเห็นว่าทางนั้นขาดพนักงานผมเองก็ยังงงๆ อยู่เลย” ภีมถอนหายใจออกมาอีกระลอกก่อนที่รุ่นพี่ในที่ทำงานคนนี้จะถามขึ้นอีก

“แล้วย้ายไปไหนล่ะ”

“ไม่รู้”

“อ้าว!”

“ก็ผมยังไม่ได้สนใจบริษัทนั้นนี่นาแค่รู้ว่าจะโดนย้ายก็จุกจนพูดไม่ออกแล้ว”

“แต่พี่อยากรู้จังเลยอะภีม” เสียงหวานที่ถูกส่งออกมาโดยขาเม้าท์ประจำบริษัททำเอาภีมที่ปิดพับดวงตาอยู่ถึงกับขนลุก

“ในแฟ้มนี่แหละครับถ้าพี่มินอยากรู้ก็เปิดดูได้เลยแต่ตอนนี้ขอผมทำใจสักพักนะ” ร่างโปร่งเอื้อมมือตบลงบนแฟ้มที่ถูกวางไว้บนโต๊ะก่อนที่มินตราจะหยิบขึ้นมาเปิดดูทันที

“หูย~ ไม่ใช่เล่นๆ เลยนะภีมนี่มันบริษัทคู่ค้ารายใหญ่ของเราเลยนะ” ภีมลืมตาขึ้นก่อนจะถามอีกฝ่ายถึงคำพูดที่เพิ่งจะได้ยิน

“พี่มินว่าไงนะครับ”

“ก็นี่ไง! ทำไมนายถึงไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนี้นะ!” มินตราเอ็ดก่อนจะหยิบเอาเอกสารแผ่นดังกล่าวออกมาพร้อมกับยื่นไปตรงหน้าของเขาและชี้ไปยังชื่อบริษัทที่เด่นหราบนหัวกระดาษด้วยท่าทีตื่นเต้น

“ก็ผมเพิ่งมาทำงานได้แค่อาทิตย์เดียวนี่นา ผมไม่รู้หรอกครับว่าใครเป็นมิตรหรือเป็นศัตรู” ภีมที่มองตามปลายนิ้วเรียวพูดขึ้น

“ได้ทำงานที่นี่ก็ไม่ต้องคิดมากแล้วภีมเอ้ย!” นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดมองเนื้อความข้างในอีกครั้งก่อนจะสะดุดเข้ากับชื่อบริษัทที่ตัวเขาเองกลับไม่รู้จักจนต้องเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง

“ขนาดนั้นเลย?”

“แหงล่ะแว่วๆ มาว่าสิ้นปีที่แล้วทำกำไรตั้งหลายร้อยล้านแหนะ” มินตราว่าพลางตาลุกวาว

“โชคดีแล้วกันนะน้องรักไว้ว่างๆ มาหากันบ้างนะพี่คิดถึง” มือเรียวตบลงบนไหลของร่างโปร่งก่อนที่มีนตราจะเดินจากไปในที่สุด

ภีมวิทธิ์หันกลับมามองแผ่นกระดาษตรงหน้าอย่างครุ่นคิดอีกครั้ง ชื่อบริษัทที่ไม่เคยเห็นหากแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกคุ้นหูขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

'CHOM Group Co., Ltd.'

บริษัทนี้ลงทุนจ้างเขาด้วยเงินเดือนสูงขนาดนั้นเพื่ออะไรกันนะ!?


TBC...


------------------------------------------

อยากบอกว่าคู่ที่แซ่บกว่าคู่แรกอีกนะคะ ยังไงก็ฝากงานเขียนนี้ไว้ด้วยนาาา
ซึ่งทั้งสองเรื่องนี้จบแล้วทั้งคู่ค่ะ จะมาอัพให้อ่านวันละ 2 บทนา
ส่วนเรื่องอื่นๆ รอติดตามเนอะ เพราะมันยังไม่ถึงไหน อิอิ


 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.14 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 26-07-2017 20:36:58
คือจอมพลควรกรรมตามสนองนะ แบบโดนภีมเมิน ไม่เห็นอยู่ในสายตาอะไรประมาณนั้น
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 26-07-2017 20:40:47


CHAPTER 15




“วันนี้มันทำไม? มึงถึงให้กูไปคอนโดไม่ได้” จอมพลกดเสียงต่ำถาม

“เอ่อ…คือ” ร่างโปร่งอึกอักพลางรวบมือกำไว้บนตักแน่น

“ภีม”

“ก็แค่ไม่ใช่วันนี้!...ได้มั้ย” ภีมพยายามขอแต่จอมพลกลับมองอีกฝ่ายนิ่ง

“กูพอจะเดาออก…มีใครกำลังจะมาหามึงใช่มั้ย” ร่างสูงเอ่ยถามทันทีที่รถหยุดอยู่ตรงไฟแดง

“ชะ…ใช่” ภีมที่ไม่รู้จะปิดบังยังไงทำใจกล้าบอกออกไป

“ใคร?” เสียงทุ้มสวนถามขึ้นทันที

“เพื่อน”

“เพื่อนน่ะใคร?”

“…”

“ไอ้ฝรั่งลูกครึ่งคนนั้น?”

“เขาชื่อแดเนียล”

“ใช่มันจริงๆ?”

ร่างโปร่งพยักหน้ารับก่อนจอมพลจะถอนหายใจออกมาพลางบีบพวงมาลัยจนห็นเส้นเลือดที่มือปูดนูน

“มันมาทำไม”

“ไม่รู้”

“…”

“มันบอกแค่ว่ามีเรื่องจะคุยด้วย…อันที่จริงก็ตั้งแต่เมื่อวาน” ภีมว่าพลางหันมองเสี้ยวหน้าของคนที่เคลื่อนตัวรถออกจากสี่แยกและขับมาเรื่อยๆ

“งั้นก็ให้มันมา” จอมพลตอบเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการคำตอบสำหรับเรื่องนี้

“ผมตอบตกลงมันไปแล้ว” ภีมบอกความจริง

“แม่ง!!” ร่างสูงสบถก่อนจะหันไปจ้องคนข้างๆ เขม็ง

“ก็มันห้องผมนี่นา”

“เออ! กูรู้หรอกว่าห้องมึงแต่มึงจะไม่ถามผัวตัวเองสักคำ?” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็เบิกตาทันที

“คุณจอมพลผม!...”

“กูจะยัดเยียดคำนี้ให้มึงจะทำไม?”

“…”

“ตามพฤตินัยแล้วมึงเป็นเมียกูเป็นผัวส่วนไอ้ที่มันกำลังจะมานั่นน่ะเขาเรียกชู้!”

“!!”

“หรือไม่จริง?” ภีมหมดจะสรรหาคำไหนมาเถียงอีกฝ่ายทันที

“หยุดต่อล้อต่อเถียงก่อนที่กูจะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้” จอมพลเยียดยิ้มออกมาอย่างชอบใจ

ร่างสูงลอบมองเสี้ยวหน้างอง้ำของอีกคน จอมพลยอมรับว่าตอนนี้เขากำลังรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ คนข้างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ แม้วันนี้ทั้งวันเขาจะพยายามหลีกเลี่ยงอีกฝ่ายด้วยการไม่พูดไม่ทำอะไรให้แต่จนแล้วจนรอดความรู้สึกบางอย่างกลับเรียกร้องให้เขายิ่งอยากจะแกล้ง ยั่วโมโหและร้ายใส่อักฝ่ายไม่หยุด เพราะร่างสูงชอบที่จะเห็นใบหน้าเรียวนั้นแสดงอาการต่างๆ ออกมามากกว่าเรียบนิ่งและเฉยชาเป็นไหนๆ
:
:
:
รถยนต์คันหรูแล่นเข้าจอดในที่จอดรถคอนโดของภีม ร่างโปร่งปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนจะเปิดประตูเดินลงมาพร้อมกับอีกคนที่พอออกจากรถมาปุ๊ป ร่างสูงก็เดินไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อเอากระเป๋าเดินทางของตัวเองออกมาทันที

“เอาจริงๆ ผมไม่อยากให้คุณอยู่ด้วยตอนแดเนียลมา” ภีมบอกความประสงค์ของตัวเองในขณะที่พวกเขาอยู่ในลิฟต์

“กูไม่อยู่เป็นก้างหรอกไม่ต้องห่วง” จอมพลว่า ร่างสูงพูดขึ้นด้วยความใจเย็นจนภีมรู้สึกไม่คุ้น

“แล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน”

“กูจะอยู่ในห้องนอนมึง”

“…”

“คงไม่เข้าไปทำอะไรกันในนั้นใช่มั้ย?” ว่าเสร็จก็มองไปยังอีกคนด้วยแววตาจับผิดทันที

“ไม่มีใครคิดอกุศลแบบคุณหรอก” ร่างโปร่งบ่นพลางกรอกตามองบน

“ขอบคุณที่ชม” จอมพลกวนกลับ

“ผมด่าเหอะ!”

“แต่กูถือว่ามันเป็นคำชม”

“เอาที่สบายใจแล้วกัน”

บทสนทนาจบลงด้วยการที่ประตูลิฟต์ถูกเปิดออก ภีมเดินนำไปยังหน้าห้องของตัวเองก่อนจะไขลูกบิดเข้าไปโดยมีคนตัวสูงเดินตามติดๆ จอมพลวางกระเป๋าลงบนโซฟาห้องรับแขกก่อนจะเดินตามเจ้าของห้องที่เดินเข้าไปในครัว

“ขอกูด้วย” ร่างสูงบอกภีมที่เทน้ำใส่แก้ว

ร่างโปร่งทำตามอย่างว่าง่ายพลางยื่นให้อีกฝ่ายไปแต่แล้วร่างสูงกลับคว้าข้อมือข้างที่ภีมยื่นมาพร้อมกับพลิกตัวและรวบภีมไว้ในอ้อมกอดจนตอนนี้กลายเป็นว่าจอมพลกำลังกอดภีมจากทางด้านหลังอยู่กรายๆ

“คะ…คุณทำอะไรเนี่ย!? ดีนะที่แก้วไม่แตก!” ร่างโปร่งออกปากว่า

“ก็ยังไม่แตกนิวะ” ว่าเสร็จมือหนาก็ยกน้ำในแก้วขึ้นดื่มก่อนจะงับเข้าที่หูของอีกคนเมื่อกลืนลงคอไปจนหมด

“อ่ะ!”

“หึ!”

“ทำบ้าอะไรเนี่ย!?” ภีมดิ้นหนี

“กูหิวแล้วมีไรให้กินบ้าง” จอมพลว่าก่อนจะคลายอีกคนออก

“ไม่มี! ถ้าคุณอยากกินผมมีมาม่าคัพบนตู้ใส่น้ำร้อนแล้วไปทานในห้องนอนผมเลย!” ภีมหันไปจ้องจอมพลเขม็งพลางจับหูของตัวเองด้วยใบหน้าขึ้นสี

“แล้วมึงไม่กิน?”

“เดี๋ยวแดนจะซื้อมา”

แป้ก!! กรอด!~

“!!”

“ทำไมมึงไม่บอกกูก่อน” จอมพลขบกรามแน่น ร่างสูงกระแทกแก้วในมือลงบนโต๊ะจนมันร้าวก่อนภีมจะหลุบตาลงต่ำพลางเอ่ยอ้อมแอ้มกลับ

“ผมจำเป็นต้องรายงานคุณทุกอย่างหรือไง”

“นั่นเป็นนิสัยที่ดีของเมีย”

“คุณ!...”

“จำเอาไว้!” ว่าเสร็จก็เดินออกจากครัวก่อนจะแบกกระเป๋าเดินเข้าห้องนอนของร่างโปร่งไปทันที

ภีมมองตามแผ่นหลังกว้างของอีกคนด้วยความรู้สึกหวิวๆ วันนี้จอมพลเปลี่ยนไปมากแม้จะมีคาดคั้นและแสดงความไม่พอใจแบบนั้นออกมาบ้างแต่ก็ถือว่าร่างสูงละทิ้งความร้ายลงไปมาก มากจนร่างโปร่งเริ่มจะใจเต้นแรงทุกทีที่ถูกอีกคนจับเนื้อต้องตัว

ภีมเปิดประตูห้องนอนตามหลังจอมพลเข้าไป แววตาของร่างสูงที่นั่งอยู่บนเตียงฉายความไม่พอใจออกมาจนหมดก่อนร่างโปร่งจะเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย

“ผมขอร้องคุณอย่าเสียงดังนะ”

“มึงไม่มีสิทธิ์มาสั่ง” จอมพลเอ่ยลอดไรฟัน

“แต่ผมไม่อยากเห็นพวกคุณทะเลาะกัน”

“กูไม่ได้เริ่ม”

ร่างโปร่งมองคนที่ตีสีหน้าไม่สบอารมณ์ตรงหน้าพลางถอนหายใจออกมา

“เฮ้อออ…ถ้างั้นอยากทำอะไรก็เชิญแต่อย่าออกมาจนกว่าแดเนียลจะกลับถือว่าผมขอร้องแล้วกัน” ภีมเหนื่อยจะคุยตอนนี้เขารู้เกี่ยวกับอีกคนแล้วว่า…

จอมพลน่ะดื้อเงียบ!

“มึงกลัวมันรู้ขนาดนั้น?” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายพร้อมกับถามขึ้น

“ผมไม่อยากตอบคำถามมัน” ภีมว่า

“ตอบว่ากูเป็นผัวส่วนมึงก็เป็นเมียก็จบ!”

“แต่คำว่าผัวเมียมันใช้ไม่ได้สำหรับคนที่แค้นกันนะ”

“…”

“ผมขอตัวก่อนอีกเดี๋ยวมันคงมาถึง” ว่าเสร็จภีมก็เดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่เพียงจอมพลที่สะอึกกับคำพูดของอีกฝ่าย

ร่างสูงมองแผ่นหลังของคนที่เดินออกไปด้วยความคับแน่นไปทั้งอก จอมพลเองก็รู้สึกสับสนไม่แพ้กันที่คำพูดและการกระทำของเขามันสวนทางกันไปหมด เขาเริ่มรู้สึกตั้งแต่เห็นแววตาว่างเปล่าของภีมเมื่อวันก่อน เขาไม่อยากถูกอีกฝ่ายมองเป็นเพียงอากาศธาตุ เขาอยากให้ภีมพูดคุยด้วยดีๆ ซึ่งความรู้สึกพวกนี้มันบ้ามาก! แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อตอนนี้ในใจเขากลับร้อนรุ่มไปหมดเมื่อรู้ว่าอดีตแฟนของภีมกำลังจะมา พวกเขาทั้งคู่กำลังจะทานข้าวด้วยกัน ความคิดในหัวของร่างสูงกำลังดำดิ่งจนฉุดให้รู้สึกโหวงไปหมดจนตอนนี้จอมพลอยากที่จะก้าวข้ามคำว่าแค้นนั่นมาซะจริงๆ!
:
:
:
“ข้าวมันไก่ไม่อร่อยเหรอ” แดเนียลถามภีมที่เอาแต่เขี่ยข้าวในจานไปมา

“เปล่าก็อร่อยดี”

“แต่ทำไมมึงกินนิดเดียว”

“กูไม่ค่อยหิวว่ะ” ภีมว่าก่อนจะมองไปยังประตูห้องนอนอยู่อย่างนั้น

“มึงมีเรื่องไรในใจหรือเปล่า”

“ไม่มี…ว่าแต่มึงเถอะบอกมีเรื่องจะคุยกับกูอะเรื่องไร” ภีมหันมาเข้าเรื่อง

“เฮ้อ…ยากที่จะพูดว่ะ” แดนเนียลว่าพลางวางช้อนในมือลง

“…”

“คือกูจะกลับอเมริกา” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น นัยน์ตาสีน้ำข้าวจดจ้องไปยังภีมเพื่อรอคำตอบ

“เหรอ? เมื่อไหร่ล่ะ?” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีเฉยๆ

“ทำไมมึงดูไม่เสียใจเลยวะ” แดเนียลที่ผิดหวังสวนถามกลับ

“มึงจะกลับบ้านของมึงกูจะเสียใจไปทำไม” ภีมว่าเมื่อไม่เข้าใจสิ่งที่แดเนียลพูด

“ภีมกูถามจริงเถอะตลอดเวลาที่กูอยู่ไทยเนี่ยมึงไม่รู้เลยเหรอว่าเพราะอะไร”

“…”

“กูอยู่ก็เพราะมึง”

“แดนคือกู!...” ร่างโปร่งพยายามขัด

“กูอยากทำให้มึงหายโกรธเรื่องนั้นจริงๆ แล้วเราก็กลับมาเริ่มต้นกันใหม่ กูยังไม่ถอดใจจากมึง มึงเองก็น่าจะให้โอกาสกูบ้าง กูเพิ่งทำผิดแค่ครั้งเดียวนะเว้ย! แล้วกูก็สัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกตอนนั้นมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบมึงก็รู้กูไม่ได้รักอลิสแต่กูรักมึง!”

“แดนมึงฟังกู!” ร่างโปร่งตะคอกกลับจนอีกฝ่ายชะงัก

“เรื่องของมึงกับกูมันจบไปแล้วกูหายโกรธมึงแล้วแต่เรากลับมาเป็นแบบเดิมไม่ได้!”

“ทำไมจะไม่ได้มึงเองก็ไม่มีใคร!...หรือว่าเพราะหมอนั่น”

“ไม่มีอะไรอย่างที่มึงคิดทั้งนั้น” ภีมหลบสายตาที่จ้องมาอย่างจับผิด

“แล้วทำไมเราสองคนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้!”

“เพราะกูไม่ได้รักมึงแล้ว!”

“!!”

“กูไม่ได้รักมึงแล้วแดนตอนนี้สิ่งที่กูให้ได้ก็แค่คำว่าเพื่อน” ร่างโปร่งว่า “อย่าทำให้กูต้องเอาคำนี้คืนจากมึงอีกเลยมึงเป็นคนดีไม่นานมึงก็เจอคนใหม่” แดเนียลกระอักชะงักไป

“ไม่…กูรักมึงนะภีมกูไม่มีทางรักใครได้อีก” ร่างสูงตรงหน้าไม่ยอมรับ

“อย่าพูดแบบนั้น”

“…”

“ชีวิตนี้มึงต้องเจอคนอีกมากเชื่อกูสิว่ามึงจะเจอ” ภีมว่าก่อนจะเอื้อมจับมือของร่างสูง

“มึงแม่งโครตใจร้าย!”

“กูแค่เลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งสองคนพวกเราไม่เหมาะที่จะรักกันแบบนั้นหรอก”

“ภีมมึงกำลังทำกูเจ็บ” แดเนียลว่าพลางมองอีกฝ่ายนิ่ง

“มึงเองก็เคยทำกูเจ็บ”

“…”

“หายกันซะทีนะกลับไปเถอะมึงไม่ต้องอยู่ที่นี่เพราะกูอีกแล้วอยู่เพื่อตัวมึงเองดีที่สุด”

“มึงแม่ง!” ร่างสูงสบถออกมาหากทว่าภีมกลับไม่สนใจ ร่างโปร่งถามเปลี่ยนเรื่องทันที

“แล้วกลับวันไหน”

“…”

“จะไม่คุยกับกู?”

“มะรืนไฟล์ทสิบโมงเช้าไปส่งกูด้วย”

“ได้”

“ทีงี้แหละยิ้มเชียวมึงอยากให้กูกลับไปมากสินะ” ร่างสูงเอ่ยเหน็บเมื่อคนตรงหน้าฉีกยิ้มจนตาหยี

“กูไม่อยากให้มึงจมปรักอยู่อย่างนี้ต่างหาก”

“เหอะ!” แดเนียลสบถออกมาเพียงเท่านั้นก่อนบรรยากาศการทานข้าวจะดำเนินต่อไปแม้ว่าจะอึดอัดขึ้นมาบ้างแต่ภีมก็ดีใจที่กล้าพูดในสิ่งที่คิดมาตลอดออกไปจนหมด
:
:
:
ร่างโปร่งเดินเข้าห้องนอนไปหลังจากออกไปส่งแดเนียลที่หน้าห้อง ภีมมองไปบนเตียงที่มีร่างสูงนอนอยู่พลางเดินไปหยุดอยู่ตรงข้างเตียงก่อนมือหนาของคนที่ดูเหมือนจะหลับไหลไปแล้วจะฉวยข้อมือของคนที่อีกอยู่และออกแรงดึงจนภีมล้มนอนลงบนเตียง

“คุณจอมพล!”

“พูดได้ดีนี่” ร่างสูงว่าก่อนจะยกแขนพาดตัวภีมไว้ไม่ให้หนี

“อะไร?”

“ก็ที่มึงพูดกับไอ้ฝรั่งนั่น”

“ก็แค่ความจริง ผมพูดตามความจริงผิดตรงไหน?”

“ไม่ได้บอกว่าผิดได้ยินเมื่อกี้มั้ยกูบอกว่ามึงพูดได้ดีหรือหูมีปัญหา?” ว่าเสร็จจอมพลก็เคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้จนภีมหดคอหนี

“อย่านะ!”

“หรือเพราะตอนอยู่ในครัวเลยทำให้มึงหูเพี้ยน” ภีมมองหน้าอีกคนนิ่งอึ้งท่ามกลางใบหน้าที่ร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีที่คิดถึงมัน

“หยุดพูดแล้วปล่อยด้วยผมจะไปอาบน้ำ!” ภีมดิ้น

“แล้วที่มึงพูดว่าจะไปส่งมัน มึงจะไปจริงๆ?” จอมพลเปลี่ยนเรื่อง

“ใช่”

“แต่มะรืนพนักงานบริษัทจะไปมีตติ้ง”

“มีตติ้ง?”

“กิจกรรมที่จะจัดขึ้นทุกปี”

“จัดที่บริษัท?”

“เปล่าปีนี้ไปเขาใหญ่”

“งั้นผมไม่ไปได้มั้ย” ภีมขอร้องก่อนร่างสูงจะถามเสียงแข็ง

“มึงอยากไปส่งมัน!?”

“มันเป็นเพื่อน”

“แต่มันเป็นเพื่อนที่รักมึง!”

“คุณจอมพล…” ร่างโปร่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยระงับความคิดของอีกฝ่ายแต่แล้วคำพูดต่อมายิ่งทำให้ภีมอึ้งกิมกี่

“พนักงานทุกคนต้องไปรวมถึงกูด้วยถ้ามึงอยากไปส่งมันนักมึงต้องยอมให้กูไปด้วยแล้วค่อยขับรถตามไปเขาใหญ่กันทีหลัง”

“…”

“ว่าไง?”

“คุณ…ไม่สบายหรือเปล่า?” ภีมถามพลางมองหน้าจอมพลนิ่ง

“ทำไม?”

“วันนี้คุณมีเหตุผลและก็…ไม่ร้ายเหมือนวันก่อน”

“แล้วมึงอยากให้กูเป็นแบบไหน” ร่างสูงเคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนปลายจมูกทั้งสองคนแทบจะสัมผัสกัน

“…”

“กูถาม”

“มะ…ไม่รู้” ภีมเอ่ยตะกุกตะกัก

“หึ! ถ้ากูดีด้วยมึงจะยอมคุยกับกูเหมือนที่คุยกับคนอื่นมั้ย?” จอมพลถามเสียงเรียบ ดวงตาสีดำจ้องเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลตรงหน้าราวกับรอฟังคำตอบ

“หมายความว่าไง” ภีมเลิกคิ้วถาม

“กูไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวกูเป็นอะไรแต่กูแค่อยากได้สิทธิ์นั้นจากมึง”

“…”

“ว่าไง?”

“ผมก็คุยกับคุณเหมือนคนอื่นๆ นี่” ภีมว่าพลางหลบตา

“…”

“ไม่เหมือนตรงไหน?”

“ตรงที่มึงไม่เคยยิ้มให้กู” จอมพลเอ่ยก่อนร่างโปร่งจะชะงักไปทันที

“…”

“กูจะดีก็ต่อเมื่อมึงทำตัวดีและทำตามสัญญา” ร่างสูงว่าพลางกระชับตัวอีกคนเข้าใกล้ตัวเองมากยิ่งขึ้นก่อนจะหมายหัวกลับไป

“แต่หากเมื่อไหร่ที่มึงทำให้กูเดือดขึ้นมากูไม่รับรอง”

“แล้วอะไรที่มันจะทำให้คุณเป็นแบบนั้น” ภีมสวนถามกลับเสียงอ่อน

“…”

“แค่อยากรู้จะได้ไม่ทำให้ตัวเองเจ็บตัว” ร่างโปร่งมองใบหน้าที่ไร้ที่ติของอีกฝ่ายก่อนจอมพลจะถอนหายใจและพูดสิ่งที่ต้องการออกมาในที่สุด

“กูไม่ชอบใช้ของร่วมกับใคร”

“…”

“เข้าใจใช่มั้ย?”

“อืม”




TBC........
----------------------------------------------
ร้ายกับเขาไว้แต่ก็อยากให้เขาดีด้วยนี่ยังไงคะเฮีย? คิดได้แล้วเหรอหรือยังไง?
สงสารแดเนียลจับใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องปล่อยเขาไป
ฝากเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาาา


 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 26-07-2017 20:45:45
 :m28:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 26-07-2017 21:59:34
ตอบเรียบๆ เรื่อยๆ แต่ก็ทำให้สะอึกได้ หึหึ
.
.
.
เด็กชายจอมพลอายุกี่ขวบคะ เอาแต่ใจเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.15 100% [26/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 26-07-2017 22:44:58
เป็นกลจ.ให้คนเขียน
ภีมอย่าเพิ่งหวั่นไหวสิ
แล้วทีนี้จะได้เห็นจอมพลกระอักไหม
ชักหวั่นใจแล้วสิ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 27-07-2017 10:22:03


CHAPTER 16




ร่างสูงภายใต้ชุดไปรเวทเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหล่อจนเหล่าสาวๆ ที่เดินผ่านไปมาแทบสะท้านขยับแว่นตาสีชามองไปยังร่างโปร่งที่เดินออกจากอาคารผู้โดยสารด้วยใบหน้ามู่ทู่

จอมพลคายหมากฝรั่งที่เคี้ยวเพื่อฆ่าเวลาตอนรอให้ภีมเข้าไปสั่งแดเนียลขึ้นเครื่องออกใส่กระดาษของมันก่อนร่างสูงจะขยำและปาทิ้งลงถังขยะใกล้ๆ ไป

“หน้าระรื่นเลยนะมึง” ร่างสูงเอ่ยเหน็บทันทีที่อีกฝ่ายเดินมาจนถึงรถ

“คุณอยากให้ผมร้องไห้เหรอ” ร่างโปร่งถามหน้านิ่ง

“กูประชดเหอะ!”

บทสนทนาที่ฟังดูผ่อนคลายทำเอาภีมขำออกมาเล็กน้อย ร่างโปร่งเปิดประตูขึ้นรถของจอมพลก่อนคนเป็นสารถีจะหันมามองหน้าเขานิ่ง

“มีอะไรหรือเปล่า?”

“ยิ้มให้กู” จอมพลออกปากสั่ง

“ห่ะ?”

“บอกว่ายิ้มให้กู”

“นี่คุณเป็นอะไรอีก? จู่ๆ ก็ให้ผมยิ้มให้”

“เดี๋ยวนี้” ร่างสูงคาดคั้นก่อนภีมจะยอมยิ้มให้

“ก็แค่เนี่ย” จอมพลดึงแก้มภีมไปหนึ่งทีพลางเหยียดยิ้มกลับไปบ้างจนอีกฝ่ายชะงัก

สองวันมานี้เกิดเหตุการณ์มากมายจนภีมอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีตามไปด้วย จอมพลที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าไม่ดุด่าว่าร้ายให้เขาเจ็บช้ำใจเล่นอีก ร่างสูงพูดคุยเป็นปกติจนบางครั้งภีมก็อดที่จะคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงจะเลิกแค้นตัวเองแล้วเป็นแน่

ร่างโปร่งยังคงเดินทางไปเยี่ยมจอมใจทุกวันซึ่งก็อย่างที่อิงฟ้าเคยบอกว่ามีวันดีก็มีวันร้ายเพราะเมื่อวานหลังจากที่เขาไปเยี่ยมจู่ๆ จอมใจก็เงียบลงถนัดตา หญิงสาวไม่เขียนตอบไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเฉยๆ และพลันน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาเป็นทางอย่างหาสาเหตุ ภีมมองใบหน้าที่แสนจะปวดร้าวภายใต้การกอดปลอบของผู้เป็นพี่ชายด้วยความคับแน่นไปทั้งอก ร่างโปร่งคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไรที่ทำให้จอมใจเป็นแบบนี้เพียงแต่ในความคิดของเขาภีมยังคงปักใจไปที่ทิชาที่ดูเหมือนจะเป็นตัวการของเรื่องทั้งหมดซึ่งตัวเขาก็หวังว่าจะมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านในสักวัน

จอมพลและภีมเดินทางมาถึงรีสอร์ทที่เขาใหญ่หลังจากนั่งรถนานเป็นชั่วโมง ร่างสูงเปิดประตูห้องพักที่ออกแบบเป็นหลังๆ ท่ามกลางแมกไม้และบรรยากาศร่วมรื่นโดยรอบจนร่างโปร่งที่เดินตามหลังมาอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด

“มัวยืนบื้ออะไรตรงนั้นเข้ามาสิ” ร่างสูงว่าก่อนภีมจะหันไปทำหน้างอแต่ก็ยอมเดินเข้าห้องไปที่โดยดี

“ผมต้องนอนกับคุณ?”

“ทำอย่างกับทุกวันนี้ไม่ได้นอนด้วยกัน” ร่างสูงเอ่ยทับ

“เปล่าแค่คิดว่าบริษัทของคุณไม่มีเงินเปิดห้องให้ผมหรือไง” ภีมเหน็บแต่ความจริงแล้วร่างโปร่งก็พอจะรู้ว่าต้องเป็นแบบนี้

“หึ! กูยอมให้มึงมองว่าจนว่ะ” ว่าเสร็จก็เดินเข้าห้องน้ำไปทิ้งให้ร่างโปร่งที่อึ้งเพราะคำพูดนั้นได้แต่ยืนอ้าปากค้าง

“รีบเก็บกระเป๋ามึงซะเดี๋ยวต้องไปทำกิจกรรมกับคนอื่นๆ” จอมพลตะโกนออกมา

ภีมสะบัดหัวไล่ความคิดพลางดึงสติกลับก่อนจะวางกระเป๋าเป้ที่แบกมาไว้ปลายเตียงพร้อมกับนั่งลงเช็คโทรศัพท์รออีกฝ่าย

“ทำอะไร” จอมพลที่เดินออกจากห้องน้ำมาถามขึ้น

“แค่เล่นไปเรื่อยๆ”

“นึกว่าจะโทรไประลึกรักครั้งเก่าซะอีก”

“หยุดเหน็บผมได้แล้วน่าอีกอย่างจะโทรไปได้ไงแดนมันอยู่บนเครื่องนะคุณ” ภีมว่าก่อนอีกคนที่พูดไม่คิดจะชะงักไป

“รีบไปทำธุระของมึงให้เสร็จกูจะรอข้างนอกแล้วค่อยไปด้วยกัน” จอมพลบอกแก้เขินก่อนจะหนีไปนั่งเก้าอี้โซฟาตัวเล็กข้างทีวีทันที

ภีมมองตามอีกฝ่ายก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำไป

ให้ตายเถอะ! นานวันเข้าจอมพลทำยังกะว่าพวกเขาเป็นคนรักกันงั้นแหละ!
:
:
:
จอมพลเดินนำภีมไปยังลานหญ้ากว้างสถานที่ทำกิจกรรม รสรินที่พอเห็นทั้งคู่เดินมาก็รีบวิ่งเข้าไปหาก่อนหญิงสาวจะเอ่ยทักร่างสูงและจูงมือร่างโปร่งไปทันที

พิธีกรภาคสนามกล่าวแนะนำผู้บริหารอย่างจอมพลก่อนจะแนะนำภีมที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานได้ไม่นานให้กับพนักงานทั้งเก่าและใหม่ทุกคนที่เดินทางมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้รู้จักท่ามกลางดวงตากลมที่สบเข้ากับเดนิสที่นั่งอยู่ในกลุ่มไม่ไกล

ภีมจับฉลากได้สีแดงในขณะที่จอมพลจับได้สีฟ้า ร่างสูงสบถออกมาอย่างไม่พอใจแต่ถึงกระนั้นผู้บริหารมาดเท่ห์ก็ไม่ได้กระโตกกระตากจนกระทั่งกิจกรรมสันทนาการต่างๆ เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

“ทำไมมาสาย” เดนิสถามเมื่อภีมได้อยู่ทีมเดียวกันกับเขา

“ไปส่งแดนมันน่ะครับ”

“อ้าว! ทีกับพี่มันกลับไม่ให้ไปแล้วทีกับนาย…ไอ้น้องเวร!” เดนิสบ่น

“ผมเองก็ไม่รู้ครับ”

“แล้วทำไมมากับคุณจอมพลได้ล่ะ”

“พอดีเจอกันโดยบังเอิญน่ะครับเขาเลยชวนให้มาด้วยกันจะได้ไม่เปลืองน้ำมันหลายต่อ” ร่างโปร่งโกหกกลับก่อนจะเหลือบไปยังทีมสีฟ้าอีกฝั่งและสะดุดเข้ากับสายตาของจอมพลที่มองมาทันที

“เอาล่ะค่ะตอนนี้เกมส์กินวิบากก็จบไปแล้วผู้ชนะคือสีฟ้า!!!” รสรินพิธีกรภาคสนามอีกคนประกาศชัยชนะก่อนสมาชิกของสีฟ้าจะช่วยกันส่งเสียง

“และก็มาถึงเกมส์สุดท้ายของวันแล้วนะคะเราจะได้ไปพักกันแล้ว! เกมส์นี้ชื่อเกมส์ว่า ใกล้เข้าไปอีกนิดชิดเข้าไปอีกหน่อย!!!”

“เฮ!!!”

“แต่เกมส์นี้มีความพิเศษที่เราจะให้สมาชิกของสองสีมาแข่งด้วยกัน อ้า! งง กันใช่มั้ย? กติกามีอยู่ว่ารินจะจับคู่สีเป็น สีส้มคู่กับสีเหลือง!”

“เฮ!!!”

“สีชมพูคู่สีเขียว!”

“เฮ!!!”

“และสีฟ้าคู่สีแดงค่ะ!!”

“เฮ!!!” เสียงเฮดังลั่นเมื่อพิธีกรพูดจบ

“ขอตัวแทนสีละคนออกมาเล่นเกมส์นี้ด้วยค่ะ”

สิ้นเสียงรสรินสมาชิกแต่ละสีก็ส่งตัวแทนออกไปกันอย่างรวดเร็วเว้นแต่สีฟ้าและสีแดงที่ยังเกี่ยงกันไปมาจนเดนิสตัดสินใจเอ่ยขึ้น

“ให้คนมาใหม่ออกไปเล่นบ้างดีกว่าเชิญคุณจอมพลกับภีมเลยครับ” เสียงทุ้มประกาศก้องก่อนสมาชิกทั้งสองทีมจะเห็นดีเห็นงามส่งเสียงให้กำลังใจทั้งสองคนออกไป

จอมพลเลือกเดินไปตรงหน้าภีมที่ยังนั่งทำหน้าคิดหนักก่อนเสียงเฮจะยิ่งดังขึ้นเมื่อร่างสูงยื่นมือไปหาอีกฝ่าย

“คนอื่นเขารอ” ร่างสูงว่าพลางกระดิกมือเป็นสัญญาณให้อีกฝ่าย

“รู้แล้วน่า” ภีมจับมือของจอมพลก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกจากทีมไปยิ่งเรียกเสียงกรี๊ดของบรรดาพนักงานสาวเข้าไปใหญ่

“แหม…วันนี้บอสของเรามาเองเลยนะคะ เอาล่ะค่ะกติกามีอยู่ว่ารินจะแจกกระดาษหนังสือพิมพ์ให้ทั้งสามคู่คู่ละหนึ่งแผ่นนะคะจากนั้นก็ให้แต่ละคู่ยืนบนกระดาษห้ามให้เท้าแตะออกนอกกระดาษเป็นอันขาดไม่อย่างนั้นแพ้ค่ะ” เมื่อรสรินสาธยายจบลูกทีมของเธอก็เดินมาแจกกระดาษหนังสือพิมพ์ทันทีสร้างเสียงอื้ออึงให้ดังออกมาจากเหล่าพนักงานเพราะกระดาษหนังสือพิมพ์ที่แจกมันแค่ครึ่งเดียวของหน้าเท่านั้น

“เอาล่ะค่ะเริ่มได้” สิ้นเสียงของรสรินทีมอื่นก็ขยับตัวเข้าหากันแล้วยืนบนกระดาษหนังสือพิมพ์ทันทีในขณะที่ภีมและจอมพลยังคงมองกันไปมา

“คุณจอมพลครับเร็วๆ เดี๋ยวแพ้พวกผมจะไม่ได้รางวัลกันนะ” หนึ่งในพนักงานทีมสีฟ้าตะโกนออกมาทำให้จอมพลตัดสินใจเอื้อมมือไปจับต้นแขนของภีมไว้ก่อนทั้งคู่จะพากันขึ้นไปเหยียบบนนั้น

“อ่า~ ผ่านกันทุกคู่นะคะต่อไปพับกระดาษลงครึ่งหนึ่งค่ะ” รสรินประกาศอีกก่อนจอมพลจะก้มลงพับกระดาษตามที่บอก

“รีบทำให้เสร็จๆ ไปเถอะ” ร่างสูงว่าก่อนภีมจะพยักหน้าเห็นด้วย

ทั้งคู่เขย่งเท้าเหยียบก่อนจอมพลจะโอบแขนรอบเอวของภีมไว้ไม่ให้หงายหลัง

“กรี๊ดดดดด!!!” เสียงพนักงานสาวๆ ดังสนั่น

“คู่สีส้มกับสีเหลืองเหยียบนอกกระดาษแพ้ค่ะ!!!”

“โฮ…” เสียงลูกทีมร้องออกมาด้วยความเสียดาย

“เอาล่ะเหลือสองทีมแล้วนะคะพับกระดาษลงอีกครึ่งค่ะ”

รสรินยังคงดำเนินการแข่งต่อไปทั้งสองคู่ที่ไม่มีใครยอมใครก็พลัดกันทำตามจนกระทั่งความกว้างของกระดาษบนพื้นเหลือน้อยกว่าฝ่ามือเสียอีก

“รินว่ารอบนี้ต้องได้ผู้ชนะค่ะเอาล่ะให้แต่ละฝ่ายคิดท่าหนึ่งนาที” หญิงสาวประกาศก่อนจอมพลจะมองหน้าถีมราวกับให้ช่วยกันแก้ปัญหา

“มึงเอาไง” ร่างสูงว่าก่อนจะปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับของตัวเองออก

“ผมว่าต้องเขย่งยืนขาเดียวถึงจะชนะ”

“คิดว่าง่าย?”

“ไม่รู้ก็แค่คิด” ภีมบอกก่อนจะมองไปยังอีกทีมที่ดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่มากเพราะคู่นั้นเป็นผู้หญิงตัวเล็กกับผู้ชายที่ดูจะแข็งแรงไม่เบา

“ถ้างั้นก็ยอมแพ้เถอะ” ภีมว่าก่อนจอมพลจะเอ็ดกลับ

“ขืนแพ้กูก็โดนลูกน้องเล่นงานน่ะสิ!” ร่างสูงว่าด้วยใบหน้าเครียด

“ทำไม?”

“รู้มั้ยว่ารางวัลคืออะไร”

“?”

“Glenfarclas 1955” สิ้นเสียงร่างโปร่งก็เบิกตาโพรงพลางอ้าปากค้าง

“นี่แข่งเพราะเหล้าแค่ขวดเดียว!?”

“เหล้าแค่ขวดเดียวที่มึงว่าราคาเป็นแสนนะเว้ยใครจะไม่อยากลองบ้าง” ร่างสูงเอ็ดอีก

“แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง” ภีมถามอย่างหมดปัญญาก่อนคนตรงหน้าจะย่อตัวลง

“งั้นขึ้นมา”

“อะไรครับ?”

“ขี่หลังกู” ภีมลอบกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะยอมทำตามแต่แล้วเมื่อร่างสูงแบกเขาขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีจอมพลกลับรีบย่อตัวให้อีกฝ่ายลงทันที

“กูว่าไม่เวิร์คว่ะตัวมึงมันรั้งไปข้างหลัง”

“เอาไงดีล่ะทีนี้” ภีมพึมพำพลางหันไปมาเพื่อคิดหาวิธีก่อนเสียงทุ้มของคนตรงหน้าจะดังขึ้น

“งั้นขึ้นข้างหน้า”

“ห่ะ!?”

“ขึ้นมา” จอมพลสั่งแต่ภีมก็ยังยืนอึ้งจนรสรินประกาศทันใด

“หมดเวลาค่ะเอาล่ะเริ่มได้”

“ขึ้นมาเร็ว!” ร่างสูงคาดคั้นก่อนภีมจะตัดสินใจพาดแขนโอบรอบคอของจอมพลและกระโดดขึ้นไปทันที

“กรี๊ดดดดด!!”เสียงกรีดร้องของพนักงานสาวดังลั่นก่อนรสรินที่เขินกับภาพของบอสตัวเองจะเริ่มนับ

“นับพร้อมกับนะ 1…2…3…” พนักงานทุกคนช่วยกันนับ

“20…21…”

“ไม่ไหวมั้งคุณ” ภีมที่มองหน้าของจอมพลเอ่ยอย่างเป็นห่วงที่เห็นอีกฝ่ายหน้าดำหน้าแดง

“เงียบไปเลย” ร่างสูงเค้นเสียงพูดท่ามกลางเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นทั่วหน้าก่อนร่างโปร่งจะใช้นิ้วเรียวปาดเม็ดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาให้เบาๆ

“…”

“มันจะไหลเข้าตาคุณ” ภีมบอกเหตุผล

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ร่างสูงอมยิ้มก่อนตัวเลขที่รสรินนับจะเหยียบเข้าครึ่งนาทีไป

“30…31…3!...สีชมพูกับสีเขียวร่วงไปแล้วทีมสีฟ้าและสีแดงชนะค่ะ!!!”

พรึ่บ!

จอมพลทรุดฮวบลงทนทีก่อนภีมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจะทับเข้ากับร่างของอีกฝ่ายไปติดๆ

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า!?” ภีมถามก่อนอีกคนจะบ่นกลับ

“ตัวมึงแม่งโครตหนัก!!”

“ก็ผมเป็นผู้ชายนี่! แล้วใครกันที่บอกให้ผมทำแบบนั้นล่ะ?”

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณจอมพล” รสรินเดินเข้ามาถามหน้าตื่น

“ไม่เป็นไรเข้าห้องโถงไปกันก่อนเถอะเดี๋ยวผมกับภีมจะตามไป” หญิงสาวพยักหน้ารับรู้ก่อนจะพาเพื่อนๆ พนักงานเดินไปยังห้องโถง

ภีมลุกขึ้นปัดหญ้าที่ติดอยู่ตามกางเกงก่อนมือหนาของคนที่นั่งอยู่จะยื่นออกไปตรงหน้าเขา

“ดึงกูหน่อย” จอมพลว่า

“ลุกเองสิครับ” ภีมหันซ้ายขวาก่อนจะเอ็ดอีกฝ่ายไป

“แค่ดึงเองที่กูเป็นแบบนี้ก็เพราะมึงนะภีม”

“ใครใช้ให้คุณจริงจังขนาดนี้เล่า”

“กูทำเพื่อส่วนรวม” ร่างสูงตีหน้ามึน

“เหอะ! ให้มันจริงเถอะ”

“เร็วๆ กูเหนียวตัวอยากอาบน้ำ”

“โอเคๆ” ร่างโปรงว่าก่อนจะจับมืออีกฝ่ายพลางออกแรงดึง

จอมพลออกแรงยื้อตัวเองก่อนจะดึงอีกฝ่ายให้ล้มลงมา

“เล่นอะไรของคุณเนี่ยกางเกงผมเปื้อนอีกแล้วนะ!” ภีมว่าพลางจ้องอีกฝ่ายเขม็ง

“เปื้อนได้ก็ปัดออกได้น่า”

“ลุกเถอะเดี๋ยวมีคนมาเห็นเหนียวตัวไม่ใช่เหรอรีบไปห้องโถงแล้วก็ไปอาบน้ำเถอะครับ” ภีมยันตัวเองลุกขึ้นยืนอีกครั้ง

“เฮ้อ…มึงแม่งเข้าใจยากว่ะ!”

“อะไรนะครับ?”

“ช่างเถอะไปห้องโถงได้แล้ว” จอมพลถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืนพลางปัดเสื้อผ้าออกและเดินนำอีกฝ่ายไปทันที

ภีมมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าที่เดินนำอยู่ด้วยความสงสัยประโยคที่อีกฝ่ายพูดทำให้เขาไม่เข้าใจในความหมายของมันเลยสักนิดเดียว

มึงแม่งเข้าใจยากว่ะ!

ความนัยที่อีกฝ่ายอยากจะบอกมันคืออะไรกันนะ?
:
:
:
หลังจากเสร็จกิจกรรมในช่วงกลางคืนเหล่าพนักงานก็พากันสนุกจนสุดเหวี่ยงกับรางวัลเหล้าชั้นดีที่สุดท้ายทั้งหมดก็แบ่งกันดื่มและเฮฮาจนเวลาผ่านไปใกล้จะรุ่งสาง

ภีมที่ขอตัวมานอนก่อนตื่นขึ้นมาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับทำธุระจนเสร็จและเดินออกมาก็พบว่าจอมพลที่เพิ่งจะกลับห้องมากำลังนอนแผ่หราอยู่บนเตียง

“ดื่มหนักเลยล่ะสิ” ร่างโปร่งถามก่อนคนบนเตียงจะลืมตาและเอ่ยกลับ

“กูอยู่คุยเป็นเพื่อนพวกมันเฉยๆ” จอมพลยันตัวเองนั่งพลางมองอีกคนที่เช็ดผมที่เพิ่งจะสระของตัวเอง

“คุณไม่ได้นอนเลยจะขับรถไหวเหรอ”

“ไหว”

“ให้ผมขับให้มั้ย”

“มึงอยากขับ?”

“ก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเองแล้วน่ะนะ” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็เก็บสัมภาระใส่กระเป๋าตัวเองไป

“ภีมกูหิวน้ำ” จอมพลว่าพลางมองคนที่ก้มเช็คของในกระเป๋าตัวเองนิ่ง

“ตู้เย็นอยู่โน้นครับ” ร่างโปร่งชี้ไปแต่คนบนเตียงกลับทำหน้ามุ่ยร้องขอ

“รินให้หน่อย”

“ตกลงนี่คุณเมาใช่มั้ย?” ภีมถามเมื่อท่าทีของจอมพลมันดูขาดๆ เกินๆ

“ไม่ได้เมาหยุดดื่มตั้งแต่ตีหนึ่งแล้ว”

“ตอนนี้ก็ยังเคลิ้มแหละ” ภีมว่าพลางลุกเดินไปรินน้ำให้จอมพลแต่โดยดี

“เช็คเอ้าท์กี่โมงครับ” ร่างโปร่งถามพลางยื่นแก้วน้ำให้อีกคน

“ก่อนเที่ยง” จอมพลตอบก่อนจะกระดกน้ำในแก้วจนหมด

“นี่ก็เช้าอยู่คุณจะหลับก่อนมั้ย”

“ไม่วันนี้กูมีธุระต้องไปทำต่อเดี๋ยวอาบน้ำเสร็จจะออกเลย” ร่างสูงยื่นแก้วคืน

“ได้งั้นผมจะนั่งรอข้างนอก”

“อืม”

จอมพลเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระตัวเองเพียงครึ่งชั่วโมงก่อนทั้งคู่จะเก็บข้าวของพร้อมกับเช็คเอ้าท์ออกจากรีสอร์ทและมุ่งหน้ากลับกรุงเทพฯ ทันทีโดยมีภีมเป็นสารถีแทนจอมพลที่เอนเบาะหลับอยู่ข้างๆ

ร่างโปร่งเหลือบมองอีกคนพลางยิ้มขำ ท่าทีและท่าทางที่เขาไม่เคยเห็นถูกอีกคนค่อยๆ เผยออกมาทีละนิดจนทำให้ภีมรู้สึกสนิทกับจอมพลอย่างบอกไม่ถูก ร่างโปร่งเคลื่อนสายตาไปตามส่วนต่างๆ ของใบหน้าคมก่อนจะรีบหันกลับมาเมื่อบางอย่างกำลังเพิ่มจังหวะการเคลื่อนไหวจนเขาต้องเอื้อมมือที่จับพวงมาลัยมาวางทาบหน้าอกของตัวเอง

“มึงเป็นอะไรวะภีม? มึงจะคิดแบบนั้นไม่ได้นะเว้ย” ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองก่อนจะสลัดความคิดมากมายที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกับตั้งใจขับรถกลับคอนโดทันที
:
:
:
ทั้งสองคนมาถึงคอนโดโดยสวัสดิภาพ จอมพลที่ตื่นก่อนหน้าจะถึงได้ไม่นานลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมขึ้นไปนั่งยังที่นั่งฝั่งคนขับพร้อมกับออกปากสั่งอีกคนที่ยืนอยู่ด้านนอก

“คืนนี้กูไม่กลับ”

“…”

“อยู่คนเดียวอย่าพาใครเข้าห้อง”

“เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่มีใครคิดอกุศลได้เท่าคุณ” ภีมว่า “แล้วไปนานมั้ย” ร่างโปร่งถามต่อจากนั้น

“บอกไม่ได้”

“งั้นก็ไปเถอะขอบคุณนะครับที่มาส่ง” ว่าเสร็จก็หันหลังหมายจะเดินเข้าคอนโดไปทว่าจอมพลที่อยู่ในรถก็เรียกไว้ซะก่อน

“ภีม!”

ภีมหันไปตามเสียงเรียกชื่อ

“ยิ้มให้กูหน่อย”

“!!”

“นิดเดียวก็ได้” ร่างสูงพูดเสียงเรียบหากแต่ในน้ำเสียงนั้นกลับฟังดูอ้อนวอนจนร่างโปร่งชะงักไปก่อนจะยอมเหยียดยิ้มส่งให้ที่สุด

“ฝากดูแลจอมใจแทนด้วย” ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็ขับรถออกไปทิ้งไว้แต่เพียงคนที่เอาแต่ยืนนิ่งให้เริ่มคิดฟุ้งซ่านกับสิ่งที่ร่างสูงทำไว้ทันที
:
:
:
ภีมกลับเข้าห้องมาด้วยใจที่เต้นเป็นระส่ำ ร่างโปร่งสูดหายใจเข้าจนเต็มปอดพลางพ่นออกมาราวกับกำลังสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ความคิดมากมายในหัวของเขามันตีกันไปหมด

ตกลงกับจอมพลคือยังไง*? ฝ่ายนั้นคิดยังไงและกำลังทำอะไรกับใจของเขาอยู่กันแน่!?* เป็นคำถามที่ตัวเขาเองก็ตอบไม่ได้และเริ่มจะฟุ้งซ่านจนต้องหาอะไรทำ

ภีมวางกระเป๋าก่อนจะลงมือทำความสะอาดห้องจนทั่ว ก่อนจะซักผ้า ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เล่นเกมส์ กินโน่นนี่เพื่อให้ลืมแต่สุดท้ายความคิดบ้าๆ พวกนั้นก็ยังไม่หายสักที ร่างโปร่งชักไม่แน่ใจแล้วสิว่าตอนนี้เขาเองคิดยังไงกับจอมพล แต่ที่แน่ๆ อีกฝ่ายกำลังมีอิทธิพลกับความรู้สึกของเขามากเลยทีเดียว…มากจนแทบจะเทียบเท่ากับแดเนียลคนที่เขาเคยรักมากคนนั้นเข้าไปทุกที

ร่างโปร่งหันมองนาฬิกาตรงฝาผนังหลังจากดูสารคดีทางช่องเคเบิ้ลจนจบ สี่ทุ่มครึ่งคือเวลาที่เขาเห็น ภีมลืมทานข้าวเย็นไปเสียสนิทก่อนคนที่อารมณ์เริ่มสงบลงจะพาร่างกายที่เหนื่อยเพราะทำโน่นนี่มาทั้งวันเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อชำระล้างร่างกายทันที

ภีมเดินออกมานั่งเล่นอยู่ตรงโซฟาห้องรับแขกสักพักก่อนที่จู่ๆ เสียงเคาะประตูหน้าห้องจะดังขึ้นฉุดให้เขาที่ถือโทรศัพท์อยู่ในมือมองไปยังต้นตอของเสียงพลันลุกขึ้นเดินไปยังประตูพร้อมกับส่องดูใบหน้าของผู้มาเยือนผ่านทางตาแมว

“แฟร์นี่หว่า” ร่างโปร่งพึมพำกับตัวเองก่อนจะรีบเปิดประตูให้อีกฝ่ายทันที

“กูขอนอนด้วยคนสิ” คนตรงหน้าเอ่ยพลางพยายามเหยียดยิ้มท่ามกลางใบหน้าซีดเผือดที่พอเจ้าของห้องเห็นถึงกับเบิกตาโพรง

“แฟร์มึงไปโดนอะไรมา!” ภีมว่าก่อนจะตรงเข้าประคองร่างบางของเพื่อนสนิทที่ยืนเทียบจะไม่ไหวทันที

“ภีม…กู…”

“เห้ย!”

ร่างบางทรุดฮวบลงจนภีมร้องเสียงหลง ร่างโปร่งพยายามประคองตัวเพื่อนสนิทเอาไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างวางทาบไปบนหน้าผากเล็ก

“มีไข้นี่หว่า” ภีมสบถออกมาอย่างหัวเสียก่อนจะพยายามแบกอีกฝ่ายเข้าห้องนอนของตัวเองไป ร่างโปร่งมองดูสภาพของคนที่หลับไปเพราะพิษไข้ตรงหน้าพลางขมวดคิ้ว

ทำไมแฟร์มีสภาพไม่ต่างจากเขาตอนโดนจอมพลทำร้าย?

ภีมรีบวิ่งหากะละมังใส่น้ำอุ่นและผ้าขนหนูมาก่อนจะปลดกระดุมเพื่อหมายจะเช็ดตัวให้อีกฝ่ายแต่สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็นเครื่องยืนยันสิ่งที่คิดได้เป็นอย่างดี

แฟร์โดนข่มขืน…แต่ที่เขกำลังาสงสัยคือผู้ชายคนนั้นเป็นใครกัน?



TBC.........
-----------------------------------------------
เฮียพลแกเริ่มรุกแบบโจ่งแจ้งแล้วนะคะ!
ทำไงดีล่ะน้องภีมก็ไม่เข้าใจตัวเองไปอีก คู่นี้ยังอีกยาวต้องรอลุ้นกันต่อไปเนอะ


 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 27-07-2017 13:00:39
 o13
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-07-2017 14:09:18
พี่พลทำแบบนี้น้องภีมก็หวั่นไหวสิ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.16 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 27-07-2017 16:27:27
พระเอกนี่น่าฆ่าทิ้งทั้งสองคน
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 27-07-2017 19:57:03


CHAPTER 17



[Peam’s Part]
ผมตื่นนอนแต่เช้าก่อนจะทำข้าวต้มไว้ให้แฟร์ที่ยังหลับไม่ได้สติอยู่ เมื่อคืนผมต้องคอยเช็ดตัวให้มันสร่างไข้ในขณะที่มันก็เอาแต่เพ้ออะไรก็ไม่รู้จนกระทั่งมีชื่อของคนๆ หนึ่งหลุดปากของมันออกมาชื่อที่ทำเอาผมถึงกับชะงัก

'อย่าคุณราชันย์! อย่าทำผม!'

แฟร์ขมวดคิ้วพลางนิ่วหน้าราวกับกลัวเอามากๆ ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ ก่อนจะค่อนข้างแน่ใจว่าคนที่ทำมันต้องเป็นคุณราชันย์อย่างแน่นอนเพียงแต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้คือสาเหตุที่ทำให้อดีตเจ้านายนิสัยดีของผมคนนั้นเลือกทำกับมันว่าเป็นเพราะอะไร

ผมออกไปทำงานตามปกติ จอมพลที่ผมเองก็เพิ่งจะรู้ว่าเขาต้องไปทำธุระที่ญี่ปุ่นและออกเดินทางตั้งแต่เมื่อวานก็เอาแต่โทรมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมง เขาถามถึงเรื่องเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นต้องเคลียร์ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการถามโน่นนี่ที่ไม่เกี่ยวกับงานจนผมชักจะขี้เกียจตอบเลยต้องตัดสายเขาทิ้งอยู่หลายครั้ง

หากถามว่ากลัวเขาจะโกรธมั้ย?...มาก!!

แต่จะให้ผมทำยังไง!? ผมก็มีงานต้องทำนะ อีกอย่างฝ่ายนั้นก็โทรมาทุกๆ ครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วแค่โดยตัดสายทิ้งคงไม่ทำให้เขาโกรธผมถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง

ผมโทรหาแฟร์ตอนเที่ยงกว่าเพื่อบอกมันเรื่องยาและข้าวต้มที่ทำไว้ให้ เสียงของมันฟังดูดีขึ้นมานิดก่อนผมจะตัดสินใจถามเรื่องที่ค้างคาใจออกไปซึ่งฝ่ายนั้นกลับไม่ตอบแต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมมั่นใจว่าสิ่งที่คิดไว้น่ะไม่ผิด!

แฟร์ถูกคุณราชันย์ทำร้าย…แต่ยังไงซะผมก็เลือกที่จะไม่ก้าวก่ายเรื่องนี้

ผมอาศัยการที่จอมพลไม่มาทำงานแอบเลิกงานเร็วกว่าปกติ ซึ่งสถานที่ที่ผมไปหลังจากเลิกงานแล้วก็ไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นโรงพยาบาลที่จอมใจรักษาตัวอยู่ ผมเดินเข้าไปพร้อมกับแอปเปิ้ลที่แวะซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งบนทางผ่านก่อนจะทักทายพยาบาลที่ประจำเคาน์เตอร์ด้วยความชินและตรงไปยังห้องของเธอทันที

“สวัสดีครับคุณจอมใจ” ผมเอ่ยเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไปก่อนเธอจะหันหน้ามาและเหยียดยิ้มน้อยๆ คืน

อ้า...แสดงว่าอารมณ์ของเธอวันนี้ค่อนข้างนิ่ง

“วันนี้คุณจอมพลไม่มานะครับแกไปทำธุระที่ญี่ปุ่น” เธอพยักหน้ารับรู้

ผมวางเป้ที่สะพายมาลงบนโซฟาก่อนจะคว้าแอปเปิ้ลที่ซื้อใส่ลงในกะละมังพร้อมกับเดินออกจากห้องไปเพื่อเอาไปล้างในห้องน้ำบริการด้านนอกก่อนจะเดินกลับเข้ามาใหม่อีกครั้ง

ทำไมพี่ถึงไม่ล้างมันในห้องนี้ล่ะ จอมใจพลิกไวทบอร์ดหันมาทางผม

“เอ่อ…แค่พี่ไม่ชินกับห้องน้ำนี้น่ะ” ผมว่าพลางหลบสายตาเธอ

พี่พลเคยทำร้ายพี่ในนั้นใช่มั้ยพี่ถึงได้ไม่กล้าเข้าไป จอมใจเขียนอีกซึ่งมันก็ฉุดให้ผมตกใจกับคำถามของเธออย่างจัง

“ไม่มีอะไรหรอก…จริงๆ นะครับ” ผมบ่ายเบี่ยงพลางปลอกเปลือกแอปเปิ้ลตามที่อีกคนเคยสอน

งั้นก็ลองเข้าไปข้างในให้ฉัดูหน่อยสิ เธอท้า

ผมมองคำพูดของเธอบนกระดานตรงหน้าสลับกับประตูห้องน้ำไปมาประมาณสามครั้งได้

“ผมว่าอย่าเลยไม่มีอะไรหรอกก็แค่ไม่อยากเข้าไป”

เห็นมั้ย เข้าไม่ได้จริงๆ ด้วย จอมใจทำหน้ายุ่ง ไว้พี่พลกลับมาเมื่อไหร่ฉันจะว่าเขาให้ เธอลบคำพูดเมื่อครู่ก่อนจะเขียนกลับมาอีก

ผมมองท่าทีที่เหมือนจะโกรธแทนของเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนคำพูดของอิงฟ้าในวันนั้นจะวิ่งเข้ามาในหัวให้หลุดออกไปเป็นคำพูดจนได้

“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ” เธอพยักหน้าอนุญาตผมจึงสวนถามออกทันที

“ทำไมถึงไม่ยอมพูด” คนตรงหน้าชะงัก

“ความจริงแล้วในใจของคุณไม่ได้ให้อภัยพวกผมจริงๆ ใช่มั้ย” ผมว่าก่อนเธอจะถอนหายใจและเขียนตอบกลับมา

ทำไมพี่ถึงถามแบบนั้น

“ผมรู้ว่าในใจของคุณยังครุ่นคิดเรื่องพวกนั้นอยู่ยังมีอะไรที่ติดค้างอยู่เหรอจอมใจ” ผมมองหน้าเธอที่เจื่อนลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“บอกผมหน่อยจะได้มั้ย”

“ไม่อยากกลับบ้าน? ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่เหรอ?”

“คิดจะอยู่ในโรงพยาบาลไปตลอดชีวิตหรือไง” เธอส่ายหัวแต่ก็ไม่ยอมตอบหรือเขียนอะไรออกมา มือขวาที่กำปากกาเมจิกอยู่รวบแน่นจนมันสั่นไปหมด

ผมรู้ว่าเธอกำลังโกรธแต่ก็อยากจะถามให้แน่ใจเพราะหากไม่จี้จุดก็จะไม่มีวันรู้ว่าเรื่องอะไรกันแน่ที่ยังอยู่ก้นบึ้งจิตใจของเธอ

“สิ่งที่คุณเก็บงำเอาไว้มันเกี่ยวทิชาใช่มั้ย” จอมใจถอนหายใจพร้อมกับตัวที่สั่นเทิ้ม

“อยากเจอเขาหรือเปล่าผมพามาหาได้นะจะได้คุยเรื่องที่ค้างกันไว้เอาให้เคลียร์กันไปเลย”

จอมใจก้มหน้าลงก่อนจะหยิบไวท์บอร์ดข้างตัวขึ้นมาและเขียนอะไรบางอย่างลงไป เธอสูดน้ำมูกจึงทำให้ผมรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังร้องไห้ก่อรที่มือเรียวนั้นจะพลิกไวท์บอร์ดให้หันมา

วันนี้พี่กลับไปก่อนเถอะ ฉันไม่อยากคุยกับพี่แล้ว

อึ้งกิมกี่สิครับ! ตัดบทกันอย่างนี้เลย!?

“อย่าปิดกั้นตัวเองเลยจอมใจชีวิตนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมากนะ” ผมเดินเข้าไปหาพลางคว้าต้นแขนเธอเพื่อให้หันมาเผชิญหน้า แต่สิ่งที่อีกฝ่ายทำกลับเป็นการสะบัดมือผมออกก่อนจะขว้างหมอนใส่

“จอมใจ!” ผมปัดหมอนไปอีกทางพลางเอ็ดเธอกลับแต่แล้วใบหน้าบึ้งตึงที่อาบไปด้วยน้ำตาก็คว้าไวท์บอร์ดขึ้นเพื่อหมายจะขว้างตามมา

“โอเคๆ!! ผมกลับก็ได้” ผมว่าอย่างยอมแพ้ก่อนจะคว้าเป้ขึ้นสะพาย

“ขอโทษที่ทำให้คุณต้องหวนคิดไปอีกแต่ยังไงผมก็จะมาใหม่ ได้โปรดอย่าเพิ่งโกรธเกลียดกันเลยนะครับ” …มันก็แค่เรื่องที่ผมจำเป็นต้องทำ

ผมถอนหายใจมองเธอที่เบือนหน้าไปทางอื่นอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องมา

“คุณอิงฟ้าช่วยไปดูน้องจอมใจให้หน่อยนะครับ” ผมวานเธอเมื่อเดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาล

“ทำไมเหรอคะ”

“ผมคงพูดอะไรจี้ใจดำเธอเข้าน่ะครับเธอเลยไล่ผมกลับ” ว่าเสร็จก็ยิ้มเยาะตัวเอง

“เหรอคะ เรื่องแบบนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไปค่ะคุณภีม” อิงฟ้าบอก

“ตอนนี้ผมพอจะมีวิธีของผมแล้วเพียงแต่ต้องให้ตัวช่วยยอมมาที่นี่เสียก่อน ผมว่าบางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่าที่ผมรู้ก็ได้” ผมพูดก่อนคนตรงหน้าจะขมวดคิ้ว

“เรื่องอะไรเหรอคะ? แล้วมีอะไรมากกว่านั้นที่ว่านี่คืออะไรเหรอคะ?”

“เออ…ไม่มีอะไรครับ ผมคงเครียดๆ เลยพูดอะไรก็ไม่รู้กับตัวเอง” ผมบ่ายเบี่ยงก่อนขอตัวกลับ

“งั้นขอตัวกลับก่อนนะครับช่วยเข้าไปดูเธอแทนด้วยวันนี้คุณจอมพลไม่ได้มา”

“อ้าวเขาไปไหนเหรอคะ”

“ไปทำธุระที่ญี่ปุ่นน่ะครับ”

“ได้ค่ะเดี๋ยวอิงจะเข้าไปดูให้”

“ขอบคุณมากครับ”

ผมเดินคอตกกลับมาที่รถ เรื่องที่จะทำให้จอมใจยอมพูดไม่ง่ายเลยสักนิดในเมื่อฝ่ายนั้นเอาแต่ปิดกั้นตัวเองผมก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องพาทิชามาที่นี่ให้ได้ แต่ติดอยู่ตรงที่ผมไม่อยากกลับไปบ้านสักเท่าไหร่ ไม่ใช่เพราะลืมบุญคุณหรืออะไรแต่ที่ผมไม่อยากไปคือไม่อยากเห็นสายตาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อเลี้ยงของผมมากกว่า

ผมขับรถกลับคอนโดทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าแฟร์ยังไม่ได้ทานอะไร ผมดับเครื่องยนต์ลงในที่สำหรับจอดก่อนจะสบเข้ากับแผ่นหลังกว้างคุ้นตาของใครบางคนที่เดินหายเข้าไปข้างในตัวตึก

สมองของผมสั่งการให้นึกไปถึงคนที่อยู่ไกลตอนนี้ แต่ในใจก็ยังทำใจชื้นว่าไม่น่าจะใช่จนกระทั่งเมื่อผมกวาดตาไปจนทั่วลานจอดรถก็สะดุดเข้ากับรถหรูแสนคุ้นเคยจนต้องรีบใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าตึกไปทันที

ให้ตายเถอะไหนเมื่อตอนเช้าเขายังบอกว่าอยู่ญี่ปุ่นอยู่เลยแต่ทำไมถึงได้กลับมาไวขนาดนี้นะ!!

ผมรัวนิ้วกดเรียกลิฟต์แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่มา ผมจึงรีบวิ่งขึ้นบันไดเพราะกลัวว่าหากจอมพลเคาะห้องแล้วแฟร์ออกมาเปิดจะยิ่งเป็นเรื่องเข้าไปใหญ่ ยิ่งไร้เหตุผลอยู่มีหวังผมต้องโดนเขาทำอะไรอีกแน่ๆ!!

ผมวิ่งมาจนถึงชั้นของตัวเองก่อนจะมองไปทางประตูห้องแต่ก็ไม่เห็นเงาของคนที่ผมกลัวแต่อย่างใด มันว่างเปล่าและมีเพียงเสียงลมจากหน้าต่างตรงสุดทางเดินพัดผ่านเข้ามาแค่นั้น

หรือรถที่เห็นนั่น…ผมคิดไปเอง?

ผมเดินไปหน้าห้องของตัวเองก่อนจะเสียบกุญแจและบิดไขเข้าไป

แต่เฮ้ย! กุญแจแม่งไม่ได้ล๊อก!! อย่าบอกนะว่า!?

“คุณเข้ามาในนี้ได้ยังไง!” ผมพรอดพราดเปิดประตูเข้าไปก่อนจะตะโกนว่าให้จอมพลที่กำลังจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องนอนผมพอดี

ให้ตายเถอะ! เขายังไม่คืนกุญแจคราวนั้นให้เจ้าหน้าที่อีกเหรอ!?

“อย่าพูดมากมึงแอบซุกใครไว้ที่นี่!!” คนตัวสูงตีสีหน้าโกรธเกรี้ยวก่อนจอมพลจะตรงเข้าหาผมพร้อมกับฉวยบีบต้นแขนเค้นความจริง

“ซุกใครไว้!? ผมไม่ได้ซุกใครไว้ทั้งนั้นกลับไปก่อน!” ผมพยายามบิดแขนหนีพลางดันตัวเขาให้ออกไป

“กูไม่กลับ! รองเท้าผู้ชายนั่นของใคร!!”

“ของผม!”

“มึงไม่ได้ใส่ไซส์นี้อย่านึกว่ากูไม่รู้นะภีม!”

“คุณจอมพลผมเจ็บนะ!!” ผมตะโกนกลับก่อนจะพยายามแกะมือของเขาที่บีบแขนผมแน่น

“บอกกูมาว่ามึงซุกใครไว้!!” คนตรงหน้าขบกรามแน่น

“ก็บอกว่าไม่มีไง!”

“จะบอกไม่บอก!” ผมจ้องหน้าเขาตอบ ให้ตายยังไงก็ไม่บอกหรอก!

“ไม่บอกใช่มั้ย! ได้!!” จอมพลเอ่ยลอดไรฟันก่อนเขาจะโน้มตัวลงมา

“อ่ะ! คุณจะทำอะไร! อื้อออ” ผมใช้กำปั้นทุบอกคนที่โอบรัดตัวผมเอาไว้อย่างบ้าคลั่ง

การกระทำที่สุดแสนจะห่ามและเอาแต่ใจทำให้ผมรู้สึกเจ็บไปทั่วปากเมื่อเขี้ยวแหลมของเขาขบเม้มไปทั่วด้วยแรงอารมณ์ราวกับอยากให้ผมหลาบจำ จอมพลฉกชิงลมหายใจของผมไปเมื่อบทจูบที่แสนหวาบหวามกลับกลายเป็นการปลอบประโลมจนผมแทบจะเผลอไผลไปด้วยหากไม่มีเสียงเปิดประตูพร้อมกับร่างของเพื่อนผมที่ยืนเบิกตาอยู่ด้านหลังเสียก่อน

พลั่ก!

“ฟะ…แฟร์! คือกู…” ผมรีบผลักอีกคนออกก่อนจะใช้หลังมือเช็ดปากตัวเอง

ผมมองแฟร์พลางละละล่ำละลักคำพูดออกมาทว่า ร่างบางของเพื่อนสนิทผมคนนี้กลับสวนถามคนที่จ้องเขาด้วยสายตาเหี้ยมข้างๆ ขึ้นมาก่อน

“คุณเป็นใคร?” แฟร์ถามจอมพลที่ยืนขบกรามแน่น

“กูต้องเป็นฝ่ายถามมึงต่างหากว่ามึงเป็นใครแล้วมาอยู่ในห้องเมียกูได้ยังไง!”

“หยุดพูดแบบนี้สักทีเถอะคุณจอมพล!!” ผมปรามคำว่า 'เมีย' ของเขา

“กูไม่หยุด! กูพูดผิดตรงไหนก็ไอ้นี่มันอยู่ในห้องของเมียกูจริงๆ!!” คนตรงหน้าหันมาจ้องผมเขม็งก่อนเขาจะสาวเท้าเดินเข้าไปหาแฟร์ในขณะที่ผมก็ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังเอาไว้

“แฟร์มึงกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะเดี๋ยวกูเคลียร์กับเขาเอง” ผมบอกพร้อมแฟร์ที่พยักหน้าเข้าใจและหมายจะเดินกลับห้อง แต่แล้วเสียงของจอมพลที่ตะโกนกร้าวก็ฉุดมันเอาไว้

“ขืนมึงกล้าเดินเข้าไปกูจะไม่ใจดีแล้วนะเว้ย!!” ผมพยายามดันคนตรงหน้าเต็มแรงพลางหันไปส่งซิกให้แฟร์รีบกลับเข้าห้องนอนไปแต่พออีกฝ่ายหันกลับจอมพลที่ผมยื้อไว้ก็ออกแรงผละตัวผมออกก่อนจะผลักแฟร์จนล้มและตรงเข้าคร่อมเงื้อหมัดขึ้นทันที

“อย่า! แฟร์มันเป็นเพื่อน! เขาเป็นเพื่อนของผม!!” ผมรีบตะโกนบอกความจริงก่อนจะตรงเข้ายื้อจอมพลออกจนสุดแรง

คนตัวสูงดูเหมือนจะชะงักไปนิดเมื่อแฟร์ที่หลับตาปี๋ลืมตาขึ้นมองตอบเขา จอมพลคลายมือที่ขยำคอเสื้อของแฟร์ออกก่อนจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา

“มึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?” ผมขมวดคิ้วมองจอมพลไม่ต่างกับแฟร์ที่ก็ทำแบบนั้นเช่นกันก่อนสิ่งที่พวกผมสงสัยจะถูกคลี่คลายด้วยคำถามต่อมาของเขาในที่สุด

“มึงเป็นเลขาฯ ของไอ้ชันย์ไม่ใช่? แล้วมึงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?”

“!!”
:
:
:
“คุณรู้จักผมได้ยังไง” แฟร์เปิดประเด็นถามเมื่อพวกเราสามคนตัดสินใจนั่งคุยกันตรงโซฟาในห้องรับแขก

“ไอ้ชันย์มันเคยให้ฉันสืบประวัตินายหลังจากวันที่นายถูกมันจับตัวไป” จอมพลว่า เขามองแฟร์ที่นั่งผมด้วยแววตาเรียบนิ่งก่อนจะมองมาทางผมคล้ายๆ กับกำลังกล่าวโทษ

“คุณรู้เรื่องที่เขาทำ?”

“ทำไมจะไม่รู้ก็พวกฉันทำมันด้วยกัน”

“!!” คนข้างๆ ของผมเบิกตาโพรงก่อนจอมพลจะพูดขึ้นอีก

“แต่วางใจได้เพราะครั้งที่นายถูกจับตัวไปมันเป็นครั้งอำลา”

“อำลา?”

“หมายถึงครั้งสุดท้ายที่ทำ”

“เป็นไปไม่ได้! แล้วที่เขาบอกกับผมว่าจะจับตัวนนท์ไปอีกล่ะถ้าผมไม่ยอมไปทำงานกับเขามันคืออะไร!?” แฟร์ขึ้นเสียงแต่คนตรงหน้ากลับแสยะยิ้มออกมา

ยิ่งฟังยิ่งงง! ตกลงพวกเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่กันแน่นะ!?

“หึ! คิดไม่ถึงเลยนะว่ามันจะใช้วิธีนี้เพื่อให้นายเข้าใกล้” จอมพลเหยียดยิ้ม

“คุณหมายความว่าไง”

“ก็ไอ้ชันย์น่ะมันไม่สนใจใครง่ายๆ หรอกถ้าคนๆ นั้นไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอะไรด้วยตั้งแต่แรก ฉันเองก็ไม่รู้ว่านายไปทำอะไรให้มันฝังใจจนเอาคำขู่พวกนั้นมาหลอกให้นายไปเป็นเลขาฯ ของมันเหมือนกัน” แฟร์นิ่งอึ้งทันทีที่รู้ก่อนจะถามย้ำอีก

“แล้วที่คุณบอกว่าครั้งที่จับตัวผมไปคือครั้งสุดท้ายเป็นเรื่องจริงใช่มั้ย”

“ฉันจะนั่งโกหกนายทำไมให้เสียเวลา”

“แสดงว่าพวกคุณจะไม่จับตัวนนท์ไปอีกใช่มั้ย”

“หยุดแล้วก็คือหยุด ไม่กลับไปทำอีกแน่นอน” จอมพลว่าก่อนแฟร์จะเงียบลงและก็เป็นผมเองที่ทนไม่ได้จนต้องถามออกไป

“เดี๋ยวนะนี่กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอ”

แฟร์กับจอมพลหันมองผมเป็นตาเดียวก่อนคนข้างๆ จะเริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดที่ผมยังไม่รู้ออกมาโดยมีคนตรงหน้าคอยเสริมตั้งแต่ต้นจนจบ

“เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นแบบนี้…ไอ้ชันย์มันโกรธที่แพรวาหลอกใช้ความกว้างขวางของมันเพื่อรู้จักกับพวกนักการเมืองรวมไปถึงนักธุรกิจอีกหลายแขนงเพื่อจะได้หาเงินใช้โดยการไปเป็นน้อยเขา หนำซ้ำยัยผู้หญิงคนนั้นยังปลอมลายเซ็นต์ของมันยักยอกเงินจากบริษัทไปอีกตั้งหลายล้าน” จอมพลบอกถึงสาเหตุ

“เพราะเหตุนี้พวกคุณก็เลยตกลงกันสร้าง TAKE* ขึ้นมา?” ผมถามเมื่อรับไม่ได้กับไอ้งานอดิเรกที่คนตรงหน้าเคยทำ (*ติดตามได้จากเรื่องราชันย์พ่ายรัก)

“มันเป็นความคิดของไอ้ชันย์ฉันก็แค่ตามน้ำคอยช่วยเหลือมันก็เท่านั้น แต่ทุกครั้งที่ทำก็ไม่เคยต้องข่มขู่เพราะผู้หญิงพวกนั้นหิวเงินอยู่แล้วแต่กับนาย…ฉันไม่รู้ว่ามันทำอะไรไปบ้าง” จอมพลตอบพลางมองไปยังแฟร์ที่นิ่งเงียบจนผมที่ทนต่อไปไม่ไหวขอเลี่ยงออกจากตรงนี้มาทันที

“กูว่ากูทนฟังไม่ได้แล้วว่ะขอตัวนะ” ผมบอกก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียง

การเอาเปรียบไม่ใช่เรื่องดี…แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกจุกจนพูดไม่ออกมากกว่าคือการที่เขาเคยทำเรื่องพวกนั้น แม้ว่าจะแค่เคยแต่มันก็ทำให้ความรู้สึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมาของผมชะงักจนไม่กล้าที่จะสานต่อเลยสักนิด

ทำไมคนอย่างจอมพลถึงมีแต่เรื่องที่ผมไม่ชอบกันนะ?
[End of Peam’s Part]
:
:
:
ร่างโปร่งมองไปยังแถบท้องฟ้าสีครามที่มืดลงไปทุกทีตรงหน้าพลางพ่นลมหายใจออกมา ภีมขมวดคิ้วมุ่นครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่างๆ จนกระมั่งจอมพลที่ถูกแฟร์กักตัวไว้เพื่อคุยกันเรื่องของเขาจะเปิดประตูเดินออกมาพลางรวบเอวบางเข้าไว้ในอ้อมกอด

“นี่คุณ! ทำอะไร!!?” ภีมว่าก่อนจะดิ้นหนีการโอบรัดของจอมพล

“ก็รู้อยู่ว่ากอดคิดว่ากูเสียบมึงอยู่หรือไง?” ร่างสูงกวนกลับ

“ลามก!”

“ช่วยไม่ได้ในหัวกูมันคิดแต่เรื่องพวกนี้ว่ะ” ร่างโปร่งหน้าขึ้นสี

“ปล่อยนะเดี๋ยวแฟร์มาเห็น!” ภีมว่า

“เพื่อนมึงมันรู้แล้วว่ามึงเป็นเมียกูยังจะกลัวอะไรอีก” จอมพลกระซิบข้างหูจนร่างโปร่งขนลุกซู่ ภีมรู้สึกได้ถึงความเร็วของจังหวะการเต้นของหัวใจ

ตอนนี้มันเหมือนจะระเบิดออกมายังไงยังงั้น!

“ออกมามีอะไร” จอมพลถามเมื่อภีมหยุดดิ้น

“ผมก็แค่อึดอัด” ร่างโปร่งเลี่ยงตอบก่อนร่างสูงจะถามขึ้นเสียงเรียบ

“มึงไม่ชอบงานที่กูเคยทำ?”

“…”

“มันผ่านไปแล้วตอนนี้กูไม่ได้ทำแล้ว” จอมพลนึกอยากให้ภีมเข้าใจ

ร่างสูงคลายอ้อมกอดลงก่อนจะจับตัวอีกคนให้หันมาหาพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลนิ่ง

“ผมรู้…เพียงแต่มัน…ช่างเถอะ” ภีมไม่ตอบและเบือนหน้าไปอีกทาง

“เพียงแต่มันอะไร?” ร่างสูงรบเร้าพลางคว้าแขนร่างโปร่งให้หันกลับมาหา

“ไม่มีอะไร”

“บอกกูมานะภีม”

“ก็…แค่ผมไม่ชอบเรื่องพรรคนั้น ไม่ชอบที่มีคนทำแบบนั้นแม้จะไม่ได้บังคับแต่ถึงยังไงผมก็ไม่ชอบมันอยู่ดี” ร่างโปร่งตอบแน่นหนักจนคนตรงหน้าชะงักไป

จอมพลมองหน้าภีมก่อนจะถอนหายใจ ร่างสูงคว้าต้นแขนของอีกคนเอาไว้พร้อมกับโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าของพวกเขาอยู่ในระดับเดียวกัน

“ไม่ทำแล้ว” ร่างสูงเอ่ยเสียงอ่อน

“…”

“ไม่ทำแล้วจริงๆ เชื่อกู”

“อะ…อืม” ภีมหลบสายตาพลางแกะมือหนาออกราวกับแก้เขิน

“และที่กูจูบมึงเมื่อกี้กูขอ…คือกูเสียใจที่ทำแบบนั้นกับมึง” ร่างสูงกลืนคำๆ นั้นที่ควรจะเอ่ยออกเอาไว้

“…”

“ทีหลังจะพยายามไม่ทำอีก”

ร่างโปร่งอึ้งกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดจนไม่รู้จะทำหน้ายังไง สิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในอกถูกสูบฉีดให้เร่งจังหวะการเต้นมากขึ้นจนภีมกือบเสียการทรงตัว ร่างโปร่งพยายามสลัดทุกอย่างที่รบกวนจิตใจออกพลางเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นทันที

“แล้วคุณทำไมถึงกลับมาเร็วล่ะเพิ่งไปเมื่อวานเองไม่ใช่เหรอ” ภีมว่าก่อนจะแกมือของจอมพลออกจากแขน

“กูไปเพราะแม่กูป่วย”

“เหรอครับแล้วท่านเป็นไงบ้าง”

“มึงเป็นห่วงแม่กู?” ร่างสูงเลิกคิ้วถามกวนๆ

“มันก็เป็นคำถามที่ดีไม่ใช่เหรอ? หรือคุณอยากจะให้ผมเงียบหลังจากได้ยินคุณพูดถึงขนาดนี้ล่ะ”

“หึ! ยอกย้อนนะมึง” คนตัวสูงเหยียดยิ้มขำก่อนจะเอ่ยต่อ

“แต่ก็ดีขึ้นแล้วล่ะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงท่านก็แค่ทำงานมากไป…แล้วมึงล่ะวันนี้ได้ไปเยี่ยมจอมใจหรือเปล่า” จอมพลถามกลับ

“ไปครับแต่ถูกเธอไล่กลับมา”

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ผมคงจะพูดอะไรแทงใจดำเธอเข้าน่ะ” ร่างโปร่งว่า

“มึงพูดอะไร”

“ก็ถามเรื่องที่เธอไม่ยอมพูด”

“มึงจะถามเพื่อ?” ร่างสูงสบถว่าก่อนร่างโปร่งจะปรายตาและตอกกลับไป

“ก็มันเป็นเรื่องที่ผมต้องทำ”

“…”

“คุณก็รู้ว่าเราทำสัญญาอะไรกันไว้” ภีมว่าก่อนจอมพลที่ขบกรามแน่นจะเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง

“มึงอยากให้จอมใจยอมพูดเร็วๆ ว่างั้น?”

“ใช่” ภีมตอบก่อนจะพูดต่อ “หรือคุณอยากให้เธอเป็นแบบนี้ต่อไปล่ะ”

ร่างสูงจ้องคนตรงหน้านิ่งก่อนแฟร์ที่เดินออกจากห้องครัวและตรงมาหาทั้งคู่จะเปิดประตูระเบียงออกมา

“กูทำกับข้าวเสร็จแล้ว”

“อ้าว! มึงทำกับข้าวเหรอไมไม่บอกกู?” ภีมปรับเปลี่ยนอารมณืก่อนจะถามเพื่อนสนิทกลับ

“แค่อุ่นอาหารแช่แข็งของมึงเองป่ะไปกินข้าวกันเดี๋ยวกูไปเตรียมจานชามก่อนนะ” ร่างบางว่าพลางกลับเข้าห้องไป

ภีมหันกลับมาหาจอมพลอีกครั้งก่อนจะออกปากชวนร่างสูงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติงตรงหน้า

“ทานข้าวกันเถอะครับ”

“ภีมคือกู…” จอมพลคว้าแขนของคนที่กำลังจะเดินเข้าห้องไปพร้อมกับพยายามเค้นสิ่งที่อยากจะพูดออกมา

“พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะยังไงซะมันก็คงอีกนาน” ร่างโปร่งตัดบทก่อนจะเดินเข้าห้องไปทันที
:
:
:
“จะออกจากคอนโดวันไหน” จอมพลเปิดประเด็นถามเมื่อพวกเขาทั้งสามคนนั่งทานข้าวอยู่เงียบๆ

แฟร์ที่นั่งนิ่งเหมือนคิดอะไรอยู่กับภีมที่เอาแต่ก้มหน้าทานโดยไม่สนใจเขาทำให้ร่างสูงทนบรรยากาศที่ไม่ชอบแบบนี้ไม่ได้อีกต่อไปจนต้องเป็นฝ่ายส่งเสียงออกมาก่อน

“?” ร่างบางทำหน้างง

“ยังมีคนนอกคนอื่น? ฉันถามนายนั่นแหละ” ร่างสูงบอกแฟร์ที่มองมา

“พรุ่งนี้น่ะครับผมจะไปกาญจนบุรีเลยกะจะขอภีมให้ไปส่งที่ท่ารถด้วย” แฟร์บอก

“แล้วคืนนี้นอนไหน” จอมพลถามอีกทำเอาอีกฝ่ายยิ่งงงเป็นไก่ตาแตกไปกันใหญ่

“ก็…ก็นอนที่นี่” ร่างบางตอบเสียงอ่อนก่อนภีมจะเสริมขึ้น

“เขาจะนอนกับผม”

“แล้วกูล่ะ!?” ร่างสูงโผลงออกมาทันที

“วันนี้คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ”

“ไม่!”

“นี่พวกคุณอยู่ด้วยกันเหรอครับ” แฟร์เบิกตาถาม

“เรื่องนี้กูมีเหตุผลนะแฟร์มึงอย่าเพิ่งคิดไปเรื่อย…เอาตามนี้นะครับ” ภีมที่แก้ตัวกับแฟร์เสร็จหันไปย้ำกับจอมพล

“ไม่! ยังไงกูก็จะนอนที่นี่” ร่างสูงดื้อกลับ

“แต่เตียงเต็มแล้ว”

“ใครนอน!?”

“ถามได้! ก็ผมกับแฟร์ไง!”

“แต่กูจะนอนที่นี่!” จอมพลว่าพลางกระแทกช้อนลงบนจานจนเกิดเสียงดัง

ร่างสูงจ้องภีมสลับกับแฟร์ไปมาก่อนร่างโปร่งที่จะพยายามหลบเลี่ยงอีกฝ่ายจะเอ่ยกลับไป

“ผมว่าคุณกลับไปนอนเฝ้าน้องจอมใจดีกว่า”

“วันนี้กูไม่ไป”

“งั้นก็ไปเคลียร์เอกสารที่บริษัท”

“มันดึกแล้วใครเขาทำงานกัน!”

“คุณจอมพล…” ภีมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายราวกับติเตียนแต่ถึงอย่างนั้นร่างสูงก็ยังไม่ยอมแพ้

“กูจะนอน!”

“โอเค! งั้นคุณก็นอนโซฟาข้างนอก” ภีมยื่นข้อเสนอ

“แต่กูจะนอนในห้อง!”

“เพื่อ?”

“เผื่อพวกนายมีอะไรกัน” ร่างสูงบอกเรื่องที่คิดอยู่ก่อนอีกสองคนที่เหลือจะร้องเสียงหลงออกมาพร้อมกัน

“ห๊ะ!/บ้าไปแล้ว!!” ภีมสบถก่อนจะตวาดกลับไป “คิดได้ไง!?”

“อะไรก็เกิดขึ้นได้กูกันตัวเองโดนสวมเขาเว้ย” ร่างสูงว่าด้วยใบหน้าจริงจัง

ร่างบางหันมองเพื่อนสนิทของตัวเองที่ขบกรามแน่นก่อนแฟร์จะพยายามพูดเพื่อหมายจะยุติศึกน้ำลายในครั้งนี้

“คือถ้างั้นผม…”

“มึงไม่ต้องกูคิดออกแล้ว” ภีมขัดขึ้นก่อนจะมองอีกฝ่ายด้วยแววตายียวน

“ถึงมึงจะไล่กูยังไงกูก็ไม่กลับเด็ดขาด!” จอมพลยื่นคำขาด

“ก็ได้! ถ้าคุณอยากจะนอนที่นี่นัก เพราะผมหาที่นอนให้คุณได้แล้ว” ภีมพูดอย่างถือไพ่เหนือกว่าพลางยิ้มขำ

“กูเสนอบนเตียงคั่นกลางระหว่างพวกนาย!”

“ไม่ได้”

“ถ้างั้นมึงจะให้กูนอนที่ไหน!?”

“บนพื้น!!”

“!!”



TBC...........
----------------------------------------------
จอมพลมันเอาอะไรคิดว่าสองคนนี้เขาจะกินกันเอง!?  -__-''
เฮียเอ้ยเฮีย...ทั้งหึงทั้งหวงแบบนี้ ก็ยอมรับใจตัวเงสักทีเถอะ
มัวแต่ทำแบบนี้ระวังภีมไม่สนใจนะเออ >_<
ฝากเม้นท์เป็นกำลังใจให้นักเขียนคนนี้ด้วยนาาาาา


 :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 27-07-2017 22:40:26
 :pig4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.17 100% [27/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-07-2017 23:06:35
ภีมเริ่มเอาคืนจอมพลแล้วใช่ไหม5555
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.18 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 28-07-2017 12:04:24



CHAPTER  18




หลังจากตื่นนอนและตื๊อจะไปส่งแฟร์กับภีมให้ได้ จอมพลก็หิ้วเอาร่างโปร่งที่มัวพีรี้พิไรร่ำลาเพื่อนสนิทราวกับชาตินี้ทั้งคู่จะไม่เจอกันอีกขึ้นรถก่อนจะขับกลับบริษัทมาทันที

ภีมนั่งเงียบมาตลอดทางไม่ใช่เพราะโกรธที่จอมพลพูดและทำท่าหวงเขาจนถูกแฟร์แซวเข้าให้แต่เพราะตอนนี้เขาไม่รู้จะพูดอะไรเสียมากกว่าทว่าอาการที่เป็นอยู่กลับทำให้ร่างสูงที่เป็นสารถีรู้สึกโหวงๆ จนต้องเอ่ยถามขึ้น

“มึงโกรธที่กูมาด้วย?”

“เปล่าครับ” ร่างโปร่งหันไปมองหน้าคนขับ

“แล้วเป็นอะไร”

“ผมแค่ไม่มีอะไรจะพูดแค่นั้นเอง”

“ถ้าโกรธมึงก็บอกกูมาตามตรงนะภีม” จอมพลว่าก่อนจะหันมาสบตากับภีมที่มองเสี้ยวหน้าของเขาอยู่

“…”

“เพราะบางทีกูก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ทุกอย่างที่เกี่ยวกับมึงตอนนี้มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของกูทั้งหมด” จอมพลว่าต่อพลางหันไปมองถนนเบื้องหน้า

“…”

“มึงเข้าใจความหมายของกูหรือเปล่า”

“มะ…ไม่รู้สิครับ” ภีมนั่งตัวเกร็งก่อนจะเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง

ความจริงแล้วร่างโปร่งน่ะรู้ดีว่าจอมพลหมายความว่าอะไร เพียงแต่ตอนนี้ตัวเขายังไม่มั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองและความรู้สึกของอีกฝ่ายมากพอ

ทุกอย่างดูยากไปหมดหากพวกเขาจะหันหน้าเข้าหากันในสถานะอื่นที่ไม่ใช่อย่างที่เป็นอยู่เพราะทุกวันนี้สิ่งที่ทำให้ทั้งคู่ยังอยู่ด้วยกันเป็นเพียงแค่ข้อตกลงในสัญญาเท่านั้น

“แต่คราวหลังถ้าคุณทำอะไรที่ผมไม่ชอบผมจะบอกแล้วกัน” ภีมตอบ

ร่างโปร่งหน้าขึ้นสีก่อนร่างสูงที่หันมองเสี้ยวหน้าของอีกคนจะเหยียดยิ้มขึ้น

“อืม” จอมพลตอบรับก่อนจะถามขึ้นมาอีก “แวะทานข้าวกันก่อนมั้ย”

“คุณหิวเหรอ”

“กูเฉยๆ แต่มึงสิเมื่อวานเห็นทานไปนิดเดียว” ร่างสูงว่าก่อนอีกคนจะหันมาเหน็บกลับ

“ก็คุณหาเรื่องกวนผมก่อนนี่นา”

“พูดให้ถูก! กูบอกแล้วไงว่ากันพวกมึงมีอะไรกัน” จอมพลสวนขึ้นทันที

“คิดอะไรบ้าๆ! ผมกับแฟร์เป็นยังไงคุณก็น่าจะดูออก” ภีมทำหน้ามุ่ย

“ไม่รู้ล่ะ กันไว้น่ะดีแล้วขนาดกูตื่นเข้าห้องน้ำยังเห็นพวกมึงนอนชิดกันอย่างกับอะไร ดีนะที่กูไม่จับพวกมึงแยกตั้งแต่เมื่อกลางดึก” ร่างสูงขุดเอาเรื่องที่เก็บงำมาตลอดทั้งคืนพลางเอ่ยออกไปอย่างคาดโทษ

“ก็ลองทำดูสิ!” ภีมท้าก่อนอีกคนจะแหย่กลับ

“ทำไม? มึงจะทำอะไรกู!?”

“…”

“อย่าพูดออกมาถ้ามึงไม่แน่จริง” จอมพลปรามาสกลับ

“เดี๋ยวก็จับตอนซะหรอก!”

“!!” ร่างสูงหันมาทำตาโต

จอมพลอึ้งเพราะคำพูดที่ไม่เคยได้ยินจากอีกฝ่ายอย่างจัง

“พูดเล่นหรอกน่า” ร่างโปร่งยิ้มขำแต่แล้วคำพูดที่ดังออกมาพร้อมกับเสียงทุ้มกลับทำให้ภีมชะงักไปทันที

“มึงกล้าพูดอย่างนี้กับกู?” ร่างสูงเอ่ยจนภีมที่คิดว่าอีกฝ่ายกำลังตำหนิตัวเองอยู่จะหุบยิ้มลงทันใด

“โอเคงั้นผมจะไม่พูดอีก”

“ไม่ได้ว่าแต่ที่ถามเพราะไม่เคยไม่ยินมึงพูดอะไรแบบนี้” จอมพลบอก

“ผมดูเป็นคนดี?”

“…”

“คุณเองก็ไม่ได้มองผมว่าดีมาตั้งแต่แรกแล้วอะไรทำให้คุณคิดว่าผมจะพูดแบบนั้นไม่ได้ล่ะใช่จะหยาบสักเท่าไหร่” ภีมว่าก่อนจอมพลจะถอนหายใจตอบ

“บอกแล้วไงว่ากูไม่ได้ว่ามึง…แค่คิดว่ามึงกล้าพูดแบบนั้นกับกูน่ะดีแล้ว”

“…”

“กูอยากให้มึงผ่อนคลายเวลาอยู่กับกู” ร่างสูงมองหน้าอีกคนจนร่างโปร่งต้องหันไปอีกทาง

ภีมลอบอมยิ้มขึ้นมาในขณะที่เสียงโทรศัพท์ตรงคอนโซลหน้ารถของจอมพลจะดังขึ้นฉุดให้ร่างสูงผละสายตาออกจากอีกคนก่อนจะหันไปคว้าเอาเครื่องมือสื่อสารนี้ขึ้นมากดรับ

(“ครับริกา…เมื่อไหร่…หลังเลิกงาน?...โอเคพี่ว่าง…ครับแต่พี่ขอพาเพื่อนไปด้วยนะ…ภีมน่ะ…ได้ครับแล้วเจอกัน”) พูดเสร็จก็วางสายไปแต่กับคนที่บังเอิญมีชื่อในบทสนทนาข้างๆ กลับสงสัยจนต้องถาม

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“ริกาโทรมาชวนไปทานข้าว”

“แล้ว?” ภีมเลิกคิ้ว

“ก็ตอบตกลงแต่มึงต้องไปด้วย” จอมพลว่า

“ทำไมล่ะ”

“ก็กูอยากเอามึงไปด้วย”

“เธอมีเรื่องธุรกิจที่อยากจะคุยกับคุณหรือเปล่า” ร่างโปร่งถามอย่าสงสัย

“ไม่รู้สิแต่บางทีเธอก็ชวนไปทานเฉยๆ” ร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่คำตอบของเขากลับสร้างบางอย่างขึ้นในใจของภีมอย่างจัง

“พวกคุณดูสนิทกันดีเนอะ” ร่างโปร่งเอ่ยเสียงเรียบ

“ครอบครัวรู้จักกันไม่แปลกที่ลูกๆ จะสนิทกัน” จอมพลตอบ

“แต่เท่าที่ผมจำได้เธอเคยบอกว่าเสียดายที่ต้องไปเรียนเมืองนอกเพราะไม่งั้นคงได้สนิทกับคุณเร็วกว่านี้นี่ครับ” ภีมขุดเอาเรื่องที่จำได้ดีออกไป

คนข้างๆ ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกระตุกยิ้มขึ้นก่อนจอมพลจะทำทีหันไปกวนอีกฝ่ายด้วยการแหย่ถามกลับ

“แล้ว?”

“ก็แสดงว่าเธอกับคุณก็เพิ่งรู้จักกัน” ภีมเถียงหน้ายุ่ง

“หึ!” ร่างสูงหลุดขำออกมาทันทีก่อนร่างโปร่งข้างๆ จะโวยขึ้น

“ขำอะไรครับ!?”

“มึงกำลังจับผิดกูอยู่นะภีม” จอมพลว่าพลันอีกคนก็เงียบลงทันตาเห็น

“เหมือนเมียตอนซักไซ้ผัวไม่มีผิด”

“คุณจอมพล!” ภีมเอ็ดเมื่อร่างสูงพูดเรื่องพรรคนี้ออกมาจนเขาหน้าขึ้นสี

“แต่กูชอบนะ”

“!!”

“เพราะเหมือนว่ามึงสนใจกู” จอมพลพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มจนภีมชะงักไป

ร่างโปร่งหันหลังให้คนเป็นสารถีก่อนจะถูกอีกฝ่ายที่ตามเย้าแหย่ด้วยคำพูดสวนกลับเสียจนเขาต้องซุกใบหน้าสีระเรื่อเข้ากับเป้ที่กอดเอาไว้แนบอก

“อ้าวกูพูดผิดตรงไหน? ก็มันจริงนี่หว่า”

“ตั้งใจขับรถไปเถอะครับผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณแล้ว!” สิ้นเสียงของภีม จอมพลก็ระเบิดรอยยิ้มกว้างออกมาอย่างนึกชอบใจ

ร่างสูงหันมองแผ่นหลังของคนข้างๆ ที่หันหน้าไปทางประตูอย่างนึกขำก่อนบทสนทนาพวกนี้จะยุติลงด้วยการที่จอมพลเอื้อมมือไปขยี้ผมของภีมซะมันยุ่งไปหมดพลางหันไปตั้งใจขับรถกลับบริษัทอย่างที่อีกคนบอกทันที
:
:
:
“พี่จอมพลอยากทานอะไรเพิ่มมั้ยคะ” มาริกาเอ่ยปากถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ หลังจากที่เธอสั่งอาหารกับบริกรไปสามสี่รายการ

“พี่ไม่เอาอะไรแล้ว…นายล่ะเอาอะไรเพิ่มหรือเปล่า” จอมพลตอบหากแต่ก็ไม่ได้สนใจหญิงสาวคนถามเท่ากับคนตรงข้ามที่เขาเอาแต่มองไม่วาง

“ไม่ครับ” ร่างโปร่งตอบก่อนจะก้มลงไปสนใจโทรศัพท์มือถือในมือใต้โต๊ะอีก

“งั้นเอาแค่นี้ก่อนครับ” จอมพลยื่นเมนูกลับให้บริกรก่อนมาริกาจะเริ่มบทสนทนาขึ้นทันที

“วันนี้งานยุ่งมั้ยคะ”

“เรื่อยๆ น่ะครับหนักบ้างเบาบ้างธรรมดาของธุรกิจ”

“ริกาอยากให้พี่จอมพลไปบริษัทของริกาบ้างจังเผื่อพี่จะมีข้อชี้แนะให้ริกา” หญิงสาวส่งสายตาหยาดเยิ้มราวกับอยากจะต้อนชายหนุ่มคนข้างๆ ให้อยู่หมัด

“บริษัทแต่ละบริษัทมีเอกลักษณ์ของตัวเองทั้งนั้น พี่เองก็ชี้แนะริกามากไม่ได้หรอกเพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยวบริษัทของริกาจะสูญเสียภาพลักษณ์ของตัวเองไปใช่มั้ยภีม?” ร่างสูงตอบก่อนจะถามอีกคนที่เมื่อมาริกาได้ยินชื่อก็หุบรอยยิ้มหวานนั้นลงทันที

“ห่ะ? อ่อครับ” ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นมาก่อนจอมพลจะขมวดคิ้วถาม

“มัวทำอะไรอยู่”

“ก็ดูข่าวสารทั่วๆ ไป” ภีมว่าพลางยกโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายดู

“ไม่ยักรู้ว่านายชอบอ่านข่าว”

“ผมก็อ่านหมดน่ะแหละอะไรขึ้นนิวฟีดมาผมก็กดเข้าไปอ่านเว้นซะแต่มันจะเป็นไวรัสที่ผมจะไม่กดเข้าไป”

“นิวฟีด?”

“ก็เฟสบุ๊คไง” ภีมสวนขึ้น

“…”

“อย่าบอกนะว่าคุณไม่มีแอคเคาท์?”

“ฉันเป็นผู้บริหารฉันไม่เล่นอะไรพวกนี้อยู่แล้ว” ร่างสูงบ่ายเบี่ยงประเด็น

“ไม่เกี่ยวมั้ง…คุณมาริกาล่ะครับมีมั้ย” ภีมหันไปถามอีกคนเพื่อเสริมสิ่งที่เขาพูดอีกแรง

“มีสิค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบแต่แล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงเมื่อทั้งคู่หันไปคุยกันอีกครั้ง

“เห็นมั้ยคุณมาริกาเธอก็เป็นถึงผู้บริหารเธอยังมีเลย”

“ไม่เห็นจะจำเป็น” จอมพลว่า

“มันก็แล้วแต่มุมมองของคุณแต่สำหรับผม ผมเอาไว้ดูความเคลื่อนไหวของเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน” ไม่ว่าเปล่าภีมยังยิ้มและเคลื่อนนิ้วไปตามหน้าจอเพื่อดูข่าวสารต่างๆ จนร่างสูงเอ่ยดักคอ

“รวมถึงหมอนั่นด้วยสิ!?” จอมพลว่าก่อนภีมจะเงยหน้าตอบ

“ก็มีบ้างถ้าแดนมันอัพสเตตัส” ร่างโปร่งตอบอย่างไม่ใส่ใจแต่มันกลับสร้างความไพอใจให้จอมพลเป็นอย่างมาก

ปั่ก!

ร่างสูงทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้เสียงดังก่อนจะกอดอกและมองคนตรงหน้ากลับด้วยแววตาเคือง

“เป็นอะไรไปคะพี่จอมพล” มาริกาที่มองทั้งคู่อยู่นานทำทีถามขึ้นก่อนร่างสูงที่ทำหน้ายุ่งจะตอบเสียงเรียบออกมา

“เปล่า”

“เออ…” หญิงสาวคล้ายมีเรื่องที่อยากจะพูดต่อแต่ถูกร่างสูงขัดขึ้นเมื่ออีกฝ่ายเห็นบริกรเดินมาทางโต๊ะของพวกเขาเสียก่อน

“อาหารมาแล้วครับทานกันเถอะ” จอมพลว่าก่อนจะปรายตามองภีมที่ได้แต่ทำตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ
:
:
:
หลังจากทานอาหารภายใต้การใช้สายตากดดันคนตรงข้ามจอมพลก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนหญิงสาวที่เพิ่งจะตักของหวานขึ้นจะวางช้อนลงและหันมาจ้องอีกฝ่ายที่เหลืออยู่ด้วยแววตามาดร้าย

“ฉันขอถามอะไรหน่อยจะได้มั้ย” มาริกาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ ทว่ามันกลับทำให้คนฟังอย่างภีมรู้สึกได้ถึงความไม่พอใจจนถึงขีดสุด

“ได้ครับ”

“คุณเป็นอะไรกับพี่จอมพลกันแน่” หญิงสาวถามด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์

“ทำไมคุณมาริกาถึงถามผมแบบนี้ล่ะครับ” ร่างโปร่งหยั่งเชิงกลับ

“เพราะว่าพวกคุณสองคนดูไม่เหมือนเจ้านายกับลูกน้องธรรมดาทั่วไป”

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณคิดมากไปแล้ว”

“…”

“ผมกับคุณจอมพลก็เป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นไม่มีอย่างอื่น” ภีมว่าพลางจ้องมาริกาที่เขาเพิ่งจะเคยเห็นท่าทีแบบนี้จากเธอเป็นครั้งแรก

“แน่ใจนะคะ”

“แน่สิครับ”

“ถ้างั้นก็ดีค่ะ เพราะหากคุณคิดอะไรเกินเลยกับพี่จอมพลล่ะก็ ฉันคงต้องบอกคุณว่า เลิกคิดแบบนั้นซะ!”

“…”

“คุณอาจจะไม่รู้แต่ครอบครับของเราสนิทกันมาก คุณพ่อของฉันกับคุณพ่อของพี่จอมพลก็หมายหมั้นพวกเรามาตั้งแต่ยังเด็กๆ แล้ว”

“…”

“รู้แบบนี้ก็กำจัดความรู้สึกพวกนั้นซะนะคะเพราะถึงยังไงพี่เขาก็ต้องมาเป็นเจ้าบ่าวของฉันอยู่ดี” มาริกาเอ่ยออกมาอย่างถือไพ่เหนือกว่าพลางแสยะยิ้ม ทว่ากับร่างโปร่งที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับไม่สะทกสะท้าน

ภีมมองมาริกาด้วยใบหน้าเรียบเฉยกระทั่งชายหนุ่มจะเผยรอยยิ้มออกมาบ้าง …รอยยิ้มที่ไม่มีความอ่อนข้อให้กับใครพร้อมกับเอ่ยคำพูดแข็งกร้าวออกมาบ้าง

“ถ้าเกิดเรื่องทุกอย่างมันเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ผมก็ขอยินดีกับคุณล่วงหน้าเลยนะครับ” ภีมว่าก่อนมาริกาจะยิ้มออกมาอย่างเย่อหยิ่งแต่ในชั่วพริบตารอยยิ้มนี้ก็ถูกคำพูดของอีกฝ่ายกลบไปจนหมด!

“แต่อย่าลืมว่าเรื่องพวกนี้ทางครอบครัวของคุณจอมพลก็ต้องถามความสมัครใจจากเขาด้วย”

“…”

“ซึ่งถ้าหากคุณคิดว่าเขาจะยอมแต่งเพราะธุรกิจอย่างในละครหลังข่าวละก็ผมคงต้องบอกให้คุณทำใจไว้เลยว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”

“!!”

“เพราะเท่าที่ผมรู้จักกับเขามาคนอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรเพื่อผลประโยชน์บ้าๆ แบบนั้นแน่” ภีมจ้องมาริกาไม่วาง

“ก็แค่อยากเตือนให้เฝื่อใจไว้บ้างเกิดทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คุณหวังจะได้ไม่เสียใจจนเกินไป”

“นี่!!...”

“และบางทีการเสียใจจนเกินไปก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เป็นบ้าได้นะครับ” ว่าเสร็จก็ส่งยิ้มบางๆ ให้

“แก!” มาริกาลุกขึ้นยืนพลันจ้องคนตรงข้ามกลับอย่างมาดร้ายแต่แล้วร่างสูงของจอมพลที่เดินเข้ามาก็ช่วยยุติศึกในครั้งนี้ลงได้

“มีอะไรกันหรือเปล่า” สิ้นเสียงของจอมพลมาริกาก็ทำทางเหมือนจะเซล้มลงทันที

“โอ้ย!”

“เป็นอะไรริกา?” ร่างสูงตรงเข้าพยุงหญิงสาวโดยเร็ว

“ริการู้สึกปวดหัวมากๆ เลยน่ะค่ะ” หญิงสาวว่าพลางปรายตามองคนนั่งทำหน้าตื่นอยู่ที่โต๊ะด้วยแววตาเยาะเย้ย

ภีมรวบกำมือเอาไว้แน่นก่อนจะมองไปยังมือของจอมพลที่รวบเอาเอวบางนั้นไว้จนเต็มก่อนจะเคลื่อนสายตาไปตามแผงอกที่แนบชิดกับอีกคนด้วยความรู้สึกที่คับแน่นไปทั้งอก

“แล้วริกามายังไง” จอมพลถามกลับ

“ขับรถมาเองค่ะ แต่ขืนขับกลับเองตอนนี้มีหวัง…” หญิงสาวยิ่งทำทีขาอ่อนกอดรัดจอมพลไม่ปล่อยจนคนมองอยู่ถึงกับบีบมือตัวเองจนเล็บจิกฝ่ามือเป็นรอยแดง

“ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่ไปส่ง” จอมพลว่าก่อนหันมาหาภีม “ส่วนนายขับรถฉันกลับ”

“แล้ว…”

“ฉันจะขับรถให้ริกาถึงแล้วจะหาทางกลับเอง”

“แต่ผมขับพาเธอไปส่งได้” ภีมพยายามหาทางที่ดีกว่าแต่ในความคิดของจอมพลข้อเสนอนี้ของร่างโปร่งยิ่งทำให้เขาไม่สบายใจ

เหตุเพราะ…ร่างสูงไม่อยากให้อีกฝ่ายใกล้ใครมากกว่าตัวเอง

“ไม่ต้องเดี๋ยวฉันพาเธอไปส่งเองนายกลับไปก่อนเถอะ”

“…” ภีมนิ่งไปจนจอมพลรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่แผ่ออกมาจนเขาต้องออกปากถาม

“เป็นอะไรไป”

“เปล่างั้นผมขอตัวกลับก่อน” ร่างโปรงว่าก่อนจะคว้าเป้เดินออกมาทันที

“ภีม!...”

“โอ้ย! เจ็บจี๊ดๆ ขึ้นมาเหมือนหัวจะระเบิดเลยค่ะพี่จอมพล!” มาริกาส่งเสียงเรียกร้องอีกฝ่ายเมื่อจอมพลพยายามคว้าแขนของภีมที่เดินออกไปไว้

“พี่จะพาเธอไปหาหมอ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ริกาเป็นแบบนี้บ่อยเพียงแต่วันนี้ดันลืมยาไว้ที่บ้านเฉยๆ” ลับหลังภีมที่เดินออกจากร้านไป หญิงสาวยิ่งเหยียดยิ้มออกมาชอบใจก่อนจะออเซาะร่างสูงใหญ่ จอมพลจึงตัดสินใจพยุงออกเธอออกจากร้านและขับรถพากลับบ้านทันที
:
:
:
ภีมที่ยังไม่เคลื่อนตัวรถไปไหนเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ร่างโปร่งชบกรามพลางบีบพวงมาลัยไว้แน่น ความรู้สึกมากมายทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ภีมไม่ชอบเลยที่เห็นคนอื่นเข้าใกล้จอมพลแบบนี้ ทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับคนที่เคยทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของเขามาก่อน แต่พอเห็นเข้าทีไรความรู้สึกมันก็ตื้อขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ทุกที

ร่างโปร่งถอนหายใจออกมาเพื่อระงับอารมณ์ที่เดือดพล่านให้สงบลงก่อนจะขับกลับคอนโดตัวเองเพื่อไปทำธุระส่วนตัวและขับออกมาเพื่อตรงไปยังที่ที่หนึ่งเนื่องจากคืนนี้เขาไม่อยากนอนร่วมเตียงกับร่างสูงเสียแล้ว

ภีมเดินเข้าห้องของจอมใจก่อนเจ้าของห้องจะมองตามเขาที่ไม่ได้ปริปากอะไร ทว่ากลับวางเป้ที่สะพายมาพร้อมกับเดินไปหยิบหมอนและผ้าห่มในตู้ออกมาพร้อมกับเดินมาตรงโซฟาข้างเตียงพลางล้มตัวลงนอนทันที

เกร้งๆ

ร่างโปร่งลืมตาขึ้นพลางมองไปยังจอมใจที่ใช้ปากกาเมจิกเคาะขอบเตียงเพื่อเรียกให้เขาอ่านบางสิ่งที่ถูกอีกฝ่ายเขียนไว้บนกระดานไวท์บอร์ด

พี่เป็นอะไร ภีมอ่านก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเรียบ

“วันนี้ผมขอนอนที่นี่นะครับ”

แล้วพี่พลล่ะ

“ผมไม่รู้” ร่างโปร่งตอบก่อนเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ในเป้จะดังขึ้น

(“ครับ”)

(“มึงอยู่ไหน?”) เสียงห่ามที่ฟังอยู่ไม่สบอารมณ์ดังสวนมาทันที

(“ไปส่งกันเสร็จแล้วเหรอครับ”) ภีมเอ่ยเหน็บก่อนปลายสายจะชะงักไป

(“…”)

(“ผมอยู่กับน้องของคุณ”)

(“ทำไมไม่กลับคอนโด”)

(“กลับไปแล้ว…แต่ตอนนี้ไม่อยากกลับ”)

(“หมายความว่าไง”)

(“ผมจะค้างที่นี่”) ร่างโปร่งเอ่ยบอกเสียงเรียบ

(“แม่ง! เป็นอะไรของมึง?”) จอมพลตะโกนถามกลับแต่ภีมไม่สะท้าน

(“เปล่า”) ร่างโปร่งตอบก่อนเสียงถอนหายใจของปลายสายจะดังตามมา

(“งั้นเดี๋ยวกูไปหา”)

(“ก็ห้ามไม่ได้อยู่แล้วนี่”)

(“ภีม!”)

ตู๊ดดดด….

ภีมกดตัดสายหลังจากพูดเสร็จ ร่างโปร่งลุกขึ้นนั่งพลางมองจอมใจที่นั่งมองมาอยู่ก่อนแล้วก่อนจะเอ่ยบอกอีกฝ่ายกลับไป

“พี่คุณโทรมาน่ะ”

ฉันได้ยินแล้ว มีปัญหากันเหรอ? หญิงสาวเขียนตอบ

“ไม่รู้สิผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอะไรไป”

ดูเหมือนพี่กำลังโกรธพี่พลนะ

“จะว่าโกรธก็ไม่ถูกไปซะหมดหรอกเอาเป็นว่าถ้าพี่คุณมาบอกเขาว่าผมอยู่ที่ระเบียงแล้วกัน” จอมใจพยักหน้าเข้าใจก่อนภีมจะออกไปยืนรับลมนอกระเบียงห้องอย่างที่บอกทันที

ร่างโปร่งมองไปยังใบไม้มากมายที่พัดไปตามแรงลมอย่างเอื่อยๆ ดวงตากลมคู่สวยเคลื่อนไปตามริ้วใบที่หยอกล้อเคล้าคลอกันไปมาอยู่สักพักใหญ่ก่อนเสียงประตูบานเลื่อนด้านหลังจะดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสที่ต้นแขนโดยอีกคนต้องกรให้เขาหันไปหา

“ตกลงมึงเป็นอะไร?” จอมพลถามท่ามกลางการหอบหายใจจนทำให้ภีมรู้ว่าอีกฝ่ายเร่งรีบมาที่นี่มากแค่ไหน

“เปล่าซะหน่อย” ภีมพยายามแกะมืออีกฝ่ายออกแต่ร่างสูงกลับบีบมันแน่นกว่าเดิม

“เปล่าอะไร! เห็นอยู่ว่ามึงเคืองกู”

“ตรงไหนที่ผมดูเคืองคุณ”

“มึงพูดจาห้วน” ภีมจ้องจอมพลก่อนตอบเสียงเรียบกลับ

“ผมก็พูดแบบนี้อยู่แล้ว”

“มึงหลบตากู”

“ปกติผมก็ไม่ได้มองสักเท่าไหร่”

“…” จอมพลเงียบลงเมื่อคนที่พยายามคาดคั้นเอาแต่บ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่ออกมา

“แค่นี้ใช่มั้ยผมจะไปนอน” ร่างโปร่งบอกก่อนจะแกะมือหนาที่จับต้นแขนตัวเองไว้แต่แล้วจอมพลก็ยังไม่ยอมเลิกรา

“เดี๋ยว” ร่างสูงโน้มใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายจนภีมเอนตัวหนี

“หรือมึงโกรธที่กูไปส่งริกา?”

“ผมจะโกรธไปทำไม” ภีมเถียง

“จริงใช่มั้ย?”

“…”

“ไม่ตอบแสดงว่าเรื่องนี้จริงๆ”

“ไม่ต้องเดาแล้วผมจะไปนอน…อ่ะ!” ภีมที่พยายามเดินกลับเข้าห้องถูกจอมพลรวบเอวเอาไว้ก่อนคนตัวใหญ่กว่าจะออกแรงโอบรัดเสียจนภีมดิ้นหนีไม่หลุด

“บอกมาว่าจริงไม่จริง ไม่งั้นกูจูบ” ร่างสูงว่าพลางโน้นหน้าเข้าไปใกล้เสียงจนอีกฝ่ายทำตาโต

“น้องคุณมองอยู่นะ!” ภีมพยายามดันแผงอกก่อนจะตะโกนออกมาเมื่อเห็ฯว่าจอมใจยังคงนั่งมองพวกเขาอยู่จากด้านในห้อง

“แล้วยังไง? กูกล้าทำซะอย่าง”

“คุณจอมพล!” คนตัวเล็กกว่าเอ็ดกลับก่อนอีกคนจะยียวนตาม

“ว่าไงหืม…ภีมวิทธิ์?”

“หึ้ย!” ภีมสบัดหน้าหนีอย่างฉุนๆ

“ตกลงจะไม่บอก?” จอมพลเอ่ยออกมาอย่างคาดคั้นแต่ภีมก็ยังปิดปากเงียบจนร่างสูงตัดสินใจเคลื่อนริมฝีปากหมายจะทาบทับลงไปทันที

“โอเคๆ! ผมยอมคุณแล้ว!!” ภีมที่หดคอหนีตะโกนขึ้นอย่างยอมแพ้

“ก็แค่เนี่ย” จอมพลว่าพลางจ้องอีกคนที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมานิ่ง

“ปล่อยผมก่อนจะได้มั้ย”

“ไม่ต้องมาต่อรองบอกมาว่าโกรธทำไม” ร่างสูงดุใส่

“ไม่ได้โกรธ...แค่…”

“หึง?”

“ไม่ใช่!?” ภีมรีบปฏิเสธ ทว่าหน้าของเขากลับแดงขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

“แล้วอะไร?”

“ไม่…”

“…”

“เฮ้อ…ทำไมคุณถึงไปนาน” ร่างโปร่งยอมคายเรื่องที่จุกอกออกมาในที่สุด

“ก็บ้านริกาอยู่ลาดพร้าวมึงก็รู้ว่าถนนสายนั้นรถแม่งโครตติด” เสียงทุ้มตอบด้วยท่าทีสบายจนอีกฝ่ายเงียบไป

“มึงอยากรู้แค่เนี่ย?” จอมพลอึ้ง

“อืมแค่นี้แหละผมจะไปนอนแล้ว” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะยั้งอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยการเรียกชื่อร่างโปร่งออกไป

“ภีม”

“…”

“กูคิดว่าตอนนี้ความรู้สึกของมึงกับกูคงเหมือนกัน” เสียงทุ้มเอ่ยพลางมองอีกฝ่ายนิ่ง

“คุณหมายความว่าไง?”

“มึงรู้สึกไม่พอใจที่เห็นคนอื่นเข้าใกล้กูหรือเปล่า”

“…”

“ว่าไง?”

“มะ…ไม่รู้สิ” ร่างโปร่งเอ่ยท่ามกลางหัวใจที่เต้นโครมครามเมื่อนัยน์ตาสีดำสนิทตรงหน้าจ้องมาราวกับรอฟังคำตอบ

“แต่กูว่ากูเป็นแบบนั้นว่ะ”

“!!”

“กูไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้มึงไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นหญิงหรือชาย จะเป็นเพื่อน ญาติหรืออะไรของมึงก็เหอะแต่กูรู้แค่ว่ากูไม่ชอบ” จอมพลพล่ำคำพูดมากมายออกมาท่ามกลางอีกฝ่ายที่เอาแต่มองเขากลับด้วยใบหน้าไม่คาดคิด

“เพราะถ้ามึงเองก็คิดแบบนั้นกูแค่สงสัยว่า…”

“…”

“ตอนนี้เรากำลังรักกันหรือเปล่าวะ?”

“!!”



TBC......
----------------------------------------
ใช่การบอกรักของเฮียเหรอ เฮียพล!?
ได้ยินแล้วเหนื่อยใจแทนภีมเลย จะบอกก็ไม่บอกไปตรงๆ ปากแข็งอยู่ได้!
เหนื่อยภีมไม่พอเหนื่อยคนเขียนอีกเนี่ย
ความฟินเหมือนจะกำลังมา แต่ยังไงก็ต้องลุ้นกับคู่นี้กันต่อไปเนอะ


 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.18 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: booboos ที่ 28-07-2017 13:23:32
 :L1:  รักกัน...รักกัน
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.18 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 28-07-2017 17:02:56
เฮียครับ ถามงี้เอามีดมาแทงคอกันเลยดีฝ่า
เรารักกันเปล่า
โง้ยยยยยย ไม่เขินก็บ้าแล้ว
 :mew3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 28-07-2017 18:09:36

CHAPTER 19



[Chomphon’s Part]
พูดออกไปแล้ว…

ผมพูดในสิ่งที่ไม่น่าพูดออกไปอย่างลืมตัว แม่งเอ้ย! แค่เห็นสีหน้าและแววตาที่เปลี่ยนไปของอีกคนก็รู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นยังไง…

“ไม่หรอกครับ”

“…” เหมือนโดนหมัดสวนจนเลือดกลบปากเลยว่ะ “ทำไมวะหรือมึงจะปฏิเสธว่าไม่ได้คิดอะไรกับกู?” ผมถามต่อเมื่อเริ่มหงุดหงิดขึ้นมา

ภีมทำให้ผมเสียหน้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เผยความรู้สึกของตัวเองกับคนอื่นออกมา?

“ใช่ครับผมไม่ได้คิด”

“แล้วเมื่อกี้ที่มึงทำอยู่นั่นเรียกว่าอะไร!”

“มันก็แค่คำถามพื้นๆ ผมสงสัยว่าทำไมคุณถึงไปนานก็เลยถามดูเท่านั้นเอง” ผมได้แต่ขบกรามแน่นผมจ้องอีกฝ่ายลึกเข้าไปในดวงตาก่อนภีมที่พยายามหลบหน้าจะนิ่งเงียบไป

“มึงโกหกกู”

“…”

มันโกหก! ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันเองก็รู้สึกดีไม่ต่างอะไรกับที่ผมคิด!

“กูรู้ว่าจริงๆ แล้วมึงคิด”

“ผมไม่ได้...”

“มึงคิดภีม! เป็นไปไม่ได้ที่มึงจะไม่คิดอะไรกับกู!!”ผมตวาดสวน

“ผมจะคิดกับคนที่เคยทำร้ายตัวเองแถมยังต้องทนอยู่ด้วยเพราะสัญญาแบบนี้ได้ยังไงกัน!”

“!!” อึก!ตัวผมชาวาบทันทีที่มันพูดจบ

ไม่ผิดหรอก…สิ่งที่ภีมพูดเป็นความจริงเพียงแต่มันเป็นความจริงที่ผมอยากจะลบล้างและสร้างอะไรดีๆ ขึ้นมาใหม่เหลือเกิน เพราะรู้ดีว่าถึงยังไงแล้วผมก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เช่นเดียวกับที่ภีมเคยพูดเอาไว้…ตอนนี้ผมเข้าใจความหมายของมันแล้วจริงๆ

“ระหว่างคุณกับผมก็มีแค่นี้แหละครับอย่าพยายามสร้างอะไรขึ้นมาให้มันยุ่งยากยิ่งกว่านี้เลย” คนตรงหน้าว่าก่อนจะหันหลังให้

ผมมองแผ่นหลังนี้ด้วยความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาผสมปนเปจนรู้สึกอยากจะสลัดมันออกไปซะ มีทั้งจุก ทั้งอัดอั้น ทั้งอยากเข้าไปกอด อยากขอโทษ อยากทำอะไรอีกสารพัดแต่ปากก็หนักไม่กล้าพอที่จะพูดสิ่งเหล่านั้นออกไปตรงๆ เสียที ผมกำหมัดแน่นพลางถอนหายใจออกมาก่อนจะพยายามถามกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ

“ถึงยังไงมึงก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้คิดอะไรกับกูใช่มั้ย?”

ภีมพงกหัวให้พลันผมก็จัดการจับตัวมันพลิกหันกลับมาทันที

“เข้าใจแล้วไม่คิดก็ไม่คิด แต่กูอยากให้มึงจำเอาไว้อย่างว่าเซ้นต์ของกูไม่เคยพลาดในเมื่อกูปักใจเชื่ออย่างนั้นไปแล้วตั้งแต่นี้กูจะทำให้มึงเริ่มคิดกับกูเอง”

“!!” ว่าเสร็จคนตรงหน้าก็ทำตาโตตกใจ

“เตรียมตัวไว้ล่ะ…ภีมวิทธิ์”

“อ่ะ!”

ผมช้อนตัวมันขึ้นในท่าเจ้าสาวก่อนจะใช้แขนเลื่อนเปิดประตูเดินเข้าห้องไปท่ามกลางแรงดิ้นและเสียงโวยวายของมัน หึ! ถ้าเป็นแต่ก่อนตอนนี้มันคงเจ็บตัวไปแล้วโทษฐานพูดไม่เข้าหูแถมยังขัดใจผมอีก แต่ตอนนี้ไม่แล้วไง! ไม่อยากทำร้ายมันแล้ว ไม่อยากโดนเกลียด กลัวมันไม่สนใจและคงหวังไปถึง…กลัวมันไม่รัก

“ดะ…เดี๋ยวๆๆ คุณจะทำอะไร!?”ภีมโวยวายหนักขึ้นเมื่อผมโยนมันลงบนโซฟาข้างเตียงก่อนจะตามขึ้นไปเพื่อหวังจะนอนด้วยแต่แล้วอีกคนกลับพรวดพราดลุกขึ้นว่าผมซะได้

“ก็เห็นมึงบ่นว่าง่วงบ้างล่ะจะนอนบ้างล่ะ เอ้า! รีบมานอนสิ”ผมตบที่ว่างบนโซฟาข้างลำตัว

“งั้นคุณก็ลงมา!”

“ลงทำไมกูเองก็ง่วงนี่หว่า”

“ทำไมคุณไม่ไปนอนที่อื่น”

“ที่นี่ห้องน้องกู คนเป็นพี่ชายอย่างกูจะนอนที่ไหนก็ได้”ผมกวนมันกลับจนภีมสวนถามอย่างฉุนๆ

“ตกลงคุณจะไม่ไป?”ผมพยักหน้าตอบก่อนมันจะเอ่ยต่อ “ถ้างั้นผมกลับคอนโด”ว่าเสร็จก็คว้าเป้และเดินไปทางประตูทันทีผมเลยต้องลุกขึ้นและเดินตามมันไป

“ตามมาทำไม!?”เมื่อรู้ว่าผมตามภีมก็หันมาเอ็ด

หน้าตาเวลาเคืองของมันตลกชิบ!…ผมชอบมองมันที่เป็นแบบนี้และอยากมองไปนานๆ

“มึงกลับกูก็กลับ”ตีมึนสวนไป

“จะนอนที่นี่ก็นอนไปเลยผมไม่กวนคุณแล้ว!”

“แต่กูอยากกวนมึงนี่”

“!!”

อีกแล้ว...เวลาตกใจมันชอบทำตาโตจนผมอยากจับมาขย้ำซะให้พอเลยล่ะ

“อยากกวนมึงทั้งตัว…ทั้งใจ…ยันไข่เลยอะ”

“คุณจอมพล!!”คนตรงหน้าตวาดชื่อผมกลับด้วยใบหน้าที่เริ่มแดงฉานผมจึงแสยะยิ้มก่อนจะกวนกลับไปอีก

“อะไร!? เรียกเบาๆ ก็ได้กูไม่ได้หูหนวก”

“ไม่อายน้องตัวเองบ้างหรือไง!?”

“อายทำไม?…ไม่เห็นน่าอายเลยใช่มั้ยใจ?”จอมใจที่นั่งมองอยู่บนเตียงพยักหน้ารับพร้อมกับยิ้มขำขึ้นมาหน่อยๆ

ผมหันมาจ้องใบหน้าเรียวที่ขมวดคิ้วอย่างฉุนกึกตรงหน้าก่อนจะฉีกยิ้มภีมเองก็มองผมไม่วางเช่นกันจนผมอดไม่ได้ที่จะคาดคั้นมันกลับไป

“ว่าไง?...มึงจะนอนที่นี่แลกกับการที่กูไม่ทำอะไรเพราะเห็นแก่จอมใจหรืออยากจะกลับไปนอนคอนโดที่มีแค่เราสองคนล่ะ”ผมโน้มไปกระซิบข้างหูของมันก่อนภีมจะเบิกตาขึ้นอีกระลอกแต่แล้วไม่ถึงเสี้ยววินาทีดวงตาคู่นั้นของมันก็กลายเป็นปกติแถมยังแฝงไปด้วยความยียวนซะด้วย

“งั้นผมจะไปนอนบ้านแฟร์”มันว่าพลางแสยะยิ้ม

“เพื่อนมึงยังอยู่กาญฯ อีกอย่างอย่าหวังว่าจะได้ไป”ผมบอกเสียงแข็ง

“คุณห้ามผมไม่ได้หรอก”มันว่า

“ก็ลองดูสิว่ากูห้ามได้หรือไม่ได้”พูดเสร็จผมก็รวบตัวมันเอาไว้ทันที

“คุณนี่มัน!...”

“อ่ะๆ ขืนด่ากูจูบคืนนะเออ”

ภีมทำหน้ายุ่งพร้อมกับพยายามดันอกผมออกอย่างแรง ผมเลยได้ทีฉวยแขนมันไว้แล้วลากกลับไปที่โซฟาตามเดิม

“นอนได้แล้ว” ผมว่าหลังจากบังคับให้มันนอนลงไปส่วนตัวเองก็ตามขึ้นไปนอนกอดมันเอาไว้แน่น

“แล้วคุณจะมานอนกับผมทำไมเล่า! ที่ก็แคบอึดอัดก็อึดอัด!”

“แต่กูแม่งโครตสบายเลยว่ะ มึงเหมือนหมอนกอดที่บ้านกูไม่มีผิด”

“งั้นก็กลับไปนอนบ้านซะ”

“เลิกหาทางไล่กูเถอะเพราะยังไงกูก็ไม่ไป”

“ผมไม่รู้จะทำยังไงกับคุณแล้วเนี่ย!!!”เหมือนภีมจะยอมแพ้ผมซะแล้วสิ

“ก็ไม่ต้องทำอะไรปล่อยไปตามที่ใจมึงต้องการก็พอ”

“…”

สิ้นเสียงของผมอาการดิ้นหนีของมันก็หยุดลง ผมได้ยินเสียงถอนหายใจยาวๆ ออกมาก่อนจะตามด้วยเสียงหัวใจของมันที่ดังเร็วขึ้นเสียจนผมอดไม่ได้ที่จะอมยิ้ม

“ใจจะหลับแล้วหรือเปล่าพี่ปิดไฟนะ”จอมใจพยักหน้าก่อนผมจะชิงเอื้อมมือกดสวิตซ์ปิดไฟในห้องลง

“เขยิบออกไปหน่อยก็ได้” ภีมพยายามดิ้นเพื่อให้ผมปล่อยอีกครั้ง

“อยู่แบบนี้แหละดีแล้วเดี๋ยวตอนดึกๆ อากาศจะเย็นลงกูกันไว้เผื่อมึงหนาว”

“ผมมีผ้าห่มเหอะ”

“แต่กูจะกอดมีปัญหา?”

“…”

“หยุดโวยวายแล้วหลับซะพรุ่งนี้กูจะเรียกมึงตื่นไปทำงานด้วยกัน”

ผมกอดมันแน่นก่อนจะมองเสี้ยวหน้าของภีมภายในความมืดที่มีเพียงแสงสว่างจากหลอดไฟข้างนอกเล็ดลอดผ่านช่องประตูเข้ามาเพียงเท่านั้น

ภีมยอมหลับตาลงอย่างว่าง่ายในขณะที่ผมก็เอาแต่มองมันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักผมจึงค่อยๆ คลายอ้อมกอดออกเมื่อได้ยินเสียงหายใจที่ดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอแสดงว่าอีกฝ่ายนั้นหลับไปแล้วผมจึงค่อยๆ ยันตัวเองลุกขึ้นนั่งพลางเอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ปะลงบนหน้าของมันออกเบาๆ

แต๊ก!

แสงจากโคมไฟบนโต๊ะข้างเตียงของจอมใจสว่างขึ้น น้องสาวของผมมองมาด้วยความสงสัยก่อนเธอจะเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดานพร้อมกับพลิกหันมา

เป็นอะไร? ทำไมพี่ถึงไม่หลับ

“แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”ผมตอบไปเท่านั้นแต่ความจริงแล้วผมกำลังไม่สบายใจเอามากๆ ผมไม่รู้ว่าภีมจะสามารถทำให้จอมใจกลับมายอมพูดได้มั้ยแต่หากทำได้ขึ้นมาล่ะผมจะทำยังไงในเมื่อต้องปล่อยมันไปและไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีกเลย

เรื่องพี่ภีม?  จอมใจเขียนถามมาอีก

“อืม”

ตกลงพวกพี่ถึงขั้นไหนกันแล้ว

“ทำไมถึงถามแบบนี้กับพี่”ผมมองน้องกลับ จอมใจหันกระดานไปเขียนอะไรอีกสักพักก่อนเธอจะพลิกกลับมา

เพราะฉันไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้เพราะใครมาก่อน

“…” ก็จริง…เพราะผมไม่เคยให้สิทธิ์ใครเข้ามามีอิทธิพลกับตัวเองมากเท่านี้ พวกผู้หญิงที่ผมเคยควงก็ล้วนเกิดจากกิเลส ความใคร่หรือตัณหาอะไรเถือกนั้นทั้งหมดไม่ได้มีผลกับจิตใจและความรู้สึกนอกจากคำว่า 'น้ำแตกแล้วแยกทางไปวันๆ'

ว่าไง? พี่กับพี่ภีมเป็นมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องแล้วใช่มั้ย  ผมกวาดตาอ่านก่อนจะหลับตาลงเมื่อยังไงซะเรื่องทุกอย่างก็ต้องมีใครสักคนที่รู้เข้าสักวัน

“ใช่…เป็นมากพอจนทำให้พี่อยากจะแก้ตัวใหม่” ผมว่าก่อนจะมองไปยังใบหน้าเรียวของคนที่หลับอยู่อีกครั้ง

เรื่อง?

“หลายเรื่องเยอะจนไม่รู้ว่าจะเริ่มแก้ไขจากตรงไหนดี”

พี่รักพี่ภีม?

คำถามต่อมาของจอมใจทำเอาผมชะงักแต่ในเมื่อทุกอย่างมันมาถึงขนาดนี้แล้วผมเองที่ค่อนข้างมั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองในระดับหนึ่งก็คงต้องยอมคายเรื่องที่คับแน่นในใจออกไปเสียที

“ไม่รู้” ผมว่าก่อนจะมองภีมและพูดต่อ “แต่หากไอ้คำว่า รัก ที่เธอว่ามันทำให้รู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ อยากให้มันสนใจ อยากนอนกอดกันทุกคืน อยากทานข้าวด้วยกันทุกมื้อหรือแม้กระทั่งอยากอยู่แบบนี้ตลอดไปล่ะก็…”

“พี่ว่าตอนนี้พี่คงรักมันแล้วจริงๆ”
[End of Chomphon’s Part]


มีต่อค่ะ....
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 28-07-2017 18:13:58

ต่อค่ะ......




ร่างสูงปลุกร่างโปร่งไปทำงานตามที่บอก จอมพลแวะร้านสะดวกซื้อก่อนจะหาของรองท้องเพื่อใช้เป็นมื้อเช้าสำหรบพวกเขาทั้งสองคนก่อนจะมุ่งหน้าขับรถไปยังบริษัทและแยกย้ายทำหน้าที่กระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนบ่ายคล้อยจอมพลที่เคลียร์งานเสร็จพอดีจึงชวนภีมออกไปทำธุระข้างนอก

ร่างโปร่งตอบตกลงก่อนจะเก็บสัมภาระทุกอย่างลงกระเป๋าเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าจะไม่วกกลับมาที่นี่อีก ภีมสะพายเป้ขึ้นและทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากห้อไปถ้าไม่มีใครบางคนโผล่เข้ามาเสียก่อน

ก๊อกๆ

“สวัสดีค่ะพี่จอมพล~” มาริกาเอ่ยเสียงใสในขณะสิ้นเสียงเคาะประตูเพียงเสี้ยววินาที

“สวัสดีครับริกามาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า” ร่างสูงถามกลับ

“พอดีริกาผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหาน่ะค่ะว่าแต่พี่กำลังจะออกไปไหนกันเหรอคะ” หญิงสาวปรายตามองชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของจอมพล

“พี่ชวนภีมออกไปซื้อของน่ะพอดีจะส่งของขวัญขอบคุณไปให้คุณวิภานีเจ้าของโครงการที่เชียงใหม่”

“ว้าว! ดีเลยค่ะริกาเองก็กำลังหาของขวัญขอบคุณอยู่เหมือนกันงั้นเราไปด้วยกันมั้ยคะไม่ต้องรบกวนคุณภีมเขาก็ได้” หญิงสาวรวบแขนแกร่งไว้พลางเดินเข้าประชิดตัว

จอมพลมองการกระทำของมาริกาสลับกับภีมที่ยืนมองอยู่นิ่ง ร่างสูงพยายามแกะมือของหญิงสาวออกท่าเธอกลับไม่ยอม มาริกาจับแขนเขาแน่นเกินกว่าที่เขาจะเสียมารยาทดึงเธอห่างออกจากตัว

“หวังว่าจะไม่ปฏิเสธนะคะ” เสียงใสเอ่ยดักคอ

“แต่พี่เกรงว่าหากเลือกของนานเดี๋ยวริกาจะหิวแย่จะสิ” จอมพลหาทางเลี่ยง

“แหม…ริกาไม่เรื่องมากหรอกค่ะให้รอพี่ทั้งวันริกาก็ทำได้” เธอพูดด้วยใบหน้ายิ้มแป้นจนร่างโปร่งที่ยืนมองทั้งคู่อยู่นานจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

“จะไปกันหรือยังครับ” ภีมถามพลางจ้องจอมพลนิ่ง

“รอเดี๋ยว…ริกาพี่ว่าของริกาเอาไว้วันหลังมั้ยไว้พี่จะไปส่ง” ร่างสูงท้วงก่อนจะหันไปพูดกับคนข้างตัว

“แต่ริกาไม่รู้นี่คะว่าจะว่างอีกทีเมื่อไหร่ อุตส่าห์ว่างตรงกันแบบนี้แล้วแท้ๆ พี่จอมพลไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ” มาริกาเริ่มงอแงใส่ทว่าแววตาของเธอกลับแสดงถึงความไม่พอใจส่งไปหาภีมอย่างเอาเรื่อง

“ได้เรื่องยังไงโทรหาผมแล้วกันนะครับผมจะไปรอที่คอฟฟี่ช็อปหน้าบริษัท”

“เดี๋ยวภีมรอกูด้วย!”

ร่างโปร่งไม่ฟังเสียงเรียกภีมว่าเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวเดินออกจากห้องไปทันทีทำเอาร่างสูงที่พยายามยื้อขมวดคิ้วมุ่นก่อนจะตวัดสายตามองมาริกาอย่างฉุนๆ ทันทีเมื่อหญิงสาวเอาแต่ดึงเขาไว้ไม่ปล่อย

“พี่จอมพลโกรธริกาเหรอคะ” มาริกาถามพลางปล่อยแขนอีกคนเป็นอิสระ

“ริกาทำแบบนี้เพื่ออะไร” จอมพลถามหน้ายุ่ง

“อะไรเหรอคะ? ริกายังไม่ได้ทำอะไรเลย”

“อย่าโกหกพี่! เห็นอยู่ว่าริกาพยายามกันภีมออก…ทำไปเพื่ออะไรกัน!!?”

“แล้วทำไมพี่ต้องโมโหใส่ริกาด้วย! สนิทกับเลขาฯ คนนั้นมากเหรอคะ!?”

“มาก!”

“!!”

“ทำแบบนี้ทำไม? รู้มั้ยว่ามันไม่น่ารัก” คนอายุมากกว่าติเตียน

“แล้วพี่คิดว่าไงล่ะคะ ริกาเบื่อที่ต้องแสร้งทำตัวเป็นคนดีแล้วล่ะค่ะทั้งๆ ที่ริกาเองก็ไม่ได้ดีอะไรแบบนั้น!” มาริกาจ้องจอมพลอย่างเอาเรื่อง

“และที่ริกาต้องกันพี่ออกจากไอ้นั่นก็เพราะว่ามันกำลังจะแย่งว่าที่สามีของริกาไปยังไงล่ะคะ!!” หญิงสาวตะโกนลั่นต่อจนจอมพลที่รอฟังชะงักไป

ร่างสูงคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้

“จะปฏิเสธเหรอคะว่าพี่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน”

“…”

“พี่เองก็รู้ว่าพ่อแม่เราคุยกันไว้ยังไงและเหตุผลที่ทำให้ริกากลับมาดูแลกิจการแทนพ่อที่ไทยมันก็เป็นเพราะพี่!” จู่ๆ ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตาก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจแล้วพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“แต่พี่ไม่เห็นด้วยกับพวกท่าน”

“ทำไมล่ะคะริกาไม่ดีตรงไหน!? ริกามีอะไรที่สู้ไอ้ภีมมันไม่ได้!!”

“หยุดเรียกภีมว่า ไอ้ กับ มัน เดี๋ยวนี้!” ร่างสูงคว้าบีบแขนมาริกาแน่น

“โอ้ย! พี่จอมพลริกาเจ็บนะคะ!!”

มาริการ้องลั่นก่อนจอมพลที่ได้สติจะปล่อยแขนของเธอพลันบีบขมับตัวเองอย่างคิดหนัก

“พี่ไม่เคยคิดกับริกาแบบนั้น พี่เห็นเธอเป็นแค่น้องสาวคนหนึ่ง”

“ไม่จริง! พี่ต้องรักริกาสิคะ!! เราแต่งงานกันนะครอบครัวของเราจะได้ดองกันธุรกิจก็สามารถไปได้อีกไกล” น้ำตาของมาริกาไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้างก่อนคำพูดต่อมาของจอมพลจะยิ่งทำให้เธอร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ไม่”

“พี่จอมพล!!”

“พี่จะไม่แต่งงานกับคนที่พี่ไม่ได้รัก”

“แต่พี่ก็แต่งงานกับไอ้นั่นไม่ได้! แม้ว่าพี่จะรักมันก็เถอะแต่ใครเขาจะยอมรับคิดดูสิคะ! แต่งงานกับริกานะเรื่องของพี่กับมันริกาไม่ถือสาขอแค่ต่อจากนี้พี่รักแค่ริกาคนเดียวก็พอ”

“…”

“นะคะ?” หญิงสาวอ้อนวอนจนร่างสูงอดไม่ได้ที่จะยื่นคำขาด

“ไม่คิดว่าทำแบบนี้มันลดค่าตัวเธอลงเหรอริกา?”

“!!”

“ไม่ว่าเธอจะทำยังไงพี่ก็ยังตอบคำเดิม”

“พี่จอมพล…”

“พี่ไม่ได้รักเธอริกาและแม้ว่าชีวิตนี้พี่จะไม่รู้จักภีมมาก่อนพี่ก็ไม่คิดจะแต่งงานกับเธออยู่ดีเลิกคิดอะไรบ้าๆ แบบนั้นได้แล้ว” จอมพลเอ่ยตามสิ่งที่คิด

“แต่ริการักพี่นะคะ! ฮือออ” มาริกายังคงตื๊อไม่ปล่อย

น้ำตาที่ไหลลงมาชะล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าสะสวยของเธอจนมันเปื้อนไปหมด มือเล็กจับปลายเสื้อเชิ้ตของจอมพลพลางขยำเอาไว้แน่นก่อนที่มือหนาจะทำการแกะมันออกอย่างไร้เยื่อใย

“นั่นมันเรื่องของเธอ”

“!!”

“หยุดทุกอย่างไว้เท่านี้ดีกว่าก่อนมันจะถึงขึ้นที่แม้แต่คำว่าพี่น้องพี่ก็ไม่สามารถให้เธอได้…ขอตัว”

“ฮึก! พี่จอมพล…พี่จอมพล!!!”

ร่างสูงเดินผ่านร่างสูงระหงของหญิงสาวมาทันทีก่อนจะตรงไปยังประตูเพื่อรีบเร่งไปหาอีกคนที่กำลังรอเขาอยู่ท่ามกลางเสียงเรียกชื่อของเขาที่ดังไล่หลังมาด้วยน้ำเสียงเศร้าปนเสียใจอย่างหนักของมาริกา ทว่า…จอมพลกลับไม่อยากให้ความหวังใครอีกเพราะถ้าหากไม่รักผลลัพธ์สุดท้ายก็คือไม่รักอยู่ดี
:
:
:
ร่างสูงพาภีมมายังร้านขายของสะสมสมัยโบราณอย่างโถเบญจรงค์ที่อยู่ค่อนข้างไกลจากบริษัทและคอนโดของภีมอยู่มาก ร่างโปร่งที่ปิดปากเงียบมาตลอดทางเดินดูของตรงหน้าไปเรื่อยๆ โดยไม่คิดที่จะเอ่ยปากถามอะไรออกมาจนคนที่เหมือนกับวัวสันหลังหวะจะทนไม่ไหวถามไถ่อีกฝ่ายไปในที่สุด

“ไม่คิดจะถามอะไรกูหรือไง?” ร่างสูงคว้าแขนให้ภีมหยุดเดิน

“อยากให้ผมถามอะไรล่ะครับ” ร่างโปร่งตีหน้าซื่อถามกลับ

“ก็เรื่องมาริกา หรือมึงไม่สนใจ?”

“ครับผมไม่ได้สนใจอะไร”

“แต่กูรู้ว่ามึงโกรธ”

“ผมไม่ได้โกรธ” ภีมเลิกคิ้วมองจอมพลอย่างงงๆ

“ถ้าอย่างนั้นเมื่อกี้มึงจะรีบออกจากห้องไปทำไม”

“ก็เพราะเรื่องที่พวกคุณคุยกันมันไม่เกี่ยวกับผมนี่ครับแล้วผมจะอยู่ทำไมให้เสียมารยาท” ว่าเสร็จก็เดินดูโถไปเรื่อยๆ

จอมพลขบกรามแน่นพลันเดินตามร่างโปร่งต่อไปอย่างไม่ลดละ ภีมถือโถใบนู้นทีใบนี้ทีก่อนดวงตากลมจะสบเข้ากับใบหน้าไม่สบอารมณ์ของคนข้างๆ ที่ได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับทำหน้ายุ่งเสียจนเขาต้องถามกลับ

“คุณเป็นอะไร” ภีมยื่นหน้าเข้าไปหาอีกฝ่าย

“มึงกำลังทำให้กูเครียด” จอมพลว่าพลางถอนหายใจ

“เครียด?”

“เออ”

“เรื่องอะไรครับ”

“ก็ท่าทีของมึงที่ทำอยู่ตอนนี้” ร่างสูงสวนกลับทันควัน

“ยังไงล่ะ?”

“ก็มึงทำเหมือนไม่สนใจกู”

“…” ร่างโปร่งชะงักไปก่อนร่างสูงตรงหน้าจะงอแงบ่นออกมาเป็นเด็กๆ

“เอาแต่หยิบโถนั้นทีโถนี้ทีทั้งที่เรื่องของมาริกาเป็นเรื่องที่มึงน่าจะถามแต่ทำไมมึงถึงไม่!...”

“แล้วคุณอยากให้ผมถามในฐานะอะไร”

“เมีย!”

“!!”

จอมพลตอบคำถามของภีมโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ร่างโปร่งนิ่งอึ้งกับคำตอบนี้จนหน้าหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกับจอมพลเองที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้ให้อยู่ในร่องในรอยมากกว่าเดิมยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่อย่างนั้น

“มึงมีสิทธิ์ถามภีม” ร่างสูงบอกเสียงเรียบพลางจ้องอีกฝ่ายกลับอย่างอ้อนวอน

“แต่สิ่งที่คุณพูดมันไม่ถูกต้องทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วคุณมาริกาต่างหากที่กำลังจะเป็นเมียของคุณ”

“!!” ภีมเอ่ยบอกก่อนอีกฝ่ายจะตกใจกับคำพูดนี้ของเขาบ้าง

“ใช่มั้ยล่ะครับ?”

“มึงรู้?”

“ครับ…เธอบอกเมื่อวานตอนคุณไปเข้าห้องน้ำ” ภีมเหยียดยิ้มกลับ

“นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้มึงโกรธกูเมื่อวานใช่มั้ย?” จอมพลคั้นถาม

“…”

“ทำไมมึงถึงไม่บอกกู! ไม่ถามกูตั้งแต่เมื่อวาน!?”

“ก็เพราะผมไม่อยากถาม” ภีมว่าก่อนจะบิดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนตรงหน้า

“ทั้งที่มึงอยากรู้เนี่ยนะ!?”

“ใครบอกว่าผมอยากรู้!” ภีมปฏิเสธเสียงแข็งแต่แล้วจอมพลก็ฉวยจับต้นแขนเขาเอาไว้พลางโน้นตัวลงมาจ้องหน้านิ่ง

“หยุดโกหกตัวเองสักทีเถอะภีม!!” ร่างสูงตะคอกกลับ “มึงเป็นยังไงทำไมกูจะไม่รู้” จอมพลเอ่ยต่อเสียงอ่อนราวกับอยากให้อีกคนเข้าใจ

“แล้วคุณรู้อะไร?”

“…”

“คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับผมหรอกคุณจอมพล เลิกคิดให้ผมรู้สึกในแบบที่คุณต้องการเถอะ” ภีมว่าก่อนที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเขาจะดังขึ้นฉุดให้ศึกน้ำลายในครั้งนี้จบลงด้วยการที่จอมพลยอมปล่อยมือจากแขนของเขาแต่โดยดี

(“ว่าไงแฟร์…ห่ะ! อ่อ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?...ได้สิ…นานแค่ไหนก็ได้จนกว่ามึงจะสบายใจ…โอเคแต่กูคงกลับเย็นหน่อยพอดีมาทำธุระไกล…ไม่ต้องเดี๋ยวกูบอกเจ้าหน้าที่เอากุญแจสำรองให้…เคแล้วเจอกัน”) ร่างโปร่งวางสายไปก่อนจอมพลที่ยืนฟังอยู่จะอ้าปากถาม

“มีอะ…”

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของร่างสูงดังขัดขึ้นมาบ้าง จอมพลจิ๊ปากราวกับคนถูกขัดอารมณ์ก่อนชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอจะทำให้เขาต้องรีบผละเดินออกไปอีกทางทันที

”ขอตัวเดี๋ยว” ร่างสูงว่าพลันภีมก็พยักหน้ารับก่อนที่ร่างสูงจะกรอกเสียงกลับไปภายหลังจากที่กดรับสายแล้ว

(“ครับพ่อ”)

(“แกไปทำอะไรให้ลูกสาวประพันธ์เขาไม่พอใจห่ะตาพล!?”) เสียงดุสวนกลับมาเพียงเสี้ยววินาที

(“แล้วพ่อล่ะครับไปรับปากอะไรกับเขาไว้”) ร่างสูงยัวะกลับ

(“ที่ฉันทาบทามหนูมาริกาให้เพราะเห็นว่าหากดองกันไปมันจะมีแต่ผลดีต่อธุรกิจของเราทั้งสองฝ่ายอีกอย่างแกเองก็อายุมากไปทุกวันแล้วเมื่อไหร่จะหาเมียยอมเป็นฝั่งเป็นฝากับเขาสักที”) เสียงของผู้เป็นพ่อสาธยายกลับ

(“ผมเพิ่ง 28 เองนะครับคนที่แต่งงานอายุมากกว่าผมก็มีตั้งเยอะพ่ออย่าพยายามยัดเยียดผู้หญิงคนไหนให้ผมอีกจะดีกว่า”) จอมพลยื่นคำขาด

(“แต่แกเป็นความ!...”)

(“รู้ครับว่าเป็นความหวังเดียวของพ่อที่เหลืออยู่ไม่ต้องย้ำหลายรอบหรอกผมจำขึ้นใจแล้ว”) ร่างสูงพ่นลมหายใจ

(“หึ! อวดดี!!”) นี่คุณ*! เอามาเดี๋ยวฉันคุยกับลูกเอง* จู่ๆ ก็มีเสียงของผู้เป็นแม่ดังขัดขึ้นใกล้ๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงกุกๆ กักๆ

(“ไงจ้ะจอมพลลูกรัก~”) เสียงหวานของคนเป็นแม่เอ่ยทักขึ้น

(“ทักเฉยๆ ก็ได้ครับแม่ผมขนลุก”) ร่างสูงแกล้งแหย่แม่ตัวเองกลับ

(“แหม…ก็แม่คิดถึงลูกนี่นาว่าแต่เราไปทำอะไรให้หนูมาริกาเขาไม่พอใจล่ะลูกหืม?”)

(“ผมแค่บอกน้องเขาไปว่าจะไม่แต่งด้วย”)

(“ทำไมล่ะจอมพล?”)

(“เพราะผมไม่ได้รักน้องเขา”) จอมพลตอบด้วยความสัตย์จริง

(“แต่พ่อของลูกเขาอยากให้เราเป็นฝั่งเป็นฝาแล้วนะแกอยากให้ลูกปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ให้อยู่ในร่องในรอยมากขึ้น”)

(“ด้วยการมีเมียเนี่ยนะครับ!?”) ร่างสูงตอกแม่ตัวเองกลับ

(“ใจเย็นก่อนจอมพล…เอาอย่างงี้มั้ยลองคบๆ กันดูก่อนสักปีสองปีแล้วค่อยตัดสินใจ”) ผู้เป็นแม่พยายามหาทางยื้อลูกตัวเอง

(“จะอีกสิบปีผมก็ไม่แต่งกับเธอครับเพราะตอนนี้ผมมีคนที่กำลังดูใจอยู่แล้ว”) ร่างสูงพูดเพื่อหวังจะให้หมดเรื่อง

(“ห่ะ! แล้วทำไมไม่บอกแม่!? เป็นลูกเต้าเหล่าใคร? โปรไฟล์ดีหรือเปล่า? แล้วที่สำคัญ…สวยมั้ย”) ผู้เป็นแม่สวนคำถามมากมายกลับมาเป็นพรวน

(“ผมไม่รู้หรอกครับว่าเขาเป็นลูกใครเพราะเขาเป็นเด็กกำพร้ามาก่อน ถามว่าโปรไฟล์ดีมั้ยก็โอเคสำหรับผมจบปริญญาโทด้านบริหารจากอเมริกา ส่วนเรื่องที่แม่ถามว่าสวยมั้ยนั้นผมเสียใจด้วยครับที่ต้องบอกว่า…เขาไม่สวยเลยครับแต่เขาหล่อ”)

(“อะไรนะ!!!”)

(“แม่ฟังไม่ผิดหรอกครับเขาเป็นผู้ชาย”) จอมพลอมยิ้มพลางมองไปยังภีมที่ยืนเลือกโถอยู่ไม่ไกล

(“ตาพล!!!”) เสียงของคนเป็นแม่เอ็ดกลับลั่นอย่างไม่เชื่อหูก่อนร่างสูงจะหลับตาพลางถอนหายใจพร้อมกับเอ่ยเสียงจริงจังจนปลายสายชะงัก

(“ชีวิตผมครับผมอยากเลือกเอง”)

(“แต่ว่ามัน...”)

(“หากแม่กับพ่อห่วงเรื่องหน้าตาทางสังคมล่ะก็ผมก็คงต้องขอโทษด้วยที่ทำให้มันเสื่อมเสียแต่สำหรับคนๆ นี้ผมจริงจัง”)

(“จอมพล…”)

(“แม่มีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่าครับพอดีผมออกมาทำธุระต้องรีบไปทำต่อ”) ร่างสูงหาเรื่องวางสายเพราะไม่อยากพูดอะไรอีก

(“ลูกแน่ใจกับรักครั้งนี้ของตัวเองมากแค่ไหน”) คนเป็นแม่ถามขึ้นเมื่อยังรู้สึกว่ารักในแบบของลูกชายหาความจีรังยั่งยืนไม่ได้

(“ผมแน่ใจครับ เขาเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกไม่อยากเสียเขาไป”) ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนจะพูดขึ้นต่อเมื่อปลายสายเงียบไป

(“ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อน”) จอมพลมองไปยังร่างโปร่งที่เริ่มจะหันมองมาเขาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างเพราะฝ่ายนั้นมีโถใบหนึ่งอยู่ในมือ

(“เฮ้อ…ถ้าแม่ห้ามยังไงซะลูกก็ยังยืนยันที่จะรักเขาใช่มั้ย”) คนเป็นแม่เริ่มยอมแพ้

(“ครับ”)

(“โอเคแม่เข้าใจถ้าอย่างนั้นอาทิตย์หน้าลูกและเด็กคนนั้นก็ทำตัวให้ว่างด้วย”)

(“ทำไมครับ”)

(“เพราะแม่จะกลับไปดูหน้าลูกสะใภ้”)

(“!!”)

(“ตามนี้นะเดี๋ยวแม่ต้องเข้าประชุมกับพ่อแล้วไว้เจอกันจ้ะ”)

(“แม่! เดี๋ยวครับ!!”)

ตู๊ดดดด…

คนเป็นแม่วางสายไปทันทีที่พูดจบ ทำเอาภูเขาลูกใหญ่มหึมาในครั้งนี้ถาโถมกลับมาทับตัวจอมพลที่เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นเพราะอยากจะให้หมดเรื่องของมาริกาอย่างจังร่างสูงถึงกับกุมขมับก่อนภีมที่เห็ฯว่าอีกฝ่ายวางสายไปแล้วจะเดินเข้าไปหาพลางถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือ…ว่าแต่มึงเหอะเมื่อกี้เพื่อนมึงโทรมาทำไม” ร่างสูงเปลี่ยนเรื่องซะก่อน

“อ๋อแฟร์มันจะมาขออยู่ด้วยน่ะครับ”

“อยู่ด้วย!?”

“อื้ม”

“ถึงเมื่อไหร่”

“ไม่รู้ครับพอดีมันมีเรื่องกับคุณราชันย์มานิดหน่อย”

“ถ้ามันมาอยู่แล้วกูล่ะ?”

“ผมกำลังจะขอร้องคุณว่าช่วงนี้คุณกลับไปอยู่บ้านก่อนได้มั้ย” ภีมขอร้องก่อนจอมพลจะตะโกนดักออกมา

“ไม่ได้เว้ย! กูจะอยู่กับมึงที่คอนโด”

“ถ้างั้นคุณก็ต้องนอนพื้นถ้ายังดื้อขอนอนในห้องอีก”

“มึงชักจะใจร้ายกับกูเกินไปแล้วนะภีม” ร่างสูงจ้องอีกฝ่ายอย่างคาดโทษแต่ภีมกลับไม่สนใจร่างโปร่งยังคงพูดเรื่องต่างๆ ออกมาไม่หยุด

“แต่หากอยากสบายหน่อยก็โซฟาข้างนอกครับ ผมมีผ้าห่มกับหมอนให้”

“ภีม!”

“ตกลงตามนี้นะ?”

“ภีม!!”

“…” ภีมชะงักเมื่อจู่ๆ จอมพลตะโกนออกมาเสียงแข็ง ร่างโปร่งหลุบตาลงต่ำก่อนคนตรงหน้าจะถอนหายใจและเอ่ยถามออกไปเสียงอ่อน

“ให้มันไปอยู่ที่อื่นไม่ได้เหรอ” ร่างสูงมองภีมราวกับอ้อนวอน

“มันเป็นเพื่อนสนิทของผมนะคุณจอมพลอีกอย่างคนที่ทำให้เพื่อนผมต้องเป็นแบบนี้ก็คือเพื่อนของคุณ”

“ไอ้ชันย์มันก็เป็นคนอย่างเงี่ยแหละบอกเพื่อนมึงทำใจกับมันหน่อย”

“เหมือนกับที่ผมกำลังทำใจกับคุณอยู่น่ะเหรอครับ” ภีมสวน

“…”

“คุณก็น่าจะรู้ว่าเพื่อนตัวเองเป็นคนยังไง ผมเองก็รู้ว่าแฟร์มันเป็นยังไงผมเลยปล่อยมันอยู่คนเดียวไม่ได้” ร่างโปร่งว่าจนจอมพลยอมแพ้ในที่สุด

“โอเคๆ กูยอมแพ้กูไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไรอยู่แล้วนี่”

“อย่างอแงไปหน่อยเลยน่า แล้วคุณล่ะครับเมื่อกี้ผมเห็นคุณทำหน้าเครียดๆ ตอนคุยโทรศัพท์มีอะไรหรือเปล่า” ภีมอมยิ้มเมื่ออีกฝ่ายว่าง่ายกว่าทุกครั้งก่อนจะถามกลับไปบ้าง

“อาทิตย์หน้าทำตัวให้ว่าง” จอมพลบอกหน้านิ่ง

“ทำไมครับ?”

“เพราะพ่อกับแม่กูจะมาหา”

“แล้ว?”

“ท่านอยากเจอมึง”

“เจอผม!? เจอทำไม?” ภีมเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยก่อนคำตอบของอีกฝ่ายจะยิ่งทำให้ภีมนั้นอึ้งกิมกี่

“พวกเขาอยากเจอมึงในฐานะคนที่กูกำลังดูใจอยู่”

“ห่ะ!!!”



TBC........
----------------------------------------
เอาแล้วไง! พ่อแม่ดันอยากเจอ
อีเฮียมันคิดดีแล้วใช่มั้ยที่จะพาภีมเข้าบ้าน!!!?
ตามระเบียบที่น้องภีมจะปฏิเสธไม่ได้
แต่ขออย่าให้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลย
(คนกำหนดมันแกไม่ใช่? ง่อววว เขาเสียจุยยยยที่ต้องเขียนต่อนะ)
เอาเป็นว่าเป็นกำลังให้ทั้งคู่เนอะ
ฝากเม้นท์ด้วยนาาาาา


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 28-07-2017 20:29:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 28-07-2017 21:03:51
มันจะมีปัญหา พ่อผัวลูกสะใภ้มั้ยอ่ะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 28-07-2017 23:43:58
รู้สึกรักจอมใจ

แต่...
ทุกอย่างดูราบรื่นเกินไป
พายุลูกใหญ่กำลังจะมาหรือเปล่านะ
.
พายุที่ทำให้จอมพลเจ็บ
พายุที่ทำให้ภีมกับจอมพลหลุดพ้นจากกันเสียที
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.19 100% [28/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-07-2017 23:59:00
มันจะดีไม๊เนี่ย
หนักใจแทนภีม
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 29-07-2017 08:39:42



CHAPTER 20



[Peam’s Part]

ผ่านมากว่าหนึ่งอาทิตย์แล้วที่ผมต้องรับศึกหนักในเกือบจะทุกๆ เรื่องที่รายล้อมรอบตัวอยู่ในตอนนี้ ทั้งเรื่องโทรศัพท์ถามไถ่สารทุกข์ของแฟร์จากคุณราชันย์ ทั้งเรื่องปวดหัวที่จอมพลหามาให้ไม่หยุดหย่อน เรื่องที่ผมต้องไปเจอพ่อแม่ของเขาด้วยเหตุผลบ้าๆ ที่เขาต้องการแค่อยากจะหลุดจากมาริกา หนำซ้ำยังเรื่อง…

“คุณจะทำอะไร!?” ผมว่าเมื่อตื่นขึ้นเข้าห้องน้ำกลางดึกแต่เมื่อจะเดินกลับเตียงกลับถูกคนที่นอนอยู่ด้านล่างกระชากลงไปนอนในอ้อมกอดเขาเสียได้

“วันนี้กูอยาก” จอมพลพูดเสียงกระเส่า

“อยากบ้าอะไรของคุณ!” ผมเค้นเสียงว่าก่อนจะพยายามดิ้หนีแต่ให้ตายเถอะแรงเขาเยอะชะมัด!

“ช่วยหน่อย” จอมพลเอ่ยเสียงอ้อนวอน

“ไม่เอา! ผมจะไปนอนแล้วแฟร์มันก็อยู่ด้วยนะคุณ!?”

“มันเป็นความผิดของมึง”

“ผิดยังไง!?”

“มึงให้คนอื่นมาอยู่ด้วยเพราะกันกูจะทำอะไรมึงใช่มั้ย”

“คิดอะไรอีกล่ะเนี่ย” ผมว่าเมื่อเขาเริ่มพูดความคิดงี่เง่าพวกนี้ขึ้นมาอีก

“ตอบกูสิภีม”

“ไม่ใช่…ผมแค่อยากช่วยให้มันสบายใจคุณก็รู้ว่าตอนนี้มันลำบากใจเรื่องคุณราชันย์อยู่” ผมตอบ

“แค่นั้นจริงๆ?”

“อืม”

“งั้นช่วยหน่อยจะไม่ไหวอยู่แล้ว” สิ้นเสียงคำตอบของผมจอมพลก็กระชับอ้อมกอดอีกจนท่อนล่างของเราสัมผัสกันแล้วผมก็รู้ได้ทันทีว่าของเขามัน…

ตื่น!!!

“อ่ะ” ผมพยายามดันตัวออกแต่เขาก็ยังดื้อรวบตัวผมเข้าไปอีก

จอมพลกดริมฝีปากลงมาอย่างแนบชิดพร้อมกับจับมือของผมไปยังกลางกายของเขาก่อนจะผละริมฝีปากที่ฉกชิงลมหายใจของผมไปออกและเอ่ยขออย่างอ้อนๆ

“ช่วยหน่อยนะ”

“คะ…คุณ อ่ะอื้อออ!!” ผมพยายามชักมือกลับแต่แล้วมือหนาของเขากลับรั้งกางเกงนอนของผมลงและลูบไล้ไปยังกลางกายผมอย่างเย้าหยอก

“กูไม่ได้จะเสียบมึงสักหน่อยแค่ขอให้ช่วยส่วนกู…ก็จะช่วยมึงเอง”

“!!”


ผมสะบัดหัวเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกระลอก เฮ้อ…ไม่บอกก็คงรู้กันใช่มั้ยว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรต่อและไม่ใช่แค่วันเดียวด้วย! มันเป็นแบบนี้แทบจะทุกวันตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา คนอย่างผมห้ามอะไรเขาได้ซะที่ไหน! เห็นแบบนั้นน่ะจอมพลแม่งโครตหื่น ดุ เอาแต่ใจ แถมยังชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยโดยเฉพาะเรื่องผมกับแฟร์ที่ทุกวันนี้เขายังไม่เลิกกลัวว่าพวกเราจะมีอะไรกันอีก…เชื่อเขาเลย!

“เป็นอะไรไปพี่เห็นนายจ้องเป็ดตัวนั้นนานแล้วนะแถมยังส่ายหัวไปมาๆ อีกพนักงานหัวเราะกันเป็นแถวแล้ว” พี่เดนิสที่ยืนเลือกซื้อขนมอยู่ไม่ไกลเดินเข้ามาทัก

อ่อ! ลืมบอกไปผมเป็นคนชวนพี่เดนิสที่กลับเข้าบริษัทหลังจากออกงานภาคสนามไปคุมโครงการของมาริกาในจังหวัดนนทบุรีกว่าสามเดือนมาเดินเที่ยวซุปเปอร์มาร์เก็ตก่อนกลับเองแหละพูดง่ายๆ ก็คือหนีจอมพลมาเที่ยวนั่นล่ะ หึๆ

“ขอโทษครับผมเอาเป็ดตัวนี้ แกงจืดถุงนั้นและก็แกงเขียวหวานถุงนี้ครับ” ผมว่าพลางชี้ของที่อยากได้วานให้พนักงานประจำซุ้มอาหารปรุงสุกหยิบมาให้ก่อนจะหันไปหาพี่เดนิส

“ไม่มีอะไรหรอกครับพี่เดนผมชอบคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยแหละ”

“แล้วนี่นายชวนพี่ออกมาแบบนี้คุณจอมพลเขาไม่ว่าหรือไงทุกทีเห็นตัวติดกันตลอด” คนข้างๆ เอ่ยแซว

“ไม่รู้ครับหวังว่าเขาจะไม่ว่าแล้วกัน” พูดไม่ได้เหมือนที่คิดไว้เล้ย!

“จริงสิพี่เห็นรถเขาจอดที่คอนโดของเราบ่อยๆ คุณจอมพลเขามาหาภีมเหรอ? มาเคลียร์งานกันใช่ป่ะ?” พี่เดนิสถามในขณะที่ผมเอื้อมมือหยิบของที่พนักงานยื่นมาให้ใส่ตะกร้า

“อะ เอ่อ…จะว่ายังงั้นก็ได้ครับ” ไม่มีเคลียร์งานหรอกพี่เดนิสถ้าจะเคลียร์ก็เคลียร์เสื้อผ้าผมออกนี่แหละ

“แล้วแดนติดต่อมาบ้างมั้ย” อีกคนถามเมื่อเราเริ่มต้นเดินกันต่อ

“ไม่ได้โทรมาครับแต่เราคุยกันใน Facebook แทน” ผมว่าก่อนจะมองไอศกรีมในตู้ตาไม่กระพริบ

อยากกินไงแต่กะจะซื้อกลับก็คงจะละลายในรถซะก่อน

“เห็นว่ามันจะเรียนต่อเอก” พี่เดนิสว่า

“มันก็บอกผมแบบนั้นเหมือนกัน”

“คิดๆ ไปก็สงสารมันนะ ไม่คิดกลับไปหามันจริงเหรอ”

“เป็นเพื่อนกันดีแล้วครับ มันก็เหมือนจะค่อยๆ ยอมรับตอนนี้ชอบอวดรูปผู้หญิงคนโน้นคนนี้ให้ผมดูตลอด” ผมว่า

“มันกำลังประชดมั้งนะ” อีกฝ่ายแหย่กลับ

“ไม่รู้สิครับ แต่ถึงมันจะประชดก็ไม่มีผลกับผมอยู่ดีเพราะผมเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้ไปแล้ว” ผมว่าก่อนจะหยุดเดิน

“ใจแข็งว่ะ” คนตรงหน้าว่าก่อนจะถามผมกลับ “เอาอะไรอีกมั้ย”

“ไม่แล้วครับพี่เดนล่ะ”

“พี่ก็ไม่เอาอะไรแล้วงั้นกลับกันเลยมั้ยใกล้มืดแล้ว”

“ครับ”

ผมกับพี่เดนิสมุ่งหน้าไปยังแคชเชียร์ก่อนจะจ่ายเงินของที่ซื้อมาทั้งหมดพร้อมกับเดินออกไปยังรถของพี่เขาก่อนจะขับกลับคอนโดทันที
:
:
:
ผมเอ่ยลาอีกคนหน้าห้องก่อนจะเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป จอมพลที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก่อนหน้าแล้วลุกเดินเข้ามาประชิดตัวทันทีท่ามกลางใบหน้าถมึงทึงและเสียงฮึดฮัดที่ดังออกมาจากลำคอนั้นไม่หยุด

“ผมร้อนครับไม่ต้องใกล้มากก็ได้” ผมว่าก่อนจะเดินหนีเข้าครัวไป

“ไหนมึงบอกกูว่าจะไปทำธุระ!?” จอมพลเดินตามเข้าติดๆ

“ก็ไปทำธุระไงล่ะครับ” ตีมึนกลับแม่งเลยเว้ย!

“ธุระคือมึงไปเที่ยวกับเดนิสเนี่ยนะ!!”

“แค่เปิดหูเปิดตา”

“งั้นกูขอสั่งห้ามไม่ให้มึงไปเป็นครั้งที่สอง!” จอมพลตวาดลั่น

“มีเหตุผลหน่อยคุณจอมพล!”

“นี่กูก็มีเหตุผลสุดแล้ว!”

“…” ผมมองหน้าเขานิ่งก่อนจะทำทีวางของที่ซื้อมาและเดินไปเปิดตู้เย็นเอาน้ำออกมาดื่ม

“รับปากมา”

“ผมไม่รับปากเพราะผมไม่ใช่นักโทษของคุณ”

“ภีม!”

“ผมยังไม่อยากทะเลาะกับคุณตอนนี้…มันเหนื่อย” ว่าเสร็จก็ยกน้ำขึ้นดื่ม

จอมพลชะงักไปก่อนผมที่เก็บขวดน้ำกลับเข้าตู้เย็นเป็นที่เรียบร้อยจะพูดขึ้น

“ไปไหนกับใครผมก็ไม่ได้ไปทำอะไรเสียๆ หายๆ สักหน่อย” ผมบอกอย่างใจเย็น “คุณจะเดือดร้อนไปทำไม”

“กู…”

“แฟร์อยู่ไหนครับ” ผมขัดเมื่อเขาเอาแต่อ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรออกมา

“นอกระเบียง”

“ไม่ใช่ว่าพวกคุณทะเลาะกันอีกนะ”

“…” จอมพลไม่ตอบเขาทำเพียงยักไหล่ขึ้นเท่านั้น

“หยุดเหน็บมันซะทีเถอะ” ผมปรายตามองอย่างจับผิดเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกแต่จอมพลเอาแต่หาเรื่องให้แฟร์กลับไปทุกเมื่อเชื่อวันเสียจนผมเริ่มสงสารมันขึ้นมา

“มึงจะไปไหน” เขาถามเมื่อเห็นว่าผมกำลังจะเดินออกจากครัว

“ไปหามันหน่อยพอดีวันนี้คุณราชันย์โทรมา” ผมว่าก่อนเสียงทุ้มจะดังตามหลังมาอีก

“พรุ่งนี้มึงต้องไปเจอพ่อกับแม่กูนะภีม”

“รู้ครับไม่ต้องย้ำหลายรอบก็ได้” ใจคอไม่ดีแล้วล่ะสิเวลาก็เหลือน้อยเต็มทีแล้วผมควรทำตัวยังไงต่อหน้าพวกท่านงั้นเหรอ?

“กูอยากขอร้องให้มึง…”

“ครับผมพยายามทำให้พ่อแม่คุณเชื่อว่าเรารักกัน” ผมว่าเมื่อรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร

“ขอบใจงั้นเดี๋ยวกูแกะกับข้าวให้” จอมพลอาสา

“ผมออกไปแป๊บเดียวเดี๋ยวมาทำเอง”

“ไม่ต้องเดี๋ยวกูทำให้เสร็จแล้วจะออกไปเรียก”

“ถ้างั้นก็ขอบคุณครับ”

ผมเดินออกไปนอกระเบียงทันทีที่พูดกับจอมพลเสร็จ แฟร์ยืนเกาะราวระเบียงมองทอดไปยังท้องฟ้าเบื้องหน้าก่อนผมจะตามไปยืนใกล้ๆ มัน

“กลับมาแล้วเหรอ” แฟร์ถาม

“อืม” ผมตอบพลางถอนหายใจ

มีเรื่องอะไรให้ผมคิดเยอะแยะไปหมดจนเริ่มจะเหนื่อยซะแล้วสิ

“เมื่อกี้หมอนั่นชวนมึงทะเลาะเรื่องอะไรอีก”

“ก็เรื่องที่กูไปซุปเปอร์มาร์เก็ตกับพี่เดนโดยไม่บอกเขาน่ะสิ”

“หึ! ดูท่าจอมพลมันจะหวงมึงมากเลยนะ” มันแซวกลับ

“เหอะ! กูไม่รู้สึกดีกับคำพูดของมึงเลยว่ะแม่งยิ่งทำให้เครียดเข้าไปอีก” ผมว่าก่อนจะยิ่งคิดเรื่องต่างๆ วกไปวนมาจนเริ่มปวดหัว

“ทำไมวะ”

“เปล่าไม่มีอะไรหรอกอย่าสนใจเรื่องของกูเลยสนใจเรื่องของมึงดีกว่าเมื่อกี้เขาโทรมาหากูอีกแล้วนะเว้ย” ผมเปลี่ยนเรื่องเมื่อรู้ว่ากำลังถูกมันต้อน

“เหรอ” แฟร์ตอบกลับมาเพียงเท่านี้

“ใช่โทรมาถามเรื่องเดิมๆ ว่ามึงสบายดีมั้ย ทานข้าวหรือเปล่า นอนหลับสบายมั้ย ยังร้องไห้อยู่อีกหรือเปล่า กูนี่ยอมแพ้กับคำถามพวกนี้ของเขาเลยจริงๆ” ผมว่า

ความจริงรู้สึกอิจฉาแฟร์มันนะเพราะคุณราชันย์ก็ดูจะเป็นห่วงเป็นใยมันดีเพียงแต่ผมก็ตัดสินอะไรไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายโดนอะไรกระทบจิตใจมาบ้าง

“แล้วมึงตอบเขาไปว่ายังไง” แฟร์ถามกลับ

“กูก็บอกว่ามึงสบายดีส่วนที่เหลือให้เขามาถามเอาจากมึงเอง” ผมบอกพลางมองหน้ามันที่เหมือนขบคิดอะไรบางอย่างก่อนจะพยายามถามไปอีก

“แฟร์มึง…”

“กูว่าจะกลับบ้านวันพรุ่งนี้”

“!!” ไม่ทันได้ถามอีกฝ่ายก็เอ่ยกลับมา

“กูจะกลับไปสะสางเรื่องทุกอย่างให้มันเคลียร์”

“เอาจริงดิ!?”

“จริง…กูว่ากูหนีมาทำใจนานเกินไปแล้วว่ะเรื่องที่ยังค้างคาในใจตอนนี้กูก็ได้คำตอบสำหรับพวกมันแล้วกูเลยอยากจะกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง” แฟร์บอกก่อนจะเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวผมเลยเดินไปนั่งอีกตัวที่เหลือ

“ไอ้คำตอบที่มึงว่านี่คือยังไง? ไปในทางที่ดีหรือเปล่า” ผมถามแต่แฟร์กลับเงียบผมจึงคะยั้นคะยอมันอีก“แฟร์บอกกูหน่อย”

“เห้อ…ไม่รู้สิยังไม่ได้พูดเลยไม่รู้ว่ามันจะไปในทางที่ดีหรือเปล่า”

“เหรอ…ยังไงซะกูก็เอาใจช่วยมึงเสมอนะไม่ว่ามึงจะตัดสินใจจัดการเรื่องของมึงยังไงก็ตาม”

“ขอบใจและก็ขอบคุณมากที่มึงให้ที่ซุกหัวนอนกู” มันหันมาบอกผม

“ห่า! มึงอย่ามาซึ้งตอนนี้นะกูขนลุก” ผมว่าพลางลูบแขนตัวเอง

“กับกูเสือกขนลุกทีกับจอมพลอย่างอื่นของมึงลุกกูยังไม่ว่าเลย”

“ไอ้หอก!! มึงเอาอะไรมาพูด!!!” ผมถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่อีกคนพูดออกมา

“อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะเว้ยว่าพวกมึงทำอะไรกันตอนดึก แม่ง! กูไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเป็นอาทิตย์!”

“!!”

เอาแม่ง!!! พูดไม่ออกเลยครับท่านผู้ชม! ผมได้แต่นิ่งอึ้งมองแฟร์ที่เอาแต่ยิ้มแซวกลับมาอย่างอายๆ เพราะจอมพลคนเดียวเพราะเขาคนเดียวเล้ย!!!

“ภีมกูเทกับข้าวเสร็จแล้ว” ไม่ทันที่ผมจะได้แก้ตัวอะไรกับอีกคนต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็เปิดประตูเดินออกมายังระเบียงด้านนอกเป็นที่เรียบร้อย

ผมจ้องจอมพลกลับอย่างคาดโทษก่อนที่เขาจะเลิกคิ้วและถามขึ้นอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

“มีอะไร”

“เพราะคุณคนเดียวเลย!!” ผมตวาดว่าให้พลันจอมพลก็ยิ่งอึ้งกิมกี่ก่อนผมจะเดินกระแทกไหล่ของเขาเข้าไปข้างในด้วยความอาย

แล้วผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนล่ะครับ!!!
[End of Peam's Part]



ร่างโปร่งนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนโซฟาสุดหรูภายในบ้านหลังมหึมาที่พอเขาเห็นก็ถึงกับต้องอ้าปากค้างกับการออกแบบตัวอาคารสไตล์โมเดิร์นที่นำเอาวัฒนธรรมทางตะวันตกและตะวันออกมาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว ซึ่งหากเทียบกันแล้วระยะทางจากบ้านของจอมพลไปบริษัทยังใกล้กว่าคอนโดของเขาเป็นไหนๆ แต่ทำไมคนที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ถึงได้ทนนอนพื้นมาได้เป็นอาทิตย์กันนะ?

ภีมลอบกลืนน้ำลายลงคอตัวเองอย่างยากลำบากเมื่อตอนนี้ตรงหน้าของเขามีบุคคลวัยกลางคนสองคนกำลังนั่งจ้องมาหากเทียบสายตาของทั้งคู่คือกระสุนเงินชั้นดีตอนนี้ตัวเขาคงเละเป็นจุณไปแล้ว

'จอมขวัญ' แม่ของจอมพลที่รูปร่างหน้าตายังคงสะสวยราวกับหญิงวัยสามสิบตอนปลายยกน้ำชาตรงหน้าขึ้นดื่มก่อนที่คนเป็นพ่อรูปร่างสันทัดที่ตอนนี้ใบหน้าของเขาถูกฉาบไว้ด้วยความบูดบึ้งอย่าง 'จอมเดช' จะเอนหลังพิงพนักโซฟาราวกับกำลังคิดหนักพลันจอมพลก็เอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายที่วางอยู่บนหน้าตักเอาไว้เพื่อให้ภีมวิทธิ์เลิกประหม่ากับบุคคลทั้งสอง

“คบกันมานานแค่ไหนแล้ว” จอมเดชตัดสินใจถามขึ้นเสียงดุ

“เราเพิ่งรู้จักกันประมาณเดือนกว่า” จอมพลตอบเสียงหนักแน่น

“เหอะ! เดือนกว่า!? คิดเหรอว่านี่คือความรัก?”

“ก็กำลังดูๆ กันอยู่ครับผมเองไม่ได้รีบร้อนอะไร”

“แกไม่รีบแต่ฉันรีบ!”

“คุณเดช!” จอมขวัญปรามสามีตัวเอง

จอมเดชหน้าเจื่อนลงหันไปมองภรรยาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ จนภีมชะงักให้กับความน่ารักของทั้งคู่

“ขอโทษจ้ะ…เมีย” คนเป็นพ่อแทบสิ้นลาย ร่างโปร่งมองทั้งคู่สลับกันก่อนจะเริ่มผ่อนคลายขึ้นมาบ้างแต่ก็เพียงเล็กน้อยเพราะเมื่อเสร็จจากเรื่องของจอมเดช จอมขวัญก็หันมาถามภีมทันที

“เอาล่ะชื่ออะไรน่ะเรา”

“ภะ…ภีมวิทธิ์ครับ”

“ชื่อเล่น?”

“ชื่อเล่นภีมครับ” ร่างโปร่งตอบด้วยความสุภาพ

“งั้นฉันขอเรียกแค่ ภีม จะได้มั้ย”

“ได้ครับ”

“เอาล่ะ ภีมคบกับจอมพลมานานแค่ไหนแล้ว” จอมขวัญถามก่อนจะยิ้มกลับมาอย่างเป็นมิตร

“เอ่อ…คือ…”

“ผมก็บอกไปแล้วไงว่าเรารู้จักกันได้เดือนกว่าๆ น่ะแม่” จอมพลเอ่ยขัด

“แม่ถาม คนรักของลูกอยู่อย่ายุ่งจะได้มั้ย” คนเป็นแม่เอ็ดก่อนจะหันไปถามภีมอีกครั้ง “ว่าไงจ้ะ”

“อย่างที่คุณจอมพลบอกครับเราเพิ่งรู้จักกันได้เดือนกว่าๆ” ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าจะเลิกคิ้ว

“ทำไมถึงเรียกจอมพลห่างเหินแบบนั้นล่ะ” จอมขวัญถาม

“กะ…ก็เขาเป็นเจ้านายนี่ครับ” ภีมว่า

“แต่ตอนนี้ลูกฉันเป็นคนรักแล้วไม่ใช่เหรอ คนรักต้องสนิทกันสิจริงมั้ยคะคุณ?” จอมขวัญหันไปหาจอมเดชที่นั่งหน้านิ่ง ฝ่ายสามีเมื่อภรรยาสุดที่รักหันมาถามก็เหยียดยิ้มจนตาหยีก่อนจะตอบเสริมกลับไป

“ใช่จ้ะที่รัก”

จอมพลขำให้พ่อกับแม่ของตัวเองก่อนจะหันไปหาคนข้างๆ พร้อมกับโอบไหล่ภีมเอาไว้แน่น

“เอาน่า…มึงไม่ต้องอายที่ต้องเรียกกูแบบนั้นหรอก” ร่างสูงว่าพลางขยิบตา

“ห่ะ!? อะ เอ่อ…เรียกอะไรเล่า” ภีมที่ไม่ทันตั้งตัวเกือบหลุดท่าทีออกไป ร่างโปร่งทำทียิ้มกลับแต่ความจริงแล้วในหัวของเขากลับตื้อไปหมด

เหี้ยแล้ว! จะให้เรียกว่าอะไรเล่าเรื่องนี้ไม่ได้เตรียม!!

“ก็เรียกแบบที่เรารู้กันแค่สองคนไงล่ะ…หมาดื้อ” จอมพลเอ่ยเสียงอ้อน

“หมาดื้อ!?” ร่างโปร่งถลึงตาย้ำกลับก่อนจอมพลจะส่งซิกให้เล่นตามน้ำไป

“หมาดื้อ…ชื่อนี้ตลกดีแล้วภีมล่ะเรียกเจ้าพลว่าอะไร” จอมขวัญถามคน (แกล้ง) รักของลูกชายกลับ

“เอ่อ…อยากรู้จริงเหรอครับ?” ร่างโปร่งถามความเห็น

“อยากสิจ้ะทำไมล่ะ”

“ก็มันค่อนข้างที่จะ…” ภีมปรายตามองร่างสูงข้างๆ อย่างถือไพ่เหนือกว่าก่อนอีกฝ่ายที่รู้ว่ากำลังจะโดนอะไรเริ่มอยู่ไม่สุขเข้าไปทุกที

“บอกมาเถอะฉันแค่อยากรู้” จอมขวัญรบเร้า

“ดีๆ นะเว้ย” จอมพลเค้นเสียงคาดโทษอีกฝ่ายแต่ภีมกลับยิ้มตาหยี

“ทีใครที่มันครับ” ร่างโปร่งเค้นเสียงตอบก่อนจะหันไปหาจอมขวัญอีกครั้ง

“ชื่อที่ผมใช้เรียกเขาเนี่ยมันตรงกับตัวเขามากเลยล่ะครับ…” ว่าเสร็จก็หันไปหาจอมพลอีกครั้งพร้อมกับแสยะยิ้มออกมา

“ใช่มั้ย…หมาหื่น

“!!” ร่างสูงเบิกตากว้าง

จอมพลเข่นเคี้ยวมองภีมอย่างเอาเรื่องก่อนจะได้สติเปลี่ยนเป็นเหยียดยิ้มกลับไปเมื่อผู้เป็นแม่หัวเราะชอบใจออกมา

“แม่ไม่เคยเห็นลูกเป็นแบบนี้มาก่อนเลย เอาล่ะในเมื่อรักกันจริงพ่อกับแม่ก็จะไม่ห้าม”

“ใครบอกว่าผมจะไม่ห้าม!” จอมเดชขัดก่อนจอมขวัญจะถลึงตาสู้

“คุณกล้าเหรอ!?”

“…” คนเป็นพ่อปิดปากเงียบลงทันทีจอมเดชได้แต่พึมพำอะไรไม่เป็นศัพท์ออกมาก่อนคนเป็นภรรยาจะยื่นคำขาด

“ก็รักให้มันอยู่ในร่องในรอย แม่ไม่อยากได้ชื่อว่าขัดขวางลูกตัวเองอยากทำ อยากรัก อยากเป็นอะไรก็เป็นเพราะถึงยังไงลูกก็ยังเป็นลูกของแม่วันยังค่ำ…จริงมั้ยคะคุณ” จอมขัวญหันไปหาจอมเดชอีกครั้ง

“คุณไม่ให้ผมออกความเห็นอยู่แล้วนี่ที่รัก” คนเป็นสามีว่าหน้างอ

“ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าตามากหรอกค่ะ เราทำธุรกิจไม่ได้ขายลูกกิน ความจริงแล้วฉันก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่คุณหมายหมั้นตาพลกับหนูมาริกาสักเท่าไหร่แต่ที่ฉันยอมเออออด้วยก็เพราะว่าฉันเห็นแก่คุณและเพื่อนที่สนิทมานานอย่างคุณประพันธ์แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะค่ะ ฉันอยากให้ตาพลเลือกเองและคนที่เขาเลือกมา…ฉันชอบ” คนเป็นแม่ว่าก่อนจะยิ้มหวานส่งให้ภีม

“โอเคๆ ผมเข้าใจ” จอมเดชยอมแพ้ในที่สุด

คนเป็นพ่อเหลือบมองไปยังลูกชายที่เหยียดยิ้มขึ้น จอมเดชไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ อาจจะตั้งแต่ที่เขาโหมทำงานหนักเพื่ออยากยกระดับครอบครัวตั้งแต่จอมพลอายุได้เพียงแค่ห้าขวบหรืออาจจะตั้งแต่ที่เขาต้องย้ายไปอยู่ญี่ปุ่นตั้งแต่อีกฝ่ายอายุได้เพียงสิบสองกัน

“อย่าเพิ่งกลับล่ะอยู่ทานข้าวด้วยกันก่อน” คนที่มีฐานะเป็นเจ้าบ้านเอ่ยชวน

ภีมหันมองจอมพลราวกับถามความเห็นก่อนร่างสูงข้างๆ จะตอบตกลงแทนร่างโปร่งที่ดูเหมือนจะยังงงๆ กับสิ่งที่ไม่คาดคิดที่เกิดขึ้น

“งั้นไปที่โต๊ะอาหารกันเถอะป้าเพ็ญคงจัดโต๊ะเสร็จแล้ว” จอมขวัญบอกก่อนที่ทุกคนในห้องจะโยกย้ายไปยังห้องอาหารที่ว่าทันที
:
:
:
บรรยากาศการรับประทานอาหารอบวลไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ดังออกมา จอมขวัญที่ดูจะชื่นชอบภีมเอามากๆ เอ่ยถามร่างโปร่งไม่ยอมหยุด จอมพลเองเมื่อเห็นคนเป็นแม่กับคนข้างๆ ที่ตอบคำถามด้วยความสุภาพแล้ว ร่างสูงยิ่งคิดในใจอยากให้เหตุการณ์ตอนนี้เป็นความจริง เขาชอบที่เห็นภีมยิ้มชอบที่เห็นพ่อและแม่ผ่อนคลายเพราะเรื่องเล่าต่างๆ ของร่างโปร่งที่ดึงความสนใจของบุคคลทั้งคู่ไปจนอยู่หมัด

เขาอยากให้ภีมกลายมาเป็น…คนรักของเขาจริงๆ

“มัวแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่นะตาพลไม่เห็นพูดอะไรบ้างเลย” คนเป็นแม่ถามลูกชายที่เอาแต่ดูพวกเขาคุยกันไปมากลับ

“ก็ผมยังไม่มีอะไรจะพูดนี่ครับ” ร่างสูงตอบ “ว่าแต่แม่กับพ่อโอเคจริงๆ ใช่มั้ยที่ผมมีแฟนเป็น…ผู้ชาย” จู่ๆ จอมพลที่บอกว่าไม่มีอะไรจะพูดก็นึกขึ้นมาได้

ร่างสูงไม่ได้เล่นละครแต่อย่างใดหากแต่คำถามนี้เป็นคำถามที่ตัวเขาอยากจะรู้จริงๆ ซึ่งมันก็สร้างความประหลาดใจและความรู้สึกบางอย่างให้สะกิดหัวใจของภีมเข้าอย่างจัง

“อ้าวลูกคนนี้นี่! เรื่องพวกนี้แม่ไม่ซีเรียสไม่งั้นแม่คงไม่ปล่อยให้จอมใจมันเป็นทอมหรอก” จอมขัวญว่าก่อนเธอจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “จริงสิ! ภีมรู้จักตาพลมาเป็นเดือนแล้วรู้หรือเปล่าว่าป้ามีลูกสาวอีกคน”

ร่างโปร่งชะงักมือที่กำลังจะเอื้อมตักปลาสามรสจากจานตรงหน้า ภีมเงยหน้าขึ้นสบตากับจอมขวัญเพียงครู่ก่อนเขาจะยอมตอบกลับไปอย่างประหม่า

“ระ…รู้ครับ”

“แล้วได้ไปเยี่ยมบ้างหรือยัง”

“ก็…ไปมาหลายครั้งแล้วครับ” ภีมตอบก่อนจอมขวัญจะทำหน้าเศร้าว่าต่อ

“ป้าน่ะเสียใจมากที่จอมใจประสบอุบัติเหตุ ลูกสาวป้าคนนี้รักใครรักจริงเธอจึงเสียใจมากที่ถูกแฟนบอกเลิก”

“หระ…เหรอครับ” ภีมเริ่มนั่งไม่ติดเมื่อจอมขวัญเล่าเรื่องนี้ออกมา

“เห็นจอมพลบอกว่าแม่หนูคนนั้นรวมหัวกับพี่ชายของเธอหลอกว่าเป็นแฟนใหม่ใช่มั้ย แม่ล่ะอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นจริงๆ!”

แกร้ง!

“เป็นไรไปจ้ะ”

“ปะ…เปล่าครับ” ภีมรีบเก็บช้อนที่เผลอทำหลุดมือขึ้น ร่างโปร่งขมวดคิ้วพลางรวบช้อนที่ว่าวางลงบนจานก่อนจะเก็บมือที่เริ่มสั่นลงบนตักด้วยท่าทีหวาดๆ

จอมพลหันมองเสี้ยวหน้าตื่นตระหนกของภีม ร่างสูงเอื้อมมือไปกุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนภีมที่ก้มหน้าลงจะดึงมือกลับ จอมพลเลิกคิ้วก่อนจะบอกแม่ตัวเองกลับไปแทน

“ผมว่าเราเปลี่ยนเรื่องคุยกะ!…”

“ถ้าเห็นคุณป้าจะทำยังไงกับเขาเหรอครับ?” ภีมพูดขัดขึ้น ร่างโปร่งกังวลและตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ภีมก็ยังอยากจะรู้คำตอบจากอีกฝ่ายมากจนกล้าที่จะถามกลับไปในขณะที่ร่างสูงคนข้างๆ รู้สึกถึงบรรยากาศมาคุขึ้นมาทันใด

“ป้าก็คงจะถามว่าจิตใจของเขามันทำด้วยอะไร ทำไมถึงได้ทำลายความรู้สึกดีๆ ของคนๆ หนึ่งจนย่อยยับแบบนี้ ลูกสาวป้าน่ะเธอเพิ่งคบกับเด็กผู้หญิงคนนั้นคนแรกเด็กคนนั้นเป็นรักแรก ป้า…ป้าอยากถามเขาจริงๆ” จอมขวัญน้ำตาไหล เธอรับทิชชู่จากสามีก่อนจอมเดชจะลูบหลังและปลอบกลับไป

“ไม่ร้องน่าคุณ…อายภีมเขา แค่ตอนนี้ลูกเรายังมีชีวิตอยู่ก็ดีแล้ว”

“แต่ยัยใจต้องอยู่อย่างตายทั้งเป็นเลยนะคุณเดช! แล้วไหนจะเสียขาไปข้างหนึ่งอีกแค่นี้ยังเป็นฝันร้ายของลูกไม่พออีกเหรอคะ!” คนตรงหน้ายิ่งฟูมฟายหนักจนจอมพลที่นั่งดูอยู่ต้องทำอะไรสักอย่าง

“แม่ครับใจเย็นๆ ภีมกูขอคุยด้วยหน่อยสิ” ร่างสูงคว้าแขนภีมเดินออกจากห้องอาหารไปยังสวนดอกกุหลาบข้างบ้าน

“เมื่อกี้กูขอโทษแทนแม่กูด้วย” จอมพลว่าก่อนภีมจะเงยหน้ามองอีกคนด้วยแววตาเรียบเฉย

“เรื่องอะไรครับ”

“ก็เรื่องที่ท่าน…”

“ถ้าท่านรู้ว่าคนๆ นั้นเป็นผมท่านจะทำยังไงนะ” ร่างโปร่งเอ่ยแทรกพลางเหยียดยิ้มสมเพชตัวเองออกมา

“แต่ที่สำคัญคือผมจะตอบคำถามพวกนั้นของท่านยังไงดีต่างหากจิตใจของผมมันโครตชั่วเลยว่ามั้ย?” ภีมถามจอมพลกลับ ร่างสูงตรงหน้าชะงักไปก่อนจะปล่อยมืออีกฝ่ายให้เป็นอิสระ จอมพลได้แต่มองคนตรงหน้าในขณะที่ภีมเองก็พยายามกลั้นน้ำตาที่เกือบจะไหลออกมาเอาไว้

“ขอโทษนะแต่ผมคงอยู่ต่อไม่ได้ฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ของคุณด้วย” ว่าเสร็จร่างโปร่งก็หันหลังหมายจะเดินออกจากบ้านทันที

“ภีม…”

“ได้โปรดอย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้เลยผมขอร้อง” จอมพลที่คว้าข้อมืออีกฝ่ายเอาไว้ปล่อยภีมให้เป็นอิสระอีกครั้งก่อนเสียงทุ้มของคนข้างหลังจะเอ่ยบอก

“กูไม่กลับคอนโดมึงสักสองสามวันนะ”

ภีมผงกหัวรับรู้พลางเดินออกจากบ้านของจอมพลมาทันที ร่างโปร่งกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตัวเองเอาไว้ท่ามกลางน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย ภีมไม่ได้ตั้งใจที่จะทำให้คนอื่นเจ็บปวดถึงเพียงนี้ เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นคนเริ่มเรื่องราวมากมายพวกนี้ขึ้นเลยแม้แต่น้อย

ทว่าในวันนั้นหากเขากล้าที่จะปฏิเสธออกไปว่าไม่ใช่แฟนคนใหม่ของทิชาสักนิดทุกๆ อย่างก็คงไม่เป็นเหมือนดังทุกวันนี้…ภีมไม่อยากให้ใครต้องมาเจ็บปวดเพราะเขามากมายขนาดนี้อีกแล้ว



TBC.....
------------------------------------
พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกจริงๆ! เรื่องราวยังคงมีให้ลุ้นกันเรื่อยๆ
เป็นกำลังใจให้น้องภีมฟันฟ่าเรื่องทุกอย่างกันด้วยนะคะ


 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 29-07-2017 12:16:42
ภีมเอ๊ย
ไม่รู้จะพิมพ์อะไรเลย
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-07-2017 14:45:29
สงสารภีมจัง
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.20 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 29-07-2017 17:05:29
 :z3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 29-07-2017 19:18:05



CHAPTER 21



[Peam’s Part]
เรื่องเมื่อวันก่อนทำให้ผมคิดอะไรได้อีกมาก การกระทำที่แม้ว่ามันจะไม่ใช่ความผิดของผมทั้งหมดแต่มันก็มีบางส่วนที่ผมเองต้องยื่นมือเข้าไปแก้ไขเพื่อให้เรื่องทั้งหมดที่ยืดเยื้อมากว่าสองปีจบลงด้วยความหวังที่อยากจะให้ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกัน ผมตัดสินใจเดินทางไปยังสถานที่แห่งหนึ่งที่ไม่ได้ไปมานานเกือบสิบปีหลังจากที่ผมย้ายออกจากที่แห่งนี้ตั้งแต่อายุได้สิบห้าปี

อาคารทาวน์เฮ้าส์ทรุดโทรมตามกาลเวลาที่แต่ก่อนชั้นล่างจะถูกเปิดเป็นร้านขายเครื่องเงินยังคงมีกลิ่นอายของเรื่องราวแต่ก่อนได้เป็นอย่างดี ผมยืนชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านที่แม้ว่าตอนนี้จะเย็นมากแล้วแต่ประตูบานพับเหล็กก็ยังถูกปิดล็อกเอาไว้ หรือพวกเขาจะไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วก็คงจะไม่ใช่เพราะผมยังจำโต๊ะทานข้าวที่มองผ่านประตูบานเลื่อนด้านในประบานพับเหล็กเข้าไปได้เป็นอย่างดี มันยังอยู่ในสภาพที่มีคนใช้ซึ่งเป็นไปไม่ได้ว่าที่นี่จะร้างไปแล้ว

“มาหาใครเหรอจ้ะ” สัมผัสตรงแขนขวาทำผมสะดุ้งเฮือก หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาของเธอมีริ้วรอยตามวัยเอ่ยทักด้วยใบหน้าฉงนก่อนผมจะเอ่ยเรียกเธอกลับไป

“แม่…” คนตรงหน้าเบิกตากว้าง เธอปล่อยถุงบางอย่างที่ถือว่าลงก่อนจะโผเข้ากอดผมทันที

“ภีมลูก! ภีมกลับมาแล้ว! ภีมกลับมาบ้านเราแล้ว ฮือออ” เสียงร้องไห้ดังระงมผมกอด 'แม่นิต' ตอบอย่างสนิทใจก่อนเธอจะผละออกและกอดเข้ามาใหม่หลังจากมองหน้าผมของผมอีกครั้ง

“แม่ครับผมหายใจไม่ออก” ผมว่าพลางเธอก็รีบปล่อยและปาดน้ำตาตัวเองออกทันที

“แม่ขอโทษๆ แม่คิดถึง คิดถึงเรามากเลยรู้มั้ย” แม่นิตร้องไห้หนักกว่าเดิม

“ขอบคุณครับที่แม่ยังไม่ลืมผม ผมเองก็…คิดถึงแม่นะครับ” แม้จะพูดออกไปได้ไม่เต็มปากสักเท่าไหร่แต่อย่างน้อยๆ ท่านก็มีบุญคุณที่รับเลี้ยงผมมา

“แม่ขอโทษที่เคยทำกับภีมแบบนั้น แม่มันรักลูกไม่เท่ากันแม่สำนึกแล้ว” น้ำตาของเธอยิ่งไหลออกมาเป็นสายมากกว่าเดิม

“เข้าบ้านกันก่อนมั้ยเถอะครับ แล้วนี่ทิชาไปไหนเย็นมากแล้วยังไม่กลับบ้านเหรอครับ”

“ทิชาแกไปทำงานพิเศษน่ะจ้ะ” แม่นิตตอบก่อนผมจะก้มลงเก็บถุงที่เธอปล่อยหลุดมือเมื่อกี้ซึ่งข้างในเป็นแกงถุงสองสามอย่าง

“งานพิเศษ?”

“จ้ะก็ตั้งแต่ที่พ่อเสีย” พูดพร้อมกับไขกุญแจเปิดประตูบ้าน

“อะไรนะครับ!?” ผมตอบกลับอย่างไม่เชื่อหู

พ่อเหมเสียแล้ว? แต่ทำไมไม่มีใครบอกผมเลยสักคน

“เขาเสียแล้วเมื่อสองปีก่อน” แม่นิตพูดก่อนจะเดินเข้าไปเปิดไฟในบ้านก่อนผมจะเดินตามเธอไปยังครัวและวางถุงแกงที่เธอซื้อมาคงบนโต๊ะทานข้าว

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“จะอะไรซะอีกล่ะก็เมาแล้วขับนั่นแหละ” แม่นิตตอบ ผมไม่คิดเลยว่าเรื่องที่ท่านดื่มหนักจะเป็นสาเหตุทำให้เขาไม่มีชีวิตอยู่แล้วในวันนี้

“ทำไมถึงไม่มีใครบอกผมเลย”

“ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราอยู่ที่ไหน”

“แต่ทิชารู้นี่ครับ?”

“ทิชาไม่ยอมบอกใครเรื่องที่อยู่ของภีมเพราะไม่อยากให้ไปเราวุ่นวาย”

“เหรอครับ” ผมเอ่ยอย่างงุนงงก่อนถามต่อเมื่อตลอดทางที่เดินเข้ามาสภาพในนี้ดูเปลี่ยนไปมาก “แล้วนี่แม่ไม่ขายพวกเครื่องเงินแล้วเหรอ”

“ไม่แล้วเพราะหลังจากเหมเสียพี่น้องของเขาที่น่านก็ไม่ส่งของมา จะพูดให้ถูกก็คือเราสองคนแม่ลูกเหมือนถูกตัดหางปล่อยวัดน่ะ” แม้จะตอบด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ได้เสียใจอะไร ทว่าแววตาของแม่นิตกลับบอกทุกอย่างออกมาจนหมด

“แล้วทิชา?”

“ก็ยังเรียนอยู่แกทำงานเก็บเงินส่งตัวเองเรียนมหา'ลัย ลำพังค่าแรงวันละสามร้อยของแม่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้มาก”

“แม่ทำงานที่ไหน?”

“ก็ไปนวดที่บ้านป้าศรีน่ะ จำป้าศรีได้มั้ย? ลูกสาวแกเปิดร้านนวดแผนไทย แรกๆ ก็ไปนวดช่วยแกแต่ตอนนี้ก็ไปทำเป็นเรื่องเป็นราวเลย” เธอว่าก่อนจะวางแก้วน้ำเย็นตรงหน้าผมที่นั่งอยู่โต๊ะทานข้าว

ผมรู้สึกตัวชาอย่างบอกไม่ถูกพลางมองแก้วน้ำด้วยความคับแน่นไปทั่วอก ตลอดเวลากว่าสิบปีที่ผมไม่ได้มาที่นี่มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเสียจนผมรู้สึกผิดเป็นอย่างมากที่ไม่ได้อยู่ในวันที่ทุกๆ คนอ่อนแอไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีกว่านี้เลยสักนิด

“เป็นอะไรไปจ้ะภีม” แม่นิตถามอย่างเป็นห่วงที่จู่ๆ ผมก็เงียบไป

“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกอกตัญญูเลยครับ” ผมพูดสิ่งที่คิดออกมา

“ทำไมถึงคิดยังงั้น?”

“ก็ผมไม่ได้ช่วยอะไรที่บ้านเลย ผมมันเอาแต่หนีปัญหาหนีทุกคนเพียงเพราะตัวผมเองเพราะตัวผมเองทั้งหมด!” ผมตะโกนออกไปพลันน้ำตาก็เอ่อขึ้นมาเสียดื้อๆ

บ้าชะมัด! มึงจะไม่อ่อนแอแล้วนะเว้ยไอ้ภีม

“ใครบอกว่าเราไม่เคยช่วยครอบครัว” ผมเงยหน้ามองผู้เป็นแม่อย่างสงสัยก่อนเธอจะพูดขึ้นต่อ

“รู้มั้ยว่าเงินที่ทิชาเคยขอจากเราทั้งหมดนั่นน่ะน้องเอามาใช้จ่ายในบ้าน”

“!!”

นะ…นี่มันเรื่องอะไรกัน? ผมคิดมาตลอดว่าทิชาเอาไปเที่ยวเล่นตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไปเสียอีก

“ทิชาน่ะอาจจะปากร้าย เอาแต่ใจ ภายนอกเหมือนจะเข้มแข็งแต่ข้างในน่ะอ่อนยิ่งกว่าอะไร น้องยังรักเธอไม่เปลี่ยนนะภีม น้องบ่นคิดถึงเธอทุกวันเลยรู้หรือเปล่าเพียงแต่ต่อหน้าทิชามันดคยบอกว่าทำตัวไม่ถูก”

“งั้นเหรอครับ” ผมฟังด้วยความอึ้ง

แม้สิ่งที่แม่พูดออกมาจะเป็นสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวตนของทิชาเพียงแค่ไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซนต์แต่ผมก็เลือกที่จะไม่ถามกลับแต่อย่างใด

แม่นิตรุดคว้าถุงแกงที่ซื้อมาแกะลงใส่ชามก่อนผมจะรีบเข้าไปช่วยเธอประจวบกับเสียงใครบางคนที่เปิดประตูบ้านเข้ามาพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดูไม่หวานหากแต่มันก็ไม่ได้ห้วนมากจนรำคาญหูดังขึ้น

“แม่ชากลับมาแล้ว!” ผมหันไปตามเสียงที่ดังมาจากทางประตูก่อนคนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาจะชะงักไป

“มาที่นี่ทำไม!?” ไม่ทันไรทิชาก็ตีหน้ายักษ์ทันทีที่เห็นผม

“ก็พี่บอกคราวก่อนไงว่าจะหาเวลามาเยี่ยมบ้าน” ผมว่า

“ใครอยากให้แกมาไม่ทราบ!? แล้วนี่บ้านแกที่ไหน!?”

“ทิชา…” แม่นิตเอ่ยปรามผมเองก็ได้แต่ยิ้มๆ เพราะคำพูดพวกนี้ผมโดนมาบ่อยจนรู้สึกเฉยๆ ไปซะแล้ว

ทิชาเบือนหน้าหนีพลางโยนกระเป๋าลงบนโซฟาด้วยท่าทีฉุนๆ ก่อนเธอจะทรุดตัวนั่งตามลงไปอย่างอิดโรยและถอดถุงเท้าที่สวมไว้ออก

“ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวได้แล้ววันนี้แม่ซื้อแกงส้มของโปรดแกมาด้วย”

“ชาบอกแม่กี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่ของโปรดชา ของโปรดมันโน่น!” ไม่พูดเปล่ายังบุ้ยปากมาทางผมอีกต่างหาก

“แล้วไม่ใช่เพราะเคยตามติดพี่เขาแจเหรอเลยชอบทานอะไรเหมือนๆ กับเขาน่ะหืม?”

“ใครพี่!?...ไม่มี! บ้านเรามีกันแค่สองคนนะแม่มันน่ะก็แค่คนนอกไม่ต้องนับรวมหรอก” ทิชาว่าก่อนแม่นิตจะเอ็ดกลับ

“แกนี่ยังไงนะ! พอพี่เขาไม่อยู่ก็บ่นคิดถึงเขาพอเขามาก็พูดจาว่าร้ายเขาสารพัดนี่ฉันไม่ได้เลี้ยงแกให้ปากคอเราะร้ายแบบนี้นะยัยชา! ไป! ไปล้างมือแล้วมาทานข้าวเดี๋ยวนี้!!”

“แม่อ๊า!!” ทิชาทำหน้างอแต่ก็ยอมลุกขึ้นก่อนจะกระทึบเท้าเดินเข้าครัวไปทำตามแต่โดยดี
:
:
:
ผมนั่งลงยังที่นั่งประจำที่ยังคงไม่เปลี่ยนไปไหน แม่นิตตักข้าวให้เราทั้งสองคนก่อนเธอจะเอ่ยขึ้นเมื่อทุกคนเริ่มทานข้าวกันไปได้สักพัก

“เราล่ะทิชาอยากคุยอะไรกับพี่เขามั้ย”

“ไม่” ทิชาตอบอย่างไม่คิดจนแม่นิตต้องอารมณ์เสียอีกครั้ง

“ยัยลูกคนนี้นี่!”

“ไม่เป็นไรครับแม่ทิชาไม่คุยเดี๋ยวผมคุยกับเขาเอง…ทำงานพิเศษอะไร?” ผมถามก่อนทิชาจะทำเป็นไม่สนใจพร้อมกับตักข้าวเข้าปากจนทำให้แม่ต้องใช้ไม้เด็ดคือการหยิกเอวเธอกลับ

“โอ้ย!! ชาเจ็บนะแม่!!” ทิ้งช้อนลงบนจานก่อนจะโวยวายใหญ่

“พี่เขาถามก็ตอบพี่เขาไป! อย่าทำตัวแบบนี้แถวนี้นะ!” แม่ว่าเสียงดุ

“เป็นแคชเชียร์” ทิชาทำหน้างออีกระลอกก่อนจะลูบเอวที่โดนหยิกไปมา

“ที่ไหน?”

“ร้านกาแฟไม่ไกลจากนี่”

“สบายดีหรือเปล่า”

“ก็เห็นอยู่แล้วยังจะถาม! อุ้ยๆ! ชายังไม่ได้ว่าอะไรมันเลยนะแม่!” ทิชาเบี่ยงหลบเมื่อแม่เอื้อมมือจะหยิกเธออีก

“หยุดเรียกพี่เขาว่า มัน ได้แล้ว! จะพูดจาว่าร้ายเขาไปถึงไหนทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตไปได้! ขืนแม่ได้ยินอีกจะจับตีก้นซะให้เข็ด”

“แม่วิ่งไล่ชาไม่ทันหรอก” ทิชาแกล้งแหย่แต่ดูเหมือนแม่จะไม่ใช่แค่ขู่ เพราะเธอตอบกลับด้วยคำพูดหนักแน่นจนอีกฝ่ายหน้าง๊อลงทันที

“ก็ลองดูสิ!”

“ไม่เป็นไรครับผมไม่ได้โกรธอะไร…ว่าเราเถอะเงินที่เคยขอคราวก่อนจะเอาไปทำอะไร”

“…” ทิชาเงียบก่อนผมจะเผยไต๋เธอออกไป

“บอกพี่มาตามตรงพี่รู้เรื่องที่เราทำหมดแล้ว” เธอเงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมกับถอนหายใจ

“ค่าเทอมแล้วก็ค่ายาของแม่”

“แม่เป็นอะไรเหรอครับ” ผมหันไปถามคนนั่งหัวโต๊ะทันที

“ไม่เป็นอะไรมากหรอกพออายุมากเข้าโรคภัยก็ถามหาเป็นธรรมดา”

“แล้วทำไมไม่บอกพี่ตรงๆ”

“จะบอกให้สงสารทำไม”

“ใครสงสาร? ไม่มีใครสงสารใครหรอกนะทิชาอย่าคิดอะไรแบบนั้น” ผมว่าก่อนจะหันไปหาแม่อีก

“เดี๋ยวผมจะทิ้งเบอร์โทรไว้คราวหลังถ้าแม่เดือดร้อนอะไรโทรหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก”

“อย่าปฏิเสธเลยครับยังไงแม่ก็มีบุญคุณกับผมมาก”

“แต่พ่อกับแม่ก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดี รักลูกไม่ถูกทาง”

“ไม่เป็นไรครับเรื่องมันผ่านไปแล้วผมเองก็คิดแค่ว่ามันเป็นเพียงบทเรียนบทหนึ่งแค่นั้น” ผมว่าพลันน้ำตาของแม่ก็เอ่อขึ้นมาจนทำให้เธอรีบปาดมันออกก่อนที่มันจะไหล

“แม่นี่ไม่ไหวเลย พูดถึงแต่ก่อนทีไรแม่ก็อยากร้องไห้ออกมาซะดื้อๆ” เธอว่าก่อนจะถามผมที่เหยียดยิ้มมองหน้าของเธอขึ้นอีก

“จริงสิ…แล้วที่ภีมยอมกลับบ้านมาแบบนี้มีอะไรหรือเปล่า” ผมชะงักไปเพราะมัวแต่สนใจเรื่องตรงหน้าจนลืมเรื่องที่ทำให้ผมต้องมาที่นี่ไปเสียสนิท

ผมรวบช้อนพลางยกน้ำขึ้นดื่มก่อนจะบอกถึงจุดประสงค์ที่มาออกไป

“พอดีผมกลับมาเพราะมีบางอย่างจะคุยกับทิชาน่ะครับ”

“คุยกับฉัน?” ทิชาสวนถาม

“ใช่”

“เรื่องอะไร”

“เอาเป็นว่าถ้าอิ่มแล้วค่อยไปคุยกันดีกว่า” ผมว่าก่อนเธอจะขัด

“คุยกันที่นี่ก็ได้แม่รู้ได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”

“แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เธอกับพี่เคยทำมันด้วยกัน”

“?”

“เมื่อสองปีก่อน” ผมบอกจนทิชาจะชะงักไป เธอตัดสินใจรวบช้อนวางบนจานข้าวที่พร่องไปเกือบหมดก่อนจะหันไปบอกแม่

“อิ่มแล้วค่ะแม่…ไปคุยกันที่ห้อง” ทิชาว่าก่อนจะเดินนำขึ้นห้องเธอไป

“ตกลงมันเรื่องอะไร” คนตรงหน้าถามขึ้นทันทีเมื่อล็อกห้องเสร็จ

“พี่จะมาคุยเรื่องที่เธอเคยบอกกับเด็กที่ชื่อจอมใจว่าพี่เป็นแฟนใหม่เมื่อสองปีก่อน”

“ทำไมถึงรู้จัก?” ทิชาเลิกคิ้วถาม

“เพราะพี่ถูกพี่ชายเขาแก้แค้น” ผมบอกตามจริง

“อะไรนะ!?”

“ตั้งแต่กลับมาอยู่ไทยได้ไม่นาน”

“แล้วแก้แค้นทำไม”

“ก็เราเป็นสาเหตุให้เขาขับรถชน”

“!!”

“ถึงแม้จะไม่ใช่ทั้งหมดเพราะจอมใจก็เมามากแต่เพราะเธอบอกเลิกเขาแล้วพี่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องมันก็เหมือนผิดอยู่กรายๆ อยู่ดี” ผมขยายความ

“เดี๋ยวนะจอมใจขับรถชน?”

“เธอไม่รู้?” ผมถามกลับอย่างสงสัย

“ใช่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน”

“แล้วทำไมเขาถึงบอกพี่ว่าเธอรู้แต่ไม่ยอมไปเยี่ยมล่ะ”

“จะไปรู้เหรอฉันไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลยตั้งแต่เจอกันหลังจากที่บอกเลิกตอนนั้นไปแล้วสองวัน”

“แล้วเจอกันอีกครั้งที่ไหน”

“เขามารอที่หน้าโรงเรียน…มาขอโทษ” ทิชาบอกเสียงเรียบ

“ขอโทษ?...ทำไมจอมใจต้องขอโทษ ไหนเขาบอกว่าเธอกับเพื่อนสนิทของเขาแอบคบกันลับหลังไงล่ะนี่พี่เริ่มงงไปหมดแล้วนะ” ผมทำหน้ายุ่งเมื่อเริ่มไม่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเข้าไปทุกที ก่อนทิชาที่มองมาจะสวนขึ้นทันควัน

“เดี๋ยวๆ เมื่อกี้พูดว่าจอมใจบอกอะไรนะ?” ทิชาถามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

“เขาบอกว่าเขาเสียใจที่มารู้ทีหลังว่าเธอกับเพื่อนสนิทของเขาแอบคบกัน”

“ใช่ที่ไหน!!”

“หมายความว่าไง?” ผมถามเมื่อทิชาปฏิเสธเสียงแข็งกลับ

เรื่องนี้ต้องมีอะไรมากกว่าที่ผมรู้แน่ๆ!

“ฟังให้ดีนะ ฉันไม่รู้หรอกว่าจอมใจพูดอะไรออกมาบ้างแต่ฉันไม่ได้คบกับเพื่อนของเขาและที่ฉันบอกเลิกเขาวันนั้นก็เพราะฉันรู้มาว่าเขากำลังมีคนอื่น!”

“!!”

“ที่สำคัญคือคนอื่นที่เขากำลังคั่วอยู่คือเพื่อนสนิทของฉันต่างหาก!” ผมถึงกับตัวชาวาบขึ้นมาทันทีที่ทิชาพูดจบ คนตรงหน้ามองหน้าผมนิ่งเช่นเดียวกับผมที่จ้องทิชาไม่วางเช่นกัน

ตกลงเรื่องนี้มันยังไงกันแน่? ทำไมจอมใจถึงบอกกับผมแบบนั้นแล้วอะไรที่ทำให้เขาเลือกที่จะทำแบบนี้กัน

“เธอไม่ได้โกหกพี่?” ผมถามย้ำ

“โกหกแล้วได้เงินมั้ยล่ะ” ทิชาปรายตามองผมก่อนเธอจะเล่าต่อ

“จอมใจกับฉันน่ะเราระหองระแหงกันมานานแล้ว เห็นฉันเป็นแบบนี้แต่เขาเป็นคนที่ฉันรักมาก เขาทำเพื่อฉันเซอร์วิสฉันแทบจะทุกอย่างก็จริง แต่เขาก็ทำแบบเดียวกันให้เพื่อนของฉันลับหลังเหมือนกัน ฉันเริ่มระแคะระคายเรื่องนี้หลังจากจบงานกีฬาสีที่โรงเรียนเพราะช่วงนั้นเพื่อนคนนี้ชอบหายหน้าไม่มาช่วยงานอยู่บ่อยๆ ฉันเลยสะกดรอยตามมันไปจนเจอว่าพวกเขานัดออกมาดูหนังและทานข้าวด้วยกัน” ทิชาเล่าในขณะที่น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือขึ้นมาเรื่อยๆ

“ฟังดูเหมือนกิจกรรมที่คนเป็นเพื่อนทำด้วยกันก็ได้ใช่มั้ย? แต่ฉันไม่หยุดแค่นี้ไง ฉันสืบจนค่อนข้างแน่ใจว่าทั้งสองคนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ เพราะหากไม่มีอะไรกันจริงๆ พวกเขาคงไม่ลงทุนหลอกฉันเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวเกาหลีด้วยกันหรอกจริงมั้ย” คนตรงหน้าค่อยๆ ปาดน้ำตาของตัวเองที่เกือบจะไหลจากตาออก

“มันก็จริงแต่ว่า…”

“ฉันรัก…เมื่อไหร่ที่ฉันรักฉันให้เต็มร้อย แต่เมื่อไหร่ที่ฉันรู้ว่าความรักของฉันกำลังจะกลายเป็นเพียงคำที่คนอื่นมองข้ามฉันจะไม่ทน” ทิชาขัดผมที่กำลังจะพูดออกไป

“ตอนนั้นฉันรู้ดีว่าอีกไม่นานจอมใจต้องมาบอกเลิกฉันแน่ๆ แต่ฉันมันคนแพ้ใครไม่เป็นไงล่ะ ฉันไม่ยอมให้เขาบอกเลิกฉันก่อนแน่ฉันเลยชิงบอกเลิกเขาก่อนแม้ว่ามันจะโครตเจ็บก็เหอะ” ทิชามองผมกลับ

“ขอโทษที่ลากเข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ได้คิดอยากให้มันเป็นแบบนี้เลย” เธอว่าต่อก่อนผมจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้ดีว่าเธอคงเจ็บจริงๆ อย่างที่พูด

“ไม่เป็นไรไหนๆ ก็เข้ามาเกี่ยวจนถลำลึกมาถึงขนาดนี้แล้ว” พูดอย่างยอมแพ้เลยจริงๆ ถลำลึกทั้งตัวและ…ไม่เอาสิอย่าคิดเชียวไอ้ภีม!

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงของอีกคน

“นั่งได้ใช่มั้ย” ทิชาพยักหน้าก่อนจะนั่งตามลงมาและถามกลับ

“ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าไง?” คนข้างๆ ผมดูจริงจังเอามากๆ

“ก็เพราะตอนนี้เรื่องมันไม่สิ้นสุดแค่จอมใจเกิดอุบัติเหตุน่ะสิ” ผมพ่นลมหายใจเมื่อคิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา “จอมใจเสียขาไปข้างหนึ่งแถมตอนนี้ยังไม่ยอมพูดกับใครได้แต่เขียนกระดานโต้ตอบเท่านั้น”

“สะ…เสียขาเลยเหรอ” ทิชาเบิกตากว้าง

“ใช่ แถมเขายังอยู่โรงพยาบาลมาสองปีกว่าแล้วด้วย ไม่ยอมกลับบ้าน ไม่ให้ความร่วมมือกับหมอ ไม่ยอมทำกายภาพเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจที่มันยังไม่เคลียร์…ว่าแต่ครั้งสุดท้ายที่เจอกันพวกเธอได้คุยอะไรกันบ้าง” ผมพร่ำก่อนจะหันไปถามทิชาอย่างสงสัย

“ไม่ได้คุยอะไรเพราะฉันหนีขึ้นรถเมล์มาก่อน ฉันจำได้แค่ว่าเขาตะโกน ขอโทษฉันเท่านั้นถามทำไม?”

“เพราะบางทีจอมใจอาจมีเรื่องที่อยากบอกกับเธอก็ได้” ผมบอกสิ่งที่คิด

ทิชาเงียบลงทันทีก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาของผม ทำให้ผมค่อนข้างจะดูออกว่าเธอเองก็คงมีเรื่องในใจไม่ต่างจากอีกคน ไม่อย่างนั้นผมคงไม่เห็นอะไรดีๆ บนโต๊ะข้างเตียงของเธอตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องนี้หรอก

“ไปหาจอมใจที่โรงพยาบาลด้วยกันมั้ย?”

“อะ…อะไรนะ?” คนตรงหน้าทำตาโตเมื่อผมพูดจบ

“ไปคุยกันให้รู้เรื่องพี่มั่นใจว่าจอมใจต้องมีอะไรในใจเกี่ยวกับเราแน่ๆ” ผมเสนอกลับ

“แต่ฉันกับเขาเราจบกันแล้ว! ฉันไม่ได้คิดถึงเขาแล้ว เขาไม่มีอิทธิพลกับใจฉันอีกต่อไป” ทิชาเฉไฉ แม้จะพูดออกมาชัดทุกคำ แต่ทว่าน้ำเสียงของเธอกลับไม่มีความเด็ดเดี่ยวอยู่เลยสักนิด

ผมยิ้มให้คนปากไม่ตรงกับใจก่อนจะลุกเดินไปที่โต๊ะข้างเตียงและถือกรอบรูปที่เจ้าของห้องเคยถ่ายคู่กับจอมใจโดยมีตัวหนังเขียนเอาไว้ข้างๆ ว่า 'Happy Anniversary 2nd Years' ขึ้น

“แล้วนี่อะไร” ผมพลิกรูปไปหาอีกคนก่อนทิชาจะหน้าถอดสีลงทันที

หากหมดรักกันจริงๆ จะยังเก็บมันเอาไว้งั้นเหรอ?

“เธอยังคงมีความรู้สึกดีๆ กับจอมใจอย่าโกหกตัวเองเลยทิชา” ผมว่าก่อนจะวางกรอบรูปที่ถืออยู่ลง

“แต่เรื่องของฉันกับเขามันผ่านไปนานแล้ว” ทิชาบอกเสียงอ่อน

“เท่าที่พี่เห็นผ่านไปแล้วแต่ไม่ผ่านเลยนี่”

“…”

“เพราะเธอเองก็ไม่ได้เลิกกับเขาเพราะอยากที่จะเลิก เรื่องทุกอย่างเลยยังวนเวียนอยู่ในใจเธอไม่หายที่พี่พูดน่ะจริงมั้ย” ผมมองหน้าอีกฝ่ายก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ไปเถอะไปด้วยกัน”

“แต่ว่า…”

“ไปปลดพันธนาการนี้ซะ อย่างน้อยถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่คนที่จมอยู่กับความรู้สึกพวกนี้อย่างจอมใจก็แล้วกัน รายนั้นอาจเจ็บปวดมากกว่าเธอหลายเท่าก็ได้ใครจะไปรู้”

ทิชามองหน้าผมอย่างยอมแพ้ เธอพยักหน้าตอบก่อนจะถอนหายใจออก มาราวกับมีเรื่องให้ขบคิดอีกมาก ผมนั่งลงข้างๆ เธอก่อนจะจับต้นแขนเธอเพื่อให้กำลังใจกลับไป คนข้างๆ ดูเปลี่ยนไปค่อนข้างมากเธอดูเป็นผู้ใหญ่จนผมคาดไม่ถึง บางทีสิ่งที่แม่พูดตอนทานข้าวคงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องหันกลับมามองเธอใหม่อีกครั้งหลังจากที่เคยมีแต่เรื่องแย่ๆ ของอีกฝ่ายให้จำล่ะมั้ง
[End of Peam’s Part]



TBC....
-------------------------------------------
เรื่องราวกำลังจะคลี่คลายแล้วนะคะ เตรียมใจสงสารเฮียพลกันหรือยัง (หรือจะสมน้ำหน้าดี?)
แต่ไม่ดราม่ามากค่ะ เพราะช่วงหลังมานี้คงเห็นความละมุนของเฮียแกแล้ว
เฮียแกจริงจัง! จริงใจ! แต่ยังปากแข็งนี่แหละประเด็น -__-''
เลยอยากจะแกล้งความปากแข็งของเฮียสักหน่อย
เม้นท์ให้กำลังใจกันหน่อยนาาา อย่าใจร้ายกับคนเขียนมากเลย
คนละเม้นท์ก็ยังดี ^^


 :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 29-07-2017 22:30:20
คู่สองสาวนี่ตกลงมันจะยังไงกันนะ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 29-07-2017 22:49:02
ทำไมคดีพลิก
คิดมาตลอดว่าตัวต้นเรื่องคือทิชา
แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่
จอมใจเราเลิกรักเธอแล้ว

ต้นเรื่องทั้งหมดคือน้องสาวจอมพล
ถ้าจอมพลรู้จะเป็นยังไงนะ

ทำไมไม่ดราม่าล่ะ
อุตส่าห์รอตอนจอมพลกระอักแล้วนะ
ไม่แฟร์กับภีมเลย

รอตอนต่อไป
จอมใจรีบๆ พูดแล้วยอมกลับบ้านสักที
เรื่องทุกอย่างจะได้จบ
พี่ชายเธอกับภีมจะได้ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2017 01:44:42
อ้าว หักมุมนี่นา
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.21 100% [29/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: janeyuya ที่ 30-07-2017 03:17:54
 :m16: ดิฉันสังหรณ์ใจว่าเรื่องของสองสาวอาจจะเป็นการเข้าใจผิด
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.22 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 30-07-2017 11:05:20

CHAPTER 22




ร่างโปร่งเดินนำหญิงสาวเข้าไปในแผนกจิตเวชหลังจากที่ทั้งคู่นัดกันตอนเขาเลิกงาน ทิชาที่นิ่งเงียบมาตลอดทางถือกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายยี่ห้อดังอยู่ในมือก่อนคนมีศักดิ์เป็นพี่จะหยุดฝีเท้าลงเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยห้องหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย

“เธอโอเคนะ?” ภีมถามคนข้างๆ ที่ลงแรงบีบกระเช้าในมือแน่นกว่าเดิม

“อืม”

ทิชาตอบในลำคอก่อนมือเรียวของร่างโปร่งจะเคาะลงบนประตูตรงหน้าสองสามทีพร้อมกับรวบจับลูกบิดพลางหมุนและผลักเข้าไป

ภีมเดินนำทิชาเข้าไปในห้อง กลิ่นอาหารมื้อเย็นที่อีกฝ่ายกำลังลิ้มรสอยู่บนเตียงเตะเข้าจมูกร่างโปร่งอย่างจัง ร่างโปร่งมองจอมใจที่กำลังก้มหน้าตักข้าวด้วยใบหน้าไม่สู้ดีนักพลางกลืนน้ำลายลงคอตัวเองไปอึกใหญ่ก่อนเจ้าของห้องจะเงยหน้ามองมายังเขาเมื่อตักอาหารเพื่อเตรียมส่งมันเข้าปากตัวเองไปเสร็จแล้ว

จอมใจเบิกตากว้างทันทีเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของร่างโปร่ง ทิชาตัดสินใจก้าวขึ้นมายืนขนาบข้างภีมก่อนที่ช้อนในมือของคนบนเตียงจะหล่นลงกระทบกับจานข้าวเมื่อคนข้างๆ ของภีมเอ่ยพูดขึ้น

“ไม่เจอกันนานเลยนะจอม” ทิชาเหยียดยิ้มส่งให้

หญิงสาวมองหน้าอดีตคนเคยรักที่แม้ว่าตอนนี้ภายนอกของจอมใจจะต่างจากแต่ก่อนอยู่มากเพราะผมที่ยาวสลวยเนื่องจากไม่ได้ตัดมากว่าสองปี ทว่าแววตากับรูปหน้าของอีกฝ่ายยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเธอจำมันได้…จำได้ไม่เคยลืม

ภีมมองทั้งสองคนที่นิ่งงันราวกับถูกสาปให้แข็งเป็นหินสักพักก่อนทิชาจะตัดสินใจวางกระเช้าของเยี่ยมที่ซื้อมาไว้บนโต๊ะใต้ทีวีในขณะที่จอมใจก็มองตามการเคลื่อนไหวของอีกคนไม่คลาดสายตา

“สบายดีมั้ย” ทิชาหันกลับมาถามแต่จอมใจก็ยังเงียบหญิงสาวเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะพูดออกมาอีกด้วยใบหน้าที่รอยยิ้มเมื่อครู่จางหายไปในที่สุด

“ไม่คิดว่าจะมาเจอกันอีกครั้งในสภาพนี้เลยว่ามั้ย?” จอมใจยังคงเงียบเหมือนเดิมคนบนเตียงรวบกำมือเอาไว้แน่นในขณะที่เนื้อตัวก็เริ่มสั่นเทาคล้ายกับกำลังกลั้นอะไรบางอย่างเอาไว้

“ใจเย็นทิชา” ภีมเดินเข้าไปที่เตียงบ้างก่อนจะเอ่ยบอกจอมใจ “ขอโทษที่ผมไม่ได้บอกก่อนว่าจะพาทิชามาเยี่ยม”

เจ้าของห้องตวัดสายตามองภีมกลับอย่างเอาเรื่องก่อนจอมใขจะใช้มือปัดถาดอาหารตรงหน้าจนมันตกเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด

เพล้ง!!!

ร่างโปร่งเบิกตาตกใจพลางหันไปมองน้องสาวตัวเองที่ยังยืนนิ่งไม่ไหวติง ทิชานิ่งมาก…มากจนบรรยากาศในห้องเริ่มจะมาคุขึ้นทุกทีก่อนที่อิงฟ้าพยาบาลประจำตัวของจอมใจจะเปิดประตูวิ่งโร่เข้ามาหน้าตาตื่น

“อิงได้ยินเสียงของแตก ว้าย! น้องจอมใจคะทำไมถึงได้!?...” หญิงสาวถามตาลีตาเหลือก

“ไม่เป็นไรครับคุณอิงเดี๋ยวผมเก็บกวาดให้” ภีมว่าก่อนคนตรงหน้าของเขาจะมองจอมใจสลับกับทิชาไปมาอย่างสงสัย

“แต่คุณภีม...” อิงฟ้าพยายามขัด

“รบกวนคุณอิงออกไปก่อนนะครับไม่มีอะไรหรอกผมแค่อยากให้พวกเขาเคลียร์ปัญหากัน” พยาบาลสาวพยักหน้าก่อนเธอจะยอมเดินออกไปแต่โดยดี

“ทำไมไม่พูดกับฉันล่ะ! หรือโกรธที่วันนั้นฉันหนีเธอ!” ทิชาตะโกนว่าให้คนบนเตียงอีก

“…”

“โง่! พูดออกมาสิอมพนำอะไรไว้ตอนนี้ฉันปล่อยให้พูดแล้วไงพูด!!”

“ทิชาใจเย็นพี่ว่าค่อยๆ พูดกันดีกว่า” ร่างโปร่งยื้อห้าม

“อยากให้ฉันมาเคลียร์ฉันก็กำลังเคลียร์อยู่นี่ไงแต่ดูเธอสิจอม…จะหดหัวมุดอยู่ในกระดองอีกนานแค่ไหนกัน!” หญิงสาวว่าก่อนจะหันไปตะเบ็งเสียงใส่จอมใจอีกครั้ง

ทิชาจ้องคนที่เอาแต่เงียบบนเตียงด้วยนัยน์ตาที่เอ่อไปด้วยน้ำใสท่ามกลางร่างกายที่เริ่มสั่นเทาด้วยความโกรธจัดที่อีกคนไม่ยอมพูดออกมาจนกระทั่งน้ำตาเหล่านั้นไหลออกจากตามาในที่สุด

“ใครกันแน่ที่สมควรโกรธ! ใครกันแน่ที่เจ็บปวดเพราะเรื่องนี้ห๊ะ!?” หญิงสาวทุบไหล่คนบนเตียงกลับก่อนจะทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ร้องไห้โฮเสียตรงนั้น

“เพราะเธอเรื่องของเรามันเลยเป็นแบบนี้…เธอมันไม่ซื่อสัตย์อย่างที่เคยสัญญาเอาไว้ ฮึก! ฉันจะเกลียดเธอ…จะเกลียดจริงๆ แล้วนะ”

ร่างโปร่งของภีมที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่เอื้อมมือจับไหล่เล็กของน้องสาวตัวเองเป็นการปลอบก่อนเสียงทุ้มจะเอ่ยชื่ออีกคนออกไป “ทิชา…”

“ขะ…ขอโทษ” ไม่ทันที่ภีมจะเอ่ยจบร่างบางของคนบนเตียงที่ก้มหน้านิ่งก็เอ่ยแทรกขึ้นเสียงเบา

“จอมขอโทษ…จอมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เราเป็นแบบนี้” ภีมเบิกตากว้างหลังจากจอมใจพูดออกมา ร่างบางเขยิบพลางเอื้อมมือลูบแก้มของทิชาที่เบิกตาตกใจเช่นเดียวกันเพื่อเช็ดน้ำตาให้ก่อนที่เสียงเปิดประตูจะดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของใครอีกคนที่วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงานเดินเข้ามาด้วยใบหน้าฉงน

“มีเรื่องอะไรกัน” จอมพลถามก่อนจะมองภีมสลับกับสองคนที่เตียง

“คุณมากับผม” ร่างโปร่งฉวยแขนอีกฝ่ายและลากไปยังอีกมุมห้องหนึ่ง

“นั่นใคร?” ร่างสูงถามในขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องทั้งสองคนที่ร้องไห้ระงมไม่วาง

“น้องสาวผม”

“!!”

“ผมพาเธอมาเพราะอยากให้พวกเขาเคลียร์เรื่องที่คาใจกันทั้งหมด”

“มึงพาคนที่เคยหักอกน้องกูมา!?” จอมพลขึ้นเสียงจนภีมรีบใช้มือปิดปากอีกฝ่ายไว้ทันที

“อย่าเพิ่งโวยวายสิคุณฟังพวกเขาก่อน” ว่าเสร็จก็ปล่อยปากของคนตรงหน้าให้เป็นอิสระก่อนที่ทั้งสองจะมองไปยังทิชาและจอมใจเป็นตาเดียว

“ขอร้องอย่าเกลียดกันนะ” จอมใจพูดด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนจนจอมพลที่ยืนอยู่ไม่ไกลเบิกตากว้าง ร่างสูงหันไปหาภีมราวกับต้องการความมั่นใจก่อนร่างโปร่งจะพยักหน้าเพื่อเน้นย้ำสิ่งที่เขาได้ยินกลับไป

“จอมไม่ได้ตั้งใจทิชาจอมขอโทษ” น้ำเสียงสั่นเครือกับมือที่สั่นเทาเรียกน้ำตาของทิชาที่ตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูดเป็นอย่างดี

“เธอใจร้ายมากนะรู้ตัวมั้ย” ทิชาว่า “เจ็บขนาดนี้แต่ทำไมถึงไม่บอกกันเลยสักคำ” หญิงสาวพูดต่อก่อนจะเอื้อมมือของตัวเองจับไปที่ขาขวาของอีกฝ่าย

“จอมคิดว่าทิชารู้แล้วแต่ไม่ยอมมาเยี่ยม”

“ฉันจะรู้ได้ยังไง เธอไม่ติดต่อมาแถมยังตัดขาดทุกช่องทางอีก”

“ฝีมือฉันเอง” จอมพลที่เงียบฟังทั้งคู่อยู่นานโผลงแทรกขึ้นจนทุกคนในห้องหันไปให้ความสนใจกับเขาทันที

“ที่ทำเพราะว่าช่วงนั้นจอมใจยังไม่ได้สติ ฉันกลัวว่าพอเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะคิดมากที่ต้องสูญเสียขาของตัวเองไป” ร่างสูงบอกความจริงก่อนภีมจะหันไปมองอีกฝ่ายนิ่ง

“ทำไมถึงทำแบบนั้น” ร่างโปร่งถามอย่างไม่เข้าใจ

“กูไม่อยากให้น้องมีปมถ้าหากจอมใจยังเปิดแอปฯ พวกนั้นดูเธอก็ต้องเห็นคนอื่นๆ ที่เขามีความสุขในขณะที่ตัวเองต้องติดอยู่แต่ในโรงพยาบาล”

“แต่คุณรู้มั้ยว่าเพราะคุณทำน้องคุณถึงได้เป็นแบบนี้”

“…”

“น้องคุณต้องการกำลังใจไม่ใช่ตัดขาดจากโลกภายนอก” ภีมโวยจนอีกฝ่ายสลดไป

“ไม่เป็นไรหรอกจอมเข้าใจพี่พล” คนเป็นพี่มองน้องตัวเองอย่างรู้สึกผิด

จอมใจหันกลับมาหาทิชาอีกครั้ง หญิงสาวตรงหน้าปาดน้ำตาตัวเองออกก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอื้น

“ขอโทษที่วันนั้นฉันบอกเลิกเธอ”

“…”

“แต่รู้อะไรมั้ยว่าฉันต้องทำใจนานแค่ไหนถึงจะกล้าพูดแบบนั้นกับเธอได้”

“จอมเข้าใจ” คนบนเตียงยิ้มบางๆ ก่อนทิชาจะหันมองมายังผม

“ส่วนพี่ภีมเขาไม่รู้เรื่อง ทุกอย่างมันเป็นเพราะฉันคนเดียวฉันหลอกเขาให้ไปร้านอาหารในวันนั้นเพราะคิดว่าอีกไม่นานเธอก็ต้องบอกเลิกฉันอยู่ดีฉันเลยตัดสินใจบอกเลิกเธอก่อนเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องกลายเป็นคนโง่”

“แต่จอมไม่เคยอยากบอกเลิกทิชาเลยนะ” จอมใจขัดก่อนจะเล่าต่อ “และที่จอมกลับไปหาทิชาที่โรงเรียนวันนั้นก็เพราะอยากจะขอโทษที่นอกใจทิชาและอยากขอโอกาสจากทิชาอีกครั้ง”

“…”

“แต่ทิชาก็ไม่ให้โอกาสและหนีขึ้นรถไปก่อน” ทิชาสบตากับจอมใจที่ใบหน้าของอีกคนฉายถึงความเสียใจไม่ต่างจากเธอที่เพิ่งจะรู้อะไรอีกมากมายวันนี้

“แล้วกับตังเมเป็นยังไงบ้าง” ทิชาตัดสินใจถามและ 'ตังเม' ที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเธอคืออดีตเพื่อนสนิทที่แอบคบกับจอมใจลับหลังนั่นเอง

“จอมไม่ได้ติดต่อเขานานแล้ว เราสองคนแค่…คุยกันได้ไม่นานคำว่า 'แฟน' จอมยังให้เขาไม่ได้เลยเพราะแค่รู้ว่าตัวเองกำลังจะเสียทิชาไปจอมก็เข้าใจแล้วว่าคนที่จอมรักจริงๆ คือทิชาไม่ใช่ตังเม” จอมใจยอมรับเรื่องทุกอย่างออกมาอย่างไม่กั๊กก่อนร่างบางจะจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมา “เรากลับมาเป็นแบบเดิมได้มั้ย”

ทิชาเบิกตากว้างทว่าแววตาที่ตื่นตระหนกเมื่อครูก็เรียบเฉยขึ้นทันใด

“จอม…ที่เรามาวันนี้ก็แค่อยากจะมาฟังเรื่องที่มันยังคาใจเราอยู่เท่านั้นไม่ได้หวังอยากให้พวกเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างใจเย็น

“ทิชาไม่ให้อภัยจอมเหรอ”

“เปล่า เราให้อภัยเธอแต่เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ เราสองคนมาไกลเกินกว่าจะใช้คำนั้นได้อีกแล้ว”

“ไกลยังไง”

“ตอนนี้…ตอนนี้เรามีคนคุยแล้วน่ะ” ทิชาบอกเสียงเรียบจนอีกคนชะงักไป

“…”

“เราไม่อยากทำร้ายจิตใจเขา”

“เหมือนที่จอมเคยทำกับทิชาใช่มั้ย” ร่างบางสวนต่อขึ้น

“…”

“พูดแบบนี้แปลว่าก็ไม่ให้อภัยกันอยู่ดี” จอมใจตัดพ้อ

“จอม…ทิชาให้อภัยจอมแล้วไม่มีอะไรติดค้างอีกแล้ว” ทิชาเน้นย้ำ

“ทิชาอยากให้จอมเริ่มต้นใหม่ ไม่ต้องมานั่งเสียใจเพราะเรื่องเก่าๆ ที่กลับไปแก้ไขไม่ได้อีก เพราะยังไงซะชีวิตคนเราก็ต้องเดินต่อไปถ้าไม่เห็นแก่ตัวเองก็เห็นแก่คนข้างหลังที่เขารักและดูแลเรามาตลอดบ้าง” หญิงสาวจับมือจอมใจแน่น

“จอมต้องเข้มแข็ง เรื่องไหนที่ผ่านไปแล้วก็ปล่อยมันไปทำวันนี้และพรุ่งนี้ให้ดีที่สุดพอ จอมเข้าใจที่ทิชาพูดมั้ย”

“เข้าใจ” จอมใจพยักหน้าตอบเสียงอ่อน

คนบนเตียงมองหน้าทิชานิ่ง หญิงสาวถอนหายใจพลางกระชับมือจับอีกคนกลับก่อนทิชาจะเอ่ยบางอย่างขอร้องออกมาอีก

“จอมสัญญาอะไรกับทิชาหน่อยจะได้มั้ย”

“?”

“สัญญาว่าจะใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้ดี สัญญาว่าจะไม่โทษตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดล้วนมีเหตุผลของมัน มีเกิดขึ้นได้ก็มีทางหยุดมันได้เหมือนกันสัญญากับเรานะ”

“…”

“จอม…”

“สัญญา…จอมสัญญา” จอมใจเอ่ยกลับไปอย่างยอมแพ้ในที่สุด

ร่างโปร่งมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ภีมที่กำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าไปที่เตียงถูกมือหนาของจอมพลรั้งเอาไว้ก่อนร่างสูงตรงหน้าจะไม่พูดอะไรนอกเสียจากใช้นิ้วโป้งลูบไปตามหลังมือของอีกฝ่ายเท่านั้น

“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ภีมถามพลางเลิกคิ้ว

“กูเข้าใจพวกมึงผิด” น้ำเสียงทุ้มเปล่งออกมาจนร่างโปร่งนึกฉงน

ภีมมองใบหน้าคมที่แต่เดิมมันเคยถูกแต่งแต้มไปด้วยความเชื่อมั่นและความมั่นใจในตัวเองมากกว่าใครๆ กลับอย่างเงียบๆ จอมพลที่เหมือนมีอะไรตื้อขึ้นมาจุกอกได้แต่กลืนน้ำลายลงคอไปพลางกระชับมือของอีกคนไว้มากกว่าเดิม

“กูขอ…”

“ถ้างั้นวันนี้เราขอกลับก่อนนะ” เสียงของทิชาที่พูดกับจอมใจดังขัดขึ้น ร่างสูงรีบผละมือหนาออกจากมือเรียวของภีมเมื่อหญิงสาวผู้เป็นน้องของอีกฝ่ายเดินเข้ามาหาพวกเขาทั้งคู่

“เดี๋ยวทิชา” จอมใจเอ่ยรั้งทำให้เจ้าของชื่อหันกลับไป

“เพื่อน…เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั้ย” ร่างบางมองทิชาอย่างมีความหวัง

“อื้ม ยังไงจอมก็เป็นเพื่อนของเราเสมอ” หญิงสาวยิ้มตอบ

“แล้วทิชาจะมาหาเราอีกมั้ย”

“มาสิ แต่จอมอย่าดื้อกับคุณหมออีกนะรู้มั้ยจอมต้องทำตามที่คุณหมอและพยาบาลบอกเพราะมันเป็นการรักษาตัวจอมเอง”

“อื้ม” คนบนเตียงให้คำมั่น

“อ่อ แล้วอย่าลืมทำกายภาพด้วย”

“ได้ แล้วมาหาเราบ่อยๆ นะ”

“โอเค”

ทิชาหันกลับไปหาภีมอีกครั้ง หญิงสาวยกมือไหว้จอมพลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก่อนอีกคนจะรับไหว้ทว่าดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ร่างโปร่งไม่วาง

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ภีมบอกกับอีกคน

“อืม แล้วเดี๋ยวเจอกัน” จอมพลพยักหน้าตอบ

ร่างสูงเดินเลี่ยงไปยังเตียงของน้องสาวตัวเองก่อนจะหันไปมองคนทั้งคู่ที่เปิดประตูเดินออกจากห้องไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มือหนาที่เอื้อมจับไหล่เล็กของจอมใจออกแรงบีบแน่นจนคนเป็นน้องนิ่วหน้าพลางส่งเสียงร้องออกมาจนคนเหม่อถึงกับสะดุ้งรีบผละมือออกอย่างเร็ว

“โทษที” จอมพลเอ่ยเสียงเบา

“พี่เป็นอะไรหรือเปล่า” จอมใจที่มองคนเป็นพี่ถามกลับไปเมื่อในขณะที่อีกคนคุยกัยเขาดวงตาคมยังคงมองไปที่ประตูไม่วาง

“เปล่า” พูดเสร็จก็หย่อนก้นลงบนเก้าอี้ข้างเตียงอย่าง

“เครียดเรื่องพี่ภีมอยู่เหรอ”

“…”

“ไม่ตอบแสดงว่าใช่”

“อืม” จอมพลยอมรับพร้อมกับยกมือหนาทั้งสองข้างขึ้นลูบหน้าตัวเอง

“มีเรื่องอะไรให้เครียดขนาดนี้กัน?”

“ก็เรื่องระหว่างพี่กับภีม” ร่างสูงถอนหายใจพูดขึ้นก่อนจะหันมาหาน้องตัวเองอีกครั้ง “ว่าแต่เราเถอะทำไมถึงโกหกพี่มาตลอด”

จอมใจหน้าเจื่อนลงทันทีที่ถูกถาม ร่างบางกัดริมฝีปากของตัวเองก่อนเรียวปากนี้จะขยับเพื่อบอกเล่าสิ่งที่ไม่เคยมีใครรู้ออกมา

“จอมกลัวทุกคนผิดหวัง”

“…”

“จอมไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะตัวจอมเอง จอม…ไม่รู้สิตอนนั้นจอมไม่รู้ว่าตัวเองคิดอะไรอยู่ จอมไม่อยากถูกว่า ถูกตำหนิ แค่ตื่นขึ้นมารู้ว่าขาขวาของตัวเองไม่มีอีกแล้วมันก็เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก จอมไม่อยากถูกซ้ำเติม จอมกลัวว่าทุกคนจะสมน้ำหน้า จอม…”

“พอเถอะ” ร่างสูงลุกขึ้นก่อนจะรวบร่างของน้องสาวเข้ามากอดไว้

“ไม่มีใครซ้ำเติมหรือว่าอะไรให้เราทั้งนั้น เรื่องทุกอย่างมันเกิดขึ้นและผ่านไปแล้วที่เหลือก็แค่ตัวเราที่ต้องใช้ชีวิตต่อเหมือนที่เด็กคนนั้นพูดไว้” จอมพลลูบหัวอีกฝ่ายไปมา

“จอมขอโทษนะพี่พลอย่าบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่รู้ได้มั้ย” จอมใจขอร้อง

“ฟังพี่นะ พี่จำเป็นต้องบอกพวกท่านแต่เธอไม่ต้องกลัวว่าพ่อกับแม่จะว่าอะไรหรอกพวกท่านหวังอยากให้เธอกลับมาเหมือนเดิมไม่น้อยไปกว่าพี่เลย” ร่างสูงคว้าต้นแขนของจอมใจพลางโน้มตัวลงมาพูดกับน้องตัวเอง

“…”

“ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนไม่อยากเห็นลูกตัวเองหายหรอกจริงมั้ย”

“แต่จอม…กลัว”

“ไม่ต้องกลัว ทิ้งความกลัวพวกนั้นซะแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่กัน” ร่างบางมองหน้าพี่ชายตัวเองนิ่ง

จอมใจที่ตอนนี้ค่อยๆ ปลดพันธนาการของตัวเองออกจากความคิดและการกระทำมากมายรู้สึกโล่งอกขึ้นมาอีกเป็นกองที่มีพี่ชายคนนี้คอยช่วยปลอบประโลมจนเธอค่อยๆ เชื่อมั่นว่าทุกอย่างที่กำลังจะเกิดต้องดีตามที่อีกคนบอก

ร่างบางมองใบหน้าของพี่ชาที่อยู่ในระดับเดียวกันนิ่ง น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างถูกมือเรียวปาดออกก่อนที่ดวงตาทั้งคู่จะหลุบต่ำลงพร้อมๆ กับที่เจ้าตัวก้มหน้าและร้องไห้ออกมาอย่างนั้น

“นะจอมใจ?” จอมพลย้ำถามอีก

ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยน้ำตาเงยขึ้นมาอีกครั้ง จอมใจมองหน้าจอมพลอยู่สักพักก่อนเธอจะตัดสินใจคลี่ยิ้มและพยักหน้ากลับไปในที่สุด

“ดีมากน้องรัก” ร่างสูงเหยียดยิ้มตามก่อนจะดึงกระดาษทิชชู่จากโต๊ะเล็กข้างเตียงผู้ป่วยออกมาพร้อมกับยื่นไปตรงหน้าอีกฝ่าย

“เอาล่ะเช็ดน้ำตาซะบ้างขี้แยเป็นเด็กไปได้ไม่อายเขาหรือไง” ร่างสูงแหย่น้องตัวเอง

“จะให้อายใครอีกก็ในนี้มีแค่พี่กับฉันนี่นา” จอมใจบ่นพลางรับทิชชู่ในมือของพี่ชายไปแต่โดยดี

“อย่าลืมสิว่าพี่เป็นผู้ชาย ไม่อายผู้ชายหน่อยเหรอ” จอมพลเอ่ยแซวต่อ

“พี่เองก็ลืมสิว่าฉันเป็นอะไร ผู้ชายอย่างพี่ฉันอายที่ไหนกัน” ร่างบางสั่งน้ำมูกเสียงดังจนคนเป็นพี่ต้องเบือนหน้าหลบ

“ตัวแสบเอ้ย!”

รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนหน้าของทั้งคู่เมื่อจอมพลเอื้อมมือไปขยี้หัวของจอมใจจนเธอฉวยจับมือพี่ชายเพื่อเป็นการห้ามเอาไว้พร้อมกับส่งเสียงร้องโวยวายออกมา

ร่างสูงมองน้องสาวเพียงคนเดียวด้วยความรู้สึกโล่งอกที่อีกฝ่ายยอมพูดออกมาเสียทีทว่าดวงตาคมคู่นี้กลับฉายความกังวลออกมา จอมพลหยุดการกระทำลงเมื่อจอมใจเริ่มโวยวายหนักกว่าเดิมร่างสูงถอนหายใจก่อนจะอยู่เป็นเพื่อนน้องสาวอีกสักพักใหญ่จนเมื่ออีกฝ่ายบ่นง่วงจอมพลเลยถือโอกาสนี้บอกลาจอมใจพร้อมมุ่งหน้ากลับไปยังคอนโดของอีกคนที่ทำให้ทั้งสมองและหัวใจของเขาต้องทำงานหนักหลังจากไม่ได้กลับไปที่นั่นกว่าสองวันทันที


มีต่อค่ะ....
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.22 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 30-07-2017 11:06:40

ต่อค่ะ....



[Chomphon’s Part]
ผมบอกลาจอมใจตอนทุ่มเศษก่อนจะขับรถมุ่งหน้าตรงมาคอนโดของภีมทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรให้เสียเวลา มือของผมล้วงกุญแจห้องของอีกฝ่ายที่ปั๊มเก็บเอาไว้เมื่อคราวก่อนออกจากกระเป๋าสตางค์ก่อนจะเสียบมันเข้ากับลูกบิดประตูพร้อมกับออกแรงหมุนเพื่อปลดล็อกเปิดเข้าไป

ไม่ได้เปิดไฟ…ยังไม่กลับ?

ผมเดินผ่านประตูก่อนจะตรงไปยังโซฟาในส่วนของห้องรับแขกเล็กๆ พร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงอย่างเหน็ดเหนื่อย  สามวันมานี้ผมต้องบินไปจัดการเรื่องเอกสารของบริษัทช่วยพ่อที่ญี่ปุ่น ลำพังเสร็จงานแล้วรีบตรงดิ่งไปนาริตะเพื่อขึ้นเครื่องกลับไทยทันทีก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว แต่ไหงพอกลับมาแล้วยังต้องมาเจอเรื่องจอมใจเข้าให้อีกผมนี่แทบจะร่วงลงพื้นซะตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย

ทุกคนอาจสงสัยว่าผมในฐานะพี่ชายที่น้องสาวเพียงคนเดียวอย่างจอมใจยอมกลับมาพูดอีกครั้งไม่ดีใจหรือไง?

แน่นอน! ว่าผมต้องดีใจอยู่แล้ว แต่ในความดีใจมันกลับมีเรื่องหนึ่งแทรกขึ้นมาจนทำให้ผมยิ่งคิดหนักเข้าไปใหญ่และหากถามว่าเรื่องอะไร? ผมเองก็ยอมรับตามตรงว่าไม่พ้นเรื่องของเจ้าของห้องนี้หรอก

ผมประมาทภีมเกินไป…

ประมาทในความสามารถและความเข้าใจของอีกฝ่ายที่ทำให้จอมใจยอมพูดได้ภายในเวลาแค่เดือนเดียว ใช่! พวกคุณฟังไม่ผิดหรอก เดือนเดียว! ในขณะที่ผม พ่อแม่รวมทั้งหมอและพยาบาลทุกคนในแผนกพยายามหาสาเหตุและทางรักษากันมาเป็นสองปี

ผมไม่เคยเฉลียวใจเลยว่าเรื่องทุกอย่างจะเป็นความผิดของน้องตัวเองและเธอกำลังป่วย…ผมคิดว่าตอนนี้เธอกำลังป่วยมีบางอย่างที่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าจอมใจมีปัญหาทางจิตแต่มันจะอยู่ในระดับไหนนั้นผมเองก็ไม่สามารถรู้ได้คงต้องหาทางไปพบอาบดินทร์แพทย์เจ้าของไข้น้องสาวผมสักวัน

ผมเอนตัวพิงลงไปกับพนักอิงด้านหลังก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ทุกครั้งต่างเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจและกังวลจนผมไม่รู้จะจัดการกับมันยังไง ผมกำลังกระวนกระวายใจเพราะคิดยาวไปถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ไปของตัวเองและภีม

สัญญา…

สัญญาฉบับนั้นคือประเด็นที่ทำให้ผมต้องปวดหัวจนมันแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกอย่างดูจะไม่ยากเลยสักนิดถ้าความรู้สึกของผมยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเพราะผมก็แค่แก้แค้นมันไปวันๆ และรอว่าเมื่อไหร่จอมใจจะยอมกลับบ้านก็เท่านั้น…แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว ผมรักมัน ใช่! ผมรักภีม แม้จะไม่เคยบอกให้เจ้าตัวรู้ก็เถอะเพราะการที่เราทั้งคู่มาเจอกันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้พูดคำๆ นี้ออกมายากพออยู่แล้ว แต่ผมก็รักมันจริงๆ ภีมเป็นคนแรกที่ทำให้ผมคลั่งได้มากมายขนาดนี้ เป็นคนแรกที่พอเลิกงานแล้วผมอยากรีบกลับมาใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับมันแค่สองคน เป็นคนที่ผมละสายตาไปไหนไม่ได้ ภีมมีอิทธิพลกับผมมากเกินกว่าผมจะยอมทำใจปล่อยมันตามที่ตกลงกันไว้ได้

ต้องทำยังไง? ผมคิดไม่ออกเลยว่าต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี

แกร็ก!

เสียงเปิดประตูและเสียงกดสวิตซ์ไฟที่ดังขึ้นฉุดให้ผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดและรีบหยัดตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปยังเจ้าของห้องที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาถอดรองเท้าและถุงเท้าออกพร้อมกับหันหลังวางมันเก็บไว้บนชั้นอยู่เงียบๆ โดยไม่สนใจอะไร

ภีมไม่เอ๊ะใจสงสัยเลยว่าที่ตรงนี้กำลังมีผมนั่งรอเขาอยู่จนเมื่ออีกฝ่ายหันมาใบหน้าที่เคยเรียบนิ่งก็เปลี่ยนกลายเป็นตื่นตกใจพร้อมกับเสียงร้องที่ดังออกมาจนผมแทบจะเผลอหัวเราะท่าของมัน

“เฮ้ย!! โถ่! ตกใจหมด! ทำไมคุณไม่เปิดไฟ!?” ภีมเบิกตากว้างพลางกระโดดถอยหลังก่อนมันจะเห็นว่าเป็นผมเลยเอ็ดกลับซะได้

“กูอยากอยู่เงียบๆ ว่าแต่มึงเถอะไปไหนมา” ผมถามก่อนจะลุกเดินตามมันที่วางเป้ไว้บนโซฟาและเข้าครัวไปเพื่อดื่มน้ำ

“ไปส่งทิชาที่บ้านมาแต่ถูกแม่ยื้อให้อยู่ทานข้าวด้วยน่ะเลยกลับช้า”

“เหรอ”

“อื้ม แล้วน้องคุณล่ะเป็นไงบ้าง” คนตรงหน้าหันมาถามความอยากรู้ผิดกับผมที่พอได้ยินปุ๊บก็รู้สึกได้ทันทีว่าหัวใจมันโหวงๆ ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

“ก็โอเค” ผมตอบเสียงเรียบทว่าภีมกลับเหยียดยิ้มมาให้

“ผมดีใจนะที่สองคนนั้นเขาเคลียร์กันได้ น้องของผมได้รู้ในสิ่งที่คาใจส่วนน้องของคุณก็ไม่ต้องแบกเรื่องพวกนี้ไว้และโทษตัวเองอีก ผมหวังว่าต่อไปจอมใจยอมรับการรักษานะครับ”

“คงงั้น” ผมมองหน้ามันก่อนจะถอนหายใจตอบกลับไปฉุดให้อีกคนถามกลับอย่างสงสัยทันที

“ทำไมคุณดูไม่ดีใจเลยล่ะ” ภีมเอียงคอทำหน้าฉงน

“ก็ดีใจแต่แค่วันนี้กูเหนื่อย” ผมเดินเข้าไปหามันที่เปิดประตูตู้เย็นเพื่อเก็บขวดน้ำที่ดื่มเสร็จเข้าไว้ตามเดิม ภีมหันมาพยักหน้าเข้าใจก่อนมันจะหันกลับไปสนใจของในตู้เย็นตามเดิม

“งั้นก็นั่งพักก่อนเถอะครับ” บอกทั้งที่ยังควานหาอะไรในตู้เย็นไปเรื่อยๆ

“…”

“ว่าแต่คุณทานอะไรหรือยัง”

“ยัง” ผมตอบก่อนจะพิงโต๊ะด้านหลังมองดูหัวทุยของมันก้มๆ เงยๆ อยู่อย่างนั้นเงียบๆ

“อยากทานอะไรมั้ย”

“มึงจะทำให้กู?”

“ครับก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่”

ผมเงียบหากแต่ความจริงแล้วผมกำลังดีใจที่มันถามไถ่และดูเป็นห่วงผมเพียงแต่ตอนนี้ทุกอย่างมันไม่สุด ผมไม่สามารถมีความสุขจนสุดได้หากยังมีเรื่องพวกนั้นคาใจอยู่แบบนี้

“ในตู้มีเห็ด หมู แล้วก็แครอท เอาเป็นยำมาม่ามั้ย? มาม่าในตู้ผมมีเยอะซื้อตุนไว้เผื่อน้ำท่วม” ภีมหันกลับมาขอความเห็น

“ยังไงก็ได้” ผมบอกก่อนอีกคนจะเก็บวัตถุดิบที่ว่าออกมาวางบนโต๊ะ

“แล้วอยากให้ใส่ไข่ต้มเพิ่มด้วยมั้ยอร่อยดีนะผมเคยลอง”

“แล้วแต่มึงเลย”

“แล้วชอบทานเผ็ดมั้ย” ภีมว่าเมื่อหันไปเลือกซองมาม่ารสชาติต่างๆ ที่ซื้อเก็บไว้บนตู้ด้านบนเตาไฟ

“กูทานได้หมด” ผมว่าก่อนจะเรียกมันบ้าง “ภีม…”

“เอาแบบน้ำข้นหรือต้มยำธรรมดาดีนะ” มันไม่สนใจได้แต่หยิบซองโน้นวางซองนี้ไปเรื่อยๆ

“ภีม…”

“เอารสนี้ดีกว่าเนอะ ผมชอบทานคุณเองก็น่าจะชอบเหมือนกัน” คนตรงหน้าชูมาม่ารสต้มยำน้ำข้นพลางหันกลับมาก่อนภีมจะชะงักเมื่อเห็นหน้าผมเข้า

“คุณ…”

“ภีม”

“ครับ? อ่ะ! คุณจอมพล!...”

“อย่าเพิ่งโวยวายกูขออยู่แบบนี้สักพัก” ผมคว้าซองมาม่าในมือของภีมโยนลงบนโต๊ะก่อนจะอุ้มมันขึ้นไปนั่ง คนตรงหน้าตกใจจนร้องเสียงหลงแต่ผมก็ไม่หยุดอยู่แค่นั้นผมแทรกตัวระหว่างเรียวขาของภีมพร้อมกับรวบตัวมันมากอดเอาไว้

คนในอ้อมแขนตัวแข็งทื่อ ทว่าจังหวะและเสียงเต้นของหัวใจที่ดังเล็ดลอดออกจากอกที่เล็กกว่าผมไม่เท่าไหร่กลับบอกความรู้สึกตอนนี้ของมันได้อย่างดี ผมซุกหน้าเข้ากับซอกคอขาวพลันกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของมันยิ่งทำให้ผมออกแรงกระชับกอดแน่นมากกว่าเก่าจนอีกฝ่ายถึงกับร้องห้าม

“คะ…คุณจอมพลผมหายใจไม่ออก” ภีมส่งเสียงตะกุกตะกักแต่ก็ไม่ได้ผลักไสผมออกแต่อย่างใด เมื่อถูกอีกฝ่ายดึงสติให้กลับมาผมก็ทำการคลายอ้อมกอดลงก่อนน้ำเสียงที่ฟังดูดีขึ้นจะถามกลับ

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เป็น…เป็นมากด้วย!” คำพูดที่โครตจะอัดอั้นถูกผมส่งออกไปจนหมด

“…”

“ในที่สุดจอมใจก็ยอมพูด” ภีมเงียบผมจึงตัดสินใจเอ่ยเรื่องที่กังวลใจออกไป “ที่เหลือก็แค่ทำให้เธอยอมกลับบ้านใช่มั้ย”

“…”

“มึงคงนับวันรอ”

“นี่คุณเมามาหรือเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามพลางมองผมที่คลายอ้อมกอดออกและหยัดตัวมองหน้ามันกลับนิ่ง

“มึงได้กลิ่นเหล้าจากกูมั้ยล่ะ? กูไม่แตะนานแล้ว” ผมปฏิเสธก่อนจะถามเรื่องเดิมกลับไปอีกครั้ง “ว่ายังไงมึงคงนับวันรอให้ถึงวันนั้นเร็วๆ ใช่มั้ยภีม”

คนตรงหน้าขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่เข้าใจก่อนภีมที่ไม่ตอบคำถามของผมจะย้อนถามด้วยคำถามของตัวเองกลับมาบ้าง

“แล้วถ้าเกิดคุณเป็นผมล่ะคุณจะทำยังไง?”

“…” ผมชะงักจนพูดอะไรไม่ออก ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะกล้าถามกลับมา

“หืม? ว่าไง” ภีมย้ำอีก

“กู…”

“…”

“กู…ก็คงจะนับวันรอ”

ตอบไปทั้งที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบ ไอ้พลเอ้ย! มึงแม่งกากสัดๆ! ผมนึกด่าทอตัวเอง ทว่าคำพูดที่สวนกลับมาของอีกคนยิ่งทำให้ผมจุกมากกว่าเดิม

“ใช่มั้ยล่ะครับ?”

“!!”

“คุณเองก็รู้ว่ามันต้องเป็นแบบนั้นแต่ตอนนี้น้องคุณก็ยังอยู่โรงพยาบาลและก็คงอีกนานกว่าเธอจะยอมกลับจริงๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะแก้แค้นผมไม่สาสมหรอกเวลายังเหลืออีกเยอะปล่อยเถอะผมจะรีบทำให้ทาน” ภีมมีสีหน้าเรียบขึ้นจนผมรู้สึกไม่ดีอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีก่อนผมจะโน้มลงไปใกล้ๆ มันอีก

“ภีม” ผมเอื้อมมือจับต้นแขนก่อนคนตรงหน้าจะยอมหันมา “กูเข้าใจมึงผิดมาตลอด”

“…”

“กูขอ…”

“คุณไม่จำเป็นต้องพูดคำนี้ออกมา” ภีมขัดทันควันที่รู้ว่าผมกำลังจะขอโทษเขา “เพราะผมเองก็เข้าใจทิชาผิดมาตลอดเหมือนกัน พวกเราก็แค่คนที่ไม่รู้อะไรและดันเจอกันในเวลาที่ผิดไปหน่อยแค่นั้น” คนตัวเล็กกว่าดันตัวผมออกและลงจากโต๊ะ

“แต่มีอีกอย่างที่กูอยากจะขอมึง” ผมตัดสินใจที่จะพูดออกไป

“?”

“กูอยากจะขอยกเลิกสัญญา”

“!!”

“ไหนๆ เรื่องทุกอย่างก็คลี่คลายแล้วว่ามันเกิดจากการเข้าใจผิด ตัวกูเองก็พร้อมจะชดใช้ในสิ่งที่ทำลงไปกับมึงทั้งหมด” ผมจ้องหน้าอีกฝ่ายหนักแน่น ผมอยากได้โอกาสนี้แต่ดูเหมือนคนตรงหน้าจะไม่คิดอย่างเดียวกันเลยสักนิด

“บอกผมหน่อยว่าทำไมคุณถึงอยากยกเลิกสัญญา” ภีมถามเสียงเรียบ มันมองผมกลับนิ่งจนเป็นผมซะเองที่ไม่รู้จะทำอะไรต่อ

“แค่รู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและอยากชดใช้เท่านั้นเหรอ?”

ไม่ใช่ทั้งหมด…พูดให้ถูกคือมันก็แค่ข้ออ้างเหตุผลจริงๆ คือผมรักมันต่างหากแต่ไม่รู้ทำไมมันถึงยากที่จะพูด

“ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากนี้แล้วใช่มั้ย”

“ใช่ กูยอมรับผิดทุกอย่างมึงอยากให้กูทำอะไรก็ได้ขอแค่ยกเลิกมันซะ”

ตอนนี้ผมแม่งเกลียดตัวเอง!

ภีมถอนหายใจออกมาก่อนอีกฝ่ายจะตอบในสิ่งที่ทำเอาผมแทบทรุด

“ไม่” คำเดียวแต่แม่งโครตจุก “เพราะผมเป็นคนคิดเรื่องสัญญานั้นขึ้นมาผมจะทำตามที่ได้เขียนเอาไว้”

“แต่เรื่องนั้นกูไม่มายด์” ผมเถียง

“ถึงยังไงผมก็จะทำ”

“!!”

“จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงจริงๆ” ภีมเงยหน้ามองผมอีกครั้งพลางเปลี่ยนเรื่อง “นั่งรอเถอะครับผมจะทำให้ทาน”

“…” ผมพูดอะไรไม่ออก ทุกอย่างตื้อจนชาไปหมดทั้งตัว

แววตาแน่วแน่ไม่มีวอกแวกของมันทำเอาผมรู้ว่าแม้จะพยายามขอร้องหรือเกลี้ยกล่อมแค่ไหนก็หมดหนทางจะต่อรองอยู่ดี

“คุณจอมพล…”

“กูไม่หิว” ผมบอกคนที่จับแขนเพื่อเรียกสติที่หลุดลอยหายไปเมื่อครู่ของผมกลับก่อนที่ผมจะจับมือของภีมออกจากแขนของตัวเอง “อยากนอน”

ผมเดินเข้าห้องนอนมันไปทันที ไม่ใช่เพราะโกรธหรือเคืองอะไรอยู่เพียงแต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ อยากบอกว่าที่ขอเพราะรักมันจนไม่อยากเลิกแล้วต่อกันเหมือนข้อตกลงในสัญญาใจจะขาดแต่ไอ้ปากก็ไม่เป็นใจสักที รู้ตัวว่าปากแข็งแต่เอาเข้าจริงผมกลับไม่กล้า จะว่าป๊อดก็คงใช่เพราะลึกๆ แล้วที่ผมไม่พูดคือผมกลัวคำตอบของมัน…กลัวว่าจะมีแค่ผมที่คิด

เพราะถ้าเป็นแบบนั้นมันคงเจ็บน่าดู
[End of Chomphon’s Part]



TBC.....

 :hao3: :hao3: :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 30-07-2017 18:32:48


CHAPTER 23




[Peam’s Part]
“แค่รู้สึกผิดกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นและอยากชดใช้เท่านั้นเหรอ?” ผมถามคนที่พยายามเกลี้ยกล่อมให้ผมยกเลิกสัญญาฉบับนั้น

จอมพลหลบสายตาผมที่จ้องไป ไม่ใช่ผมไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายทำแบบนี้มันเป็นเพราะอะไร อาจจะฟังดูหลงตัวเองสักนิดแต่ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเขากำลังรู้สึกอะไรบางอย่างกับผมเพียงแต่ผมเองก็ไม่กล้าฟันธงว่าเขา…ช่างเถอะ! เพราะหากมันไม่ใช่อย่างที่คิดขึ้นมาจะกลายเป็นผมที่ไม่เจียมตัวเอาได้ หากแต่ที่ผมรู้ตอนนี้แน่ๆ คือมันเป็นความรู้สึกดีๆ ที่ตัวเขาพยายามจะทำให้ผมรับรู้มาตลอด

“ไม่มีเรื่องอื่นนอกจากนี้แล้วใช่มั้ย” ผมถามเน้นย้ำอีก

“ใช่กูยอมรับผิดทุกอย่างมึงอยากให้กูทำอะไรก็ได้ขอแค่ยกเลิกมันซะ” ดวงตาคมมองมาราวกับอ้อนวอนแต่ผมกลับทำตามที่เขาขอไม่ได้

“ไม่”ผมถอนหายใจก่อนจะตอบ“ เพราะผมเป็นคนคิดเรื่องสัญญานั้นขึ้นมาผมจะทำตามที่ได้เขียนเอาไว้”

“แต่เรื่องนั้นกูไม่มายด์” จอมพลเถียงสวนทันควัน

“ถึงยังไงผมก็จะทำ”

คนตรงหน้าชะงักไป คิ้วหนาของเขาขมวดติดกันเป็นปมพร้อมกับ สีหน้าผิดหวังที่ฉายเด่นชัดขึ้นกว่าเดิมยิ่งทำให้ผมต้องหักห้ามใจตัวเองพูดในสิ่งที่จำเป็นต้องพูดออกไปก่อนจะใจอ่อนให้เขามากไปกว่านี้

“จนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลงจริงๆ”

ผมนั่งคิดถึงเรื่องเมื่ออาทิตย์ก่อนขึ้นอีกครั้ง วันนั้นผมรู้สึกโครตอยากตบปากตัวเองซะจริง! เพราะหลังจากที่จอมพลเข้าห้องนอนไปเขาก็ทำธุระส่วนตัวทุกอย่างจนเสร็จและนอนหันหลังให้ผมทั้งคืนย้ำว่าทั้งคืนเลย!! และตั้งแต่นั้นเขาก็ดูจะไม่ค่อยเข้ามาสุงสิงกับผม จะพูดก็แต่เรื่องงานหรือเรื่องที่ควรจะพูด ไม่ยุ่มย่าม ไม่วอแว แต่ก็ยังนอนกับผมทุกคืน เฮ้ย! นี่มันเหมือนก่อม็อบสงครามประสาทกันอยู่กรายๆ เลยนะเว้ย!

แล้วถามหน่อยว่าผมพูดผิดตรงไหน!?

ถูกหมดทุกอย่าง! ผมเป็นคนทำสัญญาฉบับนั้นขึ้นมาและก็นะคนอย่างผมน่ะสัญญาต้องเป็นสัญญาไม่ว่าไอ้สัญญานั่นจะเป็นแค่เพียงลมปากหรือแบบลายลักษณ์อักษรผมก็จะทำเพื่อรักษาสัญญาอยู่ดี

ก็คนมันถูกสอนมาแบบนี้ผิดเหรอ?

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดพวกนี้อย่างที่เคยทำก่อนจะมองไปยังทิชาที่จูงวีลแชร์โดยมีจอมใจนั่งอยู่ไปตามสวนสาธารณะชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลเพราะวันนี้ทั้งผมและทิชาต่างว่างด้วยกันทั้งคู่พวกเราเลยมาเยี่ยมจอมใจแต่เช้าก่อนจะพาอีกคนออกมาสูดอากาศข้างนอกเห็นว่าตั้งแต่อยู่มาสองปีจอมใจยังไม่เคยออกจากห้องนั้นไปไหนเลยสักวัน

ผมได้แต่อมยิ้มมองพวกเขาอย่างเงียบๆ สองคนนั้นเข้ากันได้ดีตั้งแต่เคลียร์กันไปเมื่อคราวก่อน ทิชาเลือกทำในสิ่งที่ตัวผมเองก็คิดว่ามันถูกต้องคือการที่เธอขอไม่กลับไปอยู่ในสถานะเดิมกับจอมใจอีกทั้งยังโกหกไปว่ามีคนคุยด้วยอยู่แล้วทั้งที่ความจริงแล้วยังไม่มี ก็คงเหมือนผมกับแดเนียลนั่นแหละแม้จะไม่ติดใจแต่ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เรื่องพวกนี้ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

“อยู่กันที่นี่เองอิงตามหาจนทั่วเลยค่ะ” อิงฟ้าทักพร้อมกับยืนหอบเบาๆ

“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ผมหันไปถามก่อนเธอจะทรุดตัวนั่งข้างๆ บน  ม้านั่งไม้ที่สภาพเก่าและทรุดโทรมไปตามกาลเวลา

“ถึงเวลาที่น้องจอมใจต้องไปทำกายภาพแล้วค่ะ” เธอบอก

“งั้นเดี๋ยวผมเรียกให้ครับ”

“เดี๋ยวค่ะคุณภีมขออิงพักแปปนึงนะคะวิ่งทั่วตึกเลยนึกว่าเธอหนีออกจากโรงพยาบาลไปซะแล้ว” อิงฟ้าปาดเหงื่อที่ไหลลงข้างขมับตัวเองออก

“จอมใจจะหนีได้ยังไงล่ะครับเธอยังใช้วีลแชร์เองไม่ได้เลย” ผมว่า

“อิงแค่กลัวไปก่อนน่ะค่ะเอาแต่ใจอย่างน้องจอมใจเนี่ยนิ่งนอนใจไม่ได้” เธอว่าก่อนจะมองไปยังจอมใจกับทิชาที่นั่งคุยกันข้างรั้วกั้นที่พอมองออกไปก็พบกับทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ในตอนเช้าก่อนเธอจะเอ่ยตามมาอีก

“ดูเธอมีความสุขขึ้นนะคะ” ผมมองไปตามสายตาของอิงฟ้า

“ครับพวกเขาควรหันหน้าเข้าหากันให้เร็วกว่านี้” น่าจะเร็ว…ก่อนที่ความรู้สึกของผมจะถลำลึกไปกับคนที่ไม่ควรรู้สึกด้วยอย่างมาก

“ว่าแต่อาการของเธอเป็นไงบ้างครับได้ข้อสรุปหรือยัง” ผมตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องเมื่อวกเข้าเรื่องนี้ทีไรหัวของผมก็เต้นตุบๆ ขึ้นมาทุกที

“ทางเราสรุปกันว่าน้องจอมใจป่วยเป็นโรค Pathological Liar หรือที่พูดง่ายๆ ก็คือโรคโกหกตัวเองนั่นแหละค่ะ”

“โรคโกหกตัวเอง?” ชื่อมันฟังดูร้ายแรงยังไงไม่รู้แฮะ

“ค่ะแต่ในกรณีของเธอถือว่ายังไม่รุนแรงมากนะคะเพราะเท่าที่ฟังจากเรื่องที่คุณจอมพลเล่าเธอแค่โกหกเพื่อปกป้องตัวเองจากสิ่งที่กลัว เธอทำให้คนอื่นเข้าใจว่าน้องสาวของคุณภีมผิดทั้งที่จริงๆ แล้วเธอเองก็รู้อยู่แกใจดีค่ะว่าไม่ใช่ โดยที่ปากบอกไม่อยากเอาผิดแต่ก็ไม่ยอมพูดความจริงเพราะกลัวคนอื่นจะรู้อะไรประมาณนี้น่ะ” อิงฟ้าอธิบาย

“ฟังดูซับซ้อนจังนะครับ” ผมว่าพลางรู้สึกเห็นใจจอมใจไม่น้อย

“พวกเขาทำเพราะสร้างเกราะป้องกันตัวเองน่ะค่ะคนแบบนี้ในสังคมมีเยอะแยะอาการหนักบ้างเบาบ้างแต่ส่วนใหญ่พวกเขาก็ยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ”

“แล้วงี้จอมใจต้องรักษาอีกนานมั้ยครับ”

“ไม่หรอกค่ะเธอแค่ต้องทำกายภาพและฟื้นฟูสภาพจิตใจอีกนิดหน่อยเห็นเจ้าตัวบอกว่า…” ผมเลิกคิ้วเมื่อจู่ๆ เธอก็หยุดพูดเสียดื้อๆ ก่อนเสียงใสจะดังขึ้นไม่ไกล

“มาแล้วทำไมไม่เรียกล่ะพี่อิง” ทิชาที่เข็นวีลแชร์ของจอมใจอยู่เดินพา อีกคนเข้ามาหาผมและอิงฟ้าใต้ต้นไม้ที่นั่งอยู่

“พี่มัวแต่คุยกับคุณภีมน่ะค่ะ” คนข้างๆ ตอบกลับยิ้มๆ

“จอมกำลังจะลงไปพอดี”

“จะไปไหนไม่บอกพี่กันก่อนเลยนะคะรู้มั้ยพี่วิ่งหาเราตั้งหลายรอบแน่ะ” อิงฟ้าแกล้งทำหน้างอ

“โอ๋ๆ ขอโทษนา…ว่าแต่คุยอะไรกันอยู่เหรอคะ” จอมใจขำท่าทีของพยาบาลประจำตัว

“พี่ก็ถามอาการเราเหมือนอย่างเคยนั่นแหละ” ผมว่าก่อนคนตรงหน้าจะชะงักพลางหันไปหาอิงฟ้าอีกครั้ง

“พี่อิงกับทิชาลงไปก่อนนะเดี๋ยวจอมขอคุยกับพี่ภีมหน่อย” ผมเลิกคิ้วพร้อมมองหน้าเธอ

จอมใจอยากคุยกับผม? แปลกนะผมว่า

“ได้ค่ะแล้วรีบตามลงไปนะคะ” อิงฟ้าไม่ขัดเธอเดินนำทิชาที่ยิ้มให้ผมเล็กน้อยไปทางประตูก่อนจะผลักเข้าไปในตึก

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?” ผมเปิดประเด็นถามด้วยความสงสัยทันทีที่หันหลับมามองหน้าเธอ

“แม้ว่ามันจะผ่านมาได้สักพักแล้วแต่ฉันก็ยังไม่ได้ขอโทษพี่จริงๆ สักที” จอมใจเว้นช่วงพลางมองหน้าผม “ฉันขอโทษนะที่ทำให้ทุกคนเข้าใจพี่ผิดและทำให้พี่ต้องเดือดร้อน”

ผมเองตกใจไม่น้อยที่คนตรงหน้าดูแปลกไปกว่าทุกวันเธอดูแน่วแน่ มุ่งมั่นมากกว่าจอมใจคนเดิมที่ผมเคยรู้จักซะอีก

“ไม่เป็นไรเรื่องมันผ่านไปแล้ว” ผมยิ้มแห้ง

“ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนี้แต่พี่พลเป็นคนใจร้อนพอรู้เรื่องเขาก็ดูเหมือนจะหมายหัวพี่ทันทีเลย” จอมใจอธิบายต่อ

“โชคดีที่พี่ดันผ่านตอนนั้นมาได้” พูดเสร็จก็เจ็บแปลบๆ ขึ้นในใจแปลกๆ

“แล้วตกลงพี่พลได้ทำอะไรพี่หรือเปล่า? เขาทำอะไรพี่ไปบ้าง?”

“ทำไมถึงถาม” ผมชะงักก่อนจะถามอีกฝ่ายกลับ

เธอมาอารมณ์ไหนกัน?

“เพราะยังมีหลายเรื่องที่ฉันยังสงสัยน่ะสิ ทั้งเรื่องพี่พลเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อให้พี่วันนั้นแถมยังเรื่องความรู้สึกของเขาอีกตกลงมันยังไงกัน” คนตรงหน้ามีท่าทีอยากรู้เอามากๆ

“เชื่อสิว่าเธอไม่อยากรู้หรอก” ผมเบือนหน้ามองไปทางอื่น

“แสดงว่าเขาทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย?”

“น่าให้หรือไม่น่าให้อภัยสักวันพี่จะตัดสินเอง” ผมบีบมือตัวเองแน่น

“พี่โกรธพี่พลอยู่ใช่มั้ยช่วงนี้เขาดูหงอยๆ มาหาทีก็นั่งเงียบเป็นป่าช้า” คนนั่งวีลแชร์ยืดตัวพิงพนักด้านหลังแต่ก็ยังมองผมกลับไม่วาง

“เขามากกว่าที่โกรธพี่”

“ไม่หรอกพี่พลน่ะรักพี่จะตาย”

ผมเบิกตากว้างมองอีกฝ่ายหลังจากที่ประโยคนี้จบลงทันที หัวใจที่แต่เดิมมันเต้นเป็นปกติกลับถี่รัวขึ้นสียจนหน้าอกของผมกระเพื่อมไปตามจังหวะจนมันแทบจะทะลุออกมา ผมลอบกลื่นน้ำลายลงคอไปอย่างยากลำบากพลางมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อหู

จอมใจจะรู้มั้ยว่าพูดอะไรออกมา? มันไม่ใช่คำพูดที่จะเที่ยวบอกใครพล่อยๆ ได้หรอกนะแต่ทำไม…

“ไหงทำหน้าแบบนั้น?” จอมใจเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นผมชะงักไป

“เมื่อกี้เธอพูดว่าไงนะ?” ผมถามเมื่อไม่เชื่อ หูฝาด…ผมต้องหูฝาดแน่ๆ

“พี่พลน่ะรักพี่เป็นห่วงพี่จะตาย” อีกฝ่ายย้ำหนัก “นี่อย่าบอกนะว่าเขายังไม่ได้สารภาพ?” จอมใจตีสีหน้าเหลือเชื่อ

“สารภาพ…อะไร” ไม่กล้ามอง…ผมไม่กล้ามองหน้าอีกคนเลย

“ก็สารภาพรักพี่ไง”

“มะ…มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอก” ผมรู้ดี

“แต่มันเป็นไปแล้ว! เขาบอกฉันเองกับปากนี่ฉันคิดว่าพวกพี่คบกันแล้วซะอีก” คนตรงหน้าพูดเคล้าบ่น “หรือพี่ไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับเขา?”

ยิ่งถูกถามผมยิ่งหัวตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก มันเพราะเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อจนเหมือนว่าคนตรงหน้ากำลังหลอกกันเล่น

“พี่…มะ…ไม่รู้” ผมปฏิเสธกลับอีกครั้ง

“เฮ้อ…ฉันว่าพวกพี่คิดแบบเดียวกันแหละฉันดูออก” จอมใจว่า

“ที่กักตัวพี่ไว้เพราะอยากจะคุยแค่เรื่องนี้เหรอ” ผมพยายามเปลี่ยนเรื่อง

“ก็เปล่าแค่อยากรู้เฉยๆ น่ะเพราะเห็นพวกพี่ดูตึงๆ ใส่กัน”

“ไม่มีอะไรหรอกเปลี่ยนเรื่องคุยเถอะ” ผมขอร้องอีกฝ่ายก่อนจอมใจจะยิ้มร่าขำท่าทีของผมออกมา

“พี่นี่ตลกเนอะ” เธอส่ายหัวก่อนจะเอ่ยต่อ “ความริงเรื่องที่ฉันอยากจะบอกพี่น่ะมันเป็นความลับ”

“ความลับ?” ผมเลิกคิ้ว

“ใช่เรื่องนี้น่ะทิชายอมเอาด้วยแล้วจะเหลือก็แต่พี่ พ่อกับแม่ของฉันและคนที่บ้านอีกแค่ไม่กี่คน” ยิ่งอีกคนพูดผมก็ยิ่งงง

“คืองี้…อาทิตย์หน้าน่ะเป็นวันเกิดพี่พลฉันเลยมีของขวัญที่อยากจะเซอร์ไพรส์เขา” จอมใจอธิบายด้วยใบหน้าตื่นเต้นทว่าคำพูดต่อมาของเธอกลับยิ่งทำเอาผมช๊อคจนชาวาบไปทั้งตัว

“ด้วยการกลับไปอยู่บ้าน”

“!!”

“จนกว่าจะถึงวันเกิดของพี่พลพี่ช่วยฉันปิดเป็นความลับจะได้มั้ย?”

เรื่องราวระหว่างผมกับเขากำลังจะจบลง คำพูดของจอมใจควรจะทำให้ผมดีใจแต่ทำไมมันกลับทำให้ผมปวดใจได้มากมายขนาดนี้…
[End of Peam’s Part]



“ธะ…เธอจะกลับไปอยู่บ้าน?” เสียงทุ้มที่เริ่มสั่นถามกลับด้วยใบหน้าตื่นตระหนก ภีมมองจอมใจราวกับว่าอีกคนกำลังล้อเล่นแต่คำตอบของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่เลย

“ใช่” หญิงสาวเน้นย้ำ

“ละ…แล้วการรักษาล่ะ?”

“ฉันเหลือแค่ทำกายภาพกับฝึกใช้ขาเทียมอีกนิดหน่อยเอง” จอมใจบอกก่อนจะเอ่ยต่อ “วันนั้นฉันอาจมีเรื่องวานขอให้พี่ช่วยสักหน่อยแต่พี่ต้องเล่นละครทำเป็นไม่รู้ว่าฉันจะกลับบ้านนะ”

ภีมยังคงเงียบไม่ไหวติงชายหนุ่มเหม่อมองไปเบื้องหน้าโดยไร้ซึ่งจุดหมาย มือเรียวที่วางไว้บนตักสั่นเทาเช่นเดียวกับแววตาที่สั่นระริก

เร็วเกินไป…เขารู้สึกว่าทุกอย่างเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน

“พี่ภีม” จอมใจเรียกอีกฝ่าย

“…”

“พี่ภีม!”

“…”

“พี่ภีม!!!”

“ห๊ะ!?” ภีมตื่นจากภวังค์ทันที่ที่อีกฝ่ายเขย่าแขนเขาพร้อมกับตะโกนเรียกเสียงดังลั่น

“พี่เหม่ออะไร?”

“เปล่าๆ ว่าแต่เมื่อกี้เธอพูดอะไรนะ?”

“ฉันบอกว่าวันนั้นฉันอาจมีเรื่องวานขอให้พี่ช่วยนะแต่พี่ก็ห้ามให้พี่พลรู้ว่าฉันจะกลับบ้านโอเคมั้ย?” หญิงสาวย้ำเรื่องที่พูดเมื่อกี้ขึ้นมาอีก

“อะ…โอเคๆ” ภีมตอบรับเสียงอ่อน

“ดีเลย! พี่พลน่ะเป็นคนชอบการเซอร์ไพรส์มากเลยนะรู้ป่าว…”

ภีมไม่ได้สนใจคำพูดของจอมใจอีกเลย ร่างโปร่งเหม่อลอยจนกระทั่งร่างบางเรียกเขาอีกรอบเพื่อชวนลงไปข้างล่าง ภีมขอตัวกลับหลังจากส่งจอมใจที่หน้าห้องกายภาพก่อนจะไปส่งทิชาที่บ้านและขับรถตรงกลับไปยังคอนโดของตัวเองทันที
:
:
:
แกร๊ก!

เสียงไขประตูห้องดังขึ้น ภีมที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกเงยหน้าที่ก้มลงของตัวเองขึ้นมาพลางมองไปยังต้นตอของเสียงขณะที่บนโต๊ะเบื้องหน้าของเขาเต็มไปด้วยเบียร์หลายกระป๋องแถมยังมีกับแกล้มพวกถั่วลิสงและข้าวเกรียบหกเรี่ยราดเต็มไปหมด

“คิดไงมึงถึงนั่งดื่มคนเดียว?” จอมพลที่ก้าวเท้าเข้ามาถามกลับทันทีที่เห็นท่าทีของอีกฝ่ายในวันนี้ก่อนอีกคนจะฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วถามกลับ

“อยากดื่มกับผมหน่อยมั้ย” น้ำเสียงยานครางและใบหน้าที่แดงระเรื่อบ่งบอกว่าภีมกำลังเมาได้ที่

“ไม่ล่ะพรุ่งนี้กูต้องไปทำงานแต่เช้ามึงเองก็ด้วยอย่าดื่มมากเดี๋ยวตื่นไปทำงานไม่ไหว” พูดเสร็จร่างสูงก็นั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้าม

ภีมตัดสินใจลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ ร่างโปร่งเซถลาล้มลงบนตักของจอมพลที่นั่งอยู่อีกฝั่งอย่างจังก่อนร่างสูงที่มองทุกฝีก้าวของอีกฝ่ายอยู่แล้วจะรีบประคองร่าเมามายของภีมไว้ทันที

“เป็นห่วงผมขนาดนี้ก็นั่งดื่มด้วยกันหน่อยเถอะนะ…นะๆ” ภีมปรือตามองใบหน้าของจอมพลที่ก้มลงมองเขาบนตักนิ่ง

“กูบอกว่าไม่ไงพรุ่งนี้กูทำงานเช้า” ร่างสูงดึงตัวอีกฝ่ายให้ลุกขึ้น ทว่าภีมกลับก้าวขาข้ามตัวอีกฝ่ายไปพร้อมกับหย่อนตัวเองนั่งลงบนตักของจอมพลท่ามกลางเจ้าตัวที่เบิกตากว้างราวกับไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะกล้าทำ

“แค่นั่งดื่มเป็นเพื่อนเองเล่นตัวไปได้” ใบหน้าแดงก่ำเอ่ยขึ้นอย่างกระเง้ากระงอดมือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าและแผงอกของอีกคนจนร่างสูงต้องรวบมือเขาเอาไว้

“รู้ตัวเองมั้ยว่าทำอะไรอยู่!?” จอมพลเอ่ยตำหนิ

“อะไรเหรอครับ” ร่างโปร่งเอียงคอถามพลางยิ้มกลับอย่างกลัว

“มึงนั่งคร่อมกู!”

“แล้วไง?”

“ไม่แล้วไงแต่มึงต้องลุกออกไปเดี๋ยวนี้!” จอมพลพยายามผลักไสภีมออกแต่ร่างโปร่งกลับยื้อตัวเองไว้จนสุดแรงเช่นกัน

“ทำไม? หรือคุณมีอารมณ์กับผมขึ้นมาล่ะครับคุณจอมพล งั่ม!”

“ภีม! มึงเมามากแล้วนะเว้ย!!” ร่างสูงดันตัวอีกคนออกเมื่อภีมที่ซบลงกับไหล่แหย่เขากลับด้วยการกัดหูจนจอมพลขนลุกพร้อมกับความรู้สึกวาบหวามมากมายที่ก่อตัวขึ้นจนยากจะรับไหวเขาไปทุกที

“ไม่เมา~ ใครว่าผมเมากันผมมีสติดีครบทุกอย่าง” ร่างโปร่งทำหน้าอ้อน

“ไม่ต้องแก้ตัว! ลุกจากตักกูเดี๋ยวนี้ก่อนกูจะพลั้งมือทำอะไรมึงอีก!” แสร้งขู่เพื่อให้อีกคนกลัว ทว่าในใจของเขาตอนนี้กลับรุ่มร้อนเพราะใบหน้าอ้อนที่อยู่ห่างไม่กี่เซ็นต์ตรงหน้าเข้าไปทุกที

จอมพลกำลังมีอารมณ์และเขาก็กำลังจะห้ามตัวเองไว้ไม่ไหว

“แล้วคุณอยากจะทำอะไรผมล่ะ?”

“…”

“แบบนี้หรือเปล่า” ริมฝีปากสีระเรื่อกดทับลงบนริมฝีปากร้อนของคนตัวใหญ่กว่าทันที ร่างสูงเบิกตากว้างท่ามกลางร่างโปร่งที่เริ่มต้นบทจูบในครั้งนี้จะค่อยๆ เปลี่ยนการแตะเพียงริมฝีปากเฉยๆ ให้กลายเป็นรสจูบที่หวือหวาไม่แพ้ใคร ภีมขยับริมฝีปากจูบซับไปตามริมฝีปากของจอมพลอย่างคนมีประสบการณ์ในขณะที่อีกฝ่ายที่ดูเหมือนสติจะหลุดหายไปจะพยายามดึงตัวเองกลับมาพร้อมกับออกแรงผลักอีกฝ่ายออกในที่สุด

“ภีม!”

“ฮึก!” ร่างโปร่งสะอื้นออกมาเมื่อร่างสูงที่คว้าต้นแขนของเขาเอาไว้ออกแรงดันให้ออกห่าง

“มึงร้องไห้ทำไม?” จอมพลที่ชะงักไปเอ่ยถาม

“มะ…ไม่รู้” ร่างโปร่งปาดน้ำตาของตัวเองออก “เอาใหม่…เอาใหม่นะ”ภีมพร่ำเพ้อคำพูดออกมาก่อนจะก้มลงซุกไซ้ซอกคอของร่างสูงอีกระลอก

“ภีม! มึงหยุดบ้าได้แล้ว!!” จอมพลที่ขืนตัวอีกฝ่ายไว้ตะโกนกลับ “กูไม่อยากทำร้ายมึง!!”

ภีมมองอีกฝ่ายนิ่ง ใบหน้าคมของจอมพลฉายความไม่เชื่อผสมปนเปจนกลายเป็นความสับสน ร่างโปร่งเอื้อมมือซ้ายขึ้นประคองใบหน้าของจอมพลเอาไว้ก่อนมือขวาของเขาจะทาบลงบนอกข้างซ้ายของอีกคนเพื่อสัมผัสกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ไม่ได้ต่างอะไรกับจังหวะหัวใจของเขาตอนนี้เลยสักนิด

“แล้วถ้าครั้งนี้คุณไม่ได้ทำร้ายผมล่ะ”

“…”

“ถ้าผมบอกว่าผม 'อยาก' คุณพอจะช่วยผมหน่อยได้มั้ย?”

“!!”



TBC....
-------------------------------------------------
บทนี้น้องภีมเผด็จศึก? ไม่หรอกๆ ต้องรอบทหน้า อิอิ ค้างป่าว?
หวังว่าทุกคนจะชอบนะคะ ส่วนเรื่องอาการของจอมใจที่กิ่งหยิบยกขึ้นมาก็ไม่ได้ตรงตามคำวินิจฉัยแพทย์ร้อยเปอร์เซ็นต์
เพราะยังไงมันก็แค่นิยายเนอะ กันไว้ก่อนเผื่อมีใครคิดเป็นจริงเป็นจัง
เอาล่ะอยากปิดจ๊อบเรื่องนี้ก่อนสิ้นเดือนมาก จะพยายามค่ะ จะพยายาม!!!

 :z2: :z2: :z2: :z2: :z2: :z2:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 30-07-2017 20:26:44
 :pig4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 30-07-2017 20:41:27
ค้างงงงงง สุดใจ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-07-2017 21:14:43
เมื่อไหร่พระเอกเราจะสารภาพรักสักทีเนี่ย
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 30-07-2017 22:06:07
รอตอนต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.23 100% [30/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 31-07-2017 02:50:12
 :z3:6
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.24 NC 100% [31/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 31-07-2017 14:34:51

CHAPTER 24



ทั้งห้องเงียบลงถนัดตาเหลือไว้แต่เพียงเสียงเครื่องปรับอากาศและเสียงหายใจของคนทั้งคู่ที่ดังสอดประสานกันไปมาเช่นเดียวกับดวงตาคมที่มองอีกคนกลับอย่างไม่เชื่อในกับสิ่งที่ภีมกำลังทำอยู่

ร่างสูงขมวดคิ้วในขณะที่ร่างโปร่งที่นั่งอยู่บนตักของเขาก็เคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งริมฝีปากของอีกฝ่ายจรดลงบนแก้มซ้ายของจอมพล ภีมสูดหายใจเอากลิ่นกายของจอมพลจนเกิดเสียง เจ้าของแก้มนิ่งงันกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้ก่อนร่างสูงจะถอนหายใจพร้อมกับดันตัวคนเมามายออกไปนิดเมื่อภีมพยายามที่จะซุกไซ้ซอกคอของเขากลับ

“รู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” จอมพลถามภีมที่เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำปรือ ร่างโปร่งครางในลำคอเมื่อถูกอีกคนขัดจังหวะแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้นจนไม่อาจหยุดได้อีกต่อไป

“รู้สิ รู้หมดทุกอย่าง…แต่ผมไม่เคยทำตามใจตัวเองได้เลยสักครั้ง” ภีมตอบเสียงยานคราง

ร่างโปร่งรู้ดีว่าไม่ควรแต่ไม่รู้ทำไมเพราะแค่คิดว่าเวลาระหว่างเขากับจอมพลเหลืออีกไม่มาก สมองที่แต่เดิมมันเคยสั่งห้ามหัวใจไม่ให้เผลอไผลไปกับคนตรงหน้ากลับสั่งให้ทำในสิ่งที่ต้องการ

ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำจริงๆ…สักที

“ทีหลังอย่าไปพูดแบบนี้กับใครอีก” จอมพลผลักภีมออกอีกครั้งหากแต่ร่างโปร่งก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพราะภีมยังคงกอดคออีกฝ่ายเอาไว้ไม่ปล่อย

“ผมไม่พูดกับคนอื่นที่ไม่ใช่คุณหรอก…คุณจอมพล” ร่างโปร่งว่าเสียงอ้อนจนจอมพลต้องเอ็ด

“กูไม่ตลกที่มึงเป็นแบบนี้นะภีม”

“ผมก็ไม่ได้แกล้งทำเหมือนกัน”

“แล้วมึงอยากให้กูทำอะไร!?”

“ก็ทำให้ผมเป็นของคุณ!”

“!!” ร่างสูงชะงักงันอีกเมื่อคนตรงหน้ายังคงยืนยันคำเดิม

ดวงตาคมดุจเหยี่ยวมองอีกคนเพื่อหมายจะหาความหมายของคำพูดนี้จากดวงตากลมของอีกฝ่ายแต่ทว่าเมื่อมองเข้าไปลึกเท่าไหร่สิ่งที่เขาได้กลับมาก็ยังคงเป็นแววตาหนักแน่นและจริงจังในคำพูดจนเป็นตัวเขาเสียเองที่เริ่มจะคุมตัวเองไม่ไหวเข้าไปทุกที

“คุณกำลังโกรธผมข้อนี้ผมรู้ดีเพียงแต่วันนี้ผมขอ…” ภีมจรดริมฝีปากลงบนหน้าผากของจอมพลก่อนจะอ้อนวอนต่อ “นะ…ขอร้องวันนี้ผมอยากเป็นของคะ!…อ่ะ!” ร่างสูงไม่รอฟังคำขอของอีกฝ่ายจนจบ

จอมพลหอบร่างเล็กกว่าขึ้นพลางเดินย่ำเข้าไปในห้องนอนทันทีก่อนจะทิ้งตัวอีกฝ่ายลงบนเตียงและตามขึ้นไปคร่อมภีมเอาไว้ทั้งร่าง

“มึงไปจำท่าทีแบบนี้จากไหนมา” ร่างสูงก้มถามอีกฝ่ายที่เอาแต่ยิ้ม

“คุณยังไม่รู้จักผมดีพอ…ผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดอีกเยอะ” ภีมตอบเป็นนัย ร่างโปร่งคล้องแขนขึ้นโอบรอบคอของคนด้านบนก่อนจอมพลจะถามย้ำอีก

“แน่ใจว่าครั้งนี้มึงสมยอมกู?”

“ผมก็ไม่ได้กำลังขัดขืนนี่ใช่มั้ย?”

“ไอ้หมาดื้อเจ้าเล่ห์”

“อ่ะ!!”

เสียงใสร้องครางเมื่อร่างสูงกัดเข้าที่ซอกคอขาวจนเห็นเป็นรอยเขี้ยว จอมพลกดริมฝีปากจูบซับไปตามข้างพวงแก้มเรื่อยไปจนถึงริมฝีปากสีระเรื่อที่เผยอรอรับสัมผัสอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

ลิ้นร้อนของจอมพลสอดผ่านริมฝีปากเล็กเข้าไปเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานขณะที่ภีมเองก็ตอบรับสัมผัสนี้ด้วยการคลอเคลียลิ้นเล็กตามอีกฝ่ายไปมาเช่นเดียวกัน

“ไม่ห้ามกูตอนนี้ก็อย่าเสียใจทีหลังแล้วกัน” ร่างสูงพูดขึ้นหลังจากผละริมฝีปากออกมา

“ใครกันแน่จะเสียใจ? ผมคนหนึ่งแหละที่ไม่รู้สึกแบบนั้นแน่นอน” ภีมยั่ว

“หึ! ปากเก่งซะจริงเตรียมครางให้ผัวดีกว่านะเมียเพราะคนอย่างกูทำอะไรก็ไม่เคยเสียใจที่หลังเหมือนกัน” พูดเสร็จก็จัดการเปลื้องผ้าอีกคนออกในพริบตาเดียว

ภีมยอมให้อีกคนถอดทุกอย่างออกอย่างว่าง่าย มือเล็กเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายออกบ้างก่อนร่างสูงจะถอดเสื้อเชิ้ตของตัวเองเมื่อถูกอีกฝ่ายปลดกระดุมออกจนหมด จอมพลผลักร่างโปร่งให้ล้มลงไปก่อนจะตามเข้าเล้าโลมด้วยริมฝีปากร้อนๆ ของตัวเองทันที

“อ่ะ! ซี้ดดด” ภีมส่งเสียงเมื่อโพรงปากอุ่นที่กำลังปลุกเร้าอารมณ์ของเขาอยู่ตรงเม็ดบัวเล็กสีชมพูออกแรงกัดจนมันเสียวซ่านเกินจะห้ามไหว

จอมพลจูบซับลงไปตามหน้าท้องแบนราบก่อนจะเอื้อมมือหนารั้งกางเกงในสีขาวของอีกคนออกจนมันลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้าในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ นิ้วยาวลูบคลึงไปตามช่องทางด้านหลังก่อนจะค่อยๆ สอดเข้าไปพลันให้ร่างโปร่งหลับตาปี๋

“อึก อ่ะ!”

“เจ็บ?” จอมพลถามเมื่อสอดนิ้วที่สามเข้าไป

“เปล่า…ผมโอเคต่อเถอะ” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะเหยียดยิ้มและขยับมือตัวเองเข้าออกอย่างเป็นจังหวะ

“อ่ะๆๆ”

“วันนี้มึงทำกูคลั่งรู้ตัวมั้ย” จอมพลชักนิ้วออกเมื่อร่างกายของภีมค่อนข้างชินกับสัมผัสของเขาก่อนจะรูดซิปคว้ากลางกายที่ขยายใหญ่จ่อไปยังช่องทางของอีกคนทันที

“เป็นอีกอย่างที่ผมทำได้แต่คุณไม่เคยรู้ อ่ะ!!!” ร่างโปร่งร้องออกมาจนสุดเสียงเมื่อจู่ๆ จอมพลก็แทรกกลางกายของตัวเองเข้ามาในโพรงนุ่มก่อนจะสวนสะโพกจนมันเข้าไปสุดด้ามในคราเดียว

“หึ! บอกไว้ก่อนว่ากูไม่ออมแรงแน่” จอมพลบอกให้อีกคนเตรียมใจ

“เชิญตามสบายครับ” ดวงตาฉ่ำปรือไม่มีแม้แต่ความเกรงกลัว

จอมพลออกแรงขับเคลื่อนบทรักทันทีที่อีกฝ่ายอนุญาต ร่างสูงโถมตัวเข้าหาอีกคนก่อนจะกระหน่ำกระแทกกระทั้นความต้องการที่มีใส่ภีมไม่ยั้ง

“อ่ะๆๆๆ อึก! อ่ะ!” ร่างโปร่งส่งเสียงร้องครางแหบพร่า ทว่ามันกลับเป็นยาชูกำลังชั้นดีให้จอมพลเดินเครื่องต่อไป

ร่างสูงแนบริมฝีปากลงบนแก้มใสก่อนจะปิดเสียงร้องของอีกฝ่ายด้วยริมฝีปากของตัวเอง ทั้งดุดัน ร้อนแรง อ่อนหวาน เล้าโลม ปนเนกันไปหมดจนแทบกระชากวิญญาณของภีมให้ออกจากร่าง

จอมพลเปลี่ยนท่าโดยการอุ้มร่างโปร่งขึ้นนั่งทับแท่งร้อนของตัวเอง ภีมผวาพลางจับไหล่เขาไว้แน่นก่อนจะมองหน้าอีกคนอย่างสงสัยแต่เพียงชั่วอึดใจเดียวมือหนาก็ยกสะโพกของภีมขึ้นและสวนแท่งของตัวเองจนภีมร้องเสียงหลง

“อ่ะ! ลึก! มันลึกไปคุณจอมพล!” ภีมทำหน้าแหย

จอมพลผ่อนแรงลงเมื่ออีกคนร้องเตือน ภีมทิ้งน้ำหนักนั่งลงบนตักของคนตรงหน้าก่อนร่างโปร่งจะมองกลับอย่างคาดโทษ

“โทษที” ร่างสูงเอ่ยเสียงพร่าในขณะที่ริมฝีปากของเขายังคงไม่อยู่นิ่งเวียนจูบซับไปยังพวงแก้มของอีกคนไม่หยุด

“ไม่ผ่อนแรงก็อยู่เฉยๆ เลย”

ภีมยกสะโพกก่อนจะทิ้งตัวลงตามจังหวะที่ปรารถนา จอมพลมองอีกคนอย่างไม่เชื่อสายตาเมื่อภีมตัดสินใจเปลี่ยนเป็นคนขยับเองโดยที่เขาไม่ได้ขอกระทั่งอีกฝ่ายเหยียดยิ้มส่งมาให้ ร่างสูงที่เหม่อเพราะมัวแต่ดีใจจึงหลุดจากภวังค์พลางก้มลงดูดดึงตุ่มไตอีกคนเพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนบทรักนี้ต่อไปทันที

“อ่ะๆๆ ซี้ดดด อ่ะ!” ภีมส่งเสียงร้องเมื่อก้อนความความรู้สึกมากมายประเดประดังเข้ามาจนร่างโปร่งกระตุกเป็นจังหวะเช่นเดียวกับจอมพลเองที่เริ่มจะทนไม่ไหวคว้าสะโพกของคนด้านบนบังคับให้กระแทกลงมาจนภีมหอบหายใจถี่ระรัว

“ซี้ดดด ภีม…ภีม อึก!”

“ผมไม่ไหวแล้ว!”

“กูก็เหมือนกัน ซี้ดดด!”

“อ่ะๆๆๆ!”

“ภีม! อ่า!!…” จอมพลกระตุกเกร็งปลดปล่อยน้ำรักในโพรงนุ่มจำนวนมาก ร่างโปร่งจิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างเมื่อรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ไปทั่วท้องน้อยก่อนร่างสูงจะถอนกลางกายออกพร้อมกับจับให้เขาหมอบลงไปบนเตียง

“ถ้าคิดว่ากูจะหยุดที่รอบเดียวขอบอกว่ามึงคิดผิด”

“ผมเองก็ไม่ได้หวังแบบนั้นเหมือนกัน” ภีมยั่วกลับ

จอมพลสบตาคนใต้ร่างก่อนจะเหยียดยิ้ม ร่างสูงรู้สึกมั่นเขี้ยวจนอดไม่ได้ที่จะกระแทกแท่งร้อนเข้าไปในโพรงอุ่นนุ่มนี้อีกครั้งพลันทำให้ภีมถึงกับร้องเสียงหลงออกมา ร่างโปร่งครางรับกับจังหวะเสียวซ่านของบทรักที่เริ่มต้นขึ้นมาอีกครั้ง เสียงเนื้อกระทบกันดังระงมไปจนถ้วนทั่วสลับกับเสียงร้องครางของคนสองคนที่กำลังดื่มด่ำกับความสุขที่มอบให้แก่กันจนกระทั่งเมื่อเวลาผ่านไปจนเสร็จสิ้นภารกิจ (กาม) รอบที่สี่ ร่างโปร่งที่เคล้าความเมามายจากเบียร์กว่าห้ากระป๋องที่ดื่มเข้าไปก็สลบไปพร้อมกับแรงกระแทกสุดท้ายของอีกฝ่าย ก่อนร่างสูงที่ถอนกลางออกจะเช็ดตัวให้เขาพร้อมกับพรมจูบตามร่างกายขาวเนียนนี้ไปจนทั่วราวกับอยากจะตีตราให้คนตรงหน้าเป็นของเขาเพียงคนเดียวตลอดไป…



[Peam’s Part]
หลังจากตื่นนอนในเช้าวันนั้นผมก็พบว่าตัวเองถูกจอมพลกอดเอาไว้แน่น กว่าจะค่อยๆ ถดตัวออกจากอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาได้ก็เล่นเอาผมเหนื่อยทั้งที่ยังไม่ได้ออกแรงเลยสักแอะ

ผมตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เขาก่อนคนขี้เซาจะรีบพรวดพราดเข้ามาในครัวหลังจากตื่นนอนเพราะคิดว่าผมจะหนีไปเพราะวีรกรรมของเราทั้งคู่เมื่อคืน ผมถูกจอมพลแซวหนักทั้งอีกฝ่ายยังเข้ามากอดผมเอาไว้ไม่ปล่อยเล่นเอาผมอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี

เราสองคนนั่งทานข้าวต้มฝีมือผมด้วยกันและก็ไม่รู้เป็นเพราะอะไรถึงดลใจให้ผมออกปากชวนอีกฝ่ายออกไปว่า

“หลังจากไปหาจอมใจหากคุณว่าง…ไปดูหนังด้วยกันมั้ย”

พูดเสร็จก็อยากจะเขกหัวตัวเองสักสองที ผมลอบมองจอมพลที่นั่งอยู่ตรงหน้าราวกับลุ้นคำตอบก่อนอีกฝ่ายที่ไม่พูดอะไรจะเอาแต่ยิ้มและเอื้อมมือมากุมมือของผมที่วางบนโต๊ะทานข้าวเอาไว้ รอยยิ้มและความร้อนจากมือของเขาที่แผ่มาแม้ว่าอีกคนจะไม่ยอมปริปากแต่ผมก็รู้ว่าเขาเองได้ตกลงเป็นที่เรียบร้อย

หลายวันมานี้ผมและจอมพลออกไปไหนมาไหนด้วยกันแทบจะทุกวัน ทั้งทานข้าว ดูหนัง ซื้อของหรือแม้แต่ไปเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทุกกิจกรรมและทุกที่ที่พวกเราไปผมบอกได้อย่างเต็มปากเลยว่า…ผมมีความสุข ผมพยายามตัดเรื่องที่เขาเคยทำ ตัดทุกอย่างให้เหลือแค่ผู้ชายสองคนที่ชื่อจอมพลและภีมวิทธิ์เพียงเท่านั้น

ผมไม่เคยหวังให้เขามาดูแลหากแต่จอมพลทำหมดทุกอย่าง เขาคอยเป็นห่วงผมในหลายๆ เรื่อง คอยถามเมื่อเห็นว่าผมเงียบไปจนผิดสังเกต คอยโทรตามหากผมมีธุระต้องกลับคอนโดดึกในบางวัน เขาทำให้ผมรู้สึกอ่อนไหว ผมใจอ่อนทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้ จอมพลมีเสน่ห์ที่ยากจะห้ามไหว เขาทำให้ผมมีความสุขจริงๆ…สุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่ทว่ามีใครเคยบอกกับคุณมั้ยว่าความสุขมักจะอยู่กับเราไม่นาน…

(“สถานการณ์เป็นไงบ้างพี่ภีม”) เสียงของจอมใจที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์ยิ่งทำให้หัวใจของผมกระตุกวูบมากกว่าเดิม

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วทางโน้นล่ะ” ผมถามกลับไปไม่เต็มเสียง

วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพลอย่างที่ปลายสายเคยเล่าให้ฟังและแน่นอนว่าประโยคเมื่อกี้คือเธอตั้งใจโทรมาไถ่ถามความเคลื่อนไหวของพี่ชายที่ดันพาผมมาที่บ้านของเขาเพื่อกะจะเซอร์ไพร์สเรื่องวันเกิดของตัวเองเช่นกัน

(“จอมกำลังจะไปรับพ่อกับแม่ที่สนามบิน”)

“ทิชาก็อยู่ด้วยใช่มั้ย”

(“เปล่า ทิชาบอกจะตามมาหลังทำพาร์ทไทม์เสร็จคงค่ำๆ โน่นแหละ”)

“ถ้างั้นใกล้ถึงเมื่อไหร่ก็แชทมาบอกแล้วกันพี่จะได้บอกว่าอยู่ส่วนไหนของบ้าน” ผมถอนหายใจเมื่อใกล้เวลานั้นเข้ามาทุกที

(“โอเคฝากทางโน้นด้วยนะ”)

“อื้ม” ผมวางสายไปก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นหลังจากสิ้นเสียงปิดประตู

“คุยกับใครอยู่” จอมพลเดินเข้ามาในห้องนอนของเขาที่มีผมอยู่ในนี้ก่อนหน้าแล้ว

“เอ่อ…แฟร์น่ะครับ” ผมรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง

“โกหกอยู่หรือเปล่า?”

“ผมไม่น่าไว้ใจขนาดนั้น?”

“กูแค่แซวเล่นน่า” เขาคว้าตัวผมเข้าไว้ในอ้อมแขนก่อนจะออกแรงกอด

“งั้นเดี๋ยวผมไปช่วยพวกป้าๆ ในครัวดีกว่า” ผมพยายามเลี่ยงเพราะเอาเข้าจริงๆ ตัวผมเองก็ยังทำใจลำบากกับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอยู่มากเหมือนกัน

“ไม่ต้องก็ได้อยู่กับกูที่นี่แหละ” จอมพลไม่ว่าเปล่าเข้าโน้มตัวลงมาหอมแก้มขวาของผมเสียจนแทบช้ำ

“คุณจอมพล…เดี๋ยวใครก็เห็นหรอก” ผมปราม

“ห้องนอนกูใครจะกล้าเข้ามาถ้ากูไม่อนุญาตล่ะหืม?” เขาว่าพลางคลายอ้อมแขนออกก่อนจะถามกลับเสียงทะเล้น

“รู้มั้ยว่าวันนี้กูพามึงมาที่บ้านกูทำไม”

“บอกไม่รู้จะดูโง่ไปมั้ย? ผมรู้หรอกน่าว่าวันนี้เป็นวันเกิดของคุณ”

“ใครบอกมึง?” คนตรงหน้าดูจะไม่เชื่อว่าผมรู้

“ก็พนักงานที่บริษัทเขาพูดกันให้หนาหูซะขนาดนั้นอีกอย่างหัวหน้าแผนกต่างๆ ก็เอาของขวัญมาให้คุณอีก ถ้าผมไม่รู้ก็ตาบอดหูหนวกแล้วล่ะครับ” ผมว่าก่อนเขาจะยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมกับแบมือมาตรงหน้า

“อะไร?”

“ของขวัญกูล่ะ”

“ไม่มี”

“ได้ไง!!”

“ก็ผมเพิ่งรู้วันนี้นี่เลยไม่ได้เตรียมของขวัญไว้ให้” โกหกชัดๆ เลยว่ะไอ้ภีม

“งั้นกูจะเอามึงตอนนี้แหละ” ว่าเสร็จก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าหญิง

“เฮ้ย! เดี๋ยว! ไม่เอา!!” ผมโวยวายพร้อมกับดิ้นจนจอมพลที่ทิ้งตัวผมลงบนเตียงกว้างของเขาเสร็จจะตามขึ้นมาคร่อมไว้

เข้าใจอยู่หรอกว่าหลังจากวันนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรกันอีกเลยแต่ก็อย่างว่าถึงไม่มีเรื่องพรรคนั้นแต่เขาก็ทั้งจูบ ทั้งหอม ทั้งกอด ผมจนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติไปแล้วทั้งที่…เรายังไม่ได้ตกลงสถานะกันให้ชัดเจน

“ทำไม? ตัวมึงก็เป็นของขวัญให้กูได้กูไม่ถือ” เขายิ้มกริ่ม

“หยุดเลยนะคุณจอมพลคุณก็คิดแต่เรื่องเนี่ยตลอดเลย” ผมต่อว่า

“ก็มึงมันน่ารักนี่นา”

“เหอะ!” ผมสะบัดหน้าหันหนีไปอีกทาง

คำป้อยอของจอมพลทำให้ผมหน้าร้อนผ่าวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ก่อนเขาเองจะไม่พูดอะไรต่อจนความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่ว ทว่าสักพักผมกลับรู้สึกว่าคนด้านบนกำลังกลั้วหัวเราะ ผมจึงหันมาประจันหน้ากับเขาอีกครั้งและมันก็ใช่อย่างที่คิดจอมพลกำลังขำผมอยู่

“เฮ้อ…มึงไม่มีของขวัญให้กูไม่เป็นไรแต่กูมีอะไรจะให้มึง” เขาว่าพลางปล่อยให้ผมเป็นอิสระและลุกขึ้นนั่ง

“อะไรครับ?”

“ลุกมาดูเองสิ” ผมทำตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่ายก่อนมือหนาจะเอื้อมมาจับมือของผมเอาไว้พร้อมกับสวมเลสสีเงินเกลี้ยงที่ข้อมือผมเบาๆ

“กูขอสั่งให้มึงใส่ติดตัวไว้ตลอดห้ามถอดออกเป็นอันขาด” ผมมองลงไปตามสิ่งที่อีกคนเพิ่งจะสวมให้

เลสข้อมือเงินแท้หนาประมาณครึ่งนิ้วพอดีกับข้อมือของผมราวกับมันถูกทำขึ้นมาเพื่อผมอันนี้ยังไม่กระตุกหัวใจให้เต้นรัวเร็วได้เท่ากับข้อความที่สลักไว้ด้านบนเลยสักนิด

อักษรภาษาอังกฤษแบบหวัดสไตล์สวยสีเงินขุ่นที่สลักให้ต่างจากตัวเลสเผยข้อความที่มันสามารถทำให้คนรับหวั่นไหวและหัวใจพองโตได้เลยทีเดียว ทว่ามันกลับทำให้ผมรู้สึกทุกข์ผสมปนเปกับความตื้นตันจนไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่ขึ้นมาแทน

'You’re Mine'

ประโยคที่ฉุดเอาหัวใจของผมกระตุกวูบก่อนที่ทุกอย่างในหัวจะตื้อไปหมดกระทั่งคนข้างหน้าจะเหยียดยิ้มถามกลับมา

“ชอบมั้ย” จอมพลมองผมด้วยแววตาที่ตอนนี้ยากจะรับเอาไว้เหลือเกิน

“ชะ…ชอบครับ” เสียงของผมสั่นจนเกือบจะเหมือนว่าผมกำลังร้องไห้อยู่ยังไงยั้งั้น

“ดีใจที่มึงชอบ”

“ขอบคุณครับ”

“เอาล่ะงั้นกูขออะไรอย่างหนึ่งแทนของขวัญแล้วกัน” ผมมองเขาที่ยื่นข้อเสนอมาก่อนจะพยักหน้า

“ยิ้มให้กูหน่อย”

“…”

“น่า…นิดเดียวเอง” ใบหน้าหล่อเหลายื่นเข้ามาใกล้จนผมต้องหดคอหนีพลางใช้มือดันอกเขาเอาไว้

ไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือไม่อยากทำ แต่ผมไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้ต่างหาก ตอนนี้หน้าผมกำลังร้อนผ่าวจนมันเกือบจะไหม้ได้แล้วมั้ง ผมจึงจำเป็นต้องเบรคการกระทำของเขาเอาไว้เสียก่อนเพื่อปรับสิ่งที่รับรู้ใหม่ทั้งหมด

จอมพลอ้อนผม? เขากำลังอ้อน…ผม

ผมมองแววตาที่ฉายอยู่บนใบหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ขัดเมื่อผมพยายามหยุดเขาเอาไว้ จอมพลถอนหายใจก่อนจะยืดตัวกลับทว่าผมกลับล๊อกท้ายทอยเขาเอาไว้พร้อมกับหอมไปที่แก้มซ้ายของเขาหนักๆ เสียหนึ่งทีก่อนจะตามไปด้วยรอยยิ้มที่ผมอยากจะมอบให้

“มึงกำลังยื่นเนื้อให้เสืออยู่นะภีม” คนตรงหน้ายิ้มออกเช่นกัน

“แต่วันนี้ผมหวังว่าคุณจะไม่กินเนื้อชิ้นนี้นะครับ” ผมปล่อยท้ายทอยของเขาและเขยิบออกมาตั้งหลัก

“แม่ง! กูทนจะไม่ไหวอยู่แล้วนะ!” เขาสบถ

“เข้าห้องน้ำไปเลยครับ”

“ใจร้ายนะมึง”

“นี่ยังน้อยไปความจริงแล้วผม…ยังร้ายได้มากกว่านี้อีกนะครับ” ผมชะงักก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นแล้วเอ่ยกลับ

“หมายความว่าไง?” คนฟังสวนถามแต่มีหรือผมจะบอกให้เขารู้

อย่างน้อยตอนนี้…ยังไม่ถึงเวลา

“ไม่มีอะไรหรอกผมก็แค่พูดไปเรื่อย”

“มึงดูแปลกๆ นะมีอะไรอยากบอกกูหรือเปล่า” จอมพลถามจริงจัง

“ไม่มีครับ”

“แน่นะ?”

“ครับ” ผมยืนยันก่อนจอมพลจะล้มตัวลงนอนหนุนตักของผมเมื่อคลายสงสัย

“งั้นกูของีบหน่อย”

“อยากงีบก็นอนดีๆ สิครับ” ผมว่า

“แต่กูอยากหนุนตักมึงนี่ นั่งอยู่แบบนี้สักพักนะแล้ววันนี้กูจะไม่ขออะไรมึงอีกเลย” แค่นั้นแหละครับผมก็ไม่รู้จะงัดอะไรออกมาปฏิเสธจอมพลได้อีกเลย

ผมก้มมองเสี้ยวหน้าของคนที่หลับตาอยู่บนตักด้วยความอัดอั้น รู้ดีว่าสิ่งที่ผมกำลังทำมันไม่เป็นผลดีสำหรับเราทั้งสองคนเลยหากยังมีอีกเรื่องที่ผมตัดสินใจจะทำมันในวันนี้เช่นเดียวกัน

หวังไว้…ว่าเขาคงจะเข้าใจ

หวังไว้…ว่าผมคงไม่ทำให้เขาโกรธเกินกว่าที่เคยทำมา
:
:
:
ผมกับจอมพลเดินออกจากห้องนอนของเขาก่อนจะตรงไปยังห้องอาหารทันทีที่ป้านวลเดินขึ้นมาเรียก หญิงชราวัยหกสิบห้ายิ้มแก้มปริพร้อมทั้งอวยพรให้กับลูกชายคนโตเจ้าของบ้านในขณะที่คนตัวสูงเองก็ไหว้รับพรด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเดียวกัน

“ลุงเติมล่ะครับป้านวล” เขาถามเมื่อสิ้นสุดพรจากอีกฝ่าย

“เอ่อ…ออกไปข้างนอกน่ะค่ะอีกเดี๋ยวก็คงกลับ” เธอเสมองมาทางผมเล็กน้อยอย่างประหม่า

ทุกคนในบ้านล้วนรู้ความจริงทั้งหมดว่าวันนี้น้องสาวของคนข้างๆ ผมกำลังจะกลับมา…ทว่าฝ่ายนั้นกลับห้ามไม่ให้ใครบอกจนกว่าเธอที่เพิ่งโทรมารายงานผมเมื่อกี้ว่าใกล้ถึงบ้านอีกกี่นาทีจะเป็นคนมาเฉลยเองพร้อมกับพ่อ    และแม่ของพวกผมที่บินตรงจากญี่ปุ่นด้วยการนี้โดยเฉพาะ

“งั้นเดี๋ยวป้ายกอาหารออกมาเลยดีกว่านะคะ”

“ครับ ภีมเองก็คงจะหิวแล้ว” จอมพลหันมาทางผม

“ผมยังไงก็ได้” ผมตอบพลางยิ้มส่งให้ป้านวลกลับไปก่อนเธอเดินหายเข้าไปยังหลังบ้าน

“แปลกนะ ทุกปีคนที่อวยพรวันเกิดกูก่อนจะเป็นลุงเติมตลอด” จอมพลว่าก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะทานข้าว

“เขาคงไม่ว่างน่ะครับ” ผมเองก็นั่งลงตรงข้ามกับเขา

“ลืมไปแล้วล่ะมั้ง”

“ทำเป็นน้อยใจไปได้แค่ลุงเขาไม่ได้มาอวยพรคนแรกเอง”

“ไม่ได้น้อยใจเพียงแต่วันนี้กูรู้สึกแปลกๆ” ผมชะงักก่อนจะค่อยๆ ถามกลับอย่างระแวง

“ยังไง?” จอมพลทำหน้าครุ่นคิดแต่แล้วเขาส้ายหัวกลับมา

“ไม่รู้สิ”

ผมถอนหายใจเหมือนโล่งอกเพราะกลัวว่าแผนการของจอมใจจะไม่สำเร็จ หากแต่ความจริงแล้วตัวผมเองนั่นแหละที่ยังไม่พร้อมจะทำเรื่องที่คิดเอาไว้ต่างหาก

ทำไมหัวใจของผมมันถึงได้ค่อยๆ ปวดร้าวขึ้นทีละนิดแบบนี้กันนะ? ยิ่งเวลาที่ผมสบตากับเขาที่มองมามันยิ่งทำให้ผมรู้สึกเจ็บและตื้อไปทั้งอก รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังถือทิฐิทั้งที่ใจหนึ่งของผมมันรักเขาเข้าให้แล้วแต่อีกใจหนึ่งมันกลับคอยบอกทุกวันว่าผู้ชายคนนี้จะต้องได้รับผลของการกระทำที่เคยก่อ และแน่นอนว่าผมตัดสินใจเลือกอย่างหลังเพราะถึงยังไงเรื่องของเราทั้งสองคนมันก็ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้อยู่ดี

จบกันแค่นี้ยังดีเสียกว่า…

“มาแล้วค่า…” เสียงของป้านวลดังขึ้นผลักให้ผมหลุดออกจากภวังค์ก่อนเธอและเด็กในบ้านอีกสองคนจะช่วยกันเดินถือจานชามที่บรรจุอาหารมากมายเข้ามาภายในห้อง

“ป้าครับทำไมทำเยอะขนาดนี้ล่ะ” จอมพลว่าเมื่อเห็นบรรดาอาหารทั้งคาวหวานมากมายถูกวางลงบนโต๊ะ

“ก็วันนี้วันเกิดคุณจอมพลทั้งทีนี่คะ” ป้านวลแก้ตัวเสียงเบา

“แต่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเยอะขนาดนี้ก็ได้พวกผมทานกันแค่สองคนเอง” คนตรงหน้าบอกแม่บ้านอาวุโสไปก่อนป้านวลจะทำหน้าเลิ่กลั่กประจวบเสียงรถแล่นเข้ามาจอดตรงหน้าบ้านของเขาพอดี

ถึงเวลานั้นแล้วสินะ…

“ใครมา?” จอมพลถามเมื่อผมลุกขึ้นยืนเพื่อจะเดินไปเปิดประตู

“ของขวัญวันเกิดของคุณน่ะครับ”

“ไหนมึงบอกไม่ได้เตรียม”

“เชื่อผมเหรอ” ผมแกล้งทำเป็นยั่วเขากลับก่อนอีกฝ่ายจะลุกเดินตามมา

“ไอ้หมาดื้อเจ้าเล่ห์! นี่มึงกำลังเซอร์ไพร์สกูอยู่ใช่ม่ะ?” คนเดินตามหลังเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื้นเต้นสุดๆ ก่อนที่เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นพร้อมกับผมที่เอื้อมมือออกไปดึงมันเพื่อเปิดออก

โป้ง!ๆๆๆ

“แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะพี่พล!!”

“จอมใจ!?” จอมพลเบิกตากว้างเมื่อเห็นน้องสาวของตัวเองที่สวมขาเทียมแต่ยังคงต้องใช้ไม้พยุงและคนอื่นๆ ดึงพลุกระดาษในมือจนเกิดเสียงดังลั่น

“สุขสันต์วันเกิดนะลูกรัก” ใบหน้าอึ้งหันไปตามเสียงที่ได้ยิน

“แม่! พ่อ!” จอมพลตะโกนอย่างไม่เชื่อสายตาก่อนลุงเติมที่เดินตามเข้ามาจะลากกระเป๋าเสื้อผ้าสองสามใบพลางส่งยิ้มมาให้

“มีความสุขมากๆ นะครับคุณจอมพล” เจ้าของวันเกิดไม่ได้สนใจคำอวยพรจากคนที่เขาเอาแต่พูดว่าจะต้องเป็นคนแรกของวันเลยสักนิดเพราะดวงตาคมคู่นั้นกลับมองไปยังกระเป๋าในมือของลุงเติมต่างหาก

“นี่กระเป๋าใคร?” จอมพลถามก่อนจอมใจที่ยืนอยู่ตรงหน้าจะฉีกยิ้มแป้นให้พี่ชายตัวเอง

“ของฉันเอง”

“!!” ไม่รู้ว่าผมตาฝาดมั้ย แต่สีหน้าของคนที่เพิ่งจะรู้ความจริงกลับไม่มีความดีใจอยู่เลยสักนิดเดียว “มะ…หมายความว่า?”

“ฉันตัดสินใจกลับมาอยู่บ้านของเราแล้ว”

“…”

“ดีใจมั้ยล่ะพี่พล” จอมพลไม่สน เขานิ่งอึ้งพลางหันมองมาทางผมด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความรู้สึกและอารมณ์มากมายจนผมเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาจ้องผมไม่วางท่ามกลางหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมก่อนที่ผมจะตัดสินใจเอ่ยตอบเจ้าของสายตานี้กลับไปในที่สุด

“เป็นไงครับ? ชอบเซอร์ไพร์สของผมมั้ย…คุณจอมพล”
[End of Peam’s Part]



TBC....
-----------------------------------------
 :o12: :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.24 NC 100% [31/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเหมียว17 ที่ 31-07-2017 15:36:33
 :mew2: :mew2: ภีมเอ้ยยยยย... แล้วจะเป็นยังไงเนี่ย กับการตัดสินใจครั้งนี้
นอกจากตัวเองจะเสียใจ แล้ว ยังมีอีกคนที่เสียใจไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 31-07-2017 18:42:25


CHAPTER 25



ภีมเดินเข้าไปหยิบเป้ของตัวเองท่ามกลางสายตานิ่งงันของทุกคนที่ตกอยู่ในความเงียบทันทีที่เห็นปฏิกิริยาและคำพูดของคนทั้งคู่ ร่างโปร่งเดินกลับออกมาพลันฉีกยิ้มให้กับร่างสูงที่มองเขาด้วยความไม่เข้าใจระคนตัดพ้อก่อนจะหันไปกล่าวลาพ่อและแม่ของจอมพลอีกที

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” ภีมยกมือไหว้

จอมพลมองเสี้ยวหน้าของคนที่ยืนข้างๆ ตัวด้วยหัวใจที่บีบรัด ร่างสูงรวบหมัดกำไว้แน่นกระทั่งแม่ของเขาที่ดูเหมือนจะยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ออกจะถามอีกคนกลับ

“จะรีบไปไหนล่ะวันนี้วันเกิดตาพลทั้งทีแฟนอย่างเราจะไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนเหรอ”

“ความจริงแล้วผมไม่ใช่แฟนของเขาหรอกครับ” จอมขวัญขมวดคิ้วมองภีมเมื่อร่างโปร่งบอกในสิ่งที่เคยสวมบทบาทไป

“กูขอคุยด้วยหน่อย” จอมพลฉวยมือของภีมก่อนจะออกแรงลากอีกฝ่ายเดินผ่านทุกคนออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้าน

“มึงเป็นอะไรไปภีม!?” ร่างสูงตะคอกถามทันทีที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน

“เป็นอะไรครับ?”

“มึงทำแบบนี้หมายความว่าไง!”

“ผมทำอะไร? ทุกอย่างที่ผมทำก็เป็นสิ่งที่ผมสัญญาว่าจะทำทั้งนั้น”

“!!” ร่างสูงชะงักไป จอมพลเบิกตามองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อหู ก้อนความรู้สึกมากมายจุกขึ้นคอจนเหมือนคนกำลังจมน้ำที่พูดอะไรไม่ออกนอกเสียจากมองอีกฝ่ายกลับด้วยแววตาปวดร้าวเพียงเท่านั้น

“และผมก็ทำสำเร็จ”

“…”

“สัญญาของเราจบลงแล้วครับคุณจอมพล…ผมไม่มีอะไรติดค้างคุณอีกแล้ว” ร่างโปร่งว่าพลางหันหลังกลับ

“พูดหมาๆ!”

“…”

“แล้วตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามันคืออะไร! มันหมายความว่ายังไง!!”   ร่างสูงตะโกนกร้าว จอมพลไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร…ทุกอย่างที่คิดว่ากำลังเข้ารูปเข้ารอยกลับพังทลายลงตรงหน้าพร้อมกับความสุขที่ไขว่คว้าหามาได้หายไปในชั่วพริบตา

“จำได้มั้ยว่าตอนคุณข่มขืนผมครั้งแรกผมบอกกับคุณว่ายังไง?” ภีมเหยียดยิ้มที่มันสามารถทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดจนถึงขีดสุดออกมาก่อนจะเฉลยเมื่อคิดเอาไว้แล้วว่าจอมพลไม่น่าจะจำมันได้

“เมื่อไหร่ที่ผมเอาคืนอย่าลืมว่าเคยทำอะไรไว้”

“!!”

“จำได้แล้วใช่มั้ยครับ” ภีมว่าพลางแกะเลสข้อมือที่อีกฝ่ายให้กับเขามาได้ไม่ถึงสองชั่วโมงและยื่นกลับไป “มันก็แค่ละครฉากหนึ่งไม่คิดว่าคุณจะจริงจังขนาดนี้…เอาคืนไปเถอะครับผมไม่ต้องการ”

จอมพลมองภีมด้วยความรู้สึกจุกเสียดไปถึงขั้วหัวใจ ร่างสูงเงยหน้าสบถถ้อยคำว่าร้ายสารพัดออกมา น้ำเสียงดิบเถื่อนที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดส่งผ่านไปยังคนตรงหน้าให้สะอึกทุกครั้งที่เห็นอีกฝ่ายแสดงออกมาแบบนั้น

ไม่ใช่ไม่เจ็บ…เพียงแต่ร่างโปร่งคิดว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุด

คนอารมณ์ร้อนหันกลับมาจ้องภีมอย่างเอาเรื่องอีกครั้งก่อนจะตรงเข้าขยำปกเสื้ออีกฝ่ายพลางหิ้วขึ้นอย่างไม่ออมแรง

“มึงกล้าทำกับกูได้ยังไงห๊ะภีม!? กูคิดว่าเราเข้าใจกันแล้วแต่มึง! มึงมันแม่งโครต!...”

พลั่ก!

ร่างสูงออกแรงผลักภีมล้มลงไปกองกับพื้นจนเลสที่ถืออยู่หลุดกลิ้งไปหยุดอยู่ที่ปลายเท้าของจอมพล คนผิดหวังก้มลงเก็บมันขึ้นมามองตัวอักษรภาษาอังกฤษตรงหน้าพลางเค้นยิ้ม

You’re Mine…คำๆ นี้คงไม่มีความหมายสำหรับภีมวิทธิ์อีกต่อไป

มือหนารวบกำเลสในมือเอาไว้แน่นก่อนจะหักและขว้างไปยังคนบนพื้นอย่างไม่ใยดี ร่างโปร่งรีบเบี่ยงหลบพลันทุกคนที่ยืนมองจากประตูบ้านก็รีบตรงเข้ามาห้ามเมื่อเหตุการณ์ดูจะเลวร้ายลงไปทุกชั่วขณะ

“นี่มันเรื่องอะไรห๊ะตาพล!?” จอมขวัญคว้าแขนลูกชายตัวเองเอาไว้ประจวบกับทิชาที่รีบปรี่เข้าไปช่วยพยุงพี่ชายตัวเองให้ลุกขึ้น ภีมมองหน้าน้องสาวตัวเองที่มองมาอย่างไม่สู้ดีนักพลางเอ่ยตัดบทเมื่อไม่อยากอยู่ที่นี่อีก

“พี่กลับก่อนนะทิชาถ้าเธอจะอยู่ต่อก็อย่ากลับดึกนักล่ะ” ว่าเสร็จภีมก็หันหลังให้ทุกคนทันที

“เดี๋ยว! เธอยังไปไหนไม่ได้” จอมขวัญห้ามคนที่กำลังจะก้าวเท้าเดินออกจากบ้านของตัวเอง ภีมยอมหันกลับมาก่อนจะมองไปยังอีกฝ่ายหน้านิ่ง

“นี่มันเรื่องอะไรบอกฉันมาเดี๋ยวนี้” แม่ของร่างสูงถามเสียงดุ

“ผมไม่ใช่แฟนของลูกชายคุณ เรื่องทั้งหมดวันนั้นแค่ละครฉากหนึ่งที่ผมร่วมแสดงด้วย ส่วนเรื่องอื่นถ้าคุณอยากรู้รบกวนถามลูกชายของคุณเองเถอะครับ” ภีมบอกเพียงเท่านี้พลันตัดสินใจเดินหายออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไป

จอมขวัญหันมองหน้าลูกชายตัวเองอย่างคาดคั้นในขณะที่ร่างสูงกำลังดำดิ่งสู่ห้วงความรู้สึกมืดบอดจนหาที่สุดไม่ได้ สายตาปวดร้าวมองแผ่นหลังของคนที่ก้าวเท้าเดินออกจากบ้านของตัวเองไปด้วยความรู้สึกบาดลึกไปทั้งอก มือหนาของจอมพลรวบกำหมัดไว้แน่น บีบเค้นมันให้สมกับความรู้สึกของตัวเองไม่ต่างอะไรกับร่างโปร่งที่พอพ้นอาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ออกมาน้ำตามากมายของเขาที่พยายามกลั้นมันเอาไว้ก็พรั่งพรูจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่

ภีมทรุดตัวนั่งลงร้องไห้ข้างประตูรั้วอย่างบ้าคลั่ง ลาดไหล่ของเขาสั่นเทาไปตามแรงสะอื้นจนคล้ายกับกำลังจะขาดใจ มือเรียวยกขึ้นกุมหน้าอกของตัวเองด้วยความรู้สึกปวดร้าวในขณะที่อีกมือหนึ่งเขาใช้มันเพื่อปิดปากห้ามเสียงร้องไม่ให้เล็ดลอดออกมาให้ใครได้ยิน

น้ำตาของการสิ้นสุดเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา…

น้ำตาที่ไม่อาจชะล้างอะไรให้ทุเลาลงได้เลย ทว่ามันกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจมากกว่าเดิม

ผมขอโทษคุณจอมพล…ขอโทษจริงๆ เสียงพร่ำบอกภายในใจของภีมจากตรงนี้ไม่อาจทำให้อีกคนที่รู้สึกเจ็บจนแทบกัดหนองไม่แพ้กันให้รับรู้ได้เลย…
:
:
:
งานเลี้ยงที่ยังไม่ได้เริ่มกร่อยลงเมื่อภีมทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วจากไป ทุกคนในบ้านพากันเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องรับประทานอาหารหากแต่ก็ไม่มีใครเลยที่จะก้าวเท้าเดินเข้าไปนอกเสียจากจะเดินตามร่างสูงกำยำไปยังห้องรับแขกพร้อมกับนั่งลงบนโซฟาพลางจ้องไปยังใบหน้าคมคายที่ตอนนี้มันกลับฉาบไว้ด้วยความอัดอั้นปะปนกับความเสียใจที่ฉายชัดออกจากแววตาคมคู่นั้นออกมา จอมพลใช้มือหนาลูบใบหน้าตัวเองอย่างคิดหนักก่อนจะบีบขมับตัวเองกระทั่งผู้เป็นแม่ทนไม่ไหวถามออกไปในที่สุด

“เรื่องมันเป็นยังไงบอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะตาพล” เสียงทรงอิทธิพลที่น้อยครั้งนักจอมขวัญจะใช้มันกับคนในครอบครัวเว้นซะแต่เวลาที่เธอทำงานฉุดให้จอมพลที่ก้มหน้าอยู่เงยขึ้นมาพลางถอนหายใจหนักขณะที่ทุกคนได้แต่เงียบเพื่อรอสิ่งที่เขาจะพูด

“ทุกอย่างมันเป็นเพราะผม” เสียงทุ้มเคล้าแหบแห้งที่ดังออกมาอย่างเรียบนิ่งสะท้อนไปถึงความรู้สึกที่อีกคนมีได้อย่างชัดเจน

“ผิด? แกผิดยังไง?”

“ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะผมแก้แค้นเขา”

“แก้แค้น!?”

“…”

“แกแก้แค้นภีมเรื่องอะไร!!” จอมขวัญขึ้นเสียงเสียจนจอมเดชที่นั่งอยู่ข้างๆ ต้องรวบมืออีกฝ่ายเอาไว้เพื่อช่วยผ่อนอารมณ์

จอมพลเงยหน้าขึ้นมองเพดานที่ประดับไปด้วยโคมไฟหรูภายในบ้าน ภาพคืนวันเก่าๆ มากมายไหลออกจากห้วงความทรงจำฉุดให้ร่างสูงที่ทำอะไรไว้กับอีกฝ่ายให้หวนนึกถึง มันทั้งโหดร้าย ดิบเถื่อน และล้วนแต่เป็นการกระทำที่ไม่น่าให้อภัย เข้าใจ…พยายามเข้าใจแต่ตอนนี้สมองกับหัวใจมันกลับไม่ไปทางเดียวกัน

ดวงตาคมเคลื่อนไปยังจอมใจที่ได้แต่นั่งเงียบขณะที่ข้างๆ เธอยังคงมีน้องสาวของอีกฝ่ายที่ยังไม่กลับไปไหนยิ่งตอกย้ำเรื่องราวเหล่านั้นให้ร่างสูงไม่อาจหนีความจริงที่ว่าเขาเป็นคนผูกเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นได้เลย

“บอกแม่มาให้หมด!!” คนเป็นแม่สั่งเด็ดขาดเมื่อลูกชายยังเงียบ

จอมพลถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าก่อนจะยอมเล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาเห็นเลขาฯ คนใหม่ของเพื่อนสนิทอย่างราชันย์และบังเอิญว่าผู้ชายคนนั้นกลับเป็นคนเดียวกันกับคนที่เขาเคยเข้าใจว่าเป็นสาเหตุทำให้จอมใจประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียขาขวาไป

ร่างสูงเล่าทุกอย่างออกมาอย่างไม่กั๊กขณะที่ทุกคนที่นั่งฟังต่างก็ส่งเสียงอื้ออึงออกมาราวกับไม่เชื่อหูถึงการกระทำที่เขาเคยทำเอาไว้กับภีม หนักสุดคงหนีไม่พ้นจอมขวัญที่ถึงกับหลั่งน้ำตาเพราะรู้สึกสงสารร่างโปร่งอีกคนจับใจ

“แม่ไม่เคยสอนให้แกทำร้ายคนอื่น”

“…”

“แกทำแบบนี้ได้ยังไงห๊ะตาพล!? ทำได้ยังไง!” จอมขวัญสะอื้นไห้หมายจะตรงเข้าตีลูกชายให้หลาบจำ ทว่าจอมเดชกลับห้ามภรรยาเอาไว้ก่อนผู้เป็นพ่อจะเป็นฝ่ายตรงเข้ากระชากคอเสื้อลูกชายตัวเองให้ยืนขึ้นพลางตวัดฝ่ามือฟาดลงบนเสี้ยวหน้าด้านซ้ายของอีกฝ่ายเต็มแรง

“วันนี้ฉันจะเอาเลือดหัวแกออก! ใครสั่งใครสอนให้แกทำแบบนั้นห๊ะไอ้ลูกไม่รักดี!” คนเป็นพ่อตะโกนใส่หน้าลูกชายตัวเองอย่างอัดอั้น จอมเดชไม่เคยคิดว่าลูกที่ตัวเองฟูมฟักเลี้ยงดูมาอย่างดีจะร้ายกับภีมวิทธิ์ได้ถึงขนาดนี้

“พ่อ! อย่าค่ะ! อย่าทำพี่พลจอมขอร้อง!” จอมใจพรวดพราดลุกขึ้นห้าม

หญิงสาวจับข้อมือที่เงื้อขึ้นของจอมเดชเอาไว้ก่อนจะหันไปหาพี่ชายที่ยังคงนิ่งไม่ไหวติง ทิชาที่เห็นท่าไม่ดีรีบลุกขึ้นช่วยพยุงจอมใจที่เซจนเกือบจะล้มเพราะยังไม่ถนัดกับขาเทียมที่ใส่อยู่ ทั้งสองฝ่ายยื้อยุดกันไปมากระทั่งเสียงจากผู้เป็นแม่จะเป็นฝ่ายฉุดให้เหตุการณ์ตรงหน้าชะงักลง

“แม่ผิดหวังในตัวแก”

“…”

“ผิดหวังจริงๆ”

จอมพลหันกลับมาพลางมองไปยังแม่ของตัวเองที่ร่ำไห้ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเดินเข้าไปหาพร้อมกับเอ่ยบางอย่างจากใจออกมา

“ผม…ขอโทษ” ร่างสูงว่าพร้อมพนมมือหมายจะกราบแต่แล้วเสียงจากจอมขวัญกลับฉุดการกระทำนี้เอาไว้เสียก่อน

“คนที่แกควรขอโทษคือภีมวิทธิ์!”

“…”

“กลับไปขอโทษเขาและพาเขากลับมาซะ!”

“แต่ผมกับภีมตกลงกันแล้วว่าเมื่อไหร่ที่จอมใจยอมกลับมาอยู่ที่บ้านเมื่อนั้นทุกอย่างคือจบ” จอมพลปฏิเสธอย่างยอมแพ้แม้ว่าใจจริงเขาไม่ได้เห็นด้วยกับสัญญานี้ตั้งแต่แรกแต่เพราะตอนนั้นภีมเอาความอยากรู้ของเขามาเป็นข้อต่อรองเขาจึงยอมเซ็นต์เพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่มีทางทำมันสำเร็จได้แน่ๆ

ซึ่งจอมพลสบประมาทภีมเกินไป…

“อย่าทำเป็นอวดดี! ถามใจแกเองหรือยังว่าอยากจบกับเขาหรือเปล่า!”

“!!” ร่างสูงนิ่งอึ้ง

จอมพลมองหน้าจอมขวัญในขณะที่ทุกคนในห้องต่างก็มองเธอกลับอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน

“ฉันรู้ว่าแกรักเขาถ้าแกยอมรับผิดกับสิ่งที่เคยทำไปและยอมรับสิ่งที่จะตามมาหากเขาไม่ยอมให้อภัยแกได้ล่ะก็ ไปขอโทษภีมเขาซะ”

“แต่…” ร่างสูงอึกอัก ไม่ใช่ไม่อยากไปเพียงแต่ตอนนี้จอมพลกำลัง…

“กลัว?” จอมเดชเอ่ยถามลูกชายตัวเองกลับ

ร่างสูงหันมองผู้เป็นพ่อด้วยแววตาที่บ่งบอกความรู้สึกทั้งหมดออกมา จากที่เคยแน่วแน่ แข็งกร้าวเพราะต้องบริหารคนทั้งบริษัทกลับแปรเปลี่ยนเป็นแววตาของคนที่สิ้นหวังจนถึงขั้นเมื่อมองลึกเข้าไปอีกก็พบกับความหมดหวังกำลังฉายชัดขึ้นมาเรื่อยๆ

“ยอมรับว่าตอนนี้ผมกลัวจริงๆ” จอมพลเอ่ยเสียงอ่อน

“เป็นผู้ชายกล้าทำก็ต้องกล้ารับ! แกทำเขาก็ต้องรู้จักขอโทษแม้ว่าเขาจะไม่ให้อภัยก็จงใช้ใจของแกลบล้างสิ่งเหล่านั้น!!” จอมเดชเอ็ดกลับ

“…”

“เข้าใจที่ฉันพูดมั้ย!?”

“ผมเข้าใจแต่ไม่ใช่วันนี้”

“ทำไม?”

“ขอเวลาให้ผมได้ตั้งหลักสักพัก มีหลายเรื่องที่ผมต้องใช้ความคิด ผมรักมันนั่นคือเรื่องจริงแต่ผมกลัวว่ามันจะไม่รักผม…แค่ยังไม่พร้อม” ร่างสูงถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินไปทางบันไดขึ้นชั้นบนของบ้านทันที

ทุกคนมองตามแผ่นหลังกว้างของจอมพลด้วยความรู้สึกเห็นใจไม่น้อย แต่ด้วยเรื่องที่คนเป็นลูกทำลงไปทำให้จอมขวัญและจอมเดชเลือกที่จะไม่รั้งหรือปลอบประโลมแต่อย่างใดเพราะอยากจะให้ร่างสูงคิดและเดินหน้าแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง ทว่าก่อนที่จอมพลจะก้าวเท้าข้ามบันไดขั้นที่สามขึ้นไปคนข้างๆ ของจอมใจก็ตัดสินใจพูดออกมา

“พี่ไม่ต้องกลัวว่าพี่ภีมจะไม่รักพี่หรอก” ทิชาว่าก่อนคนที่กำลังจะขึ้นชั้นบนไปจะหันกลับมาพลางถามอย่างสงสัยในคำพูดของอีกคน

“หมายความว่าไง”

“ฉันรู้ว่าพี่เองก็รู้สึกแบบนั้นเพียงแต่พี่ไม่กล้าตัดสินว่าพี่ภีมเองก็รักพี่เหมือนกัน แต่ฉันยืนยันได้ว่าพี่ภีมเขาคิดแบบนั้นที่เหลือก็อยู่ที่ตัวพี่เองแล้วล่ะว่าจะทำให้พี่ภีมหายโกรธได้ยังไง” ทิชายิ้มให้กำลังใจก่อนจอมพลที่พอรู้เรื่องนี้เข้าโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวจะยิ่งทวีโทษตัวเองมากขึ้นกว่าเดิม

ร่างสูงเหยียดยิ้มกลับไปให้อีกคนหากแต่รอยยิ้มนี้มันกลับเศร้าเคล้าสมเพชตัวเองที่ไม่สามารถรักษาอีกคนที่รักเอาไว้ได้

ไม่ใช่เพียงผู้บริหารที่มีอำนาจกับลูกน้องทุกคนแต่จอมพลยังเป็นผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่งที่พอรู้ตัวทุกอย่างก็ดูจะสายเกินไปเสียแล้ว…



TBC....
-----------------------------------------
ไงล่ะจอมพล? เปลี่ยนจากเสือเป็นแมวหงอยเลยทีเดียว
เอาล่ะ อีกไม่กี่บทก็จบแล้วนะคะ

 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 31-07-2017 19:02:44
พยายามหน่อยสิจอมพล
เจ็บก้อต้องทน
ทำเค้าไว้เยอะ
ให้เค้าเอาคืนหน่อย
เดี๋ยวก็ดีเอง
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 31-07-2017 21:14:34
ภีมจะใจอ่อนมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.25 100% [31/07/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 31-07-2017 21:29:20
ไม่สะใจเลย
น่าจะโดนมากกว่านี้
เฮ้อ

รอตอนต่อไปจ้ะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 01-08-2017 08:52:32

CHAPTER 26



ร่างสูงพลิกตัวบนเตียงเป็นรอบที่ร้อยแปดหลังจากเอาแต่นอนติดแหงก อยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์จนตอนนี้ปาเข้าไปเช้าวันจันทร์แล้วแต่เขาก็ยังคงไม่คิดจะลุกออกไปไหน จอมพลเหม่อมองขึ้นไปบนเพดานที่มีโคมไฟสีชาทรงระย้าห้อยลงมาจนมันแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หากเทียบว่าการที่เขามองอยู่นั้นสามารถสร้างรอยร้าวให้มันได้ เสียงสั่นจากโทรศัพท์ที่ถูกวางไว้บนหัวเตียงไม่สามารถดึงเอาความสนใจของเขาได้เลยเมื่อคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหนหากแต่เธอคนนั้นคือรสรินที่เขาก็พอจะนึกออกว่าที่อีกฝ่ายกระหน่ำโทรมาคงหนีไม่พ้นเรื่องเอกสารที่เขาต้องเซ็นต์เป็นแน่

จอมพลถอนหายใจแข่งกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังกลบเสียงทุกอย่างภายในห้องนอนที่ไม่ได้นอนมานานหลายอาทิตย์ ใบหน้าคมฉายความคิดมากที่ปิดไม่มิดออกมาจากดวงตาสีดำสนิทและหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมท่ามกลางเสียงสั่นของโทรศัพท์ที่ยังคงดังติดๆ กันมาราวๆ รอบที่เจ็ดของเช้าได้แล้ว

ร่างสูงเสมองไปยังสมาร์ทโฟนเครื่องหรูสีดำขลับอยู่สักพักก่อนที่เสียงของมันจะเงียบหายไปหากแต่ไม่ทันไรมันกลับแทนที่ด้วยเสียงกระหน่ำทุบประตูห้องนอนของเขาจากคนเป็นน้องสาวที่เพิ่งกลับจากนั่งรถไปส่งพ่อและแม่ที่สนามบินแทนพี่ชายที่เอาแต่นอนอดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องกว่าสองวันสร้างความไม่พอใจให้กับร่างสูงเจ้าของห้องอยู่ไม่น้อย

ปังๆๆๆ!!

“พี่พลตื่นหรือยัง!?”

ปังๆๆๆ!!

“พี่พลเปิดประตูให้ฉันหน่อย!”

“มีอะไรใจ?” ร่างสูงเปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าแข็งกร้าวทว่าคนตรงหน้าก็ไม่ได้นึกขอโทษกับสิ่งที่เธอทำเลยสักนิด

“มัวทำอะไรอยู่ทำไมพี่ถึงไม่รับสายพี่ริน!?” จอมใจโวยในขณะที่มือของเธอยังถือโทรศัพท์อยู่เนื่องจากรีบสาวไม่เท้าค้ำยันมายังห้องของจอมพลทันทีที่เธอเพิ่งจะถึงบ้าน

“ขี้เกียจ”

“เหตุผลโครตจะดีเลย! แล้วรู้มั้ยว่าพี่รินเขาโทรมาเรื่องอะไร?”

“…”

“พี่ภีมยื่นใบลาออก!”

“!!” ร่างสูงเบิกตากว้างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรีบด่วนตัดสินใจทำทุกอย่างเพื่อเป็นการตัดขาดจากเขาได้ถึงขนาดนี้

“รู้ว่าเรื่องทั้งหมดที่พี่ทำก็เพราะฉันเป็นต้นเหตุ! แต่จะมัวนอนรอเวลาแบบนี้ไม่ได้แล้วนะถ้าพี่รักพี่ภีมจริงก็รีบไปเคลียร์กับเขาเถอะ” จอมใจเอ็ดเสียงดัง

“แล้วรสรินได้บอกรายละเอียดอย่างอื่นมั้ย!?” จอมพลรีบคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปทันที

“บอกแค่ว่าของทุกอย่างบนโต๊ะพี่ภีมในห้องของพี่ก็ถูกเก็บไปหมดแล้วพี่ภีมน่าจะเข้าไปที่บริษัทแต่เช้า”

“แม่งเอ้ย!” ร่างสูงสบถออกมาก่อนจะปิดประตูห้องน้ำพร้อมกับรีบเร่งจัดการทำธุระส่วนตัว

“ให้ฉันไปช่วยพูดให้มั้ย” จอมใจที่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องน้ำตะโกนถามคนข้างใน

“ไม่ต้องพี่จะเป็นคนแก้เอง” จอมพลตะโกนตอบออกมา

“มีไรให้ช่วยก็บอกแล้วกันอย่างน้อยเรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิด”

“งั้นช่วยไปบอกลุงเติมให้ช่วยเตรียมรถให้พี่ที”

“โอเคฉันจะรีบไป”

:
:
:

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จร่างสูงก็รีบสาวเท้าเดินมายังรถที่ถูกขับมาจอดรอหน้าประตูบ้านเป็นที่เรียบร้อยทันที จอมใจเดินออกมามองพี่ชายตัวเองอย่างให้กำลังใจก่อนร่างสูงจะเปิดประตูขึ้นไปนั่งยังที่ของคนขับพร้อมกับติดเครื่องเพื่อมุ่งหน้าไปยังคอนโดของภีมด้วยความรุ่มร้อนไปทั้งอก

[คุณจอมพลคะ! รินพยายามโทร!...]

[เรื่องที่ภีมยื่นใบลาออกคุณอย่าเพิ่งทำอะไรทั้งนั้น] ร่างสูงที่ต่อสายหาพนักงานฝ่ายบุคคลคนสนิทเอ่ยขัดอีกฝ่ายที่ดูจะกำลังตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่

[ดะ…ได้ค่ะ ละ…แล้วไม่ทราบว่าตอนนี้คุณจอมพลอยู่ไหนคะ?] รสรินทำใจกล้าถามกลับ

[ผมกำลังจะไปทำธุระคุณมีอะไรอีกหรือเปล่า]

[คือ…] ปลายสายที่ดูเหมือนมีอะไรอยากบอกอึกอักที่จะพูด

[ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบไปทำงานต่อเถอะ] จอมพลตัดบท

[ดะ…เดี๋ยวค่ะ! เดี๋ยว!]

[…]

[ถ้าธุระที่คุณบอกมันเกี่ยวกับน้องภีมล่ะก็…รินแค่อยากจะบอกว่ารินเอาใจช่วยคุณนะคะคุณจอมพล]

[…]

[มีเรื่องอะไรกันรินขอให้คุณทั้งสองคนเคลียร์กันให้ได้นะคะ] รสรินให้กำลังใจเพราะเธอรู้ดีว่าร่างสูงและเลขาฯ ของเขามีอะไรมากกว่าการเป็นเพียงเจ้านายและลูกน้อง

[ขอบใจแล้วผมจะพยายาม] จอมพลกดวางสาย

ร่างสูงใช้เวลาขับรถมาจนถึงคอนโดของภีมเพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จอมพลรัวนิ้วกดให้ลิฟท์ลงมาหาก่อนที่เขาจะรีบเข้าไปทันทีที่ห้องสี่เหลี่ยมเหล็กนี้เปิดประตูรับ นิ้วเรียวกดไปยังเลขแปดชั้นที่ร่างโปร่งอยู่ ร่างสูงที่เต็มไปด้วยความรุ่มร้อนสบถออกมาอย่างเร่งรีบเมื่อการเคลื่อนที่ของลิฟท์ก็ดูจะช้าไปสำหรับเขา กระทั่งเมื่อประตูลิฟท์เปิดออกจอมพลก็พุ่งตัววิ่งไปยังหน้าห้อง 804 มือหนารีบล้วงเอากุญแจห้องของอีกฝ่ายออกจากกระเป๋ากางเกงแต่แล้วสายตาของเขาก็กระทบเข้ากับแม่กุญแจอันใหญ่ที่ถูกคล้องและปิดล็อกเอาไว้จากทางด้านนอก

ไม่มีใครอยู่ข้างใน…หมายความยังไง? ภีมไปไหน?

จอมพลเปลี่ยนเป็นล้วงโทรศัพท์ออกมาแทนก่อนจะต่อสายถึงร่างโปร่งที่เขาอยากจะมาเคลียร์ปัญหานี้ด้วยตัวเองทว่า…

ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก…Sorry there are no signs of acceptance from the number...

ร่างสูงลองกดโทรอีกครั้งแต่เสียงที่ได้ยินก็ยังคงเป็นเสียงเดิม จอมพลทิ้งความสงสัยนี้ไว้ก่อนจะรีบลงไปข้างล่างเพื่อหมายจะตรงไปยังรถของตัวเอง

“คุณครับ! เดี๋ยวครับหยุดก่อน!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากห้องของพนักงานประจำคอนโดชั้นล่างก่อนร่างสูงจะหันไปพลันให้ชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบต้นๆ รีบเดินตรงมาหาเขา

ใช่สิ! ร่างสูงจำได้ว่าคนนี้คือคนที่ให้กุญแจสำรองห้องภีมกับเขาในตอนที่เขาทำเป็นอ้างว่าภีมไม่สบายเพราะอยากแอบเข้าไปในห้อง

“คุณคือแฟนของคุณภีมใช่มั้ยครับ? คนที่เคยขอกุญแจสำรองห้องเขาจากผม?” คนตรงหน้าเอ่ยถามร่างสูงไป

“ใช่ครับมีอะไรหรือเปล่าพอดีผมกำลังยุ่ง” จอมพลหาทางตัดบทเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมาขอความช่วยเหลือจากเขาซึ่งตอนนี้เขาไม่ว่างทำให้จริงๆ

“พอดีคุณภีมเจ้าของห้องเขาฝากของคืนคุณน่ะครับ”

“ของ?”

“ครับอยู่ในห้องเดี๋ยวผมเอามาให้” ชายหนุ่มรีบวิ่งกลับไปที่ห้องทำงานก่อนจะกลับออกมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่ร่างสูงเคยใช้มันเพื่อขนของและเสื้อผ้ามากมายมาอยู่กับร่างโปร่งที่นี่

“นี่ครับ” ว่าเสร็จอีกฝ่ายก็ยื่นกระเป๋าเดินทางใบนั้นให้อีกคน

จอมพลมองกระเป๋าของตัวเองด้วยความรู้สึกตื้อขึ้นมาจนจุกอยู่เต็มอก ร่างสูงรู้สึกไม่ชอบเอาเสียเลยที่ภีมทำแบบนี้เพราะแม้แต่ของของเขาร่างโปร่งยังไม่ยอมเก็บไว้ในห้องเลยยังงั้นเหรอ?

“ขอบคุณครับ” จอมพลเอ่ยกลับไม่เต็มเสียง

“เอ่อ…คืออย่าหาว่าผมยุ่งเรื่องพวกคุณเลยนะครับ” คนตรงหน้าตัดสินใจถามเมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของจอมพล “พวกคุณมีปัญหากกันเหรอครับถึงขนาดจะประกาศขายห้องเลยทีเดียว”

“อะไรนะครับ!? ขายห้อง?” ร่างสูงถามย้ำอย่างไม่เชื่อหู

“ครับคุณภีมมาติดต่อทำเรื่องไว้เมื่อวาน…คือผมเองก็มีคนรักเป็นผู้ชายเหมือนกันน่ะครับผมเลยอยากจะบอกว่าค่อยๆ ปรับความเข้าใจกันดูเพราะความรักแบบพวกเรามันไม่ง่าย ใจเย็นๆ เดี๋ยวเราก็เห็นทางออกเองแหละครับ” พนักงานชายว่าพลางยิ้ม

“ผมเข้าใจครับเพราะเขาเองก็เป็นคนรักผู้ชายคนแรกของผมเหมือนกัน” จอมพลยอมรับว่ามีปัญหารักอยู่กรายๆ ก่อนจะหันไปถามพนักงานหนุ่มอีก “ว่าแต่ที่คุณบอกว่าภีมทำเรื่องไว้เมื่อวานคือเขาอยากจะให้ทางคุณลงประกาศขายให้เหรอครับ”

“ครับแต่ผมยังไม่ได้ทำอะไร” เขาบอก

“งั้นผมจะซื้อมันไว้เองแต่คุณอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับเขานะครับ” จอมพลตัดสินใจโดยไม่ต้องคิดเดี๋ยวนั้นเลย

“ดะ…ได้ครับผมจะจัดการให้”

“แล้วผมจะติดต่อมาขอตัวก่อน” ร่างสูงพูดทิ้งท้ายเพียงเท่านั้นก่อนจะรีบวิ่งออกจากคอนโดตรงไปยังรถของตัวเองพร้อมกับต่อสายถึงราชันย์เพื่อสอบถามถึงเมียของฝ่ายนั้นแต่แล้วสิ่งที่เขาคิดไว้ก็ต้องสลายเมื่อเพื่อนรักอย่างราชันย์กลับบอกว่าแฟร์อยู่กับเขาตลอดเวลาและภีมเองก็ไม่ได้ติดต่อไปหาแฟร์ได้สักพักแล้ว

จอมพลวางสายพลางกัดฟันแน่นร่างสูงนั่งใช้ความคิดเสียจนหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมยิ่งขดติดกันเข้าไปอีก มือหนาลูบไปตามหน้าจอโทรศัพท์ขณะที่อีกมือหนึ่งก็เคาะบนพวงมาลัยไปมาด้วยท่าทีกระวนกระวายใจ กระทั่งความคิดหนึ่งแล่นเข้าหัวของเขาอย่างจังจอมพลจึงรีบต่อสายถึงน้องสาวตัวเองเพื่อขอให้ฝ่ายนั้นสอบถามไปยังทิชาทันที

[ว่าไง?] ร่างสูงถามเมื่อจอมใจที่รับหน้าที่โทรหาทิชาโทรกลับมา

[ทิชาบอกว่าไม่ยะ!...]

[เป็นไปไม่ได้! ถ้ายังงั้นแล้วมันจะไปอยู่ที่ไหนวะ!!]

[พี่พลฟังฉันก่อน!] ปลายสายตะโกนว่าเมื่อจอมพลไม่ยอมฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด

[ทิชาบอกว่าไม่อยู่แต่ฉันคิดว่าพี่ภีมต้องอยู่ที่นั่นแน่ๆ เพราะทิชาอ้ำๆ อึ้งๆ ตอบคำถามของฉันเหมือนขอไปทีแถมยังรีบวางสายอีกต่างหาก] จอมใจบอกเมื่อสงสัย

[งั้นพี่ขอที่อยู่บ้านเขาหน่อย] จอมพลไม่รอช้าวานกลับ

[ได้เดี๋ยวแชร์โลเคชั่นไปให้]

[งั้นแค่นี้นะ]

[เค]

ร่างสูงนั่งรอกระทั่งจอมใจส่งที่อยู่ของทิชามาให้ จอมพลขับเคลื่อนตัวรถออกจากลานจอดของคอนโดก่อนจะขับมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ ตัวรถหรูวิ่งผ่านถนนสายยาวร่วมครึ่งชั่วโมงก่อนจะเลี้ยวเข้าในซอยที่เต็มไปด้วยตึกแถวขนาบทั้งสองข้างทาง จอมพลหยุดรถเมื่อเห็นทิชากำลังกวาดฝุ่นหน้าตึกแถวล็อกหนึ่งอยู่ร่างสูงไม่รอช้ารีบดับเครื่องก่อนจะเปิดประตูลงจากรถและสาวเท้าเดินเข้าไปหาหญิงสาวที่ก้มๆ เงยๆ เพื่อหยิบเอาสายยางที่พันกันไว้ออกมาหมายจะรดน้ำต้นไม้กระถางเล็กหน้าบ้านของตน

“พี่ชายเธออยู่ไหน” เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาลูกสาวเจ้าของบ้านถึงกับปล่อยสายยางให้มือและอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“คุณ!?” ทิชาเบิกตาเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ฉันถามว่าพี่ชายเธออยู่ไหน?” ร่างสูงถามย้ำอีกฝ่ายกลับไป

“คุณมาผิดที่แล้วพี่ภีมไม่ได้อยู่ที่นี่!” หญิงสาวทำท่าว่าจะเดินหนีเข้าไปในบ้านทว่าแขนเล็กของเธอกลับถูกมือหนาของจอมพลคว้าเอาไว้เสียก่อน

“โกหก”

“ไม่ได้โกหก”

“แล้วนั่นรองเท้าใคร”

“!!” ทิชาหน้าเสียเมื่อดวงตาคมของจอมพลจับจ้องไปยังรองเท้าหนังยี่ห้อดังที่วางไว้ข้างๆ ประตูเข้าบ้าน

“เขาอยู่ที่ไหน?” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงเย็นอีกครั้ง

“ฉันไม่รู้!”

“ไม่มีทางที่เธอจะไม่รู้!”

“…” หญิงสาวชะงักเมื่อถูกคนตรงหน้าขึ้นเสียงใส่ จอมพลเสยผมอย่างโมโหตัวเองที่ไม่เก็บอารมณ์ให้ดีกว่านี้ก่อนร่างสูงจะถอนหายใจเอ่ยเสียงเรียบ

“ขอโทษแต่ขอร้องล่ะ…คิดเสียว่าเห็นแก่ฉันเถอะไม่ว่าพี่ชายเธอจะห้ามไม่ให้เธอบอกอะไรก็ตามแต่ช่วยบอกฉันทีว่าเขาอยู่ที่ไหน” เสือที่เคยแน่กลับแพ้ให้กับภีมวิทธิ์อย่างราบคาบ จอมพลไม่เคยอายแม้เขาต้องพูดจาอ้อนวอนคนอื่นเพื่อให้ได้รู้ว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหนเพราะสำหรับเขาแล้วภีมคือคนที่ทำให้เขายอมทำทุกอย่างได้โดยไม่มีข้อแม้

“เฮ้อ…ขอโทษที่ต้องทำเป็นไม่รู้นะคะแต่ฉันถูกพี่ภีมเขาขอไว้จริงๆ” คนตรงหน้าใจอ่อนยอมคายเรื่องที่อีกฝ่ายอยากรู้ออกมาทันใด

“ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ”

“พี่ภีมเขากลับมาอยู่ที่นี่ได้สองวันแล้วค่ะ” ทิชาเว้นช่วงไว้นิดก่อนจะเอ่ยต่อ “แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่”

“ไม่อยู่!? หมายความไง?” จอมพลสวนกลับทันควัน

“เพราะเขาออกไปทำงานแล้วค่ะ”

“ทำงาน?”

“เป็นครูสอนเด็กๆ ที่บ้านเด็กกำพร้าที่เขาเคยอยู่น่ะค่ะบ้าน 'อิ่มสุข' คุณเคยได้ยินหรือเปล่า” ร่างสูงพยักหน้ารับเพราะบ้านอิ่มบุญที่ว่าห่างจากที่นี่ไม่มาก

“ถ้าไปก็เจอเขาที่นั่นแหละค่ะ”

“ขอบใจมาก” พูดเสร็จร่างสูงก็หันหลังกลับรีบสาวเท้าเดินไปยังรถก่อน ทิชาที่มองแผ่นหลังของจอมพลด้วยแววตาสงสารเคล้าเห็นใจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากจะตะโกนเรียกให้เขาหันกลับมา

“เดี๋ยวก่อนค่ะคุณจอมพล!” ร่างสูงชะงักฝีเท้าพร้อมหันกลับ

“สู้ๆ นะคะ” หญิงสาวกำมือทำถ้าฮึบพลังส่งให้

“คราวหลังไม่ต้องเรียก คุณ นะเรียก พี่ ก็พอ” ร่างสูงพยายามเหยียดยิ้มกลับหน่อยๆ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไปทันที



มีต่อค่ะ....
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 01-08-2017 08:53:18
ต่อค่ะ...



ร่างสูงจอดรถข้างทางก่อนจะลงมายืนชะเง้อคอมองเข้าไปข้างในเนื่องจากด้านหน้าของบ้านอิ่มบุญถูกปิดกั้นด้วยประตูรั้วที่สูงกว่าสองเมตร    หนำซ้ำสภาพข้างในที่เงียบสงัดจนคล้ายกับว่าไม่มีใครอยู่จนเกือบจะเป็นเหตุให้จอมพลนึกก่นด่าทิชาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายหลอกให้เขามาที่นี่หากไม่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังเสียก่อน

“มีธุระอะไรที่นี่เหรอจ้ะพ่อหนุ่ม” หญิงชราวัยหกสิบสี่ปีเจ้าของเรือนผม   สีดำประบ่าเหลือบสีขาวของงอกที่มักจะมีให้เห็นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยบั้นปลายถามขึ้นหลังจากที่เธอเพิ่งกลับจากไปทำธุระที่ธนาคารไม่ไกลจากบ้านมากนัก

“คือ…ผมมาหาภีมน่ะครับ” จอมพลยกมือไหว้อีกฝ่ายกลับ

“เป็นเพื่อนเขางั้นเหรอ?”

“เอ่อ…จะว่ายังงั้นก็ได้ครับ” ตอบได้ไม่เต็มเสียงเพราะสำหรับร่างสูงภีมเป็นมากกว่านั้นแต่คงบอกอีกฝ่ายไม่ได้

“งั้นเข้ามาก่อนๆ” เธอว่าก่อนจะเลื่อนเปิดประตูรั้วเดินนำจอมพลเข้ามา

“ขอบคุณครับคุณ…”

“เรียกแม่นภาก็ได้จ้ะ” หญิงชรายิ้มจนเห็นรอยตีนกาที่ไม่ได้รับการดูแลหากแต่เธอก็ยังดูเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตาไม่หาย

“ครับแม่นภาพอดีผมมีเรื่องต้องคุยกับภีมน่ะครับไม่ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” ไม่รอช้าร่างสูงที่อยากเห็นอีกฝ่ายเสียเต็มประดาเอ่ยถามอีกคนทันที

“โน่นจ้ะ…ที่ห้องเรียนใต้ต้นอโศก” เธอว่าพลางชี้ไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ประมาณร้อยเมตร

“ขอบคุณมากครับถ้างั้นผมขอตัวไปหาเขาก่อนนะครับ”

“ตามสบายจ้ะ”

ร่างสูงเดินผ่านซุ้มทางเดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยไม้เลื่อยอย่างม่านบาหลีและกลุ่มพันธุ์ไม้อีกนานาชนิดที่ถูกปลูกไว้ขนาบสองข้างทางจนทำให้อาณาบริเวณนี้ชื้นและเย็นกว่าที่ที่เขาเพิ่งจากมา ดวงตาคมจดจ้องไปยังร่างโปร่งที่ถูกรายล้อมไว้ด้วยเด็กๆ ตัวน้อยอายุไม่น่าเกินหกขวบกว่าสามสิบคนตรงหน้า ภีมที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ถือสมุดนิทานเล่มหนึ่งอยู่ในขณะที่เรียวปากเล็กของเขาก็ขยับไปตามเนื้อเรื่องที่กำลังถ่ายทอดให้กับเหล่านักเรียนตัวน้อยๆ ได้ฟัง

จอมพลชะงักฝีเท้าเมื่อจู่ๆ ก็เกิดลังเลขึ้นมา ร่างสูงได้ยินเสียงของอีกฝ่ายที่ไหลมาตามลมก่อนจะตัดสินใจยืนหลบอยู่หลังพุ่มไม้มองไปยังอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ

*นานมาแล้ว…ดินสอเป็นเพื่อนกับยางลบ ทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันทำอะไรด้วยกันตลอด หน้าที่ของดินสอก็คือการเขียนมันจะเขียนทุกที่ทุกอย่าง ตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบส่วนหน้าที่ของยางลบก็คือการลบ มันก็จะลบทุกอย่างที่ดินสอเขียนทุกที่ทุกเวลาเช่นเดียวกัน

เวลาผ่านไปนานหลายสิบปีทุกอย่างยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมาจนกระทั่งวันหนึ่งดินสอตัดสินใจพูดกับยางลบว่า “เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว” ยางลบได้ยินดังนั้นก็ทำหน้างงแล้วถามดินสอกลับ “ทำไมล่ะ” ดินสอเลยพูดอีกว่า “ก็เราเขียน นายลบ แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย” ยางลบหน้าเสียก่อนจะบอกดินสอไปว่า “เราก็แค่ทำตามหน้าที่ของเราเราไม่ผิด" ใบหน้าและท่าทางการเล่าของภีมทำให้คนที่แอบมองอยู่ลอบยิ้มขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ เขายังไม่เคยเห็นอีกฝ่ายด้านนี้ จอมพลแค่หวังว่าเขาจะสามารถเห็นทุกอย่างของอีกฝ่ายได้ตลอดไป

“เมื่อตกลงกันไม่ได้สุดท้ายทั้งคู่ก็แยกทางกัน…ดินสอ พอแยกทางกับยางลบมันก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรก็ได้ตามใจของมันแต่พอเวลาผ่านไปมันก็เริ่มเขียนผิด ข้อความสวยๆ ที่มันเคยเขียน ก็สกปรกมีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด

"มันคิดถึงยางลบจับใจ"

ฝ่ายยางลบ พอแยกทางกับดินสอ มันก็ดีใจที่ตัวมันไม่ต้องเปื้อนอีกต่อไปแต่พอเวลาผ่านไป มันกลับใช้ชีวิตอย่างไร้ค่า เพราะไม่มีอะไรให้ลบ

"มันคิดถึงดินสอจับใจ"

ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง เขียนแต่สิ่งที่ดีๆส่วนยางลบก็จะลบเฉพาะสิ่งที่ดินสอเขียนผิดเท่านั้น…


หากเปรียบการเขียนเป็นการจดจำ ดินสอ…ในตอนแรกก็จำทุกเรื่องทั้งดีและไม่ดีแต่พอเปลี่ยนไป มันก็หัดเลือกจำแต่สิ่งที่ดีๆ เท่านั้น

ส่วนการลบก็เปรียบเสมือนการลืม ยางลบ…ในตอนแรกก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่างทั้งที่ดีและไม่ดีแต่ทุกครั้งที่ลืมเรื่องดี ตัวมันก็จะสกปรกแต่หลังจากนั้นมันเลือกลืมแต่เรื่องที่ไม่ดี หรือก็คือการให้อภัยนั่นเอง

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…จงจดจำเรื่องราวดีๆ ที่เคยมีให้กันและให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดของกันและกัน”


(*นิทานดินสอกับยางลบจากหนังสืออ่านไปให้รักเป็น)

เมื่อเล่าจบร่างโปร่งก็ปิดหนังสือนิทานลง ภีมมองดูหน้าตาจิ้มลิ้มของเด็กๆ ที่ตั้งใจฟังนิทานของเขาอย่างนึกโล่งใจขึ้นมานิด สองวันมานี้หากถามว่าทรมานมั้ย? ร่างโปร่งก็บอกได้เต็มปากเลยว่ามาก…มากกว่าตอนที่เขาเสียใจเรื่องแดเนียลเป็นสิบเป็นร้อยเท่าเลยก็ว่าได้ แต่เขาก็จำเป็นต้องทำแม้ว่ามันจะทำให้ตัวเขาเองเจ็บปวดด้วยก็ตาม

ร่างโปร่งลุกขึ้นยืนเพื่อจะเลิกคาบเรียนเพราะถึงเวลานอนกลางวันของเด็กๆ แล้ว แต่ทว่าเมื่อเขากำลังเก็บสื่อการสอนของตัวเองเสียงหนึ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยินอีกครั้งก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของของมันที่เดินมาหยุดอยู่ตรงท้ายแถวของเด็กๆ พร้อมกับมองอีกฝ่ายด้วยแววตาเศร้า

“แล้วมึงจะให้อภัยกูเหมือนอย่างนิทานนั่นได้มั้ย” เสียงทุ้มถามขึ้นก่อนคนที่ต้องตอบคำถามนี้จะเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจกับการมาของอีกฝ่าย

“คุณจอมพล!”

บรรยากาศเริ่มเข้าสู่ความมาคุเมื่อไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมาอีกพวกเด็กๆ ที่นั่งอยู่ต่างก็พากันลุกขึ้นก่อนจะเดินไปหลบอยู่หลังภีมเพราะไม่เคยเห็นร่างสูงมาก่อน

“ภีมกูว่าเราคุยกันหน่อยมั้ย” จอมพลตัดสินใจเป็นคนเริ่ม ทว่าอีกฝ่ายกลับค้านไม่ยอม

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณแล้วกลับไปซะเถอะ” ภีมว่าพลางหันหน้าไปอีกทางเพราะไม่อยากให้จอมพลเห็นว่าตอนนี้เขากำลังอ่อนแอ ก่อนร่างโปร่งจะถูกเด็กชายตัวป้อมที่เกาะชายเสื้อเขาอยู่ถามขึ้น

“ใครเหรอครับครูภีม”

“อาเป็นสามีของครูภีมครับ” ร่างสูงชิงตอบคนตัวเล็ก

“คุณ!?” ภีมถลึงตาเอ็ดกลับ

“เอ๋…ครูภีมเป็นผู้ชายแต่ทำไมครูถึงมีสามีล่ะครับ?” ความไร้เดียงสาของเด็กทำเอาร่างโปร่งถึงกับหน้าเห่อร้อนอย่างห้ามไม่อยู่

“พาเพื่อนไปหาแม่นภาที่ห้องก่อนนะแล้วเดี๋ยวครูจะตามไป” ภีมก้มบอกเจ้าตัวป้อมก่อนเด็กน้อยจะพยักหน้าทำตามอย่างว่าง่าย

ทันทีที่เด็กทุกคนต่างพากันเดินกลับไปยังห้องเรียนร่างโปร่งที่ปรายตามองจอมพลอยู่แล้วก็เริ่มเอ็ดอีกฝ่ายกลับเสียงดัง

“คุณบอกแบบนั้นกับพวกเด็กๆ ได้ยังไง!”

“…”

“ผมถามว่าคุณบอกแบบน่ะ! อ่ะ!!” ภีมเบิกตากว้างเมื่อร่างสูงตรงหน้าคว้าตัวเขาเข้าไปกอด ร่างโปร่งพยายามดันแผงอกของจอมพลออกเต็มแรงทว่าแขนแกร่งของอีกฝ่ายที่โอบแผ่นหลังของเขาอยู่กลับเพิ่มแรงกระชับมากกว่าเดิมอย่างไม่ยอมแพ้

“กูขอโทษภีมเรากลับมาเป็นแบบเดิมจะได้มั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นคล้ายกับอ้อนวอนจนร่างโปร่งชะงัก ภีมนิ่งเงียบฟังจังหวะหัวใจที่เต้นราวกับกระวนกระวายของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกมากมายที่ตื้อขึ้นมาทับอกของเขาอย่างหนัก ทว่าร่างโปร่งก็ยังตัดสินใจดิ้นให้หลุดออกจากวงแขนนี้เหมือนเดิม

“ปล่อยผมนะคุณจอมพล!”

“กูไม่ปล่อย”

“ปล่อย!”

“ไม่ปล่อย!”

“โอ้ยผมเจ็บนะ!!” ภีมร้องเมื่ออีกฝ่ายกอดเขาแน่นเสียจนรู้สึกเหมือนกระดูกกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

“ขอโทษ…” จอมพลเอ่ยหน้าเสีย

“แล้วแบบเดิมของคุณมันแบบไหน? แบบที่ผมต้องโดนคุณทำร้าย แบบที่ต้องเจ็บตัวซ้ำๆ อย่างงั้นน่ะเหรอ?” คนตัวเล็กกว่าว่าให้

“กูไม่ได้ความหมายแบบนั้นกูหมายถึงแบบอาทิตย์ก่อนหน้าที่จอมใจจะกลับมาอยู่บ้าน” ร่างสูงพยายามจ้องลึกเข้าไปในแววตาแข็งกร้าวของอีกฝ่าย

“ไม่” ภีมตอบเสียงเรียบหากแต่คำตอบนี้กลับทำให้คนตรงหน้าเจ็บเข้าไปถึงกระดองใจ

“ทำไม!?” จอมพลรีบถามสวนกลับ แม้จะยังไม่หายโกรธก็เข้าใจแต่   อีกฝ่ายจะไม่คิดให้เขาได้แก้ตัวสักหน่อยเลยเหรอ?

“ก็เรื่องของเรามันจบไปแล้วจบไปพร้อมกับข้อตกลงในสัญญานั่นผมชดใช้ทุกอย่างแล้วคุณยังต้องการอะไรอีก”

“กูต้องการมึง!”

“!!”

“แค่นั้น…แค่มึง หัวใจมึง ตัวมึงทุกอย่างที่เป็นมึงกูต้องการทั้งหมด”  ร่างสูงไม่ว่าเปล่ามือหนายังเอื้อมไปกุมมืออีกฝ่ายเพื่อหวังอยากจะให้ภีมให้อภัยตัวเองอีก “กูรู้ว่ามึงเองก็รู้สึกกับกูเหมือนที่กูรู้สึกกับมึง มันไม่ได้ต่างกันเลยตอนนึ้มึงเป็นยังไงกูเองก็เป็นอย่างนั้นนะภีม” จอมพลเอ่ยต่อก่อนภีมจะถามทันควัน

“แล้วคุณรู้สึกยังไงกับผม?”

“…” คนถูกถามชะงักนิ่ง ร่างสูงเกลียดตัวเองที่ไม่กล้าพูดออกไปจนกลายเป็นความขี้ขลาดที่เขาเองก็ยังแก้ไม่ได้

ภีมสบตาคมที่มองมาอย่างอัดอั้น ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเขาเองต้องการอะไรถึงได้ถามออกไปอย่างนั้นหากแต่การที่อีกฝ่ายไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาก็ทำให้เขาเหมือนกับกำลังถูกเชือดให้ตายทั้งเป็นเช่นกัน

“พอเถอะไม่ว่ายังไงผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่าเรื่องของเรามันจบแล้ว”   ร่างโปร่งตัดสินใจเอ่ยเสียงเรียบทว่าครั้งนี้มันกลับสร้างโทสะให้ความใจเย็นของคนตรงหน้าขาดสะบั้น จอมพลกระชากตัวภีมเข้ามาก่อนจะคว้าบีบต้นแขนของอีกฝ่ายพร้อมทั้งคาดคั้นกลับอย่างไม่ยอมรับ

“แต่กูไม่จบ!”

“คุณกำลังทำผิดข้อตกลง!”

“ช่างหัวแม่งมันสิวะ!!”

“!!” ภีมเบิกตานิ่งอึ้ง

“ไม่จบยังไงกูก็ไม่จบ! มึงขึ้นชื่อว่าเป็นเมียกู! เป็นคนของกู! เป็นทุกๆ อย่างที่กูปล่อยไปไม่ได้! อย่าหวังว่าจะมีวันนั้นกูจะตามมึงไปทุกที่ทำทุกอย่างให้มึงยอมรับคำขอโทษจากกูครั้งนี้กูขอสัญญาด้วยเกียรติของตัวกูเอง!!” ร่างสูงตะโกนลั่น

ทั้งคู่จ้องกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร ภีมออกแรงผลักอีกคนออกแต่ จอมพลกลับรวบตัวเขาไปกอดเอาไว้ แม้ร่างโปร่งจะไม่เถียงอะไรออกมาทว่าการกระทำที่ดูเหมือนว่าเขารังเกียจอีกฝ่ายเหลือเกินก็ทำให้จอมพลจุกไปทั้งอก นิ้วเรียวหยิกลงบนหน้าอกของร่างสูงท่ามกลางน้ำตาที่เริ่มเอ่อขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวยิ่งทำให้ร่างโปร่งพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดก่อนที่มันจะไหลออกมา

สายไปแล้ว…ทุกอย่างสำหรับเรามันสายไปแล้ว

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยื้อกันไปมาหญิงชราที่บังเอิญได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็ออกจากหลังพุ่มไม้ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาเพราะดูท่าว่าตอนนี้พวกเขาทั้งคู่คงต้องการเวลาเพื่อสงบจิตใจของตัวเองเสียก่อนไม่เช่นนั้นความรักอาจกลายเป็นความเกลียดชังไปได้

“ขอโทษที่แม่มาขัดจังหวะนะพ่อหนุ่ม” แม่นภาเอ่ยขัดก่อนที่ภีมจะผลักจอมพลที่เผลอออกได้สำเร็จ

“มีอะไรหรือเปล่าครับแม่” ร่างโปร่งหอบถามกลับก่อนจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ก็เจ้าภูมิน่ะสิถามหาแต่เราแม่เลยออกมาตามเพราะเดี๋ยวจะชวดเวลานอนกลางวันไม่งั้นตอนเย็นแกจะงอแงเอา” ภูมิที่แม่นภาว่าคือเด็กผู้ชายตัวป้อมที่ภีมวานให้พาเพื่อนๆ กลับเข้าห้องไปเมื่อกี้

“ครับเดี๋ยวผมจะไป” ร่างโปร่งเลือกที่จะไม่มองจอมพลก่อนจะพูดอีก

“แม่นภาครับคราวหลังถ้าผู้ชายคนนี้มาที่นี่อีกอย่าเปิดประตูให้เขาเข้ามานะครับเขากับผมไม่ได้เป็นอะไรกันแม้แต่คำว่าคนรู้จักผมยังให้ไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“เอ่อคือ…”

“แต่ถ้าผมเป็นผู้อุปถัมภ์ของที่นี่ก็สามารถเข้าได้ใช่มั้ยครับ”

“!!” ร่างโปร่งที่กำลังก้าวเท้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องเรียนหันขวับกลับมาพร้อมทั้งจ้องคนพูดเขม็ง

“ผมจะให้ทีมวิศวกรและช่างจากบริษัทของผมเข้ามาดูแลปรับปรุงที่นี่เพราะจากที่ผมดูแล้วตัวอาคารที่เป็นไม้ส่วนใหญ่ค่อนข้างทรุดโทรมลงไปมากหากปล่อยไว้อาจเกิดอันตรายกับเด็กๆ ได้”

“คุณ!?”

“อีกอย่างรบกวนแม่นภาช่วยทำรายการรายจ่ายของบ้านทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์การเรียนการสอน มาเป็นรายปีด้วยนะครับเพราะผมจะจ่ายให้ทั้งหมด”

“คุณจอมพล!” คนตัวเล็กกว่ากัดฟันแน่น

จอมพลที่ยื่นข้อเสนอกำลังถือไพ่เหนือกว่า ภีมรู้ดีว่าบ้านอิ่มสุขขาดเงินสนับสนุนมาหลายปีแล้วที่ยังอยู่ได้ก็เพราะแม่นภาคอยขอรับบริจาคจากหลายๆ แห่งแต่ก็ไม่พอจนต้องนำเงินส่วนตัวมาใช้จ่ายกับบ้านอยู่บ่อยๆ

“พะ…พูดจริงเหรอจ้ะพ่อหนุ่ม?” แม่นภาถามย้ำอย่างไม่เชื่อหูในขณะที่ภีมเองได้แต่รวบกำมือเอาไว้แน่น

จอมพลกำลังทำให้เขายิ่งลำบากใจและเป็นไปไม่ได้ที่แม่นภาจะไม่สนใจข้อเสนอของอีกฝ่าย

“ครับแต่ผมมีข้อแม้”

“?”

“ผมจะจ่ายเงินให้ก็ต่อเมื่อภีมยังสอนอยู่ที่นี่เท่านั้นและผมจะขออนุญาตมาหาเขาจนกว่าเขาจะใจอ่อนยอมยกโทษให้ผม”

“!!”



TBC......
-----------------------------------------------------
อีเฮียเล่นแบบนี้อีกแล้วววววววววว
ไม่เคยจะหลาบจำเลย!! แต่ก็นะมัน style ของฮี ทำไงได้?
เอาล่ะค่ะแอบมากระซิบว่าอีกสามบทจะจบแล้ว รอลุ้นกันนาาาาาาาาา


 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเหมียว17 ที่ 01-08-2017 09:35:15
  :o8:  :o8:  :-[  :-[ งืดดดดดดดด............... :z1:
  อยากให้จอมพลโดนแรงกว่านี้จัง แต่ก็สงสารอ่ะนะ..ภีมก็เล่นเบาๆ หน่อย
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 01-08-2017 12:48:44
จอมพลตื้อหนักสายโหดแบบนี้ ภีมจะรอดไปไหนได้
 :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 01-08-2017 20:39:30
จอมพลมาสายเปย์
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.26 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-08-2017 20:58:15
งานนี้จอมพลเป็นป๋าเลี้ยงภีมแน่ๆ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 01-08-2017 21:39:23

CHAPTER 27



Peam’s Part…

คิดว่าหลังจากที่จอมพลพูดแบบนั้นแล้วผมจะทำยังไง?

แน่นอนว่าผมมีสภาพไม่ต่างอะไรกับคนถูกมัดแล้วดิ้นไม่หลุด หนำซ้ำแม่นภาที่หลังจากจอมพลยอมกลับไปเธอก็ตรงเข้ามาอ้อนวอนขอร้องผมด้วยเหตุผลอะไรก็คงรู้ๆ กันเล่นเอาผมปฏิเสธไม่ได้จนต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมครั้งนี้อย่างช่วยไม่ได้

ส่วนรื่องการซ่อมแซมและการจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของบ้านทางเขาก็ทำอย่างที่พูดไว้ไม่ขาดตกบกพร่อง จอมพลจะมาที่บ้านอิ่มสุขตอนกลางวันทุกวันเพื่อดูความคืบหน้าของงานก่อสร้างและจัดการเรื่องอื่นๆ ร่วมกับแม่นภาตลอดจนมานั่ง 'เฝ้า' เฮ้อ…ผมสามารถใช้คำนี้ได้มั้ยนะ? เพราะเขาเล่นเข้ามานั่งหลังห้องในขณะที่ผมกำลังสอนเด็กๆ นั่งมองอยู่อย่างนั้นจนเป็นผมเสียเองที่ประหม่าจนทำอะไรไม่ถูก ให้ตายเถอะ! แค่เขาเดินผ่านผมก็เกร็งมากพออยู่แล้ว ไหนจะต้องมาโดนสายตานั่นของเขาจับจ้องมาอีก

ไอ้ภีมเอ้ย! มึงจะทนใจแข็งแบบนี้ไปได้สักกี่น้ำ?

ติ๊ดๆๆๆ ติ๊ดๆๆๆ

[ว่าไงแฟร์] ผมเอ่ยถามปลายสายหลังกดรับ

[เป็นไงบ้างมึง?]

[เป็นไง? กูเป็นอะไรมึงถึงโทรมาถามแบบนี้] ผมเลิกคิ้ว

[อ้าว! ก็คุณราชันย์บอกกูว่าเพื่อนเขาไปตามง้อตามเฝ้ามึงไม่ใช่?] แฟร์เอ่ยแซวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

[เหอะ! จำเป็นต้องรายงานเมียทุกเรื่องที่รู้หรือไง] ผมเอ็ด

[อ้าวไอ้นี่! กูโทรมาถามยังมีหน้าไปว่าเขาอีก]

[ก็มันจริงนี่หว่าคนหนึ่งรู้อีกคนก็ต้องรู้ทุกที] ผมยิ้มให้กับคำพูดของมัน

จะว่าไปก็อดอิจฉามันไม่ได้ที่สุดท้ายก็ตกลงคบหากับคุณราชันย์หลังจากครั้งล่าสุดที่ผมกับมันได้คุยกันจนถึงตอนนี้ก็น่าจะราวๆ สองเดือนได้แล้วล่ะมั้ง เฮ้อ…วันเวลานี่ผ่านไปไวเหมือนกันเนอะแต่ทำไมผมถึงยังรู้สึกว่าชีวิตของผมไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นเลยมันเหมือนย่ำอยู่กับที่ในขณะที่คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะก้าวไปข้างหน้าหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ

[ก็มึงไม่ยอมโทรมาบอกกูเองนี่หว่า] แฟร์พูดต่ออย่างน้อยใจ

[มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร] ผมว่า

[เหอะ! ไม่ใหญ่? ไม่ใหญ่แล้วหนีเขาเพื่อ?] ปลายสายขึ้นเสียงถาม

[ทำมาว่ากูมึงเองก็เคยหนีคุณราชันย์เขาเหอะ] ผมย้อนมันกลับบ้าง

[กูไม่ได้หนี! ที่กูขอไปอยู่กับมึงเพราะต้องการสงบจิตสงบใจต่างหาก]

[หรา…] ผมลากเสียงว่าให้มันอีกครั้งก่อนแฟร์จะพูดตัดบทกลับมา

[เออ! งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วกูจะวางสายแล้วนะ]

[เออ! เฮ้ยแฟร์เดี๋ยวๆ] ผมยื้อมันเมื่อคิดบางอย่างที่ยังไม่ได้พูดออก

[อะไรอีกวะ?]

[กูดีใจกับมึงด้วยนะเว้ย] ผมบอกมันจากใจจริงแต่แฟร์กลับเงียบไป   สักพักแล้วจึงเอ่ยกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

[ภีม…กูถามจริงเถอะมึงเองก็รักคุณจอมพลไม่ใช่เหรอ]

[…]

[กูรู้ว่าเรื่องที่มึงเจอมันเลวร้ายแต่มันก็ยังดีที่เขายอมปรับปรุงตัวและทำเพื่อมึงทุกอย่างนะเว้ย] แฟร์พูดเหมือนพยายามดึงสติผม

[มึงก็พูดง่ายนะแฟร์กูกับเขาไม่เหมือนมึงกับคุณราชันย์หรอกนะ ยังไงซะกูก็นึกภาพตอนรักกันไม่ออกว่ะเพราะว่ามันคงเป็นไปไม่ได้] ผมบอกเสียงอ่อน

แต่ไม่รู้ว่าในใจของผมคิดแบบนั้นจริงหรือเปล่า

[อะไรทำให้มึงคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้] แฟร์สวนถาม

ผมเงียบก่อนสายตาจะสบเข้ากับจอมพลที่เดินหน้าบึ้งมาแต่ไกล

[กูเองก็เคยทิฐิจนเกือบจะเสียคนที่เขารักกูและกูเองก็รักเขาไป กูไม่อยากให้มึงเป็นแบบนั้น คิดดีๆ นะเรื่องแบบนี้ถ้าพลาดมึงเองอาจจะเสียใจไปตลอดก็ได้] มันพูดต่อเหมือนเตือน

[อืมไว้กูจะเก็บไปคิด] ผมบอกมัน

[งั้นแค่นี้นะคุณราชันย์เรียกไปทานข้าวแล้ว]

[โอเคบาย]

ผมกดวางสายก่อนคนที่เพิ่งจะเห็นว่าเขาเดินมาแต่ไกลจะหยุดอยู่ตรงหน้าพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดชนกัน

“ใคร?”

“?” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้เป็นผมเสียเองที่ต้องขมวดคิ้วสงสัยกลับ

“มึงคุยกับใคร”

“มันเรื่องของผม” ผมว่าพลางยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงเมื่อจอมพลเอาแต่จ้องมันไม่หยุด

“แต่กูต้องการจะรู้” เขาว่าพลางทำหน้าตึง

“จะยุ่งอะไรกับผมนักหนา” ผมปรายตามองอีกคนพลางตำหนิ

“ยุ่งกับเมียตัวเองไม่เห็นแปลกตรงไหน”

“เหอะ! ทั้งที่คนที่คุณเรียกว่าเมียเขาไม่ยอมรับน่ะเหรอ!?” ผมตอกกลับโดยไม่ทันได้คิด จอมพลหน้าเจื่อนลงไปทันทีก่อนผมจะเลือกเป็นผ่านเดินเลี่ยงจากเขาไปอีกทางแทน

หมับ!

“นี่คุณ!!” ผมโวยวายทันทีที่มือหนาของจอมพลคว้าเข้าที่ข้อมือซ้ายของผมก่อนที่เขาจะออกแรงกระชากให้ผมหันกลับและฉวยกอดผมไว้แน่น

“จะยอมไม่ยอมนั่นมันเรื่องของมึงแต่สำหรับกูยังไงมึงก็คือเมียกูอยู่ดี” เสียงทุ้มที่กระซิบข้างใบหูเรียกให้หัวใจของผมเต้นเร็วจนห้ามเอาไว้ไม่อยู่

แย่แล้ว! เขากำลังทำให้ผม…อ่อนแออีกแล้ว

“ปล่อยผมนะ!” ผมพยายามดิ้นให้หลุดแต่แม่งเอ้ย! จอมพลยิ่งออกแรงรัดเข้ามาอีก

“ขอกอดหน่อยมึงใจร้ายกับกูมาหลายอาทิตย์แล้วรู้ตัวมั้ย” คนที่กอดผมไว้เอ่ยเสียงอ้อน

“คุณจอมพลเดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” ผมพยายามดันตัวเขาออก

“ที่นี่มีใครไม่รู้บ้างว่ามึงเป็นอะไรกับกูขนาดเด็กสามสี่ขวบยังรู้เลย”  จอมพลบอกอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร

“นั่นเพราะคุณปากไม่ดีนิสัยไม่ดีเที่ยวบอกคนอื่นเขาไปทั่ว!”

“เขาว่าด่าผัวจะไม่เจริญนะ”

“เลิกพูดแบบนี้สักทีเถอะปล่อย!” ผมดิ้นจนหลุดเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่พูดเรื่องผัวๆ เมียๆ อีกครั้งก่อนจะหันหลังเตรียมเดินหนี

“เดี๋ยว”

“อะไร!?” ผมหันมาตวาดถามทันที

“กูจะกลับแล้ว”

“แล้วยังไง?”

“ออกไปส่งกูหน่อย”

“ไม่! รถคุณจอดข้างนอกนี้เองเดินออกไปคนเดียวสิ” ผมจ้องตำหนิเขาแต่ทว่าเมื่อผมพูดเสร็จใบหน้าของจอมพลก็กลายเป็นเรียบนิ่งปนไปด้วยความไม่พอใจฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“แค่ออกไปส่งกูขอแค่นี้มึงทำให้กูหน่อยไม่ได้เหรอวะภีม” เขาพูดด้วย   สีหน้าจริงจังระคนน้อยใจ

“…”

“แค่มึงไม่ยอมพูดกับกูก่อนกูก็อึดอัดจะแย่อยู่แล้ว”

“…”

“ไม่ได้ขอให้ไปด้วยสักหน่อยทั้งที่อยากขอใจจะขาดก็เถอะ” จอมพลเงียบไปก่อนจะมองผมด้วยแววตาขอร้อง “แค่ออกไปส่งเองภีมอย่าใจดำนักเลย”

ผมชะงักเมื่อเห็นท่าทีอ้อนวอนนั่นของเขา จอมพลเปลี่ยนไปมากหรือแท้จริงแล้วเขาเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ต้นเพียงแต่ที่ผ่านมาเพราะความแค้นเลยทำให้เขาทำเรื่องพวกนั้นกับผมกันนะ?

“ถ้างั้นก็ไปสิ”

“…”

“เดี๋ยวผมต้องรีบไปสอนเด็กๆ ต่อเวลาผมมีไม่มากหรอกนะ” ผมถอนหายใจก่อนจะขยายคำพูดเมื้อกี้ที่ทำให้จอมพลตีหน้ามึนไม่เข้าใจ

คนตรงหน้าฉีกยิ้มพลันรีบเดินนำไปยังประตูรั้วหน้าบ้านก่อนเขาจะหันมาถามผมที่เดินตามหลังจากกดปลดล็อกประตูรถและเปิดอ้ามันออกเพื่อเตรียมจะขึ้นไปยังที่นั่งคนขับ

“วันเสาร์นี้มึงว่างหรือเปล่า”

“ถามทำไม”

“แค่ถาม”

“ก็ไม่ได้ออกไปไหน” ผมตอบ

“งั้นดีเลย” จอมพลว่าก่อนผมจะรีบสวนถามกลับ

“หมายความว่าไง?”

“เปล่า กูกลับบริษัทก่อนนะไว้พรุ่งนี้จะมาใหม่” ว่าเสร็จก็ยิ้มนิดๆ

ให้ตายเถอะ! หลังๆ มานี่ทำไมเขาชอบยิ้มแบบนี้ตลอดเลยนะ

“ไม่ต้องบอกผมก็รู้ว่ายังไงคุณก็มา” ผมเหน็บ

“รู้ใจผัวดีนะเนี่ยเมียใครหว่า”

“คุณจอมพะ!...อ่ะ!!”

“ไว้เจอกันครับ”

ผมได้แต่อ้าปากค้างเมื่อจอมพลฉวยหอมแก้มซ้ายลงมาอย่างจัง! ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบขึ้นรถพลางเหยียดยิ้มส่งมาให้และขับออกไปทันที ผมเอื้อมมือขึ้นลูบแก้มซ้ายด้วยความตกใจในขณะที่สายตาของผมยังคงจับจ้องไปยังรถคันหรูที่เพิ่งจะขับผ่านหน้าไปไม่วาง

ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะผลักไสผู้ชายอย่างจอมพลออกจากชีวิตเพราะไม่ใช่แค่เขาไม่ยอมออกไปไหนแล้วหัวใจของผมยังเต้นแรงทุกครั้งที่ถูกเขาสัมผัสไม่เว้นแม้กระทั่งรอยจูบบนแก้มซ้ายที่ยังคงอุ่นราวกับว่าจอมพลยังไม่ได้ผละริมฝีปากออกไป

ทำยังไงดี? หัวใจของผมเหมือนกำลังจะอ่อนแอให้เขาอีกแล้ว
End Peam’s Part…




มีต่อค่ะ...
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 01-08-2017 21:40:28

ต่อค่ะ...



Chomphon’s Part…
ที่ผมถามภีมมันแบบนั้นไม่ใช่อะไรหรอกแต่เพราะวันเสาร์ที่จะถึงนี้ผมกะจะวานให้ทางคอนโดนัดมันเพื่อมาทำสัญญาซื้อขายห้องต่างหาก อันที่จริงก็ไม่คิดจะซื้อจากมันจริงๆ หรอกแค่อยากมีเวลาอยู่กับมันสองต่อสองหลังจากที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลยมานานกว่าสามอาทิตย์แล้วต่างหาก ถามว่าเหนื่อยมั้ยที่ต้องตามง้อตามขอมันให้อภัยอยู่อย่างนี้ มันก็ต้องมีท้อมีเหนื่อยกันบ้างเป็นธรรมดานั่นแหละเพราะหลังจากวันที่ผมยื่นข้อเสนอเพื่อมัดภีมไม่ไห้หนีไปไหนจนถึงวันนี้ก็ปาไปสามอาทิตย์แล้วแต่ดูท่าว่าภีมก็ยังไม่ยอมยกโทษให้ผมง่ายๆ

เฮ้อ…ทำไงได้ก็ผมเล่นทำกับมันไว้ซะเยอะนี่ถูกมั้ย?

ผมเดินเข้าบ้านหลังกลับจากบริษัท ก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอนของตัวเองแต่เมื่อผมเดินมาจนถึงทางเดินระหว่างห้องของผมและห้องของจอมใจที่อยู่ใกล้ๆ กันยัยน้องตัวดีก็พรวดพราดออกจากห้องของตัวเองมาหน้าตาตื่นจนไม้ค้ำที่ใช้พยุงออกมาด้วยเกือบจะหลุดมือหากผมไม่เข้าไปช่วยคว้ามันไว้ก่อน

“พี่พลทำไมมือถือพี่ถึงติดต่อไม่ได้!?” จอมใจถามเสียงชหอบ

“พอดีพี่คุยกับคุณนพชัยเจ้าของรีสอร์ทที่เชียงใหม่จนแบทหมดน่ะ ทำไมเหรอ? พรวดพราดออกมาจนเกือบจะหกล้มอยู่แล้ว”

“ก็แม่น่ะสิโทรมาหาจอมบอกว่ามีเรื่องด่วนจะคุยกับพี่”

“เรื่องด่วน? เรื่องอะไร?” ผมเลิกคิ้วถาม

“พูดยากน่ะฉันว่าพี่คุยกับแม่เองจะดีกว่า” จอมใจยื่นโทรศัพท์ของตัวเองที่ยังต่อสายถึงแม่ที่ญี่ปุ่นมาให้

[ครับแม่?] ผมคว้ามาก่อนจะเอ่ยถามปลายสาย

[ไงล่ะพ่อตัวดีง้อเขาถึงไหนแล้วล่ะเรา]

[ยังไม่ถึงไหนเลยครับภีมมันไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ น่ะสิ] พูดเองก็เจ็บเอง

[แล้วแกคิดว่าอีกนานแค่ไหนเขาถึงจะยอมใจอ่อนล่ะ] เสียงของแม่ถามกลับแต่ทำไมผมถึงรู้สึกว่ามันแข็งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

[ไม่รู้เหมือนกันครับแต่ถึงยังไงผมก็จะทำแบบนี้จนกว่ามันจะยอม]

[หึ! แล้วถ้าเกิดฉันบอกว่าแกทำอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ?]

[แม่หมายความว่าไง]

[ฉันต้องการให้แกมาดูแลกิจการที่ญี่ปุ่นแทนพ่อของแก]

[อะไรนะครับ!?] ผมตะโกนถามอย่างไม่เชื่อหู

บ้าน่า!...นี่มันเรื่องอะไรกันแล้วบริษัทที่นี่ใครจะดูแล?

[ได้ยินไม่ผิดหรอก…จอมพล]

[ไม่! แล้วบริษัททางนี้ล่ะครับใครจะดูแล] ผมพยายามหาข้ออ้าง

[ก็พ่อของแกไง] เสียงคำตอบทำเอาผมแทบอยากจะกุมขมับก่อนที่ท่านจะพูดต่อ

[ฉันกับพ่อของแกน่ะอายุมากแล้วพวกเราเลยคุยกันว่าจะย้ายกลับไปอยู่ไทย อีกอย่าง…ฉันมาคิดๆ ดูแล้วแกไม่ต้องไปง้อขอคืนดีภีมเขาให้เสียเวลาหรอกเพราะเมื่อวานพ่อของแกคุยกับคุณประพันธ์เรื่องแกกับหนูมาริกาเรียบร้อยแล้วพวกเราจะเลื่อนวันหมั้นเข้ามาให้เร็วที่สุด]

[ไม่!! ผมจะไม่หมั้นกับใครทั้งนั้นแม่กับพ่อทำแบบนี้กับผมไม่ได้!!] ผมตะโกนลั่นจนจอมใจที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ สะดุ้งโหยง

[ทำไมฉันจะทำไม่ได้! ฉันเป็นแม่แกนะจอมพล!!]

[แต่ชีวิตเป็นของผม!!] ผมสวนกลับก่อนจะค่อยๆ ถอนหายใจระงับความโกรธของตัวเองเมื่อเสียงของแม่ชะงักไป

[ผมไม่ยอมอยู่กับคนที่ผมไม่ได้รักเด็ดขาด] ผมบอกเสียงเรียบ

[ตอนนี้แกอาจจะยังยืนกรานว่าไม่แต่งแต่อีกไม่นานไม่ยังไงแกก็จะต้องแต่งกับหนูมาริกาเพราะถึงยังไงภีมก็ไม่ได้รักแก!] คำพูดของแม่ที่ตวาดกลับมาเล่นเอาผมจุกจนพูดไม่ออก

ไม่จริง…ผมมั่นใจว่าภีมเองก็รักผมเพียงแต่มันยังไม่ยอมรับความรู้สึกของตัวเองก็เท่านั้น

[เก็บเสื้อผ้าของแกซะแล้วเดินทางมาญี่ปุ่นวันจันทร์ที่จะถึงนี้เร็วกว่านี้ได้ยิ่งดีเข้าใจมั้ย!?] แม่คาดคั้นบีบให้ผมดิ้นไม่หลุดกลับมาอีก

[แต่ผมอยากขอเวลาเคลียร์เอกสารที่ยังค้างอยู่] ผมหาทางยื้อสู้ อย่างน้อยก็ให้ผมได้พยายามขอโอกาสจากภีมอีกสักครั้งก่อนไปก็ยังดี

[ไม่จำเป็นเพราะเดี๋ยวพ่อแกจะกลับไปเคลียร์ให้]

[แต่นี่มันงานผมพ่อจะรู้ความคืบหน้าได้ยังไง!]

[พ่อแกทำงานก่อนแกมากี่ปีเขารู้ว่าต้องทำยังไงต่อจากแกรีบเก็บเสื้อผ้าแล้วมาที่นี่ซะแค่นี้นะ ติ๊ด!] ไม่ทันที่ผมจะได้เถียงท่านก็ตัดสายไปเลยเหลือไว้แต่เพียงผมที่กำโทรศัพท์ของจอมใจไว้แน่นทั้งที่จริงๆ แล้วอยากปามันทิ้งเสียตรงนี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป

“ว่าไงพี่พลพี่จะไปจริงๆ เหรอ” คนข้างๆ ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าผมยกหูออกจากโทรศัพท์ของเธอแล้ว

“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” ผมบอกอย่างยอมแพ้

“แล้วเรื่องพี่ภีมล่ะ”

“ไม่รู้สิตอนนี้ยังคิดไม่ออก” ใช่…ผมยังคิดไม่ออกจริงๆ อย่างที่พูดเพราะมันเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด เร็วจนมืดแปดด้านไปหมด

“งั้นพี่ก็ไปบอกพี่ภีมสิว่าต้องไปญี่ปุ่น” คนตรงหน้าเสนอ

“ถ้าเขาไม่แคร์เขาก็ไม่สนใจพี่อยู่ดีบอกไปก็แค่นั้น” ผมบอกอย่างรู้ตัว เอาจริงๆ ตอนนี้ไม่กล้าเข้าข้างตัวเองเลย ไม่อยากเจ็บไปมากกว่านี้ถ้าหากว่าภีมมันไม่รักผมจริงๆ

“แต่จอมว่าพี่ภีมเขาแคร์พี่นะ”

“ช่างเถอะจอมขอพี่คิดก่อนอย่างน้อยก็เหลือเวลาตั้งสามวัน” ผมว่าก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนเจ้าของและเดินไปยังห้องของตัวเองโดนมีอีกคนเดินตามหลังมาไม่หยุด

“สามวันมันจะไปพออะไร! นี่ขนาดพี่ง้อมาเป็นสามอาทิตย์ละพี่ภีมยังไม่ใจอ่อนเลยนับประสาอะไรกับอีกแค่สามวันที่เหลือ อ้าว! พี่พล! เดี๋ยวสิพี่พล!!” จอมใจรัวเคาะประตูห้องเมื่อผมที่เดินเข้ามาปิดมันลงทันทีโดยไม่ฟังคำบ่นไล่หลังของมันอีกเลย ทำไมช่วงนี้ถึงมีแต่เรื่องให้ผมต้องคิดหนักได้แทบทุกวันกันนะ?
:
:
:
เช้าวันเสาร์ผมตัดสินใจรีบเดินทางไปคอนโดของภีมตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อตระเตรียมกับพี่พนักงานคนเมื่อวันก่อนที่ผมวานให้เขาช่วยดำเนินการนัดภีมโดยทำทีว่าผมจะขอมาดูห้องก่อนจะทำสัญญาซื้อขายกันซึ่งพี่พนักงานคนนี้ก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีช่วยโททรหาฝ่ายนั้นตั้งแต่ตอนเย็นของเมื่อวานก่อนจะโทรมาคอนเฟิร์มความคืบหน้ากับผมอีกที

ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะรอให้ถึงเวลาที่นัดภีมมา นาฬิกาที่ข้อมือซ้ายบอกเวลาแปดโมงสี่สิบนั่นก็หมายความว่าเหลืออีกแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นที่ภีมจะมาถึงและแน่นอนว่ามันไม่เคยสายยิ่งถ้าเป็นนัดกับคนที่มันคิดว่าไม่รู้จักแบบนี้แล้วไม่มีทางที่มันจะปล่อยให้รอ

ผมยืนรอหลังกำแพงตรงที่ลับตาจากประตูทางเข้ามาสู่ห้องรับแขกอยู่สักพักเสียงเคาะและเปิดประตูก็ดังขึ้นฉุดให้ผมต้องยกข้อมือซ้ายขึ้นมาดูอีกครั้งหลังจากที่มั่นใจว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภีมวิทธิ์…แปดโมงสี่สิบแปด ไม่ผิดอย่างที่คิดไว้ว่ามันต้องมาก่อนเวลานัด

“สวัสดีครับ…สวะ! เฮ้ย!!” ภีมที่ถูกผมกอดจากทางด้านหลังหันมาทำตาโตก่อนที่มันจะทำเหมือนเดิมคือดิ้นหนีเมื่อเห็นว่าคนที่กอดมันเป็นผม

“คุณ!!! นี่คุณมาที่นี่ทำไม!?” เสียงตะโกนถามอย่างไม่พอใจดังมาพร้อมกับมือของมันที่พยายามแกะมือของผมที่รวบเอวมันอยู่ออก

“ก็กูคือคนที่จะซื้อแล้วมึงจะไม่ให้กูมาดูห้องก่อนเหรอไง”

“หมายความว่าไง!?”

“กูจะซื้อห้องนี้”

“ผมไม่ขาย!!”

“ทำไม!?” ผมถามก่อนจะจับตัวมันพลิกหันมาจ้องกลับ

“ไม่ขายก็คือไม่ขาย!! ปล่อยผม!” ใบหน้าของภีมดูจะโกรธผมอยู่ไม่น้อยก่อนที่มันจะดิ้นหลุดได้สำเร็จ

“คุณมันแย่! เอาเงินฟาดหัวคนอื่นซื้อใจเขาด้วยเศษกระดาษพวกนั้นไปทั่วแต่จำเอาไว้นะว่าเงินของคุณผมไม่ต้องการ!” สาดคำพูดเสร็จก็สะบัดหน้าหันหลังเดินไปทางประตูห้องทันที

“จะไปไหน!?”

“ผมจะกลับบ้าน!”

“กูไม่ให้กลับ!” ผมฉวยแขนมันมาก่อนจะเผลอออกแรงบีบ ให้ตายเถอะ! ผมกำลังจะระงับอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

“โอ้ย! ปล่อยผมนะ!!”

“ยังไงวันนี้มึงกับกูต้องคุยกันให้รู้เรื่อง!” ผมลากภีมกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้งก่อนจะเหวี่ยงมันลงบนโซฟาตัวยาวและตามขึ้นคร่อมมันไว้ไม่ให้หนี

“นี่คุณจะทำอะไร!? ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณหรอกนะ!!”

“แต่กูมี!!”

“…” คนข้างใต้ชะงักเงียบเมื่อผมตวาดกลับ ดวงตากลมเบิกกว้างมองผมด้วยถ้อยคำตำหนิมากมายที่ฉายชัดออกมาให้เห็นยิ่งทำให้ผมเจ็บกว่าเดิม

“กูไม่ได้เอาเงินฟาดหัวใครทั้งนั้น! ที่กูทำเพราะกูอยากจะทำทั้งเรื่องช่วยเหลือแม่นภาและเรื่องคอนโดของมึง” ผมอธิบาย

“แล้วมันต่างกันตรงไหน!? ยังไงคุณก็ใช้เงินซื้อใจคนอื่นอยู่ดี!”

“แล้วมันซื้อใจมึงได้มั้ยล่ะ!”

“!!”

“ถ้ามึงคิดว่าสิ่งที่กูทำคือการซื้อใจคนอื่นแล้วมึงต้องการเท่าไหร่!?” ภีมขมวดคิ้วจ้องผมด้วยตาแข็งกร้าวเมื่อผมตะโกนถาม “เท่าไหร่มึงถึงจะยอมกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

ยอมรับว่าตอนนี้ผมใกล้จะฟิวส์เต็มที ทำไมเรื่องมันถึงได้ดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆ ผมไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้ที่ผมต้องการก็แค่ขอมันให้อภัยและเราสองคนก็กลับเริ่มต้นกันใหม่…หรือบางทีแค่นี้ก็มากไป

“กูไม่ยอมให้มึงขายห้องนี้ให้ใครเด็ดขาด กูไม่ยอมให้มึงขายความทรงจำของเราสองคน ไม่ยอม…กูไม่ยอมได้ยินมั้ย!!” ผมเขย่าร่างของคนที่นอนอยู่ข้างใต้จนสั่นคลอน

“แต่ผมกับคุณเราจบกันแล้ว! มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่ไม่เข้าใจจะยื้อไปทำไมในเมื่อทุกอย่างมันก็ดีอยู่แล้วถ้ามันจบๆ ไปซะที!”

“ก็เพราะว่ากูทำไม่ได้! กูทำไม่ได้! ทำไม่ได้! ทำไม่ได้ยังไงเล่า!”

ปึก! ปึก! ปึก! ปึก!

ผมต่อยเข้าที่โซฟาข้างใบหน้าของภีมจนมันหลับตาปี๋ บรรยากาศโดยรอบเงียบสงัดยิ่งทำให้อึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก ก่อนภีมจะลืมตามองผมกลับด้วยความตกใจกลัว ผมสบแววตานี้ของมันนิ่งในขณะที่จู่ๆ ขอบตาของผมก็ร้อนผ่าวเมื่อแววตาที่มองผมกลับมามันเหมือนกับไม่มีผมอยู่ในนั้นเลยสักนิด

“คุณจอมพล…”

“กูขอโทษแต่กูทำไม่ได้…กูทนจบกับมึงแบบนี้ไม่ได้ภีม” ผมกอดมันไว้ทั้งร่างพลันน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่อีกต่อไป

“กูรักมึง รักมึงจริงๆ…มึงไม่รักกูไม่เป็นไรแต่ขอร้องล่ะมึงช่วยให้โอกาสกูสักครั้งได้มั้ยกูสัญญาว่ากูจะไม่ทำให้มึงต้องร้องไห้นะภีมกูขอร้อง” ผมพร่ำบอกความในใจที่เก็บงำมานานจนแน่ใจแล้วว่าผมขาดมันไม่ได้ออกไปอย่างอ้อนวอน

คนในอ้อมแขนของผมชะงักนิ่งอยู่นานทว่าเมื่อคำพูดหนึ่งของมันหลุดออกมากลับทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกกระชากให้จมลงไปในบ่อลึกจนยากจะทางเก็บขึ้นมาได้ใหม่

“เลิกทำแบบนี้เถอะคุณจอมพล” เสียงทุ้มบอกอย่างนุ่มนวลหากแต่กับผมคำพูดนี้มันเหมือนกับมีดแหลมที่กรีดหัวใจอย่างไม่ใยดี

“ไม่ว่าคุณจะพยายามสักแค่ไหนมันก็ไม่ช่วยให้อะไรกลับมาเพราะผมตัดสินใจให้มันเป็นแบบนี้ไปแล้วปล่อยผมเถอะผมจะกลับบ้าน”

ผมปิดเปลือกตาปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง โอกาสที่ผมอยากได้จากภีมคงไม่มีอีกแล้วใช่มั้ย? ทั้งที่วันนี้อาจเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะได้เห็นหน้ามันชัดๆ แบบนี้แต่ความพยายามของผมก็ดูเหมือนจะไร้ความหมายเมื่อทันทีที่ผมหยัดตัวลุกขึ้นนั่งคนข้างๆ ก็รีบลุกขึ้นและทำท่าว่าจะเดินออกไปทันที

“ถ้ากูหายไปมันคงไม่มีความหมายกับมึงใช่มั้ย? มึงคงจะดีใจสินะที่ไม่ต้องเห็นหน้ากูอีก” ครั้งสุดท้าย…ขอแค่มันพูดอะไรที่ไม่เป็นการผลักไสผมอีกผมก็จะทำเต็มที่เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องไปญี่ปุ่น

ผมมองแผ่นหลังของคนที่กำลังจะก้าวพ้นบริเวณห้องรับแขกไปด้วยความหวังที่มีเพียงริบหรี่ก่อนที่อีกคนจะดับไฟแห่งหวังของผมลงด้วยถ้อยคำที่ทำให้ผมเจ็บจนถึงกระดองใจ

“คิดถูกแล้วล่ะครับ”

ผมไม่น่า…รักมันมากขนาดนี้เลย
End of Chomphon’s Part…
:
:
:
ราชันย์ที่ถูกโทรจิกให้ออกมานั่งกระดกเหล้าเป็นเพื่อนมองสภาพของจอมพลที่เอาแต่รินของเหลวสีอำพันและกลอกมันเข้าปากราวกับเป็นเพียงน้ำเปล่าด้วยแววตาคิดหนัก ร่างสูงที่ไม่เคยเห็นเพื่อนเป็นแบบนี้เลยตั้งแต่ที่คบกันมานานกว่ายี่สิบปีจึงตัดสินใจเอื้อมมือออกไปพลางดึงแก้วในมือของอีกฝ่ายออกก่อนจะเอ่ยห้ามอย่างเป็นห่วง

“เชี่ยพล! มึงดื่มมากไปแล้วนะเว้ย” ราชันย์รั้งแก้วในมือออกมาได้สำเร็จแต่คนตรงหน้าก็ยังพยายามเอื้อมมือมาฉวยมันกลับ

“เอามาให้กูไอ้ชันย์! กูจะดื่มจนกว่ากูลืม! ลืมผู้ชายชื่อภีมวิทธิ์!” เสียงตอบยานคางบ่งบอกได้ชัดเจนว่าจอมพลเมาหนักจนถึงขั้นนั่งตัวตรงแทบจะไม่ได้

“ดื่มให้ตายยังไงมึงก็ไม่ลืม!”

“กูจะดื่ม! เอามาให้กู…” จอมพลไม่ยอมแพ้ไขว่คว้าแก้ววิสกี้ในมือของราชันย์จนเกือบจะขมำตกโซฟาในโซน VIP ของผับที่พวกเขาชอบมาดื่ใด้วยกันหากไม่มีแขนแกร่งของคนตรงข้ามเอื้อมมาคว้าแขนไว้ก่อน

“เฮ้ยๆๆ แค่นั่งยังไม่ไหวกูว่ากลับบ้านเหอะว่ะเดี๋ยวไปส่ง” ราชันย์วางแก้วในมือพลางย้ายมานั่งโซฟาตัวเดียวกับจอมพลก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่ายมาพาดคอเพื่อหมายจะหิ้วกลับไปทว่าร่างสูงอีกคนกลับรีบสะบัดแขนออก

“ไม่ต้อง! กูจะกลับเองถ้ามึงอยากกลับไปหาเมียก็กลับไปก่อนเลย” จอมพลว่าแกมไล่

“จะให้กูทิ้งมึงสภาพเมาเป็นหมาเนี่ยนะ”

“เออ”

“มึงมันแม่ง!!” ร่างสูงของคนที่สติยังอยู่ครบปรายตามองคนข้างๆ อย่างเหลืออด “นี่มึงรักภีมวิทธิ์มากเลยเหรอวะ” สิ้นเสียงคำถามจากเพื่อนสนิทร่างสูงของจอมพลก็ชะงักนิ่งไปก่อนที่เขาจะเอื้อมมือหนาไปคว้าแก้วที่ถูกอีกฝ่ายริบเมื่อครู่มาถือไว้

“กูรักมันไม่น้อยไปกว่าที่มึงรักเมียของมึงหรอกห่าชันย์” พูดเสร็จก็กระดกวิสกี้ลงคอไปคราวเดียวหมดแก้ว

“แต่เท่าที่กูฟังมึงเล่าภีมเขาไม่ต้องการมึงแล้วนะไอ้พล บางทีการที่มึงตัดใจอาจเป็นทางออกที่ดีที่สุด” ราชันย์พยายามพูดเตือนสติหากแต่คำพูดนี้กลับทำให้คนเมาจนแทบไม่เหลือสติฉุนกึกขึ้นมาทันใด

“มึงพูดแบบนี้ได้ไงว่ะไอ้ชันย์! ทำไมมึงถึงไม่ให้กำลังใจกูสักนิดขนาดเรื่องมึงกับเมียกูยังช่วยให้กลับมาเข้าใจกัน! มึงแม่ง! ยิ่งฟังกูก็ยิ่งเจ็บจนบอกไม่ถูกเลยว่ะ” คนที่ไม่ยอมรับว่าตัวเองถูกปฏิเสธพูดเสร็จก็พรวดพราดลุกขึ้นก่อนจะเดินสะเปะสะปะจนราชันย์รีบคว้าแขนไว้แทบไม่ทัน

“แล้วนั่นมึงจะไปไหน?”

“กลับ!”

“ห๊ะ!?”

“กูไม่อยากฟังมึงพูดแล้ว! ที่กูชวนมึงมาไม่ได้อยากให้มึงมาพร่ำบอกกูว่าต้องตัดใจจากภีมนะเว้ยเพราะถึงยังไงกูก็ตัดใจไม่ได้ กูรักมัน! รักผู้ชายที่ชื่อภีมวิทธิ์มึงเข้าใจมั้ย!?” จอมพลสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมก่อนอีกคนจะเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ

“อ้าว! เมื่อกี้มึงยังบอกกูว่าจะดื่มให้ลืมเขาอยู่นะเว้ยแล้วตอนนี้ด่ากูเพื่อ? กูออกมาหามึงก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“งั้นมึงก็กลับไปเลย! ไม่ได้อยากมาแล้วมาทำไมวะ!!” จอมพลผลักเพื่อนตัวเอง

“ก็มึงเป็นเพื่อนกะ…!!” ไม่ทันที่อีกคนจะทันได้เถียงกลับคนตรงหน้าก็ทรุดตัวนั่งลงเสียตรงนั้นก่อนที่ธารน้ำใสมากมายจะไหลออกจากดวงตาคมที่เคยแข็งกร้าวจนเปียกไปทั้งหน้า

“ฮึก! กูเจ็บว่ะชันย์ แม่งเจ็บในนี้จนกูรู้สึกชาไปหมด” จอมพลกำมือทุบอกข้างซ้ายของตัวเองอย่างอัดอั้น

ราชันย์มองเพื่อนที่ทั้งเมาและร้องไห้หนักในคราเดียวอย่างไม่รู้จะทำยังไงต่อ ร่างสูงพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนก่อนจะพาเดินกลับไปที่โต๊ะและปลอบด้วยการตบบ่าให้กำลังใจในขณะที่จอมพลก็เอาแต่สะอื้นไห้กับความรักที่เขาทุ่มเทและความพยายามที่สูญเปล่าอย่างเจ็บปวด

“มึงร้องออกมาให้พอ กูจะนั่งเป็นเพื่อนมึงอย่างนี้จนกว่ามึงจะหยุดร้อง” เสียงทุ้มบอกเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง
:
:
:
ผ่านไปร่วมครึ่งชั่วโมงก่อนจอมพลจะหยุดร้องไห้ร่างสูงเดินออกจากผับมาพร้อมกับราชันย์ก่อนเขาจะกดปลดล๊อกรถตัวเองและเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนขับทันที

“มึงขับรถกลับเองได้แน่นะ” คนด้านนอกเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจก่อนจอมพลจะพยักหน้ากลับ

“หายเมาแล้วแน่นะ”

“กูขับไหวน่าไอ้ชันย์”

“งั้นถ้ากูถึงบ้านแฟร์แล้วจะโทรหา”

“อืม” ว่าเสร็จก็ปิดประตูก่อนราชันย์จะเคาะกระจกให้อีกฝ่ายเลื่อนลงอีกครั้ง

“ไอ้พล…”

“?”

“ทางไหนที่คิดว่าดีก็ทำเถอะว่ะกูเอาใจช่วย” ราชันย์คล้ายให้กำลังใจ

จอมพลเหยียดยิ้มให้เพื่อนสนิทก่อนจะตอบกลับไปว่า

“ขอบใจ”

ร่างสูงติดเครื่องก่อนจะขับรถออกจากบริเวณจอดโดยมีราชันย์ยืนมองจนกระทั่งท้ายรถของอีกคนพ้นอาณาเขตของผับไปร่างสูงของชายหนุ่มคนนี้ถึงจะเดินไปที่รถของตัวเองและขับออกไปบ้าง
:
:
:
จอมพลแวะเข้าเติมน้ำมันที่ปั๊มแห่งหนึ่งหลังจากนั้นชายหนุ่มก็เคลื่อนรถของตัวเองเพื่อจอดไว้หน้าร้านสะดวกชื่อดังภายในปั๊มน้ำมันก่อนจะลงเพื่อเดินตรงไปทำธุระที่ห้องน้ำ

ร่างสูงเดินออกจากห้องน้ำมาพลางแวะเข้าร้านสะดวกซื้อเพื่อถอยบุหรี่ที่เขาเลิกสูบมานานกว่าสองปีออกมาด้วยหนึ่งซอง จอมพลพิงประตูรถก่อนจะจัดการสูบอัดควันที่ขาวหม่นเข้าจนเต็มปอดเพื่อเป็นการคลายเรื่องเครียดที่สั่งสมมาทั้งวัน รองเท้าหนังชั้นดีบดขยี้ก้นบุหรี่มวนที่สี่บนพื้นก่อนที่มันจะถูกเขี่ยเข้าไปรวมกับก้นบุหรี่อีกเกือบร้อยที่ถูกทิ้งอยู่ในบริเวณนั้นอยู่ก่อนแล้ว

จอมพลกลับขึ้นรถอีกครั้งก่อนจะขับไปตามทางเพื่อมุ่งหน้ากลับไปยังบ้าน ถนนยามวิกาลยังคงมีรถราวิ่งกันไม่ขาดสายประจวบกับเสียงโทรศัพท์บนเบาะข้างคนขับที่ส่งเสียงดังขึ้นเผยให้เห็นชื่อคนของคนที่กำลังต่อสายเข้ามา

'ราชันย์'

ร่างสูงหันมองหน้าจอที่สาดแสงสว่างขึ้นในรถอย่างชั่งใจก่อนมือหนาจะตัดสินใจเอื้อมออกไปคว้ามันมาทว่าเสียงแตรและแสงสว่างจากรถที่แล่นสวนกันมากลับทำให้จอมพลต้องรีบหันกลับไปเสียก่อนจะทันได้รับสาย

“เฮ้ย!!!”

เสียงร้องตะโกนดังขึ้นอย่างตกใจมือหนารีบคว้าพวงมาลัยพลันหมุนไปอีกทางให้พ้นจากสถานการณ์ตรงหน้าจนเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น

เอี๊ยด!!! โครม!!!!


TBC....
-------------------------------------------------
ตัดจบแบบนี้จะโดนตบมั้ย? #หลบมือหลบเท้าแปป -_-''
บทนี้ยาวเอาการอยู่แต่งไปแต่งมาก็อดสงสารจอมพลไม่ได้ T^T
ได้แต่บอกเฮียแกว่าทนอีกนิดเดียว
ไม่พูดยาวละเอาเป็นว่ารอลุ้นอีกสองบทที่เหลือเนอะ
เม้นท์เป็นกำลังใจกันด้วยนาาาาา


 :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 01-08-2017 22:00:39
ภีมนี่ บทจะใจแข็งก็ใจแข็งขึ้นมาซะงั้น
มาให้กำลังใจนะคะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 01-08-2017 22:56:34
เล่นประเด็นอ่อนไหวอ่ะ
เรื่องอุบัติเหตุ
จะว่าบอกไม่สะใจที่จอมพลโดนแบบนี้ถ้าเทียบกับสิ่งที่ทำกับภีมก็ไม่ได้
แต่จอมพลก็ยังไม่ได้รับบทเรียนที่สาสมอยู่ดี

หมดกัน
ฉากจินตาการตอนภีมแทงจอมพล

รอลุ้นกับอีกสองตอนที่เหลือจ้ะ
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 01-08-2017 23:18:26
เล่นประเด็นอ่อนไหวอ่ะ
เรื่องอุบัติเหตุ
จะว่าบอกไม่สะใจที่จอมพลโดนแบบนี้ถ้าเทียบกับสิ่งที่ทำกับภีมก็ไม่ได้
แต่จอมพลก็ยังไม่ได้รับบทเรียนที่สาสมอยู่ดี

หมดกัน
ฉากจินตาการตอนภีมแทงจอมพล

รอลุ้นกับอีกสองตอนที่เหลือจ้ะ

ภีมทำแบบนั้นไม่ได้หรอกค่ะ คงต้องรบกวนจินตนาการแบบนั้นต่อไป แหะๆ ^^

นายเอกเราไม่โหดขนาดนั้นจร้าาา
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.28 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 02-08-2017 12:39:07

CHAPTER 28



“โอ้ย!” ภีมมองนิ้วตัวเองที่ถูกมีดบาดเพราะกำลังหั่นผักเพื่อเตรียมทำกับข้าวจนทิชาต้องรีบผละมือจากจานที่กำลังล้างอยู่ก่อนจะตรงเข้าดูพี่ชาย

“เป็นไรพี่ภีม”

“มีดบาดน่ะ”

“ไปทำแผลก่อนก็ได้เดี๋ยวฉันทำต่อเอง” เธอเสนอแต่ภีมยังดึงดันจะทำ

“ไม่เป็นไรแผลนิดเดียวเอง”

ทิชามองหน้าร่างโปร่งคล้ายจับผิด หญิงสาวรู้สึกได้ว่าวันนี้ภีมดูต่างไปจากทุกวันเขาดูเหนื่อยและเคร่งเครียดจนเธออดไม่ได้ที่จะถามกลับ

“ฉันว่าวันนี้พี่แปลกๆ นะเมื่อกี้ตอนรดน้ำต้นไม้ก็สะดุดสายยางไปทีนึงแล้วใช่มั้ย”

“ก็นิดหน่อยพอดีเมื่อคืนพี่ฝันร้าย” ภีมตอบไม่เต็มเสียง ร่างโปร่งชะงักมือที่กำลังจะคว้ามีดมาหั่นต่อเมื่อคิดถึงความฝันเมื่อคืน

ฝัน…ที่ดูเหมือนจริงจนน่ากลัว

ฝัน…ที่เขาเป็นฝ่ายคว้ามีดแทงลงบนอกของจอมพลจนเลือดอาบไปทั่ว

“ฝันว่าอะไรล่ะ?” ทิชาเอ่ยถามฉุดให้อีกฝ่ายหลุดออกจากภวังค์ภาพหลอนที่ทำให้วันนี้เขาใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก

“ช่างมันเถอะ” ภีมว่าก่อนจะลงมือหั่นผักต่อ ทว่าทันใดนั้นเสียงกริ่งกับเสียงทุบประตูบ้านก็ดังสนั่นจนสองพี่น้องที่ง่วนอยู่ในครัวต่างตกใจ

ติ๊งหน่อง!ๆๆ ปัง!ๆๆ

“ใครมันเสียมารยาทแบบนี้นะ!” ทิชาฮึดฮัดถอดผ้ากันเปื้อนออกก่อนจะเดินออกมาโดยมีภีมเดินตามมาติดๆ

“ทิชา! เปิดประตูหน่อย!!” เสียงของผู้มาเยือนดังลอดประตูบานเลื่อนใสเข้ามาถึงในบ้าน หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็เร่งฝีเท้าก่อนจะเปิดประตูให้กับอดีต   คนรักที่บุกมาถึงบ้านตั้งแต่เช้าตรู่

“มีอะไรเหรอจอม? ทุบประตูบ้านเราจนมันจะแตกอยู่แล้วนะ!” ทิชาเอ็ด

“พี่ชายเธอ!…” จอมใจยืนหอบก่อนจะมองผ่านหลังทิชาไปหาภีมที่เดินตามมาพอดี หญิงสาวไม่รอช้ารีบสาวไม้ค้ำเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างไว

“พี่ภีม...เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!!” จอมใจเอ่ยตะกุกตะกักพลางโกยอากาศเข้าปอดอย่างเร่งรีบ

“เรื่องใหญ่? อะไรเหรอ”

“พี่พล…พี่พลรถชน!”

“รถชน!!” ภีมเบิกตากว้างตกใจ ร่างโปร่งขาสั่นจนแทบทรุดภาพความฝันที่น่ากลัวยิ่งฉายชัดเมื่อสีหน้าของจอมใจดูไม่ดีเอาเสียเลยก่อนเขาจะตั้งสติได้แล้วถามกลับ “ชะ..ชนที่ไหน!? เมื่อไหร่!?”

“เมื่อคืนตอนเขากำลังจะกลับบ้าน”

“แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้างอยู่โรงพยาบาลไหน!?”

“ฉันไม่รู้จะบอกพี่ยังไงดีฉันว่าพี่ไปให้เห็นกับตาจะดีกว่า” จอมใจมี       สีหน้าคิดหนักหญิงสาวยังคงสั่นเทาเพราะตกใจกับเรื่องที่เกิดตั้งแต่เมื่อคืนไม่หาย

“งั้นไปกันเลย! ทิชาฝากบอกแม่ด้วยนะ” ภีมหันไปวานคนเป็นน้องสาว

“ได้พี่รีบไปเถอะ”

ร่างโปร่งพยุงจอมใจเดินออกจากบ้านก่อนจะตรงไปยังรถที่ไม่สามารถขับเข้ามาในซอยได้เนื่องจากถูกรถส่งของจอดขว้างถนนจนเหลือที่ไว้เพียงมอเตอร์ไซค์ขับผ่านได้เท่านั้น ร่างบางเกาะแขนภีมไว้มั่น สองขาที่ยังไม่ชินกับการสวมขาเทียมก้าวไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบก่อนที่พวกเขาจะพากันขึ้นรถที่มีคนขับนั่งรออยู่ด้านในเป็นที่เรียบร้อยและตรงไปยังโรงพยาบาลทันที

ที่โรงพยาบาลภีมเห็นราชันย์และแฟร์นั่งอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ทั้งคู่มี       สีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัดก่อนร่างโปร่งจะรีบพยุงจอมใจเดินเข้าไปประจวบกับแฟร์ที่พอเห็นเขาก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยด้วยอีกแรง

“คุณจอมพลเป็นไงบ้างครับ!?” ภีมถามคนนั่งกุมขมับ

“ตอนนี้อาการยังน่าเป็นห่วงหมอบอกต้องรอดูจนกว่าร่างกายของมันจะตอบสนองมากกว่านี้” สิ่งที่ราชันย์พูดทำเอาหัวใจของร่างโปร่งกระตุกวูบ

“ผมเข้าไปเยี่ยมเขาได้มั้ยผมอยากเจอเขานะครับผมขอร้อง” ภีมละล่ำละลักเอ่ยขอเสียงสั่น

“หมอยังไม่อนุญาตให้เยี่ยมเลย” แฟร์บอกเพื่อนของตัวเองก่อน        ร่างโปร่งจะทรุดฮวบลงตรงนั้นท่ามกลางใบหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตา

“ภีม!”

“ฮึก! เป็นเพราะผม…เพราะผมคนเดียว!” ภีมสะอื้นไห้ออกมาอย่าง   ไม่อาย แฟร์ตรงเข้าพยุงเพื่อนของตัวเองให้นั่งบนเก้าอี้ทว่าไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายถึงไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะลุกขึ้นยืนเลยสักนิด

“ผมผิดเองที่พยายามปฏิเสธเขามาตลอดทั้งที่เขาเองก็พยายามอย่างหนักเพื่อขอให้ผมยกโทษให้แต่ผมมัน!...ฮึก! โง่จนทำร้ายเขาให้เจ็บขนาดนี้” ภีมพร่ำด่าตัวเอง

“อย่าโทษตัวเองมันเป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นที่พวกเราควรทำตอนนี้คือภาวนาให้มันพ้นขีดอันตรายก็พอ” ราชันย์พูดอย่างนั้นทว่าร่างสูงก็ลุกออกจากที่นั่งเพื่อหลบไปปาดน้ำตาอยู่ตรงมุมตึกจนแฟร์ต้องเดินเข้าไปปลอบ

“พี่ขอโทษนะจอมใจ” ร่างโปร่งเอ่ยกับคนที่นั่งข้างๆ พลางปาดน้ำตาของตัวเองออกอย่างลวกๆ

“พี่พลเขารักพี่มากจริงๆ นะ” จอมใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“…”

“ฉันรู้เรื่องนี้ตั้งแต่วันที่พี่กับพี่พลค้างกันที่โรงพยาบาลกับฉัน”

“…”

“สิ่งร้ายๆ ที่พี่พลเคยทำกับพี่ทั้งหมดมันเป็นเพราะว่าเขารักฉันมาก    อีกอย่างมันก็เป็นเพราะฉันเองที่ไม่ยอมบอกความจริงกับเขาตั้งแต่แรก” จอมใจว่าในขณะที่เธอเองก็น้ำตาไหลไม่หยุด

“ถ้าพี่จะโกรธและไม่ให้อภัยพี่พลเพราะเขาเคยทำเรื่องพวกนั้นพี่ก็ต้องโกรธฉันด้วย” ภีมหันไปมองคนข้างๆ หญิงสาวเว้นระยะสักพักก่อนจะพูดขึ้นต่อ

“แต่ถ้าพี่ให้อภัยฉันแล้วฉันขอพี่อย่างหนึ่งจะได้มั้ย?”

“…”

“ฉันขอพี่ให้อภัยพี่พลอีกคนนะ ถือว่าฉันขอร้องฉันไม่อยากให้เขาต้องเจ็บทั้งร่างกายและจิตใจแบบนี้ไปตลอดชีวิต” น้ำตาที่ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของจอมใจทำให้ภีมรีบฉวยมือเรียวของอีกฝ่ายมากุมไว้ในที่สุด

“พี่ขอโทษที่เอาแต่ผลักไสเขาแต่ตอนนั้นพี่คิดว่าเรื่องระหว่างพี่กับเขามันเป็นไปไม่ได้” ภีมบอกสิ่งที่ค้ำคอออกมา

“ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ถ้าพวกพี่สองคนรักกันหรอก” จอมใจเอื้อมมือขวากุมมือของภีมที่กุมมือซ้ายของตัวเองไว้ประจวบกับที่หมอเจ้าของไข้ของ  จอมพลจะเดินออกจากห้องฉุกเฉินมา

“หมอครับอาการของคุณจอมพลเป็นไงบ้างครับ” ภีมพรวดพราดลุกขึ้นพลางถามคนที่เพิ่งจะเดินออกมากลับไปพลัน

“ตอนนี้ร่างกายของคนไข้ตอบสนองต่อการรักษาและพ้นขีดอันตรายแล้วครับ” หมอตอบด้วยใบหน้ายิ้ม ก่อนราชันย์และแฟร์ที่เดินกลับมาทันได้ยินพอดีจะถามกลับ

“แล้วจะออกจากห้องฉุกเฉินได้เมื่อไหร่ครับ”

“พรุ่งนี้เช้าครับ”

“แสดงว่าเข้าไปเยี่ยมได้แล้วใช่มั้ยครับ” ภีมดีใจเผยรอยยิ้มออกมา

“ตอนนี้หมออยากให้คนไข้ได้พักผ่อนรบกวนเยี่ยมตอนออกจากห้องฉุกเฉินพรุ่งนี้นะครับ” คนเป็นหมอตอบกลับอย่างนุ่มนวลทว่าภีมกลับหุบยิ้มลงอย่างผิดหวังอยู่ไม่น้อย

“ไม่เป็นไรน่าคุณหมอเขาบอกว่าคุณจอมพลปลอดภัยแล้ว” แฟร์ปลอบ

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” หมอบอกลาและเดินจากไป ราชันย์เลยถือโอกาสนี้พาทุกคนออกมานั่งพักกันที่ร้านคอฟฟี่ช็อปด้านหน้าล๊อบบี้ของโรงพยาบาลแทน

“พ่อกับแม่เธอว่าไงบ้าง” ร่างสูงถามจอมใจที่เดินกลับมาที่โต๊ะหลังจากขอตัวโทรไปบอกเรื่องอุบัติเหตุของจอมพล

“ตวาดกลับใหญ่เลยว่าทำไมถึงไม่บอกท่านให้เร็วกว่านี้แต่จอมก็บอกไปแล้วนะว่าตอนนี้พี่พลปลอดภัยแล้ว” หญิงสาวตอบหน้าหงิก

“พวกท่านจะกลับมาเยี่ยมมันมั้ย”

“เห็นแม่บอกว่าน่าจะถึงตอนดึกๆ เพราะพอรู้เรื่องพ่อก็วานให้เลขาฯ จองตั๋วเครื่องบินให้เลย”

“โอเคอย่างน้อยพี่ก็ไม่รู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกใครอย่างที่มันขอ” ราชันย์พ่นลมหายใจออกมา

“อย่างที่มันขอ? คุณราชันย์หมายความว่าไงครับ” ภีมนึกสงสัยกับคำพูดของอีกฝ่าย

“จอมพลมันขอไว้” ราชันย์บอกก่อนจะพูดต่อ “เมื่อวานตอนฉันไปถึงที่เกิดเหตุหน่วยกู้ภัยเพิ่งจะพามันออกจากซากรถมาได้ตอนนั้นมันยังพอมีสติเลยขอร้องฉันว่าไม่ให้บอกใครโดยเฉพาะนาย”ภีมถึงกับชาวาบไปทั้งตัวเมื่อรู้เข้า

“ทำไมเขาถึงได้…”

“คงกลัวว่านายจะโทษตัวเองหากมันเป็นอะไรไปล่ะมั้ง เพราะเมื่อวานหลังจากที่แยกกับนายมันก็โทรตามฉันให้ออกไปนั่งดื่มด้วยแถมยังดึงดันจะขับกลับเองอีกแล้วเป็นไง? เกิดเรื่องขึ้นจนได้นี่ความจริงมันต้องไปญี่ปุ่นวันนี้นี่ใช่มั้ย” ราชันย์สาธยายออกมายาวเหยียดก่อนจะหันไปถามจอมใจในประโยคหลัง

“เออ…ชะ…ใช่” หญิงสาวตอบไม่เต็มเสียงนัก

“ไปญี่ปุ่น? หมายความว่าไง?” ภีมสวนถามขึ้นทันควัน

“มันไม่ได้บอกนายเหรอว่าที่มันไปหานายเมื่อวานคือมันอยากจะมีเวลาอยู่กับนายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะต้องไปบริหารงานที่นั่น”

“!!” ภีมตะลึงงันในสิ่งที่ได้ยิน ร่างโปร่งหัวใจบีบรัดจนรู้สึกจุกไปทั้งอกกับเรื่องที่เขาไม่รู้มาก่อน “ขะ…เขาไม่เห็นบอกเรื่องนี้กับผมเลย” เสียงเศร้าเอ่ยกลับพลางก่นด่าตัวเองที่พูดตัดบัวไม่เหลือใยกับอีกคนไปในใจไม่หยุด

“เออ…คือ…” จู่ๆ จอมใจที่นั่งฟังด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นานก็พึมพำออกมาราวกับมีเรื่องจะพูดก่อนเธอจะตัดสินใจบอกเรื่องนี้ออกไปเมื่อสายตาทุกคู่หันมาจับจ้องเธอเป็นจุดเดียว “เรื่องที่พี่พลจะต้องไปบริหารงานที่นั่นน่ะความจริงมันเป็นแผนของแม่จอมเอง”

“อะไรนะ!?” ราชันย์คือคนที่ถามกลับพลันส่วนอีกสองคนที่เหลือก็ ขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ

“แม่อยากจะเร่งให้พี่พลยอมสารภาพความรู้สึกของตัวเองเพราะคิดว่า พี่ภีมจะใจอ่อนและยอมคืนดีด้วยเลยกุเรื่องนี้ขึ้นมาอ้างแต่ก็คิดไม่ถึงว่ามันจะทำให้พี่พลตกอยู่ในสภาพนี้” จอมใจบอกเสียงเศร้า

“เธอรู้เรื่องนี้นานแค่ไหน?” ภีมเป็นฝ่ายถามบ้าง

“เมื่อกี้ที่คุยโทรศัพท์กันนี่เอง” คนตอบทำหน้าเจื่อนอย่างไม่คาดไม่ถึงกันแผนการของแม่ตัวเองเช่นเดียวกัน

“ช่างเถอะยังไงซะตอนนี้ไอ้พลมันก็ปลอดภัยดีแล้ว” ราชันย์เอ่ยออกมาเมื่อจู่ๆ บรรยากาศภายในโต๊ะเกิดอึมครึมขึ้นก่อนร่างสูงจะพูดต่อ “เอาล่ะไหนๆ ก็เข้าเยี่ยมไม่ได้แล้วแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนแล้วค่อยมาใหม่พรุ่งนี้เถอะ”

“แต่ผม…” ภีมอยากจะแย้งแต่แฟร์กลับพูดแทรกขึ้นมาก่อน

“เถอะน่าภีมถึงมึงอยากจะอยู่ก็เข้าเยี่ยมไม่ได้อยู่ดีเก็บแรงมาใหม่พรุ่งนี้จะดีกว่า” ร่างโปร่งมองเพื่อนตัวเองพลางยอมพยักหน้าเข้าใจกลับ

“ให้ฉันไปส่งมั้ย” ราชันย์ถาม

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ชันย์เดี๋ยวจอมไปส่งพี่ภีมเอง” จอมใจชิงตอบแทน

“งั้นพรุ่งนี้พี่อาจมาแต่เช้าเลย”

“ค่ะจอมเองก็จะมาแต่เช้าให้ทันทำเรื่องย้ายห้องพี่พลเหมือนกัน” พูดเสร็จทั้งสี่ก็พากันแยกย้ายกันโดยจอมใจเป็นคนอาสาไปส่งภีมถึงบ้าน

“พรุ่งนี้ให้พี่ไปรับมั้ย” ภีมถามเมื่อลงจากรถที่จอดเทียบหน้าบ้านตัวเอง

“ไม่เป็นไรพรุ่งนี้จอมจะไปโรงพยาบาลกับพ่อแม่”

“ถ้าอย่างงั้นวันนี้พี่ขอบคุณเธอมากเลยนะ” ร่างโปร่งบอกก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านทว่าเสียงของจอมใจที่ดังขึ้นก็ฉุดเขาให้หันกลับ

“อย่าโทษตัวเองนะพี่ภีมพี่พลปลอดภัยแล้วพี่อย่าคิดมากนะ”

ภีมเหยียดยิ้มและพยักหน้ารับร่างโปร่งโบกมือลาอีกฝ่ายที่นั่งอยู่ในรถที่กำลังถูกคนขับเคลื่อนออกจากซอยไปจนลับสายตา

ภีมขับรถออกจากบ้านแต่เช้าหลังจากทำกับข้าวให้แม่และทิชาที่ต้องไปมหา'ลัยเสร็จ ร่างโปร่งโทรหาจอมใจถึงเรื่องห้องพักฟื้นของจอมพลก่อนสองขายาวจะก้าวเดินขึ้นตึกสีขาวสูงระฟ้าเพื่อมุ่งไปยังห้องนั้นทันทีหลังจากเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาล

ภีมหยุดยืนมองหน้าห้องพักหมายเลข 4301 สักพักในมือของเขาถือกระเช้าผลไม้ที่ซื้อมาไว้แน่นก่อนร่างโปร่งจะตัดสินใจยกมือขึ้นเคาะประตูและเปิดเข้าไป

“สวัสดีครับคุณลุงคุณป้า” ภีมยกมือไหว้จอมเดชและจอมขวัญที่นั่งอยู่ตรงโซฟาก่อนอีกฝ่ายที่เขาพูดด้วยจะส่งยิ้มกลับ

“สวัสดีจ้ะมาแต่เช้าเลยนะภีม” จอมขวัญที่ผละสายตาจากคนบนเตียงเอ่ยขึ้น

“ครับคุณป้า…สวัสดีครับคุณราชันย์” ภีมหันไปหาร่างสูงอีกคนที่นั่งอยู่อีกฝากหนึ่งของเตียง ราชันย์ยิ้มรับนิดๆ พลางพยักหน้าก่อนร่างโปร่งจะวางกระเช้าที่ตัวเองซื้อมารวมกับของเยี่ยมอื่นๆ พร้อมกับหันไปมองจอมพล

ร่างสูงยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว ใบหน้าคมเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผลที่เกิดจากเศษกระจกบาด บนหัวของเขามีผ้าก๊อตพันเอาไว้หลายชั้นก่อนภีมจะไล่สายตาลงไปที่เท้าซ้ายของอีกฝ่ายซึ่งถูกสวมเฝือกเอาไว้ยาวขึ้นไปจนถึงใต้เข่าประมาณห้าเซ็นต์ฯ

ร่างโปร่งมองภาพของคนเจ็บด้วยแววตาสั่นระริก ภีมรู้สึกจุกไปทั้งอกจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนพูดออกมาได้ ของเหลวใสเอ่อขึ้นจนล้นดวงตากลมไหลออกมาเป็นสายก่อนที่เขาจะจัดการปาดมันออกอย่างไวเพราะกลัวคนอื่นจะเห็น

ภีมนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ยังว่างข้างเตียง บรรยากาศภายในห้องกลับมาเงียบอีกครั้งหลังจากที่เขาเอ่ยทักราชันย์ไป ทุกคนต่างนั่งนิ่งไม่พูดอะไรหากแต่ทุกสายตากลับมองไปยังจุดเดียวนั่นก็คือจอมพล

“ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น” จอมขวัญเอ่ยขึ้นพลางมองมาที่ภีม

“ผมเองก็เสียใจครับ” ร่างโปร่งตอบพลางหันมองคนเจ็บอีกครั้ง

“ภีม...”

“ครับ?”

“ฉันขอคุยอะไรด้วยหน่อยจะได้มั้ย” ภีมมองจอมขวัญอย่างสงสัยอยู่สักพักก็พยักหน้ารับก่อนคนอายุมากกว่าจะเดินนำเขาออกจากห้องมา

“เอ่อ…แล้วจอมใจไปไหนเสียล่ะครับ” ภีมถามพลางเดินตามหลังอีกฝ่ายอย่างใจเย็น

“พอดีวันนี้คุณหมอบดินทร์เขานัดตรวจร่างกายหลังการรักษาของยัยใจน่ะอีกเดี๋ยวก็คงกลับ” จอมขวัญบอกก่อนทั้งคู่จะเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางหนีไฟของชั้น

หญิงวัยกลางคนหันกลับไปมองคนเดินตามด้วยแววตาหมอง เช่นเดียวกับภีมเองที่รู้สึกประหม่าขึ้นมาเสียจนเหงื่อชุ่มไปทั่วทั้งมือก่อนที่      จอมขวัญจะถอนหายใจและเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด

“ก่อนอื่นเลยฉันต้องขอโทษที่ลูกชายฉันเคยทำเรื่องไม่ดีไว้กับเธอตั้งมากมายขนาดนั้นนะ” ภีมสบตากับคนตรงหน้าพลางเอ่ยตอบอย่างงงๆ

“คะ…ครับ”

“เธอคงเจ็บปวดมากจนให้อภัยตาพลไม่ได้เลยใช่มั้ย” คนถูกถามขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนร่างโปร่งจะเข้าใจถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายอยากจะคุยกับเขาในที่สุด

“เปล่านะครับ”

“…”

“ผมยังไม่ลืมเรื่องพวกนั้นก็จริงแต่ที่ผมพยายามถอยห่างจากเขามันเป็นเพราะผมคิดว่าเราสองคนต่างกันเกินไปอีกอย่างพวกเราไม่มีทางเป็นในแบบที่เขาต้องการได้ยังไงล่ะครับ” ภีมบอกออกไปอย่างไม่กั๊ก

“ใครกันที่บอกว่าเธอสองคนต่างกันเกินไป” จอมขวัญไม่เห็นด้วย

“…”

“ไม่มีใครนอกจากตัวเธอเองหรอกจริงมั้ย” คำถามของฉุดให้ภีมได้คิด

ร่างโปร่งคิดเองมาตลอดว่าเรื่องระหว่างเขากับจอมพลไม่มีทางเป็นไปได้คิดทั้งที่ไม่สนใจว่าร่างสูงจะรู้สึกยังไงและคิดไปก่อน…แม้กระทั่งยังไม่เคยได้ลองพยายามเลยสักครั้ง

“ผมขอโทษครับ ขอโทษที่เป็นสาเหตุให้เขาเป็นแบบนี้” ภีมยกมือไหว้พลางก้มหัวให้จอมขวัญ

“ไม่หรอกอุบัติเหตุครั้งนี้ฉันเองก็ผิดที่กุเรื่องทำให้ตาพลคิดมากจนขาดสติ” เธอคว้ามือที่พนมกันของภีมเป็นการห้าม “เพียงแต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันอยากรู้มากกว่าคือเธอรักลูกชายฉันมั้ย”

“แม่คะ! พี่พลฟื้นแล้วค่ะ!!” ไม่ทันที่ภีมจะได้ตอบจู่ๆ จอมใจที่รีบสาวเท้าเดินมาก็ตะโกนบอกด้วยความดีใจ ร่างโปร่งเบิกตากว้างทันทีด้วยความตื่นเต้นภีมกำลังจะสาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายที่หยุดยืนรออยู่ไม่ไกลทว่าผู้เป็นแม่ของร่างสูงกลับฉวยแขนเขาไว้ก่อน

“เธอยังไม่ได้ตอบคำถามของฉันเลยนะ” ภีมสบตากับจอมขวัญก่อนใบหน้าของเขาจะเปื้อนยิ้มขึ้นมา

“รักครับ” ร่างโปร่งตัดสินใจบอกความรู้สึกของตัวเองออกไป “ผมรักคุณจอมพลไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ทั้งที่ตอนนั้นเขาเองก็ร้ายกับผมไว้มากแต่พอรู้ตัวอีกทีผมก็รักเขาไปแล้ว” จอมขวัญฉีกยิ้มหลังจากได้ยินประโยคนี้ชัดๆ จากคนตรงหน้าก่อนที่เธอจะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมาซึ่งคำพูดนี้เองได้ทำให้ภีมตัดสินใจทำอะไรบางอย่างในที่สุด

“ถ้าอย่างงั้น…อย่ารอให้อะไรมาพรากมันไปก็แล้วกัน”

“แค่กูเข้าโรง'บาลเองมึงก็ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้จะบอกพ่อแม่กูทำไมลำบากพวกท่านเดินทางมาเปล่าๆ” จอมพลเอ็ดราชันย์ที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยเสียงแหบพร่า

“ไอ้คนที่พูดว่า แค่เข้าโรง'บาลเอง เนี่ยกูได้ข่าวว่าเพิ่งขับรถชนเกาะกลางถนนเสียบเข้ากับเสาไฟฟ้า ขาหัก หัวแตกเย็บสิบเข็มแถมยังซี่โครงร้าว นี่ถ้าเป็นกว่านี้อีกนิดกูเกือบจองศาลาพร้อมซื้อพวงหรีดไว้ให้ละ” ราชันย์เหน็บสวนทำเอาจอมเดชที่นั่งดูอยู่ไม่ไกลอดขำให้กับพวกเขาทั้งสองที่ยังคงกัดกันไม่เปลี่ยนแม้จะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนรักกันก็ตาม

“ไอ้ปากอัปมงคล” คนเจ็บปรายตามองอย่างฉุนๆ

“ไงล่ะครั้งนี้เล่นหมดสภาพเลยสินะ” จอมขวัญที่เดินเข้ามาเอ่ยทักด้วยประโยคแรกที่ทำเอาจอมพลถึงกับจุก

“ก็ไม่ได้เป็นไรมากนี่แม่…มึงนี่นะไอ้ชันย์ไม่น่าบอกพ่อแม่กูเลย” ตอบแม่ตัวเองเสร็จก็หันมาแว้งกัดร่างสูงอีกคนไม่ปล่อย

“เอ้อ! ลืมไปว่ะว่ากูไม่ได้บอกแค่พ่อกับแม่นะเว้ยแต่กูยังบอก…” ราชันย์ที่ได้ยินเสียงคุยกันของจอมใจและภีมหลังจากที่ทั้งคู่เปิดประตูห้องเดินเข้ามาเอ่ยบอกก่อนสายตาของร่างสูงบนเตียงจะจับจ้องไปยังคนที่เดินเข้ามาใหม่ทันที

“ภีม…” จอมพลเหมือนถูกสาปให้แข็งเป็นหิน ร่างสูงมองอีกฝ่ายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยคำถามก่อนจะเอ่ยออกไปอย่างน้อยใจ

“มึงมาที่นี่ทำไมไหนบอกว่ามึงกับกูจบกันไปแล้วไง” ทุกคนในห้องหันมองภีมเพื่อลุ้นคำตอบกันเป็นตาเดียว

“ก็ใช่ที่ผมเคยพูดแบบนั้น” คำตอบของภีมยิ่งทำให้ร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นพลางจ้องเขาไม่หยุด

“ภีมเขาอุตส่าห์มาเยี่ยมก็พูดกับเขาดีๆ หน่อยสิเจ้าพล” จอมเดชยิ้มอย่างรู้กันกับจอมขวัญก่อนจะทำทีเอ็ดลูกชายตัวเองออกไป

“ผมก็เป็นของผมแบบนี้” ร่างสูงบิดหน้าหนี

“เอ…ใจพี่ว่าเราพาพ่อกับแม่ออกไปหาซื้ออะไรมาเซ่นคนแถวนี้ดีกว่า”

“ไอ้ชันย์กูยังไม่ตายจะเซ่นเพื่อ!?” จอมพลว่าให้ราชันย์ที่กำลังหาทางให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน

“ดีเลยพี่ชันย์”

“ใช่จ้ะแม่เองก็อยากออกไปหาซื้อกับข้าวเหมือนกันนี่เราสามคนยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะใช่มั้ยคะคุณเดช”

“จ้ะแม่…” ทุกคนสวมบทบาทได้อย่างแนบเนียนจนคนคิดแผนถึงกับอึ้ง

“งั้นไปรถผมเลยนะครับเฮ้ย! ไอ้พลกูจะออกไปข้างนอกมึงจะเอาไรมั้ย”

“ฝากซื้อน้ำใบบัวบกแก้ช้ำในมาให้กูที” ร่างสูงทำทีตอบเพื่อนสนิทก่อนจะปรายตามองร่างโปร่งที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล

“ได้เดี๋ยวกูจะซื้อมาให้สักสามสี่ลิตร” ว่าเสร็จทั้งสี่คนก็พากันเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้แต่เพียงภีมที่ตัดสินใจเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายข้างๆ เตียง

“เจ็บมากมั้ย” ร่างโปร่งเอ่ยถามเสียงเรียบ

“ไม่เจ็บ” จอมพลตอบพลางหันหน้าหนีจนภีมทนไม่ไหวต้องยกมือขึ้นกดแผลที่หัวอีกฝ่ายไปหนึ่งที

“โอ้ย!! ซี้ดดด”

“ทำเป็นเก่งไปได้เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิ” จอมพลมองภีมด้วยอย่างเคืองๆ

“แล้วมาทำไม? จะตามมาสมน้ำหน้าที่ตอนนี้เหมือนกรรมมันตามสนองกูอยู่สินะ” ร่างสูงว่าเสียงเย้ยหยันจนภีมแทบอยากกุมขมับกับท่าทีนี้เสียจริงๆ

“ก็คิดได้เนอะ” ร่างโปร่งว่าไม่เต็มเสียงนักก่อนบรรยากาศในห้องจะกลับมาเงียบอีกครั้งจนคนที่บิดหน้าหนีหันกลับมามองสิ่งที่เกิดขึ้นกับอีกคน

จอมพลหันมาสบตาภีมที่ยืนมองเขานิ่ง ดวงตากลมของอีกคนเรื่อไปด้วยน้ำตาก่อนภีมจะเอื้อมมือขึ้นจับแขนของร่างสูงและบีบเบาๆ ราวกับอยากจะยืนยันกับตัวเองว่าคนที่นอนอยู่เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

“เจ็บขนาดนี้แล้วยังห้ามไม่ให้คุณราชันย์บอกอีกคุณมันโครตบ้าเลยรู้ตัวมั้ย” ร่างโปร่งว่าพลางกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหล

“มึงไม่สนใจกูอยู่แล้วนี่จะบอกไม่บอกมันก็เหมือนกัน” จอมพลมองภีมด้วยความไม่เข้าใจก่อนคำพูดต่อมาของอีกฝ่ายจะทำให้หัวใจของเขาวูบไหว

“ตอนนี้ผมยังดูไม่สนใจคุณเหรอ” ภีมมองด้วยแววตาอ้อน “แล้วต้องทำยังไงผมถึงจะดูสนใจคุณ?”

จอมพลเบิกตาขึ้นเล็กน้อยร่างสูงพยายามขยับตัวปรับท่านั่งโดยที่ภีมก็ไม่รอช้ารีบยื่นมือเข้าช่วยก่อนที่เขาจะมองคนที่ยืนข้างๆ นิ่ง

“งั้นจับมือกู” จอมพลพูดเหมือนสั่ง

ร่างสูงไม่กล้าหวังอะไรมากกับคำนี้เพียงแต่อยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะยอมทำอย่างที่พูดไว้หรือเปล่า…

และก็เป็นอย่างที่พูดเมื่อภีมเอื้อมมือมาจับมือขวาของเขาเอาไว้แน่นพลางบีบกระชับจนทำให้ร่างสูงรู้สึกอัดอั้นและร้อนผ่าวไปทั่วใต้ตาทั้งสองข้าง

“กอดกู” ภีมโน้มตัวลงโอบกอดเขาไว้ทันที ไม่ใช่กอดเหมือนอย่างทุกครั้งหากแต่ครั้งนี้ร่างโปร่งกอดเขาด้วยใจทั้งหมดที่มี

“จูบกู” ภีมหยัดตัวขึ้นพลางเท้าแขนไว้ข้างตัวของจอมพล ร่างโปร่งทาบริมฝีปากสีแดงระเรื่อลงบนริมฝีปากสีซีดของคนบนเตียงอย่างแนบแน่นแม้จะไม่ได้รุกล้ำแต่บทจูบนี้ก็เรียกน้ำตาให้เรื่อขึ้นมาในดวงตาคมได้เป็นอย่างดี

“คุณอยากให้ผมทำอะไรอีกบอกมาได้เลย” ภีมพูดหลังจากผละ         ริมฝีปากออก จอมพลมองดวงตากลมของอีกฝ่ายนิ่งก่อนร่างสูงจะยกแขนแกร่งขึ้นโอบอีกคนเข้ามากอดไว้

“มึงให้อภัยกูแล้วใช่มั้ย” น้ำตาแห่งความดีใจไหลอาบแก้มจนร่างสูงต้องรีบปาดมันออกเพราะกลัวใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเขามันก็แค่ผู้ชายคนหนึ่งที่รักคนในอ้อมแขนจนหมดใจ

“ผมให้อภัยคุณไปตั้งนานแล้ว”

“ขอโทษกับเรื่องทุกอย่างที่กูเคยทำ กูรักมึงภีม…รักมาก…อยู่กับกูนะอย่าไปไหนถือว่ากูขอระ!…” ภีมที่คลายอ้อมแขนออกจากจอมพลชิงทาบนิ้วเรียวลงบนริมฝีปากซีดทันที

“คุณไม่ต้องขอร้องผมหรอก”

“…”

“เพราะถึงคุณไม่ขอผมก็จะอยู่ข้างๆ คุณ” คนพูดฉีกยิ้มก่อนประโยคต่อมาของเขาจะยิ่งทำให้จอมพลไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้วฟื้น

“ผมรักคุณครับคุณจอมพล”

“!!”

“รักมากและจะอยู่ข้างๆ คุณต่อจากนี้ไม่ไปไหนถึงคุณจะไล่ผมก็ไม่ไปเตรียมตัวไว้ได้เลย” ภีมก้มลงจูบซับไปบนแก้มสากอีกครั้ง

“มึงแม่ง! ทำกูเสียน้ำตามากกว่าแม่กูซะอีก” จอมพลว่าก่อนภีมจะเอื้อมมือขึ้นปาดน้ำตาให้ร่างสูง

“ไม่เห็นเป็นไรเลยขนาดหน้าคุณมีแต่รอยช้ำแถมยังร้องไห้ขี้มูกโป่งแต่คุณก็ยังดูหล่อเหมือนเดิม” ร่างโปร่งยิ้มพลางแซวอีกฝ่ายกลับ

“หยุดพูดเลยภีม” จอมพลเสมองไปทางอื่นหูของเขาเริ่มแดงขึ้นอย่างอายๆ

“ทำไมล่ะครับก็คุณยังดูหล่อจริงๆ นี่นา” ร่างโปร่งแซวไม่เลิก

“พอได้แล้วภีม” นัยน์ตาคมหันกลับมาจ้องคนตรงหน้าอีกครั้งก่อน    ร่างสูงจะยอมรับออกไปในที่สุด “กูเขิน…”

ภีมยิ้มให้กับท่าทีของจอมพลที่ตัวเขาเองก็ไม่เคยเห็น ร่างโปร่งลากเก้าอี้ตัวที่ว่างมานั่งพลางคว้ามือของอีกฝ่ายมากุมไว้

“คุณจอมพลครับ”

“หืม?”

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ” ร่างสูงเหยียดยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ

“สวัสดีครับผมภีมวิทธิ์หรือคุณจะเรียกผมว่า 'ภีม' เฉยๆ ก็ได้” ภีมพูดแนะนำตัวเองก่อนจอมพลจะกระชับมือที่ถูกอีกฝ่ายกุมและตอบรับด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขจนไม่สามารถหักห้ามรอยยิ้มอันน่าหลงไหลของตัวเองไว้ได้

“ผมจอมพลยินดีที่ได้รู้จักครับ…ภีม”



TBC....
-----------------------------------------
บทหน้าจบแล้วนะคะ เม้นท์เป็นกำลังใจคนเขียนหน่อยเร้วววววว!!!

 :mew1: :mew1: :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: มะเหมียว17 ที่ 02-08-2017 13:40:29
 :z3:  :z3:  :z2:  กรี๊ดดดดดดดดดด...............
อยากจะตีลังกาสักแปดตลบ........
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: minneemint ที่ 02-08-2017 13:56:54
ขอบคุณค่ะสนุกจัง
หัวข้อ: Re: --กงจักรจอมพล--(18+).......CH.27 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: may_nk ที่ 02-08-2017 18:23:31
ขอบคุณค่ะสนุกมากเลยค่ะ :mew1:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [01/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 02-08-2017 22:16:40



EPILOGUE



“ผมไม่รู้ว่าคุณจะใส่ชุดที่ผมเตรียมมาให้หรือเปล่า” ภีมพูดขณะที่มือทั้งสองข้างของเขากำลังคุ้ยอะไรบางอย่างในกระเป๋าเป้ที่สะพายมาด้วย

“มึงเอาอะไรมากูก็ใส่ทั้งนั้นแหละ” จอมพลที่นั่งบนวีลแชร์ใช้มือหมุนล้อเคลื่อนเข้าไปหาอีกฝ่ายก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน

“พูดจริงนะ?” ร่างโปร่งตาลุกวาวก่อนคนไม่รู้ชะตากรรมจะพยักหน้าย้ำกลับอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่

ภีมเหยียดยิ้มพอใจเมื่อจอมพลตกหลุมพรางก่อนจะล้วงบางอย่างออกจากเป้มา…บางอย่างที่ทำให้คนที่กำลังจะออกจากโรงพยาบาลวันนี้ถึงกับต้องร้องเสียงหลง!

“นี่มัน!?...” จอมพลมองสิ่งที่อยู่ในมือของภีมพลันเบิกตากว้าง

“พูดแล้วทำด้วยนะครับอย่าสักแต่พูดเฉยๆ” ภีมยื่นชุดที่เตรียมมาไปตรงหน้าอีกคน

“นี่มึงคิดจะแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย!?” ร่างสูงถามอย่างไม่เชื่อสายตา

“ไม่ได้แกล้งสักหน่อยผมก็แค่อยากให้คุณใส่ชุดนี้ตอนออกจากโรงพยาบาลจริงๆ ก็เท่านั้น” ภีมตีมึนกลับก่อนจอมพลจะปฏิเสธเสียงแข็ง

“ไม่เอากูไม่ใส่!!”

“อ่ะๆ เมื่อกี้ใครพูดว่าไงนะ? โธ่…ไม่ใจนี่หว่า” ภีมแกล้งยั่ว

“ใครมันจะไปใส่ลง! หยุดพูดแบบนั้นซะ!” จอมพลขู่ก่อนภีมจะงัดเอาไม้ตายออกมาใช้

“นั่นไงสุดท้ายก็เก่งแต่ปาก” ร่างโปร่งรู้ว่าอีกฝ่ายแพ้ให้กับอะไรจึงไม่ยากเลยที่จะทำให้จอมพลยอมใส่ชุดนี้ได้ “ช่างเถอะมันก็แค่ชุดที่ผม อุตส่าห์ตั้งใจหามาให้***!*** แต่คุณเลือกที่จะไม่ใส่ผมก็…โอเค” ว่าเสร็จภีมก็ทำทีเป็นยัดมันกลับเข้าไปในเป้สุดท้ายกลายเป็นจอมพลที่ทนไม่ไหวคว้ามันออกมาพร้อมกับเลื่อนวีลแชร์เข้าไปในห้องน้ำแทน

“หึ้ย! ใส่ก็ใส่วะ!!”
:
:
:
ผ่านไปกว่าสิบนาทีร่างสูงถึงยอมเปิดประตูห้องน้ำพร้อมเคลื่อนวีลแชร์ออกมาฉุดให้ภีมที่กำลังจัดของใส่เป้ของตัวเองผละจากสิ่งที่ทำตรงหน้าพลางหันไปมองคนหน้ามุ่ยภายใต้ชุดที่เขาอยากเห็นอีกฝ่ายใส่เป็นที่สุด

“พี่พล!...” จอมใจที่เพิ่งตามมาจากที่บ้านพรวดพราดเปิดประตูเข้ามาก่อนหญิงสาวจะชะงักพลางเบิกตาโพรงพร้อมหัวเราะลั่นเมื่อเห็นชุดที่พี่ชายตัวเองใส่

“ฮ่าๆๆๆ นี่มันชุดอะไรของพี่!?” จอมใจชี้ไปยังชุดนอนปิกาจูสีเหลืองแป๊ดบนตัวของจอมพล

“ถามพี่สะใภ้เธอโน่น! แม่งโครตน่าอายเลยว่ะ” คนถูกบังคับบุ้ยปากไปทางคนต้นคิดด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสี

“น่าอายตรงไหนน่ารักดีออกพี่นี่แทบอยากขว้างโปเกบอลไปเก็บมาไว้กับตัวซะเลย” ภีมยิ่งแซวหนัก

“เหอะ! มึงลองมาใส่ดูมั้ยล่ะ” จอมพลบ่นอุบอิบ

“ฉันว่าดูๆ ไปพี่ก็เหมาะกับชุดนี้ดีนะ” จอมใจทำทีเห็นด้วยกับภีมหากแต่คำพูดนี้ของเธอได้รับการตอบกลับจากอีกฝ่ายเพียงสายตาเคืองเท่านั้นทำเอาหญิงสาวยิ่งขำใบหน้าของพี่ชายหนักเข้าไปใหญ่

“คุณไม่ลืมอะไรแล้วนะ” ภีมเปลี่ยนเรื่องถามเมื่อเก็บของที่วางตรงหน้าใส่ลงเป้เป็นชิ้นสุดท้ายก่อนจอมพลจะพยักหน้ากลับ

“งั้นผมออกไปจัดการเรื่องเงินให้คุณรออยู่นี่ก่อนเดี๋ยวมา” ร่างโปร่งว่าแต่จอมพลห้ามเอาไว้

“ไม่ต้องออกไปพร้อมกันเนี่ยแหละมึงไม่ต้องจ่ายให้กูหรอกมันเป็นเพราะกูประมาทเอง” ร่างสูงว่า

“ใช่แค่พี่เทียวมาดูแลพี่พลทุกวันพวกเราก็เกรงใจพี่จะแย่อยู่แล้วเดี๋ยวจอมจัดการเอง” จอมใจเดินนำก่อนภีมจะเข็นวีลแชร์ของจอมพลตามออกมา

ทั้งสามทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลจนเสร็จท่ามกลางคนที่เดินผ่านไปมาและนางพยาบาลประจำเคาน์เตอร์ที่มองจอมพลไม่หยุดแถมยังซุบซิบซะจนร่างสูงต้องสวมฮูดหัวปิกาจูปิดบังใบหน้าด้วยความอาย

“พ่อกับแม่ล่ะใจส่งพวกท่านที่สนามบินแล้วใช่มั้ย” ร่างสูงถามเมื่อพวกเขาเดินออกจากลิฟต์และตรงไปยังประตูทางเข้าของโรงพยาบาล

“อื้มไปตั้งแต่เช้าแล้วนี่ไม่น้อยใจใช่มั้ยที่พวกท่านไม่ได้มารับกลับบ้านน่ะ” หญิงสาวแหย่กลับเพราะจอมใจรู้ดีว่าจอมพลนั้นขี้น้อยใจแค่ไหน

“น้อยใจทำไมพี่รู้หรอกน่าว่างานที่โน่นมันยุ่ง” ร่างสูงตอบอ้อมแอ้มเรียกรอยยิ้มของจอมใจและภีมที่เหยียดมันให้กันอย่างรู้ดี

“ดังใหญ่แล้วนะคุณมีแต่คนถ่ายรูปแน่ะ” ภีมก้มลงกระซิบข้างหูของจอมพลเมื่อตลอดสองข้างทางที่พวกเขาเดินออกมามีแต่คนยกโทรศัพท์ขึ้นถ่ายรูปของร่างสูงไม่หวาดไม่ไหว

“เงียบเลยภีม” จอมพลว่าเสียงดุก่อนที่จู่ๆ เด็กผู้หญิงมอปลายสองคนจะวิ่งเข้ามาหาพวกเขาหลังจากที่ทั้งคู่ผละจากญาติที่มารับคุณตาคนหนึ่งกลับบ้านเช่นเดียวกัน

“พี่คะๆ พวกหนูเห็นว่าชุดพี่น่ารักดีขอถ่ายรูปด้วยได้มั้ยคะ?” หนึ่งในสองคนเอ่ยขอด้วยใบหน้ายิ้มแป้น

“ขอโทษนะครับพี่มะ!…”

“ตามสบายเลยครับ”

“ภีม!” ร่างสูงกระชากฮูดหัวปิกาจูออกก่อนจะเอี้ยวตัวมองขึ้นไปยังคนด้านหลังอย่างเคืองๆ

ทว่าสุดท้ายจอมพลก็เสียท่าจนได้เพราะเมื่อเขาถอดฮูดออกเด็กสาวที่ยืนรออยู่ก็ถึงขั้นอ้าปากค้างให้กับใบหน้าคมของเขาพลันยกโทรศัพท์ขึ้นกดรัว  ชัตเตอร์ไม่ยั้ง

“ถ่ายเยอะๆ เลยนะเยอะเท่าที่พวกน้องต้องการเลย” ภีมว่าพลางยิ้มให้ร่างสูงที่ยังคงแหงนหน้าจ้องเขาไม่ปล่อย

“เอ๋…แล้วพวกพี่เป็นอะไรกันเหรอคะ” เด็กสาวคนหนึ่งถามหลังจากที่เธอถ่ายรูปของอีกฝ่ายจนพอใจและเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากระโปรงไปแล้ว

“พี่เป็นน้องพี่พลเขาน่ะ” จอมใจตอบก่อนจะเสมองภีมที่จู่ๆ ก็เงียบจนจอมพลนึกขำ

“ไงล่ะมึงเจอแบบนี้ไปไม่เป็นเลยอะดิ” ร่างสูงเอ่ยแซวหากแต่ในใจลึกๆ เขาก็หวังให้ภีมกล้าบอกความจริงกับคนถามกลับไป

“เขาเป็น…” ดูเหมือนว่าทุกคนกำลังลุ้นคำตอบของภีมเพราะสายตาทุกคู่จดจ้องมาที่เขาไม่กระพริบ

“เขาเป็นสามีของพี่น่ะ” ร่างโปร่งยอมบอกในที่สุดเรียกเสียงกรี๊ดของสองเด็กสาวและจังหวะการเต้นของหัวใจจอมพลให้รัวเร็วขึ้นในทันที

“กรี๊ด!! แกเห็นมั้ยว่าราศีมันจับพี่เขาเป็นๆ!...ว๊าย! ขอบคุณนะคะที่ให้ถ่ายรูปด้วย”

“งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ” สองฝ่ายเอ่ยแยกย้ายก่อนจอมพลจะแขวะภีมเมื่อพวกเขาเดินออกจากตัวโรงพยาบาลมาและตรงไปยังรถที่จอดอยู่

“กล้ามากนะมึง”

“อ้าวหรือคุณอยากให้ผมกลับไปบอกพวกเธอว่าเราเป็นแค่คนรู้จักกัน?”

“อย่า!” ร่างสูงเหวอรีบคว้ามือภีมเอาไว้ก่อนจะพูดต่อ “กูแค่คิดไม่ถึงว่ามึงจะกล้าพูด” ภีมได้ยินก็อดยิ้มไม่ได้ที่อีกฝ่ายรู้จักเขาน้อยไป

“ยังมีอีกหลายอย่างที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับผม” ร่างโปร่งพูดทิ้งท้ายก่อนจะหันไปเปิดประตูรถของตัวเองให้จอมพล

“ทำไมยังไม่ขึ้นรถ?” ร่างสูงถามเมื่อเขาและภีมนั่งพร้อมอยู่ในรถแล้วทว่าจอมใจก็ยังยืนอยู่ข้างนอกไม่ยอมขึ้นมาสักที

“จอมจะกลับบ้าน”

“เราก็กลับบ้านไง…ใช่มั้ย?” จอมพลหันมาถามภีมก่อนอีกฝ่ายจะส่ายหัวปฏิเสธกลับ

“เปล่าสักหน่อยผมกำลังจะพาคุณไปที่ที่หนึ่งต่างหาก”

“ห๊ะ?”

“ขอบคุณนะจอมใจ” ภีมเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่

“ยินดีเสมอ”

จอมใจผละเดินไปยังรถอีกคันที่จอดอยู่ไม่ไกลก่อนภีมจะหยิบผ้าปิดตาออกจากช่องใต้คอนโซลและสวมมันให้กับคนข้างๆ

“เดี๋ยวๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน!?”

“ปิดไว้ก่อนครับเพราะถ้าคุณเห็นมันก็ไม่เซอร์ไพร์สน่ะสิ” ภีมว่าจนสุดท้ายร่างสูงก็ยอมใส่ในที่สุด

“เชื่อมึงเลย”
:
:
:
ภีมเข็นวีลแชร์ที่จอมพลนั่งเข้ามาในห้องๆ หนึ่งก่อนร่างโปร่งจะรีบถอดเป้ที่สะพายออกและวิ่งวุ่นตามหาของบางสิ่งที่เตรียมเอาไว้แต่ดันลืมว่าเก็บไว้ตรงไหน

“กูเปิดตาได้ยัง”

“แปปนึงๆ” ภีมเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะวางทีวีก่อนจะเจอว่าของที่กำลังหาถูกวางอยู่ในนั้น “อะเปิดได้” น้ำเสียงตื้นเต้นเอ่ยบอกก่อนมือหนาจะคว้าผ้าปิดตาออกอย่างไว

ปุ้ง!

“ยินดีต้อนรับกลับครับคุณจอมพล!” ภีมดึงพลุกระดาษในมือก่อนจะตะโกนบอกอีกฝ่ายด้วยอาการดีใจเป็นที่สุด

“นี่มัน…อะไร?” ร่างสูงถามอย่างไม่เชื่อสายตา

“อ้าวคุณจำไม่ได้แล้วเหรอว่านี่คอนโดผม”

“กูจำได้แต่ที่กูไม่เข้าใจคือ…” ดวงตาคมมองไปยังแผ่นป้ายขนาดใหญ่ที่ถูกติดไว้ตรงประตูบานเลื่อนทางออกไปนอกระเบียง

'Welcome back to our home!' ตัวอักษรหลากสีที่ถูกอีกฝ่ายตกแต่งทำให้ร่างสูงรู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก

“เพราะคุณต้องใส่เฝือกที่ขาอีกนานคงทำอะไรเองไม่สะดวกอีกอย่างคนที่บ้านของคุณก็ต้องดูแลจอมใจอยู่แล้วผมเลยอาสาพาคุณมาอยู่ที่นี่เพื่อดูแลแทนเอง” ภีมสาธยาย

“ดูแล?”

“ใช่มานี่สิผมจะให้ดูอะไร” ร่างโปร่งเข็นวีลแชร์ไปยังห้องนอนก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเตียงพลางพูดด้วยท่าทีที่ดูร่าเริงกว่าวันไหนๆ

“ผมเปลี่ยนผ้าปูเตียงเป็นสีครีมที่คุณชอบด้วยนะ เสื้อผ้าของคุณที่อยู่ในตู้ผมเองก็รีดให้ทุกตัวแล้ว”

“ภีม…” จอมพลเรียกชื่ออีกฝ่ายทว่าภีมกลับไม่สนใจเพราะร่างโปร่งก็ยังเดินไปโน่นมานี่เพื่อบอกสิ่งที่เตรียมไว้ให้กับอีกคนไม่หยุด

“ในตู้เย็นก็มีแต่ของที่คุณชอบตามที่จอมใจบอกกับผม”

“ภีม…”

“ในห้องน้ำผมก็ซื้อแปรงสีฟันและผ้าเช็ดตัวมาให้คุณแล้วนะ”

“ภีม!”

“หืม?” ร่างโปร่งชะงักก่อนจะหันไปมองหน้าจอมพลนิ่ง

“นี่มึงใช่คนเดียวกับที่เคยปฏิเสธกูเปล่าวะ?” ร่างสูงมองคนตรงหน้าด้วยอึ้งก่อนภีมจะเดินเข้าไปหาและถามขึ้นอย่างสงสัย

“ทำไมเหรอ?”

“มึงทำให้กู…”

“คุณไม่ชอบที่ผมเป็นแบบนี้?”

“เปล่ากูไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น” จอมพลปฏิเสธก่อนร่างสูงจะคายสิ่งที่ตัวเองกำลังรู้สึกออกมา “เพียงแต่ตอนนี้กูกำลัง…มีความสุข”

ภีมมองผู้ชายตรงหน้าด้วยแววตาอ่อนโยน

“ผมเองก็มีความสุขนะที่มีคุณมาอยู่ด้วย” ร่างโปร่งเข็นวีลแชร์ของ     อีกฝ่ายออกมายังห้องรับแขกตามเดิม

“เหมือนกูเพิ่งแต่งงานเข้าหอเลยว่ะ” จอมพลว่าก่อนจะย้ายขึ้นมานั่งบนโซฟาโดยมีภีมคอยช่วยพยุง “เมียก็แม่งน่ารัก” ว่าเสร็จก็หยิกแก้มอีกคนไปหนึ่งที

“แต่ผมว่าวันนี้คุณน่ารักกว่า” จอมพลหุบยิ้มลงเมื่อภีมไม่เลิกแซว

“หิวหรือยังครับ” ภีมถาม

“ข้าวยังไม่หิว…” ร่างสูงตอบก่อนจะใช้แขนโอบคนข้างๆ เอาไว้พลางพูดสองแง่สามง่ามต่อ “หิวอย่างอื่นมากกว่า”

ภีมหดคอหนีอีกคนที่โน้มหน้าเข้ามาก่อนที่พวงแก้มทั้งสองข้างของ   ร่างโปร่งจะขึ้นสี “ถ้าไม่หยุดทำตัวน่ารักเดี๋ยวกูก็ช็อตไฟฟ้าด้วยลำของกูซะหรอก” ร่างสูงแหย่จนภีมอดไม่ได้ที่จะปรามาสกลับ

“เหอะ! ยังไม่หายดีอย่างซ่านักเลยน่า”

“ถึงขาจะใส่เฝือกแต่กูก็ขย่มมึงได้แล้วกัน”

“บ้า! ปล่อยได้แล้วผมจะไปกับข้าว” ร่างโปร่งดิ้นหนีพลันเสียงสัญญาณเตือนจากโทรศัพท์ของร่างสูงดังขึ้น

ตึ่งดึ่งๆๆๆ

เสียงเตือนรัวๆ ของแอปพลิเคชั่นหนึ่งฉุดให้จอมพลขมวดคิ้วก่อนร่างสูงจะผละออกจากร่างโปร่งและล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงชุดนอนปิกาจูออกมาดูว่าเป็นใครที่ทักมา

“ใครครับ”

“ลูกค้า” จอมพลตอบไม่เต็มเสียงนักทั้งยังพยายามเบี่ยงตัวไม่ให้ภีมที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูการสนทนาที่เกิดขึ้น

“ลูกค้าน่ะใคร?”

“ก็…ลูกค้า”

“ขอดูหน่อยครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก” ร่างสูงรีบพิมพ์บางอย่างกลับไปก่อนจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว

“ถ้าแค่ลูกค้าก็เอามาให้ผมดูครับ”

“…” จอมพลทำหูทวนลม

“คุณจอมพล…” หากแต่น้ำเสียงและท่าทีที่เปลี่ยนไปของภีมกลับทำให้เขาที่ไม่อยากมีเรื่องทะเลาะยอมยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายแต่โดยดี

“พรุ่งนี้ริกาไปหาที่บริษัทนะคะ…นี่เธอไม่รู้เหรอว่าคุณต้องพักฟื้น” ภีมถามออกไปอย่างฉุนๆ เมื่อคนที่ทักจอมพลมาเมื่อครู่คือมาริกา

“กูบอกเขาเองแหละว่าพรุ่งนี้จะกลับไปทำงาน”

“ผมไม่ให้ไปนะ!”

“ภีมช่วงนี้งานกูยุ่งแค่หายไปเกือบสองอาทิตย์พนักงานก็วิ่งวุ่นกันพออยู่แล้วไหนยังจะมีเอกสารกองเท่าภูเขาอีก”

“อยากไปทำงานหรืออยากไปเจอเธอกันแน่” ภีมสวนอย่างงอนๆ จน ร่างสูงต้องรวบตัวอีกคนเข้ามากอดไว้อีกครั้ง

“ไม่เอาน่ากูมีแค่มึงคนเดียวกับริกากูคิดกับเขาแค่พี่น้อง”

“แต่เธอไม่ได้คิดกับคุณแค่พี่น้องน่ะสิครับ”

“ถ้างั้นพรุ่งนี้มึงก็ไปกับกูสิ” ร่างสูงเสนอ

“แต่ผมลาออกแล้วนะ”

“กูยังไม่ได้เซ็นต์อนุมัติให้มึงออกถือว่ามึงยังเป็นพนักงานของกูอยู่     อีกอย่างถึงมึงจะลาออกไปแล้วจริงๆ มึงก็ไปในฐานะอื่นได้”

“ฐานะอะไร?” ภีมถามอย่างสงสัย

“ทูนหัวของจอมพล”

ร่างโปร่งหน้าร้อนผ่าวเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมากระซิบที่ข้างใบหู

“ไม่คุยด้วยแล้ว!” ภีมผลักอีกคนออกอย่างเขินอายพลันจอมพลก็ใช้แขนแกร่งโอบรอบคออีกฝ่ายเอาไว้ไม่ให้ไปไหน

“เขินเหรอ?” จอมพลยิ้มมุมปากก่อนมือหนาจะถอดบางอย่างออกจากข้อมือตัวเองและสวมเข้าที่ข้อมือซ้ายอีกฝ่ายแทน

“อันเก่ามันหักเพราะกูแม่งบ้ากูเลยทำอันใหม่มาให้” ร่างโปร่งมองกำไลเงินเกลี้ยงที่มีตัวอักษรภาษาอังกฤษเขียนไว้ว่า You’re Mineบนข้อมือซ้ายก่อนดวงตากลมจะเงยหน้ามองไปยังจอมพล

“ของกูก็มีนะ” ร่างสูงชูข้อมือซ้ายของตัวเองที่มีกำไลอยู่อีกวงก่อนภีมจะคว้าแขนเขาเอาไว้และหมุนดูข้อความด้านบน

มันคือคำว่า…I’m Yours

“ไม่ยักรู้ว่าคุณก็มีมุมนี้กับเขาด้วย” จอมพลทำภีมแทบพูดไม่ออก

“ยังมีอีกหลายเรื่องที่มึงไม่รู้เกี่ยวกับตัวกู”ร่างสูงทำทีพูดประโยคของ อีกฝ่ายก่อนภีมจะย่นจมูกมองกลับด้วยท่าทียียวน

“เจ้าเล่ห์นักนะ” ภีมว่าพลางบีบจมูกคนข้างๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “ขอบคุณมากเลยนะครับแต่ตอนนี้ปล่อยก่อนนะผมจะไปทำกับข้าวแล้ว”

“ค่อยทำน่า…ตอนนี้ทำกับกูก่อน” จอมพลอ้อน

“กับคุณไว้หายดีก่อนแล้วค่อยทำครับ”

“รอขนาดนั้นกูทรมานตายพอดี”

“ผมไม่ปลอยให้คุณตายง่ายๆ หรอกน่า” คำพูดนี้ฉุดให้ร่างสูงมองอีกคนกลับอย่างไม่เชื่อหูก่อนภีมจะชิงทาบริมฝีปากสีระเรื่อของตัวเองลงบนริมฝีปากของอีกฝ่าย

บทจูบอันแสนหวาบหวามเริ่มต้นเมื่อจอมพลจูบตอบด้วยลีลาที่เหนือชั้น ริมฝีปากเรียวเผยอรับลิ้นร้อนที่ส่งเข้ามาก่อนร่างสูงจะดูดดึงลิ้นของอีกฝ่ายราวกับมันเป็นของหวานรสชาติละมุนจนอยากจะลืมเลือน

“เอาไปแค่นี้ก่อนเนอะสัญญาว่าหายดีแล้วให้แน่ๆ” ภีมที่ผละริมฝีปากออกให้คำมั่นกับอีกคน

“สัญญาแล้วนะ?”

“อื้ม”

“กูแม่งโครตรักมึงเลยว่ะภีม” จอมพลหอมภีมกลับอีกฟอดใหญ่

“รู้แล้ว…ผมเองก็รักคุณครับคุณจอมพล เอาล่ะปล่อยได้แล้วจะไปทำกับข้าว” ภีมว่าก่อนร่างสูงจะยอมปล่อยเขาแต่โดยดี

“งั้นกูช่วย”

“ไม่ต้องนั่งรอที่นี่ก็พอ…”

เสียงพูดคุยของผู้ชายสองคนดังอบอวลไปถ้วนทั่วทั้งห้อง ภีมที่ยืนทำกับข้าวมองไปยังจอมพลที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักไม่ต่างอะไรกับอีกหนึ่งคนที่นั่งมองผู้ชายที่ตัวเขายกให้เป็น 'ศรีภรรยา' ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเช่นเดียวกัน

แม้ว่าเรื่องราวของทั้งคู่อาจเริ่มต้นมาจากความแค้น แต่ทว่าตอนนี้พื้นที่ทุกตารางวาภายในห้องกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ทั้งคู่มีให้กัน มันเป็นความรู้สึกที่…

ทำให้บ้าน กลายเป็น บ้าน

ชีวิตกลายเป็น ชีวิต หรือแม้กระทั่ง

ทำให้ความแค้น กลับกลายเป็น…ความรัก


-จบ-


จบลงแล้วนะคะสำหรับความรักระหว่าง จอมพล x ภีม
พระเอกอาจจะถูกกระทำน้อยไปหน่อยและอาจไม่ตรงใจนักอ่านในบางฉาก
กิ่งต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังไงจะพยายามต่อไป แล้วพบกันใหม่ที่

 เล่ห์กลอัศวิน ค่ะ
ปล.แต่เรื่องนี้ยังไม่จบและคิวโพสน่าจะหลังจากที่เว็บธัญวลัยจบแล้วค่ะ
(เพราะกิ่งโพสในนั้นเป็นหลัก) และอยากจะให้เว็บนั้นจบก่อนเนื่องจากมีระบบเหรียญด้วยค่ะ ^^



สำหรับ กงจักรจอมพล มีแบบเล่มกระดาษขายกับ สนพ Writer Book ค่ะ
หากใครอยากได้มาจับจองและอ่านเรื่องราวของทั้งคู่ต่อจากนี้กับตอนพิเศษ 4 ตอนคือ

โทษที 'ผู้ชายคนนี้' ผมหวง!
ผัวไม่อยู่หนู (เมีย) ร่าเริง
Bed War พี่ขอจัดหนัก
รักนายคนนี้ 24 ชั่วโมง

สามารถสั่งซื้อทาง Inbox แฟนเพจของทาง สนพ. ได้เลย >> Writer Book (https://www.facebook.com/writerbookyaoi/)
เล่มประกอบด้วยเนื้อหา 460+ หน้า ราคา 370 บาท+ที่คั่นและโปสการ์ด จร้าาาา

(https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/20479854_10203484720314166_7505692746647436504_n.jpg?oh=e7c0b6b4de3141eeef933b33af85cce3&oe=59EE460A)

 
:mew1: :mew1: :mew1: :mew1:





หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 02-08-2017 22:44:08
กรี้ดดดดดดด
ฮึ่ยยยยยยยย
จบแล้ว จบแบบจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้ะ
ถึงแม้จะขัดใจที่ให้อภัยง่ายไปหน่อย
แต่ภาษาค่อนข้างดี
เลยไม่เป็นไร
ขอบคุณจริงๆ นะจ้ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: cheepoke ที่ 02-08-2017 23:05:37
กรี้ดดดดดดด
ฮึ่ยยยยยยยย
จบแล้ว จบแบบจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายจ้ะ
ถึงแม้จะขัดใจที่ให้อภัยง่ายไปหน่อย
แต่ภาษาค่อนข้างดี
เลยไม่เป็นไร
ขอบคุณจริงๆ นะจ้ะคนเขียน

จร้าาาา แล้วรอติดตามอีกสองเรื่องที่เหลือด้วยนาาาาา  :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 03-08-2017 02:23:26
โอ้ยยยย เบาหวานจะขึ้นละค่า 555
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-08-2017 09:50:36
โปเกมอนสายโหดแค่ไหนก็แพ้ศรีภรรยา
ดีใจด้วย คุณติดโรคเกียมัวเต็มๆ ครับแล้วคุณจอมพล
ขอบคุณนิยายเรื่องนี้
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 03-08-2017 16:18:17
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-08-2017 01:37:05
ดีดี๊
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Romanee-Conti@msn.com ที่ 04-08-2017 05:47:36
จบง่ายเกิรไป พล็อตเดิมที่หาได้ทั่วไปเลย อุบัติเหตุ คือเนื้อเรื่องปูมาอลังการมากแต่ตัดจบแบบไม่สมกับเนื้อเรื่องก่อนหน้านั้นเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 04-08-2017 20:54:32
ขอบคุณมากค่ะ  :L1:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 05-08-2017 10:43:15
อ้ายยยยย ตามมาอ่านของไรท์เตอร์อีกแล้วววววว พระเอกร้ายกาจอีกแล้ว 555555 ตามตอนต่อไป
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 05-08-2017 18:44:30
ตามมาอ่านจนจบไปอีกเรื่อง
สงสารภีมสุดๆเรื่องนี้
พระเอกแบบเลวอ่ะ
พอกันเลยกะราชัน ถึงว่าเป็นเพื่อนกันได้
รออ่านเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-08-2017 04:14:01
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: pogpax ที่ 30-08-2017 06:31:50
 :jul1:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 31-08-2017 11:12:53
ชอบค่ะ  ตอนแรกๆพี่จอมจะโหดไปมาก  แต่ตอนสุดท้ายมุ้งมิ้งมากค่ะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 01-09-2017 01:36:03
ขอบคุณมากค่ะ :pig4: :pig4:
แม้ว่าตอนแรกๆจะอยากตบท่าพนจอมทัพแค่ไหนก็เถอะ :z6: 55555
แต่เราชอบตอนที่พี่ท่านอ้อนและหวงหึงแบบซึนๆอ่ะ น่าร๊ากกกกกกก :man1:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: +MooN+ ที่ 06-10-2017 09:55:35
น้องภีม น่ารัก แต่ปิกาจูน่ารักกว่า  :m20:
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: yuyie ที่ 08-10-2017 22:33:29
อ่านมารวดเดียวเลย สนุกดีค่ะ
ขอบคุณนะ
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ชอบอ่าน ที่ 15-10-2017 03:46:28
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ สนุกมาก
จอมพลทำให้เราเป็นไบโพล่าร์ โกรธที่ทำแบบนั้นกับภีม แต่อีกใจนึงก็เอาใจช่วย เราสับสนไปหมดแล้ววว :z3: :z3:


เป็นกำลังใจให้คนแต่งนะคะ รอติดตามเรื่องต่อไปจ้า
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 15-10-2017 20:48:33
ขอบคุณสำหรับนิยายนะ อ่านแล้วอยากแย่งภีม//โดนพระเอกตบ(เอ๊ะ! ชื่ออะไรนะ55)ล้อเล่นๆ
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Raina ที่ 17-10-2017 07:58:32
ถ้าจอมพลไม่มัวแต่แค้น ลองสืบเรื่องราวสักหน่อย แล้วแก้ปัญหาให้ตรงจุด ก็คงจะได้คุยกับทิชาแต่แรก ทิชาก็จะได้ไปพบจอมใจ จอมใจก็จะยอมรักษาตัว เรื่องก็คงจบไปนานแล้ววววว  :เฮ้อ:

แต่ก็นะ โทษจอมพลคนเดียวไม่ได้ ต้นเหตุจริงๆคือจอมใจ ที่นอกใจทิชาและโกหกครอบครัว จนทำให้คนอื่นๆวุ่นวายไปหมด
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวกระดาษ97 ที่ 18-10-2017 00:09:38
สงสารจัง
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: Haruya ที่ 04-12-2017 18:41:07
พล็อตเรื่องละครหลังข่าวชัดๆ แก้แค้นผิดตัว ข่มขืน ไปหลงรักเค้า แล้วก้โดนทิ้ง :hao6:
แต่ชอบจัง
อ่านไปน้ำตาคลอไป

โอย ชอบจอมพลพูดคำหยาบ 555 สงสัยซาดิสม์
สนุกมากค่ะ อ่านรวดเดียวจบ เดี๋ยวต้องไปอ่านเรื่องของราชันย์ซะแล้ว
หัวข้อ: Re: [END]--กงจักรจอมพล--(18+).......EPILOGUE 100% [02/08/2560]
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-12-2017 23:01:50
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 18-01-2018 23:13:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
เริ่มหัวข้อโดย: ▶August5th◀ ที่ 26-03-2018 18:49:18
สวัสดีครับ

อยากอ่านเรื่องของอัศวินต่อ อยากอ่านมากๆ
ไม่ทราบจะได้อ่านภายในปีนี้ไหม
ชอบงานเขียนของคุณมากๆ
หัวข้อ: Re: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
เริ่มหัวข้อโดย: cutelady ที่ 19-10-2019 00:12:47
เข้ามาอ่านทีเดียวพร้อมกัน 2 เรื่องชอบมาก
ทั้ง 2 คู่. น่ารักมากๆเลย
ขอบคุณนักเขียน ส่งกำลังใจให้นะจุ๊บๆ
 :katai2-1: :mew1: :pig4:
หัวข้อ: Re: [END] >> กงจักรจอมพล << (18+) ตีพิมพ์กับ สนพ. Writer Book
เริ่มหัวข้อโดย: nyxca ที่ 24-03-2020 02:31:42
อ่านจบหน้าแรกละ ถ้าอ่านเอามันส์ก็มันส์จริงๆนะเรื่องนี้(ส่วนตัวชอบดราม่าค่ะ ก็ประมาณที่คุณคนเขียนเขียนแหละ ไม่ค่อยอ่านฟรุ้งฟริ้ง)

แต่พระเอกแบบค่อนข้างพังมากๆอะค่ะ เหมือนเค้าจะแก้แค้นผิดคนและพอจอมใจบอกให้พอเค้าก็ไม่ฟัง คือถ้าพระเอกแอบชอบนายเอกมาก่อนจะพอโยงได้ว่าใจสั่งมานะ แต่ถ้าไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กันมาก่อนและแก้แค้นพี่ชายของจำเลย(ทิชา)แทนที่จะไปแก้แค้นทิชาเนี่ยมันทำให้เรื่องมันหาจุดเชื่อมโยงไม่เจอและงงพระเอก5555

อ่านต่อแปป รอดูว่าพระเอกมันจะดีขึ้นมั้ยหรือผีบ้าต่อไป




Edit//อ่านหน้าสองจบละ คือพระเอกคงไม่มีทางดีขึ้นหรอกแต่นายเอกแบบ... ถามจริงเป็นมาโซปะ5555 คือเค้าแค่พูดดีด้วยนิดเดียวคือใจเต้น? ลืมหมดเลยที่เคยเกลียด โอโห คนด่าพระเอกอย่างเรานี่หมาเลยนะคะ