พิมพ์หน้านี้ - GHOST Update Chapter 40 [08/06/61]

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบ => ข้อความที่เริ่มโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-03-2018 16:28:42

หัวข้อ: GHOST Update Chapter 40 [08/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-03-2018 16:28:42
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


**********************************************

GHOST

(http://i67.tinypic.com/6px4qd.jpg)

สิ่งที่ทำให้พวกเราดำรงอยู่ได้คือ ‘อาหาร’

‘วิญญาณมนุษย์’ คือสิ่งเดียว

ที่เรา ‘เรียกมันว่าอาหาร’

“นายจะยอมให้ฉันกินวิญญาณหรือจะแลกด้วยร่างกายของนาย”

GHOST

แต่งโดย Ppigotexo

ตอนที่1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805266#msg3805266)
ตอนที่2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805270#msg3805270)
ตอนที่3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805274#msg3805274)
ตอนที่5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808065#msg3808065)
ตอนที่6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808066#msg3808066)
ตอนที่7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808068#msg3808068)
ตอนที่8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811446#msg3811446)
ตอนที่9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811456#msg3811456)
ตอนที่10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811460#msg3811460)
ตอนที่11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813947#msg3813947)
ตอนที่12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813956#msg3813956)
ตอนที่13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813960#msg3813960)
ตอนที่14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817068#msg3817068)
ตอนที่15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817070#msg3817070)
ตอนที่16 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817071#msg3817071)
ตอนที่17 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819973#msg3819973)
ตอนที่18 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819981#msg3819981)
ตอนที่19 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819986#msg3819986)
ตอนที่20 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823156#msg3823156)
ตอนที่21 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823158#msg3823158)
ตอนที่22 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823159#msg3823159)
ตอนที่23 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826333#msg3826333)
ตอนที่24 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826341#msg3826341)
ตอนที่25 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826349#msg3826349)
ตอนที่26 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829503#msg3829503)
ตอนที่27 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829506#msg3829506)
ตอนที่28 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829511#msg3829511)
ตอนที่29 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832732#msg3832732)
ตอนที่30 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832737#msg3832737)
ตอนที่31 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832744#msg3832744)
ตอนที่32 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835931#msg3835931)
ตอนที่33 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835936#msg3835936)
ตอนที่34 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835940#msg3835940)
ตอนที่35 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839196#msg3839196)
ตอนที่36 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839204#msg3839204)
ตอนที่37 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839213#msg3839213)
ตอนที่38 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3842996#msg3842996)
ตอนที่39 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3843009#msg3843009)
ตอนที่40 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3843013#msg3843013)
หัวข้อ: Re: GHOST
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-03-2018 16:37:12
ตอนที่ 1

I see you

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 17/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805270#msg3805270)

ร่างเปลือยเปล่านอนนิ่งบนเตียง ผิวที่ซีดผิดปกติและอุณหภูมิร่างกายที่เย็นเฉียบบ่งบอกเป็นนัยว่าเจ้าของร่างนี้ได้ตายไปแล้ว...

“มนุษย์ผู้หญิงนี่รสชาติห่วยแตกจริงๆ”

อีกบุคคลหนึ่งที่อยู่ภายในห้องเดียวกับศพเอ่ยขึ้นพลางจัดแจงแต่งตัวให้เรียบร้อยหลังเสร็จจากการรับประทาน ‘อาหาร’

“ต้องหาเหยื่อใหม่อีกแล้ว น่ารำคาญชะมัด” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสียก่อนพาตัวเองเดินออกจากห้องพักในโรงแรมไปเงียบๆ

“เห้ย! ใครก็ได้หยุดมันไว้ที” เสียงกลุ่มชายฉกรรจ์ไล่หลังผมมาติดๆ ฝีเท้าที่เร็วอยู่แล้วจำเป็นต้องเร่งความเร็วขึ้นอีกเพื่อหลบหนีกลุ่มคนเหล่านี้

“ก็บอกว่าไม่มีให้ไง!!” ผมตะโกนไล่หลังพลางวิ่งหลบหลีกสิ่งกีดขวางเบื้องหน้าไปด้วย ทำไมชีวิตคนหล่ออย่าง ‘ชเว ยองแจ’ ต้องมาคอยวิ่งหนี
เจ้าหนี้ทุกวี่วันแบบนี้ด้วย พระเจ้าครับพระองค์ทรงกลั่นแกล้งผมหรือไร?

“ไม่มีก็ต้องจ่ายโว้ย แล้วคนจะยืนดูทำเหี้ยอะไรจับมันไว้สิวะ!” กูบอกว่าไม่มีไง จะให้กูจ่ายอะไร ตัดผมก็ไปขายเหรอ?

“พวกมึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ บอกว่าไม่มีไง!” ผมหันไปต่อปากต่อคำครู่หนึ่งแล้วหันกลับมาวิ่งต่อ ด้วยกำลังขาที่มีทำให้ร่างกายวิ่งหนีเจ้าหนี้ได้สบายโดยไม่เหนื่อยเลย

ผมวิ่งเข้าซอยคดเคี้ยว ลัดเลาะไปตามถนนที่มีสิ่งกีดขวางเยอะๆเพื่อชะลอความเร็วของกลุ่มคนที่ตามมา ถ้าไม่ยื้อพวกมันไว้ก็ตายหยังเขียดสิครับ มาเป็นสิบไล่ตามผมคนเดียว วิ่งมาเรื่อยๆจนถึงหน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ความตกใจแล่นเข้าปะทะเมื่อจู่ๆชายหนุ่มปริศนาก็ปรากฏตัวขวางทางวิ่งของผมไว้

“คุณ! หลบเร็ว”

ผมตะโกนบอกให้เขาที่ขวางทางอยู่หลบไป แต่อีกฝ่ายกลับเมินเฉยพร้อมส่ง

สายตาเย็นชามาให้แทน ด้วยความเร็วในตอนนี้ผมไม่สามารถหลบผู้ชายคนนี้ได้ทันแน่นอน ผมจึงตัดสินใจวิ่งชนเขาเต็มแรง แต่น่าแปลกที่เขาสามารถเอี้ยวตัวหลบได้ทันซ้ำยังดึงตัวผมไปกอดแล้วบังด้วยเสื้อโค้ทตัวโคร่งที่เขาสวมอยู่

“กลางวันแสกๆมายืนทำอะไรประเจิดประเจ้อจริงๆ มันหายไปไหนแล้ววะ!” หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์พูดแขวะเขาที่กำลังบังตัวผมอยู่ก่อนจะวิ่งห่างออกไปจากเราเรื่อยๆจนลับสายตา

“เอ่อ...” ผมสะกิดเขาเบาๆเป็นเชิงบอกว่าพวกมันไปแล้วนะ ปล่อยผมได้แล้ว

“ฉันรู้ว่าพวกมันไปแล้ว” เขาปล่อยผมออกจากอ้อมกอด สายตาดุดันจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนแสดงสีหน้าพึงพอใจ

“ขอบคุณมากนะครับที่ช่วยผมไว้ ผมไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไงดี”

“ชื่อ”

“ห๊ะ?” ผมทวนคำถามอีกรอบ คุณมึงนี่ก็ถามสั้นไปนะครับ

“นายชื่ออะไร”

“ยองแจ ชเว ยองแจครับ”

“ยองแจ” ผมพยักหน้าหงึกหงักยืนยันชื่อของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยปากถาม

“ผมจะตอบแทนคุณยังไงดีครับ” อีกฝ่ายส่ายหน้า แล้วเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มปริศนาที่ไม่อาจคาดเดาสาเหตุของรอยยิ้มนั้นได้

ผมได้แต่ยืนเกาหัวด้วยความสับสนและงุนงง ตกลงเขาไม่ต้องการให้ผมตอบแทนอะไรใช่ไหม หรือเพราะหน้าผมเหมือนพวกไม่น่าเรียกร้องอะไรด้วยกันนะ

“โอ๊ย! อิแตงมึงก็วิ่งไวจังนะ กูตามมึงไม่เคยทันเลย” ผมหันกลับไปมองเจ้าของเสียงที่ตอนนี้ยืนจับเข่าหอบแฮ่กๆอยู่

“มึงก็หัดออกกำลังกายขาบ้างนะตุ๊ดเมกา”

“เรียกกูมาร์คยังไม่โกรธเท่าเรียกตุ๊ดเมกานะมึง”  มาร์คโยนกระเป๋านักเรียนที่ผมถอดทิ้งไว้หน้าโรงเรียนมาให้ พร้อมกับเบะปากด้วยอาการงอนง้อสุดฤทธิ์

“ทีมึงยังเรียกกูแตงเลย กูเกลียดแตงกวาจะตาย”

ผมตบปากมันไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ หล่อจะตายห่าไม่น่าเป็นตุ๊ดเลยเพื่อนกู

“เออน่า นี่กูแบกกระเป๋ามาให้มึงอีกแล้วนะ เลี้ยงกูเลย” มาร์คปัดมือผมออกแล้วเรียกร้องค่าแบกกระเป๋าจากผมที่เมื่อกี๊เพิ่งวิ่งหนีเจ้าหนี้มา...

“บ้านมึงรวยจะตาย ให้กูเลี้ยง?” ผมทวนคำพูดอีกรอบให้มันสำนึกใหม่

“เออไง ถึงกระเป๋ามึงจะเบาก็เถอะ” ไม่ได้ผลครับ มาร์คมันมั่นคงในความงกมาก

“มึงจะกินอะไร” ผมถามพอให้เพื่อนเลิกบ่น ถ้าไม่เลี้ยงมันนะทวงบุญคุณไปสามอาทิตย์

“มึงมีเงินพอซื้ออะไรให้กูกินได้ล่ะ” ผมหันไปถลึงตาใส่มัน ปากคอเราะร้ายเกินทนจริงๆ

“ไปนั่งกินกาแฟในร้านนั้นก็แล้วกัน ถ้าเงินกูไม่พอมึงก็ออกให้กูก่อน”

ผมเพยิดหน้าไปทางร้านกาแฟเล็กๆ บรรยากาศดูสบายใกล้กับจุดที่เรายืนอยู่ มาร์คทำหน้าตาไม่พอใจแต่ก็ยอมตกลง ผมผลักประตูร้านเข้าไป เสียงกระดิ่งที่ติดกับประตูดูเข้ากับบรรยากาศร้านที่ถูกตกแต่งให้เหมือนกับบ้านของคนแคระในนวนิยายที่ผมอ่านเล่นบ่อยๆ หลังจากรอมาร์คเลือกที่นั่งเสร็จผมก็บอกรายการเครื่องดื่มที่ต้องการไป

“แตง มึงเคยได้ยินเรื่องโกสท์ไหม?” ผมละความสนใจจากวิปครีมแล้วมองหน้าคนที่เพิ่งเอ่ยถามเมื่อครู่

“ไม่ว่ะ อะไรวะโกสท์?” ถามจบผมก็ก้มหน้าลงจดจ่อกับวิปปิ้งครีมดังเดิม

“เขาว่ากันว่า โกสท์เนี่ยเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับแวมไพร์” ผมเงยหน้าขึ้นมาฟังเมื่อเห็นว่าเรื่องราวค่อนข้างน่าสนใจ

“แต่พวกโกสท์จะต่างออกไปคือ พวกมันจะกินวิญญาณเป็นอาหาร”

“มันสามารถทำพันธะสัญญากับมนุษย์ได้โดยแลกเปลี่ยนกับวิญญาณของเจ้านาย”

“หืม...แล้วมันเป็นสายพันธุ์เดียวกับแวมไพร์ได้ไงวะ”

“ช่วงอายุของพวกมันน่ะ อีกอย่างเมื่อก่อนพวกโกสท์ก็ดื่มเลือดเหมือนแวมไพร์แต่เพราะเกิดการขัดแย้งกันระหว่างเผ่าพันธุ์พวกมันเลยหันมากินวิญญาณแทน”

“ฮืม...”

“พวกโกสท์ที่ดื่มเลือดก็ยังมีอยู่นะ นอกจากเลือดกับวิญญาณแล้วก็มีบางพวกที่กินมนุษย์ด้วย ว่ากันว่าปัจจุบันพวกมันยังมีชีวิตอยู่และอาศัยปะปนกับมนุษย์”

“เออๆน่าสนใจ นิยายเรื่องใหม่ของมึงเหรอ” มาร์คปาทิชชูที่ถืออยู่ใส่ผมพร้อมส่งค้อนมาให้วงเบ้อเริ่ม

“นิยายอะไรล่ะ เนี่ยเรื่องจริง เมื่อคืนกูดูทีวีมา”

“มึงนี่ชอบเรื่องเหนือธรรมชาติจังนะ” 

“มันน่าสนใจนะมึง มึงรู้ไหมปกติเราจะไม่เห็นตัวตนของโกสท์ เพราะโกสท์จะสามารถปรากฏร่างกายได้ก็ต่อเมื่อพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น” มาร์คพูดจบก็ชี้ออกไปนอกหน้าต่าง...พระจันทร์เต็มดวง

“สรุปโกสท์นี่น่ากลัวไหม?” ผมถามมันอีกรอบเพราะเริ่มกลัวขึ้นมาหน่อยๆ

“กูว่าน่ากลัว ถ้าพวกโกสท์เผยร่างจริงนะ” ผมเอาหลอดตีปากมันให้หยุดพูดอะไรไร้สาระเพราะวันนี้ผมต้องนอนคนเดียว

“หยุดเลยเอิน ใครให้มึงมาเล่าเรื่องผีให้กูฟังวะ” มาร์คเอามือทาบอกตัวเองพลางเอื้อมมือมาลูบหัวผมยกใหญ่

“กูขอโทษนะแตง ถ้ามึงกลัว คืนนี้ไปนอนกับกูไหมล่ะ”

“ไม่ว่ะ นอนกับมึงทีไรกูไม่เคยหลับสนิทเลย โปสเตอร์มึงนี่เอาไปเผาๆทิ้งบ้างก็ดี” ผมอยากจะตอบตกลงแต่ก็ปฏิเสธไปเมื่อนึกถึงสภาพห้องของมาร์คที่เต็มไปด้วยรูปผู้ชายกล้ามใหญ่ไข่โต...

“มึงอย่ามาว่าอปป้ากูนะ!”

มาร์คขึ้นเสียงแล้วโยนตุ๊กตาสุดรักสุดหวงของมันใส่หน้าผม นี่ของรักมึงนะเว้ยเอามาปาใส่กูนี่คิดดียัง?

“เอินๆ มึงใจเย็นๆนะ กูไม่ว่าอปป้ามึงแล้วโอเค๊?” ผมลูบแขนมันป้อยๆให้มันใจเย็นลงก่อนจะส่งตุ๊กตาคืนมัน

“ตัวนี้กูซื้อมาเกิน ให้มึงเอาไปกอดเล่นแล้วกัน” มันปัดมือผมออกแล้วหันมาสนใจกาแฟตรงหน้าแทน นี่ก็ปัดจังชาติที่แล้วมือมึงเป็นที่ปัดน้ำฝนเหรอมาร์ค...

“จะดีเหรอวะ ตัวนี้มึงชอบมากเลยนี่” ผมถามย้ำก่อนพลิกตุ๊กตาไปมา จะว่าไปมันก็น่ารักดีแฮะ

“เออเอาไปเถอะ พูดมากตุ๊ดหงุดหงิดนะ” ผมสะดุ้ง ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เมื่อกี๊กูไม่ได้พูด

“ขอบคุณนะครับเอินที่รัก รักนะเด็กโง่” ผมรีบอ้อนมันก่อนที่มันจะหงุดหงิดไปมากกว่านี้ ซึ่งได้ผลครับมาร์คมันแพ้ลูกอ้อนผมตลอด

“เอาซะกูเขินเลยสัด” มาร์คฟาดแขนผมไปหนึ่งทีเต็มๆเน้นๆ บางทีมึงควรจะคิดสักหน่อยว่ากูจะเจ็บไหม...

เราสองคนคุยเรื่องไร้สาระกันไปเรื่อยจนเวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่มกว่า ผมกับมาร์คจึงตัดสินใจกลับบ้านและแน่นอนว่าเงินผมไม่พอจ่ายอีกคนเลยได้รับภาระจ่ายไปโดยปริยาย

ผมส่งเพื่อนขึ้นรถเมล์ก่อนจะเดินกลับบ้านตัวเองที่อยู่ไม่ไกลจากป้ายรถเมล์นี้เท่าไหร่ ระหว่างทางผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาจึงหันหลังกลับไปมองเป็นครั้งคราวแต่ก็ไม่พบใคร สงสัยผมคิดมากไป

“เฮ้อ! อยู่บ้านคนเดียวอีกแล้วนะยองแจ” ผมบิดขี้เกียจเมื่อเดินมาถึงประตูบ้าน

ผมถอนหายใจเมื่อเหลือบไปเห็นป้ายชื่อครอบครัวที่ถูกทุบและเหยียบจนพัง คงเป็นพวกเจ้าหนี้มาทำอีกแล้วสินะ...ผมเดินไปเก็บป้ายขึ้นมาพลางบ่นอุบ
กับตัวเอง

“พังขนาดนี้คงต้องทำใหม่แล้ว ไม่เป็นไรเนอะยองแจ” ผมวางป้ายไว้ข้างประตูบ้านก่อนไขกุญแจบ้านเข้าไป วางกระเป๋าแล้วทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างเหนื่อยล้า วันนี้ทั้งวันผมเจออะไรมาบ้างนะ พ่อครับผมคิดถึงพ่อเหลือเกิน...

“ตรงนั้นมันสบายเหรอ” ผมสะดุ้งโหยงเมื่อรับรู้ว่าในห้องไม่ได้มีผมแค่คนเดียว สองแขนรีบพยุงตัวเองให้ลุกก่อนรีบวิ่งไปเปิดไฟ

“คุณ...” ผมตกใจมากกว่าเดิมเมื่อคนที่นั่งอยู่บนโซฟาคือคนที่ช่วยผมไว้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

อีกฝ่ายไม่พูดไม่จา ได้แต่นั่งนิ่งและส่งสายตากวนประสาทมาให้ เขาเข้ามาในบ้านผมได้ยังไง ที่สำคัญคือทำไมเขาถึงรู้ว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน

“คุณเข้ามาได้ยังไง” ผมถามออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ ร่างกายถอยห่างจนชิดผนัง

“เดินเข้ามา” ตอบแบบนี้มันน่าเอาตีนลูบหน้าจริงๆ

“คุณจะเดินเข้ามาได้ยังไงบ้านผมล็อคอยู่” ผมเริ่มท่องยุบหนอพองหนอในใจไม่งั้นอาจมีมวยเกิดขึ้นได้

“ฉันก็เดินเข้ามาจริงๆนี่ แบบนี้” เขาลุกขึ้นยืนก่อนเดินไปที่บานประตูแล้ว...ทะลุผ่านมันไป ฮะๆๆ พ่อครับสงสัยผมจะเหนื่อยเกินไปผมควรนอนแล้วสินะครับ

ผมสะบัดหัวสองสามครั้งเพื่อไล่ภาพติดตานี้ออกไปแต่สะบัดยังไม่ครบครั้งที่สามดี ผู้บุกรุกก็เดินทะลุประตูกลับเข้ามาในบ้านดังเดิม ผมร้องลั่นอย่างควบคุมสติไม่อยู่ สองขาสั่นพั่บๆก่อนจะอ่อนแรงจนผมล้มลงไปกองกับพื้น

“คุณ แก มึง! เป็นใคร!” ผมชี้หน้าผู้บุกรุกด้วยมือที่สั่นพอๆกับน้ำเสียงในตอนนี้

เขาเดินกลับไปนั่งโซฟาตามเดิมก่อนจะตอบคำถามของผม

“ฉันเป็นโกสท์”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่  #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3.เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ 16 มีนาคม เกิดปัญหาแก้ข้อความอะไรไม่ได้เลยทางทีมงานจึงขอเลื่อนการลงนิยาย
จากวันที่ 16 มีนาคม 2561 เป็นวันที่ 17 มีนาคม 2561 ขออภัยมา ณ ที่นี้
4. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
5. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-03-2018 16:41:14
ตอนที่ 2

Secret

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 17/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805266#msg3805266)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805274#msg3805274)

Yugyeom present

“ฉันเป็นโกสท์”   

อีกฝ่ายแสดงปฏิกิริยาน่าสนใจทีเดียว สีหน้าซีดลง ร่างกายสั่นเทิ้ม รวมทั้งสายตาหวาดกลัวที่ฉายชัด ยิ่งเห็น ‘เหยื่อ’ หวาดกลัวเพียงใด มันคือความยินดีของโกสท์อย่างเรา

“...คุณเป็นโกสท์” ผมพยักหน้าให้กับคำถาม

“รอเดี๋ยวนะ อยู่ตรงนี้อย่าเดินไปไหนโอเคนะ”

หลังพูดจบเจ้าของเสียงก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นซัดน้ำเข้าไปสองขวดใหญ่ ต่อด้วยการเดินเข้าห้องน้ำ เสียงของเหลวที่ไหลจากก๊อกพอจะเดาได้ว่าอีกคนกำลังล้างหน้าอยู่ ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็เดินกลับออกมาแล้วนั่งลงอีกฝากของโซฟา

“คุณต้องการอะไร” เหมือนเขาคนนี้จะฉลาดอยู่ไม่น้อยที่ไม่ทำพฤติกรรมโง่ๆเหมือนเหยื่อคนก่อน

“วิญญาณของนาย”

“ผมให้ไม่ได้ ผมต้องมีชีวิตอยู่” อีกคนพูดด้วยสีหน้าท่าทางดูจริงจัง ผมกระตุกยิ้มอย่างพอใจ เหยื่อคราวนี้ฉลาดแถมยัง ‘น่าอร่อย’

“ฉันไม่ได้ต้องการชีวิตนาย ฉันต้องการแค่วิญญาณ”

“โหคุณ! ถ้ามีคนมาขอคุณว่ากินวิญญาณหน่อยนะ กินนิดเดียวเองไม่ตายหรอก คุณเชื่อไหม?” ผมหลุดขำกับคำที่ออกมาจากปากเขา คงจะกลัวจริงๆสินะ

“แน่นอนว่าไม่เชื่อ”

“เห็นไหม! กินวิญญาณนะคุณ วิญญาณออกไปจากร่างอ่ะไม่ตายห่าก็เอ๋อแดกแหละ” ยองแจยังคงเถียงผมเพื่อเอาตัวรอด

“ฉันจะบอกอะไรให้เอาไหม?” อีกคนเงียบแล้วพยักหน้าเป็นเชิงอยากรู้

“หนึ่ง โกสท์จะไม่ฆ่าเหยื่อที่ถูกใจ”

“สอง การกินวิญญาณของโกสท์ไม่สามารถทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตายได้ สาม โกสท์จะทำพันธะสัญญากับเหยื่อเพื่อตีตราอาหารของตนเอง” พูดจบยองแจก็สวนขึ้นทันที

“จริงเหรอ! งั้นคุณก็กินเลยครับ กินอิ่มแล้วก็รีบไปนะ ประตูหน้าบ้านอยู่ทางนู้น ประตูที่คุณเข้ามามันหลังบ้าน”

“ข้อสุดท้าย โกสท์สามารถฆ่าเหยื่อได้ด้วยการดูดวิญญาณหากเหยื่อทำให้ตนไม่พอใจ”

“แล้วก็ไม่พูดให้จบ!” ยองแจฟุบหน้าลงกับพนักโซฟาพร้อมกับบ่นงึมงำด้วยเสียงที่ดังพอจะได้ยินชัดเจนสำหรับโกสท์อย่างผม

“นายจะให้ฉันกินวิญญาณหรือจะแลกด้วยร่างกายของนาย” อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามองตาผม ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาแล้วตามด้วยคำถาม

“ถ้าคุณกินวิญญาณผมไป ผมจะเป็นยังไง”

“เข้าสู่ภาวะนิทราไปตลอดกาล” ปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเป็นไปตามคาด ดูตื่นตระหนกและตกใจพอสมควร

“แล้วถ้าผมแลกด้วยร่างกายของผมล่ะ”

“นายก็จะเป็นเหยื่อของฉันตลอดช่วงชีวิตของนาย”

“ถ้าผมเป็นเหยื่อของคุณ...ผมจะยังใช้ชีวิตแบบปกติได้ไหม ผมจะออกไปเรียนหนังสือ ออกไปหาเพื่อน วิ่งหนีเจ้าหนี้ หรือกอดแม่ได้เหมือนเดิมไหม”
เขาจ้องมองผมอย่างมีความหวัง น้ำตาที่ไหลพรั่งพรูลงอาบแก้มทั้งสองข้างทำให้ผมชะงักไปครู่หนึ่งผมไม่พูดอะไร มือขวาจัดการดึงอีกคนให้เข้ามาใกล้แล้วจัดแจงอุ้มให้ยองแจนั่งตักพร้อมหันหน้าเขาเข้าหาตัวเองเพื่อเริ่มทำ ‘พันธะสัญญา’

“อยู่นิ่งๆ ฉันจะทำพันธะสัญญา”

Youngjae present

ผมนั่งนิ่งด้วยความอึ้งเมื่อจู่ๆก็โดนอีกฝ่ายอุ้มให้มานั่งอยู่ในท่าล่อแหลมแบบนี้

“หลับตาซะ” ตาผมปิดลงโดยอัตโนมัติหลังได้ยินคำสั่ง ผมอยากจะหนีไป แต่ขาผมสั่นเกินกว่าที่จะวิ่งได้

“เป็นเด็กดีแล้วจะไม่เจ็บ” ใจผมหล่นวูบเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่

เสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะดังกังวานไปทั่ว สติที่ควบคุมไว้เริ่มจะเลือนรางเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่รินรดซอกคอ มือเผลอบีบไหล่ของเขาแน่นความกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ

“ผ...ผมกลัว” ผมพูดเสียงสั่นเมื่อเขาเริ่มแกะกระดุมเสื้อของผม

“ยูคยอม...นั่นคือชื่อของฉัน” มือของเขาลอดผ่านเสื้อนักเรียนของผมเข้ามาลูบไล้แผ่นหลังของผมเบาๆก่อนเขาจะทาบฝ่ามือลง ความเจ็บเริ่มปะทุขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงสิ่งคล้ายของมีคมกำลังทิ่มแทงหลังตัวเองอยู่

ผมสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึง ‘ลิ้น’ กำลังลากผ่านหน้าอกไล่ขึ้นมาถึงคาง ด้วยความกลัวผมจึงเผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนเลือดไหล

“อย่ากัด” ผมหยุดกัดตามที่เขาสั่ง น่าแปลกที่ผมทำตามคำสั่งของเขาทุกอย่าง...เพราะอะไรกัน

“ย...ยูคยอม”

อีกฝ่ายค่อยๆพรมจูบจากคางไล่ขึ้นมาจนถึงริมฝีปากที่ผมเพิ่งกัดไปเมื่อครู่ ลิ้นร้อนลากผ่านจุดที่เลือดออกเบาๆก่อนจะรุกล้ำเข้ามาภายในโพรงปาก ผมตกใจเผลอกัดลิ้นของยูคยอมไปเล็กน้อย เขาครางฮืมท้วงผมจึงอยู่นิ่งๆเหมือนเดิม

ลิ้นร้อนยังคงรุกล้ำอยู่ภายในตวัดเกี่ยวพันกับลิ้นของผมอย่างร้อนแรง ด้วยความไม่ประสีประสาของผมทำได้แค่เพียงเล่นตามบทที่คนรู้คอยป้อนให้เท่านั้น ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรกับร่างกายของผม ความเจ็บที่แผ่นหลังยังคงอยู่และดูเหมือนความเจ็บนั้นค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ

ผมเผยอเปลือกตาขึ้นเล็กน้อยแต่เมื่อพบกับดวงตาสีแดงก่ำที่ถูกล้อมด้วยสีดำสนิททำให้ผมเลือกที่จะปิดตาลงดังเดิม นัยน์ตานั้นกำลังเตือนสติผมว่าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่มนุษย์...

“อื้อ...” ผมท้วงเมื่ออากาศที่ได้รับเริ่มน้อยลงไปทุกที ยูคยอมละริมฝีปากออกเพิ่งครู่หนึ่งก่อนประกบมันใหม่

ความรุนแรงเพิ่มจากก่อนหน้านี้เป็นทวีคูณ ริมฝีปากของผมถูกบดขยี้ด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายจนเริ่มบวมเจ่อ

“อือ...ยูคยอม” ผมเรียกชื่อของเขาเมื่อความเจ็บปวดเริ่มทวีขึ้นราวกับเข็มพันเล่มกำลังทิ่มแทงร่างกายจนใกล้แหลกสลาย

“อยู่นิ่งๆจะเสร็จแล้ว” สิ้นเสียงร่างกายของผมก็กระตุกวูบ ผมรับรู้ได้ถึงบางสิ่งที่ถูกดึงออกไปจากร่างตนเอง

ผมฟุบหน้าลงกับไหล่ของยูคยอม ความเจ็บปวดยังคงหลงเหลืออยู่แม้มันจะบรรเทาลงจากเมื่อครู่มากแล้วก็ตาม เขาลูบหัวผมเบาๆเป็นเชิงปลอบขวัญ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยถูกทำให้เจ็บและฟิน(?)ขนาดนี้

“เสร็จแล้วใช่ไหม” ผมถามเขาทั้งที่ยังฟุบอยู่ที่เดิมพร้อมกับติดกระดุมเสื้อตัวเองไปพลางๆ

“เสร็จแล้ว เจ็บมากไหม?” ทั้งที่เป็นคำถามธรรมดาแต่ผมกลับเขินอย่างไม่ทราบสาเหตุ ผมส่ายหน้าไปมาเบาๆบนไหล่ของเขาแทนคำตอบ

“ทำอะไรกับหลังของผมเหรอ?” ด้วยความเจ็บที่ไม่ธรรมดาทำให้ผมตัดสินใจถามออกไป

“ตีตราเหยื่อ” ผมโขกหัวลงกับไหล่ของยูคยอมเบาๆเพราะคำพูดเมื่อครู่...

“นายเป็นเหยื่อที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย” ผมเด้งตัวออกจากไหล่ของเขาทันทีหลังได้ยินประโยคเมื่อครู่

“นี่กินวิญญาณไปแล้วเหรอ?” เห้ย! กินไปตอนไหนอะไรยังไงครับพี่ไหนพูด!

“เผลอชิมไปนิดหน่อย” อีกฝ่ายตอบด้วยใบหน้ากวนๆไม่พอยังยักคิ้วแถมให้พร้อม...เห้ย ไอ้เผลอชิมนี่มัน...

“ไม่รู้จะพูดอะไรเลย” ผมพูดจบก็เตรียมลุกจากตักของเขา เกรงใจมากครับนั่งคร่อมมานานกลัวเมื่อย

“นั่งอยู่แบบนี้แหละ” แขนแกร่งรั้งตัวผมไว้ไม่ให้ลุกไปไหน ด้วยแรงที่เหลือน้อยนิด ผมจึงจำใจนั่งนิ่งๆตามเดิม

“ตอนนี้ผมเป็น ’เหยื่อ’ ของคุณแล้ว ผมต้องทำอะไรบ้าง?” เขาเงยหน้าขึ้นมามองตาผม ความรู้สึกดีใจแล่นเข้ามาในหัวเมื่อพบว่าดวงตาของเขากลับเป็นปกติแล้ว

“มีกฎสามข้อที่เหยื่อพึงปฏิบัติ” ผมพยักหน้ารอฟังกฎของตัวเองอย่างตั้งใจ

“ข้อแรก นายจะตายภายใน 24 ชั่วโมงหากอยู่ห่างจากฉันเกิน 300 เมตรเพราะฉะนั้นอย่าคิดหนี ข้อสอง ห้ามเหยื่อเปิดเผยชื่อของโกสท์ผู้ทำพันธะสัญญากับผู้อื่นเด็ดขาด และข้อสุดท้าย เหยื่อจะต้องสนองความต้องการของโกสท์ผู้ทำพันธะสัญญา ‘ทุกครั้ง’ ที่โกสท์เรียกร้อง” ผมกุมขมับกับกฎทั้งสามข้อที่ไม่ว่าจะข้อไหนโอกาสตายห่าของผมก็หนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์

“ผมต้องไปโรงเรียนนะ แค่กฎข้อแรกผมก็ทำไม่ได้แล้ว”

“ฉันสามารถสิงสิ่งของได้”

“เพื่อนผมจะไม่เห็นคุณเหรอ?” ยูคยอมส่ายหน้าก่อนจะตอบคำถาม

“มีเพียงเหยื่อ โกสท์ตนอื่น และผู้มีสัมผัสพิเศษเท่านั้นที่จะมองเห็นร่างของฉัน”

“ตอนกลางวันทำไมผมถึงเห็นร่างคุณได้ล่ะ?” ผมถามคำถามที่คาใจออกไป หวังว่าผมคงไม่ใช่พวกมีสัมผัสพิเศษอะไรเทือกนั้นนะ

“โกสท์จะปรากฏร่างกายได้เมื่อพระจันทร์เต็มดวง” หน้าของตุ๊ดเมกาลอยขึ้นมาในหัว เรื่องที่มาร์คเล่าให้ฟังกลับกลายเป็นเรื่องจริงแถมผมยังรู้มากกว่ามันแล้วในตอนนี้

“คุณอายุเท่าไหร่ ผมไม่อยากเรียกคุณๆแบบนี้” หากดูจากหน้าตาแล้วอายุไม่น่าจะต่างจากผมเท่าไหร่

“ฉันไม่เคยนับ แต่คงราวๆแปดร้อยกว่าปีได้” ผมนิ่งไปพักหนึ่งก่อนทวนอายุของเขาใหม่

“เท่าไหร่นะ”

“ราวๆแปดร้อยกว่าปีย่างเก้าร้อย” อยู่มานานขนาดนี้พี่ไม่อยากตายบ้างเหรอครับ

“ผมเรียกยูคยอมเฉยๆได้ไหม” ได้ยินอายุแล้วหดหู่เลยครับ

“แล้วแต่นายจะเรียกเถอะยองแจ” ผมเกาหัวแก้เขินเมื่อเขาเรียกชื่อผม ผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองที่เขินแบบไม่มีเหตุผล

“พรุ่งนี้นายจะสิงอะไรไปดีล่ะ” ผมกวาดสายตามองหาสิ่งที่จะสามารถพกไว้ติดตัวได้ตลอดก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็นตุ๊กตาที่มาร์คให้มาเป็นของขวัญ(?)

“นายสิงตัวนี้ได้ไหม” ยูคยอมมองตุ๊กตาพลางขมวดคิ้ว เหมือนเขาจะไม่ชอบตุ๊กตาหัวฟูตัวนี้แฮะ...

“ก็...ได้อยู่หรอก” ผมยิ้มกับคำตอบของเขา โกสท์ไม่เห็นน่ากลัวอย่างที่มาร์คมันบอกเลย

“นายกินได้แค่วิญญาณเหรอ อาหารปกติของมนุษย์นายกินได้ไหม?” ผมเริ่มทำความรู้จักโกสท์ของตัวเอง เพราะยังไงผมก็ต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต

“ฉันยังไม่เคยลองกินอาหารของมนุษย์” ผมพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้ก่อนเอ่ยถามคำถามอีกข้อ

“นายต้องกินวิญญาณทุกวันหรือเปล่า...”

“โกสท์จะกินวิญญาณแค่เดือนละครั้ง แต่เราจะ’เล่น’ กับเหยื่อทุกอาทิตย์” ผมสะดุ้งตรงคำว่าเล่นของเขา คงไม่ใช่เล่นมอญซ่อนผ้าหรือตี่จับแน่นอน...

“โกสท์นี่ต้องนอนไหม?”

“โกสท์ทำทุกอย่างเฉกเช่นมนุษย์ แต่เราไม่ใช่มนุษย์” ยูคยอมเบรกคำถามทั้งหมดในหัวของผมด้วยคำตอบเพียงประโยคเดียว

“นายอยากอาบน้ำไหม? เสื้อผ้าตัวใหญ่ๆของฉันก็พอมีนะ” เขาพยักหน้ารับผมจึงตีแขนเขาเบาๆเป็นเชิงว่าปล่อยได้แล้วจะลุกไปเตรียมผ้าขนหนูกับชุดให้ อีกฝ่ายยังคงกอดผมไว้ครู่หนึ่งก่อนจะยอมปล่อยให้ผมเดินไปหาเสื้อผ้าให้เขา โชคยังดีที่ผมเก็บเสื้อผ้าที่ซื้อมาผิดไซส์ไว้อยู่จึงพอมีเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยนบ้าง

ดีกว่าให้ผีมาเดินแก้ผ้าในบ้านแล้วกัน...หาอยู่สักพักก็ได้ชุดตามที่ต้องการ ผมส่งผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าให้ยูคยอม แต่อีกฝ่ายยื่นมือมารับแค่ผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเลยวางชุดไว้ใกล้ๆกับประตูห้องน้ำไม่อยากเห็นผีโป๊นะเว้ย!

ระหว่างที่ยูคยอมอาบน้ำผมก็เปิดตู้เย็นหาวัตถุดิบมาทำอาหารบรรเทาความหิว ขณะทำอาหารผมก็เปิดวิทยุฟังข่าวไปด้วยข่าวถูกอ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงประเด็นร้อนในปัจจุบัน

วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบศพของหญิงสาววัย 24 ปีในโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในย่าน XX ณ ตอนนี้ยังไม่ทราบสาเหตุการตายแน่ชัดหากมีความคืบหน้าทางเราจะรายงานให้ทราบในภายหลัง

โรงแรมย่าน XX...

ยูคยอมเปิดประตูห้องน้ำประจวบเหมาะพอดีกับข่าวที่เพิ่งจบเมื่อครู่ ผมหันหน้าไปมองผู้ต้องสงสัยก่อนถามคำถามออกไป

“นายไปฆ่าใครมาหรือเปล่า” อีกฝ่ายเลิกคิ้วก่อนถามกลับ

“นายรู้ได้ยังไง” ผมใจหายวูบเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องอาศัยร่วมกับฆาตกรไปตลอดชีวิต

“ในข่าวน่ะสิ ถ้าฉันทำอะไรไม่ถูกใจนายคงโดนฆ่าแบบเธอสินะ” ผมตัดพ้อกับชีวิตพร้อมกับผัดข้าวไปพลาง

“โกสท์ไม่สามารถฆ่าผู้ทำพันธะสัญญาด้วยได้หรอก สบายใจเถอะ”

ยูคยอมโยนผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวไว้มาคลุมหัวผม เล่นเอาหันหน้าหนีแทบไม่ทัน โอ๊ย! ไอ้ผีบ้าเอ๊ย

“ผีลามกเอ๊ย!” ผมบ่นกับตัวเองเบาๆ

“ฉันได้ยิน” ผมสะดุ้งเมื่อยูคยอมพูดขึ้น ต่อไปนี้ต้องด่ามันในใจสินะ

“ความนึกคิดของเหยื่อจะถูกเชื่อมโยงกับผู้ทำพันธะสัญญาด้วยเช่นกัน” ผมเคาะตะหลิวกับขอบกระทะด้วยความเซ็ง
พ่อครับผมต้องอยู่กับโกสท์บ้าๆแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3.เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ 16 มีนาคม เกิดปัญหาแก้ข้อความอะไรไม่ได้เลยทางทีมงานจึงขอเลื่อนการลงนิยาย
จากวันที่ 16 มีนาคม 2561 เป็นวันที่ 17 มีนาคม 2561 ขออภัยมา ณ ที่นี้
4. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
5. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-03-2018 16:46:09
ตอนที่ 3

How to

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 17/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805270#msg3805270)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808065#msg3808065)

หนัก...

หายใจไม่ออก...

หนักโว้ย!

พรึ่บ!

ทันทีที่ลืมตาผมก็ค้นพบสาเหตุของอาการหายใจไม่ออก สิ่งมีชีวิตตัวควายได้หลงผิดคิดว่าตัวเองเป็นหมากำลังนอนทับตัวผมอยู่พร้อมจ้องมองมาด้วยสายตากวนส้นตีนเกินจะบรรยายได้

“ลุก” ผมไล่ให้ยูคยอมออกไป เพราะตัวของเขาใหญ่เกินกว่าที่ผมจะสะบัดออกได้

“ตื่นสาย” อีกคนไม่ยอมลุกไปแต่หยิบนาฬิกาบนหัวเตียงมาให้ผมแทน

“หือ?” ผมกระพริบตาถี่เพื่อปรับโฟกัสก่อนภาพหน้าปัดนาฬิกาจะฉายชัด เจ็ดโมงสี่สิบห้า...

“ชิบหาย! ลุกๆๆสายแล้วเนี่ย!” ผมดิ้นให้อีกคนลุกออกไปจากตัวผม

ยูคยอมยังคงนอนทับตัวผมอยู่ ด้วยความรีบผมเลยพยายามพลิกตัวให้เขาหลุดออกไป

ตุ้บ!

ร่างของผมกับยูคยอมหล่นตุ้บลงบนพื้น โชคดีที่คนรับแรงกระแทกทั้งหมดคือไอ้ผีมือปลาหมึกที่ตอนนี้ทำยังไงก็ไม่ยอมปล่อยผมไปเสียที ไม่ต้องมารักกันตอนนี้ได้ไหม!

“ยูคยอมฉันสายแล้ว ปล่อยได้แล้วโว้ย” คนโดนว่ายักไหล่พลางทำหน้าทำตาล้อเลียนผม โกสท์นี่สนิทกับคนเร็วไปไหม...

“ปล่อยผมนะครับ เดี๋ยวเลิกเรียนแล้วจะมาเล่นด้วยโอเค๊?” อีกฝ่ายเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แว้บหนึ่งก่อนปล่อยตัวผมให้เป็นอิสระ

ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมไม่ขอพูดประโยคเมื่อกี๊เด็ดขาด...

ผมวิ่งด้วยความเร็วมากที่สุดเท่าที่ร่างกายสามารถทำได้ จากบ้านถึงโรงเรียนใช้เวลาประมาณสิบนาทีในการวิ่ง ปัจจุบันเวลาแปดนาฬิกาสิบห้านาทีหากต้องการไปให้ทันเข้าเรียนผมต้องลดเวลาลงเหลือห้านาที

ครืด...ครืด

ผมควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก่อนกดรับอย่างเร่งรีบ

“เอแตง!!! มึงจะมาเรียนไหม ตื่นยังเนี่ยมึง” เสียงพูดอันคุ้นเคยของมาร์คดังขึ้นทักทายด้วยความรัก...

“ใกล้ถึงแล้วเนี่ย มึงอยู่ไหน” ผมถามเมื่อวิ่งมาจนถึงรั้วโรงเรียนภายในเวลาห้านาทีพอดีเป๊ะ ทำลายสถิติการวิ่งตัวเองเลยครับ

“อยู่หน้าประตูเนี่ย รอมึงนั่นแหละ” ผมวิ่งไปยิ้มไป มาร์คมันน่ารักนะครับถึงมันจะเป็นตุ๊ดก็เถอะ

“เออๆกูเห็นมึงแล้ว” ผมวางโทรศัพท์ก่อนวิ่งเข้าไปหามาร์คที่ยืนสะดิ้ง เอ้ย! ยืนรออยู่หน้าประตูโรงเรียน

“หอบมาเชียวมึง” มาร์คหยิบพัดสีชมพูดแปร๋นในกระเป๋าออกมาพัดไล่ความร้อนให้ผม

“รักมึงจังเลยเอินเอินอุตส่าห์รอกูด้วย” ผมยื่นมือไปบิดแก้มมันด้วยความหมั่นไส้ปนเอ็นดู

“รักกูแรงนะมึงเนี่ย แล้วหลังมึงนั่นใครผัวมึงเหรอ” มาร์คปัดมือออกก่อนจะใช้พัดชี้ไปทางด้านหลังของผม

ผมหันไปมองตามทางที่มาร์คชี้ก็พบยูคยอมยืนหน้ามึนเด่นหราอยู่ไม่ห่าง เห็นแล้วก็หมั่นไส้ครับ ผมวิ่งแทบตายเขาแค่สิงตุ๊กตาเฉยๆไม่ต้องวิ่งอะไรเล๊ย! แต่มากกว่าความหมั่นไส้คือความสงสัย ทำไมมาร์คมองเห็นยูคยอมได้...

“ผัวพี่มึงสิ!”

“กูไม่มีพี่นะมึง ไม่ใช่ผัวมึงเหรอให้กูได้ป่ะล่ะ”

ผมกุมขมับกับความแรดไม่รู้เวล่ำเวลาของเพื่อนตัวเอง

“ไม่ได้ เอ่อ คนนี้เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน บ้านกูเป็นโฮสให้เขาอยู่” ผมรีบขุดข้ออ้างข้างๆคูๆมาตอบมัน

“อู๊ย! เด็กนอกด้วย แวร์ยูคัมฟอร์มดาร์ลิงค์” นั่น ก็แรดไปอี้ก...

ยูคยอมนิ่งไปคู่หนึ่งก่อนตอบกลับไปด้วยใบหน้ายิ้มๆ

“เนเธอร์แลนด์” ผมหันขวับกลับไปมองหน้าโกสท์ติงต๊องทันที เออ...มันเล่นมุกตามด้วยเว้ย

“หูย! ยูโน้ว ยูอาร์มายไทป์” ผมรีบเบรกเพื่อนก่อนที่มันจะจีบโกสท์ไปมากกว่านี้

“พอแล้วมึงเราต้องไปเรียนแล้ว ฮะๆ บาย” ผมหันไปโบกมือลายูคยอม พร้อมส่งโทรจิตบอกเขาให้กลับเข้าไปในตุ๊กตาซะ

“ซียูอะเกนดาร์ลิงค์~~~~~” ดูมันครับ...ผมดันหลังตุ๊ดเมกาให้รีบเดินออกห่างจากยูคยอมก่อนมันจะไปแดกเขา มาร์คไว้ใจได้ที่ไหนล่ะ

การเรียนช่วงเช้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะความค้างคาใจทำให้ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยหนำซ้ำยังโดนยูคยอมก่อกวนทางโทรจิตเรื่อยๆอีก โอ๊ยยองแจเครียด!!

เครียดอะไรของนาย

เสียงของยูคยอมดังขึ้นในหัว ก่อนผมจะตอบกลับไป

“มันน่าเครียดไหมล่ะ มาร์คมันเป็นโกสท์ เหยื่อ หรือผู้มีสัมผัสพิเศษ ไม่สิมันไม่ใช่โกสท์แน่ๆ โอ๊ยเครียด!” ผมยีหัวตัวเองจนผมฟูก่อนฟุบหน้าลงกับโต๊ะด้วยความเซ็ง

เหยื่อทุกคนจะถูกตีตราไว้

“จะให้ฉันจับมันมาถอดเสื้อดูเหรอ นายมองเห็นตราเหยื่อไหมดูให้ที”

โกสท์แต่ละตนจะตีตราเหยื่อต่างกัน ฉันไม่รู้หรอกว่าเพื่อนนายถูกตีตราไว้ส่วนไหน

   ผมขยี้หัวหนักกว่าเดิมด้วยความเครียด ผมจะรู้ได้ยังไงว่ามาร์คเป็นเหยื่อหรือเป็นคนธรรมดา นอกจากนั้นตราสัญลักษณ์มันเป็นยังไงล่ะ แม้แต่ตราเหยื่อของตัวเองผมยังไม่เคยเห็นด้วยซ้ำ

“เป็นเอามากนะมึงเนี่ย เหาขึ้นหัวเหรอ” มาร์คปาน้ำผลไม้ใส่หัวผมเต็มๆ ผมหันไปถลึงตาใส่มันก่อนหยิบกล่องน้ำผลไม้มาเจาะดื่มรวดเดียวหมด

“เอินกูจน กูเครียด มาให้กูกอดหน่อย” ผมวางกล่องน้ำผลไม้ลงกับโต๊ะก่อนจะอ้าแขนกว้างรอรับอ้อมกอดของเพื่อนรัก

“มากงมากอดอะไร” ถึงมันจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมเดินมาให้ผมกอดแต่โดยดีแถมกดหัวผมลงกับอกใหญ่ๆของมันอีก...

“ไปทำนมมาเหรอเอินเป็นลูกเลยเนี่ยมึง” ผมดันตัวมันออกก่อนจะตายคาอกมัน

“เออเนี่ยแม่ให้มาห้าแสน ถุ้ย! ทำเตี่ยอะไรล่ะกูออกกำลังกาย” ผมขำกับท่าทีของเพื่อน ถึงผมจะยังเครียดอยู่แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมสบายใจมากขึ้น

ผมจำใจนั่งเรียนต่อจนเสียงออดบอกเวลาเลิกดังขึ้น บิดขี้เกียจสุดแขนก่อนลุกขึ้นเตรียมเก็บกระเป๋าเดินกลับบ้าน

“แตงขา ไปช้อปปิ้งกับกูหน่อย” มาร์คเดินมาเกี่ยวแขนผมแล้วเอาหน้าหล่อๆของมันมาถูไหล่เป็นเชิงอ้อน...โห มารยาจริงๆ

“เอินครับ กูไม่มีเงินครับ” ผมผลักหัวมันเบาๆ

“กูไม่ได้ให้มึงไปซื้อของ กูให้มึงไปถือของให้กู” ผมมองหน้ามันด้วยความเอือมระอา รักกูจังเลยครับ...

“เออๆไปก็ได้ ถ้ากูอยากได้อะไรมึงซื้อให้กูด้วยแล้วกันค่าถือของ” ผมกวาดทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วลากมาร์คออกไปจากห้องเรียน

ฉันอยากกินอาหารของมนุษย์บ้าง

เสียงยูคยอมดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังรอมาร์คเลือกเสื้อผ้าอยู่ในร้านหรูแห่งหนึ่ง

“อยากกินอะไรเหรอ ฉันทำอาหารเก่งนะ” ผมตอบโทรจิตกลับไป

อีกฝ่ายนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับมา

ที่นายกินเมื่อวานก็น่าอร่อยนะ

“ข้าวผัดกระเทียมน่ะเหรอ กลับบ้านจะทำให้กินอยู่นิ่งๆเป็นเด็กดีนะ”

ขี้อวด

ผมได้แต่นั่งหงุดหงิดเพราะด่ายูคยอมไปเท่าไหร่เขาก็ไม่สะทกสะท้านเลย  ซ้ำยังหน้ามึนไม่ตอบกลับโทรจิตผมอีก มันน่าเอาตีนลูบหน้าสักที

“หน้าเป็นปลาบู่เลยเพื่อนกู ไปเดินซื้อของใช้ไหมมึงเดี๋ยวกูออกให้ก่อน” ผมยิ้มร่าทันที่เมื่อมาร์คเดินมาหาแถมยังบอกจะออกตังให้ผมเสียด้วย ผมนี่แทบจะขอมันแต่งงานเลยครับ

“ไปครับที่รักป่ะ หนักไหมเดี๋ยวเค้าถือของให้” มาร์คเบะปากใส่ผมแต่ก็ส่งถุงกระดาษมาให้ถือจนเต็มสองมือ...กูรู้แล้วทำไมมึงถึงกล้ามใหญ่
ผมเดินเข็นรถไปตามโซนต่างๆอย่างร่าเริง หยิบของที่หมด ขาด และไม่ได้มีติดบ้านไว้นานใส่รถเข็นจนลืมนึกไปว่ามาร์คแค่ออกให้ก่อน ไม่ได้ออกให้...

“แตงมึงกินอันนี้ด้วย อันนี้มีประโยชน์ อันนี้เอาไปอีก” มาร์คคอยหยิบของใส่รถเข็นตลอดจนผมเริ่มหยิบออกเป็นบางรายการ

“เอินมึงใจเย็นๆจะหยิบอะไรถามกูก่อนไหมสัด” ผมดีดหน้าผากมันไปหนึ่งทีแต่ระดับตุ๊ดเมกามันหาได้ยอมผมไม่ มันดีดกลับสิครับ...

“ช่วงนี้มึงซูบๆอ่ะ กูเป็นห่วงมึง เป็นเมียมึงด้วย” ผมเกือบยิ้มแล้วครับถ้าไม่ได้ยินประโยคสุดท้าย

“เออๆยอมให้วันนึง” ผมขยี้หัวมาร์คด้วยความหมั่นไส้ก่อนจะเดินเลือกของต่อ

ยองแจ นั่นอะไรเหรอ   ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อจู่ๆยูคยอมก็พูดขึ้นมา

“อันไหนล่ะ”

ถุงใหญ่ๆสีเหลือง ผมกวาดตามองก่อนพบกับของที่เขาถาม

“อาหารหมา...”

ซื้อไปด้วย       

ผมเอามือทาบอกโดยอัตโนมัติหลังยูคยอมบอกให้ผมซื้ออาหารหมาไป จะกินเหรอ...ผมไม่ตอบอะไรแต่ก็ยอมหยิบอาหารหมาลงรถเข็น
อย่างจำใจ มาร์คที่เห็นผมหยิบของแปลกก็ถามขึ้นทันที

“บ้านมึงเลี้ยงหมาเหรอแตง” ผมส่งยิ้มแห้งๆให้มาร์คก่อนตอบกลับไป

“เอ่อ หมาของเพื่อนคนเมื่อเช้าน่ะ” มาร์คพยักหน้าก่อนเดินไปหยิบของอีกหลายรายการมาทิ้งใส่รถเข็นจนแน่นไปหมด

ผมยืนรอมาร์คจ่ายตังอยู่เคาท์เตอร์ด้วยความสุข นานแล้วครับที่ผมไม่ได้ออกมาซื้อของแบบนี้ อะไรดลใจให้มาร์คมันพาผมออกมาช้อปกันนะ หรือเพราะผมทำหน้าเครียดเกินไป?

“ทำหน้าปลาบู่อีกละ มาช้อปกับเอินต้องยิ้มสิ” มาร์คเดินมาหลังจ่ายตังเรียบร้อยพร้อมหอบถุงมาเต็มสองมือ ผมรับของหนักจากมันมาถือ ปล่อยให้มันถือของเบาๆไป

“ขอบคุณนะครับเอินที่รัก รักนะเด็กโง่” มาร์คหัวเราะชอบใจก่อนเอาหัวไถหลังผมเบาๆ ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นผู้ชายผมคงขอมันเป็นแฟนไปแล้วแน่ๆ

ผมเดินคุยกับมาร์คไปเรื่อยๆจนมาถึงป้ายรถเมล์ ผมนั่งรอรถเป็นเพื่อนมันก่อนจะเดินขึ้นไปส่งมันบนรถ

“กลับดีๆนะมึง อย่าลืมของด้วย” มาร์คพยักหน้ารับ ผมรีบวิ่งลงจากรถก่อนโบกมือลามัน

“ออกมาช่วยถือของหน่อยสิ” ผมบอกยูคยอมหลังเดินออกมาห่างจากย่านที่มีคนพลุกพล่านพอสมควร

“ส่งมาสิ” ยูคยอมพูดแล้วแย่งถุงทั้งหมดจากผมไปถือไว้คนเดียว

“ไม่หนักเหรอ?” อีกคนยักไหล่ให้ เป็นเชิงว่าแค่นี้สบ๊าย ผมกลอกตาไปมาอย่างเอือมระอากับโกสท์ติงต๊องขี้เก๊ก

ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยกระโดดขึ้นหลังยูคยอมกะหยอกให้อีกคนเสียการทรงตัวเล่น แต่ผิดคาดครับเขาไม่สะทกสะท้านเลย

แถมยังแบกผมเดินต่อไปหน้าตาเฉย แต่เพราะความเหนื่อยสะสมผมเลยปล่อยให้เขาแบกต่อไป

“นายเนี่ยถึกจริงๆเลยนะ”

“มนุษย์ต่างหากที่อ่อนแอ” ผมหยิกแก้มคนพูดด้วยความหมั่นไส้ ผีอะไรวะน่าหมั่นไส้ตลอดเวลา

“เมื่อเช้าขอบคุณนะที่ยอมเล่นตามน้ำ” ผมนึกเรื่องเมื่อเช้าขึ้นได้เลยบอกขอบคุณไป นี่ถ้ายูคยอมไม่เล่นด้วยผมคงหน้าแตกยับแน่ๆ

“ฉันไม่ได้เล่น บ้านเกิดฉันอยู่เนเธอแลนด์” ผมอ้าปากค้างกับคำตอบ

“แล้วทำไมนายพูดเกาหลีได้แถมชัดด้วย ชื่อก็เกาหลี” ผมรัวคำถามใส่เขา อีกฝ่ายถอนหายใจเบาๆก่อนตอบ

“นายคิดว่าฉันอยู่บนโลกนี้มากี่ปีแล้วล่ะ ส่วนชื่อพ่อของฉันเป็นคนตั้งให้”

“นายเป็นลูกครึ่ง?” ผมถามอีกคำถามเพื่อความแน่ใจ

“ใช่” โอ้โห...โกสท์ลูกครึ่งเกาหลีเนเธอแลนด์ครับท่าน นี่มันนิยายชัดๆ

“ชีวิตนายนี่แฟนตาซีจริงๆ” ยูคยอมแกล้งสะบัดตัวทำเอาผมกอดคอเขาไว้แทบไม่ทัน นี่ถ้ากอดไม่ทันมีก้นกระแทกพื้นครับ
ยูคยอมแบกผมจนมาถึงหน้าบ้าน ผมเลยกระโดดลงจากหลังของเขาก่อนไขกุญแจบ้านเข้าไป โชคดีที่วันนี้เจ้าหนี้หาตัวไม่เจอ ไม่งั้นได้วิ่งกันสนุกแน่ ผมรับของจากยูคยอมไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ก่อนเดินไปนั่งพักบนโซฟาตัวเดิมที่เมื่อวานเพิ่งจะทำพันธะสัญญาไป พอนึกขึ้นได้หน้าผมก็ทิ่มลงกับพนักพิงทันที...ผมทำอะไรลงไปนะ

“นายบอกกลับแล้วจะเล่นกับฉันใช่ไหม” ผมสะดุ้งเป็นรอบที่ร้อยของวันเมื่อจู่ๆยูคยอมก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้

“แปบนึงดิ ขอพักเหนื่อยก่อน” ผมดันหน้าเขาออกแล้วกลับไปจริงจังกับการทิ่มหน้าลงโซฟาดังเดิม ยูคยอมไม่พูดอะไร เขานั่งลงข้างผมเงียบๆ

เวลาผ่านไปสักพักอีกคนลุกขึ้นยืนก่อนรวบตัวผมพาดบ่าแล้วเดินขึ้นห้องไป

ระหว่างทางผมทั้งด่า ทั้งทุบ ทั้งดิ้นแต่ก็นั่นแหละครับ...แรงคนจะไปสู้แรงโกสท์ได้อย่างไร

เขาวางผมลงบนเตียงอย่างเบามือก่อนปลดเน็คไทป์ที่เขาสวมอยู่ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดบนในหน้าของอีกฝ่าย สายตาซุกซนฉายแววสนุกจนผมนึกกลัวในใจ

“ได้เวลาเล่นแล้วเด็กน้อย”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3.เนื่องจากเมื่อวันศุกร์ที่ 16 มีนาคม เกิดปัญหาแก้ข้อความอะไรไม่ได้เลยทางทีมงานจึงขอเลื่อนการลงนิยายจากวันที่ 16 มีนาคม 2561 เป็นวันที่ 17 มีนาคม 2561 ขออภัยมา ณ ที่นี้
4. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
5. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 23-03-2018 13:09:30
ตอนที่ 5

Suspect

ตอนที่ 4 เป็นเพียงตอนที่นักเขียนพูดคุยกับนักอ่าน ทาง LongtangGenYaoi จึงนำตอนที่ 5 มาลงแทนเนื้อหาในนิยายยังคงดำเนินต่อไป
แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 23/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805274#msg3805274)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808066#msg3808066)

ภายในห้องกว้างอันเงียบสงัด มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งดื่มด่ำกับของเหลวปริศนาในแก้วไวน์ของตน หากพิจารณาจากสีแล้ว สิ่งที่อยู่ในแก้วมีความใกล้เคียงมากกับสิ่งที่เรียกว่า “เลือด”
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางความเงียบก่อนตามมาด้วยเสียงของบุคคลที่คาดว่าเป็นพ่อบ้าน
“ขออนุญาตครับคุณหนู” 
บุคคลที่ถูกเรียกว่า “คุณหนู” วางแก้วลงกับโต๊ะก่อนเอ่ยปากอนุญาตให้พ่อบ้านเข้าพบได้
“เชิญ”
ประตูถูกเปิดออกตามด้วยร่างของพ่อบ้าน แสดงความเคารพนายด้วยการโค้งพอเป็นพิธีแล้วกล่าวเข้าประเด็นอย่างรวดเร็ว
“เราได้ข้อมูลของคนที่คุณหนูให้ตามหาแล้วครับ”
นัยน์ตาสีอำพันลุกวาวด้วยความปลื้มปิติ นับเป็นข่าวที่น่ายินดีอย่างยิ่งในเวลาที่กำลังผ่อนคลายพร้อมกับลิ้มรส ‘อาหารว่าง’ เช่นนี้
“ดี ว่ามาสิ” พ่อบ้านพยักหน้ารับก่อนอ่านเอกสารที่ถือติดมือมาด้วยคร่าวๆ
“คนของเราได้ข้อมูลส่วนตัวของเขาพร้อมกับที่อยู่และเบอร์ติดต่อครับคุณหนู” รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของผู้เป็นนาย
“ทำงานได้เร็วดีแต่ฉันไม่รีบ ไว้เราค่อยไปทักทายเขาแล้วกัน”
กระจกเงาบานใหญ่สะท้อนร่างของชายหนุ่มที่จัดว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง เขาหมุนสำรวจความเรียบร้อยของตนเองพลางจัดแจงทรงผมให้เข้าที่ รอยยิ้มหวานถูกส่งให้กับเงาของตนเองในกระจกเป็นเชิงว่าพึงพอใจกับลุคนี้แล้ว
“สวยไปอี้ก”
เสียงทุ้มติดแหลมเล็กน้อยเอ่ยขึ้น ก่อนเดินไปจัดของลงกระเป๋านักเรียนของตน
Mark Present
“ต้วน อี๋เอิน บ้านรวย สวยเว่อร์” ผมฮัมสโลแกนประจำตัวระหว่างจัดกระเป๋าไปพลางๆ วันนี้เลิกเรียนจะทำอะไรดีนะ
ครืด ครืด
ผมมองโทรศัพท์ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าก่อนจะหยิบมันขึ้นมารับเพราะเบอร์ที่คุ้นเคย
“ฮัลโหลวดาร์ลิงค์” กรอกเสียงตามสายไปด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดฤทธิ์แต่ปลายสายกลับตอบมาด้วยเสียงแหบแห้งปานขาดน้ำมาร่วมปี
“เอินครับ วันนี้กูไม่ไปโรงเรียนนะ” ผมรีบแทรกเสียงกลับไปก่อนยองแจจะพูดจบ
“ทำไมมึงไม่ไป ไม่สบายเหรอมึง”
“เออ...ก็นิดหน่อย กูปวดเอว” คิ้วผมกระตุกเมื่อได้ยินยองแจพูดว่าปวดเอว ลางสังหรณ์ตุ๊ดมันกำลังทำงาน...
“ไหวไหมมึง เดี๋ยวกูไปหาอยู่บ้านนะ” ผมอาสาไปดูแลมันอยู่บ้านแต่มันกลับรีบปฏิเสธโดยเร็วแทบจะไม่เว้นเวลาคิดเลย
“เห้ย! ไม่ดีๆมึงจะมาโดดเรียนเพราะกูไม่ได้นะเอิน ถ้าเกรดมึงตกกูโกรธมึงนะ” ผมเบ้ปากอย่างขัดใจ เอาเรื่องเรียนมาขัดความเป็นห่วงกันอีกแล้วอิแตง
“ตกเหี้ยอะไรล่ะ สอบได้ที่สองรองจากมึงเนี่ย เห็นกูกากมากเหรอเอแตง!” ผมแว้ดเสียงใส่เพื่อนรักด้วยความหงุดหงิด คนอะไรชอบขัดใจไปเสียทุกอย่าง
“ฮ่าๆ ล้อเล่นนะเอินที่รัก ถ้ามึงจะมาหากูก็ไปยื่นใบลาซะแล้วค่อยมา ไม่อยากให้มึงเสียเครดิตโอเค๊?” เสียงหัวเราะของยองแจทำให้ผมคลายคิ้วที่ขมวดอยู่ได้
 นึกแล้วก็เกลียดตัวเองที่พอได้ยินเพื่อนหัวเราะก็อดอารมณ์ดีไม่ได้ โอ๊ย เพลีย!
“โอเค เวทติ้งนะ มึงยังไม่กินข้าวใช่ไหม เดี๋ยวกูซื้อไปให้”
“ยังไม่กิน ขอบคุณนะครับเอินที่รัก รักนะเด็ก...เห้ย! บอกว่าอย่ามาแตะไง” ผมขมวดคิ้วเมื่อจู่ๆบทสนทนาก็เริ่มแปลกไป
บอกให้อยู่เฉยๆไง
ก็นายเจ็บเลยอยากช่วย
แค่เจ็บไม่ได้พิการเว้ย นั่งเฉยๆ!
คิ้วผมเริ่มขมวดเข้าหากันมากกว่าเดิม นี่ถ้ามันผูกกันได้คงกลายเป็นโบว์แปดชั้นไปแล้วล่ะครับ
“แตงมึงคุยกับใครเนี่ย” ผมถามเมื่อรับรู้ได้ว่าเพื่อนไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว
“คุยกับคนเมื่อวานอ่ะ มึงรีบมานะเอิน กูคิดถึงมึงมากเลย รีบมานะโอเคนะ รักนะเด็กโง่” พูดจบประโยคอีกฝ่ายก็รีบตัดสายไปโดยไม่รอคำตอบกลับจากผม
“อะไรของมึงเนี่ย...” ผมขยี้หัวตัวเองจนฟูด้วยความงุนงง ตกลงมันคุยกับใครวะ คนเมื่อวานนี่ใคร? เมื่อวานมึงคุยกับใครบ้างกูจะรู้ไหมแตง...
ผมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงก่อนเดินออกไปบอกคุณลุงคนขับรถให้ช่วยพาไปส่งที่โรงเรียนหน่อย ปกติผมจะขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนพร้อมยองแจแต่วันนี้ด้วยความจำเป็นผมจึงต้องขอให้คุณลุงช่วย
ตัวรถเลี้ยวเข้าไปจอดในโรงเรียน ผมรีบเปิดประตูรถออกไปโดยไม่ลืมชะโงกหน้าเข้าไปขอบคุณคนขับรถ ผมขอให้ลุงรอผมไปยื่นใบลาครู่หนึ่ง
รีบจัดการยื่นเอกสารต่างๆจนครบถ้วน จากนั้นก็บึ่งกลับไปที่รถทันที ผมใช้เวลาไม่นานนักในการยื่นใบลา คงราวๆสิบห้านาทีได้ หวังว่ายองแจคงจะไม่หิวจนไส้ขาดไปก่อนหรอกนะ
“คุณลุงครับช่วยแวะร้านข้าวกล่องตรงหัวมุมนั้นเดี๋ยวนึงครับ แล้วก็ไปส่งผมบ้านยองแจด้วยนะครับ”
“ได้ครับคุณหนู” ผมยิ้มรับคำพูดนอบน้อมก่อนตอบกลับไป
“ไม่ต้องเรียกคุณหนูหรอกครับ เรียกหนูเอินดีกว่า” คุณลุงหัวเราะออกมาเบาๆก่อนตีไฟเลี้ยวแล้วขับเข้าไปจอดหน้าร้านที่ผมบอก
ผมสั่งเมนูที่ยองแจชอบไปหลายอย่าง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งเมจเสจหาเขา
รอแปบนะแตง มึงหิวรึยัง?
นั่งไปได้สักพักก็มีเมจเสจตอบกลับมา
หิวจนจะแดกอาหารหมาแทนข้าวแล้ว
ผมหัวเราะกับเมจเสจของเพื่อน สงสัยจะหิวหนัก
ผมเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิมก่อนเดินไปรับกล่องอาหารที่สั่งไว้พร้อมจ่ายเงินแล้วรีบกลับไปที่รถเพราะกลัวเพื่อนจะหิวจนไปกินอาหารหมาเข้าจริงๆ
ใช้เวลาไม่นานนักรถของผมก็มาจอดอยู่หน้าบ้านของยองแจแล้ว
“คุณลุงกลับเลยนะครับ ผมคงกลับค่ำๆ เดี๋ยวผมโทรหาครับ” ผมบอกคุณลุงก่อนหอบสัมภาระของตัวเองและถุงข้าวกล่องลงจากรถไป
เพราะมือทั้งสองข้างที่ไม่ว่างทำให้ไม่สามารถกดกริ่งได้ผมเลยตะโกนเรียกเจ้าของบ้านแทน
“เอแตง นังศรีสมรนอนเยอะพี่เอินฐามาแล้วเปิดประตูด้วยมึง!” ผมยืนรออยู่หน้าบ้านครู่หนึ่งก่อนจะได้ยินเสียงกุกกักในบ้าน สงสัยยองแจมันกำลังจัดของอยู่ล่ะมั้ง
“เชิญ...ครับ” ผมสะดุ้งเมื่อคนที่เปิดประตูบ้านมาต้อนรับไม่ใช่เพื่อนรักอย่างยองแจ แต่เป็นหนุ่มหล่อดีกรีชาวต่างชาติที่เจอกันเมื่อวาน
“อุ๊ย เอ่อ...แอมซอรี่” ผมโค้งให้ก่อนรีบเดินเข้าบ้านเพราะของที่ถือมันก็หนักไม่ใช่ย่อย
   เขาหลีกทางให้ผมก่อนยื่นมือมารับของทั้งหมดไปถือแล้วเดินเอาไปวางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ผมมองการกระทำของเขาตาปริบๆที่ถืออยู่ทั้งหมดนี่ก็หลายกิโลนะครับแต่เขาเล่นถือไปมือเดียวเลย โห้ว...พ่อของลูกคงอยู่ไม่ไกล(?)
“อ่า แวร์อิสยองแจ?” ผมถามเขาเมื่อมองหาจนคอจะหักแล้วก็ยังไม่เห็นแม้แต่เศษผมของยองแจ
“ชั้นบน” ผมมองหน้าเขาอีกรอบ ไหนบอกว่าคนต่างชาติทำไมพูดเกาหลีชัดจังวะ ประเด็นคือชัดกว่าผมอีก...
“พูดเกาหลีได้เหรอครับ”
“พูดได้...เป็นลูกครึ่งน่ะ” ผมถึงบางอ้อก่อนจะเดินขึ้นไปหาเพื่อนที่ชั้นบน
ก๊อกๆ
ผมเคาะประตูพอเป็นพิธีก่อนจะเปิดพรวดเข้าไป ผมสะดุ้งอีกรอบกับสภาพของยองแจที่นอนคว่ำอยู่พร้อมกับถุงร้อนที่วางประคบไว้บริเวณสะโพก...เอินว่าเรื่องนี้ต้องมีเงี่ย..เอ้ย เงื่อนงำแน่ๆ
“แตงมึงไปทำอะไรมาเนี่ย” ผมเดินเข้าไปหายองแจก่อนนั่งลงข้างๆมัน
“ตกบันได” ผมยกมือขึ้นทาบอกก่อนเอามือกดแถวๆสะโพกมันจนคนโดนกดร้องโอดครวญ
“เอิ๊นนน! โด้นทัชเด็มโอเค้ เจ็บสัดมากครับ” ผมขำกับท่าทีของเพื่อน เจ็บจะตายห่ายังจะมาสปีคอิงลิชใส่อีก
“นอกจากเรื่องวิ่งกับเรียนแล้วมึงก็ไม่เก่งอะไรอีกเลยนะแตง ซุ่มซ่ามจริงๆ” ผมย้ายลงมานั่งที่พื้นจะได้มองหน้าคนที่นอนอยู่ได้ถนัดขึ้น
“เออน่า กูหิวแล้วอ่ะ” ยองแจพูดแล้วใช้แขนยันตัวเองให้ลุกขึ้น ผมรีบเข้าไปช่วยพยุงยองแจให้ลุกขึ้น ป่วยแล้วยังทำเก่งอีก
“ให้กูเอาขึ้นมาป้อนไหม เหมือนมึงจะเดินลำบาก หรือจะขี่หลังกู?” ยังไม่ทันที่ยองแจจะตอบ สามีในอนาคตของผมก็เดินเข้ามาในห้อง
“เดี๋ยวฉันแบกลงไปเอง” พูดจบเขาก็จัดการอุ้มยองแจลงไปชั้นล่าง ปล่อยให้ผมยืนงงอยู่ที่เดิม เอ๊ะ...อะไรยังไง ไหนบอกไม่ใช่ผัว...
ผมรีบวิ่งตามไปที่ชั้นล่าง ยองแจถูกวางลงบนที่เก้าอี้รองด้วยเบาะสองชั้นอย่างนุ่มนวล แหม๊ดูแลดีซะด้วย...
“บอกว่าไม่ต้องก็ยังจะแบกลงมาอีก แค่เจ็บไม่ได้พิการ!” ยองแจแว้ดใส่อีกคนอย่างหัวเสีย หน้ายู่เบ้ปากสุดฤทธิ์
“อวดเก่ง” อีกคนตอบกลับสั้นๆแต่จุกไม่น้อย ผมมองหน้ายองแจกับเขาสลับกันไปมา อยากจะสลายกลายเป็นแก๊สออกซิเจนล่องลอยออกไปจริงๆ เอินยังอยู่นะทุกคน...
“ยู้ฮู โด้นฟอเก็ทมี แอมเฮียร์นะรู้ยัง?” ผมรีบพูดขึ้นก่อนตัวตนจะจืดจางไปมากกว่านี้
“เอิน กอดหน่อยมึง กอดหน่อย” ยองแจอ้าแขนกว้างส่งสายตาอ้อนวอนมายังผม ผมแอบเหล่อีกคน เขาเพยิดหน้าเป็นเชิงว่ากอดมันสิ ผมเลยเดินเข้าไปกอดพลางลูบหัวมันเบาๆ
“อ้อนเป็นเด็กไปได้มึงเนี่ย เอ้าฮึบ!” ผมกอดมันแน่นก่อนจะคลายอ้อมกอดเพราะเมื่อวานมันเพิ่งบ่นไปว่าหน้าอกของผมทำมันหายใจไม่ออก
“นมยังใหญ่เหมือนเดิมนะมึง” ผมดีดหน้าผากมันไปด้วยความหมั่นไส้ มีปัญหาอะไรกับนมกูนักหนาอิแตง...
เราสามคนนั่งกินข้าวด้วยกัน ผมกับยองแจคุยกันงุ้งงิ้งตามประสาเพื่อนส่วนอีกคนได้แต่นั่งกินเงียบๆ ผมมองเขาครู่หนึ่งก่อนนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้
“นายชื่ออะไร เราชื่อมาร์คนะ แต่ให้เรียกเราว่าเอินเอินโอเคนะ” ผมส่งสายตาดุให้ยองแจที่หลุดหัวเราะออกมาหลังผมแนะนำตัว
“ฉันชื่อยูคยอม”
“ชื่อก็เกาหลี?” ผมถามย้ำ เริ่มไม่แน่ใจว่าเขาเป็นลูกครึ่งจริงหรือเปล่า
“พ่อตั้งให้น่ะ” ผมพยักหน้ารับก่อนหันมากินซุปต่อก่อนจะเหลือบไปเห็นเด็กดื้อที่นั่งอยู่ไม่ห่าง
ผมตีมือยองแจที่เขี่ยผักออกไปไว้ข้างจาน
“อย่าเลือกกิน” ดุยองแจก่อนตักผักที่มันเขี่ยทิ้งยัดใส่ปากมันในคำเดียว ยองแจหน้ามุ่ยแต่ก็ยอมเคี้ยวและกลืนลงท้องไปแต่โดยดี
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยผมก็ส่งแก้วน้ำกับยาแก้ปวดที่มักพกติดตัวไว้ตลอดให้ยองแจกิน เพราะเขาถูกเจ้าหนี้ไล่ตามบ่อย โดนทำร้าย ร่างกายบ้างล่ะ
โดนรุ่นพี่หาเรื่องบ้างล่ะผมเลยต้องพกยา พลาสเตอร์หรือผ้าพันแผลไปโรงเรียนด้วย แต่ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะได้กินยาเพราะตกบันได...
ผมบอกให้ยูคยอมพายองแจกลับไปนอนที่เตียงแล้วอาสาล้างจานเอง
เสียงโวยวายดังมาจากชั้นบนก่อนยูคยอมจะเดินลงมาหาผม ผมมองเขาด้วยสีหน้างุนงง คือ...เดินมาหาทำไมอยากได้เบอร์เหรอ?
“เดี๋ยวฉันช่วย” ผมส่งยิ้มให้ยูคยอมก่อนส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่ต้อง นั่งอยู่เฉยๆเถอะ
“ไม่เป็นไรล้างแปบเดียวก็เสร็จ เรามาล้างจานให้ยองแจมันบ่อยแล้ว” ยูคยอมหลุดขำออกมาเบาๆก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆกับที่ผมยืนล้างจานอยู่
“นายมีแฟนหรือยัง” ผมหันขวับไปมองเจ้าของเสียงทันที อย่ารุกเอินหนัก เอินจะไม่ทน...
“โสดโคตรๆ” ผมยักไหล่แล้วหันกลับมาล้างจานต่อ
“ฮืม...แล้วนายรู้จักโกสท์ไหม” ผมวางจานที่ล้างก่อนจะเช็ดมือแล้วเดินมานั่งเก้าอี้ข้างๆยูคยอม
“รู้จักสิ เราสนใจเรื่องโกสท์มากเลย นายก็รู้จักโกสท์เหรอ” ผมถามยูคยอมด้วยความตื่นเต้น หายากกว่าความแมนในตัวผมก็คงเป็นคนที่สนใจเรื่องเดียวกับผมนี่แหละ
“ก็...พอจะรู้นิดหน่อย แล้ว...นายมีรอยแปลกๆบนตัวบ้างไหม คล้ายๆรอยสักหรือรอยแผลเป็น” ผมนั่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากลับไป
“อยู่ไหล่ขวาน่ะ” แวบหนึ่งผมเห็นดวงตาของยูคยอมวูบไหวแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาเงียบไปสักพักก่อนจะขอดูรอยที่ว่า
“ขอฉันดูได้ไหม”
ผมปลดกระดุมเสื้อนักเรียนออกก่อนจะร่นเสื้อลงให้พ้นไหล่แล้วหันหลังให้ยูคยอมดู ผมขนลุกเมื่อจู่ๆเขาก็ยื่นมือมาลูบรอยบนไหล่ของผม
เกิดมายังไม่เคยโดนใครลูบแบบนี้เลย ใจสั่นไปหมด
“รอยนี่...นายมีมันตั้งแต่เมื่อไหร่” ยูคยอมหมุนตัวผมให้หันไปมองหน้าเขา มือหนาบีบไหล่ผมแน่นแต่ก็ผ่อนแรงลงเมื่อเขารู้ว่าผมเจ็บ
“ตั้งแต่จำความได้ฉันก็มีรอยนี่บนไหล่แล้วล่ะ” ผมส่งยิ้มให้ยูคยอม เขาดึงเสื้อผมขึ้นพร้อมติดกระดุมให้เหมือนเดิม...โห้ว
“นายรู้ไหมว่ามันคือรอยอะไร” ผมถามยูคยอม ดูเหมือนเขาจะพอรู้อะไรบางอย่าง
“ฉัน...ไม่รู้เหมือนกัน” ผมถอนหายใจกับคำตอบ ไม่ว่าผมจะถามใครเกี่ยวกับรอยนี้ก็ไม่มีใครรู้เลยว่ามันคือรอยอะไร แต่ที่ผมมั่นใจคือมันไม่ใช่รอยสักแน่นอน
“มันคงเป็นแค่รอยแผลเป็นธรรมดาล่ะมั้ง” ผมลุกขึ้นเดินกลับไปล้างจานต่อ
ยูคยอมนั่งเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะพูดขึ้น
“ขอเบอร์ติดต่อนายไว้หน่อยได้ไหม ฉันจะลองถามคนรู้จักเกี่ยวกับรอยนั่นให้” ผมหันหลังกลับไปมองยูคยอมก่อนบอกเบอร์โทรเขาไปด้วยเสียงที่ดังและฟังชัด
“คอลมีเมบีนะดาร์ลิงค์” ผมทำมือเหมือนยกหูโทรศัพท์ก่อนจะขยิบตาให้ยูคยอมไปหนึ่งที
เขายักคิ้วให้ผมก่อนนั่งกดโทรศัพท์ คาดว่าคงติดต่อคนที่เขาบอกไว้ล่ะมั้ง
   ผมล้างจานเสร็จก็เดินขึ้นไปเฝ้ายองแจที่ชั้นบน นึกแปลกใจเล็กน้อยที่ยูคยอมไม่เดินขึ้นมา ก็เห็นตัวติดยองแจเสียขนาดนั้นก็คิดว่าจะรีบตามขึ้นมาดูแลเพื่อนผมซะอีก
ผมนั่งเล่นโทรศัพท์สักพักความง่วงก็เริ่มมาสะกิดให้คล้อยตาม ฟุบหน้าลงกับเตียงของยองแจก่อนจะเผลอหลับไปในเวลาต่อมา
   ร่างสูงโปร่งของยูคยอมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความเครียด นิ้วเรียวรีบกดเบอร์โทรศัพท์โทรหาคนสนิททันที รอยบนไหล่ของมาร์คคือรอยอะไรกัน เกิดมาแปดร้อยปีเขายังไม่เคยเห็นมันแม้แต่หนเดียวแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยเสียจนคลางแคลงใจ
“วอลเตอร์ ฉันมีเรื่องให้ช่วย” เสียงทุ้มส่งไปตามสายพร้อมคำขอร้องซึ่งแน่นอนว่าอีกฝ่ายย่อมเต็มใจที่จะช่วยเหลือ
‘ยินดีรับใช้ครับนายท่าน’
“ช่วยส่งตราเหยื่อทั้งหมดมาให้ฉันที” ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนตอบกลับมา
‘ทั้งหมดเหรอครับท่าน’ น้ำเสียงของอีกฝ่ายฟังดูหนักใจ
“ฉันต้องการทั้งหมด ภายในสามวัน”
‘ตามบัญชาครับนายท่าน’
การสนทนาจบลงแล้ว จบลงพร้อมกับความสงสัยที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของโกสท์นามยูคยอม

รอยนั่นคือตราเหยื่อจริงๆน่ะหรือ?

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 23-03-2018 13:15:28
ตอนที่ 6
Something Wrong

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 23/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808065#msg3808065)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808068#msg3808068)

“ตราเหยื่อ”
รอยตีตราที่โกสท์ประทับลงบนร่างกายของเหยื่อ
โกสท์แต่ละตนจะมีสัญลักษณ์ของตนเอง
สัญลักษณ์นั้นมีไว้เพื่อแบ่งแยก ‘ชนชั้น’ ของพวกเขา
เอกสารมากมายวางเกลื่อนกลาดบนพื้นห้องโดยที่เจ้าของเอกสารนั้นไม่ได้มีความคิดที่จะเก็บมันให้เป็นระเบียบเลย กระดาษแผ่นแล้วแผ่นเล่าถูกฉีกและขยำทิ้ง จากหนึ่งสู่สิบในเวลาอันสั้น
หากกล่าวถึงเนื้อหาบนกระดาษกลับมีเพียงข้อความสั้นๆที่ถูกพิมพ์ไว้ใต้ภาพ หรือที่รู้จักกันว่าคำบรรยายใต้ภาพ รูปลวดลายแปลกประหลาดที่ไม่ค่อยพบเห็นได้ทั่วไปถูกวางซ้อนกันเป็นตั้งสูงใหญ่คาดว่าจำนวนคงไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันแผ่นเป็นแน่...
Youngjae Present
ผมต้องจำใจตื่นเพราะเสียงฉีกและขยำกระดาษของใครบางคน สายตาเหลือบไปมองตัวการอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุดของผมแท้ๆ การตื่นสายหรือได้นอนจมลงไปในเตียงนุ่มๆนี่มันคือสิ่งที่ผมรอคอยมาทั้งอาทิตย์เชียวนะ แล้วทำไมผมต้องมาถูกปลุกโดยผีบ้าๆไม่รู้จักกาลเทศะตนนี้ด้วย...
“ทำอะไรของนาย” ผมย่นคิ้วด้วยความสงสัยพลางมองเศษกระดาษที่ปลิวเกลื่อนห้อง...ไม่เก็บเองมีเคือง
“ตื่นแล้วเหรอ” ยูคยอมละสายตาจากแผ่นกระดาษในมือขึ้นมามองหน้าผม
“นอนอยู่มั้ง ทำห้องรกอีกว่างมากเหรอ” ผมกระโดดลงจากเตียงนุ่มๆ บิดขี้เกียจสองสามทีให้เส้นยืดสักหน่อย
“หายปวดเอวแล้วเหรอ” อีกคนถามขณะที่กวาดสายตามองแผ่นกระดาษก่อนจะฉีกมันทั้ง
“ก็...ดีขึ้น เพราะยาของมาร์คล่ะมั้ง” ผมเดินหลบเศษซากกระดาษที่มีรูปตราแปลกๆถูกพิมพ์ไว้บนเนื้อกระดาษ แน่นอนว่าผมไม่เคยเห็นมาก่อนและลายพวกนี้ต้องไม่ใช่รอยสักแน่ๆ
“ตกลงนายทำอะไร” ผมนั่งลงกับพื้นข้างๆยูคยอมก่อนแย่งแผ่นกระดาษที่เขาจะฉีกทิ้งมาดู
“หาตราเหยื่อ” ผมพยักหน้ารับพลางมองแผ่นในมือด้วยความสนใจ ผมคิดมาตลอดว่าตราเหยื่อมีรูปแบบเดียวแต่พอเห็นกองเอกสารที่ตั้งสูงเป็นเทือกเขานั่น...คงมีไม่น้อยเลยทีเดียว
“นายหาไปทำไมล่ะ” ผมถือวิสาสะหยิบแผ่นอื่นๆมาดูด้วย ตรานี้สวยแฮะ จะว่าไปตราเหยื่อของตัวเองผมยังไม่เคยเห็นเลย
“ฉันเจอรอยแปลกๆบนไหล่ของเพื่อนนาย” ผมหันขวับไปมองเจ้าของเสียงทันที ความสงสัยและกระวนกระวายแล่นเข้าปะทะอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มาร์คมีตราเหยื่อ?
“ใช่ตราเหยื่อหรือเปล่า”
“ฉันไม่เคยเห็น นายเป็นเพื่อนกับเขานายไม่เคยเห็นมันบ้างรึไง” ยูคยอมจ้องมาที่ผมครู่หนึ่งอย่างต้องการเค้นคำตอบแต่ก็ต้องก้มลงไปมองแผ่นกระดาษตามเดิมเพราะผมส่ายหน้ารัว
“แล้ว...โกสท์มีรอยอะไรแบบนี้ไหม” ถึงผมจะรู้อยู่แก่ใจว่ามาร์คไม่ใช่โกสท์แน่ๆ แต่ในตอนนี้ไม่ว่ากรณีไหนมันก็อาจเป็นไปได้ทั้งนั้นแหละครับ
“มี” คำตอบของยูคยอมทำผมขมวดคิ้วมุ่นกว่าเดิม...มีอยู่ตรงไหนวะ
“นายมีตรงไหนทำไมฉันเคยไม่เห็น” ยูคยอมเปรยตาขึ้นมองหน้าผมก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“นายนี่ไม่ช่างสังเกตเลยนะ...อยู่ที่หลังน่ะ ที่เดียวกับตราเหยื่อของนายนั่นแหละ” ผมเอื้อมมือไปแตะหลังของตัวเองโดยอัติโนมัติ ใบหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในประโยคเมื่อครู่โกทส์มันได้พูดอะไรลามกหรือเปล่าครับ...
“ถอดเสื้อหน่อย ฉันอยากเห็น” ด้วยความอยากรู้ผมเลยยัดความอายลงหีบแล้วขอดูให้เห็นกับตา
“มาถอดเอง” คิ้วผมกระตุกด้วยด้วยความหงุดหงิด แค่ถอดเสื้อให้ดูมันยากมากหรือไงห๊า!
“เสื้อยืดมันถอดยาก” ผมกัดฟันข่มอารมณ์ตัวเองไว้ ผีอะไรวะกวนตีนจริงๆ
“ถอดเอง” ยูคยอมมองมาที่ผมพร้อมส่งยิ้มที่ใครเห็นเป็นต้องพุ่งใส่ พุ่งไปจิ้มตามันเนี่ยครับ!
ผมนั่งหน้าบึ้งสักพัก มือที่ว่างอยู่ก็หยิบแผ่นกระดาษที่อยู่ด้านหน้ามาขยำเล่นจนโดนยูคยอมดุเข้าให้ แต่ผมสนใจไหม...ไม่ครับ คือยูคยอมจะรู้ไหมว่าผมงอนอยู่ แค่ขอดูตราแค่นี้ไม่ยอมให้ดู ขี้งกจริงๆ ตัวก็โต นี่โกสท์หรือหมีควาย...
“เลิกด่าฉันในใจได้แล้วยองแจ” ผมชะงักไปครู่หนึ่งก่อนดึงกระดาษขึ้นมาปิดหน้าไว้ ลืมไปเสียสนิทเลยครับว่ายูคยอมสามารถรับรู้ความคิดของผมได้ อ๊าก! รนหาที่อีกแล้ว ชเว ยองแจ
“เออน่า...ตกลงจะให้ดูไหมอ่ะ” ผมเหล่มองยูคยอม ใบหน้า(เกือบ)หล่อยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตาสายตายังคงกวาดมองแผ่นกระดาษที่อยู่ในมือดังเดิม
“บอกให้มาดูเองไง” ยูคยอมวางเอกสารทุกอย่างลงแล้วหมุนตัวมาทางผม  ได้แต่ถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยหน่าย ชอบแกล้งผมจริงๆเลยโกสท์ตนนี้
ผมตัดสินใจคลานอ้อมไปด้านหลังของยูคยอมก่อนจะเลิกเสื้อเขาขึ้นจนเห็นตราสีแดงฉานประทับอยู่บนกลางแผ่นหลัง ตราประทับที่ดูแล้วไม่น่าจะมีอะไรแต่มันกลับดึงดูดอย่างน่าแปลกประหลาด
ด้วยความตกตะลึงผมเผลอยกมือขึ้นลูบตราบนแผ่นหลังของยูคยอมเบาๆรอยแบบนี้มีอยู่บนตัวผมเหรอ...
“จะลูบอีกนานไหม” เสียงยูคยอมดังขึ้นขัดห้วงภวังค์ของผม ผมรีบชักมือกลับพร้อมดึงเสื้อลงดังเดิม
“ตราเหยื่อของฉันก็เป็นแบบเดียวกับของนายใช่ไหม”
 ผมคลานกับมานั่งที่เดิมพลางหยิบรูปขึ้นมาดูแก้เขิน
“ใช่ แต่ของนายเป็นตราสีดำไม่ใช่สีแดง...” ยูคยอมตาลุกวาวขึ้นมาทันทีราวกับนึกขึ้นได้
“ยองแจ!”
“ครับ!” ผมขานตอบอัตโนมัติด้วยความตกใจ อยู่ใกล้กันแค่นี้จะตะโกนทำไมเล่า!
“โทรหาเพื่อนนาย เราจะไปหาเขา” ผมนั่งรวบรวมสติครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์
กดเบอร์โทรหามาร์คแบบงงๆ ทำไมจู่ๆถึงดูรีบร้อนขนาดนั้นกันนะ หรือรู้แล้วว่ารอยบนไหล่ของมาร์คคืออะไร.. ผมรอสายสักพักอีกฝั่งก็กดรับ
“พี่เอินฐาพูดค่ะ” แทบจะปาโทรศัพท์ทิ้ง นี่ก็แรดแต่เช้าเชียว!
“อารมณ์ดีนะมึง” ผมอดแขวะไม่ได้ ได้ยินเสียงแล้วหมั่นไส้ในความมั่นหน้าจริงๆ
“แน่นอน ตื่นมาก็เจอเหล่าอปป้าของกูแล้วฟินจะตาย” ถ้าไม่ติดว่าผมมีธุระต้องคุยกับมันผมจะตัดสายแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้ง...
“เลิกมโนแปบดิ๊ วันนี้มึงว่างไหม?” ผมเริ่มถามเข้าประเด็นหลังเหลือบไปเห็นยูคยอมที่จ้องเขม็งมาด้วยสายตาเร่งรีบ
“ว่าง ทำไมเหรอ มึงจะชวนกูไปเดทเหรอแตง” ทนไว้ยองแจ ทนไว้
“เปล่า กูจะไปหามึงอยู่บ้าน” ผมแทบยกโทรศัพท์ออกจากหูไม่ทันเมื่อจู่ๆปลายสายก็กรี๊ดขึ้นมาเสียดื้อๆ
“น้ำตากูจะไหล กูแทบจะดักตีหัวมึงแล้วลักพาตัวมาบ้านกูแต่นี่มึงขอมาเอง พี่เอินปริ่ม” อีกคนพูดร่ายยาวใส่โทรศัพท์แต่ผมได้ยินเพียงคำว่าปริ่มเพราะเพิ่งเอาโทรศัพท์แนบหูเมื่อครู่
“งั้นเดี๋ยวกูไปหามึงนะ เอ่อ ยูคยอมก็ไปนะ”
“ตายละสามีในอนาคตจะมา แค่นี้นะมึงขอกูไปเมคอัพก่อนเดี๋ยวไม่สวย”
พูดจบก็ตัดสายผมไปอย่างไร้เยื่อใย ใช่สิ! ผมมันก็แค่เพื่อนสนิทจะไปสู้ผู้ชายในสเป็คหล่อๆหน้าคมๆจมูกโด่งๆได้เหรอ
“โอ๊ยแรด...” ผมปาโทรศัพท์ใส่หัวยูคยอม แต่แน่นอนว่าอีกคนหลบได้แถมรับทันอีก
“รีบไปอาบน้ำซะเดี๋ยวฉันให้คนมารับ” ยูคยอมดีดนิ้วดังเป้าะ เศษกระดาษทั้งหมดที่กระจัดกระจายก็กลับมารวมกันอย่างเป็นระเบียบราวกับว่าก่อนหน้านี้ในห้องไม่เคยถูกทำให้รกเลย
ผมมองการกระทำของยูคยอมอย่างตกตะลึง ยังมีอีกกี่เรื่องกันนะที่ผมไม่รู้เกี่ยวกับเขา โกสท์ตนนี้มีพลังแค่ไหน เขาสามารถทำอะไรได้บ้าง
ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆยูคยอมก็จับผมพาดบ่าแล้วพาเดินเข้าห้องน้ำ
“ปล่อยเซ่! ฉันเดินเองได้” ผมพยายามทุบไหล่ยูคยอมให้เขาวางตัวผมลงแต่แรงคนธรรมดาอย่างผมจะไปทำโกสท์ตัวเท่าหมีนี่เจ็บได้เหรอครับ ไม่มีท๊าง!
“ชักช้า”
“ม่ายยยยยยยย!!!!”
ทางด้านของมาร์ค เขายังคงง่วนกับการแต่งหน้า นึกแล้วก็สงสัยว่าเขาจำเป็นต้องทำขนาดนี้เชียวหรือ น่าแปลกที่ผู้ชายชื่อยูคยอมคนนั้นมีบางอย่างไม่เหมือนคนทั่วไป เขารู้สึกผูกพันกับอีกฝ่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลยได้แต่ทึกทักเอาเองว่าอีกฝ่ายต้องเป็นเนื้อคู่ในชาติที่แล้วเป็นแน่
“ยูคยอม...เหมือนเคยได้ยินที่ไหน” มาร์คหมุนปิดแท่งมาสคาร่าในมือก่อนนั่งนึกชื่อที่แสนคุ้นนี้ แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเสียที
“แตงมันหายปวดเอวแล้วเหรอวะ” มาร์คบ่นกับตัวเอง เมื่อวานเห็นปวดซะจนเดินแทบไม่ได้ อะไรมันจะหายไวขนาดนั้น...
หลังแต่งหน้าเสร็จมาร์คก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของเขา ชุดมากมายแขวนไว้บนราวอย่างเป็นระเบียบ โทนสีส่วนใหญ่อยู่ในโทนดำและแดง แน่ล่ะสีที่เหมาะกับคนสวยๆอย่างเขาต้องเป็นสีแดงอยู่แล้ว
“ไม่มีชุดใส่อีกละ” มาร์คพูดทั้งที่ในตู้เสื้อผ้านั้นไม้แขวนชิดเรียงกันเป็นตับ
เขาเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าอีกตู้ที่แน่นขนัดไม่แพ้กัน ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจหยิบเสื้อกล้ามสีดำมาใส่ก่อนจะสวมเสื้อซีทรูแขนยาวสีเดียวกันทับอีกรอบท่อนล่างสวมกางเกงผ้าสบายๆ หลังได้ชุดเจ้าตัวก็เดินไปส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อย
“สวยไปอี้ก” ดูเหมือนมาร์คจะพึงพอใจกับลุคของตนเองแล้ว มือเรียวจึงหยิบโทรศัพท์มาถ่ายเซลฟี่รูปตัวเองเก็บไว้เสียหน่อย.
“อีกห้านาทีเราจะถึงบ้านของเป้าหมายครับคุณหนู” คนขับรถรายงานเจ้านายอย่างสุภาพก่อนหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าซอยเล็กทางขวามือ
“ไม่ต้องรีบหรอก เขายังอยู่ที่นั่น” บุคคลที่ถูกเรียกว่าคุณหนูนั่งนิ่งอย่างใจเย็น รอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาฉายบนในหน้า
เป็นไปตามเวลาที่คนขับรถบอก พวกเขามาถึงหน้าบ้านของเป้าหมายภายในเวลาห้านาที
“ที่นี่น่ะเหรอ” ร่างสูงโปร่งเปรยตามองตัวบ้านที่ใหญ่โตไม่เบา แม้จะดูเก่าไปบ้างตามกาลเวลา
“สัมผัสยังน่าสะอิดสะเอียนเหมือนเดิม” เสียงดังลอดออกมาจากตัวบ้านก่อนประตูจะเปิดผ่างออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มอีกคน
นัยน์ตาสีแดงฉานจ้องมองอีกฝ่ายอย่างแสนรังเกียจ หากแต่บุคคลที่ถูกมองได้รู้สึกอะไรไม่ เจ้าของดวงตาสีอำพันหัวร่อชอบใจกับพฤติกรรมที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาของคนที่เขาเรียกว่า ‘น้องชาย’
“ทำไมพูดกับพี่แบบนั้นล่ะยูคยอม”
“ไสหัวกลับไปซะเกล”
 เจ้าของชื่อส่ายหน้ารัว ทั้งที่ไม่ได้เจอกันเกือบสองร้อยปีแท้ๆแต่น้องชายกลับขับไสไล่ส่งเขาราวกับเขาเป็นสิ่งของที่น่ารังเกียจ  น่าเศร้าใจเสียจริง
“อะไรกันน้องรัก ไม่คิดถึงพี่ชายคนนี้เลยหรือไง”
เกลยังคงยืนอยู่ที่เดิมจ้องมองน้องชายด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
“ฉันไม่เคยคิดถึงสิ่งมีชีวิตวิปลาสแบบนาย”
เกลกระตุกยิ้ม เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้คนอย่างยูคยอมไม่เคยยอมอะไรง่ายๆเสียด้วย ดวงตาสีอำพันเหลือบไปเห็นเงาด้านหลังของยูคยอมจึงฉุกคิดถึงเป้าหมายในการมาที่บ้านนี้ได้
“ชเว ยองแจ” คนถูกเรียกชื่อสะดุ้งก่อนค่อยๆโผล่หน้าออกมามองต้นเสียงโดยที่ตัวยังหลบอยู่หลังยูคยอมอยู่
“หลบหลังฉันไว้” ยูคยอมกันตัวยองแจไว้พลางจ้องเกลกลับอย่างเอาเรื่อง
“เหยื่อของนายสินะ” เกลยิ้มอย่างมีเลศนัยพลางสาวเท้าเดินเข้าไปหายูคยอม
“อย่ามายุ่งกับคนของฉัน!” ดวงตาสีแดงแข็งกร้าวขึ้นทันที นัยน์ตาขาวบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนเป็นสีดำทมิฬมองดูแล้วช่างน่ากลัวยิ่ง
ยูคยอมผลักเกลแรงเสียจนอีกฝ่ายกระเด็นไปไกลพอสมควร แม้จะกลิ้งไปตามพื้นกรวดแต่เกลกลับไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดใดๆเลยนั่นทำให้รู้ว่าเกลเองก็ไม่ใช่มนุษย์เช่นเดียวกับยูคยอม
“ไม่เห็นต้องผลักกันเลยน้องพี่” เกลลุกขึ้นปัดฝุ่นที่ติดเสื้อผ้าของเขาออก
“แกไม่ใช่พี่ของฉัน! ไสหัวแกกลับไปตอนที่มันยังอยู่บนบ่าซะ”
คนมีศักดิ์เป็นน้องออกปากไล่เกลด้วยอารมณ์และโทสะที่กำลังปะทุ เกลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่การมาเจอหน้าน้องชายที่จากกันไปนานเสียหน่อย
“ฉันจะมาทวงทุกอย่างคืนจากแก” เกลชี้หน้ายูคยอม สายตาดูแข็งกร้าวขึ้นมาในทันที
“แกไม่มีวันได้คืน” ยูคยอมหันหลังกลับไปอุ้มยองแจขึ้นพาดบ่าก่อนจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเกล
คนเป็นพี่หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีพลังนั้นก็ยังน่ารังเกียจเหมือนเดิม พลังที่เขาไม่มี พลังที่แสดงถึงความขลาดเพื่อหลีกหนีปัญหา
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกลคนนี้ไม่เคยต่อกรกับน้องชายได้เลย
“เหยื่อของแก มันจะกลายเป็นของฉันแน่ยูคยอม”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 23-03-2018 13:19:40
ตอนที่ 7
Liar

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 23/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808066#msg3808066)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811446#msg3811446)

ภาพของป่าทึบปรากฏตรงหน้าผมเมื่อลืมตาขึ้นหลังจากปิดมานาน มันควรจะเป็นที่อื่นเช่นบ้านของมาร์คไหม...
“ที่ไหนเนี่ย!” ผมตะโกนถามคนที่พาผมมาแถมยังไม่ยอมวางผมลงอีก พี่ครับขาผมไม่ได้พิการ
“เงียบๆ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ อยากจะด่าในใจแต่ก็ด่าไม่ได้ผมเลยทิ้งน้ำหนักตัวลงไปเต็มที่กะเอาให้หนักตายไปเลย ก็ได้แต่คิดล่ะครับ หัวห้อยอยู่แบบนี้มีหวังเลือดลงหัวพอดี
“ยูคยอม” ผมสะกิดหลังเขา
“อะไร” ยูคยอมตอบพร้อมกับพาผมเดินเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ
“ถ้าจะแบกก็เปลี่ยนท่าได้ไหม พาดบ่าอยู่แบบนี้มันหายใจลำบาก” 
ได้ยินดังนั้นอีกคนก็จัดให้ตามคำขอด้วยการเปลี่ยนมาอุ้มใหม่ในท่าอุ้มเจ้าสาว...คือประชดแรงมาก จะทำแบบนี้ขอห้อยหัวต่อได้ไหม เสียเชิงชายหมด
“ไม่กล้าไปขอใครแต่งงานแล้ว” ผมได้แต่บ่นงึมงำผ่านมือที่ใช้ปิดหน้าอยู่ อายครับเกิดมาใครจะไปคิดว่าต้องโดนอุ้มในท่านี้
“ตัวนายเบาขึ้นนะ” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตากับยูคยอม ไม่ต้องมาทำหน้าหล่อใส่!
“เหอะ ก็โดนโกสท์อย่างนายสูบพลังงานไปหมดน่ะสิ” คนโดนว่าแกล้งทำท่าจะปล่อยผมเลยกอดคอเขาไว้กันร่วง
ยูคยอมหัวเราะก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้ตัวผมแนบชิดอกมากกว่าเดิม ผมที่ยังผวากลัวตกอยู่ได้แต่กอดคอเขาไว้อย่างงงๆ พอตั้งสติได้ก็รีบคลายแขนที่กอดคอเขาแล้วยกมือขึ้นปิดหน้าอีกครั้ง อาย...
ยูคยอมพาผมเดินเข้าป่าไปลึกขึ้นเรื่อยๆจนผมเริ่มกลัว เขาจะพาผมไปฆ่าหมกป่าเพราะไปล่วงรู้ความลับตระกูลอะไรเทือกนั้นหรือเปล่านะ...
“คิดอะไรปัญญาอ่อน” อ้าวชิบหาย เสือกเผลอคิดในใจอีก
“แล้วนายจะพาฉันเข้ามาในป่าน่ากลัวๆแบบนี้ทำไมเล่า!”
“เดี๋ยวก็รู้” อีกคนเลี่ยงที่จะตอบได้แต่เดินตรงไปเรื่อยๆ
เขาเดินไปสักพักบรรยากาศรอบข้างก็เริ่มแปลกไป สองข้างทางที่ประดับด้วยรูปปั้นก็อบลินมองแล้วให้ความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่มากก็น้อยอีกทั้งประตูลูกกรงเหล็กบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าผมอีก ถ้ามันเป็นฝันนี่คงเป็นฝันที่เลวร้ายมากเลยล่ะครับ
เมื่อครู่ก็เจอพี่ชายของยูคยอมมาทักทายให้ขวัญผวาเล่นแล้วนี่ยังหนีมาเจออะไรที่ชวนผวากว่า ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเหลือบไปเห็นชายวัยกลางคน(หรือเปล่า)ยืนยิ้มอยู่หน้าประตู...ใครวะ
“ผมต้องกราบขออภัยที่ต้องให้นายท่านเดินทางมาด้วยตนเอง” คนที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อบ้านโค้งต่ำจนตัวแทบจะตั้งฉากกับพื้น
“ไม่เป็นไร” ผมมองหน้าคนที่ถูกเรียกว่านายท่านสลับกับคุณพ่อบ้านไปมา งั้นที่นี่ก็...
“ท่านผู้นั้นคือ...”
“เก็บได้” ผมมองหน้าคนพูดก่อนจะทุบอกเขาไปเต็มรัก หยอกซะน่าถีบ
“ผมยองแจครับ” ผมก้มหัวให้คุณพ่อบ้าน จะโค้งให้ก็ไม่ได้ครับผีมันไม่ยอมวางผมลง
“เหยื่อของนายท่านสินะครับ สวัสดีครับคุณหนูยองแจผมชื่อวอลเตอร์ เป็นพ่อบ้านประจำตระกูลครับ เชิญเข้าไปข้างในกันเถอะครับ” วอลเตอร์พูดจบก็จัดการผลักประตูเหล็กเข้าไปก่อนผายมือเป็นเชิงให้เราเข้าไปก่อน
ผมยิ้มให้คุณพ่อบ้าน คุณหนูเหรอ...ไม่ได้ยินคำนี้มากี่ปีแล้วนะ
ยูคยอมอุ้มผมเดินไปตามทางเรื่อยๆก่อนมาหยุดยืนหน้าประตูคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เป็นสีดำทั้งหลัง น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกชอบมากกว่ากลัว ทั้งที่มันมีอะไรหลายๆอย่างให้กลัวแท้ๆเช่นโกสท์บ้าๆที่กำลังอุ้มผมอยู่เนี่ย!
“ยูคยอมเมื่อไหร่จะปล่อยฉันลงสักที...” อุ้มมันอยู่นั่นแหละครับจากบ้านผมถึงบ้านตัวเองตอนนี้ก็ยังไม่ปล่อย...
   ยูคยอมไม่ตอบแต่ก็ยอมวางผมลง อา...ขาได้สัมผัสพื้นเสียที ขืนอุ้มนานกว่านี้ผมได้เป็นง่อยแน่
“ท่านไม่ได้กลับคฤหาสน์เสียนานเลยนะครับ” คุณพ่อบ้านพูดพลางจัดเตรียมน้ำชามาเสิร์ฟ อืม...ก็ดูเป็นพ่อบ้านธรรมดา คนนี้ก็เป็นโกทส์งั้นเหรอ
“กลับมาก็ไม่มีอะไรให้ทำ น่าเบื่อ” ยูคยอมเดินไปนั่งเก้าอี้ก่อนยกขาขึ้นพาดโต๊ะแล้วกระดิกนิ้วเรียกผมให้เดินไปหา ดูทำ มันน่าเดินไปหาไหม...
“เอาขาลง” ผมตีขายูคยอมก่อนนั่งลงข้างๆเขา ยูคยอมไม่สนใจเขายังคงวางขาไว้บนโต๊ะแถมยังไม่ถอดรองเท้าด้วย...
“เฮ้อ บ้า” ผมกรอกตามองบนอย่างเอือมระอา เอาที่พี่สบายใจเถอะ
“ตราเหยื่อที่ผมส่งให้พอใช้ได้ไหมครับนายท่าน” วอลเตอร์ถามพลางเสิร์ฟน้ำชาให้กับผมและยูคยอม
“ช่วยได้มากเลยล่ะ” ยูคยอมพูดก่อนจะยกถ้วยน้ำชาขึ้นจรดปาก
   ผมยกน้ำชาขึ้นดื่มบ้างเป็นจังหวะเดียวกับที่ยูคยอมพูดอะไรแปลกๆ “เล่นกันก่อนแล้วค่อยไปหาเพื่อนนายดีไหม”
“แค่กๆ” ผมสำลักน้ำชาทันที วอลเตอร์ก็รีบกุลีกุจอส่งผ้าเช็ดปากให้
“ตลกไหม! มันใช่เวลามาเล่นเหรอ” ถ้าปาถ้วยใส่หน้ามันได้นี่ปาแล้วครับ
“กลับมาค่อยเล่นก็ได้” ผมถอนหายใจ ถ้าพี่จะเล่นอยู่แล้วก็ไม่ต้องมาถงมาถามกันหรอก...
“ตกลงนายรู้หรือยังว่ารอยที่ไหล่ของมาร์คมันคืออะไร” ยูคยอมยกขาลงจากโต๊ะก่อนวางถ้วยชาลง
“พอจะรู้แต่ต้องพิสูจน์ก่อน” สีหน้าของยูคยอมดูจริงจังขึ้นมาจนผมเผลอเกร็งไปด้วย
“อะไร...”
ผมบีบถ้วยชาแน่น ด้วยความกลัวในตอนนี้ทำให้ผมลืมไปเลยว่าถ้วยชามันร้อนขนาดไหน
“เพื่อนนาย...ไม่ใช่มนุษย์”
ผมนั่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกเลย มาร์คไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ แล้วที่ผ่านมาทำไมผมถึงมองเห็นมาร์คได้ ไม่ใช่แค่ผมแต่คนอื่นก็สามารถมองเห็นและพูดคุยกับมันได้เหมือนกัน
“ไม่...นายโกหก” ผมนั่งนิ่งสองมือประสานกันแน่น ไม่ใช่...มาร์คไม่ใช่โกสท์หรอก
“ฉันไม่ได้โกหก รอยบนไหล่ของเพื่อนนายคือ ‘สัญลักษณ์’ ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ฉันยังมีเรื่องต้องพิสูจน์”
ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ความเครียดและกังวลประเดประดังเข้ามาในหัว ถึงแม้ไม่อยากเชื่อแค่ไหนแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ยูคยอมพูดนั้นอาจเป็นความจริงก็ได้ มีหลายเรื่องที่ผมยังเคยรู้เกี่ยวกับมาร์คเพราะเราเพิ่งจะเป็นเพื่อนสนิทกันแค่สี่ปีเท่านั้น ผมคงยืนยันไม่ได้ว่ามาร์ค...เป็นมนุษย์
“ต้องพิสูจน์อะไร” ผมหายใจเข้าลึกๆระงับอารมณ์ของตัวเอง ไม่เป็นไรยองแจ ไม่เป็นไร
“พิสูจน์เผ่าพันธุ์” ผมได้แต่พยักหน้ารับ ทำไมโลกนี้มันน่ากลัวขนาดนี้ คนรอบตัวผมเขาเป็นมนุษย์หรือเปล่านะ...
“พิสูจน์ยังไง” ผมถามเรื่องที่คาใจออกไป การพิสูจน์เผ่าพันธุ์ของพวกนี้ต้องไม่ใช่วิธีธรรมดาแน่
ยูคยอมเคาะส้นรองเท้าก่อนจะเลื่อนส่วนพื้นออกแล้วหยิบมีดขึ้นมา ผมมองสิ่งที่เขาทำด้วยความอึ้ง ใครจะไปรู้ล่ะครับว่าโกสท์ตนนี้จะซ่อนอาวุธไว้แบบนี้
“นายจะทำร้ายมาร์คเหรอ” ผมพูดเสียงแข็ง ถึงแม้มาร์คอาจไม่ใช่มนุษย์แต่ผมก็ไม่ยอมให้เขามาทำอะไรเพื่อนคนสำคัญของผมหรอก
“นี่คือมีดธรรมดา มันแทงปีศาจไม่เข้าหรอกนะยองแจ”
แทงไม่เข้าแล้วเอ็งจะพกไว้ทำเตี่ยไรครับ ไว้ปอกเปลือกมะม่วงเผื่อหิวกลางป่างี้เหรอ!
“แล้วจะพกมีดธรรมดาไว้ทำไมเล่า!”
“พกไว้เผื่อให้นายใช้ป้องกันตัว” ผมเกาหัวแก้เขิน ทำไมต้องเขินวะ...
“ทำไมไม่ให้ฉันพกไว้เองล่ะ”
“นายมีที่ให้เก็บไหมล่ะ” เออว่ะ...ก็จริงของยูคยอมว่า งั้นฝากไว้ในรองเท้าเธอก่อนแล้วกัน
ยูคยอมเก็บมีดไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทด้านในพลางจัดการทำให้รองเท้ากลับสู่สภาพเดิมก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วดึงแขนผมให้ลุกตาม นี่ก็ชอบฉุดกระชากลากถูจังบอกดีๆก็ได้!
“วอลเตอร์เตรียมรถไว้แล้วใช่ไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับนายท่าน” วอลเตอร์โค้งอย่างนอบน้อมก่อนนำทางไปยังรถที่จอดรออยู่
ผมถูกจับยัด ใช่ครับ! ไอ้โกสท์มันยัดผมเข้ารถเอาซะหัวผมไปกล่าวทักทายกับประตูรถอีกฝั่งเลย ผมลุกขึ้นจัดท่านั่งตัวเองใหม่พลางลูบหัวไปด้วย โนรึเปล่าวะ
“ไปบ้านของต้วน อี๋เอิน” ผมหันขวับไปมองหน้าคนพูดทันที เจอกันครั้งเดียวรู้ยันชื่อจริง...ผู้ต้องสงสัยมีเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละครับ มาร์คบอกแน่ๆอย่างมันไม่ต้องเสียเวลาไปสืบหรอก
“รับทราบครับนายท่าน” ไม่ใช่แค่ยูคยอมวอลเตอร์ยังรู้อีก...ผมว่ามาร์คแม่ งส่งที่อยู่ให้แล้วล่ะ แรดจริงๆ
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู โห ในป่าลึกขนาดนี้ยังมีคลื่นโทรศัพท์...
ความคิดว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ในป่าหายวับไปทันทีเมื่อวอลเตอร์ขับทะลุผ่านต้นไม้ไปต่อหน้าต่อตา ป่าทั้งหมดที่ผมเห็น...เป็นภาพลวงตา
ผมนั่งเรียกสติสักพักก่อนจะเริ่มตั้งสติได้ ภาพลวงตาที่หลอกผมได้สนิทใจขนาด...ใครเป็นคนทำกันนะ
สะบัดหัวสองสามครั้งก่อนกดเบอร์โทรหามาร์คทันทีที่รถเริ่มเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ รอจนมาสคาร่าหลุดแล้วมั้ง...
“มึงจะปล่อยให้พี่เอินฐารอจนหน้าเหี่ยวเลยไหมอิแตง” นั่นไงกดรับปุ๊บบ่นปั๊บทันใจเดลิเวอรี่สัดๆ
“เอินฐาเหี้ยไร มึงเอาชื่อใครมาใช้ห๊ะตุ๊ดเมกา” ว่าแล้วก็ด่ามันสักหน่อยฐงฐาอะไรของมัน
“เรียกกูตุ๊ดเมกาอีกละ เรียกบ่อยๆเดี๋ยวมึงได้เมีย” ขนตูดลุกลามมายันหน้าเลยครับ
“โอ๊ย! กูใกล้ถึงบ้านมึงแล้วอีกห้านาทีออกมารับหน้าบ้านด้วย”
“งอนมึงได้ไหมเนี่ย เออๆรู้แล้วรีบมาแล้วกัน” ผมหลุดขำออกมาจนได้ ถึงจะด่ามันว่าแรดขนาดไหนแต่มาร์คมันก็น่ารักสำหรับผมอยู่ดีนั่นแหละครับ
“ไม่ให้งอน แล้วเจอกันครับเอินที่รัก รักนะเด็กโง่” พูดจบผมตัดสายก่อนเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันไปเจอยูคยอมนั่งจ้องอยู่
“นายบอกรักเพื่อนแบบนี้ตลอดเลยเหรอ” ยูคยอมถามพลางยกมือขึ้นกอดอกรอคำตอบ
“ก็บอกรักมันทุกวันนั่นแหละ” ยูคยอมพยักหน้าก่อนพูดต่อ
“ระวังมาร์คจะรักนายเข้าจริงๆ” ผมถลึงตาใส่คนพูดทันที ถึงมาร์คมันจะเป็นตุ๊ดแต่ฟันธงเลยมันไม่เอาผมหรอก...
“เฮ้อ...ไม่หรอกถ้ามันจะรัก มันคงรักนายมากกว่า สเป็คมันเลย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อน้อยใจ เป็นเพื่อนกันมาตั้งสี่ปียูคยอมมาทีทั้งเบอร์ทั้งที่อยู่แม่งให้เขาไปหมดอ่ะ
“หึง?”
“หึงบ้าบออะไรล่ะ”
นอกจากขี้แกล้งแล้วยังกวนตีนอีก เฮ้อ! เหนื่อยใจครับนี่ผมต้องอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตจริงๆเหรอ
ผมนั่งมองวิวข้างทางไปเรื่อย ในหัวก็คิดเรื่องของมาร์ค ถ้ามันเป็นปีศาจจริงๆ มันจะเป็นปีศาจอะไรนะ แล้วผมจะเป็นเพื่อนกับมันโดยไม่หวาดระแวงได้ไหม มันเคยคิดจะทำร้ายผมไหม ผมกลัวจริงๆ...
ผมตกใจเมื่อนั่งอยู่ดีๆยูคยอมก็เอื้อมมือมาลูบหัวผม อา...เขาคงได้ยินความคิดผมสินะ
ฉันกลัวจังยูคยอม
ฉันจะอยู่ข้างนายเอง   
ผมยิ้มให้ยูคยอม คงไม่เป็นไรหรอก อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วล่ะ
เวลาผ่านไปห้านาทีตามที่ผมคาดคะเนไว้และตอนนี้ผมก็มาถึงบ้านมาร์คแล้วเรียบร้อย เปิดประตูรถออกไปก็เจอมาร์คยืนสะดิ้งอยู่ไม่ห่าง ผมมองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า เห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ครับว่ามันนี่ก็แร๊ดแรดขนาดนี้เป็นปีศาจประเภทไหนของมัน...
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” มาร์คเบ้ปากใส่ผม ดูทำเข้าจะบอกว่างอนนะมาง้อเลยล่ะสิ
“ก็มาแล้วนี่ไง งอนเป็นตุ๊ดไปได้มึงเนี่ย” ผมยีหัวมันด้วยความหมั่นเขี้ยว พอมองดูดีๆแล้ววันนี้มันน่ารักจังครับ
“มายืนคุยตากแดดทำเหี้ยไรมึง ป่ะเข้าบ้าน ยู้ฮู~ ดาร์ลิงค์เข้าบ้านกันเถอะตัวเอง” ความยุติธรรมมึงอยู่ที่ไหนเอินดูมึงพูดกับเพื่อนซิ...
ผมเดินตามมาร์คเข้าไปในบ้าน ระหว่างทางก็สังเกตสัญลักษณ์บนไหล่มาร์คไปด้วย อา...มันมีจริงๆด้วย คงเพราะวันนี้มันใส่เสื้อซีทรูทำให้มองเห็นได้
“ที่มานี่เพราะรู้แล้วใช่ไหมว่ารอยนี่คืออะไรน่ะ” มาร์คเปิดประตูห้องนอนให้ผมกับยูคยอมเดินเข้าไปก่อนแล้วเจ้าตัวถึงเดินตามมานั่งบนเตียงข้างๆผม
ผมมองหน้ายูคยอม เขาจะทำอย่างไรนะ
“แน่นอนว่ารู้แล้ว”
ยูคยอมส่งยิ้มหวานให้มาร์คที่ทำหน้าดีใจเกินเหตุ ก่อนค่อยๆเดินเข้าไปใกล้
“จริงเหรอ! งั้นบอกมาสิ พูดเลย”
ยูคยอมเดินเข้าไปใกล้มาร์คเรื่อยๆจนมาหยุดที่ด้านหน้าของมาร์คพอดี ทั้งคู่ตัวห่างกันเพียงคืบ ปากมาร์คแทบจะจูบท้องยูคยอมอยู่แล้วครับท่านผู้โช้มมม!
“ได้สิ”
พูดจบยูคยอมก็จับมาร์คกดลงกับเตียงแล้วนอนทับร่างของอีกฝ่ายไว้กันขัดขืน มาร์คดูตกใจไม่น้อยแต่ก็ยังคงนิ่งอยู่
ยูคยอมล้วงมีดออกมาจากเสื้อโค้ท มาร์คเบิกตากว้างด้วยความตกใจร่างกายเริ่มดิ้นขัดขืนสุดกำลัง ดูจากแรงดิ้นแล้วคงจะมากใช่ย่อยเพราะยูคยอมถึงกับชะงัก
ยูคยอมเงื้อมีดขึ้นก่อนจะเล็งไปที่คอ ผมรีบหลับตาทันที ถ้ามาร์คมันเป็นมนุษย์ล่ะ...
เคร้ง!
ผมลืมตาเพราะเสียงเมื่อครู่ก็พบว่ามีดเล่มนั้น...หักไปแล้ว
มาร์คถีบยูคยอมให้หลุดออกจากตัวก่อนตั้งท่าเตรียมสู้
ตอนนี้หัวใจผมหล่นไปอยู่ตาตุ่มเสียแล้ว มาร์คไม่ใช่มนุษย์ ผิวหนังที่ทนต่อมีดนั้นได้ย่อมไม่ใช่ผิวหนังของมนุษย์เป็นแน่ และอีกอย่างที่ทำให้มั่นใจคือดวงตาสีแดงฉานซึ่งถูกโอบล้อมด้วยสีดำสนิท ดวงตาเหมือนยูคยอม แต่มัน...มีเพียงข้างเดียว

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 10 [31/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 31-03-2018 00:28:11
ตอนที่ 8
Truth

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 31/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3808068#msg3808068)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811456#msg3811456)

   ทั้งห้องถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ยูคยอมและมาร์คยืนมองหน้ากันนิ่ง ต่างฝ่ายต่างรอดูเชิงของกันและกันไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่น้อย รวมทั้งตัวผมเองด้วย

หลังปล่อยให้บรรยากาศกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมานาน ยูคยอมก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน

“ผีดิบ...” ผมหันไปมองตัวการทันที มาร์คแยกเขี้ยวก่อนส่งเสียงขู่ตอบกลับไป

ความรู้สึกต่างๆเริ่มตีกันในหัว ‘กลัว’ คำนี้ผุดขึ้นในใจจนร่างสะท้านไปหมด มาร์ค...น่ากลัว

“แกเป็นใคร” มาร์คตวาดลั่นพลางจ้องไปยังมีดในมือของยูคยอม

“ฉันเป็นโกสท์” ยูคยอมตอบแล้วโยนมีดที่หักทิ้งไป ร่างโปร่งเดินตรงเข้าไปหามาร์คก่อนจะแสดงดวงตาของโกสท์ให้อีกคนดูเพื่อยืนยันสิ่งที่ตนเองได้พูดไป

มาร์คถอยหลังกรูดจนล้มลงบนเตียงข้างๆผม คนล้มหันมามองผมด้วยใบหน้าที่ชวนให้ใจหล่นวูบ...

“มาร์ค...” ผมเรียกมาร์คเสียงแผ่ว ทำไมเสียงมันช่างเปล่งออกมายากเหลือเกินในตอนนี้

“ยองแจ...ฉันอธิบายได้” มาร์ครีบเอื้อมมือมาคว้าไหล่ผมไว้ก่อนออกแรงบีบจนผมต้องขมวดคิ้วเพราะความเจ็บ ปกติแรงของมาร์คไม่ได้
เยอะขนาดนี้ เพราะเป็นผีดิบหรือไงนะจู่ๆแรงก็เยอะขึ้นมากมายแบบนี้

“บอกมาให้หมด” มาร์คถอนหายใจก่อนวางมือลงที่ตักของผม

“ฟังนะยองแจ ฉัน...เป็นปีศาจ” มาร์คดูประหม่ามากทีเดียว ถึงกับเรียกผมด้วยภาษาที่เป็นทางการกว่าครั้งก่อนๆ

“แล้วไงต่อ” ผมพยายามระงับความกลัวของตัวเองไว้ ผีสองตัวนี้ก็บ้านะครับ มาทำตาแดงมองผมแบบนี้คือพวกเอ็งจะทำตัวแบบปกติได้ไหม ลืมกันเหรอว่าผมเป็นมนุษย์...

“ฉันรู้แค่ฉันเป็นผีดิบ ไม่ใช่มนุษย์ แม่บอกฉันว่าบรรพบุรุษของฉัน...คือโกสท์” สายตาทั้งหมดถูกจ้องไปที่ยูคยอมทันที
ยูคยอมพยักหน้ารับแล้วปรับดวงตาให้กลับเป็นแบบเดิม ผมเหล่มองมาร์คที่กระพริบตาถี่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลับเป็นแบบเดิม ดูเหมือนเขาจะยังคุมพลังได้ไม่ดีเท่าไหร่...

“นายเพิ่งจะเกิดได้ไม่นานใช่ไหม” ยูคยอมถามแล้วนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งของมาร์คที่อยู่ไม่ไกลจากเตียงเท่าไหร่นัก
ผมเบิกตากว้างก่อนหันไปมองหน้าเพื่อน พร้อมบอกตัวเองให้ตั้งสติ เพิ่งเกิดของปีศาจอาจไม่ใช่อย่างที่ผมคิดก็ได้...

“ผมไม่รู้หรอกว่า121 ปีนี่เขาเรียกเพิ่งเกิดได้ไม่นานหรือเปล่า” นั่นไง! ทำไมจับฉลากของขวัญปีใหม่ไม่เคยได้รางวัลใหญ่ๆบ้างวะ

“เด็กมาก” ผมถอนหายใจให้กับอายุของผีทั้งสอง ช่วยหันมาดูคนอายุหลักสิบตรงนี้ด้วยครับ...

“คุณจะบอกผมเรื่องบรรพบุรุษได้ไหม” มาร์คส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ยูคยอม คนถูกมองยิ้มตอบก่อนพยักหน้ารับ
มาร์คดูดีใจเป็นพิเศษที่จะได้รู้เรื่องบรรพบุรุษของตนเอง แต่ผมกลับรู้สึกหมั่นไส้โกสท์เก๊กขรึม ทำมาดใจดีทั้งที่ความจริงแล้วมันบ่ใช่แบบนั้นเล๊ย!

“นายรู้ไหมว่าผีดิบเกิดได้อย่างไร”

“ไม่รู้หรอกครับ” ผมหลุดขำเบาๆกับคำตอบของมาร์ค คือมึงรู้แค่ว่ามึงเป็นผีดิบว่างั้น

“ผีดิบ เกิดจากการผสมข้ามเผ่าพันธุ์ระหว่างโกสท์กับมนุษย์”

ผมและมาร์คตกใจจนหันมองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย โกสท์กับ...มนุษย์

“โอกาสการเกิดของผีดิบมีน้อยมากเพียง 1 ใน10 หากฝ่ายหญิงเป็นมนุษย์ แม่ของนายเป็นมนุษย์หรือโกสท์”

“ผมไม่แน่ใจ...”

มาร์คตอบอย่างตรงไปตรงมาจนยูคยอมเริ่มถอนหายใจ สีหน้าบ่งบอกว่าไอ้เด็กนี่มันรู้เรื่องอะไรบ้างวะ

ยูคยอมใจเย็นๆนะ  ผมรีบส่งโทรจิตไปบอกยูคยอมก่อนที่เขาจะเผลอด่ามาร์คไป

ฉันไม่ถือ เพื่อนนายยังเด็กมาก หากเทียบกับมนุษย์คงราวๆสามขวบได้

คราวนี้เป็นฝ่ายผมที่ถอนหายใจเสียเอง น้องเอินสามขวบงี้เหรอ...เครียดเลยครับ

“ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าแม่ของนายเป็นโกสท์ส่วนพ่อของนาย...เขายังมีชีวิตอยู่ไหม” มาร์คส่ายหน้ากับคำถามของยูคยอม ผมที่อดเห็นมาร์คดูเศร้าไม่ได้ก็ยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อนเบาๆ

“ฮืม...ปกติผีดิบจะกินมนุษย์เป็นอาหาร แต่ดูจากการกินของนายเมื่อวาน แม่ของนายคงเลี้ยงให้นายเติบโตมาให้เป็นเหมือนมนุษย์” หัวใจผมกระตุกวูบหลังได้ยินยูคยอมพูดว่าผีดิบกินมนุษย์เป็นอาหาร...มาร์คมันเคยมีความรู้สึกอยากจะกินผมบ้างไหมนะ...

“ผมเนี่ยนะกินมนุษย์ได้” มาร์คดูอึ้งมากกว่าผมเสียอีก นี่มึงไม่รู้อะไรเลยจริงๆสินะ จากกลัวๆตอนนี้ผมสงสารมันแล้วครับ

“ใช่ นายมีเขี้ยวและพละกำลังที่มากกว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจเกือบทั้งหมดยกเว้นโกสท์และแวมไพร์”
ผมแอบเหล่มองมาร์คที่ตอนนี้ตั้งใจฟังยูคยอมเสียเหลือเกิน ให้อารมณ์เหมือนกำลังเรียนปีศาจวิทยากับคุณครูยูคยอมอะไรเทือกนั้นล่ะครับ

“ผมมีแค่พละกำลังอย่างเดียวเหรอ” มาร์คถาม สีหน้าดูไม่ค่อยพอใจกับพลังที่ตัวเองมีเท่าไหร่นัก

“ผีดิบมีพละกำลังมหาศาล มีร่างกายที่ทนต่ออาวุธแทบทุกอย่างยกเว้นอาวุธที่ทำจากเงินปลุกเสก”สรุปง่ายๆเลยคือมาร์คเป็นปีศาจที่ถึกสัดๆนั่นเองครับ

“แค่นี้ก็เจ๋งสัดแล้วเอิน มึงจะเอาพลังอะไรเยอะแยะ”
ผมเอ่ยขัดสีหน้าเพื่อนหลังจากนั่งเงียบมานาน ดูทำหน้าเหมือนเด็กไม่ได้ตุ๊กตาบาร์บี้ อะไรจะขัดใจปานนั้นพ่อคุณ

“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่พลังกูมีมากหรือน้อย กูแค่อยากให้พลังกูมันสวยๆอ่ะมึง แบบนี้มันแมนเกิน” เป็นครั้งแรกที่ผมกับยูคยอมถอนหายใจออกมาพร้อมกัน ความเอินฐาคงติดตัวมันมาตั้งแต่มันเกิด

“โอ๊ยกูเหนื่อยกับความเอินของมึงจริงๆ” ผมตบหัวมาร์คเต็มรัก ที่มึงจริงจังมากนี่คือเพราะพลังมึงเท่ไปสินะ

“มึงอ่ะกูเครียดนะเนี่ย”

“เอินมึงฟังกูนะ มึงเป็นผู้ชายถึงมึงจะนมใหญ่มึงก็ยังเป็นผู้ชายเข้าใจบ่บักหำ” เหมือนผมกำลังสอนน้องชายที่จะกลายเป็นตุ๊ดอยู่เลยครับ แต่ต่างกันตรงที่มาร์คมันเป็นตุ๊ดไปแล้ว...

“เออ แล้วกูก็มีเรื่องอยากคุยกับมึงด้วย”

“ฉันยังพูดไม่จบ” ยูคยอมขัดขึ้นทำเอาผมกับมาร์ครีบปั้นหน้าเจี๋ยมเจี้ยมแทบไม่ทัน แหมไม่เห็นต้องทำหน้าดุขนาดนั้นเลย...

“ขอโทษครับ” มาร์คขอโทษก่อนก้มหัวให้กับยูคยอม

“เรื่องรอยบนไหล่ของนาย...” ผมและมาร์คเงียบลงก่อนตั้งใจฟังทันที ไม่ใช่แค่มาร์ค เรื่องนี้ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับ

“มันคือสัญลักษณ์ของผีดิบชั้นสูง” เรื่องนี้ทำผมอึ้งอีกครั้ง ปีศาจเองก็มีการแบ่งชนชั้นเหมือนมนุษย์สินะ

“ผีดิบชั้นสูงเหรอครับ...” ยูคยอมพยักหน้าก่อนพูดต่อ

“ผีดิบชั้นสูงเกิดจากโกสท์สายเลือดบริสุทธิ์กับหนุ่มพรหมจรรย์และนายคือผีดิบชนชั้นสูงตนที่สามเท่าที่ฉันเคยรู้จักมา”
มาร์คตกใจจนเผลอกำข้อมือผมแน่น ผมทำหน้าเหยเกจนยูคยอมส่งสายตาเป็นห่วงปนขำมาให้ แรงเยอะขนาดไหนบีบจนกระดูกผมจะรวมกันระเบิดตู้มเป็นโกโก้ครั้นช์แล้วครับ...

“นายรู้ไหม เอ่อ....มาร์ค ผีดิบชั้นสูงมีพลังของโกสท์อยู่ด้วยครึ่งหนึ่งแต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายได้พลังอะไรของโกสท์มาบ้าง” 

“มีพลังไหนของโกทส์ที่สวยๆบ้างไหมครับ” ผมกุมขมับทันที นี่มันเอินเอินจริงๆ

“เอ่อ...” ยูคยอมดูลำบากใจที่จะพูดจนต้องส่งโทรจิตมาขอความช่วยเหลือจากผม

บอกเพื่อนนายทีว่าพลังสวยๆมันไม่มีหรอก

เดี๋ยวแถมตบหัวให้ด้วย

ปั้ก! เต็มฝ่ามือครับ แหม่ หัวมันนี่ตบถนัดมือดีจริงๆ

“สวยอะไรของมึง มึงเป็นปีศาจนะเอิน มึงจะเอาพลังสวยๆไปประกวดผีดิบอวอร์ดเหรอ...” มาร์คทำปากยู่ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“กูแค่อยากรู้เฉยๆเอง มึงก็ดุกูจังแตง” จู่ๆผมก็รู้สึกเอ็นดูมันขึ้นมา เทียบกับมนุษย์มันก็สามขวบเพราะแบบนี้หรือเปล่านะที่ผมมักจะคิดว่ามันน่ารักบ่อยๆ

“ยูคยอม ฉันขอคุยกับเพื่อนสองคนได้ไหม” ผมลูบหัวมาร์คไปถามยูคยอมไป

ยูคยอมยักไหล่ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินทะลุประตูออกไป ผมยกมือขึ้นแนบแก้มเพราะภาพเมื่อครู่ เปิดประตูเดินออกไปดีๆไม่เป็นหรือไงครับพี่...

“พี่ยูคยอมเจ๋งอ่ะมึง” ลมหายใจถูกพ่นออกมาเป็นรอบที่เท่าไหร่ผมไม่ได้นับแล้วครับ ไปเรียกเขาพี่มึงคิดดีๆนะเอิน

“อายุจะเก้าร้อยมึงเรียกลุงได้ละ”

แฮ่ม!

ผมสะดุ้งกับเสียงกระแอมของยูคยอมที่ดังขึ้นในหัว ลืมไปครับว่าเขาได้ยิน

“แล้วมึงมีอะไรจะคุยกับกูครับ”

ผมมองหน้าคนถามพลางคิดเรื่องต่างๆที่คาใจไปด้วย เอาวะไหนๆก็คบกันมานานละ ถามๆไปเลยดีกว่า

“ทำไมมึงถึงมาเป็นเพื่อนกับกู” ผมยิงคำถามแรกใส่มาร์ค คนถูกถามมองมาที่ผมด้วยสายตาจริงจังก่อนตอบกลับมา

“กูถูกเลี้ยงอยู่ในบ้านมาตลอด 117 ปี มึงคือคนแรก มึงเป็นมนุษย์คนแรกที่กูเจอและถูกชะตาด้วย” มาร์คพูดพร้อมมองผมด้วยสายตาอบอุ่นจนผมรู้สึกผิดที่เกิดนึกกลัวมันขึ้นมาในตอนแรก

“กูไม่เคยคุยกับใครเลยนอกจากคนในบ้าน การที่ได้คุยกับมึงทำให้กูสนุก กูอยากอยู่ใกล้ๆมึง อยากเจอหน้ามึง” ผมรู้สึกจั๊กจี้หัวใจแปลกๆ เหมือนกำลังถูกสารภาพรักชอบกล

“มึงชอบกูป่ะเนี่ย” แซวไปสักหน่อย อย่างน้อยมันก็ต้องด่าผมกลับมาแหละน่า

“กูชอบมึงนะ แต่มึงมีผัวแล้วไง” เหมือนโดนรองเท้าตบหน้า ทั้งอึ้งและรู้สึกประหลาดไปพร้อมกัน ไม่นะมาร์ค อะไรของมึ๊ง!

“เดี๋ยวเอิน...มึงเป็นตุ๊ด”

“กูไม่ได้เป็นตุ๊ด” คำพูดของมาร์คทำเอาผมใจหายวูบ ไม่เชื่อครับ ยังไงมาร์คมันก็เป็นตุ๊ดแน่ๆ

“กูไม่เชื่อ”

“กูยังพูดไม่จบเลยสัด กูจะบอกว่ากูเป็นเกย์” ผมเกาหัวด้วยความงุนงง เป็นเกย์จำเป็นต้องสะดิ้งขนาดนี้เลยเหรอ

“มาร์ค มาร์ค มาร์ค มาร์ค มาร์ค”

“กูบอกให้เรียกเอินไงอิแตง!” ชัดเจนครับไม่ต้องสืบละ

“มึงเป็นตุ๊ด” มาร์คกลอกตาเป็นรูปเลขแปดก่อนจะเบ้ปากใส่ผม โถน้องเอิน

“ถามจริง มึงชอบกูจริงเหรอ” ผมยังสงสัยอยู่ครับ มันอาจเป็นความรู้สึกอื่นที่คล้ายคลึงกันก็ได้

“จริงดิ กูเคยคิดนะว่ากูอยากเป็นผัวมึง แต่ไปๆมาๆมึงแมนกว่ากูเฉ๊ย” ปวดตับครับพี่น้อง หัวจะระเบิด จู่ๆเรื่องบ้าๆพวกนี้ก็จับมือกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ววิ่งเข้ามาพุ่งชนผมเสียเต็มแรงเกิด ขอเวลาชเว ยองแจคนนี้ทำใจบ้าง...

“ตอนนี้มึงยังชอบกูอยู่ไหม?”

“ชอบ...แต่ยอมรับว่ากูชอบพี่ยูคยอมมากกว่า”

“แรด” คำเดียวสั้นๆหลุดออกมาจากปากผมแบบเก็บไม่อยู่ เห็นไหมครับความเอินฐามันมีมาตั้งแต่เกิดจริงๆ

“งอนเหรอผัวจ๋า” มาร์คยื่นหน้าสะดิ้งเข้ามาใกล้ผมก่อนจะเอนตัวลงนอนตักแบบไม่ขออนุญาตใดๆทั้งสิ้น

“อิเมียทรยศ” นึกแล้วก็ขำครับ ผมก็ยังอุตส่าห์ไปเล่นตามมันเนอะ มาร์คมันจะรู้ไหมว่าที่ผมกับมันพูดทุกคำมันเข้าหูยูคยอมหมดเลย

กะแล้วเชียวว่ามาร์คต้องชอบนาย

ไม่ได้ยินเหรอว่ามันชอบนายมากกว่า

“พี่ยูคยอมนี่ผัวมึงใช่ไหม อกหักแล้วกูผัวได้กันเอง” ผมดีดปากมันเข้าให้ เอะอะก็ผัวๆอะไรของมึงครับ

“ไม่ใช่แล้วครับมึง กูเป็นเหยื่อของพี่ยูคยอมมึงครับ เขาทำพันธะสัญญากับกูเหมือนที่มึงเล่าให้กูฟังนั่นแหละ” หน้ามาร์คดูทะเล้นขึ้นมาทันทีหลังผมพูดจบ

“ได้กันแล้วล่ะสิ” ขอมีดเงินปลุกเสกให้ผมทีครับจะเอามาจิ้มปากมัน...

“อะไรของมึงเนี่ยเอิน” ผมบีบปากกับจมูกมัน ทำโทษที่มันพูดอะไรแทงใจดำตัวเอง ผมแอบได้ยินเสียงยูคยอมขำด้วยครับ โหย ไอ้ผีพวกนี้มันน่านัก...

ผมกับหยอกกับมาร์คหลังจากคุยกันรู้เรื่องแล้ว น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกสนิทใจกับมันมากกว่าเดิมเสียอีก ทั้งที่ผมเพิ่งรู้ว่ามันเป็นผีดิบอีกทั้งมันยังมาสารภาพว่าชอบผมด้วยแท้ๆ

เพล้ง!!

เสียงกระจกแตกกระจายดังลั่นพร้อมกับบานหน้าต่างที่กระเด็นผ่านหน้าเราสองคนไป ยูคยอมรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้องทันทีหลังได้ยินเสียงกระจกแตก มาร์คใช้ตัวกันผมไว้ด้านหลังก่อนหันไปมองตัวต้นเหตุ

ผมจ้องสิ่งมีชีวิตขนปุยตรงหน้าตาไม่กระพริบ จะบอกว่ามันเป็นหมาก็ดูจะตัวโตเกินคำว่าหมาไปหน่อย

“แวร์วูฟ” ยูคยอมพูดก่อนเดินเข้าไปหา...เอ่อ น้องหมา

ชีวิตผมจะเจออะไรปกติแบบคนอื่นบ้างไหมครับ นั่นก็ปีศาจ นี่ก็ปีศาจแล้วยั๊งจะมาเจอปีศาจใหม่อีก...

“แกเป็นใคร” ผมโผล่หน้าผ่านไหล่ของมาร์คไปดูน้องหมา สายตาเราสบกันแว้บหนึ่งก่อนน้องหมาจะยกหางขึ้นฟาดหน้ายูคยอม
อึ้งแดกครับ! หมาวินมากจริงๆ ณ จุดนี้

“You don’t remember me?” ผมนั่งอึ้งเกาะไหล่มาร์คแน่นหลังเจอน้องหมาสปีคอิงกือลิชเข้าให้ เป็นไงล่ะมึง หมาอินเตอร์ด้วย

“Shut the fuck up JB!”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 10 [31/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 31-03-2018 00:46:49
ตอนที่ 9
Trouble Maker

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 31/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811446#msg3811446)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811460#msg3811460)

สิ่งมีชีวิตขนปุยสะบัดหางไปมาอย่างซุกซน อาจฟังดูน่ารักหากแต่สิ่งที่เห็นช่างขัดกับสิ่งที่ควรจะเป็นเสียเหลือเกิน ภาพที่ปรากฏตรงหน้าผมตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผีบ้าและหมายักษ์กำลังทำสงครามเย็นกันอยู่...

“ยังเบบี้เฟสเหมือนเดิมนะเจ้านาย” น้องหมาพูดพลางสะบัดหางปัดป่ายหน้ายูคยอมจนอีกคนชักยั๊วะ เออเห้ย เลิกพูดภาษาปะกิดแล้วเหรอน้องหมา

มือหนาจัดการจับหางที่ส่ายไปมาไว้ก่อนจะออกแรงทุ่มเจ้าของหางข้ามหลังไปจนหงายท้อง

“หมากวนตีน” เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นยูคยอมสบถคำหยาบออกมา หมามันเจ๋งครับทำให้ผีขี้เก๊กหลุดได้ขนาดนี้

“ผมอุตส่าห์เอาข่าวมาบอกนะเนี่ย กลับบ้านก็ไม่ยอมไปหาผมเลย ผมล่ะเหง๊าเหงา” เหมือนการโดนจับทุ่มจะไม่ทำให้เจ้าหมาตัวนี้เข็ดหลาบเลย หนำซ้ำยังกวนตีนเจ้านายกลับไปอีก...

“หยุดเห่าได้แล้วเจบี คืนร่างซะ แล้วก็เลิกเอาหางสากๆของแกมาลูบหน้าฉันเสียที” เจบียกขาหน้าข้างหนึ่งขึ้นจรดกับหูเป็นเชิงรับทราบ

ร่างที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยค่อยๆแปรเปลี่ยนไป เส้นขนที่สั้นลง แขนขาที่ค่อยๆเปลี่ยนสภาพรวมทั้งใบหน้าของสุนัขที่ตอนนี้กลายเป็นชายหนุ่มรูปหล่อจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมให้เอะใจว่านี่คือเจ้าตัวขนปุยเมื่อครู่เลย...อเมซิ่งอิหลี

“ไอ้หมา!” เสียงตะโกนของมาร์คทำผมสะดุ้งโหยง อะไรของมันวะจู่ๆก็ตะโกนขึ้นมา

“หมาป่านะ” แหนะมีแก้ให้ด้วย ชักเริ่มชอบแล้วสิ

“เออนั่นแหละ จู่ๆก็พังหน้าต่างเข้ามาแบบนี้คิดอะไรห๊ะ! สมองน่ะมีไหมรู้จักป่ะประตูน่ะ” มาร์ครัวคำพูดใส่เจบีจนเกือบฟังตามไม่ทัน ตัวการที่โดนว่าหาได้สำนึกผิดไม่ครับท่าน ดันนั่งเคาะหูเล่นซะงั้น

“โทษที พอดีรีบไปหน่อย เจ้านายช่วยออกค่าซ่อมหน้าต่างให้เขาด้วยนะครับ” เจบีผงกหัวให้มาร์คเล็กน้อยก่อนหันไปหายูคยอมที่ปั้นหน้ายากอยู่ใกล้ๆ

ปั้ก!

เท้าของยูคยอมถูกยกขึ้นก่อนจะประทับลงกลางหน้าของเป้าหมายเสียเต็มเหนี่ยว...เจ็บนะนั่น

“แกมันหมาเฮงซวย สร้างแต่ปัญหาให้ฉันไม่จบไม่สิ้น แล้วนี่อะไรของแกจะให้ฉันจ่ายค่าเสียหายให้แก?” ระหว่างที่พูดเท้าก็บดขยี้หน้าของเจบีไปด้วย

ผมกับมาร์คมองหน้ากัน นึกแล้วก็สงสารน้องหมาจริงๆแรงโกสท์ตนนี้ไม่ใช่น้อยๆนะครับ...

“ยูคยอม หยุดบี้หน้าน้องหมาได้แล้ว” ผมรีบห้ามหลังองศาการขยี้หน้าเริ่มมากขึ้นจนกลายเป็นเหยียบ

“ออบอุนอี้อ้วยอุดอ๊ะอั๊บ(ขอบคุณที่ช่วยหยุดนะครับ)”

พูดเห้ไรวะ...

ยูคยอมถีบหน้าเจบีทิ้งท้ายไปอีกหนึ่งทีก่อนยอมปล่อยให้เขาเป็นอิสระจากแรงบดขยี้อันหนักหน่วง ถีบแรงแค่ไหนดูจากรอยรองเท้าบนหน้าก็พอจะรู้ได้ไม่ยาก

“มีข่าวอะไรก็พูดมา” ยูคยอมเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจ้องเขม็งไปที่เจบี สีหน้าทะเล้นของเจบีเมื่อครู่แปรเปลี่ยนกลายเป็นจริงจังในทันที

“มีข่าวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของท่านเกลครับ” ชื่อนี้ทำเอาผมสะท้านไปทั้งร่าง แววตาแสนชิงชังที่เขามีต่อยูคยอมรวมทั้งสายตาเปี่ยมล้นไปด้วยความต้องการที่จะครอบครองทั้งหมดนั่น...น่ากลัว

“ฉันเพิ่งเจอมันเมื่อเช้า” ยูคยอมอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีหลังพูดถึงเกล

“ท่านเกลกำลังเตรียมทำสงครามครับเจ้านาย ตอนนี้กำลังรวบรวมกองกำลังแวมไพร์ในละแวกนี้ ผมคาดว่าอีกไม่นานเราคงโดนโจมตี” ยูคยอมกระตุกยิ้มเหี้ยม แววตาแข็งกร้าวหลุบมองต่ำ

สงครามอะไรกัน...

“แดมเพียร์อย่างมันจะไปมีปัญญาสร้างความเชื่อใจในหมู่แวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์ได้อย่างไร”

แดมเพียร์?...นี่เกลไม่ใช่โกสท์อย่างนั้นเหรอ แล้วแดมเพียร์คืออะไรวะ

“ผมเกรงว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้น หน่วยข่าวรายงานว่าทางฝั่งแวมไพร์ยอมตกลงทำพันธะสัญญาเป็นพันธมิตรกับท่านเกลแล้วครับ”
ยูคยอมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สีหน้าดูหนักใจปนเหนื่อยหน่ายกับเรื่องที่ได้ยิน แหงล่ะครับเป็นผมคงช็อคไปตั้งแต่เห็นไอ้หมานี่กระโดดเข้ามาแล้วล่ะ

“เกล...เมื่อไหร่แกจะตาสว่างเสียที” ผมกับมาร์คตกอยู่ในสภาวะใบ้กินชั่วขณะ ไม่มีจุดไหนให้แทรกเลยครับ บรรยากาศตึงเครียดเอี้ยๆ

หลังจากเงียบไปสักพักผมก็ตัดสินใจพูดขึ้น

“เจบี” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกของผมก่อนเอียงคอทำหน้าสงสัย หึ่ย~ น่ารัก

“ที่ว่าแวมไพร์ในละแวกนี้...แสดงว่าแถวนี้ก็ต้องมีปีศาจอื่นอยู่ด้วยใช่ไหม”

“มีเยอะครับ ในบ้านนี้ก็มีตั้งสามตนแหนะ”

ตลอดช่วงอายุของกระผมจะต้องคอยพบเจอปีศาจไปตลอดเลยหรือง๊าย! แล้วคนที่ผมรู้จักพวกเขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า นี่ผมหลุดเข้ามาใน
โลกปีศาจหรืออย่างไร ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม...

“เอ...ใครนะหน้าไม่คุ้น เจ้านายๆผู้หญิงคนนี้ใครครับ” ทั้งห้องเงียบเมื่อเจบีถามถึงผู้หญิงปริศนาแต่องศานิ้วดันชี้มาทางผม

“ไหนผู้หญิง” มาร์คถามเพราะมองยังไงในห้องนี้ก็มีแต่ผู้ชาย

“คนที่หลบอยู่หลังนายไง” อ้าวนั่นมันกูนี่!

“นั่นมันผู้ชาย/นี่ผู้ชาย!” มาร์คและยูคยอมตอบพร้อมกัน ผมได้แต่อ้าปากค้างรู้สึกสะเทือนไปถึงง่ามไตเลยทีเดียว ไอ้หมา...

“ฉันน่ะเหรอผู้หญิง...”

“หงิง...”

ตอนแรกกะจะด่าสักหน่อย แต่เห็นเจบีทำหน้าหงอยขนาดนี้บอกเลยครับว่าด่าไม่ลง...

“นั่นก็เจ้านายแก” เจบีดูตกใจกับสิ่งที่ยูคยอมพูด หางที่เคยเก็บไปแล้วถูกปล่อยออกมากวัดแกว่งอีกรอบ

“เจ้านายชอบหมาป่าไหมครับ” เจบีถามพลางส่ายหางไปมา งึย ถึงจะอยู่ในร่างมนุษย์แต่แบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะครับ

“ถ้าหมาธรรมดาก็พอไหว” ผมต้องระงับอาการหมั่นเขี้ยวไว้ไม่ให้เจบีรู้ ปกติผมไม่ได้คลั่งสุนัขหรืออะไรนะครับแต่เห็นไอ้หมานี่แล้วมันเอ็นดูจนอยากเก็บมาเลี้ยงแต่ก็แอบเคืองมันที่มาว่าผมเป็นผู้หญิง เว เว ทำไมกัน!

“หมาป่าน่ารักนะ” เจบีพูดจบก็พุ่งมาหาผมด้วยความเร็วที่เล่นเอาเบิกตาค้าง

พุ่งมาไม่เท่าไหร่นี่มันเล่นกระโจนใส่เลยครับ!

“เหวอ!” เจบีพุ่งกระโจนใส่ผมจนผมล้มนอนแนบไปกับเตียง ไอ้หมานี่นอกจากจะไม่ขอโทษผมแล้วยังมานอนทับกันอีก

“ไอ้หมา!/เจบี!” ผีสองตัวตะโกนลั่นก่อนช่วยกันจับผมกับเจบีแยกจากกัน

ยูคยอมหิ้วเจบีออกไปจากตัวผมก่อนจะเหยียบหางของเจ้าตัวป่วนจนร้องหงิง ส่วนมาร์คก็มัวแต่เช็คร่างกายผมว่ามีตรงไหนเจ็บหรือเปล่า

“อย่ามายุ่งกับแตงนะไอ้หมาบ้า” มาร์คชี้หน้าตัวป่วนก่อนชูนิ้วกลางส่งไปทักทายพร้อมขยับปากเป็นคำว่า Fuck you

ไม่เอาน้องเอินไม่โกรธสัตว์สิ...

“เอินใจเย็นกูไม่เป็นไร” ผมกุมมือมันไว้พลางตบตักให้มันใจเย็นลง มึงจะเดือดร้อนแทนกูทำไมครับเนี่ย...

“มึงดูตัวมัน ถ้ามันกลายร่างเป็นหมาขึ้นมานี่มึงตายห่าสถานเดียวนะแตง” เออ...ก็จริงอย่างที่มาร์คมันพูดครับ

“ผมโตแล้วควบคุมร่างได้หรอกน่า ตุ๊ดเอ๊ย” เชดเด้ มวยคู่เอกลั่นระฆังแล้วครับ คาดว่าจะเริ่มชกในอีกสาม สอง หนึ่ง

ปั้ก!

ผิดคาดที่คนทำโทษเจบีไม่ใช่มาร์คแต่เป็นเจ้านายของเขาเองที่เหยียบหัวจนหน้าตัวป่วนลงไปกล่าวอันยองฮาเซโยกับพื้น ปากพาซวยไหมล่ะไอ้หมา...

“เจบี...” เสียงเรียกแสนอำมหิตของยูคยอมเล่นเอาน้องหมาเจบีสะดุ้งเฮือก จากหางที่ส่ายไปมาลู่ลงจนวางนิ่งกับพื้น

แบบนี้หรือเปล่าครับที่เรียกว่าหมาหงอย...

“ผมแค่อยากให้เจ้านายใหม่เอ็นดูผมเอง ก็เจ้านายไม่เคยเอ็นดูผมเลยอ่ะ เกิดเป็นหมาป่าประจำตระกูลท้างทีโดนตีทุกวัน แถมโดนถอนฟันทิ้งอีก หนำซ้ำเจ้านายยังไล่ไปนอนนอกบ้าน เห็บมันเยอะนะเจ้านายคันยิกๆเลยเนี่ยฮู้ว!” ผมว่ามันไม่หงอยแล้วล่ะครับ กวนตีนได้ขนาดนี้...

“เจบีมานี่มา” ผมรีบเรียกเจบีก่อนที่ยูคยอมจะจับเขาไปทำหมาทอดกรอบเสียก่อน หน้าแลดูหิวๆ...

“เจ้านายจ๋าเขาเหยียบหัวอยู่ครับไปหาไม่ได้” ผมหลุดขำเบาๆ เจ็บหรือเปล่าก็ไม่รู้โดนเหยียบโดนถีบขนาดนั้น

“ยูคยอมปล่อยน้องหมาได้แล้ว”

“ไม่ปล่อย/อย่าปล่อยมัน” ผมถอนหายใจให้กับความดื้อของยูคยอมและมาร์ค นี่อย่าบอกนะว่าหึงหมา...

“จะปล่อยไหม”

“...ไม่ปล่อย”

ถ้าปล่อย กลับบ้านจะยอมเล่นด้วยก็ได้นะ

ปล่อยแล้วครับพี่น้องเอ๊ย! ปล่อยอย่างไวแทบจะโยนเจบีมาให้ผมเลยด้วยซ้ำไอ้ผีนี่...
“คัมมอนเจบี เห้ยเดี๋ยว เดินมาดีๆไม่ต้องวิ่ง” ผมรีบเบรกเจบีไว้เมื่อเจ้าตัวตั้งท่าจะวิ่งเข้ามา ดูภายนอกก็ไม่มีพิษภัยอะไรหรอกครับแต่เอาเข้าจริงแล้วตัวนี้แสบสุดในบรรดาปีศาจที่อยู่ในห้องนี้เลยล่ะ

“เจ้านายจ๋า” เจบีเอาหน้ามาไซร้มือผมพลางทำหน้าน่ารักจนผมเก็บความหมั่นเขี้ยวไว้ไม่อยู่ ผมหยิกแก้มเจ้าหมาตัวป่วนแล้วจับส่ายหน้าไปมา โอย...โมเอ้(น่ารัก)

“เจ้านายผมยังไม่รู้ชื่อเจ้านายเลยครับ”

“ฉันชื่อยองแจ ชเว ยองแจ” ผมลูบหัวเจบีไปด้วยความเอ็นดูอย่างรุนแรง คือมันน่ารักจริงๆนะครับนอนยันได้เลย

“เอ...ผมควรเรียกว่าเจ้านายหรือยองแจดีครับ”

“เรียกยองแจก็พอแล้ว”

“แฮ่ม!/อะแฮ่ม!” เป็นอะไรมากไหมครับคุณปีศาจสองตัวนั้นน่ะ ดูเหมือนจะมีปัญหากับคอเสียเหลือเกิน...

“อะไรของพวกนายเนี่ย”

“เปล่านี่/เปล๊า” อาการแบบนี้คุ้นๆเหมือนเคยเจอบ่อยๆ...

“เอินครับมึงงอนกูเหรอ” ผมเอนตัวไปมองหน้ามาร์คนี่นั่งเบ้ปากอยู่ข้างๆ น้องเอินงอนซะแล้วครับ

“ได้ใหม่ก็ลืมเก่าล่ะสิมึงอ่ะ” มาร์คปัดมือผมที่เล่นปูไต่กับแขนมันออกแล้วหันหลังใส่ งอนมาก งอนเต็มแม็กซ์

นายก็งอนอีกคนรึไง

เปล่า

ลำบากจริงครับต้องมาง้อสองทางแบบนี้ แล้วพวกเอ็งจะงอนเพื่อ...

“ขอพักเหนื่อยแปบนึงนะ อยู่ในนี้กันไปก่อน อย่าออกไปไหน อย่าสร้างความวุ่นวาย กระจกที่แตกก็ช่วยกันเก็บด้วยล่ะแล้วขอเลยนะห้ามกัดกัน โอเค๊?” ผมสั่งเสร็จก็รีบลุกเดินออกจากห้องไป ไม่ไหวครับเครียดๆแบบนี้ต้องซัดน้ำเข้าไปแก้เครียด

ผมเดินไปเปิดตู้เย็นบ้านมาร์คก่อนหยิบขวดน้ำมากรอกปากรวดเดียวหมด

“เหนื่อยหน่อยนะครับคุณหนู” ผมสะดุ้ง น้ำในปากแทบพุ่งที่จู่ๆวอลเตอร์ก็โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง

“นิดหน่อยครับ” ความจริงมันก็ไม่หน่อยหรอกครับ...ฮือ

“นายท่านกับเจบีอาจทำให้คุณหนูลำบากใจบ้างกระผมต้องขออภัยแทนเขาทั้งสองด้วย” วอลเตอร์พูดพลางโค้งให้ ผมรีบห้ามไม่ให้เขาทำเพราะอย่างไรผมก็อายุน้อยกว่า(มาก)

“วอลเตอร์ต้องเหนื่อยกว่าผมแน่ครับ ต้องคอยรับมือกับปีศาจแปลกๆแบบนี้” วอลเตอร์หัวเราะเบาๆพลางยิ้มรับ ไม่ปฏิเสธแบบนี้แสดงว่าเหนื่อยสัดๆแน่นอน...

ผมแอบเหล่มองวอลเตอร์เป็นครั้งคราว ดูจากภายนอกแล้ววอลเตอร์ดูไม่ต่างจากชายวัยทำงานเท่าไหร่หากประเมินอายุด้วยสายตาคงประมาณ 27-35 ปีจะต่างก็ตรงที่ส่วนสูงนั่นแหละครับ คงสูงราวๆ 170 ได้ล่ะมั้ง ประเด็นหลักเลยคือน่ารักมากครับ...

“คุณหนูมีอะไรหรือเปล่าครับ” วอลเตอร์ถามเมือเห็นว่าผมจ้องตัวเองนานจนร่างจะพรุนแล้ว

“คุณวอลเตอร์อายุเท่าไหร่ครับ” ผมตัดสินใจถามในเรื่องที่สงสัยที่สุดออกไป ถึงมันจะดูไร้มารยาทก็ตาม ขนาดยูคยอมมันยังเกือบเก้าร้อยปีแล้ววอลเตอร์ล่ะ...

“คงประมาณ 1300 ปีมั้งครับ กระผมไม่ได้นับอายุเท่าไหร่” ขอพาราเซตามอลแก้ปวดแผงนึงดิ๊ครับไม่สิเอามาหมดตู้นั่นเลย...

“อายุยืนเนอะครับ” รอยยิ้มเจื่อนถูกส่งไปหาวอลเตอร์ ผมหยิบน้ำมาดื่มอีกขวดก่อนขอตัวเดินกลับขึ้นไปหาปีศาจทั้งสามตนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้มันญาติดีกันหรือยัง

แอ๊ด...

ผมผลักประตูเข้าไปก็ต้องยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ภาพปีศาจสองตนกับอีกหนึ่งตัวนั่งล้อมวงพลางซุบซิบกันเสียงเบาเหมือนไม่ต้องการให้ใครได้ยิน
มันทำอะไรกันวะ

“เอ่อ...” ทั้งสามละความสนใจจากการสุมหัวแล้วเงยหน้ามามองผมกันอย่างพร้อมเพรียง

“คุยอะไรกัน”

ผมเดินไปนั่งข้างๆยูคยอมกับมาร์คพร้อมทำหน้าสงสัยเต็มที่ ขอเผือกด้วยคน

“สงคราม” ยูคยอมตอบพร้อมกับใบหน้าเคร่งเครียดที่ใครเห็นแล้วก็ต้องขมวดคิ้วตามรวมทั้งตัวผมเองด้วย

“พวกนายจะทำสงครามกันจริงๆ?” ยูคยอมพยักหน้าก่อนวางมือลงที่ตักของผม

“เราไม่มีทางเลือกมากครับ” เจบีถอนหายใจ สีหน้าสดใสที่เคยมีดูหม่นหมองลงจนผมใจหาย หมาหงอย...

ก๊อกๆ

ทั้งห้องเงียบเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนตามมาด้วยเสียงของพ่อบ้านประจำตระกูล

“มีเรื่องด่วนครับนายท่าน”

“เข้ามา” สั่งซะเหมือนเป็นบ้านตัวเองเลยนะพี่...

วอลเตอร์เปิดประตูเข้ามาหลังได้รับอนุญาตจากเจ้านาย เมื่อเห็นบุคคลที่อยู่ในห้องก็ต้องชะงักเล็กน้อย

แหงสิครับมานั่งสุมหัวกันอยู่บนพื้นแล้วดูแต่ละคนแต่งตัว ยูคยอมใส่สูท มาร์คใส่ซีทรู เจบีใส่เสื้อกันหนาวขนสัตว์ ผมใส่เสื้อยืด ไม่บอกว่าประชุมกันนี่นึกกว่ามาเดินแบบโคเรียแฟชั่นวีค...

“มีโทรศัพท์จากท่านเกลถึงนายท่านครับ” ทั้งห้องเงียบสงัด ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ ยูคยอมยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่วอลเตอร์ยื่นให้

“มีอะไร”

‘ทำไมถึงได้เย็นชาขนาดนั้นล่ะน้องพี่’ ยูคยอมกระตุกยิ้มก่อนตอบกลับไป

“แกมีอะไรก็รีบพูดมาก่อนฉันจะรำคาญแล้ววางสายแก” เสียงหังเราะของเกลดังลอดออกมาตามสาย สร้างความหงุดหงิดให้คนถือสายและคนที่ได้ยินเป็นอย่างยิ่ง

‘ฮ่าๆ แกนี่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ’

“เกล”

‘โอเคฉันพูดแล้ว ตอนนี้ฉันจับตัวประกันได้หนึ่งตน พรุ่งนี้แกต้องมาเจรจากับฉันเพื่อรักษาโกสท์ใต้ปกครองของแกไว้’

“แกมันไอ้ขี้ขลาด” ยูคยอมกำโทรศัพท์แน่น กัดฟันกรอดเพื่อระงับอารมณ์

‘ในพจนานุกรมของฉันไม่มีคำว่าขี้ขลาด อ้อ! แล้วอย่าลืมพายองแจของฉันมาด้วยล่ะ’

“ฉันบอกแกว่าอย่ามายุ่งกับคนของฉัน!” ยูคยอมตวาดใส่โทรศัพท์เสียงดังลั่น เขาในตอนนี้น่ากลัวเสียจนผมต้องกอดแขนมาร์คแน่น

‘ฮ่าๆๆ ทุกอย่างของแกมันก็คือของฉันไอ้น้องชาย’ ยูคยอมปาโทรศัพท์ออกไปนอกหน้าต่างก่อนว๊ากออกมาอย่างเหลืออด

เขายืนนิ่งไปพักหนึ่งก็พูดขึ้น “มันจับตัวใครไป”

โกสท์นามเชอร์รีนครับนายท่าน” ผมนิ่วหน้าเมื่อจู่ๆมาร์คก็บีบข้อมือของผม

จนแดงไปหมด

“ใครนะครับ” มาร์คถามด้วยใบหน้าราวกับกำลังจะร้องไห้ น้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาหน่วงที่ขอบตา

“ท่านเชอร์รีนขอรับ”

“แม่...”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 10 [31/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 31-03-2018 00:54:20
ตอนที่ 10
Guest

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 31/03/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811456#msg3811456)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813947#msg3813947)

“แม่...” ความตกใจปนเจ็บปวดที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงทำให้คนอยู่ใกล้อดที่จะปลอบปะโลมไม่ได้

ยองแจกอดมาร์คแน่นพลางลูบหัวเพื่อนของเขาไปด้วย สำหรับเขาครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดและมาร์คเองคงคิดเช่นเดียวกัน

“ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยแม่นายเอง” ยูคยอมเอื้อมมือไปลูบหัวเจ้าหนูสามขวบที่นั่งร้องไห้น้ำตาไหลปนน้ำมูกไปหมด ในใจก็คิดว่าเด็กนี่ต้องรักแม่ของเขามากแน่ๆ

แต่แล้วความคิดนั้นก็เป็นอันต้องพับเก็บไว้ในลิ้นชัก คงไม่เจอแล้วรักแท้...

กลับมาเข้าเรื่องกันเถอะ

“ฮือ...คอนฯอปป้าจะเริ่มอาทิตย์หน้าแล้ว แม่โดนจับตัวไปเอินจะไปคอนฯกับใครอ่ะแม่”

มันใช่ประเด็นเอามาร้องไห้ไหมล่ะอิหนู...

“เอินมึงเห็นหน้าต่างไหม? กระโดดออกไปเศร้าคนเดียวข้างนอกเลยไป” ยองแจถึงกับไล่เพื่อน ไอ้เราก็อุตส่าห์สงสารนึกว่ามันจะกลัวแม่เป็นอะไรไป ที่ไหนได้กลัวไม่มีคนไปดูคอนเสิร์ตเป็นเพื่อน

“กูไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดไงมึง แม่กูทั้งคนกูก็ต้องเครียดสิ ไม่เครียดกูจะร้องไห้ทำไมอิบ้า!” มาร์คแว้ดกลับเข้าให้ ทั้งหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน

เป็นครั้งแรกที่ยองแจเห็นมาร์คเป็นแบบนี้ มาร์คคงไม่รู้จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองอย่างไร

“มากอดเลย เลิกร้องไห้ได้แล้ว ทำตัวแมนๆหน่อยเอินที่รัก” เจ้าของเสียงจัดการดึงตัวเด็กงอแงมากอดแน่นพร้อมจูบขมับเบาๆ

“ฮึก ฮือ” มาร์คปล่อยโฮออกมาราวกับเก็บความเสียใจนี้ไว้นาน ถึงเวลาที่ความเข้มแข็งจะพังทลายลงเสียที

ทั้งห้องดังระงมไปด้วยเสียงสะอื้นของผีดิบที่ยังคงร้องไห้จนคนฟังรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย

“ตุ๊ด ไม่ร้องดิหมาหดหู่” เจ้าหมาน้อยเจบีในร่างมนุษย์สะกิดแขนมาร์คหยอยๆ หางพวงโตถูกยกขึ้นไปลูบหน้าคนขี้แยจนคนโดนแกล้งต้องรีบปัดออก

“ฮือ ไอ้หมา ขนแกเข้าปากฉันอ่ะ ฮึก ฮือ” การปลอบของเจบีไม่ได้ผล แถมดูเหมือนจะไปทำให้มาร์คงอแงมากกว่าเดิมเสียอีก

“เลิกร้องดิ เดี๋ยวพาขี่หลัง” เจบียังคงพยายามปลอบ ปกติเขาไม่ใช่คนใจดีนักหรอก พอเห็นน้ำตาแล้วมันอดไม่ได้ที่จะปลอบแต่เขาเองก็ปลอบใครไม่เก่งเสียด้วยสิ

“ฮึก...ขี่หลังตอนเป็นหมานะ” ดูเหมือนว่าผีดิบจะตกหลุมพลางของแวร์วูฟเสียแล้วเมื่อเด็กงอแงจู่ๆก็หยุดร้องไห้อย่างง่ายดายราวกับมีสวิตเปิดปิดต่อมน้ำตา

“ครับผม” เจบีพยักหน้าพลางขยี้หัวมาร์คไปด้วย

ทั้งห้องแอบถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

เสียงร้องไห้ของผีดิบว่ากันว่าสามารถทำให้จิตใจของผู้ที่ได้ยินหดหู่จนรู้สึกว่างเปล่า

ยิ่งหากเป็นผีดิบชั้นสูงด้วยแล้วสามารถทำให้บุคคลที่ได้ยินฆ่าตัวตายได้เลยทีเดียว

“พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเกล ฉันอยากให้พวกนายรออยู่ที่นี่” ยูคยอมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังปนห่วงใย

ถึงแม้เกลจะบอกให้เขาพาตัวยองแจไปด้วยแต่เรื่องอะไรที่เขาต้องทำตามที่พี่ชายต่างสายเลือดของตัวเองบอกด้วยเล่า หากแต่บุคคลที่เขาห่วงกลับไม่ให้ความร่วมมือกับเขาเสียเลย

“ห่างสามร้อยเมตรฉันก็ตายแล้ว ถ้าให้รออยู่ที่นี่กลับมาคงได้เผาเลย” เป็นยองแจที่ขัดขึ้นมาเป็นคนแรก และดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่พอใจมากเสียด้วย

“เจ้านายไปคนเดียวอันตรายนะครับ ให้ผมไปด้วยเถอะ อย่างน้อยผมก็พอกันพวกแวมไพร์ได้”

ตามมาด้วยสัตว์เลี้ยงประจำตระกูลที่แลดูจะเป็นประโยชน์หากพาตัวไปด้วย

“แม่ผม ผมอยากไปช่วย” ตบท้ายด้วยเด็กน้อยขี้แยที่ทำสีหน้าจริงจังราวกับเมื่อครู่ไม่เคยร้องไห้ขี้มูกโป่งเลย

ยูคยอมถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับ ไม่ว่าจะห้ามยังไงเจ้าพวกนี้ก็ต้องขอไปกับเขาให้ได้เป็นแน่ คงต้องยอมๆไปก่อนแล้วหาแผนสำรองเตรียมไว้เสียแล้ว

“โอเค...ไปกันหมดนี่แหละ” ภาพหนึ่งมนุษย์กับสองปีศาจกอดคอกันดีใจทำให้ยูคยอมหงุดหงิดไม่น้อย ทำเหมือนจะไปทัศนศึกษาไปได้เจ้าเด็กพวกนี้

“วอลเตอร์ ติดต่อแจ็คสันให้ฉันที” คนเป็นนายหันไปสั่งพ่อบ้านก่อนลุกขึ้นเดินไปนั่งบนเตียง

“สักครู่ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านใช้เวลาไม่นานนักในการติดต่อ เขายื่นโทรศัพท์อีกเครื่องให้กับเจ้านายแทนเครื่องเก่าที่ถูกโยนทิ้งไป

‘หวัดดีลุง’ หนุ่มนามแจ็คสันกล่าวทักทายอย่างคุ้นเคย

“ฉันบอกว่าอย่าเรียกลุง”

‘โทษที พอดีเรียกชื่อไม่ค่อยถนัด เห้ยระวังข้างหลัง!’ เสียงปืนดังลอดออกมาจากโทรศัพท์ กระสุนถูกกระหน่ำยิงใส่ร่างส่งเสียงกึกก้องไปทั่ว คนถือสายกระตุกยิ้มกับเสียงที่ไม่ได้ยินมาเสียนาน

“ฉันบอกแล้วไงว่าเวลาทำงานอยู่อย่ารับโทรศัพท์”

‘เสร็จแล้วเนี่ยลุง ระดับแจ็คสันแค่นี้สบ๊าย’ น้ำเสียงโอ้อวดดังพร้อมกับเสียงเก็บมีดและกระบอกปืนสร้างรอยยิ้มบนใบหน้าของยูคยอมได้เป็นอย่างดี

‘แจ็คสัน’ เดม่อนฮันเตอร์รุ่นปัจจุบัน มนุษย์ที่เก่งเป็นอันดับหนึ่งในการล่าปีศาจและกำลังเป็นที่กล่าวถึงภายในวงการนักล่า

“ฉันมีงานมาให้ เริ่มงานวันพรุ่งนี้”

‘งานด่วนอีกแล้ว เกรงใจกันบ้างดิลุง ต้องลัดคิวให้อีก เงินไม่มาขาไม่เดินนะเว้ย’ ถึงแม้ว่าฮันเตอร์หนุ่มจะรวยอยู่แล้ว แต่การที่ต้องเอาชีวิตมนุษย์ธรรมดาไปเสี่ยงกับเรื่องอันตราย เขาควรได้ค่าคุ้มครองชีพที่สูงในระดับที่เขาพอใจ

“ฉันจะยกคฤหาสน์ให้หนึ่งหลัง” ปลายสายผิวปาก ดูพึงพอใจกับค่าจ้างเสียจนอยากจะออกไปทำงานนี้ให้เสร็จไปเสียตอนนี้เลย

‘รับงานครับลุง รายละเอียดไว้คุยกันนะผมขอเก็บศพพวกนี้ก่อน’
การสนทนาจบลงพร้อมกับรอยยิ้มพึงพอใจของโกสท์นามยูคยอม หากแต่ยังมีอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้ยิ้มไปด้วย...

“เสียงปืน...นายคุยกับใคร?” ยองแจถาม อยากรู้ให้แน่ใจว่าคนที่ยูคยอมคุยด้วยนั้นเป็นปีศาจหรือมนุษย์ ถึงแม้เปอร์เซ็นต์การเป็นปีศาจมันจะสูงกว่าก็ตาม

“เดม่อนฮันเตอร์” คนฟังถึงกับขมวดคิ้ว ถ้าเข้าใจไม่ผิด เดม่อนฮันเตอร์คือนักล่าปีศาจ แล้วเพราะเหตุใดนักล่ากับผู้ถูกล่าจึงไปสนิทชิดเชื้อกันได้ คิดแล้วก็งงแรงจนต้องเสยผม

“ปีศาจกับเดม่อนฮันเตอร์เนี่ยนะ...”

“พวกเขาเป็นพันธมิตรกับโกสท์ครับคุณหนู” วอลเตอร์คลายความสงสัยให้กับยองแจ คนสงสัยพยักหน้าพร้อมกับเด็กน้อยที่แอบพยักหน้าด้วยอย่างเนียนๆ

“วันนี้เราคงต้องพักกันที่นี่ ได้หรือเปล่า” ยูคยอมหันไปถามเจ้าของบ้านที่นั่งเงียบมานาน

มาร์คพยักหน้าหงึกหงัก ใจจริงเขาก็อยากให้ทุกคนค้างที่นี่อยู่แล้ว

“วันนี้แม่ฉันกลับบ้านต้องโทรบอกแม่ก่อน” มนุษย์เพียงคนเดียวเอ่ยท้วงขึ้น ทำให้ทั้งห้องหันมองยองแจเป็นตาเดียว
คนที่มีอาการสงสัยที่สุดคงจะเป็นยูคยอม เขาอยู่กับยองแจมาประมาณอาทิตย์กว่าได้แล้ว ยังไม่เคยเห็นคนในครอบครัวของยองแจเลยแม้แต่คนเดียว

“ตามใจนาย” หลังได้รับคำอนุญาตจากยูคยอมแล้วยองแจก็กดโทรศัพท์โทรหาผู้เป็นแม่ทันที
บุคคลในห้องดูลุ้นกับการโทรหาแม่ของยองแจเสียเหลือเกิน แม้แต่สมาชิกใหม่อย่างแวร์วูฟเจบีก็ยังมานั่งลุ้นจนหางกระดิกไปกับเขาด้วย

“ฮัลโหลแม่ ถึงบ้านหรือยังครับ”

‘ถึงแล้วลูก หนูหายไปไหนลืมปิดประตูบ้านอีก’ ยองแจถึงกับอ้าปากค้าง คงเพราะเมื่อเช้าเขาถูกยูคยอมอุ้มไปเลยลืมนึกเรื่องประตูบ้านไปเสียสนิท

“ผมวิ่งหนีเจ้าหนี้น่ะแม่ ขอโทษนะครับ” เวลานี้คงทำได้แค่โกหกไปก่อน

‘โถ่ลูกแม่ แม่ขอโทษนะลูกที่ต้องให้ลูกมาเจออะไรแบบนี้’

จนถึงตอนนี้เขาไม่เคยสงสัยเลยว่าหนี้สินมากมายของครอบครัวนั้นมาจากอะไร ทั้งจำนวนเงิน หรือแม้แต่ชื่อของเจ้าหนี้เขาก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ บางทียองแจอาจเป็นเด็กดีเกินไป

เรื่องนี้ต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่เป็นแน่...

“แม่ครับวันนี้ผมค้างบ้านมาร์คได้ไหม ผมมีงานต้องทำนิดหน่อย”

‘ได้เลยจ้ะ ไม่ต้องห่วงนะแม่อยู่บ้านคนเดียวได้ หนูซื้อของมาเต็มตู้เย็นเลยไปเอาเงินมาจากไหนลูก’

“มาร์คออกให้ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับผมจะรีบกลับบ้านนะ รักแม่ครับ” พูดจบก็รีบวางสายทันทีก่อนหันไปมองปีศาจสามตนที่ทำหน้าแปลกประหลาดแตกต่างกันไป...

“มองอะไร ไม่เคยเห็นคนคุยโทรศัพท์กับแม่เหรอ” เพราะอะไรทำให้ยองแจเหวี่ยงใส่ชายหนุ่ม(?)ทั้งสามก็ไม่อาจทราบได้ แต่คาดว่าคงจะเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นแน่ มาคิดดูแล้วเขานี่ก็เข้มแข็งเหมือนกันนะที่สามารถแบกรับเรื่องราวบ้าๆพวกนี้ได้

“เหวี่ยงซะกูกระเด็นไปชนไข่อปป้าเลยนะมึง ป่ะหาอะไรแดก” มาร์คที่เหมือนรู้ใจเพื่อนตัวเองดี เดินเข้าไปกอดคอยองแจแล้วกึ่งฉุดกึ่งลากลงไปชั้นล่าง

หมาและเจ้านายมองหน้ากัน ดูเหมือนปีศาจสองตนนี้ยังไม่ชินกับอารมณ์ของยองแจเท่ามาร์ค คงต้องเรียนรู้กันไปอีกยาวๆเสียแล้วล่ะ.


   บรรยากาศในตอนเช้ามืดช่างเงียบสะงัด กลุ่มหมอกลอยเคว้งท่ามกลางต้นไม้ที่แข่งกันเติบโตเพื่อแก่งแย่งแสงแดด เจ้าของส่วนสูงไม่ถึงมาตรฐานยืนกอดอกมองหน้าปัดนาฬิกาอย่างเร่งรีบ นัดเขาออกมาตีห้า นี่มันเลยเวลานัดมาตั้งชั่วโมง-กว่าแล้วแท้ๆ แต่นายจ้างกลับยังไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา หรือเขาจะโดนปีศาจหลอกเข้าเสียแล้ว

“มาช้าขนาดนี้ไปเต๊าะสาวที่ไหนอยู่ล่ะลุง” แจ็คสันหันไปทักทายโกสท์หนุ่มที่จู่ๆก็โผล่มาด้านหลังโดยไม่แสดงท่าทีหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย

“คิดถึงนายตอนเด็กที่เห็นฉันแล้วกลัวจนฉี่ราดจริงๆ” ยูคยอมยกยิ้มให้แจ็คสัน คนโดนพูดแทงใจดำได้แต่ปั้นหน้าไม่พอใจอยู่เงียบๆก่อนสังเกตเห็นว่านายจ้างของเขาไม่ได้มาเพียงคนเดียว

ร่างของหมาป่าทะยานลงมาจากต้นไม้ก่อนขาทั้งสี่จะสัมผัสพื้นดินอย่างปลอดภัย เจบีหมอบต่ำให้คนที่อยู่บนหลังลงมา ดูจากสภาพแล้วคงจะแว๊นมาเร็วไม่น้อย

“โอยจะอ้วก...อุ่ก” ยองแจเอนตัวพิงต้นไม้ก่อนที่มาร์คและเจบีจะเดินเข้าไปดูอาการ สำหรับผีดิบแล้วความเร็วขนาดนี้คงไม่เป็นปัญหานัก

“ฉันบอกให้มากับฉันตั้งแต่แรกไง” ยูคยอมเดินเข้าไปดูเป็นคนสุดท้ายก่อนจะฉุดข้อมือให้คนที่นั่งหมดแรงอยู่ลุกขึ้น

“ใครจะไปรู้ว่าเจบีจะวิ่งบนต้นไม้แบบนั้น” บ่นไปพลางพัดหน้าตัวเองไปด้วย ตอนนี้ยองแจชักอยากจะมีพลังวิเศษเหมือนคนอื่นบ้างแล้วสิ

“โว้วๆ อะไรน่ะลุง ไม่เจอกันปีสองปีนี่มีแฟนแล้วเหรอ ว้าว! แต่คนนี้ดูแมนไปไหมลุงผู้หญิงจริงป่ะเนี่ย” มีคนที่ตาถั่วคิดว่ายองแจเป็นผู้หญิงอีกหนึ่งราย คราวนี้เจ้าตัวถึงกับเหลือกตาใส่

“ฉันเป็นผู้ชาย” ยองแจกดเสียงต่ำ เกิดมายังไม่เคยรู้สึกเสียเชิงชายขนาดนี้มาก่อน โดนหมาทักยังไม่เจ็บใจเท่าโดนคนด้วยกันทักเลย ความจริงมาร์คยังหน้าหวานกว่าเขาเสียด้วยซ้ำทำไมถึงไม่โดนทักผิดบ้างนะ

“โอ้ว...แอมซอรี่ ไม่คิดว่าลุงจะมีรสนิยมแบบนี้” แจ็คสันรีบกล่าวขอโทษหนุ่มหน้ามนต์ทันที 

“โย่วแจ็คสัน! มาคนเดียวเหรอ”

เจบีในร่างมนุษย์พุ่งเข้าไฮไฟว์กับแจ็คสันด้วยความคิดถึง

“ว็อทซับเจบี! เยส มาคนเดียว ถ้ามาหลายคนนายคงเห็นไปแล้วไอ้หมาน้อย” แจ็คสันทักทายกลับโดยการขยี้ผมนุ่มของเจบีอย่างหมั่นเขี้ยว

หลังทักทายกันจนพอใจแล้วทั้งห้าคนก็เดินเข้าไปในป่าลึกซึ่งคาดว่าเป็นที่กลบดานของเกล บรรยากาศโดยรอบดูเปลี่ยนไปทันทีเมื่อพวกเขาย่างก้าวเข้ามา  จิตสังหารของแวมไพร์พุ่งเข้าปะทะตัวเดม่อนฮันเตอร์ทันที ปืนคู่ถูกชักขึ้นมาอยู่ในมือของฮันเตอร์หนุ่ม เสียงโซ่คล้องกระทบกันดังก้องไปทั่วผืนป่า อะไรกัน ก้าวเข้ามายังไม่ถึงครึ่งทางก็โดนศัตรูคู่อาฆาตออกมาต้อนรับเสียแล้วหรือนี่

“ออกมาต้อนรับกันตั้งแต่ตรงนี้เชียว เจ้าบ้านนี่มารยาทดีจริงๆ” ลางสังหรณ์ของฮันเตอร์ไม่เคยผิดพลาด

แวมไพร์นับสิบตนปรากฏกายขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดของผืนป่า แม้ยามนี้ดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าแล้วหากแต่ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ได้บดบังแสงนั้นไว้ทำให้เหล่าแวมไพร์สามารถออกมาต้อนรับผู้มาเยือนได้มากมายถึงเพียงนี้ ช่างน่ายินดี

“เหตุใดถึงต้องพาเดม่อนฮันเตอร์ติดตัวมาด้วยล่ะน้องพี่ กลัวอย่างนั้นหรือ?” เจ้าของใบหน้าเย่อหยิ่งเดินออกมาด้านหน้า ท่าทีจองหองนั่นไม่ว่าใครพบเห็นเป็นต้องหงุดหงิดไม่เว้นแม้แต่ยองแจและมาร์ค

“หึ! น่าขำ อย่างแกมีอะไรน่ากลัวด้วยหรือไง”

“พูดแบบนั้นทั้งที่ตัวประกันยังอยู่จะดีหรือน้องพี่” ร่างของหญิงสาวที่ดวงตาถูกปิดไว้โดนกระชากให้ออกมายืนด้านหน้า

ดวงตา ปาก ข้อมือ ข้อเท้า แม้ทั้งหมดจะถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกแต่ทว่าว่าโกสท์สาวตนนี้ยังคงความสงบและเยือกเย็นไว้ได้ ช่างดูน่าเกรงขามยิ่งนัก

“แม่!” เสียงเรียกของลูกชายทำให้โกสท์สาวดูตื่นตระหนกไม่น้อย ร่างกายเริ่มดิ้นขัดขืนจนเชือกค่อยๆหลุดร่อน

โกสท์ตนนี้เก่ง มีเพียงสิ่งนี้ที่ยืนยันได้ คาดว่าคงต้องใช้แวมไพร์จำนวนไม่น้อยในการจับเธอเป็นแน่

“ปล่อยเธอซะแล้วฉันจะยอมคุยกับแกดีๆ” ยูคยอมพยายามระงับอารมณ์ของตนเอง

ดวงตาสีเลือดที่ถูกโอบล้อมด้วยสีดำทมิฬแสนแข็งกร้าว รังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมร่างจนเหล่าแวมไพร์เริ่มเกรงกลัว แม้แต่พวกเดียวกันยังรู้สึกเกรงขามโกสท์ตนนี้ โกสท์นามยูคยอม

“แก้เชือกให้เธอซะ” 

เชือกทั้งหมดที่ใช้พันธนาการร่างกายของโกสท์สาวถูกแก้ออกตามคำสั่งของเกล ผ้าที่ปิดดวงตาอยู่ถูกแก้เป็นลำดับสุดท้าย

ทันทีที่ดวงตาไร้สิ่งปิดบัง นัยน์ตาสีเลือดได้เบิกขึ้นพร้อมกับความตกใจที่ฉายชัดบนใบหน้า

ร่างกายของเธอสั่นเทิ้ม สองมือถูกยกขึ้นปิดปาก สร้างความตกใจให้กับเหล่าแวมไพร์และผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก

และผู้ที่ตกใจมากกว่าใครทั้งหมดคงมีเพียงผู้เดียว

“คุณพ่อ...”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 3 [17/03/61]
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 31-03-2018 19:19:55
โห โลกกลมไปอีกกกกกกกกกกกกก
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 13 [06/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 05-04-2018 23:28:26
ตอนที่ 11
Escape

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 06/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3811460#msg3811460)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813956#msg3813956)

“คุณพ่อ...”

ทุกสายตาจับจ้องไปยังบุคคลที่ถูกเรียกว่าคุณพ่อทันที หากแต่เจ้าตัวกลับทำหน้าสงสัยและตกใจมากที่สุด ยูคยอมก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เงยหน้าขึ้นมา

“ไอรีน...” โกสท์สาวเผยรอยยิ้มยินดีพร้อมพยักหน้าให้กับนามของตน

นามเก่าของโกสท์เชอร์รีน คือ ‘ไอรีน’

“ดูเหมือนลิ่วล้อของฉันจะจับได้ตัวประกันชั้นดีเสียแล้วสิ”

เป๊าะ!

เสียงดีดนิ้วดังขึ้นพร้อมเชือกที่ถูกนำมามัดข้อมือของโกสท์สาวอีกครั้ง คนอย่างเกลไม่รู้จักหรอกคำว่าซื่อสัตย์น่ะ

“ปล่อยฉันนะ! ไอ้แดมเพียร์โสโครก เลิกเล่นสกปรกแบบนี้เสียที แกจะเอาอะไรไปจากฉันอีก แกต้องการอะไรจากครอบครัวของฉันกันแน่!”

แดมเพียร์โสโครก เกลกระตุกยิ้มให้กับคำพูดของไอรีน ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย ครึ่งโกสท์ครึ่งแวมไพร์ก็ยังเป็นที่รังเกียจของโกสท์สายเลือดบริสุทธิ์ทั้งที่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยเสียด้วยซ้ำว่าเผ่าพันธุ์ของตนไปทำอะไรให้พวกเขาเกลียดนัก เพียงแค่เขาเกิดมาเป็นครึ่งแวมไพร์อย่างนั้นหรือ?

“อย่าพูดกับลุงแบบนั้นสิหลานรัก”

“ฉันไม่มีลุงวิปลาสแบบแก” ไอรีนยังคงดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากเชือกที่พันธนาการไว้ ช่างน่าเสียดายที่พลังของเธอลดลงมาก บางทีการอดอาหารเป็นเวลาหลายปีอาจส่งผลเสียต่อโกสท์มากทีเดียว

ยูคยอมเดินตรงเข้าไปหาบุคคลที่เรียกตนเองว่าพี่ชายทันที คิ้วที่ขมวดมุ่นทำให้รู้ว่าเขากำลังพยายามระงับอารมณ์ขนาดไหน พี่ชายต่างมารดาที่มีความคิดแสนน่ารังเกียจทำเอาอยากจะฆ่าทิ้งไปเสียเดี๋ยวนี้

“แกต้องการอะไร” ดวงตาสีเลือดจ้องมองนัยน์ตาสีอำพันด้วยความเกลียดชัง
 
“ส่งยองแจมาให้ฉัน” เจ้าของชื่อสะดุ้งก่อนเลื่อนไปหลบหลังเพื่อนด้วยความกลัว เขาควรทำอย่างไรดี ได้แต่ย้อนคิดไปว่าหากเขาไม่มากับยูคยอมอาจเป็นผลดีกว่า

“ฉันตีตราเหยื่อไปแล้ว อย่ามายุ่งกับคนของฉัน”

“อย่าทำเหมือนพี่โง่ไปหน่อยเลยน้องรัก เหยื่อสามารถตีตราได้มากกว่าหนึ่งครั้ง พี่เองก็เป็นโกสท์ทำไมจะไม่รู้เรื่องพื้นฐานแบบนี้”

ยูคยอมพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของเกลทันที ความเกลียดทวีคูณยิ่งขึ้นไปอีกเพียงเพราะเรื่องที่พี่ชายของเขาจะทำ

‘การตีตราซ้อน’ คือเรื่องต้องห้ามในเหล่าโกสท์ หากร่างกายอ่อนแอเหยื่อมีโอกาสตายทันทีเมื่อถูกตีตราซ้อน หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือการฆ่าโกสท์ผู้ทำพันธะสัญญาทิ้งเสีย

“แก...” ความโกรธที่พุ่งพล่านทำให้พลังรั่วไหลออกมา เส้นเลือดเริ่มปูดโปนตามใบหน้าและลำคอของโกทส์หนุ่ม รังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมร่างเสียจนไม่มีใครกล้าขยับไปไหน

มีเพียงเกลที่ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาเลยแม้แต่น้อย

“แจ็คสัน!”

สิ้นเสียงเรียกของโกสท์นาม ยูคยอม เดม่อนฮันเตอร์ก็รวบร่างของผีดิบและมนุษย์กระโดดขึ้นหลังเจบีทันที สิ่งที่พวกเขากำลังจะหนี ไม่ใช่พวกแวมไพร์แต่เป็นปีศาจร้ายที่กำลังจะแผลงฤทธิ์ตนนั้นต่างหาก

“ตามพวกมันไป!” เหล่าแวมไพร์นับสิบรีบพุ่งตามเดม่อนฮันเตอร์ไปทันที หลงเหลือไว้เพียงแค่โกสท์และแดมเพียร์รวมสามตน

ยูคยอมปล่อยมือออกจากเสื้อของเกลก่อนถีบให้แดมเพียร์กระเด็นออกจากตัว หน้าครึ่งซีกผิวหนังได้หลุดร่อนออกไปเหลือเพียงโครงกระดูกจ้องมองร่างที่เกือกกลิ้งกับพื้นดินอย่างน่าสมเพช

ยูคยอมควบคุมความโกรธของตนเองแทบไม่ได้แล้ว...

“ถ้าแกยังไม่อยากตาย ไสหัวของแกกลับไปซะ” น้ำเสียงเยือกเย็นถูกเอ่ยออกมาจากปากของโกสท์หนุ่มที่กำลังพยายามควบคุมอารมณ์ของตนเองอยู่

หากเขาปลดปล่อยพลังทั้งหมด เกลต้องตายแน่...

“แก...คือยูคยอมเหรอ”

เกลตะเกียกตะกายถอยหลังด้วยความหวาดกลัว ไม่ต่างจากโกสท์ไอรีนที่ตอนนี้เริ่มถอยห่างออกมาเพราะแรงกดดันจากตัวของยูคยอม
ชื่อที่เกลเอ่ยทำให้ไอรีนรู้ว่า โกสท์ที่อยู่ต่อหน้าเธอนี้...ไม่ใช่พ่อของเธอ

“ฉันจะฆ่าแกตอนนี้เลยก็ได้ แต่เพราะฉันเห็นแก่พ่อที่ขอร้องฉันไว้ก่อนตาย ฉันจะไม่ฆ่าแก”

ยูคยอมลอยเข้าไปหาเกลที่ตัวสั่นเทิ้มด้วยความกลัวก่อนจะก้มลงมองหน้าพี่ชายตัวเองใกล้ๆ ไอ้ขี้ขลาด คำนี้คงเหมาะกับแดมเพียร์ตนนี้ที่สุดแล้วในตอนนี้

“ทำไมต้องทะเยอทะยานขนาดนั้นเกล แกมีทุกอย่างที่พ่อมอบให้แก แต่แกกลับทำเรื่องบ้าๆเพียงเพราะแม่ของแกสั่งให้ทำอย่างนั้นเหรอ แกมันโง่...” ผู้ถูกด่าปั้นสีหน้าไม่พอใจหากแต่เขาในตอนนี้รู้ตัวว่าไม่อาจสู้น้องชายของตนเองได้แน่ แม้เขาจะยกพวกแวมไพร์มาทั้งหมดก็อาจจะสู้โกสท์ตนนี้ไม่ได้ นอกจากเขาจะรู้จุดอ่อนของโกสท์ตนนี้เสียก่อน

เขาพลาดที่ลงมือเร็วเกินไป…

“ไปซะ!” ยูคยอมตวาดลั่น พร้อมกับร่างของค้างคาวตัวน้อยที่บินหนีหายไปในผืนป่า

ยูคยอมยืนนิ่งพลางสงบสติอารมณ์ของตนเองไปด้วย ผิวหนังค่อยๆก่อตัวห่อหุ้มโครงกระดูกใหม่ก่อนจะกลับเป็นแบบเดิม เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมาสติแตกเพียงเพราะแดมเพียร์โง่ๆตนหนึ่ง

“คุณ...ยูคยอม” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกของโกสท์สาว รอยยิ้มถูกส่งไปให้โกสท์ไอรีนก่อนที่ยูคยอมจะเดินไปหาแล้วดึงเธอเข้ามากอด จมูกโด่งฝังลงในกลุ่มผมนุ่มของบุคคล ตรงหน้า

มือหนาประคองศีรษะเล็กเบาๆ ราวกับคิดถึงเจ้าของร่างนี้เกินจะพรรณนาได้ ‘หลานสาว’ คนสำคัญในชีวิตที่เหลือเพียงไม่กี่คนของเขา

“ไอรีน...”

“คะ?” โกสท์สาวขานรับพลางกอดตอบร่างสูงตรงหน้าไปด้วย ความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยทำเอาเธอกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน นึกว่าเธอจะถูกเกลฆ่าไปแล้วเสียอีก” ยูคยอมลูบหัวหลานสาวด้วยความคิดถึง

“หนูเองก็คิดถึงคุณอาค่ะ คิดว่าคุณอาเป็นคุณพ่อเสียอีก คุณอาน่ะหน้าเหมือนคุณพ่อเลยนะคะ”

ร่างเล็กสะอื้นจนยูคยอมต้องกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น เขาจะไม่ปล่อยให้หลานของเขาต้องโดดเดี่ยวอีกต่อไป จะดูแลเธอแทนพี่ชายที่จากไปเอง

“อย่าร้องเลยหลานรัก พี่คงทุกข์ใจหากเห็นเธอร้องไห้” ยูคยอมคลายอ้อมกอดแล้วใช้นิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาให้ไอรีน

รอยยิ้มปรากฏบนหน้าของหลานสาว นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้มีความสุขขนาดนี้ นานแค่ไหนที่เธอค้นหาญาติของตนเอง ในตอนนี้เธอพบแล้ว อีกหนึ่งบุคคลสำคัญในชีวิตของเธอ ‘คุณอายูคยอม’

Youngjae present

สวัสดีครับทุกคน ไม่ได้เจอกันนานนะครับ เป็นยังไงกันบ้างครับสบายดีไหม ชีวิตเป็นอย่างไรกันบ้าง...มันใช่เวลามาถามสรทุกข์สุกดิบกันไหมเอ็ง!

ตอนนี้ชีวิตผมชิบหายมากครับ จู่ๆก็โดนพี่ล่ำเตี้ยอุ้มขึ้นมาบนหลังเจบี แค่นั้นไม่พอยังมีกลุ่มค้างคาวบินตามมาอีก

“พี่! พี่แจ็คสานนนนน!” ผมตะโกนเรียกพี่แจ็คสันที่ตอนนี้หันหลังไปรัวปืนใส่กลุ่มแวมไพร์ที่กำลังบินมาตามมาติดๆ

“เรียกทำไมไอ้น้อง!” อีกคนตอบกลับมาพลางเติมกระสุนไปด้วย

“ข้างหน้าด้วยพี่ มันมาข้างแล้ว! อ๊ากกก!” ผมหลับตาปี๋เมื่อจู่ๆพี่แวมไพร์ก็พุ่งเข้ามาใส่หน้าผมเต็มๆ ไม่ๆๆ ทำไมต้องหน้ากู!

ปึ้ก!

ผมแอบปรือตามองก็พบต้นตอของเสียงที่เกิดขึ้น มาร์คปัดค้างคาวที่พุ่งเข้ามาหาผมลงไปกระแทกพื้นด้านล่าง ร่างของค้างคาวน้อยดิ้นพล่านก่อนค่อยๆแน่นิ่งไป

เอินหนูฆ่าสัตว์ทำไมลูก...

“เป็นอะไรไหมแตง” มาร์คหันมาถามผมพร้อมสีของดวงตาที่เปลี่ยนไป แอบสะดุ้งนิดหน่อยกับตาสีเลือดของเพื่อนแต่ตกใจกับมันได้ไม่นานก็มีเรื่องอื่นมาให้ระทึกใจอีก

จู่ๆเจ้าหมาน้อยเจบีก็แลนดิ้งจากยอดต้นไม้สูงราวแปดเมตรลงสู่พื้นดินโดยไม่มีการให้สัญญาณใดๆทั้งสิ้น ด้วยความตกใจทำให้ผมพุ่งไปกอดมาร์คแน่น ไอ้หมานี่.

“กู๊ดจ็อบเจบี” พี่แจ็คสันกระโดดลงจากหลังของเจบีก่อนจัดการดึงสลักระเบิดออก

ระเบิดมือถูกขว้างขึ้นไปหากลุ่มค้างคาวก่อนมันจะระเบิดผงเงินบริสุทธิ์ออกมา แวมไพร์ในร่างค้างคาวต่างร่วงลงมาบนพื้นเพราะไอเงินบริสุทธิ์ที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ

“พวกกาก” พี่แจ็คสันเก็บปืนพลางปัดเศษเงินที่ร่วงลงมาโดนเสื้อผ้าของเขา จะว่าไปพี่แกก็ดูเท่ห์เหมือนกันนะครับ

“โคตรเจ๋งเลยพี่” ผมเอ่ยปากชมในความเจ๋งของเดม่อนฮันเตอร์ คงต้องฝึกมานานหลายปีเป็นแน่

“พวกนี้มันกากเองต่างหาก แค่นี้สบ๊าย!” พี่แจ็คสันเดินมาตบบ่าจนผมต้องเบี่ยงหลบ พี่ก็เป็นคนไม่ใช่เหรอครับทำไมแรงควายขนาดนี้ เว!

“ไม่ต้องมาอวดเลยไอ้เตี้ย! พี่ยูคยอมบอกให้แกมาดูแลแตงไม่ใช่เหรอ เมื่อกี๊เกือบโดนค้างคาวเหยียบหน้าแล้วไหม” มาร์ครัวด่าใส่หน้าแจ็คสันจนต้องรีบรั้งแขนมันไว้ ฮึบไว้เอิน ฮึบไว้

“ปากดีจริงๆ ยิงทิ้งซะเลยดีไหม” ปืนถูกชักขึ้นมาอีกรอบก่อนจะถูกจ่อไปที่หน้าของมาร์ค แต่คนถูกขู่หาได้กลัวไม่แถมยังไปทำหน้ากวนตีนใส่เขาอีก กระสุนเงินมึงโดนไปนี่ตายห่านะครับอย่าทำเป็นแรดไป

“พี่แจ็คผมขอล่ะ” ผมกำข้อมือของพี่แจ็คสันไว้แน่นพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปให้เขา มาร์คยังเด็กอย่าทำอะไรมันเลย เผื่อมันอยากกลับใจเลิกเป็นตุ๊ด...

พี่แจ็คสันยอมเก็บปืนเข้าที่เดิมก่อนจะหันมาลูบหัวผมเบาๆ

“เห็นแก่เมียลุงนะ ไม่งั้นไอ้ผีดิบนี่ตายไปแล้ว” เกือบจะดีใจแล้วเชียว มาสะดุดตรงคำว่าเมียลุงนี่แหละ...

“ไม่ใช่เมียสักหน่อย!” ผมปัดมือคนตัวเตี้ยออกอย่างขัดใจ นั่นก็เรียกผัวนี่ก็เรียกเมีย โอ๊ย...

“โอเคๆ ซอรี่นะคนสวย ช่วยเรียกลุงให้ทีได้ไหม”

   ผมกรอกตามองบนอย่างเอือมระอา ไม่ว่าจะเรียกเมียลุงหรือคนสวยผลลัพธ์มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอกพี่... ผมต้องสูดหายใจลึกๆก่อนส่งโทรจิตหายูคยอม ห่างกันครึ่งชั่วโมงผมก็รู้สึกเหมือนจะตายห่าทุกนาทีอยู่แล้วครับไม่ต้องรอให้ถึง 24 ชั่วโมงหรอก
ยูคยอมได้ยินฉันไหม?

......

ยูคยอม

.....

   ผมเริ่มใจคอไม่ดีเมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากโกสท์ลามก สมองเริ่มคิดไปถึงเรื่องร้ายๆที่อาจเกิดขึ้นกับยูคยอม เอาล่ะ...ลองใหม่ ต้องลองไม้นี้

ยูคยอมมาหาหน่อยสิ

.....

กลับบ้านไปเล่นกันนะ

หึ

ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆโกสท์ลามกก็โผล่มาทักทายโดยการสวมกอดจากด้านหลัง รู้สึกอายจนต้องยกมือขึ้นปิดหน้าพลางนึกก่นด่าในใจแบบให้อีกคนรู้ตัว เกิดมาทำไมถ้าจะจัญไรขนาดนี้ ไอ้ผีบ้า!

อย่าลืมที่พูดไว้ล่ะ กลับบ้านไปเล่นกัน

ผมอายจนต้องสะบัดตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของยูคยอมแล้ววิ่งไปกอดมาร์คแน่น อีกคนกอดตอบผมด้วยสีหน้างุนงงก่อนจะรีบปล่อยผมทันทีเมื่อสังเกตเห็นแม่ของตัวเอง

“แม่!” มาร์ควิ่งเข้าไปกอดแม่พลางสำรวจร่างกายของเธอไปด้วย ดูแล้วน่ารักมากเลยครับ

“หนูเจ็บตรงไหนไหมลูก แล้วทำไมหนูมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ” คุณแม่ลูบหัวลูก...ชายด้วยความเอ็นดู

“พี่ยูคยอมพาผมมาด้วยครับ” คุณน้าหันไปมองยูคยอมสลับกับลูกชายตัวเอง คงจะงงเหมือนผมนี่แหละครับ ที่จู่ๆลูกตัวเองก็ไปรู้จักมักจี่กับพ่อของตัวเองแบบบังเอิ๊ญบังเอิญ

“อี๋เอิน นี่น่ะ...คือน้องของคุณตาของหนูนะลูก จะเรียกให้ถูกก็เรียกคุณตานั่นแหละ” ความอึ้งเข้าครอบงำผมและมาร์คพร้อมๆกัน ไหนตอนแรกคุณน้าเรียกยูคยอมว่าพ่อไง แล้วตอนนี้กลายเป็นอาเฉย ตอนแรกผมรู้สึกผิดเหมือนไปเป็นมือที่สามของครอบครัวเขาเลย(?)

“ห๊ะ...คุณตา?” มาร์คมองหน้ายูคยอมสลับกับแม่ของตัวเองไปมา คิ้วหนาขมวดมุ่นจนแทบจะผูกกันอยู่รอมร่อ

“ตกใจสินะ” ยูคยอมเอื้อมมือไปลูบหัวมาร์คเบาๆ อีกคนปั้นหน้ายากจนอธิบายไม่ถูก คงจะอึ้งและงงไปพร้อมๆกัน

มาร์คค่อยๆถอยหลังมาจนชนอกผม ยัยหนูสามขวบยื่นหน้ามากระซิบข้างหู

“มึง พี่ยูคยอมเป็นตากูอ่ะ กูเสียดายว่าจะจีบ”

ผลัวะ!

มือผมลั่นไปโดยอัติโนมัติ ลืมไปครับว่าแม่มันอยู่ด้วย ผมนี่รีบโอ๋มันแทบไม่ทันเลย

“โทษทียุงมันตอมหน้ามึงอ่ะ เจ็บไหมที่รัก” คุณน้ากับยูคยอมขำกับท่าทีของเราสองคน มาร์คมันยังไม่รู้ไงครับว่าพวกโกสท์เนี่ยหูดีสัดๆ ที่มันกระซิบมานี่ได้ยินทั้งแม่มันและคนที่มันจะจีบนั่นแหละ

“ผัวนะผัว” มาร์คเบ้ปากใส่ผมก่อนทำท่าสะบัดบ็อบแล้วเดินไปหาแม่ของตัวเองทันที ผมเองก็อยากกลับบ้านไปกอดแม่แล้วเหมือนกันนะ

“คงได้เวลาแยกย้ายกันแล้วล่ะ” ยูคยอมพูดขึ้น ผมแอบพยักหน้าเห็นด้วย อยากกลับไปหาแม่แล้วครับ

“เธอกลับเองได้ใช่ไหมไอรีน”

“ได้ค่ะคุณอา” พูดจบคุณน้าไอรีนก็จับมือมาร์คแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา คงจะเป็นพลังแบบที่ยูคยอมเคยใช้สินะ

ผมมองผีลามกที่ตอนนี้จ้องผมไม่วางตา จ้องทำไมขนาดนั้นห๊ะ! กลัวกลับไปจะไม่เล่นด้วยรึไง!

“มองทำไม กลับบ้านได้แล้ว เหนื่อย!” ยูคยอมยิ้มกริ่มเหมือนก่อนหน้านี้ไม่เคยอารมณ์เสียมาก่อน พี่โมโหทีเล่นเอาต้องวิ่งหนีมาถึงนี่เลย แล้วดูตอนนี้ทำหน้า...อะไรจะชอบขนาดนั้นพ่อคุณ

“ลุงๆ ขอยืมเจบีแปบนะ ขี้เกียจวิ่งกลับ” พูดจบแจ็คสันก็กระโดดขึ้นหลังเจบีแล้วพุ่งออกไปด้วยความเร็วสูง เอาจริงครับ สงสารเจบีเหมือนกันนะวันนี้ถูกใช้งานเป็นพาหนะอย่างเดียวเลย กลับบ้านคงต้องพาไปเดินเล่นสักหน่อยแล้ว

“ยูคยอม...อย่ามาทะลึ่งกลางป่า” ผมตีมือปลาหมึกที่ตอนนี้ลูบนั่นลูบนี่จนผมเริ่มรำคาญ จะเป็นปีศาจหรือจะเป็นปลาหมึก!

“อยากทำตรงนี้”

เตี่ยเอ็งบอกสิครับ กลางป่าแบบนี้มันไม่มีคนแต่มันมีปีศาจไงครับ เอาอะไรคิดครับพี่ ไป! ไปว่าวตรงนู้นเลยไป!

“ไม่ๆๆๆ ยูคยอมฟังฉันนะ นี่มันกลางป่า ฉันไม่โอเคกับที่นี่ และไม่โอเคที่จะเล่นตอนนี้”

“แต่...” ผมก้มมองต่ำก็พบสาเหตุของความลามกผิดที่ผิดเวลาของเขาทันที

“ไปว่าวตรงนู้นไป”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 13 [06/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 05-04-2018 23:45:36
ตอนที่ 12
Full moon

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 06/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813947#msg3813947)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813960#msg3813960)

สองขาหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้านของตัวเอง เทปกาวสีดำถูกนำมาปิดร่องรอยความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะปีศาจหน้ามึนข้างๆผมนี่แหละ รู้สึกผิดมากครับที่ต้องให้แม่มาซ่อมเองแบบนี้ มันเป็นหน้าที่ของผมแท้ๆ

“ไม่เข้าไปเหรอ” ยูคยอมถามเพราะผมยืนแบบนี้มาประมาณสิบนาทีแล้ว คิดว่าผมไม่อยากเข้าไปเหรอ อยากสิครับ ไม่ได้เจอแม่มาเกือบเดือนเชียวนะ...แต่มันรู้สึกเขินๆอย่างไรไม่รู้

“เข้าสิ นี่มันบ้านฉันนะ” หันไปตอบกลับโกสท์ลามกสักหน่อย จะว่าไป...ถ้าผมเดินเข้าไปพร้อมยูคยอมแม่ผมจะเห็นเขาไหม?

“ยูคยอม”

“อะไร”

“แม่ฉันจะเห็นนายไหม? หาอะไรสิงไปก่อนได้รึเปล่า” ถึงจะพูดไปแบบนั้นก็เถอะ จะให้ยูคยอมสิงอะไรเข้าบ้านดีล่ะครับ

“แม่นายเป็นมนุษย์ ไม่เห็นฉันหรอก” เออก็จริงอย่างที่เขาว่า

ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนตัดสินใจเปิดประตูบ้านเข้าไป ข้างในเงียบเหมือนไม่มีคนอยู่ ผมค่อยๆย่องเข้าไปโดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะย่องเข้าไปเพื่ออะไร นั่น...เสียงแม่กำลังพูดกับใครอยู่หลังบ้าน

“แม่ครับผมกลับมาแล้ว!” ส่งเสียงทักทายไปไม่นานก็มีเสียงตอบกลับของแม่ดังมาจากหลังบ้าน

“กลับมาแล้วเหรอลูก พอดีเลยมาหาแม่หลังบ้านหน่อยเร็ว”

ผมรีบวิ่งไปหลังบ้านพร้อมรอยยิ้มสดใส แต่รอยยิ้มนั้นก็เป็นอันต้องหุบลงเมื่อเห็นภาพตรงหน้า กะละมังสีชมพูสดที่เต็มไปด้วยฟองสบู่สีขาวกับหมาหน้าโง่ๆตัวหนึ่งที่นอนแผ่หราคอยแม่ของผมขัดถูตัวให้

แม่...ที่แม่อาบน้ำอยู่น่ะมันไม่ใช่หมาธรรมดานะครับรู้ไหม

“แม่...ทำอะไรน่ะครับ” รู้อยู่เต็มอกแต่ก็ต้องถามออกไป พลางลุ้นไปด้วยว่าแม่จะเห็นปีศาจลามกที่ยืนหัวโด่อยู่ข้างหลังผมไหม

“ก็น้องหมาตัวนี้น่ะสิ มานั่งทำตาแป๋วมองแม่ตั้งแต่เมื่อเช้า แม่เอ็นดูเลยเก็บมาเลี้ยงซะเลย เหมือนจะไม่มีเจ้าของด้วย” เจ้าของมันก็ยืนอยู่ข้างหลังผมนี่แหละครับแม่

“แม่ไปนั่งพักเถอะครับเดี๋ยวผมอาบให้เอง” ผมดึงสายยางมาล้างมือให้แม่ก่อนจะใช้เสื้อตัวเองเช็ดมือแล้วดันหลังให้ท่านเดินกลับเข้าไปพักในบ้าน มือของแม่หยาบขึ้นอีกแล้ว...คงทำงานหนักอีกแน่ๆ

“เดี๋ยวแม่ไปทำกับข้าวรอนะลูก” เหมือนแม่จะไม่เห็นยูคยอมครับ รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก

“ได้ครับ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมไปนวดให้นะครับ” แม่ยกมือขึ้นลูบหัวผมก่อนเดินเข้าบ้านไป

หลังมั่นใจว่าแม่เดินไปไกลจากจุดที่ยืนอยู่แล้ว ผมก็นั่งลงมองเจ้าหมาที่นอนเกือกกลิ้งฟองสบู่ประหนึ่งเป็นของเล่นสุดแสนวิเศษที่หาไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้...สบายไหมล่ะเอ็ง

“กลับบ้านมาถูกได้ยังไงเนี่ยเจบี” ผมเกาคางให้เจ้าหมาน้อยที่พอได้ยินชื่อก็เป็นต้องหูกระดิก

“รู้จักพี่ผมด้วยเหรอฮะ” มือผมหยุดโดยอัติโนมัติก่อนหันไปมองยูคยอมที่ยืนพิงกำแพงอยู่ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ เดี๋ยวนะครับ ถ้าเจ้าตัวนี้ไม่ใช่เจบี...แล้วนี่หมาใคร

“พี่...เจบีน่ะเหรอ?” เจ้าหมาน้อยพยักหน้าพร้อมส่งสาตาบ๊องแบ๊วมาให้ เออ...จะว่าไปตัวนี้มันแบ๊วกว่าเจบีแฮะ

“ทำไมไม่อยู่เฝ้าบ้านล่ะแบมแบม” อ้อ...หมาของโกสท์ลามกอีกตัวสินะ หมาเยอะจริงๆ

“โหเจ้านาย ทิ้งผมไว้บ้านตัวเดียวแล้วแอบหนีกันออกมาแบบนี้ไม่เห็นหนุกเลย”

“แบมแบมเหรอ...?”

“คร้าบ~” เจ้าหมาน้อยหันตามเสียงเรียกทำเอาผมหัวใจแทบละลาย ตัวน้องน่ารักกว่าตัวพี่อีกครับ แม่...ขอบคุณนะครับที่เก็บเจ้าหนูนี่เข้าบ้าน

“ฉันชื่อยองแจนะ เป็นเพื่อนกับเจบี” แบมแบมเอาหน้ามาถูมือของผมก่อนวางขาหน้าลงบนมือข้างหนึ่ง อิแม่...ตาฮักหลาย

“ผมแบมแบมฮะ ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะพี่ชาย” น้ำตาจะไหล เจ้าหนูนี่เห็นผมเป็นผู้ชายล่ะครับท่านผู้โช้ม

“หื๊ม~~~ น่ารักจัง มาเดี๋ยวพี่อาบน้ำให้นะครับ” ได้ยินอย่างนั้นน้องหมาแบมแบมก็นอนแผ่หราให้ผมเกาพุงสบายใจเฉิบ

จะว่าไปเขาตัวเล็กกว่าเจบีเยอะเลยนะครับ แถมตาคนละสีด้วย ของเจบีข้างนึงสีฟ้าอีกข้างสีเทาส่วนของแบมเป็นสีเหลืองอมส้มทั้งสองข้างเลย แถมขนนุ่มมากด้วยแม่เอาซันซิลมาอาบให้น้องป่ะวะ...

ผมขัด นวด ถูให้สมาชิกใหม่อย่างเมามันพลางนึกไปว่าแวร์วูฟกลายร่างเป็นคนได้นี่ เจบียังหล่อตี๋ขนาดนั้นแล้วแบมแบมล่ะจะหน้าตาแบบไหนนะ คิดแล้วก็ต้องส่ายหัว เป็นหมาแบบนี้น่ารักกว่าเยอะ

เอ๊ะ...

เดี๋ยวนะ...

ผมเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้งก็ต้องเบิกตากว้างจนมันแทบจะถลนออกมานอกเบ้า

ชิบหายแล้วครับ พรุ่งนี้พระจันทร์เต็มดวง...

หลังจากอาบน้ำให้แบมแบมกับนวดให้แม่เสร็จแล้วผมก็เดินขึ้นห้องพร้อมกับยูคยอมทันทีปล่อยให้น้องหมาตัวใหม่นอนดูทีวีกับแม่อยู่ข้างล่าง ความชิบหายนี้ผมไปได้มาแต่ใด ผมไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้างปีศาจสองตัวเลยนะครับ สองตัวโตๆเลยด้วย

“นายจะเดินอีกนานไหม”

ผมหันไปมองคนพูดที่ดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรสักนิด อยากจะกรี๊ดใส่หน้าให้รู้แล้วรู้แรดกันไปเลย

“ช่วยเดือดร้อนกับฉันหน่อยได้ไหมยูคยอม พรุ่งนี้มันคืนพระจันทร์เต็มดวง อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ร่างกายของนายก็จะปรากฏให้ใครต่อใครเห็นได้แล้วนะ ตอนนี้แม่ฉันอยู่บ้านด้วยสิ จู่ๆมีผู้ชายเพิ่มมาคนนึงแม่ต้องสงสัยแน่ๆ”

ยูคยอมพยักหน้าแล้วสั่งให้ผมไปนั่งข้างๆ

“ไม่นั่ง”

“จะนั่งดีๆหรือจะมานั่งตัก” เท่านั้นล่ะครับผมรีบลากเก้าอี้มานั่งพลางเกาะพนักพิงแน่นจนแทบจะสิงมันเลยทีเดียว นั่งแล้วจ้าพ่อคุณนั่งแล้ว

“ช่วยกันคิดดิ๊” ยูคยอมดูขัดใจเล็กน้อยที่ผมไม่ยอมไปนั่งข้างๆ ก็มันเป็นบนเตียงอ่ะ...

“ฉันบอกนายเหรอว่าพอร่างฉันปรากฏแล้วฉันจะสิงสิ่งของไม่ได้?” เอ้า แล้วก็นั่งใบ้แดกอยู่ตั้งนาน

“อ้าว...ฉันจะรู้ไหมล่ะ”

“แต่...” ผมมองหน้ายูคยอมด้วยความหวาดระแวง คำว่าแต่ของไอ้ผีลามกนี่ต้องแฝงไปด้วยความกาม ตัณหาและปัญหาแน่ๆ

“โกสท์จะกินวิญญาณในคืนพระจันทร์เต็มดวง” ขุ่นพระ...ผมนั่งอึ้งไปพักหนึ่ง ไม่นะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะสูญเสียเธอไป ขาดเธอไปฉันจะอยู่อย่างไร...

“น...นายไม่ได้เพิ่งกินวิญญาณไปเหรอ วัน...วันนั้นไงที่เราเจอกันครั้งแรก แล้วไหนนายบอกโกสท์จะกินวิญญาณเดือนละครั้งไง” ต้องนึกย้อนหาข้ออ้างยืดชีวิตไว้ ผมรู้ว่าการกินวิญญาณของโกสท์จะไม่ทำให้เหยื่อตาย แต่มันฟังดูน่ากลัวนี่ครับ

“ฉันอยากกินวิญญาณของนาย” จบครับ ไม่ต้องขอร้องใดๆ ยูคยอมบอกจะกินคือทำยังไงเขาก็จะกิน บอกจะเอาดิ้นแค่ไหนก็เอาได้!

“ก...ก็ได้...แต่บอกวิธีกินได้ไหมอ่ะ” อย่างน้อยขอรู้ล่วงหน้าก่อนจะได้ทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ

ยูคยอมส่งยิ้มหวานมาให้ทำเอาขนลุกไปทั้งร่าง เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินเข้ามาช้าๆ นิ้วชี้แตะลงที่ริมฝีปากของผมอย่างแผ่วเบาพร้อมใบหน้าหล่อที่เลื่อนลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน

“จำวันที่ทำพันธะสัญญาได้ใช่ไหม” หืมมมม อย่าว่าแต่จำได้เลยความเจ็บและสัมผัสยังตราตรึงอยู่จนถึงตอนนี้เลยพี่เอ๊ย!

“อือ” ผมทำได้แค่ส่งเสียงผ่านลำคอตอบกลับไป อะไรก็ตามบนร่างกายของยูคยอมที่แตะปากอยู่ ห้ามขยับปากเป็นอันขาดไม่งั้นความซวยจะเกิดแก่ตัวเองแน่นอน...

“ทำแบบนั้นแหละ” พูดจบยูคยอมก็ลากนิ้วผ่านปากลงมาจนถึงคางก่อนออกแรงเชิดมันขึ้นพร้อมประกบจูบลงมาอย่างแผ่วเบา

ผมฟาดแขนเขาไปสองทีด้วยความเขิน ยูคยอมเลยแกล้งด้วยการกัดปากล่างแล้วดึงให้มันครูดกับฟันของเขา การกระทำเมื่อครู่ทำเอาสติผมหลุดลอยไปไหนต่อไหน ทำไมปีศาจตนนี้ถึงได้ชอบทำอะไรแบบนี้นักนะ

ยัง! ยังมายิ้มอีก

“หน้าแดง”

“ไม่ต้องมาแซว!” ผมฟาดไปอีกรอบ ครั้งนี้หมั่นไส้ล้วนๆไม่มีความเขินอายผสม ไม่หมั่นไส้ล้วนยินดีคืนเงิน

จะว่าไปตอนทำพันธะสัญญามันต้องประทับตราด้วย...แล้วครั้งนี้ต้องทำไหมวะ เจ็บเหี้ยๆเลยนะนั่น

“ยูคยอม...ครั้งนี้จะเจ็บเหมือนครั้งแรกไหมอ่ะ”

“หมายถึงเซ็กซ์เหรอ?” ไอ้นี่ก็คิดแต่อะไรแบบนี้จังเลย มาเอาอีกไหม เอาจนตายไปเลยไหม!

“ไม่ใช่! ฉันหมายถึงตอนประทับตราเหยื่อต่างหาก เอะอะก็ลามกตลอดเลยนายเนี่ย!” ยูคยอมยักไหล่พร้อมทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“ไม่เจ็บหรอก แต่นายอาจเวียนหัวนิดหน่อย”

คำว่านิดหน่อยของโกสท์ตนนี้เชื่อถือได้แค่ไหนครับ...

“ไม่เจ็บจริงๆนะ โกหกไม่เล่นด้วยนะ” ยูคยอมหลุดขำออกมา มือหนาเลื่อนมาขยี้หัวผมแล้วเดินกลับไปนั่งบนเตียงดังเดิม หลังๆมานี้เขาหลุดขำบ่อยนะครับ เสียงขำนี่อยากซื้อไปทิ้งจริงๆ พอๆกับเสียงขำของตุ๊ดเมกาเลย...

“อยากรู้สึกอย่างอื่นด้วยไหมล่ะ” สีหน้ายูคยอมดูเจ้าเล่ห์ปนทะเล้น หมั่นไส้แรงจนต้องเบะปาก อยู่มาแปดร้อยกว่าปีแล้วน้ำยายังไม่หมดอีกรึไง...มีเยอะนักเหรอห๊า!

“ทะลึ่ง ลามก หื่นกาม กวนตีน” จบด้วยการชูนิ้วกลางใส่แล้วเดินลงไปชั้นล่างโดยไม่สนใจเสียงหัวเราะของคนโดนด่า

โกสท์บ้าอะไรวะชอบให้ด่า แม่งสายเอ็มแน่ๆ เป็นมาโซใช่ไหม! ผมสังเกตมานานแล้วนะครับหลายครั้งแล้วด้วยที่พอผมด่าหรือตีมักจะทำสีหน้าชอบอกชอบใจเกินเหตุ น่ากลัวแท้...

นั่งดูทีวีกับแม่ไปพลางก็นึกถึงเจบี เจ้าหมาน้อยหายไปไหนนะ กลับบ้านไม่ถูกหรือเปล่า พี่แจ็คสันคงไม่เอาเจบีไปใช้แรงงานอีกหรอกนะ

“แม่หายไปนานเลย ไปทำงานอะไรมาครับ” ผมสะบัดเรื่องต่างๆออกจากหัวให้หมด ขอใช้เวลาอยู่กับแม่ดีกว่า

“รับจ้างทั่วไปเหมือนเดิมแหละลูก” แม่ไม่เคยบอกผมเลยว่าท่านทำงานอะไร แม้ผมจะพยายามถามแค่ไหนท่านก็ยังตอบเหมือนเดิมทุกครั้ง

“มันจำเป็นต้องไปทำงานไกลบ้านด้วยเหรอครับ ผมโทรหาไม่ค่อยติดด้วย” แม่เอื้อมมือมาลูบหัวผม สีหน้าของท่านดูกังวลจนผมไม่อยากซักถามอะไรอีก ผมสงสัยนะว่าแม่ทำงานอะไรกันแน่ แล้วพ่อของผมท่านหายไปไหน

“แม่ขอโทษนะลูก” คำขอโทษที่ได้ยินจากปากแม่ทุกครั้งที่ท่านกลับมา ผมส่ายหน้าแล้วเอนตัวลงนอนตักแม่

“อย่าขอโทษผมเลยครับ ผมต่างหากที่ต้องขอโทษแม่ ผมไม่ได้ช่วยอะไรแม่เลย”

แม่หยิกแก้มผมเบาๆ ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของท่านอีกเลย ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมด้วยความรู้สึกที่คาดเดาไม่ได้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกได้คือ

ความกังวล

ผมไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่นอนจับมือแม่ไว้เงียบๆ สิ่งที่ผมสงสัยและอยากรู้ สักวันมันคงเปิดเผยออกมาเอง ผมจะรอวันที่แม่ยอมเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง...

 “พี่ยองแจ” ใครมาเรียกวะ

“พี่ยองแจฮะ” ผมสัมผัสได้ถึงแรงเขย่าเบาๆจากแขน คงเป็นแบมแบมแอบปรือตามองคนเรียกด้วยความงัวเงียพลางนึกว่าตัวเองหลับไปตอนไหน แต่แล้วความง่วงทั้งหมดก็หายไปเมื่อเห็นเด็กหนุ่มน่ารักนั่งมองตาแป๋วในระยะห่างไม่ถึงคืบ ผมเด้งตัวขึ้นจากโซฟาทันทีแล้วหันไปมองใหม่อีกรอบ

“แบมแบมเหรอ...” เจ้าของชื่อพยักหน้า ค่อยโล่งใจหน่อยครับ นึกว่าโจรมาปล้นใจ(?)

“คืนร่างมนุษย์แบบนี้แม่พี่ไม่เห็นเหรอแล้วยูคยอมล่ะ” พูดแล้วก็รีบหันซ้ายแลขวาอย่างไว หวังว่าแม่คงยังไม่เห็นเจ้าหนูนี่หรอกนะ

“แม่พี่ยองแจออกไปข้างนอกฮะ ส่วนเจ้านายอาบน้ำอยู่” ดูเป็นหมาที่ซื่อสัตย์ น่ารัก แถมไม่กวนตีนด้วยครับ ตาฮักอิหลี

“นี่แบมแบม” เจ้าหนูแบมในร่างมนุษย์ทำหน้าสงสัย ผมดึงแขนให้อีกคนลุกขึ้นมานั่งข้างๆ

“คืนพระจันทร์เต็มดวงแวร์วูฟจะเป็นยังไงเหรอ” นี่แหละครับที่ค้างคาใจที่สุด อย่างน้อยโกสท์ลามกผมก็พอรับมือได้ แต่แวร์วูฟนี่สิ...

“พลังของแวร์วูฟจะแข็งแกร่งที่สุดในคืนพระจันทร์เต็มดวงครับ ส่วนใหญ่เราจะออกล่าเหยื่อช่วงนั้นกัน” ขุ่นพระ...แบบนี้แบมแบมก็ต้องออกไปล่าเหยื่อน่ะสิ

“งั้นนายก็ต้องออกไปล่าเหยื่อใช่ไหม?” ผิดคาดที่คนโดนถามส่ายหน้า

“ผมไม่ไปไหนหรอกฮะ อยู่บ้านกินอาหารเม็ดก็สบ๊ายสบายแล้ว ปล่อยให้พี่เจบีออกไปล่าเหยื่อเล่นดีกว่า ออกไปด้วยก็เกะกะพี่เปล่าๆแถมพี่ชอบบ่นงุ้งงิ้งตลอด น่ารำคาญจริงๆ แก่จนขนหงอกแล้ว” เออะ...ผมว่าแบมแบมนี่ก็ขี้บ่นใช่ย่อยนะครับ ไม่ค่อยต่างจากเจบีเท่าไหร่เลย...

“ถ้าเจบีได้ยินนายโดนกัดแน่ๆ” ผมหันไปมองยูคยอมที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพเปียกทุกส่วนพร้อมผ้าขนหนูที่ถูกพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ คือ...จะเช็ดตัวก่อนเดินออกมาได้ไหม

“พี่มันหูดีจะตาย ตอนนี้หอนใหญ่เลยฮะเจ้านาย ด่าผมด้วยแหละ” ผมว่าบ้านนี้แม่งแปลกๆทั้งหมาทั้งเจ้านาย กูควรทำตัวให้ชินไปกับพวกเอ็งใช่ไหม คิดถึงน้องเอินเมียรักเหลือเกิน ดูปกติที่สุดในบรรดาปีศาจทั้งหมดแล้วจริงๆ

“แล้วเหยื่อที่พวกนายล่าคืออะไรเหรอ?” ขอเสือ กอีกเรื่อง ไม่สิ ต้องเรียกศึกษาเรื่องของอีกฝ่ายให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ต่างหาก

“ปกติแวร์วูฟก็ล่ามนุษย์แหละครับ แต่ตระกูลของผมถูกฝึกให้ล่าปีศาจชั่วร้ายน่ะฮะ” เอ็งจะครับหรือจะฮะเอาสักอย่างซิ...ประเด็นมันบ่ได้อยู่ตรงนั้น

“ก็ดีแฮะ แล้วปีศาจชั่วร้ายนี่ยกตัวอย่างเช่นอะไรล่ะ” แบมแบมทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบคำถามของผม

“ก็อย่างเช่นพวกแวมไพร์บางตน พวกกอบลิน การ์กอยล์ แล้วก็ผีดิบฮะ”

“ตัวสุดท้ายอะไรนะ?”

“ผีดิบฮะ”

ชิบหายแล้ว...


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 13 [06/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 05-04-2018 23:53:38
ตอนที่ 13
Full moon night

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 06/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813956#msg3813956)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817068#msg3817068)

เหตุการณ์ต่างๆอาจไม่เป็นอย่างที่คิดเสมอไป

ไม่มีสิ่งใดที่สามารถคาดการณ์ได้ ทั้งที่คิดว่าควรจะเป็นแบบนั้น

แต่ผลกลับตรงกันข้าม…

ว่ากันว่าคืนพระจันทร์เต็มดวงนั้นเปรียบดั่งงานเลี้ยงสุดหฤหรรษ์ที่เหล่าปีศาจทั้งหลายพร้อมใจกันออกมาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับพลังของตนโดยการ ‘ออกล่า’

เลือด เนื้อ วิญญาณ เครื่องใน หรือแม้แต่สมองสดๆ

ผู้ใดเล่าจะใคร่รู้ว่าปีศาจที่ออกล่าสิ่งเหล่านั้นยังคงดำรงชีวิตอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน แม้จำนวนจะลดน้อยลงจากเมื่อหลายร้อยปีก่อนไปมากก็ตาม ในคืนนี้ย่อมมีทั้งผู้สุขสม และผู้ทุกข์ทรมาร คุณอยากเป็นผู้ใดล่ะ? ผู้ถูกล่า หรือผู้ล่า

มองท้องฟ้าสิ ดวงจันทร์จะบอกคุณเอง

เป็นเวลาหลายชั่วโมงแล้วที่เด็กมัธยมขังตัวเองไว้ในห้องน้ำโดยมีปีศาจยืนทำหน้าเซ็งอยู่ด้านนอก ถึงเวลาอาหารแล้วแต่เหยื่อกลับเล่นตัวเสียเหลือเกิน ใจอยากจะทะลุผ่านประตูเข้าไปอุ้มออกมาเสียเดี๋ยวนี้แต่ยองแจกลับไม่ให้ความร่วมมือกับยูคยอมเอาเสียเลย

“นายจะอยู่ในนั้นไปถึงเมื่อไหร่” โกสท์เอ่ยปากถามคนในห้องน้ำที่ส่งเสียงบ่นเป็นระยะ

“ฉันเครียดเรื่องมาร์คแต่ถ้าฉันออกไปฉันก็โดนนายกิน ทำยังไงดีวะ อ๊ากกก!” ถอนหายใจเป็นรอบที่สามของวัน ช่างเป็นเหยื่อที่ชอบทำให้เขาปวดหัวอยู่เรื่อย

“ออกมาซะ!” ยูคยอมตะโกนลั่น เสียงกุกกักดังมาจากอีกฝั่งก่อนคนด้านในจะรีบเปิดประตูออกมา ที่ออกมาก็เพราะตอนนี้ร่างกายของโกสท์ปรากฏแล้วน่ะสิ ซึ่งแน่นอนว่าเสียงที่ตะโกนออกไปนั้นคนธรรมดาย่อมได้ยินแถมชัดเสียด้วย

“จะตะโกนทำไมห๊ะ!” คราวนี้ยองแจดันเป็นฝ่ายตะโกนเสียเอง

โกสท์หนุ่มยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจก่อนออกแรงฉุดข้อมือให้เหยื่อเดินออกห่าง-

จากห้องน้ำ ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องนั่งรออีกเป็นชั่วโมงเพื่อให้ยองแจออกมา ความอดทนของโกสท์น่ะไม่ได้มีมากนักหรอก

“ยูคยอม...เดี๋ยวดิ ขอโทรหามาร์คก่อนได้ไหมอ่ะ” ยูคยอมชักหงุดหงิดแต่ก็ยอมให้ยองแจโทรหาเพื่อนโดยดี พอจะเข้าใจอยู่หรอกว่าเป็นห่วงแต่ก็ไม่น่าขังตัวเองไว้ในนั้นเสียนาน บางทีโกสท์เองก็แอบคิดว่าเหยื่อของตนเองนั้นสติดีหรือเปล่า...

หลังได้รับอนุญาตจากยูคยอมแล้ว ยองแจก็รีบตรงดิ่งไปหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรหาเพื่อนสนิททันที ไม่น่าปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนนี้เลย

“พี่เอินฐาพูดค่ะ” ยองแจถอนหายใจเฮือกใหญ่ ถึงแม้จะเอือมระอาแต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้ว่ามาร์คยังอยู่ดี

“เอินมึงไม่เป็นไรนะ”

“ห๊ะ? เป็นห่าอะไรของมึง ลืมกินยาคุมเหรอ” คนฟังกำโทรศัพท์แน่น แทบจะปาทิ้งออกนอกหน้าต่าง ดีที่ตระหนักได้ทันว่าบ้านไม่ค่อยมีเงิน

“คุมเหี้ยอะไรล่ะ คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง พวกแวร์วูฟจะออกล่ามึงอ่ะ นี่กูเป็นห่วงมึงนะสัด” หลังแร็พด่าใส่เพื่อนเรียบร้อยก็มานั่งหอบใกล้กับยูคยอมที่แอบกลั้นขำอยู่เงียบๆ

“โถที่รัก พี่เอินฐาปลอดภัยดีครับมึง ปกติกูก็ไม่เคยถูกล่าอะไรหรอก ผัวอ่ะคิดมาก” ได้ยินอย่างนั้นคนเป็นห่วงก็แอบโล่งใจ เขาคิดมากไปเอง ความจริงมาร์คอยู่มาได้ตั้ง 121 ปีเลยนี่...คิดแล้วก็ไม่น่าเป็นห่วงมันเลย

“ยังไงก็ระวังตัวนะ สัญญากับกูว่ามึงจะปลอดภัย” ยองแจรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจแต่สมาธิได้ถูกรบกวนโดยโกสท์ลามกที่เริ่มแผลงฤทธิ์เสียแล้ว

“สัญญาครับ” ปลายสายตอบกลับมาพร้อมกับยูคยอมที่เริมฝังหน้าลงกับซอกคอขาวพลางดูดเม้มให้เกิดรอยจางๆ

“อึก...ส...สัญญากับกูแล้วนะ รักษาสัญญาด้วย” ยองแจเอื้อมมือไปจิกหัวยูคยอมแน่นพร้อมดันหัวเขาให้ออกห่างแต่ก็ไม่เป็นผล แรงมนุษย์ย่อมสู้แรงปีศาจไม่ได้อยู่แล้ว

“เสียงกระเส่าเชียวนะมึง เอากันอยู่ก็ไม่ต้องโทรหากูสิ” ปากคอเราะร้ายสไตล์ตุ๊ดอเมริกา

“คิดอะไรจัญไรจริงๆมึงเนี่ย รักมึงนะ ดูแลตัวเองด้วยเข้าใจไหม” ยองแจต้องคอยกลั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดเข้าไปในสาย โกสท์ลามกดูเหมือนจะพอใจกับการแกล้งเหยื่อของตัวเองเสียเหลือเกิน จมูกโด่งเลื่อนขึ้นไปซุกไซร้แก้มนิ่มจนอีกคนเริ่มหน้าแดง

“เข้าใจแล้วครับที่รัก”

“แล้วเจอกันนะครับเอินที่รัก รักนะเด็กโง่” จบด้วยประโยคคุ้นเคยที่ต้องพูดทุกครั้งก่อนรีบวางสายแล้วเตรียมหันไปต่อว่าปีศาจขี้แกล้ง

เมื่อหันไปปากก็ถูกปิดไม่ให้พูดทันที ยูคยอมประคองหน้าของยองแจไว้แล้วบดขยี้ริมฝีปากนั้นอย่างหื่นกระหาย คนถูกรุกตกใจกับการกระทำที่กะทันหันจนเผลอขบริมฝีปากล่างของโกสท์โดยไม่ตั้งใจ

การกระทำทุกอย่างหยุดลง

ยูคยอมเดินไปค้นลิ้นชักก่อนหยิบเนคไทป์เส้นคุ้นเคยที่ใช้เล่นกับเหยื่อติดมือมา เขามองอีกฝ่ายที่ส่ายหน้าเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกค้นออกมา โกสท์ส่งยิ้มให้เหยื่อก่อนใช้ไทป์ผูกปิดตายองแจไว้ ดวงตาสีแดงโอบล้อมด้วยสีดำทมิฬฉายชัด

เวลาอาหารเริ่มขึ้นแล้ว

ลมหายใจเฮือกใหญ่ถูกพ่นออกมาหลังวางสายโทรศัพท์จากเพื่อนรักไป ผีดิบรู้สึกไม่สบายใจนักที่ต้องโกหกยองแจ ค่ำคืนนี้สำหรับเขาแล้วยากลำบากพอควรเลยล่ะ เหล่าแวร์วูฟที่แอบซุ่มรอโจมตีอยู่ด้านนอกนั้นมีจำนวนไม่น้อยเลย

มาร์คเดินออกไปนอกระเบียงพลางทอดสายตามองไปบนกำแพงสูง แวร์วูฟจำนวนห้าตัวยืนอยู่บนนั้นและอีกหลายตัวที่หลบซ่อนอยู่ตามพุ่มไม้ มากันอีกแล้วเหรอ ‘การล่าผีดิบของแวร์วูฟ’ ทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้ไปฆ่าใครหรือทำอะไรไม่ดีแต่ก็ยังถูกล่าเพียงเพราะเป็นผีดิบ...

“มาอีกแล้วไอ้หมานั่น”

นิ้วกลางถูกส่งไปทักทายแวร์วูฟตาสองสี ผู้นำกลุ่มแวร์วูฟในการออกล่าผีดิบ

‘เจบี’

กลายเป็นเรื่องน่าอึดอัดไปเสียแล้วเมื่อหัวหน้าแวร์วูฟกับผีดิบผู้ตกเป็นเหยื่อได้รู้จักกัน มาร์คนั้นเรียกได้ว่าเป็นเจ้านายของแวร์วูฟเจบีเช่นกัน หนึ่งร้อยปีก่อนเขายังออกล่าผีดิบได้อย่างสบายใจแต่ตอนนี้มันกลับทำให้เจบีคนนี้แทบจะเป็นบ้าเพราะความเครียด

“หมาหมู่ตลอดเลยนะพวกแกน่ะ” มาร์คยกยิ้มพร้อมส่งสายตาเหยียดหยามไปให้เหล่าแวร์วูฟ เรียกเสียงขู่จากพวกมันได้เป็นอย่างดี เขาไม่กลัวพวกนี้หรอกและยังไม่เคยมีแวร์วูฟตัวไหนทำร้ายเขาได้เสียด้วย

“เหวอ!” เสียงร้องดังมาจากถนนด้านล่าง แวร์วูฟกำลังส่งเสียงขู่ก่อนค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหาบุคคลที่ร้องเสียงหลงเมื่อครู่ ทำไมมนุษย์หมาป่าธรรมดาถึงหลุดมาอยู่ในเขตนี้ได้ แต่สิ่งนั้นยังไม่สำคัญเท่าเหยื่อของแวร์วูฟ ‘มนุษย์’

“เห้ย!” ดวงตาสีเลือดปรากฏขึ้นก่อนผีดิบจะกระโดดจากระเบียงลงไปยังถนนที่มีมนุษย์กำลังถูกปองร้ายอยู่

“อย่าเข้ามา!” ผีดิบประกาศกร้าว มนุษย์หมาป่าหยุดการเคลื่อนไหวราวกับต้องการดูเชิงอีกฝ่าย

มาร์คเดินเข้าไปหาปีศาจหน้าขนพร้อมกับเสียงขู่อันแสนโหยหวนของผีดิบ แวร์วูฟชะงักไปครู่หนึ่งหากแต่ยังไม่ยอมถอยกลับไป มันอาศัยพละกำลังขาที่มีมากกระโดดข้ามตัวผีดิบไปตะครุบเหยื่อที่มันหมายปองทันที

“ย...อย่าฆ่าผมเลย” มนุษย์คนนั้นร้องขอชีวิตพลางกอดกระเป๋าไว้แน่น

ผีดิบปราดเข้าไปดึงหางแวร์วูฟออกมา หมัดขวาถูกส่งไปกระแทกกลางลำตัวของหมาป่า ร่างของมันกระเด็นและครูดไปกับพื้นกรวดจนเลือดไหลซิบ แวร์วูฟธรรมดาไม่สามารถทนแรงของผีดิบจึงได้แต่นอนนิ่งไม่ไหวติง

“เป็นอะไรไหม?” มาร์คส่งมือให้อีกคนจับพร้อมกับดึงคนที่เข่าอ่อนล้มพับให้ยืนขึ้นแล้วเช็คสภาพร่างกายให้ โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไรมาก มีแค่แผลถลอกเล็กน้อย

“ข...ขอบคุณที่ช่วยครับ” มาร์คส่ายหน้าให้กับคำขอบคุณ มือขวาวางลงบนไหล่ของคนตรงหน้าเบาๆ สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่คำขอบคุณแต่เป็นการปกปิด

“อย่าเอาเรื่องที่เห็นไปบอกใคร” เด็กหนุ่มพยักหน้า แต่จู่ๆดวงตาก็เบิกกว้างพร้อมเสียงตะโกนที่ดังตามมา

“ข้างหลัง!” มาร์คหันไปมองตามเสียงบอก แวร์วูฟตัวหนึ่งกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ เขี้ยวคมถูกง้างออกเตรียมฝังลงบนร่างของเป้าหมาย เขาใช้ตัวบังคมเขี้ยวของหมาป่าให้กับเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขา

โชคยังดีที่ผิวหนังของผีดิบนั้นหนาพอที่จะไม่ทำให้เกิดแผลใหญ่นัก

ต้องปรบมือให้กับเหล่ามนุษย์หมาป่า พวกเขาจะไม่บุกเข้าไปพร้อมกัน หากแต่จะเข้าไปขย้ำเหยื่อทีละตัวจนกว่าเหยื่อจะหมดแรงหนีและตายไปเอง

“หนีไปซะ!” มาร์คคลายอ้อมกอดออกแล้วรีบไล่เด็กหนุ่มตรงหน้าให้หนีไป

“ต...แต่ว่าไหล่คุณ” มาร์คขัดใจที่เด็กนี่ไม่ยอมทำตามที่เขาบอก ควรจะเหวี่ยงมันไปไกลๆเลยดีไหม

“ฉันไม่เป็นไร นายหนีไปซะ” พูดจบก็หันหลังไปปะทะกับแวร์วูฟทันที

ดวงตาสีเลือดถูกเผยอีกครั้ง เส้นเลือดที่เริ่มปูดโปนขึ้นตามร่างกายพร้อมกับผิวที่ซีดลงไม่ต่างจากศพเดินได้เลย หลังจากรู้ว่าผีดิบชั้นสูงจะได้รับพลังของโกสท์มาครึ่งหนึ่งมันทำให้เขาอยากลองใช้พลังนั้นดูแม้จะยังไม่รู้ว่าพลังที่ได้รับมาจากมารดามันคืออะไรก็ตาม ที่ผ่านมาได้แต่ใช้พลังของผีดิบมาตลอดเลยนี่

“ไอ้หมาขี้เรื้อน”

แวร์วูฟพุ่งเข้าใส่ร่างของผีดิบทันที กรงเล็บถูกปล่อยออกมาพร้อมข่วนลงบนแขนจนเกิดเป็นแผลเหวอะน่ากลัว มาร์คขมวดคิ้วมุ่นก่อนสะบัดแขนข้างที่โดนกรงเล็บสองสามครั้ง เสื้อยืดที่ใส่อยู่ถูกฉีกออกมาพันแผลนั้นไว้อย่างลวกๆ แต่ยังทำแผลไม่เสร็จดีแวร์วูฟตัวเดิมก็กระโจนเข้ามาชนจนร่างล้มลงครูดกับพื้น

แวร์วูฟคืนร่างมนุษย์แต่ยังคงกรงเล็บของหมาป่าไว้ เท้ายกขึ้นแล้วเหยียบลงบนหัวของมาร์คก่อนกรงเล็บแหลมคมจะสร้างแผลลงกลางหลังของผีดิบ

“อ๊ากกกกกกกกก!!!” ร่างของผีดิบดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด กรงเล็บนั่นเคลือบผงเงินบริสุทธิ์ไว้...

ความเจ็บแล่นปราดเข้าใส่จนตั้งตัวไม่ทัน มาร์คจิกเล็บลงกับพื้นเพราะความปวดหนึบของแผล เลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากบาดแผลนั้นพร้อมกับเลือดบางส่วนที่กระเด็นไปโดนเด็กหนุ่มคนเดิมที่ยังคงไม่หนีไป ผีดิบหงุดหงิดเมื่อเห็นว่าเด็กคนนั้นยังไม่ยอมหนีไป เขาอุตส่าห์กระโดดลงมาช่วยแท้ๆ

“บ้าเอ๊ย!” กำปั้นหนาทุบพื้นด้วยความสมเพชตัวเอง พวกแวร์วูฟรู้จุดอ่อนของผีดิบชั้นสูงอย่างเขาเสียแล้ว

แวร์วูฟตัวเดิมเตรียมแทงกรงเล็บทะลวงหัวใจเพื่อปิดฉากการต่อสู้นี้ กรงเล็บเงินถูกง้างจนสุดจนก่อนจะส่งมันลงไปประทับรอยแผลบนร่างของผีดิบที่นอนนิ่งเพราะถูกตรึงศีรษะไว้ด้วยเท้า

กรรรรรรร!

หัวหน้าแวร์วูฟกระโจนลงมาจากกำแพง เสียงขู่ถูกส่งไปหาลูกน้องจนผู้ถูกขู่ชะงักไป ทุกอย่างผิดแผนไปหมดเพียงเพราะเจ้าแวร์วูฟบ้าตัวนี้ดันไม่ทำตามคำสั่งของเขา วันนี้ที่เขาพาพวกมาเพื่อคอยคุ้มครองมาร์คจากแวร์วูฟตัวอื่น ไม่ใช่เพื่อมาฆ่าเขา

“ฉันสั่งแกว่ายังไง! ไปตายซะ!” พูดจบเจบีก็กัดแขนของแวร์วูฟตัวนั้นจนขาดสะบั้น แวร์วูฟตัวอื่นต่างรู้ดีว่าไม่ควรยื่นมือเข้าไปยุ่งเมื่อหัวหน้าของพวกเขาโกรธ และสมควรแล้วที่มันตัวนั้นจะได้รับบทลงโทษ ช่างเป็นการลงทัณฑ์ที่เหมาะกับความโง่เขลาของมันเสียจริง

เจบีคืนร่างมนุษย์ก่อนนั่งลงแล้วประคองร่างของมาร์คขึ้นมา มือหนาออกแรงตบหน้าของผีดิบเบาๆพอให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว ลมหายใจรวยรินทำให้หัวหน้าแวร์วูฟอยู่ไม่สุขเอาเสียเลย

“บ้าเอ๊ย! ตุ๊ด อย่าตายนะเว้ย!” เจบีเขย่าร่างของมาร์คเบาๆ คนโดนเขย่าขมวดคิ้ว นิ้วกลางถูกยกขึ้นมาถูหน้าเจ้าหมาป่าจอมกวนโอ๊ยทันที

“หนวกหู! ก็แค่เสียเลือดนิดหน่อยเองโว้ย” แม้จะพยายามอดกลั้นความเจ็บไว้ก็ตาม แต่เจบีมองมันออกเสียทะลุปุโปร่งเลยล่ะ

“คือ...พาเขาไปรักษาเถอะนะครับ” เจบีมองหน้าเด็กหนุ่มที่มาร์คช่วยไว้ พลางนึกไปว่าเด็กนี่ทำไมไม่กลัวพวกเขากันนะ

“นายทำไมไม่ยอมหนีไป” มาร์คถามเสียงแหบพร่า ดูเหมือนผีดิบจะเริ่มไม่ไหวเสียแล้วสิ

“ผมทิ้งคุณไม่ได้...ผมขอโทษ” เด็กหนุ่มก้มหน้าสำนึกผิด มาร์คหัวเราะเบาๆสติเริ่มเลือนรางเข้าไปทุกที ใบหน้าแนบลงกับอกของหัวหน้าแวร์วูฟก่อนสติจะดับวูบไป สร้างความตื่นตกใจให้เจบีไม่น้อย

“กลับบ้านไปซะฉันจะพาเขาไปรักษาเอง” พูดจบเจบีก็อุ้มมาร์คขึ้นแนบอกแล้วเตรียมวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง

“เดี๋ยวครับ! ผมชื่อจินยองนะ บอกเขาด้วยว่าผมขอบคุณเขาจริงๆที่ช่วยผมไว้ ผมจะไม่ลืมพระคุณเลย” แวร์วูฟพยักหน้ารับแล้วรีบกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดขึ้นไปบนระเบียงห้องที่มาร์คกระโจนลงมา

เจบีวางมาร์คลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาพอจะรู้วิธีคืนพลังให้ผีดิบ วิธีการจะคล้ายกับพวกแวมไพร์แต่ออกจะเจ็บตัวไปเสียหน่อย...เอาวะ! ดีกว่าถูกแฟนเจ้านายเกลียด

กรงเล็บคมกรีดลงบนแขนของตัวเองจนเลือดไหลหยดลงบนปากของคนที่นอนนิ่งอยู่ แผลที่เริ่มเปิดกว้างทำให้เลือดไหลรินเข้าไปมากกว่าเดิม เจบีชักแขนกลับก่อนเลียปิดแผลของตนเอง

“เลือดนาย...รสชาติห่วยดีนะ” ตื่นขึ้นมาก็แขวะเขาเสียแล้ว แต่ก็แอบโล่งใจที่มาร์คได้สติเร็วกว่าที่คาด

“อย่าพูดมาก” เจบีพยุงให้มาร์คลุกขึ้นนั่ง แผลของผีดิบมีหลายจุดมาก คงต้องคืนพลังให้ก่อนถึงจะรักษาบาดแผลให้ได้ แวร์วูฟถอดเสื้อออกเผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่เรียกได้ว่าค่อนข้างสวยเลยทีเดียว

เจ้าหนูสามขวบมองการกระทำนั้นไม่วางตาพร้อมแอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นซิกแพ็คของเจบี

“ถึงฉันจะไม่ใช่มนุษย์ แต่มากินฉันซะ”

“ห๊ะ...”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 13 [06/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-04-2018 15:53:30
 o13 สนุกดีครับ..


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 16 [13/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 12-04-2018 22:41:33
ตอนที่ 14
Enchanted

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 13/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3813960#msg3813960)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817070#msg3817070)

“ถึงฉันจะไม่ใช่มนุษย์ แต่มากินฉันซะ”

“ห๊ะ...” เมื่อครู่เขาไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม ทำไมจู่ๆแวร์วูฟถึงได้พูดอะไรประหลาดแบบนั้นกันล่ะ

“ฉันบอกว่ามากินฉันซะ” มาร์คถึงกับยกมือขึ้นทาบอก ความจริงเขาก็ไม่ใช่คนทะลึ่งอะไรแต่ก็อดคิดกับประโยคนั้นไม่ได้

“กิน...กินอะไรล่ะ” เจบีถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนขยับเข้าไปใกล้มาร์คที่นั่งนิ่งตัวแข็งทื่อด้วยความเกร็ง

“กินฉันไง...กัดมาเลย จะกัดตรงไหนก็ตามใจนาย” ผีดิบมองเรือนร่างของแวร์วูฟก่อนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหนูสามขวบจะได้ลิ้มลองรสชาติเนื้อสดๆ แต่ทำไมต้องเป็นเนื้อหมาล่ะ...

“อา...ฉันไม่กินหมาอ่ะ” เจบีหลุดขำออกมา ถึงปากจะพูดออกมาแบบนั้นแต่หารู้ไม่ว่าการกระทำกับคำพูดที่ออกมามันช่างตรงข้ามกันเสียเหลือเกิน สายตาที่จ้องมองมาพร้อมที่จะพุ่งเข้ามาทุกเมื่อแบบนั้น...

“น้ำลายไหลแล้ว” มาร์ครีบยกข้อมือขึ้นปาดน้ำลายที่มุมปากหลังโดนแซว ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงระเรื่อก่อนจะหันหลบสายตาของเจบีที่จ้องไม่วางตา

“นี่เป็นการฟื้นพลังให้แก่ผีดิบ นายต้องกินเนื้อสดๆเข้าไปพลังจึงจะฟื้นคืน” ดวงตาสีเลือดเหล่มองแวร์วูฟด้วยความลังเล ที่เจ้าหมานั่นพูดเป็นความจริงหรือเปล่านะ...

“ฉันไม่เป็นไร” เพราะความกลัวที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจทำให้มาร์คเลือกปฏิเสธเจบี แม้ร่างกายของเขาจะอ่อนแอลงเรื่อยๆก็ตาม

“อย่าดื้อน่ะ ไม่น่ารักเอาซะเลย” เจบีขมวดคิ้วมุ่นอย่างขัดใจหลังดุเด็กดื้อตรงหน้า พอจะรู้หรอกว่ามาร์คน่ะยังเด็กแต่ก็ไม่คิดว่าจะรับมือยากแบบนี้

“ฉันไม่อยากให้หมาแบบแกมาชมว่าน่ารักหรอก”

เจบีกระตุกยิ้มก่อนปล่อยหูและหางออกมา มาร์คมองหางที่กวัดแกว่งกลางอากาศ เขี้ยวคมฝังลงบนริมฝีปากของตนเองด้วยความเผลอไผล ในเมื่อผีดิบไม่ยอมฟื้นพลัง แวร์วูฟจึงเลือกที่จะรักษาบาดแผลให้แก่เขาก่อน

“ยื่นแขนมา” เจ้าหนูผีดิบไม่ยอมยื่นแขนตามคำสั่งแวร์วูฟเจบี เจ้าตัวจึงจัดการดึงมันเสียเอง

“โอ๊ย เจ็บ!” มาร์คถลึงตาใส่ แผลของเขานั้นไม่ใช่เล็กๆเลย แม้มันจะสมานตัวไปบ้างแล้วแต่ความเจ็บปวดก็ยังคงหลงเหลืออยู่ดี

แวร์วูฟเจบีตรึงการเคลื่อนไหวของผีดิบไว้ด้วยนัยน์ตาสองสีของเขา ร่างโปร่งยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนปนหยอกล้อ

“ถ้ากลั้นเสียงไม่ไหว จะร้องออกมาก็ได้นะ” สิ้นเสียงเจบีก็เริ่มลากลิ้นผ่านลำคอขาวลงมาที่ไหปลาร้าช้าๆ คนโดนรุกตกใจจนเผลอส่งเสียงประหลาดออกมา

“อ๊ะ...” เจบีครางเสียงทุ้มในลำคอพร้อมกับลิ้นที่เริ่มลากไล้ผ่านปากแผลที่เปิดอยู่

ลิ้นร้อนตวัดเลียเลือดที่ไหลรินเป็นทางยาวพลางจูบซับบาดแผลแผ่วเบาราวกับต้องการปลอบปะโลมเด็กน้อยตัวสั่นเทาที่พยายามกัดปากตัวเองไว้เพื่อกลั้นเสียงร้อง ลมหายใจหอบรวยรินพร้อมเสียงซี้ดดังเป็นระยะ ถ้าคนอื่นผ่านมาได้ยินต้องเข้าใจผิดเป็นแน่...

“ไอ้...หมา เลียเบาๆได้ไหม มันแสบ” เจบีเลียปิดปากแผลบนแขนเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมาเช็ดคราบเลือดที่ไหลปนน้ำลายลงมาเปื้อนคางอย่างลวกๆ แผลที่แขนยังไม่ใหญ่เท่าบนหลัง คงต้องบังคับให้มาร์คกินเนื้อเสียแล้วเพราะถ้าเลียรักษาให้คงได้กรามค้างไปสามวันแปดวันแน่

“...เลือดนายนี่ขมชะมัด”

“ก็กินเข้าไปเอง ฉันไม่ได้บอกให้ทำสักหน่อย” เจ้าเด็กนี่ไม่รู้จักบุญคุณเอาเสียเลย ถ้าไม่เห็นแก่ยองแจเขาไม่มีทางมารักษาไอ้เด็กผีดิบนี่เด็ดขาด

“หึ ตอนเลียให้ก็ครางเพราะดีนี่ เสียงนี่กระเส่าจนข้างล่างเริ่มตึงเลยล่ะ”

เจ้าหนูผีดิบหน้าแดงทันทีหลังมองตามที่แวร์วูฟพูด...ไอ้หมานี่มัน...

“อย่ามาทะลึ่งกับฉันนะไอ้หมา!” มาร์ครัวกำปั้นใส่ไหล่ของเจบีจนคนแซวทนไม่ไหวจับข้อมือเด็กดื้อรวบขึ้นพาดไว้เหนือหัว ถึงแม้ผีดิบจะมีแรงมากกว่าแวร์วูฟแต่สำหรับเขาน่ะเป็นข้อยกเว้น

“ชู่ว...เลิกงอแงแล้วกินซะ ฉันเลียแผลที่หลังให้ไม่ไหวหรอก” มาร์คเบือนหน้าหนีเม้มปากแน่นแสดงอาการขัดขืนเต็มที่ คนอย่างเอินน่ะไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรอกนะ...แต่ถ้าหล่อมีหกห่อก็อาจจะยอม

“ฉันไม่กิน”

“ตุ๊ด!” คนโดนเรียกหันกลับมามองด้วยสายตาจิกกัด อยู่ห่างกันไม่ถึงสามสิบเซนติเมตรด้วยซ้ำจะตะโกนทำไมกัน

“อะไร”

“จะกินไหม” มาร์คส่ายหน้าแทนคำตอบ เจบีรู้สึกเบื่อหน่ายกับการหลอกล่อเด็กจนต้องงัดแผนอื่นขึ้นมาใช้ ดูซิว่าจะยอมกินไหม

“ถ้าไม่กินฉันจะกินนายแทน”

แคว้ก!

แวร์วูฟฉีกเสื้อของคนเจ็บจนขาดวิ่น เผยให้เห็นเนินอกขาวน่าสัมผัสจนเกือบเผลอใจไปวูบหนึ่ง มาร์คยกแขนขึ้นมาปิดหน้าอกของตัวเองไว้พลางจ้องมองเจบีด้วยสายตาเอาเรื่อง

“อย่ามายุ่งกับฉันนะ!” เจบีกระตุกยิ้ม มือแกร่งเสยผมที่ปรกตาตนเองขึ้น เม็ดเหงื่อผุดพรายตามไรผมแล้วไหลรินลงตามกรอบหน้าหล่อ มาร์คมองตามหยาดเหงื่อที่ไหลจากคอผ่านลงไปที่หน้าท้องด้วยความลืมตัว อีกฝ่ายแกล้งส่งเสียงกระแอมเบาๆจนเจ้าหนูสามขวบนึกอายแทบจะมุดหมอนหนีเสียตั้งแต่ตอนนี้

“นี่...” เจบีโน้มหน้าเข้าไปใกล้มาร์คเรื่อยๆหวังแกล้งให้อีกฝ่ายเขินเล่น

“กินซะเด็กดี” แวร์วูฟกดหน้าของผีดิบลงกับไหล่ของตนเอง ความโหยหาต่อเลือดเนื้อของมาร์คทำให้เจ้าตัวยอมอ้าปากแต่โดยดี
เขี้ยวคมถูกฝังลงกับท่อนไหล่ก่อนออกแรงฉีกกระชากจนเนื้อส่วนนั้นหลุดออกไป

“อึก...บ้าเอ๊ย! เจ็บชะมัด” เจบีสอดมือเข้าไปขย้ำกลุ่มผมนุ่มราวกับต้องการหาที่ระบายความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น
เนื้อของแวร์วูฟถูกผีดิบกลืนลงคอไปอย่างง่ายดาย มาร์คหอบหายใจเสียงดังจนเจบีเริ่มประหลาดใจ สองแขนออกแรงดันให้อีกฝ่ายออกห่างจากตัว คิ้วหนาขมวดมุ่นกับภาพตรงหน้า ดูเหมือนการคืนพลังจะยุ่งยากเสียแล้วสิ

“กรร...เนื้อ อึก”

อาการคลุ้มคลั่ง...

เส้นเลือดปูดโปนขึ้นตามร่างกาย สีผิวซีดไม่ต่างจากศพ ดวงตาสีแดงสดจ้องมองแวร์วูฟด้วยความหิวกระหาย ความสุขสมในการลิ้มลองรสชาติของเนื้อครั้งแรกทำให้ผีดิบไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เลือด เนื้อ เขาต้องการมัน ต้องได้กินมัน

“โว้ว!” เจบีกระโดดหลบเมื่อจู่ๆมาร์คก็พุ่งเข้าใส่ เขาประมาทเองที่ไม่ทันคิดถึงผลที่จะตามมานี้

“ยุ่งยากจริง” เจบีกุมแผลที่ไหล่พลางออกแรงบีบห้ามเลือด คงต้องใช้เวลาสักพักกว่าเนื้อจะสมานตัว ตอนนี้ต้องกล่อมให้เจ้าเด็กคึกคะนองนี่สงบลงเสียก่อน

“เนื้อ...” แวร์วูฟหักข้อนิ้วจนเกิดเสียงดังกร็อบ เขาไม่รู้วิธีกล่อมผีดิบเสียด้วยสิ คงต้องลองผิดลองถูกเองเสียแล้ว คิดได้ดังนั้นเจบีก็ปราดเข้าประชิดตัวมาร์คทันที ร่างหนาผลักให้คนตัวเล็กกว่าให้นอนราบ แขนแกร่งตรึงร่างนั้นไว้กับพื้นก่อนขึ้นคร่อม

“ดิ้นจังโว้ย! ทำตัวง่ายๆหน่อยได้ไหม” เจบีสบถเมื่อมาร์คดิ้นขัดขืนแล้วพลิกตัวเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน เออ ถ้าชอบแบบออนท็อปพี่ก็จะจัดให้ไอ้น้อง

เจบีจัดการประสานมือเข้าที่ท้ายทอยของมาร์คแล้วดึงให้อีกคนโน้มตัวลงมา หน้าผากของทั้งคู่ชนกันอย่างแรงจนเลือดไหลซึม มาร์คเริ่มดิ้นอีกครั้งพลางส่งเสียงขู่ไปด้วย ยัยลูกแมวเอ๊ย!

“ชู่ว ใจเย็นๆ มองตาฉัน นายได้ยินฉันไหม” แวร์วูฟยังคงใจเย็นอยู่ แม้การปลอบไอ้เด็กเสียสตินี่จะยากสำหรับเขาพอสมควรก็ตาม

“แฮ่! ปล่อย อึก...อ๊าก อ๊า” เพียงครู่หนึ่ง แม้จะเลือนรางแต่มาร์คยังพอมีสติอยู่ เขาต้องดึงมันกลับมาก่อนที่ความคลั่งจะทำลายจิตใต้สำนึกเสียก่อน

“เอาล่ะ ได้เวลาอยู่ด้านล่างแล้วเด็กดี” สิ้นเสียงคนพูดก็พลิกตัวกลับไปขึ้นคร่อมดังเดิม มือแกร่งประคองหน้าของคนใต้ร่างไว้ ใบหน้าคมคายเลื่อนไปกระซิบปลอบปะโลมข้างใบหูด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไอ้ตัวแสบฟังฉันสิ ได้สติสักที กลับมาด่าฉันเหมือนทุกครั้งสิ เรียกชื่อฉัน ร้องหาฉัน”

มาร์คกำข้อมือของเจบีแน่น หยาดเลือดสีแดงค่อยๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวย การต่อสู้กับจิตใจของตนนั้นช่างยากเหลือเกิน เจบีเลื่อนนิ้วปาดของเหลวสีสดให้กับร่างเล็กตรงหน้า ความผูกพันที่มีมากว่าร้อยปีทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย

“กลับมาสิ”

“ฮึก ฮือ...” หยาดเลือดยังคงไหลรินจากดวงตาของผีดิบ ความเศร้าโศกเสียใจที่เห็นบาดแผลของแวร์วูฟเกิดเป็นความหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจ

“อย่าร้อง เรียกชื่อฉันสิ” เจบีจูบหน้าผากของมาร์คแผ่วเบาก่อนค่อยๆลากไล้ผ่านสันจมูกลงมาที่ริมฝีปากแล้วหยุดไว้เพื่อรอฟังเสียงของอีกฝ่าย

“เจ...บี”  กลีบปากสีเชอร์รี่ถูกบดขยี้ทันทีหลังเอ่ยชื่อของแวร์วูฟ

ความลุ่มหลงและหลงใหลแปรเปลี่ยนความเกลียดชังในสายเลือด ความสัมพันธ์ฉันผู้ล่าและเหยื่อจักจบสิ้น
พันธะสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว

ร่างเล็กนอนสั่นสะท้านด้วยความกลัวโดยมีโกสท์หนุ่มคอยปลอบปะโลมอยู่ข้างๆ สันจมูกโด่งซุกไซร้กับซอกคอขาวพลางสูดกลิ่นหอมหวลของเรือนร่างนั้น

“ทำไมต้องปิดตาด้วยเล่า!”

กำปั้นเล็กทุบอกปีศาจลามกที่เริ่มลวนลามตนเองมากกว่าเมื่อครู่ เขาไม่ได้มีรสนิยมอะไรแบบนี้สักหน่อย!

“ถ้านายกลัวฉันก็อดกินสิ” คำตอบของยูคยอมทำเอายองแจขมวดคิ้วด้วยความขัดใจ โกสท์ตนนี้เคยห้ามได้ด้วยหรือ?

คนใต้ร่างสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนที่เริ่มลากไล้ผ่านไหปลาร้าลงไปที่อก นิ้วเรียวสอดเข้าไปขยุ้มไรผมของยูคยอมด้วยความรู้สึกวาบหวาม สัมผัสนุ่มละมุนแปรเปลี่ยนเป็นหนักหน่วงทันใด ริมฝีปากดูดเม้มอกขาวให้เกิดตราประทับสีกุหลาบเด่นชัด

“ย...อย่าเล่นได้ไหม” เสียงหวานกระเส่าจนตนเองนึกอาย ร่างกายที่ยูคยอมคอยปลุกปั่นกำลังเชื่อง

“หึหึ” ยูคยอมเลื่อนขึ้นไปจูบยองแจพลางดูดเม้นกลีบปากล่างของอีกผ่ายจนสติแทบกระเจิง เล็บจิกลงกับท่อนแขนแกร่งของโกสท์ด้วยความเผลอไผล

“อือ...”

“อย่าเสียงดังล่ะ”

ริมฝีปากบางถูกบดเบียดทันทีหลังโกสท์พูดจบ ไร้ซึ่งการรุกล้ำใดๆ เพียงแค่ประกบปากเท่านั้น โกสท์อย่างยูคยอมน่ะชอบแกล้งเหยื่อนักแหละ ยิ่งเป็นเหยื่อที่ถูกใจแล้วล่ะก็เขาไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่นอน

แต่ท้องดันหิวเสียแล้วสิ...

“กินล่ะนะ”

ลิ้นร้อนรุกเข้าไปตวัดตักตวงความหวานภายในโพรงปากอย่างรวดเร็ว มือหนารวบข้อมือเล็กขึ้นไว้เหนือหัว

 ริมฝีปากอิ่มดูดดุนก่อนกระชากกลับจนร่างของเหยื่อกระตุกวูบ  ควันสีขาวลอยคละคลุ้งในอากาศก่อนจะถูกเจ้าของนัยน์ตาสีเลือดดูดกลืนมันเข้าไปจนหมด เศษเสี้ยววิญญาณของเหยื่อที่ถูกโกสท์ผู้ทำพันธะสัญญาดึงออกมาสามารถฟื้นคืนได้เอง
ช่างเลิศรส

“แค่กๆ ย...ยูคยอม” ยองแจเรียกหาโกสท์ด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย

สิ่งที่ใช้พันธนาการดวงตาถูกนำออกไป น้ำใสคลอหน่วงที่ขอบตา ลมหายใจรวยรินกับกลีบปากสีเชอร์รี่ที่บวมเจ่อ เหยื่อแสนล้ำค่าของยูคยอม ไม่ยอมให้ใครแย่งไปเด็ดขาด

“เด็กดี” ก้มลงจูบซับน้ำตาให้อีกคนก่อนดึงตัวร่างเล็กให้ลุกขึ้นแล้วจัดการอุ้มมานั่งตักตนเอง

“ดีกับผีสิ ไหนบอกแค่เวียนหัวไง เกือบอ้วกแล้วไหมล่ะ” แม้คำพูดของยองแจจะขัดอารมณ์ไปเสียหน่อย...หน่อยที่ไหนล่ะ

“ทำตัวน่ารักๆเหมือนเมื่อวานไม่ได้หรือไง” คนตัวเล็กหน้าแดงทันที ใบหน้าน่ารักซุกลงกับไหล่กว้างของยูคยอมพลางใช้กำปั้นทุบอกเขาเบาๆ

“อย่าพูดนะ!” ความจริงเขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานไม่ได้เลยสักนิด แต่ฟังจากที่ยูคยอมเล่าให้ฟังตอนอยู่ในป่าแล้วเขาคงทำเรื่องที่น่าอายมากเลยทีเดียว

“จะพูดให้ฟังบ่อยๆเลย” ยองแจทุบอกโกสท์ลามกอีกรอบ ทำไมความหื่นกามของหมอนี่ถึงไม่ยอมลดลงบ้างเลยนะ แถมดูท่าว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยเสียด้วยสิ

“เลิกหื่นกามสักวันนี่จะอายุสั้นลงรึไงห๊ะ!” เงยหน้าขึ้นมาหวังจะด่าให้หูชาแต่อีกฝ่ายดันประกบปากเข้ามาเป็นเชิงห้ามก่อนผละออกช้าๆเล่นเอาต้องกลืนคำด่าทั้งหมดลงคอไปอย่างช่วยไม่ได้

“ลองไม่โวยวายสักวันสิ”

“เพราะอยู่กับโกสท์อย่างนายเลยต้องโวยวายไง!” นิ้วชี้ถูกยกขึ้นแตะปากคนโวยวาย

“อย่าเสียงดังสิ แม่นายอยู่นี่”

ด้วยความหมั่นไส้ ยองแจอ้าปากงับนิ้วยูคยอมเต็มแรงแต่ก็ต้องเจ็บใจเมื่ออีกฝ่ายไม่แสดงท่าทีเจ็บปวดเลยสักนิด นอกจากเรื่องบนเตียงแล้วความรู้สึกอย่างอื่นคงตายด้านไปหมดเลยสินะ...

“พรุ่งนี้เราไปหามาร์คกันนะ”
   
โกสท์หนุ่มทำเพียงพยักหน้า ถึงแม้เขาจะสั่งให้เจบีไปดูแลหลานแล้วแต่ก็อดห่วงไม่ได้เช่นกัน แวร์วูฟเจบีน่ะตัวอันตรายเลยล่ะ โดยเฉพาะช่วงพระจันทร์เต็มดวงจะยิ่งอันตรายเป็นพิเศษ แต่หลังจากนี้เขาต้องแยกเจบีกับหลานของเขาให้ห่างกันมากที่สุดอีกไม่นานจะเข้าสู่ช่วงฤดูผสมพันธุ์ของแวร์วูฟ

อาการติดสัดของเจบีจะกำเริบ


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 16 [13/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 12-04-2018 22:45:41
ตอนที่ 15
Chaotic

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 13/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817068#msg3817068)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817071#msg3817071)

   คืนพระจันทร์เต็มดวงผ่านไปแล้วครับพี่น้อง! รออะไรครับปรบมือกันสิ(?) เมื่อคืนโกสท์ลามกสูบพลังผมไปซะเยอะ เล่นเอาเกือบลุกไม่ไหวเลยล่ะครับ

เรื่องเมื่อคืนช่างมันไปก่อนนะครับ มาโฟกัสปัจจุบันกันดีกว่า ตอนนี้ผมจะออกจากปราการหนาแน่นนี้ยังไงนี่สิน่าคิด

“ยูคยอม” จัดมาเต็มเหนี่ยวเลยครับพี่ กอดแน่นขนาดนี้กลัวผมหายหรือไงก็ไม่รู้

“ขออีกชั่วโมงนึง” เดี๋ยวๆปกติเขาต้องบอกว่าขออีกห้านาทีเปล่าวะ นี่พี่เอ็งเล่นขอเป็นชั่วโมงเลยเหรอ...

“จะนอนต่อก็ไม่ว่าหรอก แต่ปล่อยฉันได้ไหมจะไปอาบน้ำ” ยูคยอมกดหัวผมให้แนบไปกับอกแทนคำตอบ

เมื่อความอึดอัดเข้าเล่นงานผมจำเป็นต้องหาทางออก นั่นไง ชอบถอดเสื้อนอนนักใช่ไหม? มาลองอะไรสนุกๆกันครับ หลังคิดอะไรชั่วร้ายได้ผมก็ลงมือทันที

“เห้ย!” ยูคยอมสะดุ้งสุดตัวพร้อมถอยไปอีกฝั่งจนเกือบตกเตียง ผมมองรีแอคชันของยูคยอมด้วยความอึ้ง ปีศาจที่ทำห่าอะไรก็ไม่เคยแสดงความรู้สึกเลยแต่กลับมาสะดุ้งตกใจเพียงเพราะถูกหยิกหัวนมเนี่ยนะ...

“โอ๊ะโอ...” คราวนี้เป็นผมเองที่ต้องถอยหลังสัมผัสได้ถึงออร่าความดาร์คแผ่ซ่านออกมาจากตัวยูคยอม

“ใจกล้าดีนี่” ยูคยอมคว้าเสื้อที่ถอดพาดไว้บนหัวเตียงมาสวมก่อนเอื้อมมือมาคว้าแขนผมแล้วลากให้เข้าไปใกล้

ผมเงยหน้ามองโกสท์ลามกที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งพร้อมจะทำโทษตลอดเวลา ชิบหายแต่เช้าเลยครับ สถานการณ์แบบนี้จะทำอย่างไรได้นอกจากง้อ

“ยูคยอมอ่า~” ผมดึงแขนยูคยอมมากอดพลางส่งสายตาอ้อนวอนไปให้ อย่าทำอะไรผมเลยขอเวลาพักสักสามสี่วันได้ไหม...

“หยุด”

“ยังไม่ได้ทำอะไรเลย!” กำลังจะงัดลูกอ้อนออกมาใช้เลยครับ นี่เล่นเบรกซะหน้าเกือบทิ่ม

“ฉันไม่ชอบให้อ้อน น่ารำคาญ” จบครับ ไม่ต้องทำอะไรแล้ว แม่ครับผมน้อยใจปีศาจลามกนี่ได้ไหม

“เออ! ไม่อ้อนแล้ว เก็บไว้ไปอ้อนมาร์คดีกว่า” พูดจบก็รีบลุกหนีออกมาจากห้องทันที ใครจะอยู่รอให้ยูคยอมทำโทษล่ะครับ

Mark Present

แสงแดดที่ส่องลอดช่องว่างระหว่างม่านแยงเข้าตาทำให้ผมจำใจต้องตื่น ความปวดหนึบที่แผ่นหลังแล่นปราดเข้าปะทะทันทีเมื่อขยับตัว ไอ้หมาป่าขี้เรื้อนนั่นทำไว้แสบนักนะ

“ปวดโว้ย ทำไมแผลหายช้าจังวะ” ผมบิดขี้เกียจสุดแขนแล้วเตรียมลุกไปแปรงฟันแต่สายตาดันไปสะดุดกับหางพวงโตที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา
ขุ่นพระ...

ภาพเมื่อคืนฉายชัดจนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปส่องกระจกดูสภาพตัวเอง ผมถอดเสื้อยืดที่สวมอยู่ออกแล้วโยนมันลงไปกองไว้ที่พื้น
โอ้มายก็อด....

คิสมาร์คเต็มตัวเลยครับ แขน หน้าอก เอว สะโพก แต่คอนี่หนักสุดมาเป็นวงแทบจะรอบคอเลย มึงไม่ทำเป็นสร้อยคอไปเลยล่ะอิหมาหน้าไม่อาย!

“เจบี!” ผมปาขวดแชมพูที่หยิบติดมือมาใส่หัวไอ้แวร์วูฟหน้าขนที่นอนหลับสบายใจเฉิบอยู่

ปั้ก! จัดไปเต็มๆกบาลหมา

“โวยวายอะไรแต่เช้า” เจบียันตัวเองให้ลุกขึ้น คิ้วคมเข้มขมวดมุ่นพลางอ้าปากหาวหวอดจนคนมองอย่างผมเกือบหาวตาม อะไรจะหาวแซบหาวนัวขนาดนั้นล่ะ...

“ดูนี่!” ผมชี้รอยที่เขาทำไว้ แต่เขาดันตอบกลับมาด้วยความจัญไร

“อืม นมใหญ่ดี” ใหญ่พ่อง! ความจัญไรนี้ไปได้มาแต่ใด

“ไม่กวนตีนดิ ดูรอยที่แกทำไว้สิ! คิดว่ารอยมันจะอยู่กี่วันห๊ะ! พรุ่งนี้ฉันต้องไปโรงเรียนแล้วนะ จะให้ใส่ชุดดำน้ำไปเรียนเหรอไอ้หมาบ้า!” ดูมันครับ ด่าขนาดนี้แล้วยังทำเฉยอีก

“นายบอกให้ฉันทำเองนี่ ดูดอีกสิ ตรงนั้น ตรงนี้ ดูดแรงๆ ยิ่งเสียงครางนี่โคตรเด็ด” ผมแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ไม่เห็นจะจำได้เลย ไอ้หมานี่ต้องมั่วแน่ๆ!

“ฉันไม่เชื่อหรอก อย่ามาโกหกฉันนะ!”

“มานี่มา” เจบีกระดิกนิ้วเรียกให้ผมเข้าไปหา เหอะ! คิดว่าจะไปไหมล่ะ...ไปสิครับรออะไร

สองขาหยุดยืนด้านหน้าหมาป่าขี้ตู่ เขาดึงตัวผมให้ไปนั่งคร่อมบนตักแล้วค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนหน้าผากของเราจรดกัน ความทรงจำของเจบีเมื่อคืนแล่นเข้ามาในหัว

“อึก...เจบี แรงอีก”

“ทำตรงนี้ด้วยสิ”

“ดูดอีก”

อู้วหูวววววว มาทั้งภาพทั้งเสียงเลยครับ เมื่อคืนกูทำอะไรลงไป เสียตัวแล้วหรือยังวะ

“เมื่อคืนเราได้เสียกันหรือยังอ่ะ” ถามแบบหน้าด้านๆนี่แหละครับ อยากรู้ก็ต้องถามสิครับ

“ยัง...แต่ก็คงเร็วๆนี้” ประโยคหลังผมได้ยินไม่ชัดเท่าไหร่ ได้ยินคำว่ายังแค่นี้ผมก็โล่งอกแล้วครับ น้องเอินยังซิงอยู่ค่ะทุกคน กรี๊ดดด!

“แต่ฉันก็ต้องไปโรงเรียนอยู่ดี จะทำไงกับรอยพวกนี้ล่ะ” ผมลุกออกจากตักของเจบีก่อนหยิบหมอนมาปาใส่หน้ามึนๆนี่ เห็นแล้วหมั่นไส้!

“ก็ไม่ต้องไปดิ” นี่ก็พูดง่ายจังเลย...

“กวนตีน” ผมถอนหายใจให้กับความอดสูนี้ เดี๋ยวก็คงหาทางแก้ได้เองล่ะครับ ตอนนี้มาเช็คเมสเสจกันดีกว่า

ฉบับแรก: ดวงวันนี้ ระวังความลับจะถูกเปิดเผย

ขุ่นพระ! ความลับอะไร นี่กูมีความลับด้วยเหรอ

ฉบับที่สอง: เจ๊! ทำไมไม่ตอบแชทหนูอ่ะ ไปแรดที่ไหนอยู่ เฮลโหลวววว

เฮลโหลวพ่องสิ สามร้อยมิสคอลมาจากมึงนี่เองสินะอิเซฮุน แชทเอ็งมีอะไรน่าตอบไหมล่ะ

ฉบับที่สาม: เอินที่รัก วันนี้กูจะไปหามึงนะ อีกชั่วโมงนึงเจอกัน รักนะเด็กโง่

อ้าวผัว...ส่งมาเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว ปกติผมต้องดีใจจนบ้านแตกแน่นอนครับ แต่พอหันไปดูสภาพห้องแล้ว...ควรจัดการกับอะไรก่อนดี

“เจบีๆๆๆๆๆๆ” คนโดนเรียกสะดุ้งตื่นก่อนส่งสายตางุนงงมาทางผม นี่ปลุกแล้วก็ยังหน้ามึนหลับต่ออีกแต่เห้ย...น่ารักว่ะ ถุย! มันไม่ใช่เวลามาบ้าผู้ชายสักหน่อย

“หือ?”

“ยองแจจะมา ช่วยฉันเก็บของที่มันกระจัดกระจายในห้องหน่อย” ผมสั่งเจบีไปพลางเก็บของไปพลาง อะไรบ้างวะเนี่ยกระจัดกระจายไปหมด

“ขี้เกียจ” มันใช่เวลามาขี้เกียจไหมล่ะไอ้หมา

“จะเก็บไหม” ผมยืนท้าวสะเอวมองหน้าไอ้หมาป่าที่มั่นคงในความขี้เกียจมาก ผู้ชายแบบนี้จะไม่เอามาเป็นผัวแน่นอน...ถ้าไม่หล่อมีหกห่อก็ไม่เอา

“เออๆเก็บก็ได้” พูดจบก็จัดการรื้อผ้าห่มกับผ้าปูที่นอนออก นี่ผมนอนบนคราบเลือดเยอะขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน อยากจะอาบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อจริงๆ

ประเด็นนั้นพับเก็บไปก่อนนะครับ

“ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า!!!!!” อู้วหูว อิแม่ใจบ่ดี เห็นแค่ท่อนบนยังพอรับไหวนี่มาเป็นลำ เอ้ย! ไม่เอาไม่กามดิ

“ก็มันร้อน” ร้อนมากเลย น้องเอินร้อนรุ่มไปหมดแล้วค่ะแม่ หุ่นหมาป่าแซ่บมาก...หุ้ย! มันก็ไม่ใช่เวลามาแรดหรอก

ผมปากางเกงที่อยู่ใกล้ๆใส่หน้าเจบี ถึงจะหล่อหุ่นดีหน้าตี๋มีซิกแพคแต่เวลานี้น้องเอินไม่สนครับ ต้องรีบทำให้ห้องอยู่ในสภาพเดิมภายในเวลา 45 นาที ซึ่ง 15 นาทีมันหายไปกับการก่นด่าหมาป่าชีเปลือยซะแล้ว 30 นาทีชีวิต(?)ของผมจะเป็นอย่างไร พักชมสิ่งน่าสนใจสักครู่เดียว!

ไม่ใช่ละ...

“เจบี” ทั้งที่อยากเรียกว่าไอ้หมาเหมือนก่อนแต่ปากกลับเรียกชื่อซะงั้น ผมว่ามันต้องมีบางอย่างผิดปกติ

“ก็เก็บอยู่นี่ไงจะบ่นอะไรอีกล่ะ”

“บ่นแต้อะไรเพิ่งจะเรียกชื่อเนี่ย เอะอะก็ว่าบ่น” เอออันเนี้ยบ่นของจริง

“ก็บ่นแล้วนั่นไง”

“เออน่า! เสร็จแล้วเอาผ้าไปใส่ตะกร้าตรงนู้นเดี๋ยวมีคนมาเก็บไปซัก เออบอกพ่อบ้านมาปูเตียงใหม่ด้วยนะ ให้เขาดูดฝุ่นที่พรมด้วยขนหมาเต็มห้องเลยเนี่ย ฉันจะไปอาบน้ำแล้วก็จัดการกับไอรอยบ้าๆนี่ เข้าใจนะ?” โอ้โหผมนี่ไปแข่งรายการ Show me the money ได้เลยนะเนี่ย

“พูดมากเดี๋ยวก็ปล้ำซะหรอก” อย่านะ...เอินยอมนะ

“เดี๋ยวก็ตบหางหลุด ไป เก็บไปไว้นู่น!” ชี้นิ้วสั่งเจบีเรียบร้อยก็เดินไปหยิบขวดแชมพูที่ปาใส่เจบีแล้วเดินเข้าห้องน้ำ ถ้าออกไปแล้วห้องไม่เรียบร้อยแม่จะตบหางหลุดจริงๆเลยคอยดู

Youngjae Present

หลังหลบหนีการโดนโกสท์ลามกทำโทษมานานสองนานในที่สุดผมก็มาถึงบ้านน้องเอินเมียรักแล้วครับ! คนที่พามาส่งก็คุณวอลเตอร์สุดน่ารักนางฟ้าตัวน้อยๆของผม(?)นั่นแหละ  ผมเดินนำหน้ายูคยอมกับแบมแบมไปก่อน ก็มันอยากเจอนี่ครับ เป็นห่วงจนแทบจะบ้าอยู่แล้ว เมื่อถึงประตูก็ต้องถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่กดกริ่ง อาจจะดูไร้มารยาทไปสักหน่อยก็ผมห่วงของผมอ่ะ...

“เอินที่ร้ากกกกก” วิ่งไปเปิดประตูด้วยความไวแสงแต่ก็ต้องรีบปิดเมื่อเปิดเข้าไปเจอมาร์คกำลังใส่เสื้อผ้าอยู่พอดี

เห้ยเดี๋ยว...ในห้องมันทำไมมีคนอยู่ด้วย ว่าแล้วก็เปิดไปดูอีกทีครับ

แกร๊ก!...แอ๊ดดด

ประตูเปิดออกได้ไม่ทันไรเจ้าหมาน้อยตัวใหม่ก็รีบกระโจนเข้าไปในห้องทันที

“พี่จ๋า~~” ฟังจากที่แบมแบมเรียกแล้วคนในห้องต้องเป็นเจบีไม่ผิดแน่ครับ แล้วสองคนนี้มาอยู่ด้วยกันได้ยังไง ฮั่นแน๊! ชักจะมีเงี่ยนเอ้ย! เงื่อนงำแล้วสิ

ผมกับยูคยอมเดินเข้าไปในห้องก็ต้องตกใจกับการแต่งตัวของมาร์ค อะไรของมึงวะเอิน มึงจะไปดำน้ำดูปะการังปลูกป่าดำนานั่งสมาธิตำกะปิที่ท่าเรือรึไง

“แต่งตัวเหี้ยอะไรของมึง” ผมมองเสื้อสเว็ทเตอร์คอเต่าที่มันใส่ด้วยความงุนงง ใส่เสื้อหนาแล้วก็เร่งแอร์ให้หนาวเหี้ยๆ คิดว่าตัวเองเป็นเพนกวินที่ขั้วโลกเหนือเหรอ...

“ไม่เสือกดิ” อ้าว...จุกเลยครับ

“โอ้โห งอนสัดงอน กูกลับแล้ว! ไม่ต้องมาง้อกู ไม่ต้องมาเรียกกูว่าผัว กูไม่เอามึงแล้ว” เท่านั้นแหละครับมันพุ่งมากอดทันที

ตัวของเรายังไม่ทันสัมผัสกันก็มีแรงดีดมหาศาลแยกผมกับมาร์คออกจากกันจนกระเด็นไปคนละทาง ยูคยอมที่ยืนมองสถานการณ์อยู่รีบวิ่งมารับผมทันที ส่วนน้องเอินสามขวบนั้นหัวลงไปวัดพื้นพรมแล้วเรียบร้อย...

“พี่!/เจบี!” ปีศาจสองตนตะโกนขึ้นพร้อมกัน เหมือนเขาสองคนจะรู้อะไรบางอย่าง

คนโดนเรียกส่งยิ้มเจื่อนไปให้ ยูคยอมวางผมลงแล้วเข้าไปหามาร์คที่นอนกุมหัวอยู่ เขาพลิกตัวมาร์คให้นอนคว่ำแล้วเลิกเสื้อขึ้น แผลถูกข่วนเป็นทางยาวที่ยังไม่หายดี แถมดูเหมือนเพิ่งจะเกิดได้ไม่นานอีกทั้งสัญลักษณ์แปลกๆ...เห้ยนั่นมัน...

“โอ๊ยตาจ๋า จะทำอะไรคนเยอะแยะ!” นั่นก็ตามึงไหมล่ะไม่น่าแรดใส่หรอก

 “เจบี...แก” ดวงตาสีเลือดจ้องเขม็งไปทางตัวต้นเหตุทันที ผมว่าผมเคยเห็นรอยอะไรคล้ายๆแบบนี้มาก่อน บนหลังของมาร์คมีตราเหยื่อ...


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 16 [13/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 12-04-2018 22:49:18
ตอนที่ 16
There is no secret

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 13/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817070#msg3817070)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819973#msg3819973)

“แกรู้ตัวไหมว่าทำอะไรลงไป” ยูคยอมดึงเสื้อลงปิดรอยให้มาร์คตามเดิมก่อนเดินเข้าไปกระชากคอเสื้อเจบีจนเจ้าหมาน้อยตัวลอย

“จ...เจ้านายจ๋า ฟังเค้าก่อน” เจบีกำข้อมือของยูคยอมไว้แน่น เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามไรผม สีหน้าบ่งบอกได้ชัดเจนว่าตอนนี้เจ้าตัวกำลังกลัว...

“แกผูกจิตกับหลานของฉันทำไม!” คนโดนตวาดหูลู่หางตก หน้าจ๋อยสนิททันที ปากที่อ้าเตรียมเถียงก็ต้องหุบลงเมื่อหันไปเห็นสายตาโกรธเกรี้ยวของเจ้านายตัวเอง

ผมกับมาร์คหันมาสบตากันพอดี ส่งสายตาไปให้เป็นเชิงถามว่ารู้เรื่องไหม แต่คำตอบที่ได้รับคือการส่ายหน้าของอีกฝ่าย...น้องเอิน หนูโดนทำอะไรมาทำไมหนูไม่รู้เรื่องล่ะลูก...

“คือว่า...เจ้านายฟังผมก่อน” เจบียังคงพยายามเกลี้ยกล่อมโกสท์ให้ใจเย็นลง แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเท่าไหร่ ช่วยหน่อยแล้วกัน...

“ยูคยอม ฟังเจบีอธิบายก่อนเถอะ” ยูคยอมปล่อยมือจากคอเสื้อของเจบี เจ้าหมาน้อยหันมาก้มหัวให้ผมยกใหญ่ก่อนนั่งคุกเข่าลงกับพื้น

“เล่ามา” ยูคยอมยืนนิ่งอยู่ด้านหน้าเจบีพลางจ้องจนเจ้าหมาน้อยเริ่มตัวสั่น

“คือ...เจ้านายรู้ใช่ไหมครับ ว่าแวร์วูฟจะผูกจิตกับบุคคลที่มีจิตผูกพันกัน...เมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน ในคืนพระจันทร์เต็มดวง ผมได้เจอกับเขา...” เจบีเหล่มองเขาที่ว่าจนทุกคนหันไปมองพร้อมกัน

มาร์คชี้หน้าตัวเองด้วยความงุนงง เขาที่ว่าคือน้องเอินนี่เอง...

“ฉันไม่ว่าหรอกที่แกจะมีจิตที่ผูกพันกับหลานของฉัน” เจบียิ้มออกทันที หางถูกปล่อยออกมาสะบัดกวัดแกว่งด้วยความดีใจ

“แต่ฉันอยากรู้ว่าทำไมแกต้องผูกจิตก่อนฤดูผสมพันธุ์ของแวร์วูฟ” โอ้มายก็อด! หมามันร้ายครับ...

“ป๋มไม่รู้”

เจบีหางตกอีกครั้ง รีบดึงน้องมาเป็นเกราะกำบังเจ้านายทันที ผมก็เพิ่งรู้นะครับ...ว่ายูคยอมแม่งขี้หวง

“ฉันจะจับแกไปทำหมัน” ยูคยอมเดินเข้าไปหิ้วตัวเจบีออกมาจากหลังแบมแบม ตัวน้องรีบดึงขาเจ้านายไว้ทันทีก่อนส่งสายตาออดอ้อนไปให้

“เจ้านายจ๋า นอกจากผมแล้วพี่จ๋าก็เป็นแวร์วูฟสายเลือดแท้ตัวสุดท้ายแล้ว เจ้านายอย่าเจื๋อนกะจู๋พี่ทิ้งเลยนะฮะ เหลือไว้ให้พี่ปั๊มลูกเถอะฮะ” ผมแอบกลั้นขำกับมาร์คสองคน ครอบครัวนี้มันยังไงนะ

“หลานฉันมันเป็นผู้ชาย มันท้องได้ซะที่ไหน!” ผิดแล้วยูคยอม หลานนายเป็นตุ๊ด

“เดี๋ยว หยุดทะเลาะกันแปบนึงได้ไหม” ผมรีบเบรคการทะเลาะง๊องแง๊งของผีลามกกับหมาบ้าไว้ก่อนมันจะไร้สาระไปมากกว่านี้ มาถามประเด็นที่ผมสงสัยกันดีกว่า

“ทำไมฉันถึงแตะตัวมาร์คไม่ได้แต่พวกนายกลับแตะต้องได้”

“บอกให้เรียกเอิน”

“เออ ไม่แรดสักนาทีได้ป่ะล่ะ” ผมหันไปดุมาร์ค คนโดนดุทำปากขมุบขมิบล้อเลียน ถ้าผมแตะตัวมันได้นะจะตบหัวให้เลิกเป็นตุ๊ดเลยคอยดู

“คนที่แตะต้องได้มีแค่ผู้ที่ผูกจิตด้วยกับครอบครัวเท่านั้นครับ แบมแบมเองก็แตะไม่ได้” มาร์คชักสีหน้าไม่พอใจ ยกมือขึ้นชี้หน้าเจบีอย่างเอาเรื่อง

“เจบี แกต้องหาทางทำให้ฉันกับแตงสัมผัสกันให้ได้นะเว้ย! ฉันอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่ได้กอดแตงอ่ะ” จู่ๆผมก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทำไมมึงพูดแบบน้าน กูเขิ๊น!

“เออ ก็ยังอธิบายไม่จบเลย! ขัดอยู่นั่น” เอาแล้วไง น้องเอินเจอคนที่เหมาะสมแล้วครับ ไปครับ เชิญไปได้กัน

“ถ้าพกสิ่งของของผมติดตัวไว้ก็สามารถแตะต้องได้แล้วครับ ผมให้กำไลข้อมือกับยองแจนะ”

พูดจบเจ้าหมาน้อยเจบีก็ดึงมือผมไปสวมกำไลให้ ตัวเชือกที่ถักทออย่างดีเข้ากับหินและเขี้ยวที่ร้อยไว้ ดูลงตัวอย่างน่าประหลาด

“ไหนลองดิ๊” พูดจบมาร์คก็พุ่งตัวใส่ผมเต็มแรงจนหัวของเราโขกกัน ด้วยแรงที่โถมเข้ามาทำให้ผมล้มลงกับพื้น

มาร์คที่โดนผมดึงแขนก็ล้มลงตาม เขาใช้มือยันพื้นไว้ไม่ให้ตัวทับผมพร้อมใช้มืออีกข้างรองศีรษะเพื่อกันกระแทกให้ เพียงวูบหนึ่งที่ใจผมสั่นไหวกับภาพตรงหน้า...ทำไมมันหล่อ

“มึงจะรุนแรงไปไหมเนี่ย”

“โทษที กูทนไม่ไหวนี่ อยากกอดมึงใจจะขาดแล้ว” ปีศาจสองตนที่ได้ยินประโยคสนทนาของเราถึงกับต้องจับผมกับมาร์คแยกจากกัน เอ่อ...เอาเข้าไปสองคนนี้

“แล้วฤดูผสมพันธุ์แกจะทำยังไง” ยูคยอมถามหมาป่าของตัวเองพลางดึงมาร์คให้มานั่งใกล้ๆ ดูมันครับเขินจนจะบิดเป็นเกลียวได้แล้ว

“แวร์วูฟจะแยกจากผู้ที่ผูกจิตด้วยเกิน 48 ชั่วโมงไม่ได้...ผมคงต้องอยู่ที่นี่” หลังเหลือบไปเห็นสายตาของคุณตาหวงหลานเจ้าหมาน้อยเจบีก็รีบเติมท้ายประโยคทันที “บางวัน”

“คงต้องให้วอลเตอร์มาสร้างกรงที่นี่ด้วย” เจ้าหมาน้อยหูลู่ทันที พอจะเดาได้ครับ ที่ผ่านมาช่วงฤดูผสมพันธุ์ของแวร์วูฟ ยูคยอมต้องจับเจบีขังกรงไว้แน่นอน

“ตาจ๋า ไม่เห็นต้องสร้างกรงก็ได้นี่ครับ ผมดูแลตัวเองได้นะ”  ยูคยอมเอื้อมมือไปลูบหัวหลานชายตัวเล็กเบาๆ ทั้งที่เพิ่งจะรู้ว่าเป็นหลานของตัวเองเมื่อไม่กี่วันก่อนแต่เขากลับรักและเอ็นดูราวกับอยู่ด้วยกันมานาน มองแล้วอบอุ่นดีครับ

“อี๋เอิน ไอ้หมาตัวนี้น่ะ” ยูคยอมโน้มตัวลงกระซิบข้างหูมาร์ค “มันเซ็กส์จัดนะ หลานทนมันไม่ไหวหรอก”

มาร์ครีบปิดหูตัวเองก่อนเดินมาซุกไหล่ผมทันที มันไปได้ยินอะไรมาวะหน้าแดงเชียว

“อาการของแวร์วูฟจะอยู่นานกว่าสัตว์ทั่วไป ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์แกจะอยู่ในการควบคุมของฉัน” เจบียกมือขึ้นตะเบ๊ะเป็นเชิงรับทราบ

“แล้วแบมแบมล่ะ?” ไม่ห่วงแบมแบมกันบ้างเลยเหรอไอ้พวกนี้ ใจร้าย

“อายุผมยังไม่ถึงช่วงที่จะผสมพันธุ์ได้หรอกฮะพี่ยองแจ แต่ช่วงนั้นผมจะไปอยู่กับแฟน”

ห๊ะ!

เจบีหันคอแทบเคล็ดทันทีหลังน้องชายตัวเองพูดถึงแฟน

“ไปมีแฟนตอนไหนแบมแบม”

“ตอนพี่จ๋าไม่อยู่” เจบีตบมือเข้ากับหน้าผากตัวเองดังปั้ก สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

ถ้าให้ผมเดาอีก อายุของแบมแบมคงพอๆกับมาร์ค การมีแฟน...คงจะเร็วเกินไป

“มันเป็นใคร” คราวนี้ยูคยอมเป็นฝ่ายถาม ถึงจะดูไม่สนใจสัตว์เลี้ยงเท่าไหร่แต่ในใจลึกๆก็เป็นห่วงนี่นา

“เซอร์คัสฮะ” ทั้งห้องเงียบลงทันทีหลังได้ยินชื่อเซอร์คัส ปีศาจสามตนขมวดคิ้วตีหน้าเครียดมีเพียงผมคนเดียวที่สงสัย ผมหันไปมองยูคยอมพลางส่งสายตาให้เขาช่วยอธิบายให้ผมเข้าใจที

“เซอร์คัส มนุษย์ผู้สามารถฝึกปีศาจได้” แบมแบมพยักหน้าหงึกหงัก หางสะบัดเล่นอากาศอย่างซุกซน พอหันไปมองหน้าเจบีก็ต้องกลั้นขำสุดพลัง หมาหงอยครับหมามันน้อยใจ

“มีแฟนแล้วไม่ยอมบอกพี่เลย แบมแบมไม่รักพี่จ๋าแล้ว”  คนน้องสะกิดแขนพี่หยอยๆ หัวทุยๆไถกับแขนของพี่ชายอย่างออดอ้อน ฮึ่ย~ น่าร้าก!

“พี่จ๋าไม่น้อยใจนะ แบมยังรักพี่จ๋าเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีแฟน” หมามันติดโซเชียลแน่ๆ

“เอารูปแฟนน้องจ๋ามาดูเลย”

เอาจริงครับ ปีศาจพวกนี้ปรับตัวเข้ากับโลกสมัยใหม่ได้ดีมาก เกือบทุกตนที่ผมรู้จักมีมือถือ เล่นโซเชียล อัพไอจี มีทวิตเตอร์ ยกเว้นยูคยอมที่ดูเหมือนไม่ค่อยเล่นอะไรเท่าไหร่

“พี่จ๋าเห็นแล้วอย่าด่าน้องนะ” แบมแบมกำโทรศัพท์ในมือแน่นพลางมองหน้าพี่ชายตัวเองตาแป๋ว โอย น้องเอ๋ย มองแบบนั้นถ้าไม่ใช่หินผาที่ไหนก็ยอมทั้งนั้น

“ไม่ด่าน้องจ๋าหรอก น้องจ๋าน่ารัก” สองตัวนี้ต้องทำให้ผมเป็นโรคคลั่งหมาแน่ๆครับ มันน่ารักจนผมจะจุกอกตายอยู่แล้ว
น้องหมาแบมแบมยื่นโทรศัพท์ที่มีรูปแฟนของตัวเองเด่นหราอยู่บนหน้าจอให้พี่ชาย เมื่อเจบีเห็นก็รีบเด้งตัวลุกขึ้นทันที เขากวักมือเรียกมาร์คให้เดินไปหาก่อนหันจอให้ดู ทันทีที่เห็นภาพที่ฉายบนหน้าจอคิ้วก็ขมวดมุ่นอีกครั้ง

“นี่มัน...”

“จินยองแฟนผมฮะ”

“เคยเจอกันเหรออี๋เอิน” ยูคยอมถามขึ้นหลังสังเกตเห็นความผิดปกติได้

มาร์คดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ สายตาคอยจ้องมองมาทางผมเป็นระยะราวกับกำลังปิดบังเรื่องอะไรไว้

“ค...เคยเจอครับ” มาร์คตอบแล้วพยายามหลบสายตาของผม มันต้องมีเรื่องปิดบังแน่ๆ

“เคยเจอที่ไหน” ยูคยอมยังคงนิ่งจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของหลานชายเหมือนกับเล่นสงครามจิตวิทยากัน สิ่งที่ปิดบังไว้จะถูกพูดออกมาในไม่ช้า...

“เจอเมื่อคืน...” ยูคยอมพยักหน้ารับก่อนกำผ้าปูเตียงไว้แน่นแล้วกระชากทีเดียวจนมันหลุดขอบเตียงไป คราบเลือดแห้งกรังแผ่เป็นวงกว้าง ของเหลวสีสดที่เข้มขึ้นบอกได้ว่าร่องรอยพวกนี้เกิดขึ้นมานานพอสมควร

“เอิน! เล่ามา” ใจผมหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มทันทีเมื่อเห็นคราบเลือดเหล่านั้น มาร์คโกหกผมอีกแล้ว...

“คือว่า...เมื่อคืน...เค้ากระโดดลงไปช่วยคนนี้”

ชี้ไปที่รูปของแฟนแบมแบม เอ้าเห้ย! ผู้ชายเรอะ...

“แล้วเค้าก็โดนแวร์วูฟข่วนตรงนี้” ชี้ไปที่หลังของตัวเอง

“จากนั้นไอ้ตัวนี้ ก็รักษาให้” ชี้ไปที่เจบี

“ตอนนี้ เค้าหายแล้ว” เดินมาเอาหัวไถไหล่ผมเบาๆ ผมแพ้อีกแล้วครับ แพ้ลูกอ้อนมันเนี่ย เฮ้อ...

“ตัวเองอย่าโกรธเค้านะ เค้าไม่รู้ว่าจินยองเป็นเซอร์คัส” มาร์คเบ้ปากหน่อยๆพร้อมทำตาแป๋วมองผม นี่ก็อ้อนเก่งจังเล๊ย!

“เฮ้อ...คราวหน้าอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกนะเด็กโง่ เข้าใจไหม?” ขยี้กลุ่มผมนุ่มไปด้วยความเอ็นดู มาร์คยิ้มกว้างจนเห็นเขี้ยวยิ่งมองยิ่งน่ารัก อยู่กับมึงมากไปตอนนี้กูกลายเป็นเกย์ไปแล้วมั้ง...

“อื้อ เข้าใจแล้วครับ” มาร์คดึงแขนผมไปกอดไว้หลวมๆ ทำไมวันนี้มันขี้อ้อนแปลกๆ...มันต้องมีเรื่องปิดบังอีกแน่ๆ

“เอิน...” ผมจับหน้ามันไว้ก่อนค่อยๆเลื่อนเข้าไปใกล้ มาร์คดูตกใจแต่ก็ยังคงยื่นนิ่ง

ผมส่งยิ้มให้มาร์คก่อนดึงคอเสื้อมันลง รอยแดงช้ำที่ถูกตีตราไว้บนลำคอขาวเนียน เจ้าตัวรีบยกมือขึ้นปิดทันทีแต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว

“เยอะเนอะ” ผมดึงคอเสื้อขึ้นให้แล้วตบบ่ามันเบาๆ กูเข้าใจมึงนะเอิน กูก็โดน

“คือ...มันไม่ใช่แบบที่มึงคิดนะ”  มันมากกว่าที่กูคิดเหรอ...

“เจบี...แกมัน...” ยูคยอมพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเองไว้ มือกำหมัดแน่นจนสั่นกึก

“ตาจ๋าใจเย็นๆ ผมยังจิ้นอยู่” โอ๊ยมึง ดูดกันขนาดนั้นจะให้คิดเป็นอะไรได้อีก...

ยูคยอมมองเข้าไปในตาของมาร์คอีกครั้ง คราวนี้แตกต่างจากก่อนหน้าเพราะมาร์คไม่หลบสายตาหรือเบือนหน้าหนี มันพูดจริงเหรอเนี่ย...เจบีแม่งกากจริงๆ

“ระวังไอ้หมานี่ไว้ดีๆล่ะ”  ผมว่าหลังจากพวกเรากลับบ้าน มาร์คมันต้องไปขึ้นสถานะ ‘รู้สึกได้รับความรัก’ แน่ๆเลยครับ ทุกคนแลดูเป็นห่วงมันมาก
ยกเว้นแต่เจ้าหมาน้อยแบมแบมที่นั่งกดโทรศัพท์ยิกๆอยู่นั่น

คุยอะไรกันนะ....

แส้ฟาดลงพื้นดังก้องกังวานไปทั่วห้อง เสียงโหยหวนของปีศาจที่ถูกล่ามติดกับลูกตุ้มเหล็กหนักหลายตันจนไม่สามารถขยับไปไหนได้ สายตาของมันจับจ้องไปยังร่างโปร่งของ ‘เซอร์คัส’ ในตอนแรกสัตว์ฝึกจะก้าวร้าวแต่หลังจากนั้น พวกมันจะสวามิภักดิ์ต่อเขา

“คราวนี้ฝึกตัวอะไรล่ะจินยอง” เสียงหวานปนใสของหญิงสาวดังขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียดลงทันที เจ้าของชื่อหันไปส่งยิ้มทักทายให้กับพี่สาวแท้ๆของตัวเองก่อนตวัดแส้ให้ขดกลับเข้ามาในมือ

“คิเมร่าครับ”

“โอ้ น่าสนใจนี่ เจ้าหนูนี่ยังไม่เชื่องเท่าไหร่เลยนะ” หญิงสาวเดินเข้าไปหาคิเมร่าตรงหน้าของเธอ เสียงขู่คือคำทักทายแรกที่มันมอบให้เธอ

รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนในหน้าของเธอทันที นิ้วเรียวเคาะลงบนหัวของอสูรกายสองสามครั้ง ทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตแสนดุร้ายก็กลายเป็นสัตว์แสนเชื่องราวกับใช้เวทมนต์สะกดมันไว้

หัวหน้าเซอร์คัส ‘เอมิลี่’

“พี่แย่งสัตว์ฝึกของผมอีกแล้วนะครับ” คนเป็นน้องยักไหล่อย่างเสียดายแต่ก็ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าอยู่

“ก็เจ้าตัวนี้มันน่ารักดีนี่” ในโลกนี้ผู้หญิงที่บอกว่าอสูรกายยักษ์นี่น่ารักคงมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้นแหละ

เสียงข้อความเข้าดังขึ้นจินยองจึงหยิบโทรศัพท์ของตนเองมาดู รอยยิ้มถูกฉาบบนใบหน้าทันทีหลังรู้ว่าเจ้าของข้อความฉบับนั้นคือใคร

“แฟนเหรอ” เอมิลี่พูดพลางลูบหัวคิเมร่าไปด้วย ดูเหมือนเธอจะชอบมันมากเลยทีเดียว

“ใช่ครับ” ยิ้มกว้างพลางพิมพ์ตอบกลับไป

“ถ้าเบื่อแล้วยกให้พี่ก็ได้นะ แวร์วูฟน่ารักๆน่ะหายากเสียด้วยสิ”

“แบมแบมไม่ใช่สัตว์ฝึกนะพี่ อย่ามาแย่งแฟนผม” ส่งสายตาดุให้พี่สาว เอมิลี่หัวร่อชอบใจที่ได้แกล้งน้องชาย เธอนั่งเล่นอยู่ในห้องพักหนึ่งก็ขอตัวออกไปทำงานของตนเองต่อ

“เจ้าหมาน้อยของฉัน จะได้เจอกันแล้วนะ”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 16 [13/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 13-04-2018 00:29:53
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 19 [20/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 19-04-2018 23:01:05
ตอนที่ 17
Precious time

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 20/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3817071#msg3817071)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819981#msg3819981)

ร่างสูงโปร่งก้มมองหน้าปัดนาฬิกาเรือนโปรดอย่างร้อนรน หันไปสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้ากระจกอีกครั้งพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตนเอง

“หล่อแล้วจินยอง” พูดกับตนเองเบาๆก่อนหอบช่อดอกไม้ที่วางไว้บนโต๊ะแล้วเดินออกไปรอคนสำคัญหน้าบ้าน

กุหลาบสีส้ม 365 ดอก

สีส้มสื่อถึงความในใจ ความรัก และสิ่งที่ผ่านมา

365 ดอก หมายถึง ฉันคิดถึงเธอทุกๆวัน

ทุกๆวันของฉันมันหมดไปกับการคิดถึงเธอเลยนะ นี่คือสิ่งที่เซอร์คัสหนุ่มต้องการจะบอกกับคนรักของเขา

“ใครเอ่ย~” เจ้าของเสียงทุ้มติดแหลมเล็กน้อยสวมกอดจากด้านหลังทันทีที่มาถึง

จินยองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ครู่หนึ่ง เขากุมมือคนรักไว้ก่อนหมุนตัวหันไปมองใบหน้าน่ารักที่แสนคิดถึง คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมยื่นช่อกุหลาบให้คนตรงหน้า

“so cute~”  แบมแบมก้มลงจูบหน้าผากจินยองเบาๆก่อนดึงมือให้อีกคนลุกขึ้น ร่างเล็กโผเข้ากอดอีกฝ่ายเต็มรัก คิดถึงเกินจะบรรยายออกไปได้ คิดถึงจนแทบคลั่ง

“ไม่เจอกันตั้งนานทำไมไม่จูบตรงนี้ล่ะครับ” ชี้ไปที่ปากของตนเองพลางทำหน้าทะเล้นจนแบมแบมทนไม่ไหวฟาดช่อดอกไม้ใส่เบาๆพอให้หายหมั่นไส้

“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้นเลย เห็นแล้วหมั่นไส้”

คนโดนหมั่นไส้หัวเราะชอบใจ จัดการรวบแวร์วูฟตัวแสบขึ้นมาอุ้มแล้วเดินเข้าบ้านไป ระหว่างทางก่อนถึงห้องนอนของจินยองเจ้าตัวเล็กก็คอยทักทายเหล่าสัตว์ฝึกของเขาไปด้วย เรียกได้ว่าแบมแบมนั้นคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้เป็นอย่างดี

“Oh! Cute boy” ทั้งคู่หันไปมองเจ้าของเสียง

“พี่เอมี่~~” แบมแบมตีลังกาลงจากบ่าของจินยองแล้วพุ่งเขาไปกอดเอมิลี่ทันที

เอมิลี่จับเจ้าหมาน้อยแบมแบมหมุนรอบทิศก่อนก้มหน้าลงหอมกลุ่มผมนุ่มทันที ถึงแม้เธอจะเป็นผู้หญิงแต่กลับมีส่วนสูงที่ไม่น่ารักเหมือนหน้าตาเอาเสียเลยเพราะตัวเธอสูงกว่าแบมแบมตั้ง 5 เซนติเมตรเลยล่ะ

“โตขึ้นเยอะเลยนะเรา แต่ทำไมนมยังแบนอยู่นะ” ไม่พูดเปล่า เอมิลี่ลูบคลำหน้าอกของแบมแบมไปด้วยจนคนยืนดูทนไม่ไหวรีบจับพี่สาวกับคนรักของตนแยกจากกันทันที

“พี่ครับ ของผม” ส่งสายตาดุให้พี่สาวของตนเอง เอมิลี่ไหวไหล่เบาๆก่อนลูบหัวแบมแบมและน้องชายไปคนละที

“รักกันเบาๆล่ะเด็กๆ พี่จะพาคิเมร่าไปวิ่งเล่นสักหน่อย ตามสบายนะจ๊ะ” ขยิบตาให้คู่รักไวไฟก่อนกระชับเสื้อแจ็คเก็ตของตัวเองแล้วกระโดดขึ้นขี่หลังสัตว์คู่ใจตัวใหม่  ทั้งคู่ยืนมองจนเอมิลี่ลับสายตาไป คนตัวเล็กหันมาหาคนรัก ดวงตากลมโตจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของจินยองที่ไม่ว่าจะมองเมื่อไหร่ก็ใจสั่นไหวตลอด

“มองแบบนี้อยากให้ทำอะไรครับ”

“อุ้มหน่อย” อ้าแขนรอให้คนรักอุ้มพร้อมทำหน้าตาน่ารักใส่ จินยองกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอก่อนจะรวบตัวเด็กน่ารักขึ้นพาดบ่าแล้ววิ่งเข้าห้องนอนของตนเองไป ร่างเล็กถูกทิ้งลงบนเตียงนุ่มที่โรยกลีบกุหลาบสีแดงและขาวไว้

สีแดงและสีขาวสื่อถึง ‘สองเราเป็นหนึ่งเดียวกัน’

“วันนี้ไม่ให้ทำนะ” แบมแบมวางช่อกุหลาบลงบนหัวเตียงก่อนหันไปมองหน้าอีกฝ่ายที่บึ้งตึงไม่ต่างจากเด็กที่ถูกขัดใจ

“ทำไมอ่า ตัวเองอยู่กับเค้าไม่กี่วันเองนี่” ออกมาแล้วนิสัยงอแงของเซอร์คัสหนุ่มนามจินยอง เวลาที่เขาขัดใจหรือทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็มักจะงอแงแบบนี้เสมอ แต่การกระทำทั้งหมดที่กล่าวมาคนเคยเห็นมันมีเพียงแบมแบมเท่านั้น

“เบ้บเห็นหน้าเค้าก็จะเอาเค้าเลยเหรอ นี่รักเค้าจริงหรืออยากได้เค้าเฉยๆอ่ะ” เหมือนโดนตบหน้าอย่างแรงจนชาไปหมด จินยองเจี๋ยมเจี้ยมลงทันทีหลังโดนแบมแบมดุเข้าให้ ถึงแม้แฟนของเขาจะน่ารักแต่เวลาดุน่ะไม่น่ารักหรอกนะ

“ตัวเองใจเย็นๆนะ เค้าขอโทษ” สะกิดอีกคนเบาๆพลางยื่นหน้าหล่อเหลาเข้าไปง้อใกล้ๆ

“มานั่งตรงนี้” แบมแบมสั่งให้จินยองเข้ามานั่งตรงข้ามกับเขา

แฟนหนุ่มยอมทำตามแต่โดยดี จินยองนั่งลงพลางสูดหายใจลึกๆระงับอารมณ์ของตนเอง เสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อผ้าบางจนแนบกับผิวพรรณด้านใน กระดุมบนถูกปลดออกสองเม็ดทำให้คอเสื้อกว้างพอที่สายตาซุกซนของเขาจะเหลือบไปเห็นหน้าอกขาวเนียนของอีกคนได้

“เบ้บ...” เหมือนแบมแบมจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังถูกคนรักอ่านกินทางสายตา

“ขา~ ว่าไงคะตัวเอง” คนโดนเรียกรีบงัดลูกอ้อนออกมาใช้แทบไม่ทัน เกือบไปแล้วไหมล่ะจินยอง ขืนโดนบ่นขึ้นมาเวลาสามชั่วโมงจะเสียไปโดยเปล่าประโยชน์แน่นอน

“เฮ้อ...เรื่องที่เค้าขอให้ตัวเองไปสืบ...ได้เรื่องบ้างไหม”

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที สีหน้าของทั้งคู่ดูจริงจังไม่ต่างกัน จินยองพยักหน้ารับเบาๆก่อนเริ่มเล่าเรื่องที่คนรักวานให้ไปสืบมา

“จากที่ไปสืบมาดูเหมือนฝ่ายมนุษย์จะปฏิเสธการเข้าร่วมกับกองกำลังแวมไพร์ แต่ตอนนี้ทางเซอร์คัสเกิดปัญหานิดหน่อยเลยลังเลว่าจะเข้าร่วมหรือไม่ ข้อเสนอของทางนั้นน่าสนใจมากทีเดียว ต้องรอว่าพี่เอมี่จะตัดสินใจยังไง”

ข่าวที่แวร์วูฟแบมแบมให้แฟนหนุ่มของเขาไปสืบมาคือการรวมกองกำลังของเหล่าแวมไพร์ สงครามที่เคยสิ้นสุดไปเมื่อสองพันปีก่อนจักหวนย้อนคืนอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้จักเป็นสงครามระหว่างปีศาจด้วยกัน พวกมันจะเข่นฆ่ากันเองจนเผ่าพันธุ์นั้นสูญสิ้น

“บอกเค้าได้ไหมว่าข้อเสนอของทางนั้นคืออะไร”

จินยองนิ่งเงียบไปพักหนึ่ง คิดทบทวนถึงเรื่องสำคัญนี้ว่าตนควรจะพูดออกไปไหม...

“เมื่อสามเดือนก่อน กุญแจกรงใหญ่ของเซอร์คัสถูกงัด สัตว์ฝึกระดับสูงถูกขโมยออกไป พวกมันทิ้งข้อความไว้บนผนังว่า จงสภามิภักดิ์...ด้วยเลือดของสัตว์ฝึก ข้อเสนอของพวกมันคือเข้าร่วมกับกองกำลังเพื่อรักษาชีวิตของสัตว์ฝึกตัวนั้นไว้...” คนพูดถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มองเข้าไปในตาของคนรักอย่างต้องการความมั่นใจ เขาทำถูกแล้วใช่ไหมที่เล่าเรื่องในตระกูลให้คนนอกฟัง ถึงแม้คนนอกนั้นจะเป็นแฟนของเขาเองก็ตาม

“พวกมันเป็นคนทำเหรอ” อีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบ

เซอร์คัสมีความผูกพันกับสัตว์ฝึกมานานนับร้อยปี ตัวที่ถูกขโมยไปเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประจำตระกูลเลยก็ว่าได้ พวกมันจะเชื่องกับเซอร์คัสเท่านั้น การที่มันถูกจับตัวไปจึงสร้างความกังวลให้กับทุกคนในตระกูลไม่น้อย

“ขมวดคิ้วอีกแล้ว ตีนกาเพิ่มเค้าไม่รู้ด้วยนะ” แบมแบมจิ้มนิ้วลงกลางหว่างคิ้วของจินยองหลังเห็นแฟนของตัวเองเริ่มเครียด อุตส่าห์มาหาทั้งทีไม่อยากให้เครียดหรอกนะ

“เป็นห่วงเค้าเหรอ” จินยองคลายคิ้วที่ขมวดมุ่นลงทันที หน้าตาแปรเปลี่ยนเป็นทะเล้นพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาใส่คนรักของตัวเอง

“ทำหน้าอะไรเนี่ย” ฟาดแขนคนรักไปหนึ่งที ถึงแม้ปากจะพูดออกไปแบบนั้นแต่แบมแบมกลับหัวเราะชอบใจกับการกระทำของจินยอง ไม่ว่าจินยองจะทำอะไรก็ดูดีไปหมดสำหรับเขา

“ก็ตัวเองชอบให้เค้าทำหน้าแบบนี้ไม่ใช่เหรอ” จินยองยังคงเกร็งหน้าตัวเองต่อไป แบมแบมที่เห็นแฟนตัวเองทำแบบนั้นก็อดขำไม่ได้

“พอเลยเบ้บ มันตลก ฮ่าๆๆ” คว้าหมอนมาปิดหน้าจินยองไว้แล้วดันให้อีกคนหงายหลังจนล้มลงบนเตียง

“ตัวเองจะอยู่กับเค้ากี่วันคะ” เด้งตัวลุกขึ้นมาทันทีจนคนถูกถามสะดุ้ง

“มาคะขาอะไรเบ้บ เค้าเป็นผู้ชาย”

“ก็ตัวเองน่ารัก ตอบคำถามเค้าก่อนสิ” จินยองเอื้อมมือไปหยิกแก้มของแบมแบมเพราะทนความน่ารักของแก้มนุ่มนิ่มนั้นไม่ไหว ทำไมแฟนของเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ

“เค้าจะอยู่กับตัวเองสองอาทิตย์ รอให้ผ่านช่วงผสมพันธุ์ไปก่อน พี่จ๋าช่วงนี้ไม่น่าเข้าใกล้เท่าไหร่หรอก” จินยองคิ้วกระตุกหลังรู้ว่าช่วงนี้แวร์วูฟกำลังเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ เขารู้ดีว่าอายุของแบมแบมนั้นยังไม่พร้อมผสมพันธุ์แต่ก็แอบคิดว่าถ้าถึงเวลานั้นเจ้าแวร์วูฟน้อยของเขาจะทิ้งเขาไปหรือเปล่านะ...

“ตัวเองเลยมาให้เค้าผสมพันธุ์ใช่เปล่า” แอบแหย่แฟนตัวเองเสียหน่อยและดูเหมือนเขาจะแหย่ได้ผลเสียด้วยเมื่อแบมแบมหันมาส่งค้อนให้วงเบ้อเริ่ม

“เบ้บ...ทำไมแฟนถึงคิดแต่เรื่องแบบนี้ พี่ก็เป็นแบบนี้ เจ้านายก็เป็นแบบนี้ ชีวิตเค้าหนีไม่พ้นอะไรที่มันทะลึ่ง ลามก จัญไรเลยใช่ไหมเนี่ย เค้าก็...” จินยองยกมือปิดปากคนรักไว้แทบไม่ทัน ส่งสายตาขอโทษไปให้เจ้าหมาน้อยแบมแบมทันที  ถ้าไม่รีบหยุดไว้เขาต้องโดนบ่นอีกยาวเหยียดแน่

“ขอโทษครับที่รัก ไม่เอาไม่บ่นเค้านะ” ตั้งใจจะบ่นให้หูชากันไปข้างแต่พอเห็นหน้าออดอ้อนของจินยองแล้วแบมแบมถึงกับกลืนคำด่าลงคอไป

“ไม่บ่นแล้วก็ได้...”

“แฟนเค้าน่ารักที่สุดเลย”

Youngjae Present

   ในที่สุดช่วงเวลานี้ก็มาถึง ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขหลังจากชีวิตผ่านมรสุมความวุ่นวายมามากพอสมควร ตอนนี้ผมกำลังนั่งทบทวนบทเรียนอยู่เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องชาวบ้านเลยต้องมานั่งทบทวนความรู้สักหน่อย ไม่งั้นเสียชื่อนักเรียนดีเด่นแย่เลย
นั่งจดได้ไม่ทันไรเสียงส้นรองเท้ากระทบพื้นก็ดังขึ้น...

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าใส่รองเท้าเข้ามาในห้อง” ผมวางปากกาลงแล้วหันไปมองยูคยอมที่เพิ่งเข้ามาในห้องหลังกลับจากแวะไปดูหลานหัวแก้วหัวแหวนมา

“ขี้บ่นจริงๆ” ยูคยอมถอดรองเท้าออกแล้วเตะให้มันไปกองรวมกันอยู่มุมห้อง เออดูทำ มันน่าบ่นไหมล่ะ...

“มาร์คกับเจบีเป็นยังไงบ้าง”

“อี๋เอินน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่เจบี...ฉันเพิ่งไปเพิ่มชั้นกรงเหล็กมา คงต้องขังไว้ในนั้นอีกสักพัก” เดี๋ยวครับพี่เอ็ง ถึงขั้นต้องไปเพิ่มชั้นกรงกันเลยเหรอ แล้วพี่กลับมานี่หลานพี่จะไม่เป็นไรหรือไง...อย่าไว้ใจมาร์คมันนะเห้ย

“มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” ถึงผมจะอยากให้ทั้งสองคนได้กัน เอ้ย! ลงเอยกันแค่ไหนแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละครับ

“พรุ่งนี้ฉันจะพาไปดู” ผมพยักหน้ารับ เป็นเวลาสามวันแล้วที่ยูคยอมเทียวไปกลับระหว่างบ้านของผมและมาร์คเพื่อคอยดูอาการของเจบี
ผมเตรียมจะหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ แต่สายตาดันไปสะดุดเข้ากับแผลบนแขนของยูคยอม เขาพับแขนเสื้อขึ้นก่อนกดรอบๆปากแผลแล้วดึงเขี้ยวที่ฝังอยู่ในแขนออกมา...ขุ่นพระ

“เขี้ยวนั่น...” ขออย่าให้เป็นแบบที่ผมกำลังคิดอยู่ในตอนนี้เลย

“ไม่ใช่ของเจบีหรอก โดนลอบกัดนิดหน่อย” ค่อยยังชั่วครับ แทบจะวิ่งออกไปกรี๊ดหน้าปากซอย ถ้าเจบีเป็นคนทำผมจะไล่ให้ยูคยอมกลับไปหามาร์คเดี๋ยวนี้เลย

“ฉันเพิ่งเคยเห็นนายเลือดออกนี่แหละ” ผมเดินไปนั่งข้างยูคยอมก่อนมองดูแผลของเขาใกล้ๆ มันเริ่มสมานตัวแล้วครับ...ก็ปีศาจนี่เนอะ

“แล้วนั่นเขี้ยวของตัวอะไรล่ะ” ดูจากขนาดแล้วน่าจะตัวโตพอสมควร เล่นซะแขนยูคยอมเป็นรูโบ๋เลยครับ อึ๋ย! เป็นตาย่าน

“คิเมร่า”

เอาล่ะครับ ช่วงตำราปีศาจกับคุณครูยองแจวันนี้ขอเสนอ คิเมร่านะครับคุณหนูทั้งหลาย คิเมร่าเป็นอสูรกายสามหัวซึ่งประกอบไปด้วย สิงโต แพะ และมังกร

ครึ่งตัวแรกเป็นสิงโต ส่วนครึ่งหลังเป็นแพะ ยังไม่หมดนะครับ หางของมันเป็นงูครับ คิเมร่าไม่ใช่สัตว์กากๆนะครับ แต่ละหัวมีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นอสูรกายที่ฉลาดมากทีเดียว การที่ยูคยอมจะโดนลอบกัดแบบไม่รู้ตัวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย

“นายโดนหัวไหนกัดมาเนี่ย” ผมก้มมองเขี้ยวขนาดยาวประมาณ 12 ฟุตที่แน่นิ่งอยู่บนพื้น ความยาวขนาดนี้ที่แน่ๆไม่ใช่หัวแพะแล้วกัน...

“สิงโต” ยูคยอมสะบัดแขนสองสามครั้งก่อนแผลจะปิดสนิทดี

ผมชินชากับเรื่องพวกนี้แล้วสิ มันเกินจุดที่ผมจะตกใจหรือหวาดกลัวไปแล้วจนบางทีผมยังนึกกลัวตัวเองเลยที่สามารถเฉยชากับเรื่องพวกนี้ได้

“เจ็บไหม” ผมลูบแขนของยูคยอมที่แผลปิดสนิทดีแล้วเบาๆ เขาต้องเจ็บแน่เลย...

“ไม่เจ็บหรอก เขี้ยวมันไม่ได้เคลือบเงินไว้” ไปหยิบมีดเงินมาแทงให้เจ็บๆไปเลยซะดีไหม เบื่อผีขี้เก็กจริงๆ...

 “เคยเจ็บบ้างไหมเนี่ย” ช้อนตามองยูคยอมที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มองผมลูบแขนตัวเอง อะไร! ยิ้มทำไม!

“อยากเห็นฉันเจ็บเหรอ...” จู่ๆสายตาของยูคยอมก็จริงจังขึ้นมาจนผมชะงักไป

“.......................”

“ทิ้งฉันไปสิ...แค่นายอยู่ห่างจากฉันเกิน 24 ชั่วโมงฉันก็ตายแล้ว ถ้านายคิดว่าจะหนีฉันพ้นก็หนีไปเลย” อย่าครับพี่อย่ามา! อยู่ห่างจากพี่เอ็ง 24 ชั่วโมงไม่ใช่แค่พี่ครับ กูก็ตายห่าด้วย แหม๊จะซึ้งแล้วเชียว...

“ไอ้บ้า มันก็ตายกันทั้งคู่ไหม!” ยูคยอมหัวเราะแล้วดึงผมเข้าไปกอดพร้อมลูบหัวไปด้วย...จะไม่บอกครับว่าใจเต้นแรงมาก...
ตั้งแต่ทำพันธะสัญญากันมาผมรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับยูคยอมมากขึ้น และเรื่องที่เพิ่งค้นพบวันนี้คือเขาเองก็จะตายเช่นกันถ้าอยู่ห่างจากผมเกิน 24 ชั่วโมง อีกเรื่องคือพันธะสัญญาทำให้ความรู้สึกของเหยื่อกับโกสท์เชื่อมติดกัน

กลายเป็นความผูกพันและนำมาซึ่ง...ความรัก

“นายอยู่มาตั้งแปดร้อยปีแล้วเคยมีลูกไหม...” ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมตัวเองถึงถามอะไรแบบนั้นออกไป

“นายคิดว่าไงล่ะ” แหน๊...มาถามผมกลับอีก

“ไม่รู้สิ...มีมั้ง” แปดร้อยปีนะครับ มันเยอะมากเลยล่ะ...สำหรับผมนะ

“ไม่มีหรอก” ผมผละออกจากอ้อมกอดของยูคยอมก่อนเอนตัวลงนอนตักเขา ยูคยอมก้มลงมองหน้าผมก่อนยิ้มออกมา ยิ้มอะไร แค่เมื่อยหรอก...

“นายชอบเด็กไหม” ยูคคยอมถามพลางลูบหัวผมไปด้วย

“ชอบสิ ได้เลี้ยงเด็กสักคนคงมีความสุขน่าดู” ถึงผมจะอายุแค่ 17 เองก็เถอะ...

“มีลูกสักคนไหมล่ะ”

ห๊ะ!

“มีลูกอะไรของนาย! ฉันเป็นผู้ชายนะ” จะล้อเล่นมันก็ออกจะไม่มีเหตุผลไปหน่อยนะครับ...ผู้ชายกับผู้ชายเนี่ยนะ...

“ทำได้ก็แล้วกัน...อยากมีไหมล่ะ” พ่อครับ...โกสท์ตนนี้กำลังพูดเรื่องอะไร...ผมเขินครับพ่อ

“ไม่เอา ไม่พร้อม” แล้วทำไมกูต้องเหนียมอายแบบนี้ด้วย แกเป็นผู้ชายนะเว้ยยองแจ!

ยูคยอมไม่ขัดอะไร ได้แต่มองหน้าผมแล้วก็นั่งอมยิ้มเหมือนคนบ้า มีโรงพยาบาลปีศาจไหมนะ ผมอยากพาเขาไปเช็คสมองสักหน่อย...

“แล้ว...เหยื่อล่ะมีมากี่คนแล้ว” ความเสือกกำลังเข้าครอบงำจิตใจของผมอยู่ครับ ไหนๆก็รักแล้วขอรู้ให้หมดทุกเรื่องเลยแล้วกัน

“สามหมื่นคน แต่คนที่ทำพันธะสัญญาเหยื่อด้วยมีคนเดียวคือนาย” ผมเพิ่งรู้ว่าการเกร็งกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ให้ยิ้มมันยากแค่ไหนก็วันนี้แหละครับ พ่อครับ...ตอนนี้ผมโคตรเขินเลย

“แฮ่ม...อ้อเหรอ” ถึงผมจะตอบไปแบบนั้นแต่ผมรู้ครับว่าหน้าผมมันไม่ไป

ในทางเดียวกันกับคำตอบ เพราะอะไรน่ะเหรอ...รอยยิ้มของยูคยอมมันกำลังบอกผมอยู่ไงล่ะ

ยูคยอมขยี้หัวผมเบาๆ ก่อนโน้มหน้าลงมาหอมแก้มไปฟอดใหญ่ ผมชอบเขาที่เป็นแบบนี้จัง ดูอบอุ่น ใจดี น่ารัก ไม่กวนตีนด้วย...หรือผมกำลังอยู่ในช่วงหลงเขากันนะ

“ยองแจ”

“หืม?” ผมมองยูคยอมไปพลางหาวไปพลาง ชักจะง่วงแล้วสิ

“พร้อมเมื่อไหร่บอกนะ เรามาเลี้ยงลูกกัน” ตาสว่างเลยครับ ไม่นอนมันละ..

“ไอ้บ้า!”

โกสท์บ้า ทำไมชอบทำให้เขินนักนะ


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 19 [20/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 19-04-2018 23:11:43
ตอนที่ 18
Desire

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 20/04/61

เนื้อหาในตอนนี้มีบางส่วนที่เรท 18+ หากอายุยังไม่ถึงหรือไม่ชื่นชอบกรุณาเลื่อนผ่านหรือกากบาทออก

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819973#msg3819973)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819986#msg3819986)

แกร๊ง!

เสียงโซ่ตรวนกระทบกันดังก้องไปทั่วห้องขัง สิ่งมีชีวิตคลุ้มคลั่งถูกตรึงร่างติดกับผนังเพื่อป้องกันไม่ให้ปีศาจที่ถูกพันธนาการอยู่ได้ออกไปทำร้ายผู้อื่น

ปราการเหล็ก 9 ชั้น

ห้องขังที่โกสท์นามยูคยอมสั่งให้สร้างขึ้นเพียงเพื่อขังสัตว์เลี้ยงประจำตระกูลของเขา หัวหน้าแวร์วูฟ เจบี

“แฮ่...” แวร์วูฟหนุ่มโน้มตัวไปด้านหน้าพลางออกแรงดึงให้แขนของตนเองหลุดจากกุญแจมือเหล็กที่ตรึงติดไว้กับผนัง

กึก...เคร้ง!

ความพยายามของเขาสำฤทธิ์ผลเมื่อผนังที่ถูกเหล็กยึดเกาะได้ร้าวและพังลงมา 72 ชั่วโมงในปราการเหล็กแห่งนี้ แวร์วูฟเจบีได้พังเครื่องพันธนาการตนเองไปแล้วถึง 18 ครั้ง หากแต่ทุกครั้งที่มันพังทลายลง ผู้เป็นนายจะเข้ามาในห้องขังแล้วจับเขาตรึงติดกับผนังไว้ดังเดิม

“มาร์ค...” เสียงแหบพร่าเรียกหาผู้ผูกจิตด้วยความโหยหา

แม้จะหลุดจากกุญแจมือได้ก็ต้องเจอกับโซ่ตรวนที่ล่ามตัวไว้ไม่ให้ขยับไปไหน อีกทั้งข้อเท้ายังถูกตรึงไว้กับลูกตุ้มเหล็กหนักหลายตัน ร่างของเจบีทรุดลงกับพื้น ตัวขดงอดีดดิ้นอย่างทรมาร ความต้องการของแวร์วูฟเป็นที่กล่าวขานกันในหมู่ปีศาจด้วยกันเอง ปีศาจมากตัณหา ผู้โหยหาเซ็กส์มากกว่าซัคคิวบัสและอินคิวบัส แวร์วูฟเจบี...

“บ้าเอ๊ย!” กำปั้นทุบลงกับพื้นเหล็กเย็นเฉียบจนกระดูกลั่นเกรียว เขาไม่สนใจว่าแขนของตัวเองจะหักหรือเอ็นที่ข้อต่อจะขาดสะบั้นเพราะไม่นานพวกมันก็กลับเป็นเหมือนเดิม เขาออกแรงกระชากอีกรอบ โซ่เหล็กบางเส้นขาดสะบั้นลงเพราะพละกำลังมหาศาลของแวร์วูฟ เจบีเดินลากลูกตุ้มเหล็กไปจนถึงกรงขัง สีดำเงาของตารางเหล็กสะท้อนหยอกล้อกับแสงไฟจากหลอดนีออนราวกับกำลังเย้ยหยันผู้ที่ถูกกักขังไว้ในปราการนี้ แวร์วูฟคว้าหมับเข้าที่ประตูกรงก่อนออกแรงเขย่าจนมันสั่นกึก

ปราการชั้นแรกกำลังถูกทำลาย...

ภายในห้องกว้าง บนเตียงขนาดใหญ่มีร่างของผีดิบนอนขดตัวอยู่ ความโหยหาที่มีนั้นยากเกินจะหักห้ามใจ น้ำตาไหลรินลงอาบแก้มแสดงถึงเศร้าโศก เขารับรู้ถึงความรู้สึกของเจบีทุกอย่าง ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังทรมารเขาเองก็ทรมารเช่นกัน

“ฮือ...เจบี” รู้สึกจุกอกจนแทบหายใจไม่ไหว ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตนเองในตอนนี้ต้องการเจบีเหลือเกิน

อยู่ห่างจากมันให้มากที่สุด

คำเตือนของคุณตาผุดขึ้นมาในหัว มาร์คได้แต่ส่ายหน้าลงกับหมอน ไม่เคยคิดเลยว่ามันจะยากเย็นขนาดนี้ เขาต้องเลือกระหว่างเด็กดีกับจิตใต้สำนึกตัวเอง

มาร์คยันตัวให้ลุกขึ้นจากที่นอน หลังมือถูกยกขึ้นเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆก่อนสองขาจะพาร่างเดินออกมาจากห้องเพื่อมุ่งหน้าไปยังห้องขัง...

เขาเลือกที่จะทำตามความต้องการของตนเองมากกว่าการเป็นเด็กดีอยู่ในโอวาทของโกสท์

ประตูห้องขังถูกล็อคไว้ด้วยแม่กุญแจหลายชั้น ดวงตาสีแดงปรากฏขึ้นก่อนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะถูกทำลายลง เมื่อผ่านประตูแรกไปได้ก็พบเจอกับลูกกรงเหล็กทันที

สัญชาติญาณดิบในกายถูกปลุกขึ้นทันทีหลังย่างก้าวเข้าไปในปราการเหล็กกล้า ร่างกายร้อนรุ่นราวกับเลือดในกายกำลังเดือดพล่าน สายตาเหลือบไปเห็นแวร์วูฟอยู่อีกฝั่งหนึ่งของกรงสองแขนก็เริ่มง้างแท่งเหล็กตรงหน้าออก

“เจบี...” เสียงเรียกแผ่วเบาของมาร์คนั้นดังพอที่เจบีจะได้ยิน

ปราการเหล็กชั้นที่สามถูกตัดออกเป็นเสี่ยงๆด้วยกรงเล็บของแวร์วูฟ เจบีสะบัดแขนที่ถูกหนามเหล็กแทงเบาๆก่อนดึงมันออกมาแล้วโยนทิ้งไป เลือดที่เกิดจากบาดแผลทะลักออกมาฉาบเหล็กเย็นเฉียบให้กลายเป็นสีแดงฉาน

“เจบี! แขนนาย...”

มาร์คตกใจจนแทบเสียสติ หมอนั่นบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมถึงได้ทำร้ายตัวเองขนาดนี้

“มาร์ค...” เจบีใช้มือกดบาดแผลของตนเองไว้ แม้แวร์วูฟจะเป็นปีศาจแต่กลับมีพลังในการฟื้นฟูบาดแผลค่อนข้างช้าอีกทั้งร่องรอยที่หนามเหล็กฝากไว้นั้นใหญ่พอสมควร

ผีดิบฝ่าปราการเหล็กชั้นแรกเข้าไปได้ กรงยักษ์ที่ขวางกั้นพวกเขาอยู่เหลือเพียงสามชั้นเท่านั้น...

“เจบี ฮึก...ขอร้องล่ะ อย่าทำแบบนี้” มาร์คงัดตารางเหล็กทั้งน้ำตา ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่จิตใจทันที

ราวกับถูกมีดกรีดแทงหัวใจเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า แวร์วูฟที่ตะเกียกตะกายพาร่างของตนเองไปยังกรงเหล็ก ลูกตุ้มที่รั้งข้อเท้าไว้กับเลือดของตนเองที่ฉาบบนพื้นทำให้เขาลื่นล้ม

เจบีได้ยินทุกคำที่มาร์คพูดแต่เขาไม่สามารถหักห้ามใจตนเองได้

อยากกอด

อยากจูบ

อยากทำให้ร่างตรงหน้านั้นเป็นของเขา...แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว...

“เจบี! ไอ้หมาบ้า ฮือ...ไม่ได้ยินที่พูดหรือไง!” มาร์คทุบปราการเหล็กตรงหน้า กรงยักษ์สั่นไหวไปตามแรงกำปั้นของผีดิบ เขายกขาขึ้นยันจนเกิดเสียงดังลั่น จากแรงปะทะมากพอที่จะทำให้เหล็กงอและเกิดช่องพอให้ตัวเขาลอดผ่านไปได้

อีกเพียงสองชั้น...

“อย่า...อย่าเข้ามา” มาร์คหยุดการกระทำของตัวเองลงทันทีหลังอีกฝ่ายห้ามไม่ให้เข้าไปใกล้

เกิดอะไรขึ้นกับเจบีกันแน่...

“เจบี...” ร่างเล็กหยุดยืนนิ่งต่อหน้าเจบี

ปราการอีกสองชั้นที่ขวางกันทั้งคู่ไว้ ในไม่ช้ามันจะถูกทำลายลง

“ฉันไม่อยาก...ทำร้ายนาย” ทั้งที่อยู่ต่อหน้าแท้ๆแต่กลับกลัวเกินกว่าที่จะแตะต้องร่างนั้นได้

เจบีกลัวการร่วมรักกับผู้ผูกจิต เขารู้ดีว่าตนเองมีความต้องการมากแค่ไหน กลัวจะทำร่างนั้นแหลกสลายด้วยเงื้อมมือตัวเอง กลัวการถูกเกลียดจากผู้ที่ตนผูกพันด้วย....ทั้งหัวใจ...

“พูดบ้าอะไรของนาย! ฮึก...ฮือ”   สะอื้นไห้จนร่างสั่นไหว ถึงแม้จะถูกห้ามไม่ให้เข้าไปแต่จิตใต้สำนักกำลังตะโกนบอกเขา จงเดินไปหาแวร์วูฟตรงหน้า

“อึก...ฉันบอกว่าอย่าเข้ามา!” เจบีขว้างลูกตุ้มเหล็กใส่ลูกกรงยักษ์จนปราการอีกด่านพังทลายลง

ลูกบอลเหล็กยักษ์เด้งกลับไปกระแทกตัวของแวร์วูฟจนร่างกระเด็นถอยเข้าไปชนกรงด้านหลัง หมดแล้วซึ่งความอดทน ผีดิบกัดฟันแน่นก่อนออกแรงง้างปราการชั้นสุดท้ายออก มาร์คย่างก้าวเข้าไปหาเจบีช้าๆ ยืนมองร่างชุ่มเลือดของอีกฝ่ายด้วยความเจ็บปวด

ไอ้หมาโง่...

ฉันมาหาแล้วนะ

 “เจบี...ฉันมาหาแล้วนะ” เจบีเงยหน้าขึ้นมาแยกเขี้ยวใส่ ทั้งที่ห้ามไปแล้วแท้ๆว่าอย่าเข้ามา ทำไมผีดิบถึงได้ดื้อขนาดนี้นะ ไอ้เด็กโง่เอ๊ย...

“ออกไปซะ...ก่อนฉันจะทนไม่ไหว” แวร์วูฟพยายามระงับอารมณ์ตนเองไว้แม้มันจะยากเย็นแค่ไหนก็ตาม

มาร์คเมินเฉยต่อคำสั่งของเจบี เขานั่งลงข้างกับร่างที่หายใจหอบระรัวช้าๆ มือขวาเลื่อนไปกุมมืออีกฝ่ายแล้วดึงมันมากอดไว้ ในที่สุดเขาก็จำได้ แวร์วูฟที่เจอกันเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน

คือเจบี...

“เด็กบ้าเอ๊ย!” เจบีผลักมาร์คจนร่างกระแทกเข้ากับตารางเหล็ก ร่างเล็กช้อนตามองอีกฝ่าย ไม่มีแม้ความขุ่นเคืองหรือหงุดหงิดใจ
เขาเลือกที่จะเดินเข้ามาในนี้ด้วยตัวของเขาเอง จะหนีออกไปตอนนี้น่ะ

มันไม่ทันแล้ว

_________________________________ NC _________________________________

“เจบี...อื้ม” ปากอิ่มสีเชอร์รี่ถูกบดขยี้ทันทีหลังเอ่ยชื่อของอีกฝ่าย เรือนร่างบางถูกลูบไล้ผ่านเนื้อผ้าสร้างสัมผัสแปลกใหม่ให้กับคนถูกกระทำไม่น้อย

“ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแม้นายจะร้องว่าไม่ไหวแล้วฉันก็จะไม่หยุด” เจบีพรมจูบไปทั่วลำคอขาวเนียนพลางสะกิดติ่งไตสีชมพูหวานของอีกฝ่ายไปด้วย

“อา...โอ๊ย! อย่ากัด” มาร์คร้องเสียงหลงเมื่อฟันคมกัดลงบนไหล่ ลิ้นร้อนถูกแลบออกมาโลมเลียตามรอยฟันช้าๆ กวาดเอาเลือดที่ไหลซึมเข้าไปลิ้มรสภายในปาก

“ฮ่าห์...” เจบีเชิดหน้าขึ้นหลับตาพริ้มหลังได้ลิ้มรสเลือดของมาร์ค  บาดแผลค่อยๆสมานตัวจนกลับเป็นปกติ

‘เซ็กส์’ คือยาชั้นดีสำหรับแวร์วูฟ

แคว้ก!

เสื้อยืดตัวบางถูกฉีกกระชากจนขาดวิ่น ปลายนิ้วสากไล้ผ่านร่องอกเลื่อนลงมาจนถึงหน้าท้อง เจบีปล่อยหูและหางออกมา เมื่ออยู่ในร่างมนุษย์แวร์วูฟจะยอมให้หางของหมาป่าออกมาก็ต่อเมื่อพวกเขาตื่นเต้นหรือกำลัง...เกิดอารมณ์

“โว้ว! ใจเย็นๆ” มาร์คร้องท้วงเมื่อเจบีเหวี่ยงร่างของตนเองให้นอนราบไปกับพื้นเหล็กเย็นเฉียบ

ความเย็นของพื้นทำเอาสะดุ้งเมื่อแนบกับแผ่นหลังเปลือยเปล่า

“อื้ม...อืม” ปากอิ่มถูกประกบอีกครั้ง ลิ้นหยาบโลนรุกล้ำเข้าไปตักตวงความหวานภายใน มาร์คขมวดคิ้วมุ่นหลังตวัดลิ้นหยอกล้อกับอีกฝ่าย พื้นผิวบนลิ้นของแวร์วูฟแตกต่างไปจากลิ้นของปีศาจทั่วไป...

“ฮื้ม...” คนตัวเล็กครางท้วงเมื่ออีกฝ่ายเริ่มดึงกางเกงของเขาลงจนหลุดสะโพกไป เจบีละจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง ยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำลายเหนียวที่ไหลเยิ้มลงมาถึงปลายคางลวกๆ

หลังจากถอดให้คนตัวเล็กหมดแล้วก็ถึงคราวตัวเองต้องถอดบ้าง

“ให้ฉันถอดอยู่คนเดียว ไอ้หมาป่าขี้โกง” มาร์คผลักเจบีให้เป็นฝ่ายนอนราบไปกับพื้นก่อนส่งร่างตัวเองขึ้นไปนั่งคร่อมทันที

ส่วนที่แข็งถูไถไปกับก้นของมาร์ค เจ้าตัวสะดุ้งทันทีหลังรู้สึกถึงสิ่งแปลกประหลาดที่กำลังชูชันอยู่ภายใต้กางเกงยีนส์ เขารีบลุกออกจากตัวคนข้างล่าง ปลดกระดุมออกแล้วล้วงเข้าไปจับความเป็นชายของเจบีออกมา

“..........” มาร์คนั่งอึ้งไปพักหนึ่งหลังเห็นแก่นกายของอีกฝ่าย

ไม่ใช่ขนาดที่ทำให้เขาตะลึงแต่เป็นเพราะแท่งเนื้อที่กำลังจับอยู่นี่...มันฝังมุกต่างหาก

“เจบี...” มาร์คมองหน้าเจบีด้วยความอึ้ง เขาต้องถูกเจ้านี่กระแทกกระทั้นเข้ามาอย่างงั้นเหรอ...ครั้งแรกของเขาแต่กลับเจอศึกหนักขนาดนี้มัน...

“หึ...” เจบีครางหึในลำคอก่อนกดหัวมาร์คให้หน้าแนบไปกับแก่นกายของตัวเอง เขาง้างปากอีกฝ่ายออกแล้วยัดเยียดความเป็นชายของตัวเองเข้าไปจนมิดคอในครั้งเดียว

“แค่ก! ฮื้อออ!” มาร์ครีบผละออกแต่ก็โดนอีกคนกดหัวไว้ หน้าและตาแดงเพราะอาการสำลักเมื่อครู่ คนตัวเล็กส่งสายตาดุให้กับแวร์วูฟเอาแต่ใจที่จู่ๆก็ยัดท่อนเอ็นเข้ามาโดยไม่บอกกล่าว

ความขรุขระของแท่งเนื้อร้อนเสียดสีกับผนังคอทำให้มาร์ครู้สึกพะอืดพะอมกับมัน เขาพยายามดันสิ่งที่อยู่ในปากออกแต่ก็ไม่สามารถเอาชนะแรงกดของอีกฝ่ายได้

“ฮืม...” เจบีดันความเป็นชายของตัวเองเข้าไปลึกกว่าเดิมก่อนกระชากหัวของมาร์คขึ้นมาจนสิ่งที่คนตัวเล็กอมอยู่หลุดปากไป

“แค่กๆ...ฮ่าห์...” มาร์คสำลักจนหูแดงไปหมด พยายามกอบโกยอากาศเข้าปอดให้ได้มากที่สุดแต่พักหายใจได้ไม่ทันไรก็ถูกดันให้นอนราบลงกับพื้นเหล็กอีกครั้งขาเรียวถูกจับแยกออกจากกันเผยให้เห็นช่องทางสีหวานที่กระตุกราวกับกำลังเชิญชวนแท่งเนื้อร้อนให้ลุกล้ำเข้ามา

เจบีจ่อแก่นกายที่ปากทางเข้า ส่วนหัวเสียดสีกับช่องทางด้านหลังเบาๆทำเอาคนใต้ร่างสะท้าน

“JB…wait…” ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจจนต้องร้องขออีกฝ่าย

นัยน์ตาสั่นไหวจ้องมองสิ่งที่จ่อกับช่องทางด้านหลังของตัวเอง ไร้ซึ่งการเตรียมใดๆ มีเพียงน้ำหล่อลื่นที่ออกมาจากแก่นกายของเจบีเท่านั้นที่ช่วยลดความฝืด

“Be a good boy” พูดจบเจบีก็ดันแก่นกายของตนเองเข้าไปทันที

“โอ๊ย! มันเจ็บ เอามันออกไป!”

เพี๊ยะ!

ฝ่ามือปะทะเข้ากับหน้าของหมาป่าเอาแต่ใจจนหน้าหันไปตามแรงที่ส่งไป เจบีเหลือบมองคนใต้ร่างด้วยสายตาหื่นกระหาย ความรุนแรงหยุดปีศาจอย่างเขาไม่ได้หรอก

“อยู่นิ่งๆ” พูดพลางกระแทกความเป็นชายใส่ช่องทางอ่อนนุ่มโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายปรับตัวเข้ากับสิ่งที่รุกล้ำเข้าไปเลย

มาร์คสั่นสะท้านไปทั้งร่าง กัดฟันแน่นเพราะความเจ็บและความรู้สึกประหลาดที่แล่นเข้าปะทะจนแทบคลุ้มคลั่ง ผิวขรุขระของแก่นกายเจบีเสียดสีกับผนังด้านใน เขายกสองมือขึ้นปิดหน้าก่อนหวีดร้องออกมาอย่างเหลืออด

“ฮึก อ๊า!!!! อ๊า”  น้ำใสคลอหน่วงที่ขอบตาตอนนี้ได้ไหลลงมาแล้ว ร่างเล็กหอบหายใจระรัวพร้อมเสียงสะอื้นไห้ แก่นกายที่กระแทกเข้ามาไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนจังหวะลงเลย

เจบีขมวดคิ้วเมื่อรู้สึกได้ถึงของเหลวอุ่นที่เริ่มซึมออกมาจากช่องทางด้านหลัง เขาก้มมองสิ่งที่หลั่งไหลออกมา เหมือนสติถูกดึงให้กลับคืน แวร์วูฟหยุดขยับสะโพกทันทีหลังเห็นสีแดงฉานของเลือดเคลือบบนแก่นกายของตนเอง

“ฮึก...อึ้ก ฮือ...” คนใต้ร่างร้องไห้พลางสะอื้นแทบขาดใจ เจ็บจนอยากจะหยิบแท่งเหล็กมาแทงทะลุหัวใจให้ตายไปเสียเดี๋ยวนี้

“ฮ่าห์...ฉัน...ขอโทษ”

เจบีโน้มตัวลงไปจูบหน้าผากคนใต้ร่างช้าๆพลางดึงมือที่กำลังบดบังในหน้าน่ารักของอีกฝ่ายออก

ดวงตาสองสีสบเข้ากับนัยน์ตาสีน้ำตาลของคนตัวเล็ก ดวงตาของอีกฝ่ายสื่อถึงความเจ็บปวดที่ได้รับจนคนมองรู้สึกเจ็บไปด้วย

เจบีจูบซับน้ำตาให้เบาๆ ท่อนเนื้อร้อนยังคงฝังอยู่ในตัวของมาร์ค มือหนาสอดประสานมือเล็กแล้วกุมมันไว้เพื่อสร้างความเชื่อใจให้กับอีกฝ่าย
ความกลัวที่เคยมีก่อนหน้านี้ค่อยๆมลายหายไป น้ำตาเริ่มเหือดแห้งจากดวงตาคู่สวย กลีบปากสีสดถูกเจบีเล็มเลียก่อนมอบรสจูบอันอ่อนโยนให้กับร่างตรงหน้า

“เจ...บี อึ้ก!...” มาร์คกุมมือของเจบีแน่นเมื่ออีกฝ่ายค่อยๆขยับสะโพก

“มองตาฉัน” มาร์คทำตามคำสั่งของเจบี ดวงตาคู่สวยที่ถูกเคลือบไปด้วยน้ำตาจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่าย ร่างเล็กหลับตาพริ้มเมื่อปุ่มนูนครูดเข้ากับจุดกระสัน คิ้วเรียวขมวดมุ่นพร้อมกับเขี้ยวคมที่ฝังลงกับริมฝีปากตนเองด้วยความเผลอไผล

“อึก...รัดแน่นชะมัด ตรงนี้เหรอ” เจบีลองกดย้ำแก่นกายของตนเองลงกับจุดเมื่อครู่อีกครั้ง

“อ๊ะ! อา...อย่าโดนตรงนั้น...มันแปลก...” เสียงห้ามหวานกระเส่าของมาร์คยิ่งปลุกความหื่นกระหายในตัวเจบีให้มากขึ้นไปอีก

“ฉันบอกนายแล้วใช่ไหม” เจบีก้มลงดูดดุนติ่งไตสีชมพูเย้ายวนตรงหน้า ริมฝีปากขบเม้มยอดอกพลางแลบลิ้นออกมาโลมเลียจนมันเริ่มเต่งขึ้นมา

“ถึงนายจะบอกให้หยุด ฉันก็ไม่หยุดหรอก” ร่างบางตัวบิดเร่าด้วยรสสัมผัสวาบหวามที่ไม่เคยได้รับ เล็บคมจกลงบนลำแขนแกร่งของเจบีทันที

“อ๊ะ อื้อ...อา” เสียงหอบหายใจที่ดังขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงครางหวานดังประสานกัน ช่องทางด้านหลังที่เริ่มชินกับท่อนเอ็นของอีกฝ่ายตอดรัดเป็นจังหวะถี่ขึ้น มือหนาเลื่อนไปกอบกุมส่วนอ่อนไหวของคนตัวเล็กกว่า

เขาเร่งเร้ามอบความเสียวซ่านให้กับคนใต้ร่างจนมาร์คขาสั่นพั่บ

“อ๊า! เจบี ฮึก...อย่ารูด” มาร์คเกร็งจนเจบีขมวดคิ้วกับช่องทางด้านหลังที่บีบแน่นทำให้เขาขยับเข้าออกยากขึ้น

“ชู่ว...ไม่เป็นไร อย่าเกร็ง” แตะริมฝีปากลงบนปากอีกฝ่ายเบาๆ ฟันคมงับริมฝีปากล่างแล้วดึงให้มันค่อยๆครูดไปกับผิวฟันอย่างอ้อยอิ่ง

นิ้วเรียวสะกิดยอดอกของมาร์คเบาๆก่อนบิดและดึงจนหลุดปลายนิ้วไป ความเสียวซ่านที่ถาโถมเข้าใส่ทำเอามาร์คส่ายหน้ารัว

“นี่มัน อ๊ะ! ซี้ด...” ประโยคขาดหายเพราะความสุขสมที่เจบีมอบให้ เจบีช้อนตัวมาร์คขึ้นมาอุ้มไว้ก่อนนอนราบลงกับพื้นให้คนตัวเล็กนั่งคร่อมบนแก่นกายของตัวเอง แท่งเนื้อร่อนที่กระแทกเข้าไปลึกกว่าเดิมทำเอาร่างเล็กสั่นสะท้าน

“oh my god…” สองมือวางลงบนอกแกร่งของร่างโปร่งเพื่อใช้เป็นหลักค้ำยันไม่ให้ตัวเองล้มลงไปทับตัวของอีกฝ่าย

มาร์คมองหน้าเจบีพลางส่ายหน้าเบาๆ ท่านี้น่ะ...เขาไม่ไหวหรอก

“อ๊ะ! อ๊า ฮึก โอ้ว...” เสียงหวานครางกระเส่าดังระงมไปทั่วห้องขัง เจบีรัวกระแทกความเป็นชายของตัวเองกดเน้นย้ำไปยังจุดกระสันของคนตัวเล็กซ้ำๆ

“อ๊า ฮึก ร...เร็วไปแล้ว” เจบีใช้มือดันตัวไม่ให้มาร์คล้มลง มืออีกข้างที่ว่างก็ลูบคลำสะโพกมนอย่างหื่นกระกาย

ท่อนเอ็นร้อนขยับเข้าออกช่องทางสีหวานตามกามอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ใบหน้าสวยเชิดขึ้นเมื่อความเสียวซ่านพุ่งขึ้นจุดสูงสุด

“อ๊ะ...อา” ของเหลวสีขาวถูกปลดปล่อยออกมา บางส่วนพุ่งไปจนเปรอะคางของเจบี

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายชัดบนใบหน้าหล่อเหลา เจบีจับอีกคนให้หมุนตัวไปอีกทางทั้งที่ความเป็นชายของตัวเองยังเสียบคาอยู่

“โอ้ว...อึก” มาร์คคว้าตารางเหล็กไว้ก่อนเจบีจะเด้งตัวลุกขึ้นแล้วกดหัวอีกคนให้แนบไปกับพื้น

สะโพกมนถูกยกขึ้นสูงก่อนแก่นกายร้อนจะกระแทกเข้าไปช้าๆ เจบีควงสะโพกสร้างความเสียวซ่านให้กับมาร์คจนต้องหาที่ยึดเกาะ มือเล็กกำซี่ลูกกรงแน่น แรงกระแทกที่ส่งมาจากด้านหลังทำเอาตารางเหล็กสั่นกึก

ปุ่มเนื้อนูนออกมาเพราะมุกที่ฝังไว้ในแก่นกายเสียดสีไปกับจุดเสียวของร่างเล็ก เสียงครางดังกระเส่าไปทั่วทั้งห้องขังพร้อมกับเสียงเนื้อกระทบกันที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ

“อ๊า อ่ะ...อึก นายจะไปฝังมุกทำไมเนี่ย อ๊ะ...ฮึ๊ก...” ทั้งครางทั้งสะอื้นไปพร้อมกัน เขาคงจดจำครั้งแรกนี้ไปอีกนาน

“นายไม่ชอบมันเหรอ” เจบีโน้มตัวลงให้แผงอกแนบไปกับแผ่นหลังของอีกฝ่าย เสียงทุ้มคอยกระซิบหยอกล้อข้างหูร่างเล็ก ทั้งเขินทั้งอายจนทำตัวไม่ถูกได้แต่ส่งเสียงครางแปลกๆออกไป ในใจก็คิดไปว่าหมาป่าตัวนี้มันช่างร้ายนัก

“อย่ามายุ่ง อ๊ะ...ก...กับหูของฉัน อื้ม!” ทั้งเขินทั้งจั๊กจี้จนต้องหดคอหลบการโลมเลียของคนตัวโตกว่า มือข้างหนึ่งปล่อยกรงเหล็กแล้วเลื่อนมาปิดหูไว้

หมาป่ายิ้มอย่างพอใจที่แกล้งร่างตรงหน้าได้ ลมหายใจอุ่นเป่ารดต้นคอเบาๆ ช่วงล่างยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ช่องทางที่เริ่มปรับตัวเข้ากับสิ่งแปลกปลอมได้กำลังตอดรัดถี่รัว จนเจบีต้องส่งเสียงซี้ดออกมาเป็นระยะ

“เริ่มชินแล้วนี่” แกล้งพูดประโยคลามกให้อีกคนเขินเล่นและก็เป็นไปตามคาดเมื่อพวงแก้มน่ารักขึ้นสีแดงระเรื่อ

“อึก...หนวกหูน่า!” ถึงแม้ปากจะตะโกนออกไปแบบนั้นแต่ปฏิกิริยาที่ตอบสนองกลับเป็นไปตามที่เจบีพูด

“หยุดบ่นแล้วครางดังๆให้ฉันฟังหน่อย” พูดไปพลางรัวกระแทกกระทั้นความเป็นชายใส่ช่องทางสีหวาน คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกหลังปุ่มขรุขระครูดกับจุดนั้นเข้าอย่างจัง เล็บคมจิกลงกับพื้นเหล็กก่อนลากเข้าหาตัวจนเกิดเป็นรอยข่วนชัดเจน

“บอกให้ครางดังๆไง” มือหนาขยุ้มผมนุ่มก่อนออกแรงกระชากให้อีกคนลุกขึ้นมา

“ฮึก...ไอ้บ้าเอ๊ย! เข้าใจคำว่าเสียวจนร้องไม่ออกไหม! อ๊ะ” หันไปด่าหมาเอาแต่ใจสักหน่อยแต่ด่าได้ไม่ทันไรก็ดันส่งเสียงแปลกๆออกมาอีกแล้ว

“น่ารัก” อยากจะหันไปตบปากของแวร์วูฟกวนประสาทที่พูดอะไรไม่เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้เอาเสียเลยแต่ก็ทำได้แค่เพียงก่นด่าในใจ

“อ๊า! เจบี เบาๆหน่อย” ร่างบางร้องท้วงหวังให้อีกฝ่ายยอมผ่อนแรงลงแต่ก็ไร้ผล หมาป่าตัวนี้ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาพาตัวเองเข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้ายเสียแล้วสิ

“ไม่” ปฏิเสธคำขอของคนตัวเล็กโดยไม่คิดเลยแม้แต่น้อย แท่งเนื้อร้อนถูกดึงออกจากช่องทางอ่อนนุ่มพรวดเดียวจนคนถูกกระทำต้องฟุ่บหน้าลงกับพื้น เจบีพลิกให้มาร์คหันหน้าเข้าหาตนเองก่อนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปพิงตารางเหล็กทันที

“No! JB don’t!” ถึงกับร้องห้ามเมื่อหมาป่าเอาแต่ใจเกิดอยากลองทำท่าใหม่ขึ้นมา

“หึ” รอยยิ้มกวนประสาทถูกส่งให้กับคนตัวเล็กก่อนแท่งเนื้อร้อนจะดันกลับเข้าไปในช่องทางเดิมทีเดียวมิดด้าม

“เฮือก...ไอ้...” ร่างกระตุกวูบก่อนถึงฝั่งฝันอีกครั้ง คำด่าเตรียมพ่นออกมาจากปากแต่ก็จุกเกินกว่าที่จะเปล่งเสียงออกไป มาร์คส่งสายตาคาดโทษให้เจบีที่หลังจากสอดใส่เข้ามาแล้วก็ขยับแก่นกายเข้าออกอย่างเอาแต่ใจทันที

แม้จะจุกแต่ภายในความทรมารกลับมีความรู้สึกวาบหวามแฝงอยู่

“ท่านี้เข้าได้ลึกดี” เจบียังคงเล่นงานคนตัวเล็กด้วยคำพูดลามก มาร์คทุบอกแกร่งไปหนึ่งทีแรงๆด้วยความหมั่นไส้ ถ้าเขารู้ก่อนว่าเจ้าหมาป่าหื่นกามขนาดนี้จะไม่มีทางหลวมตัวเข้ามาในกรงนี่เด็ดขาด

แต่ก็ทำได้เพียงคิดเพราะมันสายเกินไปเสียแล้ว...

“...ไอ้บ้า” ร่างเล็กก้มหน้างุดหลบสายตาของเจบีทันทีหลังรับรู้ถึงแท่งเนื้อที่อยู่ในกายใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

ยังจะใหญ่ได้มากกว่านี้อีกเหรอไอ้หมานี่...

“ในนี้แน่นกว่าเดิมอีกนะ” เจบีแกล้งแหย่ให้มาร์คโมโหเล่นและดูเหมือนมันจะได้ผลเสียด้วยสิ

“ของนายมันใหญ่ขึ้นต่างหากโว้ย! อ๊ะ! ตรงนั้น...ซี้ด...” แวร์วูฟค้นพบวิธีหยุดคนขี้บ่นได้แล้ว แถมเสียงที่มาแทนยังน่าฟังมากเสียด้วย

“ชอบใช่ไหม...ตรงนี้” แกล้งถูไถแก่นกายเน้นย้ำไปยังจุดนั้นซ้ำๆ

คนโดนแกล้งเชิดหน้าขึ้นมองเพดานทันที เพิ่งจะปลดปล่อยไปแท้ๆแต่ก็ยังถูกปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ขึ้นมาใหม่

“ชอบ...” เจบีชะงักการกระทำไปครู่หนึ่งเมื่อจู่ๆมาร์คก็เกิดปากตรงกับใจขึ้นมาซะงั้น

แวร์วูฟกระชากโซ่เหล็กที่ล่ามตัวไว้ออกมาเส้นหนึ่งก่อนใช้มันคล้องคออีกฝ่ายแล้วดึงเข้าหาตัวทันที ริมฝีปากหน้าบดเบียดปากสีสดของคนตัวเล็กจนเจ่อไปหมด ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดพัวพันกันอย่างหื่นกระหาย

สองแขนเล็กเลื่อนไปโอบรอบคออีกคนไว้แน่น เล็บถูกจิกลงกลางแผ่นหลังแล้วลากเป็นทางยาวจนเกิดรอยแดง

“อือ...อื้อ!” ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นทำให้มาร์คเผลอกัดลิ้นของเจบีจนได้ลิ้มรสเลือดของอีกฝ่าย

“ฮืม...” คนถูกกัดครางท้วงในลำคอเบาๆก่อนดูดลิ้นร่างเล็กแล้วละจูบออก ริมฝีปากย้ายลงไปดูดเม้มซอกคอขาวแทน ร่องรอยในคืนพระจันทร์เต็มดวงยังคงหลงเหลืออยู่

เจบีดูดเม้มทับรอยเก่าให้สีกลับมาชัดดังเดิม ร่างตรงหน้านี้เป็นของเขาแล้ว ของเขาแต่เพียงผู้เดียว จะไม่ยอมให้รอยสีกุหลาบนี้จางหายไปจากตัวของอีกฝ่ายเป็นอันขาด

“อึก อ๊ะ อ๊า! เจบี ฮึก...” เสียงครางกระเส่าที่ดังข้างหูยิ่งปลุกปั่นอารมณ์ของเจบีให้คุกรุ่น ร่างเล็กหายใจหอบระรัวพร้อมเสียงครางสุขสมที่ดังขึ้นเรื่อยๆ

“Ah! Good…”

มาร์คเอนตัวพิงกรงเหล็ก มือกำซี่ตารางแน่นก่อนร่างกายจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง

น้ำกามขาวขุ่นพุ่งเปรอะไปทั่ว ของเก่ารวมกับของใหม่ฉาบหน้าท้องของร่างเล็กให้เต็มไปด้วยของเหลวขุ่น มาร์คหอบหายใจแรงพลางส่ายหน้าให้เจบี

มันมากเกินไป

จะทนไม่ไหวแล้ว

เจบีไม่พูดอะไร คนตัวโตกว่าอุ้มอีกคนกลับมานอนราบไปกับพื้น เขาโน้มหน้าลงไปจูบซับเหงื่อให้กับมาร์ค จมูกโด่งลากไล้จากหน้าผากผ่านเปลือกตาลงมาที่พวงแก้มสีแดงระเรื่อ

“ฉันหยุดไม่ได้หรอก” กระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำก่อนขบเม้มเบาๆให้อีกฝ่ายสะดุ้ง

แกร๊ง!

เสียงโซ่เหล็กหล่นกระทบพื้นราวกับเสียงลั่นระฆังอีกยก สะโพกแกร่งควงแก่นกายขยับเข้าออกช่องทางอ่อนหนุ่ม ทั้งแรงแหละหนักหน่วงจนคนตัวเล็กน้ำตาเล็ด จังหวะการกระแทรกรัวจนมาร์คหายใจไม่ทัน อากาศที่สูดเข้าปอดได้เพียงน้อยนิดทำให้เขาเริ่มมึนหัว

“เจบี ไม่ไหวแล้ว ฮือ...ฮึก” มาร์คส่ายหน้ากับพื้นเหล็กเย็นเฉียบ เริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะเข้าไปทุกที

ลมหายใจของมาร์คเริ่มรวยริน เสียงครางที่แผ่วเบาลงเรื่อยๆพร้อมภาพเบื้องหน้าที่เลือนรางไป
เขาหมดสติไปแล้ว

_________________________________ NC _________________________________


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 19 [20/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 19-04-2018 23:17:00
ตอนที่ 19
Terrible Things

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 20/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819981#msg3819981)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823156#msg3823156)

ครืดดดดด

โทรศัพท์มือถือสั่นกระทบกับพื้นโต๊ะแรงพอจะทำให้คนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่ใต้ผ้าห่มเอื้อมมือมาควานหาสาเหตุของแรงสั่นสะเทือนนั้นได้
ใครกันนะส่งข้อความมาหาดึกดื่นขนาดนี้

ปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างจากหน้าจอสักพักก่อนกวาดสายตาอ่านตัวหนังสือที่ต่อกันเสียจนยาวเหยียด

อืม...ก็แค่มาร์คได้กับเจบีแล้ว

กำลังจะวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อนึกถึงเนื้อความเมื่อครู่จนเกือบทำโทรศัพท์หล่นพื้น แอบหันไปมองคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ...โชคดีที่ยูคยอมยังไม่ตื่น

“ซวยแล้วไหมล่ะมึง” แอบกระซิบกับตัวเองเบาๆพลางพิมพ์ตอบกลับข้อความไปด้วย

แตง...กูมีเรื่องให้มึงช่วย

พรุ่งนี้มึงอย่าให้ตากูมาบ้านกูเด็ดขาด

มึงพยายามอ้างเหี้ยอะไรก็ได้ อย่าให้ตากูมาเห็นกูในสภาพนี้...

คือ...กูไม่มีข้อแก้ตัวอะไรไปอ้างว่ะ กูเอาตัวเองเข้าไปเจอปัญหาเอง

ผลคือ...ไอ้สัด!!! กูลุกไม่ขึ้น ร้าวไปทั้งตัวอ่ะมึง

กูรู้แล้วที่มึงไม่ไปโรงเรียนวันนั้นเพราะมึงโดนตากูเปิดซิงใช่ไหม

ยินดีด้วยนะแตง มึงมีเพื่อนแล้ว...มึง กูรักมึงจริงๆนะ

มึงช่วยกูด้วยนะ…

ยองแจแทบจะปาโทรศัพท์ในมือทิ้งไปไกลๆ ทั้งอยากช่วยและอยากตบหัวเพื่อนรักไปพร้อมกัน หาเรื่องให้โกสท์ลามกไม่ไปพบหลานตัวเองน่ะเหรอ... ไม่มีทาง เขาทำไม่ได้อยู่แล้ว

เอินมึงใจเย็นๆนะ มึงรีบเคลียร์ทุกอย่างให้ปกติที่สุด

กูห้ามยูคยอมไม่ได้หรอก แต่กูอาจจะพอระงับอารมณ์เขาได้บ้าง

มึงไปจัดการตัวเองซะไอ้สัด! อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้าแล้ว

ตอบกลับเพื่อนไปแบบนั้นก่อนค่อยๆหดตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มดังเดิม

ฟุ่บ

ร่างเล็กสะดุ้งเมื่อจู่ๆก็โดนมือหนาตะปบเข้าที่แขนก่อนรวบตัวเขาเข้าไปกอดไว้ ยองแจหลับตาปี๋ด้วยความกลัวว่าอีกคนจะตื่นขึ้นมาเห็นเขาแอบคุยกับมาร์ค

เขาแอบปรือตามองเจ้าของอ้อมกอดเบาๆ ยองแจลอบถอนหายใจเมื่อเห็นว่ายูคยอมแค่ละเมอดึงเขาไปกอดเท่านั้น ทำเอาใจหายใจคว่ำหมดเลย

แสงไฟหน้าจอสว่างวาบอีกครั้งแจ้งข้อความฉบับใหม่ที่เข้ามาเมื่อครู่ นิ้วเรียวเลื่อนปลดล็อคก่อนกดดูเนื้อความที่ถูกส่งมา

จัดการห่าอะไร! เจบีมันยังไม่หยุดเอากูเลยเนี่ย

ถ้ากูเชื่อตากูตั้งแต่แรกนะ...กูควรเก็บซิงไว้ให้มึงอ่ะแตง

กูพลาดจริงๆไอ้สัด! ช่วยกูด้วยยยย กูสลบไปสามรอบแล้ว

ตื่นมากี่รอบมันก็ยังไม่ปล่อยกู ฮือ....กูเจ็บไปหมดแล้วเนี่ย

แสบโว้ยไอ้เหี้ย เสือกฝังมุกอีกนะ แตงงงง มึงช่วยกูด้วย

กูไม่ไหวแล้วเนี่ยมึง!

คนอ่านถึงกับขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกสยิวกับเนื้อความเมื่อครู่จนต้องแนบโทรศัพท์เข้ากับอก ถ้ามันคือความจริงมาร์คนั้นเก่งมากทีเดียวที่พิมพ์ตอบกลับมาได้ขนาดนี้...ก็นะเพื่อนเขาเป็นปีศาจนี่นา ส่วนเรื่องซิงอะไรนั่นข้ามๆมันไปเถอะ...

“ช่วยห่าอะไรล่ะ เด็กโง่เอ๊ย” ยองแจตอบกลับข้อความก่อนปิดเครื่องเพื่อตัดเสียงรบกวน ขืนโทรศัพท์สั่นบ่อยๆมีหวังคนที่นอนกอดเขาอยู่ได้ตื่นขึ้นมาโวยวายกันพอดี

หลังจากวางเครื่องมือสื่อสารไว้ที่เดิมแล้วยองแจก็พลิกตัวหันไปมองใบหน้ายามหลับใหลของโกสท์หนุ่ม รอยยิ้มจางผุดขึ้นบนดวงหน้าหวาน ไม่บ่อยนักที่เขาจะได้เห็นใบหน้ายามหลับของอีกฝ่าย การตื่นมากลางดึกก็ไม่ใช่เรื่องแย่ไปเสียหมดหรอก

“ถ้านายเป็นมนุษย์เหมือนฉันก็คงดี” ซุกหน้าลงกับแผงอกแกร่งพลางไซร้ไปมาเบาๆ เฮ้อ นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ เลิกงอแงแล้วนอนซะยองแจ

ควันสีขาวลอยคละคลุ้งในอากาศก่อนค่อยๆจางหายไป มือเล็กจรดกล้องยาสูบลงกับริมฝีปากอีกครั้งเพื่อลิ้มรสของยาเส้นที่บรรจุข้างใน

ก๊อกๆ

เสียงเคาะประตูดังขัดความเงียบตามมาด้วยคำทักทายของผู้ที่อยู่หลังบานประตู “ท่านแม่ครับ”

 “เข้ามาสิ” ผู้เป็นแม่วางกล้องยาสูบลงบนโต๊ะน้ำชาใกล้มือก่อนจ้องมองลูกชายของตนเองเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ร่างสูงโปร่งก้มโค้งลงทำความเคารพมารดาก่อนเงยขึ้นมาตีสีหน้าเคร่งเครียดทันที

“เป็นอะไรไปล่ะเกล” น้ำเสียงหวานเอื้อนเอ่ยออกมาจากริมฝีปากที่ถูกทาด้วยลิปสติกสีแดงสด

ราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหิน ความกล้าที่รวบรวมมาก่อนหน้านี้หายวับไปราวกับไม่เคยมีมันมาก่อน เกลจ้องมองมารดาด้วยสายตาที่มากมายด้วยคำถาม เรื่องที่เขาใคร่รู้แต่กลับไม่กล้าแม้แต่จะอ้าปากเอ่ยคำถามเหล่านั้นออกไป

“เปล่าครับ...ผมแค่คิดถึงท่านแม่” เอ่ยคำโกหกออกไปคงดีกว่า

“หึหึ ขี้อ้อนจริงเชียว แม่ก็นึกว่าลูกอยากได้อะไรเสียอีก” เธอกวักมือเรียกลูกชายตัวโตให้เดินไปหา เกลนั่งชันเข่าลงกับพื้นก่อนฝ่ามืออบอุ่นจะลูบลงบนหัวของเขา

“ไม่หรอกครับ” เอ่ยคำโกหกอีกครั้ง สิ่งที่เกลต้องการนั้นมีมากกว่าที่แม่ของเขาทราบเสียอีก

“แผลหายดีแล้วหรือเด็กน้อยของแม่” เชยคางลูกชายของตนเองขึ้นพร้อมประทับจูบลงบนแก้มของอีกฝ่ายเบาๆ

“หายตั้งแต่วันแรกแล้วครับ” เกลยิ้มรับสัมผัสนุ่มนวลที่ข้างแก้มพร้อมดึงมือมารดามาจูบเบาๆ

“โกสท์น่ารังเกียจ ฉันน่าจะฆ่ามันให้ตายไปพร้อมกับพี่ชายของมัน” แววตาของเกลสั่นไหววูบหนึ่งหลังมารดาของตนกล่าวถึงน้องชายต่างสายเลือด

“อย่าพูดถึงมันเลยครับ”

“เด็กน้อยของแม่ต้องชนะมันได้แน่นอนแต่อย่างไรเสียอย่าลืมจับตัวชเว ยองแจมาให้แม่คนนี้ด้วย”

“ท่านแม่ต้องการตัวยองแจไปทำไมครับ” ความเคลือบแคลงใจที่มีมานานทำให้เกลเลือกที่จะถามเพื่อไขความสงสัยให้กับตนเอง

“ในตัวเขามีสิ่งที่เราต้องการ เจ้าเด็กนั่นไม่เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปหรอกนะเด็กน้อยของแม่” เกลแอบเคืองที่ผู้เป็นแม่เรียกยองแจว่าเจ้าเด็กนั่นแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางขัดใจอะไร

“สิ่งที่เราต้องการเหรอครับ?”

“ฮาร์ทไงล่ะ” เกลตาลุกวาวทันทีหลังได้ยินประโยคเมื่อครู่ ฮาร์ทอย่างนั้นหรือ...ชเว ยองแจมีฮาร์ทอยู่งั้นหรือ หึ ช่างเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ

“น่าสนใจใช่ไหมล่ะ” แวมไพร์สาวลากนิ้วไปตามแผงอกแกร่งพลางกัดปากมองอีกฝ่ายอย่างยั่วยวน

ร่างสะโอดสะองลุกขึ้นยืนพร้อมกับดึงมือเกลให้เดินตามตนเองไปที่เตียง มือเล็กผลักร่างสูงโปร่งให้ล้มลงบนเตียงนุ่มก่อนส่งร่างตัวเองลงบดเบียดกับผิวกายของอีกฝ่าย เซซิลเลียผู้ไม่รู้จักคำว่าศีลธรรม แวมไพร์ผู้ร่วมรักกับลูกชายของตนเองจนให้กำเนิดทารกขึ้น

น่าเสียดายที่เด็กคนนั้นถูกเธอฆ่าทิ้งก่อนเจ้าหนูน้อยจะลืมตาดูโลกเสียอีก ปีศาจร้ายในคราบหญิงสาวแสนดี

ปีศาจจอมหลอกลวง ปีศาจที่ยูคยอมเกลียดสุดหัวใจ ลอร์ด เซซิลเลีย

“ท่านแม่ครับ...”

เกลรู้ดีว่าหน้าที่ของตนเองในเวลานี้คืออะไร แม้เขาจะไม่เต็มใจทำมันแต่เซซิลเลียนั้นดื้อดึงเกินกว่าที่คนเป็นลูกอย่างเขาจะขัดใจได้

“ชู่ว...เงียบๆแล้วทำซะ” เห็นไหมล่ะ เขาขัดใจเธอได้ที่ไหนกัน

“ครับ...”

ยองแจนั่งกำโทรศัพท์แน่นพลางชะโงกหน้ามองประตูห้องน้ำที่พร้อมเปิดออกทุกเมื่อหลังเสียงน้ำกระทบพื้นเงียบลง คนตัวเล็กกำลังรวบรวมความกล้าเพื่อบอกเรื่องสำคัญกับยูคยอม สองมือถูกยกขึ้นมาขยุ้มผมตัวเอง เขาจะบอกยังไงดีนะ ยูคยอมมาร์คโดดเข้าปากหมาไปแล้วนะ...แบบนี้เหรอ

ก็ออกจะกวนตีนไปหน่อย

“ทำอะไรของนาย”

“แหก!” ยองแจสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ โทรศัพท์ที่กำไว้แน่นเด้งหลุดมือลงไปทักทายกับพื้นแล้วเรียบร้อย

ยูคยอมมองการกระทำของคนตัวเล็กด้วยความงุนงง ปกติยองแจไม่ใช่คนเหม่อลอยหรือตกใจอะไรง่ายขนาดนี้ เด็กดื้อของเขาต้องกำลัง
ปิดบังอะไรอยู่เป็นแน่

“พูดมา” เดินเข้าไปหาคนตัวเล็กที่ปั้นหน้าไม่ถูกเข้าไปทุกที

“เอ่อ...ตัวเอง เช็ดตัวก่อนไหม” ยองแจพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง ทำไงได้ล่ะ เขายังนึกเหตุผลดีๆที่จะปลอบให้โกสท์ตัวโตนี่ใจเย็นยังไม่
ได้เลย

“โอ๊ยไอ้...” ยกมือขึ้นปิดตาแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆยูคยอมก็กระชากผ้าขนหนูที่พันรอบเอวไว้ออกไป ถึงจะเห็นบ่อยแล้วแต่ไม่ได้หมายความว่าอยากเห็นหรอกนะ

“บอกมาซะ ไม่งั้นฉันจะถอดของนายด้วย” ยองแจใช้แขนโอบรอบตัวเองแน่น เขาในตอนนี้น่ะมีแค่ชุดคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียวเท่านั้น ไม่ยอมให้ถอดหรอก!

“เอ่อคือ...สัญญาก่อนได้ไหม ถ้าฉันเล่าให้นายฟังแล้วนายต้องใจเย็นๆนะ” พยายามจะมองหน้าคนตัวโตแล้วแท้ๆแต่สายตากลับเลื่อนลงไปมองข้างล่างอยู่ร่ำไป ใจเย็นๆยองแจ มันแค่ดึงดูดสายตาเท่านั้นแหละ

“ว่ามาสิ”

ยูคยอมยังคงยืนเช็ดตัวต่อไปจนยองแจนึกคลางแคลงใจ...โกสท์บ้านี่ไม่อายเขาเลยหรือไงนะ

“เอ่อ...คือว่า...ม...มาร์คอ่ะ” ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกอีกคนขัดเสียก่อน

“ฉันรู้แล้ว”

ห๊ะ...

“นายรู้อะไร” คำตอบมันเป็นไปได้แค่ไม่กี่อย่างหรอก ทั้งที่รู้แบบนั้นแต่ก็ยังถามออกไป

“เจบีพยายามแหกกรงออกมาส่วนอี๋เอินก็เดินเข้าไปหาเองถึงที่”

“..........................” ยองแจนั่งเงียบไปพักหนึ่ง เขารู้แค่ว่ามาร์คกับเจบีนั้นฝ่าฝืนคำสั่งของยูคยอมแต่ถึงขนาดพังกรงไปหากันเลยนี่มันก็...

“ฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอก ฉันแค่สงสารหลาน” คนฟังอ้าปากค้าง สมองเริ่มสับสนไปกันใหญ่ แล้วทำไมก่อนหน้านี้ขู่เจบีกับมาร์คไว้เสียน่ากลัวเชียว

“แต่ก็แอบหงุดหงิดเหมือนกัน” เอาล่ะสิ โกสท์ตนนี้เวลาหงุดหงิดนั้นไม่น่าอยู่ใกล้เลยจริงๆ

“หงุดหงิดอะไรเหรอตัวเอง” รู้สึกเหมือนตัวหดลงเหลือไม่กี่คืบเข้าไปทุกที ยองแจอยากจะหายตัวได้ขึ้นมาแล้วสิ

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาขัดคำสั่ง” ยูคยอมชายตามองร่างเล็กพลางเช็ดผมไปด้วย

“ฉันไม่เคยขัดคำสั่งนายนะ” ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดแท้ๆแต่ยองแจกลับพูดออกไปแบบนั้น ยูคยอมนำผ้าเช็ดตัวกลับมาพันรอบเอวไว้ลวกๆ คนตัวเล็กที่เห็นแบบนั้นก็แอบถอนหายใจออกมา

“kiss me” ตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ก็ใครใช้ให้โกสท์ลามกสั่งอะไรแบบนั้นกันล่ะ...ไม่คิดว่าเขาจะเขินเลยหรือไง

“เอ่อ...”

“kiss”

ยองแจเบี่ยงหลบไปกัดฟันก่อนหันกลับมาแล้วดึงหน้าของยูคยอมมาจูบแก้มจนเกิดเสียงดังจ๊วบ คนตัวเล็กผลักอีกฝ่ายออกทันทีหลังทำตามคำสั่งเสร็จ

“เจ้านายจ๋า~~” ยังไมทันได้เอ่ยปากต่อว่าคนตัวเล็กก็มีเสียงดังขัดขึ้นเสียก่อน ยูคยอมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนออกคำสั่งกับบุคคลที่มาใหม่

“ห้ามพังหน้าต่าง”

ตุบ!

ยองแจรีบวิ่งไปดูต้นตอของเสียงนั้นทันที มือถูกยกขึ้นมาปิดปากหลังเห็นภาพเจ้าหมาแวร์วูฟนอนหงายท้องอยู่บนแปลงดอกไม้ใกล้กับประตูบ้าน

“แบมแบม!”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 22 [27/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 27-04-2018 01:49:36
ตอนที่ 20
What’s going on?

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 27/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3819986#msg3819986)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823158#msg3823158)

Youngjae Present

“แบมแบม!” ผมตกใจจนเผลอยกมือขึ้นมาปิดปากอย่างลืมตัว ตายๆเจ้าหมาน้อยของผมหงายเงิบไปแล้ว ชนแรงซะด้วย

แบมแบมพลิกตัวก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมสะบัดขนไล่ดินออกแล้วส่งเสียงทักทายมาให้

“โฮ่ง!” ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ถึงจะเป็นแวร์วูฟแต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละครับ ลองนึกภาพหมาน่ารักๆวิ่งไปชนผนังบ้านแล้วล้มตึงลงไปดูนะครับ นั่นแหละ แบบนั้นเลย

“มานี่มา” ผมผลักหน้าต่างให้กางออกจนสุดก่อนอ้าแขนรอรับเจ้าหมาน้อยที่นั่งส่ายหางรออยู่ข้างล่าง

แวร์วูฟในร่างของหมาน้อยน่ารักกระโดดเข้าสู่อ้อมอกผมโดยที่เจ้าตัวแสบคอยยั้งแรงไว้ไม่ให้ผมหงายเงิบไปด้านหลัง แรกๆผมก็สับสนระหว่างแบมแบมกับเจบีนะครับแต่ตอนนี้แค่เสียงเห่าผมก็แยกออกแล้ว หู้ว เทพอีหลี

ไม่ต้องกลัวว่าคนที่ผ่านมาจะเห็นหมาตัวโตกระโดดขึ้นมาบนหน้าต่างชั้นสองเลยครับ บ้านของผมอยู่มุมอับสายตาสุดๆ ส่วนแม่ของผมหลังจากกลับมาจากบ้านมาร์คท่านก็หายไปอีกแล้ว เฮ้อ...

“พี่ยองแจจ๋าเพิ่งอาบน้ำเหรอฮะตัวหอมจังเลย” แบมแบมถามพลางแทรกหน้ามาดมคอผม ขนหมามันทิ่มคอครับ จั๊กจี้โว้ย!

“จะได้ไปอาบใหม่เพราะแบมนี่แหละ” ผมวางตัวแบมแบมลงก่อนหันไปหายูคยอมที่ตอนนี้แต่งตัวเสร็จแล้วเรียบร้อย ใส่ว่าเร็วแล้วแต่ถอดนี่เร็วกว่าครับผมยืนยัน

“หายไปนานเลย พี่คิดถึงแทบแย่ ไม่มีหมามาเล่นด้วยมีแต่หมี” ผมพูดไปพลางใส่เสื้อผ้าไปด้วย หมีที่กล่าวถึงเมื่อครู่ส่งเสียงกระแอมเบาๆเหมือนรู้ตัว

“ก็จินยองไม่ยอมปล่อยผมมานี่ฮะ บอกว่าจะกลับมาหาเจ้านายก็ง้องแง้งอยู่นั่นแหละอายุจะสามสิบแล้วแท้ๆ” ไปว่าเขานี่ตัวเองอายุเท่าไหร่ล่ะนั่น...

“นานๆทีจะเจอกันนี่นา เขาคงคิดถึงล่ะมั้ง” ติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จก็เดินไปนั่งข้างยูคยอมที่ตั้งแต่แบมแบมเข้ามายังไม่ยอมพูดเลยสักคำ

เป็นใบ้เหรอ

เปล่า

แล้วเงียบทำไม

ฉันเช็คดูว่าอี๋เอินยังโอเคอยู่ไหม

นายเช็คได้ด้วยเหรอ? ทำยังไงน่ะ

เพ่งจิต

“ไปหามาร์คกันเถอะ” ผมเลือกที่จะไม่ถามยูคยอมถึงสวัสดิภาพของมาร์ค นั่งยันนอนยันเลยว่าน้องเอินของผมมันไม่เป็นอะไรหรอกครับ มันถึกกว่าควายธนูอีก

ยูคยอมส่ายหน้าเบาๆก่อนรั้งแขนให้ผมนั่งลงตามเดิม เอ้า! นี่ห่วงเพื่อนนะเนี่ย กลัวมันจะไปขอเขาเพิ่มรอบ(?)

“อย่าเพิ่ง เจบียังไม่ปล่อยเหยื่อ” โอ้โห...พวกมึงจะทำกันจนได้ลูกเลยไหมครับ

“ยังไม่เสร็จกันอีกเหรอ...” ผมชักจะเหนื่อยแทนน้องเอินเมียรักแล้วครับ เป็นไงล่ะมึงอยากได้อยากโดนมานาน สมใจหนึ่งร้อยปีที่รอคอยไหมที่รัก

“เจบี พอได้แล้ว” ยูคยอมเผยดวงตาสีเลือดพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ใครฟังเป็นต้องขนลุก ขนาดแบมแบมยังแอบกลัวจนต้องเอาหน้ามาเกยขาผมไว้

“เจบีจะได้ยินเหรอ” ผมแอบถามเพื่อคลายความสงสัยให้กับตัวเองพลางลูบหัวปลอบแบมแบมไปด้วย ผมอยากรู้มานานแล้วครับว่าปีศาจพวกนี้ติดต่อกันยังไง แค่พูดออกมาอีกฝ่ายก็รับรู้แล้วไม่ว่าจะอยู่ไกลกันแค่ไหนก็ตาม

“ได้ยินสิ” นัยน์ตาของยูคยอมกลับเป็นปกติแล้ว เขาหันหน้ามามองผมก่อนเอื้อมมือมาลูบหัวแบมแบมด้วย แหนะๆอยากจับมือก็บอกไม่ต้องหลอกใช้หมาเป็นข้ออ้าง

“อธิบายด่วน”

“วิญญาณครึ่งหนึ่งของคนในตระกูลจะอยู่ที่ฉัน โกสท์บางตนใต้อาณัติรวมถึงสัตว์เลี้ยงด้วย” ผมเลิกคิ้วหลังได้ยินคำว่าบางตน แสดวงว่ามีโกสท์ที่ไม่ได้มอบวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งให้ยูคยอมด้วย

มีวิญญาณอยู่ในตัวเยอะขนาดนั้นยังจะอยากกินวิญญาณของผมอีก เรียกว่าอะไรดีล่ะแบบนี้

“วิญญาณของแบมแบมด้วยสินะ” แกล้งดึงหูเจ้าหมาน้อยที่ทำท่าเคลิ้มจะหลับจนแบมแบมขู่ในลำคอเบาๆ สนุกไปอี๊ก

“แน่นอนฮะ ผมรู้นะว่าเจ้านายแอบเช็คตอนผมไปหาจินยองด้วย” ไปแซวเจ้านายเดี๋ยวก็โดนตบหัวเอาหรอกแบมแบม

“แสนรู้จริงๆ” ว่าพลางขยี้ขนปุกปุยของแวร์วูฟตัวแสบอย่างหมั่นเขี้ยว ทำไมผมรู้สึกว่าที่ยูคยอมพูดเมื่อกี๊มันเป็นคำด่ามากกว่าคำชมล่ะครับ....

“ไปหามาร์คได้ยังอ่ะ คิดถึง” พูดจริงครับ จู่ๆก็คิดถึงมันขึ้นมา ปกติผมไม่เคยห่างมันนานขนาดนี้ นี่ห่างกันมาจะห้าวันแล้วมั้ง โรงเรียนก็ไม่ยอมไป

“ไปสิ” พูดจบยูคยอมก็รวบตัวผมเข้าไปกอดแน่นจนหน้าผมกระแทกเข้ากับแผงอกของเขา ดีนะตั้งตัวทันไม่งั้นหัวได้โขกคางโกสท์ลามกแน่ๆ

   ยูคยอมหันไปสั่งแบมแบมให้ไปเองเพราะเหตุผลง่ายๆคือเขาไม่อยากใช้พลังสิ้นเปลือง เดี๋ยวครับพี่เอ็ง แค่พาหมาไปด้วยอีกตัวนึงนี่มันเปลืองพลังงานมากเลยเหรอครับ...

“รีบตามมานะแบมแบม”

หลับตาแค่ครู่เดียวก็มาถึงบ้านมาร์คแล้ว ระหว่างที่เทเลพ็อตมาผมเห็นเพียงความมืดเท่านั้นครับ ไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยนอกจากความเงียบและมืดมิดแต่เพราะมีโกสท์ลามกอยู่ด้วยผมเลยไม่กลัวกับสิ่งนอกกายเหล่านั้น นั่น โรแมนติกไปอี๊ก

“เข้าไปสิ” ยูคยอมเปิดประตูให้ผมเดินเข้าไปหลังจากที่ผมเอาแต่จ้องมันอยู่ -

นานสองนาน ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับว่าผมกลัวอะไร

รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

ต้องมีข่าวไม่ดีเกิดขึ้น

ผมเดินนำยูคยอมเข้าไปก่อนมุ่งตรงไปยังห้องนอนของมาร์ค ระหว่างทางก็คิดถึงเรื่องความรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆที่เกิดขึ้นกับตัวเอง มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันนะ

“เฮ้อ คิดไปก็เท่านั้น...เอินโว้ยยยย ตายยังมึง!” ทักทายเพื่อนรักด้วยการรัวกำปั้นลงบนประตูห้องมันทันทีที่มาถึง

ผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นทำเอาผมลมแทบจับ ตายๆเมียหลวงกู นั่นสภาพมึงเหรอ...

“เอินมึงโอเคนะ” ผมเดินเข้าไปนั่งข้างๆมาร์คที่ตอนนี้นอนหมดแรงอยู่พลางร้องไห้คร่ำครวญไปด้วย รอยตีตราสีกุหลาบถูกประทับลงบนผิวขาวเนียนมีมากเกินกว่าจะนับได้ บนไหล่มีแผลที่เกิดจากเขี้ยวของแวร์วูฟแต่ดูเหมือนมันจะสมานตัวจนเกือบหายดีแล้ว

“กูไม่โอเค ฮึก กูไม่โอเคจริงๆ แตงงงงงง” มาร์คโผเข้ากอดสุดตัวจนผมแอบเซเล็กน้อย ยกมือขึ้นมาลูบหัวมันเบาๆพลางเอ่ยคำปลอบปะโลมให้เด็กน้อยหายงอแง

“ไม่เป็นไรเอินไม่เป็นไร กูอยู่นี่แล้วนะ” จูบลงที่ขมับของมาร์คเบาๆเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับอีกฝ่าย แรงสะอื้นที่ลดลงทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยมันก็หยุดร้องไห้แล้ว

“แตง...” มาร์คเรียกชื่อผมพลางมุดหน้าเข้ามาให้แนบอกมากกว่าเดิม

“หืม?”

“ทำไมวันนี้ตัวมึงหอมจัง” จบ พอ เลิก หมดสิ้นแล้วความเป็นห่วงมึงเนี่ย...

“มันใช่เวลามาทะลึ่งไหมล่ะอิหนู” จัดฝ่ามือลงกลางกบาลให้หนึ่งทีก่อนผลักมันออกไปไกลๆตัว ไม่รู้จะด่ามันว่าอะไรดีครับ ความลามกนี้สืบทอดมาตั้งแต่ตายันหลาน ยอมจริงๆ

“กูพูดจริงนะเนี่ย ตัวมึงหอมมากอ่ะ น่าแดกสัดๆ” ชิบหายละ ผีดิบมันกินมนุษย์นี่หว่า...

“เอินมึงฮึบไว้ ใจเย็นๆนะมึง มึงคงเจอศึกหนักเกินไปเลยหิว” ชักเริ่มกลัวมาร์คขึ้นมาแล้วสิครับ จู่ๆพุ่งมากินผมนี่จะตบให้หูดับเลยคอยดู

“เปล่า กูไม่ได้หมายความว่าน่าแดกแบบนั้น” เอ้า...งานเข้าอีกกู เอาที่มึงสบายใจอ่ะเอาเลย จู่ๆก็อยากเป็นผัวกูงี้เหรอ...

“สมองมึงยังโอเคนะ...” ผมตบหัวเรียกสติมันไปอีกรอบก่อนกวาดสายตามองรอบห้องแล้วไปสะดุดกับร่างของหม่าป่าที่นอนหงอยอยู่มุมห้อง โดนยูคยอมดุมาล่ะสิ

ปล่อยให้มาร์คมันพร่ำเพ้อไปคนเดียว ผีดิบบ้าอะไรเสื้อผ้าก็ไม่ใส่เดี๋ยวปั๊ดจับบิดหัวนมเลยหนิ.... ผมเดินไปนั่งยองๆพลางเอื้อมมือไปลูบหัวเจบี เจ้าหมาน้อยไถหัวลงกับมือของผมอย่างออดอ้อน ทำตัวน่ารักตลอดเลยเจบีเนี่ย

“ไงตัวป่วน โดนเจ้านายดุมาล่ะสิ” เจบีไม่พูดอะไรได้แต่ตอบโต้กลับมาด้วยเสียงครางหงิงเบาๆ นี่ผมคุยกับหมาถูกตัวหรือเปล่าครับ? ทำไมมันหงอยได้ขนาดนี้

“ร่าเริงหน่อยน่า” ผมจับเจ้าหมาน้อยจั๊กจี้จนเจบีหงายท้อง...ขุ่นพระ

หมามันยังไม่หดเลยครับ อย่าว่าผมทะลึ่งเลยเถอะ มันเตะตาผมสุดๆอ่ะครับ อื้อหือ ทุ้มอยู่ในตาเลยทีเดียว มาร์คคงฟินไปนาน..

“อึดนะเรา” แอบแซวสักหน่อยก่อนเดินออกมาปล่อยให้เจ้าหมาน้อยนอนระงับอารมณ์ตัวเองอยู่มุมห้องตามเดิม ตายๆภาพติดตา ทำไงดีวะ...

“หน้าแดงเชียวมึง เห็นของดีมาล่ะสิ” ผมรีบเอามือปิดแก้มตัวเองหลังโดนมาร์คแซวเข้าให้ แอบหันไปมองยูคยอมที่ตอนนี้มีสีหน้ากลั้นขำสุดพลัง พวกนายนี่มัน…

“เจ็บไหมล่ะอี๋เอิน” ยูคยอมที่ใบ้กินมานานในที่สุดก็ยอมพูดเสียทีแล้วดูถามหลาน...ไม่ใช่ประโยคที่ควรถามเหรอ

“มันเกินคำว่าเจ็บไปแล้วอ่ะตาจ๋า คือมันถึงจุดที่แสบเกินทน”

อื้อหือ...นึกภาพตามแล้วขนลุก หมามันจัดถี่ขนาดนั้นก็น่าจะแสบอยู่หรอก...ไม่เอาไม่กามสิ

“หายหรือยังล่ะ” ยูคยอมเดินเข้าไปลูบหัวหลานรักเบาๆพลางถามไถ่ตามประสาคนแก่

“หายแล้วครับแต่มันยังรู้สึกเหมือนมีอะไรเข้าๆออกๆอยู่” นี่มึงซื่อหรือมึงหน้าด้านครับน้องเอินเมียรัก ฟังแล้วอายจนอยากจะเดินออกไปเสียเดี๋ยวนี้เลย

“เดี๋ยวก็ชิน” คุณตาครับ...ช่วยแนะนำหลานในทางที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ โอยเครียด

“ยองแจครับ” เจบีที่นอนหงอยมานานเรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงสงสัย

“หืม?” ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบเจ้าหมาน้อยกวัดแกว่างหางเล่นอากาศด้วยสีหน้าใคร่รู้ ฮึ๊ย! อยากจับฟัด

“ผมว่าวันนี้ตัวยองแจหอมแปลกๆนะ” นั่น...มาอีกตัวละ พวกนี้มันดมอะไรกันล่ะเนี่ย ก็คนเพิ่งอาบน้ำมามันก็ต้องหอมดิวะ

“ใช่หอมมาก” ยูคยอมก็เอากับเขาด้วย...เดี๋ยวนะ ผมว่ามันแปลกๆ

“แบมแบมกำลังมา” จู่ๆผมก็พูดขึ้นมาและมันก็น่าตกใจมากเสียด้วยเมื่อคนที่ผมกล่าวถึงเปิดประตูเข้ามาในห้องจริงๆ ทุกสายตาภายในห้องจับจ้องมาที่ผม สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความสงสัย รวมทั้งตัวผมเองก็สงสัยกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้เช่นกัน

“ยองแจ” ยูคยอมเดินเข้ามาก่อนวางมือลงบนไหล่ของผมอย่างแรงจนต้องนิ่วหน้า

“เจ็บ!”

“นายมีมันเหรอ” ผมขมวดคิ้วมุ่นหนักกว่าเดิม ‘มัน’ ที่ว่านี้คืออะไรกัน

“อะไร...” ไม่ดีแน่ เรื่องแย่ๆกำลังจะเกิดขึ้น...ผมรู้สึกอย่างนั้น

“ฮาร์ท”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 22 [27/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 27-04-2018 01:51:02
ตอนที่ 21
HEART

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 27/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823156#msg3823156)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823159#msg3823159)

“ฮาร์ท” จากคิ้วที่ขมวดอยู่แล้วตอนนี้มันแทบจะผูกปมได้อยู่รอมร่อ ความสงสัยที่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆทำให้ผมชักจะปวดหัวกับมันแล้ว ฮาร์ทงั้นเหรอ...มันคืออะไรล่ะ

“ฮาร์ท?...หัวใจเหรอ ก็มีสิ” ไม่ได้กวนตีนนะครับ ฮาร์ทในความหมายของมนุษย์มันคือหัวใจไง...

“นายไม่รู้สึกถึงอะไรแปลกๆในตัวนายบ้างหรือไง” ยูคยอมถามก่อนเผยนัยน์ตาสีแดงสดออกมา อะไรแปลกๆงั้นเหรอ...

“ลางสังหรณ์” สิ่งที่แปลกจนผมรู้สึกได้มีเพียงลางสังหรณ์ของผมเท่านั้น

“อี๋เอิน รอรับด้วย”

พูดจบยูคยอมก็พุ่งเข้าใส่ทันที ร่างของเขากลืนหายเข้าไปในตัวของผม มาร์คที่รอรับอยู่รีบคว้าผมไว้เพราะกลัวผมลอยไปกระแทกผนังห้อง ความรู้สึกแปลกประหลาดแล่นปราดเข้าปะทะ แขนและขาไม่สามารถขยับได้ ได้ยินเพียงเสียงหัวใจของตัวเองเท่านั้น

ผมถูกสิง

“ยู...คยอม” พยายามเปล่งเสียงเรียกคนที่อยู่ในร่างตัวเอง เขากำลังทำอะไร...

“อ๊าก!!!” ความทรมารที่เกิดขึ้นทำให้ผมต้องกรีดร้องออกมา ร่างกายร้อนผ่าวราวกับกำลังถูกเผาไหม้ รู้สึกถึงบางอย่างกำลังบีบเค้นหัวใจจนมันแทบหยุดเต้น ประสาทการรับรู้เริ่มผิดเพี้ยนเข้าไปทุกที น้ำตาที่คลอหน่วงอยู่ขอบตายังไม่ยอมไหลรินลงมาแม้ความเจ็บปวดจะเล่นงานอย่างแสนสาหัส

“ยองแจใจเย็นๆ” มาร์คดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้หลวมๆพลางกุมมือผมไว้แน่น

   พยายามเค้นคำพูดออกมาแต่กลับไม่ได้ผล เสียงของผมได้เหือดแห้งไปเหมือนน้ำที่รดลงพื้นทราย ความเจ็บปวดและทรมารยังคงอยู่จนแทบคลุ้มคลั่ง ผมเปรยตามองเงาสะท้อนของตัวเองที่ฉายชัดบนกระจก มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป
นัยน์ตาของผม มันกลายเป็นสีชมพู...

“อะ...ไร” ความกลัวเริ่มเกาะกินไปถึงก้นลึกของจิตใจ น้ำตาที่คลอหน่วงตอนนี้ไหลรินลงอาบแก้มทั้งสองข้างด้วยอารมณ์สั่นไหว เกิดอะไรขึ้นกับผม
ผมเป็นตัวอะไร...

ยองแจฟังฉัน เสียงของยูคยอมดังก้องในหัวจนผมเริ่มสับสน

ใจเย็นๆ นายไม่เป็นอะไร อย่ากลัว อย่ากักขังฉัน ฉันออกไปไม่ได้

ผมพยายามกลั้นน้ำตาที่ไหลลงมาพร้อมกับหายใจเข้าลึกๆ มาร์คที่เห็นผมทรมารก็บีบมือผมแน่นขึ้นราวกับต้องการส่งกำลังใจผ่านความอบอุ่นของฝ่ามือนั้น

เพียงชั่วอึดใจเดียวที่ยูคยอมออกจากร่าง ราวกับถูกดึงเอาวิญญาณออกไปด้วย ผมหอบหายใจแรงจนต้องฟุบหน้าลงกับไหล่ของมาร์ค ความเจ็บแปลบที่หัวใจยังคงอยู่แต่ไม่หนักหน่วงเท่าก่อนหน้านี้แล้ว ผมหันไปมองยูคยอมที่จู่ๆก็ทรุดลงไป

เจบีรีบคืนร่างมนุษย์แล้วปราดเข้าไปพยุงตัวเจ้านายไว้ทันที ยูคยอมกระอักเลือดออกมาจนมันกระจายรดบนพื้นพรม

ผมเบิกตากว้างทันทีหลังเห็นอาการของเขา ผละออกจากอ้อมกอดของมาร์คก่อนวิ่งเข้าไปหาโกสท์ลามกที่ยังทำเป็นเก่งโดยการยกมือห้ามไม่ให้เข้าไปหา

“ฉันไม่เป็นไร” ไม่เป็นไรที่ไหนเล่า! เลือดเต็มพื้นขนาดนั้น...

“นายเข้าไปทำอะไรในตัวของฉัน แล้วทำไมนายถึงกลายเป็นแบบนี้”

ผมยกมือขึ้นลูบแก้มของอีกฝ่ายด้วยความห่วงหา ทำเป็นอวดเก่งทั้งที่สีหน้าทรมารขนาดนี้ นายนี่มันบ้าจริงๆ

“ปลุกพลังน่ะ ฉันไม่เป็นไรแค่ใช้พลังมากเกินไปหน่อย อีกสามนาทีก็หาย” ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย ผมกลายเป็นพวกไม่ปกติไปอีกคนแล้วเหรอ

“พลังของฮาร์ทเหรอ” ปาดนิ้วลงกับขอบปากของยูคยอมเพื่อเช็ดคราบเลือดให้พลางจ้องมองอีกฝ่ายที่สีหน้าเริ่มดีขึ้นแล้ว

“บอกฉันได้ไหม ฉันเป็นตัวอะไร”

ผมพยายามคุมน้ำเสียงให้นิ่งที่สุดพร้อมทำใจยอมรับเรื่องที่จะได้ยินภายในไม่กี่วินาทีข้างหน้า

“นายเป็นมนุษย์” นั่นไง! ไม่ใช่มนุ...

ห๊ะ...

“มนุษย์? แต่ตาฉันเป็นสีชมพู” ผมรีบเดินไปส่องกระจกสำรวจตัวเองทันที...ดวงตาของผมมันกลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว ฟีลอะไลฟ์มากเลยครับ ดีใจอิหลี

“โรสอายจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อใช้พลังของฮาร์ทเท่านั้น” หูย มีชื่อเรียกด้วยครับ เก๋ไปอี๊ก!

“ฉันงงจะตายอยู่แล้ว นายช่วยอธิบายให้ฉันฟังทีได้ไหม” ผมลากยูคยอมให้เดินมานั่งบนเตียงรวมทั้งปีศาจอีกสามตนที่เหลือก็พร้อมใจกันมานั่งฟังด้วย ผมต้องรู้ให้ได้ว่าฮาร์ทคืออะไร ลางสังหรณ์แปลกๆของผมมันเกี่ยวข้องกับฮาร์ทหรือเปล่า

“ฮาร์ท...คือพลังในการล่วงรู้ มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่มีพลังนี้ และนายคือหนึ่งในสี่คนที่มีฮาร์ท”

“หูว~” ผมหันไปมองปีศาจสามหน่อที่จู่ๆก็ร้องขึ้นมา นัดกันไว้หรือไงไอ้พวกนี้นี่...

 “กลิ่นหอมของนายมีเพียงปีศาจเท่านั้นที่ได้กลิ่น มันคือตัวดึงดูดปีศาจ” แล้วพี่เอ็งก็ไปปลดปล่อยพลังให้กลิ่นมันแรงขึ้นสินะ...

“สิ่งที่ปีศาจทุกตนต้องการคือพลังที่นายมี” จู่ๆผมก็รู้สึกนอยด์ขึ้นมา

“เพราะฮาร์ท...นายเลยเลือกฉันเป็นเหยื่อใช่ไหม” ผมมองลึกเข้าไปในดวงตาของยูคยอม เขายิ้มออกมาก่อนเอื้อมมือมาหยิกแก้มเบาๆ

“ฉันเลือกนายเพราะนายสมควรเป็นของฉัน ไม่เกี่ยวกับฮาร์ทหรอก”

“ฮิ้ว~” มาอีกแล้วครับคอรัสจากปีศาจสามหน่อ ไปครับ เชิญไปเปิดคณะตลก

“นายไม่รู้เหรอว่าฉันมีฮาร์ท” อย่าว่าแต่ยูคยอมเลยครับ ผมยังไม่รู้ตัวเลย ถามไปงั้นแหละ...

“พลังของนายเพิ่งตื่นขึ้นวันนี้ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เออ จริงด้วยแฮะ

“สรุปแล้วฉันเป็นมนุษย์ที่สามารถล่วงรู้อนาคตได้ใช่ไหม?” รู้สึกดีจริงๆครับที่ตัวเองไม่กลายเป็นปีศาจหรือตัวประหลาด

“ใช่ ระวังไว้ให้ดีล่ะ มันคือสิ่งที่ปีศาจต้องการรวมทั้งเกลด้วย”

ผมแปลกหรือเปล่านะ ถึงแม้เกลจะทำตัวชั่วช้ายังไงแต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความตั้งใจในการกระทำของเขาเลย อาจดูน่าหมั่นไส้หรือทำตัวให้เกลียดไปบ้างก็ตาม

“เหยื่อคนเดียวถ้านายดูแลไม่ได้ก็กากมากอ่ะ”

“คนของฉัน ฉันไม่ยอมให้ใครแย่งไปหรอก” พูดออกมาได้ไม่อายปาก ช่วยเห็นใจคนขี้เขินแบบฉันหน่อยได้ไหมยูคยอม

“ฮันน่อว~” นี่ก็ชงกันจังเลย! เขินไปหมดแล้วเนี่ย

“ว่างมากเหรอพวกนาย เอินมึงไปอาบน้ำได้แล้ว แก้ผ้าโชว์อยู่นั่นแหละกูรู้มึงมีกล้ามไม่ต้องอวด” เพื่อกลบเกลื่อนความเขินที่มีผมเลยหันไปไล่มาร์คให้ไปอาบน้ำ คือมันโป๊อ่ะ โป๊เลย ไม่ใส่อะไรทั้งสิ้น ความลามกนี้แทรกซึมอยู่ในสายเลือด...

“อย่าไล่กู กูอาบแล้ว”

“แล้วทำไมมึงไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะอิตุ๊ดเมกา!” ก็หลอกให้เขาใจผิดตั้งนาน ฮู้ว!

“นี่ก็เรียกตุ๊ดจังเลย! ไม่เอาสิ เขินแล้วไม่วีนเมีย เมียไม่รักนะคะ” ชีวิตผมดี๊ดีครับมีทั้งสามีและภรรยาแถมสัตว์เลี้ยงด้วย ถ้ามีลูกคือครบอ่ะ...

“เมียทำตัวไม่น่ารักผัวก็ไม่รักนะครับ” บีบจมูกมันไปเบาๆพอให้รู้ว่าผมหมั่นเขี้ยวหน้าทะเล้นของมัน

   ข้อดีของปีศาจที่นั่งอยู่ทั้งหมดยกเว้นมาร์คคือเป็นพวกเงียบๆครับ เวลาใครพูดอะไรจะเงียบฟังเสมออย่างตอนนี้ผมกำลังหยอกกับน้องเอินสามตนที่เหลือก็นั่งมองตาปริบๆ

“ทีกับฉันไม่เห็นจะทำตัวน่ารักแบบนี้บ้างเลย” เจบีตัดพ้อน้อยใจก่อนจะคืนร่างให้กลับเป็นหมาป่าแล้วเดินไปนั่งหงอยที่มุมห้องต่อ อ้าวเห้ย! ไอ้หมากลับมาก๊อน

“เอิน มึงไปง้อเลยสัด”

ผมกระทุ้งศอกใส่สีข้างให้มันไปง้อเจบี เห็นหงอยมาตั้งแต่ต้นแล้วสงสารครับ เจบีเหมาะที่จะเป็นหมาบ้าบอปัญญาอ่อนที่ชอบกวนตีนเจ้านายมากกว่าหมาหงอยๆแบบนี้

“ฮื่อ ไม่เอาอ่ะขืนไปง้อเดี๋ยวก็โดดตะครุปกูอีก นี่ขนาดเมื่อกี๊มันยังนั่งลูบมือกูเลย” โอเคซึ้ง

“พักบ้างนะ...” ผมตบบ่ามันเบาๆ สงสารน้องเอินเหลือเกินครับ ตอนแรกผมว่าผมหนักแล้วนะ แต่มันหนักกว่าผมอีก ยอมครับ

จู่ๆผมก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้น ต้องมีใครสักคนในนี้ต้องการจะบอกอะไรสักอย่าง ใครกันนะ

“แบมแบม” หันไปมองเจ้าหมาน้อยที่ตอนนี้นั่งงับหางตัวเองเล่น เอ่อ...ว่างมากเหรอลูก

“ฮะ?” ปล่อยหางตัวเองก่อนเอียงคอทำหน้าสงสัย

“มีอะไรจะบอกยูคยอมไหม?” คงเป็นเพราะฮาร์ทแน่ๆที่ทำให้ผมสามารถคาดเดาได้ขนาดนี้

“อ๊ะ! จริงด้วย ลืมไปซะสนิทเลย” แบมแบมเดินเข้าไปหายูคยอมแล้วหมอบลงตรงหน้าผู้เป็นนาย แววตาจริงจังและแข็งกร้าวเผยให้เห็นเป็นครั้งแรก เรื่องร้ายๆที่ผมรู้สึกกำลังจะถูกเปิดเผย

“มีสัตว์ฝึกของเซอร์คัสถูกขโมยออกไป คาดว่าผู้สั่งคือท่านเซซิลเลียครับ” ยูคยอมชักสีหน้าไม่พอใจหลังได้ยินชื่อเซซิลเลีย เขากำหมัดแน่นพลางหลับตาลงช้าๆเพื่อระงับอารมณ์โกรธของตนเอง ผมเลื่อนไปกุมมือเขาไว้หลวมๆก่อนออกแรงบีบปลอบอีกฝ่าย

“สัตว์ฝึกงั้นเหรอ ตัวอะไรล่ะ” ยูคยอมลืมตาแล้วจ้องมองไปยังสัตว์เลี้ยงประจำตระกูลที่หมอบอย่างนอบน้อมเพื่อรายงานเจ้านาย

“ผมไม่ทราบครับ ทางเซอร์คัสไม่ได้ให้ข้อมูลมา ขออภัยครับเจ้านาย” ก้มหัวลงติดพื้นเพราะรู้สึกผิดที่ไม่สามารถสืบข้อมูลมาให้เจ้านายได้

“เคลเบรอส” ผมพูดขึ้นเบาๆก่อนหันมองยูคยอม

เคลเบรอส สุนัขปีศาจสามหัว ลำตัวสีรัติกาลดำขลับพร้อมกับหางอสรพิษร้ายอย่างงู ตัวนี้เกรี้ยวกราดไม่เบา คงเป็นสัตว์ฝึกที่สำคัญมากแน่

“พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่” ยูคยอมขมวดคิ้วพลางเสยผมขึ้น นั่นคือสิ่งที่เขาทำประจำเวลาหงุดหงิดหรือขัดใจ

“พวกนั้นกำลังหาพันธมิตรอื่นนอกจากแวมไพร์ ตอนนี้ทางนั้นได้ยื่นข้อเสนอให้กับพวกมนุษย์แต่ถูกปฏิเสธไป มีเพียงเซอร์คัสกับอาร์เชอร์ที่ยังไม่ตอบข้อเสนอครับ” แบมแบมรายงานอย่างตั้งใจ ผมมองดูเจ้าหมาน้อยน่ารักที่จู่ๆก็ดูโตขึ้นมาเสียดื้อๆ

“จับตัวประกันไปสินะ วิธีของพวกขี้แพ้”

“แบมแบม” ผมนึกเรื่องที่ค้างคาใจออกพอดีเลยเรียกชื่อแวร์วูฟตัวแสบให้หันมาหาเสียหน่อย

“ฮะ?” กลับเป็นเจ้าหมาน้อยน่ารักน่าฟัดของผมตามเดิมแล้วครับ โซคิ้วท์อีหลี

“สัตว์ฝึกของเซอร์คัสมีคิเมร่าไหม” ภาพยูคยอมดึงเขี้ยวของคิเมร่าออกมาจากแขนนั้นยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของผมอยู่เลยครับ

“มีครับ เหมือนจะเป็นสัตว์ฝึกตัวใหม่ที่จินยองไปล่ามาได้”

ถ้าคิเมร่าเป็นสัตว์ฝึกของเซอร์คัสจริง มีความเป็นไปได้ที่เซอร์คัสจะเข้าร่วมกับพวกของเกลเพราะตัวที่เข้าลอบกัดยูคยอมนั้นก็เป็นคิเมร่าเช่นเดียวกัน

“คิเมร่างั้นเหรอ...ไอ้ตัวนั้นเองสินะ คงต้องไปขอโทษทางเซอร์คัสที่เผลอตัดหัวมังกรไปซะแล้วสิ” ยูคยอมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับสิ่งที่ทำลงไปนัก นี่ก็โหดจังเล๊ย ตัดหัวไหนไม่ตัดพี่เอ็งตัดหัวมังกร ครับพี่...

“ได้ยินมาว่ากรงขังสัตว์ของเซอร์คัสนั้นหนาแน่นที่สุดเลยนี่ ใครกันที่สามารถแหกกรงไปจับเคลเบรอสออกมาได้ พวกนั้นมีปีศาจที่เก่งขนาดนั้นเลยหรือ” ยูคยอมนั่งครุ่นคิดไปพลางลูบจมูกไปพลาง นานๆทีจะเห็นเขาใช้ความคิดหนักๆแบบนี้

“ถ้ากรงไม่เคลือบเงินผีดิบก็พังได้นะครับ”

มาร์คที่เงียบมานานออกความเห็นบ้าง ผมว่ายูคยอมเป็นปีศาจที่ฉลาดมากตนนึงเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เขาแต่ปีศาจในห้องนี้ทั้งหมดก็ดูมีสติปัญญาที่เฉียบแหลมเช่นกัน สังเกตได้จากการเรียบเรียงเรื่องราวได้ก่อนที่คนรายงานจะพูดจบด้วยซ้ำ เหย เป็นเหยื่อของโกสท์ฉลาดๆนี่ก็ดีนะครับ ว่างๆให้ยูคยอมสอนการบ้านดีไหมนะ

“จากที่ผมไปตรวจดูกรงขังมาคิดว่าเป็นฝีมือของโกสท์ครับ” ยูคยอมยกยิ้มอย่างเย็นชาเพียงครู่หนึ่งก็กลับมามีใบหน้าที่เรียบเฉยดังเดิม

“โกสท์ใต้อาณัติของเซซิลเลียมีเพียงสามตน เท่าที่รู้ตนที่สามารถฝ่าปราการและรับมือกับเคลเบรอสได้มีเพียงตนเดียว แต่มันไม่อยู่นี่” ยูคยอมนั่งครุ่นคิดอีกครั้งก่อนเงยหน้าขึ้น

“มีคนทรยศ”

ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 22 [27/04/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 27-04-2018 01:52:01
ตอนที่ 22
The Beginning

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 27/04/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823158#msg3823158)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826333#msg3826333)

Youngjae Present

ร่างสูงโปร่งของโกสท์ลามกเดินวกไปวนมาภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เขาทำแบบนี้มานานกว่าสามสิบนาทีได้ ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่ายูคยอมจะเดินวนเพื่ออะไร...

“นั่งเถอะเวียนหัว” ผมคว้าข้อมือของยูคยอมไว้ก่อนดึงให้อีกคนนั่งลงข้างๆ

ถึงแม้ยูคยอมจะยอมนั่งลงตามที่ผมบอกแต่เจ้าตัวก็ยังคงนั่งเขย่าขาจนเตียงสั่นไปตามแรงเขย่า โห้ย! อยู่นิ่งๆเป็นไหมเนี่ย...

“ยูคยอมนายเป็นอะไรของนาย” หนึ่งอาทิตย์แล้วที่จู่ๆยูคยอมก็หายตัวไปกว่าจะกลับมาก็ดึกดื่น บางวันก็กลับเช้า แถมกลับมาก็เอาแต่เดินวนอยู่ในห้อง เป็นอะร๊าย! สังคังขึ้นเหรอ....

“ฉัน...เฮ้อ...” นั่นไม่บอกอีกละ ต่อมดราม่าจะแตกแล้วนะ...

“ไม่บอกฉันอีกแล้ว มีอะไรก็ไม่ยอมบอก มันอึดอัดนะ ฉันก็แค่อยากรู้เรื่องของนายบ้าง นายรู้เรื่องของฉันทุกอย่างมันไม่ยุติธรรมเลยไอ้โกสท์บ้าลามก” หยิบตุ๊กตาหมีที่วางไว้ข้างหมอนมาทุบยูคยอมไปเต็มแรง นอนกอดตุ๊กตามาสามวันแล้วเนี่ย! หงุดหงิดโว้ย!

“ฉันยังไม่รู้ตัวคนทรยศ...เลยหงุดหงิดนิดหน่อย” ไม่หน่อยแล้วมั้งพี่เอ็ง สั่นขาจนเตียงจะหักอยู่แล้วเนี่ย

“ยูคยอม...หยุดคิดเรื่องนั้นสักวันเถอะ...คิดถึงฉันบ้าง” ประโยคหลังผมจงใจพูดให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ไม่ว่ามันจะแผ่วเบาแค่ไหน…

โกสท์อย่างยูคยอมย่อมได้ยินมันแน่

“น้อยใจเหรอ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้พลางบีบจมูกผมเบาๆ โหย...แบบนี้ก็แพ้ดิ อุตส่าห์เก๊กตั้งนาน...

“อื้อ” ผมตอบอย่างตรงไปตรงมา

ยูคยอมทำหน้าประหลาดใจแว้บหนึ่งแล้วกลับมาตีสีหน้ากวนประสาทเหมือนเดิม

“ตอนกลางคืนนายหายไปไหนมา หลายวันแล้วนะ บางวันก็กลับเช้า”

ผมเอนตัวลงนอนบนเตียงก่อนดึงผ้าห่มมาพันตัวแล้วขดเป็นม้วน  ผมจะทำแบบนี้ก็ต่อเมื่อมีเรื่องให้น้อยใจเท่านั้นแหละครับ ทำไมผมต้องนอยด์ขนาดนี้นะ ยูคยอมเขาก็มีธุระของเขา ทำไมผมต้องงอแงด้วย

ผมดึงปลายผ้าห่มมาเช็ดน้ำตาที่จู่ๆก็ดันไหลออกมาซะได้

“ฉันกลับเนเธอร์แลนด์น่ะ ไปค้นข้อมูลนิดหน่อย กลับไปหาท่านแม่ด้วย” ผมโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มพร้อมเบ้ปากใส่ยูคยอม เขามองผมแล้วยิ้มออกมาก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆ

“แล้วก็ไม่บอก...เหงานะ” มุดกลับเข้าไปในผ้าห่มเหมือนเดิมก่อนกลิ้งหนีโกสท์ลามกไปอีกฝั่งของเตียง

“ฉันก็เหงา ไม่มีนายคอยบ่นใกล้ๆ มันเงียบเกินไป” อะเหื้อ! ปรับอารมณ์ไม่ทันครับพี่น้อง เขินทั้งน้ำตากันเลยทีเดียว

“ยูคยอม” ผมพูดทั้งที่ยังมุดอยู่ในม้วนผ้าห่ม ไม่อยากให้เขาเห็นหน้าผมตอนนี้เลย มันคงตลกน่าดู

“หืม?” เขาคว้าตัวผมที่พันเป็นก้อนเข้าไปกอด กอดเฉยๆมันธรรมดาไปครับพี่แกเลยแถมก่ายให้พร้อมเสร็จสรรพ สารพัดประโยชน์เลยกู...

“ร...รัก...นะ” โอ้โห ขอขากให้ตัวเองครับ พูดอะไรออกไปยองแจ ตายๆกูตาย เขินชะมัด

“ออกมาจากผ้าห่มซะ” ยูคยอมสั่งทั้งที่ยังกอดตัวผมไว้ เรื่องอะไรล่ะ เขินโว้ย!

“ไม่เอา!”

“ไม่ออกมาปล้ำนะ” ออกก็ได้วะ!

“อะไรเล่า! อุ๊บ” ทันทีที่หน้าโผล่พ้นผ้าห่มก็ถูกโกสท์ลามกประกบจูบเข้ามาทันที ยูคยอมสอดลิ้นเข้ามาหยอกล้อภายในอย่างซุกซนแต่แฝงไปด้วยความนุ่มนวล รสจูบอันอ่อนโยนทำให้ผมเผลอคล้อยตามยกมือขึ้นประคองหน้าอีกฝ่ายแล้วเริ่มตอบโต้

“ฮืม...” ยูคยอมครางเสียงทุ้มในลำคอก่อนค่อยๆละจูบออก

“ฉันก็รักนาย”

ระเบิดตู้มกลายเป็นโกโก้ครั้นช์...

สัตว์สี่ขาตัวน้อยวิ่งเล่นหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน บ้างไล่งับหางกัน บ้างกอดก่ายกัน โดยทุกการกระทำของเจ้าตัวน้อยอยู่ในสายตาของผีดิบอย่างมาร์คและแวร์วูฟเจบีเสมอ

“แง่ง!” เจ้าตัวเล็กส่งเสียงขู่พี่ที่งับหางตัวเองก่อนม้วนตัวหนี

“เจสเปอร์อย่ากัดหางพี่เค้าลูก” มาร์ครีบอุ้มเจ้าหนูแวร์วูฟจอมซนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนก่อนก้มลงลูบหัวตัวน้องเบาๆ

“แดดดี๊” แวร์วูฟตัวน้อยที่เห็นพี่ถูกอุ้มก็อยากโดนอุ้มบ้างกุลีจุจอวิ่งไปหาหัวหน้าหมาป่าที่นั่งถัดจากมาร์คไป

“ว่าไงครับเจค”

เจบีอุ้มเจ้าหมาน้อยขึ้นมาจูบขมับไปหนึ่งทีพลางลูบตัวเขาไปด้วย หลังหมดฤดูผสมพันธุ์ไปแล้ว หัวหน้าแวร์วูฟจะกลับรังเพื่อมาเจอเหล่าหมาป่าตัวน้อยที่เกิดใหม่ ตามธรรมเนียมของแวร์วูฟหัวหน้าถือเป็นคุณพ่อของเหล่าเด็กๆที่เกิดมา แม้ว่าตัวจ่าฝูงจะไม่ได้ผสมพันธุ์เองก็ตาม

“บี๋!!!!!”

เจบีหันไปตามเสียงเรียกของมาร์คที่จู่ๆเจ้าตัวก็โวยวายขึ้นเสียเสียงดัง

“อะไร อยู่ใกล้ๆเรียกซะดัง”

“เจสเปอร์ฉี่อ่ะ” น้องเอินชูเจ้าลูกหมาป่าตัวแสบขึ้นก่อนก้มลงมองรอยเปียกเป็นวงกว้างบนตักตัวเอง

“เค้าว่ากันว่าถ้าโดนลูกแวร์วูฟฉี่ใส่จะเกิดเรื่องดีๆ...”

พูดยังไม่ทันจบเจบีก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆบริเวณตักที่เจคนั่งอยู่ หัวหน้าแวร์วูฟรีบยกเจ้าหนูตัวแสบขึ้นก่อนก้มลงมองรอยเปียกชื้นวงกว้างแล้วถอนหายใจออกมา

“สมน้ำหน้า” มาร์คแลบลิ้นใส่เจบีก่อนส่งเจ้าตัวเล็กคืนให้กับแม่ของเขา

“ขอโทษนะคะหัวหน้า” แวร์วูฟสาวรีบก้มหัวขอโทษขอโพยจ่าฝูงทันทีหลังลูกชายของตนเองไปก่อเรื่องให้

“ฮ่าๆๆ อย่าซีเรียสไป ไอ้หนูแข็งแรงแบบนี้แหละดีแล้ว โตไวๆล่ะ” เจบีส่งเจคคืนให้กับแม่ของเขาก่อนนั่งมองเหล่าเด็กแวร์วูฟหยอกล้อกันด้วยสายตาอบอุ่น

“เด็กๆน่ารักเนอะ” มาร์คพูดทำลายความเงียบพร้อมยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปเจ้าตัวเล็กเก็บไว้ดูเล่น

“น่าเสียดายที่เบท้องไม่ได้” เจบีหันไปมองมาร์คพร้อมยักคิ้วหลิ่วตาใส่

ทั้งสองตกลงว่าจะเรียกกันด้วยชื่อที่ตนเองเป็นคนคิด มาร์คเรียกเจบีว่าบี๋ ย่อมาจาก มายเบบี้ ส่วนหัวหน้าแวร์วูฟเรียกอีกฝ่ายว่าเบ ย่อมาจากเบบี้เช่นเดียวกัน สรุปแล้วทั้งสองปากหนักไม่ยอมเรียกกันว่าที่รักนั่นเอง

“ถ้าท้องได้นะลูกเป็นสิบ บี๋น้ำเยอะยังกับเขื่อนแตก” เจบีหลุดขำกับคำพูดของมาร์คที่ดูประชดประชันเขาเสียเหลือเกิน หลังจากจัดหนักไปเมื่อห้าวันก่อนกว่าจะง้อให้หายงอนได้เล่นเอาเขาเหนื่อยเลยทีเดียว

“อยากโดนเขื่อนแตกใส่อีกไหมล่ะ” มาร์คตบหัวหมาป่าลามกจนหน้าของเจบีเกือบทิ่มลงพื้น

“ทำไปขนาดนั้นแล้วพักๆบ้างก็ได้มั้ง ถ้าทนไม่ไหวจะพาไปซื้อจิ๋มกระป๋อง” เจบีขำจนเก็บหูและหางของตัวไว้ไม่อยู่ ความจริงเขาเองก็ไม่ได้คิดแต่เรื่องผสมพันธุ์หรอก แค่ช่วงนั้นมีความต้องการถี่ก็เท่านั้นเอง

“ไปไหมล่ะ จะได้ซื้อของเล่นใหม่มาลองกับเบด้วย” คนได้ยินหน้าแดงลามไปยันหูก่อนตบตีร่างของแวร์วูฟจอมลามก พูดออกมาได้ไม่อายเด็กๆที่วิ่งเล่นกันอยู่เลย

“ไอ้ที่บี๋มีอยู่มันก็พอแล้วไหม จะเอาอะไรมาเล่นอีกเยอะแยะ!”

“ก็กลัวเบเบื่อ” แวร์วูฟจอมลามกยักไหล่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้กับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่-

 บางครั้งเขาก็อยากแกล้งมาร์คบ้าง เวลาอีกฝ่ายถูกแกล้งน่ะน่ารักอย่าบอกใคร

“ไม่เบื่อๆสัญญา อย่าไปซื้ออะไรมาเพิ่ม อย่าไปฝังเพิ่ม อย่าทำเอวรี่ติง แค่นี้พอ โอเคนะ รับทราบไหม” มาร์คร่ายยาวเหยียดจนเจบีเกือบฟังตามไม่ทัน ปกติก็ขี้บ่นอยู่แล้วแต่เวลาหงุดหงิด ความเร็วในการพูดจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว

“ว่าจะไปเจาะลิ้น...” แอบแหย่ผีดิบน่าแกล้งไปสักหน่อย

ผัวะ!

ฝ่ามือเล็กตบเข้าที่ท้ายทอยของเจบีแบบไม่ให้ตั้งตัวจนคนถูกตบหน้าไถลงกับพื้นทันที

“ไม่กวนตีนสักวันจะตายไหม”

“โหดเกิ๊น”

กรงขังยักษ์ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าของโกสท์ นัยน์ตาแดงฉานจ้องมองเข้าไปในซี่เหล็กที่ขวางกั้นเขากับสัตว์ปีศาจแสนดุร้ายไว้ เสียงขู่คำรามดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง รอยยิ้มบางผุดขึ้นบนมุมปากอย่างเย้ยหยันเจือสมเพชกับสัตว์ร้ายตรงหน้าที่ตอนนี้ไม่ต่างกับหมาเชื่องๆตัวหนึ่ง

“ปีศาจแบบเจ้าทำไมถึงได้ลดตัวไปอยู่ใต้บัญชาของมนุษย์กันล่ะเคลเบรอสเอ๋ย” พูดกับสัตว์ที่อยู่ในกรงด้วยน้ำเสียงสุขุมลุ่มลึก

“เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแส่เรื่องของข้า ปล่อยตัวข้าไปซะไอ้ผีงี่เง่า!” เจ้าของลำตัวสีรัติกาลตวาดลั่นพร้อมใช้ศีรษะชนเข้ากับประตูกรงจนมันสั่นสะเทือน

“เชิญเรียกตามใจเจ้าปรารถนา” โกสท์ยังคงรอยยิ้มไว้บนใบหน้าแม้จะถูกสัตว์ปีศาจด่าทอ

“เพราะเหตุใดเจ้าถึงแปรพรรคไปอยู่กับยัยแวมไพร์ชั่วร้ายตนนั้น เหตุใดเจ้าจึงไม่จงรักภักดีต่อนายของเจ้าเฉกเช่นข้า” เคลเบรอสเอ่ยถามโกสท์ทรยศผู้แปรพรรค ถึงแม้ตัวเขาจะอยู่ใต้บัญชามนุษย์แต่เขาไม่เคยรู้สึกเสียเกียรติของปีศาจไปแต่อย่างใด ผู้เป็นนายจักคือนายมิใช่อื่นใด

“ข้ามีเหตุผลของข้าเคลเบรอสเอ๋ย” นัยน์ตาสีเลือดเบี่ยงหลบดวงตาอำพันของสัตว์ร้าย โกสท์กำลังลังเล นั่นคือสิ่งที่สุนัขปีศาจสัมผัสได้

“เจ้าจักทำให้เกิดการขัดแย้งและแตกแยกโกสท์เอ๋ย จงกลับใจเสียก่อนที่นายของเจ้าจักหมดความเชื่อใจในตัวเจ้า” สุนัขปีศาจเดินกลับไปนอนยังมุมเดิมของตน ปล่อยให้โกสท์ทรยศยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ที่เดิม

เสียงส้นสูงกระทบพื้นดังขึ้นทำลายความเงียบอันแสนอึดอัดภายในห้องขัง เคลเบรอสมองเหยียดร่างสะโอดสะองที่เดินเข้ามา เขาเกลียดเหลือเกินผู้ที่ใช้วิธีสกปรกเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ

“ไอ้หมาสกปรก” เซซิลเลียพ่นควันยาสูบใส่หน้าของเคลเบรอสหากแต่สุนัขปีศาจหาได้ใส่ใจกับการกระทำของเธอไม่

“ผู้ที่สกปรกและต่ำช้าแม้กระทั่งสันดารมันคือเจ้ามิใช่ข้า” เซซิลเลียแสยะยิ้ม เธอวาดแขนออกไปก่อนแรงมหาศาลจะเข้าปะทะเคลเบรอสจนลอยไปชนกับกรงอีกฟากหนึ่ง

“อย่ามาปากดี”

แวมไพร์สาวจ้องมองตัวประกันอย่างเลือดเย็นก่อนเหลือบมองโกสท์ใต้อาณัติตนใหม่ที่เธอภูมิใจหนักหนากับการแปรพรรคของเขา

“เหนื่อยหน่อยนะวอลเตอร์” พ่อบ้านก้มโค้งให้นายใหม่พร้อมมองส่งจนเซซิลเลียเดินลับสายตาไป โกสท์ผู้จงรักภักดีต่อยูคยอมมาร่วมเก้าร้อยปี บัดนี้ความภักดีของเขาได้มลายหายไปแล้ว โกสท์ระดับสูงนาม

‘วอลเตอร์  ไคลน์’


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 25 [04/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 03-05-2018 22:03:30
ตอนที่ 23
Prepare

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 04/05/61


หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3823159#msg3823159)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826341#msg3826341)


“ว๊ากกกกกกกกกกกก!!” เสียงตะโกนดังก้องทั่วผืนป่าเงียบสงบ ใบไม้เสียดสีกับรองเท้าดังซ่อกแซ่กเป็นระยะ เจ้าของส่วนสูงไม่ถึงมาตรฐานวิ่งหลบหลังต้นไม้ใหญ่พลางชะเง้อมองสิ่งที่ตนเองกำลังหลบหนีอยู่

“แจ็คสาน....” เสียงเรียกยานคางทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้ง มือคว้าเข้าที่สร้อยคอห้อยไม้กางเขนแน่นพลางพนมมือไว้เหนือหัวอย่างต้องการที่พึ่ง

“อยู่หนายน้า” เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนฮันเตอร์หนุ่มแทบหยุดหายใจ

จู่ๆฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นก็เงียบเสียงลง หัวใจของเดม่อนฮันเตอร์ที่เกือบหยุดทำงานได้กลับมาเต้นอีกครั้ง แจ็คสันนิ่งดูเชิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนค่อยๆโผล่หน้าออกไปดูลาดเลา

ตุบ!

ร่างของสิ่งที่กำลังหลบหนีอยู่ร่วงลงจากต้นไม้มาหยุดยืนเบื้องหน้าของฮันเตอร์หนุ่มแบบไม่ทันตั้งตัวจนคนเห็นต้องอ้าปากค้าง

“ตายยยย กูตายๆ” เดม่อนฮันเตอร์รีบตะกายตัวถอยหลังหากแต่ช้าไปเสียแล้ว เขาถูกจับตัวได้แล้ว

“หนีทำไม!” คนพูดใช้แส้ดันคางของแจ็คสันให้เงยหน้ามองตนเอง วิ่งตามเสียตั้งนานกว่าจะจับตัวได้ สมแล้วที่เป็นเดม่อนฮันเตอร์อันดับหนึ่ง

“อย่ามายุ่งกับฉันนะยัยมารร้าย ออกป๊าย!” แจ็คสันปัดป่ายมือไปมาไม่ให้ยัยมารร้ายที่กล่าวถึงแตะต้องตัวเขาไปมากกว่านี้

“นี่เพื่อนแกนะ” ใช้ด้ามแส้เคาะหัวฮันเตอร์เพื่อนรักไปโป้กใหญ่ก่อนดึงตัวให้คนที่นั่งกอดต้นไม้อยู่ลุกขึ้น

“แกมันปีศาจจจจ”

แจ็คสันยังคงตะโกนใส่เพื่อนจนคนฟังเริ่มหงุดหงิด ก็แค่แกล้งแหย่เล่นนิดหน่อยต้องโกรธขนาดนี้เลยหรือไง

“แจ็คสันโว้ย! เอมี่ขอโทษ จะไม่แกล้งแล้วโอเค๊ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ลิลลี่ไม่อยู่แล้ว โอเคนะ?” พูดพลางค้นตัวเองให้ดูพร้อมวาดมือไปรอบๆ

ลิลลี่ที่เอมิลี่กล่าวถึงคือสัตว์ฝึกตัวโปรดของเธอ งูปีศาจเกล็ดสีดำขลับเงางาม อสูรร้ายที่เคยเขมือบเดม่อนฮันเตอร์นามแจ็คสันลงท้องไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน โชคดีที่เอมิลี่ช่วยไว้ทันไม่งั้นฮันเตอร์คงหลงเหลือไว้เพียงชื่อในหน้าประวัติของตระกูล

“เธอก็รู้ว่าฉันกลัวงู ก็ยังจะพางูมาหาฉันอีก ยัยปีศาจ ยัยบ้า ยัยกะเทย!”

ผัวะ!

หน้าของฮันเตอร์หนุ่มจูบกับโคนต้นไม้ทันทีหลังโดนรองเท้าหนังราคาแพงฟาดเข้าเต็มๆกบาล

“กวนตีนค่ะมึง”

เซอร์คัสกับเดม่อนฮันเตอร์ตกลงเป็นพันธมิตรกันเมื่อหลายร้อยปีก่อน มีข้อตกลงร่วมกันคือห้ามฮันเตอร์ออกล่าสัตว์ฝึกของเซอร์คัสและสัตว์ฝึกจะต้องไม่ทำร้ายฮันเตอร์โดยเด็ดขาด ซึ่งกฎข้อนี้ถูกปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดจนมาถึงรุ่นของแจ็คสันและเอมิลี่ กระดาษสัญญาถูกฉีกจนขาดย่อยยับพร้อมสลายกลายเป็นเถ้าทุลีในเตาเผาไปเสียแล้ว

หากแต่ความสัมพันธุ์ฉันมิตรนั้นยังคงได้รับการสืบทอดต่อไป

“มาหากูทำไมเนี่ย” แจ็คสันลุกขึ้นพลางปัดเศษฝุ่นและซากพืชที่ติดมากับตัว

“มาขอให้มึงช่วย”

“เงิน”

เพี๊ยะ!

“ว๊ากก!” แส้เงินฟาดเข้าที่บั้นท้ายของแจ็คสันจนเจ้าตัวลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บ

“มึงอย่ามาโอเวอร์แอคติ้งค่ะเจียเอ๋อ เงินอะไร นี่กับเพื่อนนะ เอาตีนไหม?” เอมิลี่ถามพลางทำท่าจะยันเพื่อนรักอีกรอบจนแจ็คสันรีบยกมือไหว้

“ขอโทษครับเจ๊ ไม่เก็บเงินด้วยละครับ แล้วจะให้ช่วยเรื่องอะไรล่ะ”

เดม่อนฮันเตอร์รีบถามเข้าประเด็นทันที สำหรับเขาเวลาเป็นเงินเป็นทอง ในขณะที่วิ่งหนีเอมิลี่รายได้ของเขาก็หายไปหลายแสนแล้ว

“งานยากหน่อยนะ” แจ็คสันยิ้มออกทันทีหลังได้ยินว่างานที่ต้องทำนั้นยาก นานๆทีจะมีงานที่ต้องลงแรงหนักเข้ามาสักที รอมานานแล้วงานแบบนี้

“ว่ามาเลยเจ๊”

“เผาปราสาทแวมไพร์”

นี่มันไม่ใช่งานยากแล้วเอมิลี่ นี่มันงานยากฉิบหายต่างหาก...

“เจ๊ ใจเย็นๆนะ ใจร่มๆเอายาดมไหม? เจ๊ยังโอเคนะ? โดนลิลลี่ล้างสมองมาเหรอ” แจ็คสันใช้มือต่างพัดโบกผ่านหน้าของเพื่อนสนิททันที มันก็ไม่ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้ แต่งานระดับนี้เขาจำเป็นต้องรู้เหตุผลเสียก่อน

“จริงจังนะสั้น” แจ็คสันถึงกับปั้นหน้าไม่ถูก จะโกรธที่เพื่อนเรียกเขาว่าสั้นหรือจะจริงจังกับงานดี...

“ซอรี่...ขอเหตุผลของงานหน่อย”

หัวหน้าเซอร์คัสทอดถอนหายใจพลางเอนกายพิงต้นไม้ใหญ่อย่างเหนื่อยล้า ถือเป็นเรื่องหนักพอสมควรที่ต้องแบกรับความคาดหวังของตระกูล อีกทั้งแรงกดดันที่ได้รับนั้นมีมากเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกไปได้ เธอมองหน้าเพื่อนสนิท แจ็คสันมองตอบแล้วพยักหน้ารับเบาๆเป็นเชิงว่าไม่เป็นไรเล่ามาเถอะ เขาพร้อมจะรับฟัง

“เคลเบรอส...ถูกจับตัวไป”

แจ็คสันเบิกตากว้างพลางจ้องเอมิลี่ไม่วางตา เธอพยักหน้ารับว่าสิ่งที่พูดนั้นคือความจริง ฮันเตอร์หนุ่มขมวดคิ้วมุ่นพลางกัดปากอย่างลืมตัว เคลเบรอส สัตว์ประจำตระกูลของเซอร์คัส ใครกันนะที่จับตัวมันไปได้...

“หลังจากเคลเบรอสถูกจับตัวไปก็มีสาสน์ส่งมา มันมาจากลอร์ดเซซิลเลีย...”

“ทางฮันเตอร์เองก็ได้รับสาสน์นั้นแต่เราฉันปฏิเสธไป ลุงน่ะตัวอันตรายยิ่งกว่าปีศาจพวกนั้นอีก”

นึกถึงตอนที่เขารับงานคอยคุ้มกันยองแจในตอนนั้นก็ต้องขนลุกทุกครา พลังที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมาของยูคยอมนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน

“ทางเซอร์คัส...จะเข้าร่วมกับกองกำลังแวมไพร์”

“เธอกำลังละเมิดข้อสัญญากับโกสท์” แจ็คสันรีบขัดขึ้น

หัวหน้าเซอร์คัสรู้ดีว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันละเมิดสนธิสัญญากับโกสท์ ลอร์ด เซซิลเลียส่งสาสน์ถึงพันธมิตรของโกสท์ทั้งหมดเพื่อดึงตัวเข้าร่วมสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น จุดประสงค์ของสงครามไม่ได้ระบุไว้ มีเพียงตัวอักษรซึ่งเขียนด้วยเลือดปาดป้ายลงบนแผ่นกระดาษ ‘จงสภามิภักดิ์’

แต่กรณีของเซอร์คัสนั้นออกจะโหดร้ายไปเสียหน่อย ผนังห้องขังเปรียบดั่งผืนกระดาษขาวสะอาดและเลือดดำทมิฬของเคลเบรอสเปรียบดั่งน้ำหมึกชั้นดี สาสน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความน่ารังเกียจ นึกถึงทีไรเอมิลี่ก็หัวเสียขึ้นมาทุกครา เธอสัญญากับตนเองแล้วว่าจะต้องพาเคลเบรอสกลับคืนมาให้ได้

“ฉันรู้แจ็คสัน...แต่ฉันไม่มีทางเลือก…” เอมิลี่เงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนโขกหัวลงกับต้นไม้ใหญ่อย่างแรงจนแจ็คสันสะดุ้ง

“ฉันรับงาน เธอระวังตัวด้วยล่ะ ฉันจะไปเผาปราสาทมันพร้อมกับกองทัพโกสท์ จะพาลุงเคลเบรอสกลับมาให้เธอเอง” คนพูดเก๊กขรึมทำเท่จนเอมิลี่เห็นแล้วหมั่นไส้ 

“ค่ะพ่อสั้น อย่าตายห่าไปก่อนก็พอ เสร็จงานแล้วจะพาไปเยี่ยมโคลดี้”

“แอร๊ยโคลดี้!”

ผัวะ!

“แรดไปค่ะมึง ไป! กลับบ้านกลับช่อง ไปหาข้อมูล ไปทำงาน ไป๊!” เอมิลี่ฟาดแส้ลงกับพื้นแรงจนเกิดลมวืดเข้าหาตัวเดม่อนฮันเตอร์ แจ็คสันอ้าปากเตรียมด่าเพื่อนแต่ก็เป็นอันต้องหุบลงเมื่อเหลือบไปเห็นร่างสีดำทมิฬของลิลลี่กำลังเลื้อยเข้ามาหาผู้เป็นนายของตน

“ไปแล้วจ้า สวัสดี ลาก่อน อันยอง ไจ้เจี้ยน บ๊ายบาย”

แจ็คสันกลัวงูจนต้องรีบกล่าวลาเพื่อนสนิทก่อนเผ่นแน่บเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว

“โถ...พ่อคนกาก”

หลังเผ่นออกมาไกลพอสมควร แจ็คสันยกโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คสัญญาณ ไม่แน่ใจนักว่าในป่าแบบนี้พอจะมีคลื่นให้เขาโทรหาใครบางคนไหม

“เยี่ยม” พูดกับตนเองเบาๆเมื่อเห็นขีดสัญญาณ ฮันเตอร์หนุ่มรีบกดหมายเลขลงบนสมาร์ทโฟนก่อนโทรออกอย่างรีบร้อน คนอย่างเขาไม่ชอบทำอะไรชักช้าหรอกนะ

รอไปพักหนึ่งในที่สุดอีกฝ่ายก็กดรับ

“ฮัลโหลลุง” รีบทักทายปลายสายทันที ดูเหมือนการทำอะไรรวดเร็วจะกลายเป็นนิสัยของเขาไปเสียแล้วสิ

‘มีอะไรแจ็คสัน’

“คือว่านะ พวกแวมไพร์เขาจะทำสงครามกับลุงใช่ไหม?” เอ่ยถามออกไปอย่างตรงประเด็น รู้จักกันมานานตั้งแต่รุ่นทวดแล้วไม่ต้องอ้อมค้อมกันหรอก อีกอย่างที่เขามั่นใจว่าปีศาจที่พวกแวมไพร์ต้องการโค่นคือยูคยอมก็เพราะโกสท์ตนนี้เป็นผู้นำเหล่าปีศาจตนปัจจุบันน่ะสิ!

‘โดนฝ่ายนั้นเสนออะไรหรือไง’

“ปฏิเสธไปแล้วล่ะ คฤหาสน์ที่ลุงให้ยังดีกว่าตั้งเยอะ” แอบพูดเอาอกเอาใจโกสท์ไปเสียหน่อย เผื่อยูคยอมจะใจดีแถมที่ดินให้เขาอีกสักสามร้อยไร่

‘ไม่ต้องมาพูดจาเอาอกเอาใจฉัน’

“โหยรู้ทันอีก เออลุงๆ ลุงจะไปบุกพวกแวมไพร์วันไหนบอกผมด้วยนะ ผมจะขนฮันเตอร์ไปด้วย มีคนวานให้ทำภารกิจนิดหน่อย”

‘ใครมาตัดหน้าฉันกันล่ะ กำลังจะจ้างนายพอดี แต่ก็ถือเป็นผลพลอยได้ของฉันล่ะนะ’ แจ็คสันถึงกับอ้าปากค้าง ไม่น่าหลุดปากบอกไปเลยว่ามีคนวานมา แบบนี้ก็ไม่ต่างจากเหนื่อยฟรีน่ะสิ...

“ลุงจ๋า ขอที่ดินให้น้องแจ็คสักสี่ร้อยไร่ก็ยังดีนะลุง ลุงสุดหล่อ รักรัก” ฮันเตอร์หนุ่มรีบอ้อนโกสท์ทันที ถ้ามีใครผ่านมาเห็นคงแปลกพิลึก มีฮันเตอร์ที่ไหนไปขอร้องปีศาจกันล่ะ...

‘รายละเอียดไว้ค่อยคุยวันหลังแล้วกัน’

“อะไรล่ะลุง มีเมียแล้วลืมผมเลยเหรอ ปกติคุยกับผมน๊านนาน...” แจ็คสันเริ่มนึกเอะใจก่อนค่อยๆเงี่ยหูฟังเสียงที่ดังลอดผ่านโทรศัพท์มา

ยูคยอมวางโทรศัพท์ก่อนสิไอ้บ้า!

นายทำหน้าเชิญชวนฉันเองนี่

ฮึก...เปล่า อ๊ะ สักหน่อย อื้อ

ติ๊ด!

เดม่อนฮันเตอร์รีบยกโทรศัพท์ออกจากหูแล้วกดตัดสายทันทีหลังได้ยินเสียงสยิวดังมาจากปลายสาย ไอ้ลุงนี่ก็ เวลาเล่นอยู่ยังรับโทรศัพท์ เชื่อเขาเลย แต่พอมาได้ยินอะไรแบบนี้กับหูแล้วก็เกิดความรู้สึกเหงาหนักเข้าไปอีก

“28 แล้วเมื่อไหร่กูจะมีแฟนวะ!” แจ็คสันตะโกนลั่นผืนป่าก่อนเดินกระแทกเท้าไปยังทางกลับคฤหาสน์ของตน

“นี่ๆ พี่เอลฟ์ตรงนั้นน่ะครับ เห็นคีส อ่ะไม่สิ เห็นปืนสีเงินตกอยู่แถวๆนี้บ้างไหมครับ?” ฮันเตอร์หนุ่มเอ่ยถามระหว่างเดินหากระบอกเงินคู่ใจที่เผลอทำตกตอนวิ่งหนีลิลลี่

“ผมไม่ใช่เอลฟ์หรอกครับ” ปีศาจหน้าหวานส่งยิ้มละมุนให้กับเดม่อนฮันเตอร์จนเจ้าตัวเผลอเลื่อนมือไปจับหน้าอกข้างซ้าย

“ขอโทษที่ทักผิดนะครับ...แล้วคุณคืออะไรครับ” เอ่ยถามปีศาจอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่ว่าเดม่อนฮันเตอร์ต้องหันกระบอกปืนเข้าหาปีศาจทุกตนหรอก เฉพาะปีศาจที่ทำเรื่องชั่วร้ายเท่านั้นแหละ

“พิกซีครับ” แอร๊ยย! ไม่ใช่ปีศาจแต่เป็นภูติหรอกเหรอเนี่ย หน้าตาน่ารักเสียจนแจ็คสันคนนี้หายเปลี่ยวเลยทีเดียว

“ว้าว...” เผลออุทานออกไปจนพิกซีตัวน้อยหลุดขำ มนุษย์คนนี้ตลกแฮะ

“คีสของคุณอยู่ทางซ้ายมือระยะทาง 2.8 เมตรครับ” แจ็คสันหันไปมองตามทางที่พิกซีบอกก่อนพบกระบอกสีเงินบริสุทธิ์นอนแอ้งแม้งอยู่ในระยะตามที่ภูติตัวน้อยบอกพอดี

“ขอบคุณมากครับคุณ...?” แอบเนียนถามชื่อของภูติสักหน่อย

“ผมชื่อคลอสครับ”

หาแฟนเป็นคนไม่ได้ ซั่มภูติเลยแล้วกันวะ!



ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 25 [04/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 03-05-2018 22:11:39
ตอนที่ 24
Selected

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 04/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826333#msg3826333)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826349#msg3826349)


Youngjae Present

“ยูคยอมมมมม~~” โดดใส่โกสท์ขี้เซาเอาแต่นอนทั้งที่ตอนนี้ก็สายมากแล้ว

“อืม ขออีกชั่วโมงนึง” ไม่พูดเปล่า ยูคยอมคว้าตัวผมไว้แล้วรั้งเอวไม่ให้หนีไปไหน

“นายบอกให้ปลุกเองนะ ไหนบอกจะพาไปบ้านพี่แจ็คสันไง” ใช่ครับ ยูคยอมบอกกับผมว่าวันนี้จะพาผมไปหาพี่ฮันเตอร์สุดเท่ที่ช่วยผมไว้คราวก่อน อยากจะขอบคุณพี่แกอีกครั้งอุตส่าห์ช่วยให้ผมรอดจากฝูงแวมไพร์มาได้

ยูคยอมไม่สนใจเสียงบ่นของผม เขาปรือดวงตาสีแดงขึ้นมองแล้วยิ้มออกมา

“เห้ย!” ผมตกใจเมื่อจู่ๆโกสท์ลามกก็ดึงให้ผมล้มลงแล้วพลิกตัวขึ้นมาทับผมไว้ โอยตัวอย่างกับหมีทับมาได้!

“ลุกไปเลย มันหนัก” หลังทับมาแล้วก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหน ยูคยอมฝังหน้าลงกับซอกคอของผมแล้วสอดมือเข้ามาในหลัง เสียงกรนเบาๆบอกผมว่าไอ้โกสท์หมีนี่หลับอีกแล้ว...

“ขี้เซาชะมัด...ยูคยอมตื่นได้แล้วโว้ย!!!” ตะโกนกรอกหูโกสท์ขี้เซาไปเต็มเสียงดูซิว่าจะยอมตื่นไหม

“อือ...” ยูคยอมส่งเสียงท้วงเบาๆก่อนงับเข้าที่คอของผม

“ตื่น!” ออกแรงดิ้นให้โกสท์ที่ทับอยู่ตื่นสักที ทำไมตัวใหญ่แบบนี้วะเนี่ย แปดร้อยปีที่ผ่านมาพี่เอ็งกินอะไรไปบ้างวะ

“........”

ตื่นแล้วครับ...แต่ไม่ใช่ยูคยอมที่ตื่น หมีน้อยต่างหากที่ตื่น...ผมได้แต่หน้าแดงทำอะไรไม่ถูก ก่อนหน้านี้มันยังอยู่อย่างสงบของมันอยู่เลยนี่หว่า

“ย...ยูคยอม...มัน...” ทิ่มมาเต็มๆ โอยตาย...

“ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ” ยูคยอมพูดแล้วยันตันให้ลุกขึ้น เขาขยี้หัวจนผมฟูไปหมดก่อนเดินหาวเข้าห้องน้ำไป ผมลอบถอนหายใจออกมาเบาๆที่เขาไม่ทำเรื่องอะไรลามกเหมือนเมื่อวาน

“ยองแจ” ยูคยอมโผล่หน้าออกมาจากห้องน้ำพร้อมคาบปากสีฟันไว้ในปาก

“หืม?”

“เข้ามาในนี้”

“...........................”

สุดท้ายก็ไม่รอดครับ

“แจ็คสัน เปิดห้องมืดให้แล้วนะเว้ย” คนพูดโผล่หน้ากลับหัวเข้ามาทางหน้าต่างเพื่อบอกกล่าวคำสั่งที่ตนปฏิบัติแล้วก่อนกระโดดลงไปยังพื้นดินแล้วออกตัววิ่งไปทำภารกิจอื่นทันที

“เออ”

พูดตามหลังร่างของเพื่อนร่วมตระกูลไปถึงแม้อีกคนจะไม่ได้ยินก็ตาม เดม่อนฮันเตอร์พาร่างของตนเองเดินลงไปชั้นใต้ดินของคฤหาสน์ บานประตูมากมายถูกปิดผนึกไว้ด้วยโซ่ตรวนเงินอย่างแน่นหนา แจ็คสันย่างเข้าไปยังห้องในสุดที่ตอนนี้ประตูได้เปิดอ้าอยู่

“ไม่ได้เข้าห้องมืดนานเลยแฮะ” พูดกับตนเองเบาๆก่อนเดินดูรอบห้อง

อาวุธนานับชนิดถูกคัดแยกประเภทและจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ สีดำขลับของไทเทเนียมสะท้อนหยอกเล่นกับแสงไฟที่ตกกระทบ เดม่อนฮันเตอร์สร้างคลังเก็บอาวุธไว้ที่ชั้นใต้ดินของคฤหาสน์หัวหน้าฮันเตอร์ แต่ละห้องจะแบ่งตามชนิดของวัสดุที่นำมาทำอาวุธ

ห้องมืดคือคลังอาวุธที่ทำจากแร่โลหะไทเทเนียม ตัวอาวุธทั้งหมดเป็นสีดำนั่นคือที่มาของชื่อห้อง อีกหลายห้องที่เหลือก็ถูกตั้งชื่อแตกต่างกันไป ห้องเงินคือห้องที่ฮันเตอร์เข้าออกบ่อยและเป็นห้องที่เก็บอาวุธไว้มากที่สุด อาวุธที่ทำด้วยเงินปลุกเสกและเงินบริสุทธิ์ถูกเก็บไว้ในห้องนั้น

“ลุงคิดจะทำอะไรของลุงวะ” แจ็คสันพิงผนังห้องพลางครุ่นคิดถึงเหตุผลที่โกสท์นามยูคยอมสั่งให้เขาเปิดห้องอาวุธไว้หนึ่งห้อง

“อยากรู้เหรอ”

“ว๊ากกกก!!” เดม่อนฮันเตอร์ตะปบมือลงกับผนังแน่นเมื่อจู่ๆโกสท์ก็โผล่มา ดวงตาสีแดงฉานโอบด้วยสีดำทมิฬนั้นไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็ยังน่าหวาดหวั่น  แจ็คสันผู้ไม่หวั่นเกรงต่อปีศาจแต่กลับกลัวผีสุดใจ...

โกสท์นั้นคือปีศาจ แต่ก็ไม่เชิงว่าเป็นปีศาจไปเสียทีเดียว หากในโลกมนุษย์วิญญาณเปรียบดั่งผี โกสท์ก็คือผีในโลกปีศาจ วิญญาณที่มีพลัง มีตัวตน สามารถมองเห็นและจับต้องได้

“โหยลุง เซลล์ตายไปหลายตัวแล้วเนี่ย ฮู้ว!” แจ็คสันเลื่อนมือมากุมหน้าอกข้างซ้ายพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จะว่าไปผีที่ไหนออกมากลางวันแสกๆแบบนี้กัน...นอกจากยูคยอม

“หึหึ”

“พี่แจ็คสานนน~” ยองแจโผล่หน้าออกมาจากหลังของยูคยอมพร้อมยิ้มให้ฮันเตอร์หนุ่ม

“โว้ว ย๊องแจ่” เขาเดินเข้าไปกอดคอยองแจแล้วขยี้ผมน้องจนฟูไม่เป็นทรง ยูคยอมดึงคนตัวเล็กให้เขยิบมาใกล้ แจ็คสันที่เห็นอย่างนั้นก็ปล่อยน้องทันที ขี้หวงจริงเลยลุงเนี่ย

“แล้วให้ผมเปิดห้องไว้ทำไมอ่ะ” แจ็คสันถามเข้าประเด็นตามนิสัย

“จะพายองแจมาเลือกอาวุธ” ทั้งเดม่อนฮันเตอร์และนักเรียนมอปลายหันมองโกสท์เป็นตาเดียว คนหนึ่งมองด้วยความงุนงงส่วนอีกคนหนึ่งมองด้วยความใคร่รู้

“แล้วทำไมไม่บอกฉันล่ะเนี่ย” บ่นกับตนเองเบาๆแต่ด้วยบรรยากาศอันเงียบสงัดทำให้ได้ยินเสียงของยองแจชัดเจน

“ฮืม...ให้ยองแจฝึกใช้อาวุธเหรอ แปลกแฮะ ปกติลุงก็อยู่กับน้องมันตลอดนี่จะให้ฝึกใช้อาวุธไปทำไม?” ยองแจพยักหน้าตามคำพูดของแจ็คสัน

“ฮาร์ทไงล่ะ” แจ็คสันเบิกตากว้างแล้วหันมองคนข้างๆทันที ฮาร์ทงั้นเหรอ...

“สุดยอด...เจ๋งมากน้องพี่” แจ็คสันยกนิ้วให้ยองแจพร้อมขยิบตาให้

“พี่เจ๋งกว่าผมอีกน่า อย่ามายอผมดิ” ตบเข้าที่แผงอกของเดม่อนฮันเตอร์อย่างจงใจ หมั่นไส้กล้ามนั่นจริงๆ ยองแจเองก็อยากมีบ้างเหมือนกันนะ!

“แล้วจะให้ใช้อะไรดีล่ะ...” แจ็คสันกวาดสายตามองรอบห้อง ดูแล้วไม่มีของที่เหมาะกับน้องชายของเขาเลยแฮะ

“อ๊ะ! ผมใช้ไอ้นั่นเป็นครับ” ยองแจพูดแล้วชี้ไปยังไอ้นั่นที่ว่า ยูคยอมขมวดคิ้วมุ่น ไม่ต่างจากแจ็คสันที่ทั้งขมวดคิ้วและแสดงสีหน้าประหลาดใจไปพร้อมกัน หนึ่งมนุษย์และหนึ่งปีศาจจ้องไปยังคันธนูสีรัติกาลดำขลับ ข้างๆมีกระบอกใส่ลูกธนูวางอยู่

“นายใช้ธนูเป็น?” ยูคยอมเอ่ยถามยองแจด้วยความใคร่รู้ มนุษย์คนนี้จะทำให้เขาประหลาดใจไปถึงไหนนะ แต่ก็นับได้ว่าสัญชาติญาณการเลือกเหยื่อของตนเองนั้นดีพอสมควร จับได้เหยื่อที่สุดยอดเลยเชียวล่ะ

“อื้อ จำได้ว่าตอนเด็กๆเจฮยองสอนให้น่ะ”

“เจฮยอง?” ยูคยอมเลิกคิ้ว จะว่าไปตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเขายังไม่เคยได้ยินยองแจพูดถึงชื่อใครเลยนอกจากชื่อของตนเองกับหลาน อ้อ ยังมีวอลเตอร์กับแจ็คสันอีกคน

“ฉันเองก็จำไม่ค่อยได้หรอก ตอนนั้นฉันยังเด็ก ประมาณเจ็ดขวบได้มั้ง จำได้แค่เจฮยองคือคนที่สอนฉันยิงธนู เมื่อก่อนฉันก็อยู่บ้านหลังใหญ่ๆแบบนี้แหละ มีคนอยู่ด้วยเยอะแยะเลยแต่พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่คนเดียวแล้ว” แจ็คสันเลื่อนมือไปลูบหัวยองแจเบาๆอย่างนึกเห็นใจ เด็กคนนี้คงผ่านอะไรมาเยอะพอสมควร

“โหยพี่แจ็ค ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ปัดมือฮันเตอร์ออกแล้วเบ้ปากใส่ แจ็คสันหัวเราะร่วนก่อนเดินไปหยิบคันธนูพร้อมลูกธนูมาให้ยองแจ

“ตามธรรมเนียมของฮันเตอร์ ผู้ใช้จะต้องตั้งชื่อให้กับอาวุธของตนเอง นายตั้งชื่อให้เจ้านี่ซะ” พูดพลางยื่นอาวุธให้กับยองแจ

“อืม...งั้นนัวร์แล้วกันครับ” รับธนูพร้อมลูกธนูมาถือไว้ ความรู้สึกแรกที่ได้จับนั้นทำเอาน้ำตาแทบไหล ทำไมถึงได้คิดถึงแบบนี้นะ

“เป็นชื่อที่ตรงดีนะ” ยูคยอมออกความคิดเห็นกับชื่อของคันธนู นัวร์ ในภาษาฝรั่งเศส หมายถึงสีดำ

“ลองยิงดูหน่อยไหม”

แจ็คสันเดินไปเปิดผนังอิฐบล็อกออกแล้วกดปุ่มควบคุม เป้ายิงค่อยๆเลื่อนขึ้นมาจากใต้พื้นก่อนหยุดลงเมื่อตัวเป้าอยู่ในระดับพอเหมาะ

“ยิงแป้กอย่ามาล้อผมนะ” ยองแจหันไปบอกกับแจ็คสันและยูคยอม ทั้งสองยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ ถึงฮันเตอร์จะทำไปแบบนั้นแต่ในใจก็คิดไว้แล้วว่าถ้าพลาดจะขำให้สูงขึ้นเลย

ยองแจสูดหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วพ่นลมออก เขาหยิบลูกธนูขึ้นมาขึงไว้กับเส้นเอ็น สายตาจ้องปราดไปยังเป้านิ่ง ลำแขนง้างคันธนูก่อนปล่อยศรดำทมิฬพุ่งตรงไปยังเป้าหมายภายในเวลาเพียงเสี้ยวนาที

ฉึก!

ลูกธนูพุ่งแหวกอากาศเข้าปะทะเป้าหมาย เสียงสั่นของก้านธนูดังกลบความเงียบภายในห้อง ทุกอย่างสงบนิ่ง ไม่ใช่ว่ามันพลาดเป้าแต่มันแม่นยำอย่างน่าเหลือเชื่อต่างหาก! เพียงชั่วพริบตาเดียวลูกธนูที่ถูกดีดออกจากคันศรก็ปักเข้ากลางเป้าเสียแล้ว

“เห้ยๆ ไอ้น้อง นายเป็นใครเนี่ย ความสามารถระดับนี้คงไม่ใช่แค่นักเรียนมอปลายธรรมดาแล้วมั้ง” ฮันเตอร์พูดพลางกอดอกมองยองแจ

“ก็บอกแล้วว่ามีคนสอน ผมก็คนธรรมดานี่แหละ” วางนัวร์ลงบนโต๊ะใกล้มือ รู้สึกเหมือนร่างกายได้เติมพลังอย่างไงอย่างงั้น

“เห้ยๆ ระดับนายมันอาร์เชอร์แล้วเว้ย” แจ็คสันไม่หยุดคะยั้นคะยอน้อง เขาไม่ยอมเชื่อเด็ดขาดว่ายองแจเป็นแค่เด็กธรรมดา

“ห๊ะ? อาร์เชอร์คืออะไรครับ”

เขาถามออกไปด้วยความอยากรู้ ไม่ใช่เพราะอยากปิดบังหรือทำให้แจ็คสันยิ่งสงสัยแต่เขาไม่รู้จริงๆว่าสิ่งที่ฮันเตอร์พูดนั้นคืออะไร

“โอ้ว...หน้างงแรงแบบนี้แสดงว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ” แจ็คสันพยักหน้าเบาๆก่อนเพยิดไปยังยูคยอมเป็นเชิงบอกให้โกสท์อธิบายแทนเขา

“พลธนู” ฮันเตอร์หนุ่มถึงกับถอนหายใจกับคำอธิบายอันแสนรวบรัดของโกสท์ จะอธิบายให้มันยาวกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง กลัววิญญาณที่อยู่ในร่างจะระเหยออกทางปากเหรอ...

“คืองี้นะครับยองแจ มนุษย์เราเนี่ยถูกแบ่งเป็นสองกลุ่มได้แก่คนธรรมดากับคนที่มีอะบิลิตี้ กลุ่มที่มีอะบิลิตี้คือเดม่อนฮันเตอร์ เซอร์คัส แอนนิส เมจิสและอาร์เชอร์ คนธรรมดานั้นไม่สามารถรับรู้และแยกแยะตัวตนของปีศาจได้แต่พวกพี่แยกได้เพราะได้รับสืบทอดความสามารถมาจากบรรพบุรุษ”

“ฮืม...”

“อาร์เชอร์ที่พูดเมื่อกี๊คือพลธนูล่าปีศาจ จริงอยู่ว่าฮันเตอร์สามารถใช้อาวุธได้ทุกประเภทแต่มีเพียงสิ่งเดียวที่เราแพ้อาร์เชอร์นั่นคือธนู ดูจากความเร็วในการยิงเมื่อครู่มันอยู่ในระดับอาร์เชอร์” 

“อาร์เชอร์...” ยองแจทำหน้าครุ่นคิดจนแจ็คสันและยูคยอมเผลอลุ้นตามไปด้วย

“นึกไม่ออกครับ ผมจำเรื่องในอดีตไม่ค่อยได้หรอก” เขาพูดออกไปตามตรง ยองแจเองก็อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับตนเองไม่ต่างไปจากแจ็คสันและยูคยอมเลย แม้แต่เรื่องแม่ของตัวเองเขายังไม่รู้เท่าไหร่เลย

“ลุ้นจนเซลล์ตายอีกแล้วเนี่ย” แจ็คสันพูดทำลายบรรยากาศตึงเครียดที่กำลังคุกรุ่น ยองแจหลุดขำออกมาแล้วตบเข้าที่กล้ามบึกบึนของฮันเตอร์ทันที

“นายใช้อย่างอื่นได้อีกไหม?” ยูคยอมถามหลังเงียบมานานพอสมควร

“อืม...” กวาดสายตามองไปรอบห้องแล้วกลับมามองโกสท์ดังเดิม

“ปืนล่ะมั้ง” คิ้วของโกสท์กระตุกวืด นี่มันเกินกว่าที่เขาคาดคะเนไว้แล้ว

“ไหนลองดิ๊” แจ็คสันยื่นคีสหรือปืนสีเงินของตนเองให้กับยองแจ

ยองแจรับมาก่อนทำหน้าเหยเกเล็กน้อย แจ็คสันยกปืนหนักขนาดนี้ด้วยมือเดียวได้ยังไงกันคิดแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ เขาเลิกสนใจเรื่องอื่นก่อนมองไปที่เป้านิ่งอีกครั้ง แขนยกกระบอกเงินขึ้นก่อนเล็งแล้วลั่นไกทันที

ปัง!

“บราโว่!” แจ็คสันปรบมือพร้อมตะโกนขึ้นเสียงดังเมื่อลูกปืนฝังลงกลางเป้าพอดิบพอดี
ชเวยองแจ เป็นเด็กธรรมดาจริงๆน่ะหรือ?



ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 25 [04/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 03-05-2018 22:15:17
ตอนที่ 25
Practice

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 04/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826341#msg3826341)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829503#msg3829503)

-คฤหาสน์หลักของอาร์เชอร์-

เงียบเสียงสรรพสิ่ง รายล้อมด้วยนานับพฤกษา เด็ดเดี่ยวมั่นคงท่ามกลางความเปล่าเปลี่ยว เศษซากลูกธนูปักจมลงดินมีให้พบเกลื่อนกลาด ศพของปีศาจกองพะเนินทับถมกันส่งกลิ่นไม่น่าภิรมย์เท่าใดนัก หากผู้ใดพบเห็นต่างก็พากันนึกว่าสถานที่แห่งนี้นั้นร้างลา ร่องรอยถูกโจมตีจากสิ่งชั่วร้ายมีมากขึ้นทุกวันตามกาลเวลา

ฉึก!

ศรเงินปักเข้ากลางหัวใจค้างคาวปีศาจ แร่บริสุทธิ์ไร้ซึ่งความปราณีบุกทะลวงทำลายสิ่งชั่วร้ายให้ไร้มลทิน คันธนูปักลงพื้นดินช้าๆพร้อมกับร่างบอบบางที่ยืนมองศพนั้นด้วยความจงเกลียดจงชัง

“ฉันไม่มีวันอภัยให้แกแน่ลอร์ด เซซิลเลีย” พูดกับศพค้างคาวปีศาจที่นอนสงบนิ่งแทบเท้าตนเอง

“ยองฮี” เสียงเรียกดังขึ้นท่ามกลางความโดดเดี่ยว เจ้าของชื่อหันมองบุคคลที่มาใหม่ก่อนเผยรอยยิ้มออกมา ใบหน้าคุ้นเคยที่รู้จักเป็นอย่างดี

“มีอะไรเหรอเจฮยอง” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คนถูกถามทอดถอนหายใจอย่างนึกลำบากใจ อยากช่วยแบ่งเบาความโศกเศร้าและเสียใจของคนตรงหน้านี้ แต่ไม่อาจทำได้เลย

“ออกมาคนเดียวมันอันตรายนะ” เขาพูดออกไปด้วยความเป็นห่วง

“ฉันคงไม่พลาดท่าอีกหรอกน่า แค่แวมไพร์ตัวสองตัวฉันจัดการได้อยู่แล้ว”

“เธอควรระวังตัวให้มาก ยองแจยังรอให้เธอกลับบ้านนะยองฮี” คนฟังถึงกับสะอึก ชื่อลูกชายของตนเองที่แสนคิดถึงและโหยหา

“ฉันต้องพาจูซอกกลับบ้าน ยองแจควรได้อยู่กับพ่อของเขา” ยองฮีบีบกำคันธนูแน่นเด็กน้อยผู้น่าสงสารถูกพรากเอาความสงบสุขและสะดวกสบายให้มลายหายไปจากชีวิต เด็กน้อยนาม ชเว ยองแจ ดั่งโชคชะตากลั่นแกล้ง ไม่สิ เรียกว่ากลั่น-

แกล้งยังรู้สึกน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดนี้มีเพียงผู้เดียว

“ไม่ใช่แค่เธอ ‘พวกเรา’ ต่างหาก” เจฮยองวางมือลงบนบ่าของยองฮีแล้วออกแรงบีบเบาๆ

“ขอบคุณนะเจฮยอง...” น้ำตาพาลจะไหลเอาเสียดื้อๆแต่ก็ต้องอดกลั้นมันไว้ อ่อนแอมามากพอแล้วยองฮี ได้เวลาที่จะยืนหยัดเพื่อทวงคืนสิ่งสำคัญเสียที

“เจ้านั่น...เธอไว้ใจมันเหรอ” เมื่อพูดถึงเจ้านั่นยองฮีได้แต่ยิ้มออกมา

“เขาเป็นลูกของฉันเลยนะเจฮยอง เด็กน้อยของฉันเลือกอะไรฉันย่อมยอมรับมันได้อยู่แล้ว”

ใช่! ชเว ยองฮี มองเห็นโกสท์นามยูคยอมได้ชัดเจนเลยล่ะ

ยองฮียอมรับว่าเธอตกใจแทบสิ้นสติ ราชาปีศาจเลือกลูกชายของตนเองเป็นเหยื่อ ไม่ว่าใครก็ต้องตื่นตระหนกกันทั้งนั้นแต่ลึกๆเธอกลับไว้ใจในโกสท์ตนนั้น ถึงแม้มันจะดูแปลกๆที่ทั้งคู่เป็นผู้ชายก็เถอะ...

“เฮ้อ...เด็กน้อยของฉัน” เจฮยองพ่นลมหายใจออกมา อีกใจหนึ่งก็โล่งแต่อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ปีศาจที่แข็งแกร่งขนาดนั้นทำไมถึงได้เลือกหลานของเขากันนะ

“เมื่อไหร่จะยอมเรียกฉันว่าพี่เสียทีล่ะยองฮี” เอ่ยถามน้องสาวอย่างนึกตัดพ้อ ยองฮีไม่ยอมเรียกเขาว่าพี่เลย แม้กระทั่งยองแจยังเรียกเขาห้วนๆตามแม่ของเขา ช่างน่าน้อยใจเสียจริง

“บ่นเป็นคนแก่ไปได้เจฮยอง”

“เฮ้อ...”

“ยองแจ...” น้ำเสียงนุ่มเอ่ยเรียกชื่อคนที่นอนอยู่ข้างกายด้วยความหลงใหล

“หืม?” ดวงตากลมช้อนมองใบหน้าคมคายของอีกฝ่ายพร้อมเผยรอยยิ้มละมุนออกมา

“เมื่อไหร่จะกลับสักที ในคฤหาสน์นี่น่าอึดอัด” ยูคยอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เป็นเรื่องธรรมดาของปีศาจที่อึดอัดกับไอเงินบริสุทธิ์ภายในคฤหาสน์
 แม้แต่ห้องนี้ยังประดับไปด้วยเครื่องเงินเกือบครึ่งเลยทีเดียว

“ฉันต้องฝึกใช้อาวุธกับพี่แจ็คสัน อีกอย่างนายสั่งเองนะ”

ยูคยอมสั่งแจ็คสันให้ฝึกยองแจจนกว่าจะใช้อาวุธทั้งหมดในคฤหาสน์นี้ได้ ถึงแม้เขาจะเก่งแต่ก็ไม่อาจวางใจได้ อย่างน้อยขอแค่ให้อีกคนใช้อาวุธเป็นเขาก็ยังพออุ่นใจได้บ้าง หลังจากพลังของฮาร์ทถูกปลุกขึ้นมา ปีศาจนานับตนได้พุ่งเป้าหมายมายังเหยื่อที่น่ารักของเขาแต่ก็ต้องผิดหวังกลับไปเพราะไม่สามารถเข้าใกล้ได้ แม้แต่พบเจอพวกมันยังมิอาจ

“แต่...”

“แค่นี้ก็ทนไม่ได้เหรอคุณโกสท์กาก” ยองแจแลบลิ้นใส่โกสท์ลามกก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเล่น

“ที่ทนไม่ได้น่ะไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก” โกสท์เอ่ยขึ้นเบาๆพอให้อีกคนได้ยิน ยองแจปราดตามองแล้วยิ้ม เขารู้ว่ายูคยอมหมายถึงอะไร มันหนีไม่พ้นเรื่องเดิมๆเท่าไหร่หรอก

“พักหน่อยเถ๊อะพ่อคู๊ณ!”

ครืด ครืด

จู่ๆโทรศัพท์ที่ถืออยู่ก็สั่นครืดจนคนตัวเล็กแอบสะดุ้งเล็กน้อย หลังมองจอก็ต้องรีบกดรับอย่างดีใจ ไม่ได้คุยกันนานกี่วันแล้วนะ

“ฮัลโหลเอิน~” กรอกเสียงใส่โทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงร่าเริงทำเอาโกสท์ที่นอนอยู่ข้างๆนึกหมั่นไส้

‘ผัวขา ทิ้งเมียไปไหน ทำไมไม่โผล่หน้ามาให้เห็นเลย นี่มันอาทิตย์นึงแล้วนะ!’

ยองแจหลุดหัวเราะออกมาหลังโดนเพื่อนรักบ่นเข้าให้ เขาเองก็มัวแต่ฝึกใช้อาวุธเลยลืมบอกมาร์คไปเสียสนิท หวังว่าคงไม่โกรธหรอกนะ

“ขอโทษนะครับน้องเอินเมียรัก ตอนนี้อยู่บ้านพี่แจ็คสันน่ะ”

‘ไปทำอะไรบ้านไอ้เตี้ยอ่ะ มึงนอกใจกูเหรอ อิผัวไม่รักดี!’

“ใจเอาๆไหมล่ะ กูมาฝึกใช้อาวุธหรอกอิตุ๊ดเมกา!”

‘ฝึกไปทำไมวะ มึงยิงธนูเป็นไม่ใช่เหรอ’

“ไปถามตามึงสิครับ จู่ๆก็ให้กูมาฝึกเนี่ย”

‘เดี๋ยวกูไปหา อยากกอดมึงใจจะขาดแล้ว’

“ครับๆเอินที่รัก รักนะเด็กโง่” หลังวางโทรศัพท์ไปแล้วถึงนึกขึ้นได้ มาร์ครู้จักที่นี่อย่างนั้นเหรอ จะว่าไปเขาเองก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันอยู่ส่วนไหนบนโลก...

“อี๋เอินจะมาเหรอ” ยูคยอมเอื้อนเอ่ยคำถามพลางลูบกลุ่มผมนุ่มของคนตัวเล็กไปด้วย

“อื้อ จะว่าไปก็คิดถึงมาร์คมันเหมือนกันแฮะ” ซบหน้าลงกับแผงอกแกร่งของโกสท์ก่อนไซร้ไปมาอย่างออดอ้อน ฝึกซ้อมทุกวันทำเอาปวดร้าวไปทั้งตัว อาวุธแต่ละอย่างก็หนักทั้งนั้นแถมแจ็คสันยังค่อนข้างเคี่ยวเข็ญอีกต่างหาก

ปัง!

เสียงประตูกระแทกกับผนังดังสนั่น ร่างของเดม่อนฮันเตอร์เดินเข้ามาก่อนทักทายบุคคลที่อยู่ในห้องด้วยความร่าเริง

“เฮ๊ลโลวเอวรี่บอดี้!! ได้เวลาฝึกซ้อมแล้วไอ้หนู” ยูคยอมส่งสายตาเอือมระอาไปให้ฮันเตอร์หนุ่มที่ยังยืนยิ้มร่าอยู่ไม่ไกลนัก มือหนาจัดการคว้าผ้าห่มผืนใหญ่มาคลุมร่างของตนเองกับยองแจแล้วกลิ้งทับร่างเล็กไม่ให้หนีไปไหน

“หนักโว้ย!” ยองแจทุบอกยูคยอมดักปึ้กแต่ก็ตามคาดโกสท์อย่างยูคยอมไม่สะทกสะท้านกับแรงแค่นี้หรอก

“อ้าวลุง!” แจ็คสันโวยวายเมื่อเห็นว่ายูคยอมนั้นไม่ยอมให้ยองแจไปฝึกกับเขาทั้งที่เป็นคนบอกเองแท้ๆ

ฮันเตอร์หนุ่มเดินเข้าไปกระชากผ้าห่มออกแล้วโยนมันทิ้งไปไกลๆ สองมือจับเข้าที่ข้อเท้าของโกสท์ ออกแรงดึงพรวดเดียวจนร่างของยูคยอมตกเตียงไป

ยองแจได้แต่มองภาพเมื่อครู่ด้วยความงุนงง ถือว่าแจ็คสันนั้นเก่งทีเดียวที่รับมือกับโกสท์แบบยูคยอมได้

“พี่แจ็คระวังโดนเอาคืนนะ”

ยองแจเตือนแจ็คสันไปด้วยความหวังดี โกสท์ตนนี้น่ะชอบนักล่ะเรื่องการเอาตอนกลางคืน เอ้ย!การเอาคืนสิ

“ถ้ากลัวปีศาจจะเป็นเดม่อนฮันเตอร์ไปทำไมล่ะไอ้หนู” แจ็คสันพูดด้วยน้ำเสียงโอ้อวด หารู้ไม่ว่าคำพูดเหล่านั้นจะหมดความน่าเชื่อถือทันทีหากยองแจรู้ว่าเดม่อนฮันเตอร์แบบเขาวิ่งหนีงูปีศาจแถมยังกลัวผี...

“ทำเป็นเก่งไปไอ้หนูแจ็คสัน” ยูคยอมลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนฮันเตอร์เผลอสะดุ้งไปแว้บหนึ่ง

“เออน่ะ ป่ะยองแจ ไปกินข้าวแล้วซ้อมกัน วันนี้ซ้อมยิงธนูนะ พี่มีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อยเดี๋ยวหอบงานไปนั่งเฝ้า” พูดจบก็คว้าเข้าที่คอของคนเป็นน้องแล้วกึ่งฉุดกึ่งลากให้เดินตามไปยังห้องอาหาร

“พี่แจ็คคค หายใจไม่ออกโว้ย!” ยองแจกระทุ้งศอกเข้าที่สีข้างของฮันเตอร์ก่อนหมุนตัวสับมือเข้าที่ท้ายทอยของอีกคนทันที

แจ็คสันยิ้มออกมาหลังเห็นพัฒนาการของน้อง แน่นอนว่าเมื่อครู่เขาหลบพ้นแต่ก็เกือบโดนศอกอยู่เหมือนกัน เด็กคนนี้ฝีมือพัฒนารวดเร็วจนน่าตกใจนั่นยิ่งทำให้เขาสงสัยในตัวยองแจมากขึ้นไปอีก

“เก่งมากไอ้น้อง ป่ะกินข้าว” ยีหัวเด็กน้อยไปสองสามทีแล้วเดินนำหน้าไปก่อน

“ไปก่อนนะ” เขาหันไปบอกยูคยอมที่นั่งนิ่งอยู่ในห้อง อีกฝ่ายพยักหน้ารับช้าๆ เห็นดังนั้นยองแจก็รีบวิ่งตามแจ็คสันไปทันที

ห้องกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง โกสท์ลอบถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนเอนกายอิงกับหมอนใบใหญ่ที่ถูกตั้งขึ้น คิ้วเข้มขมวดมุ่นอย่างใช้ความคิด หลายวันมาแล้วที่เขาเอาแต่ใช้ความคิดตลอดเวลามีบ้างที่พักสมองด้วยการเดินออกไปยืนมองคนตัวเล็กฝึกใช้อาวุธ

ยูคยอมยังไม่รู้ตัวคนทรยศ

“วอลเตอร์...” เอ่ยชื่อพ่อบ้านประจำตระกูลเบาๆ แล้วปิดเปลือกตาลง...เขาหายไปไหนกันนะ

-ลานฝึกซ้อมหลักของฮันเตอร์-

ลูกธนูดอกแล้วดอกเล่าถูกยิงออกจากคันศรสีดำทมิฬ เป้าไม้อันที่สามพังและหักโค่นลงยังพื้นดิน คนยิงยืนถอนหายใจกับภาพที่เห็น ทั้งรู้สึกเบื่อและผิดไปพร้อมๆกันที่ทำให้เป้าซ้อมของฮันเตอร์พังอีกเป้าแล้ว

“พี่แจ็คสัน เป้าพังอีกแล้วนะพี่เอ้ย!” ตะโกนบอกฮันเตอร์หนุ่มที่มัวแต่ยุ่งกับเอกสารกองพะเนินจนลืมสนใจการฝึกของน้องไปเสียสนิท

“ห๊ะ...พังอีกแล้วเหรอ นายนี่มันโคตรทำลายล้างเลยว่ะ เป้าใหม่เลยไอ้น้อง” พูดจบก็หน้าก้มตาเปิดเอกสารต่อ

เขาทอดถอนหายใจกับความเคร่งของพี่ก่อนหันไปมองเป้าหมายข้างๆที่ไร้ซึ่งร่องรอยการถูกกระทำ ยองแจเหลือบมองลูกธนูนับพันดอกที่ตั้งอยู่ข้างกายตนเอง ยิงให้หมดภายในวันนี้ นั่นคือคำสั่งของเดม่อนฮันเตอร์นามแจ็คสัน...

“ยองแจ!”

“ครับ!” คนโดนเรียกตะโกนตอบรับด้วยความตกใจ จู่ๆก็ตะโกนขึ้นมาบ้าไปแล้วหรือไงกัน

“เล็ง”

“.........” ยองแจเลิกคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ยอมทำตามที่เดม่อนฮันเตอร์บอก

“ทางซ้าย สามสิบองศา นับถอยหลัง สาม สอง หนึ่ง ยิง!”

ฉึก!

“แอ้ก!” เสียงร้องดังลั่นลานฝึกซ้อม ยองแจอ้าปากค้างกับลูกธนูที่เฉียดผ่านปีศาจขนปุกปุยไปปักกลางเป้ายิงที่สี่พอดิบพอดี

เพียงเสี้ยววินาทีที่ยองแจง้างคันศรแล้วยิงลูกธนูออกไป โรสอายได้สำแดงฤทธิ์ของมัน เขาเบี่ยงรัศมีของลูกศรให้บิดเบือนออกไปไม่เช่นนั้นมันคงปักลงกลางอกเป้าหมายอย่างเลี่ยงไม่ได้เป็นแน่

“เจบี!” ยองแจร้องเรียกหัวหน้าแวร์วูฟด้วยความตกใจก่อนวิ่งไปหาเจ้าหมาน้อยที่ตอนนี้นอนหงายท้องลงกับพื้นเสียแล้ว

“ชิบละเจบีหรอกเหรอ” แจ็คสันรีบวางเอกสารที่อยู่ตรงหน้าแล้ววิ่งไปดูอาการของเพื่อนอีกคน เพราะสัญชาติญาณฮันเตอร์ที่มีในตัวเตือนถึงอันตรายทำให้เขาออกคำสั่งยองแจไป นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเพื่อนของตัวเอง

“เจบีเป็นอะไรไหม?” เอ่ยถามสัตว์เลี้ยงด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรครับแค่ลงไม่นิ่มน่ะ” พูดจบก็รีบลุกขึ้นทันที

“เอิน!” หลังเจบีลุกขึ้นก็พบกับร่างของเพื่อนรักที่นอนกุมท้ายท้อยอยู่ด้วยความเจ็บ

ยองแจเข้าไปพยุงมาร์คให้ลุกขึ้นก่อนจับหมุนสำรวจให้แน่ใจว่าเพื่อนไม่ได้รับอันตรายที่ตอนเองเป็นคนก่อ

หลังแน่ใจแล้วว่าน้องเอินปลอดภัยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกถ้าพลังของฮาร์ทไม่สำแดงฤทธิ์เขาคงทำร้ายมาร์คกับเจบีแน่

“โอย ทำไมต้องทำร้ายเค้าด้วยตัวเอง” มาร์คพุ่งเข้ากอดยองแจแล้วซุกไซร้ใบหน้าลงกับบ่าของอีกคน

“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ไหนดูหน้าซิ” ยองแจประคองหน้าเพื่อนให้เงยขึ้นมามองหน้าตนเองแล้วยิ้มออกมา

“คิดถึงจัง”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 28 [11/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 10-05-2018 22:45:38
ตอนที่ 26
Follow

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 11/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3826349#msg3826349)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829506#msg3829506)

Youngjae Present

เอาล่ะครับ...ตอนนี้ผมต้องระงับอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นนี้ให้ได้ ไม่ว่ายังไงต้องเยือกเย็นเข้าไว้ อย่าปล่อยให้สิ่งเร้ามาทำลายสมาธิ ลูกธนูอีก 767 ดอกยังรอไปปักบนเป้าหมายอยู่

ฉึก!

“โอ๊ยที่ร๊ากกกก! สุดยอดมากค่า อีกดอกเลยค่ะ ขอหลายๆดอก!” แรดๆแบบนี้จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องเอินเมียรัก

ผมถอนหายใจออกมาเป็นรอบที่พันของวัน ยิงไปก็ถอนไปอายุสั้นแน่ๆ ผมง้างคันธนูก่อนปล่อยศรในมือไปปักลงกลางเป้าหมายอีกดอก พื้นที่ของเป้านั้นแทบไม่เหลือให้ธนูปักได้เลยจำเป็นต้องเปลี่ยนเป้ายิงใหม่

“โอ้โห! สุดยอดมากผัวจ๋า จัดอีก จัดหนักๆเอาให้พังไปเลยค่า!”

ผมกำคันธนูแน่น ใจต้องแข็งแกร่งแค่ไหนถึงจะไม่เผลอเบี่ยงรัศมีไปยิงกบาลมันเนี่ย! ปกติเวลาซ้อมความเงียบมักจะมีบทบาทเสมอแต่ในวันนี้ความเงียบสงบเหมือนจะตกงานซะแล้วสิครับ ตะโกนมาชั่วโมงนึงแล้ว มาร์คไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะวะ...

“สู้ๆนะผัวขา อีกแค่เจ็ดร้อยดอก จัดครบเมียก็ล้มแล้ว!” มึงกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย!

“ยิงปากมึงก่อนได้ไหมเนี่ย! โหวกเหวกโวยวายเสียงดังทำไม อยู่ห่างกันแค่สองเมตรเองโว้ย!” ผมหันไปตะโกนตอบมาร์ค อยู่ใกล้แค่นี้ทำไมต้องเสียงดังด้วย พี่ ชเวปวดหัว

“พี่แตงทำไมต้องดุน้องเอินด้วย น้องเอินก็แค่อยากให้พี่จัดหนักๆ” อยากให้จัดหนักมากใช่ไหม ได้ครับที่รัก ได้!

ผมปักคันธนูลงกับพื้นดินก่อนเดินไปลากตัวมาร์คมา ดึงสิ่งที่เพิ่งปักลงเมื่อครู่-

ขึ้น ก่อนส่งให้น้องเอินสามขวบ มันมองด้วยความงุนงงแต่ก็ยอมรับของที่ยื่นให้

“เอามาให้ทำไมอ่ะ” ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ส่งยิ้มและดึงมาร์คให้เข้ามายืนแทนที่ ชี้นิ้วไปทางเป้าซ้อมเป็นเชิงบอกให้มันยิง

“ถ้ามึงยิงถูกเป้ากูจะจูบมึง แต่ถ้ามึงยิงวืดมึงต้องเงียบจนกว่ากูจะยิงหมด” มาร์คยืนอึ้งไปพักหนึ่ง ใบหน้าเรียบเฉยแต่หูกลับแดงระเรื่อ ผมอมยิ้มกับภาพที่เห็นและได้แต่ภาวนาในใจ ขออย่าให้มันยิงโดนเป้าเลย...

 “มึงคิดว่ากูจะยิงไม่โดนใช่มะ” มาร์คถามผมพร้อมทำหน้าอย่างรู้ทัน ก็ถูกของมันครับ ผมค่อนข้างมั่นใจว่ามันจะยิงไม่โดนเป้า

“ตอนซ้อมยิงธนูอยู่ชมรมมึงเคยยิงโดนเป้าที่ไหนล่ะ” ผมกับมาร์คอยู่ชมรมยิงธนูครับ ที่จริงมาร์คอยากเข้าชมรมอื่นมากกว่าแต่เพราะผมไม่ยอมมันเลยต้องจำใจมาอยู่ด้วย

“หึหึ” มาร์คหัวเราะในลำคอเบาๆ ผมแอบกลืนน้ำลายกับท่าทีเอาจริงนั้น หรือวันนี้ผมต้องเสียจูบให้มันนะ...

ผมนึกเรื่องสำคัญขึ้นได้ รีบเดินไปดึงมือมาร์คมากุมไว้ก่อนถอดถุงมือออกแล้วใส่ให้ ถ้าไม่ใส่ถุงมือลูกธนูจะบาดนิ้วเอา ถึงน้องเอินจะเป็นผีดิบก็เถอะ ผมไม่อยากเห็นมันเลือดออกหรอก

“สินสอดไม่ต้องเข้าห้องเลยก็ได้” มาร์คหยอดมุกแก้เขินทำเอาผมหลุดขำกับสีหน้าและท่าทางของมาร์ค ดูมันครับทั้งหูทั้งแก้มแดงไปหมดแล้ว

“ยิงให้โดนล่ะที่รัก”

มาร์คอมยิ้มน้อยๆพร้อมหันไปมองเป้าซ้อมทันที สูดอากาศเข้าปอดไปเต็มที่แล้วพ่นลมหายใจออกมาเพื่อลดความประหม่า มือเรียวหยิบลูกธนูขึ้นมาถือไว้ก่อนขึงกับเส้นเอ็นที่ผูกติดกันคันธนู ชะงักไปซะนานก็ยอมง้างธนู เขาเล็งเป้าหมายอยู่ครู่หนึ่ง ไม่นานนักลูกศรเงินก็พุ่งทะยานออกไป

ฉึก!

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก...

เสียงหัวใจเต้นระรัวดังสลับกับสายลมที่พัดผ่านตัวไป ผมจ้องมองก้านธนูที่สั่นขึ้นลงอยู่บนเป้าซ้อมพร้อมหัวใจที่หล่นวูบลง ชี๊บหายแล้วครับ...มาร์คมันยิงโดน แถมกลางเป้าเลยด้วย!

“....................” ความเงียบเข้าควบคุมสถานการณ์ทันทียิ่งเสริมให้ความอึดอัดเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ถ้าถามถึงพี่แจ็คสันกับเจบี สองคนนั้นเข้าไปคุยงานในคฤหาสน์แล้ว...

“ไอ้เหี้ย...ยิงโดนว่ะ” มาร์คบ่นกับตนเองเบาๆ หลังมือถูกยกขึ้นมาปิดปากแน่นก่อนเหลือบสายตามามองผม ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อนๆไปให้น้องเอินเมียรักพร้อมเหงื่อเม็ดเป้งที่ผุดพรายขึ้นตามไรผม

ลูกผู้ชายต้องรักษาคำพูดสิวะ!

ผมหันมองมาร์ค สายตาเราสบกันยิ่งทำให้บรรยากาศดูแปลกขึ้นไปอีก เอาไงดีวะ...ผมต้องจูบมันจริงเหรอ แต่ลูกผู้ชายพูดแล้วต้องไม่คืนคำสิ

“เอ่อ...ตัวเอง” มาร์คพูดทั้งที่ยังยกมือปิดปากอยู่ ตอนนี้หน้ามันแดงจนเห็นได้ชัดเจนเลยครับ แต่ผมกลับมองว่าท่าทางแบบนั้นน่ารักซะได้...

“เดินมานี่” อะไรดลใจให้ผมออกคำสั่งมันก็ไม่อาจทราบได้ เหนือสิ่งอื่นใดคือมันดันทำตามคำสั่งผมอี้ก!

มาร์คเดินเข้ามาหาพร้อมก้มหน้างุดจนคางแทบจะชิดอก ผมได้แต่หัวเราะออกไปเพื่อทำลายความอึดอันที่เกิดขึ้น ใครจะคิดล่ะครับว่ามันจะเขินขนาดนี้ ที่มันบอกชอบผมคงเป็นเรื่องจริงสินะ...

“ก้มหน้าแบบนั้นจูบไม่ได้นะ” แอบแกล้งมาร์คไปเสียหน่อย พอจะเข้าใจความรู้สึกของยูคยอมตอนแกล้งผมแล้วครับ มันเป็นแบบนี้เองสินะ

“โอย...กูเขินไอ้สัด” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามองผม แหน๊! น้องเอินนี่ปากอย่างใจอย่างจริงๆ

“พูดไม่เพราะ”

ผมหยุดแกล้งมันไม่ได้แล้วครับ ชิบละไง เห้ยๆยองแจ รีบหยุดก่อนมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้สิวะ!

“ข...ขอโทษ” มาร์คพูดออกมาทั้งที่เขาเองไม่ได้ทำผิดยิ่งทำให้ดูน่ารักขึ้นไปอีก...เอ๊ะ ทำไมผมถึงคิดแบบนั้นล่ะ...

ผมทนความหมั่นเขี้ยวไม่ไหว ยื่นมือไปบีบจมูกมาร์คจนมันเบ้ปากใส่ ผมตะปบฝ่ามือลงกับคอของอีกฝ่าย คนถูกกระทำแอบสะดุ้งเล็กน้อยก่อนเบือนสายตาหลบไปด้านข้าง คันธนูที่ถืออยู่ร่วงลงไปนอนสงบนิ่งบนพื้นอย่างว่าง่าย

“เอิน...” เรียกชื่ออีกคนเบาๆพอให้เขาหันมามอง ผมค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้มาร์คจนจมูกของเราจรดกัน เสียงหัวใจเต้นดังโครมครามเสียจนกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน ผมลอบกลืนน้ำลายก่อนเหลือบมองริมฝีปากสีเชอร์รี่ของร่างตรงหน้า...ทำไมปากมันน่าจูบจังวะ

ไร้ซึ่งเสียงหรือคำทักท้วงใดๆ ผมประทับจูบลงบนริมฝีปากของมาร์คอย่างแผ่วเบา อีกคนดูตกใจและทำท่าเหมือนจะผละออกผมเลยรั้งหน้าให้เข้ามาชิดกว่าเดิม มาร์คเผลอเลื่อนมือขึ้นมาวางไว้บนบ่าผมแล้วออกแรงบีบเค้นมันเบาๆ

ผมค่อยๆละจูบออกอย่างอ้อยอิ่งพร้อมแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากของมาร์คช้าๆ...หวาน

“เอิน...เสร็จแล้ว” ผมกระซิบบอกมาร์คที่ตอนนี้หลับตาปี๋คงเพราะตกใจที่ผมแลบลิ้นออกมาเมื่อครู่

“ห๊ะ...อ่อ เอ่อ อ่า...อื้ม” เป็นเอามากเลยน้องเอินกู ช่างเด็กน้อยไร้เดียงสาเหลือเกิน

“ปากมึง...หวานดีนะ” มาร์คที่ได้ยินแบบนั้นก็หน้าทิ่มลงกับไหล่ของผมทันที กำปั้นน้อยๆยกขึ้นมาทุบอกผมพร้อมส่ายหน้าไปมา เขินหนัก เขินแรง เขินจริงจัง อินเนอร์มาเต็มมากเมียกู

“ลิปมันรสสตอเบอร์รี่” ผมหลุดขำออกมาพลางลูบหัวมาร์คไปด้วย ถึงว่าล่ะปากงี้สีชมพูน่าจูบเชียว

“ขอจูบอีกรอบดิ” ผมแกล้งหยอดมันไป มาร์คส่ายหน้าไปมาบนไหล่ของผมแล้วกอดไม่ยอมปล่อย ถ้าให้เดาตอนนี้มันคงหน้าแดงมากๆเลยล่ะครับ

“คนบ้า”

-อีกด้านหนึ่ง เมื่อสิบนาทีก่อน-


Jackson Present

บรรยากาศในห้องรับรองของฮันเตอร์ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความตึงเครียดและอึมครึมสุดๆ บอกตามตรงผมไม่ค่อยชอบความรู้สึกนี้เสียเท่าไหร่เลย อีก
อย่างผมเป็นมนุษย์คนเดียวในห้องนี้ซะด้วยสิ

“เรื่องที่ให้ไปสืบคืบหน้าไหมเจบี”

ลุงเอ่ยถามเจบีที่ตอนนี้คืนร่างมนุษย์แล้วเรียบร้อย นึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ก็ใจหาย เกือบเป็นหมาเสียบไม้แล้วไหมเอ็ง

“ตอนนี้ทางแวมไพร์ยังไม่เคลื่อนไหวครับแต่ดูเหมือนจะซุ่มฝึกซ้อมอยู่ มีแวมไพร์บางตนออกมาสอดแนมทางฝั่งเราด้วย แต่ดูเหมือนอาร์เชอร์จะจัดการไปหมดแล้ว”

“หืม? อาร์เชอร์เหรอ...” ลุงถามย้ำพร้อมเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

“อาร์เชอร์ปฏิเสธข้อเสนอของพวกแวมไพร์ไปเหรอ” ผมแทรกขึ้นด้วยความอยากรู้ เท่าที่ได้ยินมา มีสองตระกูลที่ลังเลคือเซอร์คัสกับอาร์เชอร์ แต่เท่านี้ก็ถือว่ากระจ่างแล้วล่ะนะ

“เออ ดูเหมือนเมจิสจะเข้าร่วมสงครามฝ่ายเราด้วย” เจบีตอบ

ผมผิวปากอย่างถูกใจ เมจิสเหรอ จุดเปลวเพลิงแห่งสงครามให้โหมกระหน่ำเลยครับ ผู้ใช้ศาสตร์มืด เมจิส เป็นกลุ่มมีอะบิลิตี้ที่เรียกได้ว่าหาตัวยากที่สุดและแข็งแกร่งที่สุด ลองนึกภาพคนเดินๆอยู่แล้วหายไปสิครับ นั่นล่ะเมจิส

“แล้วแอนนิสน่ะ” คุณลุงยูคยอมเอ่ยถามพลางยกน้ำชาขึ้นจิบ เห็นกี่ครั้งก็หมั่นไส้ครับ มาดผู้ดีเกิ๊น

“แอนนิสไม่เข้าร่วมกับฝ่ายใดเลยครับ ขออยู่อย่างสงบและไม่ประสงค์เข้าร่วมสงคราม”

ลุงพยักหน้ารับคำรายงานของเจบี เดาไม่ออกเลยแฮะว่าลุงแกคิดอะไรอยู่

“โกสท์ แวร์วูฟ เดม่อนฮันเตอร์ อาร์เชอร์ เมจิส รู้ผลตั้งแต่ยังไม่สู้แล้วลุงเอ๊ย!” ผมพูดก่อนทิ้งตัวลงบนโซฟาเดี่ยวใกล้กับเจบี

“อย่าวางใจไปแจ็คสัน ฝั่งนั้นยังมีไพ่ตายอะไรที่เราไม่รู้อีกมาก ความน่ารังเกียจของลอร์ดเซซิลเลียนั้นมีมากกว่าที่นายคาดคิดเชียวล่ะ” เจบีปรามผม ไม่ต้องเห็นตัวก็พอรู้ครับ ความชั่วทางสายเลือดนั้นสืบทอดไปยังลูกชายเจ้าหล่อนเต็มๆ ดูจากเกลในวันนั้น...ถ้าชั่วกว่าลูกนี่ก็หมดคำจะพูดแล้วเจ๊เอ๊ย
มีบางอย่างขยุกขยิกในกระเป๋าเสื้อทำให้ผมขมวดคิ้วก่อนจะมีเสียงดังตามมา “แจ็คสันครับ”

“ว๊ากกก!” ผมตกใจเมื่อจู่ๆภูติตัวจิ๋วก็โผล่หน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ผมลืมเขาไปได้ยังไงนะ

“คลอส! เค้าตกใจนะ จู่ๆก็โผล่มาเนี่ย” คลอสก้มหัวขอโทษขอโพยผมยกใหญ่ก่อนจะปีนออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ผมช่วยพาภูติตัวเล็กลงไปยืนบนพื้นพรมอย่างระมัดระวัง

ภูติตัวน้อยค่อยๆขยายร่างจนตัวโตพอๆกับเราในห้องนี้ พิกซีนั้นสามารถขยายหรือลดขนาดของร่างกายได้ตามใจนึกเลยล่ะครับ คลอสสะบัดผมที่ยาวจรดหลังเล็กน้อยก่อนส่งยิ้มมาให้ผม ยอมแล้วที่รักยอมแล้ว อย่าฆ่าพี่เลย...

“ทำความเคารพแด่นายข้า” คลอสก้มโค้งต่ำเพื่อทำความเคารพราชาปีศาจตรงหน้า ลุงยิ้มรับกับความนอบน้อมนั้นก่อนเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง

“พิกซีคลอส นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอเจ้าที่นี่” เห้ยๆ ลุงไปรู้จักกับที่รักของผมได้ไงวะ...

“กระผมมีเรื่องมารายท่านครับ” เอ่ยพร้อมร้อยยิ้มที่มักจะประดับอยู่บนใบหน้าของเขาเสมอ

“ว่ามาสิ”

“เหล่าภูติพรายชั่วร้ายถูกดึงตัวไปเป็นกำลังให้กับลอร์ดเซซิลเลียรวมถึงเอลฟ์ด้วยครับนายข้า” ชิบละ เอลฟ์เหรอ อาร์เชอร์เจอคู่มือที่เหมาะสมเสียแล้วสิแบบนี้

“เจ้าประสงค์ที่จะเข้าร่วมสงครามหรือไม่คลอสเอ๋ย” ลุงยูคยอมเอ่ยถามคลอสที่นั่งคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตนเอง คนถูกถามส่ายหน้าช้าๆก่อนตอบกลับไป

“พวกเราพิกซีรักความสงบสุขยิ่งชีวิต ขอนายข้าโปรดเห็นใจ”  ลุงยูคยอมเอื้อมมือไปคว้าผมยาวสลวยของคลอสมากำไว้ในมือก่อนก้มหน้าลงจูบเส้นผมนั้น โอ้โหภาพบาดตา หัวใจดวงน้อยๆของแจ็คสันนั้นเจ็บปวดยิ่งนัก ขอยาดมที!

“ข้าไม่บังคับผู้ไม่ประสงค์จะเข้าร่วมสงคราม วางใจเถิด ข้าจะปกป้องบุคคลใต้อาณัติของข้าเอง”

ลุงยิ้มให้คลอสพร้อมลูบเรือนผมเงางามนั้นไปด้วย ถ้าไม่ติดว่าเป็นลุงนี่ผมยิงทิ้งแล้วจริงๆครับ ผมเดินหนีภาพบาดตาไปเปิดม่านดูการฝึกซ้อมของยองแจ ซ้อมถึงไหนแล้วนะไอ้น้องชาย สิ่งที่ผมหวังไว้คือภาพของลูกธนูจำนวนมากที่ปักลงบนเป้าอย่างแม่นยำแต่ผมกลับเห็นอะไรแปลกๆเข้าเสียได้

เอ้าเห้ย! แดกกันเองแล้วไหมล่ะน้องกู

ผมมองภาพเบื้องล่างอย่างลุ้นระทึกสุดตับ จังหวะที่ยองแจตะปบมือเข้ากับลำคอของตุ๊ดผีดิบผมก็เผลอจิกม่านไปด้วย อ้าวเห้ย! แฟนต๊าสติกเบเบ๊! มันจูบกันโว้ย! เห้ยผัวๆทั้งหลายควรอบรมเมียไม่ให้มาเบี้ยนกันแบบนี้สิวะ มันบ่ใช่เลย ผมต้องอบรมคลอสดีๆแล้วสิ ที่รักของผมจะได้ไม่เผลอไปเบี้ยนกับใคร

“มีอะไรวะแจ็คสันมองหน้าต่างอยู่ได้” เจบีเดินมาวางมือบนไหล่ผมแบบไม่ทันตั้งตัว เกือบว๊ากอีกแล้วไหมล่ะ ผมปิดม่านลงดังเดิมก่อนส่ายหน้าให้คนถาม

“ไม่มีอะไร แค่แวะดูเด็กฝึกนิดหน่อย” เจบีพยักหน้าแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม ไม่เป็นไรยองแจ ไอ้ตุ๊ดผีดิบ พี่แจ็คสันคนนี้จะปกป้องน้องเอง

“แจ็คสัน” ลุงเรียกชื่อผมก่อนกระดิกนิ้วให้เดินไปหา เห็นแบบนั้นผมก็เข้าไปหาสิครับจะยืนทำอะไร

“ฮันเตอร์พร้อมลงมือเลยไหม”

ผมเลิกคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ ถามแบบนี้ไม่ต้องคิดให้มากความครับ การใช้แรงงานกำลังจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้แน่นอน

“พร้อมเสมอครับลุง ขอแค่ลุงสั่งมาไม่ว่าเหล่าฮันเตอร์จะยุ่งแค่ไหนเขาก็ยอมยกเลิกการจ้างวานมาทำงานให้ลุงแน่” เพราะมันอยู่ในข้อตกลงน่ะสิ...

“พรุ่งนี้...” เร็วไปไหมลุง

“ไปจุดไฟเผาปราสาทของตระกูลควอเทียร์ซะ” ควอเทียร์หนึ่งในสามตระกูลหลักของแวมไพร์งั้นเหรอ…งานยากอีกแล้วลุงเอ๊ย


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 28 [11/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 10-05-2018 22:52:13
ตอนที่ 27
Devastate

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 11/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829503#msg3829503)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829511#msg3829511)

แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบกับยอดไม้สูงเสียดฟ้า ยามกลางวันอันมีความหมายต่อมนุษย์ธรรมดาแต่กลับเป็นที่เกลียดชังของเหล่าปีศาจร้าย ปราสาทใหญ่ตั้งตระหง่านท่ามกลางความเงียบสงบ ป่าหนาทึบเสียจนประสาทการรับรู้พร่ามัว ถือว่าสมเหตุสมผลที่แวมไพร์เลือกสร้างที่มั่นในสถานที่อับแสงเช่นนี้

“เท่าที่รู้มาตอนนี้จำนวนแวมไพร์ของควอเทียร์นั้นลดจำนวนลงมากแต่ก็ยังเหลืออยู่พอตัวทีเดียว น่าจะราวห้าสิบถึงหกสิบตนได้ เราจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งบุกทะลวงอีกกลุ่มเก็บกวาด อย่าวู่วามเด็ดขาด รอฟังคำสั่งหัวหน้าทีมที่จัดไว้ ต้องมีชีวิตกลับมาทุกคน ลงมือได้”

สิ้นคำสั่งของหัวหน้า เหล่าฮันเตอร์ต่างแยกย้ายกันเป็นสองกลุ่ม แจ็คสันเลือกที่จะอยู่ในกลุ่มเก็บกวาดเพื่อคอยคุมสถานการณ์ถึงแม้เขาอยากบุกทะลวกแค่ไหนก็จำต้องอดกลั้นไว้ สงครามของจริงน่ะมันยังมาไม่ถึงเสียหน่อย...

ทุกย่างก้าวที่เหยียบย่ำบนพื้นนั้นเบาโหวงราวกับเจ้าของฝีเท้านั้นไม่มีตัวตนมันคือทักษะที่ฮันเตอร์พึงมีติดตัวไว้ แจ็คสันหลีกเลี่ยงการใช้วิทยุสื่อสาร แวมไพร์นั้นมีหูที่ดีพอๆกับโกสท์เชียวล่ะ อีกทั้งคลื่นความถี่อาจไปสอดคล้องกับพลังจิตของมันทำให้แผนเสียเอาเปล่าๆ

“ขอพระเจ้าทรงอวยพรแด่พวกเรา เอเมน” หยิบไม้กางเขนที่มักจะห้อยอยู่บนคอเสมอขึ้นมากุมไว้ มันคือสิ่งที่แจ็คสันทำทุกครั้งยามทำงานเป็นกลุ่ม เขาไม่ต้องการให้เพื่อนฮันเตอร์ของตนเองตายจากไปแม้แต่คนเดียว

แจ็คสันกวาดสายตามองไปรอบตัวปราสาท บรรยากาศนั้นช่างเงียบสงบเสียจนไม่น่าไว้ใจ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาที่พวกแวมไพร์ไม่ค่อยออกมาเพ่นพ่านเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าไว้ใจอยู่ดี เพราะอะไรกัน...

“มันเงียบเกินไปนะแจ็คสัน” เสียงเพื่อนร่วมงานเอ่ยขึ้นเบาๆพอให้เจ้าของชื่อได้ยิน

ฮันเตอร์ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นแต่ไม่อาจคาดเดาสาเหตุได้เลย ยังไม่ทันได้ตอบกลับก็มีร่างของแวมไพร์หล่นจากชั้นบนของปราสาทลงมาทักทายเสียแล้ว สองมือชักกระบอกเงินขึ้นมาควงก่อนกระหน่ำสาดกระสุนเงินใส่ร่างนั้นจนดิ้นพล่าน แร่เงินพุ่งทะยานเข้าสู่หัวใจพร้อมชำระล้างสิ่งชั่วร้ายให้สลายกลายเป็นเถ้าทุลี

แจ็คสันขมวดคิ้วมุ่นทันที ถึงแม้ฮันเตอร์จะทำงานรวดเร็วแต่นี่เหมือนกับแวมไพร์กำลังหนีมิใช่เผชิญหน้า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในที่แห่งนี้เป็นแน่

“แจ็คสัน! พวกแวมไพร์ถูกฆ่าไปก่อนหน้านี้แล้ว ในปราสาทไม่เหลือแวมไพร์ที่รอดชีวิตเลย” ฮันเตอร์ในกลุ่มบุกทะลวงโผล่หน้าออกมารายงานทางหน้าต่างของปราสาท

เป็นอย่างที่คิดจริงๆเสียด้วย

“อย่าชะล่าใจไป เดี๋ยวฉันจะเข้าไปดู!” ตะโกนตอบกลับก่อนหันไปหาเพื่อนแล้วออกคำสั่ง “พวกนายรอคุมสถานการณ์อยู่ที่นี่ อย่าประมาท เดี๋ยวฉันมา”
หัวหน้าฮันเตอร์วิ่งเข้าไปในตัวปราสาทด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง หากกล่าวถึงทักษะของฮันเตอร์ ผู้ที่มีสมรรถภาพสูงสุดคงหนีไม่พ้นแจ็คสัน ความสามารถในการใช้อาวุธและยุทโธปกรณ์ของเขานั้นเก่งกาจเกินกว่ามนุษย์ไปเสียแล้ว

คราบเลือดฉาบบนพื้นพรมยาวไปตามทางราวกับต้อนรับการมาเยือนของเดม่อนฮันเตอร์ ศพแวมไพร์นอนแน่นิ่งอยู่ตามมุมทาง พวกมันตายแล้ว นั่นคือสิ่งที่แจ็คสันแน่ใจ ลูกศรเงินบริสุทธิ์ปักลงกลางหัวใจอย่างแม่นยำ ตายภายในการลงมือเพียงครั้งเดียว
ไม่ผิดแน่ ฝีมือของอาร์เชอร์

แจ็คสันทุบกำปั้นลงกับผนังปราสาทด้วยความหงุดหงิด พวกเขามาช้าเกินไปแต่ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคืออาร์เชอร์ชิงลงมือก่อน วันนี้มีประชุมใหญ่ที่คฤหาสน์ของเดม่อนฮันเตอร์ จดหมายเชิญได้ส่งให้แก่ผู้เข้าร่วมสงครามทั้งหมดแล้ว พวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะอะไรจึงชิงลงมือก่อนราชาปีศาจจะออกคำสั่งกันแน่

“แย่ล่ะ แบบนี้พวกนั้นต้องมุ่งหน้าไปยังปราสาทอื่นต่อแน่ ต้องหยุดพวกนั้นไว้”

วี้ด!

นกหวีดเงินแผดร้องลั่นปราสาท เสียงฝีเท้ากึกก้องไปทั่วก่อนร่างของเหล่าฮันเตอร์จะปรากฏออกมา สัญญาณเรียกรวมพลที่แจ็คสันกำหนดมันขึ้น ต้องแจ้งให้พวกของเขารู้ว่าอาร์เชอร์กำลังทำเรื่องที่ไม่สมควรอยู่

“เราถูกอาร์เชอร์ตัดหน้า ต้องรีบไปหยุดพวกเขาไว้ก่อนที่พวกนั้นจะทำเสียแผน ปราสาทที่ใกล้กับควอเทียร์มากที่สุดคือกีซาสเราต้องไปขัดขวางพวกเขา ถึงจะผิดแผนไปหน่อยก็เถอะ ไปได้” คำสั่งจบลงพร้อมกับเหล่าฮันเตอร์พุ่งตรงไปยังจุดหมาย มีเพียงแจ็คสันที่ยังคงอยู่ในปราสาทเพื่อทำภารกิจของเขาให้เสร็จสิ้น กลิ่นน้ำมันที่ถูกราดไว้รอบและภายในตัวปราสาทนั้นฉุนจมูกจนน้ำมูกแทบไหล ไฟแช็คถูกโยนลงกลางเชื้อเพลิงทันที

เปลวไฟโหมกระหน่ำโรมรันแล่นไปตามเชื้อเพลงที่ราดไว้ ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ เผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้เป็นจุล เดม่อนฮันเตอร์ยืนมองภาพปราสาทที่ถูกประดับไปด้วยสีสันของความวอดวาย ภารกิจเผาปราสาทควอเทียร์ เสร็จสมบูรณ์ ถึงคราที่ต้องมุ่งหน้าไปยังกีซาสแล้ว

กีซาสนั้นแตกต่างไปจากควอเทียร์ ปราสาทเต็มเปี่ยมไปด้วยความทระนง ตั้งตระหง่านยืนหยัดท่ามกลางแสงอาทิตย์แผดเผา แหล่งกบดานของเหล่าครึ่งแวมไพร์

ปราสาทกีซาส

แน่นอนว่าเกลเองก็อยู่ในปราสาทกีซาส...

“บ้าเอ๊ย! พวกนั้นคิดอะไรกันอยู่วะ พวกครึ่งแวมไพร์รับมือยากที่สุดแล้ว โดยเฉพาะพวกครึ่งโกสท์” แจ็คสันบ่นพลางพลางเร่งฝีเท้าขึ้นไปอีก เขาจะวางกับดักรอบตัวปราสาท ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับแดมเพียร์

ฮันเตอร์หนุ่มวางกับระเบิดลงในหลุมก่อนกลบฝังมันด้วยดินที่โกยขึ้นมา กับดักถูกวางไว้บริเวณด้านหน้าและรอบตัวปราสาทเท่ากับว่ามีความเสียงสูงที่เหล่าเดม่อนฮันเตอร์และเพื่อนอย่างอาร์เชอร์จะพลอยโดนลูกหลงไปด้วย แต่ในเวลานี้คำสั่ง-

ของราชาปีศาจถือเป็นเด็ดขาด หากคำสั่งถูกฝ่าฝืนอาจมีผลกระทบต่อข้อตกลงได้

“แยกย้ายกันหาตัวอาร์เชอร์ให้พบ อย่าให้พวกแดมเพียร์รู้ตัวเด็ดขาด”

ในตอนนี้อำนาจการตัดสินใจเรื่องทั้งหมดอยู่ในมือของแจ็คสัน เขายอมรับว่ารู้สึกเครียดกับภาระหนักอึ้งนี้ไม่น้อย หากเขาทำพลาดเพียงน้อยนิดอาจสูญเสียชีวิตของเพื่อนร่วมตระกูลไปได้ ในสภาวะกดดันแบบนี้สิ่งที่ควรทำคืออย่าวู่วามเด็ดขาด

แจ็คสันเอี้ยวตัวเข้าหลบในซอกหลืบกำแพงทันทีเมื่อเห็นค้างคาวบินออกมาจากตัวปราสาท มีความเป็นไปได้สูงว่าค้างคาวตัวที่เขาพบนั้นคือเกล ถึงแม้เหล่าปีศาจที่อยู่ภายในสิ่งปลูกสร้างยิ่งใหญ่นี้จะเป็นครึ่งแวมไพร์แต่พวกมันก็ไม่ได้ชอบแสงแดดนักหรอก

ปราสาทใหญ่ไร้ผู้นำ ช่างเหมาะแก่การกวาดล้างให้สิ้นซากเสียเหลือเกิน แต่หากทำอะไรนอกเหนือคำสั่งของโกสท์นั้นย่อมไม่เป็นผลดีกับตนเองแน่ ถึงสิ่งที่เขากำลังทำอยู่จะไม่ได้อยู่ในคำสั่งแต่ก็หวังว่าราชาปีศาจจะยอมเข้าใจ

แสงสะท้อนของลูกศรเงินเรืองวาบบนกระจกหน้าต่าง หัวหน้าฮันเตอร์ปราดสายตามองก่อนพบพลธนูยืนซุ่มอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ปลายศรเล็งเป้าหมายไปยังแดมเพียร์บนปราสาท แย่ล่ะสิขืนยิงเข้าไปมีหวังพวกมันรู้ตัวแน่

เขาควานหยิบปืนที่ติดตั้งเครื่องเก็บเสียงขึ้นมาก่อนเล็งเป้ากลางอากาศ ทันที่ลูกธนูพุ่งแหวกความว่างเปล่าก็ถูกกระสุนเงินปัดทิ้งอย่างไร้เยื่อใย อาร์เชอร์กวาดสายตามองหาผู้ขัดขวางแผนการของตนเอง แจ็คสันยกปืนคู่ใจขึ้นมาส่องกระทบแดดให้มันสะท้อนแสง พลธนูยองลดอาวุธลงพร้อมกับเดม่อนฮันเตอร์ที่ปราดเข้าประชิดตัวอีกฝ่าย

“เห้ย! เจฮยอง...” เอ่ยทักขึ้นเมื่อเจอคนรู้จัก ว่าไงดีล่ะ กับหมอนี่อย่าเรียกว่ารู้จักเลย ถึงขั้นสนิทจนตายแทนกันได้ เพราะเมื่อก่อนพวกเขาถูกจับมาฝึกร่วมกันบ่อย ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างก็กลายเป็นผู้นำตระกูลไปแล้ว

“อ้าว ไอ้แจ็คนี่หว่า มึงมาทำอะไรที่นี่วะ”

เจฮยองเอ่ยถามเพื่อนด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งผ่านเหตุการณ์แสนกดดันมาแท้ๆ

“มึงแหละมาทำห่าอะไรที่นี่ ลุงยังไม่สั่งเลย ทำนอกเหนือคำสั่งคฤหาสน์หายกูไม่ให้มึงอยู่ด้วยนะ” กึ่งด่ากึ่งว่าเพื่อนไป ทำเอาต้องมาตามกลับถึงนี่ เสียเวลาพวกเขาจริงๆ

“อ้าว ก็พ่อบ้านของลุงเป็นคนมาบอกว่าราชาปีศาจสั่งให้มาฆ่าแวมไพร์สามตระกูลหลักนี่หว่า...”

พ่อบ้านของโกสท์ยูคยอม...

“มึงไม่ได้รับจดหมายนัดประชุมที่บ้านกูเหรอวะ” แจ็คสันเอ่ยถามพลางครุ่นคิดในใจ หากจดหมายส่งไม่ถึงมืออาร์เชอร์แสดงว่าผู้ส่งต้องถูกทำร้ายหรือลบความทรงจำแน่

“จดหมายอะไรวะ”

“กลับไปกับกูเดี๋ยวนี้เจฮยอง กูว่าเรื่องนี้มันแปลกๆว่ะ ต้องรายงานให้ลุงรู้ว่าคนทรยศลุงมันอยู่ใกล้เกินไปแล้ว” เจฮยองพยักหน้ารับก่อนยิงธนูที่ผูกติดกับระเบิดควันขึ้นฟ้าเป็นสัญญาณเรียกรวมพลของอาร์เชอร์ ส่วนเดม่อนฮันเตอร์ทำได้แค่ยืนนิ่ง หากเป่านกหวีดออกไปคงไม่ได้แห่กันมาแค่ฮันเตอร์หรอกคงมากันทั้งปราสาทเลยล่ะ...

ฝีเท้านับสิบย่างก้าวเขามาหาหัวหน้าของตนเองพร้อมใบหน้างุนงง เป็นใครก็งงทั้งนั้นเมื่อจู่ๆก็โดนฮันเตอร์ลากคอให้มาที่นี่พร้อมกับสัญญาณควันพอดิบพอดี ไม่เพียงแต่อาร์เชอร์ ฮันเตอร์เองก็งุนงงเช่นกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเจฮยอง” หนึ่งในอาร์เชอร์ที่ถูกฮันเตอร์ล็อคคออยู่เอ่ยถามพลางใช้ศอกกระทุ้งเข้าที่กลางอกเพื่อนต่างตระกูล

“เราโดนหลอกแล้ว มีคนพยายามตัดกำลังพวกเรา วันนี้มีนัดประชุมกันที่คฤหาสน์ของฮันเตอร์ คาดว่าราชาปีศาจคงอยู่ที่นั่นด้วย ใช่ไหมแจ็ค” ประโยคสุดท้ายหันไปถามเพื่อนสนิทเพื่อความแน่ใจ

“เออ อยู่มาหลายวันแล้วเนี่ย พาเมียมาด้วย นี่เมื่อวานก็เพิ่งพาหลานกับผัวหลานมาอีก เจี๊ยวจ๊าวทั้งวันทั้งคืน” ดูเหมือนฮันเตอร์จะหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่คฤหาสน์ของตนเองนั้นโหวกเหวกโวยวายตลอดเวลา แถมยังมีเรื่องแปลกๆมาให้กร๊าวใจไม่หยุดหย่อน ก่อนออกมาก็แอบได้ยินเสียงกุกกักในห้องของเพื่อนหมาป่าอีก....

“เอาเป็นว่าตอนนี้พวกเรา...ชิบละ...”

เดม่อนฮันเตอร์ยังเอ่ยไม่ทันจบประโยคก็ต้องกลืนคำพูดลงคอตนเองไป ผู้นำของปราสาทกีซาสที่มั่นใจว่าบินออกไปแล้วแต่ตอนนี้กลับยืนมองเหล่ามนุษย์อยู่บนต้นไม้ กระบอกเงินพร้อมปลายศรถูกเล็งไปยังร่างนั้นทันที ครึ่งแวมไพร์เหยียดยิ้มกับคำทักทายของเหล่าฮันเตอร์และพลธนู กะว่าจะแอบฟังอีกสักหน่อยแต่เหมือนจะถูกจับได้เสียแล้วสิ ความจริงเกลเองก็ไม่ได้ซ่อนตัวตั้งแต่แรกแล้ว

“นั่นคือคำทักทายของข้าเหรอคุณฮันเตอร์ คุณอาร์เชอร์” เอ่ยถามคนที่หันอาวุธเข้าหาตนเองอย่างคุ้นเคย หากถามว่าเกรงกลัวต่อกระสุนและศรเงินที่ชี้มาหรือไม่ก็ต้องตอบไปตามตรงว่า...ไม่เลย

“มาแอบฟังคนเขาคุยกันนี่ไร้มารยาทไปหน่อยนะครับคุณแดมเพียร์”

เจฮยองเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่แปดเปื้อนบนใบหน้า

“ข้าก็ไม่ได้แอบตั้งแต่แรก เพียงแต่พวกเจ้าไม่เห็นข้า” เหล่ามนุษย์ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ถือเป็นความประมาทของพวกเขาเองที่ไม่สำรวจพื้นที่ให้รอบคอบ

“ขออภัยที่บุกรุกพื้นที่ของคุณนะ คุณแดมเพียร์ ทำเป็นไม่เห็นแล้วกลับเข้าปราสาทของคุณไปเงียบๆเนอะ” แจ็คสันเอ่ยอย่างเป็นกันเองทั้งที่มือก็ยกปืนเล็งครึ่งแวมไพร์อยู่

“ข้าจะทำเป็นไม่เห็นก็ได้ แต่เพื่อนของข้าคงเห็นพวกเจ้าแล้วล่ะ”

แจ็คสันยิ้มให้กับความประมาทของตนเอง ในตอนนี้รอบตัวพวกเขาเต็มไปด้วยครึ่งแวมไพร์ที่ออกมาต้อนรับกันถึงหน้าปราสาท แดมเพียร์ในปราสาทนี้มีมากที่สุดในสามตระกูลหลัก

ไม่เพียงแค่ลูกผสมแต่ยังมีแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์พำนักอยู่ด้วย ตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด กีซาส

“คงเสียมารยาทน่าดูหากไม่ทักทายหน่อย”

เจฮยองพูดขึ้นพร้อมศรเงินที่พุ่งทะยานเข้าตัดขั้วหัวใจแดมเพียร์ที่เผลอไปครู่หนึ่ง แจ็คสันไม่พูดอะไร ได้แต่ส่งสัญญาณมือให้ฮันเตอร์รับทราบ ข้อความที่บอกผ่านกายสื่อสาร ‘มีชีวิตรอดกลับไปทุกคน’ เหล่าแดมเพียร์พุ่งทะยานลงมาจากตัวปราสาทเข้าปะทะกับห่ากระสุนเงินที่สาดซัดเข้าบุกทำลาย

เกลกระโดดลงมาจากต้นไม้ก่อนเข้าประชิดตัวหัวหน้าฮันเตอร์ทันที เล็บแหลมคมเฉี่ยวแก้มของนักล่าปีศาจไปอย่างเฉียดฉิว เลือดสีสดซึมออกมาจากปากแผลจนต้องรีบเช็ด ถึงแม้จะเป็นลูกผสมแต่ความกระหายในโลหิตนั้นมีไม่น้อยไปกว่าแวมไพร์แต่อย่างใด เลือดในกายร่ำร้อง ความเกลียดชังที่ถูกปลูกฝังมาในสายเลือด ศัตรูคู่อาฆาตยาวนานกว่าหนึ่งพันปี ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นแดมเพียร์ก็มิอาจทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นลดลงเลยแม้แต่น้อย

มีดเงินถูกขว้างออกไปพร้อมกับกระสุนเงินบริสุทธิ์ที่พร้อมเข้าชำระล้างสิ่งชั่วร้ายทุกเมื่อ เกลเบี่ยงตัวหลบก่อนเงื้อมือขึ้นเหนือหัว เล็บคมเตรียมจิกแทงบนร่างของฮันเตอร์แต่น่าเสียดายที่แจ็คสันว่องไวพอจะหลบการโจมตีนั้นพ้น แดมเพียร์ยกยิ้มเหยียดหยัน ถือเป็นศัตรูที่ร้ายไม่เบา แต่จะมาต่อกรกับปีศาจอย่างเขานั้นยังเร็วไปหลายร้อยปี!

ราวกับมีกระแสไฟแล่นเข้ามาในตัวของเดม่อนฮันเตอร์ ร่างกายหยุดนิ่งไม่ไหวติงไร้ซึ่งสัมผัสเจ็บปวดใดๆ มีเพียงความว่างเปล่าและโหวงเหวง ออกมาแล้วความสามารถอีกครึ่งของโกสท์

กระแสจิต

แจ็คสันพยายามฝืนจากบ่วงพันธนาการของเกล โชคยังดีที่พลังนั้นไม่รุนแรงเท่าโกสท์จึงพอจะขยับตัวได้บ้างอีกทั้งยามนี้แสงแดดยังสาดส่องลงมา พวกแดมเพียร์จึงกำลังถดถอยลง

เขาเหล่มองเพื่อนร่วมตระกูลและพลธนูจึงพบว่าตอนนี้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์เป็นรองเสียแล้ว

การต่อสู้มักมีความเสี่ยงเสมอ และตอนนี้เขาพร้อมที่จะรับความเสี่ยงนั้นแล้ว

ตู้ม!!!

กับระเบิดทำงานทันทีหลังเดม่อนฮันเตอร์กระแทกเท้าลงกับพื้นดิน ความพินาศส่งเสียงดังเป็นวงกว้างพร้อมกับร่างของมนุษย์และปีศาจที่กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง เปลวเงินบริสุทธิ์ลอยคละคลุ้งในอากาศก่อนร่วงโรยลงมาราวกับร่วมไว้อาลัยแด่สิ่งที่เกิดขึ้น

‘จงมีชีวิตรอดกลับไป’


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 28 [11/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 10-05-2018 23:00:52
ตอนที่ 28
Appointment

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 11/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829506#msg3829506)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832732#msg3832732)

ฝีเท้านับสิบย่างก้าวเข้าไปในอาณาบริเวณของนักล่าปีศาจ หัวหน้าตระกูลและเหล่าลูกน้องมากความสามารถต่างพากันมาประชุมโดยพร้อมเพรียง พวกเขาให้เกียรติซึ่งกันและกันเสมอ ถึงแม้ผู้นำไม่สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ก็มักจะมีตัวแทนมารับเรื่องแทนทุกครั้งไป

ห้องรับรองสวยหรูถูกเปิดออกเพื่อต้อนรับเหล่าแขกผู้มาเยือน ราชาปีศาจนั่งรออย่างสงบเสงี่ยมพลางยิ้มรับกับคำทักทายของผู้นำตระกูล ผู้เป็นที่รู้จักและน่าเกรงขามในหมู่มนุษย์มีความสามารถและปีศาจ แต่อีกมุมหนึ่งเขาก็เป็นที่รักและหมายปองของใครอีกหลายๆคนเช่นกัน

“ยูคยอม...คิดยังไงให้ฉันมานั่งตรงนี้เนี่ย” ยองแจเอนตัวเข้าไปใกล้โกสท์พลางกระซิบกระซาบเสียงเบา

“หรือนายจะมานั่งตรงนี้ล่ะ” ว่าพลางตบตักตนเองเบาๆ เด็กมัธยมเห็นดังนั้นก็ได้แต่นึกก่นด่าในใจ ในสถานที่แบบนี้มันสมควรทำแบบนั้นเสียที่ไหน...
ยูคยอมกวาดสายตามองรอบห้องประชุม แขกที่เชิญไปนั้นมาถึงเกือบหมดแล้ว มีเพียงเก้าอี้ของอาร์เชอร์เท่านั้นที่ว่างเปล่าไร้ซึ่งเงาเจ้าของตำแหน่ง โกสท์ขมวดคิ้วมุ่นอย่างนึกสงสัย มีความเป็นไปได้น้อยมากที่พลธนูจะมาสายนอกเสียจากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกิดขึ้น...

“อาร์เชอร์ล่ะ” ยูคยอมเอ่ยถามฮันเตอร์ข้างกายตน เขามั่นใจว่าสั่งให้ส่งบัตรเชิญให้แก่พลธนูแล้ว

“ไม่มีการติดต่อหรือตอบรับจากทางอาร์เชอร์เลยครับนายท่าน” ตอบกลับโกสท์ไปด้วยความสุภาพนอบน้อมพร้อมโค้งทำความเคารพ

“ขาดการติดต่องั้นหรือ...” ยูคยอมพึมพำกับตนเองเบาๆก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับเหล่าหัวหน้าและผู้นำตระกูลที่ตนได้เชิญมา

“น่าเสียดายที่อาร์เชอร์นั้นชักช้าเราจึงมีความจำเป็นต้องเริ่มการประชุมก่อน”

ยูคยอมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองเพื่อลดความประหม่าให้แก่ผู้ฟัง

ผู้นำตระกูลและเหล่าผู้ติดตามที่หน้าตาเปลี่ยนไปจากหลายปีก่อน บ้างอายุมากขึ้น บ้างเกิดการปรับเปลี่ยนตัว ยูคยอมมองตัวแทนจากตระกูลเมจิสพลางทำหน้าฉงน

“เจ้าคือผู้นำคนใหม่ของเมจิสหรือ”

“มิได้นายท่าน ข้าเป็นเพียงผู้นำชั่วคราวเท่านั้น” เสียงแหบพร่าเอ่ยลอดหมวกใบใหญ่ที่ปิดคลุมใบหน้าของเขาไว้แทบทั้งหมด

“ข้าจะคุยกับเจ้าต่อหลังการประชุม เพื่อไม่ให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ ข้าอยากทราบกำลังพลที่พวกเจ้ามี”

ยูคยอมเริ่มเปิดประเด็นขึ้นก่อนหันหน้าไปสบตากับแขกคนอื่นๆแขนถูกยกขึ้นกลางอากาศก่อนเจ้าของจะลุกขึ้นกล่าว

“รายงานแด่นายข้า ทางเมจิสนั้นมีกำลังรบฝีมือดีสองร้อยคนและพร้อมให้เคลื่อนพลได้ทุกเมื่อนายข้า” น้ำเสียงแหบพร่าแต่แฝงไปด้วยความหนักแน่นเอ่ยขึ้น

หมวกใบโตถูกถอดออกเผยโฉมหน้าที่ถูกปิดบังไว้ เส้นผมสีเทาปลิวสะบัดตามแรงดึงก่อนร่วงลงปรกข้างแก้ม นัยน์ตาของยองแจวูบไหวไปครู่หนึ่ง ความรู้สึกคุ้นเคยกับใบหน้านั้นทำให้เขาค้างคาใจ เหมือนรู้จักแต่กลับไม่รู้จัก ราวกับเคยพบแต่กลับนึกคิดไม่ออก

“ทางฮันเตอร์มีราวๆสามร้อยคนครับนายท่าน” ตามมาด้วยตัวแทนจากนักล่าปีศาจที่เข้ามารายงายแทนหัวหน้าฮันเตอร์ซึ่งออกไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ

“ช่วงนี้แวร์วูฟตัวเมียต้องเลี้ยงดูเด็กเกิดใหม่จึงรวมกำลังได้เฉพาะตัวผู้ คงมีราวๆเจ็ดสิบตัวได้ครับเจ้านาย”

เจบีรายงานเจ้านายด้วยสีหน้าตึงเครียด เขารู้สึกผิดที่ไม่สามารถดึงลูกน้องเข้าร่วมสงครามได้ทั้งหมด แต่ในฐานะหัวหน้าแล้วเขาจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทายาทด้วยทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้รายงานลำดับสุดท้าย

นัยน์ตาสีเลือดจ้องมองราชาปีศาจด้วยความเกรงขามยิ่ง ยืนขึ้นก่อนโค้งทำ-

ความเคารพแก่ยูคยอมก่อนเอ่ยปากกล่าวคำรายงาน

“กองกำลังโกสท์หนึ่งพันตนพร้อมรับใช้ท่านราชาปีศาจค่ะ หากต้องการมากกว่านี้เชอร์รีนสามารถหาให้ท่านได้ โปรดบัญชา” โกสท์สาวแย้มรอยยิ้มก่อนนั่งลงตามเดิม

โกสท์ระดับสูง ‘เชอร์รีน’ มารดาของผีดิบชนชั้นสูง ‘มาร์ค’ ผู้ได้รับความไว้วางใจจากราชาปีศาจให้รวบรวมกองกำลังโกสท์ หลานสาวผู้เป็นที่รักยิ่งเพียงคนเดียวของยูคยอม

“เรามีกองกำลังทั้งหมดห้าร้อยคนกับอีกหนึ่งพันเจ็ดสิบตน คาดว่าคงเป็นรองทางนั้นอยู่ไม่น้อย พวกเจ้าพร้อมฝากชีวิตไว้กับข้าหรือไม่” ยูคยอมเอ่ยถามบุคคลใต้บัญชา น้ำเสียงที่หนักแน่นและแข็งแกร่งส่งผลให้ผู้ฟังเกิดความฮึกเหิมและคล้อยตาม

ไร้ซึ่งเสียงคัดค้าน เหล่าผู้นำต่างก้มโค้งให้กับเจ้าแห่งปีศาจ พวกเขาไม่มีเหตุผลที่ต้องขัดใจยูคยอมเลยแม้แต่น้อย เป็นเวลาร่วมสามร้อยปีมาแล้วที่โกสท์ตนนี้ดำรงตำแหน่งอันสูงศักดิ์ เขาเอาใจใส่และคอยดูแลบุคคลใต้บัญชาเสมอไม่แปลกเลยที่แม้แต่มนุษย์ยังจงรักภักดี

“ข้าไม่ชอบแผนซับซ้อนวุ่นวายและเกลียดการลอบกัด สงครามครานี้ไร้ซึ่งแผนการใดๆ จงบุกทะลวงเข้าไปซึ่งๆหน้าพร้อมกับข้า” ทั้งห้องเงียบสงัดจนแทบหยุดหายใจ ความตื่นเต้นที่พุ่งขึ้นสูงทำให้ยองแจเผลอกำมือแน่น

“ยามอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า จันทราเด่นชัดเต็มดวง เราจะล้างเผ่าพันธุ์พวกมัน” ดวงตาสีเลือดเรืองวาบก่อนกลับเป็นปกติ ทุกคนตีหน้าฮึกเหิมมีเพียงเมจิสที่แย้มยิ้มด้วยความสุขสม

นับถอยหลังคืนพระจันทร์เต็มดวง

อีกสี่วัน

 “จงมารวมตัวในที่แห่งนี้เมื่อถึงเวลา ดูแลรักษาตัวเจ้าให้ดี ข้าหวังพึ่งกองกำลังของข้าเสมอ” โกสท์ยูคยอมยืนขึ้นพร้อมกับโค้งให้บุคคลใต้บัญชาทำเอาพวกเขารีบลุกขึ้นก้มโค้งให้แทบไม่ทัน ราชาของพวกเขานี่ทำอะไรไม่เคยนึกถึงตำแหน่งของตนเองเอาเสียเลย

“เจ้านายไม่ต้องโค้งให้พวกผมหรอกครับ” เจบีเอ่ยขึ้นหลังโค้งให้เจ้านายจนหัวแทบจะติดพื้น

“ฉันโค้งให้เหล่าผู้นำตระกูลไม่ได้โค้งให้แก” ยูคยอมเอ่ยอย่างเย็นชาแล้วทิ้งกายลงบนเก้าอี้หรูดังเดิม เจ้าหมาน้อยที่ถูกเจ้านายหยอกได้แต่ทำหน้าหงิกงอพลางบ่นงึมงำไม่หยุด

“ท่านบอกว่าจะพูดคุยกับข้าต่อหลังการประชุมใช่หรือไม่นายข้า” ผู้นำแห่งเมจิสเอ่ยท้วงขึ้นหลังเห็นราชาปีศาจทำท่าว่าจะลืมเรื่องที่พูดไว้ก่อนหน้านี้

“บอกชื่อของเจ้าแก่ข้าเมจิส” ยูคยอมออกคำสั่งแก่ผู้ใต้บัญชาที่เพิ่งพบพาน

“ข้ามีนามว่าแจซอกครับนายข้า” แย้มรอยยิ้มให้แก่ผู้สูงศักดิ์ก่อนเกลี่ยเส้นผมที่ร่วงลงมาปรกตาให้เบี่ยงหลบไปด้านข้าง

ยองแจจ้องมองเมจิสหนุ่มไม่วางตาจนแจซอกต้องหันไปส่งยิ้มทักทาย เด็กหนุ่มส่งยิ้มกลับอย่างเคอะเขินเมื่อถูกอีกฝ่ายจับได้ ใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับคนสำคัญของตนเองทำให้เขาอยากรู้จักกับเมจิสคนนี้

“แจซอกงั้นหรือ ชื่อของเจ้าช่างคล้ายคลึงกับผู้นำคนก่อนเสียเหลือเกิน” ยูคยอมเอ่ยพลางยิ้มออกมา

“คนที่ท่านกล่าวถึงเขาคือพี่ชายของข้า ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้มาพบท่านนายข้า” แจซอกเอ่ยอย่างสุภาพ แม้น้ำเสียงจะแหบพร่าฟังดูน่ากลัวแต่แววตากลับแฝงไปด้วยความอบอุ่น

“พี่ชายของเจ้าไปไหนเสียล่ะแจซอก”

“ในห้องขังอับแสงปิดผนึกหนาแน่น ลึกลงไปใต้ตัวปราสาทของลอร์ดเซซิลเลีย พี่ชายข้าถูกกักขังไว้ที่นั่น” ยามกล่าวถึงพี่ชายแววตาของผู้พูดนั้นช่างเศร้าหมองและเจ็บปวด

“พี่ของข้าจูซอก” ยองแจวางมือลงบนตักของยูคยอมก่อนออกแรงบีบ

โกสท์หันมองเหยื่อของตนที่แสดงอาการแปลกๆ ก่อนหน้านี้เด็กน้อยของเขาทำตัวว่าง่ายมาโดยตลอด มีเรื่องอะไรทำให้เขาลำบากใจหรือตื่นตระหนกอย่างนั้นหรือ...

“จูซอก...” ยองแจเอ่ยเสียงแผ่วเบา

ราวกับมีเข็มแหลมนับพันทิ่มแทงหัวใจให้เจ็บแปลบ ชื่อที่แสนโหยหาและคิดถึงมาตลอดสิบปี บุคคลที่ชเว ยองแจอยากพบเจอมาโดยตลอด คุณพ่อของเขา ชเว จูซอก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป บนโลกใบนี้จะมีคนชื่อจูซอกสักกี่คนกัน นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกนั่งอยู่เงียบๆ

“เราจะนำพาจูซอกกลับมาหาเจ้าแน่แจซอก จงเชื่อมั่นและทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีที่สุด” ยูคยอมเอ่ยก่อนเอื้อมมือไปลูบไล้เรือนผมยาวสลวยของเมจิสเบาๆ แจซอกยิ้มรับความอบอุ่นที่โกสท์มอบให้

เมจิสหนุ่มหันมองยองแจที่นั่งติดกับยูคยอม แววตาอ่อนโยนฉายชัดพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม มือใหญ่เลื่อนไปดึงมือของเด็กหนุ่มมากุมไว้ “เธอทำให้ฉันคิดถึงใครบางคน”

“เอ๊ะ?” ยองแจทำหน้าฉงนแต่ก็ไม่ได้ชักมือกลับแต่อย่างใด

“หลานชายของฉัน ตอนนี้เขาคงอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอแน่ เธอจะเรียกฉันว่าคุณอาได้ไหม?” แจซอกเอ่ยถามยองแจด้วยน้ำเสียงเว้าวอน เด็กน้อยที่เขารักนั้นถูกแยกตัวไปจากเขาทันทีหลังพี่ชายถูกจับตัวไป

“ได้สิครับ...คุณอาแจซอก เอ๊ะ...” ทั้งที่ไม่ได้รู้สึกเศร้าเลยแต่น้ำตากลับไหลรินลงมาเปื้อนแก้มทั้งสองข้างจนต้องรีบเช็ดมันออก

“ร้องไห้ทำไม” ยูคยอมถามพลางเอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกจากแก้มให้อีกคน

“ไม่รู้อ่ะ น้ำตามันไหลเอง ฮือ” พูดไปน้ำตาก็ไหลไปจนต้องฟุบหน้าลงกับไหล่กว้างของยูคยอม โกสท์ปล่อยให้ยองแจร้องไห้โดยไม่คิดห้ามอะไร
สายตานับสิบภายในห้องจ้องมองไปยังยองแจที่ก้มหน้าร้องไห้อยู่ ยูคยอมส่งสายตาดุดันให้กับชายผู้เพ่งมองมายังเด็กน้อยของเขาจนพากับหลบแทบไม่ทัน

“ข้ามีธุระต้องการพูดเพียงเท่านี้ ส่วนอาร์เชอร์ข้าจะแจ้งให้พวกเขาทราบด้วยตัวข้าเอง” เอ่ยกับบุคคลในห้องพร้อมลูบหัวเด็กน้อยข้างๆตนเองไปด้วย
ฮันเตอร์และเมจิสที่อยู่ในห้องมองหน้ากันก่อนพร้อมใจเดินออกไป ปล่อยให้ปีศาจได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันตามประสาคนรู้จัก มาร์คที่ยืนรออยู่หน้าประตูเมื่อเห็นคนเดินออกมาก็รีบโผล่หน้าเข้าไปทันที ถึงเขาจะเป็นหลานของราชาปีศาจแต่ก็ไม่อยากเป็นเผ่าพันธุ์เดียวโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางมนุษย์หรอก...

“แตงเป็นไรอ่ะ” เดินเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทก่อนก้มลงให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน

“เอินนนนนน” โผเข้ากอดมาร์คสุดตัวจนอีกฝ่ายเซเล็กน้อย ใบหน้าคมคายซุกไซร้ลงกับหน้าอกของเพื่อน น้องเอินเห็นแบบนั้นก็ได้แต่กอดคนขี้แยเงียบๆ คงมีเรื่องที่ทำให้ยองแจไม่สบายใจสินะ

“ร้องไห้งอแงอีกแล้ว พี่แตงของน้องเอินต้องเข้มแข็งสิ ให้เกียรตินัวร์ที่วางอยู่ข้างๆหน่อย” มาร์คประคองหน้าเพื่อนขึ้นก่อนจับส่ายไปมาให้เลิกร้องไห้  ยองแจที่ถูกแกล้งได้แต่สูดน้ำมูกพร้อมเบะปากใส่น้อยๆ

“รักกันจังเล๊ย!” เจบีที่เห็นภาพน่ารักงุ้งงิ้งของแฟนตัวเองกับแฟนเจ้านายสวีทกันก็อดหึงไม่ได้

“รักมาก รักสุดๆ รักๆๆๆ” เด็กน้อยผีดิบพูดประชดแวร์วูฟไปชุดใหญ่ก่อนดึงตัวยองแจเข้าไปกอดแน่นกว่าเดิม ยูคยอมที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะออกมา เด็กพวกนี้เล่นอะไรของเขากัน

ฮึๆ” เชอร์รีนหัวเราะชอบใจก่อนยกสมาร์ทโฟนขึ้นมารัวช็อตเด็ดเก็บไว้ เธอมีภาพลูกชายของตนเองกับเพื่อนมากจนสามารถสร้างเป็นแกลเลอรี่ได้เลยทีเดียว

บางทีเธออาจเป็นสาววาย...

ประตูห้องถูกเปิดออกอย่างแรงจนมันกระแทกผนัง ร่างโชกเลือดของเดม่อนฮันเตอร์ที่พยุงเพื่อนให้เดินเข้าไปข้างในล้มลงกับพื้น สองร่างนอนแน่นิ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับบุคคลที่อยู่ในห้อง

“แจ็คสัน!” คลอสที่ยืนหลบอยู่มุมห้องตะโกนขึ้นเสียงดังก่อนปราดเข้าไปพยุงตัวเดม่อนฮันเตอร์ขึ้นมากอดไว้

มือตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายของฮันเตอร์ด้วยหัวใจอันรวดร้าว แผลมากมายที่เกิดจากการระเบิดรุนแรงรวมถึงนิ้วนางข้างขวาที่ขาดวิ่นจนเห็นผิวกระดูก พิกซีแนบหูตนเองลงกับอกข้างซ้ายของแจ็คสัน

 เสียงหัวใจเต้นแผ่วเบารวมทั้งสติที่เริ่มขาดหายของอีกฝ่ายยิ่งทำให้เขาร้อนรนจนแทบคลั่ง น้ำตาหลั่งไหลพรั่งพรูออกมาจนอาบแก้ม ช่างเจ็บปวดเหลือเกิน

“เห้ยแจ็ค” เจบีปราดเข้าไปหาก่อนกลับคืนร่างหมาป่า

แวร์วูฟรีบเลียสมานแผลให้กับเพื่อน และคอยเขย่าตัวไม่ให้คนเจ็บเผลอหลับ เลือดสีสดหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลมากเสียจนน่ากลัว เจบีเหลือบมองร่างข้างๆที่แจ็คสันแบกกลับมา โชคดีที่บาดแผลของเขานั้นไม่สาหัสเท่าฮันเตอร์จอมวางท่า แต่ก็ช้าไม่ได้เช่นกัน

“คลอสรีบปลุกแจ็คสันเร็วเข้า” เจบีบอกกับพิกซีพร้อมรักษาแผลให้เพื่อนไปด้วย เลือดนั้นหยุดไหลและแผลบางจุดเริ่มสมานตัวแล้ว มีเพียงนิ้วมือที่ขาดเท่านั้นที่แวร์วูฟไม่สามารถรักษาให้ได้...

“แจ็คสันครับ ตื่นสิแจ็คสัน! ตื่นนะไอ้เตี้ย! บอกให้ตื่นไง! ฮึก...ฮือ” เขย่าร่างของฮันเตอร์ที่ยังคงนอนนิ่ง คลอสกุมมือของอีกคนแน่นพร้อมน้ำตาที่ยังคงหลั่งไหลไม่หยุด

“ไหนบอกจะอยู่กับผมนานๆไง ฮึก ผมเกลียดแจ็คสันแล้ว” พูดไปก็ทุบตีร่างของเดม่อนฮันเตอร์ไป

“โอย...ตัวเองทำไมแรงเยอะจัง” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นพร้อมเลื่อนมือไปปาดน้ำตาให้พิกซีตัวน้อยของเขา ความจริงแล้วแจ็คสันนั้นรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เขาต้องการดูปฏิกิริยาของคลอสจึงได้แกล้งล้มก็เท่านั้น

“คุณครับ คุณ!” ยองแจที่เห็นคนเจ็บอีกคนเริ่มขยับตัวก็ร้องเรียกเสียงดังให้เขารู้สึกตัว

สองขาก้าวเดินเข้าไปพยุงตัวอีกฝ่ายขึ้นมาก่อนจะนิ่งค้างไปเมื่อได้เพ่งมองใบหน้านั้นใกล้ๆ

“เจ...ฮยอง”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 31 [18/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-05-2018 23:45:47
ตอนที่ 29
Countdown

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 18/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3829511#msg3829511)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832737#msg3832737)

“เจฮยอง...” เสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาเริ่มรื้นขึ้นมาที่ขอบตา คิ้วขมวดมุ่น มือบีบกำแน่น บุคคลในความทรงจำวัยเด็ก คนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอในสถานที่แบบนี้

คุณลุง...

“ย...ยองแจ” เขาโผเข้ากอดหลานชายไว้แน่น แม้ร่างกายจะเต็มไปด้วยแผลและเลือดที่เริ่มหลั่งไหลออกมานั้นจะทำให้สติเลือนราง ได้เจอเสียที... ร่างของอาร์เชอร์ทรุดแล้วล้มนอนลงบนพื้นดังเดิมพร้อมกับหัวใจของยองแจที่บีบคั้น

“เจฮยอง เจฮยองจริงๆใช่ไหม ทำไมถึงได้...เจบี เจบีช่วยด้วย ฮึก เจบี ฮือ” ยองแจร้องเรียกหาแวร์วูฟเมื่อเห็นเลือดที่ไหลซึมออกมาจากบาดแผลของเจฮยอง

แวร์วูฟปราดเข้าไปหาคนเจ็บทันทีตามเสียงเรียกของผู้เป็นนายอีกคน ใช้หน้าดันแขนของเจฮยองเบาๆพอให้รู้สึกตัว ลิ้นหยาบแลบเลียปาดเอาเลือดสีสดเข้าปากไปโดยเร็ว น้ำลายของปีศาจหมาป่านั้นมีฤทธิ์ช่วยรักษาบาดแผล เลือดเริ่มหยุดไหลและแผลเริ่มสมานตัวแล้ว มีเพียงคนเจ็บที่ยังต้องคุมสติไว้ไม่ให้ดับวูบไป

“เจฮยองอย่าตายนะ อย่าเป็นอะไรไปนะ...” กุมมือคนเจ็บแน่นแล้วดึงมันมากอดไว้

“เด็กบ้าเอ๊ย แค่เสียเลือดมากไปเท่านั้นแหละ..ฉัน ม...ไม่ตายหรอก” ยกมือข้างที่ยองแจจับไว้ขึ้นไปหยิกแก้มแล้ววางลงบนพื้น

ใบหน้างอง้ำของเด็กหนุ่มฉายชัด กัดริมฝีปากสีสดกลั้นเสียงสะอื้นไว้ น้ำตาเจ้ากรรมไม่ยอมหยุดไหลจนตาเริ่มบวมช้ำ ทั้งที่รู้ว่าเจฮยองปลอดภัยแล้วแต่ดันหยุดร้องไห้ไม่ได้ เจบีที่เห็นยองแจเสียใจก็ใช้หัวไถไหล่อีกฝ่ายเบาๆ เลื่อนหน้าขึ้นไปซับน้ำตาให้แล้วเกยคางไว้บนหน้าขา

“ไอ้หมาบ้า” ยองแจพูดแล้วกอดหมับเข้าที่คอของแวร์วูฟทันที ทั้งโล่งใจและดีใจ อยากขอบคุณเจบีสักพันครั้ง หากไม่มีเจ้าหมาน้อยนี่ ตอนนี้เจฮยองอาจจะตายไปแล้วก็ได้

“ยองแจไม่ร้องนะครับ เจ้านายไม่สบายใจนะ” เจบีมุดหน้าเข้าไปในเสื้อตัวโคร่งของยองแจแล้วสะบัดขนจนอีกคนหัวเราะออกมา

“ไอ้หมาน้อยของฉัน น่ารักที่สุดเลย” กอดรวบรัดตัวเจ้าหมาจอมป่วนไว้ทั้งที่เจ้าตัวยังอยู่ในเสื้อของตนเองแล้วลูบหัวไปด้วยความเอ็นดูปนหมั่นไส้
โกสท์และผีดิบแอบกำมือแน่นอยู่เงียบๆ จ้องมองภาพของหนึ่งมนุษย์และหนึ่งปีศาจหยอกล้อกันด้วยความหมั่นไส้ยิ่งนัก แต่ครั้นจะมาหยอกล้อกันเองเพื่อแกล้งเอาคืนนั้น...มาร์คดันไม่ใช่รสนิยมของยูคยอมเสียด้วยสิ

“เห้ยไอ้หน้าตี๋ เลิกนอนเรียกร้องความสนใจจากหลานได้แล้วมึง!” แจ็ดสันเดินเข้าไปเตะเพื่อนต่างตระกูลเบาๆ เจฮยองอยากจะตอกกลับเหลือเกินว่าตัวนายเองก็แสร้งทำเป็นเจ็บหนักเหมือนกันแต่ก็ไม่ได้พูดมันออกไป

“โอ๊ยไอ้สัด! โดนแผลกู” เจฮยองยกขาขึ้นถีบหน้าท้องแจ็คสันจนเจ้าตัวถอยหลังไปแทบไม่ทัน

คนเจ็บก่อนหน้านี้ยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วสำรวจร่างกายและบาดแผลไปด้วย ความจริงเขาเองก็ไม่ได้เป็นอะไรหนักมากหรอก เคยเจอที่มันสาหัสกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่พอเห็นหน้าหลานแล้วร่างกายมันดันอ่อนยวบจนขยับไม่ได้ หลานชายของเขานั้นโตขึ้นมากทีเดียว โตขึ้นมาเป็นเด็กหนุ่มที่ดีจริงๆ

“ทำความเคารพแด่หลานเขย” เจฮยองก้มโค้งทำความเคารพยูคยอมพร้อมคำแซวที่ทำเอายองแจหันไปมองคอแทบเคล็ด

“เจ-ฮา-ยอง” ดันตัวเจ้าหมาน้อยออกแล้วเดินไปแทงเข่าใส่หลังลุงขี้แซวก่อนจะนึกขึ้นได้ เจฮยองรู้ได้ยังไงว่ายูคยอมทำพันธะสัญญากับเขา...

“ท่านคือคนในครอบครัวของยองแจหรืออาร์เชอร์” ยูคยอมเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจฮยองยิ้มรับพลางพยักหน้าแล้วลูบหัวหลานชายของตนเองไปด้วย “ข้าเป็นลุงของเขาน่ะท่านราชา”

“เห้ยเดี๋ยว! ผมงงไปหมดแล้วเนี่ยทำไมเจฮยองถึงรู้ว่าผมทำพันธะสัญญาแล้ว อีกอย่างคือเจฮยองเป็นอาร์เชอร์เหรอ...งั้นแม่ผมก็เป็นอาร์เชอร์ด้วยสิรวมถึงผมด้วย”

ยองแจโวยวายเป็นเด็กพลางเขย่าแขนคุณลุงไปด้วย

“อ้าว! อย่าบอกนะว่าเพิ่งรู้ ยองฮีไม่ได้บอกหนูเหรอ” ถึงจะหงุดหงิดที่ถูกคุณลุงเรียกว่าหนูแต่ก็ต้องเก็บประเด็นนั้นไปก่อนเพราะยังมีเรื่องที่สำคัญกว่า

“ฮื่อ แม่ไม่บอกอะไรผมเลย เล่ามาเดี๋ยวนี้นะเจฮยอง!” ดึงแขนเจฮยองให้มานั่งเก้าอี้ก่อนยืนกอดอกมองคุณลุงแท้ๆด้วยสายตาคาดคั้น

“เรียกฉันดีๆก่อนสิ” ต่อปากต่อคำกับหลานพลางยกมือขึ้นกอดอกบ้าง ยองแจเห็นดังนั้นก็ได้แต่กรอกตาไปมา นิสัยแบบนี้เหมือนใครกัน!...

“คุณลุงครับ เล่า!” พูดสุภาพได้เพียงสามคำก็กลับเข้าสู่โหมดปกติเสียแล้ว...

“เฮ้อ...หนูนี่เหมือนยองฮีจริงๆ...อ่ะ เล่าให้ฟังก็ได้ คืองี้ยองฮีบอกว่ากลับบ้านก็เจอราชาปีศาจยืนเฝ้าลูกชายตัวเองแล้ว แถมยังเห็นตราเหยื่อของหนูด้วยแล้วก็...จะเล่าอะไรก่อนดี” ยองแจอยากจะกระโดดกัดหูคุณลุงของตัวเองให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย อีกใจก็แอบตื่นตระหนกที่แม่ของตนเองมองเห็นยูคยอม

“เจฮายองงงงง! งั้นผมถามเอง รู้ไหมว่าทำไมแม่ไม่ค่อยกลับบ้านแล้วยังพวกเจ้าหนี้ที่คอยราวีผมอีก แม่ไปติดหนี้ใครมาจากไหน ติดหนี้เท่าไหร่ แล้วพ่อของผมล่ะ คุณพ่อไปไหน เอ้าตอบ!”

เจฮยองถอนหายใจกับคำถามชุดใหญ่จากหลานชาย เหมือนแม่มันจริงๆ...

“ทั้งหมด...คือการฝึกฝนหนูให้แข็งแกร่ง” เจฮยองเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง

“ฝึกฝน?...” ยองแจขมวดคิ้วมุ่น เลื่อนเก้าอี้มานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับเจฮยองแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

“หนูรู้จักฮาร์ทใช่ไหม?” ทั้งห้องเงียบลงทันที แม้แต่แจ็คสันยังยืนนิ่งเงียบรอฟังเรื่องที่เพื่อนต่างตระกูลกำลังจะพูดต่อไปนี้

“ตามคำบอกเล่าของตระกูลเมจิส ผู้ที่ถือครองฮาร์ทบนโลกใบนี้มีทั้งหมดสี่คน คนแรกคือคุณทวด คนที่สองคือคุณปู่ของหนู คนที่สามคือคุณพ่อของหนู และคนล่าสุดก็คือตัวหนูเอง”

“คุณพ่อของผม...” เด็กหนุ่มนั่งนิ่ง รู้สึกตกใจเกินกว่าจะแสดงอารมณ์หรือท่าทางออกไปได้ สายเลือดแห่งเมจิสคือผู้ถือครองฮาร์ทอย่างนั้นหรือ...

“เพื่อหลีกเลี่ยงการตามล่าจากปีศาจ ยองฮีจำเป็นต้องแยกตัวหนูออกมาจากตระกูลเพื่อหลบซ่อนพลังที่พร้อมจะตื่นขึ้นมาได้ทุกเมื่อของหนู...และตอนนี้มันคงตื่นขึ้นมาแล้ว” เจฮยองหันมองเหล่าปีศาจที่รายล้อมตัวหลานชายก่อนถอนหายใจออกมา...มีแต่ระดับหัวหน้าทั้งนั้น หลานของเขานี่น่าภูมิใจจริงๆ

“แล้วพวกเจ้าหนี้...”

“อ๋อ คนของอาร์เชอร์เองแหละ คนที่พังป้ายตระกูลหน้าบ้านก็ลุงนี่แหละ” ยองแจกำมือแน่น นึกอยากโกรธคุณลุงของตัวเองแต่ก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น

“ยองฮีรวยกว่าลุงเสียอีกจะไปติดหนี้ใครล่ะ แล้วที่เธอหายไปบ่อยๆก็ต้องการให้หนูฝึกการใช้ชีวิตและการเอาตัวรอดนั่นแหละ เผลอๆ ตามติดหนูตลอดแบบไม่ให้หนูรู้ตัวด้วยซ้ำ ยองฮีรักหนูจะตาย” ยองแจแทบทรุดลงไปกองกับพื้น ตลอดเวลาที่เขารู้สึกว่าตัวเองถูกจับตามองคนนั้นคือแม่ของตัวเองอย่างนั้นหรือ...

“แล้วพ่อ...” ยองแจสบตาเจฮยองก่อนเอ่ยถามเรื่องที่เขาอยากรู้มากที่สุด คนที่เขาโหยหามาตลอด คุณพ่อของเขา ชเว จูซอก

“พ่อของหนู...”

“อยู่ห้องขังชั้นใต้ดินในปราสาทของลอร์ดเซซิลเลีย” ร่างของเมจิสปรากฏขึ้นท่ามกลางความตื่นตะลึงของบุคคลที่อยู่ในห้องยกเว้นยูคยอม โกสท์นั้นรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าแจซอกแฝงตัวอยู่ในห้องนี้

“คุณอาแจซอก” ยองแจเรียกชื่อคนที่จู่ๆก็โผล่มายืนด้านหน้าเขา แจซอกยิ้มให้ยองแจ รอยยิ้มเปี่ยมสุขที่ได้เจอหน้าหลานชายอีกครั้ง

“หลานรักของฉัน ได้เจอเสียที เธอคือหลานของฉันจริงๆ” แจซอกเดินเข้าไปกอดแล้วลูบหัวยองแจเบาๆ
เด็กหนุ่มสับสนความรู้สึกไปหมด ไม่รู้จะดีใจที่ได้พบเจอกับคุณอาและคุณลุงแท้ๆของตนเองอีกครั้งหรือควรตื่นตระหนกที่คุณพ่อของตัวเองถูกจับไป

เพราะอะไรคุณพ่อถึงถูกจับตัวไปล่ะ

“ค...คุณอาครับ ทำไมพ่อถึงถูกจับไปล่ะ” ยองแจกอดตอบแจซอกด้วยใบหน้างุนงง วันนี้มันเกิดอะไรขึ้นนะ สับสนไปหมดแล้ว...

“เพราะพลังของฮาร์ทยังไงล่ะ” แจซอกละอ้อมกอดออกแล้วแย้มรอยยิ้มเศร้าหมอง สายตาที่ว่างเปล่าก่อนหน้านี้เป็นประกายขึ้นราวกับกลับมามีชีวิตอีกครา

“คือ...ผมขอตัวสักแปบนะครับ” ยองแจลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนเตรียมเดินออกไปนอกห้อง

   มาร์คเดินเข้าไปขวางยองแจไว้ก่อนจะยื่นน้ำขวดใหญ่ให้ ผีดิบรู้ดีกว่าใครในห้องนี้ เมื่อถูกเรื่องราวถาโถมใส่สิ่งที่ทำให้ยองแจสงบลงได้คือการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ยองแจรับขวดจากมือของเพื่อนไปเปิดฝาแล้วกระดกดื่มน้ำเข้าไปจนหมด

“ไหวนะแตง” เอ่ยถามเพื่อนรักเบาๆอย่างเป็นห่วง น้ำตาที่หลั่งไหลออกมาทำให้รู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ไม่ชอบเห็นยองแจร้องไห้เลยจริงๆ...

“อื้อ ไหวอยู่แล้วนี่ใครล่ะ ชเว ยองแจเลยนะครับ” เช็ดน้ำตาให้เรียบร้อยแล้วหันกลับไปมองญาติของตนเองอีกครั้ง ในตอนนี้ทำได้แค่เข้มแข็งเท่านั้นแหละ

“โอเค สรุปคือตอนนี้พ่อของผมถูกลอร์ดเซซิลเลียจับตัวไปใช่ไหมครับ? เจฮยองแล้วแม่ล่ะ” หลังถามแจซอกจบก็หันไปถามเจฮยองต่อทันที

“ยองฮีอยู่คฤหาสน์ คงกำลังฝึกซ้อมอยู่ หนูจะไปหาแม่ไหมล่ะ” เจฮยองถามก่อนเดินเข้าไปลูบหัวหลานเบาๆ

“ไม่กลับไปเยี่ยมคฤหาสน์กับอาหน่อยเหรอ” แจซอกเดินเข้าไปจับข้อมือของหลานชายไว้แล้วมองด้วยสายตาออดอ้อน

เป็นครั้งแรกที่ยองแจรู้สึกว่าตนเองกำลังอยู่ในดงผู้สูงอายุ...

“ไม่ ยองแจต้องไปกับฉัน” เจฮยองจับข้อมืออีกข้างของยองแจแล้วดึงรั้งเข้าหาตัวแต่แจซอกต้านไว้

“ไม่! วันนี้หลานต้องกลับไปนอนบ้านฉัน”

แจซอกดึงกลับจนยองแจเอนไปตามแรง สงครามชักเย่อมนุษย์เกิดขึ้นท่ามกลางสายตาของราชาปีศาจที่ตอนนี้เริ่มจะหงุดหงิดเสียแล้ว...

“วันนี้ยองแจต้องนอนที่นี่ กับฉัน” ยูคยอมเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้เมจิสและอาเชอร์ขนลุกเกรียวกราว ยองแจถอนหายใจเบาๆให้กับความดื้อรั้นของโกสท์ แต่เขาเองก็ตัดสินใจไม่ได้เหมือนกันว่าจะไปที่ไหน...

“ตามแต่ท่านต้องการนายข้า” เมจิสก้มโค้งให้โกสท์ก่อนหันไปส่งสายตาค้อนให้กับอาร์เชอร์ คนถูกค้อนมองกลับแบบไม่เกรงกลัว ยองแจที่เห็นลุงกับอาทะเลาะกันทางสายตาเหมือนเด็กๆก็ได้แต่กลั้นขำไว้

“แจ็ควันนี้กูนอนบ้างมึงนะ ห๊ะ อ่อ โอเค ใจมากเพื่อน”

แจ็คสันที่กำลังง้อคลอสอยู่ได้แต่ทำหน้าเหรอหรากับอาการพูดเองเออเองของเพื่อนสนิท ห้องรับรองนั้นมีมากพอสำหรับต้อนรับแขกจำนวนมากอยู่แล้ว แค่คนอาศัยเพิ่มคนสองคนเขาไม่คิดจะขัดหรอก

“พูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วไม่ต้องถามกูก็ได้มั้ง...”

“ผมเองก็...” แจซอกเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ เขาเองก็อยากอยู่กับหลานชายนานๆแต่เพราะนิสัยขี้อายของตนทำให้ไม่กล้าเอ่ยขอออกไป

“เชิญตามสบายเลยครับ ไม่ต้องเกรงใจ นานๆได้เจอหลานที” แจ็คสันพูดจบก็หันกลับไปง้อคลอสที่ตอนนี้ลดขนาดตัวประท้วงคนขี้แกล้งอยู่

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าค่อนไปทางสวยของแจซอกทันที อยากกล่าวขอบคุณแต่ดูเหมือนจะไม่สมควรหากไปขัดเวลาสวีทหวานของเดม่อนฮันเตอร์กับภูติตัวน้อยเข้า

“พี่แจ็คสัน พี่มีอะไรจะบอกยูคยอมหรือเปล่า ผมรู้สึกแบบนั้น” ยองแจเอ่ยถามเดม่อนฮันเตอร์หลังสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกประหลาดบางอย่าง

“เออว่ะ ลืมสนิทเลย ใจมากไอ้น้อง” แจ็คสันตบหน้าตัวเองเบาๆก่อนลุกขึ้นเดินไปหายูคยอมพร้อมอุ้มคลอสไปด้วย

“นายลืมรายงานผลฉันนะแจ็คสัน”

ยูคยอมท้วง ฮันเตอร์ก้มหัวขอโทษขอโพยยกใหญ่

“กำลังจะรายงานเนี่ยลุง ภารกิจเผาปราสาทควอเทียร์สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี มอดไหม้เป็นจุน ไม่เหลือแวมไพร์สักตน” คำรายงานทำให้โกสท์ยิ้มออก ไม่ผิดหวังเลยที่เรียกใช้งานแจ็คสัน

“ทำดีนี่”

“เดี๋ยวๆยังไม่จบ” แจ็คสันรีบพูดดักทางยูคยอมไว้ก่อนรายงานต่อ

“ผมทำนอกเหนือคำสั่งของลุงนิดหน่อย...ผมไปบุกกีซาสมาด้วย” ยูคยอมจ้องมองด้วยสายตาเรืองโรจน์ เขาเกลียดการฝ่าฝืนคำสั่งเป็นที่สุด แม้คนที่ฝ่าฝืนจะเป็นคนสนิทก็ตาม

“ฟังผม ฟังผมก่อนนะลุง ใจเย็นๆ” แจ็คสันรีบยกมือห้ามเกรงว่าโกสท์จะลุกขึ้นมาบีบคอตนเองเหลือเกิน หันไปขอความช่วยเหลือจากลูกศิษย์จนอีกคนต้องยอมช่วย

ยองแจเดินเข้าไปหายูคยอมที่นั่งกำมือแน่น หยุดยืนอยู่หน้าโกสท์แล้วส่งรอยยิ้มละมุนให้จนอีกฝ่ายขมวดคิ้ว ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้งเมื่อเห็นการกระทำที่เด็กหนุ่มทำกับราชาปีศาจ

ยองแจนั่งตักยูคยอม...

“รายงานต่อสิ” และช่างน่าหมั่นไส้เหลือเกินที่ยูคยอมหายโกรธเอาเสียง่ายๆแถมยังอารมณ์ดีจนแทบจะยกคฤหาสน์อีกหลังให้เดม่อนฮันเตอร์ด้วยซ้ำ...

“เอ่อ...เราโดนฝ่ายนั้นปั่นหัว คงหวังตัดกำลังของทางเรา จดหมายเชิญไม่ถูกส่งให้กับอาร์เชอร์และคำสั่งปลอมถูกมอบหมายให้กับเจฮยอง คำสั่งบุกทำลายแวมไพร์สามตระกูลหลัก ตอนนี้ผมทำลายปราสาทกีซาสไปแล้ว แต่ยังมีแดมเพียร์จำนวนมากหนีรอดไปได้ ฮันเตอร์ที่ร่วมปฏิบัติภารกิจมีชีวิตรอดกลับมาทุกคนแต่บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงระเบิดสะเก็ดเงิน...” แจ็คสันหยุดรายงานไปพักหนึ่งก่อนสูดหายใจเข้าปอด

“ผู้ที่มอบคำสั่งปลอมให้กับอาร์เชอร์คือพ่อบ้านของราชาปีศาจ คุณวอลเตอร์”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 31 [18/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 17-05-2018 23:55:15
ตอนที่ 30
Countdown two

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 18/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832732#msg3832732)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832744#msg3832744)

ลึกลงไปใต้ดิน ห้องขังขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นเพื่อคุมขังมนุษย์เพียงคนเดียว โซ่ตรวนตรึงติดผนังดึงรั้งร่างของเมจิสไว้ไม่ให้หลบหนี ผ้าสีดำสนิทที่ถักทอขึ้นจากเส้นใยพิเศษผูกมัดพันธนาการดวงตาไว้ นานนับสิบปีที่ดวงตาคู่นั้นไม่เคยลืมตื่นขึ้น นับหลายพันวันที่จมอยู่กับความมืดมิดไร้ซึ่งแสงตะวันและจันทรา

ตึก ตึก

เสียงส้นแหลมของรองเท้ากระแทกพื้นพร้อมกับร่างของลอร์ดผู้สูงศักดิ์ คนถูกขังขยับตัวเล็กน้อยราวกับต้องการบอกกลายๆว่าอย่าได้เข้ามาใกล้ แวมไพร์สาวไม่สนใจท่าทีของเมจิส หล่อนเดินเข้าไปลูบไล้ใบหน้าหล่อที่หนวดเครายาวรกรุงรังจากการละเลยมันมานานนับสิบปี ดวงตาสีอำพันจ้องมองราวกับจะกลืนกินอีกฝ่าย หากเซซิลเลียไม่นึกถึงผลประโยชน์ของตนเธอคงดูดเลือดของเขาไปจนหมดแล้ว

“ท่านเมจิสของข้า” เอ่ยเรียกผู้ปิดตาไว้เบาๆพร้อมซบหน้าลงกับอกแกร่งของอีกฝ่าย

“ถอยไปซะ!” เอ่ยด้วยเสียงดุดันพลางดิ้นให้แวมไพร์ออกไปให้พ้นตัว

เซซิลเลียยอมผละออกแต่โดยดี ไร้ซึ่งการต่อต้านหรือตอแย จูซอกคือชายคนที่สองรองจากราชาปีศาจองค์ก่อนที่ทำให้แวมไพร์สาวตนนี้ยอมทำตามคำสั่งได้ ผ้าสีดำสนิทผูกปิดตาไว้คือตัวยืนยันว่าเมจิสคนนี้นั้นมีดวงตาที่ยากแก่การขัดขืน ผู้ครอบครองสองดวงตาแห่งตระกูลนักเวทย์ โรสอายและไดมอนอาย

“อีกไม่นานท่านจะได้เป็นอิสระเมจิสของข้า สงครามกำลังจะเริ่มในอีกสามวันข้างหน้า ข้าจะพาผู้ถือครองโรสอายอีกคนมาแทนที่ท่าน หลังจากนั้นท่านก็จะเป็นของข้า” เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเพ้อฝันสุดพรรณนา

จูซอกได้ยินดังนั้นก็ตื่นตระหนกเกินกว่าจะอยู่นิ่งได้ ผู้ถือครองโรสอายอีกคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกชายของเขา พลังของเด็กคนนั้นตื่นขึ้นมาแล้วอย่างนั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นสงครามที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้

เด็กน้อยของเขาต้องเข้ามาพัวพันด้วยแน่

“หยุดทำเรื่องบ้าๆซะเซซิลเลีย อย่าดึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาพัวพันด้วย!” จูซอกหลีกเลี่ยงที่จะให้แวมไพร์รู้ว่าผู้ถือครองฮาร์ทอีกคนคือลูกชายแท้ๆของตนเอง

“ข้ารอไม่ไหวแล้วท่านเมจิส ท่านต้องเป็นของข้า ในเมื่อพลังนั้นตื่นขึ้นมาแล้วนั่นเท่ากับว่าความปรารถนาของข้าใกล้เป็นจริงแล้ว” เอ่ยตอบอย่างอารมณ์ดีก่อนเข้าไปประทับจูบลงบนแก้มของจูซอกแล้วเดินกระแทกส้นรองเท้าออกไปจากห้องขัง

ความเงียบเข้ามามีบทบาทอีกครั้ง เงียบสงัดกัดกินลึกลงไปในจิตใจ ความกระวนกระวายก่อตัวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียวของเขา สิบปีแล้วที่ไม่ได้พบหน้า หลายพันวันแล้วที่อยากกอดรัดเด็กน้อยผู้สุดแสนคิดถึง หากต้องเจอคนที่โหยหาเพราะสงคราม เขาขอยอมตายเสียยังดีกว่า!

“ท่านจูซอก...” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้นจากมุมหนึ่งในห้องขัง เมจิสนิ่งสงบลงก่อนเอ่ยถามแขกตนใหม่ “มีธุระอะไรกับข้า”

“โปรดวางใจเถิด ลูกชายของท่านเติบโตขึ้นมาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถ เด็ดเดี่ยวและเข้มแข็ง เขาช่างเป็นเด็กหนุ่มที่ดีจริงๆ” เอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มหากแต่อีกฝ่ายนั้นไม่สามารถมองเห็นมันได้ ความกังขาเกิดขึ้นในจิตใจของผู้ใช้เวทย์ บุคคลที่บอกกล่าวเรื่องของลูกชายให้เขาฟังนั้นคือใคร เพราะเหตุใดจึงล่วงรู้ความเป็นไปและพัฒนาการของเด็กน้อยได้

“ลูกของข้า...ท่านรู้จักหรือ”

“คุณหนูยองแจเป็นเด็กที่น่ารักยิ่งนักท่านเมจิส อย่าห่วงไปเลย เด็กน้อยของท่านตอนนี้อยู่ภายใต้การคุ้มครองของราชาปีศาจองค์ปัจจุบัน โปรดทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด อย่ากังวลไป” ความสงสัยเพิ่มทวียิ่งขึ้นเมื่อกล่าวถึงราชาปีศาจ

“เพราะเหตุใดลูกของข้าจึงไปอยู่ภายใต้การคุ้มครองของท่านราชาได้” เอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ยิ่งหนัก ถึงแม้จะกระวนกระวายแต่ก็ยังกักเก็บอาการไว้ได้ ช่างน่าเกรงขาม

“เหยื่อคนแรกผู้ทำพันธะสัญญากับราชาปีศาจคือลูกชายของท่าน”

ความตกใจเข้าเล่นงานเมจิสจนแทบคุมสติไว้ไม่อยู่ ราชาปีศาจเลือกลูกชายของตนเองอย่างนั้นหรือ...ช่างเป็นเรื่องที่ยากจะเชื่อเหลือเกิน

“ท่านคือใคร ได้โปรดบอกข้า”

“พ่อบ้านของราชาปีศาจ วอลเตอร์ ไคลน์”

-คฤหาสน์หลักของเมจิส-

ความเงียบคือนักแสดงนำในวันนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปากหรือเคลื่อนย้ายตนเองออกไปจากห้องโถง บรรยากาศน่าอึดอัด

รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวของผู้นำปีศาจ แม้จะสงบลงจากเมื่อวานมากแล้วแต่ก็ยังคงอารมณ์หงุดหงิดไว้อยู่ วินาทีที่เรื่องของผู้ทรยศถูกรายงานแก่ยูคยอม คฤหาสน์ของหัวหน้าเดม่อนฮันเตอร์ก็มอดไหม้เป็นจุลไปเกือบครึ่งหลัง!

หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นพวกเขาทั้งหมดได้ย้ายร่างตนเองมาอยู่ที่คฤหาสน์หลักของตระกูลเมจิสซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากแหล่งกบดานเก่านัก ทำไมจึงเลือกสถานที่นี้ในห้องไม่มีใครรู้นอกจากราชาปีศาจ เมื่อถามถึงเหตุผลก็ได้รับคำตอบกลับเพียง ‘เรื่องของฉัน’

“หนูหาทางปลอบหลานเขยหน่อยสิ” เจฮยองแอบเข้าไปกระซิบยองแจที่ตอนนี้นั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง ดูแล้วคงอยู่ในอารมณ์บ่จอยไม่ต่างจากราชาปีศาจเท่าไหร่

“ปลอบทั้งคืนแล้ว เหนื่อย!” บอกปัดคุณลุงแท้ๆของตนเองแล้วตั้งหน้าตั้งตาซบเข่าของตนเองต่อไป เจฮยองได้ยินแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ไอ้คำว่าปลอบทั้งคืนเนี่ย...มันปลอบกันยังไงนะ

“ยองแจ” ยูคยอมเอ่ยเรียกเหยื่อของตนเองเสียงเบา คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นแล้วส่งสายตาค้อนให้

“อะไร”

“มานี่” ถอนหายใจพรืดใหญ่แต่ก็ยอมลุกเดินไปหาโกสท์จอมบงการ มองหน้าราชาปีศาจที่เรียกตนเองพลางยกมือขึ้นกอดอก หากไม่นับคนในครอบครัวยองแจคือคนแรกที่ไม่เกรงกลัวต่ออารมณ์รุนแรงของราชาปีศาจแถมยังกล้าต่อปากต่อคำด้วยเสียอีก

“ว่าไงล่ะ เดินมาแล้วเนี่ย จะทำอะไรอีก อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ลุงกับอาของฉันอยู่ด้วย มาร์คกับเจบีก็อยู่พี่แจ็คสันกับคลอสก็อยู่” ยองแจพูดดักทางยูคยอมไว้ก่อนจะโดนทำอะไรแผลงๆแต่ห้ามไปก็เท่านั้น...

“เฮ้อ...” ผิดคาดที่ยูคยอมไม่ทำอะไร ได้แต่มองหน้ายองแจแล้วทอดถอนหายใจออกมา

เด็กหนุ่มจ้องมองราชาปีศาจด้วยความกังวล ยูคยอมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ยองแจเดินเข้าไปหาโกสท์แล้วโอบกอดศีรษะของอีกฝ่ายไว้พลางโยกตัวไปมา เดม่อนฮันเตอร์และคนอื่นๆที่เห็นแบบนั้นก็เตรียมยกมือขึ้นปิดหูกันอย่างพร้อมเพรียง โกสท์นั้นไม่ชอบให้ผู้อื่นแตะเนื้อต้องตัว ยิ่งมายุ่มย่ามกับศีรษะนั้นถือเป็นข้อห้ามสูงสุดใครที่ทำแบบนั้นต้องโดนตวาดลั่นแน่...แต่ยองแจเป็นข้อยกเว้นอย่างนั้นหรือ

“นายเชื่อใจคุณวอลเตอร์มากเลยใช่ไหม” เอ่ยถามคนที่ตนเองกอดอยู่เบาๆ

“............”

“ฉันก็เชื่อใจคุณวอลเตอร์นะ นายเป็นราชานะยูคยอม จัดการกับอารมณ์ของตัวเองหน่อย คุณวอลเตอร์ต้องมีเหตุผลของเขาแน่ อีกอย่างพ่อของฉันอาจปลอดภัยถ้าเขาอยู่ใกล้ๆ” หนึ่งลุงกับหนึ่งอานั่งจับมือกันแน่นอย่างลุ้นระทึก การที่หลานของตนเองไปสั่งสอนราชาปีศาจแบบนั้นช่างเสี่ยงต่อการโดนปลิดชีวิตเหลือเกิน

ภาพที่พวกเขาเห็นเมื่อสิบปีก่อนยังคอยเตือนใจเสมอ ภาพของปีศาจเย็นชาผู้คร่าชีวิตได้อย่างไร้ปราณี

หากโกสท์จะทำเช่นนั้นพวกเขาพร้อมตายแทนหลานได้ทุกเมื่อ

“นายเป็นใครกันถึงกล้ามาสอนฉัน” พูดทั้งที่หน้ายังซุกอยู่กับอกของยองแจ เมจิสและอาร์เชอร์เตรียมพร้อมรับมือต่อสถานการณ์ไม่คาดฝันเสมอ กำอาวุธของตนเองแน่นด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ

“เป็นแฟนราชาปีศาจไง...”

พูดไปแล้วก็นึกอาย รีบคลายอ้อมกอดออกเตรียมเดินไปหลบอยู่มุมห้องดังเดิมแต่เดินออกไปได้ไม่ถึงก้าวข้อมือก็ถูกรั้งไว้

ยูคยอมออกแรงเพียงเล็กน้อยตัวของยองแจก็ลอยมานั่งตักตนเองแล้ว ใบหน้าคมคายฝังลงกับซอกคอของเหยื่อแล้วซุกไซร้จนคนถูกกระทำหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อ เมจิสและอาร์เชอร์บีบมือกันแน่นกว่าเดิมที่เห็นภาพสุดแสนจะบรรยายของหลานชายตัวเอง หลานตัวน้อยๆของพวกเขา...นึกแล้วน้ำตาก็พาลจะไหลจนต้องมองเพดานกันทั้งคู่

“ยูคยอม...” เรียกเสียงแผ่วเบาราวกับต้องการห้ามแต่ดูเหมือนจะเป็นการยั่วยวนสำหรับอีกฝ่ายเสียมากกว่า

“ไม่ทำอะไรหรอก อยู่นิ่งๆก็พอ” ได้ยินแบบนั้นยองแจก็นั่งนิ่งแข็งเป็นหิน เขารู้ดีว่าในเวลาแบบนี้ขืนขยับตัวมากก็มีแต่จะเดือดร้อนตนเองเปล่าๆ

“บี๋ คุณตานี่ก็ใช่ย่อยนะ” มาร์คแอบหันไปกระซิบกระซาบกับเจบีซึ่งแน่นอนว่าคำพูดเหล่านั้นเข้าหูของโกสท์ทุกคำ

“เจบีเองก็ใช่ย่อยเหมือนกันแหละอี๋เอิน”

ยูคยอมหันไปยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หลานชายของตนเองพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น น้องเอินที่เห็นคุณตาทำแบบนั้นก็ได้แต่เกร็งหน้าไว้ให้นิ่งสุดความสามารถแต่หูกลับแดงเรื่อเสียจนเจบีที่ยืนอยู่ข้างๆเผลอขำออกมา

ยองแจเห็นเพื่อนโดนแซวก็แอบขำในใจ ครั้นจะขำออกนอกหน้าก็เกรงว่าจะไม่เหมาะเพราะตนเองนั้นตกอยู่ในถานการณ์ที่ไม่ควรขยับตัวเสียด้วยสิ

“ยองแจ วันนี้ยองฮีบอกจะมาหาหนูนะ” เจฮยองที่เห็นว่าอารมณ์ของราชาปีศาจสงบลงแล้วก็บอกกล่าวเรื่องสำคัญกับหลานชาย

“จริงเหรอ! ทำไมไม่รีบบอกผมล่ะเจฮยอง!”

“เอ้อ...ก็เห็นว่ากำลังปลอบใจแฟนอยู่ ลุงก็ไม่อยากขัด” พูดออกไปแบบเก้กัง ว่าไงดีล่ะ ไอ้คนที่โสดมาตลอด 39 ปีมาเห็นภาพแบบนี้มันก็เขินแปลกๆ

“แล้วเมื่อไหร่จะปล่อยมือฉันสักที”

แจซอกพูดเสียงเบาพลางแงะมือของอีกคนที่เหนียวหนึบไม่ยอมปล่อยเสียที เขาเองก็สงสัยว่าเผลอไปจับมือกันตอนไหนนะ..

“ซอเร่~” พูดด้วยน้ำเสียงทะเล้นปนหยอกแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือ แค่อยากแกล้งเมจิสให้หงุดหงิดเล่นเท่านั้น นิสัยเสียของอาร์เชอร์คนนี้ที่แก้ไม่หายแม้อายุใกล้จะเหยียบสี่สิบเข้าไปทุกทีก็ตาม

“แกล้งเขาอีกละมึง ว่างเหรอ เอาเวลาไปหาเมียไหม” เดม่อนฮันเตอร์ที่ง้อคลอสไม่สำเร็จก็ได้แต่พาลเพื่อนเพราะความหมั่นไส้

“ก็หาอยู่” พูดแล้วเสมองออกไปนอกหน้าต่างปล่อยให้เมจิสจ้องมองมือของตนเองที่ถูกกุมอยู่...

นี่จีบป่ะเนี่ย...

ยองแจออกมาเดินเล่นนอกคฤหาสน์ รู้สึกเบื่อกับการที่ต้องเดินวกไปวนมาให้บ้านหลังใหญ่ๆ ถ้าให้เขาเลือก เขาสบายใจที่จะอยู่บ้านหลังเดิมมากกว่า แม้มันจะไม่ใหญ่โตมากแต่มันมีทุกอย่างที่จำเป็น...เด็กหนุ่มเดินเล่นไปเรื่อยๆ ไม่มีคนหรือปีศาจคอยคุ้มกันเพราะเจ้าตัวร้องขอว่าอยากมีเวลาอยู่คนเดียวเงียบๆบ้าง

ท่ามกลางผืนป่าเงียบสงบ แสงแดดสาดส่องกระทบใบไม้เรืองระยิบระยับราวกับอัญมณี ธรรมชาติมักสวยงามเสมอเมื่อห่างไกลจากความวุ่นวาย ยองแจเงยหน้าขึ้นพลางสูดอากาศเข้าไปจนเต็มปอด กลิ่นของเปลือกไม้ผสมกับกลิ่นผืนป่าดูเข้ากันอย่างน่าประหลาด ดื่มด่ำกับธรรมชาติไม่ทันไรก็มีคนมาขัดขวางไม่สิจะเรียกว่าคนก็คงไม่ถูก

“เห็นนายมีความสุขฉันก็ดีใจ” ยองแจหันมองตามเสียงที่จู่ๆก็โพล่งขึ้น มือกำชับนัวร์แน่นก่อนหยิบศรไทเทเนียมขึ้นมาเล็งไปยังเป้าหมาย เมื่อพบกับต้นเสียงก็เป็นอันต้องชะงักไป บุคคลที่ไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่ การมาเหยียบถิ่นศัตรูนั้นช่างถือเป็นความกล้าและบ้าบิ่นเสียจริง

“เกล...”

“อย่ากังวลไปเลยยองแจของฉัน”

เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างไปจากทุกที ยองแจยังคงง้างธนูไว้ ไม่ยอมลดการ์ดป้องกันลงแม้จะสัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายนั้นมาดี

“มีอะไร” เอ่ยถามแบบไม่อ้อมค้อม การที่เกลมาอยู่ที่นี่ได้นั้นมีเหตุจูงใจเพียงไม่กี่อย่างหรอก

“แค่มาหาเฉยๆ” ตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มแล้วเดินเข้าไปใกล้ตัวยองแจ

   ยองแจยอมลดธนูลงแต่หยิบระเบิดสะเก็ดเงินออกมาถือไว้แทน ระเบิดที่ไม่เกิดอันตรายต่อตัวผู้ใช้ หากคนดึงสลักเป็นมนุษย์ ระเบิดที่ถูกทำขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อจัดการกับแวมไพร์โดยเฉพาะ ถึงแม้เกลจะเป็นครึ่งแวมไพร์แต่ฤทธิ์ของมันก็สามารถทำให้เกิดบาดแผลสาหัสได้เช่นกัน

“ถอยไปไกลๆ” ยองแจยังคงระวังตัว ฮาร์ทในกายร่ำร้องผิดปกติ

มีบางอย่างที่แปลกไปจากเดิม ความลับมากมายที่สัมผัสได้จากตัวของแดมเพียร์ทำให้เขารู้สึกคลื่นไส้

“ใจร้ายกับฉันเสียงจริงน้ายองแจของฉันเนี่ย” เกลยังคงเดินเข้าไปหายองแจเรื่อยๆจนระยะห่างระหว่างเขาสองคนลดลงเหลือเพียงสามเมตร

   อีกความสามารถหนึ่งของแดมเพียร์คือการลบล้างตัวตน พลังที่ได้รับมาจากบิดาผู้เคยดำรงตำแหน่งราชาปีศาจองค์ก่อน พลังที่โกสท์สายเลือดบริสุทธิ์ทุกตนมี คราแรกที่ได้พบกับยูคยอม เกลเลือกที่จะไม่ใช้พลัง แต่ครั้งนี้เขาต้องการความเป็นส่วนตัวจึงไม่แปลกเลยที่โกสท์จะจับสัมผัสของเกลไม่ได้

“เกล...นายกำลังทำอะไร นายคิดอะไรอยู่” ยองแจเอ่ยถามออกไปด้วยความอยากรู้ ปีศาจตนนี้ไม่ได้เลวอย่างที่เขาคิด ถ้าฮาร์ทไม่ได้หลอกเขา...

“ฉันจะทำให้ทุกอย่างมันกลับเป็นเหมือนเดิม” ร่างของเกลปราดเข้าประชิดตัวยองแจก่อนปัดระเบิดสะเก็ดเงินทิ้งอย่างไร้เยื่อใย คนถูกจู่โจมชะงักไปครู่หนึ่ง แดมเพียร์โน้มหน้าเข้าใกล้ก่อนกระซิบเอื้อนเอ่ยประโยคหนึ่งแล้วจากไป

‘ฉันต้องการนาย’

“เกล...”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 31 [18/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 18-05-2018 00:01:18
ตอนที่ 31
Countdown Three

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 18/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832737#msg3832737)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835931#msg3835931)

ยองแจเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์พร้อมความสงสัย สิ่งที่เกลพูดนั้นคืออะไร เขาต้องการทำอะไรให้กลับเป็นเหมือนเดิม นึกอยากใช้พลังของโรสอายในการล่วงรู้ความลับนั้นแต่ดันติดที่เขาไม่รู้วิธีใช้มันนี่สิ คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกรอบ หากลองถามแจซอกอาจได้คำตอบ เมื่อตัดสินใจดังนั้นก็เดินตามหาคุณอาทันที

“คุณอาแจซอกครับ!” ตะโกนเรียกหาเพราะไม่ชินทางในคฤหาสน์ใหม่แถมที่นี่ยังลึกลับมากกว่าคฤหาสน์ของเดม่อนฮันเตอร์เสียอีก

“เรียกอาเหรอ” แจซอกที่เดินผ่านมาได้ยินเสียงหลานชายเรียกหาตนพอดีก็รีบวิ่งไปหา ไม่สิ เรียกว่าหายตัวถึงจะถูกกว่า

“อาเป็นคนจริงๆเหรอครับเนี่ย...” ยองแจเอ่ยถามแจซอก คงไม่มีคนปกติที่ไหนจู่ๆก็โผล่หน้ามาทันทีที่เรียกหาหรอก หากบอกว่าเมจิสเป็นลูกหลานของโกสท์เขาก็พร้อมปักใจเชื่อแบบไม่คิดคัดค้านเลย

“ยองแจก็ทำได้นะ ถ้าอยากเรียนอาจะสอนให้เอาไหม?” ลูบหัวหลานชายไปด้วยความเอ็นดู พอมองดูแล้วยองแจนั้นหน้าตาคล้ายแม่ของเขามากทีเดียว

“ผมก็ทำได้เหรอครับ” ดวงตากลมโตใสเป็นประกายด้วยความใคร่รู้และสนใจ

“หลานมีสายเลือดเมจิสย่อมทำได้อยู่แล้ว”

ยองแจเกือบพยักหน้าตอบรับไปแต่ก็ยั้งคิดได้ทันว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของตนเองนั้นไม่ใช่การล่องหนหรือหายตัวเสียหน่อย

“เดี๋ยวสิ ผมไม่ได้มาเพราะอยากให้อาสอนวิธีหายตัวนี่ ผมจะมาถามวิธีใช้โรสอายต่างหาก” แจซอกขมวดคิ้วมุ่น ถึงแม้เขาจะไม่มีโรสอายแต่แน่นอนว่าตัวเขานั้นรู้วิธีใช้มัน เพราะอะไรหลานชายจึงอยากจะเรียนรู้มันกันนะ

“ทำไมหลานถึงอยากรู้วิธีใช้มันล่ะ”

“...ผมอยากไปช่วยพ่อ” ยองแจบอกเหตุผลออกไปเพียงครึ่งเดียว เขารู้ดีว่าหากพูดหรือเผลอคิดอะไรยูคยอมจะต้องรู้และได้ยินมันแน่...

“โรสอาย...ก็คล้ายกับไดมอนอายของอานี่แหละ” ได้ยินแบบนั้นยองแจก็ขมวดคิ้ว เตรียมเอ่ยถามออกไปแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเสียก่อน
ไดมอนอาย ดวงตาแห่งการสะกดจิต

“สอนผมหน่อยนะครับ สอนผมนะคุณอาแจซอก” ทำหน้าออดอ้อนพลางเขย่าแขนแจซอกไปด้วย คุณอาเห็นแบบนั้นมีหรือจะใจร้ายปฏิเสธหลานได้ลงคอ

“ไปห้องฝึกซ้อมกันเลยเนอะ” แจซอกยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วจูงมือหลานเดินไปยังห้องซ้อมที่เขาบอก

คฤหาสน์แห่งนี้มีกลไกซ่อนอยู่มากมายหลายร้อยจุด บางกลไกเป็นกับดักร้ายแรง หากผู้ใดรักชีวิตสถานที่นี้ถือเป็นที่ต้องห้ามโดยเด็ดขาด มากครั้งที่มีปีศาจหลุดรอด ใช่! พวกมันหลุดรอดเข้ามา รอบตัวคฤหาสน์ถูกปกคลุมไปด้วยม่านพลังรุนแรง หากเป็นปีศาจชั้นต่ำจะตายทันทีที่พวกมันย่างก้าวเข้ามา หรือหากมันรอดเข้ามาได้ก็จะพบกับ ’หนามอาคม’ รอเสียดแทงร่างพวกมันอยู่

“คฤหาสน์นี้ค่อนข้างอันตรายหลานอย่าวิ่งเล่นไปทั่วนะ” หันไปบอกหลานขณะที่ผลักอิฐบล็อกเพื่อเปิดห้องฝึกซ้อม

“อย่าเรียกมันว่าคฤหาสน์เลยครับอา...” ยองแจลอบกลืนน้ำลายเมื่อเหลือบไปเห็นหนามอาคมที่โผล่พ้นกำแพงออกมา ที่นี่นั้นดูไม่ต่างอะไรกับลานประหารกลางป่าลึกเลย...

เมจิสเดินนำเข้าไปก่อนหยุดยืนกลางห้องซ้อมพอดี ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรเลย ไม่มีเป้าซ้อม ไม่มีอาวุธ มีเพียงพื้นอิฐและกำแพงที่ถูกฝากร่องรอยการฝึกซ้อมไว้เท่านั้น...แจซอกหันไปหาหลานชายของตนเองก่อนแย้มยิ้มออกมา ดวงตาสีฟ้าบริสุทธิ์ประจักษ์แก่สายตาของยองแจ สวยงาม เลอค่าจนลุ่มหลง

การฝึกใช้โรสอายได้เริ่มขึ้นแล้ว

“อย่าหลงใหลไปกับมัน!” เสียงของแจซอกตวาดดังลั่นห้อง ยองแจหลุดจากภวังค์ก่อนสะบัดหัวสองสามครั้ง กำคันธนูที่พวกติดตัวแน่นอย่างต้องการระงับอารมณ์

“คิดสิ จะตอบโต้อย่างไร ห้ามหลบตา แต่ก็ห้ามสบตา” เอ่ยบอกหลานชายพร้อมย่างก้าวเข้าไปหา เด็กหนุ่มถอยหลังทันทีเมื่อถูกต้อน ในหัวสับสนไปหมด สายตาวอกแวกเสียจนคิดอะไรไม่ออก ห้ามหลบตาแต่ก็ห้ามสบตา มันคืออะไรกัน แจซอกต้องการจะบอกอะไร...

“เงยหน้าขึ้นซะ!” แจซอกตะโกนเสียงดังให้อีกฝ่ายตื่นตัวแล้วหยุดนิ่งอยู่กับที่ ยองแจเลิกลั่ก ครุ่นคิดว่าจะเงยหน้าขึ้นหรือก้มหน้าต่อไปดี แต่หากเขายังหลบหนีอยู่แบบนี้มันจะไม่เกิดผลอะไรเลย คิดได้แบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นก่อนสบเข้ากับดวงตาแห่งการสะกดจิต

ราวกับเวลาหยุดเดิน เหมือนสิ่งของรายล้อมได้มลายหายไป มีเพียงความว่างเปล่าและขาวโพลน นัวร์สีดำสนิทร่วงหล่นลงกระแทกพื้นพร้อมกับร่างกายที่ค่อยๆก้าวย่างเข้าไปหาเจ้าของดวงตาสีฟ้าใส แจซอกยังคงปล่อยให้ไดมอนอายสำแดงฤทธิ์ เขารู้ว่าการทำแบบนี้นั้นมีความเสี่ยงมาก หากอีกฝ่ายไม่รู้ตัวจะถูกไดมอนอาย ‘กลืนกินจิตใจ’

ยองแจยังคงก้าวเดินเข้าไปหาแจซอกเรื่อยๆ ในสมองว่างเปล่า เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้ มีเพียงความเงียบสงัดเข้าครอบงำ ไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไร ไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไร และไม่รู้ว่าตนเองต้องทำเช่นไร

ตะวันไม่หวนหากราตรีไม่จาก ยามจันทราประจักษ์แจ้ง เจ้าจักเป็นหนึ่งเดียวกับข้า

เสียงหนึ่งดังก้องในโสตประสาทราวกับเรียกสติให้หวนคืนร่าง ขาหยุดก้าวเดินพร้อมกับดวงตาแห่งการล่วงรู้ที่ปรากฏขึ้นทันเวลาพอดิบพอดี โรสอายสำแดงฤทธิ์ของมันได้ทันท่วงที ดึงร่างของผู้เป็นนายให้ผุดลุกก่อนจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความว่างเปล่า ยองแจก้าวถอยหลังไปเก็บอาวุธประจำกายของตนเองขึ้นมาถือไว้ดังเดิม

ห้ามหลบตาแต่ก็ห้ามสบตา...จนกว่าจะคู่ควรกับมัน

 “เก่งนี่ ธนูนั่นยิงมาสิ ใช้โรสอายอ่านการเคลื่อนไหวของอาให้ออก ใช้ศรนั่นตัดผ่านเส้นผมของอาให้เหลือความยาวเพียงบ่า”

“หากหลานทำได้การฝึกโรสอายขั้นแรกถือว่าเสร็จสิ้น”

สิ้นเสียงของเมจิสร่างก็มลายหายไปต่อหน้าต่อตา ยองแจสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนยืนสงบนิ่งสักพัก เมื่อลืมตาขึ้นสีชมพูเรืองรองดั่งอัญมณีวาววาบ กวาดมองรอบห้องที่ว่างเปล่า หยิบลูกธนูออกมาแล้วขึงเข้ากับเอ็นช้าๆ

“คุณอาครับ...ผมน่ะ ไม่รู้หรอกว่าจะทำได้หรือเปล่า มันยากที่จะยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาทั้งที่เติบโตมาในฐานะคนธรรมดา...แต่ผมจะพยายาม”ลูกศรไทเทเนียมพุ่งแหวกอากาศไปยังพื้นที่ว่างเปล่าเชือดเฉือนเข้าที่เส้นผมของเมจิสจนขาดร่วงลงพื้น

 ร่างของนักเวทย์ประจักษ์ชัดต่อสายตายองแจแล้ว ความคมของแร่โลหะสร้างรอยประดับบนใบหน้าของแจซอกเล็กน้อย รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ ชเว ยองแจ หลานชายที่น่าภาคภูมิใจ เติบโตมาเป็นเด็กที่ดีเหลือเกิน

“หลานเก่งมากยองแจ อาภูมิใจในตัวหลานจริงๆ” แจซอกเอ่ยก่อนเดินเข้าไปโอบกอดหลานชายด้วยความรักใคร่   

ยองแจแทบทรุดและล้มลงบนพื้น แรงกดดันที่ต้องหันปลายศรเข้าหาคนในครอบครัวนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะแบกรับมันไว้ หากโรสอายหยุดสำแดงฤทธิ์เขาอาจพลาดพลั้งทำให้แจซอกบาดเจ็บ มีเพียงการฝึกฝนเท่านั้นที่เขาสมควรทำต่อจากนี้

“คุณอา ขาผมสั่นไปหมดแล้วครับ” ยองแจเกาะบ่าแจซอกไว้ไม่ให้ตนเองล้มพับลงไป เมื่อสบายใจแล้วร่างกายก็พลันอ่อนยวบไปหมด โรสอายได้หายไปแล้วทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

“ฮ่าๆๆ คนเก่งเมื่อกี๊หายไปไหนแล้วล่ะ ไม่เป็นไรหรอกยองแจ ครั้งแรกของหลานถือว่าทำได้ดี เราไปนั่งพักก่อนดีกว่าไว้ค่อยกลับมาซ้อมใหม่” แจซอกลูบหัวหลานชายเบาๆเชิงปลอบขวัญ

ยูคยอม

ฮืม

ขอบคุณนะที่ช่วยฉัน

นายคู่ควรกับมันแล้วยองแจ อย่าลืมล่ะ ยามจันทราประจักษ์แจ้ง เจ้าจักเป็นหนึ่งเดียวกับข้า

“เปลืองตัวอีกแล้วกู...” คนตัวขาวบ่นกับตนเองเบาๆแต่แจซอกดันได้ยินเข้าพอดี “หืม? เปลืองตัว”

“ผมบอกว่าปวดตัวต่างหาก อาหูตึงแล้วครับ แก่แล้วก็งี้แหละ” ยองแจไหวไหล่เบาๆพร้อมถอนหายใจออกมา แจซอกเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้ม...เหมือนแม้กระทั่งลุง

“ขอโทษนะครับคุณเมจิส” บุคคลในห้องซ้อมหันไปมองตามต้นเสียงทันที อาร์เชอร์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับชูแขนข้างขวาที่ถูกหนามอาคมปักลงไปจนทะลุให้เมจิสดู

 แจซอกถอนหายใจกับภาพที่เห็น ทั้งที่บอกไปแล้วแท้ๆว่าห้ามจับของในคฤหาสน์นี้สุ่มสี่สุ่มห้าแต่ดูเหมือนเจฮยองจะไม่ฟังที่เขาบอกเลย แถมยังอุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงที่นี่อีก นับว่าเก่งกาจทีเดียวที่เข้ามาโดยได้แผลแค่จุดเดียว

“เจฮยอง ไปทำอะไรมาเนี่ย!” ยองแจตะโกนลั่นแล้วรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของคุณลุงทันที ถ้ายูคยอมรู้เข้าต้องโกรธแน่ๆ เพราะเจ้าตัวกำชับนักหนาว่าห้ามได้รับบาดเจ็บก่อนสงครามเริ่มเด็ดขาด

“เดินเล่นอยู่ดีๆหนามนี่ก็โผล่มาน่ะสิ” อาร์เชอร์ทำท่าเจ็บเจียนตายทันทีหลังหลานชายเดินเข้าไปหาสร้างความหมั่นไส้ให้เมจิสยิ่งนัก

“คุณอาร์เชอร์ หนามนี่จะเข้าโจมตีเฉพาะคนที่รุกล้ำห้องสำคัญเท่านั้นแหละ อีกอย่างเดินว่อนจนหาห้องนี้เจอนี่มันก็ออกจะอันตรายเกินไปหน่อยนะครับ”

 แจซอกร่ายยาวก่อนเดินไปดึงหนามอาคมออกหน้าตาเฉย เจฮยองหน้าซีดเผือดหลังเห็นหนามใหญ่ถูกดึงออกไปต่อหน้าต่อตาแต่ก็ต้องประหลาดใจ

“ไม่เห็นเจ็บเลยนี่”

“หนามนี่มีฤทธิ์กับปีศาจเท่านั้นแหละ ยกเว้นว่าคุณจะมีเลือดชั่วของผีห่าซาตานผสมอยู่” แจซอกแขวะแล้วโยนหนามอาคมทิ้งไป แผลกลวงเป็นรูโบ๋ค่อยๆสมานตัวสร้างความตื่นตะลึงให้เจฮยองเป็นอย่างมาก

“ว้าว! สุดยอดเลยดูสิยองแจ ลุงหายแล้ว” พูดพลางยื่นแขนให้หลานดูเหมือนเด็กๆ

“ผมควรตื่นเต้นกับเจฮยองไหม...” หากเป็นคนอื่นคงตื่นตกใจจนเป็นลมไปแล้วแต่ตัวเขาที่อยู่กับราชาปีศาจตลอด การพบเจออะไรแบบนี้นั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาไปเสียแล้ว

“เฮ้อ ไม่ตื่นเต้นกับลุงเลย...ยองฮีมาแล้วนะ อยู่ห้องรับรองแหนะ”

“งั้นผมไปนะ” พูดจบก็วิ่งออกจากห้องไปทันทีปล่อยให้แจซอกและเจฮยองอยู่ด้วยกันตามลำพัง ยองแจรู้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้อันตรายแต่ในเมื่อเขาได้ฝึกใช้โรสอายแล้วก็ต้องนำมันมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สิ

“อ้าว...ไปซะแล้ว เฮ้อ...แล้วนั่นผมนายทำไมเป็นแบบนั้น” เจฮยองทักเมื่อเห็นเส้นผมที่ขาดแหว่งของแจซอก คนถูกทักทำเพียงแค่มองแล้วเบนสายตาหนี

“ฉันตัดให้เอาไหม ฉันตัดให้ยองฮีบ่อยๆ” เดินเข้าไปจับผมของอีกคนโดยไร้คำขออนุญาตใดๆ แจซอกปัดมือเจฮยองออกแล้วเดินหนี

“อย่ามายุ่งกับผมฉัน”

“กูเกิดมาเพื่อโดนเมินสินะ....”

ภายในห้องโถงกว้างเต็มไปด้วยความเงียบสงบ มีเพียงผีดิบวัยเด็กที่เดินว่อนทั่วห้อง ยูคยอมมองตามทุกย่างก้าวที่หลานชายเดิน พร้อมทำหน้าสงสัยไปด้วย

“อี๋เอินหลานจะเดินไปถึงเมื่อไหร่”

“ตาจ๋า ผมว่างอ่ะ แตงไม่อยู่แล้วไม่มีอะไรทำเลย ตาช่วยสอนอะไรผมหน่อยสิ อ้อใช่! ผมเป็นผีดิบชั้นสูงมีพลังของโกสท์ครึ่งนึงใช่ไหมครับ ตาจ๋าช่วยฝึกพลังนั้นให้ผมหน่อยสิ ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงในสงครามหรอกนะ” หนูเอินร่ายยาวเหยียดแล้วเดินมาหยุดหน้ายูคยอมพอดี

“หลานต้องทำใจยอมรับก่อนว่าพลังของโกสท์อย่างตามันไม่ได้สวยงามเหมือนที่หลานคาดหวัง” มาร์คหน้าหงิกงอทันทีที่คุณตาพูดดักทาง ความจริงเขาก็ไม่ได้ซีเรียสกับพลังของตนเองเท่าไหร่แล้ว

“ไม่เป็นไรหรอกตาจ๋า สวยแค่หน้าผมก็พอแล้ว” ยูคยอมถอนหายใจออกมาเบาๆ แบบนี้ในโลกมนุษย์เขาเรียกว่าอะไรนะ...ถ้าเป็นคำที่ยองแจชอบพูดบ่อยๆคงจะเป็นแรด...หรือมั่นหน้ากันนะ...

“พลังของโกสท์นั้นมีมากมายเกินกว่าที่โกสท์อย่างเราล่วงรู้เสียด้วยซ้ำ หลานอยากได้พลังแบบไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า”

 เป็นความจริงที่พลังของโกสท์นั้นลึกลับเกินกว่าที่จะล่วงรู้ แม้แต่ยูคยอมเองยังไม่สามารถประเมินพลังของตนเองได้เลย

“พลังที่อยากได้...สะกดจิตล่ะมั้งครับ” เอ่ยตอบไปอย่างไม่แน่ใจนัก มาร์คเองแค่อยากทำตัวให้เป็นประโยชน์มากที่สุดและไม่เคยนึกถึงพลังที่ตนเองมีและอยากมีเลย

“ตาจะสอนวิธีควบคุมปีศาจให้”

“วิธีควบคุมปีศาจเหรอครับ? ผมทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ” มาร์คดูตื่นเต้นที่จะได้ฝึกใช้พลังใหม่ แถมยังได้คุณตาสุดหล่อมาฝึกให้เสียด้วย

“เจบี” ราชาปีศาจเรียกสัตว์เลี้ยงประจำตระกูลที่ตอนนี้กำลังหมอบหลับสบายใจเฉิบ...

“แจ๊บๆ....ฮ้าว! ว่าไงครับเจ้านาย” แวร์วูฟลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียก่อนเหยียดตัวบิดขี้เกียจเพื่อไล่ความง่วงออกไป

“คืนร่างมนุษย์ซะ”แวร์วูฟไม่ซักไซ้ไต่ถามอะไร กลับคืนสู่ร่างมนุษย์แล้วเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายเงียบๆ ยูคยอมหันมองหลานชายก่อนเอ่ยคำสั่ง “ดูไว้นะอี๋เอิน”

นัยน์ตาสีเลือดฉายชัดโอบล้อมด้วยสีดำทมิฬปรากฏขึ้น ราวกับมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้าร่าง แวร์วูฟกระตุกวูบก่อนถูกโกสท์เข้าครอบงำจิตใจ สายตาว่างเปล่าทอดมองไปยังผู้เป็นนาย หยุดยืนนิ่งรอคำสั่งอย่างจงรักภักดี

“จงเผยกรงเล็บออกมา” แวร์วูฟปล่อยกรงเล็บออกมาตามที่ราชาปีศาจสั่ง

“จ่อมันเข้าที่แขนของตนเอง” เลื่อนกรงเล็บขึ้นมาที่แขนแล้วหยุดค้างไว้

“เสียดแทงมันเข้าไป”

ฉึก!....

กรงเล็บหมาป่าแทงทะลุแขนของตนเองจนเลือดไหลทะออกมา สีหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวดทรมาร ไร้อารมณ์ ไร้ความรู้สึก ถูกบงการและครอบงำโดยสมบูรณ์ พลังเพียงเสี้ยวของราชาปีศาจ ไม่สิไม่ถึงเสี้ยวด้วยซ้ำ  มาร์คมองการกระทำของเจบีด้วยความตื่นตระหนก เดินเข้าไปประทับฝ่ามือลงบนหน้าของปีศาจหมาป่าดังฉาด

“หือ? ห๊ะ โอ๊ยเจ๊บบบบบ!!!” สติกลับเข้าร่างพร้อมความเจ็บปวด แวร์วูฟทรุดลงไปนอนชักดิ้นชักงอเพราะบาดแผลที่เกิดจากกรงเล็บของตนเอง...

“นี่เป็นตัวอย่างนะอี๋เอิน แต่ปกติปีศาจที่ถูกครอบงำไม่ได้หลุดจากบ่วงเร็วขนาดนี้ อาจเป็นเพราะหลานกับเจบีทำพันธะสัญญากันเจบีจึงหลุดพ้นได้ง่าย” ยูคยอมเอ่ยด้วยใบหน้าแย้มยิ้มแต่กลับดูน่ากลัวเหลือเกินในสายตาของมาร์ค

 “สอนผมด้วยนะครับ” ถึงแม้จะกลัวแต่ก็ต้องยอมรับว่าพลังนี้ต้องมีประโยชน์มากแน่

“เตรียมใจไว้ล่ะ ตาไม่ได้ใจดีเหมือนเชอร์รีนหรอกนะ”

“ใครบอกตาจ๋าว่าแม่ใจดี...” ยังไม่ทันได้พูดต่อประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างของโกสท์อีกตนที่ย่างก้าวเข้ามา

“ได้เวลาทดสอบพลังแล้วลูกรัก”

“เฮ้อ...ครับแม่”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 34 [25/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 24-05-2018 23:38:18
ตอนที่ 32
The Final Countdown

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 25/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3832744#msg3832744)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835936#msg3835936)

“ได้เวลาทดสอบพลังแล้วลูกรัก” เชอร์รีนเดินเข้าไปหาลูกชายของตนพร้อมกับดาบอัศวินในมือ เธอคือโกสท์เพียงตนเดียวที่มีอาวุธประจำกายด้วยเหตุผลง่ายๆคือไม่อยากให้มือของตนเองแปดเปื้อนเลือด...

“เฮ้อ...ครับแม่” มาร์คตอบกลับมารดาไปด้วยอารมณ์ละเหี่ยใจ การทดสอบพลังที่เกิดขึ้นทุกปี เคี่ยวเข็ญ ลำบาก เจ็บตัวและรุนแรง

“ทำอะไรหรือเชอร์รีน” ยูคยอมเอ่ยถามหลานสาวด้วยความใคร่รู้พร้อมกับเสียงโอดครวญของปีศาจหมาป่าเป็นเพลงประกอบฉาก...

“ทดสอบสมรรถภาพค่ะคุณอา อี๋เอินต้องฝึกการต่อสู้ทุกวันและเมื่อถึงเวลาหนูจะเป็นคนประเมินผลการฝึกนั้น ลูกหลานของโกสท์สายเลือดบริสุทธิ์จะปล่อยให้ไร้ฝีมือไม่ได้เป็นอันขาด”

ยูคยอมพยักหน้าอย่างสนใจ มาร์คมักจะบอกและคิดเสมอว่าตนเองนั้นด้อยความสามารถกว่าปีศาจตนอื่น ถึงคราที่จะพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าผีดิบนั้นอยู่ในระดับใดกันแน่

“เจบีเงียบได้แล้ว”

 ยูคยอมดุปีศาจหมาป่าที่ยังนอนดีดดิ้นโอดครวญไม่ยอมหยุดทั้งที่แผลนั้นปิดสนิทแล้ว หลังโดนเจ้านายต่อว่าเจ้าหมาแวร์วูฟก็นอนหงายท้องสงบนิ่งพร้อมครางหงิงเบาๆ มาร์คเดินไปหาเจบีแล้วนั่งลงลูบหัวแวร์วูฟช้าๆ “บี๋รอเบก่อนนะ เดี๋ยวฝึกเสร็จจะกลับมาโอ๋”
หลังปลอบแวร์วูฟเสร็จผีดิบก็เดินเข้าไปหามารดาของตนเอง โค้งทำความเคารพพร้อมกับลมหายใจที่พ่นออกมา ขอให้การทดสอบครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี...

พรึ่บ!

ร่างของผู้เกี่ยวข้องถูกย้ายมาที่ห้องฝึกซ้อมในคฤหาสน์ของราชาปีศาจโดยฝีมือของยูคยอม เมื่อใช้พลังเสร็จสิ้นทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ ลานฝึกกว้างไกลที่แทบไม่เชื่อสายตาว่าสถานที่แบบนี้เรียกว่าห้องฝึกซ้อมของโกสท์ มันใหญ่เกินกว่าจะเรียกว่าห้องด้วยซ้ำ เป็นครั้งแรกที่มาร์คได้มาเยือนบ้านของคุณตา ทั้งประหลาดใจและดีใจในเวลาเดียวกัน

“ทดสอบขั้นที่หนึ่ง!” เชอร์รีนปักดาบลงกับพื้นจนมันจมลงไปถึงครึ่งหนึ่ง

สิ้นเสียงมารดาประกาศลั่น ดวงตาผีดิบพลันปรากฏขึ้นผิวหนังแปรเปลี่ยนพร้อมกับเส้นเลือดที่ปูดโปนขึ้นตามร่างกาย มาร์คปิดเปลือกตาลงก่อนเกิดแรงดีดมหาศาลขึ้น พื้นดินถูกกดดันจนแตกระแหงบางส่วนถูกกดลงไปจนเป็นหลุมขนาดใหญ่

ทดสอบขั้นแรก ‘แรงกดดัน’

“ขั้นที่สอง!”

หลังคำสั่งต่อมาสิ้นสุดลงดวงตาสีเลือดก็เปิดขึ้น กวาดสายตามองรอบลานซ้อมก่อนเดินไปแบกหินก้อนยักษ์ขึ้นมา น้ำหนักราวห้าถึงหกร้อยกิโลกดทับร่างจนต้องขมวดคิ้ว มาร์คยืดตัวขึ้นแล้วขว้างหินที่แบกอยู่ใส่มารดาของตนเต็มแรง ฝุ่นลอยฟุ้งจนมองทิวทัศน์ลำบาก ผีดิบรู้ดีว่าเธอหลบพ้น

ทดสอบขั้นที่สอง ‘พละกำลัง’

“การทดสอบขั้นสุดท้าย!” ดาบอัศวินถูกดึงขึ้นมาจากพื้นดิน หมุนสะบัดวาดตามอากาศจนเกิดลมวืดใหญ่

มาร์คตั้งการ์ดขึ้นอย่างระวังตัว การทดสอบขั้นสุดท้ายนั้นอันตรายที่สุด ‘การทดสอบความอดทน’ ดาบเล่มใหญ่พุ่งเข้าฟาดฟันทันที ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว โกสท์เหวี่ยงดาบเข้าใส่กลางลำตัวของผีดิบอย่างแรง โชคดีที่การโจมตีนั้นวืดไป มาร์ครีบถอยมาตั้งหลักก่อนอีกฝ่ายจะโจมตีอีกรอบ

“ขี้ขลาด!”

เชอร์รีนตวาดลั่น กำชับด้ามดาบแล้วพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง มาร์คอยากตะโกนตอบกลับแม่ของตัวเองไปเหลือเกินว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเรียกว่าป้องกันตัวไม่ใช่ขี้ขลาด ผีดิบเอี้ยวตัวหลบดาบที่เฉือนผ่านหน้าไปเพียงไม่กี่เซนติเมตร โกสท์ไม่ปล่อยให้หนี เชอร์รีนฟาดดาบลงบนไหล่ของลูกชายแล้วเฉือนปาดลงบนเนื้อ ความคมของดาบนั้นเชือดลึกลงไปจนเห็นกระดูก

“อ๊ากกกกกกก!!!” มาร์คร้องโหยหวนก่อนดีดตัวออก มือขวายกขึ้นมากดแผลไว้ไม่ให้เลือดไหลมากกว่าเดิม

ดาบนั้นทำจากเหล็กเนื้อดี ถือว่าโชคช่วย วันนี้ไอรีนหยิบดาบเล่มที่ไม่มีส่วนผสมของเงินแท้มาทดสอบลูกชายของตนเอง คงเพราะเห็นว่าสงครามใกล้เริ่มแล้วจึงเลือกที่จะถนอมตัวลูกชายไว้ให้มากที่สุด

แม้ผิวหนังของผีดิบจะทนทานต่ออาวุธแทบทุกชนิดแต่ดาบใหญ่และหนักเช่นนี้ถือเป็นข้อยกเว้น มันสามารถตัดหัวของผีดิบให้ขาดได้ภายในการฟันเพียงฉับเดียวเท่านั้น!

มาร์คหอบหายใจฟืดฟาดพลางกดแผลที่เลือดหยุดไหลและเริ่มสมานตัวแล้ว สายตาแข็งกร้าวจ้องมองดาบอัศวินด้วยความโกรธเกรี้ยว เขี้ยวเริ่มงอกยาวกว่าเดิมจนคล้ายแวมไพร์

เชอร์รีนชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นเขี้ยวที่งอกออกมาของลูกชาย เธอรู้สึกประหลาดใจ เด็กคนนี้มีการพัฒนาที่รวดเร็วจนน่ากลัว เมื่อเทียบกับเดือนก่อนแล้วมาร์คนั้นยังยกก้อนหินหนักมากกว่าสามร้อยกิโลไม่ได้ด้วยซ้ำแต่วันนี้กลับยกได้หนักขึ้นเป็นเท่าตัวแถมแรงกดดันยังมากขึ้นจากเดิมจนน่าตกใจ

“เข้ามา!” โกสท์สาวตะโกนลั่นแล้วตั้งการ์ดรอรับการโจมตี

มาร์คเช็ดคราบเลือดที่ไหล่ออกแล้วค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหามารดาของตน สายตายังคงจับจ้องไปที่ดาบอัศวินเล่มยักษ์ในมือผู้เป็นแม่ มันคืออาวุธที่เขาเกลียดที่สุดในชีวิต ทั้งใหญ่โตและหนัก ความคมของมันนั้นไม่ใช่เล่นๆเลย เขาต้องเจ็บตัวทุกครั้งเพราะมัน ยิ่งมองเห็นก็ยิ่งขยาดจนอยากจับมันมาหักทิ้งเสียเดี๋ยวนี้

“ผมเกลียดดาบที่แม่ถืออยู่จังครับ จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะหักมันทิ้ง”

พูดจบก็พุ่งเข้าประชิดตัวมารดาของตนทันที มือตะปบเข้าที่ไหล่ขวาของโกสท์ก่อนออกแรงกระชากจนมันหลุด  กระดูกโกสท์ลั่นเกรียวปล่อยดาบลงกับพื้นแล้วขยับดันให้กระดูกของตนกลับเข้าที่ดังเดิม การกระทำเมื่อครู่รวดเร็วจนมาร์คหงุดหงิด กระแทกเท้าลงกับพื้นพร้อมอัดแรงกดดันให้ดาบกระเด็นออกไป

ดาบหนักลอยคว้างบนอากาศก่อนปักลงจมพื้นดินห่างออกไปจากตัวของโกสท์ราวสามสิบเมตร เชอร์รีนผละถอยออก ดวงตาแห่งโกทส์ประจักษ์แก่สายตาของมาร์ค ผีดิบชะงักไปครู่หนึ่งก่อนออกตัวพุ่งไปหยิบดาบ แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อโกสท์สำแดงฤทธิ์ไม่มีปีศาจตนใดตามทันนอกเสียจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน

“เด็กไม่ดีต้องโดนทำโทษนะลูก” เชอร์รีนแย้มยิ้มแล้วดึงดาบขึ้นมาจากพื้น เงื้อมันขึ้นสุดแขนแล้วฟาดฟันตัดข้อมือของผีดิบจนขาดสะบั้น!

“อ๊ากกกกกก!!! อ๊า!” เสียงกรีดร้องดังลั่นลานซ้อม ร่างของผีดิบทรุดฮวบลงกับพื้นพร้อมกับเลือดพุ่งทะลักออกมาราวกับสายฝนที่ตกอย่างบ้าคลั่ง
ยูคยอมที่ดูสถานการณ์อยู่มองด้วยความสนใจ ผีดิบนั้นสามารถงอกอวัยวะที่โดนตัดไปได้ใหม่แต่ความรู้สึกเจ็บที่ได้รับนั้นเป็นของจริง แม้ร่างกายจะรักษาตนเองได้แต่ความเจ็บปวดนั้นฝังลึกลงไปในจิตใจ ไม่มีวันลืมและจดจำตลอดไป

“ฮึก อ๊าก!!” มาร์คทุบกำปั้นอีกข้างลงกับพื้นเพื่อระบายความเจ็บปวด โลหิตสีสดหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย เขี้ยวคมกัดลมบนริมฝีปากจนทะลุเข้าไปแต่เขาไม่สนใจเพราะความเจ็บปวดนั้นไปรวมอยู่ที่ข้อมือจนหมด

“อีกข้าง!” เชอร์รีนตะโกนลั่น เงื้อดาบขึ้นฟ้าเตรียมตัดข้อมืออีกข้างให้ขาดสะบั้น

ผีดิบเงยหน้าขึ้นก่อนตวาดลั่น “ออกไป!” แรงกดดันดีดตัวเชอร์รีนที่ไม่ได้ตั้งหลักให้กระเด็นออกไป มาร์คหอบหายใจจนตัวโยนก่อนสะบัดแขนเมื่อมือนั้นงอกกลับมาเหมือนเดิมแล้ว เขายันตัวให้ลุกขึ้นยืนก่อนเดินเข้าไปหามารดา ดวงตาสีเลือดเรืองโรจน์ รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจากตัวจนยูคยอมยังรู้สึกได้ เขามองหลานชายแล้วยิ้มออกมา

อี๋เอินกำลังทำมันอยู่...เขากำลังเริ่มควบคุมปีศาจ

ด้วยตัวของเขาเอง

“ผมเกลียดดาบนั่น ผมเกลียดมัน” พูดด้วยโทนเสียงแหบแห้งและโหยหวน น้ำเสียงที่เปรียบดั่งกับดัก หากจิตใจไม่แข็งแกร่งพอมันจะนำพามาซึ่งความตาย

“เอาเลยอี๋เอิน หลานทำได้” ยูคยอมพึมพำเสียงเบา การเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับปีศาจคือการเรียนรู้มันด้วยตนเอง

ดวงตาผีดิบสบเข้ากับดวงตาของโกสท์ แรงกดดันแผ่ซ่านออกมาจนเชอร์รีนรู้สึกพะอืดพะอม เธอกำชับดาบในมือให้แน่นขึ้น ตามองตา ไม่มีผู้ใดหลบหลีก เผชิญกันซึ่งๆหน้า หากผู้ใดวอกแวกก่อนเท่ากับได้รับความพ่ายแพ้

“แม่ได้ยินไหมว่าผมเกลียดมัน” ผีดิบจ้องมองดวงตาของมารดาพร้อมกับพร่ำเอ่ยคำเกลียดชังออกมา

ความเกลียดชังเป็นแรงผลักดันให้เกิดพลัง ดวงตาของผีดิบนั้นแข็งแกร่งเกินกว่าจะต้านทานได้ แม้เชอร์รีนจะเป็นโกสท์สายเลือดบริสุทธิ์แต่ในเวลานี้เธอกลับสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของลูกชายตนเองที่ส่งผ่านมาถึงเธอ โกสท์เริ่มก้าวถอยหลังช้าๆ ยังคงจ้องดวงตาอีกฝ่ายไว้ไม่ยอมหลบ หากเธอหลบสายตา เธอแพ้แน่...

“ผมเกลียดมัน! ส่งมันมาให้ผม!” มาร์คตวาดลั่นพร้อมวาดมือออกไป เกิดลมปะทะเข้ากับร่างของเชอร์รีน สายลมโหมกระหน่ำพัดพาร่างของโกสท์ให้ปลิวไปกระแทกกับหินก้อนยักษ์

ดาบในมือหลุดลอยคว้างแล้วปักลงด้านหน้าของผีดิบ มาร์คเดินเข้าไปดึงมันขึ้นมาช้าๆ สายตาจ้องมองแร่เหล็กด้วยความเกลียดชัง เชอร์รีนที่ลุกขึ้นตั้งหลักได้แล้วก็พุ่งเข้าไปหวังแย่งดาบของตนคืน ดวงตาผีดิบจ้องมองมารดา แรงกดดันแล่นเข้าปะทะโกสท์จนร่างขยับไม่ได้ มองลึกเข้าไปในนัยน์ตาสีเลือดของอีกฝ่ายพร้อมออกคำสั่ง “ถอยไป”

ราวกับสติถูกดึงออกจากร่าง สายตาของโกสท์ล่องลอยไร้จุดหมาย ร่างกายหยุดนิ่งแล้วก้าวถอยหลังตามคำสั่ง ‘การควบคุมปีศาจเสร็จสมบูรณ์’ มาร์คปักดาบลงกับพื้นอีกครั้ง จับด้ามของมันไว้ก่อนออกแรงเตะจนมันหักเป็นสองท่อน หลังทำลายสมใจอยากแล้วร่างกายก็กลับคืนสู่สภาวะปกติ
แต่โกสท์ยังคงติดอยู่ในบ่วงแห่งการควบคุม

“แม่” มาร์คเขย่าแขนมารดาเบาๆเพื่อเรียกสติให้กลับมา แต่อีกฝ่ายยังคงนิ่งเงียบ สายตาล่องลอย ไร้อารมณ์และความรู้สึก

“ตาจ๋า แม่อ่ะ แม่เป็นอะไร” เมื่อจนปัญญาที่จะแก้ปัญหาก็หันไปหาคุณตาที่ยืนดูสถานการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ

“เชอร์รีนติดอยู่ในบ่วงแห่งคำสั่ง หลานต้องคลายบ่วงให้เธอ การควบคุมปีศาจจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อผู้ควบคุมคลายบ่วงเท่านั้น” ยูคยอมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ดูเหมือนหลานชายตัวน้อยนั้นไม่รู้เลยว่าตนเองได้ควบคุมมารดาอยู่

“ห๊ะ! ผมควบคุมปีศาจได้แล้วเหรอ แล้วแก้ยังไงอ่ะ ผมทำไม่เป็น แม่! แม่อย่าทำแบบนี้สิ เอินขอโทษ” มาร์คกอดร่างของมารดาแล้วคร่ำครวญ ผีดิบสามขวบเริ่มงอแงแล้วสิ

ยูคยอมอ้าปากเตรียมเอ่ยบอกวิธีแก้แก่หลานชายแต่ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหัวเสียก่อน

ยูคยอมนายอยู่ไหนเนี่ย!

อยู่บ้าน

ห๊ะ! บ้านนายอ่ะนะ ไปทำอะไรที่นั่น กลับมาเดี๋ยวนี้นะ นี่มันเกิน 300 เมตรแล้วพ่อคุณ ถ้าเกิดฉันตายขึ้นมาจะทำยังไง หน้าพ่อยังไม่ทันได้เห็นเลย!
ไม่ตายหรอกน่า เดี๋ยวฉันกลับไปทำตัวเป็นเด็กดีหน่อย   

เมื่อสื่อสารเสร็จก็ตัดโทรจิตแล้วหันไปพูดกับหลานชายต่อ “ลองพูดเรื่องที่ทำให้เธอตื่นเต้นสิ”

“เรื่องที่ทำให้ตื่นเต้นเหรอ...แม่เอินหาเมียได้แล้วนะ” พูดจบนัยน์ตาของโกสท์พลันกลับมาเป็นประกายอีกครั้ง

“ใครคะลูก!”

เชอร์รีนจับเข้าที่ข้อมือของลูกชายแล้วตั้งตารอฟัง เธอนั้นคาดหวังให้ลูกชายพาลูกสะใภ้น่ารักๆเข้าบ้านเป็นที่สุดและไม่เกี่ยงว่าจะเป็นใครหรือเพศไหน

ช่างเป็นคุณแม่ที่ทันสมัยและเปิดกว้างจริงๆ...หรือมันเป็นรสนิยมของเธอกันแน่นะ

“เอ่อ...จ...เจบี” ในใจนั้นอยากตอบว่าเป็นยองแจแต่สามีของเพื่อนยืนอยู่ทนโท่ขนาดนี้เลยต้องตอบไปตามความจริง...

“ตายแล้ว! นั่นไม่ใช่สามีหนูเหรอคะ” มาร์คถึงกับหน้าเหวอ...แม่ครับ

“ก...ก็ใช่ครับ” น้องเอินยิ้มแหยแล้วหันไปมองคุณตาที่ตอนนี้กลั้นขำสุดชีวิต โถ่ตาจ๋า ไม่ช่วยกันเลย

“ไว้ค่อยกลับไปคุยกันต่อที่คฤหาสน์เมจิสแล้วกันตอนนี้กลับกันได้แล้ว” สิ้นเสียงของราชาปีศาจร่างทั้งสามก็พลันหายไปจากลานฝึกซ้อม

เด็กหนุ่มผุดลุกผุดนั่งอย่างร้อนรน รู้สึกกระวนกระวายจนไม่สามารถอยู่เฉยได้ เป็นเวลากว่าสองชั่วโมงแล้วที่ยองแจอยู่ห่างจากยูคยอมเกินสามร้อยเมตร เขารู้ว่ามันจะไม่เกิดผลอะไรหากยังไม่ครบ 24 ชั่วโมง แต่ด้วยนิสัยมนุษย์ที่มักจะตีตนไปก่อนไข้นั้นทำให้ไม่สบายใจเอาเสียเลย

“ยองแจนั่งบ้างก็ได้นะลูก” ยองฮีที่เริ่มเวียนหัวกับการเดินไปเดินมาของลูกชายพูดขึ้น หลังจากรู้ว่าราชาปีศาจไม่อยู่ก็กระวนกระวายน่าดู

“ไว้ยูคยอมกลับมาค่อยนั่งก็ได้ครับ” ตอบกลับมารดาแล้วเดินวนต่อไป ยองฮีถอนหายใจกับอาการดื้อรั้นของลูกชาย ต้องหาทางหลอกล่อเสียแล้วสิ

“ยองแจ ลูกรู้จักวิธีโจมตีสามดอกไหม?” ยองฮีเอ่ยถามลูกชายอย่างต้องการหลอกล่อและดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วยเมื่อยองแจหยุดเดินแล้วยอมนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆตน

“มันคืออะไรเหรอครับ”

“วิธียิงธนูแบบอาร์เชอร์น่ะ” ยิ้มพลางลูบหัวลูกชายไปด้วย ดูเหมือนเด็กน้อยจะสนใจมากทีเดียว

“สอนผมหน่อยสิครับ วันมะรืนเราต้องไปชิงตัวพ่อคืนแล้ว ผมอยากมีวิชาติดตัวเยอะๆ”

ยองแจพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแล้วไถหน้าลงกับไหล่ของมารดาเบาๆ คนเป็นแม่เห็นลูกชายอ้อนขนาดนี้มีหรือจะทนไหว

“เอาสิจ๊ะ แม่จะสอนให้เอง หรือจะให้คุณลุงสอนดีนะ” หันไปมองเจฮยองที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆ หัวหน้าตระกูลผู้ถูกเมินตลอดจนเก็บมานั่งน้อยเนื้อต่ำใจ...ช่างน่าเห็นใจ

“เจฮยองสอนผมหน่อย” หลานชายหันไปมองคุณลุงแล้วส่งเสียงออดอ้อน คนขี้งอนพอได้ยินน้ำเสียงของหลานร่างกายก็พลันอ่อนยวบ เจฮยองค้นพบแล้วว่าตนเองนั้นแพ้ลูกอ้อนของหลานเหลือเกิน

“แฮ่ม! อ...เอางั้นก็ได้ มาเดี๋ยวลุงจะสอน” คนพูดแสร้งวางท่าเก๊กขรึมก่อนลุกขึ้นพร้อมคันธนูในมือ

สีเงินวาววับเล่นแสงหยอกล้อกับดวงไฟจากแชนเดอเลียร์นั้นเปล่งประกายชวนหลงใหล

“ธนูของเจฮยองสวยจัง” ยองแจพูดแล้วเดินตามคุณลุงเพื่อไปยังห้องซ้อมพร้อมกับแม่ของเขา แน่นอนว่าอาร์เชอร์นั้นจำทางไปห้องซ้อมได้อย่างแม่นยำเลยล่ะ

“ธนูของผู้นำตระกูล เมื่อถึงเวลาหนูจะได้รับสืบทอดมันต่อจากลุง” ยองแจยิ้มออกมาพร้อมยืดอกอย่างภาคภูมิใจ แม้ในตอนแรกจะสับสนแต่ตอนนี้ถึงอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมแค่ไหนก็ไม่สามารถกลับไปได้แล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น

ครอบครัวอาร์เชอร์เดินเข้ามาในห้องซ้อม เมจิสที่อยู่ในห้องทำหน้าสงสัยก่อนพยักหน้ารับเมื่อทั้งสองคนชูคันธนูขึ้น แจซอกเดินไปดันอิฐบล็อกก่อนที่เป้าซ้อมจะเลื่อนขึ้นมาจากพื้น ถึงแม้เมจิสจะเป็นตระกูลนักเวทย์แต่ก็มีบางคนที่ใช้อาวุธอย่างอื่นด้วยจึงไม่แปลกที่ห้องฝึกจะมีเป้าซ้อมแบบต่างๆ

“วิธีโจมตีสามดอกคือการยิงธนูสามดอกในครั้งเดียว” เจฮยองหันไปพูดกับหลานชายแล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มน่ารักนั้นอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

“สามดอกในครั้งเดียว...”

ยองแจดูอึ้งกับสิ่งที่คุณลุงพูด การยิงทีละดอกนั้นสำหรับเขาถือว่ายากแล้วแต่นี่ให้ยิงพร้อมกันทีเดียวสามดอกเลยนั้นฟังดูเหลือเชื่อทีเดียว

“สามดอกคือการโจมตีขั้นพื้นฐานของอาร์เชอร์ ตอนนี้สถิติสูงสุดอยู่ที่เก้าดอกซึ่งผู้ถือครองสถิติก็คือเจฮยองกับแม่เอง” ยองฮีบอกกล่าวลูกชายก่อนแย้มยิ้มออกมาเมื่อเห็นเด็กน้อยทำหน้าตื่นเต้น

“มาเริ่มกันเลยดีกว่า” เจฮยองรีบพูดขึ้นก่อนหลานชายจะนึกเปลี่ยนใจอยากให้มารดาเป็นคนสอนแทน

เจฮยองหยิบลูกธนูออกมาจากกระบอกที่สะพายหลังไว้สามดอกก่อนขึงเข้ากับเส้นเอ็นของคันธนู “ลองทำตามลุงสิ” เอ่ยบอกหลานชายให้ทำตาม  ยองแจได้ยินดังนั้นก็หยิบลูกธนูออกมาขึงบ้าง ท่าทางดูเก้กังจนยองฮีต้องเข้าไปช่วย หลังเห็นว่าหลายชายทำตามตนเองได้แล้วหัวหน้าอาร์เชอร์ก็ง้างคันธนูออก เล็งเป้าเพียงครู่หนึ่งก่อนปล่อยศรเงินไปปักเรียงกันบนเป้าเป็นแนวเส้นตรงอย่างพร้อมเพรียง

ยองแจลองง้างคันธนูออกบ้าง เขาเล็งเป้าอยู่นานพอสมควรเพราะไม่ถนัดการยิงทีเดียวหลายดอกขนาดนี้ หายใจเข้าลึกๆก่อนปล่อยศรพุ่งไปปักบนเป้าอย่างพร้อมเพรียง น่าเสียดายที่มีธนูหนึ่งดอกพลาดเป้าไป

 เขาส่ายหัวอย่างไม่พอใจก่อนหยิบธนูออกมาใหม่อีกเซ็ต คนอย่างชเวยองแจไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ เจฮยองและยองฮีที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ก็ได้แต่ลุ้นไปกับเด็กน้อยของพวกเขา

ยองแจหลับตาลงก่อนลืมขึ้นพร้อมดวงตาแห่งการหยั่งรู้ “เอียงซ้ายอีกสิบองศาความเร็วในการปล่อยลูกธนูสามจุดเจ็ดวินาทีความเร็วลูกธนูสามร้อยฟุตต่อวินาที” สิ้นเสียงลูกธนูไทเทเนียมทั้งสามดอกก็พุ่งแหวกอากาศเข้าปะทะเป้าอย่างพร้อมเพรียงและเรียงกันเป็นแนวเส้นตรงอย่างสวยงาม

ชเว ยองแจ ลูกหลานของพลธนูและนักเวทย์

ผู้ถือครองฮาร์ทและความสามารถของอาร์เชอร์

เขาพร้อมแล้วสำหรับสงครามครั้งนี้


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 34 [25/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 24-05-2018 23:47:00
ตอนที่ 33
Start

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 25/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835931#msg3835931)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835940#msg3835940)

สีส้มฉาบทั่วท้องนภา แสงแดดเริ่มบอกลาพร้อมกับดวงตะวันที่คล้อยเคลื่อนจนตกลับขอบฟ้าไป ผู้นำแห่งกีซาสยืนนิ่งมองสัญญาณเตือนนั้นด้วยสีหน้าที่ยากคาดเดา อีกไม่นานมันจะเริ่มขึ้น และอีกไม่นานมันจะจบลงเช่นกัน...

“ตื่นเต้นเหรอ?” เสียงดังมาจากด้านหลังเรียกให้ผู้ที่ยืนอยู่หันไปมอง เมื่อเห็นเจ้าของเสียงก็ยิ้มออกมา

“จำเป็นต้องตื่นเต้นด้วยเหรอ” ตอบกลับไปด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง อีกฝ่ายได้แต่ส่ายหน้าไปมากับท่าทางจองหองนั้น

“เลิกเสียทีเถอะเกลนิสัยวางท่าแบบนั้นน่ะ...” เอ่ยเตือนครึ่งแวมไพร์ไปด้วยใบหน้าเอือมระอา แต่ถึงแม้จะพูดไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเขาพูดแบบนี้เป็นร้อยๆครั้งแต่เกลก็ไม่เคยปรับปรุงเลยน่ะสิ

“ช่างฉันเถอะน่า...แล้ว...นายพร้อมแล้วเหรอ” เกลถามแล้วเดินเข้าไปโยกหัวคนตัวเตี้ยกว่าจนอีกฝ่ายหน้ามุ่ย บอกไปตั้งกี่รอบแล้วว่าไม่ชอบยังจะทำอีก...

“พร้อมสิ...”

“ห้ามตายนะ...วอลเตอร์”

ยองแจยืนสงบนิ่งอยู่ริมหน้าต่างในคฤหาสน์หลักของตระกูลนักเวทย์ ความกังวลและตื่นเต้นเอ่อล้นพร้อมระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ เขาทอดมองออกไปนอกตัวคฤหาสน์

 เหล่าโกสท์ชนชั้นสูงต่างทยอยกันหลั่งไหลเข้ามารวมทั้งคนของฝั่งเดม่อนฮันเตอร์และอาร์เชอร์ด้วย ธนูสีดำเริ่มสั่นจากอาการตื่นเต้น ยองแจสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนเผยดวงตาแห่งการล่วงรู้ออกมา การสำรวจเหตุการณ์ล่วงหน้านั้นถือเป็นความคิดที่ไม่เลว...แต่มันก็ไม่ดีไปเสียทีเดียว

ภาพของดาบเล่มยักษ์เสียดแทงทะลุร่างของบุคคลที่รู้จักฉายชัดก่อนตัดไปที่กองเลือดสีสดไหลฉาบพื้นให้แดงฉานพร้อมร่างที่นอนสงบนิ่งถึงแก่ความตาย หยาดน้ำใสไหลรินออกมาจากโรสอายก่อนเจ้าของจะเลิกสำแดงฤทธิ์ ทำไม มีเพียงคำนี้ที่วนเวียนอยู่ในหัว ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงต้องเกิดขึ้น ถ้าเขาต้องการเปลี่ยนแปลงมัน...จะทำได้ไหม

“แตง...” เสียงของเพื่อนสนิทเรียกสติของยองแจให้กลับมา รีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาเพราะกลัวมาร์คตื่นตูมที่เห็นเขาร้องไห้

“เสร็จแล้วเหรอ...โอ๊ะ...” เมื่อหันไปมองเพื่อนเต็มๆตาก็ต้องร้องอุทานออกมา มาร์คในชุดสูทหรูหรา ตั้งแต่เสื้อ เนคไทป์ กางเกงลงไปจนถึงรองเท้าเป็นสีดำทั้งหมด ยองแจเพิ่งเคยเห็นมาร์คในชุดแบบนี้ เขาบอกไม่ถูกเหมือนกันว่ามันดูเข้ากับคนที่ใส่หรือไม่แต่มีอย่างหนึ่งที่ชัดเจนในสมองของเขาตอนนี้

“หล่อนะเนี่ย...” เอ่ยคำชมออกไปอย่างเต็มใจ มาร์คที่โดนชมก็ได้แต่เกาท้ายทอยแก้เขิน

“แน่นอน หล่อมาตั้งแต่เกิดอ่ะรู้จักไหม”

“นี่ก็มั่นหน้าจังเลยครับที่รัก”

ยองแจเดินไปยีผมของมาร์คที่จัดทรงไว้เสียดิบดีให้ยุ่งเหยิง เขาชอบให้เพื่อนดูหล่อแบบธรรมชาติมากกว่าปรุงแต่งมันขึ้นมา เป็นน้องเอินที่น่ารักแบบปกติน่ะดีกว่าตั้งเยอะ

“ผมเสียทรงหมดเลยอิแตง! เดี๋ยวกูจับจ...” เกือบหลุดปากพูดเรื่องไม่เป็นเรื่องออกไป พอนึกถึงเหตุการณ์นั้นมาร์คก็หูแดงขึ้นมาจนยองแจจับผิดได้

“จับจูบ?”

“ป...เปล่า” ผีดิบก้มลงจนคางแทบจะชิดออกก่อนนึกขึ้นได้ว่าหากทำแบบนี้ยองแจจะยิ่งสงสัยขึ้นไปอีกจึงเงยหน้าขึ้นก่อนพบว่าอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้แล้วดึงตัวเขาเข้าไปกอดแน่นเสียแล้ว

มาร์คกอดตอบด้วยความงุนงง ยองแจใช้คางเกยไหล่เพื่อนไว้แล้วหลับตาลงช้าๆ ถ้าเป็นไปได้เขาอยากให้เวลาหยุดเดิน อยากหยุดสงครามนี้ไว้ไม่ให้มันเกิดขึ้น ไม่อยากสูญเสียอะไรไป ไม่อยากลาจากกับใคร

ภาพที่เห็นจากโรสอายยังคงตราตรึงในจิตใจ เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่...

“อย่าเป็นอะไรนะเอิน ดูแลตัวเองด้วย” ยองแจลูบหัวมาร์คแล้วคลายอ้อมกอด ก่อนผละออกก็ประทับจูบลงบนแก้มของเพื่อนไปเสียงดังจ๊วบ

“โอยแตง...”

“เครื่องรางจากกู กลับมาให้กูจูบอีกข้างด้วยนะ”

“ทำไมมึงพูดเหมือนกูจะตายเลยอ่ะ อย่าคิดมากสิ” มาร์คเอื้อมไปบิดแก้มของยองแจเบาๆแล้วเลื่อนลงไปกุมมืออีกคนไว้ ส่งมอบความอบอุ่นและกำลังใจผ่านฝ่ามือของเขา

“ก็กูเป็นห่วง...” มาร์คยิ้มออกมาพร้อมกุมมือให้แน่นขึ้น เขารู้ว่ายองแจเป็นห่วงเขามากแค่ไหนแต่ยองแจควรเป็นห่วงตัวเองด้วยเช่นกัน

“กูไม่เป็นไรหรอก มึงนั่นแหละ มึงมีชีวิตเดียว โดนแทงครั้งเดียวก็อาจจะตายแล้ว ไม่เหมือนกูที่ต่อให้ถูกตัดหัวกูก็ไม่ตาย ดูแลตัวเองให้ดีนะแตง สงครามครั้งนี้กูคุ้มครองมึงไม่ได้ตลอด อย่าชะล่าใจ อย่าไว้วางใจปีศาจตนไหนแม้แต่พวกเดียวกันก็อย่าไว้ใจ” ยองแจถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงบอกไม่ให้ห่วงเขาก็ยังเป็นห่วงอยู่ดีนั่นแหละ

“เด็กๆเสร็จหรือยังลูก” ทั้งสองหันไปมองตามต้นเสียง เชอร์รีนเดินเข้ามา แต่งองค์ทรงเครื่องเต็มยศพร้อมดาบอัศวินในมือ มาร์คแอบเบ้หน้าเมื่อเห็นดาบของมารดาแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับมันนัก

“ว้าว...คุณน้าสวยมากเลยครับ” ยองแจเอ่ยชมเชอร์รีนพลางนึกสงสัยในหน้ากากที่โกสท์นั้นสวมใส่ แต่ก็ไม่ได้ซักไซ้อะไร

“องค์ราชินีเองก็เลอโฉมเช่นกันค่ะ” โกสท์แซวจนยองแจถึงกับเหลือกตาด้วยความตกใจ นิสัยชอบแซวและขี้แกล้งนี่มันสืบทอดต่อกันมาทางสายเลือดหรือยังไงนะ

“คุณน้า...”

“ล้อเล่นจ้ะ ออกไปกันเถอะคุณอารออยู่นะ”

พูดจบก็คว้ามือเด็กๆทั้งสองแล้วพาเดินออกไปยังห้องโถงใหญ่ ยองแจสูดหายใจเข้าปอดเต็มที่แล้วพ่นออกมาช้าๆ จะเริ่มแล้วสินะ...ระหว่างทางไปห้องโถงก็ต้องคอยรับคำทักทายและโค้งตอบกับปีศาจหลายตนจนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาหน่อยๆ บางทีการมาเป็นเหยื่อหรือคนรู้จักของพวกชนชั้นสูงก็ไม่ใช่เรื่องดีเสียทีเดียว

“โอ้โห! หลานใครเนี่ยหล่อเหมือนลุงเลย” หลังเห็นหน้าหลานปุ๊บก็รีบพุ่งเข้าไปกอดคอปั๊บ อาการเรียกร้องความสนใจมาเต็มแม็กซ์...ยองแจมองหน้าเจฮยองแล้วยิ้มให้แทนคำตอบ

“โอ้มายแองเจิ้ล...” เจฮยองปล่อยมือก่อนยืนคร่ำครวญกับความน่ารักของหลานอยู่เงียบๆคนเดียว โถ่ตาแก่หลงหลาน...

“ชุดเข้ากับนายดีนะ” ทันทีที่ราชาปีศาจเดินเข้าไปหาทุกคนต่างพากันหยุดแล้วก้าวถอยหลังไปช้าๆ มีเพียงยองแจที่หยุดยืนอยู่จุดเดิมจ้องมองใบหน้าของโกสท์เจ้าของพันธะสัญญาที่ดูแปลกตาไปเล็กน้อย

“นายก็...ดูเท่ดีนะ” ผมที่ปกติจะยาวลงมาปรกตาถูกเสยขึ้นเผยให้เห็นโครงหน้าของอีกฝ่ายชัดเจนยิ่งขึ้น ชุดสูทดำสนิทไร้ลวดลายและสิ่งใดปักประดับ ไม้เท้ารูปร่างแปลกประหลาดสีเดียวกับชุดที่ยูคยอมถือนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับยองแจเล็กน้อยและมีหนึ่งคำถามที่ผุดขึ้นในหัว เขาไปเอามาจากไหนนะ...

“ไม้เท้านี่เหรอ ของท่านพ่อน่ะ” ยูคยอมตอบข้อสงสัยโดยที่อีกฝ่ายยังไม่เอ่ยคำถามออกมา แค่มองตาก็พอจะรู้แล้วว่ายองแจกำลังสงสัยอะไร

“นายดู...น่าเกรงขามดีนะวันนี้ อย่าตายล่ะคุณโกสท์” มือเล็กตบเข้าที่อกของราชาปีศาจไปเต็มแรง

“ไม่ตายหรอก...” รับปากอีกคนก่อนโน้มลงไปกระซิบข้างหู “หลังสงครามจบ...นายต้องตั้งท้องลูกของเรา”

“โอ๊ย...ก็บอกว่าไม่พร้อมไง” ยองแจผลักยูคยอมออกแล้วยกมือขึ้นปิดหูไว้ ใบหน้าถูกฉาบไปด้วยสีแดงอย่างเห็นได้ชัด ได้ยินอะไรแบบนี้ทีไรเป็นต้องเขินทุกทีสิน่า

“หึหึ”

“เอ้าๆ เลิกสะหวีวี่วีกันได้แล้วครับท่านราชา แม๊!แต่งตัวซะหล่อเลิศสะแมนแตนเลยนะครับ ไปครับท่านไปคุมทัพครับ เดม่อนฮันเตอร์เกือบทำปืนลั่นใส่โกสท์หลายรอบละครับท่าน โกสท์กวนตีนเหลือเกินครับ” แจ็คสันที่ทนความวุ่นวายข้างนอกไม่ไหวรีบเดินเข้ามาลากตัวยูคยอมออกไปทันที

ยองแจและพวกที่เหลือเดินตามออกไปทีหลัง ธนูในมือถูกกำแน่นมืออีกข้างกำชับเป้ให้ดูทะมัดทะแมง กระเป๋าซึ่งบรรจุอาวุธไว้ครบครันเผื่อฉุกเฉินในยามลูกธนูหมดซึ่งแน่นอนว่าคนที่จัดและสรรหาอาวุธมาให้นั้นย่อมเป็นคนที่สอนเด็กหนุ่มใช้อาวุธ หัวหน้าฮันเตอร์ แจ็คสัน นั่นเอง
เมื่อออกมาก็พบเข้ากับบรรยากาศที่แตกต่างออกไป ความหิวกระหายในสงครามแผ่ซ่านออกมาจากกองทัพโกสท์นับพันตนซึ่งตอนนี้พากันคุกเข่าศิโรราบต่อหน้าราชาปีศาจ ทางฝั่งมนุษย์เองก็ฮึกเหิมไม่แพ้กัน ต่างฝ่ายต่างอยู่ในชุดแต่งกายที่เหมาะกับตนเอง มีอาวุธมากมายที่ยองแจยังไม่เคยเห็น สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเด็กหนุ่มไม่น้อย

“พี่ยองแจฮะ” เมื่อหันไปตามเสียงก็พบกับแวร์วูฟตัวแสบที่ไม่เจอหน้าเสียตั้งนาน ยองแจรีบวิ่งเข้าไปหาแบมแบมแล้วกอดฟัดเจ้าหมาน้อยให้หายคิดถึง

“แบมแบม ฮื๊ม~ หายไปไหนมาไอ้ตัวแสบ” ถามพร้อมฟัดแก้มนุ่มนิ่มของแวร์วูฟในร่างของหมาป่าไปเสียเต็มที่

“ไปคุมการฝึกแทนพี่จ๋าฮะ คิดถึงพี่ยองแจเหมือนกันฮะ คิดถึงเจ้านายด้วย คิดถึงพี่ด้วยคิดถึงทุกคนเลย”

พูดไปหางพวงโตก็สะบัดส่ายไปมาเพิ่มความน่ารักน่าเอ็นดูเข้าไปอีกสามเท่า ยองแจที่เห็นแบบนั้นแทบจะกระอักความน่ารักตาย เป็นโรคแพ้ความน่ารักนี่มันลำบากแบบนี้เองสินะ...

“เก่งนะเราตัวแค่เนี้ย” ลูบหัวลูบตัวเจ้าหมาน้อยแวร์วูฟไปพูดไป แบมแบมที่ถูกเจ้านายอีกคนเอ็นดูขนาดนี้ก็ได้แต่ส่ายหางไปมาเบาๆ

หลังลูบแวร์วูฟจนหายคิดถึงแล้วยองแจก็เดินกลับไปหามาร์คที่ไม่รู้ไปเอาหน้ากากจากไหนมาใส่ เดินเข้าไปใกล้แล้วชะเง้อดูเชิงเล็กน้อย ปีศาจเยอะขนาดนี้เขาอาจจำผิดก็ได้

“ชะเง้อหาอะไรของมึง” เมื่อได้ยินเสียงก็ต้องพยักหน้าเบาๆ นี่แหละน้องเอิน...

“ปกติมึงไม่หล่อขนาดนี้อ่ะ...”

“รักกูแล้วล่ะสิ” ยองแจกรอกตามองบนแล้วทำเป็นไม่สนใจคำพูดของมาร์ค น้องเอินอ้าปากเตรียมว่าเพื่อนแต่หัวหน้าแวร์วูฟก็เข้ามาขัดเสียก่อน

“เบ ฝั่งนู้นมีผีดิบเป็นพวกด้วยนะ อยู่ที่นี่จะไม่ดีกว่าเหรอ” เอ่ยถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้ผีดิบจะไม่ชอบอยู่กันเป็นกลุ่มและลดจำนวนลงมากแล้ว หากแต่พวกมันแต่ละตนก็ฝีมือไม่เลวเลยทีเดียว

“เบยังไม่เคยเอาจริงเลย บี๋ไม่ต้องห่วงหรอก เวลาเบจะโดนทำร้ายบี๋ก็วิ่งมาช่วยสิเดี๋ยวผิวปากเรียก” เจบีรู้สึกทะแม่งๆกับประโยคเมื่อครู่ของมาร์ค เห็นเขาเป็นอะไรนะ...

“เบครับ...”

“บี๋...อย่าตายนะ” มาร์คเอ่ยออกไปผ่านหน้ากากที่สวมอยู่ แม้ส่วนของดวงตาลงมาถึงจมูกจะถูกปิดบังไว้ แต่ความเป็นห่วงนั้นได้สื่อถึงเจบีผ่านทางดวงจิตที่ผูกพันกันแล้ว

“อากาศเลยกู...” ยองแจบ่นกับตนเองเสียงเบาแล้วค่อยๆย่องออกมา สอดส่องมองหามารดาตนเองแต่สายตาดันไปสะดุดกับคุณลุงเข้าพอดี

ยองแจเดินเข้าไปสะกิดคุณลุงที่ยืนเท้าสะเอวมองเพื่อนๆอาร์เชอร์ขัดเช็ดลูกธนูอยู่ คนโดนสะกิดหันมองอัตโนมัติ เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มแก้มแทบแตก กอดหมับเข้าที่คอของหลานชายแล้วแนะนำให้คนในตระกูลได้รู้จัก “เห้ยทุกคน! นี่ยองแจนะเว้ย จำได้ป่ะ” สิ้นเสียงหัวหน้าอาร์เชอร์เหล่าคนในตระกูลก็หันมองยองแจกันเป็นตาเดียว

เด็กหนุ่มยิ้มแหยก่อนกล่าวทักทาย “สวัสดีครับ ยองแจครับ”

เหล่าอาร์เชอร์ยิ้มต้อนรับด้วยความอบอุ่นทำให้ยองแจลดอาการเกร็งลงได้มาก รู้สึกขอบคุณพระเจ้าที่ให้เขาได้เกิดมาในตระกูลที่ดีแบบนี้แม้จะมีลุงไม่ค่อยเต็มบาทเท่าไหร่ก็ตาม...

“ราตรีกาลได้มาถึงแล้ว จงออกไปสู้รบในนามของข้าและกลับมาในนามของเจ้า กองกำลังแห่งข้าออกเดินทางได้” เสียงราชาปีศาจกึกก้องไปทั่วพื้นที่ หลังจบสิ้นคำสั่งกองกำลังโกสท์ก็พลันมลายหายไปตามด้วยกองกำลังมนุษย์ที่ออกวิ่งไปเป็นกลุ่มแล้วแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง
มาร์คนั้นวิ่งออกไปพร้อมแวร์วูฟก่อนแยกตัวออกมาทีหลัง เขาเลือกที่จะออกไปคนเดียวมากกว่าการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

ราชาปีศาจยังคงยืนอยู่ ณ จุดเดิม ทอดสายตามองกองกำลังของตนเองเคลื่อนพลออกไป หันไปเห็นเหยื่อของตนยืนนิ่งอยู่ไม่ห่างก็เดินเข้าไปหาก่อนเอ่ยถาม “ไม่ออกไปพร้อมอาร์เชอร์เหรอ” ยองแจไม่ตอบ เขย่งปลายเท้าขึ้นประทับจูบลงบนริมฝีปากของโกสท์เบาๆ

“ลืม...เครื่องรางของนายนะ” พูดจบก็วิ่งออกไปรวมพลกับอาร์เชอร์ทันที เพราะความเร็วที่ถูกฝึกฝนมาตลอดสิบปีทำให้สามารถตามฝีเท้าของพลธนูคนอื่นๆทัน

ยูคยอมยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่สักพักก็ออกวิ่งไปอุ้มตัวยองแจขึ้นมาก่อนปล่อยปีกสีดำทมิฬให้สลายแผ่กว้าง โกสท์นั้นคือสายพันธุ์ที่ผิดเพี้ยนมาจากแวมไพร์จึงไม่แปลกเลยที่โกสท์บางตนจะมีปีก

“บินได้ด้วยเหรอเนี่ย!” ยองแจตกใจจนเผลอตะโกนเสียงดัง พอได้สติก็รีบยกมือขึ้นปิดปากตัวเองไว้

ยูคยอมกระพือปีกแล้วมุ่งหน้าไปยังปราสาทของลอร์ดเซซิลเลียทันที ความเร็วอันน่าเหลือเชื่อทำเอายองแจรู้สึกเสียววูบที่ท้องน้อยแปลกๆ ยังไม่ทันถึงที่หมายโกสท์ก็โฉบลงพาเหยื่อของตนเองมาหยุดยืนอยู่หน้ากองทัพก็อบลินและอ๊อค เสียงขู่คำรามของอ๊อคดังลั่น กระบองหนามในมือกระแทกลงพื้นเกิดเป็นเสียงดังอึกทึก

“พามาเจอเรื่องซวยๆอีกแล้วนายเนี่ย” ยองแจกระโดดลงจากอ้อมกอดของยูคยอมแล้วหยิบลูกศรออกมา ง้างคันธนูออก ก่อนปล่อยศรไทเทเนียมสามดอกแหวกผ่านอากาศไปปักกลางศีรษะของอสูรกายยักษ์สามตนจนล้มคว่ำไป

“พวกนี้น่ารำคาญชะมัด” ราชาปีศาจเก็บปีกให้หายเข้าไปในหลัง ก่อนหมุนควงไม้เท้าในมือแล้ววาดมันออกไป ราวกับอากาศได้จับรวมตัวกันเป็นหอกแหลมทิ่มแทงร่างของก็อบลินจนฉีกกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง

ยองแจเอื้อมมือไปหยิบระเบิดในเป้ออกมาสามลูกก่อนดึงสลักออกแล้วโยนเข้าไปกลางวงล้อมของอ๊อค เมื่อปาอาวุธออกไปก็รีบวิ่งหาที่กำบัง

ตู้ม!!!

แรงระเบิดฉีกกระชากร่างอสูรกายยักษ์ให้แหลกเป็นผุยผงพร้อมกับสะเก็ดเงินปลิวว่อนหยุดการเคลื่อนไหวของเหล่าอ๊อคที่ไม่ได้รับแรงระเบิด ยองแจวิ่งเข้าไปหายูคยอมก่อนกระโดดขึ้นหลังโกสท์แล้วยิงธนูใส่กลางศรีษะก็อบลินที่กระโจนเข้ามา

หลับตาลงก่อนเผยโรสอายออกมา ภาพของกองกำลังแวมไพร์เคลื่อนพลตรงไปยังกองกำลังของเมจิสฉายชัดก่อนตัดไปที่อาร์เชอร์ซึ่งตอนนี้ปะทะอยู่กับกลุ่มเอลฟ์จำนวนหนึ่ง

“นายรีบไปที่ปราสาท ฉันจะไปหาเจฮยอง” พูดจบก็กระโดดลงจากหลังของราชาปีศาจแล้ววิ่งออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพร้อมไฟฉายที่แจ็คสันยัดมันใส่ในเป้มาให้ด้วย ถือเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกชั้นดีเลยล่ะนะ

“ภายในหนึ่งชั่วโมงพากองกำลังอาร์เชอร์ไปหาฉันที่ปราสาท” โกสท์ออกคำสั่งยองแจก่อนร่างจะหายไป

เริ่มนับถอยหลัง

เหลือเวลาอีก 59 นาที 48 วินาที


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 34 [25/05/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 24-05-2018 23:53:50
ตอนที่ 34
Attack

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 25/05/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835936#msg3835936)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839196#msg3839196)

เด็กหนุ่มเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังอยู่ไม่ไกล ยองแจเก็บไฟฉายเข้ากระเป๋าก่อนหยิบแว่นอินฟาเรดขึ้นมาสวม จัดแว่นให้เข้าที่อยู่สักพักก็หยิบลูกธนูมาขึงกับเส้นเอ็นแล้วค่อยๆเดินเข้าไป เสียงฝีเท้านั้นโดนเสียงโห่ร้องและเสียงธนูปักเสียบร่างกลบจนมิด

ยองแจง้างธนูแล้วเล็งเป้า หลังตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าเป้าหมายคือฝ่ายศัตรูลูกศรไทเทเนียมก็พุ่งทะยานไปปักเข้ากลางคอหอยของเอลฟ์ทันที หลังร่างของเหยื่อล้มลง ทั้งสองฝ่ายต่างหยุดการโจมตี เอลฟ์นั้นถอยไปตั้งหลักเช่นเดียวกับอาร์เชอร์ที่ถอยมารวมกำลังพลซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่

เป้าของยองแจคือ หัวหน้าเอลฟ์

เด็กหนุ่มวิ่งเข้าไปรวมกับอาร์เชอร์ก่อนมองหาคุณลุงของตนเอง เมื่อพบเข้ากับบุคคลที่กำลังหาก็รีบสาวเท้าเข้าไปใกล้ก่อนวางมือลงบนไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “เจฮยอง” เจ้าของชื่อหันตามเสียงเรียกก็พบหน้าหลานชายตัวน้อยของเขา เจฮยองจับยองแจหมุนรอบทิศตรวจสอบบาดแผลบนร่างกายของหลานชายด้วยความเป็นห่วง

“หนูเป็นอะไรหรือเปล่าบาดเจ็บไหม”

“ผมไม่เป็นไร เจฮยองปลอดภัยดีไหม”

“ระดับลุงไม่มีแม้แต่แผลถลอก” ยองแจนึกหมั่นไส้ในความคุยโวโอ้อวดของคุณลุงแต่ก็โล่งอกที่อีกฝ่ายไม่ได้รับอันตราย

ยังไม่ทันได้เปล่งคำถามต่อไป โรสอายก็กลับมาสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง ยองแจถีบเจฮยองให้ถอยห่างจากตัวก่อนง้างธนูแล้วปล่อยศรสามดอกไปปักบนดวงตาของแขกผู้มาใหม่ ‘ซีโบลด์’ อสูรกายร่างยักษ์ สัตว์เลี้ยงประจำตระกูลกีซาส มันสะบัดหน้าอย่างหงุดหงิดที่การมองเห็นถูกบิดเบือน เสียงขู่คำรามดังก้องไปทั่วป่าด้วยความโกรธเกรี้ยว

“ยิง !”

คำสั่งจากหัวหน้าพลธนูดังแข่งเสียงคำราม ห่าฝนธนูนับพันพุ่งเข้าปักแทงทะลุร่างของปีศาจสิงโตจนมันทรุดลงไป

อาร์เชอร์ยังคงง้างธนูเตรียมพร้อมโจมตีส่วนเอลฟ์ที่ถอยไปตั้งหลักในตอนแรกนั้นได้กลับมาอีกครา ธนูดอกแรกถูกยิงมาจากเอลฟ์สร้างควันสีเทาลอยฟุ้งจนมองแทบไม่เห็น การมองเห็นที่ทำได้ยากเย็นในยามกลางคืนบัดนี้ถูกตัดขาดเสียแล้ว ยองแจหันมองรอบตัวช้าๆ ฟังเสียงฝีเท้าที่ย่างเข้ามา

“เสียงฝีเท้าเบากว่าคนทั่วไป ความเร็วเหนือกว่ามนุษย์เป้าหมายทิศเหนือสิบนาฬิกา” บ่นพึมพำกับตนเองเบาๆพร้อมง้างคันธนูแล้วปล่อยลูกศรเข้าไปปักบนไหล่ของอีกฝ่าย

ยองแจวิ่งออกมาจากกลุ่มควันแล้วกวาดสายตามองหาต้นไม้ที่แข็งแรงพอจะเป็นตัวยึดให้เขาปีนขึ้นไปได้ เขาออกตัววิ่งทันทีหลังพบต้นไม้ที่เข้าข่าย ยองแจควานหาบางอย่างในกระเป๋าแล้วหยิบมันออกมา เชือกที่ผูกกับตะขอเหล็กขนาดใหญ่ถูกเหวี่ยงขึ้นไปคล้องกับกิ่งไม้ หลังดึงตรวจสอบความแข็งแรงแล้วยองแจก็ปีนขึ้นไปโดยใช้ลำต้นเป็นหลักค้ำยัน เมื่อขึ้นมาสูงในระดับที่พอใจแล้วเขาก็ไม่ลืมที่จะเก็บเชือกขึ้นมาด้วย การสอนของเดม่อนฮันเตอร์นั้นเป็นประโยชน์ในเวลานี้มากทีเดียว

เด็กหนุ่มมองดูสถานการณ์จากบนต้นไม้ เอลฟ์กลุ่มหนึ่งปะทะเข้ากับอาร์เชอร์ ยองแจเพ่งมองภาพครู่หนึ่งก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าบุคคลที่ตนกำลังมองอยู่คือมารดาของตน ยังไม่ทันได้ง้างคันธนู อสูรกายร้ายที่ถูกยิงในตอนแรกก็ลุกขึ้นมา สะบัดเพียงครั้งเดียวลูกธนูนับร้อยก็หลุดออกจากตัวไปปักบนร่างผู้เคราะห์ร้าย ยองแจขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเรื่องยุ่งยากกำลังถาโถมเข้าใส่

“บ้าเอ๊ย! ธนูที่มันสะบัดออกโดนอาร์เชอร์ด้วย” ยองแจสบถอย่างหัวเสีย ควานหาบางอย่างในกระเป๋าเป้ก่อนหยิบมันออกมา

เขาจับด้ามของมันก่อนดึงให้ส่วนที่เป็นโลหะยืดออก เปิดฝาขวดของเหลวบางอย่างแล้วเทให้เคลือบไปบนผิวโลหะ หลังแน่ใจว่าของเหลวนั้นแห้งแล้วก็จับด้ามของอาวุธมาขึงเข้ากับเอ็นธนู จำเป็นด้วยหรือที่พลธนูนั้นจะต้องยิงแค่ลูกธนูเท่านั้น...จังหวะที่ซีโบลด์แผดเสียงคำราม ‘ดาบเงิน’ ที่เคลือบด้วยยาพิษก็ถูกปล่อยออกจากนัวร์สีดำสนิท

ดาบคมปักลงกลางศีรษะของสัตว์ร้าย พิษที่เคลือบไว้บนผิวดาบค่อยๆแพร่เข้าสู่กระแสเลือดของมัน ดวงตาของซีโบลด์เหลือกลานร่างล้มลงนอนดิ้นกระเสือกกระสน น้ำลายเป็นฟองฟอดไหลทะลักออกมา ขาทั้งสี่ชี้ฟ้าทุรนทุรายก่อนแน่นิ่งไป พิษร้ายที่เดม่อนฮันเตอร์ได้คิดค้นขึ้นสำหรับกำจัดสัตว์ร้ายอย่างซีโบลด์ ยองแจมองภาพนั้นก่อนคำพูดของแจ็คสันจะผุดขึ้นในหัว

‘สิ่งแรกที่อาจเจอคือซีโบลด์’   

เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่ดาบไม่พลาดเป้า ถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกแจ็คสันต้องโดนโกรธที่ใช้อาวุธผิดวิธีแน่ ยองแจสะบัดหัวสองสามครั้งก่อนตบแก้มเรียกสติตนเอง หลังรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนเบาๆเด็กหนุ่มก็มองลงไปยังพื้นเบื้องล่าง เอลฟ์สองตนกำลังปีนป่ายต้นไม้ขึ้นมาหาเขา

“สองรุมหนึ่งเหรอ”

ยองแจง้างธนูเตรียมสอยพวกหมาหมู่ให้ร่วงแต่ก็ต้องหลบเมื่อเจอลูกธนูสวนขึ้นมา เขาผูกปลายเชือกเข้ากับเอวก่อนดึงสำรวจปลายอีกข้างที่พันรอบต้นไม้อยู่ มองภาพเบื้องล่างครู่หนึ่งอย่างครุ่นคิดก่อนหยิบปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมา สูดหายใจเข้าปอดลึกๆแล้วกระโดดลงจากต้นไม้

“ถ้ากูไม่ตายเพราะธนูก็ตายเพราะตกต้นไม้นี่แหละ”

กระบอกสีเงินถูกยกขึ้นมาเตรียมพร้อม เมื่อร่วงลงมาได้ครึ่งทางก็โหนเชือกไว้แล้วเตะคันธนูของเอลฟ์ตนแรกจนกระเด็นหล่นลงพื้น “อย่ารุมกันสิครับคุณเอลฟ์” พูดจบก็ส่งกระสุนเงินออกไปทักทายอีกฝ่ายจนตกต้นไม้ เอลฟ์อีกตนที่เห็นเพื่อนตกลงไปก็ง้างธนูขึ้นเตรียมยิงใส่ยองแจทันที

“รู้อะไรไหมครับคุณเอลฟ์” ยองแจพูดก่อนปล่อยมือจากเชือก ร่างกายดิ่งลงสู่พื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ผ่านตัวเอลฟ์ก็ลั่นไกนัดเดียวยิงเข้าตัดขั้วหัวใจทันที

“ลูกปืนมันเร็วกว่าลูกธนูนะครับ” บอกกล่าวกับร่างไร้วิญญาณที่ตกลงไปด้านล่าง

ยองแจจับเชือกไว้ก่อนค่อยๆโรยตัวลงมายังพื้นดิน เมื่อขาสัมผัสพื้นก็ต้องเหงื่อตกเมื่อพบว่าตนเองนั้นถูกล้อมด้วยกองทัพเอลฟ์เสียแล้ว

สองมือค่อยๆชูขึ้นเหนือหัวก่อนทิ้งปืนลงพื้น เหล่าเอลฟ์ที่เห็นศัตรูยอมแพ้ก็ลดระดับลูกธนูลงอย่างชะล่าใจ ยองแจอาศัยความมืดเป็นเครื่องอำพรางล้วงเข้าไปหยิบเครื่องช็อตไฟฟ้าออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เขาอาศัยจังหวะที่เอลฟ์ลดความระวังตัวปีนเชือกขึ้นไปแล้วออกแรงแกว่งให้ตัวของตนเองโหนไปตามแรงเหวี่ยง ไฟฟ้าแล่นเข้าช็อตตัวเอลฟ์จนสลบไป เมื่อโหนมาถึงปืนที่ทิ้งไปก็ก้มคว้ามันขึ้นมาอีกครั้งแล้วลั่นไกใส่เอลฟ์ที่เหลือ ยองแจรีบวิ่งออกมาจากต้นไม้นั้นก่อนถูกล้อมอีกครั้ง รู้สึกสูญเสียพลังงานไปมากทั้งที่เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น

“อีกสี่สิบนาที” พึมพำกับตนเองเบาๆแล้ววิ่งเข้าไปยังกลุ่มของอาร์เชอร์ที่ถูกเอลฟ์ล้อมกรอบอยู่

กระสุนเงินพุ่งเข้าเจาะกะโหลกของเอลฟ์นับสิบตน ปืนถูกเก็บเข้าที่เดิมก่อนธนูสีดำจะถูกง้างออกอีกครั้ง เหล่าอาร์เชอร์ที่ถูกรุมในตอนแรกหันหลังชนกันเป็นวงกลมต่างคนต่างหยิบลูกธนูขึ้นมาขึงเส้นเอ็นคนละสามดอกก่อนปล่อยศรเพื่อแหวกวงล้อมของศัตรู ยองแจหลบลูกศรที่พุ่งผิดวิถีจนเกือบปักตาขวาเขาอย่างหวุดหวิด นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้วก่อนโกยแน่บไปหลบหลังต้นไม้

“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”

“ยองแจเป็นอะไรไหมลูก” ยองฮีที่เห็นลูกชายตัวเองเกือบโดนลูกหลงก็รีบวิ่งเข้าไปหาพลางสำรวจร่างกายยองแจไปด้วย

“ผมไม่เป็นไรครับแม่ แม่โอเคไหม” ยองแจตอบมารดาพร้อมสำรวจร่างกายของเธอไปด้วย เหมือนยองฮีจะสบายดี เห็นแบบนั้นก็โล่งอก สถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีเวลาให้ห่วงหากันมากนัก ยองแจดึงแขนแม่ของตนเองให้หลบวิถีของลูกธนูที่พุ่งมา

ความโกรธเคืองที่ศัตรูหวังทำร้ายมารดาของตนทำให้เขาง้างคันธนูพร้อมปล่อยศรไทเทเนียมเจ็ดดอกเข้าปักลงทั้งลำตัวของเป้าหมายเพียงตนเดียว ยองฮีนึกแปลกใจที่ลูกชายของตนนั้นมีพัฒนาการรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ จากสามดอกสู่เจ็ดดอกได้ในเวลาแสนสั้น

“เหลือศัตรูอีกเท่าไหร่ลูก” ยองฮีเอ่ยถามลูกชายพร้อมปล่อยธนูเก้าดอกใส่เป้าหมายเก้าตนที่พุ่งเข้าใส่

“ห้าสิบตนครับแม่!” ตะโกนตอบมารดาก่อนเอี้ยวตัวหลบเอลฟ์ที่ฟาดคันธนูใส่

“ธนูเขามีไว้ยิงไม่ได้มีไว้ฟาดครับคุณเอลฟ์!” พูดจบก็ใช้คันธนูของตนเองเสยคางอีกฝ่าย คันธนูที่ทำจากแร่โลหะนั้นคมพอที่จะเจาะทะลุคางขึ้นไปถึงสมอง ยองแจมองภาพที่เห็นด้วยความรู้สึกพะอืดพะอม รีบดึงนัวร์กลับมาแล้วสะบัดเลือดที่ติดอยู่ทิ้ง

โรสอายสำแดงฤทธิ์ของมันอีกครั้ง ยองแจเล็งเป้าไปยังพื้นที่ว่างเปล่าก่อนนับถอยหลังในใจ เมื่อนับครบก็ปล่อยลูกศรออกไป จากพื้นที่ที่ไม่มีอะไรเลยกลับปรากฏร่างของเอลฟ์ตนหนึ่งที่พุ่งออกมาจากหลังต้นไม้หวังเข้าโจมตีหัวหน้าอาร์เชอร์ที่ขาดการระวังด้านหลัง

“เจฮยอง! เดี๋ยวก็โดนแทงข้างหลังหรอก!” ยองแจตะโกนบอกคุณลุงไปแล้ววิ่งเข้าไปหันหลังชนหลังของหัวหน้าอาร์เชอร์

“ลุงไม่ค่อยถนัดโดนแทงเสียด้วยสิ แย่จัง แต่ถ้าเป็นฝ่ายแทงนี่ถนัดนะ” เจฮยองพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วยิงธนูใส่เอลฟ์ที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้จนล้มไป

“ไปเล่นมุกนี้ไกลๆเลยนะ” ยองแจพูดอย่างเอือมระอาพร้อมชักปืนขึ้นมายิงเอลฟ์บนต้นไม้จนร่วงกระแทกพื้น

“เจฮยอง ยูคยอมสั่งว่าให้ไปหาที่ปราสาท อีกยี่สิบห้านาที”

“รับบัญชาเลยนายท่าน” พูดจบก็ยิงธนูเข้าใส่เอลฟ์ตนสุดท้ายจนล้มลงไป

กองกำลังเอลฟ์ห้าร้อยตนถูกกำจัดพร้อมกับอาร์เชอร์ที่เหลือรอดอีกสี่สิบคน...ได้เวลามุ่งหน้าไปทวงสิ่งสำคัญคืนเสียที

-อีกด้านหนึ่ง-

ผีดิบยังคงวิ่งไปเรื่อยๆตามสัญชาติญาณ ไม่หลบซ่อนหรือคอยหยั่งเชิง วิ่งตรงไปซึ่งๆหน้า มาร์คหยุดวิ่งเมื่อสังเกตเห็นบางอย่างผิดปกติ
มุมปากยกยิ้มก่อนดวงตาแห่งผีดิบจะประจักษ์ เบื้องหน้าของผีดิบชนชั้นสูงคือกองกำลังเซอร์คัสพร้อมสัตว์ออกรบ ‘บาซิลิสก์’ สัตว์ฝึกที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลเซอร์คัสรองจากเคลเบรอส

ดวงตาสีแดงฉานของบาซิลิสก์จ้องมองผีดิบเบื้องหน้า เบิ่งตากว้างราวกับต้องการข่มขู่แต่มาร์คนั้นไม่ได้เกรงกลัวเลย ปีศาจที่อาศัยความกลัวทางจิตใจเพื่อเล่นงานอีกฝ่าย...ผีดิบและบาซิลิสก์น่ะมันประเภทเดียวกันยังไงล่ะ

เพี๊ยะ!

เสียงแส้ฟาดลงบนพื้นป่าดังก้องไปทั่ว บาซิลิสก์เลื้อยเข้าประชิดมาร์คอย่างรวดเร็ว แม้ตัวของมันจะใหญ่แต่การเคลื่อนไหวนั้นไม่ได้เชื่องช้าตามขนาดตัว ผีดิบปรายตามองก่อนใช้แรงกดดันดีดปีศาจกิ้งก่าให้กระเด็นออกไป คงง่ายขึ้นหากมีบาซิลิสก์เพียงตัวเดียว...

“อย่าวู่วาม!” เสียงหนึ่งตะโกนแข่งกับเสียงขู่คำรามของสัตว์ฝึก มาร์คเพ่งสายตามองก็พบเข้ากับคนที่เขาเคยช่วยชีวิตไว้จากแวร์วูฟ...เซอร์คัสจินยอง

“โอ้...เด็กคนนั้นนี่” มาร์คพูดกับตนเองเบาๆก่อนขยับหน้ากากเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปหาฝูงบาซิลิสก์

จำนวนของสัตว์ฝึกนั้นมีราวสิบกว่าตนและเซอร์คัสอีกสามสิบคน มาร์ครู้สึกขัดใจในความยุ่งยากนี้ เซอร์คัสนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับเขาเลยแต่ตัวปัญหาหลักเลยคือเจ้ากิ้งก่านี่ต่างหาก หากเขาหลุดกลัวแม้เพียงเสี้ยวเดียวร่างกายจะขยับไม่ได้ไปชั่วขณะนั่นเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้พวกมันโจมตี

“เอางี้นะ เรามาคุยกันก่อนดีไหม”

มาร์คพูดขึ้นด้วยเสียงดังพอให้ได้ยินกันทั้งหมด เหล่าเซอร์คัสนิ่งเงียบ ยังคงหวาดระวังจนผีดิบเห็นแล้วต้องถอนหายใจออกมา

ที่ผ่านมานั้นมาร์คคิดว่าตนเองสื่อสารกับมนุษย์ได้รู้เรื่องมาโดยตลอดแต่เหมือนเขาจะเข้าใจผิดสินะ

“พวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณ” จินยองตอบกลับด้วยน้ำเสียงปนกังวล

“ฉันรู้ว่าพวกนายต้องการเคลเบรอสคืน มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าเรามาร่วมมือกัน”

มาร์คเริ่มยื่นข้อเสนอให้แก่เซอร์คัส ข้อเสนอของเขานั้นไม่มีเจตนาใดแอบแฝงเลย เป็นข้อเสนอที่สมเหตุสมผลและซื่อตรงสุดๆ แต่ดูเหมือนเซอร์คัสจะไม่ไว้ใจในความซื่อตรงนั้นเท่าไหร่

“คุณรู้ได้ยังไง” จินยองเอ่ยถาม เริ่มลังเลว่าจะเชื่ออีกฝ่ายดีไหม

“ฝั่งราชาปีศาจนั้นมีสายสืบมากมายเลยล่ะจินยอง” มาร์คตอบเซอร์คัสแล้วแย้มยิ้มผ่านหน้ากากที่สวมอยู่ จินยองตกใจที่อีกฝ่ายนั้นรู้จักชื่อของตนเองก่อนเบิกตากว้างเมื่อเพ่งมองผีดิบตนนี้ดีๆ

“คุณ...”

“ก็จำได้นี่” มาร์คกอดอกแล้วเอนกายพิงต้นไม้ คงดีหากพวกเซอร์คัสคุยรู้เรื่อง

“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ พวกผีดิบอยู่ฝั่งลอร์ดเซซิลเลียนะครับ!”

จินยองตะโกนบอกมาร์ค ผีดิบพยักหน้ารับรู้ เผ่าพันธุ์เดียวกันไม่จำเป็นต้องเป็นพวกเดียวกันเสมอไป แม้แต่มนุษย์ที่เป็นเผ่าพันธุ์เดียวกันยังเกิดการแบ่งแยกฝ่ายเลย

“เผ่าพันธุ์เดียวกันไม่จำเป็นต้องเป็นพวกเดียวกันเสมอไป ดูอย่างนายสิ พวกมนุษย์อยู่ฝั่งราชาปีศาจนะ” มาร์คตอบกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉยแต่จินยองนั้นรู้สึกชาไปทั้งหน้า

“ผมมีเหตุผลของผม”

“ฉันก็มีเหตุผลของฉัน เอาล่ะ สรุปจะยอมร่วมมือหรือจะเข้ามาฆ่าฉันกันล่ะ” จินยองนิ่งเงียบไป ใจหนึ่งอยากตอบตกลงแต่อีกใจหนึ่งก็นึกกลัว พวกปีศาจจะไว้ใจได้แค่ไหนกันเชียว...

“กำลังคิดว่าพวกปีศาจจะไว้ใจได้แค่ไหนกันสินะ” จินยองมองผีดิบด้วยสายตาที่ยากคาดเดา จะว่ายังไงดีล่ะ...รู้สึกเหมือนโดนกวนตีนแปลกๆ

“ไม่มีปีศาจตนไหนไว้ใจได้นอกจากสัตว์ฝึกของเซอร์คัสหรอกเด็กน้อย” เสียงหนึ่งดังขัดความเงียบร่างของอสูรกายสามหัวพุ่งทะยานลงมาจากต้นไม้ก่อนตะครุบร่างของมาร์ค ผีดิบจับเขี้ยวของหัวสิงโตไว้พลางต้านแรงกดมหาศาลจากมัน หัวสิงโตสะบัดก่อนคำรามดังลั่น จังหวะที่มาร์คเผลอหางที่เป็นอสรพิษก็เข้าโจมตีทันที!

พิษอย่างแรงถูกฉีดพ่นเข้าสู่ร่างกายของผีดิบ เขาหมดแรงก่อนนอนเกือกไปกับพื้น ความเจ็บปวดค่อยๆแล่นเข้าสู่ร่าง ทรมารจนต้องขดงอตัว มาร์คจ้องมองไปยังผู้คุมสัตว์อย่างนึกคาดโทษ

“พี่เอมี่!”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 37 [01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 31-05-2018 22:09:52
ตอนที่ 35
Toxic

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 01/06/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3835940#msg3835940)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839204#msg3839204)

“พี่เอมี่!” จินยองตะโกนลั่นก่อนวิ่งเข้าไปขวางคิเมร่าที่เตรียมจู่โจมมาร์คอีกรอบ สัตว์ฝึกชะงักไปเมื่อเห็นผู้คุม ส่งเสียงขู่คำรามอย่างขัดใจก่อนยอมถอยหลังไป

“ถอยไปจินยอง!” เอมิลี่ตวาดเสียงดังลั่นพร้อมเหวี่ยงแส้เฉี่ยวหน้าจินยองจนเกิดเป็นแผลถลอก เซอร์คัสหนุ่มไม่ยอมทำตามคำสั่งของพี่สาว ยังคงยืนบังผีดิบไว้

“พี่กำลังทำแผนผมพัง! เขาจะช่วยเรา!” จินยองตวาดกลับด้วยความโกรธเกรี้ยว อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงอาการของมาร์ค พิษของคิเมร่านั้นร้ายแรงทีเดียว หากไม่รีบทำอะไรสักอย่างต่อให้เป็นผีดิบชนชั้นสูง ‘ก็ตายได้’

“อะไรนะ...” เอมิลี่กระโดดลงจากหลังคิเมร่าเข้าไปหามาร์คที่ตอนนี้ยังนอนดิ้นทุรนทุรายอยู่

เอมิลี่ถกขากางเกงของมาร์คขึ้น บริเวณที่ถูกกัดบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัด ผิวหนังในส่วนที่พิษแพร่กระจายไปเริ่มกลายเป็นสีดำ หัวหน้าเซอร์คัสสบถคำ   หยาบอย่างหงุดหงิดก่อนขึ้นไปคร่อมร่างของผีดิบไว้แล้วตบหน้าเขาเบาๆ

“ฟังนะไอ้ผีดิบ แกต้องตัดขาตัวเองทิ้ง เดี๋ยวนี้!”

มาร์คกัดฟันกรอด วาดมือเข้าสับต้นคอของเอมิลี่แต่อีกฝ่ายนั้นหลบทันก่อนถอยหลังแล้วตวัดแส้ไปพันข้อมือของเขาไว้ ความเจ็บปวดจากพิษนั้นมีมากจน   แทบดิ้นขัดขืนไม่ไหว เสียงหอบหายใจดังฟืดฟาดปานจะขาดใจ

เลือดสีสดค่อยๆไหลออกมาจากปากและดวงตาผีดิบ “ฮึก...อ๊ากกกก!!!!!!” มาร์คตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเหลืออด ทรมารเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้

“อดทนไว้นะครับคุณ!” จินยองนั่งลงพลางกุมมือมาร์คไว้ เซอร์คัสที่เหลือลนลานกันจนสัตว์ฝึกพากันแตกตื่นแต่ก็สงบลงเมื่อเอมิลี่ฟาดแส้ลงกับพื้น

“ตัดขาฉันซะ...จินยอง” มาร์คบีบมือจินยองแน่นพร้อมกับไอกระอักเลือด ออกมา

จินยองที่เห็นแบบนั้นก็ลนลาน กำแส้ในมืออีกข้างแน่น ก่อนตัดสินใจทำในสิ่งที่อีกฝ่ายขอ

แส้เงินฟาดลงพื้นอย่างแรงพร้อมกับร่างของบาซิลิสก์ที่เลื้อยเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขี้ยวคมง้างออกแล้วฝังลงบนขาของผีดิบก่อนฉีกกระชากทีเดียวจนขาขาดสะบั้น มาร์คกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ร่างชักกระตุกอย่างทรมาร ของเหลวสีสดพุ่งกระจายดั่งสายฝนชโลมหน้ากากสีเงินให้แดงฉานด้วยสีของมัน

“แม่งเอ๊ย!” มาร์คสบถออกมาเสียงดัง จิกเล็บลงกับพื้นดินหวังระบายความเจ็บปวดแต่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เลือดยังคงหลั่งไหลออกมาจากบาดแผลและดวงตาของผีดิบไม่ยอมหยุด สีหน้าของมาร์คซีดลงทุกที ลมหายใจเริ่มรวยริน

ภาพความทรงจำแล่นเข้ามาในหัวของเซอร์คัสอีกครั้ง ถึงแม้ครั้งนี้อีกฝ่ายจะไม่ได้บาดเจ็บเพราะเขาแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดและเจ็บปวดไปด้วย จินยองหันไปหาพี่สาวก่อนขอความช่วยเหลือจากเธอ อย่างน้อยหัวหน้าตระกูลคงพอจะรู้อะไรบ้าง

 “พี่เอมี่ครับทำอะไรสักอย่างสิครับ” 

“ส่วนที่ถูกพิษโดนตัดออกไปแล้ว ตอนนี้ทำได้แค่รอให้ผีดิบฟื้นตัว แต่ถ้าอยากให้หายเลยต้องให้เขากินเนื้อ...มนุษย์” จินยองทอดถอนหายใจออกมาก่อนมองร่างที่ดูเหมือนจะขาดใจตายได้ทุกวินาที

“คุณครับ...กินผมไหม”

“ห๊ะ/เห้ย!” มาร์คและเอมิลี่อุทานขึ้นพร้อมกัน หัวหน้าเซอร์คัสกุมขมับทันที นึกอยากตบปากน้องชายตัวเองที่พูดอะไรไม่รู้จักคิด

“พูดอะไรออกมาจินยอง! น้องอาจตายได้นะ” เอมิลี่เดินเข้าไปเขย่าตัวจิน ยองพร้อมตบหน้าเรียกสติน้องชายตนเองเบาๆ

“แล้วพี่จะให้ผมทำยังไงครับ! เค้าเกือบตายเพราะผมอีกแล้ว ถ้าเค้าตายผมคงรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่” จินยองคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของพี่สาวแล้วออกแรงบีบด้วยอารมณ์โมโห เอมิลี่ที่เห็นน้องชายโกรธจัดเป็นครั้งแรกก็ได้แต่นิ่งเงียบ

เพราะสงครามทำให้เธอขาดสติ ตัดสินใจอย่างวู่วามจนเกิดปัญหา เอมิลี่ถอนหายใจก่อนสะบัดมือจินยองออกแล้วเดินเข้าไปหาคิเมร่า โอบกอดหัวสิงโตไว้อย่างต้องการกำลังใจ เธอต้องแบกรับภาระอะไรไว้บ้างนะ มีกี่เรื่องที่เธอรู้ มีกี่เรื่องที่เธอต้องเก็บงำมันไว้เพื่อความสบายใจของคนในตระกูล

“คือ...ว่า เอางี้นะ...ขอสัตว์ฝึก...ให้ฉันตัว...นึงสิ” มาร์คที่เห็นสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีเอ่ยขัดบรรยากาศมาคุด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง รู้สึกเหมือนเป็นภรรยาเก็บที่ทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกแต่ก็ต้องทนอยู่เพราะไม่มีหนทางไป...ไม่เกี่ยวกันเลยกลับมาเถอะ...

“สัตว์ฝึกเหรอ คุณจะเอาไปทำอะไรครับ” จินยองที่พอจับใจความในน้ำเสียงติดขัดนั้นได้ถามขึ้นแล้วนั่งลงข้างๆเพื่อรอฟังคำตอบ

“ฉันจะกินมัน”

“กิน...บาซิลิสก์นี่เหรอครับ” จินยองทวนคำพูดมาร์คอีกรอบ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้ยินว่ามีผีดิบตนไหนกินเนื้ออย่างอื่นนอกจากเนื้อมนุษย์มาก่อน

“เออ...” มาร์คตอบกลับไปอย่างยากลำบาก เริ่มคลานไปหาบาซิลิสก์ตรงหน้าช้าๆ

“อ...เอาจริงเหรอครับ คุณจะไม่เป็นอะไรเหรอ” จินยองเริ่มลนลานอีกครั้ง ถ้ามาร์คกินบาซิลิสก์เข้าไปแล้วกลายพันธุ์ขึ้นมาจะทำยังไงกันล่ะ วุ่นวายไปกันใหญ่เลยสิ

“เนื้อหมาก็กินมาแล้ว” มาร์คตอบจินยองแล้วคว้าหมับเข้าที่หางของปีศาจกิ้งก่า
บาซิลิสก์สะบัดหางหลบก่อนเลื้อยถอยห่าง ส่งเสียงขู่พร้อมกระพือปีก ผีดิบทุบกำปั้นลงพื้นอย่างขัดใจ เขายันตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล ขาข้างที่ถูกกัดขาดไปก่อนหน้านี้เริ่มงอกกลับสู่สภาพเดิม เนื้อเยื่อเริ่มสมานตัวกันอย่างช้าๆแต่เลือดที่สูญเสียไปนั้นมากเกินกว่าจะนิ่งเฉย

“พ...พี่เอมี่ครับ เอาไงดี”

ถึงแม้จะยังโมโหเอมิลี่อยู่แต่จินยองในตอนนี้สับสนเกินกว่าจะตัดสินใจอะไรเองได้จึงหันไปถามความเห็นจากผู้นำตระกูล

“ปล่อยให้มันกิน” เอมิลี่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ในใจนั้นลุ้นไม่น้อยไปกว่าน้องชายเลย

สองพี่น้องเซอร์คัสยืนนิ่งมองผีดิบค่อยๆเดินกะเผลกเข้าไปหาสัตว์ฝึกของตระกูล มาร์คจ้องบาซิลิสก์ไม่วางตา ส่งเสียงขู่ออกมาจากท้องพร้อมกับเขี้ยวที่งอกยาวขึ้น

แรงกดดันถูกส่งออกจากร่างของผีดิบอัดปีศาจกิ้งก่าจนจมดิน เขาออกตัววิ่งก่อนกระโดดขึ้นไปบนตัวของสัตว์ฝึก วาดเท้าขึ้นบนอากาศแล้วอัดกระแทกหลังของมันจนขาจมลงไปในเนื้อ

“หึ” มาร์คดึงขาตัวเองขึ้นมาก่อนแผ่แรงกดดันอัดตัวบาซิลิสก์อีกรอบ

สัตว์ฝึกแน่นิ่งไป มาร์คไม่ได้ฆ่ามันเพียงแต่ทำให้มันสลบไปเท่านั้น ผีดิบไถลตัวลงมาจากหลังของบาซิลิสก์ก่อนเดินวนรอบตัวของมัน
พินิจอยู่นานว่าจะกินส่วนใดดี หลังหมดเวลาคิดไปร่วมนาทีมาร์คก็เลือกส่วนคอที่ดูเหมือนจะฝังเขี้ยวลงไปง่ายที่สุด

“...ไม่กินก็ตาย...เอาวะ” พูดจบผีดิบก็จัดการฝังเขี้ยวลงกับคอของบาซิลิสก์ก่อนกระชากให้เนื้อส่วนนั้นหลุดออกมา เนื้อสดๆถูกกลืนลงท้องโดยไม่ผ่านการเคี้ยว

ผีดิบเชิดหน้าพร้อมยกหลังมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลลงมาเปื้อนคางออก ดวงตาผีดิบแข็งกร้าวกว่าทุกที เส้นเลือดตามร่างกายปูดโปนโป่งพองมากกว่าทุก คราราวกับมันกำลังจะระเบิด เสียงคำรามต่ำดังมาจากมาร์ค เขาทรุดลงกับพื้น สองมือเลื่อนขึ้นไปจิกทึ้งผม ร่างก้มโค้งลงแทบติดพื้น บางอย่างคล้ายกระดูกค่อยๆโผล่ออกมาจากกลางหลัง โครงสีดำแผ่สยายออกก่อนเนื้อเยื่อสีดำจะค่อยๆก่อตัวตามโครงนั้น เซอร์คัสมองตามด้วยหัวใจที่ลุ้นระทึก สิ่งที่งอกออกมาจากหลังของมาร์คคือ ‘ปีก’

ความสามารถอีกอย่างหนึ่งของผีดิบชนชั้นสูงที่น้อยตนนักจะค้นพบคือ ‘การช่วงชิงพลัง’

-อีกด้านหนึ่ง-

ฝูงแวร์วูฟวิ่งฝ่ากองทัพก็อบลินนับร้อย ฉีกกระชากร่างของปีศาจที่พุ่งเข้าใส่อย่างไร้ความปราณี หัวหน้าแวร์วูฟใช้ก็อบลินเป็นแท่นเหยียบกระโดดขึ้นไปบนยอดไม้ก่อนก้มลงมองพื้นเบื้องล่าง หากวิ่งต่อไปสิ่งที่รอเหล่าหมาป่าปีศาจอยู่คือศัตรูคู่อาฆาตของแวร์วูฟสายเลือดบริสุทธิ์ คู่อริที่ไม่เคยลงรอยกันร่วมพันปี ‘กองกำลังผีดิบ’ เจบีในร่างหมาป่ากระโจนลงมาจากต้นไม้ก่อนประกาศให้ลูกน้องได้รับรู้

“อีกห้าสิบเมตรพวกเรามาจัดปาร์ตี้รำลึกความหลังกัน”

เสียงหอนดังก้องไปทั่วป่า เหล่าแวร์วูฟต่างยินดีที่จะได้พบเจอกับคู่อริเก่าอย่างผีดิบ ปีศาจหมาป่าเร่งฝีเท้าเพื่อให้ถึงที่หมายโดยเร็วที่สุด ปล่อยให้ศัตรูรอนานเดี๋ยวจะหมดอารมณ์สู้กันเสียก่อน...ทันทีที่ฝูงแวร์วูฟก้าวย่างเข้าไปในอาณาบริเวณของผีดิบแรงกดดันก็เข้าปะทะร่างทันที แวร์วูฟที่ไม่ทันระวังตัวก็กระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ เจบีขู่คำรามเสียงสนั่นตัดแรงกดดันให้หายไป

“ขอบคุณสำหรับคำทักทาย” เจบีส่งสายตาเหยียดหยามให้กับเหล่าผีดิบ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่จำนวนของอีกฝ่ายนั้นลดลงอย่างเหลือเชื่อแต่ก็มั่นใจไม่ได้ว่านี่คือจำนวนผีดิบที่ยังเหลือรอดทั้งหมด พวกผีดิบนั้นรักสันโดษจึงไม่ชอบการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

“การปล่อยให้แขกรอมันเสียมารยาทนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นในวงล้อมผีดิบก่อนผู้พูดจะเดินออกมาด้านหน้า

เจบีคืนร่างมนุษย์ก่อนแสยะยิ้มเหี้ยม ดั่งเลือดในกายกรีดร้องด้วยความเกลียดชัง ผีดิบสายเลือดบริสุทธิ์ที่เหลือรอดจากการออกล่าของแวร์วูฟ ผีดิบผู้คร่าชีวิตครอบครัวของแวร์วูฟเจบี

“ฮิวโก้...” เจบีเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงที่ถูกกดจนต่ำ สองมือกำหมัดแน่นจนกระดูกลั่นเกรียว

“โตขึ้นเยอะเลยนี่ ‘ไอ้หนู’ “ไม่พูดเปล่า ฮิวโก้เดินเข้าไปหาเจบีแล้วลูบหัวเขาเบาๆ แวร์วูฟปัดมือผีดิบออกก่อนคำรามเสียงดัง

“อย่ามายุ่ง!”

“เหมือนกันเลยนะ...กับพ่อของแก” เจบีมองตาขวาง สติแทบกระเจิงออกจากร่างเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงบิดาของตนเอง

“พี่ครับใจเย็นๆ” แบมแบมที่เห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าไปหาพี่ชาย วางมือบนไหล่แล้วออกแรงบีบเบาๆ เจบีพยักหน้าแล้วหลับตาอย่างต้องการระงับอารมณ์ แม้จะใจเย็นลงหน่อยแต่เลือดในกายยังร่ำร้องให้ล้างแค้น ดวงตาหมาป่าจ้องมองผีดิบชนชั้นสูงก่อนเอ่ยปาก

“มาทำให้เรื่องมันจบกันเถอะฮิวโก้...” สิ้นเสียงร่างกายของเจบีพลันเปลี่ยนเป็นหมาป่าพุ่งกระโจนเข้าใส่ผีดิบทันที

ฮิวโก้ยกยิ้มพลางเอนตัวหลบเจบีที่พุ่งเข้าใส่ เปิดเผยดวงตาผีดิบก่อน หยิบสนับมือในกระเป๋าเสื้อมาใส่ ผีดิบชนกำปั้นเข้าใส่กัน เสียงเหล็กกระทบกันดังสนั่นก่อนร่างนั้นจะหายไป  แวร์วูฟกวาดสายตามองรอบตัว เงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าอย่าง ตั้งใจ ฮิวโก้ไม่ได้หายไปไหนเขาเพียงแต่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนตาไม่สามารถมองเห็นได้เจบีกระโดดหลบสนับมือที่เฉี่ยวหน้าไปเพียงไม่กี่มิลลิเมตร ความคมของหนามที่สนับบาดหน้าจนเป็นแผล แวร์วูฟสะบัดหน้าด้วยความหงุดหงิดฟาดหางลงกับพื้นกวาดเอาเศษดินใส่ผีดิบที่ลอบเข้ามาด้านหลัง ฮิวโก้ถอยหลบก่อนกระโดดไปยืนด้านหน้าของจ่าฝูง

“เก่งขึ้นนี่ไอ้หนู”

เจบีแยกเขี้ยวใส่คนยั่วโมโห เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วหอนปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงออกมา ฮิวโก้ชะงักไปก่อนยกมือขึ้นปิดหู ผีดิบชนชั้นสูงนั้นมีประสาทการได้ยินดีกว่าผีดิบธรรมดาคลื่นเสียงนี้ย่อมทำให้เกิดผลกระทบมากกว่าผีดิบตนอื่นๆ เจบีจ้องฮิวโก้เขม็ง ส่งเสียงขู่เค้นออกมาจากท้องแล้วย่างก้าวเข้าไปหาช้าๆ

“จำได้ไหมฮิวโก้...ว่าแกทำอะไรกับครอบครัวของฉันไว้” เจบีถามผีดิบที่ตอนนี้ทรุดลงไปกองกับพื้น แก้วหูที่ถูกทำลายพร้อมกับสมองบางส่วนที่แหลกละเอียดไปทำให้ฮิวโก้ไม่สามารถโต้ตอบได้

“อย่างแกฆ่าให้ตายยังน้อยไปด้วยซ้ำ ลองทรมารเหมือนพ่อของฉันดูหน่อยไหม” พูดจบก็ง้างเขี้ยวคมออกแล้วฝังลงบนแขนของผีดิบ ออกแรงฉีกกระชากจนหลุดแล้วเหวี่ยงมันไปให้ไกลสายตา

ฮิวโก้ดีดดิ้นด้วยความทรมาร เลือดสีสดพุ่งกระจายราวกับห่าฝน ดวงตาผีดิบแข็งกร้าว จ้องมองแวร์วูฟด้วยความเคียดแค้น เขาพยุงร่างตัวเองให้ลุกขึ้นสะบัดแขนข้างที่ถูกกัดอย่างแรงแขนก็งอกกลับมาดังเดิม ดวงตาที่ถลนออกมาในตอนแรกถูกดันกลับเข้าไปในเบ้า ฮิวโก้ยืนหอบหายใจอยู่สักพักแต่เจบีไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ฟื้นพลัง กรงเล็บของหมาป่าปีศาจตะปบลงบนแผลเก่าที่สมานตัวแล้ว

“อ๊าก!!!” ฮิวโก้กรีดร้องลั่นพร้อมดวงตาทั้งสองข้างที่ถูกตัดขาดจากการมองเห็น

“เจ็บใช่ไหมล่ะ พ่อของฉันก็เจ็บแบบแกไง!” พูดไปก็กัดอวัยวะต่างๆในร่างกายให้ขาดสะบั้น แขนข้างเดิมที่งอกออกมาใหม่ ขาทั้งสองข้างแม้กระทั่งหลอดลมที่ถูกกระชากออกมา...

เจบีหันมองแวร์วูฟตัวอื่น ตอนนี้แวร์วูฟอยู่ในสถานการณ์ที่ได้เปรียบมาก เป็นโอกาสดีหากต้องการล้างเผ่าพันธุ์พวกมันเสีย ระหว่างที่หัวหน้าแวร์วูฟกำลังสำรวจเหตุการณ์อยู่ฮิวโก้ที่สลบไปก่อนหน้านี้ก็คว้าหมับเข้าที่คอของเจบี กระดูกที่ไร้เนื้อห่อหุ้มฝังลงในเนื้อเรียกเสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากหัวหน้าหมาป่าปีศาจได้ไม่น้อย เจบีสะบัดตัวเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม

“ประมาทไปนะไอ้หนู” ฮิวโก้กดเสียงต่ำ นึกโมโหแวร์วูฟที่เล่นงานตนเองจนเจ็บเจียนตาย

ผีดิบแยกเขี้ยวก่อนกัดลงบนคอของเจบี แวร์วูฟคำรามลั่นสะบัดตัวอย่างแรงจนหลุดจากพันธนาการของฮิวโก้ เจบีถอยกรูดไปไกลก่อนกลับคืนร่างมนุษย์ เลื่อนมือขึ้นไปกดแผลที่คอไว้เพื่อห้ามเลือด ลมหายใจเริ่มติดขัดบวกกับร่างกายที่เริ่มชาทำให้รู้ว่าตนเองโดนเล่นงานเข้าเสียแล้ว ที่เขี้ยวของฮิวโก้มี พิษ เคลือบอยู่

“พี่!”

แบมแบมที่เห็นพี่ชายถูกโจมตีก็สะบัดผีดิบให้หลุดก่อนกัดหัวมันครั้งเดียวจนขาดกระจุย

แวร์วูฟกลับคืนร่างมนุษย์ก่อนปราดเข้าไปพยุงร่างของพี่ชายไว้ไม่ให้ล้มลง เจบีมองหน้าแบมแบมแล้วพยายามยืนตรงด้วยตนเอง มือผลักดันน้องชายให้ถอยหลังไปด้วยความเป็นห่วง ดวงตาเริ่มพร่ามัว เลือดเริ่มไหลออกมาจากปากและรูจมูก หัวหน้าแวร์วูฟวูบก่อนเซล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง กระอักเลือดรดดินพร้อมขดตัวด้วยความทรมาร หัวใจของคนเป็นน้องถูกบีบคั้นเมื่อเห็นพี่ชายเจ็บปวด จ้องมองผีดิบตัวการด้วยสายตาเคียดแค้น

“แก...” แบมแบมคำรามลั่น ฟาดหางลงพื้นเสียงดังก้องป่า

ฮิวโก้ที่ตอนนี้ร่างกายฟื้นคืนเต็มร้อยแล้วยกยิ้มหยันแวร์วูฟตัวน้อง “จะแก้แค้นให้พี่ชายเหรอไอ้หนู” ราวกับแก้วร้าวที่แตกละเอียด ความอดทนของแบมแบมหมดลง พุ่งเข้าใส่ผีดิบปากดีด้วยความเร็วสูงสุด ฮิวโก้เบิกตากว้างอย่างตกใจ ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งเคยเห็นแวร์วูฟที่รวดเร็วขนาดนี้

“อยากตายมากสินะ” แบมแบมพูดแล้วกระโจนเข้าตะครุบร่างของฮิวโก้  ให้อัดกระแทกไปกับพื้น กรงเล็บคมจิกฝังลงกลางหน้าอกเสียบทะลุลงไปถึงพื้นดินเพื่อตรึงไม่ให้ผีดิบขยับตัว เขี้ยวของแวร์วูฟเรืองแสงในที่มืด เขี้ยวที่ถูกดัดแปลงโดยผสมแร่เงินลงไป มีไว้เพื่อฉีกกระชากเนื้อของผีดิบโดยเฉพาะ เขี้ยวนี้ถูกพัฒนาโดยเดม่อนฮันเตอร์และแบมแบมคือสัตว์ทดลองในงานวิจัยนี้

“พี่ชายไม่ได้สอนเหรอไอ้หนูว่าผีดิบน่ะ...ไม่ตายง่ายๆหรอก” พูดจบฮิวโก้ก็ลุกขึ้นปล่อยให้กรงเล็บฝังลึกเข้าไปกลางอกโดยไม่หวั่นเกรง หยิบสนับมือคู่ใหม่ออกมาสวมด้วยเวลาอันสั้นแล้วอัดหน้าแวร์วูฟตัวน้องจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้

เจบีที่เห็นน้องชายถูกทำร้ายก็โกรธจัด คำพูดของเจ้านายดังก้องในหัว ‘จงเปิดเผยเมื่อถึงเวลา’ เขานิ่งไปพักหนึ่งก่อนตัดสินใจยันตัวเองให้ลุกขึ้น มันถึงเวลาแล้ว ถึงเวลาที่จะเปิดเผยต่อเผ่าพันธุ์ของตนเองเสียที...ว่าเขา

คือแวร์วูฟสายเลือดบริสุทธิ์ที่มีพลังของโกสท์


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 37 [01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 31-05-2018 22:22:08
ตอนที่ 36
Ferocious

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 01/06/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839196#msg3839196)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839213#msg3839213)

แวร์วูฟพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นแต่เมื่อยืนได้สำเร็จก็เป็นอันต้องล้มลงอีก เจบีเอาหัวโขกพื้นดินด้วยความหงุดหงิด พิษที่ซึมเข้ากระแสเลือดเริ่มเล่นงาน  เขายกหมัดขึ้นอัดตัวเองเพื่อเรียกสติไม่ให้ดับวูบไป พิษนั้นร้ายแรงเกินกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้

“พี่...” แบมแบมรีบลุกขึ้น สะบัดตัวไล่ความมึนออกไปแล้ววิ่งเข้าไปช่วยพยุงตัวพี่ชายขึ้น

“แบมแบม...ฆ่าพี่ซะ...” คนเป็นน้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ส่ายหน้ารัวพร้อมน้ำตาที่เริ่มคลอเบ้า

“น่ารักจริงๆน้าพี่น้องเนี่ย” ฮิวโก้เอ่ยขัดขึ้น ค่อยๆเดินเข้าไปหาแวร์วูฟสองพี่น้องช้าๆ เสียงสนับมือกระทบกันดังรบกวนโสตประสาท แบมแบมขู่เสียงดังแต่ผีดิบกลับยิ้มและหัวเราะ

ฮิวโก้กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ ก้มลงมองร่างหัวหน้าแวร์วูฟที่ยังนอนทรมาร อยู่ กระแทกสนับมือเข้าหากันอีกครั้งก่อนพุ่งลงจากต้นไม้ด้วยความเร็วสูง หนามเงินจากสนับมือเข้าเสียดแทงลงกลางอกข้างซ้ายของแวร์วูฟเจบีทันที ไม่ปล่อยให้ดิ้นทุรนทุราย บดขยี้หัวใจของหมาป่าปีศาจด้วยแร่เงินบริสุทธิ์อย่างบ้าคลั่ง แม้ผีดิบจะเกลียดแร่เงินเข้ากระดูกแต่เพื่อการสงครามมันคือสิ่งจำเป็นที่สุด

“พี่เจบี! แก!!! แม่งเอ๊ย!” แบมแบมตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธจัด

จุดอ่อนของแวร์วูฟคือหัวใจ หากโจมตีมันได้แวร์วูฟจะตายทันที น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาของแวร์วูฟตัวน้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งก่อนพุ่งเข้ากัด  คอผีดิบทันที เพราะการจู่โจมที่กะทันหันบวกกับความรวดเร็วของแบมแบมทำให้  ฮิวโก้ไม่มีเวลาพอที่จะหลบ เขี้ยวเงินฝังลงกลางหลอดลมแล้วฉีกกระชากจนขาดกระจุย ร่างผีดิบล้มลงไป ดวงตาเหลือกลานด้วยความเจ็บปวด เนื้อเยื่อและแผลไม่ยอมสมานตัว ฮิวโก้เริ่มลนลานตะเกียกตะกายหนี

“สวะ...” แบมแบมเอ่ยเสียงเหี้ยม มองฮิวโก้ด้วยสายตาเหยียดหยามและเคียดแค้นสุดหัวใจ

ฮิวโก้กัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด แร่เงินที่ฝังอยู่ในเขี้ยวของแบมแบมมีฤทธิ์ต้านการสมานตัวของเนื้อเยื่อ ผีดิบฉีกเสื้อตัวเองมาพันรอบคอไว้ไม่ให้เลือดไหลออกมามากเกินไป แม้จะเจ็บเจียนตายแต่ก็ต้องกระเสือกกระสนหาทางเอาตัวรอด ฮิวโก้เริ่มออกตัววิ่ง หาทางหนีทีไล่ไม่ให้อีกฝ่ายตามทัน

“แกฆ่าครอบครัวของฉัน...จนหมด” แบมแบมไม่ตามไป กลับคืนร่างมนุษย์แล้วเดินเข้าไปหาร่างของพี่ชายที่นอนแน่นิ่ง วางมือลงบนเปลือกตาแล้วเลื่อนปิดให้อีกฝ่าย น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่ยอมหยุด หัวใจถูกบีบคั้นด้วยความเจ็บปวด สะอื้นไห้กอดร่างไร้วิญญาณของพี่ชายปานจะขาดใจ

“พี่ครับ ฮึก...พี่เจบี ฮือ...” ซบลงตรงแผลที่ถูกสนับมือบดขยี้ ไร้ซึ่งเสียงเต้นเป็นจังหวะของหัวใจ ไร้ซึ่งเสียงของชีวิต มีเพียงความเงียบงันที่กัดกินลึกลงไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ

“นี่...พี่จำได้ไหม ฮึก...ตอนเด็กๆแบมงอแงบ่อยมากเลย อึ๊ก...แต่พี่ก็ยังใจดีกับแบม ฮือ”

แบมแบมกอดร่างพี่ชายแน่น ปล่อยให้น้ำตาชะล้างความอึดอัดในใจ ระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างเหลืออด พร่ำพรรณนาคำพูดต่างๆนานาที่ไม่ทันได้     เอ่ยบอกตอนที่พี่ชายยังมีชีวิตอยู่

“ผมขอโทษ ฮือ ผมขอโทษครับพี่ ผมรักพี่ พี่ฟื้นขึ้นมาสิครับ พี่อย่าทิ้งผมไป ฮึก อย่าทิ้งผมไว้คนเดียว ฮือ ม่ายยยยยย!!!!! อ๊ากกกกก!!!”  เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วตะโกนออกมาอย่างเหลืออด เสียงสะอื้นไห้ดังระงมไปทั่วป่า

แวร์วูฟตัวอื่นที่จัดการกับผีดิบเสร็จแล้วก็เข้าไปรวมตัวกันล้อมรอบศพ ของจ่าฝูง หมอบโค้งให้กับร่างในอ้อมกอดของแบมแบมด้วยความเต็มใจ เสียงหอนดังก้องราวกับต้องการไว้อาลัยแด่หัวหน้าที่จากไป แบมแบมกอดเจบีแน่นไม่ยอมปล่อยอยากจะตายตามพี่ชายไปแต่ต้องมีชีวิตอยู่ต่อ  เขาต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพี่ชายของเขา

ตึกตัก...

แบมแบมขมวดคิ้ว รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนแนบหูลงกับหน้าอกของพี่ชายอีกครั้งหลังได้ยินเสียงแห่งความหวัง

ตึกตัก...ตึกตัก

“พี่ครับ!” แบมแบมตะโกนเรียกพี่ชายเสียงดัง เสียงที่เขาได้ยิน...คือเสียงหัวใจของเจบี

ร่างของหัวหน้าแวร์วูฟแปรเปลี่ยนเป็นหมาป่าช้าๆ ขนและเนื้อเริ่มเปื่อยยุ่ยจนเหลือเพียงโครงกระดูก แบมแบมมองเนื้อและขนที่หลุดติดมือมาด้วยความตื่นตระหนก หันมองแวร์วูฟตัวอื่นอย่างต้องการคำอธิบายแต่ได้รับเพียงการส่ายหน้าแทนคำตอบ กะโหลกศีรษะของเจบีเริ่มมีกระดูกงอกออกมาช้าๆค่อยยาวออกแล้วโค้งจนเป็นรูปทรง’เขา’

แวร์วูฟตัวอื่นส่งเสียงกระซิบกระซาบดังเซ็งแซ่ต่างจากแบมแบมที่ตัวแข็งทื่อ...เขาที่งอกออกมาของเจบีนั้นคือเขาของโกสท์ มีเพียงโกสท์เท่านั้นที่มีเขารูปทรงแบบนี้และมีโกสท์เพียงตนเดียวเท่านั้นที่มีมัน...โกสท์นามยูคยอม เจ้านายเหนือหัวของสองพี่น้องแวร์วูฟ...

“พี่.........” แบมแบมอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่เอ่ยเรียกคนเป็นพี่เบาๆ

ดวงตาสีโลหิตลืมตื่นขึ้น แสงสีแดงเรืองวาบออกมาจากโครงกระดูก หัวใจของแวร์วูฟกลับมาเต้นอีกครั้งสร้างความตื่นตะลึงให้แก่แวร์วูฟตัวอื่นเป็นอย่างมาก เจบีผละออกจากอ้อมกอดของน้องชาย ลุกขึ้นยืนก่อนส่งเสียงคำรามดังลั่นผืนป่า หมาป่าปีศาจทุกตัวนิ่งเงียบ หยุดการเคลื่อนไหวและนินทาทันที

“พี่เจ...บี” แบมแบมเรียกชื่อพี่ชายก่อนวางมือลงบนหลังของเจบี แวร์วูฟตัวน้องส่ายหน้าราวกับต้องการจะปฏิเสธสิ่งที่เห็นแต่โครงกระดูกสีดำทมิฬกับดวงตาสีแดงนั้นตอกย้ำเขาเหลือเกินว่าพี่ชายของเขาคือโกสท์วูฟ

โกสท์วูฟคือแวร์วูฟต้องสาป แวร์วูฟที่เกิดมาเพื่อเป็นทาสของโกสท์ ใน  อดีตกาลโกสท์วูฟมีไว้เพื่อระบายอารมณ์ของโกสท์ผู้เป็นนาย ถูกบังคับให้ร่วมรักหรือใช้แรงงานอย่างหนักหน่วง บางครั้งโกสท์วูฟยังถูกเจ้านายฆ่าทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่มันก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาทุกครั้ง แวร์วูฟต้องสาปที่ไม่มีวันตาย

เจบีคือโกสท์วูฟที่พิเศษกว่าทุกตัว โกสท์วูฟตัวแรกที่ถูกนำมาทดลองทำพันธะสัญญากับโกสท์ ดวงตาสองสีของเขาเกิดจากการต่อต้านพันธะสัญญา วิญญาณถูกกระชากออกจากร่างจนวิญญาณของเขาหลงเหลือเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น

ยูคยอมจึงได้มอบเศษเสี้ยววิญญาณของตนเองให้แก่เจบีเพื่อคงชีวิตของสัตว์เลี้ยงประจำตระกูลไว้ แวร์วูฟที่มีพลังของราชาปีศาจไหลวนอยู่ในกาย หัวหน้าแวร์วูฟนามเจบี

“แบมแบม...พี่” เจบีมองหน้าน้องชายที่น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเจ็บปวด เขาไม่เคยบอกใครเรื่องที่ตนเองคือโกสท์วูฟ เขากลัว...กลัวการมองอย่างเหยียดหยามจากคนในครอบครัวหรือแม้กระทั่งเพื่อนรวมสายพันธุ์

“พี่เป็น...โกสท์วูฟเหรอครับ...” แบมแบมยังมองหน้าพี่ชาย ไม่ยอมหลบหรือละสายตาไปจากร่างตรงหน้าเลย เขาไม่รู้สึกกลัวหรือเกลียดอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในตอนนี้มีเพียงกอดพี่ชายในร่างแวร์วูฟอีกครั้ง...

เจบีมองแบมแบมด้วยสายตาละห้อยก่อนหันไปประกาศให้แวร์วูฟใต้อาณัติได้รับรู้

“ฉัน...เป็นโกสท์วูฟ...ขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกความจริงกับพวกนาย...มาหลายร้อยปี”    

ความเงียบคือนักแสดงนำในละครฉากนี้ ไม่มีผู้ใดเอ่ยปากออกมา มีเพียงสีหน้ายากคาดเดาอารมณ์จากแวร์วูฟที่ส่งให้แก่หัวหน้าของตนเอง ในอดีตนั้นโกสท์วูฟคือตัวน่ารังเกียจของเผ่าพันธุ์ แวร์วูฟที่ไม่รู้จักตาย ผ่านการใช้งานและร่วมรักมามากมายหลายนาย จากอดีตจนถึงปัจจุบันระบุไว้ในหน้าประวัติศาสตร์แวร์วูฟว่ามีโกสท์วูฟทั้งหมด 32 ตัว และเจบี...คือตัวที่ 33

“ทำไม...พี่ไม่เคยบอกผม” แบมแบมถาม พยายามเดินเข้าไปใกล้แต่เจบีก็ถอยห่างออกไปเรื่อยๆ

“พี่...ขอโทษ” เจบีได้แต่เอ่ยคำขอโทษออกไป ไม่มีข้อแก้ตัวหรือคำกล่าวสวยหรูอะไรไปอ้าง แม้จะอยากสรรหาเหตุผลมาอธิบายแค่ไหนแต่ความจริงที่ว่าเขาโกหกทุกคนนั้นเป็นเหมือนชนักปักหลังตนเอง

“เห้ยหัวหน้า” หนึ่งในฝูงแวร์วูฟเอ่ยขึ้นขัดบรรยากาศตึงเครียด เจบีนึกแปลกใจที่ลูกน้องยังคงเรียกตนเองว่าหัวหน้าอยู่

“ฮิวโก้มันหนีไปแล้วนะ ตัวสุดท้ายแล้วตามไปฆ่าล้างโคตรมันกันเถอะ” แวร์วูฟตัวเดิมเอ่ยแล้วเดินเข้าไปใช้หางฟาดตัวเจบีเบาๆ “กระดูกแข็งไปนะหัวหน้า” เมื่อแซวหัวหน้าเสร็จก็เดินกลับเข้าไปยืนที่ตำแหน่งเดิม

แวร์วูฟทุกตัวพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของตัวแทน เจบียืนนิ่งด้วยความตกใจปนงุนงง สิ่งที่เขาคิดไว้กับความเป็นจริงต่างกันโดยสิ้นเชิง “พวกนาย...ไม่เกลียดหรือโกรธที่ฉันเป็นโกสท์วูฟเหรอ...” ตัดสินใจเอ่ยถามเพื่อคลายความกังขา

“หัวหน้า นี่มันสมัยไหนแล้ว เค้าไม่มาคิดเล็กคิดน้อยหรอกว่าหัวหน้าตัวเองเป็นอะไร แค่มีหัวหน้าที่เก่งและคุมฝูงได้ดีก็พอแล้ว อีกอย่างมีหัวหน้าเป็นโกสท์วูฟเท่จะตายไป” ทุกตัวพยักหน้าตามประโยคที่เพื่อนพูด เจบีงงหนักกว่าเดิม ไม่รู้จะทำหน้าหรือรู้สึกอะไรก่อนดี

หันหน้าไปหาน้องชายของตนเองที่ตอนนี้ยืนกอดอกมองพร้อมเบ้ปากอย่างขัดใจ เจบีรู้ดีว่าแบมแบมในตอนนี้ตกอยู่ในสภาวะแก้มบวม...สภาวะที่หัวหน้าแวร์วูฟเป็นคนตั้งขึ้นมาเอง อาการของสภาวะนี้น้องชายของเขาจะอยู่ในอาการงอนง้อสุดฤทธิ์บวกกับอาการไร้เหตุผลสุดขีด คิ้วขมวดมุ่นจนแทบจะชนกัน แก้มป่องๆพองลมจนแทบจะระเบิด เจบีเดินเข้าไปหาน้องชายก่อนยกขาหน้าขึ้นสะกิดแขนน้องเบาๆ

“ไอ้เหยิน!” แบมแบมตวาดลั่นก่อนยกเท้าขึ้นเตะเจบีด้วยความโมโห เหยิน ฉายาที่แบมแบมเป็นคนตั้งให้พี่ชายและจะเรียกเมื่อหงุดหงิดเท่านั้น

“น้องจ๋าใจเย็นๆ”

เจบียกขาหน้าขึ้นลูบหัวตัวเองป้อยๆ ถึงแม้ร่างกายจะเป็นโครงกระดูกแต่ประสาทสัมผัสนั้นยังอยู่ โดนจริงเจ็บจริง...

“มีอะไรไม่ยอมบอกน้อง! เดี๋ยวก็เตะปากแตกเลย ปล่อยให้ร้องไห้ทำไมเยอะแยะ เปลืองพลังงาน ดราม่าไปอีก แล้วยังมาบอกให้ฆ่าพี่ซะ ถ้ารู้ว่าพี่เป็นโกสท์วูฟนะจะฆ่ามันเดี๋ยวนั้นแหละ ยังไม่จบ ยังมีหน้าไปบอกลูกน้องก่อนคนในครอบครัวอีก นี่น้องนะไม่ใช่เสาหิน รักน้องไหม! อ้อ แล้วที่หยุดหายใจไปนี่ได้ยินที่ผมพูดหมดเลยสินะ หนอยไอ้เหยิน ร้ายนักนะ แบมล่ะสงสารพี่เอินจริงๆที่มีหลัวแบบนี้ อะไร! อย่าๆ จะเถียงน้องใช่ไหม หุบปากเดี๋ยวนี้ ฯลฯ”

หัวหน้าแวร์วูฟที่เถียงน้องไม่ทันก็ได้แต่นั่งลงกับพื้นยอมรับคำบ่นและคำด่าจากน้องชายแท้ๆของตัวเอง ในใจก็นึกไปว่าแบมแบมนี่ร้ายนัก ด่าเขาทีขุดมาตั้งแต่สมัยอายุสิบต้นๆจนตอนนี้จะห้าร้อยปลายๆอยู่แล้ว...

“ไม่ด่าแล้วเว้ยเมื่อย!” แบมแบมยีผมอย่างหงุดหงิดก่อนเขกมะเหงกเจบีตบท้ายไปหนึ่งทีแรงๆ

แวร์วูฟเจบีแอบถอนหายใจที่น้องชายเลิกบ่น ขนาดเขายังโดนบ่นขนาดนี้ไม่อยากนึกเลยว่าแฟนของแบมแบมนั้นจะโดนบ่นขนาดไหน หรือบางทีเซอร์คัสคนนั้นอาจมีวิธีรับมือกับน้องชายของเขา...ต้องไปถามเทคนิคมาซะแล้วสิ

“เอาล่ะ...เราไปล่าฮิวโก้กันเถอะ” เจบีหันไปพูดกับลูกน้อง เสียงหอนดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงราวกับยาปลุกใจให้ฮึกเหิม

ยังไม่ทันที่ฝูงแวร์วูฟจะออกวิ่งลมแรงก็พัดเข้าปะทะฝูงหมาป่าปีศาจ แบมแบมที่ตั้งตัวไม่ทันรีบคว้าเจบีไว้เป็นหลักยึด ทั้งหมดจ้องมองไปบนฟ้าที่มีร่างของใครสักคนกำลังบินโฉบลงมา เมื่อร่างลงสู่พื้นดินโดยปลอดภัยปีกมังกรก็กระพืออีกรอบก่อนหุบเก็บ เมื่อเห็นร่างของผู้มาเยือนอย่างชัดเจนแวร์วูฟต่างส่งเสียงขู่คำรามใส่

“ใจเย็น นี่ฝั่งเรา!” เจบีตะโกนบอกลูกน้องก่อนเดินเข้าไปหาบุคคลที่มาใหม่

“มาได้ยังไงเนี่ย” เจบีเอ่ยถามร่างตรงหน้า อีกฝ่ายมองด้วยความงุนงงแต่เหมือนจะคุ้นในน้ำเสียงของโกสท์วูฟอยู่

“อิผีนี่ใครเนี่ย...แบมแบม พี่นายไปไหนอ่ะ” บุคคลที่มาใหม่คือผีดิบชนชั้นสูงหรือน้องเอินนั่นเอง

เจบีนิ่งเงียบ มองตามคนรักของตัวเองที่เดินไปหาน้องชายพลางชะเง้อมองหาเขาไปด้วย

“เบ...นี่บี๋เอง” เจบีพูดแล้วเดินเข้าไปหามาร์ค

“ห๊ะ...ตลกไหม ไม่เชื่ออ่ะ หน้าอกเค้าเท่าไหร่ตอบดิ๊”

“34.8 นิ้ว”

“...ถูกเฉย...บี๋จริงๆเหรอ ทำไมกลายเป็นหมาผีแบบนี้ไปได้ล่ะ บี๋ไปทำอะไรมา” มาร์คอึ้ง ชี้หน้าเจบีด้วยมือที่สั่นกึก รู้สึกแปลกที่จู่ๆเจบีก็เหลือแต่โครงกระดูกแถมยังมีเขารูปร่างประหลาดงอกออกมาอีก

“คือ...เรื่องมันยาวไว้บี๋จะเล่าให้เบฟังนะ แล้วปีกนั่น...เบไปทำอะไรมาครับ” เจบีเอ่ยถามเมื่อเห็นปีกมังกรที่อยู่บนหลังของมาร์ค รู้สึกงุนงงไปหมด วันนี้มันวันกลายพันธุ์หรือไงนะ...

“ไม่รู้อ่ะ เบกินบาซิลิสก์เข้าไป พอกินปุ๊บปีกก็งอกออกมาเลย” เจบีทำได้แค่พยักหน้าช้าๆ ไม่รู้จะออกความคิดเห็นอะไรและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเช่นกัน...

“บาซิลิสก์เหรอ! พี่เอินไปเจอเบ้บมาเหรอครับ” แบมแบมวิ่งไปเขย่าแขนมาร์คแล้วถามถึงคนรักของตัวเอง ในใจก็หวาดหวั่นกลัวว่าผีดิบตนนี้จะฆ่าล้างโคตรตระกูลเซอร์คัส

“จินยองเหรอ เดี๋ยวก็ตามมาแล้วล่ะ พี่ไม่สู้กับพวกนั้นหรอก หว่านล้อมให้มาเป็นพันธมิตรแล้วเรียบร้อย”

อธิบายไปก็ลูบหัวแบมแบมไปด้วย แวร์วูฟตัวน้อยยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีเมื่อได้ยินว่าจินยองกำลังตามมา เจบีที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเปล่าประโยชน์ที่ตัวเองโดนด่านานเกือบชั่วโมงแถมยังเจ็บตัวฟรีอีก...

“แล้วบี๋ทำไมไม่กลับร่างเดิมล่ะ จะเป็นหมาผีแบบนี้ตลอดไปเลยเหรอ เค้ากลัวนะไม่อยากมีผัวเป็นผี” โถ่น้องเอิน...

“ต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย ประมาณสองชั่วโมงถึงจะกลับร่างเดิมได้ครับ แต่ร่างนี้ใช้ต่อสู้จะดีที่สุด”

“แล้วนี่มัน...ร่างอะไรเนี่ย...”

“ร่างของโกสท์วูฟ จะปรากฏก็ต่อเมื่อแวร์วูฟตัวนั้นถูกปลิดชีพ พูดง่ายๆก็คือพี่ตายไปแล้วนั่นแหละครับ แล้วก็เพิ่งจะฟื้นขึ้นมาเป็นหมาผีได้ไม่ได้นี่แหละพี่เอิน” มาร์คเบิกตากว้างก่อนมองเจบีด้วยความตกใจ

“มิน่าล่ะเบเจ็บหัวใจจนนึกว่าจะตายซะแล้ว เพราะบี๋ถูกฆ่าสินะ ใครมันฆ่าบี๋บอกเบมาเดี๋ยวนี้”

ยังไม่ทันที่หัวหน้าแวร์วูฟจะตอบคำถามของมาร์ค ฮิวโก้ที่หนีไปในตอนแรกได้กลับมาอีกครั้ง...พร้อมกับกองกำลังกากอยล์ มาร์คมองเผ่าพันธุ์เดียวกันแล้วแสยะยิ้มสมเพช ไม่ต้องถามเหตุการณ์ก็พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นหนีไปเพื่อเรียกกำลังเสริม ดูจากศพของผีดิบที่ถูกกัดจนขาดกระจุยบนพื้น กองกำลังผีดิบคงพ่ายแพ้สิ้นท่าโดยสมบูรณ์

“ผีดิบเหรอ...ฆ่าพวกมันซะ!” ฮิวโก้ที่เห็นมาร์คยืนอยู่ท่ามกลางฝูงแวร์วูฟออกคำสั่งเสียงดัง

มาร์คยกยิ้ม กางปีกออกก่อนบินขึ้นไปแล้วโฉบเข้าหาฮิวโก้ แรงกดดันอัด ฮิวโก้จนกระเด็นตกจากหลังของกากอยล์ มาร์คหุบปีกปล่อยให้ร่างตกลงพื้น เท้าเหยียบกระแทกลงกลางอกของฮิวโก้จนอีกฝ่ายกระอัก มาร์คก้มลงบีบคออีกฝ่ายอย่างแรง แผลที่แบมแบมกัดไว้เปิดกว้างอีกครั้ง เขากระชากหัวฮิวโก้ครั้งเดียวจนหลุดจากบ่า

มือแทงทะลุเข้าไปบีบหัวใจของเผ่าพันธุ์เดียวกันก่อนจะชากมันออกมา มาร์คบดขยี้หัวใจที่เต้นตุบๆด้วยมือเปล่าจนมันแหลกคามือ ร่างของฮิวโก้ดิ้นพล่านก่อนล้มลงกับพื้น มาร์คปาเศษหัวใจที่บีบแหลกคามือและศีรษะของผีดิบไปให้พ้นสายตาก่อนทิ้งท้ายกับศพของผีดิบไว้

“เสร่อ”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 37 [01/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 31-05-2018 22:30:29
ตอนที่ 37
GHOST

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 01/06/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839204#msg3839204)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3842996#msg3842996)

ปีกสีรัติกาลแผ่สยาย กระพือต้านลมก่อนโฉบลงพื้นดิน กวาดสายตามองทิวทัศน์รอบข้างพร้อมเก็บปีกเข้าที่เดิม ยูคยอมย่างก้าวเข้าไปใกล้ตัวปราสาทช้าๆ สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกประหลาดจากบรรยากาศรอบตัว มันแปลกเกินไป มีหรือที่สงครามใหญ่อย่างนี้จะไม่มีทหารหรือปีศาจเฝ้ารอบปราสาทเลย ครุ่นคิดอยู่สักพักก็เงยหน้ามองยอดปราสาท

“Welcome my master”

ยูคยอมแสยะยิ้มเหี้ยม มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น จ้องมองร่างของผู้ที่กระโดดลงมาจากยอดปราสาทด้วยความคับแค้นใจ ทั้งผิดหวัง และเสียใจ ราชาปีศาจสูดหายใจลึก เก็บลมหายใจไว้ครู่หนึ่งก่อนปล่อยออกมา “Quisling”

“ไม่เจอกันนานนะครับนายท่าน” เปล่งคำทักทายออกมาพร้อมโค้งให้ดั่งที่เคยทำเช่นทุกครั้ง

“ไม่เจอกันนานนะวอลเตอร์” พูดแล้วยกยิ้มให้กับอดีตพ่อบ้านประจำตระกูล บุคคลที่ใกล้ชิดและไว้วางใจมากที่สุด ในเวลานี้ไม่มีความรู้สึกใดมาแทนที่เคียดแค้นได้แล้ว

“หวังว่านายท่านจะสบายดี” วอลเตอร์แย้มยิ้มเช่นทุกที ไม่มีท่าทางเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย ยังคงแสดงความจงรักภักดีต่อราชาปีศาจดังที่ผ่านมา

ยูคยอมหลับตาก่อนลืมขึ้นมาพร้อมความเคียดแค้นและตัดพ้อ ดวงตาสีโลหิตจ้องมองอดีตพ่อบ้าน กำไม้เท้าในมือแน่นก่อนย่างก้าวเข้าไปหา

จังหวะที่ก้าวขาเหมือนมีเส้นเอ็นที่มองไม่เห็นเฉือนผ่านเนื้อไป เลือดเริ่มไหลออกมาจากบาดแผลแต่ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นแผลเหวอะหวะก็สมานตัว

“ระวังนะครับนายท่าน แถวนี้มันอันตราย” วอลเตอร์ยังคงแย้มยิ้ม กระตุกนิ้วมือเหมือนบังคับบางสิ่ง

แสงสีเงินสะท้อนวาบหยอกแสงจันทรา เส้นใยเงินเข้าเชือดเฉือนร่างของ-

ราชาปีศาจจนเกิดรอยขีดข่วนไปทั่วร่าง ยูคยอมส่งเสียงจิ๊จ๊ะด้วยความหงุดหงิด อาวุธของพ่อบ้านที่สร้างความรำคาญให้เขาเสมอมา ‘ใยเงิน’ เส้นใยที่ปั่นจากเงินบริสุทธิ์ บางเฉียบและคมกว่าดาบใดใดบนโลกนี้

“ปล่อยซะวอลเตอร์ ลากคอเกลกับแม่ของมันออกมา” ยูคยอมเดินผ่านเส้นเงินเหล่านั้นออกมาโดยไม่มีรอยขีดข่วน พุ่งเข้าหาวอลเตอร์แล้วใช้ปลายไม้เท้าจ่อ คออีกฝ่ายไว้

วอลเตอร์ยังคงยิ้ม รอยยิ้มที่น่าหงุดหงิดสำหรับยูคยอม “ขออภัยที่ต้องปฏิเสธ นายหญิงไม่ประสงค์จะพบใครในตอนนี้” ราวกับเส้นความอดทนถูกตัดขาดสะบั้น ไม้เท้าแทงทะลุคอของโกสท์ตนสนิทอย่างไร้เยื่อใย หมุนควงให้แทงเข้าไปจนสุดถึงหัวไม้เท้า

“ปากดี” ยูคยอมดึงไม้เท้าออกมาจากคอของวอลเตอร์ สะบัดคราบเลือดที่ติดมาทิ้งอย่างนึกรังเกียจ พ่อบ้านกุมคอตนเองแน่น รอยยิ้มยังคงปรากฏบนหน้าของเขา

ยูคยอมขมวดคิ้วมุ่น เส้นเลือดที่ขมับปูดขึ้นเพราะความโกรธ ดีดนิ้วเปาะหนึ่งก่อนไม้เท้าจะหายไปราวกับใช้เวทมนตร์ โกสท์ขยับคลายความแน่นของเน็คไทป์ที่ผูกไว้ ปรายตามองอดีตพ่อบ้านปีศาจประจำตระกูลที่ตอนนี้แผลได้สมานตัวแล้ว

โกสท์นามวอลเตอร์ถือเป็นโกสท์ชนชั้นสูงที่เก่งกาจในระดับต้นๆ มีศักยภาพสูงทั้งพลังในการฟื้นตัวและความสามารถในการต่อสู้

“อย่าให้ฉันต้องฆ่านาย...” ยูคยอมจ้องเขม็ง เงาดำทมิฬเริ่มก่อตัวขึ้นรอบกาย ไอสีรัติกาลฟุ้งไปทั่วก่อนโครงกระดูกจะค่อยๆคลานออกมาจากไอดำนั้น

พลังที่โกสท์นามยูคยอมเท่านั้นที่มีในครอบครอง ‘เปิดภพเดรัจฉาน’ วอลเตอร์ชักสีหน้าหวาดกลัวครู่หนึ่งก่อนรีบปรับให้กลับเป็นแบบเดิม ตะขาบยักษ์คืบคลานเข้าไปหาวอลเตอร์ด้วยความเร็วสูง พ่อบ้านรีบกระตุกใยเงินตัดผ่าตัวตะขาบแยกเป็นสองซีก หันหลังออกตัววิ่งแล้วกระโดดขึ้นไปบนยอดไม้ จ้องมองสัตว์เดรัจฉานและโครงกระดูกในนรกแก่งแย่งกันออกมา ยูคยอมเปรยตามองแล้วกระโดดตามขึ้นไป

วาดขาเตะร่างของอดีตพ่อบ้านให้ตกลงไปยังพื้น กางปีกที่เก็บไปแล้วออกก่อนโฉบเข้าไปเสียดแทงไม้เท้าลงกลางท้อง วอลเตอร์พุ่งลงกระแทกกองสัตว์เดรัจฉานอย่างแรงจนพวกมันแหลกและตายคาแรงอัดนั้น ยูคยอมเหยียบลงกลางอกข้างแผลที่ตนเองเป็นคนแทง บังคับตะเข็บนับพันให้เลื้อยเข้าสู่ร่างกายผ่านทางหูและรูจมูก

“เด็กๆของฉันยังภักดีกว่านายอีกวอลเตอร์” เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน จ้องมองอดีตคนสนิทดิ้นทุรนทุรายกับพื้นด้วยความสมเพช ผู้ใดที่หักหลังความไว้วางใจจากเขา มันผู้นั้นไม่สมควรมีชีวิตอยู่...

ฉัวะ!

ยูคยอมผละออกแล้วกระโจนถอยห่าง มองภาพเบื้องหน้าด้วยความนิ่งเฉย วอลเตอร์สะบัดใยเงินตัดหัวของตนเองทิ้ง

ราชาปีศาจปิดภพเดรัจฉานก่อนปัดสูทของตนเองที่เปรอะเลือดเล็กน้อย กวาดสายตามองรอบๆด้วยความระแวดระวัง

แน่นอนว่าวอลเตอร์ไคลน์นั้นยังไม่ตาย ยูคยอมก้าวเท้าเข้าหาตัวปราสาทช้าๆ ดีดนิ้วเก็บของเกะกะเข้าที่ดังเดิม ทอดถอนหายใจออกมาก่อนหันมองซ้ายมือของตนเอง “ความจังรักภักดีนั้นคงจะดีถ้ามันเกิดขึ้นกับฉันเพียงผู้เดียว”

วอลเตอร์สะบัดเส้นใยเงินเข้ามัดตัวยูคยอมไว้ รอยยิ้มปรากฏบนในหน้าของเขาอีกครั้ง ตรึงเส้นใยทั้งหมดให้แน่นจนบาดเนื้อของอดีตเจ้านาย วาดมือผูกใยเงินไว้กับตัวปราสาทขึงร่างของราชาปีศาจให้แนบไปกับกำแพงสูง วอลเตอร์ค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ จ้องมองร่างที่ถูกตรึงด้วยสายตายากคาดเดา

“นายท่าน...ข้ายังเป็นคนของท่านเสมอ” ยูคยอมกัดฟันกรอด จิกมือลงกับกำแพงแน่น ดึงแขนออกมาจากเส้นใยที่ตรึงร่างตนเองไว้ ข้อมือข้างหนึ่งหล่นตุบลงบนพื้นแล้วเคลื่อนไปบีบคอของวอลเตอร์ไว้

ยูคยอมหลุดจากการพันธนาการอย่างง่ายดาย ร่างกายของโกสท์นั้นสิ่งของจะสัมผัสได้ก็ต่อเมื่อพวกเขายอมให้สัมผัสเท่านั้น มือข้างที่ขาดบีบแน่นจนเกิดเป็นรอยแดงปื้นบนคอ ยูคยอมยื่นแขนเข้าไปเชื่อมสมานมือข้างนั้นเข้ากับแขนดัง เดิม ราชาปีศาจยื่นหน้าเข้าไปใกล้อดีตพ่อบ้านที่กุมข้อมือของตนเองไว้แน่น

“คน ของฉันไม่ทรยศฉัน”

ยูคยอมออกแรงบีบมากยิ่งขึ้นราวกับต้องการบดขยี้ชีวิตของโกสท์ตนนี้ให้แหลกคามือ ดวงตาสีโลหิตของวอลเตอร์จ้องมองผู้เป็นนายเก่า ส่งผ่านความรู้สึกของตนเองผ่านไปทางสายตา ราชาปล่อยมือจากคอของวอลเตอร์ นึกหงุดหงิดตนเองที่ไม่ยอมลงมือกับคนทรยศ
แม้จะเคียดแค้นแทบตายแต่ผู้ที่อยู่เคียงข้างเขามาตลอดแปดร้อยปีคือวอลเตอร์ การฆ่าคนที่ผูกพันขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แม้เขาจะเลือดเย็นแค่ไหนแต่มีเพียงโกสท์ตนนี้ ตนนี้เท่านั้น...ที่ฆ่าไม่ลง

“วอลเตอร์...ทำไม...ทำไมต้องหักหลังฉัน” ยูคยอมถาม เปลี่ยนทุกอย่างให้กลับสู่สภาพเดิม

“ข้ามีเหตุผล...ที่ยังบอกตอนนี้ไม่ได้”

“แก้ตัว” ยูคยอมถีบวอลเตอร์ให้ล้มลงบนพื้นแล้วเหยียบลงกลางอกอีกครั้ง

“ทั้งหมด...เพื่อนายท่านและคุณหนู...” ยูคยอมขมวดคิ้ว คุณหนูของวอลเตอร์จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหยื่อผู้ทำพันธะสัญญากับเขา ชเว ยองแจ

“เกลมันอยู่ไหน!” ยูคยอมตะโกนลั่น ออกแรงที่เท้าหนักขึ้น วอลเตอร์ทำเพียงยิ้มตอบก่อนร่างจะหายไปต่อหน้าต่อตา

ยูคยอมตะโกนออกมาเพื่อระบายความหงุดหงิด เขาจับจิตของเกลและวอลเตอร์ไม่ได้ ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด โกสท์พยายามบังคับตนเองให้ใจเย็นลงก่อนเอะใจที่จับสัมผัสของวอลเตอร์ไม่ได้ แม้โกสท์ทุกตนจะมีพลังในการลบล้างตัวตนแต่สำหรับโกสท์ใต้การปกครองของเขาที่มอบวิญญาณให้แก่เขานั้นย่อมหลบหนีเขาไม่พ้น เว้นแต่วิญญาณนั้นจะได้รับการเติมเต็ม โดยการทำพันธะสัญญา

ยองแจ

ตกใจหมด! อย่าโผล่งขึ้นมาแบบนี้ได้ไหม!

ยูคยอมลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่เหยื่อของเขายังปลอดภัย

อีกสิบนาที

เร่งจังเลยพ่อคุณ อยากให้ไปหาเร็วๆทำไมไม่มารับห๊ะ!

งั้นอยู่ตรงนั้น ฉันจะไปรับ

ไม่ต้อง จะถึงแล้ว

ยูคยอมยิ้มออกมาก่อนตัดโทรจิตไป หลับตาลงก่อนร่างจะค่อยๆกลืนหายไปกับความมืด

-ทางด้านยองแจ-

“เจฮย๊องงงงงง ยิงมัน ยิงมันที๊” เสียงโวยวายของเด็กมัธยมดังลั่นป่าพร้อมวิ่งหนีฝูงค้างคาวที่บินตามหลังมา เจฮยองที่เห็นหลานถูกรังแกก็นึกฉุน ยิงศรเงินเก้าดอกแหวกอากาศเข้าปักอกค้างคาวปีศาจจนร่วงลงพื้น

“อย่ามายุ่งกับหลานข้า!” ประกาศกร้าวแล้วโอ๋หลานยกใหญ่ ยองแจเบ้ปาก ถ้าไม่ติดว่าลูกธนูของเขาหมดจะไม่ง้อตาลุงคนนี้เลย...

“พาวิ่งมาอะไรทางนี้ล่ะตาแก่!” ยองแจทุบไหล่คุณลุงอย่างหงุดหงิด เขาไม่รู้หรอกว่ามีทางอื่นให้ไปอีกไหม ป่ากว้างขนาดนี้มันย่อมมีทางอื่นแน่อยู่แล้วแต่หัวหน้าอาร์เชอร์ดันพาวิ่งมาทางฝั่งกองกำลังแวมไพร์ซะได้

“เรียกลุงตาแก่เลยเหรอ น้อยใจจัง” ปากบอกน้อยใจแต่หน้าดันยิ้มทำเอายองแจหมั่นไส้ขึ้นไปอีก

“................”

เจฮยองละความสนใจจากยองแจแล้วหันไปเล็งศรเงินใส่แวมไพร์ที่ลอบเข้ามาด้านหลัง จังหวะที่ยิงธนูเสร็จก็สบเข้ากับแจซอกพอดี เจฮยองยกมือขึ้นทำท่าหัวใจใส่เมจิส นักเวทย์ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง

หันไปฟาดไม้เท้าใส่แวมไพร์แล้วขว้างดาบใส่อาร์เชอร์จอมกวน ที่เจฮยองเลือกเส้นทางนี้เหตุผลหลักอันแสนน่าตบคือต้องการแว้บมาหาคนสวยของเขาเท่า นั้น ส่วนเหตุผลรองคือเส้นทางนี้ใกล้ตัวปราสาทมากที่สุด

“ระวังตัวด้วยนะครับคุณเมจิส เทคแคร์มากอยากให้รู้!” อาร์เชอร์ตะโกนบอกผู้นำเมจิสแล้วยกมือขึ้นทำท่าหัวใจอีกครั้ง แจซอกกุมขมับกับความเสี่ยวไม่ดูสถานการณ์ของอีกฝ่าย

“นี่จีบเขาหรือกวนตีนเขานะเจฮยอง เลิกเต๊าะคุณอาแล้วก้าวขาวิ่งได้แล้ว ชักช้ายูคยอมหงุดหงิดนะ อีกแค่ห้านาทีเอง!” ยองแจลากตัวเจฮยองออกมาจากการต่อสู้แต่ยังไม่ทันออกตัววิ่งร่างของราชาปีศาจก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเสียแล้ว

“บอกว่าไม่ต้องมารับไง” ยองแจพูดขึ้นเมื่อเห็นยูคยอมแต่อีกใจหนึ่งก็      โล่งอกที่ได้เจอกันเสียที

“คิดถึง” ยองแจเลิกคิ้ว อยากจะจับโกสท์พาไปวินิจฉัยโรคให้รู้แล้วรู้รอดไป นึกเพี้ยนอะไรขึ้นมาถึงได้มาบอกคิดถึงกันแบบนี้...

“เอ่อ...น...นายเป็นอะไรไหม” ยองแจเอ่ยถามแก้เขิน เจฮยองที่เห็นว่าหลานกำลังสวีทกับท่านราชาก็แอบแว้บไปหาคุณเมจิสยอดรักทันที

“ฉัน...เจอวอลเตอร์มา” ยองแจเบิกตากว้าง ดึงมือของยูคยอมมากุมไว้แล้วถามออกมา

“นายทำอะไรเขาหรือเปล่า”

“พอตัว...แต่เขายังไม่ตาย” ยองแจถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก บีบมือยูคยอมแรงขึ้น

“ฟังนะยูคยอม...คุณวอลเตอร์เขา...”

คำพูดทั้งหมดถูกกลืนหายลงคอไปเมื่อเห็นบุคคลที่จู่ๆก็โผล่มายืนหลังยูคยอม ราชาปีศาจหันไปมอง ดวงตาแห่งโกสท์เผยอย่างรวดเร็ว ดึงตัวยองแจให้หลบหลังร่างตนเอง “เกล”

“ใจร้ายจังนะน้องพี่ มาถึงแล้วไม่ยอมไปทักทายกันเลย” เกลเอ่ยแล้วหันไปยิ้มให้กับคนด้านหลังยูคยอม ยองแจส่งยิ้มแหยตอบกลับ
ความกดดันทั้งหมดในตอนนี้ผู้แบกรับมันไว้คือเด็กหนุ่มนามชเว ยองแจ เด็กหนุ่มที่ล่วงรู้เหตุผลของสงครามนี้ รู้ผลแพ้ชนะในศึกครั้งนี้และรู้ว่า....ใครจะตายบ้างในการต่อสู้นี้ ยองแจกำคันธนูสีดำแน่น จ้องมองเกลที่เก็บงำความรู้สึกทั้งหมดไว้ นึกเห็นใจแดมเพียร์ตนนี้เกินจะบรรยายได้แต่ทุกอย่างควรเปิดเผยเมื่อถึงเวลาของมัน

“ลากตัวแม่แกออกมาซะเกล” ยูคยอมพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว สงครามครั้งนี้มันไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ ขอเพียงลอร์ดผู้น่ารังเกียจนั่นตายไปซะทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม

“ยูคยอม...พี่อยากให้นาย...ใจเย็นๆ” เป็นครั้งแรกที่ยูคยอมสัมผัสถึงความจริงใจในน้ำเสียงของเกลได้

“..........”

“พี่ขอร้อง ส่งยองแจมาให้พี่”    

ยูคยอมแย้มรอยยิ้มเหี้ยม ปล่อยให้ผิวหนังตามร่างหลุดล่อนออก เนื้อเปื่อยยุ่ยร่วงหล่นลงพื้นจนเหลือแต่โครงกระดูก เขาค่อยๆงอกออกมา โค้งงอตามความยาวจนสุดปลายเขา นัยน์ตาสีโลหิตจ้องเขม็งไปยังแดมเพียร์ที่ยังยืนจังก้าอยู่ที่เดิมทั้งที่ก่อนหน้านี้วิ่งหนีเขาหัวซุกหัวซุน ร่างที่แท้จริงของโกสท์นามยูคยอมนั้นปีศาจน้อยตนนักจักเคยพบเห็น ร่างที่จะปรากฏก็ต่อเมื่ออยู่ในอารมณ์โกรธาเกินยับยั้ง


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 40 [08/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 07-06-2018 23:42:41
ตอนที่ 38
STAY AWAY

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 08/06/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3839213#msg3839213)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3843009#msg3843009)

“แกควรเรียนรู้ว่าอย่ามายุ่งกับสิ่งที่มีเจ้าของแล้ว”    

โครงกระดูกสีดำทมิฬเอ่ยเสียงเหี้ยม ร่างที่แท้จริงของโกสท์คือ ‘โครงกระดูก’ ซี่โครงซึ่งเคลื่อนไหวได้ มีชีวิต มีวิญญาณแต่ไม่มีวันตาย หนทางที่จะฆ่าพวกโกสท์ได้นั้นก็พอมีอยู่บ้าง...แต่เรายังไม่บอกคุณหรอก ว่ามันทำได้อย่างไร

“โดยเฉพาะคนของฉัน” ภพเดรัจฉานถูกเปิดอีกครั้งหลังสิ้นเสียงของราชา สัตว์นรกมากมายถูกเรียกให้ออกมา ยองแจถอยห่างจากตัวยูคยอม กวาดสายตาหาทางหนีทีไล่ก่อนตัดสินใจขึ้นไปหลบบนต้นไม้

“ยังใช้แต่อารมณ์ไม่เปลี่ยนไปเลย...” เกลถอนหายใจ สยายปีกค้างคาวให้แผ่กว้างแล้วบินขึ้นสู่ท้องนภายามราตรี

เกลบินหลบไม้เท้าที่พุ่งเข้าใส่ตัว นัยน์ตาสีอำพันของแดมเพียร์แปรเปลี่ยนเป็นแดงก่ำดุจดั่งเคลือบด้วยโลหิต ก้มมองพื้นเบื้องล่างก็พบราชาปีศาจกระโดดขึ้นมา โครงกระดูกคว้าเข้าที่ข้อมือก่อนเหวี่ยงตัวครึ่งแวมไพร์ลงไปกระแทกเหล่าโครงกระดูกจากภพนรก เศษซากแหลมคมทิ่มทะลุเนื้อจนเกลต้องนิ่วหน้า หันไปดึงเศษกระดูกออกแล้วยันตัวให้ยืนขึ้น เห็นท่าไม่ดีตั้งแต่เริ่มเลยสิ...

“ฉันจะเอาศพแกไปเผาต่อหน้าแม่แก!” ยูคยอมประกาศกร้าว ดีดนิ้วปิดภพเดรัจฉานก่อนกระพือปีกร่อนลงพื้น

“เสียใจด้วยที่แกคงทำไม่สำเร็จ!” เกลตอบกลับ กางปีกค้างคาวออกอีกครั้งก่อนปล่อยคลื่นพลังจิตอัดใส่โกสท์จนกระเด็นไปไกลพอสมควร

แดมเพียร์อาศัยจังหวะที่โกสท์ไม่ทันตั้งหลักโฉบเข้าไปหาเด็กหนุ่ม คว้าตัวเข้ามากอดแล้วบินร่อนลงพื้น แขนแกร่งกอดคอยองแจไว้พร้อมกระซิบเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน “นายต้องช่วยฉัน” ยองแจไม่ตอบอะไร ได้แต่ชักสีหน้าลำบากใจ เขารู้ รู้เหตุผลของเกล รู้ทุกอย่าง...แต่เขาพูดมันออกไปไม่ได้...

   “คืนคนของฉันมา” ยูคยอมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแต่กลับหลอนเข้าไป-

ในโสตประสาทของแดมเพียร์และยองแจ เด็กหนุ่มนิ่วหน้ายกมือขึ้นปิดหูด้วยความทรมาร

คลื่นเสียงของโกสท์ในร่างนี้สามารถทำลายโสตประสาทได้ สร้างความกลัวให้เกิดในจิตใจผู้ได้ยิน จำลองความกลัวนั้นให้เป็นรูปร่าง หากผู้ใดทนได้จะรู้สึกเพียงทรมารแต่หากผู้ใดทนไม่ได้...พวกมันจักฆ่าตัวเองตาย เกลกัดฟันกรอด จ้องมองเหล่าพวกพ้องแวมไพร์ควักหัวใจตนเองออกมาบีบจนแหลกด้วยความคับแค้น

“เกล ปล่อยฉัน...” ยองแจกระซิบบอกเกล โรสอายได้สำแดงฤทธิ์ของมัน เหตุการณ์ในอีกหนึ่งนาทีข้างหน้าไหลเข้ามาให้หัว ต้องรีบหยุด...ต้องหยุดยูคยอม

แดมเพียร์ขมวดคิ้วมุ่น ไม่ยอมทำตามคำบอกของยองแจ ยังคงล็อคคอไว้ไม่ปล่อย เด็กหนุ่มถอนหายใจให้กับความดื้อด้านนั้น ขึ้นชื่อว่าพี่น้องถึงจะคนละแม่ก็ตามย่อมมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันเสมอ...ดวงตาของโกสท์เรืองโรจน์ด้วยความโกรธ กลืนหายไปกับความมืดยามราตรีแล้วชิงตัวยองแจมากอดไว้ เกลสบถด้วยความขัดใจ ก้าวถอยหลังให้ห่างจากน้องชายต่างมารดา

“เกลียดจริงๆพลังขี้ขลาดนั่น” เกลจงใจพูดให้ยูคยอมได้ยิน ราชาปีศาจหัวเราะ เสียงโหยหวนหลอกหลอนโสตประสาทจนยองแจเผลอร้องไห้ออกมา เป็นครั้งแรกที่พบเจอกับความกลัวที่แท้จริง ความกลัวที่เกิดจากปีศาจ...

“นั่นคือคำพูดสุดท้ายก่อนตายหรือแดมเพียร์” โกสท์กล่าว ชี้นิ้วขึ้นมาแล้ววาดเป็นเส้นตรงจากบนลงล่าง

กลุ่มเมฆทะมึนก่อตัวขึ้นเหนือหัวครึ่งแวมไพร์ เศษโครงกระดูกแหลมคมค่อยๆร่วงหล่นลงมาจากเมฆ จากเศษเสี้ยวเพียงไม่กี่ชิ้นกลายเป็นพายุฝนโหมกระหน่ำทิ่มแทงร่างของเกลจนแทบไม่เหลือที่ว่าง ‘ห่าฝนกระดูก’ การโจมตีที่ไม่เคยมีปีศาจตนใดหนีรอดและหลบพ้น...โกสท์จ้องมองร่างของครึ่งแวมไพร์ถูกโครงกระดูกทิ่มแทง กำมือเข้าหากันบังคับเศษกระดูกให้ทิ่มแทงลึกเข้าไปในเนื้อ ยองแจหลับตาลง เบือนหน้าหนีภาพสุดแสนน่ากลัว น้ำตายังคงไหลออกมาจากดวงตาของผู้ถือครองฮาร์ท ดวงตาสีชมพูกุหลาบสั่นไหว เอื้อมมือไปแตะไหล่ยูคยอม

“ยูคยอม...พอแล้ว”

สิ้นเสียงของยองแจฝนโครงกระดูกก็สงบลง ทิ้งไว้เพียงเศษซากแหลมคมตราตึงในจิตใจ แดมเพียร์แน่นิ่ง ไม่ขยับกายไหวติง ยูคยอมคลายมือไล่เอาเศษกระดูกให้หลุดออกจากร่างนิ่งงันของเกล แรงดันอัดเลือดให้พุ่งออกตามรูบนร่างกาย ตัวของแดมเพียร์ค่อยๆซีดลง แม้ผิวจะขาวซีดอยู่แล้วแต่ตอนนี้มันกลับซีดกว่าเดิม เนื้อเริ่มลีบติดกับกระดูกพร้อมกับเลือดที่พุ่งทะลักไม่ยอมหยุด

เด็กหนุ่มกำมือแน่น น้ำตายังคงไหลออกมา นึกหงุดหงิดตัวเองที่บังคับมันไม่ได้ เตรียมเอ่ยปากแต่ก็เป็นอันต้องเก็บงำมันไปเมื่อโรสอายสำแดงฤทธิ์อีกครั้ง ยองแจหันไปมองยูคยอมในร่างโครงกระดูก เลื่อนมือไปกำข้อมือโกสท์ไว้แน่น อีกฝ่ายหันมองด้วยความไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ปัดหรือขัดขืน   

ฟุ่บ

ร่างของพ่อบ้านวอลเตอร์กระโดดลงมาจากต้นไม้ รีบเข้าไปพยุงครึ่งแวมไพร์ไว้ก่อนใช้เส้นใยเงินกรีดแขนตัวเองให้เลือดไหลหยดลงบนริมฝีปากของเกลที่สลบอยู่ ยูคยอมตาเรืองวาบเมื่อเห็นหนึ่งคนทรยศและหนึ่งคนน่ารังเกียจอยู่ด้วยกัน ยองแจกำชับมือให้แน่นขึ้นพลางส่ายหน้าให้ ราชาปีศาจมองด้วยความไม่เข้าใจ เพราะเหตุใดยองแจจึงต้องรั้งเขาไว้

“ปล่อย...” เสียงของโกสท์ทุ้มต่ำจนน่ากลัว มือเล็กที่จับข้อมือเริ่มสั่นด้วยความหวาดผวา

“ยูคยอม ฟังก่อนนะ” ยองแจพยายามเกลี้ยกล่อมโกสท์เจ้าของพันธะสัญญา

“...........”

ยองแจสูดหายใจเข้าปอดให้ลึกที่สุดแล้วพ่นลมออกมา กลั้นน้ำตาให้เหือดแห้งไปก่อนตัดสินใจพูด

“ฉัน...จะไปกับเกล”

“ฉันจะให้โอกาสนายพูดอีกครั้ง” ยูคยอมจ้องเขม็ง น้ำเสียงแข็งกร้าวก้องกังวานไปทั่วอาณาบริเวณ ยองแจจ้องตอบแม้จะกลัวจนขาสั่น

“ฉันจะไปกับเกล” ยองแจพูดน้ำเสียงที่หนักแน่นและฟังชัด เขารู้ว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้มันเสี่ยงแค่ไหน แต่เขามีความจำเป็นต้องทำ...

ยูคยอมชะงักไป เนื้อเยื่อค่อยๆก่อตัวขึ้นรอบโครงกระดูกก่อนชั้นผิวหนังจะห่อหุ้มเนื้อไว้ ราชาปีศาจกลับคืนร่างเดิม เด็กหนุ่มมองดวงตาสีเลือดที่สั่นไหวแฝง  ไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและน้อยเนื้อต่ำใจ ยูคยอมสะบัดมือยองแจทิ้งก่อนคว้าเข้าที่คอของเหยื่อทันที

“อยากไปกับมันมากเหรอ” พูดพลางออกแรงบีบเบาๆ แค่แรงเพียงน้อยนิดแต่กลับสร้างรอยแดงปื้นเด่นชัดประดับบนลำคอขาว ยองแจนิ่วหน้า กำข้อมือของโกสท์แน่น

“นายควรมีเหตุผลมากกว่านี้และฟังฉัน แค่กๆ!” เมื่อเอ่ยออกไปแรงบีบก็ยิ่งเพิ่มขึ้น ใบหน้าเริ่มแดงกำ ลมหายใจติดขัดจนแทบหายใจไม่ออก

“ฉันถามว่าอยากไปกับมันมากเหรอ!!” ยูคยอมตวาดลั่น จ้องมองหน้าคนที่ตนเองบีบคออยู่ด้วยความโกรธ ได้แต่คิดในใจว่าครึ่งแวมไพร์นั่นมีดีอะไรคนข้างกายถึงได้ไปหามันกันหมด

“ฉัน ฮึก...หายใจ...ไม่...ออก” แรงที่บีบข้อมือโกสท์อยู่ค่อยๆผ่อนลง น้ำตาที่เหือดแห้งไปในตอนแรกไหลออกมาอีกครั้ง ทรมารเหลือเกิน...
ใครก็ได้...ช่วยที...ช่วยหยุดปีศาจตนนี้ที

ศรเงินพุ่งแหวกอากาศปักเข้ากลางศีรษะพร้อมกับเส้นใยเงินที่เข้าเชือดเฉือนข้อมือโกสท์จนขาดสะบั้น วอลเตอร์พุ่งเข้าไปดึงตัวยองแจมากอดไว้ก่อนรีบถอยห่างจากยูคยอมที่ยังคงขาดสติเพราะความโกรธอยู่ เจฮยองรีบยิงธนูอีกดอกไปปักไหล่เมื่อเห็นว่ายูคยอมทำท่าจะขยับตัว
ยองแจรีบกอบโกยอากาศเข้าปอด ถึงกับหายใจผิดจังหวะไปชั่วขณะ มือชาไปจนถึงปลายนิ้ว สะอื้นไห้สลับกับสูดอากาศไปด้วย “คุณหนูไม่เป็นไรนะครับ” วอลเตอร์ถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“หายใจไม่ทัน ฮึก นิดหน่อยครับ”

ยองแจผละวอลเตอร์ออกแล้วยืนด้วยขาของตัวเองโดยใช้คันธนูต่างไม้ค้ำ เหลือบจ้องมองโกสท์เจ้าของพันธะสัญญาที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ
“ท่านราชาถึงผมจะเคารพท่านแต่ถ้ามาทำแบบนี้กับหลานของผม ถึงจะเป็นนายเหนือหัวผมก็ไม่เว้นนะครับ” เจฮยองเอ่ยเสียงเหี้ยม ขึงศรเงินเก้าดอกเข้ากับคันธนู เล็งเป้าหมายค้างไว้พลางหันมองอาการของหลานชายไปด้วย

เจฮยองนึกโทษตนเองในใจ ช่างแย่เหลือเกินที่เขาละสายตาไปจากหลานชาย หนำซ้ำยังถูกแวมไพร์ระดับหัวหน้าเล่นงานจนเกือบเสียท่าอีก แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดีหลงเหลืออยู่เมื่อแวมไพร์ตนนั้นพลาดท่าให้กับเล่ห์เหลี่ยมของอาร์เชอร์

“.......” ยูคยอมไม่เอ่ยคำใดออกมา ปรายตามองอาร์เชอร์แล้วดึงศรเงินออกจากไหล่และศีรษะด้วยสีหน้าไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ

โกสท์ค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหายองแจที่ตอนนี้ถูกวอลเตอร์กันให้หลบอยู่ด้านหลัง ยูคยอมมองข้ามหัวอดีตพ่อบ้านไป จ้องตากับเหยื่อของตนเอง ดวงตาสีเลือดเรืองวาบสะกดจิตให้คนมองเดินเข้าไปหา ฮาร์ทรีบสำแดงฤทธิ์เพื่อปกป้องผู้ เป็นนาย เรียกโรสอายให้ปรากฏตัดมายาที่เข้ามาควบคุม

“มาหาฉัน” ยูคยอมออกคำสั่ง หยุดยืนอยู่กับที่แล้วรอให้เหยื่อของตนเองเดินเข้ามา

“ไปสงบสติอารมณ์ก่อน” ยองแจตอบเสียงแข็ง นึกโมโหที่ยูคยอมทำร้ายตนเองโดยที่ไม่ยอมฟังเหตุผลและไม่แม้แต่จะถามด้วยซ้ำ

“ไม่จำเป็น”

“ฉันไม่ไป”ยูคยอมกัดฟันกรอด พยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนเองอย่างหนักหน่วง คงไม่ดีแน่หากภพเดรัจฉานจะเปิดออกอีกครั้ง...ยองแจรวบรวมความกล้าอยู่ครู่หนึ่ง มองหน้าโกสท์เจ้าของพันธะสัญญา

ฮาร์ททำให้เขารู้จุดอ่อนของยูคยอม จุดอ่อนที่มีเพียงไม่กี่คนที่ล่วงรู้ ถึงแม้โกสท์จะเป็นอมตะ แต่หนทางในการฆ่านั้นอยู่ใกล้แค่เอื้อม...

จุดอ่อนของโกสท์คือ เหยื่อ

หากเมื่อก่อนยูคยอมคือโกสท์ที่แข็งแกร่งที่สุด ในตอนนี้เขากลับกลายเป็นโกสท์ที่อ่อนแอที่สุด พันธะสัญญาจะถูกทำลายทันทีเมื่อเหยื่อลงมือสังหารโกสท์ผู้ทำพันธะสัญญา แต่โกสท์นั้นไม่สามารถปลิดชีพเหยื่อได้ หากลงมือตนเองก็จะจบชีวิตลงเช่นกัน...

“นาย! เป็นโกสท์ของฉันนะ! เชื่อใจฉันบ้าง!!!” ยองแจตะโกนลั่นป่า ชี้นิ้วใส่โกสท์ที่โกรธเป็นบ้าเป็นหลังโดยไร้ความเกรงกลัวอีกต่อไป

ยูคยอมนิ่งไป ปมที่คิ้วค่อยๆคลายลงอย่างน่าประหลาด

“เห็นนี่ไหม!” ยองแจชี้ไปที่ตาสีชมพูกุหลาบของตนเอง

“นายคิดว่าฉันต้องกลัวอะไรบ้าง! นายรู้ไหมฉันเห็นอะไร!!!” เสียงตะโกนค่อยๆดังขึ้นราวกับความอัดอั้นในใจถึงคราวปะทุ

“ไอ้หมอนี่น่ะ!!” คนพูดชี้นิ้วไปที่ร่างแน่นิ่งของเกล กลั้นหายใจครู่หนึ่งก่อนพูดออกไป

“ไม่ได้เลวอย่างที่นายเข้าใจหรอก” พูดจบน้ำตาที่กลั้นไว้ก็หลั่งไหลออกมาอีกครั้ง

สงครามตอนนี้อยู่ในช่วงสงบศึก แวมไพร์และครึ่งแวมไพร์ต่างพักรบกับเหล่ามนุษย์ ความจริงพวกเขาไม่อยากสู้กันด้วยซ้ำแต่เลือดในกายมันร่ำร้องให้ต้องห้ำหั่นกัน...

“นายจะไปรู้อะไร...” ยูคยอมเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่มันกลับดังก้องในโสตประสาทคนฟัง

ยองแจเบียดไหล่วอลเตอร์ก่อนก้าวย่างไปหาโกสท์เจ้าของพันธะสัญญาของตนเองช้าๆ กำชับอาวุธคู่กายแน่น หยุดยืนยิ่งแล้วออกตัววิ่งเข้าหาโกสท์เต็มกำลัง เงื้อคันธนูขึ้นฟ้าก่อนฟาดมันเข้ากับท้ายทอยของโกสท์จนยูคยอมเซ

ทั้งป่าเงียบสนิท ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยปาก เด็กหนุ่มนาม ชเว ยองแจ ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดกล้าทำมาก่อน ยองแจทิ้งนัวร์ลงกับพื้น คว้าเข้าที่คอเสื้อเชิ้ตของอีกฝ่ายแล้วเขย่าสุดแรงด้วยความโมโห หงุดหงิดเกินกว่าจะอธิบายมันออกมาได้ทั้งหมด มือเล็กตบเข้าที่หน้าของยูคยอมเต็มแรงทั้งข้างซ้ายและขวา โกสท์ชะงักไปก่อนหันมองคนตัวเล็กที่โกรธจนตัวสั่น...

“ไอ้โกสท์งี่เง่า! ไอ้โกสท์อารมณ์ร้อน ไอ้โกสท์ไม่มีเหตุผล ไอ้โกสท์โมโหร้าย!” หยุดด่าพลางหอบหายใจไปพักหนึ่งก็นึกโกรธอีกครั้ง ฟาดฝ่ามือตบปากยูคยอมที่เผยอขึ้นเตรียมเถียง

“หุบปากไป! นายจะรู้อะไรงั้นเหรอ เออรู้สิ รู้หมดทุกอย่างเลย! นายเคยไหม เคยมีพลังที่ตัวเองไม่ต้องการไหม! ฉันไม่ได้อยากรู้แต่เหตุการณ์ต่างๆมันกลับไหลเข้ามาในหัวเอง!” ยูคยอมนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ เป็นครั้งแรกที่เห็นยองแจโกรธขนาดนี้...

“บอกว่าฉันไม่รู้อะไรงั้นเหรอ หึ...คนที่ไม่รู้แล้วยังเสือกไม่ฟังอีกมันคือนายต่างหาก! เลิกใช้แต่อารมณ์สักทีเถอะยูคยอม ฉันต้องช่วยเกล ฉันต้องช่วยพี่นาย! พี่นายน่าสงสารกว่าที่นายคิด นายไม่เอะใจเลยเหรอว่าเกลทำไมต้องเชื่อฟังแม่เลวๆอย่างยัยผีแวมไพร์นั่น เกลเขามีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้! บอกไม่ได้แม้กระทั่งนาย ยอมถูกนายเกลียดทั้งที่จริงๆแล้วเขาเจ็บปวดที่เห็นน้องชายเกลียดชังตนเอง! ฮาร์ทไม่เคยหลอกใครยูคยอม มันซื่อตรงและเที่ยงแท้เสมอ...ใช้เหตุผลบ้าง”

ยูคยอมยังคงยืนนิ่ง รู้สึกหน้าชาจนทำอะไรไม่ถูก...คนที่ไม่รู้อะไรเลยคือเขาอย่างนั้นหรือ...โกสท์มองตายองแจอย่างต้องการความมั่นใจ เด็กหนุ่มมองตอบ เลื่อนมือขึ้นไปลูบหัวราชาปีศาจเบาๆแต่ก็นึกแค้นขึ้นมาเลยตบหัวซ้ำเติมไปอีกสองสามครั้ง...

“ฉัน...ไม่รู้อะไรเลยอย่างนั้นเหรอ” จู่ๆร่างของยูคยอมก็สั่นเทิ้มขึ้นมา

ยองแจตกใจ รีบก้มมองหน้าของยูคยอมที่ตอนนี้หยาดเลือดค่อยๆหลั่งไหลออกมาจากดวงตาทมิฬ...โกสท์กำลังร้องไห้ เด็กหนุ่มประคองหน้าอีกฝ่ายขึ้นมาแล้วปาดเลือดให้ก่อนตบแก้มเบาๆเรียกกำลังใจ

“เลิกงอแงแล้วไปช่วยพี่ชายซะ” ยองแจพเยิดหน้าไปทางร่างของครึ่งแวมไพร์ที่เลือดได้ไหลออกมาจนเหือดแห้งเหลือเพียงผิวหนังที่หุ้มโครงกระดูกอยู่

“สำออย” ยูคยอมเช็ดเลือดที่เปื้อนหน้าแล้วหันไปด่าร่างที่นอนนิ่งของเกล

ผัวะ!

“นายด้วย! ไปด่าเขาทำไม! เกลก็พูดกับนายดีๆ ขอร้องนายดีๆแล้วนายฟังไหม จะหวงอะไรขนาดนั้นล่ะ ฉันก็ดูแลตัวเองได้หรอก!”

“ฉันจะรู้ไหมว่าเกลมันจะพานายไปทำอะไร” ยูคยอมตอกกลับ

เหล่าแวมไพร์และเมจิสมองมนุษย์สั่งสอนราชาปีศาจด้วยความชื่นชมในความใจกล้าของเด็กคนนี้ พวกเขาต่างรู้ดีว่ายูคยอมนั้นเป็นโกสท์ที่อารมณ์ร้ายแค่ไหน แต่ยองแจกลับรับมือได้อยู่หมัดเลยทีเดียว...

“เกลตายรึยังเนี่ย” ยองพูดกับตนเองเบาๆ ดูจากเศษซากแล้วในสายตามนุษย์แดมเพียร์ตนนี้ไม่มีโอกาสรอดเลยแม้แต่น้อย...

“ยังไม่ตาย” ยูคยอมตอบเสียงนิ่งก่อนเดินเข้าไปหาพี่ชายต่างมารดาของตนเอง

โกสท์พยุงร่างแห้งกรังของพี่ชายขึ้นมา เลือดทั้งหมดในกายไหลออกมาจนไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว โชคยังดีที่วอลเตอร์กรีดข้อมือใช้เลือดตนเองยื้อชีวิตครึ่ง แวมไพร์ตนนี้ไว้ ไม่เช่นนั้นเกลจะตายโดยไร้ข้อแม้ใดๆ...

“ต้องให้เลือด” ยูคยอมพูดขึ้นก่อนหันไปมองยองแจที่ยืนอยู่ข้างๆ

“เลือดฉันเหรอ” ชี้หน้าตนเองก่อนทำหน้าตกใจ

“ฉันไม่อนุญาต”

“เอ้า...”

“ข้าทำเองครับนายท่าน” วอลเตอร์เดินเข้าไปรับร่างของเกลเข้ามากอดไว้

“ร่างเหือดแห้งขนาดนี้ ครึ่งโกสท์ครึ่งแวมไพร์อาจดูดทั้งเลือดและวิญญาณของนายจนนายตายได้ ระวังตัวด้วย”

วอลเตอร์ยิ้มออกมา “ไม่ตายหรอกนายท่าน...ก็ข้าเป็นเหยื่อของเขานี่นา”

!!!!!!!!


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 40 [08/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 07-06-2018 23:53:02
ตอนที่ 39
Cooperate

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 08/06/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3842996#msg3842996)
ตอนถัดไป (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3843013#msg3843013)

“เหยื่อ?...” ยูคยอมทวนคำสุดท้ายของประโยคที่วอลเตอร์พูดอีกรอบ

“ครับ” วอลเตอร์ตอบพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า นั่งลงข้างร่างไร้สติของ เกลก่อนใช้ใยเงินกรีดคอตัวเองให้ลึกพอที่แผลจะไม่รีบสมานตัว

วอลเตอร์ดึงร่างของเกลเข้ามากอด มือดันกะโหลกศีรษะของครึ่งแวมไพร์ให้แนบไปกับคอที่เนื้อถูกกรีดเมื่อครู่ หยาดเลือดทะลักออกมาจาก

บาดแผลไหลรินซึมเข้าสู่โพรงปากช้าๆ เนื้อติดกระดูกแห้งกรังตะปบเข้าที่ท่อนแขนของวอลเตอร์ ปากอ้าออกกว้างง้างเขี้ยวฝังลงกับคอของเหยื่อก่อนดูดเอาของเหลวข้นรสเลิศเข้าสู่ร่างกาย

“กัดแรงจริงไอ้บ้าเอ๊ย” วอลเตอร์บ่นอุบกับแรงที่ฝังลงกับคอของตนเอง

“อึก...โอ๊ย...อ๊ะ” ความรู้สึกปวดหนึบที่คอทำให้วอลเตอร์ห้ามเสียงร้องของตนเองไว้ไม่ได้

เนื้อติดกระดูกที่เคยแห้งกรังบัดนี้ได้รับการเยียวยาแล้ว ร่างกายของครึ่งแวมไพร์ค่อยๆกลับสู่สภาพเดิม ดวงตาสีเลือดลืมตื่นขึ้น ทอดมองภาพเบื้องหน้าตนเอง ยูคยอมสบตาเข้ากับเกลพอดี ราชาปีศาจพเยิดหน้าบอกกลายๆว่าให้หยุด  ได้แล้ว...แดมเพียร์ถอนเขี้ยวออกจากลำคอของวอลเตอร์ เบนสายตากลับมามองหน้าเหยื่อของตนเอง ยกมือขึ้นลูบข้างแก้มของโกสท์ที่หน้าซีดลงเล็กน้อย

“เลือดนายยังอร่อยเหมือนเดิมเลย” พูดพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากที่เลอะเลือดเบาๆ

“หนวกหู” วอลเตอร์ตอกกลับ ยกมือขึ้นตบหน้าตนเองราวกับต้องการเรียกสติกลับคืน

“ขอกินได้ไหม” เกลกระซิบเอ่ยคำถามข้างใบหูคนตัวเล็กเสียงแผ่วแต่มันกลับดังก้องในหัวคนฟัง

“ก็ฟื้นพลังแล้วไม่ใช่เหรอ” วอลเตอร์ดันหน้าเกลออก ใบหน้าน่ารักงอง้ำด้วยความหงุดหงิด

“คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงนี่ นายเองก็ต้องกิน ผลัดกันกินนะ” วอลเตอร์หันไปถลึงตาใส่ บิดหยิกเนื้อที่แขนอย่างแรงจนเกลนิ่วหน้า

“อย่ามาหน้าด้านแถวนี้ นายท่านกับคุณหนูและคนอื่นๆก็อยู่” เกลหันไปมอง มีบุคคลยืนอยู่ตามที่วอลเตอร์บอกทั้งปีศาจและมนุษย์ ครึ่งแวมไพร์ยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก หันกลับมาตะปบมือลงกับใบหน้าของโกสท์ แย้มรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้อีกฝ่ายหมั่นไส้

“เ-ก-ล!” วอลเตอร์กดเสียงเหี้ยม จ้องมองเจ้าของพันธะสัญญาด้วยสายตาขุ่นเคือง

เหยื่อของโกทส์ไม่จำเป็นต้องเป็นมนุษย์เสมอไป พวกเขาสามารถทำพันธะสัญญาระหว่างเผ่าพันธุ์เดียวกันได้ โกสท์ชนชั้นสูงส่วนมากจะมอบครึ่งวิญญาณของตนให้กับนายเหนือหัว หากทำพันธะสัญญาวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งจะได้รับการเติมเต็มและจะเป็นอิสระจากเจ้านาย

“ไว้กลับไปดุที่บ้านหลังจบสงครามนะ” พูดจบเกลก็บดขยี้ริมฝีปากอิ่มของร่างตรงหน้าทันที

วอลเตอร์ตกใจการจู่โจมของเกล เอื้อมมือไปดึงทึ้งผมครึ่งแวมไพร์ ในใจก็นึกคาดโทษพร้อมก่นด่าไปเสียยกใหญ่

เกลลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้ขัดขืนอะไรมาก ลิ้นหยาบค่อยๆสอด เข้าไปเกี่ยวพันภายในโพรงปากเล็ก ควันสีขาวล่องลอยออกมาก่อนแดมเพียร์จะดูดกลืนมันเข้าไป

“ถ่ายไปลงยูทูปนี่รู้เรื่องเลย” เจฮยองที่ยืนมองฉากสยิวกิ้วอยู่ข้างๆแจซอกพูดขึ้น

“ตลกอะไรไม่รู้เวลาเลย!” แจซอกหันไปดุอาร์เชอร์ที่อยู่ในสถานการณ์แบบนี้ยังตลกโปกฮาไปเรื่อยพลางคิดไปว่าไอ้หมอนี่มายืนอยู่ข้างเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน...

“ลองทำแบบพวกนั้นบ้างไหมครับคุณเมจิส” พ่อหนุ่มอาร์เชอร์พูดพลางยักคิ้วหลิ่วตาใส่ เข้าข่ายพ่อบ้านใจกล้าจนต้องยอมใจเขาจริงๆ...

“อย่ามาตลกฝืด” แจซอกถอนหายใจก่อนหันไปให้ความสนใจกับการทำความสะอาดไม้เท้าแทน

“ถึงผมจะโสดแต่เรื่องแบบนี้ผมเร้าใจมากนะ” แจซอกหันไปมองคนพูดก่อนยกไม้เท้าขึ้นชี้หน้า

“ผมก็ถนัดครับ ไว้ว่างจริงๆจะลองดูแล้วกัน” พูดจบก็กลับไปสนใจไม้เท้าต่อ ปล่อยให้อาร์เชอร์เขินหูดับตับไหม้อยู่คนเดียว...ร้ายนักนะเมจิส

“ก...เกล...พอ”   

“อีกนิดนึง” มือแกร่งรั้งท้ายทอยของวอลเตอร์ให้ริมฝีปากบดเบียดกันอีกครั้ง

“ฮื้อ!” โกสท์ท้วงเสียงดุ บีบเข้าที่คางของครึ่งแวมไพร์จอมฉวยโอกาส ฟันคมกัดลงบนลิ้นของเกลจนเจ้าตัวต้องผละออก

“ตะกละ”

“ฉันก็แค่หิว” เกลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจกับคำพูดของวอลเตอร์ เหลือบสายตามองน้องชายที่ยืนมองตนอยู่ รอยยิ้มท้าทายถูกส่งไปให้ยูคยอม คนถูกท้าทำเพียงยิ้มตอบ

“โทษทีแต่ฉันกินมาแล้ว” ยูคยอมยิ้มให้พี่ชายต่างมารดาอีกรอบรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกที่เกลไม่ด่วนตายจากไปเสียก่อน

“อร่อยไหมล่ะ ของนายน่ะ” เกลถามพลางจัดแจงเสื้อผ้าตนเองให้เข้าที่เข้าทางเพราะโกสท์ตัวเล็กข้างๆทั้งดึงทั้งขยำจนเสื้อยับและหลุดลุ่ยไปหมด

“เลิศรส”

“แบ่งให้พี่ชิมบ้างล่ะ”

“แกอยากตายอีกรอบไหมล่ะ”

“หวงก้าง”

“กวนตีน” ยองแจมองสองพี่น้องต่อปากต่อคำกันด้วยความเบื่อหน่าย ปีศาจสองตนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะพลังที่ยิ่งใหญ่แต่ที่น่ากลัวเพราะพวกเขานิสัยเหมือนกันต่างหาก

“อ่ะแฮ่ม! ท่านราชาครับ เชิญออกคำสั่งสิครับ ยืนเถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะครับ” ยองแจตัดสินใจพูดขึ้นหลังครุ่นคิดอยู่นาน หากเขาไม่พูดการสนทนาไร้สาระนี้ต้องดำเนินต่อไปอีกหลายชั่วโมงแน่...

ยูคยอมถอนหายใจออกมาก่อนเอ่ยปากถามเกล

“จะเอายังไง”

“ตอนนี้...ท่านแม่อยู่ห้องขังชั้นใต้ดินกับเมจิสคนนั้น” ท้ายประโยคเกลได้หันไปมองยองแจ เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าเมจิสในความหมายของเกลคือใคร

“แม่นาย...ทำอะไรพ่อฉันรึเปล่า” ยองแจเอ่ยถาม เหล่าเมจิสต่างนิ่งเงียบรอฟังครึ่งแวมไพรเอื้อนเอ่ย พวกพ้องที่รอคอยอย่างมีความหวัง หวังว่าหัวหน้าของพวกเขาจะกลับมาและปลอดภัยดี

“ท่านแม่รักพ่อของนายยิ่งชีพยองแจ วางใจเถอะ เธอไม่ปล่อยให้ใครแตะต้องตัวเขาได้หรอก”
เกลพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง ยองแจแอบสงสัยในประโยคเมื่อครู่ หากลองประมวลผลดูคร่าวๆเขาพอจับใจความได้ว่าลอร์ดเซซิลเลียนั้นกำลังตกหลุมรักพ่อของตนเองอยู่...

“ขอเสียมารยาทที่ต้องด่าแม่ของท่านว่าแพศยา” ยองฮีพูดโพล่งขึ้นด้วยความคับแค้น มือบีบกำคันธนูแน่น เหตุผลที่เธอเข้าใจผิดมาตลอดว่าสามีของเธอถูกจับตัวไปเพราะฮาร์ทที่เขาครอบครองอยู่...

“แม่ครับใจเย็นๆ” ยองแจเดินเข้าไปบีบนวดไหล่ให้มารดาคลายความเครียดลง

“ไปเอาตัวพ่อกลับบ้านกันเถอะยองแจ เมียน้อยนั่นต้องไม่ตายดี” ยองฮีขมวดคิ้วมุ่นด้วยความหงุดหงิด เป็นครั้งแรกที่เธออยากฆ่าแวมไพร์มากมายถึง  เพียงนี้

“จูซอกแม่งสูญพันธุ์แน่ ยองฮีโกรธจนตัวสั่นเลย” เจฮยองบ่นอุบกับตนเอง ลอบกลืนน้ำลายอย่างนึกหวาดเสียว กล้าพูดได้เลยว่าคนที่เคยเห็นยองฮีโกรธจัดนั้นมีเพียงเขาคนเดียว...

“แล้วเราต้องทำอย่างไรนายข้า โปรดบัญชา” แจซอกเอ่ยถามยูคยอม   ด้วยความนอบน้อม ราชาปีศาจหันไปปรึกษากับพี่ชายครู่หนึ่งก็หันกลับมาก่อนประกาศเสียงดังก้อง

“สงครามของเราจบลงเพียงเท่านี้! หยุดการเข่นฆ่าซึ่งกันและกันได้แล้วเหล่าปีศาจเอ๋ย ผู้สมควรตายมีเพียงผู้เดียว ลอร์ดผู้น่าจงเกลียดจงชัง แสนขี้ขลาดและหวาดกลัว หลบซ่อนอยู่ภายใต้ปีกของลูกชาย ลอร์ด เซซิลเลีย”

สิ้นสุดคำประกาศกร้าวผืนป่านั้นกลับมาเงียบสงบในพริบตาก่อนเสียงหอนของแวร์วูฟจะดังขึ้น หมาป่าปีศาจเปรียบดั่งผู้รายงานคนสุดท้าย หากเสียงหอนดังก้องเท่ากับคำสั่งได้รับการตอบรับแล้ว

“พวกท่านกลับได้แล้วเมจิสและอาร์เชอร์” ยูคยอมหันไปบอกกล่าวกับเหล่าผู้มีความสามารถแต่แจซอกและยองฮีกลับส่ายหน้าปฏิเสธ

“พวกข้าจะไปกับท่านครับ/ค่ะ” ยูคยอมถึงกับถอนหายใจออกมา นิสัยนี้เหมือนกันทั้งครอบครัวเลยสินะ

“รักษาชีวิตของพวกท่านให้ดี” โกสท์บอกก่อนหันไปมองเหยื่อของตนเองที่ตอนนี้ยืนอยู่ข้างมารดา

“มองทำไม ฉันก็จะไปด้วย”

“ฉันรู้ ห้ามนายได้ที่ไหน” ยูคยอมไหวไหล่ เดินเข้าไปจับมือคนตัวเล็กกว่า ยองแจมองหน้าโกสท์สลับกับมือของตนเองด้วยความงุนงง ในใจก็นึกกลัวว่าปีศาจตนนี้จะทำอะไรแปลกๆต่อหน้ามารดาของตนเอง
ดวงตาสีกุหลาบเรืองวาบ ภาพสายโลหิตหลั่งไหลดุจสายธารผุดขึ้นในหัว ความคุ้มคลั่งเข้าครอบงำเงาสีดำทมิฬ มันพุ่งเข้าทำลายล้าง คร่าชีวิต เสียงแห่งโศกนาฏกรรมกำลังกรีดร้อง...ต้องหยุดมัน

“ยูคยอม! ตอนนี้ใครอยู่ที่ปราสาท”

“ตอนนี้เจบีกับอี๋เอินและพวกเซอร์คัสอยู่ที่นั่น ดูเหมือนจะเข้าไปในตัวปราสาทแล้ว”

“รีบไปที่นั่นเร็วเข้า” ยองแจรีบปาดน้ำตาเจ้ากรรมที่ดันไหลออกมาแบบไม่รู้ตัว ยูคยอมจ้องมองดวงตาแห่งการล่วงรู้แล้วก็ได้แต่นึกกังวล

“ข้าจะล่วงหน้าไปก่อน เมื่อไปถึงให้พวกท่านรีบตามลงไปที่ชั้นใต้ดินของตัวปราสาท” สิ้นคำสั่งความมืดก็ได้กลืนร่างของโกสท์และเหยื่อให้จมหายเข้าไป

อนาคตที่ยองแจเห็น...คืออนาคตของใคร?

ฝีเท้านับสิบวิ่งย่ำไปบนพื้นปราสาท แต่ละก้าวเบาราวกับเจ้าของร่างไม่มีตัวตน ผู้นำแถวหยุดก่อนส่งสัญญาณมือห้ามคนด้านหลัง “เจ้านายไล่ปีศาจในนี้ออกไปหมดแล้ว แต่ดูเหมือนพวกทาสรับใช้จะยังอยู่”

“พวกก็อบลินเหรอ” หนึ่งในทีมพูดขึ้น

“ร้ายแรงกว่านั้น”

“อะไรล่ะก็พูดให้มันจบๆสิว้อย”

“เมดูซ่า...”

“โอเครู้เรื่อง บี๋ออกไปเลย เป็นหมาผีอยู่แบบนี้ยังไงก็ไม่แข็งตายแน่นอน” พูดจบมาร์คก็ถีบเจบีในร่างโกสท์วูฟให้ออกไปเผชิญหน้ากับเมดูซ่า
ปีศาจสาวรูปงามหันมองตามเสียงที่เกิดขึ้น เส้นผมอสรพิษเริ่มเลื้อยไปมาบนศีรษะของเธอช้าๆ รอยยิ้มเยือกเย็นถูกส่งไปทักทายโกสท์วูฟ เจบีย่างก้าวเข้าหาอย่างไม่หวั่นเกรงแต่หากเขาอยู่ในร่างปกติเพียงแค่สบตากับเธอร่างกายก็ถูกสาปให้กลายเป็นหินแล้ว

“มาหาใครหรือท่าน...หมาป่า” รูปร่างที่ไม่คุ้นตาทำให้เมดูซ่าชะงักไปครู่หนึ่ง

“แค่ผ่านมา อย่าใส่ใจกันเลย” เมดูซ่าแย้มยิ้มกับคำพูดของเจบี เธอเดินเข้าไปหาโกสท์วูฟช้าๆ ลดตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกันก่อนเอื้อมมือไปลูบโครงกระดูกสีรัติกาลของเจบี

“ข้าไม่เคยพบผู้ใดที่ต้านทานคำสาปของข้าได้เลย ท่านคือคนแรกท่านหมาป่า” พูดพร้อมกับลูบไล้ไปตามรอยต่อของกระดูกช้าๆ

“ท่านคงไม่เคยพบเจอกับเจ้านายข้า”

เจบีเอ่ยเสียงสุภาพ ยืนนิ่งปล่อยให้เมดูซ่าลูบกายตนเอง

“เจ้านายของท่านคงเก่งกาจน่าดู”

“เจ้านายของข้าทั้งเก่งและมีจิตใจที่ดี หากท่านยอมปล่อยข้าไป ข้าจะพาท่านไปพบนายของข้าสักครั้ง” เจบีเริ่มใช้แผนล่อลวงเมดูซ่าให้ติดกับ สิ่งที่โกสท์วูฟเจบีมีติดตัวนั่นคือเสน่ห์

เมดูซ่าเริ่มคล้อยตามน้ำเสียงแสนสุภาพของเจบี ดวงตาเริ่มเหม่อลอยด้วยความหลงใหล แม้รูปลักษณ์ที่เธอเห็นนั้นจะเป็นโครงกระดูกรูปร่างน่ากลัวแต่เธอกลับรู้สึกถึงร่างที่แท้จริงของโกสท์วูฟ หล่อเหลาเกินหักห้ามใจจนแทบเพ้อฝัน

“ข้าจะยอมปล่อยให้ท่านผ่านไปหากท่านยอมเป็นของข้า” สิ้นเสียงของเมดูซ่าหอกเหล็กในมือรูปปั้นประดับก็ถูกปาไปเสียบทะลุอก

เจบีตวัดหางเสียบโครงกระดูกเข้าเสียดแทงหัวใจก่อนเมดูซ่าจะทันตั้งตัว สายตาตัดพ้อจ้องมองไปยังโกสท์วูฟ เจบีมองตอบก่อนเอ่ยขึ้น “ขอโทษท่านด้วยที่  ไม่สะดวกพาไปพบเจ้านายของข้า หลับให้สบายเถอะเมดูซ่า” หางโครงกระดูกถูกดึงออกพรวดเดียว ร่างของเมดูซ่าตกลงกระแทกพื้นก่อนศพจะกลายเป็นหิน

“ทำไมเบไม่รอบี๋ให้สัญญาณก่อน” หันไปถามคนปาหอกใส่เมดูซ่าที่ตอน   นี้ใบหน้างอง้ำอยู่

“ประพฤติตัวเชิงเมียน้อยสมควรตายไปซะ นางควรรู้ว่าไอ้หมานี่มีเมียแล้ว” มาร์คยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจหนำซ้ำยังเดินไปกระแทกเท้าลงกับร่างของเมดูซ่าจนแหลกละเอียด

“บี๋ไม่ได้จีบเมดูซ่านะ...”

“หุบปากหมานั่นไปแล้วรีบนำทางซะ” มาร์คหันไปถลึงตาใส่ รู้สึกขัดใจไปเสียทุกอย่าง ถ้าเจบีกลับร่างเดิมจะตบจนเหล็กที่ลิ้นหลุดกันไปเลย...

เจบีไม่ตอบโต้อะไร ผีดิบเวลาโกรธนั้นไม่ได้น่ารักเหมือนตอนอยู่บนเตียงหรอก หมายถึงตอนหลับน่ะน่ารักมากๆ...โกสท์วูฟนำกลุ่มเดินลึกเข้าไปในปราสาทเรื่อยๆ เดินเลาะเลี้ยวไปตามจุดแปลกๆที่มองด้วยตาเปล่าแล้วไม่น่าเดินนัก

 “บี๋พาเล่นอะไรวะเนี่ย สนุกไหมพามุดนั่นมุดนี่อ่ะ” มาร์คเริ่มบ่นเมื่อต้องแทรกตัวผ่านซอกซอยเล็กข้างผนัง

“ทางนี้ปลอดภัยและออมแรงเราที่สุดแล้ว”

“มันแคบว้อย!” มาร์คโวยวายเสียงดังอย่างหงุดหงิด

“ก็เบนมใหญ่เองนี่ ช่วยไม่ได้”

“ที่มันใหญ่ขึ้นก็เพราะแกบีบไหมไอ้นี่หนิ มาต่อล้อต่อเถียงเดี๋ยวเตะกระดูกหักเลย” เจบีเงียบสนิททันที รู้สึกว่ามาร์คในตอนนี้โมโหร้ายยิ่งกว่าตอนคลุ้มคลั่งเสียอีก

“อย่าทะเลาะกันเลยนะครับ” จินยองที่ตามมาเงียบๆตั้งแต่ต้นรีบพูดห้ามศึก

“ไม่เป็นไร นี่ไม่ได้ทะเลาะกันหรอก” เจบีตอบกลับจินยองก่อนเดินนำต่อไป

โกสท์วูฟนำทางผีดิบและเซอร์คัสมาจนถึงห้องสุดท้าย ประตูบานเล็กมีบันไดทอดยาวลงไปเบื้องล่าง คดเคี้ยววกวนและมีบางจุดผุพังตามกาลเวลา เจบีเดินนำลงไปช้าๆเพราะภายในห้องนั้นมืดสนิท มันไม่เป็นปัญหาสำหรับปีศาจแต่มันคือปัญหาของเหล่ามนุษย์ที่เดินตามพวกเขามา

“ระวังด้วยล่ะจินยอง ตกลงไปก็ตายห่าศพไม่หล่อนะ” มาร์คเตือนจินยอง

“พี่เอินดูพูดเข้า เบ้บไม่ได้ซุ่มซ่ามขนาดนั้นสักหน่อย” แบมแบมที่เดินรั้งท้ายกระซิบกลับมาเสียงเบาเดินลงไปได้เพียงครึ่งทางโกสท์วูฟก็หยุดเดินเสียดื้อๆจนมาร์คที่ตามหลังมาแทบสะดุดตกบันได

“จะหยุดทำไมไม่บอกก่อนล่ะบี๋”

“ชู่ว...”

ทุกคนเงียบลงอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงส้นรองเท้ากระแทกพื้นกำลังเดิน  ใกล้เข้ามา

เป๊าะ!

เสียงดีดนิ้วดังขึ้นท่ามกลางความมืดก่อนคบเพลิงจะถูกจุดเป็นแนวยาวลงไปจนถึงพื้นด้านล่าง บุคคลตรงหน้าเหยียดยิ้มต้อนรับกับกลุ่มของปีศาจและมนุษย์ ริมฝีปากสีแดงสดเผยอก่อนเอื้อนเอ่ยคำทักทาย

“ไม่คิดว่าจะมีคนบุกรุกเข้ามาถึงในนี้ได้ ช่างไร้มารยาทเสียจริง”

“ต้องขออภัยด้วยที่เสียมารยาทกับท่านนะลอร์ดเซซิลเลีย” เจบีกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดไม่แพ้กัน

“ข้าไม่ถือสาเอาความกับหมาบ้านๆหรอก”

“เชิดจริง คอจะหักแล้วป้าเอ๊ย!” มาร์คที่ทนความหมั่นไส้ไม่ไหวก็หลุดถากถางออกไปหนึ่งประโยค

“เสียมารยาทจริงไอ้เด็กกะโปโล!” เสียงแหลมหวีดสูง กระแทกส้นรองเท้าลงพื้นอย่างขัดใจ

“เด็กกะโปโลก็ไม่ไปแย่งผัวใครแล้วกัน!” มาร์คตอกกลับอย่างสูสี เซซิลเลียกรีดร้องอย่างเจ็บใจ ชี้หน้าผีดิบทำท่าอึกอักเหมือนกำลังคิดหาคำด่า

“อะไรป้าข้องเหรอ ข้องมากมาตบได้ พร้อม!” น้องเอินหนูควรมีสติและใจเย็น โกรธผัวไม่จำเป็นต้องพาลขนาดนี้...

“ปากดีจริงๆ!” เซซิลเลียตะโกนลั่น วาดมือส่งพลังจิตเข้าปะทะร่างของมาร์ค ผีดิบใช้แรงกดดันหักล้างพลังจิตนั้นไปอย่างง่ายดาย
มาร์คเริ่มเอะใจ

“ชิ! “ เซซิลเลียหงุดหงิดที่พลังของตนทำอะไรผีดิบไม่ได้ หล่อนหันหลังเตรียมลงไปยังชั้นล่างสุดแต่ก็ถูกมาร์คคว้าตัวไว้ได้ทัน

“จะหนีไปไหนยัยป้า” เซซิลเลียสะบัดแขนของตนเองออกจากการเกาะกุมของมาร์ค

“อย่ามาจับตัวข้า!”

แวมไพร์ตนนี้...

“ไม่ได้อยากจับเท่าไหร่หรอก” มาร์คแกล้งยั่วโมโหเพื่อรอดูพลังที่แท้จริงของท่านลอร์ดท่านนี้

“แก...” เซซิลเลียกำหมัดแน่นจ้องมองไปยังเด็กผีดิบปากดีอย่างคับแค้น

“ป้าน่ะน่ารังเกียจจะตาย”

เอ่ยประโยคถากถางออกไปอีกครั้งเพื่อรอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย

“หุบปากไปซะไอ้เด็กกะโปโล!” เซซิลเลียเตรียมวาดมืออีกครั้ง มาร์ครีบคว้าข้อมือของแวมไพร์ไว้ ทุกอย่างกระจ่างชัดแล้ว...

ลอร์ด เซซิลเลีย คือแวมไพร์ที่ไร้พลัง

วี้ด!

เสียงผิวปากดังขึ้นเป็นสัญญาณเรียกลิ่วล้อออกมา เงายักษ์ดำทะมึนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงเข้ามาใกล้จุดที่พวกมาร์คยืนอยู่ อสูรกายยักษ์สามหัวแยกเขี้ยวยาวโค้งของมันก่อนคำรามกึกก้องไปทั่วชั้นใต้ดิน

“เคลเบรอส!”


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo
หัวข้อ: Re: GHOST Update Chapter 40 [08/06/61]
เริ่มหัวข้อโดย: longtangGenYaoi ที่ 07-06-2018 23:59:22
ตอนที่ 40
Don’t leave

แต่งโดย : Ppigotexo
ลงวันที่ 08/06/61

หน้าแรก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3805264#msg3805264)
ตอนก่อนหน้า (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66521.msg3843009#msg3843009)

“เคลเบรอส!” เอมิลี่ตะโกนขึ้นเมื่อเห็นสัตว์ฝึกประจำตระกูล เธออยู่กับพวกเจบีตลอดแต่เธอเลือกที่จะไม่พูดอะไรตลอดทาง

สุนัขปีศาจจ้องมองไปยังผู้นำตระกูลเซอร์คัส เสียงคำรามต่ำน่ากลัวดังออกมาจากท้อง น้ำลายไหลย้อยลงตามเขี้ยวราวกับสัตว์บ้าคลั่ง เอมิลี่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ สัตว์ฝึกของเซอร์คัสจะจงรักภักดีต่อผู้คุมเสมอเว้นเสียแต่มันจะถูกล้างสมองหรือถูกควบคุมอยู่

“เคลเบรอส ทำไมถึงได้...” น้ำเสียงสั่นเครือของพี่สาวทำให้จินยองยกมือขึ้นวางบนไหล่ของเธอแล้วออกแรงบีบเบาๆ

“ใจเย็นไว้ครับพี่เอมี่...เคลเบรอสไม่เหมือนเดิมแล้วนะครับ” จินยองพูดพร้อมกับปล่อยแส้ให้ปลายตกลงพื้น ฟาดสะบัดอย่างแรงจนบันไดหินเก่าแตกผุพังมากกว่าเดิม

เสียงแส้เงินทำให้เคลเบรอสชะงักไปครู่หนึ่ง แม้จะถูกควบคุมอยู่แต่ในจิตใต้สำนึกแล้วมันยังคงเป็นสัตว์ฝึกของตระกูลเซอร์คัส แววตาขุ่นมัววูบไหว อ้าปากคำรามเต็มเสียงรอคำสั่งจากนายใหม่

 “เดี๋ยวก่อนจินยอง” มาร์คใช้แขนขวางจินยองไว้ก่อนเดินเข้าไปหาเซซิลเลีย แวมไพร์ถอยหลังไปเล็กน้อยเมื่อเห็นมาร์คเดินเข้ามาใกล้ เคลเบรอสที่เห็นว่าเจ้า นายใหม่ของตนกำลังหวาดกลัวก็เดินเข้าไปขวางทางผีดิบไว้

ดวงตาผีดิบเรืองวาบสาปสัตว์ปีศาจให้นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ มาร์คเดินไปกระชากตัวเซซิลเลียออกมาก่อนเอ่ยปากถามตรงๆ

“เธอเป็นตัวอะไร” มาร์คถามพร้อมบีบต้นแขนของเซซิลเลียอย่างแรงจนเธอนิ่วหน้า พยายามสะบัดออกแต่ก็ไม่สามารถต้านแรงของผีดิบได้

“ปล่อยข้า!” เซซิลเลียตวาดใส่หน้ามาร์ค คนถูกตวาดใส่รู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

“ปล่อยแน่ถ้าเธอสารภาพมาตามตรงว่าเธอเป็นตัวอะไร”

“ข้าเป็นแวมไพร์ ปล่อยข้า!”

“ตอแหล!”

เพี๊ยะ!

เซซิลเลียฟาดมือลงบนแก้มของมาร์คอย่างแรงจนคนถูกตบหน้าหัน เธออาศัยจังหวะที่มาร์คเผลอสะบัดตัวให้หลุดแล้วกลายร่างเป็นค้างคาวขึ้นไปเกาะบนหลังของเคลเบรอส ผีดิบหอบหายใจอย่างแรงด้วยความโกรธา จ้องมองปีศาจค้างคาวราวกับจะบีบให้แหลกคามือ

“เซซิลเลีย...” มาร์คกดเสียงต่ำ พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ตนเองวู่วาม เจบีที่เห็นท่าว่าสถานการณ์กำลังแย่ลงก็กลับคืนร่างมนุษย์แล้วเดินไปดึงตัวมาร์ค  ให้ถอยกลับมา

“เบกลับมานี่” เจบีจับเข้าที่แขนของมาร์คแล้วกระตุกเบาๆ

ในตอนแรกมาร์คยังคงยืนนิ่งแต่ก็ยอมเดินตามเจบีกลับไป เขาไม่อยากทำทุกอย่างพัง แม้เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเขา แต่เขาต้องใจเย็นและระงับอารมณ์ของตนเองไว้

“จัดการมันซะเคลเบรอส!” สิ้นเสียงคำสั่ง ท่านหญิงแวมไพร์ก็บินออกไป สัตว์ปีศาจสามหัวหลุดจากคำสาปของผีดิบ

มันคำรามดังจนเกิดเป็นคลื่นเสียงเข้าจู่โจมเหล่าปีศาจและเซอร์คัส มาร์คปล่อยแรงกดดันตัดคลื่นเสียงนั้นพร้อมกับเจบีที่ขู่คำรามแข่งกับเสียงของเคลเบรอส สุนัขปีศาจพุ่งเข้าจู่โจมผีดิบก่อนเป็นอันดับแรก เขี้ยวยาวดุจดาบง้างกว้าง กรงเล็บแหลมคมตะปบลงกลางลำตัวของมาร์ค เพราะร่างกายที่ใหญ่โตกว่าเคลเบรอสจึงได้เปรียบ แต่ตัวโตก็ไม่ใช่ข้อดีเสมอไป

เจบีกระโดดขึ้นไปบนเพดานก่อนพุ่งตัวลงถีบเคลเบรอสให้กระแทกอัด   พื้นไปพร้อมร่างของมาร์ค...ควันจากเศษหินลอยฟุ้งครู่หนึ่งก็ปรากฏร่างของสุนัขปีศาจที่นอนนิ่งราวกับถูกแช่แข็งไว้ ผีดิบตะกายตัวออกมาจากร่างอันหนักและใหญ่โตของ-

เคลเบรอสก่อนหันไปมองคนถีบเจ้าสัตว์ร่างยักษ์อัดใส่ตนเอง

“ขอโทษครับเบ พอดีลืมยั้งแรง” เจบีรีบบอกมาร์คก่อนตัวเองจะถูกดุ บอกแบบแมนๆเลยว่าเขาไม่กลัวเด็กผีดิบนี่หรอก แต่เรื่องความเคารพนั้นมีล้นพ้น...

“เสื้อเปื้อน...” มาร์คกดเสียงต่ำแล้วชี้นิ้วใส่ชุดสูทสีดำสนิทของตนเองที่ตอนนี้เปื้อนฝุ่นและเศษหินจนด่างดวงเป็นบางจุด เจบีรีบปรี่เข้าไปปัดเนื้อปัดตัวให้มาร์คทันที เช็ดฝุ่นที่เปื้อนทั้งหมดให้ด้วยเสื้อของตนเองจนเรียบร้อย

จังหวะที่แวร์วูฟและผีดิบลดการระวังตัวเคลเบรอสก็หยัดกายขึ้นอีกครั้ง ร่างอสูรกายยักษ์พุ่งเข้าใส่เจ้านายเก่าอย่างเซอร์คัสทันที จินยองกระชับแส้ในมือ ฟาดเส้นเงินลงกลางหน้าของสุนัขปีศาจอย่างแรงจนมันชะงักไป ส่งเสียงครางหงิงราวกับลูกหมา ย่อขาหมอบต่ำเองอัตโนมัติ

“ชู่ว เคลเบรอส ใจเย็นๆ ได้ยินผมไหม” จินยองค่อยๆเดินเข้าไปหาเคลเบรอสที่หมอบต่ำอยู่ ยกมือขึ้นวางประทับบนหน้าผากหัวตรงกลางเบาๆ

“จิน....ยอง”

“ใช่ ผมเอง...ผมจินยอง เด็กดื้อของเคลเบรอสไงครับ” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ลูบปัดขนสากสีดำทมิฬอย่างเบามือ

จินยองโถมตัวเข้ากอดหัวของเคลเบรอสไว้ ส่งมอบความเชื่อใจผ่านอ้อมกอดที่แสนซื่อตรง เอมิลี่ทำเพียงยืนมองอยู่ห่างๆ เธอภูมิใจกับน้องชายของตนเองเสมอ แม้เธอจะเก่งแค่ไหนแต่กลับรู้สึกว่าจินยองนั้นวิ่งตามเธอทันตลอด...

“เคลเบรอสเอ๋ย จงตื่นจากฝันของเจ้าเสีย หยุดศิโรราบต่อพวกมนุษย์ต่ำต้อยที่คอยกดขี่ข่มเหงเจ้า จงภักดีต่อข้า ภักดีต่อเซซิลเลียผู้นี้” เสียงของเซซิลเลียดังแทรกในโสตประสาทของเคลเบรอส

อสูรกายร้ายที่เคยสงบกลับคลุ้มคลั่งอีกครั้ง เสียงขู่ดังลอดออกมาจากคมเขี้ยว จินยองคลายอ้อมกอดออกแต่กลับไม่ยอมถอยหนี จ้องมองสัตว์ฝึกประจำตระกูลในระยะประชิดอย่างไม่เกรงกลัว...เคลเบรอสสะบัดศีรษะทั้งสามอย่างแรง มันกำลังต่อสู้กับตนเองเพื่อดึงสติกลับมา

“ฆ่ามัน!” เซซิลเลียประกาศกร้าวเสียงดัง

สติที่พยายามดึงมาถูกกระชากคืนอย่างกู่ไม่กลับ สุนัขปีศาจอ้าปากง้างคมเขี้ยวออกกว้างหวังโจมตีเซอร์คัสตรงหน้าให้ร่างขาดเป็นสองท่อน

“จินยองถอยออกมา!” เอมิลี่ตะโกนลั่น รีบวิ่งไปกระชากตัวน้องชายออกมาก่อนเหวี่ยงตัวให้ถอยห่าง รองเท้าหนังชั้นดียันหน้าของสัตว์ฝึกประจำตระกูลไว้ แส้เงินฟาดลงกลางศีรษะทั้งสามของเคลเบรอสอย่างแรง

ราวกับความทรมารถูกดึงออกไปพร้อมสติและจิตใต้สำนึก เคลเบรอสไม่หวั่นเกรงต่อแผลที่เกิดขึ้นบนศีรษะของมัน หัวริมสุดสะบัดร่างเอมิลี่ให้กระเด็นไปอัดกำแพงอย่างแรง ร่างผู้นำตระกูลเซอร์คัสไหลครูดกับผนังอิฐลงมากระแทกบันไดหิน

“อย่าเข้ามา!” เอมิลี่ตวาดลั่นเมื่อเห็นว่าจินยองและคนอื่นๆทำท่าจะพุ่งเข้ามาช่วยเธอ

“กลับบ้านของเรากันนะเคลเบรอส”

ผู้นำเซอร์คัสเอ่ยขึ้น ขดแส้เงินถูกหยิบออกมาจากเป้ใบใหญ่ เอมิลี่ฟาดแส้ลงกับพื้นเกิดเสียงดังก้องไปทั่วชั้นใต้ดิน การควบคุมสัตว์ฝึกของเซอร์คัสแบ่งออกเป็นสองสายได้แก่ ไคน์ และ คอน สายไคน์คือการคุมสัตว์ฝึกด้วยจิตใจ หลอกล่อ หว่านล้อม เกลี้ยกล่อม ส่วนสายคอนนั้นควบคุมมันโดยการต้อนให้จนมุม

เอมิลี่คือเซอร์คัสเพียงหนึ่งในสองของตระกูลที่ควบคุมสัตว์แบบคอน ราวกับ มีรังสีอำมหิตแผ่ซ่านรอบตัวของเซอร์คัส แม้แต่ปีศาจอย่างแวร์วูฟยังรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวกับความน่าอึดอัดนั้น เอมิลี่สูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนพ่นลมออกมา ความกดดันบนบ่าของเธอนั้นมีมากกว่าทุกคนในที่แห่งนี้ สายตาเด็ดเดี่ยวจ้องมองไปยังเคลเบรอส สัตว์ฝึกคู่ตระกูลยาวนานกว่า 400 ปี

เอมิลี่สูดหายใจอีกครั้งก่อนเปล่งเสียงตะโกนออกมาจากท้อง สัตว์ปีศาจนั้นแทบไม่ต่างอะไรกับสัตว์ในโลกมนุษย์ พวกมันจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่ดังมากพอ เคลเบรอสชะงักไปครู่หนึ่ง เอมิลี่อาศัยจังหวะนั้นตวัดแส้ในมือเข้าไปพันต้นคอหัวซ้ายและขวา กระตุกดึงแส้ให้รัดแน่นก่อนดีดตัวเองให้ขึ้นไปยืนบนหลังของมันแล้ว-

สะบัดบังเหียนเงินหดรัดคอของสุนัขปีศาจจนมันคำรามลั่น

เคลเบรอสสะบัดตัวอย่างแรงเพื่อให้เอมิลี่หลุดกระเด็นออกไปแต่เธอสามารถต้านแรงของมันไว้ได้ “ขอโทษนะเคลเบรอส” เธอพูดก่อนกระแทกส้นรองเท้าให้ปลายตะขอเงินโผล่ออกมาแล้วเสียดแทงเข้าไปใต้ชั้นผิวหนังหนาของเคลเบรอส

แม้ผิวหนังของมันจะหนาแค่ไหนก็ไม่อาจต้านทานตะขอเงินนี้ได้ ตะขอที่คิดค้นและพัฒนาขึ้นมาเพื่อต่อกรกับสัตว์ปีศาจโดยเฉพาะ

“กลับมาสิ กลับบ้านเรากันเคลเบรอส” เอมิลี่พึมพำกับตนเอง รู้สึกปวดหนึบไปทั้งอกข้างซ้าย เคลเบรอสสัตว์ฝึกที่เธอรักที่สุด เธอเติบโตมาพร้อมกับมัน  เล่นหยอกล้อกับมัน และผูกพันกับมันมาตลอดช่วงอายุของเธอ

จินยองยืนมองพี่สาวร่วมสายเลือดพยายามควบคุมสัตว์ฝึกอยู่เงียบๆ เขารู้ว่าเอมิลี่นั้นเก่งแค่ไหนแต่ลึกๆแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี...ตามบันทึกของตระกูล ในอดีตใช้เซอร์คัสทั้งหมดหนึ่งร้อยคนในการควบคุมสัตว์ปีศาจอย่างเคลเบรอส...แล้วลำพังเอมิลี่คนเดียวจะทำได้...อย่างนั้นหรือ
“เบ้บไม่เข้าไปช่วยพี่เอมี่เหรอ” แบมแบมเอ่ยถาม จ้องมองเคลเบรอสที่กำลังคลุ้มคลั่งอย่างเป็นห่วง

“ไม่ครับ...ถึงจะอยากช่วยแค่ไหนก็ทำไม่ได้หรอก” จินยองตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าเล็กน้อย เขารู้นิสัยของเอมิลี่ดีที่สุดและรู้ว่าเธอเกลียดการยื่นมือเข้าไปช่วยโดยไม่ได้ร้องขอแค่ไหน

“เบ้บจำคำเค้าไว้นะ บางครั้งพี่น้องก็ไม่จำเป็นต้องตั้งกฎเกณฑ์อะไรหรอก อย่าให้ศักดิ์ศรีของใครคนใดคนหนึ่งทำให้เราสูญเสียอะไรไป” จินยองหันไปมองหน้าแวร์วูฟตัวแสบของเขา รอยยิ้มน่ารักที่มักส่งมาให้เขาเสมอเวลาไม่สบายใจนั้นทำให้จินยองเผลอยิ้มตามไปด้วย

“เดี๋ยวกลับมานะครับ” จินยองบอกกับแบมแบมแล้วประทับจูบลงบนหน้าผากราวกับมันคือตัวแทนของคำมั่นสัญญา

“จะรอนะ”

แบมแบมจูบหน้าผากจินยองกลับแล้วยิ้มส่งเซอร์คัสหนุ่มที่หยิบแส้แล้วพุ่งตัวออกไป

“ทำอะไรไม่เกรงใจพี่มันเลยเนอะ” เจบีแอบบ่นคนเดียวอย่างนึกน้อยใจ...ส่วนมาร์คได้แต่มองภาพของสัตว์ฝึกที่คลุ้มคลั่งเงียบๆพลางสอดส่องสายตามองหาเซซิลเลียไปด้วย นังตัวประหลาดนั่นหายไปไหนกันนะ...

จินยองตวัดแส้คู่ในมือเข้ารัดคอหัวตรงกลางของเคลเบรอสทันที เขาออกแรงกระชากให้สัตว์ปีศาจหมอบตัวต่ำ มือหนึ่งรวบด้ามแส้มาถือไว้ด้วยมือเดียวก่อนควักเอามีดเงินออกมา จินยองตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่งก็พุ่งตัวเข้าไปปักมีดลงกลางดวงตาของสุนัขปีศาจ เซอร์คัสจินยองจับแส้อีกครั้ง ตวัดปลายแส้ขึ้นไปรวบตัวพี่สาวลงมาจากหลังของเคลเบรอส ร่างของเอมิลี่หล่นลงมาใส่ตัวจินยองอย่างแรงแต่โชคดีที่   ทั้งคู่ไม่ปลิวไปอัดกับผนังเพราะจินยองใช้แส้ยั้งแรงไว้ทัน

“ทำอะไรวะ!” เอมิลี่ตวาดเสียงดังก่อนตบหัวน้องชายด้วยความหงุดหงิด

“พี่นั่นแหละทำอะไร! ถ้าบาดเจ็บขึ้นมาจะทำยังไงครับ” จินยองต่อปากต่อคำก่อนวางเอมิลี่ลง

“พี่จัดการได้!”

“เออ รู้เว้ย! แต่สองคนย่อมดีกว่าคนเดียวอยู่แล้ว ผมโตแล้วนะพี่ ผมไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาพี่หรอก” จินยองตะโกนออกไปด้วยความโมโห

ปกติเขาสองคนไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่สาเหตุที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่มักจะเกิดระหว่างการฝึกสัตว์

“กล้าเถียงพี่เหรอ!” เอมิลี่ขึ้นเสียงใส่ก่อนฟาดแส้ในมือใส่หัวซ้ายที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามา

“เออ! ก็มีพี่แบบนี้ไงเลยเถียง” จินยองตอกกลับโดยไม่มองหน้าพี่สาวเพราะเคลเบรอสในตอนนี้เริ่มฟื้นพลังแล้ว

“ทำไมน้องไม่เคารพกูเลยวะ ไอ้นี่แม่งก็ดิ้นจังเว้ย” เอมิลี่ที่ไม่รู้จะด่าอะไรจินยองกลับก็ได้แต่หันไปพาลใส่เคลเบรอส...

สองพี่น้องเซอร์คัสช่วยกันโค่นร่างของสุนัขปีศาจลง จินยองหยิบเข็มฉีดยาที่บรรจุสารบางอย่างออกมา “จับไว้แน่นๆนะครับพี่เอมี่” บอกกับพี่สาวก่อนวิ่งเข้าไปแทงเข็มลงที่ตาข้างขวาของเคลเบรอสแล้วฉีดสารที่อยู่ในเข็มฉีดยาให้แก่สัตว์ประจำตระกูล

เคลเบรอสนิ่งไป หยุดขยับและเลิกส่งเสียงขู่คำรามใส่สองพี่น้องเซอร์คัสหลังสารที่ฉีดเข้าไปออกฤทธิ์ สาร Endorphilous คือสิ่งที่จินยองฉีดเข้าไปในตัวของเคลเบรอส มันคือสารกล่อมประสาทสำหรับสัตว์ปีศาจโดยเฉพาะ

สารนี้มีไว้ช่วยคลายความเครียดของสัตว์ฝึกและจะออกฤทธิ์เพียงห้านาทีเท่านั้น...จินยองทิ้งแส้ลงกับพื้นก่อนเดินเข้าไปหาเคลเบรอสช้าๆ ฝ่ามือใหญ่ประทับลงกลางหน้าผากของสุนัขปีศาจเบาๆ จินยองมองลึกเข้าไปในดวงตาของเคลเบรอส ความหวาดกลัวและวิตกกังวลฉายชัดบนดวงตาสีโลหิตนั้น เขาทำเพียงมองอยู่แบบนั้น ส่งผ่านความเชื่อใจให้ทางสายตาและฝ่ามือของเขา จินยองคือเซอร์คัสเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถควบคุมสัตว์ฝึกได้ทั้งคอนและไคน์จนได้รับฉายาว่า ทูเอบิสเซอร์ครัส

“เคลเบรอส...เคลเบรอสไม่ใช่สัตว์ฝึกสำหรับผมนะ...เคลเบรอสคือครอบครัวของผม” น้ำเสียงของจินยองนั้นราวกับแฝงไปด้วยเวทมนตร์ โทนเสียงที่ ทุ้มนุ่มฟังแล้วชวนหลงใหลทำให้สัตว์ที่เขาเคยฝึกมายอมศิโรราบเพียงเพราะคำพูดของเขา

เคลเบรอสส่งเสียงครางต่ำออกมาเบาๆ ดวงตาขุ่นมัวเริ่มกลับมามีประกายอีกครั้งราวกับสติที่ถูกดึงออกไปในตอนแรกกำลังกลับคืนมา สุนัขปีศาจจ้องมองสองพี่น้องเซอร์คัส น้ำตาหลั่งไหลออกมาจากดวงตาสีโลหิตช้าๆเพราะความเสียใจที่ไม่สามารถควบคุมสติและเผลอลงมือกับเด็กๆที่รัก

“จินยอง...เอมิลี่”

คนถูกเรียกส่งมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้แก่สัตว์ปีศาจ “ยินดีต้อนรับกลับมานะเคลเบรอส” ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกันก่อนเอมิลี่จะปล่อยแส้แล้วเดินเข้าไป วางมือลงบนหน้าผากของสุนัขปีศาจอีกคน ขอแค่กลับมา ขอแค่เคลเบรอสเป็นเหมือนเดิมก็เพียงพอแล้วสำหรับเอมิลี่...

ฤทธิ์ของ Endorphilous กำลังเสื่อมลงจนหมดไปในที่สุดแต่เคลเบรอสยังคงสงบนิ่ง หลับตาลงรับสัมผัสอันแสนคิดถึงจากสองพี่น้องเซอร์คัส....เคลเบรอสได้สติกลับคืนมาแล้ว

ความสงบย่อมคงอยู่ได้ไม่นาน มีแสงสว่างจ้าเกิดขึ้นจนต้องหลับตาลง พอลืมตาขึ้นก็พบเซซิลเลียกระโดดลงมาจากเพดานก่อนเหยียบลงบนหลังของเคลเบรอส ส้นสูงแหลมเสียดแทงผิวหนังของสุนัขปีศาจอย่างแรงจนมันร้องคำราม มาร์คที่เห็นเซซิลเลียโผล่มาก็รีบพุ่งเข้าไปหาแต่ก็ถูกเจบีคว้าตัวไว้ได้ทัน

“อย่าเพิ่งวู่วาม แผนเราจะเสีย” เจบีบอกมาร์คแล้วปล่อยแขนที่ตัวเองจับอยู่ ผีดิบยอมทำตามที่แวร์วูฟบอกแต่ก็แอบขัดใจไม่น้อย

“บทละครน่าสะอิดสะเอียนนี่มันอะไรกันเคลเบรอส น่าสมเพชยิ่งนัก”  เซซิลเลียเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหยียดเสียเต็มประดา

“ลงมาจากหลังของข้านางแวมไพร์!” เคลเบรอสตวาดลั่น สะบัดตัวอย่างแรงให้เซซิลเลียออกไปพ้นจากตัวด้วยความรังเกียจ

“หึ!” เซซิลเลียกระโดดลงจากหลังของเคลเบรอส แล้วหยุดยืนระหว่างกลางสองพี่น้องเซอร์คัส

เสียงแส้เงินสี่เส้นถูกฟาดลงพื้นดังกึกก้องไปทั่ว เซซิลเลียไม่สนใจเสียงขู่จากเซอร์คัส ดวงตาสีอำพันเรืองวาบก่อนแปรเปลี่ยนเป็นสีอเมทิสต์ จินยองและเอมิลี่นิ่งงันไปราวกับถูกต้องมนตร์สะกด เขาและหางเริ่มงอกออกมาจากศีรษะและบั้นท้ายของท่านลอร์ดผู้สูงศักดิ์ มาร์คเบิกตากว้างเมื่อเห็นภาพเหล่านั้น สิ่งที่สงสัยและค้างคาใจได้รับการเฉลยแล้ว...

เซซิลเลียไม่ใช่แวมไพร์แต่เธอคือแดมเพียร์ ลูกผสมระหว่างแวมไพร์และ ซัคคิวบัส แวมไพร์ที่ไร้พลังของแวมไพร์แต่กลับมีพลังของปีศาจแฝงฝันอยู่ท่วมท้น

“ต้องให้ข้าได้เอาจริงซะได้ พวกมดปลวกน่ารำคาญ” เซซิลเลียบ่นอุบ เดินไปกระชากแส้มาจากมือของเอมิลี่แล้วสะบัดมันใส่เคลเบรอส
ดวงตาสีอเมทิสต์เรืองวาบ สาปสัตว์ปีศาจให้ต้องมนตร์สะกดอีกครา “ฆ่ามัน”

“จินยอง!!!” แบมแบมตะโกนขึ้นเสียงดังเพื่อปลุกเซอร์คัสที่หลงใหลไปกับมนตร์สะกดของแดมเพียร์

เคลเบรอสอ้าปากกว้าง ง้างคมเขี้ยวขึ้นกลางอากาศแล้วกัดลงบนร่างของผู้นำเซอร์คัสอย่างไร้เยื่อใย ราวกับหัวใจถูกดึงออกไป จินยองทรุดลงกับพื้น จ้องมองร่างของพี่สาวถูกเขี้ยวยาวดุจดาบเสียดแทงจนทะลุ เลือดสีสดสาดกระเซ็นชโลมตัวจินยองจนอาบไปด้วยสีแดง จินยองนิ่งอึ้งไปร่วมนาที หันมองเซซิลเลียที่ตอนนี้ถอยห่างจากตนเพื่อหลบห่าฝนโลหิตนี้

“พี่...เอมี่...” จินยองหันกลับมาแล้วเปล่งเสียงเรียกพี่สาวด้วยความยากลำบาก ขอบตาร้อนผ่าวก่อนน้ำตาจะไหลรินลงอาบสองแก้มที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดของพี่สาว

จินยองรีบถลาเข้าไปรับร่างของเอมิลี่ที่หลุดจากคมเขี้ยวของเคลเบรอส   ลงมา พี่สาวร่วมสายเลือดโผเข้าสู่อ้อมอกของน้องชายด้วยสภาพไร้ลมหายใจ จิน ยองตัวสั่นจากแรงสะอื้น คำพูดมากมายที่เขาไม่เคยได้บอกกับเอมิลี่ผุดขึ้นมาในหัวรวมทั้งคำขอโทษนับพันที่ไม่มีโอกาสได้บอกตอนเธอยังมีชีวิตอยู่ เซอร์คัสจินยองรั้งตัวพี่สาวเข้ามากอดแน่น ฝ่ามือใหญ่ประคองศีรษะพี่สาวไม่ให้คอพับไป

“ผมจะพาพี่กลับบ้านเอง...” จินยองพูดแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาวางร่างของพี่สาวให้พิงกับผนังอิฐ เลื่อนมือทาบปิดเปลือกตาให้เธอช้าๆ
เขาไม่โทษเคลเบรอสที่ทำเรื่องแบบนั้น ไม่โทษคนอื่นๆที่ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วย เขาโทษตัวเองที่แม้แต่คนในครอบครัวคนสุดท้ายก็ยังปกป้องไว้ไม่ได้ จินยองหยัดกายให้ลุกขึ้น กำชับแส้เงินด้วยมือที่สั่นกึกเพราะหัวใจที่กำลังอ่อนแอ เขาเปลี่ยนความรู้สึกสิ้นหวังให้กลายเป็นแรงผลักดันในการแก้แค้น

จินยองหันไปมองเคลเบรอส ตวัดแส้รวบหัวทั้งสามของสุนัขปีศาจให้ชิดกันก่อนล้วงกระเป๋าพร้อมหยิบเข็มฉีดยาออกมาอีกสามเข็ม ที่หยิบออกมาในครานี้ไม่ใช่ Endorphilous แต่มันคือ Phenicyclidineหรือยาสลบชนิดฉีด เซอร์คัสจินยองปล่อยแส้ วิ่งเข้าประชิดตัวเคลเบรอสแล้วแทงเข็มลงตาข้างเดิมอย่างแรง ยาสลบถูกฉีดเข้า-

สู่ร่างกายสุนัขปีศาจ ไม่นานนักมันก็สลบล้มพับไป

 “ผมจะแก้แค้นให้พี่เองครับ พี่เอมี่” สิ้นคำพูดของจินยองแส้เงินถูกตวัดใส่ร่างของแดมเพียร์ทันที

เซซิลเลียสะบัดแส้ในมือต้านไว้แต่ผู้ที่ใช้อาวุธได้ดีกว่าย่อมได้เปรียบ จิน ยองรวบพันแส้เงินของครึ่งแวมไพร์ไว้แล้วใช้แส้อีกเส้นฟาดเข้าที่หน้าของเซซิลเลียอย่างแรงจนเป็นแผล ซัคคิวบัสนั้นเป็นปีศาจที่ไม่หวั่นเกรงต่อแร่เงินบริสุทธิ์แต่ด้วยเลือดในกายครึ่งหนึ่งที่เป็นแวมไพร์ทำให้แผลที่เกิดขึ้นไม่ยอมสมานตัว

มาร์คที่นิ่งดูสถานการณ์อยู่เริ่มเคลื่อนไหว หันมองเจบีก่อนส่งสัญญาณให้เริ่มทำตามแผนที่ได้วางไว้ ทั้งคู่วิ่งหายเข้าไปในความมืดเงียบๆ ปล่อยให้บุคคลที่เหลือรับฉากหน้าต่อไป ผีดิบนั้นเป็นปีศาจที่ฉลาดเป็นอันดับต้นๆในหมู่มวลปีศาจด้วยกัน แน่นอนว่ามาร์คนั้นรู้บางอย่างและกำลังเริ่มสืบมัน

“แกมันน่ารังเกียจจริงๆยัยซัคคิวบัส” จินยองพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจพลางคิดไปว่าปีศาจแบบนี้ไม่ควรมีอยู่บนโลกด้วยซ้ำ

“อย่ามาเรียกข้าแบบนั้นไอ้เด็กเหลือขอ” เซซิลเลียเกลียดนักหนาพวกที่มาเรียกตนเองว่าเป็นปีศาจชั้นต่ำแบบนั้น แต่มันคือความจริงที่ค้ำคอเจ้าหล่อนอยู่ ความจริงที่ว่าเธอคือปีศาจที่จัดอยู่ในชนชั้นต่ำ...

“เลิกพูดมากเสียที” จินยองทิ้งแส้ลงกับพื้นก่อนเดินเข้าประชิดตัวเซซิลเลีย

ครึ่งแวมไพร์ใช้พลังของซัคคิวบัสอีกครั้งแต่ครานี้มันกลับใช้ไม่ได้ผล ความโกรธของจินยองคือตัวที่คอยกระตุ้นสติของเขา จินยองกระชากแส้คืนมาจากมือของเซซิลเลียแล้วใช้มันพันรอบคอปีศาจน่ารังเกียจตนนี้ สองแขนออกแรงดึงให้แส้      หดเข้ารัดคอครึ่งแวมไพร์ เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่ในสายตาของแวร์วูฟแบมแบมเสมอ แวร์วูฟเริ่มออกตัววิ่งเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างผิดแปลกไปจากเดิม

แวร์วูฟปราดเข้าไปดึงตัวของเซอร์คัสทั้งสองพี่น้องออกมาก่อนเสียงหนึ่งจะดังขึ้นตัดสถานการณ์

ปัง!


ติดตามตอนต่อไป

ข้อฝากจากผู้แต่ง
1. ใครเล่นแท็กในทวิตเชิญตามมาที่ #ฟิคยจก
2. ฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจผู้แต่งด้วยนะคะ
3. นิยายเรื่องนี้อัพเดททุกวันศุกร์
4. แต่งโดย Ppigotexo