พิมพ์หน้านี้ - [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => เรื่องสั้น => ข้อความที่เริ่มโดย: norita_boyV2 ที่ 17-10-2014 12:09:52

หัวข้อ: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 17-10-2014 12:09:52
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 17-10-2014 12:13:38
เปลี่ยนไป (หรือเปล่า)

เช้าแล้ว...ผมลืมตาตื่นขึ้นเหมือนทุกวัน มองไปที่นอนตรงข้างๆผม ผู้ชายอีกหนึ่งคนยังคงหลับอยู่ ผมแปลกใจเล็กน้อยที่วันนี้ผมไม่ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเค้าเหมือนทุกๆ วัน เค้านอนห่างผมออกไปไม่ถึงหนึ่งฟุตด้วยซ้ำ แต่ทำไมวันนี้ผมรู้สึกว่าเค้าอยู่ห่างไกลเหลือเกิน  ทำไมกันวันนี้ผมถึงรู้สึกว่ามันกำลังจะไม่เหมือนเดิมกันนะ

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ก่อนจะยิ้มนึกขำกับตัวเอง นี่ผมคิดอะไร ผมกับเค้าคบกันมานานแล้วและก็ยังรักกันดีอยู่แล้วทำไมวันนี้ผมถึงรู้สึกแปลกๆ กันนะ อารมณ์ในส่วนลึกของผมกำลังบอกว่าวันนี้มันมีบางอย่างที่เปลี่ยนไป ผมพยายามไม่คิดมาก มันก็แค่วันนี้เค้าไม่ได้กอดผมไว้แค่นั้นเอง แค่นั้นเองเหรอ ผมหุบยิ้มลงทันที

ตลอดเวลาที่เราคบกันมาผมยังนึกไม่ออกว่ามีวันไหนไหมที่ผมไม่ได้ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดนั้น นอกเสียจากว่าวันไหนที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะไม่อยู่ แต่วันนี้ ทำไมเค้าไม่กอดผมเหมือนเดิม อยู่ๆน้ำตาผมก็ไหลออกมา นี่ผมคิดมากไปหรือเปล่า สมองผมยังคงวนเวียนเรื่องเดิมๆ ความรู้สึกโหวงเหวงหวั่นใจเริ่มก่อตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ผมรีบลุกเข้าห้องน้ำ อาบน้ำอาบท่า ทำธุระส่วนตัว ด้วยหวังว่าการให้น้ำชำระร่างกายจะช่วยให้อารมณ์หงอยๆ ของผมดีขึ้น แต่เปล่าเลย

พอผมออกมาจากห้องน้ำ เค้าตื่นแล้วและก็ออกไปยืนสูบบุหรี่ที่ตรงระเบียง เหมือนทุกวันที่เคยทำ ไม่นานเค้าก็เดินกลับเข้ามา และอีกหนึ่งสิ่งที่เช้านี้ต่างออกไปจากทุกเช้าก็มีเพิ่มมาอีก ปกติหลังจากเค้าสูบบุหรี่เสร็จก็จะเป็นเวลาที่ผมอาบน้ำเสร็จเค้าก็จะเดินมา มอร์นิ่งคิสผม ผมก็จะชอบตอบออกไปเสมอว่า การจูบกับคนสูบบุหรี่นี่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นที่เขี่ยบุหรี่ชะมัด แล้วเค้าจะยิ้มให้คำพูดนั้นของผมเสมอ ก่อนจะตอบว่า งั้นเค้าจะขอใช้ที่เขี่ยบุหรี่นี้ไปตลอดชีวิต แต่เช้าวันนี้มันต่างออกไป เค้าไม่ได้เข้ามาหาผม ไม่แม้แต่จะทักทายใดๆ เค้าเดินผ่านผมไปยังห้องน้ำ ผมได้แต่พยายามสกัดกั้นอารมณ์น้อยใจที่เกิดขึ้น

“วันนี้กลับค่ำนะ ไม่ต้องรอทานข้าว”เค้าบอกเสียงเย็นชา ตอนที่เราสองคนเดินมาถึงลานจอดรถด้านล่างของคอนโด ที่ทำงานของเราสองคนอยู่คนละทางเราจึงต้องขับรถคนละคันในการเดินทางไปทำงาน แต่ปกติทุกเช้าเค้าจะอ้อยอิ่งร่ำลาอยู่เป็นนานสองนานกว่าจะยอมไปทำงาน

แต่วันนี้นอกจากจะไม่มีการร่ำลา แถมยังมีน้ำเสียงเย็นชานั่นอีก มันยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกเงียบเหงาเหลือเกิน ผมขับรถด้วยใจเลื่อนลอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไปถึงที่ทำงานได้อย่างไร และไม่รู้โชคดีหรือโชคร้ายที่วันนี้งานผมแทบจะไม่มีอะไรเลย ถ้าเป็นปกติผมคงจะดีใจที่ได้อยู่สบายๆ โดยไม่ต้องเคร่งเครียดกับการทำงาน แต่วันนี้ผมกลับรู้สึกอยากมีงานทำ จะได้ไม่ต้องมานั่งคิดฟุ้งซ่านคนเดียวอยู่อย่างตอนนี้ อย่างที่ใครเค้าบอกว่าเวลาที่เรามีความสุขมันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแน่นอนวันนี้ผมรู้สึกว่ากว่าแต่ละนาทีจะผ่านไปได้มันช่างยาวนานเหลือเกิน ผมอยากเลิกงานเร็วๆ อยากกลับไปหาคนที่ผมรัก อยากไปคุยกับเค้าให้รู้เรื่องว่าเค้าไม่พอใจอะไรผมหรือเปล่า ทำไมถึงได้ทำเย็นชากับผมแบบนั้น

เย็นแล้วผมรีบกลับอย่างรวดเร็วหลังจากได้เวลาเลิกงาน แต่ผมก็ต้องมานั่งหงุดหงิดติดอยู่บนท้องถนน ขนาดว่าผมอยู่บนทางด่วน แต่ในเวลาเร่งรีบแบบนี้ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดกับถนนหนทางว่ามันไม่เห็นจะด่วนเหมือนชื่อของมันเลย ใช้เวลานานพอสมควรกว่าผมจะกลับมาถึงคอนโด ผมจอดรถพร้อมกับกวาดสายตาไปให้ทั่วลานจอดรถ แต่รถคันที่ผมมองหากลับไม่ได้อยู่ที่ลาดจอด พลันผมก็นึกขึ้นได้ ว่าวันนี้เค้าจะกลับค่ำ

“เฮ้อ”ผมถอนหายใจให้กับตัวเอง แล้วนี่ผมจะรีบกลับมาทำไม ท้องผมเริ่มประท้วงว่าหิวแล้ว เพราะตอนเที่ยงวันนี้ผมก็ไม่ได้ทานอะไรเท่าไหร่ มัวแต่คิดเรื่องของเค้าเลยพลอยให้ไม่นึกอยากจะกิน แล้วถ้าจะกลับออกไปกินข้างนอกตอนนี้ก็คงไม่ไหวแน่ๆ ถ้าต้องกลับไปฝ่าการจราจรอีกครั้ง ผมได้แต่เซ็งกับชีวิต ค่อยๆ พาร่างที่เหมือนจะไร้วิญญาณให้เข้าไปในห้องได้

ผมมองไปรอบๆ ห้องอีกครั้งเริ่มรู้สึกเงียบเหงาอีกครั้ง เพราะปกติเค้าจะเลิกงานก่อนผมเสมอ และทุกครั้งที่ผมเปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับพ่อครัวประจำตัวของผม ที่กำลังจัดแจงทำกับข้าวอย่างอารมณ์ดี ผมพยายามมองหาภาพเหล่านั้น แต่เหมือนมันจะค่อยๆ จางหายไป ก็วันนี้เค้าไม่อยู่นี่นา

ด้วยความหิวผมจึงต้องรีบรื้อดูตู้เย็นว่ามีอะไรให้ผมพอจะกินได้บ้าง แต่ทว่าในตู้เย็นกลับเต็มไปด้วยของสด ที่ปกติเค้าจะเป็นคนจัดการกับของพวกนี้ให้มันแปรสภาพเป็นเมนูแสนอร่อยสำหรับเราสองคน ผมได้แต่มองอย่างเหงาๆ เพราะผมทำกับข้าวไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ขนาดว่าผมยอมอดดีกว่าที่จะต้องทนกินฝีมือตัวเอง ปกติผมก็จะช่วยเค้าได้แค่การหุงข้าวแค่นั้น ด้วยความเคยชินผมเดินไปจัดการหุงข้าวอย่างที่เคยทำ พอเสร็จเรียบร้อยผมก็กลับไปมองดูที่ตู้เย็นอีกครั้ง ว่าผมพอจะทำอะไรประทังชีวิตตัวเองได้บ้าง

ผมพยายามมองหาไอ้พวกอาหารกึ่งสำเร็จรูปอย่างเช่นมาม่าหรือปลากระป๋อง ซึ่งอาจจะช่วยชีวิตผมได้ดีกว่าการทำกับข้าวกินเอง แต่ไม่มีแม้แต่เงาของอาหารกึ่งสำเร็จรูปเหล่านั้นเลย

“เอๆ เดี๋ยวซื๊อนี่ติดไว้ที่ห้องบ้างดีไหม”ผมเอ่ยถามพร้อมกับชี้ไปที่ชั้นวางบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตอนไปซื้อข้าวของกับเค้าเมื่อไม่นานมานี้

“เอาไปทำไม ของแบบนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์ไม่ต้องกินหรอก”เค้าห้ามปรามพร้อมกับบอกเหตุผล แต่ผมกลับคิดว่าน่าจะมีติดไว้เผื่อบางวันที่เค้าไม่อยู่ผมจะได้ไม่อดตาย อีกอย่างบางครั้งมันก็รู้สึกอยากทานไอ้ของไม่มีประโยชน์นี่บ้างเหมือนกัน

“งั้นเอาปลากระป๋องแทนก็ได้”ผมต่อรองต่อเผื่อมีวันนี้ที่ผมอาจอดตายจริงๆ และก็เห็นว่าปลากระป๋องน่าจะมีประโยชน์มากกว่ามาม่า เค้าอาจจะยอมให้ผมซื้อไปด้วยก็ได้

“หนึ่งจะเอาไปทำไมกัน ไอ้ของพวกนี้หือ”เขาหันกลับมาส่งสายตาตำหนิ ผมที่ยังดึงดันอยากได้ไอ้ของไม่มีคุณค่าทางอาหารในสายตาเค้า

“ก็เราทำกับข้าวไม่เป็นนี่นา มีของพวกนี้ไว้จะได้ไม่อดตายไง”ผมบอกเหตุผลอย่างอายๆ

“เราไม่ปล่อยให้แฟนตัวเองอดตายหรอกน่า เดี๋ยวเอจะทำกับข้าวให้หนึ่งกินทุกวันเลย แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ”เค้าพูดพร้อมกับส่งสายตาหื่นๆ มาให้ผม

ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น แต่แล้วก็ต้องหุบยิ้มอีกครั้ง เพราะภาพในห้างสรรพสินค้าเมื่อครู่มันกลายเป็นตู้เย็นตรงหน้าผมแล้ว ในที่สุดผมก็เลือกของออกมาหนึ่งอย่างที่พอคิดว่าผมจะทำได้

“ให้มันรู้ไปสิ ว่าไอ้หนึ่ง สอง สาม อย่างเราจะทำไข่เจียวไม่เป็น”ผมปลอบใจตัวเอง ก่อนจะหาอุปกรณ์ทำครัวอย่างทุลักทุเล นานพอสมควรกว่าผมจะหากระทะเจอ กว่าจะได้ถ้วยมาตีไข่ แต่ในที่สุดผมก็ได้มาครบ สมองน้อยๆของผมพยายามทบทวนความจำที่เคยมีใครบางคนสอนทำไข่เจียว

“เอ สอนเราทำกับข้าวบ้างสิ”ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรกๆ มีแต่เอที่ทำกับข้าวให้ผมกิน ผมเลยนึกอยากลองทำดูบ้าง

“ไม่เอาอ่ะขี้เกียจสอน ไม่ต้องหัดทำหรอก ไว้เราทำให้หนึ่งกินเอง”เค้าบ่ายเบี่ยงไม่ยอมสอนผมง่ายๆ โดยยังคงสนใจกับรายการทีวีที่อยู่ตรงหน้า

“ถ้าสอนเดี๋ยวเรามีรางวัลให้นะ”ผมเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าเค้า ยืนบังทีวีก่อนจะนั่งลงบนตักเค้าพร้อมกับส่งสายตายั่วยวนเต็มที่ และไม่ต้องรอช้า เอรั้งศีรษะผมลงไปจูบอย่างดูดดื่ม มือซุกซนนั้นสอดเข้ามาภายใต้เสื้อบางๆ ของผมเพื่อยอกเย้ากับเม็ดสีชมพูบริเวณหน้าอก

“หือ หยุดทำไม”ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจเมี่อผมถอนริมฝีปากออก พร้อมกับทำท่าจะลุกขึ้น แต่มือของเค้าเร็วกว่าทำให้ผมยังลุกขึ้นไม่ได้

“สอนก่อนสิ ถึงจะมีรางวัลให้”ผมต่อรองทั้งที่อารมณ์ผมเองก็เตลิดไปไกลแล้ว

“ขอรางวัลก่อนแล้วค่อยสอนไม่ได้เหรอ”ดูท่าเค้าเองก็คงยากจะหักห้ามใจเสียแล้ว แต่ผมต้องหยุดให้ได้ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้รำเรียนการทำอาหาร

“ไม่เอาน่า สอนก่อนสิ รับรองว่าถ้าสอนแล้วเรามีของขวัญสุดพิเศษให้เลยแหละ”ผมกล่าวอย่างอายๆ เมื่อนึกถึงรางวัลที่ผมคิดจะมอบให้เค้า

“งั้นก็ได้ แต่ขอมัดจำไว้ก่อนนะ”ชายหนุ่มตอบรับอย่างเสียไม่ได้ก่อนจะประกบริมฝีปากร้อนนั้นมาที่ผมอีกครั้ง

“พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้เรียน ได้สอนกันพอดี”ผมรีบบอกทันทีที่เค้าถอนปากออก

“เอ้า ก็ได้ แต่สอนเสร็จแล้วอย่าลืมสัญญานะ”ชายหนุ่มบอกอย่างยิ้มๆ พร้อมกับสายตาหื่นๆ รู้สึกยิ่งนานวันไอ้คนตรงหน้าผมยิ่งจะทวีความหื่นขึ้นเรื่อยๆ

“แล้วอยากทำอะไรล่ะ”เค้าเอ่ยปากถามเมื่อจับมือพาผมเดินมาถึงตู้เย็น นั่นสินะคิดแต่ว่าอยากทำเป็น แล้วจะลองทำอะไรดี

“เอาต้มยำกุ้งแล้วกัน เราชอบกินต้มยำ”ผมตอบออกไปโดยไม่ได้นึกเลยว่ามันไม่ใช่ของที่ทำกันง่ายๆ เท่าไหร่นะ

“แน่ใจเหรอ”เค้าบอกแบบเหมือนจะขอคำยืนยัน พร้อมกับน้ำเสียงเตือนๆ อยู่ในทีว่า มันจะเสียของเปล่าๆ ทั้งกุ้ง และส่วนประกอบอื่นๆ ผมเลยคิดได้ว่ามันคงจะยากเกินไป น่าจะเริ่มจากอะไรง่ายๆก่อนดีกว่า

“งั้นเอาอะไรง่ายๆ ก่อนก็ได้ คุณครูอยากสอนผมทำอะไรก็สอนมาเถอะครับ”ผมบอกเสียงอ้อนๆ ให้เค้าเป็นคนเลือกเมนูที่จะสอนผม

“เราอยากสอนเรื่องบนเตียงมากกว่า”ชายหนุ่มหันกลับมาตอบพร้อมด้วยสายตาหื่นๆ อีกแล้ว

“อันนั้นเราทำเป็นอยู่แล้วไม่ต้องมาสอน”ผมบอกอย่างฉุนๆ พร้อมกับส่งสายตาค้อนๆ ไป ให้เค้ารู้ตัวว่าควรจะเริ่มสอนเสียที

“ทำไข่เจียวแล้วกัน ง่ายดี”ไข่เจียวนี่นะ

“โห อะไรอ่ะ ไข่เจียว ใครๆ ก็ทำเป็น เอาอย่างอื่นดิ”ผมเริ่มโวยวาย ก็การฝึกทำกับข้าวทั้งทีให้ผมฝึกทำไข่เจียวนี่อ่ะนะ ผมอยากทำอะไรที่แปลกใหม่กว่านี้หน่อย

“หนึ่งทำเป็นเหรอ ไข่เจียวนะ”เค้าดักคอจนผมไม่รู้จะค้านยังไง เพราะแม้แต่ไข่เจียว ที่ใครๆ ต่างก็ทำเป็น แต่ผมก็ทำไม่เป็น แหะๆ

“ตกลงจะสอนทำไข่เจียวจริงๆ เหรอ”ผมยังหวังว่าอาจจะได้หัดทำอย่างอื่นเลยถามอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

“มันต้องค่อยเป็นค่อยไป อีกอย่างไข่เจียวนี่แหละเร็วดี เราจะได้รับรางวัลจากหนึ่งเร็วๆด้วยไง”ตกลงนี่เค้าอยากสอนผมจริงๆ หรือแค่หวังอยากได้รางวัลกันแน่

“ไอ้หื่น”ผมแกล้งทำหน้าแลบลิ้นปลิ้นตา ว่าเค้าอย่างล้อเลียน แต่เค้าไม่ได้สนใจ รีบจัดแจงเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่างจนพร้อม ผมจับจ้องทุกรายละเอียด ไปๆมาเลยเหมือนผมมานั่งดูเค้าทำเสียมากกว่า เพราะเอทำทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว พอผมจะทำมันเลยเป็นการเกะกะเค้าเปล่าๆ อีกอย่างเค้าก็เหมือนจะไม่ค่อยอยากให้ผมทำเท่าไหร่

“ตกลงนี่เอจะสอนหรือจะมาทำให้ดูเฉยๆ”ผมพูดขึ้นอย่างงอนๆ

“ก็เราไม่อยากให้หนึ่งเหนื่อยนี่นา”เค้าวางของทุกอย่างแล้วเดินเข้ามากอดผมที่ยืนหันหลังให้ ก่อนจะกระซิบเบาๆ ที่หูผม

“เอรักหนึ่งนะ เลยไม่อยากให้หนึ่งต้องลำบากทำอะไรแบบนี้ เรื่องทำอาหารเดี๋ยวเอทำเองคนเดียวก็ดีอยู่แล้ว”ผมรู้สึกดีอยู่หรอกที่เค้าพูดแบบนี้ แต่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเอาเปรียบเค้าอยู่ เพราะผมไม่ค่อยได้ทำอะไรให้เค้าเท่าไหร่เลย

“ก็หนึ่งอยากลองทำดูบ้าง เดี๋ยวให้หนึ่งทำต่อนะ”ผมยังคงไม่ละความตั้งใจในการอยากที่จะเรียนรู้การทำอาหาร

“เอาอย่างนั้นก็ได้”เค้าปล่อยผมจากวงแขนก่อนจะมาคอยกำกับการถือถ้วยที่มีใข่สีเหลืองนวล ลอยอยู่พร้อมกับอะไรอีกหลายอย่างที่เค้าใส่ลงไป ตีจนทั้งหมดรวมเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่เทลงกระทะเท่านั้น เค้าคอยบอกผมอธิบายทุกขั้นตอน ทั้งจังหวะการเท ว่าควรทำยังไง ดูยังไงว่าน้ำมันในกระทะมันร้อนพอหรือยัง และจนแล้วจนรอดเค้าก็ต้องเป็นคนเทไข่ลงกระทะอยู่ดี

แต่ผมไม่ยอมแพ้ ขันอาสาขอเป็นคนพลิกไข่ก็ยังดี และเหมือนโชคจะเข้าข้างผมเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นโทรศัพท์ที่ห้อง ผมเลยไล่เค้าไปรับส่วนผมก็อยู่เฝ้าไข่เจียวฝีมือตัวเองต่อไป ผ่านไปได้สักพัก เอก็เดินกลับมา

ตอนนี้ไข่เจียวอยู่บนจานเรียบร้อยแล้ว เค้ายิ้มฟันขาวเดินเข้ามาหาผม พร้อมกับมองหาไข่เจียวพอเห็นก็ต้องทำหน้าตกใจเพราะว่า

“นี่ทำไข่เจียว หรือว่าเผาไข่เล่นกันหือ”เค้าว่าผมล้อๆ ผมได้แต่นั่งหน้าบึ้ง ก็ใครมันจะไปรู้ว่ามันจะไหม้ง่ายขนาดนี้แถมพอจะพลิกมันก็ขาดซะงั้น ตอนนี้มันเลยไม่ได้เป็นแผ่นเหมือนไข่เจียวทั่วไป แต่มันเละไปหมดแถมไหม้เกรียมอีกต่างหาก

“ปะไปมอบรางวัลไว้เราดีกว่า”ผมทำหน้างงๆ นี่ไม่เห็นได้สอนอะไรกันเลย แถมปฏิบัติการก็ไม่สำเร็จยังมีหน้ามาทวงรางวัลอีก

“อะไรกันนี่มันยังไม่ค่ำเลย”ผมรีบทักท้วง

“ไม่เอาก็หนึ่งสัญญาแล้วว่าถ้าเราสอนทำกับข้าว จะมอบรางวัลให้หลังจากสอนเสร็จไม่ใช่เหรอ”ผมจำไม่เห็นได้หว่าว่าบอกว่าจะให้รางวัลทันทีที่สอนเสร็จ อีกอย่างการสอนก็ไม่ประสบความสำเร็จด้วย

“สอนก็ไม่เห็นได้เรื่องเลย”ผมว่าอย่างงอนๆ ยังไม่ยอมลุกจากเก้าอี้ตรงโต๊ะทานข้าวของเรา

“อยากทำตรงนี้เหรอ”ไอ้คนจอมหื่นยังคงไม่ละความพยายามพร้อมกับช้อนร่างผมขึ้น ขัดขืนไปก็ไร้ประโยชน์ ผมเลยปล่อยให้เค้าอุ้มไปที่เตียงอย่างว่าง่าย เพราะจริงๆ ผมก็อารมณ์ค้างอยู่เหมือนกันตอนที่ยั่วให้เค้าสอนทำกับข้าว

“เดี๋ยวก่อนสิ”ผมทักท้วงคนที่คร่อมอยู่บนตัวผม ตอนนี้เราสองคนไม่มีเสื้อผ้าพันกายอีกแล้ว และเค้าก็กำลังเริ่มไซร้ซอกคอผม

“อะไรอีกหือ”เค้าเอ่ยอย่างขัดใจด้วยเสียงหื่นๆ

“ก็บอกแล้วไงว่าจะให้รางวัล ครั้งนี้เอนอนเฉยๆ เดี๋ยวเราทำเอง”ผมพลิกตัวขึ้นผลักให้เค้านอนหงายลงไป เค้าทำหน้างงๆ เล็กน้อยแต่ทำตามอย่างว่าง่าย ผมเป็นฝ่ายจูบเค้าตั้งแต่ซอกคอไล่ลงมาจนถึงแกนกลางลำตัว ผมไม่ยอมสัมผัสมันเสียที จนเจ้าของมันต้องดันศีรษะผมต่ำลงไปอีก ผมค่อยๆ เล็มเลียส่วนปลาย ก่อนจะค่อยๆกลืนเข้าไปจนหมด ผมกลืนกินอยู่สักพักก็ถอนปากออก

“หยุดทำไมละที่รัก”เค้าถามเสียงกระเซ่าอย่างขัดใจ แต่ผมไม่ได้ตอบ ผมขยับขึ้นไปจัดไอ้เจ้าแกนกลางลำตัวของเค้านั้นให้ตั้งตรงก่อนจะค่อยๆ นั่งทับลงไปเพื่อต้อนรับมันเข้ามาในตัวผม ผมค่อยๆ รับมันเข้าไปทีละนิด จนในที่สุดมันก็เข้าไปจนหมด

“อย่าเพิ่งขยับนะที่รัก อ๊า...แน่นดีเหลือเกิน”คนที่อยู่ด้านล่างของผมบอกด้วยเสียงแห่งความต้องการ ผมแช่ไว้สักครู่ก่อนจะเริ่มขยับ แล้วไม่นานเตียงนอนของเราสองคนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นสมรภูมิรักชั่วคราว

ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์นั้น แต่ก็ต้องสลดลงอีกเมื่อคิดว่า ตอนนี้เค้าอาจจะเบื่อผมแล้วก็ได้ ก็ผมมันแทบจะไม่มีอะไรดีเลย ทำอะไรเพื่อเค้าก็แทบจะไม่มีเลย คิดได้ดังนั้นก็ต้องลงมือทำไข่เจียวต่อไปอย่างเหงาๆ ผมพยายามนึกถึงเมื่อครั้งที่เค้าเคยสอนผม วันนี้ผมจะไม่ทำให้ไข่ไหม้เด็ดขาด และแล้วผมก็ทำสำเร็จ เมื่อไข่เจียวสีเหลืองสวยงาม วางอยู่บนจานข้าวที่ผมหุงเอง ตอนนี้มันวางบนโต๊ะอาหาร ผมอดที่จะชื่นชมตัวเองไม่ได้ที่ผมทำไข่เจียวสำเร็จเป็นครั้งแรก ผมมองดูเก้าอี้อีกตัวที่ตอนนี้เจ้าของยังไม่กลับมาเลย แต่ไม่เป็นไรไว้รอเค้ากลับมาผมค่อยคุยกับเค้าก็ได้ว่าเค้าไม่พอใจอะไรผม หวังว่าเค้าคงยังไม่ได้เบื่อผมหรอกนะ คิดได้ดังนั้นผมก็ตักข้าวไข่เจียวใส่ปาก ตอนแรกผมกะว่าจะละเลียดมันในปากชื่นชมกับผลงานตัวเอง แต่ด้วยความหิว มันก็เลยอยู่ในปากผมได้ไม่นาน

“แหวะ”ผมรีบคายออกทันที ที่ไข่เจียวฝีมือตัวเองสัมผัสลิ้น ก็มันเค็มปี๋เลย เค็มชนิดที่ผมคิดว่าต่อให้ล้างน้ำก่อนกิน ความเค็มก็คงยังไม่จางหาย ผมได้แต่ส่ายหน้าให้ตัวเอง เลยเริ่มคิดว่านี่ถ้าผมไม่มีเค้า ผมยังจะมีชีวิตรอดต่อไปไหม คิดแล้วก็ใจหวิวๆ ถ้าเกิดวันนึงเค้าเกิดเบื่อผมขึ้นมาจริงๆ ผมจะอยู่ยังไง คิดๆแล้วก็พาลน้ำตาจะไหลเสียให้ได้ ทำไมวันนี้ผมถึงได้รู้สึกแบบนี้ ทำไมผมต้องรู้สึกว่าวันนี้เค้าไม่ห่วงผมแล้ว ไม่สนใจผมอีกแล้ว เหมือนเค้าจะอยู่ไกลแสนไกลเหลือเกินสำหรับผม เมื่อไหร่เค้าจะกลับมาเสียที ผมอยากเห็นหน้า อยากได้ยินเสียง อยากให้เค้ามากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู ช่วยยืนยันว่าเค้ายังรักผมอยู่เหมือนเดิม

TBC

สวัสดีคร๊าบบบบ
จะบอกว่าสิงอยู่ในเล้ามานาน แต่เพิ่งได้ Login
เลยเอาเรื่องเก่าๆ ที่เคยแต่งไว้มาลง
เคยลงในบ้านพี่ katesnk มานานแล้ว
ก็กะว่าจะมาทยอยลงที่เล้าประมาณ 3-4 เรื่องที่แต่งไว้จบแล้ว
ชอบไม่ชอบยังไงกะติชมด้วยนะครับ
หรือผิดพลาดตรงไหนก็แนะนำด้วย

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 17-10-2014 12:33:50
+1 เจิมเรื่องใหม่ให้คนเขียนจ้า  :mc4:
เนื้อเรื่องน่าติดตามดีตรงที่มันมีแววสอ ไม่ดราม่า ก็ เซอร์ไพร้ซ์
แล้วจะรออ่านต่อน๊า ^^
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-10-2014 13:54:09
น่าติดตามมาก
ขออีกซิ อยากอ่านๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 17-10-2014 18:58:07
ผมเหม่อมองไปรอบๆห้องมันยิ่งคิดถึงเค้าจับใจ เพราะทุกตารางนิ้วในห้องนี้ ล้วนมีความทรงจำของผมและเค้าตลอดเวลาสามปีที่ผ่านมา ไม่ได้การเสียแล้ว ผมเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเพิ่งจะสองทุ่ม ผมมั่นใจว่าวันนี้เค้าคงต้องกลับดึกมากๆ แน่ๆ เพราะถ้าเค้าจะกลับก่อนสี่ทุ่ม เค้าคงไม่บอกให้ผมทานข้าวก่อนหรอก คิดได้ดังนั้น ถ้าผมยังอยากมีชีวิตรอด ผมต้องออกไปหาอะไรกินข้างนอกเสียแล้ว ผมกดโทรศัพท์หาเพื่อนสนิทของผมหนึ่งคน ในใจก็หวังว่ามันจะยังไม่ทานข้าวเย็นไปแล้วนะ

อย่างน้อยโชคก็ยังเข้าข้างผม เพราะเพื่อนผมบอกว่ากำลังจะออกไปกินข้าวนอกบ้านกับพี่ชาย ถ้าผมจะไปด้วยก็ไม่มีปัญหา ซึ่งร้านก็อยู่ไม่ไกลจากคอนโดผมนัก เพื่อนผมเสียอีกที่กำลังออกจากบ้านมาซึ่งไกลว่า ผมเลยบอกว่าเดี๋ยวผมไปสั่งอาหารรอ เพราะผมรู้จักร้านที่มันกำลังจะไป เป็นอันว่าผมไปถึงก่อนที่เพื่อนผมกับพี่ชายมันจะมานานพอสมควร

หลังจากสั่งอาหารเสร็จ ผมก็มองไปรอบๆร้าน นี่ขนาดผมอยากจะหนีความกลัดกลุ้มที่ห้องออกมาข้างนอก แต่ร้านที่เพื่อนผมนัดก็ดันเป็นร้านที่ผมเคยมากับเอ เมื่อวันเกิดของเค้าปีที่แล้วอีก ให้มันได้อย่างนี้สิ ดีที่ผมไม่ได้นั่งโต๊ะเดิมที่ผมกับเค้าเคยนั่ง

“แค่วันเกิดทำไมต้องยุ่งยากออกมากินข้าวนอกบ้านด้วย”เจ้าของวันเกิดเริ่มทำตัวงอแงเมื่อมาถึงร้าน เค้าบอกกับผมว่าไม่อยากออกมาฉลองข้างนอก อยากทำอาหารกินกับผมที่ห้องก็ได้ จะได้มีเวลาทำอย่างอื่นต่อ แต่ผมอยากทำอะไรให้เค้าบ้าง เพราะวันเกิดทั้งทีจะให้เค้ามานั่งทำกับข้าวให้ผมเหมือนทุกวันได้ไง

“เอาน่าพรุ่งนี้วันหยุด เดี๋ยวเราก็มีเวลาอยู่ด้วยกันอีกทั้งวัน”ผมปลอบใจคนงอแงที่ในหัวคิดแต่เรื่องหื่นๆ อย่างเดียวเลย

“งั้นถ้าทานข้าวเสร็จแล้ว เรารีบกลับบ้านไปฉลองที่ห้องให้ถึงเช้าเลยนะ”เค้าบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่งอแงแล้ว แต่แววตาเต็มไปด้วยความหื่นกระหายเหมือนเสือที่กำลังรอเวลาตะปบเหยื่อ ผมได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆ ให้กับคนหื่นตรงหน้า

“แล้วทำไมเลือกมาร้านนี้ละ อร่อยเหรอ”วันนี้ผมบอกให้เค้าเป็นคนเลือกร้าน ส่วนผมเป็นคนออกตังค์ ก็วันเกิดเค้าทั้งทีผมก็ควรจะให้อะไรเค้าบ้าง

“ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยมาหรอก แต่เห็นว่ามันใกล้ดี รีบกินจะได้รีบกลับ”เค้าพูดยิ้มๆ พร้อมกับสายตาหื่นๆ แถมด้วยมือที่เอื้อมมาลูบหลังมือผมอย่างแฝงความนัย นี่ตกลงว่าพูดเรื่องอะไรก็วกกลับมาเรื่องเดิมอีกจนได้สิน่า

“อย่ารุ่มร่าม อายคนบ้าง”ผมตีมือเค้าเบาๆ พร้อมกับชักมือกลับ

“ทีอยู่ในห้องไม่เห็นเคยตีเค้าแบบนี้เลย”ไอ้คนจอมหื่นทำหน้าทำตาน้อยในเสียเต็มประดา แต่ผมหมั่นไส้มากกว่า ก็ในห้องกับข้างนอกแบบนี้มันต่างกันอยู่แล้ว เค้าก็น่าจะรู้ดี ถึงผมจะยอมรับกับใครๆ หมดแล้วว่าอยู่กับผู้ชายด้วยกัน แต่ในที่แบบนี้ด้วยวัฒนธรรมของไทยเราแล้ว แม้จะเป็น หญิงกับชาย มันก็ไม่เหมาะที่จะทำตัวรุ่มร่ามในร้านอาหารเท่าไหร่หรอก แล้วนี่ยิ่งพวกผมแล้วยิ่งไม่ควรเข้าไปใหญ่ แต่ดูเหมือนไอ้คนตรงหน้าผมนี่ไม่ค่อยจะแคร์อะไรเลย

“เอ้า สุขสันต์วันเกิดนะ”ผมบอกพร้อมกับหยิบกล่องกำมะหยี่ สีแดงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ส่งให้เค้า

“ตัวเองจะขอเค้าแต่งงานเหรอ”เค้าแกล้งพูดล้อๆ เมื่อผมยื่นของขวัญให้ ทั้งที่ดูก็รู้ว่ากล่องขนาดนี้มันใหญ่เกินกว่าที่ข้างในจะเป็นแหวนได้ เค้ารับไปเปิดดูนิดนึงแล้วก็วางไว้เหมือนเดิม ผมหน้าเสียเล็กน้อย ที่เห็นเค้าเหมือนไม่สนใจ ก็ผมจำได้ว่าเค้าชอบนาฬิกาเรือนนี้นี่นา แต่พอรู้ราคาแล้วเค้าก็บอกว่ามันแพงไป เลยไม่ได้ซื้อมา นี่ผมอุตส่าห์แอบไปซื้อมาให้กะเซอร์ไพร์สเค้าเต็มที่ แต่ดูเค้าไม่สู้จะยินดีสักเท่าไหร่เลย อาจจะเห็นว่ามันเป็นของสิ้นเปลือง แต่มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงที่ผมจะให้เค้าได้เลย

“ไม่ชอบเหรอ”ผมกลั้นใจถามออกไป

“มันแพงไปนะสิ ไม่น่าสิ้นเปลืองไปซื้อมาเลย เราไม่น่าบอกหนึ่งไปเลยว่าชอบไอ้นาฬิกาเรือนนี้ เลยพลอยรบกวนหนึ่งเปล่าๆ ตอนนี้ชักเกลียดไอ้นาฬิกานี่แล้ว”เค้าอธิบายเหตุผล

“อ้าวพูดแบบนี้ไม่คิดว่าคนให้เค้าจะเสียใจบ้างเหรอ”ผมได้ทีเลยแกล้งงอนเสียเลย

“งั้นถือว่าเป็นของขวัญจากหนึ่งเราจะรักมันให้เหมือนกับคนที่ซื้อให้เลย แต่คราวหลังถามเราก่อนนะว่าเราอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันเกิด”เอบอกอย่างจริงจัง พร้อมกับแกะนาฬิกาออกใส่เพื่อเอาใจผม

“แล้วเออยากได้อะไรเป็นของขวัญเหรอ”ผมแกล้งถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไอ้คนหื่นๆ นี่จะอยากได้อะไร ก็ทุกปีตั้งแต่คบกันมา เค้าไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากการขอมีอะไรกันจนถึงเช้า ผมละเป็นอันเสียการเสียงานมันเกือบทุกปี เพราะวันเกิดเค้าแต่ละทีไม่ค่อยตรงกับวันหยุดเลย แล้วการมีอะไรกันมาราธอนขนาดนั้น ใครจะมีแรงไปทำงานกันเล่า

“ไม่รู้จริงๆ เหรอ”เค้าทำท่ากรุ้มกริ่ม หันมาสบตาผม

“ไอ้หื่น ไอ้ทะลึ่ง”ผมพูดเบาๆให้ได้ยินกันสองคน

“เรายอมเป็นพวกบ้ากามเลยถ้าได้อยู่กับหนึ่งทั้งวันทั้งคืน”ดูเค้าจะไม่สะทกสะท้านกับคำพูดของผมเลย ดูยิ่งจะชอบใจเสียอีก

“ทานข้าวดีกว่าหิวแล้ว”ผมหลบสายตาหื่นๆของเค้าเฉไฉไปเรื่องอื่น เพราะการอยู่กับคนหื่นๆ แบบนี้นานๆ ทำให้เราซึมซับเอาอาการเหล่านั้นมาได้เหมือนกัน ดีที่ว่าผมยังสามารถครองสติไว้ได้ ไม่หื่นทุกสถานการณ์เหมือนไอ้คนตรงหน้าเท่าไหร่

“ฝากไว้ก่อนเถอะ เดี๋ยวคืนนี้จะถอนคืนให้หมดเลย”เค้าพูดอย่างมันเขี้ยว แล้วเราสองคนก็ผลัดกันตักกับข้าวให้อีกฝ่ายอย่างมีความสุข ดีที่เอไม่ป้อนผมด้วยเพราะถ้าทำผมก็คงไม่ยอมหรอก แม้ว่าตอนอยู่ที่ห้องเค้าจะทำแบบนั้น แต่ข้างนอกแบบนี้คงไม่ดีแน่ ผมจ้องมองโต๊ะที่เราสองคนเคยนั่งอย่างไม่วางตา ภาพผมกับเค้าค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่กำลัง นั่งทานข้าว หัวร่อต่อกะซิกกันอย่างมีความสุข ผมยิ้มให้กับภาพเบื้องหน้า นี่ผมกับเอจะยังเหลือความหวานให้กันแบบนั้นอีกหรือเปล่าหลังจากที่คบกันมาหลายปีขนาดนี้แล้ว

“ไอ้หนึ่ง ๆ”เสียงเพื่อนตัวดีเรียกให้ผมเลิกสนใจคู่หนุ่มสาวนั้นอีก เพราะมันได้เดินทางมาถึงแล้ว มันเดินมานั่งฝั่งเดียวกับผม ส่วนพี่ใฝพี่ชายมันนั่งลงฝั่งตรงข้ามผม

“ทำไมช้าจังหวะเฟียสต์”ผมถามเพื่อนหลังจากที่ทักทายกับพี่ชายของมันเรียบร้อย

“ก็รถมันติด รอนิดรอหน่อยไม่ได้หรือไง”มันเริ่มโวยวาย ไอ้นี่ถ้าไม่สนิทกัน เค้าก็จะคิดว่ามันเป็นคนน่ารำคาญปากไม่มีหูรูดแต่ ผมรู้จักกับมันมานาน เลยไม่ถือสามันแล้ว แรกๆตอนรู้จักกันผมก็รับไม่ค่อยได้ แต่พอนานไปก็เลยเข้าใจว่ามันมีนิสัยแบบนี้ ไม่ได้ตั้งใจจะกวนประสาทใครหรอก ก็ดูเอาเถอครับที่มันตอบผม แทนที่จะบอกว่ารถมันติดเลยมาช้าอธิบายดีๆ ก็ได้ แต่มันดันพูดยังกะผมผิดที่ไปถามมันงั้นแหละ แต่ผมก็ไม่ถือสาอยู่แล้ว

“ก็แค่ถามดู”ผมตอบยิ้มๆ ก่อนจะหันไปมองพี่ใฝ เห็นแกยิ้มมองมาที่ผมก่อนแล้ว

“แล้วทำไมวันนี้เสด็จมาหาเพื่อนได้ละไอ้คุณชาย 1 2 3”ไอ้เฟียสต์พูดประชดประชันผมด้วยชื่อเรียกที่เพื่อนๆชอบเรียกผมเป็นตัวเลข หนึ่งสองสาม

“วันนี้เอมีธุระ เลยไม่มีเพื่อนกินข้าว”ผมบอกไปตามความจริง

“อ๋อที่แท้ก็เห็นเพื่อนเป็นของตาย พอทาสรับใช้อย่างนาย ABC ไม่อยู่ เจ้านายอย่าง 123 เลยต้องออกมาหาพระสหายที่แสนดีอย่างกรู ใช่ไหม”มันพูดน้ำเสียงกวนๆ ตามประสาของมัน แต่พี่ใฝก็คอยปรามๆ มันไว้เพราะคิดว่ามันพูดกับผมไม่ค่อยเพราะ ผมละอยากจะบอกพี่แกจริงๆ ว่าน้องพี่มันพูดได้สุนัขไม่รับประทานมากกว่านี้อีกเยอะ

“แล้วนี่ไอ้เอมันไปทำอะไรที่ไหนว่ะ ทำไมปล่อยมรึงไว้คนเดียวแบบนี้”เฟียสต์กับผมและเอเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย เลยค่อนข้างจะสนิทกัน จนพูดคุยได้ทุกเรื่อง และไอ้เฟียต์ก็รู้เรื่องที่ผมอยู่กับเอเป็นอย่างดี

“ไม่รู้ไปไหนเหมือนกันว่ะ”ผมตอบไปตามความจริงเพราะ เค้าไม่ได้บอกอะไรผมมากไปกว่าบอกว่าจะกลับค่ำ ซึ่งน่าจะหมายถึงดึกนั่นเอง

“อ้าวไม่รู้ได้ไง ถ้าเผื่อมันแอบไปกับก๊งกับกิ๊ก จะว่ายังไง หรือไม่บางทีอาจจะแอบไปกับสาวที่ไหนหรือเปล่า เห็นมันยิ่งมีสาวๆ มาตามตอแยเยอะๆ อยู่ด้วย ระวังนะเดี๋ยวมันจะได้หน้าแล้วลืมหลัง”ไอ้เฟียสต์ยังคงพูดอะไรต่อไปอีก ผมรู้ว่ามันแค่พูดเล่นๆ ขำๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่ผมคิดไปตามที่มันพูดแล้ว ว่าถ้าเกิดเค้าจะเบื่อผม แล้วหันกลับไปชอบผู้หญิงจริงๆ ผมจะทำยังไง แค่คิดน้ำตาก็พาลจะไหลเสียให้ได้

“ไอ้เฟียสต์พอได้แล้ว”พี่ใฝห้ามเพื่อนผมที่พล่ามไปเรื่อย กินไปด้วยโดยที่มันไม่ได้หันมามองหน้าผมว่าซีดไปขนาดไหน ตาเริ่มแดงๆ น้ำตาปริ่มๆ จะไหลแหล่มิไหลแหล่อยู่แล้ว

“เฮ้ย กรูขอโทษว่ะ นี่มรึงทะเลาะกันเหรอ”ไอ้เฟียสต์เอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ เป็นการปลอบ ผมส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะผมกับเอก็ไม่ได้ทะเลาะอะไรกัน

“ถ้าไม่สบายใจก็โทรไปถามมันก็ได้ว่ามันไปไหน อยู่กับใคร”ไอ้เฟียสต์ออกความเห็นเมื่อเห็นผมยังเงียบ แต่ความเห็นของมันทำให้ผม คิดได้ถึงความผิดปกติอีกอย่างของวันนี้ นั่นคือเรื่องโทรศัพท์

ปกติทุกวันจะมีสายจากเอโทรหาผม อย่างน้อยๆ ก็โทรมาถามตอนเที่ยงหนึ่งครั้งว่าทานข้าวหรือยัง แค่ถามไถ่เรื่องระหว่างวันแค่นาทีสองนาทีแค่นั้นแหละ หรือถ้าวันไหนที่เค้าไม่อยู่แบบนี้ ตอนเย็นเค้าจะคอยโทรมาถามไถ่ว่าผมจะกินข้าวยังไงอยู่ยังไง หรือแม้แต่บางวันที่เค้ากลับช้ากว่าปกตินิดหน่อยเค้าก็ต้องโทรมาแจ้งผมเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ

TBC

มาต่อให้อีกนิดหน่อยคร๊าบบบบ

อย่างที่บอกว่านี่เป็นเรื่องสั้น ก็เลยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันเดียวจนจบเรื่อง

แต่จะมีการเล่าย้อนอดีต เป็นการเดินเรื่อง

ภาษาอาจจะยังไม่ลื่นไหล ยังไงก็ติชมกันได้จร้า


 :laugh:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 17-10-2014 19:14:03
เอเป็นอะไร
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 17-10-2014 19:43:39
มะนหน่วงๆ จี๊ดๆ ในใจ
อย่าบอกนะว่าจบภายในวันเดียว
นี่คือจบความสัมพันธ์หนึ่งกับเอภายในวันเดียว
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 17-10-2014 20:11:34
 :เฮ้อ:หน่วงจัง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 18-10-2014 08:08:09
ปกติทุกวันจะมีสายจากเอโทรหาผม อย่างน้อยๆ ก็โทรมาถามตอนเที่ยงหนึ่งครั้งว่าทานข้าวหรือยัง แค่ถามไถ่เรื่องระหว่างวันแค่นาทีสองนาทีแค่นั้นแหละ หรือถ้าวันไหนที่เค้าไม่อยู่แบบนี้ ตอนเย็นเค้าจะคอยโทรมาถามไถ่ว่าผมจะกินข้าวยังไงอยู่ยังไง หรือแม้แต่บางวันที่เค้ากลับช้ากว่าปกตินิดหน่อยเค้าก็ต้องโทรมาแจ้งผมเป็นระยะๆ อย่างสม่ำเสมอ

อย่างเคยมีครั้งนึงเค้าต้องไปสัมมนาที่พัทยา สามวัน วันแรกก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากไอ้เฟียสต์ และพอวันต่อมาเอก็บังคับให้ไอ้เฟียสต์มาอยู่เป็นเพื่อนผม เพราะเป็นวันหยุด ด้วยความที่ไม่มีอะไรทำ ผมกับไอ้เฟียสต์เลยนั่งดวลเบียร์กัน จนเมามายทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจนเย็น และก็ช่างบังเอิญที่วันนั้นมือถือผมแบตหมด ส่วนของไอ้เฟียสต์ดันปิดเครื่องหนีสาว ด้วยความเมามาทั้งวัน ผมและไอ้เฟียสต์เลย ฟุบกันอยู่คนละมุมหน้าทีวี ผมเป็นคนหลับลึกไม่ว่าจะมีเสียงอะไรเกิดขึ้นถ้าได้เมาหลับแบบนี้ ยังไงก็ไม่รู้สึกหรอก

“อ้าวเอ มาได้ยังไง”ผมลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกได้ถึงความเย็นที่สัมผัสลงบนใบหน้า พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นเค้ากำลังเช็ดตัวให้ผมอยู่ ผมมองไปรอบๆ ตัวก็รับรู้ได้ว่ามันคือห้องนอนของเรานั่นเอง ผมพยายามนึกว่าผมจำอะไรได้บ้าง ก็จำได้แค่ว่าเมาแล้วหลับไปหลังไอ้เฟียสต์หน่อยนึงนี่นา แล้วนี่เอมาได้ยังไง

“พังประตูเข้ามา”ผมงงๆกับคำตอบ เค้าก็มีกุญแจนี่นาทำไมต้องพังประตูเข้ามาด้วย ผมยังคงทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ

“ทำไมต้องทำให้เป็นห่วงแบบนี้ด้วย รู้ไหมเราโทรหานายก็ไม่ติด ไอ้เฟียสต์ก็ไม่ติด โทรเข้ามาที่เบอร์ห้องก็ไม่มีใครรับ โทรถามทางคอนโดเค้าก็ว่ารถนายยังอยู่ไม่น่าจะออกไปไหน เรากลัวว่านายจะเป็นอะไรไป กระวนกระวาย จนไม่รู้จะทำยังไง เลยรีบขับรถจากพัทยามา พอมาถึงเราดันลืม กุญแจห้องไว้ที่พัทยา เลยต้องไปขอที่เคาเตอร์ แต่พอมาเปิด นายดันล็อคข้างในไว้อีก จะเรียกจะโทรอะไรก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เราเลยต้องพังประตูเข้ามา คราวหลังอย่าทำให้เป็นห่วงแบบนี้อีกนะ”มือเค้าค่อยๆ ลูบใบหน้าเรียวของผมอย่างห่วงใย

“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วง”ผมรู้สึกผิดจริงๆ นี่ผมทำให้เค้าห่วงขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมผมมันแย่ได้ขนาดนี้ แล้วนี่เค้าจะเสียการเสียงานเพราะผมอีกหรือเปล่า เพราะพรุ่งนี้เค้าต้องสัมมนาอีกวันนึงนี่นา

“แล้วกลับมาแบบนี้เค้าไม่ว่าเหรอ”ผมถามออกไปอย่างกังวล

“เดี๋ยวตอนเช้าค่อยขับรถกลับไปแต่เช้าก็ทัน อาจจะเข้าสายนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอกมั้ง”นี่ผมทำให้เค้าลำบากอีกแล้วใช่ไหม

“ขอโทษ”ผมพูดเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ ทำไมเค้าถึงได้ทนลำบากขนาดนี้เพื่อผมด้วย เค้าก้มลงมาจูบที่หน้าผากผมพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้

“ช่างมันเถอะ แต่คราวหลังอย่าทำให้เป็นห่วงแบบนี้อีกนะ นอนเถอะนายยังไม่หายมึนหัวนิ เดี๋ยวเราก็ต้องรีบนอน พรุ่งนี้เช้าต้องขับรถกลับแต่เช้าอีก”เค้าบอกผมพร้อมกับส่งแววตาอ่อนโยนนั้นมาให้ผม จนผมต้องหลบตาเพราะเค้าแฝงความหื่นไว้ในแววตานั้นด้วยนี่สิ นี่ขนาดเวลาอย่างนี้ยังจะมามีอารมณ์หื่นอีก

“ไอ้เฟียสต์ล่ะ”ผมถามถึงเพื่อนเมื่อเค้ามานอนลงข้างๆผม

“ไอ้บ้านั่นนะเหรอ บอกให้มาอยู่เป็นเพื่อน แล้วดูมันทำสิ ตอนแรกเปิดประตูเข้ามาเราตกใจมากเลย เพราะปลุกนายยังไงก็ไม่ตื่น เราว่าจะหามนายส่งโรงบาลแล้วเชียวดีที่ไอ้เฟียสต์มันตื่นมาก่อน บอกว่านายแค่เมาหลับไป เราเลยมาเช็ดตัวให้นายนี่แหละ ส่วนไอ้ตัวก่อความวุ่นวายนั่นพอมันสร่างมันปัดตูดเผ่นแล้ว มันกลัวเราไล่เตะมันโทษฐานที่ทำให้เราเป็นห่วงหนึ่ง”เค้าบอกยืดยาวพร้อมกับกอดกระชับผมแน่น

“อย่าไปว่ามันเลย เราเองแหละเป็นคนชวนมันดื่มเอง”ผมยอมรับผิดแต่โดยดี

“งั้นนายก็ต้องถูกลงโทษ”โดยไม่รอคำอุธรณ์จากผม ผู้พิพากษาก็ใช้ศาลเตี้ยปฏิบัติการลงโทษทันที จนผมอดกังวลไม่ได้ว่าพรุ่งนี้เค้าจะตื่นไปแต่เช้าไหวหรือเปล่า

“หนึ่ง...ไอ้หนึ่งสองสาม”ผมหันไปตามเสียงของไอ้เฟียสต์ที่ตะโกนใส่หูผม

“หือ”ผมตอบออกไปอย่างเลื่อนลอย

“กรูเห็นมรึงจ้องโทรศัพท์มานานแล้วนะ จะโทรก็โทรสักทีสิว่ะ เห็นแล้วขัดใจ”ไอ้เฟียสต์บอกอย่างหัวเสีย ผมมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง ใช่แล้ววันนี้ไม่มีแม้แต่สายเดียวจากเค้าที่โทรมาหาผม แม้แต่ข้อความก็ไม่มีเลย ผมควรจะโทรไปหาเค้าดีไหม

“กรูไม่โทรดีกว่า ไม่อยากทำตัวงี่เง่า น่ารำคาญคอยโทรจิกใครแบบนี้”ผมบอกไอ้เฟียสต์ออกไปหลังจากตัดสินใจอยู่สักครู่

“ไม่ได้เรื่องเลยมรึงนี่ เดี๋ยวกรูโทรเอง”ยังไม่ทันที่ผมจะได้ห้าม ไอ้เฟียสต์ก็กดมือถือของมันต่อสายไปแล้ว ไม่นานก็เห็นมันทำหน้า ไม่สบอารมณ์ก่อนจะเก็บมือถือ มันคงจะรู้ว่าผมอยากรู้ผลแต่มันก็แกล้งไม่พูดรอให้ผมถามเอง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะถาม

“เอ้าได้ความว่ายังไงก็บอกเพื่อนไปสิไอ้เฟียสต์”พี่ใฝเป็นฝ่ายถามแทนผม

“โทรไม่ติดว่ะ ปิดเครื่อง ไม่ก็แบตหมด”ไอ้เฟียสต์หันมาบอกผม มันยิ่งทำให้ผมใจหายมากยิ่งขึ้นไปอีก

“เฮ้ยมรึงไม่ต้องคิดมากหรอก มรึงก็รู้จักมันมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่เห็นมันเคยทำอะไรให้มรึงเสียใจนี่นา มันรักมรึงออกจะตายไป เป็นผัวเมียกันมานานขนาดนี้แล้วยังจะกลัวอะไรอีกว่ะ”ไอ้เฟียสต์พยายามปลอบผม แต่ผมกลับมองต่างมุมกับมัน ก็เพราะไอ้คบกันมานานนี่แหละทำให้ผมกลัวว่าเอจะเบื่อผม

“กินข้าวดีกว่านี่ของโปรดมรึงไม่ใช่เหรอ”ไอ้เฟียสต์พยายามชวนคุยเรื่องอื่น พร้อมกับตักกับข้าวให้ผม ผมก็พยายามฝืนยิ้ม ไม่อยากให้ทั้งสองต้องมาเป็นห่วงอีก จนเวลาล่วงเลยไปเราทั้งสามก็อิ่มหนำสำราญกันเรียบร้อย

“กรูว่าจะไปลานเบียร์ต่อ ไปด้วยกันไหม”ไอ้เฟียสต์ถามขึ้นตอนกำลังจะเช็คบิล กลับ

“ไม่ดีกว่าว่ะ”ผมตอบปฏิเสธ เห็นไอ้เฟียสต์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรอีกครั้งก่อนจะหันมาบอกผม

“ไอ้เอยังไม่กลับไปห้องเลย โทรไปไม่มีใครรับ กรูว่ามรึงไปกับกรูดีกว่า”ไอ้เฟียสต์หันมาเสนอความคิดแกมบังคับผมโดยไม่รับฟังความเห็นอีก

--------------------------------------
แวะมาต่อให้อีกนิดคร๊าบบบบบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ลิงภูเขา ที่ 18-10-2014 09:49:32
อยากอ่านต่อแล้วอ่า..

สนุกกกกกกกกกกกกกกก

.
.
ทำไมเราคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดก็ไม่รู้

มั่นใจมากว่าเรื่องนี้ต้องจบแบบแฮปปี้  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 18-10-2014 10:46:25
o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 18-10-2014 14:18:59
แว่บเข้ามาดู ได้อ่านต่อจริงๆด้วย ดีใจๆ

คนเขียนน่าจะใส่วันที่
หรือระบุอะไรให้รู้หน่อยว่าลงตอนใหม่
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 18-10-2014 17:27:28
สนุกมาก.มาต่อไวๆๆน่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: ♠DekDoy♠ ที่ 18-10-2014 19:24:08
ขอแค่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเถอะนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 18-10-2014 21:01:29
 :katai5: อย่าลืมแวะมาต่อบ่อยๆน๊ากำลังอินบวกลุ้นว่าจะเล่นอะไรกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 18-10-2014 22:54:34
มาแนวดราม่าจัดเต็มมาก  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 18-10-2014 23:36:55
เซอร์ไพรส์เฉยๆก็พอน้า   :ling3:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า)
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 20-10-2014 01:20:10
“ไอ้เอยังไม่กลับไปห้องเลย โทรไปไม่มีใครรับ กรูว่ามรึงไปกับกรูดีกว่า”ไอ้เฟียสต์หันมาเสนอความคิดแกมบังคับผมโดยไม่รับฟังความเห็นอีก

ไอ้เฟียสต์บอกจะเอารถไปจอดไว้ที่คอนโดผมและผมเองมันก็ไม่ให้ขับรถไปเอง ไปแทกซี่กันดีกว่าเพราะจะได้ดื่มกันเต็มที่ไม่ต้องกังวลเรื่องเมาแล้วจะขับรถกลับไม่ไหว พอใกล้ถึงที่หมาย ผมก็ต้องถอนหายใจอีกครั้ง ทำไมทุกที่มันมีแต่ความทรงจำของผมกับเค้ากันนะ ลานเบียร์ที่ไอ้เฟียสต์กำลังจะพาไปนั่งวันนี้ ผมเคยมาเมื่อครั้งสมัยยังเรียนอยู่ ตอนนั้นเรามาเที่ยวบ้านไอ้เฟียสต์กัน ก็มีผม เอ แล้วก็ไอ้เฟียสต์  แล้วพี่ใฝก็ชวนเรามาที่ลานเบียร์แห่งนี้ตอนนั้นผมกับเอ ยังเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาตอนนั้นผมยังไม่ได้สนิทกับเอมากนัก จริงๆ ผมสนิทกับไอ้เฟียสต์มากกว่า ส่วนเอนั้นก็สนิทกับไอ้เฟียสต์มาก่อน และวันนั้นเป็นวันที่ผมได้รู้จักเค้ามากขึ้น

“วันนี้พี่เลี้ยงเต็มที่ แต่พี่คงไม่ดื่มมากนะ เพราะเดี๋ยวต้องขับรถพาพวกเรากลับอีก”พี่ใฝบอกพวกผมสามคนหลังจากจับจองที่นั่งในลานเบียร์เรียบร้อย

“ไม่ยักรู้ว่าหนึ่งดืมเบียร์เป็นด้วยนะเนี่ย นึกว่าจะไม่อยากมาเสียอีก”เอซึ่งนั่งข้างๆเปิดบทสนทนาขึ้น คงด้วยเพราะบุคลิกผมเหมือนคนไม่น่าจะดื่มแอลกอฮอล์กระมั้ง เค้าเลยคิดว่าผมไม่ดื่ม ส่วนไอ้เฟียสต์เองก็ยังไม่เคยเห็นผมดื่มเหมือนกัน ผมยิ้มให้กับชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ ก่อนจะตอบแบบยั้งๆฟอร์มไว้หน่อย

“เราก็พอดื่มบ้าง แต่ไม่ได้ใช้อาบแทนน้ำเหมือนไอ้เฟียสต์หรอก”ผมก็ไม่รู้หรอกว่าไอ้เฟียสต์จะดื่มเก่งขนาดไหน แต่แกล้งแซวมันไปอย่างนั้น ส่วนผมเองก็ถือว่าฝีมือพอใช้ได้อยู่ เพราะเบียร์นี่เป็นของโปรดผมเลทีเดียวก็ว่าได้ เห็นพี่ใฝขำชอบใจใหญ่ในคำตอบของผม แต่ไอ้เฟียสต์นี่สิ

“ไม่ต้องมากัดกรูเลยไอ้หนึ่ง แล้วทำมาเป็นพูดแทนตัวเองว่าเรากับไอ้เอนะ ทีกะกรูละขึ้นมรึงขึ้นกรู”น่านแหละครับปากไอ้เฟียสต์แล้วดูมันพูดกับผม แล้วจะให้พูด เราๆ นายๆ กับมันได้ยังไงกัน ส่วนกับเอ ผมก็ยังไม่ได้สนิทขนาดจะขึ้นมรึงกรูขนาดนั้น ผมยักไหล่ อย่างไม่ใส่ใจในคำพูดของไอ้เฟียสต์

“เอ้าเด็กๆ ชนแก้วกันหน่อย”พี่ใฝชูแก้วเบียร์ขึ้นมาเป็นสัญญาณ ไหนว่าจะขับรถพากลับ ไหงจะมาดื่มด้วยกันซะละนี่

“หมดแก้วนะมรึง”ไอ้เฟียสต์บอกผม ชิส์จะดวลกันดูไหมไอ้เฟียสต์ ว่าแล้วผมก็ยกรวดเดียวหมดแก้ว ก่อนจะเติมใหม่ ไอ้เฟียสต์เห็นดังนั้นก็ไม่ยอมแพ้ เอเองก็เหมือนกัน แต่พี่ใฝแกก็แค่จิบนิดหน่อย ซึ่งก็ดีแล้วเพราะถ้าแกดื่มมากคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

“ถ้าพี่ใฝอยากดื่ม จริงๆ เรามาแทกซี่ก็ได้นะจะได้ไม่ต้องขับรถเอง ดื่มได้เต็มที่”ผมบอกพี่ใฝ แต่คงจะเป็นคราวหน้าเพราะครั้งนี้ยังไงก็เอารถมาเองแล้ว พี่แกก็พยักหน้าเห็นด้วย

หลังจากดื่มไปได้สักพักก็พากันเฮฮาขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนไอ้เฟียสต์นี่จะเริ่มตึงๆ ไปแล้วคนแรกเลย ไอ้นี่ปกติก็ปากไม่อยู่สุขอยู่แล้ว ยิ่งมีแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือดนี่ยิ่งรั่วไปกันใหญ่ ส่วนเอก็น่าจะเริ่มมีอาการแล้วเล็กน้อย แต่เอเป็นคนที่เมาแล้วเงียบมากกว่าเพราะปกติก็เป็นคนที่ไม่ใช่ว่าเงียบ แต่ตอนนี้แสดงว่าเริ่มมีอาการแล้ว และดูเหมือนเค้าจะพยายามควบคุมสติ แต่ไอ้เฟียสต์นี่ไม่คุมอะไรเลย ตอนนี้ที่โต๊ะเลยมีแต่เสียงไอ้เฟียสต์พูด กับผมที่คอยขัด และพี่ใฝคอยปรามเราสองคน จริงๆ ผมก็ไม่อยากขัดไอ้เฟียสต์นักหรอกเพราะเข้าใจว่ามันเป็นแบบนี้ แต่บางทีมันก็อดไม่ไหว

“ไอ้หนึ่ง มรึงเมาแล้วใช่ไหม หูแดงหน้าแดงไปหมดแล้ว”ไอ้เฟียสต์หันมาจ้องผมพร้อมกับชนแก้วอีกแล้ว จริงๆ ผมไม่ได้เมาหรอกครับ ยังไม่รู้สึกด้วยซ้ำ แต่ผมจะเป็นแบบนี้ทันทีเมื่อมีแอลกอฮอล์เข้ามาในร่างกาย คือผมเป็นคนผิวขาว แล้วเหมือนเลือดมันจะสูบฉีดมากขึ้นกว่าปกติ ทำให้หน้ามันแดงอย่างนี้ ใครที่ไม่รู้ก็จะคิดว่าเมาจนหน้าแดงแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่จะเมามากๆ ถึงจะแดงได้อย่างที่ผมเป็น งานนี้ไอ้เฟียสต์ก็คงคิดว่าผมเมาแล้วละครับ

“ไอ้เอไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกรูหน่อย”ไอ้เฟียสต์ดึงเอลากออกไปจากโต๊ะ ผมได้แต่มองตามพร้อมกับส่ายหน้า จริงๆ มันก็ยังคงไม่เมามากหรอก แล้วทำไมต้องลากคนไปห้องน้ำเป็นเพื่อนด้วยก็ไม่รู้

พอกลับจากห้องน้ำทั้งสองคนก็ยกแก้วชนกับผมบ่อยขึ้น และทุกครั้งจะให้ยกหมดแก้วตลอด ผมก็คิดว่ามันคิดจะลองดวลเบียร์กับผมหรือเปล่า แบบนี้มันต้องลองดูสักตั้ง และแล้วก็ต้องมีคนเพลี่ยงพล้ำในเกมนี้ ซึ่งมันไม่ใช่ผม แต่เป็นสองคนนั้นต่างหาก

“หนึ่งนี่คอแข็งเหมือนกันนะเนี่ย”พี่ใฝพูดขึ้นหลังจากที่เราสองคนลากอีกสองคนที่เมาพับไปแล้วขึ้นรถเสร็จเรียบร้อย

“ก็เฉพาะเบียร์เท่านั้นแหละพี่ ถ้าเป็นเหล้าผมก็ไม่ค่อยไหว แต่เบียร์นี่มันของชอบ สู้ไม่ถอย”ผมบอกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ กับภาพสองคนที่หมดสภาพไปแล้ว

“รู้หรือเปล่าว่าไอ้สองคนนั้นมันจะมอมเบียร์หนึ่ง”พี่ใฝพูดพร้อมกับเหลือบตาไปมองสองคนที่นอนอยู่เบาะหลัง ทำไมแกถึงคิดว่าเพื่อนสองคนนี้จะมอมผมกันล่ะ

“ไม่หรอกมั้งพี่ ผมว่าสองคนนี้ก็คงแค่อยากลองดวลดูกับผมแค่นั้นแหละ”ผมแก้ตัวแทนเพื่อนอย่างไม่ได้ใส่ใจเพราะมองไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอะไรที่สองคนนี้จะมามอมให้ผมเมา

“ก็นั่นแหละมั้ง พอดีตอนก่อนออกมาพี่ได้ยินสองคนนี่คุยกัน ว่าจะมอมเบียร์หนึ่ง พี่ก็เลยถามว่าจะมอมทำไม มันก็พากันอึกอัก บอกว่าแค่อยากดู ว่าเวลาหนึ่งเมาแล้วจะเป็นยังไง ไอ้เฟียสต์นะมันคิดว่าตัวเองคอแข็งพอที่จะล้มหนึ่งได้ เลยกะว่าจะดื่มเต็มที่ยังไงหนึ่งก็คงเมาก่อน แต่เป็นไงล่ะ”พี่ใฝหัวเราะหลังจากพูดจบ

“เดี๋ยวพี่ว่าพี่เอาไอ้เฟียสต์ไปนอนห้องพี่ดีกว่า หนึ่งก็ดูเอด้วยแล้วกัน เช็ดตัวให้มันหน่อยก็ดี”พี่ใฝออกความเห็นเพราะถ้าจะให้พวกผมนอนห้องไอ้เฟียสต์ทั้งสามคนก็คงไม่ไหว เพราะเตียงไอ้เฟียสต์ก็นอนได้แค่สองคน ถ้าอยู่สามก็ต้องมีคนนึงหาฟูกมานอนกับพื้น ซึ่งสภาพแต่ละคนตอนนี้คงไม่มีใครคิดจะปูฟูกให้ใครหรอก

พี่ใฝลากเอาไอ้เฟียสต์เข้าห้องไปแล้ว ผมก็พยุงเอเข้าห้องไอ้เฟียสต์เหมือนกัน ดีที่ว่าเอยังพอจะเดินได้บ้างก็เลยไม่ลำบากเท่าไหร่ เพราะถ้าเมาพับแบบเดินก็ยังไม่ไหว ผมก็คงลากเค้าไปไม่ไหวเหมือนกันก็ตัวเค้าก็ไม่ใช่เล็กๆเลย

“อาบน้ำไหวไหม”ผมถามเอที่ลืมตามามองผมตอนพยุงเค้ามาถึงเตียง แต่เค้าส่ายหน้าปฏิเสธ

“งั้นเดี๋ยวเราอาบน้ำก่อน แล้วจะมาเช็ดตัวให้นะ”ผมบอกพร้อมกับรีบหลบจากสายตาของเค้า เพราะมันช่างดูเป็นแววตาเซ็กซี่เหลือเกิน แถมริมฝีปากนั่นอีก

พอผมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เตรียมอุปกรณ์เช็ดตัวมาวางข้างๆ เอ ผมแปลกใจเล็กน้อยที่เค้ายังคงลืมตาค้างไว้ทั้งที่ดูเหมือนเมาจนอยากจะหลับขนานนั้น

“เราหลับตาลงไม่ได้”อยู่ๆเค้าก็พูดขึ้นเหมือนจะรู้ว่าผมสงสัยในอาการของเค้า

“เดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ”ผมพูดพร้อมกับดึงชายเสื้อยืดของเค้าจะถอดออกให้อย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะผมรู้สึกว่าตัวผมเองกำลังรู้สึกหวั่นไหวกับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผม

“เดี๋ยวก่อน”เอพูดแผ่วเบาก่อนจะจับมือผมไว้นิ่ง พอเค้าสัมผัสมือผมเท่านั้นแหละ รู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน ดีที่หน้าผมคงแดงอยู่แล้วเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ไม่งั้นเค้าคงรู้ว่าผมเขินที่เค้าจับมือผม

“ท...ทำไมเหรอ”ผมถามออกไปอย่างตะกุกตะกัก

“เวลาเราเมามากๆ เราจะหลับไม่ลง ขยับตัวนิดหน่อยมันก็จะคลื่นไส้ แต่ถ้าหลับตามันก็จะเหมือนโลกหมุนคว้าง เพราะงั้นเราต้องนอนลืมตานิ่งๆ แบบนี้จนกว่าจะสร่างถึงจะนอนหรือทำอย่างอื่นได้”โหเป็นอาการที่แปลกประหลาดดีแท้ ปกติมีแต่เมาแล้วหลับเลย แต่นี่เมาแล้วหลับไม่ลง

“งั้นเช็ดหน้าได้ไหม”ผมถามออกไปเพราะไม่รู้จะทำอะไรที่เห็นเค้าเอาแต่จ้องผมอยู่อย่างนี้ เค้าพยักหน้าเล็กน้อย ผมก็บรรจงค่อยๆ เช็ดใบหน้านั้น เอเป็นคนที่มีใบหน้าคมสันได้รูป จัดว่าเป็นคนที่ดูดีมากเลยทีเดียว ผมไม่กล้าสบตาเค้า แต่ดูเค้าจะจ้องมองผมทุกการกระทำเหลือเกิน

“หน้าเราแปลกมากเหรอ ทำไมจ้องอยู่ได้”ผมถามคนที่เอาแต่จ้องผมไม่วางตา แต่เค้าไม่ตอบผมกลับยิ้มให้ผมแทน สงสัยจะเมาจนไม่มีแรงจะพูดแล้วมั้ง เพราะเมื่อกี้ก็ดูพูดแทบจะเป็นเสียงกระซิบอยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าคงเช็ดตัวให้เค้าไปไม่ได้มากกว่านี้แล้วเลยเอาของไปเก็บ ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกฝั่งของเตียง

“อย่าเพิ่งหลับนะ อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”เอพูดพร้อมกับเอื้อมมือมากุมมือผมไว้ ก่อนจะบีบที่มือเบาๆเหมือนเป็นการขอคำมั่นสัญญาว่าผมจะไม่หลับไปก่อน ปล่อยให้เค้านอนตาค้างอยู่คนเดียว หัวใจผมเต็นโครมครามเพราะไอ้สิ่งที่เค้ากำลังทำนี่แหละ เค้าจะรู้ไหม ว่าไม่ควรทำแบบนี้กับผม เพราะผมมันคนอ่อนไหว อยู่ใกล้ใครแล้วมันจะอดที่จะรู้สึกดีๆไม่ได้

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้ก็ไม่เห็นต้องดื่มเข้าไปขนาดนี้ก็ได้”ผมเริ่มชวนคุยเพราะรู้สึกว่าเค้าน่าจะเริ่มดีขึ้นและพูดคุยได้บ้างแล้ว ที่ชวนคุยนี่เพราะถ้านอนเฉยๆ ผมคงหลับไปก่อนเค้าแน่ๆ เพราะตอนนี้ก็ง่วงเหลือเกิน

“ขอโทษนะ”เค้าบอกออกมาด้วยน้ำเสียงเหมือนจะรู้สึกผิด แต่ทำไมจะต้องรู้สึกผิดในเมื่อผมก็ไม่ได้จะตำหนิอะไรเค้าหรอก แค่จะบอกให้เค้าเอาไปคิดดูเฉยๆว่าคราวหน้าถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนก็ได้

“ขอโทษทำไม ไม่ได้ทำอะไรผิดซะหน่อย”

“ผิดสิ”เค้าบอกเสียงเบาเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะพูด

“เรื่องอะไรเหรอ”

“เรามีเรื่องจะสารภาพ”ตอนนี้รู้สึกว่าเค้าบีบมือผมแรงขึ้นจนผมรู้สึกเจ็บ

“เป็นไรหรือเปล่า”ผมถามออกไปอย่างเป็นห่วงเพราะคิดว่าเค้าคงมีเรื่องที่กำลังไม่สบายใจอยู่แน่ๆ

“วันนี้เรากับไอ้เฟียสต์คิดจะมอมนาย เราขอโทษนะ”ถ้าผมไม่ได้ยินที่พี่ใฝบอกมาแล้วผมอาจจะแปลกใจอยู่ไม่น้อย แต่ตอนนี้ก็ยังสงสัยอยู่นิดหน่อย ว่าจะมอมผมทำไม หรือจะอยากเห็นผมเมาเหมือนที่บอกกับพี่ใฝไป

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่ พี่ใฝบอกเราแล้วว่า เอกับไอ้เฟียสต์อยากเห็นเวลาเราเมา”ผมบอกออกไปด้วยน้ำเสียงปกติให้เค้ารู้ว่าผมไม่ได้ถือสากับเรื่องนี้ อีกอย่างเค้าก็มอมผมไม่สำเร็จ กลายเป็นคนคิดจะมอมเสียเองที่เมา

“จริงๆ เรามีจุดประสงค์อื่น”น้ำเสียงที่จริงจังของเค้าทำให้ผมต้องหันหน้าไปมองคนที่นอนอยู่ข้างๆ เห็นใบหน้านั้นหันมาจ้องผมอยู่ก่อนแล้ว แววตาของเค้าช่างมีอิทธิพลต่อผม จนผมต้องหันหน้าขึ้นมองเพดานเหมือนเดิม เมื่อเห็นผมไม่พูดอะไรเค้าก็เลยพูดต่อ

“เราคิดว่าถ้านายเมา เราจะปล้ำนาย”คำพูดนั้นทำให้ผมดีดตัวขึ้นนั่งทันที นี่เค้าคิดอะไรของเค้า

“อย่าเพิ่งโกรธนะ ฟังเราอธิบายก่อน”ชายหนุ่มยังไม่ยอมปล่อยมือผม พร้อมกับรีบพูดกลัวว่าผมจะโกรธเค้า ถ้าเค้าทำแบบนั้นจริงๆ ผมก็คงโกรธไปแล้ว แต่นี่ยัง และผมก็สงสัยว่าทำไมต้องทำแบบนั้น

“คือ...คือเรา...เราชอบนาย”เค้าพูดตะกุกตะกัก แต่ทำเอาผมรู้สึกหัวใจพองโต เกือบจะเผลอยิ้มให้เค้าไปแล้ว นี่ผมเป็นอะไรทำไมต้องรู้สึกหัวใจพองโตขนาดนี้กับสิ่งที่เค้าพูด คงเป็นเพราะการมีคนมาชอบก็ดีกว่ามีคนเกลียดเราก็ต้องรู้สึกดีเป็นธรรมดา ผมหาเหตุผลให้กับตัวเอง

“ชอบเราก็เลยคิดจะเริ่มต้นความสัมพันธ์ ด้วยการปล้ำเรานี่นะ”ผมพูดด้วยน้ำเสียงล้อๆ ไม่ได้นึกโกรธเค้าหรอก เพราะคิดว่าเค้าคงไม่ได้จะทำแบบนั้นจริงๆ หรือบางทีตอนนี้อาจจะกำลังล้อผมเล่นด้วยซ้ำ

“เราไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่เราคิดว่าเราชอบนายจริงๆ นะ ไม่รู้จะทำยังไงเลยไปปรึกษาไอ้เฟียสต์ มันก็เลยเสนอให้เราทำแบบนั้น มันบอกว่าหนึ่งไม่น่าจะคอแข็ง ลองดวลเบียร์กันดูยังไงหนึ่งก็ต้องฟุบก่อน พอหนึ่งเมาก็ให้เรารวบหัวรวบหางซะ”เค้าบอกด้วยน้ำเสียงอายๆ นี่ความคิดไอ้เฟียสต์นี่เอง ไอ้เพื่อนสารเลว

“คิดว่าแบบนั้นเราจะชอบนายงั้นเหรอ”ถามเสียงเรียบนึกเคืองหน่อยๆ ถึงจะบอกว่าชอบผมแต่ไอ้วิธีการจะมาทำแบบนั้นกับผม มันไม่ได้รู้สึกยินดีเท่าไหร่เลยนะนั่น

“เราไม่รู้จะเริ่มจีบนายยังไงนี่นา อีกอย่างเราก็ใจร้อน อยากให้เราสองคนได้รักกันเร็วๆ”ตอนนี้รู้สึกว่าเค้าได้สร่างเมาเรียบร้อยแล้วเพราะพูดเสียงใสเชียว

“เราว่านายลองเริ่มต้นดีๆใหม่จะดีกว่า”ผมบอกเป็นนัยๆ เหมือนจะเปิดโอกาสให้เค้า

“แสดงว่าหนึ่งจะยอมเป็นแฟนเราใช่ไหม”อ้าวไอ้นี่อยู่ๆ ก็ขี้ตู่เฉยเลย

“เรายังไม่ได้รู้สึกกับเอขนาดนั้นหรอกนะ แต่เราก็ไม่ได้รังเกียจ อีกอย่างเราสองคนยังไม่รู้จักกันและกันดีพอ ไว้ให้มันค่อยเป็นค่อยไปดีกว่าไหม”ผมตอบออกไปตามความรู้สึกแบบยั้งฟอร์มไว้สักหน่อย เพราะจะให้กระโดดโลดเต้นดีใจออกนอกหน้า ที่มีคนมาชอบแบบนั้นก็ดูจะไม่งามเท่าไหร่ เดี๋ยวจะดูเราไม่มีค่าเอาได้ ต้องวางฟอร์มนิดนึง อิอิ

“งั้นคอยดูนะเราจะทำให้หนึ่งรักเราให้ได้ ว่าแต่คืนนี้ขอกอดหน่อยนะ”เค้าไม่รอคำอนุญาตจากผม แต่ดึงร่างผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนทันที น่าแปลกที่ผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

ผมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น นี่มันผ่านวันนั้นมากี่ปีแล้วนะ และเค้าก็ทำให้ผมรักเค้าจนได้สินะ แถมคงจะรักเค้าตลอดไป รักใครไม่ได้อีกแล้ว แต่เค้าล่ะ เค้าจะยังรักผมอยู่ไหมก็ไม่รู้ รอยยิ้มของผมค่อยๆ หุบลงก่อนจะกลายเป็นสีหน้าเศร้าสร้อยแทน

-----------------------------------------------------------------
แวะมาต่อตอนดึกคร๊าบบบบ

เรื่องจะออกมายังไง รอลุ้นกันนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 20-10-2014 02:05:23
อย่าเพิ่งคิดมากนะหนึ่ง
ท่องไว้ๆๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 20-10-2014 07:19:30
เศร้าอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 20-10-2014 07:31:45
จากอดีตจนถึงเมื่อวานของหนึ่ง
เอรักหนึงและดีกับหนึ่งจังเลยเนอะ
รอลุ้นว่ายังจะมีวันพรุ่งนี้ระหว่างเอกับหนึ่งอีกมั้ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 20-10-2014 07:43:15
ใจตุ้มๆต่อมๆ

จะสุขหรือเศร้าเนี่ย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: Nus@nT@R@ ที่ 20-10-2014 07:55:00
นึกถึงความหลังแล้วเศร้า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: PEUNGhoney ที่ 20-10-2014 09:02:06
เอจะเปลี่ยนไปจริงหรือเปล่าน้าาาาา
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 20-10-2014 09:26:17
 :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 20-10-2014 09:52:28
เศร้ามาก  :katai1: :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-10-2014 23:04:12
 :z3: หวั่นจะ bad ending จริง  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 20-10-2014 23:32:35
เราว่าหนึ่งไว้ใจเอมากเกินไป ใช้ชีวิตด้วยการขึ้นอยู่กับความรัก จมอยู่แต่ในอดีต เลยกลายเป็นเหมือนขาดเอไม่ได้ทั้งที่ชีวิตมันมีอะไมากกว่านั้นเยอะ ดูจากตอนทำอาหารก็รู้แล้ว ในเมื่อเค้าไม่สอนก็หาวิธีเองเปิดสูตรเปิดวิธีเองก็ได้ ความรักมันขึ้นอยู่ที่คน 2 คนก็จริงแต่เราอย่าลืมมองตัวเอง มันไม่มีคำว่าตลอดไปหรอก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 21-10-2014 18:28:05
แวะมาแจ้งข่าวนิดหน่อยว่าออกต่างจังหวัด 3-4 วัน

กว่าจะได้อัพคงสักวันศุกร์หรือเสาร์เลย 5555

แอบเล่านิดหน่อยว่าเรื่องนี้อย่างที่บอกเป็นเรื่องสั้นที่เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันเดียว

คือได้แรงบันดาลใจในการแต่งจากการได้ยินเพลงในวิทยุเพลงนึง

เป็นเพลงเก่าที่ฟังแล้วรู้สึกเหงาๆ เศร้าๆ เลยเกิดเป็นเรื่องนี้

ส่วนเพลงอะไรลองเดากันดู ไว้จะเฉลยตอนจบ 555

เนื้อเรื่องเลยออกมาโทนคล้ายๆในเพลง แต่จะจบยังไงต้องลุ้นดูว่าจะ แฮปปี้ หรือเปล่า 555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 21-10-2014 18:58:40
เดินทางปลอดภัยนะคะ
ขอบคุณที่แจ้งข่าวค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: tawanchai ที่ 21-10-2014 21:22:23
 :katai5:เดินทางปลอดภัยครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 21-10-2014 22:08:09
จะรอจ้า เดินทางดีๆนะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 20 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 24-10-2014 19:09:06

“งั้นคอยดูนะเราจะทำให้หนึ่งรักเราให้ได้ ว่าแต่คืนนี้ขอกอดหน่อยนะ”เค้าไม่รอคำอนุญาตจากผม แต่ดึงร่างผมเข้าไปกอดไว้ในอ้อมแขนทันที น่าแปลกที่ผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

ผมยิ้มทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์นั้น นี่มันผ่านวันนั้นมากี่ปีแล้วนะ และเค้าก็ทำให้ผมรักเค้าจนได้สินะ แถมคงจะรักเค้าตลอดไป รักใครไม่ได้อีกแล้ว แต่เค้าล่ะ เค้าจะยังรักผมอยู่ไหมก็ไม่รู้ รอยยิ้มของผมค่อยๆ หุบลงก่อนจะกลายเป็นสีหน้าเศร้าสร้อยแทน

“เฮ้ยไอ้หนึ่ง ตกลงว่ามีเรื่องอะไรกันแน่ เล่ามาสิ กรูเห็นมรึงจะเป็นจะตายแบบนี้ กรูแดร๊กเบียร์ไม่อร่อยว่ะ”ไอ้เฟียสต์เอาแก้วเบียร์ของมันกระทบกับแก้วผมที่ยังคงวางแน่นิ่งอยู่

“ไม่มีอะไร”ผมตอบเสียงเนือยๆ ก่อนจะยกเบียร์หมดแก้ว

“ไหนมรึงเล่ามาสิว่าวันนี้ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า”ไอ้เฟียสต์ยังคงไม่เชื่อว่าไม่มีอะไร มันคงคิดว่าผมต้องทะเลาะกับเออย่างแน่นอน

“กรูจะไปทะเลาะอะไรกันตอนไหน ตื่นเช้ามาก็อาบน้ำแต่งตัวแยกย้ายกันไปทำงาน เค้าก็บอกว่าวันนี้ไม่ต้องรอกินข้าว แล้วกรูก็ยังไม่ได้เจอกันอีก จะเอาเวลาตอนไหนไปทะเลาะกัน”ผมบอกออกไปตามความจริงที่เกิดขึ้น

“งั้นมรึงก็งอนที่มันไม่กลับมากินข้าวเย็นพร้อมมรึง”ไอ้เฟียสต์เริ่มตั้งสมมติฐานใหม่ แต่มันไม่ใช่ แค่เรื่องนั้นมันไม่ได้ทำให้ผมเป็นเหมือนที่เป็นตอนนี้ได้หรอก แต่เพราะอะไรล่ะ ผมก็อธิบายให้เพื่อนฟังไม่ได้อยู่ดี

“ไม่ใช่หรอก ปกติก็ใช่ว่าเอจะไม่เคยให้กรูต้องกินข้าวคนเดียว กรูไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลนะ ถ้าเค้ามีธุระ กรูจะไปงอนอะไรไร้สาระแบบนั้น”ใช่แล้วผมไม่ได้งอนเค้าหรอก ไม่ได้โกรธเลยด้วย แต่ผมกำลังกลัว กลัวว่าเค้าจะเบื่อผม กลัวเค้าไม่เหมือนเดิม กลัวเค้าจะไม่รักผมอีกแล้ว

“นั่นสิ แล้วมรึงเป็นเชี่ยอะไรล่ะเนี่ย”ไอ้เฟียสต์ส่ายหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ พี่ใฝเลยสะกิดให้มันเงียบไว้ดีกว่า เพราะแกคงเห็นว่าผมไม่อยากพูดเท่าไหร่

พวกเราสามคนดื่มกันจนตึงๆ ทุกคน วันนี้ผมมีโอกาสได้เห็นพี่ใฝเมา พอแกเมานี่วิญญาณคาสโนว่าเข้าสิงห์เลย เพราะแกเล่นทั้งจีบทั้งหยอด สาวเชียร์เบียร์จนเค้าอายม้วนไปเลย ส่วนไอ้เฟียสต์ก็ปากหมาเหมือนเดิม พอออกจากลานเบียร์ก็ดึกมากแล้ว และสงสัยว่าอาหารที่กินไปเมื่อตอนหัวค่ำ คงจะย่อยไปหมดแล้ว พวกผมเลยพากันท้องร้อง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเริ่มทำงานอีกแล้ว เราสามคนเลยพากันไปแวะร้านข้าวต้มโต้รุ่ง ซึ่งจริงๆร้านข้าวต้มก็มีเยอะแยะ พวกผมก็บอกพี่แทกซี่ว่าไปร้านไหนก็ได้ที่ใกล้ที่สุด ผมไม่คิดเลยว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับผมได้เพียงนี้ วันนี้มันช่างเป็นวันที่ยาวนานและทรมานสำหรับผมเหลือเกิน ไม่ว่าจะไปที่ไหนผมก็หนีไม่พ้นเรื่องราวระหว่างผมกับเค้าเสียเลย ถ้าเป็นวันก่อนๆ ผมอาจจะมีความสุขที่ได้มาในสถานที่ที่เราเคยมีความทรงจำร่วมกันแบบนี้ แต่วันนี้ผมไม่อยากเจอสถานที่พวกนี้เลย

ร้านข้าวต้มแห่งนี้ก็เหมือนกัน เมื่อหลายปีก่อนผมพาเพื่อนๆ ไปเลี้ยงวันเกิดในผับ หลังจากผับปิดก็ต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ แต่ไอ้เฟียสต์ดันหิวขึ้นมา เลยลากผมกับเอมาทานข้าวต้มที่ร้านนี้



“จะกินอะไรก็รีบๆสั่งเลยมรึง”ผมบอกไอ้เฟียสต์เพราะตอนนี้ง่วงเต็มทีแล้ว อีกอย่างวันนี้ไปผับก็ดื่มเหล้าเข้าไปเยอะพอสมควร ยิ่งเป็นเจ้าของงานวันเกิดอีกผมเลยดูจะได้ดื่มเยอะ อีกอย่างผมไม่ค่อยถูกโฉลกกับเหล้าเท่าไหร่ ดีที่ยังครองสติไว้ได้

“มรึงเลี้ยงนะ วันนี้วันเกิดมรึง”ไอ้เฟียสต์หาเรื่องกินฟรี ทั้งที่ตอนที่ผับผมก็เลี้ยงพวกมันทุกคนไปแล้ว

“ของขวัญก็ไม่มีให้กรู ยังจะมาขอให้เลี้ยงอีก”ผมแกล้งพูดแต่จริงๆ ให้เลี้ยงมันผมก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ อีกอย่างของขวัญมันก็เตรียมให้ผมแล้วแหละ เพื่อนทุกคนก็เตรียมแล้วแต่ว่าจะให้ผมในวันรุ่งขึ้นที่เป็นวันเกิดผม จริงๆก็วันนี้แหละเนอะก็นี่มันตีสองของวันใหม่แล้ว ตอนแรกเพื่อนๆ คิดว่าผมจะเลี้ยงตอนเย็นของวันที่ผมเกิด แต่ผมดันเลี้ยงคืนก่อนวันเกิด คือทำเหมือนจะเคาท์ดาวน์ เพื่อนๆเลยไม่ได้ตั้งตัวเอาของขวัญมาให้ผม เพราะเปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน ตอนแรกเพื่อนบางคนก็ไม่ว่าง แต่สุดท้ายก็ทยอยมากันจนหมด

“อยากได้ของขวัญตอนนี้เลยไหม”ไอ้เฟียสต์หันมาพูดยิ้มๆ จนผมหวั่นๆ ว่ามันจะเอาอะไรมาให้ผม

“มรึงจะไปเอาที่ไหนมาให้กรู”ผมถามอย่างท้าทายว่ามันไม่มีอะไรให้ผมตอนนี้หรอก

“กรูคงให้มรึงไม่ได้หรอก แต่คนอื่นอาจมีอะไรให้มรึงได้นะ”มันพูดก่อนจะชายตามามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผม ที่ตอนนี้เอาแต่นิ่งเงียบ เพราะเมานั่นเอง เป็นคนที่เมาแล้วเงียบมาก เงียบมากกว่าปกติแถมเดาได้ยากด้วยว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“เอเอาของขวัญมาให้เราด้วยเหรอ”ผมหันไปถามคนที่นั่งเงียบ เค้าไม่ตอบแต่ก้มลงไปแกะเชือกผูกรองเท้า ผมมองการกระทำของเค้าเงียบๆ กำลังงว่าเค้าทำอะไร หันไปมองไอ้เฟียสต์ มันยักไหล่ว่าไม่รู้เหมือนกัน ผมกำลังคิดว่าเค้าจะเอารองเท้าเค้าให้ผมรึไง แต่พอเค้าแกะเชือกผูกรองเท้าได้ เค้าก็เอามามัดที่แขนข้างนึง อย่างทุกลักทุเล ตกลงนี่เค้าเมาจนเพี้ยนหรือเปล่า

ผ่านไปนานพอสมควรกว่าผมจะมองออกว่าที่เค้ากำลังพยายามทำก็คือมัดเชือกผูกรองเท้านั้นให้เหมือนเป็นรูปโบว์นั่นเอง พอเค้าทำเสร็จก็เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมหันไปมองไอ้เฟียสต์ มันก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มอย่างเดียว ไม่สนใจผมแล้ว  ผมจึงหันกลับมาหาคนข้างๆ เอขยับเก้าอี้เข้ามานั่งชิดผม ส่งแขนข้างที่มีโบว์เชือกผูกรองเท้านั้นมาให้ผม พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“สุขสันต์วันเกิดนะ”หน้าเขาแดงระเรื่อไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออย่างอื่นด้วยก็ไม่รู้ แต่เล่นเอาผมเหวอไปเลย นี่แกล้งกันใช่ไหม เล่นให้ของขวัญวันเกิดกันแบบนี้

“ทั้งตัวและหัวใจของเรา ยกให้หนึ่งหมดเลย”เอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังอีกครั้ง ผมไม่ได้พูดอะไรออกไปเพราะกำลังตกใจ บวกกับอดที่จะปลื้มกับสิ่งที่เค้าทำไม่ได้ มันไม่ได้ดูโรแมนติกเลยสักนิดนะผมว่า ถ้าจะทำนะทำให้มันดูดีกว่านี้หน่อยก็ได้ นี่อะไร ร้านข้าวต้มเอย เชือกผูกรองเท้าเอย แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มออกกับความพยายามนั้น

“อ้าวยิ้มอยู่นั่นแหละ จะรับของขวัญชิ้นนี้ไหมไอ้หนึ่ง ไอ้เอมันรอนานแล้วนะ”ไอ้เฟียสต์พูดขึ้นอย่างรำคาญในขณะที่เอยังคงยืดแขนรอให้ผมแกะของขวัญชิ้นนี้ แต่ผมรู้ว่านี่หมายความว่ายังไง นี่เป็นการขอคำตอบจากผมว่า ผมพร้อมจะคบกับเอแล้วหรือยัง ถ้าผมแกะก็หมายความว่าผมยอมรับรักเค้าหลังจากที่เค้าพยายามมานานแล้ว เอยังคงจ้องหน้าผมนิ่งอย่างวิงวอน อดคิดไม่ได้ว่านี่เป็นความคิดไอ้เฟียสต์อีกหรือเปล่าเนี่ยที่ทำอะไรบ้าๆ บอๆ แบบนี้

“ขอเอากลับไปแกะที่บ้านได้ไหม”ผมตัดสินใจพูดออกไป พร้อมกับยิ้มให้ของขวัญชิ้นสำคัญของผม

“ไอ้หนึ่งสองสาม กรูถามว่าจะแดร๊กอะไร”ไอ้เฟียสต์เรียกผมตื่นจากความทรงจำในครั้งก่อน

“อะไรก็ได้”ผมตอบผ่านๆ เพราะเห็นมันสั่งไปหลายอย่างแล้วจะสั่งมาอีกก็คงกินไม่หมดหรอก ยิ่งเมาๆแบบนี้ถึงจะหิวแต่คงกินไม่หมดหรอก

“นี่อย่าบอกนะว่าคิดเรื่องของขวัญวันเกิดที่เคยได้ตอนนั้น”ไอ้เฟียสต์พูดอย่างรู้ทันในความคิดผม พี่ใฝทำหน้างงๆเพราะไม่เข้าใจในเรื่องราว

“เปล่าซะหน่อย ผมรีบปฏิเสธ”แต่คงเก็บอาการไม่ค่อยอยู่

“เปล่าแต่ทำเขินเป็นสาวน้อยไปได้ ไอ้เชี่ยเอ้ย”ไอ้เฟียสต์บ่นๆ ตามประสาครับ

“แล้วไอ้เอได้เล่าให้มรึงฟังหรือเปล่าว่า วันนั้นมันไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนั้นหรอก”ไอ้เฟียสต์พูดต่อทำเอาผมใจแป้ว เค้าไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นเหรอ

“ไม่ต้องมาตีหน้าเศร้าเลย คือจริงๆ วันนั้นไอ้เอมันเตรียมริบบิ้นอะไรเรียบร้อยแล้ว จะผูกตัวเองให้มรึงตั้งแต่ที่ผับแล้ว แต่กรูเห็นมันลีลาท่ามาก อ้อยอิ่งกรูเลยจิ๊กเอาริบบิ้นมันไปผูกตัวเอง เล่นมุกจีบสาว เลยให้ริบบิ้นสาวไปด้วย ไอ้เอมันเลยล้มเลิกความคิด แต่กรูอยากช่วยให้มรึงสองคนสมหวังเลย ช่วยกันวางแผนกันใหม่ที่ร้านข้าวต้มนี่แหละ”อ่ะนะสรุปว่าวางแผนมาด้วยกันนี่เองมิน่าวันนั้นไอ้เฟียสต์ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย

“ด้วยการเปลี่ยนจากริบบิ้นเป็นเชือกผูกรองเท้า คิดได้นะมรึงไอ้เฟียสต์”ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่อารมณ์ดีขึ้น

“ไม่ใช่ความคิดกรูนะ กรูบอกมันว่าไม่มีอะไรผูกก็ไม่ต้องผูก ถอดเสื้อผ้าพลีกายให้มรึงไปเลย ใครจะไปคิดว่ามันจะทำโรแมนติกแบบเถื่อนๆนั่นกัน”เป็นยังไงว่ะโรแมนติกแบบเถื่อนๆ แต่ก็ยังดีกว่าที่จะทำตามความคิดไอ้เฟียสต์ละมั้งที่จะให้ถอดเสื้อผ้าพลีกาย ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มกับเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง

“ตกลงว่ามรึงน้อยใจอะไรมันหรือเปล่าว่ะไอ้หนึ่ง กรูถามจริงๆเถอะ อย่ามาโกหกกรูเลย ดูหน้ามรึงก็รู้ว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ”ไอ้เฟียสต์จ้องหน้าผมคาดคั้น

“กรูแค่รู้สึกกลัวแค่นั้นแหละ”ผมสารภาพออกไปในที่สุด

“กลัวอะไรก็พูดมาซิว่ะ ลีลาอยู่ได้”ไอ้เฟียสต์เริ่มออกอาการหัวเสีย จนพี่ใฝต้องคอยสะกิดให้สงบๆหน่อย

“กลัวว่าเอจะเบื่อกรูแล้วก็เลิกรักกรู”ผมบอกออกไปพร้อมกับความรู้สึกบีบคั้นในใจ น้ำตาปริ่มๆแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่

“ไอ้บ้าเอบีซีนั่นนะเหรอจะเบื่อมรึง เอาสมองส่วนไหนคิดว่ะไอ้หนึ่ง”ไอ้เฟียสต์พูดอย่างขำๆ เหมือนสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องตลก แต่ผมไม่ขำกับมันด้วย เพราะเหตุการณ์วันนี้มันทำให้ผมคิดเช่นนั้น วันนี้ตั้งแต่เช้าที่ผมตื่นขึ้นมา แล้วรู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิม

“อะไรทำให้หนึ่งคิดแบบนั้นล่ะครับ”พี่ใฝพูดขึ้นบ้างด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใยจริงๆ

“นั่นสิ ไหนมรึงลองเล่ามาสิ”ไอ้เฟียสต์เองก็หันมาทำหน้าจริงจัง

“ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้”ผมเริ่มพูดก่อนจะเล่าในสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่าเค้าจะไม่รักผมอีกแล้ว ตั้งแต่ตอนเช้าตื่นตอน ไปทำงาน จนผมต้องมากินข้าวกับไอ้เฟียสต์นี่ โทรศัพท์จากเค้าที่ไม่มีมาถึงผมเลย ในที่สุดผมก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ผมกลัวเหลือเกินว่าเค้าจะหมดรักผมแล้ว กลัวเหลือเกินที่จะอยู่โดยไม่มีเค้า

“หนึ่งใจเย็นๆ ก่อนก็ได้ มันยังไม่น่าจะมีอะไรนี่นา เพราะทั้งหมดนี้ น้องหนึ่งก็คิดเอาเองทั้งนั้น เออาจจะไม่ได้เบื่อหนึ่งจริงๆ ก็ได้นี่นา”พี่ใฝพยายามพูดปลอบใจให้ผมรู้สึกดีขึ้น

“แต่กรูว่ามันก็สมควรให้มรึงคิดจริงๆ นะ เพราะสิ่งที่มันเคยทำทุกวันอยู่ๆ จะหยุดโดยไม่มีสาเหตุมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว นอกจากจะไม่อยากทำพฤติกรรมเหล่านั้นแล้ว”คำพูดไอ้เฟียสต์ทำเอาผมแทบจะสะอื้นอีกครั้ง

“อย่าเพิ่งร้องสิว่ะ ไอ้นี่นิฟังกรูให้จบก่อน”ไอ้เฟียสต์ส่ายหน้าให้ผมอีกครั้งเหมือนเหนื่อยหน่าย ในการกระทำของผม

“ที่มันเป็นแบบนี้กรูว่ามันกำลังมีปัญหาบางอย่างที่คิดไม่ตกอยู่แน่ๆ ยังไงกรูว่ามรึงกลับไปเปิดใจคุยกันให้รู้เรื่องน่าจะดีกว่า ไม่ใช่มามัวคิดเอาเองแบบนี้”ก็ถูกของไอ้เฟีสต์มันนั่นแหละว่าน่าจะคุยกันให้รู้เรื่อง แต่เค้าไม่อยู่ให้ผมคุยนี่นา

“งั้นกลับกันเถอะ”ผมบอกเพราะคิดว่าดึกขนาดนี้เค้าน่าจะกลับห้องไปแล้ว แต่ว่าทำไมเค้าไม่โทรหาผมสักนิด ถ้ามือถือแบตหมดก็น่าจะชาร์จได้แล้วถ้ากลับถึงห้อง ยิ่งคิดผมก็ยิ่งกลัว หรือเค้าจะยังไม่กลับ แต่นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ






“ถ้ามันกลับมาแล้วก็คุยกันดีๆนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนมาเอารถจะมาติดตามผล”ไอ้เฟียสต์บอกกก่อนจะให้แทกซี่ขับต่อไปส่งที่บ้านมัน โดยที่ทิ้งรถไว้ที่คอนโดของผมเพราะยังไม่มั่นใจว่าตัวเองยังเมาอยู่หรือเปล่า ผมเดินเข้าคอนโด ลืมมองว่ารถเค้ากลับมาหรือยัง แต่ผมทำใจไว้แล้วว่าถ้ายังไม่มาก็ไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ค่อยคุยกันก็ได้ ยังไงถ้าอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอยู่ดี เป็นการปลอบใจที่ช่วยยืดเวลาให้ผมได้อีกวัน ผมกดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นสี่ ก่อนจะก้าวเดินอย่างๆ ช้าๆ เหมือนแต่ละก้าวมันช่างหนักอึ้ง


-----------------------------------
มาต่อแล้วคร๊าบบบบ

เดี๋ยวตอนหน้า เอกับหนึ่งก็เจอกันแล้วววว

 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: Moose ที่ 24-10-2014 19:25:30
อยากรู้ว่าเอเป็นอะไร มาต่อเร็วๆ น้าาาาา  o18
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 24-10-2014 19:38:30
คนอ่านก็หนักอึ้ง
ถ้าได้อีกสักตอน
คงจะเบาลงแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 24-10-2014 21:08:50
 น้ำตาซึม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 24-10-2014 21:40:13
หน่วงอีกแล้ว :mew4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 24-10-2014 22:01:25
 :z3: จะจบแฮปปี้มั้ยเนี่ย
ถ้ามาแนวเรื่องในพันทิปนี่ดราม่าแน่ๆ ประมาณว่ากลับไปเจอเอกับคนอื่น  :hao5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 24-10-2014 22:53:39
รู้สึกอยากร้องไห้ เศร้า  :sad4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 24 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 25-10-2014 22:12:01
แก้ตอนจบใหม่หน้า 3
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-10-2014 22:37:15
ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นคืออะไร

ถ้าโดนมอมไม่รู้เรื่องพอว่า อาจจะคุยได้
แต่ถ้ามีคนมาอ่อยแล้วเล่นด้วย เพราะความอยาก เชียร์เลิกโลดดดดดดดด!!!!!  :katai1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 25-10-2014 23:16:47
นอกกายแล้ว นอกใจด้วยรึเปล่า
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 25-10-2014 23:17:31
เศร้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ   :o12:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 25-10-2014 23:19:08
เอรักหนึ่งมากไม่ใช่เหรอ
อย่างน้อยต้องรู้ตัวดิ
ไม่ทำได้นี่
ทำไมเอเป็นแบบนี้?!!
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: [N]€ẃÿ{k}uñĢ ที่ 25-10-2014 23:35:00
 :เฮ้อ: ถ้ามันคือเรื่องจริง บอกเลยว่ารับไม่ได้
ผู้ชาย ถ้ามีครั้งที่หนึ่ง ย่อมมีครั้งต่อมา ไม่ว่าจะมีเหตุผลอะไรก็ตาม
แต่นี่คือ เรื่องสั้น... แล้วจะรออ่านต่อจ๊ะ
จออ่านจุดพีคอย่างกระวนกระวาย...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 26-10-2014 00:41:06
คดีจะพลิกป่าวเนี่ย

ปล.เป็นเรื่องสั้นที่ใช้เวลาอย่างยาว 555555555555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-10-2014 06:23:52
ไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันเกิดขึ้นได้ยังไง
ทำไมถึงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาได้ล่ะ
คงต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปจะอภัยให้ได้มั้ย
กับความผิดครั้งแรก และเดาว่าอย่างเอคงให้เกิดแค่ครั้งเดียวแน่ๆ กับความไม่ตั้งใจแบบนี้
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 26-10-2014 07:03:57
บางคนก็รับได้ ให้อภัยได้ แต่บางคนคงไม่ :o12:
เอก็ดีที่บอกหนึ่งตามตรงไม่ปิดบัง แต่ถ้าเราเป็นหนึ่งคงต้องห่างกันซักพักเลยล่ะ :z3:
ไม่ได้ตั้งใจ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว ถ้าทำตอนมีสติด้วยเนี่ย ยังไงก็นอกใจชัดๆอ่ะ รับไม่ได้หรอก :katai1:
ลุ้นว่าหนึ่งจะทำยังไงต่อไป รักหรือเลิก :ling1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 26-10-2014 09:24:20
เศร้าวะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: fullfeel ที่ 26-10-2014 10:12:32
ไม่ชอบอารมณ์แบบนี้เลย เศร้าเกินไป
หวังว่าเอจะมีอะไรที่ดีกว่าเมามาอธิบาย
มาต่อไวๆนะคะ  :mew6:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 25 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 26-10-2014 10:35:42
แก้ไขตอนจบหน้า 3
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 26-10-2014 10:43:20
ทั้งที่ลงไว้นานแล้ว แต่วันนี้อยู่ๆ นึกอยากเปลี่ยนตอนจบของเรื่องนี้เลย เข้ามาแก้ไข
ยังไงไปอ่านได้ที่หน้า 3 นะครับ









ส่วนเรื่องนีอย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องสั้น (สั้นจริงๆ 555) ที่ได้แรงบันดานใจมาจากเพลงๆ นึง

คือเพลงนี้คร๊าบบบ

เช้าวันหนึ่งที่ฉันลืมตา...แล้วพบว่าเธอรักกันน้อยลง - Sandra

เช้าวันนึงที่ฉันลืมตาด้วยบางอารมณ์ที่มันแปลกไป
ถามตัวเองว่าคืออะไรเหตุใดเธอจึงห่วงกันน้อยลง

บางทีหรือเราคบกันมานานความความหวานก็เลยห่างหาย
อะไรไม่รู้สะกิดหัวใจฉันเลยกลัว

ฉันยังอยากให้เรารักกันอยู่รักให้นานเท่านาน
ฉันวิตกมากไปฉันไหวหวั่น แต่เธอต้องเข้าใจ
กระซิบว่ารักสักคำเบาๆให้เหมือนตอนคบกันใหม่
อยากมองเห็นเธอตรงนี้ใกล้ๆ ให้รู้ว่าเราเหมือนเดิม

เช้าวันนึงที่ฉันลืมตาและตื่นมาเจอเหมือนเธออยู่ไกล
เสียงเย็นชามันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกเงียบเหงาเหลือเกิน

อยากมองเห็นเธอตรงนี้ใกล้ๆ ให้รู้ว่ายังรักฉัน
เธอยังเหมือนเดิมยังเหมือนเมื่อวาน ไม่ได้รักกันน้อยลง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: fullfeel ที่ 26-10-2014 10:44:31
จบห้วนไปนิด เราว่าหนึ่งอาจจะยอมง่ายไปสำหรับความเครียดที่ผ่านมา
แล้วทำไมเอถึงไปเปิดโอกาสอยู่กับผู้หญิง2คนในห้องมิดชิดจนโดนวางยาได้
เราว่ามันยังไม่เคลียร์ สำหรับระยะเวลาที่ฟุ้งซ่านอยู่คนเดียว
เหมือนตัดจบมากไปนิด
แต่ขอบคุณมากนะคะสำหรับนิยาย :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 26-10-2014 12:48:25
คิดว่าจะจบไม่สวยซะแล้ว แต่ก็น่ารักกันดี
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 26-10-2014 12:52:06
ทำไมชีวิตคู่จะต้องมีการนอกกายกันด้วยนะ
มีคู่ไหนไม่เผลอไผลบ้าง     :m15:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 26-10-2014 13:22:18
 :a5: :sad4:
คนอ่านทำใจไม่ได้
ฮืออ
เจ็บอ่ะคนรักไปติ๊ดชึ่งกับคนอื่น ถึงแม้จะโดนมอมก็ตาม
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 26-10-2014 13:34:56
ดีแล้วที่เอตัดสินใจพูดออกมาก่อน

จบแฮปปี้ก็ดีแล้ว :)
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: BeeQ ที่ 26-10-2014 13:41:04
มันน่าจะมีคำอธิบายมากกว่านี้นะ
อารมณ์คนอ่านยังขึ้นสูงอยู่เลย มันแบบมีคำถาม :hao4:
เรื่อนั้นมันเกิดไรขึ้น เกิดขึ้นได้ไง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: snowboxs ที่ 26-10-2014 14:47:01
ก็โอเคนะ ก็ยังรักกันนี่เนอะ
เอก็จำไว้เป็นบทเรียน
จะได้ไม่พลาดอีก

ชีวิตจริงก็มีแบบนี้แหล่ะ
บางคนนอกกาย นอกใจ
ด้วยความตั้งใจ ยังได้รับการอภัยเลย
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 26-10-2014 18:15:49
หน่วงดีจริงๆ แต่สุดท้ายก็แฮปปี้
ขอบคุณครับ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-10-2014 22:21:21
ยังงี้ต้องเอาเรื่อง ไปโดนมอมอิท่าไหน
ลุยมันเลย หนับหนุน พาเอไปตรวจเลือดด้วยนะ ไม่แน่ว่านังนั่นปลอดภัยมั้ย
กะจับเอรึเปล่าเนี่ย ถึงขนาดมอมแสดงว่าน่าจะพยายามให้รับผิดชอบ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) update 26 Oct 2014
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 28-10-2014 15:07:01
...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 28-10-2014 16:54:06
แหม อย่างนี้ต้องเชียร์น้องหนิงให้แหย่อาเอเยอะๆ :z1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 28-10-2014 17:44:46
 :L1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 28-10-2014 19:26:10
น้องหนิงสู้ๆ

ป่วนเอให้หัวปั่นเลย

#ทีมน้องหนิง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: cher7343 ที่ 28-10-2014 19:26:52
 :katai5:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 28-10-2014 20:45:35
อ่านรวดเดียวจบเลย ลุ้นจนว่าจะจบแบบไหน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-10-2014 21:24:41
เชียร์น้องหนิง สู้ๆ  :hao7:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: punchnaja ที่ 28-10-2014 22:40:22
ยังค้างๆนิดหน่อยกับตอนที่แล้ว แบบเรื่องจบ รมไม่จบ555
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: fuku ที่ 28-10-2014 23:14:10
เราว่าถ้าจะเขียนเป็นเรื่องสั้น จุดที่เฉลยว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้พฤติกรรมของเอเปลี่ยนไป
เป็นจุดหักมุมของเรื่องสั้นที่โอเคเลย
แต่หลังจากนั้นมันกุด จากความรู้สึกพีคที่รู้มันกลายเป็นความกลวงว่างเปล่า
ปฏิกิริยาหลังจากรู้ที่หนึ่งแสดงออกคือ "อ๋อ เหรอ"
เฮ่ย มันพิลึกมาก มันค้างๆคาๆ แบบจะให้คนอ่านรู้สึกไงต่อฟระ?
เอาใจช่วย? สมน้ำหน้า? มันไร้ที่ไป จะบอกว่าจบมันก็ไม่ใช่
ตอนพิเศษยิ่งพิลึกใหญ่ ใส่ตัวละครเพิ่มมา(หลาน) ซึ่งดึงเอาความสนใจไป
ตกลงเอนี่มันตัวประกอบ?

ยังไงล่ะ ตัวละครทั้งคู่ไม่ได้รับผลของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย
เราไม่ได้หมายความว่า เอต้องได้รับการแก้แค้นคืน หรือหนึ่งต้องทำอะไร
แต่ตัวละครต้องมีพัฒนาการ อะไรที่แตกต่างจากเดิมเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น


ขอติงไว้เท่านี้ค่ะ เราไม่ใช่นักอ่านที่มีทฤษฎีวิจารณ์อะไรอาจทำให้เจ้าของเรื่องไม่ค่อยเข้าใจ ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-10-2014 02:20:52
555 มันก็จริงนะ เรารู้สึกกลวงๆ
พอมาอ่านตอนนี้แล้วมันยังไม่ฟินอ่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 29-10-2014 02:49:40
อึนๆนิดนึง .. ก็คิดเหมือนหลายๆคอมเม้นท์แหละค่ะ
คือเราว่านะ ถ้าจะจบแบบนี้จบ bad end ไปเลยดีกว่า 5555555 คือมันยังจะดูสมเหตุสมผลแล้วก็สอดคล้องกับอารมณ์มากกว่า
เหมือนหนึ่งยอมง่ายมาก แล้วเอก็กลับมาหื่นภายในเสี้ยววิ คือแบบ เอ้ย ปรับอารมณ์ตามไม่ทันเลยทีเดียว -O- ..
หรืออย่างน้อยที่เดาไว้ก็ตั้งใจจะทำเซอร์ไพร์สครบรอบอะไรก็ว่าไปอ่ะค่ะ อันนี้มันแบบ โดนมอม นอกกาย รักนะ จบปิ้งแฮปปี้
เลยมึนๆนิดหน่อยค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณนะคะ ตอนหน่วงๆสนุกดี แบบคอยให้ลุ้นดีค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 29-10-2014 06:31:35
.....
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 29-10-2014 06:39:58
...
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: hibarihao ที่ 29-10-2014 07:06:19
น่ารักกันจิง
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: BeeRY ที่ 29-10-2014 07:21:51
ถือซะว่าโดนฟ้าดินลงโทษนะเอนะ :m20:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: nokkaling ที่ 29-10-2014 07:48:09
555555  เด็กแสบ 
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: wan_sugi ที่ 29-10-2014 08:25:32
เริ่มมาแบบดราม่า แล้วตัดเข้าหวานแบบงงๆ จบด้วยความรู้สึกรำคาญ (เกลียด) เด็กแก่แดด

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ 1 [28/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: AMINOKOONG ที่ 29-10-2014 09:09:42
เราว่าถ้าจะเขียนเป็นเรื่องสั้น จุดที่เฉลยว่าเกิดอะไรขึ้นทำให้พฤติกรรมของเอเปลี่ยนไป
เป็นจุดหักมุมของเรื่องสั้นที่โอเคเลย
แต่หลังจากนั้นมันกุด จากความรู้สึกพีคที่รู้มันกลายเป็นความกลวงว่างเปล่า
ปฏิกิริยาหลังจากรู้ที่หนึ่งแสดงออกคือ "อ๋อ เหรอ"
เฮ่ย มันพิลึกมาก มันค้างๆคาๆ แบบจะให้คนอ่านรู้สึกไงต่อฟระ?
เอาใจช่วย? สมน้ำหน้า? มันไร้ที่ไป จะบอกว่าจบมันก็ไม่ใช่
ตอนพิเศษยิ่งพิลึกใหญ่ ใส่ตัวละครเพิ่มมา(หลาน) ซึ่งดึงเอาความสนใจไป
ตกลงเอนี่มันตัวประกอบ?

ยังไงล่ะ ตัวละครทั้งคู่ไม่ได้รับผลของเรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย
เราไม่ได้หมายความว่า เอต้องได้รับการแก้แค้นคืน หรือหนึ่งต้องทำอะไร
แต่ตัวละครต้องมีพัฒนาการ อะไรที่แตกต่างจากเดิมเพราะเรื่องที่เกิดขึ้น


ขอติงไว้เท่านี้ค่ะ เราไม่ใช่นักอ่านที่มีทฤษฎีวิจารณ์อะไรอาจทำให้เจ้าของเรื่องไม่ค่อยเข้าใจ ต้องขอโทษไว้ล่วงหน้านะคะ
v
v
v
เห็นด้วยกับเม้นท์นะครับ คือมันไม่มีบทสรุปอะไรเลยแล้วมาตอนพิเศษแทนที่จะขยายความจากเรื่องหลัก
กลับมาเพิ่มในจุดอื่นทั้งๆที่มันยังไม่เคลียร์ แลัวยัยผู้หญิงที่วางยานี่คือนางไม่ได้รับกรรมเลย?
คือปูเรื่องมาดีนะครับแต่จบไม่สุดไม่เก็ท คือมันเหมือนจะสมบูรณ์แต่มาพังเพราะตอนจบกับตอนพิเศษนี่แหละ
เหมือนร้องเพลงไม่จบ คือร้องมาถึงท่อนพรีฮุคแล้วตัดจบ แทนที่จะร้องท่อนฮุคต่อที่มันพีคที่สุดของเพลง
เหมือนกำลังจะกระโดดบันจี้จั้มพ์แต่พอปีนขึ้นไปถึงยอดหอแล้วดันเดินกลับลงมาแทนที่จะโดดให้เสียวตื่นเต้น
นี่คืออารมณ์ความรู้สึกหลังอ่านจบน่ะครับ

ปล.ยังไงก็เป็นกำลังใจให้คนแต่งสู้นะๆครับ เพราะภาษาสำนวนการเขียนเราถือว่าโอเคเลยทีเดียว
เพียงแค่ยังขาดจุดพีคและบทสรุปของเรื่องเท่านั้นเอง ค่อยๆปรับค่อยๆแต่งเดี๋ยวก็สมบูรณ์เองแหละครับ
ยังไงเราจะรออ่านเรื่องต่อๆไปนะครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: mukmaoY ที่ 29-10-2014 12:07:54
โอยเกลียดเด็กแบบนี้มาก
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: Chichi Yuki ที่ 29-10-2014 12:35:39
เอาจริงๆ คือเราไม่ชอบน้องหนิง เด็กนิสัยแบบนี้นี่เป็นเราเราจะไม่รักเลย แก่แดดแก่ลม ไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ หน้าไหว้หลังหลอก พูดจาไม่มีสมมาคาราวะ เอาแต่ใจ เป็นลูกเป็นหลานเราจะจับตีจริงๆ โตขึ้นต้องเป็นเด็กนิสัยไม่ดีแน่ๆ เลย
อ่านตอนแรกๆ นี่เราสนุกนะคะคนเขียน แต่พอมีเด็กคนนี้เข้ามาเราหมดอารมณ์เลยค่ะ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 29-10-2014 13:08:38
555 น่ารักดีครับ ขอบคุณคนแต่ง :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) ตอนพิเศษ จบ [29/10/2014]
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-10-2014 22:48:15
 :laugh: โดนดีจนได้นะเอ
ว่าแต่ไม่มีฉากไปเคลียร์กับน้องนีที่มามอมเหรอ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 18-11-2014 09:40:10
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 09-02-2015 16:03:20
หนึ่งกับเอ น่ารักมาก ๆ ครับ แต่หลานนี่ไม่น่ารักอย่างแรง

ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: norita_boyV2 ที่ 21-07-2016 17:04:17
แก้ไข ตอนจบ
21-07-16






ผมค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปพบเพียงความมืด แต่ก็สังเกตเห็นว่ามีรองเท้าของเค้าอยู่ที่ชั้น แสดงว่ากลับมาแล้ว แต่คงหลับไปแล้ว ผมยังไม่ได้เปิดไฟ เดินเรื่อยมาจนถึงส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น ผมเริ่มได้กลิ่น จางๆ ของบางอย่างที่คุ้นเคย กลิ่นของแอลกอฮอล์นั่นเองและพอเปิดไฟ ผมก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเค้านั่งอยู่ที่โซฟา พร้อมด้วยเหล้าราคาค่อนข้างแพงที่พร่องไปเกือบหมดแล้ว

“ทำไมอยู่มืดๆ แบบนี้”ผมส่งเสียงถามออกไปแต่ยังไม่ได้เดินไปหาเค้า ตัวเค้าเองก็ไม่ได้หันมามองผม

“ไปไหนมา”เค้าถามเสียงเย็นเหมือนจะไม่พอใจ นี่เค้าเป็นฝ่ายที่ควรจะไม่พอใจผมอย่างนั้นหรือ

“ไปกับไอ้เฟียสต์มา”ผมกระแทกเสียงตอบไปด้วยอารมณ์ฉุนๆ เพราะผมแค่ไปกับเพื่อน แล้วเค้าละวันนี้ไปไหนมาไม่เห็นจะบอกผมบ้างเลย ความรู้สึกน้อยใจเริ่มก่อตัวขึ้นทันที

“ทำไมกลับดึกนักล่ะ”เค้ายังคงเอ่ยเสียงเรียบ ผมยกข้อมือดูนาฬิกา นี่ก็จะตีสามอยู่แล้ว

“พอดีไปดื่มนิดหน่อย”ผมตอบเสียงอ่อนลงนึกถึงคำพูดไอ้เฟียสต์ว่าให้คุยกันดีๆ อีกอย่างที่ไอ้เฟียสต์มันบอกไว้ว่าเออาจจะมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ก็ได้ ยิ่งเห็นว่าเค้านั่งกินเหล้าแบบนี้คงจะต้องมีเรื่องกลุ้มใจจริงๆ นั่นแหละผมจึงเดินไปนั่งลงข้างๆเค้า

“หนึ่งยังรักเราอยู่ไหม”เค้าเอ่ยขึ้นหลังจากผมนั่งลงได้สักพัก ทำไมผมจะไม่รักเค้ากันล่ะผมเองต่างหากที่อยากจะถามเค้าว่า เค้ายังรักผมอยู่ไหม เบื่อผมหรือเปล่าที่ต้องคอยเป็นห่วงและดูแลคนอย่างผม และแทนคำตอบผมสวมกอดเข้าที่เค้า แต่ปฏิกิริยาของเค้าทำเอาผมชะงัก เค้าไม่ได้กอดผมตอบแต่ขืนตัวออกเสียด้วยซ้ำ กลิ่นเหล้าและกลิ่นบุหรี่จางๆ ค่อยๆ ขยับออกห่างจากผม น้ำตาผมเริ่มปริ่มๆ อยากจะร้องเสียให้ได้ นี่เค้ากำลังจะบอกเลิกผมหรือเปล่า

“แล้วหนึ่งทำแบบนี้กับเราได้ยังไง”เค้าตะคอกใส่ผมเสียงดังพร้อมกับผลักผมออกอย่างแรงผมจนผมตกใจ นี่ผมไปทำอะไรให้เค้างั้นเหรอ

“เอใจเย็นๆ มันเกิดอะไรขึ้น เราทำอะไรผิดบอกเรามา เรรักเอนะ”ผมพยายามพูดอย่างใจเย็น แต่ดูอีกฝ่ายจะมองมาที่ผมอย่างรังเกียจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมเค้ามองผมด้วยสายตาแบบนี้

“รักเหรอ หนึ่งรักเรา เราก็รักหนึ่ง เคยรักมากด้วย มากจนชีวิตนี้คงรักใครไม่ได้เท่านี้ แต่ตอนนี้มันทั้งรักทั้งเกลียด หนึ่งทำแบบนี้กับเราได้ยังไง บอกเรามาสิว่าทำได้ยังไง ทำได้ยังไง”เค้าเข้ามาเขย่าตัวผมถาม ก่อนจะผลักผมออกอีกครั้ง แล้วเค้าก็เอาแต่ร้องไห้ เหมือนคนเสียสติ

“เอ ใจเย็นๆ เราทำอะไรบอกเรามา ถ้าเราทำอะไรผิดเราขอโทษ แค่เออย่าเป็นแบบนี้เลย”ผมพยายามตั้งสติ ไม่อยากอารมณ์ร้อนไปบวกกับเค้าตอนนี้ เพราะถ้ายิ่งเค้าร้อนแล้วผมไปร้อนใส่อีก คงจะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง

“ใจเย็นงั้นเหรอ เราเย็นมาตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้อีกทั้งวัน พยายามคิดว่าทำไมเรื่องแบบนี้มันถึงมาเกิดกับเรา เรารักหนึ่งตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยไปมองหรือสนใจคนอื่น ไม่เคยนอกใจไปมีอะไรกับคนอื่น แต่หนึ่งกลับตอบแทนเราด้วยการไปมั่วกับใครจนเอาเชื้อมาติดเราแบบนี้”หมายความว่ายังไง ติดเชื้อ เชื้ออะไร HIV งั้นเหรอ เอติดเชื้องั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง ยิ่งถ้าเค้าบอกว่าเค้าเองไม่เคยไปยุ่งกับใครหรือนอกใจผม เพราะก่อนเราสองคนจะมาใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ เราทั้งสองได้ไปตรวจเชื้อด้วยกันและต่างคนต่างไม่มีเชื้อ และผมเองก็ไม่เคยไปยุ่งกับใครเช่นกัน

“เอฟังเรานะ เรื่องนี้มันอาจมีอะไรผิดพลาด เราสาบานเลยว่าเราเองก็ไม่เคยไปยุ่งกับใครเหมือนกัน”ผมพยายามอธิบาย

“หนึ่งอย่ามาโกหกเราเลย ถ้าเราไม่ได้ติดจากหนึ่งแล้วเราจะไปได้รับเชื้อมาจากไหน”แล้วนี่เค้ารู้ได้ยังไงว่าเค้ามีเชื้อ

“เราไม่ได้โกหกนะเอ ตั้งแต่คบกันมาเอเห็นเราเป็นคนยังไง คิดว่าเราจะไปยุ่งกับคนอื่นเหรอ”น้ำเสียงผมเริ่มเปลี่ยนไป เพราะเหมือนเค้าปักใจเหลือเกินว่า ผมนอกใจเค้าจนเอาเชื้อมาให้เค้าแบบนี้ แล้วถ้าเค้ามีเชื้อจริงๆ ตัวผมละ ตั้งแต่ตรวจเลือดมาแล้วเราก็ไม่เคยใช้ถุงยางกันอีกเลย

เค้านิ่งลงไปนิดหน่อย แต่ก็ดูยังไม่ค่อยเชื่อว่าผมไม่ใช่คนที่ทำให้เค้ามีเชื้อ เค้าเริ่มเล่าว่าหลายวันก่อนเพิ่งรับจดหมายแจ้งจากทางศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ถึงผลเลือดที่เค้าไปบริจาคไว้เมื่อเดือนก่อน ว่าผลเลือดเค้าไม่ปกติ และมีการนัดให้เค้าเข้าไปที่ศูนย์โลหิต ซึ่งทีแรกเค้าคิดว่าไม่มีอะไรมากเลย ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับผม

แต่เมื่อไปที่ศูนย์โลหิตตามนัดเค้ากลับได้รับรู้ว่าเลือดของเค้ามีเชื้อ HIV แต่เมื่อซักประวัติแล้วความเสี่ยงเดียวที่เค้าน่าจะได้รับเชื้อ มันคือผม เค้าถึงได้ปักใจเชื่อว่าผมต้องเป็นฝ่ายนอกใจเค้าอย่างแน่นอน

“แล้วเอได้ตรวจซ้ำหรือยัง”แม้ผมจะไม่ค่อยรู้รายะเอียดขั้นตอน และไม่ได้จะดูถูกการทำงานของเจ้าหน้าที่ว่าผิดพลาด แต่เรื่องแบบนี้มันก็ควรต้องยืนยันอีกรอบหรือเปล่า แต่สิ่งที่เค้าตอบผมกลับมา คือเค้าปฏิเสธการตรวจซ้ำตามที่เจ้าหน้าที่บอก จริงๆ เค้าก็ทราบเรื่องนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน เพียงความคิดของเค้ามันต่อสู้กันอยู่ในใจ เค้าถึงเพิ่งจะมาระเบิดใส่ผมในตอนนี้ เค้าบอกว่าเค้าก็ไม่อยากจะคิดว่าผมเป็นคนนอกใจ แต่เมื่อมองไม่เห็นทางอื่น ความคิดนี้มันเลยชนะ

“เอฟังเรานะ เอต้องเชื่อใจเรา เราไม่เคยนอกใจเอ ไม่เคยไปมีอะไรกับใคร มันอาจจะมีอะไรผิดพลาด เราไปตรวจซ้ำด้วยกันอีกรอบนะ”ผมเข้าไปบอกเค้าทั้งน้ำตา อยากให้เค้ามั่นใจในตัวผมสักนิด ปกติเค้าใจเย็นและมีเหตุผลกว่านี้มาก แต่ทำไมครั้งนี้มันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ผมได้แต่หวังว่ามันคงมีอะไรผิดพลาดจริงๆ กับเรื่องราวในครั้งนี้ ผมจะไม่กล่าวโทษ เจ้าหน้าที่ที่ทำผิดพลาดครั้งนี้เลย ถ้ามันคือเรื่องผิดพลาดจริงๆ

“หนึ่งพูดจริงใช่ไหม”เค้าเริ่มมีท่าทีอ่อนลง

“จริงสิ มันต้องมีอะไรผิดพลาด”ผมบอกออกไปอย่างหนักแน่น แม้ในใจผมจะมีหวั่นๆ บ้างเล็กน้อยเพราะถ้าเกิดว่าพอไปตรวจแล้วเราทั้งคู่มีเชื้อขึ้นมาจริงๆ ละ แต่ถ้าเราทั้งคู่ต่างยืนยันแบบนี้ว่าไม่เคยไปยุ่งกับใครเลย ผมก็ยังมองไม่เห็นปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่จะทำให้เราทั้งคู่มีเชื้อเลย

“เราขอโทษ”หลังจากที่เค้าอารมณ์เย็นลง และได้พูดคุยทำความเข้าใจกันมากขึ้น ทำให้เค้าเอ่ยขอโทษผมออกมาที่เค้าคิดว่าผมเป็นคนนำเชื้อมาติดเค้า เค้าให้เหตุผลว่าจริงๆ การติดเชื้อเค้าก็กังวล แต่สิ่งที่ทำให้เค้าขาดสติ และเสียใจที่สุดคือเค้าคิดว่าผมนอกใจเค้า เรานั่งคุยกันจนถึงเช้า เพราะต่างคนก็ต่างหลับไม่ลงแล้ว หลายๆ เรื่องที่อีกฝ่ายอาจหลงลืมไป เราต่างนำมาเล่าแลกเปลี่ยนกันฟัง และเราตกลงกันว่าจะไปตรวจเลือดพร้อมกันในตอนเช้า



“พร้อมไหม”ผมถามพร้อมบีบมือเค้าแน่น ตอนนี้เราสองคนมาอยู่หน้าคลินิคนิรนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อเค้าพยักหน้าว่าพร้อมแล้ว เราทั้งคู่ก็ตรงไปลงทะเบียนเพื่อรับการตรวจทันที ใช้เวลาเพียงไม่นานเราทั้งสองก็ถูกเชิญเข้าไปในห้องให้คำปรึกษา เจ้าหน้าที่สอบถามถึงเหตุผลที่เราสองคนมาตรวจเลือดในวันนี้ รวมทั้งสอบถามข้อมูลอื่นๆ ที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และให้คำแนะนะพวกเราอีกเล็กน้อย จากนั้นเราทั้งคู่ก็ไปเจาะเลือด และสุดท้าย เราต้องรออีกประมาณ 1 ชม.เพื่อรอผลการตรวจ

“กลัวไหม”ผมเอ่ยถามเพื่อทำลายความเงียบ เพราะตอนนี้ทั้งผมและเค้าคงกังวลไม่ต่างกัน บรรยากาศมันเลยดูอึมครึมไปหมด แต่ยอมรับเลยว่าก่อนมาถึงที่นี่ผมเองไม่ได้เผื่อใจไว้เลย ว่าตัวเองจะมีเชื้อ ผมมั่นใจว่าผลของเค้าในครั้งแรกนั้นผิดพลาด แต่ถ้าเกิดผลออกมาว่าเราทั้งคู่มีเชื้อ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อไป

เมื่อถึงเวลาฟังผล เราทั้งคู่ถูกเชิญเข้าไปในห้องเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาคนเดิมที่เราเจอตั้งแต่แรก ผมจับมือเค้าแน่น แม้จะมั่นใจว่าเราทั้งคู่จะไม่มีเชื้อ แต่บรรยากาศที่นี่มันก็ทำให้อดที่จะหวั่นใจไม่ได้ ผมสัมผัสได้ว่ามือของอีกฝ่ายเองก็เย็นเฉียบ

ผมค่อยๆ เปิดซองสีน้ำตาลตรงหน้า เจ้าหน้าอธิบายเรื่องการอ่านผลไปด้วย แต่ผมเคยมาตรวจแล้ว เลยไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่ ผมค่อยๆ เลื่อนกระดาษที่อยู่ในซองออกมาอย่างตื่นเต้น และในที่สุดสิ่งที่ผมเห็นมันก็ทำให้ผมยิ้มออกมา เพราะผลตรวจของผมออกมาเหมือนครั้งก่อน คือไม่มีเชื้อ และแน่นอนว่าอีกคนก็น่าจะมีผลเช่นเดียวกับผม เราหันหน้ายิ้มให้กันก่อนที่เค้าจะโผเข้ามาสวมกอดที่ผม

“อันนี้ผลไม่ผิดพลาดแล้วใช่ไหมครับ”เค้าหันไปถามอย่างตื่นเต้น

“ผลที่ทางเราแจ้ง ตอนนี้เป็นผล EIA แต่เดี๋ยวเราจะมีตรวจ NAT เพิ่มเติม”เจ้าหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมถึงการตรวจทั้งสองแบบให้พวกเราฟังว่าหมายความว่าอย่างไร รวมทั้งให้คำแนะนำถึงวิธีการใช้ชีวิตเพื่อลดโอกาสเสี่ยง หรือให้เรามีผลเลือดเป็นลบไปตลอด

“ส่วนเรื่องผลจากการบริจาคเลือดทางเราจะประสานให้อีกทีนะคะ”ทั้งผมและเอไม่ได้ติดใจเรื่องผลที่ผิดพลาดนั้นมากนัก แค่ได้รู้ว่าเราสองคนไม่มีเชื้อแค่นี้ก็ดีใจมากแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าก็ยืนยันว่าจะแจ้งรายละเอียดให้เราทราบอีกทีเพราะ ถือเป็นเรื่องที่ต้องดูแล ไม่ให้เกิดการผิดพลาดซ้ำอีก เพราะผลกระทบที่ตามมาในครั้งต่อๆ ไป อาจจะกลายเป็นเรื่องรุนแรงก็เป็นได้

เราทิ้งเบอร์โทรไว้รับผล NAT ก่อนจะกลับออกมาจากคลินิคนิรนามและตรงกลับคอนโดทันที ตอนนี้เราทั้งคู่ที่ไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนต่างอ่อนเพลียด้วยกันทั้งคู่ ถึงคอนโดก็โดดขึ้นเตียงด้วยกันทั้งคู่

“ขอโทษ”เค้าสวมกอดผมจากทางด้านหลัง พร้อมกับกระชับวงแขนนั้นเพื่อดึงผมเข้าไปแนบกับแผงอกของเค้า

“ขอโทษที่ไม่เชื่อใจ ขอโทษที่คิดว่าหนึ่งนอกใจเรา”เค้าซุกหน้ามาที่ซอกคอผมก่อนจะพูดต่อ

“ขอโทษที่พูดไม่ดี ขอโทษที่อารมณ์เสียใส่”ผมอมยิ้มให้กับคำขอโทษนั้น และอมยิ้มขำให้กับตัวเอง เค้ากังวลที่คิดว่าผมนอกใจจนไปมีเชื้อมาติดเค้า ส่วนผมก็เป็นกังวลว่าเค้ากำลังจะเปลี่ยนไป

“เรารักหนึ่งนะ”เค้ากระซิบเบาๆ ที่ข้างหูผม

“ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราต้องมาเปิดใจคุยกันด้วยเหตุผล ตกลงไหม”ผมบอกออกไป เค้าตอบตกลงกับผมก่อนที่เราทั้งคู่จะปิดเปลือกตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน รอยยิ้มยังคงค้างอยู่บนใบหน้าผม เพราะอ้อมกอดที่ผมได้รับตอนนี้มันยังเหมือนเดิม เค้ายังรักผม และความรักของเราสองคนยังไม่ได้แปรเปลี่ยนไป ผมค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ จนในที่สุดก็เข้าสู่ห้วงของการหลับไหล ไปพร้อมๆ กับเค้า








THE END

วันนี้ว่างๆ มีโอกาสได้เข้ามาอ่านเรื่องนี้แล้วอยากแก้ตอนจบใหม่

ก็ไม่รู้ดีกว่าเดิม หรือแย่กว่าเดิม ยังไงกะลองอ่านกันดูนะคร๊าบบบบ


ปล.แอบฝากเรื่องใหม่ที่กำลังลงอยู่ 2 เรื่องนะครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54094.0
ผิดที่ใคร : เรื่องราวของเพื่อนสองคนที่บังเอิญมามีความสัมพันธ์กัน เลยคาดว่าจะเกิดเรื่องราวยุ่งยากตามมา


คำตอบที่ว่างเปล่า
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=54742.0

เรื่องนี้ตั้งใจจะให้เป็นแนวย้อนอดีตกับปัจจุบัน ยังไงฝากให้ลองไปติดตามกันนะครับ

หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: arij-iris ที่ 21-07-2016 21:58:53
มีเรื่องอะไรควรเปิดอกคุยกันดีกว่าจะได้ไม่มีปัญหาให้เข้าใจผิดกัน
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 22-07-2016 11:45:13
อ่านแรกๆเครียดมากเลย ดีใจที่จบแบบมีความสุขนะคะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 11-09-2016 13:47:57
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 19-11-2017 12:53:32
กลั้นหายใจอ่านเลย นึงว่าจบแบบแบดเอน....อ่านจบผ่อนลมหายใจเลย  o7
หัวข้อ: Re: [เรื่องสั้น] เปลี่ยนไป(หรือเปล่า) แก้ตอนจบ 21-07-16 จบแล้ว ย้ายได้เลยครับ
เริ่มหัวข้อโดย: lalun ที่ 25-11-2017 21:26:28
 :pig4: :pig4: :pig4: