ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย bo :ling2:y's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
____________________________________________________________________________________________
(http://i68.tinypic.com/nmc4jt.jpg)
►ในทุกๆ ความบังเอิญ มันอาจเป็นความตั้งใจของโชคชะตา◄
เหมือนที่กูโคจรกลับมาเจอกับมึงเนี่ย ก็เป็นเพราะโชคชะตาว่างั้น?
สารบัญ
บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3525324#msg3525324)
ตอนที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3525327#msg3525327)
ตอนที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3525994#msg3525994)
ตอนที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3525995#msg3525995)
ตอนที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3526588#msg3526588)
ตอนที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3526597#msg3526597)
ตอนที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3527062#msg3527062)
ตอนที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3527079#msg3527079)
ตอนที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3528010#msg3528010)
ตอนที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3528015#msg3528015)
ตอนที่ 10 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3529236#msg3529236)
ตอนที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3530154#msg3530154)
ตอนที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3531678#msg3531678)
ตอนที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3532162#msg3532162)
ตอนที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3533407#msg3533407)
ตอนที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3534198#msg3534198)
ตอนที่ 16 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3534961#msg3534961)
ตอนที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3535606#msg3535606)
ตอนที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3536404#msg3536404)
ตอนที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3537203#msg3537203)
ตอนที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3537825#msg3537825)
ตอนที่ 21 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3539759#msg3539759)
ตอนที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3540465#msg3540465)
ตอนที่ 23 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3542361#msg3542361)
ตอนที่ 24 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3543127#msg3543127)
ตอนที่ 25 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3544032#msg3544032)
บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3544755#msg3544755)
ตอนพิเศษ (ชวนมาตั้งชื่อให้บูรพา) (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3549895#msg3549895)
ประกาศรางวัล บูรพาหาชื่อเล่น (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3557489#msg3557489)
ตอนพิเศษ อะเมซิ่งวาเลนไทน์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3579041#msg3579041)
ตอนพิเศษ อะเมซิ่งสงกรานต์ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3615480#msg3615480)
ตอนพิเศษ อะเมซิ่งวันครบรอบ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3735836#msg3735836)
ตอนพิเศษ ขอบคุณที่รักกัน (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3789788#msg3789788)
ตอนพิเศษ ในวันที่เราต่างเติบโต (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56758.msg3837630#msg3837630)
-------------------------------------------------------------------------
**นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องสมมติที่แต่งขึ้น เรื่องราว บุคคลใดๆ ชื่อ-นามสกุลที่ปรากฏในเรื่องไม่มีอยู่จริง หากบังเอิญซ้ำกับชื่อหรือนามสกุลจริงของท่านใดขออภัยมา ณ ที่นี้**
► TWITTER◄ (https://twitter.com/racha022)
ฝากติดตาม บูรพากับองศาเหนือด้วยนะคะ :z2: :z2: :z2:
การพบกันครั้งที่ 1
มันคือความตั้งใจของโชคชะตา
"ไอ้บูรพา มึงมาเรียนที่นี่ได้ไง"
"แอดฯ มา"
"กูหมายถึง มึงมาเรียนที่นี่ทำไม"
"ก็กูแอดฯ ติด"
ในความกวนตีนของมันนี้ อยากด่าแรงๆ ว่าไอ้เหี้ยสักที
"คณะมีเป็นสิบ ทำไมต้องเลือกมาเรียนคณะนี้ เอกนี้ด้วยวะ"
"ตอนเลือกไม่ได้คิดว่าจะมาเจอมึงไง"
"ไอ้...!"
"แล้วมึงเป็นไงบ้าง สบายดีเปล่า? แล้วทำไมมาเรียนคณะนี้วะ"
"เรื่องของกู" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินกลับไปหาหลิว ไม่ได้คิดว่าผมกับมันจะสนิทกันขนาดที่มายืนถามสารทุกข์สุกดิบจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน ผมกับไอ้บูรพาและแพทรู้จักกันมาตั้งแต่ม.ต้น ผมกับมันนี่เพื่อนสนิทชนิดกอดคอกันเดินเลย จนมาทะเลาะกันหนักๆ ผู้ชายมันไม่ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรหรอกนอกจากเรื่องผู้หญิง จากนั้นมันก็หายหัวไปเลย มารู้ทีหลังว่ามันย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะต้องสนใจ เพื่อนที่คิดจะแย่งแฟนเพื่อนแบบนี้องศาเหนือไม่คบครับ
"เพื่อนเก่ามึงเหรอ"
"แค่เคยรู้จัก"
"แล้วทำไมมึงต้องตกใจตอนเห็นหน้ามันด้วยวะ"
"ไม่คิดว่าจะเจอไอ้นั่นที่นี่ไง"
"มึงไม่ถูกกันมาก่อนเหรอ"
"กูเกลียดขี้หน้ามัน"
"อ้าวเหรอ แต่ขี้หน้านั้นก็หล่อดีนะ"
"วู้! กูกลับล่ะ เดี๋ยวกูไปส่งหอใน"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวนั่งรถไฟฟ้าไปเอง"
อย่าคิดว่ามหาลัยเรามีการสัญจรกันโดยรถไฟฟ้าที่ลอยอยู่บนฟ้าจริงๆ มันคือรถที่ชาร์ตจากพลังงานไฟฟ้าที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสองกิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งหลิวและแพทต่างใช้มันเป็นพาหนะจากหอในมาอาคารเรียนซึ่งผมเป็นห่วงเหลือเกินว่าสองคนนี้จะมาเรียนทันหรือเปล่า มาเรียนที่นี่มีมอเตอร์ไซค์ไว้แวนซ์ถือว่าดี
"เออไปเหอะ ไปส่ง"
"เออ ใส่กระโปรงก็จะให้ซ้อนมอไซค์เนอะ"
"มึงไม่ต้องมาเป็นกุลสตรีอะไรตอนนี้" ผมว่าขณะเดินไปที่จอดมอไซต์ แต่ก่อนที่จะไปถึงก็เห็นไอ้บูรพากำลังเปิดประตูรถกระบะสี่ประตูสีดำเงาวิ้งที่จอดอยู่ใกล้ๆ
"กูไปส่งหอเปล่า"
"เสือก"
ผมรีบจ้ำอ้าวไปที่จอดมอเตอร์ไซค์
"ไอ้เหนือไม่ไป แต่เราอยากไปนะ"
"ได้ดิ เดี๋ยวเราไปส่ง"
"ไอ้หลิวมานี่!" ผมวิ่งกลับไปกระชากไอ้หลิวที่กำลังเสนอตัวให้ไอ้บูรพาไปส่ง มึงจะทรยศเพื่อนรักสายแวนซ์มึงเพราะเห็นว่าไอ้กระบะสี่ประตูนั่นดีกว่าฟีโน่กูไม่ได้นะ!
"โอ๊ย! เบาๆ แขนจะขาด"
"มึงจะไปกับมันไง๊?"
"ก็มันหล่อ"
"เพื่อนเลว มึงเดินไปรอรถไฟฟ้าหน้าคณะเลย"
"โค๊ะ! มึงนิ บอกจะไปส่งก็ไปเลย!"
"มันหล่ออยู่มั้ย?"
"เออ ไม่หล่อ น่าเกลียดมาก"
เชอะ...ผมได้ยินเสียงหลิวหัวเราะเบาๆ ตอนที่ขึ้นมาซ้อนมอเตอร์ไซค์ ขี่มอเตอร์ไซค์นี่ไวจนมึงต้องก้มกราบฟีโน่กูเลยแหละ ขับรถยนต์มึงก็ไปติดอยู่ตรงทางออก ยิ่งช่วงเย็นๆ รถเยอะๆ นะไม่ต้องพูดถึง จอดรถไว้แล้ววิ่งลงไปซื้อเครปตึกวิทย์แพทย์ฯ กินยังทันเลย ผมขับออกมา เห็นรถไอ้บูรพาจอดติดอยู่ที่ประตูมหาลัย จึงใช้ความคล่องตัวของมอเตอร์ไซค์บิดแซงรถมันไป เหอะ! อย่ามาแหยมกับสายแวนซ์!
...
หลังจากกลับมาหอพัก แถวๆ หลังมอ ผมก็มานอนเล่นแล็ปท็อปอยู่บนเตียงอย่างเปื่อยๆ แพทสั่งผมลบเกมในเครื่องทิ้งหมด เพราะไม่อยากให้หมกมุ่นเหมือนตอนมัธยมต้น เล่นจนไม่เป็นอันเรียนพ่วงมาด้วยความสายตาสั้นชนิดที่ถ้าถอดคอนแทคก็เห็นคนกลายเป็นเงา ลำบากสุดก็จุดนี้
"ตื้ด...ตื้ด..."
ผมคว้ามือถือที่มีสายโทรเข้าขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นว่าเป็นแพท วันนี้ไม่ได้ไปหาแพทที่หอในเพราะนางบอกว่ารุ่นพี่นัดน่าจะเลิกช้า ผมรีบกดรับสายทันที
"ฮัล...ตู๊ด...ตู๊ด..."
อ่า...ให้โทรกลับสินะ
ผมหยิบหูฟังมาเสียบ แล้วกดโทรกลับไปหาแพท เพราะปกติจะคุยกันนานๆ ขี้เกียจถือ
(กินข้าวยัง) เริ่มต้นด้วยเรื่องกิน
"กินแล้ว แพทอะ"
(กินแล้ว ร้านเดิม)
"ชอบจังนะร้านนั้นอะ"
(ถูกและดี เออนี่ พรุ่งนี้เปิดเทอมวันแรก ห้ามสายนะ...)
และต่อด้วยเรื่องบ่น วันไหนไม่บ่นนี่คือแพทตัวปลอม
(เสื้อผ้าเตรียมไว้เรียบร้อยยัง)
"อือ"
(แล้ววันนี้เป็นไงมั่ง รู้จักเพื่อนบ้างยัง)
"ก็รู้จักบ้าง เออแพท มีเรื่องช็อกเล่าให้ฟัง"
(เรื่องไร?)
"เราเจอไอ้บูรพาด้วย"
(ใครนะ)
"ไอ้บูรพา"
(อ้าว...เรียนที่นี่เหมือนกันเหรอ)
"แค่ที่นี่จะไม่เดือดร้อนเลย แต่นี่เรียนคณะเดียวกัน เอกเดียวกันไปอีก"
(อ่อ...)
"โคตรซวยเลยนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอมันแล้ว นี่หวังว่าคงไม่ตีกันหน้าแหกอีกรอบนะ"
(เฮ้ย อย่ามีปัญหากันนะ)
"โลกแม่งกลมจนน่ากลัว"
(ก็แค่เรื่องบังเอิญแหละ ต่างคนต่างอยู่ไป เออเหนือ แค่นี้ก่อนนะ เรายังไม่ได้รีดผ้าเลยอะ เดี๋ยวอาบน้ำนอนล่ะ รูมเมทนอนหมดแล้ว)
สี่ทุ่มเนี่ยนะ!
(เดี๋ยวไว้คุยกันพรุ่งนี้นะ)
"โอเค"
ผมมองดูเวลาคุยสายบนหน้าจอหลังจากแพทวางไป ห้าสิบเจ็ดวินาที สั้นทำลายสถิติ ผมดึงสมอลทอร์คออกจากหู รู้มั้ยกว่าจะแกะหูฟังที่มันพันกันเนี่ย มันใช้เวลาขนาดไหน แล้วหยิบมันมาใช้เพื่อคุยกันห้าสิบเจ็ดวินาทีเนี่ยนะ!
วู้! หงุดหงิดแฟน
ผมทิ้งตัวลงไปบนที่นอน แล้วหยิบมือถือมาเลื่อนดูนั่นดูนี่ ก่อนจะเห็นอินสตราแกรมแอคเคาท์หนึ่งที่ติดตามไว้นานมาก เป็นแอคฯ ที่โพสท์รูปสวยๆ กับแคปชั่นกระแทกหัวจิตหัวใจขนาดน้ำตาเกือบไหลออกมาได้เลย ผมมองภาพและแคปชั่นล่าสุดที่ถูกโพสท์
Sundaynight01 ในทุกๆ ความบังเอิญมันอาจเป็นความตั้งใจของโชคชะตา
อย่างที่ผมบังเอิญกลับมาเจอกับไอ้บูรพานี่ก็เป็นเพราะโชคชะตาว่างี้ เหอะ! โชคชะตาผีบ้าอะไรล่ะ เขาเรียกซวยครับ ซวย! แต่ก็เอาเหอะ เพราะชอบแอคฯ นี้ก็เลยจิ้มหัวใจลงไป ถ้าไม่ติดว่าเป็นแฟนกับแพท จะตามจีบไอ้เจ้าของไอจีแอคฯ นี้ล่ะ
"ติ๊ง"
ผมกดเข้าไปดูไลน์จากแพทที่ส่งมา
แพท: นอนได้ล่ะ เดี๋ยวตื่นสาย
โอ้โห...จะตามมาบ่นยันในฝันเลยมมั้ยแม่คุณ ทำเหมือนเป็นเด็กอนุบาลไม่รู้จักเวล่ำเวลาไปได้ ผมจิ้มแป้นพิมพ์มือถืออย่างเดือดนิดๆ ตอบกลับไป
องศาเหนือ : นอนแล้วจ้า ฝันดีนะ
อย่าริอาจหาญจะเป็นพ่อบ้านใจกล้า จงบูชาแฟนประหนึ่งมารดา นี่คือคาถาเอาตัวรอดที่พ่อสอนมาตลอด แมนๆ เขาไม่เถียงแฟนกันหรอกครับ
...
เปิดเทอมวันแรกบอกแล้วว่าไม่สาย ผมเดินเข้ามาถึงอาคารเรียนด้วยชุดนิสิตถูกระเบียบพร้อมห้อยป้ายใหญ่เท่าผนังบ้าน บรรยากาศวันแรกครึกครื้นอย่างที่คิด เสียงคุยดังลั่นตึกเหมือนไม่ได้เจอกันนานเป็นปี ไอ้หลิวตื่นเต้นกว่าผมไลน์มาบอกว่ามาถึงห้องเรียนตั้งแต่เจ็ดโมง รีบขนาดไหนถามใจหลิวดู ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาดูตารางสอนที่แพทแคปเอาไว้ให้ แต่ก็มีสายโทรเข้ามาซะก่อน
พ่อ
พ่อโทรมาทำไมแต่เช้าเนี่ย ผมหลบมุมมาหาที่เงียบๆ ก่อนจะกดรับสายพ่อ
"ว่าจะใดป้อ" [ว่าไงพ่อ]
สำเนียงท้องถิ่นมาเลยกู สำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมาเลย
(เปิดเทอมวันแรกแม่นก่อ)[เปิดเทอมวันแรกใช่มั้ย]
"อื้อ"[อื้อ]
(ชุดนิสิตมันหล่อก่อ ถ่ายฮูปมาฮื้อป้อผ่อกำลุ๊) [ชุดนิสิตมันหล่อมั้ย ถ่ายรูปมาให้พ่อดูหน่อยสิ]
"มะแลงหนาป้อ ต๋อนนี้บ่าได้ คนนัก" [ตอนเย็นนะพ่อ ตอนนี้ไม่ได้ คนเยอะ]
(จะอายอะหยัง ถ่ายมาโวยๆ) [จะอายอะไร ถ่ายมาเร็วๆ]
โอ๊ย! พ่อกู
ผมหันซ้ายหันขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ใครมองอยู่ แล้วยกมือถือขึ้นถ่ายรูปตัวเอง ต้องมายืนเซลฟี่ในที่สาธารณะผู้คนพลุกพล่านเนี่ยมันไม่ใช่สไตล์องศาเหนือเลยนะพ่อ
ผมกดส่งไปให้พ่อทางไลน์ ก่อนพ่อจะพิมพ์กลับมา
พ่อ : เอาเต๋มๆตั๋วก่า [เอาเต็มตัวสิ]
ยังไม่สาแก่ใจคุณชายลิปดา แค่นี้ก็อายมากแล้วนะพ่อ แล้วอยู่คนเดียวกูจะไปถ่ายเต็มตัวได้ยังงาย! ผมใช้ความพยายามในการตั้งมือถือเอาไว้บนขอบเสา แล้วกดตั้งเวลาถ่าย ก่อนจะรีบวิ่งมาตั้งท่า
"เชี่ย!"
ผมวิ่งเข้าไปคว้ามือถือที่กำลังจะร่วง ก่อนจะวางมันลงที่เดิม และใช้ความพยายามอีกครั้ง
เพื่อพ่อท้อไม่ได้
ผมเดินกลับไปตั้งท่า ก่อนจะชะงักกึกเมื่อไอ้บูรพาเดินเข้ามาหยิบมือถือของผม
"เดี๋ยวกูถ่ายให้"
"กูไม่..."
"แชะ!"
"ไอ้บูรพา!"
"แชะ!"
"ยิ้มหน่อย"
ผมฉีกยิ้มมองกล้องก่อนมันจะกดถ่าย
"แชะ!"
เดี๋ยว! นี่ไปบ้าจี้ยิ้มตามมันทำไม มันหัวเราะนิดๆ แล้วยื่นมือถือคืนให้
"เห่อเหมือนกันนะมึง"
"กูส่งให้พ่อดูต่างหาก"
"อ๋อ รูปสุดท้ายหล่อสุด" มันพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเข้าตึกไป ผมเลื่อนดูรูปก่อนจะกดรูปสุดท้ายส่งให้พ่อ ไม่ได้เชื่อมันนะ แต่มันเป็นรูปเดียวที่ผมทำหน้าปกติสุด
พ่อ : หล่อแต้ว่า ลูกไผกะบ่าฮู้ ตั้งใจ๋เฮียนหนา [หล่อจริงๆ ลูกใครก็ไม่รู้ ตั้งใจเรียนนะ]
องศาเหนือ : ค้าบ อย่าลืมโอนสตังค์มาเด้อ เยิ๊บๆ [ค้าบ อย่าลืมโอนตังค์มาให้ด้วย เยิ๊บๆ]
ผมกดออกไลน์ และเปิดเข้าไปดูตารางสอน ก่อนจะต้องกระพริบตาถี่ยิบเพราะไม่เข้าใจตัวเลขมากมายบนตารางสอนนั้น
001211
(3) 49,QS 3204
บรรลัยแดก! นี่มันตารางสอนของเอเลี่ยนดาวไหนเหรอ กูจะเข้าใจอะไรจากตัวเลขพวกนี้ เอามาให้แทงหวยหรืองาย! แพทเคยบอกว่าไงนะ
"...ข้างหน้าเป็นชื่อตึก เลขนี่คือเลขชั้น แล้วก็ห้อง มันจะมีผังตึกอยู่ตรงบันไดอะ หาไม่เจอก็ไปดูตรงนั้น..."
ข้างหน้าไหนวะ นี่เหรอ 001211 นี่เหรอ คือตึก00 ชั้น12 ห้อง11 งี้เรอะ จะบ้าเหรอ ตึกมันมีแค่สี่ชั้น หรืออันล่าง (3) 49,QS 3204 ตึก 3 ชั้น 49 ป้อคิงดิ!
เอาแล้วกู จะมาสายเพราะไอ้ตารางสอนต่างดาวนี่แหละ ผมกดมือถือโทรหาหลิวก่อน โทรหาแพทโดนบ่นแน่
(ไอ้เหนือ กูตื่นเต้นขี้แตกอยู่ เจอกันที่ห้อง)
ห้องอะไรล่ะมึง! โอ๊ย ชีวิต
ผมเดินไปที่บันไดก่อน ก่อนจะหันไปเห็นผังตึกอย่างที่แพทบอก แต่ก็ยืนเอ๋ออยู่สามอึดใจ
กูดูผังไม่เป็นจ้า...จ้า...
ขณะที่กำลังยืนไว้อาลัยให้ความโง่เง่าของตัวเอง ก็หันไปเห็นไอ้บูรพาเดินกินแซนด์วิชหน้าตาเฉยผ่านหน้าไป เหมือนมันจะหันมาเห็นผมพอดี
"หาห้องเรียนไม่เจอเหรอ"
"กูรอเพื่อนอยู่" ผมพูดปัดๆ มันพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไป
เพื่อนห่าอะไรล่ะ เพื่อนที่มีก็ขี้อยู่ไหนก็ไม่รู้ตอนนี้ ผมตัดสินใจค่อยๆ เดินตามไอ้บูรพาไป อาศัยความผู้คนพลุกพล่านเดินตามมันห่างๆ จนมาถึงห้องเรียน ผมรอให้มันเข้าไปก่อน ก่อนจะเดินไปที่หน้าประตู ไม่ทันที่จะถอดรองเท้าไอ้บูรพาก็เดินออกมา ผมตกใจนิดหน่อยแต่รีบถอยออกมาจากหน้าประตู แต่ไม่พ้นสายตามัน
"มึงตามกูมาเหรอ"
"เปล่าซะหน่อย ใครตาม จะตามทำไม กูก็มาเข้าห้องเรียน และมึงจะไม่เรียนหรือไง จะออกไปไหน"
"กูมาห้องผิด"
เชี่ย!
"ห้องอยู่ทางโน้น มานี่" ไอ้บูรพาดึงกระเป๋าผมให้เดินตามมันไปเข้าห้องอีกฝั่ง ไอ้สัด...กวาดหน้าที่แตกละเอียดมาให้กูด้วยนะ
"ไอ้เหนือ มานั่งนี่ๆ"
ผมเดินไปนั่งข้างๆ หลิวที่นั่งอยู่กับเพื่อนๆ คนอื่น ส่วนไอ้บูรพาแยกไปนั่งกับกลุ่มผู้ชายที่มีน้อยนิดเหลือเกิน พอมันรวมตัวกันดูๆ ไปก็คล้ายกับทีมอเวนเจอร์ประจำเอก ผมหันไปมองเพื่อนที่นั่งอยู่แถวเดียวกัน ไอ้หลิว ไอ้หนุ่มขนตาหนาเด้ง น้ำหวาน บีบี เออ...กูคบกับแก๊งชะนีก็ได้เว้ย!
"ไอ้เหนือ ทำไมมาพร้อมบูรพาวะ"
"บังเอิญ" ผมตอบสั้นๆ
ความบังเอิญที่น่าจะเป็นความตั้งใจของโชคชะตาน่ะ โชคชะตาเลวร้ายมากด้วย!
to be continued.
__________________________________________________________________________________________
ภาษาเหนือที่ปรากฎในเรื่อง ได้เพื่อนพันธมิตรชาวเหนือช่วยแปลให้ ผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่า
การพบกันครั้งที่ 2
เบียบเชียร์
ผมต้องเข้าร่วมกิจกรรมห้องเชียร์อย่างหนีไม่ได้ แพทสั่งให้ไอ้หลิวตามติดชีวิตผมหลังเลิกเรียนและตามมาเข้าห้องเชียร์และมันก็ทำหน้าที่ของมันอย่างดีมาก ขนาดเข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดนิสิตเป็นชุดเชียร์มันก็ตามมาเฝ้าถึงหน้าห้องน้ำ กูคงจะเงะฝ้าเพดานหนีไปหรอกนะ
"ไอ้เหนือ! เสร็จยัง!"
"แป๊บหนึ่งโว้ย!" ผมตะโกนกลับไป ก่อนจะยัดเสื้อเข้ากางเกง แล้วเดินออกไปหามันที่เข้ามารอให้ห้องน้ำชาย แล้วหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผม
"แชะ!"
"อะไรของมึงเนี่ย"
"เอาไว้รายงานแพท"
"วู้ มึงนี่..."
"ไม่ต้องด่ากูเลย ไปได้แล้ว เดี๋ยวสายนะมึง"
ผมกับหลิวและแก๊งชะนีมาที่สนามกีฬากลางซึ่งเป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมห้องเชียร์ นอกจากคณะเราแล้วยังมีคณะอื่นๆ ด้วยแต่คณะของแพทไม่ได้ทำกิจกรรมที่นี่ พวกสายวิทย์สุขภาพจะแยกไปทำกิจกรรมที่ตึกของตัวเอง กิจกรรมห้องเชียร์เริ่มตั้งแต่ห้าโมงเย็นถึงสองทุ่มของทุกวัน ยกเว้นวันศุกร์ อาทิตย์ละสี่วันนี่ไม่น้อยนะฮะ
ก่อนจะเดินขึ้นแสตนเชียร์ รุ่นพี่จัดที่นั่งด้วยการสุ่มจับตัวเลขเขียนตัวเลขเอาไว้ที่ด้านหลังป้ายชื่อห้องเชียร์ อะ นี่ป้ายที่สามล่ะ ที่ต้องเก็บรักษาไว้ให้ดีตลอดปี ดีว่าช่วงขึ้นห้องเชียร์ไม่ต้องห้อยป้ายคณะกับป้ายเอก ผมกับหลิวต้องแยกกันนั่งเพราะเลขที่สุ่มห่างกันหลายแถว ผมเดินขึ้นไปที่แสตนเชียร์เพื่อหาที่นั่งตามเลข
"เบียบเชียร์!"
เชี่ย!
ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงแสตนข้างๆ ดังขึ้น ก่อนจะหันไปเห็นว่าเป็นคณะวิศวะที่แน่นไปด้วยกลุ่มผู้ชายเสียงกึกก้อง อยู่ในชุดเชียร์สีเลือดหมูกับกางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม ชุดเชียร์อย่างเท่อะ ถึงกับก้มมองชุดตัวเอง เสื้อเชิ้ตสีดำที่ชายเสื้อต้องยัดเข้าไปในกางเกงวอร์มสีเดียวกัน ถุงเท้าและรองเท้าผ้าใบสีขาวใหม่เอี่ยม กูมาเข้าห้องเชียร์หรือชั่วโมงพละวะเนี่ย
"น้องคะ หาที่นั่งเจอหรือยัง?" พี่สต๊าฟคนหนึ่งเดินเข้ามาสะกิดผม
"ยังครับ"
"ไหนเลขอะไร อะนู่น ตรงนู้นเลย ข้างๆ น้องรูปหล่อนั่น"
ผมมองตามนิ้วของพี่สต๊าฟไปก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อน้องรูปหล่อที่พี่คนนี้บอกคือไอ้บูรพา
โชคชะตามันจะตั้งใจเกินไปล่ะ
"ตรงนั้นเหรอครับพี่?"
"ใช่จ้ะ"
"ผมขอเปลี่ยนได้มั้ยอะ"
"ไม่ได้ค่ะ"
"แต่ว่า..."
"ไม่ได้ค่ะ" จากสีหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นนิ่งตึงและยืนยันในคำเดิม ผมจึงต้องพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปนั่งข้างๆ ไอ้บูรพา อยากเอาเชือกห้อยป้ายไปแอบผูกคอตายใต้ห้องเชียร์จริงๆ
"ซวยชิบหาย" ผมพูดเบาๆ แต่ก็ตั้งใจให้มันได้ยิน
มันจึงหันมามองด้วยหางตา
"มองเหี้ยอะไร"
"อือ มองเหี้ย"
"ไอ้บูรพา ไอ้สัด มึงจะเอาช่ะ!?"
"น้องคะ ไม่เสียงดังแล้วนะคะ" พี่สต๊าฟที่ยืนอยู่ข้างๆ แถวเดินเข้ามาปราม ไอ้บูรพาไอ้แต่ยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วหันหน้าไปมองตรง ก่อนรุ่นพี่ที่เรียกว่าพี่เชียร์จะเข้ามาเรียงแถวกัน อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับห้องเชียร์ แจกสมุดเชียร์ที่เอาไว้ล่าลายเซ็นพี่คณะ ผมไม่ได้สนใจคำพูดของพวกพี่เขาเท่าไร เพราะวุ่นวายอยู่กับไอ้กองทัพยุงที่มากัดอย่างกับกระหายเลือดมาทั้งชีวิต ผมเกลียดไอ้สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ที่สุด แต่ยกมือขึ้นมาปัดก็ไม่ได้เพราะอยู่ในระเบียบเชียร์ หมายความว่าต้องนั่งตัวตรง ตามองตรงไปข้างหน้า ขยับเขยื้อนอะไรก็ต้องยกมือสุดแขนขออนุญาต เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอนี่แหละ
"ขออนุญาตตบยุงค่ะ"
"เชิญค่ะ"
อย่างนั้นเป็นต้น...
กูคิดว่าการสังหารสิ่งมีชีวิตอย่างพวกมึงนี่มันไม่ต้องขออนุญาตใครนะ และถ้ารุ่นพี่มันเสือกไม่อนุญาต ก็ต้องปล่อยให้ยุงมันกัดเฉกเช่นนั่งบริจาคเลือดให้มันถูกมั้ย? อะเมซิ่งห้องเชียร์
"เบียบเชียร์!"
ก็เบียบอยู่นี่งาย...
"เบียบเชียร์!"
คำสั่งเข้าระเบียบเชียร์ดังขึ้นซ้ำๆ คงเพราะมีบางคนในที่นี่ยังนั่งไม่เป็นระเบียบ พี่เชียร์ก็จะสั่งต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเรียบร้อย เรียนรด.ยังเกร็งน้อยกว่านี้อะ สิ้นคำสั่งสุดท้ายของพี่เชียร์ พวกเขาก็เดินแถวกันออกไป ก่อนจะมีพี่อีกกลุ่มเดินขึ้นมาแทน รุ่นพี่หน้าตาเคร่งขรึม แต่งกายถูกระเบียบเป๊ะ สวมปลอกแขนบ่งบอกสถานะ เราเรียกเขาว่าพี่วินัย หรือพี่ว้าก แต่ละคนนี่อย่างกับหลุดมาจากห้องขังคดีฆาตกรรม แฮทแท็กพี่ว้ากหล่อบอกต่อด้วยใช้ไม่ได้กับพี่ว้ากคณะกูครับ
"เบียบเชียร์อยู่ไม่ใช่หรือไง! ขยับทำไม!"
"แค่นั่งนิ่งๆ ยังทำไม่ได้เลย!"
"ก้มหน้าลงไป!"
"พี่บอกให้ก้มหน้าลงไป!"
ผมคิดว่าพรุ่งนี้คำว่าห้องเชียร์อาจจะไม่อยู่ในสาระบบขององศาเหนืออีกต่อไปก็ได้ การมานั่งหลังแข็งให้ยุงกัด ท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวแถมยังต้องมาตัวติดกับไอ้บูรพา นั่งฟังรุ่นพี่แหกปากใส่ ไม่ใช่สไตล์ว่ะ...
"ก้มหน้าลงไป จะเงยขึ้นมาทำไม!"
ก็ก้มจนจะมุดลงไปในถุงเท้าตัวเองแล้วเนี่ย จะให้ก้มไปถึงไหน!!
เสียงพี่วินัยเงียบไปสักพักก่อนจะได้ยินเสียงรัวกลอง พร้อมเสียงหวีดร้อง
"ตึ่งๆๆๆ!!!"
"วี้ดดดด!!!"
"สุขกันเถอะเรา เศร้าไปทำไม!"
เสียงสันทนาการเข้ามาแทนที่พี่วินัยพวกนั้น ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วยกขาขึ้นมานั่งขัดสมาธิหลังจากออกจากระเบียบเชียร์ เพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดจากการถูกลงวินัยจึงมีการปลอบใจจากพวกพี่ๆ สันทนาการที่มาร้องเล่นเต้นสนุกๆ แต่ผมไม่บันเทิงด้วย เพราะยุงที่กัดจนอยากจะเสนอตัวเองไปเป็นผู้ป่วยไข้เลือดออกให้รู้แล้วรู้รอดไป
"อะ"
ผมหันไปมองไอ้บูรพาที่ยื่นสเปรย์กันยุงให้
"กูไม่เอา"
"เห็นนั่งหงุดหงิดมานานล่ะ"
"กูไม่ได้หงุดหงิด"
"มึงไม่ชอบยุงไม่ใช่เหรอ เอาไปเหอะ"
"กูไม่เอา"
"ดื้อเหี้ย" มันพูดแล้วฉีดสเปรย์ใส่ผม ฉีดแขน ฉีดขา ฉีดยันหัว
"เข้าตากู!" ผมว่าพลางปัดสเปรย์ที่มันฉีดมาตรงหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าสเปรย์กลิ่นฟลอร่าหอมฟุ้งนี่จะไล่ยุงได้จริงๆ ฝูงไอ้ตัวดูดเลือดจิ๋วได้แต่บินวนไปวนมาแต่ไม่กล้าเข้ามาเจาะผิวหนังผมเลย โอ้โห...นวัตกรรมล้ำสุดยอด
"ไอ้เหนือ"
"อะไร" ผมตอบรับมันตอนที่ยกมือจับยุงที่บินผ่านหน้า พ่อครับ ผมจับยุงด้วยมือเปล่าได้ด้วยแหละ!
"มึงยังโกรธกูอยู่อีกเหรอ"
ผมปล่อยยุงในมือแล้วหันไปมองมัน
"มึงถามทำไม ในเมื่อก็รู้อยู่แล้ว สิ่งที่มึงทำ มันควรหายโกรธง่ายๆ มั้ยล่ะไอ้ควาย"
"โกรธนานขนาดนั้นเลยเหรอวะ"
"ก็มึง..."
"เบียบเชียร์!"
ไม่ทันจะพูดอะไรต่อ เบียบเชียร์นรกก็ดังขึ้นให้หลังแข็งอีกรอบ พี่เชียร์กลับขึ้นมาชี้แจงในช่วงสุดท้ายของกิจกรรม เสร็จจากนี่คิดว่าจะได้กลับไปทิ้งตัวลงที่นอน แต่รุ่นพี่เอกยังนัดไปเจออีกนะ มีปุ่มสคิปไปปีสี่เทอมสองเลยป่ะครับ ขอด่วนเลย
…
ผมมานั่งอยู่ที่โถงคณะเพื่อรอรุ่นพี่ที่นัดเอาไว้ ระหว่างนั้นพวกเพื่อนๆ ก็นั่งกินข้าวที่ทางคณะแจกให้ฟรีหลังเลิกห้องเชียร์ แต่ผมมองไม่เห็นความอร่อยจากข้าวผัดไข่แห้งๆ กับเศษแตงกวาเหี่ยวๆ มึงอย่าริอาจเรียกตัวเองว่าข้าวผัดเลย มึงคือวิญญาณข้าวคลุกกับเศษไข่ สำนึกตัวเองเอาไว้ด้วย
"กินดิเหนือ อร่อยนะ" หนุ่มบอกกับผม ขณะที่แก๊งชะนีก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"ไม่เอาอะ กูกลับไปต้มมาม่าแดกยังรู้สึกดีกว่านี้"
"ไอ้เหนือมันเป็นคนเรื่องมากอะ" หลิวพูดแทนให้ ซึ่งผมไม่เถียง
"เออ ตอนเราเดินมาที่คณะ ได้ยินพี่เขาคุยกันว่าจะให้เหนือไปคัดตัวหลีดด้วยนะ"
ผมเงยหน้าไปมองบีบีที่พูดขึ้นมา
"หลีดคืออะไรวะ"
"ไอ้ควาย!"
หลิวมันไม่เคยตาย ถึงได้หันมาด่ากันแบบนั้น เดี๋ยวกูโบกให้ข้าวพุ่งจากปากเลย
"เชียร์ลีดเดอร์ไง ผู้นำเชียร์อะ ที่ออกไปโชว์ตอนแรกไง"
"อ๋อ แล้วมันมีเพื่ออะไรวะ"
ผมมีสิทธิ์สงสัยนะ แต่ทุกคนสามัคคีกันกลอกตาขึ้นบนแรงมาก ราวกับว่าที่นั่งอยู่นี่คือตัวโง่
"กูเห็นออกไปยืนแกว่งแขนกันอยู่งั้นอะ ไม่เห็นเกิดไรขึ้นเลย กูไม่เอาด้วยหรอก เมื่อยตายห่า"
"โหย ลองดูดิเหนือ"
"อย่าพยายามกล่อมเลยหนุ่ม ขนาดให้มันถือป้ายงานกีฬาสีที่โรงเรียนเก่ามันยังไม่เอาเลย ตื๊อมากๆ มันกระโดดถีบเลยนะ แถมโดดกีฬาสีสามวันรวด ไม่เลวจริงทำไม่ได้นะ"
"ก็กูไม่ชอบ นั่งหายใจเฉยๆ กูก็เหนื่อยล่ะให้กูไปทำกิจกรรมบ้าบอ กูไม่เอาด้วยอะ"
"น้องเหนือ" เสียงรุ่นพี่คนหนึ่งเรียกผม ขณะที่เดินเข้ามาที่โต๊ะเรา
"ผมไม่เป็นหลีดครับ"
"โอ้โห...ยังไม่ทันเกริ่น"
ผมหัวเราะแห้งๆ กูตัดบทก่อนครับ ถือว่าชนะ
"พี่ไม่ได้มาชวนไปเป็นหลีด แต่จะให้เหนือเป็นตัวแทนเอกไปประกวดเดือนคณะ"
"ไม่เอาอะพี่ ผมไม่ชอบ"
"แต่เหนือหล่อนะ"
"ผมรู้ว่าหล่อ แต่ไม่ชอบอะครับ พี่ไปเอาไอ้บูรพาดิ ไอ้บูรพาอะ มันเล่นกีตาร์ได้ด้วยนะ มีความสามารถๆ" ผมชี้ไปที่ไอ้บูรพาที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอีกตัว
"บูรพาก็บอกให้มาเอาเหนือนี่แหละ"
โยนมาให้กู กวนตีนนะมึง
"หนุ่มไง มึงก็หล่อนะ" ผมหันไปหาไอ้หนุ่ม อันที่จริงมันก็จัดว่าหล่ออะ ขัดใจก็เพียงขนตาหนาเด้งนี่แหละ ใครมีเมคอัพรีมูฟเวอร์เหลือๆ ก็บริจาคมาให้มันล้างมาสคาร่าหน่อยเหอะ
"จะบ้าเหรอเหนือ เราจะลงประกวดดาวเทียม"
"ดาวเทียมคืออะไรวะ?"
"ตำแหน่งของกระเทยอะ เราสวย เราเป็นเดือนไม่ได้" ที่จริงมึงก็ชื่อหนุ่ม มึงไม่ควรโตมาเป็นสาวนะ
"ไม่ต้องซีเรียสหรอกน้องเหนือ เป็นแค่ตัวแทนเอกเอง ถ้าเอกอื่นหล่อกว่าเขาก็ชนะไป"
"โห่พี่ อย่าเอาผมเลย นอกจากหน้าตาดีก็ไม่มีอะไรดีเลย จริงๆ นะพี่" ผมสะกิดหลิวให้มันช่วยพูด เพื่อนรักอย่างหลิวแค่มองตาก็เข้าใจ
"ใช่ค่ะพี่ ไอ้เหนือมันไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลย โง่ด้วย เรียนก็ห่วย นิสัยก็ไม่ดี ควบคุมอารมณ์ก็ไม่เป็น ไอ้นี่มันหล่อไร้สติ ส่งประกวดไปก็อายเขาค่ะ"
ไอ้นี่ก็ใส่เต็มซะผมรู้สึกชีวิตหมดค่าหมดราคา นี่กูเกิดมาทำไม?
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปคุยกับเพื่อนอีกที แต่ถ้าไม่มีใครจริงๆ ก็คงต้องเป็นเหนืออะ ถือว่าช่วยเอกหน่อยนะ"
ใครก็ได้เอามีดมากรีดหน้าที อยากเสียโฉม อยากขี้เหร่ เกิดมาหล่อนี่ลำบากใจจริงๆ...
"ปีหนึ่งและรุ่นพี่ เดี๋ยวให้เวลาอีกห้านาทีแล้วมารวมกันตรงนี้นะคะ"
ผมลุกเอาข้าวกล่องไปทิ้งที่ถังขยะหน้าห้องน้ำ แล้วหันไปเห็นเพื่อนร่วมเอกคนหนึ่งที่เดินเข้าห้องน้ำไป โอ้โห...หล่อออร่ามาก มีผู้ชายคนนี้อยู่ในเอกด้วยเหรอวะ ผมเดินตามมันเข้าไปในห้องน้ำ แล้วยืนมองมันผ่านกระจก นี่แหละ โหงวเฮ้งเดือนคณะต้องหน้าตาแบบนี้แหละ
"มึงอยากดูปิ๊กกาจูกูเหรอ"
"พ่อมึงดิ!" ปากไวของผมตอบกลับไปอย่างไวด้วยคำหยาบ ไม่สมควรเท่าไรสำหรับการพบกันครั้งแรกนะ
"ก็เห็นมึงมายืนมองอยู่ได้"
"พี่ปีสองเขาได้มาขอให้มึงเป็นตัวแทนเอกประกวดเดือนหรือเปล่า"
"เปล่านี่ กูเพิ่งมา เขาหาคนประกวดกันอยู่เหรอ"
"อือ พี่เขาจะเอากูอะ แต่กูไม่อยาก มึงเป็นตัวแทนได้ป่ะ?" ผมไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร เพราะไอ้นี่เปรี้ยวไม่ห้อยป้ายชื่อ
"กูก็ไม่อยาก"
"แต่มึงหล่อนะเว้ย"
"ไม่เอาอะ ขี้เกียจ"
"กูกราบล่ะ" ไม่พูดเฉยๆ ยกมือขึ้นมาไหว้มันด้วย ขอร้องกันขนาดนี้ก็ใจอ่อนหน่อยเหอะพ่อคู๊ณ
"ให้กูจูบทีหนึ่งดิ เดี๋ยวกูประกวดให้"
"ฮะ?"
"เอามั้ย?"
ถ้าให้มันจูบ ผมก็ไม่ต้องไปประกวดอะไรนั่นใช่มะ...แต่เดี๋ยวนะ ริมฝีปากกูบริสุทธิ์! ขนาดคบกับแพทมาสามปี ยังไม่เคยแตะปากแพทเลย หวงเนื้อหวงตัวหวงปากมาก หอมแก้มนิดเดียวยังเสี่ยงโดนตบ แล้วอีกอย่าง ไอ้หล่อนี่มันเป็นผู้ชาย เรื่องอะไรกูจะยอมให้ผู้ชายอย่างมึงมาเปิดบริสุทธิ์ปากกู ไม่มีทาง!
"อื้อ!"
ผมกรีดร้องอยู่ในใจเมื่อไอ้หล่อนั้นดันผมติดกำแพงห้องน้ำแล้วประกบปากเข้ามาตอนที่ไม่ทันตั้งตัว ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ สิ่งที่เคลื่อนไหวในวินาทีถัดไปคือลูกกะตาที่กลอกไปมองคนที่เดินเข้ามาในห้องน้ำ
"เอ๊ย! โทษทีว่ะ"
ไอ้หล่อนี่ถอนจูบออกไปพอดีจังหวะที่ไอ้เจ้าของเสียงขอโทษนั่นเดินเข้ามา
"ไม่เป็นไร เสร็จพอดี" มันว่าแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป
ผมทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นตอนที่สติยังไม่กลับมา
"ถึงกับทรุดเลยเหรอวะ"
"ฮะ?" ผมเงยหน้าไปมองคนที่เดินเข้ามา
สัด...ไอ้บูรพา
แต่ช่างหัวไอ้บูรพาไปก่อนเหอะ เมื่อกี้คืออะไร โดนขโมยจูบ จูบแรกกูด้วย! โฮ อุตส่าห์ทะนุถนอม บำรุงริมฝีปากด้วยลิปบาร์มเป็นอย่างดีเพื่อวันหนึ่งกูจะบรรจงจูบแพทด้วยริมฝีปากนิ่มชมพูของกู แล้วมึงเป็นใครเสือกมาเปิดซิงริมฝีปากกูเนี่ย ไอ้เชี่ย!
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"กูโดนข่มขืนอะ!"
"ข่มขืนอะไร แค่จูบเนี่ย"
"ข่มขืนปากกูไง! ไอ้นั่นมันจูบ..." ผมว่าแล้วลุกพรวดไปเปิดน้ำล้างปาก โอ้โห! ใครจะไปรู้ว่าชีวิตต้องมาเสียเอกราชจูบแรกให้ไอ้หน้าหล่อที่ไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ
"หึๆ"
ผมหันขวับไปมองไอ้บูรพาที่ยืนหัวเราะอยู่
"มึงขำอะไร!"
"เปล่า"
"มึงอย่าบอกใครนะเว้ย!"
"เออ" มันรับคำสั้นๆ แล้วเดินออกจากห้องน้ำไป ผมเดินตามไปด้วยเพราะไม่ไว้ใจคำรับปากส่งๆ ของมัน
"มึงอย่าบอกใครนะไอ้บูรพา"
"เออ ไม่บอก"
"มึงห้ามเลยนะ ถ้ามึงพูดมึงโดนดีแน่"
"เออ ไม่พูด"
"แน่ใจนะมึง!"
"เอ๊ะ! มึงนี่พูดไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวกูก็จับจูบอีกคนหรอก"
ไอ้ห่านี่ก็วิปริตขึ้นมาอีกคน!
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 3
เป็นการห่างกันทางความรู้สึก
ผมเริ่มเข้าใจตารางสอนเอเลี่ยนและหาห้องเรียนด้วยตัวเองเจอ กราบคนวางผังตึกเลย คือแม่งซับซ้อนแบบขึ้นบันไดผิดชีวิตเปลี่ยนกันเลยทีเดียว ผมเดินเข้าไปในห้องตามตารางสอน พอเปิดประตูเข้าไปเห็นสุภาพสตรีนั่งกันอยู่เกือบครึ่งห้อง แถมยังห้อยป้ายคณะอื่นด้วย
เดี๋ยวนะ...
สตรีเยอะจนต้องถอยออกมาดูตารางสอนหน้าห้องกับในมือถือให้แน่ใจว่ามันตรงกันหรือเปล่า ทั้งรหัสวิชากับเลขห้องก็ตรงกันเป๊ะ ไอ้หลิวมันลงทะเบียนวิชาอะไรให้วะเนี่ย
"เหนือ มาแล้วเหรอ"
ผมหันไปมองไอ้หลิวและแก๊งชะนี
"มึง นี่วิชาอะไรวะ ทำไมมีคณะอื่นด้วยอะ"
"วิชาม.อะมึง เป็นวิชาที่ทุกคณะต้องเรียน ก็ต้องเรียนรวมกับคณะอื่นด้วยไม่แปลก ไม่ต้องงง เข้ามา"
ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามพวกเพื่อนเข้าไป ผมหันไปมองผู้หญิงแถบนั้นที่ห้อยป้ายรูปเข็มฉีดยาบ่งบอกว่าเป็นคณะพยาบาล จึงไม่แปลกที่จะเต็มไปด้วยผู้หญิงแบบนี้ ไหนสแกนซิ มีน่ารักๆ ให้มองให้ชื่นใจหน่อยมั้ย
"มองอะไรไอ้เหนือ"
"เรียนกับพยาบาลนี่ก็น่าสนุกนะ"
"เดี๋ยวกูฟ้องแพท"
"โห่ กูมองเฉยๆ"
"เดี๋ยวกูจิ้มคอนแทคเลนส์หลุดเลย" ผมโยกหัวหนีนิ้วไอ้หลิวที่ทำท่าจะจิ้มเข้ามาจริงๆ ผมไม่ได้เจอแพทมาสองสามวันแล้ว เวลาว่างก็ไม่เคยตรงกัน ตอนเย็นหลังจบห้องเชียร์ก็แยกย้ายกันกลับหอ แถมแพทดูจะมีการบ้านและงานเยอะกว่าผมมาก ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน
"เฮ้ย นั่งด้วยนะ"
ผมหันไปมองแก๊งอเวนเจอร์ประจำเอกที่เดินเข้ามา ผมพยักหน้าหน่อยๆ ให้บอมบ์ คนที่เอ่ยทักอย่างไม่ได้คิดอะไร เก้าอี้แถวอื่นเต็มหมดแล้วด้วย แต่ก็พบว่าคิดผิดมากที่อนุญาตให้พวกมันมานั่งด้วย เพราะคนที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ผมไม่ใช่ไอ้บอมบ์ คนที่ถาม แต่เสือกเป็นไอ้บูรพา
"เฮ้ย มึงมานั่งนี่ทำไม"
"ก็มึงบอกให้นั่งได้"
"กูบอกให้ไอ้บอมบ์นั่ง ไม่ได้บอกให้มึงนั่ง"
"ก็แถวอื่นมันเต็มหมดแล้ว"
"ไปนั่งกับพื้นไป๊!"
"โอ๊ยๆๆ อะไรของมึงสองคนวะ เจอกันทีไรก็กัดกันทุกที นั่งๆ ไปเหอะ จะได้เวลาเรียนแล้ว ไอ้เหนือมึงก็อย่าเยอะ!"
ผมหันขวับไปหาหลิว มึงเพื่อนใครกันแน่เนี่ย!
ไอ้บูรพายักไหล่หน่อยๆ แล้วนั่งลงข้างๆ ผม และโต๊ะมันติดกันเป็นพรืด ไม่ได้ห่างกันเหมือนโต๊ะสมัยมัธยม เขยิบหนีก็ไม่ได้ ต้องมานั่งไหล่ติดกับมันตลอดคาบ อี๋! รังเกียจ!
ก่อนจะถึงเวลาเรียน อาจารย์ประจำวิชาก็เดินเข้ามา พร้อมกับไอ้หล่อ ที่มารู้ชื่อทีหลังว่า ไกด์ ไอ้โจรขโมยจูบที่ครองตำแหน่งเดือนเอก มันเดินตามอาจารย์เข้ามาแบบเปรี้ยวๆ ป้ายก็ไม่ห้อยไอ้บ้านั่น
"เรียกผัวมานั่งด้วยมั้ย?"
ไอ้บูรพากระซิบข้างหูผม
"ไอ้สัด!"
ผมตะคอกเสียงดังขณะที่ห้องเงียบกริบ เสียงผมจึงดังกึกก้อง สุภาพสตรีว่าที่พยาบาลหันมามองผมเป็นตาเดียว อะ...เด่นเลยกู
"แหม่...ต้อนรับกันรุนแรงเหลือเกิน" เสียงอาจารย์หน้าห้องดังแทรกความเงียบขึ้นมา ตามมาด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ ของเพื่อนนิสิต ผมได้แต่ยกมือไหว้และยิ้มแห้งๆ ก่อนจะหันไปมองไอ้บูรพาตาขวาง แล้วสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
ทันทีที่อาจารย์เริ่มสอน วิญญาณผมก็เริ่มหลุด เปิดชีทตามที่อาจารย์บอกด้วยจิตว่างๆ สักพักทิ่มหัวลงไปบนโต๊ะอย่างเบื่อๆ ไม่ได้ง่วงนะ แต่มันน่าเบื่อ ผมพลิกหน้าไปทางไอ้บูรพา แต่ก็ชะงักนิดหน่อยเมื่อเห็นว่ามันกำลังมองอยู่
"ง่วงเหรอ"
"เสือก" ผมด่าแบบไม่มีเสียง แล้วกำลังจะพลิกหน้ากลับไปทางไอ้หลิวแต่มันยื่นมือมากดหัวผมให้อยู่อย่างนั้น
"อะไรของมึง" โวยวายดังก็ไม่ได้เพราะไม่ประสงค์จะตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้องอีกรอบ
"ไอ้เหนือ"
"เหี้ยอะไร"
"พูดดีๆไม่เป็นหรือไงวะ หยาบสัด"
"อย่ามากระแดะ ปล่อย"
"กูจะง้อมึงนะ"
ผมกระดกหัวขึ้นมา ขมวดคิ้วมองหน้ามัน
"จนกว่ามึงจะหายโกรธ"
"มึงทำไม่ได้หรอก เพราะกูคงไม่หายง่ายๆ"
"ก็ง้อไปเรื่อยๆ ไง"
"วู้" ผมสะบัดหน้าหนีมาอีกทาง ผมก็มีเหตุผลที่จะโกรธ ความโกรธมันยังฝังอยู่ในใจ แล้วก็ไม่มีความเชื่อว่าผมกับมันจะวนกลับไปเป็นเพื่อนสนิทกันได้เหมือนเดิมอีก
...
ท้ายคาบอาจารย์ต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการสั่งงานให้ทำหนังสั้นในหัวข้อ ความรักที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในมหาวิทยาลัย ผมโง่เกินกว่าจะเข้าใจหัวข้อนั้นแม้จะอ่านวนไปแล้วสองสามรอบ ก็เลยได้แต่นั่งเงียบๆ ปล่อยให้ตัวแทนของเอกผมและฝั่งพยาบาลคุยและออกไอเดียว่าจะนำเสนอหนังสั้นออกมายังไง
"คณะเราไม่มีผู้ชายเลยอะ งั้นฝั่งเราหานางเอกนะ แล้วฝั่งแกหาพระเอก"
"โอเค"
"แล้วเดี๋ยวเรามาคุยกันเรื่องบท แล้วก็ตัวละครอื่นๆ"
"ได้เลย"
ผมหยิบมือถือขึ้นมาไถเล่น ขณะที่เพื่อนเอกผมมารวมกลุ่มกันหาพระเอก ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่องศาเหนือ...
"มีใครอยากเป็นพระเอกมั้ย?"
"ไอ้ไกด์ไง"
"กูอีกและ?"
"ไกด์มันต้องซ้อมโชว์ประกวด มันยุ่งแล้ว"
"เออ ยุ่งแล้ว กูขอผ่าน"
"เราว่าบูรพาหรือไม่ก็องศาเหนืออะ"
"อย่าวนมาทางกู ขอร้อง" ผมออกตัวก่อน
"มึงนี่ไม่เคยใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์จริงๆ"
"งั้นเรามาโหวตกันดีกว่า"
"เออ คนไทยต้องเคารพประชาธิปไตย ตกลงตามนี้นะ"
ผมไม่มีสิทธิ์เถียงไอ้พวกนี้ที่งัดระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาอ้าง เกิดอารยะขัดขืนนี่จะกลายเป็นกบฏทันที เพราะงั้นก็เลยต้องร่วมลงคะแนนเสียงหาพระเอกของหนังสั้นวิชานี้ และผลโหวตก็ออกมาเป็นเอกฉันท์ องศาเหนือเดอะวินเนอร์มากๆ เลยกู
"ทำไมเป็นกูอะ!" ที่ต้องถามเพราะผมไม่ได้มั่นหน้าขนาดที่ว่าตัวเองหล่อที่สุดในปฐพี ถึงผู้ชายในเอกจะน้อยแต่คนหน้าตาดีก็ไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว ควรจะเป็นไอ้บูรพามากกว่าด้วยซ้ำ
"ไอ้บูรพามันบอกว่า ถ้าใครโหวตมันมันจะชกหน้าแหก"
ไอ้สันดาน!
"งั้นตกลงเป็นองศาเหนือนะ"
"ม่าย!"
"เคารพประชาธิปไตยหน่อยมึง คนไทยหรือเปล่า ฮะ!"
อยากจะลงไปชักดิ้นชักงอ นี่มันไม่ประชาธิปไตยแล้ว นี่มันคอมมิวนิสต์ แล้วไอ้บูรพานั่นก็คือผู้นำเผด็จการที่นั่งยิ้มกวนตีนอยู่
"ฝั่งนู้นได้พระเอกหรือยัง ฝั่งเราได้นางเอกแล้วนะ นี่ลูกไม้ นางเอกเรา"
ผมหันไปมองคนที่จะมาเป็นนางเอก
โอ้โห...เหมือนมีแสงสีชมพูประกายออกมาทั่วร่าง แค่มองก็เคลิ้มเหมือนได้วิ่งอยู่ในสวนลาเวนเดอร์ ยิ้มทีเดียวสติหลุด
"ตกลงใครเป็นพระเอกเหรอ?"
ทั้งที่อยากจะขัดขืนตำแหน่งนั้นแต่ไอ้มือทรยศมันก็ยกขึ้นสูงอย่างเสนอสุดตัว เมื่อกี้มึงยังโวยวายอยู่เลยไอ้ฟาย!
"องศาเหนือใช่มั้ย"
ผมพยักหน้าหงึกๆ
"งั้นตกลงได้พระเอกนางเอกแล้วเนอะ เดี๋ยวไงคาบหน้าเรามาคุยเรื่องบทกัน"
"โอเค งั้นเจอกันคาบหน้านะ"
"เดี๋ยวเราสร้างกลุ่มในเฟซบุ๊คแล้วเดี๋ยวฝากดึงเพื่อนเข้ามาให้ครบหน่อย มีอะไรจะได้คุยกันในนั้น"
"ได้จ้ะ"
ลูกไม้ยิ้มให้ผมอีกทีก่อนจะเดินไปเก็บกระเป๋า กำลังหลงอยู่ในวังวนของนางพยาบาลสาวและเข็มฉีดยาของเธอ
"แพทมา!"
"เชี่ย!" ผมหันขวับไปหาไอ้หลิวที่ปล่อยก๊ากออกมา
"โอ๊ย! ความกลัวเมียนี้!"
"ไอ้บ้า เล่นไรวะ!"
"ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป ต้องไปขึ้นห้องเชียร์อีก"
ห้องเชียร์นรกอีกแล้ว ผมพยายามที่จะหลีกหนีการขึ้นห้องเชียร์แต่ก็ไม่เป็นผล ไอ้หลิวตามจิกตามขบหัวให้ไปพร้อมมันแบบหลบไม่ได้หนีไม่พ้น คิดอยู่ว่านี่เป็นแฟนแพทหรือแฟนไอ้หลิวกันแน่ ประกบหนักมาก!
…
เมื่อมาถึงห้องเชียร์ ผมเดินไปนั่งข้างๆ ไอ้บูรพาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ที่นั่งนั่นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจนกว่าจะจบกิจกรรมห้องเชียร์ นั่นแปลว่าต้องนั่งตัวติดมันไปอีกสองเดือน
"มึงได้ลายเซ็นรุ่นพี่เยอะยังวะ" มันชวนคุยก่อนอย่างทุกครั้ง
ผมยื่นสมุดเชียร์ให้มันดูแทนคำตอบ
"ไม่ถึงสิบเนี่ยนะ"
"กูไม่เห็นประโยชน์จากการเดินไปขอลายเซ็นรุ่นพี่" ต้องไปยืนเต้น แหกปากร้องเพลง ทำอะไรขายหน้าเพื่อแลกกับลายเซ็นที่ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร
"เอาไว้แลกติ้งไง"
"ติ้งคืออะไรวะ"
"ควาย"
โอ้โห...ชัดถ้อยชัดคำมาก ด่าแบบนี้ไล่กูไปไถนาเลยเหอะ!
"ที่ติดอยู่บนเนคไทรุ่นพี่นั่นไง"
"แล้วมันมีไว้ทำอะไรวะ"
"มึงนี่ไม่ได้เกิดมาเพื่อเข้าใจอะไรเลยใช่มั้ย"
กูก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อมานั่งให้มึงด่านะเฮ้ย!
"มันเป็นติ้งคณะ แต่ละคณะมันไม่เหมือนกัน คนที่เข้าห้องเชียร์ ทำกิจกรรมครบถึงจะได้มา"
"อ๋อ แต่กูไม่อยากได้อะ"
"หมดคำจะพูด"
ก็หมดเวลาให้มันพูดเพราะได้เวลาเริ่มกิจกรรมห้องเชียร์พอดี เริ่มต้นจากพี่เชียร์มาสอนร้องเพลงมหาลัย เพลงคณะ และพี่อีกกลุ่มมาสอนการแสดงสปิริตเชียร์ที่จะต้องแสดงในงานพาวเวอร์เชียร์ และตามมาด้วยกลุ่มพี่วินัย กลุ่มบุคคลที่ผมสงสารกล่องเสียงเขาเหลือเกิน...
"ก้มหน้าลงไป!"
ก้มจนตะคริวจะกินคอกูล่ะเนี่ย...
"วันนี้ผมเห็นคนไม่ห้อยป้ายห้องเชียร์มา! มันไม่สำคัญหรือไง!"
แค่ไม่ห้อยป้ายห้องเชียร์ก็ต้องโมโหกันเบอร์แรง ดีนะที่ผมไม่เคย...
"เชี่ย!" ผมหวีดออกมาเบาๆ แล้วเบิกตากว้างเมื่อมองไม่เห็นป้ายชื่อบนคอตัวเอง นึกขึ้นมาได้ว่าถอดแขวนไว้ที่หน้ารถ ชิบหาย! อยากจะยกมือให้สุดแขนและขออนุญาตออกจากห้องเชียร์ตอนนี้เลย เวรกรรม...
"คนที่ไม่ห้อยป้าย รู้ตัวนะ!"
รู้จ้ะ...
"ออกมา!"
ผมกำลังจะเงยหน้าขึ้นหลังสิ้นคำสั่ง แต่ก็ต้องหันขวับไปมองไอ้บูรพาเมื่อมันลุกขึ้นแล้วถอดป้ายตัวเองใส่เข้ามาในคอผมอย่างเนียนๆ
"ใครไม่ห้อยป้าย ลุกออกมาเลย!"
ขณะที่กำลังงงในการกระทำของมัน ไอ้บูรพาก็ออกไปตามคำสั่ง พร้อมกับเพื่อนคนอื่นอีกเกือบๆ สิบคน ท่ามกลางเสียงดุดันของพวกพี่วินัย
"ทำไมไม่ห้อยป้ายมา ขอคนตอบหนึ่งคน!"
"ลืมครับ"
"คุณไม่มีสิทธิ์ลืม! ลงไปวิ่งรอบสนามสิบรอบ ปฏิบัติ!"
"ไป!"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้บูรพาที่วิ่งลงแสตนไปพร้อมพวกที่ลืมป้ายชื่อ
"พวกที่เหลือก้มหน้าลงไป! เงยขึ้นมาทำไม!"
ผมก้มหน้าลงตามคำสั่ง นั่นทำให้มองเห็นป้ายชื่อของไอ้บูรพาที่คล้องอยู่บนคอผม
ไอ้บ้านั่น...ทำแบบนี้ทำไมวะ
...
หลังเลิกห้องเชียร์ ผมเดินลงมาจากแสตน พวกไอ้หลิวและแก๊งชะนีไปรับข้าวกล่องที่แจกฟรี ส่วนผมขอผ่านแล้วมองหาไอ้บูรพา ที่หายไปในฝูงคนอย่างไว
"เหนือ ไปยัง?"
"พวกมึงกลับไปก่อนนะ"
"โอเค งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้"
ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปหาไอ้บูรพาต่อ แต่ไม่เจอก็เลยเดินไปที่ลานจอดรถ มองหากระบะสีดำก่อนจะเห็นมันเดินไปที่รถ จึงรีบวิ่งเข้าไปหา
"ไอ้บูรพา!"
"ไงมึง ยังไม่กลับอีกเหรอ"
ผมยื่นป้ายชื่อคืนให้มัน
"เอาไว้คืนในคาบก็ได้นี่"
"มึงต้องการอะไร?"
"ไรนะ"
"มึงต้องการอะไร"
"หน้าตากูเหมือนคนอยากได้อะไรจากมึงเหรอ?"
"แล้วมึงทำแบบนี้ทำไม"
"ก็เห็นมึงกลัว"
"กูไม่ได้กลัว!"
"เออ ไม่กลัวก็ไม่กลัว"
"มึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วกูจะหายโกรธเหรอ"
"กูก็ไม่ได้คาดหวังหรอก"
"ดีแล้วที่มึงไม่คาดหวัง เพราะมึงต้องผิดหวังแน่ๆ ไอ้บูรพา กูว่ามึงเลิกวุ่นวายกับกูเหอะ เราต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว กูกับมึงกลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมไม่ได้หรอก"
"มึงก็รีบตัดสินใจไป"
"กูคิดแบบนี้มาตลอดสามปี"
"..."
"อย่าทำแบบนี้เลย เสียเวลา"
"ถ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ กูก็จะเริ่มต้นใหม่"
"ไอ้บูรพา มึงนี่มัน..."
"ยินดีที่ได้รู้จักนะเพื่อน เราชื่อบูรพา ไว้เจอกันในห้องเรียน" มันพูดแล้วเคาะหัวผมสองสามทีก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นไป
"ยิ่งทำแบบนี้กูยิ่งเกลียดมึงนะไอ้เหี้ย!"
มันเปิดกระจกรถลงมาโบกมือให้ตอนที่ขับออกไป
"บ๊ายบาย"
กวนตีน!
...
เป็นอีกวันที่ผมไม่ได้โทรหาแพทเพราะนางไลน์มาตั้งแต่ห้าโมงเย็นว่าวันนี้รุ่นพี่นัดทำกิจกรรม ความเปื่อยจึงบังเกิด กินข้าวคนเดียวมาหลายวันแล้วนะเว้ย! จะให้ไปกินข้าวกล่องฟรีกับแก๊งชะนีก็รับไม่ได้กับข้าวผัดไข่นั่น โอ๊ยเหงา!
ผมหยิบมือถือขึ้นมารูดขึ้นรูดลงเป็นงานอดิเรก แล้วเลื่อนไปเห็นไอจีแอคฯ โปรดที่โพสท์รูปภาพใหม่ และแคปชั่นสะเทือนความรู้สึกอีกแล้ว
Sundaynight01 จะพันไมล์หรือแค่สามเซ็นฯ จะคนละซีกโลกหรือแค่ประตูกั้น มันก็ห่างกันอยู่ดี เป็นการห่างกันทางความรู้สึก
ผมเหลือบไปมองป้ายชื่อทั้งสามอันที่ห้อยอยู่หน้าประตู เออ...มันห่างกันไปแล้วว่ะ ห่างเกินกว่าจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้...
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 4
พ่อบ้านบูรพา แม่บ้านองศาเหนือ
ผมเคยเป็นคนหนึ่งที่ขัดขืนการทำกิจกรรมมาตลอดชีวิตการศึกษา พวกกีฬาสี ค่ายธรรมะ ค่ายลูกเสืออะไรทำนองนั้นเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากสำหรับผม แต่พอก้าวเข้าสู่รั้วมหาลัยผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่หลิวแต่รวมถึงแก๊งชะนี หนุ่ม น้ำหวานและบีบี ต่างพากันไปทำความรู้จักแพทที่เจอกันในหอในบ่อยๆ แพทก็ได้พรรคพวกให้มาคอยตามประกบผมให้ทำกิจกรรมของเอกของคณะอย่างครบถ้วน เพราะงั้นวันนี้ผมเลยต้องลากกายหยาบมาร่วมกิจกรรมค่ายเอก ทั้งๆ ที่มันเป็นวันอาทิตย์ที่ควรจะทิ้งตัวอยู่บนที่นอนมากกว่า
"น้องๆ ได้ป้ายชื่อกันทุกคนแล้วนะ"
ป้ายชื่ออันที่สี่ถูกแจกมาให้ตอนเข้ามาลงทะเบียนเข้าค่าย นี่กะให้เอาไปสะสมหรือว่าไง ขยันทำป้ายแจกจัง
"ตอนนี้ให้น้องๆ แยกไปนั่งตามสีที่ป้ายเลยค่ะ"
"เฮ้ย มึงกับกูสีเดียวกัน มานี่" ไอ้หลิวลากผมไปรวมกลุ่มกับคนอื่นที่ป้ายสีแดงเหมือนกัน ผมนั่งลงท้ายแถวก่อนจะหันไปเห็นไอ้บูรพาที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ไอ้หลิว ป้ายสีแดงเหมือนกันอีก ไอ้ห่ามันเป็นเจ้ากรรมนายเวรหรือไงวะ ตามไปทุกที่เป็นเงาเลย
"โอเค ทุกสีครบแล้วนะ คราวนี้พี่จะให้น้องๆ เลือกตัวแทนสองคนมาเป็นพ่อบ้านแม่บ้านประจำสีนะ แล้วก็ให้ตั้งชื่อบ้านตัวเองด้วย"
"อะ สีแดง ขอตัวแทนสองคน ใครก็ได้" พี่ปีสองที่เป็นสต๊าฟประจำกลุ่มสีเราเข้ามาบอก แต่ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็ยังเงียบ หันมองหน้ากันไปๆ มาๆ
"ฟึ่บ!"
"เชี่ย!" ทั้งผมและไอ้บูรพาร้องออกมาพร้อมกัน เมื่อไอ้หลิวที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างผมกับกัน จับมือผมกับไอ้บูรพายกขึ้น
"โอเค น้องบูรพากับน้องเหนือนะ"
เสียงปรบมือของคนมีทีมดังเกรียวพร้อมสายตาที่มองอย่างกดดัน ขนาดที่ว่าหากเอ่ยปากปฏิเสธก็จะกลายเป็นพวกไม่มีสปิริตทันที ผมกับไอ้บูรพาเลยต้องลุกออกไปหน้าแถว หันไปชี้หน้าไอ้หลิวอย่างคาดโทษเอาไว้ก่อน อย่าให้เผลอ กูจะจับมึงโยนอ่างเก็บน้ำหลังหอในให้ตัวเงินตัวทองแดก
"น้องบูรพาเป็นพ่อบ้าน ส่วนน้องเหนือเป็นแม่บ้านนะ" รุ่นพี่ว่าแล้วระบุสถานะลงไปบนป้ายชื่อของผมกับมัน
เป็นแม่บ้านก็หนักใจพอแล้ว ต้องมีไอ้ผีบ้านี่เป็นพ่อบ้านเนี่ยนะ มีผัวอย่างนี้กูลาบวชสักสามพรรษาดีกว่ามั้ง
"คราวนี้พี่จะให้พวกเราจับคู่บัดดี้กัน สองคนจะต้องปั่นจักรยานไปด้วยกันในกิจกรรมแรลลี่รอบมหาลัย และระหว่างทำกิจกรรมอื่นๆ ก็ขอให้พูดคุยทำความรู้จักกันให้มากๆ การพูดคุยของน้องๆ จะเกี่ยวข้องในกิจกรรมสุดท้ายนะคะ เพราะงั้นขอให้คุยกันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้นะ เอาล่ะค่ะ จับคู่กันเลย ไม่ต้องเลือกนะ ยังไงก็เพื่อนกันทั้งนั้น จะได้ทำความรู้จักกันเข้าไว้"
ผมกำลังจะเดินไปจับคู่กับไอ้หลิว
"อ้อ คนที่เป็นพ่อบ้านกับแม่บ้านก็เป็นคู่บัดดี้กันเลยนะ ไม่ต้องเลือกใหม่จ้า"
จ้า...
ผมหันขวับไปหาไอ้บูรพา
"เศร้าเลย ต้องคู่กับมึงเนี่ย"
"แล้วหน้าตากูเหมือนคนมีความสุขมั้ยล่ะ"
หน้ามึงอย่างนี้ตลอดไม่เคยรู้สึกอะไรอยู่แล้วไอ้ฟาย!
...
กิจกรรมค่ายเอกเริ่มต้นด้วยการที่พวกเราต้องปั่นจักรยานไปรอบๆ มหาลัย จะมีการ์ดโค้ดลับซ่อนอยู่ในหลายๆ จุดและต้องเดาจากคำใบ้นั่นว่าแต่ละฐานที่รุ่นพี่รอเราอยู่นั้นมันอยู่ตรงไหน และใช้การ์ดที่หาเจอเป็นบัตรผ่านเข้าฐาน หมายความว่าต่อให้หาฐานเจอ แต่หาการ์ดไม่เจอก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปเล่นเกมในฐานนั้นๆ และถ้าเข้าไม่ครบฐานก็จะไม่ได้กลับไปที่อาคารกีฬาในร่มที่เป็นจุดรวมตัวในตอนแรก สีไหนไปถึงสีสุดท้ายก็ต้องถูกทำโทษอีก
ผมกับไอ้บูรพาเดินมาที่จักรยานที่รุ่นพี่เตรียมเอาไว้ให้ โอ้โห...อากาศร้อนขนาดนี้ต้องมาปั่นรถถีบ ผิวพรรณอันแสนจะบริสุทธิ์ผุดผ่องของผมต้องมาเริงร่าท้าแสงแดดหรือนี่ กว่าจะจบสี่ปีมะเร็งผิวหนังแดกแน่ๆ
"มึงปั่นนะ"
"เออ" ไอ้บูรพารับคำแล้วไปประจำตำแหน่งคนปั่น ส่วนผมก็โดดขึ้นไปซ้อนก่อนมันจะปั่นตามพวกในทีมที่ปั่นนำไปแล้ว
"มึงปั่นเร็วๆ ได้ป่ะวะ"
"ก็มึงหนัก"
"ไอ้นี่!"
"มึงหนักเท่าไรเนี่ย กูนึกว่าพ่วงกระสอบข้าวสารซักร้อยโล"
"ไอ้ห่า ไม่ได้หนักขนาดนั้นโว้ย!"
ไอ้บูรพาหัวเราะเบาๆ แล้วปั่นจักรยานให้ไวขึ้น
"ปั่นไปหาไอ้หลิวดิ๊!" ผมบอก มันก็เชื่อฟังด้วยการปั่นเข้าไปคู่กับไอ้หลิว ที่จับคู่กับผักกาด ชะนีถึกอย่างไอ้หลิวเป็นคนปั่นให้ผักกาดซ้อน และดูท่ามันจะเหนื่อยตั้งแต่สามเมตรแรกที่ออกตัวเลย
"ไอ้หลิว มึงปั่นจักรยานหรือมึงคลาน กูลงไปเดินจงกลมยังไวกว่ามึงปั่นจักรยานเลย"
"ไอ้บ้า!"
"กูจะตามมาด่ามึงเรื่องที่มึงยกมือให้กูสองคนมาคู่กันเนี่ย"
"ทำไม กูจับคู่ให้พวกมึงกระชับความสัมพันธ์ไง จะได้กลับมาดีกัน"
"กูไม่ได้ขอ!"
"เผลอๆ อาจจะได้กันก็ได้นะ!"
"ไอ้หลิว!"
มันแลบลิ้นให้ทีหนึ่งก่อนจะเร่งปั่นจักรยานให้ไวจนนำไป
"ตามมันไปดิ๊!"
"โห่ กูเหนื่อยแล้ว"
"มึงอย่าอ่อน ตามมันไป กูจะไปด่ามันต่อ"
"เออๆ" ไอ้บูรพารับคำก่อนจะปั่นจักรยานตามไอ้หลิวไป เร็วจนลมตีหน้าเลย เฮ้ย สนุกว่ะ
"เอี๊ยด!"
"เฮ้ย!"
ผมร้องลั่นเมื่อไอ้บูรพาเบรกกะทันหัน เพราะเกือบจะชนกับมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งออกมาจากซอยตึกเกษตรฯ จนหน้าผมกระแทกกับแผ่นหลังของมันเต็มๆ สองมือพุ่งไปโอบร่างมันด้วยสัญชาตญาณ ส่วนมันก็ใช้มือหนึ่งเอื้อมมาจับไหล่ผมเอาไว้ สภาพกอดกันกลมนี่ไม่น่าชมเท่าไร ผมจึงรีบปล่อยมือที่เกาะมันอยู่ออก
"เป็นไรป่ะ?"
มันหันมาถาม ผมได้แต่สายหน้าแทนคำตอบ
"กูว่าเราไปช้าๆ เหอะ"
"เออ"
ผมพูดแค่นั้น ก่อนไอ้บูรพาจะปั่นจักรยานต่อในความเร็วที่กำลังดี ผมหันไปมองริมทางเพื่อมองหาการ์ดที่ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ซ่อนมันเอาไว้ตรงไหน ปั่นมาได้พักหนึ่งไอ้บูรพาก็จอดแล้วชี้ไปที่พุ่มไม้ริมถนน
"มึงไปหยิบมาดิ๊"
"ไหนวะ"
"นั่นไง มึงตาบอดเหรอ" ผมขมวดคิ้วยุ่งแล้วแหวกลงไปในพุ่มไม้ หยิบแผ่นฟิวเจอร์บอดสีส้มอันเล็กๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ในนั้น ซ่อนลึกขนาดนี้ทำไมรุ่นพี่มันไม่ฝังไว้ในดินแล้วแจกพลั่วให้ไปขุดหาเลยวะ แล้วไอ้นี่ก็สายตาเหยี่ยวเหลือเกิน คือตามึงแสกนหาของในดงดอกเข็มได้งี้เหรอ?
"มึงยังสายตาสั้นอยู่ป่ะวะ" มันหันมาถาม
"อือ" สั้นขึ้นเรื่อยๆ ใกล้บอดล่ะ สมัยที่รู้จักกับมันตอนม.ต้น ผมยังไม่สายตาสั้นจนโลกเบลอขนาดนี้ ใส่แว่นเฉพาะเวลาเรียน นอกเหนือจากนั้นก็ใช้ชีวิตปกติได้ แต่ตอนนี้ถ้าไม่มีแว่นหรือคอนแทคเลนส์ก็ไม่เคยสัมผัสกับโลกHD อีกเลย เคยคิดอยากจะไปทำเลสิกอยู่เหมือนกันแต่เคยดูไฟนอลเดสติเนชั่นฉากทำเลสิกแล้วเลเซอร์มันเผาตาไหม้มั้ยล่ะครับ นั่นทำหลอนจนผมไม่กล้าเสี่ยงกับการรักษาในรูปแบบนั้น เลยปล่อยให้มันสั้นงี้แหละ ถ้ายังไม่บอดก็รับได้อยู่
"ไม่เห็นใส่แว่น"
"มึงรู้จักสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่าคอนแทคเลนส์มั้ยไอ้ฟาย"
"ไอ้ห่า..."
"เฮ้ยเพื่อน เราเจอการ์ดแล้ว!" ผมเปลี่ยนเรื่องไปตะโกนเรียกเพื่อนก่อนที่ไอ้บูรพาจะเอ่ยปากด่า คนในทีมมารวมกันแล้วไขคำใบ้จนหาสถานที่ที่ต้องไปเข้าฐานเจอ กิจกรรมในฐานก็ก็คือการเล่นเกมทั่วๆ ไป จบฐานด้วยการที่รุ่นพี่ละเลงหน้าให้เละเป็นอย่างสุดท้าย
"อยากเห็นน้องเหนือมีหนวดจัง เดี๋ยวพี่วาดให้สวยๆ เลย"
จ้ะ...
"สักยันต์ให้ด้วย"
เอาเลย...
"ผมหน้ายาวไปนะ เดี๋ยวมัดผมให้"
เอาที่พวกพี่สบายใจเลย!
ผมหันไปมองหน้าไอ้บูรพาที่เละไม่แพ้กัน ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาทั้งคู่ หล่อขนาดไหนเจอละเลงเละขนาดนี้ก็ออกมาทุเรศทุกราย
ทีม Red velvet ของพวกเราค่อยๆ ตามเก็บการ์ดและเข้าฐานไปเรื่อยๆ สภาพตอนนี้ก็อย่าเรียกว่าคนเลยเหอะ เละเป็นขยะเปียกเลย แต่ก็ไม่ได้น่าเบื่อจนเกินไป ผมเองก็เริ่มสนุกจนรู้ตัวอีกทีก็เกือบๆ จะเป็นฐานสุดท้ายแล้ว ผมลงไปเก็บการ์ดเพื่อเป็นบัตรผ่านในฐานต่อไป หันไปเห็นไอ้บูรพากระดกน้ำขึ้นดื่ม สงสัยมันจะเหนื่อย เพราะปั่นจักรยานมาเกือบจะรอบมหาลัยแล้ว
"เฮ้ย ให้กูปั่นบ้างก็ได้"
"ไม่เป็นไร"
"เหอะน่า มากูปั่นเอง"
ผมกลายมาเป็นคนปั่นจักรยานแทนมัน แล้วตรงไปยังสถานที่ต่อไป ระหว่างนั้นก็ปั่นผ่านอาคารพลังงานทดแทนที่ผมไม่เคยผ่านมาแถวนี้เลย มีต้นไม้เป็นร่มอยู่ตลอดทาง อีกฝั่งก็มีบ่อน้ำกับสนามหญ้าที่บรรยากาศดีน่าดู
"กูไม่เคยผ่านมาแถวนี้เลย" ผมบอก ก่อนจะเงยหน้าไปมองต้นไม้ใหญ่ๆ ดอกสีม่วงๆ ไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร แต่ดอกที่ร่วงลงมาเกลื่อนพื้นนั้นสวยจนต้องจอดจักรยานมองเลย
"กูก็เหมือนกัน"
"ตอนเย็นๆ น่าจะอากาศดีเนอะ"
"นั่นดิ"
"น่ามานั่งปิกนิกไรงี้เนอะ เออ มึงจำตอนไปทัศนศึกษากับโรงเรียนตอนม.สองได้ป่ะ"
"ที่มึงมาสายจนคนทั้งโรงเรียนรออะนะ" ไอ้บ้านี่ก็จำแต่เรื่องชั่วๆ
"กูไม่ได้ให้โฟกัสตรงนั้น กูหมายถึงบรรยากาศมันคล้ายๆ กัน มีต้นไอ้นี่เหมือนกันด้วย"
"อ๋อ เออ จำได้"
"คิดถึงเนอะ"
"อืม...คิดถึง"
ผมหันไปมองหน้าไอ้บูรพาที่พูดออกมาในประโยคคล้ายๆ กัน กูหมายถึงคิดถึงที่นั่นนะเว้ย ไม่ได้คิดถึงมึง มึงนี่หายไปจากสาระบบองศาเหนือตั้งแต่วันที่หายหัวไปแล้วไอ้พยาธิใบไม้ ไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น!
"บูรพา องศาเหนือ!"
ทั้งผมและไอ้บูรพาหันไปมองตามเสียงเรียก ก่อนจะเห็นว่าเป็นรุ่นพี่ที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามเก็บภาพกิจกรรมอยู่
"ยิ้มหน่อย"
"แชะ! แชะ! แชะ!"
"โคตรหล่อ!" รุ่นพี่พูดขำๆ ก่อนจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป ผมเองก็ปั่นจักรยานไปต่อเพราะคนในทีมนำไปไกลแล้ว ผมปั่นมาร่วมกิจกรรมในฐานต่อไป ฐานนี้ได้เจอกับทีมสีอื่นด้วยเพราะต้องมาแข่งกัน ไอ้หนุ่มขนตาเด้งอยู่ในสีนั้นด้วย มันเป็นแม่บ้านของสี แล้วสภาพตอนนี้ก็เละไม่ต่างกัน พีคสุดก็ตรงขนตายังหนาเด้ง วอเตอร์พรูฟสุดๆ มาสคาร่ามึงเนี่ย
"โอเค ตอนนี้ทีมRed velvet กับเหลืองอร่าม ก็คงจะพร้อมกันแล้ว เกมนี้ตอนนี้ขอตัวแทนสีละสองคนจ้า"
เมื่อมีการขอตัวแทนเพื่อทำการแข่งกันพ่อบ้านกับแม่บ้านก็ต้องลุกออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ผมกับไอ้บูรพาออกมายืนหน้าแถว พร้อมกับไอ้หนุ่มและไอ้บอมบ์
"เกมนี้พี่รู้ว่าหลายๆ คนก็คงจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว น้องๆ เห็นกระดาษนี้ใช่มั้ยคะ น้องๆ ทั้งสองคนจะต้องไปยืนอยู่บนกระดาษนี้ให้ได้ และพี่จะค่อยๆ พับกระดาษให้เล็กลงเรื่อยๆ ทีมไหนยังยืนอยู่ได้ก็ชนะไป เข้าใจเนอะ"
ถ้าบอกว่ายังงงอยู่ นี่โง่มะ...อะ เข้าใจก็ได้
"ถ้างั้น เริ่มเลยนะคะ ไปเลย!"
ผมกับไอ้บูรพาเข้าไปยืนบนกระดาษแผ่นเดียวกันตามเกม ไอ้เลเวลแรกๆ มันก็ไม่ยากหรอก พอเริ่มพับกระดาษให้เล็กลงๆ ก็เริ่มลำบาก ผมต้องเขยิบเข้าไปใกล้มันจนตัวติดกัน
"ใกล้อีกค่ะ ใกล้อีก!"
"วี้ด!!" เสียงหวีดร้องของเพื่อนๆ และรุ่นพี่ดังขึ้นตอนที่ผมแทบจะชิดกับไอ้บูรพาจนแทบจะซบลงไปบนอกมัน
"อะ ต่อไป!"
กระดาษเล็กลงอีก คราวนี้ผมกับไอ้บูรพายืนงงว่าจะต้องยืนท่าไหนดี เพราะกระดาษถูกพับจนเล็กขนาดที่ว่ายืนได้แค่คนเดียว หันไปมองไอ้คู่ข้างๆ ที่ยังตกลงกันไม่ได้เหมือนกัน
"อุ้มกันเลย!"
"เออๆ อุ้มเลย" เสียงคนในทีมสีเหลืองตะโกนออกไป พวกมันสองคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนไอ้หนุ่มจะเป็นฝ่ายอุ้มไอ้บอมบ์แล้วขึ้นไปยืนบนกระดาษนั่น
"Red velvet ว่าไงคะ!"
"เอางั้นเหรอ?" ไอ้บูรพาหันมาถาม
"ไม่เอาเว้ย มึงนั่งลงดิ!" ผมกดมันให้ย่อตัวลงแล้วปีนขึ้นไปขี่หลังมัน ซึ่งน่าจะดีกว่าท่าที่ถูกอุ้มแบบไอ้คู่นั้น ก่อนเราจะผ่านเลเวลนี้ไปได้
"เอาล่ะ เลเวลสุดท้ายแล้ว!"
"ทีมไหนแพ้เดี๋ยวให้จูบปากกัน!"
"วี๊ด!"
"ยอมแพ้มะ?" ไอ้บูรพาหันมาถามตอนที่ผมยังอยู่บนหลังมันอยู่
"ไอ้เชี่ย! ไม่เอา!"
"กูนึกว่ามึงชอบจูบ"
"ไอ้สาด!"
"โอ๊ยๆๆ!!!" ไอ้บูรพาร้องลั่นเมื่อผมกระชากผมมันแบบหนังหัวเกือบจะหลุดติดมือ
"เอ้าๆๆ พ่อบ้านแม่บ้านไม่ทะเลาะกันนะคะ!"
ชิ! ผมปล่อยมือออกจากหัวมัน ก่อนจะเริ่มเล่นเกมในเลเวลสุดท้าย ที่ไอ้บูรพาจะต้องแบกผมอยู่บนหลังแล้วยืนขาเดียว ขณะที่สีเหลืองก็เปลี่ยนจากไอ้หนุ่มอุ้มไอ้บอมบ์ เป็นไอ้หนุ่มขึ้นไปขี่หลังไอ้บอมบ์แทน เพราะถ้าไอ้หนุ่มคุมเกม มันก็คงแกล้งแพ้จะได้จูบปากไอ้บอมบ์ ถือเป็นกำไรมันอีก
"ใครตกก่อนถือว่าแพ้นะคะ!"
"ถ้ามึงแพ้ มึงโดนแน่"
"หลังกูจะหักล่ะเนี่ย ยิ่งกว่าแบกกระสอบทราย"
"ไอ้บูรพา มึงอะหนักกว่ากูอีก เมื่อกี้กูปั่นจักรยานให้มึงซ้อน หัวเข่ากูแทบหลุดออกจากขา มึงมันไม่ใช่คน มึงมันหมูตอน มึงมันกระทิงป่า มึงมัน..."
"นิ่งๆ ดิ อยากแพ้ไง๊!"
"ชิ!" ผมหันไปมองไอ้บอมบ์ที่เริ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะไอ้หนุ่มมันตัวใหญ่กว่านิดหน่อย แต่ก็คงหนักขนาดขาสั่นอะ แค่แบกอย่างเดียวก็แทบจะไม่ไหว ต้องมายืนขาเดียวอีก
"ไอ้บูรพา ยอมแพ้ซะ!" ไอ้บอมบ์กัดฟันพูด
"ไม่!" ผมตอบแทนไอ้บูรพา นี่จะไม่ยอมเสียริมฝีปากให้ชายหน้าไหนอีกแล้ว จะรักนวลสงวนปากเอาไว้ให้แพทคนเดียว
"เชี่ย สงสารกูเหอะ!"
"พูดงี้คือไรฮะบอมบ์!"
"เปล๊า!"
"บอมบ์สู้ๆ!"
"บูรพาสู้ๆ!"
"เหลืองอร่ามจะล้มแล้ว จะล้มแล้ว!"
"โอ๊ย!ไม่ไหวแล้ว!"
"ล้มไปแล้ว!"
"เย้!" ผมร้องลั่นแล้วกระโดดลงมาจากหลังไอ้บูรพา
"ชนะแล้ว ไฮไฟว์!"
ไอ้บูรพายกมือขึ้นมาแปะกับมือผมเบาๆ ก่อนผมจะรู้ตัวว่าไม่ได้สนิทกับมันขนาดต้องมาไฮฟงไฮไฟว์กัน ก็เลยลดมือลงเงียบๆ
"เหลืองอร่ามแพ้ไปนะคะ"
"จูบได้เลยป่ะคะ! มามะพ่อบ้านขา!"
"อีหนุ่ม!"
คนแพ้ก็ต้องดูแลปากตัวเอง ผมหันสบตากับบูรพาอีกครั้งก่อนเลื่อนมองไปทางอื่น หึ! โชคดีที่ชนะ
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 5
นั่นคือความคิดถึง
กิจกรรมดำเนินมาครึ่งวันจนถึงช่วงพักกลางวัน เรากลับมาที่อาคารกีฬาในร่มเพื่อกินข้าวกลางวัน โชคดีหน่อยที่อาหารที่รุ่นพี่เอามาเลี้ยงไม่ใช่ข้าวผัดเศษไข่เหมือนในห้องเชียร์ แต่ที่แย่คือต้องมานั่งหันหน้าชนกับคู่บัดดี้แล้วกินข้าวพร้อมกัน บัดดี้คู่อื่นนั่งคุยกันสัพเพเหระ ส่วนคู่ผมเงียบกริบ ต่างคนต่างตักข้าวใส่ปากไม่พูดไม่จา
"น้องบูรพากับน้องเหนือ ไม่คุยกันเหรอ"
"ไม่รู้จะคุยอะไรอะครับ"
"คุยอะไรก็ได้ คุยกันไปเยอะๆ เลย"
ผมกับไอ้บูรพาเงยหน้าขึ้นมามองกัน แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ให้เถียงหรือด่ากันทั้งวันก็คงได้ แต่ให้มาชวนคุยเรื่อยเปื่อยผมว่ามันแปลกๆ ไอ้บูรพาไม่ใช่คนพูดเก่งมาแต่ไหนแต่ไร ส่วนผมเป็นพวกพูดมากระดับหนึ่งแต่มันเสือกไม่ได้อยู่ในฐานะที่ผมจะต้องชวนคุยให้เปลืองน้ำลาย เพราะงั้นก็นั่งเงียบๆ ไปมึง
เมื่อกินข้าวเสร็จก็กลับไปรวมตัวกันตามสีเดิม รุ่นพี่ประกาศคะแนนจากการเก็บแต้มแต่ละฐานและสีที่ทำเวลาได้ดี คะแนนรวมสูงสุดจะได้รางวัลไป ผลออกมาเป็นสีเขียวขจี ไอ้ไกด์เป็นตัวแทนออกไปรับรางวัล ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของเพื่อนคนอื่น ไม่มีใครรู้หรอกว่าเบื้องหลังใบหน้าหล่อเหลานั่นมันคือไอ้หื่นกามที่พร้อมจะบดปากใครก็ได้ถ้ามันต้องการ
"เอาล่ะค่ะน้องๆ มาถึงกิจกรรมสุดท้ายของวันนี้แล้วนะ สำหรับวันนี้ก็สนุกสนาน เละเทะกันไปเลยทีเดียว สนุกมั้ยวันนี้"
"สนุกค้าบ/สนุกค่า"
พวกมึงช่วยทำหน้าให้สนุกอย่างที่ปากบอกหน่อยได้มะ แต่ละคนนี่พฤติกรรมย้อนแย้งคำพูดมาก
"โอเค วันนี้ก็ได้อยู่กับบัดดี้กันมาครึ่งวันแล้วเนอะ คงจะสนิทกันขึ้นระดับหนึ่งเลย ที่พี่บอกให้คุยกันเยอะๆ ยังจำได้ใช่มั้ย?"
"ค้าบ/ค่า"
"เพราะฉะนั้น กิจกรรมสุดท้ายของเราวันนี้คือการตอบคำถามทายใจคู่บัดดี้ พี่จะมีคำถามให้สิบข้อ ให้น้องๆ ตอบคำถามของเพื่อน และใส่คำตอบของตัวเองมาด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าที่คุยกันจะตรงกับคำถามของพี่หรือเปล่านะ เอาล่ะมาลุ้นกัน แล้วบัดดี้คู่ไหนที่ได้คะแนนเยอะที่สุด พี่มีรางวัลให้ด้วยจ้า!"
จ้า...
ไม่ได้คุยอะไรกันเลยจ้า...
ผมรับกระดาษคำถามมาจากรุ่นพี่ แต่ละคนก้มหน้าลงทำอย่างกับมันคือแบบทดสอบวิชาเอก ส่วนรุ่นพี่ก็กระจายกันเข้ามายืนคุมเพื่อไม่ให้บัดดี้แต่ละคู่แอบถามกัน ต้องจริงจังกันเบอร์นี้เลยใช่มะ...
ผมก้มลงไปอ่านคำถามนั่น
เพื่อนมาจากจังหวัดอะไร
เพื่อนมีพี่น้องกี่คน
เพื่อนสูงและหนักเท่าไร
เพื่อนชอบกินอะไร
เพื่อนชอบสีอะไร
เพื่อนกลัวอะไรมากที่สุด
เพื่อนเกลียดอะไรมากที่สุด
เพื่อนชอบทะเลหรือภูเขา
เพื่อนชอบหมาหรือแมว
ให้เปรียบเป็นสัตว์ตัวหนึ่งจะเป็นอะไร
โด่...เบสิกว่ะ
ผมกรอกคำตอบทั้งของไอ้บูรพาและของผมลงไป ก่อนรุ่นพี่จะเดินมาเก็บในตอนที่หมดเวลาทำ
"เฮ้ยแกชอบกินอะไรอะลืมถาม"
"แกหนักเท่าไรวะ เรากรอกไปห้าสิบ"
"ดีนะจำได้ตอนแกแนะนำตัวว่ามาจากจังหวัดไหน"
เสียงคุยของเพื่อนๆ ดังขึ้นตอนที่รุ่นพี่เอากระดาษคำตอบนั่นไปตรวจ ผมหันไปหาไอ้บูรพา
"มึงเขียนว่ากูเป็นตัวอะไร"
"ควาย"
"ไอ้เหี้ย!"
"ตอนแรกก็จะเอาเหี้ยแหละ เกรงใจ"
"ไอ้สันดาน!" ผมยกมือทุบหัวมัน
"เอาๆ ไม่ทะเลาะกัน"
ใช้เวลาไม่นานพวกพี่ๆ ก็ตรวจคำตอบของพวกเราเสร็จและถึงเวลาประกาศรางวัลของคู่ที่ชนะในกิจกรรมนี้
"ก่อนที่พี่จะประกาศผลคะแนน ก็ขอพูดอะไรเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อยเนอะ พี่พี่ให้น้องๆ จับคู่กันแล้วเล่นเกมนี้ เพราะอยากให้พวกเราสนิทกันมากขึ้น ได้ชวนคุยกัน ได้รู้จักกันมากขึ้น คำถามในเกมนี่อาจจะเป็นคำถามง่ายๆ เรื่องทั่วไปแต่บางทีเราก็ไม่ได้นึกถึงเนอะ หวังว่าต่อไปนี้น้องๆ ทุกคนจะได้รู้จักกันมากกว่านี้นะคะ โอเค พูดมากแล้ว ขอประกาศเลยล่ะกัน คู่บัดดี้ที่ตอบคำถามกันได้อย่างรู้ใจก็คือ..."
เว้นช่วงให้ตื่นเต้นนิดหนึ่ง คู่บัดดี้คู่อื่นต่างหันมองหน้ากันอย่างลุ้น
"น้อง...บูรพา กับ น้ององศาเหนือค่า!"
"ขวับ!"
ทั้งผมและไอ้บูรพาหันมองหน้ากันอย่างงงๆ
"ออกมารับรางวัลเลยจ้า"
ผมกับมันออกไปรับของรางวัลที่เป็นขนมถุงใหญ่กับโต๊ะญี่ปุ่นสองตัว รุ่นพี่ที่เป็นตากล้องเข้ามาถ่ายรูปสองสามภาพ เสียงหวีดร้องของไอ้สาววายแถวหลังก็ดังไม่หยุด
เงียบไปเลย เงียบ!
"เป็นเพื่อนที่รู้ใจกันจริงๆ เลยนะคะ หวังว่าน้องๆ ทั้งสองคนจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปตลอดนะ"
เพื่อนที่ดีต่อกันเหรอ...อย่าคิดไปถึงขั้นนั้นเลย ให้กลับมาเป็นเพื่อนกันให้ได้ก่อนเหอะ
"นี่เป็นกระดาษคำตอบของน้องๆ นะ ได้คะแนนเกือบเต็มเลย"
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่ตอบคำถามตรงกันเกือบหมดขนาดนั้น ผมเป็นเพื่อนมันมาตั้งนาน คำถามแบบนั้นก็ต้องรู้อยู่แล้ว แต่ที่สงสัยก็แค่เรื่องเดียว ทำไมยังจำเรื่องของมันได้อยู่...
หลังเลิกกิจกรรม ไอ้บูรพายกขนมที่ได้เป็นรางวัลให้ผมหมด เพราะมันไม่ชอบกินขนมขบเคี้ยวให้เหตุผลว่าไม่มีประโยชน์ เหอะ ตอนเด็กๆ พ่อแม่ไม่ให้แดกอะดิ ผมหอบขนมไปแบ่งคนในแก๊งชะนี
"กูไปล้างหน้าก่อนนะ ไปป่ะ" ผมหันไปถามพวกที่นั่งอยู่
"กลับไปล้างที่หอดิ"
"กูไม่ได้อยู่หอในอย่างพวกมึงนะ จะให้ขี่มอไซค์ออกไปงี้หรือไง"
"เออๆ รีบไป"
ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำหลังตึก เห็นไอ้บูรพายืนล้างหน้าอยู่ตรงนั้นก่อนแล้ว ผมไม่ได้พูดอะไรแล้วเดินเข้าไปที่อ่างล้างหน้าถัดจากมัน เปิดน้ำล้างหน้า แล้วขัดไอ้สีลิปสติกที่รุ่นพี่ใช้เขียนบนหน้าออก
"เอานี่ดิ" ไอ้บูรพาส่งโฟมล้างหน้าให้
"ไม่เอา"
"มึงนี่ดื้อติดใครวะ"
"เรื่องของกู"
"เอาไป ล้างอย่างนั้นจะไปออกได้ไง"
"ไม่เอา!"
"งอนอะไรอีก"
"มึงด่ากูเป็นควาย"
"ก็มึงควาย"
"กูคือโคอาล่ามาร์ช!"
"โคอาล่ามาร์ชมันเป็นขนมเหอะ"
ผมหยุดล้างหน้าแล้วหันไปหามัน
"มันเป็นหมีไม่ใช่เหรอวะ"
"มันคือโคอาล่าเฉยๆ โคอาล่ามาร์ชอะขนมที่มึงชอบแดก"
"อ้าว..."
ทำไมลอตเต้ไม่เคยอธิบายเรื่องนี้ให้กูรู้
"ควายจริงๆ"
"ไอ้ห่า!"
"ทีมึงยังว่ากูว่าเป็นตัวเหี้ยเลยนะ"
"ก็มึงเหี้ยจริง!"
"ไอ้ควายนี่!"
"ไอ้บูรพา!" ผมเปิดน้ำแรงๆ แล้วสาดใส่มัน อยู่ในส้วมหาอาวุธสังหารอะไรไม่ได้ นี่แหละวิธีของนักรบ
"เฮ้ยเปียก!"
"สมน้ำหน้า!"
"มึง!" ไอ้บูรพาเดือดแล้วหันมากดหัวผมลงไปในอ่างขณะที่เปิดน้ำแรงๆ ใส่
"ไอ้บูรพา ปล่อย!"
"ไม่!"
"ปล่อยกู! ยอมแล้ว ยอมๆๆ!"
ไอ้บูรพาหัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยผมออก
"คอนแทคกูหลุดเลยไอ้ห่า" นั่นเป็นสาเหตุที่ต้องยอม ผมยกมือขึ้นปาดน้ำที่ไหนนองหน้า ใช้นิ้วเขี่ยหาคอนแทคในตาแต่พบว่ามันหลุดหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"หายไปไหนเลย"
"อ้าว จริงดิ"
"เออดิ สองข้างเลยเนี่ย!" ผมยกมือขยี้ตาเบาๆ อีกทีเผื่อว่ามันจะหลบอยู่ในซอกหลืบของเปลือกตาแต่ก็ไม่เจอ แค่นั้นแหละ กูก็คล้ายกับคนตาบอดเลย นี่เอาแผงลอตเตอรี่มาฝากขายได้เลยนะ
"มึงอะ!"
"โทษทีว่ะ มานี่ดิ กูล้างหน้าให้"
"ไม่ต้อง" ผมว่าแล้วหันไปหาประตูห้องน้ำ
"มานี่ เดี๋ยวล้างให้"
มันดึงผมกลับไปแล้วถูหน้าผมด้วยโฟมล้างหน้า ก่อนจะกดหน้าลงไปใกล้ๆ อ่างแล้วล้างน้ำอีกที
"เสร็จแล้ว"
"เกลี้ยงแน่นะมึง"
"เออ มึงนี่โดนหลอกมาตลอดชีวิตหรือไง เชื่อใจกูบ้าง"
"คนอย่างมึงเนี่ยไว้ใจไม่ได้"
"ไปข้างนอกได้แล้ว" มันว่าแล้วจูงมือผมออกไปข้างนอก
"ปล่อย กูเดินเองได้!"
"ตามใจ" มันว่าแล้วปล่อยมือผมออก ผมไม่สามารถบรรยายโลกของคนสายตาสั้นให้ฟังได้ว่ามันเป็นยังไง อารมณ์เหมือนดูยูทูปในคุณภาพต่ำสุด เห็นคนเป็นเงาลางๆ เห็นหมาเป็นก้อนหินได้อะ เห็นกลุ่มคนสี่คนลางๆ เดาว่าเป็นแก๊งชะนีเลยเดินเข้าไปหา
"ไอ้หลิว ไปส่งกูที่หอหน่อยดิ คอนแทคกูหลุดมองไม่เห็นอะไรเลยเนี่ย"
"นั่นไม่ใช่หลิว มานี่!" ไอ้บูรพาเข้ามาดึงผมออกมาจากโต๊ะนั้นที่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ตามมา ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่โต๊ะไอ้หลิว
"มีอะไรเหรอบูรพา"
"เราเล่นกับไอ้เหนือจนคอนแทคมันหลุดอะ"
"เล่นอะไร มึงแกล้งกู ไอ้หลิว ไปส่งกูที่หอหน่อยดิ"
"เออๆ ได้ๆ"
"เฮ้ยไม่ต้อง เราอยู่หอนอกเหมือนกัน เดี๋ยวเราไปส่งไอ้เหนือเอง ฝากมอไซต์มันไว้ที่หลิวก่อนแล้วกัน"
"ได้ๆ"
"เฮ้ยเดี๋ยว มึงตกลงกันนี่ถามกูยัง กูบอกจะให้มึงไปส่งเหรอ ฮะ!"
"ไปกับบูรพาแหละมึง ไหนๆ ก็ต้องออกไปเหมือนกัน"
"กุญแจรถมึงอยู่ไหน"
"กูไม่ไปกับมึง"
"กุญแจรถมึงล่ะ"
"กูไม่ให้มึงไปส่ง"
"กุญแจอยู่ที่ไหน!"
"ในกระเป๋า!"
ไอ้เผด็จการ! ไอ้คอมมิวนิสต์! ไอ้ตูดหมาขาไก่! ไอ้สันดาน!
"มานี่" มันว่าแล้วดึงมือผมไปอีกทาง
"ขนมกูอะ ขนม"
"ยังจะห่วงแดก"
ผมต้องยอมจำนนขึ้นมานั่งบนรถของไอ้บูรพาเพื่อให้มันไปส่งที่หอ ไอ้บูรพาหันไปหยิบผ้าขนหนูที่เบาะหลังให้
"หัวมึงเปียกอะ"
"ก็มึงแหละแกล้งกู"
"มึงเริ่มก่อน"
ผมได้แต่หันไปคว่ำปากใส่มันทีหนึ่ง
"นึกถึงตอนม.หนึ่ง ที่ทะเลาะกันในห้องน้ำโรงเรียน"
ผมก็คิดถึงตอนนั้นอยู่เมื่อกี้ เคยทะเลาะกันในห้องน้ำตักน้ำสาดกันจนเปียกโชก ตัวเปียกในฤดูหนาวไม่พอ แถมโดนครูตีอีก
"เออ ตอนนั้นทะเลาะกันเรื่องอะไรนะ ไพ่ยูกิ?"
"อือ ปัญญาอ่อนมาก แล้วพวกเพื่อนๆ มันเป็นไงกันมั่งวะ"
"พวกในกลุ่มเรา ไอ้เอ ไอ้ไอซ์ จบม.สามมันไปต่อเทคนิค ไอ้จิ๋วกับไอ้ออมก็ไปต่อโรงเรียนอื่น กูก็ไม่ค่อยได้ติดต่อพวกมันเท่าไร มีแค่กูกับแพทนี่แหละที่เรียนที่เดิม"
ไอ้บูรพาพยักหน้าเบาๆ
ผมลังเลที่จะถามมันว่า แล้วมันล่ะ...ไปทำอะไร อยู่ที่ไหนมา แต่ก็กลืนคำถามกลับเข้าไปเพราะมันพาผมมาถึงหอพักพอดี
"มึงอยู่ตึกไหนเนี่ย"
"นู่น ตึกที่สาม"
ไอ้บูรพาจอดรถที่หน้าหอผม แล้วตามไปส่งถึงในหอ
"มึงส่งแค่นี้ก็ได้นะ กูไปได้"
"เดี๋ยวส่งถึงห้องเลย ห้องไหน" ผมเดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง ก่อนจะล้วงหากุญแจขึ้นมา กำลังหรี่ตาดูว่าดอกไหน
ไอ้บูรพาดึงกุญแจไปจากในมือแล้วไขประตูให้
"ต้องส่งถึงเตียงมั้ย"
"พ่อมึงสิ! ไปได้แล้ว"
"ด่าพ่อกูอีก มึงนี่พูดดีๆ กับกูสักครั้งไม่ได้เหรอ"
"กูไม่พูดดีๆ กับตัวเหี้ย"
"ไอ้ควาย"
"มึงไปเลย!"
"เป็นควายไม่พอ เสือกตาบอดอีก"
"ไป๊!"
"เออๆ ไปล่ะ" มันบอกแค่นั้นก่อนจะหันไปไขกุญแจห้องฝั่งตรงข้าม ผมเบิกตาที่เบลอๆ นั้นให้กว้าง แล้วมองมันเปิดประตูห้องตรงข้ามเข้าไป ก่อนจะปิดประตูก็โผล่หน้ามาพูดจากวนตีนใส่
"ยินดีที่ได้รู้จักนะ เพื่อนข้างห้อง"
"ปึง"
เสียงปิดประตูของมันดึงสติผมกลับมา จึงโผเข้าไปที่หน้าห้องมัน
"ไอ้บูรพา!! ทำไมมึงมาอยู่ที่นี่!! มึงย้ายออกไปเลยนะ ไอ้บูรพา!"
มันเปิดประตูออกมาอีกรอบ
"เบาๆ สิ เกรงใจคนข้างห้องมั่ง มารยาทอะมีมั้ย"
"มึงมาอยู่หอนี้ได้ไง"
"ก็จ่ายค่าเช่าแล้วก็เข้ามาอยู่ ง่ายๆ"
"กูหมายถึงทำไมมึงต้องมาอยู่หอนี้ด้วย"
"กูไม่อยากอยู่หอใน"
"หอมีเป็นร้อย ทำไมต้องเลือกหอนี้!"
"ตอนมาเช่าไม่รู้นี่ว่าจะเจอมึง"
ไอ้สันขวาน!
เหมือนชีวิตกำลังประสบกับความบังเอิญจนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่า โชคชะตามันใจร้ายกับผมเกินไปไหมวะ!
...
ผมกลับเข้ามาในห้อง แล้วหยิบแว่นมาใส่ให้โลกสว่างขึ้น โลกสว่างมากแต่จิตใจขุ่นมัวเพราะคิดถึงเรื่องไอ้บูรพา อยู่มหาลัยเดียวกันยังไม่พอ ยังอยู่คณะเดียวกัน เอกเดียวกัน เสือกมาอยู่หอเดียวกันห้องตรงข้ามกันอีก ความบังเอิญนี่มันจะเกินไปแล้วนะ ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ คิดว่ามันเป็นแค่อากาศ เป็นแค่แมลงสาบ เป็นแค่พยาธิ เป็นอะไรก็ได้ยกเว้นเป็นไอ้บูรพา...
ผมเข้าอาบน้ำล้างหน้าอีกรอบก่อนจะทิ้งตัวลงที่นอนอย่างเหนื่อยๆ
"ติ๊ง!"
ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่ไลน์ดังขึ้น ก่อนจะเห็นว่าเป็นแพทส่งข้อความมา
แพท : เลิกยัง?
ขี้เกียจพิมพ์ตอบเลยกดโทรกลับไป
(เลิกแล้วเหรอ กินข้าวกันป่ะ?)
"วันนี้ว่างเหรอ?"
(อือ ว่างอยู่)
"มอไซค์อยู่กับไอ้หลิวอะ"
(อ้าวเหรอ งั้นเดี๋ยวไปเอากุญแจที่หลิว ล่ะเดี๋ยวไปหาที่หอ)
"โอเค"
(เสียงเหนื่อยๆ นะหรือว่าจะนอน งั้นไม่ไปนะ)
"เฮ้ย มาๆๆ มาเหอะ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายวันแล้ว"
(เออ โอเค เดี๋ยวซื้ออะไรไปกินที่หอเลยล่ะกัน)
"คร้าบ"
ผมกดวางสายจากแพท แล้วคิดอะไรอยู่ในหัวบางอย่าง ถ้าแพทเจอกับไอ้บูรพา จะเป็นยังไงนะ...มันยังชอบแพทอยู่หรือเปล่า
โอ๊ย! ไม่ต้องไปสนใจไอ้แมลงสาบนั่นหรอก!
ระหว่างที่นอนรอแพท ผมกดเล่นมือถือไปเรื่อยเปื่อยเหมือนเคย ก่อนจะต้องมาหยุดอยู่ที่โพสท์ของไอจีแอคฯ เดิมอีกครั้ง
Sundaynight01 เหตุผลเดียวที่ทำให้เรื่องราวในอดีตวนกลับมา นั่นคือความคิดถึง
"คิดถึงเนอะ"
"อืม...คิดถึง"
เฮ้ยไม่เกี่ยว! ไม่จรี๊ง!
...
ผมรอแพทอยู่ไม่นาน ก็มาถึงหอผมพร้อมของกินที่หอบหิ้วมาเยอะแยะ วันนี้แพทของผมก็สวยเหมือนเดิม ถึงหน้าจะไม่เคยแตะเครื่องสำอาง ไม่เคยไว้ผมยาวเกินบ่า แล้วก็มักจะมัดมันไว้แบบลวกๆ ชุดอยู่บ้าน ชุดนอน ชุดออกไปข้างนอกก็ชุดเดียวกันหมด ผมชอบความที่แพทเป็นคนง่ายๆ ไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่า นิสัยแมนๆ คุยกันง่าย ติดตรงที่บ่นหนักไปหน่อย แต่รวมๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน เห็นบอกว่ารุ่นพี่ที่คณะให้เป็นตัวแทนประกวดดาวด้วย ตอนแรกผมไม่เห็นด้วยเพราะแอบหวงนิดหน่อย เดี๋ยวคนอื่นชอบเยอะ แต่แพทอยากทำก็ต้องปล่อยให้ทำ
"โต๊ะญี่ปุ่นนี่ซื้อมาเหรอ" แพทชี้ไปที่โต๊ะญี่ปุ่นลายลิละคุมะที่วางอยู่
"เล่นเกมชนะเลยได้มา"
"จริงดิ เกมอะไร"
"ก็เกมในค่ายแหละ"
"ดีเลย ได้เอาไว้กินข้าว"
แฟนครับ หอเขามีโต๊ะกินข้าวให้ครับ แต่ความแพทนี้ไม่มีอะไรขัดได้ แพทกางโต๊ะญี่ปุ่นบนพื้นเพื่อใช้มันเป็นที่กินข้าว ผมก็เลยต้องไหลจากเตียงลงไปนั่งที่พื้นกับแพท
"เออ แล้วทำไมมอไซต์ไปอยู่ที่หลิวอะ"
"คอนแทคหลุดหายอะ ก็เลยขี่กลับมาไม่ได้"
"ก็บอกให้พกแว่นติดตัวไว้ไง ชีวิตนี้คอนแทคหล่นหายไปกี่รอบแล้ว พูดไม่เคยฟังเลยนะ..."
ผมหยิบแตงกวาในจานยัดใส่ปากแพทเพื่อให้หยุดบ่น เจ้าตัวหันมามองผมตาขวางแล้วเคี้ยวแตงกวาในปากไปด้วย
"เออ แล้วกลับมานี่ได้ไง"
"มากับ...ไอ้บูรพา"
"บูรพา?"
"อือ"
"ทำไมมาด้วยกันได้อะ"
"มันอยู่ห้องตรงข้ามเนี่ย"
"บังเอิญไปอีก"
"เออดิ ซวยอะไรขนาดนี้"
"เหนือ เรากลับไปเป็นเพื่อนกันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้เหรอ...เราสามคน"
ผมนิ่งไปกับคำพูดของแพท ต่อให้ทบทวนอีกกี่ครั้ง...
"คงไม่ได้ว่ะ"
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 6
ความโกรธเป็นโรคเรื้อรัง
สามปีก่อน
โรงเรียนมัธยม ห้องม.3/5
ผมกับไอ้บูรพาและแก๊งอุลตร้าแมนคิงดอมครองพื้นที่แถวหลังตามประสาคนมีสไตล์ ข้างหน้าผมคือเด็กผู้หญิงที่นั่งเรียนคนเดียวมาตั้งแต่ม.หนึ่ง ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนแต่แก๊งพาวเวอร์พัพเกิร์ลของพวกเธอมีสามคน แล้วโต๊ะเรียนมันติดกันแค่สองตัว ผู้หญิงคนนี้ก็เลยเสียสละนั่งคนเดียวมาตลอด ผมมองเจ้าของผมสั้นเสมอติ่งหูที่กำลังตั้งอกตั้งใจเรียน วันนี้อากาศหนาวมากสมกับความเป็นลำปาง แต่ผู้หญิงคนนี้ก็สวมแค่เสื้อคลุมบางๆ สีชมพูซีดๆ ที่เห็นมาตั้งแต่ม.หนึ่ง สตรองอย่างมีสไตล์มากจริงๆ
"มึง กลางวันนี้กินอะไรดีวะ"
"ไอ้เอ นี่ยังไม่หมดคาบแรกมึงชวนคุยเรื่องแดก มึงบ้าหรือเปล่า"
"กูหิวอะ"
"ไอ้เหนือ มึงพกอะไรมาแดกป่ะ"
"มีแต่คูก้า" ผมว่าแล้วควักซองลูกอมขึ้นมาให้พวกมัน ปกติผมจะพกขนมติดกระเป๋าเอาไว้แต่วันนี้มาสายก็เลยไม่ได้แวะซื้อเอาไว้
"เฮ้ย" ไอ้ผมติ่งหูหันมาทางพวกเรา
"มีอะไร" ไอ้ไอซ์ถามเสียงหาเรื่อง
"ทำไมกินขนมในห้องเรียนวะ"
"แล้วทำไมวะ จะฟ้องครูรึไง?"
"เปล่า จะกินด้วย เอามาเม็ดหนึ่งดิ"
"อ้าว ไอ้นี่ เอาไปสองเม็ดเลย" ไอ้ไอซ์หัวเราะเบาๆ แล้วส่งลูกอมให้เธอไปสองเม็ด ผมแอบยิ้มออกมานิดๆ ผู้หญิงคนนี้นิสัยไม่เหมือนใคร เป็นคนน่ารักแต่มักจะแต่งตัวมอมแมมเพราะได้ยินว่าฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ผู้หญิงที่ดูเหมือนทอมเพราะมักจะพูดจาห้วนๆ
ผู้หญิงที่ชื่อแพท
"ยิ้มไรวะ"
ผมรวบปากหุบยิ้มเมื่อไอ้บูรพาหันมาถาม แล้วส่ายหน้าเบาๆ
…
พวกเราเดินลงมาจากตึกเรียนแล้วตรงเข้าโรงอาหารในตอนพักกลางวัน ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศโรงอาหารในโรงเรียนเท่าไร พักกลางวันทีไรมันจะแน่นขนัดไปด้วยเด็กนักเรียน แค่จะหาโต๊ะกินข้าวทีแต่ให้อารมณ์เหมือนขุดทองในมหาสมุทร กว่าจะมีที่ว่างให้กิน ข้าวในมือกูนี่จะบูดล่ะ
"เฮ้ย ไปนั่งกับพวกไอ้แพทดีกว่า" ผมหันไปมองกลุ่มแพทตามที่ไอ้เอบอก ไม่รอช้าก็รีบเข้าไปก่อนคนแรกเลย
"ขอนั่งด้วยดิ"
"เอาดิ" เมื่อ จิ๋ว หนึ่งในเพื่อนของแพทอนุญาต ผมก็เข้าไปนั่งข้างๆ แพท
"เบียดทำไมวะ" แพทหันมาถามเสียงเรียบ
"เดี๋ยวเพื่อนนั่งไม่พอ"
คนข้างๆ ได้แต่พยักหน้าหน่อยๆ ผมหันไปมองกล่องข้าวตรงหน้าแพท
"แพทเอาข้าวมากินเองเหรอ"
"อือ ไม่มีตังค์ซื้อข้าวกลางวัน" คำตอบที่ดูไม่ได้ใส่ใจอะไรนั่นดูจริงใจสมเป็นแพท ผมแอบมองผัดผักที่ไม่มีเนื้อสัตว์กับไข่ต้มที่กินไปแล้วครึ่งใบ ผมจิ้มชิ้นไก่ทอดในจานตัวเองให้แพท
"เฮ้ย เอามาให้ทำไม"
"กินเหอะ"
"อย่ามาสงสารนะโว้ย ไม่ชอบ"
"เปล่า แต่เราไม่กินอะ"
แพทพยักหน้าอีกที แล้วตักไก่ทอดชิ้นนั้นใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ก่อนจะหันมาถาม
"ไม่กินแล้วสั่งมาทำไมวะ"
เออเนอะ...ไม่เนียนเลยกู
...
หลังจากนั้นแก๊งผมกับแก๊งแพทก็เริ่มมาสนิทกันมากขึ้น นั่งเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน จับกลุ่มกันไปไหนมาไหนตลอด กลายเป็นอุลตร้าแมนคิงดอมแอนด์พาวเวอร์พัพเกิร์ล ผมกับแพทและไอ้บูรพาสนิทกันมากกว่าใคร เพราะเพิ่งมารู้ว่าบ้านเราไปทางเดียวกัน แล้วแพทก็นิสัยแมนๆ เข้ากับพวกเราได้ดีด้วย
"ไอ้บูรพา ไปเยี่ยวเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ" ผมหันไปสะกิดบูรพาที่กำลังนั่งลอกการบ้านอยู่
"ไอ้ห่า โตเป็นควายยังไปเยี่ยวคนเดียวไม่ได้"
"เออ ไปเป็นเพื่อนหน่อย"
"ใช้จู๋อันเดียวกันหรือไงวะ ถึงต้องไปด้วยกันอะ"
ทั้งผมและบูรพาหันมองหน้ากันเพราะไม่คิดว่าคำพูดแบบนั้นจะออกมาจากแพท มึงเป็นกุลสตรีนะเฮ้ย!
"ทะลึ่ง" ผมหันไปว่าแพทก่อนจะดึงมือไอ้บูรพาไปห้องน้ำ
"มึงว่าแพทมันเป็นทอมป่ะวะ" ไอ้บูรพาหันมาถามผม
"ไม่รู้ดิ สภาพมันก็เหมือนอยู่นะ"
"และมึงดูมันพูด กูนี่ช็อกเลย"
"กูก็เงิบเลยนะ แต่ก็น่ารักดีว่ะ"
"อะไรนะ"
ผมส่ายหน้าแล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำ ฉี่เสร็จก็ออกมาหาไอ้บูรพาที่ยืนรออยู่
"ไอ้บูรพา ไปโรงอาหารกันป่ะ"
"หาไรแดกอีกดิ"
"อือ"
แทนที่จะเดินกลับห้องเรียน ผมกับไอ้บูรพาเดินลงบันไดเพื่อจะไปหาอะไรกินที่โรงอาหาร ระหว่างที่กำลังเดินลงบันได ผมก้มลงไปมองผู้ชายสองคนที่กำลังเดินขึ้นมา มันเป็นเพื่อนในห้องผมเอง และกำลังคุยกันเรื่องที่ผมต้องหันไปสนใจ
"เออ เมื่อกี้กูไปห้องทะเบียนมา เจอแม่ไอ้แพท"
"ไอ้แพทห้องเราอะนะ มาทำไมวะ"
"มาจ่ายค่าเทอม มึงคิดดูเกือบจะจบเทอมแล้วเพิ่งมาจ่ายค่าเทอม"
"กูได้ยินว่าบ้านมันจนมากเลยนะ"
"เออใช่ โคตรจน น่าสงสารจัด มันใส่ถุงเท้าย้วยด้วยนะเว้ย"
"อนาถจัดว่ะ ฮ่าๆ!"
"กูว่าไปเรี่ยไรเงินซื้อถุงเท้าให้มันสักคู่สองคู่เหอะ ถือว่าทำบุญ ฮ่าๆ"
ผมก้าวเท้าไปขวางทางพวกมันเอาไว้ตอนที่เดินสวนกัน ไอ้สองคนนั้นหยุดกึกแล้วมองผม
"อ้าวไอ้เหนือ ไอ้บูรพา ไปไหนวะ"
"เมื่อกี้มึงพูดว่าไงนะ"
"พูดไรวะ?"
"มึงบอกว่าใครน่าสงสาร"
"อ๋อ ไอ้แพทห้องเราอะ มึงสองคนจะบริจาคเงินซื้อถุงเท้าให้มัน..."
"พลั่ก!"
ไอ้เวรนั่นยังพูดไม่ทันจบก็ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะหมัดของผม
"ไอ้เหนือ! มึงชกกูทำไม!"
"เผื่อจะหายปากหมาไง"
"มึงจะเอาใช่มั้ย!"
"มาเลยไอ้สัด!"
"ไอ้เหนือไม่เอา" ไอ้บูรพาดึงมือผมเอาไว้ แต่ผมสะบัดมือมันออกแล้วตรงเข้าหาไอ้นั่นอย่างเอาเรื่อง
"แพทมันไปจนบนหัวพวกมึงเหรอ ทำไมต้องดูถูกมันด้วยวะ!"
"แล้วมึงเดือดร้อนอะไร!"
"แพทมันเพื่อนกูเว้ย!"
เกิดสงครามขนาดย่อมบริเวณระหว่างบันได
"ไอ้เหนือ! พอแล้ว!"
"พลั่ก!" ไอ้บูรพาที่เข้ามาห้ามโดนหมัดของไอ้นั่นเข้าไปเต็มๆ จนหน้าหัน
"ไอ้สัด มาชกกูทำไมเนี่ย!"
"ก็มึงเพื่อนไอ้เหนือไง"
"ไอ้ห่าเอ๊ย!"
ไอ้บูรพาผันตัวจากคนห้ามมาเป็นร่วมรบสงครามด้วย ผลัดกันต่อยผลัดกันตีอยู่พักใหญ่จนมีคนพาอาจารย์เข้ามาห้ามถึงได้หยุด สุดท้ายเรื่องจบลงที่ห้องปกครอง และสิ่งที่ตามมาคือจดหมายเชิญผู้ปกครองคนละใบ ผมกับไอ้บูรพาเดินออกมาจากห้องนั่นเงียบๆ
"มึงแหละ กูห้ามไม่ฟังอะ"
"มึงไม่ต้องเลย ไอ้นั่นจะตายเพราะหมัดมึงนั่นแหละ"
"ก็มันชกกูก่อนอะ"
"แล้วยังไงล่ะเนี่ย โดนเรียกผู้ปกครองเลย พ่อกูอะไม่เท่าไร พ่อมึงนี่สิ" พ่อไอ้บูรพาค่อนข้างจะดุ ถ้ารู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้มีหวังมันโดนกักบริเวณเหมือนตอนม.สองที่ผมพามันหนีออกจากบ้านไปเล่นเกมแน่ๆ
"ก็คงต้องบอกแหละ โดนด่าหน่อยไม่เป็นไร ก็กูผิดนี่หว่า"
"เอางี้ ให้พ่อกูเป็นผู้ปกครองมึงด้วย ได้ไม่ต้องบอกพ่อมึง"
"ได้เหรอวะ"
"ได้ดิ ยังไงกูก็เป็นคนเริ่มก่อน คนผิดคือกู ตกลงตามนี้ ไฮไฟว์!"
ไอ้บูรพายกมือขึ้นมาแปะมือผมเป็นสัญลักษณ์ประจำเมื่อเราตกลงเรื่องอะไรกันได้ สมาชิกแก๊งอุลตร้าแมนฯ ต้องไม่ทอดทิ้งกัน โฮะๆ
...
วันต่อมา พ่อผมมาที่โรงเรียนและไกล่เกลี่ยเรื่องให้จบลงด้วยดี ที่จริงผมก็ไม่ได้ผิดซะฝ่ายเดียว เพราะพวกมันพูดจาดูถูกแพทก่อน ผมอธิบายให้พ่อฟังตั้งแต่อยู่ที่บ้าน พ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร อาจจะเป็นเพราะผมเป็นลูกคนเดียวแล้วพ่อก็เชื่อใจและตามใจผมมาก ผมกับไอ้บูรพาและพ่อเดินออกมาจากห้องปกครองหลังจบเรื่อง
"หมดเรื่องล่ะ กลับไปเรียนได้แล้วไป" เพราะไอ้บูรพามันเป็นคนกรุงเทพฯ ก็เลยพูดภาษาเหนือไม่ได้ เวลาพ่อคุยกับผมตอนที่มีมันอยู่ด้วยก็เลยต้องใช้ภาษากลาง
"ขอโทษอีกทีนะครับอา" ไอ้บูรพาว่าแล้วยกมือไหว้พ่อผม
"เฮ้ยไม่เป็นไรน่า"
"พ่อไม่โกรธจริงๆ ใช่ป่ะ" ผมถาม
"จริงดิ ลูกผู้ชายก็งี้แหละ แมนๆ ใช้หมัดคุยกัน งั้นพ่อกลับแล้วนะ แล้วเดี๋ยวเจอกันที่บ้าน"
"ค้าบ"
ผมโบกมือให้พ่อก่อนจะหันหลังเดินกลับห้องเรียน
"ดีนะที่พ่อไม่ได้ว่าอะไร"
"อือ พ่อกูใจดี"
"เขาตามใจมึงอะดิ"
"ก็กูน่ารัก"
"คิดไปเองไอ้ฟาย"
ผมยักไหล่หน่อยๆ
"บูรพา"
"ฮึ?"
"กูว่ากูชอบแพทว่ะ"
มันหยุดเดินแล้วหันมามองผม
"สักพักหนึ่งแล้วที่กูคิดว่าผู้หญิงคนนี้แม่งเจ๋งดีว่ะ กูว่าแพทแม่งใช่อะ"
"นี่ซีเรียส?"
"เออดิ มึงเห็นกูเป็นคนยังไง กูจะจีบแพทล่ะนะ"
"เออ เอาที่สบายใจ"
พูดจบก็ก้าวเท้าเดินออกไป ทิ้งผมเอาไว้ตรงนี้ มัน...ไม่ได้งอนอะไรใช่ไหมวะ
…
หลังเลิกเรียนผมให้ไอ้บูรพากลับบ้านไปก่อน เพราะจะหาโอกาสกลับบ้านกับแพทสองคน ซึ่งไอ้เพื่อนรักนั่นก็เปิดทางให้อย่างเต็มที่ ผมเดินมารอแพทที่ประตูโรงเรียน ก่อนจะเห็นไอ้ผมติ่งหูของผมเดินออกมา แพทไม่ทันมองเห็นผมแล้วตรงดิ่งเข้าไปหาหมาตัวผอมที่นอนอยู่หน้าประตู ก่อนจะหยิบข้าวกล่องในกระเป๋าที่เหลือเทให้มัน แพทไม่ได้กินข้าวไม่หมด แต่ตั้งใจเหลือเอาไว้ให้มันมากกว่า จิตใจดีแบบนี้จะไปหาที่ไหนได้ ผมเดินตรงเข้าไปหาแพท
"อ้าว เหนือ ไม่กลับอีกเหรอ"
"รอกลับพร้อมแพทไง"
"แล้วบูรพาอะ"
"กลับไปแล้ว"
"อ้าว ปกติเห็นตัวติดกันตลอด นึกว่าเป็นผัวเมียกัน"
"จะบ้าเหรอ!"
แพทหัวเราะเบาๆ ตอนที่เก็บกล่องข้าวใส่กระเป๋า
"ไปดิ กลับบ้านกัน"
ผมนั่งรถมากับแพทแต่ระหว่างไม่ได้พูดอะไร เสือกป๊อดตอนอยู่ด้วยกันสองคน รู้งี้เอาไอ้บูรพามาด้วยก็ดี...
"ลงล่ะนะ เจอกันพรุ่งนี้"
"เฮ้ย ลงด้วย" ผมกระโดดลงรถไปพร้อมกับแพทด้วย
"เฮ้ย จะลงมาทำไม บ้านเหนือต้องไปอีกนะ"
"จะไปส่งแพทที่บ้านไง"
"คิดไงวะ"
"เออน่า ไปเหอะ ไปทางไหน"
แพทเดินนำผมไปก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านชั้นเดียวหลังย่อม ที่อยู่เกือบท้ายซอย
"เข้าบ้านเปล่า?"
"เฮ้ยไม่เป็นไร ส่งแค่นี้แหละ เออแพท...เรามีอะไรจะบอกอะ"
"ว่า?"
"เรา..."
แพทเลิกคิ้วนิดๆ เพื่อรอให้ผมพูด
เรา..."
"อะไร!"
"ยืมตังค์ค่ารถกลับบ้านหน่อยดิ!"
ป๊อดเหี้ย!
"ฮะ?"
"แหะๆ ยืมตังค์หน่อย" ผมว่าพลางแบมือไปข้างหน้า
แพทส่ายหัวเบาๆ แล้วหยิบเหรียญสิบสองเหรียญส่งให้
"ขอบคุณนะ เจอกันพรุ่งนี้" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังกลับมา เวรเอ๊ย...ถ้าสมาชิกแก๊งอุลตร้าแมนฯ รู้ว่าผมปอดแหกขนาดนี้มันต้องล้อไม่เลิกแน่ ผมถอนหายใจอีกทีแล้วหันกลับไปหาแพท
"แพท!"
"อะไรอีกอะ? ตังค์ไม่พอเหรอ?"
"แพทเป็นทอมป่ะวะ"
"ฮะ!?"
"แพทชอบผู้ชายป่ะ"
"ก็...ก็ชอบนะ"
"งั้นชอบเราได้ป่ะวะ"
"ฮะ?"
"เราชอบแพทว่ะ..."
ผมเปิดกระเป๋าแล้วหยิบถุงเท้าสีขาวที่ซื้อมาตั้งแต่เมื่อวานส่งให้แพท
"ถ้าแพทคิดเหมือนเรา พรุ่งนี้ใส่ถุงเท้าคู่นี้มานะ" ผมทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นแล้ววิ่งสี่คูณร้อยออกมาจากหน้าบ้านแพท ก่อนจะมาหยุดหอบอยู่ที่ริมถนน ริมฝีปากยกขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่
กูทำได้เว้ย! ด้วยเกียรติแห่งสมาชิกอุลตร้าแมนคิงดอมแอนพาวเวอร์พัพเกิร์ล ในที่สุดก็บอกรักผู้หญิงได้สำเร็จ! แล้วหลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับแพทก็เปลี่ยนไปตั้งแต่วันที่แพทสวมถุงเท้าคู่ใหม่มา ไม่มีแล้วไอ้ผมติ่งหูกับถุงเท้าย้วยๆ แพทถุงเท้าใหม่ไฉไลกว่าเดิม
เป็นแฟนกันแล้วโว้ย!
...
ผมกับแพทคบกันมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้ทำให้สูญเสียความเป็นเพื่อน แพทยังทำตัวเหมือนเดิม พูดจ้าล้อเล่นกับผมได้เหมือนเดิม ตบหัวกันได้เหมือนเดิม เพิ่มเติมแค่ผมโทรไปคุยด้วยตอนเย็นๆ ทุกวัน แต่ก็โทรดึกมากไม่ได้เพราะแพทนอนกับแม่ คุยๆ กันอยู่แม่ตะโกนมาด่าก็มี เพราะว่าเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว เวลาอยู่ที่โรงเรียนพวกเราก็ยังไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่มเหมือนเดิม คำว่าได้แฟนแล้วทิ้งเพื่อนเลยไม่เกิดขึ้นในกับผม
"พวกมึง วันอาทิตย์วันเกิดกู ใครอยากไปเที่ยวกับกูบ้าง เรียนเชิญนะครับ" ไอ้ไอซ์พูดขึ้นระหว่างที่กำลังกินข้าวกลางวัน
"ไปไหนวะ"
"ดูหนังป่ะ"
"เออ กูอยากดูเรื่องนี้อยู่พอดี" ไอ้บูรพาว่าแล้วโชว์โปรแกรมหนังในมือถือมันให้ดู
"เออเอาดิๆ!"
"ตกลงไปดูหนังกัน ตามด้วยกินหมูกระทะ"
"ตามนั้น ไฮไฟว์!"
หลังเลิกเรียน
"กลับพร้อมกันป่ะวันนี้" ไอ้บูรพาหันมาถาม
"มึงกลับก่อนเลย เดี๋ยวกูไปร้านเน็ตเป็นเพื่อนแพทอะ"
"เออ งั้นเจอกันวันอาทิตย์"
"โอเคมึง"
ผมมานั่งอยู่ในร้านอินเตอร์เน็ตเป็นเพื่อนแพท เพราะบอกว่าจะมาทำรายงาน ผมให้ไปทำที่บ้านผมก็ไม่ยอมไป
"ไหนบอกทำรายงาน ทำไมนั่งเล่นเฟสบุ๊คเล่า" ผมหันไปถาม
"คุยกับไอ้จิ๋วเรื่องงานนี่ไง"
"อ๋อเหรอๆ" ผมว่าแล้วแกล้งชะเง้อหน้าไปดูหน้าจอคอมฯ นั่นก่อนแพทจะเปลี่ยนหน้าต่างไปเป็นหน้าเวิร์ด แล้วพิมพ์งานต่อ สักพักหนึ่งก็งานก็เสร็จ
"เดี๋ยวไปเอาที่ปริ๊นท์แป๊บหนึ่ง" แพทว่าแล้วกดปิดไฟล์เวิร์ด ก่อนจะลุกไปเอากระดาษที่สั่งปริ๊นท์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับเครื่องเจ้าของร้านเพื่อจะจ่ายเงินด้วย ผมหันไปเห็นหน้าเฟสบุ๊คที่แพทยังไม่ได้ปิด ไม่ได้อยากจะเสือกเรื่องส่วนตัวแต่แชทหนึ่งมันดันเด้งขึ้นมาพอดี
ไอ้บูรพา?
ผมหันไปมองแพทที่ยังยุ่งกับงานปริ๊นท์นั่นอยู่จึงถือวิสาสะอ่านแชทจากไอ้บูรพา
บูรพา : รออยู่หน้าร้านนะ
รออะไรวะ? ผมเลื่อนแชทเก่าๆ ที่แพทเคยคุยกับไอ้บูรพาดู ก่อนคิ้วจะขมวดหากันแน่น
บูรพา : แพท เย็นวันศุกร์ว่างป่ะ?
แพท : ว่างอยู่นะ มีไรเปล่า?
บูรพา : มาเจอเราหน่อยได้ป่ะ? มีเรื่องอยากคุยด้วย
แพท : เรื่องไรวะ
บูรพา : อยากคุยต่อหน้าอะ
แพท : อ๋อ ได้ งั้นเจอกันหลังเลิกเรียนนะ
บูรพา : อย่าบอกไอ้เหนือนะ ว่าเรานัดมาเจออะ
แพท : โอเค
ผมเลื่อนแชทกลับมาที่ประโยคสุดท้ายตอนที่แพทเดินกลับมา ยิ้มให้แพทหน่อยๆ แต่ในใจนี่ว้าวุ่นสุด ผมแกล้งมองไปที่อื่น แต่แอบเหลือบไปเห็นแพทอ่านแชทไอ้บูรพาก่อนที่จะกดปิดหน้าจอ
"เหนือกลับบ้านเลยป่ะ"
"อือ"
"งั้นกลับไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวเราไปตลาดแป๊บ"
"อ๋อ งั้นก็ไปด้วยกันดิ"
"เฮ้ย ไม่เป็นไร ไปซื้อของให้แม่แป๊บเดียว"
"เอางั้นเหรอ"
"ตามนั้น ไฮไฟว์!"
ผมยกมือขึ้นแตะมือแพทเบาๆ แล้วแยกกันออกไป ผมหยุดเท้าที่กำลังจะเดินไปขึ้นรถ แล้วหมุนกลับไปเดินตามแพทอยู่ไกลๆ ก่อนจะตามมาถึงหน้าร้านขายขนมปัง ไอ้บูรพายืนรออยู่ตรงนั้นแล้ว แพทจึงเดินเข้าไปหา
"รอนานเปล่า"
"ไม่นานๆ "
"ตกลงมีอะไรจะบอกเราเหรอ"
"นั่นดิ!" ผมพรวดเข้าไป ทั้งสองคนหันมามองผมอย่างตกใจนิดๆ
"มีอะไรที่กูรู้ไม่ได้วะ"
"เหนือ มาได้ไง!"
"มีอะไรถึงต้องแอบนัดมาเจอกันวะ!"
"ไอ้เหนือ มึงฟังก่อน"
"มึงก็บอกดิว่ามีอะไร!"
"มึงใจเย็นก่อนดิวะ!"
"มึงชอบแพทใช่ป่ะ?"
ไอ้บูรพาเงียบไป
"จริงอย่างที่กูคิดใช่ป่ะ?"
"ไอ้เหนือ..."
"มึงเพื่อนกูนะเว้ย ทำไมทำกับกูแบบนี้วะ"
"กู..."
"เพื่อนมันจะชอบแฟนเพื่อนไม่ได้นะเว้ย! แบบนี้มันโคตรเหี้ย!"
"ไอ้เหนือ ฟังก่อนดิ!"
"กูไม่ฟัง!"
"มึงก็เป็นซะอย่างงี้อะ!"
"มึงเถียงไม่ได้ก็หุบปากไป! กูนึกว่ามึงจะไว้ใจได้ สุดท้ายก็เพื่อนเหี้ย!"
"พลั่ก!"
"เหนือ!" แพทร้องลั่นตอนที่ผมถูกไอ้บูรพาชกจนล้ม
"มีสติหน่อย"
"มึงกล้าชกกูเหรอ!"
"พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!"
ผมกับไอ้บูรพาเปิดศึกแลกหมัดกันไม่หยุด ท่ามกลางเสียงร้องห้ามของแพทและสายตาของคนอื่นๆ ที่มองอยู่ด้วย แต่ผมไม่สน งานนี้มีแตกหักกันไปข้างแน่!
"บูรพา องศาเหนือ พอได้แล้ว!"
"พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!"
"บอกให้พอโว้ย!"
"พลั่ก!"
แพทยกขาถีบผมที่กำลังคร่อมร่างไอ้บูรพาจนกระเด็น
"พอสักที จะกัดกันทำไม!"
ทั้งผมและไอ้บูรพายันตัวเองขึ้นมาในสภาพสะบักสะบอม แพทเข้ามาแทรกตรงกลาง แล้วถอนหายใจแรงๆ
"บูรพากลับไปก่อนไป ไปดิ เหนือด้วย ไป!"
"ไอ้บูรพา ตั้งแต่วันนี้กูกับมึงไม่ใช่เพื่อนกัน"
"ไอ้เหี้ย!" มันกระแทกเสียงใส่ก่อนจะหันหลังเดินออกไป แพทดึงผมออกมาจากตรงนั้นเพื่อหลีกสายตาของคนที่มามุงดู
"เป็นบ้าเหรอเหนือ ทะเลาะกันทำไม"
"ก็มันชอบแพท"
"มันยังไม่ได้พูดซักคำ"
"มันดูยากเหรอ ไม่งั้นมันจะนัดแพทมาทำไมสองคน มีเรื่องอะไรต้องคุยกันแล้วบอกเราไม่ได้"
"ก็ไม่รู้ไง มันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลย"
"ไม่รู้แหละ เรากับมันไม่ใช่เพื่อนกันแล้ว"
ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไม่ได้เจอหน้าไอ้บูรพาอีกเลย ที่นัดกันในวันเกิดไอ้ไอซ์มันก็ไม่มา จากนั้นก็ไม่มาโรงเรียนเลยทั้งอาทิตย์ ทุกคนต่างมาถามหามันกับผม
"ไอ้บูรพามันหายไปไหนวะ"
"กูจะไปรู้ได้ไง"
"ก็ปกติเห็นมันตัวติดกับมึงตลอด"
"กูไม่รู้!"
"ทะเลาะกันเหรอ"
"กูไม่รู้!"
"อะไรของมึง"
"เฮ้ย พวกมึง!" เราทั้งหมดหันไปมองไอ้ออม ที่วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่น
"มีอะไรวะออม"
"รู้เปล่าว่าบูรพามันไปแล้วนะ"
"ไปไหน"
"มันลาออกไปแล้ว"
"อะไรนะ!"
"อาจารย์ห้องทะเบียนบอกกูเมื่อกี้ เห็นบอกว่ามันย้ายกลับกรุงเทพฯ ไปอะ มึงไม่รู้เหรอไอ้เหนือ"
ผมนิ่งไปพักหนึ่ง
"กู...ไม่รู้"
"ไอ้ห่า ไปไม่ลากันเลยเหรอวะ" ไอ้เอพูดเบาๆ
"ไหนโทรหามันดิ"
"เฮ้ย มันอัพเตตัสเฟสบุ๊ค แท็กพวกเราด้วย" ไอ้จิ๋วว่าแล้ววางมือถือลงบนโต๊ะผม ผมอ่านข้อความในเฟสบุ๊คที่มันโพสท์
"กว่าพวกมึงจะได้อ่านข้อความนี้ กูก็คงไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ดราม่าไปเนอะ 555 โทษทีนะพวกมึงที่ไม่ได้บอกก่อน กูก็เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่าต้องย้ายตามพ่อแม่กูกลับไปอยู่กรุงเทพฯ กะทันหันไปหน่อยเลยไม่ได้บอกลาเลย ที่จริงกูอ่อนแหละ ไม่กล้าบอกลาต่อหน้า กลัวร้องไห้ เดี๋ยวเสียศักดิ์ศรีสมาชิกแก๊งอุลตร้าแมนฯ ที่ผ่านมากูสนุกมากจริงๆ ตอนอยู่กับพวกมึง ยังไงก็อย่าลืมกูละกัน คิดถึงกูบ่อยๆ ด้วย มีโอกาสคงได้เจอกัน"
แท็กทุกคน ยกเว้นกู...
เออ ก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้วนี่
ผมเงยหน้าไปมองไอ้เอกับไอ้จิ๋วที่ร้องไห้ออกมา
"เฮ้ย มึงจะร้องไห้ทำไม มันไม่ได้ตาย" ไอ้ไอซ์ว่าขณะที่ตัวเองกำลังเบะปาก น้ำตาไหลพราก
"มึงจะร้องทำไม กูว่าจะไม่ร้องแล้ว" ไอ้ออมก็น้ำตาแตกอีกคน
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า แล้วทีนี้กูจะลอกการบ้านอังกฤษใคร!"
"ไปกรุงเทพฯ กันเหอะมึง ไปหามันกัน! ฮือๆ!"
แพทยกมือขึ้นแตะไหล่ผมเบาๆ
"ไม่เป็นไรนะเหนือ"
"ไม่เป็นไร ก็ไม่ใช่เพื่อนกันแล้วนี่"
ไอ้บูรพา...จำไว้เลยนะ กูไม่มีวันยกโทษให้มึง!
...
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 7
เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
เช้านี้ผมตื่นสายนิดหน่อย ตอนนี้จึงเตรียมตัวไปเรียนด้วยความเร่งรีบ แต่งตัวเสร็จ ก่อนจะเดินไปเปิดตู้หาคอนแทคเลนส์คู่ใหม่
อ้าวไม่มี!
หมดไปตั้งแต่ตอนไหนวะ ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบแว่นมาใส่เหมือนเดิม ชุดนิสิตถูกระเบียบ ติดกระดุมคอผูกเนคไท ใส่แว่นไปอีก เนิร์ดเลยกู...ถ้าหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์อีกหน่อยนี่เดินขายเครื่องกรองน้ำได้เลยนะ แต่เอาเหอะ คนจะหล่อมันย่อมหล่อทะลุแว่นอยู่แล้ว มั่นหน้าเข้าไว้ ผมจึงเปิดประตูออกไปนอกห้องเพราะไม่อยากสาย ก่อนจะชะงักกึกเมื่อเห็นไอ้บูรพายืนรออยู่ที่หน้าห้องมัน
"เนิร์ดมาก"
"ไอ้สัด!"
อรุณสวัสดิ์ นอนหลับสบายมั้ย ห่าอะไรก็ทักไปดิ! เริ่มต้นด้วยการแซวภาพลักษณ์ที่ไม่มั่นใจอยู่แล้วเนี่ยมันน่าถีบให้ดั้งหัก
"ไปพร้อมกูป่ะ รถอยู่ที่หลิวไม่ใช่เหรอ"
"แพทเอามาให้เมื่อเย็นวานแล้ว"
"อ๋อ" มันพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูหอ
"แปะ แปะ แปะ"
"อ้าว ฝนตกว่ะ!"
ผมออกไปดูข้างนอก ก่อนจะเห็นฝนลงเม็ดมาปรอยๆ อ้าวที่นี่มีฤดูฝนด้วยเหรอ? นึกว่าร้อนเป็นอย่างเดียว
"ไปกับกูเปล่า ขี่มอไซค์เดี๋ยวเปียก"
"ไม่เป็นไรอะ ตกนิดเดียวเอง"
"เดี๋ยวไม่สบายนะมึง"
"เสือกเยอะไปแล้วมึงอะ"
"อ้าว ไอ้นี่"
ผมคว่ำปากใส่มันก่อนจะเดินไปที่มอเตอร์ไซค์แล้วขับออกไป ก่อนจะมาจอดติดอยู่ที่ประตูเข้าม. ฝนตกก็ตามมาด้วยรถติด ขนาดเป็นมอเตอร์ไซค์ยังแทรกเข้าไปลำบาก รถยนต์ก็นู่นแหละ ติดยันหลังม. ก่อนหน้านี้ฝนคงตกหนักเพราะมีน้ำเจิ่งอยู่บนถนน
ผมกำลังขับตามคันหน้าที่เริ่มขยับ
"ซ่า!"
"ว้าย!"
"เชี่ย!" ทั้งผมและมอเตอร์ไซค์อีกสองคันข้างหน้าร้องลั่นเพราะไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ขับรถเร็วจนน้ำกระเด็นมาสาดพวกเรา
"ไอ้บ้า! รีบไปตายที่ไหนวะ!"
"เออ! พรบ.จราจรเขาอนุญาตให้เหี้ยขับรถตั้งแต่เมื่อไร!"
"ไอ้เวรเอ๊ย! เปียกหมดเลย"
อืม...ผู้หญิงที่นี่น่ากลัวแหะ
ผมก็เปียกนะแต่ตะโกนด่าไอ้รถเวรนั่นไม่ทัน เพราะผู้หญิงสองคนข้างหน้าจัดเต็มให้แล้ว ก่อนจะขับรถเข้าไปถึงลานจอดมอเตอร์ไซค์หน้าตึก ผมก้มมองสภาพตัวเองที่เปียกไปครึ่งซีก กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วเลยขึ้นตึกเรียนไปทั้งอย่างนั้นเลย
"ว้ายๆ เหนือใส่แว่นน่ารักอะ!"
ผมเหลือบตาไปมองแรงใส่ไอ้หนุ่มที่หวีดร้องขึ้นมา สภาพเหมือนเซลล์ขายเคมีเกษตรนี่น่ารักยังไง?
"ว่าแต่ทำไมมึงเปียกอย่างนี้วะ ฝนตกหนักเหรอ"
"เปล่า มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ขับรถเหยียบน้ำใส่กู เปียกหมดเลยเนี่ย"
"หนาวตายห่า"
"เดี๋ยวก็แห้ง"
ผมบอกกับหลิว ก่อนชั่วโมงเรียนจะเริ่มขึ้น ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเสื้อไม่ท่าทีจะแห้ง ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแอร์ตัวข้างหลังที่ตกลงมาตรงหัวพอดี
อ๊อย...หนาวชิบหาย แม่คะนิ้งจะเกาะหัวกูล่ะครับ
"หนาวเหรอ?"
เพิ่งเห็นว่าไอ้ไกด์นั่งอยู่ข้างหลังผม ก็เลยพยักหน้าตอบแล้วจะหันกลับมา ก่อนจะรู้สึกถึงอะไรบางสิ่งที่โยนเข้ามาบนหัว ผมยกมือหยิบเสื้อที่ถูกโยนมาจากข้างหลังแล้วหันไปหาไอ้ไกด์
"ใส่ดิ" มันบอกสีหน้าเรียบๆ
"ไม่เป็นไร" ผมยื่นเสื้อคืนให้มัน แต่มันลุกจากเก้าอี้มาข้างหลังผม แล้วยัดเสื้อใส่ให้จากด้านหน้า ก่อนจะกระซิบข้างหูเบาๆ
"แลกกับจูบคราวก่อน"
กูจะถอดเสื้อมึงไปเผาทิ้งตอนนี้เลย!
แต่อุ่นดีว่ะ...ไหนๆ ก็เสียจูบให้มันไปแล้ว ยืมเสื้อใส่คาบสองคาบไม่เป็นไรหรอกเนอะ
...
กิจกรรมห้องเชียร์ยังคงดำเนินไปในทุกวันหลังเลิกเรียน ผมคือนิสิตดีเด่นที่ไม่เคยโดดกิจกรรมสักวัน เพราะแก๊งชะนีตามจิกหัวอยู่หน้าส้วมแล้วเรียบร้อย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าฝืนทำหรืออะไร กลายเป็นความเคยชินมากกว่า ผมเริ่มร้องเพลงที่พี่เชียร์สอนได้โดยไม่ต้องดูเนื้อ จำท่าสปีริตเชียร์ได้แต่เพราะความไร้สติก็หลงๆ ลืมๆ ทำพลาดไปบ้าง แล้วก็ชินกับการที่พี่วินัยขึ้นมาโหวกเหวกใส่ ช่วงสันทนาการก็นั่งผ่อนคลายไปเรื่อยเปื่อย ทุกวันวนไปแบบนั้น แต่วันนี้ไม่เหมือน...
คงเพราะตัวเปียกแล้วก็อยู่ในห้องแอร์มาทั้งวัน แถมตอนนี้ฝนก็ยังลงเม็ดบางๆ อากาศเลยชื้นๆ ตกเย็นร่างกายเลยมีอาการแปลกๆ ผมรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยเพราะร่างกายมันงอแง ยกมือจับเปลือกตาที่ร้อนๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
"เป็นไรวะ" ไอ้บูรพาถาม
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
"เบียบเชียร์!"
เสียงคำสั่งเข้าระเบียบเชียร์ดังขึ้นก่อนจะยืดหลังตึงแล้วมองตรงไปข้างหน้า ถึงเวลาของพี่วินัยขึ้นมาแผดเสียงใส่
"วันนี้ มากันครบหรือเปล่า!"
ยิ่งเสียงดังๆ กรอกเข้าหูยิ่งทำให้หูอื้อไปหมด
อ๊อย...อะไรเนี่ย ร่างกายจ๋า หนูจะมาอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้นะลูก
"ก้มหน้าลงไป!"
ผมก้มหน้าลงไปตามคำสั่ง แต่รู้สึกเหมือนแรงดึงดูดมันทำงานหนักกว่าปกติจนเหมือนหัวจะทิ่มลงไปที่พื้นเลยเสียงพี่วินัยยังคงอบรมไปเรื่อยๆ แต่สมองผมไม่ประมวลผลแล้ว มึงพูดไรพูดเลยพี่ หูตึงมากตอนนี้
"เงยหน้าขึ้นมาในท่าระเบียบเชียร์! เบียบเชียร์!"
ผมเงยหน้าขึ้นมาตามคำสั่งก่อนจะเอนจนไหล่ไปกระแทกไหล่ไอ้บูรพา
"เฮ้ย เป็นไรเปล่าเนี่ย?"
"เปล่า"
ผมตอบแล้วมองตรงในท่าระเบียบเชียร์ ที่จริงอยากจะบอกว่า กูไม่ไหวแล้วตอนนี้ กูไข้แดก! แต่ถ้าลุกออกไปตอนนี้กูจะกลายเป็นไอ้แว่นเนิร์ดที่ถูกลงวินัยจนลมจับแน่ๆ สังคมจะตัดสินกูแบบนั้น แมนๆ อย่างเรารับไม่ด้าย!
จนถึงตอนจบห้องเชียร์ ผมรีบบอกลากับแก๊งแล้วตรงไปที่มอเตอร์ไซค์เพื่อกลับหอ ทีแรกจะขี่ไปซื้อคอนแทคเลนส์ที่ร้านแว่นหน้าม. แต่เอาไว้ก่อนเหอะ หัวต้องการทิ่มลงหมอนหนักมากตอนนี้
ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกมานอกรั้วมหาลัย สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังในการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในมหาลัยนี้คือคนที่นี่ขับรถกันน่ากลัวมาก ขับไวแถมไฟเลี้ยวมันก็ไม่เปิด อย่างไอ้คันหน้าที่เลี้ยวเข้าซอยไปนี่ก็เหมือนกัน
โค๊ะ! รถบ่ามีไฟเลี้ยวก๋า!
ผมขี่มาเรื่อยๆ จนถึงซอยที่จะเลี้ยวเข้าหอ เปิดไฟเลี้ยวตั้งแต่เมตรที่แล้ว ก่อนจะเลี้ยวเข้าไป แต่มีรถยนต์คันหนึ่งปาดเลี้ยวเข้ามา เสือกมีรถอีกคันสวนเลนส์มาซึ่งหลบผมไม่ทัน ไอ้รถยนต์ก็เบียดจนผมหักหลบไปไหนไปได้
ชนแม่งเลยล่ะกัน
"โครม!"
จุดจบสายแวนซ์...
"น้องเป็นไรเปล่า!"
ผมยันตัวเองขึ้นมา ที่นั่งเบลอนี่ไม่ได้ใช่อะไร แว่นกระเด็น!
"น้อง โอเคเปล่า!"
"พี่ หาแว่นผมให้หน่อยดิ"
"แว่นๆ ช่วยกันหาแว่นให้น้องหน่อย"
เอาโลกHDของกูคืนมา ไอ้สายตาสั้น กูเกลียดมึง!
"อะนี่น้อง" พี่คนที่เข้ามาช่วยใจดีใส่แว่นให้ด้วย
"เป็นอะไรมากเปล่าน้อง ไปโรงบาลมั้ย"
"ไม่เป็นไรครับ"
"แน่ใจนะ"
"แน่ใจครับ ผมกลับหอก่อนนะ"
ถึงจะล้มไม่แรงมากแต่ศอกและหัวเข่าข้างหนึ่งก็กระแทกไปกับพื้นจนเจ็บเอาการ ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนอนเลยโดยไม่ได้อาบน้ำ ไข้แดกไม่พอดันไปไถลถนนเล่นให้เจ็บตัวอีก โอย...ทรมานอะไรขนาดนี้
...
ผมลุกขึ้นมาเพราะการเจ็บแปลบที่แขนซ้าย แถมหัวยังหนักอึ้งเหมือนจะระเบิดออกมา ร่างกายต้องการโรงพยาบาล ฮือ ผมเหลือบไปดูนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาว่าตีหนึ่งกว่า ดึกมากแล้วจะโทรให้ใครมาช่วยก็ไม่ได้ พวกนั้นอยู่หอในจะออกมาก็ไม่สะดวก กูจะต้องตายอยู่ที่นี่เงียบๆ คนเดียวใช่มั้ยเนี่ย!
ใจเย็นๆ องศาเหนือเราเป็นคนมีสไตล์ เราต้องเอาตัวรอดได้ ผมยันกายด้วยสภาพโรยแรงไปคว้ากุญแจรถ แล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวมก่อนจะเปิดประตูออกไป คิดจะเป็นสายแวนซ์ตัวจริงก็ต้องดูแลตัวเองได้ รถล้มใกล้ตายก็ต้องขี่ไปโรงพยาบาลเองได้
ผมหันไปเห็นไอ้บูรพาเดินขึ้นมาจากบันไดพอดี
"อ้าวมึง ยังไม่นอนเหรอ"
นอนแล้วกูจะมายืนหน้าซีดอยู่ตรงนี้มั้ยล่ะ! ไม่อยากจะด่าให้เสียพลังงาน
"กูหิวเลยออกไปหาอะไรกินมา ลูกชิ้นหน้าเซเว่นประตูสี่โคตรอร่อยเลยมึง เปิดจนถึงดึกด้วย เอามั้ย?"
กูไม่อยากแดกลูกชิ้น กูอยากได้ยาแก้ปวดโว้ย!
"แล้วนี่มึงจะออกไปไหน"
"เสือก"
จะตายแล้วยังปากดี! แต่นี่แหละองศาเหนือสไตล์
"สัด..." ไอ้บูรพาด่าผมทีหนึ่งก่อนจะเดินไปไขประตูห้องตัวเอง ผมจึงพาขาสั่นๆ ของตัวเองก้าวออกมาจากตรงนั้น
ไม่ไหวว่ะ...เปื่อยเป็นผักเน่าในถังขยะเลยเนี่ย แค่จะเดินลงบันไดยังลำบากเลย ผมหันขวับกลับไปหาไอ้บูรพา
"มึง"
"ฮึ? เปลี่ยนใจอยากแดกลูกชิ้นใช่ป่ะ"
"ไม่ใช่โว้ย"
"แล้วมีอะไร"
"กูเกลียดมึงนะ แต่ยังไม่อยากตาย พากูไปโรงบาลหน่อยดิ"
"มึงเป็นไรวะ"
"กูรถล้ม ไข้แดกด้วย"
"เอ้า! ไอ้ห่า แล้วไม่บอก ไป เดี๋ยวกูพาไป"
ไอ้บูรพาเข้ามาช่วยพาผมลงไปที่รถ
"ตายบนรถกูไม่ได้นะ"
"สัด..."
...
หลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นขึ้นมาก็เป็นเช้าอีกวัน ผมกระพริบตาถี่ๆ แล้วมองเพดานสีขาวๆ ที่ลืมตาขึ้นมามองเห็น
"ร่วมยืนไว้อาลัยแด่ผู้จากไปสามวิค่ะ"
ผมหันไปมองไอ้หลิวที่ยืนอยู่ข้างๆ เตียง เจ็บคอจนไม่อยากจะด่าเลยชูนิ้วกลางขึ้นมาแทนคำพูด
"นึกว่าจะตายแล้ว"
"มึงมาได้ไง"
"แพทโทรบอกอะ"
"แล้วแพทอะ?"
"พอเห็นกับข้าวโรงบาล ก็ลงไปหาอะไรให้มึงกิน เพราะมันรู้ว่ามึงไม่แดกแน่ๆ"
ผมพยักหน้าเบาๆ
"แล้วมึงโอเคมั้ยเนี่ย"
"โอเค ดีกว่าเมื่อคืน"
"ให้กูโทรหาพ่อมึงป่ะ?"
"ไม่ต้องๆ" ถ้าพ่อรู้ว่าลูกชายหัวแก้วหัวเหม่งรถล้มจนต้องเข้าโรงบาลคงรีบมาหาแน่ๆ ไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงแต่น่าจะมายึดมอเตอร์ไซค์คืน พ่อมีอดีตนิดหน่อยเพราะแม่ผมเสียไปเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ พ่อเลยฝังใจ ไม่ค่อยอยากให้ผมขับรถ นี่กว่าจะอ้อนเอามอเตอร์ไซค์มาใช้ได้กราบกรานแทบตาย ถ้ารู้ว่าเอามาล้มผมต้องปั่นจักรยานจากหอไปเรียนแน่ๆ
"เออ แล้วมึงมาโรงบาลได้ไงวะ ขี่มอไซค์มาเองเหรอ?"
"ไอ้บูรพามาส่ง"
"บูรพา?"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ
"มันก็ดีกับมึงนี่หว่า"
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อก่อนแพทจะกลับเข้ามา ไอ้หลิวไปเรียนคาบเช้าส่วนแพทโดดมาอยู่กับผม
"จริงๆ แพทไปเรียนก็ได้นะ"
"ไม่เป็นไร แล้วเหนือจะอยู่กับใครล่ะ"
"อยู่ได้น่า"
"แล้วจะมีแฟนไว้ทำไมวะ"
โห...ไม่เถียงๆ
"เออ แล้วแพทรู้ได้ไงอะว่าเราอยู่นี่"
"บูรพาโทรบอกอะ แล้วรถล้มทำไมไม่บอก"
"ตอนแรกมันไม่เจ็บอะ พอรู้ตัวว่าเจ็บก็ดึกแล้วเลยไม่อยากโทรหา ออกจากหอในตอนกลางคืนมันต้องเซ็นขออนุญาตด้วยไม่ใช่เหรอ?"
"ดึกแค่ไหนก็ต้องมา บูรพาก็พูดเงี้ย บอกว่าไม่กล้าโทรหาเราตอนดึก เพิ่งโทรบอกเมื่อเช้า"
"แพทเพิ่งมาเมื่อเช้าเหรอ?"
"อือ พยาบาลบอกว่าเมื่อคืนบูรพามันเฝ้าเหนือทั้งคืนนะ แต่พอเรามาก็ไม่เจอมันแล้วอะ"
"อ๋อ"
ภาพสุดท้ายที่จำได้คือไอ้บูรพาพามาจนถึงโรงพยาบาลหลังจากนั้นก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มันมาเฝ้าทั้งคืนเนี่ยนะ...
ไม่น่าจะใช่บูรพาสไตล์
...
ผมออกจากโรงพยาบาลได้แล้วแต่ยังไม่หายดี แผลที่รถล้มก็ยังต้องทำแผลเรื่อยๆ แต่ขี้เกียจไปโรงพยาบาลเลยให้แพททำให้ มาเรียนก็นั่งไอใส่หน้าเพื่อนจนมันกีดกันเหมือนเป็นตัวเชื้อโรค
ผมเข้ามาเรียนในวิชาทักษะชีวิตฯ ที่มีสาวพยาบาลเยอะๆ งานถ่ายทำหนังสั้นยุติไปก่อนเพราะสภาพของพระเอกอย่างผม ที่จริงแล้วงานมันก็ไม่ได้เร่งส่งจึงไม่เป็นปัญหา คาบนี้ผมต้องนั่งเรียนกับไอ้บูรพา จริงๆ ยังไม่ได้คุยกับมันเลยตั้งแต่วันนั้น เพราะวิชาอื่นก็ไม่ได้นั่งใกล้กัน แถมผมก็ใช้สิทธิ์ลาป่วยไม่เข้าห้องเชียร์มาสองสามวันแล้วด้วย พูดถึงมันก็เดินเข้ามาพอดีแล้วมานั่งข้างๆ
"เป็นไงมั่ง" มันเริ่มทักก่อน
"ก็ดี"
"อดแดกข้าวต้มงานศพมึงเลย"
"ไอ้เชี่ย ไอ้...แค่กๆๆ!"
"อี๋ เชื้อโรค!" ผมทำท่าขยะแขยงใส่ เดี๋ยวกูสั่งไวรัสไข้หวัดเข้าไปแพร่เชื้อแม่ง!
ชั่วโมงเรียนเริ่มไปด้วยเสียงเอื่อยๆ ของอาจารย์จึงทำให้ความน่าเบื่อพุ่งเข้าชน ผมจึงฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ แล้วพลิกหน้าไปหาไอ้บูรพา มันเหลือบตามามองพอดี
"มองไรไอ้เชื้อโรค"
"ไอ้ห่า" ผมด่าแบบไม่มีเสียง
ผมหัวเราะเบาๆ
"ไอ้บูรพา"
"ว่า?"
"วันนั้น ขอบใจนะ"
"เออ กูไม่ปล่อยให้มึงนอนตายอยู่หน้าห้องหรอก กูสงเคราะห์คนใกล้ตายทุกคนแหละ"
สันดาน...
"เออ แต่กูสงสัยเรื่องหนึ่ง"
"เรื่องไร"
"มึงเอามือถือกูโทรหาแพทใช่ป่ะ"
"เออ แค่โทรบอกว่ามึงอยู่โรงบาลแล้วก็วางเลย ไม่ได้คุยอะไรกัน ก่อนแพทจะมากูก็กลับก่อน ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยอะไรกันเลย" ไอ้บูรพาร่ายยาวแบบรัวๆ
"กูยังไม่ได้ว่าอะไรสักคำเลย"
"อธิบายก่อนไง เดี๋ยวก็โมโหกูอีกที่ไปคุยกับแฟนมึง"
"กูไม่ได้ติดใจเรื่องนั้น แต่มึงรู้รหัสผ่านมือถือกูได้ไง"
"อ่อ กูเดา กูคิดอยู่ว่าโง่ๆ อย่างมึงคงไม่ตั้งอะไรที่มันซับซ้อน"
"มึงก็เดาแม่นไป!"
"1010เนี่ยนะไอ้ฟาย ใครๆ ก็รู้มั้ย"
"ไอ้บ้า อย่าเสียงดังสิ คนอื่นก็รู้รหัสผ่านกูหมด!" ผมยกมือไปปิดปากมัน มันปัดมือผมออก
"อี๋ มือเชื้อโรค!"
"ไอ้บูรพา!"
"ไม่คุยเสียงดังนะครับนิสิต เกรงใจเพื่อนด้วย"
ผมได้แต่สะบัดหน้ากลับมา ก่อนจะเห็นไอ้หลิวยิ้มแป้น เป็นรอยยิ้มที่พิลึกน่าดู
"ยิ้มไร"
"เห็นเพื่อนเก่าเขาดีกันก็ปลื้มใจ"
"ไม่ใช่เว้ย!"
ผมเหลือบสายตากลับไปมองไอ้บูรพา มันก็ได้แต่ยิ้มนิดๆ ยิ้มหวานแค่ไหนกูก็ไม่รู้สึกดีด้วยหรอก ไอ้แมลงสาบเอ๊ย
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 8
เทศกาลหนังเมืองคานส์
สวัสดีวันอาทิตย์สดใส มึงเป็นวันเสาร์อาทิตย์ก็ช่วยทำตัวเป็นวันหยุดจริงๆ หน่อยเหอะ ขอร้อง นี่ต้องงัดตัวเองขึ้นมาจากที่นอนเพราะเพื่อนๆ นัดมาถ่ายหนังสั้น หลังจากผมหายไข้และแผลรถล้มก็เริ่มหายดีเพื่อนก็นัดมาทำงานเลยเพราะไม่อยากดองเอาไว้นาน ผมได้บทละครมาหลายวันแล้วแต่อย่าคาดหวังอะไรมาก ระบบความจำมันเสื่อมตั้งแต่จบป.หกล่ะ ในบทต้องเล่นเป็นนิสิตปีหนึ่งที่โง่ และการเรียนห่วยแตกจนเกือบจะถูกรีไทน์ ผมว่าบทมันไกลตัวไปหน่อยนะ อ่านกี่รอบก็ไม่ค่อยอิน เพราะแถวนี้ไม่มีคนโง่ครับ ส่วนลูกไม้นางเอกของผม รับบทเป็นเด็กเรียนที่ไม่สนใจเรื่องความรักจนได้มาพบกับพระเอกซึ่งช่วยเหลือเธอเอาไว้จากการถูกอันธพาลรังแก พวกเขาตกหลุมรักกันและนางเอกก็ช่วยให้พระเอกเรียนหนังสือ ขณะเดียวพระเอกก็มีแรงบันดาลใจที่จะตั้งใจเรียนเพื่อนางเอก สุดท้ายพระเอกไม่ถูกรีไทน์และได้เป็นแฟนกับนางเอก จบปิ๊ง
กูขอเห็นหน้าคนเขียนบทหน่อยได้มั้ย...พล็อตเรื่องเบสิกมาก นี่สาบานเหอะว่าสร้างสรรค์แล้ว แต่ก็ไม่อยากจะต่อต้าน เพราะเพื่อนต่างพากันบอกกันบอกว่าพล็อตมันตรงคอนเซ็ปต์ ความรักที่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตในมหาวิทยาลัย ผมก็เลยต้องโอเค
"โอเค พวกเรามากันครบแล้วนะ บูรพาจะเป็นคนถ่ายนะ"
"มึงเหรอ?" ผมหันไปหาบูรพาที่เพื่อนบอกว่ามันมาเป็นคนถ่ายงานครั้งนี้
มันยกกล้องขึ้นมาแทนคำตอบ
"ทำไมเป็นมึงวะ"
"เพราะกูมีกล้อง"
โห่...ต้องมาแสดงละครหน้ากล้องก็เกร็งล่ะ ตากล้องเสือกเป็นไอ้บูรพาอีก ขอเปลี่ยนบทไปเล่นเป็นหินได้มั้ย การถ่ายทำเริ่มไปทีละบทๆ เพราะจำกัดความยาวแค่สิบห้านาที ผมคิดว่าถ่ายไม่นานก็คงเสร็จ แต่พอเป็นไอ้ผู้กำกับเผด็จการคนนี้แล้ว ผมว่าคงใช้เวลาถ่ายทำไปสามปี กว่าหนังจะจบ นู่น กูอยู่ปีสี่
"ขออีกรอบ"
"เดี๋ยวขออีกมุม"
"ขอเปลี่ยนมุม แต่บทเดิมนะ"
"กูขอฉากนี้อีกรอบ"
"พูดบทเดิมนะ กูจะถ่ายโคลสอัพ"
"เดี๋ยวๆ แสงไม่สวยว่ะ เปลี่ยนโลดีกว่า"
ไอ้ห่า...มึงจะส่งเข้าประกวดหนังเมืองคานส์หรือไง โปรดักชั่นมึงจะอลังการไปแล้ว ซีนเดียวมึงใช้เวลาสองชั่วโมง เอาไอ้นี่ไปเก็บดิ๊!
"ไอ้เหนือ มึงพูดให้มันสมูทหน่อยได้ป่ะวะ ท่องเป็นสวดมนต์เลย ไดนามิกเสียงมึงอะ ให้มันเป็นธรรมชาติหน่อย"
"กูจำบทได้ก็บุญล่ะ ฟาย"
"ลูกไม้เล่นดีแล้วนะ ขอแบบเมื่อกี้ อารมณ์เมื่อกี้เลย"
"เราว่าเราก็เกร็งๆ นะ"
"ไม่เลย ธรรมชาติมาก"
ไอ้สองมาตรฐาน!
"เดี๋ยวเราขอถ่ายลูกไม้ก่อน ลูกไม้วิ่งไปแล้วหันมายิ้มให้เรา สมมติว่ายิ้มให้พระเอกนะ แต่ว่าหันมามองกล้อง โอเคป่ะ"
"โอเค"
ลูกไม้ทำตามที่ไอ้บูรพาบอก แล้วพอเธอยิ้มโลกสวยขึ้นมาเลยจริงๆ เป็นคนยิ้มสวยมาก
"โอเค สวยครับ อะ ไอ้เหนือ ตามึง ทำแบบที่ลูกไม้ทำอะ"
ดูเหอะ พูดกับลูกไม้ทำเสียงลุลา พอหันมาพูดกับผมอย่างกับครูฝึกทหารเกณฑ์
"ให้กูวิ่งไปแล้วหันมายิ้ม?"
"อือ"
ผมพยักหน้าหงึกๆ รอสัญญาณให้มันบอกว่าเริ่ม ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งจ้ำอ้าวไปสุดทางแล้วหันขวับมาฉีกยิ้มแฉ่ง
ชะวิ้ง!
"ไอ้ควาย! ธรรมชาติหน่อยได้มั้ย!"
ธรรมชาติๆๆ อยากได้ธรรมชาติทำไมมึงไปไปถ่ายที่ดงต้นตะขบหลังม.วะ ธรรมชาติมากเลยนั่นอะ!
"ทำดีๆ ดิไอ้เหนือ มันเสียเวลา"
"ก็กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง"
"สมมติว่ามึงวิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่ แล้วแฟนเรียกก็เลยหันมายิ้มให้ อยากชวนไปดูผีเสื้อด้วยกันอะ"
ถอนหายใจหนักมาก ก่อนจะตั้งสติอีกครั้ง แล้วทำตามที่ไอ้บูรพาบอก
ผีเสื้อจ๋า อยู่ที่ไหนน้า ตัวเอง มาดูผีเสื้อกันเร็ว!
ผมยิ้มกว้างๆ ให้กล้องในมือไอ้บูรพาอยู่พักหนึ่ง ไม่สั่งคัทสักที ยิ้มจนตีนกากูจะขึ้นแล้วเนี่ย พอยัง!
"ทำดีๆ ก็ทำได้ ไอ้ห่าต้องให้เสียเวลา"
"ถึงกูจะหล่อแต่กูก็ไม่ใช่ดารามืออาชีพไง ยูโน้ว?"
"ไปจำบทฉากต่อไปไป๊!"
การถ่ายทำดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงค่อนวัน เพิ่งผ่านฉากต่อสู้กับแก๊งอันธพาลแล้วคนที่มาเล่นเป็นอันธพาลคือไอ้หนุ่มและไอ้ภัทร เพื่อนในเอกอีกคน ด้วยความหมั่นไส้ขนตาไอ้หนุ่มเป็นการส่วนตัว จึงเล่นจริงถีบจริงเจ็บจริง จนไอ้ผู้กำกับเผด็จการสั่งผ่านอย่างรวดเร็ว ตอนนี้วนมาถึงซีนกุ๊กกิ๊กระหว่างพระเอกกับนางเอกซึ่งเป็นฉากสุดท้าย เป็นฉากที่ผมต้องกินไอติมอันเดียวกับลูกไม้ หมดไอติมไปสามโคนล่ะ ยังไม่ผ่านเลย ผมหลุดบ้าง ลูกไม้หลุดบ้าง ไอ้ผู้กำกับไม่ถูกใจบ้าง
"แบตฯ กล้องกูจะหมดล่ะเนี่ย"
ผมถอนหายใจเบาๆ กินไอติมอันเดียวก็ยากแล้ว นี่ผมต้องเลียไอติมที่ข้างแก้มลูกไม้อีก ใครเขียนบทวะ ใครเขียนบท!
"ลูกไม้ ถ้าไม่เลียจริงก็ใช้มุมกล้องก็ได้นะ เราว่าลิ้นไอ้เหนือมันน่าขยะแขยง"
"ไอ้สันขวาน! กูไม่รู้จะด่ามึงว่าอะไรแล้วนะ!"
"ไม่เป็นไรๆ เลียเลย เดี๋ยวเอาแอลกอฮอล์เช็ดเอา"
"ลูกไม้!"
"เฮ้ย ล้อเล่นๆ!"
เล่นซะกูเจ็บจริง! คือนี่ก็สวยจนกูสั่นเลยด้วยไง
"ไม่ต้องเขินนะเหนือ คิดว่าเราเป็นแพทก็ได้"
"หือ?" ผมหันขวับไปมองลูกไม้ คิ้วขมวดหากันหน่อยๆ
"ลูกไม้รู้จักแพทด้วยเหรอ"
"จริงๆ เราเป็นรูมเมทแพทอะ มาเล่นคู่กับเหนือนี่เราขออนุญาตแพทแล้วนะ แพทบอกว่ายกเหนือให้เราเลย"
"อ๋อ"
"ลองคิดว่าเราเป็นแพทดู"
ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนไอ้บูรพาจะให้สัญญาณเริ่มถ่าย ผมก้มลงไปกัดไอติมโคนเดียวกับลูกไม้ ในฉากเธอต้องตกใจนิดหน่อยจนไอติมเลอะแก้ม ไอ้บูรพาใช้การถ่ายทำแบบลองคัท คือไม่ตัดเป็นฉากๆ แล้วถ่ายซีนนี้รวดเดียว การถ่ายทำคอนทินิวไปเรื่อยๆ จนถึงตอนที่ผมต้องเลียหน้าลูกไม้
สมมติว่าเป็นแพท...
คบกันมาสามปีมากสุดแค่จับมือ ถ้าได้เลียหน้ามันจะฟินแค่ไหนวะ
ผมโฟกัสแค่แก้มขาวๆ ของคนตรงข้ามที่เลอะไอติม ก่อนจะเลียเบาๆ ตรงนั้น ไอ้บูรพาทิ้งช่วงนิดหนึ่งก่อนจะสั่งคัท
"โอเคอยู่"
"เชี่ย! ใจแทบหลุด" ผมยกมือทาบอกที่ใจยังเต้นตึกๆ อยู่
"ทำดีมากๆ วันนี้ทุกคนเก่งมาก ขอบคุณมากที่ร่วมมือกัน" ไอ้หลิวเป็นตัวแทนของเอกพูดขอบคุณคนที่มาช่วยกันในวันนี้ อาจจะไม่มีบททุกคนแต่ก็มากับเกือบครบเซคชั่น มานั่งมองมาหวีดร้องให้กูเกร็งเล่นๆ ไปงั้นแหละ
"เดี๋ยวเราตัดต่อเสร็จเมื่อไรเดี๋ยวอัพลงยูทูปให้"
ผมหันขวับไปหาไอ้บูรพา
"เดี๋ยวนะมึง อัพยูทูปด้วยเหรอ"
"มึงไม่รู้เหรอ"
ผมส่ายหน้ายิกๆ
"เขาให้อัพลงยูทูป แล้วยอดวิวคือคะแนน แล้วถ้าเซคไหนได้คะแนนสูงสุดจะได้ไปฉายในห้องเรียนรวมห้องใหญ่ด้วย"
"ฮะ!"
"ดังแน่มึง"
หวีด! หมายความว่าไอ้ฉากเลียไอติมเมื่อกี้ ก็ต้องเห็นกันทั้งปีหนึ่งงี้อะนะ! ไม่เห็นมีใครบอกเรื่องนี้เลย!
...
ผมกลับมาที่หอพัก หลังจากคุยไลน์กับแพทเสร็จ ก็ถูกไล่ให้ไปนอน ผมปิดไฟแล้วแต่ยังไม่รู้สึกง่วง จึงหยิบมือถือขึ้นมาทำกิจวัตรประจำวันคือการไถไทม์ไลน์เฟสบุ๊คและฟีดอินสตาแกรมเล่นๆ เห็นไอ้หลิวโพสท์รูปผมคู่กับไอ้บูรพาตอนที่กำลังถ่ายหนังอยู่ ผมกำลังยิ้มหน้าระลื่น ส่วนไอ้บูรพายกล้องขึ้นถ่ายผมอยู่ และแคปชั่นน่าลุกขึ้นไปถีบ
LiwwHTK : เพื่อนไม่เคยเก่า #บูรพากับองศาเหนือ
ผมเลื่อนลงไปดูคอมเมนท์หนึ่ง
BBurapha : มหัศจรรย์ ควายยิ้มได้
ไอ้ห่า!
ว่าแต่ ไอ้บูรพามันมีอินสตราแกรมด้วยเหรอวะ ผมกดเข้าไปในแอคเคาท์ของมัน
ตั้งไพรเวท ขอบคุณ!
ผมไม่ได้คอมเมนท์อะไรในภาพของไอ้หลิว แล้วกดเลื่อนไปดูอย่างอื่น ก่อนจะเห็นไอจีแอคฯ เดิมมีโพสท์ใหม่อีกแล้ว
Sundaynight01 : ชอบเวลาเขายิ้ม แต่น่าเสียดาย เขายิ้มให้คนอื่น
อือหือ บาดลึกกินใจ ผมนึกไปถึงสาเหตุของการยิ้มในวันนี้ ยิ้มเพราะกล้องกำลังถ่าย ยิ้มเพราะเสียงชัตเตอร์คล้ายจะเป็นคำสั่งให้ต้องยิ้ม ถ้าอยากให้คนยิ้มให้บ่อยๆ มึงควรไปเกิดเป็นกล้องถ่ายรูป โอเคนะ
...
เป็นอีกวันที่รุ่นพี่นัดมาเจอที่โถงคณะหลังจบห้องเชียร์ ผมเริ่มชินกับชีวิตเฟรชชี่ปีหนึ่ง กิจกรรมห้องเชียร์ไม่ได้น่าเบื่อสำหรับผม สมุดเชียร์สำหรับล่าลายเซ็นรุ่นพี่ของผมก็ไม่ได้โล่งเหมือนตอนแรกๆ แก๊งชะนีมันไปขอลายเซ็นพี่คนไหนก็ลากผมไปด้วย จนได้ลายเซ็นมาเกือบจะครบ มีคนเคยบอกว่าเป็นเฟรชชี่อย่าหลีกเลี่ยงกิจกรรม เพราะมันเป็นประสบการณ์หนึ่งในรั้วมหาลัยที่ไม่ควรพลาด อย่างนั้นผมก็คงเป็นหนึ่งในคนที่ใช้ชีวิตเฟรชชี่คุ้มแล้ว
วันนี้ที่รุ่นพี่เรียกเรามา เพราะว่ามาแจ้งข่าวเรื่อง นิทรรศการมนุษยศาสตร์ ที่ทางคณะมนุษย์ฯ เป็นคนจัด จึงมอบหมายงานให้ทุกเอกจัดบูธของตัวเอง รุ่นพี่จึงยกงานนี้ให้เป็นงานของปีหนึ่งซึ่งถือเป็นงานใหญ่ครั้งแรกที่ต้องร่วมมือกัน หลังจากที่รุ่นพี่กลับไปแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เริ่มนำออกไอเดียที่จะนำเสนอผลงานและรูปแบบการจัดบูธ ส่วนมนุษย์รอยหยักน้อยอย่างองศาเหนือนั้น ก็นั่งกินขนมที่พี่เทคหิ้วมาฝากเมื่อกี้อย่างเงียบๆ ผมหยิบขนมอีกซองขึ้นมา แต่เพราะมือลื่นเลยแกะไม่ออก ทำไมซองขนมมันไม่ติดซิปวะ จะกินก็รูดออกงี้ ผมหันไปหาไอ้หลิว ที่จะส่งให้มันแกะให้แต่ไอ้นั่นก็กำลังอธิบายไอเดียของตัวเองให้เพื่อนๆ ฟังอยู่ ทั้งไอ้หนุ่ม น้ำหวานและบีบีก็ดูไม่มีใครว่างมาแกะขนมให้ ไม่มีใครสนใจเลย
"ฟึ่บ!"
ผมหันขวับไปมองไอ้ไกด์ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้ดึงซองขนมไปแล้วแกะให้ ก่อนจะส่งคืนมาให้
"ขอบใจ"
"แกะขนมไม่เป็นด้วย น่ารักนะมึงเนี่ย"
ฮึ?
มันพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปนอกตึก ผมแอบชะเง้อออกไปมอง เห็นมันยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงนั้นคนเดียว ยืนดูดบุหรี่หน้าตึกคณะนี่ไม่ชั่วทำไม่ได้นะ ผมหันกลับมาก่อนจะสะดุ้งนิดหนึ่ง เมื่อเห็นไอ้บูรพามานั่งอยู่ตรงข้าม
"มึงมานั่งนี่ทำไม"
"กูมาฟังเพื่อนคุยเรื่องงาน แล้วมึงอะ มันใช่เวลามานั่งแดกมั้ยเนี่ย?"
"เสือก พี่เทคไม่ให้ขนมอะดิ จะมาอิจฉากู"
มันกลอกตาขึ้นบนทีหนึ่ง แล้วก้มลงไปหยิบถุงขนมที่วางอยู่ที่พื้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ เชรด! อย่าเรียกว่าถุงขนมเลยเหอะ นี่มันกระสอบ พี่เทคมึงป๋ามากว่ะ!
"ที่มึงชอบเนี่ย เอาไปดิ" มันว่าแล้วหยิบโคอาล่ามาร์ชสองสามกล่องในถุงนั่นให้ผม
"เฮ้ย พี่เทคมึงให้นะ"
"กูไม่กินไง"
"งั้นเอาเยลลี่ด้วย" ผมมองไปที่จอยลี่แบร์
ไอ้บูรพาหัวเราะหน่อยๆ แล้วส่งขนมพวกนั้นมาให้
"แกะให้หน่อย มือเปื้อน"
มันแกะถุงจอยลี่แบร์แล้วส่งให้ ไม่ต้องกินข้าวเย็นแล้วกู...
"ตื้ด...ตื้ด... "
ผมหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะกำลังสั่น เมื่อเห็นว่าเป็นพ่อโทรมาก็เลยปัดมือที่เลอะขนมลวกๆ แล้วเลื่อนหน้าจอเพื่อรับสาย
"ว่าใดป้อ" [ว่าไงพ่อ]
(ยะอะหยังอยู่) [ทำอะไรอยู่]
"กิ๋น" [กิน]
(กิ๋นอะหยัง?) [กินอะไร]
"กิ๋นหลายอย่างป้อ กิ๋นเลย์ โคอาล่ามาร์ช แล้วก่อจอยลี่แบร์" [กินเยอะ กินเลย์ โคอาล่ามาร์ช และก็มีจอยลี่แบร์]
ผมหันไปเห็นไอ้บูรพานั่งหัวเราะ
ขำเหี้ยไร ผมถามแบบไม่มีเสียง
มันส่ายหน้าเบาๆ
(ธัมโมสังโฆ อ้วนเหียแล้วก้า) [โห อ้วนแล้วมั้ง]
"บ่าอ้วนๆ ป้อมีอะหยังก่อ โทรมานิ" [ไม่อ้วน พ่อมีอะไรเนี่ย โทรมาว่าไง]
(บ่ากลับบ้านพ่องก๊ะ กึ๊ดเติงหา) [ไม่กลับบ้านบ้างเหรอ คิดถึง]
"บ่าว่างเลยป้อ วันเสาร์ วันติ๊ด ยังบ่าได้หยุดกำเตื้อ" [ไม่ว่างเลยพ่อ เสาร์อาทิตย์ยังไม่ได้หยุดสักที]
(โอ๊ย กึ๊ดเติงหา) [โอ๊ย คิดถึงมาก]
"ง่อมก๊ะ" [เหงาเหรอ]
(ง่อมก่า ต้องหาเมียใหม่แล้วก้าอี้) [เหงาสิ ต้องหาเมียใหม่แล้วมั้ง]
"เคิ้ววว ถ้ามีเมียใหม่เฮาบ่าต้องมาอู้กั๋นเน้อ" [เฮอะ มีเมียใหม่ไม่ต้องมาพูดกันนะ]
"หึๆ" ผมเหลือบตาไปมองไอ้บูรพาที่หัวเราะออกมา พอผมหันไปมองมันก็หันหน้าไปอีกทางแต่ยังแอบอมยิ้มอยู่
"อั้นต๊ะอี้หนาป้อ เห็บหมามันนั่งฟังอยู่ บ่าฮู้มันไค่หัวหยังนิ" [งั้นแค่นี้นะพ่อ เห็บหมามันนั่งฟังอยู่ ไม่รู้มันหัวเราะอะไร]
ผมกดวางสายจากพ่อแล้วเหลือบไปมองไอ้บูรพาตาขวาง
"มึงไค่หัวอะหยัง เอ๊ย! มึงขำอะไร" ความปรับโหมดไม่ทันของกู
"ไม่ได้ยินมึงพูดภาษาเหนือนานแล้ว"
"ตลกมากมั้ย!"
"เปล่า กูเคยบอกว่าไงอะ"
"ไม่รู้ดิ จำไม่ได้ มึงเคยพูดอะไรด้วยเหรอ"
มันยิ้มแล้วส่ายหน้าหน่อยๆ ผมนึกไปถึงบทสนทนาที่เคยคุยกันเรื่องนี้ตอนม.ต้น
"ไอ้เหนือ เวลามึงพูดภาษาเหนือแล้วน่ารักดีว่ะ มึงพูดบ่อยๆ ดิ"
"พูดไปมึงก็ฟังไม่รู้เรื่อง"
"มึงก็สอนกูดิ ถ้ากูเรียกมึงเป็นภาษาเหนือนี่ต้องพูดว่าไง บักหำน้อยเหรอ"
"หำน้อยป้อคิงก๋า!"
"ฮ่าๆ ไอ้สัด น่ารัก"
หึ! ไม่เห็นจะน่ารักตรงไหนเลย
ภาษาเหนือมาอีกแล้ว ขอบคุณเพื่อนแนน พันธมิตรชาวเหนือสำหรับทรานเสลด ผิดพลาดประการใดขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่า
การพบกันครั้งที่ 9
เหตุเกิดหน้าห้องฉุกเฉิน
วันนี้วันศุกร์ เย็นนี้จึงไม่ต้องขึ้นห้องเชียร์ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะว่าง พวกผมหมดคาบเรียนตั้งแต่เที่ยงเพื่อนก็เลยนัดมาเตรียมงานที่จะจัดแสดงในบูธ บางกลุ่มกำลังช่วยกันทำของตกแต่งสถานที่ อีกกลุ่มช่วยกันทำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบกิจกรรมในบูธ บางคนก็ทำงานอย่างสนุกเฮฮา บางคนก็บ่นระงมเพราะเย็นวันศุกร์ทุกคนต่างก็ต้องการจะกลับบ้าน บางคนก็หนีกลับบ้านไปเลยอย่างไม่สนจะช่วยงาน คนกลุ่มนั้นเลยกำลังถูกพูดถึงอย่างไม่น่าพอใจเท่าไร เริ่มมีความร้าวฉานในหมู่คณะ ส่วนผม ก็ทำงานตามที่ถูกใช้ ส่วนใหญ่จะเป็นงานแบบที่ไม่สะเทือนเซลล์สมองเลย เช่น ตัดกระดาษ พับกระดาษ เอาขยะไปทิ้ง กวาดเศษโฟม
จ้ะ...งานแมนๆ
ผมเดินเอาเศษโฟมมาทิ้งที่นอกตึก ขากลับเดินผ่านเอกญี่ปุ่นที่กำลังเตรียมงานของตัวเองอยู่เหมือนกัน ผมหันไปเห็นเอกนั้นเอากระดาษทิชชูสีชมพูมาม้วนๆ แล้วกลายเป็นดอกซากุระ น่าสนใจเลยเดินเข้าไปดู
"ว่าไงจ้ะ องศาเหนือ" ผู้หญิงคนหนึ่งหันมาทัก ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แต่เธอหันมาอ่านป้ายชื่อที่คอผม
"นี่ทำมาจากทิชชูเหรอ" ผมพูดอย่างสนใจ พอเอาดอกทิชชูมารวมๆ กันแล้วมองไกลๆ ก็คล้ายจะเป็นต้นซากุระจริงๆ เลย
"ใช่จ้า"
"ทำยากป่ะ"
"ไม่ยากๆ ลองทำดิ"
ผมเนียนไปนั่งกับเพื่อนเอกญี่ปุ่น แล้วให้พวกนั้นสอนทำดอกซากุระจากทิชชู แล้วมันก็ง่ายมาก
"เฮ้ย เจ๋งว่ะ ใครเป็นคนคิดอะ"
"รุ่นพี่เขาทำมาตั้งหลายปีแล้วอะ ก็เลยมาสอนให้"
"สวยดี" ผมมองดอกซากุระทิชชูที่เพื่อนเอกญี่ปุ่นจัดเป็นช่อเล็กๆ แล้วส่งให้
"เอาไปดิ"
"ขอบคุณมาก เออ ต้องไปแล้วอะเดี๋ยวไปช่วยเพื่อนทำงานต่อ" ผมโบกมือลาเพื่อนเอกญี่ปุ่นก่อนจะกลับมาที่เอกตัวเอง
"ไปไหนมาวะนานจัง"
"มึงดูนี่ดิ ดอกซากุระจากทิชชู"
"ไปเอามาจากไหน"
"เอกญี่ปุ่น เขาทำต้นเบอเร่อเลย เหมือนซากุระมากอะ"
“มันคือทิชชู”
“มันคือซากุระ”
“ทิชชูก็คือทิชชู”
"ไรวะ... " ผมพูดเบาๆ แล้วมองซากุระในมือ ก่อนจะหันไปหาไอ้หนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วส่งให้มันดู
"ทิชชู" มันพูดแล้วพยักหน้านิดๆ
ไอ้ห่า...ซากุระเว้ย!
ผมยัดช่อซากุระนั่นใส่กระเป๋าเสื้อ แล้วเดินไปหาอะไรทำ ไอ้บูรพาที่กำลังกวาดเศษโฟมหันมามองผม แล้วเหลือบตามามองดอกซากุระในกระเป๋าเสื้อผม
"ซากุระเหรอ"
"เชี่ย! มึงรู้ได้ไง" อะเมซิ่งบูรพา! ผมดึงช่อซากุระขึ้นมาให้มันดูใกล้ๆ
"ทำจากทิชชูเหรอ"
"เออ เจ๋งไปเลยใช่ป่ะ"
"สวยดี"
"มึงนี่ตาถึง ไฮไฟว์!"
มันยกมือแตะมือผม คนอื่นไม่เห็นด้วยแต่ไอ้บูรพานี่ตาถึงจริง
"กูให้มึงดอกหนึ่ง" ผมดึงดอกซากุระยัดใส่กระเป๋าเสื้อมัน
"เฮ้ยเพื่อน มีใครขับรถยนต์ได้บ้าง"
ผมกับไอ้บูรพาหันไปหาบีบีทีเดินเข้ามาถาม
"มีอะไรเปล่าบีบี" ไอ้บูรพาหันไปถาม
"เราสั่งทำป้ายคัทเอาท์เอาไว้ที่นอกเมืองอะ ตอนแรกว่าจะไปเอาพรุ่งนี้แต่เพื่อนบอกให้ไปเอาวันนี้เลยเพราะพรุ่งนี้จะได้มาทำฉากกันเลย แต่เราต้องออกไปซื้อสีกับหลิวอะ ก็เลยจะหาคนไปเอาให้"
"เดี๋ยวเราไปเอาให้ก็ได้"
"มันอยู่ไกลหน่อยนะ เราสั่งไว้ที่นอกเมืองใกล้ๆ บ้านเราเพราะมันถูกกว่าสั่งทำแถวนี้ เดี๋ยวเปิดจีพีเอสไปละกัน"
"ได้"
"งั้นเดี๋ยวเราไปเอากุญแจรถแฟนเราให้แป๊บหนึ่ง"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอารถเราไป"
"โอเค งั้นเหนือไปกับบูรพานะ"
"หะ?"
"จะได้ช่วยกันยก อะนี่ ใบเสร็จรับของ เราจ่ายตังค์ไปแล้ว"
ไอ้บูรพารับใบนั่นมาจากบีบี แล้วหันมาหาผม
"ไปดิ"
"กูไปกับมึงสองคนเหรอ?"
"คนอื่นเขาทำงานกันอยู่ไง"
ผมเดินตามมันไปอย่างช่วยไม่ได้ ต่อต้านเดี๋ยวร้าวฉาน เพื่อนจะหาว่าไม่มีน้ำใจไปช่วยขนของอีก ว่าแต่...
"มึง ป้ายคัทเอาท์คืออะไรวะ"
"แบบนั้นอะ" ไอ้บูรพาชี้ไปที่ป้ายไม้อันหนึ่งที่วางอยู่ข้างตึก เป็นป้ายของชมรมอาสาพัฒนาชนบทที่มาติดเอาไว้เพื่อประชาสัมพันธ์งานค่าย ผมพยักหน้าเบาๆ
"โง่อมตะเลยนะมึงเนี่ย"
"เชี่ย! ก็กูไม่รู้"
"ควายแท้ๆ"
"ไอ้บูรพา ไอ้ห่า"
"ขึ้นรถ"
ผมคว่ำปากใส่มันก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกระบะหลังรถมัน
"มานั่งหน้า"
"กูจะนั่งนี่"
"ร้อนนะมึง"
"กูจะอาบแดด"
"ตามใจ"
มันว่าแล้วขึ้นไปก่อนจะขับรถออกไป ผมเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ โอ้โห...ซุปเปอร์ซัน ผมดึงแขนเสื้อนิสิตที่พับแขนเอาไว้ลงมาถึงข้อมือ ร้อนแผดเผามาก ไอ้บูรพาขับรถออกมาถึงหน้าม. พอผ่านเขตมหาลัยไอ้ห่านี่เหยียบมิดไมล์ ขับเร็วขนาดนี้กะจะให้กูปลิวไปแปะหน้ารถบรรทุกที่ขับตามมาเลยมั้ย!
ขับมาสักระยะหนึ่งดวงอาทิตย์ก็หายวับเข้ากลุ่มเมฆนั่นไป ผมเงยมองฟ้าที่เปลี่ยนสีไป เออ ไม่ร้อนล่ะ...ระหว่างที่จอดติดไฟแดง ผมเห็นท้องฟ้าตรงนี้สวยดี จึงหยิบมือถือขึ้นมาถ่าย แต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นไอ้บูรพาเปิดกระจกรถ ยื่นกล้องออกมาเก็บภาพฟ้านั่นเอาไว้ด้วยเหมือนกัน
ก็มันสวยจริงๆ อะ
ผมไม่รู้เส้นทางในจังหวัดนี้เลย เพราะตั้งแต่มาอยู่นี่ได้เกือบเดือนก็ยังไม่ได้ออกไปไหนนอกจากบริเวณมหาลัย ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ส่วนไหนของจังหวัดแล้ว ตอนนี้ไม่ร้อนเพราะแดดเปรี้ยงๆ นั่นแล้ว แต่กลายเป็นกลุ่มเมฆสีครึ้ม และตามมาด้วย...
ฝน
เวรกรรม...
ผมเงยหน้ามองฝนที่ลงเม็ดบางๆ ตอนนี้เลยทบทวนอยู่ในหัวว่า กูโดดขึ้นมานั่งท้ายกระบะนี่ทำไม ผมแนบหน้าลงไปที่กระจกเพื่อมองไอ้บูรพาที่กำลังขับรถอยู่ รู้ตัวมั้ยน่ะว่าฝนตก กูเปียกแล้วเฮ้ย!
"เอี๊ยด!"
"โป๊ก!"
"เชี่ย"
ผมร้องลั่นเมื่อไอ้นั่นเบรกกะทันหันแล้วหัวก็โขกเข้ากับกระจกพอดี มึงแกล้งกูใช่มั้ยเนี่ย!
"ไอ้เหนือ มานั่งหน้านี่"
ผมมองใส่มันเคืองๆ
"ฝนตก มึงจะอาบฝนหรือไง เดี๋ยวไม่สบายเดือดร้อนกูพาไปหาหมออีก"
"เออๆ"
ผมว่าแล้วกระโดดลงจากกระบะไปนั่งข้างหน้า
"อีกไกลป่ะวะ"
"ยี่สิบโลได้มั้ง"
"โห่ บ้านบีบีมันอยู่พิจิตรหรือไง โคตรไกลว่ะ"
"พิจิตรมันคนละทางเลยไอ้ฟาย"
"ไม่รู้แหละ กูหิวแล้วด้วย"
"ขนมข้างหลังอะ" ผมหันไปมองเบาะหลังตามที่มันบอก ขนมที่มันน่าจะได้มาจากสายเทคหลายถุงอยู่ตรงนั้น โคอาล่ามาร์ชคือสิ่งแรกที่ผมหยิบมาแกะกิน
"กูเคยเห็นคนมันเอาโคอาล่ามาร์ชมาเขย่าห้าพันครั้งกลายเป็นช็อกบอลด้วย มึงเคยทำป่ะ"
"ไม่เอาอะ เสียของ ของมีไว้แดก"
"มึงลองดิ มันทำได้จริงเปล่า"
"ลองแล้วจะได้อะไร" ถึงปากจะพูดอย่างนั้นแต่ผมก็หยิบโคอาล่ามาร์ชอีกกล่องมาเขย่าๆ ดูก่อนไอ้บูรพาจะหัวเราะเบาๆ
"เชี่ย หลอกให้กูทำใช่มั้ยเนี่ย"
"มึงก็เชื่อ"
"ห่า แตกหมดเลยเนี่ย" ผมแกะซองโคอาล่ามาร์ชที่ถูกเขย่าพบว่ามันแตกไม่เป็นชิ้น ก็เลยกรอกใส่ปากเลย ผมหันไปมองไอ้บูรพาที่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปไอค่อกแค่ก
"สมน้ำหน้า หัวเราะกูมาก สำลักน้ำลายตายไปเลย"
"กูไม่สบายหรอก"
"มึงไม่สบายเหรอ" ผมยกมือแตะหน้าผากมันดูก็รู้สึกว่าตัวอุ่นๆ
"ติดมึงไง"
"ใส่ร้ายกู"
"นั่งเรียนก็นั่งข้างมึง ห้องเชียร์ก็นั่งข้างมึง แถมมึงชอบมาไอใส่หน้ากูบ่อยๆ มึงแหละตัวแพร่เชื้อ"
"อย่ามาโทษกู กูหายไปเป็นอาทิตย์แล้วเว้ย!"
ไอ้บูรพาหัวเราะหน่อยๆ แล้วยกน้ำขึ้นมาดื่มตอนที่ติดไฟแดง พอได้มองหน้ามันชัดๆ ก็สังเกตเห็นว่าสีหน้ามันซีดๆ ไปเหมือนกันแต่ไม่คิดไงว่าเห็บหมาอย่างมันจะป่วยเป็นด้วย
ที่จริงผมก็ไม่เคยได้นั่งมองหน้ามันนานขนาดนี้ เค้าโครงหน้ามันไม่ได้ต่างไปจากตอนเด็กๆ เพียงแค่ดูโตขึ้น แถมสูงขึ้นมาก ผมเคยอิจฉาที่ตามันมีตาสองชั้นคมๆ ด้วย แต่ตอนนี้กูอิจฉาทุกคนที่สายตาไม่สั้นครับ ขณะที่กำลังมองมันอยู่ มันก็ใช้สาตาคู่นั้นเหลือบมามองผม
"มองอะไร?"
"มองเห็บหมา"
"สัด"
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"มึงไปอยู่ที่ไหนมาวะ"
"ก็อยู่บ้านไง"
"ตอนกูอยู่ม.ห้า ไอ้เอมันบอกกูว่ามึงไปอยู่แคนาดา"
"อ๋อ ตอนนั้นกูไปแลกเปลี่ยนอะ พ่อกูให้ลองสอบดู เสือกได้เฉยเลย ก็เลยไปปีหนึ่ง"
"อ๋อ กูคิดว่ามึงย้ายไปอยู่ที่นั่น นึกอยู่ว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอมึงแล้ว"
"อยากเจอกูเหรอ"
"ก็กูคิดถึง...เชี่ย! ไม่ใช่ๆ!"
"คิดถึงกู?"
"เปล่า กูพูดผิด! ไม่ใช่เว้ย ไฟเขียวแล้ว ไปดิ!"
ผมรีบหันขวับออกไปมองนอกกระจก ได้ยินแค่เสียงหัวเราะของมันเบาๆ
...
ในที่สุดผมกับไอ้บูรพาก็มาถึงร้านทำป้ายคัทเอาท์ที่อยู่นอกเมือง แถมยังลึกลับซับซ้อน จีพีเอสพาไปมั่วอีก กว่าจะถามทางมาถึงนี่ได้เล่นเอาน้ำมันเกือบหมดถัง เมื่อมาถึงร้านลุงเจ้าของร้านที่กำลังยุ่งอยู่กับลูกค้าคนอื่น ก็ให้ผมกับไอ้บูรพาไปหยิบคัทเอาท์เองที่ด้านหลัง
"มันสั่งไว้กี่อันวะ"
"สองอัน"
"ขับรถมาเกือบชั่วโมงเพื่อมาเอาไอ้ป้ายเนี่ยสองอันเนี่ยนะ"
"มึงไม่ได้ขับอย่าบ่น"
ผมหันไปคว่ำปากใส่ไอ้บูรพา แล้วยกป้ายไม้ที่วางอยู่สองอัน ถึงจะไม่ใหญ่มากแต่ก็หนักอยู่เหมือนกัน นึกว่าจะยกคนเดียวได้ แต่ไม่น่าไหว
"หยิบมาดิ"
"หนัก! กูยกไม่ไหว"
"อ่อนแอ"
"มึงมายกนี่ หนักชิบหาย" ไอ้บูรพาเข้ามาหยิบป้ายนั่นออกไปอันหนึ่งแบบสบายๆ เดี๋ยวนะ...พ่อมึงเป็นกัปตันอเมริกาเหรอ
มันเอาป้ายอันหนึ่งไปวางไว้ด้านนอกก่อน ส่วนผมดึงอีกป้ายที่วางซ้อนเป็นชั้นๆ อยู่ เพราะมันอยู่สูงนิดหน่อย และหนักด้วยก็เลยต้องดึงออกมาทีละนิด แล้วพิงมันไว้ก่อน
"โอ๊ะ!" ผมร้องลั่นแล้วชักมือออกเพราะไปโดนเข้ากับปลายตะปูที่โผล่ออกมา
"เป็นไรวะ"
"โดนตะปู...เชี่ย!"
"เฮ้ย!"
ผมหลับตาแน่นเพราะไอ้ป้ายที่ดึงออกมามันล้มลงมา ไม่ได้ทับผมเพราะไอ้บูรพาเข้ามาจับป้ายนั่นไว้ก่อน
"ออกมาดิ"
ผมออกมาจากตรงนั้นตามคำสั่งของไอ้บูรพา ก่อนมันจะดันป้ายให้กลับไปพิงกับกองไม้เหมือนเดิม แล้วสะบัดมือเบาๆ
"เป็นอะไรกันเปล่าไอ้หนู" ลุงเจ้าของร้านเดินเข้ามา
"ไม่เป็นไรครับลุง" ไอ้บูรพาหันไปตอบ
"งั้นเดี๋ยวลุงขนอันนี้ไปไว้หลังรถเลยนะ"
"ครับ"
ลุงยกป้ายนั่นออกไปอย่างสบาย ขนาดลุงแก่ๆ วัยน่าจะหกสิบแล้วยังยกป้ายนั่นไหว แล้วทำไมกู...ผมสะบัดหัวไล่ความคิดนิดหน่อยแล้วหันไปมองไอ้บูรพาที่ยกมือตัวเองขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นเลือดที่มือมันไหลออกมาเพราะคงไปโดนกับขอบป้ายที่ไม่เรียบตอนที่เข้ามาจับป้ายนั่นไว้ให้
"เฮ้ย เลือดเลยอะ เป็นไรป่ะวะ"
"เจ็บดิ มึงดึงเศษไม้นี่ให้หน่อยดิ๊"
ผมค่อยๆ ดึงเศษเสี้ยนไม้ที่ทิ่มเข้าไปในมือมันออกอย่างระวัง เลือดไหลซึมออกมาเพราะแผลลึกพอสมควร มันยืนยันว่าไม่เป็นอะไรก่อนผมกับมันจะช่วยกันยกป้ายอีกอันไปไว้หลังกระบะ ไอ้บูรพาหยิบน้ำขวดที่กินอยู่เมื่อกี้ออกมาล้างเลือดออก แล้วใช้ทิชชูกดเลือดเอาไว้
"เจ็บมากป่ะวะมึง"
"ไม่เป็นไร กลับเหอะเดี๋ยวมืด"
"มึงเจ็บมือจะขับรถยังไง"
"ขับมือเดียวไง ไม่เห็นยาก ปล่อยมือขับยังได้เลย"
"ไอ้ชิบหาย กูไม่อยากไปเสี่ยงตายกับมึง มากูขับเอง"
"มึงขับรถยนต์เป็นด้วยเหรอ"
"มีอะไรที่คนอย่างกูทำไม่ได้"
"มึงเคยบอกว่าพ่อมึงไม่ให้ขับรถยนต์ไม่ใช่เหรอ"
"ใช่ กูเลยแอบให้เพื่อนสอนให้ มาเหอะ ดีกว่าให้มึงขับอะ เอากุญแจมา"
ผมเข้าไปประจำตำแหน่งคนขับ ตอนฝึกกับเพื่อนมันขับรถเก๋ง แต่ไอ้กระบะนี่มันใหญ่โตมโหฬารน่าดู
"ขับได้แน่นะ"
"เอ๊ะ! มึงนี่ยังไง ไม่ไว้ใจมึงก็เดินกลับไปเลยไป"
ไอ้บูรพาดึงเข็มขัดมาคาดด้วยสีหน้าที่ไม่ไว้ใจกันสุดๆ ผมขับรถมันออกมาจากร้านไม้เข้าสู่ถนนใหญ่เพื่อกลับเข้าตัวเมือง
"หัดขับรถตั้งแต่ตอนไหน"
"ตอนขึ้นม.ห้าอะ กูเห็นเพื่อนมันขับได้กันแทบทุกคนเลย กูเลยให้มันสอนให้"
"แล้วพ่อไม่ว่าเหรอ"
"ก็อย่าให้รู้ดิ กูก็ไม่เห็นว่าขับรถยนต์มันจะยากตรงไหน กูฝึกวันเดียวก็ขับได้แล้ว เห็นมะ สบายมาก"
"เออ ขับไปดีๆ"
ผมหมุนพวงมาลัยในจุดที่ต้องยูเทิร์น
"ครืด... "
ชิบหาย...
ผมหันไปมองหน้าไอ้บูรพา ที่มองมาด้วยสีหน้านิ่งๆ ตอนที่ได้ยินเสียงรถขูดกับเกาะกลางถนน
"สัด"
เสียงเบาๆ เปล่งออกมา เป็นคำด่านิ่งๆ ที่กระแทกหัวจิตหัวใจเหลือเกิน
"รถมึงแหละ รถมึงใหญ่อะ ผิดที่รถมึง"
"ไอ้ห่า"
"เออน่า เดี๋ยวกูจ่ายค่าซ่อมให้" ผมพูดแล้วเหยียบคันเร่งต่อ
"ครืด..."
"ถอยหลังก่อนสิไอ้ฟาย!"
"อ่อเหรอ แหะๆ" ในที่สุดก็ผ่านจุดยูเทิร์นนรกมาได้ ขับทางตรงไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่คนข้างๆ นี่นั่งกุมขมับแน่น เจอ ดอมิเหนือ ทอเร็ตโต้เข้าไป ไข้ขึ้นเลยสิมึง
"ขำชิบหาย อาทิตย์ก่อนกูป่วย อาทิตย์นี้มึงป่วย อ่อนแอกันเหลือเกิน"
"ก็มึงแพร่เชื้อ"
"นี่ก็โทษกูไม่เลิก มึงแวะหาหมอก่อนเปล่า ข้างหน้ามีโรงบาลด้วย"
"ไม่เป็นไร"
"เป็นดิ เลือดก็ไม่หยุดไหล แล้วเผื่อไข้ขึ้นด้วย คืนนี้เป็นอะไรขึ้นมาอย่ามาเรียกกูกลางดึกนะ"
"เอางั้นก็ได้"
"งั้นกูเลี้ยวเลยนะ" ผมกำลังจะหักพวกมาลัยเลี้ยวเข้าโรงพยาบาล
"ก็เปิดไฟเลี้ยวด้วยดิ"
"อ้าว ลืม" ผมว่าแล้วเลื่อนมือไปเปิดไฟเลี้ยว
"เลี้ยวซ้ายโว้ย!"
"เอ้าผิด!" กว่าจะเปิดไฟเลี้ยวได้ถูกทาง ผมก็เลยซอยเลี้ยวเข้าโรงพยาบาลมาแล้ว ก็เลยเบรกแล้วถอยหลังมา
"ถอยหลังเป็นป่ะเนี่ย?"
"ไอ้ห่า มึงก็ใจเย็นดิวะ" ผมถอยรถมาจนถึงทางเลี้ยว ก่อนจะหักพวงมาลัยเข้าซ้าย แล้วเหยียบคันเร่ง แต่รถมันยิ่งถอยหลังไปมากกว่าเดิม
"เปลี่ยนเกียร์ด้วยสิ ไอ้ควาย!!"
"อุ้ย ลืม" ผมใส่เกียร์เดินหน้าก่อนจะค่อยๆ เลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างระวัง เกิดขูดอีกรอยนี่คงต้องขายไตมาเป็นค่าซ่อมรถมันแน่
"กูคงไม่ได้ตายเพราะเป็นไข้หรอก ตายเพราะเมารถที่มึงขับเนี่ย! "
"โด่ กูพามึงมาถึงละกัน"
ผมเข้าไปจอดรถหน้าตึก ก่อนจะพาไอ้บูรพาเข้าไปหาพยาบาลที่มารอรับอยู่ด้านหน้า
"ไอ้นี่มันไม่สบายอะครับ แล้วก็มีแผลที่มือด้วย ถ้ารักษาไม่ได้ก็ส่งเข้าห้องชันสูตรศพเลยครับ ฝากโทรบอกญาติด้วยว่ามันจากไปอย่างสงบ"
ไอ้บูรพาหันมายกนิ้วกลางให้แทนทุกคำพูด
"เดี๋ยวกูไปหาที่จอดรถก่อน แล้วเดี๋ยวตามไป"
ผมวนรถออกมาจากหน้าตึกเพื่อหาที่จอดรถ ก่อนจะเห็นช่องว่างริมสุดจึงเลี้ยวเข้าไป สุดหรือยังวะ อีกนิดละกัน...
"ปัง!"
เหยดโด้โคอาล่ามาร์ช! ไฟหน้าแตกไปเลยมั้งนั่น! ผมกำลังจะเปิดประตูลงไปดู แต่...
"ปึก!"
ติดกำแพง เปิดไม่ได้
สันขวาน! นี่เป็นเหตุผลที่กูต้องกลับไปขี่มอเตอร์ไซค์ถูกมั้ย? ผมกระโดดไปอีกเบาะแล้วเปิดประตูลงมาจากฝั่งนั้น ก่อนจะไปสำรวจไฟหน้าปรากฏว่ามันยังอยู่ดี มีแค่รอยถลอกที่พุ่งชนขอบกั้นนั่นนิดหน่อย นิดเดียว คิดซะว่าแมวทำ
ผมเดินกลับเข้าไปในโรงพยาบาล แล้วเข้าไปหาพยาบาลคนเมื่อกี้
"เพื่อนน้องทำแผลอยู่ในห้องERจ้า ไปรอหน้าห้องก็ได้"
ห้องอีอาร์ คือห้องอะหยังก่อคับ?
ใช้ความพยายามในการตามหาห้องอีอาร์ด้วยตัวเองเพราะไม่ต้องการแสดงความควายให้ใครรู้ผมก็มาถึงหน้าห้องอีอาร์หรือห้องฉุกเฉินที่ผมรู้จัก ฉุกเฉินก็ฉุกเฉิน มาอีองอีอาร์ก็งงสิ ผมนั่งรอไอ้บูรพาอยู่ที่หน้าห้อง กวาดสายตาไปรอบๆ โรงพยาบาลเล็กๆ ในตัวอำเภอที่ดูเงียบๆ อาจจะเป็นเพราะหมดเวลาราชการไปแล้วหรือเปล่า ห้องตรวจส่วนอื่นๆ ของตึกก็เลยยิ่งเงียบเข้าไปใหญ่ สักพักหนึ่งก็มีหมอคนหนึ่งเดินออกมาห้อง ผมจึงลุกขึ้นไปหา
"เพื่อนผมเป็นไงบ้างครับ"
"เป็นเพื่อนกันเหรอครับ"
เออนั่นสิ...เป็นเพื่อนกันเหรอ? เพื่อนกันเฉพาะกิจก็ได้วะ
"ใช่ครับ ต้องแอดมิดหรือเปล่าครับ"
"ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ แต่ผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างการทำเคมีบำบัดร่างกายก็อ่อนแอเป็นธรรมดา จึงต้องดูแลเป็นพิเศษนะครับ"
ว้อทเดอะ...เคมีบำบัด?
"ถ้าน้องมีเวลาก็ไปให้พี่ๆ พยาบาลอธิบายเกี่ยวกับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรับการทำคีโมก็ได้นะครับ จะได้เอาไว้ดูแลเพื่อนเราด้วย"
"คุณหมอคะ ทางนี้หน่อยค่ะ"
"ครับผม"
หมอเดินออกไปแล้ว แต่สมองผมยังประมวลผมไม่สำเร็จ
ผู้ป่วยมะเร็ง? ทำคีโม? ไอ้บูรพา?
คีย์เวิร์ดทีละคำปะติดปะต่อกันเข้ามาทีละนิด แล้วก็ต้องเซไปทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ที่เดิม
ไอ้บูรพาเป็นมะเร็งที่กำลังทำคีโม...
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 10
เป็นเพื่อนกัน
"ไอ้บูรพา! มึงเป็นไงมั่งวะ!"
ผมลุกพรวดไอ้บูรพาที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉิน
"โดนฉีดตูดเลย และพยาบาลอย่างสวย อายชิบหาย"
"แล้วมึงโอเคใช่มั้ย"
"โอเคดิ เดี๋ยวไปรับยาก็กลับได้แล้ว"
ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินตามมันไปที่ห้องรับยา ใจผมยังเต้นตึกๆ ตอนที่หมอบอกแบบนั้น ระหว่างที่นั่งรอยา ผมหันไปหาไอ้บูรพาแล้วสูดลมหายใจเบาๆ
"ไอ้บูรพา..."
มันหันมามองแล้วเลิกคิ้วนิดๆ
"หมอบอกกับกูแล้วว่ามึงเป็นโรคอะไร"
"โรค?"
"โรคที่มึงเป็นไง"
"อ๋อ..."
"มึงป่วยมานานยังวะ"
"ก็พักหนึ่งแล้วอะ"
"แล้วมึงทำไมไม่บอกใครวะ"
"ทำไมต้องบอกใครวะ"
"ก็มึงป่วยนะเว้ย อย่างน้อยก็น่าจะบอกรุ่นพี่เวลาทำกิจกรรมอะไร เกิดมึงเป็นอะไรขึ้นมาจะทำไงวะ"
"ทำไมต้องให้เป็นเรื่องใหญ่วะ กูไม่ได้เป็นอะไรมาก"
"ไม่มากได้ไง มึงเป็น..." ผมชะงักไปนิดหนึ่ง
"ไม่ได้หนักหนาอะไรนี่หว่า" มันพูดอย่างไม่ได้คิดอะไร
"แล้วพ่อแม่มึงรู้หรือเปล่า"
มันพยักหน้านิดๆ
"มึงก็ไม่ต้องบอกใครนะ"
"โอเค..."
"นายบูรพา สัตยาพิทักษ์ รับยาที่ช่องสองค่ะ"
"เดี๋ยวกูไปเอาให้" ผมหยิบใบสั่งยามาจากมือมันแล้วตรงไปที่ช่องรับยา ไม่รู้ว่าที่ผ่านมามันไปทำอะไรอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงป่วยเป็นโรคอย่างนั้นได้ คนที่ดูแข็งแรงดี วิ่งรอบสนามสิบรอบได้ ยกป้ายคัตเอาท์คนเดียวได้ แต่เป็นคนเดียวกับคนที่ถูกเรียกว่าผู้ป่วยมะเร็ง
โธ่...ไอ้บูรพา
"สองร้อยห้าสิบบาทค่ะ"
ผมควักเงินในกระเป๋าจ่ายให้พยาบาลก่อนจะรับยามาให้ไอ้บูรพา
"ขอบใจ"
"สองร้อยห้าสิบ"
"สัด นึกว่าจะใจดี"
"พ่อกูให้ใช้อาทิตย์ละพัน จะเอาอะไรมาใจดี"
หลังจากได้ยามาแล้ว ผมกับไอ้บูรพาก็เดินมาที่จอดรถ เจ้าของรถหันขวับมามองผมตอนที่เห็นสกิลการจอดรถของผม
"เอากุญแจมาเลย กูขับเอง"
"แต่มึงป่วย"
"กูขับเอง"
"มึงเจ็บมือด้วยนะ"
"กูขับเอง"
"เอาไป!" ผมโยนกุญแจให้มัน ก่อนมันจะส่ายหัวหน่อยๆ
"จอดงี้ กูจะเข้ายังไง" มันบ่นเบาๆ แล้วเปิดประตูรถอีกฝั่งก่อนจะข้ามไปฝั่งนั้น ผมตามขึ้นไปนั่ง อย่างเงียบๆ ไม่อยากจะเถียงจะด่าอะไรมันแล้ว
ไอ้บูรพา ต่อไปนี้กูจะทำดีกับมึงนะ
...
จันทร์ถึงศุกร์อาจไม่ใช่วันธรรมดาฉันท์ใด เสาร์อาทิตย์ก็อาจไม่ใช่วันหยุดฉันท์นั้น เป็นอีกเสาร์ที่ผมไม่ได้หยุดอยู่ที่หอแต่ต้องมาช่วยเพื่อนในเอกทำงานที่ตึกข้างคณะต่อ ป้ายคัตเอาต์ที่ผมกับไอ้บูรพาไปเอามาเมื่อวานกำลังถูกเพื่อนที่มีฝีมือด้านศิลปะวาดรูปเข้าไปเพื่อเป็นฉากหลังของบูธเอกเรา ผมมองดูก้อยที่กำลังวาดเมืองลอนดอนที่เพื่อนๆ ลงมติกันว่าเหมาะจะเป็นฉากของเอกอังกฤษของพวกเรา เห็นฝีมือก้อยแล้วเลยอดที่จะหยุดมองไม่ได้เลย
"เหนือ จ้องเรานานมากอะ มีอะไรเปล่า? " ก้อยหันมาถาม
"เปล่า ก้อยวาดรูปสวยจัง"
"อ๋อ เราซิ่วมาจากถาปัตย์อะ"
"อ้าวจริงดิ แล้วต้องเรียกพี่ป่ะเนี่ย"
"เฮ้ยไม่ต้อง! เพื่อนกัน เหนือระบายสีได้ป่ะล่ะ"
"ไม่เอาอะ เดี๋ยวเละ"
"ลองดูดิ เอาตรงง่ายๆ ก็ได้ จะได้ช่วยกัน"
ผมรับพู่กันมาจากก้อยแล้วบรรจงระบายรูปรถเมล์สีแดงหนึ่งในสัญลักษณ์ลอนดอน
"อย่าทำของเขาเละนะมึง" ผมหันไปมองไอ้บูรพาที่เดินผ่านมา
"ฝีมือกูยิ่งกว่าลีโอนาร์โด ดิคาปิโอเว้ย"
"เกี่ยวไรวะ?"
"ก็ศิลปินที่วาดรูปโมนาลิซ่าไง"
"นั่นมันลีโอนาร์โด ดาวินชี่ ที่มึงพูดนั่นพระเอกไททานิก ฟาย"
"เอ้าเหรอ"
"โง่อย่างมึงนี่สมควรเรือล่มตาย"
"ไอ้ห่า!"
"ไอ้บูรพา มาช่วยยกนี่หน่อย"
"เออๆ"
ก่อนที่ผมจะด่ามันต่อไอ้บูรพาก็ถูกไอ้บอมบ์เรียกไปช่วยยกโต๊ะที่จะเอามาจัดบูท ผมวางพู่กันแล้วรีบวิ่งเข้าไปที่ไอ้บูรพากับไอ้บอมบ์
"เดี๋ยวกูยกเอง มือมึงเจ็บอยู่นะ"
"เออๆ ตามใจ"
"บูรพา กวาดเศษโฟมนี่หน่อยดิ"
"เฮ้ย เดี๋ยวเราทำเอง!"
"อะไรของมึงไอ้เหนือ"
"มึงป่วยอยู่นะ"
"กูไม่ได้เป็นอะไร"
"เออน่า กูทำตรงนี้เอง"
"บูรพา ออกไปซื้อของให้หน่อยดิ"
"เดี๋ยวเราไปเอง!"
ไอ้พวกนี้ก็เรียกใช้จัง อย่ามาใช้เพื่อนเราหนักได้ป่ะวะ ขอร้อง ผมกลับมาหลังจากไปซื้อของให้เพื่อน ก่อนจะเห็นไอ้บูรพานั่งระบายสีคัตเอาท์อยู่กับก้อย จึงเดินเข้าไปหา
"เหนือมาพอดี มาช่วยระบายต่อหน่อยดิ"
"ได้ๆ" ผมเข้าไปช่วยก้อยระบายสีส่วนที่เหลือ
"สองคนระบายกันไปก่อนนะ ไม่ต้องกลัวเละเดี๋ยวเรากลับมาเก็บรายละเอียดอีกที"
"ก้อยจะไปไหนอะ"
"ไปตัดต้นตะขบหลังม.มาเป็นหลักตั้งป้ายนี่แหละ"
"เฮ้ย เราไปช่วยเปล่า"
"ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวไปกับหลิว น้ำหวานแล้วก็ผักกาด"
ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วมองดูผู้หญิงสี่คนนั้นเดินออกไปด้วย ไอ้หลิวถือมีดอีโต้ไปด้วย นี่มันคอนเซ็ปต์ผู้หญิงตัดต้นไม้ผู้ชายนั่งระบายสีเหรอวะ ไอ้บูรพาหันกลับไปตั้งอกตั้งใจระบายสีหอนาฬิกาบิ๊กเบนต่อ
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"ทำไมมึงมาเรียนเอกนี้วะ"
"กูไม่รู้จะเรียนอะไร"
"ฮะ? มึงก็สุ่มๆ เอางี้เหรอ"
"กูกลับจากแลกเปลี่ยนพอดีไง พูดอังกฤษได้ก็เลยเลือกเลือกเอกนี้เลย"
"อ๋อ"
"แล้วมึงอะ"
"กูตามแพทมา ก็เลยเลือกคณะที่คะแนนไม่สูงมากแบบที่กูพอจะเอื้อมถึงอะ"
มันพยักหน้าหน่อยๆ
"ไอ้บูรพา"
"เรียกจังเลย ก็อยู่นี่แล้วไง"
"กู...หายโกรธมึงแล้วนะ"
มันชะงักการกระทำในมือ ก่อนจะหันมามองผม
"มาดีกัน"
ผมยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้ามัน
"เกี่ยวก้อยด้วย ปัญญาอ่อน"
"เออไม่ต้องดีก็ได้ไอ้ห่า!"
"เออๆ มาๆ เกี่ยวก็เกี่ยว"
มันว่าแล้วยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วผม แล้วหัวเราะเบาๆ
"ไอ้เหนือ กูไม่ได้ชอบแพทนะเว้ย"
"..."
"ไม่เคยชอบเลย"
ผมพยักหน้าเบาๆ
"ที่กูนัดแพทไปเจอวันนั้นอะ เพราะกูอยากจะบอกมึงเรื่องที่ต้องย้ายกลับกรุงเทพฯ กูไม่กล้าบอกมึงเลยอยากให้แพทช่วย มึงมาถึงก็ไม่ฟังห่าอะไรเลย กูโมโหด้วยก็เลยไม่ได้อธิบาย"
คำพูดของไอ้บูรพาทำให้ผมนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วก็เข้าใจว่าการกระทำของตัวเองในวันนั้นมันงี่เง่าสิ้นดี
"กูขอโทษว่ะ"
"หัดฟังคนอื่นบ้าง จำไว้"
"แต่ที่กูโกรธมึงนานขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะคิดว่ามึงชอบแพทนะเว้ย"
"อ้าว"
"แต่โกรธที่มึงไปไม่ลาสักคำ"
"..."
"คำบอกลาผ่านสเตตัสมึงก็ไม่แท็กกูด้วย"
"เฮ้ย กูแท็กแล้วนะ"
“ไม่มี!”
"กูกดแล้วนะ"
"มึงไปย้อนดูเลยไปไอ้ชิบหาย ไม่มีกู"
ไอ้บูรพาควักมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วกดเข้าเฟสบุ๊ค เลื่อนให้นิ้วไหม้เลยมึง สามปีที่แล้วอะ ผมปล่อยให้มันขุดอดีตไป แล้วหันกลับมาระบายสีต่อ
ผ่านไปพักหนึ่งไอ้บูรพาก็ร้องออกมา
"นี่ไง"
"มึงหาเจอจริงดิ!"
"เออ กูไม่ได้แท็กมึงจริงๆ ด้วยว่ะ แต่กูว่ากูกดไปแล้ว... "
"ถ้ามึงแท็กกูตั้งแต่วัน กูก็ไม่โกรธยาวนานข้ามศักราชขนาดนี้หรอก"
"แล้วมึงลบเพื่อนกูทำไมอะ"
"โกรธไงไอ้ห่า โกรธ"
"งั้นเอามาแอดใหม่ดิ เฟสบุ๊คมึงชื่ออะไร"
ผมมองเคืองๆแล้วดึงมือถือมันมาแอดเฟซบุ๊คหาตัวเอง ก่อนจะควักมือถือตัวเองขึ้นมากดรับเพื่อนมัน
เหนือ องศาเหนือ ได้เป็นเพื่อนกับ บูรพา สัตยาพิทักษ์แล้ว
...
เพราะเมื่อคืนเร่งทำอุปกรณ์แต่งบูธสำหรับงานวันจันทร์เรียบร้อยไปแล้ว วันอาทิตย์อย่างวันนี้ก็เลยเป็นวันหยุดที่จะได้หยุดอยู่หอจริงๆ จังๆ สักที ผมนอนเหมือนซ้อมตายย่อยแล้วมาตื่นเอาเกือบเที่ยงตอนที่แพทโทรมาชวนกินข้าว จึงลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปหาแพทที่หอใน ผมเปิดประตูออกมาเจอไอ้บูรพาออกมาจากห้องมันพอดี
"ไปไหนวะ" ผมทักมันก่อน
"ไปหาไรกิน มึงอะ"
"แพทชวนกินข้าวที่หอในอะ มึงเคยกินข้าวที่หอในเปล่า ร้านอร่อยเยอะนะเว้ย"
"ไม่เคยว่ะ หอในคนเยอะ"
"มึงต้องไปลอง"
"เออ เดี๋ยวลองไป"
ผมเปิดประตูออกมาก่อนจะหวีดร้องเบาๆ เมื่อเห็นแสงแดดเที่ยงวันรอต้อนรับอยู่
"โห่ ร้อนชิบหาย กว่ากูจะเรียนจบคงดำยันลูกกะตาขาว"
"มึงก็เวอร์"
"ก็มึงดูแดดดิ แค่เดือนเดียวกูคล้ำขึ้นแล้วนะ"
"เป็นผู้ชายจะมากระแดะกลัวดำ แค่นี้มึงก็ขาวจนจะเรืองแสงได้แล้วไอ้ห่า"
ผมคว่ำปากใส่มันหน่อยๆ ก็มึงขับรถยนต์นี่ มึงไม่เดือดร้อนนี่ ผมนึกอะไรขึ้นมาได้ตอนที่ไอ้บูรพาเดินไปเปิดประตูรถที่จอดอยู่ข้างๆ จึงเรียกมันเอาไว้ก่อน
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"ไปกินข้าวด้วยกันดิ"
"อะไรเข้าสิง มาชวนกูกินข้าว"
"เออน่า มึงจะได้ไปคุยกับแพทด้วยไง ไปดิ"
"ก็ได้ ไปกับกูดิ"
"ไม่เอา มึงแหละมากับกู"
"ร้อน เดี๋ยวดำ"
"เมื่อกี้มึงยังด่ากูกระแดะอยู่เลย ฟาย ไปกับกูนี่แหละ หอในไม่ค่อยจะมีที่จอดรถ"
ไอ้บูรพายอมมากับผมแต่โดยดีก่อนจะพามันเริงร่าท้าแดดเข้าไปในหอใน แพทยืนรออยู่ที่หน้าโรงอาหารแล้ว ดูตกใจนิดๆ ที่เห็นผมมากับไอ้บูรพา
"หวัดดีแพท" ไอ้บูรพาเอ่ยทักแพทก่อน
"หวัดดี ไม่เจอกันนานเลยว่ะ สบายดีนะ"
"สบายดี"
ผมหันไปมองไอ้บูรพา กล้าพูดว่าสบายดีทั้งๆ ที่เป็นมะเร็งเนี่ยนะ มึงกล้าหาญมากเพื่อน
"แล้วทำไมมาด้วยกันได้อะ"
"ก็ชวนมากินข้าวด้วยกันไง จะได้คุยกัน"
ทั้งผม แพท และไอ้บูรพานั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน ตลอดเวลาก็พูดคุยกันเรื่องสมัยเรียน ขุดอดีตมาแข่งกันพูดไม่หยุดเลย ทำให้นึกถึงวันเก่าๆ ครั้งนี้ผมกล้าพูดเลยว่าผมคิดถึง
คิดถึงจริงๆ
ระหว่างที่แพทกำลังคุยอยู่กับไอ้บูรพา ผมหันไปเห็นลูกไม้ เพื่อนคณะพยาบาลที่เป็นรูมเมทของแพทกำลังเดินเข้ามาในโรงอาหาร
"ลูกไม้!" ผมตะโกนทัก ก่อนคนถูกเรียกจะเดินเข้ามาหา หน้าสดยังสวยได้ขนาดนี้ เอาแพทไปเก็บดิ๊ จะจีบลูกไม้สักสองวัน
"หวัดดีเหนือ หวัดดีบูรพา"
ผมกับไอ้บูรพาพยักหน้ารับหน่อยๆ
"ทำไมลงมาคนเดียวอะ"
"ทรายซักผ้าอยู่อะ เราหิวเลยลงมาก่อน"
"งั้นมานั่งด้วยกันดิ"
"ไม่เป็นไร กินกันเสร็จแล้วนี่ เดี๋ยวซื้อไปกินข้างบน ซื้อให้ทรายด้วย"
"เออ งั้นเราขึ้นหอพร้อมลูกไม้เลยดีกว่า ต้องไปทำการบ้านต่อด้วย งั้นเดี๋ยวไว้เจอกันวันหลังนะ" แพทหันมาบอกกับพวกเรา
"โอเค เดี๋ยวโทรหา"
แพทพยักแล้วกำลังจะหยิบจานข้าวขึ้น
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวเก็บให้"
"แต้งกิ้ว ไปนะ ไว้คุยกันอีกนะบูรพา"
แพทโบกมือให้หน่อยๆ แล้วเดินออกไปกับลูกไม้ ผมหันขวับไปหาไอ้บูรพา
"มึงกินยาหลังอาหารยัง"
"ไม่ได้เอามา"
"รีบกลับหอไปกินเลย"
"อะไรของมึงเนี่ย?"
"มึงป่วยนะเว้ย มึงต้องกินยาให้ครบดิวะ"
"เออ เดี๋ยวกลับไปกิน"
"ไปเลย รีบไป เอาจานมานี่เดี๋ยวกูไปเก็บให้"
ผมกับไอ้บูรพาเดินออกมานอกโรงอาหาร ไม่มีแดดเปรี้ยงแต่เปลี่ยนเป็นฟ้าครึ้มๆ เหมือนฝนจะตก โอ้โห...อากาศแปรปรวนยิ่งกว่าอารมณ์สตรีมีเมนส์
"ไปเหอะ เดี๋ยวฝนตก" ผมบอกก่อนจะพาไอ้บูรพาขี่รถออกมาจากหน้าหอใน ผมตะโกนไปคุยกับไอ้บูรพาที่นั่งซ้อนท้ายอยู่
"ไอ้บูรพา มึงเคยไปให้อาหารปลาเปล่า"
"ไรนะ"
"อาหารปลา"
"กูไม่กิน"
"ไม่ได้ให้มึงกิน หูหนวกหรือไง"
"ขับช้าๆ สิ"
ผมปล่อยคันเร่งให้ช้าลง ก่อนไอ้บูรพาจะยื่นหน้ามาจากข้างหลัง จนหน้ามันเฉียดกับหูผมเลย
"มึงว่าอะไร"
"มึงเคยไปให้อาหารปลาเปล่า สระใกล้ตึกวิศวะอะ"
"ไม่เคย"
"ไปป่ะ"
"ไปดิ"
ผมแวะซื้ออาหารปลากับขนมปัง ก่อนจะพาไอ้บูรพามาแวะที่สระน้ำใกล้ๆ ตึกวิศวะ เพราะอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนจึงพอที่จะลงไปยืนเล่นอยู่ตรงนั้นได้
"มึงเคยได้ยินความเชื่อที่บอกว่าถ้าใครเจอเต่าแล้วจะติดเอฟเปล่า" ผมหันไปถามไอ้บูรพา
"ไม่เคยอะ"
"เออ มีรุ่นพี่เล่าให้ฟังเว้ย ถ้าเห็นเต่าก็จะติดเอฟ แต่ถ้าเจอตัวเหี้ยก็จะได้เอ"
"จริงดิ"
"กูว่าปีนี้กูได้เอแน่ เพราะกูเห็นเหี้ยแล้ว"
"ไหนวะ"
"ยืนอยู่นี่ไง" ผมชี้นิ้วไปที่มัน
"ไอ้สัด เดี๋ยวกูถีบ"
"เชี่ย!" ไม่เดี๋ยวล่ะ มันถีบเข้ามาเต็มๆ จนผมเกือบจะหล่นลงไปในสระ ถ้ามันไม่ดึงมือเอาไว้ก่อน
"น่าปล่อยให้เหี้ยแดก" มันว่าแล้วปล่อยมือออก
"กูล้อเล่นไม่ได้เลย"
"เออ แล้วมึงเห็นเกียร์วิศวะนั่นป่ะ?"
ผมมองตามนิ้วมันไปที่เกียร์วิศวะที่ตั้งเด่นอยู่
"ทำไมวะ"
"เขาบอกว่า ถ้าเดินหลับตาสวดมนต์รอบเกียร์นั่นสามรอบ แล้วอธิษฐานในใจไปด้วย คำอธิษฐานก็จะเป็นจริง"
"จริงดิ"
"เออ รุ่นพี่บอกกูมา ลองป่ะ?"
"งั้นเดี๋ยวกูไปลอง" ผมว่าแล้วเดินไปที่เกียร์นั่น ก่อนจะหันไปหาไอ้บูรพา
"แล้วมันต้องสวดมนต์บทไหนวะ"
"นะโมก็ได้"
"นะโมนะ"
ไอ้บูรพาพยักหน่อยๆ ผมยกมือขึ้นพนมแล้วหลับตาเดินสวดมนต์รอบเกียร์วิศวะ
"นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต... "
"หึๆ"
กูว่ามันแปลกๆ นะ...
ผมลืมตาขึ้นแล้วหันขวับไปหาไอ้บูรพา ที่ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปผม
"ไอ้บูรพา มึงหลอกกูใช่มั้ย!"
แค่นั้นแหละไอ้ห่านี่ก็ปล่อยก๊ากออกมาลั่น
"ไอ้บูรพา!"
"ไอ้ควาย มึงก็เชื่อ เอาอีกรอบดิ จะครบสามรอบแล้วอะ"
"มึงถ่ายวีดีโอด้วยใช่มะ"
"โคตรฮา!"
ไอ้สันดาน เดี๋ยวกูถีบให้มะเร็งหลุดจากร่างเลย
"ลบเลย!"
"ตลกออกมึง เอาไว้ดูขำๆ"
"กูไม่ขำด้วยเว้ย!"
"เหอะน่า กูดูคนเดียว ไม่ให้ใครดูหรอก"
"สัด ถ้าคนอื่นเห็นนะ กูเตะมึงแน่"
"เออน่า เออ แล้วมึงอธิษฐานอะไรวะ"
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วหันไปตอบมัน
"ขอให้มึงหายเร็วๆ"
ไอ้บูรพาปรับสีหน้าจากยิ้มกว้างๆ เป็นหน้านิ่งแล้วขมวดคิ้วนิดๆ
"กูเป็นห่วงมึงขนาดนี้ ยังจะมาแกล้งกูอีก"
"นี่มึง เป็นห่วงกูขนาดนี้เลยเหรอ"
"เออดิ"
"..."
"ก็มึงเป็นเพื่อนกูนี่"
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 11
#บูรพากับองศาเหนือ
"มึงจะออกไปไหนอีกเปล่า" ผมถามไอ้บูรพาตอนที่กลับมาถึงหอพัก ก่อนที่จะแยกกันเข้าห้อง
"ไม่อะ วันนี้กูจะตัดต่อวีดีโอหนังสั้นอะ"
"อ่อ มึงทำถึงไหนแล้ววะ"
"เพิ่งเริ่มเมื่อเช้า"
"ให้กูช่วยเปล่า"
"มึงทำเป็นเหรอ"
"มึงคิดว่าคนอย่างกูจะทำเรื่องแบบนั้นไม่เป็นใช่มะ"
มันพยักหน้าเบาๆ
"มึงคิดถูก"
กูเปิดคอมฯ เป็นก็บุญล่ะ จะเอาอะไรกับคนที่ใช้พาวเวอร์พอยต์ยังไม่เป็น หลังจากถูกสั่งห้ามเลิกเล่นเกม ผมก็มีคอมฯ เอาไว้ไถดูโซเชี่ยลกับเข้ายูทูปอย่างเดียว
"เออแต่กูอยากดูอะ กูขอเข้าไปดูนะ"
หลังจากมันอนุญาตผมก็เข้ามาในห้องมัน ห้องที่ไม่มีข้าวของอะไรมาก แถมยังดูสะอาดเหนือความคาดหมาย ผมไล่สายตาไปยังเตียงนอนของมัน ที่ปูด้วยผ้าปูสีดำ กับผ้านวมและปลอกหมอนสีเทา ผ้าม่านก็สีเทาเข้มๆ ผ้าเช็ดเท้าก็สีดำ คุมโทนอะไรขนาดนี้ ผมเป็นคนไม่ชอบสีดำ ผมว่ามันหม่นๆ อะ แต่ไอ้บูรพามันโปรดสีนี้ มันบอกว่าไม่สกปรกดี เข้ามาในห้องมันนี่อยากจะสงบนิ่งไว้อาลัยให้อะไรสักอย่าง ครึ้มไปหมด
ไอ้บูรพาหยิบโต๊ะญี่ปุ่นลายลิละคุมะที่ได้มาคนละตัวตอนเล่นเกมกางที่พื้น แล้วจัดการเปิดแลปท็อปเข้าโปรแกรมตัดต่อวีดีโอที่ทำค้างไว้ ผมลงไปนั่งข้างๆ มันแต่สายตาดันเหลือบไปเห็นรถบังคับสีดำวางอยู่ในชั้นหนังสือที่หัวเตียงมัน
"เฮ้ย มึงมีรถบังคับด้วยเหรอ"
"อือ เอาไว้เล่นแก้เบื่อ"
"กูก็มีนะ"
"จริงดิ"
"มาแข่งกับกูป่ะล่ะ"
"อย่าท้า กูเซียน"
"อย่าดีแต่ปากไอ้หนู เดี๋ยวกูมา"
ผมเปิดประตูเข้าห้อง แล้วหยิบรถบังคับเรซซิ่งคาร์สีแดงคันโปรดที่เอาติดมาด้วย ก่อนผมกับไอ้บูรพาจะลงมาเล่นกันที่หน้าหอ
"กูดริฟท์ได้ด้วยนะ"
"ไหนโชว์"
ผมว่าแล้วบังคับรถดริฟท์โชว์มัน เรามันสายfast and furiousอยู่แล้ว
"อ่อน ดูของจริงแบบพี่" ไอ้บูรพาว่าแล้วดริฟท์รถเป็นวงกลมไปรอบๆ คันของผม
โอ้โห...จากดอมินิก ทอเร็ตโต้กูตกรุ่นมาเป็นเด็กแวนซ์ข้างถนนเลย มันหันมายักคิ้วให้เหนือๆ
"เออ เทพสัด แต่แม็กซ์มึงสวยว่ะ"
"กูมีร้านประจำอยู่ที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวกลับบ้านกูซื้อมาให้"
"จริงนะ"
"อือ ไม่เอาสีดำใช่ป่ะ"
"ไม่เอา"
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ไม่มีคนพูดคุยเรื่องความชอบที่เหมือนๆ กัน หลังจากขึ้นม.ปลาย ผมก็อยู่แต่กับแพทแทบจะตลอดเวลา แพทไม่เล่นเกม ไม่เล่นเรซซิ่งคาร์ ไม่อ่านการ์ตูน ไม่ชอบดูหนัง เพราะงั้นก็เลยไม่เคยคุยกันเรื่องแบบนี้ ผมเล่นรถบังคับอยู่กับไอ้บูรพาจนเริ่มจะมืด
"มึง เลิกเหอะ กูไม่ได้ตัดต่อวีดีโอเลยเนี่ย"
"เออๆ"
"ไว้ค่อยมาเล่นใหม่"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินกลับขึ้นหอกัน ไอ้บูรพาเปิดแล็ปท็อปและโปรแกรมนั้นขึ้นมาอีกที ก่อนจะหันมามองผม
"กูหิวว่ะ"
"เออ เหมือนกัน ไปหาไรแดกมะ"
"ไปดิ"
กว่าจะไปหาอะไรกิน กว่าจะไปแรดรอบม. กว่าจะกลับมาถึงหอเกือบสองทุ่ม ไอ้บูรพาบ่นเรื่องที่งานไม่คืบ แต่มันเสือกชวนผมไปนั่งเล่นหน้าลานสมเด็จฯ อันเป็นแลนด์มาร์กของบรรดานิสิตที่ไปรวมตัวกันในตอนเย็นๆ ไปออกกำลังกาย ไปให้อาหารปลา ไปนั่งเล่นกับแฟน โรแมนติกโคตรพ่อ แต่ผมไปกับไอ้บูรพาเลยไม่รู้จะเอาห่าอะไรมาโรแมนติก แถมยุงเยอะจนผมหงุดหงิดเลยลากมันกลับมาหอ มันจะขัดขืนก็ไม่ได้เพราะเอามอเตอร์ไซค์ผมไป เลยยึดหลัก รถกู กูคอนโทรล
ผมกลับเข้ามาในห้องมันอีกที ไอ้บูรพาจัดการเปิดแลปท็อปอีกรอบ ผมควักมือถือที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากเฟสบุ๊คขึ้นมาดู
กลอยใจ ไทยแลนด์ ได้โพสท์ภาพลงใน กลุ่ม English Major
เห็นอย่างนั้นก็เลยกดเข้าไปดู ก่อนจะเห็นว่าเป็นภาพจากงานค่ายเอกมากกว่าร้อยรูป
"มึง ดูรูปงานค่ายเอกยัง" ผมส่งให้ไอ้บูรพาดู
"ยัง"
"เปิดในเครื่องมึงดิ"
ไอ้บูรพากดย่อหน้าจอโปรแกรมตัดต่อวีดีโอแล้วเข้าเฟสบุ๊ค ก่อนจะนั่งดูภาพที่รุ่นพี่โพสท์ในกลุ่ม
"นี่ๆ ผัวมึง" ไอ้บูรพากดไปถึงรูปไอ้ไกด์
"ผัวมึงสิ!"
"ไม่เอา กูไม่แย่ง"
"ไอ้ห่า กดรูปต่อไปเลย"
ไอ้บูรพากดไปยังรูปต่อไป ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเป็นรูปผมซ้อนจักรยานมันอยู่แต่เอาหัวไปแนบหลังมันแถมสองมือก็กอดเอวมันแน่น ส่วนมันยกมือเอื้อมมาจับไหล่ผม เป็นตอนที่จักรยานเกือบจะล้มเพราะเบรกหลบมอเตอร์ไซค์หน้าตึกเกษตร สถานการณ์จริงค่อนข้างจะเสี่ยงตาย แต่พอมาเป็นภาพนิ่ง ไอ้ชิบหายโรแมนติกยิ่งกว่าพรีเวดดิ้ง และมึงดูคอมเมนท์
Liw HataiKarn : เพื่อนไม่เคยไม่เคยทิ้งกัน #บูรพากับองศาเหนือ
หนุ่ม นุ่มนิ่ม : ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี #บูรพากับองศาเหนือ
บีบี วายวาย : ได้กันเหอะค่ะ จะได้เป็นภาระของสาววาย #บูรพากับองศาเหนือ
คำแก้ว ไม่ได้เป็นงู : ชายได้ชาย สาววายนิพาน #บูรพากับองศาเหนือ
มึงจะสามัคคีกันติดแฮทแท็กทำมะเขืออะไร?
"ดูรูปอื่นเหอะ"
ผมบอก ก่อนไอ้บูรพาจะกดไปรูปถัดไป ก็ต้องมาหยุดชะงักกันอีกรอบเพราะเป็นรูปผมคู่กับมันอีกแล้ว ตอนที่จอดจักรยานชื่นชมบรรยากาศสองข้างทางอยู่ องค์ประกอบภาพดี๊ดี วิวก็สวย ท้องฟ้าเป็นใจ เมื่อกี้พรีเวดดิ้งไปแล้ว ก็ต้องมีรูปหน้าการ์ดงานแต่ง กูเอารูปนี้เลยล่ะกัน ถุย! และไม่อยากจะอ่านคอมเมนท์ให้เสียสติ
"สวยดีว่ะ" ไอ้บูรพาว่าแล้วคลิกขวากดเซฟ
"มึงจะเซฟไว้ทำไม"
"ชอบ"
"โห่ หน้าก็เละขนาดนี้"
"ยังไงมันก็เป็นรูปคู่กูกับมึงนะ" ไอ้บูรพาพูดอย่างไม่คิดอะไร แล้วย้อนกลับไปเซฟรูปเมื่อกี้เก็บไว้ด้วย
รูปคู่...กูกับมึง
"จะดูต่อมั้ย"
"ไม่ดูล่ะ มึงทำงานเหอะ เดี๋ยวก็ไม่เสร็จกันพอดี"
คราวนี้ไอ้บูรพาได้ฤกษ์ทำงานต่อจริงๆ จังๆ ผมนั่งมองมันคลิกนั่น คลิกนี่ ตัดตรงนั้น แปะตรงนี้ อย่างน่าสนใจ พอทำไปได้สักพักมันก็กดพรีวิวดูงานที่ตัดต่อ ผมตาวาวตรงที่มันออกมาเหมือนภาพในหนังเลย
"มึงทำได้ไงวะ"
"กูฉลาด"
สันดาน กูเกือบจะชมล่ะ
"มึงสอนกูมั่งดิ"
"มานั่งนี่ดิ"
ผมเขยิบเข้าไปใกล้มัน แล้วให้มันสอนตัดต่อวีดีโอ
"มึงก็เลือกไฟล์วีดีโอที่จะเอามาต่อกับไฟล์แรก กูทำถึงอันนี้ล่ะ" มันชี้ไปที่ไฟล์วีดีโอที่เป็นฉากผมวิ่งออกไปแล้วหันมายิ้มพอดี ผมกดวีดีโอนั้นขึ้นมาตามที่มันบอก
"แล้วมึงก็ลากมาต่อตรงนี้"
"นี่เหรอ"
"เออ แล้วก็ตัดเอาเฉพาะส่วนที่มึงจะเอา มึงก็แค่ลากไอ้ตรงดำๆ เนี่ยเข้าหรือออกก็ได้เท่าที่ต้องการ"
"อ่อๆ นี่เอาแค่ไหนอะ"
"ตัดข้างหน้าออกหน่อย แล้วมึงก็ใส่เอฟเฟ็กซ์ให้มันสมูท เนี่ย ลากมาแปะตรงนี้"
"อ่า"
ผมค่อยๆ กดเอฟเฟ็กซ์อันที่มันบอกแล้วลากมาใส่ คลิกตรงนั้นตรงนี้อยู่สองสามครั้ง ก็เป็นอันเสร็จ
"ได้ล่ะ มึงลองกดพรีวิวดู"
"เฮ้ย ก็ไม่ยากนี่หว่า"
"งั้นมึงทำต่อเลย"
"ไม่เอา ขี้เกียจ" ผมเลื่อนแล็ปท็อปคืนไปให้มัน ไอ้บูรพาได้แต่มองตาขวางๆ ก่อนจะกดหยุดไฟล์วีดีโอตรงที่ผมหันมายิ้มพอดี
"มึงดูนี่ดิ ควายยิ้มได้"
"ไอ้สัด!"
"กูแคปภาพไปส่งประกวดของแปลกดีมั้ย ควายยิ้มนี่หาดูยาก"
"ไอ้บูรพา ไอ้หน้าส้นตีน"
"กูหล่อขนาดนั้นเชียว?"
นี่สติปัญญาบกพร่องหรือไงถึงแยกแยะไม่ออก เห็นคำด่าสุดหยาบคายเป็นคำชื่นชมเนี่ย
"กูด่ามึงว่า ไอ้ หน้า ส้น ตีน"
"ก็ส้นตีนกูหล่อ"
ไม่พูดเปล่ามันยังยกเท้าขึ้นมาเกือบจะโดนหน้าผม
"หล่อกว่าหน้ามึงอีกมั้ง"
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า!"
ผมด่ามันแล้วยกมือผลักเท้ามันลงไป คนบ้าอะไรหล่อยันเล็บตีน
ผมนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องไอ้บูรพาจนเกือบจะตีหนึ่ง หันไปมองมันที่ยังจ้องอยู่หน้าแลปท็อป
"มึง ดึกแล้วนะ นอนก่อนเปล่า พรุ่งนี้เรียนเช้านะเว้ย"
"จะเสร็จแล้วเนี่ย"
"จริงดิ"
"อือ"
ไอ้บูรพาทำต่ออีกพักหนึ่งก่อนจะเสร็จ รอให้แถบบนหน้าจอนั่นแสดงเปอร์เซ็นต์สำหรับการเซฟไปจนสุดแถบก็เรียบร้อย ไอ้บูรพาเอนตัวไปพิงเตียงแล้วถอนหายใจเบาๆ
"เสร็จสักที เมื่อยชิบหาย"
"ไหนกูขอดูหน่อยดิ"
"ไว้ดูพร้อมกันในคาบดิ"
"โห่ ขอดูก่อนไม่ได้ไงวะ กูอยากดูคนแรก"
"ไม่ได้ ค่อยไปดูในยูทูป"
"ขอดูหน่อยน่า"
"ไม่"
"งื้อ"
"งื้อเหี้ยไร"
"กูอ้อน"
"สัด ไม่ต้องอ้อน"
"..."
"ยอมแล้ว"
มันว่าแล้วเลื่อนแลปท็อปมาตรงหน้าแล้วกดเปิดวีดีโอที่ตัดต่อเสร็จแล้วให้ผมดู ผมแอบชื่นชมมันในใจเกี่ยวกับฝีมือการถ่ายวีดีโอของมัน ทั้งมุมกล้อง ทั้งแสง สวยเหมือนภาพในหนังเลย แถมยังตัดต่อออกมาดีอีกด้วย ทั้งหมดนั่นก็เป็นเพราะพระเอกของเรื่องมันหล่อมากจริงๆ
"กูไปเป็นดาราดีมั้ยเนี่ย"
"เล่นเป็นศพยังยากเลยมึงอะ"
"ไอ้บูรพา ไอ้ห่า!"
"แต่ลูกไม้สวยนะ" มันเปลี่ยนเรื่องแล้วชี้ไปที่หน้าจอ
"เออ กูนี่เคลิ้มเลย"
"เดี๋ยวก็โดนแพทตบหรอก"
"เหอะ! ไม่ต้องห่วง แพทแม่งไม่เคยหึงกูอยู่ล่ะ แมนๆ คุยกันด้วยเหตุผล"
"ไม่หึงนี่ไม่รักหรือเปล่า"
"ไอ้บ้า!"
"เออๆ มึงกลับไปนอนได้แล้วไป เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายมาโทษกูอีก"
"เออ มึงก็นอนได้แล้วนะ นอนดึกไม่ดี"
"อือ เดี๋ยวอัพลงยูทูปเสร็จล่ะก็นอน"
ผมเดินกลับมาที่ห้องตัวเอง ไม่คิดว่าวันนี้จะใช้ชีวิตอยู่กับไอ้บูรพาได้ทั้งวัน อยู่ด้วยกันแล้วนึกถึงวันเก่าๆ ตลอด ที่ผ่านมาเสียเวลาโกรธมันไปเพื่ออะไรนะ...
...
วันนี้ทั้งวันการเรียนการสอนถูกงดเพราะต้องเข้าร่วมกิจกรรมนิทรรศการมนุษย์ศาสตร์ที่ใต้ตึกคณะ และในช่วงเย็นก็มีงานประกวดดาวเดือนคณะด้วย กิจกรรมห้องเชียร์จึงงดไปด้วย หลังจากนิทรรศการในช่วงเช้าเลิกผมก็อยู่ช่วยเพื่อนเก็บของ จากนั้นก็โดนแก๊งชะนีลากมาดูประกวดดาวเดือนต่อ แต่ละเอกก็เกณฑ์คนมาหวีดเพื่อนตัวเองกันเต็มที่ ส่วนผมได้แต่ยืนเอาโคอาลามาร์ชกรอกปากท่ามกลางเสียงกรีดร้องลั่นโถงคณะ คณะนี้ผู้หญิงแม่งเยอะจริง
"ต่อไปเป็นการแสดงของน้องเต้ย ตัวแทนดาวจากเอกดุริยางคศาสตร์สากล! ขอเสียงปรบมือหน่อยค่า! "
ผมเหลือบตาไปมองดาวของเอกดุริยางค์ที่ขึ้นมาโชว์โซโล่กีตาร์ไฟฟ้าจนคนทั้งโถงตะลึงกันไปเลย โอ้โห...ผู้หญิงคนนี้แม่งเจ๋ง ขณะที่กำลังตื่นตาตื่นใจกับการแสดงของเธออยู่ ไอ้บูรพาก็เดินเข้ามา มันถูกใช้ให้ขับรถขนป้ายคัทเอาท์ไปฝากที่ห้องสาขาอีกตึก ตอนแรกผมอาสาจะไปให้แต่ไอ้นี่มันไม่ให้แตะรถมัน รอยเก่ายังไม่ได้เอาไปซ่อมสีเลย
"มาแล้วเหรอ"
มันพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะส่งน้ำปั่นให้
"ซื้อมาให้กูเหรอ"
"อือ"
ผมรับมาอย่างไม่เกรงใจ เพราะเป็นของชอบ จนถึงตอนนี้มันก็ยังจำได้ว่าผมชอบกินโก้โก้ปั่น
"เอาล่ะค่ะ มาถึงคนต่อไป เป็นตัวแทนเดือนจากเอกอังกฤษ!"
"วี้ด!"
ผมตกใจจนน้ำปั่นแทบพุ่งจากปากเมื่อไอ้หนุ่มที่อยู่ข้างๆ แหกปากลั่นเมื่อได้ยินว่าเป็นตัวแทนจากเอกเรา
"ขอเสียงปรบมือให้กับ น้องไกด์ค่า!"
"ไกด์หล่อมาก!"
"วี้ด!"
"ผัวมึงอะ ผัวมึง"
"ไอ้สัด" ผมหันไปด่าไอ้บูรพาก่อนมันจะหัวเราะชอบอกชอบใจ ผมหันไปดูไอ้ไกด์โชว์เล่นกีตาร์และร้องเพลง เสียงก็ไม่ได้จัดว่าแย่ แถมเล่นกีตาร์ได้ดีเลยเรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากคนที่นี่ได้เยอะเลย ไม่ใช่แค่คนในเอก ผู้หญิงเอกอื่นก็ทรยศค่ายตัวเองแล้วมากรี๊ดให้ไอ้นั่นดังมาก ผมคิดว่าโชคดีแล้วที่ส่งมันไปแทนที่จะเป็นผม เพราะผมไม่มีความสามารถแบบนั้น พิเศษสุดก็เป่าขลุ่ยเพลงล่องแม่ปิงได้ เกิดไปโชว์อย่างนั้นขายขี้หน้าเขาตาย
ท้ายที่สุดไอ้ไกด์ก็ชนะการประกวดเดือนคณะเพื่อเป็นตัวแทนเข้าชิงเดือนมหาลัย ส่วนตำแหน่งดาวเป็นของเอกภาษาไทย
"ผัวมึงชนะอะ ไม่ไปแสดงความยินดีหน่อยเหรอ"
"ไอ้บูรพา มึงเคยอยู่เฉยๆ แล้วปากแตกมั้ย?"
"ทำเป็นโหด เออ แล้วตกลงวันนั้นมันจูบมึงทำไมวะ"
"กูไปขอให้มันประกวดเดือนแทน มันบอกว่าขอจูบกูทีหนึ่งแล้วจะประกวดให้ กูยังไม่ทันตกลงเลย มันก็ขืนใจกู"
"พอมึงจูบ มึงก็เคลิ้มตามเลยว่างั้น"
"พ่อมึงดิ! กูไม่ได้เคลิ้ม"
"กูไม่เห็นมึงขัดขืน"
"กูช็อกเว้ย! พูดแล้วกูจะอ้วก!"
"ขนาดนั้นเลย?"
"เออดิ กูเป็นผู้ชายนะ!"
"แต่มึงน่าจับทำเมียมากนะ"
"ฮะ?"
"สภาพมึงอะ น่าจับทำเมียมากกว่า กูเป็นผู้ชายกูยังชอบเลย"
ผมนิ่งไปนิดหนึ่งกับคำพูดของไอ้บูรพา แล้วก้มมองเรือนร่างของตัวเอง กูดูตุ๊ดเหรอ? นมกูใหญ่เหรอ? ถ้าไม่นับผิวขาวแบบคนเมืองเหนือ ผมก็ไม่มีอะไรคล้ายผู้หญิงเลย ตัวก็ไม่ได้เล็ก อาจจะสูงไม่เท่าไอ้ผีเปรตตัวข้างๆ แต่ก็ไม่จัดว่าเตี้ย หน้าก็ไม่ได้ว่าหวานมาก นมก็ไม่ใหญ่ อกสามศอกแมนๆ ที่สำคัญปิ๊กกาจู้ก็มี สารร่างอย่างนี้น่าจับทำเมียตรงไหน กูถามจริงๆ แล้วประเด็นหลักเลยนะ
"กูเป็นผู้ชายกูยังชอบเลย"
มึงจะมาชอบกูทำไมไอ้เห็บหมาบูรพา!
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 12
โลกใหญ่ขึ้น แต่ความฝันเล็กลง
วันนี้วันศุกร์ไม่มีห้องเชียร์ แถมเสาร์อาทิตย์ก็ยังไม่มีงานอะไรรอจ่อคิว ตอนแรกผมกะจะกลับบ้านแต่พ่อโทรมาบอกว่าจะไปทำธุระที่ต่างจังหวัดกลับไปก็ไม่เจอใครก็เลยเปลี่ยนแพลนไปชวนแก๊งชะนีไปดูหนังที่เซ็นทรัล อยู่มาเป็นเดือนเพิ่งจะมีโอกาสออกไปเปิดหูเปิดตาในเมืองกับเขาบ้าง ผมหันไปเห็นไอ้บูรพาเก็บกระเป๋าเสร็จ จึงเดินเข้าไปหามัน
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"ไปดูหนังกับพวกกูเปล่า"
"กูกลับบ้านว่ะ"
"กลับกรุงเทพฯ อะนะ"
"อือ"
"ค่อยกลับอาทิตย์หน้าดิวะ หนังมันฉายวันนี้วันสุดท้ายแล้ว ไปดูด้วยกันดิ"
"กูจองเครื่องไปแล้วไง ต้องกลับไปหาหมอด้วย หมอนัด"
"อ๋อ...งั้นเหรอ"
"งั้นกูไปนะ เดี๋ยวไม่ทัน"
"โอเค"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนไอ้บูรพาจะเดินออกจากห้องเรียนไป มันต้องกลับไปหาหมอที่กรุงเทพฯ เลยเหรอวะ ป่วยขนาดนั้นยังทำตัวปกติอยู่ได้ยังไง เฮ้อ...สงสารมันแต่ทำอะไรไม่ได้
"เป็นไรวะไอ้เหนือ มองตามไอ้บูรพาตาละห้อยเลย"
"เปล่า..."
"แล้วไอ้บูรพามันไปไหน"
"มันกลับกรุงเทพฯ อะ"
"อ๋อ ไม่ต้องเสียใจ เดี๋ยวมันก็กลับมา อย่านอยด์ๆ"
"กูไม่ได้ดราม่าขนาดนั้น!"
"ก็กูเห็นมึงยืนอาลัยอาวรณ์ อย่างกับมันจะไปตาย"
"เฮ้ย! มึงอย่าพูดแบบนั้นนะเว้ย!"
ไอ้หลิวกระพริบตาปริบๆ แล้วพยักหน้าอย่างงงๆ
"มึงห้ามพูดว่ามันจะตาย"
"กูแค่ล้อเล่น"
"ห้ามล้อเล่น!"
"..."
"เพราะมันต้องไม่ตาย"
ใช่ ไม่ตายหรอก ถ้ามันจริงอย่างที่คนบอกว่าคนดีตายเร็ว ไอ้นี่ก็คงอยู่เป็นเห็บไปอีกนาน เผลอๆ เป็นอมตะไปอีก
...
วันเสาร์อาทิตย์ที่ผมหยุดแต่แพทไม่ได้หยุดเพราะมีกิจกรรมกับทางคณะ เสาร์อาทิตย์ของผมก็เลยหมดไปกับการกิน นอน ออนโซเชี่ยล รู้ตัวอีกทีก็เที่ยงคืนของวันอาทิตย์แล้ว โอ้โห อะเมซิ่งวันหยุด มึงมีแค่วันละสองชั่วโมงหรือไง เผลอกระพริบตาแป๊บเดียวหมดไปแล้วครับเสาร์อาทิตย์ที่กูรอมาห้าวัน
"ติ๊ง!"
ผมหยิบมือถือมากดดูไลน์ ก่อนจะเห็นว่าเป็นไอ้บูรพา
บูรพา : ถึงแล้ว
เพราะเมื่อเย็นผมไลน์ไปบอกมันว่าถ้าถึงแล้วให้บอกด้วย เพราะมันเงียบกริบไปเลยตั้งแต่วันศุกร์ จนได้เห็นไลน์นี้แหละจึงรู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่ ไอ้ห่า นึกว่ามะเร็งกำเริบตายไประหว่างทางแล้ว ผมได้แต่ยิ้มนิดๆ แล้วส่งสติกเกอร์กลับไป
เอาไว้ค่อยเจอกันพรุ่งนี้...
...
ผมเข้ามานั่งรอในห้องเรียนในตอนเช้าของวันจันทร์ สาวๆ คณะพยาบาลไม่เคยมาเลทมาสาย สามัคคีกันมานั่งรออาจารย์อย่างเรียบร้อย แต่ฝั่งคนมีสไตล์อย่างเอกเรา ไม่เป็นอย่างนั้น พอได้เวลาเรียนถึงจะยกโขยงกันเดินตามอาจารย์เข้ามา ผมมองไปยังไอ้บูรพาที่เดินตามหลังแก๊งอเวนเจอร์ประจำเอกเข้ามา ก่อนจะมานั่งข้างๆ ผมเหมือนเคย ผมมองหน้ามันที่แปลกๆ ไป คงเพราะไปตัดผมมาใหม่ หรือว่า...ไปทำคีโมมาผมก็เลยร่วงจนต้องตัดให้สั้น
โธ่...ไอ้บูรพาเพื่อน ไม่น่าเลยเพื่อน
"เป็นห่าไร ทำหน้างั้น"
ผมปรับสีหน้ากลับมาปกติ จากที่เมื่อกี้เบะปากเกือบจะร้องไห้เพราะเห็นหน้ามัน แต่ปากดีอย่างนั้นอาการคงไม่ได้แย่
"มึงเป็นไงบ้างวะ" ผมถาม
"เป็นไงอะไร"
"ก็บอกว่าไปหาหมอมาไม่ใช่เหรอ"
"อ๋อ ก็ดี"
"ดีขึ้นใช่ป่ะ"
"ดีดิ"
"แล้วมัน เจ็บป่ะวะ?"
"ไรนะ"
"ตอนมึงไปหาหมออะ...เจ็บป่ะวะ" ผมไม่อยากจะพูดคำว่าคีโมออกมาเพราะมีเพื่อนคนอื่นๆ นั่งอยู่ตรงนี้ด้วย
"เจ็บดิ ทรมานสัด"
โธ่...บูรพาเพื่อน!
"สู้ๆ นะมึง อดทนเข้าไว้"
"ไอ้บ้า กูไม่ได้อาการหนักขนาดนั้น"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แอบโล่งใจนิดหน่อยที่มันไม่ได้เป็นอะไร ผมหาข้อมูลในเน็ตมานิดหน่อยเกี่ยวกับผู้ป่วยที่อยู่ในขั้นตอนการทำคีโม บางคนก็ใช้ชีวิตปกติได้ถ้าการรักษาไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร แต่อาจจะมีผลข้างเคียงบ้างเช่นผมร่วงหรือร่างกายอ่อนเพลีย แต่หายขาดได้ถ้ารับการรักษาอย่างครบขั้นตอนและดูแลตัวเองให้ดี และหวังว่าไอ้บูรพาจะเป็นหนึ่งในคนที่หายขาดจากโรคนี้ได้
"เออมึง กูซื้อแมกซ์มาให้แล้วนะ อยู่ที่หอ"
"จริงดิ ขอบใจว่ะ"
"ห้าร้อย"
"สัด นึกว่าจะใจดี ห้าร้อยนี่กูต้องอยู่ไปครึ่งอาทิตย์เลยนะ"
"ผ่อนจ่ายมา"
"ไอ้หน้าเลือด เดี๋ยวขอตังค์พ่อจ่ายให้!"
"กูล้อเล่นไอ้บ้า บอกว่าซื้อมาให้ก็ซื้อมาให้ดิ เดี๋ยวกลับหอไปแวะเอาด้วย"
"เออ"
ผมไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนอาจารย์จะแจกงานให้ทำ เป็นใบงานที่ให้ส่งท้ายคาบ ซึ่งให้เขียนบทความเกี่ยวกับความฝันในอนาคต ผมนี่งัดสกิลการเขียนเรียงความมาใช้อย่างสุดความสามารถ ผ่านไปเกือบชั่วโมง กูได้ห้าบรรทัด หันไปดูไอ้หลิวที่เขียนยิกๆ เหมือนมือมันเป็นเครื่องจักร ก่อนจะหันกลับมาเห็นไอ้บูรพาชะเง้อหน้ามามอง
"เฮ้ย อย่ามาลอกกู"
"ดูหน่อยดิ"
"ฝันใครก็ฝันมันสิวะ ไหนมึงเขียนได้ถึงไหนล่ะ"
มันโชว์กระดาษว่างๆ ให้ดู
"เชี่ย มึงทำอะไรอยู่เนี่ย"
"ก็ไม่รู้จะเขียนอะไร ความฝันคืออะไรยังไม่รู้เลย"
"มึงไม่เคยฝันอะไรหรือไง"
"ก็เคยฝันเปียก"
"ไอ้สัด!"
มันหัวเราะหน้าทะเล้น
"มึงไม่เคยคิดถึงอนาคตเหรอ"
"ไม่ค่อยว่ะ"
"ไม่เคยคิดถึงเรื่องของวันพรุ่งนี้บ้างหรือไง"
"ไม่รู้ดิ...กูก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้มันจะมีอีกสักกี่วัน"
ผมชะงักไปตอนที่มันพูดออกมาแบบนั้น
"มึงอย่าพูดแบบนี้ดิวะ อะ ลอกกูเลย ลอกไปเลยจะได้เสร็จๆ"
อยากยกมือขึ้นไปแตะไหล่มันแล้วปลอบใจ ไม่อยากให้มันคิดในแง่ลบ คนเรามันต้องอยู่ได้ด้วยความหวังสิวะ...
"อะ ลืมถาม เซคนี้งานที่สั่งไปถึงไหนแล้ว" เสียงอาจารย์หน้าห้องถามขึ้นมา
"เสร็จแล้วค่า"
"อัพลงยูทูปยัง"
"อัพแล้วค่า"
"งั้นมาดูพร้อมกันมั้ย"
"ดีค่า"
ค่า...
วีดีโอหนังสั้นถูกเปิดที่จอโปรเจกเตอร์หน้าห้องให้เราดูพร้อมๆ กัน พอถึงฉากสวีทหน่อยก็จะได้ยินเสียงหวีดร้องของพวกสาวๆ
"ถ้าเราสอบวิชานี้ได้คะแนนเต็ม เธอจะเป็นแฟนเราป่ะล่ะ"
"วี้ด!"
"ฮึ? เราไปเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย"
"เราชอบเธออะ"
"เนี่ย! "
"เอาดิ ถ้าสอบผ่านแล้วมาเป็นแฟนกัน"
"วี้ด!"
โอ๊ย! มึงเป็นนกหวีดกันหรืองาย! ตอนดูกับไอ้บูรพาสองคนไม่เห็นเขินงี้วะ ผมนี่นั่งตัวหดเป็นผักเหี่ยว ดึงฮู้ดขึ้นมาปิดหน้าแล้วก้มไปเงียบ
"เป็นไรมึง" ไอ้บูรพาสะกิดถาม
"กูเขิน"
"เขินทำไม"
"..."
"น่ารักดีออก"
ฮึ...ดีออก?
...
ผมกลับมาที่หอหลังเลิกห้องเชียร์ แวะไปเอาล้อแมกซ์รถบังคับที่ไอ้บูรพาซื้อมาฝากก่อนจะมานั่งเปลี่ยนล้อให้ลูกชายสุดที่รักอย่างเห่อๆ วันนี้ผมนัดแพทไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ไม่ค่อยได้เจอกันเลยเพราะแพททั้งเรียนทั้งกิจกรรม พ่วงตำแหน่งดาวคณะไปด้วย ต้องไปซ้อมการแสดงสำหรับประกวดดาวม.ด้วย ที่จริงหวงมาก ไม่อยากให้ประกวดแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้
เวลาเลยมาจนถึงสามทุ่มแล้วแต่แพทยังไม่ทักมา ผมเลยตัดสินใจโทรไปหาแพทก่อน
(ว่าไงเหนือ)
"แพทอยู่ไหนอะ"
(อยู่ในเมืองกับเพื่อนอะ)
"อ้าว วันนี้นัดกินข้าวกับเราไม่ใช่... "
(เออว่ะ! ลืมอะ!)
เวรกรรม...
(โทษทีว่ะเหนือ เราลืมอะ พอดีลูกไม้ชวนมาซื้อของในเมืองก็เลยมาด้วยเลย เดี๋ยวจะกลับแล้วเนี่ย รอเปล่า?)
"ไม่เป็นไรๆ งั้นแพทหาอะไรกินกับเพื่อนเลยล่ะกัน เดี๋ยวเราออกไปหาอะไรกินเอง"
(ขอโทษจริงๆ นะ ลืมอะ อย่างอนนะ)
"ไม่งอนๆ"
(เฮ้ยอย่าทำเสียงงี้ดิ)
"ไม่งอนจริงๆ ค้าบ"
(โอเคๆ งั้นไว้แก้ตัวพรุ่งนี้นะ)
"อื้ม"
ผมกดวางสายจากแพทแล้วทิ้งตัวลงไปบนเตียง เฮ้อ...หิวแต่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว
คนมีสไตล์อย่างเราจะมานอยด์เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เว้ยองศาเหนือ กินข้าวคนเดียวมันก็อิ่มได้เหมือนกันแหละ คิดได้อย่างนั้นจึงกดปิดหน้าจอมือถือแล้วลุกพรวดไปเปิดประตู ได้ยินเสียงทีวีในห้องไอ้บูรพาเปิดเบาๆ จึงเข้าไปเคาะประตูห้องมัน สองสามครั้งมันถึงออกมาเปิด
"มีไรวะ?"
"มึง กินข้าวยัง"
"กินแล้วดิ"
"อ๋อ งั้นไม่เป็นไร นึกว่ายังไม่ได้กินจะชวนไปกินข้าวด้วย"
"ไม่มีเพื่อนกินข้าวเหรอ"
ผมพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ
"เดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อนก็ได้"
"เย่!"
ไอ้บูรพาออกมานั่งกินข้าวเป็นเพื่อนผมที่ร้านแถวๆ หอ ส่วนมันนั่งกินไก่ทอดที่แวะซื้อเข้ามา มันยังชอบกินไก่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะไก่ย่าง ไก่ทอด ไก่ต้ม สมกับเป็นตัวเหี้ยกลับชาติมาเกิดจริงๆ
ระหว่างกินข้าวผมนั่งเล่นมือถือไปพลางๆ จนคนตรงข้ามหันมาว่า
"จะแดกข้าวหรือจะเล่นมือถือมึงควรเลือกเอาซักอย่าง"
"เรื่องของกูมั้ยล่ะ"
"อุตส่าห์ออกมาเป็นเพื่อนแต่ไม่พูดกับกูสักคำ มึงมาคนเดียวก็เหมือนกันป่ะวะ"
ผมกำลังจะเถียงมัน แต่รูดไอจีไปเจอแอคฯ โปรดที่เพิ่งจะเห็นว่ามีโพสท์ใหม่
Sundaynight01 ยิ่งโตขึ้น โลกกว้างขึ้น ความคิดใหญ่ขึ้น แต่ความฝันเล็กลง
ผมหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้เลยว่าทำไมจึงต้องจิ้มนิ้วลงไปบนทุกๆ รูปภาพ ทุกๆ แคปชั่นของแอคฯ นี้ ผมไม่รู้จักเจ้าของไอจี ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย อายุเท่าไร อยู่ที่ไหน มีหนังสือสองเล่มที่ถูกรวมเล่มจากคำพูดในไอจีนี้ ผมยังตามซื้อหนังสือเขาทุกเล่ม ถ้าไอจีและหนังสือนี้เป็นคน ผมคงจีบอะ เพราะหลงรักทุกตัวอักษรและรูปภาพในนั้น
"มึงอ่านนี่ดิ กระแทกใจบ้างมั้ย"
ไอ้บูรพายื่นหน้ามาอ่าน ก่อนจะพยักหน้าหน่อยๆ
"ยิ่งโตขึ้น ความฝันยิ่งเล็กลง นี่โคตรจริงนะ ตอนเด็กๆ กูก็อยากเป็นนั่นเป็นนี่ อยากเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ อยากเป็นนายกฯ คิดไปนู่น แต่พอโตมาก็เลิกคิดอะไรเกินตัวไปเลย"
"พอมึงโตขึ้นมึงต้องอยู่กับความจริงมากกว่าจินตนาการไง"
ผมพยักหน้าเบาๆ อย่างเห็นด้วยกับคำพูดมัน
"ตอนนี้มึงเลิกฝันจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่หรือเป็นนายกฯ เหอะ ขอแค่มึงโตมาเป็นคนก็พอ ตอนนี้ยังเป็นควายอยู่เลย"
"ไอ้บูรพา! มึงอยากตายใช่มั้ย!" ผมยกมือกระชากผมมันสุดแรง ไม่ต้องรอให้ผมร่วงจากทำคีโมหรอก กูจะดึงให้หมดหนังหัวเลย ไอ้สันดาน!
"โอ๊ย! ไอ้เหนือ เจ็บ!"
"แค่นี้ยังน้อยไป!"
"ยอมแล้วๆ"
ผมปล่อยมือออกจากหัวมันอย่างเดือดๆ
"เจ็บเลยมึงอะ"
"สมน้ำหน้า! กูล่ะเกลียดความเป็นมึงของมึงจริงๆ!"
ไอ้บูรพาหัวเราะเบาๆ
"แต่กูชอบความเป็นมึงของมึงนะ น่ารักดี"
"..."
"บักหำน้อย"
"สัด..."
เชี่ยบูรพานี่มัน...บูรพาจริงๆ
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 13
โรคมะเร็งกำเริบจนทนไม่ได้
"โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อนล่ะกัน"
เสียงสวรรค์ของอาจารย์วิชาภาษาอังกฤษดังขึ้นจนผมต้องเงยหน้าไปมอง พลิกหน้าจอมือถือขึ้นมาดูก่อนจะเห็นว่าอาจารย์ปล่อยก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง นิสิตในห้องแทบจะกระโดดออกจากโต๊ะเลย
"เออ ลืมไปมีงานชิ้นหนึ่ง ให้ไปจับคู่กันมา แล้วแต่งประโยคตามสถานการณ์หน้า12นะ เลือกเอา แล้วคาบหน้าออกมาพูดหน้าห้อง"
"ดูสคริปต์ได้ป่ะคะอาจารย์"
"เด็กประถมเขายังไม่ดูกันเลยนะเธอ"
เป็นการจิกกัดที่เจ็บปวดมาก
"ไปซ้อมกันมาดีๆ เจอกันคาบหน้าค่ะ"
"แล้วจับคู่กันไงดีวะ" ไอ้หนุ่มพูดขึ้นมาเพราะแก๊งชะนีมีห้าคน แน่นอนว่าคนหนึ่งต้องเป็นเศษ
"บูรพา มีคู่ยัง" ไอ้หลิวหันไปถามไอ้บูรพาที่กำลังเดินผ่านหน้าไป
"ยัง"
"คู่กับไอ้เหนือดิ ไอ้เหนือเป็นเศษ"
หะ! นี่กูคือเศษหรือนี่!
"มึงคู่กับบูรพานะ" ไอ้หลิวหันมามอง
"เออ ก็ได้" ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วหยิบกระเป๋าขึ้นสะพาย แล้วเดินออกนอกห้องไปด้วย
"เศร้าเลยดิ คู่กับกูอะ" ไอ้บูรพาหันมาถาม
"ไม่เศร้าเว้ย เพราะมึงเก่ง ให้มึงคิดคนเดียว"
"อย่ามา ไปช่วยกันเลย พรุ่งนี้ไม่มีเรียนไปทำห้องกู"
"โห่ ไรวะ"
"หรือมึงจะเอาศูนย์คะแนน"
"เออๆ กี่โมง"
"ตื่นกี่โมงก็ไปเคาะล่ะกัน"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะเดินตามไอ้หลิวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเชียร์เพื่อเตรียมขึ้นห้องเชียร์ เพราะอาจารย์ปล่อยเร็วก็เลยพากันมาหาอะไรกินใต้อาคารเรียนรวม
"ติ๊ง!"
ผมควักมือถือออกมาจากในกระเป๋าเมื่อได้ยินเสียงไลน์ ก่อนจะกดเข้าไปดู เห็นแพทส่งสติกเกอร์มาตัวหนึ่ง จึงโทรไปหาเพราะขี้เกียจพิมพ์
"ฮัลโหลแพท มีไรเปล่า?"
(เหนือ วันนี้คงไปกินข้าวด้วยไม่ได้แล้วอะ พอดีรุ่นพี่เรียกไปซ้อมประกวดอะ)
"เลิกกี่โมงอะ รอได้นะ"
(เฮ้ยไม่เป็นไร เลิกดึกหน่อยอะ)
"อ้าวเหรอ"
(โทษทีนะ ผิดนัดสองวันแล้วอะ)
"ไม่เป็นไรๆ ตั้งใจซ้อมไป"
(เออ แล้วอย่าลืมไปดูด้วยนะ มีโชว์ตัวที่หน้าหอใน ต้องมานะ)
"ไปดิ ต้องไปดูแฟน"
(น่ารักมาก งั้นแค่นี้ก่อนนะ)
ผมกดวางสายจากแพทแล้วเดินกลับไปหาแก๊งชะนีที่นั่งรออยู่ ก่อนจะเดินไปสนามกีฬาเพื่อรอขึ้นห้องเชียร์
บรรยากาศบนห้องเชียร์ก็เหมือนๆ เดิม แต่ใกล้ถึงวันงานพาวเวอร์เชียร์แล้ว ก็เลยต้องซ้อมจริงจังขึ้น พี่วินัยก็ลงวินัยหนักขึ้น แถมต้องสอบร้องเพลงเชียร์ด้วย ถ้าไม่ผ่านก็ร้องวนไป ช่วงนี้ยาแก้ไอกับลูกอมแก้เจ็บคอน่าจะเข้ามาตีตลาดนะฮะ
"ร้องไห้ดังกว่านี้ไม่ได้หรือไง!"
"เสียงหายไปไหนหมด!"
"มีพวกที่กินแรงเพื่อน! ไม่สงสารคนที่เขาแหกปากหรือไง!"
กูสงสารมึงสุดเลยพี่ แหกปากดังสุดอะ วันนี้งดช่วงสันทนาการให้ผ่อนคลาย เพราะรุ่นพี่ยังไม่พอใจการร้องเพลงก็เลยต้องซ้อมไปเรื่อยๆ เสียงพี่วินัยก็เข้ามาตะโกนกดดัน อากาศก็ร้อนอบอ้าว ยุงก็เยอะ ปวดฉี่อีก โอ๊ย หงุดหงิด!
"พักห้านาทีค่ะ"
โฮก เหมือนเสียงสวรรค์ ผมแทบจะนอนลงไปกับพื้นหลังจากได้ยินเสียงนั้น
"ไหวมั้ยเนี่ยมึง" ไอ้บูรพาหันมาถาม
"กูเกร็งจนปวดหลังไปหมดแล้วเนี่ย อยากทิ้งตัว"
"ทิ้งมาดิ"
ผมยกขาขึ้นมานั่งชันเข่าแล้วเอนตัวไปพิงไอ้บูรพา เออ...ห้านาทีก็ยังดี
"อีกนานป่ะวะมึง"
"ครึ่งชั่วโมงมั้ง"
"อ๊อย กูไม่ไหวล่ะนะ หิวน้ำ หิวข้าวด้วย ยุงกัดด้วย"
"บ่นชิบหายเลยมึงเนี่ย"
"ร้อนด้วย"
ไอ้บูรพาหัวเราะหน่อยๆ แล้วใช้ป้ายที่คอมาพัดให้
"เออเย็นดีๆ แรงๆ หน่อย แรงอีกๆ"
"ชิบหายกูเมื่อย"
ถึงจะพูดอย่างนั้นแต่มันก็ไม่หยุดพัด เออ ดีจาง...เคลิ้มเลย
"เบียบเชียร์!"
"พรวด!" ผมเด้งพรวดขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงหลอนประสาทนั่น แต่เห็นเพื่อนคนอื่นยังอยู่ในท่านั่งสบายๆ จึงหันขวับไปหาไอ้บูรพาที่กำลังกลั้นหัวเราะ
"ไอ้บูรพา!"
"มึงหลอนอะไรขนาดนี้"
"ไอ้บ้า ชอบแกล้งกู!"
ผมผลักหัวมันทีหนึ่งก่อนเจ้าของประโยคเบียบเชียร์ตัวจริงจะเดินเข้ามา กิจกรรมห้องเชียร์ดำเนินไปต่อจนหมดชั่วโมง ผมยังไม่ได้กลับหอเพราะแก๊งชะนีชวนมาเดินตลาดนัดซอยโลกีย์ ซึ่งเป็นซอยที่เป็นแหล่งรวมร้านข้าว ร้านกาแฟ ร้านเหล้าเยอะแยะไปหมด ที่ตามพวกมันมาด้วยไม่ใช่เพราะอยากเดินช็อปปิ้งในตลาดนัดหรอก แต่แค่ไม่อยากกินข้าวคนเดียว และการมาเดินตลาดกับพวกสาวๆ นั้น...
"เฮ้ยเสื้อนี่น่ารักอ่า"
"อันนี้สวยป่ะ เป็นไงเหมาะมั้ย?"
"เคสโทรศัพท์สวยอ่า ไปดูกันๆ"
"ชอบต่างหูอะ แต่เสียดายรุ่นพี่เขาห้ามใส่เนอะ"
หวีด!! กูทรานฟอร์มตัวเองให้กลายเป็นแบบไอ้หนุ่มเลยดีมั้ยจะได้ไทป์เดียวกันไปเลย โอ้โห อะเมซิ่งชะนี ร่างกายกูโหยหาเพื่อนผู้ชายมากตอนนี้ แมนๆ มาชวนกูไปเตะบอล ไปตีฮอนอะไรก็ได้ กราบล่ะ
"มึง กูไปซื้อน้ำแป๊บนะ" ผมบอกกับเพื่อนก่อนจะเดินไปที่ร้านน้ำ แล้วสั่งโกโก้ปั่น
"น้ำส้มปั่นสองแก้วค่ะ" ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาสั่งต่อจากผม
"ลูกไม้"
"อ้าวเหนือ! มากับใครอะ"
"มากับพวกเพื่อน แล้วลูกไม้มากับใคร"
"มากับรูมเมทอะ"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนโกโก้ปั่นที่สั่งจะได้พอดี ยืนคุยเป็นเพื่อนลูกไม้แป๊บหนึ่งก็ได้น้ำส้มที่สั่งจึงแยกกัน
"งั้นเราไปก่อนนะ แล้วเดี๋ยวเจอกัน"
"โอเค" ผมโบกมือให้ก่อนลูกไม้จะวิ่งข้ามถนนไป ผมมองตามเธอไปก่อนจะเห็นลูกไม้วิ่งเข้าไปหาผู้หญิงตัวสูงๆ ท่าทางคุ้นๆ
แพท?
"ไอ้เหนือ ช้าจังวะ ไปกันกินข้าวกัน" ไอ้หลิวเดินมาเรียกพอดี พอหันกลับไปอีกทีก็ไม่เห็นลูกไม้อยู่ตรงนั้นแล้ว...ไม่ใช่แพทหรอก แพทซ้อมประกวดอยู่กับจะมาเดินแถวนี้ได้ไง อีกอย่างรูมเมทมันมีตั้งสี่คนอาจจะเป็นเพื่อนคนอื่นก็ได้
ไปหาไรกินดีกว่า
...
วันนี้วันพุธผมไม่มีเรียนเช้า แถมคาบบ่ายก็งดคลาสไปอีกเลยรอเข้าห้องเชียร์ตอนเย็นทีเดียวเลย แต่ก็นัดกับไอ้บูรพาเอาไว้ว่าจะไปช่วยกันทำงานคู่ ก็เลยต้องตื่นขึ้นมา สิบโมงกว่าแล้วคิดว่าไอ้บูรพาคงจะตื่นแล้วเลยเปิดประตูไปเคาะหามัน
"ก๊อกๆๆ"
"ไอ้บูรพา!"
ตายไปล่ะไง๊?
"ไอ้บูรพา!"
มันเดินออกมาเปิดประตูด้วยสภาพที่เดาได้ไม่ยากเลยว่ามันเพิ่งลุกขึ้นมาจากที่นอนแน่ๆ
"เพิ่งตื่นเหรอ"
"อือ"
"มึงนัดกูเองนะ จะมาตื่นสายอีก"
"เออ รอก่อน เดี๋ยวอาบน้ำแป๊บหนึ่ง"
"ให้ไวเลยมึง"
มันดึงผ้าขนหนูแล้วเปิดประตูเข้าห้องน้ำไป ผมเดินไปนั่งบนเตียงมัน ก่อนจะได้ยินเสียงไอ้บูรพาดังมาจากในห้องน้ำ
"อ้วก!"
หือ?
ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ คิ้วขมวดนิดๆ ตอนที่ได้ยินเสียงไอ้บูรพาอ้วกแตก
ไอ้บูรพาแพ้ท้อง?
"เฮ้ย ไอ้บูรพา มึงเป็นอะไรเปล่า!"
หรือว่าเป็นอาการของโรคมัน
"ไอ้บูรพา!" ผมเปิดประตูห้องน้ำที่มันไม่ได้ล็อกเข้าไป เห็นมันคุกเข่าอ้วกแตกอยู่ที่ชักโครก
"ไอ้บูรพา มึงเป็นอะไรอะ! มึงไหวมั้ยเนี่ย!"
ผมเข้าไปลูบหลังให้มันอย่างลนลาน
"ไอ้บูรพา มึงจะตายแล้วใช่มั้ย! นี่คืออาการกำเริบใช่มั้ย! มึงอย่าตายนะ มึงตายไม่ได้ไม่ได้นะ ไอ้บูรพ๊า!!"
"ไอ้เหนือ! ไอ้บ้า!" ผมเงียบเสียงตอนที่มันเงยหน้าขึ้นมาเสียงดัง
"มึงเป็นอะไรอะ อาการกำเริบใช่มั้ย!”
"กำเริบอะไร กูเมาค้าง"
"มะ...เมาค้าง?"
"เออดิ เมื่อคืนพวกไอ้บอมบ์ชวนไปกินเหล้า แฮงก์เลยเนี่ย"
ไอ้ชิบหาย...
"โป๊ก!"
"โอ๊ย!"
ผมงับฝาชักโครกมาฟาดกบาลมันจนมันร้องลั่น
"ทำกูทำไมเนี่ย!"
"ก็มึงอะ ทำกูตกใจ! กูนึกว่ามึงจะตาย อาการกำเริบงี้"
"อาการอะไร?" มันขมวดคิ้วถามตอนที่ลุกขึ้นมาล้างปากที่อ่างล้างหน้า
"โรคที่มึงเป็นไง"
"โรคอะไร? "
"ก็มะเร็งไง!"
"มะเร็ง? ใครเป็นมะเร็ง"
"มึง!"
"กู?"
"เออ!"
มันนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะหันมาถาม
"นี่กูเป็นมะเร็งเหรอ"
ผมขมวดคิ้วแน่นกับคำพูดของมัน มันก็ควรจะรู้ตัวดีอยู่แล้วแต่ทำไมถึงดูไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด
"ก็...ก็หมอบอกกู"
"หมอที่ไหน?"
"หมอที่โรงบาลไง วันที่ไปแวะโรงพยาบาลอะ หมอบอกกูว่ามึงเป็นมะเร็ง หมอผู้ชายที่ใส่แว่นอะ"
"แต่กูตรวจกับหมอผู้หญิงนะ"
ผมกระพริบตาปริบๆ ค่อยๆ เดาสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาคือกูเข้าใจผิดงี้? คุยกับหมอผิดคนงี้? ไอ้สัด ละคร ละครมากๆ!
"แต่หมอคนนั้นเขาก็ตรวจลุงข้างเตียงกูอยู่นะ ลุงคนนั้นอาจจะเป็นมะเร็งนะ น่าสงสารเขานะครับ"
"เดี๋ยวนะมึง มาคุยกันนี่ดิ๊"
ผมลากไอ้บูรพาออกมานอกห้องน้ำ สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ใจเย็นก่อน
"ที่กูบอกมึงว่ากูรู้ว่ามึงเป็นโรค มึงก็พยักหน้ารับอะ มึงเป็นโรคอะไร"
"เป็นภูมิแพ้"
"ภูมิแพ้?"
"อือ โรคภูมิแพ้กำเริบจนทนไม่ได้ หมอก็ขอให้ออกจากกรุงเทพฯ ไป พี่เลือกมาจังหวัดนี้เพราะเห็นว่าอากาศดีกว่าที่ใด"
แน่ใจนะว่ามาเพื่อรักษาตัว ผู้ชายจากรุงเทพฯ ดูน่ากลัวทุกคน ถุย! ตั๊กแตนมั้ยล่ะไอ้สัด!
"แล้วที่มึงบอกว่ากลับกรุงเทพฯ ไปหาหมอ?"
"หมอฟัน"
"ที่ว่าโคตรเจ็บ ทรมานนั่นคือ..."
"ผ่าฟันคุด ดูดิ แผลยังไม่หาย" มันว่าแล้วอ้าปากให้ดู ไอ้บ้า กูไม่ได้อยากดูแผลฟันคุดของมึง!
"แล้วมึงตัดผมทำไม"
"ก็พี่วินัยไล่กูไปตัด บอกว่ากูผมยาว"
"แล้วที่มึงบอกว่า มึงก็ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมีอีกสักกี่วัน"
"ก็สัจธรรมป่ะวะ พี่ตูน บอดี้แสลมก็บอก คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน..."
พ่อมึงเป็นตู้คาราโอเกะหรือไงถึงต้องกลั่นออกมาเป็นเพลงเนี่ย!
"เดี๋ยวนะ คือที่มึงมาดีกับกู มาเป็นห่วงกูเนี่ยเพราะคิดว่ากูเป็นมะเร็ง?"
"เออดิ!"
ไอ้บูรพาหัวเราะก๊ากออกมา แต่ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียงมัน
"มึงหยุดขำเลยนะไอ้บ้า! กูจะร้องไห้อยู่แล้ว!"
"อ้าวเฮ้ย..." ไอ้บูรพาหยุดหัวเราะแล้วหันมาหาผมที่น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ร้องไห้แม่งเลย
"ฮือ!"
"ไอ้เหนือ มึงร้องไห้ทำไมเนี่ย" ไอ้บูรพาคุกเข่าไปนั่งกับพื้นแล้วมองดูผมที่กำลังฟูมฟาย
"กูคิดว่ามึงเป็นมะเร็ง กูกลัวมึงตาย!"
"เฮ้ย"
"กูเป็นห่วงมึงแทบตาย ไอ้บ้า!"
"เฮ้ย ไม่เอา ไม่ร้องดิ"
"มึงไม่ได้ป่วยใช่มั้ย”
"เออ แข็งแรงดี กูไม่ตาย ไม่ร้องๆ" มันตบไหล่ผมเบาๆ
"กูจะกลับไปโกรธมึงเหมือนเดิมแล้ว!"
"เฮ้ย ไม่เอาดิ ดีกันแล้วนะเว้ย"
"แต่กูเกลียดมึง"
"เดี๋ยวกูมาแป๊บ..."
"มึงจะไปไหน"
"ไปอ้วกต่อ แฮงก์ชิบหายว่ะ"
"ไปเลยไอ้บ้า!"
สรุปวันนี้ไม่ได้ทำงานครับ คนหนึ่งเมาค้าง อีกคนร้องไห้ตาแดงแปร๊ด บันเทิงดีจริงๆ
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 14
หนอนน้อยกระดึ๊บๆ
วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดอีกอาทิตย์ที่ไม่มีกิจกรรมอะไร พวกผมเลยรวมตัวกันไปเที่ยว ไอ้หลิวลากไอ้บูรพามาด้วยเพราะมันมีรถยนต์ และกระบะของมันก็พอที่จะขนเพื่อนทั้งแก๊งไปเที่ยวกันได้ด้วย ผมก็ตามๆ พวกมันไปด้วยเพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกับแพทเลย ถ้าเปื่อยอยู่หอก็จะต้องกินข้าวคนเดียว ก็เลยตามมันไปด้วย
เมื่อพวกเพื่อนๆ มากับครบก็ได้เวลาเดินทาง
"พวกกูไปนั่งหลังนะ"
"กูด้วยๆ น่าสนุกดี"
"ไปด้วยจ้า"
"เฮ้ย มานั่งหน้ากับกูบ้างดิ ให้กูมาเป็นคนขับรถรึไง? " ไอ้บูรพาบ่นเบาๆ ผมเลยเสนอตัวไปนั่งข้างหน้ากับมัน เพราะข้างหลังร้อนแสบผิวมากครับคุณ
"กูไปนั่งกับมึงเอง"
"อะๆ ปล่อยเขาไปสวีทกัน"
"สวีทป้ามึงสิ ข้างหลังร้อนเว้ย!" ผมว่าก่อนจะเปิดประตูรถขึ้นไปนั่งกับไอ้บูรพา
"แวะเซเว่นให้กูด้วยนะ กูจะซื้อขนม"
"กูซื้อมาให้แล้ว ข้างหลัง"
ผมหันไปหาถุงขนมสามสี่ถุงที่เบาะหลัง พอเห็นว่าเป็นขนมที่ชอบก็หยิบมากินก่อนเลยอย่างไม่ต้องขออนุญาต ยังไงไอ้คนซื้อมันก็ไม่แดกอยู่ดี
จุดหมายของวันนี้คือน้ำตกที่อยู่นอกอำเภอ ในกูเกิลแมพมันบอกว่าใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าๆ แต่ถ้าเป็นไอ้บูรพาขับอาจจะถึงภายในยี่สิบนาทีก็ได้ มึงจะเร็วแรงทะลุนรกไปไหน เร็วจนผมต้องหันไปเช็คสมาชิกข้างหลังอยู่บ่อยๆ ว่ายังอยู่กันครบมั้ย ก่อนจะมาจอดติดไฟแดง จึงได้ยินเสียงเคาะกระจกมาจากข้างหลัง ไอ้บูรพาเปิดกระจกลงแล้วหันไปหาพวกข้างหลัง ก่อนจะได้ยินเสียงตะโกนมาด่าทอมัน
"ไอ้บูรพา ขับช้าๆ หน่อย มึงจะรีบไปตายที่ไหน!"
"เออ ไอ้บ้า เสียวมาก!"
"ช้าๆ หน่อยบูรพา อันตราย"
"ให้เราลงตรงนี้ก็ได้นะ เดี๋ยวเราโบกรถเมล์ตามไปเอง"
"ว้าย โดนด่า" ผมพูดแซวๆ ไอ้บูรพาได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วตะโกนกลับไป
"เออ ขอโทษโว้ย!"
ไอ้บูรพาออกตัวมาตอนสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว และลดความเร็วลง อาจจะไม่ได้ช้ามาก แต่ก็ทำให้มองเห็นวิวข้างๆ ทางไปเรื่อยๆ ในบรรยากาศสบายๆ พอออกมานอกเมืองฟ้าก็สวยเหมือนเคย
กินลมชมวิวกันมาชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงน้ำตกที่เป็นจุดหมาย ทันทีที่เปิดประตูรถออกมาผมก็ได้ยินเสียงน้ำไหลกระทบหินดังมาแต่ไกล พวกข้างหลังกระโดดลงมาจากหลังรถแล้วช่วยกันขนอาหารและอุปกรณ์ปิกนิกที่เอามาด้วยลงไปยังบริเวณน้ำตก เป็นเพราะว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝน น้ำก็เลยไหลแรงนิดหน่อยแต่เจ้าหน้าที่บอกว่ายังพอลงเล่นน้ำได้ แต่ผมไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาด้วยก็เลยปล่อยให้พวกเพื่อนๆ เล่นกันไป
"เดี๋ยวกูไปดูทางโน้นนะ" ผมบอกกับเพื่อนๆ
"อย่าไปซนที่ไหนนะมึง"
"กูโตล่ะ" ผมหันไปตอบไอ้หลิว ก่อนจะเดินออกไปอีกส่วนหนึ่งของน้ำตก มีดอกไม้ปลูกอยู่เป็นแถว จึงเดินเข้าไปถ่ายรูปดอกไม้พวกนั้น คงเป็นเพราะแม่ผมชอบดอกไม้มั้ง ผมก็เลยชอบมองมัน บางครั้งทำให้คิดถึงแม่ขึ้นมา
"โฮ่งๆ"
หือ?
ผมหันไปมองเจ้าหมาตัวหนึ่งที่ดูท่าจะเป็นเจ้าถิ่นเข้ามาเห่าทักทาย
"ว่าไงหมา หาเรื่องเหรอ?"
"โฮ่งๆ"
"แน่ะ! มาเห่าทำไมเนี่ย!"
"โฮ่งๆ"
"เงียบเลย เงียบ" ผมว่าแล้วยกมือขึ้นลูบหัวมัน แค่นั้นมันก็เงียบแล้วเดินเข้ามาข้างๆ
"เฮ้ย เชื่องนี่หว่า นั่งลงดิ นั่งลง อย่างนั้นแหละ ฉลาดนะเรา"
"มึงคุยภาษาหมารู้เรื่องด้วยเหรอวะ" ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้บูรพาที่เดินเข้ามาทัก
"เออ กูคุยภาษาหมาได้ แล้วก็คุยภาษาเหี้ยได้ด้วยเพราะคุยกับมึงรู้เรื่อง"
"มึงนี่!" มันทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วสะบัดหน้าหนีไป ก่อนจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอีกทาง ผมบอกลาเจ้าหมาแล้วลุกขึ้นไปหาไอ้บูรพา
"ถ่ายกูมั่งดิ"
"รกกล้อง"
"ไอ้มะเร็ง เดี๋ยวกูถีบ ว่าแต่ มึงชอบถ่ายรูปเหรอวะ"
"อือ"
"กูก็ชอบนะ แต่ถ่ายไม่สวย"
"มึงกากไง"
"สัดบูรพา"
มันหัวเราะเบาๆ แล้วถอดกล้องในคอมาให้ผม รับมางงๆ
"ลองถ่ายดูดิ ถ่ายหมานี่ก็ได้"
ผมยกกล้องไอ้บูรพาขึ้นมาแล้วหันกลับไปถ่ายเจ้าหมาที่นอนหมอบอยู่ แล้วส่งกลับไปให้ไอ้บูรพาดู
"กากจริงว่ะ"
"โห่! ก็บอกแล้วว่าถ่ายไม่สวย มึงสอนกูสิ แบบหน้าชัดหลังเบลออะ ทำไงวะ"
"มึงลองถ่ายกูกับน้ำตกนะ กูปรับโหมดให้ล่ะ มึงแค่หามุมที่เหมาะ นี่ซูมเข้าซูมออกหาตำแหน่งภาพที่มึงคิดว่าสวยแล้วมึงปรับโฟกัสมาที่กู แค่นี้แหละ ลองดู"
ผมพยักหน้าหงึกๆ ก่อนไอ้บูรพาจะเดินไปยืนตรงข้าม มีแบ็คกราวน์เป็นน้ำตก ผมทำตามที่มันบอก คิดว่ามุมนี้สวยแล้ว ปรับโฟกัสไปที่มันแล้วกดชัตเตอร์
พอกดดูภาพก็ขำก๊ากออกมาเลย น้ำตกชัดแจ๋ว ส่วนไอ้บูรพาเบลอเป็นวิญญาณ
"กูขอลองอีกที มึงไปยืนนู่น"
ไอ้บูรพาส่ายหัวเบาๆ แล้วเดินไปยืนที่เดิม ก่อนผมจะกดถ่ายรูปอีกที แล้วกดดูภาพ
"เฮ้ย ได้ล่ะ มึงดูดิ"
"เออ ไม่ยากใช่ป่ะล่ะ"
"กูมีพรสวรรค์ไง"
"ถุย"
ผมหัวเราะเบาๆ แล้วกดดูรูปที่มันถ่าย ไอ้นี่มีพรสวรรค์ตัวจริง รูปที่มันถ่ายสวยดี แต่ผมมาหยุดอยู่ที่รูปหนึ่งในกล้องนั่น เป็นรูปของผมเอง รูปที่กำลังนั่งเล่นกับหมา ย้อนไปอีกก็เป็นรูปที่กำลังชื่นชมดอกไม้ หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายดอกไม้ แบบช็อตต่อช็อต ผมเหลือบตาขึ้นไปมองไอ้บูรพา มันขมวดคิ้วหน่อยๆ
"อะไร?"
"ไหนบอกว่ารกกล้องไง" ผมยกหน้าจอกล้องที่เป็นรูปผมให้มันดู มันจึงรีบคว้ากล้องกลับไป
"นานๆ กูจะเจอควายที่น้ำตก กูเห็นว่าเป็นของแปลกเลยถ่ายไว้ไง"
"สันดาน"
"กูไปดีกว่า" มันว่าแล้วเดินกลับไปหาพวกเพื่อน ผมยิ้มหน่อยๆ แล้วเดินตามมันไปด้วย พวกเรานั่งๆ นอนๆ กินๆ เล่นๆ กันจนผ่านไปเกือบครึ่งวัน ก็เลยชวนกันกลับเพราะเริ่มร้อน ผมกับไอ้บูรพาที่ตัวไม่เปียกเลยถูกใช้ให้เก็บของไปไว้ที่รถ ส่วนพวกที่เหลือกำลังจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนที่ก้มลงไปเก็บเสื่อ ผมหันไปเห็นหนอนเขียวๆ อยู่ที่พื้น ความคิดชั่วร้ายจึงแว้บเข้ามาในสมอง ผมใช้กิ่งไม้เล็กๆ เขี่ยหนอนขึ้นมาแล้วเดินไปข้างหลังไอ้บูรพา
"บูรพา"
"ฮึ?"
"หนอน!"
"ไอ้เหนือ!" มันหวีดลั่น โยนข้าวของในมือทิ้งแล้ววิ่งหนีผมไปสามเมตร
"หนอนน้อย หนอนน้อยกระดุ๊กกระดิ๊ก!" ผมแกล้งมันด้วยการชูไม้ที่มีหนอนวิ่งไล่ตาม มันก็วิ่งหนีออกไป
"ไอ้เหนือ ไม่เอา!"
"น่ารักจะตาย ถ่ายรูปให้หน่อยเร็ว"
"ไอ้เหนือ! กูไม่เอา!" ไอ้บูรพายิ่งหวีดตอนที่ผมโยนกิ่งไม้นั้นไปหามัน ส่วนมันก็กระโดดแทบจะตีลังกาแปดตลบหลีกไปอีกทาง
"โอ๊ย! กูขำ!" ผมหัวเราะจนต้องลงไปนั่งกับพื้น นำตาไหลพราก
"ไอ้สัด ไม่ขำนะโว้ย!"
"มีอะไรกันวะ" ไอ้หลิวถามตอนที่เดินกลับมาจากห้องน้ำหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ
"ไอ้บูรพามันกลัวหนอน"
"โห หน้าอย่างเถื่อนกลัวหนอน"
"ก็มันน่าเกลียดกูไม่ชอบ มันกระดึ๊บได้ด้วยนะโว้ย ไอ้เหนือมึงมันเลว"
"โห่ แกล้งเล่นหน่อยเดียว"
"หน่อยพ่อง! ไปเก็บของเลย" มันว่าแล้วเดินกลับไปเก็บข้าวของที่โยนกระจายไปเมื่อกี้ ผมเดินตามมันไปด้วย ถึงอย่างนั้นก็ยังหยุดหัวเราะไม่ได้ ต้องกัดปากเอาไว้ตอนที่มันหันมามองเคืองๆ
"มึงหยุดขำเลย"
"โห่ งอนเป็นตุ๊ดเลย"
"อย่าให้กูรู้นะว่ามึงกลัวอะไร"
"คนแมนๆ เขาไม่กลัวอะไรกับหรอกครับ"
"วันก่อนยังกลัวกูตายอยู่เลย"
ผมรวบริมฝีปากที่กำลังยิ้ม แล้วหันไปมองมันตาขวาง
"ร้องห่มร้องไห้เล่นใหญ่มาก"
"สัด เก็บของเลย!"
ผมแสร้งเปลี่ยนเรื่องแล้วก้มลงไปเก็บของก่อนจะเดินกลับมาที่รถ พวกเพื่อนๆ ที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ยืนรอกันอยู่ที่นั่นแล้ว ทันทีที่ไอ้บูรพาเดินเอาของไปเก็บท้ายรถ พวกมันก็สามัคคีชูบางสิ่งในมือขึ้นมา บางสิ่งที่ทำให้ไอ้บูรพาหวีดร้องอย่างเสียผู้เสียคน
หนอน
"ไอ้สัด!"
ไอ้บูรพาก็กรี๊ดลั่นน้ำตกแล้วกระโดดเข้ามากอดผมที่ยืนอยู่ข้างๆ แน่น
"เฮ้ย กลัวจริงว่ะ!"
"บูรพากลัวหนอนๆ"
"กระดึ๊บๆ"
"ไอ้พวกชั่ว!"
มือมันจับเสื้อผมแน่นแล้วซุกหน้าเข้ามา น้ำตาเอ่อพร้อมจะทะลัก โอ๊ย ไอ้พวกนี้ก็ช่างไปสรรหาหนอนกันมาคนละตัวสองตัว ผมอยากจะขำ แต่สงสารก็เลยร้องห้ามไอ้พวกนั้นให้
"เฮ้ย พวกมึงพอแล้ว อย่าแกล้งมัน"
ไอ้พวกนั้นหัวเราะก๊ากแล้วโยนหนอนในมือทิ้ง ผมได้แต่หัวเราะอย่างไม่มีเสียง แล้วกัดปากกลั้นขำก่อนจะสะกิดไอ้บูรพาที่รัดผมแน่นจนตัวจะแตกล่ะ
"พวกมันทิ้งไปแล้วมึง"
"ไปหมดยัง!"
"ไปหมดแล้วๆ"
ไอ้บูรพาคลายกอดผมออกก่อนจะหันไปมองไอ้พวกนั้นที่ยืนกลั้นขำกันอยู่
"ไอ้พวกชั่ว!"
"โอ๋ๆ ล้อเล่นเฉยๆ น้า"
"ไม่ต้องมาโอ๋!"
"ขำกันพอล่ะ กลับกันเหอะ" ไอ้หลิวพูดขึ้นมา ขณะที่ตัวมันเองก็ยังหัวเราะจนน้ำตาไหล
"มือกูสั่นไปหมดกูขับรถไม่ได้แล้วไอ้ห่า เดินกลับกันเองเลยไป!" ผมหลุดหัวเราะออกมาอีกทีเมื่อหันไปมองมือไอ้บูรพาที่สั่นจริงจัง หน้าซีดน้ำตาคลออย่างน่าสงสาร เปลี่ยนจากเป็นมะเร็งมาเป็นโรคกลัวหนอนไปอีก กูจะเวทนาหรือฮาให้ลั่นดีวะเนี่ย
"เอางี้ เดี๋ยวกูขับเอง" ผมเสนอตัว ก่อนเพื่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย ไอ้บูรพาไม่ขัดก่อนจะยื่นกุญแจให้ผม แต่ก่อนที่มันจะเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง ก็หันขู่ไอ้พวกข้างหลังด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
"ถ้าไอ้เหนือขับ พวกมึงโทรไปลาตายกับพ่อแม่ได้เลย หึๆ"
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า!" เดี๋ยวไอ้พวกนี้ก็กลัวจนกระโดดหลังรถหนีไปโบกรถเมล์กลับหรอกไอ้ห่า!
เส้นทางกลับเข้าเมืองไม่ค่อยมีรถมาก แถมยังเป็นทางตรงซะส่วนใหญ่จึงขับไม่ยาก ผมขับไปช้าๆ แล้วหันไปหาไอ้บูรพา
"หายสั่นยัง"
"หาย"
"โกรธไง๊?"
"เปล่า"
"เป็นตุ๊ดเหรอ"
"สัด..."
"โด่ ล้อกันเล่นเฉยๆ แมนๆ ไม่งอนกันดิวะ"
ผมเห็นมันคว่ำปากใส่นิดๆ จึงได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ มึงนี่มันคนเถื่อนหัวใจกุ๊กกิ๊กจริงๆ
"มึงขับช้าจังวะ กูลงไปวิ่งไวกว่าอีก" มันพูดแล้วเลื่อนหน้ามาดูเข็มไมล์ที่หน้าปัด เวลาขับรถยนต์ผมจะค่อยๆ ไป เพราะอย่างที่เห็นว่าไม่ได้ขับแข็งมาก แถมมีเพื่อนอยู่ท้ายกระบะด้วยก็ต้องรับผิดชอบชีวิตพวกมันด้วยเพราะงั้นจึงช้ากว่าปกติ ไปแบบช้าๆ แต่ปลอดภัยดีกว่า อีกอย่างรอยเก่าที่ฝากแผลเอาไว้บนรถมันยังไม่มีเวลาเอาไปซ่อมเลย
"มึงจะรีบไปไหนล่ะ"
"กว่าจะกลับถึงม. สองทุ่มเลยมั้ง"
"มึงก็เวอร์ไป กูไม่ชอบขับรถเร็ว"
"ทีขี่มอไซต์มึงแวนซ์หน้ากูสั่นเลยนะ"
"มันไม่เหมือนกันเว้ย เวลากูขับรถยนต์กูจะเกร็งนิดหน่อย ถ้ากูตกใจกูจะปล่อยมือจากพวงมาลัยตลอดเลย ไม่รู้เป็นอะไร"
"มึงตบไฟเลี้ยวแล้วจอดเข้าซ้ายเลย"
"ทำไมวะ"
"กูจะขับเองดิ! นั่งไปกับมึงนี่ความปลอดภัยในชีวิตอยู่ตรงไหน"
"ไอ้บ้า กูขับได้หรอกน่า! ไปช้าๆ แต่ปลอดภัย"
"มึงเหยียบให้เร็วกว่านี้อีกหน่อยดิ เดี๋ยวกูช่วยจับพวงมาลัย" มันว่าแล้วยื่นมือข้างหนึ่งมาจับพวงมาลัย ผมจึงกล้าเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่านี้อีกนิดหนึ่ง
รู้สึกปลอดภัย...ในใจผมคิดแบบนั้น
"ตื้ด...ตื้ด..."
ผมปล่อยมือข้างหนึ่งไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ
(เหนือ อยู่ไหนอะ)
"ออกมาเที่ยวกับเพื่อนอะ แพทมีไรเปล่า"
(อ้าวเหรอ? ไม่มีอะไร นึกว่าอยู่หอ พอดีเรามาหอเพื่อนอยู่ใกล้ๆ หอเหนือเลยว่าจะแวะหา)
"อ๋อ โทษทีอะไม่ได้บอกก่อน"
(ไม่เป็นไรๆ แล้วเย็นนี้กินข้าวกันป่ะ)
"พวกเพื่อนๆ ชวนไปกินข้าวอะ"
(อ๋อ โอเค)
"แต่จะให้ไปหาก็ได้นะ"
(ไม่เป็นไรๆ กินกับเพื่อนไปเหอะ เดี๋ยวเราไปกินกับรูมเมทได้ งั้นไว้เจอกันนะ)
"โอเคๆ"
ผมกดวางสายจากแพท แล้ววางมือถือไว้ที่คอนโซรลหน้ารถ
"แพทเหรอ?"
"อือ"
"คบกันนานเหมือนกันนะ"
"จะสี่ปีล่ะ"
"ไม่นึกว่าจะคบกันนานขนาดนี้"
"เพราะกูหล่อมากไง ใครจะอยากเลิกกับกูวะ"
"ถุย!"
ผมหัวเราะเบาๆ แล้วหันไปเห็นไฟจราจรที่เป็นสีเหลือง
"เวลามึงเจอไฟเหลือง มึงเหยียบเบรกหรือเหยียบคันเร่งวะ" ผมหันไปถามขณะที่ตัวเองกำลังเหยียบเบรกเพื่อรอติดไฟแดง
"เหยียบเบรกดิ"
"จริงดิ คนอย่างมึงเนี่ยนะ"
"คนอย่างกูมันทำไม?"
"มึงดูใจร้อนไง ขับรถเร็วอีกต่างหาก กูคิดว่ามึงจะเหยียบคันเร่ง"
"กูใจร้อนแต่ก็เคารพกฎจราจร"
"อะเมซิ่งบูรพาว่ะ มึงเคยได้ยินเปล่าว่าชีวิตคนเรามันเหมือนไฟเขียวไฟแดง"
"ยังไงอะ? มึงมีไฟสามสีติดอยู่ที่หน้าผากเหรอ" ไอ้บูรพาว่าแล้วยื่นมือมาเปิดหน้าผากผม
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า!"
"อะๆ แล้วมันเหมือนยังไง"
"บางเวลาก็ต้องไปข้างหน้าเหมือนไฟเขียว บางเวลาก็ต้องหยุดเหมือนไฟแดง บางเวลาก็ลังเลว่าจะไปหรือจะหยุดดีเหมือนไฟเหลือง"
มันพยักหน้าหน่อยๆ
"ไม่คิดว่าควายอย่างมึงจะพูดอะไรดีๆ แบบนี้เป็นด้วยนะ"
"ไอ้บูรพา ไอ้สันดาน!"
ก็ไม่รู้ว่าเป็นบ้าอะไรกัน คุยกันดีๆ สักสองสามประโยคไม่เคยได้ จะต้องหาเรื่องโดนด่ากันอยู่เรื่อย!
...
หลังจากกลับมาถึงม. ก็ได้เวลามื้อเย็นพอดี พวกเราชวนกันไปกินข้าวตามที่นัดกันไว้ก่อนจะมาจบลงที่เคเอฟซีแถวๆ ม. ไม่ต้องถามว่าใครเป็นคนเสนอไอเดียมาที่นี่ มันนั่งแทะกระดูกไก่อยู่ข้างๆ ผม ชาติที่แล้วมันโดนไก่จิกตายหรือไงไม่รู้ ชาตินี้มันเลยเกิดมาเพื่อฆ่าล้างบางตระกูลไก่แล้วก็กินมันไม่ให้เหลือซาก โปรดปราณอะไรเบอร์นี้
"บูรพา เหนือ เราขอแท็กรูปได้ป่ะ" ไอ้หนุ่มหันมาถาม
"ก็แท็กไปดิ" ผมตอบอย่างไม่คิดอะไร ส่วนไอ้บูรพาก็ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ เพราะปากมันคาบไก่อยู่ ไอ้หนุ่มจึงจิ้มไปที่หน้าจอมือถือสองสามที ก่อนมือถือผมจะขึ้นแจ้งเตือนจึงกดเข้าไปดู
"เชี่ย!" ผมหวีดออกมาตอนที่เห็นรูป เป็นรูปตอนที่ไอ้บูรพากระโดดหนีหนอนมากอดผม และแคปชั่นฟีลลิ่งกระเทยจากไอ้หนุ่ม
หนุ่ม นุ่มนิ่ม : วันนี้ขอเสนอคำว่า กอดกันกลม กับ บูรพา สัตยาพิทักษ์ และ เหนือ องศาเหนือ
"เอาแท็กออกเลยไอ้หนุ่ม! ไม่ดิ ลบรูปไปเลย!"
"ก็อนุญาตแล้วนี่"
"ก็ไม่รู้ว่ารูปนี้นี่หว่า! ไม่เอา! "
"รูปไรวะ" ไอ้บูรพาชะเง้อหน้ามามองมือถือในมือผม มันมองแล้วก็พยักหน้าหน่อยๆ
"มึงช่วยด่ามันดิ"
"ด่าทำไมอะ"
"ก็มึงดูรูปดิ๊!"
ไอ้บูรพามองไปยังหน้าจอมือถืออีกดี
"ก็น่ารักดี"
น่ารักแมลงสาบอะไรล่ะ! เดี๋ยวมึงรอดูอีกแป๊บหนึ่งไอ้สาววายสายมโนมันจะต้องเรียงแถวกันมาคอมเมนท์
"ติ๊ง!"
กูว่าล่ะไง ไม่ทันขาดคำ!
บีบี วายวาย : หวีด บูรพารัดเหนือแน่นมากค่ะ #บูรพากับองศาเหนือ
คำแก้ว ไม่ได้เป็นงู : งื้ยย ละมุนละไม ดีต่อใจมากค่ะซิส #บูรพากับองศาเหนือ
ไอ้งูเนี่ยมาทุกโพสท์จริงๆ นะ ป่วยการจะหยุดยั้งความคิดของพวกมันก็เลยปล่อยเลยตามเลย
"เออ เห็นยอดวิวหนังสั้นในยูทูปเซคเรายัง สี่พันกว่าวิวแล้วอะ"
"จริงดิ"
"เพราะกูหล่อไง"
"เขาเข้ามาดูลูกไม้หรอกไอ้บ้า" ไอ้หลิวว่าแล้วยัดเฟรนฟรายส์ใส่ปากผม
"ดูคอมเมนท์ มีแต่เมนท์ชมลูกไม้" หนุ่มว่าแล้วยื่นมือถือให้ผมดู ผมเลื่อนๆ คอมเมนท์ใต้วีดีโอนั่น จริงอย่างมันว่า ส่วนใหญ่จะชื่นชมลูกไม้
"ลูกไม้น่ารักจังครับ"
"เรียนพยาบาลเหรอครับ ผมอยากป่วยครับ"
"ถ้ากูเป็นไอ้พระเอกนะ กูไม่เลียแค่ไอติมหรอก"
โอ๊ย ไอ้บ้า!
ผมเลื่อนอ่านคอมเมนท์ผ่านๆ ก่อนจะไปหยุดที่คอมเมนท์หนึ่งที่พูดถึงผม
BBRP: พระเอกหน้าเหมือนควายเลย
ไอ้นี่มันเป็นใคร! ผมขมวดคิ้วมองชื่อของไอ้เจ้าของคอมเมนท์นั้น ก่อนจะเห็นว่าชื่อมันคุ้นๆ จึงเลื่อนขึ้นไปดูที่ใต้วีดีโอ จึงเห็นว่ามันเป็นคนเดียวกับเจ้าของชาแนลยูทูปที่อัพวีดีโอนี้ ซึ่งจะเป็นใครล่ะถ้าไม่ใช่มัน
"ไอ้บูรพา! มึงด่ากูเหรอ!" ผมชูหน้าจอโทรศัพท์ของไอ้หนุ่มให้มันดู
"ยังอุตส่าห์เลื่อนไปเห็นอีก"
"ไอ้หมัดหมา!"
"อ๊า!!" ไอ้บูรพาร้องลั่นเมื่อผมกระชากผมมันแล้วกดลงไปในถาดไก่ตรงหน้า
"ไค่ต๋ายก๋า! ควายป้อคิงก๋า! ฮะ!"
"โอ๊ย! ไอ้เหนือ เจ็บๆๆ!"
"เฮ้ยๆ อย่าทะเลาะกัน อายเขา!" ไอ้หลิวดึงมือผมออกจากหัวไอ้บูรพา ก่อนมันจะยกมือขึ้นกุมหัวด้วยสีหน้าเจ็บปวด
"พวกมึงสองคนนี่เมื่อไรจะเลิกกัดกันฮะ"
"ก็มันด่ากูอะ!"
"มึงเลื่อนไปดูคอมเมนท์ต่อไปด้วยสิวะ" มันพูดพึมๆพำๆ จนผมได้ยินไม่ถนัด
"มึงว่าอะไร!"
"กูบอกให้อ่านคอมเมนท์ต่อไปด้วยโว้ย!"
ผมหยิบมือถือไอ้หนุ่มขึ้นมาอีกรอบ ก่อนจะเลื่อนไปดูคอมเมนท์ของมันอีกที
BBRP: พระเอกหน้าเหมือนควายเลย
BBRP: แต่ก็น่ารักโคตรๆ ว่ะ
อ้าว หักมุม...
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 15
ดาวได้ดาว
ผมเดินมาที่ห้องเรียนในวิชาเรียนรวม เห็นไอ้บูรพาเดินกินแซนด์วิชขึ้นบันไดมาพอดี
"ได้ยินเสียงออกมาตั้งนาน ทำไมเพิ่งถึงวะ" มันหันมาถาม
"กูลืมถุงเท้าอะ เลยไปแวะซื้อมา" ผมว่าแล้วนั่งลงที่ที่นั่งหน้าห้องเพื่อก้มลงไปใส่ถุงเท้า
"กินไรมายัง"
"ยังอะ"
"ทำไมไม่กินข้าวเช้าวะ"
"แหม่ แค่นี้ก็รีบจนลืมใส่ถุงเท้าล่ะ จะให้ไปแวะกินข้าวเช้าที่ไหน"
"เอาป่ะ?" มันว่าแล้วยื่นแซนด์วิชในมือให้
"แดกไปเหอะ เดี๋ยวไม่อิ่ม"
"ข้าวเช้าสำคัญนะมึง มึงไม่กินเลยโง่ไง"
"ไอ้นี่..." ไม่รอให้ผมพูดจบมันยัดแซนด์วิชในมือใส่ปากผมทั้งอัน
แต่มึงกัดแล้วนะอันนี้อะ...
"สวีทกันอีกแล้วจ้า" ทั้งผมและไอ้บูรพาหันไปมองไอ้หนุ่มที่เดินเข้ามา ในมือยกมือถือขึ้นเดาว่ามันกำลังถ่ายรูปอยู่ ผมจึงดึงแซนด์วิชออกจากปาก
"มึงหยุดถ่ายเลยนะไอ้หนุ่ม!"
"ยิ้มหน่อยจ้า!"
"ไอ้หนุ่ม!"
"ชูสองนิ้วด้วย" ผมหันไปมองไอ้บูรพาที่ยิ้มกว้างแล้วชูสองนิ้วตามที่ไอ้หนุ่มบอก
เอ้า! ไอ้นี่ก็ไปบ้าจี้ตามมัน!
"พอเลย มึงพอเลย!" ผมไล่ไอ้หนุ่มให้มันเข้าห้องไป หันไปมองไอ้บูรพายืนหัวเราะเบาๆ
"สนุกมั้ยไอ้บ้า" ผมยัดแซนด์วิชในมือใส่ปากเข้าไปอีกที
"กินดีๆ ดิ เลอะเทอะ"
"อื้อ!!" ผมก้มลงไปมองน้ำสลัดไส้แซนด์วิชที่หยดลงไปเลอะเนคไท จึงเดินไปล้างในห้องน้ำ ตอนที่เดินออกมาเห็นไอ้ไกด์เดินสวนเข้ามาพอดี ด้วยสภาพของมันทำให้ผมต้องหันไปถาม เหมือนลุกจากที่นอนแล้วก็มาเรียนเลยอะ
"มึงตื่นยังเนี่ย"
"ง่วงชิบหาย"
"ไปทำอะไรมาวะ"
"เมื่อคืนซ้อมโชว์ตัวดาวเดือนยันตีสองเลย เพราะมึงเลยไอ้เหนือให้กูไปประกวดอะ"
"อ้าวก็มึงเสือกชนะเอง ช่วยไม่ได้ แต่มึงควรจะภูมิใจนะเพราะมึงหล่อ เผลอๆ มึงอาจจะได้เป็นเดือนม.ก็ได้นะ"
ไอ้ไกด์ยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่งแล้วหันขวับมาหาผมก่อนจะผลักไปติดกำแพงห้องน้ำ
"ถ้ากูได้เป็นเดือนม.มึงจะให้กูจูบอีกทีป่ะ"
"พ่องดิ!"
ผมผลักไอ้ไกด์ออกก่อนมันจะหัวเราะเบาๆ
"มึงไม่ต้องคิดมากนะไอ้เหนือ กูจูบเพราะอยากจูบเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร"
"กูไม่เคยคิดอะไรเว้ย รู้ว่ามึงมันพวกสำส่อน"
"เหรอ นึกว่าโดนจูบไปทีจะหลงรักกูเข้า"
"กูมีแฟนแล้วไอ้บ้า!"
"อ้าว...มึงมีแฟนแล้วเหรอ"
"เออ"
"ผู้ชายผู้หญิง"
"ผู้หญิงเว้ย!"
ไอ้ไกด์ขมวดคิ้วนิดหน่อย
"สารรูปน่ามีผัวมากกว่า"
"ไอ้บ้า! กูมีแฟนแล้ว เป็นผู้หญิง เป็นดาวคณะด้วยมึงน่าจะรู้จักนะ"
"ใครวะ"
"แพทอะ ดาวคณะสาธารณะสุขฯ"
มันทำหน้านึกหน่อยก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"เป็นเบี้ยนไม่ใช่เหรอวะ"
"ไอ้บ้า! แฟนกู!" ไอ้นี่มันเป็นโรคอะไรเนี่ยเปลี่ยนเพศให้ชาวบ้านเขาไปทั่ว
"ก็เห็นพวกที่ประกวดมันเล่าให้ฟังว่าดาวสาธารณสุขฯ คบกับดาวพยาบาลอยู่"
"มึงมั่วล่ะ"
"ไม่รู้ดิ คนอื่นบอกมา ไปเรียนเหอะ จะได้เวลาล่ะ" ผมเดินตามไอ้ไกด์ออกไปจากห้องน้ำ แต่ในหัวก็คิดเรื่องที่มันพูด ก่อนจะไล่ความคิดนั้นออกไป คงเพราะนิสัยห้าวๆ ของแพทล่ะมั้ง พอไปอยู่กับผู้หญิงคนไหนก็กลายเป็นเคมีเข้ากันกับผู้หญิงมากกว่าอยู่กับผู้ชาย แค่เพื่อนผู้หญิงสนิทกันไม่น่าแปลก
ผมเดินมาที่ห้องเห็นลูกไม้กำลังเปิดประตูเข้าไปพอดี เธอเห็นผมพอดีจึงหันมาทัก
"ไงเหนือ"
"หวัดดี เพิ่งมาเหรอ"
"อื้ม มาสายไปหน่อย เมื่อเช้าตื่นสาย แพทไม่ปลุก" ลูกไม้พูดขำๆ
"อยู่กับแพทนี่แพทขี้บ่นป่ะ"
"โอ้โห อย่างกับคุณยาย" ลูกไม้ว่าแล้วหัวเราะออกมา
"เออลูกไม้"
"ฮึ?"
"ดาวคณะพยาบาลนี่คนไหนเหรอ? เรียนเซคเดียวกับเราป่ะ"
"เรียนๆ มีอะไรเหรอ"
"เห็นเพื่อนบอกว่าสวยอะ อยากรู้ว่าสวยจริงเปล่า? คนไหนเหรอ"
"คนนี้" ลูกไม้ชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง
"อ้าว ลูกไม้เหรอ"
"อื้อ แล้วสวยป่ะ?"
ผมพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนเธอจะเปิดประตูห้องเข้าไป นึกไปถึงคำพูดไอ้ไกด์แล้วหัวเราะออกมาคนเดียว เขาเป็นรูมเมทกันก็ต้องสนิทกันเป็นธรรมดาป่ะวะ เบี้ยนอะไร คิดไปได้
...
วันนี้มีงานโชว์ตัวผู้เข้าประกวดดาวเดือนมหาลัยเป็นครั้งแรกที่หน้าหอใน ผมก็เลยมายืนอยู่กับพวกเพื่อนเพื่อรอดูแพท ลากไอ้บูรพามาด้วยให้มันมาถ่ายรูปแพทให้ แต่ตอนนี้มันหนีไปซื้อไก่ทอดในโรงอาหารกิน ทั้งๆ ที่เพิ่งกินข้าวเย็นด้วยกันไป ว่ากูหนักเท่ากระสอบข้าวสาร มึงนี่มันหมูเนื้อแดงดีๆ นี่เอง กำลังชะเง้อหามันก็เดินคาบไก่มาพอดี
"เดี๋ยวก็เป็นโรคเก๊าท์หรอกมึง"
"กลัวทำไม มะเร็งยังเป็นมาแล้ว"
"ไอ้ห่า งานจะเริ่มแล้ว มาถ่ายรูปให้เลยเร็วๆ"
"เออๆ" มันยัดไก่ชิ้นโตเข้าปาก แล้วเช็ดมือที่เลอะไก่กับเสื้อผม
สันดานบูรพา!
"เอาแพทคนเดียวใช่มะ?"
"เออ กูมีแฟนคนเดียว จะถ่ายใครอีก"
"ไอ้ไกด์ผัวมึงอะ"
"ไอ้บ้า!"
"ทะเลาะกันอีกแล้วพวกมึงเนี่ย เงียบๆ เขาจะเริ่มกันแล้ว" ไอ้หลิวหันมาดุๆ ก่อนพิธีกรจะเริ่มพูดเปิดงาน ดาวเดือนแต่ละคณะทยอยกันเดินออกมา ผมโฟกัสไปที่แพทคนเดียว แพทเวอร์ชั่นแต่งหน้านี่มันโคตรดาเมจแรง
อะเมซิ่งแพท สวยทะลุคอนแทคเลนส์เลย
แพทเดินกลับเข้าไปยืนที่แถวหลัง และพิธีกรประกาศชื่อแต่ละคนให้เดินออกมาอีกที เสียงกรีดร้องของคนที่มาเชียร์เพื่อนของตัวเองก็ดังลั่น
"ต่อไป ตัวแทนดาวเดือนจากคณะสาธารณสุขศาสตร์"
หวีด! ไม่กล้ากรี๊ดดังได้แต่สะกิดไอ้บูรพาที่ยืนอยู่ข้างๆ
"แพทๆๆ แพทมาแล้ว"
"กูเห็นแล้วน่า" มันว่าแล้วยกกล้องขึ้นมา ก่อนแพทจะเดินมาแนะนำตัวที่ด้านหน้า
"G12 แพท พาขวัญ ปัญญาโรจน์ จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ค่ะ โหวตให้แพทด้วยนะคะ"
โง้ย น่ารักอ่า! ผมเกาะแขนไอ้บูรพาแล้วซบลงไปเขินๆ อยู่บนนั้นแพทคงมองไม่เห็นผม แต่ผมนี่หุบยิ้มไม่ได้เลย แฟนโคตรสวยเว้ย!
"เป็นห่าไรเนี่ย"
ตัดฟีลกูอีก...
ผมหันไปมองไอ้บูรพาแล้วปล่อยมือจากแขนมัน
"ถ่ายพอยังเนี่ย เมมกูจะเต็มล่ะ"
"พอแล้วก็ได้"
หลังงานเลิกผมกับพวกเพื่อนๆ มานั่งคุยกันต่อในโรงอาหารหอใน เข้าไปหาแพทตอนนี้ไม่ได้เพราะแพทยังยุ่งๆ อยู่ข้างใน
"แพทโคตรสวยเลยเนอะ" ไอ้หลิวพูดขึ้นมา ผมได้แต่พยักหน้าหงึกๆ แล้วหันไปหาไอ้บูรพาที่ยังนั่งแทะไก่ต่อ
"ขอดูรูปหน่อยดิ" มันพยักหน้าไปที่กล้องเป็นเชิงอนุญาตให้ผมหยิบกล้องขึ้นมากดดูภาพได้ ผมดูภาพที่มันถ่ายแพทแบบช็อตต่อช็อต งุ้ย...ปริ้นท์ไปแปะผนังห้องดีมั้ยเนี่ย นานๆ แฟนจะแต่งหน้า
ผมเลื่อนภาพไปเรื่อยๆ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ภาพผมยืนยิ้มอยู่มากกว่าสิบภาพติดๆ กัน จึงยกกล้องไปให้ไอ้บูรพาดู
"นี่ไรเนี่ย?"
"ควายยิ้ม"
"ให้มาถ่ายแพท จะมาถ่ายกูทำไม เมมฯ เต็มเพราะภาพกูเนี่ย"
มันไม่ได้พูดอะไรแล้วแสร้งมองออกไปนอกโรงอาหาร
"เหนือดูนี่ดิ"
ผมรับมือถือจากไอ้หนุ่มที่ส่งมาให้ดู ก่อนจะเห็นว่าเป็นภาพแพทกับลูกไม้ยืนโอบไหล่กันอยู่ อีกภาพเป็นหันมายิ้มให้กัน พร้อมแคปชั่น
Frame Photo : ดาวได้ดาว #ทีมแพทลูกไม้
นอกจากนั้นยังมีคอมเมนท์เข้ามาโพสท์กันเพียบ
New Berry : เชียร์คู่นี้ #ทีมแพทลูกไม้
Koii Kanokwan : น่ารักกกก #ทีมแพทลูกไม้
เป็นเพราะพวกมึงติดแฮทแท็กบูรพากับองศาเหนือบ่อยๆ ไง เวรกรรมเลยตามกูทัน ทีมแพทลูกไม้อะไรเนี่ย!
"ยังไงเนี่ยเหนือ" บีบีถามขึ้นมา
"เฮ้ย ไม่มีอะไร สองคนนี้เป็นรูมเมทกันก็เลยสนิทกัน"
"เป็นรูมเมทกัน?"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ
"แน่ใจเหรอ?"
"แน่ใจดิ ก็วันที่ถ่ายหนังสั้นอะลูกไม้บอก ไอ้บูรพาก็ได้ยิน ใช่ป่ะ"
มันพยักหน้าเบาๆ ด้วยสีหน้าเรียบๆ
"แต่ลูกไม้อยู่คณะพยาบาลนะ"
"อือ ทำไมอะ"
"มันจะเป็นรูมเมทกันได้ยังไง ปกติคณะพยาบาลเขาจะมีรูมเมทเป็นคณะเดียวกันเพราะต้องอยู่หอในไปสี่ปี เขาจะไม่มีรูมเมทเป็นคณะอื่นนะ"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองน้ำหวานที่พูดออกมาแบบนั้น
"จริงเหรอ?"
"ใช่"
ผมหันไปหาหลิว มันได้แต่พยักหน้าเบาๆ ผมนึกไปถึงคำพูดของไอ้ไกด์ และวันที่เห็นคนที่เหมือนแพทไปเดินตลาดนัดกับลูกไม้ วันที่แพทลืมนัดผมแล้วไปซื้อของกับลูกไม้
ดาวได้ดาว...
"เดี๋ยวกูมา"
"เฮ้ย ไอ้เหนือ!"
ผมลุกพรวดออกมาแล้วรีบวิ่งไปที่เวทีโชว์ตัวดาวเดือนเมื่อกี้ แต่ไม่เห็นพวกดาวเดือนอยู่ตรงนั้นแล้ว ก่อนจะมองไปเห็นไอ้ไกด์ยืนคุยอยู่กับรุ่นพี่คนหนึ่ง
"ไอ้ไกด์!"
"อ้าวไอ้เหนือ มาได้ไง"
"เห็นแพทป่ะ"
"ไม่เห็นเหรอ"
"น้องแพท สาธารณสุขฯ เหรอคะ"
ผมหันไปพยักหน้าหงึกๆ กับรุ่นพี่ที่พูดขึ้นมา
"เห็นเข้าหอไปแล้วนะ"
"ครับ"
ผมรีบวิ่งไปที่หน้าหอพักแต่ลืมไปว่าผู้ชายเข้าไปไม่ได้ จึงหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาแพทแต่ไม่รับสายผมเลยจึงได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าหอหญิง รปภ.หญิงที่ยืนอยู่หน้าหอนี่ก็มองตาขวางๆ ทำไม? หน้าตาผมเหมือนโรคจิตมาปีนหอหญิงขโมยกางเกงในหรือไง?
"ไอ้เหนือ"
ผมหันไปหาพวกเพื่อนที่เดินเข้ามา
"เจอแพทป่ะ"
"ไม่เจอดิ เข้าหอไปแล้ว โทรก็ไม่รับด้วย หลิวมึงขึ้นไปตามแพทให้หน่อยดิ"
"ใจเย็นๆ ก่อนมึง"
ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดไอ้หลิว โอ้โห แฟนกูกำลังจะผันตัวไปเป็นเบี้ยนนี่จะให้กูมานั่งใจเย็นท่องนะโมสามจบอยู่หรือไง แต่เพราะทำอะไรนอกจากนี้ไม่ได้ก็เลยต้องถอนหายใจออกมาเงียบๆ
"กลับหอก่อนเหอะ เดี๋ยวแพทคงโทรกลับมาหา"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วเดินไปที่จอดรถ ไอ้บูรพาเดินตามมาด้วยเพราะวันนี้มันมากับผม ผมหยุดเดินแล้วหันไปหามัน
"มึงก็รู้มาก่อนเหรอวะว่าคณะพยาบาลจะไม่มีรูมเมทเป็นคณะอื่น"
มันพยักหน้าหน่อยๆ
"แล้วทำไมไม่บอกกูตั้งแต่วันที่ลูกไม้พูดวะ"
"ไม่อยากเสือกไง"
"มึงอะ ปล่อยให้กูโง่อยู่คนเดียวได้ไง"
"มึงก็ใจเย็นๆ ก่อน อย่าเพิ่งคิดมากแล้วไปถามแพทให้รู้เรื่อง"
"แล้วถ้าแพทกับลูกไม้ เฮ้ย! ไม่ใช่หรอก ไม่น่าใช่ ไม่ใช่แน่ๆ"
"ฟุ้งซ่านนะมึงเนี่ย เดี๋ยวแพทโทรกลับมาก็ค่อยถาม กลับหอได้แล้ว กูจะไปนอนล่ะ เอากุญแจมา กูขับเอง" มันคว้ากุญแจไปจากมือผมแล้วไปขยับรถออกมา
"ขึ้นมาดิ จะเดินกลับหรือไง"
รถก็รถกูนะนั่นน่ะ...
...
ผมยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงนอนที่หอด้วยจิตใจไม่สงบ แพทยังไม่โทรกลับมา ไลน์ไปสิบกว่าข้อความก็ยังไม่กดอ่าน ผมพยายามทำให้ใจเย็นลงด้วยการคว้าโคอาล่ามาร์ชมากรอกปาก พร้อมกับไถไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ แต่สายตามันก็มองผ่านตลอดอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร เข้าไอจีดีกว่าเสพรูปสวยๆ แล้วจะอารมณ์ดีขึ้น ผมเปลี่ยนแอพมาเลื่อนดูฟีดไอจี แต่ก็อารมณ์เดียวกัน ผมเลื่อนหน้าจอผ่านๆ จนมาหยุดอยู่ที่ภาพของแอคฯ โปรด
Sundaynight01 มนุษย์ควรยับยั้งการเข้าใจผิด ด้วยการไม่คิดไปเอง
ใช่...ไม่คิดไปเอง ต้องไม่คิดไปเอง
"ตื้ด..."
แพท!
ผมกดรับโทรศัพท์จากแพทโดยไม่ต้องให้มือถือร้องซ้ำ
"แพท!"
(โห รับไว)
"เอ่อ เล่นมือถืออยู่พอดีอะ"
(เพิ่งเห็นมือถือทั้งโทรทั้งไลน์เลย มีอะไรด่วนป่ะเนี่ย)
"แล้วแพททำไรอยู่อะ"
(ก็ล้างหน้าอาบน้ำ คือแต่งหน้าจัดมาก ล้างแทบไม่ออก นี่ต้องไปยืมเมคอัพรีมูฟเวอร์ลูกไม้มาใช้เนี่ย)
"อ่อ ล้างดีๆ อะ เดี๋ยวเป็นสิว"
(แล้วมาดูป่ะเนี่ยวันนี้)
"ไปดิ ไม่เห็นใช่ป่ะ"
(คนเยอะมากมองไม่เห็นใครเลย ตื่นเต้นด้วย สั่นเลยตอนแนะนำตัว)
"แต่วันนี้แพทสวยมากเลยนะ"
(จริงเหรอ)
"จริงดิ"
(แต่งหน้าบ่อยๆ เอามะ?)
"ไม่เอา จะสวยไปให้ใครดู หวง"
(จ้าๆ เออ ว่าแต่ตอนแรกโทรมามีอะไรนะ)
อะ...กูก็ลืมประเด็นสำคัญไปเลย ผมถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง
"แพทเป็นรูมเมทกับลูกไม้เหรอ?"
(ก็ใช่ดิ รู้นานแล้วไม่ใช่เหรอ?)
"แต่เพื่อนบอกว่าคณะพยาบาลต้องอยู่กับรูมเมทคณะเดียวกัน แล้วทำไมแพทอยู่กับลูกไม้ได้อะ"
(อ๋อ คืองี้นะ เรารู้จักกับลูกไม้ตั้งแต่บิกินนิ่งแคมป์แล้ว แล้วบังเอิญมาอยู่หอเดียวกัน แต่ว่าคนละห้อง แต่ลูกไม้ไม่ค่อยชอบรูมเมทคณะเดียวกัน ก็เลยมานอนห้องเรา เพราะห้องเราอยู่กันแค่สองคนก็เลยมีเตียงว่างอยู่ แล้วพอมานอนบ่อยๆ เรากับเมทอีกคนก็ชวนย้ายมาอยู่ถาวรเลย ก็เลยได้มาเป็นรูมเมทกันไง)
"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง"
(มีอะไรป่ะเนี่ย?)
"เห็นรูปในเฟซบุ๊คไง"
(ทีมแพทลูกไม้อะนะ)
"เออดิ"
(ขำๆ น่า เหมือนบูรพากับองศาเหนือแหละ)
"เอาคืนใช่ป่ะ?"
(โห่ ขำๆ อย่าคิดมาก)
"โอเค งั้นแค่นี้แหละ"
(จ้า ไว้เจอกันนะ)
"ครับ"
แพทกดวางสายไป ก่อนหน้าจอมือถือผมจะกลับมาเป็นหน้าไอจีภาพเดิม แคปชั่นบนหน้าจอนั่นทำให้ผมยกมุมปากขึ้นนิดๆ อย่างพอใจแล้วจิ้มหัวใจลงไป
ต่อไปนี้ต้องไม่คิดไปเอง
ขอบคุณนะ Sundaynight01
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 16
บูรพาขี้อิจฉา
บูรพา :
หลังจากหมดคาบสุดท้ายของวันศุกร์ในตอนเที่ยง พวกเพื่อนผมมันก็แยกกันกลับบ้าน เพราะวันนี้ไม่มีห้องเชียร์แล้วเสาร์อาทิตย์นี้ก็ไม่มีกิจกรรมอะไร ขณะที่กำลังเดินลงบันไดก็ได้ยินเสียงไอ้เหนือกับพวกเพื่อนกลุ่มมันคุยกัน จึงหยุดเดินแล้วเงยขึ้นไปมอง มันก็มองลงมาเห็นพอดี
"มองอะไรเห็บหมา"
ถีบสักทีดีมั้ยเนี่ย อยู่กับมันผมนี่หลายสายพันธุ์ เป็นตัวเหี้ย เป็นเห็บหมา เป็นแมลงสาบ เป็นทุกอย่างยกเว้นเป็นตัวเอง ขี้เกียจด่าเลยทำได้แค่มองใส่เคืองๆ ตอนที่มันเดินลงมาบันไดขั้นเดียวกันจึงเดินต่อไป
"กลับบ้านเปล่า" ผมหันไปถาม
"ไม่อะ"
พวกที่อยู่หอในแยกไปอีกทาง ส่วนผมกับไอ้เหนือเดินมาที่จอดรถ
"เมื่อไรจะเอารถไปทำสีวะ" มันถามขณะที่มองมายังรอยถลอกข้างรถที่มาจากฝีมือมัน
"ปล่อยไว้งี้แหละ"
"ก็เท่ดีเนอะ"
"หรา"
มันได้แต่หัวเราะแห้งๆ จริงๆ ก็ไม่ใช่รอยใหญ่อะไร แล้วผมไม่ใช่พวกรักรถขนาดที่ยอมให้รถเป็นรอยถลอกไม่ได้ ก็เลยปล่อยมันไว้อย่างนี้ มองรอยนี้ทีไรจะได้นึกถึงหน้าไอ้เหนือมัน
"มึงไปไหนต่อป่ะ?" มันหันมาถาม
"ว่าจะไปโลตัสอะ"
"เฮ้ย ไปด้วยดิ กูว่าจะไปซื้อของพอดี"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วขับรถกลับหอ ไอ้เด็กแวนซ์บิดมอเตอร์ไซค์แซงผมไปก่อนแล้ว มีการหันมายักคิ้วให้ตอนขี่แซงอีก กวนตีนน่าดู
ผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะชุดนักศึกษานี่มันร้อนบรรลัย ก่อนจะลงมารอไอ้เหนือข้างล่าง ผมขึ้นไปนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ของไอ้เหนือเพื่อรอ ก้มลงไปมองรอยถลอกข้างรถมันที่น่าจะได้มาตอนที่รถล้มคราวก่อน ไอ้นี่มันจับรถคันไหนก็ต้องฝากรอยเอาไว้ทุกคันถูกมั้ย? ผมนั่งรอมันอยู่เกือบยี่สิบนาทีก่อนมันจะเดินลงมา วันนี้มันใส่เสื้อเหลืองลายมินเนี่ยน เป็นผู้ชายคนอื่นใส่เสื้อแบบนี้คงดูตลก แต่พอเป็นมันแม่งโคตรน่ารัก ผิวขาวๆ ของมันใส่เสื้อสีอะไรก็ดูสว่างเรืองแสงไปหมด หน้าก็เล็กนิดเดียว ตาเล็กๆ ที่กลายเป็นสระอิเวลายิ้ม แถมปากชมพูอีกต่างหาก
สภาพงี้ไม่น่าจับทำเมียเหรอถามจริง?
"ทำอะไรนานจังวะ"
"ใจร้อนจังเลยมึงอะ จะไปรถกูหรือรถมึง"
"รถกูดิ มึงจะขี่มอไซค์ไปโลตัสหรือไง"
"ไม่ไกลซะหน่อย วันนั้นกูไปกับไอ้หลิวแค่ยี่สิบนาทีเอง"
"ไม่เอาอะร้อน ไปรถกูนี่"
"เออๆ รถมึงแดกน้ำแทนน้ำมันหรือไง" มันเดินไปเปิดประตูอีกฝั่งพร้อมเสียงบ่น ก่อนผมจะพามันออกไป จริงๆ โลตัสก็ไม่ไกลจากมหาลัยอย่างที่มันบอกแต่อากาศตอนบ่ายๆ ของภูมิประเทศนี้ไม่เหมาะที่จะขับขี่มอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนจริงๆ ไม่เกินสิบนาทีผมก็มาถึง ไอ้เหนือตั้งใจจะมาซื้อของเข้าหอ ผ่านไปยี่สิบนาทีดูของในมือมันที่มันได้มา
โดนัท ป๊อบคอร์น โกโก้ไข่มุก ยังไม่รวมไอติมที่เลียอยู่
"มึงหิวมากใช่มั้ย?"
รู้สึกว่าจะแดกขนมมาตลอดทาง
"เรื่องของกูน่า ไหนมึงจะมาซื้ออะไร ไปดิ" มันว่าแล้วดึงรถเข็นมาคันหนึ่ง แล้ววางของกินในมือลงไปในรถนั่น ผมกำลังจะแยกไปแผนกของใช้ที่ตั้งใจจะมาซื้อแต่ไอ้หำน้อยมันเข็นรถพุ่งไปแผนกกีฬาเมื่อหันไปเห็นอะไรบางอย่าง
"ไอ้บูรพา มึงดูนี่ดิ ไม้แบตฯ ลายอเวนเจอร์!" มันว่าแล้วหยิบไม้แบตฯ ขึ้นมาให้ผมดู
"อายุเท่าไรแล้วมึงเนี่ย"
"มึงกูอยากเล่นแบตฯ อะ ซื้อไปเล่นกัน"
"เอาอันนี้ดีกว่า" ผมหยิบอีกยี่ห้อมาส่งให้มัน
"มันไม่มีลายอเวนเจอร์ ซื้ออันนี้ดีกว่า"
"มันไม่ดีหรอก ยี่ห้ออะไรก็ไม่รู้ ตีทีเดียวก็ขาดแล้ว"
"มันจะขาดได้ไง มันอเวนเจอร์นะโว้ย...ดูดิ โคตรเท่" มันว่าแล้วมองไม้แบตฯ ลายนั้นอย่างชื่นชม มันไม่ได้อยากเล่นแบตฯ หรอก แต่คลั่งฮีโร่นั่นมากกว่า
"ถ้าจะเล่นก็เอาอันนี้" ผมหยิบไม้แบตฯ ยี่ห้อนั้นมาสองอัน
"เอาอเวนเจอร์..."
ห่าเอ๊ย! ผมวางไม้แบตฯ ในมือไว้ที่เดิม แล้วหยิบอเวนเจอร์ของมันโยนใส่รถเข็น ก่อนไอ้เหนือจะหัวเราะอย่างผู้ชนะ เสือกงัดหน้าแบ๊วมาอ้อน กูก็แพ้ดิวะ
กะจะรีบลากมันมาอีกทาง แต่ไอ้นี่หันขวับไปเห็นแผนกของเล่นที่เต็มไปด้วยวังวนอเวนเจอร์ มันก็พุ่งเข้าใส่สิครับรออะไร
"มึง นี่โล่กัปตัน อย่างเหมือนของจริงอะ"
"มึงเคยเห็นของจริงเหรอ"
"เออ ไม่เคย"
เออ ความเด๋อของมันอะ
"โอ้โห โคตรแพง" มันพลิกไปดูราคาข้างหลังก่อนจะวางมันลงไปที่เดิม
"มันไม่น่าเขียนว่า แผนกของเล่นเด็ก มันต้องเป็น ของเล่นเด็ก รวย มากกว่านะ แพงขนาดนั้นใครจะไปซื้อ"
"มึงอยากได้เหรอ" ผมหันไปถาม
"มึงจะซื้อให้กูเหรอ"
"แพงขนาดนั้นใครจะไปซื้อ"
"แล้วจะถามทำไม"
"อะ กูซื้ออันนี้ให้" ผมว่าแล้วหยิบที่เป่าฟองสบู่ลายโฟรเซ่นให้มันอันหนึ่ง
"วู้! กูไม่ใช่เด็ก"
"ไม่ใช่เด็กแล้วจะมาเดินอยู่ดงของเล่นทำไมล่ะฮะ"
"ก็กูชอบ...เฮ้ย มีเอลซ่าด้วย!"
จากทีมอเวนเจอร์สู่ราชินีหิมะ เอาที่มึงพอใจเลย... ไอ้เหนือใช้เวลาซนไปกับแผนกของเล่นจนสาแก่ใจ มันก็เปลี่ยนมาแผนกของใช้ ผมหยิบของที่จะมาซื้อโดยไม่ต้องเลือก ใช้แบบที่เคยใช้แค่ห้านาทีก็ได้ครบจึงเดินกลับไปหาไอ้เหนือ มันกำลังยืนดมน้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่ ผมยืนมองมันอยู่อีกทาง เห็นมันดมอันนั้น ลองอันนี้ แล้วก็วนกลับมาดมอันเดิม มันหันมาเห็นผมพอดีก็กวักมือเรียกให้เข้าไปหา
"มึงว่าอันนี้หอมมั้ย" มันเอาอันหนึ่งให้ผมดม
"ก็หอมดี"
"แล้วอันนี้อะ" มันยื่นอีกอันมาให้
"ก็หอม"
"แล้วอันไหนหอมกว่า"
"อันนี้มั้ง" ผมชี้ไปที่อันแรก แต่เอาจริงๆ ไม่รู้เลยว่าอันไหนมันหอมกว่า
"กูอยากได้ที่เคยใช้แต่ว่าจำไม่ได้ว่าสีไหน พ่อกูซื้อมาให้แล้วก็เทใส่ขวดพลาสติกไว้ให้ พ่อทิ้งซองไปแล้วด้วย"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วก้มลงไปดมเสื้อมัน มันสะดุ้งนิดหนึ่งแล้วหันขวับมามอง
"ทำอะไรวะ"
"ก็ดมเสื้อมึงไง ว่ามันกลิ่นไหน แล้วมึงก็ดมดิว่ากลิ่นมันเหมือนอันไหน"
"เออ มึงฉลาดว่ะ!" มันว่าแล้วดึงเสื้อตัวเองขึ้นมาดม สลับกับกลิ่นของน้ำยาปรับผ้านุ่มนั่น กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมหรือเปล่าไม่รู้
แต่กลิ่นองศาเหนืออย่างละมุน...
ใช้เวลาเดินอยู่ในโลตัสชั่วโมงกว่าๆ ก็ได้ของครบ มีไม้แบตฯ ลายอเวนเจอร์ที่อยู่นอกลิสต์เกินมาคู่หนึ่งด้วย ขากลับไอ้เหนืออยากจะเป็นคนขับรถ มันบอกฝึกบ่อยๆ จะได้ขับแข็งๆ ก็เลยต้องปล่อยให้มันเป็นคนขับกลับ คอยจับพวงมาลัยให้มันตอนที่ต้องขับแซงคันอื่น หรือจังหวะที่มันไม่มั่นใจ ระหว่างที่มาจอดติดไฟแดงผมหันไปเห็นเมฆรูปร่างแปลกๆ บนท้องฟ้า จึงหันไปหยิบกล้องหลังรถขึ้นมาถ่ายรูป ผมชอบเก็บภาพฟ้าสวยๆ เอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ย้อนกลับมาดูทีไรก็จะรู้สึกสบายใจ ผมกดดูภาพที่ถ่ายอย่างพอใจ ก่อนจะเหลือบตาไปมองไอ้เหนือที่กำลังมองผมอยู่
"มองไร"
"กูเห็นมึงชอบถ่ายรูปฟ้าจัง ชอบมากเหรอ" มันถามพลางหันหน้าไปมองท้องฟ้าข้างหน้าบ้าง
"อือ กูอยากบินได้"
"บินไม่ขึ้นหรอก มึงหนัก"
ไอ้ห่านี่!
"แล้วนี่มึงพกกล้องไปทุกที่เลยเหรอวะ"
"เออ สมมติว่าไปเจอควายขับรถก็จะได้ถ่ายเก็บไว้" ผมหันกล้องกลับมาหัน ตั้งใจจะแกล้งถ่ายตอนที่มันทำหน้าเผลอ แต่ไอ้นี่พอเห็นเลนส์กล้องก็ยิ้มอัตโนมัติไม่มีเขิน
"แชะ!"
"ว้าย กูยิ้มทัน"
ผมกดดูรูปที่ถ่ายแล้วยิ้มออกมานิดๆ มันยิ้มทันจริงๆ แล้วก็เป็นยิ้มที่น่ารักเหมือนเคย
...
เรากลับมาถึงหอโดยที่รถผมไม่มีรอยถลอกเพิ่ม ไอ้เหนือเห่อไม้แบตฯ อเวนเจอร์มากจึงชวนผมออกไปตีแบตฯ เพราะเห็นว่าอากาศกำลังดีๆ ด้วย ก็เลยชวนกันไปที่ลานพลังงานทดแทน
"เอารถกูไปนะ"
ผมพยักหน้าเบาๆ ถ้าขับรถเข้าม.ไอ้เหนือมันไม่ค่อยชอบให้เอารถผมไปเพราะหาที่จอดยาก แถมถ้าวันไหนรถเยอะๆ ก็จะไปติดอยู่หน้าประตูนาน จริงๆ อย่างมากก็ห้านาที ผมอยู่กรุงเทพฯ จนชินแล้วเลยไม่ซีเรียสกับเรื่องรถติด แต่ไอ้นี่ไม่ได้เลย เด็กแวนซ์อย่างมันทนไม่ได้กับการต้องจอดอยู่กับที่ เลยคิดว่าไปมอเตอร์ไซค์สะดวกกว่า
"พรึบๆๆๆ"
ผมกับไอ้เหนือมายืนอยู่ริมสระน้ำกลางสนามที่ลานพลังงานทดแทน ลมพัดใบไม้ปลิดปลิวเป็นฤดูใบไม้ร่วงเพราะดูเหมือนฝนจะตก ไม้แบตฯ อเวนเจอร์กับลูกขนไก่ถูกวางทิ้งไว้เพราะเล่นไม่ได้
"โห่...หมดกันอเวนเจอร์กู"
"รู้งี้เอารถบังคับมาด้วยก็ดีอะ ถนนอย่างโล่ง" ผมพูดพลางมองไปยังถนนด้านหลัง เพราะเส้นนี้ไม่มีตึกเรียนจึงไม่ค่อยมีรถขับผ่าน
"เออ น่าเล่นว่ะ วันหลังเอามาเล่นตรงนี้กัน"
"แล้วเอาไงเนี่ย จะกลับเลยหรือว่าไง"
"มาแล้วอะ นั่งเล่นแป๊บ" มันว่าแล้วนั่งลงไปบนพื้นหญ้า
"เป่าไอ้นี่เล่นไปก่อน" ผมชี้ไปที่ที่เป่าฟองที่ซื้อมา ไอ้เหนือมันห้อยติดคอมาด้วย มันยกขึ้นมาแล้วเป่าฟองสบู่นั่นลอยปลิวไปตามลม ผมเดินถอยหลังออกมานิดหนึ่ง แล้วมองแสงแดดบางๆ ที่ส่องสว่างตอนที่เมฆครึ้มๆ นั่นลอยออกไป แสงกำลังสวยแล้วบรรยากาศก็ดีผมเลยยกกล้องที่เอาติดมาด้วยขึ้นกดชัตเตอร์ถ่ายรูปไอ้เหนือ
"แชะ!"
มันหันขวับมามองตอนที่ได้ยินเสียงชัตเตอร์
"แอบถ่ายกูอีกล่ะ"
"เป่าต่อดิ"
"เอาหล่อๆ นะ"
ไอ้เหนือยกฟองสบู่ขึ้นมาเป่าอีกที
"เออ โคตรหล่อเลย"
ปากจู๋ๆ กับแก้มพองลมที่กำลังเป่าฟองสบู่ และตาที่ยิ้มจนเป็นสระอิ
ช็อตนี้กูตายว่ะ...
ผมไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไรที่มองว่ามันเป็นคนน่ารัก ทั้งๆ ที่มันเป็นพวกปากหมา ขี้โวยวาย ไม่ฟังใคร ชอบลงไม้ลงมือกับผมอยู่บ่อยๆ แต่หน้ามืดตามัวไปหลงมันขนาดนี้ได้ไงก็ไม่รู้
"เหนือ! บูรพา!"
ทั้งผมและไอ้เหนือหันตามเสียงเรียกก่อนจะเห็นว่าเป็นแพท ที่ลงมาจากมอเตอร์ไซค์ของเพื่อน แล้วหันไปบอกให้เพื่อนกลับไปก่อนก่อนจะวิ่งมาหาเรา
"แพทมาได้ไงอะ" ไอ้เหนือเดินเข้ามาถาม
"ไปหอสมุดกับเพื่อนมา"
"ไม่มีเรียนเหรอ"
"ไม่มีๆ แล้วนี่มาทำอะไรกันอะ"
"ตอนแรกจะมาเล่นแบตฯ กัน แต่ลมแรงอะ"
"อ๋อ เห็นถ่ายรูปกันอยู่ ถ่ายงานอะไรกันเหรอ"
"เปล่า ถ่ายเล่นเฉยๆ"
"อ๋อ เห็นเหนือบอกแกชอบถ่ายรูปเหรอบูรพา"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ
"เดี๋ยวถ่ายให้เอามั้ย?"
"เอาดิ มาเหนือ มาถ่ายรูปกัน"
"ให้เราถ่ายคู่กับแพทอะนะ"
"เออดิ"
"โห่ เขิน"
"จะเขินอะไรเล่า มาเร็ว เอาสวยๆ นะบูรพา" แพทดึงไอ้เหนือที่ดูเคอะๆ เขินๆ เข้ามาใกล้ๆ ก่อนผมจะยกกล้องขึ้นมาถ่าย ก่อนจะเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ จนไอ้เหนือเริ่มหายเขินและดูเป็นธรรมชาติเวลาอยู่กับแพท
เป่าฟองสบู่ด้วยกัน...
ปัดผมที่ลมพัดมาแปะหน้าออกให้ด้วย...
จับมือไปอีก...
นี่กูมาเป็นตากล้องถ่ายพรีเวดดิ้งให้มันหรือไงวะเนี่ย ปากล้องลงน้ำแม่ง! ในใจว้าวุ่นขนาดที่อยากจะทำลายข้าวของ แต่ตัดมาที่ความจริง...
"ใกล้อีกดิ มองหน้ากันด้วย"
"ไอ้บ้ากูเขิน!"
"แฟนมึงมึงจะเขินทำไม เอาเร็วๆ แสงกำลังสวย"
"โอเคๆ"
หลังจากจบการถ่ายรูปพรีเวดดิ้งของไอ้คู่นี้ ฝนก็ทำท่าจะตกลงอีกรอบ ก็เลยชวนกันกลับ
"มึงไปส่งแพทก่อนก็ได้ กูรออยู่นี่แหละ"
"เฮ้ย ไปพร้อมกันนี่แหละ ซ้อนสามได้" แพทหันมาบอกกับผม
"เออ ไปได้ แพทมานั่งหน้านี่" ไอ้เหนือว่าก่อนแพทจะเข้าไปนั่งข้างหน้า ขณะที่มันเป็นคนขับ และผมซ้อนท้าย ก่อนไอ้เหนือจะขับไปส่งแพทที่หน้าหอใน ระหว่างสองคนข้างหน้าก็คุยกันมาตลอดทาง
"แพทจะกลับบ้านบ้างป่ะ"
"ช่วงนี้คงไม่ได้กลับอะ ใกล้ประกวดวันจริงแล้วต้องซ้อมเยอะเลย แล้วเหนือขึ้นห้องเชียร์ทุกวันป่ะเนี่ย"
"ไม่เคยโดดเลยเหอะ"
"น่ารักมาก"
"แฟนใครไม่รู้เนอะ"
"เออ แฟนใครวะ"
นี่กู...กลายเป็นก้อนหินถ่วงท้ายรถเหรอ? ห่าเอ๊ย! กูมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย!
...
ไอ้เหนือเข้ามานั่งเล่นให้ห้องผมหลังจากกลับมาถึงหอ มานั่งชื่นชมรูปถ่ายที่ผมถ่ายให้มัน
"มึงเลิกเรียนไปรับจ้างถ่ายรูปเหอะ มืออาชีพว่ะ"
"สวยขนาดนั้นเชียว"
"อือ กูชอบอะ ต้องมีคนจ้างมึงเยอะแน่ๆ เชื่อกู"
"กูถ่ายพรีเวดดิ้งให้มึงกับแพทแล้วนี่ไง จ่ายตังค์มาดิ"
"โห่ กับเพื่อนมึงยังคิดตังค์อีกเหรอ"
"เก็บหมดแหละ มึงไม่จ่ายก็ไปเก็บกับไอ้แพท"
"เออ แล้วถ้ากูได้แต่งงานกับแพทมึงจะไปถ่ายรูปให้กูป่ะ"
กูไม่ถ่าย! รกกล้อง!
"ถ้ามึงไม่ให้กูเป็นคนถ่ายดิ กูจะโกรธเลย"
ตอบได้พระเอกชิบหายเลยบูรพา...
"โห โอเคๆ งั้นกูจองตัวมึงเลยละกัน"
ผมได้แต่พยักหน้าหน่อยๆ
"มึงส่งรูปให้กูด้วยดิ"
"เดี๋ยวกูเซฟใส่แฟลชไดรฟ์ให้ ภาพมันเยอะขี้เกียจรอโหลด"
มันพยักหน้าหน่อยๆ แล้วล้มตัวลงไปกลิ้งอยู่บนเตียงผม ผมกดเข้าโฟลเดอร์ภาพที่ถ่ายมาวันนี้แล้วเลือกรูปมันกับแพทใส่แฟลชไดรฟ์ ผมกดเข้าไปดูรูปที่เป็นไอ้เหนือยืนมองหน้ากับแพท ตอนที่ผมบอกให้มันหันไปมองหน้าแพท มันก็หลุดยิ้มออกมาเพราะความเขิน แต่นั่นก็เป็นยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติ ยิ้มที่เป็นต้นเหตุของความน่ารักของมัน
ผมกดซูมเข้าไปจนเห็นแค่หน้ามันคนเดียว
เป็นรอยยิ้มที่ทำให้อิจฉาคนที่ได้รับไป เพราะมันไม่เคยยิ้มให้ผมแบบนั้นเลย
"เฮ้ยมึง!"
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อไอ้เหนือลุกพรวดขึ้นมาเสียงดัง
"อะไรวะ กูตกใจหมด"
"มึงเป็นแมลงสาบมึงไม่ควรขวัญอ่อนนะ"
น่ารักแค่ไหนกูก็เอาตีนยัดปากได้นะไอ้ห่าเอ๊ย!
"นี่ มึงอ่านนี่ยัง วันจันทร์งดคลาสสองคลาสเลย"
"ก็ดีดิ ว่างทั้งวันเลย"
"โห่ รู้งี้กูกลับบ้านดีกว่า" มันว่าแล้วนอนลงไปที่เดิม
"กลับตอนนี้ก็ทันนี่"
"เออเนอะ งั้นกูกลับบ้านดีกว่า มึงไปส่งกูที่บขส.หน่อยได้ป่ะ" มันว่าแล้วลุกออกจากเตียงไป
"ไอ้เหนือ..."
"ฮึ?"
"กูไปด้วยได้ป่ะ?"
To be continued.
การพบกันครั้งที่ 17
บูรพาขัดใจไม่เป็น
ผมไม่ได้กลับไปลำปางอีกเลยตั้งแต่ย้ายกลับไปอยู่กรุงเทพฯ เพราะคิดถึงที่นั่นก็เลยขอไอ้เหนือตามมันกลับบ้านด้วย พอมันอนุญาตก็เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสองสามชุดกับของที่จำเป็นอีกนิดหน่อย ก่อนจะออกไปรอไอ้เหนือที่หน้าหอ สักพักมันก็เดินตามลงมา
"ให้กูขับรถไปก็ได้นะ"
"ไม่เอามึง ไกล ไปรถทัวร์ดีกว่า"
"ตามใจ"
ไอ้เหนือเดินไปขึ้นรถอีกฝั่ง ก่อนผมจะขับออกมาจากหอ มันกำลังโทรรายงานแพทว่ากำลังกลับบ้าน ความพ่อบ้านกลัวเมียของมัน วางสายจากแพทก็หันมาหาผม
"ไอ้บูรพา มึงเคยนั่งรถไฟป่ะ?"
"เคยดิ"
"แต่กูไม่เคยว่ะ"
"บ้านนอก"
"สัด!"
หาเรื่องโดนด่าซะงั้นแหละ
"มันมีรถไฟไปลำปางด้วยนะเว้ย"
"มันนานไม่ใช่เหรอ?"
"กูอยากลองอะ ไปรถไฟกันป่ะ?"
"เอาดิ"
ผมเออออกับมันไปด้วย แล้วเปลี่ยนเส้นทางจากบขส. ไปสถานีรถไฟ โชคดีที่รถไฟขบวนที่จะไปลำปางกำลังจะมาถึงพอดี
"อีกนานป่ะวะกว่ารถไฟจะมา" ผมหันไปถาม ก่อนมันจะหยิบตั๋วขึ้นมาดู
"ถ้ามันมาตรงเวลาก็อีกสิบห้านาที"
"งั้นเดี๋ยวกูมานะ"
"อ้าวไปไหนอะ! เดี๋ยวไม่ทันนะเว้ย!"
ผมลุกออกมาจากเก้าอี้ในสถานีแล้ววิ่งออกไปหาเซเว่น ก่อนจะข้ามถนนไปเข้าเซเว่นแล้วเลือกซื้อขนมและของกินที่จะเอาไว้ยัดปากไม่ให้มันบ่นหิว จ่ายเงินเสร็จก็รีบวิ่งกลับไปหามัน ได้ยินเสียงประกาศจากสถานีว่ารถไฟขบวนที่ต้องขึ้นกำลังมาถึงพอดี
"มึงไปไหนมาวะ!"
"ซื้อขนมให้นี่ไง"
มันนิ่งไปนิดหนึ่งตอนที่หันมามองขนมในมือ แค่เห็นโคอาลามาร์ชก็หน้าบานล่ะ
"รู้ใจจริงๆ มึงนี่ ไปเร็วรถไฟจะมาแล้ว"
พอรถไฟมาถึงไอ้เหนือก็รีบลากผมไปขึ้นรถอย่างตื่นเต้น เหมือนเด็กหลังเขาเพิ่งออกมาเห็นว่าโลกนี้มียานพาหนะที่เรียกว่ารถไฟอะ ก่อนเราจะมาได้ที่นั่งในตู้ท้ายๆ ไอ้เหนือยิ้มกว้างตอนที่รถไฟค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไป แล้วโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่าง
ตอนเย็นๆ ยังพอมีแสงอยู่ ผมจึงไม่รอที่จะยกกล้องที่ขึ้นมาถ่ายรูปมันเอาไว้
รถไฟออกมาจากสถานีพิษณุโลกได้ไม่กี่สถานีฟ้าก็เริ่มเปลี่ยนสีจนมองไม่เห็นบรรยากาศข้างนอก
"น่าเสียดายเนอะ น่าจะมากลางวัน จะได้ดูวิวข้างนอกด้วย"
"ไว้ขากลับดิ"
"เออ งั้นเดี๋ยวกูโทรบอกให้พ่อมารอรับที่สถานีรถไฟก่อน มันประมาณกี่ชั่วโมงวะ" ไอ้เหนือหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาพ่อแล้วพูดเป็นภาษาเหนือ ผมห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลยตอนไอ้เหนือพูดคำเมือง โคตรของโคตรน่ารักเลยบักหำน้อย
ผ่านไปประมาณชั่วโมงกว่าๆ ผมไม่รู้ว่าเรามาถึงไหนกันแล้วเพราะข้างนอกมืดมาก ไอ้เหนือกินขนมที่ผมซื้อมาเกือบจะหมดแต่ก็ยังบ่นว่าหิวอยู่ มันเป็นควายกระเพาะเลยใหญ่ใช่มั้ยเนี่ย
"เอาป่ะ?" มันยื่นซองทาโร่มาให้
"กินเหอะ"
"เดี๋ยวหาว่ากูไม่แบ่ง" ว่าแล้วก็หยิบใส่ปากเคี้ยวหยับๆ มันหยิบมือถือขึ้นมาเล่น เลื่อนหน้าจอไปๆ มาๆ ลุกขึ้นยืนยืดตัว เดินไปเดินมาแล้วกลับมานั่งที่เดิม หยิบมือถือขึ้นมาเล่นอีกที สีหน้าเริ่มหงุดหงิด
"อีกนานป่ะวะ"
"ไม่รู้ดิ"
"โห่ ง่วงล่ะเนี่ย"
"นอนก่อนดิ ตื่นมาคงถึงพอดี"
"ไม่เอาอะ หลับบนรถไฟน่ากลัว เดี๋ยวใครมาอุ้มไปทำไง"
มึงไปเอาความเชื่อนี้มาจากไหนเนี่ย!
"มึงนอนเหอะ กูไม่หลับหรอก ใครมาอุ้มมึงเดี๋ยวไล่ให้"
"ไม่เอาอะ มึงไม่นอนกูก็ไม่นอน อยู่เป็นเพื่อนกัน"
"ตามใจ"
"ฟังเพลงดีกว่า" มันว่าแล้วหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบมือถือแล้วเปิดเพลง ก่อนจะยัดข้างหนึ่งใส่หูให้ผม เพราะหูฟังไม่ยาวมากมันก็เลยเขยิบเข้ามาใกล้ๆ แล้วเอนตัวมาพิงผม
เนี่ย...ก็ชอบทำให้กูหวั่นไหว
"ได้ยินป่ะ" มันหันมาถาม ยิ่งทำให้หน้าใกล้เข้าไปอีก ผมก็เลยได้แค่พยักหน้าแล้วหันมองไปอีกทาง
เพลงเล่นไปได้ไม่กี่เพลง หัวของไอ้เหนือก็ซบลงมาบนไหล่ผม ผมหันไปมองจึงเห็นว่าหำน้อยมันหลับไปแล้ว ไหนบอกอยู่เป็นเพื่อนกันไง ฟาย ผมถอดหูฟังออกแล้วจับตัวมันเอนลงไปนอนบนตักเพราะกลัวมันจะปวดคอ สะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่มันขยับตัวเหมือนจะตื่น แต่ก็นอนหลับต่อ
ถึงตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเรามาถึงไหนกันแล้ว ไอ้เหนือก็ยังคงนอนอยู่บนตัก เหน็บแดกไปสองสามรอบก็ยังไม่ตื่น กว่าจะถึงลำปางคงไม่เป็นอัมพาตช่วงล่างไปก่อนนะ แต่แลกกับการได้นั่งมองหน้ามันมาตลอดทางก็ถือว่าคุ้มอยู่
"ขอตรวจตั๋วด้วยครับ"
ผมหันไปหาเจ้าหน้าที่บนรถไฟที่เดินมาขอตรวจตั๋ว เห็นไอ้เหนือยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงของมัน
"แป๊บหนึ่งนะครับ"
ผมค่อยๆ ดึงตั๋วนั่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของมันอย่างระวังเพราะกลัวมันตื่น เมื่อได้ตั๋วแล้วก็ยื่นให้เจ้าหน้าที่ตัดตั๋วนั่น
"แฟนเหรอ"
"ครับ?"
"น่ารักดีนะ" เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดยิ้มๆ แล้วยื่นตั๋วคืนให้
เอ่อ...
แฟนครับ...แฟนคนอื่นน่ะ
"ที่นี่สถานี..."
คนบนตักผมขยับนิดหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมา เบิกตาขึ้นนิดหนึ่งเมื่อมองขึ้นมาเห็นผม แล้วลุกพรวดขึ้น มันยกมือขึ้นขยับเปลือกตาเบาๆ ก่อนจะกระพริบตาถี่ๆ
"เป็นไรวะ"
"คอนเทคมันเลื่อนอะ"
"เอาแว่นมาป่ะเนี่ย กูไม่อยากจูงคนตาบอดนะ"
"มันแค่เลื่อนไม่ได้หลุดเว้ย แล้วนี่ถึงไหนแล้ววะ"
"ไม่รู้ดิ ใกล้แล้วมั้ง"
"โห่ ไม่ถึงสักทีวะ!"
"เป็นไงล่ะ อยากลองขึ้นรถไฟ ประทับใจมั้ย"
"มึงอะ มึงน่าจะบอกกูสิว่ามันนาน"
"กูบอกไปแล้ว ฟาย"
"อ้าวเหรอ? แต่มึงก็น่าจะห้ามกูอะ"
"กูขัดมึงได้เหรอ"
มันนิ่งไปนิดหนึ่งแล้วหันมามองหน้า
"เออ มึงก็ตามใจกูตลอดเลยนะ"
"ก็มึงดื้อเหี้ย ขัดใจก็มาเหวี่ยงกูอีก"
"กับคนอื่นกูไม่เป็นงี้นะ แต่มึงไม่ขัดกู กูก็เลยชอบเอาแต่ใจกับมึงว่ะ"
"ก็เอาแต่ใจไปดิ"
"..."
"กูตามใจได้"
ไอ้เหนือหันขวับไปอีกทาง ก่อนจะแอบยิ้มออกมา
เฮ้ย...ยิ้มว่ะ...
...
ในที่สุดเราก็มาถึงลำปาง หลังจากลงจากรถไฟไอ้เหนือลงไปยืดเส้นยืดสายเหมือนจะแข่งยิมนาสติกโอลิมปิก มึงไม่ตีลังกาแปดตลบม้วนตัวกลับบ้านมึงไปเลยล่ะ
ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ สถานี แล้วเงยหน้ามองท้องฟ้ามืดๆ แต่ยังพอมีดาวอยู่
ฟ้าลำปาง...
อากาศลำปาง...
กลิ่นลำปาง...
คนลำปาง...
สำเนียงลำปาง...
ที่นี่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่ความรู้สึกของผม ลำปางเป็นเมืองช้าๆ ใช้ชีวิตได้ช้าๆ หายใจได้ช้าๆ เป็นเมืองที่พอดีกับชีวิต และเป็นเมืองที่มีไว้เพื่อคิดถึง คิดถึงชีวิตที่นี่ คิดถึงคนที่นี่...
"มึงจะยืนเล่นเอ็มวีอีกนานมะ?"
ผมเหลือบตาไปมองไอ้เหนือเคืองๆ กูกำลังได้ฟีล...
"พ่ออยู่ไหนก็ไม่รู้เนี่ย ไปหาพ่อกัน"
ผมช่วยไอ้เหนือมองหาอาลิปดาพ่อของมัน ก่อนจะมองไปเห็นผู้ชายใส่แว่นยืนอยู่ที่ร้านน้ำใกล้ๆ สถานี
"เหนือ พ่อมึงอะ"
"อยู่ดีๆ มาด่าพ่อกูทำไมเนี่ย!"
"กูหมายถึงพ่อมึงอยู่นั่นอะ"
ไอ้เหนือตาวาวตอนที่มองไปเห็นพ่อตัวเองแล้วรีบวิ่งเข้าไปหา
"ป้อ!"
"อ้าว ถึงล่ะก๊า!"
"กึ๊ดเติงขนาด มากอด!"
"กอดๆ!"
ผมมองดูสองพ่อลูกกอดกันกลม พ่อไอ้เหนือดูใจดีไม่เปลี่ยนเลย
"เอ้อ ป้อ เหนือพาเปื่อนมาโตย"
อาลิปดาหันมามองผม ก่อนจะขมวดคิ้วนิดๆ
"บูรพา!"
"จำผมได้ด้วยเหรอครับ"
"จำได้ดิ โห โตขึ้นอย่างหล่ออะ! แล้วนี่ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะ"
"ผมเรียนที่เดียวกับไอ้เหนืออะครับ"
"จริงดิ! แล้วนี่..."
"พ่อ เหนือหิวอะ ไปหาอะไรกินแล้วค่อยคุยกันได้ป่ะ"
"ได้ๆ"
...
อาลิปดาพาผมกับไอ้เหนือมากินข้าวที่ร้านอาหารใกล้ๆ บ้านมัน ร้านที่เคยเป็นร้านประจำของผมกับไอ้เหนือ เมนูเดิมๆ ถูกสั่งมาโดยไอ้เหนือ ระหว่างมื้ออาหารก็พูดคุยกันอย่างคนที่ไม่ได้เจอกันนาน
"แล้วนี่เราไปอยู่ที่ไหนมา"
"ผมกลับไปอยู่กรุงเทพฯ ครับ"
"อ๋อ ตั้งแต่ตอนม.สามอะนะ"
"ใช่ครับ"
"โอ๊ย ตอนนั้นนะ เหนือมันมาร้องห่มร้องไห้แทบทุกวัน"
"ป้อ!" ไอ้เหนือหวีดขึ้นมาตอนที่พ่อมันกำลังเผา
"บอกคิดถึงบูรพา บูรพาไปไม่ล่ำไม่ลาอย่างนั้นอย่างนี้"
"พูดเรื่องอื่นได้มั้ย!"
"เอ้อ มันยังขอพ่อไปกรุงเทพฯ ด้วยนะ บอกว่าจะไปตามหาบูรพา"
ไอ้เหนือส่ายหน้ายิกๆ แล้วตักข้าวยัดใส่ปากไม่หยุด
"ยิ่งตอนที่ไอ้เจ้าเอมาบอกบูรพาไปอยู่เมืองนอก โอ้โห คราวนี้อาการหนักเลย ร้องไห้งอแง บอกว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว"
ผมเหลือบตาไปมองไอ้เหนือที่เคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ทำเป็นไม่สนใจ
"คร่ำครวญยิ่งกว่าตอนแม่มันตายอีกนะ"
"ขนาดนั้นเลยเหรอครับ"
"เอ้อ อาการหนัก นึกว่าจะฆ่าตัวตายไปตั้งแต่ตอนนั้นล่ะ"
ทั้งกินข้าวทั้งคุยกันจนร้านเกือบปิด พวกเราก็กลับมาที่บ้านไอ้เหนือ บ้านของมันก็ยังเหมือนเดิม ผมเข้ามาในห้องนอนที่เมื่อก่อนมานอนบ่อยๆ
"บูรพามึงอาบน้ำเลย เดี๋ยวกูไปอาบห้องพ่อ"
ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนไอ้เหนือจะออกไปจากห้อง ผมกวาดสายตาไปรอบๆ ห้อง แล้วไปหยุดมองกรอบรูปมันกับแพทที่หัวเตียง ทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆ แล้วหยิบเสื้อผ้าไปอาบน้ำ ก่อนจะออกมาเห็นไอ้เหนืออาบน้ำเสร็จแล้ว
"พ่อนอนแล้วเหรอ"
"เออ นอนไปล่ะ"
"นึกว่าจะมาคุยกันต่อ"
"พอเลยไอ้ห่า เผากูหัวไหม้หมดแล้วเนี่ย"
ผมหัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปนั่งบนเตียงมัน
"มึงเคยร้องไห้คิดถึงกูด้วยเหรอ?"
"เปล่าเว้ย ตอนนั้นกูแพ้คอนเทคเลนส์ พ่อเข้าใจผิด"
"ไอ้บ้า ไม่เห็นต้องอายเลย กูยังร้องไห้เพราะคิดถึงมึงเลย"
มันหันขวับมามองแล้วขมวดคิ้วนิดๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ๆ
"จริงดิ?"
"ตอนที่มึงลบเพื่อนในเฟซบุ๊คกูอะ กูเศร้ามากเลยนะ"
"ทำเป็นดราม่า ก็แอดใหม่แล้วนี่ไง"
"ไอ้เหนือ"
"ฮึ?"
"ตอนเราอยู่ด้วยกันแบบนี้ อดีตมันพุ่งชนมึงบ้างมั้ยวะ?"
ไอ้เหนือนิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
"ตลอดเวลาว่ะ กูคิดถึงวันเก่าๆ อยู่เรื่อยๆ คิดถึงสิ่งที่เคยทำด้วยกัน เวลาที่เคยสนุกด้วยกัน"
"มึงคิดถึงมั้ย?"
"คิดถึง"
ผมยิ้มออกมานิดๆ ตอนที่มันตอบออกมาอย่างไม่เฉไฉเหมือนทุกครั้ง ผมดึงมันให้เข้ามาใกล้ๆ
"ขอกอดหน่อยดิ"
"ฮะ?"
"ขอกอดให้หายคิดถึงหน่อยได้เปล่าวะ"
"ไอ้บ้า...แมนๆ ที่ไหนเขาจะมากอดกันวะ..."
ผมไม่รอให้มันพูดจบดึงเข้ามากอดแม่งเลย มันเองก็ไม่ได้ขัดขืนแล้วยกมือตบหัวผมที่นั่งอยู่บนเตียงเบาๆ
"ต้องกอดนานแค่ไหนถึงจะหายคิดถึงวะ"
ไอ้เหนือ...กูจะทำยังไงกับความรู้สึกนี้ดีวะ...
.
.
.
ความรู้สึกในใจกูเนี่ย...
...
วันนี้ผมกับไอ้เหนือมาขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยวรอบเมืองลำปาง มันพาผมมารำลึกความหลังในที่ที่เคยไป บ้านที่เคยอยู่ ร้านอาหารที่เคยกิน ก่อนจะมาจบที่โรงเรียนที่เคยเรียนด้วยกัน แต่เพราะวันนี้เป็นวันหยุดโรงเรียนก็เลยเงียบกว่าปกติ ผมเดินหามุมถ่ายรูปไปรอบๆ โรงเรียนจนเดินกลับมาเจอไอ้เหนือนั่งกินลูกชิ้นที่ซื้อมาจากหน้าโรงเรียนอยู่ที่ชิงช้าในสนามเด็กเล่น
"แชะ! แชะ! แชะ!"
พอได้ยินเสียงชัตเตอร์ของผมมันก็หันมามอง
"ถ่ายกูจัง กูจะเก็บตังค์แล้วนะ ภาพละห้าบาท"
กูคงหมดตัวครับ...
ผมยิ้มหน่อยๆ แล้วเดินไปนั่งชิงช้าข้างๆ มัน เรื่องราวในอดีตค่อยๆ ถูกพูดถึงขึ้นมาทีละเรื่อง ตอนที่เรานั่งคุยกัน
"มึงจำได้ป่ะ เมื่อก่อนเราชอบพับเครื่องบินกระดาษแข่งกันอะ"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ
"มึงแพ้กูตลอด"
"ตอนนั้นกูแขนสั้นไงเลยแพ้มึง แต่ถ้าเป็นตอนนี้กูคิดว่าต้องชนะมึงแน่ เออ งั้นเดี๋ยวกูมา" ไอ้เหนือว่าแล้ววิ่งเข้าไปในตึกเรียน สักพักหนึ่งก็วิ่งกลับมาพร้อมกระดาษเอสี่ในมือสองใบ
"ไปเอามาจากไหนวะ"
"ไปขอรปภ.มา อะ เอาไป"
ผมรับกระดาษมาจากมันแล้วพับให้เป็นเครื่องบินกระดาษ ผมหยิบปากกาในกระเป๋าขึ้นมาส่งให้มัน
"เขียนชื่อด้วย เดี๋ยวตีกันเหมือนตอนนั้นอีก"
จำได้ว่าเคยแข่งกันแต่จำไม่ได้ว่าของใครเป็นของใคร ทะเลาะกันแทบตาย ผมกับมันมีเรื่องทะเลาะกันมากกว่าร้อยเรื่องเพราะความขี้โวยวายของมัน แล้วผมก็ไม่ใช่คนใจเย็น ตีกันอยู่เรื่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ก็จะทะเลาะกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนจึงไม่เคยทะเลาะกันได้นาน กลับมานั่งขำทุกทีว่าจะทะเลาะกันเพื่ออะไร
ไอ้เหนือเขียนชื่อตัวเองลงบนเครื่องบินกระดาษของมันแล้วส่งปากกาคืนมาให้ผม
"พร้อมยัง"
"อือ"
"ใครแพ้โดนลงโทษนะ"
"โทษอะไร?"
"ตกเป็นทาสหนึ่งวัน"
ผมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
"โอเค ไฮไฟว์"
ผมยกมือขึ้นไปแตะกับมือมัน ก่อนมันจะดูมั่นอกมั่นใจแล้วเหวี่ยงเครื่องบินกระดาษในมือออกไปพร้อมๆ กับผม ผมมองเครื่องบินกระดาษสองลำที่ลอยละล่องตามลมไปแล้วร่อนลงสู่พื้น ของผมไปได้ไกลกว่ามาก สักสามเมตรได้
"ง่ะ! ไม่จริงอะ!"
"อ่อนว่ะเหนือ"
"เอาอีกทีดิ"
"ได้"
ผลการแข่งขันรอบที่สองผมก็ยังชนะมันอยู่ดี มันโตขึ้นแขนยาวขึ้นก็จริงแต่แรงไม่ค่อยจะมี กินแต่ขนมไม่มีประโยชน์ไม่ค่อยกินข้าวแถมไม่เคยออกกำลังกาย แค่ยกอะไรหนักๆ ก็ยังจะไม่ไหวแล้ว
"โห่ แพ้อีกแล้ว!"
"คิดจะสู้กับพี่สิบปียังเร็วไป"
"งั้นเอาใหม่ ใครชนะสองในสามถือว่าชนะเลย ไม่มีการต่อรองแล้ว"
"ได้"
"มึงเตรียมตัวเป็นทาสกูเลยไอ้บูรพา"
"กูรึเปล่าที่ควรจะพูดคำนั้น"
"มาเลย!"
ผมชนะมันสองครั้งรวดอย่างไม่ได้ออกแรงอะไรมาก ขนาดอ่อนให้มันแล้วมันยังเอาชนะไม่ได้ คนแพ้ก็เลยโวยวายจนแทบจะลงไปชักดิ้นชักงอ
"โห่! ไม่จริงอะ! ไม่จรี๊ง! มึงโกงกูป่ะเนี่ย!"
"โกงห่าอะไรล่ะ"
"แล้วทำไมชนะตลอดเลย"
"อะๆ กูให้อีกครั้ง"
"เป็นครั้งตัดสินเลยนะ"
"เออ"
ไอ้เหนือแสดงสีหน้ามั่นอกมั่นใจ ก่อนจะเหวี่ยงเครื่องบินออกไปอีกที ผมเองก็ด้วย ของมันลอยออกไปไกล ส่วนของผมพุ่งขึ้นไปติดพุ่มไม้
"เย่! กูชนะแล้ว!"
ถ้าไม่โง่จริงๆ ก็คงจะพอรู้ว่ากูตั้งใจพุ่งไปตรงนั้นอะนะ แต่เพราะว่ามันเป็นควายโดยกำเนิดก็เลยกำลังดีอกดีใจว่าตัวเองเป็นผู้ชนะอยู่
"เห็นมั้ยว่ากูชนะแล้ว"
"เออ เห็นแล้ว"
"มึงต้องเป็นทาสกูนะ"
"เชิญลงทัณฑ์บัญชาเลยครับ"
"หน้าที่แรกของทาส ไปซื้อโกโก้ปั่นให้กูหน่อย"
"แดกอีกล่ะ"
"กฎของทาสไม่มีสิทธิ์เถียงเจ้านาย!"
"สัด..."
"ทาสห้ามด่าเจ้านาย เดี๋ยวกูโบย!"
"เออ!"
"พูดให้มันเพราะๆ เดี๋ยวกูสั่งประหาร!"
"คร้าบ!"
ผมกระโดดไปเก็บเครื่องบินกระดาษที่ติดอยู่บนพุ่มไม้ใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไปซื้อโกโก้ปั่นให้มันที่หน้าโรงเรียน แล้วเดินกลับมาให้มัน
"โกโก้ปั่นครับนายท่าน"
"ดีมากเจ้าทาส" มันว่าแล้วยกมือเคาะหัวผมสองสามที
"เกินไปล่ะๆ"
"กลับบ้านยังอะ ป่านนี้พ่อน่าจะกลับมาแล้ว"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนไอ้เหนือจะเดินนำไปที่ลานจอดรถ ความซนของมันไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง จึงวิ่งกระโดดข้ามรั้วเล็กๆ ในสนามเด็กเล่นไปเรื่อยๆ จนไปถึงรั้วพุ่มไม้ที่ที่ริมสนามที่ค่อนข้างสูง
เดี๋ยวก็หน้าทิ่มหรอก...
"ตุ้บ!"
"อ๊า!!"
นั่นไง!
"ไอ้เหนือ!"
ผมรีบก้าวข้ามพุ่มไม้นั่นไปหาไอ้เหนือที่นอนคว่ำลงไปกับพื้น มันยันตัวเองขึ้นมาแล้วเบะปากทำท่าจะร้องไห้
"โกโก้ปั่น..."
"ห่วงแดกอีก" ผมก้มลงไปเก็บแก้วโกโก้ปั่นที่ล้มอยู่ข้างๆ
"ซนไม่เข้าเรื่องมึงอะ"
"กูเคยโดดข้ามได้"
"ทางดีๆ มีก็ไม่เดินไงไอ้ควาย เจ็บมั้ยเนี่ย"
"เจ็บดิ" มันยกมือปัดฝุ่นตามตัว ก่อนจะหันไปเห็นรองเท้าเตะที่มันใส่ของพ่อมันมา หูรองเท้าแยกออกเป็นสองส่วนไปเรียบร้อย
"เชี่ย รองเท้าขาดเลย!"
"สมน้ำหน้า"
"อย่าตอกย้ำกูสิ" มันลุกขึ้นมาแล้วยืนขาเดียวเพราะพื้นปูนค่อนข้างจะร้อน
"เดินได้มั้ยเนี่ย"
"เดินไม่ได้แล้ว" มันก้มลงไปหยิบรองเท้าแล้วเงยหน้าขึ้นมาด้วยองศาเหนือแบ๊วลุค ทำหน้าอย่างนี้คือคิดแผนอ้อนอะไรอยู่ในใจแน่ๆ
"เจ้าทาส มาให้ข้าขี่หลังซะดีๆ"
"โห่ มึงหนัก!"
หนักจริงไม่ได้ล้อเล่น ถึงหน้าตามันจะน่ารักแต่น้ำหนักมันคือกระสอบข้าวสาร
ริมฝีปากชมพูของมันเชิดขึ้นนิดๆ กับหัวคิ้วที่ยกขึ้นแล้วกระพริบตาปิ๊งๆ
ยอมครับยอม
ผมถอนหายใจแรงๆ แล้วนั่งลงไปกับพื้น มันรีบกระโดดขึ้นมาขี่หลังจนเกือบเซ มันได้แต่หัวเราะคิกคัก
"มึงเป็นทาส มึงต้องยอมกู"
"ยอมแล้วนี่ไง"
"เมื่อกี้ก็ยอมแพ้ให้กูใช่ป่ะ"
"ไรนะ"
"ที่แข่งเครื่องบินไง กูรู้หรอกว่ามึงแกล้งเหวี่ยงไปติดต้นไม้อะ"
อ้าว...ไม่โง่นี่หว่า
"มึงแพ้แล้วก็โวยวายไง"
มันหัวเราะหน่อยๆ แล้วยกสองมือขึ้นโอบคอผมเอาไว้ ในขณะนั้นหน้ามันก็เฉียดเข้ามาใกล้ ก่อนมันจะพูดเสียงเบาๆ ที่ข้างๆ หู
"ก็โวยวายให้มึงตามใจไง"
เก็บศพกูด้วย ฝากบอกญาติว่ากูจากไปอย่างสงบ...
to be continued.
มีภาษาเหนือปรากฏในตอนนิดหน่อย ผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ค่ะ :o8: :o8: :o8:
การพบกันครั้งที่ 18
บูรพาฝ่าไฟแดง
วันหยุดและเวลาที่ลำปางของผมหมดไปอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ต้องกลับม.แล้ว ไอ้เหนือค้านหัวชนฝาตอนที่ผมชวนมันกลับรถไฟ แต่มันไม่เอาด้วยแล้ว ก็เลยตกลงกันว่าจะกลับรถทัวร์เพราะไวกว่าและสะดวกกว่า พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าแต่มันยังนอนรูดมือถือเล่นไม่เลิก
"เฮ้ย..." มันส่งเสียงออกมาเบาๆ แล้วทำคิ้วขมวดตอนที่มองไปยังหน้าจอมือถือ
"อะไรวะ"
"มึงดูดิ!" ไอ้เหนือเขยิบเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าจอมือถือให้ผมดูก่อนจะเห็นว่าเป็นรูปแพทกับลูกไม้นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน และเป็นเตียงหอในที่ขนาดแค่สามฟุตครึ่งสองคนนั้นจึงนอนตัวติดกันใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน น่าจะเป็นรูมเมทอีกคนถ่ายมาโพสท์และแคปชั่นที่ทำให้คนข้างๆ ผมหน้ายุ่ง
Saii sarika : เป็นรูมเมทไม่พอ เลื่อนขั้นเป็นเบดเมทค่ะ #ทีมแพทลูกไม้
"เบดเมทห่าอะไร!" ไอ้เหนือพูดอย่างโมโหแล้วจิ้มลงไปบนหน้าจอสองสามที
"มึงจะเมนท์อย่างนั้นไม่ได้นะเว้ย"
ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว ผมดึงมือถือมาจากมือไอ้เหนือแต่มันกดโพสท์คอมเมนท์ใต้ภาพนั้นไปแล้ว
เหนือ องศาเหนือ : แพทแฟนกู เลิกเล่นได้แล้วไม่ขำ
"โพสท์งี้ไม่เป็นไรเหรอวะ"
"จะเป็นอะไรวะ ก็แพทแฟนกูอะ"
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วส่งมือถือคืนให้มัน
"มึงสงสัยอะไรก็ไปถามแพทมันตรงๆ ดีกว่า จะได้ไม่เข้าใจผิดกัน"
มันถอนหายใจแรงๆ แล้ววางมือถือไว้ที่โต๊ะใกล้ๆ หัวเตียงก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปง จิตใจคงกำลังฟุ้งซ่าน ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดกับมันว่าไง ก็เลยลุกไปปิดไฟแล้วกลับมานอน
เรื่องของมันกับแพท ผมเสือกไม่ได้อยู่แล้ว...
...
"ตื้ด...ตื้ด..."
ผมลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกข้างๆ กำลังจะยกมือไปกดปิดแต่ก็ต้องชะงักกึก เมื่อหันไปเห็นไอ้เหนือมันนอนทับแขนของผมอยู่
กูว่าล่ะ ฝันว่าแบกหินทั้งคืน
ผมใช้มืออีกข้างเอื้อมมือไปปิดเสียงนาฬิกาปลุกแล้วหันกลับมามองไอ้เหนือที่นอนซุกอยู่ข้างๆ ผมค่อยๆ ยกหัวมันออกจากแขน แล้วดึงแขนออกมา
โอ๊ย...เหน็บแดก
ผมยกไหล่ขึ้นเบาๆ ให้หายเมื่อยก่อนจะพลิกตัวกลับไปมองไอ้เหนือที่ยังหลับอยู่ หำน้อยนี่มันขี้เซาจริงๆ ผมยกมือแตะริมฝีปากชมพูๆ ของมันเบาๆ อยากจูบมันแบบที่ไอ้ไกด์ทำแต่ชั่วไม่พอเท่าไอ้นั่นเลยไม่กล้า
"บูรพา เหนือ ตื่นได้แล้วนะ เดี๋ยวไม่ทันรถเน้อ!"
เสียงอาลิปดาที่ดังมาจากข้างนอกทำให้คนข้างๆ ผมขยับตัว ใกล้จนผมลุกหนีไปไหนไม่ทันก็เลยแกล้งหลับตาลงไป ได้ยินเสียงงู่งี่เบาๆ ของคนข้างๆ ที่ลุกขึ้นไปนั่ง
"ป้อเสียงดังอะหยังแต่เจ๊า แล้วแว่นต๋าฮาอยู่ไหนเนี่ย " [พ่อเสียงดังอะไรแต่เช้า แล้วแว่นกูอยู่ไหนเนี่ย]
"บูรพา ตื่นได้แล้วเว้ย"
มึงก็ลุกไปสิ ลุกไป
"บูรพา"
ผมกัดฟันแน่นตอนที่เสียงมันเหมือนดังอยู่ใกล้ๆ หน้า
"เป็นเห็บหมาแล้วยังขี้เซาอีก"
ไอ้บ้าเอ๊ย...ละเมอถีบเลยดีมั้ย
ผมยิ่งตัวแข็งทื่อตอนที่ไอ้เหนือจิ้มเข้ามาที่ข้างแก้ม มันเลื่อนมือขึ้นไปที่ปลายจมูกของผม แล้วลูบเบาๆ ที่ริมฝีปากอย่างที่ผมทำกับมันเมื่อกี้ อย่าทำแบบนี้ไอ้หำ อย่าทำแบบนี้!
"เพี๊ยะ!"
"โอ๊ย!" ผมเบิกตาขึ้นมาตอนที่ถูกมันตบเข้าที่หน้าผาก
"ตัวเหี้ย ตื่นได้แล้ว ไก่ขันแล้ว เดี๋ยวไปแดกไก่ไม่ทัน"
"เชี่ย..."
ผมพลิกตัวหนีมันมาอีกทาง แล้วกัดริมฝีปากแน่น
โอ้โห...ใจแทบระเบิด
...
อาลิปดามาส่งเราที่บขส.เพื่อนั่งรถกลับม. ล่ำลากันเสร็จก็ได้เวลารถออกพอดี ผมต้องบอกลาลำปางอีกครั้ง แต่คิดว่าคงได้กลับมาที่นี่อีก รถทัวร์ใช้เวลาน้อยกว่ารถไฟ นั่งมาไม่นานเราก็มาถึงบขส. แต่ขามาเสือกจอดรถไว้ที่สถานีรถไฟไง ก็เลยต้องต่อรถไปสถานีรถไฟ ไอ้เหนือนั่งเงียบมาตลอดทางเพราะก่อนหน้านี้เพิ่งโทรทะเลาะกับแพท เหมือนแพทไม่พอใจที่มันไปคอมเมนท์หยาบๆ ใต้ภาพเมื่อคืน ก็เลยทะเลาะกันไปยกหนึ่ง จากนั้นมันก็กลายเป็นผู้ป่วยโรคซึมเศร้าทันที
"หิวเปล่า หาอะไรกินก่อนมั้ย"
"ไม่อะ กูอยากกลับหอเลย"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ ก่อนจะตรงกลับหอเลย พอถึงหอมันก็รีบเข้าห้องไป ผมเองก็เดินเข้าห้องตัวเอง เพราะทำอะไรไม่ได้ เทเสื้อผ้าออกมาจากเป้ ตั้งใจจะเอาลงไปซักใต้หอแต่ขี้เกียจก็เลยทิ้งตัวลงที่นอน หยิบแลปท็อปมาเปิดแล้วเสียบยูเอสบีจากกล้องเข้าไปเพื่อโหลดไฟล์ภาพจากกล้องใส่แล็ปท็อปไว้ ผมกดดูรูปที่ถ่ายมาผ่านๆ แล้วเลือกเฉพาะรูปของไอ้เหนือใส่โฟลเดอร์ที่ซ่อนเอาไว้
องศาเหนือ
จัดการลากรูปของมันทั้งหมดเข้าไปในโฟลเดอร์นั้นแล้วเลื่อนดูรูปพวกนั้นวนไปวนมา
เหตุผลที่ทำให้ผมต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปมันบ่อยๆ เพราะมันน่าจะเป็นวิธีเดียว…ที่ทำให้มันหันมายิ้มให้ผม
...
เกือบอาทิตย์ผ่านไปอย่างไวอีกแล้ว กิจกรรมห้องเชียร์ใกล้จะจบแล้ว อาทิตย์หน้าก็จะถึงงานพาวเวอร์เชียร์แล้ว เพื่อนๆ ทุกคนภาวนาให้ห้องเชียร์วันสุดท้ายมาถึงเร็วๆ สักที แต่ผมรู้สึกเฉยๆ มานั่งห้องเชียร์เหมือนมาเป็นก้อนหินนั่งให้ไอ้เหนือพิงตอนพัก แล้วก็บ่นเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟังมากกว่า อย่างตอนนี้ก็เหมือนกัน บทลงโทษที่ผมต้องตกเป็นทาสของมันหมดเวลาไปนานแล้ว แต่มันยังทำเหมือนผมเป็นทาสมันอยู่เลย ต้องมานั่งเอาป้ายชื่อโบกๆ พัดๆ ให้มันเพราะงอแงว่าร้อนอยู่นั่นแหละ ส่วนมันก็บ่นเรื่องแพทให้ฟังไม่หยุด
"แพทแม่งด่ากูงี่เง่า กูแค่แสดงความเป็นเจ้าของมันงี่เง่าตรงไหนวะ มึงคิดดูดิ คบกันมาสี่ปี แต่ถ้าคนที่ไม่ใช่เพื่อนกันจริงๆ นี่ไม่มีใครรู้เลยนะ ตั้งความสัมพันธ์ในเฟซบุ๊คก็ไม่ได้ โพสท์รูปคู่ก็ไม่เคย กูไปโพสท์อะไรหน้าวอลแม่งก็ตั้งไพรเวทไม่มีใครมองเห็นอะ คนอื่นเขาทำแบบนี้ป่ะวะ"
"ไม่รู้ดิ"
"หึงกูก็ไม่เคยหึง คุยกันก็เหมือนเพื่อนอะ ไม่มีอะไรพิเศษเลย"
"ก็มึงเป็นเพื่อนกันมาก่อนไง"
"ก็ใช่ แต่ตอนนี้มันเป็นแฟนกูไง ถ้ามึงเป็นแฟนกูมึงจะทำงี้มั้ย?"
"ถ้ากูเป็นแฟนมึง?"
"เออ มึงจะทำไงวะ"
"คงต้องเอามึงก่อน"
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า!"
ผมหัวเราะเบาๆ ในใจไม่ขำหรอก กูคิดงั้นแหละ...
"หรือว่าแพทไม่รักกูแล้ววะ"
"คิดมาก"
ได้ยินแค่เสียงถอนหายใจเบาๆ ของมันก่อนจะหมดเวลาพัก กิจกรรมห้องเชียร์ดำเนินต่อไปจนจบ ไอ้เหนือก็แยกตัวกลับหอไปก่อน ส่วนผมไปกินข้าวต่อกับพวกเพื่อนๆ แก๊งผู้ชายในเอกที่มีน้อยนิดเลยต้องเกาะๆ กลุ่มกันเข้าไว้
"ไอ้บูรพา เพื่อนกูอยากได้ไอดีไลน์มึงอะ"
"เอาไปทำอะไร"
"มึงมีไลน์ไว้ทำอะไรล่ะเพื่อน นี่ เพื่อนกูชื่อแอ๋ม เป็นหลีดคณะสังคมฯ " ไอ้บอมบ์ว่าแล้วเลื่อนรูปในเฟสบุ๊คของผู้หญิงคนนั้นให้ดู
"อย่างสวยครับ" ไอ้ภัทรว่าขณะชะโงกหน้าเข้ามามองด้วย
"ให้ไปเลยไอ้บูรพา" ไอ้อิฐเสริมเข้ามาอีกคน
"ไม่เอา กูไม่ชอบคุยไลน์กับใคร"
"งั้นกูบอกให้มันมาคุยกับมึงตัวเป็นๆ ล่ะกัน"
"วี้วๆๆ" ไอ้พวกนี้แหกปากแซวจนโต๊ะข้างๆ หันมามอง ผมได้แต่ส่ายหัวเบาๆ แล้วตักข้าวใส่ปาก
"ติ๊ง!"
ผมควักมือถือในกระเป๋ากางเกงขึ้นมาเปิดดูไลน์ที่ดังขึ้น ก่อนจะเห็นว่าเป็นไอ้เหนือจึงกดเข้าไปอ่าน
องศาเหนือ : มึง ไม่อยู่ห้องเหรอ
บูรพา : กินข้าวอยู่
องศาเหนือ : กินเสร็จยัง
บูรพา : ยัง มาเปล่า
องศาเหนือ : งั้นกูฝากซื้อได้ป่ะ
บูรพา : เอาอะไร
องศาเหนือ : อะไรก็ได้
ผมกดส่งสติกเกอร์กลับไปตัวหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเห็นไอ้สามตัวนี้ชะโงกหน้าเข้ามารุมอ่านไลน์ผม จึงรีบกดปิดหน้าจอ
"อะไรของพวกมึง"
"ไหนบอกไม่ชอบคุยไลน์กับคนอื่นไงครับคุณบูรพา"
"พิมพ์ให้ยิกๆ เลยนะ"
"ไอ้เหนือไง มันฝากซื้อข้าว" ผมพูดปัดๆ แล้วตักข้าวใส่ปากอีกที
"เมียมึงอะนะ"
"แค่ก!" สำลักข้าวเลยไอ้บ้า
"ใจเย็นๆ" ไอ้ภัทรว่าแล้วยกแก้วน้ำให้
"ก็กูเห็นไอ้พวกสาววายมันหวีดกัน บูรพากับองศาเหนืองี้"
"ไม่มีอะไร กูรู้จักกับมันมาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว"
"ตอนแรกๆ เห็นบอกไม่ถูกกันนี่หว่า"
"ดีกันแล้ว"
"มึงชอบมันเหรอ?"
ผมเงียบไปตอนที่ไอ้บอมบ์พูดแบบนั้น ไอ้พวกที่เหลือก็มองหน้าอย่างลุ้นเอาคำตอบ
"พูดมาเหอะ เพื่อนกัน"
"เออ รับได้"
ผมได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ
"มันมีแฟนแล้วไง"
"..."
"แฟนมันก็เป็นเพื่อนกูด้วย"
เพื่อนชอบแฟนเพื่อนเนี่ย...มันโคตรเหี้ยเลยใช่เปล่า?
...
วันนี้วันศุกร์ มีเรียนแค่ถึงเที่ยง หลังเลิกเรียน พวกเพื่อนๆ แก๊งชะนีของไอ้เหนือ ชวนผมมาเดินเล่นที่เซนทรัล ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจจะมากับพวกมันด้วยแต่พวกมันส่งไอ้เหนือมาอ้อน แถมเอาไก่มาล่อผมก็เลยต้องยอมขับรถมาให้พวกมัน หลังจากออกมาจากเคเอฟซีพวกผู้หญิงรวมถึงไอ้หนุ่มก็แยกออกไปเดินดูเสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋าตามแบบฉบับผู้หญิง ส่วนผมกับไอ้เหนือแยกกันมาเดินอีกทาง ผมพยายามลากมันให้ห่างๆ จากแผนกของเล่น เลยมาเดินวนกันอยู่ที่ร้านหนังสือ ผมมาอยู่ที่ชั้นหนังสือหมวดท่องเที่ยว เพราะเป็นคนชอบเที่ยว หาที่สวยๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ มันเริ่มจากตอนที่ผมไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดา ไลฟ์สไตล์ผมไม่ตรงกับเพื่อนฝรั่งสักคนที่นั่น วันหยุดของผมจึงไม่เคยออกไปจอยที่ไหนกับเพื่อน แต่ออกเดินทางไปเรื่อยๆ หาที่ถ่ายรูป จากนั้นก็กลายเป็นคนชอบเที่ยวไปเลย ตอนกลับมาไทยก็แบกกระเป๋าเที่ยวกับไอ้อาคเนย์ น้องชายไปด้วยกัน แต่พอผมมาเรียนที่นี่ก็ไม่ค่อยมีเวลา มันเก็บแต้มทั่วประเทศแซงผมไปแล้ว แถมยังถ่ายรูปมาอวดบ่อยๆ ให้อิจฉาเล่นอีก ผมหยิบหนังสือท่องเที่ยวที่อยากได้สองสามเล่ม แล้วเดินไปหาไอ้เหนือที่กำลังยืนอ่านอยู่
"มึงอ่านหนังสือแบบนี้ด้วยเหรอวะ" ผมมองไปยังหนังสือในมือมัน เป็นหนังสือบทความสร้างแรงบันดาลใจอะไรทำนองนั้น
"ทำไม? หน้าอย่างกูอ่านพระไตรปิฎกสิมึงค่อยตกใจ"
กวนตีนจริงๆ
"มึงก็น่าจะลองอ่านบ้างนะ กูแนะนำสองเล่มนี้" มันว่าแล้วดึงหนังสือออกมาจากชั้นให้ผมสองเล่ม เป็นหนังสือที่มาจากคนเขียนคนเดียวกัน
หนึ่งวันธรรมดา : Sundaynight01
สุดท้ายมันก็กลายเป็นอดีต : Sundaynight01
"ที่มึงเคยเอาในไอจีให้กูดูอะนะ"
"เออใช่ คนนี้แหละเจ้าของไอจีนั้น ถ้ามึงลองอ่านแล้วจะชอบ"
"แต่กูว่ามึงเหมาะจะอ่านเล่มนั้นมากกว่า"
ผมเดินไปหยิบหนังสือที่มองไปเห็นพอดี ก่อนจะเอากลับมาส่งให้มัน
"108 วิธี ทำอย่างไรให้ฉลาดขึ้น"
"ไอ้บูรพา ไอ้สารเลว!" มันคว้าหนังสือเล่มนั้นแล้วใช้สันหนังสือฟาดเข้ามาใส่หัวผม
"โอ๊ย ไอ้เหนือ เจ็บ!"
"สมน้ำหน้า กูจะฟาดให้หน้าแหกเลย!"
"เบาๆ ไอ้เหนือ อายเขา!" ผมดึงหนังสือในมือมันไปเก็บที่เดิม ก่อนจะลากมันออกมาจากร้านท่ามกลางสายตาคนอื่นที่มองมา แต่ไอ้เหนือก็ยังด่าผมไม่เลิก
"ไอ้บูรพา ไอ้เห็บหมา! มึงนี่มันตัวเหี้ยจริงๆ! มึงมัน..."
อะ...ด่าวนไปให้ถึงหอเลย
...
ผมออกมายืนอยู่ที่ระเบียง มองดูอากาศที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนหลังจากเพิ่งตากผ้าเสร็จ ขอบคุณมาก น่ารักจริงๆ ผมกลับเข้ามาในห้องแล้วเห็นแชทจากเฟซบุ๊กเด้งขึ้นมาที่หน้าจอแลปท็อป
แพท?
แพท : บูรพา ทำไรอยู่วะ ว่างเปล่า?
บูรพา : ว่างอยู่
แพท : คอลไปนะ
จบประโยคนั้นแพทก็โทรผ่านแชทมาหาผม แปลกใจนิดหน่อยว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับผม
"ว่าไงแพท"
(ไม่ได้อยู่กับใช่เหนือป่ะ)
"เปล่า มีอะไรเหรอ"
(เครียดๆ เรื่องมันแหละ ไม่รู้จะคุยกับใคร)
"อ่อ ยังไม่ดีกันอีกเหรอ"
(เหนือมันงี่เง่าว่ะ พูดไปก็ชวนทะเลาะ นี่ไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้วเนี่ย)
แพทระบายเรื่องไอ้เหนือออกมาให้ผมฟังไปเรื่อยๆ ผมทำได้แค่เป็นผู้ฟังที่เออๆ ออๆ ตามไป
(เฮ้อ บ่นมากไปแล้ว รำคาญป่ะเนี่ย)
"เฮ้ย ไม่"
(แกนี่เหมือนตอนม.ต้นไม่เปลี่ยนเลยนะ ใครมีอะไรก็มาบ่นกับแก)
"เออ แพท ถามอะไรหน่อยดิ"
(ว่า)
"แกกับลูกไม้อะ ไม่มีอะไรจริงๆ ใช่ป่ะวะ"
อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมา
(ไม่มีอะไร ก็เหมือนบูรพากับองศาเหนือนั่นแหละ)
ถ้าเหมือนกูนี่...กูมีอะไรนะครับ
"อ่อ งั้นก็ไปคุยกันดีๆ ดิ"
(อือ เดี๋ยวหาโอกาสคุยกันอีกที งั้นแค่นี้ก่อนนะบูรพา ขอบใจมาก)
ผมกดวางสายจากแพท แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
ไปคุยกันเองสิ...ต้องมาฟังทั้งสองฝ่ายระบายใส่ผ่านกูเนี่ย...
เห็นใจกูบ้าง....
...
ผมนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงด้วยใจว้าวุ่นขุ่นมัว ออกไปสูบบุหรี่ที่ริมระเบียง สูดดมอมควันอยู่สักพักอารมณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น โว้ย! หงุดหงิดเว้ย! ผมลุกพรวดแล้วคว้ารถบังคับออกไปที่หน้าห้อง ยืนรวบสติอยู่หน้าห้องไอ้เหนืออยู่หนึ่งอึดใจก่อนจะเคาะประตูห้องมัน สองสามครั้งมันก็ออกมาเปิด
ไอ้เหนือใส่แว่น...
ไอ้เหนือใส่แว่นว่ะ...
น่ารักเชี่ย...โอ๊ย ใจเหลวหมดเลยกู
"มีไรมึง"
ลืมเลยว่ากูจะพูดอะไร
"กูหงุดหงิดว่ะ ไปหาที่ซิ่งรถกันป่ะ?"
มันเหลือบตามามองที่รถบังคับในมือผม
"เออ เอาดิ อารมณ์ไม่ดีอยู่เหมือนกัน"
ผมกับไอ้เหนือมาอยู่ที่ลานพลังงานทดแทนพร้อมรถซิ่งคนละคัน ถนนเส้นนี้ที่ปกติไม่ค่อยมีรถอยู่แล้ว พอเป็นวันศุกร์ยิ่งโล่งเข้าไปใหญ่ บริเวณสนามในลานที่ปกติจะมีนิสิตมานั่งเล่นกันก็ไม่มีใครเลย คงอากาศที่ดูเหมือนฝนจะตกจึงไม่มีใครออกมา เว้นผมกับไอ้เหนือที่กำลังเล่นรถบังคับในถนนกว้างๆ ที่กลายเป็นลานแข่งเรซซิ่งคาร์ของเราสองคน จากที่ต่างคนต่างเล่นกันอยู่ พอหำน้อยมันหันมาเห็นผมดริฟท์รถบังคับหลายๆ ท่ามันก็เริ่มหันมาให้ความสนใจ
"มึงทำงั้นได้ไงอะ"
"กูเก่ง"
"สอนมั่งดิ"
เหนือมันเป็นคนที่มักจะสนใจสิ่งแปลกๆ ที่มันไม่เคยทำ ขอให้สอนทำนั่นทำนี่อยู่เรื่อยๆ ชอบเวลามันกระตือรือร้นที่จะอยากทำ ก็เลยต้องสอนให้มัน
"เอาของกูนี่"
ผมแลกรีโมทบังคับของผมให้มัน
"โห ของมึงอย่างไวอะ! เฮ้ย บังคับยาก!"
"แต่ดริฟท์ง่ายกว่าไง มึงใช้ความเร็วพอดีๆ ไม่ต้องเร็วมาก แล้วมึงก็บังคับเลี้ยวข้างที่มึงถนัดอะ"
"อ่า"
"นั่นแหละ ไปเรื่อยๆ เลย"
"ยางมึงลื่นดีว่ะ"
"กูหารุ่นนี้ให้มึงแล้วแต่ไม่มี เดี๋ยวเจอซื้อมาให้"
"เย่ ขอบใจมาก เออ แต่ของมึงดริฟท์ง่ายจริงๆ ด้วยว่ะ"
"เล่นไป"
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงมันยังสนุกอยู่กับการดริฟท์รถเล่น ส่วนผมมายืนดูมันเล่นอยู่อีกทาง ไม่ได้เอากล้องมาด้วยเลยได้แต่หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปมันที่เล่นสนุกเป็นเด็ก โคตรชอบตอนมันใส่แว่น ยิ่งมองยิ่งเขิน
"ไอ้บูรพา"
"ฮะ?"
"มึงเป็นบ้าอะไร ยืนแกะเปลือกต้นไม้?"
หือ?
"อ้อ กู...อยากรู้ว่ามันคือต้นอะไร"
"แล้วมันมีชื่อแปะอยู่ในเปลือกต้นไม้หรือไงไอ้บ้า"
ผมได้แต่หัวเราะแห้งๆ
"ไม่เล่นต่อล่ะไง?"
"เมื่อยแล้วอะ"
"บรื้น!!"
ทั้งผมและไอ้เหนือหันไปมองเสียงรถยนต์ที่ขับมาอย่างเร็ว
"เฮ้ย รถมึง!" ไอ้เหนือร้องลั่นแล้ววิ่งไปที่ถนนเพราะรถบังคับของผมยังอยู่ตรงนั้น ผมรีบคว้าตัวมันเอาไว้ และใช้อีกมือคว้ารถบังคับที่จอดอยู่ มาได้ทันก่อนที่รถยนต์นั้นจะเหยียบ
"ไอ้สัด จะรีบไปไหนวะ!" มันหันไปด่าไล่หลังไอ้รถที่ขับออกไป
ผมนี่ใจแทบจะหลุดออกจากอก
"ดีนะไม่เหยียบรถมึงอะ ไอ้บ้าเอ๊ย!"
"มึงนั่นแหละบ้า!"
ไอ้เหนือเงยหน้าขึ้นมามองแล้วกระพริบตาถี่ๆ อย่างงงที่ผมเสียงดังใส่
"วิ่งพรวดออกมาแบบนั้นเกิดโดนรถชนขึ้นมาว่าไง"
"แต่กูเป็นห่วงรถมึง"
"รถมันตายได้มั้ยไอ้ควาย!"
"เออๆ กูขอโทษ กูโง่เอง ควายมากๆ เลยกูเนี่ย"
"ไอ้ห่าเอ๊ย" ผมสบถอย่างหงุดหงิดแล้วผลักหัวมันทีหนึ่ง ได้ยินเสียงมันบ่นงุ้งงิ้งตอนที่เดินตามหลังมา
"จะต้องโมโหอะไรเบอร์นี้..."
ผมกับไอ้เหนือมานั่งอยู่ที่ริมบ่อน้ำกลางสนาม เมฆฝนก็ครึ้มขึ้นทุกทีๆ จะตกก็ไม่ตก ไอ้เหนือหยิบมือถือขึ้นมารูดๆ อยู่พักหนึ่งแล้วเก็บยัดใส่เข้าไปที่เดิม ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"มึงอารมณ์ไม่ดีเรื่องอะไรวะ" ผมหันไปถาม
"ก็เรื่องแพทแหละ"
"ก็ทักไปดิ แพทมันรอให้มึงง้ออยู่มั้ง"
"ไม่เอาอะ เดี๋ยวอยากคุยก็คงทักกูมาเองแหละ"
"คิดแบบนี้ทั้งคู่เดี๋ยวก็ไม่ได้คุยกันหรอก"
"เฮ้ย มึงอย่าพูดงี้ดิ กูหวั่นเลยเนี่ย"
"ก็ทักไปดิ ไปคุยกันดีๆ"
มันพยักหน้าหน่อยๆ แล้วหยิบมือถือขึ้นมากดเข้าไลน์ เดาว่ามันคงทักไปหาแพท เสร็จแล้วก็วางมือถือลงข้างๆ แล้วหันมาผม
"แล้วมึงอะ หงุดหงิดเรื่องอะไร"
"หงุดหงิดตัวเองอะดิ"
"เป็นอะไรอะ เป็นมะเร็งเหรอ"
"พ่อง!"
"เล่นพ่อกูอีก แล้วมึงเป็นอะไร"
ผมเงียบไปพักหนึ่ง หันมองหน้ามันจนมันเลิกคิ้วอย่างสงสัย
"ว่าไง เป็นอะไร"
"เป็นคนเหี้ยๆ"
"อ้าว ก็ธรรมชาติของมึงถูกแล้ว"
"ไอ้บ้า! ถีบตกน้ำเลยดีมั้ย!" ผมแกล้งผลักมันเกือบจะหล่นน้ำก่อนจะดึงตัวมันกลับมา
"เฮ้ยๆ ล้อเล่นๆ! อะๆ แล้วตกลงเป็นอะไร"
"ที่มึงเคยบอกว่า เพื่อนชอบแฟนเพื่อนนี่มันโคตรเหี้ยเลยใช่มั้ย"
"ใช่ดิ"
"กูกำลังชอบแฟนเพื่อนอยู่ว่ะ เหี้ยมากเปล่าวะ"
"เหี้ยดิ! ไม่ได้นะเว้ย เรื่องนี้ชีวิตมึงติดไฟแดง มึงต้องเหยียบเบรก"
"กูก็อยากจะหยุด แต่ใจกูมันสั่งให้เหยียบมิดไมล์เลย"
"ไม่ได้นะมึง ห้ามใจไม่เป็นหรือไงวะ"
"กูพยายามแล้ว แต่มันไม่ได้ไง"
"แล้วนี่มึง...แอบชอบแฟนใครวะ"
"แฟนแพท"
ไอ้เหนือนิ่งไปตอนที่ได้ยินแบบนั้น มันหลบสายตาลงไปนิดหนึ่ง ถอนหายใจเบาๆ แล้วเงยขึ้นมา ผมไม่ได้คิดว่าจะบอกกับมันในวันนี้ อยากเก็บเอาไว้เป็นความรู้สึกของตัวเองแค่คนเดียว แต่มันยากเกินไป ไม่อยากทนแล้ว...
"บูรพา มึงต้องเคารพกฎจราจร"
"แล้วถ้ากูอยากฝ่าไฟแดงล่ะ"
"มึงก็ถูกรถชนตายสิ"
"งั้นกูยอมฆ่าตัวตาย"
โอเค...กูไม่ทน
ผมดึงหน้าไอ้เหนือเข้ามาใกล้แล้วกดริมฝีปากเข้าไปอย่างห้ามไม่ได้ คนถูกจูบตัวแข็งทื่อคงช็อกไปแล้ว เดาว่าหากปล่อยปากออกคงโวยวายลั่นที่ผมบังอาจไปข่มขืนปากมัน ไอ้เหนือไม่โต้ตอบจูบของผม ไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไร สติหลุดไป ไม่รู้วิธีจูบ หรือแท้จริงแล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไร
เห็นแก่ตัวมากพอผมจึงถอนริมฝีปากตัวเองออกมา ไอ้เหนือกระพริบตาถี่ๆ แล้วเอ่ยบางคำออกมาเบาๆ
"มึงทำอะไรวะ"
.
.
.
"กูจูบมึงไง"
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 19
คอนเวิร์ส ทางใคร ทางมัน
องศาเหนือ :
"แควก แควก แควก"
ผมกำลังขัดห้องน้ำด้วยอารมณ์ที่สับสนปนเป ความคิดตอนนี้ยุ่งยิ่งกว่าสายหูฟังที่พันกัน ภาพไอ้บูรพาดึงผมเข้าไปจูบหลอนอยู่ในหัวไม่เลิกรา ทั้งๆ ที่ตอนนั้นมีคำด่าอยู่ในหัวมากกว่าสามแสนประโยคที่พร้อมจะพ่นออกไปด่า แต่พอมองหน้ามันทุกอย่างกลืนลงคอไปหมด ฟิลลิ่งนางเอกละครมาเลยกู พอโดนจูบแล้วถามออกไปได้ คุณทำอะไรฉันน่ะ ถุย! ช่วยแคะขี้ฟันด้วยลิ้นมั้ง
"กูจูบมึงไง"
"กูจูบมึงไง"
"กูจูบมึงไง"
โอ๊ย! กูรู้แล้วโว้ย! แล้วจูบทำไม จูบทำไม จูบทำไม!
ผมนั่งลงไปกับพื้นแล้วพาดหัวลงไปบนฝาชักโครก โดนข่มขืนปากสองครั้งแล้วอะ ควรฟ้องสมาคมคุ้มครองสิทธิทางเพศดีมั้ยเนี่ย? ครั้งแรกที่โดนไอ้ไกด์เปิดซิงริมฝีปากผมไม่ได้รู้สึกฟุ้งซ่านเท่าครั้งนี้ เพราะครั้งนั้นมันคือไอ้ไกด์ที่จูบไปเพราะความสำส่อนของมัน แต่ครั้งนี้ดันเป็นไอ้บูรพา...ไอ้เห็บหมาบูรพา
โว้ย...ใจว้าวุ่นสุดๆ ว่ะ
ผมเลิกขัดห้องน้ำเพราะพบว่ามันไม่ได้ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ก่อนจะอาบน้ำแล้วมานอนเงียบๆ อยู่บนเตียง นั่งมองไลน์ที่พิมพ์ไปหาแพท แต่อีกฝ่ายยังไม่อ่าน
องศาเหนือ : เราขอโทษ จะไม่งี่เง่าแล้ว
อ่านแล้ว
เชี่ย! อ่านแล้ว!
ผมลุกพรวดขึ้นมาจากเตียงเพื่อรอลุ้นว่าแพทจะตอบอะไรกลับมา
แพท : ขอโทษเหมือนกัน
ผมยกมุมปากขึ้นมานิดๆ ตอนที่แพทตอบกลับมาแบบนั้น แต่ก็หุบยิ้มไปเมื่อนึกไปถึงหน้าไอ้บูรพา
กูขอโทษว่ะ...
...
ผมงัดตัวเองขึ้นมาจากเตียงในเช้าวันจันทร์ เป็นเช้าวันจันทร์มึงก็น่ารังเกียจพอล่ะ มึงยังเสือกเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฝนตกลงมาอีก อากาศอย่างนี้มันควรตื่นมั้ยถามจริง
ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าหอเพราะฝนกระหน่ำลงเม็ดลงมา ไม่อยากเสี่ยงขี่มอเตอร์ไซค์ลุยฝนไปก็เลยยืนรอให้มันหยุด แต่ดูไม่น่าจะซาลงง่ายๆ สักพักหนึ่งผมก็เห็นไอ้บูรพาเดินลงมาจากหอ มันพยักหน้าให้นิดหนึ่งเป็นเชิงทักทาย
"ไปกับกูดิ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอฝนหยุดก็ได้"
"จะได้เวลาเรียนแล้ว ไปเหอะ"
"ก็ได้"
ผมเดินไปขึ้นรถมันก่อนมันจะขับออกไป ระหว่างทางเงียบกว่าที่เคย
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"คือกู..."
ผมอยากบอกความรู้สึกตัวเองให้ชัดเจนไปเลย แต่อีกใจก็ยังกลัว
"มีอะไร"
"กูอยากเล่นแบตฯ อะ ตอนเย็นไปตีแบตฯ กันป่ะ"
"เอาดิ"
"ชวนพวกไอ้หลิวไปด้วยนะ"
"อือ ไปเล่นที่สนามแบตฯ ข้างโดมนะ ไม่ไปที่เดิมแล้วเดี๋ยวเล่นไม่ได้อีก"
"โอเค"
โอเค...เอาไว้ก่อนก็ได้...ไอ้เรื่องของความรู้สึกน่ะ
...
ผมชวนพวกเพื่อนๆ แก๊งชะนีมาตีแบตฯ หลังเลิกห้องเชียร์ ตอนแรกพวกมันอิดออดที่จะมาเพราะเหนื่อยจากห้องเชียร์ แต่พอมาถึงสนามเท่านั้นแหละสนุกกันอย่างไม่มีใครยอมใครเลย เพราะมีไม้แบตฯ แค่สองอันก็เลยต้องผลัดๆ กันเล่นใครแพ้ก็ออก ผมแพ้ทุกเซ็ทไม่ว่าจะแข่งกับใคร ถึงตาเข้าไปเล่นยังไม่ทันจะได้เสิร์ฟสักตา กูออกอีกล่ะ ควรพิจารณาตัวเองถูกมั้ย? ไอ้หนุ่มครองแชมป์อยู่อีกฝ่ายอย่างไม่มีใครล้มมันได้ ไอ้บูรพาเดินกลับเข้ามาหลังจากออกไปซื้อน้ำมาให้พวกเรา มันยื่นโกโก้ปั่นให้ผมก่อน ก่อนจะเอาที่เหลือให้คนอื่น
"ขอบคุณค่า"
"หล่อแล้วยังใจดีอีก"
"แน่นอน" ไอ้บูรพาพูดขำๆ แล้วหันมาหาผม
"สนุกมั้ย"
"ไม่สนุกเลย แพ้ตลอด"
"ขนาดใช้ไม้แบตฯ อเวนเจอร์นะ"
"เออดิ"
"เหนือ ตามึงล่ะ"
ผมลุกไปรับไม้แบตฯ มาจากน้ำหวาน แล้วเข้าไปเล่นกับไอ้หนุ่ม ไอ้นี่มันเล่นเก่งจริงทั้งลูกตบ ลูกหยอด หลอกให้ผมวิ่งไปหน้าเน็ตแล้วก็ตบไปหลังเน็ต
"โอ๊ย! มึงจะเล่นเอาแชมป์โลกหรือไง เบาๆ สิวะ!"
"ก็เหนืออ่อนอะ"
"เดี๋ยวมึงโดน!"
"ขวับ!"
ผมเสิร์ฟลูกไปหามันอย่างแรง แต่มันก็โต้กลับมาอย่างเร็ว
"ขวับ!"
"ปั้ก!"
"อ๊า!"
ผมร้องลั่นเมื่อลูกขนไก่ที่ไอ้หนุ่มตบกลับมามันเข้าเบ้าตาผมพอดี
"ว้าย! ขอโทษ!"
"ไอ้เหนือ!"
ไอ้บูรพารีบวิ่งเข้ามาหาผม
"เป็นอะไรเปล่า"
"ไม่เป็นไรๆ" ผมโบกมือปัดๆ แล้วเลื่อนคอนเทคเลนส์ที่เกือบจะหลุดเข้าไปที่เดิม
"คอนเทคหลุดเปล่า"
"ไม่หลุดๆ"
"ขอโทษนะเหนือ เราไม่ได้ตั้งใจ" ไอ้หนุ่มรีบเข้ามาขอโทษขอโพย ผมกำลังจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่โดนไอ้คนข้างๆ ตัดหน้าไปก่อน
"หนุ่ม มึงเล่นเบาๆ ดิวะ มันเจ็บตัวเลยเนี่ย"
"อุ้ย...โดนบูรพาดุ"
"กูจะต่อยมึงด้วยซ้ำ"
"ว้าย อย่ารุนแรงกับกะเทย กะเทยขอโทษ! ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ!"
"เฮ้ย กูไม่ได้เป็นไร ไปเล่นกันต่อเหอะ" ผมพูดปัดๆ ก่อนไอ้บูรพากับผมจะเดินออกมานอกสนาม
"ไม่เป็นไรแน่นะ"
"เออ ไม่ได้เป็นอะไร"
"ความห่วงเมียอะเนอะ"
"จะต่อยกะเทยเลยคิดดู"
ไอ้บูรพาหันขวับไปมองไอ้พวกนั้น ก่อนพวกมันจะหันไปเล่นแบตฯ กันต่อ ผมเลิกเล่นแล้วมานั่งอยู่ข้างสนามกับไอ้บูรพา ดูดโกโก้จนหมดแก้วก็ยังไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ
"บูรพา"
"ฮึ?"
"กูเป็นอะไรไม่รู้ว่ะ"
"เป็นอะไร?"
"กูอึดอัดแปลกๆ"
"เวลาอยู่กับกูเหรอ"
ผมพยักหน้าอย่างไม่ปฏิเสธ
"ให้ไปไกลๆ มั้ย?"
ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ
"เอ้า จะเอายังไง"
"ก็นั่นไง ถึงได้บอกว่ามันแปลกๆ"
ไอ้บูรพาส่ายหน้ายิ้มๆ
"ไอ้เหนือ มึงก็ใช้ชีวิตของมึงไป เหมือนที่ผ่านๆ มานั่นแหละ"
"แล้วมึงล่ะ"
"กูก็จะใช้ชีวิตของกู"
"ต่างคนต่างอยู่เหรอ"
"อยู่ด้วยกันดิ"
"..."
"แต่แค่ไม่ได้อยู่ข้างๆ กัน"
ขออนุญาตงงกับคำพูดมันได้เปล่า?
"มึงไปตามใจคนอื่นให้พอ แต่ถ้าอยากเอาแต่ใจเมื่อไร ก็ค่อยมาหากู"
"..."
"โอเคมั้ย?"
"โอ...โอเค"
"ไฮไฟว์"
ผมยกมือขึ้นไปแปะกับมือมัน ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของมันเท่าไร แต่คิดว่ามันคงเป็นทางออกที่ดีของทุกๆ ความรู้สึก
...
ผ่านไปสองอาทิตย์ ห้องเชียร์จบไปแล้วพร้อมกับงานพาวเวอร์เชียร์ กิจกรรมที่ผมรู้สึกเบื่อในตอนแรกกลับทำให้รู้สึกปลื้มใจที่ผมผ่านมันมาได้ วันสุดท้ายของห้องเชียร์พวกพี่วินัยที่เป็นนิสิตเอกดุริยางคศาสตร์สากลขนเครื่องดนตรีมาเล่นปิดงานกันอย่างกับเปิดเวทีงานวัด สลัดคราบพี่ว้ากสายโหดอย่างเก็บกด ผมได้เป็นหนึ่งในงานพาวเวอร์เชียร์ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ ขนลุกขนพองตอนที่ได้ร่วมบูมมหาลัยพร้อมกับเพื่อนทุกคณะหลายพันคน เสียงกึกก้องดังไปทั่วสนาม กลับมาดูประมวลภาพจากฝ่ายโสตฯ ของม.แล้วภาคภูมิใจที่ได้เป็นหนึ่งในนั้น ตอนนี้ก็เข้าใจแล้วว่าผลตอบแทนของการเข้าร่วมกิจกรรมห้องเชียร์ไม่ใช่แค่ติ้งคณะที่ใส่แล้วเท่ แต่ได้อะไรมากกว่านั้น...มากกว่าเยอะเลย
ชีวิตปีหนึ่งของผมดำเนินไปเรื่อยๆ พอไม่มีกิจกรรมอะไรก็เหลือแต่เรียน อย่างที่บอกว่าผมเรียนไม่ค่อยเก่งเลยต้องพยายามมากกว่าใคร ขอบคุณไอ้หลิวและแพทที่คอยเคี่ยวเข็ญให้อ่านหนังสือก่อนสอบทุกครั้งเลยไม่เคยตกเลย ผมใช้ชีวิตของผมอย่างดี...แต่ผมรู้สึกเหมือนไอ้บูรพามันค่อยๆ ถอยห่างออกจากชีวิตไป
หลังห้องเชียร์จบผมก็ไม่ได้เจอกับมันทุกวันอย่างเคย ไม่ได้นั่งติดกัน ไม่ได้กลับขึ้นหอพร้อมกัน ไม่ได้กินข้าวด้วยกัน ในวิชาเรียนรวมมันก็ย้ายที่นั่งไป เจอกันที่คาบอื่นๆ ก็แทบไม่ได้คุยกัน แค่ทักทายกันในตอนที่บังเอิญเดินสวนกัน ทำเหมือนกูเป็นโฆษณาคั่นบนยูทูปอะ ดูแว้บหนึ่งแล้วก็กดสคิปกูเฉย...
แล้วจะให้ใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้จริงๆ เหรอ? ชีวิตที่ตัวมันค่อยๆ หายไปเนี่ยนะ...
"เหนือ รอนานเปล่า"
ผมหันไปมองแพทที่เดินเข้ามาในรานกาแฟที่ผมมานั่งรออยู่
"เพิ่งมา"
"เลิกเรียนก็รีบมาเลยเนี่ย ไหนเค้กอะ"
ผมเดินไปเอาเค้กที่สั่งเขียนหน้าเอาไว้ที่เคาเตอร์ก่อนจะเอามาวางบนโต๊ะให้แพท เมื่อวานเป็นวันเกิดแพท แต่แพทไม่มีเวลาให้ผมก็เลยนัดเจอกันวันนี้แทน ผมเห็นในเฟสบุ๊คแพทฉลองอยู่กับพวกเพื่อนๆ ดาวเดือนที่อยู่ในช่วงซ้อมการแสดงเพราะใกล้ถึงวันเฟรชชี่ไนท์และเป็นวันตัดสินดาวเดือนรอบสุดท้ายด้วย
"ไม่เห็นมีคำว่าสุขสันต์วันเกิดเลย" แพทพูดตอนที่มองไปยังหน้าเค้ก
"ก็มันเลยวันเกิดมาแล้วนี่"
"โอเค จะเขียนคำว่าอะไรสุดท้ายก็ต้องกินมันอยู่ดีอะเนอะ งั้นกินเลยนะ"
ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วมองไปยังหน้าเค้กนั่น ก่อนที่แพทจะหยิบมีดขึ้นมาตัดเค้ก
I really Love you
"ฉับ!"
มันหั่นคำว่ารักกูแหกเลยครับ
แต่ก็เอาเหอะ สมเป็นแพท ผมยื่นของขวัญให้
"เฮ้ย ที่จริงไม่ต้องให้ของขวัญก็ได้นะ"
"ต้องให้ดิ"
"มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรป่ะวะ" แพทพูดพลางแกะกล่องของขวัญ แกะมันต่อหน้าเลย ชอบก็เอาไป ไม่ชอบมันก็คืนมา เชื่อมะ?
"ไหนดูสิ ปีนี้ให้อะไร" แพทเปิดกล่องออกก่อนจะนิ่งไปนิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นรองเท้า แพทบ่นกับผมวันก่อนว่าอยากได้รองเท้าผ้าใบใหม่ ผมก็เลยไปซื้อมาให้ เลือกคอนเวิร์สคลาสสิคที่ดูเรียบๆ ใส่ทำกิจกรรมได้ไม่ผิดระเบียบ แล้วก็ใส่ในวันธรรมดาได้ด้วย
"ไอ้หลิวมันบอกว่าแฟนกันไม่ควรซื้อรองเท้าให้กัน เพราะเดี๋ยวคนรักจะเดินจากไป แต่เราไม่เชื่อแบบนั้นอะ เพราะเราเคยให้ถุงเท้าแพทมาแล้ว ยังอยู่ด้วยกันมาตั้งเกือบสี่ปี"
แพทพยักหน้าหน่อยๆ
"เพราะงั้นแพทใส่รองเท้าคู่นี้แล้วมาเดินไปด้วยกันนะ"
แพทยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยตอนที่หยิบรองเท้าคู่นั้นขึ้นมาดู
"เหนือ..."
"ฮึ?"
"เราใส่รองเท้าเบอร์หกอะ"
"อ้าว เท้าใหญ่ขึ้นเหรอ"
"อืม เปลี่ยนไซส์มาหลายปีแล้ว เพราะงั้นคู่นี้คงคับไป เราใส่ไม่ได้"
"เดี๋ยวเอาไปเปลี่ยนก็ได้"
"คงไม่เหมาะที่จะเดินไปด้วยกันแล้วมั้ง"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองแพทที่พูดออกมาแบบนั้นแล้วขมวดคิ้วนิดๆ
"แพทว่าไงนะ"
"ขอพูดตรงๆ เลยได้มั้ย"
อยู่ดีๆ ใจก็เต้นรัวขึ้นมาซะอย่างนั้น เหมือนฝนกระหน่ำตกลงมาโดยไม่มีเมฆตั้งเค้า ปุบปับกะทันหันเหมือนตายโดยไม่ได้บอกลาใคร ความรู้สึกแบบนี้มัน...
"เราเลิกกันเหอะ"
"ฮะ..."
"เราสองคน เลิกกันได้ป่ะวะ"
"ไม่ได้ดิ"
"เราไม่ได้รักเหนือแล้วว่ะ"
"แพท..."
"ขี้เกียจโกหกแล้วอะ เหนื่อย"
"..."
"เราชอบคนอื่นแล้ว"
"แพท...ล้ออะไรเล่นป่ะเนี่ย"
แพทส่ายหน้าเบาๆ
"ชอบใครอยู่เหรอ"
"เหนือไม่ต้องรู้หรอก"
"มันเป็นใคร"
"รู้แล้วจะทำไม"
"จะไปต่อยหน้ามันดิ"
"เหนือจะต่อยผู้หญิงเหรอ"
เหมือนฟ้าผ่าลงมาเลย ผมเดาอยู่ในใจอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ ผมไม่ได้โง่ ที่ผ่านมาไม่ได้โง่ แค่แกล้งปิดหูปิดตาเพราะผมรักแพท แพทโกหกผมว่าไม่ว่างแต่ไปอยู่กับลูกไม้ตั้งหลายครั้ง ผมเห็นแต่ต้องมองผ่าน แกล้งตาบอดแกล้งหูหนวกไม่ฟังใคร เพราะผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่อยากให้มีวันนี้...
"เราคบกับลูกไม้มาตั้งแต่จบบิกินนิ่งแคมป์แล้ว"
"แล้วที่ผ่านมามันคืออะไรวะ"
"เราเคยชอบเหนือนะ เคยชอบมาก"
"แล้วไปทำอะไรให้ ถึงเลิกชอบ"
"เหนือไม่ได้ทำอะไรให้ แต่เรารู้ตัวว่าเราไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนกับเหนืออะ"
"แล้วทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้อะ"
"ก็เหนือเป็นพวกไม่ฟังใครอะ ไม่มีเหตุผล แล้วตอนเรียนมัธยมเราก็ต้องเจอหน้ากันตลอด เราจะอยู่ยังไงถ้าต้องเจอหน้ากันทุกวัน เราจะหลบหน้าไปทางไหนได้"
"..."
"เราขอโทษนะ แต่เรากลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้นะ เหมือนที่ผ่านมา"
"ทำไมแพทพูดเหมือนง่ายวะ"
"มันจะยากอะไรล่ะ"
"แพทไม่ได้รักแล้วมันก็ง่ายดิ แต่สงสารคนที่ยังรักอยู่ด้วย คิดบ้างว่ามันจะยากแค่ไหน"
แพทถอนหายใจเบาๆ แล้วปิดกล่องของขวัญก่อนจะเลื่อนคืนมาให้
"ขอโทษจริงๆ นะเหนือ ถ้ากลับไปเป็นเพื่อนไม่ได้ก็เกลียดเราไปเลยง่ายกว่า"
แพทพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปจากร้าน ทิ้งผมไว้กับเค้กที่ถูกตัดแล้ว กล่องรองเท้า และความรู้สึกห่าเหวอะไรไม่รู้ที่พุ่งเข้ามา คนเราบอกเลิกกันง่ายๆ งี้ได้ด้วยเหรอวะ...
ผมเพิ่งเคยถูกบอกเลิกครั้งแรก โลกไม่ได้ถล่มทลายลงมาตรงหน้าเหมือนที่เคยได้ยินมา โลกมันก็อยู่ของมันอย่างนั้น ถ้าจะมีอะไรถล่มทลายหายไป ก็น่าจะเป็นใจของผมมากกว่า
เรียกว่าแหลกเลยเหอะ
"ทั้งหมดสามร้อยห้าสิบบาทค่ะ"
ผมยื่นแบงค์พันจ่ายค่าเค้กและโกโก้ปั่นที่ยังไม่ทันได้กิน อกหักครับ ไม่มีเวลาห่วงแดก
"เงินทอนค่ะ"
ผมรับเงินทอนแล้วกำลังจะเดินออกมาจากร้าน
"น้องคะ ลืมของค่ะ"
พี่พนักงานร้านกาแฟส่งกล่องรองเท้าให้ผม ผมรับเอาไว้ก่อนจะเดินออกมาจากร้าน ขอบคุณที่วันนี้ฝนไม่ตกลงมาตอกย้ำความอกหัก ฟิลลิ่งเดินตากฝนร้องไห้เลยไม่เกิดกับผม มีแค่แดดเปรี้ยงๆ ไม่มีน้ำตา มีแต่เหงื่อ ไม่รู้ว่าควรหัวเราะ ร้องไห้ ฟูมฟายหรือคร่ำครวญว่ายังไงดี
มันทำตัวไม่ถูกว่ะ...
...
มากกว่าชั่วโมงที่ผมเอาแต่นอนมองเพดานด้วยสายตาเบลอๆ เพราะถอดคอนเทคเลนส์ออกไปและไม่ได้ใส่แว่น เพดานขาวโพลนเหมือนความรู้สึกในหัวผมเลยตอนนี้
มันควรจบง่ายๆ แบบนี้ หรือผมจะลุกขึ้นไปโวยวายดี
โอ๊ย...อาการแบบนี้มันคืออะไรเนี่ย สับสนโว้ย!
ผมหยิบแว่นที่หัวเตียงมาใส่แล้วคว้ามือถือขึ้นมาเล่นให้เย็นใจ ก่อนกดเข้าไปที่อินสตราแกรม โพสท์ใหม่ของแอคฯ โปรดทำให้ผมหยุดอยู่กับที่ โลกไม่ได้หยุดหมุน นาฬิกาไม่ได้หยุดเดิน แต่ทำไมผมรู้สึกว่าตัวเองหยุดหายใจไป
Sundaynight01 : คนรัก เดินจากไป แต่ ความรัก ยังคงอยู่
กระแทกใจสัดๆ นี่น่าจะเป็นโพสท์แรกที่ผมไม่กดหัวใจให้แล้วโยนมือถือทิ้งไป เพราะมันเสือกตรงกับความรู้สึกมาก มากจนกูรับไม่ได้!
อกหักโว้ย!!!
ผมเปิดประตูออกมาแล้วเคาะห้องไอ้บูรพาเบาๆ
"บูรพา"
"ก๊อกๆ"
"ไอ้บูรพา"
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน ผมจึงนั่งลงที่หน้าห้องมัน
"ไอ้บูรพา กูอยากเอาแต่ใจ"
"..."
"มาตามใจกูหน่อย"
"แกร๊ก"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองประตูที่เปิดออกมา
"บูรพา"
"มีอะไรวะ"
เห็นหน้ามันผมก็พูดอะไรไม่ออก ผิดหวังมาจากแพทกลับคิดถึงมันขึ้นมาคนแรก เหมือนเป็นคนที่เห็นแก่ตัวแต่มันดันเป็นคนเดียวที่ผมคิดถึงจริงๆ เหมือนไอ้บูรพาเข้าใจความรู้สึกของผมโดยไม่ต้องพูดอะไรมันจึงดึงผมเข้าไปกอด แค่นั้นแหละฟูมฟายเหมือนตอนแม่ตายเลยกู
"ฮือ!"
"ไม่ร้องดิ"
"ฮือ"
"ไม่เอา ไม่ร้อง"
"ฮือออ"
"เออ ร้องเลย"
"ฮือออออ!!!"
to be continued.
การพบกันครั้งที่ 20
คำยินดี
วันนี้ไอ้บูรพาพามาเซนทรัลฯ เอาจริงๆ เรียกว่าลากมันมาดีกว่า ผมตรงไปร้านหนังสือก่อนเพราะในเพจสำนักพิมพ์บอกว่าหนังสือเล่มใหม่ของซันเดย์ไนท์วางขายแล้ว แต่ที่สาขานี้ยังไม่มี ก็เลยผิดหวังนิดหน่อย ไอ้บูรพาที่แวะไปกดเงินเดินตามเข้ามา
"มีเปล่ามึง"
"ไม่มี"
"ไปถามเคาเตอร์มายัง"
"ถามแล้ว บอกว่ายังไม่มา เซ็งเลย"
"เดี๋ยวค่อยมาดูวันอื่นก็ได้"
"ที่จริงมันก็สั่งในเว็บได้นะ แต่กูเคยสั่งแล้วมันนานมากเลยอะ กว่าจะได้"
"งั้นเดี๋ยวกูกลับกรุงเทพฯ แวะไปดูให้ป่ะล่ะ"
"จริงดิ งั้นเดี๋ยวกูส่งรูปหนังสือให้ดูนะ"
"อือ"
"งั้นไปซื้อของกัน"
ผมลากรถเข็นเข้ามาในท็อปส์ คราวนี้ไม่ต้องเลือกมากเพราะตั้งใจมาตั้งแต่หอแล้วว่าจะซื้ออะไร ลากรถไปหยิบได้เลย
"ไอ้เหนือ มึงซื้ออะไรเยอะแยะ" ไอ้บูรพาขมวดคิ้วถามตอนที่ผมหยิบเป๊บซี่แพ็คใหญ่ใส่รถเข็น
"แพทแม่งห้ามกูกินน้ำอัดลมมาหลายปีล่ะ คราวนี้กูจะแดกให้กระเพาะขาดไปเลย"
"เฮ้ย ไม่ได้ดิ กินเป๊บซี่มากไม่ดี"
"เรื่องของกูเหอะน่า"
หลังจากได้ของจนพอใจ ผมกับไอ้บูรพาก็กลับมาที่หอ ผมแวะไปเอาแล็ปท็อปที่ฝากไอ้บอมบ์เซียนเกมโหลดเกมให้ ก่อนจะมาเริ่มเล่นเกมหลังจากที่ห่างหายไปนาน ห้ามกูนักใช่มั้ย กูจะเล่นข้ามวันข้ามคืนไปเลย
ในคาบเรียนผมย้ายที่นั่งข้างๆ ไอ้หลิวมานั่งข้างๆ ไอ้บอมบ์เพื่อคุยกันเรื่องเกม มันแนะนำให้ผมโหลดเกมในมือถือก่อนจะสอนผมเล่น เพิ่งรู้ว่าโลกนี้มีเกมที่โคตรสนุกแบบนี้ ที่ผ่านมากูไปหลบอยู่หลุมไหนเนี่ย
"ไอ้เหนือ วันพุธมีควิซนะ อ่านหนังสือยัง"
"ยัง" ผมตอบไอ้หลิวขณะมือยังกดเกมในมือถืออยู่
"ไปติวกับพวกกูมั้ย"
"ไม่ไปอะ"
"เฮ้ย เลิกเล่นเกมก่อนดิ ไปอ่านหนังสือกัน" ไอ้หลิวว่าแล้วดึงมือถือในมือผมไปกดอออกเกม ผมได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
"เดี๋ยวกูกลับไปอ่านที่ห้อง" ผมพูดแค่นั้นแล้วดึงมือถือกลับมา ก่อนจะเดินไปที่ลานจอดรถเพื่อกลับหอ กลับมาถึงหอก็ไม่ได้อ่านหนังสืออย่างที่บอกกับไอ้หลิวเอาไว้ เพราะไอ้บอมบ์ทักมาชวนฟอร์มทีมแข่งเกม วิถีเกมเมอร์อย่างเราก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว เล่นมาได้สักพักใหญ่ๆ ไอ้บอมบ์ก็หนีไปนอนตั้งแต่ห้าทุ่มเพราะความอ่อนของมัน แต่แมนๆ สไตล์เรายันเช้าเลยครับ
"ก๊อกๆ"
"ไอ้เหนือ"
ผมลืมตาขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงเคาะประตู
"ไอ้เหนือ!"
หยิบแว่นมาใส่แล้วลุกไปเปิดประตู ก่อนจะเห็นไอ้บูรพายืนอยู่หน้าห้อง
"มาเคาะห้องคนอื่นแต่เช้านี่มึงคิดอะไรอยู่ มีมารยาทบ้างมั้ย"
"เพิ่งตื่นเหรอ"
"สภาพงี้ยังจะถามอีก" ผมเดินกลับไปที่เตียงแล้วทิ้งตัวลงไปอีกที
"ไม่ไปเรียนหรือไง"
"ไม่ไปอะ ขอโดด"
"คาบที่แล้วก็ไม่เข้านะมึง"
"เออน่า โดดได้สามคาบไม่ใช่เหรอ"
"ลุกขึ้นมาเลย"
"ไม่เอา"
"ไปเรียน!"
ไอ้บูรพาเสียงดังแล้วดึงแขนผมขึ้นมา
"ไปอาบน้ำ"
"กูง่วง กูจะนอน ไหนมึงบอกจะตามใจกูไง ต้องตามใจกูดิ ตามใจกู"
"ถ้าทำตัวแบบนี้กูก็ไม่ตามใจ ไปอาบน้ำ!"
"เฮ้ย!" มันลากผมไปจากเตียงด้วยพละกำลังที่ผมไม่อาจจะต้านทานได้ เลยต้องยอมเข้าไปอาบน้ำ แล้วไปเรียนแบบเบลอๆ เพราะอดนอนมาแทบทั้งคืน พอได้เวลาเรียนก็เลยฟุบลงไปกับโต๊ะตั้งแต่ห้านาทีแรกเลย ตื่นมาอีกทีก็ตอนท้ายคาบ ได้ยินเสียงเพื่อนๆ มันคุยกันเรื่องงานเฟรชชี่ไนท์คืนนี้
"ไอ้เหนือ คืนนี้ไปป่ะเนี่ย"
"ไม่ไป"
นอกจากมันจะเป็นงานเฟรชชี่ไนท์ที่มีการแสดงและคอนเสิร์ตจากศิลปินมาเล่นแล้วมันยังเป็นการประกวดดาวเดือนมหาลัยรอบสุดท้ายด้วย ผมไม่อยากไปเห็นหน้าแพท
"ไปเหอะ น่าสนุกออก มันเป็นงานของเฟรชชี่นะเว้ย มึงเป็นเฟรชชี่มึงควรไป ปีอื่นเข้าไม่ได้แล้วนะ"
"ไม่ไป"
"ไปเหอะนะ เพื่อนไปกันหมด"
"ไม่ไปอะ"
"เอ๊ะ! มึงนิ! ตามใจละกัน"
"ไปดิมึง ไปด้วยกัน" ผมหันไปมองไอ้บูรพาที่พูดขึ้นมา มันพยักหน้าหน่อยๆ เป็นเชิงชวน ใครสั่งให้สอนให้ทำหน้าตาแบบนั้นใส่กู...
"เออ ไปก็ได้"
"แหม่ กูชวนแทบตายไม่ไป ผัวพูดคำเดียวตกลงเลยนะ"
"เงียบไปเลยไอ้หลิว"
มันยักไหล่หน่อยๆ ก่อนเพื่อนที่เดินแจกกระดาษข้อสอบคืนจะเดินมาถึงแถวเรา
"ขององศาเหนือจ้ะ"
ผมรับกระดาษข้อสอบคืนมาก่อนจะต้องเบิกตากว้างขึ้นมานิด โอ้โห...อะเมซิ่งสมองกู ห้าเต็มเจ็ดสิบเนี่ยนะ ดรอปได้ตอนไหนเหรอครับ
"มึงไม่ได้อ่านหนังสือใช่มั้ยไอ้เหนือ"
"โด่ แค่ควิซเอง เก็บคะแนนไม่กี่เปอร์เซ็นต์" ผมพับกระดาษข้อสอบนั่นใส่กระเป๋าแล้วลุกออกไปนอกห้อง ก่อนกลับหอพวกเพื่อนๆ มันชวนกันมาหาอะไรกินที่โรงอาหารใต้ตึกเรียนรวม ผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้านอกจากเป๊บซี่สองขวด ตอนนี้กะเพราะมันกำลังงอแงเลยเจ็บๆ แสบๆ ทำให้กินอะไรไม่ลง
"ไม่กินอะไรเหรอ" ไอ้บูรพาหันมาถาม
"ปวดท้องอะ"
"แดกแต่เป๊บซี่ไง"
"ไม่เกี่ยวเว้ย กูไม่ได้กินข้าวต่างหาก"
"งั้นก็ไปหาอะไรกินไป"
"เออๆ"
ผมรับคำแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะนั่งลงเงียบๆ ที่หลังเสาหน้าห้องน้ำ ขอนั่งไว้อาลัยให้ความบัดซบของชีวิตสักหน่อยเหอะ สอบตกไม่พอต้องมานั่งทรมานกระเพราะอีก
พอไม่มีแพทแล้ว ทุกอย่างมันแย่จัง...
...
งานเฟรชชี่ไนท์ ประจำปีการศึกษา 25XX
ผมนั่งมองการแสดงของดาวเดือนของแต่ละคณะที่ดำเนินไปเรื่อยๆ แสงสีในงานทำให้ผมปวดตานิดหน่อยเพราะไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้ จึงก้มหน้าลงไปพักสายตาแป๊บ
"ต่อไปเป็นการแสดงของน้องๆ ดาวเดือนคณะสาธารณสุขศาสตร์ ขอเสียงปรบมือด้วยค่า!"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตอนที่พิธีกรประกาศชื่อคณะ ก่อนจะมองไปเห็นแพทเดินออกมา
ไม่อยากดู...
ไม่อยากดูเลย...
"ไม่อยากดูก็ก้มลงไป" เสียงไอ้บูรพาดังขึ้นข้างๆ หู ก่อนมันจะกดหัวผมให้ก้มต่ำลงไป ผมไม่ได้ขัดขืนตอนที่โดนมันจับกดหัวลงมาเพราะไม่อยากดูจริงๆ ก็เลยซบหน้าลงไปบนตักมันเพื่อหลบสิ่งที่ไม่อยากเห็น
"ขอบคุณนะมึง"
เสียงเบาๆ ของผมพูดออกไปแต่คงถูกกลบด้วยเสียงจากรอบข้าง เดาว่ามันคงไม่ได้ยิน
"ไม่เป็นไร"
ใจผมกระตุกวูบตอนที่มันพูดคำนั้นข้างๆ หู ทำไมได้ยินอะ มีหูทิพย์เหรอ?
หลังจบการประกวดดาวเดือนก็เป็นเวลาของคอนเสิร์ตจากวงดนตรีมหาลัยและศิลปินรับเชิญที่ขึ้นมาแสดงต่อ ผลการประกวดดาวเดือน ผู้ชนะฝ่ายหญิงคือตัวแทนจากคณะแพทย์ฯ ส่วนเดือนเป็นของคณะวิศวะ ไอ้ไกด์มันได้ที่สองด้วยนะ แต่ดีแล้วที่มันไม่ชนะจนได้เป็นเดือนมหาลัย ไม่อยากให้มหาลัยมีเดือนมหาลัยที่หื่นกามอย่างมัน
"มึง กูไปห้องน้ำแป๊บนะ"
"กูไปเป็นเพื่อนเปล่า"
"กูโตล่ะ" ผมหันไปบอกไอ้บูรพาก่อนจะเดินลงจากแสตนด์ไปห้องน้ำ ผมเดินมาที่ห้องน้ำใต้โดมที่ไม่ค่อยมีคน หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำจึงหันไปเห็นผู้หญิงสองคนยืนคุยกันอยู่หน้าห้องน้ำหญิง
แพทกับลูกไม้
ผมมองไปยังสายสะพายที่ทั้งคู่สวมอยู่ซึ่งเป็นผู้ชนะในรางวัลป็อบปูลาร์โหวตด้วยคะแนนที่เท่ากันทั้งสองคน จึงได้รางวัลทั้งคู่
"ล้างหน้าเลยได้ป่ะเนี่ย"
"อย่าเพิ่งดิ เดี๋ยวต้องถ่ายรูปอีก"
"อ่อเหรอ"
"แล้วจะรีบล้างไปไหน สวยจะตาย"
"งั้นแต่งทุกวันเลยดีป่ะ"
"ดีดิ"
"แต่งให้หน่อยดิ"
"ได้ เดี๋ยวลุกมาแต่งให้ทุกวันเลย"
"น่ารัก"
"เออแพท เรามีของขวัญให้แพทด้วยนะ"
"ของขวัญ? ให้โอกาสอะไร"
"อยากให้ก็ให้ไง ลองเปิดดูสิว่าชอบมั้ย"
"รองเท้า?"
"อื้อ ก็บ่นว่าอยากได้รองเท้าใหม่ไม่ใช่เหรอ"
"เคยได้ยินความเชื่อที่บอกว่าห้ามให้รองเท้าคนรักป่ะ เดี๋ยวเขาเดินจากเราไป"
"เคยได้ยิน แต่ไม่เชื่ออะ แพทเชื่อเหรอ"
"ไม่รู้ดิ ได้ยินคนอื่นบอกมาอะ"
"อืม งั้นเอาตังค์มายี่สิบ"
"ฮึ?"
"เอามายี่สิบ"
"อะ"
"เราขายต่อนะ ไม่ได้ให้เฉยๆ โอเคป่ะ?"
"อย่างนี้ก็ได้เหรอ"
"ได้ดิ จะได้สบายใจไง แล้วชอบป่ะเนี่ย"
"ชอบดิ สวยดี มาเดินไปด้วยกันนะ"
"อื้ม...เดินไปด้วยกัน"
"ไปดูคอนเสิร์ตข้างในกัน"
"ไปดิ"
แพทกับลูกไม้เดินออกมาจากตรงนั้น แล้วหันมาเห็นผมพอดีก็เลยชะงักกึก ผมสูดลมหายใจทีหนึ่งแล้วเดินเข้าไปหา แม้จะไม่อยากมอง แต่ก็ต้องยอมรับความจริง
"ยินดีด้วยนะ"
"..."
"ทั้งสองคนเลย"
"ฉันมายินดีให้กับรักที่สดใส ยินดีที่เธอได้พบเจอ คนที่ดี คนที่ควรคู่รักของเธอ คนที่เข้ากันมากกว่าฉัน...."
"เหนือ...เราขอโทษจริงๆ นะ"
"ไม่เป็นไร เราโอเค"
"ฉันหวังจะยืนที่ตรงนั้น ข้างๆ เธอ ได้เดินร่วมทางกันเหมือนเดิม แต่ก็รู้ น่าเสียใจเมื่อมันสายเกิน ไม่มีแล้วที่เคยรักกัน.."
"งั้น เรากับลูกไม้ไปก่อนนะ"
"อื้ม...โชคดีนะ"
"ในวันนี้มีเพียงถ้อยคำส่งท้าย ลาก่อนรักที่เคยงดงาม ไม่โกรธเคืองเธอเลย มีแค่คำยินดี และคำอวยพรจากฉันให้เธอ..."
แพทกับลูกไม้เดินกลับเข้าไปในโดม ผมเดินตามไปห่างๆ จนมองไม่เห็นสองคนที่หายเข้าไปในกลุ่มคนนั้น ผมเลื่อนสายตาไปมองนักร้องบนเวทีตอนที่ยืนอยู่ตรงทางเข้า
"ขอให้ความรักมีแต่ความสุขใจ ไม่ว่าสิ่งไหนเข้ากันได้ทุกอย่าง ขอให้ความรักเขาและเธอไม่มีจืดจาง มีเขาเคียงข้างไม่มีความทุกข์ใด..."
เพลงมีเป็นร้อยต้องร้องเพลงนี้ด้วยเหรอ? สงสารกูหน่อยครับพี่
"ไอ้เหนือ"
ผมหันไปเห็นไอ้บูรพาที่เดินเข้ามาหา
"มาทำอะไรตรงนี้วะ กูโทรก็ไม่รับ"
"มีอะไรเปล่า"
"ก็เห็นออกมานาน"
"กูอยากกลับแล้วอะ"
"อืม กลับก็กลับ เดี๋ยวกูไลน์บอกหลิวก่อน"
ไอ้บูรพาหยิบมือถือขึ้นมากดสองสามทีก่อนจะหันมาหาผม
"ไปเลยป่ะ"
ผมถอนหายใจทีหนึ่งแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น
"เฮ้ย เป็นไรวะ"
"ขี้เกียจเดินอะ ขอขี่หลังหน่อย"
"มึงหนัก"
"กูเดินไม่ไหวแล้ว ขาไม่มีแรงเลย"
"เออๆ ขึ้นมา"
ผมหัวเราะหน่อยๆ แล้วปีนขึ้นไปบนหลังมัน ก่อนมันจะพาเดินออกไปที่ลานจอดรถ
"อยู่กับมึงบ่อยๆ กระดูกหลังกูเบี้ยวหมด"
"ตามใจกูหน่อยเหอะ ใจกูบางมากตอนนี้"
"เออ...รู้แล้ว"
"..."
"ก็ตามใจอยู่นี่ไง"
to be continued.
แต่งไปแต่งมา อยากได้บูรพาเองล่ะ พ่อบูรพาคนดีของพี่ :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
การพบกันครั้งที่ 21
แมลงเฟรชชี่สายพันธุ์บูรพา
"หมดแก้ว!"
"เอ้า! หมดแก้ว!"
"หมดแก้วโว้ย!"
ผมยกแก้วขึ้นไปชนกับพวกเพื่อนๆ ชนจนแก้วกูจะแตกแล้วเนี่ย วันนี้พวกไอ้หลิวชวนผมมาร้านเหล้าเพื่อเปิดหูเปิดตาเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ของวัยรุ่น เอาจริงๆ ไอ้ไกด์เป็นคนชวนแล้วไอ้พวกนี้มันก็เลยไม่ปฏิเสธต่างหาก ผมที่อยู่ห้องหม่นๆ อยู่แล้วก็เลยมาด้วยเลย ตั้งใจจะมานั่งชิลๆ ฟังเพลง เสพบรรยากาศเฉยๆ สรุปกูเมาคนแรกครับ ไอ้ไกด์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ชงเหล้าให้ไม่หยุด ผมก็ดื่มจนหมด สติก็หมดไปด้วยเลย เพลงในร้านเหล้าแม่งก็เศร้ากระทบกระเทือนจิตใจ ฟังในยูทูปมันไม่เศร้า พอมีเหล้า โอ้โห ใจกูนี่ละลายไวกว่าน้ำแข็งในถังอีก
"ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี อย่ามีอะไรให้เสียใจ ส่วนตัวฉันจะลืม ว่าเคยร้องไห้..."
โอ๊ย สะเทือนใจ ทำอะไรไม่ได้นอกจากยกเหล้าขึ้นกระดก
"เฮ้ยๆ ไอ้เหนือ เมาตายห่าแล้ว"
"ก็กูกินให้เมาเว้ย"
"เฮ้ย เมาแล้วนะเนี่ย พอแล้วพอๆ"
"ยังไม่หายเฮิร์ตอีกเหรอวะ" ไอ้ไกด์หันมาถาม
ผมไม่ตอบแล้วเทเหล้าในแก้วมันมาใส่แก้วผมแล้วยกขึ้นดื่มอีกที
"มึงจะเศร้าทำไมวะ"
"จะให้กูดีใจเหรอ คบกันมาเกือบสี่ปี แม่งบอกเลิกกูไม่ถึงนาทีเลย จะให้กูทำใจยังไงไหววะ"
"เหนืออย่าโกรธแพทเลยน่า ความรักมันบังคับกันไม่ได้ มันเลือกไม่ได้ด้วย เราไม่รู้หรอกว่ามันจะเกิดตอนไหน กับใคร เพศอะไร ความรักไม่ผิดหรอก"
ผมหันไปมองไอ้หนุ่มที่พูดขึ้นพลางยกมือตบไหล่ผมเบาๆ
"กูไม่ได้โกรธแพทที่แพทไปคบกับใครนะเว้ย แต่กูโกรธที่แพทแม่งไม่ยอมบอกกูต่างหาก"
"อะๆ ไม่ดราม่าล่ะ แดกๆ"
"เออ มาร้านเหล้าใครใช้ให้พูดเรื่องเศร้า เดี๋ยวเอาขวดเหล้าฟาดหน้าแม่ง! เอ้าชน!"
"ไอ้เหนือพอแล้ว เมาแล้ว!"
"กูคือองศาเหนือนะโว้ย กูจะเมาแค่ไหนก็ได้!"
"ไม่เอาแล้ว พอๆ เมาแล้วๆ"
"ถ้ากิ๋นเหล้าบ่ะเมา แล้วจะกิ๋นทำไม เอาแก้วกูมา!"
"พอแล้ว! กลับหอกัน"
"ม่าย!!"
"กูว่าโทรให้ไอ้บูรพามารับมันมั้ย"
"เออๆ โทรเหอะ"
"ไม่เอา กูไม่กลับ กูยังไม่กลับ!"
ผมไม่ได้ฟังบทสนทนาของเพื่อนเพราะสนใจอยู่แต่กับเหล้า ไม่ได้คิดว่ามันจะโทรหาไอ้บูรพาจริงๆ แต่พอนั่งกินต่ออีกพักหนึ่งก็หันไปเห็นไอ้บูรพาเดินเข้ามา หน้าตาเหมือนเห็บหมาโมโหนิดหน่อย เพราะหัวคิ้วที่ขมวดยุ่ง
"โทษทีว่ะบูรพาที่ต้องโทรหามึง มันไม่ฟังใครเลยอะ"
"กูไม่ฟังใครทั้งนั้นแหละ ไม่ฟังๆๆ"
"ใครเป็นคนชวนมาร้านเหล้าเนี่ย"
"กูเอง" ไอ้ไกด์ยกมือยอมรับ
"คราวหลังมึงไม่ต้องเสือกมาชวนมันเลยนะ" ไอ้บูรพาหันไปชี้หน้าไอ้ไกด์อย่างคาดโทษเอาไว้ก่อนจะหันมาหาผม
"ไอ้เหนือ กลับหอ"
"ไม่เอา กูจะเมา" ผมคว้าแก้วเหล้าขึ้นมายกดื่มแต่ไอ้บูรพาดึงกลับไป
"ปล่อย!"
"ไม่ปล่อย! กูจะกินนน!!"
"กูบอกให้ปล่อย!"
"พรวด!"
"เชี่ย..." ไอ้บูรพาหวีดออกมาเบาๆ ตอนที่ผมปล่อยมือจากแก้วกะทันหันเหล้าในแก้วจึงหกพรวดใส่เสื้อมันพอดี
"ก็มึงบอกให้กูปล่อย" มันวางแก้วเหล้าลงบนโต๊ะแล้วเหลือบตามามองผมเคืองๆ
"ไป กลับหอ"
"ไม่กลับ กูคือองศาเหนือไง มึงต้องตามใจกูไง"
"บอกแล้วไงว่าทำตัวแบบนี้กูไม่ตามใจ ไป!" มันว่าแล้วกระชากผมให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วลากออกไป
"ม่าย!! พวกมึงช่วยกูด้วย ไอ้บูรพามันฉุดกู!"
"ไป!"
ไอ้พวกที่นั่งอยู่ได้แต่โบกมือให้เป็นเชิงล่ำลา ไอ้เพื่อนเลว!! เห็นเพื่อนโดนฉุดก็ไม่ช่วย เกิดมันลากกูไปฆ่าจะทำยังไง! ฉุดกระชากลากถูกันอยู่พักหนึ่งไอ้บูรพาก็พาผมมาถึงหอพักได้ มันโยนผมลงบนเตียงในห้องมันด้วยอารมณ์หงุดหงิดนิดหน่อย
"มึงอะ พากูกลับมาทำไม"
"เมาแล้วไง"
มันพูดเบาๆ แล้วหันไปถอดเสื้อที่เปียกเหล้าออก โอ้โห...อะเมซิ่งหุ่นไอ้บูรพา กล้ามแขนมันนี่กินได้เปล่า?
"มองอะไร?"
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งตอนที่มันหันกลับมา
"จะอาบน้ำมั้ย?"
"ไม่อาบ"
"งั้นก็นอนไป"
ผมแอบคว่ำปากใส่มันนิดหน่อยที่ทำเป็นเสียงดุใส่ เหอะ! เป็นตัวเหี้ยไม่ควรทำหน้าโหด เพราะมันจะกลายเป็นโหดเหี้ยๆ ฮ่าๆ ชอบอ่า! มุกนี้ตลกจัง ผมหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือถอดคอนเทคเลนส์ออก
"ทำไมต้องเมาขนาดนี้วะ"
"กูอกหักไง"
"..."
"ไอ้บูรพา มึงไม่เข้าใจกูหรอก มึงไม่เคยมีความรักไง"
ไอ้บูรพาเดินมานั่งที่ปลายเตียง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั่น กระทั่งมันเอ่ยบางคำออกมาเฉยๆ อย่างไม่เข้าใจนัก
"กูมี"
"ฮึ? มีไร"
"ความรักไง"
"รักกูเหรอ"
"อืม"
"ฮ่าๆ!" ผมระเบิดหัวเราะเสียงดัง ไอ้บูรพาขมวดคิ้วมองหน้า
"ใครจะไปเชื่อว่ามึงจะมาชอบกู ชอบมานานยังวะ"
"กูไม่บอก"
"ตั้งแต่ม.ต้นเลยป่ะ"
"ไม่รู้เว้ย"
"กระจอกสัด"
"ไรนะ?"
"มึงอะ กระจอกสัดๆ แอบชอบกูก็ไม่บอก ไม่เรียกกระจอกจะให้เรียกว่าอะไร"
"ไอ้เหนือ"
"มาจูบกูแล้วก็ค่อยๆ เฟดตัวเองหายไป ปัญญาอ่อนชิบ"
"ไอ้เหนือ มึงจะด่ากูทำไมเนี่ย"
"ก็มึงโคตรอ่อนไง"
"ไอ้สัด เดี๋ยวกูจับปล้ำแม่ง!"
"มึงไม่กล้าหรอกไอ้บูรพา"
"สักทีดีไหม"
"อย่ามาปากดีเลย คนอย่างมึงมัน...เฮ้ย!" ผมเบิกตากว้างเมื่อไอ้บูรพาลุกขึ้นมาคร่อมร่างผม สายตาที่มันจ้องมานั่นดูเกรี้ยวกราดคล้ายกำลังโกรธแต่มันเสือกยิ้ม
"ไอ้บูรพา...ไอ้บ้า...กูล้อเล่น บูรพา..." ผมหลับตาแน่นตอนที่ใบหน้าของมันพุ่งเข้ามาใกล้ ความท้าทายกลายเป็นศูนย์เมื่อเห็นว่าบูรพามันไม่ตลกด้วยกับการล้อเล่นของผมสักนิดเลย หัวคิ้วยิ่งขมวดแน่นขณะสั่นเกร็งไปทั่วทุกส่วน ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าผากเพราะถูกปลายนิ้วของบูรพาดีดเข้ามาทีหนึ่ง
"เป๊าะ!"
"อย่าเล่นแบบนี้" บูรพาพูดแค่นั้นแล้วปล่อยผมออก ผมยันตัวเองลุกขึ้นนั่งพลางลูบหน้าผากเบาๆ เพราะความเจ็บ ขณะหันมองบูรพาที่ยังคงนั่งอยู่ที่ปลายเตียง ในความเงียบ หัวใจของผมยังไม่กลับมาเต้นให้เป็นจังหวะ ยิ่งในตอนที่บูรพาหันหน้ามายิ่งเต้นแรงกว่าวินาทีก่อน ผมไม่ได้สติเลอะเลือนหายด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เพราะรู้ตัวดีทุกอย่าง แต่ความรู้สึกที่ผมไม่เข้าใจมันก็หลั่งไหลเข้ามากระทั่งสั่งให้ผมท้าทายบูรพาอีกสักครั้ง
"นึกว่าจะแน่"
"อะไร"
"สุดท้ายมึงก็ไม่เอาไหน ปล่อยให้กูสับสนอีก"
"อะไรของมึงเนี่ย"
"บางวันกูก็เกลียดมึง"
"..."
"บางวันกูก็ไม่เข้าใจมึง"
"..."
"แต่ทุกวัน...กูอยากมีมึง"
"องศาเหนือ"
"มึงลองจูบกู"
"..."
"แบบไม่ล้อเล่นได้ไหม"
จบคำนั้นของผมบูรพาก็คว้าใบหน้าของผมเข้าไปประกบริมฝีปากในวินาทีเดียวกันนั้นเลย ผมที่ไม่รู้แม้แต่วิธีการจูบจึงตอบโต้อะไรไม่ได้ ดวงตาผมหลับลงโดยสัญชาตญาณ ปล่อยให้ริมฝีปากของมันกดทับริมฝีปากของผมอยู่อย่างนั้นพร้อมกับความคิดที่วกวนอยู่ในหัว
หลังจากวันที่บูรพาจูบผม...ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกยังไง แต่ในนั้นมันเต็มไปด้วยความสับสนปะปนกับความโหยหา ผมบอกกับตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายว่าผมไม่ได้ชอบบูรพา แต่ว่าสุดท้ายกลับกลายเป็นมัน...ที่ต้องการมากเหลือเกิน
"กูไม่เคยล้อเล่นเลยสักครั้ง" บูรพาพูดคำนั้นหลังจากจบรอยจูบที่ผมเป็นฝ่ายได้รับ อย่างเสมอมา...บูรพาให้ผมทุกอย่างจนคิดไม่ออกเลยว่าผมตอบแทนอะไรมันกลับคืนไปบ้าง ผมเป็นเพื่อนที่เอาแต่ใจ โลกหมุนรอบตัวเองและไม่ว่าจะหมุนไปทางไหน บูรพาจะตามไปเอาใจผมทางนั้น ผมไม่รู้วิธีการจูบ เลยรู้สึกว่าเมื่อครู่บูรพาทำมันอยู่ฝ่ายเดียว...เมื่อสติที่เตลิดหายพลันกลับมา ผมคิดแต่ว่า...ผมจะคืนจูบให้
เป็นผมที่ยกมือโน้มลำคอบูรพาให้เข้ามาใกล้แล้วพุ่งริมฝีปากไปชนทีหนึ่ง คนที่ไม่ทันได้ตั้งตัวดูตกใจเล็กน้อยแต่ก็คล้อยตามจูบของผมในช่วงเวลาสั้นๆ กระทั่งรอยจูบนั้นเพิ่มน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับว่าบูรพากำลังสอนให้ผมเรียนรู้วิธีการจูบของมันอยู่...อย่างลึกซึ้ง
"ถ้ากูหยุดไม่ได้แล้ว กูต้องทำยังไง"
"หมายความว่าไงวะ"
"มึงไม่เคยเข้าใจอะไรง่ายๆ เลยนะเหนือ"
"ก็กูโง่ไง"
"มึงไม่ต้องฉลาดขึ้นก็ได้ แต่วันนี้ตามใจกูบ้างได้ไหม"
"ฮะ?"
"กูอยากอ้อนมึงบ้าง"
สมองที่เคยประมวลผลช้ากลับพร่าเบลอหยุดการทำงานไปเลยชั่วคราวตอนที่บูรพาโน้มลงมาจูบอีกที มันเริ่มขยับริมฝีปากไปกดเข้าที่ลำคอ ริมฝีปากอุ่นขบเม้มเข้าตรงนั้นทีตรงนี้ทีจนความรู้สึกเสียววาบแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูในร่างกาย ผมเข้าใจแล้วในคำว่าหยุดไม่ได้ของมัน แต่ว่า...
"แต่ว่าบูรพา..."
"อะไร"
"มึงกับกูเป็นเพื่อนกันนะ"
"กูก็จะเป็นเพื่อนมึงอยู่นี่แหละ"
"..."
"แต่จะเป็นอย่างอื่นให้มึงด้วย"
"มึงมันบ้า"
"อืม กูมันบ้าเอง"
กูเองก็บ้าด้วย...
เพราะผมไม่ได้ขัดขืนอะไรเลยสักนิดไม่ว่าบูรพาจะทำอะไรกับร่างกายของผมก็ตาม มันตามใจผมทุกเรื่อง จนผมคิดว่าตัวเองก็คงจะเป็นคนเอาแต่ใจไปตลอด ครั้งนี้เลยยอมทำตามที่มันขอ ยอมให้มันอ้อนบ้าง...ยอมมันทุกอย่างเลย
...
ในตอนเช้า ที่เดาว่าเลยคำว่าเช้าไปแล้ว ผมขยับเปลือกตาขึ้นมาแล้วขมวดคิ้วแน่น กระพริบตาถี่ๆ เรียกสติก่อนจะหันไปคนยืนอยู่ริมระเบียงแบบเบลอๆ แต่ก็คิดว่าเป็นไอ้บูรพาเพราะมีมันแค่คนเดียว กำลังจะลุกขึ้นไปเรียกมันแต่ร่างกายมันไม่ขยับตาม
เจ็บ...
ไอ้บูรพาหันมาพอดีจึงเดินเข้ามาหา
"ตื่นแล้วเหรอ?"
"กูลืมตาแล้ว เห็นมั้ยล่ะ"
ได้ยินเสียงมันหัวเราะเบาๆ แล้วเดินมานั่งบนเตียงข้างๆ ผม
"ลุกไหวเปล่า?"
"อืม"
"นึกว่าจะหมดแรง"
"อะไร!" ผมโวยวายใบหน้าร้อนผ่าว แม้ว่าจะรู้ตัวดีว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมคาดหวังว่าบูรพาจะไม่พูดถึงเพราะผมแม่งโคตรจะอาย
"เมื่อคืนมันดีมากเลยนะ"
"อย่าพูด!"
ไอ้บูรพาหัวเราะเบาๆ แล้วเขยิบเข้ามายกมือโอบไหล่ผม
"ไม่เป็นไรนะ กูรับผิดชอบ"
"มึงไปไกลๆ กูเลย!"
"ไม่โกรธดิวะ"
"ไอ้สัด กูอาย!"
"อายอะไร"
"ร่างกายกู..."
"..."
"มึงเห็นหมดเลย"
"อือ ทุกส่วนเลย"
"ไอ้บูรพา! มึงจำได้หมดไหม!"
"จำได้ดิ น่ารักดีทุกอย่างเลย"
"ไอ้บูรพา! กูเกลียดมึง! กูจะกลับไปโกรธมึง! กูจะไม่ให้อภัยมึงแล้ว!"
"เฮ้ย ไม่เอาดิ เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมแล้วไง"
"ไม่!"
"เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมดิวะ"
"เหมือนเดิมมันไม่ใช่แบบนี้เว้ย!"
"..."
"นี่มันมากกว่าเดิมแล้ว"
ผมพูดเสียงเบาลง ไอ้บูรพายกมือขึ้นมากอดผมอีกที
"แต่สำหรับกูยังรักเหมือนเดิม..."
"..."
"เพิ่มเติมคือได้มึงแล้ว"
"ไอ้บูรพา! กูจะไปแล้ว!"
ผมลุกพรวดขึ้นมาจากเตียง ความรู้สึกเจ็บแปลบสะเทือนไปทั้งร่าง แต่ก็กัดฟันเดินไปเปิดประตู
"ไอ้เหนือ"
"อะไร!"
"นั่นมันตู้"
ผมหันขวับไปหรี่ตามองประตูที่เปิดอยู่ ปรากฏว่ามันคือประตูตู้เสื้อผ้า
"เออ กูจะเข้าตู้!" ผมโวยเสียงดังแล้วเข้าไปนั่งในตู้เสื้อผ้ามัน อยากมีพลังวิเศษแบบเข้าตู้แล้วหลับตาย้อนอดีตได้แบบพระเอกหนังอะเบาท์ไทม์มากเลยตอนนี้ กูอยากวาร์ป!
"ไอ้เหนือ ออกมา"
"ไม่!"
"ออกมาเดี๋ยวตาย"
"ปล่อยให้กูตายไปเลย!"
"เฮ้ย ออกมา"
"ไม่ต้องมาเรียกกู ไม่ต้องมายุ่งกับกู กูไม่อยากเห็นหน้ามึง!"
"โอเคๆ"
ผมซบหัวลงไปบนเข่าตัวเอง ทำยังไงดี ไม่กล้ามองหน้าไอ้บูรพาเลย อายเว้ย...อายมาก...
...
ผมเดินเข้ามาในห้องวิชาเรียนรวมในเช้าวันจันทร์ กำลังจะเปิดประตูเข้าไปแต่ลูกไม้เปิดประตูออกมาพอดี ลูกไม้ชะงักไปนิดหนึ่งแต่ผมไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นอะตอนนี้ ก็เลยพยักหน้าเป็นเชิงให้เธอเดินออกไปก่อน ลูกไม้จึงได้แค่ยิ้มให้นิดๆ แล้วเดินออกไป ผมเดินไปนั่งข้างๆ ไอ้หลิว
"ไงมึง หน้าตาเหมือนแพนด้าอดนอน เล่นเกมทั้งคืนป่ะเนี่ย"
"เปล่าซะหน่อย ช่วงนี้กูนอนไม่ค่อยหลับ"
"กินไรมายังอะ"
"ยัง"
"ไส้กรอกชีสป่ะ" ไอ้หนุ่มว่าแล้วจิ้มไส้กรอกในมือยื่นให้ผม มึงก็เปรี้ยวมากมากินไส้กรอกในห้องเรียนเนี่ย
"ไม่เอา"
"กินหน่อยน่า"
"ไม่หิว"
"อาหารเช้าสำคัญนะ"
"ก็บอกว่าไม่เอาไง เฮ้ย! โห่ เลอะเลย!" ผมก้มมองซอสจากไส้กรอกที่หยดลงไปเลอะเนคไท
"อุ้ย โทษๆๆ"
"เอานี่เช็ด" ไอ้หลิวว่าแล้วดึงทิชชู่ให้ ผมปลดเนคไทออกมาจากคอแล้วหยิบทิชชูจากไอ้หลิวมาเช็ด
"เหนือ คอมึงไปโดนอะไรมาวะ"
"ฮะ?"
"รอยที่คออะ" ไอ้หลิวว่าแล้วปลดกระดุมคอผมออก จึงเห็นรอยแดงที่ไอ้ตัวเหี้ยบูรพามันฝากเอาไว้ ใจผมนี่เต้นตึกตักตอนที่สายตาพวกมันหันมามองเอาคำตอบ คาดคั้นขนาดนี้คาดหวังจะให้กูตอบว่าไง โดนไอ้บูรพาดูดมางี้?
"กูโดน แมลงเฟรชชี่!" มันคือแมลงก้นกระดกที่มักจะพบในหอใน เฟรชชี่ปีหนึ่งที่อยู่หอในหลายๆ คนต้องเคยพบกับมัน ถ้ามันกัดทีหนึ่งจะทิ้งรอยแดงลุกลามไปสามเดือน
"แมลงเฟรชชี่พันธุ์บูรพาหรือเปล่าจ้ะ"
"ไอ้หนุ่ม เงียบไปเลย! แมลงเฟรชชี่มันต่อยกูโว้ย เนี่ยๆ!"
"เออๆ แล้วไปทำอีท่าไหนโดนต่อยมาได้อะ"
หลายท่าเลยครับ...
"หายาทาด้วยนะ เดี๋ยวเป็นแผลเป็น"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วยกมือลูบรอยแดงนั่น...รอยนี่มันเป็นแผลเป็นได้ด้วยเหรอวะ
...
หลังเลิกเรียนผมเดินออกมาจากห้องเรียน ไปหยิบรองเท้าที่ถอดไว้หน้าห้องกำลังจะเอามาใส่ แต่เห็นไอ้บูรพาเดินไปออมาพอดีเลยหลบมาที่หลังเสา ยืนกอดรองเท้าด้วยใจวุ่นๆ
ยะจะใดดี ยะจะใด...
ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาหัวโขกเสาเบาๆ
"ไอ้เหนือ" ผมเหลือบตาไปมองไอ้บูรพาที่เดินเข้ามาทัก ทักกูทำไม!
เออ หนีไม่ได้ก็เผชิญหน้าแม่ง!
"มึงทำอะไรอยู่วะ"
"กูทำลายเซลล์ประสาทตัวเองอยู่"
"แค่นี้ก็มีน้อยแล้ว เดี๋ยวก็โง่กว่าเดิมหรอก"
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า!"
"แล้วนี่ เป็นไงบ้าง" มันหันมาถามเสียงเบา เหลือบตาไปมองเพื่อนข้างๆ ว่าไม่มีใครฟังอยู่
"กูไม่เป็นอะไรทั้งนั้นอะ"
มันพยักหน้าหน่อยๆ แล้วเดินออกไป
"เดี๋ยวมึง..." ผมดึงมือมันเอาไว้ก่อน มันหันมาเลิกคิ้วนิดๆ เป็นเชิงถาม ผมเลยลากมันมาอีกทาง
"มีอะไรวะ"
"กูถามอะไรหน่อยดิ"
"อะไร"
"รอยเนี่ย มันเป็นแผลเป็นป่ะวะ"
"รอยอะไร"
"ก็รอยที่มึงดูดคอกูไง!"
ไอ้บูรพายกมือขึ้นปิดปากตอนที่ผมเสียงดังเพราะมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งเดินผ่านไปพอดี พอเพื่อนเดินผ่านไปแล้วมันจึงปล่อยมือผมออก
"ยังไม่หายเหรอ"
"เออดิ ทำไงให้หายเนี่ย กูอายเขา"
"มันต้องดูดซ้ำ"
"เหรอ?"
"อือ หนามยอกยังต้องเอาหนามบ่ง เมาเหล้ายังต้องเอาเหล้าถอน"
"จริงเหรอ?"
"จริงดิ กูจะโกหกทำไม"
"งั้นไปทำให้หน่อยดิ"
"ได้ดิ วันนี้เลยป่ะ ห้องมึงหรือห้องกู"
"ในนรกน่ะไอ้ห่า! คิดว่ากูโง่เหรอ! ต้องซ้ำเหรอ! ซ้ำที่หน้ามึงสิ!" ผมยกรองเท้าในมือที่ยังไม่ทันได้ใส่ขึ้นมาฟาดมัน
"โอ๊ย! ไอ้เหนือ เจ็บ!"
"ไปตายเลยมึง ไปตายไป"
"พอแล้ว!"
"ฟิ้ว!"
"เฮ้ย!" ผมเบิกตากว้างเมื่อรองเท้าในมือผมถูกไอ้บูรพาแย่งไปแล้วลอยฟิ้วออกนอกตึกไป ผมชะโงกหน้าลงไปดูว่ามันไม่ได้ตกไปโดนหัวใคร แล้วหันขวับมาหาไอ้บูรพา มันแลบลิ้นนิดๆ ด้วยใบหน้าเจื่อนๆ
"รองเท้ามึงอยากออกไปแตะขอบฟ้า"
"ขอบฟ้าอะไรล่ะ ไปเก็บเลย!"
"เออๆ ลงไปพร้อมกันดิ"
"กูไม่เดินตีนเปล่า"
"ก็มีถุงเท้านี่ไง"
"เดี๋ยวถุงเท้ากูเปื้อน มึงลงไปเก็บมาเลย"
"นี่มันชั้นสี่นะเว้ย ให้กูลงไปเก็บแล้วก็ขึ้นมาเนี่ยนะ"
"เออ ไป!"
"ไปพร้อมกันเลย"
"เฮ้ย!" ผมโวยลั่นเมื่อไอ้บูรพายกตัวผมให้ขึ้นไปบนหลังมันก่อนมันจะพาวิ่งลงบันไดไป
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า ช้าๆ เดี๋ยวล้ม!"
"ดริฟท์ไปเลยค้าบ!"
"ดริฟท์พ่อมึงสิ ไอ้บูรพา! กูกลัว!"
ไอ้บูรพาหยุดวิ่งแล้วหันมาหา
"กลัวอะไร"
"กลัวล้ม"
"อยู่กับกู กูไม่ทำให้มึงเจ็บหรอก"
"ไม่รู้แหละ กูกลัวล้ม ปล่อยกูลงเลย กูไปเอง"
"แล้วถ้ากูไปช้าๆ มึงจะไปกับกูมั้ย"
"..."
"กูไม่พามึงล้ม สาบานว่ามึงจะไม่ต้องเจ็บเพราะกู"
"..."
"เชื่อใจกู แล้วไปกับกูได้ป่ะวะ"
"อือ"
"..."
"งั้นก็ไปดิ"
ไอ้บูรพาพาผมที่อยู่บนหลังมันเดินลงบันไดไปช้าๆ ผมได้รู้ตัวแล้วว่าใจผมรู้สึกกับมันอย่างไร ผมละทิ้งความสับสนที่เคยมีในใจแล้วยอมรับเอาไว้ว่าผมต้องการบูรพา ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน เป็นมากกว่าเพื่อนหรืออะไรก็ตาม ขอแค่มีบูรพาอยู่ข้างๆ ด้วย
ผมรู้สึกปลอดภัย... ใจผมบอกแบบนั้น
To be continued.
-แมลงเฟรชชี่นี่ดังมากในหมู่เฟรชชี่ แต่ตั้งแต่เราเรียนมายังไม่เคยโดนกัดเลย แผลมันจะพองๆ หรือเป็นผื่นๆ ค่ะ ไม่ใช่รอยแดงเหมือนที่เหนือมันคิดแน่นอน
การพบกันครั้งที่ 22
ความคิดถึงที่ชื่อว่า องศาเหนือ
"บูรพา ทำไมตัวนี้มันต้องใส่Sด้วยวะ"
"ก็มันตัวเล็กไง"
"ตัวเล็กยังไงวะ"
"ก็ถ้ามันตัวใหญ่ มันก็ต้องใส่ L XL XXL…"
"เอ็กซ์เอ็กซ์แอลพ่อง!"
"อะๆ ไม่ขำก็ไม่ขำ ไหน งงตรงไหน"
ไอ้บูรพาหันมาอธิบายให้ฟังตรงที่ผมไม่เข้าใจ ผมได้แต่พยักหน้าตาม
"กูไม่ชอบแกรมม่าอังกฤษเลย ซิ่วดีป่ะวะ"
"เฮ้ย...จะซิ่วเลยเหรอ"
"เออดิ ยิ่งเรียนยิ่งโง่"
"ก็ติวให้นี่ไง"
"กูไม่ชอบอะ ซิ่วกลับไปเรียนแถวบ้านดีกว่าว่ะ"
"อย่าทิ้งกู"
ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าของไอ้บูรพาทำเอาผมใจกระตุกนิดหนึ่ง ฟีลลิ่งผัวรั้งเมียไม่ให้เลิกกันยังไงก็ไม่รู้...
"อย่าไปนะ"
"เออ ไม่ซิ่วก็ได้ แต่กูขอพักแป๊บ!"
"อะไร อ่านไปได้สองแผ่น"
"ไม่ไหวล่ะ หนักหัวมาก"
"หนักขี้เลื่อยอะดิ"
ผมหันไปมองมันเคืองๆ แล้วกระโดดขึ้นไปบนเตียง คว้ามือถือขึ้นมารูดไทม์ไลน์เล่นให้สบายใจ
"เออ ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"กูขอติดตามมึงไปในไอจีอะ ทำไมไม่กดรับกู"
"อ้าว ขอมาเหรอ?"
"เออดิ"
"แต่ไอจีกูไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องตาม กูไม่เคยโพสท์อะไร"
"แล้วมึงมีไอจีไว้ทำเชี่ยไร"
"ไว้ส่องคนอื่นไง"
"มึงนิ"
"มึงอะติดมือถือเกินไปแล้วนะ"
"ทีมึงยังดูดบุหรี่เลย"
"เกี่ยวกันมั้ยเนี่ย?"
ผมยักไหล่หน่อยๆ ก็เพิ่งเคยเข้าใจว่าทำไมแพทถึงห้ามไม่ให้ผมเล่นเกม ห้ามไม่ให้ดื่มน้ำอัดลม กินเหล้า สูบบุหรี่ มันน่าจะเป็นเพราะ ความเป็นห่วง
"ทำไมต้องดูดบุหรี่ด้วยวะ"
"ก็ดูดมึงแล้วไม่มีควันไง"
"สัดบูรพา!"
"มาอ่านหนังสือต่อเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้สอบตกอีก"
"โหย...ต้องอ่านไอ้หนังสือนอกเวลานี่ด้วยใช่มั้ยเนี่ย" ผมหยิบหนังสืออ่านนอกเวลาที่เป็นหนังสือภาษาอังกฤษล้วนๆ ที่อาจารย์แจกมาให้อ่าน และในข้อสอบจะมีคำถามเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ห้าข้อ อะเมซิ่งข้อสอบ หนังสือนิยายเป็นเล่มๆ กว่าจะอ่าน กว่าจะแปลจบ เพื่อไปรบกับข้อสอบห้าข้อ จะเทก็ไม่ได้เพราะมันเป็นห้าข้อที่เป็นคะแนนดิบๆ ไม่หักไม่หาร สิบคะแนนก็สำคัญสำหรับเกรดผมมาก อาจจะเปลี่ยนดีเป็นซีก็ได้เพราะไอ้สิบคะแนนนี้
ผมนั่งแกะคำศัพท์ทีละคำและค่อยๆ อ่านไปทีละประโยค
"บูรพา นี่แปลว่าอะไรวะ ในดิกฯ ไม่เห็นมี"
"ไหน" ไอ้บูรพาลุกจากพื้นขึ้นมาบนเตียงแล้วแทรกตัวเข้ามาในวงแขนผมที่กำลังยกหนังสือขึ้นอ่าน ผมตัวแข็งนิดหน่อยที่มันพิงตัวลงมาบนอก แล้วมองไปที่หนังสือในมือ
"คำไหน"
"คำนี้" ผมชี้ไปที่ศัพท์อังกฤษที่ไม่เข้าใจ
"เป็นสำนวน แปลว่าประหม่า ตื่นเต้น ไรงี้"
อ่อ...เหมือนกูตอนนี้อะเหรอ ใจตึกๆ เลยครับสัด
"เขินไง๊?" ไอ้บูรพาเงยหน้ามามองขณะพิงอยู่บนอกผม
"เขินดิ"
"ใจเต้นแรงป่ะ"
"อย่าฟัง!"
ห้ามไม่ทันไอ้บูรพาแนบหูลงไปบนอกผม แล้วหัวเราะออกมาเบาๆ
"แผ่นดินไหวในใจมึงป่ะเนี่ย"
"พอเลยไอ้ห่า ลุกไปเลย หนัก!" ไอ้บูรพาลุกออกไป แล้วดึงหนังสือไปจากมือผม
"กูแปลให้ฟังมั้ย จำเนื้อเรื่องเป็นภาษาไทยก่อน คำถามมันคงเกี่ยวกับสถานการณ์ในเรื่องนี้แหละ ถ้าจำเรื่องได้ก็น่าจะทำได้ เดี๋ยวค่อยจำศัพท์ยากๆ ทีหลัง"
"อ๋อ เออ เอาดิ"
"งั้นมานี่"
กลายเป็นไอ้บูรพาเขยิบตัวไปพิงกับหัวเตียง แล้วดึงให้ผมเข้าไปอยู่ในวงแขนของมันเหมือนกับท่าที่มันทำเมื่อกี้ ผมเก้ๆ กังๆ นิดหน่อยที่จะเอนตัวลงไปแนบอกมัน มันก็เลยใช้แขนข้างหนึ่งกดผมลงไป แล้วเริ่มอ่านหนังสืออังกฤษแต่แปลเป็นภาษาไทยให้ฟัง
"ลีโอนาร์ดเอ่ยถามเคธี่เบาๆ ว่า ทำไมเธอยังอยู่ตรงนี้ เคธี่ก้มหน้าลงด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ ทำไมเธอยังอยู่ตรงนี้ ลีโอนาร์ดถามซ้ำ เคธี่เงยหน้ามองเขาด้วยความกล้าหาญและเอ่ยบางคำที่เอาแต่ปกปิดมันไว้ตลอด เสียงแผ่วเบาตอบกลับไปช้าๆ เพราะหัวใจฉันอยู่ที่คุณ ฉันจะไปที่ไหนได้หรือ ในเมื่อหัวใจฉันอยู่ตรงนี้..."
ผมนอนฟังไอ้บูรพาเล่านิยายในหนังสือเล่มนั้นให้ฟังไปเรื่อยๆ จนจบเรื่อง ก็ให้มันเล่าซ้ำอีกครั้งเพื่อให้จำได้ มันก็เล่าให้ฟังอีกรอบ และอีกรอบ
"เอาอีกรอบป่ะ?"
"เอาดิ"
พอเป็นรอบที่สามที่สี่ผมก็เริ่มง่วง เหมือนฟังนิทานก่อนนอนอะ แล้วเวลาอ่านหนังสือเสียงไอ้บูรพามันนิ่มๆ ฟังเพลินๆ ลีโอนาร์ดอะไรไม่รู้ล่ะ กูนอนดีกว่า
"เฮ้ย หลับไง๊?"
"ง่วงแล้วอะ นอนนะ"
"จะนอนอย่างนี้เหรอ"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ เพราะยังนอนพิงอยู่บนอกมัน
"หนักป่ะ?"
"หนักดิ"
ผมกำลังจะขยับออกมา แต่มันใช้ท่อนแขนนั่นล็อกผมเอาไว้ก่อน
"แต่ชอบว่ะ"
"..."
"นอนงี้แหละ"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ แล้วหลับตาลงไปทั้งอย่างนั้น
.
.
.
"ชอบเหมือนกัน"
...
ผมกับไอ้บูรพากลับเข้ามาที่หอหลังจากสอบเสร็จ เดี๋ยวนี้ไม่มีการแยกเข้าหอใครหอมัน ใครเปิดประตูก่อนก็จะพุ่งเข้าห้องคนนั้นอย่างไม่ต้องรอ ผมเพิ่งสอบอังกฤษเสร็จ พาร์ทแรกเรื่องไวยากรณ์ทำไปแบบมั่วๆ สนทนาพอได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่พาร์ทหนังสือนอกเวลาโคตรมั่นใจครับ เคธี่กับลีโอนาร์ดฝังอยู่ในหัวตั้งแต่เมื่อวานจนเก็บเอาไปฝัน เพราะงั้นมั่นใจว่าสิบคะแนนดิบไม่ไปไหนแน่นอน ไอ้บูรพาทิ้งตัวลงบนที่นอนของผมแล้วหยิบหมอนขึ้นมามองอย่างพิจารณา
"หาเชื้อราบนปลอกหมอนกูอยู่หรือไง"
"กูไม่ชอบสีนี้เลย" มันพูดพลางขมวดคิ้วหน่อยๆ
"จะให้เปลี่ยนเป็นสีดำแบบห้องมึงหรือไง"
"เออ เท่ดีจะตาย สีชมพูเนี่ยมันไม่ตุ๊ดไปหน่อยเหรอ"
"อันนี้แพทเลือกให้โว้ย"
"แพทเลือก?"
"เออ"
ไอ้บูรพาลุกจากที่นอนแล้วดึงผ้าปูออกจากเตียง กระชากหมอนออกมาจากปลอก ทั้งหมอนข้างแล้วก็ผ้าห่ม
"ไอ้บูรพา มึงบ้าหรือไง!"
"มึงรอแป๊บ" มันว่าแค่นั้นแล้วเปิดประตูออกไปที่ห้องมัน ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมผ้าปูที่นอนและผ้านวมสีน้ำเงินอ่อนๆ จัดการปูเข้าไปแทนให้เรียบร้อย มันเท้าเอวมองผลงานตัวเองอย่างพอใจ แล้วเอาตีนเขี่ยผ้าปูสีชมพูอันเก่าไปไว้ริมระเบียง
"อะไรของมึงเนี่ย"
"ทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับแพทไง เพราะตอนนี้มึงเป็นแฟนกูแล้ว"
"แฟน?"
"อือ"
"มึงยังไม่ได้ขอกูเป็นแฟนเลยนะ"
"อ้าว ได้กันแล้วนี่ยังต้องขอ...โอ๊ย!" ผมคว้าหมอนขึ้นมาฟาดหน้าก่อนที่มันจะพูดจบ
"สมน้ำหน้า!" มันเงยหน้าขึ้นมามองเคืองๆ
"ตอนมึงขอแพทเป็นแฟน มึงทำไงวะ"
"กูซื้อถุงเท้าให้แพท แล้วบอกว่าถ้าอยากเป็นแฟนกับกูก็ให้ใส่ถุงเท้าที่กูซื้อให้มาเรียน"
มันพยักหน้าตามหน่อยๆ
"งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อถุงเท้าแป๊บ"
"ฮึ?"
"เอามาขอมึงเป็นแฟนไง"
"ไอ้บ้า! คิดเองดิวะ!"
"โห่ จะต้องพิธีรีตอง ได้กันแล้วก็คือได้ กูข้ามขั้นจากเพื่อนไปเป็นผัวเลย จบ บูรพาสไตล์"
"ไอ้บูรพา! ไอ้สันดาน!"
มันหัวเราะเบาๆ
"หิวข้าวแล้วว่ะ ไปกินข้าวกัน" มันหันมาชวน ผมเหลือบไปมองนาฬิกาที่เพิ่งจะสี่โมงเย็น ปกติข้าวเย็นนี่กินสามทุ่ม
"กูขี้เกียจออกไปอะ"
"งั้นเดี๋ยวกูไปซื้อเข้ามา"
"อือ ก็ได้"
"กินไรอะ"
"อะไรก็ได้" ผมบอกแค่นั้น ก่อนไอ้บูรพาจะหยิบกุญแจของผมออกไป ระหว่างที่รอมันออกไปซื้อข้าวผมก็จัดการกับผ้าปูที่นอนอันเก่า ก็จริงอย่างมันว่า ผมต้องทิ้งทุกอย่างที่เกี่ยวกับแพทไป...แล้วเริ่มต้นใหม่อีกที
...
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงไอ้บูรพาก็กลับมาพร้อมกับถังไก่เคเอฟซี เป๊บซี่สองแก้วและเฟรนฟรายด์ไซด์จัมโบ้
"พ่อมึงเป็นหุ้นส่วนเคเอฟซีป่ะเนี่ย แดกแต่ไก่"
"เออน่า"
มันว่าแล้วจัดการหยิบจานมาที่โต๊ะกินข้าว แล้วพยักหน้าให้ผมไปนั่งด้วย เลือกไก่ชิ้นใหญ่สุดแล้วใช้มือฉีกมาวางให้ในจานผม ผมหยิบส้อมจิ้มลงไปกำลังจะเข้าปากแต่ถูกมันเรียกเอาไว้ก่อน
"ไอ้เหนือ"
"ฮึ?"
"เป็นแฟนกับกูนะ"
"ฮะ?"
"กูซื้อไก่มาขอมึงเป็นแฟน ถ้ามึงอยากเป็นแฟนกับกูก็กินไก่ที่กูซื้อมา"
ผมแอบกัดริมฝีปากเบาๆ กลั้นขำ วิธีขอเป็นแฟนสร้างสรรค์กว่านี้ไม่น่ามีแล้ว?
"เอาไง"
ผมหลุดยิ้มออกมานิดๆ แล้วเอาไก่ในมือเข้าปาก มาถึงขนาดนี้ก็ไม่น่าถามแล้วล่ะเห็บหมาเอ๊ย!
"ที่กินนี่เพราะหิวหรืออยากเป็นแฟนกับกู"
"หิว"
"ให้ตอบอีกที"
"เออ"
"..."
"อยากเป็นแฟน"
ไอ้บูรพาหัวเราะออกมาเบาๆ
"อยู่กินไก่กับกูไปนานๆ นะ"
"เป็นแฟนกับมึงด้วย แล้วก็น่าจะเป็นเก๊าท์ด้วยนะไอ้บ้า"
...
หลังจากสอบเสร็จไอ้ไกด์ชวนพวกเรามาปาร์ตี้ที่บ้านมันซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาลัย แค่ข้ามคลองชลฯ มาห้านาทีก็ถึงบ้านมันเลย ตอนแรกมันบอกว่าชวนมาทำหมูกระทะกินกันเฉยๆ แต่เป็นไปไม่ได้ที่ปาร์ตี้จะไม่มีแอลกอฮอล์ ไอ้บูรพามันเลยตามมาด้วยเพราะกลัวผมจะเมาปลิ้นอีก แต่ไม่ต้องห่วง เจอหมูย่างเข้าไป ไม่มองเหล้าครับ ที่จริงกูสายแดกไม่ใช่สายดื่ม อีกอย่างไม่อยากเมาแล้ว เดี๋ยวไอ้บูรพาทำมิดีมิร้าย
แต่พวกเพื่อนคนอื่นเริ่มไร้สติกันเพราะความเมาแล้วแหละ เสียงร้องเพลงจากพวกกลุ่มผู้ชายตรงนั้น ตอนแรกๆ ก็เพราะดี ให้อารมณ์กินเหล้าเคล้าดนตรี แต่ตอนหลังๆ เริ่มแหกปาก ภาวนาไม่ให้ข้างบ้านขว้างมีดมาอยู่เนี่ย
"กูไปห้องน้ำแป๊บนะ" ผมบอกกับไอ้บูรพาก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำ กำลังจะเดินเข้าไปแต่ก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นไอ้ไกด์ยืนฉี่อยู่ในนั้น
"เชี่ย ทำไมไม่ปิดประตูวะ"
"ปวดเยี่ยวเหรอ?"
"เออดิ เร็วๆ"
"เยี่ยวพร้อมกันป่ะ?"
"พ่องดิ! เร็วๆ"
"อะๆ เสร็จล่ะ"
ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตอนที่มันเดินสวนออกมาแล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าประตู
"มึงออกไปดิ!"
"อยากรู้ว่าคนน่ารักมันเยี่ยวยังไง"
ไอ้นี่เมาแล้วบ้ากามชิบหาย! ไม่ดิ ปกติก็หื่นอยู่แล้วนะ
"สัด! ออกไป"
"อายทำไมวะ มีเหมือนๆ กันป่ะ"
"ออกไป๊!"
"ให้จูบก่อนดิ เดี๋ยวไป"
"ไอ้ไกด์!" ผมถอยหลังติดผนังเมื่อไอ้ไกด์ตรงเข้ามาหา
"จูบหน่อย!"
"ไม่เอาโว้ย!"
"เฮ้ย ทำไรวะ" ผมหันขวับไปเห็นไอ้บูรพาก่อนจะรีบผลักไอ้ไกด์ออกแล้วไปหลบหลังมัน
"ไอ้ไกด์มันจะจูบกูอีกแล้ว!"
"ไอ้ไกด์ ทะลึ่งแล้วมึง"
"โห่ ขอจูบหน่อยไม่ได้ไงวะ"
"มึงเป็นโรคจิตไงวะ ไล่จูบชาวบ้านเขาไปทั่วเนี่ย"
"กูเพิ่งเลิกกับแฟน ไม่ได้จูบใครมานานแล้ว กูโหยหามาก"
"ไปโหยหาที่อื่น อย่ามาเสือกกับแฟนกู"
แฟนกู เต็มปากเต็มคำ...
"งั้นกูขอจูบมึงก็ได้"
"ไอ้ไกด์!"
ผมเบิกตากว้างเมื่อไอ้ไกด์ตรงเข้ามาจูบไอ้บูรพา จนพอใจมันก็ถอนจูบออกไปแล้วเม้มปากตัวเองเบาๆ
"ไม่เลวนี่หว่า" พูดแค่นั้นแล้วเดินออกจากห้องน้ำ ไอ้บูรพาหันมามองผมแล้วกระพริบตาปริบๆ
อ่าหะ...กูก็เคยช็อกแบบนี้แหละ
"กูรู้ล่ะว่าทำไมวันนั้นมึงช็อก"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ
"ไอ้ไกด์แม่งจูบเก่งสัดๆ กูเกือบเคลิ้มเลย"
อ้าวเวร...
"บูรพา...มึงชอบใช่มะ..."
"ชอบอะไรล่ะ ถอย!" ไอ้บูรพาโวยแล้วเดินออกไปจากห้องน้ำ กูว่าจะมาฉี่ ก็ลืมไปเลย ฉี่กูไหลสวนทิศกลับไปที่เดิมล่ะ
ผมกลับมานั่งที่เดิม ก่อนเพื่อนจะชวนกันเล่นเกมหมุนขวด แบบที่หมุนไปหาใครก็ต้องตอบคำถามและห้ามโกหก เกมดำเนินไปเรื่อยๆ ปากขวดยังไม่หมุนมาทางผมเลยสักที ถือเป็นเรื่องโชคดี เพราะไอ้พวกนี้จ้องจะล้วงความลับบางอย่างจากผมอยู่ล่ะ
"อะ ไอ้ไกด์!"
"กูอีกล่ะ"
"กูไม่รู้จะถามอะไรล่ะเนี่ย" ไอ้บอมบ์ว่า เพราะปากขวดหมุนไปหาไอ้ไกด์เกือบสิบรอบล่ะ
"อะๆ ตอนนี้มึงอยากทำอะไรมากที่สุด"
ไอ้ไกด์ยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่ง แล้วหันมามองผม
"อยากจูบไอ้เหนือ"
"ส้นตีนดิ!"
ส้นตีนไอ้บูรพายกขึ้นอัตโนมัติจนแทบจะทิ่มเข้าเบ้าตาไอ้ไกด์
"โว้ย! กูล้อเล่น!"
"แหม่ ความหวงเมียอะมึง!"
"เงียบไปเลยไอ้หนุ่ม!" ผมหันไปดุไอ้หนุ่มที่พูดแซวๆ
"อะๆ ไอ้ไกด์ ตามึงหมุน"
ไอ้ไกด์วางแก้วในมือแล้วยื่นมือไปหมุนขวดที่พื้น ก่อนขวดจะหมุนติ้วๆ แล้วมาหยุดที่ผม
"ไอ้เหนือ!!!" เสียงเฮดังลั่นตอนที่ปากขวดมาหยุดที่ผม ดูความโหยความลับของพวกมันอะ ดีใจอะไรขนาดนั้น!
"มึงกับไอ้บูรพาเป็นอะไรกัน!"
ประสานเสียงกันถามเหมือนนัดกันมา
ผมหันไปมองไอ้บูรพาแว้บหนึ่ง แล้วหันกลับมา
"ไม่ตอบหมดแก้วนะโว้ย!"
"เอาไง!"
ผมเลือกที่จะคว้าแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นมากระดกแทนที่จะตอบ
"อ้าวเฮ้ย!"
"ป๊อดว่ะ!"
หันไปมองไอ้บูรพา มันได้แต่ยกมุมปากขึ้นนิดๆ แล้วไอ้ไกด์ก็เป็นคนหมุนขวดอีกที คราวนี้ปากขวดไปหยุดอยู่ที่ไอ้บูรพา
"ไอ้บูรพา!"
"คำถามเมื่อกี้เลย มึงกับไอ้เหนือเป็นอะไรกัน"
ไอ้บูรพาเหลือบตามามองผมนิดหนึ่ง ที่จริงสถานะระหว่างผมกับมันก็ค่อนข้างจะชัดเจนสำหรับเราสองคน มันมากกว่าเพื่อนไปแล้ว แต่ผมกลับยังไม่อยากให้มันบอกกับใคร ยังไม่อยากเปิดเผยความสัมพันธ์ ผมยังกลัว
"ว่าไง เป็นอะไรกัน"
"ก็แฟนดิ จะถามทำไมวะ"
"วี้ด!" เสียงกรีดร้องของเพื่อนๆ ดังลั่น ไอ้บูรพาหันมายักคิ้วให้หน่อยๆ ผมได้แต่ยิ้มตอบกลับไป จะว่าเขินมันก็ใช่ แต่ในใจมันยังสับสนอยู่
...
ระหว่างทางกลับหอ ผมนั่งเงียบมาตลอดทาง คงเงียบจนแปลกไอ้บูรพาเลยพูดขึ้นมาก่อน
"เป็นไรวะ"
"ง่วง"
"อือ เดี๋ยวกลับไปนอนเลย วันนี้นอนห้องใคร"
"กูนอนห้องกู"
"ก็ได้ งั้นเดี๋ยวกูไปอาบน้ำห้องกูก่อน อาบเสร็จเดี๋ยวไปหา"
"ไม่ดิ มึงก็นอนห้องมึงไป"
"ไรนะ"
"วันนี้นอนห้องใครห้องมันเหอะ"
"เป็นอะไรเนี่ย"
"กูมีเรื่องต้องคิด อยากนอนคนเดียว"
"งอนอะไร"
ผมหันไปมองนอกกระจก ก่อนถอนหายใจเบาๆ เรียกสติแล้วหันไปหามัน
"ต้องบอกคนอื่นด้วยเหรอวะ เรื่องของเราอะ"
"งอนเรื่องนี้เหรอ?"
"กูไม่ได้งอน แต่กูว่าเราอย่าเพิ่งบอกใครได้เปล่าวะ"
"ทำไมอะ"
"กูยังไม่พร้อมบอกใครอะ"
"มึงเคยบอกเองนี่ว่าอึดอัดตอนที่มึงคบกับแพทแต่แพทไม่ให้บอกใคร แล้วทำไมมึงเป็นซะเองวะ"
"มันไม่เหมือนกันเว้ย"
"ไม่เหมือนยังไง"
"..."
"ก็แฟนเหมือนกันมั้ย?"
"แต่มึงกับกูเป็นผู้ชายไง"
"มึงอายเหรอ"
"เออ!"
ไอ้บูรพานิ่งไป ก่อนถอนหายใจออกมา แล้วพยักหน้าเบาๆ
"โอเค..."
"..."
"ขอโทษที่ทำให้อาย"
...
"โอ้โห สอบเสร็จแล้วโล่งเลย"
"โล่งใจเลยใช่ป่ะ?"
"กระดาษคำตอบกูเนี่ย โล่งเลย!"
ผมเดินตามพวกไอ้บอมบ์ออกมาจากห้องตอนที่ทำข้อสอบเสร็จพร้อมมัน มิดเทอมวิชาสุดท้ายของผมผ่านไปได้ด้วยดีเพราะอ่านหนังสือมาหนักมาก สองสามวันมานี้ผมไม่ได้เจอไอ้บูรพาเลยยกเว้นในห้องสอบ ให้เหตุผลว่าต่างคนต่างต้องอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบ ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน อย่างตอนนี้มันทำข้อสอบเสร็จตั้งแต่ครั้งชั่วโมงแรก ก็คงกลับไปแล้ว ผมเดินไปสวมรองเท้าที่ถอดไว้หน้าห้อง
"เหนือ มึงกลับบ้านเปล่า"
"ไม่กลับอะ"
"หยุดหลายวันไม่กลับเหรอ"
ผมส่ายหน้าหน่อยๆ จบช่วงสอบมิดเทอมไปมันตรงกับวันหยุดยาวพอดี เลยมีเวลาห้าหกวันที่ว่าง แต่ผมไม่ได้กลับบ้านเพราะพ่อจะลงใต้ไปทะเลกับพวกเพื่อนๆ ในวันหยุดยาวตอนนี้ก็เลยไม่มีแพลนจะทำอะไร
"แล้วนี่กลับหอเลยป่ะ"
"อื้ม"
"พวกแก!" ทั้งผมและหลิวหันไปมองไอ้หนุ่มที่เดินเข้ามาเรียก
"มีอะไร"
"รู้เปล่าว่าไอ้บูรพามันไปแล้วนะ"
ผมสะดุดกึกกับคำพูดของไอ้หนุ่ม เหตุการณ์ตอนม.สามย้อนเข้ามาในหัวผมด้วยประโยคเดียวกัน
"รู้เปล่าว่าไอ้บูรพามันไปแล้วนะ"
"มันลาออกไปแล้ว"
"ไปไหน!" ผมหันขวับไปถามไอ้หนุ่ม
"มันบอกว่าไปออสเตรเลียอะ"
ออสเตรเลีย?
"เฮ้ย...ใช่เหรอ"
"อือ ก็เจอมันเมื่อกี้อะ มันบอก"
ไอ้บูรพา...
"อ้าว ไอ้เหนือ!"
ผมรีบวิ่งลงบันไดมาจากชั้นสี่ วิ่งไปที่ลานจอดรถแต่ไม่เห็นรถมันที่จอดอยู่ตรงนั้นเมื่อเช้า จึงวิ่งไปที่มอเตอร์ไซค์ตัวเองแล้วรีบขี่กลับไปที่หอ รถของมันยังจอดอยู่ที่นั่น จึงรีบเปิดประตูหอเข้าไป ไอ้บูรพากำลังแบกกระเป๋าเดินลงมาจากห้องมันพอดี
"ไอ้บูรพา!"
"อ้าว สอบเสร็จแล้วเหรอ"
"มึงจะไปไหน!"
"นี่มึง..."
"กูถามว่ามึงจะไปไหน!"
"ไปบ้าน"
"ไอ้หนุ่มบอกกูว่ามึงจะไปออสเตรเลีย หรืออะไรสักอย่าง?"
"อ๋อ เออ ใช่"
"มึงไปไม่บอกกูอีกแล้วเหรอ!"
"ก็...ว่าจะบอก..."
"มึงไปทำไมอะ! มึงไปทำอะไร! มึงหนีกูอีกแล้วเหรอ! มึงจะหนีกูไปอีกแล้วเหรอ ไอ้บูรพา!"
"เดี๋ยวๆ ใจเย็น"
"เย็นไม่ไหวแล้ว มึงไปไม่บอกกูอีกแล้ว!" ผมโวยวายลั่นแล้วทรุดลงไปนั่งกับพื้น น้ำตาผมแตกออกมาตอนนั้นเลย ขี้แงจังวะกูเนี่ย!
"ไอ้เหนือ ร้องไห้ทำไม"
"ก็มึงจะไปจากกูอีกแล้ว"
"เหนือ กูไปเที่ยว วันอาทิตย์ก็กลับแล้ว"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองไอ้บูรพา
"ไปเที่ยว?"
"เออ ไอ้อาคเนย์มันซื้อตั๋วไว้ให้แล้ว เสียดายตั๋วเลยต้องไป กำลังจะบอกมึงอยู่แล้ว"
"กูตกใจหมด! นึกว่ามึงจะหนีไปอีกแล้ว!"
ไอ้บูรพานั่งลงมาแล้วยกมือจับไหล่ผม
"กูจะไปไหนได้เล่า"
"..."
"ก็ใจกูอยู่ที่นี่"
อย่างกับบทนิยายที่มันเคยอ่านให้ฟัง แต่พอออกมาจากปากและความรู้สึกของมัน ใจผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะเลย ผมพยักหน้าเบาๆ แล้วลุกขึ้นไป
"กลับวันไหนนะ"
"วันอาทิตย์ก็กลับแล้ว"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ
"ขี้แงเป็นเด็กเลย เช็ดน้ำตาเร็ว"
ผมยกมือเช็ดน้ำตาที่ไหลนองหน้า
"เช็ดขี้มูกด้วย"
"เช็ดบนเสื้อมึงนี่แหละ" ผมว่าแล้วซบหน้าลงไปบนไหล่มันแล้วขยี้ทั้งน้ำตา น้ำมูกลงไปบนเสื้อมัน ไอ้บูรพาได้แต่หัวเราะเบาๆ
"ไอ้เหนือ มึงอย่าร้องไห้อีกนะ"
"ทำไม?"
"ใจกูสั่นเลยเนี่ย"
"..."
"ไม่ชอบเลยตอนมึงร้องไห้"
ผมพยักหน้าอีกที
"เออ ว่าจะเอานี่ให้ด้วย" มันล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วหยิบหนังสือออกมาให้เล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่ผมอยากได้
"มึงไปซื้อมาตอนไหน"
"ให้ไอ้อาคเนย์ส่งมาให้จากกรุงเทพฯ เลยนะเว้ย หายากชิบหาย ขายดีจัด"
"แน่นอน หนังสือมันดีไง ขอบคุณนะมึง"
"ได้หนังสือแล้วหน้าบานเลยนะ"
ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วเปิดดูหนังสือผ่านๆ
"งั้นกูไปแล้วนะ เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง"
"อือ"
"อยากได้อะไรเปล่า"
"อะไรก็ได้"
"เดี๋ยวเจออะไรเหมาะกับควายจะซื้อมาฝาก"
"ไม่ต้องซื้อ!"
มันหัวเราะหน่อยๆ ก่อนผมจะเดินลงบันไดมาส่งมันที่หน้าหอ
"ไอ้บูรพา"
"ฮึ?"
"กูขอโทษนะ เรื่องวันก่อน"
"อือ ไม่เป็นไร กูเข้าใจ"
"แต่กูไม่อายแล้วนะ"
"..."
"ถ้าจะบอกกับใครว่าเป็นแฟนมึงอะ"
ไอ้บูรพายิ้มกว้างออกมาทีหนึ่ง
"มึงไปเหอะ เดี๋ยวไม่ทัน"
มันพยักหน้าแล้วเดินไปเปิดประตูรถ ผมหยิบมือถือขึ้นมากดสองสามที ก่อนจะได้ยินเสียงแจ้งเตือนเฟสบุ๊คของมันดังขึ้น มันควักมือถือขึ้นมาแล้วเงยหน้ามามองผม
"กดดิ"
"ได้เหรอ?"
"มึงจะเอ็กเซ็ปหรือเคนเซิล"
"ไม่น่าถาม" มันว่าแล้วจิ้มลงไปบนมือถือ ผมมองดูสิ่งที่ปรากฏบนจอมือถือแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ
เหนือ องศาเหนือ กำลังคบกับ บูรพา สัตยาพิทักษ์
"มากอดหน่อย"
มันเดินกลับเข้ามา
"ไม่เอา"
"ไรวะ"
"ค่อยกลับมากอดวันอาทิตย์"
ไอ้บูรพาพยักหน้ายิ้มๆ
"ไปเหอะ โชคดีนะ"
"ครับ" มันโบกมือให้หน่อยๆ ก่อนจะขับรถออกไป ผมก็หันหลังเดินกลับขึ้นหอ แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงด้วยใจที่ดูอิ่มๆ กว่าทุกครั้ง
แล้วหยุดหกวันนี่...กูต้องอยู่คนเดียวเหรอ โฮะ!
ผมยกมือถือขึ้นมาหลังการแจ้งเตือนดังรัวๆ สาเหตุมาจากไอ้รีเรชั่นชิฟที่ตั้งไปเมื่อกี้ พวกเพื่อนแม่งก็สามัคคีกันเข้ามาแซว
ไม่แซวแล้วเว้ย เขิน!
ผมกดปิดแอพเฟซบุ๊กแล้วเปิดเข้าไอจีแทน เลื่อนดูภาพไปเรื่อยๆ ก่อนจะต้องมาหยุดกึกที่แอคฯ โปรดซึ่งมีโพสท์ใหม่ ใจผมเต้นตึกๆ ตอนที่เห็นภาพนั้น คราวนี้ตะลึงหนักจริง หนักกว่าทุกครั้ง
เพราะมันเป็นภาพผม
ถึงจะเป็นภาพย้อนแสงที่มองไม่เห็นหน้าชัดๆ แต่ก็รู้ว่าเป็นผม ผู้ชายที่ใส่เสื้อเหลืองลายมินเนี่ยนและกำลังนั่งเป่าฟองสบู่อยู่ริมสระน้ำนั่นคือผม
คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น แล้วเลื่อนลงไปอ่านแคปชั่น
Sundaynight01 : จะไปไหนได้ยังไง ในเมื่อใจอยู่ตรงนั้น...เจอกันวันอาทิตย์ เดี๋ยวรีบกลับไปกอด
ผมคว้าหนังสือที่ได้รับมาจากมันเมื่อกี้ขึ้นมาดู
ณ ขณะที่คิดถึง : Sundaynight01
ผมเปิดเข้าไปอ่านที่หน้าแรก
เสียเวลาไปเท่าไรแล้วกับการคิดถึงใครบางคน…
ในหนึ่งชีวิตจะมีช่วงเวลาหนึ่ง ที่เอาแต่คิดถึงสถานที่เก่าๆ คิดถึงคนเก่าๆ...
ผมเปิดหนังสือเล่มนั้นผ่านๆ แล้วไปหยุดอยู่ที่หน้าสุดท้าย
ผมไม่รู้ว่าความคิดถึงมันควรมีชื่อเรียกไหม แต่ความคิดถึงของผมชื่อว่า...องศาเหนือ
หนังสือเล่มนี้
แด่ ความคิดถึงที่ติดตามไปทุกที่
แด่ ทุกต้นเหตุของความคิดถึง
แด่ องศาเหนือ...คนที่คิดถึง
ทำไม...เจ้าของไอจีที่ผมหลงรักและนักเขียนที่ติดตามผลงานมาตลอด ถึงกลายเป็นไอ้บูรพาล่ะ...
To be continued.
-รู้สึกว่าองศาเหนือนิสัยเหมือนแมวที่บ้าน งอแง งุ้งงิ้ง เงี้ยวๆ บางทีอยากจะเตะให้ปลิว แต่ต้องไปคว้ามากอดและเกาพุงแทน ก็มันน่ารักง่ะ
- มีคนเดาถูกตั้งแต่ต้นๆ เรื่องเลยว่าเจ้าของไอจีซันเดย์ไนท์คือบูรพา เก่งง่า นี่กะเอาไว้เซอร์ไพรส์ 5555
- มีคนถามว่าคำพูดในไอจีก็อปมาจากไหน คูลๆ อย่างเราต้องคิดเองอยู่แล้ว 5555 เราแต่งเองเนอะ มีคนทักมาขออนุญาตแชร์ด้วย แชร์ได้เลยนะคะ ไม่ต้องให้เครดิตเรา ให้เครดิตบูรพาละกันค่ะ 55555
-ใกล้จบแล้ว ใจหายแว้บๆ
-ขอบคุณทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านและคอมเมนท์นะคะ รักมาก :-[ :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
การพบกันครั้งที่ 23
คืนวันอาทิตย์
วันหยุดยาวทำให้มหาลัยเงียบกริบ ร้านข้าวก็แทบจะไม่มีร้านไหนเปิด ผมเหมือนเป็นวิญญาณเร่ร่อนปลิวไปปลิวมาอยู่รอบๆ มหาลัย เพื่อนกลับบ้านกันหมด ไอ้บูรพาก็หายเงียบไปเลย ออสเตรเลียมันไม่มีอินเตอร์เน็ตหรือไงก็ไม่รู้ ทักไลน์ไปก็ไม่ตอบ เครื่องบินตกตายไปแล้วไงไม่รู้ ปกติวันหยุดนี่ผ่านไปไวเหมือนมีวันละสองชามชั่วโมง แต่ในตอนนี้หนึ่งวันของผมยาวนานกว่าทุกครั้ง คงเป็นเพราะว่ารอคอย เพราะอยากให้ถึงวันอาทิตย์ไวๆ กิจกรรมระหว่างรอของผมวนไปซ้ำๆ จนไม่รู้จะทำอะไรดี
ตื่นนอน
อาบน้ำ
กินข้าว
เล่นมือถือ
ขับรถเล่น
ถ่ายรูปท้องฟ้า
หาที่ซิ่งรถบังคับ
ให้อาหารปลา
ตามหาตัวเหี้ย
วิ่งรอบอ่างเก็บน้ำหลังหอใน
นั่งเล่นลานสมเด็จฯ
บริจาคเลือดให้ยุง
กินข้าวหน้าม.
กินข้าวหลังม.
กินข้าวในเมือง
เดินเล่นเซ็นทรัลฯ
ผ่านวันที่อากาศร้อนจัด
ผ่านวันที่ฝนตกหนัก
กินเบียร์ริมระเบียง
เมา
นอน
ฯลฯ
หันไปมองปฏิทิน
สัด...เพิ่งวันพุธ
อ๊าก!!! อยากสคิป อยากวาร์ป! ก่ายขนาด!
"ติ๊ง!"
ผมคว้ามือถือขึ้นมาอย่างเร็วเมื่อได้ยินเสียงไลน์ แล้วรีบกดเข้าไปอ่าน
หลิว : ชวนคุณไปรวย ถ้าแน่จริงก็ทำให้ฉันล้มละลายให้ได้สิ!
สัด...กูบล็อกได้มั้ยเนี่ย!
ผมปิดแอพฯ ไลน์แล้วเปิดไปที่เฟสบุ๊คก่อนจะเลื่อนหน้าจอผ่านๆ แล้วมาหยุดอยู่ที่เฟสบุ๊คของแพท แพทไม่ได้ลบเพื่อนผม ผมไม่ได้บล็อกแพท เพราะรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์ เราอันเฟรนด์เพื่อนในชีวิตจริงไม่ได้ เลยปล่อยมันเอาไว้อย่างนี้แหละ ผมมองรูปที่แพทโพสท์ เป็นรูปที่เห็นเฉพาะเท้าสองคู่ที่สวมรองเท้าเหมือนกัน
แพท พาขวัญ : พาลูกแมวมาเดินเล่นลำปาง กับ ลูกไม้ ลักขณา
แพทก็มีชีวิตของแพท ผมก็มีชีวิตของผม...ต่างคนต่างใช้ชีวิตต่อไป
ผมจิ้มสัญลักษณ์กดไลค์ไปทีหนึ่งแล้วทิ้งมือถือลงบนเตียงแล้วหันไปมองกล่องรองเท้าที่ซื้อมาให้แพทยังคงวางอยู่ที่มุมห้อง ผมมันขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นใบเสร็จที่ระบุวันที่สามารถเอาไปเปลี่ยนไซส์ได้ซึ่งเป็นวันสุดท้ายพอดี เออ ตั้งพันกว่าบาท เสียดาย คิดได้แบบนั้นผมเลยคว้ากุญแจรถแล้วแวนซ์ไปเซ็นทรัลฯ เอารองเท้าไปเปลี่ยนเป็นไซส์ตัวเองแม่งเลย ถึงผมจะมีรองเท้าแบบนี้อยู่แล้วคู่หนึ่งก็ไม่เป็นไร ชาตินี้เท้ามันคงไม่ขยายขึ้นแล้ว เอาไว้ใส่ตอนไอ้คู่เดิมเก่าก็ได้ เสร็จจากเปลี่ยนรองเท้าผมก็เข้ามาเดินเล่นที่ร้านหนังสือ
"อ้าวน้อง"
"ครับ?" ผมหันไปหาพี่ที่เคาท์เตอร์ที่หันมาทักผม
"น้องที่มาถามหาหนังสือวันนั้นใช่ป่ะค่ะ"
"จำผมได้ด้วยเหรอครับ"
"จำได้สิคะ เพราะหล่อ"
ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ
"หนังสือที่น้องอยากได้มาแล้วนะคะ"
ผมหันไปมองหนังสือที่วางอยู่ในชั้นวางหนังสือใหม่
"เล่มนี้ขายดีมากนะคะ นี่เพิ่งสั่งมาลงสต็อกใหม่ไปเมื่อเช้านี้เอง รีบซื้อน้า"
"ผมมีแล้วครับ"
ผมเดินไปที่ชั้นหนังสือแล้วยืนมองเล่มนั้นอยู่
ณ ขณะที่คิดถึง
เออ...คิดถึง
ใจจะขาดแล้วเนี่ย...
…
วันอาทิตย์มาถึงแล้ว ผมกำลังนั่งดูการ์ตูนอเวนเจอร์ในทีวีอยู่ อะเมซิ่งอเวนเจอร์ นี่ขนาดเป็นการ์ตูนยังสนุกจนหยุดดูไม่ได้เลย
"ติ๊ง!"
ผมเหลือบตาไปมองไลน์ที่เด้งเข้ามา ยกมือที่เลอะขนมก่อนจะหยิบขึ้นมากดอ่าน ก่อนจะเห็นว่าเป็นไอ้บูรพา
บูรพา : ตัวมึง
องศาเหนือ : ยังไม่ตายเหรอสัด
บูรพา : ยังไม่ตายเว้ย!
องศาเหนือ : กูเห็นมึงหายเงียบ
บูรพา : คิดถึงกูอะดิ?
องศาเหนือ : ไม่อะ
บูรพา : กูอยู่ที่นี่ต่ออีกอาทิตย์หนึ่งนะ
องศาเหนือ : จริง?
บูรพา : อือ
องศาเหนือ : แล้วแต่
มันส่งสติกเกอร์กลับมาตัวหนึ่ง ผมได้แต่โยนมือถือลงบนเตียงอย่างเซ็งๆ เออ อีกอาทิตย์เดียวเอง อาทิตย์หนึ่งก็แค่เจ็ดวัน เจ็ดวันก็แค่ร้อยหกสิบแปดชั่วโมง แค่หนึ่งหมื่นแปดสิบนาที แค่หกแสนกว่าวินาที...
ผมเดินไปเลื่อนประตูกระจกริมระเบียง วันนี้ท้องฟ้าก็สวยดี นกสองตัวมาเกาะเป็นคู่อยู่ที่สายไฟ มีคนซักผ้าอยู่ที่หออีกฝั่ง ทุกอย่างก็ดูปกติดี แต่มีอย่างเดียวที่ผิดปกติไป นั่นคือใจของผมเอง
"คิดถึงโว้ย!"
"พรึบๆๆ!"
นกสองตัวที่เกาะอยู่ที่สายไฟบินหนีเสียงแหกปากของผมไป คนที่นั่งซักผ้าอยู่หอตรงข้ามหันมามอง ผมจึงรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูอย่างเร็ว ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียง
งือ!
"ติ๊ง!"
เสียงไลน์ทำให้ผมเลื่อนสายตาไปมอง ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู
บูรพา : ถ้าคิดถึงก็เปิดประตู
"หือ?" ผมเด้งตัวขึ้นมาจากที่นอน แล้วขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก
"เปิดประตูให้หน่อยค้าบ"
ผมลุกไปเปิดประตูก่อนจะเห็นไอ้บูรพายืนยิ้มกว้างอยู่ตรงนั้น
"ตัวเหี้ย"
"โห กูกลับมาทั้งทีมึงทักทายกันแบบนี้?"
"มึงแกล้งกูทำไมเนี่ย"
"คิดถึงเสือกไม่บอกคิดถึงไง มา กอดหน่อย"
มันอ้าแขนออกแล้วพยักหน้าขอกอด
"วันอาทิตย์แล้วไง กอดหน่อยเร็ว"
"เห็บหมาเอ๊ย" ผมแทบจะกระโดดเข้าไปหาก่อนมันจะรัดผมแน่น ผมเองก็ยกสองมือขึ้นกอดมันเอาไว้
เสียงบูรพา
กลิ่นบูรพา
ตัวบูรพา
กลับมาแล้วบูรพา
"คิดถึงเปล่า"
"คิดถึงดิ"
"งั้นไปคิดถึงกันต่อบนเตียงป่ะ?"
"พลั่ก!"
"อั่ก!" จากที่ยืนกอดกันอยู่ไอ้บูรพาตัวงอลงไปเพราะผมซัดหมัดเข้าท้องมันไปเต็มๆ
"ทำกูทำไมเนี่ย!"
"ก็มึงทะลึ่ง"
"กูแค่ชวนไปนอนคุยกันไง นอนเล่นกันบนเตียง"
"พ่องดิ! แล้วไหนของฝาก"
"เอาไป" ไอ้บูรพายกถุงที่พื้นส่งให้ผม ผมรับมาก่อนจะเดินไปนั่งบนเตียง ก่อนจะเปิดดูของฝากที่มันซื้อมาให้ เป็นขนมหลายๆ อย่างกับพวงกุญแจหมีโคอาล่าสองอัน
"เฮ้ย น่ารักอะ"
"มึงอยากเป็นไอ้ตัวนี้ใช่มะ"
"อื้อ เหมือนมะ" ผมว่าแล้วยกพวกกุญแจมาข้างๆ หน้า
"ไม่อะ แต่ถ้าควายอะเหมือน"
"ไอ้บูรพา ไอ้ห่า!"
มันหัวเราะหน่อยๆ แล้วนอนลงไปบนเตียง
"ไปเที่ยวสนุกเปล่า?"
"สนุกดี ฝรั่งงานดีเพียบ มองทีนี่เคลิ้ม"
ผมหันขวับไปมองมันเคืองๆ มันก็เลยยกขาขึ้นมาเกี่ยวตัวผมให้ลงไปนอนกับมัน ดูกิริยาหยาบของมัน ใช้ตีนเขี่ยกูเข้าไปหา สันดาน!
"แต่ไม่มีใครน่ารักเหมือนมึงล่ะ"
"ไม่ต้องมาพูดดีเลย"
"คืนนี้ขอดิ"
"ไอ้บูรพา ไอ้บ้า!" ผมเอาพวงกุญแจในมือฟาดใส่หน้ามันไปทีหนึ่ง
"ก็คิดถึงอะ"
"ไม่เอาโว้ย!"
"ทำไมง่า ทำไมไม่ให้ง่า"
มึงเป็นหมัดหมา ไม่ควรทำหน้าแบ๊ว ขัดบุคลิกอย่างแรง
"ตัวมึงตามใจตัวกูหน่อยไม่ได้เหรอ"
"ไม่เอา...กูเจ็บ" ผมพูดเบาๆ เอาจริงๆ กูอายเกินกว่าจะมาสนทนากันเรื่องแบบนี้นะไอ้บ้า!
มันหัวเราะหน่อยๆ แล้วดึงผมเข้าไปใกล้
"คราวนี้ไม่เหมือนคราวก่อนหรอก"
"กูไม่เชื่อ"
"สำหรับทุกสิ่งของมนุษย์ ครั้งแรกมันก็ยากเสมอแหละ แต่ครั้งต่อไปมันจะง่ายขึ้น"
"มึงไม่ต้องมาปรัชญาอะไรกับกูเลย กูไม่ให้!"
ไอ้บูรพาสะบัดหน้าหนี ดึงผ้าขึ้นมาคลุมโปงแล้วครวญครางออกมาเป็นเพลงเบาๆ
"โปรดเห็นใจฉันบ้าง อยากเอากันเหมือนเคย อย่าทำร้ายกันเลย อย่างน้อยก็คนเคยได้กัน... "
ดูสันดานมันอะ!
"เออบูรพา กูมีเรื่องจะถาม"
"เรื่องไร" มันเปิดผ้าห่มมามอง ผมเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่หัวเตียงมาชูให้มันดู
"มึงเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้เหรอ"
"อือ"
"ไม่น่าเชื่อ"
"ทำไมอะ ถ้ากูเขียนพระไตรปิฎกดิค่อยตกใจ"
"กวนตีน งั้นมึงก็เป็นเจ้าของไอจีนั้นด้วยดิ"
"อือ"
"งั้นกูไปอัลฟอลฯ แป๊บ"
"ไอ้เหนือ ไอ้บ้า!"
"แล้ว Sundaynight01 มันคืออะไรวะ"
"คือ คืนวันอาทิตย์ที่หนึ่งไง"
ผมขมวดคิ้วนิดๆ
"มึงจำวันที่เรานัดเจอกันครั้งสุดท้ายได้ป่ะ"
"จำไม่ได้"
"ควาย"
"เอ้า! ก็กูจำไม่ได้"
"ที่จะไปงานวันเกิดไอ้ไอซ์กันอะ มันคือวันอาทิตย์ที่หนึ่ง ที่กูบอกกับมึงว่าเจอกันวันอาทิตย์ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกัน มันก็เลยเป็นวันอาทิตย์ที่หนึ่งที่กูฝังใจไง ก็เลยตั้งเป็นชื่อไอจี มันก็เท่ดีใช่ป่ะล่ะ"
"เออ เท่ดี แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นมึง รู้เปล่าว่ากูหลงรักไอจีนั้นมาตั้งหลายปีแล้วนะ"
"แปลว่ามึงหลงรักกูมานานล่ะ"
"กูไม่รู้ว่าเป็นมึงเว้ย ที่จริงก็ไม่เคยมีใครรู้เลยว่านักเขียนคนนั้นเป็นใคร ไม่เคยเห็นมึงเปิดเผยตัวตน"
"กูไม่ชอบออกสื่ออะ กูหล่อด้วยไง เดี๋ยวคนกรี๊ดกูเยอะ"
"โค๊ะ! มั่นหน้า แต่กูอ่านเล่มนี้แล้ว ชอบมากเลยว่ะ"
"มึงต้องชอบดิ เล่มนี้กูเขียนตอนคิดถึงมึงไง"
ผมได้แต่หันหน้าหนีมันมาอีกทาง แล้วมองไอ้หมีโคอาล่าที่ยิ้มแป้นอยู่ ถ้ายิ้มหน้าต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลยอะ ไม่เอา ไม่ยิ้ม ไม่เอา ไม่เขิน
โอเค...กูเขิน
มุมปากมันยกขึ้นอย่างห้ามไม่ได้ ก่อนผมจะหันไปมองไอ้บูรพาขณะที่ยังหุบไม่ได้ ริมฝีปากมันค่อยๆ คลี่ออกเช่นกัน
"ไอ้เหนือ กูใจสั่น"
"สั่นทำไม"
"มึงยิ้มให้กูแบบนี้ครั้งแรกเลย ยิ้มให้กูแบบให้กู แบบไม่ใช่ยิ้มให้กล้องกู คือยิ้มให้กูตรงๆ โอ๊ย! สั่นบ้าอะไรเนี่ย!"
อะ กูให้กว้างกว่าเดิมอีก
"กูตายดีกว่า" มันว่าแล้วหลับตาหันหน้าหนีไป ผมก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นระหว่างผมกับมันคืออะไร ผมเคยโกรธมันมาก เคยโกรธโชคชะตาที่พามันโคจรกลับมาเจอผม
มีท่อนหนึ่งในหนังสือที่มันเป็นคนเขียน พูดเอาไว้ว่า
"...เคยคิดว่าที่ผ่านมาคือความโกรธ
เคยได้แต่หวังว่าเราจะไม่ต้องเจอกันอีกในช่วงเวลาที่เหลือของชีวิต
แต่ลืมไปแล้วว่าเคยคิดแบบนั้น
ตอนนี้กลายเป็นความคิดถึง
อยากกลับไปใช้เวลาที่เหลือของชีวิตอยู่ด้วยกันอีก..."
จากที่โกรธเคืองโชคชะตากลับต้องบอกว่าขอบคุณมากกว่า ขอบคุณที่ทำให้กลับมาเจอกัน หายโกรธมันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ หรือแท้จริงไม่เคยโกรธมันเลยก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากให้มันไปไหนไกลๆ อีกแล้ว ไอ้ความรู้สึกในใจเนี่ย ก็น่าจะเรียกว่า รัก นะ
"บูรพา"
"อะไร"
"รักนะครับ"
"โอเค...ตายสงบ"
อ่าหะ...กูตายด้วย
To be continued.
-รู้สึกว่าจะกลายเป็นคู่รักสายพันธ์มุ้งมิ้ง
-เพลงที่บูรพาครวญครางคือเพลง ปล่อยให้ตัวฉันไป ของวง moving and cut ซึ่งเนื้อเพลงไม่ได้ร้องอย่างนั้นแน่นอน ขอโทษที่ดัดแปลงได้จังไรสไตล์บูรพาค่ะ 55555
-เจอกันตอนหน้าค่ะ รักเหมือนเดิม
การพบกันครั้งที่ 24
รักเหี้ยๆ
วันนี้ผมเข้ามานั่งในห้องเรียนใหญ่ในวิชาเรียนรวม ใหญ่ขนาดที่จุนิสิตปีหนึ่งได้เป็นพันๆ คน มโหฬารอะไรขนาดนี้ เมื่อมองหาไอ้บูรพาเจอก็เข้าไปนั่งข้างๆ มัน
"ทำไมต้องมาเรียนห้องใหญ่ด้วยวะ"
"วันนี้มีบรรยายพิเศษไง"
ผมหันไปมองที่จอโปรเจคเตอร์ขนาดมหึมาหน้าห้อง ที่กำลังแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับการบรรยายพิเศษจากวิทยากรรับเชิญในหัวข้อ เป็นวัยรุ่นอย่างไรให้เป็นสุข ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา
"อีกอย่าง วันนี้เป็นวันที่มึงจะได้แจ้งเกิดด้วย"
"ไรวะ"
"หนังสั้นที่เคยทำไง เซคฯ เรายอดวิวสูงสุดเลยนะเว้ย เลยได้มาเปิดหน้าห้องวันนี้ไง"
"เชี่ย งั้นกูโดด!"
"เฮ้ย! ไม่ได้เว้ย ไม่เข้าร่วมฟังบรรยายหักคะแนนดิบสามสิบคะแนนนะมึง"
"โหดสัด!"
ผมจึงจำเป็นต้องนั่งร่วมกิจกรรมฟังบรรยายจากวิทยากร เวลาผ่านไปชั่วโมงกว่าๆ การบรรยายก็จบ
"เอาล่ะ ช่วงท้ายชั่วโมงนี้ อย่างที่บอกไปแล้วนะว่าเราจะได้ดูหนังสั้นสนุกๆ จากเพื่อนๆ พวกเรา บอกไปแล้วตั้งแต่ต้นเทอมเนอะว่าคลิปที่จะได้มาเปิดวันนี้คือคลิปที่มียอดวิวสูงสุด รู้กันแล้วใช่มั้ยว่าเซคไหนชนะไป"
"เซค12ค่า"
"ใช่แล้ว โอเค เรามาดูพร้อมๆ กันเลยเนอะ"
อะ...ได้เวลาแจ้งเกิดกูล่ะ
หนังสั้นถูกเปิดหน้าห้องเรียนอีกครั้ง และเป็นห้องที่ใหญ่กว่าเอสเอฟซีนีม่า หน้าจอมึงใหญ่กว่าผนังวัด เสียงดังกระหึ่มด้วยระบบโคตรพ่อโคตรแม่ลำโพง เป็นอีกครั้งที่ผมต้องตัวหดลงมา ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมองเลย เสียงหวีดร้องของคนในที่นี่ก็ดังลั่นตอนหนังไปถึงฉากสวีทๆ
แต่กูไม่ฟินครับ
สิบห้านาทีของหนังสั้นยาวนานเหมือนผ่านไปสามปี ในที่สุดก็จบลงพร้อมเสียงปรบมือเกรียวกราว ผมจึงเงยหน้าขึ้นมา เห็นไอ้บูรพาหัวเราะเบาๆ
"ขำไร"
"หดเป็นเต่าเลย อายอะไร"
"ก็กูอาย"
"น่ารักจะตาย ดูกี่รอบก็น่ารัก"
ผมกระแทกไหล่มันเบาๆ ก่อนอาจารย์จะเดินออกมาที่หน้าเวทีหน้าห้องอีกที
"แหม ฟินกันไปเลย ทำออกมาได้ดีมากๆ เลยนะคะ ถ่ายทำก็ดี ภาพก็สวย ตัดต่อก็ดี..."
ยกเครดิตให้พี่บูรพาของผมด้วยครับ
"พระเอกนางเอกก็น่ารักจริงๆ ไหนขอเห็นตัวจริงของพระเอกนางเอกหน่อยได้มั้ย"
"เชี่ย..." ผมหวีดออกมาเบาๆ ก่อนจะกดหัวเข้าฮู้ดไปอีกที
"เรียนคณะอะไรกันคะ ไหนนั่งตรงไหน ออกมาข้างหน้าหน่อยเร็ว"
"ไอ้เหนือ ไปดิ"
ผมหันไปส่ายหน้ายิกๆ ให้ไอ้หลิวที่สะกิดอยู่ข้างๆ
"น้องนางเอกออกมาแล้ว ไหนพระเอกอยู่ไหนจ้ะ"
"ไอ้เหนือ ออกไป!" เสียงกดดันจากเพื่อนในเอกทำให้ผมต้องเดินออกไปที่หน้าเวทีหน้าห้องนั่นอย่างเกร็งๆ โอ้โหอะเมซิ่งห้องเรียนรวม พอมายืนอยู่ตรงนี้จึงเห็นว่านิสิตในห้องนี้มันเยอะมากจริงๆ
"อะไหนแนะนำตัวกันหน่อย เริ่มที่น้องพระเอกก่อนเลย" อาจารย์คนนั้นเอาไมค์มายื่นที่ผม แค่ออกมาแนะนำตัวกูตื่นเต้นเหมือนได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสุพรรณหงส์ครับ
"ชื่ออะไรมาจากคณะไหนคะ"
"องศาเหนือครับ คณะมนุษยศาสตร์เอกอังกฤษครับ"
"วี้ด!"
"หล่อมาก!"
"น่ารัก!"
"อยากได้!"
โอ๊ย...มีผัวแล้ว....
"อะๆ ใจเย็นๆ ค่ะนิสิต มาที่น้องผู้หญิงกันบ้าง ชื่ออะไรคะ"
"ชื่อลูกไม้ ลักขณาค่ะ จากคณะพยาบาลค่ะ"
"โว้ว!"
"วี้ว!"
เสียงโห่ร้องของพวกผู้ชายดังขึ้น โดยเฉพาะวิศวะแถวหลังๆ
"เหมาะสมกันมากเลยนะคะสองคนนี้"
มันไปเหมาะกับแฟนเก่าผมมากกว่าน่ะสิ...ที่จริงผมก็ไม่ได้โกรธลูกไม้หรอก แต่ให้มายืนข้างๆ กันแบบนี้มันก็รู้สึกแปลกนิดหน่อย เป็นลูกไม้เฉยๆ คงไม่รู้สึกอะไร แต่พอได้ชื่อว่าเป็นแฟนใหม่ของแฟนเก่าผมก็เกร็งๆ หน่อย เพราะไม่รู้ว่าควรทำตัวยังไง
"อะไหนๆ ก็ออกมาแล้ว ในหนังสั้นของเราเนี่ยเกี่ยวกับความรักในวัยรุ่น น้องๆ สองคนมีแฟนมั้ยคะ น้องลูกไม้มีแฟนมั้ยคะ"
"มีค่ะ" ลูกไม้ตอบ ก่อนจะมองไปทางขวามือ ผมเพิ่งเห็นว่าแพทนั่งอยู่ตรงนั้น
"แล้วน้ององศาเหนือล่ะคะ มีแฟนหรือยังจ้ะ"
"มีแล้วครับ"
"โห่ว!" เสียงกรีดร้องดังขึ้นอีกที
"อะ เสียใจด้วยนะพวกเธอ เขามีแฟนกันหมดแล้ว คราวนี้ขอถามหน่อยดีกว่าว่าทั้งสองคนเนี่ยคิดว่าความรักคืออะไร เริ่มที่น้องลูกไม้ก่อนแล้วกัน"
ลูกไม้รับไมค์มาจากอาจารย์แล้วหันไปมองแพทก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
แหม่...มดไต่สายไมค์แล้ว พูดเร็วๆ
"ค่ะ สำหรับลูกไม้ ลูกไม้คิดว่าความรักเหมือนดาวค่ะ"
ดาวได้ดาวไงเธอ
"ดาวมันอยู่บนท้องฟ้าเสมอค่ะ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน เพียงแค่บางครั้งอาจจะมองไม่เห็นแต่มันก็ยังอยู่ตรงนั้น เหมือนความรัก มันก็อยู่ของมันอยู่อย่างนั้น อยู่ที่ว่าจะมองเห็นมันหรือเปล่า จักรวาลนี้มีดาวกี่ล้านดวงก็ไม่รู้ แต่ลูกไม้เชื่อว่าวันหนึ่งเราจะเจอดาวของตัวเอง ดาวที่ต้องเงยหน้าขึ้นไปมองทุกวัน แม้ว่าจะมองเห็นหรือมองไม่เห็น แต่เราก็จะมอง เพราะเรารู้ว่ามันอยู่ตรงนั้นค่ะ"
"วี๊ดดดด!!!"
เสียงปรบมือดังกึกก้องกับคำตอบของลูกไม้
"โรแมนติกจังเลยนะคะ เชื่อว่าน้องลูกไม้กับแฟนก็คือดาวสองดวงที่โคจรมาเจอกันแล้วแหละ ขอให้รักกันนานๆ นะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
เหอะ ดาวอะไรล่ะ ก็แค่ก้อนหินที่ลอยได้ มีอยู่เกลื่อนกาแลคซี่ เผลอๆ เป็นอุกาบาตรไปอีก
เดี๋ยวนะ...ไหนกูบอกไม่ได้เกลียดเขาไง๊!
"อะ คราวนี้มาที่น้ององศาเหนือบ้าง สำหรับน้ององศาเหนือความรักคืออะไรคะ"
"สำหรับผม ความรักคือ..."
อะไรวะนั่น
ผมหันไปมองไอ้บูรพาที่นั่งอยู่ไกลๆ ตัวมันเล็กนิดเดียวตอนที่มองจากตรงนี้ ถ้าเป็นมันคงมีคำตอบดีๆ กระแทกจิตกระแทกใจเหมือนตอนเขียนหนังสือ แต่พอเป็นองศาเหนือ สมองขาวโพลน อะเมซิ่งสมองกู ตื้อเลยครับ
"คืออะไรคะ..."
"คือ..."
"คือ?"
"ตัวเหี้ยครับ"
ทั้งห้องเงียบกริบ คงไม่มีเข้าใจคำพูดของผม เว้นแต่ไอ้บูรพาที่ยิ้มออกมา
"อ่า...เป็นการนิยามความรักได้โหดเหี้ยมมากจริงๆ มันมีความหมายว่าอะไรเหรอคะ"
"ผมก็อธิบายไม่ได้ รู้แค่ว่า..."
"..."
"รักเหี้ยๆ เลยครับ"
"วี้ด!" เสียงหวีดร้องดังลั่น กับสติผมที่ปลิวหายไปแล้ว เสียงปรบมือดังลั่นตอนตลอดทางตอนที่ผมเดินกลับไปนั่งที่เดิม
กูตอบไปได้ยังงาย!
"อะ วันนี้สนุกสนานมากเลยทีเดียว เสียดายหมดเวลาซะแล้ว คาบหน้าเรียนตามเซคเหมือนเดิมนะคะ เชิญค่ะ" สิ้นเสียงอาจารย์นิสิตในห้องก็พากันลุกออกจากห้องไป ผมรีบไปคว้ากระเป๋าที่โต๊ะแล้วเดินออกจากห้อง ไอ้บูรพาและพวกเพื่อนก็ตามมาด้วย
"ไอ้เหนือ มึงนิยามความรักได้น่าเกลียดมากอะ" ไอ้หลิวพูดขำๆ
"ก็กูคิดอะไรไม่ออก"
"บูรพานี่เหี้ยตรงไหน หล่อก็หล่อ นิสัยก็ดี ตัวสูง กล้ามล่ำ ปล้ำง่าย..." ไอ้หนุ่มร่ายสรรพคุณความบูรพาแล้วยกมือจับเข้าตรงนั้นตรงนี้ของไอ้บูรพา
"มากไปไอ้หนุ่ม มากไป" ไอ้บูรพาปัดมือไอ้หนุ่มที่กำลังแตะหน้าอกมัน
"ไอ้นี่มันสร้างภาพเวลาอยู่ต่อหน้าพวกมึงไง ตัวจริงอย่างเหี้ย"
"คำก็เหี้ยสองคำก็เหี้ย" ไอ้บูรพาพูดงอนๆ
ผมได้แต่คว่ำปากใส่มัน ก่อนมันจะเขยิบเข้ามากระซิบข้างหูเบาๆ
"ถ้าเรียกพี่ว่าเหี้ย เดี๋ยวคืนนี้มีเพลียนะครับ"
"ไอ้บูรพา ไอ้เหี้ย!!!"
กริบ...
หลังจากผมแผดเสียงออกไป ก็เป็นจังหวะที่สิ่งรอบกายเงียบกริบ ทุกสายตาพุ่งเข้ามามองเป็นตาเดียว ผมกลอกตาไปซ้ายทีขวาที พระแม่ธรณีครับ สูบผมไปตอนนี้เลยได้มั้ย เอาชีวิตผมไปเลยครับ ได้โปรด
"อ๋อ ตัวเหี้ยหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง"
"หล่อเหี้ยๆ"
"เป็นกูกูก็รักเหี้ยๆ วะ"
โอ๊ย! อยู่ไม่ได้แล้ว!
ผมรีบพุ่งออกมาจากตรงนั้นแล้ววิ่งลงบันไดด้วยความอับอาย
...
ถึงห้องเชียร์จะจบไปแล้ว ผมคิดว่ากิจกรรมสำหรับปีหนึ่งจะหมดไปด้วย แต่ไม่ใช่เลย กิจกรรมยังต่อแถวรออีกเพียบ อย่างตอนนี้ทุกๆ ห้าโมงเย็น เริ่มมีกิจกรรมซ้อมบูมของแต่ละเอกเพื่อเตรียมตัวไปบูมรุ่นพี่ในวันรับปริญญาที่จะถึงในปลายปี ผมคิดว่าก็แค่ไปบูมกันสนุกๆ แสดงความยินดีกับรุ่นพี่พอเป็นพิธีแต่ที่ไหนได้มีการซ้อมอย่างจริงจัง และต้องสอบบูมด้วย ผ่านห้องเชียร์เพื่อจะได้รุ่นคณะ และต้องมาผ่านสอบบูมเพื่อให้ได้รุ่นเอก อะเมซิ่งโซตัส ต้องกลับไปใส่ชุดเชียร์ที่เหมือนนักเรียนพละทุกเย็นอีกล่ะ
"ไอ้เหนือ"
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่ไอ้บูรพาประตูเข้ามาตอนที่กำลังจะหยิบเสื้อเชียร์ขึ้นมาใส่ มันไล่สายตามองผมหัวจรดเท้า เท้าจรดขึ้นมาหัวอีกที
"เซ็กซี่โคตร..."
"เซ็กซี่ป้ามึงสิ!" ผมด่ามันทีแล้วรีบยัดเสื้อใส่เข้าไป สันดานหื่นนี่ไปติดใครมาก็ไม่รู้!
"มึง รองเท้าผ้าใบขาวกูไม่แห้งอะ ใส่สีอื่นได้ป่ะวะ" มันถามขึ้นตอนที่ผมเดินเข้าห้องน้ำไปใส่คอนเทคเลนส์
"ไม่ได้ดิ เดี๋ยวรุ่นพี่ด่าอีกอะ"
"งั้นกูโดดบูมนะ"
"ถ้ามึงโดดพวกกูต้องวิ่งรอบลานจอดรถนะ"
"แล้วให้ทำไงอะ"
"ตีนเปล่าไง"
"ไอ้บ้า!"
ผมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าผมมีรองเท้าผ้าใบสีขาวสองคู่ คู่ที่เอาไปเปลี่ยนไซส์มายังไม่เคยเอามาใส่เลยจึงหันไปบอกมัน
"กูมีอีกคู่อยู่ในตู้อะ ดูดิว่าใส่ได้เปล่า"
"อยู่ไหนอะ"
"ในตู้ไง ชั้นล่างอะ"
"ไอ้เหนือ กูว่าล่ะไฟแช็คกูหายไปไหนหมด มึงนี่เอง"
ผมเดินออกไปจากห้องน้ำก่อนจะเห็นไอ้บูรพาหยิบไฟแช็คหลายอันที่ผมขโมยมันมาซ่อนในตู้ เพราะมันจะได้ไม่สูบบุหรี่ นับเป็นวิธีที่ชาญฉลาดมากจริงๆ
"กูเป็นห่วงสุขภาพปอดมึงไงครับ" ผมว่าแล้วก้มลงไปหยิบกล่องรองเท้าขึ้นมาให้มัน
"ถ้าเป็นห่วงผม บอกผมดีๆ ก็ได้ครับ เมียว่าอะไรผมก็ตามใจทั้งนั้นแหละ"
"โป๊ก!" กล่องรองเท้าใน มือฟาดใส่กบาลมันอย่างห้ามไม่ได้
"ไอ้เหนือ! รุนแรงกับกูตลอด!"
"ลองใส่ว่าได้มั้ย?"
มันทำปากยื่นแล้วเปิดกล่องรองเท้าหยิบคอนเวิร์สคู่นั้นออกมาสวม
"ใส่ได้ พอดีเลย"
"มึงใส่รองเท้าไซส์เดียวกับกูเหรอ"
"เนื้อคู่ไง"
"เกี่ยวมั้ย?"
"แล้วทำไมมีรองเท้าสองคู่อะ"
"คู่ที่กูซื้อให้แพทแล้วเขาไม่เอาไง กูเลยไปเปลี่ยนไซส์มา"
"อ๋อ"
"..."
"งั้นมันก็ควรเป็นของกูนะ"
"ไรนะ"
"รองเท้าคู่นี้ไง มึงก็ต้องให้กูดิ เพราะกูใส่ได้ มันพอดีกับกู"
"ไอ้หลิวบอกว่าไม่ควรให้รองเท้ากัน เดี๋ยวคนรักเดินจากไป แล้วสโลแกนคอนเวิร์สเนี่ย ทางใครทางมันนะเว้ย"
ไอ้บูรพาล้วงเข้าไปในกระเป๋าแล้วควักแบงค์พันให้สองใบ
"งั้นกูซื้อต่อ"
"เฮ้ย กูซื้อมาแค่พันกว่าบาท"
"พันนี้ค่ารองเท้า"
มันว่าแล้วเขยิบเข้ามาใกล้
"ส่วนอีกพันพี่จ่ายค่าตัวเราคืนนี้"
"ไอ้บูรพา ไอ้เหี้ย!"
"เรียกเหี้ยนี่แปลว่าอยากเพลียใช่มั้ย"
"ไอ้เวร! มึงออกไปเลย!"
มันหัวเราะลั่นแล้วทิ้งตัวลงไปบนที่นอน
"ไอ้บ้า!"
"กูล้อเล่นน่า มึงไปใส่รองเท้ามึงแล้วมานี่ดิ"
"ทำไม"
"ไปใส่มาเหอะน่า"
ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ ก่อนจะเดินไปสวมรองเท้าคู่ที่เหมือนกับคู่ที่มันใส่อยู่แล้วเดินมาหามัน
"มายืนนี่" มันดึงตัวให้ไปใกล้ๆ ก่อนมันจะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป แต่งสีนิดหน่อยแล้วโพสท์ลงไอจี
"โพสท์ว่าไงอะ"
"ไปดูเอง"
ผมหันไปหยิบมือถือตัวเองแล้วกดเข้าไปดูไอจี
Sundaynight01 : ไม่มีวันเดินจากไปในทางใครทางมัน มีแต่เดินไปด้วยกันในทางเดียวกัน
เชี่ย...ใจกระตุกวูบเลย คารมคมคายเหลือเกินพ่อคุณ
"ไปยัง"
มันว่าแล้วยื่นมือมาให้
"ไปดิ"
ผมตอบแล้วยื่นมือออกไป
ตอนที่มือเราสองคนสัมผัสกันก็เกิดความมั่นใจขึ้นมา คำที่บอกว่าไปด้วยกัน ในทางเดียวกัน มันชัดเจนขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
ไปช้าๆ ไปด้วยกัน ไปให้ไกล ให้นานแสนนาน
ใจผมบอกแบบนั้น
To be continued.
-ชื่อตอนน่าเกลียด 5555
-อีกสองตอนก็จบแล้วนะ ฮึกก
-ว่างๆ ก็แวะไปพูดคุยกันได้นะคะ ►TWITTER◄ (https://twitter.com/racha022)
-รักเหมือนเดิมมม
การพบกันครั้งที่ 25
You’ve got that one thing
ลานจอดรถใกล้ๆ หอในเป็นสถานที่สำหรับการซ้อมบูม เสียงกึกก้องจากการแหกปากซ้อมบูมดังลั่นไปทั่วทุกล็อคในลานจอดรถ
"วี้ด! บูม! อีอี อีเอ็นจี แอลแอล ไอเอสเฮช อิงลิชเมเจอร์ อิงลิชเมเจอร์ วี้ด! บูม!"
"เสียงหายไปไหนหมด!"
"ลงก็ยังไม่พร้อมกัน!"
"มีคนหลุดแล้วเนียนด้วยนะ!"
"เอาใหม่! ขอคนสั่งหนึ่งคน!"
"บูมอิงลิชเมเจอร์สามรอบ เตรียมบูม!"
"ตึ้บ!"
เสียงเท้ากระทืบไปข้างหน้าพร้อมกับก้มหัวลงไปเพื่อรอเตรียมบูม ผมแทบจะหน้าทิ่มลงไปกับพื้นเพราะก้มๆ เงยๆ แบบนี้มามากกว่าร้อยรอบก็ยังไม่พอใจรุ่นพี่
"สามสี่ วี้ด! บูม! อีอี อีเอ็นจี..."
"พอ! หยุด! แค่เริ่มก็ไม่พร้อมแล้ว!"
"ไม่ได้เรื่อง!"
"ซ้อมกันมากี่วันแล้ว! ทำได้แค่นี้เหรอ!"
ปีหนึ่งที่ยืนอยู่ในวงเงียบกริบตอนที่ถูกรุ่นพี่ปีสามซึ่งมาสอบบูมด่าแหลก ไอ้เฮดที่ยืนนำอยู่ตรงนั้นคือลุงเทคผมเองครับ นอกเวลางานใจดีมาก หน้าตาโหดแต่โหมดคิตตี้เพราะงั้นมายืนด่าแบบนี้ผมก็เลยไม่โกรธ แต่เอาจริงๆ ก็กดดัน ผมไม่รู้ว่ามาตรฐานของการสอบบูมมันต้องดีขนาดไหน แต่ก็ไม่เห็นว่าเพื่อนคนไหนจะไม่เต็มที่ แหกปากกันจนจะต้องไปรักษาเส้นเสียงอักเสบกันยกเอกแล้ว พวกพี่ต้องการอะไรครับ คุยกันดีๆ สิครับ
"พักหนึ่งนาทีครับ!"
หนึ่งนาทีครับ หนึ่งนาทีกูย่อลงไปนั่งยังไม่ทันถึงพื้นเลยครับ บูมจนเอ็นหัวเข่ากูจะขาดอยู่ล่ะ พอพวกพี่หันหลังไปผมก็ตรงเข้าไปหาไอ้บูรพาก่อนเลย ทำอะไรไม่ได้ งอแงครับ งอแงลูกเดียว
"ไอ้บูรพา กูไม่ไหวแล้ว ปวดขามาก เหนื่อยด้วย เจ็บเข่าด้วย ร้อนด้วย ยุงกัดด้วย"
"ไปพักก่อนดิ บอกพี่เขาไปว่าไม่ไหวแล้ว" มันว่าแล้วยกหลังมือขึ้นมาเช็ดเหงื่อให้
"กูไม่อยากเป็นพวกอ่อนอะ" พวกที่ไปนั่งพักกับพี่ฝ่ายพยาบาลคือพวกที่มีโรคประจำตัว ร่างกายอ่อนแอ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงร่างบางๆ ถ้าผมต้องไปนั่งรวมกลุ่มกับพวกนั้นผมว่ามันจะน่าอายมาก
"อ่อนไปเหอะ ฝืนตัวเองเดี๋ยวไปเดี๋ยวไม่สบายอีก กูบอกพี่เขาให้เอามั้ย"
"ไม่เอาอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้วใช่ป่ะ"
"อีกครึ่งชั่วโมง"
"โอเค"
"อิงลิชเมเจอร์! อิงลิชเมเจอร์!" เสียงตะโกนของไอ้ลุงเทคดังเป็นอันรู้กันว่าต้องวิ่งไปตั้งวงบูม พวกที่นั่งอยู่ต่างพากันลุกวิ่งไป
"กูไปก่อนนะ"
ผมพยักหน้าให้ไอ้บูรพาก่อนมันจะวิ่งไปก่อน เพราะว่ามันวิ่งไวกว่าใครเพื่อนเลยเลือกให้มันเป็นเฮดบูม ที่ต้องวิ่งไปตั้งเป็นหลักให้เพื่อนมายืนล้อม วิธีนี้จะทำให้เราตั้งวงได้เร็วขึ้น ผมถอนหายใจทีหนึ่งแล้ววิ่งตามพวกนั้นไป
"ปั้ก!"
"อ๊า!"
ผมล้มลงมากองกับพื้นเพราะโดนไอ้มนุษย์ที่ไหนไม่รู้วิ่งชน
"ไอ้เหนือ โทษๆๆ!"
ผมเงยหน้าไปมองไอ้บอมบ์ที่เป็นคนวิ่งชนผม
"มึงเกลียดอะไรกูป่ะเนี่ย! ไม่ชนกูให้ตกท่อไปเลยล่ะ!"
"กูไม่ได้ตั้งใจเว้ย เจ็บป่ะเนี่ย!"
ไอ้บอมบ์ดึงมือผมให้ลุกขึ้นแต่อยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้า ฟีลลิ่งนางเอกละครอีกแล้วกู ล้มนิดเดียวข้อเท้าแพลงงี้ อ่อนแอเหลือเกินองศาเหนื๊อ!
"น้อง เป็นอะไรเปล่า" พี่ๆ ฝ่ายพยาบาลวิ่งเข้ามาพอดี
"สงสัยข้อเท้ามันจะแพลงอะครับ" ไอ้บอมบ์หันไปตอบแทน
"น้องไปวงบูมเหอะ เดี๋ยวพี่ดูเพื่อนให้เอง"
"ครับๆ" ไอ้บอมบ์รับคำก่อนจะวิ่งออกไป เข้าวงบูม ผมหันไปมองในวงบูม ไอ้บูรพาที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันหลังมาเห็นผม มันเบิกตากว้างขึ้นนิดหนึ่งตอนที่หันมามองผม แล้ววิ่งออกมาจากวงบูม
"เฮ้ย! บูรพา จะไปไหน!"
"ไอ้เหนือ เป็นไรวะ!"
"กูล้มอะ สงสัยขาแพลง"
"น้องบูรพา กลับเข้าไปในวงบูมเหอะ เดี๋ยวพี่ดูให้เอง"
"ลุกไหวเปล่า" ไอ้บูรพาพูดแล้วช่วยพยุงผมขึ้นมา เสียงของรุ่นพี่ไม่ได้ทะลุเข้าประสาทหูมันเลย
"น้องบูรพา เดี๋ยวพี่พาน้องเหนือไปเอง"
"ผมพาไปเอง"
"น้องบูรพากลับเข้าไปในวงบูมเหอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง"
"ผมพาไปเอง"
"น้องบูรพา..."
"ผมบอกว่า...จะพาไปเอง"
"ค่ะๆ ทางนู้นเลยค่ะ"
เป็นไง เจอฤทธิ์เดชบูรพาเข้าไป ปีสามก็ปีสามเหอะ หงอยครับ...ไอ้บูรพาเหลือบตามองพี่ปีสามด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนจะอุ้มผมไปที่ฝ่ายพยาบาล อุ้มอะ...แมนๆ โดนอุ้มนี่เขินหูแดงเลยนะครับ
"เจ็บมากป่ะเนี่ย" มันว่าแล้วถอดรองเท้าผมออก
"เจ็บดิ อ่อนเลยกูเนี่ย" ผมพูดน้ำตาคลอๆ เล่นจริง เจ็บจริง
"เออดิ อ่อนสัด ร้องไห้เลยไง๊"
"เปล่า ฝุ่นเข้าตาตอนล้ม"
"กระจอก อย่าร้อง กูไม่ชอบ"
"เออ!"
อยากรู้ว่ามึงเจ็บแบบกูจะร้องมั้ยไอ้แมลงสาบเอ๊ย!
"เดี๋ยวพี่จัดการให้จ้ะ" ไอ้บูรพาถอยให้พี่พยาบาลเข้ามาจัดการกับข้อเท้าของผม
"น้องบูรพา กลับเข้าไปในวงบูมก่อนนะคะ"
"ผมขอพักครับ"
"ตรงนี้สำหรับคนป่วยค่ะ"
"ผมเป็นมะเร็งครับ"
ไอ้เชี่ย...
หน้านิ่งๆ ของมันกับคำพูดนั้นทำให้ทุกคนในที่นี้เงียบกริบ คงไม่มีใครเชื่อมันแต่ที่ยอมให้น่าจะเป็นเพราะระอาในความดื้อรั้นหัวแข็งของมันมากกว่า จึงยอมให้มันนั่งอยู่ข้างๆ ด้วย พี่ฝ่ายพยาบาลช่วยประคบข้อเท้าและพันผ้าอีลาสติกเอาไว้และให้ยาทามาอีกหลอดหนึ่ง ได้เวลาเลิกซ้อมบูมพวกเพื่อนจึงเข้ามาหาผม
"ไหวป่ะมึง" ไอ้หลิวถามแล้วยื่นมือมาจิ้มข้อเท้าผมที่ถูกพันไว้
จิ้มเพื่อ?
"กูโอเค"
"เจ็บมากก็ไปหาหมอนะ"
"อื้อ"
"ไม่ต้องห่วงหรอกหลิว คนเป็นห่วงเขาอยู่นี่ล่ะ" ไอ้หนุ่มพูดแซวๆ จึงโดนตีนไอ้บูรพาเตะตูดไปทีหนึ่ง
"แล้วนี่จะกลับกันเลยป่ะ"
ผมพยักหน้าหน่อยๆ เพราะร้อนมากอยากกลับไปอาบน้ำ
"งั้นเดี๋ยวพวกกูกลับเลยเหมือนกัน เจอกันพรุ่งนี้นะ" ไอ้หลิวว่าก่อนจะเดินออกไป ผมหันไปมองไอ้บูรพา ก่อนมันจะลงไปนั่งคุกเข่าอย่างรู้งาน ยานพาหนะที่ชื่อว่าบูรพานี่มันว่าง่ายจริงๆ
"เอื้อ! หนักมาก!"
"อย่าบ่นๆ ตั้งแต่ซ้อมบูมมานี่ น้ำหนักกูลดไปสองขีดละนะ"
"มึงระวังตัวหน่อยดิวะ ทำไมชอบเจ็บตัวอะ"
"กูไม่ได้ตั้งใจ ไอ้บอมบ์มันวิ่งชนกู"
"ไอ้บอมบ์ใช่มะ กูได้กระทืบถูกคน"
"มึงก็จะโหดไป"
"ก็ทำแฟนกูเจ็บ"
"ไอ้บ้า!"
"อ๊า!" ไอ้บูรพาร้องลั่นเมื่อผมกระชากหัวมันแรงๆ ทีหนึ่ง
"รุนแรงกับกูจัง"
"ก็มึงอะ..." ผมตบหัวมันไปเบาๆ
"เหนือ"
"อะไร"
"กูเป็นห่วงนะ"
"เออ เห็นหน้ามึงก็รู้แล้ว"
"อย่าเจ็บตัวบ่อยๆ กูไม่ชอบ"
"อือ"
"อย่าร้องไห้ด้วย กูแพ้น้ำตา"
"อือ ไม่ร้องแล้ว"
"เหนือ"
"อะไรอีก"
"ขอจูบหน่อย"
"ตรงนี้อะนะ"
"อือ"
"ไม่เอา!"
"มืด ไม่มีใครเห็นหรอก"
ผมหันไปมองรอบๆ ทางที่จะเดินไปยังรถของมันที่จอดอยู่ที่ล็อคสุดท้าย ระหว่างทางมืดมากและก็ไม่มีใครเดินมาทางนี้เลย
"แป๊บเดียวนะ"
"อือ" มันพยักหน้าหงึกๆ
"หันหน้ามาดิ" ไอ้บูรพาหยุดเดินแล้วหันหน้ามา ผมที่อยู่บนหลังมันจึงก้มลงไปเอาปากชนกับปากมันแค่แว้บเดียว แล้วหันขวับไปมองทางอื่นอย่างเร็ว
"วินาทีเดียวใจก็สั่นได้เนอะ อาการหนักแล้วกู"
มันพูดพำพำคนเดียวก่อนจะเดินต่อไป
มึงแค่ใจสั่น กูนี่ใจหลุดออกนอกอกไปแล้วครับ
...
ร้านอาหารกึ่งผับหลังม. เป็นสถานที่จัดงานบายเนียร์ หรืองานเลี้ยงส่งรุ่นพี่ปีสี่ที่กำลังจะไปฝึกงานในเทอมหน้า ธีมของงานคือ คอสเพลย์ ให้แต่งตัวเป็นคาเรคเตอร์ที่ชื่นชอบจะการ์ตูน ตัวละคร ดารานักร้องอะไรก็ได้ พวกเพื่อนๆ และรุ่นพี่จัดเต็มกันมาแบบไม่มีใครยอมใคร ทั้งรุ่นพี่และเพื่อนกำลังถ่ายรูปและกินอาหารกันอยู่ข้างใน ผมออกมารอไอ้บูรพาที่ยังมาไม่ถึงงาน เมื่อวานมันกลับไปทำธุระที่กรุงเทพฯ บอกว่าจะมาถึงก่อนงานเริ่มแต่นี่งานเริ่มไปเกือบชั่วโมงแล้วมันยังไม่มา ผมก็เลยมายืนรอที่หน้าร้าน ยืนรออยู่พักหนึ่งก็หันไปเห็นกระบะสีดำขับเข้ามา ผมเดินจึงเข้าไปไอ้บูรพาเปิดประตูลงมาจากรถ
"มาช้าจังวะ"
"เครื่องดีเลย์อะ งานเริ่มแล้วดิ"
"เออ เริ่มแล้ว นี่แต่งตัวธีมคอสเพลย์แล้วใช่ป่ะ" ผมว่าแล้วมองไปยังชุดที่มันใส่ เสื้อยืดสีดำเรียบๆ กับกางเกงยีนส์แบบที่มันใส่เป็นประจำ
"เออ กูคอสเป็นบูรพา"
"คอสเป็นตัวเองเนี่ยนะ!"
"แล้วมึงอะ เป็นตัวอะไร" มันขมวดคิ้วถาม
"ลีละคุมะไง"
ผมก็แค่สวมเสื้อคลุมที่เป็นลายลิละคุมะแล้วมโนเอาว่าทรานฟอร์มร่างเป็นหมีน่ารักๆ
"สัด มีหูด้วย" มันว่าแล้วดึงหมวกฮู้ดของเสื้อที่มีหูขึ้นมาใส่หัวผม
"น่ารักดิ"
"เออดิ ใจสั่นเลยเนี่ย"
"เข้างานเหอะ กูเห็นพวกไอ้ไกด์ถามหามึงด้วย มีอะไรเปล่า"
"พวกมันคิดถึงกูอะดิ"
"วู้...หลงตัวเอง"
ผมกับไอ้บูรพาเข้ามาในงาน ไอ้บูรพทำหน้าที่เป็นตากล้องประจำเอกเดินถ่ายภาพคนนั้นคนนี้ไปทั่ว เผลอๆ หน่อยก็หันมาถ่ายผม เมมฯ จะเต็มเพราะกูเนี่ย!
"ไอ้บูรพา" ไอ้ไกด์เดินมาเรียกจากหลังเวทีที่เซ็ทขึ้นมาในร้าน ก่อนไอ้บูรพาจะหันมาหาผมแล้วถอดกล้องที่คอมันมาสวมที่คอผมแทน
"ฝากถ่ายต่อให้หน่อย"
"ไปไหนอะ?"
"ไปปฏิบัติภารกิจลับกับทีมอเวนเจอร์"
ผมขมวดคิ้วหน่อยๆ กับคำพูดของมัน อเวนเจอร์มะเขืออะไร
ไอ้บูรพาหายเข้าไปหลังเวทีนั่น ส่วนผมก็เอากล้องมันมาถ่ายรูปให้เพื่อนๆ ต่อ สักพักหนึ่งพี่กลอย ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรบนเวทีก็ออกมาอีกครั้ง แล้วประกาศเริ่มการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ของแต่ละชั้นปีที่ซ้อมกันมา
"เอาล่ะค่ะ มาเริ่มกันที่การแสดงของน้องปีหนึ่ง น้องบอกว่ารุ่นพี่ซ้อมบูมหนักไปก็เลยไม่มีเวลาซ้อมต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"
ทั้งเสียงโห่ร้องเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะดังปนเปกันไป กิจกรรมซ้อมและสอบบูมจบไปแล้ว พวกรุ่นพี่ที่มาดึงหน้าตึงแหกปากโวยวายก็กลับมาเป็นพี่ๆ ที่ใจดีของพวกเราเหมือนเดิม ผมชอบความเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องแบบนี้นะ ดุเพื่อให้อยู่ในระเบียบ ด่าเพื่อให้ตระหนักถึงกฎเกณฑ์ แต่งานจบคือทุกอย่างจบไม่มีการใช้ความรู้สึกส่วนตัวมาเกลียดกันหลังจากผ่านกิจกรรมไปแล้ว
"สำหรับน้องปีหนึ่ง ส่งวงดนตรีมาแสดงนะคะ เรียกได้ว่าเป็นวงที่ทำให้ป้าๆ ปีสี่แถวหน้าต้องลุกขึ้นกรีดร้องแน่ๆ ถ้าพร้อมแล้วไปพบกับน้องๆ ปีหนึ่ง ในวง ดิ อเวนเจอร์ค่า!!"
"วี้ด!"
เสียงหวีดร้องดังสนั่นร้านตอนที่เปิดตัววงดนตรีที่ว่านั้น ผมเบิกตาขึ้นนิดหน่อยเมื่อมองไปเห็นสมาชิกวงที่ว่าซึ่งประกอบไปด้วยไอ้ไกด์ ไอ้บอมบ์ ไอ้ภัทรและไอ้บูรพา มันหันมายักคิ้วให้ตอนที่ยืนกอดกีตาร์อยู่บนเวทีนั่น
เนี่ยเหรอปฏิบัติการลับของมัน ผมส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปมันเอาไว้ตอนที่มันเริ่มเล่นเพลง ไอ้ไกด์กับไอ้บูรพาเล่นกีตาร์คนละตัว ไอ้ภัทรเล่นคีย์บอร์ด ไอ้บอมบ์เล่นคาฮอง รวมตัวเป็นวงอเวนเจอร์อยู่บนเวทีนั้น เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกทีตอนที่ไอ้ไกด์เริ่มเปล่งเสียงร้องเพลง
"I’ve tried playing it cool but when I’m looking at you…"
ผมนั่งฟังอยู่ท่อนหนึ่งจึงจำได้ว่ามันคือเพลง one thing ของวง one direction แต่ถูกร้องเป็นเวอร์ชั่นอะคูสติก เสียงกีตาร์นิ่มๆ กับเสียงหล่อๆ ของไอ้ไกด์ทำให้ฟังได้เพลิน พอเปลี่ยนเป็นท่อนต่อไปก็เปลี่ยนเป็นไอ้บอมบ์ร้อง พออีกท่อนก็ถึงตาไอ้ภัทรร้อง อย่าบอกนะว่าไอ้บูรพาจะร้องด้วย ร้องเพลงเป็นด้วย?
แล้วก็เป็นไปตามที่คิด ท่อนฮุคที่สองเป็นเสียงร้องของไอ้บูรพา ทันทีที่มันเปล่งเสียงร้องเพลงเสียงหวีดจากคนในที่นี่ก็ดังขึ้นมา
"so get out get out get out of my head And fall into my arms instead..."
อะเมซิ่งเสียงร้องบูรพา...หล่อจนกูตาค้าง
"I don’t I don’t don’t know what it is but I need that one thing..."
แค่เสียงร้องก็เคลิ้มสั่นแล้ว มันยังทำให้ผมหวีดร้องในใจด้วยการหันมามองผมราวกับกำลังร้องให้ผมฟัง
"And you’ve got that one thing..."
ดีนะกูแปลออก...
แต่ก็เพราะแปลออกเนี่ยแหละ ใจเลยเต้นแรงมาก คงยิ้มกว้างไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วแหละ
"นี่ก็เคลิ้มไป๊!"
ผมสะดุ้งนิดหน่อยตอนถูกไอ้หนุ่มเข้ามาแซว จึงแกล้งยกกล้องขึ้นมากดถ่ายรูปไอ้บูรพารัวๆ เงยหน้าไปจากกล้องอีกทีมันก็ยังมองผมอยู่
จะเอาให้กูละลายไหลไปตรงนี้เลยไง๊!
...
หลังจากการแสดงของปีหนึ่งจบ ก็เป็นการแสดงของปีอื่นๆ รันต่อๆ กันไป ไอ้บูรพายังไม่กลับมาที่นี่ผมเลยไม่รู้หายไปไหน ส่วนผมก็ถูกเพื่อนเรียกให้ถ่ายรูปไม่หยุด การมีกล้องอยู่ในคอไม่ใช่เรื่องตลก
"เหนือ ถ่ายรูปให้หน่อย"
"โอเคๆ"
"ส่งให้ด้วยนะ"
"กล้องไอ้บูรพา เดี๋ยวบอกให้นะ"
"น้องเหนือ ถ่ายรูปให้พี่หน่อยจ้า"
"ได้ครับ"
"ส่งให้พี่ด้วยนะ"
"เดี๋ยวบอกไอ้บูรพาให้ส่งให้ครับ"
เอากระดาษมาแปะไว้มั้ยว่านี่คือกล้องไอ้บูรพา ได้ไม่ต้องพูดซ้ำเนี่ย กดชัตเตอร์จนเมื่อยผมก็เดินไปที่ห้องน้ำ ก่อนจะเห็นกลุ่มอเวนเจอร์ที่เล่นดนตรีเมื่อกี้ยืนคุยกันอยู่ที่ลานจอดรถด้านนอก เห็นควันบุหรี่ลอยฟุ้งจึงเดาได้ไม่ได้ยากว่ามันมาจับกลุ่มสูบบุหรี่กันอยู่นี่ ผมเดินเข้าไปหาไอ้บูรพาที่หันมาเห็นพอดี พอสายตาผมเลื่อนไปที่บุหรี่มัน มันก็ส่งบุหรี่ให้ไอ้ภัทรแล้วหันไปพูดกับพวกนั้น
"ไปล่ะ เมียมองแรง"
"สัด" ผมด่าแบบไม่มีเสียงตอนที่มันเดินมาหาผม แอบขมวดคิ้วเพราะกลิ่นบุหรี่ที่ติดตัวมานิดหน่อย
"เดือนละมวนเองนะตัวมึง"
"พ่อง กูให้สองเดือนมวน" ผมว่าแล้วนั่งลงที่ริมฟุตบาทข้างๆ รถมัน
"โหดไปนะครับคนดี" มันทำเสียงอ่อนๆ แล้วมานั่งข้างๆ
"ไม่รู้แหละ กูไม่ชอบ"
"งั้นถ้ากูอยากบุหรี่เมื่อไร ให้เปลี่ยนมาดูดมึงแทนได้ป่ะล่ะ"
"สัด! งั้นมึงไปเผาปอดให้มะเร็งแดกไปเลยไป!"
"อุ้ย แรง"
"เอากล้องมึงคืนไปเลย หนัก" ผมถอดกล้องในคือส่งคืนให้มัน
"ไหน ถ่ายได้ดีเปล่า"
"ดีไม่ดีไม่รู้อะ ไม่เอาล่ะ หนักก็หนัก"
"บ่นจริง"
"ก็มันหนักอะ ปวดคอด้วย"
ผมว่าแล้วพลิกคอไปๆ มาๆ ไอ้บูรพาที่กำลังกดดูภาพอยู่ ยื่นมือหนึ่งมาบีบๆ ที่คอผมเบาๆ
"งอแงจังเลย"
"ก็มันหนักจริงอะ แล้วรูปที่กูถ่ายเป็นไงบ้าง"
"ก็ใช้ได้" มันพูดขณะกดดูรูปเรื่อยๆ มือข้างที่บีบคอให้ผมอยู่หยุดแล้วดึงหัวผมให้ลงไปซบไหล่มัน เพื่อดูรูปในกล้องนั้นด้วยกัน เป็นรูปที่มันอยู่บนเวทีที่ผมมือลั่นกดชัตเตอร์ไปรัวๆ ไม่รู้กี่สิบรูปเลย
"ไม่รู้ว่ามึงร้องเพลงเป็นด้วย"
"ก็ไม่อยากทำตัวหล่อมาก แค่นี้มึงก็หลงจะแย่ล่ะ"
"ถุย!"
"รึไม่จริง"
.
.
.
"จริง"
หัวปักหัวปำเลยเนี่ย
-ตอนหน้ามาส่งท้ายไปกับบทหวานๆ ของบูรพากับเหนือกันค่ะ
ความทุกข์ของคนไม่มีชื่อเล่น
ผมชื่อบูรพา ผมไม่มีชื่อเล่น ผมเคยถามพ่อแม่ว่าทำไม พ่อกับแม่ให้คำตอบง่ายๆ ว่าขี้เกียจตั้ง ตอนนี้ผมชินแล้วกับการถูกเรียกเต็มยศว่า บูรพา เพราะผมไม่มีชื่อเล่น และให้ตัดชื่อไปเรียกย่อๆ มันก็ไม่เหมาะ ไอ้บู? ไอ้พา? มันเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก บูรพา แต่รู้มั้ยครับกว่าจะมาถึงวันนี้ผมผ่านอะไรมาบ้าง
ตอนประถม
"เอาล่ะเด็กๆ วันนี้ครูจะให้เราเขียนประวัติส่วนตัวลงในกระดาษที่ครูแจก เขียนให้ครบทุกช่องนะคะ แล้วเดี๋ยวครูจะให้ออกมาอ่านหน้าห้อง เราจะได้รู้จักกันเนอะ"
ผมรับกระดาษมาจากอาจารย์แล้วหยิบกล่องดินสอลายดิจิมอนที่แม่ซื้อให้เพื่อต้อนรับเปิดเทอมออกมา หยิบดินสอออกมาเสร็จสรรพ แล้วบรรจงเขียนประวัติตัวเองลงไป
ชื่อ ด.ช. บูรพา นามสกุล สัตยาพิทักษ์
ชื่อเล่น
ผมขมวดคิ้วแน่นเมื่อมองไปยังบรรทัดนั่น ผมเขียนลงไปไม่ได้เพราะแม่ไม่เคยบอก จึงยกมือขึ้นเรียกหาครู
"ว่าไงคะนักเรียน"
"ผมไม่มีชื่อเล่นครับครู"
"งั้นก็ใส่แดทไปค่ะ"
ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วทำตามที่ครูบอก
ดอ...แอ...ดอ...แดด
ถึงเวลาแนะนำตัวเองหน้าห้อง ผมตื่นเต้นนิดหน่อยเมื่อถึงเลขที่ตัวเอง คุณครูก็เรียกออกไปหน้าห้อง ผมยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้เพื่อนร่วมห้อง
"สวัสดีคุณครูที่เคารพ และเพื่อนๆ ที่น่ารักทุกคน"
บางคนแม่งก็ไม่ได้น่ารักอะไรเลย แต่เป็นแพทเทิลไง เห็นทุกคนพูดผมก็พูดบ้าง
"เราชื่อบูรพา สัตยาพิทักษ์ ชื่อเล่น แดด..."
และการแนะนำตัววันนั้นก็ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับชื่อเล่นของผม
"หวัดดีแดด"
"ขอนั่งด้วยนะแดด"
"แดด เราขอยืมยางลบหน่อยสิ"
"ชื่อแดด มาจากแสงแดดเหรอ"
เราชื่อบูรพา บูรพาไม่มีชื่อเล่นโว้ย!
และเหนือสิ่งอื่นใด ผมได้รู้จักสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า แดท (-) ครูแม่งไม่อธิบายให้เคลียร์ไง เออ ก็เลยต้องชื่อแสงแดดไปครึ่งเทอมอ่ะ
ตอนมัธยม
ตอนมัธยมผมย้ายมาอยู่ลำปางเพราะพ่อต้องย้ายมาทำงานที่นี่ วันแรกในโรงเรียนผมก็ตื่นเต้นไปตามประสา เดินเข้ามาโรงเรียนได้ยินภาษาเหนือตลอดทางเพราะเด็กนักเรียนก็เป็นคนในพื้นที่ทั้งหมด
"หวัดดี"
ผมหันไปหาเพื่อนนักเรียนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาทัก ตัวขาวๆ แก้มแดงๆ และตาที่เป็นรูปสระอิตอนยิ้มให้ผม
"เอ่อ...หวัดดี"
"อ้าว อู้เมืองบ่ะได้ก๋า?"
ภาษาเหนือที่ออกมาจากปากคนข้างๆ ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา น่ารักโคตรพ่อโคตรแม่
"ไม่ใช่คนเหนือเหรอ" เสียงเล็กๆ ปรับเป็นภาษากลางที่ยังติดสำเนียงท้องถิ่นอยู่
"อือ เรามาจากกรุงเทพฯ"
"อ้าวเหรอ เราชื่อองศาเหนือนะ เรียกว่าเหนือก็ได้"
"อ๋อ โอเคเหนือ เรา...บูรพา""ชื่อเล่นอ่ะ"
"ก็...บูรพา"
"แล้วให้เรียกสั้นๆ ว่าอะไรอ่ะ"
"บูรพา"
"โค๊ะ! บ่ะมีชื่อเล่นก๋า อะหยังมายาวขนาด เมื่อยปากต๋ายห่า!"
ผมหัวเราะเบาๆ เพราะภาษาที่ฟังไม่ออก แต่เดาว่ามันคงบ่นอะไรสักอย่างนี่แหละ
ตอนแนะนำตัวในห้อง เปิดเรียนใหม่ก็ต้องมีการแนะนำตัวเป็นธรรมเนียม ผมนั่งใกล้ๆ เพื่อนใหม่ที่ชื่อว่าองศาเหนือ เขาเป็นคนพูดเก่ง และอู้ไม่หยุดถ้าเจอคนพูดภาษาเดียวกัน เอาจริงๆ ก็พูดภาษาเดียวกันทั้งห้องอ่ะ ยกเว้นผมคนเดียว การแนะนำตัวดำเนินไปเรื่อยๆ จนมาถึงแถวผม
"สวัสดีครับ ชื่อเอกรินท์ ชื่อเล่นชื่อเอครับ"
"อ่ะคนถัดไป"
"สวัสดีครับ ผมชื่อเจษฎา ชื่อเล่นชื่อไอซ์ครับ"
"ต่อไปจ้ะ"
"สวัสดีครับ ผมชื่อองศาเหนือ ชื่อเล่นชื่อเหนือครับ"
"คนต่อไปค่า"
"สวัสดีครับ ผมชื่อบูรพา ชื่อเล่น..."
ผมเว้นช่วงนิดหนึ่ง คนในห้องก็หันมามองอย่างลุ้นๆ
"ไม่มีครับ"
"ไม่มีชื่อเล่นเหรอคะ"
"ไม่มีครับ"
"เออ แปลกดีนะ อ่ะ คนถัดไปจ้ะ"
ผมกลับมาที่บ้านหลังโรงเรียนเลิก โรงเรียนวันแรกของผมผ่านไปด้วยดี ผมปรับตัวได้ไม่มีปัญหา และได้เพื่อนใหม่แล้วเรียบร้อย กลับมาถึงบ้านก็เห็น อาคเนย์ น้องชายผมที่ไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่งซึ่งเป็นโรงเรียนประถม มันนั่งในห้องนั่งเล่นพอดีก็เลยเดินเข้าไปหา
"ทำไรอ่ะ"
"กำลังจะทำการบ้าน"
"เปิดเรียนวันแรกก็มีการบ้านเลยเหรอ"
"ครูให้เขียนประวัติส่วนตัวอ่ะ" มันว่าแล้วหยิบกระดาษกับดินสอขึ้นมา ผมมองน้องที่กำลังกรอกข้อมูลส่วนตัวลงไป
ชื่อ ด.ช. อาคเนย์ นามสกุล สัตยาพิทักษ์
ชื่อเล่น
"พี่บูรพา เราไม่มีชื่อเล่นอ่ะ ต้องทำไง"
"ใส่แดทไปไง"มันพยักหน้าหงึกๆ แล้วก้มลงไปเขียน
ดอ...แอ...
"เฮ้ยๆ ไม่ใช่" ผมห้ามมันเอาไว้ก่อนแล้วอธิบายความหมายของเครื่องหมายแดทให้มันฟัง ถ้าไม่อยากมีชื่อเล่นน่ารักๆ ว่าน้องแสงแดด มึงต้องเชื่อพี่
"อาคเนย์"
"ฮึ"
"แล้วเวลาเพื่อนเรียกสั้นๆ เรียกว่าไงอ่ะ"
"ก็เนย์ไง ไม่มีใครเรียกเต็มๆ หรอก"
ผมหันขวับไปมองน้อง มันไม่มีชื่อเล่นแต่ยังมีชื่อสั้นๆ ไว้ให้เพื่อนเรียก แต่ทำไมเราไม่มี...
"แม่! ทำไมบูรพาไม่มีชื่อเล่น! ทำมาย!!!!"
ตอนไปแลกเปลี่ยนที่แคนาดา
"Hi, My name is บูรพา"
"sorry again please."
"บูรพา"
"Bu what?"
"บูรพา"
"Bu Ra Sorry Bu what?"
บูรพาโว้ย บูรพา!
พออธิบายให้เพื่อนที่นั่นฟังว่าชื่อผมมีความหมายว่าทิศตะวันออก พวกนั้นก็พากันเรียกผมว่า East แน่นอนว่ามันง่ายกว่าการออกเสียงคำว่าบูรพาแน่นอน
ตอนได้เป็นพระเอกนิยาย ก็ต้องโวยวายกับคนเขียนสักหน่อย
บูรพา : คุณครับ ทำไมผมไม่มีชื่อเล่น
เต้าหู้ไข่ : ตัวเหี้ยไง เห็นเหนือมันเรียกงี้
บูรพา : ชื่อนี้สงวนให้เมียเรียกคนเดียว ขอร้องเลย
องศาเหนือ : ใครเมียมึง!
บูรพา : ได้กับใครก็คนนั้นแหละเมียกู
องศาเหนือ : ไอ้บูรพา ไอ้บ้า
บูรพา : เขินอ่ะดิ
องศาเหนือ : ก็เออดิ หูแดงเลยเนี่ย
บูรพา : น่ารักชิบหายเลยมึงเนี่ย
เต้าหู้ไข่ : ทีมงาน เอาไอ้เหนือไปเก็บหน่อย! มาทำไมไม่ได้รับเชิญ!
องศาเหนือ : เออๆ ไปแล้ว
บูรพา : เจอกันที่ห้องนะตัวมึง
องศาเหนือ : คร้าบ รีบกลับนะ คิดถึง
เต้าหู้ไข่ : ไป๊!
บูรพา : โทษทีๆ ความรักมันกำลังบานสะพรั่ง งดงามดั่งทุ่งหญ้า...
เต้าหู้ไข่ : เก็บความโรแมนติกมึงไว้ แล้วเข้าประเด็นเหอะ
บูรพา : เออ คิดชื่อเล่นให้หน่อยสิ อยากมีชื่อเล่น
เต้าหู้ไข่ : เออ คิดไปคิดมา แกก็ควรมีชื่อเล่นนะ แกรู้มั้ยว่าทั้งเรื่องเนี่ย เราต้องพิมพ์ชื่อแกไปทั้งหมด 779 ครั้ง ครั้งละ 5 อักขระ รวมทั้งหมด 3895 อักขระ 3895 ครั้งที่ต้องจิ้มนิ้วลงไปบนแป้นพิมพ์เพื่อพิมพ์ชื่อแกเลยนะ
บูรพา : งั้นก็ตั้งชื่อเล่นดิ คิดให้หน่อย
เต้าหู้ไข่ : ถ้าคิดออก กูคงไม่ใช้บูรพามาเจ็ดร้อยกว่าคำงี้หรอกไอ้หนุ่ม
บูรพา : งั้นก็เรียกคนมาช่วยคิด
เต้าหู้ไข่ : เออ ความคิดดีนะ ให้นักอ่านช่วยคิดเนอะ
บูรพา : ดีๆ
เต้าหู้ไข่ : อ้อนเขาสิ เอาหน้าหล่อๆ เข้าล่อ
บูรพา : (หันมองกล้อง)
สวัสดีครับผมบูรพา ไม่มีชื่อเล่น ชื่อตัวเหี้ยก็อยากเก็บไว้ให้เมียเรียกคนเดียว ก็เลยอยากชวนเพื่อนๆ มาช่วยกันตั้งชื่อเล่นให้ผมหน่อยนะครับ ขอชื่อหล่อๆ คูลๆ แบบบูรพาสไตล์นะครับ
เต้าหู้ไข่ : ส่งจูบด้วย
บูรพา : ไม่เอา ทุเรศ
เต้าหู้ไข่ : เร็วๆ
บูรพา : โอเค จุ๊บๆ จะรอนะครับ
แต่งไปขำไป มโนอะไรขนาดนั้นนนน!!! แต่เอาเป็นว่าอยากจะชวนทุกคนมาช่วยกันตั้งชื่อเล่นให้บูรพากันค่ะ
ร่วมสนุกได้ผ่านทาง เฟสบุ๊คแฟนเพจ Writer Book (https://www.facebook.com/writerbookyaoi/?fref=ts)
หรือ ผ่านทางทวิตเตอร์ และติดแฮทแท็ก #บูรพาหาชื่อเล่น
ชื่อไหนหล่อคูลถูกใจบูรพา เรามีของรางวัลเล็กๆ น้อยๆ แจกค่ะ เป็นหนังสือ องศาเหนือ ที่บูรพาเป็นคนเขียน จำนวน 5 รางวัลค่ะ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 ม.ค. นี้นะคะ มาเล่นกันเยอะๆ น้า บูรพารออยู่ค่า
ประกาศรางวัล บูรพาหาชื่อเล่น
**จากเดิม 5 รางวัลขอเพิ่มเป็น 6 รางวัลนะคะ เพราะเลือกไม่ได้ จริงๆ ยังชอบอีกหลายชื่อมากเลย แต่ขออนุญาตเลือกมาดังนี้ค่ะ**
ทั้งหมด 6 รางวัล แบ่งเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. ธรรมดาแต่ว่าคูล
(http://i64.tinypic.com/2e0iiqo.jpg)
ภาค บูรพา จริงๆ มีคนตั้งชื่อนี้ให้บูรพาเยอะมาก แต่ขออนุญาตเลือกคนที่แนะนำเข้ามาคนแรกนะคะ เพราะบูรพาแปลว่า ตะวันออก เป็นภาคตะวันออก หรือ ทิศตะวันออก ก็เหมาะดีนะคะ
(http://i65.tinypic.com/w8waxz.jpg)
ซัน บูรพา เป็นอีกชื่อที่มีคนแนะนำเข้ามาเยอะพอสมควรค่ะ แต่ขอเลือกคนที่แนะนำมาเป็นคนแรกเช่นกันค่า ชอบตรงที่ไปคล้องกับการเป็นซันเดย์ไนท์ ค่ะ
2. ชื่อนี้มีความหมาย
(http://i64.tinypic.com/2pozby9.jpg)
ชอบตรงความหมายที่เขียนมานะคะ ดูโรแมนติกสมเป็นบูรพาสไตล์มากๆ เลย ชื่อหนาว คู่กับเหนือ ก็เป็นเหนือหนาว น่ารักมากค่ะ
(http://i63.tinypic.com/2vaei6v.jpg)
เป็นอีกชื่อที่ความหมายที่พิมพ์มาดีมากๆ เลยค่ะ อ่านแล้วยิ้มแก้มแตกเลยค่ะ ชื่อเมฆ คู่กับเหนือ ก็เป็น เหนือเมฆ ดูยิ่งใหญ่ทรงพลังจริงๆ 5555
3. ที่สุดของความคิดสร้างสรรค์
(http://i63.tinypic.com/2mq8fpv.jpg)
จัดเต็มมาขนาดนี้ ต้องยอมให้เขาเลย ชอบตรงมีภาพประกอบนี่แหละ 5555 ในความคิดสร้างสรรค์นั้นอ่านแล้วหยุดขำไม่ได้ สรุปว่าชื่อเล่นยาวกว่าชื่อจริงไปอีกกกก 55555
(http://i66.tinypic.com/e6yd10.jpg)
ชอบในชอบ ชอบโดยไม่มีเงื่อนไข 5555555 นับถือในความเชื่อมโยงที่อะเมซิ่งมากจริงๆ ค่ะ 55555
***สำหรับผู้ที่ได้รับรางวัล****
สามารถติดต่อขอรับรางวัลได้ทาง
Facebook Writer Book (https://www.facebook.com/writerbookyaoi/?fref=ts)
Twitter Writer Book (https://twitter.com/WriterBook_y)
(http://i64.tinypic.com/29uyvpd.jpg)
ตัวอย่างหนังสือองศาเหนือ
___________________________________________________________________________________________
ตอนพิเศษ บูรพาหาชื่อเล่นได้แล้ว
1. สมมติว่าชื่อภาค บูรพา /ตอน หิวแล้ว
ภาค : เหนือ ไปกินข้าวกัน
เหนือ : ไปดิ หิวจนแดกมึงได้ล่ะเนี่ย
ภาค : กูก็อยากแดกมึงเหมือนกัน/หรี่ตามอง
เหนือ : ไอ้ภาค ไอ้เลว! ไอ้สันดาน!
ภาค : แหมๆ ทำเป็นด่า ทีวันก่อนยังร้องไห้กูแดกอยู่เลย
เหนือ : ไอ้ภาค ไอ้เหี้ย!!!!
ภาค : เรียกเหี้ย เดี๋ยวเพลียนะเหนือ
เหนือ : ไอ้เหี้ยๆ /อยากเพลีย
2. สมมติว่าชื่อ ซัน บูรพา /ตอน วันเกิด
เหนือ : /กำลังนั่งแกะของขวัญที่ได้มาจากเพื่อน ทุกคนสามัคคีกันซื้อโคอาล่ามาร์ชให้คนละกล่องสองกล่อง
ซัน : แดกให้กลายเป็นโคอาล่าไปเลยมึง
เหนือ : เหอะ อาทิตย์เดียวกูก็แดกเรียบแล้ว แล้วมึงอ่ะซัน ยังไม่ให้อะไรกูเลยนะ
ซัน : เอาไป /หันไปหยิบหนังสือส่งให้
เหนือ : หนังสืออีกแล้ว คราวนี้เรื่องอะไร
ซัน : ดูเอง
เหนือ : /แกะไปเจอหนังสือ ที่มีรูปตัวเองเป็นหน้าปก ข้างในเป็นโฟโต้บุ๊ครูปตัวเองยิ้มกว้างตั้งแต่ปีหนึ่งจนถึงปัจจุบัน เป็นรูปแอบ
ถ่ายบ้าง ตั้งใจให้ถ่ายบ้าง หนากว่าร้อยแผ่น พลิกกลับไปดูหน้าปกอีกที
รอยยิ้มขององศาเหนือ โดย ซัน บูรพา
ซัน : รอยยิ้มของมึง คือความสุขของกูนะ
เหนือ : เขินโว้ย เขินนนนน!!!
ซัน : ไม่ต้องเขินมาก เดี๋ยวเก็บไว้เขินบนเตียง
เหนือ : ซัน เลว
3. สมมติว่าชื่อ เมฆ บูรพา /ตอน หอม
เหนือ : เมฆ มึงว่าอันไหนหอมกว่า/เลือกน้ำยาปรับผ้านุ่ม
เมฆ : ก็เอาอันเดิมไง แบบที่เคยใช้อ่ะ
เหนือ : อยากลองเปลี่ยนบ้างไง กลิ่นอะไรดี
เมฆ : อยากให้มีกลิ่นนี้จัง
เหนือ : กลิ่นอะไร
เมฆ : กลิ่นองศาเหนือ / พุ่งจมูกเข้าไปชนแก้มคนข้างๆ ฟอดใหญ่
เหนือ : /แดกจุด
เมฆ : อย่างละมุน...
4. สมมติว่าชื่อ ลมหนาว บูรพา /ตอน หนาว
เหนือ : หนาว
หนาว : ฮึ?
เหนือ : เปล่า กูบ่นว่าหนาว วันนี้หนาวชิบหายเลย
หนาว : /พยักหน้าเบาๆ
เหนือ : หนาว
หนาว : ...
เหนือ : อันนี้เรียกมึงล่ะ
หนาว : อะไร
เหนือ : หนาวอ่ะ รู้มั้ยว่าเวลาหนาวต้องทำยังไง
หนาว : กอดกัน /อ้าแขนเต็มที่
เหนือ : เปล่า ต้องแดกชาบู ไปแต่งตัว กูหิวแล้ว ให้ไว
หนาว : /หุบมือลงเงียบๆ แล้วนึกในใจ ไอ้เหนืออ้วน อ้วนเชี่ยๆๆ ช่วงนี้แบกขึ้นหลังไม่ได้แล้วด้วย
5. สมมติว่าชื่อ ฟิลิปปินส์ บูรพา /ตอน ที่รัก
เหนือ : ฟิลิปปินส์
ฟิลิปปินส์ : ว่าไง?
เหนือ : กูคิดว่ามึงจะมีชื่อเล่นยาวกว่าชื่อจริงไม่ได้นะ
ฟิลิปปินส์ : กูก็คิดงั้นแหละ แต่กูชอบ 5555
เหนือ : กว่ากูจะเรียกมึงจบ มึงคงเดินไปถึงหน้าคณะแล้วอ่ะ
ฟิลิปปินส์ : ถ้าเรียกฟิลิปปินส์มันยากนัก เรียกที่รักก็ได้นะครับ
เหนือ : อือ...ที่รัก
ฟิลิปปินส์ : /ดิ้นตาย
6. สมมติว่าชื่อ พละ บูรพา /ตอน ป่วย
เหนือ : พละ กินยาหรือยัง
พละ : กินแล้วครับยาย
เหนือ : ยายพ่อง!
พละ : รับมุกกูหน่อย
เหนือ : ลุกมาแดกยาเลย เดี๋ยวไม่หาย รำคาญขี้มูกมึงด้วย
พละ : รังเกียจเหรอ เดี๋ยวเอาขี้มูกป้ายหน้าเลย
เหนือ : กูไม่อยากติดหวัด
พละ : มึงว่า หวัดมันติดกันผ่านน้ำลายได้ป่ะวะ
เหนือ : หน้าตากูเหมือนคนมีความรู้เรื่องนี้มั้ยไอ้พละ
พละ : งั้นกูลองนะ
เหนือ : ไรนะ
พละ : /คว้าคอมาจูบ สาแก่ใจพละจึงปล่อยออก มุมปากยกขึ้นนิดๆ อย่างเจ้าเล่ห์
เหนือ : สัดพละ...ไปแดกยาไป ไป๊!
ขำๆ เน้อ
ขอบคุณทุกคนที่ร่วมสนุกกันมานะคะ
สุดท้ายแล้วบูรพาก็คือบูรพา ก็คนมันบูรพาแบบบูรพาสไตล์อ่ะครับ อิอิ
บูรพากับองศาเหนือ
ตอนพิเศษ อะเมซิ่งวาเลนไทน์
9 กุมภาฯ
"บูรพา เลี้ยงแมวกันเหอะ นะๆ"
"ไม่เอา"
"โห่ โคตรน่ารักเลยดูดิเนี่ย ดูๆ" ผมเดินตามไอ้บูรพาที่กำลังเอาเสื้อที่เพิ่งรีดเสร็จไปใส่ตู้ ในมือถือโทรศัพท์ที่กำลังเปิดรูปแมวของไอ้หลิวที่ขยันโพสท์มาให้ผมอิจฉาเล่นๆ ช่วงนี้ผมกำลังอินกับแมวมาก ไปเล่นที่หอไอ้หลิวแล้วโคตรชอบ อยากได้แมวเป็นของตัวเองสักตัว
"รำคาญ"
ผมชะงักกึก แล้วดึงมือถือกลับมา
"กูหมายถึงรำคาญแมว"
"เออ แล้วไป"
ลองรำคาญกูสิ จะข่วนให้หน้าแหกเลย
"แต่กูอยากได้แมวจริงๆ นะ"
อ้อนมันมาเป็นอาทิตย์แล้วยังไม่ยอมเลย ตอนแรกก็กลัวว่ามันจะแพ้ขนแมว แต่ลองเอาแมวไอ้หลิวมานอนเล่นที่นี่แล้วมันก็ปกติดี ไม่ได้จะเป็นจะตาย แต่ทำไมต้องห้ามอ่ะ ทำไมต้องกีดกันแมวอ่ะ
"แค่ขอเลี้ยงแมวก็ไม่ให้..."
"เออ ไม่ให้"
"ทีมึงแอบสูบบุหรี่กูยังไม่ว่าเลยนะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ แหม ต่อหน้ากูทำเป็นอาทิตย์ละมวน ในกระเป๋ามึงอ่ะกี่ซอง ชิบหาย"
"รู้ได้ไงอ่ะ"
"กูไม่ได้โง่ไง กูฉลาด"
"จ้ะ ฉลาดเหนือใครเลย"
"กูยอมให้สูบบุหรี่ก็ได้ แต่มึงต้องยอมให้กูเลี้ยงแมว"
"เลี้ยงแมวไม่ง่ายนะเว้ย มึงต้องดูแลมันไปทั้งชีวิต ไม่ใช่ได้มาสองสามวันก็เบื่อนะ"
"ไม่เบื่อหรอก กูรับผิดชอบเอง นะๆ"
"ไม่เอา ยังไงก็ไม่ให้"
"โห่..."
"มีมึงคนเดียวเหมือนเลี้ยงแมวสิบตัวแล้ว อ้อนเหี้ย"
เปิดการ์ดแบ๊ว มุกอ้อนบูรพาระดับสิบ!
"บูรพา..." ผมกระโดดเข้าไปเกาะแขนมัน งัดหน้าแบ๊วเหมือนแมวอ้อนเจ้านาย มุกที่ใช้ได้ประจำ เจอไม้นี้รับรองไอ้บูรพาใจอ่อน
"หลบ กูจะรีดผ้า"
"วู้!"
ปกติมันตายนะช็อตนี้อ่ะ! ทำไมไม่ได้ผลอ่ะ หรือว่าอิ่มตัวแล้ว กูมันเก่าแล้วสิ กูมันไม่น่ารัก ไม่น่าตามใจเหมือนเมื่อก่อนแล้วสิ กูยอมกินไก่กับมึงแทบทุกเย็น ยอมเสี่ยงเป็นเก๊าท์ นั่นมันไม่ได้มีความหมายเลยใช่มั้ย ไม่มีประโยชน์ที่จะทนกินไก่เลย!
"ดูทำหน้า"
"กูไปเล่นแมวหอไอ้หลิวดีกว่า"
"อือ รีบไปรีบกลับ"
"กูจะอยู่หอหลิวจนกว่ามึงจะซื้อแมวให้กู" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินออกมาจากห้อง ไอ้หลิวย้ายหอมาอยู่ตึกตรงข้ามผม เพราะหอเก่ามันห้ามเลี้ยงสัตว์ เพื่อแมวมันทุ่มเทขนาดยอมย้ายหอมาอยู่ที่แพงกว่าเดิมสองเท่า เนี่ยคนจริง น่าสรรเสริญ ผมเดินขึ้นไปเคาะห้องมัน สองสามทีมันก็มาเปิดให้ ในมือยังถือตะเกียบค้างเอาไว้ ผมเลื่อนสายตาไปบนที่นอนเห็นชามบะหมี่วางอยู่บนนั้น ข้างๆ กันมีโน๊ตบุ๊คกำลังเปิดซีรีย์เกาหลี กินข้าวบนที่นอนตอนดูหนังเกาหลี วิถีสตรีโสดจริงๆ
"มีอะไรวะ"
"อุ๋งอยู่ไหน" ผมถามถึงแมวที่ชื่อว่าอุ๋ง ชื่อโคตรสร้างสรรค์ที่หลิวมันตั้งให้ หลิวมันบอกว่าแมวมันเหมือนแมวน้ำ แล้วแมวน้ำก็ร้องอุ๋งๆ ไร้สติกว่ากูก็ไอ้หลิวนี่แหละ
"ใต้เตียงโน่น กำลังอินดี้"
ผมก้มลงไปใต้เตียงแล้วหยิบแมวสีขาวตัวอวบอ้วนพอดีมือออกมา ทิ้งตัวนอนลงบนเตียงไอ้หลิว แล้วลูบๆ คลำๆ พุงแมวอย่างสนุกมือ ตัวถูกเกาพุงก็เคลิ้มสบายใจอยู่ในมือผม
"บูรพามันยังไม่ยอมให้มึงเลี้ยงอีกเหรอ"
"ไม่อ่ะ อ้อนจนกูหมดมุกล่ะ ไม่ยอมสักที"
"มึงก็เอาหนอนไปขู่ดิ ไม่ให้เลี้ยงแมว เลี้ยงนอนแม่งเลย"
ผมเงยหน้าไปมอง แล้วพยักหน้าหน่อยๆ กับความคิดบรรเจิดของมัน
"เออ ความคิดดีๆ"
"แต่มันคงตายก่อนอ่ะ"
ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะได้ยินเสียงมือถือของหลิวดังขึ้นมา
"บีบี? โทรมาทำไมวะ" มันบ่นเบาๆ ก่อนจะกดรับ
"ว่าไงบีบี อ๋อ ไปซื้อแล้วเหรอ เออ เอาๆ นี่อยู่กับไอ้เหนือพอดี"
ผมเงยหน้าไปมองเมื่อถูกพูดถึง เลิกคิ้วนิดหนึ่งเป็นเชิงถาม
"คอนเสิร์ตวันวาเลนไทน์อ่ะ ตกลงมึงกับบูรพาไปเปล่า บีบีกำลังไปซื้อบัตร"
"เออ กูลืมถามไอ้บูรพาเลยอ่ะ" มัวแต่วอแวมันเรื่องแมวนี่แหละ เลยลืมเรื่องคอนเสิร์ตวันวาเลนไทน์ที่จะจัดที่ร้านเหล้าหลังม. ไอ้หลิวมันบอกผมตั้งแต่เมื่อวานแต่ไม่ได้นึกถึงเลย
"กูว่าไปแหละ พวกเราก็ไปกันหมดอ่ะ"
"เออๆ เอามาเลยก็ได้" ผมบอกปัดๆ ก่อนหลิวจะหันไปบอกบีบีให้ซื้อบัตรเผื่อผมกับไอ้บูรพาด้วย ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที บีบีกับหนุ่มก็มารวมตัวกันที่ห้องไอ้หลิว จริงๆ มันมาทวงตังค์ค่าบัตรคอนเสิร์ต แล้วก็อยู่คุยกันสักพัก โมเม้นท์ชะนีสุมหัว ผมก็เลยต้องขอตัวกลับก่อน
"เดี๋ยวเจอกันพรุ่งนี้นะเหนือ" บีบีพูดก่อนผมจะเดินไปเปิดประตู
"โอเค ไปล่ะ"
"ไอ้เหนือ แมวกูๆ"
"อุย...ติดมือ" ผมส่งอุ๋งคืนให้หลิว ก่อนจะเดินกลับหอ กลับมาถึงเห็นไอ้บูรพานั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุ๊ค มันเงยหน้ามามองแล้วยักคิ้วให้ทีหนึ่ง ก่อนจะก้มลงไปจริงจังกับหน้าจอต่อ
ยักคิ้วให้คือไร
"บูรพา คืนวันวาเลนไทน์ทำอะไรเปล่า?"
"อยากให้กูทำอะไรล่ะ" มันเงยหน้าขึ้นมาแล้วหรี่ตามองด้วยใบหน้ากวนๆ
"ไอ้บ้า กูหมายถึงไม่ได้ไปไหนใช่มั้ย?"
"ไม่นี่ มีอะไรเปล่า"
"พวกไอ้หลิวมันชวนไปคอนเสิร์ตร้านนั่งเล่นอ่ะ"
"คนเยอะอ่ะ"
"เฮ้ย แต่น่าไปนะเว้ย"
"ไว้เปิดเพลงฟังที่ห้องก็ได้"
"แต่พวกเพื่อนก็ไปกันหมดเลยนะ"
"ปล่อยคนโสดมันไปกัน มึงกับกูทำอย่างอื่นดีกว่า"
ผมถอนหายใจเบาๆ แล้วควักบัตรออกมาจากกระเป๋ากางเกง กระแทกลงบนโต๊ะ
"กูซื้อบัตรมาแล้วไง"
"เอ้า"
"กูคิดว่ามึงจะไปไง แต่ไม่ไปไม่เป็นไร เดี๋ยวไปขายต่อ"
ผมพูดเบาๆ แล้วดึงบัตรสองใบนั่นกลับมา มองตาห้อยๆ ตัวกูอยากไป ตัวกูอยากดูซีซั่น ไฟว์
"โห...หงอยเลย" ไอ้บูรพายกมือเคาะหัวผมเบาๆ
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตามัน
"มองตากูหน่อยสิ"
"มองอยู่"
"จงตามใจกู...ตามใจกู...ตามใจกู"
"เออ ไปก็ไป ไม่ต้องร่ายมนต์"
"ตกลงไปนะ"
"อืม ถ้าตัวมึงอยากไปก็ไป"
"โอ้เย่! วันนั้นไม่มีเรียนพอดี งั้นตอนเช้าไปดูหนังกันมั้ย"
"เอาดิ"
"กินชาบูด้วยนะ"
"โอเค"
"แล้วก็..."
"แพลนเยอะเนอะ"
ผมหยุดความคิดในหัวที่กำลังคิดว่าจะทำอะไรดีในวันนั้น แล้วหันไปหาไอ้บูรพา
"อือ อยากทำนั่นทำนี่ อยากทำไปหมด"
"..."
"คงดีถ้าได้ทำกับมึง"
"ทำอะไรก็ได้เหรอ" มันพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นมาลูบๆ คลำๆ หัวไหล่ผมเบาๆ
"สันดานบูรพา"
"เอ้า! ก็เรื่องนี้กูอยากทำกับมึง หรือจะให้กูไปทำกับคนอื่น"
"อยากตายก็ลอง"
"น่าลองๆ"
"ม่าย!" ผมหวีดลั่นแล้วเขยิบเข้าไปรวบตัวมันเอาไว้
"โห ล้อเล่นเว้ย ขี้หวงนะเราเนี่ย"
"หวงดิ อย่างมึงนี่หลุดมือไปเสียดายตายเลย หาจากไหนไม่ได้แล้วด้วย"
"งั้นก็ทำกับกูสิ"
"ดีหมด เว้นเสือกทะลึ่งนี่แหละ"
"เอ้า..."
"แต่ก็ได้นะ..."
"ว้ายๆ เสียตัวไม่ว่า เสียบูรพาไม่ได้"
ผมกลั้นยิ้มแล้วทุบอกมันเบาๆ ทีหนึ่ง
"งั้นคืนนี้เลยได้ป่ะ พรีวาเลนไทน์ไง"
"พรีห่าอะไรเป็นอาทิตย์"
"โห่...นับวันรอเลยเนี่ย เคาท์ดาวน์เลยมั้ย"
"วู้ ไปอาบน้ำแล้ว!" ผมผลักมันออกแล้วลุกไปห้องน้ำ
"ไอ้เหนือ..."
"อะไร?" ผมหันกลับไปถาม
"มึงรู้เปล่าว่าวันวาเลนไทน์ไม่เคยมีความหมายกับกูเลย จนได้มีมึงนี่แหละ"
ตกใจนิดหนึ่งที่อยู่ๆ ก็มาโหมดซึ้ง แต่ริมฝีปากผมก็ขยับกว้างเป็นรอยยิ้มอย่างห้ามไม่ได้
"ขอบคุณที่มาทำให้กูรักได้มากขนาดนี้"
"พอแล้ว เขิน"
"ยังพูดไม่จบเลย"
"ไปเขียนใส่หนังสือเล่มใหม่มาให้ไป" ผมพูดแค่นั้นก่อนจะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำ มองเห็นตัวเองในกระจกที่หน้าบานจนแก้มแทบแตก
ผมยอมรับว่าทุกๆ วาเลนไทน์ของผมพิเศษเสมอ เพราะมีคนที่รักอยู่ด้วยตลอด แต่ปีนี้คนที่อยู่ด้วยคือไอ้บูรพา ผมเลยหวังว่ามันจะพิเศษกว่าเคย...
แค่รู้สึกพิเศษกว่าถ้าเป็นบูรพา
...
12 กุมภาฯ
วาเลนไทน์ใกล้เข้ามาทุกที ที่รู้สึกได้ก็เพราะบรรยากาศรอบๆ ตัวเริ่มเปลี่ยนไป ในเซเว่นนี่แดงไปทั้งร้าน ซาลาเปายังเป็นรูปหัวใจอ่ะคิดดู มึงจะขยี้คนโสดให้ตายคาร้านเลยใช่มั้ย ร้านกิ๊ฟช็อปแถวม.เริ่มเอาของขวัญมาวางขาย ทั้งตุ๊กตา ดอกไม้ สีแดงสีชมพูเต็มไปหมด มันเป็นเทศกาลของคนมีความรัก แค่มองก็รู้สึกมีความรักแล้วอ่ะ
"รำคาญ ตุ๊กตาห่าอะไรแพง"
"กุหลาบอะไร แดกก็ไม่ได้"
"ไร้สาระ"
"วันงานคอนเสิร์ตใส่เสื้อดำนะโว้ย!"
เว้นแต่ไอ้พวกโสดๆ ที่ยืนบ่นพึมพำกันอยู่นี่แหละ โสดแล้วพาลไง ไม่รู้จะลงกับอะไร ผมกับไอ้บูรพาได้แต่หันหน้ามองกันแล้วยิ้มนิดๆ ตอนที่คนโสดกำลังโวยวาย แล้วเดินตามพวกมันขึ้นหอไอ้หลิวเพราะวันนี้มีนัดทำงานกลุ่มกัน ทั้งผม ไอ้บูรพา บีบี และหนุ่มมารวมตัวกันที่หอไอ้หลิว ห้องกว้างๆ เลยดูแน่นไปทันที ผมนอนอยู่บนเตียงกับแมวอุ๋ง ปล่อยให้ไอ้บูรพากับหลิวนั่งทำงานที่พื้นกันสองคน ส่วนบีบีกับหนุ่มอยู่อีกมุม หวีดกันอยู่สองคนอะไรไม่รู้
"ตื้ด...ตื้ด..."
ผมเหลือบตาไปมองโทรศัพท์ระบบสั่นของไอ้บูรพาที่ทิ้งไว้กับผม ก่อนจะเห็นว่าเป็นแม่มันโทรมา เลยยื่นมือไปสะกิดเจ้าของโทรศัพท์ มันกดรับแล้วออกไปคุยที่นอกระเบียง แอบเห็นมันทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ก่อนจะคุยเสร็จแล้วเดินกลับเข้ามา
"มีอะไรเปล่า" ผมถามเพราะเห็นหน้าตาตึงๆ ของมัน คนถูกถามวางมือถือลงแล้วมานั่งข้างๆ ผม
"เหนือ...วาเลนไทน์นี้กูต้องกลับบ้านว่ะ"
"อ้าว..."
สิ้นเสียงผม คนในห้องก็เงียบไปด้วย ได้แต่กลอกตามองกันไปมา
"พอดีมีงานแต่งญาติ ตอนแรกกูกะจะไม่ไปเพราะอยากอยู่กับมึงไง"
"อ๋อ มึงก็ไปดิ ญาติมึงนะเว้ย"
"กูก็ไม่ได้สนิทกับเขาไง แต่แม่กูขอให้ไปอ่ะ"
"เออ ไปเหอะ ไม่เป็นไร"
"ขอโทษจริงๆ ว่ะ มึงอย่างอนนะ"
"เฮ้ย...ไม่งอน"
"ดูทำหน้าดิ ใจไม่ดีเลยเนี่ย"
ผมเงยหน้าขึ้นไปมองมัน แล้วยิ้มนิดๆ
"ไม่งอนนะ นะๆ ขอร้องเลย"
"เฮ้ย ไม่ได้งอน"
"เดี๋ยวขับรถไป จะได้รีบขับกลับ เผื่อทัน"
"ไม่ต้องเลย พากูเป็นห่วงอีก ไม่ต้องรีบ กูไม่งอน"
"ขอโทษจริงๆ นะมึง"
"เฮ้ย ไม่งอน ไม่งอนเลย"
เห็นเป็นคนขี้งอนหรือไง
.
.
.
เออใช่...กูขี้งอนมาก งานแต่งอะไร ไม่ต้องแต่ง ไว้แต่งวันอื่น! ไม่ให้ไป! ไม่อาว ม่าย!!
...
**อ่านต่อด้านล่างค่ะ**
บูรพากับองศาเหนือ ตอนพิเศษ อะเมซิ่งสงกรานต์
บูรพา :
ห้องเรียนรวมวิชากฎหมาย
ผมนั่งฟังอาจารย์สอนเกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้น แล้วขีดไฮไลท์ลงชีทอย่างเบื่อๆ ไอ้เหนือที่นั่งเรียนอยู่ข้างๆ ไม่ได้มีความสนใจอะไรในบทเรียนเลย มันบ่นกับผมตลอดว่าเบื่อวิชานี้ พอๆ กับที่ผมเบื่อ มันก็เลยไม่ได้ตั้งใจเรียน หยิบมือถือขึ้นมาเล่นบ้าง หันไปคุยกับหลิวบ้าง วาดรูปเล่นบ้าง ลามจากกระดาษก็มาวาดแขนกูเล่น ผมเหลือบตาไปมองไอ้เหนือที่เอาปากกาแดงตัดเส้นรอบๆ เส้นเลือดที่แขนไปจนถึงมือผม แล้วเอาปากกาสีเขียวระบายข้างใน
"สนุกมั้ยล่ะ?"
"เท่จะตาย มึงน่าจะมีรอยสักนะ แมนๆ" มันว่าแล้วเปลี่ยนเป็นปากกาสีดำ แล้วบรรจงวาดมังกรที่ลักษณะเหมือนจิ้งจกมีเกล็ด
"มันสกปรกมั้ยเนี่ย?"
"บูรพาลายพรางไง"
ถึงบอกให้หยุดวาดมันก็ไม่หยุดหรอก เลยปล่อยให้มันสร้างผลงานลงบนแขนผมทั่วทั้งแขน
"พอแล้ว มันเลอะ"
"ไรวะ"
"ดูเนี่ย สกปรก"
"อ่ะ ให้เขียนคืน" มันดึงแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นแขนขาวๆ มาให้ผมพร้อมปากกาดำ ผมหยิบปากกามาเขียนลงไปบนแขนมันตัวใหญ่ๆ
รักนะ
"ไอ้บ้า" ด่าว่าบ้าแต่หน้าแดงจัด ผมหัวเราะเบาๆ แล้วผลักหัวมันไปทีหนึ่งอย่างหมั่นเขี้ยว
"คืนนี้พี่ขอ"
"ไอ้เหี้ย!"
ผมยกมือตบปากมันไปเบาๆ
"นอนแล้ว เบื่อ" มันว่าแล้วดึงแขนผมไปรองหัวนอน
"กูเมื่อยนะเนี่ย"
ต่อให้บ่นว่าเมื่อยก็ดึงมือกลับมาไม่ได้ กับไอ้โคอาล่านี่กูจะขัดใจอะไรได้เหรอ มีสถานะเป็นผัวทาสที่แท้จริง ผ่านไปเกือบครึ่ง
ชั่วโมงประตูหลังห้องถูกเปิดออกโดยไอ้ไกด์ เห็นว่าข้างๆ ผมอีกฝั่งว่างมันก็เดินเข้ามานั่งด้วย วางชีทกับโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ทั้ง
ตัวมันมีแค่นั้นที่ถือติดมือมา
"มาทำห่าไรเนี่ย จะหมดคาบแรกละ"
"เช็คชื่อไปยัง"
"ยัง"
"งั้นแปลว่าทัน เรียนถึงไหนแล้ววะ" มันหันมามองชีทในมือผม แล้วหันกลับไปพลิกชีทตัวเอง
"ไหนวะ ไม่เห็นเหมือนของมึงเลย"
ผมพลิกหน้าแรกของชีทมันมาดู
"นี่มันชีทของคาบที่แล้ว"
"อ้าวเหรอ คาบที่แล้วกูโดดเหรอ"
"กูไม่เห็นหน้ามึงมาสองคาบละ"
"เอาเหรอ ไม่รู้ตัวเลย"
ผมส่ายหน้านิดๆ แล้วดึงชีทของไอ้เหนือมาส่งให้มันแทน เพราะไงไอ้เหนือมันก็ไม่ได้มาเพื่อเรียนอยู่แล้ว
"ขอยืมปากกาด้วยดิ"
"มึงเอาอะไรมาเรียนบ้างเนี่ย"
"มาทันเช็คชื่อก็บุญละ กูขาดไม่ได้แล้วคาบนี้อ่ะ"
"มึงนิ" ผมส่ายหัวหน่อยๆ ตัวเองก็มีปากกาแท่งเดียวเหมือนกัน เลยหันไปหยิบของไอ้เหนือที่มีปากกาหลากสีมากกว่ายี่สิบแท่ง
ส่งให้มัน มันบอกว่าใช้ปากกาหลายสีมีส่วนช่วยให้จำบทเรียนได้ดี ก็เลยไปซื้อมาครบทุกสี แต่ถามว่าเกิดประโยชน์มั้ย ก็ไม่
เพราะมันมาเรียนทีไรก็เอาแต่นอน
"โอเค วันนี้พอแค่นี้ก่อน"
สิ้นประโยคนั้นของอาจารย์เสียงนักเรียนในห้องก็ดังฮือขึ้นทันที ไอ้ที่ง่วงๆ ก็หายเลยเมื่อได้ยินคำว่าหมดเวลา ผมหันไปมองไอ้
เหนือที่ยังนอนทับแขนผมอยู่ คำว่าหมดเวลาแล้วเหมือนเป็นเสียงนาฬิกาปลุก มันลุกพรวดขึ้นแล้วยกมือขยี้ตาสองสามที มันอ่ะ
หลับสบาย แต่แขนซ้ายกูเป็นอัมพาตครึ่งซีกไปเรียบร้อยแล้ว
"หิวข้าวอ่ะ กินข้าวกัน"
ชีวิตขององศาเหนือวนอยู่แค่นี้ นอนๆ แดกๆ แดกๆ นอนๆ ผมทำได้แค่พยักหน้ารับแล้วเก็บของใส่กระเป๋า เดินตามพวกมันออก
ไปข้างนอก ก่อนกลับหอก็มาแวะซื้อข้าวร้านประจำ แต่ข้าวกล่องเดียวไม่เคยเพียงพอต่อความต้องการการกินของมัน ระหว่างที่ผมนั่งรอข้าว มันก็เดินออกไปหาอะไรกินเพิ่ม ก่อนจะกลับมาพร้อมลูกชิ้นปิ้ง ปลาหมึกย่าง น้ำสตอเบอร์รี่ปั่น และไก่ทอด อันหลังนี่น่าจะเป็นของผม มันไม่ชั่งน้ำหนักมาหลายเดือนแล้วก็เลยอัพเดตน้ำหนักล่าสุดของมันไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่สามารถแบกมันขึ้นหลังได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว
กลับมาที่หอ หลังจากกินอิ่มแล้ว มันก็ทิ้งตัวลงนอนทันที
"เหนือ มึงต้องทำรายงาน ส่งพรุ่งนี้"
"โห่ ขี้เกียจจริง"
"ลุกขึ้นมาเลย"
"เออ รู้แล้ววว" มันลากเสียงยาวแล้วคว้าโน้ตบุ๊กไปนอนทำงานบนเตียง รายงานวิชาอังกฤษที่อาจารย์สั่งมาสองอาทิตย์แล้ว ผมก็
รบเร้าให้มันทำมาสองอาทิตย์แล้วเช่นกันแต่รายงานมันขยับไปแค่สองหน้า ต่อให้อาจารย์สั่งนานแค่ไหน มันก็ทำคืนก่อนวันส่งทุกที บ่นจนขี้เกียจบ่นแล้ว บ่นมากๆ มันงอนอีก
ผมปล่อยให้มันนั่งทำรายงาน ส่วนผมขยับมารีดผ้าอีกมุม ที่จริงเป็นหน้าที่ไอ้เหนือนะ แต่ตอนนี้เริ่มหมดโปรโมชั่นแม่บ้านของมัน ขี้เกียจทีไรก็โยนมาให้ผมทำหมด
"ตื้ด...ตื้ด...."
เสียงมือถือทำให้ทั้งผมและมันหันไปมองมือถือที่วางอยู่ข้างๆ กันหน้าทีวี ก่อนจะเห็นว่าเป็นของไอ้เหนือ มันก็เลยลุกไปกดรับ
"ว่าไง ตอนนี้เหรอ กูทำรายงานอยู่ ยังไม่เสร็จเลยอ่ะ พรุ่งนี้ค่อยไปดิวะ อ้าว เหรอ เอออยากดูอ่ะ ไม่เป็นไรๆ กูต้องทำรายงาน ไป
เหอะ เออๆ โอเค" มันวางมือถือลงบนเตียงแล้วทำหน้ายู่นิดๆ จนผมต้องถาม
"มีอะไร"
"ไอ้หลิวชวนไปดูหนังอ่ะ ฉายวันสุดท้ายแล้วด้วย"
"เรื่องที่มึงบอกว่าอยากดูอ่ะนะ"
"อือ เสียดายอ่ะ น่าจะชวนเมื่อวาน"
"อยากไปมั้ย"
"อยาก แต่ต้องทำงานนี่ไง ช่างมัน"
"ไปดิ เดี๋ยวทำต่อให้"
"เฮ้ย ไม่เป็นไร นี่มันงานกู..."
"คิดใหม่ ให้โอกาส"
"ทำต่อให้หน่อย!" มันว่าแล้วลุกพรวดออกจากเตียง ถอดเสื้อนักศึกษาออก แล้วคว้าเสื้อยืดในตู้มาใส่แทน ไอ้เหนือหยิบมือถือ
ขึ้นมาโทรกลับไปหาหลิวว่าจะไปด้วย
"บูรพา กูเอารถมึงไปนะ พวกไอ้หลิวได้ไปด้วย"
"อือ ขับดีๆ"
"โอเค กลับไม่เกินห้าทุ่ม ขอบคุณนะ ไปล่ะ" มันพูดรัวๆ คว้าคอผมไปกดจมูกเข้ามาข้างๆ แก้มก่อนจะวิ่งพรวด ออกไปจากห้อง
ผมได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ เอาเสื้อที่รีดเสร็จแล้วใส่ตู้ แล้วหยิบโน้ตบุ๊กไอ้เหนือที่ทำงานค้างไว้มานั่งทำงานต่อให้ที่โต๊ะหนังสือ จะ
เรียกว่าทำต่อดีมั้ย เพราะกูรื้อใหม่ตั้งแต่เริ่มเลย จริงๆ ก็ไม่อยากทำงานให้มันบ่อยๆ เพราะกลัวมันจะเคยตัว แต่ปล่อยให้มันทำ
เองทีไร ก็ลำบากต้องมานั่งแก้ให้ทุกที จะขึ้นปีสามแล้ว ไอ้เหนือก็ยังไม่ฉลาดขึ้น
นั่งทำอยู่พักใหญ่ๆ ก็เสร็จ ผมกดปรินท์งานให้มันเรียบร้อย ก่อนจะกดปิดหน้าเวิร์ด ภาพวอลเปเปอร์หน้าจอทำให้มุมปากยกขึ้นนิดๆ ภาพตั้งแต่สมัยปีหนึ่ง ตอนที่ผมกับมันเป็นคู่บัดดี้กันในกิจกรรมค่ายเอก เราสองคนกับใบหน้าเละๆ ยืนคู่กัน เป็นภาพคู่ภาพแรกเลยมั้ง ผมกับมันถ่ายรูปคู่กันไม่บ่อย ถ้าไม่คนอื่นถ่ายให้ตอนผลอๆ ก็แทบจะไม่มีภาพคู่เลย เพราะผมจะเป็นฝ่ายถ่ายมันอยู่คนเดียว แสนแปดรูปที่กินพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ก็เป็นมันทั้งนั้น ผมกดปิดโน้ตบุ๊กมัน เห็นว่าโต๊ะหนังสือมันรกจนแทบไม่มีที่ว่างเลยรวบชีทที่กระจายอยู่มากระแทกรวมกัน จัดหนังสือเข้าไปบนชั้นเหนือโต๊ะ ก่อนจะเหลือบไปเห็นหนังสือสองเล่มที่มันเก็บแยกเอาไว้ หนังสือที่ผมทำให้มัน นอกจากเล่มองศาเหนือ ยังมีหนังสือเล่มที่สองที่ผมทำให้มันเมื่อต้นปีชื่อว่า รอยยิ้มขององศาเหนือ รวมภาพไอ้เหนือที่ผมแอบถ่ายบ้าง มันตั้งใจให้ถ่ายบ้าง ตอนมันเห็นนี่เขินหูแดงเลย แอบเห็นมันเอามาเปิดดูอยู่บ่อยๆ ผมดึงหนังสือเล่มนั่นออกมาจากชั้น แล้วพลิกดูลวกๆ ภาพนิ่งดีกว่าตัวจริงเยอะ เพราะในภาพมันด่าไม่ได้ไง ผมพลิกไปที่หน้าสุดท้ายของเล่ม ก่อนจะเห็นเศษกระดาษยับๆ ใบหนึ่งแนบอยู่
ตอนเปิดเทอมใหม่มีการจับสายเทค แล้วน้องๆ ปีหนึ่งจะได้คำใบ้เกี่ยวกับพี่ปีสองเพื่อตามหา น้องเทคผมที่ได้คำใบ้ไป เอากระดาษแผ่นนี้มาให้ดู ตอนผมเอามาให้ไอ้เหนือดูมันโวยวายว่าน้ำเน่า แต่มันก็เก็บเอาไว้ คำใบ้ที่ผมเองยังเขินเลย
หัวใจขององศาเหนือ
ไอ้เหนือมันด่าผมบ่อยกว่าบอกรัก เรียกไอ้เหี้ยบ่อยกว่าเรียกชื่อบูรพา ไม่ค่อยพูดแต่ทำให้เห็นมากกว่า มันก็เลยน่ารักชิบหาย น่ารักแบบควายๆ ว่าแต่นี่มันจะเที่ยงคืนแล้ว ยังไม่โผล่หัวกลับมา ไหนบอกไม่เกินห้าทุ่ม ผมคว้ามือถือจากหน้าทีวีแล้วทิ้งตัวลงที่นอนก่อนจะไลน์หามัน
บูรพา : ตัวมึง กลับยัง?
ไม่ถึงนาทีมันก็ตอบกลับมา
องศาเหนือ : ยัง
บูรพา : กลับได้แล้ว
มันส่งสติกเกอร์กลับมาตัวหนึ่ง เป็นสติกเกอร์ที่กวนตีนที่สุดเท่าที่กูเคยเห็นมา
เปงผัวอ่อมาสั่ง
สัด...
บูรพา : หาเมียใหม่ บาย
แค่นั้นแหละมันก็ส่งข้อความมารัวๆ
องศาเหนือ : งื้อ
องศาเหนือ : กลับมาแล้ววว
องศาเหนือ : ซื้อปังเย็นอยู่
องศาเหนือ : คนเยอะ
องศาเหนือ : รอแปบบบ
องศาเหนือ : ใกล้แล้วๆๆ
หำน้อยเอ๊ย...หาใหม่ก็ไม่ได้แบบนี้อ่ะ เพราะงั้นคนนี้แหละดีที่สุดแล้ว...
...
วันเสาร์เป็นวันที่ดูเหมือนไม่ใช่วันหยุด เพราะทั้งงาน ทั้งสอบพุ่งเข้ามากองรวมกันไม่ได้หยุด อีกไม่กี่วันก็จะถึงช่วงหยุดยาวสงกรานต์ แต่หลังจากสงกรานต์ก็คือช่วงสัปดาห์นรกของการสอบไฟนอล ผมรีบทำงานที่อาจารย์สั่งมาก่อน เพราะจะได้มีเวลาอ่านหนังสือ และก็ต้องติวหนังสือให้ควายด้วย คนอื่นอธิบายสองรอบก็จำ แต่สมองขององศาเหนือต้องใช้คำอธิบายมากกว่าห้ารอบขึ้นไป น้อยกว่านั้นมันจะไม่ประมวลผล แต่ตอนนี้มันยังทำตัวขี้เกียจ นอนตัวยาวกินขนมอยู่บนเตียง แมวที่ร้องอยากได้นักหนา พอได้มาก็เห่ออยู่ช่วงเดือนแรก หลังจากนั้นก็ปล่อยปะละเลย ลำบากมาเป็นภาระกูอีก เมื่อทำทั้งการบ้าน ทั้งงานบ้านเสร็จแล้ว ผมก็เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงข้างๆ มัน
"เฮ้ย!"
เสียงดังของมันทำให้ผมลุกพรวดขึ้นมา
"อะไร"
"มึงอ่ะ! อาณาจักรหมีกูพังหมด!"
ผมขมวดคิ้วมองไอ้เหนือ และกองทัพหมีจอยลี่แบร์ที่มันตั้งเรียงอยู่บนที่นอน ผมทิ้งตัวลงที่นอนแรงไปหน่อย หมีมันเลยกระเด็น
ออกไป
ปัญญาอ่อนเหี้ยๆ
"ของกิน ทำไมเอามาเล่น"
"กูเล่นเสร็จก็กินไง"
"แล้วเอามาวางบนที่นอนอีก เดี๋ยวมดขึ้น เก็บเลย ไม่เข้าเรื่อง"
พอโดนดุก็ทำตัวน่ารักใส่ ไอ้เหนืองัดหน้าแบ๊วมาอ้อน ผมก็เสือกยอมมันง่ายๆ งงตัวเอง
"อ่ะๆ เดี๋ยวเรียงให้ใหม่ก็ได้" ผมจับหมีเยลลี่ให้กลับมาตั้งเหมือนเดิม เรียงไปยาวๆ บนที่นอน กูก็ไม่รู้ว่ามันได้อะไรจากการทำ
แบบนี้หรอก แต่ไอ้เหนือยิ้มกว้างตอนผมช่วยมันจับหมีตั้งขึ้น ก็เลยไม่อยากจะขัดใจ
"มึงว่าจอยลี่แบร์สีไหนอร่อยที่สุด"
"มันไม่เหมือนกันเหรอวะ"
"ไม่เหมือน สีไหนก็รสนั้นดิไอ้ฟาย"
"ก็กูไม่รู้ รสชาติมันก็เหมือนๆ กันอ่ะ" ผมว่าแล้วหยิบหมีสองตัวสีเขียวกับสีส้มเข้าปากพร้อมกัน
"มึงกินทีละสีดิ แล้วเวลากินอ่ะ ต้องกัดหัวก่อน มันเป็นสเต็ป"
"ไร้สาระ"
"จริงๆ นะเว้ย มันจะอร่อยขึ้น" ไอ้เหนือว่าแล้วหยิบหมีไปกัดส่วนหัวก่อน แล้วค่อยกินส่วนตัวตามเข้าไป ไม่ค่อยเข้าใจตรรกะและ
ความคิดของมันเท่าไรหรอก แต่ก็น่ารักดี แค่มันยิ้มก็งงๆ เหมือนโดนของ หน้ามืดตามัวผัวทาส มันทำอะไรก็ดี ก็น่ารักไปหมด
"ติ๊งต๊องจริงๆ มึงอ่ะ"
"ต๊องพ่อมึงสิ"
ผมส่ายหัวหน่อยๆ แล้วขยับไปนอนบนเตียง หยิบรีโมทแอร์มาปรับอุณหภูมิเพราะอากาศช่วงเดือนเมษาร้อนแบบชิบหายวายป่วง
เปิดประตูออกไปข้างนอกมีสิทธิ์ตายได้เลย ปกติอากาศของจังหวัดนี้ก็ร้อนจนไม่เคยคิดถึงฤดูอื่นอยู่แล้ว แต่ยิ่งเป็นฤดูร้อนยิ่ง
สัมผัสได้ถึงอุ่นไอจากนรก อุณหภูมิเหยียบสี่สิบองศาทุกวัน ผมก็เลยไม่ค่อยออกไปไหนตอนกลางวัน
"ตัวมึง กูหนาว" ไอ้เหนือหันมาบ่น เพราะตรงที่มันนั่งแอร์ตกใส่หัวพอดี
"มานอนนี่มา"
"เปิดแอร์แล้วก็ห่มผ้า เปลืองค่าไฟจริงๆ"
"บ้านกูรวย มานอนนี่"
มันคว่ำปากใส่ทีหนึ่งแล้วแทรกตัวเข้ามานอนข้างๆ ในผ้าห่มผืนเดียวกัน เพื่อดูรายการทีวีช่องสารคดี ที่กำลังฉายภาพช้าง
แอฟริกา
"อยากไปแอฟริกาว่ะ" ผมบอก
"ไปหาพ่อมึงเหรอ"
"มึงหนิ!"
"ก็ไม่เห็นน่าไปเลย"
"กูอยากไปดูช้างใกล้ๆ" ผมยังคงชอบเที่ยวเพื่อหาที่สวยๆ ถ่ายรูป แอฟริกาเป็นหนึ่งในเมืองที่คิดว่าก่อนตายต้องไปให้ได้
"ไปด้วยกันมั้ย"
"ไม่อ่ะ"
"งั้นกูไปนะ"
"ไปเลย ไปให้สิงโตแดกตายแล้วไม่ต้องกลับมา"
"กูไม่กลับก็อย่ามาร้องไห้ละกัน"
ไอ้เหนือเงยหน้าขึ้นมามอง อยู่ๆ ก็ยกมือมากอดผม
"เปลี่ยนใจ ไม่ให้ไปละ"
ผมได้แต่หัวเราะเบาๆ มันเงยหน้าขึ้นมามองแล้วยกมือมาหยิบอะไรบางอย่างที่คอผม
"อะไรอ่ะ"
"มด"
"นี่ไง มดขึ้นเลยเห็นมั้ย"
"เราหวานไง มดเลยขึ้นเรา"
"มันมาแดกจอยลี่แบร์มึงมั้ง"
"โด่ มึงก็เอื้ออารีกับสัตว์ร่วมโลกหน่อยดิ มดมันก็หิวนะเว้ย ก็ต้องหาอะไรกิน"
"มันกัดก็คันไง"
"เดี๋ยวเกาให้" มันว่าแล้วยกมือขึ้นมาเกาคอผมอย่างแกล้งๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ ดูมีความสุขกับการนอนลูบลูกกระเดือกกู
คนดีๆ เขาทำกันมั้ยล่ะ
"เออบูรพา สงกรานต์กลับบ้านป่ะ"
"ว่าจะไม่กลับอ่ะ ไม่มีใครอยู่บ้าน เขาไปเที่ยวกัน มึงกลับมั้ย กูไปส่ง"
"ไม่อ่ะ พ่อไปเที่ยวกับเพื่อนเหมือนกัน งั้นเราไปไหนกันดีอ่ะ"
"ไม่ต้องไป อ่านหนังสือเตรียมสอบไฟนอล"
"โห่ไอ้บ้า วันหยุดใครเขาคิดเรื่องเรียนกัน"
"เดี๋ยวอ่านไม่ทันไง"
"ไม่อาว ไปเที่ยวดีกว่า ไปเชียงใหม่ดีมั้ย"
"ไม่ดี"
"ทำไม"
"รถเยอะ คนเยอะ"
"แล้วจะอยู่เฉยๆ ตั้งห้าวันอ่ะนะ เบื่อตายห่า เพื่อนก็กลับบ้านกันหมดอ่ะ แล้วสงกรานต์เชียงใหม่สนุกนะเว้ย"
"คนเยอะจะตาย ไหนจะที่พัก เดินทาง ขับรถช่วงเทศกาลอันตรายไปอีก แล้วจะเอาแมวไปไว้ที่ไหน"
"แต่กูอยากไป"
มันพูดชัดๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมามอง หัวคิ้วเลิกขึ้นนิดๆ ริมฝีปากสีชมพูเชิดขึ้นตามแบบฉบับการอ้อน คิดจะมองหน้านี้ใจต้องแข็ง
มันกำลังล่อลวงเรา อย่าหลงกลมัน อย่าหลงกล อย่า
"โอเค ไป"
"ชนะ!" มันพูดแล้วแลบลิ้นให้นิดๆ
จ้ะ...
"กูยอมให้เหอะ"
"มึงเอาชนะกูไม่ได้หรอกบูรพา กูองศาเหนือนะครับ"
"จ้า บักหำน้อย"
"พ่อง!"
ปากมันด่าแต่มือมันกระชับกอดผมแน่น
"ตามใจกูตลอด ไม่เบื่อบ้างเหรอวะ"
"ไม่เบื่อ เพราะกูก็ตามใจตัวเองเหมือนกัน"
"ยังไงวะ"
"ก็ใจกูมันสั่งให้ตามใจมึง ก็เลยต้องตามใจตัวเองเพื่อตามใจมึงไง"
"กูงงเลยเนี่ย"
"ไม่ได้คาดหวังว่ามึงจะเข้าใจหรอก ไอ้ฟาย"
"ไอ้ตัวเหี้ย!"
"งั้นตามใจกูมั่งดิ ขอกัดคอหน่อย"
"ก็สันดานมึงเป็นซะอย่างเนี้ย"
"นะๆ"
"ไม่โว้ย!"
"งื้อ"
"มึงเป็นเห็บหมา มึงไม่สิทธิ์งื้อ"
"อ้อนไง งื้อ"
"งื้อยังไงไม่คิ้วท์เลย"
"ไม่อ้อนละสัด!"
"เฮ้ย! เดี๋ยว! ไอ้บูรพา!"
เดี๋ยวนี้ผมไม่ค่อยชอบกินไก่แล้ว เพราะหันมาเสพติดเนื้อควายแทน...
...
อ่านต่อด้านล่างค่ะ
บูรพากับองศาเหนือ : ขอบคุณที่รักกัน
องศาเหนือ :
ห้องโถงคณะมนุษย์ฯ
วันนี้ใต้โถงคณะมีงานมอบรางวัลนิสิตดีเด่นประจำปี ผมกับเพื่อนก็เลยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ก่อนเริ่มงาน คนรับรางวัลไม่ใช่ผม แต่เป็นไอ้บูรพาที่ได้รางวัลนิสิตดีเด่นสาขาผลการเรียนยอดเยี่ยม ไอ้ไกด์ก็มีรายชื่ออยู่ในนิสิตฝ่ายเด่นด้านกิจกรรมด้วย แต่ความสนใจของผมมีไว้ให้ไอ้บูรพาคนเดียวหมดแล้ว วันนี้มันแต่งตัวถูกระเบียบหัวจรดเท้า แล้วเมื่อไรที่มันแต่งตัวแบบนี้ก็อยากให้รางวัลคนหล่อดีเด่นไปด้วยเลยแม่ง ผมเห่อกว่าคนได้รางวัลอีก แบกกล้องของมันตามมาเพื่อถ่ายรูปมันไม่ได้หยุด ถ่ายจนไอ้หลิวหันมากระแทกศอกแซว
"แหวะ! คนเห่อผัว"
"ก็มันหล่อ" ผมสวนกลับแล้วมันก็ไม่เถียง เพราะผมรู้ว่าใครๆ ก็เห็นด้วย ทั้งๆ ที่อยู่กับมันมานานแล้ว แต่หันไปมองหน้ามันทีไรก็ไม่เคยเบื่อ ยังคงหล่อในสายตาผมอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะวันนี้หล่อจนกูอยากเสียตัวแล้ว พูดแค่นี้
หลังจบพิธีการมอบรางวัลก็เสร็จงาน บูรพามันเดินออกมาจากตรงนั้นตรงมาหาผม มือหนึ่งถือใบประกาศนียบัตรและเหรียญรางวัล อีกมือก็พร้อมจะปลดเนคไทออกจากคอ ผมจึงรีบร้องห้ามเอาไว้ก่อน
"ตัวมึง เดี๋ยว!"
"ทำไม"
"ถ่ายรูปก่อน"
"ไม่เอา เขิน"
"เร็วๆ ถ่ายไปอวดแม่ไง"
"งั้นถ่ายด้วยกัน"
"กูไปเกี่ยวอะไร ถ่ายมึงคนเดียวนั่นแหละ ไปยืนนู่น" ผมชี้ไปที่ผนังตึกอย่างออกคำสั่ง อีกคนก็ไม่ค่อยขัดอะไรอยู่แล้วจึงเดินไปยืนตรงที่บอก ยกใบประกาศกับเหรียญรางวัลขึ้นแต่หน้ายังไม่ยิ้ม
"ยิ้มด้วยดิ"
"กูยิ้มอยู่"
"ยิ้มกว้างๆ ยิ้มแบบนี้" ผมพูดพลางยิ้มกว้างให้มัน มันยกมุมปากขึ้นยิ้มตามแต่ไม่กว้างเท่าแล้วสวนกลับมาเบาๆ
"ยิ้มไปก็ไม่น่ารักเหมือนมึงหรอก"
ผมใช้จังหวะนั้นกดถ่ายรูปไปสองสามที ถ่ายไม่สวยเท่ามัน ไม่รู้มุมกล้อง ไม่รู้แสงหรือการปรับโฟกัส แต่รู้ว่าคนตรงนั้นยิ้มมาให้กันก็พอแล้ว ผมกดดูรูปผ่านๆ แล้วยื่นให้มันดูด้วย
"โอเคไหม"
"หล่อจนหลงรักตัวเองแล้ว"
"ถุ้ย! เอาคืนไปเลย!" ด้วยความหมั่นไส้ ผมจึงยื่นกล้องคืนมันไป แต่ผมปล่อยมือในจังหวะที่มันยังไม่รับ กล้องก็เกือบตกพื้น ไอ้บูรพาแทบจะทิ้งใบประกาศในมือแล้วรีบมาคว้ากล้องเอาไว้ ผมเองก็ตกใจรีบคว้าเอาไว้ กลายเป็นมือจับมือมันเอาไว้แทน
"ใจเย็นดิเหนือ ตัวนี้เกือบแสน"
ผมหันขวับตอนมันพูดแบบนั้น
"ไหนบอกสามหมื่นไง"
ไอ้บูรพานิ่งเหมือนนึกขึ้นได้ มันเพิ่งซื้อกล้องตัวนี้มาใช้ได้ไม่นาน บอกราคาผมมาแค่นั้นแต่วันนี้รู้เลยว่าตอแหล มันกลอกตามองไปอีกทาง ขณะที่ผมยังจ้องมันอยู่ จึงหันมายิ้มแห้งๆ แล้วตอบรับเบาๆ
"พ่อซื้อให้"
"ใครซื้อก็ไม่สำคัญหรอก แต่มึงโกหกกูอะ"
"ขอโทษ ก็กูกลัวมึงด่าอะ"
"กูจะไปด่าอะไร เงินมึง ความสุขมึง"
"..."
"แล้วกล้องมึงก็เหมือนจะมีไว้ถ่ายแต่รูปกูอะ"
บูรพายิ้มนิดๆ แล้วยกกล้องขึ้นมาตรงหน้า
"กูก็ถ่ายแต่ความสุขกูนั่นแหละ"
มันพูดแค่นั้นแล้วกดชัตเตอร์สองสามทีถ่ายผม ผมได้แต่ยกมือขึ้นบังหน้า วันนี้หน้าอย่างเด๋อ เพราะคอนแทคเลนส์หมดเลยต้องสวมแว่นมา แล้ววันนี้ขี้เกียจใส่ชุดนิสิตเลยใส่เสื้อเชิ้ตคณะกับกางเกงยีนส์ หาความเรียบร้อยไม่เจอเลย แต่ใจกล้าหน้าด้านเดินเข้าคณะมาด้วยสภาพนี้
"พอแล้ว" ผมบอกพลางปัดกล้องมันลง แล้วหยิบใบประกาศที่มันได้รับมาดู เปิดเข้ามาเห็นซองสีขาวแนบอยู่เลยหยิบขึ้นมาพลิกมอง
"ได้ตังค์ด้วยเหรอ"
"อือ เย็นนี้มีเงินกินชาบูแล้ว"
ผมหัวเราะหน่อยๆ ก่อนไอ้บูรพาจะพับซองนั่นแล้วยัดใส่กระเป๋าผม ก่อนผมเลื่อนสายตาอ่านตัวหนังสือในใบประกาศนั่น ไอ้หนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็ชะเง้อหน้าเข้ามาอ่านด้วย
"มึงแบ่งความดีงามให้ชาวบ้านเขาบ้างก็ได้นะบูรพา เอาไปรวมอยู่ที่มึงหมดแบบนี้ไม่แฟร์ว่ะ"
"เกิดมาก็เป็นแบบนี้เลย จะให้ทำยังไง" ไอ้บูรพาหันไปพูดขำๆ กับไอ้หนุ่ม
"เหนือ มึงไม่คิดจะเอารางวัลอะไรกับเขาบ้างเหรอ"
"อย่างกูอะนะ?"
"ถ้ามีสาขาโง่อมตะ มึงคือแชมป์"
"สัด!" ผมหันไปด่าไอ้หนุ่มแรงๆ ทีหนึ่ง แล้วมองตาขวาง เสือกเอาเรื่องจริงมาพูดเล่น ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดพอจะคว้ารางวัลอะไรพวกนี้ อย่าว่าแต่รางวัลเลย แม้แต่เกรดเอสักตัวยังไม่เคยทำได้ กูสวดมนต์ไม่ให้เอฟก็บุญกบาลแล้วจะให้หวังอะไรเหรอ แล้วถ้าเอาตัวเองไปเทียบกับบูรพา ผมคงอายจนหนีไปตายนานแล้ว
"พี่เหนือ"
ผมหันมองรุ่นน้องในคณะสามคนที่เข้ามาทัก รู้จักกันตั้งแต่ตอนที่ผมเป็นสต๊าฟห้องเชียร์ น้องๆ รักผมเพราะผมเป็นรุ่นพี่ฝ่ายพยาบาลใจดี ส่วนไอ้บูรพาโดนสาปไม่ได้เกิดเพราะเป็นพี่วินัยสายแหกปาก รุ่นน้องแค่ยกมือไหว้มันส่งๆ แล้วหันมาคุยกับผม
"ไม่ค่อยได้เจอพี่เหนือเลย"
"พี่ไม่ค่อยได้เข้าคณะอะ มีเรียนแต่ตึกรวมตลอดเลย"
"พี่สบายดีนะ"
"สบายดีครับ"
"พี่เหนือใส่แว่นแล้วน่ารักจังเลยค่ะ"
จ้า... รู้ตัว ผัวชมบ่อย
"ใส่บ่อยๆ น้า"
ผมได้แต่ยิ้มแก้เขิน ก่อนน้องๆ จะขอตัวออกไปก่อน ผมขยับแว่นนิดหนึ่งแล้วหันไปหาไอ้บูรพาที่ยืนมองหน้านิ่งๆ
"อะไร"
"ใส่แว่นแล้วน่ารักจังเลยค่ะ" มันทำเสียงดัดจริตพูดแซว
"ก็น่ารักจริงป่ะวะ" ผมพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปหามัน
"เหอะ!"
"น่ารักป่ะ"
"น่ารักโว้ย"
"น่ารักแล้วแล้วหงุดหงิดทำไม โมโหอะไร"
"หมั่นไส้" มันพูดแค่นั้นแล้วยื่นมือมาถอดแว่นผมออก พับแว่นยัดเข้ากระเป๋าเสื้อตัวเองแล้วเดินหนีออกไป ทิ้งผมไว้ตรงนี้กับภาพเบลอคุณภาพต่ำสุด
"ไอ้ตัวเหี้ย! ทำไมทำกับกูแบบนี้เนี่ย!"
ผมตะโกนลั่นเห็นแค่หลังมันที่ห่างออกไปเรื่อยๆ ผมจึงก้าวเท้าตาม ผมไม่ใช่คนตาบอด แต่พอเห็นอะไรไม่ชัดมันก็เสียความมั่นใจในการก้าวไปข้างหน้า เพราะไม่รู้ว่าจะสะเหล่อไปชนเข้ากับอะไรหรือเปล่า เลยหยุดอยู่กับที่แล้วตะโกนเรียกมันไปอีกที
"บูรพา อย่าทิ้งกู กูมองไม่เห็น!"
ตัวมันหยุดเดินแล้วหันกลับมาหา แต่ยังไม่เลิกแกล้งผม ไม่ยอมคืนแว่นให้แต่ยื่นมือมาจับมือผมแล้วพาจูงมือออกไป พร้อมกับบ่นเบาๆ ดวงตาพร่าเบลอแต่หูได้ยินชัดเจนดี แต่ก็รู้ว่ามันจงใจให้ได้ยิน แล้วประโยคนั้นก็ทำให้ยิ้มกว้างออกมา
"น่ารักเกินไป หวงชิบหายเลย"
...
"จะวาเลนไทน์อีกแล้วว่ะมึง"
"เออ รำคาญ"
"คณะเกษตรมีดอกกุหลาบขายด้วยนะมึง ไปดึงทิ้งให้หมดเลยดีไหม"
"มึงก็พาลเกิ๊น!" ผมหันไปพูด ขณะที่ไอ้พวกนี้มันกำลังหงุดหงิดกับเทศกาลวาเลนไทน์ เหตุการณ์นี้เหมือนเคยเกิดแล้วเมื่อปีก่อน จำได้ว่าเสียงบ่นก็ทำนองนี้ผ่านไปแล้วหนึ่งปีพวกมันก็ยังคงโสดอยู่
"คนมีคู่ก็อยู่เงียบๆ ไปค่ะ ปล่อยให้คนโสดอย่างพวกกูพาลให้พอ"
"ก็โสดมาทั้งปีจะมาเดือดร้อนอะไรวันนี้วันเดียววะ"
"เกลียดไอ้เหนือ!"
"เกลียดพวกมึงเหมือนกัน เหม็นคนโสด ไปเดินไกลๆ"
"ไอ้เหนือ!!"
ผมหลุดหัวเราะลั่นแล้ววิ่งไปหลบหลังไอ้บูรพาก่อนถูกเพื่อนรุมกระทืบที่ล้อเล่นแรงไปหน่อย ไอ้บูรพาก็มีหน้าที่ปกป้องผมด้วยการขยับเข้ามาเดินใกล้ๆ จนไม่มีระยะห่างแล้วยกมือโอบเอวผมเดินคู่ไปด้วยกัน ตอกย้ำความหวานให้ไฟในตาพวกมันลุกพรึบๆๆ
"วาเลนไทน์นี้ตัวมึงอยากได้อะไรเปล่า"
"ไม่อะ ปีที่แล้วคิดไว้ซะอย่างดี สุดท้ายมึงเทกูเฉย"
"ก็ปีนี้อยู่ด้วยแล้วไง อยากได้อะไรเปล่าล่ะ"
ผมเงียบเพื่อใช้ความคิด ก่อนส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ ในตลอดเวลาที่ผ่านมา บูรพาให้มาหมดแล้วทุกอย่างโดยไม่ต้องการอะไรเพิ่มเลย แค่มีมันก็เหมือนมีทุกอย่างแล้ว แค่นั้นพอแล้วจริงๆ
"ไม่มีแน่นะ"
"ไม่มี"
"แต่กูมี คืนนี้ขอเลยละกัน"
"ละกันพ่อง!" ต่อให้ผ่านไปนานแต่สันดานบูรพาไม่เคยเปลี่ยน ดีทุกอย่างแหละแต่บ้ากาม แต่จะโทษมันคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะตอนที่มันหื่นเก่ง ผมแม่งก็ยอมเก่งซะงั้นอะ
เราเดินเข้ามาในคลาสอังกฤษซึ่งเป็นคาบแรกของวัน ปีนี้ไม่มีวิชาม.แล้ว ความหนักหนามารวมกันอยู่ที่วิชาเอก กับวิชาโทที่พวกผมเลือกภาษาญี่ปุ่นเป็นวิชานั้น หายนะของการเรียนหลายภาษาก็เริ่มต้นขึ้น ผมไม่สามารถแยกสมองออกเป็นสองส่วนเพื่อจำคนละภาษา เพราะงั้นมันเลยรวมๆ กันเป็นก้อนๆ อยู่ในหัว เรียนญี่ปุ่นกูตอบอังกฤษ เรียนอังกฤษกูคิดถึงแต่ญี่ปุ่นมั่วไปหมด ล่าสุดร้องไห้วิ่งไปดรอปแล้วแต่บูรพาห้ามไว้ก่อน
"เหนือ กินปีโป้ป่ะ"
ผมหันมองไอ้ไกด์ที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ แล้วยื่นถุงปีโป้ให้ ไม่ใช่ถุงเดียวแต่เยอะจนต้องขมวดคิ้วมอง
"ซื้อมาทำไมเยอะแยะวะ"
"กูเสือกไปถามพายว่าวาเลนไทน์อยากได้อะไร เซ้าซี้ให้มันขอของขวัญ มันเลยบอกจะเอาปีโป้ร้อยอัน แต่เอาแต่สีเขียวนะ เลยลำบากกูเลยเนี่ย"
"เชี่ย สงสาร"
"เออ สีที่เหลือให้กูทำไงอะ จะทิ้งก็เสียดายเลยเอามาให้พวกมึงกินนี่แหละ"
"ไม่แช่แข็งมาด้วยวะ"
"เรื่องมาก กินๆ เข้าไปเหอะ นี่กูยังได้สีเขียวไม่ครบเลย"
"ได้กี่อันละ"
"สามสิบกว่าอัน ห่อหนึ่งแม่งมีสีเขียวเจ็ดแปดอันเองอะ"
"กว่าจะได้ครบ วาเลนไทน์ปีหน้าพอดี"
"กูก็ว่า"
ผมหัวเราะหน่อยๆ ก่อนยื่นถุงปีโป้ส่งต่อไปให้เพื่อนแบ่งกันกิน ไม่นานอาจารย์ก็เข้าสอนพอดีเลยต้องพับถุงเก็บกันไปก่อน
"เดี๋ยวอาจารย์จะแจกคะแนนสอบของคาบที่แล้วคืนนะคะ อะ หนูมาเอาไปแจกเพื่อน" อาจารย์เรียกบีบีที่นั่งแถวหน้าให้ไปหยิบกระดาษคำตอบของควิซคราวที่แล้วแจกคืนเพื่อน แจกจนครบผมกับบูรพาก็ได้กระดาษคืนเป็นสองคนสุดท้าย คะแนนสอบของไอ้บูรพาเต็มชนิดที่ว่าล้นได้คงล้นไปแล้ว ส่วนของผมน้อยกว่าครึ่งของครึ่ง พูดง่ายๆ ว่าตก
"ให้กูไปดรอปเหอะ"
"ใจเย็น แค่ควิซเอง"
"หักมุมเอฟขึ้นมานี่ซวยเลยนะ"
"ไม่เอฟหรอก คะแนนเก็บไหวอยู่" บูรพามันไม่อยากให้ผมดรอป เพราะวิชานี้มันต้องเรียนต่อเนื่องแล้วเปิดแค่ปีละครั้ง หมายความว่าถ้าดรอปผมต้องจบช้าแน่นอนหนึ่งปี แต่ผมไม่ซีเรียสนะเพราะรู้อยู่แล้วว่าไม่น่ารอด
"บูรพา มึงไม่สอนเมียมึงบ้างวะ"
"หรือว่าโง่เกินเยียวยาแล้ว"
ผมหันมองเพื่อนตาขวางๆ ความโกรธกลายเป็นนิ้วกลางที่ชูขึ้นแทนคำด่า แต่บูรพาได้แต่ยิ้มหน่อยๆ แล้วเคาะหัวผมเบาๆ ก่อนหรี่ตามองพลางพูดทีเล่นทีจริง
"เดี๋ยวคืนนี้ติวเข้มให้"
ผมกระแทกศอกใส่มันไปทีหนึ่ง ไม่ใช่ว่าบูรพาไม่สอนผม มันสอนจนไม่รู้จะสอนยังไง ขอบคุณที่มันใจเย็นกับผมเสมอแล้วก็สามารถพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ ให้ผมฟัง แต่ผมอาจจะโง่จนโลกไม่อนุญาตให้สอบผ่านวิชาไหนเลย และหลายครั้งผมก็เผลอคิด ผมยังพยายามไม่พอ ผมยังขยันไม่พอ หรือบางทีผมอาจดีไม่พอ...
หลังเรียนเสร็จก็ได้เวลาข้าวกลางวันพอดี วันนี้มีเรียนต่อตอนบ่ายก็เลยชวนกันกินข้าวที่โรงอาหารใต้ตึกเรียนดีกว่าออกไปกินข้างนอกเพราะกลัวกลับมาไม่ทัน คนในโรงอาหารเยอะจนเสียงดังจอแจ ผมไม่ได้ฟังว่าเพื่อนคุยอะไรกันเพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่น อารมณ์บูดขึ้นมาซะเฉยๆ จนขี้เกียจแม้แต่จะตักข้าวใส่ปากเลยทำได้แค่เขี่ยไปเขี่ยมา
"เป็นอะไร" บูรพาหันมาถามแต่ผมไม่ได้ตอบ ได้แต่ส่ายหน้าหน่อยๆ ยื่นจานข้าวตรงหน้าให้มัน เป็นอันรู้ว่าผมไม่กินแล้ว มันก็เลือกกินแต่ของที่ชอบในจานผม
"ไปกินไอติมป่ะ"
ผมส่ายหน้าให้หลิวตอนที่มันสะกิดถาม แต่ไอ้บูรพาพยักหน้ารับ ก่อนมันจะลุกออกไปซื้อไอติมกับหลิว หายไปครู่หนึ่งกระทั่งหลิวเดินกลับมาคนเดียว เห็นหน้าผมหลิวก็บอกให้ฟังโดยไม่ต้องถาม
"บูรพามันเจอเพื่อนอะ ยืนคุยอยู่นู่น" ผมมองตามนิ้วที่ชี้ไป ท่ามกลางคนนับร้อยผมก็มองเห็นมันก่อน แต่ข้างๆ กันคือ อาย นิสิตแพทย์ที่มาถ่ายรูปกับมันบ่อยๆ ผมไม่รู้สองคนนั้นคุยอะไรกันแต่ก็คงไม่พ้นเรื่องถ่ายรูปหรือไม่ก็หนังสือ อายเป็นผู้หญิงตัวสูง หน้าตาดี บุคลิกทะมัดทะแมงดูเท่ๆ ทั้งไลฟ์สไตล์ รสนิยมและนิสัยก็คล้ายๆ บูรพา เรียนเก่ง ถ่ายรูปสวย ชอบอ่านหนังสือ มีเรื่องให้คุยกับบูรพายาวๆ ทุกทีที่เจอกัน บ่อยมากที่ผมหวงบูรพาจากอายจนไม่อยากให้เจอกัน...
"ไอ้เหนือ"
เสียงไอ้ไกด์เรียกผมออกมาจากความคิด ก่อนหันมองหน้ามันแล้วเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
"เป็นไร"
"เปล่า"
"ปีโป้ไหม"
"พอเถอะไอ้บ้า จะอ้วกมาเป็นปีโป้แล้ว"
"ช่วยกินหน่อย" มันพูดพลางแกะให้เสร็จสรรพ ผมละสายตาจากบูรพาและอายอย่างไม่อยากสนใจ แล้วหันมาหยิบปีโป้จากไอ้ไกด์กิน พักหนึ่งบูรพามันก็เดินกลับมานั่งข้างๆ ผม มันคุยกับอายนานจนไอติมที่ไปซื้อมาละลายเกือบหมด และเมื่อมันเห็นหน้าผมก็คงเดาได้ว่าผมเริ่มไม่พอใจแล้ว จึงรีบอธิบาย
"คุยกันเรื่องประกวดถ่ายภาพคราวที่แล้วอะ แล้วก็ชวนไปงานหนังสือเดือนเมษา ไม่มีอะไรเลย"
"ก็ไม่ได้ว่าอะไร"
...บ่อยมากที่ผมหวงบูรพาจากอายจนไม่อยากให้เจอกัน แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ดีๆ ผมกลับคิดว่าสองคนนี้...แม่งโคตรเหมาะกันเลย
...
พรุ่งนี้ผมมีสอบภาษาญี่ปุ่น การท่องศัพท์คืองานหลักที่ผมละเลยไม่ได้ คำศัพท์แค่ไม่กี่คำผมต้องคัดลงสมุดทั้งคำศัพท์และคำแปลมากกว่าสี่หรือห้าครั้งถึงจะจำได้ บางทีเผลอแป๊บเดียวก็ลืมอีก ส่วนไอ้บูรพามันแค่ท่องสองสามครั้ง หรือบางทีจำได้ในคราวเดียว แบบนี้ไม่ยุติธรรมเลย
ผมถอนหายใจเสียงดังแล้วทิ้งหัวตัวเองลงไปกองชีท บูรพาที่นั่งอยู่ข้างๆ หันมองแล้วขยับเข้ามาใกล้ๆ
"เป็นอะไร"
"กูเบื่อ"
"จำไม่ได้เหรอ กูอ่านให้ฟังไหม"
"ทำแบบนั้นก็จำไม่ได้อยู่ดี" ผมว่าแล้วถอนหายใจออกมาอีกที
"ค่อยๆ จำ ไม่ต้องเครียด"
"กูเครียด! กูเครียดจนอยากแกะสมองออกมาดูแล้วว่าในนั้นแม่งมีอะไรบ้าง ทำไมมันถึงได้โง่แบบนี้ก็ไม่รู้"
"ช่วยแกะไหม" มันพูดขำๆ แล้วยกสองมือขึ้นโยกหัวเบาๆ แต่ผมปัดมือมันทิ้งไปอย่างไม่เล่นด้วย มันก้มลงมองหน้าตาบึ้งตึงของผมแล้วก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน
"เหนือนอยด์อะไรล่ะเหนือ ไม่เห็นต้องเครียดเลย"
"กูไม่อยากให้คนอื่นมาด่ากูโง่แล้ว"
"ใครมันพูดแบบนั้น กูไปเตะมันเลยดีไหม"
"มึงอะด่ากูบ่อยสุดเลย!"
"โถ กูพูดเล่นไง ไม่ซีเรียสดิ"
"กูจะตั้งใจอ่านหนังสือแล้ว กูไม่อยากเป็นตัวโง่ของคนอื่นแล้ว"
"แต่สำหรับกูมึงเก่งนะ"
"เก่งอะไร"
"น่ารักเก่ง ง่อว!"
"ไปไกลๆ ตีนเลยไป กูจริงจังอยู่"
"อ้าว"
"ไปนั่งนู่น แล้วไม่ต้องชวนกูคุยเลย" ผมชี้ให้มันไปนั่งที่โต๊ะหนังสือ บูรพามันก็ขยับไปอย่างว่าง่าย ถึงมันจะนั่งเงียบๆ แต่ผมรู้ตัวว่ามันกำลังมองผมอยู่เลยหันไปหา มันยกมือขึ้นปิดปากเป็นเชิงว่ายังไม่ได้ชวนคุย
"ไม่ต้องมองกูด้วย กูไม่มีสมาธิ"
"เออ ไม่ยุ่งแล้ว" มันว่าเสียงงอนแล้วกระโดดลงไปนอนคว่ำหน้าลงบนเตียง ไม่มองผมแล้วแต่เรียกออกมาเบาๆ
"องศาเหนือ"
"..."
"ไม่รู้จะช่วยอะไรได้ไหม แต่กูอยู่ตรงนี้นะ"
"..."
"เป็นกำลังใจให้มึงอยู่" มันพูดแค่นั้นแล้วเอียงหน้าชำเลืองขึ้นมอง ก่อนยกมือส่งมินิฮาร์ทมาให้ ผมหลุดยิ้มแล้วก็ส่งมินิฮาร์ทกลับไปแทนคำว่าขอบคุณ เพราะผมรู้ว่ามีมันอยู่ใกล้ๆ ผมจึงมีแรงที่จะทำอะไรต่อ และพยายามให้มากกว่านี้เพื่อให้ตัวเองดีพอ ให้สมกับที่มันเลือกผมแล้ว
...
วันวาเลนไทน์เดินทางมาถึงแต่สำหรับผมมันกลับกลายเป็นวันธรรมดาไปเลยเมื่อเอาใจไปโฟกัสเรื่องอื่นมากกว่า ผมยังคงจริงจังกับการสอบ ไอ้บูรพามาวอแวถามหาของขวัญวาเลนไทน์ตั้งแต่เช้า ไล่ตะเพิดไปไกลๆ รอบหนึ่งละ นอกจากไม่มีของขวัญให้มันแล้วยังไม่คุยกับมันด้วย เดี๋ยวลืมคำศัพท์หมด ผมเปิดโหมดจริงจังจนกระทั่งถึงเวลาสอบ ด้วยความมั่นใจอย่างไม่เคยมีมาก่อน เหมือนคำศัพท์ในหัวมันระเบิดออกมาอย่างได้เวลาแล้วลงมือทำข้อสอบด้วยความไวจนเสร็จก่อนใคร ผมเหลือบตามองบูรพาที่หันมาพอดี ผมยกมือขึ้นขยับแว่นแล้วยักคิ้วให้นิดๆ มันอมยิ้มหน่อยๆ ก่อนก้มลงไปทำข้อสอบต่อ กระทั่งหมดเวลาสอบ อาจารย์เก็บข้อสอบแล้วให้เราแลกกระดาษคำตอบเพื่อตรวจในคาบเลย ผมไม่รู้ว่ากระดาษคำตอบของตัวเองอยู่ที่ใคร แต่ก็มั่นใจว่าทำได้มากกว่าครึ่งแน่นอน และเมื่อตรวจคำตอบเสร็จ ผมเดินเอากระดาษคำตอบไปส่งให้เจ้าของชื่อ ก่อนกลับไปนั่งที่ข้างๆ บูรพา
"ทำได้ป่ะ"
"ดูความมั่นใจบนใบหน้ากูด้วย"
"เก่ง" มันพูดยิ้มๆ แล้วยกมือจับหัวผมเบาๆ รออยู่ไม่นานคนที่ได้ตรวจคำตอบของผมก็เอามาให้
"องศาเหนือ ได้เต็มอะ"
ดวงตาผมโตขึ้นพอๆ กับริมฝีปากที่ขยับกว้าง กำลังจะหันไปหวีดกับบูรพาหากแต่คำพูดต่อไปของเพื่อนคนนั้นหยุดผมเอาไว้ก่อน
"ลอกใครมาป่ะเนี่ย"
รอยยิ้มผมหุบลงช้าๆ ตอนได้ยินแบบนั้น คนพูดหัวเราะอย่างดูไม่คิดอะไรก่อนวางกระดาษคำตอบลงบนโต๊ะผม ในตอนที่มันกำลังจะเดินออกไป บูรพาก็ดึงมือมันเอาไว้ก่อน
"มีอะไรเปล่า"
"เมื่อกี้มึงพูดอะไร"
"ฮะ?"
"มึงบอกว่าองศาเหนือลอกใคร"
"ก็เปล่า ไม่ได้บอกว่าลอกใคร แต่ปกติไม่เคยได้เต็มไง"
"มึงพูดงี้ได้ไง"
"เฮ้ย ล้อเล่น"
"มึงไม่ควรล้อเล่น!"
"บูรพา" ผมดึงมือบูรพาที่จับมืออีกคนแน่นออกมา ในตอนที่มันโมโหแทน เพื่อนคนนั้นหน้าเสียก่อนหันมองผมสลับกับบูรพาไปๆ มาๆ แล้วเอ่ยคำขอโทษออกมาเบาๆ ก่อนรีบเดินออกไป ผมถอนหายใจออกมาทีหนึ่งแล้วหันมองบูรพา
"โมโหอะไรวะเนี่ย"
"มันไม่ควรดูถูกมึงแบบนั้น"
"ช่างมันดิ"
"มันไม่รู้ว่ามึงพยายามแค่ไหน"
"แต่มึงรู้ไม่ใช่เหรอ"
"ก็เพราะว่ากูรู้ไง! กูเลยไม่พอใจที่มัน..."
ผมยกมือขึ้นปิดปากบูรพาที่เสียงดังเกินไปจนคนอื่นหันมอง คิ้วมันยังคงขมวดเข้าหากันอย่างอารมณ์เสียไม่หาย
"แค่มึงรู้ว่ากูพยายามก็พอแล้ว"
"..."
"แค่นั้นแหละที่กูต้องการ"
บูรพาไม่ได้พูดอะไรนอกจากพยักหน้ารับ แล้วยื่นมือมาจับมือผมเอาไว้ และผมว่ามันจะเข้าใจว่าผมได้พยายามแล้ว เพื่อจะเป็นคนที่ดีพอสำหรับมัน
ผมไม่อยากให้ความพยายามเป็นอารมณ์ชั่ววูบ ผมจึงต้องปฏิวัติตัวเอง แม้ไม่มีสอบผมก็ยังจะอ่านหนังสือ จริงจังจนลืมไอ้คนข้างๆ ที่อยู่ด้วย ทั้งที่มันมาวอแวจนเริ่มงอแง ก็ซื้อไก่ให้กินไปแล้วไม่รู้มันจะเอาอะไรอีก
"เหนือ กินอะไรไหม"
"ไม่อะ"
"เหนือ ดูแมวนอนดิ ตลก"
"อืม"
"เหนือ ไอ้ไกด์มันซื้อปีโป้สีเขียวครบร้อยอันให้พายได้ด้วยอะ เจ๋งสัด"
"อือๆ"
"องศาเหนือ สนใจกูหน่อยเหอะ กราบแล้ว"
"ทำไม มีอะไร"
"นอนกัน ง่วงแล้ว"
"ก็นอนไปก่อนดิ"
"ไม่อยากนอนคนเดียว"
"นอนกับแมวไป แมวก็ง่วงแล้ว" ผมก้มลงไปหิ้วแมวที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ส่งให้บูรพา
"ไม่เอา นอนพร้อมกันดิ"
"ขออีกแป๊บหนึ่ง"
"มึงจริงจังแบบนี้กูใจไม่ดีเลย"
"ทำไมวะ"
"เหมือนมึงจะทิ้งกูไปอยู่กับหนังสือเลยอะ"
"ไอ้บ้า"
"วันนี้พอก่อนเหอะ นอนได้แล้ว"
"ก็ยังไม่ง่วง"
"จะหมดวาเลนไทน์แล้ว เดี๋ยวแป้ก"
"หมายถึงอะไร"
"เซอร์ไพรส์กู"
ผมหันมองงงๆ แต่ก็ยอมลุกตามมันที่เดินเข้ามาดึงแขนผมไปนั่งบนเตียง ก่อนมันจะเดินไปปิดไฟ ผมหันมองข้างๆ แต่ไม่เห็นอะไร สายตาปรับแสงอยู่ครู่หนึ่ง ก็มองเห็นความสว่างมาจากเพดานเลยเงยหน้าขึ้นมอง
หลุดหัวเราะตอนมองเห็นสิ่งที่แปะอยู่บนเพดาน เป็นสติกเกอร์เรืองแสงแปะเรียงกันเป็นรูปหัวใจอันใหญ่ บูรพาขึ้นมานอนบนเตียงแล้วดึงผมให้ลงไปนอนด้วย
"น่ารักป่ะ"
"สะเหล่อ"
"อ้าว!"
"แต่ก็น่ารักดี"
"ตอนแกะออกเจ้าของหอเขาจะด่าไหมวะ"
"จุดละร้อยอะ มึงนับไปเลยแปะไปกี่ทีเนี่ย"
"เอาน่า วาเลนไทน์ทั้งที"
"อือ วาเลนไทน์นี่เนอะ"
"สุขสันต์วันวาเลนไทน์นะ"
ผมพยักหน้ารับแล้วขยับริมฝีปากเข้าไปหา ตั้งใจจะแตะเบาๆ แล้วรีบถอยแต่อ้อยเข้าปากช้างแล้วมันจะคายง่ายๆ เหรอ โดนไอ้บูรพาจับจูบจนหายไม่ทัน สาแก่ใจตัวมันจึงยอมปล่อยผมออก แล้วยกแขนขึ้นรองหัวผมเพื่อให้เราอยู่ในท่านอนที่พอดี
"ได้อยู่ด้วยกันอีกปีแล้วเนอะ"
"ปีหน้าก็อย่าเพิ่งทิ้งกู"
"ใครจะไปทิ้ง"
ผมหัวเราะหน่อยๆ แล้วยกมือขึ้นกอดมันเอาไว้
"บูรพา"
"ฮึ?"
"มึงเคยคิดว่ากูดีไม่พอที่จะให้มึงรักไหม"
"พูดไรวะ"
"กูอาจดีไม่พอที่จะได้อยู่ข้างๆ มึง"
"เป็นอะไรเนี่ย เมนส์มาเหรอ"
"ตัวเหี้ย ให้กูจริงจังแป๊บหนึ่งได้ไหม"
"ก็กูไม่เข้าใจว่ามึงจะพูดอะไร"
"กูหมายถึง มีคนอื่นที่ดีกว่ากูเยอะแยะ ทำไมมึงถึงเลือกกู"
"ถ้าคนอื่นดีกว่า กูก็ไปรักคนอื่นแล้วดิ"
"แต่กูรู้สึกว่าตัวกูดีไม่พอ"
"เหนือ กูก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น เรื่องเหี้ยกูก็มีมึงก็รู้จักกูดี ไม่งั้นกูจะเป็นตัวเหี้ยของมึงเหรอ แล้วถ้าไม่ใช่มึงก็ไม่รู้ว่าใครแล้วที่จะรับกูได้ทุกเรื่องแบบนี้"
"แต่กูรู้ว่ามีหลายคนที่คิดว่ากูไม่เหมาะกับมึงเลย"
"ช่างมันดิ ความคิดคนอื่นมันไม่ใช่ความจริง แล้วกูก็รู้ตัวกูดีว่าตรงไหนที่เหมาะกับกู แล้วมันก็คือตรงนี้ ข้างๆ มึงที่สำคัญกูรักมึง นี่คือเรื่องจริง มึงยังจะคิดมากอะไรอีก"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ แล้วก็ห้ามไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นยิ้มกว้างออกมา
"มึงไม่ต้องเก่งหรือดีไปมากกว่านี้หรอก แค่น่ารักเฉยๆ ก็หลงชิบหายแล้ว"
"โดนของไงมึงอะ" ผมพูดขำๆ แล้วขยับเข้าไปกอดมันแน่นกว่าเดิม ให้ดีเทียบเท่ามันคงทำไม่ได้อยู่แล้ว แต่ผมจะเป็นผม ดีเท่าที่ทำได้แล้วอยู่ข้างๆ กันไปเรื่อยๆ บูรพาสอนให้ผมรู้ว่า สำหรับความสัมพันธ์ที่จะยาวนานและมั่นคง เราต้องเลิกไขว่คว้าหาความสมบูรณ์แบบ ต้องมีความบกพร่องบางอย่างเป็นพื้นที่ว่างเพื่อให้เรียนรู้ที่จะยอมรับกันและกัน แล้ววันหนึ่งพื้นที่เหล่านั้นจะถูกเติมเต็มด้วยความพอดีของชีวิต และผมกับบูรพาก็ยังคงเติมเต็มกันและกันอยู่เสมอ
"บูรพา"
"..."
"ขอบคุณที่รักกูนะ"
สุขสันต์วันแห่งความรัก
แด่ ความรักและการเรียนรู้
วันไนท์มิราเคิลมากกกกก คิดอยากจะแต่งขึ้นมาตอนตีสี่ แล้วก็ปั่นแบบไม่แคร์เส้นเอ็นข้อมือเลย 5555 คิดว่าจะไม่ทันแล้วแต่ก็ทันจนได้ หอบเอาความหวานมาถมความสัมพันธ์ของสองคนนี้ให้สำลักกันตายไปเล้ยยยย ยิ่งแต่งคู่นี้ยิ่งหวานจนหมั่นไส้แล้ว 55555 คิดถึงพวกนางนะคะ ตามไทม์ไลน์ของเรื่อง ปีนี้ก็ขึ้นปีสามแล้ว เติบโตไปพร้อมๆ กันเลยนะบูรพาองศาเหนือ ขอบคุณที่เอ็นดูและติดตามกันมาตลอดนะคะ
ด้วยรักและขอบคุณ
(http://i66.tinypic.com/ka0io6.jpg)
ในวันที่เราต่างเติบโต
องศาเหนือ :
ผมเคยคิดว่าสี่ปีในมหาลัยนั้นคงนานมาก นานจนผมไม่เคยคิดถึงวันที่เรียนจบ แต่อยู่ๆ วันนั้นมันก็มาถึงแบบงงๆ เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายที่จะได้เรียน ก่อนต้องไปฝึกงานในเทอมหน้า จึงเหลือเวลาในมหาลัยอีกไม่นาน จนผมเผลอนับถอยหลังอยู่หลายครั้ง และวันนี้ก็เป็นวันงานบายเนียร์ปีสุดท้ายของชีวิตมหาลัย ที่ผ่านๆ มาผมเป็นรุ่นน้องที่จัดงานให้รุ่นพี่ แต่ปีนี้อยู่ในฐานะพี่ปีสูงที่น้องจัดงานเลี้ยงส่งให้ มันก็แอบรู้สึกประหลาดอยู่ในใจนิดๆ ขณะกำลังนั่งย้อนคิดถึงอดีตต่างๆ นาๆ ที่ผ่านมาในช่วงเวลาสี่ปี ดื่มด่ำอยู่กับความทรงจำอย่างสบายใจ เสียงมือถือข้างๆ ตัวก็ดังขึ้นดึงผมออกจากความคิด กดรับเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้หลิว ไม่ปล่อยให้ผมพูดอะไรก่อนอีกฝ่ายก็แหกปากเข้ามาในสาย
(ไอ้เหนือ! มึงอยู่ไหนเนี่ย)
"อยู่หอ"
(งานจัดวันนี้นะโว้ย ไม่ใช่ปีหน้า รีบมา เพื่อนมาครบแล้ว!)
"เออๆ กำลังออกจากห้องแล้ว"
กำลังออกจากห้องแล้วแม่งไม่มีอยู่จริงหรอก ทั้งผมและบูรพายังไม่ได้แต่งตัวด้วยซ้ำ เพราะถูกเพื่อนโทรตามแล้วผมเลยหันไปเรียกมันที่ยังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง
"บูรพา ไปแต่งตัว"
"ต้องแต่งตัวด้วยเหรอ มันธีมชุดนอนนี่ กูไปชุดนี้ไม่ได้ไง?"
ผมเลื่อนสายตามองมันที่ท่อนบนเปลือยเปล่า ท่อนล่างสวมบอกเซอร์ตัวเดียว ถึงแม้ว่างานบายเนียร์วันนี้จะธีมปาร์ตี้ชุดนอน แต่มึงจะเรียลขนาดนี้ไม่ได้
"มึงไม่แก้ผ้าไปเลยล่ะ"
"ถ้าธีมนอนกับมึง ก็ต้องแก้ผ้าแหละ"
"ไอ้ห่า! ไปแต่งตัว!"
"เออๆ ไปแล้วๆ"
ไอ้บูรพารับคำแล้วลุกไปเปิดตู้หยิบเสื้อยืดสีดำขึ้นสวม เปลี่ยนจากบอกเซอร์เป็นกางเกงบอลสบายๆ เป็นอันเสร็จ ไม่ว่าธีมงานบายเนียร์จะคอนเซ็ปต์ไหน มันก็จะคงคอนเซ็ปต์ไว้อาลัยดำๆ อย่างนี้ทุกปี ผมไม่ก้าวก่ายเรื่องรสนิยมการแต่งกายอยู่แล้วเลยปล่อยมัน ระหว่างรอผมแต่งตัวมันก็เดินกลับไปนอนบนเตียงที่เดิม เอาจริงชุดนอนของผมก็ไม่ต่างกับมันเท่าไร เพียงแค่เสื้อของผมจะหลากสีสันคัลเลอร์ฟูลและมีเยอะมากจนกินพื้นที่ค่อนตู้ไป เยอะจนไม่รู้จะหยิบตัวไหนมาใส่ดี เลยหยิบเสื้อเหลืองกับแดงสองตัวไปขอความคิดเห็นจากมัน
"ตัวไหนดี"
มันชี้ไปที่ตัวสีเหลือง ผมจึงยกตัวนั้นขึ้นทาบ ถ้าใส่ตัวนี้แล้วสวมแว่นด้วย กูจะคอสเพลย์เป็นมินเนียนทันที จึงลังเลอีกรอบ แล้วหันไปหยิบตัวสีชมพูอ่อนๆ มาแทน
"หรือตัวนี้"
"ตัวไหนก็ได้ ตามใจดิ"
"ก็มันเลือกไม่ได้อะ"
"เลือกมากอะไรนักหนา ถามจริง จะน่ารักไปให้ใครดู"
"ก็มึงไง"
ผมตอบโดยไม่ได้หันไปมอง แต่ได้ยินเสียงสบถคำหยาบด้วยความเขินของอีกคนเบาๆ มองผ่านกระจกก็หันมันกดหน้าตัวเองลงไปบนหมอน แล้วเงยขึ้นมาอีกทีตอนที่ปากยังหุบยิ้มไม่ได้ และสุดท้ายผมเลือกตัวสีแดง ก่อนหันไปหยิบแว่นขึ้นสวมแต่ถูกอีกคนร้องห้ามเอาไว้ก่อน
"ใส่คอนแทคเลนส์ไม่ได้เหรอวะ"
"ขี้เกียจ"
"ไม่อยากให้ใส่แว่น"
"ทำไม"
มันขมวดคิ้วแน่นแล้วส่ายหน้าคล้ายไม่พอใจอะไรสักอย่าง ก่อนพูดเหตุผลออกมาด้วยประโยคที่สวนทางกับใบหน้าเครียดๆ นั่น
"น่ารักเกินไป ทำใจไม่ได้"
"ไอ้บ้า!"
บูรพาหลุดหัวเราะออกมา ก่อนลุกไปหยิบสิ่งที่ขาดไม่ได้อย่างกล้องถ่ายรูปแล้วพร้อมที่จะออกไปงาน ซึ่งปีนี้จัดที่โรงแรมในเมือง เราออกจากหอสายนิดหน่อย แต่ไอ้บูรพาตีนผีขับรถมาไม่ถึงยี่สิบนาทีก็ถึงที่จัดงาน เพื่อนคนอื่นและปีอื่นๆ ก็เริ่มทยอยมากันแล้ว ผมที่กำลังก้าวเท้าตามเพื่อนไปหันไปมองเห็นห้องจัดเลี้ยงข้างๆ ที่มีงานบายเนียร์จากมหาลัยเดียวกัน คงไม่สะดุดจนเหลียวหลังมองถ้านั่นไม่ใช่คณะของแพท ความบังเอิญระหว่างผมกับแพทแทบจะไม่เกิดขึ้นเลยตลอดสี่ปีเราเจอกันน้อยมาก จนผมคิดว่าเราได้หายไปจากวงโคจรของกันและกันไปแล้ว
"องศาเหนือ"
ผมหันมองเสียงเรียกของเพื่อนแล้วเดินตามพวกมันเข้าไปในงาน เมื่อถึงเวลาเริ่มงาน อาจารย์หัวหน้าเอกก็กล่าวเปิดงานพอเป็นพิธี จากนั้นก็เป็นอย่างทุกปี กินอาหารไปพร้อมๆ กับดูการแสดงของรุ่นน้องที่เตรียมมาให้ เมื่อมนุษย์ทุกชั้นปีมารวมกัน เสียงพูดคุยก็ดังแข่งกับเสียงเพลง ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมดูคับแคบไปเลย แต่เมื่อหันมองไปทางไหนก็เจอแต่เพื่อนและรุ่นน้องร่วมเอกจึงกลายเป็นความอบอุ่นแทน การแสดงทุกชั้นปีจบลง ก่อนถึงช่วงสุดท้ายที่คล้ายจะเป็นธรรมเนียมอย่างทุกปี คือการทำวีดีโอรวมภาพเพื่อนๆ ในเอกประกอบเพลงซึ้งๆ น่าจะเป็นช่วงที่เราเงียบที่สุดเพื่อตั้งใจดูวีดีโอนั่น ความทรงจำตั้งแต่ปีหนึ่งผุดขึ้นมาพร้อมๆ กับภาพ ตั้งแต่วันรับน้อง วันเข้าค่ายเอก วันที่หน้าตาเลอะเทอะเพราะถูกรุ่นพี่ขีดเขียน วันขึ้นห้องเชียร์ในฐานะเฟรชชี่ หรือกระทั่งขึ้นห้องเชียร์ในฐานะพี่สต๊าฟก็ถูกรวมอยู่ในภาพพวกนั้นด้วย บางคนหัวเราะเมื่อเปิดถึงภาพตัวเอง บางคนก็น้ำตาซึมออกมาซะเฉยๆ ส่วนผมได้แต่ยิ้ม ขณะมือข้างหนึ่งเกาะกุมอยู่กับบูรพา
สี่ปีที่ผ่านมาจะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า แต่ก็น่าตกใจที่ผมมาถึงจุดนี้ได้โดยไม่โดนรีไทน์ไปก่อนแม้จะเสี่ยงอยู่ปากเหวทุกเทอมก็ตาม นั่นคงเป็นเพราะมีมือของบูรพาที่ฉุดดึงผมเอาไว้ไม่ให้ร่วงหล่นไปในหุบเหวนั้น ในทุกครั้งที่งอแงไม่อยากอ่านหนังสือก็ถูกเตือนสติให้กลับมาขยัน ในทุกครั้งที่สอบตกก็ผลักดันให้ลุกขึ้นสู้ใหม่ ในทุกครั้งที่ผมทำอะไรออกมาได้ไม่ดี มันก็จะเป็นคนบอกว่าดี ผมได้พยายามอย่างสุดความสามารถด้วยกำลังใจมากมายมหาศาลจากบูรพา จึงทำให้ผมมายืนอยู่ตรงนี้ในตอนนี้
หลังงานเลิกแต่พวกเรายังไม่กลับกันง่ายๆ มีเรื่องที่ยังอยากพูดคุยกันต่อทั้งๆ ที่เจอหน้ากันทุกวัน แต่พอรู้ตัวว่าเวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันมันเริ่มนับถอยหลัง ก็เลยมีเรื่องที่อยากจะพูดคุยกันไม่จบสิ้น มีรุ่นน้องเข้ามาขอถ่ายรูปบ้าง หนึ่งในนั้นคือไอ้กู๊ด น้องชายไอ้ไกด์ที่เป็นน้องเทคผม เป็นน้องเทคที่ผมละเลยที่สุดแล้วอะ แถมมันยังกวนตีนผมจนไม่รู้แล้วว่าทุกวันนี้ยังเคารพกันในฐานะรุ่นพี่อยู่หรือเปล่า
"ตรงนี้แสงน้อยว่ะ พี่มานี่ดิ" มันหมุนกล้องหามุม เมื่อได้ที่เหมาะแล้วก็ยกมือดึงคอผมให้เข้าไปหา
"ไอ้ห่า! คอกูจะหัก!"
"มันไม่หักกันง่ายๆ หรอกครับ" มันพูดอย่างไม่ใส่ใจอะไร ก่อนโน้มหน้าลงมาชิดกับหน้าผมแล้วกดถ่ายรูปโดยไม่มีนับก่อน จิ้มรัวๆ อยู่สองสามที ผมหันไปยิ้มทันไม่ทันก็ไม่รู้เพราะมันไม่ให้ดูหลังจากถ่ายเสร็จแล้ว
"มึงไม่มีของขวัญให้กูบ้างเหรอวะ"
"อ้าว ต้องให้ด้วยเหรอ" มันตอบกลับอย่างไม่สนใจอะไร เพราะสายตาโฟกัสอยู่ที่หน้าจอมือถือ
"คนอื่นเขาก็ให้กันเห็นไหม แสดงความยินดีกับกูหน่อย"
"ไว้รับปริญญาค่อยเอาดิ จะเอาอะไรก็บอก"
"เหอะ! รวยมากงี้"
มันยักไหล่ยิ้มๆ ผมก็รู้จักครอบครัวมันดีจึงรู้ว่ามันรวยจริง เอาไว้รับปริญญาจะสั่งให้มันซื้อตุ๊กตาตัวเท่าควายมาให้เลย
"แท็กรูปนะ" มันพูดแต่ไม่สนเอาคำตอบ ครู่เดียวผมก็รู้สึกถึงการสั่นแจ้งเตือนจากมือถือในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดดู เมื่อเห็นภาพที่มันแท็กก็ต้องเหลือบมองตาขวาง ที่มันกดถ่ายอยู่สองสามทีผมเชื่อว่าต้องมีสักรูปที่ผมยิ้มทัน แต่มันเลือกแล้วไง เลือกรูปที่หน้ากูเหวอสุดอะ ไอ้กู๊ดหลุดหัวเราะแล้วรีบหนีออกไปจากตรงนี้ก่อนผมจะด่ามันได้ทัน
"ไอ้สารเลว!"
"ฮึ?"
ไอ้คนถูกด่ากลายเป็นไอ้ไกด์ที่เดินเข้ามาพอดีแทน มันสะดุ้งเฮือกหันมองผมตาโต ยกนิ้วชี้เข้าหาตัวเอง
"กูเหรอ"
"เออ ทั้งพี่ทั้งน้อง!"
"ไรวะ"
ผมยกมือทุบไหล่ไอ้ไกด์เบาๆ ปล่อยให้มันยืนงงแล้วเดินออกมาจากตรงนั้น มองหาบูรพาที่ยังยืนถ่ายรูปให้เพื่อนๆ ในเอกอยู่ ผมมองคนที่จริงจังกับการถ่ายรูป ยกมือชี้พลางออกปากสั่งให้คนนั้นไปยืนตรงนู้น คนนู้นไปยืนตรงนี้ ทุ่มเทจนแทบจะลงไปนอนถ่าย นี่ถ่ายรูปงานบายเนียร์หรือจะเอาชนะแคมเปญกรุ๊ปช็อตเดอะเฟสไทยแลนด์วะไอ้ห่า ผมปล่อยให้มันถ่ายรูปเพื่อนแล้วออกมารอที่หน้าห้องจัดเลี้ยง มองดูซุ้มถ่ายภาพที่รุ่นน้องจัดไว้ให้ ไม่ทันได้สังเกตตอนเดินเข้าไป แต่ผมเพิ่งจะเห็นป้ายคัตเอาท์รูปเมืองลอนดอนที่ผมเคยช่วยระบายสีตอนปีหนึ่ง ไม่รู้ว่ามันยังถูกเก็บเอาไว้อยู่ ผมก้าวเท้าเข้าไปหาภาพนั่น แล้วก็จำได้ดีเลยว่าตรงไหนที่ตัวเองเป็นคนระบาย และวันที่ได้นั่งทำป้ายนี้อยู่ข้างๆ บูรพา ก็เป็นวันที่ได้เราได้ปรับความเข้าใจในเรื่องที่เข้าใจผิดกันด้วย ผมถอยหลังออกมาสองสามก้าวแล้วยกมือถือขึ้นมากดถ่ายรูป
"เหนือ"
เสียงเรียกจากด้านหลังเป็นเหตุให้ผมยั้งมือที่จะกดถ่ายอีกภาพแล้วหันไปมอง ก่อนต้องชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าเป็นแพท ความบังเอิญไม่ทำงานมานาน จนกระทั่งวันนี้ ผมไม่รู้ว่าต้องทำหน้ายังไง แต่ว่าแพทยิ้มให้ก็เลยยิ้มตอบ ซึ่งดูก็รู้ว่าเกร็งไปทั้งหน้า แพทรู้จักผมดีพอเลยพูดแซวขำๆ
"ยิ้มแห้งเชียว"
ผมก็ทำได้แค่นั้นจริงๆ หัวเราะเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นสบตา แพทดูเหมือนจะวางตัวได้สบายๆ กว่าเพราะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน
"งานบายเนียร์ตรงกันเลย บังเอิญเนอะ"
"อืม"
"เรียนจบจนได้นะ คิดว่าจะไม่รอดซะแล้ว"
"อ้าว"
"ล้อเล่นๆ" แพทยกมือตีไหล่ผมเบาๆ ส่วนผมก็ทำได้แค่ยิ้มอยู่อย่างนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ จนระหว่างเรากลายเป็นความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง กระทั่งแพทเรียกชื่อผมอีกครั้ง
"เหนือ"
"ฮึ?"
"ยังโกรธเราอยู่เหรอ"
"เปล่า ไม่ได้โกรธ แต่แค่ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงเวลาเจอแพท"
"เฮ้ย ก็ทำตัวปกติก็ได้ เราก็ยังรู้จักกันได้ไม่ใช่เหรอ"
ผมพยักหน้ารับเบาๆ เหมือนทุกอย่างสำหรับแพทเป็นเรื่องง่ายไปหมด หรือเป็นเพราะผมทำให้มันยากเองก็ไม่รู้
"แต่เอาจริงๆ โกรธก็ไม่เป็นไรหรอก เรารู้ว่าเราผิด"
"..."
"แต่หวังว่าวันหนึ่งจะให้อภัยกันนะ"
แพทพูดแค่นั้นก่อนโบกมือให้แล้วเดินออกไป ทิ้งให้ผมหยุดนิ่งอยู่กับความคิดของตัวเอง ผมไม่ได้เกลียดแพท ไม่ได้คิดอะไรกับแพทอีกแล้วตั้งแต่วันที่เราจบกัน แต่ผมปฏิเสธไม่ได้ว่ายังคงมีแพทหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของผม แต่ไม่ใช่เพราะยังคิดถึงหรือรู้สึกอะไร แต่ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตผม มันก็มีแพทอยู่ตรงนั้น และเมื่อคิดย้อนไปถึงเรื่องเก่าๆ ผมไม่สามารถมองข้ามวันที่มีแพทอยู่ด้วยได้ ก็เคยคิดว่าตัวเองลืมไปหมดแล้ว จริงๆ ไม่ใช่ ไม่ได้ลืมสักเรื่อง แค่ไม่ได้นึกถึงก็เท่านั้นเอง
ผมกับบูรพากลับมาที่หอหลังจบงานบายเนียร์ จริงๆ ถูกเพื่อนชวนไปร้านเหล้าต่อ แต่วันนี้ผมขอปฏิเสธเพราะ
ขี้เกียจออกไปเมา เบื่อฟังบูรพามันบ่นด้วย เลยพากันกลับหอดีกว่า หลังจากผมอาบน้ำเสร็จ ก็เห็นบูรพามันนั่งดูรูปจากกล้องอยู่ที่โต๊ะหนังสือ จึงเดินเข้าไปหา ที่หน้าจอกล้องนั่นเป็นรูปผมพอดี มันจึงยื่นมาให้ดู
"หน้าอ้วนเวอร์"
"อ้าว ไอ้นี่"
"ซูมเหนียง" มันว่าพลางกดซูมรูปเข้าไปจนเห็นหน้าใหญ่ๆ ของตัวเองที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าแม่งใหญ่จริงๆ ด้วยความกวนตีนของมันเลยถูกผมเขกกบาลไปหนึ่งที คนถูกตียังหัวเราะคิกคักแล้วกดดูรูปต่อ ผมดึงเก้าอี้อีกตัวออกมาแล้วนั่งลงข้างๆ เพื่อดูรูปไปพร้อมๆ มันด้วย กระทั่งเลื่อนไปถึงรูปป้ายคัตเอาท์รูปเมืองลอนดอนที่มันเองก็ถ่ายมาเหมือนกัน ผมหลุดยิ้มออกมาพร้อมๆ กับมัน เดาว่ามันเองก็คงคิดถึงเรื่องตอนปีหนึ่งอยู่เช่นกัน และขณะหนึ่งในความคิดนั้นก็มีเรื่องที่โผล่ขึ้นมาในหัวจนผมต้องพูดออกไป
"เออ บูรพา"
"ฮึ?"
"เมื่อกี้เจอแพทด้วย"
"เห็นแล้ว"
"ฮะ! เห็นเหรอ"
"กูตาบอดหรือไงล่ะ"
"แค่ทักกันเฉยๆ นะเว้ย ไม่มีอะไร"
"กูก็ไม่ได้ว่าอะไร" มันพูดสีหน้าเรียบเฉยแล้วเลื่อนสายตากลับไปดูรูปต่อ เพราะสีหน้าที่ดูไม่ได้คิดอะไรจริงๆ ผมจึงคิดว่าตัวเองสามารถพูดเรื่องนี้ต่อได้
"แพทถามว่ากูยังโกรธอยู่หรือเปล่า จริงๆ กูก็ไม่ได้โกรธนะ แต่ก็ไม่รู้จะทำตัวยังไงเวลาเจอแพท แพทบอกว่าให้ทำตัวปกติ แต่กูก็ไม่รู้จะทำยังไงให้มันปกติ คือกลับไปเป็นเพื่อนกันปกติแบบนี้เหรอวะ มันทำได้เหรอ แต่เอาจริงๆ ตอนที่คบกันกูกับแพทก็เหมือนเพื่อนกันอยู่แล้วนะ แพทไม่ค่อยทำตัวเหมือนแฟนกูหรอก คือกู..." คำพูดผมขาดช่วงไปตอนที่บูรพาเหลือบตาขึ้นมอง มันวางกล้องในมือลง แล้วหันตัวเข้าหาผมเพื่อมองหน้าอย่างจริงจัง เมื่อถูกจ้องขนาดนั้นก็กลายเป็นผมที่ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากกระพริบตาปริบๆ มองกลับไป
"พูดต่อสิ"
"มึงจ้องกูแบบ..."
"ก็พูดต่อสิ"
"ก็..." กลายเป็นผมที่อึกอัก ลืมเรื่องที่พูดอยู่ก่อนหน้านี้ไปแล้ว ผมรู้ตัวแล้วหลังจากเห็นสีหน้าเรียบเฉยและเสียงแข็งๆ นั่นว่าบูรพาไม่ค่อยพอใจที่ผมพูดถึงแพทมากไป
"โกรธกูป่ะเนี่ย"
"เปล่า"
"กูพูดให้มึงฟังเพราะไม่อยากมีอะไรปิดบังมึงไง ไม่ได้พูดเพื่อให้มึงมาโกรธกูนะเว้ย"
"กูไม่ได้โกรธ"
"โห ดูหน้ามึงด้วย"
"กูแค่หงุดหงิดตัวเอง น่าจะเคยรักคนอื่นนอกจากมึง จะได้มีแฟนเก่าให้พูดถึงบ้าง"
"เนี่ย! มึงโกรธกูอะ!"
"เปล่า"
"บูรพา!"
"ก็บอกว่าเปล่าไง!"
ผมสะดุ้งนิดหนึ่งที่มันเสียงดังกลับ ร้อยวันพันปีเคยขึ้นเสียงใส่ผมที่ไหน สิ้นเสียงคำรามนั่นผมจึงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วถามกลับ
"นี่มึงโมโหกูเหรอ"
"เปล่า"
"ก็แค่พูดให้ฟัง ไม่ได้คิดว่ามึงจะโกรธนี่"
"กูไม่อยากฟัง"
"แต่แพทก็เคยเป็นเพื่อนมึงนะ"
"ยังจะพูดอีก"
"ก็แพทเป็นอดีตของกูไง"
"แล้วจะให้กูทำยังไงกับอดีตของมึง"
ผมถอนหายใจยาว วันนี้บูรพาไม่มีเหตุผลเลยว่ะ ปกติไม่ใช่คนขี้งอนซะหน่อย แล้วมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพูดถึงเรื่องแพท ทุกครั้งที่พูดถึงก็ไม่เคยโมโหร้ายแบบนี้ หรือไม่บางที ผมก็อาจจะพูดหลายครั้งเกินไปจนถึงครั้งที่ความอดทนของมันถึงขีดสุดแล้วก็ได้
"กูไม่อยากให้แพทมาเป็นปัญหาของเรานะเว้ย"
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่แพทหรอก อยู่ที่มึง จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม"
"เออ! กูผิดเองก็ได้! ปัญหากู อดีตกู กูผิดเอง!" ผมลุกพรวดจากเก้าอี้หวังจะเดินออกไปจากตรงนี้ แต่ส้นตีนเสือกทรยศด้วยการสะดุดขาเก้าอี้เข้าอย่างจังแล้วล้มไปนั่งตักไอ้บูรพาอย่างพอดิบพอดี มือตัวเองยกไปคว้าคอมันเอาไว้โดยอัตโนมัติ มันเองก็ยกมือขึ้นรวบเอวผมเอาไว้โดยสัญชาติญาณ
"..."
ผมหันหน้ามองอีกฝ่ายที่มองอยู่พอดี มันปล่อยมือออกจากเอวเมื่อรู้ตัวแล้วเลื่อนสายตาหนีไปอีกทาง แต่ผมยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากคอมันแล้วพูดออกไปเบาๆ
"กูไม่ได้อ่อยนะ มันล้มเอง"
"ลุกดิ"
"เจ็บตีนด้วยนะเนี่ย"
"ลุก"
"เออ!" แผนสำออยไม่สำเร็จ ผมจึงทำท่าจะลุกแต่ไม่ปล่อยมือออกจากคอมัน แล้วทิ้งตัวลงไปนั่งบนตักมันอีกที อีกคนขมวดคิ้วมอง
"มือมันติดอะไรไม่รู้ เอาไม่ออก"
คิ้วยิ่งขมวดแน่นเมื่อผมพูดแบบนั้น ผมแกล้งทำเป็นดึงมือออกจากคอไม่ออก สิ่งสมมติที่ทำให้มือติดอยู่กับคอคือแผนการง้อที่อยู่ๆ ก็คิดขึ้นมาได้ บูรพามันน่าจะรู้ทันแล้วเลยคลายคิ้วที่ขมวดออกแต่ยังดึงหน้าตึงอยู่
"ลุก หนัก"
"ก็มันเอาไม่ออกอะ ติดอะไรเนี่ย ไหนดูดิ" ผมกอดคอมันให้แน่นกว่าเดิม พลางทำเป็นขยับเข้าไปมองมือนั่น จนใบหน้าเฉียดกัน อีกคนก็เบือนหน้าหนีไปทางซ้ายทีขวาที จากใบหน้านิ่งๆ เริ่มเก็บอาการไม่อยู่ กัดฟันกลั้นยิ้มจนเห็นสันกรามชัด ได้ทีผมจึงใช้ท่าไม้ตายสุดท้ายด้วยการทิ้งตัวลงไปซบร่างมันเลย อีกคนที่ถูกจู่โจมไม่ทันตั้งตัวก็รีบยกสองมือขึ้นโอบผมเอาไว้เพราะกลัวจะหล่นจากเก้าอี้ไปทั้งคู่
"เอาไม่ออกอะ อยู่แบบนี้แหละ จนกว่าตัวมึงจะหายโกรธ"
"พอได้แล้ว"
"ก็จะอยู่แบบนี้อะ"
"บอกให้พอไง"
"หึ"
"พอแล้ว ยอม"
"หืม?"
"ยอมแล้ว"
"..."
"น่ารักเกิน"
ผมเงยหน้าขึ้นมอง ในตอนที่บูรพาก็ก้มต่ำลงมาสบตาพอดี เมื่อผมยิ้มกว้างให้ อีกคนก็หลุดยิ้มออกมาจนได้
"หายโกรธยัง"
"อือ"
"แต่กูยังไม่อยากปล่อยอะ" ผมว่าแล้วรัดคอบูรพาให้แน่นกว่าเดิม บูรพาก็ปล่อยให้ผมนั่งบนตักแล้วซบอยู่บนตัวแบบนั้นครู่หนึ่ง มือที่โอบคอมันอยู่ เปลี่ยนเป็นลูบเบาๆ เข้าที่ลำคอและเลื่อนไปที่หลังหู ก่อนผมทำลายความเงียบด้วยการเริ่มบทสนทนาก่อน
"เวลามึงโกรธ ก็ควรบอกว่าโกรธสิ กูจะได้รู้ตัว วันหลังจะได้ไม่ทำอีก"
"อือ"
"แต่เรื่องแพทมันไม่มีอะไรจริงๆ นะ ที่กูพูด เพราะกูแค่อยากบอกมึงทุกเรื่อง กูไม่รู้ว่ามึงไม่ชอบแพท"
"ไม่ใช่ไม่ชอบ จริงอย่างมึงบอก แพทก็เพื่อนกู ไม่ใช่ว่ากูไม่รู้สึกอะไรนะเว้ย"
"..."
"แต่แพทเคยทำให้มึงเสียใจ เวลาที่มึงพูดถึงแพท กูกลัวมึงจะกลับไปเสียใจกับเรื่องในอดีตของมึง"
"..."
"อดีตของมึงที่กูเข้าไปช่วยอะไรไม่ได้"
สุดท้ายแล้วบูรพามันก็เอาแต่เป็นห่วงความรู้สึกของผมอยู่ดี แม้ว่าแพทจะเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำในอดีตของผมก็จริง แต่เรื่องที่แพทเคยทิ้งผมไป ผมไม่เคยนึกถึงเลยหรือต่อให้นึกถึงก็คงไม่รู้สึกเสียใจอีกต่อไปแล้ว
ผมดึงตัวเองที่ซบตัวมันอยู่ออกมาให้เราได้มองหน้ากันได้ถนัด เพื่อให้บูรพารับรู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ผมจึงพูดบางคำออกไปให้ฟัง
"กูเลิกเสียใจตั้งแต่วันที่มีมึงอยู่ข้างๆ แล้ว"
บูรพายกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม ก่อนใช้ริมฝีปากนั้นกดเข้ามาเบาๆ ที่หน้าผากผม เลื่อนลงไปที่ข้างแก้ม ก่อนจบลงที่ริมฝีปากของผมเบาๆ แล้วถอนจูบออกไป ผมคิดว่ามันคงพอใจแล้วจึงดึงตัวเองออกมาแล้วทำท่าจะลุกออกจากตัก แต่ถูกสองมือรั้งให้กลับลงไปนั่งที่เดิม แต่นั่งหันข้างมองหน้าไม่ถนัดมันเลยจัดท่าด้วยการจับขาแยกออกให้นั่งหันหน้าชนกับมัน ก่อนยกสองมือขึ้นโอบเอวไว้กระชับจนขยับไม่ได้
"กูจะไปนอนแล้ว ปล่อย"
บูรพายกมุมปากข้างหนึ่งขึ้นยิ้ม ก่อนสวนกลับมาในประโยคเดียวกับมุกที่ผมใช้ไปก่อนหน้านี้
"มือมันติดอะไรไม่รู้เนี่ย เอาไม่ออก"
"อย่ามาเลียนแบบว่ะ ปล่อยเลย อยากนอนแล้ว"
"เดี๋ยวให้หลับคาอกเลย" จบประโยคนั้น ริมฝีปากก็ตรงเข้ามาประกบอีกรอบ และครั้งนี้ไม่อ่อนโยนกับกูเลย ลิ้นไล่ผ่านแนวฟันแทบทุกซี่ก่อนรุกล้ำเข้ามาจนโต้ตอบแทบไม่ทัน เมื่อพื้นที่บนเก้าอี้เล็กเกินความถนัด ผมจึงถูกเคลื่อนย้ายไปที่เตียงโดยการอุ้มจากคนที่ด่ากูทุกวันว่าอ้วน แต่ถึงเวลานี้ก็แบกเอาไปทิ้งลงบนเตียงง่ายๆ ในขณะที่ริมฝีปากไม่ได้หลุดออกจากกันเลย จูบย้ำๆ ยังกระหน่ำเข้ามาไม่หยุด ยิ่งเนิ่นนาน ยิ่งหนักหน่วง ยิ่งดิ่งลึกเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อริมฝีปากถูกปิดสนิทไม่เปิดโอกาสให้เอ่ยอะไรสักประโยค ผมก็ทำได้แค่ขัดขืนด้วยการยกมือผลักอกมันเบาๆ เพราะต้องการอากาศหายใจบ้าง
การขัดขืนของผมไม่ได้ทำให้อารมณ์ของอีกคนสงบลง เมื่อจูบปากไม่ได้ ก็ขยับไปที่ลำคอแทน ด้วยสัญชาตญาณผมจึงเอียงคอให้อยู่ในองศาที่พอดีเพื่อรับริมฝีปากร้อนที่ไล่จูบไปทั่วลำคอ และเหมือนว่าบูรพามันจะชอบลำคอของผมมากเป็นพิเศษ เพราะมักจะใช้เวลาวุ่นวายอยู่ตรงนั้นอยู่นาน ก่อกวนให้เป็นรอยเล่นๆ ไปงั้นแหละ ขณะที่ขบเม้มเข้าตรงนั้น ตรงนี้อย่างไม่รีบร้อน สองมือก็สอดแทรกเข้ามาในชายเสื้อ จังหวะเดียวที่ยอมถอนริมฝีปากออกจากลำคอก็ตอนที่จะดึงเสื้อผมออก เมื่อร่างกายเปลือยเปล่า ริมฝีปากก็เลื่อนลงต่ำจากลำคอสู่เนินอก จากริมฝีปากเปลี่ยนเป็นลิ้นอุ่นชื้นลากไล้คล้ายจะชิมทั้งๆ ที่ก็รู้ดีอยู่แล้วว่ารสชาติเป็นยังไง
บูรพารู้จักผมดีในทุกพื้นที่ของร่างกาย ไม่มีผิวเนื้อตรงไหนที่ไม่เคยผ่านมือมัน และในทุกสัมผัสจากฝ่ามือนั้นเป็นเหตุให้ร่างกายสั่นไหวไปตามอารมณ์ที่ค่อยๆ รุนแรงขึ้น นิ้วมือลากผ่านร่างกายแทบทุกจุดก่อนไปหยุดที่จุดกึ่งกลางระหว่างเรียวขา ส่วนหนึ่งของร่างกายถูกกอบกุมเอาไว้ด้วยฝ่ามือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้นรวบคางให้ผมหันหน้าไปตอบสนองริมฝีปากที่กดลงจูบเข้ามาอีกที ทั้งริมฝีปากและฝ่ามือทำหน้าที่ของมันไม่ได้หยุด กระทั่งถึงจุดที่ร่างกายได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างให้เป็นอิสระ ผมพ่นลมหายใจหอบถี่ในตอนที่อีกคนถอนริมฝีปากออกไป แต่หายใจเข้ายังไม่ทันลึกถึงปอด บูรพาก็โน้มตัวลงกดริมฝีปากเข้ามาประกบปากผมอีกครั้ง แต่คราวนี้ด้วยความแผ่วเบา หลอกล่อด้วยความอ่อนโยนเบื้องบน แล้วกระทำการใดๆ ที่เบื้องล่างอย่างดุดัน ริมฝีปากถูกละออกไปในตอนที่ร่างกายที่แนบชิดจนไม่มีช่องว่าง ทำเป็นใจดีเว้นช่วงให้ผมหายใจหายคอ ก่อนสองมือดึงรั้งสะโพกให้กระชับตอบสนองการขยับของร่างกาย ผมหลับตาแน่นเมื่ออีกคนขยับตัวลึกเข้าเหมือนจะด้วยแรงทั้งหมดที่มันที ร่างกายเราตอบสนองกันและกัน บดเบียดเข้าหากันในทุกสัมผัสและจังหวะของร่างกายที่เราต่างคนต่างคุ้นเคยดี ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่เคยด้วยความรักทั้งหมดทั้งมวลที่เรามีให้กัน
ความรักถูกแยกออกจากความเคยชิน แม้ว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกและมันก็เกิดขึ้นซ้ำๆ แต่บูรพาก็ยังคงเป็นคนที่ทำให้หัวใจผมเต้นแรงได้อยู่เสมอ...
ได้เสมอ...อีกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
...
ต่อด้านล่างค่ะ