พิมพ์หน้านี้ - เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:08:27

หัวข้อ: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:08:27
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:10:33
ลองเอามาลงในนี้ดูสักหน่อย เรื่องก่อนๆ หน้านี้ดันลืมไปละว่าไปไว้ในไหน...

เพิ่งเคยแต่งแนวนี้นะฮะ ฝากด้วย

++++++++

ผมเคยคิดที่จะตาย

ความรู้สึกเสียวปลาบตอนที่ปลายเท้ายื่นออกไปจากดาดฟ้าแม้แค่เพียงเซนเดียว ผมยังจำมันได้ดี

ตอนนั้น ผมก้มมองปลายเท้าตัวเองและเลยไปยังพื้นเบื้องล่าง

สายลมเย็นพัดวูบ

ร่างกายเหมือนเซเล็กน้อยเพราะแรงลม

บนดาดฟ้าของตึก 16 ชั้น

ถ้าตอนนั้น

ผมกระโดดลงไป

ไม่ว่ายังไง...ก็ตาย

******

เพราะมันคือตราบาป

ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย ฝันเดิมๆ ที่ตามหลอกหลอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า

มัน...ผู้ชายคนนั้น

ผมเอามือลูบท้องตัวเองที่โตขึ้นทุกทีอย่างแผ่วเบา บางอย่างเต้นตุ้บๆ อยู่ในนั้น ความรู้สึกพะอืดพะอมตีขึ้นมาจนถึงลำคอ และผมก็ต้องรีบพุ่งตัวลงจากเตียง เพื่อเข้าไปอ้วกในห้องน้ำจนหมดไส้หมดพุง

มันคือ...ก้อนเนื้อเล็กๆ ที่ผู้ชายคนนั้นทิ้งไว้ในตัวผม

น่าขยะแขยง น่ารังเกียจ

ไอ้ปิศาจชั่วนั่น

เสียงของมันกระซิบอยู่ข้างหู ยังคงก้องอยู่ในหัว

“พี่จะรอวันที่ลูกของเราคลอดออกมานะ กฤตติณณ์”

******

ย้อนไปเมื่อ 7 ปีก่อน

ผมเพิ่งขึ้นชั้นมัธยมปลาย แต่ก็มีเหตุให้ต้องย้ายโรงเรียนกะทันหัน เพราะเรื่องงานของพ่อ ผมไม่รู้จะแนะนำตัวเองว่ายังไงดีเหมือนกัน แต่ผมจำได้ว่าตอนนั้น ผมเป็นคนที่ร่าเริง มนุษย์สัมพันธ์ดี การย้ายโรงเรียนกลางเทอมจึงไม่มีผลกับชีวิตผมเท่าใดนัก

ผมเข้ากับเพื่อนที่โรงเรียนใหม่ได้ดีในเวลาอันสั้น เข้าชมรมศิลปะที่ชอบ ได้พบกับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งที่ชมรม เธอชื่อว่า ไอซ์ เราสนิทกันเพราะมีรสนิยมคล้ายกันหลายอย่าง และคงไม่ต้องบอกว่า ความรักของเราเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร

พวกเราคบกันก่อนปิดเทอม และพอเปิดเทอมสอง ความสัมพันธ์ก็ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ครั้งแรกของผมกับเธอ ทั้งจูบและเซ็กส์ เกิดขึ้นในห้องชมรม ในช่วงเย็นที่ทุกคนกลับไปหมดแล้ว ท้องฟ้าเริ่มมืด และบรรยากาศก็เป็นใจ ผมทำทุกอย่างด้วยความอ่อนโยน ผมรักเธอ รักไอซ์ รักมากกว่าสิ่งใด ผมคิดอย่างนั้น และทุกวันนี้ก็ยังคงคิดแบบนั้นอยู่

ตอนนั้นพวกเรารักกันมากจริงๆ และไม่คิดว่าจะมีสิ่งใดมาพรากเราจากกันได้

แต่แล้วก็เกิดเรื่องที่ทำให้ผมกับเธอต้องจากกันตลอดกาล

ผมต้องออกจากโรงเรียนกลางครัน ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน ต้องหางานทำด้วยวุฒิม.3 แม้ว่าแม่จะพยายามแอบช่วยเหลืออยู่บ้าง แต่ผมก็ไม่มีทางกลับไปที่บ้านหลังนั้นได้อีก ผมมีข้าวของติดตัวมาไม่มาก เช่าห้องเก่าๆ โทรมๆ ในย่านชุมชนแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยจะปลอดภัยนักเป็นที่ซุกหัวนอน ต้องอดมื้อกินมื้อเพื่อประทังชีวิตด้วยเงินวันละไม่กี่ร้อยบาท จากงานรับจ้างตามร้านค้าแถวนั้น ทั้งล้างจาน เสิร์ฟอาหาร ทำความสะอาด ยังดีที่ผมพอมีฝีมือในด้านการวาดรูป เลยหารายได้เพิ่มจากการวาดรูปขายในช่วงกลางคืนที่ตลาดนัด ได้เงินบ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็พออยู่ได้

แต่เรื่องเฮงซวยในชีวิตผมมันไม่ได้จบแค่นั้น

ไอซ์มีพี่ชายสองคน และพี่ชายคนโตของเธอก็เป็นเจ้าของบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ แถมยังเล่นการเมืองมีทั้งเงินและอิทธิพล เขาอายุแค่ 34 ปีเท่านั้นเอง แต่เก่งกาจจนหาตัวจับยาก เห็นหน้าค่าตาบ่อยๆ ในหนังสือพิมพ์และนิตยสารไฮโซ รวมทั้งในทีวีด้วย

แต่เรื่องพวกนั้นช่างหัวมันเถอะ

เพราะมัน...คือไอ้สารเลวชาติชั่ว

เป็นคนระยำที่ผมจะไม่มีวันให้อภัย!!!
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:12:01
พอดีว่าเอาลงเวบอื่นไว้ เลยมาลงในนี้รัวๆ รวดเดียวเลยแล้วกัน

++++++

“ไอ้ติณ!” นพดล เพื่อนร่วมหอพักเปิดประตูพรวดเข้ามา พอเห็นกฤตติณณ์นั่งทรุดอยู่กับพื้นห้องน้ำก็ร้องเสียงดังด้วยความตกอกตกใจ เขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยปี 4 เรียนอยู่มหาลัยรัฐใกล้ๆ แถวนี้ บ้านอยู่ต่างจังหวัด เลยต้องอยู่หอพัก นพทำงานที่ร้านอาหารเดียวกันกับติณ และต่างช่วยเหลือกันมาตลอดตั้งแต่นพเรียนปี 1 และนพก็รู้เรื่องที่ติณ...ท้อง
นพทิ้งถุงกับข้าวลงบนพื้นแล้วรีบวิ่งเข้าไปพยุงติณขึ้น สีหน้าร้อนรน
“ให้กูพาไปหาหมอมั้ย” นพมองเขาด้วยสีหน้าสับสน เขารู้ว่ามันยากจะยอมรับ แม้ท้องของเขาจะโตขึ้นทุกเดือนและผลการตรวจที่นพเองก็เป็นคนพาไปเช็คอยู่ตลอด จะเป็นสิ่งยืนยันว่าผู้ชายอย่างเขากำลังท้อง แต่ยังไงก็ประหลาดอยู่ดี

แม้กระนั้น นพก็ยังคงอยู่เคียงข้างเขาเสมอ

และเขาไม่ได้ผิดปกติ เขาเคยเป็นผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง
แต่เพราะมัน! เพราะไอ้สารเลวนั่น!! เขาถึงต้องมีร่างกายแบบนี้...

 “ไม่เป็นไร กูแค่อ้วกจนหน้ามืด” ตั้งแต่รู้ตัวว่าร่างกายนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ติณก็อ้วกแทบทุกวันอยู่แล้ว ยิ่งไอ้ตัวที่อยู่ในท้องเขาโตขึ้นเท่าไหร่ ติณยิ่งขยะแขยงและอยากอ้วกเอามันออกมาเท่านั้น
“กินข้าวไหวมั้ยวะ กูซื้อของโปรดมึงมาทั้งนั้นเลยนะ” นพพาติณไปนั่งลงบนเตียง ก่อนจะหยิบถุงอาหารมาเทใส่ชามให้ กลิ่นแกงและผัดผักหอมฟุ้ง
“มึงเอาเงินมาจากไหน นี่ยังกลางเดือนอยู่เลย” ติณเกิดความสงสัย เพราะนพก็ไม่ได้มีเงินมากมาย นพเป็นแค่ลูกชาวนาจนๆ ที่สอบติดในกรุงเทพฯ และขอทุนเรียน ค่าใช้จ่ายอื่นๆ จิปาถะก็ต้องหางานพิเศษทำเอา แต่วันนี้ ทั้งที่เงินเดือนยังไม่ออก นพกลับมีอาหารหน้าตาดีมาถึงสองอย่าง ปกติพวกเขากินกับข้าวแค่อย่างเดียวทั้งสามมื้อ หรือไม่ก็แค่โจ๊ก 20 บาทตอนเช้าเท่านั้น
“กู...ได้งานเพิ่มน่ะ เขาให้รายวัน” เขาตอบโดยไม่สบตา แปลกมาก
“มึงไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายใช่มั้ยวะ” แม้จะยากจนข้นแค้นแค่ไหน เรื่องที่ติณจะไม่มีวันทำก็คือเรื่องที่ผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะค้ายาหรือขายตัว เพราะผู้ชายสมัยนี้ก็ขายตัวได้ มีทั้งป้าๆ ตัณหากลับและพวกเกย์เปลี่ยวๆ มากมายรอซื้อในราคาดี ยิ่งถ้าพวกที่หน้าตาดีหน่อย ก็ได้ราคาดีและลูกค้าเพียบ
“เออน่า ไม่ผิดกฎหมายแน่นอน แต่ก็เปลืองตัวนิดหน่อยว่ะ ฮ่าๆ” นพหลุดปากออกมา เขารีบเอามือปิดปากตัวเองทันที ติณจ้องมองอย่างคาดคั้น
“มึงไปทำอะไรที่ไหนกันแน่”
“อย่าเซ้าซี้เลยว่ะ ติณ กินๆ เหอะ ลูกมึงหิวแย่แล้ว” นพเลี่ยงพลางยื่นชามข้าวมาให้ติณถือ และหยิบชามของตัวเองมากินบ้าง

กินข้าวเสร็จ ติณยังคงพยายามคุยกับนพอีกครั้ง เพราะเขาไม่อยากให้นพทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายหรือต้องแลกกับศักดิ์ศรีเพื่อตัวเอง พวกเขาเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น
“นพ มึงไม่ต้องลำบากเพื่อกูกับไอ้เด็กเวรนี่นักก็ได้” ติณว่าพลางทุบมือที่ท้องตัวเอง นพรีบปรี่เข้ามาคว้าแขนเขา
“เดี๋ยวก็แท้งกันพอดี ไอ้ห่า!” นพดุติณเสียงดัง ก้มลงแนบหูฟังเสียงเด็กที่อยู่ในท้อง ราวกับเป็นพ่อเสียเอง “อีกไม่นานก็คลอดแล้ว มึงช่วยทนหน่อยได้มั้ย ยังไงมันก็ลูกมึงนะ”
“มันไม่ใช่ลูกกู!” ติณโวยวาย นพต้องยื้อข้อมือเขาไว้ทั้งสองข้าง เพราะเขาทำท่าว่าจะทุบท้องตัวเองอีก
“ใจเย็นๆ สิวะ! จะยังไงมันก็อยู่ในท้องมึงแล้ว และมึงอุ้มท้องมันมาตั้งหลายเดือนแล้วนะ” คำพูดของนพทำให้ติณอ่อนลง นพจึงยอมปล่อยมือและลูบที่ท้องของเขาเบาๆ
“เด็กมันไม่รู้เรื่องด้วยนะมึง อย่าทำร้ายมันเลย” นพยิ้มบางๆ ให้เด็กในท้อง แต่ติณกลับรู้สึก...เจ็บใจ
“ฮึก” ติณเริ่มสะอื้นไห้ รู้สึกไม่ชอบเวลาที่ตัวเองอ่อนแอแบบนี้เลย นพดึงตัวเขาเข้าไปกอดไว้ ลูบหัวปลอบโยน แต่ยิ่งทำให้ติณกลั้นน้ำตาไม่ไหว และร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนทุกครั้ง

ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องไอ้เด็กบ้านี่กับพ่อของมัน!

“กูไม่ได้ลำบากมากมายอะไรหรอก แค่งานกลางคืนที่ต้องโดนพวกอาเสี่ยกับบรรดาป้าๆ แตะเนื้อต้องตัวนิดหน่อย แต่ก็ได้ทิปเยอะนะมึง บางคืนได้มาสองสามพัน” นพเล่าด้วยดวงตาเป็นประกาย ถึงอย่างนั้นก็เป็นงานที่เสี่ยงจะเสียตัวอยู่ดี
“ระวังๆ หน่อยแล้วกัน อย่าให้ใครมอมเหล้าเอาไปขายได้ล่ะ ครั้งแรกมีกับคนที่รักดีกว่า” ติณสั่งสอนในฐานะรุ่นพี่ ทั้งที่ก็อายุห่างกันแค่ปีเดียว แต่อย่างน้อยเขาก็มีประสบกามมาก่อนล่ะนะ เพราะนพยังโสดสนิท แถมเวอร์จิ้นด้วย
“กูก็รอมีครั้งแรกกับมึงนี่ไง หลังลูกคลอดนะ เมียจ๋า” นพโผเข้ากอดเอวเขาแถมยังเอาหน้ามาถูบนอก ทำเหมือนผัวอ้อนเมียจริงๆ ติณเบะปากด้วยความหมั่นไส้
“สัส กวนตีนนะมึง รีบๆ ไปเรียนได้แล้ว” ติณผลักนพออก นพหัวเราะคิกแล้วหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ ติณรู้สึกว่าหมู่นี้นพชักจะได้ใจใหญ่แล้ว พอเห็นว่าไม่ว่าอะไร ก็ชอบกอดชอบหอมอยู่เรื่อย
“กูแม่ง รู้สึกเหมือนกำลังจะเป็นพ่อคนเลยว่ะ ทำงานหาเลี้ยงเมียกับลูก ภูมิใจสุดๆ อ่ะ” ยัง ยังไม่เลิกเล่นมุกทุเรศๆ ติณคิดพลางยกเท้าจะถีบด้วยความหมั่นไส้ นพเลยรีบลุกหนี ทำให้ติณเสียหลักเล็กน้อย และ...
“โอ๊ยยย เจ็บบบบ” จู่ๆ ติณก็ปวดท้องขึ้นมา ปวดมากด้วย เด็กในท้องของเขาดิ้นแรงกว่าทุกทีจนเจ็บระบมไปหมด ติณร้องโอดครวญเสียงดัง นพหน้าตาตื่นเข้ามาประคองให้นั่งเอนหลังพิงหัวเตียงไว้
“เฮ้ยๆๆๆ ทำไงดีๆๆๆ มือถือๆๆ” นพวิ่งไปมาเหมือนหนูติดจั่น ติณหรี่ตามองเขา ความเจ็บแล่นริ้วไปทั่วทั้งร่าง ภาพสุดท้ายที่เห็นและเสียงที่ได้ยินคือตอนที่นพกดมือถือโทรหาคนคนนั้น...

******

ติณตื่นขึ้นมาอีกครั้งในโรงพยาบาล เขาสวมชุดผู้ป่วยสีชมพูเรียบร้อยแล้ว ที่แขนมีสายน้ำเกลือระโยงรยางค์ รู้สึกไม่สบายตัวและยังหนักที่ท้องเหมือนเดิม
สายตากวาดมองรอบห้องและพบว่าอยู่ในห้องผู้ป่วยพิเศษ เตียงเดี่ยว มีทั้งทีวี ตู้เย็น ห้องน้ำส่วนตัวและห้องครัว นพนั่งกอดอกนอนหลับคอพับคออ่อนอยู่ที่โซฟา

“น...พ...นพ...” ติณพยายามส่งเสียงเรียกคนที่นอนหลับสนิททั้งที่อยู่ในท่านั่ง มือขาวซีดเอื้อมคว้าอะไรบางอย่างในอากาศ เหมือนว่าจะไปถึงตัวของนพได้
“นพ...”
ในที่สุดนพก็รู้สึกตัวตื่น เขาลืมตาขึ้นอย่างสลึมสลือ พอเห็นมือขาวๆ ที่ยื่นออกมาหา ก็รีบตาลีตาเหลือกลุกขึ้นมาจับไว้
“ตื่นแล้วเหรอ!? รู้สึกยังไงมั่ง ยังเจ็บท้องอยู่มั้ย”
“ไม่แล้ว...” ติณตอบเสียงระโหยโรยแรง “กูเป็นอะไรไป?”
“อ๋อ หมอบอกว่ามึงเจ็บท้องหลอก อะไรเนี่ยแหละ เป็นอาการปกติของคนใกล้คลอด นี่ก็ 7-8 เดือนแล้วนี่” นพตอบพลางช่วยประคองร่างโปร่งที่มีท้องโตกว่าคนปกติให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงที่ปรับยกขึ้นมาแล้ว
“เหรอ” ติณสีหน้าสลดลง ความเป็นจริงที่ยังคงรับไม่ได้จนทุกวันนี้ยังคงตามตอกย้ำ

เขากำลังท้องอยู่จริงๆ

“หมอบอกว่ามึงอาจจะเครียดมากไปด้วย ช่วงนี้ต้องมาตรวจบ่อยๆ อ๊ะ ไม่ต้องห่วงนะ กูมีเงินดูแลมึงกับลูกแน่นอน” นพยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดี แต่ติณกลับขมวดคิ้ว
“แล้วมึงเอาเงินมาจากไหน ห้องพิเศษนี่ก็ไม่ใช่ถูกๆ! มึงไปทำอะไรมาอีก!” ติณคาดคั้น รู้สึกใจคอไม่ดีแปลกๆ นพไม่ยอมตอบ ไม่ยอมสบตา แถมยังทำท่าทางเลิกลั่กแบบนั้นอีก แต่ยังไม่ทันคุยกันรู้เรื่อง ประตูห้องก็เปิดออก

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:14:55
เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งที่เดินเข้ามา เขาสวมสูทสีเข้ม ผูกเนคไทผ้าไหมอย่างดีมีคลิปติดไว้กับเสื้อเชิ้ตตัวในดูเรียบร้อย กางเกงจับจีบเรียบกริบและรองเท้าหนังสีดำขัดมันขึ้นเงาอย่างดี ทั้งตัวล้วนแต่เป็นของราคาแพงยับระดับที่ชาตินี้คนอย่างติณและนพไม่มีวันได้สัมผัส

ชายคนนั้น...คนที่ติณเกลียดเข้ากระดูกดำ เดินมาหยุดตรงหน้าพวกเขาและยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร
“ไง ติณ ดีขึ้นมั้ย” ถามไปตามมารยาทอย่างนั้นเอง ดวงตาคมกริบจ้องสบตาคู่สวยที่มีแววเกรี้ยวกราดอย่างท้าทาย
“มึง! ไอ้เหี้ย! ออกไปให้พ้นหน้ากู!” ติณโวยวายปัดแขนขาใส่ชายหนุ่มร่างสูง ซึ่งเขาก็แค่เอี้ยวตัวหลบเล็กน้อย นพรีบเข้ามาห้าม
“อย่า! ติณ เดี๋ยวก็เจ็บท้องอีกหรอก!” นพคว้าแขนของติณไว้แล้วดึงเข้าหาตัว โอบร่างที่บอบช้ำทั้งกายและใจนั้นเข้าสู่อ้อมอก ชายร่างสูงที่ยืนดูอยู่ย่นหัวคิ้วอย่างไม่สมอารมณ์นัก ก่อนจะคว้าไหล่ของนพแล้วผลักออก
“อยากชกอีกกี่หมัดล่ะถึงจะพอใจ เอาสิ ถ้ามีแรงลุกมาน่ะนะ” คนชอบท้าก็ยังคงกวนโมโหไม่เลิกด้วยการยื่นหน้าไปหาใกล้ๆ นพตั้งท่าจะเข้ามาห้ามอีก แต่ติณไวกว่า ปล่อยหมัดเข้าที่หน้าหล่อๆ นั่นอย่างจัง
“หึ” คนโดนต่อยแค่นหัวเราะ ยืดตัวตรงตามเดิม “แรงมีแค่นี้เองเหรอ น้องติณ”
“ไอ้ชาติชั่ว ไอ้สัตว์หมา ไปตายซะ!!!” ติณยังคงโวยวายก่นด่าไม่เลิกรา นพยืนหน้าซีด ไม่รู้จะห้ามยังไงดีแล้ว ส่วนคนถูกด่าก็ยังยิ้มกวนประสาท
“ไม่ต้องไล่ พี่แค่มาเยี่ยม “เมีย” กับ “ลูก” เดี๋ยวก็ต้องไปทำงานต่อแล้วล่ะครับคนดี” น้ำเสียงนั้นราวกับประชดประชันแดกดันกัน ชายหนุ่มร่างสูงขยับเนคไทตัวเองเข้าที่แล้วหันไปหานพ
“มีอะไรก็โทรหาไม่ต้องเกรงใจ ฝากดูแลเมียกับลูก “ของพี่” ด้วยนะ นพ หึหึ” แล้วก็เดินออกจากห้องนั้นไปพร้อมเสียงหัวเราะสะใจ ทิ้งให้ติณกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนบนข้อมือ หน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยโทสะ ส่วนนพได้แต่ถอนหายใจ

หลังจากชายคนนั้นออกไปจากห้องแล้ว ติณก็กระชากสายน้ำเกลือออก ลุกพรวดลงจากเตียงโดยที่นพไม่ทันตั้งตัว
“เฮ้ยๆๆ มึงจะไปไหน ทำไรวะเนี่ย ไอ้ติณ!” นพปรี่เข้าไปรั้งแขนของติณไว้
“กูจะกลับแล้ว! มึงเอาเงินคืนมันไปด้วย!” ติณตวาดลั่น เดิมดุ่มๆ ไปเปิดประตู
“จะบ้าเรอะ! หมอบอกว่ามึงต้องนอนอีกสองสามคืนนะ! ต้องให้น้ำเกลือด้วย! เดี๋ยวก็ได้แย่ทั้งแม่ เอ๊ย พ่อ เออ ช่างเหอะ ทั้งมึงทั้งลูกหรอก” นพเกิดสับสนขึ้นมาเล็กน้อยตอนพูด ตามไปคว้าตัวร่างโปร่งไว้อีกครั้ง
“เงินที่มันจ่ายค่าห้องไปแล้วช่างแม่ง แต่ที่เหลือจากนี้มึงต้องคืนให้หมด กูไม่รับเงินของไอ้เหี้ยนั่น!” ติณสบถลั่น ดวงตาวาวโรจน์ “กูเกลียดมัน!”
“เออ เรื่องนั้นกูรู้ แต่ยังไงคุณอันก็เป็น...”
“มึงหยุดพูดเรื่องนั้นเดี๋ยวนี้!!!” ติณหันไปจ้องตา สองมือคว้าคอของนพไว้ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปมาบริเวณตกอกตกใจ พยาบาลรีบวิ่งมาห้าม

“คุณกฤตติณณ์คะ! ออกมาได้ยังไงคะเนี่ย ตายแล้ว! ปล่อยคุณคนนี้ก่อนนะคะ” เธอพยายามร้องห้าม แต่ไม่กล้าเข้ามาใกล้ไปกว่านั้น คนท้องปกติก็อารมณ์แปรปรวนอยู่แล้ว แต่นี่เป็นคนท้องที่เป็นผู้ชาย เรี่ยวแรงเยอะกว่าผู้หญิงอีก
“มะ ไม่ต้องห่วงผมครับพี่สาวคนสวย โทร...เลย” นพที่โดนบีบคอ แต่ไม่ได้แรงมากนักทำท่ายกหูโทรศัพท์ส่งสัญญาณบอกคุณพยาบาล เธอทำหน้างง ก่อนจะเข้าใจความหมายแล้วรีบวิ่งไปกดโทรศัพท์
เพราะติณไม่คิดจะทำร้ายเพื่อนจริงๆ จังๆ ถึงได้ออมแรงไว้ แต่สีหน้าโกรธขึงของเขาทำให้คนอื่นแตกตื่นไปหมด ไม่นานนัก คนที่เขาเกลียดแสนเกลียดก็เดินมาถึงแล้วจับตัวเขาล็อคไว้ นพถึงได้เป็นอิสระ

“เป็นบ้าอะไร ออกมาทำไม!?” อันดาตะคอกใส่โดยใช้เสียงเบาที่สุด ลากตัวติณกลับเข้าห้องคนไข้ตามเดิม
“ปล่อยกู! ไอ้สารเลว!” ติณทั้งดิ้นรนและก่นด่า แต่อันดาไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำด่าทอหยาบคายพวกนั้นเลย เขาชินกับมันแล้วก็ว่าได้ มือหนารัดพันข้อมือบางแน่นหนา จนพาติณเข้าห้องได้สำเร็จ โดยมีนพตามเข้าไปด้วยท่าทางร้อนรน นพไม่อยากทำร้ายติณ ถึงต้องอาศัยแรงของอันดามาช่วยในสถานการณ์นี้ พอดีว่าอันดาเพิ่งจะลงไปถึงลานจอดรถ จึงรีบขึ้นลิฟท์กลับมาได้ทัน
“อย่าให้ฉันต้องเรียกลูกน้องขึ้นมาจับนายนะติณ! อยู่นิ่งๆ สัก 10 นาทีได้มั้ย!?” อันดาก็ไม่กล้ารุนแรงมาก เพราะกลัวสะเทือนเด็กในท้องของติณ “นพ มาช่วยพี่จับมัด!”
“ห๊ะ?” นพทำหน้าเหวอ “มัด? มัดเลยเหรอครับ?”
“เอาเนคไทพี่มัดขาติณไว้ ที่แขนพี่มัดเอง” อันดาสั่งพลางคว้าสายน้ำเกลือที่ตกอยู่ข้างเตียงขึ้นมา กว่าจะจับคนไข้ให้นอนนิ่งๆ บนเตียงได้ก็ทำเอาเหงื่อซก นพรีบออกไปตามพยาบาลมาต่อสายน้ำเกลือให้

ติณหลับไปแล้ว เพราะในน้ำเกลือมียาบำรุงอ่อนๆ ที่ทำให้ผ่อนคลายปนอยู่ด้วย อันดาต้องยกเลิกประชุมวันนี้เพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องของติณ เขาออกปากว่าจะอยู่เฝ้าเอง และให้นพไปทำงานพิเศษตามปกติ
อันดานั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงไม่ยอมห่าง ยังไงเสีย ติณก็เป็น...แม่ของลูก แม้อาจจะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าได้ทำเรื่องเลวร้ายนั้นลงไปแล้วจริงๆ

เขาทำให้ติณกลายเป็นแบบนี้

แต่มันก็สมควรแล้วนี่ กับสิ่งที่ติณควรได้รับ

ใช่...มันสมควรแล้ว

แล้วทำไม พอมองหน้าติณตอนที่หลับใหลไม่ได้สติแบบนี้

ความรู้สึกผิดมันถึงได้เอ่อท้นขึ้นมาในใจกันนะ

คืนนั้น เป็นคืนที่ฝนตกหนักมากและมีเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าดังแทบตลอดเวลา
ภายในห้องแลปใต้ดินของเพื่อนสนิทคนหนึ่งของเขา
ที่มืดสลัว

“ไอ้สารเลว! มึงทำอะไรกับกู!?”
“ก็ทำให้มึงกลายเป็นผู้หญิงไง”
“ไอ้ชาติชั่ว!”
“กูจะขอฝากสิ่งนี้ไว้ในตัวมึง และมึงต้องอุ้มท้องลูกของกู!”
“มึงมันเลวระยำ! ไอซ์จะต้องเสียใจที่มีพี่ชายชั่วๆ อย่างมึง!”

เพี๊ยะ!

เปรี้ยง!

 “ถ้ายังไม่เลิกปากดี กูจะเอาให้แม่งพรุนจนเดินไม่ได้เลย”
“อึก...มึงมัน...เหี้ย...อันดา...”
“ใช่ กูเหี้ย กูเลว แต่ก็ไม่บัดซบเท่ามึงหรอก ไอ้ติณ”
“...กูเจ็บ...”
“หึ กูจะฉีดน้ำเชื้อของกูเข้าไปในท้องมึง ให้ลูกๆ ของกูวิ่งเล่นในนั้น แล้วก็ผสมกับไข่ของมึง”
“หยุดพูด...ฮึก...พอที”
“เป็นไงล่ะ รู้สึกดีมั้ย มึงตอดกูขนาดนี้แล้วนะ”
“อย่าพูด...ไอ้เหี้ย...”
“อา...ครั้งแรกสินะน้องติณของพี่”
“ฮึก...”
“โครตดีเลยว่ะ ได้เอามึงเนี่ย รัดแน่นๆ นะ พี่จะเสร็จแล้ว”
“ฮืออออออ”
“อืม...ติณ แตกในนะครับที่รัก”
“ไอ้เหี้ยยยยยย ม่ายยยยยยยยย”

พรึ่บ!

“ม่ายยยยยยยย!!!”
“ติณ ติณ! เป็นอะไร!?” อันดารีบลุกขึ้นคว้าแขนติณที่จู่ๆ ก็ละเมอลุกมาโวยวายปัดป่ายไปทั่วด้วยความตกใจ แต่แทนที่ติณจะตื่นขึ้นมาแล้วสงบลง พอเห็นหน้าเขาก็ยิ่งโวยวายอาละวาดหนักกว่าเดิม
“ไอ้สารเลว! ไอ้ชาติชั่ว! ออกไปให้พ้น!!! กูเกลียดมึง!” ติณกราดด่าเสียงดัง หยิบข้าวของใกล้มือปาใส่อันดาที่ต้องรีบยกแขนขึ้นป้องกันไว้ เสียงเอะอะทำให้พยาบาลต้องวิ่งเข้ามาดู ก่อนที่จะออกไปตามคนมาช่วยจับติณ
“นี่มึงทำเหี้ยอะไรอีกเนี่ยไอ้อัน!” ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดสวมแว่นตาไร้กรอบพรวดพราดเข้ามาในห้อง ชุดกราวน์สีขาวทำให้รู้ทันทีว่าเขาคือหมอในโรงพยาบาลแห่งนี้ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนกับนักการเมืองหนุ่มอันดาอีกด้วย
“กูไม่ได้ทำอะไรนะเว้ย! จู่ๆ ติณก็ละเมอ ตื่นมาก็อาละวาดใส่กู” อันดารีบร้องบอก พลางยื้อยุดข้อมือบางที่ทุบลงมาไม่เลิก
“มึงนี่นะ ทำให้คนไข้กูเครียดอีกแล้วสิ รู้ทั้งรู้ว่าน้องมันเกลียดขี้หน้ามึง” หมอหนุ่มเดินเข้ามาช่วยจับแขนของติณ “ใจเย็นๆ ครับ นี่พี่หมอเอง ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีใครทำร้ายติณนะครับ” ฝ่ามืออุ่นๆ ของคุณหมอวางลงบนศีรษะ ติณจึงค่อยๆ สงบลง หมอหันไปทำตาดุใส่อันดาเป็นเชิงบอกให้ถอยไปไกลๆ อย่าเข้ามาในระยะที่ติณมองเห็น อันดาจึงเลือกหลบไปยืนด้านหลัง ชิดกระจกหน้าต่าง
“ไม่เป็นไรแล้วนะครับ ไม่มีใครทำร้ายติณได้ พี่หมออยู่ที่นี่ทั้งคน หายใจช้าๆ นะครับ ค่อยๆ อย่างนั้น” น้ำเสียงอ่อนโยนและกลิ่นหอมอ่อนๆ จากคุณหมอทำให้ติณผ่อนคลายได้จริงๆ เขาปรับลมหายใจตามที่บอกและหลับตาลงในอ้อมกอดของหมอ
“ผมฝันร้าย ฮือออ พี่หมอ ผมฝันเห็นมันอีกแล้ว!” ติณร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ โผเข้ากอดซุกแผงอกของคุณหมอหาความอบอุ่น อันดารู้สึกไม่ชอบใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ช่วงนี้คุณแม่มือใหม่ยังอารมณ์แปรปรวนอยู่มาก ขืนโผล่หน้าไปอีก มีหวังอาละวาดยับเยิน
“โอ๋ๆ คนดีไม่ร้องนะครับ ไม่เครียดนะ มันผ่านไปแล้ว ไม่ต้องไปคิดถึงมันนะครับ พี่กับนพอยู่กับติณเสมอนะ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว...” หมอหนุ่มปลอบโยนด้วยน้ำเสียงไพเราะเป็นจังหวะคล้ายร้องเพลงกล่อมเด็ก และในที่สุดติณก็หลับใหลไปอีกครั้ง

คุณหมอสูติฯ ที่ชื่อเล่นว่า หมอ เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของอันดาตั้งแต่สมัยเรียนม.ปลาย รู้ทุกเรื่องที่อันดาทำลงไป และเรื่องของไอซ์กับติณด้วย
“กูว่ามึงเลิกมายุ่งกับน้องเขาเหอะว่ะ เรื่องที่มึงกับไอ้บาสทำไว้ มันมีผลกระทบมากกับสภาพจิตใจเขานะเว้ย” หมอพูดถึงเพื่อนอีกคนหนึ่งที่หนีไปอยู่เมืองนอกและเลิกทำอาชีพหมอไปแล้ว ตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้น
“แต่นั่นเมียกู ลูกกู จะไม่ให้กูมาดูดำดูดีได้ยังไงวะ” อันดาขมวดคิ้วมุ่น ตอนนี้พวกเขากำลังนั่งคุยกันอยู่บนชั้นสองของร้านกาแฟใกล้ๆ โรงพยาบาล หลังจากทำให้ติณสงบลงได้แล้ว หมอก็ลากเพื่อนตัวดีออกมา และสั่งให้พยาบาลพิเศษมาเฝ้าติณไว้แทน
“มึงก็กล้าพูดเนาะ ทำระยำกับเขาขนาดนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องข่มขืน...” หมอจ้องหน้าเพื่อนอย่างเอาเรื่อง “มึงรู้อยู่แก่ใจ”
“กูรู้ไง แล้วไง? ต่อให้ติณไม่ยอมรับ แต่มันก็เป็นเมียกู ที่อุ้มท้องลูกชายของกูอยู่” อันดาก็ไม่หลบสายตาเพื่อนเช่นกัน เขาเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว กล้าได้กล้าเสีย กล้าทำกล้ารับ แม้เรื่องที่ทำไว้ ต่อให้ทำดีเท่าไหร่ก็ลบล้างไม่มีวันหมดจากใจของติณก็ตาม

“แล้วถ้าเด็กคลอด มึงจะทำยังไงต่อ จะให้เด็กเรียกใครว่าแม่?” หมอต้องยอมเป็นฝ่ายถอยออกมา นั่งกอดอกเอนหลังพิงกับโซฟาพลางถอนหายใจใส่
“ก็ติณไง มันต้องเป็นแม่ดิ ก็มันเป็นคนคลอด ส่วนกูเป็นพ่อ” อันดาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“มึงนี่คิดง่ายเหมือนเล่นพ่อแม่ลูกเนอะ อยู่ประถมรึไง สมองมีก็คิดหน่อย อย่าใช้แต่หัวแม่ตีนคิด” หมอปากร้ายเฉาะหน้าเข้าให้จังใหญ่ อันดาถึงกับสะอึก “พอเด็กโตขึ้น มันก็จะรู้ว่าผู้ชายท้องไม่ได้ และแม่ก็ต้องเป็นผู้หญิง”
“งั้นก็จับติณผ่าตัดแปลงเพศแม่งเลย โอ๊ย! เชี่ยหมอ!” เพราะพูดไม่คิดอีกแล้ว เลยทำให้หมออดไม่ได้ที่จะตบหัวกลวงๆ ของไอ้คนที่ทำธุรกิจระดับพันล้านแถมอยู่ในวงการการเมืองมานานปี แต่ดันมีสมองต่ำตมเหลือเกิน
“แค่ที่มึงทำแบบนั้นยังไม่พอเหรอวะ ยังจะฝืนใจอะไรน้องมันอีก กว่ามันจะใช้ชีวิตปกติได้มึงรู้มั้ยว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง ไม่เห็นแก่มันก็เห็นแก่หน้าพ่อแม่มึงกับพ่อแม่มันบ้าง” หมอยังอารมณ์กรุ่นๆ เอานิ้วเคาะหน้าผากเพื่อนรักอีกหลายที
“เออๆ กูรู้แล้วน่า ยังไงกูก็เลี้ยงทั้งแม่ทั้งลูกได้อยู่แล้ว ถ้าติณไม่ยอมไปอยู่กับกู ก็ให้อยู่ที่ห้องเช่านั่นแหละ กูมีไอ้นพคอยส่งข่าวให้ ถึงจะไม่ค่อยโอที่มันชอบมากอดมาซบเมียกูก็เหอะ” อันดาเบะปากอย่างนึกหมั่นไส้ไอ้เด็กตัวผอมกะร่องที่ชอบมาออดอ้อนติณ แถมเหมือนติณจะเอ็นดูมันมากเสียด้วย
“นี่มึงหวงติณด้วยเหรอวะ ไม่ใช่ว่าแค่แก้แค้นเสร็จๆ ไป ทำร้ายมันแล้วก็ปล่อยให้เผชิญยถากรรมไป?” หมอกอดอกนิ่วหน้ามองเพื่อนอย่างคาดคั้น
“หมอ...กูกับมันเคยสนิทกันเหมือนพี่น้อง ถึงเรื่องที่มันเคยทำจะชั่วชาติสำหรับกู และกูแค้นมันมาก แต่กูก็แยกแยะออกเว้ย เพราะตอนนี้มันเป็นของกูไง กูเป็นคนหวงของ มึงน่าจะรู้ดี” อันดาทำหน้าจริงจังสุดชีวิตจนหมอนึกขัน
“เออ กูจะเชื่อแล้วกัน ไอ้เพื่อนเลว”

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:20:39
ติณออกจากโรงพยาบาลและกลับมาอยู่ที่ห้องเช่าห้องเดิมแล้ว นพยังคงคอยดูแลไม่ขาด ทั้งหาข้าวหาน้ำมาให้ ทำความสะอาดห้อง งานบ้านทุกชนิดแทบไม่ให้ติณต้องออกแรง เพราะท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที นพยังไม่เคยมีอะไรกับใคร เรื่องเคยเป็นพ่อคนยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาอายุแค่ 22 เรียนก็ยังไม่จบ เอาตัวเองยังไม่รอด ไม่กล้าคิดมีครอบครัว แต่พอติณท้อง ยอมรับว่าแรกๆ ช็อคหนักมาก แต่ไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด แถมยังตื่นเต้นอยากจะดูแลติณกับลูกให้ดีที่สุด ประหนึ่งเป็นครอบครัวเดียวกัน

นพรักติณมาก รักเหมือนพี่น้องที่คลานตามกันมา พยายามจะคิดว่าเป็นแบบนั้นมาตลอด

“นพ เมื่อย” แค่ติณกระดิกนิ้ว นพก็พร้อมทำตามคำสั่งเหมือนหมาผู้ซื่อสัตย์ ติณเห็นเหมือนนพมีหูกับหางส่ายไปมาตอนที่วิ่งหน้าตั้งมาบีบนวดไหล่ให้อย่างเอาอกเอาใจ
“มึงนี่เป็นสามีที่ดีได้เลยเนอะ” ติณเอ่ยติดตลก เอนหลังพิงแผ่นอกของเพื่อนรัก แม้จะผอมแห้งไปหน่อย แต่ร่างกายของนพอบอุ่น รู้สึกดี
“กูก็คิดแบบนั้นว่ะ ตั้งแต่ดูแลมึงกับลูก ก็อยากเป็นพ่อคนขึ้นมาจริงๆ” นพเองก็หัวเราะเหมือนไม่ได้จริงจังอะไร

ใช่...ไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆ

“มึงก็รีบหาเมียเข้าสิ เรียนจะจบแล้วนี่ พอทำงานสักสี่ซ้าห้าปีก็ค่อยแต่ง” นพก้มหน้ามองคนพูดที่หลับตาพริ้มสบายอารมณ์ ติณเป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนรัก แต่ทำไมพอติณพูดแบบนี้ ในอกของเขามันสั่นๆ
“อืม...ถ้าหาได้นะ จะบอกมึงคนแรกเลย” มือที่บีบนวดชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะนวดต่อ น้ำเสียงของนพสั่นเครือเล็กน้อย แต่ติณไม่ทันรู้ตัว ยังคงหลับตาเอนกายหาความอุ่นจากร่างกายของหนุ่มตัวผอม ทั้งที่ก็ได้ยินเสียงหัวใจของนพเต้นแรงอยู่ตลอดเวลา แต่กลับแสร้งไม่สนใจมัน

อีกไม่นาน ติณจะต้องเตรียมตัวเข้าผ่าตัดคลอดแล้ว พี่หมอเป็นคนดูแลเคสของเขาเป็นกรณีพิเศษ เพราะไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน ที่สามารถผ่าตัดเชื่อมต่อมดลูกกับร่างกายของผู้ชายได้ และยังทำให้ท้องอีกต่างหาก ถือว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจมาก ไม่คิดว่าบาส เพื่อนหมอร่วมรุ่นของตนจะก้าวล้ำทางการแพทย์ขนาดนี้ แม้ตอนนี้บาสจะเลิกเป็นหมอแล้ว และหันไปเอาดีทางด้านนักวิทยาศาสตร์แทนก็ตาม

“พวกมึงแม่งก็ถนัดแต่คิดเรื่องชั่วๆ” หมอสบถด่าเพื่อนร่วมอุดมการณ์ของบาส ที่มาขอรับผลตรวจร่างกายของภรรยาทางพฤตินัยที่มาตรวจในวันนี้เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะย้ายมานอนพักรอผ่าตัดในวันมะรืนนี้
“อะไรวะ จู่ๆ ก็ด่า” คนที่รับเอกสารการเตรียมตัวผ่าคลอดของคุณแม่มือใหม่ไปอ่านอย่างละเอียดขมวดคิ้วมองหน้าหมอ
“ก็มันจริงมั้ยล่ะ จะต้องผ่าคลอด ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ นะมึง ขนาดผู้หญิงยังลำบาก แล้วนี่ผู้ชาย” หมอส่ายหน้าพลางถอนหายใจหนักๆ อย่างระอาใจ “ระดับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดน้องมันต่ำมาก ถ้าเสียเลือดและเลือดไม่พอ อาจจะไม่รอดทั้งแม่ทั้งลูก” พอรู้ตัวว่าเหมือนจะพูดอะไรผิดไป หมอก็ทำหน้าปุเลี่ยน แต่ไม่ได้คิดจะพูดแก้ใหม่ให้ยิ่งพิลึกกว่าเดิม
“เอาเลือดกูไปสิ กรุ๊ปเดียวกันอยู่แล้ว จะใช้จนหมดตัวเลยก็ได้” อันดาทำหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องร้ายแรงจนหมออยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าเพื่อนสักที
“มึงยอมตาย? ก่อนทำไม่รู้จักคิดไง ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับติณจะทำยังไง ไอ้สัสเอ๊ย” คนเป็นหมอยังอดสบถด่าไม่ได้ เครียดจริงๆ ที่ต้องมาตามล้างตามเช็ดเรื่องงี่เง่าของไอ้พวกเพื่อนตัวดี ไอ้บาสก็หนีหายไปไม่ติดต่อกลับมา

“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอวะหมอ” อันดาเริ่มหน้าซีดด้วยความกังวล ใกล้วันกำหนดผ่าแบบนี้ อะไรๆ ก็ตึงเครียดไปหมด จึงไม่อยากโผล่หน้าไปให้ติณเห็น เพราะกลัวจะกระทบกระเทือนทั้งแม่ทั้งลูก แล้วยิ่งเพื่อนหมอมาพูดแบบนี้อีก ความกังวลฉายชัดในดวงตาของเขา
“ก็อาจจะไง ยังไม่ได้ผ่ากูจะรู้มั้ยล่ะ ร่างกายมันอ่อนแอมาก เพราะทั้งเครียดแล้วก็ไม่เต็มใจที่จะมีลูก เลยแทบไม่ดูแลตัวเอง แม้นพจะคอยช่วย แต่มันก็ต้องไปเรียน ไปทำงาน ไม่รู้ว่าระหว่างนั้นติณดูแลท้องตัวเองมากแค่ไหน” หมอเองก็มีสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ผลตรวจสุขภาพของติณค่อนข้างแย่ เด็กในครรภ์ก็เหมือนไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่
“แล้วจะทำไง กูไปดูมันก็ไล่ กูไม่อยากให้มันเครียดกว่าเดิม เลยถอยออกมา ส่งใครไปมันก็ไม่เอา”
“เป็นกู กูก็คงทำแบบติณว่ะ มึงทำใจไว้หน่อยนะ ว่าอาจจะเสียคนใดคนหนึ่ง หรือไม่ก็...ทั้งคู่” หมอยกมือขึ้นตบบ่าเพื่อนอย่างเห็นใจ
“มึงอย่าขู่กูแบบนี้ไอ้หมอ” อันดากัดปากจนเลือดซิบ “กูต้องไม่เสียใครไปทั้งนั้น ไม่อีกแล้ว”
หมอไม่ตอบอะไร ทำได้แค่ตบบ่าเพื่อนอีกสองสามที ก่อนจะขอตัวไปดูคนไข้รายอื่นต่อ

ก่อนวันผ่าตัด ติณต้องมานอนที่โรงพยาบาลเพื่อเตรียมตัวล่วงหน้าหนึ่งคืน ทั้งการทำความสะอาดร่างกาย หน้าท้อง ล้างสวนทั้งทางก้นและท่อปัสสาวะให้สะอาดหมดจด โดยมีนพมาคอยเฝ้าอยู่ตลอด
“มึงไม่ทำงานเหรอคืนนี้” ติณนอนนิ่งอยู่บนเตียงหลังจากถูกเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างกายอ่อนระโหยโรยแรงไปมากทีเดียว นพนั่งอยู่บนโซฟา มองดูเขาอยู่ตลอดเวลา
“กูลาไว้แล้วสามวัน พรุ่งนี้ก็จะหยุดเรียนด้วย กูจะอยู่กับมึง รอมึงออกจากห้องผ่าตัด” นพยิ้มกว้าง เพื่อเป็นกำลังใจให้ติณ “มึงต้องเข้มแข็งไว้นะ แล้วเราจะเลี้ยงลูกด้วยกัน”
“สัส พูดเหมือนมึงกับกูเป็นผัวเมียกัน” ติณว่าขำๆ ก่อนจะเสมองไปทางอื่น นพลุกเดินเข้ามาหา กุมมือติณไว้ ติณเลยหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยความฉงน
“กูพูดจริงๆ ถึงกู...จะยังซิง แต่...กูจะเป็นพ่อให้ลูกมึงเอง” นพพูดพลางเอานิ้วถูจมูกอย่างขัดๆ เขินๆ
“ตลก” ติณหรี่ตามองยิ้มๆ
“ไม่ตลกดิวะ คือกู...” นพสูดลมหายใจลึกๆ เต็มปอดแล้วพ่นออกมาเพื่อผ่อนคลายก่อนจะตัดใจพูดออกมา “กูอยากให้มึง เป็นคนแรกของกู”
“ไอ้นพ” ติณเรียกชื่อเพื่อนด้วยเสียงอ่อนใจ
“กูพูดจริงๆ นะติณ กู กู...กูรักมึงอ่ะ คือ กู...ไม่ค่อยแน่ใจ แต่พอได้ดูแลมึงกับลูก กูเลยแน่ใจไง ว่ากู...รักมึง อยากให้มึงเป็นคนแรก” นพพูดไปกลอกตามองเพดานไป แก้มสองข้างแดงปลั่ง เสียงสั่นนิดหน่อยด้วยความตื่นเต้น

กลัวถูกปฏิเสธ แต่ก็อยากบอก

ติณคลี่ยิ้มบางๆ จับมือนพกลับ หนุ่มร่างผอมสูงเลยยอมก้มหน้ามามองหน้าเขาสลับกับมือที่จับกันไว้พลางกะพริบตาปริบๆ ด้วยความหวัง
“ได้...ไว้กูหายดีก่อนนะ”
คำตอบของติณทำให้นพยิ้มออกอีกครั้ง ยิ้มจนตาหยียิงฟังขาวจั๊วะสะท้อนแสงไฟนีออน ในอกเต็มตื้นไปหมดด้วยความดีใจ

ก่อนการผ่าตัด แพทย์วิสัญญีได้สอบถามและให้ยาลดกรดในกระเพาะอาหารรวมทั้งต่อสายน้ำเกลือเข้าเส้นเลือดดำที่แขนเรียบร้อย รอจนยาชาออกฤทธิ์แล้วจึงลงมือผ่าตัด ขั้นตอนทุกอย่างเป็นไปด้วยดี แม้ว่าติณจะเสียเลือดมาก แต่หมอได้เตรียมเลือดสำรองไว้มากพอ ทำให้การผ่าตัดเสร็จสิ้นด้วยดี

“พี่หมอแม่งโครตเท่ ตอนที่เดินออกมายิ้มให้กูทั้งเหงื่อโชก บอกว่ามึงกับลูกปลอดภัยแล้ว กูนี่ร้องลั่นโรงบาลเลยว่ะ โครตอาย” นพเล่าด้วยอาการตื่นเต้นไม่หาย ติณหลับไปราวๆ 14 ชั่วโมงกว่าจะฟื้น สีหน้ายังซีดเซียว เรี่ยวแรงก็ยังไม่ค่อยกลับมา
“อายแล้วร้องทำไมวะ พิลึกคน” ติณหัวเราะเสียงแห้ง มองนพด้วยสายตาอ่อนโยนจนคนถูกมองรู้สึกหน้าร้อนผ่าว
“ไว้มึงเดินไหวแล้ว ไปดูหน้าลูกกันนะ กู...ถือวิสาสะตั้งชื่อให้แล้วล่ะ ถ้าไม่ชอบค่อยเปลี่ยน” นพเอานิ้วจิ้มแก้มตัวเองแก้เก้อ ติณยังคงยิ้มบางๆ ให้เขา
“ชื่ออะไรเหรอ”
“ตฤณภพ” นพตอบพลางทำท่ายืดอกอย่างภูมิใจ “ชื่อคล้ายมึงเลยไง”
“ชื่อเล่นล่ะ”
“ก็เรียกว่า ภพ แล้วกัน”
“งั้นก็ตามนั้น” ติณเงยหน้ามองเพดาน รู้สึกอ่อนล้าและอยากจะหลับตาลงเหลือเกิน
“เอาจริงดิ?” นพยื่นหน้าไปถามใกล้ๆ อย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“จริงดิ” ติณหลับตาลง
“ไม่คิดจะเปลี่ยนแล้ว?”
“อือ” แล้วเขาก็หลับไป

นพลูบเส้นผมสีดำดกหนาของติณแผ่วเบาด้วยความรัก ที่จริง มีอีกคนหนึ่งที่นั่งเฝ้าหน้าห้องผ่าตัดทั้งวันทั้งคืนเหมือนเขา แต่นพไม่กล้าเอ่ยชื่อนั้นออกมา และคนที่ตั้งชื่อลูกชายของติณ ก็ไม่ใช่เขา แต่เป็นคนคนนั้น

“ไม่ต้องบอกนะว่าพี่เป็นคนตั้ง”

เพราะอันดาสั่งไว้แบบนั้น นพเลยต้องกลบเกลื่อนไปว่าตัวเองเป็นคนตั้ง ไม่ใช่การถือวิสาสะแบบบังเอิญแต่อย่างใด แต่อันดาเตรียมชื่อนี้ไว้นานแล้ว

นพพอจะมองออกว่าอันดารู้สึกอย่างไรกับติณ ถ้าติณอยู่กับคนคนนั้นจะสุขสบายไปทั้งชีวิต ภพเองก็จะสบายไปด้วย ใจหนึ่งไม่อยากให้ติณกับลูกต้องลำบากอยู่กับตัวเอง แต่อีกใจก็ไม่อยากปล่อยมือ

แค่ติณเท่านั้น...ที่ไม่อยากปล่อย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:25:25
5
หลังผ่าตัดคลอด ติณยังต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลอีกประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะสภาพร่างกายที่อ่อนแอทั้งของเขาและลูกชายตัวน้อยที่ต้องอยู่ในตู้อบหลายวัน แถมยังมีแผลจากการผ่าคลอดที่กว่าจะหายดีก็หลังจากนี้อีกหลายเดือน   
ทั้งที่ติณเกลียดผู้ชายคนนั้นกับสิ่งที่มันฝากไว้ในท้องมาตั้ง 9 เดือน แต่พอได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก เขาก็ร้องไห้ออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าฮอร์โมนเพศเกิดผิดปกติเพราะมีมดลูกในร่างกายหรือเปล่า แต่ความรู้สึกของคนที่อุ้มท้องเจ้าตัวน้อยจนคลอดออกมาและได้เห็นหน้าลูกนั้น มันช่างอิ่มเอมใจจนต้องยอมรับออกมาตรงๆ ว่าเขาดีใจที่ลูกปลอดภัย

“ตอนที่แม่คลอดติณ ก็รู้สึกแบบนี้เหมือนกัน” แม่ของเขามาเยี่ยมหลังจากรู้ข่าวว่าติณผ่าคลอดสำเร็จแล้ว เธอได้ข่าวจากหมอ เพื่อนของอันดา ตอนที่ติณท้องได้ 5 เดือนกว่าแล้ว ตอนนั้นช็อคมากและไม่กล้ามาเจอหน้าลูกชายเลย แต่สุดท้ายก็ทำใจยอมรับมันและมาเยี่ยมติณบ้างเป็นครั้งคราว ครั้งนี้เธอก็พาหลานสาวตัวน้อยมาด้วย ลูกสาวของพี่สาวของติณนั่นเอง
“ยัยตาลก็เคยเป็นเหมือนเราด้วยนะ ตอนคลอดแม่ตัวน้อยนี่ ก็ต้องผ่า เพราะร่างกายไม่เอื้อให้คลอดแบบธรรมชาติ” แม่ลูบหัวติณเบาๆ พลางเล่าเรื่องต่างๆ ในบ้านให้ฟัง เรื่องที่ติณไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอีกต่อไปแล้ว แต่เขาก็ยังอยากรู้
“พวกแม่คงลำบากกันมาก” ขอบตามันร้อนผ่าว ติณอยากจะร้องไห้ ตั้งแต่ท้องจนคลอดแล้วก็ยังอารมณ์แปรปรวนอยู่ดี เขาไม่ชอบตัวเองที่งอแงไร้สาระแบบนี้เลยจริงๆ
“อืม แต่พอเห็นหน้าลูกแล้ว ต่อให้ต้องสละชีวิตนี้ แม่ก็คิดว่าคุ้ม” แม่ยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน และติณก็ปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้ม ซุกหน้ากับหน้าท้องของแม่อย่างโหยหา

แม่กลับไปแล้ว นพจึงเข้ามาในห้องเพื่อคอยเฝ้าติณตามเดิม แม่ของติณพูดคุยกับเขาไม่นาน แค่ฝากให้ดูแลติณมากๆ เท่านั้น เพราะหลังผ่าคลอด ร่างกายของมารดาจะอ่อนแอมาก
“อยากกินอะไรมั้ย กูจะไปซื้อให้” นพที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาเอ่ยถาม ติณนอนตะแคงหันหลังอยู่ แต่น่าจะไม่ได้หลับ
“ไม่อ่ะ” ติณพลิกตัวมามองนพ ยื่นมือไปหา “มาใกล้ๆ ที”
“มึงนี่อ้อนเก่งขึ้นนะ แต่ก่อนมีแต่กูอ้อนป่ะวะ?” นพหัวเราะเบาๆ นั่งลงบนเตียงแล้วกุมมือติณไว้ คงเพราะติณอยากมีใครสักคนอยู่ข้างๆ และเขาก็เป็นคนเดียวที่ยังอยู่ตรงนี้ ติณค่อยๆ ดึงมือออกจากมือของนพแล้วสวมกอดเอวเขาไว้
“ขอบคุณนะ นพ”
“อะไรของมึง” นพกะจะหัวเราะกลบความเขิน แต่ติณก็พูดต่อขึ้นมาก่อน
“ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกูเสมอ ขอบคุณที่ทำทุกอย่างให้กู ขอบคุณที่รักกู” ติณหลับตาลง กอดนพไว้อย่างนั้น นพนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อย โน้มตัวลงใกล้ๆ ใบหน้าขาวใสของติณ

ติณเคยอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะดี ผิวพรรณก็เลยขาวผ่องเนียนใสต่างจากนพที่เป็นลูกชาวนาจนๆ เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก นพไม่ได้ชอบติณที่ตัวขาว ไม่ได้ชอบที่หน้าตาหล่อเหลา แต่ชอบเพราะเป็นติณ แม้จะไม่ได้มีร่างกายภายนอกแบบนี้ เขาก็จะยังคงรักติณเหมือนเดิม

ติณลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ ตรงปลายจมูก ใบหน้าของนพอยู่ใกล้มาก ชั่วขณะหนึ่งนั้นที่รู้สึกว่าหัวใจมันเต้นรัว ก่อนจะค่อยๆ สงบลงเมื่อริมฝีปากของนพทาบทับลงมา ติณหลับตาลงอีกครั้งอย่างเต็มใจ

แอ๊ด...

ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทเต็มยศพร้อมช่อดอกไม้เยี่ยมคนไข้และกระเช้ายาบำรุงหยุดชะงักอยู่ตรงนั้น เรียวคิ้วสวยขมวดปม จ้องมองภาพตรงหน้าด้วยแววตากราดเกรี้ยว มือที่ถือช่อดอกไม้กำแน่นจนดอกไม้สีสวยแหลกคามือ

“ทำอะไรกัน...”

“คะ คุณอันดา!” เป็นนพที่รีบผละออกมาก่อน แม้ว่าติณดูจะไม่สนใจและพยายามเหนี่ยวคอของนพไว้ก็ตาม
“เพิ่งคลอดลูก ก็คิดจะเล่นชู้เลยเรอะ ติณ” อันดาแสยะยิ้มมองติณที่กำลังมีสีหน้าเคลิบเคลิ้มกับรสจูบของนพเหมือนจงใจจะยั่วโมโหเขา มือเรียวสวยยังลูบไล้ที่หลังคอของหนุ่มตัวผอมที่นั่งตัวเกร็ง
“มะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณอัน...คือเรา”

พั่บ!

อันดาปาช่อดอกไม้ใส่หน้านพดล “เห็นตำตายังจะแก้ตัว เป็นลูกผู้ชายรึเปล่าวะ” สีหน้าของอันดาเดือดดาลยิ่งขึ้นอีก แต่มีแค่นพที่หวาดกลัว
“แล้วเกี่ยวอะไรกับมึง ออกไปให้พ้น! กูกับนพจะได้ทำอะไรๆ กัน” ติณเชิดหน้าใส่
“นี่เพิ่งผ่าตัดมาไม่ถึงอาทิตย์ ก็คิดจะถ่างขาให้ชู้แล้วเหรอที่รัก” น้ำเสียงและแววตาของอันดามีความประชดประชัน นพหน้าซีดเผือด แต่ติณกลับนิ่ง
“จะถ่างให้ใครก็ไม่ใช่เรื่องของมึง”
อันดากัดฟันกรอด พุ่งไปผลักร่างผอมออกแล้วเข้าไปแทนที่ ตรงหน้ากฤตติณณ์ “ทำไมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อกูเป็นผัวมึง ไอ้ติณ!” มือหนาเงื้อขึ้นเหมือนจะฟาดลงบนใบหน้าของติณ นพจึงรีบเข้ามายื้อไว้
“ยะ อย่าครับคุณอัน ติณยังไม่หายดี”
“มึงก็อีกคน” เป้าหมายจึงเบนมาลงที่หน้าของนพแทน นพยกมือลูบแก้มตัวเองที่ชาไปทั้งแถบ แถมยังรู้สึกถึงรสเลือดในกระพุ้งแก้มด้วย “อย่าสะเออะมายุ่งกับของของกูอีก!”
“ไอ้สัส! มึงนั่นแหละอย่าโผล่หน้ามาให้กูเห็นอีก!” ติณโวยลั่น ผุดลุกขึ้นทั้งที่ยังเจ็บจนต้องเบ้หน้า แต่ก็ยังปรี่เข้าไปดูแก้มที่บวมช้ำของนพด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“กลับมานอน!” อันดาคว้าเอวติณให้ออกห่างจากนพ จะจับกดลงนอนบนเตียง แต่ติณดิ้นรนสุดชีวิต จนแผลที่ยังไม่หายสนิทดีมีเลือดไหลซึมออกมา
“คุณอัน! เลือด! เลือดออก!” นพร้องบอกหน้าตาตื่น อันดามองตามเนื้อตัวไม่เห็นว่าตนมีบาดแผลตรงไหน จึงหันไปมองที่แผลผ่าตัดของติณ
“กดเรียกหมอมาสิวะ จะยืนบื้อทำไม!”

“พวกมึงนี่น้า...วุ่นวายที่สุดในสามโลก โดยเฉพาะมึง ไอ้อัน!” หมอหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาใจ ถอนหายใจทุกครั้งที่เจอหน้าเพื่อนจนเบื่อจะเจอแล้ว
“ก็มันมายุ่งกับเมียกูก่อน!” โชคดีที่ติณหลับไปแล้ว เลยไม่ลุกมาโวยวายเถียงกันอีก หมอถอนหายใจอีกระลอก หันไปมองหน้านพอย่างเห็นใจ เด็กมันตัวแค่นี้ โดนตบทีหน้าบวมเจ่อเลย น่าสงสาร
“เออๆ เมียมึงก็เมียมึง ถ้าเขารับมึงเป็นผัวอ่ะนะ แต่ดูท่า...” หมอเหล่ไปทางนพอีกครั้ง “จะไม่ใช่ว่ะ”
“ยังไงก็ของกู! และกูไม่ยกให้ไอ้อีหน้าไหนทั้งนั้น” มีหันไปแยกเขี้ยวขู่เหมือนหมาอีกต่างหาก นพสะดุ้งขนลุกเกรียว
“หวงเมียเหลือเกิ๊นคนเรา ลำไยว่ะ นพ มากับพี่ ปล่อยมันเฝ้าไปก่อน ยังไงก็ได้แค่มองเขาตาละห้อยล่ะวะ” หมอหัวเราะสะใจก่อนจะโอบบ่านพเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้คนบ้าอยู่เฝ้าสมบัติของตัวเองไป

หมอพานพไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟร้านเดิมใกล้ๆ โรงพยาบาล สั่งชาสมุนไพรกับเค้กแครอทไม่หวานมากมาให้ นพไม่ค่อยได้กินอะไรแบบนี้ เรียกว่าแทบไม่เคยกินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ทั้งที่เกรงใจ แต่ก็กินจนหมดเกลี้ยง

หมอมองดูเด็กหนุ่มนักศึกษาธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ตาวาวตอนเห็นเค้กแล้วอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้
“อร่อยมั้ยครับ” พอหมอถาม นพที่มัวแต่กิน ก็เงยหน้ามองคนถามและรู้สึกว่าแก้มมันร้อนๆ เมื่อสบสายตาเปี่ยมรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่รอยยิ้มเยาะ แต่เป็นยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจเหมือนพ่อยิ้มให้ลูก
“อะ อร่อยมากเลยครับพี่หมอ” นพตอบขัดๆ เขินๆ กินหมดแล้วก็วางจานกับช้อนส้อมลง
“นพ พี่มีเรื่องอยากคุยสักหน่อย” จู่ๆ หมอก็เปลี่ยนมาทำหน้าจริงจัง นพเองก็เผลอนั่งตัวตรงอย่างเกร็งๆ
“เราชอบติณเหรอ? หรือแค่สงสาร”
“ผมชอบติณครับ” นพตอบทันที แบบไม่มีคิดก่อน ไม่มีลังเล ปกติเด็กคนนี้ดูแหยๆ ขี้กลัว โดยเฉพาะเวลาเจออันดา แต่ตอนนี้กลับตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ หมออึ้งนิดหน่อย แต่ก็พยักหน้าว่าเข้าใจ
“โอเค งั้นก็วางใจ เพราะนพคงไม่มีทางทิ้งติณไปไหน” หมอว่า สีหน้าคลายกังวล “พี่แค่สงสัยน่ะ ไม่คิดเหมือนกันว่าเราจะยอมตอบตรงๆ แสดงว่ารักมากสินะ”
“ครับ” นพยังคงยืนยันหนักแน่น
“แล้วคิดว่าจะเลี้ยงไหวมั้ย ทั้งติณทั้งเด็ก” หมอโน้มตัวลงวางแขนบนหน้าขาตัวเอง เพื่อจะได้เห็นหน้านพใกล้ๆ คอยสังเกตสีหน้า
“ไหวครับ อีกไม่นานผมจะเรียนจบแล้ว จะหางานทำ ดูแลติณกับภพเอง”
“พี่ก็อยากให้เป็นแบบนั้น แต่นพไม่คิดเหรอว่าอันดาพร้อมกว่า”
“คิดครับ” นพหรุบตาลง “แต่ผมรักติณ รักภพ แม้จะไม่ใช่ลูกผม”
“เป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีจังนะ ใครได้นายเป็นแฟนคงมีความสุข” หมอคลี่ยิ้มบางๆ ยื่นมือไปลูบหัวเด็กหนุ่มตัวผอม “ความเป็นจริงมันโหดร้าย นพ ไม่ต้องห่วง มีอะไรให้ช่วยก็บอกพี่ พี่จะพูดกับไอ้อันให้นะ ให้ติณได้อยู่กับนพ คงมีความสุขมากกว่า”
ได้ฟังอย่างนั้น นพก็ยิ้มออก “ขอบคุณครับพี่หมอ”

แม้หมอจะเป็นคนอธิบายและออกปากให้เอง แต่อันดาก็ใช่จะยอมโดยง่าย เขาต้องการทั้งติณและภพ และไม่อยากให้นพมายุ่มย่ามมากไปกว่านี้ จึงยื่นเงื่อนไขให้นพหางานทำหลังเรียนจบให้ได้ภายในหนึ่งเดือนเท่านั้น ถ้าไม่ได้ ก็จะมาพาตัวภพไป ต่อให้ติณจะไม่เต็มใจก็ตาม

รวมทั้งสั่งให้หมอโกหกติณกับนพไปว่า ติณจะต้องไม่ตั้งท้องอีก เพราะมีผลกับมดลูกที่ยังผ่าออกไม่ได้ และหากท้องต้องผ่าคลอดอีกรอบ อาจจะถึงชีวิต เพื่อป้องกันไม่ให้ติณคิดมีสัมพันธ์กับนพลึกซึ้งไปกว่านี้

“กูต้องเสียจรรยาบรรณเพราะมึงแท้ๆ เลย” หมอส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับเพื่อนที่หัวรั้นไม่เลิก เห็นแก่ตัว จนไม่คิดมองถึงความสุขของติณเลยสักนิด
“กูยอมให้พวกมันอยู่ด้วยกันก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าได้คิดจะตีท้ายครัวกูเด็ดขาด มึงก็เหมือนกัน เข้าข้างไอ้เด็กนั่นเหลือเกิน อยากได้มันมั่งรึไง?” อันดาพ่นควันบุหรี่ใส่หน้าหมอจนต้องหันหลบไปไอแค่กๆ
“ไอ้สัส เป็นพ่อคนแล้วเลิกสูบสักทีเหอะ แล้วกูก็ไม่ได้คิดอะไรอกุศลกับนพด้วย” หมอขยับแว่นตาไร้กรอบเหมือนไม่รู้จะเอามือไปไว้ตรงไหนดี
“เหรอวะ เห็นชอบมองมันตาเยิ้มๆ นะมึงน่ะ เกิดหลงขึ้นมาก็จับทำเมียไปเล้ย จะได้จบๆ เลิกมายุ่งกับคนของกู” อันดาเหล่มองเพื่อนรักที่ทำหน้าเซ็งๆ
“พ่อมึงเถอะครับคุณอันดา กูมองแบบเอ็นดู ไม่ได้คิดทุเรศๆ เหมือนมึงหรอก ไม่ได้หื่น ไม่ได้ขาดของ ไม่ได้เงี่ยนด้วย”
“กูจะเชื่อแล้วกัน ฮ่าๆ” อันดาหัวเราะเย้ยใส่หน้าหมอ “กูจะคอยแวะไปดูพวกมันบ่อยๆ ไม่ให้มีโอกาสได้เสียเป็นผัวเมียกันแน่ มึงคอยดู”

ติณออกจากโรงพยาบาลและกลับไปอยู่ที่ห้องเช่ากับภพและนพแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วงที่ร่างกายต้องพักฟื้น นพจึงไม่ยอมให้ทำงานหนักเลย ทำได้แค่ล้างจาน พับผ้า และดูแลลูก ส่วนนพก็ใกล้จะเรียนจบแล้ว กำลังยุ่งกับการทำรายงานและการสอบ ติณจึงไม่อยากรบกวนมาก

“แง๊ แง๊” เสียงภพร้องจ้ากลางดึก นพที่ยังไม่นอนจึงลุกมาดู ติณก็งัวเงียลุกมาเช่นกัน
“ภพเป็นไร” ติณขยี้ตามองไปทางนพที่อุ้มลูกขึ้นมาโอ๋ให้หยุดร้อง
“สงสัยไม่ค่อยสบายว่ะ พี่หมอบอกว่าเด็กที่ผ่าคลอดจะไม่แข็งแรง แล้วเราก็ไม่มีนมแม่ให้ด้วย” นพว่าพลางอุ้มเจ้าตัวเล็กโยกไปมา “พาไปโรงพยาบาลมั้ย”
“อืม”
“โทรหาคุณอันดีมั้ย” เพราะไปโรงพยาบาลย่อมมีค่าใช้จ่าย และพวกเขาก็ไม่ได้มีเงินมากมาย ยังไงก็ต้องพึ่งผู้ชายคนนั้นอยู่ดี ติณกัดปากอย่างเจ็บใจ พยักหน้าให้นพทำตามที่บอก

ภพมีไข้อ่อนๆ และหมอก็ให้ยาเรียบร้อยแล้ว อีกสองสามวันถ้าไม่ดีขึ้นก็ต้องให้มาโรงพยาบาลอีกครั้ง ติณกับนพเอ่ยขอบคุณหมอเวรดึกที่ช่วยดูแลก่อนจะเดินออกมาจากห้องตรวจ
“เป็นไงมั่ง” อันดาถามขึ้นเมื่อเห็นสองคนเดินออกมา
“มีไข้น่ะครับ ฉีดยาแล้ว” นพตอบ เพราะติณไม่ยอมมองหน้าอันดา แถมยังทำเป็นหูทวนลม
“ไปอยู่ที่บ้านฉันก่อนดีมั้ย ฉันจะให้คนหาแม่นมมาให้” อันดาเสนอ นพมีท่าทางลังเล
“ผมก็คิดว่าอยากให้คุณอันดูแลเขา เพราะมันจำเป็นจริงๆ แต่...” นพเสมองไปทางคนที่ยืนหลบมุมอุ้มลูกอยู่ห่างๆ “ติณมันดื้อ”
“นายช่วยพูดให้ทีสิ ติณน่าจะฟัง” อันดาคะยั้นคะยอพลางดันหลังนพให้เดินไปหาติณ นพก็เลยต้องยอมพูดให้อย่างช่วยไม่ได้

นพให้เหตุผลว่า เพราะเด็กไม่ได้รับสารอาหารจากนมแม่ เสี่ยงต่อการป่วยและเป็นภูมิแพ้ จึงควรให้อันดารับภพไปดูแลในช่วง 6 เดือนแรกก่อน เพื่อตัวภพเอง สุดท้ายติณก็ใจอ่อน
“แล้วติณจะไปอยู่กับพี่มั้ย” ในเมื่อได้ตัวลูกแล้ว ก็อยากจะให้แม่เด็กไปอยู่ด้วย อันดาเกลี่ยไรผมชื้นเหงื่อที่ข้างแก้มของติณพลางมองด้วยแววตาอ่อนโยน ความเกลียดแค้นชิงชังของอันดาหายไปนานแล้ว ตั้งแต่วันที่ได้แก้แค้นและทำให้ติณเกือบตาย
“ไม่” ติณปัดมือนั้นออกพลางหันหน้าหนี ที่ยอมนั่งรถมาด้วย เพราะอยากไปส่งลูกให้ถึงบ้านของอันดา เพื่อจะดูว่าภพอยู่สุขสบายปลอดภัยแน่นอน
“ไม่คิดถึงลูกเหรอ” น้ำเสียงทุ้มแผ่วเบาอยู่ข้างหู คล้ายกับกำลังพยายามชักจูงให้หลงไปกับคำพูดนั้น ติณเขยิบตัวไปจนชิดประตูรถ
“ไว้ไปเยี่ยม รีบๆ ออกรถสักที” ติณว่าพลางเหลือบมองเห็นนพที่ยืนส่งอยู่ตรงลานจอดรถ และคงเห็นอันดากำลังไล่ต้อนเขา

ติณมองไม่เห็นสีหน้าของนพ เพราะมันไกลเกินไป
ไม่อยากให้เห็นเวลาอยู่กับผู้ชายคนนี้ เวลาที่อ่อนแอ
อย่ามองมา ได้โปรด...อย่ามอง

“ติณ” อันดากระซิบเสียงอ่อน จับคางมนให้หันไปสบตา “พี่อยากดูแลเรากับลูกจริงๆ นะ”
“แต่กูไม่อยาก!” ติณผลักอกเขาอย่างแรง อันดาจึงต้องยอมล่าถอย และกลัวว่าภพจะตื่นด้วย
“โอเค งั้นไปบ้านพี่ก่อน แล้วค่อยว่ากัน”
จากนั้นรถยนต์สีดำราคาหลักสิบล้านก็ค่อยเคลื่อนตัวออกไปจากบริเวณนั้น

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:26:08
6
“ก็กูบอกว่าไม่!” ติณโวยวายดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง อันดาให้คนรับใช้คอยดูแลภพและวิ่งตามติณลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนที่ติณจะเรียกแท็กซี่กลับหอ
“ติณ...ไม่เอา อย่าเสียงดังสิ” อันดากระซิบข้างหู น้ำเสียงอ่อนโยน แต่การกระทำนั้นไม่โอนอ่อน แรงที่รัดร่างโปร่งไม่มีคลายลงเลย การ์ดที่ยืนเฝ้าอยู่แถวนั้น ชะเง้อมองเหมือนอยากจะเข้ามาช่วย แต่อันดายกมือห้ามไว้ แล้วส่งซิกทางสายตาให้คอยเฝ้าไว้
“มันดึกมากแล้ว คืนนี้นอนนี่ก่อน แค่คืนเดียว” อันดาพยายามกล่อมเด็กดื้อให้สงบลง ริมฝีปากประทับจูบเบาๆ บนกลุ่มผมนุ่ม “นะครับ”
“ปล่อย” ติณเสียงอ่อนลง ถ้าแค่คืนเดียวก็คงไม่เป็นไร แม้จะไม่อยากอยู่ร่วมชายคากับคนคนนี้ แต่ก็ยังห่วงลูก พอเห็นติณเลิกดิ้นรน อันดาก็คลายอ้อมกอดออก
“ไปนอนห้องพี่นะ”
“กูจะนอนตรงนี้!” ติณแหวใส่ ชี้นิ้วไปที่โซฟา แล้วหันหลังจะเดินไปล้มตัวนอนตรงนั้น แต่อันดาก็รีบช้อนร่างโปร่งขึ้นอุ้มเสียก่อน
“ไอ้! ปล่อยกูลงนะ ไอ้อันดา ไอ้เหี้ย!”
“อย่าโวยวายสิ รบกวนคนอื่นเขา แค่นอนกับสามีจะเป็นไรไป” อันดายิ้มหวาน ใช้คำพูดที่สุภาพกับติณก็แล้ว ติณก็ยังไม่เลิกโวยวาย แต่ไม่กล้าดิ้น เพราะกลัวตก สุดท้ายก็ทำได้แค่ร้องโวยวายก่นด่าอันดาจนถึงห้อง

ติณถูกบังคับให้นอนข้างๆ อันดาบนเตียงขนาดคิงไซส์ แม้มันจะกว้าง และติณก็นอนเกือบตกขอบเตียง แต่อันดาก็ยังตามมาเบียดกายแนบชิด แถมชายหนุ่มร่างสูงยังไม่สวมเสื้อ มีแค่กางเกงขายาวตัวเดียวที่ใส่นอน
“จะเบียดมาทำไม” ติณเค้นเสียงลอดไรฟันด้วยความหงุดหงิด เขยิบหนีจนไม่มีที่ให้หนีแล้ว จะลุกไปนอนที่อื่นก็ไม่ได้ เพราะโดนกอดเอวไว้แน่น ง่วงก็ง่วง เลยไม่มีอารมณ์จะขัดขืนไปมากกว่านี้
“ก็อย่าหนีสิ” อันดาเอ่ยทั้งที่หลับตา ปลายจมูกคมสันคลอเคลียแถวหลังคอ
“แล้วจะไซร้ทำไม ไปไกลๆ จะนอน” ติณยกศอกดันร่างสูง
“พี่คิดถึง” เสียงทุ้มต่ำกระซิบอยู่ตรงคอ พร้อมริมฝีปากร้อนๆ ที่เริ่มประทับจูบ ติณขนลุกซู่ ภาพคืนนั้นหวนกลับมาราวกรอเทป
“อย่า! ไปให้พ้น!” ติณพลิกตัวหันไปผลักร่างสูง ไม่สนว่าจะร่วงลงพื้นหรือไม่ อันดารีบคว้าเอวบางไว้ ยกร่างโปร่งขึ้นนอนคว่ำทับบนร่างกำยำของตน ติณน้ำตาไหลพราก ความทรงจำเลวร้ายประดังประเดในหัว ร้องไห้จนตัวโยน อันดาจะกอดปลอบเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุด ร้องจนเหนื่อยแล้วก็หลับคาอกชายหนุ่มร่างสูงไป

เช้าวันต่อมา ติณตื่นแต่เช้า เข้าไปดูลูกในห้องสำหรับเด็กที่อันดาเตรียมไว้ให้ เห็นแม่นมกำลังให้นมภพอยู่พอดี ภาพนั้นสะท้อนในอก รู้สึกเจ็บใจ ที่ไม่สามารถเลี้ยงดูภพด้วยตัวคนเดียวได้ ยังไงภพก็ต้องการแม่...และถ้าไอซ์ยังอยู่

“ติณ ไปกินข้าวเช้ากัน” จู่ๆ ร่างสูงก็โผล่มายืนซ้อนข้างหลัง ติณตกใจเกือบหน้าคะมำ ดีที่วงแขนแกร่งคว้าไว้ได้ทัน
“เล่นบ้าอะไร” ร่างโปร่งหันไปโวยใส่ หน้าตาหงุดหงิดเอาเรื่อง แต่อันดากลับอมยิ้ม
“ขี้ตกใจจังนะเรา ไปกินข้าวเร็ว”
“ไม่ จะกลับแล้ว” ติณรีบตัดบท แค่มาเยี่ยมลูกแล้วก็จะกลับเลย อันดาตามไปรั้งตัวไว้อีก
“กินข้าวก่อนสิ เดี๋ยวเป็นลมไปทำไง ร่างกายยังไม่ฟื้นดี”
“หึ แล้วใครที่คิดจะทำทุเรศๆ ทั้งที่ร่างกายของกูยังไม่หายดี!” ติณสบถพลางสะบัดแขนออก เดินจ้ำอ้าวออกไปจากตัวบ้าน
“ก็พี่อยากได้ลูกสาวอีกสักคน” อันดาหลุดปาก ติณหันไปขมวดคิ้วจ้องเขม่น
“ไหนพี่หมอบอกว่าห้ามท้องอีก”
“เอ่อ...” อันดาอึกอัก ติณหมุนตัวเดินเข้ามาใกล้ จ้องหน้าคาดคั้น
“มึงหลอกกูอีกแล้วใช่มั้ย!? ไอ้สัตว์นรก ไอ้เฮงซวย! ไปตายซะ!”

เพี๊ยะ!

ติณตบหน้าอันดาเป็นการส่งท้าย แล้วรีบเดินหนีออกไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าบ้านทันที อันดาวิ่งตามไป ยื้ดยุดกันจนแท็กซี่ที่จอดรอขอตัวไปก่อน
“ปล่อยกู!” ติณเงื้อมือจะต่อยหน้าอันดา แต่ชายหนุ่มไวกว่าคว้าหมัดนั้นไว้ได้
“ถ้าท้องได้แล้วไง? มึงอยากจะไปท้องกับใครอีก!?” อันดาเริ่มมีน้ำโห ประกายตาคมกริบจ้องหน้าติณกลับ
“เรื่องของกูมั้ยล่ะ” ติณพยายามสะบัดข้อมือออก “จะปล่อยมั้ย!?”
“ไม่! โอ๊ย!!!” ติณอัดเข่าเข้าที่กลางลำตัวของอันดาเต็มแรง มือหนาจึงยอมปล่อยข้อมือบางเป็นอิสระ แล้วเอาไปกุมเป้าตัวเองแทน
“ไปตายซะ ไอ้หน้าส้นตีน!” ด่าพร้อมชูนิ้วกลางให้แล้วก็รีบวิ่งหนีไปโบกแท็กซี่ที่เห็นไกลๆ หนีไปจนได้

ติณกลับมาที่หอพักราวๆ 10 โมง วันนี้นพไม่มีเรียนและรออยู่ในห้องของเขาตั้งแต่เมื่อคืน พอเห็นติณกลับมาก็โผเข้ากอดด้วยความดีใจ
“กูนึกว่ามึงจะไม่กลับมาแล้ว” แรงกอดของนพไม่ได้มากมายอะไร เพราะกลัวติณเจ็บแผล ติณรู้ดีถึงความเอาใจใส่และความห่วงใยของนพ เขาลูบหลังร่างผอมเบาๆ
“เมื่อคืนมันดึกแล้ว ก็เลยค้าง”
“แล้วภพเป็นไงมั่ง” นพผละออกมาถามอย่างร้อนรน เป็นห่วงทั้งแม่ทั้งลูกจนแทบไม่ได้นอน
“ดีขึ้นมากแล้ว มีแม่นมคอยให้นมอยู่” ติณว่าพลางนั่งลงบนเตียง ถอดเสื้อผ้าชุดเดิมออก ต่อหน้านพที่เผลอจ้องหน้าอกที่มีเม็ดตุ่มเล็กๆ สีชมพูสองข้าง และพอติณรู้สึกตัวเงยหน้ามอง นพก็รีบเบนสายตาไปทางอื่นแทน
“เออ งั้นก็ดีแล้วนะ ภพจะได้แข็งแรง” นพว่าพลางเดินหนีไปทางครัวเล็กๆ “เดี๋ยวกูทำอะไรให้กิน”

ท่าทางเขินอายของนพทำให้ติณนึกขันอย่างเอ็นดู เขาลุกขึ้นเดินไปหานพแล้วโอบเอวจากด้านหลัง เล่นเอาร่างผอมสะดุ้งเฮือก
“จะ จะเอาอะไรรึเปล่า” นพตัวเกร็งเอ่ยถามเสียงสั่นๆ ติณหัวเราะคิก มือเรียวสวยไล้ที่แผ่นหลังของนพ
“เอามึงได้ป่ะ”
“เฮ้ย! กูไม่ใช่...” ของกิน คำพูดของนพขาดห้วง เมื่อจู่ๆ ติณก็จับร่างผอมพลิกให้หันไปหาแล้วประกบปากจูบอย่างดูดดื่ม เพราะคราวก่อนมีคนมาขัดกลางครัน ก็เลยได้แค่ปากแตะกันไม่นาน แต่ครั้งนี้เป็นจูบของจริงจากคนที่มีประสบการณ์มากกว่าอย่างติณ นพไม่เคยจูบกับใครมาก่อน ได้แต่ยอมให้ติณเป็นผู้นำ
“อ้าปากสิ” เพราะนพเม้มปากเสียแน่น ติณจึงต้องแนะนำ นพลืมตามองเขา ทำหน้างงๆ แต่ก็ยอมอ้าปาก
“กูจะค่อยๆ สอนมึงเอง แล้วคราวหน้าต้องจูบกูให้ได้แบบนี้นะ” ติณกำชับก่อนจะประกบปากกันอีกครั้งพร้อมสอดลิ้นเข้าไป นพสะดุ้งตัวเกร็งด้วยความตกใจผงะถอยหลังจนชนขอบเตาแก๊ส ติณประคองเอวของร่างผอมไว้ ค่อยๆ สอนให้นพรู้จักวิธีการจูบแบบดีพคิสอย่างช้าๆ แต่เหมือนลูกศิษย์ของเขาจะเรียนรู้เร็วเกินคาด นพส่งลิ้นตอบรับกลับมาตามสัญชาตญาณ ดันร่างโปร่งไปชิดผนังห้องแล้วดูดลิ้นของติณซ้ำๆ บดบี้ริมฝีปากอิ่มดูดดึงด้วยแรงปรารถนาเสียงดังจ๊วบๆ หัวใจสองดวงเต้นถี่รัว ลมหายใจปั่นป่วน ในท้องเบาโหวงและสมองก็ขาวโพลนไปหมด

“อื้อ...พอ...” เป็นฝ่ายคุณครูที่ต้องดันร่างผอมออกก่อน น้ำลายยืดย้อยจากปากตอนที่ผละออกมา นพจ้องมองปากแดงเจ่อของติณอย่างโหยหา ทำท่าจะเข้ามาจูบอีก จนติณต้องรีบร้องห้าม
“ไอ้ห่านี่ บอกให้พอ กูหายใจไม่ทัน!”
“ขะ ขอโทษ...” นพทำตาละห้อย จนติณโกรธไม่ลง
“ครั้งแรกแน่ป่ะเนี่ย?” ชักไม่แน่ใจ เพราะจูบได้เร่าร้อนปานนี้ ติณขมวดคิ้วหรี่ตามองคนตรงหน้า
“ครั้งแรกสิวะ!” นพยืนยันหนักแน่น พลันติณก็สังเกตเห็นส่วนล่างของนพที่ตุงๆ คับเป้ากางเกง เขาแสยะยิ้มเอามือคว้ามันไว้แบบไม่ทันให้นพได้ตั้งตัว ร่างผอมกระโดดเหย็ง
“แค่จูบก็แข็งแล้วอ่ะ” มือนุ่มบีบคลึงให้เบาๆ นพนิ่วหน้าซี้ดปาก แก้มแดงปลั่งด้วยความอาย และยิ่งอายหนักเมื่อได้ยินที่ติณกระซิบบอก
“ตอนนี้ยังไม่ได้นะนพ ไว้อีกสักสองสามเดือนค่อยทำ แต่กู...จะช่วยมึงด้วยมือก่อนแล้วกัน”
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:26:51
7
นพดลนั่งเหม่อมองสายฝนที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างห้องเรียน อาทิตย์หน้าก็สอบปลายภาคครั้งสุดท้ายแล้ว จากนั้นก็เรียนจบ หางานทำ รับปริญญา สถาบันที่เขาสอบเข้ามาได้ค่อนข้างมีชื่อเสียง และตัวเขาก็เรียนดีระดับที่ได้ทุนเรียนฟรีสี่ปีซ้อน เรื่องหางานไม่น่ายาก เขาจะพยายาม พยายาม และพยายามให้มากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อลูกเมีย

ลูกเมีย

พอคิดแบบนั้นมันก็รู้สึกจั๊กจี้ในหัวใจแปลกๆ ติณเป็นผู้ชายทั้งแท่ง (พิสูจน์มาแล้วรอบหนึ่งว่ายังมีครบสมบูรณ์) จะให้เป็นเมียก็ไม่ดี แต่ตัวเขาก็ไม่ได้อยากเป็นเสียเอง นพเคยลองเกริ่นๆ กับที่บ้านแล้วเรื่องครอบครัว แค่บอกพ่อว่าเจอคนที่อยากใช้ชีวิตด้วย อยากมีลูกด้วยกัน พ่อก็หัวเราะครืนอย่างดีอกดีใจ แถมยังบอกให้พาแฟนไปที่บ้านให้ได้

แต่ถ้ารู้ว่า “แฟน” เป็น “ผู้ชาย” แถมยัง “ท้องได้” พ่อกับแม่จะว่ายังไงนะ?

“ติณ ไว้กูเรียนจบแล้ว กลับไปบ้านกูสักครั้งมั้ย ไปไหว้พ่อกับแม่” นพเข้ามากอดและคลอเคลียตามปกติ ติณชอบเวลาที่นพอ้อนแบบนี้ เพราะมันเหมือนตอนที่ไอซ์ชอบอ้อนเขา...

ติณยังรักไอซ์อยู่เสมอ ไม่มีวันไหนที่ไม่คิดถึง
แต่ชีวิตของเขาต้องดำเนินต่อไป
แม้อยากจะตายๆ ไปให้พ้นจากชีวิตบัดซบนี่เสียที
แต่เพราะเด็กคนนั้น เขาจึงต้องอยู่

“จะดีเหรอวะ” ติณไม่แน่ใจว่าพ่อแม่ของนพจะรับเขาได้ หรือจะบอกว่าเป็นแค่เพื่อน แล้วภพล่ะ? ต้องฝากไว้ที่ผู้ชายคนนั้นอีกนานแค่ไหนกัน จนกว่าจะโตและแข็งแรงเลยหรือ

ในหัวของติณมีแต่เรื่องให้คิดเต็มไปหมด ยังไม่รู้เลยว่าจะให้ลูกเรียกว่าอะไร พ่อ? แม่? หรือให้เรียกชื่อเฉยๆ ไปเลยดี? ทั้งที่ไม่คิดว่าจะมีวันนี้ วันที่ต้องเลี้ยงดูเด็กคนนั้นอย่างจริงจัง ทั้งที่น่าจะตายๆ ไปด้วยกันแล้ว

ตอนที่รู้ตัวว่าท้อง ติณเคยคิดจะฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง

ครั้งแรกบนดาดฟ้านั่น แต่ไม่ทันได้กระโดดลงไป นพมาคว้าไว้ได้ก่อน ครั้งที่สองจะผูกคอตาย นพก็มาห้ามไว้อีก ครั้งที่สามกรีดข้อมือ นพก็พาส่งโรงพยาบาลทัน และครั้งนั้นแหละที่ทำให้ต้องติดต่อกับอันดาอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นนพก็คอยแจ้งข่าวเรื่องของติณกับลูกให้อันดารับทราบอยู่เสมอ

นพเอาแต่พูดว่า เด็กไม่ได้ทำอะไรผิด สงสารเด็กในท้อง จนติณรู้สึกอิจฉา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตอนนั้นถึงอิจฉาเด็กในท้องตัวเอง คงเพราะเขาเริ่มจะรู้สึกดีๆ กับนพเกินเพื่อนแล้วก็ได้
นพคอยดูแล ลูบท้อง ฟังเสียงของเด็กนั่น บางครั้งก็พูดคุยด้วย ร้องเพลงให้ฟัง อ่านหนังสือให้ฟัง ทำตัวเหมือนเป็นคุณพ่อมือใหม่ ความอิจฉาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความเอ็นดู เริ่มจะคล้อยตามเรื่องที่นพทำทีละน้อย รู้สึกดีเวลาที่นพคอยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจ ถ้าเด็กนั่นคือตัวเชื่อมโยงสายสัมพันธ์ระหว่างเขากับนพ ก็อยากจะลองรักมันดู อยากจะคลอดเด็กนั่นออกมา และเลี้ยงดูด้วยกันกับนพ ถึงได้ยอมอุ้มท้องไว้ แม้บางครั้งจะหงุดหงิดที่มีมันอยู่ในท้องก็ตาม

แต่พอได้เห็นหน้าภพครั้งแรก ความเกลียดชังทั้งหลายแหล่ก็มลายหายไปในพริบตา ตอนที่นพอุ้มลูกขึ้นมากอดไว้อย่างรักใคร่ เอาจมูกถูกับใบหน้าและมือกับเท้าเล็กๆ นั่น ติณก็สาบานกับตัวเองตั้งแต่วินาทีนั้นแล้วว่า จะรักภพจนกว่าชีวิตจะหาไม่

และจะรักแค่นพคนเดียวเท่านั้น

แต่ความเป็นจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้น

แม้พวกเขาจะดูเป็นครอบครัว แต่มันไม่สมบูรณ์

พวกเขาเป็นผู้ชายทั้งคู่ เมื่อภพโตขึ้นก็อาจจะสับสน แต่เรื่องนั้นยังอีกยาวไกล เรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดตอนนี้คือ ทำยังไงให้พ่อแม่ของนพยอมรับ

ติณไม่ได้คิดถึงผู้ชายอีกคนที่เคยทำร้ายตนแม้แต่น้อย เรื่องมันจบแล้ว ติณยอมคลอดเด็กคนนั้นแล้ว และจะไม่มีวันยกภพให้อันดาแน่นอน ในเมื่อนพรักเด็กคนนั้นมาก เขาก็จะรักด้วย และจะไม่ยอมให้อันดามาพรากลูกไปจากคนที่เขารัก

“ติณ?” เมื่อเห็นติณเอาแต่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดจมอยู่ในห้วงความคิดเพียงลำพัง นพก็เอ่ยเรียกอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดติณก็กลับคืนมาเป็นตัวเอง
“ห๊ะ?” ติณหันไปสบตาอย่างงุนงง “ว่าไงนะ?”
“ตกลงเอาไง จะไปด้วยกันมั้ย? พาภพไปด้วยก็ได้”
“แล้วจะบอกพ่อแม่ว่าไง บอกว่ามึงติดใจพ่อหม้ายลูกอ่อนงี้เหรอ”
“หม้ายเหี้ยไรล่ะ กูนี่ไงสามี ขอสุภาพนิดหนึ่งนะ” นพชี้อกตัวเองพลางยิ้มกว้างอย่างภูมิอกภูมิใจ ติณเบะปากด้วยความหมั่นไส้
“เอาจริงนะนพ ใครจะยอมรับได้วะ เป็นเกย์ แถมยังมีลูกติดอีก” ติณส่ายหน้า
“กูนี่ไงรับได้ แม่มึง...เอ่อ คุณหญิงแม่อ่ะ ก็รับได้ พี่สาวมึงอีก เพื่อนมึง เพื่อนกู พี่หมอ ทุกคนก็ยอมรับได้ทั้งนั้น พ่อกับแม่กู ถึงจะเป็นคนบ้านนอกแต่ก็ไม่ได้ใจแคบนะมึง” นพยืนยันหนักแน่นจนติณเริ่มจะใจอ่อน เดี๋ยวนี้เขาใจอ่อนให้กับนพทุกเรื่อง
“ก็ได้ ลองดู” ติณว่าพลางเอนหัวพิงกับไหล่ของนพ

แม้จะผอมไปหน่อย แต่ร่างกายของนพอบอุ่นเสมอ อีกหน่อยพอฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นจากเงินเดือนที่นพหาได้ ค่อยจับฟิตร่างกายให้บึกบึนไว้ต่อกรกับไอ้คนพาลอันดานั่นก็ได้

และแล้วก็ถึงวันที่นพเรียนจบ ผลสอบออกเรียบร้อย และได้เกียรตินิยมอันดับที่ 1 เหรียญทองตามคาด จากนี้ต้องหางานทำเพื่อเก็บเงินและเรียนต่อเนติบัณฑิต เพื่อจะสอบเป็นทนายความและต่อด้วยการสอบเข้าเป็นอัยการเมื่ออายุครบ 25 ปี
“แบบนี้หางานได้ง่ายแน่ ไว้พี่จะแนะนำสำนักงานทนายความของเพื่อนให้” พี่หมอเป็นคนที่มีน้ำใจกับพวกเขามากจริงๆ ทั้งดูแลตอนที่ติณท้อง แล้วตอนนี้ก็ยังช่วยเหลือเรื่องภพกับนพอีก
“ขอบคุณครับพี่หมอ” นพยิ้มรับอย่างดีใจ นานๆ ทีพี่หมอก็ชวนนพมากินขนมเค้กแถวโรงพยาบาล วันนี้ติณกับภพมาตรวจร่างกายพอดีด้วย
“ถึงติณจะแข็งแรงขึ้นแล้ว แต่จะทำอะไรกันก็...เบาๆ หน่อยล่ะ” หมอแกล้งแซวขำๆ แต่ทำเอาสองหนุ่มหน้าร้อนฉ่า
“เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่า...”
“ไม่ๆ พี่หมอ อย่าเพิ่งคิดไกล ผมยังไม่เคยทำอะไรติณมากกว่าใช้มือ” นพรีบปฏิเสธตามประสาคนซื่อ ติณหันไปถลึงตาใส่เอาศอกกระทุ้งสีข้างของนพเบาๆ ไม่ให้กระเทือนถึงลูก
“ฮ่าๆ เออๆ มึงนี่ก็ตร๊งตรงเนอะ แล้วนี่ยังต้องฝากภพไว้กับไอ้อันอยู่มั้ย” หมอมองไปที่เด็กน้อยในอ้อมกอดของนพ
“ก็ต้องงั้นล่ะครับ ทำไงได้ พวกเราไม่มีนมแม่ให้ไอ้หนูนี่” ติณว่าพลางเอานิ้วจิ้มแก้มภพเล่น
“อืม งั้นก็คงอีกนานนะกว่าจะได้เลี้ยงกันเอง” หมอทำหน้าครุ่นคิด “เอางี้ พี่จะขอน้ำนมจากพวกแม่ๆ ที่มาคลอดลูกเก็บไว้ให้ บางทีก็มีเหลือๆ บ้าง แต่ก็คงไม่เยอะมากอะไรนะ”
“ขอบคุณมากครับพี่หมอ ขอบคุณหลายๆ รอบเลย” นพยิ้มร่า ยิ่งคิดถึงวันที่จะได้เลี้ยงดูภพด้วยกันกับติณแบบจริงๆ จังๆ แล้วก็ยิ่งดีใจ

ติณไม่ได้อยากพึ่งพาผู้ชายคนนั้นเลยสักนิด ไม่เคยต้องการเลย แต่เขากับนพไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะเลี้ยงดูภพได้ในตอนนี้ ไหนจะเรื่องนมแม่อีก เวลาภพป่วยก็ต้องเสียค่าใช้จ่าย เลยจำใจต้องรับความช่วยเหลือจากอันดาทุกเดือน และถ้านพต้องเรียนเนติฯ ไปด้วยทำงานไปด้วย กว่าจะได้เป็นอัยการอีก ก็คงต้องพึ่งอันดาอีกนาน

“อย่าคิดมากนะ กูแค่อยากให้ลูกอยู่ในที่ดีๆ เอาไว้กูทำงานสักปีสองปีจะลองผ่อนคอนโดหรือหาบ้านถูกๆ สักหลัง” ด้วยการแนะนำจากพี่หมอ ทำให้นพหางานได้ทันทีที่เรียนจบ หลังสอบใบอนุญาตว่าความแล้ว ก็ต้องเก็บคดีความทั้งหมด 20 คดี เพื่อรอสอบอัยการต่อไป
“กูก็จะหางานทำด้วย นี่ก็หายดีแล้ว” แม้จะมีวุฒิแค่ม.3 ติณก็ไม่อยากนั่งงอมืองอเท้ารอให้นพหาเลี้ยงอย่างเดียว
“ไม่ได้ดิ กูไม่อยากให้มึงทำงานหนักๆ”
“งั้นวาดรูปขาย?” ติณเสนอ ซึ่งนพดูจะค่อนข้างเห็นด้วยกับงานนี้
“ก็ดีนะ กูเลิกงานก็มาช่วยมึงขนของไปวาดรูปที่ตลาดนัดได้ กูว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์สักคัน จะได้พามึงกับลูกไปไหนได้สะดวก” นพคว้าร่างโปร่งเข้าไปกอดไว้แนบกาย ติณเองก็ทิ้งตัวพิงกับอกบางๆ นั้นอย่างไม่รังเกียจ
“มึงนี่สมเป็นคุณพ่อสุดๆ เลยนะ น่ารักที่สุดเลย” ติณหยิกแก้มของคุณพ่อมือใหม่ด้วยความหมั่นเขี้ยวพลางหัวเราะคิกคัก เมื่อนพทำหน้าเหยเก คนถูกหยิกก็ไม่น้อยหน้า ก้มลงมาฟัดแก้มนิ่มๆ ของติณยกใหญ่

ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว (รวมทั้งเรื่องพ่อกับแม่ของนพ ที่น่ารักไม่แพ้ลูกชาย) ในเมื่อนพหางานได้ตามกำหนดที่อันดาวางไว้ อันดาจึงต้องยอมคืนลูกให้ทั้งคู่ พี่หมอก็ช่วยจัดหาน้ำนมแม่มาให้ ภพแข็งแรงขึ้นมาก ตัวก็โตขึ้นพอสมควร ตอนนี้อายุได้ 7 เดือนแล้ว เริ่มจะนั่งเองได้ ตอนกลางวันติณจะคอยเล่นกับภพ โดยให้ภพนั่งแล้วหยิบของเล่นให้ดูในระดับสายตา คอยพูดคุยกับภพไปเรื่อยเปื่อย เพื่อสร้างเสริมพัฒนาการ ส่วนอาหาร ก็เริ่มให้กินอาหารเสริม และเปลี่ยนมากินนมผง ติณคอยช่วยพยุงตัวให้ภพรู้จักการยืนเป็นครั้งคราว พอตอนเย็นนพจะมารับไปวาดรูปขาย จึงฝากภพไว้กับป้าข้างห้องใจดีให้คอยช่วยดูแลแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็กลับ และช่วยกันดูแลภพต่อจนลูกหลับ

[เป็นไงมั่ง] หลังจากติณกับภพเข้านอนแล้ว นพก็จะโทรไปรายงานความเคลื่อนไหวตลอดทั้งวันให้อันดาทราบ อันดาให้มือถือพร้อมคอยจ่ายค่าบริการให้เสร็จสรรพ เพื่อไม่ให้นพต้องลำบากมาก ส่วนค่าใช้จ่ายจิปาถะบางอย่างก็คอยช่วยอยู่บ้าง แต่รับทั้งหมดไม่ได้ เพราะติณจะรู้และไม่ยอมแน่นอน
“วันนี้ภพเริ่มคลานแล้วก็ยืนเองบ้างแล้วครับ เด็กคนนี้เรียนรู้เร็วมากเลย” นพรายงานไปตามจริงทุกครั้ง เล่าทุกเรื่อง แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างตอนเปลี่ยนผ้าอ้อม
[เหรอ อยากเห็นจัง ไว้นายถ่ายคลิปส่งมาทีสิ] นพรู้สึกถึงน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจและมีความสุขของคุณพ่อตัวจริง พลันนึกสงสารอันดาขึ้นมานิดหน่อย เพราะติณไม่ยอมให้มาเจอลูกชายเลย
“ผมถ่ายไว้ครับ เดี๋ยวส่งไลน์ไปให้”
[แล้วเรื่องงานของนาย โอเคมั้ย จริงๆ มาเป็นทนายให้พรรคพี่ก็ได้นะ ตอนนี้ก็พอมีตำแหน่งว่าง] อันดาอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะยังไงภพกับติณก็ต้องมีคนดูแลที่ไว้ใจได้ ขืนปล่อยให้อดๆ อยากๆ อยู่กับนพก็แย่พอดี
“ไม่เป็นไรครับ ที่ทำอยู่ผมโอเคแล้ว”
[ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกพี่นะ ฝากติณกับภพด้วย...] อันดาเว้นจังหวะครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่ออีกว่า [พี่ไว้ใจนพได้ใช่มั้ย เรื่องติณ]
นพนิ่งงัน คำว่าไว้ใจของอันดาไม่น่าจะหมายถึงแค่เขาสามารถเลี้ยงดูและดูแลติณได้ แต่หมายรวมถึง นพจะไม่ยุ่งกับติณ
“เอ่อ...”
[หวังว่านพจะไม่ “หักหลัง” พี่ นะครับ] แล้วสายก็ตัดไปทันที ไม่รอให้นพตอบรับหรือปฏิเสธ ซึ่งมันคือการมัดมือชกของผู้ชายที่ชื่ออันดา

นพเดินกลับเข้าไปในห้องที่ติณกับลูกกำลังนอนหลับสนิท เขามองดูภพตัวน้อยๆ นอนบิดตัวไปมาแล้วค่อยๆ เลื่อนสายตาไปยังติณที่อยู่บนเตียงข้างๆ กัน

นพทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง เสียงของอันดาลอยมาในหัว แน่ล่ะว่าเขา “หักหลัง” ไปแล้วครึ่งทาง ทั้งคิดเกินเลยกับติณแล้วยังเคยช่วยกันสำเร็จความใคร่ด้วยมือ แม้จะแค่สองสามครั้งก็ตาม
ไม่มีผู้ชายคนไหนในโลกหรอกที่จะไม่ปรารถนาในตัวคนที่รัก แม้แต่คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนอย่างนพก็ตาม ความรักมักมาคู่กับความต้องการเสมอ อยากครอบครอง อยากเป็นเจ้าของ แค่สักครั้งก็ยังดี

ถ้าติณปฏิเสธ เขาจะยอมตัดใจ แต่นี่ติณเป็นฝ่ายเรียกร้องเองเสียด้วยซ้ำ นพรู้สึกได้ว่าติณต้องการที่พึ่ง ต้องการใครสักคนที่จะยึดเหนี่ยวเอาไว้ แม้มันอาจจะไม่ใช่ “ความรัก” และเป็นแค่สภาวะความต้องการของร่างกายเท่านั้นก็ตาม

วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เด็กน้อยค่อยๆ เติบโตขึ้นจนตอนนี้อายุได้ 2 ขวบแล้ว การงานของนพก็มั่นคงดีมาก อีกไม่นานจะได้เวลาสอบเป็นอัยการแล้ว ช่วงนี้นพจึงงานยุ่ง เพราะยังเหลือคดีที่ต้องเก็บอีก 3 คดีความในปีนี้ และปีหน้าก็จะได้ไปสอบเลื่อนขั้นเสียที ตั้งแต่เริ่มทำงานทนายความ นพกล้าพูดกล้าทำขึ้นมาก เพราะมีอาจารย์คอยฝึกฝนทักษะในการว่าความและขึ้นศาลให้ และนพก็เป็นคนที่เรียนรู้เร็วในทุกๆ เรื่อง

คดีความสุดท้ายในปีนี้ที่เขาต้องทำ เป็นคดีเกี่ยวกับเด็กผู้ชายที่ถูกข่มขืน ซึ่งปกติไม่ค่อยมีพ่อแม่คนไหนกล้าฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาล แต่เคสนี้หนักหน่อย เพราะน้องคนนั้นถูกรุมโทรมและโดนวางยา ทำให้กลายเป็นเจ้าชายนิทรา ทางพ่อแม่เด็กจึงต้องการดำเนินคดีเพื่อเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาทจากครอบครัวของผู้ต้องหาที่ก่อคดี ซึ่งมีทั้งหมด 5 คน

ส่วนความสัมพันธ์ของติณกับนพก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้คืบหน้าไปกว่านั้น เพราะนพงานยุ่งตลอดเวลา แทบไม่มีวันหยุด ปีแรกยังดีที่พอปลีกตัวมารับติณไปวาดรูปขายได้ช่วงเย็น แต่พอปลายปีเดียวกันนั้นก็เริ่มยุ่งจนต้องวานให้ผู้ช่วยมารับติณแทน ยิ่งปีถัดมายิ่งยุ่งขนาดที่ว่า เสาร์อาทิตย์ก็ยังต้องออกไปดูแลลูกความของตน หาข้อมูลต่างๆ อยู่ตลอดเวลา อยู่ที่ห้องก็ยังต้องทำงาน แต่นพก็พยายามหาเวลามาช่วยติณเลี้ยงภพบ้าง

“สอบผ่านได้เป็นอัยการเมื่อไหร่ พวกเราก็จะสบายขึ้นแล้วล่ะ นพจะสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด แล้วก็หาซื้อคอนโดอยู่ด้วยกันที่นี่นะ ติณว่าดีมั้ย?” อีกแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น นพก็จะได้สอบแล้ว คดีสุดท้ายของเขาจบลงด้วยดี ผู้เสียหายได้รับเงินชดเชยเรียบร้อย และผู้ต้องหากลุ่มนั้นก็ถูกพิพากษาจำคุกรวม 7 ปี มันอาจจะไม่มากมาย แต่ก็เพียงพอกับความต้องการของพ่อแม่เด็กที่เป็นผู้เสียหายแล้ว
“อืม แล้วแต่นพเลย ติณทำให้นพลำบากรึเปล่า” ติณเอนหลังพิงแผ่นอกที่ดูมีกล้ามเนื้อขึ้นเล็กน้อยของนพ เพราะอายุมากขึ้น ร่างกายก็สมส่วนขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่แบบไหนติณก็ชอบทั้งนั้น
“ไม่หรอก นพอยากทำให้ติณกับลูก เราเป็นครอบครัวเดียวกันใช่มั้ย” นพเกยคางบนศีรษะของติณแล้วโอบแขนกอดเอวบางไว้หลวมๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างกายของติณทำให้รู้สึกสบายใจและปลอดโปร่ง ไม่ว่าจะทำงานเหนื่อยและเครียดแค่ไหน พอได้กลับมากอดติณและสูดกลิ่นหอมนี่ก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“แน่อยู่แล้วสิ นพเป็นคุณพ่อที่น่ารักและเก่งที่สุดในโลกเลย” ติณยิ้มหวาน ลูบแขนที่กอดเอวตนไว้ไปมา ก่อนจะพลิกตัวหันหน้าไปหานพและยกแขนขึ้นคล้องรอบลำคอของชายหนุ่มร่างผอม
“ไว้สอบเป็นอัยการแล้ว ติณจะให้รางวัลนะ ต้องผ่านนะครับคนเก่งของติณ” ริมฝีปากสีอ่อนเคลื่อนเข้าใกล้และประทับจูบบนแก้มของนพแผ่วเบา “ติณรักนพนะ”
นพคลี่ยิ้มบางๆ “นพก็รักติณ” จากนั้นต่างก็จูบกันและกันอย่างดูดดื่ม เพื่อยืนยันถึงความรู้สึกที่มี

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:27:44
8
“ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไม...”

ขอโทษนะ ติณ

คิดถึงนะ

นานแล้วที่ติณไม่ได้ฝันเห็นเธอคนนั้น “ไอซ์” หญิงสาวผู้เป็นที่รัก จวบจนตอนนี้ก็ยังคงรักเสมอไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าวันเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน

ติณเข้าใจความรู้สึกของไอซ์แล้วนะ

เขาพึมพำเบาๆ พลางลูบหน้าท้องตัวเองที่มีบางสิ่งผิดปกติไปจากเดิมอยู่ภายใน การต้องใช้ชีวิตเหมือนผู้หญิง ทำให้ติณเข้าใจไอซ์มากขึ้น เข้าใจพร้อมๆ กับความเสียใจ

อีกไม่นานนพก็จะสอบเป็นอัยการแล้ว ติณคอยดูแลและให้กำลังใจอยู่ตลอด พี่หมอเองก็โทรมาถามไถ่ข่าวคราวบ้างเป็นบางครั้ง เห็นว่าตอนนี้ต้องเป็นอาจารย์หมอสอนนักศึกษาแพทย์ด้วย งานเลยยุ่งเป็นพิเศษ ไม่ค่อยมีเวลามาเยี่ยมหรือออกไปเจอกันข้างนอกเหมือนก่อน ส่วนอันดาก็มีเรื่องวุ่นวายในพรรคการเมืองที่สังกัด แว่วๆ ว่าจะเลิกเล่นการเมืองเร็วๆ นี้ หันมาทำแต่ธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักอย่างเดียวแล้ว

“ตั้งใจสอบนะ นพทำได้อยู่แล้ว” วันไปสอบ ติณแค่ส่งเขาที่หน้าตึกหอพักเท่านั้น เพราะต้องพาเจ้าตัวเล็กไปส่งโรงเรียนอนุบาล แต่กะว่าจะไปรอตอนสอบเสร็จ
“มีติณกับภพเป็นกำลังใจ ยังไงก็ทำได้ครับ” นพยิ้มหวานพลางจะก้มลงหอมแก้มภรรยาที่น่ารัก แต่ติณดันอกเขาไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะประเจิดประเจ้อไป
“อายเค้า” ติณขมวดคิ้ว แก้มขึ้นสีอมชมพู
“เออ โทษที เผลอไปหน่อย” นพยอมผละออกมาพร้อมยกมือเกาหัวแก้เก้อ “งั้นไปก่อนนะ”
“อื้อ” ติณโบกมือส่งนพที่ขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์แล้วสตาร์ทเครื่องออกไป

การสอบอัยการนั้นบางครั้งมีปีเว้นปี ปีที่นพสอบจึงเป็นปีที่ภพอายุได้ 4 ขวบแล้ว เรียนชั้นอนุบาล 2 พอดี ผู้สมัครสอบปีนั้นมีจำนวน 7,489 คน และมีผู้ที่สอบผ่านน้อยมากในแต่ละปี แต่ด้วยความอุตสาหพยายามและกำลังใจที่ดี ทำให้นพสอบผ่านด้วยคะแนนลำดับต้นๆ ได้เป็นอัยการสมใจ

“เอาเจ้าภพไปฝากไว้กับพี่หมอ?” นพเอียงคอมองหน้าติณอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมติณถึงเอาลูกไปฝากที่พี่หมอในวันหยุดแบบนี้ ทั้งที่น่าจะได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เพื่อฉลองที่เขาสอบผ่าน
“ก็ใช่ไง พี่หมอบอกจะพาไปเที่ยว ก็เลยรบกวนยาวๆ ถึงพรุ่งนี้เช้าเลย” ติณว่า สีหน้าไม่ได้มีความกังวลแต่อย่างใด แต่นพถึงกับเหวอ
“เฮ้ย ไปกวนพี่เขาขนาดนั้นได้ไง”
“พี่หมอเขาเต็มใจน่า มาเข้าเรื่องเราดีกว่า นพ” ติณเดินเข้าไปโอบแขนรอบคอร่างผอมสูงที่ยังมึนงง “คืนนี้ต้องฉลองกันหน่อยนะ ติณมีของขวัญพิเศษจะให้” เสียงกระซิบหวานๆ ทำเอานพหัวใจเต้นแรง เลือดลมสูบฉีดจนหน้าแดงก่ำ
ก็ “ของขวัญ” ที่ว่า มันรู้ๆ กันอยู่ว่าคืออะไร

อยู่ด้วยกันมาเกือบ 8 ปี คบกันจริงจังก็ราวๆ 3 ปีกว่าได้แล้ว แต่นพยังไม่เคยแตะต้องติณมากกว่าช่วยกันด้วยมือ ซึ่งนับว่าน้อยครั้งมาก ยิ่งพอนพเรียนจบต้องทำงานและเตรียมตัวสอบมาตลอด ก็ไม่มีเวลามาคิดเรื่องอย่างนั้นเท่าไหร่ ต่างคนต่างก็รอเวลาที่เหมาะสม แม้ในหัวของนพจะยังคงมีเสียงของผู้ชายคนนั้นดังก้องอยู่ก็ตามที

หวังว่านพจะไม่ “หักหลัง” พี่ นะครับ

“นพ? เป็นอะไรไป” ติณเอียงคอมองอย่างสงสัย เมื่อเห็นนพนิ่งไปนาน นพได้สติและยิ้มแหยๆ ให้
“คือ กำลังคิดว่า...จะออกไปซื้อถุงยางเลยดีมั้ย”
ติณหน้าร้อนฉ่ากับคำตอบนั้น “ไม่ต้องก็ได้”
“เอ๊ะ? แต่พี่หมอเคยบอกว่า...” นพขมวดคิ้ว
“พี่หมอบอกว่าไม่เป็นไรแล้ว” ติณหรุบตาลงก่อนจะเงยขึ้นสบสายตาซื่อใสของนพอีกครั้งอย่างเว้าวอน ริมฝีปากสีสวยเม้มนิดหนึ่งก่อนจะขยับทีละคำ อย่างชัดเจน
“ติณ-อยาก-มี-ลูก-กับ-นพ”
“ห๊ะ?!” นพสะดุ้งเฮือก ตกใจกับข้อความกะทันหัน สมองประมวลผลอยู่ครู่ใหญ่ก่อนหน้าจะระเบิดตูมจนได้ยินเสียงฟู่ๆ ตามมา
“ฮะฮะ น่ารักจัง เขินมากเลยเหรอ” ติณหัวเราะอารมณ์ดี มือเรียวลูบไล้ที่แก้มบุ๋มๆ ของร่างผอมสูง นพเป็นคนน่ารักมากกว่าหล่อ สูงกว่าติณเกือบ 10 ซม. แต่ดูผอมบางกว่า
“กะ ก็...มัน...เอ่อ...” นพทำหน้าไม่ถูก ตัวแข็งเกร็งไปหมด มือที่กอดติณไว้ก็นิ่งทื่อ หัวใจเต้นแรงจนกลัวว่าจะหลุดออกมานอกอก ไม่คิดว่าติณจะพูดตรงๆ ขนาดนั้น

อยากมีลูกเนี่ยนะ? ก็หมายความว่า...จะให้ทำแบบ...ไม่ใส่ถุงยางน่ะสิ

“ไม่อยากมีลูกด้วยกันเหรอ” ใบหน้าใสคลอเคลียอยู่แถวซอกคอ นพเอนตัวหลบเล็กน้อย เพราะมันจั๊กจี้แปลกๆ ใจก็คิดว่า เขาน่าจะเป็นคนทำแบบนี้รึเปล่า? ไม่ใช่ให้คนเป็นเมียรุกเอาๆ
“อะ อยากสิ...อยากครับ” นพจับต้นชนปลายไม่ถูก ตื่นเต้นจนฝ่ามือชื้นเหงื่อไปหมด ติณหัวเราะคิกกับความไม่ประสีประสาของชายหนุ่มผู้ไร้ประสบการณ์ เรื่องใช้มือช่วยกัน มันชินแล้ว แต่เรื่องนี้นพคงไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ
“งั้นก็ทำสิ” คนช่างยั่วตื้อไม่เลิกรา นพกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ติณมองดูลูกกระเดือกของเขาพลางเอาปลายนิ้วลูบไล้มันช้าๆ
“ตอนนี้เลยเหรอ? ไหนบอกว่าคืน...อือ...” จู่ๆ ร่างโปร่งก็ดึงคอเสื้อเขาลงมาประกบจูบเสียดูดดื่ม จูบกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ติณเร่าร้อนกว่าปกติ ลิ้นรุกไล่สู่โพรงปากรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว นพครางฮือในคอ เพราะลมหายใจเริ่มติดขัด พยายามจูบตอบติณและควบคุมลมหายใจให้เข้าที่อย่างทุลักทุเล

ลิ้นของติณหวาน รสจูบของติณมีกลิ่นหอมเหมือนลูกอมรสมิ้นต์ ติณอาจจะเพิ่งอมลูกอมมา แต่เขาเนี่ยสิ...ไม่ทันเตรียมตัวอะไรเลย กลัวว่าติณจะเหม็นปาก แต่ก็ไม่ทันแล้ว ติณรั้งคอเขาไม่ปล่อย ยิ่งจูบก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆ เหมือนฉุดไม่อยู่ ทุกสิ่งถูกปลดเปลื้อง ติณมือไวเป็นบ้า นพคิดพลางช่วยร่างโปร่งถอดเสื้อยืดออกจากหัว ส่วนตัวเขานั้นเหลือแค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้

มือเรียวสวยไล่สัมผัสตามแผงอกและลาดไหล่ของร่างผอมสูง แต่พอมันลูบมาถึงหน้าท้อง นพก็สั่นเกร็งไปทั้งร่าง ความรู้สึกเบื้องล่างชื้นแฉะปูดนูนขึ้นอย่างยากจะห้าม ติณทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียง นพชันเข่าข้างหนึ่งลงตรงหว่างขาของติณ ก้มลงประกบจูบอีกครั้งด้วยแรงราคะถาโถม จวบจนติณไม่เหลือสิ่งใดปกปิดร่างกาย นพจึงได้ผละออกมา

สิ่งแรกที่เขาอยากทำมานานคือ...เลียยอดอกสีชมพูเข้มของติณแรงๆ

ทั้งดูดและกัดและเลียซ้ำไปมาทั้งสองข้างอย่างกระหายหิว เหมือนเด็กดูดนมแม่ นพจำไม่ได้หรอกว่าตอนเด็กๆ ดูดนมแม่ยังไง แต่ตอนนี้อยากกินนมของติณมากและทำมันไปตามสัญชาตญาณดิบล้วนๆ
“อ๊า อย่าแรงสิ” ติณตีแขนนพเบาๆ เพราะถูกกัดหัวนมแรงเกินไป แทนที่จะเสียว มันเจ็บจี๊ดเสียมากกว่า “อื้อ อ๊า...อ๊ะ นพ...เดี๋ยว...อ๊า” ติณร้องห้ามไปครางกระเส่าไป เมื่อร่างผอมสูงไล่ดูดผิวกายจากหน้าอกต่ำลงมาที่ท้องน้อย แถมยังใช้ลิ้นแยงเข้าไปในสะดือของตน จนร่างโปร่งสะดุ้งโหยง เผลอจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของร่างผอม
ใบหน้าอ่อนเยาว์ของร่างผอมสูงฝังลงตรงหว่างขา ลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นรดบนขนอ่อน พาให้ติณครางเบาๆ ค่อยๆ เอนตัวลงนอนราบไปบนเตียง แยกขาออกกว้างเพื่อให้รู้ว่ายินยอมพร้อมใจทั้งหมด นพซุกหน้าลงครอบปากกับแท่งเนื้ออุ่นร้อนของร่างโปร่ง
“ยะ อย่ากัดนะ ระวังฟันไปโดนด้วย” ติณร้องบอกเสียงสั่น ก่อนจะครางลั่นเมื่อนพรูดปากขึ้นลงรัวเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ “อ๊า! อื้ออออ...”

ทำไมเก่งจังวะ!?

ในหัวของติณคิดแบบนั้น แต่ไม่มีเสียงจะเปล่งออกมาเป็นคำ ได้แต่อ้าปากค้าง เอามือจิกทึ้งเส้นผมของนพไว้แน่น สะโพกลอยหวือกระดกรับจังหวะการรูดรั้งนั้นอย่างลืมตัว เสียวซ่านไปจนถึงปลายนิ้วเท้า

ถึงจะมีประสบการณ์มาก่อน แต่ติณก็มีแค่กับไอซ์คนเดียว และเธอไม่เคยทำให้ขนาดนี้ นี่คือครั้งแรกที่มีคนใช้ปากกับส่วนนั้น ติณหอบฮัก เมื่อนพถอนปากออก ปล่อยให้น้ำรักของติณพุ่งกระฉูดออกมาเป็นระลอก ร่างโปร่งสั่นสะท้านตัวกระตุกเกร็ง

นพยกมือขึ้นปาดเช็ดคราบสีขาวบนปากและใบหน้า ก้มมองติณที่นอนบิดไปมาด้วยแรงปรารถนาที่ยังไม่มอดดับ ติณชูแขนสองข้างขึ้นคล้ายกับเชิญชวนให้เขาทาบทับลงไปอีก โอบกอดเอาไว้แนบแน่น
“ตรงนี้...มีน้ำไหลออกมาด้วย” เพราะร่างกายถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนเพศหญิงบางส่วน แม้จะยังมีอวัยวะเพศชายคงเดิม แต่ช่องทางด้านหลังของติณเชื่อมต่อกับมดลูก จึงมีการขับสารคัดหลั่งเป็นเมือกขาวออกมาเมื่อมีการร่วมเพศ ช่วยหล่อลื่นให้สะดวกขึ้น (ปกติติณจะมีประจำเดือนเหมือนผู้หญิงด้วย แต่มาไม่มาก และแค่วันเดียว)
“อ่ะ...อือ...” ติณกอดร่างผอมไว้แน่นขึ้นอีกเมื่อนิ้วร้อนๆ ของนพคืบคลานเข้าสู่ภายในร่างกาย
“นุ่มจัง” นพหลับตาพริ้มเอ่ยเสียงพร่าพลางขยับนิ้วช้าๆ แทรกเข้าไปข้างในจนสุดความยาวนิ้วทั้งสอง
“ลามก อ๊ะ!” ร่างโปร่งกระตุกเกร็ง แอ่นสะโพกเข้าหามือของชายหนุ่มร่างผอม ขาข้างหนึ่งยกขึ้นก่ายหลังของนพ สองแขนกอดรัดแผ่นหลังกว้าง
“น่าจะเข้าได้แล้วมั้ย?” นพผละออกมาถาม ติณหน้าร้อนผ่าว ไม่กล้าสบสายตาที่จ้องมองมาอย่างมีความหมาย
“จะรู้มั้ยล่ะ?”
“อ้าว?”
“จะใส่ก็ใส่เข้ามาสิ” ติณกัดปากหลังพูดจบ นพแลบลิ้นเลียริมฝีปากทีหนึ่งก่อนจะจับยกสะโพกบางขึ้นวางทับบนต้นขาของตน และค่อยๆ ถูส่วนปลายของลำท่อนแข็งเกร็งกับช่องทางที่มีน้ำใสๆ ไหลออกมาเป็นระยะ ติณยิ่งเม้มปาก บีบแขนชายหนุ่มร่างผอมอย่างแรง เมื่อมันค่อยๆ แทรกส่วนปลายเข้ามาเชื่องช้า
“เจ็บรึเปล่า?” นพกระซิบถามเสียงแหบเครือ กัดฟันทนทำทุกอย่างอย่างไม่เร่งรีบ ซึ่งมันยิ่งกระตุ้นให้ร่างกายของติณขับสารหล่อลื่นออกมามากขึ้นอีก ช่องทางนั้นคับแน่น แต่ก็อ่อนนุ่มและลื่นไหล ติณไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด จึงได้แต่ส่ายหน้าตอบ
“อา...นพ...นพ...” ร่างโปร่งขยับสะโพกเข้าหาด้วยตัวเอง “เข้ามาอีก”
นพหน้าร้อนฉ่า เผลอกระแทกใส่จนร่างโปร่งสั่นกึก ติณน้ำตาไหลพราก รีบโน้มคอร่างสูงลงประกบจูบพลางเอื้อมมือลงไปแหวกช่องทางด้านหลังของตนให้นพเข้ามาง่ายขึ้นอีก และในที่สุดก็เข้าไปได้จนสุดทาง
“ขยับเลย” สิ้นเสียงสั่ง นพก็เริ่มขยับกายเข้าออกเนิบนาบ และค่อยๆ รัวขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงอารมณ์

เสียงผิวเนื้อกระทบกระทั่งกันดังก้องไปทั่วห้องที่เงียบสงัด เสียงลมหายใจ เสียงคราง เสียงดูดปากดังจ๊วบ เสียงเตียงที่ลั่นเอี๊ยดเป็นระยะ กับร่างสองร่างที่ยังแนบสนิทจนเย็นย่ำค่ำมืด
“นพ...แรง...แรงอีก” เพราะไม่ได้ปลดปล่อยมานาน สองคนจึงอึดน่าดู ต่างไม่ยอมแพ้กัน ยังคงทำรอบเป็นครั้งที่ 5 เหมือนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ช่องทางสีแดงก่ำของติณมีน้ำสีขุ่นข้นทั้งของตัวเองและของอีกฝ่ายทะลักล้น
“รอบสุดท้ายนะ...ไม่ไหวแล้ว...” นพครางบอกเสียงแหบพร่า ก้มหน้าลงซบกับไหล่ของติณ ครั้งแรกก็จัดหนักขนาดนี้ นพที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนถึงขีดจำกัดเสียแล้ว
“อือ...อย่าเพิ่งหลับ...อ๊ะ อ๊า!!!” น้ำรักของนพฉีดพุ่งเข้าใส่ ปลายนิ้วเท้าของติณจิกเกร็ง เล็บมือครูดเป็นทางบนแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่พอปล่อยลูกๆ เข้ามาในตัวติณเสร็จ ก็ผล็อยหลับทันที ติณพ่นลมหายใจอย่างขัดใจ ดันร่างของนพให้ลงนอนหงายบนเตียง เห็นหลับสบายแบบนี้ก็โกรธไม่ลง เลยก้มไปหอมแก้มทีหนึ่ง แล้วจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ทำความสะอาดร่างกาย

รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของร่างที่นอนหลับอ่อนแรงอยู่บนเตียง
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 04-02-2018 23:28:35
9
7 ปีก่อน

“ติณครับ เพิ่งย้ายมาเรียนกลางเทอม อยู่ห้อง 3 ชอบวาดรูปตั้งแต่ป.4 แล้ว ก็เลยมาเข้าชมรม ยังไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ ฝากตัวด้วยนะทุกคน” ผมแนะนำตัวกับเพื่อนๆ ในชมรม ที่มีทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ รวมทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาชมรมด้วย ทุกคนยิ้มแย้มทักทายอย่างเป็นมิตร
“เรา ไอซ์ นะ อยู่ห้อง 2” เด็กสาวหน้าตาน่ารักตัวเล็กๆ เดินเข้ามาแนะนำตัวกับผมที่นั่งลงหน้าขาตั้งภาพ เตรียมจะวาดรูปแจกันดอกไม้ตรงหน้าที่อาจารย์สั่ง ผมยิ้มให้เธอ ก่อนที่เธอจะนั่งลงข้างๆ พลางเลื่อนขาตั้งของตัวเองมานั่งวาดข้างๆ ผม
“เมื่อเช้าเราเห็นติณที่หลังตึกแหละ”
“เอ๊ะ?” ผมหันควับไปมองหน้าเธอ รู้สึกหน้าร้อนนิดๆ
“ใจดีจังนะ” ไอซ์ยิ้มตาหยีแล้วลงมือวาดรูปของเธอ แล้วเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก

เช้าวันต่อมา ผมก็เอานมไปให้พวกลูกแมวที่หลังตึกเรียนเหมือนเดิม คราวนี้มีไอซ์ขอตามมาดูด้วย เธอบอกว่าที่บ้านเลี้ยงหมาตัวโตมาก เลยเอาไปเลี้ยงไม่ได้ แต่ปกติก็จะแวะมาดู เอานมมาให้บ้าง และเมื่อวานนี้ก็กะจะทำอย่างนั้น แต่ก็เจอผมเข้าเสียก่อน จึงแอบดูอยู่ห่างๆ ไม่คิดว่าตอนเย็นจะเจอกันที่ห้องชมรม
“ไม่มีใครสนใจหรือสังเกตเห็นเจ้าพวกนี้เลย ทั้งที่ร้องกันขนาดนี้ น่าสงสารมาก ลุงภารโรงแกก็คอยมาดูแลนะ เห็นแกบอกว่าแม่พวกมันโดนหมากัดตายไปแล้ว” ไอซ์นั่งยองๆ อุ้มลูกแมวตัวหนึ่งขึ้นมาใช้สลิงค์เล็กๆ ให้นม ผมเองก็ทำแบบเดียวกันกับอีกตัวหนึ่ง ลูกแมวสีเขรอะขระมีทั้งหมด 5 ตัว พวกมันผอมแห้งจนเห็นกระดูก ตอนที่ผมมาเจอก็คิดแบบไอซ์ คือสงสาร ก็เลยไปหาข้อมูลในเนตเรื่องการเลี้ยงลูกแมวแรกเกิด และเอานมแพะมาให้พวกมันกิน เพราะเขาบอกว่านมวัวมันไม่ย่อย
“ช่วยกันให้นมสองคนมันก็จะเร็วขึ้นเนอะ” ไอซ์ว่าพลางยิ้มหวาน
“อือ งั้นเรามาช่วยกันดูแลเจ้าพวกนี้จนกว่าจะโตกัน” ผมเสนอ และไอซ์ก็ตอบตกลง

นอกจากการดูแลลูกแมวด้วยกัน วาดรูปด้วยกันทั้งที่ห้องชมรมและในวันหยุดแล้ว พวกเรายังชอบอ่านหนังสือเหมือนกัน ฟังเพลงแนวเดียวกัน ดูหนังแนวเดียวกันด้วย ทำให้พวกเราสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนสอบปลายภาคผมติวหนังสือกับไอซ์สองคนในห้องที่บ้านของเธอ พ่อแม่ของไอซ์และผมต่างรับรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเรา แม้ว่าผมกับเธอจะยังไม่ได้พูดคุยกันอย่างเป็นทางการเรื่องที่จะเป็นแฟนกันอะไรทำนองนั้น และตอนนั้นผมก็ได้รู้จักกับพี่ชายทั้งสองคนของไอซ์ด้วย

พี่อันดา พี่ชายคนโตของไอซ์ ตอนนั้นเขาอายุ 27 แต่ก็เป็นผู้บริหารบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่แล้ว แม้จะเป็นกิจการที่รับช่วงต่อจากพ่อของพวกเขาก็ตามที แต่เพราะความสามารถของพี่อัน ทำให้บริษัทใหญ่โตจนมีมูลค่าหลักพันล้าน ช่วงนั้นเขาเริ่มมีคนมาทาบทามให้เล่นการเมืองด้วย เพราะจริงๆ แล้วพี่เขาจบรัฐศาสตร์ แถมยังค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงสังคม น่าแปลกที่เขาไม่มีแฟน แต่ก็มีผู้หญิงสาวๆ สวยๆ ระดับนางแบบนักแสดงแวะเวียนมาหาพี่เขาไม่ขาด

และพี่คนรองของไอซ์ ชื่อ พี่อ้น อายุ 19 ที่จริงไอซ์กับพี่อ้นเป็นลูกคนละแม่กับพี่อันดา เลยมีอายุที่ห่างกันมาก ตอนนั้นพี่อ้นเรียนอยู่ปี 1 คณะบริหาร และอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัย ผมเลยไม่ค่อยได้เจอเขาเท่าไหร่ ส่วนมากจะเจอแค่พี่อัน เพราะบางทีก็ให้พี่อันช่วยติวหนังสือให้ พี่เขาเก่งทั้งวิทย์ คณิต แล้วยังภาษาอังกฤษที่เป๊ะเว่อร์อีก เพราะเคยไปเรียนเมืองนอกมา จบปริญญาโทจากอังกฤษเชียวล่ะ
ตอนนั้นพวกเราทุกคนสนิทสนมรักใคร่กันดีมาก มากจนผมไม่คิดว่าวันหนึ่งมันจะเกิดเรื่องที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตผม

“ติณ...ไอซ์...มีเรื่องจะบอก” ตอนนั้นพวกเราอยู่ชั้นม.6 แล้ว เป็นช่วงก่อนสอบปลายภาคเทอมแรก
“ไอซ์ท้อง...”
ผมนิ่งอึ้ง “ละ ล้อเล่นน่า” ผมรู้ว่ามันแย่มากที่ถามออกไปแบบนั้น แต่ผมคิดว่ามันเป็นตลกร้ายที่เธอคิดจะอำผมจริงๆ และเธอก็เงยหน้าขึ้น ยิ้มให้ผม
“อื้อ ล้อเล่น”
ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก “เล่นบ้าๆ นะ ตกใจจริงเลยเนี่ย หัวใจเกือบหยุดเต้น”
“ติณป้องกันตลอด ยังจะเชื่อที่ไอซ์พูดอีกเหรอ หลอกง่ายจังนะ” เธอหัวเราะเสียงใส เข้ามากอดแขนผมไว้แน่น และผมไม่ทันรู้สึกตัวเลยว่ามือของเธอกำลังสั่น

ถ้าเพียงแต่ตอนนั้น ผมจะสนใจเธอมากกว่านี้สักนิด และสังเกตเห็นแววตาเศร้าๆ นั้น

[ช่วงนี้ไอซ์แปลกๆ ไป ทะเลาะอะไรกันรึเปล่า] พี่อันโทรมาถามผมในคืนหนึ่ง ช่วงนั้นเราต่างต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย พ่อผมอยากให้ผมเรียนวิศวะ เพื่อจะได้มาช่วยงานที่บ้านได้ ก็เลยต้องคร่ำเคร่งหน่อย ไอซ์เองก็เข้าใจ เธอจึงไม่ค่อยมารบกวนผม
“เปล่านี่ครับ คงเพราะผมยุ่งเรื่องสอบ ไม่ค่อยมีเวลาให้ไอซ์มั้งพี่ เอางี้ พรุ่งนี้ผมจะไปหาที่บ้านแล้วกัน”
[อืม พี่เชื่อใจติณนะ ว่าจะดูแลน้องสาวพี่ได้ เพราะงั้นฝากด้วย] พี่อันมักจะพูดแบบนั้นกับผมเสมอ แต่ผม...กลับทำอย่างนั้นไม่ได้

ผมปกป้องดูแลไอซ์ไม่ได้

“ติณ...ไอซ์ขอโทษ” เธอพูดทั้งน้ำตา ขาของเธอกำลังจะยื่นออกไปจากตรงนั้น
ลมพัดแรงจนเสื้อผ้าของพวกเราปลิวพั่บๆ บนดาดฟ้าชั้น 16
“ไอซ์ อย่าทำอย่างนี้ กลับมาหาติณนะ” ผมยื่นมือออกไปหาเธอ ค่อยๆ ก้าวช้าๆ ไปใกล้ เพื่อจะเอื้อมคว้าตัวเธอไว้
“ขอโทษนะ ติณ” เธอพูดคำนั้นวนไปมา น้ำตาไหลเป็นสาย
“กลับมาหาติณ แล้วค่อยๆ คุยกันนะ” ผมพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมเธอ แต่ไอซ์ไม่ยอมจับมือผมไว้
“ขอโทษ...ไอซ์ขอโทษ...”
“ไอซ์!!!!”

สายลมพัดวูบและสงบลง เสียงผู้คนกรีดร้องโวยวาย เสียงไซเรน

“ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไม...” ในหัวของผมว่างเปล่า ภาพของเธอที่ปลิวลงไปจากดาดฟ้ายังติดตา
“ทำไมทิ้งกันแบบนี้ ทำไม ทำไม” ผมเฝ้าถามตัวเองอยู่อย่างนั้น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจแบบนั้น

ผลชันสูตรปรากฏว่า เธอฆ่าตัวตายและมีเด็กในท้อง

ก้อนเนื้อสีแดงฉานที่แตกกระจายออกจากตัวเธอ นองบนพื้นคอนกรีตสีเทา

ความเจ็บปวดของเธอที่ต้องแบกรับมันมาตลอด ผมไม่เคยเข้าใจ

ทำไมต้องทำแบบนี้

ทำไมต้องตาย

ไอซ์อาย ไอซ์ไม่อยากให้ทุกคนเดือดร้อน ไอซ์กลัว
เด็กในท้องโตขึ้นเรื่อยๆ ไอซ์ไม่กล้าบอกใคร
กินยาแล้วมันไม่ออก
ไอซ์อยากไปทำแท้ง แต่ต้องมีผู้ปกครองไปด้วย
ไอซ์ไม่กล้าบอกพ่อกับแม่
ไอซ์ไม่กล้าบอกพี่ๆ
ไอซ์ไม่อยากให้ติณเดือดร้อน
ไอซ์ขอโทษ
ขอโทษนะติณ

มันคือข้อความสุดท้ายที่ผมเพิ่งเปิดอ่านหลังจากนั้น เธอส่งมาในวันนั้น วันที่ผมต้องไปสอบ และผมไม่ทันได้เปิดอ่านมัน สอบเสร็จก็หาไอซ์ไม่เจอ เลยวิ่งวุ่นไปทั่ว จนในที่สุดก็เจอเธอบนดาดฟ้าของตึกที่มาสอบด้วยกัน

พ่อผมโกรธจัด ทั้งต่อยและตบผมอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พ่อแม่ของไอซ์ไม่ติดใจเอาความ เพราะไอซ์ตายไปแล้ว เพียงแค่ไม่อยากเห็นหน้าผม พี่อ้นไม่ได้พูดอะไรกับผมสักคำ เพราะเราไม่ค่อยสนิทกันอยู่แล้ว ส่วนพี่อัน ตอนนั้นเขาติดงานที่ต่างประเทศไม่ได้กลับมาในทันที แต่เขาคงโกรธแค้นผมมาก

พ่อไล่ผมออกจากบ้าน ผมต้องออกจากโรงเรียนตอนเทอมสอง ผมสูญเสียไอซ์ สูญเสียเด็กคนนั้น ที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าใช่ลูกของผมหรือเปล่า ผมดูเลวเนอะที่คิดอย่างนั้น แต่ผมมั่นใจว่าผมป้องกันมาตลอด และไม่น่าพลาด

แล้วไอซ์ท้องกับใคร? ท้องได้อย่างไร?

นั่นคือคำถามที่ผมเฝ้าวนเวียนหาคำตอบ แต่สุดท้าย เรื่องที่จบไปแล้วก็ต้องจบ

ใครๆ ก็คิดว่าเป็นเพราะผม

ก็ให้มันเป็นแบบนั้นแล้วกัน

4 ปีหลังจากนั้น
ชีวิตของผมลุ่มๆ ดอนๆ อยู่ในห้องเช่าถูกๆ ที่แคบอย่างกับรูหนู หาเลี้ยงตัวเองด้วยงานทุกชนิดเท่าที่วุฒิม.3 ของผมจะเอื้ออำนวย กับการวาดรูปตามตลาดนัดช่วงค่ำๆ
มีนพเป็นเพื่อนเพียงคนเดียว เพราะนิสัยน่ารักๆ ของเขา ทำให้ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ตอนแรกเราเจอกันที่ร้านอาหารที่ผมทำงานอยู่ และเขาเข้ามาเป็นเด็กใหม่ เพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด ดูซื่อๆ ไม่ค่อยรู้เรื่องราว โดนลูกค้าข่มเอาประจำ และผมก็ต้องคอยช่วย
พอเริ่มสนิทกัน ผมก็ชวนเขามาอยู่ที่หอเดียวกัน เพราะมันถูกกว่าที่เขาอยู่กับเพื่อน เขาก็ตกลง ย้ายมาอยู่ห้องตรงข้ามกัน คอยดูแลช่วยเหลือกันตลอด
เราอายุห่างกันปีเดียว ก็เหมือนเพื่อนกัน แม้เพื่อนๆ ของนพเวลามาที่ห้องของเขา จะเรียกผมว่าพี่ แต่นพกลับเรียกผมด้วยชื่อเท่านั้น เขาบอกว่าเพื่อความสนิทสนม และผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ในเมื่อเรียกกันมาจนชินปากแล้ว

ผมไม่เคยโทษไอซ์ ไม่เคยคิดว่าการตายของเธอครั้งนั้นทำให้ชีวิตของผมต้องตกต่ำ ผมยังคิดถึงเธอและรักเธอเสมอ ไม่ว่าความจริงจะคืออะไร ผมก็ยอมรับมันได้แล้ว

แต่...ยังมีคนที่ไม่ยอม เขาตามหาผม เพียงเพื่อจะแก้แค้นที่ผมทำให้น้องสาวของเขาต้องตาย

ทั้งที่ผมเคยคิดว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดี

แต่เขากลับทำร้ายผม เพียงเพื่อความสะใจ ทั้งที่รู้ว่าทำไป ไอซ์ก็ไม่ฟื้นกลับมา

และไม่ว่าเขาจะขอโทษหรือพยายามไถ่โทษอีกกี่ร้อยพันครั้ง ผมก็จะไม่มีวันอภัย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-02-2018 23:40:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 05-02-2018 00:08:49
บวกเป็ดโล้ด  o13

เรื่องราวซับซ้อนน่าติดตามมาก แต่...จะกับใคร!!  :a5:

พี่อัน หรือนพ หรือจบแบดเอนดิ้ง หรือ......!!  o22

ตาม ตาม ตามจ้า  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-02-2018 00:44:33
เข้ามาอ่านเพราะเห็นว่าดราม่า เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะดำเนินเรื่องเร็วมาก ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าช่วงที่นายเอกท้องซะอีกแต่ก็ไม่ใช่ แถมพระเอกอีกก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใครกันแน่ อันดาก็เลวเกิ๊นน นพก็ดีเกิ๊นน คาดว่าดราม่าน่าจะอยู่หลังจากนี้แหละเพราะดูแล้วอันคงโมโหมากแน่ที่รู้ว่านพกับติณมีอะไรกันแล้ว ทีนี้คงต้องรอดูว่าพี่มันจะทำอะไรนี่แหละ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-02-2018 00:55:23
แล้วพี่อ้นไปไหนล่ะ  :hao4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-02-2018 08:28:21
บวกเป็ดโล้ด  o13

เรื่องราวซับซ้อนน่าติดตามมาก แต่...จะกับใคร!!  :a5:

พี่อัน หรือนพ หรือจบแบดเอนดิ้ง หรือ......!!  o22

ตาม ตาม ตามจ้า  :pig4:

ขอบคุณที่ติดตามและบวกเป็ดให้นะค้าบ จะพยายามแต่งให้ไม่โหดมาก ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-02-2018 08:29:36
เข้ามาอ่านเพราะเห็นว่าดราม่า เนื้อเรื่องสนุกดีค่ะดำเนินเรื่องเร็วมาก ตอนแรกนึกว่าจะดราม่าช่วงที่นายเอกท้องซะอีกแต่ก็ไม่ใช่ แถมพระเอกอีกก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใครกันแน่ อันดาก็เลวเกิ๊นน นพก็ดีเกิ๊นน คาดว่าดราม่าน่าจะอยู่หลังจากนี้แหละเพราะดูแล้วอันคงโมโหมากแน่ที่รู้ว่านพกับติณมีอะไรกันแล้ว ทีนี้คงต้องรอดูว่าพี่มันจะทำอะไรนี่แหละ

ดีใจมีคนอ่านแล้วสนุก เพราะตอนแต่งบางช่วงก็รู้สึกยังไม่พีคพอ แต่จะพยายามต่อไปนะคับ ขอบคุณที่ติชมน้า
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 05-02-2018 08:30:20
แล้วพี่อ้นไปไหนล่ะ  :hao4:

ยังไม่มีบท ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] UPDATE 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-02-2018 13:07:23
10
หลังจากที่นพได้เป็นอัยการเต็มตัว ก็เริ่มมีชื่อเสียงในแวดวงการเมืองและวงสังคม เพราะเขามักจะได้รับหน้าที่ว่าความให้คดีสำคัญๆ ที่เกี่ยวกับอาญาแผ่นดิน และช่วยเหลือโจทก์ที่ต้องสู้คดีกับพวกคนมีอำนาจ ด้วยความสามารถในการว่าความที่หาตัวจับได้ยากในยุคสมัยที่ใครๆ ต่างก็เกรงกลัวผู้มีอิทธิพล

แต่มันก็เป็นดาบสองคมของคนที่ทำงานด้านกฎหมาย

แน่นอนว่า ในการทำงานแต่ละครั้ง จะต้องสร้างความแค้นเคืองให้แก่ฝ่ายจำเลยที่ถูกยื่นฟ้องและตัดสินข้อหาในคดีต่างๆ แต่นพก็พร้อมจะสู้อย่างเต็มที่ เพื่อความยุติธรรม

“การ์ดเชิญไปงานแต่ง?” ติณหยิบการ์ดสีมุกที่นพวางไว้บนโต๊ะทำงานขึ้นมาดู ตอนนี้พวกเขาย้ายมาอยู่บนคอนโดหรูราคาหลายล้านย่านใจกลางเมืองแล้ว ส่วนพ่อแม่ของนพที่บ้านนอก เขาก็สร้างบ้านหลังใหญ่ให้พวกท่านอาศัยอย่างสุขสบาย แถมยังจ้างแม่บ้านคอยดูแลรับใช้ด้วย
“ครับ งานลูกสาวคุณหญิงอรกับหนุ่มผู้โชคดี” นพว่ายิ้มๆ ติดกระดุมเสื้อเม็ดสุดท้ายที่คอเสร็จก็หันหน้ามาหาติณที่รอผูกเนคไทให้
“ติณต้องไปด้วยเหรอ” เพราะในการ์ดเชิญเขียนชื่อของนพและครอบครัว
“ได้มั้ย?” นพถามอย่างเกรงใจ เขารู้ว่าติณไม่ชอบออกงานสังคมเท่าไหร่ คงกลัวเจอหน้าคนที่ไม่อยากเจอ แต่งานนี้เป็นงานสำคัญของ...น้องสาวคนเล็กของติณ
ติณถอนหายใจยาว “ถ้าไม่ไป แม่คงโกรธติณแน่ แม้จะเชิญผ่านนพมาก็เถอะ”
นพยิ้มกว้างแล้วโอบร่างบางทั้งตัวมาไว้ในอ้อมกอด “พาเจ้าตัวเล็กไปด้วยเนอะ คุณแม่คงอยากเจอหลาน”
“ครับ แล้วแต่คุณสามีเลย” ติณหยิกแก้มสามีไปที แล้วค่อยผูกเนคไทต่อจนเสร็จ ก่อนจะสวมสูทให้นพเรียบร้อย
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะ คืนนี้มีงานเลี้ยง กลับดึก ไม่ต้องรอนะครับ” นพหอมแก้มติณฟอดใหญ่แล้วเดินไปที่ประตู ติณยิ้มส่งตามปกติ แล้วกลับไปทำงานบ้านต่อ

ครอบครัวของติณมีฐานะที่จัดว่าดี ไม่ได้ร่ำรวยมากระดับมหาเศรษฐี แต่แม่ของติณมีศักดิ์เป็นคุณหญิง จึงค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงสังคมมาก ตอนที่พ่อรู้เรื่องของไอซ์ ถึงได้โกรธจัด ถึงกับออกปากไล่ติณออกจากบ้าน ตัดออกจากตระกูล ทั้งที่ติณเป็นลูกชายเพียงคนเดียว

แม้ว่าแม่จะยังคอยติดต่อช่วยเหลือมาตลอด แต่พ่อไม่เคยสนใจติณ ไม่เคยโทรหา ไม่เคยมาเยี่ยมสักครั้ง ตัดขาดกันแล้วจริงๆ

แล้วจะต้องไปเจอกันในงานแต่งของน้องแต้ว น้องสาวคนเล็กของติณ จะสู้หน้ากันอย่างไรไหว

ติณคิดพลางเก็บเครื่องดูดฝุ่นราคาแพงกว่าคอมพิวเตอร์เข้าที่ เจ้าตัวเล็กนั่งเล่นของเล่นอยู่ในห้องเด็ก ติณโผล่หน้าไปดูลูก
“หิวรึยังครับ น้องภพ”
“ป๊า~” ภพรีบวิ่งเข้ามาเกาะขา “อยากกินพิซซ่า”
“อะไร เมื่อวานก็เพิ่งกิน เดี๋ยวก็อ้วนหรอก” ติณเอ็ดเบาๆ เจ้าตัวเล็กทำหน้ามุ่ย ช่วงนี้ปิดเทอม ติณเลยเหนื่อยเป็นสองเท่า ต้องดูแลเจ้าตัวเล็กด้วย ทำงานบ้านด้วย แต่วันหยุด นพก็จะช่วยเลี้ยง “เราไปหาอะไรกินข้างนอกกันดีมั้ย”
“เอาครับ” เด็กน้อยวัย 6 ขวบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สองคนจูงมือกันไปที่ลานจอดรถ ภพร้องเพลงกับตุ๊กตายีราฟคอยาวที่อุ้มมาด้วยอย่างอารมณ์ดี

วันเสาร์ช่วงเย็นคือเวลางานเลี้ยงคอกเทลของงานแต่ง ทั้งที่ติณเคยเป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูล แต่กลับไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานช่วงเช้าที่มีพิธีสำคัญๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดมากอะไร
งานเลี้ยงช่วงเย็นมีคนมาเยอะที่สุด ทั้งคนในวงการบันเทิงและแวดวงสังคม นักข่าวจากหลายสำนัก

ติณเลือกชุดสูทสีเทาเข้มแบบเดียวกับของนพ แต่ผูกเป็นหูกระต่ายสีแดงแทนเนคไทสีน้ำเงิน ส่วนเจ้าตัวเล็กก็สวมสูทสีชมพูอ่อนกับหูกระต่ายสีขาว ดูน่ารักน่าชัง
“น่ารักเหมือนคุณแม่เลยน้า เจ้าตัวเล็กของพ่อ” นพอุ้มลูกชายขึ้นมาฟัดแก้มเล่น ก่อนจะพากันไปขึ้นรถ ครั้งนี้ไปงานเลี้ยงใหญ่ เลยให้คนขับรถมารับแทนที่จะขับไปกันเอง
“พ่อนพ งานมีพิซซ่าให้กินมั้ย” ภพถามถึงของโปรดเป็นอันดับแรก สองพ่อมองหน้ากันแล้วหลุดหัวเราะออกมา
“ไว้พรุ่งนี้พ่อจะโทรสั่งมาให้นะครับ คืนนี้กินขนมอย่างอื่นไปก่อน”
“นี่ก็ตามใจอีกแล้ว กินบ่อยอ้วนเป็นหมูพอดี ดูลูกคุณสิ ตัวบวมอย่างกับอะไร” ติณบ่นขำๆ พลางรัดเข็มขัดนิรภัยให้เจ้าตัวเล็ก แล้วรถแวนสีเทาก็ค่อยเคลื่อนตัวออกไป

ภายในงานเต็มไปด้วยแขกเหรื่อมากมาย ส่วนใหญ่เป็นคนในวงสังคมไฮโซที่ติณไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้ออกงานแบบนี้มานานเป็นสิบปีแล้ว ดีที่ไม่ค่อยมีใครจำเขาได้ว่าเป็นลูกชายคนกลางของตระกูล
“ภพ อย่าซนนะ ห้ามวิ่งและระวังชนคนอื่นด้วยนะครับ” ติณบอกลูกชายจอมซนที่เตรียมจะเล่นสนุกในงานเต็มที่ ภพหน้าเจื่อนลงทันที ได้แต่พยักหน้ารับว่า “ครับ”
“คุณนพดล ตาติณ!” เสียงหญิงคนหนึ่งที่ติณแสนจะคุ้นเคยดังขึ้น เขาหันไปและยิ้มกว้างออกมา
“แม่!” สองแม่ลูกโผเข้ากอดกันด้วยความคิดถึง คุณหญิงอร แม่ของติณยังคงสวยไม่สร่างแม้จะอายุเกือบ 60 เข้าไปแล้ว เธอลูบหัวลูกชายอย่างรักใคร่พลางมองไปทางนพ ที่ยกมือไหว้ทักทาย เธอจึงไหว้ตอบด้วยท่าทางเป็นกันเอง
“คุณนพคงจะดูแลดีมาก ถึงได้มีน้ำมีนวลกันทั้งแม่ทั้งลูก” แม่ยิ้มหวานให้ทั้งสองคนและเจ้าตัวเล็ก ที่นานๆ เจอกันที “ไงน้องภพ”
“คุณยาย” ภพร้องเรียกเสียงใสวิ่งเข้าไปให้ยายกอดและหอมแก้ม แถมเจ้าตัวเล็กยังหอมแก้มคุณยายกลับอย่างเอาใจ
“เดี๋ยวไปเจอยัยตาลกับยัยแต้วหน่อยสิ ตาแอมป์ด้วย ยังไม่เคยเจอกันเลยนี่?” คุณหญิงอรว่าพลางเดินนำหน้า ติณกับนพจึงจูงมือภพเดินตามไป

ติณได้เจอหน้าพี่สาวและน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบปี ทั้งสามคนกอดกันร้องไห้ด้วยความคิดถึง จนติณอดล้อน้องคนเล็กไม่ได้ เพราะหน้าเลอะเครื่องสำอาง
“ไปเติมหน้าหน่อยไปยัยแต้ว ร้องไห้ซะ” พี่ตาลเรียกช่างมาพาแต้วไปก่อน แต้วยังไม่หายคิดถึงพี่ชายเลยกอดอีกทีแล้วรีบไปแต่งหน้าใหม่
“แล้วไหนเจ้าบ่าวครับพี่ตาล?” ติณชะเง้อมองหาคนที่น่าจะเป็นเจ้าบ่าวของน้องสาวตัวแสบ เมื่อก่อนแต้วเป็นเด็กทโมน ทั้งแสบทั้งซน แทบจะยิ่งกว่าเด็กผู้ชายอย่างเขาเสียอีก ไม่คิดว่าน้องตัวแสบจะได้มีวันอย่างนี้กับเขา ตอนรู้ก็ตกใจเหมือนกัน แต่ก็ดีใจมากกว่าที่น้องจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา เลยอยากรู้ว่าผู้ชายที่โชคดีสุดๆ คนนั้นเป็นใคร
“เดี๋ยวก็มา คงดูแลพวกเพื่อนๆ ของเขาอยู่ทางนั้นน่ะ” ตาลชี้ไปทางกลุ่มคนที่ดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับติณ ส่วนใหญ่เป็นผู้ชายที่ดูภูมิฐาน แสดงว่าเจ้าบ่าวของน้องสาวก็น่าจะอยู่ในวงสังคมเช่นกัน และมีคนหนึ่งที่โดดเด่นอยู่ในกลุ่มนั้น ผู้ชายตัวสูงเพรียว รูปร่างคล้ายๆ นพ สวมสูทสีขาวต่างจากคนอื่นๆ ที่เป็นธีมสีฟ้า ติณเห็นแค่เพียงด้านข้างเท่านั้น

สักพัก พี่ตาลก็กวักมือเรียกเจ้าบ่าวมาหา ชายคนนั้นเป็นคนเดียวกับที่ติณคิด และพอเห็นหน้าชัดๆ ติณก็รู้สึกว่ามันคุ้นมาก
“นี่คุณแอมป์ เจ้าบ่าวสุดหล่อของยัยแต้วเขา” พี่ตาลผายมือแนะนำชายร่างสูงเพรียว หน้าตาคมคาย แอมป์ยิ้มนิดๆ แต่สายตาจ้องมองติณเหมือนจะให้ทะลุเข้าไปข้างใน
นพรู้สึกถึงสายตาที่คุกคามนั้นจนต้องคว้ามือติณมาจับไว้ แอมป์เห็นดังนั้นจึงเบนสายตาไปทางตาล ก่อนจะหันกลับมามองเหมือนเดิมเพื่อทำความรู้จัก
“สวัสดีครับ นี่คงเป็นพี่ชายของแต้ว เห็นเธอเล่าให้ฟังบ่อยๆ คุณกฤตติณณ์?”
“ใช่จ้ะ” ตาลยิ้มรับแทนติณ เพราะติณมัวแต่จ้องหน้าอีกฝ่ายกลับ บรรยากาศมันแปลกๆ จนตาลและนพรู้สึกได้

******

“ขอโทษนะ เราชอบติณ”
“ไอ้หน้าอ่อนนั่นมันมีดีกว่าผมตรงไหน”
“ทุกตรง”
“ไอซ์!”


******

ความทรงจำบางส่วนที่ขาดหายไปหลังจากที่ติณถูกอันดาทำร้ายในคืนนั้นเหมือนจะแล่นปราดเข้ามาในหัวอย่างกะทันหันจนติณต้องกุมขมับ หน้าของเขาเริ่มซีดลง รู้สึกไม่มีแรงจะยืนและต้องเอนตัวพิงไหล่ของนพไว้
“เป็นอะไรรึเปล่าติณ” พี่ตาลรีบเข้ามาดูอาการน้องชายด้วยความเป็นห่วง
“ให้ผมพาไปนั่งพักก่อนมั้ย?” นพกอดเอวติณเพื่อช่วยพยุงไว้ เจ้าตัวเล็กยืนทำตาปริบๆ มองพ่อกับป๊า ส่วนผู้ชายอีกคนในชุดเจ้าบ่าวสีขาวบริสุทธิ์ก็มองติณด้วยแววตาที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ไม่มีใครสนใจเขาแล้วในนาทีนี้
“ป๊า เป็นอะไรครับ” ภพยื่นมือไปดึงชายเสื้อของติณเบาๆ ติณยิ้มแหยให้ลูกชายตัวน้อย บอกว่าไม่สบายนิดหน่อย ก่อนจะให้นพพาออกไปจากบริเวณห้องจัดเลี้ยง ฝากภพไว้กับตาล

ตาลจับมือเด็กน้อยไว้ และเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าแอมป์ยังยืนอยู่ตรงนี้ เธอจึงเงยหน้ามองเขา
“โทษทีนะคะคุณแอมป์ ติณไม่ค่อยแข็งแรง ต้องให้ไปพักก่อน เลยไม่ทันได้รู้จักกับอัยการนพดลเลย”
“ไม่เป็นไรครับ” แอมป์ยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มมองภพ ที่เอาแต่มองตามพ่อกับป๊าตาละห้อย “แล้วเด็กคนนี้?”
“อ๋อ ลูกของติณน่ะค่ะ น้องภพสวัสดีคุณอาแอมป์ก่อน” ตาลเขย่ามือภพเบาๆ และปล่อยให้เด็กน้อยประนมมือไหว้
“สวัสดีครับ อาแอมป์” เด็กน้อยเรียกตามที่ตาลบอก แอมป์คลี่ยิ้ม ลงนั่งยองๆ ตรงหน้าภพ
“สวัสดีครับน้องภพ” มือใหญ่ลูบหัวเด็กชายอย่างเอ็นดู ภพยิ้มแฉ่งตามประสาเด็ก

นพพาติณไปนั่งพักที่ด้านนอกห้องจัดเลี้ยง เพื่อจะได้สูดอากาศเต็มปอด สีหน้าของติณไม่ค่อยสู้ดีนัก
“เดี๋ยวผมไปเอาน้ำหวานมาให้ นั่งรอตรงนี้นะครับ” นพลูบมือของคนรักเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง ติณเอนหลังพิงกับโซฟา รู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ อยากจะหลับพักสักหน่อย แต่ยังไม่ทันได้หลับตา ก็ได้ยินเสียง
“ติณ?” เสียงผู้ชาย ทำให้ติณหันควับไปมอง และพบกับชายร่างเล็กคนหนึ่ง “ใช่ติณรึเปล่าครับ?” คนเดิมที่เรียกชื่อเขาก้าวเข้ามาใกล้ๆ ติณเขยิบหนีด้วยความตกใจ
“ครับ?”
“ฉันเอง! จำไม่ได้เหรอ? คิมไง ที่อยู่ห้องเดียวกันตอนม.4 คิมหันต์” คนตัวเล็กทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ อย่างถือวิสาสะ แสดงความสนิทสนมเต็มที่ “เราเคยเล่นเทนนิสด้วยกัน แล้วฉันก็ตีลูกโดนหัวนายด้วย จำได้ยัง?”
ติณพยายามนึก แต่ก็เลือนรางเหลือเกิน “ขอโทษนะ ผมจำไม่ค่อยได้”
“โห อะไรกัน ลืมเพื่อนคนนี้ได้ไงเนี่ย ตั้งแต่นายออกจากโรงเรียนกลางครัน ฉันก็ติดต่อนายไม่ได้เลย ดีใจที่ได้เจอกันอีกนะ แม้นายจะจำไม่ได้ก็เหอะ” คนที่บอกว่าตัวเองชื่อ คิม เบียดตัวเข้าใกล้ ติณนั่งชิดขอบโซฟาไม่มีที่ให้หนีแล้ว แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงเจตนาร้ายใดๆ จึงค่อยผ่อนคลายลง

ตั้งแต่วันที่ถูกอันดาทำร้าย ติณก็ค่อนข้างขยาดผู้ชายด้วยกัน ยกเว้นกับพี่หมอและนพที่ยอมให้เข้าใกล้ได้

“นายหายไปไหนมาตั้งนาน เพื่อนๆ คิดถึงนายทั้งนั้น” คิมหันต์ยังคงเจื้อยแจ้ว แต่ติณรู้สึกไม่สบายตัวเอาเสียเลย
“อืม”
“อะไรกันติณ ทำไมทำตัวห่างเหินจัง เราเป็นเพื่อนกันน้า เอ๊ะ? นายหน้าซีดนี่นา ไม่สบายเหรอ? เนี่ย ฉันกะแล้วล่ะว่าต้องเจอนายที่นี่ งานแต่งน้องสาวนายกับไอ้แอมป์นี่นะ หมั่นไส้ชะมัดเลย ไอ้คุณชายนั่น” คิมหันต์ทำหน้ามุ่ย นั่งกอดอกท่าทางหงุดหงิด
ติณขมวดคิ้วมองคิม “คุณ รู้จักคุณแอมป์ด้วยเหรอ?”
“อ้าว? นี่นายจำใครไม่ได้เลยเหรอ? ไอ้แอมป์มันเคยจะแย่ง...เอ่อ...นั่นแหละ มันไม่ถูกกับนายมากเลยเมื่อก่อนน่ะ ไม่คิดว่าจะมาจีบน้องสาวนายได้ ฉันไม่ค่อยไว้ใจมันเลย แต่น้องแต้วดันเลือกมันนี่หว่า ทำไงได้” คิมเลิกคิ้วด้วยความสงสัยที่ติณจำเพื่อนไม่ได้สักคน แล้วก็บ่นยาวเรื่องของแอมป์
“เขา...คุณแอมป์น่ะ เคยรู้จักกับผมเหรอ?” มิน่าถึงได้รู้สึกคุ้นนัก

“กูจะแย่งมีไรมั้ย”
“ไอ้เหี้ยแอมป์!”
“ระวังไว้ให้ดีเหอะมึงน่ะ”


“โอ๊ย!” จู่ๆ ติณก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาอีก เขากุมขมับพลางร้องโอดครวญจนคิมตกใจ
“เฮ้ย! เป็นไรอ่ะติณ ติณ?”
พอดีกับที่นพเดินออกมาพร้อมแก้วน้ำหวาน “ขอโทษครับ ถอยหน่อย” นพรีบแทรกตัวนั่งลงระหว่างคิมกับติณ เอาน้ำหวานให้ติณจิบและคอยลูบหลังให้
คิมมองดูสองคน ใจหนึ่งก็เป็นห่วงติณ แต่ก็สงสัยว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมแต่งตัวคล้ายกัน แถมยังดูสนิทกันมากด้วย
“ติณไม่สบายเหรอ? เป็นอะไรมากรึเปล่าอ่ะ” คิมชะเง้อหน้ามอง
“ครับ เขาไม่ค่อยสบาย” นพตอบโดยไม่ได้หันไปมอง “กลับคอนโดก่อนดีมั้ย?”
“ไม่เป็นไร” ติณปัดมือที่ลูบหลังให้ “อยากอยู่จนจบงาน ไม่งั้นยัยแต้วคงเสียใจ”
“แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ น้องน่าจะเข้าใจนะติณ ผมเป็นห่วงคุณ” นพว่าพลางประคองร่างบางไว้ในอ้อมแขน ไม่ได้สนใจว่าอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยจะคิดยังไง
“ติณไหวจริงๆ แค่มึนๆ เดี๋ยวก็หายแล้ว นะนพ ให้ติณอยู่นะ”

คิมมองดูติณที่เอนซบบ่าของชายแปลกหน้า แถมยังทำท่าออดอ้อนเหมือนแฟนกันด้วยความประหลาดใจ เพราะติณที่คิมเคยรู้จัก เป็นผู้ชายห้าวๆ โผงผาง เวลาทะเลาะกับแอมป์ทีไรก็ต้องต่อยกันนัวทุกที แต่ติณในตอนนี้ดูบอบบางเหลือเกิน
“เอ่อ...คุณ?” จู่ๆ นพก็หันไปมองคิมเหมือนเพิ่งนึกได้ คิมสะดุ้งเล็กน้อยหลุดออกจากห้วงวามคิดไร้สาระของตน
“อ้อ ผมเป็นเพื่อนสมัยม.ปลายของติณครับ แต่เขาเหมือนจะจำผมไม่ได้หรอก” คิมยิ้มแหย นพพยักหน้ารับ
“ขอโทษด้วยนะครับ เขาเคยเกิดอุบัติเหตุจนความทรงจำหายไปบางส่วน”
“เอ๋? จริงดิ? ขนาดนั้นเชียว? ติณ ฉันขอโทษนะ เอาแต่พล่ามยาวให้นายฟัง ทำนายปวดหัวรึเปล่าเนี่ย?” คิมตกอกตกใจ
“ไม่เป็นไรครับ เขาไม่ค่อยสบายอยู่แล้วด้วย ไม่ใช่เพราะคุณหรอก” นพว่าพลางกอดติณไว้หลวมๆ คิมยังมองดูด้วยสายตาสงสัย
“แล้วคุณ?”
“เอ่อ...ผม...” นพอึกอัก ไม่แน่ใจว่าควรจะแนะนำตัวว่าอย่างไรดี
แต่ติณก็รีบชิงตัดหน้า “แฟนผมเอง”
“หา!?” คิมเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อนแล้วมองสองคนสลับกันอีกหลายครั้ง
“ผมชื่อนพดลครับ เป็นคนรักของติณจริงๆ” นพยิ้มแบบไม่เต็มปากนัก ส่วนคิมยังอึ้งอยู่ ไม่คิดว่าติณคนแมนจะเปลี่ยนไปขนาดนี้ ไม่ใช่แค่ลักษณะท่าทางที่อ่อนลง แต่รสนิยมยังเปลี่ยนไปด้วย
“ผะ ผม...คิมหันต์...เอ่อ...เป็นแฟนติณจริงดิ?” คิมยื่นมือไปจับมือนพเพื่อทำความรู้จัก แต่ยังจ้องหน้านพไม่เลิก ทั้ง งง ทั้งอึ้ง ทั้งสับสน ปนเปกันไปหมด
นพอมยิ้ม คิมหันต์คนนี้ออกจะแปลกๆ แต่คิดว่าไม่มีพิษภัยอะไร “ครับ แฟนจริงแท้แน่นอน”

ในงานเลี้ยง ตาลจูงมือเจ้าตัวเล็กไปหาแม่และพ่อ คุณหญิงอรอุ้มเด็กน้อยอย่างรักใคร่ แต่ทางพ่อที่ไม่รู้เรื่องราว ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ทำหน้างงๆ
“เด็กนี่ลูกใครน่ะคุณ”
คุณหญิงอรอมยิ้มนิดๆ “ลูกชายของติณไงคะคุณ”
“หา? ลูกเจ้าติณ?” เพราะเวลาผ่านมานานมากแล้ว จนเรื่องขุ่นเคืองหมางใจในวันวานเหมือนเศษฝุ่นผง แต่พ่อยังคงมีทิฐิ ไม่ยอมพบหน้าลูกชายเพียงคนเดียว “มันไปมีเมียตอนไหน”
“หึหึ” คุณหญิงหัวเราะในคอ ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยหันไปหาสามีที่ยืนขมวดคิ้ว งง เป็นไก่ตาแตก “สวัสดีคุณตาสิครับ น้องภพ”
“สวัสดีครับคุณตา” ภพยกมือไหว้ ยิ้มแฉ่งให้คุณตา
คุณตานิ่งอึ้งหนักกว่าเดิม แม้มือจะลูบหัวหลานชายเพื่อรับไหว้ แต่บางอย่างมันขัดๆ ในใจ
“ตา? เดี๋ยวนะ? ผมต้องเป็นปู่ไม่ใช่เหรอ?” คุณตากษิเดชมึนหนัก จนคุณหญิงอร ภรรยาของเขายิ่งหัวเราะและอธิบายเรื่องที่ทำเอากษิเดชเข่าแทบทรุด
“ก็ลูกชายของคุณเป็นคนตั้งท้องเด็กคนนี้ เป็นคุณแม่ของเด็ก เราก็ต้องเป็นตายายของแก ถูกแล้วค่ะ”
 
“มันเรื่องบ้าอะไร!? พา...พาเจ้าติณมาหาผมที ผมต้องคุยกับมัน” หลังจากที่ตาลพาพ่อมานั่งพักในห้องแต่งตัวแล้ว พอท่านเริ่มหายหน้ามืดก็โวยวายเรียกหาติณทันที คุณหญิงอรจึงพยักหน้าให้ตาลไปเรียกติณกับนพมาหาพ่อ
“คุยกับลูกดีๆ นะคะคุณ แกอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ รับความรุนแรงจากคนเป็นพ่ออย่างคุณไม่ไหวเหมือนเมื่อตอนนั้นหรอกนะ” คุณหญิงอรอุ้มหลานชายไม่ห่างตัว นั่งลงเคียงข้าง กุมมือของสามีไว้
“ผมจะพยายามแล้วกัน ถ้ามันไม่กวนประสาทผม” กษิเดชกุมขมับ
คุณหญิงบีบมือสามีแน่น และสมทบด้วยประโยคที่ทำร้ายจิตใจคนเป็นพ่อยิ่งนัก “ติณไม่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ แล้วก็เกรงใจคุณนพด้วยนะ เขาเป็นอัยการใหญ่ที่ตอนนี้กำลังมีชื่อเสียงเชียวล่ะ เป็นสามีของลูกชายคุณ”
“โอยยย ผมจะเป็นลม”

ก๊อกๆ

“เข้ามาเลยจ้ะ” คุณหญิงเอ่ยอนุญาต ตาลจึงเปิดประตูให้น้องชายและสามีเดินเข้าไปในห้องนั้น โดยเธอรอด้านนอก ส่วนเจ้าตัวเล็กก็วิ่งออกไปหาตาล เพราะผู้ใหญ่ต้องคุยกัน
“พ่อ...” พอติณได้เห็นหน้าพ่อ ก็เหมือนจะร้องไห้ออกมา คว้ามือนพไปกุมไว้เพื่อเรียกหากำลังใจ ผู้เป็นบิดา เมื่อเห็นลูกชายจับมือกับผู้ชายด้วยกันก็อยากจะลมจับเสียให้ได้
“สวัสดีครับ คุณกษิเดช” นพค่อยๆ ดึงมือออกแล้วยกมือไหว้พ่อตาอย่างนอบน้อม ท่าทางสุภาพของเขาทำให้กษิเดชใจอ่อนลงเล็กน้อย จึงยกมือรับไหว้ลูกเขย (?) อย่าง งงๆ
“นั่งลงสิ” เป็นแม่ยายที่เชิญให้ลูกๆ ทั้งสองนั่งลงใกล้ๆ ติณกับนพสบตากันก่อนจะเดินไปนั่งตามที่บอก
“มันเรื่องอะไรกันเจ้าติณ แกหายหัวไป แล้วจู่ๆ ก็...มีลูก กับผู้ชาย?” คุณพ่อเริ่มเรื่องทันที
“คือเรื่องมันยาวน่ะครับ” ติณก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดีเหมือนกัน “มันมีเรื่องที่ทำให้ผมต้องกลายเป็นแบบนี้ แล้วก็ตั้งท้อง”
“เพราะเจ้าอัยการนี่เรอะ!?” พ่อตาเหมือนจะของขึ้น จนภรรยาต้องรีบห้ามปราม
“ไม่เกี่ยวกับนพเลยครับ เขาเป็นเพื่อนข้างห้องที่คอยดูแลผมตอนที่ท้อง จนคลอดภพออกมา เขาเป็นคนดี ไม่เคยทำให้ผมเสียใจเลยสักครั้ง ผมเลยรักเขา แล้วเราก็อยู่ด้วยกัน ช่วยกันเลี้ยงภพ” ติณอธิบาย พ่อหันไปมองหน้าแม่ และหล่อนก็พยักหน้าว่าเรื่องจริง
“แล้วพ่อเด็กเป็นใคร?”
“ผมไม่อยากพูดถึงเขา ตอนนี้พวกเราอยู่ด้วยกันสามคนพ่อลูก มันโอเคแล้ว นพเป็นพ่อที่ดี และเป็นคนรักที่ดีของผมด้วยครับ” ติณกล่าวอย่างหนักแน่น จนพ่อต้องถอนหายใจ

จู่ๆ ลูกชายที่ไปทำผู้หญิงท้องจนผู้หญิงคนนั้นฆ่าตัวตาย ก็เกิดท้องได้เสียเอง แถมท้องกับใครก็ไม่รู้ แต่ก็มีผู้ชายอีกคนมารับเป็นพ่อให้ เรื่องมันช่างชุลมุนวุ่นวายเสียเหลือเกิน ยากจะยอมรับได้ แต่ยังไงมันก็คือความจริง

“คุณนพดลใช่มั้ย?” คราวนี้พ่อเบนสายตาไปทางนพที่นั่งตัวเกร็งนิดๆ นพพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“ไม่รังเกียจเจ้าติณที่เป็นแบบนี้เหรอ? ร่างกายผิดธรรมชาติ แล้วท้องกับใครที่ไหนก็ไม่รู้”
“ทำไมถามแบบนั้นล่ะคุณ” แม่ปรามเบาๆ แต่พ่อก็ไม่สนใจ ยังคงจ้องหน้านพอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ นพกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบ
“ไม่เคยรังเกียจเลยครับ ผมรักติณ และรักภพเหมือนลูกของตัวเอง” แววตาของนพซื่อตรงเสมอ พ่อจึงยิ้มออก รวมทั้งคุณหญิงอรด้วย
“ดี เป็นผู้ชายที่ดี เห็นว่าเป็นอัยการสินะ? หน้าที่การงานก็ดี มีชื่อเสียงอีกต่างหาก ลูกชายผมโชคดีจริงๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณกษิ...”
“เรียกพ่อสิ มาคุณเคินอะไร ห่างเหินจริง” พ่อแย้งทันควัน นพมองหน้าติณด้วยความแปลกใจ แล้วต่างก็คลี่ยิ้ม
“ครับ คุณพ่อ”

เมื่อปรับความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว นพกับติณก็ออกมาหาเจ้าตัวเล็กที่รออยู่หน้าห้องกับตาล
“พ่อนพ กินหนม!” เด็กน้อยส่งเสียงสดใส
“ครับๆ เดี๋ยวผมพาลูกไปหยิบขนมนะ ติณไปหาที่นั่งรอก่อน ถ้าเวียนหัวบอกนะครับ”
“อืม” ติณพยักหน้า แล้วนพก็อุ้มลูกไปหาขนมทาน ติณมองตามสองพ่อลูกที่พูดคุยหยอกล้อกันแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
“อารมณ์ดีแล้วเหรอครับ คุณกฤตติณณ์”
พลันเสียงทุ้มๆ ที่กระซิบข้างหูอย่างไม่ทันตั้งตัว ก็ทำให้ติณถึงกับสะดุ้ง ตกใจถอยหนีไปหลายก้าว
“คะ...คุณ....?”
ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวบริสุทธิ์ส่งยิ้มหวาน แม้ว่าดวงตาจะไม่ได้ยิ้มแย้มด้วยเลย
“คุณแอมป์?” ติณพยายามสูดลมหายใจให้เข้าที่และเรียกชื่ออีกฝ่าย
“เรียกกันซะห่างเหิน นี่มึงจำกูไม่ได้จริงดิ?” แอมป์ขมวดคิ้ว ทำหน้าเหมือนไม่อยากเชื่อ ต่อให้ผ่านมานานเป็นสิบยี่สิบปี ก็ไม่น่าจะลืมกันได้ เพราะตัวเขาก็ยังไม่เคยลืมเลย
“เอ่อ ขอโทษจริงๆ...ผม...” ติณหรุบตาลงมองพื้น แอมป์เอียงคอน้อยๆ หรี่ตาจ้องมองเขา
“หึ อ่อนลงเยอะนะมึงน่ะ” ชายหนุ่มร่างสูงเพรียวก้มลงกระซิบข้างหูอีกครั้ง “ถึงกูจะไม่ได้ไอซ์ แต่อย่างน้อยตอนนี้...”
ติณเงยหน้าพรึ่บ กัดฟันกรอดจ้องหน้าคนที่แสยะยิ้มอยู่ตรงหน้าทันที

“อย่างน้อย...ตอนนี้กูก็ได้น้องสาวมึงเป็นเมีย”

to be cont...

อาจจะไม่ค่อยหวือหวาดราม่าจัดมาก ติชมกันได้นะครับ ขอบคุณมาก
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-02-2018 15:49:51
ต่อรัวๆ คนที่รอคอยกลับมาแล้ว หายไปสามตอนรวดเลย

11
ชายร่างสูงใหญ่ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมหน้าต่างห้องทำงาน ในมือมีรูปถ่ายของคนที่เขาเฝ้าตามหามาตลอด 2 ปี
“หึ อย่าคิดว่าจะหนีจากกูพ้น กฤตติณณ์”

******

ติณกระชากคอเสื้อของแอมป์จนชุดสูทยับยู่ยี่ คนแถวนั้นต่างแตกตื่น หมัดที่ง้างขึ้นจะชกหน้าหล่อๆ ของเจ้าบ่าวต้องหยุดชะงัก เพราะน้องสาวที่เขารักมากเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นพี่ติณ พี่แอมป์?” แต้วมองหน้าทั้งสองคนสลับไปมา นพฝากเจ้าตัวเล็กไว้กับพี่ตาลแล้วรีบเข้ามาคว้าตัวติณไว้
ติณไม่พูดไม่จา สะบัดมือที่จะต่อยแอมป์ลงอย่างหัวเสีย ความรู้สึกแบบนี้เขาจำได้ดี ความโกรธที่พลุ่งพล่านในอก เพราะมัน!
“พี่คงพูดอะไรไม่เข้าหูพี่ชายเราไปหน่อยน่ะ ผมขอโทษด้วยนะครับคุณติณ” แอมป์แสร้งยิ้มเศร้า แต้วปัดเสื้อและจัดชุดสูทของว่าที่สามีให้เข้าที่ด้วยสีหน้าร้อนรน พ่อกับแม่ก็ออกมาดูเพราะได้ยินเสียงเอะอะ
“มีอะไรกัน?” พ่อเดินเข้ามาถาม แต่เหตุการณ์ดูเหมือนจะสงบลงแล้ว
“ไม่มีอะไรครับคุณพ่อ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อย ผมพาติณไปนั่งพักก่อนนะครับ” นพแก้ต่างให้ ด้วยความน่าเชื่อถือของอัยการคนดัง พ่อกับแม่เลยไม่ติดใจสงสัยอะไรมากกว่านั้น

นพพาติณไปนั่งพักด้านนอกที่โซฟาตัวเดิม ลูบหลังปลอบโยนให้หายอารมณ์ร้อน ติณมองหน้านพแล้วเบะปากนิดๆ เหมือนจะร้องไห้ น่ารักเสียจนนพแทบอดใจไม่ไหว อยากจะจูบปากสักทีสองที แต่ก็กลัวคนมาเห็น เลยได้แค่กอดร่างโปร่งไว้
“ติณเกลียดผู้ชายคนนั้น ไม่รู้ทำไม แต่ติณเกลียด ไม่อยากยกยัยแต้วให้แล้ว” ติณพูดพึมพำเสียงอู้อี้เพราะหน้าซุกอยู่กับไหล่ของร่างสูง
“อะไรกัน? หวงน้องหรอกเหรอ? ผมเข้าใจนะ แต่น้องแต้วโตแล้ว ไม่ต้องห่วงมากหรอก” นพพยายามปลอบใจ แต่ติณส่ายหน้า
“ไม่ใช่อย่างนั้นสิ ผู้ชายคนนั้น...” ติณเงียบไป ก่อนจะยืดตัวตรง “ ช่างมันเถอะ เข้าไปในงานกันดีกว่า” แล้วก็คว้ามือของนพให้เดินตามไป

“พี่ติณ!” แต้วผละจากเจ้าบ่าวตรงดิ่งมาหาพี่ชายทันทีที่เห็นติณกับนพเข้ามาในงาน “พี่ติณ ไม่ได้มีเรื่องอะไรกันแน่นะ? พี่แอมป์ก็บอกแค่เข้าใจผิด แต้วไม่อยากให้ทะเลาะกัน ยังไงเราก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันนะคะ”
ติณมองหน้าน้องสาวที่ทั้งกังวลและร้อนรนด้วยความรู้สึกผิด

ปกป้องไอซ์ก็ไม่ได้

ปกป้องน้องตัวเองก็ยังไม่ได้

ตัวเขามันอ่อนแอ

“อือ แค่เข้าใจผิด พี่ไม่ได้โกรธอะไรเขาหรอก” แต่เกลียดอย่างบอกไม่ถูก ติณคิดในใจ ฝืนยิ้มให้น้องสุดชีวิต
“แต้วรักพี่ติณนะ พี่ติณเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดของแต้ว” แต้วก็คิดแค่ว่าพี่ชายคงจะหวงและห่วงเธอมากเกินไป จึงพยายามพูดจาเอาใจและกอดติณไว้แน่น ติณลูบหัวน้องสาวแผ่วเบา พลางถอนหายใจ สายตาเหลือบมองไปยังผู้ชายคนนั้น ซึ่งแอมป์ก็จ้องมองมาเช่นกัน
ติณกำหมัดแน่น ก่อนจะผละจากอ้อมกอดของน้องสาว และยิ้มให้หล่อนอย่างอ่อนโยนที่สุด
“เจ้าบ่าวของน้องรออยู่ ไปหาเขาสิ พี่ไม่เป็นไรแล้ว อารมณ์ดีมากเลย เนอะนพ?”
แต้วมองหน้านพที่พยักหน้ายิ้มให้ แล้วหอมแก้มพี่ชายก่อนจะวิ่งกลับไปมาว่าที่สามี รอตัดเค้กด้วยกัน

พอแต้วไปแล้ว นพก็คว้ามือของติณมากุมไว้ บีบเบาๆ ให้รู้สึกผ่อนคลาย เขารู้ว่าติณต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างกับแอมป์ แต่ถ้าติณยังไม่อยากเล่า เขาก็ไม่คิดจะคะยั้นคะยอ

[เอาล่ะครับ! ได้เวลาที่ทุกท่านลอยคอ รอคอยกันแล้ว! เชิญบ่าวสาวของเรามาตัดเค้กบนเวทีเลยคร้าบบบบ!!!]
เสียงพิธีกรดังขึ้น ทุกคนต่างปรบมือส่งเสียงโห่ฮา
ติณยืนอยู่มุมหนึ่งกับนพ ยังคงจับมือกันแน่น ติณเลือกที่จะไม่มองภาพนั้นโดยการเอนตัวพิงกับไหล่ของร่างสูง หลับตาลง น้ำตาที่ไม่อยากให้ไหลออกมาพรั่งพรูอาบสองแก้ม ไม่รู้ทำไมตัวเขาถึงได้อ่อนแอขนาดนี้ หรือเพราะร่างกายที่ไม่ปกตินี่ ในหัวคิดอยู่เรื่องเดียว

ไม่อยากปล่อยน้องให้อยู่ในกำมือผู้ชายคนนั้นเลย
................
...........
.......
...
งานเลี้ยงจบลงแล้ว

พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายและบ่าวสาวต่างออกมายืนส่งแขกเหรื่อในงานที่กำลังเดินทางกลับ ติณก้มมองนาฬิกาข้อมือขณะที่กำลังจะเดินไปที่ลานจอดรถของโรงแรม
22.30 น. แล้ว
“เจ้าตัวเล็กล่ะ?” ติณมองหาลูกชายที่ฝากไว้กับพี่สาวเสียนาน
“เดี๋ยวผมไปตามให้” นพว่าพลางจะปล่อยมือ แต่ติณก็ดึงไว้
“ไปด้วยสิ” คงเพราะเรื่องของแอมป์และหลายๆ เรื่องที่ประดังประเดเข้ามาในหัว ติณจึงรู้สึกไม่อยากอยู่คนเดียวตอนนี้
นพจับมือติณและยิ้มบางๆ “ผมไปแป้ปเดียว คุณนั่งรอเถอะ ผมไม่อยากให้เหนื่อย”
แต่ติณก็ยังไม่ยอมปล่อยมือ แถมยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีก นพถอนหายใจเบาๆ กระตุกแขนบางให้ร่างของติณแนบชิดกับผนังมุมหนึ่งของทางเดิน ซึ่งไม่มีใครผ่านไปมา เอาตัวเองบังไว้แล้วกดจูบเบาๆ ที่หน้าผากและริมฝีปาก
“รอผมอยู่นี่แหละ นะครับ”
ติณหน้าร้อนผ่าว ไม่คิดว่านพจะกล้าจูบนอกสถานที่ ถ้าเป็นนพคนเมื่อก่อนที่ไม่ประสีประสา คงจะทั้งอายและลนลาน ถ้าเกิดติณเป็นฝ่ายรุกไล่เวลาอยู่ในที่สาธารณะ แต่ตอนนี้นพทั้งเท่และใจกล้าสุดๆ
“อือ” ติณพยักหน้ารับ ยืนรอให้นพเข้าไปตามภพที่ด้านในห้องจัดเลี้ยง

ติณเดินไปนั่งรอนพที่โซฟาหน้าล็อบบี้เล็กๆ ตรงทางเดินไปลานจอดรถ คนทยอยกลับไปจนเกือบหมดแล้ว บริเวณนี้จึงไม่ค่อยมีคน เห็นแค่พนักงานโรงแรมบางส่วนที่ยังขนของกันอยู่
เสียงฝีเท้าที่ดังวุ่นวายเริ่มเงียบลง เหลือเพียงเสียงเดียวที่ก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อเสียงของคนที่เดินมาดังขึ้น ติณก็ต้องสะดุ้งสุดตัว จนนั่งไม่ติดที่
“หาเจอสักทีนะ ติณ”

******

“ภพ ลาคุณตาคุณยายกับพวกคุณน้าก่อนครับ” นพสะกิดบอกลูกชายตัวน้อยที่เริ่มจะง่วงเหงาหาวนอน
“ผมง่วงอ่า” เจ้าตัวเล็กส่งเสียงยานคางหันไปกอดพ่อเสียอย่างนั้น พวกคุณตาหัวเราะกันใหญ่ ยกเว้นลูกเขยคนใหม่ที่ดูจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่
“ไม่เป็นไรๆ พาน้องภพกลับเถอะลูก ไว้วันหลังพากันไปเยี่ยมที่บ้านมั่งนะ” แม่ยายลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู
“ไว้มาเล่นกันใหม่น้า น้องภพ” มิ้นท์ ลูกสาวของตาลก็โบกมือให้น้องชายที่ตอนนี้ถูกพ่ออุ้มขึ้นพาดบ่าแล้ว เด็กน้อยตาปรือปรอยเต็มที
“งั้นผมลานะครับคุณพ่อคุณแม่ พี่ตาล น้องแต้ว...คุณแอมป์” นพยิ้มให้ทุกคน จนมาหยุดที่คนสุดท้าย ซึ่งมองหน้าเขาจนคิ้วขมวดปม นพเลยชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มให้ในที่สุด แอมป์จึงได้สติและยิ้มกลับไปแบบงงๆ

แอมป์สงสัยอยู่นานแล้วว่าอัยการนพดลเกี่ยวข้องอย่างไรกับติณ ที่คุณหญิงแม่เชิญมาร่วมงาน เข้าใจว่ารู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับครอบครัวนี้ แต่ไม่คิดว่าจะมากับติณ แถมยัง...เด็กคนนั้น
“พี่ชายคุณกับอัยการนพดลเขาเป็นเพื่อนกันเหรอ?” แอมป์ดึงแขนแต้วไปคุยกันสองคนไกลจากที่พวกพ่อยืนส่งแขก แต้วมองเขาแล้วหัวเราะเบาๆ
“เออ แต้วลืมเลยค่ะ พี่นพเขาเป็นแฟนพี่ติณ”
“ห๊ะ!? ผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?” แอมป์ทำหน้าเหลือเชื่อ แต่แต้วก็ยืนยันหนักแน่น
“สมัยนี้แล้วนะ พ่อกับแม่แต้วยังรับได้เลย พี่นพนิสัยดีมากๆ พ่อยังไม่ว่าเลยเนี่ย รับเป็นลูกเขยเต็มตัวแล้วด้วย”
แอมป์จิ๊ปากเล็กน้อยอย่างขัดใจ ไม่คิดว่าติณจะเป็นเกย์ แถมยังมีแฟนระดับนั้น “แล้ว...เมีย เอ๊ย ภรรยาพี่ชายคุณล่ะ? ไปไหนแล้ว แม่ของ...ภพ น่ะ”
“อ้อ ไม่มีหรอกค่ะ แต้วก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่พี่ตาลบอกว่าภพเป็นลูกของพี่ติณกับพี่นพ ไม่ได้บอกอะไรมากกว่านี้”
แอมป์พยักหน้าว่าเข้าใจตามนั้น และคิดไปเองว่า คงเป็นเด็กที่ขอมาเลี้ยง แต่ก็หาเด็กได้หน้าตาคล้ายกับติณมากพอดู

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้พาบ่าวสาวไปส่งเข้าเรือนหอหลังจากแขกกลับไปหมดแล้ว จู่ๆ นพก็วิ่งอุ้มภพกลับมาหน้าตาตื่น
“มีใครเห็นติณมั่งมั้ยครับ?”
“อ้าว? ไม่ได้รอที่เดิมเหรอ?” พี่ตาลมองนพอย่าง งงๆ ส่งลูกสาวให้กลับบ้านกับสามีไปก่อน แล้วลองโทรหาติณ
“เอ...ไม่ติดเลย” ตาลมองมือถืออย่างกังวล พ่อกับแม่และแต้วเดินมาดู รวมทั้งแอมป์ด้วย
“ไปไหนของเขาน่ะ” ตาลบ่นพึมพำ
“มีอะไรเหรอลูก” แม่ยื่นหน้ามาถาม เห็นตาลยังกดมือถือไม่เลิก ส่วนนพก็ดูท่าทางร้อนรน
“ผมกลับไปหาติณตรงล็อบบี้หน้าลานจอดรถแล้วไม่เจอครับ”
“ไปเข้าห้องน้ำรึเปล่า?” พ่อว่า แต่นพส่ายหน้า
“ผมไปหาแล้ว ไม่เจอเลย ถามพนักงานก็ไม่มีใครเห็นเลย”
สีหน้าของนพไม่ได้บ่งบอกว่าล้อเล่น ทุกคนเริ่มใจคอไม่ดี ตาลกดมือถือโทรหารัวๆ แต่ไม่มีสัญญาณเลย
“ให้ทางโรงแรมเช็คกล้องวงจรปิดดีมั้ยครับ” แอมป์เสนอ นพจึงนึกได้ รีบขอบคุณแอมป์และวิ่งไปติดต่อพนักงานที่ล็อบบี้ด้านหน้าทันที โดยมีแอมป์กับแต้ววิ่งตามไปด้วย

ภาพในกล้องวงจรปิดมีถึงแค่ตอนที่ติณยังนั่งอยู่ที่เดิม หลังจากนั้นก็เหมือนสัญญาณขัดข้องและภาพตัดไปอีกที ตอนที่ติณหายไปจากตรงนั้นแล้ว
“ผมว่าเราควรจะแจ้งความไว้ก่อน” แอมป์ว่าพลางเกาคางอย่างครุ่นคิด แม้จะไม่ค่อยถูกกันมาตั้งแต่สมัยเรียน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย แถมยังเกิดเรื่องในวันงานแต่งงานของตน เลยรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ยังไม่ครบ 24 ชม. ตำรวจไม่รับแจ้งหรอกครับ” นพสีหน้าเคร่งเครียด ตอนนี้ฝากภพไว้กับตายายแล้ว มาเช็คกล้องกับแอมป์แค่สองคน แอมป์เอามือตบบ่าเขาเบาๆ อย่างให้กำลังใจ
“คุณนพใช้อำนาจที่มีให้ตำรวจรับเรื่องเลยได้มั้ยล่ะครับ”
“ไม่ได้ครับ ต้องทำตามกฎหมาย ผมไม่อยากใช้อำนาจกับเรื่องส่วนตัว ขอบคุณที่มาช่วยตามหานะครับ” นพยิ้มอ่อนให้แอมป์ เจ้าบ่าวอึ้งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่ายุคนี้จะยังมีคนที่ซื่อสัตย์ ซื่อตรง แบบนี้อยู่ในโลกอีก
แอมป์ยิ้มบางให้ บอกแค่ว่า “ไม่เป็นไรครับ”

นพพาภพกลับไปที่คอนโด ไม่มีวี่แววว่าติณกลับมาที่นี่เลย เขาอุ้มลูกเข้าไปนอนในห้อง ห่มผ้าและจูบหน้าผากเด็กน้อยที่ยังหลับสนิท ก่อนจะนั่งลงข้างเตียงอย่างหมดแรง

ที่คิดได้ตอนนี้มีอย่างเดียวคือ...

ติณต้องอยู่กับผู้ชายคนนั้น

แน่นอน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: แม้วธวัลหทัย ที่ 06-02-2018 17:02:33
สรุปยังไง
หวยออกที่มคร
นพหรืออันดา

เอาจริงๆ ใจเชียร์อันดา
แต่ดูทรงแล้วคงยาก 55555555
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-02-2018 18:34:23
12
“พี่หมอ!! พี่หมอ!!!!”

ตึงๆๆๆ

เสียงตะโกนเรียกและทุบประตูห้องรัวๆ ทำเอาคุณหมอที่เพิ่งกลับจากเวรดึกและกำลังจะเข้านอนเอาแรง ก่อนออกไปสอนนิสิตแพทย์ช่วงบ่าย ต้องรีบวิ่งพรวดออกมาทั้งกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว เพราะกลัวคนในคอนโดจะเปิดประตูออกมาด่า
“อย่าเสียงดังสิ เฮ้ย!” หมอตกใจหน้าตาตื่นเมื่อถูกคว้าไหล่แล้วผลักเข้าไปในห้อง สีหน้าของคนที่มาหาร้อนรนสุดขีด เหมือนเกิดเรื่องร้ายแรงคอขาดบาดตาย “มีอะไรเนี่ย นพ? นี่มันเพิ่งจะตี 5 นะ”
นพทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เขย่าตัวหมออย่างแรง “ไอ้อันดาอยู่ที่ไหน!? มันอยู่ไหน!?”
“เดี๋ยวๆ มีอะไรเนี่ย ใจเย็นก่อน มีอะไรกับไอ้อันมัน?”
“มันลักพาตัวติณไป ต้องเป็นมันแน่ๆ พี่หมอบอกผมมา มันพาติณไปไว้ไหน!?” นพโวยวายหน้าตาเครียดขึง หมอพาเขาไปนั่งที่โซฟา ลูบหัวลูบหลังเพื่อให้สงบจิตสงบใจ
“นี่มันตามพวกนายจนเจอเหรอเนี่ย? ไอ้ห่าเอ๊ย กัดไม่ปล่อยเลย” หมอสบถเบาๆ นพกับติณย้ายหนีจากห้องเช่าเล็กๆ นั่นมา 2 ปีกว่าแล้ว ไม่ได้บอกอันดาว่าย้ายไปที่ไหน แม้จะเห็นหน้านพผ่านทางสื่อต่างๆ แต่อันดาจะไม่มีทางได้เจอติณ
“ตอนนี้ผมฝากภพไว้ที่บ้านคุณแม่แล้ว ต้องตามติณให้เจอให้ได้ ผมไม่ยอมให้มันพาติณไปไหนทั้งนั้น พี่หมอ! พี่ต้องช่วยผมนะ!”

******

เสียงฮีทเตอร์ที่คอยให้ความอบอุ่นภายในห้องทำให้ร่างโปร่งบางที่นอนไม่ได้สติมาค่อนคืนค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น สิ่งแรกที่ปรากฏสู่สายตาก็คือ บรรยากาศด้านนอกหน้าต่างที่กำลังมีหิมะตก

พรึ่บ!

ติณผุดลุกจากที่นอนและสะบัดผ้าห่มผืนหนาออก วิ่งไปที่ประตูห้องซึ่งอยู่ไกลพอสมควร มือเอื้อมคว้าลูกบิดประตูไว้ ทว่า

แกร็ก...แกร็กๆๆ

“เชี่ย!” ร่างโปร่งสบถใส่ประตูที่เปิดไม่ออกอย่างหัวเสีย มองไปรอบๆ ห้อง มีแค่เตียงนอนสีขาวกับฮีทเตอร์เท่านั้น ด้านในสุดมีประตูอีกบาน ซึ่งน่าจะเป็นห้องน้ำ เขารีบวิ่งไปทันที
ในห้องน้ำน่าจะมีช่องลมระบายอากาศหรือท่อระบายน้ำที่พอจะหลบหนีออกไปได้ แต่น่าเสียดายที่มันถูกปิดตายแน่นหนา ไม่ว่าติณจะพยายามแงะยังไงก็ไม่ยอมเปิดออก แถมเจ้าของห้องน่าจะเก็บอุปกรณ์ทุกชนิดที่จะช่วยงัดแงะช่องทางหนีไปหมดแล้ว ไม่มีของมีคมสักชิ้น
ติณกัดปากจนเลือดซิบ หัวคิ้วขมวดหากัน ใบหน้ายุ่งเหยิง ร้อนรน หน้าต่างล็อคแน่นหนาและมีเหล็กดัดขวางอยู่ ต่อให้พังกระจกก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี มันเตรียมการมาดีทีเดียว

ไอ้อันดา!

ติณล้วงหามือถือ แต่ไม่เจอ นาฬิกาข้อมือบอกวันที่และเวลา เพิ่งผ่านมาแค่วันเดียว แต่ป่านนี้ทุกคนคงวุ่นวายกันน่าดู นพ...จะต้องออกตามหาจนแทบคลั่งแน่ พอคิดถึงหน้าของนพ หน้าของลูก ติณก็ปวดร้าวในอก

ทำไมถึงหนีไม่พ้นเสียที หรือจะต้องฆ่ามันให้ตายไป จะได้จบๆ

ปัง!

เสียงประตูเปิดดัง ทำเอาสะดุ้งโหยง ติณรีบหลบหลังประตูห้องน้ำ แม้แต่ลมหายใจก็พยายามทำให้เงียบที่สุดพลางเงี่ยหูหังเสียงฝีเท้าของคนที่เข้ามาในห้องนั้น

ตึก ตึก ตึก

หัวใจของเขาเต้นถี่รัวจนกลัวว่าอีกคนในห้องจะได้ยิน รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นใคร ไม่ได้หวาดกลัว แต่กำลังร้อนรน หาวิธีต่อกรกับไอ้คนพาลสันดานชั่ว ที่ไม่ยอมรามือจากพวกเขาง่ายๆ

“ออกมา” เสียงทุ้มต่ำน่ารังเกียจนั่นทำให้ติณต้องขมวดคิ้ว แต่ยังไม่ยอมออกไปจากห้องน้ำ จนอีกฝ่ายต้องเดินเข้ามาฉุดกระชากออกไป
“ปล่อย! พากูมาที่นี่ทำไม!?” ติณทั้งดิ้นรน โวยวาย แต่อันดาก็ยังนิ่งเฉย ลากติณมาโยนทิ้งไว้บนเตียง รูดผ้าม่านปิดไม่ให้แสงสว่างลอดผ่านเข้ามาได้ จนทั้งห้องมืดสลัว
“คิดว่าจะหนีจากกูไปเสวยสุขกับชู้รักของมึงได้เหรอติณ” อันดาแสยะยิ้ม สาวเท้าเข้าไปจนถึงตัวติณที่ลุกขึ้นมาใช้แขนยันเตียงไว้ ร่างสูงใหญ่ราวยักษาคร่อมทับกดร่างโปร่งบางลงบนเตียงอีกครั้ง
“นพไม่ใช่ชู้! แต่เป็นคนที่กูรัก แค่คนเดียวเท่านั้น!” ติณโวยลั่น สองมือทั้งทุบและดันร่างสูงใหญ่นั้น แต่ก็ทำได้แค่ให้อันดาเซไปเล็กน้อยเท่านั้น

ถ้าร่างกายยังเหมือนเดิม คงไม่เป็นแบบนี้แน่

อันดากระชากข้อมือสองข้างนั้นอย่างแรงจนติณต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ดึงเข็มขัดมารัดพันไว้ไม่ให้ดิ้นหลุดและฉีกเสื้อเชิ้ตตัวบางของติณออกอย่างไม่ใยดี เสียงเนื้อผ้าขาดแคว่กๆ บาดหู ติณยกขาขึ้นจะถีบอกอีกฝ่าย แต่ก็ถูกคว้าจับไว้ได้ พร้อมกับถูกแยกขาออกกว้างจนแทบฉีก
“อย่าให้กูต้องข่มขืนมึงเหมือนตอนนั้น” อันดาตวาดเสียงดัง ติณหยุดชะงัก เหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้ยินคำต้องห้าม ภาพในคืนนั้นไหลบ่าเข้ามาในหัวราวกับกรอเทป น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตา ความอ่อนแอที่ไม่ต้องการหวนกลับมาอีกครั้ง พอเห็นแบบนั้น อันดาก็ลดเสียงลง
“พี่ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยติณ แต่ติณหนีพี่ไป กับไอ้อัยการหน้าอ่อนนั่น!” อันดาเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อเอ่ยถึงชายที่ตนตราหน้าว่าเป็นชู้รักของติณ “ทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้ามันในทีวี พี่อยากจะขยี้ บดบี้มันให้เละคามือ มันหักหลัง ทรยศความไว้ใจของพี่ ที่พี่ฝากติณไว้กันมัน!”
“นพไม่ได้หักหลังใคร! พวกเรารักกัน!” ติณโต้กลับทั้งน้ำตา อันดามองหน้าติณนิ่งงัน ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา
“ไม่เป็นไร ติณคงยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่ ที่พี่มามาที่นี่ ก็เพื่อจะทำให้ติณกลับเป็นเหมือนเดิม”
“หมายความว่ายังไง?” ต่างคนต่างจ้องมองกัน ติณสับสนและไม่เข้าใจ ส่วนอันดามีแววตาที่อ่อนโยนอย่างประหลาด

อันดาตั้งใจจะพาติณมาหาบาส เพื่อนสนิทที่ร่วมมือกันทำร้ายติณในคืนนั้น คนที่ใช้วิทยาการทางการแพทย์ฝังมดลูกและเชื่อมต่อกับวงจรภายในร่างกายของติณ ให้สามารถตั้งท้องได้เหมือนผู้หญิง ผ่านการร่วมเพศทางทวารหนัก โดยใช้ทฤษฎีเดียวกับ ทฤษฎีโอเมก้าเวิร์ส ที่เคยมีแต่ในนิยายแนวรักร่วมเพศ

ในเมื่อบาสเป็นคนผ่าตัดเชื่อมต่ออวัยวะภายในให้ติณได้ ก็ย่อมเอามันออกได้เช่นกัน

เพราะอันดาไม่ต้องการให้ติณมีลูกกับคนอื่นนอกจากตนอีกแล้ว ยังดีที่ระหว่าง 2 ปีที่ตามหา ติณยังไม่ท้องกับนพ อาจจะเพราะไม่ได้มีเวลาทำอะไรกันบ่อยๆ และครั้งแรกที่มีก็ไม่ได้ทำให้ติดในทันที

เรื่องนี้ติณกับนพเคยไปปรึกษาพี่หมอมาแล้ว ดูเหมือนน้ำเชื้อของนพจะไม่แข็งแรงนัก จึงทำให้ติดลูกยาก

อันดาไม่ได้บอกอะไรมากกว่านั้น ก่อนจะปล่อยมือจากติณ
“พี่เอาอาหารมาให้ กินซะ ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม มะรืนนี้ไอ้บาสมันจะมาตรวจให้อีกที”
ชื่อนั้นทำให้ติณถึงกับสะอึก

“บาส”

“มึงคิดจะทำอะไรกับกูอีก! ไอ้เหี้ยอันดา!” ติณลุกพรวดจะคว้าตัวอันดา แต่หน้ามืดจนเกือบล้ม ดีที่อันดารับไว้ได้ทัน
“อยู่ที่นี่ไปเงียบๆ แหละน่า ไว้มันมาก็รู้เอง” อันดาตอบแค่นั้น แล้วพยุงร่างโปร่งให้นั่งลงบนเตียง ยื่นถาดอาหารที่วางทิ้งไว้บนพื้นมาให้ “กินให้หมดนะ เดี๋ยวพี่มาเก็บ” แล้วก็เดินออกไปจากห้องนั้น โดยไม่ลืมล็อคกุญแจจากด้านนอก ทิ้งให้ติณนั่งงุนงงกับถาดอาหารตรงหน้า

******

หมอช่วยนพตามหาร่องรอยทั้งหมดของอันดา และพบว่าออกเดินทางไปต่างประเทศเมื่อเร็วๆ นี้ ด้วยเครื่องบินส่วนตัว ซึ่งไม่ระบุพิกัดว่าไปที่ไหน เรื่องนี้ทุกคนที่บ้านของติณต่างรับรู้ ไม่เว้นแม้แต่ลูกเขยคนเล็ก ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัว
“ทำไม...พี่ชายของไอซ์ถึงต้องพาตัวติณไปอ่ะครับ?” แอมป์พอจะรู้ว่าไอซ์มีพี่ชายอยู่ 2 คน และอันดาเป็นพวกมีอิทธิพล
“เรื่องมันยาวมากเลยลูก” แม่ว่าพลางหันหน้าไปมองทางพ่อ ที่ยังไม่รู้ความจริงบางอย่างเช่นกัน
“ถ้าจะเล่าก็คงเป็นวัน รู้แค่ว่า เขาทำเพื่อแก้แค้นแทนน้องสาวก็แล้วกัน” พี่ตาลเปิดปากพูดด้วยตัวเอง และเพียงแค่นั้น แอมป์ก็ปะติดปะต่อเรื่องราวได้บางส่วน

อันดาแค้นที่ติณทำให้ไอซ์ท้องและฆ่าตัวตาย

แต่...มันเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นอีกหรือเปล่า

และจริงๆ แล้ว...

“เป็นอะไรรึเปล่าคะพี่แอมป์ ทำไมหน้าซีดๆ?” แต้วหันไปมองแอมป์ด้วยความเป็นห่วง เห็นเหงื่อออกและหน้าซีดเผือดจนน่ากลัวว่าจะเป็นโรคเลือดอะไรหรือเปล่า
“เอ่อ...พี่ พี่...ขอไปนอนพักแป้ปนะ มันมึนๆ” แอมป์ฝืนยิ้มให้ภรรยาสาว ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางห้องนั่งเล่น เพราะตอนนี้ทุกคนอยู่ที่ห้องรับแขกกันหมด ร่างสูงเพรียวทรุดตัวลงนั่งกุมขมับ เหงื่อชื้นไปทั้งตัวด้วยความกลัว

คนที่ต้องโดนแก้แค้น

จริงๆ แล้ว

...

******

“ไม่ได้ว่ะ ยังผ่าตัดไม่ได้ตอนนี้” บาสนั่งเอนหลังพิงกับเก้าอี้แบบหมุนได้หน้าโต๊ะทำงานที่มีเครื่องมือแพทย์มากมาย รวมทั้งเอกสารการตรวจต่างๆ
อันดาขมวดคิ้ว “ทำไมวะ?”
“...” บาสเงียบไปนาน จนอันดาเริ่มจะหงุดหงิด
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมาสิวะ”
“มึงฟังนะ” บาสสูดลมหายใจแล้วพ่นพรูออกมาทางปาก เห็นไอสีขาวลอยฟุ้ง

“ติณท้องอยู่”
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 06-02-2018 18:37:38
สรุปยังไง
หวยออกที่มคร
นพหรืออันดา

เอาจริงๆ ใจเชียร์อันดา
แต่ดูทรงแล้วคงยาก 55555555

อันแทบไม่มีบทเลยหลังๆ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 06-02-2018 19:38:18
โอยย ลุ้นค่ะ ลุ้นมากก เอาใจช่วยทั้งนพและติน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 07-02-2018 08:35:31
โอยย ลุ้นค่ะ ลุ้นมากก เอาใจช่วยทั้งนพและติน
ขอบคุณที่ติดตามนะค้าบ เด๋วมาต่อ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 07-02-2018 09:21:49
เพลียกับพี่อัน..นี่ถ้ารู้ความจริงว่าใครทำ จะยังไงเนี่ย :ruready

ปล่อย ๆ ให้ติณกับนพมีความสุขสักที :เฮ้อ:

แล้วนี่ติณท้อง....หวยจะออกแบบไหนล่ะเนี่ย  :hao7:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: anandawan ที่ 07-02-2018 10:41:57
โอยยย ไม่อยากจะเลยว่าอันดาจะบอกให้บาสเอาลูกออกมา ถ้าทำแบบนั้นนี่จะแบนอันดาเลยนะ รับไม่ได้อย่างแรง
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-02-2018 11:16:04
เพลียกับพี่อัน..นี่ถ้ารู้ความจริงว่าใครทำ จะยังไงเนี่ย :ruready

ปล่อย ๆ ให้ติณกับนพมีความสุขสักที :เฮ้อ:

แล้วนี่ติณท้อง....หวยจะออกแบบไหนล่ะเนี่ย  :hao7:
หวยยังไม่ออกสักที ติดงานนนนน เด๋วมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-02-2018 11:16:38
โอยยย ไม่อยากจะเลยว่าอันดาจะบอกให้บาสเอาลูกออกมา ถ้าทำแบบนั้นนี่จะแบนอันดาเลยนะ รับไม่ได้อย่างแรง
ถ้านางจะใจร้ายขนาดนั้นก็นะ...
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-02-2018 15:04:05
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นแต่ก็ยิ่งงงเช่นกัน ไม่แน่ใจว่าคนเขียนตั้งใจจะแต่งแบบ time skip แล้วค่อยวนเนื้อเรื่องกลับมาถึงที่มาที่ไปรึเปล่า เนื้อเรื่องมันเลยดูก้าวกระโดดไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่ อย่างเรื่องที่ติณความจำเสื่อมตรงนี้ไม่แน่ใจว่าคนเขียนเคยเกริ่นไว้แล้วเราอ่านข้ามไปเองหรืออย่างไร ไหนจะเรื่องที่ติณกับนพหนีจากอันอีก เอาจริงๆคนมีอิทธิพลอย่างอันการที่จะตามหาตัวสองคนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรขนาดนั้นนะ เพราะนพเองก็ยังออกสื่ออยู่ถ้าให้คนตามนพการที่จะเจอที่อยู่นี่ไม่ยากเลยจริงๆ เราเลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันดูย้อนแย้งกัน แต่ถ้านี่มันเป็นความตั้งใจของคนเขียนก็ขอโทษด้วยค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-02-2018 16:03:05
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นแต่ก็ยิ่งงงเช่นกัน ไม่แน่ใจว่าคนเขียนตั้งใจจะแต่งแบบ time skip แล้วค่อยวนเนื้อเรื่องกลับมาถึงที่มาที่ไปรึเปล่า เนื้อเรื่องมันเลยดูก้าวกระโดดไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่ อย่างเรื่องที่ติณความจำเสื่อมตรงนี้ไม่แน่ใจว่าคนเขียนเคยเกริ่นไว้แล้วเราอ่านข้ามไปเองหรืออย่างไร ไหนจะเรื่องที่ติณกับนพหนีจากอันอีก เอาจริงๆคนมีอิทธิพลอย่างอันการที่จะตามหาตัวสองคนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรขนาดนั้นนะ เพราะนพเองก็ยังออกสื่ออยู่ถ้าให้คนตามนพการที่จะเจอที่อยู่นี่ไม่ยากเลยจริงๆ เราเลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันดูย้อนแย้งกัน แต่ถ้านี่มันเป็นความตั้งใจของคนเขียนก็ขอโทษด้วยค่ะ

เราอธิบายแบบข้ามๆ จริงๆ แหละ กระโดดอย่างไกล ฮ่าๆ เรื่องติณความจำเสื่อม มันไม่ถึงขั้นลืมหมด แค่เหมือนนึกออกไม่หมด ลืมบางเรื่อง บางคน เพราะมันจะมีช่วงที่นางนึกถึงไอซ์ แล้วนึกไม่ออกว่าไอซ์ไปท้องกับใคร เพราะลืมหน้าแอมป์ไปแล้ว พอมาเจออีกทีเลยพอจะนึกๆ ได้ จริงๆ นางรู้แหละว่าใครทำ นางแค่ลืม
อันเลิกเป็นนักการเมืองแล้ว และมีเรื่องหลายเรื่อง เลยปล่อยติณกับนพไปช่วงหนึ่ง ขอโทษที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนค้าบ แค่บอกว่ามีเรื่องและจะเลิกเล่นการเมืองไว้เฉยๆ
เน้นบรรยายแต่ตัวหลักไปหน่อย แหะๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 09-02-2018 01:11:09
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นแต่ก็ยิ่งงงเช่นกัน ไม่แน่ใจว่าคนเขียนตั้งใจจะแต่งแบบ time skip แล้วค่อยวนเนื้อเรื่องกลับมาถึงที่มาที่ไปรึเปล่า เนื้อเรื่องมันเลยดูก้าวกระโดดไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่ อย่างเรื่องที่ติณความจำเสื่อมตรงนี้ไม่แน่ใจว่าคนเขียนเคยเกริ่นไว้แล้วเราอ่านข้ามไปเองหรืออย่างไร ไหนจะเรื่องที่ติณกับนพหนีจากอันอีก เอาจริงๆคนมีอิทธิพลอย่างอันการที่จะตามหาตัวสองคนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรขนาดนั้นนะ เพราะนพเองก็ยังออกสื่ออยู่ถ้าให้คนตามนพการที่จะเจอที่อยู่นี่ไม่ยากเลยจริงๆ เราเลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันดูย้อนแย้งกัน แต่ถ้านี่มันเป็นความตั้งใจของคนเขียนก็ขอโทษด้วยค่ะ

เราอธิบายแบบข้ามๆ จริงๆ แหละ กระโดดอย่างไกล ฮ่าๆ เรื่องติณความจำเสื่อม มันไม่ถึงขั้นลืมหมด แค่เหมือนนึกออกไม่หมด ลืมบางเรื่อง บางคน เพราะมันจะมีช่วงที่นางนึกถึงไอซ์ แล้วนึกไม่ออกว่าไอซ์ไปท้องกับใคร เพราะลืมหน้าแอมป์ไปแล้ว พอมาเจออีกทีเลยพอจะนึกๆ ได้ จริงๆ นางรู้แหละว่าใครทำ นางแค่ลืม
อันเลิกเป็นนักการเมืองแล้ว และมีเรื่องหลายเรื่อง เลยปล่อยติณกับนพไปช่วงหนึ่ง ขอโทษที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนค้าบ แค่บอกว่ามีเรื่องและจะเลิกเล่นการเมืองไว้เฉยๆ
เน้นบรรยายแต่ตัวหลักไปหน่อย แหะๆ

แสดงว่าก็จะมีการเฉลยปมของเรื่องราวในภายหลังใช่ไหมคะ ว่าทำไมติณถึงจำอะไรไม่ค่อยได้เลยเหมือนคนความจำเสื่อมหรือทำไมอันถึงหายไปถึงสองปีแล้วปล่อยติณกับนพไว้ให้สร้างครอบครัวกัน ทั้งที่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่านพคิดยังไง แต่ก็ยังปล่อยแล้วกลับมาเรียกร้องเอาตอนนี้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-02-2018 01:45:45
สรุปคนร้ายที่แท้จริงคือ แอมป์  ส่วนติณนี่ซวยไปรับกรรมแบบเต็ม ๆ คนเดียว แถมตอนนี้ติณก็รักกับนพอีก พันเป็นปมยุ่งไปหมดแล้ว ทำไงดีล่ะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-02-2018 09:31:04
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้นแต่ก็ยิ่งงงเช่นกัน ไม่แน่ใจว่าคนเขียนตั้งใจจะแต่งแบบ time skip แล้วค่อยวนเนื้อเรื่องกลับมาถึงที่มาที่ไปรึเปล่า เนื้อเรื่องมันเลยดูก้าวกระโดดไม่ค่อยปะติดปะต่อกันเท่าไหร่ อย่างเรื่องที่ติณความจำเสื่อมตรงนี้ไม่แน่ใจว่าคนเขียนเคยเกริ่นไว้แล้วเราอ่านข้ามไปเองหรืออย่างไร ไหนจะเรื่องที่ติณกับนพหนีจากอันอีก เอาจริงๆคนมีอิทธิพลอย่างอันการที่จะตามหาตัวสองคนนี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยากอะไรขนาดนั้นนะ เพราะนพเองก็ยังออกสื่ออยู่ถ้าให้คนตามนพการที่จะเจอที่อยู่นี่ไม่ยากเลยจริงๆ เราเลยรู้สึกว่าเนื้อเรื่องมันดูย้อนแย้งกัน แต่ถ้านี่มันเป็นความตั้งใจของคนเขียนก็ขอโทษด้วยค่ะ

เราอธิบายแบบข้ามๆ จริงๆ แหละ กระโดดอย่างไกล ฮ่าๆ เรื่องติณความจำเสื่อม มันไม่ถึงขั้นลืมหมด แค่เหมือนนึกออกไม่หมด ลืมบางเรื่อง บางคน เพราะมันจะมีช่วงที่นางนึกถึงไอซ์ แล้วนึกไม่ออกว่าไอซ์ไปท้องกับใคร เพราะลืมหน้าแอมป์ไปแล้ว พอมาเจออีกทีเลยพอจะนึกๆ ได้ จริงๆ นางรู้แหละว่าใครทำ นางแค่ลืม
อันเลิกเป็นนักการเมืองแล้ว และมีเรื่องหลายเรื่อง เลยปล่อยติณกับนพไปช่วงหนึ่ง ขอโทษที่ไม่ได้อธิบายชัดเจนค้าบ แค่บอกว่ามีเรื่องและจะเลิกเล่นการเมืองไว้เฉยๆ
เน้นบรรยายแต่ตัวหลักไปหน่อย แหะๆ

แสดงว่าก็จะมีการเฉลยปมของเรื่องราวในภายหลังใช่ไหมคะ ว่าทำไมติณถึงจำอะไรไม่ค่อยได้เลยเหมือนคนความจำเสื่อมหรือทำไมอันถึงหายไปถึงสองปีแล้วปล่อยติณกับนพไว้ให้สร้างครอบครัวกัน ทั้งที่ก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่านพคิดยังไง แต่ก็ยังปล่อยแล้วกลับมาเรียกร้องเอาตอนนี้

อิๆ อุบไว้ก่อนแล้วกัน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-02-2018 09:32:35
สรุปคนร้ายที่แท้จริงคือ แอมป์  ส่วนติณนี่ซวยไปรับกรรมแบบเต็ม ๆ คนเดียว แถมตอนนี้ติณก็รักกับนพอีก พันเป็นปมยุ่งไปหมดแล้ว ทำไงดีล่ะ  :katai1:
อิๆ เด๋วมาต่อน้า
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18 6.33 pm
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-02-2018 11:24:42
มาต่อแล้วจ้า สั้นไปหน่อย ช่วงนี้เคลียร์ฟิคเรื่องอื่น หัวไม่แล่นเลยยยยย
เราอธิบายไม่ค่อยเก่งอ่ะ เรื่องมันเลยโดดๆ ไปหน่อย ชอบแต่งแบบรวบรัด จบเร็ว ฮ่าๆๆ
ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติชมกันน้า จะได้เอาไปปรับปรุงต่อ
ปกติแต่งฟิคสั้นๆ ไม่ค่อยแต่งเรื่องยาวๆ แบบนี้เท่าไหร่

13
“มึง...ว่าไงนะไอ้บาส” อันดากลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน ขาไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากะทันหันจนต้องทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้

ถ้าได้ยินไม่ผิด

“กูบอกว่าติณกำลังท้อง ก็คงลูกของผู้ชายคนนั้นแหละ” บาสตอบพลางหมุนเก้าอี้ไปมา
“ไม่จริง...มึง ตรวจใหม่อีกที”
บาสส่ายหน้า “ไอ้อัน มึงอย่างี่เง่าน่า ติณท้องก็คือท้อง ยังเอามดลูกออกไม่ได้ เด็กเริ่มเป็นตัวแล้ว น่าจะสัก 6-7 สัปดาห์ได้แล้ว”
อันดากุมขมับนิ่ง ความโกรธพลุ่งพล่านแต่พยายามระงับไว้ เพราะกลัวจะไปลงกับติณอีก

ไม่อยากทำร้ายอีกแล้ว อยากไถ่โทษทุกเรื่องที่เคยทำ แต่ติณไม่ยอมอภัยให้กันเลย แถมยังหนีไปกับนพ มีอะไรกัน จนตั้งท้องขนาดนี้ แล้วยังพรากลูกชายคนเดียวไปจากพ่อแท้ๆ

ทำไมต้องทำกันขนาดนี้

“เอาออกได้มั้ยวะ”
“ไอ้เหี้ย!” บาสสบถลั่น “ที่ทำอยู่เนี่ยก็อาชญากรรมแล้วนะมึง ยังจะให้กูทำแท้งอีกเหรอ?”
“ก็กูไม่อยากให้ติณมีลูกกับมัน ติณเป็นของกู” สีหน้าของอันดาไม่ได้ล้อเล่น บาสถอนหายใจยาว ลุกขึ้นยืนชี้หน้าเพื่อน บอกเจตจำนงของตนออกไป
“ไม่มีทาง กูจะไม่ฆ่าใครทั้งนั้น” แล้วอดีตนายแพทย์หนุ่มก็เดินหายไปจากตรงนั้น

ติณนั่งเหม่อลอยอยู่บนเตียงสีขาวสะอาด อยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว ได้กินข้าวครบทุกมื้อ แต่ร่างกายกลับยังรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง บางคืนก็ตื่นมาอ้วก ซึ่งเขาคิดว่าคงเพราะเครียด

ก๊อกๆ

ติณสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ถ้าเป็นอันดาจะไม่เคาะก่อนแน่นอน
“ใคร?” เขาส่งเสียงถามออกไป เตรียมถอยร่นหาทางหนีทีไล่
“พี่เอง” คนที่มาเคาะประตูไขกุญแจเปิดเข้ามาเอง และพอติณเห็นหน้าคนที่เข้ามาหาก็ค่อยผ่อนคลายอาการตึงเครียดลง
“พี่บาส?”
“เป็นไงมั่ง? กินข้าวครบมั้ย หลังจากนี้พี่จะเพิ่มอาหารเสริมให้ด้วย ต้องบำรุงเยอะๆ นะรู้มั้ย” ด้วยความรู้สึกผิดที่มี บาสจึงร่วมมือกับอันดาอีกครั้ง เพื่อทำให้ติณกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ในเมื่อยังทำไม่ได้ ก็ต้องดูแลให้ดี
ติณมองหน้าบาสอย่างงุนงง “ทำไม?”
“ติณ” บาสจับไหล่ของเขาเบาๆ พลางยิ้ม “ดีใจด้วยนะ ติณท้องแล้ว”
“หา?”
“ติณกำลังท้อง สัก 7 สัปดาห์ได้แล้ว กับคนคนนั้น”
“เอ๋? จริงเหรอพี่บาส!?” ติณยิ้มออกทันที คว้ามือบาสมากุมแน่น บาสยังคงยิ้มอย่างยินดี
“จริงครับ ต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ อย่าเครียด พักผ่อนมากๆ พี่จะมาหาทุกวัน”
“ขอบคุณมากพี่บาส ขอบคุณ” ติณไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้ มันดีใจ ตื้นตันไปหมด โผเข้ากอดบาสไว้แทนนพ

หลังจากรู้ข่าว ติณก็ค่อยๆ ปรับอารมณ์ไม่ให้ขุ่นมัว แม้จะต้องติดอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน แต่ต้องไม่เครียด เพื่อลูกในท้องจะได้แข็งแรง
“อารมณ์ดีเหลือเกินนะ”
ติณหันควับไปทางต้นเสียง แต่ยังคงพยายามไม่หงุดหงิด
“คงดีใจสินะ ที่มีลูกกับชู้” อันดาหัวเราะ หึ ในคอ
“นพไม่ใช่ชู้! กูไม่นับมึงเป็นผัวกูหรอก!” สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนได้ ติณผุดลุกขึ้นเถียงคอเป็นเอ็น
อันดาแสยะยิ้ม “แต่กูก็เป็นคนเปิดซิงมึง” มือหนาคว้าแขนของติณที่พุ่งมาจะต่อยได้ทัน อันดาบีบมันแน่นจนห้อเลือด
“ทั้งที่ไอซ์ต้องตายอย่างน่าอับอาย แต่มึงกลับมีชีวิตดี๊ดีเนอะ”
ติณกัดปากจนเลือดซึม จ้องหน้าอันดาด้วยแววตาสั่นระริก ตอนนี้ความทรงจำที่หายไปบางส่วนกลับคืนมาหมดแล้ว ความทรงจำที่เกือบจะถูกลบทิ้งในคืนนั้น เพราะอาการช็อค และตอนนี้ติณก็นึกออกแล้ว

ไอซ์ไม่ได้ท้องกับติณ

แต่เป็นเขาเองที่ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวว่าไอซ์จะเสียหาย ยอมเป็นคนเลว โดนพ่อตัดออกจากตระกูล ยอมลำบาก ยอมโดนตราหน้าว่าเป็นผู้ชายหน้าตัวเมีย ยังดีกว่าให้ไอซ์ต้องโดนคนอื่นประณามทั้งที่ตายไปแล้ว

ว่ามีสัมพันธ์กับผู้ชายถึง 2 คน พร้อมกัน

นี่คือสิ่งเดียวที่เขาทำให้ไอซ์ได้

เพื่อปกป้องชื่อเสียงของไอซ์

ผู้หญิงที่เขารัก

คนที่เขาไม่เคยปกป้องเธอในตอนมีชีวิตอยู่ได้เลย


“พี่อัน...” จู่ๆ ติณก็เรียกชื่ออันดาเหมือนที่เคยเรียกตอนเด็กๆ หยดใสๆ ร่วงเผาะจากดวงตาคู่โศก “ผมขอโทษ”
อันดาผงะปล่อยมือจากติณทันที หัวใจเหมือนหล่นวูบเมื่อเห็นน้ำตาของติณ
“ติณ...”
“ผมขอโทษ...ที่ปกป้องไอซ์ไม่ได้” ติณยังคงเอ่ยต่อไป “ขอโทษที่ไม่รักษาสัญญากับพี่”

ขอโทษนะ ไอซ์

******

“ตกลงมึงจะไม่บอกจริงๆ ใช่มั้ย?”
“บอกอะไรวะ กูต้องบอกอะไร?”
“เรื่องที่มึงมอมเหล้าไอซ์ไง ที่มึงทำ...”
“หุบปากไปเลยนะไอ้คิม!”

******

หมอกับนพจ้างนักสืบให้ออกตามหาร่องรอยของอันดาและติณอยู่นานเกือบเดือน แต่สุดท้ายก็ยังคว้าน้ำเหลว นพแทบไม่เป็นอันทำงาน แต่พอเห็นเจ้าตัวเล็กที่ร้องหาแม่อยู่ทุกวัน ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานและตามหาตัวติณต่อไป

“เมื่อไหร่ป๊าจะกลับบ้าน” เสียงภพร้องถามด้วยประโยคเดิมๆ อยู่ทุกวัน จนหัวใจคนฟังเจ็บปวดไปตามกัน ช่วงนี้นพกับภพมาอยู่ที่บ้านใหญ่แล้ว เผื่อมีเรื่องอะไรคืบหน้าจะได้รู้พร้อมกันทีเดียว หมอก็แวะมาเวลาว่างทุกครั้ง
นพคว้าเจ้าตัวเล็กมากอดไว้แน่น “อีกไม่นานนะครับ พ่อกำลังพยายามตามหาป๊าของภพอยู่”
แอมป์ยืนมองสองพ่อลูกกอดกัน ไม่มีใครรู้ความจริง เพราะติณไม่เคยพูด แต่ตัวเขาเองย่อมรู้ตัวดี แม้จะยังจับต้นชนปลายเรื่องของติณกับอันดาไม่ค่อยถูกก็ตาม

ไม่เข้าใจว่าอันดาแก้แค้นติณอย่างไร จับตัวไปทรมาน? แต่เรื่องมันก็ผ่านมาเป็นสิบปีแล้ว แล้วทุกคนก็รู้ว่าอันดากำลังแก้แค้นติณ แสดงว่ามันต้องเคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน ถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือใครในทันที

หรือจะลองถามจากอัยการนพดลเลยดี?

ยังไม่ถามดีกว่า ปล่อยไปแบบนี้ก่อน อย่าเพิ่งกระโตกกระตากแสดงพิรุธอะไรจะดีกว่า

******

“ตกลงมึงจะขังติณไว้ที่นี่จนกว่าจะคลอดเลยรึไง?” ทั้งที่บาสยืนกรานจะไม่เอาเด็กออกให้ และคิดว่าอันดาจะยอมปล่อยติณกลับบ้าน แต่จนป่านนี้แล้ว อันดาก็ยังไม่ยอมทำอย่างนั้น ยังขังติณไว้ในห้องไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันอยู่ดี ซึ่งบาสเป็นห่วงว่าจะเพิ่มความเครียดให้กับคนท้อง
“ถ้ากูปล่อยไป...ก็คงไม่มีวันได้กลับคืนมา” อันดาจ้องมองน้ำสีอำพันในแก้วใส บาสถอนหายใจ
“กูเข้าใจมึงนะ แต่ติณไม่ได้รั...” ไม่ทันได้พูดจบ สายตาดุดันที่ส่งมาทำเอาบาสไม่กล้าพูดต่อ จะห้ามเพื่อนไม่ให้ดื่มเหล้าก็ไม่ได้ เวลาอันดาอาละวาดมันน่ากลัวเกินไป และบาสก็ไม่ได้มีแรงพอจะหยุดคนบ้าที่เมาได้
หมอหนุ่มหมุนตัวกลับไปนั่งทำงานต่อ ไม่ได้สนใจว่าเพื่อนรักจะทำอะไรต่อ หรือจะเดินโซซัดโซเซไปที่ไหน

ติณนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างทุกวัน ทิวทิศน์ที่นี่ก็เดิมๆ มีแต่หิมะกับป่า ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนบนโลก ไม่มีหนทางให้ติดต่อกับนพได้เลย
เขานั่งกอดเข่าซบหน้าลง เสียงฮีทเตอร์ยังคงทำงานอยู่ เลยไม่ทำให้รู้สึกถึงความหนาวเหน็บทางกาย แต่ข้างในช่างเหน็บหนาว

อยากกลับบ้าน

คิดถึงภพ

คิดถึงแม่

คิดถึง...นพ

ติณค่อยๆ หลับตาลง นึกถึงภาพครอบครัวแสนอบอุ่น พ่อยอมรับนพแล้ว ทั้งที่น่าจะได้กลับไปอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า เฝ้าดูเด็กๆ เติบโต แต่ไม่รู้เลยว่าต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน

หรือมันถึงเวลาแล้วที่ต้องบอกความจริง
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: anythinginitt ที่ 10-02-2018 15:13:17
อันเป็นคนที่เผด็จการอ่ะ แบบเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ตินสู้ ๆ นพสู้ๆ ถ้าเราไม่ไหวแล้วเราก็ต้องเห็นแก่ตัวบ้างนะน้องติน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: pui_noizๆ ที่ 10-02-2018 23:49:39
เป็นเรื่องที่มีความแปลกประหลาดดี คือ ดีนะ และก็ชอบด้วยแถมยังเชียร์อันดามากกว่านพซะด้วย เอ๊ะ หรือว่าเราจะชอบคนเลว จะกี่เรื่องเราก็ชอบคนบุคลิกร้ายๆ ... ก็สนุกสนานดีงามตามท้องเรื่อง น่าติดตาม แต่ในบางตอนเราก็ยังหาจุดพีคหรือ Climax ได้ยาก บางทีเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่อาจเพราะเราอ่านไม่ดีเอง
ขอบคุณฮะ :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 05:44:22
หืม   o8 น่าติดตาม ทำไมพ่อกับลูกชายถึงโดนไล่ออกจากบ้าน

แล้วแม่? ยังอยู่ในบ้านนั้น? แล้วไอซ์? เข้าใจผิดอะไรหรือเปล่า

แล้วเสียสติหรืออาจฆ่าตัวตายหรอพี่ชายถึงได้ตามมาทำแบบนี้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 05:53:39
นพไปทำอะไรมานะ..... เพิ่งเห็นว่าขึ้นหัวว่าดราม่าด้วย... :m15:


ฮือ มันคงไม่ง่ายแล้วถ้าหากจะเห็นพระนางคืนดีกันง่าย


ได้เสียน้ำตาอีกแน่เลยงานนี้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 06:27:22
เอ้อ เอ่อ... ยังไงดีล่ะ ดูเหมือนจะใกล้เป็นความสัมพันธ์ที่ปวดหัวแท้

อันดากับติณนี่มีแววจะญาติดีกันไหมเนี่ย สงสารนพด้วย

รู้ทั้งรู้ว่าแทบเป็นไปไม่ได้ เห้อ นพเอ้ย ไม่สนพี่หมอหรือคนอื่นเหรอ

ติณก็ด้วยรู้ว่าดื้อแต่ก็อยากให้คิดอีกหน่อยนะ ฮือ ว้อย วุ่นวายจริมๆ

อิตาคุณอันดาก็นะ สุดท้ายมาหลงรักเขาหรือไง มีหึงมีหวง

ก่อนจะทำก็ไม่คิดเยอะๆ คิดแต่จะแก้แค้นสิท่า สะใจแทบทุกที

ที่คุณหมอด่าไป สมองเอาไปไหนหม้ดเป็นทั้งนักธุรกิจ นักการเมือง

รอปมคลี่คลายนะ อยากรู้เรื่องราวของไอซ์
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama]
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 06:42:21
อะ เอ่อออ  :katai1: รับไม่ค่อยได้กับฉากแบบนี้ เรื่องแบบนี้

รู้สึกน้ำตาคลอนิดๆ มองแบบผ่านๆ ไม่เรียกว่าอ่านเลย แหะๆ

ติณอย่าท้องนะขอร้อง ยังไม่พร้อมที่จะรับมาม่ามากกว่านี้

แล้วอิคุณอันดาหายไปไหน ทำไมปล่อยไว้แบบนี้ คน2คน

เกิดความรู้สึกดีๆให้กันก็นะ  มันอยากนะที่จะไม่เกิดอะไรแบบนี้

โอ่ย  :z3  :ling2:  :ling1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 07:02:24
อ่อ  มันเป็นประมาณนี้นี่เอง อย่าบอกนะไอซ์ท้องกับแอมป์

แอมป์ข่มขืนไอซ์หรอ เพราะดูท่าไอซ์ไม่น่าจะยอมง่ายๆนะ

แล้วทำไมอันหายไปถึงสองปี ทำไมตามหาสองคนนี้ไม่เจอ

แกไปจ้างนักสืบต๊อกต๋อยที่ไหนอันดา! เสียชื่อหมด

นพดลก็ออกจะเด่นดัง เป็นถึงอัยการใหญ่ งงๆ

เออ ว่าแต่ที่ความจำเสื่อมเนี่ยเพราะเรื่องตอนที่อันดาทำ

หรือเกิดจากอุบัติเหตุอื่นนะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 6/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 07:11:00
  :katai1:  :a5: o22 อ่านอ่านจบเราสถบออกมาดังมาก

ฮือ ขออนุญาตหยาบคายนะคะ  อหหหหห อมก :z3:

มันเกิดขึ้นแล้ว กรี๊ดดดดด เอาจริงๆถึงอันดาจะเลว

แต่เราเชียร์อันดาอ่ะ ฮืออ นพก็ดีนะ ดีมากๆ แต่มันไม่ใช่ไง ฮือ

หวยจะออกที่ใคร ใครจะเป็นคนที่ผู้แต่งเลือก หรือจะแบดเอน...
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 07:17:02
บอกความจริงไปให้มันจบๆสักทีเถอะติณ

ฮืออออ  แต่เราก็สงสารอันดา แง้งงงงง


เราขอโทษนะผู้แต่ง ไว้เราจะมาส่องเรื่อยๆ พอทำใจได้

หรือจบแล้ว เราจะมาอ่านต่อ ฮือ ปวดใจเหลือเกิน (กระซิกๆ)

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 11-02-2018 09:48:25
 :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-02-2018 12:24:28
อันเป็นคนที่เผด็จการอ่ะ แบบเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่
ตินสู้ ๆ นพสู้ๆ ถ้าเราไม่ไหวแล้วเราก็ต้องเห็นแก่ตัวบ้างนะน้องติน

อันติดนิสัยจากตอนที่มีอำนาจในมือ ก็เลยเป็นแบบนี้น่ะฮะ
แต่จริงๆ ก็เคยดี มั้ง ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-02-2018 12:26:47
เป็นเรื่องที่มีความแปลกประหลาดดี คือ ดีนะ และก็ชอบด้วยแถมยังเชียร์อันดามากกว่านพซะด้วย เอ๊ะ หรือว่าเราจะชอบคนเลว จะกี่เรื่องเราก็ชอบคนบุคลิกร้ายๆ ... ก็สนุกสนานดีงามตามท้องเรื่อง น่าติดตาม แต่ในบางตอนเราก็ยังหาจุดพีคหรือ Climax ได้ยาก บางทีเราก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่อาจเพราะเราอ่านไม่ดีเอง
ขอบคุณฮะ :pig4:
ขอบคุณที่ติชมน้า เราเองก็คิดว่ามันเรื่อยๆ เปื่อยๆ ไม่ค่อยมีตอนที่พีคเหมือนกัน
อยากให้มันมีจุดพีคนะ แต่มันไม่มาสักทีอ่ะ เวลาแต่งเราจะชอบคิดว่า แบบนี้ในชีวิตจริงไม่มีหรอก แล้วก็เลยเลือกตัดออกซะงั้น
สรุป เลยออกมาเอื่อยๆ เหมือนชีวิตประจำวัน ฮ่าๆๆ
จะพยายามปรับปรุงนะครับ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-02-2018 12:30:01
บอกความจริงไปให้มันจบๆสักทีเถอะติณ

ฮืออออ  แต่เราก็สงสารอันดา แง้งงงงง


เราขอโทษนะผู้แต่ง ไว้เราจะมาส่องเรื่อยๆ พอทำใจได้

หรือจบแล้ว เราจะมาอ่านต่อ ฮือ ปวดใจเหลือเกิน (กระซิกๆ)

มีคนเชียร์ทั้งอัน ทั้งนพ เลยอ่า เราก็เลือกยากอยู่
เอาจริงๆ จากใจคนแต่งนะ เราชอบนพ ตอนแรกไม่กะให้เด่นขนาดนี้
แต่งไปแต่งมานพโครตเด่น...แหะๆ ลำเอียงมาก
เพราะอิมเมจตัวละครตัวนี้เอามาจากดาราที่เราชอบมากด้วยแหละ

ขอบคุณที่เข้ามาติชมน้า เราจะพยายามไม่ดราม่าทำร้ายจิตใจมาก


หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-02-2018 12:30:37
:ling1: :ling1: :ling1:
ถึงกับลงไปดิ้นเลยทีเดียว
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 11-02-2018 13:33:49
บอกความจริงไปให้มันจบๆสักทีเถอะติณ

ฮืออออ  แต่เราก็สงสารอันดา แง้งงงงง


เราขอโทษนะผู้แต่ง ไว้เราจะมาส่องเรื่อยๆ พอทำใจได้

หรือจบแล้ว เราจะมาอ่านต่อ ฮือ ปวดใจเหลือเกิน (กระซิกๆ)

มีคนเชียร์ทั้งอัน ทั้งนพ เลยอ่า เราก็เลือกยากอยู่
เอาจริงๆ จากใจคนแต่งนะ เราชอบนพ ตอนแรกไม่กะให้เด่นขนาดนี้
แต่งไปแต่งมานพโครตเด่น...แหะๆ ลำเอียงมาก
เพราะอิมเมจตัวละครตัวนี้เอามาจากดาราที่เราชอบมากด้วยแหละ

ขอบคุณที่เข้ามาติชมน้า เราจะพยายามไม่ดราม่าทำร้ายจิตใจมาก


ฮืออออออออ  :ling2: หลังจากตอนเราเม้นแล้ว

เรากลับไปคิดได้ค่ะ.....  ติณไม่ได้มีความคิดจะรักอันเลยสักกะติ๊ด

ไม่ได้มีความผูกพันธ์หรืออะไรดีๆต่อกันเลย เว้นตอนยังคบไอซ์

ที่อาจมีนิดๆคืออาจเคารพตรงเป็นพี่ชายไอซ์

ส่วนนพนี่มีเต็มๆเลย มีทุกอย่าง  :o12: :serius2:

ดังนั้นเราจึงพยายามทำใจแล้วค่ะ หลังจากที่คิดถึงตรงนี้ขึ้นมา

คิดว่าอันดานั้นคงหมดสิทธิ์แล้ว  :o7:  แต่ก็ยังคร่ำครวญค่ะ ฮือ

ป.ล. แต่งตามที่วางพล็อตไว้เลยค่ะ ไม่ต้องสนใจที่เราคร่ำครวญไว้

เอาตามแต่ผู้แต่งสะดวกเลยค่ะ ต่อให้จบแบบไหน ยังไงเราก็ยัง

ตามอ่านค่ะ สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-02-2018 16:16:05
บอกความจริงไปให้มันจบๆสักทีเถอะติณ

ฮืออออ  แต่เราก็สงสารอันดา แง้งงงงง


เราขอโทษนะผู้แต่ง ไว้เราจะมาส่องเรื่อยๆ พอทำใจได้

หรือจบแล้ว เราจะมาอ่านต่อ ฮือ ปวดใจเหลือเกิน (กระซิกๆ)

มีคนเชียร์ทั้งอัน ทั้งนพ เลยอ่า เราก็เลือกยากอยู่
เอาจริงๆ จากใจคนแต่งนะ เราชอบนพ ตอนแรกไม่กะให้เด่นขนาดนี้
แต่งไปแต่งมานพโครตเด่น...แหะๆ ลำเอียงมาก
เพราะอิมเมจตัวละครตัวนี้เอามาจากดาราที่เราชอบมากด้วยแหละ

ขอบคุณที่เข้ามาติชมน้า เราจะพยายามไม่ดราม่าทำร้ายจิตใจมาก


ฮืออออออออ  :ling2: หลังจากตอนเราเม้นแล้ว

เรากลับไปคิดได้ค่ะ.....  ติณไม่ได้มีความคิดจะรักอันเลยสักกะติ๊ด

ไม่ได้มีความผูกพันธ์หรืออะไรดีๆต่อกันเลย เว้นตอนยังคบไอซ์

ที่อาจมีนิดๆคืออาจเคารพตรงเป็นพี่ชายไอซ์

ส่วนนพนี่มีเต็มๆเลย มีทุกอย่าง  :o12: :serius2:

ดังนั้นเราจึงพยายามทำใจแล้วค่ะ หลังจากที่คิดถึงตรงนี้ขึ้นมา

คิดว่าอันดานั้นคงหมดสิทธิ์แล้ว  :o7:  แต่ก็ยังคร่ำครวญค่ะ ฮือ

ป.ล. แต่งตามที่วางพล็อตไว้เลยค่ะ ไม่ต้องสนใจที่เราคร่ำครวญไว้

เอาตามแต่ผู้แต่งสะดวกเลยค่ะ ต่อให้จบแบบไหน ยังไงเราก็ยัง

ตามอ่านค่ะ สู้ๆนะคะ
พลอตมันน่ากลัวอยู่นา แต่เราจะพยายามให้ไม่มาม่าเยอะ อยากจะแต่งแนวหวานๆ มันแต่งไม่เคยได้ ฮ่าๆ
ยังไงก็เสนอแนะมาได้คับ เพราะเราชอบอ่านแล้วเอาไปแต่งต่อ อิๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 11-02-2018 21:13:08
สนุกดี ปลื้มมาก มาต่อเร็วๆนะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-02-2018 22:27:58
สนุกดี ปลื้มมาก มาต่อเร็วๆนะ
ขอบคุณที่ติดตามค้าบ เด๋วอาทิตย์ถัดไปมาต่อ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-02-2018 23:08:16
อันดานี่จะเรียกว่าโง่หรือไม่เฉลียวกันแน่ คือในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าติณกับนพหนีไปสร้างครอบครัวกันแล้วทำไมเขาจะมีอะไรกันไม่ได้ละ แล้วกลับมาเรียกร้องเอาตอนนี้จะบ้ารึเปล่า ไม่มีอะไรให้กลับคืนไปหรอกนะ ในเมืาอดลือกที่จะปล่อยทิ้งเองนี่ แถมทำร้ายเขาไว้ซะขนาดนั้นใครจะทำใจได้ลง
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 11-02-2018 23:41:21
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-02-2018 00:34:02
มีแต่คนน่าสงสารทั้งติณ ทั้งนพ ทั้งภพ ส่วนคนน่าถีบคงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครนะ  :serius2:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 12-02-2018 00:47:10
 ตามอ่านไป
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Nocto ที่ 12-02-2018 01:02:34
สงสารอันดา แต่ก็คงจบกับนพแหละ...
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 12-02-2018 14:16:32
สงสารพี่อัน  แต่ดูท่าทางคงเป็นนพ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 13-02-2018 21:07:54
 :hao7:พึ่งมาติดตามอ่าน สนุกมากๆเลย เนื้อเรื่องไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:11:56
ดราม่าในวันวาเลนไทน์...HAPPY Valentine's day คับพ้ม!!!
เดทกับแฟนมา แต่งนิยายดราม่าต่อ คือไร!!!!

14
คิมหันต์เบิกตาโพลงเมื่อได้ยินข่าวติณจากแอมป์ เพื่อนสมัยเด็กที่จู่ๆ ก็นัดออกมาเจอ พวกเขาเคยสนิทกันมาก จนกระทั่งเกิดเรื่องกับไอซ์และติณ ทำให้ห่างกันไป แต่ยังไงก็ยังตัดขาดกันไม่ได้ เพราะบ้านอยู่ติดกัน พ่อแม่ก็เป็นเพื่อนกันอีก งานแต่งของแอมป์กับแต้ว น้องสาวของติณ คิมก็ยังต้องไปร่วมแสดงความยินดี แม้ว่าในใจจะยังรับไม่ค่อยได้ก็ตาม
“เรื่องแม่งขนาดนั้นเลยเหรอวะ กูนึกว่ามันจะจบๆ ไปนานแล้ว เพราะมึงแท้ๆ เลยไอ้แอมป์” คิมมองเพื่อนด้วยสายตาขุ่นเคืองอย่างไม่ปิดบัง

ความจริงเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ที่คิมกับแอมป์ปิดบังเอาไว้
มันใกล้จะปะทุขึ้นมาแล้ว

“กูกลัว ไม่รู้ว่าพี่ชายไอซ์จับตัวไอ้ติณไปทำอะไรบ้าง นี่เป็นเดือนแล้วนะมึง ยังหาตัวไม่เจอเลย กูเห็นคุณนพกับไอ้หนูนั่นก็สงสารนะ แต่กูก็กลัว...” เพราะแอมป์อยู่ที่บ้านหลังนั้น จึงเห็นภพร้องไห้หาติณทุกวัน นพกับพี่หมอก็คอยช่วยกันตามหามาตลอด
“แล้วไง? ที่เรียกกูออกมาเพื่อจะระบายความกลัวให้ฟัง? มึงแม่งนอกจากจะเลวแล้วยังขี้ขลาด กูไม่น่าปล่อยแต้วให้มึงเลย” คิมเหยียดสายตามองเพื่อนที่ครั้งหนึ่งเคยรักกันมาก จนรู้เรื่องที่แอมป์ทำไว้กับไอซ์ จนเธอฆ่าตัวตาย แถมติณต้องกลายเป็นแพะรับบาป คิมก็เริ่มตีตัวออกห่าง เรื่องผ่านไปนาน พอเกือบจะลืมเลือนได้ แอมป์ก็มาแย่งผู้หญิงที่ชอบไปต่อหน้าต่อตา ทั้งอย่างนั้นคิมก็ยังอดทน และคิดว่าคงมากพอแล้วกับความอดทนที่มี
“เออ เรื่องที่ผ่านๆ มากูขอโทษ กูผิดเองทั้งหมดเลย มึงจะด่าจะต่อยตีกูก็ได้ แต่ตอนนี้กูไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยากไปกว่านี้ กูทนมองหน้าคุณนพไม่ไหวว่ะ แล้วไหนจะแต้วกับพ่อแม่ของไอ้ติณอีก” แอมป์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คงเครียดและคิดมากจริงๆ ตอนแรกที่แต่งงานกับแต้ว ก็คิดว่าจะเอาพอสะใจถากถางติณเล่นๆ เพราะแย่งไอซ์มาไม่สำเร็จ เธอดันฆ่าตัวตายไปก่อน แต่จิตสำนึกที่ยังพอมีติดตัวมันเริ่มส่งสัญญาณเตือน ตั้งแต่รู้ว่าติณโดนพี่ชายของไอซ์แก้แค้นผิดตัว
“สายไปมั้ยวะที่มึงเพิ่งมาสำนึกเอาป่านนี้” คิมส่ายหน้าถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย มันควรจะสำนึกได้ตั้งแต่ไอซ์ฆ่าตัวตายแล้วมั้ย
“กูรู้คิม ตอนนั้นกูไม่ใช่ไม่เสียใจนะ กูเสียใจมากที่ทำเรื่องเลวๆ แบบนั้นลงไป แต่กูไม่กล้าพอที่จะออกหน้ารับ เลยปล่อยให้ไอ้ติณต้องรับผิดแทนกู บอกตามตรงว่ากูยังหมั่นไส้มันบ้าง แต่ตอนนี้กูคิดจริงๆ ว่าคงต้องหาทางช่วยมัน” แอมป์เขย่าแขนเพื่อน อยากให้คิมเข้าใจและรับฟัง เพราะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไว้ใจได้ที่สุด
“มึงจะทำอะไรได้วะ ขนาดคุณนพยังทำอะไรไม่ได้เลย”
จริงของคิม แอมป์นิ่งคิด
“กูว่านะ มึงควรจะบอกเรื่องทั้งหมดที่มึงทำไว้ ยอมรับความจริงสักที แล้วค่อยหาทางติดต่อพี่ชายของไอซ์” และมันคือทางเดียวที่จะช่วยติณได้ในตอนนี้

******

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูเป็นเพียงแค่สัญญาณบอกว่าจะเข้ามาในห้อง ไม่ใช่คำขออนุญาต ติณไม่ได้สนใจผู้มาเยือนเท่าใดนัก เขาเพียงแค่เหลือบสายตามองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ก้าวเข้ามาพร้อมถาดอาหารและยาบำรุง
“ข้าวเย็นมาแล้ว” อันดาเอ่ยบอกพลางวางถาดอาหารลงบนโต๊ะไม้ที่เอามาจัดวางเพิ่มไว้ให้ ติณจะได้นั่งกินอาหารสะดวก ไม่ต้องอยู่แต่บนเตียง “ลุกมากินดิ จะได้เก็บเลยทีเดียว ขี้เกียจขึ้นมาบ่อยๆ”
ติณมองหน้าคนพูดอย่างไม่สบอารมณ์รัก ก่อนจะลุกมานั่งกินข้าวบนโต๊ะไปเงียบๆ โดยมีอันดานั่งอยู่ตรงข้ามกัน
ดวงตาของชายหนุ่มร่างสูงคอยจับจ้องตลอดเวลา จนติณเริ่มอึดอัด
“มีอะไร?” เขาขมวดคิ้วถาม
“เปล่า...” อันดาหรุบตาลง “ร่างกาย...เป็นไงมั่ง?”
“เป็นห่วง? อย่างมึงคงไม่ใช่มั้ง” รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นจมูก อันดาชักสีหน้าเล็กน้อย
“พูดกับพี่ดีๆ หน่อยได้มั้ยติณ”
“จำเป็นเหรอ?” ติณมองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเยาะ แม้จะโมโห แต่อันดาก็พยายามระงับมันไว้ในใจ หมัดที่กำแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปนค่อยๆ คลายออก
“พี่รู้ว่าทำให้ติณไม่พอใจ แต่พี่สำนึกผิดทุกอย่างแล้ว ติณอยากให้พี่ทำยังไงก็ว่ามา”
“ไปตายให้ดูหน่อยได้มั้ยล่ะ อ๊ะ เอาแค่เบาะๆ ให้กูอัดตูดสักสามสี่รอบก็ได้” รอยยิ้มเย้ยหยันกันอย่างชัดเจน อันดากัดฟันกรอดอย่างอดกลั้น จะลงไม้ลงมือกับคนท้องไม่ได้เด็ดขาด และอีกอย่าง คนที่ผิดตั้งแต่แรกก็คือตัวอันดาเอง

“เราเคยสนิทกันมาก ติณจำได้มั้ย เวลาที่อยู่ด้วยกัน” อันดาเอ่ยขึ้นเปรยๆ คล้ายพูดกับตัวเอง ติณก้มหน้าตักข้าวกินต่อ ทำเป็นไม่สนใจ
“พี่ชอบเวลาที่ติณยิ้มและหัวเราะให้พี่ พี่สอนหนังสือให้ และติณก็ตั้งใจมาก เวลาที่ติณทำได้ดี พี่ก็จะลูบหัวเบาๆ”
“มึงต้องการอะไรกันแน่วะ! มาพูดเรื่องความหลังเหี้ยอะไรอยู่ได้! ทั้งที่มึงแค้นกูจนอยากจะฆ่าให้ตาย ก็เอาสิ! จะฆ่ากูไปเลยก็ได้ จะได้จบๆ กันสักที!” ติณทนต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาผุดลุกขึ้น ทุบโต๊ะเสียงดังปัง หน้าตาถมึงทึง
“พี่แค่อยากให้เราเริ่มกันใหม่” อันดาคว้าข้อมือบางไว้แล้วมองหน้าติณด้วยแววตาเว้าวอน “พี่ขอโทษที่เคยทำร้ายติณ ให้โอกาสพี่ได้มั้ยครับ?”
“โอกาส?” ติณก้มลงเหยียดสายตามองคนตัวใหญ่ตรงหน้า “โอกาสที่มึงไม่เคยให้กูน่ะเหรอ?”
“ติณ...พี่ขอโทษ พี่...รักติณนะ” อันดาดึงแขนบางรั้งลงมา หวังจะให้ติณเข้าสู่อ้อมกอด แต่ติณกลับยกมือขึ้นมาดันอกของเขาไว้ ไม่ยอมทิ้งตัวลงง่ายๆ
“มึงพูดเหี้ยอะไร รักกู? คนที่มึงคิดว่าทำให้น้องมึงตายเนี่ยนะ?” ติณรู้สึกเหมือนมีเสียงดังอื้ออึงในหัว ขอบตาร้อนผ่าว
“พี่รักติณมาก่อนหน้านั้นแล้ว เพราะรักมากถึงได้โกรธมากตอนที่รู้เรื่องติณกับไอซ์ พี่ไม่คิดว่าติณจะทำร้ายไอซ์ได้ลง” อันดายังคงยื้อไม่เลิก คำพูดวกไปวนมาจนติณเริ่มเวียนหัว แล้วในที่สุดความกดดันทุกอย่างก็ตีรวนขึ้นมาจนน้ำตาไหลพราก
“มึงมันบ้า...เกลียดกูน่ะดีแล้ว”

******

อันดากับติณเคยสนิทกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ ในช่วงแรกๆ ที่เริ่มคบกับไอซ์ อันดาไม่ค่อยชอบใจติณนัก แต่พอเจอหน้ากันที่บ้านบ่อยเข้า เริ่มพูดคุยกันมากขึ้น อันดาจึงรู้ว่ามุมมองชีวิตของติณต่างจากเด็กมัธยมหัวเกรียนทั่วไป และจากความใกล้ชิดที่เพิ่มขึ้น ก็ทำให้กลายเป็นความสนิทสนม ไว้ใจและเชื่อใจ อยากจะฝากฝังไอซ์ไว้กับติณ

แม้ว่าตอนนั้นอันดาจะรู้สึกกับติณมากกว่าคำว่าพี่น้องก็ตาม

เพราะรู้ตัวว่ามันไม่ปกติ การจะใช้สายตาแบบนั้นมองน้องชาย มองคนรักของน้องสาวตัวเอง มันผิดปกติอย่างมาก แต่อันดาก็ห้ามใจไม่ได้ จึงพยายามจะแยกตัวออกห่าง ก่อนที่ความคิดจะเตลิดไปไกล มุมานะเอาแต่ทำงานตัวเป็นเกลียว และทำได้แค่พูดประโยคเดิมๆ กับติณ

พี่เชื่อใจติณนะ

แต่แล้ว...วันที่รู้ข่าวการตายของไอซ์ ความโกรธเกลียดทุกอย่างก็พุ่งไปหาคนที่เคยไว้ใจมากที่สุดก่อนเป็นคนแรก แต่กว่าจะได้กลับมาประเทศไทย ติณก็ถูกไล่ออกจากบ้าน ลาออกจากโรงเรียนและหายตัวไปแล้ว
อันดาคิดว่าจะปล่อยวาง จะลืมและตัดความรู้สึกที่มีให้หมด
จนกระทั่งได้เจอติณอีกครั้งโดยบังเอิญ ทั้งที่เวลาก็ผ่านมานานถึง 7 ปี แต่เขาก็ยังจำใบหน้าของผู้ชายที่เคยรักและไว้ใจมากที่สุดได้ คนที่ทำให้น้องสาวของเขาต้องฆ่าตัวตายอย่างน่าอับอาย กลับยังมีชีวิตสุขสบาย ยิ้มได้ หัวเราะออก
ความคับแค้นในใจไม่ได้มากมายเท่าความเสียใจ แต่มันก็ทำให้เขาคิดแผนการบางอย่างกับติณ เพื่อสั่งสอนให้ได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของน้องสาวที่ต้องตายอนาถ

และสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้วนั้น คือตราบาปที่จะติดตัวพวกเขาไปจนวันตาย

อันดารู้ตัวดีว่าติณไม่มีทางยอมยกโทษให้ง่ายๆ จึงได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ รอวันที่ติณจะยอมหันมาพูดคุยกันเหมือนเดิม แต่ก็ดันมีเรื่องยุ่งวุ่นวายต้องขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นปีๆ เกี่ยวพันกับเรื่องภายในพรรคที่มีการใส่ร้ายป้ายสีกันและทรยศหักหลัง

อันดาเหนื่อยและท้อจนสุดท้ายต้องยอมเลิกเล่นการเมืองอย่างถาวร และหวนกลับมาตั้งต้นตามหาติณกับนพที่หอบลูกชายเพียงคนเดียวของตนหนีไป

นพกลายเป็นอัยการใหญ่ที่มีชื่อเสียงและหน้าตาทางสังคม การเข้าถึงตัวนั้นไม่ใช่ง่ายๆ แต่ก็ไม่ได้ยากเย็น อันดารอจังหวะและเวลาที่เหมาะสม เพื่อจะแย่งชิงติณคืนมา แม้รู้ทั้งรู้ว่าใจของติณยกให้นพดลไปจนหมดเกลี้ยง ไม่มีแม้เศษเสี้ยวตกถึงตนอีกแล้ว

ทำไปทำไม?

แม้แต่ตัวอันดาเองก็เฝ้าถามตัวเองทุกครั้งที่มองหน้าติณ

มันไม่มีคำตอบ

ก็แค่...ไม่อยากสูญเสีย

จะด้วยวิธีการใดก็ไม่อยากให้ไป

แค่ร่างกายก็ยังดี

ขอแค่ติณยังอยู่ตรงนี้

******

“พ่อนพ...ผมคิดถึงป๊า” เสียงเด็กน้อยสั่นเครือเฉกเช่นทุกครั้งที่เจอหน้านพ ร่างเล็กๆ โผเข้ากอดซบซุกหาไออุ่นจากพ่อที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันไหลเวียนอยู่เลย
“ไม่ร้องนะครับเด็กดี ถ้าป๊ากลับมาเห็นน้องภพร้องไห้งอแง ป๊าจะดุเอาได้นะ ลูกผู้ชายห้ามเสียน้ำตาง่ายๆ นะครับ” นพพยายามปลอบโยนลูกชายตัวน้อยเท่าที่ทำได้ โอบอุ้มไว้แนบกาย จูบซับน้ำตาให้แผ่วเบา ภาพนั้นไม่ว่าใครเห็นก็ให้รู้สึกสะท้อนใจ
“ป๊าไม่รักภพเหรอ ทำไมถึงทิ้งภพไป” นานวัน เด็กน้อยยิ่งเข้าใจไปว่าอย่างนั้น ภพไม่รู้ว่าติณโดนลักพาตัว ไม่เข้าใจว่าการที่ติณหายไปเป็นเพราะอะไร เอาแต่คิดว่าป๊าไม่รัก จนนพก็อ่อนใจที่จะอธิบาย
“ป๊ารักภพสิครับ รักมากๆ มากที่สุดในโลกเลย แต่ป๊ายังกลับมาไม่ได้ พ่อกับลุงหมอพยายามตามหากันอยู่นะ น้องภพต้องอดทนนะครับ เด็กดีของพ่อ” นพกระชับอ้อมกอด หอมแก้มลูกชายฟอดใหญ่เพื่อให้คลายเศร้า ความรักจากตนเพียงคนเดียวอาจไม่ช่วยเยียวยา แต่ก็จะทำให้ดีที่สุด
“เจ้าตัวเล็กงอแงอีกแล้วเหรอ” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง นพเอี้ยวตัวไปมอง เห็นพี่หมอตามหลังมาติดๆ
“มีข่าวอะไรมั้ยครับ”
“เจอหน้าปุ๊บก็ถามทันทีเลยนะ ขอพี่พักหายใจบ้างสิครับคุณอัยการ” หมออมยิ้มขำๆ ยื่นมือไปบีบแก้มยุ้ยๆ ของเจ้าตัวเล็กเล่น
“ขอโทษครับ...” นพหน้าเจื่อนลง จนหมอต้องรีบแก้ตัวใหม่
“เดี๋ยวๆ พี่ไม่ได้ว่าอะไร แค่แซวเล่นขำๆ นะ จริงจังไปได้เราอ่ะ” เห็นคนจริงจังทำหน้าเศร้าหนักกว่าเดิมแล้วหมอใจหายวาบ มือใหญ่อดไม่ได้ที่จะวางลงบนหัวของอัยการหนุ่ม ออกแรงขยี้เพียงเบาๆ พอให้คลายเครียด นพไม่ได้พูดอะไรอีก แววตายังคงเลื่อนลอยและหมองเศร้า ริมฝีปากบางบิดเข้าหากันอย่างเผลอไผล หมอมองสีหน้านั้นด้วยความกังวล แค่ลูบหัวปลอบใจไม่ได้ผล เลยดึงตัวไปกอดไว้แทน ด้วยส่วนสูงที่พอๆ กัน ทำให้นพเงยหน้าขึ้นก็ปะทะกับปลายจมูกของอีกฝ่ายเข้าพอดี
“อย่าทำหน้าเครียดสิ พี่มีข่าวจะมาบอกจริงๆ เดี๋ยวไปคุยกันในห้องทำงานของนพนะ ฝากตัวเล็กไว้กับคุณแม่ไปก่อน” หมอกระซิบเบาๆ และนพก็พยักหน้ารับ แต่เหมือนสองคนจะลืมไปว่ามีเจ้าตัวเล็กคั่นกลางอยู่ จนภพร้องบอกนั่นแหละ ถึงได้ผละออกจากกัน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:13:52
อันดานี่จะเรียกว่าโง่หรือไม่เฉลียวกันแน่ คือในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าติณกับนพหนีไปสร้างครอบครัวกันแล้วทำไมเขาจะมีอะไรกันไม่ได้ละ แล้วกลับมาเรียกร้องเอาตอนนี้จะบ้ารึเปล่า ไม่มีอะไรให้กลับคืนไปหรอกนะ ในเมืาอดลือกที่จะปล่อยทิ้งเองนี่ แถมทำร้ายเขาไว้ซะขนาดนั้นใครจะทำใจได้ลง
สองปีนั่นนางติดภารกิจอยู่น่ะฮะ ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหรอก
แต่นางอ่ะ...ตลกดีจริงๆ เดี๋ยวรักเดี๋ยวแค้น เป็นตัวละครที่เราเขียนเองยังว่าตลกเลยอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:14:20
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ สู้ๆค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามค้าบบ สู้ๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:14:52
มีแต่คนน่าสงสารทั้งติณ ทั้งนพ ทั้งภพ ส่วนคนน่าถีบคงไม่ต้องบอกว่าเป็นใครนะ  :serius2:
คงไม่ได้หมายถึงคนแต่งหรอกน้าาาา
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:15:26
ตามอ่านไป
ขอบคุณที่ติดตามน้า
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:15:56
สงสารอันดา แต่ก็คงจบกับนพแหละ...
อันเริ่มจะน่าสงสารละตอนนี้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:16:18
สงสารพี่อัน  แต่ดูท่าทางคงเป็นนพ
อ๊ะๆ ยังไม่แน่ๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 22:17:08
:hao7:พึ่งมาติดตามอ่าน สนุกมากๆเลย เนื้อเรื่องไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ
ขอบคุณที่ติดตามค้าบ เราพยายามจะหาความสมจริงในความไม่จริง เลยออกมาแบบนี้ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 14-02-2018 22:45:21
ดริฟเรื่องไปมาเก่งจริงนะคนแต่ง  :z13:

เดี๋ยวก็โยนถ้วยม่าให้นพ..เดี๋ยวก็โยนถ้วยม่าให้พี่อัน..หัวร้อนละ  :m31:

ส่วนติณ..เจ็บและชินไปเอง............ใจร้ายนะคนแต่ง  :fire:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 14-02-2018 23:08:38
ขอให้เปงข่าวดีนะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-02-2018 23:17:05
อยากจับแอมป์ยัดใส่กล่อง จ่าหน้าถึงอันดา ส่งไปให้สารภาพความผิดต่อหน้าอันดา จะได้ส่งติณไปหานพกับภพ  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 23:50:56
ดริฟเรื่องไปมาเก่งจริงนะคนแต่ง  :z13:

เดี๋ยวก็โยนถ้วยม่าให้นพ..เดี๋ยวก็โยนถ้วยม่าให้พี่อัน..หัวร้อนละ  :m31:

ส่วนติณ..เจ็บและชินไปเอง............ใจร้ายนะคนแต่ง  :fire:

เอาจริงๆ นะ เราทำให้ติณดิ่งลงเหวได้ยิ่งกว่านี้อีก แต่สงสาร อิๆ
เอาไปแค่นี้ก่อน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 23:51:33
ขอให้เปงข่าวดีนะ
รอแป้ปเด๋วมาต่อ อิๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 14-02-2018 23:52:24
อยากจับแอมป์ยัดใส่กล่อง จ่าหน้าถึงอันดา ส่งไปให้สารภาพความผิดต่อหน้าอันดา จะได้ส่งติณไปหานพกับภพ  :katai1: :katai1:
เรื่องของแอมป์ท่าจะยาวอยู่ฮะ เพราะนางกลัวและขี้ขลาดเกินไป
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-02-2018 00:06:52
เอาใจช่วยติณนะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 15-02-2018 11:25:22
เอาใจช่วยติณนะจ๊ะ
ขอบคุณแทนติณค้าบบบ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 14/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 24-02-2018 13:30:39
ขออภัยที่สั้นมากกก ช่วงนี้เครียดแล้วแต่งดราม่าไม่ออก

15
“ผมจะไป” หลังจากฟังเรื่องที่หมอบอกจนจบ นพก็ลุกขึ้น “เดี๋ยวนี้เลย!”

หมอรีบดึงแขนนพไว้ “เฮ้ยๆ จะไปยังไงตอนนี้”

“ผมจะให้ผู้ช่วยหาตั๋วให้ ยังไงคงได้ภายในคืนนี้” แววตาของนพมุ่งมั่นจริงจัง ในเมื่อรู้ที่ที่อันดาพาติณไปแล้ว ก็ต้องตามหาที่นั่นให้เจอ

“แคนาดาไม่ใช่เล็กๆ นะนพ”

“แต่ผมจะไป จะต้องหาให้เจอ”

“แล้วงานล่ะ? ลูกล่ะ?

คำถามนั้นทำให้นพนิ่งคิด

“จะทิ้งทุกอย่างที่นี่ เพื่อตามหาติณ ทั้งที่ไม่มีเป้าหมายน่ะเหรอ พี่ไม่เห็นด้วยนะ อย่างน้อยรออีกสักพัก ให้รู้พิกัดแน่นอนกว่านี้ก่อนดีมั้ย” หมอพยายามเกลี้ยกล่อมให้ใจเย็นลง ที่สืบรู้ก็แค่สถานที่ที่ไป แต่ไม่รู้ว่าส่วนไหนของแคนาดา

“แต่ผม”

“นพ” มือที่จับแขนของนพไว้บีบแน่นขึ้น “ใจเย็นหน่อยสิวะ พี่รู้ว่านายเป็นห่วงติณ แต่ไอ้อันมันไม่ทำร้ายติณหรอก”

“ผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าติณจะปลอดภัย” เพราะอันดาเคยทำร้ายติณปางตายมาแล้ว ไม่ตายก็เหมือนตายทั้งเป็น ต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ

“เชื่อพี่ แค่นั้นพอ”

นพมองสบตากับหมอ แววตาของพี่หมอแน่วแน่จริงจังไม่แพ้กัน

“ได้โปรด เชื่อพี่”

******

ที่นี่หิมะตกแทบตลอดทั้งปี อากาศข้างนอกคงจะหนาวมาก แต่ข้างในนี้มีฮีทเตอร์ให้ความอบอุ่นตลอดเวลา ติณเลยไม่ได้รู้สึกหนาวเท่าไหร่

เขานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนทุกวัน มือลูบท้องที่โตขึ้นทุกเดือนอย่างหวงแหน

ลูกของนพ

แกร๊ก...

เสียงประตูเปิดออก ติณหันควับไปมองทันทีเพราะกลัวว่าจะเป็นอันดา แต่ไม่ใช่

“พี่บาส” เขายิ้มบางๆ ให้หนุ่มรุ่นพี่ที่เข้ามาพร้อมอาหารและยาบำรุง ช่วงหลังๆ มานี้ อันดาหายหน้าหายตาไปนาน อาจจะกลับไทยไปแล้วก็ได้ เพราะทนดูท้องที่โตขึ้นเรื่อยๆ ของติณไม่ไหว

“เป็นไงมั่ง? หน้าตาดูสดชื่นขึ้นนะตั้งแต่ไอ้อันไม่อยู่” บาสพูดกลั้วหัวเราะ วางถาดลงบนโต๊ะ ติณเดินไปหา นั่งลงกินข้าวกับยาอย่างรู้หน้าที่

เพื่อลูกในท้อง ต้องกินอิ่ม นอนหลับสนิท ดูแลร่างกายให้ดี

“ไม่มีคนมาคอยกวนประสาท ก็ต้องอารมณ์ดีอยู่แล้วครับ” ติณว่ายิ้มๆ ตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก บาสเป็นคนจัดเมนูอาหารแต่ละวันเพื่อบำรุงครรภ์

มันเป็นสิ่งเดียวที่จะไถ่โทษที่เคยทำร้ายน้องชายคนนี้

“ดีแล้วล่ะ อีกไม่นานก็จะคลอดแล้วนะ ช่วงนี้ต้องระวังให้มากเลย” บาสแนะนำ

“ตอนคลอดภพ...ผมมีนพคอยดูแลอยู่ข้างๆ ตลอดเลย” ติณเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าๆ บาสลูบหัวปลอบโยน

“พี่กำลังหาทางติดต่อไอ้หมออยู่ ไอ้บ้าอันแม่ง...ยึดของไปหมด แต่พี่กำลังหาทางติดต่อกับคนข้างนอกให้เรา” ทั้งบาสและติณ ต่างก็ติดอยู่ที่นี่ทั้งคู่ ไม่มีเครื่องมือสื่อสารสักชิ้น อันดาทุ่มทุนทั้งหมดที่มี เพื่องานนี้โดยเฉพาะ

เพื่อลักพาตัวติณมากักขังไว้ ถึงขั้นยอมทิ้งทุกอย่างที่สร้างมากับมือ

คนประเภทไหนกันที่จะทำได้ขนาดนี้

“นายจะต้องได้เจอแฟนนายเร็วๆ นี้แหละ อย่ากังวล อย่าเครียด ผ่อนคลายไว้ เพื่อลูกนะติณ”

“ครับพี่บาส”

******

อันดากลับมาที่ไทยจริงๆ อย่างที่คิด ตั้งใจจะไปคุยกับนพให้รู้เรื่อง ต้องทำให้มันจบ

แม้มันจะไม่มีวันจบจริงๆ ก็ตาม

ตอนที่จู่ๆ อันดาก็โผล่มา หมอแทบช็อคตาตั้ง ไม่คิดว่าจะมีหน้ากลับมา ทั้งที่ลักพาตัวติณไปเกือบปี ทั้งตกใจและโกรธจนเผลอต่อยหน้าเพื่อนไปหลายหมัด แต่อันดาก็ยอมให้ต่อย ไม่โต้ตอบเลยสักครั้ง จนสุดท้ายหมอก็หมดแรง นั่งหอบอยู่บนพื้นห้อง

“มึงจะเอาไงวะไอ้อัน ทำไมต้องทำเหี้ยๆ แบบนี้”

“กูแค่...ไม่อยากเสียติณไป”

“แต่มึงก็เสียไปนานแล้วไง ตั้งแต่ที่มึงหายไปเป็นปีๆ มึงทิ้งทุกอย่าง ไม่กล้าเผชิญหน้ากับมันเอง! มึงปล่อยติณให้คนอื่นแล้ว โดยที่มึงไม่ทันรู้ตัว” หมอใช้แรงที่พอมีอยู่ลุกขึ้นกระชากคอเสื้อของเพื่อน

“เพราะติณไม่ยอมรับกู ไม่อยากให้กูเข้าใกล้...กูถึงต้องคอยดูแลอยู่ห่างๆ” สีหน้าของอันดาดูอ่อนระโหยโรยแรง ไม่เหลือเค้าความโหดเหี้ยมดุดันเหมือนแต่ก่อนเลยสักนิด

“มึงขี้ขลาดไง!”

“เออ กูยอมรับ” อันดาตะคอกใส่หน้าหมอ “กูขี้ขลาดที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับติณให้ถึงที่สุด! ถ้าตอนนั้นกูหว่านล้อมหรือบังคับให้ติณมาอยู่กับกู กูคงไม่ต้องเสียทั้งลูกทั้งเมียไปแบบนี้!”

“ใช่ และมึงไม่มีสิทธิเรียกร้องกลับคืนไปอีกแล้ว” หมอสะบัดมือออกจากคอเสื้อของอันดา “มันจบแล้วอัน คืนติณให้นพซะ ภพต้องการแม่ ตอนนี้ที่บ้านติณก็ยอมรับได้แล้ว ทุกคนกำลังจะมีความสุข”

“ไม่...”

“เหี้ยอัน!”

“ไม่จบหรอกหมอ”

“มึงหมายความว่าไง” หมอขมวดคิ้วอย่างสงสัย อันดาเงียบไปนาน ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยออกมาช้าๆ

“กูรู้แล้ว...เรื่องของไอซ์กับ...ผู้ชายคนนั้น”
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 24-02-2018 14:11:03
 ผู้ชายคนนั้น?เพิ่งสืบรู้เหรอ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 24-02-2018 14:40:27
ผู้ชายคนนั้น?เพิ่งสืบรู้เหรอ

นั่นสิ เพิ่งจะสืบรู้หรือไง โง่นะอันดาก่อนทำอะไรไม่สืบให้ดีเสียก่อน แล้วเป็นไงล่ะ บ้ามากๆๆๆๆๆ เลย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 24-02-2018 22:23:20
เดาทางเนื้อเรื่องไม่ถูกเลย :katai1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-02-2018 23:09:19
ผ่านมาตั้งนานหลายปี โง่มาหลายปี แต่มาฉลาดอะไรตอนนี้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: •♀NoM!_KunG♀• ที่ 25-02-2018 01:33:16
ยังจะทำอีกหรา เห้ออ!!
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 25-02-2018 01:46:49
ตั้งใจสืบป่ะเนี่ย กว่าจะรู้ความจริง จนภพโตขึ้นมากแล้ว ไอ้คนฉลาดอัน........... ฉลาดน้อยนิด  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-02-2018 08:23:01
 :z3:
ผู้ชายคนนั้น?เพิ่งสืบรู้เหรอ
เด๋วรู้ตอนหน้านะ อิๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-02-2018 08:24:15
 :haun4:
ผู้ชายคนนั้น?เพิ่งสืบรู้เหรอ

นั่นสิ เพิ่งจะสืบรู้หรือไง โง่นะอันดาก่อนทำอะไรไม่สืบให้ดีเสียก่อน แล้วเป็นไงล่ะ บ้ามากๆๆๆๆๆ เลย

ตอนนั้นปักใจเชื่อไปแล้ว ไม่คิดไรเลย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-02-2018 08:24:47
เดาทางเนื้อเรื่องไม่ถูกเลย :katai1:

เราก็เหมือนกัน==
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-02-2018 08:25:19
ผ่านมาตั้งนานหลายปี โง่มาหลายปี แต่มาฉลาดอะไรตอนนี้

ว่างจากการเมือง 555
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-02-2018 08:27:27
ยังจะทำอีกหรา เห้ออ!!

บร้าาาา
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 25-02-2018 08:28:23
ตั้งใจสืบป่ะเนี่ย กว่าจะรู้ความจริง จนภพโตขึ้นมากแล้ว ไอ้คนฉลาดอัน........... ฉลาดน้อยนิด  :katai1: :katai1:

นี่กะสร้างอันเพื่อให้คนด่า 5555 เลวต้องเอาให้สุด ทั้งโง่ทั้งเลวไปเล้ยยย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 25-02-2018 12:10:02
อันดา!!! เพราะไม่รู้จะหาคำไหนมาด่า..มันเยอะมากจริง ๆ  :m31:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 26-02-2018 07:49:21
อันดา!!! เพราะไม่รู้จะหาคำไหนมาด่า..มันเยอะมากจริง ๆ  :m31:

ด่าไปเผื่ออันจะดีขึ้น5555
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 24/2/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 08-03-2018 20:42:57
อย่าเพิ่งปาระเบิดใส่ไรท์ เพราะเรื่องยังไม่จบบบบบ อย่าเพิ่งนับศพทหารฮะ

พี่หมอมาแรงแซงโค้งมากงานนี้



16

หมอเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน “ผู้ชายคนนั้น? คนไหนวะ?”

 

“มึงไม่รู้จักหรอก กูก็เพิ่งรู้ข่าว เลขาฯที่บริษัทบอกว่ามีคนส่งข้อมูลพร้อมรูปถ่ายมันมาให้ และไอ้เหี้ยนี่แหละที่ทำให้ไอซ์ตาย!” อันดากัดฟันกรอด มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนด้วยความคับแค้น ที่แค้นที่สุดคือตัวเอง ที่ได้ทำร้ายคนที่รักทั้งที่ติณไม่ได้ทำอะไรผิดแม้แต่น้อย

 

“แล้วมึงจะทำไงต่อ จะทำแบบเดิมกับไอ้คนนั้น? มึงเอาให้ชัวร์ว่าใช่ตัวการแน่หรือเปล่า เดี๋ยวก็มั่วอีก” หมอรู้สึกแค่ปลง มากกว่าจะมานั่งแค้นใจ ตอนนี้มีเรื่องปวดหัวมากพอแล้ว “ในเมื่อรู้ว่าติณไม่ผิด มึงก็ควรจะรีบปล่อยตัวน้องมันกลับบ้านได้แล้ว ครอบครัวมันรออยู่ อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนไปมากกว่านี้เลยอัน กูขอร้อง”

 

อันดาเงียบไปนานมาก จนหมอต้องถอนหายใจพลางสลับท่ายืน

 

“เรื่องของไอซ์ มันผ่านไปนานมากจนกูไม่อยากไปคิดอะไรแล้ว ที่กูทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เพราะแค้นหรือโกรธเกลียดติณ”

 

“มึงหมายความว่าไง? มึงจะไม่ปล่อยน้องมันใช่มั้ย ไอ้อัน!” หมอกระชากคอเสื้อเพื่อนสนิทที่เคยร่วมหัวจมท้ายด้วยกันตั้งแต่สมัยเรียนอย่างเดือดดาล นัยน์ตาของอันดาดูเศร้าสร้อยและน่าเห็นใจ แต่มันก็เท่านั้น

 

ในเมื่อความรู้สึกของติณไม่ได้มีให้ผู้ชายคนนี้ แต่เป็นอีกคน

 

ก็ควรจะปล่อยมือได้แล้ว

 

อันดาปัดมือของหมอออก “ขอเวลากูอีกสักพัก แล้วกูจะปล่อยติณกลับมาเอง อย่าทำอะไรเด็ดขาด”

 

******

 

หมอนั่งครุ่นคิดอยู่คนเดียวอย่างเงียบเชียบภายในห้องพัก สมาร์ทโฟนในมือขึ้นชื่อของ นพดล คนที่เขาห่วงใยมากที่สุดตอนนี้ นพเอาแต่เป็นห่วงติณจนแทบไม่หลับไม่นอน งานการก็ต้องพักยาว ด้วยความเครียด สภาพร่างกายอ่อนล้าลงทุกวัน

 

หมอยอมรับว่า ถ้าหากติณอยู่กับอันดา ตัวเขาก็อาจจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดดูแลนพ แต่...ถ้านพต้องตรอมใจตายเพราะไม่ได้เจอติณ หมอยอมให้ติณกลับมาดูแลนพเองจะดีเสียกว่า

 

บางครั้ง ความรักก็ไม่จำเป็นต้องได้รับสิ่งตอบแทน

 

แต่ก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้คาดหวัง

 

สุดท้าย คืนนั้นหมอก็ยังไม่โทรบอกเรื่องใดกับนพ ปล่อยให้เวลาเป็นตัวตัดสินทุกอย่างด้วยตัวมันเอง

 

******

 

“นพ ไหวมั้ยลูก ไปหาหมอดีมั้ย?” เสียงคุณหญิงแม่ดังแว่วๆ อยู่ในหัว นพกลอกตาไปมาอย่างอิดโรย สองสามวันมานี้ร่างกายอ่อนเพลียจนไม่มีแรงจะลุกไปไหน ได้แต่นอนซมอยู่บนเตียง ดีที่อยู่บ้านใหญ่ของพ่อแม่ของติณ ไม่อย่างนั้นลำพังเด็กตัวนิดเดียว คงดูแลพ่อของตัวเองไม่ไหว

 

“พ่อนพเป็นอะไรครับคุณยาย” ภพคลานขึ้นไปนั่งบนตักคุณยาย มองดูพ่อที่นอนป่วยบนเตียงอย่างห่วงใยตามประสาเด็ก

 

“มีไข้น่ะลูก ยายว่าโทรหาลุงหมอมาดูดีกว่า” คุณยายของน้องภพอุ้มเจ้าตัวเล็กลงจากตัก จับให้นั่งบนเตียงเฝ้าคนป่วยไว้ แล้วเดินหลบไปโทรศัพท์หาหมอที่ชื่อหมอ ให้มาดูอาการคนป่วย

 

หมอรีบร้อนออกจากโรงพยาบาลมาที่บ้านของติณในเย็นนั้น และเมื่อมาถึง ตรวจอาการคนไข้เรียบร้อยก็ค่อยโล่งอก

 

“พักผ่อนน้อย เลยเป็นหวัดน่ะครับ ให้ยาลดไข้แล้ว นอนพักสักคืนก็คงดีขึ้น”

 

“โล่งอกไปที แม่ก็นึกว่าเป็นอะไรมาก ให้กินข้าวก็ไม่ยอมกิน อาการเลยแย่กว่าที่ควรสินะ” คุณหยิงแม่ชะโงกดูคนป่วยสีหน้ากังวล

 

“ก็อย่างนั้นล่ะครับ คืนนี้ผมอยู่เฝ้าให้เอง คุณแม่ไปพักผ่อนเถอะครับ” หมอยิ้มบางๆ ให้แม่ของติณ

 

เจ้าตัวเล็กที่ยืนฟังอยู่นานแล้ว คว้าชายเสื้อเชิ้ตของหมอแล้วกระตุกเรียก “ลุงหมอ น้องภพอยู่เฝ้าพ่อนพด้วยได้มั้ยฮะ”

 

“ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวติดหวัดจะแย่เอานะ”

 

“แล้วทำไมลุงอยู่เฝ้าได้ล่ะฮะ ไม่กลัวติดเหรอ” ภพจ้องหมอตาแป๋ว คนถูกถามก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ

 

“ลุงเป็นหมอนะ ไม่ติดหวัดง่ายๆ หรอกน่า ไปกับคุณยายนะครับเด็กดี คุณพ่อจะได้หายไวๆ” มือใหญ่ดันหลังเล็กๆ ที่ยังเอี้ยวตัวมามองพ่อที่นอนอยู่บนเตียงอย่างโหยหา แต่สุดท้ายก็ยอมให้คุณยายจูงมือออกจากห้องไป

 

แสงไฟสลัวเรือนรางจากโคมไฟเล็กๆ ที่หัวเตียง ไม่ได้ช่วยให้ห้องสว่างมากขึ้นเท่าใดนัก แต่หมอจำเป็นต้องเปิดไว้ เพื่อคอยสังเกตอาการของคนไข้ กะว่าถ้าตื่นมาเมื่อไหร่ จะบังคับให้กินข้าวต้มกับเกลือแร่

 

คนไข้ของหมอตื่นมาตอนเกือบๆ สองทุ่มครึ่ง ด้วยอาการมึนงงเพราะนอนหลับไปนานด้วยฤทธิ์ยา

 

“เป็นไงมั่ง?” หมอตรงเข้าไปช่วยพยุงร่างที่ผ่ายผอมลงไปมากของนพให้นั่งพิงหัวเตียง

 

“มึนๆ ครับ” นพตอบ สีหน้าเหยเก

 

“ยังปวดหัวอยู่มั้ย ตัวนายเย็นลงแล้ว เหงื่อชุ่มเชียว” เพราะปิดแอร์และให้คนป่วยห่มผ้าหนาๆ เพื่อให้เหงื่อออก แม้หมอจะร้อนก็ยอมทน

 

“นิดหน่อยครับ พี่หมอ...ไม่กลับบ้านเหรอ” นพถามน้ำเสียงแหบแห้ง หมอหยิบแก้วน้ำมาให้ดื่ม และเลื่อนชามข้าวต้มมาใกล้ๆ

 

“คืนนี้พี่จะอยู่เฝ้านาย กินข้าวหน่อยสิ อย่าทรมานตัวเองแบบนี้” หมอว่าพลางยกชามข้าวต้มมาให้ “ให้พี่ป้อนนะ”

 

“ผมไม่หิว” นพปฏิเสธทันที

 

หมอขมวดคิ้ว สีหน้าดุดัน “ต้องกิน! ถ้านายตายขึ้นมา ภพกับติณจะอยู่ยังไง”

 

คนไข้ได้แต่ก้มหน้านิ่ง “ถ้ายังไม่เห็นหน้าติณ ผมก็กินอะไรไม่ลงหรอก”

 

“อย่าดื้อ!” หมอขึ้นเสียงใส่อย่างเหลืออด นพสะดุ้งเล็กน้อย เพราะพิษไข้รุมเร้า ทำให้สีหน้าซีดเซียว เห็นหน้าแบบนั้นแล้วหมอก็ค่อยใจเย็นลง “สักสามสี่คำนะครับ”

 

นพไม่ตอบ

 

“คำเดียวก็ได้”

 

ช้อนยื่นมาจ่ออยู่ที่ปาก นพเหลือบมองหน้าของพี่หมอที่แสนใจดี ก่อนจะยอมรับข้าวต้มจืดๆ เข้าปากในที่สุด หมอยิ้มออกมาอย่างดีใจ

 

“อีกคำนะ”

 

“ไหนพี่บอกว่าคำเดียว” นพขมวดคิ้ว มองหน้าหมอ

 

“ไหนๆ ก็กินได้แล้ว ก็กินให้หมดสิครับ นะนพ เด็กดีของพี่หมอ” รอยยิ้มหวานๆ กับดวงตาทอประกายของหมอ ทำให้คนไข้รู้สึกขัดเขินแปลกๆ โดยเฉพาะวิธีเรียกแบบนั้น

 

“ผมไม่ใช่เด็กสองขวบสักหน่อย” นพสะบัดเสียงเบาๆ และคำพูดของนพก็เข้าทางพี่หมอพอดี

 

“ถ้าไม่ใช่เด็กสองขวบ ก็ต้องพูดกันรู้เรื่อง ยอมกินข้าวต้มและเกลือแร่ที่พี่เตรียมไว้ให้หมด นะครับคนดี” รอยยิ้มหวานๆ ถูกส่งมาอีกครั้งพร้อมช้อนข้าวต้ม นพรู้สึกทำหน้าไม่ถูก ในเมื่อไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรแล้ว ก็เลยยอมกินจนหมด เพราะจริงๆ ท้องก็หิวอยู่เหมือนกัน

 

นพนึกถึงตอนที่อยู่กับติณในห้องเช่าแคบๆ ช่วงที่ติณท้องและพยายามจะทำให้ตัวเองแท้ง ทั้งยังหาวิธีสารพัดที่จะฆ่าตัวตาย ทำให้นพต้องคอยปลอบประโลมอยู่หลายครั้งกว่าติณจะยอมกินข้าวปลาอาหารตามปกติและกลับมาสดใสเหมือนเดิม

 

สิ่งที่พี่หมอทำให้ในวันนี้ ล้วนแต่ทำให้ความทรงจำเหล่านั้นไหลย้อนกลับมาในหัวของนพ

 

แล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเองโดยไม่รู้ตัว

 

หมอนิ่งอึ้งเมื่อเห็นคนไข้นั่งร้องไห้อย่างไร้เสียง เพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินเป็นสาย หยดลงบนผ้าห่มที่คลุมช่วงเอวไว้ จะให้ทนดูคนที่ตัวเองรักร้องไห้ได้อย่างไร

 

ต้องบอก

 

ไม่ว่ายังไงก็ต้องบอก

 

เรื่องของติณ

 

“นพ...คือพี่...”

 

“พี่หมอ ผมคิดถึงติณ คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว ทำยังไงถึงจะได้คืนมา!!!”

 

จู่ๆ คนไข้ก็โผเข้ามากอดเสียแน่น ความอุ่นชื้นที่บ่าทำเอาหมอไม่กล้าขยับไปไหน ได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้อีกคนกอดไว้อย่างนั้น แรงกอดมากขึ้น และเสียงร้องไห้ของนพก็ดังสะท้อนอยู่ในอก บาดลึกเข้าไปในหัวใจ

 

“ใจเย็นๆ นะนพ...”

 

“ผมจะไปตามหาติณ ต้องไป ต้องไปตามหาติณ! ยังไงก็ต้องไป ต้องหาให้เจอ!” นพผละออกจากหมอ ลุกจากเตียงและจะเดินไปเก็บกระเป๋าเสื้อผ้า กว่าหมอจะตั้งสติได้และวิ่งตามไปยื้อไว้ก็หลายนาทีหลังจากนั้น

 

“พี่บอกให้ใจเย็นๆ ไง!” หมอตะโกนสุดเสียง โชคดีที่บ้านนี้ทำห้องแบบเก็บเสียง ไม่รบกวนคนอื่นที่อาจจะนอนหลับอยู่

 

“ไม่! ผมจะไปตามหาติณที่แคนาดา ผมเชื่อว่าผมต้องหาเจอ!” นพรื้อเสื้อผ้าออกมายัดใส่กระเป๋าเดินทางอย่างลวกๆ ทั้งที่หน้าซีด มือสั่น

 

“จะบ้ารึไง! ไปทั้งที่ไม่มีจุดหมาย ก็เท่ากับไปตายเปล่านะนพ อีกไม่นานติณต้องได้กลับมาเชื่อพี่สิ!” หมอพยายามรื้อเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางที่นพยัดพวกมันเข้าไป ยื้อกันไปมาอยู่นั่น

 

“ผมเชื่อพี่มากี่ครั้งแล้ว! ปล่อยผมไปสักที!” นพตวาดลั่น นัยน์ตาแข็งกร้าวแดงฉานและเอ่อท้นด้วยน้ำตาแห่งความทุกข์ทรมาน ริมฝีปากซีดจางเม้มแน่นสั่นระริก “ให้ผมไปหาติณสักที...”

 

“พี่ไม่ให้ไป!” หมอคว้าแขนสองข้างของนพกดลงกับประตูตู้เสื้อผ้า ดวงตาทั้งสองคู่จ้องกันไม่ลดละ

 

“พี่หมอ ปล่อยผมเถอะ...” น้ำเสียงเว้าวอนและน้ำตาที่เอ่อคลอเกือบทำให้หมอใจอ่อนยวบ

 

“ถ้าพี่ปล่อย นายก็จะหนีไป”

 

“ผมไม่ได้หนี! ผมแค่จะไปตามหาติณ!” นพเริ่มดิ้นรน แต่หมอก็ยังกดแขนไว้แน่น ไม่ต้องออกแรงมากมายด้วยซ้ำ เพราะสภาพนพตอนนี้ให้ดิ้นยังไงก็สู้หมอไม่ไหว

 

“ก็นั่นแหละ ที่พี่จะไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด!”

 

“อย่ามาห้ามผม!” อาจจะเพราะความเครียดและพิษไข้ ทำให้นพไม่เหมือนนพคนเดิมที่เคยว่าง่าย แขนข้างหนึ่งดิ้นจนหลุด เพราะหมอไม่ได้อยากทำให้เจ็บ เลยไม่กล้าใช้แรงเต็มที่ พอแขนหลุดไป นพก็เอามือผลักอกหมอเท่าที่แรงจะมี

 

“นพ!” หมอพยายามจะคว้าแขนนั้นไว้อีกครั้ง แต่นพก็ไม่ยอมท่าเดียว สุดท้าย เมื่อการยื้อยุดกันมาถึงขีดสุด หมอที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้วก็ใช้ร่างกายของตัวเองทั้งตัวโถมเข้าใส่ พร้อมกับใช้วิธีเดียวในตอนนี้ที่จะกำราบความดื้อด้านของนพได้

 



“อื้อ!” ริมฝีปากของนพถูกประกบแนบสนิท ร่างทั้งร่างแข็งเกร็ง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก “พี่...” ลิ้นร้อนๆ ถูกส่งเข้ามาทันทีที่อ้าปาก ร่างกายสั่นสะท้านไร้เรี่ยวแรงขัดขืน มือของหมอเลื่อนขึ้นไปกุมฝ่ามือของนพออกแรงบีบคลึงเบาๆ นพข่มตาลงปิดสนิท ไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

 

******

 

ท่ามกลางพายุหิมะพัดกระหน่ำ อากาศภายในห้องพักของติณก็ยังคงความอบอุ่นสม่ำเสมอ

 

ไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหนบนโลก

 

จะต้องคลอดเด็กคนนี้ในที่ที่หนาวเหน็บแบบนี้

 

มือลูบไล้ท้องที่โตขึ้นมาจนแทบปริอย่างแผ่วเบา

 

ลูกของนพ คนที่รักมากที่สุด

 

“อีกไม่นาน เราจะได้เจอหน้ากันแล้วนะ จะตั้งชื่อว่าอะไรดี?” ติณเอ่ยเบาๆ พลางลูบท้องตัวเองและเหม่อมองไปในพายุหิมะนอกหน้าต่าง

 

อยากให้นพอยู่ข้างๆ

 

อยากให้นพเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้เอง

 

แต่...ก็ได้แค่คิด

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-03-2018 00:29:19
อ้าวพี่หมอ จับนะกดเฉยเลย :hao4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 09-03-2018 02:40:02
วุ่นดีแฮะ นพคงได้คู่กับพี่หมอแน่ ๆ ลูกนังอันอยู่กับนพ ส่วนลูกนพที่ยังไม่คลอดอยู่กับนังอัน  :really2:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2018 03:54:39
นพกับพี่หมอ.... อมก  :hao5: ตกลงจะได้คู่กันจริงๆใช่ไหม

แต่ก็กลัวจะมีหักมุม...
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-03-2018 10:39:05
ใกล้จบแล้วววว

17
นพลืมตาขึ้นอีกครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังเป็นคนคนเดิม เขายกแขนขึ้นใช้ศอกดันอกอีกคนออกห่าง

“ปวดหัว จะนอน ช่วยออกไปที” น้ำเสียงของนพห้วนกว่าปกติ คล้ายกับไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่โดนทำให้สงบลงด้วยวิธีพิลึกพิลั่นของหมอ

“ก็นอนสิ พี่จะอยู่เฝ้า” หมอไม่ได้ยียวนกวนประสาทให้นพยิ่งปวดหัวหนักกว่าเก่า เพียงแค่พูดในสิ่งที่ตั้งใจจะทำจริงๆ โดยไม่มีเจตนาแอบแฝง

“เฝ้าทำไม ผมไม่หนีไปไหนหรอกน่า” นพทิ้งตัวลงบนเตียง ยังไม่นอน แค่นั่งห้อยขา สายตามองไปที่พื้นเหมือนมีอะไรน่าสนใจนักหนา

“ไม่ได้เฝ้าเพราะคิดว่าจะหนี พี่แค่เฝ้าคนป่วย” หมอตอบหน้านิ่งพลางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง คืนนี้จะอยู่เฝ้าแบบไม่หลับไม่นอน เหมือนเวลาอยู่เวรที่โรงพยาบาล

“มันรบกวน...ผมนอนไม่ได้” คนป่วยดูท่าจะดื้อไม่น้อย หมอถอนหายใจหน่ายๆ

“คิดซะว่าไม่ได้อยู่ตรงนี้สิ”

“จะให้คิดแบบนั้นได้ยังไง! ออกไป!” อัยการหนุ่มขึ้นเสียงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ยิ่งกับคนที่เคยเคารพมากอย่างพี่หมอแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ตวาดไล่แบบไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย

หมอขยับแว่นตาให้เข้าที่ เหลือบสายตามองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ ก่อนจะยอมลุกออกไปจากห้องนั้นอย่างเงียบๆ

******

“ไอ้อันให้คนมาแจ้งข่าวว่ากลับมาไม่ได้เพราะติดพายุหิมะ นี่คือโอกาสดีที่เราจะหาทางติดต่อไอ้หมอแล้วล่ะ ติณ” บาสนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในที่ที่ไม่มีทั้งสัญญาณโทรศัพท์และอินเตอร์เนต เพราะก่อนอันดาจะออกเดินทาง ได้ตัดช่องทางการติดต่อสื่อสารทั้งหมดไว้ ทำให้บาสต้องหาวิธีอื่นอยู่นาน

“พี่บาส...เอามือถือมาจากไหนอ่ะ” ติณซึ่งได้ออกจากห้องเพราะบาสไปเปิดให้ มองดูมือถือในมือบาสด้วยความสงสัย แต่ไม่ต้องรอคำตอบแล้ว เพราะเห็นคนที่นอนสลบเหมือดอยู่บนพื้นด้านหลังเข้าพอดี

“ไม่ตายหรอก แค่สลบ” บาสพูดเสียงเรียบ พยายามนึกเบอร์โทรของหมอ “ให้ตายดิวะ ถึงมีมือถือก็เท่านั้น ในเมื่อจำเบอร์ไม่ได้”

“งั้นโทรหานพ ผมจำเบอร์เขาได้”

“โอเค”

******
ตรู๊ดดด~

นพที่เพิ่งนอนหลับไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดี ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงโทรศัพท์ สายตาเหลือบไปเห็นคนที่นั่งกอดอกสัปหงกอยู่ที่เก้าอี้ข้างเตียง นพถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย หมอคงเข้ามาตอนเขาหลับ

“อือ...” ดูเหมือนอีกคนในห้องที่กำลังนั่งหลับจะได้ยินเสียงเดียวกัน หมอลืมตาขึ้น เห็นนพกำลังควานหามือถือในแสงไฟสลัวๆ ตรงหัวเตียงก็อมยิ้มอย่างเอ็นดู “อยู่นี่”

นพเงยหน้ามองไล่สายตาลงมาที่มือขาวๆ ของพี่หมอ เมื่อเห็นสมาร์ทโฟนคุ้นตาก็รีบคว้าไป “ขอบคุณครับ” ยังไงนพก็ยังเป็นนพวันยันค่ำ แม้จะไม่ค่อยพอใจหมอเท่าไหร่ แต่ความเคารพที่เคยมียังไม่ได้จางหายไปมากนัก

เบอร์แปลกๆ ที่โทรเข้ามาทำให้นพต้องขมวดคิ้วอย่างชั่งใจว่าจะรับดีหรือไม่ แต่ติณอาจจะหาทางติดต่อมา ก็เลยตัดสินใจรับสาย

[นพ! นี่ติณนะ!] เสียงที่แสนคิดถึงทำเอาน้ำตาแทบไหล นพครางรับเพราะเจ็บคอจนพูดไม่ค่อยออก ทั้งที่อยากจะถามว่าอยู่ที่ไหน เป็นยังไงบ้าง [ติณอยู่กับพี่บาส! ปลอดภัยดีมาก แล้วก็...]

“แล้วก็?”

[ลูกของเรา ใกล้คลอดแล้วนะ ติณอยากให้นพเป็นคนตั้งชื่อเด็กคนนี้]

นพนิ่งอึ้ง “ลูกของเรา?”

หมอเองก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินที่นพทวนคำของติณ

[อือ ลูกของติณกับนพไง ตอนโดนพามาที่นี่ติณท้องอยู่ พี่อันก็เลยทำอะไรไม่ได้ แค่ขังติณไว้ในห้อง]

“จริงๆ เหรอติณ ลูกของเรา...นพอยากเห็น...จะได้เห็นหน้าลูกมั้ย?” เสียงของนพสั่นเครืออย่างยากจะห้าม น้ำตาที่คิดว่าจะไม่ให้ไหลก็ไหลพร่างพรูออกมา อยากสัมผัสติณ อยากโอบกอดไว้ อยากฟังเสียงเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องของคนที่รัก

ลูกของเรา

[ต้องได้เห็นสิ ต้องได้เห็นแน่ๆ ติณดูแลเขาอย่างดีเลย พี่บาสช่วยตรวจให้ตลอด เขาแข็งแรงดีมาก ติณอยากให้นพตั้งชื่อเขา เพราะไม่รู้ว่าจะได้กลับไปคลอดที่ไทยรึเปล่า] ติณพูดรัวเร็วจนแทบจับใจความไม่ทัน แต่นพก็พยายามตั้งใจฟังทุกคำ

พอคิดถึงเรื่องชื่อของลูก นพก็นึกถึงตอนที่ติณคลอดภพขึ้นมา ความรู้สึกผิดถาโถม เพราะตนคือคนที่แย่งชิงติณมาจากอันดา แม้อันดาจะทำเลวร้ายกับติณไว้ จนติณไม่อยากให้อภัย แต่ผู้ชายคนนั้นก็รักติณจริงๆ

“ติณ...นพมีเรื่องที่ไม่ได้บอกติณหลายเรื่องเลย”

ติณนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง [อืม...]

“ที่จริงแล้ว...”

คำสารภาพทั้งหมดราวกับทะลักหลั่งออกจากริมฝีปากซีดจาง หมอนิ่งฟัง และติณที่อยู่ปลายสายก็เช่นกัน

“ผม...ขอโทษนะ” มันคือคำสุดท้ายที่นพอยากบอกที่สุดในตอนนี้

ติณยังคงเงียบ ไม่ได้รู้สึกโกรธ ไม่ได้เสียใจ เพียงแค่แปลกใจที่จู่ๆ นพก็เล่าเรื่องพวกนั้นออกมาเอง ทั้งที่ไม่จำเป็น ในเมื่อติณรักนพ และนพก็รักติณ มันไม่จำเป็นจะต้องมีคนอื่นเข้ามาแทรกอีกต่อไปแล้ว

[ติณจะต้องพาลูกของเรากลับบ้านให้ได้ นพรอติณนะ ติณรักนพนะครับ รักมากที่สุดในโลก รักยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น] [ติณ! มีคนมา!] [นพ! แค่นี้นะ เจอกัน]

สายตัดไปแล้ว

นพยังถือสายค้างไว้ แค่รู้ว่ายังปลอดภัยดี ก็เหมือนจะหายห่วง แต่พอบอกว่ามีลูกในท้อง กลับยิ่งเครียดหนักกว่าเดิม

กลัว

กลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก

กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้าลูก

กลัว

กลัว

“ฮืออออ” ทั้งปวดหัว ทั้งเครียด ทั้งคิดถึง ทั้งห่วงหา ความรู้สึกทั้งหมดปนเปกันจนแยกไม่ออก นพปล่อยมือถือตกจากมือ นั่งกุมหัวอย่างทรมาน หมอเห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปดูอาการ

“เป็นอะไร? ปวดหัวมากเลยเหรอ?”

ลูกของเรา

คำพูดนั้นยังสะท้อนอยู่ในอก แต่หมอก็พยายามข่มความรู้สึกที่มีเอาไว้ ต่อให้นพรักใครหรือมีลูกกับใคร ก็จะดูแลให้ถึงที่สุด จนกว่าติณจะกลับมา

“ผมคิดถึงติณ...อยากเจอ อยากเจอจนจะทนไม่ไหวแล้ว พี่หมอ” นพเงยหน้าขึ้นสบตา น้ำตาไหลอาบแก้ม หมอชะงักกึก เจ็บปวดที่หัวใจเหลือเกิน

ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้

มันผิดพลาดที่ตรงไหน เมื่อไหร่

ถ้าหยุดไว้แต่แรก

ถ้ายอมรับว่ารักคนคนนี้แต่แรก

ถ้าแย่งมาจากติณตั้งแต่แรก

มันคงไม่เป็นแบบนี้

หมอกอดร่างผอมซูบซีดของนพไว้แนบอก กอดแน่นจนแทบจมหายไปในร่างของตน ทำได้แค่กอดเอาไว้...แค่นั้น

******

อันดาที่ตอนแรกติดพายุหิมะจนเข้ามาในเขตที่ติณอยู่ไม่ได้ กลับโผล่มาอย่างกะทันหัน

“เตรียมหาทางหนีกันรึไง” เสียงนั้นเอ่ยถามอย่างเย็นชา แววตาของอันดามองบาสอย่างขุ่นเคือง แต่กลับมองติณด้วยความเจ็บปวด

“พี่อัน...” ติณหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ตรงหน้า บาสเข้ามายืนคั่นกลางระหว่างสองคน ด้วยจรรยาบรรณ จะต้องปกป้องทั้งแม่และลูกไว้ให้ได้ หากว่าอันดาคิดจะใช้กำลัง

“ไอ้บาส ถอยไป” อันดากระชากเสื้อเชิ้ตของบาสจนตัวปลิว ทั้งรูปร่างและพละกำลังต่างกันเกินไป บาสเองก็รู้ว่าไม่มีทางสู้ผู้ชายตรงหน้าได้เลย

“อัน กูขอ อย่าทำอะไรติณเลยนะ ปล่อยน้องมันเถอะ”

“มึงร่วมมือกับกูมาตั้งขนาดนี้แล้ว บาส ยังจะมาสำนึกผิดชอบชั่วดีอะไรอีก” อันดาตวาดเสียงแข็ง “ติณ มาหาพี่” มือหนายื่นออกไปหา

ติณหลบอยู่หลังบาส คอยลูบท้องตัวเองอย่างปลอบประโลม

“กลับห้องกับพี่นะติณ อย่าทิ้งพี่ไปไหนอีก” น้ำเสียงนั้นอ่อนลง ติณใจเต้นรัว ทั้งกลัวและเกร็ง

“อัน ติณต้องผ่าตัดคลอดในโรงพยาบาลที่เครื่องมือแพทย์พร้อมกว่านี้ ให้ติณกลับบ้าน หรืออย่างน้อยก็ไปอยู่ในเมือง กูขอร้อง นะไอ้อัน” บาสยังคงอ้อนวอนเพื่อน แม้อันดาจะไม่ได้สนใจฟัง เพราะสายตามองแค่ติณ และเหมือนจะเห็นและได้ยินแค่เสียงของติณเท่านั้น

“พี่บาส...” ติณคว้าชายเสื้อของบาสไว้แน่น เหงื่อไหลชุ่มโชกที่ฝ่ามือและบนแผ่นหลัง ท้องที่โตขึ้นผิดปกติแข็งเกร็ง

“อัน ให้ติณไปโรงพยาบาล! หรือมึงอยากให้น้องมันตาย!”

ผลั่ก

ร่างของบาสกระเด็นไปกระแทกขอบโต๊ะทันทีที่พูดจบ อันดากระชากแขนของติณอย่างแรง ฉุดดึงให้เดินตามกลับไปที่ห้อง ไม่สิ กรงขังต่างหาก

“พี่อัน...พี่บาส...” ติณไร้เรี่ยวแรงจะต้านทาน ห่วงแต่ลูกในท้องจะกระทบกระเทือน จึงยอมตามอันดาไป ทว่า...

กล้ามเนื้อหน้าท้องจู่ๆ ก็บีบรัดเป็นระยะ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“โอ๊ยยยยย” ติณทรุดเข่าลงบนพื้น อันดาตกใจหันไปมอง มือข้างหนึ่งของติณกุมท้องตัวเอง สีหน้าเจ็บปวดร้องครวญคราง

“ไอ้อัน ถอยไป!” บาสรีบวิ่งเข้ามาประคองติณ อันดาอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก บาสร้องบอกเสียงดัง เพื่อให้อันดาได้สติ “พาติณไปโรงพยาบาล เดี๋ยวนี้!!!”

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-03-2018 10:40:32
อ้าวพี่หมอ จับนะกดเฉยเลย :hao4:
ยางงงงงงงงไม่ได้กานนนน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-03-2018 10:42:02
วุ่นดีแฮะ นพคงได้คู่กับพี่หมอแน่ ๆ ลูกนังอันอยู่กับนพ ส่วนลูกนพที่ยังไม่คลอดอยู่กับนังอัน  :really2:
อิๆ ตัดสินใจเร็วไป๊
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-03-2018 10:42:41
นพกับพี่หมอ.... อมก  :hao5: ตกลงจะได้คู่กันจริงๆใช่ไหม

แต่ก็กลัวจะมีหักมุม...

อีกนิดจะได้รู้ละ อิๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 8/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 09-03-2018 12:47:19
อ้าว อะไรยังไงกันเนี่ย  :katai1:  :ling2:

มองไม่เห็นทางเลยว่าตอนจบจะเป็นแบบไหน เดาทางไม่ถูก

จะว่าจับทางได้แค่ติณกับนพรักกัน ฮือ ดีไม่ดีอาจแบดเอนมะ?

หรือตอนจบนพกับติณรักกันเหมือนที่คาดเดาตอนแรกแน่เลย แง้

รออ่านตอนจบเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 9/3/18
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 09-03-2018 14:39:03

อาจจะดูงงๆ ไม่ค่อยเคลียร์เท่าไหร่ แต่จงใจให้มันเป็นงี้แหละ จบเหมือนไม่จบ
ตบตีเราได้ตามสบาย ฮ่าๆ

18
“ผมเป็นหมอ ผมจะผ่าเอง! เอาใบอนุญาตไปตรวจสอบได้เลย!” บาสยื่นใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม รวมทั้งใบประกอบโรคศิลปะ ทั้งหมดที่มีให้ทางโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ

“มีห้องผ่าตัดว่างอยู่ค่ะ คุณหมอ เอ่อ หมอพีรพัฒน์ นะคะ” พยาบาลสาวผมทองตอบกลับมาด้วยภาษาอังกฤษและโทรติดต่อขอเปิดห้องผ่าตัดรอ “คุณหมอต้องการอะไรอีกแจ้งเจ้าหน้าที่ได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณ”

“บาส!” อันดาวิ่งตามเพื่อนมาที่ห้องผ่าตัด “ต้องใช้เลือดสำรองใช่มั้ย ไอ้หมอเคยบอกกูไว้ เอาเลือดกูไปใช้”

“เออ มึงไปแจ้งพยาบาลตรงนั้นเลย ด่วน!” บาสชี้ไปทางเคาน์เตอร์ที่มีพยาบาลนั่งอยู่แล้วรีบเข้าห้องผ่าตัดไป

ครั้งแรกที่เข้าห้องผ่าตัด มีนพคอยให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ตอนที่ต้องนอนพักรอผ่าตัด ระหว่างที่หลับไป นพก็คอยอยู่เคียงข้าง

ตอนนั้น คุณอันดาก็อยู่ด้วย

ติณไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่นพบอก แต่นพไม่เคยโกหก

คุณอันดาเป็นห่วงติณมาก เขาเป็นคนให้เลือดติณตลอดการผ่าตัด และคนที่ตั้งชื่อให้ภพ ก็คือ เขา

ดวงตาของติณเริ่มพร่าเบลอ ยาสลบใกล้ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว การผ่าตัดกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้

นพ

เปลือกตาของติณค่อยๆ ปิดสนิทลง

“เริ่มได้!”

******

“ติณ!!!!” นพตื่นจากฝันร้าย เหงื่อไหลชุ่มโชกทั่วร่าง หน้าตาตระหนกตกใจ เสียขวัญอย่างหนัก หมอรีบลุกเข้าไปดู สองมือโอบประคองไหล่ของนพ

“ไม่เป็นไรนะครับ มันก็แค่ฝัน”

“พี่หมอ...ติณ...อยู่ที่ไหน...อยู่ไหน...ผมอยากเจอติณ...อยากเจอ...” ริมฝีปากซีดจางสั่นเกร็ง น้ำตาร่วงเผาะพร่างพรู นพกอดหมอไว้แน่น ร้องไห้จนหลับไป

เป็นแบบนี้มากี่คืนแล้ว ตั้งแต่ที่ติณติดต่อมา แทนที่จะทำให้นพอาการดีขึ้น มันกลับยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ

หมอคิดอย่างเหนื่อยใจ ประคองร่างผอมบางลงนอนบนเตียงนุ่ม ห่มผ้าให้และจูบเบาๆ ที่หน้าผากชื้นเหงื่อ

นพเคยเป็นเด็กสดใส ร่าเริง ใสซื่อ และน่ารัก เวลาพูดถึงเรื่องของติณ จะอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ รอยยิ้มของนพอบอุ่น อ่อนโยน

ไม่แปลกที่ติณจะรู้สึกดีกับนพ มีคนดีๆ ให้รัก มันย่อมดีกว่าจมปลักอยู่กับอดีตที่ลบล้างไม่ออก

แต่ตอนนี้ สภาพของนพที่เหมือนซากศพเดินได้ จิตใจที่ห่อเหี่ยว เพราะขาดอากาศและน้ำอย่างติณคอยหล่อเลี้ยง ทำให้หมอเริ่มไม่แน่ใจ ว่าการที่ปล่อยให้ทั้งคู่ผูกสัมพันธ์กันแน่นแฟ้นขนาดนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้อง

แน่นอนว่าอันดาเป็นคนผิดทั้งหมด เรื่องทุกอย่างมันเริ่มจากคนคนนั้น

และหากว่านพ กล้าพอที่จะบอกความจริงเรื่องของอันดาให้ติณฟังแต่แรก

เรื่องมันอาจจะดีกว่านี้

หรือเปล่า

มือขาวของหมอลูบไล้ที่เส้นผมอ่อนนุ่มและแก้มเนียนของนพอย่างอ่อนโยน ด้วยความรัก

ถ้าตอนนั้นตอบอันดาไปว่า ใช่ เขารักนพ

เรื่องมันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรกันนะ

******

“พี่หมอครับ คุณนพ เอ่อ อาการเป็นยังไงบ้าง”

หมอหันไปมองชายหนุ่มหน้าคมสันที่ยืนทำหน้ากระอักกระอ่วนอยู่ด้านหลัง แอมป์ไม่กล้าสบตาหมอตรงๆ ไม่ใช่ว่ารู้ตัวแล้วว่าหมอรู้เรื่องที่ตัวเองเคยทำไว้ แต่เพราะความรู้สึกผิดบาปที่มันกัดกินในใจแค่นั้น

“ก็ยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่กำลังจะไปเอายามาเพิ่ม” หมอมองหน้าแอมป์นิ่งๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคนคนนี้ ไม่ทั้งโกรธ เกลียด เห็นใจ หรือสมเพช

“คือ แล้วเรื่องติณ” แอมป์ถูมือไปมาอย่างร้อนรน

“ยังติดต่อไม่ได้ พี่ชายของไอซ์ ขาดการติดต่อกับพี่ไประยะหนึ่งแล้ว พี่กำลังพยายามหาทางอยู่” ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากอันดากลับไปครั้งนั้นก็หายเงียบไปอีก แถมอาการของนพก็ทรุดลง ทั้งที่แค่เป็นหวัดธรรมดาทีแรก ตอนนี้กลายเป็นโรคเครียด และหวุดหวิดจะถึงขั้นซึมเศร้า หมอจึงคิดว่าควรต้องเตรียมหาจิตแพทย์มาช่วยอีกแรง

“ครับ” แอมป์พยักหน้ารับรู้ สีหน้าสลดลงอย่างมาก หมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถและขับออกไป

******

อากาศหนาวจัด

แต่ในห้องยังคงอบอุ่นด้วยฮีทเตอร์ทำความร้อน

บาส นั่งกอดอกเอนหัวพิงอยู่ที่โซฟา

ติณกวาดสายตามองไปรอบห้องอย่างอ่อนระโหยโรยแรง

ร่างกายชาหนึบ แค่ขยับเพียงนิดก็เจ็บร้าวไปทั้งร่าง

น้ำตาไหลรินจากดวงตาคู่สวย

นพ

นพ

นพ

อยู่ที่ไหน

จับมือติณที

นพ

มืออุ่นๆ ของใครบางคนขยับสอดเรียวนิ้วแทรกเข้ามาหา กุมมือไว้แน่นหนา ติณเหลือบสายตาไปที่ข้างตัว คนที่อยู่ใกล้ที่สุดในตอนนี้ กลับเป็นคนที่ไม่เคยคิดถึงมากที่สุด

อันดา

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่นอนฟุบหน้ากับแขนตัวเองอยู่ข้างกายของติณ มือกุมไว้แน่น แม้หลับก็ไม่ยอมปล่อย ติณค่อยๆ ขยับปลายนิ้ว และทำให้คนที่หลับใหลรู้สึกตัวไปด้วย

“ติณ! ติณฟื้นแล้ว ไอ้บาส!” อันดาผุดลุกขึ้นทั้งที่มือยังไม่ยอมปล่อย หันไปตะโกนปลุกเพื่อนที่เป็นคนผ่าตัดให้ติณ

“อา...” บาสลุกขึ้นอย่างมึนงง เพราะการผ่าตัดใช้เวลาไปมากพอสมควร ร่างกายอ่อนเพลียเมื่อยล้าไปหมด หมอหนุ่มขยับไหล่และแขนขาให้เข้าที่ เดินมาดูอาการคนไข้ของตน

ติณทำได้แค่กลอกตามองทั้งคู่ เพราะปากถูกครอบไว้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ บาสตรวจเช็คร่างกายของคนไข้อยู่ครู่ใหญ่ โดยมีอันดายืนดูอยู่ข้างๆ อย่างลุ้นระทึก

“ลูก...ปลอดภัยดีนะติณ” บาสยิ้มบางๆ พลางลูบหัวของติณแผ่วเบา “ไม่ต้องห่วงนะ พี่จะดูแลอย่างดี”

“ทำไมมึงพูดแบบนั้นวะไอ้บาส!” อันดาแทบจะกระชากคอเสื้อเพื่อนแล้วต่อยสักหมัด แต่ก็กลัวจะสะเทือนคนที่นอนอยู่บนเตียง

ติณพยายามจะยื่นมือไปหาบาสและชี้ที่เครื่องช่วยหายใจ ให้เอาที่ครอบปากออก ตอนแรกบาสก็อยากจะปฏิเสธ แต่คิดว่าติณคงอยากจะพูดอะไรกับอันดา เลยเอาออกให้

“ติณ...” อันดากุมมือติณไว้อีกครั้ง ทิ้งตัวลงคุกเข่าอยู่ข้างเตียง สองมือประคองมือเย็นชืดมาแนบแก้ม “พี่ขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้ ขอโทษทุกเรื่องที่ผ่านมา กลับมาอยู่กับพี่นะ”

ติณกะพริบตาไล่น้ำตาที่เอ่อคลอพลางเอ่ยเสียงสั่นพร่า “ผมรู้...ว่าพี่รักผม...”

“พี่รักติณ รักมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ขอให้พี่ได้แก้ตัวอีกครั้ง ได้โปรด” น้ำตาของลูกผู้ชายชื่ออันดาที่น้อยครั้งนักจะมีคนได้เห็นหลั่งรินเป็นสาย เขาจูบมือของติณซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความรัก

นึกถึงเมื่อตอนนั้น

ตอนที่ติณคบกับไอซ์ใหม่ๆ และชอบมาที่บ้าน แม้บางครั้งไอซ์จะไม่อยู่ ติณก็มาเที่ยวเล่น มาให้เขาสอนหนังสือ ช่วงเวลานั้น มีความสุขที่สุดในชีวิต

ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของติณยังคงอยู่ในความทรงจำ

แต่ตัวเขาเองที่ทำลายมันด้วยมือคู่นี้

ถ้าไม่เอาแต่คิดเคียดแค้นกัน คงไม่ต้องจบแบบนี้

“พี่ขอโทษ...ที่เข้าใจติณผิด พี่ทำให้ติณเจ็บปวด สร้างบาดแผลที่ไม่มีวันหายให้กับติณ พี่อยากจะรักษามันด้วยตัวพี่เอง ให้โอกาสพี่เถอะนะ นะติณ” อันดาหลับตาลงปล่อยให้น้ำตาไหลริน มือของติณช่างเย็นเหลือเกิน

ราวกับไร้วิญญาณ

“ผม...จะไม่มีวันยกโทษให้พี่” เสียงของติณยิ่งตอกย้ำ อันดาสะอื้นจนตัวโยน กอดร่างนั้นไว้แน่น “แต่ผม...ไม่ได้เกลียดพี่หรอกนะ”

ติณหวนนึกถึงเรื่องที่นพสารภาพออกมาเมื่อคราวก่อน ตอนที่โทรคุยกันได้สำเร็จ...

คุณอันช่วยเหลือพวกเราทุกอย่าง นพเป็นคนขอให้เขาช่วย ลำพังตัวนพตอนนั้นทำอะไรเพื่อติณไม่ได้เลย มันน่าเจ็บใจ แต่ก็ต้องยอมรับ เลือดของนพก็คนละกรุ๊ปกับติณ เงินก็ไม่มี เรียนก็ยังไม่จบ นพทำได้แค่รับความช่วยเหลือจากเขา โดยไม่ให้ติณรู้

นพขอโทษ

ขอโทษที่ไม่เคยบอก คุณอันรักติณมาก และเขามีพร้อมทุกอย่าง แต่นพไม่อยากปล่อยมือ ไม่อยากให้ติณไปกับเขา เลยปล่อยให้ติณคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดีต่อไป ให้ติณเข้าใจว่าเขาไม่สนใจใยดี

นพเป็นคนทำลายชีวิตติณ

ถึงพูดป่านนี้มันจะสายไปมากแล้ว แต่นพ...อยากบอกให้หมด ก่อนที่มันจะไม่เหลืออะไรเลย

นพรักติณนะ...รักมากกว่าชีวิตของนพ

ขอให้เชื่อ แค่เรื่องนี้ก็พอ

.........
.....

“ติณ...” อันดาจ้องมองดวงตาของติณนิ่งงัน ติณไม่ได้ร้องไห้ ไม่มีน้ำตาสักหยดในตอนนี้ มีเพียงแค่รอยยิ้มที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมามอบให้เขา

“ขอบคุณที่ดูแลผมมาตลอด ฝาก...”

ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด

******

14 ปีต่อมา

เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่ง หน้าตาเหมือนคนเอเชีย แต่กลับย้อมผมสีทองทั้งหัว สวมชุดแจ๊คเกตหนังสีน้ำตาลคลุมทับเสื้อยืดสกรีนลายตัวอักษรเป็นคำหยาบกับกางเกงยีนส์ขาดๆ และสะพายเป้สีดำยืนถือกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่จดที่อยู่ของเพื่อนลุงของเขาไว้ พลางมองหารถแท็กซี่ที่จะพาไปยังที่หมายได้ แต่ด้วยความที่พูดภาษาไทยได้ไม่คล่องนัก แถมยังอ่านไม่ออกเลยสักตัว ทำให้เขาไม่แน่ใจว่าควรจะโบกรถอย่างไรดี

พลันสายตาเหลือบไปเห็นผู้ชายตัวสูงไม่มากนักที่ยืนรอรถหรือรอใครสักคนแถวนั้นเข้าพอดี เด็กหนุ่มวัย 14 ปีผู้มาจากแคนาดาจึงเข้าไปถามด้วยภาษาอังกฤษอย่างสุภาพ

“ขอโทษนะครับ ผมอยากไปที่นี่ ช่วยเรียกรถให้หน่อยได้มั้ย”

ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะหันไปมองเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้และช่วยเรียกรถตามที่ขอ

“ขอบคุณมากครับพี่” ก่อนจากกัน เด็กหนุ่มก็อยากทำความรู้จักคนแปลกหน้าคนนี้ไว้ เผื่อจะได้เจอกันอีก “ผมเอสเตอร์”

ชายหนุ่มยิ้มบางๆ อีกครั้ง ก่อนจะบอกชื่อตัวเองออกไป “ภพครับ”

“See u! พี่ภพ! byebye!”

ภพมองตามรถแท็กซี่คันที่แล่นออกไปพร้อมเด็กหนุ่มตัวสูงที่ยังโบกไม้โบกมือมาให้อยู่ที่เบาะหลัง ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกคิดถึงแปลกๆ

เขาส่ายหน้าให้ตัวเอง สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้งไป พอดีกับที่รถของพ่อมาจอดรับ

14 ปีแล้วที่อยู่กับพ่อแค่สองคน ไม่สิ มีลุงหมออีกคนที่คอยแวะเวียนมาเยี่ยมที่บ้านตลอดจนเหมือนอยู่ร่วมบ้านเดียวกันไปแล้ว ภพเองก็รู้ว่าลุงหมอมาคอยวอแวพ่อของเขาเพราะอะไร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจ กลับชอบเสียอีกที่อย่างน้อย พ่อก็ยังมีคนห่วงใย มีคนคอยดูแล แถมคนคนนั้นเป็นหมอฝีมือดีอีกต่างหาก ถึงจะเป็นสูตินารีแพทย์ก็เถอะ

ภพแทบจะจำหน้าของคนที่ให้กำเนิดไม่ได้แล้ว รู้จักแค่ในรูปถ่ายของพ่อ ตอนแรกก็ช็อคที่รู้ว่าตัวเองเกิดจากท้องของผู้ชาย แต่ความทรงจำวัยเด็กที่พอจำได้ ผู้ชายคนนั้นคือคนที่เลี้ยงดูและให้ความรักมาอย่างดี มือที่เคยจับและกอดไว้อบอุ่น นั่นคือสิ่งเดียวที่ภพยังคงระลึกถึงเสมอมา

“มีอะไร? นั่งอมยิ้มคนเดียว” พ่อหันมาถามระหว่างรอสัญญาณไฟเขียว

ภพส่ายหน้า “เปล่าครับ แค่รู้สึกเหมือน...”

“เหมือน?” นพเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“เหมือนได้เจอคนที่คิดถึง” เขาคลี่ยิ้ม

ใช่แล้ว

ความรู้สึกคิดถึงนี้

เหมือนกับได้เจอ

คนคนนั้น

“แม่”

ของผม

To be continue ENDING
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 9/3/18 ตอนจบมาแล้วจ้า~
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-03-2018 23:35:28
หูยยยย เศร้าอะไรเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 9/3/18 ตอนจบมาแล้วจ้า~
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 04:05:36
 :a5: ติณตาย  o22
จะมีตอนต่อไป หรือจบแล้ว  :hao4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 9/3/18 ตอนจบมาแล้วจ้า~
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 09:22:32
Special: ความในใจของพี่หมอ

หลังจากอันดาขาดการติดต่อไปร่วมครึ่งปี ความหวังที่นพจะได้เจอติณอีกครั้งก็แทบมลายหายไปจนหมดสิ้น

ทุกวันที่ผมต้องนั่งเฝ้าดูคนที่รักตื่นเพราะฝันร้ายและร้องไห้จนหลับไป วนเวียนซ้ำไปมาอยู่อย่างนี้ หัวใจของผมมันแสนจะเจ็บปวด

เรื่องของแอมป์ ผมได้บอกเล่าให้นพฟังทั้งหมดแล้ว และเขาก็ตัดสินใจขอพาลูกชายเพียงคนเดียวของติณออกจากบ้านหลังนั้น แม้ว่าพ่อกับแม่ของติณจะทัดทานเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง

พวกเราไม่กล้าบอกเรื่องของแอมป์กับพ่อแม่ของติณ เพราะกลัวว่าชีวิตครอบครัวของแต้ว น้องสาวที่ติณรักจะมีปัญหา แต่นพทนอยู่กับคนที่ทำให้ติณโดนตราหน้าว่าเป็นคนชั่วร้าย ทั้งยังถูกทำร้ายทั้งที่ไม่ผิดไม่ได้ จึงเลือกจะไม่เผชิญหน้าด้วยอีก

นพเป็นคนแบบนั้น ไม่คิดเคียดแค้นอย่างไร้ประโยชน์ เขาอยู่ในกฎหมาย ทำทุกอย่างตามที่มันควรจะเป็นไป มีเหตุผลและหลักการเสมอ แต่

เขากลับดื้อรั้นกับผมเป็นพิเศษ

“เป็นยังไงบ้าง?” นพซื้อบ้านหลังเล็กๆ ในหมู่บ้านแถบชานเมืองแห่งหนึ่ง ละแวกนั้นเงียบสงบและปลอดภัย แต่ผมก็อดห่วงไม่ได้ จึงมักจะแวะมาหาทุกครั้งที่ว่าง

“ผมบอกแล้วไง ว่าถ้าไม่มีข่าวอะไรจากคุณอันหรือติณ ก็ไม่ต้องมา” ทั้งดื้อทั้งใจแข็งเลยว่ะ ผมทำใจไว้แล้วล่ะ ต่อให้ติณไม่กลับมาอีกเลย เขาก็คงไม่มีทางยอมรับผมง่ายๆ

“มาเพราะเป็นห่วงไม่ได้หรือไง” ผมนั่งลงข้างๆ เขาบนโซฟา นพรีบลุกขึ้นทันที แต่ผมก็คว้าเอวเอาไว้ รั้งให้ลงมานั่งด้วยกันตามเดิม

“มีคนไข้อีกเยอะแยะให้พี่ห่วง ไม่จำเป็นต้องเป็นผม” เขายอมนั่งด้วยแล้ว แต่ก็ไม่ยอมให้แตะตัว

ผมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง “พี่อาจจะมาเพราะเป็นห่วงภพก็ได้” แกล้งแหย่ไปงั้นแหละ มาเพราะห่วงเจ้าตัวคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นี่แหละ

นพเงียบกริบ กัดปากน้อยๆ ด้วยความขุ่นเคือง ทำท่าจะลุกไปจากตรงนี้อีกครั้ง และคราวนี้ผมก็ยอมปล่อยให้เขาลุกไป อดอมยิ้มตามไม่ได้กับท่าทางกระฟัดกระเฟียดน่ารักๆ ที่เจ้าตัวคงไม่รู้หรอกว่าชอบทำใส่ผมบ่อยเกินไปแล้ว

“จะสามปีแล้วเนี่ย ไม่ใจอ่อนกับพี่หน่อยเหรอ” ผมทิ้งระยะให้เขาหายงอนสัก 2-3 นาที แล้วค่อยตามไปในครัว เห็นกำลังยืนคั้นน้ำส้มใส่แก้ว ผมก็หลุดยิ้มอย่างอดไม่ได้ เขาบอกว่าเมื่อก่อนติณชอบทำให้ แต่ตอนนี้ต้องทำเอง และที่สำคัญคือ กำลังคั้นให้ผม มาทีไรก็ทำให้ทุกทีแหละ แต่ปากนี่แข็งน่าดู มันน่าจูบให้ปากเปื่อย เผื่อจะยอมพูดอะไรหวานๆ ให้ฟังบ้าง

ความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ได้หวือหวา แต่ก็ไม่ได้เรียบง่ายเกินไปนัก มันเหมือนค่อยๆ ผูกพันกันเรื่อยๆ อย่างที่เขาเคยรู้สึกกับติณ ทุกวันนี้เขาก็ยังคิดถึงและห่วงหาติณ แต่การตามหาร่องรอยของติณกับอันดามันเกิดหยุดชะงักเพราะพายุหิมะเมื่อสามปีก่อน จนทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไอ้บาสก็ติดต่อไม่ได้เลย

ผมรู้ว่านพฝันร้ายทุกคืน ทั้งเรื่องติณและลูกของเขา เขาทุ่มเงินทั้งหมดในการตามหา แต่ก็คว้าน้ำเหลวกลับมา นั่นยิ่งทำให้ความเครียดถาโถม จิตแพทย์ที่รักษาเขา ซึ่งเป็นเพื่อนของผมเอง ก็คอยรายงานความคืบหน้าบางส่วนเท่าที่เปิดเผยได้ ตอนนี้อาการซึมเศร้าของนพหายไปแล้ว เหลือก็แต่ความเครียดและฝันร้าย

“ดื่มแล้วก็ไปอาบน้ำนอน พรุ่งนี้ผมต้องไปศาลแต่เช้า” เขาหันมายื่นแก้วน้ำส้มคั้นสดๆ ให้ผม ผมคว้าไว้ทั้งแก้วและมือคน ยกดื่มทั้งอย่างนั้น สายตามองผ่านเลยแก้วใสไป แก้มของนพมีสีแดงจางๆ และไม่ยอมสบตากับผมตามเคย

ผมดื่มน้ำส้มในแก้วจนเกลี้ยงไม่เหลือสักหยด แต่มือยังไม่ยอมปล่อย

“ไปอาบน้ำ” เขาพยายามจะดึงมือออก แต่ผมก็ยังจับไว้แน่น ออกแรงกระชากเบาๆ ให้นพเซเข้ามาหา เราสูงพอๆ กัน พอทำแบบนี้ ใบหน้าของเราก็จะอยู่ตรงกันพอดี รวมทั้งริมฝีปาก เขายกมืออีกข้างขึ้นดันอกผมไว้ “พี่หมอ” เรียวคิ้วสวยขมวดปมอย่างไม่ใคร่พอใจนัก เสียงที่เรียกชื่อผมก็ออกจะขุ่นๆ

เอาเถอะ จะไม่พอใจก็ช่าง เพราะผมก็ทำแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว น่าจะชินสักที ผมโอบเอวเขาแล้วเอามือลูบที่สะโพกบาง แม้จะดูมีกล้ามเนื้อขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังผอมอยู่ดีสำหรับผม

“พี่หมอ!” เขาไม่ได้ดิ้นรนขัดขืน แค่ใช้เสียงดังข่มขู่ ทั้งที่รู้ว่าผมไม่เคยสะทกสะท้าน

ตลอดสามปีมานี้ เราจูบกันมากี่ครั้งแล้วนะ?

จะไม่ลืมคนรักเก่า ไม่เป็นไร ผมทนได้

แค่ยอมให้ผมกอด จะคิดถึงใครอยู่ก็ช่าง

เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือนี้อีกแล้ว

พี่ขอโทษนะติณ

******

เหมือนเมื่อคืนนพจะพูดอยู่ว่าต้องไปศาลแต่เช้า ผมตื่นมาตอนที่ได้ยินเสียงกุกกักหน้าตู้เสื้อผ้า เขาอาบน้ำเสร็จแล้วและกำลังแต่งตัว ผมลุกขึ้นจากเตียง เดินเข้าไปหา หยิบเนคไทสีน้ำเงินเส้นโปรดของเขามาผูกให้

ติณเคยทำแบบนี้ให้เขา และทุกวันนี้ผมก็เป็นคนทำให้แทนติณ

แค่ตัวแทนก็ยังดี

จะเอาอะไรมากล่ะ ผมมาทีหลังนี่

“ขอบคุณ” เขาบอกอ้อมแอ้มในคอ เมื่อผมผูกเนคไทให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อยากรู้จริงๆ ว่าเวลาอยู่กับติณ เขาเขินบ่อยแบบนี้หรือเปล่า

อดไม่ได้จริงๆ ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับอีกคน ก็คนคนนั้น เป็นคนที่นพรักมากที่สุดในชีวิต

“คืนนี้พี่ไม่กลับนะ อยู่เวร”ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง มองดูเขาเก็บของลงกระเป๋า นพพยักหน้ารับ

“งั้นพี่ก็ควรนอนพักให้เยอะๆ เดี๋ยวผมไปส่งภพที่โรงเรียนเอง” จริงสินะ ตอนนี้เจ้าตัวเล็กอยู่ป.5 แล้ว ตัวก็โตขึ้นทุกวัน

“ทันเหรอ?”

“ทัน” เขาตอบสั้นๆ ก่อนจะเปิดประตูออกไป

ผมเอนตัวลงนอนบนเตียง ได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กดังเจื้อยแจ้ว ไม่รู้ว่าโม้อะไรให้พ่อมันฟังทุกเช้า มาทีไรได้ยินทุกที ถ้าวันไหนผมมีเข้างานเช้าด้วย จะเป็นคนพาเจ้าภพไปส่งโรงเรียนให้เอง เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาวนรถไปมา

คิดอะไรเพลินๆ ระหว่างที่เสียงเด็กน้อยเงียบลง และเสียงเครื่องยนต์รถห่างออกไป นัยน์ตาของผมก็ค่อยๆ ปิดลง

******

การตามหาติณและอันดาถูกยกเลิกไปในปีที่ 8 เพราะสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายมหาศาล และต้องใช้เงินจำนวนมากในการส่งภพเข้าเรียนต่อระดับมัธยมปลาย ทั้งยังต้องเตรียมพร้อมสำหรับระดับมหาวิทยาลัย อนาคตของคนที่ยังอยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งจำเป็นกว่า และเหมือนนพจะตัดใจได้มากแล้ว

“ถ้าติณมีความสุขอยู่กับคุณอัน ผมก็คงต้องทำใจยอมรับมัน เพราะผมไม่ควรจะหักหลังคุณอันแต่แรก”

แววตาของนพไม่ได้เศร้าสร้อยมากมายนักในตอนที่พูดถึงเรื่องนั้น คงเพราะเรื่องมันผ่านมานานเกินไปที่จะเสียใจ เรื่องที่ค้างคาใจก็บอกติณไปหมดแล้ว และคงทำใจตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าติณอาจจะเลือกไอ้อัน และไม่กลับมาที่นี่อีก

“นายทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องคิดมากหรอก ติณต้องเข้าใจอยู่แล้ว ก็ติณรักนายออกขนาดนั้น” ผมทำได้แค่คอยอยู่เคียงข้าง ปลอบโยนเขา

หลังๆ มานี้อาการฝันร้ายของนพหายไปแล้ว เขานอนหลับสนิท ไม่ค่อยตื่นมากลางดึก ผมไม่แน่ใจหรอกว่าทุกคืนหรือเปล่า เพราะบางคืนผมต้องไปเข้าเวร ก็เลยกำลังคิดๆ อยู่ว่าจะเลิกทำงาน ออกมาเปิดกิจการของตัวเอง เพื่อจะได้คอยดูแลนพกับภพได้มากขึ้น

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่นพก็ยังเป็นนพ แม้จะยอมให้กอด แม้จะยอมให้อยู่ใกล้ แม้ว่าเราจะเหมือนเป็นคนรักกันแล้ว แต่ใจของเขายังคงอยู่ที่ติณเสมอ

ที่ยอมอยู่กับผมก็แค่ต้องการใครสักคน ผมรู้ดี

14 ปีที่ผ่านมา ผมกอดเขาด้วยความรู้สึกแบบไหนกันนะ

มันควรจะพอแล้วหรือยัง

ผมไม่รู้เลยว่า

ถ้าขาดเขาแล้ว ผมจะอยู่ยังไง

ที่เคยบอกว่าแค่ตัวแทนก็ยังดี

มันไม่ใช่เลย

ผมอยากเป็นตัวจริง

มันอาจจะถึงขีดจำกัดของความอดทนแล้วก็ได้

******

จริงๆ ไม่ได้กะจะต่อ แต่ก็อยากให้มันเคลียร์ๆ บอกตามตรง แต่งเองยังคิดเลย

คืออ่านมาตั้งนาน หมอแม่งฉุบมือเปิบซะงั้น ฮ่่าๆๆๆ แล้วที่ผ่านๆ มาคือไร๊

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 9/3/18 ตอนจบมาแล้วจ้า~
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 09:28:21
 o13 :mc4:
หูยยยย เศร้าอะไรเบอร์นี้
:mew2:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 9/3/18 ตอนจบมาแล้วจ้า~
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 09:30:10
:a5: ติณตาย  o22
จะมีตอนต่อไป หรือจบแล้ว  :hao4:
มาเคลียร์แล้ววว
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/3/18 Special 1 ความในใจของพี่หมอ~
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 15:00:24
สงสารนพกับพี่หมอ นพต้องตัดใจให้ได้ ส่วนพี่หมอทำต่อไป ต้องได้เป็นตัวจริงสักวัน  :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/3/18 Special 1 ความในใจของพี่หมอ~
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 16:05:20
ตราบาป...[Ester x Phop] NC18+

“ครับ ถึงแล้ว เจออาทีแล้ว” เอสเตอร์ หรือด.ช.อดิเทพ เอียงคอหนีบสมาร์ทโฟนยี่ห้อดังไว้แนบหู สองมือกำลังผัดมาม่าในกระทะ

“ไม่ต้องห่วงน่าลุง ผมอยู่ได้ อาทีเพิ่งกลับบ้านไปเมื่อกี้” อาทีที่พูดถึงก็คือเพื่อนของลุง คนที่ให้เอสเตอร์มาอาศัยอยู่ที่คอนโด ซึ่งปกติเอาไว้ให้คนเช่า แต่ตอนนี้ห้องว่าง จึงให้หลานชายมาอยู่ฟรีๆ แต่ออกค่าน้ำค่าไฟเอาเอง

[ให้ไปอยู่บ้านไอ้ทีก็ไม่เอา นายยังอายุไม่ถึง 15 ไม่บรรลุนิติภาวะ ทำไมดื้อด้านจังวะ] เสียงลุงของเขาบ่นดังทะลุมือถือ เอสเตอร์เบะปากหน้าตาเหยเก

“ผมแค่มาอยู่ช่วงซัมเมอร์แป้ปเดียวเอง ไม่อยากเป็นภาระอาที” เด็กหนุ่มว่าพลางตักมาม่าที่ผัดเสร็จแล้วใส่จาน กลิ่นหอมเตะจมูกจนน้ำลายสอ เพราะยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ลงจากเครื่อง ยังดีที่ซื้อมาม่ากับไข่มาจากซูเปอร์ข้างล่าง มีแค่นี้ก็อยู่ได้แล้ว

[อย่ากินแต่มาม่านะ กินผักกินปลามั่ง] เหมือนลุงจะรู้ทัน ราวกับได้กลิ่น

“น่าๆ ผมโตแล้ว จัดการตัวเองได้” เอสเตอร์พ่นลมหายใจยาวแล้วตักมาม่าเข้าปาก “แค่นี้นะลุง หิวมากแล้ว”

[เอส...]

สายตัดไปเสียแล้ว ก่อนที่ลุงจะได้บ่นมากกว่านั้น เอสเตอร์กดปิดมือถือ เพราะกลัวลุงจะโทรเข้ามาอีก เขานั่งขัดสมาธิโซ้ยมาม่าเข้าปากอย่างตะกละตะกลามด้วยความหิว ตามด้วยน้ำอัดลมสีดำ เรอเสียงดังเมื่ออิ่มแปล้แล้วก็ทิ้งตัวลงนอนราบไปบนพื้นพรม

ห้องที่อาทียกให้ค่อนข้างอยู่สบายทีเดียว มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบ ทั้งครัวแบบจัดเต็ม ทีวี เครื่องเล่นเกมส์ ซึ่งคาดว่าอาทีคงซื้อมาไว้ให้ตอนรู้ว่าเขาจะมา อาทีเคยเลี้ยงดูเขาเมื่อตอนแรกเกิดจนถึงอายุ 10 ขวบ พอดีทางบ้านที่ไทยมีปัญหา แม่ของอาทีล้มป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล อาทีเลยต้องกลับมาที่นี่และไม่ได้กลับไปแคนาดาอีกเลย

ปิดซัมเมอร์นี้มีเวลาแค่ 3 เดือนเท่านั้น ที่เอสเตอร์จะได้ใช้ชีวิตในประเทศบ้านเกิดของพ่อและแม่ ได้ซึมซับช่วงเวลาแห่งความทรงจำในประเทศห่างไกลที่พ่อกับแม่จากมา

เด็กหนุ่มมีแค่เสื้อผ้าไม่กี่ชุด เงินที่เก็บหอมรอมริบจากค่าขนมที่ลุงให้ โน๊ตบุ๊ค มือถือ นาฬิกาและกล้อง DSLR ที่พ่อเคยใช้ เขาเอาของทั้งหมดออกมาวางเรียงกันบนโต๊ะกระจก นั่งเกยคางกับขอบโต๊ะมองดูพวกมัน

สามเดือนนี้คงต้องออกหางานพิเศษทำ เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าน้ำค่าไฟด้วยตัวเอง ไม่อยากรบกวนลุง แค่ขอมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะก็ทำลุงลำบากใจมากพอแล้ว

เอสเตอร์คิดพลางเปิดโน๊ตบุ๊ค ประเทศนี้ต้องอายุ 18 ขึ้นไปถึงจะทำงานได้ คงต้องใช้เล่ห์กลกันสักหน่อยแล้ว

******

เสียงเพลงเตือนสายเรียกเข้าและแรงสั่นในกระเป๋ากางเกงทำให้ตฤณภพชะงักขาที่กำลังเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า เขาหยุดยืนหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย

“ครับพ่อ...คืนนี้คงดึกหน่อย ผมบอกลุงหมอแล้ว ครับๆ แค่นี้ครับ” เพราะภพรับจ๊อบเล่นดนตรีตามผับเป็นงานอดิเรก บางคืนจึงกลับบ้านดึก หรือไม่กลับเลยก็มี ซึ่งพ่อของเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแค่คอยถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงและไม่อยากให้ทิ้งการเรียน

คุยกับพ่อเสร็จ ภพก็ออกเดินต่อ ไปยืนรอรถไฟฟ้าที่ชานชาลา วันนี้มีเล่นแถวทองหล่อ จากมหาวิทยาลัยไปแค่ไม่กี่สถานีก็ถึงแล้ว เขากระชับกีต้าร์ที่สะพายไว้พลางก้าวขาเข้าไปในขบวนรถที่มาจอดเทียบสถานีพร้อมกับผู้คนอีกมากมาย

คืนนี้เป็นคืนวันศุกร์สิ้นเดือน คนมาเที่ยวผับจึงค่อนข้างเยอะกว่าวันอื่นๆ ภพเองก็เน้นรับงานช่วงศุกร์เสาร์เป็นหลัก แต่ถ้าวันไหนขาดคนจริงๆ ก็จะมาเล่นให้ แต่ไม่อยู่ดึกมาก

“หวัดดีพี่เข้ม” มาถึงร้าน ภพก็ยกมือไหว้เจ้าของผับ ซึ่งเป็นอดีตรุ่นพี่ที่มหาลัยเดียวกันเมื่อสองปีก่อน ร้านนี้พี่เข้มรับช่วงต่อมาจากพี่ชายอีกที

“เฮ้ย ดีเว้ย วันนี้เต็มที่นะมึง” พี่เข้ม ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ไว้หนวดเคราต่างจากสมัยเรียนเดินเข้ามากอดคออย่างสนิทสนม “เออ วันนี้มีเด็กมาใหม่ว่ะ แต่มันอ่านภาษาไทยไม่ออกเลย มึงช่วยๆ ดูให้ทีดิ”

“ร้านพี่รับต่างด้าวทำงานด้วยเหรอวะ” ภพขมวดคิ้วอย่างสงสัย คนในร้านเยอะแยะ ให้สอนไปก็ได้ ทำไมมาวานนักดนตรีอย่างเขา

“มันเป็นฝรั่งอ่ะดิ ไม่ใช่ต่างด้าวแถวบ้านเรา พูดภาษาอังกฤษรัวมาก พนักงานกูไม่มีใครสอนไหว มึงรับไปที มึงเก่งสุดละ” พี่เข้มตบบ่าภพสองสามทีแล้วเดินนำเข้าไปหลังร้าน เพื่อแนะนำให้รู้จักกับเด็กใหม่ที่ว่า

เด็กหนุ่มร่างสูง หน้าตาเอเชียแต่ผมทองอร่ามทั้งหัว แค่เห็นแว้บเดียวภพก็จำได้แม่นยำ

“เอสเตอร์!”

“พี่ภพ!”

สองคนประสานเสียงเรียกชื่อกัน เพิ่งเจอกันไปเมื่อสองวันก่อน เลยยังจำกันได้อยู่ พี่เข้มเลิกคิ้วมองทั้งคู่สลับไปมา

“นี่รู้จักกัน?”

“อ๋อ ครับ เขามาขอความช่วยเหลือเมื่อสองสามวันก่อน” ภพอธิบาย แต่เอสเตอร์ฟังไม่เข้าใจทั้งหมด ได้แต่เอียงคอมอง

“ดีเลย คิดถูกที่เอามาฝากมึง คุยกันไปนะ กูไปดูร้านก่อน” แล้วเจ้าของร้านก็เดินกลับเข้าร้านไป ทิ้งให้สองหนุ่มยืนยิ้มแหยๆ ให้กัน

“คิดไงมาทำงานที่แบบนี้น่ะเรา อายุถึงแล้วเหรอ” แม้จะตัวสูงใหญ่แบบเด็กที่โตในต่างประเทศ แต่ดูจากหน้าตาแล้ว ภพไม่อยากเชื่อว่าเอสเตอร์จะอายุถึง 18

“พี่ดูบัตรผมได้เลย” เอสเตอร์ยื่นบัตรประชาชน (ปลอม) ของประเทศแคนาดาให้ดู ในนั้นระบุว่าอายุ 20 ปี

“20? หืม...มาจากแคนาดาเหรอ” ภพยังไม่ค่อยอยากเชื่อแม้จะเห็นตัวเลขบนบัตรแล้ว ห่างกันแค่ปีเดียว ไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด เลยยื่นบัตรคืนให้พร้อมคำถาม เอสเตอร์พยักหน้ารับ “แล้วไม่เรียนหนังสือเหรอ”

“ตอนนี้ปิดเทอมครับ สามเดือน” เอสเตอร์ยิ้มตอบพร้อมชูนิ้วสามนิ้ว

“อ้อ ปิดไม่ตรงกันนี่นะ คิดไงมาที่นี่”

“อยากได้ประสบการณ์ใหม่ๆ แล้วที่นี่ก็เป็นบ้านเกิดของพ่อกับแม่ผม”

“นายเป็นคนไทยเหรอ? ก็พูดไทยอยู่นี่นะ อืมๆ” ภพพยักหน้าหงึกหงักกับตัวเอง เหมือนเข้าใจอะไรอยู่คนเดียว “แล้วอ่านภาษาไทยไม่ได้ จะทำงานในร้านยังไงดี” อดคิดไม่ได้ว่า พี่เข้มจะรับมาให้ลำบากทำไม แต่พอพินิจพิจารณารูปร่างหน้าตาของเด็กหนุ่มผมทองตรงหน้าแล้ว มันก็น่ารับอยู่หรอก แบบนี้ลูกค้าสาวๆ หรือแม้แต่ผู้ชายที่กินผู้ชายด้วยกันก็คงชอบ

“ผมไม่รู้” เอสเตอร์ส่ายหน้า “พี่เข้มบอกจะให้พี่ช่วยสอนไม่ใช่เหรอ?”

“อยากอ่านออกพูดได้คล่องกว่านี้มั้ยล่ะ ถ้านายตั้งใจอย่างนั้น พี่ก็สอนให้ได้” ภพกอดอกเอนตัวพิงประตูร้าน เสียงเพลงดังกระหึ่มทะลุออกมาถึงหลังร้าน คนน่าจะทยอยมากันจนแน่นขนัดแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมง เขาจะต้องเตรียมตัวขึ้นเวที คงต้องให้เอสเตอร์ทำงานไปก่อน ติดขัดอะไรให้มาถาม และหลังจากนี้ต้องหาเวลานอกไปสอนกันตัวต่อตัว

“ผมอยากอ่านออก พูดได้คล่องๆ ถ้าเขียนได้ด้วยยิ่งดี พี่ช่วยสอนผมทีนะครับ” เอสเตอร์รัวภาษาอังกฤษใส่ไม่ยั้ง จนภพถึงกับเบลอเล็กน้อยเพราะตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็พอจับใจความได้

“โอเคๆ พี่จะสอนให้ คืนนี้ทำเท่าที่ทำได้ไปก่อน เลิกงานแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“โอเค!” เด็กหนุ่มตัวโตขานรับเสียงใส

******

คืนนั้นภพเล่นดนตรีเสร็จก็อยู่รอเอสเตอร์ทำงาน เขานั่งเฝ้าอยู่ไกลๆ ที่บาร์ มองดูเด็กหนุ่มผมทองคอยยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้า ดีที่เครื่องดื่มส่วนใหญ่มีชื่อภาษาอังกฤษ แต่ลายมือของเอสเตอร์เวลาจดรายการมันโครตจะเนทีฟ ทำให้เด็กในร้านคนอื่น รวมทั้งบาร์เทนเดอร์อ่านยากมาก เล่นจดมาเป็นภาษาอังกฤษล้วนเลย แบบนี้คงต้องสอนให้เขียนก่อนอย่างแรก

“เหนื่อยมั้ยครับ” ตี 2 ได้เวลาปิดร้าน พี่เข้มบอกให้เอสเตอร์กลับพร้อมภพได้เลย ไม่ต้องช่วยปิดร้าน เพราะจะได้ไปติวกันต่อ

“เหนื่อยมากพี่ ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย” เอสเตอร์โพล่งยาวด้วยภาษาราชการของตัวเองตามเคย นานๆ ทีจะยอมพูดภาษาไทย แต่ตอนคุยกับลูกค้าก็พูดไทยกระท่อนกระแท่นไปเรื่อย แต่กลับยิ่งทำให้สาวๆ นักท่องราตรีชื่นชอบและเอ็นดู เรียกหาบ๋อยผมทองกันให้ควั่ก

“แล้วจะให้สอนเลยมั้ย หรือคืนนี้ไม่ไหว” ภพยิ้มน้อยๆ อดไม่ได้ที่จะลูบหัวเด็กตัวโตอย่างเอ็นดู ตอนที่ฝ่ามือสัมผัสกับกลุ่มผมสีทองนุ่มมือ ความรู้สึกโหยหาแปลกๆ ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง

เอสเตอร์เองก็เหมือนจะรู้สึกแบบเดียวกัน เพราะเด็กหนุ่มคว้ามือของภพไว้แน่น ต่างคงต่างจ้องตากัน จนภพเป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องหลบสายตาร้อนแรงนั้น

“กลับยัง เอาไง?” ภพหันหลังหนี เอสเตอร์ขยับก้าวขึ้นมายืนชิดอยู่ด้านหลัง แผ่นอกหนาของเด็กหนุ่มแนบสนิทกับหลังของภพ รู้สึกถึงก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เต้นตุ้บๆ ทั้งของตัวเองและของคนตัวโตข้างหลัง ยิ่งได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูตอนที่เอสเตอร์โน้มตัวลงมา ภพยิ่งสั่นเกร็งด้วยความตื่นเต้น

“ไปห้องผมนะ”

******

เพราะเอสเตอร์โกหกว่าอายุ 20 แล้ว ภพจึงไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรกับความช่ำชองของเด็กหนุ่ม ทั้งที่เพิ่งเจอกันแค่ครั้งที่สอง แต่ภพกลับปล่อยตัวปล่อยใจไปกับตัณหาราคะที่เด็กหนุ่มผมทองเป็นคนปลุกปั่นเสียแล้ว

“ห้องนาย...อือ...สวย...อ๊ะ” แค่ก้าวขาเข้ามาในห้องของเอสเตอร์ ยังไม่ทันได้สำรวจถ้วนทั่ว ก็ถูกเด็กหนุ่มตัวโตดันติดผนัง โถมตัวเข้าใส่ ระดมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอ

“จ๊วบ” เอสเตอร์บดริมฝีปากรุกไล่เรียวลิ้นสอดแทรกสู่โพรงปาก เสียงจูบดังก้องสะท้อนในโสตประสาท ภพหลับตาลงอย่างเคลิบเคลิ้ม พยายามส่งลิ้นตอบรับลิ้นของเอสเตอร์ไม่ให้น้อยหน้า ฝ่ามือหนาของเด็กหนุ่มบีบคลึงขยี้ขยำไปทั้งร่าง ตั้งแต่หน้าอก เอว สะโพก บั้นท้าย และต้นขา ภพกอดร่างสูงไว้แน่น กางเกงถูกปลดตะขอและรู้สึกถึงแรงกระชากดึงมันลงจนเบื้องล่างโล่งโจ้ง เอสเตอร์ยังคงปรนเปรอด้วยรสจูบเร่าร้อน ริมฝีปากบนล่างถูกดูดและขบกัดจนน่าจะมีเลือดออก เพราะได้กลิ่นสนิมเหล็กในปาก

ในหัวขาวโพลนไปหมด เมื่อมือหนาที่สากนิดๆ ของเด็กหนุ่มลูบไล้ส่วนกลางลำตัว ร่างโปร่งบางสะดุ้งเล็กน้อย ยกขาข้างหนึ่งขึ้นก่ายเอวร่างสูง

“อ๊า เอส...เตอร์...” แรงนวดที่ฝ่ามือกระตุ้นความกระสันอยาก มือของเอสเตอร์ร้อนราวเหล็กนาบไฟ รูดรั้งส่วนนั้นอย่างไม่มีปราณีปราศรัย แต่พอความปรารถนามาถึงขีดสุด กลับหยุดมือและเลื่อนปลายนิ้วไปวนไล้ปากทางเบื้องล่างของคนพี่แทน ภพสั่นเกร็งไปทั้งร่าง ปลายเท้าจิกแน่นที่เอวของอีกคนพลางกัดริมฝีปากของตัวเองอย่างควบคุมอารมณ์ที่แทบจะล้นปรี่ออกมา

“ผมไม่ได้พกโลชั่นอะไรมาเลยด้วยสิ” เอสเตอร์ยิ้มมุมปากน้อยๆ ปลายจมูกและริมฝีปากคลอเคลียที่ข้างแก้มแดงก่ำกับซอกคอขาวๆ ดูดเม้มเบาๆ ระวังไม่ทำรอยไว้ในที่ที่มองเห็นได้ง่ายอย่างรู้งาน

“งื้อ” ภพยิ่งกัดปากล่างจนเริ่มซีด อยากให้ของแข็งๆ ที่ตุงกางเกงของเด็กหนุ่มผมทองกระแทกเข้ามาเร็วๆ สะโพกบางแอ่นเข้าหา เพื่อให้สัมผัสโดนมันมากยิ่งขึ้น น้ำตารื้นขึ้นที่ขอบตา หัวใจเต้นระรัว จะทนไมไหวแล้ว

“ใจเย็นนะ ผมกลัวพี่เจ็บ” ร่างสูงกระซิบบอกแผ่วเบาพลางเลียใบหูแดงระเรื่อ “ช่วยผมหน่อยแล้วกัน”

“อื้ออออ” นิ้วสามนิ้วของเด็กหนุ่มสอดพรวดเข้าไปในปาก ภพตกใจจนเกือบจะกัดมัน แต่ก็ยั้งไว้ได้ทัน เอสเตอร์ขยับนิ้วหยอกล้อกับลิ้นเล็กๆ ก่อนจะดึงออกมาและกดปลายนิ้วที่ชุ่มน้ำลายเข้าไปยังช่องทางด้านหลังของหนุ่มรุ่นพี่ที่อ้าขารออยู่นานแล้ว

ร่างโปร่งพลิกตัวคว่ำหน้าเข้าหาผนังห้อง สองมือเกาะกำแพงหนา ขาสองข้างแยกออกกว้างให้นิ้วของเอสเตอร์ทั้งสามนิ้วขยับเข้าออกได้สะดวกขึ้นอีก น้ำลายอาจจะไม่ได้ช่วยหล่อลื่นมากเท่าไหร่นัก แต่เพราะภพไม่เกร็งมันเลยเข้าง่ายขึ้น

“อ๊า..ตรงนั้น ตรงนั้น เอสเตอร์!” เสียงเรียกกระเส่ากระสันยิ่งทำให้เอสเตอร์ต้องกัดฟันกรอดๆ อย่างอดทน ปลายนิ้วคว้านลึกเบิกทางจนน่าจะกว้างพอ ก่อนจะถอดถอนออกช้าๆ สมองจดจำจุดกระสันที่ภพร้องบอกเมื่อครู่ไว้อย่างดี เสียงรูดซิปดังชึบ ทำเอาร่างโปร่งสั่นสะท้านด้วยความอยาก มือข้างหนึ่งยื่นมาแหวกแก้มก้นของตนเองออก เรียกร้องให้อีกฝ่ายกระทำเร็วๆ

“พี่โครตยั่วเลย” เอสเตอร์สบถลอดไรฟันเป็นภาษาอังกฤษ ล้วงถุงยางมาฉีกซองแล้วห่อหุ้มท่อนเอ็นแข็งเกร็งร้อนผ่าวของตนก่อนจะค่อยๆ ดันมันเข้าไปในรูทวารของร่างโปร่งช้าๆ

“อ๊า~” ร่างโปร่งครางอย่างสุขสมเมื่อความรุ่มร้อนค่อยคืบคลานเข้าไปในร่างกาย “ใหญ่...”

“ลามกนะเนี่ย” เอสเตอร์ผิวปากหวืออย่างชอบใจ เห็นหน้าใสๆ นิ่งๆ แต่ภพเร่าร้อนกว่าที่คิดมากนัก

“ขยับเร็วๆ” ภพไม่ใคร่ใส่ใจคำพูดของอีกฝ่าย ตอนนี้มีแต่ความกระสันอยากปลดปล่อยเต็มที สะโพกบางยกขึ้นสูง และเริ่มขยับด้วยตัวเอง

เอสเตอร์นิ่งเงียบ กระแทกตัวจนสุดและเริ่มขยับเข้าออกทีละน้อยคล้ายจะแกล้งให้คลุ้มคลั่ง ยิ่งรู้ว่าชอบให้แรงๆ ยิ่งอยากแกล้ง

เคยมีเซ็กส์กับเพื่อนที่โรงเรียนทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาก็หลายคน แต่ไม่เคยเจอคนที่น่าบดขยี้เท่านี้มาก่อน

“อ๊ะ อ๊า” ภพร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เอสเตอร์ก็อุ้มขึ้นทั้งที่เบื้องล่างยังเชื่อมติดกัน “ทำอะไร”

“ไปที่เตียงกัน” เด็กหนุ่มเอ่ยเสียงพร่า ยิ่งเดินตรงนั้นก็ยิ่งขยับ และภพก็ยิ่งเสียวจนครางไม่เป็นศัพท์

นานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ร่างสองร่างกอดก่ายประสานกายร่วมรักกัน ราวกับไม่รู้จักพอ ความโหยหาและต้องการไม่เคยปราณีใคร ต่างคนต่างถูกดึงดูดเข้าหากันด้วยความรู้สึกเหมือนผูกพักกันมาแต่ปางก่อน แม้ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรก็ตาม

รักแรกพบ?

พรหมลิขิต?

หรือชะตากรรม

จวบจนรุ่งสาง เอสเตอร์ถึงได้หมดเรี่ยวแรงยอมนอนลงอย่างอ่อนล้า ภพนอนคว่ำหน้าหอบหายใจถี่รัว ริมฝีปากบวมช้ำแดงเจ่อ รอยรักมีตั้งแต่ไหปลาร้าลงมาถึงต้นขาด้านใน ด้านหลังก็เต็มไปด้วยรอยฟันกัดและรอยจูบแดงๆ แถวบั้นเอวอีกหลายจุด เอสเตอร์ไม่มีออมแรงหรือปราณีกันเลย ทั้งเร่าร้อนรุนแรงหื่นกระหาย เล่นเอาภพเสียงแหบแห้ง แขนขาอ่อนแรงไปหมด

เอสเตอร์ขยับตัวนอนตะแคง ลูบเส้นผมที่เปียกชื้นด้วยเหงื่อของร่างโปร่ง กดจูบตรงขมับไล่ลงมาตามโครงหน้าถึงลำคอและหัวไหล่กลมมน

ภพปรือตามอง “พอแล้วน่า”

“ครับผม” ร่างสูงเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง หยิบบ็อกเซอร์มาสวมแล้วจัดการรวบกองถุงยางที่ใช้แล้วไปทิ้งถังขยะ เพราะจะเช้าแล้ว ถ้าอาทีของเขามาเห็นสภาพห้องแบบนี้คงช็อคแน่นอน

ใครจะคิดว่าเด็กอายุแค่นี้จะไฟแรงจัด ซัดซะรุ่นพี่หมอบกระแตนอนซมบนเตียงแค่ชั่วข้ามคืน

“นายเป็นเกย์เหรอ” ภพยังไม่อยากหลับ เลยชวนคุยต่อ เอสเตอร์นั่งพิงหัวเตียงอยู่

“ไบ” เอสเตอร์ตอบสั้นๆ เป็นคำตอบที่ชัดเจน ได้ทั้งหญิงชาย ภพเม้มปากนิดๆ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสียตัวให้คนแปลกหน้าหรือคนที่เพิ่งรู้จัก แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งก่อนๆ ตอนที่ร่วมรักกัน ภพรู้สึกถึงสายใยบางๆ จนแทบจะมองไม่เห็น และหวังว่าเอสเตอร์จะรู้สึกถึงมันเหมือนกัน

“แล้วพี่ล่ะ?” เด็กหนุ่มถามกลับ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มเหลือบมองที่ร่างโปร่ง เป็นครั้งแรกที่กระหายขนาดนี้ คล้ายกับเจอสิ่งที่ขาดหายไป สิ่งที่หล่อหลอมตัวเองขึ้นมา อะไรบางอย่างที่บอกว่าคนคนนี้แหละที่ใช่

“พี่ชอบผู้ชาย...” ภพหรุบตาลง

“แล้วปกติชอบแบบไหนครับ รุกหรือรับ” เอสเตอร์ขยับตัวมาใกล้ๆ ปลายนิ้วไต่ตามแนวสันหลังให้เสียวเล่น

“ได้หมด แต่ส่วนใหญ่จะรับ”

“หึหึ ก็เหมาะกับพี่ดี ยั่วกันขนาดนั้น”

“ปากดี” ภพยืดแขนไปดึงจมูกเด็กหนุ่มทีหนึ่ง “อยู่แคนาดาคงมีแฟนเยอะสินะ เอาซะพี่ลุกไม่ขึ้น”

“พี่เป็นคนแรกนะที่ทำให้ผมอยากจนทนไม่ไหว พอได้ทำแล้วแทบหยุดไม่ได้” เอสเตอร์พูดกลั้วหัวเราะเบาๆ เลื่อนตัวลงนอนข้างๆ ภพและกอดเอวไว้หลวมๆ “ผมว่าผมชอบพี่แล้วว่ะ”

“ใครจะเชื่อ เพิ่งรู้จักกัน” ภพเบะปากใส่ หันหน้าหนีไปอีกทาง

“แต่พี่ก็ยอมให้ผมกอด ทั้งที่เพิ่งรู้จักกัน แสดงว่าต้องรู้สึกอะไรมั่งล่ะน่า” เซ้นส์แรงจนน่ากลัว

“รู้ดี” หน้าร้อนวูบวาบพิกลจนภพต้องซุกหลบลงกับหมอนใบโต

“พี่มีแฟนยัง ถ้าไม่มีก็มาคบกัน” ความตรงไปตรงมาและเปิดเผยของเอสเตอร์ทำเอาภพไปไม่เป็น ที่ผ่านมาก็แค่สนุกๆ ได้กันแล้วก็จบๆ ไป ไม่เคยคบกับใครในฐานะแฟนจริงจัง เพราะไม่เคยเชื่อว่าจะมีรักแท้ในหมู่เกย์

“พูดง่ายจังนะ แน่ใจเหรอจะคบกัน? เรายังไม่รู้จักกันดีพอ” ด้วยสภาพสังคมที่ต่างกัน การจะคบกันในความหมายของภพและเอสเตอร์จึงแตกต่างอย่างมาก สำหรับภพ ควรจะรู้จักกันดีกว่านี้ค่อยคบ แต่สำหรับเอสเตอร์ต้องคบเพื่อจะรู้จักกันมากขึ้น

“แค่นี้ผมก็รู้จักพี่ไปถึงเครื่องในแล้ว มาเป็นแฟนผมเถอะ ผมไม่อยากเห็นพี่ไปนอนกับคนอื่นนอกจากผม และผมก็จะกอดพี่แค่คนเดียวด้วย ผมสัญญา” เด็กหนุ่มเข้ามากอดและคลอเคลียเหมือนลูกแมว ช่างออดอ้อนและประจบประแจง โปรยคำหวานหูล่อลวงให้คล้อยตาม

แล้วภพจะไม่ติดกับเด็กมันได้อย่างไร
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama] update 10/3/18 Special 1 ความในใจของพี่หมอ~
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 10-03-2018 16:09:56
สงสารนพกับพี่หมอ นพต้องตัดใจให้ได้ ส่วนพี่หมอทำต่อไป ต้องได้เป็นตัวจริงสักวัน  :กอด1:
ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 10/3/18 Special 1+2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-03-2018 16:18:03
พี่น้อง เขาซัมกันแล้ว  :a5:
อีตาอันหายไปไกนฟ่ะ ไม่ดูแลลูกเลย หรือคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง  o12
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 10/3/18 Special 1+2
เริ่มหัวข้อโดย: YADA ที่ 10-03-2018 19:48:12
เดี๋ยวววววววววว เด็กน้อยคู่นี้ นางแม่เดียวกันเลยนะ ตับคู่แบบนี้เลยจริงดิ๊ !!!!!! อมกกกกกก
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 10/3/18 Special 1+2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-03-2018 15:49:06

ตราบาป 2
“ภพ! ไหนบอกว่าแค่กลับดึก!”

ภพรีบยกมือขึ้นอุดหูทันทีที่เห็นหน้าพ่อออกมารอรับหน้าประตูบ้าน กะแล้วว่าต้องโดนสวดจนหูชาแน่นอนเพราะไม่กลับบ้านเมื่อคืน แถมไม่โทรมาบอก

“ใจเย็นๆ น่านพ” หมอเดินตามออกมาเพราะได้ยินเสียงดัง รั้งแขนนพไว้ให้สงบอาการลง สีหน้าของพ่อเรียกว่าโกรธมาก เพราะภพไม่เคยทำตัวเหลวไหล จะไปไหนก็บอกเสมอ มีแค่ครั้งเดียวสมัยม.ปลายที่มือถือแบตหมดแล้วติดฝนอยู่ข้างนอก พอกลับมาถึงบ้านช้าไปสองชั่วโมงก็โดนสวดยับ แต่อย่างน้อย พ่อก็ไม่เคยตีเขา

“ไปไหนมา! ไปกับใคร! ไปทำอะไร!” นพสะบัดแขนจากมือของพี่หมอ เดินฉับๆ ไปหาลูกชาย

ภพกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ จะให้บอกว่าไปนอนกับคนที่เพิ่งรู้จักแค่วันเดียว แถมยังตกลงเป็นแฟนกันอีก มันก็ยังไงๆ อยู่ แต่ภพไม่เคยโกหกพ่อมาก่อน และไม่อยากทำด้วย

“ว่ายังไงภพ! บอกพ่อมา”

“อย่าเสียงแข็งใส่ลูกสิ ภพกลัวตัวสั่นหมดแล้ว” หมอลูบหัวหลานชายเบาๆ ภพไม่ได้ถึงขนาดตัวสั่นอะไรขนาดนั้น แต่ก็กลัวพ่อมากจริงๆ

“ผะ ผมขอโทษครับที่ไม่ได้โทรบอก พอดีมือถือแบตหมด แล้วเผลอหลับที่ห้องเพื่อน” ภพก้มหน้านิ่ง พอได้ฟังคำขอโทษและคำอธิบาย นพก็รู้สึกเย็นลง พ่อถอนหายใจยาว

“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ พ่อเป็นห่วง รู้มั้ย?” ถึงไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงดูมาถึง 21 ปี เพราะสัญญากับติณเอาไว้แล้ว

“ครับ ขอโทษจริงๆ ครับ” ภพยกมือไหว้ขอโทษพ่ออีกครั้งอย่างสำนึกผิด นพไม่ได้ว่าอะไรแล้ว แค่บอกให้ตามกลับเข้าบ้านไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน เพราะเวลานี้เกือบบ่ายโมงแล้ว

ภพยังคงครุ่นคิดหนักถึงเรื่องของเอสเตอร์ ตกปากรับคำเพราะทนลูกตื้อกับแรงอ้อนน่ารักๆ ของเด็กหนุ่มผมทองไม่ได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตน อยากจะเล่าให้พ่อกับลุงหมอฟังมาก แต่ก็ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงดี

“นายจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือนนี้ใช่มั้ย” ภพนอนอยู่ในวงแขนของเด็กหนุ่มตัวสูง ปลายนิ้วของเอสเตอร์คอยเขี่ยเส้นผมเล่น

“ครับ ทำไมเหรอ”

“แล้วเราจะต้องเลิกกันมั้ย” คำถามของภพ ทำเอาเด็กหนุ่มตาโต

“บ้าเหรอพี่ ถึงอยู่ไกลกันก็ยังคบกันได้ ทำไมต้องเลิก”

“ก็...นึกว่านายจะแค่คบเล่นๆ ระหว่างอยู่ที่นี่” ภพยักไหล่ พลิกตัวหันหลังให้ เอสเตอร์ตามไปกอดไว้แน่น จูบที่หัวไหล่กลมมนสองสามทีด้วยความรัก

“ถึงเราจะเพิ่งคบกันได้แค่อาทิตย์เดียว แต่ผมมั่นใจมากว่าผมรักพี่ คนนี้แหละที่ใช่สำหรับผม พี่คือทุกสิ่งทุกอย่างของผม คือคนที่ผมตามหา”

“ปากหวานนักนะเรา ใช้มุกนี้จีบติดมากี่คนแล้วล่ะ” ภพเอาศอกดันอกเด็กหนุ่มให้ถอยออกไปอีก รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ เวลาที่คิดว่าเอสเตอร์คงผ่านอะไรมามากมาย เด็กที่โตเมืองนอก อยู่ท่ามกลางวัฒนธรรมแบบตะวันตกที่เรื่องเซ็กส์เป็นเหมือนเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แล้วอายุตั้งขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะน้อยประสบการณ์แน่ๆ แค่เวลาทำกันก็พอรู้แล้ว

“ผมเคยมีแฟนผู้หญิงแค่คนเดียว ผู้ชายไม่เคยคบมาก่อน แต่ที่มีอะไรด้วยก็หลังเลิกกับแฟน ประมาณ 2-3 คนแค่นั้นเอง เห็นแบบนี้ ผมค่อนข้างยึดติดกับเรื่องรักเดียวใจเดียวนะ ถ้าคบใครอยู่ ผมจะไม่ยุ่งกับคนอื่น”

จากที่เอสเตอร์พูดมา ก็ดูแฟร์ดี ภพนิ่งคิด อยากจะเชื่อ อยากจะไว้ใจ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน

ในเมื่อเอสเตอร์มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะคบจริงจัง ภพก็อยากจะทำให้มันถูกต้อง ด้วยการพาไปแนะนำกับพ่อและลุงหมอ ไม่อยากหลบๆ ซ่อน โกหกว่ามานอนค้างบ้านเพื่อนอีก

“พรุ่งนี้ว่างมั้ย”

“สำหรับพี่ ผมว่างเสมอครับ” เด็กหนุ่มช่างฉอเลาะเอาอกเอาใจจริงๆ ทั้งที่ผู้ใหญ่อย่างภพควรเป็นฝ่ายเอาใจเด็กมากกว่าแท้ๆ แต่ก็ชอบเวลาเอสเตอร์อ้อนเหมือนกัน

“งั้นไปบ้านพี่กันนะ”

******

เอสเตอร์ไม่มีชุดที่ดูเป็นทางการติดตัวมาด้วย จึงรู้สึกไม่มั่นใจเท่าไหร่ที่จะไปเจอครอบครัวของภพ เขามีแค่เสื้อยืด ตัวที่เรียบร้อยที่สุดคือตัวสีเขียวแก่ มีแค่ชื่อยี่ห้อ Superdry ติดอยู่ กับกางเกงยีนส์ขาดๆ ซึ่งมองยังไงก็ดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่แน่ๆ แต่ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ

“พ่อกับลุงพี่ไม่ได้เคร่งครัดอะไรนักหรอกน่า ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้น” ภพจับมือเอสเตอร์บีบเบาๆ ให้ผ่อนคลาย ก่อนจะพาเดินเข้าไปในบ้าน พ่อกับลุงน่าจะรออยู่ในห้องนั่งเล่นแล้ว เพราะโทรมาเกริ่นไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย

วินาทีแรกที่เอสเตอร์ปรากฏตัว นพออกจะตกใจเล็กน้อยกับสภาพของเด็กหนุ่มตัวโตที่ย้อมผมทองทั้งหัว สวมกางเกงขาดๆ ดูไปคนละทางกับลูกชายของตนที่ออกจะเรียบร้อยจนอดไม่ได้ที่จะมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนหมอแค่ยิ้มให้เอสเตอร์อย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับ ผมเอสเตอร์” เอสเตอร์ยกมือไหว้พ่อกับลุงอย่างนอบน้อมตามที่ภพเคี่ยวเข็ญมา

“สวัสดี” ทั้งคู่รับไหว้พร้อมกัน

“นี่พ่อพี่ ส่วนนี่ลุงหมอ” ภพแนะนำให้ เอสเตอร์ยิ้มนิดๆ ด้วยรู้สึกเกร็งแปลกๆ กับสายตาของนพ

“ได้ยินว่ามาจากแคนาดา คบกันผ่านทางพวกเวบแคมอะไรพวกนั้นเหรอ” นพเปิดประเด็นทันทีที่เอสเตอร์หย่อนก้นลงบนโซฟา

“ทำนองนั้นครับ พอดีปิดเทอม ผมก็เลยมาหาพี่ภพ จะได้รู้จักกับคุณพ่อไว้” เอสเตอร์ยิ้มหวานเอาใจผู้สูงวัยให้รู้สึกเอ็นดู ซึ่งค่อนข้างได้ผลทีเดียว บรรยากาศผ่อนคลายลง จนภพแอบถอนหายใจ

“อุตส่าห์มาหาตั้งไกล สายเปย์รึไงเรา” หมอแกล้งแซวขำๆ ยิ่งลดความตึงเครียดลงได้อีกโข แต่พอถูกนพซักประวัติ เอสเตอร์ก็ดูเกร็งๆ ขึ้นมาอีก

“อายุเท่าไหร่ เรียกภพว่าพี่ แสดงว่าอ่อนกว่า คงไม่ใช่เด็กมัธยมหรอกนะ?”

โกหกผู้ใหญ่ แถมเป็นพ่อของแฟน คงดูไม่ดีแน่ แต่ถ้าบอกความจริงตอนนี้ มีหวังได้โดนพี่ภพโกรธ เอสเตอร์คิดหนักจนเหงื่อตก สุดท้ายก็โกหกคำโตออกไปตามเคย

“แล้วพ่อแม่เราทำงานอะไรเหรอ” นพยังคงซักต่อ จนหมอถึงกับต้องเอ่ยปากว่า

“ไม่ได้อยู่ในศาลนะครับคุณอัยการ อย่าหน้าเครียดถามเด็กสิ”

“เอ่อ...แม่ผมเสียตั้งแต่คลอดผมแล้วครับ ส่วนพ่อก็เกิดอุบัติเหตุเสียไปตอนผมอายุขวบกว่าๆ ตอนนี้ผมเลยอยู่กับลุงแค่สองคน  ลุงผมเป็นนักวิทยาศาสตร์” เรื่องนี้ภพเองก็เพิ่งเคยได้ยินจากปากของเอสเตอร์เหมือนกัน ทุกคนนั่งเงียบ นพรู้สึกผิดที่ถามแบบนั้น

“ขอโทษนะที่ทำให้นึกถึงเรื่องน่าเศร้า เสียใจด้วยนะเอสเตอร์” นพเอ่ยอย่างเห็นใจพลางตบที่มือของเด็กหนุ่มเบาๆ

แปลก

สัมผัสของนพ ทำให้เอสเตอร์รู้สึกคิดถึงอย่างประหลาด

แต่มันต่างจากที่รู้สึกกับภพอยู่เล็กน้อย

“ลุงว่าเราไปกินข้าวเย็นกันดีกว่ามั้ย” เพราะบรรยากาศมันเริ่มจะเศร้าสลดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หมอจึงเอ่ยแทรกขึ้น ทำให้ทุกคนกลับมาครื้นเครงอีกครั้ง

******

คืนนั้น เอสเตอร์ได้รับอนุญาตให้นอนค้างที่บ้านของภพ เด็กทั้งสองนอนคุยกันบนเตียง ผลัดกันเล่าเรื่องของตัวเอง

“พี่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายเมื่อไหร่” เอสเตอร์นอนหงายมองเพดาน ส่วนภพนอนตะแคง นิ้วไล้วนบนแผงอกของเด็กหนุ่ม

“ตอนอายุ 16”

“ทำไมถึงรู้ตัวอ่ะ มีคนที่แอบชอบเหรอ” เอสเตอร์คว้านิ้วที่วนไปมาตรงอกมาจูบ “ซนมากเดี๋ยวคืนนี้ไม่ได้นอน” แววตาขี้เล่นของเด็กหนุ่มเสมองมาอย่างมีเลศนัย ภพหน้าร้อนฉ่า รีบชักมือออก ก็แค่ชอบสัมผัสร่างกายของเอสเตอร์ จะส่วนไหนก็ได้ แต่ตรงช่วงอกที่ดูมีกล้ามเนื้อแน่นตึงรู้สึกดีที่สุด

“ไม่มีหรอก คนที่ชอบน่ะ แต่มีรุ่นพี่ม.6 มาจีบ เป็นผู้ชาย”

“แล้วพี่ก็เลยคบกับเขา?”

“เปล่า ไม่ได้ชอบ ปฏิเสธไป แต่...ตอนที่โดนจูบ มันรู้สึกดี”

“ทั้งที่ไม่ได้ชอบเขาเนี่ยนะ?”

“ก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าจูบกับผู้ชายด้วยกันมันจะรู้สึกได้ ตอนนั้นก็สับสนนะ เลยลองคบผู้หญิงดู แต่ก็ไปไม่รอด”

“แสดงว่ากับผู้หญิงไม่โอเคตั้งแต่แรกแล้ว?” เอสเตอร์ขยับตัวขึ้นในท่านอนตะแคงเอามือท้าวหัวไว้ หันหน้ามาหาภพ ซึ่งภพเองก็อยู่ในท่าเดียวกัน

“ก็ทำนองนั้น” ภพพยักหน้านิดๆ

“แล้วบอกพ่อกับลุงพี่ทันทีเลยเหรอว่าเป็นเกย์?” เอสเตอร์เลิกคิ้วอย่างสงสัย

“หลังจากนั้นสองสามปีก็บอก แล้วนายล่ะ ทำไมเป็นไบ ถ้าชอบผู้หญิงได้ ก็ไม่น่ามาทางนี้นี่” ภพเปลี่ยนท่า นอนหันหลังหนีสายตาของเด็กหนุ่ม

“ผมไม่ได้ซีเรียสเรื่องนั้นแต่แรกแล้ว ถ้าชอบก็คบได้หมด” เอสเตอร์จับร่างโปร่งให้นอนหงายและขึ้นคร่อมไว้ ร่างกายของเด็กหนุ่มสูงใหญ่กว่าภพพอสมควร คงเพราะกินแต่เนื้อนมไข่ และดูเหมือนจะชอบออกกำลังกายด้วย เอสเตอร์ไม่ได้สวมเสื้อ แม้ร่างกายจะยังอยู่ในวัยเจริญเติบโต แต่ก็ดูสมส่วนและมีกล้ามเนื้อเล็กน้อย

ส่วนภพ จะเรียกว่าหยุดการเจริญเติบโตตั้งแต่อายุ 18 ก็น่าจะใช่ เพราะส่วนสูงหยุดที่ 176 ซม.มาหลายปีแล้วจนถึงตอนนี้ แต่เอสเตอร์น่าจะราวๆ 180 ไปแล้ว

“ห้องพี่เก็บเสียงใช่มั้ย เพราะพี่เล่นดนตรี ผมเห็นผนังบุที่กั้นเสียงไว้หลายชั้นเลย” รอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปากของเด็กหนุ่มทำเอาภพรู้สึกร้อนวาบไปทั้งตัว

“ช่างสังเกตจังนะเรา” ภพยกยิ้มอย่างถูกใจ “ถึงจะเก็บเสียง แต่พี่ก็ไม่อยากทำอะไรที่บ้านหรอกนะ”

“งั้นแค่จูบ” แล้วเด็กหนุ่มก็โน้มตัวลงประกบปากแบบไม่รอคำอนุญาตใดๆ ภพหลับตาลง ตอบรับสัมผัสนั้นอย่างเต็มที่ ยิ่งสัมผัสกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการมากขึ้นเท่านั้น

******

1 เดือนผ่านไป เอสเตอร์เรียนรู้ภาษาไทยได้รวดเร็วมาก ตอนนี้พออ่านออกเขียนได้บ้างแล้ว ส่วนเรื่องพูดก็ค่อนข้างคล่องขึ้นมาก คงเพราะได้ครูดีอย่างภพ

“เย็นนี้ไปกินข้าวบ้านพี่กัน ลุงหมอกลับเร็ว พ่อก็หยุด” ภพเอ่ยชวน หลังจากพาเอสเตอร์ไปที่บ้านคราวนั้น ดูเหมือนทั้งพ่อและลุงจะเอ็นดูเด็กหนุ่มผมทองเอามากๆ บอกให้ภพพาไปเที่ยวที่บ้านบ่อยๆ

“ได้ครับ คืนนี้ผมไม่ต้องออกไปทำงานพอดี” เอสเตอร์ตอบรับพลางซุกหน้าไซร้คอขาวๆ ของหนุ่มรุ่นพี่ ภพนั่งอยู่บนตักของเด็กหนุ่ม คอยลูบแขนที่กอดเอวไว้

“เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนแล้วนะ” จู่ๆ ภพก็เอ่ยขึ้นลอยๆ ดวงตาเหม่อมองไปไกลไร้จุดหมาย พอคิดถึงเรื่องที่เอสเตอร์จะต้องบินกลับแคนาดาในอีกสองเดือนข้างหน้า ใจมันก็โหวงๆ พิกล

“อืม” เอสเตอร์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เรื่องที่ปิดบังไว้ก็ยังไม่ได้บอก ถ้าบอกความจริงไป ภพต้องโกรธมากแน่ๆ และอาจจะพาลเกลียดไปเลยก็ได้

“เดี๋ยวนายต้องลืมพี่แน่ๆ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ผมจะลืมพี่ได้ไง” แขนที่โอบรอบเอวบางกระชับแน่น เอสเตอร์วางคางเกยไหล่เล็กอย่างพะเน้าพะนอ

“ใครจะรู้ อยู่ไกลกันขนาดนั้น” ภพตัดพ้อ ใบหน้าเง้างอน “นายออกจะดูดีขนาดนี้ สาวๆ คงมีมาให้เลือกเยอะแยะ”

“ยังไม่ทันไรก็หวงผมแล้วเหรอ” เอสเตอร์หัวเราะคิกคัก สูดจมูกดมกลิ่นหอมจากแก้มนุ่ม “ผม...รักพี่นะ”

“รู้น่า” ภพหลับตาลง เอนตัวพิงแผงอกแกร่ง “พี่ก็รักนาย”

“แล้ว ถ้าเกิด มีเรื่องที่ทำให้พี่ต้องโกรธผมมากๆ แบบว่ามากๆ เลย โกรธสุดๆ พี่จะทำยังไง” 

“ถามแปลกๆ นายไปทำอะไรไว้รึไง? หรือว่าแอบมีกิ๊ก!” ภพลืมตาพรึ่บ หันไปชี้หน้าจ้องตากับเด็กหนุ่มอย่างคาดคั้น

“เปล่าๆ ไม่ใช่อย่างนั้น ผมบอกแล้วไงว่าผมคบทีละคน ไม่มีนอกใจแน่นอน” เอสเตอร์ส่ายหน้า สีหน้าจริงจัง “มันอาจจะเป็นเรื่องที่พี่ยากจะยอมรับ พี่เลยโกรธอะไรทำนองนั้น ถ้าเป็นแบบนั้น พี่จะทำไง ผมแค่สมมตนะ”

“เรื่องสมมตเหรอ? อืม...ก็ถ้ามีเรื่องให้โกรธขนาดนั้น พี่คงคุยกับนายให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยคิดว่าจะเอายังไง พี่ไม่ชอบให้ปัญหาคาราคาซัง”

เอสเตอร์คลี่ยิ้มบางๆ กับคำตอบนั้น อย่างน้อยภพก็ดูมีเหตุผล ที่เหลือก็แค่ รอวันสารภาพบาป

******

เพราะเอสเตอร์มาค้างที่บ้าน ภพก็เลยอาสาช่วยพ่อทำอาหารในครัวอย่างกระตือรือร้น ส่วนลุงหมอก็นั่งคุยกับเอสเตอร์อยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“คนนี้จริงจังมากเลยเหรอ?” ระหว่างช่วยกันทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับ นพก็ถามลูกชายด้วยความอยากรู้ ตั้งแต่ภพมาบอกว่าชอบผู้ชายด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอะไร นพก็ยังไม่เห็นลูกชายจะมีทีท่าว่าอยากคบกับผู้ชายคนไหน ไม่เคยพาใครมาที่บ้านเลยสักครั้ง แต่กับเด็กหนุ่มผมทองคนนี้ ทั้งที่เพิ่งรู้จักไม่นาน แถมยัง (เข้าใจว่า) เจอกันผ่านเนต มันยากจะเชื่อว่าจะจริงจังกันได้นานสักแค่ไหน

“ผมอยากจะจริงจังกับเขา” ภพตอบพลางตักน้ำซุปในหม้อมาเป่าแล้วลองชิม

“อยากจะ? ดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลยนะ” นพส่ายหน้า “พ่อดูแล้ว ไม่น่าอายุ 20 เด็กนั่นกำลังหลอกลูกอยู่รึเปล่า”

“พ่อคิดอย่างนั้นเหรอ” ภพหันไปมองหน้าพ่อตรงๆ ความจริงก็คิดอยู่ในใจเหมือนกัน บางทีเอสเตอร์คงโกหกอายุเพื่อทำงานในผับ แต่อายุจริงคงสัก 17-18

“ดูไปก่อนก็ได้ อีกไม่นานเขาก็ต้องกลับบ้านอยู่แล้วนี่ ถ้ายังไปกันรอดอยู่ พ่อก็ไม่ว่าอะไร” นพตบบ่าลูกชายเบาๆ “แต่ทำอะไรก็ป้องกันดีๆ นะ”

ภพอายจนแก้มแดงระเรื่อ “พ่ออ่ะ...พูดอะไรไม่รู้”

******

พวกเด็กๆ เข้านอนกันหมดแล้ว นพนอนเอนหลังพิงโซฟาเบดที่นอกชานหลังบ้าน ทอดสายตามองไปบนท้องฟ้ามืดสลัว คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่างทั่วฟ้าดูงดงาม

มองพระจันทร์ทีไร ก็นึกถึงแต่หน้าของคนคนนั้น

คนที่สว่างสดใสเปี่ยมล้นด้วยพลัง

พลันน้ำตามันก็ไหล

“มานอนทำอะไรตรงนี้ เดี๋ยวก็ไม่สบาย” เสียงทักจากด้านหลัง ทำให้นพต้องรีบลุกขึ้นนั่ง แอบเช็ดน้ำตาและทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ร้องไห้อีกแล้ว” หมอถอนหายใจ ไม่ชอบเลยที่นพเอาแต่คิดถึงคนที่ไม่มีทางกลับมาหา ตั้ง 14 ปีแล้วแท้ๆ ทำไมยังไม่ยอมลืม ไม่ยอมเริ่มต้นใหม่

“ผมไม่ได้ร้อง จะไปนอนแล้ว” นพลุกขึ้นจะเดินสวนกลับเข้าไปในบ้าน แต่ถูกวงแขนแกร่งรั้งเอวไว้ แรงโอบรัดรอบตัวยิ่งทำให้ตื่นตระหนก “ปล่อยสิ!”

“จะมีสักครั้งมั้ยที่นายจะคิดถึงพี่” คำถามนี้ทำเอาต้องหยุดชะงัก นพเงยหน้าสบตากับอีกคน

“พูดอะไร” เรียวคิ้วสวยขมวดปมอย่างไม่เข้าใจ

“ที่ผ่านมา เคยรู้สึกอะไรกับพี่มั่งรึเปล่า” แววตาของหมอเศร้าสลด เจ็บปวด จนนพไม่กล้าสบตานานกว่านั้น

“ทำไมถามแบบนี้ ถ้าผมไม่รู้สึก จะยอมให้กอดอยู่อย่างนี้มั้ย!” เสียงตอบนั้นอ้อมแอ้มด้วยความเขินอาย อายุตั้งปูนนี้แล้วยังจะมาถามเรื่องอะไรไร้สาระ แล้วตัวเขาเนี่ย จะเขินทำไมก็ไม่รู้ “อยู่กันมาตั้งนานป่านนี้แล้ว พี่ยังคิดว่าผมไม่คิดอะไรอีกเหรอ”

หมอนิ่งงัน กะพริบตาปริบๆ สมองพยายามประมวลผลตามคนพูด

“งั้นก็คิดสินะ? ฮะฮะ” หมอหัวเราะชอบใจ โอบบ่าร่างโปร่งมากอดไว้ “นพว่าเจ้าภพมันจะรับพี่เป็นพ่ออีกคนมั้ย”

“ยังจะถาม...” นพเริ่มหน้าบึ้งอย่างไม่พอใจ ไม่รู้ว่าพี่หมอจะย้ำทำไมนักหนา

“ให้พี่มาอยู่ด้วยถาวรเลยได้มั้ย อยากดูแลคนนี้” หมอกอดรัดฟัดเหวี่ยงร่างโปร่งไปมาด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ทุกวันนี้ก็เหมือนอยู่ด้วยกันแล้วนี่ ทำไมพี่ต้องย้ำคิดย้ำทำอยู่เรื่อย” นพแขวะเบาๆ เอามือตีแขนคนที่กอดแน่นจนชักจะอึดอัด

“กับนาย พี่อยากจะคิดถึงซ้ำๆ กอดย้ำๆ ทุกคืนไม่ให้ห่างไปไหนเลยล่ะ”

นพไม่ได้ตอบ เสียงพูดคุยเงียบหายไปแล้ว ดวงตาสองคู่ประสานกันใต้แสงจันทร์

นพประคองใบหน้าของหมอ แนบริมฝีปากแผ่วเบา

แม้จะยังคิดถึงติณไม่เคยจางหาย

แต่ชีวิตมันต้องเดินต่อไป

และหากมีใครสักคนที่พร้อมจะเดินไปด้วยกัน

นพก็พร้อมจะเปิดใจ

ภพเองก็ยังคิดที่จะมองหาใครสักคน อยากจะจริงจังกับเอสเตอร์ แล้วตัวนพ อายุก็ใช่น้อยๆ แล้ว จะมามัวยึดติดกับอดีต กับความทรงจำเก่าๆ ก็คงใช่ที่

ถึงเวลาแล้วที่ต้องก้าวต่อไป ก่อนที่มันจะสาย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 10/3/18 Special 1+2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-03-2018 15:50:37
พี่น้อง เขาซัมกันแล้ว  :a5:
อีตาอันหายไปไกนฟ่ะ ไม่ดูแลลูกเลย หรือคิดว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง  o12
มาเฉลยเรื่องของติณกับอันแล้วจ้า
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 10/3/18 Special 1+2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 11-03-2018 15:51:33
เดี๋ยวววววววววว เด็กน้อยคู่นี้ นางแม่เดียวกันเลยนะ ตับคู่แบบนี้เลยจริงดิ๊ !!!!!! อมกกกกกก
สปาร์คกันแบบไม่รู้ตัว ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-03-2018 16:04:58
ตายไปแล้วหรือตาอัน งั้นก็แลัวไป  :amen:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-03-2018 17:51:45
มีจุดที่สงสัยหลายที่เลยค่ะ แต่เอาบางจุดก่อน
ภพท้องไม่ได้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น(ในความคิดเรา)การที่ทั้งสองคนรักกันก็ไม่เห็นเป็นไร
ถ้าอันตายแล้ว ทำไมคนอื่นไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยคนที่บ้านอันก็น่าจะรู้ แล้วหมอเป็นเพื่อนอัน ไม่มีการไปถามหาจากที่บ้านเลยเหรอ
หลังจากติณตายแล้ว อันทำไมไม่ส่งข่าวกลับไทย แล้วทำไมไม่พาลูกติณกับนพมาคืน ลูกของตัวเองอ่ะ(ภพ)ไม่อยากเลี้ยงเหรอ
บาสก็รู้จักทั้งอันและติณ ทำไมหลังจากอันตายแล้วไม่พาลูกของติณมาคืน

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.Sedsawa ที่ 11-03-2018 19:42:37
ติดอ่านรวดเลยค่ะ.... แต่คือช็อค... นี่ชอบตัวละครทุกตัวที่ไรท์สร้างเลยอ่ะ เพราะปกติชอบอ่านพระเอกใจร้ายแต่ยอมนายเอกอยู่แล้ว เลยพอญาติดีกับพี่อันได้(แต่ตอนนางทำติณขนาดนั้นเราด่านางเละจ้าาาาา ด่าไม่ให้เป็นผู้เป็นคนเลย เพราะสายทีมนายเอก นายเอกข้าใครอย่าแตะ)และเพราะสายทีมนายเอกค่ะ..... เรื่องนี้ทำจุกเลย จุกมาก น้ำตาคลอ ทำไมไรท์ทำกับน้องติณงี้ :sad4: :o12: :o12: ใจเราไปหมดเเล้ว ฮืออออออ น้องติณอ่าาาา น้องติณจะอยู่ในใจพรี่ตลอดไปนะ :sad4: อยากได้น้องติณเป็นเมียค่ะ :hao5: ขอบคุณที่เเต่งเเละสร้างทุกคนขึ้นมานะคะ (และสุดท้าย..แอบชอบพี่บาสค่ะ//กระซิบ)
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-03-2018 00:46:04
อ้าวถ้าอันดากับติณห์ ตายใครจะเฉลยปมอ่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: มนุษย์สาววาย ที่ 12-03-2018 10:09:30
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 11:38:27
มีจุดที่สงสัยหลายที่เลยค่ะ แต่เอาบางจุดก่อน
ภพท้องไม่ได้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้น(ในความคิดเรา)การที่ทั้งสองคนรักกันก็ไม่เห็นเป็นไร
ถ้าอันตายแล้ว ทำไมคนอื่นไม่รู้ล่ะ อย่างน้อยคนที่บ้านอันก็น่าจะรู้ แล้วหมอเป็นเพื่อนอัน ไม่มีการไปถามหาจากที่บ้านเลยเหรอ
หลังจากติณตายแล้ว อันทำไมไม่ส่งข่าวกลับไทย แล้วทำไมไม่พาลูกติณกับนพมาคืน ลูกของตัวเองอ่ะ(ภพ)ไม่อยากเลี้ยงเหรอ
บาสก็รู้จักทั้งอันและติณ ทำไมหลังจากอันตายแล้วไม่พาลูกของติณมาคืน

ช่วงนี้ลงได้แค่เรื่องเดียว เรื่องนี้จะต่ออาทิตย์ละรอบคิดว่า พอดีติดงาน
แต่ขอตอบคอมเม้นท์นี้ก่อนนะคับ

เราก็คิดว่าน่าจะมีจุดน่าสงสัยเยอะมากกกก มีคนถามในเวบอื่นเหมือนกัน
ภพท้องไม่ได้คับ เพราะติณแค่โดนผ่าตัด ไม่ได้เป็นแนวท้องได้เพราะผิดปกติทางร่างกายแต่กำเนิด เลยไม่มีผลมาที่ลูก จริงๆ ถ้าไม่รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ก็คงรักกันต่อไปได้ไม่มีปัญหาอะไรนะ เพราะเรื่องแบบนี้จริงๆ ก็มีเยอะ พวกที่พ่อแม่แยกทาง ลูกมาเจอกันตอนโตก็รักกันเพราะสายเลือดมันผูกพัน เคสนี้เราเอามาจากเรื่องจริงที่เคยเจอ แถมที่เราเจอมาคือหญิงชาย มีลูกกันด้วย

ที่บ้านอันเราไม่ได้พูดถึง เดี๋ยวจะเฉลยหลังๆ ส่วนเรื่องทำไมบาสไม่ส่งข่าว เพราะติดต่อไม่ได้ ทางนี้เองก็ตามหา แต่ไม่เจอ
บาสหนีคดีที่เคยร่วมมือกับอันทำร้ายติณ เลยตัดขาดกับทุกคน หนีไปสร้างชีวิตใหม่ (ตรงนี้เคยบอกไว้นิดๆ คงไม่เคลียร์เท่าไหร่ จุดเล็กนิดเดียวเลย ฮ่าๆ)
แล้วพอต้องเลี้ยงเด็กเล็กๆ คนเดียว ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาจะมาตามหาใครครับ

เรื่องของอันหลังจากติณตายเดี๋ยวเฉลยนะ
ใจเย็นๆ

ดีที่มีคนถาม เพราะเราจะได้คิดต่อเรื่องได้ ฮ่าๆ ขอบคุณมาก
คอมเม้นท์มีประโยชน์ตรงเนี้ย เป็นแนวทางให้ดำเนินเรื่องต่อได้
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 11:50:13
ตายไปแล้วหรือตาอัน งั้นก็แลัวไป  :amen:
ไม่เสียใจหน่อยเหรออออ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 11:51:03
อ้าวถ้าอันดากับติณห์ ตายใครจะเฉลยปมอ่ะ
ยังมีิอีกคนนะ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 13-03-2018 11:54:49
ติดอ่านรวดเลยค่ะ.... แต่คือช็อค... นี่ชอบตัวละครทุกตัวที่ไรท์สร้างเลยอ่ะ เพราะปกติชอบอ่านพระเอกใจร้ายแต่ยอมนายเอกอยู่แล้ว เลยพอญาติดีกับพี่อันได้(แต่ตอนนางทำติณขนาดนั้นเราด่านางเละจ้าาาาา ด่าไม่ให้เป็นผู้เป็นคนเลย เพราะสายทีมนายเอก นายเอกข้าใครอย่าแตะ)และเพราะสายทีมนายเอกค่ะ..... เรื่องนี้ทำจุกเลย จุกมาก น้ำตาคลอ ทำไมไรท์ทำกับน้องติณงี้ :sad4: :o12: :o12: ใจเราไปหมดเเล้ว ฮืออออออ น้องติณอ่าาาา น้องติณจะอยู่ในใจพรี่ตลอดไปนะ :sad4: อยากได้น้องติณเป็นเมียค่ะ :hao5: ขอบคุณที่เเต่งเเละสร้างทุกคนขึ้นมานะคะ (และสุดท้าย..แอบชอบพี่บาสค่ะ//กระซิบ)

ขอบคุณมากครับที่ชอบ ดีใจT^T เราเขียนอธิบายบรรยายไม่เก่งอ่ะ อาจจะมีอะไรไม่เมคเซ้นส์เยอะอยู่
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดราม่าที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา เพราะเราแต่งแต่ฟิค ซึ่งมันต้องเน้นแต่เรื่องรักๆ ใสๆ อ่ะ เลยเอาเรื่องนี้มาระบายด้วยการยำซะเละ ฮ่าๆ
ต้องขอโทษด้วยน้าที่ทำร้ายน้องที่น่ารักอย่างติณ ชีวิตโครตรันทด เหมือนโดนคนเขียนแกล้ง
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 20/3/18 ตราบาป 3
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 20-03-2018 08:50:20
“ลุงบาส!!!” เด็กหนุ่มร่างสูงโผเข้ากอดผู้เป็นลุงที่อุตส่าห์ลงทุนมาหาที่ไทย เพราะอยากจะเจอว่าที่หลานสะใภ้ ที่เอสเตอร์โทรไปเล่าให้ฟัง

บาสกอดตอบเด็กตัวโตที่สูงกว่าตนเกือบ 20 เซน รู้สึกเลยว่าตัวเองแก่ไปเยอะ อุ้มหลานยักษ์นี่ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ทั้งที่เหมือนเพิ่งเลี้ยงเอสเตอร์มาแค่ไม่กี่ปี

“อีกสองอาทิตย์ก็กลับแล้ว ลุงนี่ก็ใจร้อนจัง ผมส่งรูปไปให้ดูแล้วไง” เอสเตอร์พูดถึง “แฟน” ที่เล่าให้ลุงฟัง ตอนได้ยินชื่อนั้นมันก็คุ้นๆ บอกไม่ถูก แต่นึกไม่ออกว่าไปรู้จักคนชื่อแบบนั้นได้ยังไง เพราะอยู่ต่างประเทศมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แทบจะไม่ติดต่อกับใครที่นี่เลย แม้กระทั่งพ่อแท้ๆ ของตัวเอง จะมีก็แต่นที เพื่อนคนไทยที่เจอที่แคนาดา ซึ่งช่วยกันเลี้ยงเอสเตอร์มา แต่ตอนหลังต้องกลับมาอยู่ไทยแบบถาวรแค่คนเดียวเท่านั้น

“ฉันอยากมาทำอะไรๆ ให้มันถูกต้อง นายบอกเองนี่ว่าโกหกอายุพี่เขาไว้ ยังไงฉันจะลองไปคุยกับทางนั้นให้ เพราะดูนายจะรักเขาจริงๆ นี่” สองลุงหลานคุยกันด้วยภาษาอังกฤษตามความเคยชิน เอสเตอร์ช่วยลุงขนกระเป๋าเดินทางไปขึ้นแอร์พอร์ทลิงค์ ลงสุดสายปลายทางกลางใจเมือง

“ผมรักพี่ภพมากกกก มากๆๆๆ เลยลุง คนนี้ผมอยากจริงจังด้วยสุดๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องเป็นพี่ภพ” แววตาของเอสเตอร์ดูมุ่งมั่น ทอประกายระยิบระยับ

บาสวางมือบนหัวเด็กน้อย “เราอายุแค่นี้ อีกหน่อยอาจจะเจอคนอื่นที่ดีกว่านี้อีกนะ”

“ไม่มีทาง” เอสเตอร์ส่ายหน้า “ผมอายุแค่นี้ก็จริง แต่ไม่เคยเจอคนที่รู้สึกเหมือนเป็นโชคชะตาได้ขนาดนี้เลยลุง ผมบอกไม่ถูก แต่มัน...เหมือนกับว่า พี่ภพเป็นสิ่งที่ขาดหายไปครึ่งหนึ่งในชีวิตของผม มันรู้สึกผูกพัน”

บาสคลี่ยิ้มบางๆ “จะบอกว่าพรหมลิขิตหรือชาติปางก่อนอะไรเทือกนั้นรึ”

“ไม่ค่อยเข้าใจภาษารุ่นลุงนะ แต่ผมคิดว่าอย่างนั้น มันคือพรหมลิขิต สำหรับผมอ่ะนะ” เอสเตอร์ยิ้มกว้างจนตาหยี บาสลูบหัวหลานชายเบาๆ พากันขึ้นแอร์พอร์ทลิ้งค์

อย่างแรกที่ต้องเคลียร์กับตฤณภพก็คือ เรื่องอายุของเอสเตอร์ บาสเลี้ยงเอสเตอร์มาแบบไม่เข้มงวดนัก ให้อิสระในการคิดและทำสิ่งที่ต้องการ รับฟังความคิดเห็นของหลานชายเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน ในเมื่อเอสเตอร์ตัดสินใจแน่วแน่ขนาดนั้น เขาก็จะช่วยสนับสนุนอีกแรง จึงต้องการพบกับภพ เพื่ออธิบายให้เข้าใจกัน

ตอนที่เจอภพตัวจริงในร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่นัดกันไว้ บาสรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก แต่คิดว่าคงรู้สึกไปเองมากกว่า พอบอกอายุจริงของเอสเตอร์ ภพถึงกับตาโต กว่าจะคุยกันจนเข้าใจทุกอย่าง ว่าทำไมเอสเตอร์ถึงอยากมาที่นี่และทำไมต้องโกหกอายุ เพื่อทำงานกลางคืน ก็ใช้เวลาร่วมชั่วโมง อาหารที่สั่งมาเย็นชืดไปหมด

แต่อย่างน้อย ภพก็ยอมรับฟังคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า คงเพราะถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น ทำให้ไม่กล้าเสียมารยาทกับคนที่สูงวัยกว่า สมกับอยู่ในสังคมแบบไทยแท้

หลังมื้อค่ำวันนั้น บาสขอไปนอนที่บ้านของนที เพราะไม่ได้เจอกันมานานแล้ว มีเรื่องให้คุยกันมากมาย และอยากปล่อยให้เด็กทั้งสองได้อยู่กันตามลำพังที่คอนโด

ภพค่อนข้างจะไม่พอใจอยู่บ้างที่ถูกหลอก เพราะเห็นว่าเอสเตอร์ตัวโตมาก เลยคิดว่าอาจจะแค่ 17-18 เด็กม.ปลายก็ยังพอคบได้อยู่ ไม่ได้ห่างกันเยอะมาก แต่นี่อายุห่างกันถึง 7 ปี ถ้าอยู่ที่ไทย เอสเตอร์ยังใช้คำนำหน้าว่าเด็กชายด้วยซ้ำ

“กินเด็กเป็นอมตะนะพี่” เอสเตอร์หัวเราะคิกคัก เข้ามากอดเอวภพอย่างออดอ้อน ดีที่ให้ลุงเป็นคนคุย ทำให้ภพยอมรับฟังและไม่แสดงท่าทีว่าโกรธอะไรมาก

“เดี๋ยวเถอะนะ ร้ายมากไปแล้วเอสเตอร์ หลอกพี่ได้ตั้งนาน” ภพหน้ามุ่ย ขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเด็กหนุ่มผมทอง เอามือตีที่แขนของเอสเตอร์ไม่แรงนัก ด้วยความหมั่นไส้

“ก็ผมจำเป็นต้องหาเงินค่าใช้จ่ายเอง ไม่อยากรบกวนพวกลุง จริงๆ ลุงก็ห้ามแล้ว ว่าอยากให้มาตอนอายุ 18 ไปแล้ว แต่ผมใจร้อน อยากมาที่นี่เร็วๆ” เอสเตอร์ตามไปง้อต่อด้วยการหอมแก้มซ้ายขวา ภพไล่ตีไปอีกรอบ แต่เจ้าผมทองยังไม่ยอมหยุด ทั้งกอดรัดฟัดเหวี่ยง หอมจนแก้มแทบช้ำ

ภพก็รู้หรอกว่าเอสเตอร์กำลังอ้อนให้ไม่โกรธ

“พี่เข้าใจแล้วล่ะเรื่องนั้น ก็ถ้าไม่ใจร้อน คงไม่...” พอจะพูดต่อก็รู้สึกกระดากอายจนหน้าร้อนขึ้นมา เอสเตอร์คลี่ยิ้ม สวมกอดภพจากด้านหลัง รั้งเอวให้เข้าไปแนบชิดกับแผ่นอกของตน

“ดีที่ผมใจร้อน เลยได้เจอพี่ที่นี่ แล้วก็ดีอีกที่ผมใจร้อนมากๆ อยากกินพี่ในคืนนั้น”

“ทะลึ่งว่ะ” ภพตีแขนเอสเตอร์ไปอีกที เขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนดีแล้ว

“แล้วรักมั้ย” เอ่ยถามเบาๆ อยู่ข้างหูจนรู้สึกจั๊กจี้ ภพเอียงคอเล็กน้อยก่อนจะตอบเสียงแผ่ว

“อือ...รักสิ”

******

เช้าอีกวัน ถึงคิวที่บาสจะต้องไปสู่ขอ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แค่ไปพบพ่อกับลุงของภพ เพื่อจะได้พูดคุยทำความรู้จักกันไว้ อีกหน่อย ถ้าเอสเตอร์ตัดสินใจจะแต่งงานกับภพขึ้นมา ก็ให้ไปจัดงานกันที่อเมริกาได้ บาสจะช่วยดูแลภพให้เอง

เรื่องของอนาคตอาจไม่แน่นอน แต่บาสรู้ใจเอสเตอร์ดียิ่งกว่าใคร แม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันอยู่เลยก็ตาม

“เหมือนกำลังจะโดนสู่ขอเลย” ภพตื่นเต้นนิดหน่อยตอนที่ยืนแต่งตัวให้เอสเตอร์ที่หน้ากระจก บาสเอาชุดที่ดูค่อนข้างเป็นทางการมาให้เอสเตอร์ด้วย เสื้อเชิ้ตเรียบๆ แขนยาวกับกางเกงสแลคสีดำและรองเท้าหนังอย่างดี

“ต้องหมั้นหมายไว้ก่อน เพราะกว่าผมจะเรียนจบได้เจอพี่อีก ก็หลายปีเลย”

“จะไม่มาที่นี่จนกว่าจะเรียนจบเลยเหรอ” รู้สึกเศร้าๆ พิกลพอเอสเตอร์พูดแบบนั้น เด็กหนุ่มผมทองต้องรีบปลอบ

“ไม่ค่อยได้เจอ แต่สมัยนี้ก็มีแอพให้เราเปิดกล้องคุยกันได้ทุกเมื่อนี่ครับ ไว้ผมเก็บเงินได้อีก จะมาหานะ” เอสเตอร์ยิ้มอย่างเอาใจ มือหนาลูบแก้มเนียนของคนพี่ด้วยความรักใคร่

“อือ ถ้าพี่เรียนจบทำงานเก็บเงินได้ ก็จะไปหาเอสเตอร์เหมือนกัน ห้ามนอกใจเด็ดขาดนะ!”

“จุ๊บ” เอสเตอร์ก้มลงจุ๊บที่ปากของภพทันที “ชัวร์ครับ”

******

บาสและนที ขับรถมารับภพกับเอสเตอร์ไปที่บ้านของภพตอนสายๆ เด็กทั้งสองตื่นเต้นแปลกๆ เพราะทุกคนมาเจอกันแบบครบทีม ดูเป็นงานเป็นการมาก เอสเตอร์จับมือภพไว้ตลอดทางที่นั่งรถไป ภพเองก็จับตอบ ในอกปลื้มปริ่ม เด็กอายุแค่นี้ แต่มุ่งมั่นจริงจังกับเขาขนาดนี้ คงหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

พวกเราจะไม่มีวันปล่อยมือกัน

มาถึงที่บ้านของภพก็เกือบเที่ยง กะว่าพูดคุยกันแล้วก็ทานข้าวกลางวันไปด้วยพอดี นพกับหมอออกไปต้อนรับทั้งสี่คน ตอนที่หมอเดินตามหลังนพออกมาจากบ้าน และมองเห็นบาสจากไกลๆ ก็ชะงักไปทันที

“ไอ้...บาส?”

“มีอะไรรึเปล่าครับพี่หมอ?” นพเหลียวหลังไปมองอย่างสงสัย บาสเพิ่งลงจากรถ และเงยหน้ามอง

“ไอ้หมอ!”

สองคนชี้หน้ากันอยู่อย่างนั้นด้วยความตื่นตกใจ มันไม่ใช่ความดีใจ และทุกคนเองก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว

ภพกับเอสเตอร์ยังกุมมือกันไว้แน่น
.....................
...............
...........
.......
...
บรรยากาศในบ้านตอนนี้เงียบสงัด เอสเตอร์กับภพยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมทุกคนถึงนั่งหน้าเครียดและเงียบกันขนาดนี้ เด็กทั้งสองเริ่มร้อนใจแปลกๆ ตั้งแต่ที่ลุงหมอกับลุงบาสเรียกชื่อกัน และตอนที่ลุงบาสขมวดคิ้วถามว่า พ่อของภพ คือ อัยการนพดลใช่มั้ย

“มันเรื่องอะไรกันครับ ทำไมทุกคนเอาแต่เงียบ ทั้งที่วันนี้เราน่าจะคุยกันไปกินข้าวกันไป” ในที่สุดภพก็อดรนทนไม่ไหว เป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นมาอย่างร้อนรน

หมอกระตุกแขนหลานชายให้นั่งลง พลางถอนหายใจ

แต่ก็ยังไม่มีใครพูดอะไรออกมาอยู่ดี

“จะเอาไงต่อ” หลังจากเงียบไปอีกครั้งจนคิดว่าน่าจะได้เวลาแล้ว บาสก็เอ่ยขึ้นบ้าง

“พาเอสเตอร์กลับไปก่อนได้มั้ย” หมอเสนอ แต่นพกลับรั้งไว้

“ไม่ได้นะ!”

“เรื่องบางเรื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมานะนพ ป่านนี้แล้ว” หมอว่าพลางดึงมือนพไปกุมไว้แน่น บาสมองทั้งสองคนแล้วก็พอเข้าใจ

เวลาเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยน เหมือนกับตัวเขาเองที่เปลี่ยนไป

ไม่ว่าใครก็ต้องเดินหน้าต่อไปทั้งนั้น

ติณ...พี่เจอพ่อของลูกนายแล้วนะ

“คุณนพดลครับ” บาสตัดสินใจ “ผมจะพาเอสเตอร์กลับแคนาดาคืนพรุ่งนี้เลย ถ้าไม่รังเกีย...”

“ลุง! ทำไมพูดแบบนั้นอ่ะ ผมยังเหลือเวลาอีกตั้งสองอาทิตย์กว่าจะเปิดเทอมนะ! ผมอยากอยู่กับพี่ภพ!”

“เงียบ!” เป็นครั้งแรกที่ลุงบาสดุเสียงดังและออกคำสั่งโดยไม่ฟังเสียงของเอสเตอร์ เด็กหนุ่มชะงักกึก นั่งเงียบไม่ปริปากออกมาอีก

“ผมจะเคลียร์กับหลานด้วยตัวเอง และทางคุณก็ต้องเคลียร์เช่นกัน แล้วเราค่อยมาคุยกันใหม่ว่าจะเอายังไงต่อ” บาสตัดบทแล้วลุกขึ้น นทีรีบร้อนลุกตาม แม้จะไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักนิด แต่เอสเตอร์ไม่ยอมไป “มานี่เอสเตอร์! กลับคอนโดก่อน!”

“ไม่เอา! ผมจะอยู่กับพี่ภพที่นี่! ยังไม่กลับไปกับลุงนะ!”

“นายไม่มีสิทธิเถียงฉันตอนนี้ เราต้องคุยกัน!” บาสดุเสียงดังด้วยภาษาอังกฤษอีกครั้งจนเอสเตอร์เริ่มหวาดหวั่น เพราะไม่เคยโดนลุงดุแบบนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่บ่นใส่

“แต่...” เอสเตอร์ยังคงอยากยืนกรานว่าจะอยู่กับภพ บาสถอนหายใจแรง คว้ามือเด็กหนุ่มผมทองแล้วกระชากให้เดินตาม และเอสเตอร์ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของลุงอีก
******

ใกล้จบสักที!!!! มีหลายจุดที่อาจจะงงและไม่ค่อยเมคเซ้นส์ แต่งเองก็ยังมึนๆ ขอบคุณที่ช่วยกันติชมน้า จะพยายามเคลียร์ในตอนหน้านี้แล้ว
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 20/3/18 ตราบาป 3
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-03-2018 14:55:55
ดราม่าสุดๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 20/3/18 ตราบาป 3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-03-2018 20:46:02
 :serius2:  มันจะอะไรกันหนักหนาเนี่ย
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป 4
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 11:46:55
​ทำไมมันชักจะยาววววว ภาคสองใช่มั้ยเนี่ย...เอาน่าจะรีบจบให้ลงละ อีกนิดเดียววววว

ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามกัน แม้มันจะดูมั่วซั่วมากก็ตามฮ่าๆ



4

เพียงแค่บาสอธิบายให้ฟังไม่ทันจบดี เอสเตอร์ก็ลุกพรวดขึ้นยืนด้วยสีหน้าตื่นตะลึง เรื่องหลังจากนั้นที่ออกจากปากของลุงแทบไม่เข้าหัว อาทีที่นั่งอยู่ข้างๆ นิ่งฟังทุกอย่างที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน พยายามจับมือเอสเตอร์ไว้ให้แน่นที่สุด เพราะกลัวหลานจะทำใจไม่ได้จนคลุ้มคลั่ง

 

“ไม่! ไม่จริง! ลุงโกหก! มันจะเป็นไปได้ไง!” เอสเตอร์โวยวายไม่อยากฟังต่อแล้ว นทีดึงแขนเด็กหนุ่มไว้

 

“ลุงเสียใจจริงๆ ที่มันเป็นเรื่องจริง”

 

“ทำไม ทำไมลุงเพิ่งมาบอกตอนนี้!!!” เอสเตอร์กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ปล่อยให้มันไหลพรากอาบแก้ม ร้องโวยวายจนนทีต้องลุกขึ้นกอดหลานชายเพื่อปลอบให้เย็นลง

 

“ขอโทษ” บาสตอบได้แค่นั้น ช่วงแรกๆ ที่ติณเสีย ต้องเดินเรื่องวุ่นวายมากมายเพื่อจัดพิธีศพให้คนนอกศาสนาที่แคนาดา บาสต้องทำทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว เพราะอันดาเอาแต่เพ้อหาติณเหมือนคนบ้า ไร้สติ แม้แต่ในงานศพของติณก็ยังเอาแต่นั่งเหม่อ ไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น

 

อันดาเป็นแบบนั้นเกือบปี ติดต่อใครก็ไม่ได้ เพราะเจ้าตัวทิ้งทุกอย่างที่เมืองไทยไปหมดแล้ว บาสเองก็เช่นกัน ทิ้งตัวตนของตัวเองไปหมดแล้ว เพื่อหนีจากเรื่องที่เคยทำกับติณ ทั้งที่อยากจะเริ่มต้นใหม่ แต่อันดาก็พาความวุ่นวายมาให้ ลักพาตัวติณมา เพื่อจะให้ผ่าตัดเอามดลูกออก ซึ่งบาสรับทำ เพราะรู้สึกผิดที่ทำให้ติณผิดปกติแต่แรก แต่กลายเป็นว่าติณดันท้องอยู่ สุดท้ายก็กลายเป็นแบบนี้

 

“สรุปว่า พ่อของเอสเตอร์คือคุณนพดล? ส่วนภพเป็นลูกของอันดากับติณ?” นทีถอนหายใจ “เอสเตอร์ก็คือน้องชายคนละพ่อของภพ”

 

“ไม่จริง! อาที! มันต้องไม่ใช่ผม! ไม่ใช่พี่ภพ! ไม่จริง!” เอสเตอร์ตะโกนสุดเสียง สะบัดแขนแล้ววิ่งออกจากห้องไป

 

“เอส! เอสเตอร์!!!!” นทีตกใจรีบวิ่งตามออกไป แต่เด็กหนุ่มลงลิฟท์ไปแล้ว บาสเองก็ตามออกมาด้วย

 

“เอาไงดีพี่บาส?” นทีร้อนรนกดลิฟท์รัวๆ เพื่อจะตามเอสเตอร์ลงไป หันไปมองหน้าบาส ก็ร้อนรนไม่แพ้กัน

 

“พี่รู้ว่ามันจะไปไหน”

 

******

 

เวลาตอนนี้เกือบสามทุ่มแล้ว เอสเตอร์เรียกแท็กซี่ที่เห็นผ่านหน้าคอนโด รีบบึ่งไปที่บ้านของภพ ซึ่งน่าจะรู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน มือถือก็ไม่ได้เอามา ยังดีที่พกกระเป๋าตังมาด้วย แต่ไม่มีเวลามัวหยิบข้าวของอย่างอื่น ตอนนี้ อยากเจอภพมากที่สุด

 

อยากเจอพี่ภพ!

 

มาถึงหน้าบ้าน มีไฟเพียงดวงเดียวที่ยังเปิดอยู่ คือตรงหน้าต่างห้องชั้นสอง ห้องของภพ เอสเตอร์ไม่รู้หรอกว่านพกับหมอไปไหน หรืออาจจะเข้านอนเร็ว แต่เขาไม่สนใจแล้ว ที่ต้องทำตอนนี้มีแค่

 

คุยกับภพตรงๆ

 

เพราะกลัวว่า นพกับหมอจะรู้ตัว ถ้าหากนอนอยู่ เอสเตอร์จึงเลี่ยงที่จะใช้ออดหน้าบ้าน ด้วยร่างกายสูงใหญ่ เด็กหนุ่มปีนข้ามรั้วเข้าไปได้ไม่ยากเย็น ย่องเบาไปจนถึงบริเวณที่ตรงกับหน้าต่างห้องของภพและหยิบกรวดเล็กๆ ในสนามหญ้าปาขึ้นไป

 

แก๊ก แก๊ก

 

เสียงหินกรวดเล็กๆ กระทบกระจกสองสามที ดูผิดวิสัย ทำให้ภพที่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวลุกเดินไปดูที่หน้าต่าง

 

“เอสเตอร์!” ภพอุทานเสียงเบา รีบวิ่งลงไปชั้นล่างเพื่อเปิดประตูด้านหลังบ้านให้เอสเตอร์เข้ามาหา เด็กหนุ่มโผเข้ากอดทันทีด้วยความดีใจ

 

“พี่ภพ! ไปกับผม” เอสเตอร์ผละออกแล้วคว้ามือภพ แต่ภพขืนตัวไว้ไม่เดินตาม

 

“ไม่! พี่ไม่ไป”

 

“ทำไม? ไหนพี่บอกว่ารักผม” เอสเตอร์กระชากข้อมือบางเข้าหาตัว แต่ภพไม่ยอมให้กอดเหมือนคราวแรก เมื่อกี้มันแค่ตั้งตัวไม่ติด

 

“นายรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย” ภพมองหน้าเอสเตอร์ด้วยแววตาเจ็บปวด

 

ทั้งที่พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด ก็แค่รักกัน แล้วทำไม มันถึงเป็นแบบนี้

 

“ผมรู้ แล้วยังไงล่ะ ก็ผมรักพี่ พี่ก็รักผม” เอสเตอร์ลูบแก้มของพี่ชายแผ่วเบา เช็ดน้ำตาที่เหลือคราบบนนั้น

 

“แต่เราเป็นพี่น้องกัน”

 

เอสเตอร์นิ่งไปอึดใจ “แล้วไง? ผมเชื่อว่าความรักของผมที่มีให้พี่ ไม่ใช่แบบพี่น้อง ผมต้องการพี่ ปรารถนาในตัวพี่”

 

“มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นสิเอสเตอร์” ภพสะบัดแขนออก แต่เอสเตอร์ก็ตามจับไว้ ไม่ปล่อย “พ่อแม่พี่ตายแล้ว และพ่อนพ...คือผู้มีพระคุณของพี่ แม้เขาจะไม่ใช่พ่อแท้ๆ และพี่ก็เพิ่งรู้ แต่พี่ก็รักเขามาก พี่ไม่อยากทรยศคนที่พี่รัก”

 

“พี่ภพ...” เอสเตอร์เสียงอ่อนลง

 

“นายเป็นลูกชายของพ่อ เราเป็นพี่น้องแม่เดียวกัน ทุกอย่างมันผิดไปหมด และมันจะต้องจบแค่นี้”

 

“ไม่!” เอสเตอร์ดึงภพเข้าไปกอดแน่น ไม่ยอมปล่อย แม้ว่าภพจะดิ้นรนแค่ไหนก็ตาม เด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่และแรงก็มีมากกว่า แม้อย่างนั้น หากภพจะต่อสู้ขัดขืนก็ย่อมทำได้ เพียงแค่ เขาไม่อยากทำร้ายเอสเตอร์ไปมากกว่านี้

 

อยากจะผลักไส แต่ใจของภพทำได้แค่กอดเอสเตอร์ด้วยความรัก

 

“พี่ขอโทษ...เรามาเป็นพี่น้องกันเถอะนะ”

 

“ไม่! ผมรักพี่ ผมรักพี่” เพราะเอสเตอร์ยังเด็กนัก จึงไม่ยอมทำความเข้าใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่ต้องการมีเพียงสิ่งเดียว คือผู้ชายคนนี้ที่กอดไว้

 

“เอสเตอร์...”

 

“ผมรักคุณ ภพ ผมรักคุณคนเดียวเท่านั้น เราจะมีสายเลือดเดียวกันก็ช่าง มันแค่ครึ่งเดียว ขอแค่คุณรักผม เราจะอยู่ด้วยกันไปจนวันตาย”

 

ภพพูดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่ปล่อยให้น้ำตาที่เพิ่งเหือดหายหลั่งรินลงมาอีกครั้ง

 

ไหล่ของเอสเตอร์กว้าง ร่างกายของเอสเตอร์อบอุ่น

 

แม้เลือดที่ไหลเวียนอยู่นี้จะมีครึ่งหนึ่งที่เหมือนกัน แต่ภพก็ยังรักคนคนนี้มากเกินกว่าจะตัดใจได้ง่ายๆ

 

“พี่ขอโทษ...” แม้จะยากที่จะตัดใจ แต่ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีมันคอยตอกย้ำ

 

เอสเตอร์อาจจะโตมาในสังคมอีกแบบ ที่แม้เป็นพี่น้องร่วมสายเลือดก็รักกันได้ แต่สำหรับภพ มันคือเรื่องผิดศีลธรรม มันเป็นบาป

 

และตราบาปนั้นก็จะยังคงติดตรึงในตัวเขา ยากที่จะเอามันออก

 

มันผิดพลาดไปแล้ว

 

“ขอให้ลืมให้หมด แล้วเริ่มต้นใหม่ ในฐานะพี่น้องกันเถอะนะ พี่ขอร้อง”

 

“ภพ!” เอสเตอร์ตวาดลั่น กระชากแขนบางจนร่างนั้นปลิวเข้ามาปะทะอก “พูดอะไรออกมา!”

 

“พี่ขอร้องนะ...เอสเตอร์” น้ำตาไหลเป็นสาย ยิ่งเห็นมัน ใจของเอสเตอร์ก็ยิ่งเจ็บปวด

 

“ไม่มีทาง! ผมจะไม่มีวันเป็นพี่น้องกับคุณ” ริมฝีปากหนาโน้มเข้าใกล้ แต่ภพพยายามดันตัวหนี เบือนหน้าหลบไปมา จนเอสเตอร์ต้องบีบบังคับด้วยการคว้าคางนั้นให้หันมาหาแล้วกระแทกริมฝีปากลงไปอย่างหนักหน่วง

 

“อึก...” ภพครางด้วยความเจ็บ เหมือนจะมีเลือดออกเพราะแรงกระแทกกระทั้น กลิ่นสนิมเหล็กชวนคลื่นเหียน มากกว่าจะรู้สึกดี


เอสเตอร์ไม่เคยจูบรุนแรงแบบนี้มาก่อน มันเจ็บร้าวไปถึงหัวใจ ลิ้นร้อนสากที่กวาดต้อนในโพรงปากอย่างดื้อดึงเอาแต่ใจทำให้ภพตัวสั่นเกร็ง

 

ไม่เอาแล้ว พอได้แล้ว

 

“ฮือ...ฮืออออ” ร่างโปร่งทรุดลงกับพื้นหญ้าเมื่อเอสเตอร์ละริมฝีปากออก น้ำตาไหลพราก เอสเตอร์ไม่สนใจอีกแล้วว่าภพจะรู้สึกอย่างไร เขาจะไม่ยอมเสียคนคนนี้ไป วงแขนแกร่งโอบช้อนร่างนั้นขึ้นแนบอก จูบที่ขมับและริมฝีปากบวมช้ำแผ่วเบา

 

“ไปกับผมนะ ภพ”

 

******

 

เพราะเอสเตอร์กับภพหายตัวไป บาสจึงยังกลับแคนาดาไม่ได้ เด็กสองคนหายตัวไปตั้งแต่คืนนั้น คืนที่ได้รู้ความจริง และนี่ก็ใกล้จะถึงช่วงเปิดเทอมของเอสเตอร์แล้ว

 

“มันเพราะผมเองที่ไม่ตามหาและส่งตัวเอสเตอร์กลับมาให้คุณแต่แรก” บาสเอาแต่โทษตัวเองทุกวัน พูดแต่เรื่องนี้ซ้ำไปมา แต่นพกลับไม่ได้คิดโกรธหรือโทษใครเลย

 

ตอนที่บาสบอกว่าติณตายแล้ว นพได้แต่นั่งอึ้ง เสียใจ แต่น้ำตาก็ไม่ได้ไหลสักหยด มันแค่รู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบแล้วดำดิ่งหายไปที่ไหนสักแห่ง เป็นความรู้สึกเพียงแค่วูบเดียวที่ผ่านเข้ามาและจางหายไป

 

บาสบอกว่าอันดาเหมือนคนบ้าหลังจากติณตาย เอาแต่เพ้อ พูดจาไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ไม่รู้จะติดต่อกับคนทางนี้อย่างไร เพราะบาสตัดขาดกับครอบครัวทางนี้ไปแล้ว พาไปให้จิตแพทย์รักษา ก็ดีขึ้นบ้าง แต่ไม่กลับมาเป็นปกติ จนสุดท้าย อันดาก็ขับรถตกเหวตอนพายุหิมะกระหน่ำ ซึ่งบาสไม่แน่ใจว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือจงใจฆ่าตัวตาย

 

แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญเท่าเรื่องของภพกับเอสเตอร์ตอนนี้

 

“ทั้งสองคนไม่มีใครพกมือถือไปเลย แบบนี้จะหายังไงเจอ” หมอนั่งกุมขมับอย่างเคร่งเครียด

 

“อาจจะต้องขอแรงทางบ้านติณให้ช่วยตามหา” นพว่า “ถึงผมจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับหมอนั่นก็เถอะ”

 

หมอมองหน้านพอย่างเข้าใจและเลื่อนมือไปกุมมือไว้อย่างให้กำลังใจ

 

 หมอนั่นที่ว่าก็คือ คนที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น

 

“แอมป์”

 

******

 

ตอนที่ต้องไปเล่าความจริงกับที่บ้านของติณ เรื่องที่ติณมีลูกกับนพ และตอนนี้เด็กคนนั้นก็กลับมาแล้ว ทำให้พ่อแม่ของติณต่างดีอกดีใจ แต่พอบอกเรื่องที่ติณเสียชีวิตและเอสเตอร์กับภพกลายเป็นคนรักกัน ความเครียดและบรรยากาศอึมครึมก็เข้าปกคลุมทันที

 

และยิ่งเครียดหนักเข้าไปอีก เมื่อรู้ว่าเด็กสองคนหายตัวไปร่วมอาทิตย์แล้ว และยังหาไม่เจอ

 

“หนีไปแบบไม่เอาอะไรไปเลย น่าจะไปได้ไม่ไกลหรอก” พ่อของติณลงความเห็น “แล้วนี่อาทิตย์กว่าแล้ว เงินก็คงใกล้หมดเต็มที สุดท้ายก็คงซมซานกลับมา”

 

“แต่เจ้าเอสมันเอาตัวรอดเก่งครับ โกงอายุแล้วหางานกลางคืนที่รายได้ดีทำก็เคยมาแล้ว” บาสว่า

 

“แต่ยังไงก็แค่เด็กม.ต้น แล้วต้องเลี้ยงอีกคน คงไม่ไหวหรอก พวกแกคงทำไปแบบไม่ทันยั้งคิด พ่อว่ารออีกสักพัก คนอย่างเจ้าภพ ไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการทำร้ายตัวเอง ภพจะต้องกลับมา” พ่อมองหน้าทุกคน

 

“ผมอยากให้ลูกๆ กลับมา...ผมพร้อมจะดูแลทั้งสองคน เขาจะรักกัน จะอยู่ด้วยกัน ผมก็ยอม ผมไม่อยากสูญเสียใครอีกแล้ว” นพร้องไห้อย่างไม่อาจหักห้าม มีหมอโอบไหล่ปลอบใจอยู่ข้างๆ

 

ทุกคนต่างรู้ดีว่ามันยากเกินแก้ไขแล้ว เพราะฉะนั้น ขอแค่เด็กทั้งสองกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว

 

“ผมสั่งคนให้ตามหาทั่วประเทศเลยครับ เผื่อว่าพวกแกจะออกจากกรุงเทพไปแล้ว” แอมป์เดินเข้ามาบอกเมื่อจัดการสั่งลูกน้องให้แล้ว ที่จริงแอมป์ไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่พอรู้ว่ามีเรื่องก็มาช่วยเต็มที่ เพราะอยากไถ่โทษที่เคยทำไว้ ไม่ว่านพจะขอร้องอะไรก็ทำให้ทุกอย่าง

 

“อืม ขอบใจนะแอมป์” พ่อหันไปบอกกับลูกเขย

 

หลังจากนี้ก็แค่รอว่าจะตามหาเจอก่อน หรือเด็กทั้งสองจะกลับมาก่อนกัน

 

******

 

เอสเตอร์พาภพหนีไปอยู่ในย่านชุมชนแห่งหนึ่งที่ค่อนข้างเสื่อมโทรมพอสมควร หรือจะเรียกว่าสลัมก็คงได้ เพราะค่าเช่าห้องที่นี่ถูกมาก แค่เดือนละ 500 บาท เอสเตอร์ต้องออกไปทำงานกลางคืน เพราะอาศัยบัตรที่ทำปลอมไว้ แถมต้องซื้อมือถือใหม่สองเครื่อง เพื่อไว้ใช้ติดต่อกับภพ ที่ต้องถูกทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียวตอนกลางคืนด้วย

 

ภพไปมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะถ้าไป ก็คงโดนตามตัวกลับ แต่จริงๆ ภพก็อยากกลับบ้าน อยากเจอพ่อ อยากเจอลุงหมอ แต่เอสเตอร์ไม่ยอมท่าเดียว และภพก็ไม่รู้ว่าจะหาทางกลับไปอย่างไร ในเมื่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด เอสเตอร์เป็นคนหา เพราะตัวเขาไม่มีอะไรติดตัวมาเลยสักอย่างเดียว

 

ตอนกลางวัน ส่วนมากเอสเตอร์จะนอนพัก และกลางคืนก็ออกไปทำงาน เช้าก็กลับมานอน มีเวลาอยู่ด้วยกันคือช่วงเย็น เอสเตอร์ใช้ภาษาไทยได้คล่องมากแล้ว พูดคุยกับคนแถวนี้รู้เรื่องหมด

 

“เอส...พี่ว่าพวกเราน่าจะกลับบ้านได้แล้ว” ภพพูดแบบนี้แทบทุกวัน เขาเบื่อที่จะต้องใช้ชีวิตในห้องแคบๆ นี่เต็มทน เอสเตอร์ไม่ให้ออกไปทำงาน ไม่ให้ไปไหนเลย

 

“ภพก็เลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว ผมจะไปทำงานแล้วนะ ปิดล็อคห้องให้ดี อย่าให้ใครเข้าเด็ดขาด และห้ามออกไปไหนด้วย” เอสเตอร์สั่งเหมือนเดิมทุกครั้ง เด็กหนุ่มรู้ว่าแถวนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับภพ ที่ถูกเลี้ยงดูมาในสังคมอีกระดับหนึ่ง ส่วนเอสเตอร์นั้น ตอนอยู่แคนาดา ใช้ชีวิตโลดโผนมามาก เลยไม่ได้รู้สึกแย่อะไรกับสิ่งที่เป็นอยู่ เรื่องยา เวลาจัดปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อนก็มีเป็นปกติ

 

“แล้วผมจะคอยโทรหา ผมรักคุณนะ ภพ” เอสเตอร์จูบที่หน้าผากก่อนออกจากห้อง ทิ้งให้ภพต้องนั่งเซ็งๆ คนเดียวในห้องแคบแสนน่าอึดอัด แถมยังมีกลิ่นอับชื้นและไฟก็ไม่ได้สว่างมากมายอะไรเลย

 

ตอนนี้ยังหัวค่ำอยู่ ภพรู้สึกเบื่อจนอยากจะออกไปข้างนอก ตั้งแต่มาที่นี่ไม่เคยออกไปไหน ถ้าเอสเตอร์ไม่พาไป ก็แปลกดีที่เอสเตอร์เรียนรู้ทุกเรื่องได้เร็วมาก จำที่ทางแถวนี้ได้หมด เหมือนเคยมาสำรวจไว้แล้ว

 

สุดท้ายก็ทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว ภพเลือกที่จะออกจากห้อง ลงไปดูผู้คนที่เดินขวักไขว่ท่ามกลางความมืดสลัว ไฟบางดวงแถวนี้ก็ไม่ติด บางจุดเลยมืดและอันตราย ภพไม่กล้าไปไหนไกลกว่าหน้าที่พัก เดินเล่นไปเรื่อยเปื่อยแล้วก็เดินกลับ

 

“อ้าวๆๆ นี่มันพี่ชายคนสวยที่อยู่กับไอ้ฝรั่งนั่นนี่หว่า” เสียงใครไม่รู้ลอยมาเข้าหู ตอนที่กำลังเดินกลับเข้าที่พัก ภพไม่ได้สนใจ เพราะเอสเตอร์ไม่ใช่ฝรั่ง เลยคิดว่าไม่ใช่ตัวเอง

 

“คนคุยด้วยก็คุยกันหน่อยสิพี่” เด็กผู้ชายตัวผอมแห้งผิวคล้ำปากดำอีกคนโผล่มาขวางตรงหน้า ภพสะดุ้งด้วยความตกใจ

 

“เอ่อ คุยกับผมเหรอครับ?”

 

“โหหห โครตสุภาพชนว่ะ หน้าตาก็น่ารัก ผิวก็สวย” ผู้ชายตัวโตเหมือนหมีที่อยู่ด้านหลังเอามือมาลูบแขนของภพ ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง หดแขนหนี มองไปรอบๆ ตัว มีเด็กผู้ชายหัวเกรียนสองคน ผู้ชายตัวใหญ่สามคน สองคนมีรอยสักน่ากลัว ส่วนคนตัวใหญ่ที่สุดคือคนที่เพิ่งลูบแขนเขาเมื่อครู่

 

“บางวันกูได้ยินนะ เสียงแม่งเอากัน”

 

“เฮ้ย จริงดิ? ผู้ชายด้วยกันเนี่ยนะ?”

 

“มึงดูดิ สวยขนาดนี้ ผิวนี่เนียนยิ่งกว่าอีพวกปากแดงแถวนี้อีก” คนพูดยื่นมือมาคว้าแขนภพแล้วใช้อีกมือลูบคลำตามมือและแขน ภพจะสะบัดออก ก็ไม่หลุด อีกสองคนตามมาล็อคแขนทั้งสองข้างไว้

 

“จะ จะทำอะไร” ภพหน้าซีดตัวสั่น หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำด้วยความกลัว เอสเตอร์จะยังไม่กลับมาจนกว่าจะเช้า

 

“พาไปเที่ยวที่ห้องพี่หน่อยสิ พวกเราก็อยู่ที่นี่ อยากทำความรู้จักกันไว้” พวกมันแสยะยิ้ม ภพไม่รู้ว่าใครเป็นใคร รู้แค่ตอนนี้ไม่ปลอดภัยแน่นอน

 

“มะ ไม่ไป! ปล่อย!” เขาพยายามดิ้นรนหาทางหนี ยังไงก็ไม่ยอมให้เข้าไปในห้องแน่ แต่พวกมันมีมากกว่า ขืนสู้ไปก็รังแต่จะเจ็บตัวเปล่า ผมเหงื่อตก นึกถึงหน้าพ่อกับลุง และในขณะที่กำลังหาหนทางเอาตัวรอดนั้น

 

“เฮ้ย! ทำอะไรกัน นี่ตำรวจ!” เสียงบุคคลปริศนาดังขึ้นพร้อมไฟฉายส่องหน้าพวกมันทุกคน คนทั้ง 5 ตกใจปล่อยมือจากภพและรีบวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น

 

ภพถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่คิดว่าจะมีตำรวจมาลาดตระเวนอะไรแถวนี้หรอก แต่ก็ต้องขอบคุณที่ช่วยไว้

 

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” คนที่มาช่วยไว้เดินมาหาใกล้ๆ ภพเงยหน้ามองผู้มีพระคุณแววตาเป็นประกาย

 

“ขอบคุณครับ ผมไม่เป็นไร”

 

ชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาคมคาย ผิวสีเข้ม สวมเสื้อเชิ้ตเหมือนพวกพนักงานบริษัทมากกว่าเป็นตำรวจยิ้มให้ภพอย่างสุภาพ

 

“งั้นก็ดีแล้วครับ แถวนี้มันอันตราย กลางคืนไม่ควรออกมาเดินคนเดียวนะครับ”

 

“ครับ ผมเพิ่งย้ายมา ก็เลยมาเดินเล่นสำรวจที่ทาง” ภพเอ่ยอย่างขัดๆ เขินๆ

 

“คุณดูไม่น่าใช่คนแถวนี้จริงๆ แหละ ทำไมย้ายมาล่ะครับ มันไม่น่าอยู่เลยนะ ที่นี่น่ะ เอาจริงๆ” ชายหนุ่มมองอย่างพินิจพิจารณา จากหน้าตาผิวพรรณ คำพูดจาและท่าทางแล้ว ภพดูไม่เหมือนคนในชุมชนแบบนี้เลย หรือจะว่ามาจากต่างจังหวัดยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่

 

“ผม...” ภพตอบไม่ถูก จะให้บอกว่าโดนน้องชายลักพาตัวมาก็แปลกๆ “เอ่อ มีเรื่องนิดหน่อยเลยมาอยู่กับน้องที่นี่”

 

“น้อง?” คนตัวสูงกว่าเลิกคิ้วเหมือนไม่เชื่อ “อ๊ะ เอ่อ ไม่ได้คิดอะไรนะครับ แค่แปลกใจนิดหน่อย เพราะผมเคยเห็นคนนั้น ดูไม่ค่อยเหมือนกันเท่าไหร่”

 

“เราเป็นลูกคนละพ่อน่ะครับ” ภพชะงักไปเล็กน้อย “คุณเคยเจอเอสเตอร์?”

 

“อ้อ ผมก็พักที่นี่เหมือนกันครับ เจอพวกคุณสองคนตอนเช้าๆ บ่อยๆ เพราะออกไปทำงานช่วงนั้นพอดี” ชายหนุ่มยิ้มหวานกว่าเดิม ทำให้ภพรู้สึกคลายความตึงเครียดลง ก่อนที่ชายคนเดิมจะยื่นมือมาให้

 

“ผมชื่อ เมฆ ยินดีที่รู้จักนะครับ”

 

ภพลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมยื่นมือไปจับตอบ “ครับ ผม ตฤณภพ”

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป 4
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-03-2018 11:55:57
ทุกคนให้อภัยแล้ววว
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 20/3/18 ตราบาป 3
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 11:59:43
ดราม่าสุดๆ
คนละอารมณ์กับอีกสองเรื่องเลย ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 20/3/18 ตราบาป 3
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 12:01:18
:serius2:  มันจะอะไรกันหนักหนาเนี่ย
มันยืดดดดเยื้อ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 22-03-2018 13:17:38
IT'S REAL END
ขอบคุณที่ติดตามค้าบ
5
หากคืนนั้น บาสมาทัน เอสเตอร์กับภพก็คงไม่หายไป แล้วไหนจะเรื่องที่เขาไม่ติดต่อหานพกับหมอ เพื่อส่งลูกคืนให้นพอีก ทั้งหมดมันวุ่นวาย พันกันยุ่งเหยิงก็เพราะเขาอีกแล้ว

บาสนั่งเครียด ดื่มแต่เหล้าทุกคืน จนนทีทนไม่ไหว ไม่เคยเห็นพี่ชายที่นับถืออยู่ในสภาพแบบนี้มาก่อน

“พี่บาส...อย่าโทษตัวเองเลยครับ” นทีดึงแก้วเหล้าออกจากมือของบาส

“มันเป็นความผิดของฉัน...ทั้งหมด ถ้าไม่ร่วมมือกับไอ้อันแต่แรก ก็ไม่เป็นแบบนี้แล้ว...” บาสพูดวนไปมาแต่เรื่องนี้ทุกคืน จนนทีก็อ่อนใจ

“คุณแอมป์บอกว่าหาตัวทั้งสองคนเจอแล้ว ตอนนี้กำลังให้คนคอยสอดส่องดูแล พวกเด็กๆ ต้องปลอดภัยกลับมาแน่นอนครับ” นทีพยายามเกลี้ยกล่อมให้บาสสบายใจ “พี่ไปนอนเถอะนะ อย่าคิดมากนะครับ”

นทีพยุงร่างของบาสที่เล็กกว่าตัวเองไปนอนในห้องอย่างง่ายดาย นั่งเฝ้าคนเมาที่ละเมออะไรไม่รู้มากมาย ต้องทนเก็บเรื่องพวกนี้และความรู้สึกแบบนี้มาเป็นสิบปี มันคงหนักหนาสำหรับบาสไม่ใช่น้อย

******

“เจอตัวแล้ว ทำไมไม่พากลับมาเลย” พ่อของติณเอ่ยถามแอมป์สีหน้าเคร่งเครียด วันนี้ทุกคนต่างมารวมกันกันที่บ้านของติณ เพราะได้ข่าวเรื่องเอสเตอร์กับภพแล้ว

“การบังคับพากลับคงไม่ใช่วิธีที่ดีหรอกครับคุณพ่อ ควรจะให้ทางนี้ไปคุยก่อน” แอมป์ให้ความเห็น “แต่ผมให้คนของผมเฝ้ารอบๆ หอพักนั้นไว้แล้ว และส่งคนสนิทที่สุดไปคอยตามประกบน้องภพ เขารายงานว่า ภพไม่ได้อยากอยู่ที่นั่น และอยากกลับบ้านมาก แต่ติดที่เอสเตอร์ไม่ยอมท่าเดียว”

“ต้องเคลียร์กับเจ้าหนูนั่นสินะ” หมอครุ่นคิด “ยังไงก็ต้องรีบพากลับมาก่อนเปิดเทอมใช่มั้ยบาส”

“อืม เหลือเวลาอีกแค่สองวันแล้ว ยังไงคืนนี้คงต้องไปลากตัวกลับแคนาดาให้ได้” บาสไม่อยากใช้คำนั้นเท่าไหร่ เพราะมันเป็นการบังคับฝืนใจหลานชาย ซึ่งตนไม่เคยทำมาก่อน แต่ยังไงก็ต้องทำ

“นพ นายว่าไง อยากให้ลูกกลับไปมั้ย” หมอหันไปหานพ ที่นั่งคิดอะไรอยู่คนเดียวนานแล้ว นพสะดุ้ง เงยหน้ามองทุกคน

“เอ่อ...ผม”

“จะให้เอสเตอร์กลับไปที่นั่นก่อน แล้วค่อยว่ากันใหม่ดีมั้ย?” หมอถามย้ำอีกครั้ง

“อืม ผมก็คิดว่าควรให้เอสเตอร์เรียนให้จบก่อน ค่อยว่ากัน เพราะเขาคงไม่ชินกับการเรียนที่นี่แน่ๆ ระบบการศึกษามันต่างกันมากเกินไป”

“ฉันก็ว่าอย่างนั้น” บาสสมทบ

“แต่ผมจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเองนะครับ พี่บาสไม่ต้องห่วง ผมอยากตอบแทนที่พี่เลี้ยงลูกผมมาตั้งเป็นสิบปีด้วย” นพกำชับหนักแน่น เขาไม่คิดโทษบาสเลย เพราะเข้าใจว่าที่บาสไม่ติดต่อกลับมาด้วยเหตุจำเป็น ในเมื่อทั้งติณและอันดาเสียไปหมดแล้ว คนที่บาสจะติดต่อได้ก็มีแค่พี่หมอ ซึ่งขาดการติดต่อกันไปนานแล้ว แล้วไหนจะวุ่นวายกับการเลี้ยงดูเด็กเล็กๆ ด้วยตัวคนเดียว กว่าจะได้นทีมาช่วยอีกแรง

“เฮ้ย! เรื่องค่าใช้จ่ายเจ้าเอส พี่เตรียมไว้พร้อมหมดแล้ว พี่รักมันเหมือนลูกหลานแท้ๆ เพราะพี่ไม่มีครอบครัว ไม่เหลือใครแล้ว นอกจากเอสกับที” บาสคลี่ยิ้ม “แต่ตอนนี้ก็ได้เจอเพื่อนเก่าอย่างไอ้หมอ และได้เจอพ่อของเอสแล้ว พี่ดีใจนะ”

“พี่บาส...” นพมองบาสด้วยความซาบซึ้ง รู้ดีว่าบาสรักเอสเตอร์มากแค่ไหน ดูจากที่เลี้ยงมาอย่างดี จนเอสเตอร์ตัวโต แถมยังเก่งกาจขนาดนั้น

“ตอนนี้ต้องไปจับตัวเจ้าเด็กจอมยุ่งนั่นก่อนล่ะ ยังไงก็ต้องพาตัวกลับมาให้ทันเปิดเทอม” บาสว่าพลางมองทุกคน ซึ่งมันจะถึงลิมิตแล้ว เลยต้องยอมให้ไปพาตัวเอสเตอร์กลับมาในคืนนี้

******

ช่วงที่เอสเตอร์ไม่อยู่ ภพได้เมฆคอยอยู่เป็นเพื่อนและดูแลหลายๆ เรื่อง ภพก็ไม่เข้าใจหรอกว่าทำไมคนคนนี้ถึงเข้ามาทำดีด้วยขนาดนี้ แต่มีเมฆอยู่ด้วยก็ดีกว่าอยู่คนเดียวตอนกลางคืน ทำให้รู้สึกอุ่นใจและภพที่เก็บความเครียดมากมายไว้กับตัว ก็ค่อยๆ ระบายมันออกมาให้เมฆฟังเรื่อยๆ จนทั้งคู่เริ่มสนิทกัน

แต่แล้วในคืนนี้ ตอนที่เอสเตอร์จะออกไปทำงานที่ผับเหมือนเคย

บาสและนพ ก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทั้งสอง

“พ่อ!!!” ภพดีใจจนน้ำตาไหลพราก โผเข้ากอดพ่อที่เลี้ยงดูตนมาทันที เอสเตอร์นิ่งอึ้ง กำหมัดแน่น ไม่คิดว่าลุงจะตามหาเจอ

ลุงกับหลานเผชิญหน้ากัน

“จะไม่ขอโทษสักคำเหรอ เอส ทั้งที่ฉันขอโทษนายไปแล้ว” บาสยืนประจันหน้ากับเด็กหนุ่มร่างสูง ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้น และเอสเตอร์ก็ต้องก้มหน้าลง ดวงตาของเด็กหนุ่มไหวระริก ในอกสั่นสะท้าน

“ลุง...ลุง ฮึก...” มาอยู่ไทยเกือบสามเดือนแล้ว เอสเตอร์คิดถึงลุงอยู่เสมอ และยิ่งคิดถึงเมื่อหนีมา โดยที่ไม่ได้คุยกันให้รู้เรื่อง แต่ด้วยทิฐิและกลัวจะเสียภพไป ทำให้ไม่ยอมกลับไปหาลุงที่ตนรัก

พอมาเจอซึ่งหน้าอย่างนี้ มันก็ดีใจจนทนไม่ไหว ต้องร้องไห้ออกมาอย่างน่าอาย

“โฮอออ ลุง!!!” พอเห็นหลานร้องไห้ฟูมฟายอย่างไม่คาดคิด บาสก็อึ้งไปเหมือนกัน

“เอ่อ...โอ๋ๆ อย่าร้องสิลูก ลุงอยู่นี่แล้วครับ” บาสเข้าไปกอดปลอบหลานชาย หันไปสบตากับนพและภพ แล้วทั้งสามก็ต่างยิ้มให้กัน

เพราะเอสเตอร์ร้องไห้หนักมาก บาสเลยไม่กล้าดุด่าหรือตีหลานอย่างที่ตั้งใจว่าจะดุให้เข็ดหลาบในตอนแรก ได้แต่โอ๋กันไปตลอดทางที่กลับบ้าน ทั้งหมดกลับไปที่บ้านของติณ เพื่อให้เอสเตอร์ได้เจอตายายด้วย

“ตัวโตมาก จนไม่คิดว่าเป็นลูกเจ้าติณกับตานพเลยเนี่ย” เพราะทั้งติณและนพก็ตัวเล็กทั้งคู่

“คุณก็ พูดอะไรแบบนั้น หน้าตาเหมือนติณกับนพออก ดูสิ” คุณยายว่าพลางลูบหัวหลานที่ตัวไม่น้อยแล้ว แต่อายุยังน้อย

“แล้วจะเอายังไงต่อ” คุณตาหันไปถามนพและบาส

“ก็...คงต้องให้เอสเตอร์กลับไปเรียนที่แคนาดาให้จบก่อนครับ ค่อยมาคิดกันอีกที” นพว่า

“ส่วนเรื่องภพกับเอส” บาสเอ่ยขึ้น ดูเหมือนจะยังทำใจลำบากอยู่ไม่น้อยกับเรื่องนี้ “อยากลองถามสองคนดูว่าจะเอาไงต่อกับชีวิตตัวเอง”

“ผมรักพี่ภพ!” เอสเตอร์ยังคงยืนกรานคำเดิม

“พ่อเข้าใจ” นพถอนหายใจเบาๆ “ถ้ารักกันก็อยู่ด้วยกันไปแบบนี้แหละ พ่อไม่ว่าอะไรหรอก”

“แต่พวกเราเป็นพี่น้องกันนะพ่อ” ภพแย้งขึ้น

“นั่นก็แล้วแต่พวกลูกตัดสินใจ พ่อกับลุงบาสจะไม่บังคับ ทุกคนเองก็คิดแบบนั้น ใช่มั้ยครับ” นพกวาดสายมองตายายและหมอ ทุกคนก็พยักหน้ารับ ให้เด็กๆ ตัดสินใจกันเองดีที่สุด

“แต่เอสจะต้องเรียนจบมหาลัยก่อน แล้วถ้าตอนนั้นยังรักกันอยู่ ก็ค่อยว่ากันอีกที” บาสลูบหัวหลานรัก สบตากันให้เข้าใจ เอสเตอร์ดูจะใจเย็นและอ่อนลงมาก เพราะเชื่อฟังบาสมากที่สุด

“งั้นถ้าผมเรียนจบและยังรักพี่ภพ และพี่ภพก็รักผม พวกเราก็อยู่ด้วยกันได้ใช่มั้ย” เอสเตอร์ถามย้ำอีกครั้งกับลุงของเขา

“ตามนั้นครับ” บาสยิ้มรับ เพราะฝืนใจเด็กๆ ไปก็เท่านั้น ถ้าคุยกันให้เข้าใจแต่แรก เอสเตอร์กับภพก็คงไม่หนีไป

“แล้วพี่ภพล่ะ” สายตาของเอสเตอร์ตรงไปยังภพที่นั่งกอดขาพ่อนพเสียแน่น ตั้งแต่รู้ว่าเป็นพี่น้องกัน ความรู้สึกของภพก็ค่อนข้างสั่นคลอน จนเกือบจะกลายเป็นความรักแบบพี่น้องไปแล้ว

“พี่...” ภพเหลือบสายตาขึ้นมองพ่ออีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเอสเตอร์ “คิดว่าเราทำแบบที่พ่อกับลุงว่าก็ดีเหมือนกัน ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์”

คำตอบของภพคือตัวเร่งการตัดสินใจของเอสเตอร์ได้ดี

“โอเคครับ ผมจะกลับแคนาดา”

******

นพ หมอและภพ ไปส่งเอสเตอร์กับบาสที่สนามบิน คืนก่อนที่เอสเตอร์จะเปิดเทอมได้อย่างฉิวเฉียด

“ผมต้องเรียกพ่อว่าพ่อใช่มั้ย” เอสเตอร์มองหน้านพอย่างสงสัย จริงๆ ก็เรียกตามภพตั้งแต่เจอหน้านพแล้ว แต่ตอนนี้ต้องเรียกในฐานะพ่อแท้ๆ ที่ไม่ใช่พ่อของแฟน มันก็เลยเกร็งๆ แปลกๆ

นพไม่ได้ตอบ แค่ยิ้มและลูบหัวเจ้าหนูตัวโต ก่อนจะกอดกันให้ชื่นใจอีกทีก่อนจาก

“ผมขอโทษนะ ที่ผมทิ้งลุงบาสไม่ได้ ไม่ว่ายังไงผมก็อยากอยู่กับลุงบาส” เอสเตอร์ยู่ปากน้อยๆ

“อืม พ่อเข้าใจ เอสอยู่กับลุงมาตั้งแต่เกิด ให้แยกจากกันก็น่าสงสารแย่” แม้จะเศร้าที่อาจจะไม่ได้เจอหน้าลูกอีกนาน แต่นพก็ต้องทำใจยอมรับมัน “ผมฝากลูกด้วยนะพี่บาส”

“หายห่วง” บาสยิ้มรับ

จากนั้นผู้ใหญ่ก็ปล่อยให้เด็กๆ ได้ลากัน บาสเดินเข้าเกทไปก่อนแล้ว ส่วนนพกับหมอก็ไปนั่งรอที่อื่น

เอสเตอร์ยืนอยู่ตรงหน้าภพ จ้องมองด้วยแววตาอ่อนโยน จนภพรู้สึกหน้าร้อนผ่าว

“พี่ภพ ผมจะรักพี่แค่คนเดียวตลอดไป ผมสัญญา”

“ไม่ต้องสัญญาหรอก ถ้าเจอคนที่ดีกว่า พี่ก็ไม่ว่า” ภพไม่ได้ประชด แต่พูดจากใจจริง หากเอสเตอร์จะเลิกรักก็ไม่ว่าอะไร น่าจะเป็นการดีเสียอีกที่จะได้กลับมาเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม

ภพโอบแขนรอบตัวเด็กหนุ่ม “เอสยังเด็ก ยังได้เจอคนอีกมากมาย ไม่ต้องรีบร้อนให้สัญญาอะไรทั้งนั้น ใช้ชีวิตของนายให้เต็มที่ แล้วถ้าวันที่เราได้เจอกันอีกครั้งมาถึง และนายยังยืนยันคำเดิม พี่จะรับไว้พิจารณา”

“หมายความว่าพี่จะมีคนใหม่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอผมอีกครั้งเหรอ?” เอสเตอร์ขมวดคิ้ว ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่

ภพไม่ตอบ เพียงแค่ยิ้มบางๆ ให้ “โตเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ให้ได้นะเอสเตอร์” และจูบเบาๆ ที่แก้มของเด็กหนุ่ม

เอสเตอร์คลี่ยิ้ม กอดตอบพี่ชายที่รัก บอกลากันด้วยการจูบที่แก้มเท่านั้น

จากนี้ไป ทั้งสองคนคงได้เจอผู้คนอีกมากอย่างที่ภพว่าไว้ กาลเวลาเปลี่ยนผัน ใจคนย่อมเปลี่ยนแปรกันได้ แต่สายเลือดของพวกเขาครึ่งหนึ่งจะยังคงเป็นของกันและกันตลอดกาล

END
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-03-2018 14:24:11
หืมมมม จบแล้วจริงๆเหรอ? :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: tawanna ที่ 22-03-2018 19:00:25
นานๆได้อ่านเรื่องที่มีสองเจนฯ รุ่นพ่อและรุ่นลูก ในที่สุดก็บรรจบกันทั้งหมด
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-03-2018 23:14:18
ติณ กับ อันดา คงมีความสุข
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-03-2018 02:53:02
เป็นการจบแบบคาดหวังว่าความรักของภพกับเอสจะมั่นคงตลอดไป   :mew1:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 23-03-2018 10:39:03


แอบเศร้า

แต่ก็เข้าใจได้ดี

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 11/3/18 ตราบาป 2
เริ่มหัวข้อโดย: Noname_memi ที่ 25-03-2018 04:53:09
โอ้ว  :a5: โอเคละ incest แต่ก็พีคตรงที่เขาไม่รู้จักกันเลยนี่ล่ะ

อันดากับติณก็เสีย เออนะ อ่านมังงะก็แบบเขารู้ว่าเป็นพี่น้องกัน

ไรงี้ แต่อันนี้ยังไม่รู้ก็เลยรู้สึกแปลกๆ 55 ก็นะ ก็จบโอเคสำหรับเรา

ไม่ม่าเกิน ถ้าให้นพกับติณคู่กันอันนั้นล่ะม่าเรา

สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณผู้แต่งมากๆนะตะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: broke-back ที่ 24-06-2018 13:01:50
ปมคดเคี้ยว เลี้ยวหักมุม คลุมเครือมาก
ตายทั้งเป็น ตายทั้งจาก มากเกินหนา
กว่าจะรู้ ว่าอ่านจบ ครบน้ำตา
คนแต่งจ๋า แอบใจร้าย แพ้พ่ายเลย

ทั้งเศร้าทั้งหน่วง..ตามที่คนแต่งหมายมั่นเอาไว้
คนอ่านจิตตกจิไปอีกหลายวัน
กาซิก
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: mareeyah ที่ 24-06-2018 22:05:10
จิตตกเลยเรา :sad4: :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: tasteurr ที่ 30-06-2018 21:40:47

สงสารทั้งเอสเตอร์ทั้งภพเลย คิดว่าคงเป็นเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ทุกคนยอมรับได้ ขนาดเราคนอ่านยังรู้สึกเหนื่อยเลย อย่าดราม่าไปมากกว่านี้อีกเลยยย
จริงๆเชียร์นพติณ อยากให้ได้เลี้ยงลูกทั้งสองด้วยกัน
มองไม่เห็นความดีความชอบของอันเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่นพทำให้ติณ ยิ่งอันเห็นแก่ตัวจะเก็บติณไว้กับตัว เรายิ่งรู้สึกลบกับผู้ชายคนนี้ ตอนรู้ว่าติณตายคืออยากให้อันจมอยู่กับควาเจ็บปวดไปทั้งชีวิต (โหดกว่าอันคือเราเอง  o18 )
อีกคนที่ไม่ชอบที่สุดคือแอมป์ ดูไม่ได้มีความรู้สึกผิดที่ทำให้ไอซ์ตายเลย ยังจะมีหน้ามาแต่งกับแต้วเพื่อความสะใจอีก เลว! เผาพริกเผาเกลือสาปส่ง  :m31:


หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 27-08-2018 14:49:57
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: ichiichi ที่ 30-08-2018 14:54:37
เรามีเรื่องใหม่แนวดราม่าแปลกๆ แบบนี้มาอีกสองเรื่องล่ะ

เผื่อใครยังไม่เห็นนะ

https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67937.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67937.0) (อัพเรื่อยๆ)


https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67756.0 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67756.0) (อันนี้ค้างนานละ รอบิ้วอยู่)
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 19-09-2018 23:03:40
หึ้ยยยย สงสารติณอ่ะ  :hao5: :hao5:
ทำไมอันดาไม่พูดกับติณให้เร็วกว่านี้ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากอันดาคนเดียวเลย แง้งงงงง :o12:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: BankkunG23 ที่ 03-10-2018 04:09:22
คือจุกกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ว่ากับใครก็ตาม
น้ำตาร่วงกับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับทุกตัวละคร

อินมากไปจริงๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 22:39:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 04-05-2020 04:00:51
อบอุ่น มีความสุข
หัวข้อ: Re: เพราะมันคือตราบาป...[Mpreg Drama+Incest] update 22/3/18 ตราบาป ENDING จบจริงๆละ
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 04-05-2020 08:35:41
 :pig4: :pig4: :pig4: