พิมพ์หน้านี้ - : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:35:19

หัวข้อ: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:35:19
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:46:06
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Bnercopy_zps5cbab08b.jpg)


เมื่อโชคชะตานำสองคนนี้มารักกัน
เมื่อโชคชะตาแยกสองคนนี้ออกจากกัน
เมื่อโชคชะตานำสองคนนี้โคจรมารักกันอีกครั้ง
รักหนสอง เค้าว่ากันว่าต้องลึกสุดใจ
มาส่งกำลังใจให้ โบ้ท บอส กันครับ
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:54:03
@ 1 st Game – Start…

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก
แน-กอ ฮา-จา.... นี-กา นัล อัล-จา-นา โอ๊ะ
นีกา นัล พวัท-จา-นา โอ๊ะ…. แน-กา นอล กึท-กา-จี ชี-คยอ-จุล-เก
Do you hear me…
Do you hear me Oh !!!!!

เสียงไอโฟนเครื่องสีขาวสั่นและดังไม่หยุด แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว่าเจ้าของเครื่องจะขยับร่างกายแต่อย่างใด มีแต่คิ้วสีดำสนิทที่ขมวดเข้าหากัน ดวงตายาวรีค่อยลืมขึ้นอย่างยากเย็น ใบหน้าที่หล่อเหลาสไตล์เอเซียแต่ทว่ายุ่งเหยิง มือเพรียวๆพยายามควานหาโทรศัพท์และกดปุ๋ม snooze.....ความสงบกลับคืนมาอีกครั้ง แล้วดวงตายาวรีก็ค่อยๆปิดตัวลงอีกครั้ง

แต่แล้วก็ได้ยินเสียงที่คุ้นชิน ดังมาจากหน้าห้อง
“โบ๊ท เอ้ย...ตื่นได้แล้วลูก เดี๋ยวก็สายหรอก.. ”เด็กหนุ่มผมสั้นทรงรองทรงสูง จึงค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วก็มองดูนาฬิกา

“ชิบหายแล้ว จะ หกโมงครี่งแล้ว…..กรูสายแน่” 

พร้อมกับสปริงตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

    รูปร่างสูงในชุดนักเรียนกางเกงขาสั้นสีดำยืนเช็คตัวเองครั้งสุดท้ายหน้ากระจก ก่อนที่มือจะคว้ากระเป๋าหนังสือ และโคฟเวอร์ไม้เทนนิสสีดำยี่ห้ออาดิดาส  ขึ้นสะพายบ่า แล้วเปิดประตูเดินลงบนใดลงมา

“โบ๊ทกินข้าวก่อนมั้ยลูก”  เสียงที่คุ้นชินดังขึ้นอีกครั้ง

ผมมองตามเสียงนั้นไปทีโต๊ะอาหาร ก็เห็น ป่าป๊า กับ ม่าม๊า แล้วก็ไอ้เบนซ์ กำลังนั่งกินข้าวกันอยู่พร้อมหน้า ผมเดินไปโต๊ะอาหาร

“ขอแค่ขนมปังแผ่นเดียวก็พอครับ...มันจะสายแล้ว”

มือหญิงสาววัยกลางคน หยิบขนมปังแล้วก็ทาแยมสตรอเบอร์รี่อย่างรวดเร็ว พร้อมกับยืนมาให้ลูกชาย

“ขอบคุณครับม่าม๊า”…… “ไอ้เบนซ์ไปกันเหอะว่ะเดี๋ยวสาย” ผมหันไปเรียกไอ้เบนซ์ก่อนจะเอาขนมปังใส่ปาก
“โบ๊ทไปเรียนก่อนนะครับ” พร้อมกับยกมือขึ้นมาสวัสดีทั้งคู่

“เออ มึงนั่นแระที่ไม่ยอมตื่น เสือกจะมาเร่งคนอื่นอีก” เด็กหนุ่มที่รูปหน้าได้รูป คิ้วหนา ดวงตายาวรี สไตล์เอเซีย ที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายผม บ่นกระป็อดกระแปด ก่อนจะคว้ากระเป๋านักเรียน และ โคฟเวอร์แซกโซโฟนสีดำของมัน เดินตามออกมา

จริงๆแล้วถึงแม้เราสองคนจะเป็นพี่น้องกัน แต่ก็เกิดปีเดียวกันครับ..ไอ้เบนซ์มันเกิดต้นปีครับ ส่วนผมนะเหรอ เกิดปลายปีครับ พ่อกับแม่ผมเก่งจริงๆ เหอะๆๆๆๆๆ ภูมิใจดีมั้ยนี่ 55555


ไอ้เบนซ์หน้าตาคล้ายๆผมครับ (คือหล่อ 5555..) แต่ไอ้เบนซ์มันขาวกว่า
..
เพราะอะไรหน่ะเหรอ???
..
    เพราะผมเป็นนักกีฬาเทนนิสของโรงเรียนครับ ส่วนไอ้เบนซ์มันก็ตีเทนนิสนะครับ แถมฝีมือก็ดีไม่แพ้ผมเท่าไร แต่มันคนพบตัวเองว่ามันชอบดนตรีมากกว่ามันก็เลยเบนเข็มไปทางนั้น มันจึงขาวกว่าผม เง้ออออ (ขนาดกรูโป่ะแล้วโป่ะอีกนะ ไอ้ Sun Blockนี่ เง้ออออออออออ...) หลังจากลงรถเมลล์สาย 75 ก็มาขึ้น BTS ที่สถานีสะพานตากสิน เพียงไม่นานก็มาถึงหน้าโรงเรียนของผมที่ตั้งอยู่บนถนนสาธร
 
“เฮ้ยยย ไอ้แบงค์” เด็กหนุ่มหน้าตาแบบตี๋หล่อ คิ้วได้รูปสวยงาม ดวงตายาวรีแบบลูกครึ่งจีน หันขวับกลับมา พร้อมกับยิ้มกว้างเดินเข้มาหาพร้อมกับแบกโคฟเวอร์ไม้เทนนิส

“ไงวะไอ้โบ๊ท” เด็กหนุ่มทักทาย พร้อมกับพยักหน้าทักทายไอ้เบนซ์

“ไอ้เบนซ์ เดี๋ยวกรูไปก่อนนะโว้ย เออ แล้วเย็นนี้มึงจะกลับพร้อมกรูป่าว” ผมถามไอ้พี่ชายตัวดี…

“อืมม” เสียงตอบสั้นๆจากไอ้พี่ชายตัวดีของผม

    “งั้นมึงมาหากรูที่คอร์ทเวลาเดิมนะ” ผมก็เดินแยกไปกับไอ้เบนซ์ ไปที่ห้องชมรมเทนนิส ส่วนไอ้เบนซ์มันคงเข้าไปห้องชมรมดนตรี

    ถึงหน้าห้องชมรมซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวอยู่หน้าคอร์ทเทนนิส เราเอากระเป๋าโคฟเวอร์เก็บเข้าที่ล็อกเกอร์ ก่อนทีผมจะถามไอ้แบงค์

“มึงพิมพ์เอกสารขอใช้สนามเทนนิสโรงเรียนแล้วหรือยัง”
“ตายห่าล่ะ”……  เสียงตกใจจากไอ้แบงค์ ยังไม่ได้พิมพ์เลยหว่ะ
“เดี๋ยวกรูพิมพ์ให้เดี๋ยวนี้แหละ” มันวิ่งเข้าไปเปิดคอมฯ แล้วก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์หนังสือ
“ไอ้ห่า” ผมอดหัวเสียด่ามันไม่ได้
“กรูบอกมรึงมาเป็นอาทิตย์แล้ว เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก จะต้องใช้สนามซ้อมแล้วนะโว้ยย”

“เออ  กรูขอโทษษษษ กรูลืมมัวแต่ยุ่งทำรายงานหว่ะ” มันแก้ตัวในขณะที่มือเป็นระวิงกับแป้นคีย์บอร์ด
“ยุ่งรายงานหรือว่ามัวแต่ตี ดอท วะ สาดดดดด” มันเงียบแต่ก็แอบยิ้ม
“เสือกรู้ทันกรูอีก” เสียงบ่นจากมัน

แล้วมันก็ถามกลับมาว่า “เดี๋ยวกรูพิมพ์เสร็จ มึงจะไปยื่นเองหรือจะให้กรูไป”
“เดี๋ยวกรูไปเอง”

จริงๆแล้วมันหน้าที่ของ รองหัวหน้าชมรมฯ อย่างมึงนี่ว่า แล้วกรูจะต้องไปทำไมวะผมนึกในใจ แต่ถ้าหัวหน้าชมรมไปขอเอง ไอ้พวกสภามันจะได้รีบๆทำให้  เพราะจะต้องเริ่มซ้อมเทนนิสกันอย่างจริงจังแล้ว ต้องทำหนังสือเพื่อขอใช้สนาม ขอเปิดไฟ ตอนกลางคืน ต้องซ้อมกันจนถึงสองทุ่ม กว่าเรื่องจะผ่านการชงจากสภานักเรียน และกว่าจะขึ้นไปถึงกองกิจฯ กว่าจะเซนต์อนุมัติลงมา ถ้าไม่รีบมีหวังอีกเป็นอาทิตย์แน่ๆ …..

ผมเดินถือเอกสารการใช้สนาม มาถึงหน้าห้องสภานักเรียน ก่อนจะผลักประตูเข้าไป ก็เห็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ผมรองทรงสูง เสื้อผ้าถูกระเบียบ ยืนเกาหัวกับเอกสารกองโต

      บอส จารุวัฒน์ อรรถากร ประธานสภานักเรียน นักเรียนชั้นม.5
 
ทำไมต้องเจอมันด้วยวะ นึกในใจ...............

ไอ้ห่าอาร์ม  ไปไหนวะ  จริงๆแล้วผมสนิทกับไอ้อาร์มครับ  มันเป็นเพื่อนสนิทสมัย ม.ต้น แต่ม.ปลายมันเลือกเรียน วิทย์ ขณะผมเรื่องเรียน ศิลป์ เราก็เลยไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน ส่วนไอ้บอสก็เรียน ม.ต้นห้องเดียวกันมา

แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนเดิม......

ไอ้อาร์มมันเรียนห้องเดียวกับไอ้บอส ตอนเลือกตั้งประธานสภานักเรียน ไอ้อาร์มมันก็สมัครทีมเดียวกับไอ้บอส พอทีมไอ้บอสชนะเลือกตั้ง ไอ้อาร์มมันเลยได้เป็นเลขาสภาฯ ถ้าไอ้อาร์มอยู่คงง่ายและมันก็คงรีบทำให้เพราะเราสนิทกัน (แอบใช้ความสนิท 5555...)

ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เด็กหนุ่มที่เกาหัวอยู่นั้นก็หันมา และถามขึ้นว่า

“ชมรมเทนนิสมาทำไรถึงนี่ครับ”

ผมสะดุ้งโหย่งหลังจากคิดอะไรเพลินๆอยู่
“อืมมม เราเอาเอกสารขอใช้สนามเทนนิสมายื่นหน่ะ”  เงียบไม่มีคำตอบจากสวรรค์
“ไอ้อาร์มไม่อยู่เหรอ” ผมถามกลับไป

“วันนี้มันลาหน่ะ เมื่อวานมันไม่ค่อยสบาย” เสียงตอบเรียบๆกลับมา ขณะที่สายตายังคงมองมาที่ผม

“ฝากช่วยเร่งให้หน่อยนะ” ผมเอ่ยปากขอให้มันช่วยทั้งที่ หน้ามันผมก็แถบจะไม่อยากมอง
 “ทำไมล่ะ ” เสียงถามกลับมา
ผมเกาหัวแคร่กๆๆๆ ก่อนจะตอบมันไปว่า
“ทีมโรงเรียนเราจะต้องแข่งเชื่อมความสัมพันธ์เดือนหน้าหงะ เลยต้องรีบซ้อมหน่ะ “

“แล้วทำไมไม่ยื่นให้เร็วกว่านี้ครับ “…….. เสียงเรียบเย็นถามกลับมา....

     เออกรูผิดเอง ที่ไม่เร่งไอ้เชี่ยแบงค์ ไอ้ห่าเดี๋ยวกลับไปจะด่ามันซะหน่อย ให้แมร่งมันทำมาเป็นอาทิตย์แระ เสือกมัวแต่เล่นเกมส์....คิดในใจ......

“ช่วยหน่อยนะ นะ” ขอร้องมันไปก่อนเหอะ
“ก็ตามคิวนะ ชมรมไม่ค่อยมีผลงานจะเรียกร้องอะไรมาก”........เสียงเดิมนั้นตอบกลับมา
“หืมมมมมมมมมม” เสียงผมลอดไรฟันออกมา ขณะขบกรามแน่น

             ไอ้เชี่ยยยยยยยย ผมด่ามันในใจ โกรธจัดจนหน้าร้อนผ่าวววววววววว แล้วผมจ้องตามันเขม็ง ก่อนจะยิ้มที่มุมปากแล้ว ก่อนจะหลุดปากไป

“ถ้าปีนี้ทีมกรูไม่ได้แชมป์กรูจะให้มรึงต่อยกรูเลย”
“หึ...หึ..” เสียงหัวเราะอยู่ในลำคอดังจนผมได้ยิน

           “ตามนั้น  แต่ผมไม่ต่อยคุณหรอก แต่ถ้าทีมโรงเรียนไม่ได้แชมป์ ผมจะหักเบี้ยเลี้ยงนักกีฬาครึ่งหนึ่งดีมั้ย” มันยิ้มที่มุมปาก และมองมาที่ผม

“เอออ” ผมตอบมันกลับไปอย่างหัวเสีย

           แล้วช่วยรีบๆทำเรื่องขอใช้สนามให้ด้วย ผมทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากหัองสภา ผมเดินกลับมาที่ชมรมอย่างหงุดหงิด “แมร่งกวนตีนแต่เช้า”

พอเปิดประตูชมรมกลับเข้ามา ไอ้แบงค์เห็นหน้าผมแล้วนิ่งไป

“มรึงไปกัดกับหมาที่ไหนมาวะ”

เงียบ คือคำตอบ ผมเดินไปที่ล็อกเกอร์ คว้าไม้เทนนิส กับลูก แล้วเดินเข้าไปที่สนาม ก่อนจะหวดลูกเทนนิสเข้ากับกำแพงบอร์ด แล้วก็กระหน่ำตีบอลโต้กับบอร์ด อย่างคนหัวเสีย.... ลูกบอลกระเด้งกลับมาแต่ละที ก็คิดว่า ลูกบอลเป็นหน้าไอ้บอสแล้วก็หวดไปแบบไม่ยั้ง........

ขณะที่ไอ้แบงค์ยืนดูผมอย่างงงๆ.....

15-40
Game
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:56:08
@ 2nd Game – Engry

วันนี้ตั้งแต่เช้าผมแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลย ใจมันคิดแต่เรื่องเมื่อเช้า แค่เมื่อปีที่แล้วทีมเราพลาดไปนิดเดียว ทั้งๆที่ทุกคนในทีมก็ทุ่มกันเต็มที่ ทำไมมันไม่คิดบ้างวะ ไม่มีใครอยากพลาดหรอก ทุกคนก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วแท้ๆ ความคิดวนไปวนมา

“มรึงเป็นอะไรของมรึงวะ”

           ไอ้บาสเด็กหนุมหน้าตี๋สไตล์ดแบดบอย รูปร่างสูง ใบหน้าที่ได้รูป คิ้วดำสนิทเรียวยาว ดวงตาสดใส และเป็นหัวหน้าวงโยฯของโรงเรียน พ่วงตำแหน่งดัมเมเยอร์ เอ่ยถามขึ้น มันคงเห็นผมนั่งหน้านิ่วไม่ค่อยคุยกับใครมาตั้งแต่คาบแรก

“ไม่มีไรหว่ะ” กรูกำลังคิดเรื่องชมรมนิดหน่อย

           “มีไรบอกพวกกรูได้นะเว้ย เพื่อพวกกรูจะช่วยไรได้” เสียงไอ้บูม เด็กหนุ่มหน้าตาสดใส ไม่ได้หล่อมากแต่ดูดี น่ารัก และเป็นประธานเชียร์ปีนี้ เด็กหนุ่มที่เป็นที่รักของทุกคนประจำห้องผม มันเป็นเด็กที่มนุษย์สัมพันธ์ดีเยี่ยม มันมีเพื่อนอยู่ทุกห้อง คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่มันได้รับเลือกเป็นประธานเชียร์ ทั้งๆที่อยู่สายศิลป์

           “ไปแดกข้าวกัน กรูหิวแล้ว” ไอแบงค์เข้ามาขัดจังหวะการถามของไอ้บาสกับบูม มันคงรู้ว่าผมยังไม่พร้อมตอบคำถาม สมกับเป็นเพื่อนกันมานาน.......
 
......

             “มันเป็นบ้าอะไรของมันวะ” เสียงผมดังเกือบจะตะโกน ทำให้ไอ้แบงค์ที่กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าหน้าล็อกเกอร์ถึงกับสะดุ้งโหย่ง

             “เป็นอะไรวะไอ้โบ๊ท” กรูเห็นมรึงเงียบๆมาตั้งแต่เช้าแล้ว มีไรบอกกรูได้นะโว้ย มันถามผมด้วยความห่วง และยังเอื้อมมือมาตบบ่าผม

“เออ ไม่มีอะไรหรอก มรึงว่าปีนี้เราจะชนะมั้ยวะ” มันนิ่งไปสักพักก่อนจะเอามือลูบคางแล้วทำท่าครุ่นคิด

             “มึงเป็นวางหนึ่ง กรูเป็นวางสอง ส่วนประเภทคู่ก็ ไอ้บีม กับ ไอ้ไบท์ ก็ว่าสูสีหว่ะ” ไอ้แบงค์ว่างท่าอย่างกะนักวิเคราะห์การแขงขันกีฬาชื่อดัง

“คู่แข่งเรา แม่งมีพี่อั๋น คนเดียวที่จบม. 6 ไปแล้ว ที่เหลือแมร่งยังแน่นปึก”  มันยังคงวิเคราะห์ต่อ

“ยังไงพวกเราต้องชนะให้ได้ว่ะปีนี้” ผมบอกไอ้แบงค์ไป
“อืมมม” เสียงตอบจากไอ้แบงค์

           “ไปซ้อมกันเหอะหว่ะ มรึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็วเข้า กรูจะเสร็จแล้วนะโว้ย จะได้ไปน็อกกัน”  ผมมองไปที่ไอ้แบงค์ ก็เห็นกำลังนั่งใส่รองเท้าเทนนิสอยู่

“เฮ้ยยยยย รองเท้าใหม่เหรอวะ”

“เออ พ่อกรูเพิ่งซื้อให้ใหม่” มันยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“แอร์ ซูม เวเพอร์ 9 เลยนะมรึง” ไอ้แบงค์มันยิ้มอย่างภูมิใจกับรองเท้าNike คู่ใหม่ล่าสุดของมัน

           “มรึงไปวอร์มรอก่อนเลยเดี๋ยวกรูตามไป” ผมบอกมัน เด็กหนุ่มในเสื้อกีฬา สีส้มกับกางเกงขาสั้นสีกรมท่ามีตราเครื่องหมายถูกอยู่ต้องเหนือเข่า เดินเปิดประตูเข้าในสนามไป

           ผมรีบใส่รองเท้า adidas รุ่น บาริเคต 8 วันนี้ผมใส่เสื้อสีฟ้าครับ กับกางเกงสีกรมท่ามีเส้นสีขาวสามแถบอยู่ต้องด้านข้างสองข้าง แล้วก็รีบคว้า โคฟเวอร์คู่ใจ เดินเข้าไปฝั่งตรงข้ามกับไอ้แบงค์ ก่อนจะยืดกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ แล้วก็เริ่มวิ่งเหยาะ รอบสนามพอเหงือเริ่มซึมๆ

“ไอ้แบงค์” ไปน็อกกันเหอะหว่ะ

             เราตีโต้กันไปสักพัก ก็เหลือบเห็น ไอ้บีมกับไอ้ไบท์เดินเข้ามาในคอร์ท ไอ้บีมเดินถือเอกสารกับกุญแจอะไรสักอย่างเดินเข้ามาหาผม

             “กระดาษอะไรวะ” ผมถามไอ้บีมเด็กหนุ่มหน้าตาดี ดวงตายาวรี แบบลูกครึ่งคนจีน ผมสั้น ผิวขาวที่เป็นนักกีฬาประเภทชายคู่ของโรงเรียน ที่มาในเสื้อ Puma สีเขียวอ่อน กางเกงยี่ห้อเดียวกันสีดำ รองเท้า Puma วิลาส เอล 2

“หนังสืออนุญาตการใช้สนามกับกุญแจกล่องไฟ หว่ะ” มันหันมาตอบพร้อมกับยื่นเอกสารให้ผม ผมมองอย่างไม่เชื่อสายตา

“ทำไมเร็วจังวะ” คิดในใจ

             “เออ งั้นไอ้ไบร์ท กรูฝากเอากุญแจไปไขกล่องไฟก่อนเหอะแล้วมาวอร์มเริ่มซ้อมกันเหอะหว่ะ” ผมหันไปบอกให้ไอ้ไบร์ทเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักที่สุดในทีม ในชุดกีฬา reebok เสื้อสีชมพูอ่อน กางเกงสีกรมท่า รองเท้า reebok ไรซ์ ไลท์ อาร์เอส 2.0  ที่มีทั้งสาวแท้สาวเทียม รุมกรี๊ดมากที่สุดในทีมเทนนิสโรงเรียนเรา

ตรงมุมด้านไกลของคอร์ท มีสายตาคู่หนึ่งกำลังดูเราซ้อมอยู่ในมุมหนึ่งของสนามอย่างตั้งใจ

“มาดูไอ้โบ๊ทซ้อมหรือวะไอ้บอส”

เสียงทักทำเอาเจ้าของร่างสูงโปร่งสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยังขยับหันมาช้าๆ ใบหน้าที่ได้รูปหันมองมองอย่างงงๆ

“อ้าว เบนซ์ มารอไอ้โบ๊ทเหรอ” เด็กหนุ่มตอบคำถามด้วยคำถาม...
“เออ” เพิ่งออกมาจากชมรมดุริยางค์ แล้วมรึงล่ะ

“เปล่า” สายตาเด็กหนุ่มหลุบลงมองที่พื้น
“กรูเอากุญแจกล่องไฟ กับหนังสืออนุญาตการใช้สนามมาให้พวกชมรมเทนนิสหน่ะ”

“ประธานสภามาเองเลยหรือวะ”

มันยิ้มแหย่ๆ
“เออ งั้นกรูไปก่อนนะ” เด็กหนุ่มตัดบท แล้วก็หันหลังเดินกลับไป

เบนซ์มองตามแบบ งงๆ

ก่อนจะเดินเข้ามารอน้องชายตัวเองที่ห้องชมรม

……..

             ลงบีทีเอสที่สถานีสะพานตากสิน มารอ ป.อ. 75  สองทุ่มกว่าแล้วก็ยังมีคนนั่งกันพอสมควร โชคดีที่ยังมีที่ว่างให้ผมกับไอ้เบนซ์นั่งกัน ขณะที่ผมกำลังเอาหูฟังเสียบเข้าหู

“ก่อนกรูจะเข้าชมรมมึง กรูเห็นไอ้บอสมันมายืนดูพวกมึงซ้อมอยู่ตรงด้านหลังคอร์ท” เสียงไอ้เบนซ์เอ่ยขึ้นมา

ผมชะงักไปแปปนึง

“มันมาทำไมวะ” 
“กรูจะไปรู้ได้ไงวะ” เสียงตอบจากพี่ชายผม ช่วงนาทีผีผ่าน(เงียบ) ผ่านไป

“พวกมรึงคุยกันหรือ”  ผมได้แต่สั่นหัว

“ก็ไม่เชิง เมื่อเช้ากรูเอาหนังสือขอใช้สนามไปยืนที่สภา กะว่าเจอไอ้อาร์ม แต่มันไม่มา เลยเจอไอ้บอสเลยฝากหนังสือไว้กับมัน” ผมเล่าให้เบนซ์ฟัง

“อืมมมมม”

            ผมเอาหูฟังยัดใสหู แล้วคิดวนอยู่ในหัว มันมาทำไมวะ มันจะมาดูว่าชมรมพร้อมแค่ไหน หรือมันมาเพื่ออะไร จนรถข้ามสะพานกรุงเทพฯ ผมเหม่อมองไปที่แม่น้ำและก่อนจะเลยไปที่ตึกระฟ้า ตอนกลางคืนแสงสีสันสวยงาม แต่ในใจผมกลับคิดดึงวันเวลาเก่าๆที่ผ่านมา……….

             กี่ปีแล้วนะที่เราสนิทกัน กี่ปีแล้วนะที่เราไม่เคยเอ่ยปากคุยกัน จากเพื่อนสนิทกันมากตั้งแต่ป.3 ทำไมมันเป็นแบบนี้ได้วะ ความห่างเหินคงเริ่มตั้งเมื่อไรนะ ม.3 เทอม 2 สินะ ภาพความทรงจำเก่าๆกลับคืนมาอีกครั้ง

“ฤดูกาลจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ใจฉันยังจำได้แค่ในฤดูร้อนก่อน
เสียงเพลงบนหาดทราย ได้ยินมันเตือนใจให้อาลัย อาวรณ์หา
ให้คิดถึงวันเก่าที่ผ่านไป แล้วไม่อยากให้วันใหม่ได้ผ่านมา
ฉันคิดถึงเธอมาก เธอรู้ไหม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปเหมือนเวลา..…”

           เสียงเพลงจากไอโฟนเบาๆผ่านเข้าไปที่หูของผม แต่แล้ว ก็ขาดหายไป 1 วิ ก่อนเครื่องสีขาวจะสั่นเป็นเจ้าเข้า จนผมสะดุ้ง แล้วเสียงในหูก็เปลี่ยนเป็นริงโทนที่คุ้นหู

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

ผมเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ ก็เจอหน้าหวานๆ ยิ้มแก้มแทบปริ เต็มหน้าจอ
“ตายห่าแระ ลืมโทรบอกเมย์ กรูซวยแระ” ก่อนรีบกดปุ่มรับสาย

             “ขอโทษนะครับ โบ๊ทลืมโทรบอกเมย์ว่ากำลังจะกลับบ้านหน่ะ อย่าโกรธโบ๊ทนะ” อ้อนไว้ก่อนล่ะกรู เพื่อสารภาพผิดจะได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง

แต่เสียงที่คุ้นชิ้นนั้นตอบกลับมาว่า

             “ไม่เป็นไรค่ะ เห็นโบ๊ทไม่โทรมาสักทีจะสามทุ่มแล้ว ก็เลยโทรหา เป็นห่วงหน่ะ ไงถึงบ้านแล้วโทรบอกเมย์ด้วยนะ ไว้คืนนี้ค่อยคุยกานะ ปะป๊ามาตามแล้ว…

“คราบ เดี๋ยวโบ๊ทโทรหานะ คิดถึงเหมือนกันครับ”

หันไปมองข้างๆ เห็นไอ้พี่ชายตัวดี ทำท่าโก่งคออ๊วกกกกก

“เดี๋ยวเหอะมรึง” แล้วที่ของมรึงหงะ เหอะๆๆๆๆๆๆๆ

30-40
Game
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:58:37
@ 3rd Game – Destiny

เช้าวันนี้คอรบครัว  สุขอนันต์  นั่งทานข้าวเช้ากันพร้อมหน้าพร้อมตา

“เดี๋ยววันนี้ป๊าไปส่งนะ ชญานนท์ รัชชานนท์” ป๊าเรียกซะเต็มยศเลย เสียงนิ่งๆแต่ว่าทรงพลังที่สุดในบ้าน บอกกับเด็กหนุ่มทั้งสองคน
“เด็กๆเตรียมของเสร็จหรือยัง”  เสียง เล็กๆ ของม่าม๊าหันมาถามเด็กหนุ่ม

“เรียบร้อยแล้วครับ”  ผมหันไปตอบม่าม๊า

“อิ่มกันหรือยังลูก” ป๊าหันมาถามขณะกำลังเอาผ้าเช็ดปากซับปาก
“ครับ”  เสียงผมกับไอ้เบนซ์ตอบเกือบพร้อมกัน
“งั้นไปกันเถอะลูก” ผู้เป็นพ่อเอ่ยปากชวนเด็กๆ

รถตู้ โฟล์กสวาเก้น สีน้ำเงิน จอดตรงหน้าโรงเรียน เด็กหนุ่มทั้งสองพนมมือสวัสดี

“ตั้งใจเรียนนะลูก” พ่อหันมาบอกขณะพวกเรากำลังจะลงจากรถ

ผมสะพายโคฟเวอร์เทนนิส กับเป้ใบเก่งเดินลงมาก่อน แล้วไอ้เบนซ์ตามลงมา

“คืนนี้ จะรอกรูป่าว” ผมหันไปถาม ไอ้เบนซ์
“เออ เดี๋ยวกรูไปหาที่คอร์ท”
จากนั้นเราก็แยกย้ายกันไปที่ชมรมของตัวเอง

             ผมเอาโคฟเว่อร์เก็บที่ล็อกเกอร์ก่อน เพราะยังเช้าอยู่มากจึงยังไม่มีใครมาสักคน ผมเลยเดินคิดอะไรไปเรื่อย สุดท้ายไม่รู้อะไรสั่งให้เท้าคู่นี้เดินมาหยุดที่หน้าห้องสภานักเรียน ก่อนจะผลักประตูเข้าไป สายตากวาดไปทั่ว แต่ทว่ายังไม่เห็นใครสักคน

ขณะหันหลังเดินกลับออกมา ก็มายืนเผชิญหน้ากับใครคนหนึ่ง จมูกเกือบจะชนกัน

“เฮ้ยยยยย” ผมอุทานเสียงหลง พร้อมกับถอยออกมาห่างออกมาจากคนตรงหน้าก้าวเศษๆ
“ไอ้บอส” เสียงผมหลุดออกมา ดูมันก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน สายตาของมันผลุบต่ำมองลงพื้นอย่างรวดเร็ว

“ขอโทษ” เสียงนั้นเอ่ยออกมา ไม่ได้เห็นหน้าของคนๆนี้แบบใกล้ๆมานานเท่าไรแล้วนะ  ผมใจลอยคิดไป ก่อนสติจะกลับสู่ร่างด้วยเสียงๆของมันอีกครั้ง

“มีอะไรหรือป่าวครับโบ๊ท ถึงมาถึงนี่ได้” 

“อาร์มยังไม่มาเหรอ” (คำถามก็ไม่ตอบเสือกถามเค้ากลับไปอีกกรู สติดีอยู่ป่าวนี่)

มันสั่นหัว

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ เสียงไอโฟนดังขึ้นทำลายความเงียบ….

             รอยยิ้มฉีกกว้างเต็มใบหน้าที่ได้รูปของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า ผมมองอย่างงๆ “ชิบหายแล้ว”  นึกในใจก็เพราะว่าทั้งผมและไอ้บอสเป็นสาวกเคป็อปครับ แล้วเพลงนี้ก็เป็นวงโปรดของไอ้บอส มันเป็นคนแนะนำวงนี้ ให้ผมรู้จัก ผมก็เลยพลอยขอบวงนี้ไปกับมันด้วย

ผมรีบกดรับโทรศัพท์  แล้วรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนวูบ

“มรึงอยู่ไหนวะไอ้โบ๊ท”   เสียงไอ้แบงค์ดังเข้ามา
“กรูอยู่ตึก B มึงมีไร” ผมตวัดหางเสียงรู้สึกหงุดหงิดไอ้แบงค์ที่โทรเข้ามาตอนนี้
 “กรูเห็นโคฟเว่อร์มรึงวางอยู่แต่ไม่เห็นตัวมรึง กรูเลยโทรหาว่ามรึงอยู่ไหน”  เสียงมันยังคงเจื้อยแจ้วมาในโทรศัพท์
“เออแล้วมรึงแดร๊กข้าวมายัง”
“แล้วว่ะ”
“งั้นมรึงมานั่งเป็นเพื่อนกรูหน่อย เจอกันที่หน้าโรงอาหารนะ”  ผมยังไม่ทันตอบไร มันก็วางสายไป ไอ้เชี่ยนี่กรูยังไม่ทันจะตอบมรึงเลยสัส ผมด่ามันในใจ

“ยังฟัง INFINITE อยู่อีกเหรอ” ผมยังคงเห็นรอยยิ้มจากใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า กับแววตาที่เป็นประกายอย่างประหลาด

“อืมมม….งั้นเดี๋ยวกรูไปก่อนนะ อ๋อ ขอบคุณที่ช่วยเร่งเรื่องขอใช้สนามด้วยนะ”

ผมรีบเดินออกไปโดยที่ไม่รอฟังคำตอบเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะรู้ถึงความผิดปกติบนใบหน้าของผม

“ไม่เป็นไร” ยังได้ยินเสียงตะโกนตอบจากอีกคนไล่หลังมา

             ผมเดินมาถึงโรงอาหาร มองหาไอ้แบงค์ ก็เจอตี๋หน้าขาวๆ  ยืนรอหน้าโรงอาหาร ไอ้นี่ตีเทนนิสยังไงก็ไม่ดำ อิจฉาหว่ะ  ผมนึกอิจฉามันในใจเบาๆ

“มรึงกินข้าวคนเดียวไม่ได้เหรอวะ” ผมบ่นมันไป
“เออ กรูเขินหว่ะ”
“เขินเชี่ยไร แดรกข้าวนะ ไม่ใช่จีบหญิง”

           “เฮ้ยยยยไอ้แบงค์ แดกไรวะ” เสียงไอ้บาสดัมเมเยอร์พ่วงหัวหน้าวงโยฯ เรียกพวกผมดังขณะที่ไอ้แบงค์กำลังจะตักข้าวเข้าปาก

“ไอ้มารคอหอย คนกำลังจะกิน เสือกเรียกมันบาปนะโว้ย” ไอ้แบงค์บ่นมันไป
“น่ากินว่ะ เดี๋ยวกรูไปซื้อมั่งดีกว่า”
“มึงไม่เอาหัวมาเหรอ คิดเองไม่ได้นี่ ไอ้สาดดดด” ไอ้แบงค์ด่าไม่ทันจบ ไอ้บีมมันวิ่งปรูไปซื้อข้าวร้านที่ไอ้แบงค์ซื้อเมื่อกี้แถมลากไอ้บูมที่กำลังจะเดินมาที่โต๊ะไปด้วย

ไอ้บูมประธานเชียร์ปีล่าสุดที่เดินมากับไอ้บาสค่อยๆหย่อนก้นลงนั่งข้างๆไอ้แบงค์

“พวกมรึงปั่นการบ้านของ มาสเซอร์ ปฐมศก เสร็จยังวะ”
“เสร็จแล้ววะ” ผมตอบมันไป

             ไอ้บูมมันแบมือมาทางผม เป็นอันรู้กัน ผมลวงสมุดการบ้านออกมาจากเป้แล้วก็ส่งไปให้มัน แล้วไอ้บูมมันก็ก้มหน้าก้มตาลอกอย่างรวดเร็ว……..

……….

       วันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เสียงกริ่งคาบสุดท้ายดังขึ้น ทุกคนกำลังเก็บข้าวของ ไอ้บาสเตรียมไปซ้อมกับวงโย ส่วนไอ้บูมก็ต้องไปประชุมกับพวกทีมเชียร์ ส่วนผมกับไอ้แบงค์ แน่นอนวันนี้ต้องซ้อมต่อ

             หลังจากรีบเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็ลงไปประจำที่คอร์ท ตีกันไปสักพัก สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นใครคนหนึ่ง ยืนมองพวกเราอยู่ข้างหลังคอร์ทไกลๆ

ไอ้บอส ความคิดต่างๆวิ่งเข้ามาเต็มสมอง

“โป๊ก” แล้วลูกบอลกลมๆสีเขียวตองอ่อน ก็หมุนติ้ว วิ่งเข้ามาตรงกลางดั้งจมูกผมทันที

วิ้งๆๆๆๆ ดาวขึ้นได้ไงวะ พระอาทิตย์ยังไม่ตกเลย ผมนึกอยู่ในใจ

เลือดกำดาวทะลักออกมา ไอ้แบงค์ วิ่งหน้าตาตื่นมาหาผม แต่มีอีกมือหนึ่งจับตัวเอวผมกึ่งลากกึ่งประคองไปพักที่เกาอี้

“เลือดยังไม่หยุดไหลเลยหว่ะ” เสียงเด็กหนุ่มบอก
“แบงค์ไปเอาน้ำแข็งมา”  ไอ้บอสตะโกนสั่งไอ้แบงค์ ไอ้แบงค์ก็วิ่งหายเข้าไปในห้องชมรม

ผมลืมตามองไปที่หน้ามัน ดูมันร้อนรน มองหน้าผมที มองไปทางที่ไอ้แบงค์ที หันมามองที่ผมที

             มือนุ่มๆช้อนมาที่คอผม แล้วประคองลงไปกี่งนั่งกึ่งนอนบนเก้าอี้  จับหน้าผมหงายขึ้น แล้วมันก็มาวุ่นวายกับการถอดรองเท้าของผม

“ไอ้แบงค์ได้หรือยังวะ” เสียงมันตระโกนถาม

             “มาแล้ว มาแล้ว” ไอ้แบงค์วิ่งมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่ห่อน้ำแข็งเอาไว้  มันส่งมาให้กับไอ้บอส มันรีบเอามาแปะตรงดั้งจมูกผมทันที

“ไอ้โบ๊ท กรูขอโทษ กรูไม่ได้ตั้งใจ” เสียงไอ้แบงค์มันพร่ำบอกเป็นระยะ
“เออ กรูไม่เป็นไรหรอก กรูไม่ระวังเอง กรูมัวแต่…”  ผมกดริมฝีปากลง

ตอนนี้เลือดหยุดไหลแล้ว คงเพราะไอเย็นจากน้ำแข็งที่แปะอยู่ตรงจมุกผม

“จะไปโรงพยายาบาลไหม” เสียงไอ้บอสมันถาม
“ไม่หงะ เดี๋ยวก็หาย” ผมตอบมันไป
“หายยังไง ดั่งจะหักป่าวก็ไม่รู้ บวมเปล่ง เชียว เดี๋ยวดั่งเบี้ยวแล้วไม่หล่อนะโว้ย” มันสะดุดตรงเดี่ยวจะไม่หล่อนี่แหละ

ผมเอามือจับตรงจมูก แต่ไม่ทันเพาะมีมืออีกมือดึงเอาไว้ “อย่าเพิ่งจับดิ๊”

“แบงค์ เดี๋ยวผมพาโบ๊ทไปโรงพยาบาลนะ”

เฮ้ยยย มึงถามกรูยัง แต่ยังไม่ทันจะออกเสียงออกไป มันเข้ามาทำท่าจะอุ้ม เง้ออออ

“กรูเจ็บจมูกนะ ขากรูไม่เป็นไร กรูเดินได้” ผมรีบบอกมัน
“กรูเดินได้จริงๆ” ผมย้ำอีกครั้ง

ไอ้เชี่ยแบงค์ แอบหัวเราะ ไอ้ห่ากรูก็อายเป็น ตัวอย่างกะควายแถมคนที่อุ้มก็เป็นผู้ชายอีกตาหาก แล้วมันจับข้อมือผมลากไปกับมัน

“เดี๋ยวก่อน กรูโทรบอกพี่กรูก่อน เดี๋ยวมันมารอ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกรูโทรเอง” ไอ้บอสบอก..
“กรูเก็บของก่อน” ผมบอกไอ้บอสอีกรอบ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกรูเก็บให้” ไอ้เชี่ยแบงค์ งานนี้เสือกขึ้นมาเชียว
             สุดท้ายผมก็โดนมันลากโรงพยาบาล ตอนเดินออกมาไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทที่เพิ่งจะเข้ามาที่คอร์ด ทำหน้างงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม และยิ่งงงหนักที่เห็นไอ้บอสประคองผมเดินออกไป เดี๋ยวไอ้แบงค์คงรายงานข่าว....

.......

“คุณรัชชานนท์ เชิญค่ะ” เสียงพยาบาลเรียกชื่อผม
ผมเดินตามเข้าไปที่ห้องตรวจ โดยมีแฝดคนละฝา เดินตามไปติดๆ
“ไม่เป็นไรมากนะครับ กระดูกไม่หัก แต่จะอักเสบไปสักวันสองวันนะครับ” คุณหมอหนุ่มอธิบายหลังจากดูฟีลม์เอกซ์เรย์
“เดี๋ยวรับยาแล้วไปพักผ่อนที่บ้านได้ครับ”

“เดี๋ยวผมไปส่งโบ๊ทนะ” มันบอกผมหลังจากรับยาเสร็จ
“กรูไม่เป็นไรแล้ว” แต่ยังไม่ทันจะพูดอะไรต่อ
“เหอะน่า เดี๋ยวผมไปส่ง อย่าดื้อ” นี่กรูเจ็บอยู่นะ ยังจะดุกรูอีก ผมบ่นมันในใจ

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

ผมรีบกดรับโทรศัพท์ ขณะที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมุมปากของคนที่นั่งอยู่ข้างๆผม

“มรึงเป็นไงบ้าง แล้วตอนนี้มรึงอยู่ที่ไหน” เสียงพี่ชายผมถามมาเป็นชุด
“กรูอยู่โรงพยายาล หมอตรวจแล้วไม่เป็นไรมาก ให้ยามากิน” เสียงผมตอบพี่ชายไป
“จะให้กรูไปหามั้ย” เสียงพี่ชายผมมันถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไอ้บอสมันไปส่งที่บ้าน”
“กรูฝากมรึงหยิบโคฟเวอร์กับกระเป๋ากรูที่ห้องชมรมกลับบ้านด้วย ไอ้แบงค์มันคงเก็บไว้ให้แล้ว” ผมฝากไอ้พี่ชายแบกของกลับบ้านให้
 
service advantage
Game
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 21:59:47
@ 4th Game – Again

    กว่าจะมาถึงสุขสวัสดิ์ 25 ได้ เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว พ่อกับแม่ผมนั่งกันอยู่ที่ห้องรับแขก พอเห็นผมก็ปรี่เข้ามาถามว่าเป็นอะไรมา ผมก็อธิบายว่ามันเป็นอุบัติเหตุ นิดหน่อย ไอ้บอสลากไปโรงบาลมาแล้ว หมอเอ็กซ์เรย์แล้วไม่เป็นไรมาก ผมแว้บไปเห็นสายตากวนประสาทจากไอ้เบนซ์ ผมกำลังจะอ้าปากด่ามัน

“ขอบใจบอสมากนะลูก” เสียงป๊าขอบคุณเด็กหนุ่มตรงหน้า
“กินไรกันมาหรือยังลูก” เสียงม่าม๊าถามมัน
“ยังครับ” 
“มีกับข้าวอยู่ในครัวหน่ะ เดี๋ยวแม่ไปอุ่นให้” ม่าม๊ากำลังจะหันเหลังเดินเข้าไปในครัว
“ไม่เป็นไรครับแม่ เดี๋ยวผมอุ่นเองก็ได้ครับ” เสียงไอ้บอสบอกแม่ด้วยความเกรงใจ

แล้วมันก็กุรีกุจอเดินตามเข้าไปช่วยแม่ในครัว

หลังจากที่อิ่มกันแล้ว
“เดี๋ยวบอสล้างเองนะครับแม่” มันบอกขณะม่าม๊ากำลังเก็บจาน
“บอสนอนนี่มั้ยลูก ดึกมากแล้ว” ม่าม๊าเอ่ยปากชวน 
“เดี๋ยวให้เบนซ์โทรไปบอกที่บ้านให้นะลูก”   อ้าวม๊าถามลูกยัง?
ไอ้เบนซ์เอามือเกาหัวงง แต่ก็ควักโทรศัพท์โทรไปบอกที่บ้านไอ้บอส

“เอาเสื้อผ้าโบ๊ทใส่ก่อนนะลูก” ม่าม๊าสั่งเรียบร้อย
“ครับ” เสียงเด็กหนุ่มตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง
เฮ้ยยย กรูอนุญาตตอนไหนวะ ผมบ่นในใจ

“มรึงไม่ได้มาบ้านกรูนานแค่ไหนแล้ววะ”  ไอ้เบนซ์ถาม ขณะที่แอบยิ้มที่มุมปาก ไอ้เชี่ยยเบนซ์ ผมด่ามันในใจ
“ปีกว่าแล้วมั้ง”  เสียงบอสตอบไป มือก็สาระวนกับการคว่ำจาน

.
.

           หลังจากเสร็จภารกิจในห้องครัวเรียบร้อย ผมเปิดประตูห้องนอนเข้ามาขณะที่ บอสเดินตามเข้ามาต้อยๆ

“จะอาบน้ำเลยมั้ย” ผมถามมันออกไป
“อืมม” เสียงมันตอบกลับมาพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม

           ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ส่งให้ไอ้บอสบอส แล้วก็ก้มลงมาหยิบเสื้อกับกางเกงขาสั้นให้มัน พอหั่นกลับมาก็เจอมันยืนอยู่ตรงหน้าผมพอดี มือนุ่มๆค่อยแกะผ้าก็อตตรงดั้งจมูกผม หน้ามันค่อยๆเข้ามาใกล้

“บวมเยอะหว่ะโบ้ท” เสียงมันบอก
“มึงยังไม่ได้กินยา”
“เอ๋อหว่ะ” เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้กินยา

             “เดี๋ยวกรูไปเอาน้ำมาให้” มันบอกพร้อมกับมันวางผ้าเช็ดตัวลงบนเตียง แล้วก็เดินเปิดประตู เดินปรู๊ดลงไปเอาน้ำอย่างรวดเร็ว ทำอย่างกับบ้านตัวเอง ผมนึกในใจ

ผมเอามือจับจมูกตัวเอง “แมร่งบวมชิบหายเลยหว่ะ” ผมบ่นออกมา
ขณะกำลังเอามือสำรวจความเสียหายกับใบหน้าอันหล่อเหล่าอยู่หน้ากระจกอยู่นั้น

“อย่าเอามือไปจับ” เสียงดุๆดังขณะที่ประตูห้องเปิดออกกว้าง
“เอานี่น้ำ กินยาก่อน ต้องกินหลังอาหารไม่ใช่เหรอ” ดูมันเสียงเขียวใส่ผม
“เออ” ผมตอบมันก่อนจะคว้าขวดน้ำกระดก หลังจากที่เอายายัดเข้าปากไป

“มรึงไปอาบน้ำก่อนไป” ผมไล่มันไป
มันคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำแต่โดยดี

“ตรึง” เสียงไลน์ในไอโฟนดังขึ้นมา

แบงค์คุง
จมูกมรึงเป็นไงบ้างวะ   23.20                                                                         
                                                                            23.21     ไม่หักหว่ะ แต่บวมชิบหายเลย
แบงค์คุง
กรูขอโทษนะโว้ยยยย  23.23
                                                                             23.23     เออ ไม่เป็นไร มึงไม่ได้ตั้งใจ
แบงค์คุง
พรุ่งนี้มึงมาไหวป่าว  23.24
                                                                              23.25 คิดว่าไปไหวนะ

           เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา ผมหันไป เห็น เด็กหนุ่มตัวสูง ขาว ในกางเกงขาสั้น และเปือยท่อนบนอยู่ กล้ามเนื้อถึงจะไม่ได้เยอะมากมายแต่ก็ได้รูปสวยงาม

“มองอะไรครับ” เสียงมันทักมา พร้อมกับเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดผมอยู่
“เปล่า”ผมตอบมันไปแต่ยังไม่ทันพูดต่อ
“ทำอย่างกะไม่เคยเห็น” ผมหลบตามันมองพื้นพร้อมกับรู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าว
“โบ๊ทไปอาบน้ำได้แล้วจะได้นอนกัน” อึ๋ยยยยยยย

           ผมเดินคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำ ถอดบ็อกเซอร์ออกและเปิดฝักบัว ก่อนที่จะได้ยินเสียงกีตาร์กับ เสียงของไอ้บอส ดังเข้ามา.....

ยังเก็บรักนั้น อยู่ในหัวใจ
เธอจะรู้ไหม ฉันยังคงพร่ำเพ้อ
หลับตาทุกครั้ง ก็ยังเห็นเพียงแต่เธอ
ฉันยังคิดถึงเธอเสมอ

ยังเก็บรักนั้นอยู่ในหัวใจ
ยิ่งอ้างว้างมากเท่าไร ยิ่งพร่ำเพ้อ
หลับตาลงทุกครั้ง ก็ยังเห็นเพียงแต่เธอ
ฉันยังคิดถึงเธอเสมอ แม้นานจนป่านนี้
ฉันยังคิดถึงเธอ


             เสียงเพลงเงียบหายลงไปสักพักใหญ่แล้ว แต่ผมยังเอาหลังพิงกำแพงทรุดตัวลงอย่างคนหมดแรง สับสนกับความคิดตัวเอง ความรู้สึกนี้มันคืออะไร.....

“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำเอาผมสะดุ้ง
“โบ๊ทครับ เป็นอะไรหรือป่าว ทำไมนานจัง”
“อืมม ไม่เป็นไร กำลังจะเสร็จแล้ว”

             ผมคว้าผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผม เช็ดหน้า แล้วก็รู้สึกได้ว่า ผ้าพันแผลที่แปะอยู่ตรงจมูกเปียก เอาแล้วซิตรู ซุ่มซ่ามชะมัด พลางบ่นตัวเองในใจ

ก่อนจะคว้าบล็อกเซอร์ตัวเก่งมาใส่แล้วเปิดประตู้ห้องน้ำออกมา

“เฮ้ยยยย” เสียงผมอุทาน เพราะเปิดประตูออกมา หน้าเกือบชนอีกคนที่ยืนรออยู่ตรงหน้าประตู
“เชี่ยยย มายืนอะไรตรงนี้ กรูเกือบจะได้ไปโรงบาลอีกรอบ” ผมบ่นออกไป

แต่อีกฝ่ายยังไม่ขยับ จ้องหน้าผมแล้วเอามือมาจับผ้าพันแผลที่จมูก แล้วบ่นออกมาว่า

“เหมือนเดิมเลยนะ ซุ่มซ่ามไม่เคยระวังตัวเหมือนเดิมเลย” พร้อมกับค่อยๆบรรจงแกะเทปที่พันออกอย่างเบามือ

ก็เพราะเสียงเพลงมรึงนั่นแหละ ก็เลยลืม ผมคิดในใจ ก่อนจะทำปากขมุมขมิบ

             “บ่นอะไรครับ” เสียงมันดุผม ก่อนจะบอกว่า “เดี๋ยวบอสไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้ใหม่” แล้วมันก็หันหลังเปิดประตูเดินลงไปข้างล่าง....เป็นรอบที่สอง

เสียงเปิดประตูเข้ามา พร้อมกับหน้าหล่อๆของบอส และในมือก็มีผ้าพันแผล และเทปใส

“นั่งลงสิ เดี๋ยวทำแผลให้ใหม่” เสียงมันสั่ง

             ผมนั่งขัดสมาธิลง กับพื้น โดยที่มีชายหนุ่มหน้าตาคมคาย หนังขัดสมาธิอยู่ฝั่งตรงข้าม พยายาม จัดการกับการแปะจมูกผมด้วยผ้าก็อต และตัดเทปกาวมาแปะให้อย่างเบามือ...

ไม่ได้นั่งใกล้ๆกันแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ
ไม่ได้สัมผัสถึงความห่วงใย ความใส่ใจแบบนี้นานแค่ไหนแล้วนะ
ผมนั่งมองเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้...

ก่อนจะสะดุ้งเพราะมือที่แสนคุ้นเคยจะจับลงที่ปลายคางผมแล้วพร้อมกับบอกว่า
“เสร็จแล้วครับ”
           สายตาของเรามองประสานกัน คำพูดทั้งหลายที่ถูกเก็บไว้ถูกส่งออกมาจากสายตาคู่นั้น หน้าของ บอส ค่อยๆเขยิบๆ เข้ามาช้าๆ ผมเหมือนถูกสะกด ปากสีแดงระเรือนั้นเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกทีๆ สัมผัสหยุ่นๆที่นุ่มละมุนริมฝีปากนั้นที่ผมโหยหามานาน ตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ตาของผมค่อยๆปิดลงเช่นเดียวกับตาของบอส

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

             เสียงไอโฟนดังลั่น ทำให้ผมสะดุ้ง ขณะที่คนตรงหน้าผมก็สะดุ้งเช่นกัน เราผละออกจากกัน แล้วนั่งอึ้งกันอยู่กับสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้น จนเสียงริงโทนจะเข้าสู่ท่อนสุดท้าย ผมจึงรีบหันกับไปคว้าโทรศัพท์

             “อัลโหล โบ๊ท เป็นไรมากหรือป่าว  เมย์เป็นห่วงมาก นี่เพิ่งรู้จาก แบงค์ว่า โบ๊ทไปโรงพยาบาล” เสียงเมย์ระล่ำระลัก ถามมาด้วยความห่วงใย

             “อืมม ไม่เป็นไรมากแล้วครับ เมย์ ดั้งไม่หัก แต่บวมครับ ยังหล่อเหมือนเดิม อิอิ เดี๋ยวจะส่งรูปไปให้ดูนะ” เสียงผมตอบเมย์ไป

             “แล้วทำไมไม่โทรบอกเมย์เลย ไลน์มาบอกก็ได้ เมย์ตกใจหมดเลย เป็นห่วงโบ๊ทมากด้วย”  เมย์ยังคงบ่นผมต่อไป


“ก็มันเป็นอุบัติเหตุอะครับ นี่เพิ่งกลับมาถึงบ้านเหมือนกันครับ”
“อืมมม ที่หลังมีไรต้องบอกเมย์นะ” เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยกำชับมา
“ครับ”  ผมได้แต่รับคำของเมย์
“งั้นเมย์ไม่กวนโบ๊ทแล้ว พักผ่อนนะคะ หายไวๆด้วยนะ”
“ครับ ขอบคุงครับ นอนหลับฝันดีนะ คิดถึงเมย์นะครับ”
“คิดถึงโบ๊ทเหมือนกัน ฝันดีนะคะ”
“ครับ ขอบคุณนะครับ”

           พอผมกดวางสาย ก็เห็น บอส นั่งอยู่บนเตียงสายตาดูเศร้าๆ ผมก็รู้สึกเจ็บแปลบไปที่หน้าอก นี่ตรูทำร้ายมันอีกหรือเปล่าวะนี่ ...

พอมันรู้ตัวว่าผมมองมันอยู่ มันก็รีบเก็บสีหน้าและแววตา แล้วก็บอกว่า “นอนกันเถอะโบ๊ท พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”….

0 - 40
Game
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 22:01:36
@ 5th Game – jumble

เช้านี้ผมมาโรงเรียนกับ ไอ้เบนซ์และไอ้บอส พร้อมกับผ้าก็อตปิดจมูกอันใหญ่ มีแต่คนมองมาตลอดทาง  พอถึงโรงเรียนก็เห็นไอ้บูมยืนรออยู่หน้าโรงเรียนอย่างกระวนกระวาย ก่อนจะเอ่ยทักพวกเราแบบงงๆว่า

“พวกมรึงมาด้วยกันได้ไงวะ”
“แล้วไอ้โบ๊ทจมูกมรึงไปโดนเชี่ยไรมา”
“แล้วไอ้บอสทำไมมรึงใส่เสื้อไอ้โบ๊ทวะ”
“แล้ว...” มันชี้นิ้วไปมาแบบงงๆ

“แล้ว เชี่ยไรอีก” ผมดักคอมัน
“มรึงรีบไม่ใช่เหรอจะเอากุญแจห้องสภาหน่ะ”
“แล้วมรึงรู้ได้ไงวะ” มันตอบกลับมาแล้วทำหน้างงหนักเข้าไปอีก
“ชิบหายแล้ว ซวยแล้วกรู” ผมกัดริมฝีปาก
“เมื่อคืนนี้พวกมรึงนอนด้วยกันเหรอ” พูดจบมันก็อ้าปากค้าง...

“ช่างพวกมันเหอะ ไอ้บูม มรึงรีบไม่ใช่เหรอ” เสียงพี่ชายตัวดีของผมช่วยชีวิตเอาไว้ ก่อนจะท่าน”บูมปุ้นจิ้น” โดนซักฟอกกกกก

“เออ หวะ ไปเร็วไอ้บอส” เสียงมันเรียกไอ้บอสที่ยืนอมยิ้มอยู่ตรงนั้น ก่อนจะหันมาชีหน้าผมแล้วบอกว่า
“เดี๋ยวเข้าห้องแล้วมรึงหนีกรูไม่รอดแน่ ไอ้โบ๊ท”
ผมแถบจะสำลักน้ำลายตัวเอง....

แล้วต่างคนต่างแยกย้าย ไอ้เบนซ์ ไปชมรมดนตรี ไอ้บอสกับไอ้บูมไปที่สภานักเรียน ส่วนผม ที่ประจำครับ ห้องชมรมเทนนิส พอเปิดประตูเข้าไป อยู่กันครบทีม ไอ้แบงค์ ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท พอเห็นผมเปิดประตูเข้าไป เท่านั้นแหละ

“มรึงเป็นไงบ้าง เชี่ยยย แมร่งบวมสาด กรูขอโทษ...นะโว้ยยย”  ไอ้แบงค์มาหนึ่งชุด
“เออ ขอโทษกรูครั้งที่ร้อยแล้วมั้ง มรึง”

ไอ้บีมเข้ามาเอามือจับคางแล้วเชิดหน้าผมขึ้น มองพิจารณาหน้าผมแล้วมันก็บอกว่า “แมร่งยังหล่อเหมือนเดิม กรูนึกว่ามึงจะเสียโฉมเสียแล้ววววว”
“สัส กรูเป็นอมตะ” 

“แล้วมรึงจะซ้อมไหว้หรือป่าววะ” เสียงไอ้ไบร์ท เอ่ยถามขึ้นมา
“ไม่รู้หว่ะ เดี๋ยวเย็นนี้ลองดูว่าจะไหวไหมหว่ะ” ไอ้ไบร์ทมันเป็นห่วงเรื่องทีมที่ใกล้จะต้องแข่งแล้ว หรือมันห่วงเบี้ยเลี้ยงมันวะ ผมคิดในใจ

“สรุปเมื่อคืนไอ้บอสมันไปส่งมรึงใช่ไหม” เสียงไอ้แบงค์มันถาม
“อืมมมม” ผมตอบมันไป
“แล้วนอนบ้านมรึงเลยเหรอ” มันถามอีกรอบพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก
“เออ” มรึงจะยิ้มทำเชี่ยอะไร ผมด่ามันกลับไป....

ก่อนที่ผมจะจมลงในห่วงความคิดอีกครั้ง
………….
นาทีที่ไม่มีฉันมันดีหรือเปล่า
เวลาเธอกอดเขาลึกซึ้งเท่าไร
มีแต่คำถามที่คนรักเก่าไม่ควรวุ่นวาย
อยู่ห่างจากคนอย่างฉันมันดีหรือเปล่า
ตอนเธอนอนกอดเขาชื่นใจเท่าไร
มีแต่คำถามที่คนรักเก่าต้องเก็บเอาไว้ในใจ.......

เสียง Xperia Z1 เครื่องสีดำดังอย่างต่อเนื่อง อยู่บนหัวเตียง เจ้าของเครื่องลืมตาขึ้น หน้าตายุ่งเหยิง ก่อนที่จะควานหาโทรศัพท์

“อัลโหลครับ”
“บอส วันนี้มรึงจะมาเร็วหรือป่าววะ” เสียงไอ้บูม ประธานเชียร์ ถามมาอย่างร้อนรน
“มีไรหรือป่าวบูม” บอสถามกลับไป
“กรูลืมกุญแจห้องสภาอะ ตอนนี้อยู่บน BTS แล้ว มรึงรีบมาได้ป่าววะ”
“อืมม ครับ เดี๋ยวจะรีบไป”
“แล้วเจอกันบูม” ไอ้บอสกดวางสาย แล้วหันมาปลุกผม...

“โบ๊ท โบ๊ท ตื่นไหวป่าววะ” เสียงไอ้บอสปลุกผม พร้อมกับเอามือเขยาไหล่ผมเบาๆ
“อืมมม กรูรู้แล้วววว ตื่นตั้งแต่โทรศัทพ์มรึงร้องแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะ” เสียงไอ้บอสบอก แต่มีความรู้สึกบางอย่างอยู่ในน้ำเสียงนั่น

มันหายเข้าไปในห้องน้ำสักพัก ก็ออกมาเริ่มแต่งตัว ก่อนจะเรียกผมอีกครั้ง
“โบ๊ท ไปอาบน้ำสิครับ” พร้อมกับส่งผ้าเช็ดตัวให้ผม
ผมลุกขึ้นจากเตียง มานั่งแบบคนอาลัยอาวรณ์ที่นอน ก่อนจะสลัดความขี้เกียจทิ้งไปลุกขึ้นเดินเกาหัวยุ่งๆเข้าห้องน้ำไป พอถึงอ่างล้างหน้ากำลังจะคว้าแปรงสีฟัน ก็เห็นแปรงสีฟันของผมมียาสีฟันบีบไว้ให้ เรียบร้อยแล้ว... หัวใจของผมเต้นถี่ด้วยความตื่นตัน บอสยังคงเป็นบอสเสมอ

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เห็น บอส เตรียมผ้าก็อตพันแผล กับเทปกาว รออยู่แล้ว ก่อนที่จะเรียกผม
“มาเดี๋ยวผมเปลี่ยนผ้าพันแผลให้” ผมเดินไปหามันให้มันเปลี่ยนผ้าพันแผลให้อย่างว่าง่าย

ผมแต่งตัวชุดนักเรียนเรียบร้อย ก็เดินไปหามันอย่างว่าง่าย ยื่นนิ่งให้บอส เปลี่ยนผ้าพันแผล สารภาพตามตรงว่า ตอนที่มันเปลี่ยนผ้าพันแผล ผมเหลือบตาไปทางอื่นไม่กล้ามองหน้ามัน

“เสร็จแล้ว” เสียงบอสบอก ผมเหลือบตากลับมามองตามเสียงนั้น สายตาของเราประสานกัน ผมสังเกตุเห็นดวงตาคู่นั้น เต็มไปด้วยความเศร้าเหมือนกำลังจะสูญเสียของสำคัญไป ผมเห็นสายตาแบบนั้นใจผมเองก็แถบจะขาด

“ไปกันเถอะ” มันหันกลับไปหยิบกระเป๋าจาคอปของมัน ผมก็หันกลับไปคว้า โคฟเวอร์เทนนิส กับเป้ใบเก่งของผม ก่อนจะเดินออกจากห้อง เดินไปเคาะประตูเรียกไอ้แบงค์

..........

พอพักเที่ยงก่อนจะลงไปกินข้าว ผมก็โดน ท่านบูมปุ้นจิ้น ซักฟอกผมโดยมี ไอ้บาส ดรัมเมเยอร์พ่วงหัวหน้าวงโย เป็นท่านกงซุน นั่งฟังอย่างตั้งใจ

“สรุปอะไรยังไงมรึงว่ามา” เสียงมันเค้นถาม
“ก็ไม่มีอะไร” ผมตอบมันไปเสียงอ่อยๆ
ก็เมื่อวาน ตอนซ้อมเทนนิส กรูเผลอ ไอ้แบงค์มันเลยส่งลูกเทนนิสมาประเคนที่ดั่งกรูนี่แหละ แล้วพอดี ไอ้บอสมันอยู่แถวนั้น มันเห็นพอดี มันก็เลยลากกรูไปโรงพยาบาล แล้วมันก็เลยไปส่งกรูที่บ้าน เกือบ 5 ทุ่ม ม๊ากรูก็เลยให้มันนอนที่บ้านนั่นแหละ”

“แล้วทำไมไอ้เชี่ยแบงค์มันไม่พามรึงไปเอง” ไอ้บูมมันหันมถามไอ้บาส
“ก็ไอ้บอสมันสั่งให้กรูเก็บของ และให้รอไอ้เบนซ์น่ะซิ” เสียงไอ้แบงค์มันอธิบายไอ้บูมไป

“แล้วเมื่อคืนมรึงนอนด้วยกัน ห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันเหรอวะ”
“เหยด คำถามนี้เล่นเอาผมไปไม่เป็น” ผมนั่งหน้าเหวอกับคำถามนี้
“มรึงน่าจะไปเปลี่ยนชื่อเป็น เจน ญาณทิพย์ นะ ญาณแมร่งดีชิบหาย” ผมเบี่ยงประเด็นเอาตัวรอด
“กรูจะไม่รู้ได้ไง ก็เมื่อเช้ากรูโทรไปบอกไอ้บอส ให้รีบมา กรูลืมกุญแจ แต่พอมาถึง มรึงเสือกพูดขึ้นมาเองว่ากรูรีบ แสดงว่าตอนที่กรูโทรไปมันอยู่ด้วยกัน ใครจะไม่รู้วะ”

“เออหว่ะ” กรูมันปากพล่อยเองนึกในใจ
“แล้วเมื่อคืนถ่านไฟเก่ามันคุป่าววะ” เสียงท่าน กงซุนบาส ถามมา ไอ้นี่ พูดน้อยต่อยหนักชิบหาย
“เชี่ยยยยยแระ คุเค๊อะเชี่ยไร กรูมีน้องเมย์อยู่นะโว้ยยยยย สาดดด”

“ไปกินข้าวกันเถอะ กรูหิวแล้ว”  ผมตัดบทก่อนจะคว้าเป้ แล้วเดินนำหน้าพวกมันไปโรงอาหาร หนีเอาตัวรอดก่อนวะกรู ในหัวก็คิดวนไปวนมา โบ๊ท รัก เมย์ , โบ๊ท รัก เมย์

ก่อนจะเข้าโรงอาหาร เสียงพี่ อ็อฟ ปองศักดิ์ดังมาจากลำโพงในโรงอาหาร

ฉันคนนี้ก็คน ไม่ได้เป็นแค่ตัวอะไร
คิดจะทิ้งก็ไป ถ้าอยากได้คืนก็มา
ฉันคนนี่ก็คน อย่ามาหวังอะไรดีกว่า
ใจฉันมันชา รักมันหมดไปนานแล้ววววว
เห็นฉันเป็นตัวอะไร................

40-15
Game
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 22:03:34
@ 6th Game – Betray

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ ผมไอ้แบงค์,ไอ้บูม,ไอ้บาส กำลังเดินออกจากโรงอาหาร ก็สวนกลุ่มของไอ้เบนซ์,ไอ้บอสแล้วก็ไอ้อาร์มที่เพิ่งหายป่วยมาเรียนวันแรก ไอ้เบนซ์พยักหน้าทักพวกผม ก่อนที่พวกมันจะเดิมเข้าไปในโรงอาหาร ส่วนไอ้บอสหน้านิ่งหลบสายตากันซะงั้นนนน

หลังคาบสุดท้ายของวัน
“การบ้าน มาสเซอร์ปฐมศก เป็นกระบุง” ไอ้แบงค์บ่นอุ๊บ ขณะพวกเรากำลังเดินไปยังชมรม เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวเข้าสนาม และอบอุ่นร่างกายกัน

ตอนวิ่งวอร์มยังไม่เท่าไร แต่พอเริ่มน็อกบอลกับไอ้แบงค์เท่านั้น จมูกเจ้ากรรมของผม ปวดตุ๊บๆ แต่ละครั้งที่หน้าไม้กระทบลูก ผมจะปวดจี๊ดที่จมูกทุกครั้ง และเริ่มเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ

“ไอ้แบงค์ พอก่อน กรูเจ็บหว่ะ”  ผมบอกมันพร้อมกับเอามือขึ้นมาจับที่ผ้าพันแผล
“เชี่ย ปวดชิบหาย”
“ไม่ไหวก็พักก่อนมรึง” เสียงมันบอกพร้อมกับวิ่งกระโดดข้ามเน็ตมาดู พร้อมกับจับแขนผมเดินมานั่งพักที่ม้านั่ง จากนั้นผมก็กลายเป็นคนนั่งดูพวกมันซ้อมกันจนเกือบจะ สองทุ่ม

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

เสียงริงโทนโทรศัพท์คุ้นหูก็ดังขึ้น
“ฮัลโหล โบ๊ท วันนี้ไม่ต้องรอพี่นะ เดี๋ยวจะเลยเข้าไปซื้อของทำงานพรุ่งนี้ที่ B2S ก่อน”
“อืมม แล้วโทรบอกพ่อกับแม่ด้วยล่ะจะกลับดึกหน่ะ” ผมตอบพี่ชายกลับไป
“อืม โทรไปบอกแล้ว แค่นี้ก่อนนะ จะไปแล้ว”
“อืมมม” ผมกดวางหูโทรศัทพ์

“งั้นมรึงก็ว่างแล้วล่ะซิ ไปแดกหมูกระทะกัน”  ไอ้แบงค์ชวนผม ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท พยัคหน้า หงึกๆ ไอ้เพียว,ไอ้วาย รุ่นน้องม.4 ในชมรมที่ปีหน้าพวกมันจะต้องขึ้นมาแทนตำแหน่งพวกผมกัน ตะโกนดีใจกันใหญ่ ลาภปากพวกมันแล้วววววว

“เออก็ดีหว่ะ หิวเหมือนกัน” ผมสะพายโคฟเวอร์ไม้เทนนิสกับเป้ขึ้นสะพายหลัง ไอ้แบงค์ที่เป็นคนปิดห้องชมรม เดินตามมาหลังสุด

ร้านที่เรากินกันประจำอยู่ถนนนราธิวาสฯ เดินมาแปปนึงก็ถึง บรรยากาศในร้านคึกคัก เห็นเด็กโรงเรียนผมเต็มไปหมด เพราะมันใกล้มาก ขณะกำลังจะไปหาที่หย่อนก้น ก็เจอ ไอ้บอส ไอ้บูม ไอ้อาร์ม กับพวกสภานักเรียน มันนั่งกันอยู่กลุ่มใหญ่เสียก่อน

“เฮ้ยยย ไอ้โบ๊ท พาชมรมเทนนิสมาเลี้ยงเหรอวะ” ไอ้บูมมันตะโกนทักเสียงดัง ไอ้พวกเดินตามหลังผมยิ้มแก้มแถบปริ คิดว่าเป็นลาภปากของพวกมัน

“เชี่ยยยไร ต่างคนต่างออกโว้ยยยยย ช่วงนี้กรูจน” ไอ้ห้าตัวทำหน้าเซง....
แล้วเราก็ได้โต๊ะ ที่ไม่ไกลจากไอ้พวกสภานักเรียนเท่าไร และปฏิบัติการแย่งชิงหมูที่เพิ่งจะเริ่มสุกอยู่บนกระทะก็เริ่มขึ้น

“อันนี้ของกรู” ไอ้แบงค์กำลังเอาตะเกียบไปคีบ แต่ไม่ทันตะเกียบไอ้บีม
“เชี่ยบีม กรูอุสาห์ตั้งใจปิ้ง”  ไอ้แบงค์ตะโกนด่าไอ้บีมไป ไอ้บีมยักหลักเล็กๆไม่สะทกสะทาน เคี้ยวตุ้ยๆด้วยความอร่อย

“พวกมรึงแดกเบียร์กันไหมม” เสียงไอ้ไบร์ทถามขึ้น
เอาๆ เสียงพวกเราตอบไปเกือบจะพร้อมกัน ที่เรื่องแดกแอลกอฮอร์นี่ สามัคคีกันชิบหายยยยย

แล้วเบียร์หนึ่ง ทาวเวอร์ ก็ถูกยกมาเสิรฟ
“ชน โว้ยยย” เสียงไอ้ไบร์ทชวนพวกเราชนแก้ว พร้อมกับยกแก้วเบียร์ชูขึ้นรอ
“ปีนี้พวกเราต้องชนะให้ได้นะโว้ยยย” ไอ้ไบร์ทพูดนำขึ้นมา
“เชียสสสสสสสสส”  พวกเราส่งเสียงไปพร้อมๆกัน

“พวกมรึง ขอกรูแก้วสิ” เสียงไอ้บูมเดินมาจากโต๊ะนั่น
“กรูด้วย”  ไอ้อาร์มรีบวิ่งมา
“เทเอาเองหวะ พวกมรึง” ไอ้ไบร์ทบอกพวกมันพร้อมกับส่งแก้วให้

“ขอเบียร์อีกหนึ่งทาวเวอร์ครับ” ไอ้บีมตะโกนสั่ง

“กินหมูกระทะ กับเบียร์ นี่แมร่งโคตรเข้ากันจริงๆเนอะ พวกมรึงว่าไหม” ผมถามพวกมัน ไอ้พวกนั้นไม่สนใจ เพราะหมูในกระทะกำลังจะสุกอีกรอบบบบ ทุกคนจ้องตากันเป็นมัน ถึงตอนนี้ ไอ้บูมกับไอ้อาร์ม ก็แถบจะย้ายมานั่งโต๊ะพวกผมแล้วครับ


แต่ทำไมรู้สึกร้อนๆวะ เหมือนมีรังสีอำมหิต ถูกส่งมาที่ผม หันไปดูโต๊ะไอ้พวกสภานักเรียน เห็นไอ้บอส มองตาเขียวปี๋ คิ้วขมวดกันเป็นปม พร้อมกับอ่านปากมันได้ว่า “อย่ากินเยอะ” ผมยักไหล่ใส่มัน
“ขอเบียร์อีกทาวเวอร์ครับ” ผมตะโกนสั่งพนักงาน


เบียร์อีกเทาเวอร์ก็ถูกเสริฟ ผมยกแก้วขึ้นดืม แล้วก็มองไปทางไอ้บอส ยักคิ้ว กวนตีนมัน แล้วก็หันมาคุยกับไอ้พวกที่โต๊ะต่อ

หลังจากอวดเก่ง ทำเป็นคอแข็ง ดื่มไปหลายแก้ว ทำไมหน้ากรูชาๆวะ หนักๆหัววุ้ย ผมนึกในใจ แต่ไอ้พวกเพื่อนตัวแสบ ก็ยังคงเฮฮา กันต่อไป พร้อมกับ เบียร์แก้วใหม่ถูกส่งมาให้ผม

“มรึงเมาแล้วหรือวะไอ้โบ๊ท อ่อนหว่ะ” เสียงไอ้แบงค์บอกผ่ามากลางวง
“กรูไม่เมา เมาเชี่ยไร” ผมตอบกลับไป แต่ดูเหมือนลิ้นจะพันๆกัน พร้อมกับยกแก้วกระดกทีเดียวหมดแก้ว
“เอามาอีกแก้วซิวะ” 
“กรูว่ามรึงพอเถอะวะ” ไอ้ไบร์ทเริ่มเห็นท่าไม่ดี
“กรูบอกว่ากรูไหวอยู่ พวกมรึงนี่เชี่ยไรวะ”

“ทำไมแมร่งโครงเครงจังวะ นี่กรูแดกเหล้าที่ร้านหรือบนเรือล่องเจ้าพระยาวะ” ขณะที่โลกเริ่มเอียงลงไปเรื่อยๆ แล้วก่อนที่ผมจะลงไปกองอยู่กับพื้น ก็อีกคนมาประคองผมไว้

“ทำไมพวกมรึงให้มันกินเยอะนักวะ” เสียงไอ้บอสต่อว่าไอ้พวกที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ
“ก็มันอยากแดกเองนี่หว่า” เสียงไอ้แบงค์ตอบกลับมา
“เดี๋ยวกรูเอามันไปส่งบ้านก่อนนะ”  เสียงไอ้บอสแว่วเข้ามาให้หูผม
“กรูยังไม่กลับ กรูจะแดกต่อ ปล่อยกู” 
“ไม่ไหวแล้วยังจะทำเก่งอีกนะ พอได้แล้ว” โดนมันดุอีกแล้ว

“ไอ้บูม มาช่วยหน่อย” เสียงไอ้บอสสั่งให้ไอ้บูมมาหิ้วปีกผมอีกข้าง..

แล้วผมก็ถูกหิ้วปีกพามาที่ถนน ไอ้บอส เรียกแท็กซี่ กึ่งลากกึ่งประคองผมเข้าไปนั่ง แล้วมันก็วิ่งไปเปิดประตูอีกขึ้นมานั่งอีกข้าง

“ขอบใจมากไอ้บูม” เสียงมันบอกไอ้บูม

“สุขสัวสัดิ์ 25 ครับ”
“ฮัลโหล เบนซ์เหรอ อยู่บ้านหรือยัง”
“เดี๋ยวเบนซ์ลงมาเปิดประตูรั้วให้หน่อยนะ ตอนนี้บอสกำลังพาโบ๊ทกลับ มันเมามากอะไม่อยากให้ป๊ากับม๊า เห็นมันในสภาพนี้”
“อืมมม ขอบใจมาก”

....

แท็กซี่หยุดลงที่หน้าประตูรั้วที่คุ้นเคย ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ออกดอกสะพรั่งอยู่หน้าบ้าน เสียงไอ้มะกรูด กับ มะนาว เห่าดังลั่น

“เงียบๆ” เสียงไอ้เบนซ์ ดุมะกรูดหมาพันธุ์ Siberian Husky ของมัน
“มะนาว พ่อกลับมาแล้วลูก” เสียงผมอ้อแอ้เรียกชื่อหมาพันธ์ Samoyed ของผม มันทำเสียงอุ้งอิ้งๆ กระดิกหางด้วยความดีใจ

“ทำไมกรูเลี้ยงหมารู้ไหม เพราะมันจะไม่มีวัน ทรยศ กรูไง” หึหึ ผมเค้นเสียงหัวเราะ แล้วผมถูกหิ้วปีกเดินเข้าบ้าน ขณะที่นุ้งมะนาวเดินตามมาอย่างไม่ห่าง

.....

ประตูห้องนอนถูกเปิดออกกว้างแล้วผมก็ถูกวางลงบนเตียง
“ทำไมมันแดกเยอะขนาดนี้วะ” ไอ้เบนซ์ถามไอ้บอส
“ก็ไม่รู้หว่ะ มันไปกินหมูกระทะกับพวกชมรมเทนนิส เห็นสั่งเบียร์มากันหน่ะ กรูอยู่อีกโต๊ะกับพวกสภาฯ เห็นอีกทีก็สภาพนี้แล้ว” มันอธิบายให้ไอ้แบงค์ฟัง

“กรูฝากมรึงดูมันด้วยนะ” เสียงไอ้แบนซ์ฝากไอ้บอสช่วยดูผม
“อ้าวไอ้พี่ เชี่ยย ทิ้งกรูเลยนะมรึง”  ไอ้เบนซ์สั่นนหัวเดินออกจากห้องไป ประตูห้องนอนถูกปิดลง

“อึมมมม” เสียงดังมาจากตัวผม พร้อมหมูกระทะที่ถูกขย้อนมาจ่ออยู่ที่คอหอย กับอาการโก่งคอ ผมเอามือปิดปากตัวเองแถบไม่ทัน

“โบ๊ทจะอ๊วกเหรอ” ยังไม่ทันจะขาดคำ ตัวผมก็ถูกยกลอยขึ้น ผ่านเข้าไปในห้องน้ำ

แล้วทุกอย่างที่กินไปในเย็นนี้ก็ถูกปลดปล่อยออกมา โดยมีมือของบอส คอยลูบหลังอยู่ตลอด สีหน้ามันกังวล และเป็นห่วง ผมหมดแรงแทบจะประคองตัวเองอยู่ไม่ไหว แล้วเสียงๆหนึ่งก็ดังมาถามกลางความเงียบ

“บอสไม่เคยทรยศโบ๊ทนะ”

40-30
Game
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 22:04:42
@ 7th Game – Apologize

หลังจากปล่อยทุกสิ่งอย่างที่กินเข้าไปเมื่อเย็นออกมาจากกระเพาะเรียบร้อย ตัวผมเองถูกลากมานั่งพิงกำแพงในโซนอาบน้ำ เสียงปิดประตูห้องน้ำ สิ่งที่ผมเห็นตรงหน้าคือ เด็กหน้าผู้ชาย รูปร่างดี สมส่วน ที่เหลือเพียงบ็อกเซอร์ชิ้นเดียวปิดบังร่ากาย หันหลังกำลังแขวนผ้าเช็ดตัวสองผืนกับราวแขวนผ้าในห้องน้ำ แล้วเจ้าของร่างนั้นก็หันกลับมาพร้อมกับก้าวเดินเข้ามาทีตัวผม

“มรึงจะทำอารายยย” เสียงยังคงอ้อแอ้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ ผมสลัดหน้าเพื่อให้ความมึนหายไป
“ก็อาบน้ำให้โบ๊ทไง” มันตอบกลับมา
“หึ่ยยยย...กรูอาบเองได้” ผมพยายามขัดขืน แต่ทว่าไม่มีเรี่ยวแรง
“ยืนยังไม่ไหวเลย เดี๋ยวก็หัวฟาดพื้นกันพอดี” มันพูดพร้อมกับจับตัวผมให้ยืนขึ้น โดยที่หลังยังคงพงกำแพง แล้วมันก็ค่อยๆดึงกางเกงกีฬาของผมลง อีกมือค่อยจับข้อเท้าผมยกขึ้นทีละข้าง แล้วก็ถอดกางเกงผมออก จากนั้นก็บ็อกเซอร์สุดหวงของผม แล้วส่วนสุดท้ายที่ปิดบังร่างกายของผมก็ถูกถอดออกไป....

“เฮ้ยยยย” ผมร้องเสียงหลง
“อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวก็ลื่นล้มหรอก ทำอย่างผมไม่เคยเห็นนะ” แล้วร่างกายผมก็ถูกมันประคองให้นั่งลง เสียงเปิดเครื่องทำน้ำอุ่น ฝักบัวถูกเปิด ก่อนที่ มันจะค่อยเอาฝักบัวมาจ่อที่หัวผม มันจับหน้าผมหงายขึ้น ค่อยๆปล่อยน้ำผ่านผมของผมไปอย่างถะนุถนอม จากนั้นก็ค่อยๆเอาแชมพูเทลงฝ่ามือแล้วค่อยๆขยี่ผมของผมเบาๆ

หน้าที่ถูกจับหงายขึ้น สายตาผมอยู่ที่ปลายคงของมัน ผมกระพริบตาถี่ๆ เพื่อจะจับโฟกัสให้ชัดเจน

“แชมพูเข้าตาเหรอ ขอโทษ ครับ ขอโทษ” มันถามผม พร้อมกับรีบ เอามือมาปาดตรงหน้าผากผม

“ทำไมมรึงต้องดีกับกรูด้วย” มือที่ลูปหน้าผากผมอยู่ หยุดนิ่ง สายตาคู่นั่นมองมาที่ตาผม ก่อนจะหลบตาไป
“ก็บอสเคยทำไม่ดีกับโบ๊ท บอสอยากจะชดใช้ในสิ่งที่เคยทำไม่ดี” มือคู่นั้นค่อยยกฝักบัวขึ้นล้างแชมพูออกจากผมของผมจนหมด

“แค่นี้เองใช่ไหม แค่อยากจะชดใช่เท่านั้นใช่ไหม” ผมถามมันออกไป
“ไม่…ไม่ใช่แค่นั้น” เสียงมันตอบเสียงแข็งกับมา
“แล้วอะไร” ผมตะโกนถามมัน เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอ หายใจเข้าออกเริ่มยากเย็น จมูกเริ่มสั่น สายตาเริ่มพล่ามัวเพราะเริ่มมีน้ำในตาคลอ

“เพราะไม่เคยมีวันไหนที่บอสไม่คิดถึง
เพราะไม่เคยมีสักวันที่บอสไม่รักโบ๊ท”

“ทุกอย่างที่เกี่ยวกับโบ้ทบอสเก็บมันไว้ตรงนี้” มันเอามือชี้ไปที่ขมับของมัน
“แล้วก็ที่นี่” มันเอานิ้วชี้ไปที่หัวใจของมัน

“แล้วตอนนั้นมรึงทิ้งกรูไปทำไม ทำไมมรึงทำกับกรูแบบนั้น” ผมไม่สามารถจะฝืนรั้งน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป มันไหลลงมาอย่างช่วยไม่ได้ ผมรีบเอามือปาดน้ำตาออกจากหน้า เพราะไม่อยากให้มันเห็นถึงความอ่อนแอ

“โบ๊ท อย่าร้องไห้ บอสขอโทษ บอสขอโทษ” เสียงของมันพร่ำบอก พร้อมกับเอามือมาปาดน้ำตาที่แก้มผม

“บอสทำให้โบ๊ทเสียใจอีกแล้ว บอสทำให้โบ๊ทร้องไห้อีกแล้ว บอสมันไม่ดี บอสมันเลว”

น้ำตาของบอสหล่นลงมาไม่ขาด มันคว้าตัวผมไปกอดไว้ มันกอดผมทั้งน้ำตา ใจของผมก็หายเช่นกัน เมื่อเห็นน้ำตาคนที่เคยใจร้ายกับผมเหลือเกิน
จากนั้นก็ไม่มีคำพูดใดๆจากเราอีก ผมเอามือขึ้นมากอดมันเช่นกัน เรากอดกัน ปลอบกัน ทำไมเราต้องทำอีกคนเสียใจ ทั้งๆที่คนๆนั้นก็เป็นคนที่เรารัก....
เสียงเพลงจากช่อง Chanal V ดังเข้ามา.....

ความรัก..แรกรักก็สวยงาม ดั่งเพลงรัก..ที่ซึ้งในนิยาม
เวลาที่หมุ่นที่ผ่านไป ทำเธอกับฉันคิดคนละอย่าง..ไม่เหมือนเดิม
เธอแปลคำว่ารักไม่ตรงกับฉัน แค่เรามองรักด้วยสายตา..ต่างกัน
รักคำเดียวไม่พอ ให้อยู่ด้วยกัน จนถึงวันสุดท้าย
ทำไมคำว่ารักของเราถึงต่างกัน ทำไมเธอและฉัน..ไปกันไม่ได้
ฉันรู้เพียงแค่เธอ คือโลกของฉัน ขาดเธอเหมือนขาดใจ
แต่ไม่รู้ใจคนอย่างเธอ คำว่ารักเราช่างต่างกัน.....

........

ผ้าเช็ดตัวถูกนำมาคลี่เช็ดผมของผมช้า นุ่มนวล แต่นัยต์ตาของเจ้าของร่างนั้น ยังคงเหม่อลอย และแดงช้ำ ผ้าเช็ดตัวถูกเช็ดไปทั่วตัว และนำมาพันไว้รอบเอว ก่อนที่ เจ้าของมือที่ช่วยเช็ดผมเช็ดตัวให้ผม จะไปคว้าผ้าเช็ดตัวอีกผืนทำธุระให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว มือนั้นค่อยๆประคองผมออกมาจากห้องน้ำ

เสื้อผ้าถูกสวมให้เข้าที่เข้าทาง และถูกจับนั่งบนขอบเตียง ขณะที่เจ้าของร่างก็ยังคงเหม่อลอย บอสนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าผม พร้อมมือที่สาละวนอยู่กับการเปลี่ยนผ้าพันแผลที่จมูกขอผม หลังจากนั้นผ้าก็อตถูกแปะลงที่จมูกผมเรียบร้อย

“มีทางไหนที่ทำให้โบ๊ทยกโทษให้ผม ให้อภัยกับสิ่งที่บอสทำไม่ดี ที่เคยใจร้ายกับโบ๊ท” มันถามผมด้วยทาที่ที่ไม่มั่นใจและขาดกลัว

“บอสยังมีโอกาสอยู่ไหม ให้โอกาสบอสอีกสักครั้งได้ไหม”

ผมสับสนไปหมด เหมือนในหนังที่มี เทวดากับซาตาน ที่คอยเถียงกันอยู่ในหัว

เทวดา : มันก็เสียใจกับสิ่งที่มันทำ ให้โอกาสมันอีกสักครั้งเถอะ ก็ยังรักเค้าอย่ไม่ใช่หรือ
ซาตาน : ยังจำได้ไหมว่ามันเคยทำอะไรกับเราไว้ เคยร้องไห้ทุรนทุราย ยังไม่เข็ดอีกเหรอ

ผมยกมือขึ้นมาปิดหน้า ก้มหน้าลง “ขอเวลากรูหน่อย” นั่นคือสิ่งที่ผมตอบมันออกไป

บอสพยักหน้า แต่แววตาของมันเศร้าลง

“บอสเข้าใจ ขอบคุณที่ยังไม่ปิดโอกาสของบอส บอสจะทำทุกอย่างให้โบ๊ทเชื่อใจคนอย่างบอสอีกครั้ง และบอสจะไม่ทำให้โบ๊ทเสียใจอีกบอสสัญญา”

ผมล้มตัวลงนอน แบบคนหมดแรง บอสเห็นอย่างนั้นก็ลุกขึ้นเอาผ้าห่มห่มตัวผม แล้วมันก็มุดไปนอนข้างหลังผม มือของมันค่อยกอดผมในขณะที่ผมนอนหันหลังให้มันอยู่
.
.
หมดเรี่ยวแรงต้านทาน
อ่อนแอเหมือนคนหลงทาง
สิ่งที่ไขว่คว้าเริ่มจางหายไป
เฝ้ารอเธอเยี่ยวยา อยู่ในทะเลน้ำตา
ให้ฉันได้รู้สึกว่ายังหายใจ
ทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน ทรมานเหลือเกิน
โอบกอดฉันไว้ และนำทางฉันไป
สู่ดินแดนแสนไกล ในคืนนี้...........

Deuce
See u next game….
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B 8th Game - Cure 25/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-03-2014 22:08:59
@ 8th Game – Cure

แสงสีทองเริ่มสาดเข้ามาในห้อง ผมลืมตาขึ้นช้าๆ พร้อมความรู้สึกไม่สบายตัว ที่ขมับเต็นตุ๊บๆ ปวดหัวชิบหายเลย นั่นคือสิ่งแรกที่คิด จากนั้นเริ่มสำรวจไปรอบตัว มือของบอสยังคงคล้องเอวผมอยู่ อ้อมกอดนั้นอบอุ่นเหลือเกิน เหมือนกลัวว่าคนที่เขากอดอยู่จะหลุดมือไปอีกครั้ง ความสุข ความอบอุ่น วิ่งพลุ่งพล่านในตัวผม มีความสุขจัง อยากให้เป็นแบบนี้ไปนานเท่านาน….

“ตื่นแล้วเหรอครับ”  เสียงมันยังคงงัวเงีย
“อืมม” เสียงตอบมันออกมาจากลำคอ
“ไปโรงเรียนไหวไหม” มันผงกหัวขึ้นมามองหน้าผม
“คิดว่าไหว”
“งั้นไปอาบน้ำนะครับ”

ผมลุกขึ้นนั่งบนเตียงพร้อมกับขยี้หัวไปมา

“ปวดหัวชิบหายเลย”  ผมบ่นออกมา
“ก็กินไปเยอะนี่” แมร่งบ่นผมแต่เช้า สัส ผมด่ามันกลับในใจ

ผมรุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัว แต่มีอีกร่างหนึ่งรุกขึ้นเดินผ่านเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

“เฮ้ยย เดี๋ยวกรูอาบก่อน” ผมยืนหน้าเซ็งๆ บอกมัน
“อืมม” เสียงมันตอบกลับมาแต่ไม่ได้หันหน้ามามองผม มือมันก็สาระวนกับการบรรจงบีบยาสีฟันลงแปรงของผมและของมัน ผมอมยิ้มแต่ก็ต้องรีบทำหน้านิ่งและหันไปมองทางอื่น เดี๋ยวมันจับได้
“เสร็จแล้วครับ ไม่แย่งโบ๊ทอาบก่อนหรอก” มันเอามือมาเขย่าหัวผมเบา พร้อมกับเดินแทรกตัวออกจากประตูห้องน้ำออกไป
“เชี่ยย กรูยิ่งมึนๆอยู่ เดี๋ยวอ๊วกก็พุ่งอีกรอบหรอก” ผมบ่นมันไป

“ขอบใจนะ” ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตู พร้อมกับยิ้มกว้าง....โดยที่ไม่กล้าหันกลับไปมองหน้ามัน

......

หลังจากแต่งตัวกันเรียบร้อย ผมกับบอสก็เดินลงมาข้างล่าง เห็นป๊ากับม๊า แล้วก็ไอ้เบนซ์ นั่งรออยู่โต๊ะกินข้าวแล้ว

“มาทานข้าวกันลูก” เสียงม่าม๊า เรียกเราทั้งคู่ ผมกับบอสนั่งลงที่โต๊ะกินข้า
“เมื่อคืนเมามาเหรอลูก” เสียงป๊า ถาม
ผมเหลือบตาไปมองที่ไอ้แบงค์ มันยักไหล่ให้ผม แปลว่ามันรายงานเรียบวุฒิ ผมไม่มีทางเลือกนอกจากตอบคำถามป๊า
“ครับ”

“ป๊าไม่ได้ห้ามไม่ให้กินนะลูก แต่กินก็ควรจะรู้ลิมิตตัวเอง รู้ว่าไม่ไหวแล้วก็ต้องหยุด นี่ถ้าไม่ได้บอส หัวปีกแกกลับมา มีหวังได้นอนข้างถนนนะโบ๊ท” ป๊าบ่นยาวเหยียด

“ครับ ผมขอโทษครับ ต่อไปจะระวังให้มากครับ” ผมไม่กล้ามองหน้าป๊าก้มหน้ารับคำป๊า ส่วนไอ้บอสนั่งยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ
“ใช่สิมรึง งานนี้มรึงโดนชมส่วนกรูโดนบ่น เชี่ย” ผมกระซิบด่ามัน

“เดี๋ยวป๊าต้องไปพบลูกค้าแถว วงเวียนใหญ่ จะติดรถป๊าไปลง BTS วงเวียนใหญ่มั้ย”

“ครับ” เสียงเราทั้งสามคนตอบเกือบจะพร้อมกัน แน่ละสินั่ง BTS ต่อเดียว สบายกว่าต้องไปเบียดขึ้น 75 ตั้งเยอะ อิอิ

แล้วรถตู้โฟล์คสวาเกนสีน้ำเงินก็จอดตรงบันใดเลื่อนขึ้น BTS สถานีวงเวียนใหญ่
“ขอบคุณครับป๊า ผมไปล่ะนะ”  เสียงผมบอกหลังจากลงมายืนบนฟุตบาทเรียบร้อย พวกเราสามคนยกมือขึ้นไหว้ป๊า
“ตั้งใจเรียนกันล่ะ โชคดีนะลูก” ป๊าอวยพรพวกเราทั้งสามคน

หลังจากขึ้นบันใดเลื่อน พวกเราก็มายืนรอรถไฟฟ้ากัน สภาพผมเหมือนคนบ้าหอบฟางเบาๆ ตามประสานักเทนนิส ไหล่ข้างนึงสะพายโคฟเว่อร์ไม้เทนนิส ที่บรรจุไปด้วยไม้เทนนิสคู่ใจ 2 อัน เสื้อกีฬา 2 ตัว กางเกงกีฬา ถุงเท้า และรองเท้า บาริเคต 8 เสื้อผ้า ถุงเท้า รองเท้า หมวก ที่รัดข้อมือยี่ห้อ adidas ผมบ้ายี่ห้อนี้ ครับ ส่วนไหล่อีกข้างก็สะพายเป้หนังสือสมุดเรียน

ส่วนไอ้เบนซ์ ก็ไม่ต่างจากผมเท่าไร มีกล่องใส่แซกโซโฟนสะพายอยู่บ่นบ่ามันข้างหนึ่ง อีกข้างเป็นเป้หนังสือกับสมุดเรียน

ส่วนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นไอ้บอส มีแค่กระเป๋าหนังสือเรียน Jacob ใบเดียวเท่านั้น

ผมคว้าหนังสือการ์ตูน เรื่อง Prince of Tennis ออกมาอ่านรอระหว่างยืนรอ พอรถไฟฟ้ามา พวกเราสามคนก็ขึ้นไปยืนกันใกล้ๆประตู สักพักหนึ่งผมก็อ่านจบเล่ม ผมส่งหนังสือไปให้ไอ้บอส ที่ยืนข้างหลังผม
“เก็บใส่เป้ให้หน่อย” มันก็เอื้อมมือมาหยิบหนังสือการ์ตูน ค่อยเก็บใส่เป้อย่างเรียบร้อย แล้วมันก็ยืนมือมาคว้าสายสะพายเป้จากไหล่ผม
“เดี๋ยวผมถือให้”
“กรูถือเองได้”
ภาพที่เห็นเริ่มดูไม่งาม เด็กผู้ชายสองคนแย่งกันถือเป้บนรถไฟฟ้า
“ฮะแฮ่ม” เสียงไอ้เบนซ์กระแอม
ผมเลยปล่อยให้ไอ้บอสสะพายเป้ให้ผมอย่างช่วยไม่ได้ สีหน้ามันภูมิใจที่ได้ช่วยผมถือเป้

นี่กรูเป็นผู้ชายแถมเป็นนักกีฬาโรงเรียนนะโว้ย ทำอย่างกะกรูไม่มีเรียวแรงเป็นสาวน้อยไปได้ สัส เชี่ยแระ ทำไมเปรียบเทียบแบบนั้น ผมนึกในใจ

สถานีต่อไป กรุงธนบุรี เสียงประกาศดังออกมาจากลำโพง ผู้คนเดินออกเดินเข้ากันวุ่นวาย

ติ๊ดๆๆๆ เสียงเตือนดังขึ้น

ผมเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรังไม่แพ้ผม กระเป๋านักเรียน โคฟเว่อร์ไม้เทนนิส อีกมือหนึ่งจับข้อมือเด็กหนุ่มอีกคนในชุดนักเรียนถือกระเป๋าและแฟ้มเอกสาร ที่ตัวลอยเพราะแรงลากของอีกคนก้าวผ่านเข้ามาในตัวรถไฟฟ้าอย่างฉิวเฉียด

ไอ้แบงค์ ครับ ไอ้แบงค์ มันกำลังหอบ แฮกๆ หลังจากพาตัวเองและเด็กผู้ชายอีกคนขึ้นมาบนรถไฟฟ้าสำเร็จ ในขณะที่มือยังไม่ปล่อยจาก.........มือไอ้.........อาร์มคราบบบบ

ผม,ไอ้บอส,ไอ้เบนซ์ ยืนมองกันอ้าปากค้าง

“ปล่อยก่อน” เสียงไอ้อาร์มกระซิบบอกไอ้แบงค์ และพยายามดึงมืออกจากมือไอ้แบงค์ เมื่อมันเหลือบตาขึ้นมาเห็นหน้าพวกเรา
“อะไรอ่ะ” เสียงไอ้แบงค์ หันมาดุไอ้อาร์ม ก่อนจะรีบปล่อยมือจากมือไอ้อาร์ม อ้าปากค้าง เหมือนโดนหมัดสตั้นไป 3 วิ

“ว่าไงคราบ คุณปฏิภาณ คุณญาณโชติ” ผมยิ้มที่มุมปากก่อนจะเอ่ยปากเรียกพวกมันซะเต็มยศ

“ไอ้แบงค์ กับไอ้อาร์ม” สะดุ้งเล็กน้อย

“ดีครับ คุณเลขา” เสียงไอ้บอสมันทักไอ้อาร์ม
“ค.ค.คราบท่านประธาน” เสียงไอ้อาร์มตะกุกตะกัก

ส่วนไอ้เบนซ์ พยักหน้าทักทั้งสองคน พร้อมกับอาการกลั้นยิ้มแถบไม่อยู่

โอ๊ะโอ......

Service advantage
Game
See you Next Game……..
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B 8th Game - Cure 25/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 25-03-2014 22:12:04
 รับเรื่องใหม่คราบ :mc4: :mc4:

*ใจเย็นๆ รอคนอ่านด้วยนะ ค่อย ๆ ลงก็ได้คราบผม*
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B 8th Game - Cure 25/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 26-03-2014 10:12:30
@ 9th Game – Marvel

ที่ห้องชมรมเทนนิส

“อะไรยังไงมรึง มีไรจะเล่าให้กรูฟังป่าว”  ไอ้แบงค์ถึงกับสะดุ้งเบาๆ ตอนผมถามมัน
“ไม่มีไรมรึง เมื่อคืนไอ้อาร์มมันเมา กรูเลยลากมันไปนอนบ้านกรู” 
“หรา ก็ไม่รู้สินะ” ผมลากเสียงแซวมัน

“พร้อมเมื่อไรก็เล่าให้กรูฟังได้นะมรึง”  ผมบอกมัน เพราะรู้ว่าเมื่อไรที่มันพร้อมมันก็คงจะเล่าให้ผมฟังเอง ผมกับไอ้แบงค์ รู้จักกันมานานตั้งแต่ประถม เทนนิสก็ไปเรียนที่คอร์ทเดียวกันมา เวลามีแมตซ์แข่งเก็บสะสมคะแนนสำหรับ Ranking ก็ไปแข่งด้วยกันบ่อยๆ ป๊ากับม๊าผม ก็สนิทกับ พ่อกับแม่ไอ้แบงค์มัน เพราะเวลาไปแข่งแต่ละที ทั้งสองบ้านก็ไปให้กำลังใจลูกๆกัน

“แล้วมรึงกับไอ้บอส นี่ดีกันแล้วหรือ” เล่นเอาเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง ตอนไอ้แบงค์มันถาม
“ดี เชี่ยยยยย ไร” ผมปัดๆไปก่อน เดี๋ยวงานเข้า
“เหรอ เมื่อคืนไอ้บอส มันเป็นห่วงมรึงมากนะ กุลีกุจอลากมรึงกลับบ้าน” เล่นเอาผมสะอึก

“แล้วเมย์ล่ะ” เจอดอกนี้ผมไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ภาพหญิงสาวสดใสน่ารัก ที่เป็นห่วงผม ดูแลผมมาตลอด เข้ามาอยู่ในหัวเสมองผมทันที
“เอาไงก็เอานะมรึง คิดดีๆ ยังไงกรูก็อยู่กับมรึงนะโว้ยย”
“เออ ขอบใจว่ะ”

ผมตอบมันไป เข้าใจมันว่ามันเป็นห่วง ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น เราสนิทกันมานาน มีอะไรที่คนอื่นไม่กล้าบอก เวลาผมทำอะไรไม่ค่อยดี ก็มีมันนี่แหละที่คอยบอก คอยเตือน บางครั้งอาจจะแสลงใจกับคำพูดของมันบ้าง แต่โดยทั้งหมดทั้งมวลมันก็มาจากจิตใจที่หวังดีของมัน

ประตูชมรมเปิดออก ไอ้บีมเดินข้ามา เอาของเก็บที่ล็อกเกอร์ ก่อนจะทักผมกับไอ้แบงค์อย่างอารมณ์ดี

“เฮ้ยย ไอ้โบ๊ท เย็นนี้ไอ้โอมมันจะมาซ้อมด้วยนะ” 
“สงสัยมันคงคิดถึงเมียมัน” หมาในปากไอ้แบงค์ขย่ำงับหัวไอ้บีมไปแล้วครับ
“สัส แหม่ๆๆๆๆ อย่าให้กรูพูด เมื่อคืนใครกลับกับใครหว่า”  ไอ้แบงค์หน้าเหลือสองนิ้ว เมื่อโดนหมาในปากไอ้บีมงับหัวคืน
“มรึงรู้ปะไอ้โบ๊ท ตอนไอ้อาร์มมันป่วย ไอ้นี่ดอดไปเยี่ยมเค้าถึงคอนโดไอ้อาร์มทุกวัน”
หน้าผมเหวอเบาๆ เมื่อได้ยินไอ้บีมมันแฉ
“กรูแมร่งตกข่าวหว่ะ”

“แล้วไอ้โอมมันจะมากี่โมง” เสียงไอ้แบงค์ตัดบท ก่อนจะโดนพี่มดบีมแฉแต่เช้า
“ก็คงหกโมงกว่าๆมั้ง” 

พูดถึงไอ้โอม ไอ้โอมมันหัวหน้าชมรมเทนนิสโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงิน แถวๆ หอสมุดแห่งชาติครับ เพราะพวกเราเวลาไปแข่งแมตซ์สะสมคะแนนจัดอันดับ ก็จะรู้จักและสนิทกัน ยิ่งอายุๆเท่าๆกัน ก็จะยิ่งสนิทกัน เพราะเทนนิสแมตซ์พวกนั้นเขาจัดตามอายุครับ และไม่ต้องสืบนะครับเรื่องไอ้บีมกับไอ้โอม เป็นเรื่องฮือฮาและตกตะลึงสำหรับสาวๆในวงการเทนนิสพอสมควร 

...........

พักเที่ยง ผมเดินลงมาจากตึกพร้อมไอ้แบงค์,ไอ้บูม,ไอ้บาส ก็เจอไอ้บอสนั่งรออยู่หน้าโรงอาหารแล้ว
“ไงครับท่านประธานมารอใครหรือป่าวครับ” เชี่ยแบงค์หมาหลุดออกมาจากไอ้แบงค์เป็นฝูงอีกแล้ว

คุณชายเอาแต่ยิ้ม นี่มรึงไม่เดือดร้อนเลยใช่ไหมที่โดนแซวนี่

“มารอกินข้าวกับหัวหน้าชมรมเทนนิสครับ”
“ฮิ้ววววววว” เสียงโห่ฮา จากไอ้สามตัวนั่น
“สงสัย หัวหน้าวงโย กับ ประธานเชียร์ คงต้องไปแดกกันสองคนแล้วหว่ะเรา” ไอ้บาสทำเสียงเล็กเสียงน้อยบอกไอ้บูม
“ไม่ต้องเลยมรึง ไปแดกด้วยกันหมดนี่แหละ ห้ามหนีโว้ย”  ผมบอกพวกมันในขณะหัวใจก็รู้สึกฟองโต จนไม่สามารถเก็บอาการที่ใบหน้าได้

ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่ให้พวกมันนั่งกินข้าวด้วย เพราะโดนแซวแบบจัดหนัก จนร่างแถบจะสลายละลายกลายเป็นน้ำระเหยจนจะกลายเป็นไออยู่แล้ว แต่อีกคนที่โดนแซวดูมันมีความสุขมาก เอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ขณะที่อีกคนแถบจะมุดแผ่นดินหนีไป

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก

ไม่ต้องสืบครับ เพลงนี้มีผมคนเดียวทั้งโต๊ะครับ

“สวัสดีครับเมย์”
“โบ๊ทพักเที่ยงอยู่ใช่ไหม” เสียงสดใสถามมาในโทรศัทพ์
“ครับ”
“หายเงียบไปเลยนะ เมื่อคืนเมย์โทรไปก็ฝากข้อความตลอด มีอะไรหรือเปล่า”
“เมื่อคืนแบตหมดหน่ะ ขอโทษนะครับ”
“ทีหลังหาทางติดต่อเมย์ด้วยนะ เมย์เป็นห่วงน่ะ” แล้วไอ้โบ๊ทก็โดนดุ
“พรุ่งนี้โบ๊ทว่างหรือเปล่า เมย์ว่าจะชวนไปดูหนังอะ”
“กี่โมงดีครับ”
“เที่ยงดีไหมคะ”
“แล้วแต่เมย์เลยครับ”
“ตกลงเจอกันตอนเที่ยง สยามนะครับ” ผมทวนที่นัดหมายของเราอีกครั้ง
“ครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ”
“สวัสดีครับ”

บรรยากาศที่ตกเงียบไปเหมือนจังหวะผีผ่าน ไอ้บอสที่นั่งข้างๆผม หันมายิ้มให้ แต่ผมรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นมันแห้งๆ เหมือนจะกลบเกลื่อนบางสิ่ง ผมจะทำอย่างไงกับสถานการ์ณแบบนี้ดี................

“บอส” เสียงไอ้อาร์มเรียกไอ้บอสตอนที่มันมายืนอยู่หน้าโต๊ะแล้ว
“เย็นนี้มีประชุมนะมรึง มาสเซอร์ปณตส่งเด็กมาบอก”
“อืมม เตรียมเอกสารหรือยังอาร์ม”
“เรียบร้อยแล้ว ถึงลงมาช้านี่ไง จะหาตัวประธานก็ม่ายรู้หายตัวไปไหนแล้ว”
“เออ โทษที” เสียงมันตอบไอ้อาร์มดูแปลกๆไป
“อาร์มกินข้าวด้วยกันสิ” ผมเรียกไอ้อาร์มให้นั่งลงกินข้าวด้วยกัน
“เดี๋ยวไปซื้อแปป” ไอ้อาร์มหันหลังเดินไปซื้อข้าว

ส่วนไอ้เชี่ยแบงค์ นั่งอมยิ้มอยู่ ทีอย่างนี้มันเอาหมาทั้งฝูงจากปากมันไปเก็บไหนวะ

“ไอ้บูมมรึงแดกเสร็จแล้ว เขยิบให้ไอ้อาร์มมันนั่งหน่อย” ผมบอกไอ้บูมที่ทำหน้างงๆแต่ก็เขยิบตัวออกให้ไอ้อาร์มที่เพิ่งซื้อข้าวเสร็จลงมานั่งข้างๆไอ้แบงค์ แล้วพวกเขาสองคนก็ตกอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคน...

ไอ้บูมกับไอ้บาส ทำหน้าพยักเพยิด กระพริบตาส่งสัญญาณถามว่า ไอ้คู่นี้มันอะไรอย่างไง ผมพยักหน้ากับขยับปากให้พวกมันอ่านริมฝีปากว่า “เดี๋ยวกรูเล่าให้ฟัง”……..

“เออแล้วนี่ พี่กรูแมร่งหายไปไหนวะ ข้าวปลาไม่มากินนี่” ผมตัดบทไอ้สองตัวนั่นถามไอ้อาร์มไป
“ไม่ต้องห่วงมันหรอก เดี๋ยวนี้มันมีเชฟส่วนตัวทำให้มันแดกแล้วว่ะ ป่านนี้มันอยู่ห้องคหกรรมโน่น”  ไอ้อาร์มบรรยายซะเห็นภาพ ส่วนไอ้บอสพยักหน้า หงึกๆ

ถึงแม้ไอ้บอส จะพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ผมรู้ว่านั่นแหละไม่ปกติ สำหรับผมแล้วผมก็อึดอัดไม่แพ้กับมัน แต่ผมอยู่ในสถานการณ์ที่ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดีเหมือนกันกับสถานการณ์กลืนไม่เข่าคลายไม่ออก นี่มันช่วงน่าอึดอัดเสียงจริงๆ

…….

เสียงอ็อดคาบสุดท้ายหมดลง ผมกับไอ้แบงค์ ก็ลงมาเตรียมพร้อมซ้อมกันที่ชมรม วันนี้คงสนุกแน่ๆ เพราะนอกจากพวกเราชมรมเทนนิสด้วยกันเองแล้ว วันนี้ ไอ้โอมจะมาซ้อมด้วย ผมเองก็ไม่ได้เดี่ยวกับมันมานานแล้ว ปกติเราจะสูสีกันครับ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมาโดยตลอด คู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับ แมทซ์ เชื่อมความสัมพันธ์ที่จะมาถึงนี้ก็คงเป็น โรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงิน แถวๆบางรักนี่แหละครับ หลังจากอบอุ่นร่างกายกันเสร็จ พอเริ่มน็อกบอลกัน

Baby I Love you  ได้ยินไหมคนดี
ขอให้คืนนี้ได้กอดเธอไว้
Cause baby I love you บอกเธอทั้งหัวใจ
ให้เธอรู้ไว้นะว่าฉันรักเธอ....

เสียง Samsung Galaxy S4 ของให้บีมก็ร้องลั่นคอร์ท
“อยู่หน้าโรงเรียนแล้วเหรอ เดี๋ยวออกไปรับนะ” แล้วไอ้บีมก็วิ่งปรู๊ดออก
“รีบเลยนะมรึง” ไอ้ไบร์ท กับ ไอ้แบงค์ เริ่มปล่อยฝูงหมาออกจากปาก

แล้วไอ้บีมก็เดินมากับเด็กหนุ่มหน้าตาดี สูง ขาวๆ ตี๋ ๆ  คิวหนา ดาวตายาวรี เรียกได้ว่าแบบพิมพ์นิยม ที่สาวๆทั้งวงการเทนนิสหมายปอง ยิ่งเวลามันเดินคู่กับไอ้บีม นี่ทั้งสาวแท้สาวเทียมหันหลังมองกันคอแถบเคล็ด

“ไงมรึง วันนี้กรูขอมาซ้อมด้วยนะ” มันทักผม
“ได้อยู่แล้วเพื่อน”

บรรยากาศการซ้อมเป็นไปอย่างสนุกสนาน แข่งกันหลายเซต ไอ้โอม เดี่ยวกับผมเดี่ยวกับไอ้แบงค์ แถมสุดท้ายยังลงคู่กับไอ้แบงค์ ซ้อมกับชายคู่ของโรงเรียนเราคือ ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท เรียกว่าได้ตีกับทีมเราทุกคน โคตรฟิตเลย..นี่ถ้าไม่หมดเวลาเสียก่อน มันคงจะขอเดี่ยวกับไอ้เพรียว ไอ้วาย รุ่นน้องในชมรม ที่เตรียมจะขึ้นมาแทนที่พวกผมในปีหน้าอีก

หลังจากซ้อมเสร็จ อาบน้ำ เก็บของ เตรียมตัวจะกลับกัน
“เฮ้ยยย ไอ้โอม มรึงรีบป่าววะไปแดกข้าวกัน” ผมกะว่าจะเลี้ยงขอบคุณที่อุตส่าห์มาซ้อมให้พวกเรา
“เออ เดี๋ยวกรูไปดูหนังกับไอ้บีมต่อหว่ะ”
“ฮิ้วววววว” เสียงโห่จากพวกคนป่ามาอีกแล้วครับ
“ดูหนังรอบมิดไนท์หรา ดูหนังอย่างเดียวหรือป่าวน้า”  หมาในปากไอ้แบงค์เริ่มทำงาน
“อิจฉาหว่ะ ปล่อยกรูแห้งเหี่ยวอยู่คนเดียว สัส” เสียงไอ้ไบร์ทสมทบไปอีกคน

“เออ  ไม่เป็นไรไว้วันหลังนะมรึง กรูติดมรึง 1 มื้อนะโวยทวงด้วยเผื่อกรูลืม” ผมตัดบทก่อนที่ไอ้โอมจะโดนฝูงหมาจากชมรมเทนนิสกัดเหวอะหว่ะเสียก่อน ขณะที่ไอ้บีมก็ยืนบิดจนจะเป็นน็อตอยู่แล้ว

“ขอบใจหว่ะ เดี๋ยวกรูจัดหนักเลยนะมรึง”  พร้อมกับหันมายิ้มให้ผม


ประตูชมรมเปิดออก พร้อมกับไอ้เบนซ์ พี่ชายตัวดีของผม หอบกล่องคัพเค้กมาเต็มไม้เต็มมือ
“ของฝากจากหัวหน้าชมรมคหกรรมหว่ะ” มันบอกพร้อมเอากล่องขนมวางบนโต๊ะแล้วเปิดออก และแล้วก็เหมือนฝูงหมาป่าขย่ำเหยื่อครับ แว็ปเดี๋ยวเท่านั้นคัพเค้กสิบกว่าชิ้นก็อันตธานหายไปในพริบตา พวกเรากำลังกินกำลังโตนี่ครับ อิอิ

“ฝากขอบคุณไอ้เบียร์มันด้วยนะ” เสียงไอ้บีมวานไอ้เบนซ์ไปขอบคุณเจ้าของขนมขณะกำลังมุ้งมิ้งกับไอ้โอม

“หายไปทั้งวันไม่เห็นหน้าเห็นตานะคุณพี่ แต่มีขนมมาฝากก็โอเคหว่ะ” ผมอดประชดพี่ตัวเองไม่ได้
“สัส” แดกแล้วยังพูดมากอีก สรุปว่าโดนมันด่าครับ T-T
“กลับกันยังวะ” ไอ้เบนซ์เอ่ยปากชวนผมกลับบ้าน
“เออ กลับกันได้แล้วพวกมรึง”

สิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเราทั้งสองคน…
เธอเรียกมันว่าความรักหรือเปล่า....มันชอบกล
เคยคิดถึงกันบ้างไหม เคยเหงาหัวใจบ้างไหม
วันนี้เธอเป็นอย่างไร ตอบให้หายสงสัย ให้รู้ที....

เสียงไอโฟนของไอ้แบงค์ดังขึ้นเสียก่อน เล่นเอาทุกคนหันมองขวับเพราะไม่คุ้นกับเพลงนี้
“กรูไปก่อนนะโว้ยยย ฝากปิดชมรมด้วย” ฟิ้ววววววววว เสียงไอ้แบงค์หันมาบอกพวกผมก่อนจะวิ่งออกไปจากห้องชมรม โดยที่ยังไม่ได้รับโทรศัพท์

“เฮ้ยยยยยยยย ทิ้งเลยนะมรึงไอ้สัสแบงค์” ผมด่ามัน เพราะสุดท้ายผมนั่นแหละที่จะต้องอยู่รอปิดประตูชมรม

“ไม่ต้องด่ามันหรอกไอ้โบ๊ท คนกำลัง In Love กรูเห็นไอ้อาร์มมันรออยู่หน้าตึก”
ไอ้เบนซ์รายงานเรียบร้อย
“มิน่า รีบหางจุกตูด”  ผมด่ามันปิดท้าย

ช่วงหลายวันที่ผ่านมานี่ ผมจะมีไอ้บอสตามเหมือนเงา แต่วันนี้หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จมันเงียบหายไปเลย หรือตอนที่พวกเราซ้อมเทนนิสก็จะเห็นแว็ปไปแว็ปมาที่สนามบ่อยๆ แต่วันนี้ไม่มีแม้แต่เงา ผมอดสงสัยไม่ได้

“ไอ้เบนซ์ ไอ้บอสล่ะ” ผมถามพี่ชายหลังจากนั่งบน ป.อ 75 เรียบร้อย
“มันกลับไปตั้งแต่ประชุมสภากับมาสเซอร์เสร็จนั่นแระ”
“อืมม” เสียงในลำคอถูกเปล่งตอบไอ้เบนซ์ไป  นึกขึ้นได้ว่าวันนี้มันมีประชุ่มนี่เนอะ คงไม่มีอะไรมั้ง..................

40-30
Game
See you Next Game……..
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B 9thGame อัพแล้ว 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 26-03-2014 16:53:05
@ 10th Game – Raincloud

อาอียา มอนจอ กา ออกี ยา ทียอราชา ออกี ยาทียา ทวีชาชึลกอยา
ชัมชียา อัพซอโต นอล ตารา จับบือรี นัน
คือนยอรึล จิคยอรา นัล อิจจิ มซทาเก
แน นิมมี คเยชิน กซ กึทกาจี คารยอนดา   

เสียงเพลง The Chaser ของ INFINITE ดังอยู่ในกระเป๋า ไม่ต้องแปลกใจนะครับได้ฤกษ์เปลี่ยนเสียงเรียกเข้าเสียที ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย

“สวัสดีครับเมย์”
“อยู่ BTS ราชดำริแล้วครับ เดี๋ยวก็ถึงแล้วครับ”
“ครับเดี๋ยวเจอกัน”

ผมเดินออกจากรถไฟฟ้าที่วันนี้ถึงจะเป็นวันเสาร์แต่ผู้คนก็พลุกพล่านเพราะนี่มันสยามนี่ศูนย์รวมของวัยรุ่นทั่วสารทิศ ผมเดินออกจากตัวสถานีเข้าทางเชื่อมเข้าสยามเซนเตอร์ ก็เห็นหญิงสาวน่ารักแต่งตัวทันสมัยที่เหมือนจะหลุดออกมาจากแมกกาซีน ยืนรออยู่แล้ว

ผมยิ้มกว้างให้กับเมย์ ดูเธอเองก็ดีใจที่ได้เจอผม เราเป็นแฟนกันแบบที่เรียกได้ว่าแปลกๆก็ได้ครับ เพราะต่างคนก็ต่างไว้ใจ ให้เกรียติกัน มีบ้างที่เมย์จะหวงๆห่วงๆผมบ้าง แต่ถ้าไม่หวงเลยอันนี้ผมก็ว่าแปลกเกิน ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่คบกันมา นับครั้งได้เลยเรื่องทะเลาะกัน ผมกับเมย์ก็ดูจะเป็นคู่ที่มีความสุขกันไม่น้อยเลยทีเดียว

“โบ๊ท อยากดูเรื่องอะไรคะ” เสียงของเมย์ถามผม
“อะไรก็ได้ครับ แล้วแต่เมย์เลย แต่ขออย่างเดียวนะไม่เอาหนังผี” ผมเป็นคนไม่ดูหนังผีครับ ไม่ใช่เพราะกลัวหรอก แต่ไม่ชอบตอนที่มันติดตาครับ หลอนกว่าตอนดูอีก

“งั้นเราไปซื้อตั๋วกันก่อนนะ ได้ตั๋วแล้วค่อยลงมาหาอะไรทานกันนะคะ”
“ครับ” ผมมักจะตามใจเมย์ครับ ยังไงก็ได้สำหรับเมย์

แล้วเมย์ก็ควงแขนผมเดินทะลุผ่านลานน้ำพุไปพารากอน ก็เหมือนหนุ่มสาวทั่วไปเวลาเดินห้างกัน กระหนุงกระหนิง คุยเล่นหยอกเย้ากันไป ตกลงเราได้หนังรอบ 13.40 มีเวลา 1ชั่วโมงสำหรับหาอะไรทานกัน ซึ่งหวยก็มาออกที่ ฟูจิ ครับ

“โรลซูชิเซ็ท 1ที่ ค่ะ”
“โบ๊ทเอาเบนโต๊ะเซ็ทเหมือนเดิมไหมคะ” เมย์รู้ใจผมเสมอครับ จริงๆแล้วเป็นเมนูประจำที่สิ้นคิดสำหรับผมเวลามาฟูจิ สะดวก ง่าย หลากหลายและรวดเร็วครับ
“ครับ เบนโต๊ะ ครับ”
“เบนโต๊ะเซ็ทอีก 1 ทีค่ะ”
“ชาเขียวค่ะ”

เรานั่งโต๊ะติดริมหน้าร้านครับ นั่งทานกันไปคุยกันไป แล้วผมก็เหลือบเห็นหลังใครคนหนึ่งที่คุ้นตา เดินผ่านไป ผมใจหล่นวูบ แต่คงไม่ใช่มั่ง ถ้าใช่และถ้ามันเห็นผมมันคงจะทักไปแล้ว ท่าทางจะตาฝาดสงสัยจะคิดมากไปแล้วเรา

“โบ๊ทช่วยเมย์ทานหน่อยนะคะ” เสียงเมย์ทำให้ตื่นจากภวังค์ สิ่งที่เห็นคือเมย์คีบข้าวปั้นมาวางวงในถาดผมเรียบร้อย
“ครับ ไดเอ็ดเหรอ” ผมถามเมย์กลับไป
“ค่ะ นิดนึงอะ ไม่อยากให้น้ำหนักขึ้นไปกว่านี้อีก”
“เมย์ยังไม่อ้วนหรอก ยังทานได้อีกนะ อย่าให้ผอมมากนะครับ มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” เป็นห่วงเมย์ครับ ไม่อยากให้เธอคิดมากเรื่องอ้วน

หลังจากทานเสร็จ เราก็เดินมารอเวลาหน้าโรงหนัง

“เมย์เอาน้ำอะไรครับ” ผมอาสาจะไปซื้อป็อปคอนกับน้ำให้เธอ
“ชาเขียวค่ะ” ผมเดินไปซื้อป็อปคอนขนาดกลางกับน้ำอัดลมของผมและชาเขียวของเมย์

ตอนนั้นประตูโรงหนังก็เปิดให้คนเข้าไปได้แล้ว คนข้างหน้าผมก็สั่งของยาวเหยียด ผมคอยมองไปทางเมย์อยู่บ่อยๆ เพราะไม่อยากให้เธอต้องอยู่คนเดียวนานๆ ก็เมย์ออกจะน่ารักซะขนาดนั้น ออกแนวหวงๆครับ ก็แฟนผมทั้งคนนี่ ขณะที่กำลังสั่งของกับพนักงาน ผมเห็นด้านหลังใครคนหนึ่งซึ่งก็บอกไม่ถูกครับ มันโคตรคุ้น เสื้อมีฮูดลายขวางสีขาวเขียว กำลังเดินเข้าไปในโรงหนัง

คงไม่ใช่มั้ง ผมคิดในใจ อย่าใช่เป็นดีที่สุด....

“ป็อปคอน เค็มปนหวาน ชาเขียว 1 ขวด น้ำอัดลม 1 แก้วนะคะ” เสียงพนักงานเช็คของที่ผมสั่ง ทำให้ผมหันความสนใจมาที่ของตรงหน้า พร้อมกับควักตังค์ออกมาจ่าย...

ผมหอบของเต็มสองมือ มาหาเมย์ที่เกาอี้ที่เมย์นั่งรออยู่ เมย์เอื้อมมือมาช่วยผมถือขนม เราสองคนก็เข้าไปในโรงหนังกัน ในโรงค่อนข้างมืดหนังตัวอย่างเริ่มฉายแล้ว แล้วเราก็ฝ่าหัวเข่าและรองเท้า เข้าไปถึงเกาอี้ของเรา

หนังสนุกดีครับ ผมกับเมย์ เรานั่งหัวเราะกัน ดูเมย์จะมีความสุขมากที่ได้อยู่กับผมเนื่องจากเราสองคน ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย ส่วนมากมักจะคุยกันทางโทรศัพท์ คุยไลน์ กัน ออนสไกด์กัน ซะส่วนมาก ตอนที่เมย์เอาศรีษะมาซบที่ไหล่ผม ผมมีความสุขมากครับ เหมือนได้ดูแลเมย์ใกล้ๆ ดีใจที่เมย์ไว้ใจเชื่อใจว่าไหล่นี้คนๆนี้จะปกป้องจะปลอบโยนเมย์ได้เสมอ

ผมรู้สึกอิ่มเอมกับความสุขที่ได้ดูแลผู้หญิงคนหนึ่งที่ดีกับผมมาตลอด ผมหันไปมองผู้หญิงที่ซบไหล่ผมอีกครั้ง ก่อนที่จะ เอาริมฝีปากของผมเตะไปที่หัวเหม่งๆที่ซบอยู่บนไหล่ผม เมย์สะดุ้งเล็กน้อย พร้อมกับ เอาเล็บจิกไปที่เอวผมแล้วบิดที่เอวผม
“อู้ยยย” ผมร้องออกมาเบาๆเพราะแรงหยิกของเมย์
“เดี๋ยวเหอะ” เสียงขู่ของเมย์ จากที่เป็นลูกแมวเชื่องๆ ตอนนี้กลายเป็นแม่เสือซะแล้ว

ถึงแม้เราจะรักกัน แต่เราก็ไม่เคยทำอะไรเกินเลยกัน มากที่สุดของผมที่เมย์อนุญาติได้คือ จุ๊บเหม่งนี่แหละครับ อย่างหนี่งที่ผมรู้สึกดีมากๆกับเมย์ คือเราให้เกรียติซึ่งกันและกันครับ

แต่ถ้าผมรู้ว่ามีอีกคนนั่งอยู่ข้างหลังไปไม่ห่างมาก มองการกระทำของผมอยู่ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ผมจะทุกทางที่มีไม่ให้เขาต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้...
.
.
.
หลังจากดูหนังเสร็จ ผมก็ชวนเมย์มาทานขนมที่ After you เราสั่ง สตรอเบอร์รี่แอนด์ครีมโทสต์ มา 1 ทีครับ แน่นอน เมย์ทานแต่ สตรอเบอร์รี่ กับไอศครีมนิดหน่อยเพราะเธอไดเอ็ด ส่วนถึกๆอย่างผม ก็ต้องจัดการขนมปังที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยเนย กับไอศกรีมที่เหลือทั้งหมด

“อิจฉาโบ๊ทจัง ทานเท่าไรก็ไม่อ้วน” เสียงเมย์บ่นอิดออด
“ก็โบ๊ทตีเทนนิสนี่ครับ ถ้าไม่ตีป่านี้ก็คงเป็นหมูตอนไปแล้ว”
“ก็นั่นแหละ เมย์ทานไรไปนิดหน่อยน้ำหนักก็ขึ้นแล้ว” เสียงเมย์พูดก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

หลังจากอิ่มกันอีกรอบสองแล้ว จ่ายตังค์ชำระค่าเสียหายกันเรียบร้อย
“เมย์ อยากเดินที่ไหนต่ออีกหรือเปล่าครับ” ผมถามเมย์เผื่อเมย์อยากจะช็อปปิ้งต่อ
“ไม่แล้วค่ะ เมย์มีเรียนพิเศษ ตอน 18.00 ที่อนุสาวรีย์ นี่เดี๋ยวก็ต้องไปแล้วล่ะ”
“งั้นเดี๋ยวผมไปส่งขึ้น BTS นะครับ”

ผมเดินมาส่งเมย์ขึ้น BTS เมย์หันกลับมาโบกมือ บ้ายๆ ก่อนจะทำมือท่ายกโทรศัพท์ แปลว่าเดี๋ยวถึงแล้วจะโทรมาหา พร้อมกับกวักมือไล่ผมลงไปขึ้นอีกขบวนกลับบ้าน ผมโบกมือลาเมย์ ก่อนที่ประตูรถไฟฟ้าจะปิด แล้วภาพของเมย์ก็คล่อยๆเคลื่อนออกไป

ผมเดินลงบันใดมาเพื่อจะมาขึ้นอีกขบวนเพื่อกลับไปสายสีลม

ติ๊ดๆๆๆๆๆ เสียงรถไฟฟ้า กำลังจะออก ผมรีบลงมาแต่คิดว่าคงไม่ทัน ก็เลยชะรอฝีเท้าลง รอขบวนหน้าก็ได้ไม่ได้รีบนี่หว่า ผมมาหยุดรอตรงทางขึ้น

แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิด สิ่งที่ทำให้ใจผมหล่นวูบ ก็อยู่ตรงหน้าผม ขณะที่ประตูรถไฟฟ้ากำลังจะปิด ผมเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาคุ้นเคย ในชุดเสื้อฮูดลายขวางสีขาวเขียว กับกางเกงยีนต์ และเป้ใบเก่งของมัน กำลังเคลื่อนที่จากชานชาลา สายตาของเราประสานกัน ก่อนที่ “บอส” จะหลับตาลง แล้วภาพของบอส ก็ค่อยๆเคลื่อนไป….

นี่มันอะไรกัน... สายตาแบบนั้นหมายความว่าอย่างไร
ผมยืนนิ่งเหมือนรูปปั้นอยู่ตรงนั้น สติหลุดไปอย่างเลื่อนลอย
ทำยังไงดี ทำยังไงดี เอาอย่างไรดี เอาอย่างไรดี ในหัวผมมีคำพวกนี้วิ่งอยู่เต็มไปหมด.......

0 - 40
Game
See you Next Game……..
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B 10thGame อัพ 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 26-03-2014 22:07:48
@ 11st Game –  Storm

ผมเดินลงมาจากสถานีวงเวียนใหญ่ เดินเข้ามาในซอยกรุงธนบุรี4 ลัดเลาะไปตามซอย เพียงไม่นานก็มาหยุดตรงหน้าบ้านหลังใหญ่นี้ ที่เมื่อ 2 ปีที่แล้วผมเข้าออกเหมือนกับบ้านหลังที่ 2 ของผม ไม่ได้มานานแล้วเหมือนกันนะ ผมพึมพำในใจ แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ต้นเหลืองอินเดียที่หน้าบ้านทีเมื่อถึงหน้าร้อนจะทิ้งใบจนหมดออกดอกสีเหลืองอล่ามไปทั้งต้น ก็ยังคงอยู่เช่นเดิม ขณะที่ยังเหม่อลอยยืนนิ่งอยู่หน้าบ้าน

“คุณโบ๊ทใช่ไหมคะ” ป้านิดที่เป็นพี่เลี้ยงของไอ้บอส ทักผมอย่างดีใจ ป้านิดยังคงจำผมได้
“ครับ สวัสดีครับป้านิด” ผมทักทายพร้อมกับยกมือขึ้นสวัสดี

ป้านิดเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นพี่เลี้ยงของไอ้บอสมาตั้งแต่ไอ้บอสยังเด็กๆ อยู่บ้านนี้มานานจนคนบ้านนี้ก็คิดว่าแกเหมือนคนในครอบครัว ป้านิดคอยดูแลทุกอย่างเกี่ยวกับบอส แล้วก็เพื่อนของบอสด้วย ผมมาบ้านนี้จะมีขนมอร่อยๆให้ทานเสมอ ก็ฝีมือป้านิดนี่แหละครับ

“ไม่ได้มานานเลยนะคะ คุณโบ๊ท”
“ครับ” ผมเอามือเกาหัวตอบป้าแกไป
“เข้ามาก่อนค่ะ” ป้านิด เปิดประตูรั่วให้ผม ในที่สุดผมก็มาเหยียบบ้านนี้อีกครั้ง..
“คุณบอส เพิ่งกลับมาเมื่อกี้ค่ะ” ป้านิดบอกผมตอนที่แกนำผมไปเข้าไปในตัวตึก แล้วหมาสีดำตัวใหญ่ พันธ์ Belgian Sheepdog ก็เดินแกว่งหาง ทำหูลุ่เดินเข้ามาหาผม

“นี่เจ้าลักกี้ เหรอครับ” ผมหันไปถามป้านิด ผมเห็นมันครั้งสุดท้ายมันยังเป็นลูกหมาอยู่เลย ตอนนี้ตัวโต สูงเลยหัวเข่าผมไปแล้ว ความทรงจำเก่าๆผุดขึ้นมา ตอนนั้นพ่อของบอส อนุญาตให้บอสมีสัตว์เลี้ยงได้ มันดีใจมาก รีบมาปรึกษาว่าจะเลี้ยงพันธุ์อะไรดี สุดท้ายหลังจากโดนผมกล่อม มันก็เลือก Belgian Sheepdog นี่แหละครับ แต่เป็นพันธุ์ที่ไม่มีขายในประเทศนี้ ต้องสั่งนำเข้ากันมาเลยทีเดียว

ผมเอามือลูบหัวเจ้าลักกี้ จับหน้ามันเล่นเหมือนเมื่อตอนมันยังเล็กๆอยู่
“ลักกี้ จำคุณโบ๊ทได้ใช่ไหม” เสียงป้านิดแกถามเจ้าลักกี้
“อู้ววว อู้วววว อู้ววว” ไอ้ลักกี้มันสงเสียงเล็กเสียงน้อยตอบออกมา
“เจ้าลักกี้มันจำคุณโบ๊ทได้จริงๆด้วย” ป้าน้อยหันมาบอกผม ผมยิ้มกว้างดีใจที่มันยังจำผมได้ หลังจากทักทายเจ้าลักกี้เสร็จ ป้านิดพาผมเข้ามาในตัวตึก

“ตอนนี้คุณบอสอยู่บนห้องค่ะ คุณโบ๊ทขึ้นไปได้เลยนะค่ะ”
“เดี๋ยวป้าตามเอาเอแคลร์ของโปรดคุณโบ๊ทตามขึ้นไปนะคะ” ป้านิดยังจำได้ว่าผมชอบเอแคลร์ฝีมือแกมาก ของป้าอร่อยที่สุดในสามโลกครับ อิอิ

ผมเดินขึ้นมาหยุดตรงหน้าประตูไม้สักสีขาว ในใจก็คิดวนไปวนมาจะเริ่มคุยอะไร ทักทายอย่างไร อะไรคือเหตุผลที่พาผมมาที่นี่ มันจะโกรธ จะไล่ผมไปหรือเปล่า ทุกอย่างวิ่งเข้ามาในหัวผมหมด ก่อนผมจะสลัดความคิดทุกอย่างทิ้งไป คงจะต้องคุยกันจริงๆเสียที ผมคิดได้ดั่งนั้นก็ตัดสินใจยกมือจะเคาะห้องไอ้บอส แต่ยังไม่ทันจะเคาะ ประตูบานนั้นก็ถูกเปิดออก

ไอ้บอสในเสื้อฮูดสีลายขวางสีขาวเขียว ยืนอึ้งอยู่ตรงหน้าผม ที่ก็อึ้งไม่ต่างจากมัน

“ไอ้โบ๊ท” มันเรียกชื่อผม แววตาคู่นั้นเป็นประกายแต่แล้วก็กลับสลดลง 
“เข้ามาก่อนสิ” มันเรียกให้ผมเข้าไปในห้องมัน ห้องที่ไม่เคยได้เข้ามานาน.....
ผมเดินตามเจ้าของห้องเข้ามา แล้วก็นั่งลงบนเกาอี้หน้าโต๊ะคอม

เสียงเคาะประตูดังขึ้น “ป้านิดค่ะคุณบอส”
“ครับป้า เข้ามาได้เลยครับ”  ป้านิดเปิดประตู้เข้ามาในห้องพร้อมกับถือถาดใส่จานขนมเอแคลร์และน้ำอีกสองแก้ว เข้ามาวางไว้ที่โต๊กลางหน้าโซฟา พร้อมกับหันมายิ้มให้กับผม

“ป้าขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสูงวัยพูดก่อนจะค่อยๆเดินออกไปจากห้องและทิ้งความเงียบไว้อยู่ระหว่างเราสองคน

“วันนี้มรึงไปสยามมาเหรอ” ผมเป็นคนทำลายความเงียบที่อึมครึมด้วยคำถาม
“อืมมม”
“มรึงเห็น....” เสียงผมขาดหายไป
“อืมมม”
“เห็นอะไร” ผมก้มหน้าลงต่ำเสียงผมขาดหาย
“ก็เห็นทุกอย่างนั่นแหละครับ”
“มรึงฟังกรูนะ กรูไม่รู้ว่ามรึงอยู่...” ผมยังพูดไม่จบ ก็มีนิ้วชี้ของบอสมาแตะที่ริมฝีปากผมเสียก่อน
“โบ๊ทฟังบอสนะ ไม่ต้องคิดมาก”
“บอสเข้าใจ บอสรู้ตัวดีว่าบอสอยู่ในฐานะอะไร”   
“บอสรู้ดีว่าไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาอะไรจากโบ๊ท”
“บอสรู้ว่ามันไม่ถูกต้องที่วันนั้นบอสขอโอกาสจากโบ๊ท” เสียงบอสขาดหายไป สีหน้าพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังจะล้นทะลักออกมา

“ตั้งแต่วันที่โบ๊ทเข้ามาให้บอสช่วยทำเรื่องชมรมเทนนิส”
“โบ๊ทรู้ไหม ว่าบอสดีใจแค่ไหน”
“ทั้งๆที่ก็รู้ว่าไม่ควรจะปล่อยให้มันเกินเลย”
“แต่บอสไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้จะห้ามหัวใจตัวเองยังไง”
“บอสรู้แต่ว่าอยากอยู่ใกล้ๆ อยากดูแล อยากจะทำอะไรดีๆให้โบ๊ท”
“ทั้งๆที่ก็ไม่รู้ว่าโบ๊ทจะอึดอัด จะลำบากใจหรือเปล่า” 
“บอสมันเห็นแก่ตัว ทั้งๆที่บอสเคยทำให้โบ๊ทเสียใจ”
ความอดทนที่พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของบอส ตอนนี้ได้พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง น้ำตาที่หมดแรงยึดเหนียวอีกต่อไป ไหลลงมาเป็นทาง มือถูกยกขึ้นมาปิดหน้า สะอื้นจนตัวโยน ครั้งแรกสำหรับผมที่เห็นผู้ชายคนนี้ คนที่เคยร่าเริง สุภาพ อ่อนโยน อ่อนแอและหมดแรงขนาดนี้

ความรู้สึกผิดวิ่งอยู่เต็มหัวผมไปหมด ผมรวบตัวมันเข้าสู่อ้อมแขนของผม น้ำตาของผมก็ไม่สามารถจะรั้งไว้ได้อีกต่อไป
“มรึงไม่ต้องโทษตัวเอง กรูผิดเอง”  ผมได้แต่บอกมันอย่างนั้น

เมื่อความรู้สึกได้ถูกระบายออกมาเป็นคำพูดและน้ำตาไปแล้ว เมื่อสติของเราเริ่มกลับคืนมา ผมนั่งอยู่ข้างๆกับบอสรับจับมือกันไว้ ความรู้สึก กำลังใจถูกส่งผ่านไปที่ปลายนิ้วที่ยังคงบีบให้อีกฝ่ายรับรู้ว่ายังมีอีกคนที่อยู่ข้างเสมอ

“บอสขอแค่วันนี้และพรุ่งนี้ให้เราอยู่ด้วยกัน เหมือนเมื่อก่อนได้ไหม”
“แล้วหลังจากพรุ่งนี้ บอสจะปล่อยโบ๊ทให้เป็นอิสระ”

คำพูดประโยคนี้เหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงลงไปที่หัวใจผม ผมจะทำอย่างไร ในเมื่อผมก็ยังมีอีกคนที่ผมต้องรับผิดชอบ ใจผมอยากจะบอกมันว่า กรูอยากให้เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ตอนนี้ เวลานี้ และพรุ่งนี้ ขอแค่มีเราก็พอแล้ว

“ได้สิ” ผมตอบ
“ขอบใจมากโบ๊ท”  มันคว้าตัวผมเข้ากอดจนแน่น ผมค่อยๆกอดมันตอบ ความสุขวิ่งไปทั่วร่างกายของเราทั้งสองคน

.....

“เก็บของกัน” มันบอกผม ทำเอาผมหน้าเหว่อ
“ไปไหนนนน”
“มาช่วยบอสเลือกเสื้อกับกางเกงหน่อย” มันตอบผมมาด้วยคำสั่ง
“โบ๊ทจะใส่ตัวไหน” ผมยังคงอ้าปากหว้ออยู่
“มรึงจะไปไหนล่ะ” ผมเริ่มไม่มั่นใจ มรึงจะเอากรูไปฆ่าหมกป่าที่ไหน
“บอสไม่ได้จะเอาโบ๊ทไปฆ่าหรอก” นั่นเสือกรู้ทันกรูอีก
“มาเลือกเร็ว ไม่งั้นบอสเลือกให้นะ” ผมเดินไปหามันและเลือกเสื้อกับเกางเกงอย่างช่วยไม่ได้ เดี๋ยวมันเลือกเสี่ยวๆให้ผมไม่หล่อ มันจะได้เก็บผมไว้เป็นของมันคนเดียว เรื่องอะไร

“นี่ขนาดไปวันเดียวนะ” ผมบ่นขณะที่เป้ถูกแพ็กของลงไปจนเต็ม
“เอาไปเกินก็ดีกว่าขาดนะ” ดูมันพูด แล้วมันก็คว้าข้อมือผมลากผมลงบันใดลงมา

“ป้านิดครับ ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยว่าผมจะไปค้างบ้านโบ๊ท นะครับ” ไอ้เชี่ยนี่มันโกหกครับ ผมอยากจะบอกป้านิด มันจะลากผมไปไหนก็ไม่รู้ครับ T-T
“ค่ะ” เสียงป้านิดรับคำ

มันเดินกึ่งลากกึ่งจูงผมมาที่โรงรถ แล้วมันก็โยนของลงที่ประตูหลัง BMW X1 สีดำ
“ขึ้นรถสิโบ๊ท” ผมเดินอ้อมไปฝั่งตรงข้ามคนขับขึ้นรถอย่างว่าง่าย
แล้วรถคันหรู ก็ค่อยๆออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปดาวคะนองแล้วเลี้ยวขวาตัดออกพระราม 2
“มรึงจะพากรูไปไหน กรูจะได้โทรบอกไอ้แบงค์ถูก” ผมถามมันอีกครั้งเพราะต้องโทรบอกที่บ้าน ไม่งั้นเดี๋ยววุ่นวายกันทั้งบ้านแน่ๆ

“อัมพวา”  ผมนั่งอึ้ง 3 วิ ที่นั่นมันเป็นที่ๆที่ผมรักมาก แสงสว่างจากหิ้งห้อยนับร้อยใต้ต้นลำพู และที่สำคัญมันเคยเป็นที่ที่เป็นความหลังระหว่างเรา
“ไหนบอกว่าจะโทรบอกไอ้เบนซ์” มันทักผมก่อนที่ผมจะหลุดเข้าไปในภวังค์ผมหยิบไอโฟนขึ้นมากดเบอร์ไอ้เบนซ์

“ฮัลโหล เบนซ์ บอกป๊ากับม๊าให้หน่อยว่าคืนนี้กรูจะนอนบ้านไอ้บอสมัน”
“มรึงก็บอกเองสิ ป๊ากับม๊าอยู่ตรงนี้” ไอ้เชี่ยยย ผมด่ามันในใจ
“ว่าไงลูก” เสียงม่าม๊า ผมถอนหายใจค่อยยังชั่ว
“ม๊าครับ วันนี้ขอโบ๊ทนอนค้างที่บ้านบอสได้ไหมครับ” อ้อนไว้ก่อนล่ะตรู
“ได้สิลูก แต่ม่าม๊าขออย่ากินเหล้ากันนะ” ม่าม๊าเสนอข้อแลกเปลี่ยน
“ครับ โบ๊ทไม่ได้กินครับ”
“สัญญานะลูก” ม่าม๊าย้ำอีกรอบ
“ครับ โบ๊ทสัญญาครับ”
“จ๊ะ ลูก”
“ขอบคุณครับ ม่าม๊า รักม่าม๊าที่สุดในโลก”

หลังจากผมกดวางโทรศัพท์เสียงเพลงก็ถูกเร่งขึ้นมาและเสียงร้องคลอจากคนขับรถที่นั่งอยู่ข้างผมก็ดังออกมา

รู้ว่ามันไม่สมควร ที่ยังกวนหัวใจเธอ ฉันขอโทษที
รักและยังคอยหวังดี ทั้งที่ไม่มีสิทธิ
เพราะความจริงเธอยังมีเขาคนนั้น เป็นคนที่สำคัญกว่า

มันน่าจะผิดที่เป็นอย่างนี้ ที่มันยังรักเธอจนสุดหัวใจ
เมื่อรู้ว่าไม่มีทาง แต่ฉันก็ไม่ตัดใจ เหมือนคนไม่รู้ตัว
มันน่าจะถูกที่ใครบอกไว้ ความรักมันทำให้ตาบอด
จนมองไม่เห็นความจริง ว่าฉันเป็นใคร
ทำให้ไม่เข้าใจ ทำไมยังรักแต่เธอ

เพลงพี่ตูน นี่มันช่างเข้ากับสถานะการณ์ตอนนี้ของเราจริง ผมนั่งคิดในใจ ผมเอื้อมมือไปจับมือไอ้บอส ที่ว่างอยู่ตรงกระปุกเกียร์ มันหงายมือขึ้นแล้วสอดนิ้วประสานกับมือผม แล้วท่อนฮุกก็วนมาอีกรอบ ผมร้องท่อนนี้ไปกับมัน

มันน่าจะผิดที่เป็นอย่างนี้ ที่มันยังรักเธอจนสุดหัวใจ
เมื่อรู้ว่าไม่มีทาง แต่ฉันก็ไม่ตัดใจ เหมือนคนไม่รู้ตัว
มันน่าจะถูกที่ใครบอกไว้ ความรักมันทำให้ตาบอด
จนไม่เห็นความจริง ว่าฉันเป็นใคร
ทำให้ไม่เข้าใจ ทำไมหมดทั้งหัวใจ มันยังคงรักแต่เธอ

 40-15
Game   
Set bye Ratchanon Score 6 : 4
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B Game ที่ 11 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 27-03-2014 01:40:41
 :hao5: อยากรู้ความหลังมากกกกกกกกกก
รู้สึกเรื่องมันสุขปนครึมๆทั้งเรื่องเลยอ่ะ

รีบๆมาต่อนะ เป็นกำลังใจให้จ้า
หัวข้อ: Re: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B Game ที่ 11 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 27-03-2014 09:53:39
@ 12nd Game – Sunshine

กว่าเราจะมาถึงอัมพวา ก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว  รถคันหรูจอดที่รีสอร์ทที่คุ้นเคย ที่เราสองคนเคยมากันเมื่อสมัยก่อน เป็นรีสอร์ทที่ติดกับแม่น้ำแม่กลอง ผมกับไอ้บอส เดินลงไปติดต่อกับแผนกต้อนรับของรีสอร์ท ลุ้นกันว่าจะมีห้องเหลือให้เราหรือเปล่า เพราะวันนี้วันเสาร์ ซึ่งปกติถ้าไม่ได้จองล่วงหน้าก็จะเต็ม

“ยังมีห้องว่างอยู่ไหมครับ” บอสกำลังสอบถามพนักงาน
“ยังมีอยู่ค่ะ แต่เหลือเป็นห้องซูพีเรีย นะคะ”
“ตกลงครับ 1 ห้องครับ” ไอ้บอสตกลงเรียบร้อย ทำเอาผมอ้าปากค้าง เพราะราคาไม่ใช่น้อยๆเลยสำหรับห้องพิเศษแบบนั้น แล้วไอ้บอสก็หยิบบัตรเครดิต วางที่เคาเตอร์ คุณพนักงานส่งกระดาษให้มันกรอกรายละเอียดผู้เข้าพัก ก่อนจะส่งกุญแจห้องมาให้

“เรือออกไปชมหิ่งห้อยมีเที่ยวสุดท้ายกี่โมงครับ” ไอ้บอสถามพนังงาน
“สี่ทุ่มค่ะ เรือจะจอดอยู่ตรงท่าน้ำนะคะ”  คุณพนักงานแนะนำด้วยท่าทางยิ้มแย้ม

หลังจากที่ไขกุญแจห้องเข้ามาเรียบร้อย ห้องที่เราได้พักเป็นห้องใหญ่ ที่มีระเบียงระแนงไม้ยืนออกไปติดกับแม่น้ำ  ที่ระเบียงมีเก้าอีหวายแบบเดย์เบทอยู่สองตัว เหมาะกับการนั่งรับลมชมจันทร์ ในห้องตกแต่งเรียบง่าย แต่หรูหรา ผมเดินมาหยุดตรงประตูกระจกที่กั้นระหว่างตัวห้องกับระเบียง มองออกไปที่แม่น้ำ

“หิวไหม” ไอ้บอสเอ่ยถ่ามผมขณะทีมือก็คล้องมารอบเอวผมจากด้านหลัง
“นิดนึง” ผมตอบมันไปแต่ท้องเจ้ากรรมกับสงเสียงร้องออกมาเสียก่อน
“ไม่นิดแล้วมั้ง” แล้วผมกับมันก็อดจะหัวเราะไม่ได้

“มีความสุขไหมครับ” เสียงที่นุ่มนวลกระซิบถามที่ข้างหูผม
“อืมมม” ผมตอบมันไปหน้าผมกำลังร้อนผ่าว
“บอสมีความสุขมากๆที่ได้อยู่ที่นี่กับโบ๊ทนะ”
“ขอหอมให้ชื่นใจหน่อยนะ” แล้วปากหยุ่นๆสีแดงระเรื่อถูกประทับลงที่แก้มของผม จากนั้นก็เลื่อนมาที่ใบหู แล้วก็ลงมาที่ซอกคอ มือที่เคยประคองไว้ที่เอว เริ่มซุกซนอยู่ไม่สุข ผมรีบคว้ามือมันแล้วจับไว้แน่น
 “หืมมมม” เสียงดังออกมาจากลำคอของมัน แต่ปากสีแดงระเรื่อนั้นยังคงไม่หยุดพรมด้วยจูบ
“ไปกินข้าวกัน กรูหิวแล้ว” ผมรีบตัดบท
“ไหนโบ๊ทบอกว่าหิวนิดหน่อยไง” มันยังคงงองแง
“ก็ตอนนี้หิวมากแล้วไง” ผมยังไม่ยอมแพ้
“อืมมม” มันตอบก่อนจะถอนปากออกจากแก้มผมอย่างอาลัย อาวรณ์
แถมด้วยประโยคเด็ดก่อนจะปล่อยแขนออก “ยังมีเวลาอีกทั้งคืน”

ไอ้เชี่ยยยยยย นี่สรุปว่าคืนนี้กรูต้องเป็นของมรึงใช่ไหมมมมมมม นี่กรูนั่งรถมาเสียตัวถึงอัมพวาเชียวหรือ ก่อนสติผมจะเตลิดไปกับสิ่งที่คืนนี้จะเกิดขึ้นกับผม

“โบ๊ทอยากกินอะไรครับ”
“อะไรก็ได้ แล้วบอสล่ะ”
“อยากกินโบ๊ท” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์บวกหื่นใส่ ผมอยากจะเอาหัวโขกหน้ามัน
“ไปหาอะไรกินกัน” แล้วมันก็ลากผมลอยออกจากประตูไป


หลังจากเดินเลาะบนสะพานเรียบคลองด้านข้างออกมาไม่ไกล ก็ถึงตลาดน้ำอัมพวา ตอนกลางคืน สวยงามไปด้วยร้านรวงมากมาย แสงไฟสีส้มอ่อนๆ สะท้อนจากผื่นน้ำระยิบระยับ ผู้คนมากมายเดินกันเต็มถนนเรียบคลอง เรามาหยุดตรงร้านอาหารน่ารักเล็กๆร้านหนึ่งที่ตกแต่งสวยงาม

หลังจากจัดการสเต็กเนื้อจานโตกับสปาเก็ตตี้แฮมเห็ด ปิดท้ายด้วยสลัดที่รสชาติจัดจ้าน คือเขาเอาพริกขี้หนูสดปั่นละเอียดมาผสมกับน้ำสลัด ทำให้เวลากินเข้าไปคำแรกมันอร่อยด้วยรสชาติที่จัดจ้านจนอยากจะตักเข้าปากอีก แต่พอคำที่ห้าคำที่หก พวกผมก็เริ่มซี๊ดปากด้วยความเผ็ดที่ค่อยๆสะสมขึ้นมาเรื่อย แต่ก็ไม่สามารถยุดกินได้ครับ

พอจ่ายค่าเสียหายสำหรับมือเย็นของเราสองคนเรียบร้อย แน่นอนครับมื้อนี้ผมไม่ยอมให้มันจ่ายอีกแน่ๆ ยังมีเวลาอีก 40 กว่านาที เราเดินดูโน่นดูนี่ที่ตลาดกัน จนมาถึงร้านเครื่องประดับ ผมเหลือบเห็นสายหนังรัดข้อมือสีน้ำตาลเส้นหนึ่งที่มีแท่งโลหะสีทองเหลืองสำหรับตอกชื่ออยู่ด้วย ผมยืนมองอยู่นาน
“ตอกชื่อฟรีนะคะ”
“เท่าไรครับ” ตอนนั้นไอ้บอสเดินมาอยู่ข้างหลังผมแล้ว
“280 บาทค่ะ แต่ถ้าซื้อคู่หนึ่งเดี๋ยวพี่ลดพิเศษให้ค่ะ” ผมหน้าร้อนผ่าว ส่วนไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างหลังผม ยิ้มกรุ้มกริ่ม
“งั้นเอาคู่หนึ่งครับ” ผมอ้าปากเหว่อ เออ มรึงถามกรูยัง?
“จะให้ตอกชื่อว่าอะไรคะ” เจ้าของร้านถามถึงชื่อที่จะให้เธอสลักชื่อลงไป
“สลักหน้าหลังได้ใช่ไหมครับ”
“แบบที่น้องเลือกนี่ได้ค่ะ แต่ถ้าแบบแผ่นนั่นตอกได้ด้านเดียว”
“เอาแบบนี้ครับ” แล้วแผ่นกระดาษก็ถูกยืนให้กับเจ้าของร้าน


“อันนี้ RCNON อยู่ด้านหน้า และ JRWAT อยู่ด้านในครับ
ส่วนอีกอัน JRWAT อยู่ด้านหน้า และ RCNON อยู่ด้านในครับ”

“คือว่าคุณมรึงครับ นี่กรูซื้อหรือมรึงซื้อครับนี่ ไอ้สาด” ผมกระซิบด่ามัน
“ก็เหมือนกันแหละ” จะได้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยมีของแทนใจที่ทำให้กัน เพื่อวันข้างหน้า บอสจะได้มีของที่ทำให้บอสยิ้มได้ไว้ให้ดูไว้ให้คิดถึงตอนที่โบ๊ทไม่อยู่แล้วไง”  ใบหน้านั้นยังคงยิ้มอย่างมีความสุข แต่ผมถึงกับสะอึก....

หลังจากที่ได้ที่รัดข้อมือพร้อมชื่อที่สลักเรียบร้อยแล้ว เราสองคนก็เดินลัดเลาะกลับมาที่รีสอร์ต เพราะใกล้เวลาที่เรือไปชมหิ่งห้อยเที่ยวสุดท้ายจะออกแล้วเรามาถึงก็มีคู่รักอีกคู่ ที่ลงไปนั่งรอในเรือเรียบร้อยแล้ว เรือลำนั้นมีนักท่องเที่ยวแค่ 4 คน รวมลุงคนขับเรืออีกก็เป็น 5 คน

เรือออกมาได้ไม่นาน ก็มาถึงต้นลำพูต้นแรก แสงสีเขียวตองอ่อน เป็นจุดเล็กๆกระพริบอยู่เต็มต้นลำพู สวยงามมาก ภาพนั้นยังคงติดตาและติดใจผมไม่เสื่อมคลายตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยมากับบอส และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมเคยคิดว่าจะไม่มีวันได้มาเห็นหิ่งห้อยใต้ต้นลำพูนี้กับไอ้บอสอีกครั้ง แล้วตอนนี้บอสก็อยู่ข้างๆผมแล้ว ผมดีใจ จนน้ำใสๆเริ่มคลอเต็มสองนัยต์ตาผม

“สวยจังนะครับ” มันกระซิบบอกผม
“อืมมม สวยมาก” และสวยที่สุดเมื่อมีบอสอยู่ข้าง ประโยคสุดท้ายผมสะกดมันในใจ

เรือยังคงแล่นผ่านต้นลำพูที่มีหิ่งห้อยกระพริบแสงอยู่เต็ม ไปทีละต้นอย่างช้าๆ ช่างเป็นภาพที่สวยงามและประทับใจ มันเอนหัวมาอิงที่ไหล่ผม มือของเราจับกันไว้ เป็นการดูหิ่งห้อยที่เราทั้งสองคนจะไม่มีวันลืมไปจนชั่วชีวิต

หลังจากลงจากเรือและเข้ามาที่ห้องพักของเราเรียบร้อย ผมนอนแผ่หราลงบนเตียง โดยที่มันนอนตะแคงข้างมองหน้าผมอย่างไม่วางตา

“มองไรของมรึง เดี๋ยวความหล่อกรูสึกหมด” ผมแหย่มันไป
“แหวะ หล่อตายแระ” มันเบ๊ะหน้าใส่ผม
“หล่อมั้ยหล่อ ก็มีคนมาหลงกรูอยู่นี่ไง” ผมได้ทีเสียบมันไปหนึ่งดอก
“เหอะ” มันทำเสียงขึ้นจมูกใส่ผม
“ไปอาบน้ำเถอะ หล่อแต่เหม็นก็ไม่ไหวนะ” มันทำท่าไล่ผมไปอาบน้ำ

“อาบน้ำให้กรูหน่อย” พูดเสร็จแถบจะกัดปากตัวเอง
“ห๊ะ อะไรนะ” ใบหน้าที่เห็นนั้นยิ้มจนเห็นฟันขาวที่เรียงตัวสวยงาม
“ก็นั่นแหละ” ผมเบี่ยงตัวหนีมัน
“อะไรอ่ะ” มันยังคงอ้อนต่อ
“จะให้กรูพูดอีกเหรอสัส” ผมด่ามันเพราะความเขิน
“นะ นะ อยากฟังอีกที” ดูมันออดอ้อนเข้าสิ
“เอออ มรึ่งนี่นะ บอสครับอาบน้ำให้โบ๊ทหน่อยสิครับ”
“ครับ”
แล้วผมก็ถูกลากไปห้องน้ำ
“เดี๋ยวๆ ถอดเสื้อผ้าก่อนโว้ย”

มันค่อยๆสระผมให้ผมอย่างเบามือ บีบโฟมล้างหน้าใส่มือมันแล้วก็เอามาถูที่หน้าผมอย่างอ่อนโยน จัดการถูหลังให้ผมจนสะอาดสะอ้าน เหมือนความทรงจำในวัยเด็กกลับคืนมา ที่ม่าม๊าเป็นคนอาบน้ำให้ ขณะที่เด็กชายรัชชานนท์ยืนเป็นหุ่นตัวน้อยที่ม่าม๊าทำความสะอาด

“อาบให้กรูบ้างสิ” ประโยคนี้ทำเอาผมแถบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“อาบเองสิ” ผมตอบมันกลับไป
“อะไรอะ ทีบอสยังอาบให้โบ๊ทเลยอ่ะ”  มันงุ้งงิ้งแบบเด็กๆ
“เออๆ” ผมค่อยๆสระผมให้มัน นานแล้วที่ไม่ได้สระผมให้มัน ค่อยๆบรรจงล้างหน้าให้มัน
“หันหลังมา” ผมสั่งให้มันหันหลังเพราะจะได้ถูสบู่ให้มัน
“ชูแขนขึ้น” ไอ้นี่ว่าง่ายเหมือนหุ่นยนต์ สั่งไรก็ทำ

“บอส ๆ ญาติมรึงโกรธอะไรกรูวะ”
“หา” มันลืมตาข้างนึงมองหน้าผม
“ก็น้องชายมรึงชี้หน้าด่ากรูอยู่นี่ไง”
มันรีบเอามือสองมือปิดจุดนั้นแทบไม่ทัน พร้อมกับหน้าที่หล่อๆเปลี่ยนสีเป็นสีแดงเหมือนลูกตำลึงสุก

40 – 0
Game
See You Next Game

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตัดจบก่อนจะขึ้นเรต ฉ นะครับ อิอิ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์นะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ขอบคุณมากๆครับ สำหรับการต้อนรับ
แฮ่ะๆ ผมใจร้อนไปหน่อย ลืมรอคอนอ่าน ขอบคุณที่เตือนครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ความหลังเป็นปมของเรื่่องนี้ครับ เฉลยแล้วมันจะจบเลยครับ ใจเย็นๆนะครับ อิอิ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยครับ^^


หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 12 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 27-03-2014 10:23:09
อ่านแล้วอยากไปตลาดน้ำอัมพวาขึ้นมาทันที เอาจริงๆคือยังไม่เคยไปเลยนะ

นั่งเรือชมหิ่งห้อยริมน้ำแม่กลอง.... :hao5:

ขอบคุณค่ะ บวกได้แค่เป็ดนะ เรายังบวกคะแนนให้ไม่ได้
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 12 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 27-03-2014 18:03:33
@ 13rd Game – Happiness

ผมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ ยืนอยู่ที่ริมระเบียงที่ยื่นลงไปในแม่น้ำแม่กลอง เหม่อมองออกไป เสียงถอนหายใจยาวๆของผม ดังไปเกือบทั้งคุ้งน้ำเพราะนี่มันดึกสงัดแล้ว แต่ทำไมผมยังคงนอนไม่หลับ ในหัวผมเหมือนไฟเขียวไฟแดงในห้าแยก ณ ระนอง ความคิดเหมือนรถแต่ละคันวิ่งกันขวักไขว่ไปหมด ความสุข ความอิ่มเอม ความรู้สึกผิด ความรู้สึกรับผิดชอบ ที่สำคัญความรัก เสียงถอนหายใจยาวๆดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเจ้าของเสียงถอนหายใจนั้น อยากให้รถที่วิ่งกันขวักไขว่ที่เปรียบเสมือนเป็นความคิดในหัวตัวเองถูกโยนออกไปพร้อมลมหายใจ

เสียงบานเลื่อนถูกเลื่อนออก
“นอนไม่หลับเหรอครับ” เสียงบอสถามออกมาในขณะที่มือทั้งคู่ของมันประคองกอดที่เอวของผม ผมอยากให้อ้อมกอดนั้นอยู่กับผมตลอดไป รถอีกคันวิ่งผ่านหัวผมไปอีกแล้ว...

“หืมมมม” เสียงในลำคอมันถามย้ำคำถามเดินอีกครั้ง
“เจ็บเหรอเปล่าครับ” เสียงอ่อนโยนนั้นถามคนที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยความห่วงใย
“ยังจะถามอีก เดี๋ยวเหอะ” ผมเอามือตีมือมัน

ใช่แล้วครับท่านผู้ชม ผมสูญเสียเอกราชไปเรียบร้อยแล้ว =_=

“บอสขอโทษ ก็โบ๊ทน่ารักขนาดนี้ บอสห้ามใจไว้ไม่ไหวจริงๆ”
“มรึงไม่เจ็บนี่หว่า มรึงก็พูดได้นี่ ช่ายยยสิ”เสียผมขึ้นสูงประชดมัน
“น่า นะ ก็ทั้งหมดมันเกิดจากความรักที่บอสมีให้โบ๊ทไง” แหม่ๆๆๆ ผู้ชายนี่มันเป็นแบบนี้ทุกคนป่าววะ ผมนึกในใจ
“แล้วนี่ยังไม่ตอบผมเลย มายืนคิดอะไรอยู่ตรงนี้”
“ก็หลายเรื่องอะ” มันจับผมหันหน้าเข้าหามัน
“ก็ขอโบ๊ทแล้วไง ว่าคืนนี้และพรุ่งนี้ ให้วางทุกอย่างเอาไว้ก่อน ขอแค่มีแค่เรา อยู่กับตรงนี้ที่เราได้อยู่ด้วยกัน ก็พอไงครับ”  อ้อมกอดถูกสวมกระชับเข้ามาอีกครั้ง คางของผมเกยอยู่บนบ่าของมัน ผมสวมกอดมันแล้วปล่อยทุกอย่างไปกับสายน้ำแม่กลอง พร้อมกับบอกตัวเองว่าช่างมันเถอะ นาทีนี้มีแค่เราก็พอ

“บอสมีความสุขจังเลยครับ มีโบ๊ทอยู่ตรงนี้ ในอ้อมกอดของบอส ท่ามกลางดาวสวยๆ บรรยากาศดีๆแบบนี้”

“โบ๊ทดูนั่นสิ” บอสชี้มือไปที่หิ่งห้อยคู่หนึ่งบินหยอกล้อกันอยู่กลางแม่น้ำ
“เหมือนคู่เราเลยเนอะ” แหม่ดูมันเปรียบเทียบ
“เคยฟังเพลง นิทานหิ่งห้อย ไหม” ผมถามมันออกไป
“ของพี่เป็ก ผลิตโชคอะนะ”
“รู้จักด้วย” ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่มันรู้จัก
“ทำไมจะไม่รู้” มันทำเสียงสูง
“แล้วก็รู้ด้วยว่ามีคนบางคนเคยเปรียบเทียบผมเป็นแมงมุมและตัวเองเป็นหิ่งห้อย”
“เฮ้ยยยย”เสียงผมขึ้นสูง พร้อมกับดันมันออก
“มรึงแอบอ่านไดอารี่กรู” สัส มรึงก็รู้ความลับกรูหมดสิ ผมหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขิน

“แต่ตอนนี้คงกลับกันบอสกลายเป็นหิ่งห้อย ส่วนโบ๊ทก็เป็นแมงมุม”
“ทั้งๆที่รู้ว่าปลายทางจะเป็นอย่างไรแต่บอสก็เต็มใจ...” ผมเอายกนิ้วขึ้นมาปิดปากมัน
“ไหนบอสบอกเองว่าจะไม่คุยเรื่องนี้อีกไง”
“บอสขอโทษ”

“ไหนๆ ใครจะให้แมงมุมกิน” ผมทำเสียงใหญ่น่ากลัวขู่มัน แล้วผมก็ประทับริมฝีปากอุ่นลงไปที่ต้นคอมัน
“เอ้ยยยย” มันสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามใจผม จากต้นคอผมเริ่มขยับขึ้นมาที่ใบหูมัน
“โบ๊ท อย่า” เสียงนั้นขาดหายไป ตัวมันอ่อนระทวยลง ผมได้ทีดันมันจนหลังพิงประตูกระจก อีกมือผมเอื้อมไปข้างหลังตัวมันค่อยๆเลื่อนกระจกออก แล้วดันตัวมันเข้าไปในห้อง จับตัวมันกดลงบนเตียง ผมค่อยกดริมฝีปากลงไปที่ปากสีแดงระเรื่อคู่นั้น ลิ้นของผมสอดแทรกเข้าไปในปากสีแดงระเรือที่สั่นไหว เราจูบกันอยู่นาน ก่อนผมจะถอนริมฝีปากนั้นออก

“ขอนะบอส” มันหลับตานิ่ง ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก อย่างนี้ผมถือว่ายกประโยชน์ให้จำเลยนะครับ เรื่องอะไรผมจะยอมเสียเอกราชคนเดียว หุหุหุ

.....

เสียงจ็อกแจ๊ก จุ๊กจิ๊ก ดังมาจากระเบียง ผมลืมตาขึ้นมาอยากยากเย็น มือถูกยกขึ้นมาบังหน้า เพราะเริ่มมีแสงสีทองส่องเข้ามาในห้อง ผมหันไปที่ต้นเสียงจุ๊กจิ๊กนั้น ก็เห็นนกสองตัวกำลังส่งเสียงร้องหยอกล้อกันตรงระเบียง ผมอดยิ้มไม่ได้  และที่ทำให้ผมยิ้มกว้างอย่างมีความสุขยิ่งกว่าก็คือ ชายหนุ่มที่นอนตะแคงข้างอยู่ข้างๆผม ใบหนาที่ได้รูป ขนตาหนาเป็นแผงที่ปิดสนิทอยู่ จมูกที่โด่งเป็นสัน ปากที่ได้รูปสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ๆหนาๆแต่ทว่าอบอุ่นยังคงคล้องเอวผมอยู่

ผมค่อยๆเอาริมฝีปากเข้าไปประทับลงที่แก้มของบอส สูดลมหายใจเข้ามาลึกที่สุด ดวงตายาวรีได้รูปค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆ


“ตื่นแล้วเหรอครับ กี่โมงแล้วอะ” เสียงงัวเงียเอ่ยทักผม ผมเหลือบดูนาฬืกา
“หกโมงครึ่ง ไปใส่บาตรกันไหม”
“เอาสิ” บอสปล่อยมือจากเอวผม แล้วขยับดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“อู้ยยยย” เสียงบอสร้องออกมาเบาๆ หน้าตาเหย่เก
“เป็นอะไรอะ” ผมยิ้มๆหันไปถามมัน
“ยังจะมาถามอีก” มันเหลือบตามองมาที่ผม
“แก้แค้นเหรอเมื่อคืนอ่ะ”  ผมเอี้ยงคอยักคิ้วลิ่วตากวนตีนมันเมื่อได้ยินคำถาม
“ไปล้างหน้าแปรงฟันดีกว่า” ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปห้องน้ำแต่ยังช้ากว่าไอ้ลิงตัวใหญ่มันคว้าเอวผมแล้วดึงเข้าไปกอด
“อย่างนี้ต้องทำโทษ” แล้ว morning kiss จากมันก็ถูกประทับลงที่ริมฝีปากผม
“ไปล้างหน้าดีกว่า” มันปล่อยริมฝีปากออก แล้วหันหลังเดินไปเลย ไอ้เชี่ยยยย มันทำกรูยากแล้วก็จากไป

ผมเดินตามเข้าไปในห้องน้ำ มันกำลังจะหยิบแปรงสีฟันบีบยาสีฟัน
“บอส” มันชะงักแล้วหันมามอง
“ขอกรูทำให้มรึงมั่ง” ผมคว้าเอาแปรงสีฟันกับยาสีฟันจากมือมัน ค่อยๆบีบยาสีฟันใสแปรงมัน แล้วส่งให้มัน
“ขอบใจมาก” มันบอกผมก่อนจะส่งยิ้มให้อีกครั้ง

หลังจากเดินลัดเลาะออกจากคลองด้านข้างรีสอร์ตก็ถึงตลาดอัมพวายามเช้า ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ เรารีบไปหาซื้อของใส่บาตรกัน เพราะตะวันเริ่มสูงขึ้นแล้ว เดี๋ยวจะไม่ทันพระ

หลังจากที่เราสองคนนั่งคุกเข่ารับพรพระเสร็จ เราก็เดินกลับมาที่รีสอร์ตกัน
“โบ๊ท อยากไปทะเลไหม”  ผมหันมามองหน้ามันแล้วยิ้ม
“บอสอยากไปเหรอ”
“ก็มีเวลาอีกทั้งวัน บอสอยากอยู่กับโบ๊ท” มันเอามือมาบีบจมูกผม
“ไปสิ ไปไหนดีอะ”
“ชะอำดีไหม ใกล้ๆ”
“อืมมมม” หลังจากวางแผนกันเรียบร้อย เราก็อาบน้ำกัน (แน่ะๆ คิดอะไรกันอยู่ครับ ไม่ต้องคิดๆ ก็อาบด้วยกันอย่างที่คิดนั่นแหละครับ 555+)

“ใส่ให้เราหน่อย” มันยืนที่รัดข้อมือที่สลักชื่อมาให้
ผมเอื้อมมือไปจับ แล้วค่อยๆใส่ที่ข้อมือมัน รอยยิ้มของมันช่างเป็นสุขเสียมากมาย
“ขอบอสใส่ให้โบ๊ทนะ” มันหยิบอีกอันมาค่อยๆใส่ที่ข้อมือผม แล้วอ้อมกอดของเราทั้งคู่ก็สวมเข้าหากัน

หลังเก็บของเสร็จเรียบร้อย แล้วก็มาจัดการมื้อเช้าที่รีสอร์ต ที่มันรวมอยู่ในค่าห้องแล้ว จะได้ยิงยาวไปชะอำกันเลย

แล้วรถ BMW X1 สีดำ ก็พุ่งทะยานไปบนถนนพระราม2 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนเพชรเกษมที่ อ.ปากท่อ แล้วชีวิตจริงที่เป็นเค้าโครงร่างในอนาคต ถ้าผมยังคบมันต่อไปก็อยู่ตรงหน้า “คุณชายไฮโซกับพ่อบ้านผู้ซื่อสัตย์” ชื่อยังกะซีรีย์เกาหลี

“ขอลูกอมหน่อยครับ”
“เค้าอยากกินมันฝรั่งอะตะเอง”
“ป้อนเค้าหน่อย”
“ขอชาเขียวหน่อยจิ”

เง้อออ แล้วใครจะหยิบให้มันล่ะครับ ก็ผมนี่ล่ะซิ นี่ถ้ากรูไม่เห็นว่ากรูฝากชีวิตไว้ในมือของมรึงละก้อ หึหึ จะเอาหัวพุ่งชนซะให้เข็ด จริงๆก็รู้ล่ะครับว่ามันอยากอ้อน อยากให้ผมเอาใจมัน

“ง่วงไหม” ผมถามมันเพราะเมื่อคืนจริงๆแล้วเราก็นอนนับชั่วโมงกันได้เลย
“ไม่หงะ” มันส่ายหัว
“โบ๊ท ล่ะง่วงไหม” นิดนึง
“ง่วงก็นอนก็ได้นะครับ เดี๋ยวบอสจะขับรถให้นั่งเอง ไม่ต้องห่วง” มันเอามือทุบอกตัวเองเบาๆ และยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ
“งั้นของีบนึงนะ”
“ครับ”

แล้วนิ้วมือของบอสก็ประสานเข้ากับนิ้วมือของผม แอร์เย็นๆ กับเสียงเพลงเบาๆ กับความอบอุ่นที่ได้รับถ่ายถอดมาจากมือของคนข้างๆ ตาของผมค่อยๆปิดลงอย่างช้าๆ

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แต่รู้สึกว่ารถกำลังจะหยุดเคลื่อนที ผมค่อยลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพที่เห็นคือ ชิงช้าสวรรค์สีสันสวยงามอันใหญ่ ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ทะเลชะอำ มีชิงช้าสวรรค์ตั้งแต่เมื่อไรวะ แล้วนี่กรูอยู่ไหนนิ๊

“โบ๊ทครับ ตื่นได้แล้ว”
ผมกระพริบตาถี่ เพื่อไล่ความงัวเงีย แขนทั้งสองข้างยกขึ้นบิดตัวไล่ความขี้เกียจ
“ที่ไหนอะ”
“ซานโตรินี่”  มันบอกผม พร้อมกับเอี้ยวตัวมาประทับริมฝีปากที่แก้มผมอีกครั้ง
“ไปหาอะไรกินกัน”

15-40
Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 13 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 27-03-2014 18:39:30
แอร๊ะมีสลับ

เที่ยวตลอดนะรู้สึก  หวานๆ
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 13 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 27-03-2014 23:01:17
@ 14th Game – Serparate

เมื่อเข้ามาถึงภายในซานโตรินี่ คุณชายบอสอยากกินราเมน เราก็เลยไปร้านราเมน นั่งรอเพียงไม่นาน ราเมนชามโตก็ถูกนำมาเสริฟ
“เดี๋ยวกินกันเสร็จแล้วไปถ่ายรูปกันนะครับ” มันบอกผมพร้อมกับตักน้ำซุปราเมนเข้าปากไป
“นึกไงล่ะนี่”
“ก็ไม่นึกไง อยากมีรูปคู่กับโบ๊ทเก็บไว้อะ” มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ที่นี่สวยดีเนอะ” ผมบอกมัน เพราะบรรยากาศร้านรวง เป็นสีขาวสไตล์เกาะ ซานโตรินี ที่กรีซ ประตู หน้าต่างสีสันสดใส แถมยังมีมุมจัดไว้ให้ถ่ายรูปอีกนับไม่ถ้วน สวยๆทั้งนั้น

หลังจากจ่ายตังค์ค่าราเมนกันเรียบร้อย เราก็ออกไปเดินย่อยกัน

“โบ๊ทครับ” ผมหันไป
“แชด” เสียงชัดเตอร์ xperia z1 ของมันดังขึ้น
“ทำไมไม่บอกดีๆ เดี๋ยวกรูไม่หล่อกันพอดี”
“แบบนี้ก็ดี ธรรมชาติดี”   มันบอกผมพร้อมกดดูรูปในโทรศัพท์
“ไหนเอามาดูหน่อย” มันหันโทรศัพท์มาให้ผมดู
“ดีนะ อะไรก็ฆ่าความหล่อกรูไม่ตาย 555” เสียงถุยน้ำลายดังไล่หลังมา
ผมก็ควักไอโฟน ออกมา
“บอสมายืนตรงนี้หน่อย” ผมเรียกมันให้มายืนตรงกำแพงที่มีตัวโน้ต กับบรรทัด 5 เส้น มันก็เดินมาตามที่ผมบอก ก่อนจะทำหน้าหล่อ (คือว่ามรึงไม่ต้องทำมันก็หล่ออยู่แล้วไอ้สาด”
“หนึ่ง สอง ซั่ม” เรียบร้อยแล้วมันกวักมือให้ผมเดินเข้าไปหามัน
“ว่าไงมรึง” มันจับผมหันหลังเข้าหามัน แล้วยกแขนเอา xperia z1 ของมันชูขึ้นไป
“เอานะ ชีสสสสส”
“แชด”
“เอาของกรูด้วย” ผมส่งไอโฟนไปให้มัน
“ชีสสสสสส” มันส่งเสียงออกมา แล้วเราทั้งคู่ก็ฉีกยิ้มมม
“แชด”

“แปป นึงนะ” มันเดินออกไปหาพี่สาวคนหนึ่งที่กำลังเดินผ่านมา
“ช่วยถ่ายรูปให้หน่อยได้ไหมครับ” มันขอให้พี่เค้าช่วยถ่ายรูปให้
“ได้ค่ะ”
“ขอสองเครื่องเลยนะครับ” มันส่งทั้ง xperia z1 กับ iphone 5 ให้พี่เขาช่วยถ่ายรูปให้เรา
“ขอบคุณนะครับ” พวกเราขอบคุณพี่สาวคนนั้นที่หันมายิ้มให้พวกเราอย่างยินดี

แล้วสงครามถ่ายรูปก็เกิดขึ้น
“มรึง ๆ ตรงนี้ก็สวย ถ่ายให้กรูหน่อย”
“ถ่ายให้บอสด้วย”
“บอสครับถ่ายตรงนี้ให้โบ๊ทด้วย”

แล้วเราก็มาปิดท้ายที่ร้านขายน้ำองุ่น จัดการน้ำองุ่นกันไปคนละแก้ว เริ่มหิวน้ำหลังจากตะเวนถ่ายรูปกันมาสักพัก

“ไปทะเลกันเถอะโบ๊ท”
“อืมมม เดี๋ยวจะไม่ถึงทะเล” ผมแขวะมัน เพราะมันลากผมไปถ่ายรูปเสียจนเกือบลืมว่าจะมาทะเล

รถคันหรูสีดำ มาจอดตรงริมหาด ชะอำ หาดยาวสุดลูกหูลูกตา ทะเลสีฟ้าสดใส แดดเจิดจ้า เพราะนี่จะบ่ายสองอยู่แล้ว

“ขอโทรศัพท์หน่อย” มันบอกผม
“ทำไมอะ”
“ก็จะเก็บไว้ในกระเป๋าอะ ไม่ต้องเอาลงไปหรอก เพื่อเล่นน้ำอีก”
ผมส่งโทรศัพท์ให้มัน มันกดปิดเครื่องครับทั้งของผมและของมัน

แล้วเราก็เก้าอี้ชายหาดคู่หนึ่ง ที่หันหน้าออกทะเล ลมทะเลโบกสะบัดทำให้ร่มที่เรียงยาวกระเพื่อมตามจังหวะลม เราสั่งส้มตำปูม้า และน้ำอัดลม นั่งชิลปล่อยอารมณ์ให้ลอยไปกับ สายลม แสงแดด และเกลียวคลื่น

“ทาซันบล็อกไหม” ผมเอ่ยถามมัน หลังจากที่ทาให้ตัวเองเรียบร้อย ไม่ได้หรอก เดี๋ยวดำ แค่เทนนิสผมก็แย่แล้ว
“ทาให้หน่อย”
“ไอ้เชี่ยยยยย นี่มันชายหาดนะโว้ย ไม่ใช่ห้องนอน” ผมด่ามัน
“นะ นะ” เจอลูกอ้อนแบบนี้ทีไร เสร็จมันทุกที
ผมค่อยๆทาซันบล็อกที่แขนมันช้าๆ จนมันซึมเข้าผิว มันนั่งยิ้มแก้มแถมปริ
“อยากเล่นน้ำไหม”
“อืมม เอาสิ” ยังไม่ทันตอบมันเสร็จดี มันก็ถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม รูปร่างสมส่วน ถึงแม้จะไม่ได้มีกล้ามเนื้อชัดเจน แต่ก็ได้รูปสวยงาม
“เร็วสิ” มันหันมาเร่งผม ผมถอดเสื้อออก
“วี๊ดวิ่ว” เสียงเป่าปากดังขึ้น
“จะเป่าปากเชี่ยไร” มันด่ามันกลับไป ก่อนที่มันจะเดินเขามาใกล้ๆ
“ก็เมียกรูแมร่งหุ่นดีชิบหาย”
“สัส ใครเมียมรึง” ผมด่ามันกลับไป
“ได้ข่าวว่า เมื่อคืน” ยังไม่ทันจะพูดจับดี ไอ่ลอวมันคว้าข้อมือผมแล้วลากวิ่งไปทะเลคราบ T-T

ผมถึงทะเลมันผลักผมกลิ้งคลุกๆ แล้วยังหัวเราะเยาะใส่ผมอีก คิดว่าผมจะยอมไหมครับ ไม่มีทาง ผมตั้งหลักได้ ผมกระโดนขึ้นไปขี่หลังมัน มันล้มลงหน้าทิ้มลงน้ำไปเลย 555+ หน่อยแนะนี่ที่บังอาจแกล้งกรู

เวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็ว หลังจากเล่นน้ำกันจนหมดแรง ก็มานอนตากลมทะเลใต้ร่มสีสันสวยงาม แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับกันเสียที ใจของผมหาย รู้สึกหน่วงที่ท้องยังไงก็ไม่รู้

บอสแวะที่รถ ก่อนจะหยิบกระเป๋าสำหรับอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว แล้วก็ชุดใหม่ ขณะที่ผมเดินข้ามถนนริมหาดไปที่อาคาร เพื่อติดต่อเรื่องห้องอาบน้ำ

“ตอนนี้เหลือห้องเดียวหว่ะ”
“ห้องเดียวก็ห้องเดียวสิ อาบด้วยกันก็ได้”
“ไอ้เชี่ยยย” พี่เจ้าของห้องอาบน้ำยิ้มไม่หุบ

หลังจากที่อาบน้ำห้องเดียวกับมันเสร็จ ผมยืนหันหลังให้มันอยู่ สลัดน้ำที่อยู่ตามตัว มันหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้ผม ผมเหมือนรู้สึกมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ ฝ้าน้ำเริ่มขึ้นมาเกาะที่นัยต์ตา ใจผมมันสั่นๆ แล้วผมก็หันหน้าเข้าหามัน กอดมันแน่นในอ้อมแขนของผม มันกอดผมตอบ ปล่อยให้ร่างกายของเราถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกคนรับรู้

กว่าที่รถเริ่มทะยานมุ่งหน้ากลับเข้ากรุงเทพฯ ก็เกือบจะสี่โมงเย็นแล้ว มันจับมือผมไว้ ผมเอนหัวไปซบที่ไหล่มัน เป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและมีความสุขไปพร้อมๆกัน เพราะเราต่างรู้ว่าเวลาของเราใกล้จะหมดลงแล้ว แต่อีกส่วนก็เต็มไปด้วยความสุขที่เรายังคงอยู่ด้วยกัน แล้วเราจะใช้ทุกวินาทีที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุด อยากหยุดเวลาไว้แค่นี้จริงๆ

รถคันหรูฝ่าการจราจรที่ติดขัดมาจอดลงตรงหน้าบ้านที่คุ้นเคย บอสดับไฟหน้ารถลง มือของเรายังคงจับกันไว้ ก่อนมันจะคลี่ยิ้มให้ผม

“ขอบคุณ โบ๊ทมากนะ บอสมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับโบ๊ท”
“บอสจะเก็บทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันไว้ให้ลึกสุดใจ”
“ก่อนที่ความรักของเราจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ”
“ก่อนที่เรื่องของเราจะกลายเป็นความหลัง”
“ก่อนที่ทุกอย่างของจะกลายเป็นเพียงรูปภาพ”
“บอสแค่อยากให้โบ๊ทรู้ไว้เสมอนะ บอสรักโบ๊ทที่สุด ตลอดมาและตลอดไป”

ในใจผมอยากจะร้องตะโกน ไม่เอา ไม่เอาแบบนี้ แต่ผมทำได้แต่กัดริมฝีปากไว้เท่านั้น

“โบ๊ทรักบอสนะ ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังคงรักบอสไม่เคยเปลี่ยน” ผมไม่สามารถฝืนกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไป ผมร่ำไห้จนตัวโยน มันเอื้อมคว้าตัวผมไปกอด

ผมไม่อยากจะปล่อยมันไปเลย แต่ผมยังมีอีกคนที่ไม่เคยทำอะไรผิด ที่ไม่เคยจะไม่ดีกับผม ที่ผมยังต้องรับผิดชอบอยู่ ทำไมการจากลามันโหดร้ายอย่างนี้ เหมือนมีมีดกรีดลงไปที่ใจของผม มันเจ็บปวดแถบขาดใจ ผมคิดว่าไอ้บอสก็คงรู้สึกไม่ต่างจากผม แต่พวกเรายังต้องอยู่ใบโลกของความเป็นจริง ยังต้องรับผิดชอบต่อผลของการกระทำ ความสำนึกผิดชอบชั่วดีที่เรายังต้องรักษามันไว้ การจากลาที่ความรักยังคงอยู่ ไม่ได้มีใครคนใดหมดรัก มันเป็นการจากลาที่แสนเศร้า

ดังเหมือนใจจวนขาดลงทุกที
เมื่อรู้เวลาที่มีใกล้หมดลงไป
เหลือแค่ชั่วราตรี วันพรุ่งนี้ต้องห่างกันไกล
ร้างหางไปไม่คืนมา

อยากขอมองเธอให้นานแสนนาน
อยากซบอิงพิงกายกัน จดจำตรึงตา
ใช้ทุกๆนาที ก่อนที่สองเราจะล่ำลา
ใช้เวลาที่ยังเหลืออยู่

จะเก็บเอาวันเวลาดีๆ ที่เรามีกัน
ไว้เติมคืนและวัน ยามไม่มีเธอ
จะเก็บไอรักที่เรายังมี ต่อกันค่ำนี้
ไว้เติมใจยามเธอห่างไกล

จากนี้ไปนานผ่านเดือนพ้นปี
อีกร้อนพันคืนที่มีก็คงเดียวดาย
ขอไว้แค่คืนเดียว ที่จะฝั่งตรึงในหัวใจ
เพราะเป็นคืนสุดท้ายของเรา


เสียงประตูรถปิดลง เหมือนโลกทั้งโลก เหมือนชีวิตของเรา พังทลายลงไปชั่วพริบตา ต่อจากนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว.........

40 - 15
Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 14 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-03-2014 00:29:26
 :katai1: ถ้าแกยังรักกันมากขนาดนี้ แถมยังกลับมากินกันเองอีก
ทำไมแกไม่กลับไปคยกัน โบ๊ทก็ยังรักบอสอยู่ชัดๆ
อย่ามาอ้างว่ามีแฟนแล้ว ถ้ารักแฟนจริงแกจะนอกใจแฟนเหรอฮ๊ะ
เราละเพลียกับโบ๊ทจริงๆ

อ้างถึง
“ขอบคุณ โบ๊ทมากนะ บอสมีความสุขมากๆที่ได้อยู่กับโบ๊ท”
“บอสจะเก็บทุกวินาทีที่เราอยู่ด้วยกันไว้ให้ลึกสุดใจ”
“ก่อนที่ความรักของเราจะกลายเป็นเพียงความทรงจำ”
“ก่อนที่เรื่องของเราจะกลายเป็นความหลัง”
“ก่อนที่ทุกอย่างของจะกลายเป็นเพียงรูปภาพ”
“บอสแค่อยากให้โบ๊ทรู้ไว้เสมอนะ บอสรักโบ๊ทที่สุด ตลอดมาและตลอดไป”

บอสมันเป็นพระเอกเกินไปแล้ว ถ้ามีอีกคนมาจีบโบ๊ท สงสัยจะโดนโหวตไม่ให้ไปต่อ

รักเขาก็พยายามคืนดีสิ ในเมื่อก็รู้ว่าโบ๊ทรักเหมือนกันและเล่นด้วย
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 14 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 28-03-2014 01:14:40
รักกันไม่ใช่เหรอ  :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 14 26/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 28-03-2014 10:50:35
@ 15th Game – Boss

สวัสดีครับผม บอส จารุวัฒน์ อรรถกร ประธานสภานักเรียนปีนี้ครับ วันนั้นเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ผมกำลังยุ่งเหยิงอยู่กับกองเอกสาร เพราะไอ้อาร์ม เลขาสภานักเรียนมันดันป่วย แล้วมาสเซอร์จะเอาเอกสารการประชุมเมื่อครั้งที่แล้ว ขณะที่ผมกำลังก้มหน้าก้มตาควานเอกสารที่โต๊ะไอ้อาร์มอยู่นั้น เสียงประตูห้องสภานักเรียนถูกเปิดออก ผมแถบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง

โบ๊ท รัชชานนท์ สุขอนันต์ คนคุ้นหน้าคุ้นตาผมดี ใบหน้าที่ผมไม่สามารถลบเค้าออกไปได้จากหัวใจ คนที่ผมเคยทำผิดกับเค้าเอาไว้ คนที่ผมเคยใจร้ายและเลือดเย็นเหลือเกิน คนที่ทำให้ผมโทษตัวเองจนถึงทุกวันนี้

มันงกๆเงิ่นๆ ที่เห็นผมอยู่คนเดียว

“ชมรมเทนนิสมาทำอะไรถึงนี่ครับ” นี่คือประโยคแรกที่ผมพูดกับมันหลังผ่านมาจะ 2ปี มันสะดุ้งโหย่ง
“เอาเอกสารขอใช้สนามเทนนิสมายื่นหน่ะ” เสียงนี้ผมไม่ได้ยินเสียงนี้มาจะ 2 ปีแล้ว โดยเฉพาะที่เจาะจงพูดกับผม
“ฝากช่วยเร่งให้หน่อยนะ” ห๊ะ ยังจะกล้าให้ช่วยเร่งอีก ทั้งที่เพิ่งจะยื่นเอกสารวันนี้นี่นะ ผมกวาดสายตาหาวันที่ที่ลงไว้ในเอกสาร จะใช้ภายในวันพุธนี้ นี่มันวันจันทร์ เห็นสภานักเรียนเป็นอะไรนี่ เสกได้หรืออย่างไง ผมใส่มันเป็นชุดในใจ
“แล้วทำไมไม่ยื่นให้เร็วกว่านี้ครับ” ขอกวนประสาทมันหน่อยเถอะ อยากให้เร่งก็ขอร้องสิ
“ช่วยเร่งให้หน่อยนะ” เอากับเค้าสิ ขอผมจริงๆด้วยอะ สงสัยงานนี้มันคงจำเป็นจริงๆ ขนาดมันซึ่งเป็นประธานชมรมออกหน้ามาเอง ปกติเคยเห็นมันที่ไหน ชมรมเทนนิส ส่งแต่ไอ้แบงค์มาประชุมแทนประจำ

“ก็ตามคิวอะนะ ชมรมที่ไม่ค่อยมีผลงานจะเรียกร้องอะไรมาก” ผมรู้แน่ว่าประโยคนี้ มันจะต้องควันออกหูแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงอย่างคาด งานนี้สนุกแน่ๆ ผมก็ไม่รู้หัวใจตัวเองเหมือนกันว่ากวนประสาทอยากเอาชนะมัน หรือผมจะเอาหัวใจของผมกลับมากันแน่....

แล้วงานยากก็มาอยู่ที่ผม ไอ้อาร์มก็ไม่มา ผมออกหน้าไปคุยกับมาสเซอร์เอง เดินเอกสารทั้งหมดเอง ไม่งั้นก็คงไม่มีทางที่จะได้รวดเร็วขนาดนั้นหรอกครับ

“เออ บีมครับ” ผมเรียกไอ้บีมหนึ่งในทีมเทนนิสของโรงเรียนผมเห็นมันกำลังเดินมาทางนี้
“ฝากเอาเอกสาร กับกุญแจกล่องไฟให้กับประธานชมรมเทนนิสหน่อยครับ” ผมฝากมันเอาไปให้โบ๊ทครับ แล้วก็ย่องแอบไปดูหน้ามันตอนเห็นหน่อยว่าจะเป็นอย่างไงมันจะยิ้มไหม แล้วก็เป็นอย่างที่คาด หน้ามันเหว่อได้ใจผมมาก

“มาดูไอ้โบ๊ทซ้อมเหรอไอ้บอส” ประโยคนี้ทำเอาผมสะดุ้ง ไอ้เบนซ์ครับ พี่ชายไอ้โบ๊ท และมันยังเป็นเพื่อนร่วมห้องผมอีก
“กรูเอากุญแจกล่องไฟ และหนังสือขออนุญาติใช้สนามมาให้พวกมันอ่ะ” ผมไม่รู้จะเลี่ยงบาลีอย่างไรก็ตอบมันไปตามนั้น
“ประธานสภามาเองเลยเหรอวะ” ยัง มันยังไม่หยุด ดูหน้าตามันกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่น ต้องชิ่งแล้วว่ะตรู
“เออ กรูไปก่อนนะ” ตัดบทจบไปดีกว่า....

…..

เย็นนี้ผมตัดสินใจแวะไปเยี่ยมไอ้อาร์ม มันอยู่คอนโดคนเดียว ป่วยมาจะสองวันแล้ว เดี๋ยวมันเป็นอะไรไป ผมต้องหาเลขาใหม่ ขี้เกียจปวดหัว
“เออ กรูไม่เป็นไรมากหรอก วันนี้กินยาดีขึ้นมากแล้วมรึง” มันดูลุกลี้ลุกลน พิกล
“นอนพักอีกวันก็คงหาย” ไอ้เวร กรูอุสาห์มาเยี่ยม แวะซื้อโจ๊กมาให้มันอีก ทำท่าทำทางเหมือนจะไล่กรูกลับ
“อืมม งั้นก็พักผ่อนเยอะๆแล้วกันนะ” ผมสั่งมัน
“งั้นกรูกลับล่ะ”
ผมหันไปคว้ากระเป๋า เดินมาที่หน้าประตู แต่เสียงกดกริ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมคว้าลูกบิดเปิดประตูออก แล้วผมก็ถึงบางอ้อว่าทำไมไอ้อาร์มถึงอยากจะให้ผมรีบกลับนัก

เด็กหนุ่มหน้าตาดี ตี๋ๆ สะพายโคฟเว่อร์เทนนิสยืนอ้าปากหวอ อยู่หน้าประตู ไอ้แบงค์ครับ...
ผมหันไปยิ้มมุมปากพร้อมพยักหน้าใส่ไอ้อาร์ม หึหึหึ
....

เช้านี้เป็นเช้าอีกวันที่ผมต้องรีบมาห้องสภา เพราะไอ้อาร์มยังไม่หายป่วย ผมดึงประตูห้องสภานักเรียน แล้วก้าวเดินเข้าไปอย่างเร่งรีบ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อผมจะชนกับใครคนหนึ่งที่กำลังหันหลังเดินออกมา

ไอ้โบ๊ท ครับ นี่คงจะเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะ ผมคิดในใจ ประธานชมรมเทนนิสมาห้องนี้สองวันติด ซึ่งปกติไม่เคยจะเห็นแม้แต่เงา กระทั่งเวลาถูกเรียกประชุม

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ

แล้วเสียงที่คุ้นชินนี่ก็ดังทำลายความเงียบ นี่มันคงจะเป็นมากกว่าพรหมลิขิตแล้วล่ะ มันยังใช้เสียงเรียกเข้าเป็นเพลงนี้อยู่ ผมยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ได้เวลาปฏิบัติการตามล่าหัวใจของผมกลับคืน จะเริ่มขึ้นแล้ว

เย็นนี้เป็นอีกวันที่หัวใจของผมสั่งให้เท้าผมเดินไปด้อมๆมองๆ อยู่ที่คอร์ทเทนนิส แล้วพระพรหมก็ทำงานของท่านครับ ผมเห็นลูกเทนนิสที่ไอ้แบงค์ประเคนใส่ดั้งไอ้โบ๊ทแบบเต็มๆ ตอนแรกผมก็ขำ อะไรของเค้าวะ เป็นนักเทนนิสแท้ๆ แต่เห็นเลือดที่ไหลทะลักออกมา ก็ขำไม่ออกแล้วครับ รีบวิ่งเข้าไปประคองตัวมันทันที ท่าจะไม่ค่อยดีแล้ว นี่ถ้ากระดูกแตกจะทำอย่างไร ด้วยความเป็นห่วงผมก็ลากมันไปโรงพยาบาลในที่สุด


แล้วผมก็เข้ามาบ้านนี้อีกครั้ง บ้านที่มีต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน บ้านที่ผมเคยมาจนเกือบจะเป็นบ้านหลังที่สองของผม ผมยกมือขึ้นไหว้ สวัสดี คุณพ่อกับคุณแม่ และโอกาสก็เข้าข้างผมอีกครั้ง
“คืนนี้นอนนี่นะลูก มันดึกแล้ว” เสียงของคุณแม่เอ่ยปากชวนผม
“ครับ” ผมตอบท่านไปโดยที่ไม่ต้องคิด นั่นทำให้เราได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง

ผมอยากให้มันรู้เหรอเกินว่าใจผมไม่เคยเปลี่ยนไปจากเดิม แล้วเพลงนั้นก็ถูกร้องพร้อมกับกีตาร์ ที่ผมตั้งใจร้องให้ดังพอทีมันจะได้ยินตอนที่มันกำลังอาบน้ำอยู่

แต่แล้วผมก็ใจหายเมื่อไอ้โบ๊ทมันรับโทรศัพท์จากเมย์ นี่ผมกำลังเพ้อไปคนเดียวใช่ไหม เขามีแฟนแล้วทั้งคน แล้วผมยังจะหวังอะไรอีก นี่คงเป็นเวรกรรมที่ผมเคยทำกับมันไว้สนองผมเข้าให้แล้ว คืนนั้นสารภาพเลยครับว่านอนไม่เป็นสุกทั้งคืนและเพลงนี้ก้องอยู่ในหัวผมตลอดเวลา

Never mind
I'll find someone like you
I wish nothing but the best for you too
"Don't forget me," I begged
"I'll remember," you said
"Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead."
Sometimes it lasts in love
But sometimes it hurts instead,

พอมาถึงโรงเรียน ผมก็โดนไอ้บูมประธานเชียร์ปีนี้ซักฟอกขนาดใหญ่ ก็คุณชายโบ๊ทดันหลุดปากไป แต่ถ้ามันไม่หลุดปาก ความก็คงแตกเพราะเสื้อมันที่ผมใส่อยู่อยู่ดี แล้วเย็นวันนั้นพระพรหมท่านก็คงสงสารผม เพราะท่านส่งให้ผมต้องหิ้วปีกมันกลับบ้าน มันเมาต้องเรียกได้ว่า เมาอย่างกะไอ้มะนาว แถมผมยังโดนมันหลอกด่าผมอีก ว่าผมทรยศมัน สาบานนะว่ามันเมาอยู่ ผมไม่รู้นะว่ามันจะได้ยินไหม แต่ผมก็บอกมันไปแล้วว่าผมไม่เคยทรยศมัน

แล้วคำขอโทษ คำสารภาพที่ผมบอกว่า “ไม่มีวันไหนที่ผมไม่คิดถึง ไม่เคยมีวันไหนที่ผมจะไม่รักมัน” ก็ถูกพูดออกไปผมอยากให้มันอภัยกับสิ่งที่ผมเคยทำพลาดไปในอดีต ผมเพิ่งจะรู้จริงๆว่า เหตุการณ์ครั้งนั้นผมได้ทำร้ายหัวใจคนๆหนึ่งยับเยิน จนเขายังจำฝั่งใจจนทุกวันนี้ ไม่เป็นไรผมเป็นคนเริ่มทำให้หัวใจเขาเป็นแผล ผมก็ต้องเป็นคนเยียวยาหัวใจดวงนั้นให้กลับมาดีเช่นเดิม

สุดท้ายความลับของคุณ ปฏิภาณกับคุณญาณโชติ ก็แตกโพละ บนรถไฟฟ้า ความลับมันไม่มีในโลกจริงๆนะครับ เหมือนกฎแห่งกรรม ที่มันหมุนเร็วเสียนี่กระไร ผมเคยทำโบ๊ทเสียใจ วันนี้ผมก็ได้รับผลของการกระทำนั้นแล้ว พรุ่งนี้ โบ๊ทกับเมย์ นัดกันไปสยาม หัวใจผมหล่นหายไปไหนก็ไม่รู้ ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลยทั้งวัน ตอนเย็นประชุมสภากับมาสเซอร์ ก็นั่งเป็นหุ่นยนต์

หัวใจผมก็สั่งให้ผมมาสยาม ผมอยากรู้ให้แน่ว่าใจผมคิดกับมันอย่างไรกัน มันจะเป็นอย่างไรถ้าผมเห็นมันอยู่กับเมย์ อาการหน้าชา มือไม้ชา หัวใจชาๆ เหมือนมีมีดกรีดลงที่หัวใจ รู้สึกปวดใจ มันเป็นแบบนี้นี่เอง ดูโบ๊ทมันก็มีความสุขตามประสาของมันเวลาอยู่กับเมย์ แต่ที่ทำหัวใจผมสลายที่สุด ก็ตอนที่มันหอมหน้าผากเมยในโรงหนังนั่นเป็นภาพที่ทำร้ายผมมากที่สุด

เพลงพี่ปั๊ป ดังก้องอยู่ในหัวของผม

นี่แหละคือความเสียใจ
ความเสียใจมันเป็นอย่างนี้จำซะใหม่
ต้องเจ็บจนร้องไห้โดยไม่อาย
ต้องช้ำทุรนทุรายขนาดนี้.....

ผมตัดสินใจจะไปหามันที่บ้าน ผมว่าเราต้องคุยกันจริงๆเสียที แต่พอเปิดประตูห้องออกมา ก็เจอมันยืนหน้าเหวอ อยู่หน้าห้องแล้ว พอเจอหน้ามัน ผมก็แพ้ใจตัวเอง ยอมแพ้ตัวเอง ด้วยการยืนข้อเสนอเพื่อขอต่อรองเวลา ให้ผมได้อยู่กับมันอีกเพียงหนึ่งวันก็ยังดี

อัมพวา คือที่เรากำลังจะมุ่งหน้าไป เพราะมันคือที่ๆเป็นความหลังของเรา เผื่อโอกาสผมยังคงมี ทั้งที่ก็รู้ว่าริบหรี่ แต่สิ่งที่หล่อเลี้ยงคนเราอยู่ได้มันก็คือความหวังไม่ใช่หรือ

ผมลูบที่รัดข้อมือที่ผมใส่อยู่ตอนนี้ นั่นคือสิ่งเดียวที่ยึดโยงใจผมกับโบ๊ทไว้ ผมไม่ลังเลเลยสักนิดตอนสั่งทำ อัมพวายังคงสวยงาม หิ้งห้อยกับต้นลำพูยังคงงดงาม บรรยากาศทุกอย่างทำให้เราถล้ำตัวกันไปอีก และตอกย้ำว่าเราเป็นของกันและกันถึงแม้ผมจะไม่ค่อยเต็มใจจะเป็นของมันสักเท่าไรก็ตาม นั่นยิ่งทำให้ผมยิ่งตกลึกลงไปในหลุมที่เรียกว่าความรัก

“ไปทะเลกันไหม” คือสิ่งที่จะทำให้ผมไม่ต้องกลับกรุงเทพฯเร็วๆ ทำให้ผมได้ใช้เวลาอีกวัน เก็บเกี่ยวทุกวินาทีที่จะได้อยู่กับโบ๊ท ภาพที่เราถ่ายรวมกัน เวลาที่เราได้ใช้ร่วมกัน ผมจะเก็บมันเอาไว้ตลอดไป ไม่ใช่แค่ความทรงจำเพราะเราอาจจะลืมมันได้ แต่ผมจะสลักมันเอาไว้ในหัวใจของผมที่ๆผมไม่มีทางจะลืมมันไปได้

ตลอดทางขากลับ ผมเฝ้ารอปฎิหาริย์ ๆ ที่จะทำให้โบ๊ทเลือกที่จะอยู่กับผม ปฏิหาริย์ที่ผมรู้ดีว่า โบ๊ทไม่มีวันทำ เพราะผมรู้จักโบ๊ทดี เวลาที่ผมต้องรับความจริง ใกล้เข้ามาทุกที ผมคงทำได้เพียงเท่านี้

“โบ๊ทรักบอสนะ ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็ยังคงรักบอสไม่เคยเปลี่ยน” ประโยคนี้จะเป็นเหมือนน้ำที่คอยหล่อเลี้ยงหัวใจผม ให้พอยังมีแรงหายใจต่อไป
ในที่สุดวินาที โลกทั้งโลกของผมก็พังทลายลงไปชั่วพริบตา ก็มาถึง ต่อจากนี้ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว............

อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็เคยได้ชื่อว่าเป็นคนรักกัน
อย่างน้อยก็ยังมีคืนและวันที่เคยมีความหมาย
อย่างน้อยจะยังมีเธอในใจ และแม้เวลาจะเปลี่ยนไปนานสักเท่าไร
ฉันจะจำไว้ว่าเราเคยรักกัน
........
อย่างน้อยเราเคยรักกัน อย่างน้อยเธอเคยรักใช่ไหม
อย่างน้อย อย่างน้อยๆ เราก็เคยรักกันมากมาย

Extend Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 15 28/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 28-03-2014 18:00:39
@ 16th Game – Friends

เช้านี้ครอบครัวสุขอนันต์นั่งพร้อมกันอยู่ที่โต๊ะอาหาร น่าแปลกที่ไอ้โบ๊ท ตื่นแต่เช้าโดยที่ไม่ต้องมีใครปลุก แต่ที่ทำให้ทุกคนในบ้านมองตากันปริบๆ ก็คือตาที่บวมตุ่ย กับอาการเหม่อลอยของมัน แม้ขณะตอนนี้ที่ทั้งครอบครัวนั่งอยู่ตรงนี้

“โบ๊ท ทานข้าวสิลูก ม๊าเห็นลูกเอาแต่นั่งเขี่ยข้าว ไม่เห็นทานสักคำ” เด็กหนุ่มสะดุ้งเมื่อผู้เป็นแม่เรียก
“โบ๊ทไม่ค่อยหิวอะม๊า” มันตอบม๊า
“ไม่ได้นะลูก มื้อเช้าลูกต้องทานอะไรหน่อย จะไม่ทานอะไรเลยไม่ได้”  หญิงสาววัยกลางคนลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปในห้องครัว สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับนมที่อุ่นๆ

“งั้นก็ต้องดื่มนมนี่ให้หมด”
ม๊ามองหน้าป๊า หนึ่งทีก่อนที่ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับ ครอบครัวเรามีกันแค่ 4 คน ป๊ากับม๊า รักพวกเรามาก ไอ้โบ๊ทเป็นเด็กร่าเริง ขี้โวยวาย ไม่ใช่คนเงียบและเหม่อลอยแบบนี้ แล้วมีหรือที่ทั้งบ้านจะไม่สังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของมัน
“ครับม๊า” มันรับคำม๊า แล้วก็ค่อยๆยกนมอุ่นๆแก้วนั้นดื่มจนหมด
“โบ๊ทไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” มันพูดเสร็จก็ลุกขึ้นเดินไปเตรียมข้าวของที่ห้องรับแขก

“เดี๋ยวเบนซ์ดูน้องให้นะม๊า” ม๊าพยักหน้ารับคำ
“ดูๆมันหน่อยลูก ป๊าว่ามันคงมีเรื่องที่คิดไม่ตก” ป๊าเอามือมาตบบ่าผม
“แต่เดี๋ยวทุกอย่างก็ต้องผ่านไป” เสียงผู้เป็นพ่อปิดท้ายพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบหลังภรรยาคู่ทุกข์คู่ยาก

ผม เบนซ์ ชญานนท์ ครับ เป็นพี่ชายไอ้ตัวแสบของไอ้คุณโบ๊ท รัชชานนท์ครับ วันนี้ขอรับหน้าที่แทนไอ้น้องชายวันหนึ่งนะครับ นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไอ้น้องชายตัวแสบผม มีอาการเป็นหมาเบื่อโลก ครั้งสุดท้ายที่เห็นคือตอนม.3 เทอม2 เมื่อวันเสาร์เช้าก่อนมันจะไปสยามยังดีๆอยู่เลย แล้วงานหนักก็ตกอยู่ที่ผมจนได้สิ
“มรึงเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามมันตอนลงจาก BTS
ส่ายหัวคือคำตอบจากมัน
“ค่อยๆคิด ถ้ายังคิดไม่ออกก็ปล่อยวางมันไปก่อน เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เจอทางออกนะมรึง” ผมเอื้อมมือไปตบบ่ามันสองที
“มรึ่งอยากเล่าเมื่อไรก็เล่าให้พี่ฟังแล้วกัน” ถามตอนนี้ก็คงเปล่าประโยชน์ มันพยักหน้ารับคำ
“เดี๋ยวเย็นนี้พี่มารอที่คอร์ทแล้วกันนะ”
“อืมมม” นั่นคือเสียงเดียวที่ผมได้ยินจากมันตั้งแต่เมื่อเย็นวาน นี่น้องกรูคงไม่ได้กระทบกระเทือนทางจิตใจ จนไม่สามารถพูดได้นะ เฮ้อออออออ

“สู้ๆ โว้ย มรึงต้องผ่านมันไปได้ กรูเชื่อในตัวมรึง” ผมเอามือตบหลังไอ้ตัวแสบ ตอนนี้ผมคิดว่าคงมีแต่กำลังใจจากคนรอบข้างมันเท่านั้นที่จะทำให้มันผ่านสถานการณ์นี้ไปได้ แต่ว่ามันเป็นอะไรของมันวะเดี๋ยวต้องไปถามไอ้เชี่ยบอส

หลังจากที่แยกย้ายกับไอ้โบ๊ท ผมก็เดินเข้ามาที่ห้องชมรมดุริยางค์ ผมกำลังสำรวจความเรียบร้อยแซกโซโฟน
“ไงมรึง” เสียงไอ้บาส หัวหน้าชมรมดุริยางค์ ทักผมเมื่อมันเดินเข้ามาในห้อง
“มรึงเห็นนี่หรือยัง” มันส่งเอกสารมาให้ผม ผมกวาดสายตาอ่านแบบคร่าวๆ
“ห๊ะ วงโรงเรียนเรากับวังโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลแถวๆถ.พระราม1”
“เออ มีกำหนดการต้องซ้อมร่วมกันด้วย”
“ที่ไหนวะ” ผมถามไอ้หน้าตี๋
“สนามศุภฯ มรึงอ่านรายละเอียดดูแล้วกัน”
วงโยโรงเรียนเรากับโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลถูกเลือกให้เป็นวงที่จะต้องมีการแสดงร่วมกันในงานพิธีในงานบอลประเพณีครับ ไหนจะต้องซ้อมต่อเพลง ไหนจะต้องจัดรูปขบวน ไหนจะต้องประสานงานกับอีกวง แค่คิดงานก็ตรึมแล้วล่ะครับ

“มรึงช่วยกรูเรื่องต้องต่อเพลงได้ปะวะ” มันหันมาบอกผม
“ส่วนเรื่องรูปขบวนเดี๋ยวกรูจัดการเอง” มันแบ่งงานเรียบร้อยครับผมในฐานนะรองหัวหน้าชมรมจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องรับปากมัน
“เออ เดี๋ยวกรูดูให้”
“รับปากกรูแล้วอย่าหายตัวไปชมรมคหกรรมบ่อยๆนะมรึง” ไอ้เวรนี้ขว้างมีดมาใส่ผมแล้วครับ....

ชมรมคหกรรม ว่าแล้วก็นึกอะไรออก

“ขอบใจมากนะโว้ย” ผมหันไปขอบใจมัน
“เออมรึง กรูฝากดูไอ้โบ๊ทด้วยนะมรึง” กรูเห็นมันแปลกๆตั้งแต่เมื่อวานแล้ว
“มันเป็นไรมรึง” มันหันกลับมาถามผม
“กรูก็ไม่รู้หว่ะ กรูว่าเดี๋ยวกรูจะถามไอ้บอสตอนเข้าเรียนอยู่”
“ไงก็ฝากมรึงช่วยดูๆมันหน่อย”
“เออ เดี๋ยวกรูคอยดูมันให้” ผมเอ่ยปากฝากไอ้บาสเพราะมันอยู่ห้องเดียวกันแถมเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันอีกตาหาก

“เดี๋ยวกรูมา”
“ไอ้เชี่ยนี่พึ่งรับปากกรูแว็ปอีกแล้วนะมรึง” มันด่าผมไล่หลังมาแต่ตอนนี้ผมต้องรีบ...


ผมโผล่หน้าเข้ามาในชมรมคหกรรม ชมรมนี้วุ่นวายตั้งแต่เช้า เพราะต้องเร่งมือนำขนมที่เพิ่งอบเสร็จ นำส่งสหกรณ์ นี่เป็นรายได้หลักของชมรมนี้ แล้วคนที่ผมอยากจะให้ช่วย เวลานี้คงเฝ้าอยู่หน้าเตาอบแน่ๆ

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาคมสันต์ นัยต์ตากลมโต สวมหมวกทรงสูงที่ยืนสั่งงานเด็กๆรุ่นน้องในชมรมอยู่

“ตี๊ดดดดดดดดด”  เสียงเตาอบสูงสามชั้นดังลั่นห้อง ชายหนุ่มคนนั้นหันกลับมาคว้าถุงมือกันความร้อน แล้วเปิดเตาอบออก กลิ่นเบเกอรี่หอมอบอวล เตะจมูกชวนน้ำลายสอ ถาดใส่ขนมถูกยกออกมาวางบนโต๊ะก่อนจะถูกส่งต่อให้รุ่นน้องในชมรมนำขึ้นชั้นชั้นเพื่อคลายความร้อน

“เบียร์” ผมเอ่ยชื่อเรียกมัน มันพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะหันไปสั่งงานรุ่นน้องอีกรอบแล้วถอดถุงมือกับผ้ากันเปื้อนออก แล้วเดินออกมาหาผม

“มีไรหรือป่าว เบนซ์” ปกติผมจะไม่ค่อยมาหามันเวลานี้เพราะรู้ว่ามันยุ่งอยู่แน่ๆ
“มีไรขอให้ช่วยหน่อย” 
“อะไรอะ”
“ขอโทษที่ไม่ได้สั่งล่วงหน้านะ”
“เย็นนี้เราสั่ง ชูส์ครีม สัก 120 ชิ้นจะทันไหมอะ”
“เอาเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ” สีหน้ามันกังวลอยู่กับออเดอร์แบบปัจจุบันทันด่วนของผม
“ช่วยหน่อยได้ไหมอะ” ผมอ้อนมันอีกรอบ
“ก็ได้ แต่ตอนพักเที่ยงนายต้องมาเป็นลูกมือเรานะ” มันยื่นข้อเสนอให้
“อืมม ได้สิ” ผมรับปากมัน ผมอยากได้ชูส์ครีม เพราะผมรู้ว่าไอ้โบ๊ทมันชอบ ผมอยากทำให้มันยิ้มได้
 
หลังจากเรียนเคมีสองคาบแรกเสร็จ ผมกะว่าจะคุยกับไอ้บอส แต่ผมเห็นอาการมันตั้งแต่เริ่มเรียนแล้ว ไม่ได้แตกต่างจากไอ้โบ๊ทเลยสักนิด แต่คงต้องถามว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าไปคาดคั้นจากน้องผมมันก็คงไม่ได้คำตอบอยู่ดี

“บอส ขอกรูคุยด้วยหน่อยสิ” มันหันหน้ามาช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มรึงกับไอ้โบ๊ทเป็นเชี่ยอะไรกันวะ” มันผงะเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อไอ้โบ๊ท
“ตั้งแต่มันกลับมาเมื่อวันอาทิตย์ มันแถบจะไม่คุยกับใครในบ้านเลย แถมเมื่อเช้าตาแมร่งโคตรบวม มรึงมีปัญหาอะไรกับมันหรือป่าววะ” สีหน้ามันเศร้าลงอย่างชัดเจนก่อนที่มันจบหลบตาลงมองพื้น

“คือโบ้ทกับกรูเราตกลงกันแล้วว่าเราจะหยุดคบกัน ก่อนที่เราทั้งคู่จะทำให้เรื่องมันไปไกลกว่านี้ ก่อนที่จะมีอีกคนที่จะต้องเสียใจ” ผมช็อกไป 5 วิ กับคำตอบของมัน นี่เองที่ทำให้น้องชายผมกับมันกลายเป็นซอมบี้

“พวกมรึงตัดสินใจกันดีแล้วหรือ” ผมเอามือตบบ่ามันให้กำลังใจมัน
“กรูว่าใจเย็นๆกันก่อน มันต้องมีทางออกนะสิโว้ย” ตอนนี้ผมรู้เพียงแต่ว่าต้องให้กำลังใจมันทั้งสองคน และให้เวลาค่อยๆแก้ปัญหาให้พวกมัน

.............

อ็อดคาบสุดท้ายของครึ่งเช้าดังขึ้น ผมหยิบไอโฟนเครื่องสีดำขึ้นมา กดเบอร์ที่ช่วงหลังนี้ต้องมีเรื่องให้ต้องโทรหาอยู่บ่อยๆ
“ฮัลโหล เบียร์เหรอ”
“อยู่ไหนแล้ว”
“อยู่หอ้งชมรม”
“โอเคเดี๋ยวเบนซ์ตามไป”
ผมโฉบไปโรงอาหารซื้อแซนวิสติดมือกับน้ำผลไม้อีกสองขวด คิดว่ามันคงยังไม่ได้กินอะไร

ผมโผล่หน้าเข้าไปที่ชมรมคหกรรม แล้วก็เป็นจริงอย่างที่คาด และนี่คงเป็นสาเหตุที่ให้ผมมาเป็นลูกมือ เพราะว่ารุ่นน้องในชมรมไม่อยู่กันสักคน ที่หน้าเตาแก๊ส เด็กหนุ่มหน้าตาคมสันต์ กับท่าทางทะมัดทะแมงกำลังกวนบางอย่างอยู่ บนเตามีกระทะทองเหลืองใบใหญ่ ข้างในมีส่วนผสมของคัสตาร์ดใส้ของชูส์ครีมกำลังถูกกวนให้เข้าที่

ผมแกะแซนวิสออก เปิดขวดน้ำผลไม้ แล้วเดินไปข้างๆมัน
“กินก่อน เดี๋ยวจะเป็นลมไปเสียก่อน” ผมยืนแซนวิสไปให้มัน มันหันกลับมารับแล้วรับไปถือไว้ก่อนจะกัดเข้าปากไป

“ใกล้เสร็จแล้วล่ะอีกแปปเดียวก็ได้แล้ว” มันหันกลับมาบอกขณะที่มือก็ยังสาระวนกับการดันพายไม้ไปให้ทั่วๆกระทะ
“แล้วจะอิ่มไหมอะ ซื้อมาน้อยเกินอ่ะ” ผมบ่นตัวเอง แล้วแซนวิสคำสุดท้ายก็ถูกกัดเข้าปากเบียร์ไป
“เอาของเบนซ์อีกอันไหม” มันสั่นหัว
“แค่ได้กลิ่นคัสตาร์ดนี่ก็อิ่มแล้ว” 
“แล้วจะให้เบนซ์ช่วยไร” ผมถามมันเสร็จก็กัดแซนวิสไปคำโต
“เดี๋ยวเบนซ์ช่วยชั่งส่วนผสมให้เบียร์หน่อย” มันชี้ไปที่โต๊ะ พร้อมของที่กองเตรียมไว้
“ปริมาณอยู่ในกระดาษอะ”

ผมเดินไปที่โต๊ะแล้วก็ชั่งส่วนผสมตามที่มันสั่งไว้ สักพักมันก็ปิดแก๊ส ยกคัสตาร์ดที่กวนเสร็จลงจากเตา ถ่ายใส่ชามผสมอีกใบ พักไว้ให้เย็น

“เบียร์ ผงฟูอยู่ไหนอะ เบนซ์หาไม่เจอ”
“แปปนึง จะเสร็จอยู่แล้ว” มันตอบผมขณะกำลังล้างกระทะอยู่ที่ซิงค์ พอเสร็จมันก็เอามือเช็ดผ้ากันเปื้อน และเดินมาหาผมที่โต๊ะ เหงือเม็ดใหญ่ ผุดอยู่เต็มหน้ามัน ความรู้สึกผิดที่มันต้องเหนื่อยเพราะจะช่วยผม แว็ปเข้ามา

“เดี๋ยวเบียร์ทำต่อเอง” มันพูดพร้อมกับเช็คส่วนผสมที่ยังขาดอยู่
“เหลือผงฟูอย่างเดียวใช่ไหม”
มันหันหน้ามาหาผม ขณะที่ผมกำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าไปซับเหงือที่หน้าผากมัน ช่วงเวลานั้นแค่ไม่กี่วินาที ที่สายตาเราสบกัน ก่อนที่มันจะผงะออกนิดหน่อยแต่ก็ยังรับผ้าเช็ดหน้าผมไปเช็ดเหงือตัวเอง...

แม้ว่าเขาจะทิ้งเธอไป หัวใจเธอมีแต่เขา
รู้ว่ามันต้องใช้เวลาให้เธอลืม เรื่องเก่า
ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร ฉันรอเธอได้เสมอ
เธอก็รู้ว่าฉันรักเธอ และรอให้เรารักกัน
   
ลืมไม่ได้จำไว้ก็ได้ ให้ใจเธอสบายก็พอ
ลืมไม่ได้ก็ไม่อยากขอ ที่จะขอก็มีเรื่องเดียว
อยากขอแค่ครึ่งใจ ให้เธอเริ่มต้นใหม่กับฉัน
เก็บเขาไว้ครึ่งใจ ครึ่งที่เป็นความจำแล้วกัน
เปิดประตูให้ฉันเข้าไป เข้าไปซ่อมไปสร้างหัวใจ
เปิดใจเธอแค่ครึ่งใจ ขอเข้าไป ขอเติมเต็มใจให้เธอ....

   เสียงเพลงพี่กัน ก้องอยู่ในหัวผม

หลังจากที่เราทำแป้งชูส์ครีมบนกระทะเสร็จ ก็ต้องเอามาใส่ถุงบีบ แล้วเตรียมบีบขึ้นรูปร่างบนถาดที่เตรียมไว้ ถึงขั้นตอนนี้ ผมได้แต่นั่งดูมันครับ เรียกได้ว่าคอยให้กำลังใจได้อย่างเดียว

“บอกได้ยังว่าจะเอาขนมไปทำอะไร”
“อืมมม อยากทำให้ไอ้โบ๊ทอะ”
“120 ชิ้นนี่นะ” มันอ้าปากค้าง หันมามองหน้าผม
“ก็เผื่อให้พวกชมรมเทนนิส อะ” มันหยักหน้าเข้าใจ เพราะมันก็รู้ว่า เดี๋ยวก็หมด
“เบนซ์ อยากทำให้น้องยิ้มได้ มันชอบชูส์ครีม” ผมเล่าให้มันฟัง ในขณะที่มือมันก็สาระวนอยู่กับการบีบขนม
“อืมม เดี๋ยวทำพิเศษให้อันหนึ่ง” มันหันมามองผมแล้วก็ยิ้ม
“ห๊ะ ให้ผมเหรอ” ยิ้มแก้มแถบปริ
“ไม่ใช่! ให้โบ๊ท อ่ะ” มันหันมาแยกเขี้ยว
“อืมมม ขอบใจมาก”
“แล้วมันก็ขึ้นรูปร่างชูส์ครีมอันพิเศษ ที่แตกต่างจากอันอื่น” ผมนึกขอบคุณที่มันช่วยทำให้ ทั้งๆที่มันก็ไม่จำเป็นจะต้องรับงานนี้ด้วยซ้ำ จากนั้น มันก็นำถาดขนมทั้งหมดเข้าอบ

“มาช่วยล้างเลย”  มันสั่งผมให้ไปช่วยล้างอุปกรณ์ ขณะที่ผมพยายามแอบดูขนมที่เพิ่งนำเข้าไปในเตาอบ
“ล้างใจคนทำด้วยได้หรือเปล่า”  แล้วผมก็โดนค้อนเขวี่ยงเข้าเต็มหน้า
“ยังจะปากดี นี่เดี๋ยวตอนเย็นต้องมาประกอบร่างอีก”
“ห๊ะ จะให้เบนซ์ประกอบใจให้เบียร์ใหม่เหรอ” หยอดไปอีกมุข แล้วก็มีบางสิ่งลอยละลิ่วมาทางผม แต่ผมไวกว่า 5555+ ผมทำหน้าทะเล้นใส่เบียร์
“ประกอบขนมตาหาก ส่วนใจคงต้องใช้เวลา” โดนศอกกลับมาเล่นเอาแถบจุก
+“ตอนเย็นเบนซ์มาไม่ได้นะ ต้องซ้อมกับวง” ผมอดเสียใจไม่ได้ที่ไม่ได้มาช่วยเบียร์มัน ไอ้บาสนะไอ้บาส  ไอ้หอกหัก ผาด่ามันในใจ
“ไม่เป็นไร ตอนเย็นเด็กๆในชมรมมาแล้วอะ” 
“แล้วจะมาเอากี่โมง”
“น่าจะเกือบทุ่มมั้ง”
“อืมมม เดี๋ยวเบียร์รอ” น่ารักที่สุดเลยหว่ะ ผมโคตรซึ้งน้ำใจมันแต่เมื่อไรมันจะเห็นใจผมบ้าง...........

หลังจากที่ซ้อมกับวงเสร็จเรียบร้อย ผมกำลังนั่งเก็บแซกโซโฟนเข้าโคฟเว่อร์
“เป็นไงบ้างวะมรึง” เสียงไอ้บาสมันถาม
“ก็ดีนะ เรียบร้อยดี ต่อเพลงไปได้เยอะแล้วเหมือนกัน”
“แล้วมรึงล่ะ ไปประชุมกับโรงเรียนโน้นมาเป็นไงบ้าง”
“ก็ดี ดูหัวหน้าชมรมปีนี้คุยง่ายดี แถมน่ารักดีอีกตาหาก 555+”
“ชื่อไรวะ”
“เหมือนจะชื่อ ปั๊ปหว่ะ” มันหันมาตอบผมหน้าตามีความสุข
“เล่น ฟลุ๊ต ป่าววะ”
“เหมือนจะใช่นะมรึง”
“กูเกลียดไอ้หน้าชวนฝันของมรึงจริงๆ” ก็มันจริงนี่ครับหน้าตาตี๋ชวนฝัน สยองงมาก

ก่อนสีหน้ามันจะเปลี่ยนไป และเดินเข้ามาใกล้ผม
“อาการไอ้โบ๊ทหนักเหมือนมรึงบอกจริงๆหว่ะ” ผมหันไปมองหน้ามัน ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“มันเป็นไงบ้างวะ” ผมซักไอ้บาส
“ก็เหม่อทั้งวัน กลางวันแถบจะไม่แดกไรเลย”
“แล้วมรึงถามไอ้บอสยังวะ”
“อืมม ถามแล้ว”
“แล้วไงวะ” มันเซ้าซี้ถาม
“มันบอกว่ามันตกลงกันว่าจะหยุดคบกัน เพราะไม่อยากให้ใครอีกคนเสียใจเพิ่มอีก”
“เมย์” ไอ้บาสหลุดเรียกชื่อออกมา
“เออ แล้วไอ้บอสมันเปงไงบ้างวะ”
“อาการเดียวกันเป๊ะหว่ะ” ผมตอบมันไป
“กรูว่าบางครั้งพวกมันก็ดีเกินไป ห่วงแต่คนอื่น แต่ไม่เคยห่วงใจตัวเองกัน” ไอ้บาสเริ่มหงุดหงิด
“เป็นกรูนะโว้ย จะว่ากรูเห็นแก่ตัวก็ได้ กรูจะทำตามหัวใจตัวกรูเอง” ผมได้แต่สะท้อนใจกับคำพูดมัน
“เดี๋ยวมรึงจะกลับเลย หรือจะแวะไปหามันที่ชมรมก่อน” ผมถามมัน
“กรูว่าเดี๋ยวกรูไปดูมันหน่อยดีกว่า”
“อืมม เดี๋ยวกรูตามไป กรูแวะไปเอาของให้มันก่อน”
“อะไรวะ”
“เดี๋ยวมรึงก็รู้” ผมยักคิ้วใส่มัน
“เออ เดี๋ยวกรูโทรตามไอ้บูม ป่านี้มันน่าจะเสร็จจากชมรมเชียร์แล้ว”

หลังจากแยกกับไอ้บาส ผมก็ตรงดิ่งมาที่ชมรมคหกรรม เบียร์นั่งรออยู่
“เบนซ์ อันนี้ของโบ๊ทนะ” มันกวักมือเรียกผมให้มาดูชูสครีมอันที่มันตั้งใจเตรียมไว้ให้โบ๊ท เป็นชูส์ครีมอันที่แต่งหน้าพิเศษ ถูกตกแต่งครีมและแยม เป็นหน้าที่กำลังยิ้ม น่ารักมาก

“น่ารักเหมือนคนทำ” ผมอดแซวไม่ได้ อิอิ ค้อนถูกเขวี่ยงมาอีกแล้วครับ แล้วเบียร์ก็ช่วยผมถือชูส์ครีมอีกกล่องเดินไปชมรมเทนนิสด้วยกัน

ผมเปิดประตูห้องชมรมเทนนิส ทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ไอ้พวกห้อง 9 ไอ้โบ๊ท,ไอ้แบงค์,ไอ้บาส,ไอ้บูม ชมรมเทนนิส ไอ้บีม,ไอ้ไบร์ท,ไอ้เพียว,ไอ้วาย แล้วถ้าไอ้แบงค์อยู่ไอ้อาร์มก็ต้องอยู่ด้วยอยู่แล้ว เบียร์สีหน้าตกใจที่พวกมันอยู่กันเยอะขนาดนี้

อย่าแซวกรูนะโว้ย เดี๋ยวงานเข้า ผมภาวนาในใจ ผมใช้สายตาพิฆาต จ้องไปที่ไอ้แบงค์ ไอ้นี้ขึ้นชื่อเรื่องหมาในปาก วิธีที่ดีที่สุดคือหาอะไรยัดปากมันก่อน

“ไอ้แบงค์ เอาไปแบ่งกันหว่ะ” ได้ผลครับเพราะพวกมันแตกฮือกันไปที่กล่องขนม
ไอ้โบ๊ท ยังคงอยู่ในโลกส่วนตัวของมัน
“เป็นไงบ้างวะมรึง” ผมเอามือตบบ่าไอ้น้องชายตัวแสบ
“กรูกับเบียร์ทำนี่มาให้มรึง”  เบียร์เดินมานั่งลงข้างๆ ส่งกล่องชูส์ครีมอีกอันส่งมาให้ผม
“มรึงต้องผ่านมันไปให้ได้ มรึงต้องยิ้มสู้นะโว้ย” มันเหลือบตามองมาที่กล่องขนม
“ขอบใจว่ะ” มันคลี่ยิ้มให้ น้ำตาคลอ
“ทุกคนเป็นห่วงมรึงนะโว้ย” เสียงไอ้แบงค์ตะโกนมา
“ถ้ามรึงรักพวกกรู มรึงต้องผ่านมันไปให้ได้นะโว้ย” ไอ้บาสเสริมอีกคน
“กรูไม่รู้นะว่าเกิดไรขึ้นกับมรึง แต่ยังไงมรึงก้ยังมีพวกกรูอยู่นะโว้ย” ไอ้บูมปิดท้าย
มิตรภาพของคำว่าเพื่อนฟุ้งกระจายเต็มห้อง

ผมกับไอ้โบ๊ทนั่งแท็กซี่มาส่งเบียร์ที่บ้านแถวๆ พระราม 3 ไม่อยากให้มันกลับบ้านคนเดียว พอแท็กซี่จอดลงที่หน้าบ้าน หมาพันธุ์ Golden Retriever ตัวใหญ่ก็กระดิกหางส่ายก้นรอรับเจ้านายของมันอยู่หน้าบ้าน
“เบียร์ไปล่ะ ขอบใจที่มาส่งนะ” มันหันมาโบกมือลาพวกผม
“ไม่เป็นไร ขอบใจเบียร์ด้วยที่ช่วยทำขนมให้” 
“แล้วเจอกัน” มันพยักหน้าให้ผม
แท็กซี่ข้ามสะพานภูมิพล เลี้ยวขวาก็ถึง ถ.สุขสวัสดิ์
“ไอ้บอสเล่าให้กรูฟังแล้วนะ” โบ๊ทพยักหน้ารับรู้
“ไอ้เบนซ์ มรึงว่าถ้ากรูขอให้มันรอกรู มรึงว่ากรูเป็นคนเห็นแก่ตัวหรือเปล่า”
“ไอ้โบ๊ท มรึงฟังกรูนะ การแคร์ถึงจิตใจคนอื่นมันก็ดีอยู่หรอก แต่ถ้ามันทำให้เราไม่มีความสุข กรูว่ามันไม่โอเคหว่ะ”
“มรึงฟังเสียงหัวใจมรึง แล้วมรึงก็ทำตามเสียงที่มรึงได้ยินเถอะ” มันหันกลับมาพยักหน้าเข้าใจ

Game
See You Next Game
------------------------------------------------------------------
 
ตอนนี้ยาวหน่อยนะครับ นานๆพี่เบนซ์จะได้ออกโรงกะเค้าเสียที อิอิ ตอนนี้มาลุ้นกันต่อครับว่า โบ๊ทจะตัดสินใจอย่างไร และอย่าลืมช่วยกันส่งใจเชียร์พี่เบนซ์พิชิตใจนายเบียร์กันด้วยนะครับ^^

--------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ คุณ Spelling_B
ไรท์ดีใจนะครับที่เขียนแล้วจูงใจให้อยากไปเที่ยวได้ อิอิ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ

สองคนนี้มีสลับครับ แต่คุณรีดเดอร์คิดว่า look ใครเป็น เมะ เป็น เคะ ครับ ระหว่างโบ๊ทกับบอส

รักกันแต่ยึดกฎเกณฑ์ที่บางครั้งมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับความรักเลยครับสองคนนี้

ขอบคุณที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ^^


ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer

ตอนเขียนไรท์ก็เพลียกับโบ๊ทเหมือนกันครับ น่าตีจริงๆด้วยครับ เนอะ มีแฟนแล้วแต่ยัง จุดจุดจุด กับบอส
ส่วนตาบอส นี่ก็พระเอกในอุดมคติครับ อิอิ
เมื่อรู้ว่ารักกันทำไมต้องตั้งแง่กันจริงๆไหมครับ

ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ อ่านแล้วไรท์ยิ้มตามเลย ขอบคุณครับ

หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 16 28/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 28-03-2014 20:34:35
คนเขียน  เขียนสนุกมากเลย
ติดตามๆ อ่านรวดเดียว ฟินมาก ฮ่าๆๆ
ชอบๆๆ  สู้ ๆ น๊า
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 16 28/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 28-03-2014 20:53:56
5555555+++ ชื่อตัวบีเยอะจริงๆ

อ่านแล้วได้กลิ่นอายของเรื่อง Love Sick เหมือนกันนะ เด็กมัธยมกางเกงน้ำเงิน เดินสยามเข้าชมรม ชวนกันเที่ยวทะเล คนนึงก็มีแฟนอยู่แล้วไรแบบเนี๊ย

ติดตามอ่านต่อไป :hao5:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 16 28/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 28-03-2014 22:51:42
@ 17th Game – Will you wait for me?

ขอบคุณระยะทางที่ทำให้เราต้องห่างไกล
ขอบใจเธอเหมือนกัน ที่เธอเลือกจากฉันไปแสนไกล
ขอบคุณเวลาที่ฉันนั้นไม่มีใคร
ขอบคุณอารมณ์อ่อนไหวที่มาทักทายใจ
ทำให้ฉันได้รู้ หากขาดเธอไปคงอยู่ไม่ไหว

เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่ารักเธอเท่าไร
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ความอ้างว้างเดียวดายคอยตอกย้ำ อยู่เสมอ
เหตุเกิดจากความเหงาที่ทำให้รู้ว่าเธอสำคัญเพียงใด
ความห่างไกลมันทำให้ฉันคิดถึงเธอ
ยิ่งอ้างว้างเท่าไรก็ยิ่งรู้ ว่าเป็นเธอ ที่ฉันรักหมดหัวใจ....

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเพลงนี้ที่ยังคงเล่นวนอยู่บนคอมพิวเตอร์ หลังจากหลับเป็นตายและไม่รู้ว่าหลับไปตั้งแต่ตอนไหน ผมสลัดความง่วงทิ้งไป แล้วเดินเข้าไปที่ห้องน้ำ เหลือบเห็นแปรงสีฟันที่วางอยู่คู่กัน ผมแน่ใจแล้วว่าผมต้องทำอะไรสักอย่าง หลังจากที่เมื่อวานคิดไม่ตกทั้งวัน แต่ผมก็ยังคงกังวลกับผลที่จะตามมา แต่ผมจะไม่ลังเลใจอีกต่อไปแล้ว ตัวผมเองจะไม่ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงผมไม่ได้อีกแล้ว

ผมกลับมาแล้วครับ หลังจากที่หมดสภาพไปเมื่อวาน แต่ตอนนี้จะเป็น นิวโบ๊ท แล้วครับ ผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น

ผมเดินลงมาข้างล่างพร้อมข้าวของพะรุงพะรัง เดินเข้าไปกอดเอวม่าม๊าที่กำลังจะตักข้าวให้พวกเราที่อยู่ที่โต๊ะอาหาร ดูหน้าม่าม๊าจะมีความสุข ที่เห็นผมกลับมาร่าเริงอีกครั้ง ไอ้เบนซ์พยัคหน้าให้ผม
“มากินข้าวกันลูก” ป๊าเรียกผมทานข้าว ครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือสิ่งที่ผมคิดได้ในตอนนี้



ผมเอากระเป๋าโคฟเว่อร์เทนนิสเก็บเข้าล็อกเกอร์ในชมรมเรียบร้อย เพราะมากันเร็วจึงยังไม่มีใครเข้ามา ผมตัดสินใจทำสิ่งที่ผมต้องทำ ไม่ว่าผลมันจะออกมาอย่างไรผมก็จะยอมรับมันให้ได้

เท้านำผมมาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ปกติผมไม่เคยอยากจะมา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะผลักประตูบ้านนั้นเข้าไป ในห้องมีเพียงไอ้อาร์มกับไอ้บอสนั่งอยู่ ทั้งสองคนหันมามองเมื่อเห็นผมเดินเข้าไป

“บอส กรูขอคุยอะไรด้วยหน่อย” มันพยักหน้ารับรู้แล้วก็เดินตามผมออกมา
“โบ๊ทเป็นไงบ้างครับ” มันถามผมตอนที่เรายืนอยู่กันสองคนอยู่หน้าห้องสภา
“เมื่อวานเบนซ์บอกว่าโบ๊ทไม่ยอมพูดกับใคร บอสเป็นห่วงโบ๊ทมากเลยรู้ไหม” สีหน้ามันเคร่งเครียด
“คือ...มรึงจะว่ากรูเห็นแก่ตัวก็ได้ จะว่ากรูมันเลวก็ได้” มันเอื้อมมือมาจับมือผมไว้
“กรูอยากขอให้มรึงรอกรูหน่อยได้ไหม”
“ขอเวลากรูหน่อย กรูรู้ว่ากรูเห็นแก่ตัว กรูไม่อยากจะสูญเสียมรึงไป”  ฝ้าน้ำขาวเริ่มขึ้นมาเกาะที่ขอบตา

มันเอื้อมมือมาจับไหล่ผมก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” หัวใจผมพองโตทันทีที่ได้ยินมันพูดอย่างนั้น
“บอสรอของบอสมาตั้งนาน รออีกหน่อยจะเป็นไรไป” มันคลี่ยิ้มที่แสนอบอุ่นให้ผม
“แค่โบ๊ทยอมพูดกับบอส แค่นั้นบอสก็ดีใจมากแล้ว”
“แต่อย่าให้บอสรอนานนะ เดี๋ยวใครมาคาบไปก่อนช่วยไม่ได้เน้อ” มันทำหน้าล้อเลียนผม
ขอสักทีเถอะ ผมเตะหน้าแข้งมันไปหนึ่งที
“อูยยยย” มันร้องทำหน้าเหย่ เอามือไปลูบหน้าแข้งตัวเอง
“ใจร้ายอะ” มันหันมาโวยผม

ผมคว้าคอมันเข้ามากอด
“ขอบใจมาก”  ผมกระซิบที่ข้างหูมัน

......

ผมเดินกลับมาที่ชมรม ด้วยอารมณ์ที่ปลอดโปร่งที่สุด ต่อไปก็เหลืองานยากแล้วล่ะ
“เฮ้ยย ไอ้เชี่ยยยโบ๊ท” นั่นมันเรียกกรูหรือมันด่ากรูวะ
“ไงวะ สัสแบงค์”  มันเอามือชี้หน้าผม หน้าตาตกตะลึง
“ไอ้เชี่ยโบ๊ทตัวเดิมกลับมาแล้ว”  หน้าตามันดีใจ
“สัส กรูสรรพนามเป็นคน ไม่ใช่ตัว”
“ปากดีนะมรึง เมื่อวานนี้หง่อยเป็นหมาเหงา สัส” สุดท้ายมันก็โดนผมโบกหัวมันไป 

ตรึง..ผมควักไอโฟนขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกง

BOSS :
U complete me  07.45
                                                   07.45  my life hasn’t be the same because U

ผมยิ้มกว้างทันทีที่เห็นข้อความ และรีบพิมพ์ตอบข้อความตอบกลับ

“ไอ้โบ๊ทมีคนมาหา”
ไอ้บีมตะโกนบอกผมหลังจากโผล่มาครึ่งตัวจากประตูหน้าชมรม
“ใครวะ” ผมเดินเกาหัวแกรกๆเดินออกมา ก็เจอเด็กหนุ่มรูปร่างสูง หน้ายาวๆ คิ้วหนาๆ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าหน้าตาดีคนหนึ่งเลย สะพายกล้องถ่ายรูปไว้ที่คอ

“โบ๊ท หัวหน้าชมรมเทนนิสใช่ไหม”
“อืมม” ผมทำหน้างงๆ
“เบลนะ เป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพ”
“ครับ” ผมก็ยังงงๆ อยู่ดี ว่าไอ้นี่มาทำไมวะ
“คือ งานกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนเรากับเด็กกางเกงน้ำเงินหน่ะ ชมรมเราถูกรับมอบหมายให้คอยเก็บภาพบรรยากาศอะ”
“แล้ว.......”
“ก็เลยมาขอและบอกว่าไม่ต้องตกใจนะถ้าเห็นผมหรือคนอื่นๆในชมรม มาถ่ายรูป”
“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง ได้ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเราบอกเพื่อนๆในชมรมให้”
“อืมม ขอบใจมาก”
“ม.5 เหมือนกันไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก็ได้นะ เพื่อนกัน” ผมอดจะบอกมันไม่ได้
“อยากถ่ายอะไรก็บอกแล้วกันนะ”
“ขอบใจมาก” มันก็ยังเกรงใจผมอยู่ดี
“นายห้องไหนอะ” ผมถามมัน
“ห้อง 8 อะ” ผมเหลือบตาขึ้นนึกว่ามีใครบ้างวะห้องนี้
“ห้องเดียวกับไอ้เบียร์ ไอ้เบสต์” มันบอกตอนเห็นผมทำหน้านึก
“ไอ้เบียร์หัวหน้าชมรมคหกรรม ไอ้เบสต์หัวหน้าชมรม X-Game อะ” 
“อ๋อ” ผมอ๋อไปก่อนเพราะยังนึกหน้าไม่ออกอยู่ดี ไอ้เบียร์หน่ะรู้จักเมื่อวานก็เพิ่งเห็นมัน
“งั้นเราไปนะ เดี๋ยวเย็นจะมาเริ่มเก็บรูปนะ” มันยกมือขึ้นบอก ก่อนจะเดินกลับไป

ผมเข้ามาในห้องชมอีกครั้ง
“เฮ้ยย พวกมรึง เดี๋ยวจะมีชมรมถ่ายภาพ เข้าจะเริ่มมาเก็บภาพ พวกเราไปเรื่อยๆจนถึงวันแข่งโน่นเลยนะ พวกมรึงไม่ต้องแอ็กอาร์ท กันมากล่ะ เขาอยากได้ธรรมชาติๆ ไม่ใช่เก็ก” ผมตะโกนบอกพวกมัน

“ว่าแต่ไอ้แบงค์ ไอ้เบสต์ประธานชมรม X-Game นี่มันคนไหนวะ” ผมถามมันเพราะนึกหน้าไม่ออกจริงๆ
“ก็ไอ้เบสต์ ห้อง 8 ไง”
“เบสต์ไหนวะ”
โป๊กก
“ไอ้เชี่ยโอมมม เดี๋ยวกรูเยี่ยวรถที่นอน สัส” ผมเอามือรูปหัวไป ด่ามันไป
“ก็เวลาประชุม มรึงก็ส่งแต่กรูไป แล้วมรึงจะรู้จักใครบ้างวะ”
“ก็ไอ้ที่หน้ากวนตีนๆ หน่อย ที่ชอบพก สเก็ตบอร์ดติดตัวไปด้วยบ่อยๆไงมรึง”
“อ๋อ” ถึงบางอ้อแล้วกรู
“เที่ยวหน้ามรึงไปประชุมเอง บ้างนะโว้ยยย” โดนมันด่าปิดท้ายยยย กรูแค่อยากรู้เท่านั้นเอง

“สรุปแล้วไอ้เบนซ์พี่มรึงนี่คบกับไอ้เบียร์ช่ายปะวะ” ไอ้แบงค์เปิดประเด็น
“กรูก็ไม่แน่ใจเท่าไรนะ“ มรึงอยากรู้ก้ถามมันสิ เย็นนี้มันก็มา
“นี่พวกมรึงเคยได้ยินข่าวมั้ย ที่ไอ้เบียร์เคยคบกับไอ้บิวหัวหน้าชมรมดนตรีอะ ห้องเดียวกับกรูกับไอ้บีมอ่ะ” ไอ้ไบร์ทเข้ามาร่วมวง
“ไอ้มือกีตาร์หน้าหล่อๆอะนะ” ไอ้แบงค์เสริมขึ้นมา
“ตั้งแต่เมื่อไรวะ” ผมเกาหัวแกร่กๆ
“พวกมรึงไปอยู่ไหนมา เขาลือกันให้หึ่งทั้งโรงเรียนว่าไอ้บิวทิ้งไอ้เบียร์”
“ไอ้ไบร์ทมรึงน่าจะไปอยู่ชมรมวารสารนะ รู้ลึก รู้ดี ทีวีพูลมากมรึง” ไอ้แบงค์เริ่มปล่อยหมา
“ไอ้สัส มรึงจะฟังต่อไหม” แต่ก่อนที่ไอ้ไบร์ทจะพูดต่อ
“สรุปตอนนี้พี่กรูก็กำลังดามอกไอ้เบียร์อยู่ช่ายไหม”
“ตามรูปการณ์แล้วกรูก็ว่างั้นหว่ะ” ไอ้บีมที่นั่งฟังก็บข้อมูลสรุปปิดท้าย

….

ขณะมาสเซอร์ ปฐมศก กำลังสอนอยู่

ไอโฟนผมสั่นดังอยู่ใต้โต๊ะ ผมค่อยๆเหลือบไปมอง มาสเซอร์ แล้วค่อยๆเลื่อนไอโฟนออกมาดู

Boss
รอกินข้าวกลางวันนะ  10.35
                                                                    10.36 อืมม แล้วเจอกัน

ผมค่อยๆแอบพิมพ์ตอบมันไป

หลังจบคาบ ผมกำลังเตรียมเก็บของย้ายห้องเรียน ไอโฟนเครื่องเก่าสั่นอีกครั้ง

May
โบ๊ท เป็นอะไรหรือเปล่า โทรไปก็ปิดเครื่องเมย์เป็นห่วงโบ๊ทมากนะ    11.01   

เพลงพี่ชาคริต (เก่าไปหน่าย) ดังอยู่ในหัวผม

ทนอยู่ในความกังวล ไม่รู้ทางออก
บางสิ่งจะบอกตรงๆ ก็ช้ำใจ
ความผิดที่ตัวเราเองสร้างไว้ ยิ่งใหญ่
เธอคงจะลังเลใช่ไหมถ้ารู้

เธอบอกว่าฉันนั้นมีรักไม่โปร่งใส หัวใจฉันมีแค่เธอ
แต่เขาก็ยังรักฉันอยู่เสมอ ไม่อยากตัดสินใจ
ไม่รู้จะเลือกใคร จะหันไปทางไหน ก็มีแต่ความรักดีๆให้ฉัน
ถ้าเสียคนหนึ่งไป ฉันคงจะใจหายเหมือนกัน
แต่ถึงจะเลือกเธอ หรือจะเลือกเขา ก็ปวดร้าวในใจเท่ากัน
ก็ความรักที่เธอและเขามีให้ฉัน มันแสนจะดี จนวันนี้ไม่อยากจะเลือกใคร....

40-30
Game
See You Next Game   

----------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553

ขอบคุณมากครับ ดีใจที่รีดเดอร์ชอบนะครับ^^
ขอบคุณที่ติดตามด้วยนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B

ครับ ตัวบีเต็มเรื่องเลยครับ อิอิ
มีกลิ่นอาย love sick :: นั่นมันฟิคในตำนานเลยนะครับ  ><
มาต่อแล้วครับ^^
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 17 28/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-03-2014 23:32:43
ถ้าเมเป็นคนดี ทิ้งไปก็สงสาร แต่ในเมื่อโบ๊ทไม่ได้รักเมก็ควรบอกซะ
เรื่องนี้มันวาย เธอเป็นชะนีเลยอดไปต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า  :hao7:

เมะในเรื่องชอบ บอส แต่เคะรู้สึกชอบ เบียร์ อ่ะ
ว่าแต่เบียร์มีข่าวควงหลายคนเหรอ รึว่า 3p หึหึหึหึหึ

เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมต้องโชคชะตาตัว B  :hao3:
ตัวละครในเรื่องมันขึ้นต้นด้วยตัว B โคตรเยอะเลย

เป็นกำลังใจให้จ้า

ปอลิง: ใช้คำว่า คนเขียน คนอ่าน ดีกว่านะ เดี๋ยวกระทู้โดนอุ้ม
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 17 28/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 29-03-2014 10:22:05
@ 18th Game – The way you look at me

“สวัสดีครับ” ผมกดรับโทรศัทพ์
“โบ๊ทเป็นอะไรหรือเปล่าอะ ปิดเครื่องอีกแล้ว” เสียงหวานๆสอบถามอย่างร้อนรน
“ขอโทษทีนะครับเมย์ โบ๊ทยุ่งๆอะ ลืมชาร์ตแบต” แก้ตัวตามระเบียบ
“ยุ่งจนลืมเมย์เลยนะ” เสียงเมย์ตัดพ้อผม
“ขอโทษนะครับ ช่วงนี้ซ้อมหนักอีก 2 อาทิตย์ก็แข่งแล้วอะครับ”  ผมพยายามอธิบาย
“แล้วนี่กินอะไรหรือยัง”
“กำลังจะไปครับ แล้วเมย์ล่ะ” ผมอดถามเธอไม่ได้
“กำลังจะไปเหมือนกันค่ะ” ผมนึกสภาพไม่ออกจริงๆถ้าไม่ใช่เมย์ผมคงโดนฉีกเป็นชิ้นๆไปแล้วกับการหายตัวไปแบบนี้
“งั้นทานข้าวเผื่อผมด้วยนะครับ”
“ไม่เอา เดี๋ยวอ้วน” เสียงเล็กๆสดใสน่ารักตอบกลับมา
“งั้นเมย์ไปทานข้าวก่อนนะคะ”
“ครับไว้คุยกันครับ อย่าลืมดูแลตัวเองด้วยนะครับ” ผมกดวางโทรศัพท์ และรีบเดินตามไปไอ้แบงค,ไอ้บาส,ไอ้บูมไปโรงอาหาร..

พอถึงหน้าโรงอาหาร ก็เห็นไอ้บอสนั่งรออยู่
“ทำไมมาช้าล่ะครับ” ผมเลิกลั่กนิดหน่อย
“ลืมของอะ” แก้ตัวไปก่อน เฮ้อออ วันนี้มีแต่เรื่องแก้ตัวหว่ะตรู
“ไปทานข้าวกัน” พอได้ยินอย่างนั้นผมถึงกับโล่งอก
“โบ๊ทอยากทานอะไรครับ”
หลังจากซื้อข้าวกันเสร็จ ผมกับไอ้บอสกำลังเดินไปที่โต๊ะที่พวกไอ้ตัวแสบนั่งอยู่

“บอส” เสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง บอสกับผมหันไปดู
ก็เห็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีผิวขาวสะอาด หน้าตาได้รูป เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่น ยืนอยู่ข้างหลังเรา
“อ้าววิน ว่าไง” ไอ้บอสทักกับไป
“นี่ไฟล์งานวารสารเดือนนี้” มันยื่นตรั้มไดรฟ์ ส่งให้ไอ้บอส
“แล้วจะให้แก้อะไรก็ มาร์คมาด้วยนะ เดี๋ยวเย็นนี้ไปเอา” มันกำชับไอ้บอส
“เออ วิน รู้จักโบ๊ทมั้ย” อ้าวไอ้เชี่ยนี่ มรึงจะแนะนำกรูทำไม ผมด่ามันในใจแต่ก็พยักหน้าให้ วิน
“มันเหลือบมามองนิดนึง” แล้วก็พยักหน้าให้นิดๆ ไอ้เชี่ยแมร่งหยิ่งโคตร
“นี่ใช่ไหมหัวหน้าชมรมเทนนิส ที่เล่มหน้าต้องไปสัมภาษณ์หน่ะ” มันพูดจบหันมามองที่ผม ผมหน้าเหว่อ ไอ้บอสมรึงปรึกษากรูยัง?
“อืมมมม” ไอ้นี่ยังคงยิ้มจนตาหยี่
“งั้นเดี๋ยวหน้าคงต้องรบกวนขอเวลาสัมภาษณ์หน่อยนะครับ” มันหันมายิ้มที่มุมปาก
“ค..คราบ” ผมยิ้มหน้าเจื่อนๆตอบมันไป

หลังจากแยกกับไอ้วิน ผมหันไปมองหน้าไอ้บอส
“ใครวะ”
“ก็ไอ้วินไง หัวหน้าชมรมวารสารไง”
“เออ กรูรู้แล้ว แล้วทำไมมันต้องมาสัมภาษณ์กรูวะ”
“ก็มันต้องทำวารสารไง แล้วเล่มหน้ามันก็ตรงกับช่วงที่ชมรมโบ๊ทต้องแข่งไง”
“สรุปว่ากรูต้องมีหน้าที่ให้ความร่วมมือ ชิมิ” น้ำเสียงแอบหงุดหงิดเบาๆ
“ก็ช่วยๆกันไง และมันก็เป็นผลงานชมรมโบ๊ทด้วยอะ” มันยกเหตุผลมาอ้าง


ก่อนที่พวกเราจะแยกย้ายกันไปเรียนช่วงบ่าย

“บอสอยากถามโบ๊ทว่า..” มันหันหน้ามาถามผม
“สิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ คือบอสก็ยังดูแล ยังห่วงใย ยังมาเจอ โบ๊ทโอเคหรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ” ผมถามมันกลับไป
“ก็สถานะที่เราตกลงกันไว้กับสิ่งที่บอสทำอยู่ บอสกลัวว่าโบ๊ทจะอึดอัด” สีหน้ามันเศร้าลง
“ไม่อึดอัดหรอก กรูตาหากที่ต้องขอบคุณ ที่มรึงยังดีกับกรู และเข้าใจกรู”
“อืมม ขอบใจมาก”
“ตั้งใจเรียนนะครับ”  บอสมันเอามือมาเขย่าหัวผมเบาๆ
 “อืมมม” ผมยิ้มน้อยๆให้มัน

“ไอ้เชี่ยโบ๊ท ร่ำลากันเสร็จหรือยัง เดี๋ยวไปเรียนไม่ทันกันนะพวกมรึง” ไอ้เชียแบงค์ตะโกนเรียกเสียลั่น
“ไปเรียนก่อนนะ” ผมหันไปบอกไอ้บอส แล้วยกมือให้มัน ก่อนจะรีบวิ่งไปไหล่เตะให้เชี่ยแบงค์

หลังจากพักเบรกระหว่างคาบ

“งานกรูแมร่งโคตรเยอะ” ไอ้บาสเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
“บ่นไรมรึง” ไอ้บูมถาม
“ก็วงกรูต้องแสดงร่วมกับอีกวงเด็กกางเกงน้ำตาลแถวถนนพระราม 1 พิธีเปิดงานบอลไง นี่กรูวิ่งลอกขาแถบขวิด ไหนจะประชุม ไหนจะซ้อมวง” มันบ่นยาวเหยียด
“แหม่ ของกรูก็ใช่น้อยนะมรึง ทำมาเป็นบ่น สัส” ไอ้บูมเริ่มด่าได้บาส
“ของกรูทั้งเชียร์ ทั้งแปลอักษร เยอะกว่ามรึงอีกกรูยังไม่บ่น”
“เออ ท่านประธานเชียร์ ก็ทีมงานมรึงมหาศาลอยู่นี่หว่า”
“ของกรูมันมีแค่ไม่กี่คน ถ้าคิดหารจำนวนงานต่อคน ของกรูเยอะกว่าชัวร์” ไอ้บาสไม่ยอมแพ้
“อย่าบ่นมากพวกมรึงมีไรก็ทำๆกันไป สัส” ผมตัดบทพวกมันขณะมิสกำลังกลับเข้ามาสอน

วันนี้ตอนเย็นที่คอร์ท พวกเราก็ซ้อมกันตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติ คือมีไอ้เบล กับพวกในชมรมถ่ายภาพ มายืนถ่ายรูปพวกเราตอนซ้อมกันอยู่ ขนาดมันบอกแล้วว่าจะมา ยังทำให้เกร็งๆไปเหมือนกัน

ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท ถึงกับเขินกันเลยทีเดียว ซ้อมไปหัวเราะไป มีแต่ไอ้แบงค์ที่ดูเริงร่าลั้นลากับการถูกถ่ายรูป
“ไอ้แบงค์แมร่งโคตรหน้าด้านเลย” ไอ้ไบร์ทเริ่มนินทา ขณะที่ไอ้แบงค์กำลังซ้อมกับไอ้วาย
“มีอะไรทำให้มันเขินได้กะเค้ามั้ยนี่” ไอ้บีมเริ่มเสริมมา
“มีหว่ะ” ไอ้สองตัวหันมามองหน้าผม
“ก็ไอ้อาร์มไง” แล้วพวกมันก็ถึงบางอ้อ
“พูดถึงเลขาสภา เลขาสภาก็มา” ไอ้ไบร์ทพยักเพยิด ให้ผมมองตามมันไป
“ไม่ใช่แค่เลขานะมรึง ประธานสภาก็มาหว่ะ” ไอ้บีมเริ่มปล่อยหมาออกจากปาก
“ชมรมเราแมร่งมีไรดีวะ แมร่งกวาดเรียบทั้งประธานทั้งเลขาสภาเลยหว่ะ” ผมโบกหัวไอ้ไบร์ทไปหนึ่งโบก ก่อนจะเดินไปหามันสองคนที่ประตูรั้ว

“ว่าไงครับท่านประธานท่านเลขา มีไรให้ผมช่วยครับ” ผมเอ่ยทักพวกมัน
“ซ้อมเหนื่อยไหมครับ” ท่านประธานถามผมกลับ เล่นเอาไปไม่เป็น กะจะกวนทีนเล่นสักหน่อย
“นิดหน่อย”  แล้วมีอะไรเย็นๆถูกเอามาทาบที่คอผม สะดุ้งกันเลยทีเดียว
“อ่ะเผื่อจะทำให้หายเหนื่อย” ไอ้บอส มันเอาขวดเกลือแร่เย็นๆ ที่มันซ่อนอยู่ข้างหลังมัน มาวางทาบที่ต้นคอผม สายตาคู่นั้นที่มองมาที่ผม เต็มไปด้วยความห่วงใย ความรู้สึกดีๆ ถูกส่งผ่านมาทางสายตาคู่นั้น

“แค่บอสมาก็หายเหนื่อยแล้ว” พูดเสร็จก็ยกขวดเกลือแร่เข้าปากแก้เขิน ส่วนท่านประธานยิ้มแก้มแทบปริ

“โบ๊ท ฝากให้แบงค์ด้วย” ไอ้อาร์มเก้ๆกังๆ ยื่นขวดเกลือแร่ให้ผม
“ไอ้เชี่ยแบงค์ มีคนเอาเกลือแร่มาฝาก” ผมตะโกนไปลั่นคอร์ท

“ฮิ้วววว” เสียงโห่ฮาจากแก๊งค์นรก
“อิจฉาโวย” เสียงไอ้ไบร์ทตะโกนกลับมา
ไอ้แบงค์ค่อยๆเดินมาหาพวกเราที่ประตูรั้ว ตอนนี้ไอ้อาร์มหน้าแดงยืนบิดไปบิดมา ส่งขวดเกลือแร่ให้ไอ้แบงค์

“ว่าแต่พวกมรึงมีธุระอะไรหรือเปล่า” ผมมัวแต่กัดกันแซวกัน จนพวกมันยังไม่ตอบ
“เปล่า เมื่อตอนบ่ายไอ้เบลมันมาบอกว่า จะเริ่มเข้ามาถ่ายรูปพวกชมรมเทนนิส นี่เลยก็คิดว่าจะโฉบมาดูหน่อย” 
ผมทำหน้ากวนตีนมัน ก่อนจะพูดไม่ออกเสียง “ข้ออ้างล่ะสิ”
มันยักคิ้วกลับมา พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส

“มาอยู่นี่กันหมดทั้งประธานทั้งเลขา” เสียงแอบวีนเบาๆ
“อ้าว ว่าไงวิน” ไอ้บอสถามกลับไปขณะที่เด็กหนุ่มที่เรียกได้ว่าเป็นดาวเด่นในโรงเรียนกำลังเดินหน้ามุ้ยมาทางพวกเรา
“ก็จะมาเอางานที่ส่งให้ prove”
“เออ โทษทีลืมไป” ไอ้บอสควานหาของในกระเป๋า ก่อนจะหยิบตรัมไดร์ฟ ส่งคืนให้
“ที่นี่มันมีอะไรดีนะ ทั้งประธานทั้งเลขาสภาถึงมาจ๋อมกันอยู่ที่นี่” มันพูดแล้วยิ้มๆ
แต่ทำไมผมรู้สึกไม่ดีเลย แต่ด้วยมารยาทผมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆไป
“บ่นจริงวุ้ย” ไอ้บอสโพล่งออกมา ทำให้สีหน้าไอ้วินจ๋อยไป
“เออ งั้นกรูไปก่อน” มันบอกไอ้บอส ก่อนจะไปมันเหลือบตามามองผมแว็ปหนึ่ง ปกติแทบจะไม่เคยเห็นไอ้บอสเอ่ยปากว่าใคร งานนี้ไอ้วินโดนไปเต็มๆ ก็คงไม่แปลกที่มันจะโกรธ ผมคิดอย่างนั้น

“อย่าคิดมาก มันก็นิสัยแบบนั้นแหละ” ไอ้บอสรีบตบบ่าบอกผม
“กรูไม่คิดมากหรอก กรูคิดว่าทั้งหมดเป็นปัญหาของมันไม่ใช่ของกรู” ผมตอบมันกลับไป
“แฟนใครหว่า เก่งมาก” ไอ้ห่านี่กรูเขิน

ก่อนที่ผมจะกลับไปซ้อม รถ Audi Q5 SUV คันหรูจะจอดลงตรงข้างๆสนาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีกางเกงสีน้ำเงินใส่แว่นดำ เดินลงมาแล้วไปเปิดท้ายรถ หอบกระเป๋าโคฟเว่อร์ FILA สีดำแดงจะเดินเข้ามาที่คอร์ท ทุกคนในคอร์ทหันไปมอง แล้วมันก็ถอดแว่นดำออก (แมร่งหล่อสาด)

“ไอ้สัสเกมส์”  ผมเรียกชื่อมันเสียงดัง มันเดินมาใกล้ ก่อนจะ Hi Five กับผม เราจับมือกันแล้วเอาไหล่ชนกัน ก่อนมันจะทักไอ้แบงค์,ไอ้บีม,ไอ้ไบร์ท

ผมรู้สึกร้อนๆ ผมว่าผมกำลังถูกแผ่รังสีอำมหิตอยู่แน่ๆ แล้วก็เป็นจริงดังคาด

Game
40-15
See You Next Game

--------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer

ขอบคุณมากครับ ดีใจที่ชอบ บอสนะครับ ส่วนเคะ เท่าที่ถามๆมามีแต่คนชอบเบียร์เหมือนกัน ครับ^^

ส่วนน้องเมย์นั้น น่าสงสารครับ คนเขียนๆเองยังสงสารเบยครับ

ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ

คนเขียนจะสู้ต่อไปครับ อิอิ

หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 18 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 29-03-2014 12:21:21

เกมส์น่าสนใจ อิอิ

ชื่อตัวบีเยอะมากมึนไปนิดหน่อยเวลาอ่าน...ต้องตั้งสมาธิมากๆอ่านผ่านๆจะหลงทันที :katai1:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 18 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-03-2014 13:25:12
 :z3: ถ้าแกจะมามุ้งมิ้งขนาดนี้
รีบๆไปบอกเลิกเมย์เถอะ ปล่อยน่าจะยิ่งน่าสงสารกว่าเดิม

เกมส์เป็นใครรรรรรรรร
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 18 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 29-03-2014 14:34:37
@ 19th Game – It’s not easy

ผมแอบอมยิ้ม เพราะไอ้บอสไม่เคยเจอไอ้เกมส์ที่เป็นทั้งเพื่อนในวงการเทนนิสของผม และก็เป็นคู่แข่งที่สำคัญด้วย ไอ้นี่แหละครับหัวหน้าชมรมเทนนิสโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินแถวๆบางรักที่จะต้องแข่งกับพวกเราเร็วๆนี้แหละครับ

ความรู้สึกดีแผ่ซ่าน ที่เห็นอาการของไอ้บอส เพราะอย่างน้อยผมก็รู้ว่ามันหวงผม^^
ไอ้เกมส์เข้าไปเปลี่ยนชุดที่ห้องชมรม ผมจึงมีโอกาสเดินไปหาไอ้บอส

“ใครอะ” ยังเดินไปไม่ถึงตัวมันเลย T-T
“เพื่อนที่เล่นเทนนิสด้วยกันอะ” ผมตอบมันไป
“สนิทกันจังเลยนะ” ถ้าหูกรูไม่ฝาดมรึงประชดกรูหรา
“ก็สนิท จะไม่ให้สนิทได้ไง เป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งคู่แข่งกันมาตั้งแต่เด็ก” พอได้ฟังมันก็ยิ้ม
“หึงเหรอ” ผมกระทุ้งเอวมันด้วยศอก มันเก็บยิ้มทำหน้านิ่ง
“หึงไร ไม่ได้หึง ทำไมต้องหึง” ไอ้บอสรนรานตอบมาเป็นชุด
“หึงก็บอกมาเหอะ” ผมยังกระเซ้ามันต่อไป ผมชอบที่มันเป็นแบบนี้มาก
“ก็บอกว่าไม่ได้หึง” มันยังคงปั้นหน้านิ่งตอบผมมา
“ไม่หึงจริงๆเหรอ” ขอยั่วต่ออีกนิด
“แน่ใจนะ” ผมย้ำมันกับอีกครั้งด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์
“เออ หึงก็ได้” มันพยายามหน้านิ่งแต่ก็กลั้นยิ้มแถบแย่
“ก็ไม่ชอบให้ไปใกล้คนอื่น” มันก้มหน้าลงนิดหน่อยตอนพูด
“อืม ก็รู้ แต่นี่มันเป็นเพื่อนอะ” ผมเอียงคอแล้วก้มตัวยิ้มให้มัน
“จะรอกลับพร้อมกันหรือป่าว” ผมถามมัน
“อืมม เด่วรอกลับกับโบ๊ท”

“ไอ้โบ๊ทเดี๋ยวมรึงเดี่ยวให้กรูหน่อย” ไอ้เกมส์เดินมาเรียก
“ไอ้เกมส์นี่ไอ้บอส ประธานนักเรียนโรงเรียนกรูปีนี้”
ผมแนะนำให้เกมส์รู้จัก ไอ้บอสขยับตัวก่อนจะยื่นมือไปจับ
“หวัดดีครับ” เสียงทักทายจากไอ้บอส
“หวัดดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” ไอ้เกมส์ตอบกลับพร้อมกับพยักหน้า
“วันนี้ขอแอบมาซ้อมที่นี่นะครับ”
“มรึงควรจะขอกรูนะไอ้สัส” ผมรีบทักท้วง
“ก็ไอ้บอสมันใหญ่กว่ามรึงนี่ไอ้เชี่ย” มันสวนผมทันควัน
“ทีเมื่อกี้มรึงสุภาพเชียวตอนนี้ด่ากรูแระ สัส”  ไอ้บอสยืนยิงฟันขาวขำกับพวกผม
   
วันนี้คงอีกยาว เพราะผมกับไอ้เกมส์เดี่ยวกันทีไร ไม่เคยแป็ปเดียว เพราะสูสีกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แถมไอ้แบงค์เตรียมจ่อคิวต่อด้วย เพราะยังไงตอนแข็งกันในงานเชื่อมสัมพันธ์ ไอ้แบงค์ก็ต้องเดียวประเภททีม ก็ยังไม่รู้ว่าหวยจะออกที่ใคร ผมหรือไอ้แบงค์ที่จะต้องเดียวกับไอ้เกมส์ ได้เจอกับไอ้เกมส์ก่อนจะได้ซ้อมมือกันไว้ก่อน

...

หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันเรียบร้อย ไอ้เกมส์เดินออกมากับผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้ รูปร่างแบบนักกีฬา สมส่วน แถมยังขาวโอโม่ มาก
“ชมรมเทนนิสโรงเรียนมรึงนี่เจ๋งดีนะไอ้โบ๊ท” มันหันมาคุยกับผมในขณะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผม
“เจ๋งไงวะ” แต่ยังไม่ทันไอ้เกมส์จะตอบ ไอ้เบนซ์พี่ชายผมก็เปิดประตูเข้ามา
“อ้าวไอ้เชี่ยเกมส์ ลมอะไรหอบมรึงมาถึงนี่ได้” ไอ้เบนซ์ทักไอ้เกมส์
“ไงมรึง” มันหันหน้ามาทักไอ้เบนซ์ จริงๆแล้วไอ้เกมส์นี่มันสนิทกับไอ้เบนซ์มากกว่าผมอีกนะครับ เพราะสมัยตอนไอ้เบนซ์ยังแข่งเทนนิสอยู่ มันเป็นเพื่อนซี้กัน
“ยังตีเทนนิสบ้างมั้ยนี่มรึงหรือเอาดีแต่แซกฯ อย่างเดียววะ”
“ไม่ได้ตีเลยหว่ะ” ไอ้เบนซ์ตอบกลับมา
“ตอนนี้ไอ้เบนซ์มันคงจะเอาดีกับการเป็นเชฟอีกอย่างหว่ะ” ไอ้เชี่ยแบงค์ปล่อยหมาอีกแล้วครับ
“เอ้า แดกซะจะได้หยุดเห่า” ไอ้เบนซ์ส่งกล่องขนมให้ไอ้แบงค์ ที่กำลังแลบลิ้นกับยกมือสองข้างทำท่าหมาขอของกินก่อนจะรับกล่องขนมไป
“วันนี้มีพายไก่หว่ะ” แล้วพวกมันก็แตกฮือกันไปที่กล่องขนม

“พวกมรึงรีบกลับกันป่าว ไปหาไรแดกกัน” ไอ้เกมส์มันเอ่ยชวนพวกเรา
ผมหันไปมองหน้าไอ้บอส มันพยักหน้ากลับมา ส่วนไอ้เบนซ์ไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะมันไม่ได้เจอกับไอ้เกมส์มานาน
ไอ้ไบร์ททำท่าจะไม่ไป แต่ไอ้เกมส์มันเดินไปตบหลังไอ้ไบร์ทก่อนจะบอกว่า
“ไปด้วยกันสิ” ไอ้ไบร์ทจึงหนีไม่ออก

สรุปมีไอ้เพียวกับไอ้วายที่ขอตัวกลับก่อน ที่เหลือก็ไปกันครบทีมเทนนิส พ่วงไอ้บอสกับไอ้เบนซ์ รวมกันเป็น 7 คน อัดกันไปใน audi Q5 คันหรู ตกลงกันว่าจะไปกิน ทัคคาลบี้ ที่สยาม ไอ้เกมส์เหยียบรถอย่างกับจรวด เพราะร้านปิดสามทุ่มส่วนตอนนี้ใกล้จะสองทุ่มแล้ว

ก่อนจะเข้าไปในร้านผมหันไปมองไอ้บอส ทำมือเป็นรูปโทรศัพท์ บอกมัน
 “อืมม งั้นเดี๋ยวบอสเข้าไปก่อน” มันพยักหน้าเข้าใจ
ผมรีบโทรไปรายงานตัวกับเมย์และบอกว่าออกมาหาไรกินกับทีมเทนนิสที่สยาม รีบคุย รีบวาง และรีบเดินตามเข้าไปในร้าน

ระหว่างรอพนักงานผัดไก่ผัดซอสทัคคาลบี้ ส่วนอีกกระทะเป็นทะเลผัดซอสทัคคาลบี้

“เฮ้ยย กรูขอไลน์พวกมรึงหน่อย” ไอ้เกมส์พูดขึ้นมาพร้อมกับหยิบไอโฟนของมันมาเตรียมถ่าย Qr code
“ของมรึงกับไอ้เบนซ์ กรูมีแล้ว” ผมแปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้เกมส์มันขอไลน์ทุกคน หรือมันจะมีอะไรแอบแฝงอยู่.......
เผลอแป็ปเดียวไอ้บอสคีบโน่นคีบนี่ให้ผมเต็มจาน
“มรึงกินมั่งเหอะ” ผมหันไปบอกมัน
“อยากกินปลาหมีกอะ” มันหันมามองหน้าผมทำตาปริบๆ
ผมเหยียดปากออกหนึ่งที ก่อนจะคีบปลาหมึกมาให้มัน มันอ้อนอยากให้ผมคีบให้มัน

“ทีมโรงเรียนมรึงมีใครบ้างวะ” ผมถามไอ้เกมส์
“ก็มีกรู ไอ้เทมส์ ส่วนคู่ก็มี ไอ้เจมส์กับไอ้เฟรม พวกมรึงก็รู้จักหมดไม่ใช่เหรอ”  มันหันมาถามผมกลับ
“กรูแค่อยากแน่ใจอะ  ก็แน่นปึ๊กเหมือนเดิมเลยนี่หว่า” ผมตอบกลับมันไป
“ก็ชัวร์” มันทำหน้ากวนตีนใส่
“แต่ทีมมรึงก็น่ากลัวอยู่นะ”
“สรุปพวกเรากำลังล้วงความลับกันอยู่ใช่ไหม” มันหันมาหัวเราะผมก็อดหัวเราะตามมันไมได้ ก็ที่เราคุยมันก็เหมือนล้วงความลับของแต่ละทีมกันอยู่เบาๆ

บรรยากาศสนุกสนาน ไอ้บอสกับไอ้เกมส์ก็สนิทกันอย่างเร็ว เออออห่อหมก กันเข้าขา แต่การที่ไอ้เกมส์เทคแคร์ไอ้ไบร์ทมากกว่าปกติ ก็ไม่รอดไปจากสายตามผม ไอ้คู่นี้มันยังไงๆอยู่

หลังจากแยกย้ายกับพวกมัน ผมไอ้บอส ไอ้แบงค์ มารอ BTS สายสีลม

“โบ๊ท” ไอ้บอสมันมาคุยกับผม
“โบ๊ทไม่ต้องห่วงบอสนะ เรื่องเมย์นะ” ผมถึงกับจุก
“แค่โบ๊ทบอกไม่ปิดบังไม่โกหก บอสก็โอเคแล้ว” มันบอกผมสีหน้าเรียบเฉย
“กรูขอโทษ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก บอสเข้าใจ แล้วบอสก็เป็นฝ่ายเลือกที่จะอยู่ตรงเอง”
“บอสอยากให้โบ๊ท ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องห่วงบอส โบ๊ทเข้าใจนะ” มันเอามือมาตบหลังผม

พอลงจากรถไฟฟ้าที่สถานี วงเวียนใหญ่ ไอ้บอสเดินไปส่งเราขึ้น ป.อ 21 จริงๆแล้วมันจะเอารถออกไปส่งผมกับไอ้เบนซ์ที่บ้าน แต่ผมห้ามมันไว้ก่อน ส่งกันไปมา พอดีไม่ต้องนอนกันพอดี บอกให้มันเข้าบ้านไปเลย แต่มันไม่ยอมยืนยันว่าถ้างั้นก็ขอเดินไปส่งขึ้นรถเมลก็แล้วกัน

“ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วย” มันสั่งผม
“อืมม” ผมยกมือให้มันก่อนจะขึ้นรถ

ผมนั่งเอาหูฟังไอโฟนยัดเข้าหู ก่อนที่เพลงนี้จะวนอยู่ในหูของผม

It may sound absurd but don't be naive
Even heroes have the right to bleed
I may be disturbed but won't you concede
Even heroes have the right to dream?
And it's not easy to be me
Up up and away away from me
Well it's all right
You can all sleep sound tonight
I'm not crazy or anything
I can't stand to fly
I'm not that naive
Men weren't meant to ride
With clouds between their knees
I'm only a man in a silly red sheet
Digging for kryptonite on this one way street
Only a man in a funny red sheet
Looking for special things inside of me


ก่อนเสียงเพลงจะถูกตัดด้วยเสียง
“ตรึ่ง”  ผมคว้าไอโฟนขึ้นมากดดู แล้วแอพฯสีเขียวๆก็เด้งขึ้นมา

BOSS
อย่าคิดมากนะ
ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วย  22.01
                                                                                  22.01 ครับ^^

30-40
Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 19 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 29-03-2014 15:18:56
@ 20th Game – Just

ดูนาฬิกา ตอนนี้ 22.45 แล้วผมเดินวนไปวนมาอยู่บนห้องนอน ก่อนตัดสินใจ เก็บชุดนักเรียนใส่เป้ เก็บเสื้อผ้าชุดเทนนิสที่จะต้องซ้อมพรุ่งนี้ใส่โคฟเว่อร์ แล้วเดินไปเคาะห้องไอ้แบงค์

“แบงค์เดี๋ยวคืนนี้กรูไปนอนบ้านไอ้บอสนะ” มันเกาหัวแกร่กในชุดนอน
“มรึงจะไปยังไง” มันถามผมกลับมา
“เดี๋ยวกรูเอารถไป”
“มรึงไม่ต้องรายงานพ่อกับแม่นะ เดี๋ยวเค้าเป็นห่วงกัน” โชคดีว่าวันนี้พ่อกับแม่ผมไปจัดการงานที่โรงงานที่แหลมฉบัง และค้างกันที่คอนโดที่ศรีราชา

“เออ ขับรถดีๆล่ะมรึง ถึงแล้วโทรมาบอกกรูด้วย” 
ผมลงไปข้างล้างคว้ากุญแจรถ แบกของมาใส่ท้ายรถ Volk Swaken tiguan สีขาวของผม จากนั้นก็ขับรถออกมาตามถนนสุขสัวสดิ์ เลี้ยวขวาเข้าถนนธนบุรี ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอย จนรถมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านที่คุ้นเคย ที่มีต้นเหลืองอินเดียอยู่หน้าบ้าน
ผมหยิบไอโฟนขึ้นมา กดเบอร์ไอ้เบนซ์
“ถึงแล้วนะมรึง” ผมบอกไอ้เบนซ์
“อืมม ดูแลตัวเองดีๆ พรุ่งนี้เจอกันที่โรงเรียน” มันสั่งผมปิดท้าย

ผมไล่เบอร์ที่โทรออก แล้วกดที่ชื่อไอ้บอส

“ฮัลโหล”
“ครับ ถึงบ้านหรือยังอะโบ๊ท”
“ถึงแล้ว ตอนนี้อยู่หน้าบ้านบอสอ่ะ”
“ห๊ะ” น้ำเสียงมันตกใจ
“คืนนี้โบ๊ทนอนบ้านบอสได้ไหมอะ”
“รอแป็ปนะ” เสียงมันวิ่งตึ่งตั้งลงบันใดมาเพราะมันยังไม่ได้กดวางโทรศัพท์ ก่อนจะเปิดประตูตึก วิ่งหน้าตื่นลงมาที่รั้ว พอมันเห็นผมซึ่งตอนนี้ยืนอยู่หน้าประตูรั้ว
“มายังไงนี่ เดินมาเหรอ ทำไมไม่โทรบอกก่อน จะได้ออกไปรับ” มันบ่นมาเป็นชุดรีบไขกุญแจประตูเล็กออกมา ยืนหอบแฮ่ก ตัวโยนอยู่ตรงหน้าผม
“เปล่าอะ เอารถมา” ผมหันหน้าไปทางรถ SUV ของผม มันหันตามมาที่รถของผม ก่อนจะกดรีโมทประตูรั้วบานใหญ่
“เอารถเข้าบ้าน” มันบอกผมและเดินไปที่ประตู้ข้างคนขับ
ผมเปิดรถขึ้นไปนั่งเตรียมจะสตาร์ท แต่ไอ้คนข้างๆหันสำรวจสัมภาระของผมเรียบร้อย
“เตรียมพร้อมเต็มที่เลยนะ” ผมสตาร์รถและค่อยๆขับไปจอดข้างๆโรงรถมัน พอมันลงจากรถมันก็ไปคว้าของผม ทั้งเป้หนังสือ เป้ใส่ชุดนักเรียน โคฟเว่อร์เทนนิส
“เอาโคฟเว่อร์มาเด่วถือเองมันหนัก” ผมคว้าไปที่โคฟเว่อร์เทนนิส
“ไม่ต้องเดี๋ยวถือเอง ถ้าจะช่วยเอาเป้หนังสือไป” มันเลือกส่งอันที่เบาที่สุดมาให้ผม
ก่อนจะลากผมเข้าตัวตึก แล้วมันก็ปิดบ้านจนเรียบร้อย

“กินไรมาหรือยัง” มันหันมาถามผม ผมยิ้มแหย่ๆ เพราะเริ่มรู้สึกเกรงใจ
“แสดงว่ายัง” มันคว้าข้อมือผมลากไปที่ห้องครัว
“มาม่านะ”
“อืมม” ผมตอบมันไปเพราะว่าง่ายที่สุด แต่ที่ไหนได้ คุณเชฟบอส ก็สาระวนอยู่หน้าเตา ทั้งหั่นหมู ทั้งล้างผักกาดหอม ให้วุ่นวาย
“เดี๋ยวกรูช่วย” ผมเดินไปช่วยมันแต่มันกลับหันมาแล้ว
“ไปนั่งรอเลย เดี๋ยวทำให้กิน”
“แต่ว่า” ยังพูดไม่ทันจบ
“ไม่ต้องแต่” มันหันมาดุ ผมก็ได้แต่เดินกลับมารอที่โต๊ะ สักพัก ชามมาม่าแบบที่เต็มไปด้วยหมู ผัก และไข่ ก็ถูกยกมาเสริฟ ตะเกียบกับช้อนถูกยื่นมาให้

“ชิม” คนทำสีหน้าภาคภูมิใจบอกให้ผมชิม ผมจับช้อนตักซุบขึ้นมาชิม
“เป็นไง” มันถามด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น
“งั้นๆอะ” ผมขอยั่วมันหน่อย
“ห๊ะ” มันลากเกาอี้มานั่งข้างๆผม แล้วคว้าช้อนจากมือผมไปตักน้ำซุบชิม แล้วผมก็โดนมันโบกหัวไปหนึ่งที
“ถ้าไม่อร่อยก็ไม่ต้องกิน” มันเลื่อนชามมาม่าออก แต่ผมไวกว่ารีบคว้าชามไว้ก่อน
“อร่อย อะ อย่างอนสิ” ก่อนจะคว้าตะเกียบ โกยเส้นเข้าปาก ก่อนจะนึกขึ้นได้
“บอสไม่กินอ่ะ” มันส่ายหัว แต่หน้ายังคงยิ้มอยู่
“ดูโบ๊ทกินก็อิ่มแล้ว”
ผมคีบเส้นใส่ช้อน กับหมูอีกหนึ่งชิ้น แล้วยกไปจ่อที่ปากมัน
“หนึ่งคำ” มันก็ยอมกินแต่โดยดี จากนั้นผมกินคำมันกินคำ แป็ปเดียวก็หมดชาม

“คนกินไปล้างเลย คนทำไม่ล้างแล้วนะ”
“จร้า” ผมตอบมันก่อนจะยกชามไปล้างที่ซิงค์

....

บอสหอบของเข้ามาหาที่วางในห้องนอน ผมหันกลับไปปิดประตู หลังจากวางเป้หนังสือลง บอสชูแขนขึ้นสองข้างรอให้ผมเข้าไปในอ้อมอกมัน ผมค่อยเดินเข้าไปสู่อ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นนั้น มันประทับริมฝีปากหยุ่นๆที่หน้าผากผม อ้อมกอดนั้นที่ผมโหยหา อ้อมกอดนั้นที่ผมพยายามจะไขว่คว้า อ้อมกอดที่ผมอยากจะรักษาเอาไว้ ตอนนี้อยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมกอดบอสแน่นที่สุด จนมันถามว่า

“โบ๊ทเป็นอะไรหรือเปล่า” ผมส่ายหน้าตอบมัน เอาหน้าซุกไปที่บ่าบอส
“ไม่ใครกอดโบ๊ทได้อุ่นเท่าบอสกอด” ผมกระซิบบอกมัน
มันขยับแขนกอดผมแน่นขึ้นอีก
“บอสรักโบ๊ทนะครับ” ฝ้าน้ำเริ่มทำให้นัยต์ตาผมพร่ามัว ความรู้สึกตื้นตันแพร่ซ่านไปทั่วร่างกายของผม
“โบ๊ทก็รักบอส” เสียงของผมเริ่มสั่นเครือ
“เป็นไรหรือเปล่าเนี้ย” น้ำเสียงที่อ่อนโยนถามผมอีกครั้ง
บอสจับหน้าผมมองหน้ามัน มันค่อยๆเอามือมาปาดหยดน้ำที่หางตาผมแล้วมันก็รวบผมเข้าไปในอ้อมแขนมันอีกครั้ง
“บอสอยู่ข้างๆโบ๊ทเสมอนะ”

เสียงเพลงจาก Series Club Flyday ที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ดังเข้ามา

หัวใจไม่เคยจะอยู่กับคนที่ควรรักกัน
หัวใจไม่เคยจะอยู่กับคนนี้ที่เคียงข้างฉัน
มันอยู่กับเธอนั้นจนหมดใจ ก็ไม่รู้ทำอย่างไร
กับรักที่มันไม่ควรเกิด ตัดใจลืมเธอเสียยังเถิดก็ทำไม่ได้


“ไปอาบน้ำกัน” เสียงบอสทำลายความเงียบ ทำให้ตื่นจากภวังค์
หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เราสองคนนอนมองหน้ากันอยู่บนเตียง ปากหยุ่นๆสีแดงระเรื่อค่อยเคลื่อนเข้ามาประกบที่ริมฝีปากผม เราจูบกันอยู่นาน เมื่อความต้องการของร่างกายเอาชนะจิตใต้สำนึก ทุกอย่างที่เก็บที่กดเอาไว้พังทลาย เราทั้งคู่ก็ปล่อยให้จิตใจทำตามความต้องการของร่างกาย


ผมลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเริ่มมีแสงเข้ามาในห้อง ผมนอนตะแคงข้างอยู่ มือของบอสโอบกอดผมจากด้านหลัง อ้อมกอดของบอสยังคงอบอุ่น ผมอยากอยู่ในอ้อมกอดนี้ไปนานๆ
“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่อบอุ่นเอ่ยถาม ขณะที่มือก็ควานหาโทรศัพท์
“เพิ่ง05.45 เอง อย่าเพิ่งลุกเลย”
“เด่วสายนะบอส” ผมตอบมันกลับไป
“ขอบอสกอดโบ๊ทอีกแปปนึงนะ”
แต่มื้อข้างนั้นไม่กอดเปล่า เริ่มซุกซนมาที่อกผม
“จะกอดอย่างเดียวไม่ใช่เหรอ” ผมดุมัน แต่ริมฝีปากของมันเริ่มมาสัมผัสที่คอและหลังใบหูผม ผมขัดขืนมันเล็กน้อย ก่อนที่จะยอมตามใจมันอีกครั้ง

...

กว่าจะออกจากบ้านมันก็ปาไปจะ 7.15 แล้ว ผมทิ้งรถไว้ที่บ้านมัน เพราะถ้าขับไปมีหวังสายแน่ๆ หลังจากขึ้นบันใดเลื่อนจนถึง เอาบัตรรถไฟฟ้าสอดเข้าแท่น มันจับมือผมวิ่งขึ้นบันไปยังชานชาลา เราแทรกคนจำนวนมหาศาลขึ้นมาบน BTS ได้สำเร็จ บอสยืนชิดกับผมมาก เพราะจำนวนคนที่เบียดกันอยู่ในตู้โดยสาร บอสคอยขืนตัวอยู่เกือบตลอด เพื่อที่จะให้คนอื่นไม่มาเบียดผม สักพักหูฟัง Sony Xperia Z1 จะถูกยัดเข้ามาที่หูผมข้างหนึ่ง

เธออาจะได้ยิน เสียงของบางคนบอกมา
ว่าเธอกับฉันไม่คู่ไม่ควร
บางคำเหล่านั้น ฉันรู้มันอาจก่อกวน
และอาจจะทำให้เธอลังเล

อยากขอ ขอเธออย่าหวั่นไหว
เรื่องนี้มีแค่เราใช่ไหม
ไม่ต้องถาม ต้องตอบใคร
ตอบแค่ใจเธอก็พอ ว่าต้องการกันและกันหรือเปล่า
ไม่ต้องรู้คำตอบใคร ตอบแค่ใจของเธอพอ
หากว่าใจเรารักกัน ก็แค่ทำมันให้เป็นเรื่องของเรา

มือของบอสสอดประสานเข้ากับมือของผม คนๆนี้อยู่ข้างๆผมเสมอ ท่ามกลางผู้คนมากมาย มีเพียงแค่มันที่เข้าใจผมเสมอ ก็จริงอย่างที่เพลงบอก มันก็แค่เรื่องของเราสองคน แค่เราเข้าใจกันก็พอแล้ว

30-40
Game
See You Next Game

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เนื่องจากคืนนี้อาจจะไม่ได้มาลง คนเขียนเลยลง "เบิ้ล" สองตอนเลยนะครับ อิอิ
คืนนี้จะหนีไปดู Love's Coming ครับบบบบ 5555+

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B

เกมส์ กางกางน้ำเงิน นี่ดึงดูดความสนใจคนอ่านทุกคนจริงๆครับ อิอิ
ส่วนอีกเดี๋ยวคนเขียนเปิดตัวละครมากกว่านี้อีกหน่อย จะเอาแผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องมาลงนะครับ คนอ่านจะได้ไม่งง^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer

เง้อออ มีแต่คนคนอ่านสงสารเมย์ อิอิอิ ตาโบ๊ท โลเลครับ คิคิ

ขอบคุณคนอ่านทุกๆท่านสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจด้วยนะครับ คนเขียนเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ วันที่ 15 ก.พ. 57 นี่เองครับ ตอนนี้ เขียนไปได้ 30 กว่าตอนแล้ว จะทยอยๆเอาลงนะครับ อิอิ
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 20 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 29-03-2014 18:15:47
สนุกอ่ะครับ  o13
อ่านแล้วหยุดไม่ได้ (ฮา)
สงสารเมย์นะ แต่ก็อยากให้เลิกกับโบ๊ทเร็วๆ  :ling1:
ปล.เราทำผังตัวละครด้วยนะ ตระกูลตัว บใบไม้  555   

รอตอนต่อไป +  :L2:

หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 20 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 29-03-2014 21:16:30
ติดตามจ้าาาา ชอบค่ะ +++ ให้
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 20 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-03-2014 22:37:11
 :katai1: รีบบอกเลิกเมย์เถอะโบ๊ท ไหนๆแกก็รู้ตัวว่าแกจะกลับมาคบบอสแล้ว
ยิ่งนานไปเมย์ยิ่งรู้สึกแย่นะ เหมือนโดนสวมเขาเลย

เกมส์นี่ แลดูมีเสน่ห์อ่ะ => อยากได้  ไบร์ทหลบไป  #หนีไปเปลี่ยนชื่อเป็นตัว B

เรื่องนี้หนุ่มวัยขบเผาะกำลังแซ่บเพียบ รู้สึกอยากได้มาอยู่ในฮาเร็มของตัวเอง ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 20 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 29-03-2014 22:57:59
ชอบ ๆ ลงหลายๆตอน ฮ่าๆๆ
โบ็ท โลเล =,.= สงสารใครดี ?
คนเขียนไปดู Love's coming มาบอกด้วยน่ะ
มาฟินไหม ><'
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 20 29/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 30-03-2014 10:59:02
@ 21st Game – Sweet

เรามาทันโรงเรียนแบบฉิวเฉียด ผมเกือบจะพาประธานนักเรียนมาสายซะแล้ว
“เดี๋ยวตอนเที่ยงกินข้าวด้วยกันนะครับ” บอสบอกผม
“อืม เดี๋ยวตอนเที่ยงเจอกัน” ผมตอบมันกลับไป ก่อนที่เราจะแยกย้าย ผมเอาโคฟเว่อร์ไปเก็บที่ชมรม

ตรึง... ไอ้โฟนของผมสั่นอยู่ในกางกาง
Benz.
ถึงโรงเรียนหรือยัง 07.55
                                                                          07.55 ถึงแล้ว
Benz.
เย็นนี้มรึงกลับเองได้ไหม? 07.56
                                        07.56 มรึงจาปายหน่าย
Benz.
เย็นนี้กรูจะไปซื้อของกับเบียร์ที่สยาม 07.57
                                                                        07.57 เออ

วันนี้ มิส สุกัญญา เข้ามาสั่งงาน ให้พวกเรานั่งทำกันก่อนจะออกไปประชุม หลังจากป่นงานเสร็จ จริงๆคือลอกเสร็จ  ก็ได้เวลาจับกลุ่ม
“เดี๋ยวเย็นนี้มรึงต้องซ้อมกับวงหรือเปล่าวะบาส” ผมหันไปถามหัวหน้าวงโย
“เออดิ วันนี้ต้องสอบรูปแบบขบวน”
“แล้วไอ้เบนซ์มันบอกมรึงยัง”
“บอกว่ามันจะลาไปช่วยเมียมันแบกของชิมิ” ไอ้บาสเริ่มปล่อยหมาออกจากปาก มันหันมาฉีกยิ้มกว้าง
“แหม่ แล้วน้องปั๊ปมรึงล่ะไปถึงไหนแล้ว” เพอเจอประโยคนี้ของผมเข้าไป ไอ้บาสถึงกับหูแดง หน้าแดง ไปกันไม่เป็นเลยทีเดียว
“จีบติดยังวะ สาด” ไอ้บูมเสริมมาอีกคน
“จีบเชี่ยไร” หน้าไอ้บาสแดงไปทั้งหน้า
“กรูตกข่าว” ไอ้แบงค์หน้าเหว่อ ปกติมันจะแสนรู้เรื่องพวกนี้
“ปั๊ปไหนวะ เล่ามาเดี๋ยวนี้ ไอ้บาส”
“ปั๊ป ไหน ไม่มี”
“มรึงจะเล่าดีๆ หรือจะให้โลกรู้” ไอ้แบงค์เริ่มขู่
“ไอ้เชี่ยยย เบาๆสิวะ” ไอ้บาสสีหน้าเริ่มเป็นกังวล ส่วนไอ้แบงค์ยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ปั๊ป เป็นหัวหน้าวงโยของเด็กโรงเรียนกางเกงน้ำตาลแถวๆถ.พระราม1”
“กรูเจอกันเพราะวงโยโรงเรียนเรากับโรงเรียนนั้นต้องแสดงร่วมกันในพิธีเปิดงานบอลหว่ะ”
“แล้วไง” ไอ้บูมขัดจังหวะขึ้นมา
“ก็ไม่แล้วไง กรูชอบเขา”
“แล้ว” ไอ้แบงค์เริ่มเร่ง เพราะไอ้บาสเล่าช้า
“แต่กรูไม่กล้า”
“จบกัน” ไอ้บูมพูดโพล่งออกมา

“ไอ้เชี่ยบาส หล่อขนาดมรึง แถมเป็นทั้งดรัมเมเยอร์ + หัวหน้าวงโยโรงเรียนเรานี่นะไม่กล้า” ไอ้แบงค์ชี้หน้า
“ไอ้สัส กรูชอบจริงๆนี่วะ” ไอ้บาสตอบกลับมา
“มรึงมี เฟส เข้าป่าว” ไอ้บูมถาม ไอ้บาสสั่นหน้า
“เบอร์เขาล่ะ” ไอ้แบงค์ถามต่อ ไอ้บาสพยัคหน้า
“ไลน์เขาล่ะ” ผมซักต่อ
“มี มันเด้งมาตั้งแต่ได้เบอร์มาแล้ว” ไอ้บาสเสียงอ่อยๆตอบมา
“แล้วมรึงคุยกับเค้าหรือเปล่า”  ไอ้บูมถามต่อ
“ก็คุยแต่เรื่องงาน” ทีงี้ถามคำตอบคำนะมรึงผมด่ามันในใจ
“หมดกันเสียชื่อคุณชายบาสหมด” ไอ้บูมบ่น

“มรึงมีอีเมลล์เขาป่าววะ” ไอ้แบงค์ถาม
“มี งั้นมรึงเอาอีเมมล์มา แล้วเอาโทรศัพท์มรึงมาด้วย” ไอ้แบงค์สั่งให้ไอ้บาสเอาอีเมลล์ของปั๊ปมา มันพิมพ์อีเมลล์ลงไปช่องค้นหาใน Facebook ของไอ้บาสอย่างรวดเร็ว แล้ว Facebook ของ ปั๊ป ก็เด้งขึ้นมาแต่ยังถูกล็อกไว้

รูปโพลไฟล์เป็นเด็กหนุ่มกำลังยืนเป่าฟลุ๊ตในชุดทักซิโด้สีดำ หน้าตาดีขนาดนี้ไอ้บาสถึงไม่กล้านี่เอง ผมนึกในใจ

“ไอ้เชี่ยบาส เล่นของสูงนะมรึง” ไอ้บูมด่า
“กรูเคยเห็นขึ้นคอลัมน์แนะนำใน เด็กดีเลยนะมรึง” ไอ้บูมเสริมต่อ

“กรูกดแอดนะมรึง” ไอ้แบงค์มือเร็วกว่าปาก กดไปเรียบร้อย ไอ้บาสได้แต่นั่งอ้าปากเหว่อ

ตรึ่ง.. LG Optimus ของไอ้บาสสั่นอยู่ในมือของไอ้แบงค์

“เชี่ยย รับแล้วโว้ย” จากนั้นปฏิบัติการนักสืบรุ่นจิ๋ว ก็ได้เริ่มขึ้นทุกซอกทุกมุมของ Facebook ปั๊ป ไม่รอดสายตาของเราไปได้ ที่สำคัญ
“Status : Single” ไอ้เชี่ยแบงค์แถบกรีดร้อง
“กรูว่ามรึงจีบติด” ไอ้บูมตบบ่าไอ้บาส
“กรูก็ว่าติด อยู่ที่มรึงแล้วล่ะว่ากล้าพอจะจีบเค้าหรือเปล่า”  ไอ้แบงค์เสริมมา
“อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือสิวะ” ผมบอกมัน

...........

ใกล้จะพักเที่ยง
“ไอ้โบ๊ทมีคนมาหา” ไอ้ศักดิ์ตะโกนบอกอยู่ที่ประตูห้อง
“ใครวะ”  แต่ยังไม่ทันที่ผมจะโผล่หน้าออกไป ร่างสูงโปร่ง กับหน้าหล่อ ก็เดินเข้ามาในห้องเสียก่อน

เสียงโห่ฮา  โดยเฉพาะจากไอ้สามตัวนั่น

“ว่าไง” ผมทักมันไป
“มารอไปกินข้าวด้วยครับ”  เสียงผิวปากตบโต๊ะดั่งสนั่น ผมหันหน้าไปเอ็ดไอ้สามตัวนั่น ก่อนจะหันตะโกนบอกพวกมัน
“ไปแดกข้าวกันพวกมรึง”

หลังจากกินข้าวกันเสร็จ พวกเราก็มานั่งชิวใต้ตึกกัน ส่วนคุณชายบอสมีประชุมกับพวกสภา เลยขอแยกไปก่อน ไอ้บาสนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมือถือ ทุกคนพยักหน้าลงความเห็นกันว่า สงสัยปฏิบัติการพิชิตใจเริ่มต้นขึ้นแล้ว

“ไอ้บูมเย็นนนี้มรึงไปไหนป่าว” ไอ้แบงค์หันไปถาม
“กรูมีประชุมกับประธานเชียร์ทั้ง 4 โรงเรียนหว่ะมรึง มีไรป่าววะ”  มันหันมาถามไอ้แบงค์กลับ
“กรูว่าจะชวนไปซื้อขวัญวันเกิดให้อาร์มสักหน่อย แต่ไว้วันหลังก็ได้มรึง”
“ไม่รีบใช่ป่ะ เด่วกรูไปช่วยเลือก” ไอ้บูมรีบบอก
“เออ อีกหลายวันอยู่”

....

ตกเย็น ไอ้เบล วันนี้ขอถ่ายรูปเดี่ยวของทุกคนในทีม แล้วก็ขอรูปทีม
“อัดรูปมาเผื่อด้วยนะเบล เดี๋ยวมาเก็บตังค์กับชมรม” ผมบอกมัน
“ได้สิ เดี๋ยวเอาไฟล์มาให้ด้วย” มันหันมาตอบ
“ขอบใจนะมากนะโบ๊ท” บอกผมก่อนจะขอแยกไปทำรูป

ขณะที่พวกเรากำลังซ้อม มีรถส่งของมาจอดที่ข้างๆคอร์ท ชายวัยกลางคนรูปร่างท้วมๆ เดินมาที่ประตูรั้ว ผมจึงเดินออกมา
“มีของมาส่งให้คุณภัทราวุธครับ” ชายสูงวัยเอ่ยขึ้นมา
“สักครูนะครับ” ผมตอบแกไปก่อนจะหันไปตะโกนเรียกเจ้าของชื่อ
“ไอ้ไบร์ท มีคนส่งของมาให้มรึง” ไอ้ไบร์ทวิ่งหน้าตาเลิกลั่กมา
“เซนต์รับของตรงนี้ด้วยครับ” ลุงแกยื่นแผ่นเพลตลองใบส่งของให้ไอ้ไบร์ทเซนต์
หลังจากที่ไอ้ไบร์ทเซนต์รับของแล้ว ลุงแกก็กลับไปที่รถ ก่อนจะหอบดอกกุหลาบสีขาวช่อใหญ่ ที่ถูกตกแต่งมาอย่างดี มาส่งให้ไอ้ไบร์ท ซึ่งตอนนี้หน้าแดงหูแดงเรียกได้ว่าแดงไปทั้งตัวแล้ว ยืนยิ้มหน้าเหว่ออยู่ตรงนั้น

ตอนมันเดินเข้ามาในคอร์ท เสียงโห่ฮิ้ว ดังไปทั่วคอร์ท ตอนนี้ทุกคนหยุดการซ้อมชั่วขณะ ก่อนจะวิ่งมาล้อมตัวไอ้ไบร์ทกันหมดคอร์ท
“ใครส่งมาวะ” ต่อมเสือกไอ้แบงค์ทำงานขึ้นมาเชียว
“ไม่รู้หว่ะ” ไอ้ไบร์ทยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอบกลับมา
“ในการ์ดอะไม่ได้บอกเหรอ” ไอ้บีมรีบทัก
ไอ้ไบร์ทมันหันการ์ดออกมาให้พวกเราอ่าน

“จากคนที่คุณก็รู้ว่าใคร”
“ไอ้เชี่ยย จากลอร์ดวอร์เดอมอร์” ไอ้แบงค์โพล่งออกมาเล่นเอาทุกคนฮาแตก
“แล้วมรึงไม่รู้จริงๆเหรอว่าใคร” ผมถามไอ้ไบร์ทไป
“กรูยังงอยู่นี่ไงมรึง”

...

หลังจากซ้อมเสร็จไอ้บอสก็มารอกลับบ้านพร้อมกัน วันนี้ผมต้องกลับไปเอารถที่บ้านไอ้บอสด้วย พอเก็บของเสร็จเรียบร้อยกำลังจะเดินออกจากคอร์ท
“โบ๊ท รีบกลับหรือเปล่าครับ”
“ก็ไม่อะ” ผมเหลือบไปมองนาฬิกาตอนนี้ก็ 19.30 พอดี
“จะชวนไปเดทเหรอ” ผมกระเซ้ามันไป
“แล้วจะไปปะล่ะ” มันหันมาแหย่ผม
“ไปไหนอะ” ไอ้นี่ก็ใจง่ายเนอะ ผมด่าตัวเอง
“ไปเอเชียทีคกัน.......”

15-40
Game
See You Next Game

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ ★KVH™★

ขอบคุณครับ คนเขียนมีความสุขมากครับที่ชอบกันนะครับ
มีแต่คนสงสารเมย์ อิอิ โบ๊ทเมื่อไรนายจะตัดสินใจ.....เสียที อิอิอิ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ nunnan
ขอบคุณสำหรับการ +++ ให้นะครับ^^
ขอบคุณที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
รีบบอกเลิกเมย์ คนเขียนก็หมดมุขจิครับ อิอิอิ
ส่วนเกมส์นั่นเขาแพรวพราวตามแบบฉบับเด็กกางเกงน้ำเงินครับ 555+
ส่วนเรื่องไบร์ท คนอ่านต้องไปตบตีกับไบร์ทเอาเองนะคราบ
อุต๊ะ ฮาเรม ฮาเรม ฮาเรม....
ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาโดยตลอดนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553

นั่นสิครับ สงสารใครดี คนเขียนสงสารโบ๊ทครับ เอิ๊กกกกก
ส่วน Love's coming ฟิน ครับ หนังโอเคเลยล่ะครับ เนื้อเรื่อง พ็อต นักแสดง ชอบหมดครับ
มีบางเรื่องเช่น เสียง แล้วก็บทเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มที่ออกแนวเหนือมนุษย์ นอกนั้นโอเค
ฉากเซอร์วิสแฟน เต็มเรื่อง ดูแล้ว จิกหมอนนนน ครับ 5555+

ขอบคุณที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ^^


หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 21 30/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 30-03-2014 14:57:33
@ 22nd Game –  Surprise

หลังจากลง BTS ที่สะพานตากสิน ลงมาต่อ ป.อ 75 สักพักเราก็มาถึงที่หมายและตรงดิ่งไปฝั่งริมแม่น้ำ เราเดินมาถึงร้านอาหารอิตาเลียนชื่อดัง ที่ตรงดิ่งมากินกันก่อนเพราะพยาธิในท้องเริ่มดิ้นทุรนทุราย

“สปาเก็ตตี้ผัดขี้เมาปูนิ่ม” ครับ ไอ้บอสสั่งไปแล้ว
“ของผมพาสต้าเส้นดำกุ้งแม่น้ำกับพิงค์ซอสครับ” ผมสั่งตามไปติดๆ
“เอาพิซซ่ามั้ย เดี๋ยวไม่อิ่ม” ไอ้บอสเอ่ยปากถาม ผมพยักหน้าตอบมันไป
“ขอพิซซ่า แฮมเห็ดครับ”

“เดี๋ยวโบ๊ทช่วยบอสเลือกของขวัญวันเกิดให้ไอ้อาร์มหน่อยนะครับ” มันบอกผมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“เอาสิ อยากได้อะไรอะ”  ผมถามมัน
“ยังไม่รู้เลยครับ เด่วไปเดินๆดูก่อนเผื่อเจออะไรถูกใจ”
“อืมม”

หลังจากจัดการกับอาหารที่กองอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย วันนี้ไอ้บอสไม่ยอมให้ผมจ่าย มันอ้างว่า วันนี้มันชวนมา และจะให้ช่วยเลือกของ เฉพาะฉะนั้นมันต้องรับผิดชอบ ส่วนผมก็สบายตัวอิ่มจังตังค์อยู่ครบครับ อิอิ

เดินดูของเข้าร้านนั้น ออกร้านนี้อยู่สักพักก็ยังไม่ได้ของที่ถูกใจ
“มรึงรอกรูแปปนะ” ผมหันไปบอกมัน เมื่อเดินมาถึงร้านชาไข่มุกสีเหลืองๆร้านโปรดของผมเดินเข้าไปสั่ง
ขอ Green tea with Rock salt Cheese กับ Cocoa with Rock Salt Cheese ครับ สักพักพนักงานก็เสริฟทั้งสองแก้ว เพราะเป็นเมนูชีส จึงไม่มีหลอดให้ ต้องยกแก้วกระดก ผมจัดการโกโก้ของผมเพราะอดใจไม่ไหวจริงๆครับ ระหว่างเดินกลับไปหาไอ้บอส

“อ่ะนี่” ผมยื่นแก้วชาเขียวชีสให้มัน
“หืมม” มันทำหน้าสงสัย
“ไม่เคยกินเหรอ” มันส่ายหัว
“นายของอร่อยพลาดแล้ว” ผมทำหน้าเยาะเย้ยมัน
“ชิมดูสิ”
“หลอดอ่ะ”
“มันเป็นชาเขียวชีส ถ้าใช้รอดมันก็ดูดได้แต่ชาเขียวสิ” ผมอธิบายให้มันฟัง
มันก็ค่อยๆยกแก้วขึ้นดื่ม
“อร่อยจริงๆด้วย” มันรีบหันมาบอก
“เห็นมั้ย เรื่องกินนี่ไอ้โบ๊ทไม่เคยพลาด” ควรจะภูมิใจดีไหมนี่
แต่ด้วยความไม่ชินกับการต้องยกแก้วขึ้นดื่มแถมยังมีชีสฟองหนาๆท็อปอยู่ด้านบน สุดท้ายเด็กชายบอสก็มีคาบฟองชีสติดอยู่ที่ริมฝีปาก ผมอดยิ้มไม่ได้

“กินเป็นเด็กๆไปได้” ผมหันไปบ่นมัน กับเอากระดาษทิชชู่ค่อยช็ดฟองออกจากริมฝีปากมัน ถ้าเป้นในหนังจะต้องเป็นภาพสโลโมชั่นกล้องแพนไปรอบๆตัวเราแหง่ๆผมคิดในใจ
“ขอบใจ” เสียงมันพูดออกมาในขณะที่สายตาที่เปี่ยมสุขคู่นั้นจ้องมาที่หน้าผม

สุดท้ายเราก็ได้ของขวัญให้ไอ้อาร์ม ไม่รู้ว่าไอ้อาร์มจะชอบไหมแต่ที่แน่ๆ ไอ้บอสชอบมาก เป็น Bingo Drink เป็นเกมส์ที่ต้องหมุนให้ลูกบอลสีๆหล่นลงมา ถ้าลูกบอลสีไหนออกมา และจะต้องดื่มเครื่องดื่มแก้วสีเดียวกับลูกบอล

“โบ๊ทรอแถวนี้แปปนึงได้ไหม” ไอ้บอสหันมาถาม
“ทำไมอะ” ผมถามมันกลับไป
“บอสขอไปห้องน้ำแป็ป”
“อืมม เด่วเดินรออยู่แถวนี้ล่ะกัน” พอพูดเสร็จไอ้บอสก็วิ่งปรู๊ดหายไป ผมเดินดูโน่นดูนี่ไปสักพักใหญ่ คุณชายบอสก็กลับมา

“ไปนั่งชิงช้ากัน”

มันคว้าข้อมือผมแล้วลากไป เข้าคิวซื้อตั๋ว ก่อนจะขึ้นมันส่ง Xperia Z1 ให้พนักงานช่วยถ่ายรูปให้ เรารีบมุดเข้าไปนั่งในชิ่งช้า พนักงานถ่ายรูปให้ ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนมาให้เรา ชิงช้าค่อยๆเคลื่อนขึ้นไป แอร์ข้างในเย็นฉ่ำ บรรยากาศกรุงเทพยามค่ำคืนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่างสวยงามมาก ตึกระฟ้าแสงไฟสีสันสวยงามเป็นทิวแถวริมแม่น้ำเจ้าพระยา อีกข้างก็เป็นบรรยากาศมุมสูงของเอเชียทีค ที่สำคัญที่สุดผมอยู่กับบอส

รอบแรกพวกเราตื่นเต้นกับบรรยากาศมุมสูง พอรอบที่สองเป็นรอบถ่ายรูป ทั้งไอโฟนผมและโซนี่ของไอ้บอส ทำงานกันอย่างหนัก พอรอบที่สาม

“อ่ะนี่” ไอ้บอสหยิบกล่องเล็กๆขึ้นมาส่งให้ผม
“อะไรอ่ะ” ผมหยิบมาแล้วเปิดดู เป็นแหวนคู่หนึ่งที่สลับสีระหว่างสีเงินกับสีทองหม่นๆ สีเข้ากับที่รัดข้อมือที่เราใส่กันอยู่
“อย่าบอกนะว่าไปซื้อตอนวิ่งไปเข้าห้องน้ำอ่ะ” ผมหันไปถามมัน มันพยักหน้าตอบกลับมา กับทาทางเขินๆของมัน
“บอสใส่ให้นะครับ” แล้วมันก็ค่อยๆหยิบแหวนใส่ที่นิ้วของผม (ข้างไหนนิ้วอะไรเดากันเอาเองนะครับ คิคิ)
มันยื่นมือซ้ายมา “ใส่ให้ด้วย” ผมหยิบแหวนใส่ที่นิ้วของบอส
“ขอบคุณมากนะ” มันบอกผม
“กรูตาหากต้องขอบคุณมรึง” ผมหันไปบอกมัน
“ไม่เอาอ่ะ ขอเป็นรางวัลดีกว่า” หน้าเจ้าเล่ห์มาอีกแล้วครับ
“เอาไรอ่ะ”  ผมหันไปมองมันก็เห็นมันเอานิ้วจิ้มแก้มตัวมันเอง ผมก็เลยต้องหอมมันไปตามระเบียบ

มันนั่งจับมือผม ผมเอนหัวไปอิงไหล่มัน เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข เพลงะเบาๆคลอมาจากลำโพงชิงช้า

ฉันอยากจะหยุดเวลานี้ ตั้งแต่วินาทีที่ชีวิตมีเธอเข้ามา
เธอทำให้คนที่เหนื่อยล้า นั้นกล้าจะเปิดหัวใจ
หยุดๆชีวิตหยุดกับคนนี้ แม้ว่าใครจะดีสักแค่ไหน
หยุดๆความรักทั้งหัวใจ หยุดอยู่กับเธอคนเดียว

ลงมาจากชิงช้าสวรรค์ ก็ลงมาเดินที่ริมน้ำเจ้าพระยากัน

อาอียา มอนจอ กา ออกี ยา ทียอราชา ออกี ยาทียา ทวีชาชึลกอยา
ชัมชียา อัพซอโต นอล ตารา จับบือรี นัน
คือนยอรึล จิคยอรา นัล อิจจิ มซทาเก
แน นิมมี คเยชิน กซ กึทกาจี คารยอนดา
 
ไอโฟนผมดังลั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รูปหญิงสาวหน้าสวยยิ้มหวานอยู่หน้าโทรศัพท์ ผมหันไปมองหน้าไอ้บอส มันพยักหน้าให้ผมกดรับโทรศัพท์

“หวัดดีครับ”
“โบ๊ทอยู่ไหนคะ” เสียงใสๆถามผมมาในโทรศัพท์
“อยู่ เอเชียทีคครับ” ผมตอบเธอกลับไปเพราะไม่มีประโยชน์ที่จะโกหก
“มาทำไรคะ” เมย์ยังคงถามต่อ
“มาซื้อของขวัญวันเกิดให้เพื่อนครับ”

ก่อนที่จะมีนิ้วมาสัมผัสที่ไหล่ผม ผมหันหลังกลับไปดู
“Surprise ใช่โบ๊ทจริงๆด้วย” ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงดีใจ
“อ้าว เมย์” ผมอุทาน
“เมย์มาทำไรที่นี่ครับ” ผมถามเธอกลับไป ขณะเดียวกันก็เหลือบตาไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างอีกคน
“เมย์มาทานข้าวกับที่บ้านอ่ะ อยู่ที่ร้านนี้” เธอชี้ไปที่ร้านหรูที่หันหน้าออกแม่น้ำ
“เออ เมย์ครับนี่ บอส เพื่อนโบ๊ทครับ” ผมแนะนำบอสให้เธอรู้จัก
เธอยิ้มกว้าง ก่อนจะทักทายด้วยน้ำเสียงที่สดใส
“สวัสดีค่ะ บอส”  เมย์พยักหน้าทักบอส
“สวัสดีครับ เมย์ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” มันยิ้มแย้มทักทาย
“ค่ะ เหมือนกันนะคะ”
“เดี๋ยวเมย์ต้องไปแล้ว เมย์เห็นโบ๊ทแวบๆ ก็เลยมาทัก”
“ครับ ไว้คุยกันนะครับ”
“ค่ะ เด่วไว้โทรคุยกันนะคะ” ก่อนเธอจะยกมือบ้ายบาย

“กลับเรือกันไหม” บอสหันมาถามผม
“อืมม เอาสิ” ผมตอบมันกลับไป พร้อมกับสำรวจอาการของบอส
“ไม่ต้องห่วง บอสไม่เป็นไรจริงๆ”  มันหันมาบอก
แต่มันก็เอามือ มาบิดที่เอวผมหนึ่งทีเล่นเอาผมสะดุ้งสุดตัว
“ทำโทษที่บอกว่าบอสเป็นเพื่อน”  ตอนแรกตั้งใจจะด่ามัน แต่สถานการณ์นี้ อ้อนน่าจะดีกว่า
“แล้วจะให้ทำไงอ่ะ” ผมทำหน้าอ้อนมัน
มันเอามือมาจับหัวก่อนจะบอกว่า “ไม่ทำไงหรอก แค่อยากแกล้งคนเล่น”
“ใช่สิ เป็นของตายแล้วนี่ อยากจะแกล้ง อยากจะทำไรก็ทำได้” ต้องพลิกสถานการณ์ก่อน
“งอนแล้ว” ผมหันหน้าหนีมัน
“โอ๋ๆ เก๊าล้อเล่นอ่ะ อย่าโกรธเก๊าน้า นะ นะ นะ”

....

พอเรือมาจอด บอสกับผมก็ลงมาในเรือได้ที่นั่งด้านหลัง ผมค่อยเอามือจับมือบอสไว้ มันบีบมือผมกลับมา บรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืน กับเรือที่กำลังฝ่าสายน้ำไปข้างหน้าอย่างช้าๆ วันนี้ผมมีความสุขมากจริงๆครับ

30-40
Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 22 30/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 30-03-2014 22:00:36
@ 23rd Game –  Lie

หลังจากขึ้นจากเรือที่ท่าน้ำสะพานตากสินแล้ว เราก็มาต่อ BTS ลงที่สถานีวงเวียนใหญ่
“ไปนอนบ้านกรูไหม” ผมเอ่ยปากชวน
“จะดีเหรอ” มันหันมาถาม นี่ถามหยั่งเชิงป่ะนี่
“ดีสิ ป๊ากับม๊า ยังไม่กลับมีแค่กรูกับไอ้เบนซ์”
“ถ้างั้นโบ๊ทรอบอสเก็บของแป็ปนะ”
“ได้สิ”

พอเข้ามาในบ้านไอ้บอส
“ป้านิดครับ วันนี้เดี๋ยวผมไปนอนบ้านโบ๊ทนะครับ” มันรีบหันไปบอกป้านิด
“ค่ะ คุณบอส” หญิงวัยกลางคนรับคำ
“ให้ป้าขึ้นไปช่วยเก็บเสื้อผ้าหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไรครับป้า เดี๋ยวผมเก็บเองครับ ขอบคุณครับ”
มันพยักหน้าให้ผม แปลว่าผมต้องเดินตามมันขึ้นไปห้องมัน นี่อย่าบอกให้กรูช่วยเก็บเสื้อผ้าให้มรึงนะ แล้วก็เป็นจริงดั่งคาด

“พับให้หน่อยสิ” มันบอกหลังจากหยิบเสื้อผ้านักเรียนมาวางกองกับเป้ ผมไม่มีทางเลือกต้องไปนั่งพับผ้าให้มัน T-T
ส่วนมันก็หันไปเก็บหนังสือ สายชาร์ทโทรศัพท์ สักครู่เราสองคนก็เก็บของกันเสร็จ

รถ Volk Swagen tiguan สีขาวทะยานออกจากบ้าน อรรถากร มุ่งหน้าบ้าน สุขอนันต์

หลังจากจอดรถเรียบร้อย ผมเดินเข้ามาเปิดประตูบ้าน ก็เห็นไอ้พี่ชายตัวดีนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกกับไอ้เบียร์ แถมไอ้เบียร์ยังหน้าแดงตาปู๊ดอีกตาหาก พอเห็นผมไอ้เบียร์ก็พยายามทำหน้าปกติและทักทายผมกับไอ้บอส หน้ามันงงที่เห็นผมกับไอ้บอส ซึ่งไม่ต่างจากที่ผมงงที่เห็นไอ้เบียร์อยู่ที่บ้านกับเบนซ์

ผมชี้หน้าไอ้เบนซ์แล้วก็ชี้ไปทางไอ้เบียร์ แล้วอ้าปากถามมันแบบไม่ออกเสียงว่าเกิดไรขึ้น
“หรือว่า” แต่ยังไม่ทันจะพูดออกไป
“โป๊ก โดนไอ้พี่ชายเบิร์ดกระโหลกไปหนึ่งที สงสัยผมเก็บอาการหน้าหื่นไว้ไม่อยู่
“ไปอาบน้ำก่อนเหอะพวกมรึง” มันไล่ผมสองคน ก่อนจะทำปากขมุบขมิบว่าเด่วกรูเล่าให้ฟัง

...

หลังจากอาบน้ำเสร็จผมนั่งเช็ค เฟสบุค อยู่หน้าคอม เสียงเคาะห้องดังขึ้นผมเดินไปเปิดประตูไอ้เบนซ์ก็ยืนอยู่หน้าประตู
“เข้ามาสิมรึง” ผมเรียกมัน มันก็เดินมานั่งที่เตียงผมนั่งเกาที่เก้าอี้หน้าคอม ส่วนไอ้บอส นั่งอยู่อีกมุม
“ไอ้เบียร์ล่ะ” ไอ้บอสถาม
“มันอาบน้ำอยู่” ไอ้เบนซ์หลุบตามองพื้น
“เกิดไรขึ้นวะ ไหนมรึงบอกว่าไปซื้อของกัน”  ผมเลื่อนเก้าอี้เข้ามาใกล้ไอ้เบนซ์
“ก็ไปซื้อของที่สยาม แล้วก็ไปเจอไอ้บิวมันไปเดินกับเด็กใหม่มัน”
“ไอ้เบียร์ก็เลยมีสภาพอย่างที่เห็น” ผมสรุปให้ ไอ้เบนซ์มันพยักหน้า
“กรูใช้เวลาตั้งหลายเดือน กว่าเบียร์จะกลับมายิ้มได้ แต่เจอไอ้บิวแค่ไม่กี่วินาที” ผมเอามือบีบบ่ามัน
“มรึงตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่มรึงจะมาอ่อนแออีกคนนะโว้ย” ผมเตือนสติพี่ชาย
“ตอนนี้ไม่มีใครจะดูแลเบียร์ได้ดีเท่ามรึงนะ” ผมให้กำลังใจมัน

“สู้สิโว้ย กรูเชื่อว่าพี่กรูทำได้ กรูเชื่อว่ามรึงจะชนะใจเบียร์ได้สักวัน” ผมเชื่อว่าพี่ผมถ้าตัดสินใจอะไรแล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง ถ้ามันตัดสินใจว่ามันเต็มที่กับไอ้เบียร์จริงๆแล้ว ก็แปลว่าไม่เปลี่ยนความตั้งใจแน่ๆ
“กรูก็เชื่อว่ามรึงทำได้” ไอ้บอสพูดพร้อมกับเอามือมาตบบ่าไอ้เบนซ์

หลังจากไอ้เบนซ์กลับไปห้องมันแล้ว
“เหนื่อยใจแทนไอ้เบนซ์มัน” ไอ้บอสบ่นออกมา
“ทำไงได้มันเลือกของมันแล้ว ก็ทำได้แต่คอยให้กำลังใจ” ผมบอกไอ้บอส
“นอนกันเถอะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า” ผมตัดบทเพราะมันเที่ยงคืนกว่าแล้ว

มือนุ่มๆโอบกอดมาที่เอวผมก่อนจะมีเสียงกระซิบเบาๆที่ข้างหู “ฝันดีนะครับโบ๊ท”
ผมสัญญากับตัวเอง อีกไม่นานผมจะเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย...

...

เสียงเคาะประตูที่หน้าห้อง ดังมาแต่เช้า
“ไอ้โบ๊ทตื่นได้แล้ว อาบน้ำ แล้วลงมากินข้าวเลย เดี๋ยวสาย” เสียงไอ้เบนซ์ตะโกนเรียกอยู่หน้าห้อง

ไอ้บอสคลายอ้อมกอดออก มือไปควานหาโทรศัพท์
“โบ๊ทจะ 06.30 แล้ว” บอสปลุกผมด้วยการเอาปากที่ได้รูปสวยสีแดงระเรื่อประดับลงที่แก้มผม ผมลืมตาขึ้นยากเย็น
“ขอนอนอีก 5 นาทีได้มั้ยอ่ะ”
“ตื่นนะครับ” มันพยายามเรียก
“เง้ออ” ผมพยายามอิดออด
“จะตื่นมั้ยตื่นครับ” เสียงเริ่มยียวน ก่อนผมจะตาเบิกโพลง และหัวเราะเสียงดัง เพราะไอ้บอสขึ้นมาค่อมตัวผมไว้แล้ว แถมเอามือจี้ที่เอว ไอ้ผมก็บ้าจี้ ก็เลยดิ้นพลาดอยู่บนเตียง
“ตื่นแล้ว ยอมแล้ว” ผมร้องบอกมันออกไป
มือคู่นั้นหยุดแกล้ง สายตาคู่นั้นจ้องมองมาที่หน้าผม ก่อนที่จูบจะถูกประทับลงมาที่ริมฝีปากผม มือของบอสเริ่มอยู่ไม่สุก ผมรีบคว้ามือคู่นั้น บอสถอนจูบออก
“ไหนบอกจะให้รีบตื่น” ผมตัดบทก่อนจะได้สายกันจริงๆ ยังไม่ยากตาลีตาเหลือกวิ่งขึ้น BTS อีก

หลังจากจัดการทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ผมกับไอ้บอสก็เดินลงมาข้างล่าง ก็เข้าใจว่าทำไมไอ้เบนซ์ถึงไปเรียก ไข่ดาว ใส้กรอก แฮม กับมะเขือเทศและหอมใหญ่สไล์ด์บางๆ ถูกเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อยแล้ว ขนมปังปิ้งส่งกลิ่นหอมไปทั้งห้อง

“ดีจังมีเชฟมาทำให้กินแต่เช้า” ผมแซวไอ้เบียร์ มันยิ้มกว้าง
“มาบ่อยๆนะครับ” ผมหยอดแทนพี่ชายไป ไอ้เบียร์ดูเขินๆยิ้มนิดๆ

หลังจากจัดการมื้อเช้ากันเรียบร้อย พวกเราตัดสินใจกันว่าเรียกแท็กซี่ไปโรงเรียนกันเลย เพราะดูท่าจะประหยัดกว่า BTS และนี่ก็ยังเช้าอยู่รถน่าจะยังไม่ติดมาก

ก่อนจะแยกย้ายกันไป ไอ้บอส หันมาบอกว่ากลางวันยังไม่แน่ใจว่าจะมากินข้าวด้วยได้หรือเปล่าเพราะมีประชุม ส่วนเย็นนี้ก็มีประชุมสภา อาจจะมาเจอตอนจะกลับกันเลยทีเดียว ผมพยักหน้ารับทราบ

แต่พอถึงตอนกลางวันจริงๆ ผมก็อดที่จะโทรไปหามันไม่ได้
“หวัดดีครับโบ๊ท” เสียงแจ่มใส่เอ่ยทักทายทันทีที่กดรับโทรศัพท์
“อืม มาได้หรือเปล่า”  ผมแหย่ถามมันไป
“โทษทีนะครับ คาดว่าน่าจะไม่ได้อ่ะ โบ๊ทกินกับไอ้แบงค์ ได้ไหมอ่ะ”
“อืม ได้ไม่เป็นไร” ผมตอบมันไป
“โทษทีนะครับ เดี๋ยวเย็นนี้เสร็จแล้วจะรีบไปหาเลยนะครับ”  มันรีบบอก
“อืมแล้วเจอกัน” ผมบอกมันก่อนจะกดวางโทรศัทพ์ไป

แต่ยังไม่ทันจะเก็บไอโฟนเข้ากระเป๋ากางเกง

อาอียา มอนจอ กา ออกี ยา ทียอราชา ออกี ยาทียา ทวีชาชึลกอยา
ชัมชียา อัพซอโต นอล ตารา จับบือรี นัน

เครื่องสีขาวก็สั่นเป็นเจ้าเข้า
“หวัดดีครับเมย์” ผมทักทายไป
“โบ๊ทคะ เย็นนี้โบ๊ทซ้อมเสร็จกี่โมงคะ”  เสียงเมย์ถามมาทางโทรศัพท์
“ก็คงประมาณ 19.00 อ่ะครับ” ผมตอบเมย์กลับไป
“เหรอ” เสียงเธออ่อยลงไป
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“คือเย็นนี้ เมย์อยากให้โบ๊ทมาเป็นเพื่อนเมย์ที่สยามหน่อยได้ไหมคะ”
“หืมม?” ผมสงสัยปกติเมย์ไม่ใช่คนที่ไปซื้อของคนเดียวไม่ได้
“คือเมย์จะซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณพ่ออ่ะคะ ไม่รู้จะเลือกอะไรดี ถ้าโบ๊ทมาได้จะได้ช่วยเมย์เลือกค่ะ”
ผมคิดคำนวณอยู่ในหัวก่อนจะตอบเมย์ไปว่า
“ได้ครับ”
“จริงนะคะ” เสียงเมย์ถามกลับมาด้วยความดีใจ
“งั้นตอนเย็นนี้ 19.00 เจอกันที่หน้าลาน พาราก้อนพาร์ค นะคะ”
“ครับ งั้นเด่วเย็นนี้เจอกัน”

ผมกดวางสายก่อนจะเลื่อนมาที่ชื่อไอ้บอส ก่อนจะคิดได้ว่าตอนนี้คงกำลังยุ่งอยู่แน่ๆ เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยโทรบอกก็ได้มั้ง

หลังจากซ้อมเสร็จ เกือบจะ 19.00 แล้ว ผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เตรียมเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า ผมหยิบโทรศัพท์โทรหาบอส แต่มันไม่ได้รับสาย ผมคิดว่าสงสัยมันคงยุ่งอยู่จริงๆ ผมรีบแทรกตัวเองขึ้นไปบน BTS สำเร็จ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไลน์
                                                                                                    19.05 วันนี้กลับก่อนนะพอดีมีธุระ

กำลังจะถึงสยาม “ตรึง” ไลน์เด้งขึ้นมา

BOSS
โทษทีเมื่อกี้คุยกับมาสเซอร์อยู่ขึ้นรถดีๆล่ะ            19.10
                                                                                               19.10 ครับ

เดินทะลุสยามเซนเตอร์ก็ออกมาที่ลาน พาราก้อนพาร์ค ก่อนที่จะเห็นเมย์ยืนรออยู่แล้ว
“โทษทีครับ โบ๊ทมาช้า” ผมเอ่ยปากขอโทษเธอ
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ” เธอคว้าข้อมือผมเดินเข้าไปที่พาราก้อน เราเดินสวนกับคนๆหนึ่งที่หน้าแสนจะคุ้นตาผม เค้าคนนั้นก็เห็นผมเช่นกัน

ไอ้วิน........

30-40
Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 23 30/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 30-03-2014 22:10:16
อยากได้เกมส์ เด็กขาสั้นกางเกงน้ำเงินนี่น่าจะหวานกรอบ ฮุฮุ  :hao6:

กว่าโบ๊ทจะได้เลิกกับเมย์นี่ตอนจบเลยมั้ย
หลายตอนแล้วนะ นานไปสงสารเมย์จริงๆนะ

 :katai1: วิน นี่ใครอีกเนี่ย
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 23 30/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 31-03-2014 00:00:52
เอ๊ะ วินทำไม ? มันต้องเงื่อนงำ 555
คนเขียน เขียน เบนซ์กับแบงค์สลับกันบ่อยน๊า
สู้ ๆ น่ะจ่ะ ^^'
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 23 30/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2014 08:57:04
@ 24th Game –  Interview

ผมตื่นมาแต่เช้า กับอาการสสะลึมสะลือ เพราะการนอนที่ไม่ได้คุณภาพเมื่อคืน และรู้สึกขาดๆอะไรไป หลายคืนที่ผ่านมามักจะมีคนแกล้งโน่นแกล้งนี่ แหย่โน่นแหย่นี่ สุดท้ายผมก็จะหลับไปในอ้อมกอดของเค้าและตื่นมาอยู่ในวงแขนที่อบอุ่น แต่วันนี้ว่างเปล่า ความรู้สึกแปลกๆ ความรู้สึกเหงาๆ เข้ามาเกาะกินหัวใจผม จนผมต้องมุดหน้าลงไปที่หมอนที่คนๆนั้นนอนเป็นประจำ

“ไอ้โบ๊ท ตื่นยัง” เสียงไอ้เบนซ์เคาะประตูและตะโกนเรียก
“ตื่นแล้ว เดี๋ยวแปรงฟันแป๊ป” ผมตะโกนบอกไอ้เบนซ์ หลังจากบิดไล่ความขี้เกียจ ผมก็พาตัวเองไปยืนแปรงฟันอยู่หน้ากระจก ก่อนจะตัดสินใจว่า จะเล่าให้บอสฟังว่าเมื่อวานไปทำอะไรมา...

หลังจากเบียดตัวเองกับไอ้เบนซ์ขึ้น ป.อ 75 มาได้ วันนี้คนเยอะจนต้องยืน

ตรึง  เสียงไอโฟนดังอยู่ในมือผม

BOSS
อยู่ไหนแล้ว 07.05
                                                                                                                   07.06 อยู่บน 75 แล้ว
ผมค่อยเอานิ้วโป้งกดตัวอักษรกลับไป

ประตูรถเมลเปิดตรงป้ายหน้าวัดยานนาวา ผมก้าวเท้าลงรถเมลพร้อมกับสัมภาระ ไอ้เบนซ์เดินตามมาข้างหลัง

“พรุ่งนี้มรึงไปงานวันเกิดไอ้อาร์มหรือเปล่า” มันหันมาถาม
“คิดว่าไปหว่ะ แต่คงหลังซ้อมเสร็จ” ผมหันไปตอบมันก่อนที่จะขึ้นบันใดเลื่อนที่สถานนี้สะพานตากสิน บันใดค่อยเลื่อนมาจนถึงข้างบน สายตาผมก็เงยขึ้นไปเห็น เด็กหนุ่มในชุดนักเรียน กางเกงสีดำ กับกระเป๋า Jacob ที่คุ้นตา ยืนรออยู่แล้ว เมื่อมันเห็นผม รอยยิ้มก็ถูกคลี่ออกจนเห็นฟันขาวๆที่เรียงตัวกันสวยงาม ผมเดินเข้าไปหามัน

“มาได้ไงล่ะเนี่ย” 
“ก็มารอโบ๊ทไง”  ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อโดนหยอดแต่เช้า มันยกมือทักทายไอ้เบนซ์ แล้วโคฟเว่อร์ผมก็โดนคว้าไปถือเหมือนเคย หลังจากแทรกตัวขึ้น BTS กันได้

“วันนี้คนเยอะตั้งแต่ 75 ยัน BTS” ผมบ่นกับไอ้บอส แล้วมือหนาๆก็ถูกสอนประสานเข้ากับมือผม มันหันมายิ้มให้กับผม ผมอยากให้ความรักครั้งนี้อยู่กับผมไปนานๆ นั่นคือความคิดที่ผุดขึ้นมาในหัวผม

พอถึงโรงเรียน ไอ้เบนซ์ก็แยกตัวไปซ้อมกับวงโย
“บอส มรึงรีบหรือเปล่า” ผมถามมัน
“ไม่อะ มีไรหรือเปล่าครับ”
“คือ...” เสียงผมขาดหายไป
“คือ..อะไรครับ” มันเลิกคิ้วขึ้น
“เมื่อวานนี้อ่ะ ที่กรูบอกว่ากรูไปซื้อของอ่ะ คือกรูไปซื้อของกับเมย์” ไอ้บอสหลุบตามองพื้น
“คือ เมื่อวานนี้ กรูจะบอกมรึง แต่เห็นมรึงยุ่งๆอยู่”
“อืมม ไม่เป็นไรหรอก กรูรู้แล้วล่ะ” ผมตกใจตาเกือบเหลือก
“รู้แล้ว” ผมหลุดพูดออกไป
แล้วบอสรู้ได้อย่างไร ผมกะแล้วว่าไอ้วินคงบอกแล้ว
“กรูขอโทษ ที่ไม่ได้บอกมรึงตรง” ผมหลุบตามองพื้น
“โบ๊ทกลัวว่าบอสจะเสียใจ” มันพูดสวนขึ้นมา
“แต่โบ๊ทรู้ไหมว่าบอสจะเสียใจมากกว่าถ้าโบ๊ทโกหก”
“ขอโทษ” เสียงของผมขาดหายไป เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่คอ
“ไม่เป็นไร แต่ทีหลังอย่าทำอีกนะครับ” มันบอกพร้อมกับเอามือมาตบหลังผมเบาๆ
“มรึงไม่โกรธกรูเหรอ” ผมถามมันกลับไป
“ถ้าบอสโกรธ บอสจะรอโบ๊ทที่สะพานตากสินมั้ย” มันเอามือมาบีบจมูกผม

“แล้วมรึงรู้ได้ยังไง” ผมอดสงสัยไม่ได้จึงถามมันไป
“โบ๊ทรู้ตัวหรอืเปล่าว่าเป็นคนโกหกไม่เก่งอ่ะ” ผมยังคงนิ่งฟังมันพูดต่อ
“ก็เมื่อวานนี้ บอสก็อยู่ข้างหลังโบ๊ทตลอด”
“ห๊ะ” ผมตกใจเมื่อมันพูดประโยคนี้จบ
“นี่มรึงเป็นประธานนักเรียน หรือเป็นนินจา วะ” ผมสบถใส่มัน มันยักไหล่ใส่ผม
“แล้วรังเกียจหรือเปล่าที่จะมีนินจาคนนี้ตามดูแลไปตลอดชีวิตอ่ะ” ขอสลบสัก 3 วิก่อนนะครับ เจอประโยคนี้เข้าไป

จริงๆ ผมโล่งใจมากที่ทุกอย่างไม่ได้แย่อย่างที่คิดไว้

“เที่ยงนี้ โบ๊ทว่างหรือเปล่า” ไอ้บอสหันมาถาม
“ทำไมอะ”
“ไอ้วินมันจะขอสัมภาษณ์โบ๊ทอ่ะ” มันอธิบาย
“สัมภาษณ์อะไรอ่ะ”
“ก็ที่จะเอาไปลงวารสารประจำเดือนอ่ะ ลืมไปแล้วเหรอ”
“อืม ได้สิ” ผมกับบอสก็แยกย้ายกันเรียน

ผมเดินเข้ามาที่ห้องในขณะที่พวกไอ้บาส ไอ้บูม ไอ้แบงค์กำลังกรีดร้องกันอยู่
“อะไรของพวกมรึง” ผมถามพวกมันไป
“มรึงดูเอาเอง” ไอ้แบงค์ส่ง LG Optimus ของไอ้บาสมาให้ผม
“ก็ Facebook ไอ้ปั๊ป กรูเคยเห็นแล้ว” พูดจบ ก็โดนได้แบงค์โบกหัวไปหนึ่งดอก
“ไอ้เชี่ยย เตตัส เตตัส”  ไอ้แบงค์พยักเพยิดให้ดู
Status : In Relationship
“เหยดดดดด เมื่อไม่กี่วันก่อนยัง Single อยู่เลย”
“ไอ้เชี่ยบาส” เจ้าของชื่อนั่งยิ้มแก้มแถบปริอยู่
“ติดแล้ว” ผมถามมันไปอีกครั้ง
“อืมมม” มันกอดอกตอบ ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“งั้นงานวันเกิดไอ้อาร์ม มรึงชวนมาด้วยสิ” ไอ้บูมเสนอ
“เออ กรูอยากเห็นตัวเป็นๆเหมือนกัน” ไอ้แบงค์เสริมมาอย่างเร็ว
“กรูด้วย” ผมบอกไอ้บาสอีกคน
“เออ เดี๋ยวกรูลองชวนดู” ไอ้บาสสรุปปิดท้าย

...

หลังจากกินข้าวเที่ยงกับไอ้บอสกับแอนด์เดอะแก๊งค์เสร็จ  คุณชายบอสก็พาผมมาห้องชมรมวารสาร ก็เห็นไอ้วินกับเพื่อนมันอีกคนรอสัมภาษณ์อยู่แล้ว ตอนหลังเพิ่งมารู้ว่าอีกคนชื่อไอ้มาร์ช แล้วไอ้บอสก็ปล่อยผมไว้ในถ้ำเสือ
“ไอ้บอสมรึงอย่างทิ้งกรูไป มรึงปล่อยกรูอยู่กับเสือมรึงรู้หรือเปล่า” ผมกรีดร้องในใจ

หลังจากถูกเชิญให้นั่ง การสัมภาษณ์โดยไอ้วิน ก็เริ่มต้นขึ้น โดยทีมีทีอัดเทปจ่ออยู่ที่ปากผม
 
วิน : แนะนำตัวกันก่อนเลยคับ
ผม : ชื่อ รัชชานนท์ สุขอนันต์ ชื่อเล่น โบ๊ท ครับ
วิน : มีพี่น้องกี่คนคับ
ผม : พี่น้องกี่คน 2 คน พี่ชาย 1 คนแล้วผมเป็นคนเล็กครับ
วิน : บุคลิคนิสัยเป็นยังไงคับ
ผม : เป็น คนสนุกร่าเริง ยิ้มง่าย
วิน : สีที่ชอบละคับ
ผม : ชอบสี เขียว ครับ
วิน : อาหารที่ชอบละคับ
ผม : ชอบกินทุกอย่างครับ
วิน : มีแนวหนังที่ชอบไหมคับ
ผม : แอคชั่น แอนิเมชั่น                                                                                                                           
วิน : นักร้องที่ชอบคับ
ผม : INFINITE ครับ
วิน : สิ่งที่ชอบละคับ
ผม : เล่นกีฬา ดนตรีครับ
วิน : ความสามารถพิเศษ
ผม : เล่นกีตาร์ นับได้ใช่ไหมครับ                                                                                                             
วิน : คติประจำใจละคับ
ผม : สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ครับ
วิน : เริ่มเข้าชมรมเทนนิสตั้งแต่เมื่อไรคับ
ผม : ตั้งแต่ ม.1 ครับ
วิน : เพราะอะไรถึงเลือกเข้าชมรมนี้คับ
ผม : เล่นเทนนิสมาตั้งแต่เด็กๆครับ เลยชอบ
วิน : ผลงานของตัวเอง
ผม : อันดับ 5 เยาวชนเทนนิสชิงแชมป์ประเทศไทย รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปีครับ กับ รอบ SF ลอนเทนนิสพัฒนาฝีมือรอบมาสเตอร์ครับ
วิน : มีต้นแบบนักเทนนิสอาชีพไหมครับ
ผม : ภารดร ศรีชาพันธ์ ครับ
วิน : วางเป้าหมายไว้อย่างไรบ้างครับในการแข่งขันเชื่อมความสัมพันธ์ที่กำลังจะมาถึง                                                                                               ผม : ทำให้ทีมโรงเรียนเราได้แชมป์ครับ                                                                                                     
วิน : มาถึงคำถามรองสุดท้ายที่คิดว่าหลายคนอย่างรู้ สถานะโสดหรือมีแฟนครับ                                                                                                     ผม : มีแฟนแล้วครับ   (เป็นคำถามที่ผมกระอักกระอ่วนใจมาก)                                                                                 วิน : เป็นสาวสวยจากโรงเรียนไหนคับ                                                                                                       
ผม : ขออนุญาตไม่ตอบนะครับ  (สำหรับผมไม่จำเป็นต้องลากเธอเข้ามาเกี่ยว)                                                                          วิน : แต่ที่เจอเมื่อวานนี้สวยจริงๆนะครับ                                                                                                     
ผม : ครับ ขอบคุณครับ   (สรุปเค้าจะมาไม้ไหนล่ะเนี่ย เฮ้ออ)                                                                                                        วิน : ท้ายนี้มีอะไรอยากจะฝากไหมคับ
ผม : ฝากมาช่วยเชียร์และให้กำลังใจชมรมเทนนิสโรงเรียนเรา ที่จะมีการแข่งขันเชื่อมความสัมพันธ์ วันอาทิตย์ที่จะถึงนี้ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ   
 
การสัมภาษณ์ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จ ไอ้วินขอบคุณที่ช่วยสละเวลามาให้สัมภาษณ์ แต่ผมเหมือนมีอะไรขุ่นอยู่ในใจนิดหน่อยตอนสัมภาษณ์เสร็จ แต่ก็คิดว่าทั้งหมดน่าจะเป็นปัญหาของเค้าไม่ใช่ของผมกับบอส

ตรึง...
BOSS
เป็นไงบ้าง เสร็จหรือยัง 12.50
                                                                             12.51 เสร็จแล้ว
BOSS เย็นนี้เด่วไปหาที่คอร์ท 12.51
                                                                             12.52 คับ

หลังจากหมดคาบสุดท้าย ผมกับไอ้แบงค์ก็ไปเตรียมตัวซ้อมที่คอร์ทตามปกติแต่ที่ไม่ปกติ ก็คือ ไอ้ไบร์ท หอบช่อดอกไม้ช่อใหญ่เดินเข้ามาอีกแล้ว

“วี๊ดดวิ้ววว” เสียงไอ้แบงค์ผิวปากแซว
“สรุปแล้วมรึงรู้หรือยังว่าใครส่งมาวะ” ผมถามไอ้ไบร์ทออกไป
“กรูยังไม่มั่นใจว่ะ แต่กรูคิดว่าใช่” มันหันมายิ้มๆ
“ใครว่ะ” ไอ้แบงค์เกาหัวแกร่กๆ
“กรูว่าพวกมรึงก็รู้จัก” ไอ้ไบร์ทยิ้มมุมปาก

“กรูว่าพวกมรึงตั้งใจซ้อมกันดีกว่าไหมวะ มะรื่นแข่งแล้วนะโว้ย” ผมตัดบทพวกมัน
“ไปวอร์มกันได้แล้ว สัส” ผมไล่พวกมันออกไปที่คอร์ท การซ้อมแบบบ้าคลั่งก็เริ่มต้น

40-30
Game
See You Next Game

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer ครับ

วิน เปิดตัวละครนี้ออกมาตั้งแต่ตอนที่ 18 ครับ^^
ส่วนโบ๊ทบอกเลิกเมย์ไม่ถึงตอนจบครับ เดี๋ยวเรื่องปมของเมย์กำลังจะคลี่คลายครับ
แล้วเมย์ก็มีปมที่จะต้องแก้ด้วยครับ^^
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553

เรื่องของวิน ต้องตามอ่านนะครับ^^
ขอบคุณครับที่เตือนเรื่องเขียนชื่อสลับด้วยนะครับ คนเขียนจะพยายามแก้ไขเรื่องข้อผิดพลาดนะครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ^^



หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 24 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2014 13:48:48
@ 25th Game – Party

เช้านี้ผมมาโรงเรียนกับไอ้บอสตามปกติ (หืมมเดี๋ยวนี้กล้าใช้คำว่าปกติหรา)  ก็เมื่อคืนมันหอบผ้าหอบผ่อนมานอนบ้านผม วันนี้ต้องเตรียมเสื้อผ้ามาเผื่อเย็นนี้ด้องไปงานวันเกิดไอ้อาร์ม ผมกับไอ้บอสหอบของกันพะรุงพะรัง เพราะผมต้องซ้อมเทนนิสก่อน ไอ้บอสเลยหอบเสื้อผ้ามาเปลี่ยนแล้วไปด้วยกันเลยทีเดียว

“ไอ้แบงค์ เย็นนี้ไอ้โอมจะมาซ้อมด้วยนะมรึง” ผมหันไปบอกมันหลังจากอ่านข้อความในไลน์
“ดีๆ จะได้แก้มือคราวที่แล้วแพ้มันฉิ่วเฉียด”
“แล้วใครบอกมรึงวะ ว่ามันจะมา” มันหันมาถามผม
“ไอ้บีมไลน์มาบอก” ผมโชว์หน้าไลน์ที่ไอ้บีมพิมพ์มาบอกให้ไอ้โอมดู
ไอ้โอมหัวหน้าชมรมเทนนิสเด็กโรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินแถวๆหอสมุดแห่งชาติ แต่ผมว่าที่มันจะมาซ้อมนี่ ไอ้บีมน่าจะลากมาและยาวไปงานวันเกิดไอ้อาร์มเลย

พอตกเย็น ผมกับไอ้แบงค์เดินมาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชมรมก็เห็น Volvo XC 60 สีน้ำเงิน จอดอยู่ข้างๆคอร์ท ไอ้โอมกำลังก้มๆเงยๆหยิบโคฟเว่อร์อยู่หลังรถ มันยกมือทักทายพวกเรา
“ไอ้โบ๊ท กรูมีเซอร์ไพร์สด้วย” มันทักทายผม
“เซอร์ไพร์สเชี่ยไรของมรึง” ผมหันไปด่ามัน
“เดี๋ยวไอ้เกมส์มา” มันยิ้มแป้น
พูดไม่ทันขาดคำ Audi Q5 สีดำก็จอดต่อจาก Volvo XC60 กระจกข้างคนขับถูกลดลง พร้อมกับหน้าหล่อใส่แว่นดำ ฉีกยิ้มกว้าง มันจอดรถเรียบร้อยก็รีบไปคว้าโคฟเว่อร์ ตรงดิ่งมาทางพวกเรา
“ไงพวกมรึง” มันยกมือทักทาย
“ลมไรหอบมรึงมาถึงนี่” ผมแขวะมันไป
“ก็อยากมาสืบความลับ” มันตอบพร้อมทำหน้ากวนตีน
“สัส ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปจะได้ซ้อมกัน” ผมตัดบทขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับมัน

วันนี้ ไอ้แบงค์ขอแก้มือกับไอ้โอม  ผมก็เดี่ยวกับไอ้เกมส์ พอเสร็จ ได้โอมกับไอ้เกมส์จับคู่กันซ้อมกับคู่ของไอ้บีมไอ้ไบร์ท ตีกันสูสีและสนุกมากจนไอ้เพียวกับไอ้วายคันไม้คันมือขอพี่แข่งคู่กับพวกมันอีกเซ็ต สักพักไอ้เบนซ์พี่ชายตัวดีของผมก็เดินมากับไอ้เบียร์กับไอ้บอส วันนี้ชมรมคึกคักด้วยจำนวนคนที่ผิดปกติทำให้ห้องชมรมแคบไปถนัดตา
“ไอ้เกมส์เดี๋ยวมรึงไปไหนต่อป่าววะ” ไอ้แบงค์ถาม
“ไมวะ”ไอ้เกมส์มันสวนมาด้วยคำถาม
“เดี๋ยวพวกกรูไปงานวันเกิดไอ้อาร์มกัน” ไอ้แบงค์บอก ไอ้เกมส์หันมามองผม
“ไปกันหมดนี่แหละ” ผมเสริมอีกคน
“ถ้ามรึงว่างก็ไปกับพวกกรู” ไอ้แบงค์เอ่ยปากชวน
“ จะดีเหรอวะกรูไม่รู้จัก” ไอ้เกมส์ลังเล
“เดี๋ยวก็รู้จัก เมียไอ้แบงค์มัน” ไอ้บีมปล่อยหมามาแล้วครับ ทุกคนหลุดหัวเราะออกมาลั่น  แต่ไอ้ตัวที่ปล่อยหมาโดนโบกหัวไปหนึ่งดอก
“ไปด้วยกันสิ” ไอ้ไบร์ทเอ่ยปากชวนไอ้เกมส์ น่าแปลกที่ไอ้เกมส์เจอประโยคนี้ของไอ้ไบร์ทเข้าไปมันยอมไปด้วยแต่โดยดี

หลังจากแต่งหล่อกันเสร็จ สรุป ผมไอ้บอส ไอ้เบนซ์ ไอ้เบียร์ อัดไปในแถว Volvo XC60 โดยที่ไอ้โอมขับไอ้บีมนั่งหน้า ส่วน Audi Q5 มีไอ้เกมส์ ไอ้ไบร์ท ไอ้แบงค์ และไอ้เพียวกับไอ้วายพ่วงไปด้วย

ขับออกมาไม่นานก็ถึงร้านที่ไอ้อาร์มจัดงานวันเกิดเป็นร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งแถวๆถ.นราธิวาส ใกล้ๆโรงเรียน ร้านอาหารแบ่งเป็น 2 โซน ด้านนอกกับด้านใน ไอ้อาร์มเลือกปิดโซนด้านนอก เพราะคนที่รู้จักเยอะและสนิทกับทั้งสายวิทย์และสายศิลป์ แถมยังเป็นเลขาสภา เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงเยอะมาก โซนข้างนอก เป็นโต๊ะอาหารอยู่บนเทอเลสมีต้นไม้ร่มรื่น แสงไฟสีส้มอ่อนสว่าง น่านั่ง ด้านหน้ามีเวทียกระดับ มีดนตรีแบบชิวๆ ฟังสบายๆ อาหารถูกจัดเป็นแบบุฟเฟ่ต์

พวกเราเดินเข้าไปหาเจ้าของงาน พร้อมกับของขวัญวันเกิด
“HBD นะมรึงมีความสุขมากๆ” ผมกับไอ้บอสยื่นของขวัญให้ไอ้อาร์ม
“ขอบใจมากหว่ะเพื่อน พวกมรึงหาที่จ๋อมกันตามสบายเลยนะโว้ย แล้วก็หาไรแดกกันได้เลย” มันหันมาขอบคุณแล้วก็สั่งพวกเราชุดใหญ่
ของขวัญของไอ้บีมกับไอ้โอม ถูกยื่นให้ไอ้อาร์มพร้อมคำอวยพร
ของไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์เป็นคิวต่อไป
ต่อด้วยของไอ้เพียวกับไอ้วาย
ปิดท้ายด้วยของไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์

ไอ้บาสยกแขนโบกมือเรียกพวกเราไปที่โต๊ะเป็นโต๊ะยาว ที่มันนั่งอยู่กับไอ้บูมแล้วก็เด็กหนุ่มหน้าตาดี รูปหน้าคมสันต์ได้รูป คิ้วเรียว ตากลมโตสดใส ผิวขาว รังสีความหล่อแผ่อยู่รอบตัว พอพวกเราเดินมาถึง
“นี่ปั๊ปนะ หัวหน้าวงโย โรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลแถวๆถนนพระราม1 ” ไอ้บาสแนะนำเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆที่ลุกขึ้นยืนทักทายพวกเรา
ผมกับไอ้แบงค์หันมามองหน้ากันอมยิ้ม

“นี่ไอ้โบ๊ทกับไอ้แบงค์ เพื่อนสนิทที่ห้องของบาส” เด็กหนุ่มพยักหน้าให้พร้อมกับยื่นมือมาจับทักทาย
“นี่ไอ้ไบร์ทกับไอ้บีม” ชมรมเทนนิสที่โรงเรียน
“ส่วนนี่ไอ้บอส” ประธานนักเรียนปีนี้
“นี่ไอ้เบนซ์ รองประธานชมรมวงโยพี่ชายไอ้โบ๊ทด้วย”
“ไอ้เบียร์ ประธานชมรมคหกรรม”
“แล้ว” ไอ้บาสมันหันมามองหน้าผมเพราะมันไม่รู้จัก ไอ้โอมกับไอ้เกมส์
“นี่ไอ้โอม ประธานชมรมเทนนิสโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวๆหอสมุดแห่งชาติ”
“นี่ไอ้เกมส์ ประธานชมรมเทนนิสโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวๆบางรัก” ผมแนะนำไอ้สองตัวนี่ ไอ้ปั๊ปยืนมือมาจับทักทายทุกคน

“ไอ้เกมส์กับไอ้โอม นี่ไอ้บูม ประธานเชียร์ปีนี้ห้องเดียวกับกรู” ผมแนะนำไอ้สองตัวนี้กับไอ้บูม
หัวโต๊ะเดียวกันเป็นพวกห้อง 8 เพื่อนๆไอ้เบียร์
“นี่ไอ้เบลประธานชมรมถ่ายภาพ” ไอ้บาสยังคงแนะนำต่อ
“นั่นไอ้เบสต์ ประธานชมรม X Game”
สุดท้ายผมก็ถึงบางอ้อว่า ไอ้เบสต์นี่มันคนไหนวะไอ้นี่นี่เอง

ผมเห็นไอ้วินหัวหน้าชมรมวารสารกับไอ้มาร์ชเพื่อนในชมรมมัน และไอ้บิวหัวหน้าชมรมดนตรีนั่งอยู่อีกโต๊ะมุมโน้นกับเด็กที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาแต่จากความใกล้ชิดคาดว่าจะเป็นเด็กใหม่มัน
“นั่นไงเด็กใหม่ไอ้บิว กรูได้ข่าวมาว่าชื่อไอ้ริวเป็นประธานชมรมดนตรีโรงเรียนเด็กกางเกงดำแถวๆ พาหุรัด” ไอ้ไบร์ทหันมาบอกเมื่อมันหันตามผมไปเจอ ผมหันไปมองที่ไอ้เบียร์ซึ่งหน้าเจื่อนลงนิดนึงแต่เห็นไอ้เบนซ์นั่งกุมมือไอ้เบียร์อยู่

สักพักไอ้อาร์มเจ้าของงานก็เดินลากเด็กหนุ่มหน้าตาดีสูงโปร่ง ผมหน้าม้าเต่อๆ เดินมาที่โต๊ะเรา กรูฝากเพื่อนนั่งโต๊ะมรึงคนหนึ่งสิ
“นี่ไอ้นัท เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมกรู ตอนนี้มันเป็นประธานเชียร์โรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินแถวๆบางรัก”
“อ้าวไอ้นัทเป็นเพื่อนอาร์มเหรอ” ไอ้เกมส์เอ่ยทัก
“ไอ้เกมส์มาได้ไงวะนี่” ไอ้นักตกใจนิดหน่อยที่เห็นไอ้เกมส์ มันทั้งสองคนโรงเรียนเดียวกัน แถมเป็นหัวหน้าชมรมทั้งคู่ด้วย
ไอ้บูมพยักหน้าทักทายไอ้นัทและขยับตัวเพื่อให้ไอ้นัทนั่งลงข้างๆมันที่ติดกับไอ้เกมส์
ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าไอ้บูมกับไอ้นัทมันรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน
“ทำไมไอ้บูมกับไอ้นัทมันถึงรู้จักกันได้วะ” ผมหันไปถามไอ้บอส
“ก็มันเป็นประธานชมรมเชียร์ทั้งคู่ไง”ไอ้บอสอธิบาย
“แล้ว” ผมยังคงไม่เข้าใจ
“ก็งานบอลไงต้องประชุมกันปะล่ะ” ไอ้บอสเฉลย
“เออจริงด้วย กรูโง่เสียตั้งนาน” ผมเกาหัวตัวเอง

ไอ้อาร์มนี่เพื่อนมันเยอะจริงไรจริง มันเดินพามาอีก 2 คนแล้ว
“นี่ไอ้เคนประธานชมรมถ่ายภาพโรงเรียนเด็กกางเกงสีเทาที่ขอนแก่น สมัยก่อนมันก็เรียนโรงเรียนเรา แต่มันย้ายต่อพ่อกับแม่มันไปที่ขอนแก่น” ไอ้อาร์มก็ไล่ให้ไอ้เคนไปนั่งกับไอ้เบล เพราะชมรมเดียวกันจะได้คุยกันถูกคอ ไอ้เคนเป็นหนุ่มแนวๆ เรียกได้ว่าติสๆ แต่เรื่องความหน้าตาดีก็ไม่เป็นรองใคร

“ส่วนนี่ไอ้แดน เป็นเพื่อนที่คอนโดกรู มันเรียนโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวๆถนนเพชรบุรี มรึงไปนั่งกับไอ้เบสต์ละกัน พวกเอ็กซ์ตรีมเหมือนๆกัน” มันไล่ไปนั่งข้างๆได้เบสต์ ไอ้แดนหน้าตาเป็นแนวบีบอย จ๋าๆ ยิ่งนั่งคู่กับไอ้เบสต์ด้วยแล้ว นี่มันใช่เลย

แล้วไอ้อาร์มก็ขอตัวขึ้นไปหน้าแหลมอยู่บนเวที
“สวัสดีครับเพื่อนๆ”  ทุกคนหันไปตามเสียงนั้น
“ขอบคุณที่มางานเลี้ยงผมนะครับ ขอบคุณสำหรับของขวัญด้วยนะครับ”
“เพื่อตอบแทนน้ำใจเพื่อนๆ วันนี้เบียร์เราไม่อั้นนะครับ”
เสียงเป่าปาก โห่ฮา เสียงส้อมกระทบจาน ดังลั่นร้าน

ไฟบนเวทีค่อยๆหลี่ลงเรื่อยๆ เสียงร้องเพลง HBD ค่อยดังขึ้น ไอ้แบงค์ค่อยๆถือเค้กวันเกิดที่ปักเทียนอยู่เต็ม เดินขึ้นไปบนเวทีอย่างช้าๆ ไอ้อาร์มยืนยิ้มหน้าแป้นอยู่บนนั้น เสียงร้องท่อนสุดท้ายดังขึ้น Happy birthday to arm ไอ้อาร์มทำท่าจะเป่าเทียน

“อธิฐานก่อนสิ” ไอ้แบงค์บอกไอ้อาร์มเบาๆ
ไอ้อาร์มหลับตาอธิฐาน ก่อนจะเป่าเทียนดับวูป เสียงปรับมือดังลั่นร้าน

“มีเกมส์มาให้เล่นกันด้วยนะครับ” ไอ้อาร์มพูดใส่ไมค์
“ในกล่องนี้จะมีชื่อของทุกคนที่มาในงานวันนี้” เสียงฮือฮาดังขึ้น
“เดี๋ยวจะมีการจับฉลาก ถ้าโดนใครต้องขึ้นมาร้องเพลง 1 เพลงนะครับ”
“แต่ก่อนอื่นขอหนึ่งเพลงเป็นเพลงเปิดจากประธานนักเรียนก่อนนะครับ” เสียงตรบมือดังลั่น ไอ้บอสก็เลยต้องลุกขึ้นและค่อยๆเดินไปบนเวที ตอนนี้ไอ้แบงค์รับหน้าที่เป็นพิธีกรโดยปริยาย

“นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยนะครับที่จะได้ฟังท่านประธานร้องเพลง” ไอ้แบงค์เริ่มแซว
“ครับ ร้องไม่บ่อยเท่าไรครับ” ไอ้บอสเขินเบาๆ

“งั้นเราปล่อยให้ท่านประธานร้องเพลงเปิดเลยนะครับ เสร็จแล้วค่อยให้ประธานจับฉลากคนที่จะร้องเป็นคนต่อไปครับ”

ไอ้บอสหันหลังไปคุยกับนักดนตรีข้างหลังแปปนึง

“ร้องไม่ค่อยเก่งนะครับ ยังไงก็ทนๆฟังกันหน่อยนะครับ” ไอ้บอสถล่มตัวก่อนเสียงเปียโนค่อยดังขึ้น

เธอทำให้ฉันเข้าใจ ในคำว่ารักที่มันหายไป
หายไปจากใจมานานแสนนาน
เธอทำให้ฉันรู้สึก ว่ามีหนึ่งคนอยู่เคียงข้างกัน
แม้ว่าตัวฉันจะเป็นเช่นไร
   
เธอคือความหมายของทุกลมหายใจในวันนี้
เธอคือความรักและคือไออุ่นหนึ่งเดียวที่ฉันมี
ไม่ว่าจะนานแค่ไหน จะรักเธอ มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
แม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนผัน แต่ว่าใจฉันมันจะยังเหมือนเดิม
ไม่ว่าจะเกิดอะไร จะรักเธอ มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น
เพราะไม่มีสิ่งใดที่มันสำคัญ มีค่ายิ่งใหญ่เทียมเท่าหัวใจของเธอ

อะไรที่ฉันพลาดไป กับสิ่งที่ทำให้เธอเสียใจ
ที่เคยได้ทำเธอมีน้ำตา
ต่อจากวันนี้ทุกอย่าง จะไม่ให้เป็นอย่างที่แล้วมา
สัญญากับเธอด้วยหัวใจ

ระหว่างที่ร้องสายตาของบอสมองมาที่ผม จนหน้าผมรู้สึกร้อนผ่าว แต่เป็นเพลงที่เพราะที่สุดสำหรับผม ยิ่งเป็นเสียงของบอสด้วยแล้ว

“เพลงนี้ให้ใครหรือเปล่าครับท่านประธาน” ไอ้แบงค์ยังคงแซวแม้จะร้องจบไปแล้วท่านประธานเอาแต่ยิ้ม

“งั้นจับฉลากเลยครับ” ไอ้บอสล้วงลงไปในกล่อง เสียงดนตรีจังหวะเล้าใจตื่นเต้นถูกประโคมขึ้น

“แล้วท่านต่อไปที่จะขึ้นมาร้องก็คือ” เสียงดนตรีรับลูก
“คุณเบนซ์ครับ” ไอ้แบงค์ประกาศออกมา ไอ้เบนซ์ค่อยๆเดินขึ้นไปที่หน้าเวที
“คนกันเองนี่เอง พี่ชายเพื่อนสนิทผมครับ” ไอ้แบงค์พูดใส่ไมค์ ไอ้เบนซ์หันหลังไปคุยกับนักดนตรี ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับไอ้แบงค์

“ผมฝากเพลงนี้ให้กับคนๆหนึ่ง อยากให้เค้ารู้ไว้ ว่ามีคนๆนี้อยู่ข้างๆเค้าเสมอนะครับ”

รู้ที่เธอมีน้ำตา รู้เธอคงเหนื่อยและล้า
กับการที่เค้าไม่เคยสนใจ
รักตั้งด้วยการทุ่มเท หารด้วยที่เขาไม่เคยแคร์
มันยังคงเหลือใจเท่าไร

ไม่เคยต้องการจะแทนที่ใคร
แค่ได้เป็นใครสักคนที่พร้อมจะแชร์ความเหงา
ในนาทีที่เธอไม่เหลือใคร
   
ทิ้งมาที่ฉัน ความช้ำในใจมากมายที่เธอได้เจอ
ให้รู้ว่าเธอยังเหงา โลกก็ยิ่งเศร้าไปกับเธอ
ช่วยทดฉันเอาไว้ พร้อมกับคำว่าห่วงใย แค่ขอให้ฉันได้ดูแล

เธอให้กันได้หรือเปล่า ขอแค่เศษหนึ่งส่วนเหงา
แค่ความผิดหวังที่เธอนั้นมี
รักฉันไม่มีเงื่อนไข พร้อมให้เป็นที่ระบาย
แลกรอยยิ้มของเธอสักที

เสียงตบมือดังเมื่อเพลงจบ ผมมองไปที่ไอ้เบียร์ มันน้ำตาคลอ แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข
“คุณเบนซ์ครับ จับฉลากลุ้นโชค คนต่อไปด้วยครับ” ไอ้แบงค์ทำหน้าที่พิธีกรจำเป็นต่อไป

ผมลุกจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างทาง ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยคุยกับใครคนหนึ่งก่อน ผมค่อยๆเดินเข้าไปก็เห็น

ไอ้บอส กับ ไอ้วิน......

0-40
Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B :: Game ที่ 24 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2014 13:52:37
@ 26th Game – Disclose 

“ทำไมอะ ทำไมบอสถึงคบกับวินไม่ได้” เสียงวินโวยขึ้นมา
“ผมมีคนที่ชอบอยู่แล้ว” บอสยังคงนิ่ง
“ก็ไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านยังไม่เห็นมีวี่แววเลยนี่”
“ก็เพิ่งไม่นานมานี้” เสียงเรียบๆยังคงตอบคำถามกลับไป
“แล้วที่ผ่านมาล่ะ มันคืออะไร” น้ำเสียงวินเริ่มสั่นเครือ
“ยังไงวิน ผมไม่เข้าใจ” คิ้วเริ่มขมวดเป็นปม
“ก็ที่บอสทำดีกับวิน คอยช่วยเหลือ คอยเอาใจใส่มาตลอด มันหมายความว่าอย่างไร” ทุกอย่างที่ถูกเก็บไว้ก็พลั่งพลูออกมา

“เดี๋ยวนะวิน  ผมช่วยเหลือ เอาใจใส่ ในฐานะเพื่อนคนหนึ่งไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้” เสียงของบอสหนักแน่น
“งั้นแปลว่าวินคิดไปเองคนเดียวอย่างนั้นหรือ” น้ำตาของวินเริ่มไหลลงมาเป็นทาง
“ผมขอโทษ ถ้าทำให้วินเข้าใจผิด” บอสหลับตาลง
“คนที่บอสชอบใครอ่ะ” บอสยังคงเงียบ
“ใครอะบอส” เสียงวินยังคงเซ้าซี้เพื่อขอคำตอบ
“วิน จะรู้ไปทำไม” บอสคิ้วขมวดเป็นปม
“ตอบให้ตรงคำถามสิ ตอบวินมาสิ ใคร” น้ำเสียงยังคงไม่ยอมแพ้
“โบ๊ท” บอสตอบชื่อผมไป
“อย่างนั้นหรือ” สายตาของวินเปลี่ยนไป
“บอสรู้หรือเปล่าว่าโบ๊ทมีแฟนอยู่แล้ว”
“รู้” บอสตอบสั้นๆเพียงคำเดียว
“รู้แล้วทำไมถึงยัง...” เสียงวินขาดหายไป
“เมื่อวานก่อนวินยังไปเจอแฟนเค้า ยังไปเดินกันที่พาราก้อน” วินเปลี่ยนเรื่อง เหมือนคิดได้ว่าประเด็นนี้อาจจะทำให้บอส ลังเล

“โบ๊ทไม่เคยปิดบังอะไรบอส” ผมรู้สึกหน้าชานิดๆกับประโยคนี้
“ทำไมอะบอส เค้ามีแฟนของเค้าอยู่แล้วจะไปเป็นมือที่สามทำไม จะไปแย่งเค้าทำไม”
“ผมไม่ได้แย่ง” บอสย้ำหนักแน่น
“หมายความว่าอย่างไง” วินยังคงถามอย่างไม่ลดละ
“ผมกับโบ๊ทคบกันมาก่อน ตั้งแต่สมัยม.ต้น” เสียงเริ่มดังขึ้น
“งั้นโบ๊ทก็เป็นคนไม่ดีล่ะสิ” วินยังคงโวยต่อไป
“หยุด วินไม่มีสิทธิ์ไปว่าโบ๊ท” บอสตวัดขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“ทำไมล่ะ ก็โบ๊ทคบบอสมาก่อนแล้วยังไปมีคนอื่นอีก” วินยังพูดไม่ทันจบ
“ฟังให้จบก่อนค่อยว่าคนอื่น” บอสดุเสียงเขียว
“เราคบกันตอนนั้นแต่บอสทำไม่ดีกับโบ๊ท จนเราต้องเลิกคบกัน แล้วตอนนี้ บอสเองที่ไปขอโบ๊ทให้กลับมาคบ เพราะฉะนั้นวินไม่มีสิทธิ์ไปว่าโบ๊ท ” บอสพยายามอธิบายด้วยท่าทีที่อ่อนล้า แต่ประโยคสุดท้ายนั้นบอสเน้นเสียงเพื่อให้คนที่อยู่ตรงหน้าเข้าใจ

วินก้มหน้าลงเหมือนรู้สึกว่าตัวมันเองพ่ายแพ้หมดรูป

“เราไม่มีโอกาสเลยเหรอ” น้ำเสียงสลดลงและดูเศร้าอยู่ในที
“ผมขอโทษนะวิน ตัดใจจากผมเสียเถอะ ผมไม่มีค่าพอสำหรับความรักของวิน”  บอสหันหลังเตรียมจะเดินออกมา
“ม่ายเอา” วินเข้ามากอดบอสจากด้านหลัง น้ำตาร่วงพราว
“ขอเราเป็นอะไรก็ได้ อย่าบอกให้เราเลิกรักบอส เราทำไม่ได้” วินร้องไห้สะอึกสะอื้นโอบกอดเอวบอสเหมือนคนที่กำลังจะสูญเสียความรักไป

บอสค่อยๆแกะมือที่โอบรัดอยู่รอบเอวออก
“ผมคงให้ได้แค่ความเป็นเพื่อน” พอพูดจบบอสค่อยๆก้าวเดินออกมา ทิ้งให้วินนั่งกองลงนั่งที่พื้น อย่างคนหมดเรี่ยวแรง มือนั้นถูกยกขึ้นมาปิดหน้า ร้องไห้อย่างหนักอยู่ตรงนั้น

พอบอสเดินออกมาเงยหน้าขึ้นมองผม สายตาของบอสประสานกับสายตาของผม บอสนิ่งสงบ ก่อนจะคว้าข้อมือผมแล้วเดินออกไปจากตรงนี้

“มาตั้งแต่เมื่อไรครับ” บอสเอ่ยปากถาม
“สักพักแล้ว” ผมตอบกลับไป
“ได้ยินหมดแล้วใช่ไหม?”
“อืมม” ผมส่งเสียงในลำคอตอบไป

แล้วความคิดก็สั่งให้ผมพูดประโยคนี้อกไป

“บอสที่วินพูดมันก็ถูกนะ กรูเองก็ไม่คู่ควรกับความรักที่มรึงให้มา” บอสหยุดเดินทันที พร้อมกับหันหน้ามา แววตาที่ดุดัน คิ้วขมวดเป็นปม

“ทำไมต้องฟังคนอื่นด้วย” หางเสียงแสดงถึงความไม่พอใจ
“นี่มันเรื่องของเรา มีแค่บอสกับโบ๊ทเท่านั้นที่เข้าใจ” น้ำเสียงช้าและเบาลง
“เราคุยกันเรื่องนี้เข้าใจแล้วไม่ใช่เหรอ” ก่อนเสียงถอนหายใจเอือกใหญ่จะดังจากบอส

“อย่าผลักใสบอสให้ไปไหนเลย” เสียงมันสั่น น้ำตาเริ่มคลอ

“กรูขอโทษ” ผมหลุบตามองที่พื้น ตลอดระยะเวลาตั้งแต่บอสกลับเข้ามาในชีวิตผม บอสดีกับผมมาโดยตลอดแม้กระทั่งบางครั้งผมอาจจะทำไม่ดีกับบอสบ้าง แต่บอสก็ให้อภัยผม และอยู่ข้างๆผมเสมอ ความคิดสั่งให้ผมดึงตัวมันเข้ามากอด บอสค่อยยกแขนขึ้นมากอดผม เรากอดกันอยู่นานเพราะอยากให้ร่างกายถ่ายทอดความรู้สึกที่มีมากมายให้อีกฝ่ายได้รับรู้ ปลอบประโลมซึ่งกันและกัน

แต่ถ้าเราไม่ได้สนใจแค่เราสองคนในตอนนี้ เราจะเห็นอีกร่างหนึ่งหันหลังเดินจากไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย

หลังจากเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตากันเสร็จ บรรยากาสในงานยังคงเป็นไปอย่างสนุกสนาน ผมกับบอสก็กลับมาที่โต๊ะบนเวทีไอ้เบียร์กำลังร้องเพลงอยู่ หวยคงออกที่ไอ้เบียร์

เขาอาจเข้ามาในวันที่เหงา
ตั้งแต่มีเขาไม่เหงาสักวัน ถ้าไม่จำเรื่องวันวานที่มีฉันและเธอ
วันหนึ่งซึ่งมันเมื่อไรไม่รู้ จะอยู่และรักเค้าได้มากเท่าเธอ
สักวันจะต้องลืมเธอ ไม่ว่านานเท่าไร

ให้ฉันเหนื่อยข้างเขา ดีกว่าเหงาข้างเธอ
ความเงียบงันที่ฉันต้องเจอ คนเราเมื่อเจ็บมันก็ต้องจำใช่ไหม
อยากบอกให้เธอรู้ อยากจะอยู่ข้างเธอถึงวันตาย
เธออาจจะเป็นลมหายใจ แต่เค้าคือความหมายของการหายใจที่แท้จริง

ไอ้เบนซ์นั่งฟังน้ำตาคลอ จมูกแดง มันลุกขึ้นเดินไปรับเบียร์ที่ข้างๆเวทีเมื่อเพลงจบลง อย่างน้อย ณ จุดนี้แสงที่ปลายอุโมงค์ก็ส่องให้เห็นทางออกของมันแล้ว แม้อาจจะต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเดินไปถึงจุดหมายนั้น

“จับฉลากคนต่อไปด้วยครับ” ไอ้แบงค์พูดใส่ไมค์ ไอ้เบียร์จับฉลากแล้วส่งให้ไอ้แบงค์ ก่อนจะเดินลงไปที่ข้างๆเวที ที่ไอ้เบนซ์ไปยืนรออยู่

“คนสุดท้ายสำหรับคืนนี้ครับ” เสียงไอ้แบงค์พูดใส่ไมค์ เสียงดนตรีรับลูกด้วยจังหวะที่เล้าใจ
“คุณเกมส์ครับ” ไอ้แบงค์เอ่ยชื่อคนสุดท้ายที่จะต้องร้องเพลงในคืนนี้
“อยู่โต๊ะไหนครับนี่”  ไอ้เกมส์ยกมือขึ้น
“โต๊ะนี้ครับ” มันตะโกนตอบไป
“อ้าว โต๊ะผมเองหรอกเหรอ” ไอ้แบงค์โพล่งออกมาใส่ไมค์
“เชิญบนเวทีเลยครับ” ไอ้เกมส์ค่อยเดินขึ้นไปบนเวที สวนกับไอ้เบนซ์ที่เดินจับมือมากับไอ้เบียร์เดินกลับมาที่โต๊ะ

เสียงดนตรีเริ่มขึ้น ไอ้แบงค์ยืนอ้าปากค้างอยู่ บนเวที เมื่อได้ยินอินโทรเพลง ไอ้บีม ชี้ไม้ชี้มือให้ผมดูใหญ่ แต่เพลงนี้.....นี่มันคุ้นๆ นี่
“เพลงไรอะบอส” ผมหันไปหาตัวช่วยข้างๆผม
“คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ไง” แล้วบางอ้อก็อยู่ตรงหน้าผม


หากคุณตื่นตอนเช้าแล้วพบว่ามีช่อดอกไม้ใหญ่
มองหาเจ้าของคุณก็ไม่เห็นใคร
ก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะช่อนั้นมันเป็นของคน
กลางคืนก่อนเข้านอนแล้วพบว่ามีเบอร์ที่ไม่คุ้น
ส่งเป็นข้อความว่าเค้าคิดถึงคุณ
ด้วยถ้อยคำอ่อนละมุน ว่าคืนนี้ฝันดีรีบเข้านอน

ก็อย่าเพิ่งคิดไปไกล ใครส่งให้ใครผิดหรือเปล่า
ไม่ต้องเดาหรอกแค่รับมันไป

โปรดอย่าสงสัย นั่นคือความจริงใจจากผม
จากคนๆเดิน คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
คนที่คอยอยู่ ดูแลอยู่ระยะไกล
จำได้ไหม เค้ายังเป็นห่วงคุณเหมือนเดิม
คุณก็รู้ว่าใคร คุณก็รู้ใช่ไหม

เมื่อไรเจอลมฝน หัวเปียกปอนหนาวกาย
ต้องรีบไปให้ทัน ในใจหวังเพียง ขอมีร่มสักคัน
ก็ไม่ต้องตกใจ ถ้าคุณบังเอิญเห็นมันวางอยู่ตรงนั้น

ก็จะเป็นใครไปได้ ไม่ต้องวุ่นวายเก็บไปคิด
นึกสักนิดก็คงรู้กัน

ไอ้บีมเขย่าตัวไอ้ไบร์ทใหญ่ เพราะคำตอบที่ไม่แน่ใจ ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าคนที่ส่งดอกไม้มาให้ มันยืนร้องเพลงหน้าแป้นแล้นอยู่บนเวทีแล้ว ตอนนี้ไอ้ไบร์ทนั่งหน้าแดงอยู่บนโต๊ะ ไอ้บีมแซวใหญ่

“ตอนนี้เราก็ได้รู้กันแล้วนะครับว่า ลอร์ดวอร์เดมอร์ ตัวจริงคือใคร” เสียงไอ้แบงค์แซวมาจากบนเวที

ผมเริ่ม พยักหน้าส่งสัญญาว่าถึงเวลาต้องกลับแล้ว ให้กับพวกชมรมเทนนิส เพราะพรุ่งนี้พวกเรามีภารกิจเพื่อโรงเรียน แมนต์เชื่อมความสัมพันธ์กับโรงเรียนไอ้เกมส์จะเริ่ม ตอนสายๆ พรุ่งนี้ โรงเรียนเราเป็นเจ้าภาพ และเป้าหมายของพวกเราคือต้องชนะเท่านั้น

เดี๋ยวคืนนี้ต้องต่อรองไอ้บอสก่อน ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาอย่าหักเงินเบี้ยเลี้ยงพวกเรานะ T-T  เป็นกำลังใจให้ผมอ้อนไอ้บอสด้วยนะครับ

30-40
Game
See You Next Game


----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


วันนี้คนเขียนลง 3 ตอนรวดเลยนะครับ
เดี๋ยวคืนนี้มาลง Special Game - Character รูปอิมเมจตัวละครนะครับ

ตอบคอมเมนท์ใน @Game ที่ 24 นะครับ^^
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 24-26 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 31-03-2014 17:13:30
 :m3: อร๊ายยยยยยยยยยยยยย
ฉันอยากได้เกมส์ (ส่วนคนอื่นเก็บเข้าฮาเร็มลับ อิอิ)
เท่ห์มั่กๆ ตอนนี้ตัวละครวัยขบเผาะเยอะแยะจนเลือกไม่ถูก แต่เกมส์ยังเป็นที่หนึ่งในใจนะเออ
ไอไบร์ท แกหลบไป :beat:  เกมส์เป็นของฉัน  :hao7:

เรื่องเมย์กับอดีต ไม่จบซะที สงสัยจะไปเฉลยทีเดียวเลยใช่มั้ยนี่  :เฮ้อ:

ปอลิง: น้องเกมส์ขอแบบหล่อที่สุดในโลกา ฉันมโนไปไกลล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 24-26 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 31-03-2014 19:23:58
ชายหนุ่มมากหน้าหลายตา
เปิดฮาเร็มกันเลยดีกว่าเน้อะ งั๊กๆ  :hao7:
ปล.รีบบอกเลิกเมย์เร็ว โบ๊ทททททททท  :z2:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 24-26 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 31-03-2014 20:35:54
เค้าก็ FC เกมส์นะเออ


สงสารเมย์เหมือนกันนะ แต่มันวายไง ยัยเมย์หลบไปเถอะให้ผู้ชายเค้าได้กัน

ตัวละครเยอะจริง ๆ ตอนแต่งหลงบ้างไหม?? 

รออ่านต่อไปนะ :L2:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 24-26 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2014 21:21:46
@Special game - Character



(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Boatcopy_zpsfdf4f9a0.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Bosscopy_zps7dcd7367.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Benzcopy_zpsf8872d42.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Beercopy_zps0b3049a1.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Bankcopy_zps158af7f7.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Armcopy_zpsb39cbeba.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Brightcopy_zps4b3df490.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Gamecopy_zpse36747d9.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Beamcopy_zps3190e9c7.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Ohmcopy_zpsff49c6fb.jpg)

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้รูปเพิ่งทำเสร็จได้เท่านี้นะครับ รอคนวาดต่ออยู่ 555+ ดีนะว่า Game เสร็จแล้ว เอิ๊กกก ไม่งั้นคนเขียนโดนแน่ๆ
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 24-26 31/03/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 31-03-2014 22:15:14
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Gamecopy_zpse36747d9.jpg)

อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย  :hao7:  :hao7:
จะเอาเกมส์ๆๆๆๆๆๆๆๆ  :ling1:
ใครแย่งเกมส์ข้ามศพฉันไปก่อน (ส่วนคนอื่นรอเข้าฮาเร็มตอนล๊อตสองนะจ๊ะ)
หล่อโฮกกกกกกกกกกกกก ห้ามใครแย่ง
 
เอาไบร์ทไปเก็บไป  :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : SP Game - Character
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 31-03-2014 23:18:58
รูปสวยมากเลยอ่ะ >< ฟินความหล่อ ฮาา
เรื่องนี้ถ้าไม่มีเมย์อะไรๆมันก็คงจะง่ายกว่านี่สินะ แต่ก็อย่างว่านางไม่ผิดอะไร
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : SP Game - Character
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 01-04-2014 09:11:22
@ 27th Game – Competition

ผมกับบอสมาเตรียมความพร้อมที่คอร์ทแต่เช้า (แน่ะๆ อย่าคิดไปไกลครับ เมื่อคืนเราแค่นอนกอดกันเฉยๆ เดี๋ยวไม่มีแรงแข่งกันพอดี อิอิ) ได้พวกสวัสดิการจากชมรมเชียร์มาช่วยบริการเรื่องน้ำ,น้ำแข็ง ด้วยความอนุเคราะห์จากไอ้บูม ประธานชมรมเชียร์ กรรมการตัดสินการแข่งขันจากวิทยาลัยพลศึกษาที่ไอ้แบงค์ติดต่อไว้ก็มากันพร้อม

“ไปเตรียมตัวเถอะครับ เดี๋ยวบอสดูแลให้เอง” ไอ้บอสไล่ผมไปเตรียมตัวที่จะลงแข่ง
“งั้นฝากด้วยนะ” ผมหันไปบอกมัน แล้วก็เดินเข้าไปเตรียมตัวที่ชมรม

ตรึ่ง
May
วันนี้สู้ๆนะคะ เมย์เป็นกำลังใจให้นะคะ  08.01
                                                              08.01 ครับขอบคุณคับ
May
เดี๋ยวตอนบ่ายถ้าเสร็จธุระแล้วจะตามเข้าไปนะคะ  08.02
                                                                           08.03 ครับ..เดินทางดีๆนะคับ
                                                               

ในห้องชมรมแบ่งเป็น 2 โซน คือทีมโรงเรียนเรากับทีมคู่แข่ง ในโซนของโรงเรียนเรา ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท กำลังจัดการกับเสื้อผ้าและอุปกรณ์ของตัวเองอยู่ ไอ้แบงค์นั่งเช็คแร็กเก็ต ส่วนไอ้เพียวกับไอ้วาย ก็กำลังเก็บของลงโคฟเว่อร์

ประตูชมรมถูกเปิดออก

“อีก 5 นาที พิธีเปิดการแข่งขันจะเริ่มนะครับ ขอให้นักกีฬาทั้งสองทีมเตรียมพร้อมสำหรับพิธีเปิดด้วยนะครับ” ไอ้อาร์มเข้ามาแจ้งให้พวกเราทราบ

ผมเรียกประชุมทั้งทีม พวกเราเอามือกอดคอล้อมวงกัน

“ทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด สุดกำลังความสามารถที่พวกเรามี เราจได้ไม่ต้องมาเสียใจทีหลังว่าทำไมเรายังทำดีไม่พอ ทำเพื่อโรงเรียนเพื่อชื่อเสียงของพวกเรากัน” ผมพูดปลุกใจทุกๆคนให้ทำให้เต็มที่ ก่อนจะย่นมือไปตรงกลาง ทุกๆคนเอื้อมมือมาจับกัน

“สู้ไหมสู้” ผมตะโกนเรียกกำลังใจจากทุกคน
“สู้..” เสียงตะโกนกลับ

ผมตรวจความเรียบร้อยของชุดวอร์มของโรงเรียนของตัวเองและทุกคนในทีม ขณะเดินออกมารอที่หน้าประตูห้องชมรม ซึ่งทีมโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวๆบางรัก รอกันอยู่แล้ว ผมยืนมือไปจับทักทายกับไอ้เกมส์

สต๊าฟในงานจะมาเชิญพวกเราให้เดินแถวออกไป ประตูชมรมเปิดออก ทำเอาพวกเราขนลุก คนเต็มทั้ง 6 สแตน โซนด้านตรงข้ามโต๊ะตัดสินกรรมการ มี 2 สแตน เป็นชมรมเชียร์ของโรงเรียนเรานำทีมโดยไอ้บูม ติดกันเป็นชมรมเชียร์ของโรงเรียนอีกโรงเรียน นำทีมโดยไอ้นัท นี่ประธานเชียร์ทั้งสองโรงเรียนออกโรงเอง เสียงตบมือดั่งลั่นคอร์ท ผมนำทีมเทนนิสโรงเรียนเราเดินไปอีกฝั่งของตาขาย

“ขอเสียงตบมือให้กับทีมเทนนิสทั้งสองโรงเรียนด้วยครับ” เสียงพิธีกรในสนามประกาศ สิ้นเสียงประกาศเสียงตรบมือก็ดังลั่น

“ต่อไปจะเป็นการแนะนำนักกีฬาของทั้งสองโรงเรียน”
“นักกีฬาเทนนิสโรงเรียนเราประกอบไปด้วย”
“1. นายรัชชานนท์ สุขอนันต์  หัวหน้าทีม” ผมก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ไปรอบอัฒจรรย์ เสียงตะโกนกลับมา “พี่โบ๊ท พี่โบ๊ท พี่โบ๊ท”
“2. นายปฏิภาณ ปัทมศิริ ไอ้แบงค์ก้าวออกไปข้างหน้ายกมือไว้ไปรอบอัฒจรรย์ “พี่แบงค์ พี่แบงค์ พี่แบงค์” เสียงตะโกนจากอัฒจรรย์
“3. นายอลงกรณ์ ศรพระวิษณุ ไอ้บีมก้าวออกไปยกมือไหว้ไปรอบสแตน เสียงตะโกนจากสแตน “พี่บีม พี่บีม พี่บีม” ผมเห็นไอ้โอมยิ้มหน้าแป้นอยู่บนสแตน
“4. นายภัทราวุธ อุดมโชค ไอ้ไบร์ทก้าวออกไปข้างหน้ายกมือไหว้ “พี่ไบร์ท พี่ไบร์ท พี่ไบร์ท” เสียงเชียร์ออกมาจากสแตน ถ้าไม่ติดว่าไอ้ไบร์ทมันถนัดประเภทคู่ จะใส่ชื่อมันลงเล่นเดี่ยว แล้วภาวนาให้เจอไอ้เกมส์ งานนี้ชนะใสๆ
“5. นายวิศรุต บุญประสิทธิ์ ไอ้วายก้าวออกไปยกมือไว้ไปรอบอัฒจรรย์ เสียงกรี๊ดดั่งลั่น “พี่วาย พี่วาย พี่วาย” ดังออกมาจากอัฒจรรย์ ไอ้นี่มันป็อปขนาดนี้เลยเหรอวะผมนึกในใจ
“6. สกลกฤษณ์ ประเสริฐทรพัย์ ไอ้เพียวก้าวออกมายกมือไว้ไปรอบทิศ “กรี๊ดดดดด พี่เพียว เสียงดั่งมาจากสแตนที่แก๊งค์สาวๆในโรงเรียนชายล้วน (ห๊ะ แม่เจ้า) นั่งรวมกันอยู่ ตายแระน้องกรู....

นักกีฬาโรงเรียน......ประกอบไปด้วย
   
1.นายณัฐภัทร กิตติกรสกุล เสียงกรี๊ดไอ้เกมส์ดังลั่นมาจากสแตนฝั่งโรงเรียน นั้น  ดูมันจะป็อปมากสุดในทีม 
      2.นายภูริวัจน์ แก้วศักดา ของไอ้เทมส์ก็ไม่แพ้กัน
      3.นายพุฒิพงศ์ กมลเวช ตามมาด้วยของไอ้เจมส์
      4.นายวิชเวช สุนทรจิรศักดิ์ แล้วก็ไอ้เฟรม
      5.นายนนธนันท์ เจษฎากร  ต่อด้วยรุ่นน้องของโรงเรียนนั้น...ไอ้โดม
      6.นายศิริวัฒน์ เขมาพิทักษ์ ปิดท้ายด้วยเสียงกรี๊ดของไอ้เซน น้องเล็กสุดใน
           ทีมมัน

ไอ้เบลกับพวกชมรมถ่ายภาพ เก็บรูปกันมือเป็นระวิง แถมไอ้เคนยังมาช่วยอีกแรงหลังจากงานพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเสร็จสิ้นทั้งสองทีมมีเวลาเตรียมตัว 20 นาทีก่อนที่การแข่งขันจะเริ่ม ต้องจัดสรรคนที่จะลงแข่งประเภททีม จะต้องวางมือหลบกันให้ดีๆ จะต้องเอาเดี่ยวมือหนึ่งของเราเจอกับเดี่ยวมือสองของโรงเรียนไอ้เกมส์ เพื่อที่จะเก็บ 1 คะแนนให้ได้ก่อน จากนั้นให้เดี่ยวมือสองของเราวัดกับเดี่ยวมือหนึ่งของโรงเรียนไอ้เกมส์ ถ้าแพ้ก็ยังต้องตัดสินกันที่ประเภทคู่

“ต้องวัดใจกับทีมไอ้เกมส์” ผมบอกทุกคนในทีม
“ไอ้แบงค์ เป็นเดี่ยวมือหนึ่ง”
“กรู เป็นเดี่ยวมือสอง”
“และภาวนาให้ไอ้เกมส์เป็นเดี่ยวมือหนึ่ง และได้เทมส์เป็นเดี่ยวมือสอง” เท่านี้ก็ไปวัดกันที่ประเภทคู่ไอ้บีมไอ้ไบร์ทแล้ว

“ขอให้ทั้งสองทีมส่งรายชื่อประเภททีมที่เต้นอำนวยการด้วยครับ” เสียงประกาศจากสนาม

ผมเดินนำรายชื่อทีมไปส่งที่เต้นอำนวยการ แล้วเดินกลับมารอกับทีมที่ม้านั่งนักกีฬา ไอ้แบงค์เตรียมตัวอบอุ่นร่างกาย เพราะมันเป็นคนแรกที่จะต้องลงสนาม

“ปฏิภาณ ปัทมศิริ กับ ณัฐภัทร กิตติกรสกุล เตรียมพร้อมทำการแข่งขันด้วยครับ” เสียงโฆษกสนามประกาศ ไอ้แบงค์เจอไอ้เกมส์จริงๆด้วย

ไอ้แบงค์หันไปมองหลังม้านั่งนักกีฬาก็เห็นกำลังใจสำคัญของมันนั่งอยู่ตรงนั้น ไอ้อาร์มพยักหน้าให้กำลังใจไอ้แบงค์ ข้างๆก็มากันครบทีม ไอ้บอส ไอ้เบนซ์ ไอ้เบียร์ ไอ้โอม ไอ้บาส ไอ้ปั๊ป! บนอัฒจรรย์ผมเห็น ไอ้เบสต์ชมรม X-Game มาดูกับไอ้แดน ยังมีไอ้บิวชมรมดนตรีมากับไอ้ริวเด็กใหม่มันก็มาด้วย สรุปยกมาทั้งงานเลี้ยงเมื่อคืนเลยใช่หรือเปล่า

ไอ้แบงค์กับไอ้เกมส์กำลังเดินเข้าสนาม เสียงเชียร์จากชมรมเชียร์ทั้งสองโรงเรียนที่นำทีมโดยไอ้บูมกับไอ้นัท ดั่งกระหึ่มไปทั้งสนาม

กรรมการเรียกทั้งสองคนไปเสี่ยงเหรียญเลือกเสริฟกับเลือกแดน แล้วทั้งคู่กับจับมือกัน ไอ้แบงค์เดินมาที่ม้านั่งของตัวเองในสนาม ถอดเสื้อวอร์มกับกางเกงขายาวออก เหลือเสื้อกีฬาสีแดงสดใส กางเกงสีกรมท่า ยี่ห้อ Nike ทั้งชุดรวมไปถึงโคฟเวอร์ ส่วนไอ้เกมส์เสื้อสีน้ำเงิน กางเกง สีขาว Fila ทั้งชุดและโคฟเวอร์ ทั้งคูเริ่มอบอุ่นร่างกาย 5 นาทีก่อนการแข่งขันตามกฎ

หลังจากอบอุ่นร่างกายกันเสร็จเรียบร้อย

“จะเริ่มการแข่งขันประเภททีม เดี่ยวมือหนึ่ง ระหว่าง ปฏิภาณ กับ ณัฐภัทร การแข่งขันแข่งแบบระบบ 2 ใน 3 เซ็ต 6 เกมส์เท่าเล่นระบบไทเบรก 1 เซ็ตเท่าเล่นระบบซุปเปอร์ไทเบรคในเซ็ตที่ 3”

“ผลการเสี่ยงทาย ปฏิภาณ ได้สิทธิ์เลือกเสริฟ ณัฐภัทร ได้สิทธิ์เลือกแดน”
“ต่อไปเป็นการแข่งขันเกมส์ที่หนึ่งของเซ็ตที่หนึ่ง เสริฟโดย....ปฏิภาณ”
“เริ่มเกมส์ 0/0” สิ้นเสียงประกาศจากกรรมการไอ้แบงค์ก็เริ่มเสริฟ..”

คะแนนแรกเป็นไปอย่างสูสี หลังจากดวลลูกหลังเส้นเบตส์ไลน์กัน ไอ้แบงค์ยิงนำให้ไอ้เกมส์ต้องตามไปเก็บลูกด้านซ้ายของคอร์ท ลูกที่รีเทิร์นกลับมาสั้นตกอยู่กลางคอร์ท ไอ้แบงค์เข้าไปกดวินเนอร์เป็นลูกโฟร์แฮนอินไซน์เอาท์ ฉีกหนีไปทางขวาของคอร์ทไอ้เกมส์ไล่ไม่ทัน คะแนนแรกจึงเป็นของเรา เสียงเชียร์จากสแตนดังลั่น

“15 – 0” เสียงกรรมการประกาศ

ไอ้แบงค์เสริฟคะแนนต่อไป ลูกแรกฟอลต์คือหลุดออกจากเส้นที่กำหนดไว้ ไอ้แบงค์ต้องเสริฟลูกที่สอง ซึ่งแน่นอนว่าต้องผ่อนแรงลงเพื่อความแม่นยำให้ลูกลงในเขตที่กำหนดไว้ ถ้าฟอลต์อีกก็จะเสียแต้มไปเลย ลูกเสริฟหลุดออกจากหน้าไม้ไอ้แบงค์ ไอ้เกมส์ก็ตั้งท่าเตรียมยิ่งวินเนอร์ เพราะลูกเสริฟไอ้แบงค์บังคับทิศทางเสริฟได้ไม่ดีเท่าที่ควร จึงโดนกดวินเนอร์อย่าง่ายดาย แต้มที่สองตกเป็นของไอ้เกมส์

“15 – 15” กรรมการขานแต้ม

ลูกเสริฟลูกแรกของไอ้แบงค์กลับมาทำงานอีกครั้งในแต้มที่สามของเกมส์ ไอ้เกมส์รีเทิร์นหลุดออกจากเส้นหลังไปไป กรรมการขาน “เอาท์”

“30 – 15” เสียงขานแต้มจากกรรมการ

แต้มที่4ของเกมส์ เสริฟลูกแรกของไอ้แบงค์ยังคงทำงาน แต่เที่ยวนี้ไอ้เกมส์ดักทางเอาไว้ได้ และรีเทิร์นกลับมาได้ลึก ไอ้แบงค์ถอยหลังเกือบไม่ทัน แต่ยังรีเทริน์ลูกกลับไปได้ด้วยแบ็คแฮนสไลด์แก้ไขสถานการณ์ได้ดี ไอ้เกมส์ได้ทีแอฟโค้ตลูกจนถึงเส้นหลังอีกครั้ง และพาตัวเองขึ้นมาดักรอลูกที่หน้าเน็ต ไอ้แบงค์พยายามจะยิ่งผ่าน แต่ถูกดักไว้ได้ด้วยลูกแบ็คแฮนวอลเล่ย์หน้าเน็ต ลูกตกใกล้กับเน็ต ไอ้แบงค์เข้าไปไม่ทัน

“30 เท่า” กรรมการขานแต้ม

แต้มที่ 5 ลูกเสริฟแรกของไอ้แบงค์ไม่ทำงาน ลูกเสริฟที่สองถูกเสริฟออกไป ไอ้เกมส์ฉวยโอกาสอีกครั้ง โถมตัวยิงโฟร์แฮนด์อินไซด์เอาท์โจมตีมาทางด้านแบ็คแฮนด์ของไอ้แบงค์ๆ ไปทันแค่ใช้แบ็คแฮนสไลด์รีเทิร์นลูกกลับไป แต่ไอ้เกมส์ก็ขึ้นมารออยู่ที่หน้าเน็ตแล้ว ใช้โฟร์แฮนด์วอลเลย์กระแทกลูกไปฝั่งตรงข้ามกับที่ไอ้แบงค์

“30 – 40” กรรมการขานแต้มอีกครั้ง

แต้มนี้ไอ้แบงค์จะเสียอีกไม่ได้ถ้าเสียอีกจะแพ้เกมส์แรกไป ไอ้แบงค์ตั้งใจเสริฟลงตัวทีแบ่งกึ่งกลางคอร์ทอย่างเต็มแรง ไอ้เกมส์คาดไม่ถึงเพราะไปดักรอฟังแบ็คแฮนด์ของมันเอง ไอ้แบงค์เลยได้เอส (เอสคือการที่ฝ่ายรับลูกเสริฟ ไม่สามารถเอาแร็กเก็ตไปโดนลูกได้เลย) ลูกแรกไป

“Deuce ใช้การ Deuce แบบแต้มเดียว” กรรมการขาน

ปกติแล้วการ Deuce จะต้องทำการ Deuce เพื่อตัดสิน 2 แต้ม สมมุติว่าแต้มต่อไปไอ้แบงค์ได้ ไอ้แบงค์จะต้องทำการเสริฟอีกหนึ่งแต้มและต้องได้แต้มนั้นเพื่อปิดเกมส์ ถ้ายังปิดเกมส์ไม่ได้ ก็จะต้องกลับมา Deuce ใหม่อีกครั้ง แต่การแข่งขันระบบนี้คือการ Deuce แค่แต้มเดียวตัดสินไปเลยเพื่อเป็นการออมแรงนักกีฬาซึ่งยังเป็นเยาวชนอยู่ ไอ้แบงค์เสริฟลูกแรงฉีกออกไปทางด้านสามเหลี่ยมของคอร์ท ลูกเลี้ยวหนีหน้าไม้ของไอ้เกมส์  ไอ้เกมส์ไปทันแต่เทิร์นลูกกลับมาไม่พ้นตาข่าย เป็นอันว่าเกมส์แรกเป็นของเรา

“Game โดย ปฏิภาณ” เสียงกรรมการขานหลังเกมส์แรกจบลง

เสียงเชียร์เสียงตบมือดังลั่นคอร์ท ไอ้อาร์มลุกขึ้นตบมือให้ไอ้แบงค์ ไอ้แบงค์หันหน้ามาทางไอ้อาร์มแล้วพยักหน้าให้ มันกำมือแล้วชูขึ้นแล้วเอามาทุบที่ที่หน้าอกเบา มันหันมามองที่ผม ด้วยความมั่นใจ

“นักกีฬาเปลี่ยนแดน” เสียงกรรมการแจ้งเตือนให้นักกีฬาเปลี่ยนข้างดังขึ้น

Game
See You Next Game

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
Game Hot สุดเลยใช่ไหมครับ 555+
ส่วนเรื่องเมย์จะเริ่มคลี่ปมใน 36th Game นะครับไม่ถึงกะจบครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ ★KVH™★
เปิด ฮาเรมเลยเหรอครับ คริ คริ คนเขียนขอเปิดด้วยนะครับ^^

ตอมคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ตอนนี้ Game ขายดีสุดเลยครับ อ๊ากกกก
ตอนแต่งหลงบ้างเหมือนกันครับ โดยเฉพาะเขียนชื่อสลับ เอิ๊กกกกกก

ตอบคอมเมนท์คุณ MaNaSsAwEe
ขอบคุณครับ ต้องชมคนวาด ส่วนคนเขียน แค่นั่งหารูป มาให้คนวาดครับ เอิ๊กกก
ส่วนเรื่องนี้ถ้าไม่มีเมย์ มันจะกลาย ว้าย วาย เลยนะครับ


ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์เลยนะครับ เป็นกำลังใจอย่างดีให้คนเขียนๆต่อไปครับ^^

หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 27th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 01-04-2014 11:22:42
เหมือนไปนั่งอยู่ข้างสนามแข่ง  :hao7:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 27th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-04-2014 18:08:32
 :serius2: เกมส์แพ้ได้ไง ฉันอุตส่าห์เชียร์สุดใจขาดดิ้น  :katai1:
ดักตบแบงค์  :beat:  :z6:

มามา เดี๋ยวปลอดใจให้  :laugh:

ปอลิง : พิมพ์นามสกุลเกมส์ผิดอ่ะจ้า
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 27th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 01-04-2014 18:29:50
@ 28th Game –  Competition II
เกมส์ที่ 2 เริ่มต้นขึ้น โดยเกมส์นี้เป็นเกมส์เสริฟของไอ้เกมส์ ลูกเสริฟลูกแรกของมันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพทุกลูก ไอ้แบงค์แถบจะทำอะไรไม่ได้เลย แค่รีเทรินกลับไปได้ก็เกือบจะแย่แล้ว พอลูกตกลงสั้นกลางคอร์ท ก็โดนไอ้เกมส์ขึ้นกดวินเนอร์ทุกครั้ง เกมส์นี้ไอ้แบงค์ทำคะแนนไม่ได้เลย จาก 15 - 0 / 30 – 0 / 40 – 0 / Game ตอนนี้เสมอกัน 1 – 1 เกมส์

เกมส์ที่ 3 ไอ้แบงค์กลับมาเสริฟอีกครั้ง เป็นอันรู้กันในวงการเทนนิสว่าเกมส์นี้ต้องรักษาเกมส์เสริฟให้ได้ เพราะถ้าโดนเบรค (แพ้) เกมส์ต่อไปไอ้เกมส์จะมาเสริฟ และจะนำห่างออกไป ไอ้แบงค์ก็ตั้งใจที่จะเล่น ตามไปเก็บทุกลูก เป็นอีกเกมส์ที่สู้สีมาก จนต้องมาตัดสินกันที่ Deuce ไอ้แบงค์ฮึดเอาแต้มสำคัญนี้มาจนได้ ตอนนี้ ไอ้แบงค์นำ 2 – 1 เกมส์

เกมส์ที่ 4 – 8 ต่างฝ่ายสามารถรักษาเกมส์เสริฟกันไว้ได้ตอนนี้เสมอกันที่ 4 – 4 เกมส์

เกมส์ที่ 9 ไอ้แบงค์เป็นฝ่ายเสริฟและต้องรักษาเกมส์นี้ไว้ให้ได้ ถ้าโดนเบรคจะเป็นเรื่องอันตราย เพราะไอ้เกมส์จะนำ 5-4 เกมส์ แล้วเกมส์ต่อไปไอ้เกมส์จะออกมาเสริฟเพื่อปิดเซ็ต ไอ้แบงค์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังรักษาเกมส์เสริฟไว้ได้ขึ้นนำ 5 – 4 เกมส์

เกมส์ต่อไปถ้าเบรคได้ก็จะชนะ แต่ตั้งแต่เริ่มแข่งกันมายังไม่มีใครเบรคเกมส์เสริฟของใครได้เลย และก็เป็นเช่นนั้นจนเกมส์ที่ 12 ที่ทั้งสองคนมาเสมอกันที่ 6 – 6 เกมส์

ต้องตัดสินกันด้วยเกมส์ ไทเบรก ที่เป็นการจำลองการเล่นเซ็ต โดยที่นับแต้มคะแนนแทนเกมส์การแข่งขัน  แต่ละคแนนก็เบียดแย้งกันสูสี สุดท้ายไอ้แบงค์ ก็ชนะในเกมส์ไทเบรก ด้วยคะแนน 12 – 10

ไอ้แบงค์มองไปทางไอ้อาร์ม กำลังใจสำคัญของมัน มันส่งซิกด้วยโค้ดที่พวกมันสองคนเข้าใจกัน ก่อนจะเดินมานั่งพักระหว่างเซ็ตที่ม้านั่งนักกีฬา

“ยังเหลือมั้ยวะ” มันถามมันเพราะเป็นห่วงเรื่องแรงของมัน เพราะเซ็ตแรกก็ยาวจนถึงไทเบรก
“ยังเหลือวะ ไอ้เกมส์แมร่งเหนียวชิบหาย” มันบ่นอุบ
“ยังไงก้ได้เซ็ตแรกมาแล้วมรึง อีกเซ็ตหนึ่ง เอาหน่อย” ผมให้กำลังใจมันไป

งานนี้ดูเหมือนว่าไอ้ไบร์ทจะลำบากใจอยู่ไม่ใช่น้อย เพราะอีกฝั่งก็ทีมโรงเรียนเรา อีกฝ่ายก็ทีมลอร์ดวอร์เดอมอร์ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร แถมยังโดนแซวไอ้แบงค์แซว อย่างอารมณ์ดี

“ไอ้ไบร์ท มรึงห้ามปันใจไปเชียร์ไอ้เกมส์นะสัส” เล่นเอาไอ้ไบร์ทหน้าเหรอหรา

“ไทม์” เสียงขานจากกรรมการ เป็นสัญญาณว่าเซ็ตที่สองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เกมส์แรกไอ้เกมส์เป็นฝ่ายเสริฟ ฟอร์มยังคงดีรักษาเกมส์แรกไปได้อย่างง่ายดาย ออกนำไอ้แบงค์ไปก่อน 1 – 0 เกมส์

ทั้งไอ้เกมส์และไอ้แบงค์ ยังคงเหนียวแน่นในเกมส์เสริฟของตัวเอง   จนมาเสมอที่ 5 – 5 เกมส์ ไอ้แบงค์เริ่มอ่อนระโหยโรยแรงจนสังเกตเห็นได้ เพราะเป็นเกมส์ที่สู้สีและต้องใช้พลกำลังอย่างมากที่จะต่อกรกับไอ้เกมส์

เกมส์ที่ 11 ไอ้เกมส์เป็นฝ่ายเสริฟ และก็ยังคงรักษาเกมส์เสริฟเอาไว้ได้ขึ้นนำไป 6 – 5 เกมส์  ไอ้แบงค์ต้องรักษาเกมส์เสริฟให้ได้ เพื่อไปตัดสินกันที่ระบบไทเบรก อีกครั้ง แต่ด้วยกำลังที่เหลือน้อย และเริ่มล้ากับการแข่งขัน เกมส์ที่ 12 ไอ้แบงค์ก็พลาดท่าจนได้ เซ็ตที่ 2 ไอ้เกมส์ชนะไปด้วยสกอร์ 7 – 5 เกมส์

ต้องตัดสินกันด้วยเซ็ตที่ 3 ที่ตกลงกันไว้ว่าจะใช้ระบบซุปเปอร์ไทเบรก 10 เต้น ใครถึงแต้มที่ 10 ก่อนโดยที่นำคู่ต่อสู่มากกว่า 2 แต้มก็จะเป็นฝ่ายชนะในแมตซ์นี้ไปเลย แต่ผมไม่ได้อยู่ดู เพราะต้องออกไปเตรียมอบอุ่นร่างกาย เพราะจบจากคู่นี้ก็เป็นคู่ของผมกับไอ้เทมส์ต่อ ฝากไอ้ไบร์ทกับไอ้บีม กระตุ้นไอ้แบงค์อยู่ที่ม้านั่งนักกีฬา

ผมเดินออกมาวอร์มอีกคอร์ท โดยที่ไอ้วายมาช่วยน็อกบอล หลังจากยืดกล้ามเนื้อกันเรียบร้อยก็ลงคอร์ทเพื่อน็อกบอล กับไอ้วาย สายตาผมเหลือบไปเห็น กำลังใจของผมมาเดินมานั่งให้กำลังใจอยู่ที่ม้านั่งในคอร์ทที่ผมจะซ้อม พร้อมรอยยิ้มที่สดใสส่งมาให้ผม ผมน็อกไปสักพัก สายตาก็เห็น หญิงสาวในชุดสวย มายืนอยู่ข้างๆคอร์ท เมย์ครับ ผมหันไปมองที่ไอ้บอส แต่มันไม่อยู่ที่ม้านั่งแล้วครับ มันกำลังเดินออกไปรับเมย์ และกุลีกึจอพาเมย์มานั่งที่ม้านั่ง

“พี่โบ๊ทระวังบอล”  ไอ้วายตะโกนข้ามฝั่งมาบอก เพราะลูกที่มันกำลังรีเทิร์นกลับมากำลังเข้าใกล้ตัวผม ดีที่ผมยกแรกเก็ตขึ้นกันไว้ได้ทัน เกือบไปแล้วตรู

“พี่ผมขอโทษ” ไอ้วายรีบตะโกนมาบอก ผมส่ายมือบอกมันว่าไม่เป็นไร  ยังไม่ทันจะหันหลังไปน็อกต่อ
“พี่โบ๊ท พี่แบงค์แพ้ซุปเปอร์ไทเบรก ไป 7 – 10” ไอ้เพียวเดินมาตะโกนบอก

ผมพยักหน้ารับทราบ หยุดน็อกกับไอ้วาย ผมต้องไปเตรียมตัวที่คอร์ทแล้ว ผมเดินไปที่ม้านั่งเก็บของ

“สู้ๆนะคะ โบ๊ท” เสียงเมย์อวยพร
“ครับ ขอบคุณครับ” ผมตอบเธอกลับไป

“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวกรูดูแลเมย์ให้” ไอ้บอสอาสา ผมสบตามันมันพยักหน้าให้หมายความว่าไม่ต้องห่วง

ผมเดินกลับมาที่คอร์ทที่ใช้แข่ง ไอ้แบงค์นั่งหมดสภาพ อยู่ที่ม้านั่งนักกีฬา โดยเลขาสภาคุณชายอาร์ม มานั่งพัดวีอยู่ข้างๆ

“กรูขอโทษหว่ะ หมดจริงๆ” ผมตบไหล่มัน
“ไม่เป็นไรมรึง มรึงเต็มที่แล้ว กรูเห็นมรึงสู้ขาดใจ เดี๋ยวกรูต่อเอง”
“กรูฝากมรึงด้วย ภาระเลยมาตกอยู่ที่มรึง” ไอ้แบงค์มันบ่นตัวเอง
“ไม่ต้องห่วงมรึง กรูสู้ขาดใจแน่ๆ มรึงไม่ต้องห่วง” ผมตบบ่ามัน

“รัชชานนท์ สุขอนันต์ กับ ภูริวัจน์ แก้วศักดา เตรียมพร้อมทำการแข่งขันด้วยครับ” เสียงโฆษกสนามประกาศ

ผมกับไอ้เทมส์เดินเข้าสนาม เสียงเชียร์จากชมรมเชียร์ดั่งกระหึ่มไปทั้งสนาม

กรรมการเรียกเราสองคนไปเสี่ยงเหรียญเลือกเสริฟกับเลือกแดน แล้วผมจับมือกับไอ้เทมส์ ผมกลับมาที่ม้านั่งของตัวเองในสนาม ถอดเสื้อวอร์มกับกางเกงขายาวออก เหลือเสื้อกีฬาสีเขียวยี่ห้อ Adidas กับกางเกงสีดำมีแถบสีขาวสามแถบอยู่ข้างกางเกง

หลังจากอบอุ่นร่างกายกันเสร็จเรียบร้อย

“เริ่มการแข่งขันประเภททีม เดี่ยวมือสอง ระหว่าง รัชชานนท์ กับ ภูริวัจน์”
“การแข่งขันแข่งแบบระบบ 2 ใน 3 เซ็ต”
“6 เกมส์เท่าเล่นระบบไทเบรก”
“1 เซ็ตเท่าเล่นระบบซุปเปอร์ไทเบรคในเซ็ตที่ 3”

“ผลการเสี่ยงทาย ภูริวัจน์ ได้สิทธิ์เลือกเสริฟ รัชชานนท์ ได้สิทธิ์เลือกแดน”
“ต่อไปเป็นการแข่งขันเกมส์ที่หนึ่งของเซ็ตที่หนึ่ง เสริฟโดย....ภูริวัจน์”
“เริ่มเกมส์ 0 - 0”

เกมส์กำลังจะเริ่มขึ้น ผมแอบหันไปมองทั้งสองคนที่นั่งเชียร์อยู่ข้างสนาม ทั้งบอสและเมย์พยักหน้าให้ผม ผมจะทำให้ดีที่สุดผมบอกกับตัวเองอย่างนั้น

ลูกเสริฟแรกของไอ้เทมส์ถูกโยนขึ้นไปแล้วผมดักทางได้รีเทิร์นกลับไปได้โดยไม่ยากเย็นนัก ไอ้เทมส์วางลูกกลับมาอีกด้านหนึ่งของคอร์ท ผมเคลื่อนตัวไปเก็บ ไอ้เทมส์ได้ใจ รุกขึ้นมาประชิดเน็ต ผมรู้ว่ามีอยู่สองทางคือโยนลูก ล็อป ข้ามหัวมันไป หรือไม่ก็ต้องยิ่งผ่านตัวมันไปให้ได้ และก็เป็นอย่างหลังที่ผมเลือก ไอ้เทมส์ขึ้นมาคุมหน้าเน็ตได้ค่อนข้างไม่ดีเท่าที่ควร ผมยิงลูกไปทางด้านไกลจากตัวมัน ไอ้เทมส์พยายามพุ่งตัวไป แต่ก็ช้าเกินไป หน้าไม้สัมผัสลูกแต่ไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ แต้มแรกในแมตซ์นี้ จึงตกเป็นของผม

“0 – 15” กรรมการขานแต้มแรก

ลูกเสริฟแรกของไอ้เทมส์ถูกขานเสีย ลูกเสริฟที่สองถูกเสริฟมา ผมเบี่ยงตัวตีโฟร์แฮนด์อินไซน์เอาท์โจมตีไปทางแบ็คแฮนด์ของไอ้เทมส์ มันคาดไม่ถึงว่าผมจะโจมอย่างรวดเร็ว แต้มที่สองจึงตกเป็นของผม

“ 0 – 30” กรรมการขานแต้มอีกครั้ง

แต้มที่สามไอ้เทมส์กดดัน เสริฟเสียทั้ง 2 ลูก กลายเป็น ดับเบิ้ลฟอล์ต แต้มนี้ผมได้มาโดยไม่ต้องออกแรง

“0 – 40” กรรมการขานแต้ม

ผมต้องข่มขวัญไอ้เทมส์ให้ได้ โดยที่จะต้องไม่ปล่อยให้ไอ้เทมส์ได้แต้มในเกมส์แรกของมัน หลังจากตีโต้กันมาสักครู่ลูกเทิร์นของไอ้เทมส์เริ่มตกสั้นลงเรื่อยๆ ผมจึงได้โอกาศ โจมตีไปทางแบ็คแฮนของมันอีกครั้ง เพื่อพาตัวเองขึ้นไปปิดเต้มที่หน้าเน็ต ผมเล็งไปที่เส้นด้านข้าง ต้องทำให้มันไปได้แค่บล็อกลูกกลับมาเท่านั้น ถ้าผมยิงไปไม่ดีพอ มีโอกาสที่ไอ้เทมส์จะยิ่งผ่านผมได้เช่นกัน แต่ลูกที่ยิงไปกลับดีเกินคาด ไอ้เทมส์ไปได้แค่บล็อกลูกกลับมาเท่านั้น ผมกระแทกวอลเลย์ฉีกไปอีกด้านที่ตัวไอ้เทมส์อยู่

“Game โดย รัชชานนท์” กรรมการขานเกมส์แรกที่ผมสามารถเบรคไอ้เทมส์มาได้ เสียงเชียร์ดังลั่นสนาม ผมหันไปมองที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ ทั้งไอ้บอสและเมย์ ตบมือให้ผมด้วยความดีใจ ผมกำมือแล้วเอามาทุบที่หน้าอกตัวเองเบาๆ สองครั้งและเอากำปั้นชี้ไปทางที่สองคนนั่งอยู่...........ก่อนจะเดินเปลี่ยนแดนกับไอ้เทมส์

Game
See You Next Game


--------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ ★KVH™★
ขอบคุณครับ ตอนแรกยังกลัวเลยว่าบรรยายแล้วคนอ่านจะเข้าใจไหม T-T

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer

เกมส์ยังไม่ได้แพ้นะครับ แพ้แค่เกมส์แรกเท่านั้นเองครับ
และนามสกุลนี้ต้องใช้นามสกุลคุณ IsDeer หรือเปล่าครับ อิอิ

หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 27th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 01-04-2014 18:30:52
@ 29th Game – Competition III

เกมส์ที่ 2 ของเซ็ตแรก เริ่มต้นด้วยความมั่นใจของผม ลูกเสริฟแรกทำงานอย่างที่ใจคิด ไอ้เทมส์วิ่งไล่เก็บลูกไปทั่วคอร์ท ไอ้เทมส์ไม่สามารถนำผมไปสู่เกมส์ที่มันถนัดได้ สุดท้ายผมก็ไม่ปล่อยให้ไอ้เทมส์ได้คะแนนเป็นเกมส์ที่สอง 15 – 0, 30 – 0, 40 – 0, Game

“รัชชานนท์นำ 2 – 0 เกมส์” กรรมการขานเกมส์

เกมส์ที่ 3 ไอ้เทมส์กลับมาเสริฟ และเริ่มตั้งตัวได้กับลูกเสริฟแรกของมัน อาจเพราะมันลดความแรงลงแต่เน้นทิศทางมากขึ้นมันจึงปรับให้ลูกเสริฟแรกของมันไม่ถูกขานเสียได้มากขึ้น ถ้าผมอยากได้เซ็ตนี้อย่างไม่ยากเย็น ผมจำเป็นต้องเบรคเกมส์เสริฟนี้ของไอ้เทมส์อีกเกมส์ จะได้นำห่าง 3 – 0 แต่เกมส์นั้นเริ่มไม่ง่าย เพราะลูกเสริฟแรกมันเริ่มทำงาน ผมต้องระวังการเทิร์นเสรฟมากขึ้น ผมพยายามรีเทิร์นลูกเสริฟให้ลึกเข้าไว้ก่อน ถึงแม้จะวางลูกให้ไอ้เทมส์เคลื่อนที่ไม่ค่อยได้ แต่ผมก็ยันมันอยู่ท้ายคอร์ท ไอ้เทมส์เองก็ไม่สามารถจะรุกผมได้ถนัด สุดท้ายมันก็เร่งตัวเองโดยการยิงลูกวินเนอร์แต่ก็พลาดไปหลายลูก เกมส์นี้ยื้อกันอยู่นานก่อนที่ผมจะปิดได้ 15 – 0, 15 – 15, 30 – 15, 30 – 30, 30 – 40, Game

“รัชานนท์นำ 3 – 0 เกมส์” กรมการขานเกมส์อีกครั้ง

เสียงตรบมือดังลั่นสนาม ผมเดินกลับมาพักที่ม้านั่งนักกีฬา ไอ้แบงค์ หน้าตาดีขึ้นหลังจากได้พัก ดูมันสบายใจขึ้นเพราะอย่างน้อยผมก็นำอยู่ ผมมองเลยไปที่หลังม้านั่ง ไอ้บอสดีใจชูกำปั้นให้ผมพร้อมกับพยักหน้าให้ เมย์ตบมือยิ้มด้วยความภูมิใจ นั่นทำให้ผมมีกำลังใจเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ผมทำให้คนที่ผมรักภูมิใจได้

“ไทม์” เสียงขานจากกรรมการ ผมเดินกลับลงไปในคอร์ท เกมส์ที่ 4 เริ่มต้นขึ้นโดยผมเป็นคนเสริฟ ไอ้เทมส์ยังแก้ปัญหากับลูกเสริฟแรกของผมไม่ได้ ลูกเสริฟผมยังคงพาไอ้เทมส์หลุดออกจากคอร์ทไปได้หลายครั้ง และทุกครั้งการรีเทิร์นลูกเสริฟกลับมาของไอ้เทมส์เป็นเพื่อเซฟลูกให้กลับมาเพียงแค่ลงในคอร์ทเท่านั้น โอกาสจึงเป็นของผมในการที่จะปิดแต้มในเกมส์อย่างไม่ยากเย็นนัก สุดท้ายผมก็ปิดเกมส์นี้ได้ โดยปล่อยให้ไอ้เทมส์ได้ไปเพียงแต้มเดียว 15 – 0, 30 – 0, 30 – 15, 40 – 15, Game

“รัชชานนท์นำ 4 – 0 เกมส์” กรรมการขานออกไมค์ เสียงกองเชียร์โรงเรียนเราดั่งสนั่น

เกมส์ที่ 5 ไอ้เทมส์เป็นฝ่ายเสริฟ ลูกเสริฟแรกของมันเริ่มเข้าที่เข้าทาง เกมส์นี้เล่นเอาผมเริ่มหายใจแรงขึ้น เพราะแต่ละแต้มโต้กันอยู่นาน ตรึงทั้งคู่อยู่ที่เส้นเบสไลน์ท้ายคอร์ท แต่ผมอึดกว่า ก่อนจะเก็บเกมส์ที่ 5 ไปอย่างฮืดจับ

“รัชชานนท์นำ 5 – 0 เกมส์” ผมเดินกลับมาพักที่ม้านั่งนักกีฬา

เกมส์ที่ 6 ผมเป็นฝ่ายเสริฟ และตั้งใจจะปิดเซ็ตในเกมส์นี้ให้ได้ ลูกเสริฟแรกยังคงทำงานตามที่มันควรจะเป็น ไอ้เทมส์ยังไม่สามารถแก้ทางลูกเสริฟของผมได้ มันพยายาม เข้ามาดักลูกเสริฟเสี่ยงที่จะยิงวินเนอร์สวนกลับมา แต่ก็ผิดพลาดเองไปหลายลูก และในที่สุดผมกิปิดเกมส์นี้ได้

“Game เซ็ตแรก รัชชานนท์ชนะไปในด้วยสกอร์ 6 – 0 เกมส์”

สิ้นเสียงกรรมการ ทั้งสนามก็เฮกันลั่น ผมเก็บเซ็ตแรกมาตุนไว้เรียบร้อยแล้ว ไอ้บอส กับ เมย์ ตบมือดีใจกันใหญ่ ผมกำมือเขย่าด้วยความมั่นใจและมองไปทางพวกเค้า ไอ้แบงค์ ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท ไอ้เพียว ไอ้วาย มารุมแสดงความยินดีที่ม้านั่งนักกีฬากันใหญ่ แต่ยังดีใจมากไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่ปิดแมตซ์ อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ 
 
ผมชำเลืองมองไปยังม้านั่งฝั่งโรงเรียนนั้น เห็นไอ้เกมส์กำลังติวเข้มเกี่ยวกับการแก้เกมส์ให้กับไอ้เทมส์ เพื่อจะเอามารับมือผมในเซ็ตที่ 2 แต่ผมคงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือไป ไม่อยากต้องมาวัดกันในซุปเปอร์ไทเบรก ในเซ็ตที่ 3 อีก
                                                                   
เซ็ตที่ 2 เริ่มต้น โดยเซ็ตนี้ผมเป็นฝ่ายเสริฟก่อน เกมส์เริ่มไม่ง่ายเหมือนเมื่อเซ็ตแรก ไอ้เทมส์เริ่มดักทางลูกเสริฟผมได้ คงเป็นเพราไอ้เกมส์มันแนะนำ แต้มเบียดกันไปมาจนต้องมา Deuce สุดท้ายผมก็ปิดด้วยลูกโฟร์แฮนด์ขนานเส้น  ปิดเกมส์แรกไปได้                                 

“รัชชานนท์นำ 1 – 0 เกมส์” เสียงประกาศจากกรมการดังออกมา

ผมกับไอ้เทมส์เดินสลับแดนกัน ไอ้บอสดูจะเป็นกังวลเมื่อเห็นรูปเกมส์ของไอ้เทมส์เริ่มเบียดขึ้นมา แต่ยังคงพยักหน้าให้ส่งกำลังใจให้ผมมา เมย์ก็ยังคงตบมือเป็นก่ำลังใจให้ผม

เกมส์ที่ 2 เริ่มขึ้นโดยไอ้ไทมส์เป็นฝ่ายเสริฟ ลูกเสริฟแรกของมันทำงานแล้ว และจี้ไปที่แบ็คแฮนด์ผม คงโดนไอ้เกมส์บอกจุดอ่อนของผมเข้าให้แล้ว ไอ้เทมส์เริ่มควบคุมเกมส์ได้ ผมเริ่มต้องวิ่งไปเก็บลูกซ้ายที ขวาที แต่ละลูกที่มันวางมาคมเลยทีเดียว แต่ผมยังสู้ไม่ยอมปล่อยให้ได้แต่ละแต้มไปง่ายๆ สุดท้ายก็ต้องมา Deuce กันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเสียแต้ม เกมส์ที่ 2 เลยตกเป็นของไอ้เทมส์

“Game โดยภูริวัจน์ เสมอกัน 1 – 1 เกมส์” กรรมการขานสกอร์

เสียงตบมือจากกองเชียร์โรงเรียนนั้นดั่งสนั่นขึ้นมาทันที หลังจากที่นั่งเงียบกันมานาน ผมหันมองไปทางม้านั่งนักกีฬา พวกไอ้แบงค์ ตะโกนกลับออกมา “สู้โว้ยมรึง” หันไปมองทางไอ้บอสอ่านริมฝีปากมันได้ว่า “สู้ๆโบ๊ท” ผมรู้ตัวว่าจะแพ้ไม่ได้ เกมส์ต่อไปยังไงก็ต้องรักษาเกมส์เสริฟตัวเองไว้ให้ได้

เกมส์ที่ 3 ผมตั้งใจที่จะรักษาเกมส์นี้ไว้ให้ได้ ลูกเสริฟผมยังคงทำงาน ผมเริ่มเปลี่ยนเกมส์ โดยการพาตัวเองตามลูกเสริฟขึ้นไปวอลเลย์อยู่ที่หน้าเน็ต พยายามยกระดับการเล่นของตัวเองให้ดีขึ้นไปอีกระดับ เปลี่ยนกลยุทธ ซึ่งได้ผล ไอ้เทมส์ เห็นผมเปลี่ยนแนวทางการเล่น มันเองก็ต้องเร่งเกมส์ให้เร็วขึ้น ซึงโอกาสพลาดก็มากขึ้นเป็นเงาตามตัว เกมส์นี้ผมจึงเก็บมาได้

“รัชชานนท์นำ 2 – 1 เกมส์” หลังกรรมการขานแต้มผมเดินกลับมาพักที่นั่งพักนักกีฬา เสียงตบมือเสียงเชียร์จากทั้งสองโรงเรียนดังลั่น

เกมส์ที่ 4 และที่ 7 ทั้งผมและไอ้เทมส์ก็ยังคงรักษาเกมส์เสริฟกันเอาไว้ได้ สกอร์ตอนนี้คือผมนำ 4 – 3 เกมส์ ยังไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ กองเชียร์เร่งจังหวะในการเชียร์เพิ่มขึ้น บรรยากาสชวนฮึกเหิม ผมเริ่มไล่ไอ้บีมกบไอ้ไบร์ทไป อบอุ่นร่างกาย เพราะเกมส์หน้าผมตั้งใจรักษาเกมส์เสริฟตัวเองให้ได้เพื่อขึ้นนำ 5- 3 และจะเบรคไอ้เทมส์เพื่อปิดเซ็ตให้ได้

เกมส์ที่ 8 ผมทำตามเป้าหมายได้โดยสามารถรักษาเกมส์เสริฟตัวเองได้ ขึ้นไปนำ 5- 3 เกมส์ จ่อรอแล้ว ไอ้เทมส์ไม่มีทางเลือกต้องรักษาเกมส์เสริฟเกมส์ต่อไปของมันให้ได้ เพื่อที่จะอยู่ในการแข่งขันต่อไป

เกมส์ที่ 9 ไอ้เทมส์เสริฟเพื่อความอยู่รอด ในขณะที่ผมมุ่งมั่นที่จะเบรคเกมส์เสริฟของมันเพื่อปิดเซ็ตให้ได้ แต้มแรกผมกดดันมันโดยการชิดหน้าเน็ต ไอ้เทมส์พยายามยิงผ่านผมแต่ผมสามารถดักลูกของมันได้และวอลเลย์หยอดลงไปที่หน้าเน็ตของมันอย่างสวยงาม

“0 – 15” กรรมการขานแต้ม เสียงตบมือจากสแตนกองเชียร์โรงเรียนเราดังลั่น

แต้มที่ 2 ของเกมส์ ไอ้เทมส์เสริฟลูกแรกเสีย ผมเข้าโจมตีลูกเสริฟที่สองของมัน โดยวางโฟรแฮนด์ทแยงมุม ทำให้ไอ้เกมส์หลุดออกจากคอร์ทไป ลูกที่เทิร์นกลับมาตกสั้นที่กลางคอร์ท ผมเข้าไปกด โฟร์แฮนด์ทแยงมุมอีกครั้ง ย้อนรอยขณะที่ไอ้เทมส์พยายามวิ่งกลับมาคลุมคอร์ทที่ตรงกลาง

“0 – 30” เสียงตบมือดังขึ้นอีกรอบ

แต้มที่ 3 ของเกมส์ ไอ้เทมส์กลับมาเสริฟลูกแรกลง ผมยื่นแร็กเก็ตไปคว้าเกือบไม่ทัน ได้แต่บล็อกลูกลอยกลับไปเท่านั้น แต่ไอ้เทมส์ก็ขึ้นมารออยุ่หน้าเน็ตเรียบร้อย มันวอลเลย์วางไปอีกด้านของตัวผม แต้มนี้ได้เทมส์ได้ไป

“15 – 30” กรรมการขานแต้ม เสียงกองเชียร์ฝั่งโรงเรียนนั้นเฮกันลั่น

แต้มที่ 4 ของเกมส์ ไอ้เทมส์เสริฟลูกแรกเสีย ด้วยความกดดันว่ามันจะเสียแต้มนี้ไม่ได้ จึงทำให้ลูกเสริฟที่สองของมันหลุดเส้นกลางคอร์ทออกไปนิดนึง กลายเป็น ดับเบิ้ลฟอล์ต แต้มนี้ผมได้มาเพราะความผิดพลาดของไอ้เทมส์เอง

“15 – 40 “ กรรมการขานแต้มอีกครั้ง

แต้มที่ 5 ของเกมส์ ถ้าผมเก็บได้ ก็จะปิดแมตซ์นี้ได้ แล้วจะต้องไปวัดที่ประเภทคู่ ของไอ้บีมไอ้ไบร์ท ที่คู่ของเรามีประสบการณ์ที่เหนือกว่า ลูกเสริฟแรกของไอ้เทมส์ทำงาน แต่ผมดักทางไว้ถูก เทิร์นลูกมันกลับไปได้ลึก ไอ้เทมสผงะถอยออกไปอยู่หลังเส้นท้ายคอร์ท ตอนแรกมันคิดจะขึ้นมาชิดหน้าเน็ต มันพยายามหาจังหวะ วางลูกฉีกออกด้านข้าง เพื่อให้ผมถล่ำไปและมันจะได้ขึ้นมาปิดแต้มที่หน้าเน็ต มันวางฉ๊กมาทางด้านแบ็คแฮนด์ของผม แต่ลูกฉ๊กออกไปด้านข้างไม่มากพอ ผมเลยไปทันผมชำเลืองมองไปทางมันเห็นไอ้เทมส์พยายามขึ้นมาชิดหน้าเน็ตอย่างรวดเร็ว จังหวะนั้น ผมจึงปั่นแบ็คแฮนท็อปสปินล็อบ เพื่อโยนลูกข้ามหัวมันไปที่ท้ายคอร์ท ไอ้เทมส์เห็นอย่างนั้นก็วิ่งหันหลังกลับเพื่อจะไล่ลูก พอลูกลงกระทบพื้นสนาม แรงหมุนของลูกที่ผมพยายามใส่ก็ส่งผลทำให้ลูกดีดหนีออกห่างจากไอ้เทมส์ออกไป  และแต้มนี้ก็ตกเป็นของผม

“Game Set Match โดย รัชชานนท์ รัชชานนท์ชนะไปด้วย สกอร์ 2 ต่อ 0 เซ็ต”

เสียงกรรมการประกาศ ผมเดินมารอหนาเน็ตเพื่อจับมือกับไอ้เทมส์ เราสองคนยกมือขึ้นไหวของคุณกันแล้วก็จับมือกัน แล้วก็หันไปยกมือไหว้ขอบคุณกรรมการ  เสียงตบมือดังไปทั้งสนาม ผมกับไอ้เทมส์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณทุกๆคนที่เชียร์

ในขณะที่ภาพผู้ชมรอบด้านเบลอๆ แต่ผมเห็นคนหนึ่งเด่นชัดอยู่บนอัฒจรรย์ ชูนิวโป้งขึ้นอย่างภาคภูมใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ผมโคตรภูมิใจที่ทำให้ไอ้บอสยิ้มแล้วก็ภูมิใจไปกับความสำเร็จของผมได้ ข้างๆกัน มีอีกรอยยิ้มหนึ่ง ส่งให้ผมด้วยความภาคภูมิใจอีกเช่นกัน ผมอยากจะรักษารอยยิ้มขอคนทั้งสองคนอยู่กับผมไปนานๆ

ไอ้แบงค์วิ่งมากอดแสดงความยินดีกับผมทำให้ผมตื่นจากภวังค์ ภาระหน้าที่ของเรายังไม่จบ ยังเหลืออีกแมตซ์ที่ต้องลุ้น ความหวังของทีมโรงเรียนเราอยู่ที่ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทแล้ว..........

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 28-29th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 01-04-2014 20:21:39
ลุ้นต่อไป  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 28-29th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 01-04-2014 22:10:22
เย้ โบ๊ทชนะแล้ว ^^
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 28-29th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 01-04-2014 22:21:53
อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน แต๊ แด แด แด๊ 5555+
สู้ ๆ น่ะคนเขียน
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 28-29th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 01-04-2014 23:25:06
 :call: ขอให้เกมส์ชนะเลิศนะจ๊ะ
ขอโทษตัวละครหลักด้วยจ่ะ ฉันไม่สามารถปันใจไปหาพวกคุณได้แล้ว
ขณะนี้ฉันต้องอยู่ข้างเกมส์

อิไบร์ทมองเกมส์ของชั้นทำไม  :beat: :beat: :beat:

ปอลิง: ตอนกรรมการประกาศชื่อเกมส์กับแบงค์อ่ะ นามสกุลมันผิดอ่ะจ้า ต้องเป็น "กิตติกรสกุล" สิถึงจะถูก
เราแต่งเข้าบ้านเกมส์ต้องเป็นฝ่ายเปลี่ยนเป็น กิตติกรสกุล สิ ฮ่าฮ่าฮ่า  :hao7:
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 28-29th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 02-04-2014 10:39:13
@ 30th Game – Competition IV

หลังจากแข่งแมตซ์ของตัวเองเสร็จ ผมอยากจะไปนั่งข้างๆ ไอ้บอสกับเมย์ แต่ก็ทำไม่ได้ T-T ภาระหน้าที่ประธานชมรมเทนนิสยังไม่เสร็จ ยังต้องนั่งลุ้นคู่ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทอยู่ที่ม้านั่งนักกีฬาอีกหนึ่งคู่ ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทกำลังวอร์มอยู่ในคอร์ทกับคู่ของไอ้เจมส์กับไอ้เฟรม

“เริ่มการแข่งขันประเภทคู่ ระหว่างคู่ของ อลงกรณ์กับภัทราวุธ กับคู่ของ พุฒิพงศ์กับวิชเวช”
“การแข่งขันแข่งแบบระบบ 2 ใน 3 เซ็ต
“6 เกมส์เท่าเล่นระบบไทเบรก”
“1 เซ็ตเท่าเล่นระบบซุปเปอร์ไทเบรคในเซ็ตที่ 3”

“ผลการเสี่ยงทาย คู่ของอลงกรณ์กับภัทราวุธ ได้สิทธิ์เลือกเสริฟ”
“คู่ของพุฒิพงศ์กับวิชเวช ได้สิทธิ์เลือกแดน”

“ต่อไปเป็นการแข่งขันเกมส์ที่หนึ่งของเซ็ตที่หนึ่ง เสริฟโดย....อลงกรณ์”

“0 – 0“ กรรมการประกาศเริ่มเกมส์”

การเล่นประเภทคู่จะแตกต่างจากประเภทเดี่ยวนิดหน่อยคือมีอีกคนยืนอยู่หน้าเน็ตคอยโฉบลูกที่ผ่านไปมา พื้นที่ในการรับผิดชอบก็จะน้อยลง แต่จำเป็นต้องมีความคล่องตัว และความรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุดคือการประสานงานที่ดี จะให้ดีคือคนที่เล่นคู่กันมานาน รู้จักกันดีพอสมควร เข้าใจกันว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร คะแนนจะไหลไวมาก แต่ละคะแนนจะจบเร็ว แต่ที่สำคัญที่สุดคือห้ามเล่นคู่กันตอนแฟนกันใหม่ๆ เพราะสุดท้ายแล้วจะทะเลาะกันเอง....

แต้มแรกไอ้บีมเป็นคนเสริฟ ไอ้เฟรมเป็นคนรับ คนเสริฟจะเสริฟฝั่ง Deuce คอร์ทหรือคอร์ทด้านขวามือของผู้เสริฟ ลูกเสริฟแรกของไอ้บีมทำงานฉีกออกไปด้านนอกคอร์ท ไอ้เฟรมโผตามลูกเสริฟออกไปและรีเทิร์นกลับเข้ามาตรงกลางคอร์ท แต่ไอ้ไบร์ทก็กระโจนไปตะปป วอลเล่ย์ไปตรงกลาง ไอ้เจมส์ไม่ทันระวังลูกเกือบโดนข้อเท้า ไอ้ไบร์ทยกแรกเก็ตขึ้น มีความหมายว่าขอโทษ แต้มแรกคู่เราได้แต้มไปอย่างรวดเร็ว เสียงฮือฮาดังไปทั่วสนาม

“15 – 0” กรรมการขานแต้ม

แต้มที่สองไอ้บีมเป็นคนเสริฟ ไอ้เจมส์เป็นคนรับ คนเสริฟจะเสริฟฝั่ง Add คอร์ทหรืคอร์ทด้านซ้ายมือของคนเสริฟ ลูกเสริฟแรกของไอ้บีม ลงตรงตัวทีตรงกลางคอร์ท ไอ้เจมส์ไปดักผิดด้าน แต้มนี้ไอ้บีมไอ้เอส จากไอ้เจมส์ เอสคือลูกที่ฝ่ายตรงข้ามรับไม่ได้ แล้วแร็กเก็ตไม่ถูกลูกเสริฟเลย

“30 – 0” กรรมการขานแต้ม

แต้มที่สามไอ้บีมกลับมาเสริฟให้ไอ้เฟรมรับทางฝั่ง Deuce คอร์ท อีกครั้ง ไอ้บีมเปลี่ยนทางมาเสริฟลงตรงตัวทีกลางคอร์ท แต่คราวนี้ไอ้เฟรมดักถูก สวนแบ็กแฮนด์กลับมา ไอ้ไบร์ทเข้าไปดักกลางคอร์ท ไปคนละทางกับลูก ลูกจึงผ่านแบ็คแฮนด์ไอ้ไบร์ทไปทางเส้นรางรถไฟ แต้มนี้ฝั่งไอ้เฟรมกับไอ้เจมส์ได้คืนไป

“30 – 15” กรรมการขานแต้ม

แต้มที่สี่ไอ้บีมกลับมาเสริฟให้ไอ้เจมส์รับทางฝั่ง Add คอร์ท ไอ่เฟรมรีเทิร์นกลับมาได้ ไอ้บีมพยายามตีโต้กับไอ้เจมส์ โดยที่ไอ้ไบร์ทกับไอ้เฟรมกำลังหาจังหวะโฉบตัดลูกที่หน้าเน็ต ไอ้เฟรมเทิร์นลูกกลับมาสั้น ไอ้บีมเบียงตัวจะตีโฟร์แฮนด์อินไซด์เอาท์ แต่เหลือบเห็นไอ้เฟรมขยับไปดัก จึงบิดทางเพื่อปรับให้มาลงที่เส้นคู่รางรถไฟของไอ้เฟรมที่ขยับตัวไปดักกลางคอร์ท แต้มนี้จึงเป็นของเรา

“40 – 15” กรรมการขานแต้ม

แต้มที่ห้าไอ้บีมเสริฟใหไอ้เฟรมรับทางฝั่ง Deuce คอร์ท ไอ้บีมเสริฟฉีกออกด้านนอกคอร์ท ไอ้ไบร์ทขยับจะเข้ามาตรงกลาง แต่มันเป็นการขยับหลอก เพราะไอ้ไบร์ทส่งซิกให้ไอ้บีมตั้งแต่ก่อนจะเสริฟแล้ว แล้วไอ้เฟรมก็หลงกลจึงยิงมาที่เส้นคู่ขนานรางรถไฟของไอ้ไบร์ท แต่ไอ้ไบร์ทไม่ได้ขยับไปจริงๆ จึงดักวอลเล่ย์หน้าลงหน้าเน็ตได้อย่างสวยงาม

“Game โดย พุฒิพงศ์ ภัทราวุธ นำ 1 – 0 เกมส์” เสียงกรรมการขานแต้ม เสียงตบมือจากสแตนเชียร์ของเราดังไปทั่วสนาม

เกมส์ที่สองเสริฟโดยไอ้เฟรม ลูกแรกไอ้บีมเป็นคนรับลูกเสริฟ ทั้งเกมส์เป็นการชิงจังหวะและชิงไหวชิงพริบกันระหว่างทั้งสองคู่ แต่ลูกเสริฟแรกของไอ้เฟรมยังคงทำงาน ทำให้เกมส์นี้ไอ้เฟรมยังคงรักษาเกมส์เสริฟเอาไว้ได้

“เสมอกัน 1 – 1 เกมส์”  เสียงกรรมการขานแต้ม

เกมส์ที่สาม ไอ้ไบร์ทเป็นคนเสริฟ ไอ้เจมส์เป็นคนรับทางฝั่ง Deuce คอร์ท เกมส์ดูเหมือนว่าเป็นคู่โรงเรียนเราเป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่า เข้าขากันมากกว่า เกมส์นี้ไอ้ไบร์ทรักษาเกมส์เสริฟแบบไม่เหนื่อย

“Game โดย พุฒิพงศ์ ภัทราวุธ นำ 2 – 1 เกมส์” กรรมการขานแต้ม

เกมส์ที่สี่ ไอ้เจมส์เป็นคนเสริฟ ไอ้ไบร์ทเป็นคนรับในคะแนนแรก ไอ้เจมส์เสริฟได้ดี ทำความลำบากให้ทั้งไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทพอสมควร ทั้งไอ้บีมไอ้ไบร์ทพยายามจะรีเทิร์นบอลไปให้ลึก พยายามตามเก็บทุกลูก คะแนนในเกมส์ก็เบียดกันไปมา จนในที่สุด ไอ้เจมส์ก็รักษาเกมส์เสริฟได้มาเสมอกันอีกครั้งที่ 2 – 2 เกมส์

เกมส์ยังคงดำเนินกันต่อไปอย่างสูสี โดยที่ไอ้โอมที่มานั่งลุ้นไอ้บีมอยู่คอยส่งกำลังใจให้ไอ้บีมด้วย ซิกของพวกมัน แต่ที่น่าลำบากใจคงเป็นไอ้เกมส์กับไอ้ไบร์ทที่คงจะวางตัวไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไหร่ เพราะต้องมาแข่งกัน นี่ก็คนรัก นี่ก็โรงเรียน

ทั้งสองทีมยังคงรักษาเกมส์เสริฟกันได้จนมาถึงเกมส์ที่ 8 โรงเรียนเรานำอยู่ 4 – 3 เกมส์ ที่ไอ้เจมส์เป็นคนเสริฟ์ ไอ้ไบร์ทกับบีมสามารถเบรคเกมส์เสริฟของไอ้เจมส์ได้ ขึ้นไปนำ 5 - 3 เกมส์ ซึ่งเกมส์หน้าไอ้บีมจะออกมาเสริฟเพื่อเซ็ตแรก

เกมส์ที่ 9 ไอ้บีมออกมาเสริฟเพื่อปิดเซ็ตแรก ตอนนี้เหมือนโมเมนตั้มของเกมส์เหวี่ยงมาเข้าข้างทีมเรา ทำอะไรก็ดีกันไปหมด ส่วนไอ้เจมส์กับไอ้เฟรม ขวัญเริ่มเสียกันอย่างเห็นได้ชัด อาการรีบร้อน รนรานแสดงออกมาให้เห็นในรูปเกมส์อย่างชัดเจน เซ็ตนี้จึงเป็นของไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทไปด้วยสกอร์ 6 – 4 เกมส์ เสียงตบมือดั่งลั่นสนาม กำลังใจความหึกเหิมถูกปลุกขึ้นมาอย่างล้นหลาม เพลงเชียร์ให้กำลังใจดังกึกก้องไปทั่ว


เซ็ตที่ 2 ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความที่ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทเล่นด้วยกันมานาน เข้าขากันเป็นอย่างมากทำให้ทีมโรงเรียนของเรานำห่างอยู่ที่สกอร์ 5 – 2 เกมส์ และไอ้บีมกำลังจะเสริฟลูกสุดท้ายในเกมส์ที่ 8 ที่คะแนน 40 – 15 อีกลูกเดียวปีนี้โรงเรียนเราก็จะเป็นผู้ชนะ หลังจากปีที่แล้วโรงเรียนของเราแพ้ในงานนี้

ลูกเสริฟไอ้บีมยังคงทำหน้าที่ได้ดี ไอ้เฟรมเทิร์นลูกกลับมา แต่ก็เป็นจังหวะที่ไอ้ไบร์ทดักโฉบอยู่หน้าเน็ต เสียงแตกฮือของผู้ชมที่ลุ้นกับคะแนนนี้ แต่ไอ้เฟรมก็ยังไม่ยอม วิ่งเข้ามาช้อนลูกวอลเล่ย์ของไอ้ไบร์ทได้ทัน ลูกลอยมาทางไอ้บีมที่ก้าวพรวดมายืนคู่หน้าเน็ตกับไบร์ทอย่างรวดเร็ว แล้วไอ้บีมก็สามารถตะปปลูกนี้ลงไปในคอร์ทของไอ้เฟรมอย่างสวยงาม ปิดเซ็ตที่ 2 ไปด้วย สกอร์ 6 – 2 เกมส์ เสียงเชียร์ของกองเชียร์โรงเรียนเราดั่งสนั่น ไอ้บีมวิ่งเข้าไปสวมกอดกับไอ้ไบร์ทด้วยความดีใจ

“การแข่งขันประเภทคู่ระหว่างคู่ของ อลงกรณ์กับภัทราวุธ กับคู่ของ พุฒิพงศ์กับวิชเวช ผลการแข่งขันคู่ของ อลงกรณ์กับภัทราวุธชนะไป 2 - 0 เซ็ต ด้วยสกอร์ 6 – 4 และ 6 – 2 เซ็ต” เสียงกรรมการขานคะแนนครั้งสุดท้าย ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทเดินไปที่หน้าเน็ตยกมือไหว้และจับมือกับไอ้เฟรมกับไอ้เจมส์ และทั้งคู่ก็ไหว้ขอบคุณกองเชียร์ทั่วสนาม

ผมกับไอ้แบงค์รวมทั้งไอ้วายไอ้เพียว เดินออกไปเข้าแถวกับไอ้บีมและไอ้ไบร์ท พวกเราจับมือแล้วชูแขนขึ้นแล้วโค้งคำนับไปรอบสนามเพื่อเป็นการของคุณกองเชียร์อีกครั้ง

ต่อไปจะเป็นพิธีปิดการแข่งขัน เสียงพิธีกรประกาศ

ผลการแข่งขันเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างทีมระหว่างทีมโรงเรียน.... กับ โรงเรียน.... ทีมโรงเรียน... ชนะไปด้วย สกอร์  2 – 1 แมตซ์

ถ้วยรางวัลถูกส่งมอบมาให้ผมในฐานตัวแทนของชมรมที่ก้าวออกไปรับถ้วย เสียงตบมือดั่งสนั่น พร้อมกับเสียงเพลงโรงเรียนที่กองเชียร์ร่วมใจกันร้อง ผมชูถ้วยขึ้นเหนือศรีษะ เสียงตบมือเสียงกรี๊ดดังไปรอบสนาม ทีมของไอ้เกมส์ก็ยืนตบมือแสดงความยินดีกับพวกเราด้วย

หลังจากเสร็จพิธีปิดการแข่งขันและการเฉลิมฉลองถ้วยรางวัลเสร็จสิ้น ผมวิ่งไปหาไอ้บอสกับเมย์ที่รออยู่ข้างหลังม้านั่งนักกีฬา

“โบ๊ทเก่งมากเลยนะคะ” เสียงเมย์ชื่นชมด้วยความดีใจ
“เมย์ดีใจกับทีมของโบ๊ทด้วยนะคะ” เสียงเมย์ยังคงตื่นเต้น
“เยี่ยมมากโบ๊ท” ไอ้บอสยื่นมือมจับมือผม ก่อนที่จะดึงตัวผมเข้ามากอดแสดงความยินดี
“บอสภูมิใจในตัวโบ๊ท” ประโยคนี้บอสกระซิบบอกผมตอนที่เข้ามาสวมกอดแสดงความยินดี

ผมยิ้มด้วยความภาคภูมิใจหลังจากคุยอะไรกันได้นิดหน่อย ไอ้บอสก็ขอตัวไปเตรียมงานเลี้ยงสำหรับคืนนี้ โดยที่เมย์อาสาตามไปช่วย

คืนนี้จะมี Party night เป็นงานไม่ใหญ่มาก เชิญเฉพาะ สภานักเรียน หัวหน้าชมรม และนักกีฬาที่มีส่วนร่วมในงานครั้งนี้ทั้งสองโรงเรียน

Game
See You Next Game

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ nunnan
คนเขียนลงต่อให้ลุ้นต่อแล้วนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ MaNaSsAwEe
ลุ้นทีมโรงเรียนกันต่อนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553
ตอนนี้เป็นเพลงที่ก้องอยู่ในใจโบ๊ทครับ 55555+
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
เกมส์ชนะแล้วนะครับ แต่ทีมโรงเรียนเกมส์จะชนะไหมต้องลุ้นกันต่อนะครับ
หนูไบร์ทแย่เลยงานนี้ 5555+
ขอบคุณครับ คนเขียนวางชื่อนามสกุลไว้แล้วก็งงตัวเองครับ ขอบคุณที่เตือนนะครับ^^
ยินดีต้อนรับสู่ กิตติกรสกุล นะครับ คิคิ


ขอบคุณทุกๆคอมเมนท์นะครับ ขอบคุณทุกกำลังใจครับ คนเขียนมีความสุขมากๆครับที่คนอ่านชอบกันครับ^^
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 30-31th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 02-04-2014 10:41:39
@ 31st Game – Celebration

ผมเดินกลับมาที่ห้องชมรม ที่พวกเราต้องเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน ตอนนี้ในห้องชมรมเปลี่ยนเป็น ซาวน่าย่อมๆ (รู้ได้ยังไงหว่า เคยไปหรา!!!) เพราะนักกีฬาทั้งสองทีมเกือบจะอยู่ในชุดวันเกิด มีเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวห่อหุ้มร่างกายกันไว้เท่านั้น เสียงด่า เสียงแซวกันดังระงมไปทั้งห้อง ผมเปิดประตูเข้าไปปั๊ป ก็โดนมือใหญ่ๆ มาล็อกคอผมทันที

“ไอ้เชี่ยโบ๊ท แมร่งให้กรูกินไข่ตั้งเซ็ตนึ่ง สัส” เสียงไอ้เทมส์โวยขึ้นมาและเดินมาล็อกคอผม
“มรึงมันอ่อนแองนี่หว่า”
“อ้าวไอ้เชี่ยนี่ ให้ไข่กรู แถมยังด่ากรูอีก” มันทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ผมทันที
“งั้นเดี๋ยวกรูจะให้พวกมันดูไข่มรึงมั่ง” เวรล่ะ ผมนึกในใจ แต่พอสิ้นเสียงมัน ไอ้พวกในห้องก็ วี๊ดวิ่วกันใหญ่ ตอนที่ไอ้เทมส์กำลังปลื้มกับเสียงโห่ร้องนั้น ผมได้จังหวะเลยใช้นิ้วสะกิดผ้าเช็ดตัวไอ้เทมส์ก่อน

“ไอ้เชี่ยโบ๊ท” มันด่าดังลั่นพร้อมกับนั่งยองๆลงปิดเทมส์น้อยแถบไม่ทัน เสียงโห่ฮาดังไปทั้งชมรม ผมหลุดจากการพันธนาการอย่างง่ายดาย

“ไอ้เชี่ยเกมส์ มันเป็นใส้ศึกหรือป่าววะ” ไอ้เจมส์เริ่มกัดหัวหน้าชมรมตัวเอง ประเด็นผมจบก็เปิดประเด็นไอ้เกมส์กันต่อ นี่พวกมรึงกำลังล่าแม่มดกันอยู่เหรอสัส

“เชี่ยไรของมรึง กรูก็ชนะไอ้แบงค์แล้วนะโว้ย”  ไอ้เกมส์แก้ตัว
“งั้นไอ้ไบร์ทแมร่งก็เป็นหนอนบ่อนใส้” ไอ้แบงค์ที่ถูกพาดพิงแขวะเพื่อนตัวเอง ไอ้พวกนี้ยังไม่จบ...

“อะไรของมรึงอีกนี่ กรูก็ชนะคู่ไอ้เจมส์กับไอ้เฟรมแล้วไง” ไอ้ไบร์ทก็เริ่มเดินหนี เพราะเห็นท่าทางไม่ค่อยจะปลอดภัยกับตัวมันเอง

พวกมันเริ่มต้อนไอ้เกมส์กับไอ้ไบร์ทเข้ามุม แล้วปฏิบัติการแย่งชิงผ้าเช็ดตัวของทั้งคู่ก็เริ่มขึ้น ผ้าเช็ดตัวของทั้งไอ้เกมส์และไอ้ไบร์ทถูกยื้อแย่ง มันสองคนพยายามยื้อเอาไว้สุดชีวิต

“เชี่ยแระ พวกมรึงเล่นเชี่ยไรกันนี่” ไอ้ไบร์ทโวยวายใหญ่

สุดท้ายด้วยการประสานแรงของไอ้พวกนั้น ผ้าเช็ดตัวของทั้งคู่ก็โดนแย่งไปจนได้ พวกมันทั้งสองคนรีบเอามือปิดไบร์ทน้อยกับเกมส์น้อยแทบไม่ทัน จากนั้นพวกมันก็บิดตัวเข้าหากันตามสัญาชาติญาณ ไอ้ไบร์ทหน้าแดงยังกะลูกเชอรี่ แต่ไอ้เกมส์มันแค่ยิ้มๆ สุดท้ายไอ้เกมส์เอื้อมมือไปโอบกอดไอ้ไบร์ทไว้ในอ้อมแขน ใช้ตัวของมันบังร่างกายของไอ้เบร์ท แมร่งแมนสัส เสียงวี๊ดวิ่วดังไปทั้งชมรม

“พอได้แล้วพวกมรึง” ผมรีบห้ามทัพ ผมเอาผ้าเช็ดตัวส่งให้ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์

หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวกันเสร็จ ไอ้บอสเดินเปิดประตูชมรมเข้ามา

“ว่าไงมรึง” ผมทักมันไป เสียงหมาเริ่มเห่ากันขร่มเต็มห้องชมรม
“ไปส่งเมย์กัน” ไอ้บอสบอกเหตุผลที่มันมา

ผมเดินตามไอ้บอสออกไปหน้าห้องชมรม ที่เมย์ยืนรออยู่

“อ้าว เมย์ไม่อยู่งานคืนนี้เหรอ” ผมถามเธอ
“เมย์ต้องไปเรียนพิเศษเย็นนี้ค่ะ” เสียงสดใสตอบกลับมา

ใจจริงผมก็อยากให้เมย์อยู่ แต่ก็ไม่อยากทำให้เมย์มีปัญหา อีกอย่างงานก็น่าจะมีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ผมกับไอ้บอสเดินออกมาส่งเมย์ที่ริมถนนสาธร

“เมย์กลับก่อนนะคะ” เธอหันมาบอกผมหลังจากขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว
“ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกโบ๊ทด้วยนะครับ” ผมบอกเมย์
“คืนนี้จะไปต่อก็อย่าเมามากนะคะ” เธอหันมากำชับอีกที
“ขอบคุณบอสมากๆเลยนะคะ วันนี้สนุกจริงๆ” เธอหันมายิ้มให้ไอ้บอส เพราะสรุปแล้ววันนี้ไอ้บอสดูแลเธอทั้งวัน
“ขอบคุณเมย์ที่มาเชียร์ด้วยนะครับ” ไอ้บอสขอบคุณแทนผมเรียบร้อย...

หลังจากทำหน้าที่แฟนที่ดีส่งเมย์เสร็จ

“แหม่ๆ ดูแลอย่างกะเป็นแฟนตัวเองเลยนะ หึหึ” ผมแขวะคนข้างทันที มันยกไหล่
“ระวังไว้แล้วกัน เดี๋ยวเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้วจะยุ่งนะ” มันทำเสียงเจ้าเล่ห์เป็นหมาป่าขึ้นมาเชียว
“เออดี กรูจะได้หมดห่วง” ผมยังกระแทกมันต่อไป แต่รู้สึกใจไม่ค่อยดีเบาๆ
“กรูก็ดูแลแทนมรึงไง” มันเริ่มเปลี่ยนประเด็น
“บอสไม่เปลี่ยนใจหรอก ก็บอสเกิดมาเพื่อเป็นของโบ๊ทไง” ผมหลุดขำกับมุขน้ำเน่าของมัน แต่หัวใจผมพองโตด้วยความยินดี
“หึงหรา” มันเริ่มกวนประสาทหลังจากเห็นผมเริ่มยิ้ม
“หึงใครล่ะ บอส หรือ เมย์” ผมยังคงโดนกระเซ้าต่อ
“พ่องมรึงสิ ไม่หึงใครทั้งนั้นแหละ” ผมสบถด่ามันแก้เขิน จริงๆแล้วก็ไม่รู้ว่าหึงหรือเปล่า แต่ออกแนวหวงๆมากกว่า......


งาน Party Night จัดที่หอประชุม เป็นงานไม่ใหญ่มาก เชิญเฉพาะ สภานักเรียน หัวหน้าชมรม และนักกีฬาที่มีส่วนร่วมในงานครั้งนี้ ทั้งสองโรงเรียน โดยมีวงดนตรีของชมรมดนตรีที่ไอ้บิวเป็นหัวหน้าเล่นสดในงาน

นี่ขนาดงานไม่ใหญ่ แต่คนก็เกือบจะเต็มหอประชุม พวกสภานักเรียน โดยเฉพาะไอ้บอสกับไอ้อาร์ม วิ่งกันให้วุ่นเพื่อประสานงานให้ทุกอย่างออกมาดีที่สุด

ไม่ต้องสืบนะครับงานโรงเรียนจัดแบบนี้ No แอลกอฮอร์ แน่นอน บรรยากาศในงานสนุกสนาน เป็นการสรรสรรค์กันสำหรับผู้ที่มีส่วนร่วมในงานวันนี้ แน่นอนฉลองแชมป์ให้กับพวกเราด้วย

หลังจากกินอะไรอิ่มกันแล้ว ไอ้บอสก็แว่บไปแว่บมา ไอ้อาร์มอีกคน ผมยืนอยู่กับพวกก๊วนเทนนิส + ไอ้เบนซ์ ไอ้เบียร์  งานนี้พิเศษตรงเลขาอย่างไอ้อาร์ม จัดการลากไอ้โอมเข้างานมาด้วย หลังจากที่ไอ้บีมไปขอร้องมัน ผมก็เลยไอ้บีมหน้าบานเป็นจานเชิงอยู่

“เหนื่อยไหมครับ” เสียงไอ้บอสมันมายืนกระซิบข้างๆหู
“ไม่เหนื่อยอ่ะ” ผมตอบมันไป

มันก็โผล่วนเวียนมาถามอยู่บ่อยๆ ว่า

“เป็นไงบ้าง”
“เพลียไหม”
“เหนื่อยไหม”
ทั้งๆที่มันก็ยุ่ง เพราะเป็นหัวเรือใหญ่ในงาน แต่ก็พยายามจะหาเวลามาถามผมอยู่ตลอด

ส่วนไอ้เบนซ์พี่ชายผมก็ตัวติดกับไอ้เบียร์ตลอดเวลา น่าจะเป็นไปด้วยดีสำหรับคู่นั้น ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ ตอนนี้หลังจากวิกฤตกาณณ์ผ้าเช็ดตัวเมื่อตอนเย็น โลกของพวกมันทั้งคู่ดูเหมือนจะมีแต่สีชมพู อีกคู่ที่ดูอยู่ในโลกส่วนตัวก็คงเป็น ไอ้บาสกับไอ้ปั๊ปหัวหน้าวงดุริยางค์ทั้งคู่ แต่ที่เห็นดูแปลกๆ ก็คงเป็นไอ้บูม ที่คอยเทคแคร์ไอ้นัทหัวหน้าชมรมเชียร์ โรงเรียนไอ้เกมส์อย่างออกหน้าออกตา.....

ผมเดินไปที่กลุ่มของไอ้เบล เพื่อจะขอให้มันไรท์รูปบรรยากาศการแข่งขันในวันนี้มาเผื่อด้วย ไอ้เบล ยืนคุยกับไอ้เคน ไอ้เบสต์ กับไอ้แดน อยู่

“กรูว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้กรูจะเอาไอ้อั่งเปาไปว่ายน้ำ” ไอ้เบลกำลังคุยกับไอ้เบสต์
“มีสระว่ายน้ำสำหรับหมาด้วยเหรอวะ” ผมหูผึ่ง ก่อนจะรีบถามไอ้เบล
“ไปอยู่ที่ไหนมาวะ ถึงเพิ่งรู้นี่”  ไอ้เบสต์ถามกลับมาเล่นเอาผมเกือบเงิบ
“ก็มัวแต่อยู่คอร์ทเทนนิสไง กรูมีเวลาเหมือนกับใครเค้าที่ไหน”
“อยู่แถวรามอินทรา พรุ่งนี้บ่ายๆผมจะไปกับไอ้เบสต์ ไปด้วยกันไหมอ่ะ” ไอ้เบลมันชวนผมไปด้วย
“เออ น่าสน เดี๋ยวกรูไปถามไอ้พวกนั้นก่อนว่ามันสนไหม” โคตรน่าสน เอาไอ้มะนาวไปว่ายน้ำบ้างก็ดี

“ว่าแต่ว่า กรูจะมาบอกมรึงว่าไรท์รูปงานวันนี้เผื่อกรูด้วยนะ” ผมบอกธุระกับไอ้เบลก่อนจะลืม
“เออ ได้อยู่แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ไรท์ให้เลย แต่เอาไปเลือกเอาเองนะ” 
“เออขอบใจมากเพื่อน” ผมไม่ลืมจะขอบคุณมัน

ผมหันกลับมาก็เห็นไอ้เบนซ์ยืนอยู่กับไอ้บิว ผมรีบเดินเข้าไป ไอ้บิวเป็นแฟนเก่าไอ้เบียร์เดี๋ยวเกิดมีปัญหากัน งานจะกร่อยเอา พอผมเดินไปถึง ไอ้บิวก็หันหลังเดินกลับไปบนเวทีที่มันรับผิดชอบอยู่

“มีไรหรือเปล่าวะเบนซ์” ผมถามเพราะไงผมก็ห่วงมัน
“ไม่มีอะไรไอ้บิวมันมาเคลียร์หน่ะ” ไอ้เบนซ์มันตอบกลับมา
“ไอ้เบียร์ไปไหน”
“ไปห้องน้ำ” มันตอบผมเสียงเรียบๆกลับมา
“มรึงโอเคหรือเปล่า” ผมย้ำถามมันอีกรอบ
“อืมม ไม่เป็นไร”  เสียงพี่ชายผมยังคงนิ่ง
“ไอ้บิวมันว่ายังไง”
“มันบอกว่า ฝากกรูดูแลเบียร์ด้วย” หน้าตาขอของไอ้เบนซ์มันยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“อืมม แล้วมันเคลียร์กับไอ้เบียร์หรือยัง”
“เคลียร์กันแล้ว ไอ้บิวมันบอกว่า ต่อไปจะเป็นเพื่อนทีดีต่อกัน”
“ทำไมมันเลิกกันวะ” ผมถามไอ้เบนซ์
“เท่าที่ฟังจากไอ้บิว มันบอกว่า นิสัยเข้ากันไม่ได้ มันก็พยายามแล้ว ก็เลยตัดสินใจบอกเลิกไอ้เบียร์ไป ฝืนคบกันไปสักวันก็ต้องเลิกกันอยู่ดี ตัดใจกันตอนนี้ดีกว่า ไม่อยากให้ไอ้เบียร์เสียใจไปมากกว่านี้” ไอ้เบนซ์อธิบาย
“กรูว่ามันมีใหม่มากกว่ามั้ง” ผมแอบอารมณ์เสียแทนว่าที่พี่สะใภ้
“เท่าที่กรูฟังจากไอ้เบียร์ มันเลิกกันไปสักพักใหญ่แล้ว มันถึงคบกับไอ้ริว”  ไอ้เบนซ์ยังคงอธิบาย
“ผิดที่ไอ้เบียร์มันฝั่งใจมากกว่า” เสียงไอ้เบนซ์ดูเศร้าๆลง
“แต่กรูก็ภูมิใจในตัวไอ้เบียร์มันนะ ที่มันไม่รีบร้อนจะคบกับกรู เพราะอยากให้กรูมาแทนที่ใคร นั่นคือเหตุผลที่มันเคยบอกกรู ว่ามันไม่อยากเอากรูไปแทนที่ไอ้บิว เพื่อเยียวยามัน มันไม่อยากทำร้ายกรู มันอยากจะคบกับกรูเพราะมันรักกรูมากกว่า “ เสียงของไอ้เบนซ์แม้จะเศร้าอยู่ในที แต่ก็ภูมิใจ
“ของแบบนี้คงต้องให้เวลาเป็นคนคอยรักษา” ผมพูดแล้วเอามือไปตบบ่าไอ้พี่ชายของผม
   “เท่าที่เป้นอยู่ตอนนี้มันก็คืบหน้าไปไกลแล้ว” ไอ้คุณพี่ชายผมหันมายิ้ม
“พรุ่งนี้เอาไอ้มะกรูดกับไอ้มะนาวไปว่ายน้ำกันไหม” ผมเปลี่ยนเรื่องชวนมัน
“เออก็ดีหว่ะ พามันไปว่ายน้ำ เดี๋ยวกรูชวนไอ้เบียร์ด้วย” ไอ้เบนซ์ตาเป็นประกายเชียว

ถามไปถามมา สรุปว่าคนที่จะไปด้วยเริ่มเยอะ ผมเริ่มนับจำนวนยอด  แล้วรีบเดินกลับไปบอกไอ้เบล

“ไอ้เบลกรูว่าคงต้องจองสระ”
“เยอะขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“ก็หลายคนอยู่หว่ะ อาจจะต้องถึงขั้นขอให้เค้าปิดสระกันเลยทีเดียว”
“เออดีจะได้ต่อราคาซะเลย” ไอ้เบสต์หัวใสขึ้นมาเชียว
“ก็ดีนะ วิน วิน กันทั้งสองฝ่าย” ไอ้เบลนี่มันก็เป็นคนคุยง่ายจริงๆ

ก่อนที่เสียงคุยกันจะเบาลง เพราะบนเวทีมีเสียงไอ้บิวประกาศออกไมค์

“วันนี้เรามีนักร้องพิเศษ มาร่วมแจมกับเราด้วยนะครับ”
“ขอเสียงตบมือให้กับหัวหน้าชมรมวารสารด้วยครับครับ”
ผมยอมรับว่าแอบตกใจกับเสียงประกาศว่าหัวหน้าชมรมวารสาร ไอ้บอสที่กำลังคุยอยู่กับประธานสภานักเรียนโรงเรียนไอ้เกมส์ก็ตกใจไม่แพ้กัน

“ขอบคุณครับ วันนี้ผมขอร่วมแจมสักเพลงนะครับ” ไอ้วินพูดออกไมค์

เสียงอินโทรดนตรีเริ่มขึ้น

“เค้าว่ากันว่า เหตุผลที่คนยอมเป็นคนโง่ก็คือ แค่อยากได้ความรักจากใครบางคน กับ แค่ยื้อเวลาเพราะไม่อยากรับรู้ความจริง ใช่ไหมครับ”

สรุปว่าฉันเป็นเพียงคนโง่ที่มองไม่เห็น
และก็คงจะเป็นคนโง่ตามเธอไม่ทัน
ในใจมีเพียงเธอ ถึงรู้เธอไม่มีฉัน
แต่ก็ฝันลมๆแร้งๆไปว่ามีกัน

หัวใจดูเหมือนจะอ่อนล้า เมื่อมันไม่มีค่ากับใคร
จะทนไปได้นานเท่าไร ก่อนจะถูกเธอลบลืมไป

เมื่อไรจะยอมเข้าใจ ทำไมจึงมองไม่เห็น
ถึงสิ่งที่มันเป็นอะไรบังตาฉันไม่รู้
ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ฝืนหัวใจเธออยู่
เธอไม่เคยรัก ฉันเลยใช่ไหม
แต่คนโง่คนนี้ไม่รู้ วิธีที่หยุดรักเธอ

จะปิดตาไม่ดู ปิดหูไม่รู้ไม่เห็น
ได้แต่แกล้งทำเป็นว่าฉันไม่เป็นอะไร
อยากจะรู้ว่ามีวันที่เธอรู้บ้างไหม
ว่ามีใครคนหนึ่งที่โง่รักเธอหมดใจ

เมื่อไรจะยอมเข้าใจ ทำไมจึงมองไม่เห็น
ถึงสิ่งที่มันเป็นอะไรบังตาฉันไม่รู้
ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ฝืนหัวใจเธออยู่
เธอไม่เคยรัก ไม่เคยรัก ไม่เลยใช่ไหม
ฉันไม่รู้ และไม่มีวันหยุดรักเธอ...

เสียงเพลงจบลง เสียงตบมือดังขึ้น แต่ทำไมหัวใจผมมันชาๆ อย่างบอกไม่ถูก เพราะผมก็เคยตกอยู่สภาวะแบบไอ้วิน ตอบเลิกกับไอ้บอสครั้งแรก เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเป็นอย่างไรเป็นอย่างดี..........

Game
See You Next Game

------------------------------------------------------------------------------------------
เดี๋ยวคืนนี้จะมาลง แผนผังความสัมพันธ์ของตัวละครในเรื่องให้นะครับ^^
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 30-31th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 02-04-2014 10:50:05
ดีเลยยย จะได้ไม่งง  o13
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 30-31th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 02-04-2014 12:06:34
เริ่งสงสัย เหตุผลที่ บอสกับโบ๊ท แยกทางกันแล้วแฮะ
ตอนนี้เริ่มสงสารเมย์ เหมือนคนโง่ ยังไงก็ไม่รู้ 5555
คนเขียน ไฟท์ติ้งน่ะ 555555
หัวข้อ: Re: :: destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 30-31th Game 01-04-57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 02-04-2014 17:23:02
Special Game III - Structural relationships of the characters

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/TotalandLinecopy555_zpsbe7819ac.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BoatBoss_zps6d5e81a1.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BenzBeer_zpsc2f0acb2.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BankArm_zps84228082.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BeamOhm_zpsc4d9376b.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BrightGame_zpsaccafe1b.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BassPup_zps557dc10a.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BoomNut_zpsf439db2d.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BiewRyu_zps3e4d876e.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BellKen_zpscafa0cc6.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BestDan_zps1a64eae6.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BallWin_zps0b5585b0.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/BudChris_zps6dc22cc9.jpg)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/PlusPle_zps4d3330a7.jpg)

มาแล้วนะครับ รูปใหญ่ อาจจะดูยากไปหน่อยนะครับ คนเขียนทำเอง เอิ๊กกก

ก็เลยทำรูปเป็นคู่ๆมาให้ดูด้วยนะครับ แต่ขอแก้ตรงคู่ วิน กับ บอล รูปของบอลจริงๆต้องเป็นสีเทานะครับ อิอิ

อาจจะพอทำให้หายงง หรืออาจจะงงขึ้นไปอีกนะครับบ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ

ขออนุญาติไปตอบคอมเมนท์คนอ่านพรุ่งนี้เลยนะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp Game - Structure Re
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-04-2014 20:19:52
มาต่อบ่อยมาก
ชอบมากเลยแบบนี้
เป็นกำลังใจให้นะคะ
สู้สู้
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp Game - Structure Re
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-04-2014 22:17:08
แอร๊ยยยยยยยย ทำไมโรงเรียนเกมส์ถึงแพ้  :serius2:
ได้รับแรงเชียร์ขนาดนี้ยังไม่ชนะอีกเหรอ

อยากไปอยู่ฉากในห้องน้ำจัง  :haun4:
อิไบร์ทหลบไป   :z6:

ชาร์ทตัวละครมีคู่ยังไม่ได้เปิดเผยด้วยนะเนี่ย
แถมคนละโรงเรียนเลยจะไปเจอกันได้ไงหว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp Game - Structure Re
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 03-04-2014 10:21:18
ชาร์ต น่ารักมาก
มีตัวห้อย บอกชมรมด้วย  :m3:
ปล.เมย์นี่ก็น่ารักเน้อะ
เหมือนเพื่อนกับโบ๊ทมากกว่าแฟนกันอีกอ่ะ  :hao7:
แง๊ว  :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp Game - Structure Re
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 03-04-2014 11:39:02
@ 32nd Game – Boss II

สวัสดีครับ บอสนะครับ หายไปเสียนาน ยังจำผมกันได้ใช่ไหมครับ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า พอกลับจากกลับจากอัมพวา+ชะอำ หลังจากโบ๊ทลงจากรถไปแล้ว ผมขับรถกลับบ้านอย่างคนที่ไม่มีหัวใจ ความรู้สึกผมตอนนั้นเหมือนมีใครควักหัวใจผมออกไปจากตัว เจ็บจนพูดไม่ออก เหมือนคนกำลังจะหมดแรง ร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ คืนนั้นผมนอนไม่ได้เลยทั้งคืน นั่งเหมอลอยเหมือนคนไม่มีสติ มือลูบอยู่กับที่รัดข้อมืออันนั้นที่ยังคงผูกไว้กับข้อมือด้านซ้ายของผมจนเช้า

เหมือนคนเอามีดกรีดลงไปที่ใจผม เมื่อผมฟังไอ้เบนซ์เล่าให้ฟังว่า โบ๊ทไม่คุยกับใครเลยตั้งแต่กลับมาและร้องไห้หนักมาก ผมเป็นห่วงมัน นี่ผมทำให้มันเสียใจอีกแล้ว ผมได้แต่โทษตัวเอง แล้วก็เล่าให้ไอ้เบนซ์ฟังว่า เราจะหยุดคบกันเพราะไม่อยากให้อีกคนต้องมาเสียใจกับการกระทำของเรา
“พวกมรึงตัดสินใจกันดีแล้วหรือ กรูว่าใจเย็นๆก่อน เดี๋ยวมันก็มีทางออก” นั่นคือคำที่เตือนสติผมจากไอ้เบนซ์ เพื่อสนิทที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของไอ้โบ๊ท ทำให้ผมได้คิดอีกครั้ง

ผมแอบไปดูโบ๊ทที่ชมรมเทนนิสเหมือนที่เคยทำนั้น สิ่งที่เห็นคือคนที่เคยสดใสร่าเริง ขี้โวยวายคนนั้น กลายเป็นซอมบี้ นั่งเหม่อลอย ผมเห็นอย่างนั้นใจผมแถบจะขาด สรุปแล้วที่เราคิดว่าดีมันดีกับเราจริงๆแล้วหรือ เพราะสิ่งที่เราเป็นอยู่ตอนนี้มันก็เหมือนตายทั้งเป็นกันทั้งคู่

.......

“บอส กรูขอคุยอะไรด้วยหน่อย” ผมประหลาดใจที่เห็นมันเดินเข้ามาในห้องสภานักเรียน แถมพูดประโยคนี้ต่อหน้าไอ้อาร์ม ผมเดินตามมันออกมา

“โบ๊ทเป็นอย่างไงบ้างครับ เมื่อวานเบนซ์บอกว่าโบ๊ทไม่ยอมพูดกับใคร บอสเป็นห่วงโบ๊ทมากเลยรู้ไหม” นั่นคือประโยคแรกที่ผมพูดกับมัน หลังจากที่เราตกลงว่าจะหยุดคบกัน

“คือ...มรึงจะว่ากรูเห็นแก่ตัวก็ได้ จะว่ากรูเลวก็ได้”เสียงโบ๊ทขายหายไป
“กรูอยากขอให้มรึงรอกรูหน่อยได้ไหม” เป็นประโยคที่ผมไม่คิดว่าจะได้ยินจากโบ๊ท ผมไม่เคยคิดว่ามันเลวหรือมันเห็นแก่ตัว เพราะถ้าโบ๊ทไม่มาขอ วันนี้ผมก็จะไปขอโบ๊ทอยู่ดี และประโยคเหล่านี้ผมสมควรจะพูดมันแทนโบ๊ท
“บอสรอของบอสมาตั้งนาน รออีกหน่อยจะเป็นไรไป” นั่นคือคำตอบของผม นาทีนั้น เวลานั้นใครจะว่าอะไรยังไงผมไม่แคร์อีกต่อไปแล้ว ผมรู้แต่ว่า ผมต้องทำให้คนข้างหน้าผมและตัวผม มีความสุขเท่านั้นก็พอ ผมทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะเห็นโบ๊ทมีสภาพเป็นแบบนั้น
    
U complete me ผมนั่งพิมพ์ประโยคนี้ใส่ในไลน์ เพราะโบ๊ทเป็นคนที่เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้กับผม และผมจะไม่มีวันสูญเสียโบ๊ทไปอีก

แล้วปัญหาที่ผมไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นปัญหาก็เข้ามาในชีวิตผมจนได้ ไอ้วินครับ ผมไม่น่าไปขอร้องมันให้ช่วยเขียนเรื่องชมรมเทนนิสในวารสารโรงเรียนเล่มหน้าเลย เพราะนั่นเป็นการนำปัญหาเข้ามาสู่เราสองคน

ผมถามโบ๊ทว่าสิ่งที่ผมทำอยู่คอยห่วงใย ดูแลมันอยู่อย่างตอนนี้ ทำให้มันอึดอัดหรือเปล่า เพราะผมควรจะอยู่ในสถานะของการ รอ แต่ที่ทำอยู่มันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับตอนที่กลับมาคบกันใหม่ๆ คำตอบของมันทำให้ผมโล่งใจ

ตกเย็นผมกับไอ้อาร์มซื้อเกลือแร่แล้วตรงไปที่คอร์ดเทนนิส จนลืมสนิทว่าต้องเอาตรั้มไดร์ฟให้ไอ้วินมัน ผลก็คือโดนไอ้วินตามไปเหวี่ยงถึงคอร์ทเทนนิส แถมพาลพูดจากไม่ดีใส่ไอ้โบ๊ทอีกตาหาก ผมเอ็ดมันเสียงเขียว และเริ่มคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติแล้วล่ะ.....

ผมสารภาพว่าผมหึงตอนที่ไอ้โบ๊ทสนิทสนมกับไอ้หน้าหล่อที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน มันคือไอ้เกมส์ครับ แต่ใครจะยอมรับว่าหึงต่อหน้าโบ๊ท เสียฟอร์มแย่จริงไหมครับ หลังจากที่โบ๊ทแนะนำให้ผมรู้จักกับไอ้เกมส์ว่ามันคือเพื่อนสนิทของโบ๊ท ผมก็โล่งอก ก็จะไม่ให้หวงได้ไงครับ แฟนผมน่ารักออกจะขนาดนี้

ผมสังเกตเห็นอะไรบางอย่างตอนที่เรานั่งกินกันที่ร้าน ทัคคาลบี้ ผมว่าไอ้เกมส์มันชอบไอ้ไบร์ท และผมก็ได้พูดสิ่งที่ผมอยากพูดเพื่อให้โบ๊ทไม่ต้องลำบากใจกับผม

“โบ๊ทไม่ต้องห่วงบอสเรื่องเมย์นะ” เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมเลือกที่จะอยู่ตรงนี้เองแล้วผมจะมาเยอะกับเรื่องเมย์ทำไม จะทำให้โบ๊ทอึดอัดใจไปทำไม

..........

ผมประหลาดใจเมื่อโบ๊ทบอกว่าอยู่ที่หน้าบ้านผม ทั้งๆที่มันเพิ่งนั่งแท็กซี่กลับไปบ้านกับไอ้เบนซ์ ผมรีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้โบ๊ท แล้วก็ยิ่งประหลาดใจเมือเห็นข้าวของพะรุงพะรังมานอนบ้านผม และก็เป็นครั้งแรกที่ผมเข้าครัวทำอาหารให้โบ๊ท ถึงมันจะเป็นแค่มาม่าก็ตาม มันเป็นมาม่าที่อร่อยที่สุดเพราะเรานั่งกินด้วยกัน

หลังจากเข้ามาในห้อง โบ๊ทกอดผมแน่น มันดูออดอ้อนกว่าทุกครั้ง จนผมแปลกใจ แต่อะไรก็ไม่ทำให้ผมสุขใจไปกว่าคำว่า “โบ๊ทรักบอสนะครับ” หลังจากนั้นเราก็ปล่อยให้จิตใจทำตามความต้องการของร่างกาย

............

ผมไม่รู้ว่าโบ๊ทคิดอะไรอยู่ โบ๊ทหวั่นไหวกับอะไร แต่ผมอยากให้โบ๊ทมั่นใจในตัวผม ผมตั้งใจให้โบ๊ทฟังเพลงนี้
อยากขอ ขอเธออย่าหวั่นไหว เรื่องนี้มีแค่เราใช่ไหม
ไม่ต้องถาม ต้องตอบใคร ตอบแค่ใจเราก็อ
ว่าต้องการกันและกันหรือเปล่า ไม่ต้องรู้คำตอบใคร
ตอบแค่ใจเราก็พอ หากว่าใจเรารักกัน ก็แค่ทำให้มันเป็นเรื่องของเรา...

...........

ผมอดอมยิ้มไม่ได้ที่พวกกลุ่มของไอ้โบ๊ทช่วยกันหา facebook และช่วยไอ้บาสจีบเด็กวงโยโรงเรียนกางเกงสีน้ำตาลแถวๆ ถ.พระราม1 เพราะอย่างไอ้บาสที่ออกจะเจ๋งขนาดนั้น กลับไม่กล้าจีบเอง และที่สำคัญสิ่งที่ผมเห็นว่ามีอะไรบางอย่างที่ร้านทัคคาลบี้ ก็ส่อเค้าจะเป็นจริง เพราะจากที่โบ๊ทเล่าให้ฟังว่า มีดอกไม้ช่อใหญ่ถูกส่งมาจาก คนที่คุณก็รู้ว่าใคร มาให้ไอ้ไบร์ทที่คอร์ท..

ผมลากไอ้โบ๊ทมาเอเชียทีค เพราะจะต้องซื้อของขวัญให้ไอ้อาร์ม แต่จริงๆแล้วอยากจะมาเดินกับโบ๊ทมากกว่า หลังจากมื้อเย็นที่แสนโรแมนติกริมแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว ผมก็ได้ชิมชาเขียวใส่ชีสอรอ่ยที่สุดในโลกของโบ๊ท ผมเดินผ่านร้านขายเครื่องประดับ ผมเล็งแหวนคู่น่ารักไว้คู่หนึ่ง ตั้งใจจะทำเซอร์ไพร์ส แล้วผมก็ได้สวมแหวนวงนั้นที่นิ้วนางข้างซายของโบ๊ทบนชิงช้าสวรรค์ ท่ามกลางแสงสีอันสวยงามยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ในที่สุดผมก็ได้เจอเมย์ เธอเป็นหญิงสาวสดใส น่ารัก ไม่แปลกใจทำไมโบ๊ทถึงหลงรักเธอ
“นี่บอสเพื่อนโบ๊ท” ผมแอบหัวเสียนิดหน่อยกับคำแนะนำนี้ แต่ถ้าเป็นผมผมก็ทำเหมือนที่โบ๊ทแนะนำอยู่ดี....

พอกลับมาจากเอเชียทีค ถึงบ้านโบ๊ท (ช่วงนี้ไม่นอนบ้านผมก็บ้านโบ๊ทนะครับ^^) ก็เจอไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์อยู่ที่บ้าน ท่าทางจะปัญหาอะไรกัน เพราะไอ้เบียร์หน้าตาเหมือนเพิ่งจะร้องไห้มา พอรู้ว่าไอ้เพื่อนผมมันก็กำลังพยายามที่จะได้ความรักจากไอ้เบียร์ คนที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างไอ้เบนซ์ ยังต้องเหนื่อย แล้วนับประสาอะไรกับคนที่เคยทำร้ายโบ๊ทมาก่อนอย่างผม ผมก็อดที่จะสะท้อนในใจไม่ได้

วันนี้เป็นอีกวันที่ผมยุ่งมาก งานสภานักเรียนป่วนทำให้ผมไม่ได้กินข้าวกลางวันกับโบ๊ท แถมตอนเย็นที่นัดกันไว้ว่าจะกลับด้วยกัน ทำท่าจะต้องให้โบ๊ทรอผมสักพักด้วย

BOAT
วันนี้กลับก่อนนะพอดีมีธุระ 19.05

ไลน์เด้งขึ้นมาตอนที่ผมกำลังประชุมอยู่กับมาสเซอร์ มันผิดปกติแล้วล่ะ ผมรีบโทรหาไอ้แบงค์ ว่าโบ๊ทมันไปไหน แล้วผมก็เข้าใจได้ทันทีว่าโบ๊ท โกหก เพราะไม่อยากให้ผมลำบากใจ ผมขอตัวออกมาจากมาสเซอร์ทันที หัวใจของผมสั่งให้ผมรีบตามมันไปสยามทันที แล้วสิ่งที่ผมเห็นมันก็เป็นทุกอย่างอย่างที่มันควรจะเป็น ระหว่างโบ๊ทกับเมย์ ผมยืนดูอยู่ห่างๆอย่างเงียบๆ

เช้าวันต่อมาหลังจากที่ผมมาดักรอมันที่ BTS สะพานตากสิน เพื่อที่จะได้ไปโรงเรียนกับโบ๊ท พอถึงโรงเรียน คำสารภาพ ก็ถูกพูดออกมาเสียงอ่อยๆ ผมไม่เคยโกรธโบ๊ท แต่ไม่อยากให้โบ๊ทโกหกผมเรื่องเมย์อีก เพราะมันไม่จำเป็นเลย

และแล้ววันที่ผมต้องอึ้งก็มาถึง ในงานวันเกิดไอ้อาร์มเพื่อนสนิทผม

ผมถูกเรียกให้ขึ้นไปร้องเพลงแบบไม่ทันตั้งตัวจากเสียงเชิญของไอ้แบงค์ แต่ผมก็มีเพลงที่คิดไว้อยู่แล้วและเหมาะกับผมที่สุดในตอนนี้ ผมตั้งใจร้องเพลงรักเธอคนเดียวเท่านั้น ให้โบ๊ท ที่ตอนนี้กำลังนั่งหน้าแดง หุบยิ้มไม่ลงอยู่ที่โต๊ะของมัน

แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ตอนผมเดินมาเข้าห้องน้ำ คำสารภาพความรู้สึกของวินที่มีต่อผม ทำเอาผมอึ้ง ผมคิดว่าผมไม่เคยให้ความหวังกับวิน แต่กลายเป็นว่าสิ่งที่ผมทำมาตลอดทำให้วินเข้าใจผิด ผมไม่อยากให้วินถล้ำลึกกับผมไปมากกว่านี้ ผมต้องใจแข็ง และต้องให้วินตัดใจจากผมให้ได้

ผมทำมันได้อย่างไม่ยากเย็น ผมก็เคยใจร้ายกับโบ๊ท คนที่ผมรักมันมากที่สุดมาแล้ว ไม่แปลกที่มันไม่ได้ยากเลยกับคนที่ผมไม่ได้รักอย่างวิน...

ผมหัวเสียเมื่อจนรู้ตัวเองว่าเริ่มโกรธเพราะวินเริ่มว่าโบ๊ทเสียๆหาย นั่นยิ่งทำให้ผมตัดสินใจง่ายขึ้นไปอีก เมื่อวินเข้ามากอดแลอ้อนวอนขอโอกาสจากผม

และวันนี้เป็นวันที่ผมซวยซับซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนก็ว่าได้ เมื่อหลุดออกมาจากวินผมก็เห็นโบ๊ทยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าและคงได้ยินหมดทุกอย่างแล้ว ใจผมหล่นหายเมื่อ ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อได้ยินโบ๊ทพูดว่า

“บอสที่วินพูดมันก็ถูกนะ กรูเองก็ไม่คู่ควรกับความรักที่มรึงให้มา” กรรมมันช่างตามสนองผมรวดเร็วเหลือเกิน อารมณ์ที่จะล้นออกมาจากตัวผม เหมือนมีก้อนอะไรก็ไม่รู้จุกอยู่ที่คอ ฝ้าน้ำขาวๆเริ่มเกาะที่ตา

“อย่าผลักใสบอสให้ไปไหนเลย” ผมแถบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงจะพูด

แล้วอ้อมกอดของโบ๊ทก็สวมกอดเข้ามาปลอบประโลมผม แค่เราสองคนเข้าใจกันมันก็เพียงพอแล้ว...

.....

วันแข่งเทนนิสของโบ๊ทก็มาถึง โบ๊ทยังวุ่นวายกับการเตรียมงาน จนผมต้องเอ่ยปากว่าเดี๋ยวผมดูแลทางนี้ให้ โบ๊ทไปเตรียมตัวแข่งเถอะ โบ๊ทถึงยอมไปเตรียมตัว

ตอนโฆษกแนะนำ รัชชานนท์ สุขอนันต์ หัวหน้าทีมและหัวหน้าชมรมเทนนิสโรงเรียนเรา เสียงตบมือและเสียงกรี๊ดดังลั่นสนาม โบ๊ทไม่เคยรู้ตัวเองเลยว่าตัวเอง ป็อปขนาดไหน ผมอยากจะตะโกนออกไปให้ทุกคนรู้ว่านั่นหน่ะ แฟนผมเอง

ไอ้แบงค์กำลังเตรียมจะแข่งเซ็ตตัดสิน ผมเห็นโบ๊ทสะกิดไอ้วายให้ออกไปเตรียมอบอุ่นร่างกาย ผมตามทั้งคู่ไปอีกคอร์ทที่เตรียมไว้สำหรับให้นักกีฬาอบอุ่นร่างกาย ผมเห็นเด็กสาวในชุดที่ทันสมัยสมวัย เดินมาที่คอร์ด รู้ได้ทันทีว่าเป็นเมย์ ผมเดินออกไปรับเธอ ก่อนที่ไอ้โบ๊ทจะเห็นเธอเสียอีก จริงๆแล้วก็เป็นห่วงเมย์อยู่เหมือนกัน เพราะนี่มันโรงเรียนชายล้วน แถมวันนี้มากันตั้งสองโรงเรียนอีกตาหาก แต่เหตุผลหลักก็คือไม่อยากให้โบ๊ทมันต้องพะวักพะวง เป็นห่วงเมย์ จนเสียสมาธิ

ผมกับเมย์มานั่งเชียร์ไอ้โบ๊ทลงแข่งกับไอ้เทมส์ อยู่ที่สแตน โบ๊ทมองมาทางเราเป็นระยะๆ ทุกครั้งที่มันทำแต้มได้หรือทำได้ดีในเกมส์ มันจะหันมาทางนี้เสมอ ผมภูมิใจกับโบ๊ทมาก โบ๊ททำหน้าที่ของตัวเองในการเป็นตัวแทนโรงเรียนได้ดีสมกับปํนหัวหน้าทีมและหัวหน้าชมรม แล้วเสียงเฮก็ดั่งลั่นจากทั้งสแตน และจากผมกับเมย์ เมื่อโบ๊ทสามารถเอาชนะไอ้เทมส์ได้ และต้องไปตัดสินกันที่คู่ของไอ้ไบร์ทกับไอ้บีม

สุดท้ายทีมโรงเรียนเราก็สามารถเอาชนะได้ ได้ครองถ้วยรางวัลอีกครั้ง หลังจากห่างหายไปนาน ตอนที่โบ๊ทรับถ้วยรางวัลแล้วชูขึ้นเหนื่อศรีษะ ผมโคตรภูมิใจในตัวโบ๊ท ในที่สุดโบ๊ทก็ทำได้

ตอนเดินไปส่งเมย์กลับหลังจากที่เธอมาช่วยผมเตรียมงาน Party Night สารภาพตามตรงเมย์น่ารกทั้งนิสัย กริยามารยาท มากกว่าที่ผมคิดไว้อีก ผมแวะไปตามโบ๊ทที่ชมรม ยังไงก็ต้องให้แฟนเค้ามาส่งกัน ไอ้โบ๊ทอิดออดนิดหน่อยที่เมย์ไม่ได้อยู่คืนนี้ แต่มันก็เข้าใจว่าเมย์ต้องไปเรียนพิเศษ ก็เลยไม่อยากสร้างปัญหาให้เมย์ จึงเดินไปส่งเมย์อย่างจำใจ

ผมเป็นหัวเรือใหญ่ในงาน จึงไม่มีเวลาอยู่กับโบ๊ทเท่าไร ต้องคอยดูแลความเรียบร้อยของงานเพราะเราเป็นเจ้าภาพ แต่ถ้ามีเวลาเมื่อไร ผมจะแว่บเข้าไปคุยไปถามโบ๊ททุกครั้ง จริงๆแล้ว สายตาผมแถบจะไม่เคยคาดจากโบ๊ทเลย ก็ยอมรับว่าหวงนะครับ มันน่ารักขนาดนั้น และตอนนี้ยิ่งเป็นหัวหน้าทีมที่ชนะ มีคนโน้นคนนี้อยากคุยกับมันด้วยตลอดเวลา แต่อย่าหวังว่าจะแซะแฟนผมไปได้ล่ะ ไม่มีทาง...

เสียงประกาศบนเวทีทำเอาผมสะดุ้ง เพราะไอ้วินกำลังจะขึ้นไปร้องเพลง แล้วผมก็สะอึกกับทั้งเพลงและการพูดเข้าเพลงของมัน

“เค้าว่ากันว่า เหตุผลที่คนยอมเป็นคนโง่ก็คือ แค่อยากได้ความรักจากใครบางคน กับ แค่ยื้อเวลาเพราะไม่อยากรับรู้ความจริงใช่ไหมครับ”

แล้วเพลง คนโง่ที่รักเธอ ก็ถูกร้องขึ้นมา

ผมไม่สนว่าคนที่ยืนร้องอยู่บนเวทีจะคิดอะไร แต่ผมแคร์อีกคนที่ยืนนิ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องคนนั้นมากกว่า เพราะเค้าคือหัวใจ..ไม่สิเค้าคนนั้นคือทั้งชีวิตของผม....

Game
See You Next Game

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์นะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ nunnan
ไม่รู้ว่าช่วยได้หรือเปล่านะครับ หรืออาจจะทำให้งงขึ้นไปอีก^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553
เรื่องอดีตของ บอส กับ โบ๊ท นี่คงต้องรอท้ายๆเรื่องนะครับ อิอิ เพราะเดี่ยวต้องแก้ปมของเมย์ก่อนะครับ อิอิ^^
ขอบคุณสำหรับกำลังใจด้วยนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ mild-dy
ขอบคุณมากๆครับ กำลังใจมาเพียบเลยครับ ขอบคุณครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ฉากห้องน้ำนั้น เอิ๊กกกกกกกก อยู่ในอ้อมกอดเกมส์ที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย อุต๊ะ เลือดแถบพุ่ง นะครับ^^
สำหรับชาร์ท ต้องดูกันต่อไปครับ ตัวละครลับ จะค่อยๆเผยตัวออกมา ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ ★KVH™★
ตัวห้อย ผมตั้งใจทำเลยล่ะครับ จะได้รู้ว่าใครอยู่ชมรมไหนครับ^^
ขอบคุณสำหรับคำติชม ด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องของเมย์ อีกไม่นานปมจะถูกคลายแล้วล่ะครับ^^


ขอบคุณทุกคอมเมนท์นะครับ เป็นกำลังใจให้คนเขียนๆต่อไปครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันด้วยนะครับ^^


หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 32nd Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 03-04-2014 13:58:43
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 32nd Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 03-04-2014 17:29:40
@ 33rd Game - Relax

ผมตื่นขึ้นมาเช้านี้ด้วยอาการหนักๆหัว เพราะเมื่อคืนหลังจากงานที่โรงเรียนแล้ว โดนลากไปต่อ กว่าจะแยกย้ายก็เกือบตีหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ผมอบอุ่นทั้งร่างกายและหัวใจในตอนนี้ก็คือ ตอนนี้นอนอยู่ในวงแขนของไอ้บอส คนที่ผมรัก เป็นอีกเช้าอีกวันหนึ่งที่ผมตื่นมาในห้องของไอ้บอส

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงงัวเงียถามขึ้น
“อืมม ปวดหัวเบาๆ” ผมเอามือจับที่หัวมันโครงเครงเป็นบ้า
“กี่โมงแล้ว” คำถามจากคนนอนข้างๆที่ยังไม่ยอมลืมตา
“ 9 โมงแล้ว” ผมตอบกลับไปหลังจากหันไปมองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
“ขอนอนต่ออีกแปป” มันพูดจบก็รัดวงแขนมันแน่นขึ้นหน้ามันซุกอยู่ที่ไหล่ผม
มือหนาๆค่อยๆรุกล้ำเข้ามาในเสื้อผม วุ้นวายอยู่ที่หน้าอก
“อืมม” ผมปล่อยให้บอสทำตามใจ และเริ่มมีเสียงครางเบาๆออกมาจากลำคอผมดวงตายาวรีค่อยๆลืมขึ้นมามอง ปากสีแดงระเรื่อนั้นสัมผัสมาที่ต้นคอผม

จากที่นอนหงายอยู่ผมตะแคงข้างเอาหน้าเข้าหามัน จากนั้นริมฝีปากอุ่นๆของไอ้บอสก็ค่อยๆประกบเข้ามา ลิ้นของบอสถูกดันเข้ามาในปากของผม แล้วทุกอย่างก็เป็นไปตามที่มันควรจะเป็น ก็บิ้วกันมาขนาดนี้แล้วนี่

กว่าจะแอบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ เก็บของเพราะวันนี้ตอนบ่ายโมงมีนัดกับพวกไอ้เบล จัดการอุ้มเจ้าลักกี้ สุนัขพันธ์ Belgian Sheepdog ขึ้นท้ายรถ BMW X1 ของไอ้บอส เก็บสายจูง และสัมภาระทั้งของคนและของน้องหมาเสร็จ กว่าจะออกมาได้ก็เกือบสิบโมงครึ่ง

รถ SUV คันหรูลัดเลาะมาถึงปากซอยสุขสวัสดิ์ 25 เลี้ยวเข้ามาถึงบ้านที่คุ้นเคย  ผมเห็น Ford Kuga รถ SUV ที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่ที่โรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว ผมต้องกลับมาบ้านเพราะต้องมารับไอ้เบนซ์ รวมทั้งไอ้มะกรูด หมาพันธุ์ Siberian Husky ของไอ้เบนซ์ และไอ้มะนาว หมาพันธุ์ Samoyed ของผม

แต่พอลงจากรถ ก็เจอสุนัขพันธุ์ Golden Retriever สีทองขนสวยยืนต้อนรับหัวลู่ หางส่าย ตามลักษณของสายพันธ์นี้ที่เป็นมิตร

“หมาใครหว่าน่ารักโคตรเลย” ผมคุยกับเจ้า Golden ที่นั่งลงอยู่ตรงหน้า เอามือลูบหัวมัน
“หมาผมเอง มันชื่อเจ้าซันนี่” เสียงเด็กหนุ่มคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง
“อ้าวไอ้เบียร์” ผมเรียกชื่อเมื่อหันไปเห็นมัน ส่วนไอ้บอสกำลังพาเจ้าลักกี้ลงมาจากรถ
เจ้าซันนี้กับเจ้าลักกี้ ก็ทำความรู้จักกันโดยการดมกันละกัน
ไอ้เบียร์เดินมาพร้อมกับไอ้เบนซ์ที่หอบกล่องพาสติกปิกนิกใบหใหญ่เดินตามมา
“อะไรเยอะแยะ” ผมทักมันไป
“ก็ไอ้เบียร์ ทำแซนวิส มาเผื่อตอนบ่าย”
“ทำตอนไหนนี่” ผมหันไปถามไอ้เบียร์
“ก็เมื่อเช้าอ่ะ”
“โห่ ตื่นแต่เช้าเลย เมื่อคืนก็ดึกเบียร์ขยันจริงๆห่วะ” ไอ้บอสอุทาน แถมเหล่หางตามองมาที่ผม

ชิ กรูก็ตื่นก่อนมรึงอีก ยังจะมอง แล้วใครวะชวนอ้อยอิ่ง มุ้งมิ้งอยู่บนเตียงตั้งนาน ผมด่ามันในใจ แถมเขวี่ยงฆ้อนใส่หน้ามันไปหนึ่งอัน

“เดี๋ยวเอารถกรูไปและกันนะ” ไอ้เบนซ์สั่งการ

มันเปิดประตูรถเอากล่องแซนวิสไว้เบาะแถวที่สอง พับเบาะแถวสามขึ้นไปเก็บ เจ้าลักกี้ กับ ซันนี้ถูกอุ้มขึ้นไป เอาสายจูงผูกไว้กับพนักพิงหลังศรีษะ
“มรึงไปจูง ไอ้มะกรูด ไอ้มะนาวมาเลย” มันหันมาสั่งผม แต่ไม่ได้กินผมหรอก เพราะผมมีพ่อบ้านซาตานไปจูงมาให้แล้ว ใช่แล้วครับไอ้บอสนั่นเอง

หลังจากทั้งสี่ตัวและสี่คนขึ้นรถกันเรียบร้อยแล้ว รถ Peugeot 4008 Suv คันหรูก็ทะยานออกจากบ้าน เลี้ยวซ้ายลัดเลาะไปตามถนนสุขสวัสดิ์ ไปเลี้ยวซ้ายขึ้นถนนวงแหวนรอบนอกกาญจนาภิเษก ดิ่งยาวมาลงแฟชั่นไอสแลนด์ ลัดเลาะมาตามถนนรามอินทรา จนถึงซอยที่ 39  เข้ามาสักพักไม่นานเราก็ถึงที่หมาย

พอจอดรถ ก็เห็นรถจอดกันอยู่หลายคันแล้ว กลายเป็นว่ากลุ่มเรามาช้าสุด ภายในสถานที่ดูร่มรื่น สระว่ายน้ำเป็นสระขนาดใหญ่ มีหลังคากันร้อน ผมดีใจจะได้ไม่ต้องดำ มีเสื้อชูชีพไว้สำหรับน้องหมา เจ้าของลงไปด้วยได้ แต่ที่สระขอร้องให้ใส่เสื้อลงไปด้วย เพราะน้องหมาเวลาว่ายน้ำถ้าเห็นเจ้าของ เค้าก็จะพยายามว่ายเข้าไปใกล้ๆ อาจจะโดนเล็บน้องหมาข่วนเอาได้

นอกจากมีบริการสระว่ายน้ำแล้ว ที่นี่ยังมีอาบน้ำและบริการตัดแต่งขนสุนัข แถมสปาสุนัขอีกตาหาก แล้วก็มีบริการร้านอาหารและร้านกาแฟ สำหรับเจ้าของด้วยอีกด้วย

มากันครบแล้ว รวมๆแล้ว 20 คนกับหมา 20 ตัวครับ เยอะปายหน่าย มันจะต้องวุ่นวายขายปลาช่อนกันขนาดไหนนี่ สระเค้าจะพังมั้ยยยย…….เพราะตั้งแต่ลงจากรถกันมาได้ทั้ง 4 ตัว ก็ดูจะตื่นเต้น ลากสายจูงกันจร้าละหวั่น

“หมาไอ้เชี่ยโบ๊ท โคตรน่ารักเลย” ไอ้แบงค์ตะโกนมา แถมเสียงเห่าจาก เยอรมัน  เชเพิร์ดของมันตามเสียงตะโกนของเจ้านายมันมาด้วย
“แมร่งเลี้ยงหมาพันธุ์เหมาะกับหมาในปากมรึงจริงๆ สัส” ผมตะโกนด่ามันกลับไป
“ดูหมาไอ้บอสสิ ขนยาวสีดำทั้งตัวเลย” เสียงไอ้ไบร์ท
“พันธุ์อะไรวะ กรูไม่เคยเห็น”  ไอ้ไบร์ทดูจะตื่นเต้นกับเจ้าลักกี้ ที่ไม่เหมือนใคร
“เบลเยี่ยม ชีพด็อก” ไอ้บอสตอบกลับไป
“แหม่ๆ เวลาอยู่กับ ซามอยด์ของไอ้โบ๊ทนี่ เข้ากันดีนะ ขาวกับดำ หยินกับหยาง” ไอ้ไบร์ทเริ่มแซว ไอ้ลักกี้นั่งลงกระดิกหางใหญ่

“พวกมรึงแดกข้าวกันมายัง” ไอ้เบลถามตอนที่พวกเรากำลังจะจุงหมาไปถึงลานที่พวกมันนั่งกันอยู่
“ยังหวะ” ไอ้เบนซ์ตอบกลับไป
“งั้นดี เด่วไปแดกข้าวกันก่อน” มันเอ่ยปากชวน
“แล้วหมาๆล่ะ ปล่อยไว้กรูว่าสระเค้าพังแน่ๆ” ไอ้เบียร์ถามเพราะดูมันกลัวไอ้ซันนี้จะไปพังร้านเขาเสียก่อน
“เด่วฝากพี่สต๊าฟเขาไว้ก่อน” ไอ้เบลเสนอไอเดียเด็ด
“ของพวกกรูพี่เขาพาไปเล่นอยู่ที่สวนด้านหลังแล้ว” ไอ้บีมมันชี้ไปทางด้านหลังที่เป็นสวนมีพี่เลี้ยงหมาคอยเล่นคอยดูแลหมาๆของพวกมันให้อยู่ มิน่าถึงมานั่งจูจี๋กับไอ้โอมได้

ก่อนที่พี่สต๊าฟจะมาจูงหมาๆทั้ง 4 ตัวของเราไปสมทบกับน้องหมาของพวกมัน

เป็นครั้งแรกที่พวกเราอยู่กันครบ 20 คนแบบนัดหมาย พ่วงด้วยน้องหมาอีก 20 ตัว มี 14 คนจากโรงเรียนเรา อีก 6 คนต่างโรงเรียนกัน จะว่าไปกางเกงขาสั้นครบทึกสีที่ประเทศนี้อนุญาติให้มีจริงๆ โชคชะตานำพามาให้พวกเรารู้จักและเป็นเพื่อนกัน....

การยิงสลุตชุดใหญ่(สั่งอาหาร) ก็รวดเร็วอย่างกับลูกกระสุน ทุกคนพยายามเลือกเมนูง่ายๆ เพราะเรื่องกินเป็นเรื่องรอง เรื่องเอาหมาว่ายน้ำเป็นเรื่องหลัก มื้อนี้จึงรวดเร็วปานพายุ

“ตอนบ่ายไอ้เบียร์มันทำแซนวิสมานะ” ไอ้บอสบอกพวกมัน
“เผื่อว่ายน้ำแล้วหิว” เสียงเสริมจากไอ้เบียร์ พวกมันเฮกันใหญ่ เพราะรู้กันว่าฝีมือไอ้เบียร์นั้นไม่ธรรมดาอยู่แล้ว แม้แต่กับอาหารธรรมดาๆอย่างแซนวิสก็ตาม

หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว พวกเราก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดที่จะลงน้ำกัน ที่สระบังคับให้เจ้าของใส่เสื้อตอนลงสระกับน้องหมาด้วย เพื่อความปลอดภัย พี่ๆสต๊าฟ สิบคนก็ค่อยๆ จูงน้องหมามา

พี่เขาอธิบายข้อบังคับต่างๆ  ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อย่าให้เด็กๆ อึในสระก็พอ กับสอนวิธีใส่ชูชีพให้น้องหมา แล้วให้พาน้องหมาเดินไปรอบๆสระก่อนเพื่อให้ชินก่อนที่จะพาลงน้ำในสระ

“น้องมะนาวของใครครับ” ผมยกมือขึ้น เจ้าซามอยด์สีขาวกระดิกหางทันที ที่เห็นหน้าผม
“น้องลักกี้ของใครครับ” ไอ้บอสยกมือขึ้น เจ้าเบลเยี่ยมเชพเพิร์ดสีดำสายหางไปมาดูตื่นเต้น
“เด่วตามผมมานะครับ”พี่สต๊าฟจูงน้องหมาเดินไปส่วนล้างตัวสุนัข โดยมีผมกับไอ้บอสเดินตามไปด้วย

เดี๋ยวแนะนำน้องหมาไอ้พวกนั้นก่อนนะครับ เกือบลืม อิอิ
น้องมะกรูด ไซบีเรียน ฮัสกี้ของไอ้เบนซ์
น้องซันนี่ โกล์เดน รีทรีฟเวอร์ ของไอ้เบียร์
น้องปีโป้ เยอรมัน เชพเพิร์ด ของไอ้แบงค์
น้องลาเต้ บีเกิ้ล ของไอ้อาร์ม
น้องลีโอ คอลลี่ของไอ้บีม
น้องจูเนียร์ ออสเตรเลียน เชพเพิร์ดของไอ้โอม
น้องฮีโร่ อคิตะ อินุ ของไอ้ไบร์ท
น้องข่าวฟ่าง บางแก้ว ของไอ้เกมส์
น้องท็อฟฟี่ ไวเมอร์ราเนอร์ ของไอ้บาส
น้องแฮบปี้ ดัลเมเชียน ของไอ้ปั๊ป
น้องทาโร่ ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ของไอ้บูม
น้องโมโม่ แจ็ก รัสเซล เทอร์เรีย ของไอ้นัท
น้องไมโล บูลเทอร์เรีย ของไอ้บิว
น้องลิตเติ้ล โอ อิงลิช ชีพด็อก ของไอ้ริว
น้องอังเปา เชา เชา ของไอ้เบล
น้องโอเลี้ยง มินิเจอร์ พินช์เชอร์ ของไอ้เคน
น้องไทเกอร์ อเมริกัน พิตบูล ของไอ้เบสต์
น้องสตางค์ โดเบอร์แมน พินช์เชอร์ ของไอ้แดน
น้องลักกี้ เบลเยียม ชีพด็อก ของไอ้บอส
น้องมะนาว ซามอยด์ ของผม

พอล้างตัวกันเสร็จ ตัวที่กระโจนลงสระก่อนใครเพื่อน ที่มีการโยนของเล่นลงไปล่อก็คือ ซันนี่กับทาโร่ โกล์เดนกับลาบราดอร์ สายพันธุ์รีทรีฟเวอร์ เป็นสายพันธุ์ที่ชอบน้ำอยู่แล้วโดยธรรมชาติของพวกมัน ไอ้เบียร์กับไอ้บูม กระโดด ตามลงไปเล่นกับพวกมันอย่างสนุก

ไอ้มะนาวของผม ว่ายน้ำเป็นโดยสันชาตญาณ แต่วันนี้ดูมันขี้เกียจลงน้ำ ต้องหลอกล่อกันอยู่นาน ส่วนไอ้บอสกับลักกี้ ลงไปอยู่ในน้ำกันเรียบร้อยแล้ว ไอ้บอสเอื้อมมือมาจับมือผมตอนผมกำลังจะลงสระ

“ผัวกำลังจะจูงเมียลงสระแล้ว” ไอ้เชียแบงค์ปล่อยหมาออกจากปากมาแล้ว
“วี๊ดวิ่ว” เสียงผิวปากแซวดังเซ็งแซ่
ผมเขวี่ยงลูกบอลของเล่นของไอ้มะนาวใส่ไอ้แบงค์ที่กำลังลอยตัวอยู่ในน้ำ มันทำท่าเรียนแบบน้องหมา เอาขาหน้าชูขึ้น อ้าปากแลบลิ้น   ส่วนไอ้คุณชายบอสก็เอาแต่ยิ้มอยู่ในน้ำ

“มรึงไปเอาเมียมรึงมาลงน้ำเลยสัส” ผมตะโกนด่ามัน ไอ้อาร์มดูไม่ค่อยอยากจะลงเท่าไร มันเดินอยู่บนสระให้ไอ้ลาเต้ มาว่ายน้ำหูตูบตามอยู่ในสระแล้ว

เผลอแปปเดียว ไอ้แบงค์ก็ดอดไป ชุดกระชากไอ้อาร์มมาโดดลงสระไปกับมันเรียบร้อย ไอ้แบงค์โดนทุบไปหลายที

ผมเห็นร่างคนหนึ่งเดืนเข้ามาจากที่จอดรถ พร้อมกับสุนัขพันธุ์ สแตนดาร์ดพุดเดิ้ล สีขาวตัวใหญ่ ว่าแต่ว่าหน้าคนจูงมันคุ้นจังวะ

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 32nd Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 03-04-2014 18:03:00
@ Special Game II – Love Me Love My Dog


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Samoy_zps6f34928b.jpg)
ผมกับมะนาว สุนัขพันธุ์ซามอยด์ (Samoyed) น้องหมาของผมสีขาวขนยาว เป็นสายพันธุ์สุนัขที่กระตือรือร้นและตื่นตัว ซึ่งแตกต่างจากรูปลักษณ์ภาพนอกที่สวยงามและสง่างาม เป็นสุนัขที่มีความฉลาด อ่อนโยน เชื่อฟัง ซื้อสัตย์และเป็นมิตร พร้อมจะรับใช้เจ้าของ รักที่จะอยู่กับครอบครัว ต้องการความรักและการเอาใจใส่จากมนุษย์ สามารถเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แต่เป็นสุนัขเชื้อสายสุนัขใช้งาน จึงชอบไล่จับสิ่งต่างๆ ชอบวิ่ง ชอบเห่า


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Belgian_zps56a9a482.jpg)
ไอ้บอสกับลักกี้ สุนัขพันธุ์เบลเยียมชีพด็อก เกรนนาเดล (Belgian Sheepdog Groenendael) เจ้าลักกี้ของไอ้บอส เป็นหมาขนยาวสีดำ เป็นสุนัขที่ปราดเปรียว ว่องไว เชื่อฟัง ซื่อสัตย์และเป็นมิตร รักเจ้าของ แข็งแรง เป็นสุนัขเชื้อสายใช้งานเอาไว้ต้อนแกะ จึงต้องการการออกำลัง ที่เป็นพื้นฐานของสายพันธุ์


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Siberi_zpsd04e96c4.jpg)
ไอ้เบนซ์กับมะกรูด สุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) ไอ้มะกรูดของไอ้เบนซ์ เป็นหน้าหมาขนฟูแน่น สีเทาสลับขาว  แข็งแรง คล่องแคล่ว หน้าตาดุลักษณะเหมือนหมาป่า แต่จิรงๆแล้วไม่ดุอย่างที่เห็น เป็นมิตรและเข้ากับคนง่าย ออกแนวรับแขกเสียด้วยซ้ำ เป็นสุนัขที่ ไฮเปอร์ตื่นตัว พลังงานสูง สมาธิค่อนข้างสั้นรักอิสระ มีความเป็นตัวเองสูง (เป็นหมาอินดี้) ขี้บ่น ขี้เถียง ชอบหอนมากกว่าเห่า ไหวพริบดี ฉลาดแกมโกง ต้องการ การออกกำลังกายเพื่อระบายพลังงานที่เก็บไว้


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Golden_zpsd131cb2a.jpg)
ไอ้เบียร์กับซันนี่ สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทีฟเฟเวอร์ (Golden Retriever) น้องซันนี่ของไอ้เบียร์ เป็นน้องหมาขนยาว สีน้ำตาลทอง เป็นสุนัขที่ค่อนข้างจะเป็นมิตรกับทุกคน มีความปราดเปรียวและอดทน นิ่มนวล เป็นสุนัขที่มีความเชี่ยวชาญทางน้ำเป็นพิเศษ นิสัย สุภาพ น่ารัก ขี้เล่น มีเสน่ห์ ช่างประจบเอาใจ เสียสละและรักเจ้าของ ฝึกง่าย


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/german_zps70d5bb07.jpg)
ไอ้แบงค์กับปีโป้ สุนัขพันธุ์เยอรมัน เชพเพิร์ด (German Shepherd) เจ้าปีโป้ของไอ้แบงค์ ขนยาวสีน้ำตาลสลับดำ เป็นสุนัขที่มีความแข็งแรงว่องไว มีชีวิตชีวา ลักษณะเด่นก็คือไม่หวาดหวั่นแต่ก็ไม่ก้าวร้าว มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีความกระตือรือร้น ตื่นตัว กระฉับกระเฉง เป็นสุนัขไม่ขี้ขลาดหรือหลบอยู่หลังผุ้เป็นเจ้านาย


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Beagle11_zpsbdb54865.jpg)
ไอ้อาร์มกับลาเต้ สุนัขพันธุ์บีเกิ้ล (Beagle) น้องลาเต้ของไอ้อาร์ม เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนสั้นเรียบ สี ขาว ดำ และน้ำตาล เป็นสุนัขที่เป็นมิตร ร่าเริง ไม่ขี้อาย ไม่ขี้กลัว และไม่ก้าวร้าว และสามารถเข้ากับคนได้ดี มีความเป็นมิตรสูง เข้ากับสุนัขสายพันธุ์อื่นได้ง่าย แข็งแรงและมีความอดทนสูง


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Collie_zps1788e233.jpg)
ไอ้บีมกับลีโอ สุนัขพันธุ์คอลลี่ (Collie) เจ้าลีโอของไอ้บีม เป็นสุนัขขนยาวสีน้ำตาลสลับสีขาว เป็นสุนัขที่ร่าเริง แข็งแรง กระตือรือร้น เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ไม่งุ่มง่าม ฉลาด และชอบอยู่กับคน เอาใจเจ้าของแต่มีเรื่องควรระวังสำหรับสุนัขพันธุ์นี้คือ การแพ้ยา


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Australian_zps2af77e53.jpg)
ไอ้โอมกับจูเนียร์ สุนัขพันธุ์ออสเตรเลียน เชพเพิร์ด (Australian Shepherd) ไอ้จูเนียร์ของไอ้โอม เป็นสุนัขขนยาวสี น้ำตาล เทา ขาว นิสัยตามสบายๆ รักสงบ ไร้กังวล มีนิสัยเป็นลูกสุนัขตลอดกาล รักการเล่น กล้าหาญ ซื่อสัตย์ เมตตา มีชีวิตชีวา ว่องไว ปราดเปรียว ฉลาดและตั้งใจ


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Akita_zpsb525e560.jpg)
ไอ้ไบร์ทกับฮีโร่ สุนัยพันธุ์อาคิตะ อินุ (Akita Inu) เจ้าฮีโร่ของไอ้ไบร์ท เป็นสุนัขขนแน่นขนสีน้ำตาลสลับขาว เป็นสุนัขทื่ซื่อสัตย์และจงรักภักดีต่อเจ้าของ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักสันโดษ มักจะไม่ค่อยเข้าไกลคนแปลกหน้า เป็นสุนัขที่ฉลาด อดทน มีพลัง ห้าวหาญ กล้าตัดสินใจ


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Bangkhew_zps938d961b.jpg)
ไอ้เกมส์กับข้าวฟ่าง สุนัขพันธุ์ไทยบางแก้ว (Bangkhew) น้องข้าวฟ่างของไอ้เกมส์ เป็นสุนัขขนยาวสีขาวสลับน้ำตาล เป็นสุนัขที่แข็งแรง รวดเร็ว ปราดเปรียว ตื่นตัว ร่าเริง เชื่อมั่นในตัวเอง ไม่ขี้กลัว ไม่ตกใจง่าย ฉลาดกล้าหาญ หวงสิ่งของ หวงเจ้าของ มีความจงรักภักดีต่อเจ้าของ


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Weimarane_zps94702ab5.jpg)
ไอ้บาสกับท็อฟฟี่ สุนัขพันธุ์ไวเมอร์ราเนอร์ (Weimaraner) เจ้าท็อฟฟี่ของไอ้บาส เป็นสุนัขขนสั้นสีเทา มีความอดทน เคลื่อนไหวรวดเร็ว แข็งแรง พลังงานสูง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ร่าเริง ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทนร้อน สุนัขพันธุ์นี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าเจ้า ปีศาจสีเทา


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Dalmatian_zpsbfec3bc8.jpg)
ไอ้ปั๊ปกับแฮบปี้ สุนัขพันธุ์ดัลเมเชียน (Dalmatian) ไอ้แฮบปี้ของไอ้ปั๊ป เป็นสุนัขขนเรียบสีขาวมีลายจุดสีดำ เป็นสุนัขที่ตื่นตัว แข็งแรง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้เอ กระฉับกระเฉง ไม่ขี้อาย รวดเร็ว มีความอดทนสูง มีความสง่างาม ลักษณเด่นก็คือรอยยิ้มที่เหมือนที่หลายคนเข้าใจผิดว่าคือการขู่ เพราะมันจะยิงฟันออกมาโชว์จนเต็มปาก...


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Labra_zps25332e93.jpg)
ไอ้บูมกับทาโร่ สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เจ้าทาโร่เของไอ้บูม เป็นสุนัขขนสั้นสีน้ำตาล ฉลาดหลักแหลม กระตือรือร้น รักสนุก ขี้เล่น ช่างเอาอกเอาใจ แข็งแรง ใจดี สง่างาม เป็นมิตร รักเด็ก และชอบเล่นน้ำเป็นที่สุด


หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 32nd Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 03-04-2014 18:05:28
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Jackrussell_zps840d896b.jpg)
ไอ้นัทกับโมโม่ สุนัขพันธุ์แจ็ก รัสเซล เทอร์เรีย (Jack Russell Terrier) เจ้าโมโม่ของไอ้นัท เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนเรียบสี ขาวสลับน้ำตาล ฉลาด เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย ร่าเริง ตื่นตัว เป็นสายพันธุ์นักล่า รวดเร็ว และปราดเปรียว


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Bull_zps53e356fd.jpg)
ไอ้บิวกับไมโล สุนัขพันธุ์บูลเทอร์เรีย (Bull Terrier) ไอ้ไมโมลของไอ้บิว เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนเรียบสีขาว มีแต้มสีดำรอบดวงตา มีความงดงาม ปราดเปรียว คล่องแคล่วว่องไว กระตือรือร้น มีไหวพริบ ไฮเปอร์นิดๆ รักครอบครัวและอาณาเขต


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Old_zps51fef89d.jpg)
ไอ้ริวกับลิตเติ้ล สุนัขพันธุ์โอ อิงลิช ชีพด็อก (Old English Sheepdog) น้องลิตเติ้ลของไอ้ริว เป็นสุนัขขนยาวสีขาวสลับเทา ขนยาวปรกคลุมทั้งใบหน้าและดวงตา รักสนุกและขี้เล่น ทุ่มเทให้กับครอบครัว ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะสนุกไปกับเจ้าของ ชอบออกไปนั่งรถเล่นกับเจ้าของ ไม่ก้าวร้าว


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Chaw_zps9d312477.jpg)
ไอ้เบลกับอั่งเปา สุนัขพันธุ์เชาเชา (Chaw Chaw) เจ้าอั่งเปาของไอ้เบล เป็นสุนัขขนแน่นสีน้ำตาลทอง มีพละกำลังเยอะมาก คล่องแคล่วว่องไวและตื่นตัวอยู่เสมอ มีขนหนาแน่นโดยเฉพาะที่รอบคอ เฉลี่ยวฉาด มีการตัดสินใจที่ดี รักสงบและความอิสระ ดูสุขุมเป็นผู้ดี ซื่อสัตย์


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Miniature_zps22e14e3d.jpg)
ไอ้เคนกับโอเลี้ยง สุนัขพันธุ์มินิเจอร์ พินซ์เชอร์ (Miniature pinscher) ไอ้โอเลี้ยงของไอ้เคน เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก ขนสั้นเรียบ สีดำสลับน้ำตาล แข็งแรง ร่าเริง มีความระแวดระวังตลอด จงรักภักดี ไม่ขี้กลัว เชื่อฟังคำสั่ง มีความกล้าหาญอดทน อาจจะดูหยิ่งๆ แต่ก็องอาจ


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/AmericanPitbull_zps38843330.jpg)
ไอ้เบสต์กับไทเกอร์ สุนัขพันธุ์อเมริกัน พิทบูล (American Pitbull) เจ้าไทเกอร์ของไอ้เบสต์ เป็นสุนัขขนเรียบสั้น สีเทาสลับขาว มีเกล้าเนื้อชัดเจน เต็มไปด้วยพละกำลัง ปราดเปรียว มีความแข็งแกร่ง เชื่อมั่นในตัวเอง อยากรู้อยากเห็น กระฉับกระเฉง ฉลาด ซื่อสัตย์ เป็นสุนัขอารักขาชั้นยอด


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Doberman11_zps195933ca.jpg)
ไอ้แดนกับสตางค์ สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมน พินซ์เชอร์ (Doberman Pinscher) ไอ้สตางค์ของไอ้แดน เป็นสุนัขขนเรียบสั้น สีดำสลับน้ำตาล เป็นสุนัขที่ไว้ใจได้ จงรักภักดีกับเจ้าของ สุภาพ แข็งแรง อดทน ชอบร่วมกิจกรรมต่างๆ กับครอบครัว


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Poodle_zps047876fd.jpg)
ไอ้วินกับออสการ์ สุนัขพันธุ์สแตนดาร์ต พุดเดิ้ล (Standard Poodie) เจ้าออสการ์ของไอ้วิน เป็นสุนัขขนหยิกสีขาวตัวใหญ่สุดในตระกูลพุดเดิ้ล ฉลาด ตอบสนองไว แสนประจบ ซน ขี้เล่น ฝึกง่าย ดูมีชีวิตชีวา และเต็มไปด้วยมิตรภาพ

เครดิตข้อมูลสุนัขจาก doglife.com
รูปภาพการ์ตูนสุนัขจาก zazzle.com
รูปสุนัขที่เป็นรูปสุนัขจริงๆ ไรท์หารูปเก็บเอาไว้นานแล้วไม่ได้เก็บแหล่งที่มาไว้ ขออภัยไว้ ณที่นี้ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 03-04-2014 19:05:58
ใครมาใหม่นะ รอลุ้นนน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: MaRiTt_TCL ที่ 03-04-2014 22:45:05
คนผู้ที่เดินมานั้นคือ!!!
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-04-2014 23:47:39
 :กอด1: ฉันรักบางแก้ว ฉันรักข้าวฟ่าง
ฉันรักเจ้าของข้าวฟ่าง ฉันรักเกมส์  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ไอไบร์ทกับฮีโร่หลบไป  :z6: หลีกทางให้ฉันกับเกมส์ซะ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 04-04-2014 22:51:05
-..- ขยันเลี้ยงหมากันจิงๆ มาเอาหมาที่เค้าไปเลี้ยงบ้างก็ได้น่ะ คึคึ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: ★KVH™★ ที่ 06-04-2014 21:55:30
สระแตกครับ 5555
หมายี่สิบ ม้วนต้วนกันเลยทีเดียว
ผู้ที่มาใหม่คือ  :a9: (ไม่ใช่วินมั้ง  :m29:)
รอครับ  :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 08-04-2014 20:52:57
หายไปไหน??  คนแต่งคราบอยากอ่านต่อนะ :katai4:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2014 19:55:25
@ 34th Game  –  Fun 

ไอ้วินครับ มันเดินเข้ามากับน้องหมาสแตนดาร์ดพุดเดิ้ลสีขาวแสนสวยของมัน มันยกมือทักทายพวกเราที่สระ ผมกับไอ้บอสพยักหน้าและยิ้มทักทายมัน ไอ้วินหันมามอง รอยยิ้มถูกคลีออกนิดๆแล้วก็พยักหน้าให้เรา ก่อนที่มันจะเอาพุดเดิ้ลของมันไปเตรียมตัวลงสระ

ไอ้เบลว่ายเข้ามาหาผมกับไอ้บอส
“เมื่อคืนไอ้วินมันโทรมาว่าจะมาด้วย” มันเอ่ยปากบอกพวกเรา
“เบลคิดว่าคงไม่เป็นไรมั้ง อีกอย่างไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไง” ดูไอ้เบลมันก็อึดอัดใจอยู่ไม่ใช่น้อย
“ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน พวกมรึงไม่มีเป็นไรนะ” มันหันมาถามแต่น้ำเสียงดูมันเกรงใจเรามาก
“ไม่เป็นไร ก็เพื่อนกันทั้งนั้น” ผมรีบบอกไอ้เบลไป
“ไม่เป็นไรอย่าคิดมาก พวกกรูไม่มีปัญหาอะไรหรอก” ไอ้บอสตบไหล่ไอ้เบล

ไอ้บีมกับไอ้โอม มุ้งมิงกันอยู่ที่ขอบสระกับ เจ้าลีโอกับจูเนียร์ หมามันทั้งสองตัวหน้าตาคล้ายๆกัน และเป็นหมาใจดีทั้งคู่ ดูมีความสุขกับสระว่ายกันดีทั้งคนแล้วก็น้องหมา

ส่วนคู่รักมือใหม่อย่างไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ หมาของพวกมันทั้งสองคนก็หน้าตาคล้ายๆกัน ตัวหนึ่งเชื้อชาติจี่ปุ่น อีกตัวไทยแท้ ฮีโร่กับข้าวฟ่าง ดูไอ้ข้าวฟ่างจะชอบน้ำอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

ส่วนหมาขี่บ่นอย่างไอ้มะกรูด ว่ายจากหัวสระจนถึงท้ายสระ แล้วก็เดินขึ้น ไปส่งเสียงเรียก อู้วๆๆๆๆๆๆ บ่นอยู่ตรงหน้าไอ้เบนซ์ มันคงบ่นให้มันว่ายอยู่ตัวเดียว แต่เจ้านายยังไม่ยอมลง

“บ่นไรลูก” ไอ้เบนซ์เริ่มคุยกับหมา มันคุยกันรู้เรื่องไอ้สองตัวนี่
“ไปว่ายกับซันนี่สิลูก”  เจ้าโกล์เดนของไอ้เบียร์ เห่าเสียงดังมาหนึ่งทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อมัน
“อู้วๆๆๆๆๆ” ไอ้มะกรูดยังไม่ยอม ส่ายห่างบ่นต่อไปจนไอ้เบนซ์ส่ายหัวระอาใจกับหมาที่สุดแสนจะอินดี้ของมัน
“ลงกันไหมเบียร์” มันหันไปชวนไอ้เบียร์ลงสระ
“ไปสิ” ไอ้เบียร์ตอบกลับมาพร้อมกับพาตัวเองลุกจากเก้าอี้
ไอ้เบนซ์ค่อยๆจับมือไอ้เบียร์ลงมาในสระ โดยที่ไอ้มะกรูดค่อยๆเดินตามมา

“ตูม” เสียงน้ำกระจายเพราะ ไอ้บาสกับเจ้าท็อฟฟี่ปีศาจสีเทา เพิ่งกระโดดลงน้ำไป ตามไปด้วยการโดดของไอ้ปั๊ปกับแฮบปี้ น้องลายจุดของมัน ไอ้สองตัวนี่โดดได้ไกลมากเพราะกล้ามเนื้อที่แข็งแรงของมัน

ไอ้บูมกับไอ้นัทอยู่กันอีกมุม เจ้าทาโร่ ลาบราดอร์ที่ชอบน้ำอยู่แล้วก็ว่ายอย่างสนุกสนาน ส่วนเจ้าโมโม่ แจ็กรัสเซลเทอรเรียตัวเล็กของมันก็ไม่กลัวน้ำเลยสักนิด

ที่เห็นออกจะกลัวน้ำสักหน่อยก็คงเป็น เจ้าลิตเติ้ล โอ อิงลิชชีพด็อกของไอ้ริว ดูมันไม่ค่อยชินเท่าไรกับการลงน้ำ แต่เจ้าไมโล บูลเทอเรียของไอ้บิวว่ายป๋ออยู่ในสระเรียบร้อย

ไอ้เบลเจ้าถิ่นเพราะมันเป็นคนพามาที่นี้ อยู่กับเจ้าอั่งเปา เชาเชาสิงโตสีทองของมันก็จ๋อมแจ๋มกันอยู่ในสระอยู่ใกล้ๆกับในขณะที่ไอ้เคนกำลังหลอกล่อไอ้โอเลี้ยงลงสระด้วยของเล่นเจ้าโอเลี้ยงยืนอยู่ขอบสระ เอาเขาเขี่ยๆน้ำ อยากลงก็อยากลงกลัวก็กลัว

แสบสุดคงเป็นเจ้าไทเกอร์ อเมริกัน พิตบูลของไอ้เบสต์ มันเป็นตัวแสบ แหย่ตัวอื่นไปทั่ว ตามลักษณะนิสัยของสายพันธุ์นี้ ไอ้สตางค์ โดเบอร์แมนของไอ้แดนดูออกแนวเป็นหมามึนๆ วิ่งขึ้นวงลงสระอย่างเมามัน

ไอ้วินมาลงสระพร้อมกับเจ้าพุดเดิ้ลสีขาวแสนสวย ดูมันกับน้องหมาจะชินกับการมาว่ายน้ำด้วยกัน มันคงพามาบ่อย

หลังจากเล่นกันมาซักพักเริ่มเหนื่อย เริ่มหิว ดีที่ได้แซนวิสไอ้อาร์มรองท้องกัน ขณะที่พวกเรานั่งกินกันอร่อย โดยที่มีเจ้าตูบนั่งกันเรียบร้อยมองตาละห้อย ส่งสายตาขอหนูมั้งๆ แต่ไม่มีใครกล้าให้ เพราะเดี๋ยวพอได้กิน สิ่งที่ตามมาที่ทุกคนกลัวก็คือ อึ เพราะที่นี่ถ้าน้องหมาอึในสระ นี่โดนค่าปรับบานแน่ๆ หมาๆ เลยต้องนั่งมองกันอย่างเดียว (ซะที่ไหน) เพราะไอ้ซันนี่ กับ ทาโร่ หมาไอ้เบียร์กับไอ้บูม เห่ากันเสียงขม เพราะเป็นสายพันธุ์รีทรีฟเวอร์ ที่ขึ้นชื่อกินเก่งกันทั้งคู่

แล้วกลิ่นกาแฟหอมๆ ก็โชยมาเตะจมูก  ไอ้บิวกับไอ้ริวสั่งมาพร้อมช่วยพนักงานยกมาเองด้วย งานนี้ไอ้บิวกับไอ้ริวเลี้ยง...
“ใครเอาอะไรบ้าง” ไอ้บิวตะโกนถาม
“มีลาเต้ 5 แก้ว” เสียงบีเกิ้ลตัวน้อยของไอ้อาร์มเห่าเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองทำเอาพวกเราหัวเราะกันใหญ่
“มอคค่า 5 แก้ว”
“ชาเขียว 4 แก้ว”
“ชาไทย 4 แก้ว”
“เอสเปรสโซ่ 3 แก้ว”

แล้วเสียงโวกเวกเรียกหากาแฟและชาที่ตัวเองอยากได้ดังระงมไปทั่วสระ พออิ่มท้องอิ่ม พวกเราก็ต้องหาอะไรเล่นกันต่อตามประสาวัยรุ่นพลังงานล้นเหลือ

เดี๋ยวแข่งว่ายน้ำกันดีไหม ทั้งคนและหมาลงสระพร้อมกัน คนและหมาคู่ไหนไปถึงฝั่งอีกฝั่งทั้งคู่ก่อนจะเป็นผู้ชนะ แบ่งเป็นสาย เอาที่หนึ่งที่สองของแต่ละสายมาแข่งรอบสุดท้ายอีกที ไอ้เบสต์เป็นผู้เสนอ ทุกคนตอบตกลง เพื่อความยุติธรรมพวกเราจึงต้องจับฉลากแบ่งสายกัน

สายแรกมี ผมกับมะนาว ไอ้บีมกับลีโอ ไอ้ปั๊ปกับแฮบปี้ ไอ้ริวกับลิตเติ้ล แล้วต้นคิดไอ้เบสต์กับไทเกอร์ ทุกคนเตรียมพร้อมที่ขอบสระ สิ้นเสียงนกหวีด ทั้งคนทั้งหมาก็กระโจนลงสระ ไอ้ปั๊ปกับดัลเมเชียนของมันนำริ่ว ตามไปด้วย ไอ้เบสต์กับพิทบูลตัวแสบของมัน ส่วนผมกับมะนาว ไอ้มะนาวมันใจเย็นสมกับเป็นหมาที่มาจากขั่วโลก ไม่สนว่านี่คือการแข่ง ชั้นจะว่ายของชั้นแบบนี้ ผมว่ายไปหัวเราะไปกับความใจเย็นของมัน ไอ้ริวต้องเอาของเล่นมาล่อ โอ อิงลิช ชีพด็อกของมันไปด้วย ส่วนไอ้บีมกับคอลลี่ของมันก็อารมณ์เดียวกับไอ้มะนาวของผมหนูมาสนุกหนูไมได้มาแข่ง สุดท้าย ไอ้ปั๊ปกับดัลเมเชียนของมันได้ที่ 1 และได้เบสต์กับพิตบูลตัวแสบได้ที่ 2 ไปในสายแรก

สายที่สองมี ไอ้บอสกับเจ้าลักกี้ ไอ้โอมกับเจ้าจูเนียร์ ไอ้บูมกับทาโร่(ตัวเก็ง) ไอ้วินกับเจ้าออสการ์ ไอ้เคนกับโอเลี้ยง สิ้นเสียงนกหวีด ไอ้บูมกับลาบราดอร์ ของมันก็นำออกไปก่อน ตามไปด้วย ไอ้บอสกับเบลเยียมชีพด็อก ไอ้โอมกับออสเตรเลียน เชพเพิร์ด ไอ้วินกับพุดเดิ้ลแสนสวยของมัน แต่ที่ฮาสุดก็คือ ไอ้เคนกับมินิเจอร์พินซ์เชอร์ตัวเล็ก เพราะไอ้เคนกระโดดลงสระไปแล้วแต่เจ้าโอเลี้ยง ติดดิสเบรกไว้ที่ขอบสระไม่ยอมกระโดด กว่าจะล่อกันลงมาได้ ไอ้บูมก็ได้ที่หนึ่งไปแล้ว ตามไปด้วยที่รักของผม (อุต๊ะ ช่างกล้า)

สายที่สามมี ไอ้เบนซ์กับมะกรูด ไอ้แบงค์กับปีโป้ ไอ้เกมส์กับข่าวฟ่าง ไอ้บิวกับไมโล ไอ้แดนกับสตางค์ สิ้นเสียงนกหวีด ไอ้แบงค์กับเยอรมัน เชพเพิร์ดของมันก็นำโด่ง ตามมาด้วย ไอ้เกมส์กับบางแก้วของมัน ไล่กวดมาด้วยไอ้เบนซ์กับไซบีเรียน และไอ้แดนกับโดเบอร์แมนตามมาแบบติดๆ ที่รั้งท้ายเป็นไอ้บิวกับบูล เทอเรียของมัน สุดท้ายที่หนึ่งไอ้แบงค์นำโด่งแบบไม่มีใครไล่ทัน แต่ที่ 2 – 4 นี่สูสีกันอย่างมาก สุดท้าย ไอ้แดนกับสตางค์ โดเบอร์แมนของมันก็ได้ที่สองชนะไปแบบปลายจมูกจริงๆ

สายสุดท้าย มีไอ้เบียร์กับซันนี่ ไอ้อาร์มกับลาเต้ ไอ้ไบร์ทกับฮีโร่ ไอ้บาสกับท็อฟฟี่ ไอ้นัทกับโมโม่ ไอ้เบลกับอั่งเปา นกหวีดถูกเป่าออกไปแล้ว ไอ้เบียร์กับโกล์เดนของมันก็กระโจนลงน้ำเป็นคู่แรก ตามไปด้วยไอ้บาสกับไวเมอร์ราเนอร์ตัวสีเทาของมัน ไอ้ไบร์ทกับอคิตะ อินุก็ตามไปเป็นอันดับสาม ไอ้นัทกับแจ็กรัสเซลตัวเล็กของมันก็ตามไปอย่างรวดเร็ว ส่วนไอ้อาร์มกับบีเกิ้ลและไอ้เบลกับเชาเชา ต๋วมเตี๊ยม ตามกันมาแบบสบายใจ เป็นไปตามคาด ไอ้เบียร์กับซันนี่ได้ที่หนึ่ง ไอ้บาสกับท็อฟฟี่ได้ที่สอง

รอบสุดท้ายเป็นการแข่งขันของ 8 คู่
ไอ้ปั๊ปกับแฮบปี้ดัลเมเชียนของมัน
ไอ้เบสต์กับไทเกอร์พิตบูลตัวแสบ
ไอ้บูมกับทาโร่ลาบราดอร์ของมัน
ไอ้บอสกับลักกี้เบลเยี่ยม ชีพด็อก
ไอ้แบงค์กับปีโป้ เยอรมัน เชพเพิร์ด
ไอ้แดนกับสตางค์ โดเบอร์แมนของมัน
ไอ้เบียร์ซันนี่ โกล์เดน สีทองของมัน
ไอ้บาสท็อฟฟี่ ไวเมอร์ราเนอร์ปีศาจสีเทาของมัน

หลังจากเสียงนกหวีดดังขึ้น ทั้งแปดคู่ก็กระโจนลงสระ ไอ้บูมกับทาโร่ ออกนำริ่ว ตามไปด้วยไอ้แบงค์กับปีโป้ กับ ไอ้เบียร์กับซันนี่ แล้วก็นำกันแบบม้วนเดียวจบใช้เวลาแปปเดียว ก่อนที่ไอ้บูมกับทาโร่ได้ที่ 1 ไอ้แบงค์กับปีโป้ ได้ที่ 2 ไอ้เบียร์กับซันนี่ได้ที่ 3 แพ้ไอ้แบงค์กับปีโป้ไปเพราะ ไอ้เบียร์แตะขอบสระช้ากว่าไอ้แบงค์นิดเดียว

จากนั้นทั้งคนและหมาก็นอนแผ่หลากันอยู่ที่ขอบสระ หมดแรงกันทั้งคนและหมา แล้วพี่ๆสต๊าฟ ก็มารับหมาๆไปอาบน้ำ เป่าขนกัน ส่วนพวกผมก็เข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากัน เสียแซว เสียงเหย่ดังไปทั้งห้องอาบน้ำ แต่ตอนนี้ทุกคนระวังผ้าเช็ดตัวกันแจ เพราะกลัวสงครามแย่งผ้าเช็ดตัวจะเกิดขึ้นอีก โดยเฉพาะไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์

อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จ ระหว่างรอหมาๆแต่งหล่อแต่งสวยกันอยู่ พวกเราก็มาจัดการมื้อเย็นกันที่ห้องอาหาร โดยที่ไม่ลืมจะสั่งมือเย็นให้พวกหมาๆของพวกเรากันด้วย ที่นี่เข้ามีบริการทั้งอาหารคนและอาหารสุนัข

มือเย็นเป็นมื้อใหญ่ เพราะทุกคนหิวกันงั่กเพราะหมดแรงจากการเล่นและว่ายน้ำกัน เลยจัดกันเต็ม คนละสองจานเป็นอย่างน้อย พวกผมกำลังกินกำลังโตกันนี่ครับ หลังจากนั้น ไอ้เบลกับไอ้เคนเอากล้องตัวเก่งของมันออกมาใส่ขาตั้ง แล้วก็ไป จับโฟกัสและตั้งระบบ ก่อนที่จะวิ่งกลับมาที่โต๊ะ พร้อมกับตะโกนบอกทุกคนว่า พวกมรึง ยิ้มกันหน่อย ชีสสสสส

เสียงเตือนจากกล้องดังถี่ขึ้น พร้อมไฟกระพริบสีแดงที่เร่งจังหวะขึ้นเมื่อใกล้เวลาที่ตั้งไว้ จนแสงแฟตฉายออกมาทั้งสองกล้อง เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

“กันเหนียวอีกรอบนะพวกมรึง” ไอ้เบลวิ่งไปที่กล้องอีกครั้งก่อนจะกดตั้งเวลาทั้งสองเครื่องแล้ววิ่งกลับมาถ่ายรูปอีกรอบ....

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2014 19:56:34
@ 35th Game  –  Trust

หลังจากแยกย้ายกัน ผมกับบอส จับเจ้าสี่ตัวขึ้นรถไอ้เบนซ์ ผูกเชือกสายจูงกันเรียบร้อย พวกเราทั้งสี่คนกับน้องหมาอีกสี่ตัว ก็เตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน รถ SUV สุดเฉี่ยวของไอ้เบนซ์ก็พุ่งทะยานไปบนถนนวงแหวนรอบนอก

“คืนนี้เบียร์มานอนบ้านเบนซ์มั้ย” ไอ้พี่ชายหันมาถามคนข้างๆมัน
“จะดีเหรอ” ไอ้เบียร์ทำท่าขรุ่นคิด
“ดีสิ” ไอ้พี่ชายผมหันมายิ้มหน้าบาน พยักหน้าหงึก ๆ
“ดียังไงอ่ะ” ไอ้เบียร์เหย่กลับ
“ก็เบนซ์จะได้กอดเบียร์ทั้งคืนไง” 
กำปั้นถูกทุบไปที่ป่าไอ้เบนซ์ เออนี่พวกคุณพี่ครับ คุณมรึงกำลังขับรถกันอยู่นะสัส ผมด่ามันในใจ เพราะชีวิตผมกับไอ้บอสฝากไว้ในมือมัน

“โอ้ยเจ็บ” มันเอาแขนอีกข้างมาลูบไหล่มัน
“เจ็บจริงๆอ่ะ” ไอ้เบียร์เริ่มร้อนรน
“จริงซิ” ไอ้เบนซ์กระเง้ากระงอด
“ไหนๆ” ไอ้เบียร์เอามือมาลูบตรงไหล่ไอ้เบนซ์ที่มันทุบไป
“คืนนี้ต้องทำโทษ” ไอ้เบนซ์เสียงดุ
“เล่นแค่นี้เอง ทุบก็ไม่แรงสักหน่อย” ไอ้เบียร์เริ่มต่อรอง
“ไม่รู้แหละคืนนี้เบียร์ต้องนวดให้เบนซ์” ไอ้เบนซ์ทำเสียงเอาแต่ใจ
“ไม่เอาอ่ะ เบียร์ก็เมื่อยเหมือนกันนะ” ไอ้เบียร์บ่นกระปอดกระแปด
“งั้นเดี๋ยวเบียร์นวดให้เบนซ์ก่อน แล้วเบนซ์จะนวดเบียร์คืนให้ โอเคมั้ย”
“ตกลงตามนั้น” ไอ้เบียร์รีบรับคำ แต่มันหารู้ไม่ว่า
“Yes” ไอ้เบนซ์ตะโกนอกมาก
“อะไรอีกอ่ะ” ไอ้เบียร์เริ่มงง
“ก็แปลว่าคืนนี้เบียร์จะมานอนบ้านเบนซ์หน่ะสิ”
“ขี้โกงอ่ะ ยังไม่ได้ตกลงซะหน่อย” ไอ้เบียร์เพิ่งรู้ตัวว่าโดนไอ้เบนซ์ซ้อนแผนเข้าให้แล้ว
“ไม่รู้ล่ะ ตกลงแล้วอ่ะ” ไอ้เบนซ์ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

ไอ้บอสหันมายิ้มกว้างเพราะไม่คิดว่าไอ้เบนซ์จะมีมุมนี้กะเค้าเหมือนกัน ผมก็อดขำกับพี่ชายตัวเองไม่ได้

“งั้นแวะไปเก็บของที่บ้านก่อนได้หรือป่าว” ไอ้เบียร์มันหันมาถามไอ้เบนซ์
“ได้สิ” ไอ้คุณพี่มันรับปากโดยไม่ถามพวกผมซักคำ ไอ้เลววว ผมด่ามันในใจ
“บอสรีบกลับหรือเปล่า” ไอ้เบียร์หันมาถามไอ้บอส ดรูว่าที่พี่สะใภ้ตรูยังห่วงพวกตรูมากกว่ามรึงเลย
“ไม่รีบอะเบียร์ ตามสบาย คืนนี้บอสนอนห้องโบ๊ท” มันตอบไอ้เบียร์ไปหน้าตากรุ่มกริ่ม
“ไอ้เชี่ยนี่ ใครอนุญาติ” ผมหันไปด่ามัน
“ก็ไม่รู้ล่ะ จะให้หรือไม่ให้ก็จะนอน” นำเสียงไอ้บอสเอาแต่ใจขึ้นมาทันที
“เค้าเหนื่อย ขับรถกลับบ้านไม่ไหวแล้วอ่ะ ยังมีคนใจร้ายไล่เค้าขับรถกลับบ้านอีก”  มันอ้อนอีกแล้วครับพี่น้อง ไอ้โบ๊ทจะทำไงได้ล่ะครับ
“เออ ตามใจ” ผมตามใจมันไม่งั้นเดี๋ยวมันงอนจริงจัง
“โบ๊ทน่ารักที่สุดในโลก” มันเอาแขนมาคล้องแขนผม เอาหัวมาซุกที่ไหล่เหมือนเด็กน้อยอ้อนขอบคุณผู้ใหญ่ที่ซื้อของเล่นให้ น่ารักสุดๆอะแฟนผมมมมม

ไอ้เบนซ์เอามือมาวางไว้ที่เกียร์ ไอ้เบียร์เอามือมากุมมือ แล้วมันก็ประสานมือกัน ไอ้เบนซ์หันมองหน้าไอ้เบียร์เป็นระยะ สุดท้ายมันก็เอามือไอ้เบียร์ขึ้นมาหอม

“นี่ๆพวกคุณมรึงครับ กรูกับบอสนั่งอยู่ในรถด้วยนะสัส” ผมปล่อยหมาออกจากปากไปกัด
ไอ้เบียร์เขินหน้าแดง มันเอามือไปหยิกเอวไอ้เบนซ์ที่ฉวยโอกาส จนไอ้เบนซ์ร้อง “อูยยยยย”

“ไอ้โบ๊ทมรึงหุบปากไปเลย” ไอ้เบนซ์มันโวยผมที่ไปแซวมัน
“ไอ้บอสมรึงจัดการเมียมรึงด้วย” มันหันไปสั่งไอ้บอส
“ใครเมียใคร สัสเบนซ์” ผมด่าไอ้พี่ชายตัวแสบ แต่ยังไม่ทันจะได้ด่าต่อ ไอ้บอสก็จับผมหันหน้ามา และประกบปากสีแดงระเรื่อนั่นเข้ามาที่ปากผมทันที

“กรี๊ดดดดดด” ไอ้เบนซ์กรีดร้องทำเสียงเล็กเสียงน้อยจนน่าถีบ หลังจากมองกระจกมองหลังเห็นไอ้บอสมันปิดปากผมไม่ให้พูดต่อ จนไอ้เบียร์ต้องหันมามอง จากที่มันหน้าแดงอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งแดงขึ้นไปอีก

ผมทั้งทุกทั้งดันไอ้บอสออก แล้วก็จะส่งนิ้วโป้งกับนิวชี้ของผมไปที่เอวของมันก่อนจะบิดอย่างแรงไปหนึ่งที ได้ผลไอ้บอสร้องเสียงหลง

แล้วรถก็จอดที่หน้าบ้านไอ้เบียร์ ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็ลงไปเปิดท้ายรถ อุ้มเจ้าซันนี่ลง แล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน ไอ้เบนซ์ลงไปช่วยขอพี่ชายไอ้เบียร์ให้ไอ้เบียร์ไปนอนที่บ้านผมคืนนี้อีกคน ผมนั่งรอกับไอ้บอสในรถ
“ง่วงไหมครับ” เสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยถามผม
“นิดหน่อย” ผมตอบมัน
“เอนมาไหม” มันเอามือชี้ไปที่ตักมัน

ผมก็เอนหัวลงไปนอนที่ตักไอ้บอสอย่างว่าง่าย มันเอามือมาลูบหัวผม แล้วก็เลื่อนลงไปจับคางผม ผมเอื้อมมือมาจับมือมัน ลูบแหวนที่อยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของมันเป็นแหวนคู่ที่มันแอบไปซื้อมาเซอร์ไพร์ผมบนชิงช้าสวรรค์ที่เอเชียทีค ผมปล่อยตัวเองตามสบายขณะที่หัวผมอยู่บนตักไอ้บอส ผมลูบมือนั้นอย่างนุ่มนวล ผมรู้ว่ามือนี้กับคนๆนี้เป็นคนที่ปกป้องผมได้เสมอ

ไม่นานผมรู้สึกตัวอีกที รถก็กำลังเคลื่อนที่ออก  ผมลืมตาขึ้นมา ก็เห็นเด็กหนุ่มยิ้มให้ผม เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

“นอนต่อเถอะครับ เดี๋ยวถึงบ้านแล้วบอสปลุก” ผมค่อยๆหลับตาลงอีกครั้งบนตักอุ่นๆของไอ้บอส ไม่รู้ว่าหลับไปอีกนานเท่าไร แต่เป็นการหลับที่ผมมีความสุขมากจริงๆ

เมื่อรถเข้ามาจอดในบ้าน ผมถูกปลุกโดยผู้ชายที่ให้ยืมตักเป็นหมอน  พวกเราน้องหมาทั้งสามตัวลงไปเก็บ คืนนี้เจ้าลักกี้เลยต้องนอนบ้านผมด้วย ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็แยกเข้าไปห้องนอนของมัน ผมกับไอ้บอสก็เข้ามาในห้องนอนของผม

“ไปอาบน้ำกัน” ไอ้บอสเอ่ยปากชวนผม
“อืมม” ผมตอบมันก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว

“ขอกอดหน่อย” พูดเสร็จผมก็ชูแขนออก ก่อนที่ไอ้บอสจะเดินเข้ามาสวมกอดผม ผมกอดมันแน่นมาก
“ขอบคุณที่อยู่ข้างๆกันเสมอนะ”
“โบ๊ทรักบอสนะครับ” ผมอยากให้มันรับรู้ความรู้สึกนี้
“บอสก็รักโบ๊ทครับ รักโบ๊ทคนเดียว” อ้อมกอดของไอ้บอสกระชับตัวผม

“วันนี้เห็นใช่ไหมที่วินมาคุยกับบอส” ไอ้บอสเอ่ยถามผม
“อืมม” เสียงตอบออกจากลำคอผมสั้นๆ
“แล้วไม่อยากรู้เหรอ ว่าวินคุยอะไร” มันยังคงถามผมต่อ
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวบอสก็บอกเอง” ผมพูดไปอย่างนั้นเพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ
“ว้า นึกว่าจะหึงกันสักหน่อย”  มันตัดพ้อ ทำท่างอนๆ
“ก็เพราะว่าโบ๊ทเชื่อใจบอสไง” ผมตอบมันกลับไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“วินมันมาบอกขอโทษเรื่องคืนวันนั้น มันก็ไม่อยากทำให้บอสลำบากใจ” น้ำของเสียงบอสราบเรียบ
“แต่มันก็ยังตัดใจทันทีไม่ได้ มันขอว่าอย่าเกลียดมัน อย่างน้อยก็ขอให้เหลือความเป็นเพื่อนให้มัน มันพยายามตัดใจอยู่”  เสียงบอสถอนหายใจตามมา

“จริงๆแล้วเรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ ใครสักคนจะรักใครสักคนได้มันไม่ใช่เรื่องผิด บอสก็รู้สึกไม่ดีนะที่ทำให้วินต้องขอโทษ และทำให้วินเสียใจ แต่จะทำยังไงได้ก็บอสไม่ได้รักวิน ไม่อยากให้วินมีความหวังในตัวบอส เพราะหัวใจของบอสเป็นของโบ๊ทไปแล้ว”

บอสเป็นคนอ่อนโยนและละเอียดอ่อนเสมอ (ยกเว้นตอนมันทิ้งผมตอนนั้นนะ มันโคตรใจร้ายเลย) เพราะแบบนี้แหละผมถึงได้รักมัน

ผมเดินเข้าไปสวมกอดบอส “โบ๊ทถึงบอกไงว่าโบ๊ทเชื่อใจบอส บอสยังเชื่อใจโบ๊ทเรื่องเมย์ แล้วทำไมโบ๊ทจะไม่เชื่อใจบอสล่ะ”

“ไปอาบน้ำกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า” ผมเปลี่ยนเรื่องลากมันไปอาบน้ำ

พอปิดประตูห้องน้ำ เอาผ้าเช็ดตัวแขวนเข้าที่ จัดการกับเสือผ้าที่เราใส่กันอยู่เรียบร้อย ผมกำลังจะล้างหน้าที่อ่างล้างหน้า

“อาบน้ำให้บอสหน่อย” เด็กชายบอสหันมาอ้อนผม แล้วปฏิบัติการอาบน้ำเด็กชายบอสก็ดำเนินไป

“อาบน้ำให้หน่อย” ผมอ้อนบอสกลับบ้าง

มันค่อยๆสระผมให้ผมอย่างนุ่มนวล ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าอย่างเบามือ ถูสบู่ให้ มันค่อยๆเอาฝักบัว ล้างตัวให้ผม ก่อนที่จะแขวนกลับไว้ที่เดิม มันค่อยๆสวมกอดผมจากด้านหลัง ริมฝีปากอ่อนนุ่มถูกประทับลงที่ต้นคอของผม มือบอสค่อยๆเลื่อนมาที่หน้าอกผม มืออีกข้างก็มาวุ่นวายตรงกลางร่างกายผม ริมฝีปากถูกเลื่อนมาที่ใบหูผม ตอนนี้เรี่ยวแรงผมหายไปหมดแล้วกับสัมผัสที่ได้รับ

“บอสขอนะ” มันกระซิบที่ข้างหูผม ผมพยักหน้าตอบบอสไป

แล้วร่างกายของเราก็หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน

หลังจากที่ร่างกายไอ้บอสกระตุ๊กเมื่อถึงจุดนั้น มันก็สวมกอดผมจากด้านหลัง  บอสค่อยโค้งตัวข้ามบ่าผมมา ริมฝีปากถูกประกบเข้ามา ลิ้นของบอสกวาดเข้ามาปากของผม เราสู้รบกันด้วยลิ้นกันเป็นพันวัล เราจูบกันอยู่นาน

“เป็นไงบ้าง ชอบมั้ย” มันกระซิบถามผม ผมพยักหน้าตอบ ตอนนี้รู้สึกว่าหน้าตัวเองอุณหภูมิสัก 39 องศา ด้วยความเขิน

“เดี๋ยวบอสช่วย” มันบอกผมแล้วก็เริ่มปฏิบัติการกับผม ผมปล่อยร่างกายไปตามความปารถนา แต่ก่อนจุดนั้นจะมาถึง ผมจับหน้าไอ้บอสหยุด
“หืมมม” เสียงถูกส่งออกมาจากลำคอไอ้บอส

“โบ๊ทขอนะ” ไม่มีเสียงปฏิเสธจากบอส...แล้วก็เป็นครั้งที่สองที่ร่างกายเราหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้แค่เปลี่ยนสถานะกันเท่านั้น......

ผมรู้ว่าถ้าไม่ใช่ผม..บอสไม่มีวันยอมให้คนอื่นทำแบบนี้กับมันเด็ดขาด


Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2014 19:57:52
@ 36th Game  –  Three

พวกเรามาถึงโรงเรียนพร้อมกันด้วยแท็กซี่ทั้ง 4 คน ไอ้เบียร์แยกชมรมคหกรรม คุณพี่ชายเบนซ์ไปชมรมดุริยางค์ คุณชายบอสไปสภา ส่วนผมก็ชมรมเทนนิสเหมือนเดิม ผมเอาของเก็บเข้าล็อกเกอร์  แต่วันนี้ไม่ได้ซ้อมเทนนิสกันนะครับ และคงอีกเป็นอาทิตย์ เพราะพวกเราซ้อมแข่งกันมาหนักมาก ช่วงนี้เป็นช่วงพักและผ่อนคลายครับ

ไอ้แบงค์ก็เปิดประตูเดินเข้ามา

“อาทิตย์หน้าหยุดยาว มรึงไปไหนหรือป่าววะ” ปากมันถามผมส่วนมือกำลังเอาของเก็บเข้าล็อกเกอร์
“ไม่ได้ไปหนะอ่ะ”
“หยุดตั้งสามวันเลยนะมรึง” มันหน้าตาตื่นเต้น
“เออหว่ะ” ผมเพิ่งนึกขึ้นได้
“ไปฉลองแชมป์กันป่ะมรึง” ไอ้แบงค์ผุดไอเดียขึ้นมา
“น่าสนหว่ะ” ผมปิ้งกับไอ้เดียไอ้แบงค์

ชายบีมกับชายไบร์ทเดินเข้ามา ไอ้แบงค์เริ่มปฏิบัติการโฆษณาชวนเชื่อต่อทันที

“พวกมรึง Long weekend นี้ว่างกันใช่ไหม”  เชี่ยแบงค์สำเนียงมรึงดัดจริตมว๊ากผมด่ามันใจ
“อืมม กรูว่าง ไม่ได้ไปไหน” ไอ้บีมตอบ
“กรูก็ด้วย มรึงมีไร”  ไอ้ไบร์ทถามกลับมา

“ไปฉลองแชมป์กันป่าว” ไอ้แบงค์ชวน
“ที่ไหนกันดี” คุณชายบีมมรึงรีบเชียว
“เอาว่ากันมา” ผมเสนอพวกมันช่วยกนคิดว่าอยากไปที่ไหนกัน
“ทะเล” ไอ้บีมรีบบอก
“ไปเกาะ” ไอ้แบงค์โพร่งออกมา
“โป๊กกก แล้วมันไม่ทะเลตรงไหนวะไอ้แบงค์” ผมโบกหัวมันไปหนึ่งที
“ไอ้ไบร์ทล่ะ” ผมถามมัน
“ทะเลก็ทะเลหว่ะ” มันเออออไปกับพวกเราด้วย
“สรุปว่าทะเล ขั้นตอนต่อไป ที่ไหนดีวะ” ไอ้แบงค์ยังคงดูตื่นเต้น
“มรึงอยากไปเกาะ กรูว่า เกาะช้างไหม เอารถข้ามไปได้ บนเกาะมีถนน มีหาดหลายหาดให้เลือกแถมไม่แพงด้วย” ผมเสนอไอเดีย

“เข้าท่าหว่ะ” ไอ้แบงค์รีบบอก
“มรึงเสนอไอ้เดีย มรึงก็เป็นคนหาที่พักเลยล่ะกัน” ไบร์ทโยนขี้มาแล้วครับ
“สรุปมาก่อนเถอะว่ากี่คน”  ผมสวนมันกลับไป
“งั้นเอาอย่างนี้ ที่แน่ๆ ชมรมเทนนิสไปหมด ไอ้เพียวกับไอ้วายด้วย” ไอ้แบงค์สรุป
“แต่เรือพ่วงอ่ะ จะพ่วงไปกี่ลำ ชิมิ” ผมแทรกพูดขึ้นไป
“พวกมรึงไปนับกันให้ดีก่อนว่าใครจะไปบ้าง ชมรมเทนนิสเดี๋ยวมันมีเงินชมรมเหลืออยู่ เอาส่วนนั้นมาใช้จ่ายเรื่องที่พักเรื่องกินของพวกเรา 6 คน แล้วเก็บพวกเรือพ่วงเพิ่มเอาก็แล้วกัน”  จริงๆแล้วเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับพวกเราเลย แต่เพื่อความโปร่งใส ไม่ให้ใครมาว่าเอาได้ก็ต้องทำอย่างนั้น

ก่อนจะแยกย้ายไปเรียนผมกำชับพวกมันว่าต้องได้คำตอบภายในวันอังคาร จะได้จัดการจองที่พัก ไม่งั้นหยุดยาวแบบนี้มีหวังเต็มแหง่ๆ

พอเข้ามาในห้องเรียน ไอ้แบงค์ก็คุยโมกับไอ้บาสกับไอ้บูมใหญ่ว่าชมรมเทนนิสจะไปเที่ยวฉลองแชมป์ ไอ้สองตัวนั่นตาโตกันใหญ่

“พวกกรูพ่วงไปด้วยได้ป่าว” ไอ้บาสทำตาปริบๆ อ้อนผมอยู่
“เพราะสายตาแบบนี้ล่ะสิ ไอ้ปั้ปถึงติดมรึงแจ” ผมกัดมันไปหนึ่งดอก
“เออ จะไปก็ไปแต่พวกมรึงต้องออกตังค์กันเองนะโว้ย เอาเงินชมรมออกกรูมีหวังโดนสอบแน่ๆ” ผมรีบบอกเงื่อนไขก่อนงานจะเข้าตัวผม
“อยู่แล้วเพื่อน” ไอ้บูมรีบบอก
“งั้นเรือพ่วงพวกมรึงจะไปด้วยป่าว ถ้าจะไปให้คำตอบกรูพร่งนี้นะโว้ย จะได้จองห้องถูก” ผมรีบบอกพวกมัน

ตรึง....

เสียงไอ้โฟนผมส่งเสียงร้องออกมา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู

May
เย็นนี้ว่างไหมคะโบ๊ท 09.32
                              09.33 ว่างครับ
May เย็นนี้ไปทานข้าวกันไหม 09.33
                              09.34 ที่ไหนดีครับ
May สยามดีไหมคะ 09.35      
                              09.35 ครับ
May อ๋อชวนบอสมาด้วยนะคะ 09.36

หลังจากอึ้งไป 30 วิ
                        09.37 เดี๋ยวจะลองชวนดูนะครับ   
                        09.38 มีอะไรหรือป่าววว
May ป่าวค่ะ แค่อยากจะเลี้ยงขอบคุณ
        ที่เมื่อวันก่อนบอสคอยดูแลเมย์อะค่ะ 09.39
                        09.39 ครับ กี่โมงครับเมย์
May หกโมงเย็นทันไหมคะ 09.40
                        09.40 ครับ

จริงๆแล้วก็ดีใจอยู่นะครับ ที่สองคนนี้เข้ากันได้ดี แต่ก็นะ เฮ็ออออออ กลายเป็นผมตาหากที่วางตัวไม่ค่อยจะถูกซะงั้น

หมดคาบสุดท้ายก่อนพักเที่ยง ไอ้หน้าหล่อประธานสภาก็มานั่งรอผมอยู่ที่หน้าห้องเรียบร้อย ไม่วายโดนไอ้ลิงพวกนี้ปล่อยหมาออกจากปากมาแซวกันให้ขร่ม

“เย็นนี้ว่างหรือเปล่า” ผมหันไปถามไอ้หน้าหล่อที่เดินอยู่ข้างๆ
“ว่างครับ จะชวนไปไหนเหรอ”  มันหันกลับมาตอบ
“เมย์เค้าไลน์มาชวนไปกินข้าว แล้วก็ขอให้ชวนมรึงไปด้วย” 
“อืมม ได้สิ แต่ทำไมชวนบอสไปด้วยล่ะ” คิ้วบอสขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย
“ก็เมย์เค้าอยากจะขอบคุณที่มรึงช่วยดูแลเขาเมื่อวันนั้นไง” ผมอธิบายเหตุผลที่เมย์บอกกับผมมา
“อ๋อ” มันหันมายิ้ม
“มรึงโอเค ช่ายป่ะ” เสียงของผมถามย้ำมันอีกครั้ง
“ทำไมล่ะ” มันตอบผมด้วยคำถาม อะไรของมรึงนี่ ผมด่ามันในใจ

“ก็กรูกลัวมรึงเห็นภาพบาดตาแล้วจะทำใจไม่ได้” ผมเริ่มยียวนกวนประสาทมัน
“ไม่หรอก เพราะกรูได้มรึงมาทั้งตัวแล้วก็หัวใจเรียบร้อยแล้วไง”  เหยดดดดด เจอประโยคนี้เข้าไป รัชชานนท์แพ้อีกแล้วครับ
“อย่ายอดกรูบ่อยได้ป่ะ เด่วเบาหวานกินกรูตายพอดี” ผมหันไปด่ามัน แต่ปากเจ้ากรรมหุบยิ้มไม่ได้
“แค่นี้ก็รักจะตายอยู่แล้ว” ประโยคนี้หลุดออกไป ไอ้บอสถึงกะหันขวับ รอยยิ้มถูกฉีกออกจนเต็มใบหน้า

“เออ เกือบลืม ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ว่างหรือป่าว” ผมเปลี่ยนเรื่องถามมัน
“จะชวนไปเดทไหนอีกครับ”  ใบหน้ากรุ้มกริ่มยื่นเข้ามาใกล้ แถมยังเอามือมาพาดบ่าผม
“ชมรมเทนนิสจะไปฉลองที่พวกเราชนะกันที่ เกาะช้างอ่ะ” ผมบอกมัน
“จะไปดีหรือเปล่าน้า เรามันก็ไม่ใช่คนในชมรม” มันยังคงกวนประสาทผมต่อ
“เป็นแฟนหัวหน้าชมรมนี่ก็ถือเป็นคนในชมรมแระ จบนะ” ผมยื่นหน้าไปกวนมันบ้าง
รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนหน้าไอ้หล่อนี่บอกตรงๆเลยครับ “แมร่งโคตรน่ารัก” เลยครับ
“อืมม โบ๊ทชวนบอสก็ไปอยู่แล้วล่ะ ต่อให้ไม่ให้ไปยังไงก็ตามไปอยู่ดี” มันทำปากจู่ส่ายหน้า น่าถีบเสียจริงๆ

พอตกเย็นหลังเลิกเรียน ผมกับไอ้บอส ก็แทรกตัวเข้าไปใน BTS ที่คนแน่นอย่างกับปลากระป๋องมาลงที่สยามได้สำเร็จ ผมเดินนำไอ้บอสไปที่นัดหมายประจำของผมกับเมย์

พอเดินมาถึง ก็เจอเมย์ยืนรออยู่ที่ลาน พาราก้อน พาร์ค แล้ว

“สวัสดีค่ะ” เสียงเมย์เอ่ยทักทายพวกเราน้ำเสียงสดใส
“หวัดดีครับ” ไอ้บอสทักทายเธอ
เมย์เดินมาเกาะแขนข้างซ้ายผมเหมือนปกติที่เธอเคยทำเวลาเดินด้วยกัน
“ทานอะไรกันดีครับ” ผมถามทั้งสองคน
“วันนี้จะเลี้ยงขอบคุณบอส เพราะฉะนั้นให้บอสเลือกค่ะ” เมย์ให้บอสตัดสินใจ
ไอ้บอสคิดอยู่แปปนึง
“ซูกิชิ ดีไหมครับ” ไอ้นี่ทำไมรู้ใจผมจัง กำลังอยากกินเนื้อย่างอยู่ ผมรีบพยักหน้า หงึก

“งั้นซูกิชินะคะ” เสียงเมย์สรุป เราสามคนก็เดินกันไปที่ร้านที่ตกลงกัน

พนักงานต้อนรับกำลังพาเราไปที่โต๊ะ ก่อนที่พวกเราจะเดินผ่านไป ก็สะดุดอยู่กับใครคู่หนึ่งที่กำลังนั่งกินเนื้อย่างกันอยู่อย่างมีความสุข

ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2014 19:58:54
@ 37th Game  –  Something Wrong

ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ยกมือขึ้นทักทายพวกเรา ไอ้คู่นี่มันนั่งข้างๆกันครับ  สายตาเจ้าเล่ห์ของผมฉายแววขึ้นทันที

“อ้าวเฮ้ยย มาด้วยกันได้ไหงล่ะนี่ โต๊ะมีตั้งเยอะเสือกมานั่งเบียดกัน” ผมกัดพวกมันไปก่อนด้วยความคันปาก
“นี่ถ้านั่งตักกันได้คงทำกันไปแล้วใช่ป่ะ” ไอ้ไบร์ทหันกลับมายิ้มๆ

“พวกมรึงตาหากมาด้วยกันได้ไงล่ะนี อ๋อ กรูลืมไปก็..ผ....” ดีที่ไอ้เกมส์มันยั้งปากไว้ทัน เมื่อเห็นหญิงสาวอีกคนเดิมตามหลังไอ้บอสมา

“เมย์” เสียงไอ้ไบร์ทขานชื่อหญิงสาว มองหน้าผมกับไอ้บอสเลิกลั่ก

ผมเห็นมือของไบร์ทสะกิดเตือนไอ้เกมส์ ไอ้เกมส์พยักหน้ารับรู้ ผมเอามือตบบ่าไอ้ไบร์ท เพื่อขอบคุณ

“เมย์ครับ นี่ไอ้เกมส์” ผมแนะนำไอ้เกมส์ให้กับเมย์ได้รู้จักแบบเป็นทางการ ส่วนไอ้ไบร์ทเมย์รู้จักอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ” เสียงหญิงสาวทักทาย
“สวัสดีครับ เกมส์ครับ”  มันแนะนำตัวเองอีกรอบพร้อมกับพยักหน้าทักทาย

“อ้าวพวกมรึงมากันครบทีมเลยนะ” เสียงเด็กหนุ่มที่คุ้นชินที่มาใหม่ดังขึ้นข้างหลังไอ้บอส เสียงไอ้บีมเอ่ยทักทาย ตามมาด้วยอีกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินตามมาเพราะง่วนอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์

พอไอ้โอมเงยหน้าขึ้นมาเจอพวกเราก็ผงะเล็กน้อย สายตาหยุดนิ่งอยู่กับหญิงสาวคนเดียวที่อยู่ตรงนี้
“นึกไงมาแดกพร้อมกันได้ล่ะ” ผมเอ่ยทักทายไอ้สองตัวที่เข้ามาใหม่
“ก็เมื่อกี้โทรหาไอ้ไบร์ท มันบอกว่ามันมานั่งแดก ซูกิชิกับไอ้เกมส์ กรูก็เลยตามมา” ไอ้บีมอธิบาย
“อ๋อ โอม นี่เมย์แฟนไอ้โบ๊ท” ไอ้บีมแนะนำ แต่ไม่ต้องสืบว่ามีอีกคนหน้าคว่ำอยู่ข้างหลังผมแน่ๆ

“สวัสดีคะ โอม” เสียงเมย์ทักทาย
“สวัสดีครับ” ไอ้โอมเอ่ยคำทักทายเมย์ (แต่อาการหลบตานั่นคืออะไร....)

ไอ้ไบร์ทกับไอ้บีม ชวนพวกเรานั่งโต๊ะเดียวกัน แต่ผมเกรงใจเมย์ ก็เลยบอกพวกมันว่า เมย์เค้าตั้งใจมาเลี้ยงขอบคุณไอ้บอส พวกเราเลยแยกไปนั่งอีกโต๊ะทีไม่ไกลกันนัก

แววตาไอ้โอมลุกโชติ เมื่อได้ยิน...

ระหว่างที่รออาหารที่สั่งกันไป เมย์ยังคงชวนผมกับบอสคุยอย่างสนุกสนาน เธอนั่งข้างๆผม ส่วนบอสนั่งฝั่งตรงข้าม

เห็ดออริจิย่างกำลังจะสุก ผมคีบมาวางไว้ที่จานเมย์
“เห็ดครับ”  ผมหันไปยิ้มให้กับหญิงสาว ที่ยิ้มตอบกลับมาเพราะผมรู้ใจว่าเธอกำลังไดแอ็ท
“อะนี่ของมรึง”  ผมคีบเนื้อย่างที่กำลังสุกได้ทีใส่จานไอ้บอส
“เมย์ไดเอ็ดเหรอครับ” ไอ้บอสถามเมย์ขณะเคี้ยวเนื้อตุ้ยๆอยู่ในปาก
“ก็คุมอาหารอ่ะคะ เมย์เป็นคนอ้วนง่ายและเร็ว ถ้าไม่คุมล่ะแย่แน่ๆ”
“ผมว่าไม่อ้วนหรอกครับ อย่างเมย์นี่ยังได้อีก จริงไหมโบ๊ท” มันหันมาหากพวก
“โบ๊ทบอกเมย์ตั้งหลายรอบแล้ว” ผมยืนยันสิ่งที่ไอ้บอสมันพูด
“จะดีเหรอคะ” เมย์ยังคงไม่มั่นใจ

“เมย์ครับ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์นี้ โบ๊ทไม่อยู่นะครับ” ผมเปลี่ยนเรื่องคุยกับเมย์ก่อนเมย์จะนอยด์เรื่องอ้วน
“ไปไหนเหรอคะ”  หยิงสาวถามผมกลับ
“พวกไอ้แบงค์ชวนไปฉลองแชมป์กันอ่ะ”
“เหรอคะ ที่ไหนคะ?”
“น่าจะเกาะช้างอ่ะ”
“น่าไปจัง” สีหน้าเมย์แบบว่าเสียดายมาก
“อยากไปเหรอครับ” 
“ค่ะ แต่ติดเรียนพิเศษ แล้วก็ไม่รู้จะขอที่บ้านยังไงด้วย อีกอย่างมีแต่ผู้ชายไปกัน”
“โบ๊ทเที่ยวให้สนุกเถอะค่ะ” เธอหันมายิ้มแม้จะเสียดาย
“ระวังตัว ดูแลตัวเองด้วยนะ” เธอสบทบปิดท้าย..

หลังจากอิ่มจนพุงกาง ตอนเช็คบิลผมกับบอสแย่งกันจะเป็นคนจ่าย แต่ยังเร็วสู้เมย์ไม่ได้ แถมเธอยังหันมาบ่นด้วยว่า “เมย์บอกแล้วไงคะว่าเมย์จะเลี้ยงขอบคุณ เพราะฉะนั้นไต้องแย่งจ่ายนะคะ”

หลังจากเดินไปบอกไอ้พวกโต๊ะนั้นว่ากำลังจะกลับ ผมกับบอสก็เดินมาส่งเมย์ขึ้นแท็กซี่ที่หน้าพาราก้อน

เมย์กระซิบถามผมว่า
“เมย์จะขอไลน์บอส โบ๊ทจะว่าอะไรมั้ย” เมย์กระซิบถามผม
ผมส่ายหน้าเป็นคำตอบให้เธอ เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“บอสคะ เมย์จะขอไลน์บอสได้ไหมคะ ขอไว้เผื่อติดต่อโบ๊ทไม่ได้อ่ะคะ รายนั้นชอบหายตัวอยู่บ่อย” บอสอึกอักเล็กน้อยก่อนจะส่งสายตาเป็นคำถามมาทางผม ผมพยักหน้าให้บอส

ไลน์ของผมเด้งขึ้นมาหลงจากส่งเมย์เรียบร้อย

BRIGHT
พวกกรูมาแดกสเวนเซ่นส์ มรึงจะมาไหม 19.45

“บอส พวกไอ้ไบร์ทมันชวนไปกินสเวนเซ่นส์ อยากไปป่าว”
“เอาดิ” มันหันมาตอบผม ผมกดไลน์ไปตอบไอ้ไบร์ท
                       
ผมกับบอสเดินมาถึงหน้าร้านสเวนเซ่นส์ พวกมันก็ยืนรอกันอยู่แล้ว ไอ้โอมเดินมาแตะบ่าไอ้บอส

“บอสมรึงไปห้องน้ำเป็นเพื่อนกรูหน่อย” แล้วมันก็ล็อกคอไอ้บอสเดินไป ไอ้บอสหันมาส่งปากขมุบขมิบบอกผมว่า เดี๋ยวมา

ไอ้สามตัวที่เหลือก็ลากผมเข้าไปนั่งสั่งไอติมในร้าน
“เอา เอิร์ทเควสครับ” เสียงไอ้ไบร์ทสั่งพนักงานสาวสวย
เลือกไอศกรีมได้ 8 ลูกนะคะ
“ของผม เอา มอคค่าอัลมอนด์ฟัดส์ ครับ” ไอ้ไบร์ทสั่งนำไปก่อน
“ของผม กรีนที ครับ” ของไอ้เกมส์
“ของผม แมคคาเดเมีย ของไอ้บอส เป็น มิดไนท์บราวนี่” ผมสั่งพนักงาน
“ของผม สตรอเบอร์รี่ บานาน่าครีม ของโอม สตรอเบอร์รี่ ชีสเค้ก”
“ยังเหลืออีกสองลูกค่ะ” เสียงพนักงานทวนรายการ
“กรูขอ อัลม่อนด์ พราลีน ดีไลท์ นะพวกมรึง” เสียงไอ้บีมขออนุมติพวกเรา
“อีกลูกมรึงเอาอะไรไอ้โบ๊ท”
“คุกกี้แอนด์ครีม และกันครับ”  พนักงานสาวทบทวนรายการอีกครั้งก่อนจะนำออเดอร์ไปส่ง

ไอ้บอสเดินกลับมากับไอ้โอม บอสหย่อนตัวลงนั่งข้างๆผม ส่วนไอ้โอมก็นั่งลงข้างๆไอ้บีม
“เมื่อกี้โบ๊ทสั่ง มิดไนท์ บราวนี่ ของโปรดบอสให้นะ” 
“อืมม ขอบใจ รู้ใจบอสจริงๆ” มันหันมาฉีกยิ้มกว้างให้ผม

พอไอศครีมมาเสริฟ สงครามแข่งเชอร์รี่ก็เกิด นี่แค่โหมโรงเท่านั้น ไม่รู้ตายอดตายอยากมาจากไหน ทั้งๆที่เพิ่งกินซูกิชิกันมาอิ่มแท้ๆ แพลบเดียวเท่านั้น ชามแก้วใบใหญ่ที่บรรจุไอศครีมไว้อยู่เต็มพร้อมด้วยท็อปปิ้งต่างๆ ก็หายแว่บไปกลับตา

“สรุปแล้วใครไปบ้างล่ะนี่ ไอ้โอมกับไอ้เกมส์ไปไหม” ผมยิงคำถามตรงถึงไอ้สองตัวนั่น
“กรูไป” ไอ้โอมตอบกลับมา
“กรูก็ไปสิแฟนกรูไปนี่” ไอ้เกมส์มันตอบพร้อมกับหันไปเช็คอาการคนที่มันพูดถึง ซึ่งก็นั่งหน้าแดงตามระเบียบ

.....

หลังจากแยกย้ายกับพวกมันผมกับบอสก็มาขึ้น BTS
“วันนี้ไปนอนบ้านกรูนะ” ผมบอกมันเพราะวันนี้ผมต้องหาข้อมูลเรื่องที่พัก ใช้คอมที่บ้านสะดวกกว่า
“อืมม งั้นเดี๋ยวแวะเก็บของที่บ้านบอสก่อน”
บน BTS ถึงสองทุ่มกว่าแล้วคนก็ยังคงเยอะ ผมกับบอสต้องยืน บอสอยู่ข้างๆผมตลอด มือหนาๆแต่อบอุ่นนั้นถูกวางพาดอยู่บนบ่าผมตลอด สายตาคู่นั้นที่มองผมเต็มไปด้วยความห่วงใยและอบอุ่นกว่าที่เคยทุกวัน 

…….

เช้าวันต่อมา สรุปได้ว่า ชมรมเทนนิสไปกันครบทีมมี ผมพ่วงบอส แบงค์พ่วงอาร์ม บีมพ่วงโอม ไบร์ทพ่วงเกมส์ เพียว วาย และไอ้แกงค์ผมในห้อง บาสซึ่งแน่นอนมันมันจะไปทำไมถ้าไม่มีปั๊ปไปด้วย บูมมากับนัท (นี่มันคู่ตัวละครลับชัดๆ) คุณพี่ชายเบนซ์พ่วงคุณพี่สะใภ้เบียร์ ไอ้เพียวกับไอ้วายกรูขอร้องล่ะพวกมรึงอย่าได้กันเองนะสัส รวมแล้ว 16 OMG!!!! 8 ห้อง รถ 4 คัน ตายละหวา

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2014 19:59:53
@ 38th Game  – On The Way

ปัญหาก็หล่นใส่หัวผม ในฐานะโต้โผใหญ่ จริงๆแล้วไอ้เชี่ยแบงค์ควรจะต้องรับไปนะเพราะมันเป็นต้นคิด แต่ดีนะที่โลกนี้สร้างแอพพริเคชั่นสุดไฮแทคอย่างไลน์ขึ้นมา ไม่งั้นค่าโทรศัพท์บานแหง่ๆ
ผมรีบสร้างไลน์กลุ่มขึ้นมาอย่างไว แอดพวกมันทั้งหมดเข้ามาอย่างรวดเร็ว

            B-Buddy & Couple Goup

                       12.30 ต้องการรถ 4 คันใครเอาไปได้บ้าง

BOSS
ของบอสได้  12.30

Benz
ของกรูได้  12.31

Boom
ของกรูก็ได้ 12.32

Bas
ของกรูก็ได้ 12.34

Bank
ไอ้บอส เอา BMW มรึงเก็บไปเลย
เด่วกรูเอาไปเอง ไอ้เชี่ยโบ๊ท มรึงไปรถพี่มรึงเลยสัส 12.35


               12.40  สรุปมี I-Benz, I-Boom, I-Bas, I-Bank นะ

               12.41 เอาให้ชัวร์นะพวกมรึง เปลี่ยนแปลงแจ้งให้
                                             ทราบล่วงหน้า 24 ชั่วโมง OK?

               12.48 เมื่อคืนกรูดูข้อมูล หาดไก่แบ้ สวยสุด (แนบรูป)

               12.49 มีใครคัดค้านไหม

               12.50 เงียบ แปลว่าเอาหาดนี้นะ

               12.51 นี่รีสอร์ทกรูว่าโอเคสุด ราคา โอเค (แนบรูป)   

               12.55 เงียบ งั้นกรูจองแระนะ

ผมโทรไปจองห้องพักไว้ 7 ห้องกับทางรีสอร์ท เย็นนี้ต้องไปจัดการโอนเงินมัดจำ เป็นหัวเรือใหญ่ที่มันปวดหัวอย่างนี้นี่เอง ไอ้แบงค์ถึงชิ่ง....

.......

เช้าวันเดินทาง

นาฬิกาปลุกตอน 05.30 ผมงัวเงียลืมตามาด้วยสภาพที่ยังไม่อยากจะตื่น และก็หลับตาลงอีกครั้ง
“โบ๊ท ตี่นได้แล้วครับ จะ 06.00 โมงแล้ว” เสียงคุณชายปลุก ไม่พอยังเอามือมาเขย่าตัว
“ไปอาบน้ำได้แล้ว บอสเสร็จแล้วนะครับ”
“งืมมม” เสียงตอบจากลำคอ
“วันนี้ต้องไปเกาะช้างนะ” เสียงบอสยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะปลุกผม
“อืมมมม” ในที่สุดผมก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา และเข้าไปปฏิบัติภาระกิจส่วนตัวในห้องน้ำ บอสยังคงบีบยาสีฟันทิ้งไว้ให้เหมือนทุกวัน ผมเร่งมือแปรงฟัน อาบน้ำ และออกมาใส่ชุดที่เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน เก็บของใช้ส่วนสุดท้ายโยนลงกระเป๋าที่จัดเสื้อผ้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วเดินลงบันใดมากับไอ้บอส

ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ลงมารออยู่ข้างล่างเรียบร้อยแล้ว ข้าวของกองเป็นภูเขา เสบียงฝีมือเชฟเบียร์เช้านี้เตรียมไว้สี่กล่องสำหรับรถสี่คัน ยังมีบราวนี่กับแยมโรลอีกกล่องใหญ่ๆ เบียร์เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานด้วยฝีมือชมรมคหกรรม

รถสีแดงสดยี่ห้อ Alfa Romeo รุ่น C-SUV ก็ขับเข้ามาจอดตรงหน้าบ้าน ผมเดินออกมาดูเพราะว่าไม่คุ้นตากับรถคันนี้ สุดท้าย ไอ้บูมก็เปิดประตูรถแล้วเดินลงมาพร้อมกับไอ้นัทกับในชุดสุดหล่อของพวกมัน ตามลงมาด้วย ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ (ยังจำกันได้ใช่ไหมครับ ไอ้นัทกับไอ้เกมส์มันอยู่โรงเรียนเดียวกัน)

“ไอ้เชี่ยบูมมรึงได้รถแล้วเหรอ สัส” ผมตื่นเต้นกับรถคนหรูสีสดคนนี้ เพราะมันคือ อัลฟ่า....  ที่มันตื้อขอพ่อมันมาตั้งนานกว่าจะได้คันนี้  ผมเดินชมรถ SUV คันสวยนี้ไปรอบๆ อย่างไม่วางตา

ปี๊นๆ เสียงบีบแตร ดังเมื่อรถ Chevrolet Captiva สีขาว เลี้ยวเข้าประตูบ้านมา ไอ้แบงค์ครับ มันจอดรถเปิดประตูเดินยิ้มแป้นลงมากับไอ้อาร์มและไอ้เพียวกับไอ้วาย
“จะบีบแตรทำเชี่ยไรมรึง เด่วเค้าก็แตกตื่นกันทั้งซอย นี่เพิ่งจะหกโมงเช้าแถมเป็นวันหยุด สัส” ผมด่ามันเป็นชุด
“โทษที กรูลืม” มันเกาหัวแกร่กๆ

สักพัก Citroen C4 คันหรูสีดำก็ขับตามเข้ามาจอด ไอ้บาสเปิดประตูลงมาพร้อมกับไอ้ปั๊ป

ตอนนี้ก็เหลือแค่ไอ้บีมกับไอ้โอม ที่เมื่อคืนมันไลน์มาบอกว่าจะเอารถมาจอดที่บ้านผมแต่นี่ยังไม่โผล่เลย

“ไอ้บีมยังไม่มาอีกเหรอ” ไอ้ไบร์ทถามถึงคู่หูของมัน
“นั่นไงตายอยาก”ผมหันไปบอกไอ้ไบร์ทเมื่อเห็น Seat IBX สีน้ำเงินของไอ้บีมเลี้ยวเข้ามาในบ้าน

“ไงมรึงทำไมไม่เอา Volvo มา” ผมถามพวกมันสองคนเมื่อไอ้สองคนลงมาจากรถ
“ก็เมื่อคืนไอ้โอมมันไปนอนบ้านกรู” ไอ้บีมบอก ก็เลยเอารถกรูมา


“เด็กๆมากินข้าวกันก่อนลูก” เสียงม่าม๊าออกมาตามที่ชานบ้าน

“สวัสดีครับ ม่าม๊า” เสียงพวกมันสวัสดียกมือไหว้ ม่าม๊า

บ้านแคบไปถนัดตา เพราะทั้ง 16 คน วันนี้ม่าม๊าเตรียมข้าวต้มไว้แต่เช้า เพื่อเลี้ยงพวกมัน พวกเรานั่งกินตั้งแต่โต๊ะกินข้าวยันมาถึงห้องรับแขก แน่นอนที่สุดไอเบียร์ลูกสะใภ้คนโตเป็นลูกมือม่าม๊าตั้งแต่เช้า

หลังจากจัดการข้าวต้มปลากันเสร็จ เก็บถ้วยเก็บชามเข้าที่เข้าทางเรียบร้อย พวกเราก็มาลา ม่าม๊า กับ ป๊าที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

“ขับรถขับลากันดีๆล่ะลูก” ป๊าบอกพวกเรา
“ถ้ากินเหล้ากัน อย่าขับรถนะลูก สัญญากับ ม๊ากันก่อน”
“ครับ” เสียงตอบแบบพร้อมเพียงกัน
“โชคดีลูก เดินทางปลอดภัยกัน” ม่าม๊าอวยพร
ออกจากบ้านไอ้เบียร์ก็แบ่งกล่องเสบียงที่เตรียมไว้ให้รถแต่ละคัน

Peugeot 4008 ของไอ้เบนซ์ ไอ้เบนซ์เป็นคนขับ มีว่าที่พี่สะใภ้ผม ไอ้เบียร์นั่งหน้า ผมกับไอ้บอส เป็นผู้โดยสาร

Alfa Romeo C-SUV ของไอ้บูม ไอ้บูมเป็นสารถี มีไอ้นัท นั่งหน้า ไอ้ไบร์ท ไอ้เกมส์ เป็น พ่วงไปกับคนนั้น

Citroen C4 ของไอ้บาส ไอ้บาสขับ ไอ้ปั๊ปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ไอ้บีมกับไอ้โอม ถูกยัดไปกับรถของไอ้บาส
Chevrolet Captiva ของไอ้แบงค์ มันขับเองแน่นอนว่าไอ้อาร์มนั่งหน้า ไอ้เพียวกับไอ้วายไปกับคันนี้

รถ Peugeot 4008 ของไอ้เบนซ์เป็นเป็นรถนำขบวน เราวิ่งยาวออกมาตามถนนสุขสวัสดิ์ เลี้ยวซ้ายขึ้นวงแหวนรอบนอกเลี้ยวขวาขึ้นทางด่วนบูรพาวิถี ที่คล่อมถนนบางนา-ตลาด มาลงถนนสุขุมวิทใกล้ๆ ชลบุรี แล้วแยกเข้าถนนเลี่ยงเมืองตัดออกมาทางหลวงหมายเลข 7 กรุงเทพ-ชลบุรี ตรงยาวมาจนเกือบถึงพัทยา เลี้ยวซายขึ้นทางหลวงหมายเลข 36 มุ่งหน้าสู่ จ.ระยอง ทางหลวงเส้นนี้เป็นเส้นที่ตัดเข้ามาในแผ่นดินซึ่งใกล้กว่าเส้นสุขุมวิทที่เกือบจะเรียบชายทะเล พอเลี้ยวเข้ามาก็แวะพักที่ปั้ม ปตท เพราะคันหลังเรียกร้องขอเข้าห้องน้ำกัน

ตรึ่ง เสียงไอโฟนผมร้องเตือน

May เดินทางปลอดภัยนะคะ 09.45

                                      09.46 ขอบคุณครับ เมย์ก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ^^


พอยิงกระต่ายกันเสร็จก็ขับรถมุ่งหน้าสู่ระยองกัน ไอ้พวกคันหลังอยากเห็นทะเลกันแล้ว ไอ้เบนซ์จึงตัดสินใจเลี้ยวลงถนนเรียบหาดแม่รำพึง ขับเลาะชมทะเลระยอง พวกเราเปิดกระจกรับลมทะเล อากาศสดชื่น พร้อมไอเค็มจากทะเลเข้ามาในรถ บรรยากาศกำลังดี อากาศกำลังดี หาดยาวสุดลูกหูลูกตา

สุดท้ายรถทั้งสี่คันก็มาหยุดที่ร้านอาหารริมหาดแม่รำพึงร้านหนึ่ง เพราะใกล้เที่ยงแล้ว  แล้วมหกรรมการสั่งอาหารก็เริ่มขึ้น

หลังจากจัดการอาหารที่สั่งมาจนพุงกางกันหมดแล้ว ตอนนี้สารถีถูกเปลี่ยน จะได้ไม่เหนื่อยจนเกินไป คันของผม ตอนแรกผมจะขับแต่คุณก็รู้ว่า พ่อบ้านซาตานของผมจะยอมไหม? แน่นอน He ไม่ยอม สุดท้ายคุณชายก็อาสาขับเอง โดยมีผมเป็นตุ๊กตาหน้ารถ  ส่วนคุณพี่ชายผมไปนอนพักและมีพี่สะใภ้ไปคอยปรนนิบัติพัดวีอยู่
 
Alfa Romeo เปลี่ยนไอ้เกมส์ขึ้นมาครับ ไอ้ไบร์ทนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ ส่วนไอ้บูมกับไอ้นัทมานั่งพักด้านหลัง
Citroen ไอ้โอมขึ้นมาขับไอ้บีม นั่งป้อนขนม ป้อนน้ำอยู่ข้างหน้า ไอ้บาสถอยลงมานั่งพักด้านหลังกับไอ้ปั๊ป
คันสุดท้าย Chevrolet ไอ้อาร์มเปลี่ยนมาขับแทนไอ้แบงค์ เพราะไอ้เพียวกับไอ้วายไอ้แบงค์ลงความเห็นว่ามันยังเด็กเกินไปกับการขับรถทางไกล

(สรุปเที่ยวนี้ เมะเป็นคนขับ เคะเป็นตุ๊กตาชิมิ ยกเว้นนุ้งอาร์มหนึ่งคน)
“ไม่จริง!!!” เสียงโบ๊ทโวยวาย”
“ไรท์เตอร์ ผมกับบอสเป็น โบ๊ท ตาหาก”
“เหอะๆ” เสียงบอสตวัสขึ้นสองรอดไรฟันออกมา”
“Look อย่างนายเป็น เคะ นะดีแล้ว ที่ยอมให้เพราะรักหรอกนะ ได้ทีเอาใหญ่”
“ชิส์ เสียงเปาปากไม่พอใจของโบ๊ท”
“หยุดเถียงกันในหัวช้านได้แล้ว” ไรท์เตอร์เสียงดังใส่สองคน
“ช้านจะเขียนต่อ”

รถมุ่งหน้าเลาะริมทะเลผ่าน บ้านเพ ท่าเรือที่ข้ามไปเกาะที่เค้าว่ากันว่า ไปเสม็ดเสร็จทุกราย พอเลยบ้านเพ บอสเลี้ยวรถกลับขึ้นมาถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าจันทบุรี ถึงจันทบุรีประมาณ บ่ายโมงนิดหน่อย แวะปั๊มเติมน้ำมันรถให้เต็ม เพราะข้ามไปบนเกาะน้ำมันจะแพงกว่าอยู่บนฝั่ง หลังจากเติมพลังงานให้รถกันเรียบร้อยแล้ว  สถานที่ต่อไปที่เรามุ่งหน้าไปก็คือ ท่าเรือเฟอร์รี่ที่แหลมงอบ

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Sp II Game 03/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2014 20:04:17


ชี้แจง

ก่อนอื่นต้องขอโทษคนอ่านที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน

คนเขียนกำลังประสบกับปัญหาชีวิตหน่ะครับ แฟนที่คบกันมา 5 ปี เกิดนอกใจกันขึ้นมา
เขายังเลือกคนเขียนอยู่ แต่ดูหมือนเองเขาเองก็จะมีปัญหาเรื่องการจะตัดอีกฝั่งพอสมควร
เหตุการณ์เพิ่งเกิดเมื่อวันที่ 3 เมษาที่ผ่านมา ครับ
ตอนนี้สติสตางค์คนเขียนยังไม่กลับคืน คาดว่าหลังสงกรานต์จะกลับมาเริ่มเขียนอีกครั้ง

ขออภัยคนอ่านไว้ตรงนี้ด้วยนะครับที่ล่าช้า ตอนนี้ลงตอนเท่ากับอีกเว็ปที่วงไว้แล้วนะครับ
หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมเร็วๆ
ขอบคุณคนอ่านทุกๆท่านด้วยนะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: nunnan ที่ 09-04-2014 21:11:00
สู้ๆค่ะะะ  :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 09-04-2014 22:32:37
ช้านอยากได้เกมส์  :hao7:
ขอไปนั่ง Alfa Romeo ด้วยนะ


 :hao5: คนเขียนหายไปกลับมาก็ดราม่าเลย
สู้ๆนะ ปรับความเข้าใจกันให้เรียบร้อยนะ ตั้ง 5 ปี แล้วนอกใจเราว่ามันคงเจ็บปวดใจมากๆเลยอ่ะ
ถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ขอให้เคลียร์กันให้เรียบร้อยนะ
จะรอนิยายหลังสงกรานต์จ้า
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: OJSG7 ที่ 10-04-2014 19:19:24
สู้ ๆ น่ะค่ะคนเขียน เกิดเหตุกานแบบนี้
เป็นเราก็ไม่มีกะจิตกะใจ แต่งต่อเหมือนกัน ฮ่าๆๆ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 13-04-2014 00:35:48
คนเขียนเป็นไงบ้างครับ
เป็นกำลังใจให้  ถ้าทุกอย่างแฮปปี้แล้วมาต่ออีกนะ
รออ่านเหมือนเดิม :katai4:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-04-2014 13:12:11
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 11-06-2014 10:59:45
รอ..........รออออออ อยากอ่านต่อนะ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 19-08-2014 13:20:19
อยากอ่านต่อ กลับมาเขียนต่อด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 34-38 Game 09/04/57
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 19-01-2015 13:17:25
@ 39th Game  –  Beautiful Sunset

รถทั้งสี่คันมาจอดต่อแถวยาวเหยียดรอขึ้นเรือเฟอร์รี่ เราลงมาสูดอากาศ ยืดเส้นยืดสายกันนอกรถ

“ไปถ่ายรูปกัน” บอสชวนผมเดินตรงท่าเรือ
“อืมม” เสียงจากลำคอตอบคำชวนของบอสออกไป ผมเดินตามบอสไป ทะเลสีฟ้าสด กับแสงแดดยามบ่าย ถึงแม้จะร้อนไปหน่อยแต่ ก็สดชื่นกับบอากาศ ทำเอาลืมความร้อนไปเลย

“ยิ้มหน่อย” เสียงบอสบอกผมคลี่ยิ้มออก
“แชด” เสียงถ่ายรูปดังขึ้นจากกล้อง xperia z1 ของมัน

“เฮ้ยยย ไอ้โบ๊ท ไอ้บอส ขึ้นรถได้แล้ว เรือมาแล้ว” เสียงไอ้แบงค์วิ่งมาตะโกนเรียก เพิ่งถ่ายได้แค่รูปเดียวเอง เง้อออ

ผมกับบอสมาถึงรถ ไอ้เบนซ์กำลังจ่ายค่าเรือเฟอร์รี่  รถของเราค่อยๆเคลื่อนที่ลงมาในเรือ พอจอดรถกันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินขึ้นมาด้านบนของตัวเรือ ที่เป็นที่นั่งเรียงราย มีหลังคากันความร้อน เพื่อหาที่นั่งกันตามสบาย

ไม่นานเรือรำใหญ่ก็ค่อยๆออกจากท่า ลมเย็นๆเริ่มพัดเข้า เรือค่อยแหวกคลื่นมุ่งหน้าสู่เกาะใหญ่ด้านหน้าของพวกเรา
ไอ้เบียร์หลังพิงอยู่กับไอ้เบนซ์ ที่ยืนติดกับราวเหล็กกั้น มืออีกข้างถือกล้องถ่ายรูปที่หันหน้าเข้าหาตัว ถ่ายรูปคู่กันที่ฉากหลังเป็นทะเลน้ำเงินอมฟ้าสวยงาม  ผมมายืนเอามือเท้าราวกั้น มองออกไปข้างนอก รับลม สูดบรรยากาศ ลมที่พัดเข้ามาสดชื่น

“แชด” เสียงกล้อง xperia z1 เครื่องสีดำทำงาน ผมหันไปดู ไอ้บอส กำลังดูภาพ ที่มีตัวผมอยู่ครึ่งด้านซ้ายของรูป อีกครึ่งเป็นทะเลสีน้ำเงินคราม

“มาเดี๋ยวกรูถ่ายให้บ้าง” ผมบอกมัน เอื้อมมือไปคว้า xperia z1 ของมันมา
“แชด” ผมกดชัดเตอร์ บอสอยู่ในทวงท่าสบายๆ มองออกไปข้างนอกเรือ ขนาดไปต้องตั้งทา มันก็หล่อสไตล์ของมัน 

เรือใช้เวลาประมาณ 45 นาที ก็กำลังจะถึงท่าเรือบนเกาะช้าง พวกเราเข้ามาเตรียมพร้อมที่รถแต่ละคัน พอเรือเทียบท่าเรียบร้อย รถของเราค่อยๆเคลื่อนขึ้นฝั่ง เลี้ยวขวาไปตามถนนที่ไม่ได้ใหญ่มากแค่พอรถสวนกันได้ แต่ก็ราดยางอย่างดี ขับมาไม่นานก็มาถึง ร้านสะดวกซื้อตรงต้นหาดทรายขาว หาดนี้ก็เปรียบเหมือนตัวอำเภอของเกาะ พอรถจอด การกักตุนสเบียงก็เริ่มขึ้น ไอ้บูมกับไอ้นัท นำทีมลงไป ไม่นาน ก็หอบของพะรุงพะรังมาขึ้นรถ

ถนนเรียบหาดขาวมีร้านลวงขายของฝากของที่ระลึกเป็นแถวยาวเหยียด ข้างหลังก็เป็นหาดทรายสีขาวยาวเหยียดใมกับชื่อหาด ฝรั่งนุ่งบีกีนีตัวจิ๋ว อยู่เต็มชายหาด หลุดจากหาดทรายขาว ถนนก็ลัดเลาะขึ้นเนินเขาไม่นาน แล้วก็มาถึงหาดคลองพร้าวเป็นหาดยาว มีนักท่องเที่ยวมากมาย เลยจากหาดคลองพร้าวก็มาถึงที่พักของพวกเรา หาดไก่แบ้

หาดไก่แบ้เป็นหาดที่สวยงาม(ที่สุด) ที่คลื่นลมไม่แรงมาก และพิเศษตรงที่ มองออกจาหากไปจะเห็นเกาะเล็กๆสามสี่เกาะเรียงรายกันอยู่ตรงข้างหน้า ทำให้บรรยากาศไม่เวิงว้างไปด้วยทะเลสุดลูกหูลูกตา พรุ่งนี้มีแพลนที่จะไปดำน้ำโดยใช้สน็อกเกิ้ล ดูปะการังและปลากันที่เกาะเล็กๆพวกนั้นด้วย

หลังจากจัดการเช็คอินที่พักแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันเอาของเข้าไปเก็บ
ผมเดินออกมาโทรศัพท์หาเมย์

“สวัสดีครับ” ผมทักทายหญิงสาวที่อยู่ในสาย
“โบ๊ทถึงหรือยังคะ” เมย์ถามเมื่อได้ยินเสียงผม
“ถึงแล้วครับ เพิ่งถึงเลย นี่เพิ่งจะได้เข้าห้องพัก”
“เที่ยวเผื่อเมย์ด้วยนะคะ” เสียงเมย์ยังคงสดใส
“ครับโผม”
“เดี๋ยวเมย์ต้องไปแล้วนะคะ ไงไว้คุยกันนะ”
“ครับ ไว้คุยกัน ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
“ค่ะ โบ๊ทก็เหมือนกันนะคะ”

หลังจากวางสายจากเมย์ผมเดินกลับเข้ามาให้ห้อง ก็เห็นบอสเอนหลังลงบนเตียง อาจเพราะเหนื่อยจากการขับรถ ผมรื้อกระเป๋าทั้งของผมและของบอสเก็บของใช้เสื้อผ้าเข้าที่เข้าทาง ก่อนจะนอนลงข้างๆมัน บอสนอนหงาย ดวงตาปิดสนิท ขนตาแผงหนา ทำให้บอสดูหล่อเหลากว่าเด็กทั่วไป ผมค่อยๆขยับริมฝีปากไปประทับลงตรงแก้มมัน

ขนตาแผงหนานั้นค่อยๆเคลื่อนขึ้น ดวงตายาวรีค่อยๆเปิดขึ้น

“เหนื่อยเหรอ” ผมพูดกับชายหนุ่มที่นอนอยู่ตรงหน้า มือของบอสค่อยๆตวัดอ้อมเข้ามากอดผม ตัวของบอสค่อยๆพลิกตะแคงข้างมา จนจมูกของเราเกือบจะชนกัน
“แค่อยู่กับโบ๊ท บอสก็ไม่เหนื่อยแล้ว” บอสพูดจบผมก็คลี่ยิ้มกว้าง
“อ่ะนี่รางวัล” ผมยื่นริมฝีปากเข้าไปประกบกับริมฝีปากบอส เบาก่อนจะหันหลังให้ (แหม่ๆ คิดไรกันอยู่ครับรีดเดอร์ 555)  แล้วลุกขึ้นจะไปห้องน้ำ แต่ก็ช้ากว่า วงแขนที่คุ้นเคยนั้น รวบตัวผมลงมาบนเตียง

“ปล่อยก่อน จะไปห้องน้ำ” วงแขนนั้นยังรัดแน่น
“ปวดฉี่” ผมบอกมัน ก่อนจะเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ฉายแวบเข้ามา
“ปวดฉี่เหรอ หึหึ”  มันเปลี่ยนจากกอดเป็น จักจี่เอวผม  ผมดิ้นพล่านอยู่บนเตียง ส่วนอีกมือก็เอามากดที่ท้องน้อยผม ฉี่เกือบพุ่ง
“ไอ้เชียบอส ปล่อยกรู เยี่ยวจะราดแล้ว” ตอนนี้เลิกหวานแระครับ ศัพท์พ่อขุนมาพรึ่บ
“ไอ้เชี่ยบอส”  ไอ้นี่แรงมันเยอะมาจากไหน

“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง
“พี่โบ๊ท พี่บอส ไปเล่นน้ำทะเลกัน” เสียงไอ้วายเรียกอยู่หน้าห้อง
จังหวะนั้นผมได้โอกาสดิ้นหลุดจากวงแขนไอ้บอส วิ่งเข้าห้องน้ำไปปลดทุกข์อย่างรวดเร็ว
“ครับ เดี่ยวตามไปนะ” เสียงไอ้บอสถามไอ้วายไป

ออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นไอ้บอส อยู่ในกางเกงขาสั้นสีส้มสดใส กับท่อนบ่นที่ปราศจากเสื้อ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ได้รูปสวยงาม ผมยืนนิ่งไป 4 วิ แมร่งโคตรหล่อ

“ไม่ต้องมองค้างขนาดนั้น” ไอ้บอสพูดเมื่อเห็นผมยืนอ้าปากค้างอยู่หน้าห้องน้ำ
“เดี๋ยวคืนนี้ค่อยว่ากันนะครับที่รัก” มันพูดจบ อุณหภูมิบนหน้าผมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ไอ้บ้า ”  ผมด่ามันไปด้วยความเขิน ก่อนจะเปลี่ยนกางเกงเล่นน้ำทะเล สีเขียวใบไม้
“เมียใครหว่า หุ่นโคตรดีเลย” เสียงเด็กหนุ่มดังมาจากข้างหลัง แซวผมอย่างอารมณ์ดี

ออกมาจากห้องเดินมาไม่ไกลก็ถึงหาด ที่หาดไม่มีแถวร่มกับเก้าอี้ชายหาดให้ขัดกับธรรมชาติที่สวยงาม

ไอ้เบนซ์อยู่ในกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินสด ส่วนไอ้เบียร์อยู่ในกางเกงขาสั้นสีแดง ไอ้แบงค์กับกางเกงขาสั้นสีฟ้า ไอ้อาร์มขาสั้นสีชมพูอ่อนๆ ก็ดูเข้ากับมันเป็นอย่างดี ไอ้เพียวกับไอ้วาย โวกเวกตะโกนเรียกพวกเราตอนนี้พวกมันไปอยุ่ในน้ำกันเรียบร้อย

ไอ้ไบร์ทกำลังเดินลงมาที่หาดสะดุดตากับกางเกงขาสั้นสีบานเย็น แนบข้างมาด้วยไอ้เกมส์กับกางเกงสีกรมท่า

“ไอ้ไบร์ทเกงเกงมรึงสีเจ็บชิบหาย” ผมอดแซวมันไม่ได้
“นี่ถ้าไม่ใช่กรูนี่ใส่ คนอื่นใส่นี่เน่าสนิทเลยนะมรึง” นี่หูผมไม่ฝาดไปใช่ไหมครับมันชมตัวเอง

ไอ้บีมเดินออกมาจากร้านขายของในรีสอร์ด พร้อมกับเสื่อผื่นใหญ่ที่เพิ่งซื้อมา ไอ้บีมใส่กางเกงขาสั้นสีเหลืองเข้มสะดุดตา ส่วนไอ้โอมมากับสีม่วงน้ำเงิน พอมาถึงมันก็คลี่เสื่ออีกผืนวางข้างๆกับเสื่อที่ผมกับไอ้บอสนั่งกันอยู่

ไอ้บูมเดินลงมาจากห้องกับกางเกงขาสั้นสีเหลืออ่อนไอ้นัทมากับกางเกงขาสั้นสีม่วงแดง มาหย่อนก้นลงที่เสื่อ

“ไอ้บาสยังไม่ลงมาอีกเหรอ” มันหันมาถามผม
“กรูยังไม่เห็นหว่ะ” ผมตอบมันกลับไป
“แมร่งมัวทำกิจกรรมเข้าจังหวะกับไอ้ปั๊ปเหรอไงวะสาด” เสียงไอ้แบงค์ปล่อยหมาออกจากปาก
“ใครเค้าจะหงี่ได้ทุกเวลาเหมือนมรึง” ผมหันไปด่ามัน
“บ้า โบ๊ท อ่ะ ไม่ถึงขนาดนั้น” ไอ้อาร์มรีบแก้ตัว
“เออเดี๋ยวกรูไปตามมัน” ไอ้บูมบอกก่อนจะเดินกลับขึ้นไปเรียกไอ้บาส

สักพัก ไอ้บาสกับไอ้ปั๊ปก็เดินตามไอ้บูมลงมา พร้อมกับหัวที่กระเซอะกระเซิง กับหน้าตาที่ยังไม่ตื่นดี กับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลที่มันใส่มา ก็บอกได้ว่ามันเตรียมจะมาลงน้ำแล้ว ไอ้ปั๊ปเดินตามหลังมาด้วยกางเกงขาสั้นสีเขียวอมฟ้า หน้าตาเพิ่งตื่นนอนมาเหมือนกัน

และแล้วลิงทั้ง 16 ตัวก็กระโจนลงสู่ทะเล.....

พระอาทิตย์ดวงโตกำลังจะตกลงผืนน้ำข้างหน้าเรา ผมเรียกให้ทุกคนหันไปมอง เป็นภาพที่สวยงามอย่าบอกใคร เสียงโวกเวกที่พวกเราเล่นสนุกกัน เงียบลงเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้านั้นทำให้พวกเราหยุด พวกเรากำลังอยู่ในน้ำลึกประมาณอก ไอ้บอสอยู่ข้างๆเยืองไปข้างหลังผม มือของบอสค่อยๆสอดเข้ามาที่เอวผม มันเป็นภาพที่ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร พระอาทิตย์กำลังจะตกน้ำสวยงามมาก
“สวยนะครับ” เสียงบอสกระซิบที่ข้างๆหูผม
“บอสรักโบ๊ทนะครับ” เสียงกระซิบที่ข้างหูก่อนที่ผมจะโดนขโมยจูบที่แก้มเบาๆ
“โบ๊ทก็รักบอสนะ” ผมตอบมันกลับ พร้อมกับเอามือจับมือของบอสกระชับเอวผมให้แน่นขึ้น ผมมีความสุข ความอบอุ่น แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเรา ....

“พี่ๆ ถ่ายรูปกัน” เสียงไอ้เพียวตะโกนมาจากหาด มันวิ่งกลับไปเอากล้องมาตอนไหนไม่รู้ พวกเราหันมาหามันมัน

“พี่บาสกับพี่ปั๊ป เขิยบเข้ามาอีกหน่อยมันตกเฟรม” เสียงไอ้เพียวตะโกนบอกไอ้คู่นั้น
ไอ้สองคนขยับเข้ามา ไอ้เพียวเริ่มตั้งเวลา ก่อนจะวิ่งลงทะเลน้ำกระจายมายืนใกล้ๆกับไอ้วาย แล้วกล้องที่ตั้งเวลาก็ทำงานตามที่มันได้ถูกโปรแกรมไว้

หลังจากเก็บรูปภาพแทนความทรงจำเสร็จแล้ว พวกเราก็ชื่นชมพระอาทิตย์สีส้มกำลังจะลับหายลงไปในผืนน้ำ เป็นภาพที่สวยงาม และความสุขยิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆเราเป็นคนที่เรารัก....และเขาก็รักเรา

พระอาทิตย์ตกน้ำที่เกาะช้าง ผมอยู่ในน้ำกับบอส บอสกอดผมจากด้านหลัง เรามองพระอาทิตย์ค่อยๆจมหายลงไปในพื้นมหาสมุทร ภาพนี้จะอยู่ในใจผมตลอดไป

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 39 Game 19/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 20-01-2015 23:03:17
อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย  :hao7: :hao7:
คนเขียนกลับมาต่อแล้ว
เอาหนุ่มมาฝากด้วย  :hao6:
อย่าหายไปอีกนะคนเขียน ที่ใจมากที่ได้กลับมาเจอสุดที่รักอีกครั้ง
ถึงตอนนี้สุดที่รักจะบทน้อยไปหน่อยก็เถอะ

กลับมาต่อบ่อยๆเลยนะจ๊ะ  :mew1:

ปอลิง: อยากเห็นสุดที่รักในชุดกางเกงว่ายน้ำสีกรมท่าจริงๆ  :z1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 39 Game 19/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 22-01-2015 12:02:29
@ 40th Game  –  Reconcile


พอขึ้นจากทะเลก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำกัน วันนี้พวกเราขับรถออกไปหามื้อค่ำที่หาดทรายขาว หลังจากขับดูว่าจะกินร้านไหนดีสุดท้ายก็มาจบที่ร้านที่เป็นบ้านไม้ทาสีขาว มีโต๊ะเกาอี้สีขาวตัดกับระเบียงไม้สีน้ำตาลที่อยู่ติดริมทะเล บรรยากาศดีๆร้านหนึ่ง

“ทะเลเผา”
“ปลากระพงนึ่งมะนาว”
“ปูผัดผงกะหรี่”
“อ๋อส่วน”
“ปลาหมึกผัดไข่เค็ม”
“ข้าวผัดกุ้งจากใหญ่”
รายการอาหารถูกสั่งยาวเหยียดจากเด็กกำลังกินกำลังนอน
“ทั้งหมด 4 ชุดครับ” ผมสั่งปิดท้ายกับพนักงาน

ไม่ต้องแปลกใจกันนะครับ ก็พวกเราอ่อนแรงจากการเล่นน้ำไปเมื่อช่วงเย็น สั่งกันแบบเป็นพายุ ไม่ต้องกลัวว่าจะกินกันไม่หมดนะครับ เพราะไม่เหลือนั่นคือคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

อาหารทยอยมาเสริฟ พวกมันบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “โคตรอร่อย” เพราะอาหารทะเลมาจากหมู่บ้านประมงบนเกาะนี่เอง จึงสดมาก อาหารอร่อย บรรยากาศริมทะเลมีเสียงคลื่นเป็นซาวน์ประกอบ อยู่กับเพื่อนและคนที่เรารัก อะไรจะสุขไปกว่านี้

กลับมาถึงรีสอร์ด ไอ้เบนซ์ เข้าไปถามพนักงานว่าตรงไหนสามารถก่อไฟได้บ้าง สุดท้ายพนักงานก็นำพวกเรามาที่ลานที่อยู่ติดกับทะเล รีสอร์ดเขาจัดสถานทีไว้ให้แขกที่เข้าพัก เผื่อใครอยากจะก่อไฟ และมีเตาสำหรับปิ้งย่าง พร้อมถ่านและฟืนเตรียมพร้อมไว้ให้อยู่แล้ว

พวกพ่อบ้านทั้งหลายพยายามงัดเอาวิชาจุดไฟจากที่เคยเรียนลูกเสือเมื่อชาติที่แล้ว มาใช้กันพอไฟติด แอลกอฮอร์ก็มา ขากลับรถคันไอ้บาสแวะซื้อติดเข้ามา เบียร์กระป๋องเขียวๆ ทรงสูงยี่ห้อจากเยอรมันนี ถูกแจกจ่ายมาที่พวกเรา

“พรุ่งนี้ใครอยากไปไหนบ้าง” ไอ้บูมเปิดประเด็น
“ตอนบ่ายมีออกไปดำน้ำนะโว้ย กรูติดต่อเอาไว้แล้วอันนี้เบี้ยวไม่ได้ เพราะเงินจ่ายไปแล้ว” ผมย้ำพวกมันก่อน
“ที่นี่มี ทรี ท็อป แอดแวนเจอร์” พวกมรึงสนไหม ผมเสนอ
“แล้วไอ้ท็อปๆของมรึงคือเชี่ยไร” ไอ้แบงค์แสลนหน้าออกมา
“ก็ที่ขึ้นไปอยู่บนต้นไม้อะมรึง แล้วก็มีด่านต่างๆให้ผ่าน หอยโหนอยู่บนนั้นอ่ะ” ผมอธิบายพวกมันไป
“เออ น่าสนหว่ะ” ไอ้บาส ออกความเห็น
“ใครสนบ้าง” ไอ้บอสเริ่มขอเสียงแต่ละคน

ยกมือกนพรึ่บ !!!

“สรุปว่า ช่วงเช้า ไปปีนต้นไม้กัน ตอนบ่ายไปดำน้ำ เอาตามนี้นะ” ผมสรุปกิจกรรมพรุ่งนี้
“เย็นพรุ่งนี้ซื้อของทะเลมา ปิ้งย่างทำกินกันเองไหม” แน่นอนครับคนที่เสนอเรื่องนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเชฟเบียร์ของเรานั่นเอง
“ดีๆ” มีแต่เสียงสนับสนุน
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งหลังจากดำน้ำเสร็จเดี๋ยวกรูกับเบียร์ขับรถออกไปซื้ออาหารทะเลมาเตรียมแล้วกัน” ไอ้คุณพี่ชายรีบเสนอ

พอเบียร์หมดพวกเราก็แยกย้ายกันกลับห้อง พรุ่งนี้มีกิจกรรมทั้งวัน ตอนไอ้บาสแวะซื้อ ผมกำชับพวกมันแล้วว่า “เอาพอประมาณนะมรึง มาเที่ยว ไม่ใช่มาเมา” ไอ้บาสเลยซื้อมาไม่เยอะ แค่ 4 โหล คนละสองกระป๋องเท่านั้น

คืนนี้เป็นอีกคืนที่ผมได้ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของไอ้บอส

......

ผมถูกปลุกด้วยเสียงเคาะห้องจากไอ้เบนซ์ ที่ถูกมอบหมายให้เป็นนาฬิกาปลุกเช้าวันนี้ หลังจากทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ผมกับบอสก็ออกมาทานมื้อเช้าที่รีสอร์ทเตรียมไว้ให้ ศาลาแปดเหลี่ยมริมทะเล ถูกจัดให้เป็นบุบเฟ่ต์บาร์สำหรับมือเช้า ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์ม ไอ้บาสกับไอ้ปั๊ป ไอ้บูมกับไอ้นัท ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ ไอ้เพียวกับไอ้วาย กำลังจัดการมื้อเช้าเพื่อเติมพลัง ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ ไอ้บีมกับไอ้โอม กำลังเดินตามมา พอกินกันเสร็จ ทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ล้อก็หมุนเกือบจะ 8.30 โมงเช้า

พอมาถึง ทรี ท็อป แอดแวนเจอร์  พี่พนักงานก็สาธิตวิธีเล่น และกฎของการเล่น เพื่อความปลอดภัยของคนที่เข้ามาเล่น สิ่งที่ห้ามเด็ดขาดคือปลดเซฟตี้สองอันพร้อมๆกัน นั่นอาจจะทำให้เราตกจากยอดไม้ลงมาได้

ฐานแรกๆที่พวกเราเล่น ยังไม่ยากและไม่เสียวเท่าไร แต่ความยากและความสูงค่อยเพิ่มขึ้น พวกเราหอยโหนอยู่บนยอดไม้ ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากลิงเท่าไร ยิ่งไอ้พวกนั้นส่งเสียงโวกเวก ร้องตะโกนอย่างกะเป็นทาร์ซานด้วยแล้ว เหมือนในการ์ตูนเลย

ฐานสุดท้ายเป็นฐานที่สูงที่สุดและระยะทางไกลที่สุด เป็นการโรยตัวจากต้นไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นหนึ่ง ที่รองรับเท้าของพวกเรามีเพียงอากาศเท่านั้น ผมเป็นคนแรก วินาทีที่จะถูกปล่อยตัว มันเสียววาบ ผมแถบจะไม่มองลงไปเบื้องล่างเลย ขาสั่นกันเลยทีเดียว สุดท้ายผมก็ถูกปล่อยตัวออกมา พอหลุดจากต้นไม้ ผมร้องเสียงหลง ดังไปก้องป่า พอหายจากความกลัว สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ สีเขียวขจีของต้นไม้ อากาศที่สดชื่น ทำให้อิ่มกับธรรมชาติจริงๆ ผมถูกพนักงานดึงตัวขึ้นไปเมื่อถึงแคร่ไม้ฐานสุดท้าย

คิวต่อไปเป็นของไอ้บอส ไอ้นี่หล่อมาเชียว มันไม่กลัวเลย แต่ที่ขำที่สุดก็คงเป็นไอ้บาส ที่ร้องเสียงหลง ดังลั่น หลับตาปี๋ แถมพอมาถึงยังโดนไอ้บูมแกล้ง ดันตัวมันกลับไป ห้อยต๋องแต๋งอยู่กลางอากาศ มันตะโกนด่าไอ้บูมให้ขร่มไปทั้งป่า

.............

บ่ายโมงตรงพวกเราก็มาถึงท่าเรือที่เราจองทัวร์ดำน้ำเอาไว้ แต่พวกเราไม่ได้จองทริปเต็มวัน เลยได้ไปแค่เกาะเดียวคือเกาะยักษ์ใหญ่ เกาะนี้เป็นเกาะที่ห่างจากเกาะช้างออกไปเกือบ 20 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีโขดหินเด่นอยู่บนเกาะ บริเวณน้ำทะเลโดยรอบเป็นสีฟ้า มีปะการังเขากวางกลุ่มใหญ่ ปะการังจาน และฟองน้ำมากมายเรียงร้อยกันอยู่ที่ท้องทะเล และยังมีฝูงปลาหลากสีว่ายเวียนเข้ามาใกล้อย่างเป็นมิตร เพราะคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ระหว่างเดินทางมีอาหารเที่ยงเตรียมไว้ให้บนเรือเรียบร้อยแล้ว

ถึงจุดที่จะลงไปดำน้ำ ผมกับบอสอยู่ในเสื้อชูชีพ พร้อมสน็อกเกิ้ล เราว่ายคู่กัน อยู่ท่ามกลางฝูงปลาและน้ำทะเลใสสีคราม ทริปนี้ภาพความทรงจำ และความประทับใจ อยู่ตัวหัวใจผมจริงๆครับ

คู่ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็ดูมีความสุขไม่ต่างจากเรา ไอ้แบงค์ก็คอยดูแลไอ้อาร์มอยู่อีกมุม บาสกับปั๊ป บูมกับนัท บีมกับโอม ไบร์ทกับเกมส์ สรุปแล้วมีไอ้เพียวกับไอ้วายและครับ ที่มาเป็นคู่หูคู่ฮา ส่วนพวกที่เหลือนี่มันมาฮันนี่มูน ชัดๆ

............

กลับมาถึงเกาะ ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์แยกออกไปซื้อของทะเลมาเตรียมปิ้งย่างกินกันคืนนี้ ผมกับบอสเลยอาศัยรถไอ้แบงค์กลับมาด้วย พอมาถึงรีสอร์ท ผมกับบอสก็มาเตรียมอุปกรณ์ทั้งหลาย เขียง มีด สำหรับหั่น ครก ที่ไอ้เบียร์สั่งนักสั่งหนาว่าให้ไปหามาให้ได้ ไม่งั้นจะอดน้ำจิ้มซีฟูดรสเด็ด ส่วนพวกไอ้บาส เริ่มก่อไฟเพื่อเตรียมเตาปิ้ง ส่วนบูมแยกไปซื้อของที่กินแกล้มกับอาหารทะเลแล้วอร่อยที่สุดในสามโลก ไม่ต้องเดาครับ แอลกอฮอร์ ที่ห้างซุปเปอร์สโตร์ ที่เปิดอยู่ระหว่างทางหาดไก่แบ้กับหาดทรายขาว

ไม่นานไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็กลับมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรัง ที่เต็มไปด้วย กุ้ง หอย ปู ปลา มาแบบครบเซ็ต เชพใหญ่เริ่มจัดการหน้าที่ของตัวเอง โดยมีไอ้เบนซ์ ผม และไอ้บอส เป็นลูกมือ  ไอ้บูมกลับมาพร้อมกับเบียร์ลังใหญ่หลายลัง โดยมีไอ้นัทช่วยหอบลงมา และคนช่วยถือของที่หน้าสุดแสนจะคุ้นอีกหนึ่งคน

“หวัดดีครับ” เสียงทักทายคุ้นหูดังขึ้น
ไอ้วินครับ แหม่โลกช่างกลมดีจริงๆ

“อ้าวเอ้ยย ไอ้วิน มาได้ไงล่ะนี่” เสียงไอ้อาร์มทัก
“ก็มากับที่บ้านอ่ะ แต่คืนนี้ขอมาแจมด้วยได้ไหม” มันยิ้มหน้าบานเพราะดูเหมือนจะน่าสนุกกว่าจ๋อมอยู่กับพวกผู้ใหญ่
“ได้สิครับ” ไอ้บอสเอ่ยปากชวน
ผมพยักหน้าทักไอ้วิน ไอ้วินหันมายิ้มให้
“มรึงนอนห้องกรูก็ได้” ไอ้อาร์มชวน
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกรูไปเปิดห้องเอง กรูเกรงใจ” ไอ้วินอามือขึ้นลูบหัวตัวเอง
“เออ งั้นกรูไปเปิดห้องก่อน เดี๋ยวกลับมาคุยด้วย” มันหันมาบอก ก่อนจะแยกไปเปิดห้องอีกห้องกับรีสอร์ท

คุณเชพใหญ่ว่าที่พี่สะใภ้ผม จัดการเรื่องน้ำจิ้ม ต่างๆเสร็จ ล้างและเตรียมของทะเลเสร็จ ปฏิบัติการจับทุกอย่างย่างลงเตาก็เริ่มขึ้น

เริ่มจากปลาหมึก พอปลากหมึกย่างสุก แผนกหั่นก็เริ่มทำงาน หั่นยังไม่ทันเสร็จดี ก็หมดอย่างรวดเร็ว อย่างอื่นๆค่อยๆตามมาเรื่อย ทั้ง กุ้ง หอย ปู

“น้ำจิ้มไอ้เบียร์โคตรแซ่บอ่ะ” เสียงไอ้แบงค์ชมไอ้เบียร์ ส่วนคนที่ถูกชมก็หน้าบานยิ้มไม่หุบ
“ไม่เห็นชมกรูบ้าง กรูเป็น ซูเชฟ(ผู้ช่วยเชพ)เลยนะมรึง” ไอ้เบนซ์แขวะไอ้แบงค์
“ชมเมียก็เหมือนกับชมผัวแหละวะ” ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ถึงกับอึ้งเมื่อไอ้แบงค์มันปล่อยไอ้ปีโป้ (หมาเยอรมัน เชพเพิร์ดของมัน) ออกจากปาก

เสียงโห่ฮา ดังมาไม่ขาดจากไอ้พวกนั้น

“เอาแดกไปจะได้ไม่ต้องพูด” ไอ้เบนซ์ส่งปูทะเลตัวใหญ่ที่เพิ่งย่างเสร็จไปให้ไอ้แบงค์

ผมเดินเข้ามาสั่งเบียร์เพิ่มกับทางรีสอร์ท เพราะคาดว่าจะไม่พอแน่ๆ และไม่อยากขับรถออกไปซื้อแล้ว พอเดินกลับมาที่หาด ก็เจอไอ้วินยืนรออยู่

“เออ ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมโบ๊ท”
“อืมม มีไรหรือเปล่าวิน”  ผมตอบกลับมันไป
“คือโบ๊ท รู้เรื่องที่ เราชอบบอสใช่ไหม” มันกล้าๆกลัวที่จะถามผม
ผมพยักหน้า แทนคำตอบ
“คือเราอยากจะขอโทษโบ๊ท เราไม่รู้ว่าตอนนั้นบอสกลับมาคบกับโบ๊ทแล้ว ขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับโบ๊ท”
“ไม่เป็นไร วิน เราเข้าใจ”  ผมเอื้อมมือไปตบบ่าไอ้วิน
“ขอบใจ” เสียงมันตอบกลับมา
“แต่โบ๊ทไม่ต้องเป็นห่วงนะ วินรู้ตัวดีว่าวินอยู่ในฐานะอะไร และวินจะไม่ทำให่โบ๊ทกับบอส ลำบากใจ วินพยายามตัดใจจากบอส แต่ขอให้โบ๊ทใจว่า มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเลิกรักคนอย่างบอส” ทำไมผมจะไม่เข้าใจว่าเลิกรักคนอย่างหมอนั่น มันยากเพียงไหน เสียงสะท้อนในใจผม

“อืม เราเข้าใจ” ผมตอบวินได้เพียงเท่านั้น

“ฝากดูแลบอสด้วยนะ คนที่เป็นหัวใจของเราทั้งคู่” เสียงไอ้วินเกือบสะอื้น มันเอามือปาดน้ำตาบนหน้าของมันเอง
ผมเอื้อมแขนไปตบบ่าไอ้วิน
“อยากให้วินช่วยอะไรก็บอกวินได้นะโบ๊ท”
“อยู่แล้ว ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่” ผมยิ้มตอบกับน้ำใจที่วินยื่นมาให้ผม

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 40th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 22-01-2015 22:39:12
ไม่ใช่ว่าคืนนี้จะเมากันหมด แล้วบอสโดนลากไปนอนกับวิน
ตื่นเช้ามางานเข้านะ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 40th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-01-2015 02:50:40
 :pig4: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 40th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 23-01-2015 21:54:51
@ 41th Game  –  Trouble Maker

ความสุขอะไรก็คงไม่ดีเท่าลืมตาตื่นมาแล้วเจอคนที่เรารักนอนอยู่ข้าง อยากจะตื่นมาแล้วเจอคนๆนี้นอนอยู่ข้างๆทุกๆวันจัง ฝาน้ำขาวๆเริ่มเกาะที่ตาผม มันคงเพราะตื่นตัน ที่เห็นคนที่เรารัก และเขาก็รักเรา นอนหลับตาอยู่ข้างๆกัน

ผมกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่ฝาน้ำที่อยู่นัยต์ตา เมื่อคนข้างๆผมเริ่มขยับตัว ดวงตายาวรี ค่อยๆลืมขึ้น รอยยิ้มถูกคลี่ออก เมื่อบอสลืมตามาเห็นผมมองหน้ามันอยู่  อ้อมกอดถูกกระชับเข้ามา ริมฝีปากถูกประทับลงที่หน้าผากของผม นี่แหละมันคือความสุข

“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงบอสงัวเงียถามผม
“อืมตื่นแล้ว มีความสุขจัง” เสียงผมตอบกลับไป อีกฝ่ายกระพริบตาถี่ๆ ไล่ความงัวเงียหรือแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยินก็ไม่รู้
“ครับ บอสก็มีความสุขมากๆ ที่ได้อยู่กับโบ้ทนะ” เสียงอันอบอุ่นตอบผมกลับมา พร้อมกับกระชับอ้อมแข้นเข้ามา หยดน้ำใสๆไหลลงมา ผมซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนนั้น อ้อมแขนที่มั่นใจได้ว่า เจ้าของแขนคู่นั้นจะปกป้องผมได้ตลอดไป

หลังจากออกมากินมื้อเช้ากันแล้วกลับเข้าไปเก็บของกันเสร็จก็เกือบจะ 9 โมงเช้าแล้ว พอเช็คเอ๊าท์กันเสร็จเรียบร้อย พวกเราขับรถย้อนขึ้นไปทางท้ายเกาะออกจากหาดไก่แบ้มาไม่ไกล ก็ถึงจุดถ่ายรูป เป็นจุดที่มีตู้ไบรษณีย์รูปจรวดสีแดงอันใหญ่ ตั้งเด่น บริเวณนี้เป็นเนินผา ที่มองเห็นหาดไก่แบ๊ทั้งหาด และเห็นเกาะน้อยใหญ่ สามสี่เกาะที่เรียงรายกันอยู่ฝั่งตรงข้ามของหาด เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกัน

พวกเรา ถ่ายเดี่ยว ถ่ายคู่ ถ่ายหมู่ กันให้วุ่นวาย เพราะตั้ง 17 คน ลืมบอกไปวินขอติดรถกลับกับพวกเราด้วยนะครับ มันขี้เกียจไปกับที่บ้าน

“บอส กับ โบ๊ท ถ่ายรูปกับเราหน่อย” วินชวนพวกเราไปถ่ายรูป

ผมอยุ่ด้านขวา บอสอยู่ตรงกลาง วินอยู่ด้านซ้าย
“แม่เจ้า นี่มันโปสเตอร์ สามีตีตรา หรือเปล่านี่” ปากอย่างนี้จะมีใคร นอกจากไอ้เชี่ยแบงค์
ไอ้บอสถึงกับยิ้มกรุ่มกริ่ม วางมาดยังกะพี่โป๊ป
“พวกมรึง เดี๋ยวทำตามกรูบอกนะ” ไอ้บูม วางมาดอย่างกะช่างภาพมืออาชีพ
“ไอ้บอสมรึงนิ่งๆอย่างนั้นดีแล้ว”
“ไอ้โบ๊ทมรึงเอามือคล้องแขนข้างหนึ่งของไอ้บอส เขิยบตัวเข้ามาใกล้ๆ หันข้างอีกนิด”
“ไอ้วิน ทำเหมือนไอ้โบ๊ท แต่สลับข้างกัน”

ผมกับไอ้วินแกล้งทำตามที่พวกมันบอก เล่นเอาพวกมันฮา

“ไอ้โบ๊ท มรึงเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆไอ้บอสอีก” ไอ้นี่ได้คืบจะเอาศอก
“พอเหอะ พวกมรึง ไม่บอกให้พวกกรูสองคนยัดนม เป็น พลอยเฌอมาลย์ กับ จุ๋ย วรัทยา เลยล่ะ เชี่ยยยย กรูทำให้หน่อยแมร่งเอากันใหญ่นะ สัส” พอพูดจบ พวกมันฮากันใหญ่

............

หลังจากถ่ายรูปกันเสร็จ..พวกเราแวะเข้าไปที่หมู่บ้านชาวประมง บางเบ้า มีของที่ระลึกของฝาก ผมกับพวกมันซื้อของฝากที่บ้านกัน พอเดินเลยมาจนสุดตลาด ก็จะจเอ ประภาคารสีขาวอยู่สุดทางเดินที่ยื่นออกไปในทะเลสีฟ้าอมเขียว สวยงามมาก แม้แดดจะแรงไปหน่อย แต่พวกเราเดินไปจนสุดประภาคาร แน่นอน แลนมาร์คแบบนี้ต้องถ่ายรูปเก็บเอาไว้

“ไอ้เกมส์ เขยิบขวาอีกนิด ไอ้บีม เขยิบเข้ามาหน่อย” เสียงไอ้บูมตะโกนสั่ง
“ไอ้เชี่ยบาส เหลือที่ให้กรูยืนด้วย”
“เอาละนะ 10 วิ” สิ้นเสียงไอ้บูม ก็วิ่งหน้าตั่งเข้ามาตำแหน่งที่เหลือไว้
“ทุกคน cheese” เสียงไอ้บูมบอกพวกเราให้ยิ้ม กล้องสีดำที่ว่างอยู่บนขาตั้ง กำลังกระพริบแสงสีแดงถี่ๆ แล้วก็ทำงานตามที่ถูกโปรแกรมไว้ เป็นอันว่า ได้รูปลิง เอ๊ยยย รูปหมู่ครบทั้ง 17 ตัวเป็นที่เรียบร้อย...

พอขึ้นรถกันครบเรียบร้อย ไอ้เบนซ์นำขบวนเหมือนเดิม เราขับกลับมาที่ท่าเรือเฟอร์รี่ ผ่านทางเล็กๆแคบๆแต่เต็มไปด้วยความสุขและความใจดีของคนที่นี่ ผ่านหาดสวยๆ น้ำทะเลใสๆ ทรายขาวๆ ผมแถบจะไม่อยากกลับเลย ใจหายเบาๆที่ต้องจากที่นี่ เพียงไม่นานรถของพวกเราทั้ง 4 คันก็มาจอดรอคิวขึ้นเรือเฟอร์รี่ พวกเราก็ลงจากรถมาหาซื้อของฝาก เพราะอีกเกือบชั่วโมงกว่าเรือจะออก

พอเอารถจอดบนเรือกันเรียบร้อย พวกเราก็ยกขโยงกันขึ้นไปนั่งพักด้านบน บรรยากาศ เกาะใหญ่สีเขียวเข้มๆ ค่อยๆห่างออกไป ผมจะกลับมาที่นี่อีก
“เป็นไรหรือเปล่าโบ๊ท” บอสสังเกตอาการผมแปลกๆไป
“ไม่อยากกลับอ่ะ รู้สึกผูกพันกับที่นี่”  เสียงผมตอบมันกลับไป
“ไว้เรามาเที่ยวกันอีกนะ” มันเอามือมาโอบไหล่ผม
“สัญญานะ” แววตาผมดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น
“อืมม มาสิ มากับโบ๊ทสองคน” ผมเอนหัวลงที่ไหล่มัน เรือใหญ่ฝ่าคลื่นทะเลไม่นานก็ถึงฝั่ง การเดินทางกลับจากทริปที่แสนมีความสุขกำลังเริ่มต้น

เราแพลนกันว่าน่าจะได้กินข้าวเย็นกันที่พัทยา เพราะจากเวลาแล้วก็น่าจะเป็นอย่างนั้น

“ฉันนั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปไหน
แม้ต้องมองเห็นเธอ จับมือของใคร
ฉํนก็จะไม่โกรธ จะไม่โทษที่เธอต้องไป
และที่ฉันยังศรัทธาในรักเดียว
และที่ฉํนยังไม่เหลียวมองคนไหน
สิ่งที่มันทำให้ฉันไม่หวั่นไหว
เพราะฉันตั้งใจ ว่าจะไม่รักใครนอกจากเธอ”

เสียง xperia z1 ของไอ้บอสร้องลั่นจะจะวนเข้าท่อนฮุกอีกรอบ จนผมต้องเขย่าตัวมัน
“บอสๆ โทรศัพท์”
“ดวงตายาวรีคู่นั้นลืมขึ้นอย่างยากเย็น” ก่อนจะคว้าโทรศัพท์เครื่องสีดำนั้นขึ้นมากดปุ่มรับสาย

“ฮัลโหล”
“เฮียเหรอ” เสียงเด็กผู้ชายสดใสดังรอดออกมาจากโทรศัพท์จนผมได้ยิน
“อืมมมม ว่าไง”
“เฮียมาเกาะช้างเหรอ”
“อืมม รู้ได้ไง”
“แหม่ ก็อัพ IG ซะขนาดนั้น”
“แวะพัทยาหรือเปล่า”
“อืมม แวะกินข้าวเย็นอ่ะ”
“เลี้ยงข้าวน้องนุ่งด้วยเลย”
“เออ มาสิ เดี๋ยวถึงแล้วโทรหานะ”
“ครับโผมมมมม”
“โอเคแล้วเจอกัน” ไอ้บอสปิดบทสนทนากับคนในโทรศัพท์

“เดี๋ยวมีลูกพี่ลูกน้องบอสมากินข้าวด้วยนะ” มันเฉลยว่าคนที่โทรมาเป็นใคร

......

พวกเรามาถึงพัทยา เกือบ ห้าโมงครึ่ง มื้อเย็นมาจบที่ร้านส้มตำร้านใหญ่แถวๆพัทยาเหนือ ที่ไอ้แบงค์คุยนักคุยหนาว่าอร่อยที่สุดในสามโลก ไอ้บอสออกไปโทรตามลูกพี่ลูกน้องตามที่นัดกันไว้ สักพักมันก็กลับเข้ามา

ส้มตำปูม้า, ตำปูปลาร้า, ตำไทยไข่แค็ม, ตำสามเส้น, ส้มตำกรอบ, ลาบหมู, น้ำตก, คอหมูย่าง, ไก่ย่าง, ใส้ย่าง, เนื้อย่าง, ซุบหน่อไม้, ต้มแซ่บหมู, แหนมคลุก รายการอาหารยาวเหยียด เหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน ถูกสั่งออกไป

“ฉันนั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปไหน
แม้ต้องมองเห็นเธอ จับมือของใคร
ฉํนก็จะไม่โกรธ จะไม่โทษที่เธอต้องไป
และที่ฉันยังศรัทธาในรักเดียว
และที่ฉํนยังไม่เหลียวมองคนไหน”

เสียง xperia z1 ของไอ้บอสร้องลั่น

“อยู่ไหนแล้ว” เสียงไอ้บอสถามกับคนในสาย
“อืมม เดี๋ยวออกไปรับ” ไอ้บอส กดวางโทรศัพท์ แล้วก็ลุกขึ้นเดินออกไปหน้าร้าน

เพียงไม่นานบอสก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับเด็กหนุ่ม 2 คน คนหนึ่งหน้าตาถอดแบบ บอสมาเกือบหมด คือ หน้าตาดี คิ้วเข้ม ตายาวรี สูงโปร่งแต่เตี้ยกว่าบอสนิดนึง อีกคนก็หน้าตาไม่เหมือนคนไทย มีส่วนผสมของฝรั่งอยู่บนใบหน้าชัดเจน คือหน้าตาได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาสองชั้น

“พวกมรึงนี่น้องกรู ชื่อ ไอ้บัด เรียนอยู่โรงเรียนนาๆชาติที่นี่ กางเกงสีแดง” ส่วนนี่ไอ้คริส เพื่อนสนิทไอ้บัดมัน เรียนอยู่โรงเรียนกางเกงสีเทาที่บางแสน”

ทั้งสองคนยกมือไหว้พวกเรา

“ไอ้บอสมรึงมีน้องด้วยเหรอวะ ไม่ใช่ลูกคนเดียวหรือ” ไอ้แบงค์ตะโกนถามขณะที่ไก่ย่างคาปากมันอยู่
“ลูกพี่ลูกน้องหว่ะ” เสียงไอ้บอสตอบกลับไป

“แล้วทำไมเอ็งสองคนสนิทกันได้วะอยุ่คนละโรงเรียนกันนี่” ไอ้แบงค์อดสงสัยไม่ได้
“ม.ต้น เรียนที่เดียวกันพี่ สนิทกันมาตั้งแต่ตอนนั้น” ไอ้คริส เด็กหน้าฝรั่งแต่ดันพูดไทยชัดตอบไอ้แบงค์

ไอ้บัดเป็นน้องไอ้บอสหนึ่งปี ตอนนี้มันอยู่เกรด 10 ตอนเด็กๆผมเคยเจอมันสองสามครั้ง โตขึ้นมาหน้าตาถอดแบบไอ้บอสมาเลย

“น้องรถเมล์มานั่งนี่เลยครับ”  ไอ้วินเปิดฉากเรียกน้องมานั่งตรงที่ว่างข้างๆไอ้บอส

“ผมไม่ได้ชื่อ BUS ที่แปลว่ารถเมล์นะพี่ ชื่อผมอะ Bud ที่มาจาก Buddy” ไอ้น้องมาใหม่ไม่ได้กลัวหน้าเหวี่ยงๆของไอ้วินเลยสักนิด กล้าเถียงแบบไม่กลัว
“แล้วพี่อะชื่อไร” มันย้อนถามรุ่นพี่อีก
“วิน” เสียงห้วนๆตอนกลับมาแบบไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไรนัก
“Winner หรือ Winnie & the Pooh ครับ” เสียงหัวเราะตามออกมาจากคนที่เด็กกว่า ไอ้วินถึงกับไปไม่เป็น นั่งอึ้งกับน้องไอ้บอส

“เอาน้องกินๆ หน้าฝรั่งแบบนี้กินเป็นไหมนี่ ส้มตำอะ” ไอ้วินเปลี่ยนคนคุย
“เป็นครับพี่ ของโปรดเลย โดยเฉพาะปูปลาร้า” อุต๊ะ น้องคริสปูปลาร้าเลยนะ
“เราล่ะ เอาไหม” วินหันไปถามไอ้บัด
“ไม่เอาครับ ผมไม่กินส้มตำ” ไอ้วิน จิปากใส่เบาๆ
“ผมกลัวเป็นโรคไตครับ” เสียงไอ้เด็กโรงเรียนกางเกงสีแดงยังคงยียวนไอ้วินต่อ
“โรคไตอะไรเกี่ยวกับส้มตำ” เสียงไอ้วินตวัดขึ้นแบบคนอารมณ์เสีย
“ก็โรคไตหัวจำ ไงครับพี่” หน้าตาทะเล้นๆบนใบหน้าหล่อๆนั้นยังลอยหน้าลอยตา
“ไอ้วินถึงค้างไป 5 วิ” จะขำก็ขำไม่ออก จะโกรธก็โกรธไม่ลง เมื่อเจอมุขเสี่ยวๆของไอ้บัดเข้าไป

ไม่ใช่แค่ไอ้วินเท่านั้นที่อึ้ง แม้แต่พวกเราเองก็ช็อกไป ใครจะไปคิดว่าไอ้เด็ก เกรด 10 นี่จะกล้าไปต่อปากต่อคำกับไอ้วิน ที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แถมเล่นเอาไอ้วินไปไม่เป็น แม้กระทั่งไอ้ลูกพี่ลูกน้องของมันก็ยังอ้าปากค้าง

Game
See You Next Game


ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ nunnan
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ aoddy10553
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ และขอบคุณที่เข้าใจด้วยนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ กลับมาต่อแล้วนะครับ อิอิ

ตอบคอมเมนท์คุณ yowyow
ขอบคุณสำหรับดุ๊กดิ๊กน่ารักๆนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ tarkung
ขอบคุณที่รออ่านนะครับ มาต่อแล้วนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ก่อนอื่นขอบคุณมากๆนะครับที่เข้ามาตามอ่านนิยายเรื่อยๆ แม้ผมจะหายไปนาน อิอิ
ตอนนี้กลับมาต่อแล้วนะครับ ตั้งใจจะเขียนให้จบเลยครับ
เกมส์ออกไม่เยอะเท่าไรนะครับ อิอิ
คุณ IsDeer ต้องไปตบตีกับตุ๊กตาหน้ารถ Alfa อย่างนุ้งไบร์ทนะคราบ อิอิ
ขอบอกว่า กางเกงว่ายน้ำสีกรมท่า นั้นแซ่บจริงไรจริง แค่หกห่อของเกมส์ ก็เลือดแถบพุ่งแล้วครับ อิอิอิ
ส่วนเรื่องนุ้งวิน ตอนล่าสุดมีคำตอบแล้วนะครับ อิอิ ไม่ได้พี่ ได้น้องก็ยังดี เนอะครับ แถบหน้าตาก็คล้ายกัน แต่ความแสบ คนน้องแสบกว่าเยอะ แสบจนต้องเอามาตั้งเป็นชื่อตอน นะครับ อิอิ

ตอบคอมเมนท์คุณ titansyui
ขอบคุณสำหรับดุ๊กดิ๊ก นะครับ^^

หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 41st Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 23-01-2015 22:15:12
กลับมาต่อให้แล้ววววววว  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 41st Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 25-01-2015 11:55:50
@ 42nd Game  –  What’s happening

หลังจากจ่ายเงินค่าอาหารกันเรียบร้อย พวกเราก็หลงคารมไอ้เด็กหน้าหล่อ กับไอ้เด็กลูกครึ่ง ที่หลอกล่อพวกเราให้ขับรถเลาะริมหาดพัทยา ชมแสงสีของเมืองท่องเที่ยวที่ฝรั่งส่วนใหญ่อยากมาเที่ยวถ้ามีโอกาสมาเที่ยวประเทศไทย

แต่ไฮไลท์ของพวกเราอยู่จุดชมวิวเมืองพัทยาที่อยู๋บนเขาพระตำหนัก ที่เราจะเห็นเมืองพัทยาเกือบทั้งเมือง ไอ้สองคนจอดรถไว้ที่ร้านอาหาร และกระโดดขึ้นมาบนรถเรา

“พี่วินนี่ครับ พี่เรียนสายวิทย์หรือศิลป์อ่ะ” ไอ้เด็กหน้าหล่อยื่นหน้ามาถามไอ้วินจากเบาะแถวที่สาม
“วินเฉยๆ ไม่ใช่วินนี่” ไอ้วินพูดเสร็จก็ตามมาด้วยเสียงจิปาก ไม่พอใจ
“พี่วินฉยๆ เรียนสายไรครับ” มันยังหน้าทะเล้นไม่เลิก
“วิทย์” เสียงตอบสั้นๆ
“พี่วิน แล้วพี่วินอยากเรียนอะไรต่อ” มันยังคงพุ่งเป้าคำถามไปที่ไอ้วิน จนไอ้บอสอดยิ้มไม่ได้
“วารสารมั้ง” คำตอบยังคงสั้นเหมือนเดิม
“พี่ชอบเหรอ แล้วทำไมเรียนวิทย์อ่ะ” มันยังคงเซ้าซี้ต่อไป ในขณะไอ้หน้าฝรั่งที่นั่งข้างๆก็เอาแต่อมยิ้ม
“ถามจริง ทำไมอยากรู้เรื่องพี่จัง” ไอ้วินเริ่มหันไปมองหน้าไอ้เด็กตัวแสบนั่นจริงจัง
“ก็อีกหน่อย พอพี่เป็นแฟนผม ผมจะได้รู้ไง” ไอ้บัดยังคงลอยหน้าลอยตาตอบ
“พรื๊ดดด” เสียงพ่นลมออกจากปากไอ้วิน ส่วนพวกเราที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่ในรถ ก็มองหน้ากันทำตาปริบๆ ไอ้บอสดูจะกลุ้มอกกลุ้มใจกับลูกพี่ลูกน้องมันอยู่ไม่น้อย
“อย่างเราหน่ะเลยจะมาเป้นแฟนพี่” เสียงไอ้วินออกแนวเหยียดๆไอ้บัดเบาๆ
“ทำไมอ่ะ เป็นไม่ได้เหรอครับ” ไอ้บัดเริ่มเอาจริง
“เร็วไปสิบปีน้อง”  ไอ้วินพูดไป หันมามองหน้าไอ้บัด มันคงคาดว่าจะได้เจอสีหน้าจ๋อยๆ ของไอ้บัด แต่ปล่าวเลย
“เอาอย่างนี้มั้ยพี่ ภายใน 1  เดือนนี้ถ้าผมจีบพี่ติด พี่ต้องยอมเป็นแฟนผม” เออเอากับมัน ไอ้เด็กนี่ตรรกมรึงวิบัติหรือเปล่าวะ จีบติดมันก็เป็นแฟนกันอยู่แล้วป่ะ
“ก็ลองดูสิ แต่พี่ว่ายาก” ไอ้วินอดไม่ได้เมื่อเจอคำท้าทาย
“สัญญา” ไอ้บัดได้ที
“เออ สัญญา” ไอ้วินอารมณ์มั่นใจว่าไอ้บัดไม่มีทางทำได้
ไอ้บัดยืนมือมาทำ Hi 5 สัญญา กับไอ้วิน

“งั้นผมขอเบอร์โทร Line Facebook Twitter Instragram Socialcam ของพี่ทั้งหมด”
“เฮ้ยยย เอาไปทำไมหมด นั่นมีทั้งชีวิตพี่ในโลกออนไลน์เลยนะนั่น” ไอ้วินอุทานเสียงหลง
“ไม่รู้แหละ พี่สัญญาแล้ว ถ้าพี่ไม่ให้แสดงว่าพี่ป็อด หรือไม่พี่ก็กลัวใจพี่เองจะหวั่นไหวกับผม” ไอ้บัดได้ทีขู่ไอ้วิน

สุดท้ายไอ้วินก็ยอมให้แต่โดยดี มันหารู้ไม่ว่า มันแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม โดนไอ้เด็กนี่ล้วงทุกช่องทางติดต่อไปจากตัวมัน ด้วยวิธีที่คาดไม่ถึง และไม่ให้ก็ไม่ได้ แสบไม่แพ้ไอ้บอสลูกพี่ลูกน้องของมันเลย

รถจอดบนจุดชมวิวเมืองพัทยา บนเขาพระตำหนัก วิวนั้นสวยจริงๆ แสงไฟยามค่ำคืนในเมืองพัทยา ที่มองจากจุดดนี้ ทะเลสีดำที่อยู่ด้านซายมือตัดกับแสงสีของตัวเมือง ลมพัดกำลังสบาย แล้วบรรยกาศการรัวชัดเตอร์ก็ดำเนินไปอย่างเมามัน

..........


พอส่งไอ้บัดกับไอ้คริสแล้ว ตอนนี้ บอสผลัดขึ้นมาขับรถ ไอ้เบนซ์ไปนั่งพักแถวสองกับไอ้เบียร์ ส่วนไอ้วิน ย้ายไปนั่งเบาะแถวสาม

เสียงไลน์ดังถี่ ระหว่างทางกลับ ไม่ต้องสงสัยของไอ้วินครับ ผมส่องกระจกมองหลัง เห็นมันหน้านวล เพราะแสงไฟจากโทรศัพท์ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับเจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้า  ปฏิบัติการล่าหัวใจวินนี่เริ่มปฏิบัติการแล้ว...

รถเริ่มเข้าเขตบางนาก็ สามทุ่มกว่า พวกเราแวะปั๊ม ป.ต.ท เพื่อจัดคนกันใหม่ คันผม มี ผม บอส เบนซ์ เบียร์  และไอ้บีมกับไอ้โอมที่เอารถมาจอดไว้บ้านผม ไอ้วินย้ายไปนั่งรถไอ้บาส กับไอ้ปั๊ป บ้านมันไปทางเดียวกัน ไอ้แบค์-อาร์ม ไอ้เพียว-วาย มาด้วยกันก็กลับด้วยกัน ไอ้บูมกับไอ้นัทก็แยกไปอีกคัน

....

เพียงไม่นาน รถ Peugeot 4008 SUV คันหรูของไอ้เบนซ์ก็มาจอดที่หน้าบ้านที่คุ้นเคย ผมกับไอ้เบนซ์ ไอ้เบียร์ช่วยกันขนของลงจากรถ  ไอ้บีมกับไอ้โอมย้ายของตัวเองไปที่รถของมัน โดยมีไอ้บอสช่วยขนไปด้วย

ผมเห็นไอ้บอสหยิบโทรศัพท์ แล้วส่งให้ไอ้โอมดู กระซิบกระซาบอะไรกันบางอย่าง โดยที่ไอ้บีมก็ยืนดูอยู่ใกล้ๆ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่ามีอะไรกัน แต่ถ้าบอสพร้อมก็คงจะเล่าให้ผมฟังเอง

ส่งไอ้บีมกับไอ้โอมเสร็จ ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็แยกเข้าห้องของมัน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา เมย์

“สวัสดีครับ” ผมทักทายเธอที่อยู่ในสาย
“ค่ะ” เสียงเมย์ขานรับ
“โบ๊ทกลับมาถึงบ้านแล้วนะครับ” ผมรายงานตัวกับหญิงสาวเหมือนที่เคยทำ
“ค่ะ เหนื่อยไหม” หญิงสาวถามผมกลับมาแต่ดูเหมือนเสียงเธอจะง่วงนอน
“ครับไม่เหนื่อย อ่ะ นี่ได้ของฝากเมย์มาด้วยนะครับ” 
“ขอบคุณนะคะ”
“เมย์ง่วงนอนแล้วอ่ะคะ ไว้ค่อยคุยกันไหมได้ไหม”
“อืมม คับ งั้นไว้คุยกันนครับ ฝันดีนะครับเมย์” ผมไม่ลืมอวยพรเธอ
“ค่ะ ฝันดีหมือนกันนะคะ”  แล้วสายก็ถูกตัดไป

ผมเดินขึ้นมาบนห้อง ก็ไม่เห็นบอสอยู๋ในห้อง แต่ได้ยินเสียงน้ำจากฝักบัวที่ถูกเปิดอยู่ คิดว่าไอ้บอสคงอาบน้ำอยู่

ตรึง
เสียง xperia z1 เครื่องสีดำของบอสที่วางอยู๋บนเตียง ร้องเตือน ผมหยิบโทรศัพท์เครื่องนั้นขึ้นมา

เมย์
ขอบคุณมากนะคะ หลับฝันดีนะคะบอส^^  23.05

ผมเห็นข้อความที่เด้งขึ้นมาบนหน้าจอ แต่ไม่กล้าเลื่อนสไลด์เข้าไปอ่านข้อความข้างใน

ผมยืนตัวชาๆ ทำอะไรไม่ถูก อาจเป็นเพราะผมไม่เคยยุ่งกับโทรศัพท์ของบอส เลยสักครั้ง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น
“เห็นไหม กรูบอกแล้วว่ามันจะต้องทำให้มรึงเสียใจอีกแน่ๆ”  ซาตานตัวสีแดงตะโกนก้องอยู่ในหัวผม
“ไม่หรอก มันต้องมีอะไร บอสพิสูจน์ตัวเองกับเรามาขนาดไหน ก็มีแต่เราเองที่ร้” เสียงเทวดาตัวน้อย กระซิบที่ข้างๆหู
“แน่ใจเหรอ” ซาตานตัวเดิมแบะปากให้ผม
“เชื่อใจ” เทวดาตัวสีขาวยิ้มให้ผม

ต้องดูที่การกระทำกับเราบอสยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เรื่องของวินเรายังผ่านกันมาได้ สำหรับผมตอนนี้คงทำได้แค่เชื่อใจ คนที่ตัวแถบจะติดกับผมอยู่ทุกวัน คนที่ยืนอยู่ข้างๆผมตลอด คอยดูแล คอยปกป้อง

ส่วนเรื่องของเมย์ ผมจะปล่อยให้มันเป็นไปตามโชคชะตา หากโชคชะตาจะเล่นตลกกับผม ผมก็คงต้องยอมรับมัน

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกมา ทำให้ผมได้สติ ก่อนจะเก็บอาการทุกอย่างให้เป็นปกติ

“โบ๊ทไปอาบน้ำสิครับ” เสียงบอสบอกขณะเอาผ้าขนหนูผืนเล็กกำลังเช็ดผมตัวเองอยู่
“อืมม” เสียงจากลำคอผมตอบบอสกลับไป ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปห้องน้ำ เปิดฝักบัวให้น้ำไหลผ่านหัวเพื่อล้างภาพที่เห็นเมื่อกี้ออกไปให้หมด

แสงไฟในห้องถูกปิดลง ผมแทรกตัวลงในผ้าห่มข้างๆบอส อ้อมแขนนั้นคล้องลงมาที่เอวอย่างคุ้นเคย

“บอส โบ๊ทเชื่อใจบอสได้ใช่ไหม” ผมถามบอส เพราะผมเองเริ่มหวั่นไหวกับสิ่งที่ได้เห็น อ้อมกอดถูกกระชับให้แน่นขึ้น
“โบ๊ท ฟังบอสนะครับ บอสไม่มีวันจะทำให้โบ๊ทเสียใจอีก บอสสัญญา”

ผมไม่รู้หรอกว่านั่นคือคำปลอบใจ หรือเป็นเพียงคำพูดเพื่อให้ผมสบายใจ แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะเชื่อใจบอส ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปก็ตาม

Game
See You Next Game
(http://fav.me/d8fahx5)
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 42nd Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 25-01-2015 22:57:42
ท่าทางจะไม่ครบหนึ่งเดือน
เมื่อไหร่จะเคลียร์เรื่องเมย์ซะที ทิ้งไว้นานน่าสงสารผู้หญิงเหมือนกันนะ

ปอลิง: ลืมเปลี่ยนหัวข้อ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 42nd Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 27-01-2015 17:33:51
@ 43rd Game  –  Presage

เช้านี้ไปเรียนเป็นวันแรกหลังจากหยุดยาวและหลังจากทริปเกาะช้าง ผมกับบอส เบนซ์กับเบียร์ แยกย้ายกันหลังมาถึงโรงเรียน ผมตรงดิ่งเข้าไปที่ชมรม เอาโค๊ฟเว่อร์ไปเก็บ ตอนนี้ยังเช้าอยู่ยังไม่มีใครในชมรมมา ผมจึงตัดสินใจเดินเล่นรอแวลา

เดินมาเรื่อยๆ ใจก็ลอยคิดเรื่องเมื่อคืนที่ยังกังวลอยู่ไม่หาย อีกใจก็คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก เชื่อใจบอสสิ ขณะที่เทวดากับซาตานกำลังเถียงกันอยู่ในความคิดผมกันวุ่นวาย ผมก็ชะงักด้วยเสียงทักจากใครคนหนึ่ง


“ไงวะโบ้ท ลมอะไรหอบหัวหน้าชมรมเทนนิสมาถึงนี่” เสียงไอ้เบสต์หัวหน้าชมรม X-Game เอ่ยทักทาย

“อ้าว เบสต์” ผมออกชื่อคนที่ทักผมกลับไป
“ไม่มีไรหว่ะ เดินคิดไรมาเรื่อยๆ กำลังซ้อมอยู่เหรอ”
“เออ กำลังซ้อมหว่ะ นั่งดูกรูก่อนป่าว” มันชวน
“เอาดิ เป็นไงบ้างวะ จะไปแข่งหรือไปโชว์ที่ไหนวะ” ผมถามมันกลับไปเพราะไอ้เบสต์มันมักจะมีโชว์หรืองานอีเวนต์จ้างมันไปเป็นประจำ
“มีวันเสาร์นี้อ่ะ ไปงานอีเวนต์เปิดตัว Action X-Treme ที่ลานหน้า Central Worldอ่ะ”
“ว่างหรือเปล่า ไปดูไหม แดน ก็ไปนะ” มันเอ่ยปากชวน
“แดน ไหนวะ” ผมทำหน้าเหว่อเมื่อได้ชื่อที่ไม่คุ้นนี้
“แดน โรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวๆถนนเพชรบุรี เพื่อนที่คอนโดไอ้อาร์มไง”
ผมถึงบางอ้อในบัดดล
“อ๋อ ที่เจอกันในงานวันเกิดไอ้อาร์มเหรอ”
“อืมม” เสียงตอบจากไอ้เบสต์
“แล้วมรึงไปสนิทกันตอนไหนวะ” คิ้วผมขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย
ไอ้เบสต์ ยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงตัวกันสวยเต็มปาก
“ก็ตอนเจอกันนั่นแหละ พวกสตรีทๆด้วยกัน คุยกันแปปเดียวก็ถูกคอ” มันหลบตา เอาเท้าเลื่อนสเก็ตบอร์ดไปมา
“เออใช่ ไอ้แดนมันก็หัวหน้าชมรม X-Game โรงเรียนนั้นด้วยนี่หว่า” ผมเพิ่งนึกออก
“ไอ้แดนมันเล่นอะไรวะ” ผมถามไอ้เบสต์
“จักรยานว่ะ” เสียงมันตอบไปยิ้มไป เอ๊ะไอ้นี่ มันยังไงผมคิดในใจ
“มรึงซ้อมเถอะ เด่วกรูไปนั่งดูตรงโน้น” ผมชี้ไปที่สแตน
“เออ ตามบายนะเพื่อน” มันบอกผม

ผมเดินไปที่สแตน นั่งดูไอ้เบสต์ซ้อมสเก็ตบอร์ดของมันไป ไอ้นี่ท่ายากทั้งนั้น ก็มันระดับหัวหน้าชมรมก็คงไม่ธรรมดาจริงไหมครับ ผมนั่งดูไอ้เบสต์เล่นท่ายาก จนได้เวลาเข้าแถว จึงแยกย้ายกับมัน

............

ตลอดคาบเช้า วันนี้เป็นไปแบบเอื่อยๆเชื่อยๆ

                                                              11.01 หวัดดีครับ
                                                                                            11.08    เงียบเลย

ผมทักไลน์เมย์ไป แต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเมย์ หรือแม้แต่จะเปิดอ่าน....

.............

เหลือผมกับไอ้แบงค์ ไปกินข้าวกลางวันที่โรงอาหารกันแค่สองหน่อ ไอ้บูมต้องไปประชุมกับชมรมเชียร์ และตอนบ่ายต้องออกไปประชุมกับอีก 3 โรงเรียนเพราะใกล้จะงานบอลประจำปีแล้ว ส่วนไอ้บาส ต้องไปซ้อมกับพวกชมรมดุริยางค์ นั่นรวมถึงไอ้เบนซ์ พี่ชายผมด้วย

ส่วนคุณชายบอส ก็ไลน์มาบอกแล้วว่าวันนี้มากินข้าวกลางวันกับผมไม่ได้ เพราะต้องประชุมกับพวกสภา ดูเหมือนว่าทุกคนรอบตัวผมจะยุ่งและวุ่นวายกันไปหมด ส่วนผมกับชมรมเทนนิส ซึ่งเสร็จภารกิจไปแล้วจะสบายกว่าเค้าพวก...เอ๊ะหรือเป็นพวกไม่มีอะไรทำ 555

“ไอ้แบงค์ กรูว่าจะปรึกษามรึงหน่อย” ผมเอ่ยปากชวนไอ้แบงค์คุยขณะตักข้าวเข้าปาก
“อืม ว่ามามรึง” เสียงตอบจากไอ้แบงค์ขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ
“กรูว่า เมย์เค้าแปลกๆไปช่วงนี้หว่ะ”
“หือออ ยังไงวะ” มันขมวดคิ้วขึ้น
“ก็ กรูไลน์ไป ไม่ค่อยตอบ โทรไปก็ไม่ค่อยรับ หรือรับก็คุยไม่เหมือนเมื่อก่อน”
“มรึงคิดมากไปป่าว เค้าอาจจะยุ่งๆ” ไอ้แบงค์หันมามอง
“กูก็ภาวนาอย่างนั้น” ผมตอบมันกลับไป
“ตั้งแต่เมื่อไรวะที่มรึงเริ่มรู้สึก” มันถามผมพร้อมกับเอามือมาตบไหล่ผม
“ก็ตั้งแต่ไปเกาะช้างนี่แหละ” ผมตอบมันไป
“แค่อาทิตย์เดียวเองมรึง” เสียงตอบจากไอ้แบงค์
“รอดูอีกสักพัก ถ้ามีอะไรเปลี่ยนไป เดี๋ยวมรึงก็รู้เองแหละ กูว่านะ” มือหนาๆตบมาที่ไหล่ผมอีกครั้ง

…..

ตรึ่ง เสียงร้องเตือนจากไอโฟนเครื่องสีขาว
ริมฝีปากเหยียดออกด้านข้างพร้อมโชว์ฟันสีขาวที่เรียงตัวสวยโดยอัตโนมัต ผมรีบหยิบขึ้นมาดู คิดว่าเมย์คงตอบกลับมาแล้ว

Benz.
เย็นนี้มรึงกลับบ้านเองเน้อ กรูต้องไปซ้อมกับวงโยที่สนามศุภ 14.05

รอยยิ้มค่อยหุบลงด้วยความผิดหวัง กับความคิดหนึ่งที่แว็ปเข้ามาในหัว ผมว่ามันมีอะไรแปลก สังหรณ์ใจไม่ค่อยดี.....แต่อีกใจ ปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน สรุปแล้วจะยังไงละไอ้คุณรัชชานนท์ ผมเอาทั้งสองข้างขึ้นมาขยี้ผมตัวเอง อยากจะตะโกนออกไปเสียงดัง “โว้ยยยยยยยยยยย”

.............

หลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก่อนจะคว้าโค๊ฟเว่อร์ลงไปในคอร์ด ผมตัดสินใจหยิบ โทรศัพท์ กดไปยังรายชื่อที่คุ้นเคย แล้วกดโทรออกไป รออยู่นานแต่ก็ไม่มีการรับสายจากเลขหมายปลายทาง ผมกดวางสายช้าๆ ก่อนจะพิมพ์ข้อความ

“เป็นไงบ้าง วันนี้ติดต่อไม่ได้เลย มีอะไรหรือเปล่า ยุ่งอยู่เหรอ เสร็จธุระแล้วโทรกลับมาด้วยนะ คิดถึงเมย์นะ”

แล้วก็กดส่งออกไป จากนั้นก็เดินสะพายโค๊ฟเว่อร์ออกไปที่คอร์ด

“เฮ้ยย เป็นอะไรวะหน้ายังกะตูด” เสียงทักทายที่คุ้นเคยร้องทักออกมา ไอ้เกมส์ครับ
“อ้าวมรึง มาได้ไงวะนี่” ผมตอบคำถามมันด้วยคำถาม
“ความคิดถึงสั่งให้กรูมาหว่ะ” เสียงลอร์ดวอร์เดอมอร์ คนที่คุณก็รู้ว่าใครตอบกลับมา พร้อมกับส่ง “วิงค์” ให้ไอ้ไบร์ท ผมนี่แถบจะโก่งคออ๊วกเลยครับ
“แล้วมรึงเป็นเชี่ยไรวะ” เสียงไอ้เกมส์ยังคงเซ้าซี้ถามผมต่อ
“มันกำลังสงสัยว่า ตัวมันเองจะโดนทิ้งหว่ะ” เสียงไอ้แบงค์ปล่อยหมาออกมาแล้วครับพี่น้อง
“คนไหนวะ ผู้หญิงหรือว่าผู้ชายยยย” ไอ้เกมส์ลากเสียงยาวแซวต่อ
“แต่กรูว่า Case แรกหว่ะ” ไอ้ไบร์ทเข้ามาเสิรม
“พอเลยพวกมรึง” ผมเบรกพวกมันก่อนจะไปกันใหญ่

สรุปว่าไอ้เกมส์มาซ้อมด้วย การซ้อมเป็นไปอย่างจริงจัง แต่ก็เล่นเอาผมเกือบหมดแรง ส่วนไอ้เกมส์ฟิตมาก หลังเดี่ยวกับผมเสร็จ ยังเดี่ยวกับไอ้แบงค์ปิดท้ายต่ออีกเซ็ต

“ไอ้บีมวันนี้หายหัวไปไหนของมันวะ” ผมโพล่งถามพวกมันขณะนั่งพัก

“สงสัยจะไปสวีทกับหัวหน้าชมรมเทนนิส โรงเรียนแถวๆหอสมุดแห่งชาติ” ไอ้ไบร์ทพูดไปยิ้มไป
“นี่ยังสวีทกันที่เกาะช้างไม่พอชิมิ” ไอ้แบงค์แซว
“แหม่ๆ ใครจะเหมือนพวกมรึงล่ะ” ไอ้เกมส์เริ่มแขวะ
“โน่นๆ มากันโน่นแล้ว” ไอ้เกมส์พูดพร้อมชี้มือประตูคอร์ดเทนนิส

คุณชายบอสกับคุณชายอาร์ม เดินยิ้มแก้มปริเข้ามาในคอร์ด พร้อมกับเกลือแร่ในถุง เสียดายวันนี้ไอ้เบนซ์ติดธุระ ก็เลยอดลาภปากจากชมรมคหกรรม ไม่งั้นนี่ครบสูตรเลยทีเดียว

“อ่ะ ของโบ้ท” บอสยื่นขวดเกลือแร่ให้
“ขอบใจนะ” ผมตอบไอ้บอส พร้อมกับยื่นมือไปหยิบขวดเกลือแร่ ยกขึ้นดื่มอย่างชื่นใจ บอสส่งขวดเกลือแร่ในถุงแจกจ่ายทุกคนในคอร์ดพร้อมทักทายไอ้เกมส์
“มาได้ไงนี่” ไอ้บอสทักทายไอ้เกมส์
“ก็แถวนี้มีแรงดึงดูด” ไอ้เกมส์ตอบกลับพร้อมกับชี้นิ้วไปทางไอ้ไบร์ท
“แหม่ๆๆ สวีทกันจริงคู่นี้” ขนาดไอ้บอสยังอดไม่ได้ที่จะแซว พวกมรึงจะหวานกันไปหน่ายยยย

...........

หลังจากแยกย้ายกัน ผมกับบอสขึ้น BTS มาลงสถานีวงเวียนใหญ่ ไอ้บอสลากไปกินข้าวร้านประจำที่มันชอบแถวบ้านมัน เป็นร้านอาหารฝรั่ง

“โบ้ทอยากทานไรครับ” ผมสะดุ้งเล็กน้อยหลังจากได้ยินเสียงบอสถาม หลังจากนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่
“เอาสเต็กหมูพริกไทยดำละกัน” ผมตอบไอ้บอสไป
“ผมเอาสเต็กไก่ครับ แล้วก็สลัดทูน่าครับ” ไอ้บอสสั่งบริกรที่มารับออเดอร์
“โบ้ทเอาอะไรอีกไหม” มันหันกลับมาถามผม
“ไม่อ่ะ” ผมตอบไอ้บอสไปสั้นๆ หลังจากบริกรเก็บเมนูและเดินกลับไปที่เค้าเตอร์

“โบ้ท เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เสียงไอ้บอสยังคงอบอุ่นและห่วงใยเหมือนเคย
“มีอะไรให้คิดนิดหน่อยอ่ะ” ผมหลบตาลงต่ำ ตอบบอสกลับไป
“มีอะไรบอกบอสได้นะ” ไอ้บอสบอกผม
“อืมม ขอบใจ”
“อย่าคิดมาก เดี๋ยวมันก็ผ่านไป บอสอยู่ข้างๆโบ้ทเสมอนะ” น้ำเสียงของบอสอ่อนโยนบอกผม พร้อมกับเอื้อมมือมาจับมือผมเบาๆ

ผมสลัดความคิดแย่ๆ ที่รู้สึกออกไป อย่างน้อยก็ยังมีอีกคนที่เป็นห่วงผมเสมอ อีกอย่างผมจะบอกบอสได้ไง ว่าผมกังวลใจเรื่องเมย์ทำตัวห่างเหินผมไป ผมจะบอกได้อย่างไร ว่าผมแอบเห็นข้อความในไลน์ ในโทรศัพท์บอส เห็นข้อความที่เมย์ส่งให้บอส

Game
See You Next Game


ตอบคอมเมนท์ครับ
ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ขอบคุณมากๆนะครับที่ยังติดตาม แม้คนเขียนหายไปนาน ขอบคุณจริงๆครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ผมก็ว่าไม่น่าจะถึงเดือนนะครับสำหรับ Bud กับ Win ส่วนเรื่องเมย์ กำลังจะคลายปมแล้วครับ อิอิอิ รอลุ้นตอนหน้านะครับโผมมม
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 43nd Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 29-01-2015 00:19:33
บอสกับเมย์นี่อะไรยังไง
บอสแอบบอกความจริงกับเมย์รึเปล่า
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 44th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 30-01-2015 11:44:31
@ 44th Game  –  Unexpected

ผมเดินออกจากประตูโรงเรียนแบบเร่งรีบ แทรกตัวเองขึ้น BTS ที่สถานีสุรศักดิ์ ย้อนกลับมาลงที่สถานีสะพานตากสิน เดินเลาะผ่านหน้าห้างดังแถวบางรัก มาหยุดรอรถเมล์สายประจำที่ป้ายหน้าห้างดัง แต่ทว่าวันนี้ผมนั่งย้อนทางที่ปกติผมนั่งกลับบ้าน ผมเบียดตัวขึ้นรถเมล์ เพราะขณะนี้เป็นเวลาเร่งด่วน ยืนมาสักพักรถเมล์ก็มาจอดป้ายหน้าโรงเรียน เด็กกางเกงสีน้ำเงิน มีเด็กๆโรงเรียนนั้นเบียดขึ้นรถมาอีก ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นปลากระป๋องเบาๆ

“ชิดในเลยพี่” เสียงกระเป๋ารถเมล์ร้องบอกให้ผู้โดยสารเขิยบเข้าไปด้านในตัวรถ

ไม่มีที่จะให้ชิดแล้วครับ ผมนึกในใจ ตอนนี้ในรถแน่นขนัดไปด้วย เด็กนักเรียนกางเกงขาสั้นทั้ง 3 สี คือสีน้ำตาลแถวๆวัดยานนาวา สีดำจากโรงเรียนผมซึ่งมีไม่กี่คน ที่เยอะที่สุดน่าจะเป็นสีน้ำเงินที่เพิ่งขึ้นมา รถเมล์สาย 75 สุดสายที่หัวลำโพง ผมจ่ายตังค์รอบที่ 2 เพื่อจะนั่งต่อย้อนกลับมาอีกหน่อย

หัวใจผมสั่งให้เท้าคู่นี้ พาร่างกายเดินมาหยุดที่ที่หนึ่ง โรงเรียนสตรีชื่อดังใจกลางเมือง เพื่อมารอใครคนหนึ่งที่ผมติดต่อไม่ได้มา 2 วันแล้ว ระหว่างยืนรออย่างเงียบๆ มุมหนึ่งข้างๆโรงเรียน

หญิงสาวหน้าตาน่ารัก มากหน้าหลายตา เดินออกจากโรงเรียนอย่างพลั่งพลู สายตาผมสอดส่องมองหาแต่เธอคนหนึ่งที่ผมคุ้นเคย แต่ก็ยังไม่มีวี่แวว ว่าจะเจอเธอคนนั้น

ผมล้วงกระเป๋าหยิบไอโฟนขึ้นมา จะโทรออก แต่สะดุดตรงที่หน้าจอขึ้น 10 miss call  ผมกดเข้าไปดู ปรากฎว่าเป็น miss call ของบอส 6 สาย ของไอ้เบนซ์ 2 สาย ของไอ้แบงค์ 1 สาย ของไอ้โอม 1 สาย ผมปิดเสียงและปิดสั่นไว้ตั้งแต่เรียนคาบสุดท้าย เรียนเสร็จก็เดินออกมาเลย เพิ่งสังเกตุว่าตัวเองยังไม่ได้เปิดเสียงโทรศัพท์ ไว้ ผมกำลังจะกดโทรกลับไปหาไอ้บอส ยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู สายตาผมก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งที่คุ้นตากำลังเดินออกมา

ช่ายแล้วครับ เมย์ เมย์กำลังเดินออกมาหน้าโรงเรียนมือถือโทรศัพท์ กำลังคุยกับใครอยู่ หน้าตายิ้มแย้ม ผมเก็บโทรศัทพ์เข้ากระเป๋ากางเกงและก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเธอ แต่แล้วผมก็หยุดนิ่ง เพราะเห็นผู้ชายในชุดนักเรียนกางเกงสีน้ำเงินคนหนึ่ง เข้าไปทักทายเมย์อย่างสนิทสนม เค้าเอื้อมมือไปรับกระเป๋าของเมย์มาถือให้อย่างคุ้นเคย

หืมมม นี่คืออะไร...

ผมยืนนิ่งเป็นหุ่นยนต์ กับภาพที่ไม่คาดฝันที่เห็นอยู่ตรงหน้า มือชา หน้าชาไปหมด นี่ผมไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ผมกระพริบตาถี่ เอามือตบที่หน้าตัวเองเบาๆ นี่ถ้าเป็นความฝันทำให้ผมตื่นขึ้นที

ผมรวบรวมสติที่มีเหลืออยู่น้อยนิด ก้าวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคนทั้งคู่

“นี่คือคำตอบของการหายไป ไม่รับโทรศัทพ์ ไม่ตอบไลน์ ใช่ไหมครับ” ประโยคเหล่านี้ถูกเอ่ยถึง เมื่อเท้าผมหยุดนิ่งต่อหน้าคนทั้งคู่ สายตาผมจ้องไปที่หญิงสาว ที่ตกใจหน้าซีดเผือกอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ผมจะได้รับคำตอบใด มือใหญ่ของผุ้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆหญิงสาว ก็ผลักไหล่ผมอย่างแรง จนผมเซไปข้างหลัง

“เฮ้ออ อะไร” เสียงตะโกนของผู้ชายคนนั้นดังก้อง จนผู้คนรอบข้างที่อยู่แถวนั้นหันมามอง

“ไม่เกี่ยวกับคุณ” ผมตอบผู้ชายคนนั้นกลับไป โดยที่ไม่ได้หันไปมองแม้แต่น้อย สายตาผมยังคงมองไปที่หญิงสาวคนนั้นอย่างไม่วางตา

“เกี่ยวดิวะ นี่แฟนกรู” ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของผู้ชายคนนั้น

“ปั๊ก!!!” เสียงดังขึ้นที่ข้างแก้มซ้ายของผม  ความคิดผมวูบลงไป รู้สึกตัวอีกทีร่างกายลงมานอนกองกับพื้น ก่อนที่สติจะคืนมาอีกครั้งด้วยเสียงกรีดร้องของเด็กนักเรียนหญิงที่ยืนอยู่รองข้าง ความปวดวิ่งเข้ามาที่ขากรรไกรล่างด้านซ้ายของผม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกชาๆ กลิ่นคาวและรสปร่าๆ วิ่งไปทั่วปาก สายตาผมโฟกัสไปที่ผู้ชายที่ยืนข้างๆเมย์ ก่อนที่คนๆนั้นจะขยับเข้ามาค่อมและประเคนมัดขวาตรงให้ผมอีกครั้ง

“เฮ้ย พอได้แล้ว” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมร่างนั้นแทรกตัวมายืนขวางผมกับคนที่ต่อยผม พร้อมกับมือของผู้ที่มาใหม่ก็คว้าคอเสื้อนักเรียนของอีกฝาย ไอ้บอสครับ ไอ้บอสจ้องหน้าอีกฝ่ายเขม้ง พร้อมที่จะสวนหมัดใส่ไอ้หมอนั่นตลอดเวลา

“ไอ้บอส ไอ้เตอร์ ใจเย็นๆก่อน” เสียงผู้มาใหม่อีกคนที่คุ้นหูผมดังขึ้น ไอ้โอมครับมันตะโกนห้ามทัพ
“มีอะไรก็ค่อยๆคุยกันดิวะ” ผู้มาใหม่อีกคนดังขึ้น ซึ่งก็ใช่ใครที่ไหนไอ้แบงค์ครับ ไอ้แบงค์พูดขณะเข้าไปช่วยไอ้โอมแยกให้สองคนนั้นออกจากกัน

มีมือหนึ่งกี่งประคองกี่งลากผมให้ลุกขึ้นยืน ผมหันหน้าไปมอง ปรากฎว่าเป็นไอ้เบนซ์พี่ชายผมครับ
“มรึงเป็นไรมากป่าววะ” ไอ้บีมมาช่วยหิ้วปีกอีกข้างเสียงมันร้อนรน
“ไม่เป็นไร แค่ปากแตก” เสียงผมเรียบๆตอบมันกลับไป
“ฝากไอ้โบ้ทด้วย”ไอ้เบนซ์เดินเข้าไปช่วยไอ้โอมกับแบงค์อีกแรง

ไอ้โอมแยกไอ้สองคนออกจากกันได้สำเร็จ
“ไปหาที่คุยกัน ก่อนที่จะขายหน้ามากไปกว่านี้” เสียงไอ้โอมมันบอกพวกเรา เพราะตอนนี้ไทยมุงได้ล้อมพวกเราไว้หมดแล้ว

...........

หลังจากหมุดตัวฝ่าไทยมุงออกมาได้ ผมเพิ่งสังเกตุว่าชุดนักเรียนของไอ้โอมกับไอ้เตอร์ มันเหมือนกัน มันคงเรียนโรงเรียนเดียวกัน ดีไม่ดีเป็นเพื่อนกันด้วย ผมอดแปลกใจไม่ได้ที่ไอ้โอมมันโผล่มาด้วย เพราะจากโรงเรียนมันมานี่ไม่ใช่ใกล้ๆ

พอหาที่สงบๆ ได้ ไอ้โอมตัวกลางไกล่เกลี่ย ก็เริ่มพูด
“เอาพวกมรึงค่อยๆคุยกัน” มันมองมาที่ผมกับไอ้เตอร์แล้วก็เมย์

“นี่หมายความว่ายังไง” เสียงไอ้เตอร์หันไปถามเมย์

ผมไม่เปิดโอกาสให้เมย์ได้ตอบไอ้เตอร์

“เอาอย่างนี้ล่ะกัน ง่ายๆ เลยนะ เมย์เลือกใคร” ผมยิ่งคำถามใส่เมย์แบบตรงๆ
“อ๋อ ไอ้นี่ที่เมย์บอกว่ากำลังจะเลิกน่ะเหรอ” น้ำเสียงเหยียดๆ ของไอ้เตอร์พูดแทรกขึ้นมา สีหน้าเหยียดๆของไอ้เตอร์ จงใจมองมาที่ผม แต่ผมไม่ได้ใส่ใจมันเลยสักนิด

“ถ้าเลือกหมอนี่ เราจะไป” ผมสรุปสั้นๆ เสียงเรียบๆ

เงียบคือคำตอบของหญิงสาว ที่ยืนก้มหน้า เอาแต่สะอื้นร่ำไห้ เอามือปิดหน้าตัวสั่นเทาอยู่ตรงหน้า

“เตอร์ ขอเราคุยกับโบ้ทแปปนึง” เสียงหญิงสาวยังคงสั่นเคลือ ขณะหันไปบอกไอ้เตอร์ ไอ้เตอร์เดินห่างออกไปด้วยสีหน้าและท่าทางไม่พอใจ

“ตอนนี้เหลือเราแค่สองคน อยากจะบอกอะไรเรา หรืออยากอธิบายอะไรเราไหม” เสียงผมบอกหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“โบ้ท เมย์ขอโทษ” เสียงสะอื้นทำให้เมย์หอบตัวโยน

“อืมม เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว จะปิดต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ จะยื้อต่อไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างอยู่ที่เมย์ โบ้ทเคารพการตัดสินใจของเมย์ เมย์เลือกตามที่หัวใจเมย์ต้องการเถอะ โบ้ทจะไม่โกรธเมย์เลย”

ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เมย์ และพยักหน้าให้เมย์ยืนยันว่าผมไม่เป็นไร กับคำตอบที่จริงๆแล้วผมก็รู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร เพียงแต่อยากได้ยินจากปากของเมย์เท่านั้นเอง

“โบ้ท เมย์ขอโทษนะ ขอโทษที่ทำให้โบ้ทเสียใจ แต่ตอนนี้เมย์รักเค้า เมย์ขอทำตามหัวใจตัวเองนะคะ” เมย์พูดจบก็เอามือปิดหน้าปล่อยโฮออกมา

“อืมม ไม่เป็นไร เราเข้าใจ คนหมดใจก็คือหมดใจ ทำอย่างไร ยื้ออย่างไร ก็คงไม่มีความหมายอะไร ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่ผ่านมา ขอบคุณจริงๆ ขอให้เมย์โชคดีนะครับ” ผมพูดเสร็จ น้ำตาที่ผมเหนี่ยวรั้งไว้ตลอด ผมไม่สามารถต้านทานมันได้อีกต่อไป

“เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ไหม” เสียงเมย์ระล่ำละลัก ถามผมด้วยเสียงสั่นเครือ
“ได้สิ แต่โบ้ทขอเวลาสักพักนะ มันคงต้องใช้เวลารักษาแผลนะครับ”
“เมย์ขอบคุณโบ้ทมากๆนะที่ไม่เกลียดเมย์” เสียงสะอื้นทำให้เสียงเมย์ขาดลง
“โบ้ทเกลียดเมย์ไม่ลงหรอก” ผมเอามือลูบหัวหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า

ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงโกรธ และอาจจะเกลียดเมย์ที่เมย์ทำกับผมแบบนี้ แต่โกรธแล้วได้อะไร เกลียดแล้วทำให้หายเจ็บเหรอ เมย์จะกลับมาไหม คนหมดใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอคนที่หมดใจ บทเรียนครั้งนั้น ยังคงสอนใจผมอยู่ จนถึงตอนนี้

ผมถูกพาตัวขึ้นมาอยู่บนรถ Volvo XC 60 ของไอ้โอมผมยังคงงงๆกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การไม่ถูกเลือกมันเจ็บอย่างนี้นี่เอง ไอ้บีมนั่งข้างหน้า ไอ้คุณพี่ชายเบนซ์นั่งข้างซ้ายส่วนไอ้บอสอยู่ข้างขวา ส่วนไอ้แบงค์นั่งแถว 3 ไอ้บอสจับมือผมไว้ บีบเป็นจังหวะส่งกำลังใจและข้อความผ่านมือนั่น อย่างน้อยๆผมก็ยังมีไอ้บอสอยู่ข้างๆตรงนี้อีกคน  ไอ้โอมกำลังจะพาพวกเรากลับมาส่งที่โรงเรียน

เสียงเพลงดังคลอๆมาจากวิทยุรถไอ้โอม แต่สำหรับผมแล้วเพลงมันไม่ได้แค่ดังคลอๆ แต่มันชัดมากในตอนนี้

ปลายทางที่ฉันรอเธอ ที่สุดก็จบตรงนี้
ไปดีเถอะนะคนดี ไม่ต้องคิดอะไร
เข้าใจว่าวันเวลา มันทำให้คนเปลี่ยนไป
แต่ฉันก็คงไม่คิดโทษใครอยู่แล้ว อย่าห่วงเลย

ขอบใจเธอที่เคยรักฉัน ที่เคยร่วมทางกันมา
ต้องขอบใจที่ทำให้รู้ว่าไม่ต้องรอ
เจ็บยังไงต้องทนรับไว้ ให้เราจบแค่นี้พอ
จากวันนี้ฉันก็จะขอ ให้โชคดี

เวลาทุกวินาที ต่อไปคงหมดความหมาย
จะเร็วจะช้ายังไง เธอก็คงไม่มา
เมื่อมันไม่เหลืออะไร เมื่อเธอไม่กลับมาหา
ฉันก็คงต้องใช้เวลาที่เหลือ เพื่อลืมเธอ

คนเราต่อให้รักเพียงใด จะรักแทบเป็นแทบตายก็คงไม่สำคัญ
ปลายทางเราต้องแยกจากกัน ไม่เหมือนอย่างฝัน


ในเวลาแบบนี้เคยเป็นกันไหมครับ เพลงอะไร มันก็โดนไปหมด เหมือนคนแต่งเค้าตั้งใจจะแต่งไว้ให้เรา

Game
See You Next Game

-------------------------------------------------------
ตอนหน้า Boss จะมาเฉลยปมที่ Boss ได้เจอมานะครับ รออ่านกันต่อนะครับ จะลงตอนต่อไปวันจันทร์นะครับ
--------------------------------------------------------

ตอบคอคเมมนท์คุณ คุณ IsDeer

รอตอนหน้านะครับ อิอิ วันจันทร์นี้ลงครับ บอสจะเฉลยปมในมุมของบอสครับ อิอิ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 44th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 31-01-2015 15:51:14
คิดไว้แล้วเชียวว่าซักวันเมย์ต้องดีแตก
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 44th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 02-02-2015 00:48:23
แล้วโบ้ทจะไปหึงเมย์ขนาดนั้นทำซากอ้อยอะไร
ตัวเองกลับไปคบบอสก่อนนะสงสารเมย์บ้างสิ
มันก็คบกันลับเหมือนกันแหละ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 44th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 02-02-2015 11:18:36
@ 45th Game  –  BOSS III

สวัสดีครับ บอสครับ จริงๆน่าจะยังไม่ถึงคิวที่ผมต้องออกมา แต่เมื่อวานนี้ที่รักผมไปโดนฟาดปากมา วันนี้มันเลยพูดมากไม่ได้ เลยส่งผมมาแทนครับ…

จริงๆแล้วผมเริ่มแปลกใจตั้งแต่ที่อยู่ดีๆ เมย์ ให้โบ้ทมาชวนผมไปทานข้าวด้วย เพราะเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว ผมแปลกใจที่ไอ้โบ้ทไม่เอ๊ะใจ หรืออาจจะเป็นธรรมดาของโบ้ท ที่มักมองทุกอย่างในแง่ดี นั่นที่จริงก็คือข้อดีของหมอนี่ ไม่งั้นคงไม่โดนฟาดปากมาเป็นแน่

หลังจากทานซูกิชิกันกันเสร็จ ไอ้โอมสะกิดผม มันบอกว่ามีเรื่องขอคุยด้วยหน่อย ผมเดินตามไอ้โอม หลบไปคุยกันหน้าห้องน้ำ  สิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจคือ

“เฮ้ย ไอ้บอส นั่นเมย์จริงๆเหรอ” ไอ้โอมถาม
“อืมม ใช่สิ ตอนวันแข่งเทนนิสก็มา โอมไม่เห็นเหรอ” ผมตอบไอ้โอมไป
“เออ กรูไม่ได้สังเกตุหน่ะสิ” โอมตอบผมกลับมา
“มันชักจะยังไงๆแล้วล่ะไอ้บอส” เสียงไอ้โอมดูกังวล
“ยังไงวะ” ผมเริ่มเป็นกังวลไปกับมัน เพราะเริ่มรู้สึกทะแม่งๆ
“คืองี้ กรูมีเพื่อนในห้อง มันเคยเอารูปแฟนมันให้ดู แล้วก็รูปแฟนมันก็คือเมย์” น้ำเสียงไอ้โอมดูไม่สบายใจ
“จริงเหรอ” ผมถามกลับมันทันที
“เออ จริงดิ กรูจำได้ เพราะมันเพิ่งบอกกรูตอนมันจีบติด และผู้หญิงก็ตกลงรับมันเป็นแฟน
“นานหรือยังวะ” ผมย้ำเรื่องเวลากับไอ้โอม
“ไม่นานเท่าไรนะ เกือบจะสองเดือนมั้ง “ ไอ้โอมพยายามนึก
“สองเดือน” ผมย้ำคำไอ้โอมอีกครั้ง
“ก่อนหน้าช่วงเวลาที่บอสกับมาคบโบ้ทนิดเดียวเองสิ” ผมบอกไอ้โอม
“น่าจะช่วงนั้นนะ ประมาณสองเดือนที่แล้ว ที่กรูจำได้ก็ไอ้เพื่อนกรูมันก็ดีใจที่ผู้หญิงตอบรับมันเป็นแฟน ประกาศไปทั่วห้อง”
“กรูว่าไอ้โบ้ท ดูท่าทางมันยังไม่รู้ และดูจะไม่ทันผู้หญิงนะโว้ย” ไอ้โอมเริ่มวิเคราะห์
“โบ้ทมันเป็นคนดี ถูกเลี้ยงมาดี ไม่เคยคิดร้าย ไม่เคยมองใครในแง่ร้าย” ไอ้โอมยังคงพูดวิเคราะห์ไอ้โบ้ทต่อ
“เอาไงดีวะ จะให้กรูบอกไอ้โบ้ทเลยไหม” ไอ้โอมดูเหมือนจะโกรธเมย์เมื่อพูดจบ
“กรูว่าอย่าเพิ่ง เด่วดูให้แน่ใจอีกที แล้วกรูก็อยากจะลองอะไรบางอย่างให้แน่ใจด้วย”

ผมห้ามไอ้โอม เพราะอยากรู้อะไรและอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างจากเมย์ และถ้าผมพิสูจน์ได้ ผมจะเป็นฝ่ายบอกไอ้โบ้ทเอง

“มรึงจะลองไรวะ” ไอ้โอมถามกลับ
“กรูว่ามันแปลกๆ ที่อยู่ดีๆเมย์ก็ให้ไอ้โบ้ทชวนกรูมากินข้าวด้วย” ผมบอกไอ้โอม
“หา” ไอ้โอมทำหน้าตกใจ
“เออ กรูว่าลางสังหรณ์กรูถูก เด่วก็รู้ว่าจะยังไงต่อไป” ผมบอกไอ้โอม
“เด่วกรูคอยส่งข่าวบอกมรึง” ไอ้โอมพยักหน้ารับรู้

........

แล้วสิ่งที่ผมคาดว่ามันจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจริง

มีการแอดไลน์มาจากเมย์ ผมบอกโบ้ทว่า เมย์แอดไลน์มา จะให้รับไหม คำตอบทำให้ผมน้อยใจนิดๆ นั่นก็คือรับได้ โบ้ทไม่หวงผมเลย แต่ก็ดีผมจะได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้ โดยที่ไม่รู้สึกผิดว่าทำอะไรลับหลังโบ้ท เพราะโบ้ทเป็นฝ่ายอนุญาติเอง

วันเดินทางไปเกาะช้าง ผมนั่งรถไอ้เบนซ์ ผลัดกันขับกับไอ้เบนซ์ ผมไม่ค่อยจะได้ยุ่งกับโทรศัทพ์เท่าไร แต่ทุกครั้งที่จับ ก็จะเห็นข้อความจาก เมย์ ผมอยากรู้ว่าถ้าผมลองเล่นกับเธอดูสักหน่อย จะมีปฏิกิริยาตอบกลับมาอย่างไร ซึ่งก็เป็นดั่งที่ผมคาด ทุกครั้งที่มีโอกาส ผมจะเปิดข้อความให้ไอ้โอมอ่าน ผมกับไอ้โอมวางแผนไว้ว่ากลับจากทริปนี้ คงต้องจัดการอะไรสักอย่าง

พอกลับมาจากเกาะช้าง บังเอิญงานที่สภานักเรียนยุ่งมาก ผมกับไอ้โอมนัดกันไว้ว่า หลังจากเคลียร์งานที่สภาเบาๆลง ผมกับไอ้โอมจะนัดเพื่อนไอ้โอมออกมาเจอ แล้วคุยเรื่องนี้กัน ถ้าเพื่อนโอมรู้ความจริง ก็อาจจะถอยออกไปเอง

ส่วนเมย์ ผมคงต้องคุย คิดว่าเพราะเมย์กับโบ้ท คบกันมานาน อาจจะมีช่วงเบื่อ ช่วงเผลอ ซึ่งก็คงเป็นธรรมดาของคน ที่ก็พลาดกันได้ ซึ่งผมเองก็เคยพลาด ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนดี เป็นคนที่คู่ควรกับโบ้ทจริงๆ ผมจะไม่ยื่นมือเข้ามายุ่งเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ตัวว่าผมเข้ามาแทรกระหว่างคนทั้งสอง รู้ตัวว่าจริงๆแล้วผมมาทีหลัง และผมก็รู้ขอบเขตว่าผมทำได้แค่ไหน รู้ตัวว่าจะต้องอยู่ตรงไหน และจะต้องไม่สร้างความลำบากใจให้โบ้ท แต่ถ้าเค้าไม่ดีจริงๆ ก็จะได้รู้กันไปและผมจะไม่ยอมให้โบ้ทถูกหลอก

..........

หลังจากกลับจากเกาะ ผมสังเกตว่า โบ้ทเอง ดูเงียบๆลงไป ดูกังวลๆ อะไรอยู่ หรืออาจจะรู้อะไรระแคะระคายมาบ้างแต่ถ้าเป็นเรื่องเมย์ โบ้ทไม่มีทางปรึกษาผม อันนี้ผมรู้จักโบ้ทดี โบ้ทเองพยายามหลีกเลี่ยงที่จะทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ ผมก็ได้แต่คอยให้กำลังใจ

เย็นวันนั้นผมวุ่นวายอยู่ในห้องสภานักเรียน

“ฉันนั้นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปไหน
แม้ต้องมองเห็นเธอ จับมือของใคร
ฉํนก็จะไม่โกรธ จะไม่โทษที่เธอต้องไป
และที่ฉันยังศรัทธาในรักเดียว
และที่ฉํนยังไม่เหลียวมองคนไหน”

เสียง Xperia Z1 ของผมร้องลั่น ผมคว้ามาดู แปลกใจนิดหน่อยที่ไอ้แบงค์ โทรมา

“บอสเหรอ ไอ้โบ้ทมันอยู่กับบอสหรือเปล่า” เสียงจากปลายสายทักมา
“เปล่า มีอะไรหรือเปล่าแบงค์” ผมถามไอ้แบงค์กลับไป
“พอเลิกเรียนคาบสุดท้าย ไอ้โบ้ทก็เก็บกระเป๋าแล้วก็หายไปเลย กรูนึกว่ามันไปหามรึง”
“เปล่า ไม่ได้มาอ่ะ” ผมตอบไอ้แบงค์ไป
“กรูเห็นมันไม่ค่อยสบายๆใจเรื่องเมย์ มรึงรู้เรื่องอะไรไหม” ไอ้แบงค์ถาม
“เดี๋ยวกรูโทรหามันแปป เดี๋ยวกรูโทรกลับ”  ผมกดวางสายจากไอ้แบงค์
รีบกดโทรศัทพ์หาไอ้โบ้ททันที รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี

โทรหาโบ้ทไปหลายสายแต่ก็ไม่รับเลยสักสาย ผมกดโทรศัพท์ไปหาไอ้โอม

“ฮัลโหล ครับ” เสียงไอ้โอมรับสาย
“โอม กรูคิดว่าไอ้โบ้ทมันจะไปเคลียร์กับเมย์ มรึงว่างไหม” ผมรีบพูดเรื่องที่อยากจะสื่อสาร
“ชิปหายแล้ว” เสียงอุทานของไอ้โอม
“ไอ้เตอร์กำลังไปรับเมย์ เมื่อกี้กรูเพิ่งคุยกับมัน” เสียงไอ้โอมกังวล
“เอางี้ มรึงตรงไปโรงเรียนเมย์เลย เดี๋ยวกรูตามไอ้เบนซ์แล้วตามไปเจอกันหน้าโรงเรียนเมย์” ผมสั่งไอ้โอม เพราะสังหรณ์ว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ค่อยดี

“ไอ้แบงค์รออยู่ตรงไหน” ผมรีบถามมันหลังจากมันรับสาย
“กรูอยู่ชมรม”
“งั้นเดี๋ยวมึงเจอกรูที่หน้าโรงเรียน ลากไอ้บีมไปด้วย” ผมสั่งมันก่อนจะกดวางสาย
แล้วผมเริ่มออกวิ่งไปที่สนามกีฬาหน้าโรงเรียน ที่วงดุริยางค์กำลังซ้อมกันอยู่ ไอ้บาสกำลังตะโกนสั่งเด็กๆแปรรูปขบวนกัน ลั่นสนสาม

“ไอ้บาส กรูยืมตัวไอ้เบนซ์แปป” ผมตะโกนบอกไอ้บาสผมคว้าข้อมือไอ้เบนซ์โดยไม่ได้รอคำตอบจากไอ้บาส
“ไอ้เบนซ์ มากับกรู” ผมลากมันออกมา
“อะไรวะไอ้บอส”  มันหันถามผม
“น้องมรึงอ่ะ ไปเคลียร์เรื่องเมย์ วิ่งก่อน เดี๋ยวกรูเล่าให้ฟัง”

พอมาถึงหน้าโรงเรียน ไอ้แบงค์กับไอ้บีมยืนรอกันอยู่แล้ว ผมบอกพวกมันให้ใช้บริการพี่วินมอเตอร์ไซด์ เพราะอยากให้ไปถึงเร็วๆ ระหว่างอยู่บนมอเตอร์ไซด์ ผมพยายามกดโทรศัพท์โทรหาโบ้ท แต่ก็ยังไม่รับสาย ขณะที่ผมพยายามจะโทรกลับไปอีกครั้ง xperia z1 ก็สั่นพร้อมกับโชว์สายที่โทรเข้าเป็นรูปไอ้โบ้ทขึ้นเต็มหน้าจอ ผมกดรับสายอย่างร้อนรน

“ฮัลโหล โบ้ทอยู่ไหน” ผมรีบถามทันทีหลังกดรับสาย
“ฮัลโหล ฮัลโหล” เงียบ มีแต่เสียงจ็อกแจ็กกับเสียงรถวิ่งบนถนน

ผมรีบจ่ายเงินค่ามอเตอร์ไซด์ให้พี่วินหลังจากที่รถหยุดลงหน้าโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดัง ผมหันหลังกลับมาเห็นไอ้โอมกำลังจะลงจาก Volvo Suv คันหรูของมัน  ส่วนพวกไอ้เบนซ์ ไอ้แบงค์ ไอ้บีม กำลังจ่ายเงินค่ามอเตอร์ไซด์ ไอ้โอมชี้ไปอีกด้านของโรงเรียน ที่มีคนเริ่มมุง พวกผมวิ่งกันไปตรงนั้น ขณะกำลังแทรกตัวผ่านไทยมุงตรงนั้นเข้าไป เสียงกรีดร้องของสาวๆรอบข้างดังขึ้น ผมเห็นร่างไอ้โบ้ท ลอยขึ้นด้วยแรงหมัดของอีกคน กระแทกพื้นดังลั่น ตอนนั้นผมไม่คิดอะไรแล้ว กระโจนเข้าไปคว้าคอเสื้อไอ้นั่น ก่อนที่มันจะกระโดดมาซ้ำไอ้โบ้ทอีกรอบ

เสียงไอ้โอมตะโกนบอกให้ใจเย็นๆก่อน ไอ้นั่นชะงักเมื่อเห็นว่าพวกผมมากันหลายคน คงไม่คุ้มที่จะโดนตีนพวกผมแน่ๆ มันเลยหยุด

ผมปล่อยคอเสื้อไอ้หมอนั่น เมื่อไอ้แบงค์มายืนประจันหน้ากับมันข้างๆผม ผมจ้องหน้ามันเขม่ง หันไปมองหญิงสาวที่ยืนร่ำไห้เอามือปิดหน้าที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักด้วยหางตา พอไอ้เบนซ์ที่ไปพยุงไอ้โบ้ทขึ้นยืนเมื่อกี้ มายืนสมทบกับผมอีกคน

ไอ้โอมพูดกับไอ้หมอนั่นอยู่ ผมจึงถอยลงมาดูไอ้โบ้ท ที่ไอ้บีมยืนประคองอยู่

“เจ็บไหม เป็นอะไรหรือเปล่า” ผมถามโบ้ทด้วยความเป็นห่วง
“แค่ปากแตก” มันหันมายิ้มให้ผม
“จะมาทำไมไม่บอก จะได้มาเป็นเพื่อน” ผมต่อว่าไอ้โบ้ท
“ก็จะมาหาเมย์ ไม่ได้คิดว่าจะมามีเรื่องนี่” มันพยายามอิบาย
“ก็มองโลกแง่ดีแบบนี้ เลยเจ็บตัวแบบนี้ไง”

สุดท้าย ไอ้โอมก็บอกว่าไปหาที่คุยกัน ก่อนที่จะขายหน้ามากไปกว่านี้ พอหาที่สงบๆ คุยกันได้พวกผมก็ปล่อย ให้ โบ้ท เมย์ แล้วก็ไอ้เตอร์ ยืนคุยกัน โดยที่พวกผมคุมเชิงอยู่ไม่ห่าง เกิดลงไม้ลงมือกันอีกจะได้ห้ามกันทัน สักพักไอ้เตอร์ก็เดินหัวเสียถอยออกมา ปล่อยโบ้ทกับเมย์คุยกันสองคน

แล้วเมย์ก็เลือกไอ้เตอร์ ไอ้โบ้ทพยายามทำเหมือนกับไม่มีอะไร ไม่เป็นอะไร แต่จริงๆแล้วผมรู้ว่ามันก็เสียใจไม่น้อยเลยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวลาเกือบสองปีที่คนสองคนคบกัน มันเป็นเวลาที่นานพอที่จะทำให้เกิดความผูกพันกัน และก็คงยากที่จะทำใจให้หายได้อย่างรวดเร็วสักเท่าไร

ตอนไอ้โอมขับรถไปส่งพวกเราที่โรงเรียน ไอ้โบ้ทนั่งเหม่อเลยออกไปนอกหน้าต่าง ผมก็ได้แต่กระซิบโบ้ทว่า ยังมีผมอยู่อีกคน และจะไม่มีวันทิ้งโบ้ทไปไหนอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ตอนนี้ผมทำได้เพียงจับมือที่เย็นๆนั้นไว้ คอยบีบมือนั้น มองหน้า และส่งสายตาให้กำลังใจ นั่นคงเป็นภาษากายอย่างเดียวตอนนี้ที่ผมทำให้โบ้ทได้ ............
 
Game
See You Next Game

-------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ kasarus
ตอนนี้เฉลยเรื่องเมย์จากปากบอสแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
บอสมาเฉลยคำตอบแล้วนะครับ แอบดีใจที่คนเขียนเขียนให้คุณ IsDeer รักตัวละครเมย์ได้นะครับ^^
อย่าโกรธเจ้าโบ้ทจนไม่อยากอ่านต่อนะครับ คนเขียนคงแย่แน่ๆครับ^^

หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 45th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 04-02-2015 00:44:56
พออ่านตอนนี้แล้วไปกันใหญ่เลย
คือทั้งบอสและโบ้ทคบกันลับหลังเมย์ไม่รู้สึกผิดอะไรกันบ้างเหรอ
โทษแต่ฝ่ายหญิง ทั้งที่ฝั่งตัวเองคบกันลับหลังได้เจ็บแสบมาก
อันนี้เรายังไม่พูดถึงว่าเมย์ดีหรือไม่ดี ไม่ว่าเมย์จะดีหรือไม่ดี แต่การที่มาคบลับหลังเป็นอะไรที่แย่มากๆ
เมย์ก็แย่ที่ไปคบกับเตอร์ ทั้งๆที่ยังไม่เคลียร์เรื่องโบ้ท
แต่จะว่าเหมือนนเมย์เป็นคนผิดหาเหตุผลว่าเมย์ไปมีเตอร์ก่อนก็ใช่ว่าจะถูกในเมื่อตอนแรกยังไม่รู้ว่าเมย์มีเตอร์ก็ยังแอบไปกินกันสองคนเลยนี่ ถ้าเมย์ไม่ได้มีใครนะเราว่าเมย์จะเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารมากๆเลย ที่แฟนตัวเองไปคบลับหลังกับคนอื่น
แต่เราว่าเมย์คบกับเตอร์อาจจะเป็นเพราะคบกับโบ้ทมาสองปีแล้วเริ่มห่างๆกัน แถมช่วงนั้นโบ้ทเริ่มกลับมาคุยกับบอส
ไม่มีเวลาให้กัน เมย์ก็เลยไปสนใจเตอร์ที่มีเวลาให้มากกว่า ก็เลยเลือกเตอร์

แต่เรื่องไลน์ที่เมย์คุยกับบอส คืออะไร หยอกกันเล่นเหรอ
และในใจยังคงคำถามเดิม โบ้ท! แกจะเศร้าทำซากอ้อยอะไร ในเมื่อแกก็คบลับหลังไม่ต่างจากเขาแล้วก็พยายามหาทางบอกเลิกอยู่แล้ว
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 45th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 05-02-2015 20:04:48
@ 46th Game  –  Sadness

การที่ใครสักคนออกจากชีวิตเราไป
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการที่จะทำใจยอมรับมัน
ความผูกพันเมื่อผูกมัดไปที่ใครแล้วการแกะออกมันก็คงต้องใช้เวลา
เมื่อรักใครไปแล้วเราจะใช้หัวใจมากกว่าสมอง และมักจะใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล


เช้าวันนี้ผมกับไอ้บอสมาโรงเรียนก็มีแต่คนมอง เพราะเรื่องที่ผมโดนต่อยที่หน้าโรงเรียนหญิงล้วนชื่อดัง แพร่เร็วยิ่งกว่ากลิ่นตด เรื่องแย่ๆมักจะมีคนชอบมากกว่าเรื่องดีๆ แถมเมื่อคืน มีคนแชร์คลิปลงในเฟสกันอีก มีมือดีถ่ายแล้วเอาแชร์ในเฟส เอากะเค้าสิ พอผ่านสายตาและเสียงซุบซิบเหล่านั้นมาได้

“ช่างเขาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็มีประเด็นใหม่ๆให้พูดถึงอีก” เสียงคนข้างๆผมพูดขึ้นมา
“อย่าคิดมากนะครับ” ไอ้บอสเอามือมาตบไหล่ผมเบาๆ
“อืมม” ผมพยักหน้าตอบมันไปสั้นๆ

หลังจากแยกกับไอ้บอสผมเปิดประตูชมรมเทนนิสเข้ามา

“มรึงเป็นไงบ้างวะ” ไอ้ไบร์ทพุ่งตัวเข้ามาถาม แถมเอามือจับคางผมบิดซ้ายทีขวาที
“เออ ไม่เป็นไรมาก” ผมตอบไอ้ไบร์ทมันไป
“จะเป็นมากก็ตรงมรึงบิดหน้ากรูไปกรูมานี่แหละ” ไอ้ไบร์ท หัวเราะเบาๆก่อนจะปล่อยมือ
“ไอ้ตรงนั้นไม่เป็นไรหรอกมรึง แต่ตรงนี้เป็น” เสียงไอ้บีมพูด พร้อมกับเอามือชี้ที่หัวใจมัน

เราเอาผมแถบจุก น้ำใสๆเริ่มคลอๆ แต่ที่รู้สึกแบบนั้นไม่ได้โกรธไอ้บีม เพราะรู้ว่าที่มันพูดเพราะมันเป็นห่วง เพราะเมื่อวานก็ได้มันช่วยเอาไว้ แต่ที่รู้สึกจุกเพราะสิ่งที่มันพูดมันคือเรื่องจริง……ผมยืนนิ่งไปชั่วขณะพยายามฝืนไม่ให้น้ำใสๆที่กำลังจะเอ่อล้น มันไหลออกมา แล้วก็มือหนึ่งมาโอบไหล่และตบเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะมรึง เดี๋ยวมรึงก็ผ่านมันไปได้” ไอ้แบงค์พูดจบก็เอามือตบบ่าผมเบาๆ
“กรูว่านะ กรูจะร้องก็เพราะมรึงปลอบนี่แหละ” ผมหันไปหัวเราะกับไอ้แบงค์จนตาหย๊ น้ำตาที่อุตส่าห์กลั้นไว้ ก็ไหลลงมา
“ซึ้งจนน้ำตาไหลเลยเหรอเพื่อน” ไอ้แบงค์ปล่อยหมามาแล้ว เล่นเอาฮากันทั้งกลุ่ม นี่แหละใช่ไหมที่เขาเรียกว่า “หัวเราะทั้งน้ำตา”

พอเจอหน้า ไอ้บาสกับไอ้บูม ตอนเดินเข้ามาในห้องเรียน คุณหัวหน้าวงดุริยางค์กับหัวหน้าชมรมชมรมเชียร์ ก็ซักผมกันใหญ่ ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้

“ดีแล้วล่ะมรึง ก่อนจะเสียใจมากไปกว่านี้” ไอ้บาสปลอบใจ
“รู้เร็ว จะได้ทำใจได้เร็วหว่ะ” ไอ้บูมสมทบอีกเสียง
“อืมม ขอบใจหว่ะ” ผมตอบพวกมันสองคนไป

..............

ต้องยอมรับว่าผมเองเรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะเอาแต่เหม่อ แม้จะเข้าใจทุกๆอย่าง แต่ก็โดนทิ้งอะนะ มันอดใจหายไม่ได้ ผมเพิ่งเข้าใจ ว่าทำไมเมย์ถึงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่น ไม่วุ่นวาย ไม่โทรตาม ก็คงเป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง ความคิดผมยังคงวนเวียนอยู่กับผู้หญิงคนนี้  การไม่ถูกเลือกมันยังคงเจ็บปวดอยู่เสมอ

ผมพยายามสะกดกั้นทุกครั้งที่ความรู้สึกมารวมกันตรงที่ปลายจมูก ที่คอเริ่มมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ ฝ้าขาวเริ่มเกาะที่รอบดวงตา น้ำตาเริ่มเอ่อ ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องเป็นอย่างนี้ ทั้งๆที่ก็เข้าใจ ทั้งๆที่ก็รู้อยู่แล้วว่าสักวันก็ต้องเป็นแบบนี้ และอาจเป็นผมด้วยซ้ำที่จะต้องตัดสินใจเลือกระหว่างบอสกับเมย์

เธอเป็นอย่างไรจากวันที่สองเราไกลห่าง
ส่วนคนๆมันมีชีวิตไม่เหมือนเดิม
เจอใครต่อใครกี่คนก็ถามถึงเรื่องเธอ
คำตอบของฉันมีเพียงรอยยิ้ม
แต่ที่จริงแล้วใครเลยจะรู้

ว่าใจฉันอ่อนแอ กับคำว่าเปลี่ยนแปลง
แค่คิดจะลืมมันยังข่มใจไม่ไหว
ให้จำว่าเกลียดเธอ ให้ทำว่าแค้นเธอ
พูดตรงๆแค่คิดยังไม่กล้าพอ

แค่อยากถามเธอ เธออยู่ตรงนั้นเหนื่อยไหมเรื่องหัวใจ
ตรงนั้นมีใครดูแลเธอหรือเปล่า ทำได้เท่าฉันหรือเปล่า
ส่วนคนอย่างฉันก็เหงามันเรื่อยไป
ต้องใช้เวลาเยี่ยวยาทุกสิ่ง
มันยากจริงๆ อยากลืมแต่ใจฉํนมันกลับจำ

........

บอสยังคงวนเวียนอยู่เป็นเพื่อน คอยส่งกำลังใจผ่านสายตา ผ่านภาษากายโดยการจับมือ ทุกครั้งที่ผมผล่อยหลับไป ลืมตาตื่นขึ้นมา ก็จะมีอ้อมแขนอุ่นๆ คอยโอบกอดผมอยู่เสมอ นี่เป็นสาเหตุที่ผมพยายามต่อสู้กับความอ่อนแอของตัวเอง เพราะไม่อยากให้บอสเห็น กลัวมันจะเสียใจ และก็รู้อยู่เต็มอกว่า ถ้าปล่อยต่อไปเรื่อยๆผมอาจจะเสียบอสไปอีกคน

ทู บอน ดาชิน บล ซู ออบดัน มัล ฮาจีมา
แนกา จัลฮัลเก โนจี อานึลเก นี กยอเท อิซนึน นัล
ตอนาจีมา โทราซอจีมา นัน นอล โบแนล ซู ออบซอ
อีรอน นัล ทูโก oh oh คันดาโก oh oh
บอซอนัล ซู ออบซอ Cause you are my destiny

เสียงริงโทนเพลง Destiny ของ Infinite ดังอยู่หลายรอบ ก่อนที่บอสจะถือวิสาสะ รับแทน

“ครับแบงค์” บอสทวนชื่อของคนที่โทรเข้ามา
“อืม เด่วลองชวนโบ้ทดูนะ” เสียงบอสตอบไอ้แบงค์ ก่อนที่มันจะเอามือปิดโทรศัพท์แล้วหันมาถามผม
“โบ้ท แบงค์กับอาร์ม ชวนไปกินอะไรที่คอนโดฯ ไปไหม”
“แล้วแต่บอสอ่ะ” ผมตอบบอสกลับไปสั้นๆ
“เดี๋ยวบอสจะลองชวนเบนซ์กับเบียร์ดูนะ อืมม แล้วเจอกัน” เสียงบอสจบบทสทนาและกดวางสายโทรศัพท์ไป
“เดี๋ยวบอสไปชวนเบนซ์นะครับ” ไอ้บอสหันบอกผมก่อนจะเดินเปิดประตูห้องนอนออกไป

Peugeot 4008 กำลังจะเลี้ยวออกจากบ้าน ผ่านต้นชมพูพันทิพย์ต้นใหญ่ ไอ้เบนซ์ค่อยๆขับมุ่งหน้าไปที่คอนโดไอ้อาร์ม โดยมีไอ้เบียร์นั่งอยู่ข้างหน้า ข้างๆผมมีไอ้บอส ไม่นานรถก็เลี้ยงเข้ามาจอดชั้นใต้ดินของคอนดูหรูแถวๆสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี ก่อนจะขึ้นไปพวกเราแวะร้านมินิมาร์ทข้างๆคอนโด

“กินเบียร์ได้ไหม” ผมหันไปถามไอ้บอส
“เอาดิ” เสียงบอส ตอบแบบเอาใจผม สุดท้ายก็ซื้อไปเกือบโหล

พวกเราหอบของพะรุงพะรัง ขึ้นไปห้องไอ้อาร์ม ไอ้อาร์มเตรียมของกินไว้แล้วบางส่วน ไอ้เบียร์เข้าไปช่วยไอ้อาร์มในครัว ส่วนไอ้แบงค์ ไอ้เบนซ์ ไอ้บอส ไปช่วยกันจัดโต๊ะ ส่วนผมนั่งเป็นหุ่นยนต์ดูทีวีที่ห้องรับแขก คอนโดไอ้อาร์มอยู่ชั้น 25 บรรยากาศดีเพราะอยู่ชั้นค่อนข้างสูง มุมหนึ่งตรงโต๊ะกินข้าวเห็นวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา

“มรึงเป็นไงบ้างวะ” ไอ้แบงค์ถามขณะกำลังจะยกเบียร์ซด
“ก็ เจ็บดีหว่ะ” ผมเค้นเสียงหัวเราะตอบมันไป
“เดี๋ยวก็หายมรึง” ไอ้แบงค์ปลอบใจ
“ไอ้บอส จัด สักยกสองยกเดี๋ยวก็หาย” ผมนี่อึ้งกับปากไอ้แบงค์ สรุปหาเรื่องกัดกรูซะงั้น
“เชี่ยแบงค์” ผมด่ามันกลับไปแต่มันกับหัวเราะร่วน

เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง ไอ้อาร์มเดินไปเปิดประตู ไอ้แดนเพื่อนสนิทไอ้อาร์ม ที่เรียนโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินแถวถ.เพชรบุรี โผล่หน้าเข้ามา พร้อมกับหิ้วเบียร์มาอีกแพ็ค ไอ้แดนมันอยู่ห้องข้างล่างนี่เอง ไอ้อาร์มมันชวนไว้แล้วแต่มันเพิ่งมา เพราะมันเพิ่งจะกลับมาจากซ้อมจักรยาน

“กรูอยู่ได้ไม่นานนะมรึง” ไอ้แดนบอกไอ้อาร์มกับพวกเรา
“ไมอ่ะ อยู่ได้ไม่นานเสือกมาช้าอีกนะมรึง” ไอ้อาร์มบ่น
“พรุ่งนี้กรูมีงาน แต่เช้าหน้า Central world โน่น”
“ไปดูกรูไหม” ไอ้แดนชวนพวกเรา
“ไอ้เบสต์ก็ไปนะ” มันพูดไปยิ้มไปเมื่อพูดถึงชื่อไอ้เบสต์ ผมก็ลืมไปเสียสนิทว่าไอ้เบสต์มันก็ชวนไว้ตั้งแต่ก่อนวันเกิดเรื่อง
“เอาดิ กี่โมงวะ” ไอ้แบงค์ถามไอ้แดน
“11.30 หว่ะ” ไอ้แดนตอบ
“พวกมรึงไปกันไหม” เสียงไอ้แบงค์หันมาถาม

ผมหันไปมองหน้าไอ้บอส ไอ้บอสพยักหน้าอนุญาต
“กรูไป” ผมตอบไอ้แบงค์ ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็พยักหน้า

หลังจากดื่มด่ำ กับแอลกอฮอร์และบรรยากาศดีๆบนคอนโดไอ้อาร์ม พวกเราก็แยกย้ายกัน ห้าทุ่มกว่าๆ โดยขากลับไอ้เบียร์เป็นคนขับ เพราะมันเป็นคนเดียวที่ไม่ได้กิน ตอนอยู่ในวง มีคนแซวว่าทำไมมันไม่กิน คำตอบของมันก็คือ

“กรูชื่อเบียร์ก็เลยไม่กินเบียร์ ไม่ใช่อะไร กรูไม่กินตัวกูเอง”

เล่นเอาทุกคนฮากับตรรกะของมันแต่จริงๆแล้วมันไม่กินเพราะว่าดูท่าทางว่ามันจะต้องเป็นสารถีที่จะพาพวกเรากลับบ้าน ไอ้เบียร์พาพวกเรากลับมาถึงบ้าน สุขอนันต์ โดยสวัสดิภาพ ผมกับไอ้เบนซ์แยกย้ายห้องใครห้องมัน

“อาบน้ำกัน” ไอ้บอสหยิบผ้าเช็ดตัวส่งให้ผม
“อืมม” เสียงในลำคอผมตอบไอ้บอสไปสั้นๆ

มันก็เดินเปิดประตูนำเข้าไป ผมเปิดฝักบัวเอาหัวตัวเองไปจ่อ ไอ้บอสบีบแชมพู ก็เอาสระผมให้ผมอย่างเบามือ จากนั้นก็ค่อยล้างฟองออก บีบโฟมล้างหน้าค่อยล้างหน้าให้ผมอย่างทะนุถนอม แล้วก็ล้างโฟมล้างหน้าออก ผมยืนนิ่งๆให้บอสจัดการไป ความคิดที่วนอยู่ในหัวผมคือ ผมยังมีคนที่รักผมมากๆอยู่อีกคน คอยให้กำลังใจ คอยทุกข์คอยสุขไปกับผม คอยเดินข้างๆผมอีกคน

ความรู้สึกเริ่มมารวมที่ปลายจมูกอีกครั้ง ก้อนใหญ่ๆเรื่องมาจุกอยู่ที่คอ ความรู้สึกพลั่งพรู ออกมา ผมผวาเข้ากอดบอส เอาหน้าซุกไปที่อกนั้น ตัวผมโยน และสั่นเทา บอสกอดผมเอาไว้ในอ้อมแขน

“ไม่ต้องฝืนนะโบ้ท ไม่ต้องเก็บมันเอาไว้”
“อยากจะร้องก็ร้องออกมาเลย ร้องออกมาให้หมด” บอสพูดจบก็เอามือมาลูบหัวผมไว้ พร้อมกับขยับแขนอีกข้างกอดผมแน่นขึ้น
“อย่าทิ้งกรูไปอีกนะ” เสียงผมสะอื้นและเกือบจะพูดไม่จบประโยค ความรู้สึกที่เก็บเอาไว้พังทลายลงอีกคำรบหนึ่ง ตอนนี้ผมกลัว กลัวว่าจะสูญเสีย

“บอสไม่มีวันทิ้งโบ้ทอีก ไม่ว่าอะไรอย่างไงบอสจะอยู่กับโบ้ทตลอดไป บอสสัญญา”

Game
See You Next Game

---------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ
ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer ครับ
ถูกต้องครับการคบลับหลังเป็นเรื่อที่แย่มากๆ ครับ เพราะคนเขียนก็เคยโดนมากับตัว
ไม่ว่าจะเป็นเพราะความพลั้งเผลอ หรือความประมาท ไม่ตั้งใจ หรือจะตั้งใจก็ตาม มันคงแย่ถ้าเกิดขึ้นกับชีวิตคู่
แต่คนเราก็พลาดกันได้นะครับ แต่พลาดแล้วจะทำยังไงต่อนั่นคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อนะครับ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ ขออภัยถ้าเจ้าโบ้ท อาจจะงี่เง่าไปหน่อยนะครับ 
ตอบนี้เขียนไปถึงตอนที่ 51 แล้วครับ อย่าลืมติดตามอ่านด้วยน้าาา ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 46th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 06-02-2015 15:05:41
ดีใจที่กลับมาลงต่อ จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 46th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 07-02-2015 00:27:58
หมั่นไส้โบ้ท คือแกยังไงกันแน่
ตอนนี้อาลัยอาวรณ์เมย์เหลือเกินที่ไอ้ที่ผ่านมาเป็นสิบๆตอนแกก็สวีทกับบอสซะเวอร์  :katai1:
แกจะเศร้าทำซากอ้อยอะไร เห็นพยายามหาทางบอกเลิกเมย์ด้วยนี่
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 47th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 11-02-2015 10:36:09
@ 47th Game  – Memories

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยเสียงปลุกของบอสและการหอมที่แก้มฟอดใหญ่ บอสยังคงเหมือนเดิม บีบยาสีฟันไว้ให้ เช็ดหัวให้เมื่ออาบน้ำกันเสร็จ แต่วันนี้ผมเป็นฝ่ายเตรียมเสื้อผ้าให้ กางเกงยีนต์ทรงเดฟสีน้ำเงินเข้ม เสื้อยืดคอกลมสีเขียว ส่วนของผมก็กางเกงยีนต์ทรงเดฟสีน้ำเงินเข้ม เสื้อยืดคอกลมสีเขียวเข้ม เพราะผมกับบอส ไอ้เบนซ์ ไอ้เบียร์ ต้องไปงานอีเวนต์ของ ไอ้เบสต์กับไอ้แดนที่ลานหน้า Central world

วันนี้ผมเหมือนกับสลัดความคิดแย่ๆ ความนอยด์ ออกไปได้หมด อาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนได้ระบายทุกอย่างออกไปแล้ว ได้ปลดปล่อยสิ่งที่อัดอั้นเอาไว้ไปหมดแล้ว มันปลอดโปร่ง ไม่มีอะไรกังวลอีกแล้ว ที่สำคัญผมยังมีบอส คนที่อยู่ข้างๆผมเสมอทำให้อาการ “คนที่ถูกทิ้ง” เริ่มจางหายไป

ผมกบบอสเดินลงมาข้างล่างก็เห็นไอ้เบนซ์ในเสื้อยืดสีกรมท่า และไอ้เบียร์อยู่ในเสื้อยืดสีน้ำเงินสด ไอ้เบียร์เห็นพวกเราลงมา ก็เตรียมแซนวิสแบบง่ายๆไว้ให้เราสองคนเรียบร้อยแล้ว พวกเราตกลงกันว่าจะเอารถผมไปจอดที่บ้านไอ้บอส แล้วไปต่อรถไฟฟ้าเอา เพราะขี้เกียจไปหาที่จอดรถ

.....

ขณะที่รถไฟฟ้าพุ่งออกมาจากย่านสีลม เห็นสวนลุมพินีเป็นสีเขียวเวิ้งใหญ่ใจกลางกรุงเทพ หลังทิวไม้สีเขียวเป็นตึกระฟ้าเรียงรายไปตามแนวถนนสขุมวิทและเพชรบุรี สุดสายตา เป็นภาพที่สวยงามราวกับอยุ่เมืองนอก ผมกำลังเพลินๆกับบรรยากาศที่เห็น ก็สะดุ้งเล็กน้อย เมื่อเจ้า iphone เครื่องสีขาวสั่นอยุ่ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเริ่มส่งเสียงดัง

ทู บอน ดาชิน บล ซู ออบดัน มัล ฮาจีมา
แนกา จัลฮัลเก โนจี อานึลเก นี กยอเท อิซนึน นัล
ตอนาจีมา โทราซอจีมา นัน นอล โบแนล ซู ออบซอ
อีรอน นัล ทูโก oh oh คันดาโก oh oh
บอซอนัล ซู ออบซอ Cause you are my destiny

เสียงริงโทนคุ้นหูดังขึ้น ผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมา

“ฮัลโหล มรึงอยู่ไหนแล้ววะ” เสียงไอ้แบงค์พูดอยู่ในสายในขณะที่เสียงจ็อกแจ็กดังอยู่รอบๆตัวมัน
“ราชดำริแล้วหว่ะ” ผมตอบมันไป
“กรูถึงสยามแล้ว เดี๋ยวรอมรึงตรงทางออก sky walk นะ” มันบอกตำแหน่งที่มันจะไปรอ
“เออ แล้วเจอกัน” ผมกดวางโทรศัพท์ ก่อนจะบอกไอ้บอสกับไอ้เบนซ์

พอถึงสยามเราทั้ง 4 คนก็เดินฝ่าผู้คนเดินออกมาทาง Sky walk ก็เจอไอ้แบงค์กับไอ้อาร์ม ยืนรอพวกเราอยู่แล้ว ไอ้อาร์มอยู่ในเสื้อยืดสีแดงกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลทรงเดฟ ส่วนไอ้แบงค์กับเสือยืดสีแดงเข้มกับกางเกงผ้าสีน้ำตาลเข้มทรงเดฟ พวกเราทั้งหมดเริ่มออกเดินบน sky walk จากสยามไป Central World

ตลอดทางสาวน้อยสาวใหญ่ มองพวกเราแล้วก็ยิ้มให้บ้าง สาวๆบางกลุ่มก็ชี้มื้อมาทางพวกเรา กระซิบกระซาบกันบ้าง หนักสุดก็ถึงกับเดินเข้ามาขอถ่ายรูปกับพวกเรา นี่มันคือการของ “สาววายในตำนาน”  ใช่ไหม จริงๆแล้วเวลาพวกเราไปไหนมาไหนด้วยกัน ไม่แปลกใจถ้าจะมีคนมองบ้าง ยิ้มให้บ้าง เพราะถึงแม้พวกเราจะ ม.5 แต่ก็สูงเกิน 175 กันทุกคนแถมหน้าตาก็เข้าขั้นว่าดี แต่ที่ตั้งใจเดินเข้ามาขอถ่ายรูปด้วยนี่คงเป็นครั้งแรก ซึ่งเด็กมนุษย์สัมพันธ์ดีอย่างพวกเราก็ยินดีถ่ายรูปด้วย

........

แล้วพวกเราก็เดินมาถึงล้านที่เขาจัดงานหน้า Central world เจอไอ้เบสต์กับไอ้แดน ในเสื้อยืดสีดำสไตล์สตรีททั้งคู่ กับกางเกงยีนต์สไตล์ Hip Hop แบบที่พวกมันชอบ ไอ้เบสต์ ส่งบัตร V.I.P ให้พวกเรา 6 ใบ พวกมันสองคนไปขอคนจัดงานเอาไว้ให้

หลังจากทักทายกันเสร็จ พวกเราก็เข้ามานั่งประจำที เพราะอีกไม่นานงานจะเริ่มแล้ว งานนี้เป็นงานอีเวนต์ Action X-Treme  มีงานออกร้านสินค้าแนวสตรีทๆบริเวณรอบๆงาน รวมไปถึงมีงานแฟชั่นโชว์ของเสื้อผ้า แล้วไม่นานก็มาถึงไฮไลต์ของงาน ที่ไอ้เบสต์กับไอ้แดน ต้องโชว์ความสามารถของพวกมันกัน

ไอ้เบสต์เปิดตัวมาด้วยการโชว์ลีลาขั้นเทพในการเล่นสเก็ตบอร์ดของมัน ที่ด้านข้างๆ ก็ถูกดัดแปลงให้เป็นที่โขว์แบบ X-Game แบบย่อมๆ ไอ้เบสต์สไลด์สเก็ตบอลแล้วขึ้นไปไถลบนราวเหล็กอย่างเท่ห์ ประกอบกับเสียงดนตรีที่เล้าใจ คนที่มานั่งชม มีสีฮือฮาทุกครั้งที่ไอ้เบสต์โชว์สเต็ปท่ายาก สุดท้ายก็ตามมาด้วยเสียงตบมือดังลั่นเมื่อแสดงจบ

ต่อกันด้วยจักรยานพาดโผนของไอ้แดน ที่มาเต็มด้วยหมวกกันน็อก และอุปกรณ์ป้องกัน ลีลาของไอ้แดนก็เฟี้ยวฟ้าวไม่แพ้ไอ้เบสต์ เรียกเสียงฮือฮาจากคนดูอยู่ตลอดเวลา ผมเองก็เพิ่งเห็นว่าไอ้แดนมันเล่นจักรยานได้เก่งขนาดนี้ ไม่นานก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้น เมื่อไอ้แดนขี่จักรยานด้วยความเร็วขึ้นแลมแล้วก็ตีลังกาพร้อมกับจักรยานลงมาสู่พื้นด้วยความสวยงาม เสียงตบมือก็ดั่งลั่น เมื่อการแสดงของไอ้แดนจบลง

พองานพิธีการเสร็จเรียบร้อย พวกเราก็เดินดูบูธ ต่างที่เขามาออกร้านขายของ ค่าเวลารอไอ้เบสต์กับไอ้แดนที่ขอตัวไปรับค่าเหนื่อยผมมาหยุดอยุ่บูธของ Billabong กับสายห้อยโทรศัพท์สีดำยาวประมาณ 10 นิ้ว ที่สกรีนยี่ห้อ billabong ที่เล่นสีสันสลับสีสวยงาม

“สวยดีเนอะ” ผมหันไปบอกไอ้บอส
“อืม สวยดี อยากได้เหรอ” ไอ้บอสถามผมกลับมา ผมพยักหน้าตอบมัน

ไอ้บอสหยิบสายคล้องโทรศัพท์ขึ้นมาพลิกไปพลิกมาดูความรียบร้อย ก่อนที่จะหยิบเส้นที่สองมาดู แล้วมันก็เดินไปให้พนักงานคิดเงิน ผมรีบเดินตามมันไป

“เดี๋ยวโบ้ทจ่ายเอง” ผมรีบควักเงินให้พนักงานตัดหน้ามัน บอสซื้อขอให้ผมบ่อยเกินไปแล้ว อีกอย่าง อยากซื้ออะไรให้มันบ้าง สรุปแล้ว Billabong ก็สามารถดูดเงินออกจากกระเป๋าเรา เป็นไปตามเป้าประสงค์ของการจัดงาน

.......

“จะซื้อทำไมไม่บอกวะ กรูมีบัตรลด” ไอ้แดนถึงกับบ่นเมื่อเห็นเราหิ้วถุงยี่ห้อนั้นมา
“ช้าไปแล้วเพื่อน จ่ายไปเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ” ผมยิ้มหน้าแป้นพร้อมกับโชว์ถุงยี่ห้อ

หลังจากอยู่กันครบ ไอ้แดนชวนพวกเราเดินไปอีกนิด เพื่อหาไรกินกัน พอเลย Central ชิดลมไปก็จะมี Central Embassy ห้างหรูเปิดใหม่ ซึ่งมันชวนพวกเราไปหาไรกินกันที่นั่น หลังจากตกลงกันไม่ได้ว่าจะกินอะไรกันดี ก็ไปจบลงที่ Food court พอจะเดินเข้าไปพนักงานก็แจกบัตรคนละใบ กินอะไรเสร็จค่อยมาจ่ายเงินตามรายการที่ถูกบันทึกไว้ในบัตร บรรยากาศภายใน food court ดูดีทีเดียว เพราะแบ่งโซนอาหารตามภาคต่างๆ แล้วยังมีโซนอาหารทานเล่นแล้วที่ขาดไม่ได้ก็คงเป็น โซนขนมหวาน

ผมได้ก๋วยเตี๋ยวหลอดโบราณมา ส่วนไอ้บอสได้ข้าวซอยไก่ ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ ได้ส้มตำกับไก่ย่างมา ส่วนไอ้แบงค์เดินกลับมาพร้อมกับบะหมี่เป็ดย่าง ไอ้อาร์มจัดข้าวหมกไก่ ไอ้เบสต์ได้ข้าวเหนียวกับแกงฮังเล ส่วนไอ้แดนได้ข้าวสวยกับแกงไตปลา พวกเราได้ที่นั่งริมหน้าต่างไม่ไกลจากบัดใดเลื่อนมากนัก

ระหว่างรอไอ้บอสกับไอ้เบนซ์ไปซื้อน้ำ

“เจ็บอยู่ไหม” ผมเห็นไอ้เบสต์ถามไอ้แดน
“นิดหน่อย” ไอ้แดนตอบกลับมาพร้อมกับถลกขากางเกงขึ้นมาดู
“ไม่หน่อยละมั้ง” ไอ้เบสต์บอก เมื่อเห็นเลือดที่ผ้าพันแผล ไอ้เบสต์ก้มลงไปดูผ้าพันแผลที่เขาซ้ายของไอ้แดน
“เดี๋ยวพันแผลใหม่ก่อน” ไอ้เบสต์ล้วงไปที่กระเป๋าสะพายของมัน หยิบผ้าพันแผลกับเทปกาวขึ้นมาเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ให้ไอ้แดนอย่างรวดเร็ว

“ไปโดนตอนไหนวะ” ผมหันไปถามไอ้แดน
“เมื่อเช้า” มันตอบกลับแต่มันยังไม่ทันได้พูดต่อ
“มันซ่าเมื่อเช้า มาถึงที่งานก็ซ้อม ไม่ใส่สนับเข่า เลยได้เรื่อง” ไอ้เบสต์บ่นเป็นชุด
“โห” เสียงไอ้บอสถึงกับอึ้งตอนมันเดินกลับมาถึงโต๊ะ
“นี่แผลถลอกขนาดนี้ยังโชว์ได้เจ๋งขนาดนั้น”  ไอ้บอสพูดเมื่อเห็นแผลที่เขาซ้ายไอ้แดน
“แฮ่ะ แฮ่ะ” มันหัวเราะเบาพร้อมกับเอามือลูบหัว
“นี่แหละไม่ระวัง” ไอ้เบสต์ยังคงบ่นเป็นหมีกินผึ้งต่อ

พวกผมถึงกับกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ที่เห็นไอ้เบสต์มันบ่นกระปอดกระแปดไอ้แดน ปกติไอ้เบสต์เป็นคนขี้เล่น ไม่ซีเรียส แต่เรื่องความปลอดภัย แล้วยิ่งกับไอ้แดนมันถึงกับออกอาการ

ยิ้มของผมค่อยๆหุบลง เมื่อผมเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนี่งที่คุ้นตา เดินจูงมือกับชายหนุ่มหน้าตาดี เดินลงบันใดเลื่อนลงมา เมย์ครับ เธอหันมาเห็นผม สีหน้าตกใจไม่ใช่น้อย ผมมองไปทางเธอ จนไอ้พวกในโต๊ะผิดสังเกตจึงมองตามไป พวกมันก็ได้คำตอบว่าใครที่ทำให้ผมตกอยู่ในพวังค์

สุดท้ายทั้งเมย์กับไอ้เตอร์ ก็เดินผ่านเราไปแบบไม่แม้จะเหลือบสายตามามอง หน้าซีดกันทั้งสองคน ไม่มีแม้แต่คำทักทาย

“ไม่เป็นไรนะ” เสียงไอ้บอสกระซิบถาม
“อืม ไม่เป็นไร” เสียงผมตอบไอ้บอสกลับไป

แปลกที่วันนี้ไม่รู้สึกเจ็บ ไม่รู้สึกปวดกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า อาจเป็นเพราะผมได้ระบายทุกอย่างที่ค้างคาใจไปหมดแล้ว และนี่คงทำให้ความอาลัยอาวรณ์ของผมที่มีให้กับเมย์หมดลงไปพร้อมกับน้ำตา สิ่งเดียวตอนนี้ที่เหลืออยู่ก็คือความทรงจำดีๆที่ผมกับเมย์เคยมีด้วยกันเท่านั้นเอง.....

ไม่สำคัญว่าฉันจะรักสักเท่าไหร่
บอกตัวเองว่าต้องข่มใจ
ไม่อ่อนไหวเหมือนเคย
เมื่อวันนี้ก็รู้ว่าไม่มีเส้นทางต่อไป
สุดทางแค่นี้ความรัก
ไม่ว่าฉันคิดไกลสักแค่ไหน

คนบางคนผ่านมาให้รัก
ไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน
ทำได้แค่นี้เรื่องเธอกับฉันท่องไว้
คนบางคนผ่านมา
แค่เขียนภาพเพื่อให้จดจำเอาไว้
แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ได้มีความทรงจำ
ที่แม้จะเจ็บก็สวยงาม

ขอบคุณนะที่ได้ผ่านมาในชีวิตครั้งหนึ่ง
ไม่มีวันจะไม่คิดถึงว่าเคยได้ยืนใกล้
ท่วงทำนองความรักแม้ไม่เคยได้เป็นอย่างใจ
ปล่อยให้มันบรรเลงอย่างนั้น
แม้สุดท้ายน้ำตายังต้องไหล

คนบางคนผ่านมาให้รัก
ไม่ได้เกิดมาเพื่อคู่กัน
ทำได้แค่นี้เรื่องเธอกับฉันท่องไว้
คนบางคนผ่านมา
แค่เขียนภาพเพื่อให้จดจำเอาไว้
แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ได้มีความทรงจำ
ที่แม้จะเจ็บก็สวยงาม

ได้มีความทรงจำถึงแม้จะเจ็บก็สวยงาม

Game
See You Next Game

-----------------------------------------------------------------
ก่อนอื่นขอโทษคนอ่านด้วยนะครับอาทิตย์นี้มาช้าไปหน่อย คนเขียนติดภาระกิจเง้อ
เดี๋ยวยังไงจะลงอีกตอนวันศุกร์นี้ชดเชยให้นะครับ
-----------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ
ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ตอนนี้เจ้าโบ้ทหายเศร้าแล้วนะครับ
แล้วจะโดนคุณ IsDeer หมั่นใส้อีกมั้ยยยยยยยย (แซวนะครับ 5555+)
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 47th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 12-02-2015 14:48:42
เม้นตอนที่แล้วหน่อย ร้านสะดวกซื้อข้างคอนโดไม่น่าจะขายเบียร์ให้เด็กๆ พวกนี้ได้นะ แต่ถ้าเป็นร้านมินิมาร์ทใต้คอนโดน่าจะขายให้ได้อยู่ (จริงจังไปมั้ย)
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 47th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 13-02-2015 01:00:15
เกมส์ของชั้นไม่มีบทเลยอ่าาาา  o9
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 48th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 13-02-2015 11:06:54
@ 48th Game  – Unbelievable

หากคำว่ารักมันร้ายกับเธอมากไป
บอกมาได้ไหม ให้ฉันช่วยซับน้ำตา
ส่งใจช้ำๆของเธอมา ฉันจะรักษามันด้วยรักจริง

เสียง Xperia z1 ของไอ้บอสดังขึ้นตอนที่พวกเราอยู่ที่ BTS สยาม หลังจากแยกย้ายจากพวกไอ้เบสต์กับไอ้แดน ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์แยกไปซื้อวัตถุและอุปกรณ์เบเกอร์รี่ที่ร้านดังแถวๆ สยามสแควร์ซอย 2 ส่วนไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มขอตัวไปซื้อของที่พาราก้อน

“ฮัลโหล” เสียงไอ้บอสรับโทรศัพท์
“เออ อยู่สยาม” เสียงไอ้บอสตอบคนที่อยู่ในสายโทรศัพท์
“พ่อกับแม่เฮีย ไม่น่าจะอยู่นะ” บอสตอบกลับไป ผมคาดได้ว่าน่าจะเป็นน้องบัดดี้น้องตัวแสบของไอ้บอส
“ได้ดิ” เสียงไอ้บอสตอบกลับไป
“แล้วบัดอยู่ไหน” ไอ้บอสถามไอ้บัดกลับไป
“เออ งั้นเดี๋ยวเฮียรอ รีบมาล่ะ” ไอ้บอสกดวางสาย ก่อนจะหันมาบอกผมว่า ไอ้บัดจะไปนอนที่บ้านด้วย
“คงต้องเปลี่ยนแผนนอนบ้านบอสแทนนะคืนนี้” ไอ้บอสหันมาบอกผมพร้อมกับสายตาเจ้าเล่ห์
“เหรอ” ผมตอบมันไปเสียงสูง  ผมไม่ค่อยไว้วางใจกับสายตาเจ้าเล่ห์นั่นเท่าไร

ไม่นาน ไอ้บัดก็มาถึง มันยกมือขึ้นสวัสดีไอ้บอสกับผม แต่มีอีกคนที่ทำหน้าเขินๆหลบอยู่ข้างหลังไอ้บัด เล่นเอาผมกับไอ้บอสอ้างปากค้าง พร้อมกับเรียกชื่อมันเกือบจะพร้อมกัน

“ไอ้วิน” ไอ้วินเอามือขึ้นเกาหัวแบบเขินๆ ก่อนทักทายพวกเรา
“หวัดดี” เล่นเอาผมกับไอ้บอสอดอมยิ้มไม่ได้

เพราะสภาพไอ้วินเหมือนโดนไอ้บัดกึ่งลากกึ่งจูงมือมันมา บอกคำตอบที่ว่าไอ้วินแพ้พนันไอ้เด็กตัวแสบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“คืนนี้ขออาศัยนอนด้วยคืนหนึ่งนะ” เสียงไอ้วินอ้อมแอ้มบอกไอ้บอส
“กรูจะเปิดโรงแรมไอ้บัดมันไม่ยอม” ไอ้วินหันมาบอกพวกเรา ไอ้บัดยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ข้างๆ

“ก็จะให้วินจ่ายทุกอย่างได้ไงอ่ะ บัดเป็นผู้ชาย บัดก็ต้องจ่ายดิ” เสียงไอ้บัดทำหน้าภูมิใจ
“เดี๋ยวค่าขนมเดือนนี้ก็หมดกันพอดี” ไอ้วินหันมาดุไอ้บัดอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็นี่ไง พามานอนบ้านเฮีย ประหยัดตังค์ได้ บัดก็ได้ดูแลวินด้วยไง” ไอ้บัดเอามือไปโอบไหล่ไอ้วิน พร้อมกับยิ้มด้วยความภูมิใจ
“ไปกันได้ยังครับ” ไอ้บอสทำหน้าเหย่ไอ้สองคนนั่น
“เดี๋ยวเฮียรอไอ้คริสแปป ผมลืมของไว้ที่เป้มันเดี๋ยวมันเอาให้” ไอ้บัดรีบบอกไอ้บอส
“แล้วไอ้คริสจะไปนอนบ้านเฮียด้วยหรือเปล่า” ไอ้บอสถามไอ้บัด
“เปล่าเฮีย มันไปนอนบ้านแฟนมัน” ไอ้บัดหันมาบอกพวกเรา

พวกเราก็เลยต้องรอไอ้เด็กลูกครึ่งหน้าฝรั่งเพื่อนไอ้บัดอยู่ที่เดิม

“งั้นเดี๋ยวกรูไปห้องน้ำแปป” ผมบอกพวกมันเพราะเริ่มปวดฉี่ และคาดว่ากว่าจะถึงบ้านไอ้บอสคงไม่ไหว
“เดี๋ยวบอสไปด้วย” ไอ้บอสหันมาบอกให้ผมรอมันด้วย
“งั้นบัดรออยู่แถวนี้นะ” ไอ้บัดหันมาบอกพี่ชายมัน

ผมกับไอ้บอสเดินฝ่าผู้คนจากโถงทางเดิน BTS สยาม ขึ้นไปเข้าห้องน้ำที่สยามเซนเตอร์ พอเราทำธุระกันเสร็จเดินกลับมาที่ไอ้บัดกับไอ้วินรออยู่ ก็เห็นไอ้คริสยืนอยู่กับไอ้บัดเรียบร้อยแล้ว

แต่..

ที่ทำให้ผมกับไอ้บอสตะลึงและถึงกับอึ้งก็คือ เด็กหนุ่มอีกคนที่ยืนข้างๆไอ้คริส ที่ไอ้บัดบอกว่าเป็นแฟนมันก็คือ ไอ้บอล ไอ้บอลเป็นเด็กข้างๆบ้านไอ้บอส ไอ้บอลเป็นเด็กม.4 โรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลแถววัดยานนาวา รุ่นเดียวกับไอ้บัดไอ้คริส แถมยังเป็นนักฟุตบอลดีกรีตัวโรงเรียนอีกด้วย ที่ผมรู้จักไอ้บอล เพราะตอนสมัยมัธยมต้น ไอ้บอลมักจตะชวนไอ้บอสไปเตะบอลด้วยกันบ่อยๆ ผมก็เลยรู้จักไอ้บอลไปด้วย เพราะสมัยนั้นบ้านไอ้บอสก็เหมือนบ้านหลังที่สองของผม

ไอ้บอลหน้าเสียเมื่อเห็นหน้าพวกเราสองคน
“หวัดดีครับพี่บอส พี่โบ้ท” แต่มันก็ญังยกมือไหว้ทักทายพวกเรา
คราวนี้ ไอ้คริส กับ ไอ้บัด หน้าถอดสีอีกคู่ ส่วนไอ้วินยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้น

“อ้าวเฮ้ย..มาได้ไงนี่บอล” ไอ้บอสเดินเข้าไปตบบ่าไอ้บอลทำลายบรรยากาสกระอักกระอ่วนนั้น
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมาก พวกกรูโอเค” ไอ้บอสกระซิบไอ้บอลเบาๆ สีหน้าไอ้บอลดูผ่อนคลายขึ้น

พอบรรยากาศกระอักกระอ่วนเริ่มหมดไป ไอ้บอลกับไอ้คริสเริ่มสบายใจขึ้น ไอ้บอสเลยถามพวกมันสองคนว่า

“แล้วไปเจอกันได้งะละ” ไอ้บอสเอามือชี้ไปที่ไอ้บอลกับไอ้คริส
“ก็ไอ้บอลมันไปแคมป์เก็บตัวนักฟุตบอลของโรงเรียนมัน  ที่มาเก็บตัวที่โรงเรียนไอ้คริสที่บางแสน มันสองคนก็เลยเจอกันที่นั่น” ไอ้บัดช่วยอธิบายคร่าวๆแทน ไอ้สองคนที่ทำหน้าไม่ค่อยจะถูกอยู่ตรงนั้น

....

แล้วพวกเราก็ขึ้น BTS กลับด้วยกัน มาลงที่สถานีวงเวียนใหญ่ เพราะไอ้บอลบ้านก็อยู่ข้างๆบ้านไอ้บอส

“เดี๋ยวไปหาข้าวเย็นกินกันก่อนไหม” ไอ้บอสเอ่ยปากชวนผม ไอ้บัดกับไอ้วิน ไอ้คริสกับไอ้บอล
“อยากกินอะไรกัน” บอสหันมาถามพวกเรา
“ให้ป้านิดทำให้กินได้ป่าว ผมอยากกินฝีมือป้านิด” ไอ้บัดทำท่าน้ำลายไหล เพราะคิดถึงฝีมือทำกับข้าวป้านิด แม่บ้านประจำบ้านไอ้บอส
“เอาดิ ก็ดีเหมือนกัน” ไอ้บอสหันไปบอกไอ้บัด
“บอลเดี๋ยวแวะกินข้าวที่บ้านพี่ก่อนนะ” ไอ้บอสหันมาชวนไอ้บอลที่เดินตามมาข้างหลัง
“ป้านิดบ่นถึงอยู่ แกบอกว่าคุณบอลหายไปไหนช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นหน้า” ไอ้บอสทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบเสียงป้านิด

เมื่อมาถึงบ้าน อรรถากร ไอ้บอสเปิดประตูนำเราพวกเราเข้าไปห้องรับแขก ก่อนจะเรียกป้านิด

“ป้านิดครับ ดูสิใครมา” ไอ้บอสทักป้านิดทันทีที่ป้าแกโผล่หน้าออกมา
“คุณบัด มาได้ยังไงคะนี่”  ยังไม่ทันสินเสียง ไอ้บัดก็โผล่เข้ามาก่อนป้านิด
“หวัดดีครับป้านิดสุดสวย” มันทักทายแม่บ้านที่อยู่บ้านนี้มานานอย่างสนิทสนม ยังไม่ทันที่ป้านิดจะอ้าปากตอบอะไร
“วันนี้มีอะไรให้ผมทานบ้าง คิดถึงฝีมือป้านิดจะแย่อยู่แล้ว” ไอ้บัดออดอ้อนป้านิด เล่นเอาไอ้วิน หันมายิ้มกับผมที่เห็นไอ้บัดทำตัวเป็นลูกแมวน้อยเมื่อยู่กับป้านิด

“นี่เพื่อนบอสครับ” ไอ้บอสแนะนำไอ้วินให้ป้านิดรู้จัก
“สวัสดีครับ” ไอ้วินยกมือไหว้สวัสดีป้านิด
“ไหวพระเถอะลูก” ป้านิดยกมือขึ้นรับไหว้
“หวัดดีครับ” เสียงไอ้บอลสวัสดีป้านิด
“อ้าว คุณบอล ป้ากำลังบ่นคิดถึงอยู่เชียว หมู่นี่หายไปไหนคะ” เสียงป้านิดทักทายไอ้บอล
“ไปเก็บตัวกับทีมฟุตบอลมาครับ” เสียงไอ้บอลอ้อมแอ้มตอบป้านิด
“ป้านิดครับวันนี้มีอะไรทานบ้างครับ” ไอ้บัดเริ่มออดอ้อนป้านิดอีกครั้ง
“วันนี้มีแกงเผ็ดเป็ดย่างของชอบคุณบอส แล้วก็หอยจ้อ ซีโครงหมูทอดกระเทียมค่ะ” ป้านิดบอกเมนูสำรหับวันนี้กับพวกเรา
“เดี๋ยว ป้าทำยำหมูยอเพิ่มให้นะคะ”

ป้านิดกุลีกุจอเข้าไปจัดการในครัว ไม่นาน กับข้าวก็ถูกยกมาวางพร้อมที่โต๊ะ

“เดี๋ยวป้าตักข้าวให้นะคะ” ป้านิดเตรียมยกโถ่ข้าวมาตักให้พวกเรา
“ป้านิดไปนั่งพักเถอะครับ” ไอ้บัดรีบลุกไปแย่งโถ่ข้าวจากป้านิด
“เดี๋ยวผมตักกันเอง” ไอ้บัดเดินมาตักข้าวให้พวกเราทุกคน ป้านิดยังไม่ยอมนั่ง เพราะแกมัวจัดการเรื่องน้ำดื่มให้พวกเราต่อ

ผมเลยลุกขึ้นไปช่วยแก เพราะมากวนให้แกหาข้าวหาปลาให้กิน ยังต้องให้คนแก่มาบริการเราก็ยังไงๆอยู่

แล้วป้านิดก็ถูกลากให้นั่งอยู่ที่โต๊ะกับพวกเรา เพราะไอ้บัดชวนแกคุยโน่นคุยนี้อยู่ตลอด ป้านิดแกก็ดูมี่ความสุขตามประสาคนแก่ ที่ลูกๆหลานๆ ถึงแม้แกไม่ใช่แม่แท้ๆของไอ้บอส แต่ก็เลี้ยงไอ้บอสมาตั้งแต่เด็ก บอสเองก็เคารพป้านิดอยู่ไม่น้อยเช่นกันบรรยากาศที่โต๊ะกินข้าวเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความเป็นกันเองทำให้ ไอ้คริสกับไอ้บอลผ่อนคลายลง โดยเฉพาะไอ้บอลที่ดูจะสบายใจขึ้น ส่วนไอ้วินก็ดูสบายๆไม่เป็นคุณชายขี้เหวี่ยงขี้วีนเหมือนเคย ความรักทำให้คนเปลี่ยนไปได้จริงๆ

พอทานข้าวกันเสร็จ ไอ้บอลขอแยกย้ายกลับบ้านที่เดินไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว และก็ไม่ลืมเหน็บไอ้คริสกลับไปด้วย.....ส่วนไอ้บัดกับไอ้วินไปนอนห้องนอนแขกที่ ป้านิดอีกเช่นเคยที่วุ่น เตรียมผ้าห่มมาเพิ่ม เตรียมผ้าเช็ดตัว เพราะแกรู้ว่าไอ้บัดมันขี้หนาวมาแต่ไหนแต่ไร

ผมรีบไลน์ไปบอกไอ้เบนซ์ ก่อนมันจะโทรมาด่าว่าหายตัวไปไหน

          21.30  วันนี้กรูนอนบ้านไอ้บอสนะ
โทรไปหาม๊าด้วยเมื่อกี้ม๊าโทรมา 21.32
                                                             21.33  อืมม

พอกดวางสายจาก ม่าม๊า ผมเอนตัวลงบนเตียง แล้วก็โดนจู่โจมจากไอ้บอสด้วยจูบที่อบอุ่นแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วอะไรต่อมิอะไรก็ดูจะเป็นไปตามแรงปราถนาของเด็กหนุ่มอายุ 17 ที่พุ่งพล่านไปด้วยฮอร์โมน สุดท้ายก็เป็นไปตามคาดไว้อีกเรื่องว่าคืนนี้ผมคงไม่รอดพ้นน้ำมือคุณชายบอส จากสายตาเจ้าเล่ห์ ที่คุณชายส่งให้ผมตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแก่ๆ

หึ
.
.
หึ
.
.
หึ

แต่ใครจะยอมเสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวล่ะ ไอ้บอส................
               
Game
See You Next Game


---------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ Kasarus
ขอบคุณที่ท้วงติงนะครับ ตอนนี้ผมกลับไปแก้ไขเรียบร้อยแล้วนะครับ อันนี้ขออภัยคนเขียนพลาดจริงๆครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
เด่วเจ้าเกมส์กำลังจะมีบทครับ อิอิ แต่มาให้หายคิดถึงแปปเดียวนะครับ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะครับ^^

หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 48th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 13-02-2015 18:38:26
มาแว๊ววววว จิ้มๆก่อนเดี๋ยวมาอ่านนะคะ :ling1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B : หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : 48th Game up! 22/01/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 14-02-2015 23:36:49
บรรดาตัวบีทั้งหลายมีแฟนเพิ่มอีกแล้ว
รวมกันแล้วเป็นแก๊งค์ที่ใหญ่มากๆเลย

ปอลิง: อยากให้ลงตอนใหม่เปลี่ยนหัวเรื่องบ้าง เห็นไม่ได้เปลี่ยนบางทีก็พลาด ไม่ได้เข้ามาเหมือนกัน  :z2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Special Game up 16/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 16-02-2015 11:04:56
สวัสดีครับ ตอนนี้ ยังไม่ได้ลงนิยายน้าาาา

แต่ทำ MV ประกอบนิยายมาฝากกันแทนครับ

ก่อนอื่นขอชี้แจงเรื่องคลิปก่อน

คลิปวีดีโอนี้เป็นคลิปประกอบนิยาย Destiny of B ภาพประกอบทั้งหมดเป็นเพียง Image charecter ตัวละครในจินตนาการของคนเขียนเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนิยาย ทุกภาพเป็นภาพของเจ้าของภาพนั้นๆที่ถูกแชร­ืในโลกโซเชียล ไม่ใช่ภาพของเจ้าของคลิปหรือคนแต่งนิยาย สถานที่ต่างๆใช้อ้างอิงเท่านั้น และทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องกับนิยายใดๆทั้งสิ­้น ใช้ชมเพื่อความบันเทิงและเสริมจินตนาการใน­การ "จิ้น" และอ่านนิยายเท่านั้น ขอบคุณครับ

ถ้ามีอะไรไม่เหมาะสมเกี่ยวกับ MV ทิ้งคอมเมนท์ไว้ได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ
คนเขียนหวังว่าคนอ่านจะมีความสุขกันน้าาาาา
ลองมาลุ้นกันว่า ตัวละครในจินตนาการของคนเขียน จะตรงใจคนอ่านหรือเปล่า ด้วยน้าาาา

ป.ลคลิกที่ลิงก์ เลยน้า คนเขียนแปะ Youtue ม่ายเป็นเง้อออ

http://youtu.be/fy8wpgqK5Ms (http://youtu.be/fy8wpgqK5Ms)


-----------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
อย่าลืมกลับมาอ่านนะครับ 555+ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ ขอบคุณจริงๆครับที่ไม่ทิ้งไปไหนด้วยนะครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ตัวละครทั้งหมดมีกี่คู่ มีเฉลยใน MV นะครับ อิอิ
คุณ IsDeer อย่าลืมไปลุ้นเกมส์ใน MV นะ ว่าหน้าตาจะเป็นอย่างที่คุณ IsDeer จินฯไว้หรือเปล่าครับ
เปลี่ยนหัวเรื่องแล้วครับ หลังๆผมลืมเปลี่ยนวันที่ครับเปลี่ยนแต่เลขตอนครับ ขอโทษด้วยนะครับแก้ไขให้แล้วน้าาาครับ ขอบคุณที่ิดิดตามอ่านนะครับโผมมม
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Special Game up 16/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 17-02-2015 23:32:49
เกมส์ของฉันแลดูเค๊ะเคะ  :laugh:
ว่าแต่คู่สุดท้ายนี่หล่อโฮกกกกกก  :hao7:
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Special Game up 16/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 18-02-2015 12:46:58
Update ล่าสุดครับ

คาแรกเตอร์ตัวละคร (Image Character) ในนิยายครับ คลิกที่ลิ้งก์เลยครับ^^

https://www.youtube.com/watch?v=QpHL2xba0VA

https://www.youtube.com/V/QpHL2xba0VA
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 49th Up! 19/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 19-02-2015 10:28:35
@ 49th Game  – Cloning

เช้านี้ผมตื่นมาไม่เห็นบอสนอนอยู่ข้างๆแล้ว ผมค่อยๆดันตัวเองลุกขึ้นนั่ง ก็พบว่ามีความเจ็บแปลบๆ วิ่งแล่นไปทั่วสะโพก ผมหลี่ตาลงข้างนึงด้วยความเจ็บ ผมเองหลังพังกับพนักเตียง ประตูห้องนอนถูกเปิดออก

“ตื่นแล้วเหรอครับ” ไอ้บอสทักทายเมื่อเห็นผมนั่งพิงพนักเตียง
“อืมม” ผมตอบมันกลับไปสั้นๆ
“เป็นไงบ้าง หน้าตายู้ยี่เชียว”
“เจ็บอะดิ” น้ำเสียงผมไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“ก็ทิ้งช่วงนานก็อย่างนี้แหละ” ไอ้บอสหันหน้ามายิ้มให้ผม
“อารายยย แค่อาทิตย์กว่าๆเอง” ผมหันไปตอบมัน
“ก็นั่นแหละ” บอสยังคงยียวนผมต่อไป
“ก็ดีนะ อาทิตย์เดียวก็ทำเอาบางคนจะลงแดงแล้วเนอะ” ผมได้ทียั่วมันบ้าง
“เหอะๆ ใครกันแน่” มันหันมายิ้มเยาะผมเบาๆ
“แหม่ๆ เมื่อคืนใครหว่าหื่นใส่เหมือนตายอดตายอยากมานาน” ผมสวนไอ้บอสกลับไป
“นะ แล้วใครขอรอบสอง” หน้าผมร้อนผ่าว เมื่อเจอประโยคนี้เข้าไป แล้วผมก็เจอขโมยหอมไปอีกฝอดใหญ่
“ก็แฟนบอสน่ารักซะขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว” มันกระซิบที่ข้างๆหูผม
“อยู่ด้วยกันอย่างนี้นานๆนะ” ผมกระซิบมันตอบ
ก่อนที่จะเอาริมฝีปากขบไปที่ใบหูของบอสเบาๆ แล้วผมก็เริ่มใช้วิชา”ชิวหาพาเพลิน” กับซอกคอไอ้บอส ไอ้บอสครางเบาๆออกมาจากลำคอ จังหวะที่ไอ้บอสกำลังเคลิ้มและหลับตาอยู่นั้น ผมปล่อยริมฝีปากออก แล้วมุดตัวไถลลงจากเตียง…..

“ไปแปรงฟันดีกว่า”
“ปุ๊ก....”  แล้วก็มีหมอนใบใหญ่ลอยมากระทบหัวผม ไม่ต้องสงสัยฝีมือไอ้บอสครับ
“มาทำให้เค้าอยากแล้วจากไปเหรอ” เสียงไอ้บอสไล่หลังผมมาติดๆ ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะมารวบเอวผมเอาไว้แน่น แล้วร่างสูงใหญ่ก็ดันผมเข้าไปในห้องน้ำ แล้วผมก็โดนมันกด...อีกครั้งในห้องน้ำ เออคือว่ามรึงนี่มันกี่รอบแล้ว เง้ออออออออ......

...............

ผมแต่งตัวเสร็จ ไอ้บอสเล่าให้ฟังว่าไอ้บอลเข้ามาคุยกับบอสแต่เช้า เรื่องของของมันกับไอ้คริส มันไม่ค่อยสบายใจกลัวคนอื่นๆจะรู้ โดยเฉพาะกลัวเรื่องจะรู้ไปถึงพ่อกับแม่มัน บอสก็เลยบอกมันไปว่า เราชอบของเราแบบนี้มันก็ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เราก็อยู่ของเรา อีกอย่างก็ไม่ได้ประกาศตัวให้โลกรู้อะไรขนาดนั้น ที่รู้ก็มีแต่เพื่อนสนิทๆกันเท่านั้น แล้วก็สบายใจได้ เรื่องนี้ไม่มีทางที่บอสจะไปบอกพ่อกับแม่มันเด็ดขาด

หลังจากทานมื้อเช้าฝีมือป้านิดกับไอ้วินและไอ้บัดเสร็จ

“อยากไปเที่ยวไหนไหม” ไอ้บอสหันไปถามไอ้บัดกับไอ้วิน
“ไปไหนดีอะเฮีย” เสียงไอ้บัดตื่นเต้นที่จะได้ไปเที่ยว
“แล้วกลับพัทยากี่โมง” บอสถามเรื่องเวลากลับของไอ้บัด จะวางแผนได้ถูก
“ก็คงเย็นๆอะเฮีย บัดเอารถมาจอดที่คอนโดไอ้คริสที่บางแสน” ไอ้บัดหันมาตอบ
“แปลว่าต้องกลับกับไอ้คริส แล้วค่อยขับกลับไปพัทยาอีกทีใช่ไหม” ไอ้บอสหันมาย้ำถามไอ้บัดอีกรอบ
“ครับเฮีย” เสียงไอ้บัดยังลิงโลดด้วยความตื่นเต้น
“งั้นมีเวลาค่อนวัน ไปใกล้ๆแล้วกันเนอะ แล้วจะได้เลยไปส่งพวกแกที่เอกมัย” ไอ้บอสสรุป
“ครับเฮีย แล้วเฮียจะพาไปที่ไหนอะ” เสียงไอ้บัดตื่นเต้นอีกครั้งเพราะลุ้นว่าจะเฮียมันจะพาไปเที่ยวไหน
“ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งดีไหม”  ไอ้บอสหันมาถามพวกเรา
“ดีๆ ผมไม่เคยไปอ่ะเฮีย” เสียงไอ้บัดตอบแบบเด็กที่ดีใจเมื่อได้ของเล่นใหม่ จนไอ้วินอดยิ้มไม่ได้
“งั้นโทรบัดโทรตามไอ้คริสกับไอ้บอลนะ” ผมบอกให้บัดโทรไปตามทั้งคู่ พวกเราจะได้ออกเดินทางกัน

ทริปสั้นๆวันนี้มีผมไอ้บอส ไอ้บัดกับไอ้วิน แล้วก็ไอ้คริสกับไอ้บอลไอ้บอสขับรถออกจากบ้านเลาะตามแนวรถไฟฟ้า BTS ไม่นานก็เลี้ยวซ้ายตัดออกมาทาง ถ.สุขสวัสดิ์ ผ่านดาวคะนอง บางปะกอก เรื่อยมาจนถึงพระประแดง จริงๆจะเลี้ยวตัดรอดใต้สะพานภูมิพล เข้าถ.พงษ์เพชร ก็จะไปที่ตลาดบางน้ำผึ้งได้เลย แต่ไอ้บอสเลือกที่จะไปขึ้นสะพานวงแหวนรอบนอก ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วเลี้ยวซ้ายลงถนนสุขุมวิท แล้วเอารถไปจอดที่วัดบางนานอกแทน เพราะขากลับจะไปส่งไอ้สองคนที่ สถานีขนส่งเอกมัยจะง่ายกว่า

พอจอดรถที่วัดบางนานอกกับเสร็จ พวกเราก็ต้องข้ามฝั่งโดยเรือ ที่วิถีชีวิตคนแถวนี้ จะชอบเอามอเตอร์ไซด์ข้ามฝั่งจากบางกระเจ้ามาฝั่งบางนา และข้ามกลับโดยเรือ เพราะฝั่งบางกระเจ้านั้นแตกต่างจากฝั่งนี้โดยสิ้นเชิง เพราะยังเป็นพื้นที่สีเขียว สวนเก่าแก่ยังมีให้เห็น พอข้ามเรือกันมาถึงอีกฝั่งก็จะเป็นวัดบางน้ำผึ้งนอก จากนั้นพวกเราต่อมอเตอร์ไซด์รับจ้างไปตลาดน้ำบางน้ำผึ้งกัน

มอเตอร์ไซด์รับจ้างพาพวกเราลัดเลาะมาตามทางคอนกรีตไม่ใหญ่มากผ่านสวนผลไม้ ยังคงเห็นท้องร่อง ผ่านบ้านไม้สองชั้นแบบเก่าๆ ที่เราไม่สามารถเห็นได้ในฝั่งพระนคร เป็นวิถีชีวิตดั่งเดิมของคนไทยสมัยก่อน ที่อยู่กับสวน อยู่และใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ นั่งมอเตอร์ไซด์มาไม่นานก็ถึงตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง พวกเราทั้ง 6 คนค่อยๆเดินเข้าไปในตลาด ที่ตอนนี้ก็เกือบๆเที่ยง แถมพ่อค้าแม่ค้าที่นั่งขายของในเรือร้องบอกถึงอาหารที่พวกเขาขายกัน ทำให้กระเพาะของพวกเราเริ่มร้องโอดโอยประท้วง

“อยากกินไรกัน” ผมหันไปถามไอ้บอสกับไอ้วินแล้วก็พวกเด็กๆ
“เอางี้ เรานั่งร้านส้มตำร้านนี้เป็นหลักดีไหม แล้วใครอยากได้อะไรอย่างอื่นก็ไปซื้อมานั่งกินด้วยกัน” ไอ้วินออกไอเดีย
“ดีเหมือนกันนะใครอยากกินอะไรก็ไปซื้อมา” ไอ้บอสเห็นด้วยกับไอเดียไอ้วิน

สุดท้ายพวกเราก็นั่งที่ร้านส้มตำ ส่วนเด็กๆ 3 ตัวก็วิ่งไปซื้อโน่นซื้อนี่มากินกันให้วุ่น ไม่นานทุกอย่างที่สั่งมาก็หมดอย่างรวดเร็ว พอท้องตรึงก็เริ่มเดินดูตลาดกัน ตลาดเต็มไปด้วยข้าวของแล้วขนมไทยโบราณขายกันเต็มไปหมด ทั้งขนมตาล ขนมกล้วย ขนมเผือก ของกินเล่นอย่างของทอดต่าง รวมไปถึงหมูสะเต๊ ซึ่งถึงแม้จะอิ่มส้มตำ-ไก่ย่างกันมาแล้ว แต่ก็อดที่จะซื้อติดไม้ติดมือไม่ได้ ก็เลยเดินถือกันไป เดินกินกันไป

“นั่งพักร้านนี้กันก่อนไหม” ผมชี้ไปทางร้านกาแฟกลางตลาด ทั้งร้านทาสีขาวสะอาดสะอ้าน หลังจากเดินกันมาสักพัก
“เอาดิ” ไอ้วินหันมาบอก เพราะเริ่มร้อน สักเกตุได้จากเม็ดเหงือบเม็ดใหญ่ๆบนหน้าของพวกเรา
“พี่ๆเอาอะไรกันบ้างครับ” ไอ้คริสอาสาเดินไปสั่งกาแฟให้
“เอสเปรสโซ่เย็น” ไอ้บอสสั่ง
“พี่เอา มอคค่าเย็น”  ผมบอกไอ้คริส
“ของพี่ คาปูชิโน่เย็น” ไอ้วินหันไปบอกน้อง
“กูขอ ชาเขียวเย็น” ไอ้บัดได้ทีเอี่ยวสั่งกะเค้าด้วย
“เด่วผมไปเป็นเพื่อน” เสียงไอ้บอลบอกไอ้คริสแล้วก็เลื่อนเกาอี้ออก ดันตัวลุกขึ้นเดินไปสั่งกาแฟกับไอ้คริส สุดท้ายไอ้คริสก็ได้ชาเย็นสีส้มน่าตาน่ากินมา แล้วไอ้บอลได้ช็อกโกแลตเย็นมา

พวกเรานั่งพักและเข้าห้องน้ำที่ร้านกาแฟสีขาวจนหายเหนื่อย จึงเริ่มเดินกันต่อ เพราะยังเหลืออีกหลายซอยที่ยังเดินไปไม่ถึง เดินมาไม่นานก็ถึงแลนด์มาร์กอีกที่ของตลาดบางน้ำผึ้ง บ้านอนุรักษ์ ตรงทางเข้าเป็นคลองเล็กที่ต้องเดินข้ามสะพานและมีศาลาริมน้ำเล็กๆน่านั่ง บ้านอนุรักษ์เป็นบ้านทรงไทยยกสูง แสดงถึงวิถีชีวิตดั่งเดิมของคนในที่นี่ พวกเราถ่ายรูปกันตรงซุ้มหน้าบ้านกัน สักพักก็เดินขึ้นบรรใดมาข้างบน ที่จะเป็นลานบ้านแบบสมัยโบราณ แล้วดาราหน้ากล้องกับตากล้องจำเป็นก็โชว์สกิลกันอุตลุด

พอถ่ายรูปกันเสร็จสรรพ พวกเราก็เดินวนกลับมาจนครบรอบตลาด ซื้อของติดไมติดมือกลับมากันพะรุงพะรัง

....

ไอ้บัดดูมีความสุขมากที่ได้มาเที่ยวกับพวกเรา และโดยเฉพาะที่มันได้มากับไอ้วิน นี่ก็เหมือนเดทแรกของพวกมัน ส่วนไอ้คริสกับไอ้บอลก็ดูมีความสุขไม่น้อยที่ได้มาเที่ยวกับพวกเรา ไอ้บอลดูผ่อนคลายจากตอนแรกๆที่เจอมันกับไอ้คริส และดูไม่เกรงเมื่ออยู่ต่อหน้าผมกับไอ้บอสแล้ว...

พวกเรานั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับมาที่ท่าน้ำฝั่งวัดบางน้ำผึ้งนอก แต่เป็นช่วงที่คนกำลังแห่กันกลับ เลยต้องรอนานพอสมควร พอมาถึงท่าน้ำ ก็นั่งรอเรือข้ามฝากกลับ ตอนนี้ก็บ่ายแก่ๆ แล้ว แสงแดดแรงพอสมควร ไอ้บัดคอยเอามือบังแดดให้ไอ้วิน คอยถามโน่นถามนี่ไอ้วินอยู่ตลอด มันก็ดูแลเอาใจใส่ไอ้วินเป็นอย่างดี ผมไม่แปลกใจที่ไอ้วินจะแพ้ใจไอ้เด็กตัวแสบปากดีคนนี้

ข้ามฝั่งกลับมาถึงวัดบางนานอก ไอ้บอสก็ค่อยๆขับรถลัดเลาะออกมาที่ถนนสุขุมวิท เตรียมไปส่ง ไอ้บัด กับไอ้คริสที่สถานีขนส่งเอกมัย บรรยากาศของการจากลาของคู่รักใหม่ดูออกจะเศร้ากันไม่น้อย โดยเฉพาะไอ้บัดที่บ่นกระปอดกระแปด
“ไม่อยากกลับเลยอ่ะ” เสียงไอ้บัดบ่นเป็นรอบที่สิบ
“เดี๋ยวเสาร์หน้าก็เจอกันน่า” ไอ้วินปลอบไอ้บัดให้อุ่นใจ
“จะมาไม่ใช่เหรอ” ไอ้วินเอามือลูบหัวไอ้บัดเบาๆ
“ก็อีกตั้ง 6 วันกว่าจะได้กอด วิน อีกนี่” เด็กน้อยยังคงบ่นต่อ
“แค่หกวันเอง เด่ว skype คุยกันทุกวัน” ไอ้วินยื่นข้อเสนอไอ้บัด
“จริงๆนะ บอกแล้วนะ ห้ามผิดสัญญานะ” เสียงไอ้บัดดีใจแบบเก็บไม่อยู่ แถมบังคับให้ไอ้วินสัญญากับมัน
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้” ไอ้วินรับปากแต่ยังไม่ทันพูดจบไอ้บัดขโมยหอมแก้มไอ้วินฟอดใหญ่ จนไอ้วินหน้าแดง นิสัยไอ้บัดนี่ถอดแบบไอ้บอสมาไม่ผิดผมนึกในใจ
“ไอ้เด็กบ้านี่” วินสบถแก้เขิน
“บ้าแล้วรักป่าว” เจอไอ้บัดยั่วอีกทีทำให้ไอ้วินแถบจะมุดเบาะรถหนีความเขิน ส่วนไอ้บอสขับรถไปอมยิ้มไป ถ่ายทอดวิชากันมาดีนะพี่น้องคู่นี้

ส่วนไอ้คริสก็เอนหัวมาซบไหล่ไอ้บอล ถึงแม้ไอ้เด็กลูกครึ่งหน้าฝรั่งจะไม่พูดอะไรออกมาก แต่ดูแล้วมันก็คงไม่อยากกลับเหมือนกัน คู่นี้มาเงียบๆแต่ความหวานไม่ได้น้อยหน้าไอ้คู่แรกเลย เพราะตั้งแต่เดินตลาดกันเสร็จขึ้นรถมามือของไอ้บอลไม่เคยปล่อยจากมือไอ้คริสเลย.....

แต่ด้วยหน้าที่ที่พวกมันทั้งสองคน ที่ต้องกลับเพื่อเรียนหนังสือกันต่อ ทำให้ต้องแยกจากกันชั่วคราว

ไอ้บอสหาที่จอดรถได้ ไอ้คริสกับไอ้บัดก็เดินลงไปหาตั๋วรถกลับ ผมกับไอ้บอส ปล่อยให้พวกมัน ล่ำลากันโดยยืนดูกันอยู่ห่างๆ บรรยากาศแห่งความอาลัยอาวรณ์ปกคลุมไปทั่วบริเวณ สุดท้ายเมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นรถ

“ดูแลตัวเองดีๆนะ” ไอ้บัดพูดกับไอ้วิน
“อืม เหมือนกันล่ะ อย่าซ่ามาก” ไอ้วินสั่งไอ้บัดไว้
“ทำไมอ่ะ” ไอ้บัดทำหน้าสงสัย
“ก็ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนี่” ไอ้วินพูดไปเขินไป แล้วไอ้บัดก็คว้าตัวไอ้วินมากอดด้วยความดีใจ
“ขอบคุณมาก” รอยยิ้มกว้างปรากฏอยู่บนหน้าไอ้บัด มันฉายความสุขล้นออกมาจากสายตาคู่นั้น

ส่วนไอ้คริสกับไอ้บอล ดูท่าจะไม่สวีทเท่าคู่ไอ้บัดกับไอ้วินแต่ก็อบอุ่นอยู่ไม่น้อย
“เดินทางปลอดภัย โชคดีนะ” ไอ้บอลบอกไอ้คริส
“อืมม ดูแลตัวเอง แล้วเจอกัน” ไอ้คริสหันมาบอกไอ้บอล
“แล้วเจอกัน” เสียงไอ้บอลบอกไอ้คริส

ก่อนที่ทั้งไอ้บัดกับไอ้คริสจะหันมาหาพวกเรา
“ไปแล้วเฮีย วันหลังจะมากวนใหม่” ไอ้บัดบอกพร้อมกับยกมือไหว้ไอ้บอสกับผม
“ขอบคุณที่พามาเที่ยวนะครับพี่ ผมกลับนะครับ” ไอ้คริสยกมือไว้พวกเราหลังพูดจบ

พอส่งไอ้บัดกับไอ้คริสขึ้นรถกลับ ไอ้วินขอแยกกลับบ้านมัน จึงมีผมกับไอ้บอสแล้วก็ไอ้บอลกลับด้วยกัน

“อาทิตย์หน้าคงยุ่งน่าดู” ไอ้บอสหันมาบ่นกับผม
“หืมม” ผมทำเสียงสงสัยในลำคอ
“ก็เสาร์หน้างานบอลแล้วนะ” ผมทำหน้าเหวอ เพราะลืมไปเสียสนิท

แล้วผมก็เข้าใจว่าทำไมไอ้บัดกับไอ้คริสจะมากรุงเทพฯอีกอาทิตย์หน้า อาจเป็นเพราะผมไม่ได้มีหน้าทีกับกิจกรรมงานบอลเท่าไรก็เลยไม่ได้ใส่ใจจนลืมไปว่างานจะเริ่มในอาทิตย์หน้า ส่วนคนรอบข้างผมหน่ะเหรอ ทั้งไอ้บอส ทั้งคุณพี่ชาย ไอ้บาสหัวหน้าวงดุริยางค์ ไอ้บูมประธานเชียร์ งานพวกมันเต็มมือกันไปหมด ส่วนชมรมเทนนิสดูเหมือนจะเป็นชมรมที่สบายที่สุด.....

แต่ว่า.....มันคงไม่ง่ายอย่างนั้น.........

Game
See You Next Game


คาแรกเตอร์ตัวละคร Update ครับ
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=QpHL2xba0VA
https://www.youtube.com/V/QpHL2xba0VA







--------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
เกมส์ เค๊ะ เคะ ขนาดนั้นเลยเหรอครับ 55555+
ส่วนคู่สุดท้ายนั้น หล่อจริงและแอบดราม่าด้วยนะครับ คิคิ จะออกโรงในอีกไม่กี่ตอนแล้วครับ
ฝากติดตามด้วยนะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 49th Up! 19/02/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 21-02-2015 05:53:53
ตัวอย่าง 18 เพลงประกอบนิยาย Destiny of B
18Track Musick inspire by novels Destiny of B Preview

>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=r_EHZdoM9As
https://www.youtube.com/V/r_EHZdoM9As
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 50th Up! 23/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 23-02-2015 10:19:52
@ 50th Game - Meeting

เ   ช้าวันจันทร์ วันนี้ไอ้เบนซ์คุณพี่ชายผมไม่มาโรงเรียนพร้อมพวกเรา เพราะวันนี้มันกับไอ้บาสหัวหน้าชมรมดุริยางค์ ต้องไปประชุมกับไอ้ปั๊ปหัวหน้าวงชมรมดุริยางค์โรงเรียนกางเกงสีน้ำตาลแถวถนนพระราม1 ที่ทั้งสองวงต้องแสดงร่วมกันในงานพิธิเปิดงานบอลประเพณีปีนี้

ผมกับไอ้บอสยังไม่ถึงหน้าโรงเรียนดี ไอ้บาสก็เดินสวนออกมา

“ไปประชุมเหรอวะ” ผมทักมัน
“เออดิ กรูเอาของมาเก็บแปปนึง” มันตอบกลับมา
“ไอ้เบนซ์ล่ะ” มันยังถึงพี่ชายผมที่มีศักดิ์เป็นรองหัวหน้าชมรมดุริยางค์
“ไปรอมรึงแล้ว” ผมตอบมันกลับไป
“ไอ้บาสกรูมีเรื่องจะถาม” สีหน้าผมเริ่มกรุ่มกริ่ม
“มรึงไปนั่งประชุมทำไมให้เสียเวลาส่งวะ” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์หลังจากถามคำถามนี้กับไป

 ไอ้บาสทำหน้าเหวอกับคำถามผม

“ทำไมวะ” มันทำหน้างงๆถามผมกับมา
“ก็มรึงไปนอนประชุมกับไอ้ปั๊ปง่ายกว่าเยอะ” เจอประโยคนี้เข้าไป เอาบาสยิ้มเขินๆทำหน้าไปไม่ถูก
“สาดด” ก่อนจะสบถด่าผมมา
“นี่มันเป็นทางพิธีการ ส่วนในทางปฏิบัติกรูนอนกล่อมไอ้บั๊ปไปหมดแระ ไม่ต้องรอให้มรึงบอกหรอก” ก่อนมันจะยกนิ้วทำท่ากดไลค์ ยิงฟันขาวส่งประกายวิ้งๆให้ผมหนึ่งที
“เออ งั้นกรูไปแล้ว เจอกันหว่ะ” ไอ้บาสเดินยิ้มแก้มแถบปริแยกจากพวกเราไป

ผมเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกับไอ้บอส มันหันมาบอกกับผมก่อนที่ะแยกไป

“กลางวันอย่าลืมมาประชุมด้วยล่ะ” บอสหันมาบอกผม
“ประชุมไรวะ” ผมทำหน้าเหวอใส่มัน
“อ้าวไม่ได้อ่านหนังสือเรียกประชุมหัวหน้ากับรองหัวหน้าชมรมหรือ” ไอ้บอสทำหน้างงใส่ผม
“หืมม” ผมเอามือเกาหัวครุ่นคิด
“สงสัยยังไม่ได้เปิดอ่าน” ผมหัวเราะแฮ่ะๆ แก้ตัวกับมัน
“ดีนะที่เตือน กลางวันอย่าลืมล่ะห้องสภานะ” บอสย้ำผมอีกรอบก่อนจะขอแยกไปสภานักเรียน

สงสัยทั้งอาทิตย์มีหวังวุ่นวายกันทั้งโรงเรียนแน่ๆ ผมคิดในใจ เสาร์-อาทิตย์หน้าวันเปิดงานบอลแล้ว มีหวังประชุมสภานักเรียนวันนี้ต้องมีงานมอบหมายเพิ่มให้แน่ๆ

“เฮ้ยย เปงไงวะไอ้โบ้ท” เสียงไอ้แบงค์ทักทายมาแต่ไกล
“ทำหน้าเป็นลิงอีก” มันยังคงแซวผม
“ลิงพ่อง หล่อขนาดนี้” ผมก็เขวี่ยงหมาออกจากปากใส่มันบ้าง
“เออ กลางวันอย่าลืมไปประชุม” ไอ้แบงค์เตือน
“คือมรึงกับกรูต้องไปช่ายไหม” ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมจะต่อรองให้ไอ้แบงค์มันไป แต่วันนี้โดนไอ้บอส กำชับและดักคอเอาไว้ สงสัยจะเบี้ยวไม่ได้
“เออ ดิ เขาเขียนไว้ชัดเจน หัวหน้าชมรมกับรองหัวหน้าชมรม โว้ย” ไอ้แบงค์ได้ทีเสียงดังเยอะเย้ยผม มันคงสะใจที่คราวนี้ไม่ต้องไปนั่งประชุมคนเดียว

ตลอดคาบเช้ากลุ่มผมจากทั้งหมด 4 คนเหลือผมกับไอ้แบงค์นั่งเรียนแค่สองคน ไอ้บาสประประชุมกับวงดุริยางค์ ส่วนไอ้บูมก็ไปประชุมกับหัวหน้าชมรมเชียร์อีก 3 โรงเรียน ผมกับไอ้แบงค์ก็เลยต้องจดแลคเชอร์กับการบ้าน รายงานเผื่อพวกมัน อาทิตย์สุดท้าย ก่อนงานก็วุ่นวายกันทุกคน ส่วนมาสเซอร์ก็ยังคงสอนแถมให้งานอีกเป็นภูเขา ก็เลยต้องช่วยๆกัน

หลังจากรีบจ้วงข้าวกลางวันกับไอ้แบงค์เสร็จ ผมกับมันก็วิ่งไปที่ห้องสภานักเรียน แต่ผมไม่ลืมที่จะซื้อแฮมเบอเกอร์กับนมไปฝากไอ้บอส หมอนั่นคงทำงานจนลืมกินข้าวแน่ๆ แล้วก็เป็นจริงดังคาด เพราะเมื่อเปิดห้องสภานักเรียนเข้าไป ก็เห็นไอ้บอสกับอาร์ม นั่งเคลียร์งานกันอยู่ 2 คน คนอื่นๆคงประกินข้าวกัน ยังพอเหลือเวลาอีก 15 นาที เพราะนัดประชุมเวลา 12.30 น.

“มาแล้วเหรอครับโบ้ท” ไอ้บอสเงยหน้าทักผมเมื่อเห็นผมผลักประตูห้องเข้ามา
“กินก่อนเดี๋ยวจะไม่มีแรง” ผมยืนแฮมเบอร์เกอร์กับนมให้ไอ้บอส
“ขอบคุณมาก แล้วโบ้ททานยัง” บอสก็ยังคงห่วงใยผมเหมือนเคย
“กินกับไอ้แบงค์แล้ว” เสียงผมตอบไอ้บอสไป

ผมหันไปด้านซ้ายมือก็เห็นไอ้แบงค์หยิบถุงแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำอัดลมออกมา
“กินก่อนดิ เดี่ยวเป็นลมเป็นแร้งไปนะ” ไอ้แบงค์ส่งถุงแฮมเบอเกอร์ให้ไอ้อาร์ม
“งืมม เป็นห่วงด้วย” หางเสียงไอ้อาร์มสูงขึน
“เดี๋ยวต้องผายปอดต่อหน้าไอ้บอสกับไอ้โบ้ทมัน” ไอ้แบงค์ไม่วายปล่อยหมาตัวเล็กๆ ในปากใส่ไอ้อาร์ม
“บ้า”ไอ้อาร์มทำปากรูปสระอิใส่ไอ้แบงค์
“ก็เป็นห่วงนี่  มีเมียจ๋ากะเค้าอยู่คนเดียวนี่” ตอนนี้ไอ้แบงค์เปลี่ยนจากหมาเป็นแมวขี้อ้อนไปซะงั้น เจอมุขนี้เข้าไปเป็นใครก็อดใจอ่อนกับไอ้แบงค์ไม่ได้เสียที

แล้วทั้งไอ้บอสและไอ้อาร์มก็วางมือ มาจัดการแฮมเบอร์เกอร์ เพราะเหลือเวลาอีกไม่เยอะก็ต้องประชุมกันแล้ว

พอถึงเวลาประชุมทั้งห้องก็เต็มไปด้วยหัวหน้าและรองหัวหน้าชมรมต่างๆ ของโรงเรียน เพราะผมแอบหนีประชุมบ่อยๆ โดยเฉพาะประชุมใหญ่ ส่งไอ้แบงค์มาประชุมตลอด เลยไม่ค่อยได้เห็นบรรยกาศแบบนี้สักเท่าไร

ไอ้บอสนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม โดยมีไอ้อาร์มนั่งข้างซ้ายตำแหน่งเลขาสภา

“สวัสดีหัวหน้าและรองหัวหน้าชมรมทุกท่าน วันนี้ที่เชิญทุกคนมาประชุมเพราะมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบ” ไอ้บอสพูดผ่านไมโครโฟนเพื่อเปิดประชุม
“คงเป็นที่ทราบกันดีนะครับว่า งานบอลประเพณีนี้เริ่มวันแรกวันเสาร์ที่จะถึงนี้ จากนั้นพักอีก 2 วันจะเป็นงานวันที่ 2 ตรงกับวันอังคาร และวันศุกร์จะเป็นวันที่ 3และพิธีปิดถูกกำหนดเป็นวันเสาร์ของอาทิตย์ถัดไป”

ไอ้บอสหยุดจังหวะการพูดแปปนึง

“และเนื่องจากงานที่เราแบ่งกันไว้แต่แรก ที่แต่ละชมรมที่มีหน้าที่หลักสำหรับงานบอลประเพณี ยกตัวอย่างเช่น ชมรมฟุตบอล ชมรมเชียร์ ชมรมดุริยางค์ ชมรมถ่ายภาพ ชมรมวรสาร ชมรมคหกรรม ชมรมนิเทศศิลป์ มีงานที่ล้นมือและคาดว่าจะเสร็จไม่ทันวันเสาร์นี้ ซึ่งเป็นวันงานวันแรก”

บอสเงยหน้าขึ้นมองพวกเราโดยรอบ

“จึงต้องขอความร่วมมือจากชมรมต่างๆเข้ามาช่วยงานเพื่อให้งานเสร็จลุร่วงไปด้วยดี วันนี้ผมจึงต้องขอเชิญประชุมจากชมรมต่างๆ เพื่อของความสมัครร่วมมือของชมรมต่างๆที่จะเข้ามาช่วยงานในครั้งนี้ และแสดงความคิดเห็น ชี้แจ้ง ซักถามเกี่ยวกับงานที่ชมรมท่านได้รับมอบหมายไปนะครับ เดียวผมจะให้คุณญาณโชติ เป็นผู้แจกแจงงานต่างต่อไปในครับ ขอบคุณครับ”

ไอ้บอสพูดเปิดประชุมเสร็จ ก็ส่งไมค์ต่อให้ไอ้อาร์ม แจ้งต่อที่ประชุมว่าชมรมอื่นๆนอกจากชมรมหลักในงานบอลประเพณีครั้งนี้จะได้รับมอบหมายให้ช่วยงานด้านไหนต่อ

ซึ่งแน่นอนว่าคงจะหนีไม่ออกกันทุกชมรม เพราะงานบอลประเพณีนี้ก็เป็นหน้าเป็นตาของโรงเรียน ก็คงต้องช่วยกันให้ถึงที่สุด และเป็นการรวมพลังสามัคคีของนักเรียนทั้งโรงเรียน

ชมรมหลักในงานบอลประเพณีที่มีงานล้นมือก็คือ

ชมรมฟุตบอล นำทีมโดยไอ้ไปป์กับไอ้นิว หัวหน้าและรองหัวหน้าชมรม ชมรมนี้มีหน้าที ที่จะต้องไป fight กับอีก 3 โรงเรียน เพราะกีฬาหลักและกีฬาเดียวของงานในครั้งนี้ พวกมันซ้อมกันมานานแล้วที่สำคัญโรงเรียนเราก็เคยเป็นแชมป์หลายสมัย

ชมรมดุริยางค์ โดยไอ้บาสหัวหน้าชมรมที่ปีนี้มันคงไม่ได้เป็นดัมเมเยอร์ซึ่ง 1 เพราะต้องถอยตัวเองมาดูภาพรวมทั้งหมด และไอ้เบนซ์คุณพี่ชายของผมรองหัวหน้าชมรมที่ต้องต้องมาคุมเรื่องดนตรีทั้งหมดของวง ที่ต้องรับหน้าทีหลักในพิธีเปิดและปิดของงานบอลประเพณีครั้งนี้

ชมรมเชียร์ ไอ้บูมเป็นหัวหน้าชมรม ไอ้เป็กรองหัวหน้าชมรมรับผิดชอบด้านสแตนเชียร์ ไอ้ไอซ์รองหัวหน้าชมรมอีกคนดูแลเรื่องเชียร์ลีดเดอร์ ไอ้มาร์ชรองหัวหน้าชมรมทีต้องดูแลขบวนพาเลซ ชมรมนี้ก็เป็นอีกชมรมที่มีบทบาทสำคัญในเกือบทุกงานกีฬาสำคัญๆของโรงเรียน แล้วยิ่งงานบอลประเพณีด้วยแล้ว ต้องไปประชันกับอีก 3 โรงเรียน ที่ก็ไม่มีโรงเรียนไหนยอมโรงเรียนไหนเหมือนกัน

ชมรมการแสดง นำทีมโดยไอ้โอ๊ตหัวหน้าชมรม และไอ้ปาล์มรองหัวหน้าชม รับผิดชอบเรื่องการแสดงในพิธีเปิดและพิธีปิดของโรงเรียนเรา ซึ่งต้องประสานกับอีกสามโรงเรียนเพื่อให้งานออกไปในทิศทางเดียวกัน

ชมรมคหกรรม นำโดยไอ้เบียร์หัวหน้าชมรมแล้วก็น้องอ๊อฟรองหัวหน้าชมรม ที่ดูและเรื่องอาหาร น้ำดื่มทั้งหมดในวันงาน ซึ่งต้องดูแลคนบนแสตนและทีมงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นงานใหญ่สำหรับชมรมมาก เพราะจำนวนอาหารชุดที่จะต้องทำคูณ 2 มื้อเป็นอย่างน้อย นั่นคงทำเอาสมาชิกทุกๆคนของชมรมนี้ไม่มีเวลาเงยหัวขึ้นมาจากหน้าเตาแก๊สแน่ๆ

ชมรมดนตรี นำทีมโดยไอ้บิวหัวหน้าชมรมกับไอ้เฟียตรองหัวหน้าชมรม ที่ต้องร่วมงานกับอีก 3 โรงเรียนจัดการแสดงดนตรีตอนพักครึ่งที่เป็นการแสดงดนตรีสดระหว่างพักครึ่งคู่บอลคู่เปิดและคู่ปิดสนามรอบชิงชนะเลิศ

ชมรมถ่ายภาพ นำทีมโดยไอ้เบลที่ต้องเกณฑ์คนทั้งชมรม กระจายกับเก็บทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ของทั้งงาน โดยจะต้องทำงานร่วมกับชมรมวารสาร

ชมรมวารสาร ที่ไอ้วินรับผิดชอบอยู่ที่ต้องรวบรวมและสรุปงานทั้งหมด รวบรวมภาพบรรยากาศทุกอย่าง ลงมาอยู่ในวารสารรายปักษ์ โดยได้ชมรมถ่ายภาพเป็นคนเก็บภาพให้

ชมรมนิเทศศิลป์ นำทีมโดยไอ้เพนท์ รับผิดชอบเรื่องการตกแต่งสแตน และช่วยชมรมเชียร์ในเรื่องการแปลอักษรทั้งหมด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับงานของชมรมนี้

ไอ้อาร์มเริ่มแจงงานที่ต้องขอความร่วมมือเพิ่มเติมจากชมรมอื่นๆ

ชมรมเทนนิสขอให้เข้ามาช่วยงานที่กองอำนวยการ (ฝ่ายควบคุม)

ชมรมกีฬาอื่นๆจะถูกให้มาช่วยงานด้านสวัสดิการณ์ของชมรมเชียร์ทั้งหมดได้แก่ชมรมว่ายน้ำ,ชมรมบาสเก็ตบอล,ชมรมกรีฑา,ชมรมวอลเล่ย์บอล,ชมรมเซปักตระกร้อ,ชมรมแบดมินตัน,ชมรมเทควันโด,ชมรมกีฬา X-Game(ชมรมไอ้เบสต์)

ส่วนชมรมศิลปะของไอ้อาร์ทถูกมอบหมายให้ไปช่วยชมรมนิเทศศิลป์(ชมรมไอ้เพนท์)เรื่องการแปลอักษรและตกแต่งสแตนเชียร์ ที่งานส่วนนี้ยังล่าช้าอยู่มาก

ส่วนชมรมด้านภาษาถูกโยกให้ไปช่วยงานเรื่องฝ่ายเทคนิคได้แก่ ชมรมภาษาอังกฤษ,ชมรมภาษาฝรั่งเศส,ชมรมภาษาจีน,ชมรมภาษาญี่ปุ่น,ชมรมภาษาไทย

หลังจากแจกงานเสร็จ จากการประชุมใหญ่ ก็จะกลายเป็นการประชุมย่อยของแต่ละกลุ่มงานที่ได้รับมอบหมายกับตัวชมรมหลัก เพื่อแจกแจงรายละเอียดต่างๆ เพื่อที่จะทำงานให้ออกมาดีที่สุด

ว่าแต่ทำไมชมรมเทนนิสต้องไปช่วยงานกองอำนวยการด้วยวะ ส่วนชมรมกีฬาอื่นๆทำไมไปช่วยงานวัสดิ์การ แล้วผมก็ถึงบางอ้อ เมื่อเข้ามาประชุมกลุ่มกับกองอำนวยการ(ฝ่ายควบคุม) เพราะคนที่ควบคุมและดูแลงานกองอำนวยการทั้งหมดคือไอ้บอสนั่นเอง

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 50th Up! 23/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 23-02-2015 16:25:44
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 50th Up! 23/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 23-02-2015 23:08:14
เด็กๆโรงเรียนชายล้วนเวลาเค้าจัดงานบอลทีนี่ยุ่งยากกันขนาดนี้เลยเรอะ
ทำกันเป็นระบบเชียว
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 51st Up! 26/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 26-02-2015 09:26:20
@ 51st Game  – Run through

ตลอดอาทิตย์นี้ ทุกคนที่มีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาวิ่งกันให้วุ่น ยังดีที่มาสเซอร์งดการเรียนการสอนช่วงบ่ายทั้งอาทิตย์ เพื่อให้นักเรียนได้ช่วยกันเตรียมงานกัน ไอ้บาสกับเบนซ์ ถ้าไม่ไปประชุมกับโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาลแถวถนนพระราม1 ก็แถบจะคลุกอยู่ที่สนามกีฬา เสียงดนตรีจากวงโยฯ ดังตลอดช่วงบ่าย

ส่วนชมรมเชียร์ของไอ้บูมก็มีคนเข้าคนออกตลอดเวลา เพราะชมรมนี้มีหน้าที่หลายฝ่าย ทั้งสแตน ทั้งเชียร์ลีดเดอร์ ทั้งขบวนพาเลซ ทำให้คึกคักตลอดเวลา รวมทั้งพวกชมรมหลักอื่นๆ ก็ต้องประสานงานกับชมรมเชียร์เป้นหลัก

ผมกับไอ้แบงค์ ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท ก็แถบจะย้ายจากห้องชมรมเทนิสมาสิงกันอยู่ที่ห้องสภานักเรียนที่แถบจะเหลือแค่ไอ้บอสกับไอ้อาร์ม เพราะคนอื่นๆในสภาต้องกระจายงานกันไปทำ

“โบ้ท เตรียมนี่ให้บอสหน่อย” ไอ้บอสส่งเอกสารเตรียมการประชุมวันพรุ่งนี้มาให้
“โห่ จะเสร็จไหมวันนี้” ผมบ่นมันกลับไป
“เสร็จดิ ถ้าตั้งใจทำหน่ะ” มันหันมายั่วผมตามสไตล์
“โห่ นี่ไม่ตั้งใจตอนไหนอ่ะ ทำจนตัวจะเป็นเกลียวหัวเป็นจะน็อตอยู่แล้ว” ผมก็บ่นไปอย่างนั้น เพราะยังไงก็ต้องทำหนีไม่รอดอยู่แล้ว

ไอ้บอสยิ้มยิงฟันขาวใส่ผมเพราะตอนนี้ผมก็เป็นเบ้มันสมใจ

ผมเหลือบไปเห็น ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์ม หัวเราะกันเบาๆ เมื่อเห็นผมสองคนเถียงกัน ปกติไอ้แบงค์ถึงแม้จะเป็นรองหัวหน้าชมรม แต่ก็เหมือนเป็นเลขาผมกลายๆ ส่วนไอ้อาร์มก็เป็นเลขาโดยตรงอยู่แล้ว ไอ้แบงค์ดูสะใจนิดที่เห็นผมโดนไอ้บอสสั่งงาน เพราะปกติมันเห็นแต่ผมสั่งงานมัน แต่เที่ยวนี้ผมเป็นคนโดนส่งงานแทน

ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทกำลังง่วนอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กับการกรอกข้อมูลลง Excel กับบิลค่าใช้จ่ายต่างๆกองโตวางอยู่หน้าพวกมัน แถมบ่ายนี้ผมต้องโดนคุณประธานสภาลากไปประชุมกับอีกสามโรงเรียนอีกด้วย

.............

พวกเราออกจากห้องประชุมรวมทั้ง 4 โรงเรียนก็ปาไปเกือบ สองทุ่มผมนี่ตาเกือบลายเพราะความหิว

“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมครับ” ไอ้บอสถามผมด้วยน้ำเสียงห่วงใย
“หิวมากกว่า ตอนนี้กินช้างได้ทั้งตัวแล้ว” ผมบ่นกับไอ้บอสด้วยความหิว
“อยากทานอะไรล่ะ เดี๋ยวบอสเลี้ยง” ไอ้บอสใจดีเหมือนเคย
“กินไรดีน้า” ผมทำท่าครุ่นคิด
“ก๋วยเตี๋ยวตีนไก่ข้ามฝากไหม” ผมชวนบอส เพราะอยากกินมานาน
“เอาดิ” ไอ้บอสตอบตกลง ก่อนจะหันไปชวนไอ้อาร์มกับไอ้แบงค์

ก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้านี้เป็นร้านอร่อย อยู่สองฝากถนนคือมีเก้าอี้นั่งทั้งสองฝั่งถนน เวลาสั่งเด็กสั่งจะตะโกนสั่งข้ามถนนกันเลย ร้านอยู่หน้าธนาคารกสิกรไทย สุรวงศ์ ปากทางพัฒน์พงศ์  ที่เด็ดคือตีนไก่เจ้านี้ พอตักเข้าปากก็สามารถเอาลิ้นดุนกระดูกออกมาได้เลย เพราะตุ๋นจนเปื่อยได้ที่ รสชาติเยี่ยม

พวกเราทั้งสี่คน มาถึงร้านก็สั่งก๋วยเตี๋ยวเบิ้ลกันคนละ 2 ชาม ไอ้แบงค์ไม่เคยมากินที่ร้านนี้ เลยสั่งเกาเหลาตีนไก่มาอีกชาม สรุปว่าพุ่งกางกันทั้งสี่คน แถมผมยังซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากป๊ากับม๊าแล้วก็ไอ้เบนซ์อีก เพราะที่บ้านชอบก๋วยเตี๋ยวเจ้านี้กัน หลังจากที่บอสจ่ายค่าเสียหายค่าก๋วยเตี๋ยวเสร็จ พวกเราก็เดินลัดเลาะผ่านย่านบันเทิงชื่อดังของกรุงเทพตัดข้ามมายังฝั่งสีลม ก่อนจะไปรอขึ้น BTS ที่สถานีศาลาแดง ไม่นานรถไฟฟ้าก็มาถึงสถานีกรุงธนบุรี ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มก็ขอแยกกลับคอนโดฯ มันผมกับไอ้บอสนั่งกันมาอีกสถานีก็ถึงสถานีวงเวียนใหญ่

...........

กลับมาถึงบ้านไอ้บอสตอน 22.00 ผมช่วยบอสเก็บเสื้อผ้า เพราะเดี๋ยวบอสจะไปนอนบ้านผม พอเก็บของเสร็จผมกับบอสเดินลงมาข้างล่าง

“ป้านิดครับเดี๋ยวผมไปนอนบ้านโบ้ทนะครับ” บอสพูดกับป้านิดที่ยืนรออยู่หน้าบ้าน
“ค่ะ แล้วคุณบอสจะกลับวันไหนคะ” ป้านิดถามไอ้บอส
“ช่วงนี้ยุ่งๆ อ่ะป้านิด งานที่บอลจะเริ่มวันเสาร์นี้แล้ว อาจจะหลายวันหน่อยนะครับ ฝากบอกพ่อกับแม่ด้วยนะครับ” ไอ้บอสพูดจบก็เดินเข้าไปสวมกอดป้านิด แล้วก็อ้อนป้านิดเป็นเด็กๆ
“ได้ค่ะ คุณบอส” ป้านิดยังพูดไม่ทันจบก็โดนเจ้าบอสหอมไปฟอดใหญ่
“อุ้ย คุณบอส ทำคนแก่ตกอกตกใจหมด” ป้านิดอุทาน
“ขอบคุณครับป้า” ไอ้บอสอ้อนป้านิดทีไร ป้านิดเสร็จทุกที

ไม่นานรถ BMW X1 SUV คันหรูของไอ้บอสก็แล่นออกจากบ้านอรรถกร ที่มีต้นเหลืองอินเดียต้นใหญ่อยู่หน้าบ้าน ลัดเลาะออกมาจากซอยเลี้ยวซ้ายที่ถนนกรุงธนบุรีไปไม่นานก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสุขสวัสดิ์ สุดท้ายก็มาถึงบ้านสุขอนันต์ ที่อยู่ในซอยสุขสวัสดิ์ 23  บ้านนี้จำง่ายเพราะมีต้นชมพูพันธ์ทิพย์ยืนเด่นอยู่ที่หน้าบ้าน พอลงจากรถ ไอ้มะกรูดกับมะนาว ก็วิ่งมาต้อนรับ สั่นหางกันระริก เมื่อเห็นเจ้านายของมันกลับมา

ไอ้เบนซ์กับป๊ากับม๊านั่งดูทีวีอยู่ที่โต๊ะรับแขกกันพร้อมหน้าพร้อมตา
“ป๊าม๊า หวัดดีครับ” ผมกับไอ้บอสยกมือไหว้สวัสดีท่าน
“อ้าวกลับมาแล้วเหรอลูก” ม๊าทักทายพวกเรา
“โบ้ทซื้อนี่มาฝากครับ” ผมโชว์ถุงก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่ตั้งใจซื้อมาฝากทุกคน
“หูย น่ากินอ่ะ” ไอ้เบนซ์แค่เห็นถุงก็จำได้ทันทีว่าเป็นก๋วยเตี๋ยวร้านไหน
“เดี๋ยวผมไปจัดโต๊ะก่อนนะครับ” ไอ้บอสคว้าถึงก๋วยเตี๋ยวเดินเข้าไปในครัว โดยมีผมเดินตามไปช่วย

......

หลังจากจัดการก๋วยเตี๋ยวกันเรียบร้อย ผมกับไอ้บอสขอตัวไปอาบน้ำกันก่อน

“เหนื่อยไหมครับ” ไอ้บอสถามผมตอนกำลังเอามือขยี้ฟองแชมพูให้ผม
“ไม่อ่ะ บอสล่ะเหนื่อยหรือเปล่า” ผมลืมตาข้างหนึ่งถามไอ้บอสกลับไป
“นิดหน่อย แต่มีโบ้ทอยู่ข้างๆ ก็ไม่เหนื่อยแล้ว” แล้วผมก็โดนยิงโดยรอยยิ้มพิฆาตของไอ้บอส แล่นเอาผมไปไม่เป็น ได้แต่อมยิ้มเพราะโดนหยอดอีกแล้ว
“มิน่า เอาชมรมเทนนิสมาอยู่กองอำนวยการก็เพราะอย่างนี้นี่เอง” ผมดักคอไอ้บอสไปอย่างรู้ทัน
“ก็ทำไมอ่ะ ก็อยากอยู่ใกล้ๆโบ้ทนี่” ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรตอบกลับไป เพราะถูกน้ำจากฝักบัวในมือไอ้บอส ล้างแชมพูที่ผมผมเสียก่อน

อาบน้ำกันเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอนกัน พรุ่งนี้เป็นวันซ้อมใหญ่ ต้องมีงานล้นมือแน่ๆ นอนเอาแรงไว้ก่อน เพราะคาดว่าคืนพรุ่งนี้อาจจะไม่ได้นอน อาจจะต้องเตรียมแก้ไขข้อบกพร่องที่ได้จากวันซ้อมใหญ่กันอีก

“ฝันดีนะครับโบ้ท” ไอ้บอสกระซิบข้างๆหู
“ฝันดีเหมือนกันนะครับบอส” ผมบอก Good night บอส

…………

แล้ววันซ้อมใหญ่ก็มาถึง สถานที่จริงที่สนามกีฬาแห่งชาติย่านปทุมวัน ดูยิ่งใหญ่และอลังการมาก ทุกคนทุกฝ่ายที่มีส่วนในพิธีเปิดวิ่งกันชุลมุลไม่เฉพาะแต่โรงเรียนผม โรงเรียนอื่นๆก็วุ่นไม่แพ้กัน โดยเฉพาะชมรมเชียร์ที่ไอ้บูมคุมหัวเรือใหญ่อยู่ ชมรมดุริยางค์ที่ไอ้บาสเตรียมตัวอยู่ด้านข้างสนาม เสียงวิทยุสื่อสารสั่งงานดั่งกันไม่ขาดสาย ห้องควบคุมถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน โดยแต่ละโรงเรียนได้ไปคนละส่วน มีมอนิเตอร์เรียงกันเป็นแถวในแต่ละส่วน

ผมอยู่ในห้องควบคุมฝั่งโรงเรียนของเรากับคุณชายบอสที่สวมเฮดโฟนนั่งดูมอนิเตอร์ อีกมือก็ถือวิทยุสื่อสารในการสั่งงาน สต๊าฟฝ่ายงานควบคุมนั่งจ้องมอนิเตอร์กันตาไม่กระพริบ เพราะอยากให้งานพลาดน้อยที่สุด

“บาส ปล่อยวงดุริยางค์เข้ามาได้แล้ว” เสียงไอ้บอส ว. สั่งการ
“รับทราบ” ไอ้บาสตอบกลับมา

แล้ววงดริยางค์ผสมระหว่างโรงเรียนเรากับโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาล ก็เริ่มบรรเลงเพลงมาร์ชประจำงานแข่งขันและเดินแถวเข้ามา

“มาร์ชครับขบวนพาเลซพร้อมหรือยังครับ” ผม ว. ถามไอ้มาร์ชที่รับผิดชอบขบวนพาเลซ
“พร้อมครับ” เสียงไอ้มาร์ช ว.ตอบกลับมา
“ถ้าพร้อมแล้วปล่อยเข้ามาได้เลยครับ” ผมตอบ ว. ไอ้มาร์ชกลับไปขบวนพาเลซของโรงเรียนเราก็เดินเข้าสู่สนาม ปีนี้เน้นสวยงาม ไม่หวือหวามาก แต่ก็ยังคงเสน่ห์ของขบวนพาเลซไว้ครบครัน
“ขบวนนักกีฬาเตรียมตัวปิดท้ายนะครับ” เสียงไอ้บอสสั่งการผ่าน ว. ไปไม่นานขบวนนักีฬาฟุตบอลทีมโรงเรียนเราก็เดินเข้าสู่สนามอย่างเต็มภาคภูมิ

“โอ๊ตครับ เตรียมพร้อมนะครับ” ไอ้บอส ว. สั่งการไอ้โอ๊ตหัวหน้าชมรมการแสดงที่รับผิดชอบการแสดงในพิธีเปิดของโรงเรียนเรา
“ให้คิวได้ตลอดเวลา” ไอ้โอ๊ต ว. กลับมา หลังจากไอ้บอสปล่อยคิว การแสดงของโรงเรียนเราใช้เวลาประมาณ 7 นาทีโดยประมาณก็เสร็จสิ้น

พอซ้อมพิธีการกันเสร็จเรียบร้อย ก็เป็นงานของชมรมเชียร์แต่ละโรงเรียนซ้อมใหญ่ ไอ้บูมหัวหน้าชมรมเชียร์วิ่งหอบแฮ่ก เข้ามาที่ห้องควบคุม ตามาด้วยไอ้เพนท์หัวหน้าชมรมนิเทศศิลป์ที่รับผิดชอบเรื่องการแปลอักษร ไอ้บูมกับไอ้เพนท์ประจำมอนิเตอร์เพราะมันรับผิดชอบภาพรวมทั้งหมด

“สแตนพร้อมนะครับ” ไอ้บูม ว. สั่งงานไอ้เป็กรองหัวหน้าชมรมที่รับผิดชอบสแตนเชียร์
“พร้อมครับ” ไอ้เป็ก ว.กลับมา
“รีดเดอร์พร้อม” ไอ้บูม ว. สั่งงานไอ้ไอซ์รองหัวหน้าชมรมที่รับผิดชอบเรื่องเชียร์รีดเดอร์
“พร้อมครับ” ไอ้ไอซ์ ว.ตอบกลับมา
“เริ่มได้เลยครับ” เสียงไอ้บูมสั่งงานผ่านวิทยุสื่อสารไป

ไอ้บอสนั่งเช็คดูภาพรวมทั้งหมดอีกที การซ้อมเป็นไปอย่างราบรื่น ติดขัดเรื่องการแปลอักษรนิดหน่อย แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่จะแก้ไขให้สมบูรณ์ได้ ทุกคนพยายามกันอย่างเต็มที ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง รวมทั้งพี่ๆศิษย์เก่าที่แวะเวียนมาช่วยงานกันอย่างเต็มที่

......

หลังจากปล่อยน้องๆลงจากสแตนกลับบ้านกันเรียบร้อย ก็เป็นการซ้อมแสดงดนตรีของชมรมดนตรีนำทีมโดยไอ้บิวที่รับผิดชอบส่วนของโรงเรียนเรา โดยเวทีอยู่ตรงการสนาม มีสี่เวทีที่หันหน้าออกสี่ทิศ โดยโรงเรียนเราหันหน้าทางทิศใต้ ส่วนทิศเหนือเป็นของโรงเรียนกางกางสีดำแถวๆพาหุรัด นำทีมโดยไอ้ริว ที่ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แฟนไอ้บิวนั่นแหละครับ

การซ้อมใหญ่ของทุกอย่างเสร็จก็เกือบจะหนึ่งทุ่มแล้ว

“กลับไปประชุมสรุปงานวันนี้ที่ห้องสภา เวลา 20.30 นะครับ” ไอ้บอส ว.สั่งการทุกคนที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง

.......

กว่าจะประชุมทุกอย่างเสร็จ กว่าจะได้ข่มตานอนก็เกือบจะ 03.00 ของเช้าวันใหม่กันแล้ว หลับกันได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องมาเก็บงานกันแต่เช้าอีกรอบ ผมเห็นแล้วก็เหนื่อยแทนไอ้บอสจริงๆ เพราะต้องรับผิดชอบภาพรวมทุกอย่าง ต้องประสานงานกับทุกฝ่าย ไม่เพียงแต่โรงเรียนเราแต่รวมถึงอีก 3 โรงเรียนด้วยที่ไอ้บอสต้องพูดคุยด้วย

ผมนอนมองหน้าเด็กหนุ่มที่หลับสนิท ใบหน้าคมสันต์ ดวงตายาวรี ขนตาหนาเป็นแผง ริมฝีปากได้รูปสวยที่นอนอยู่ข้างๆผมอย่างภาคภูมิใจ......

Game
See You Next Game

------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ titansyui
ขอบคุณสำหรับ ดุ๊กดิ๊ก นะครับ แล้วก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านด้วยนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
น่าจะยุ่งแบบนี้แหละครับ ไหนจะแปลอักษร ไหนจะเชียร์ ไหนจะขบวนพาเลซ คงวุ่นวายกันน่าดูครับ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 51st Up! 26/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 27-02-2015 16:11:01
จะติดตามต่อไปนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 52nd Up! 28/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 28-02-2015 10:08:35
@ 52nd Game  – Opening ceremony

“โบ้ทครับ ตื่นไหวมั้ยครับ” เสียงไอ้บอสปลุกผม
“อืม..” เสียงงัวเงียในลำคอของผมตอบมันกลับไป
“ไปล้างหน้าแปรงฟันครับ” ไอ้บอสบอกผม
 
ผมหลี่ตาลงเมื่อแสงไฟที่บอสเพิ่งเดินไปเปิดสว่างขึ้น ผมเอามือขึ้นมาขยี้ตาไล่ความง่วง ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นมานั่งบนเตียง บอสเดินเอาผ้าเช็ดตัวมาพาดไว้ที่บ่าผม ผมดันตัวลุกขึ้นเดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ที่วันนี้ต้องตื่นเช้าเพราะว่าต้องไปเตรียมพร้อมที่สนามกีฬาแห่งชาติ เพราะบ่ายนี้จะมีพิธีเปิดงานบอลประเพณีของทั้ง 4 โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ของกรุงเทพครับ

จริงๆแล้วเมื่อคืนกะว่าจะกลับมาเอาเสื้อผ้าที่บ้านแล้วกลับไปนอนที่ห้องสภา แต่พอมาถึงบ้าน ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มๆ เลยเผลอหลับไป ไอ้บอสเลยเปลี่ยนแผนนอนที่บ้านที่บ้านผมและออกไปที่สนามกีฬากันแต่เช้าแทน

ผมกับไอ้บอสแล้วก็ไอ้เบนซ์เดินทางมาถึงสนามกีฬา ไอ้เบนซ์แยกไปเตรียมตัวกับไอ้บาสและพวกชมรมดุริยางค์ ส่วนผมกับไอ้บอสตรงมาที่ห้องควบคุม ก็เจอไอ้อาร์มอยู่กับไอ้แบงค์แล้ว ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทก็มาพร้อมกันหมดแล้ว วันนี้ห้องควบคุมคึกคักกันแต่เช้า เพราะทุกโรงเรียนมาเตรียมพร้อมกันหมด ทุกคนดูกระตือรือร้นและตื่นเต้นกันมากกับงานในบ่ายวันนี้

......

กองเชียร์แต่ละโรงเรียนเริ่มทยอยกันขึ้นอัฒจรรย์ไม่นานก็เต็มทั้ง 4 อัฒจรรย์ เสียงเพลงเชียร์เริ่มขึ้น เชียร์รีดเดอร์ลงมาทำหน้าที่หน้าสแตนเชียร์ การสั่งการผ่าน ว. มีอยู่ตลอดเวลา บอสยังคงนั่งเฝ้าหน้ามอนิเตอร์ ผมเห็นไอ้บูมยืนสั่งงานอยู่หน้าอัฒจรรย์

“เชียร์เรียกฝ่ายควบคุม” เสียงไอ้บูม ว.เรียกมาที่ฝ่ายควบคุม
“ควบคุมครับ เชียร์” บอสตอบ ว.ไอ้บูมกลับไป
“จะเริ่มแปรอักษร ช่วยเช็คความเรียบร้อยด้วยครับ” ไอ้บูมฝากงานมาทางวิทยุ
“รับทราบครับ”

จากนั้นบนอัฒจรรย์เริ่มส่งสัญญาณการแปรอักษร ทั้งอัฒจรรย์เปลี่ยนเป็นรูปภาพสัญญาลักษณ์งานบอลประเพณี จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปตราโรงเรียน และเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามที่ได้แผนที่วางกันไว้อย่างราบรื่น

.....

พอใกล้ๆเที่ยง ในมอนิเตอร์ผมเห็นไอ้เบียร์หัวหน้าชมรมคหกรรม วุ่นวายอยู่กับขนอาหารกลางวันอยู่กับพวกสวัสดิการ
“อย่าลืมมื้อกลางวันของฝ่ายควบคุมด้วยนะครับ เบียร์” ไอ้บอส ว.ไปแซว
“ไม่ลืมแน่นอนครับ แต่เดี๋ยวขอแว่ปไปส่งของดุริยางค์ก่อนนะ” ไอ้เบียร์ ว. กลับมาตอบ เป็นคำตอบที่ไอ้บอสเองก็อดหัวเราะไม่ได้
“แหม่ๆ ใช่สิ” ไอ้บอสลากเสียงยาวผ่าน ว.ไป
“ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมผ่านว.มาจากฝ่ายดุริยางค์
“ก็ตามความสำคัญนะครับ” เสียงไอ้บาสแซวกลับมาผ่านวิทยุ
“ความสำคัญของงานหรือความสำคัญของใจครับ” ไอ้อาร์ม ว. แหย่ชมรมดุริยงค์ เล่นเอาฮา เสียงแซวผ่านมาทางวิทยุสื่อสารจากฝ่ายต่างๆให้ระงม

.......

เสียงพิธีกรของงานเริ่มประกาศเริ่มงานพิธีเปิดก็เริ่มต้นขึ้น ด้วยขบวนธงของทั้งสี่โรงเรียน เดินเข้าสู่สนาม ตามมาด้วยวงดุริยางค์ผสมระหว่างโรงเรียนเรากับโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาล ก็เริ่มบรรเลงเพลงมาร์ชประจำงานแข่งขันและเดินแถวเข้ามา พอขบวนดุริยางค์ผ่านไป ก็ตามมาด้วยขบวนพาเลซของโรงเรียนเรา แล้วก็ขบวนพาเลซของอีก 3 โรงเรียนที่เหลือ ปิดท้ายด้วยขบวนนักีฬาของทั้ง 4 โรงเรียน

ท่านประธานในพิธีกล่าวเปิดงาน จากนั้นเป็นการแสดงเปิดงานของทั้ง 4 โรงเรียน โดยเริ่มจากโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนแรก 

“ควบคุมถึงฝ่ายการแสดง พร้อมหรือยังครับ” ผม ว.ถามไอ้โอ๊ตหัวหน้าชมรม
“พร้อมครับ” ไอ้โอ๊ต ว.กลับมา
“พร้อมแล้วเริ่มได้เลยครับ” ผมให้คิวไอ้โอ้ตเริ่มการแสดงของโรเงรียนเรา

บนอัฒจรรย์มีการแปรอักษรของโรงเรียนเราประกอบกับการแสดงของทีมไอ้โอ้ตด้วย

หลังจากเสร็จจากพิธีเปิด ฟุตบอลคู่เปิดสนามก็เริ่มต้นขึ้น คู่เปิดสนามเป็นคู่ของโรงเรียนเรากับโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลแถวๆถ.พระรามหนึ่ง อีกคู่เป็นโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินแถวๆบางรัก กับโรงเรียนเด็กกางเกงดำแถวๆพาหุรัด การแข่งขันเป้นแบบพบกันหมด แล้วเอาคะแนนสูงสุดสองอันดับแรก เป็นคู่ชิงชนะเลิศในวันปิดการแข่งขัน และคะแนนลำดับสามกับสี่เป็นคู่ชิงที่สาม

.....

เสียงพิธีการเริ่มแนะนำตัวนักกีฬาของทั้งสองโรงเรียนที่จะเตะเปิดสนาม เสียงตบมือดังก้องไปทั้งสนาม ไอ้ไปป์หัวหน้าชมรมฟุตบอลและกัปตันทีม แลกของที่ระลึกกับทีมคู่แข่ง หลังจับไม้จับมือกันเรียบร้อย ก็มายืนถ่ายรูปกับทีมนักฟุตบอลโรงเรียนเรา แล้วการแข่งขันในครึ่งแรกก็เริ่มต้นขึ้น

การแข่งขันผ่านไปได้เพียง 10 นาที เสียงกองเชียร์โรงเรียนเราก็เฮกันลั่น เมื่อไอ้ไปป์ทำประตูแรกให้กับทีมฟุตบอลโรงเรียนเราได้สำเร็จ แล้วทั้งสองทีมก็ผลัดกันรุกผลัดกันรับกันอย่างสนุก แต่ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้จนหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก

ระหว่างพักครึ่งเป้นการแสดงดนตรีของชมรมดนตรีของทั้ง 4 โรงเรียน โรงเรียนเราชมรมดนตรีรับผิดชอบงานในส่วนนี้ แล้วไอ้บิวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง วงโรงเรียนเราเล่นได้ดีไม่แพ้โรงเรียนอื่นๆ ปิดท้ายการแสดงการร้องเพลงรวมของทั้ง 4 วง โดยที่นักร้องนำของทั้ง 4 โรงเรียนแบ่งท่อนกันร้อง เป็นเพลงที่มีความหมายดีเพลงนี้

รอนแรมมาเนิ่นนานเพียงหนึ่งใจ
กับทางที่โรยเอาไว้ด้วยขวากหนาม
สุดแหลมคม ทิ่มแทง จนมันแทบจะทนไม่ไหว
ชีวิต ถ้าไม่ยากเย็นขนาดนั้น
สองมือจะมีเรี่ยวแรงขนาดไหน
แต่หัวใจของคน ยังยืนยันจะไม่ถอดใจ

ในค่ำคืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาว อยู่ตรงนี้
ฉันยังคงก้าวไป ยังคงมีรักแท้
เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง

วัน เวลาไม่เคยจะหยุดเดิน
อย่างไรเราคงต้องเดินไปกับมัน
เก็บทุกความผิด พลั้งเป็นคำเตือนให้เราเข้าใจ
ชีวิตเริ่มต้นที่คำว่าฝ่าฟัน ขอเพียงใจเราเท่านั้นไม่หวั่นไหว
บทชีวิตของเรา เราจะทำให้มีความหมาย

ในค่ำ คืนที่ฟ้านั้นไม่มีดาวอยู่ตรงนี้ ฉันยังคงก้าวไป
ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง
กับที่ๆความฝันนั้นพร้อมเป็นเพื่อนตายเส้นทางนี้
ฉันยังมีจุดหมาย ตราบใดที่ปลายท้องฟ้ามีแสงรำไร
จะไปจนถึงแสงสุดท้าย

ความเดียวดาย ในคืนเหน็บหนาว
แหงนมองฟ้ายังนึกถึงวันเก่า
มันคงชินที่ทางยาวไกล กร่อนหัวใจ
ภาวนากับความมืดมิด ขอให้รักยังคุ้มครองเราอยู่
เติมคืนวันให้ใจดวงนี้ ไม่ยอมแพ้

เสียงตบมือและโห่ร้องดังก้องสนามเมื่อเพลงจบลง เป้นความประทับใจที่จับใจทุกคนในสนาม รวมทั้งผมกับบอสด้วย “ยังคงมีรักแท้ เป็นแสงนำไปในคืนที่หลงทาง” ไอ้บอสหันมามองหน้าผมทุกครั้งที่ท่อนนี้วนกลับมา

ฟุตบอลครึ่งหลังก็ยังสนุกไม่แพ้ครึ่งแรก แถมโรงเรียนเรายังทำประตูเพิ่มได้อีก 1 ลูก ผลการแข่งขันทีมโรงเรียนชนะไปด้วยสกอร์ 2 – 0 สร้างความดีใจให้กับของเชียร์ของเราเป็นอย่างมาก ที่อัฒจรรย์มีการบูมขอบคุณนักฟุตบอล นักฟุตบอลมายืนเข้าแถวกอดคอกันหน้าสแตนเชียร์ กองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นพี่ บูมเพลงประจำโรงเรียนขอบคุณนักกีฬา ทำเอาพวกเราขนลุกกับความคลั่งและความยิ่งใหญ่ของพลังของโรงเรียน พอบูมกันเสร็จนักกีฬาก็จะแยกย้ายกันไป ประชุมสรุปผลการแข่งขันและไปพักผ่อนหลังจากเสร็จภาระกิจวันนี้

............

แต่งานของส่วนเชียร์ กับส่วนควบคุมยังไม่แล้วเสร็จ จะเสร็จก็ต่อเมื่อส่งน้องๆกองเชียร์เดินทางกลับบ้านเรียบร้อยแล้ว บนอัฒจรรย์น้องๆกองเชียร์เริ่มทยอยลง เมื่อบอลคู่สุดท้ายระหว่าง โรงเรียนเด็กกางเกงสีดำแถวๆพาหุรัดกับเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวบางรักแข่งเสร็จลง

“ประชุมรวมทุกฝ่ายที่หน้าสแตนเชียร์นะครับ” ไอ้บอส ว. บอกทุกฝ่าย

ตอนนี้หน้าอัฒจรรย์เต็มไปด้วยทุกฝ่ายที่ได้รับมอบหมายงานไปมาสรุปงานในวันนี้ แต่ชมรมฟุตบอลมีไอ้ไปป์มาเป็นตัวแทนชมรมคนเดียว ผมยกมือทักทายไอ้โอมกับไอ้เกมส์และได้แดนที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากที่พวกเราประชุมเท่าไรนัก มันสองคนมารอรับไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทส่วนไอ้แดนคงมารอไอ้เบสต์

ผมยกมือรับไหว้แถบไม่ทัน เมื่อหันไปเห็นไอ้บัดกับไอ้คริสแล้วก็ไอ้บอลนั่งอยู่อีกไม่ไกลกันนัก ไอ้บัดมาจากพัทยา ไอ้บอลมันเป็นนักฟุตบอลโรงเรียนกางเกงสีน้ำตาลแถวๆวัดยานนาวาอยู่แล้ว ไม่แปลกเท่าไรที่มันจะมาดู ส่วนไอ้คริสคงโดนไอ้บัดลากมา เอ๊ะหรือมันยากมาเองก็ไม่รู้ 555+

ไอ้เบลหัวหน้าชมรมถ่ายภาพ วันนี้มันยืนเก็บภาพมาตั้งแต่เริ่มงาน แต่ไอ้เบลมันมีลูกมือหน้าคุ้นๆที่ไม่ใช่คนในชมรมมันมาด้วย ไอ้เคนครับ จำไอ้เคนได้ไหมครับที่เจอกันในงานวันเกิดไอ้อาร์มครับ ไอ้เคนเป็นประธานชมรมถ่ายภาพโรงเรียนเด็กกางเกงสีเทาที่ขอนแก่น สมัยก่อนมันก็เรียนโรงเรียนเรา แต่มันย้ายต่อพ่อกับแม่มันไปที่ขอนแก่นไงครับ

.........

พอประชุมเสร็จก็แยกย้ายกันเก็บของ ไอ้บอสชวนไปกินข้าวกัน วันพรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์เป็นวันพัก จะเริ่มเตรียมตัวกันอีกทีวันจันทร์เพราะวันอังคารมีแข่งอีกครั้ง ไอ้บอสชวนไปลอง ยากินิกุ บุบเฟ่ต์ ปิ้งย่างแถวซอยหลังสวน

มื้อนี้มีผมกับไอ้บอส ไอ้แบงค์ไอ้อาร์ม ไอ้วินไอ้บัด ไอ้บอลไอ้คริส ไอ้เกมส์ไอ้ไบร์ท ไอ้โอมไอ้บีม ไอ้เบนซ์ไอ้เบียร์ ไอ้บูมชวนไอ้นัทประธานเชียร์โรงเรียนกางเกงน้ำเงินแถวๆบางรักไปด้วย ไอ้บาสก็ชวนไอ้นัทหัวหน้าชมรมดุริยางค์โรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาลแถวๆถ.พระราม1 มาด้วย ไอ้บิวชวนไอ้ริวหัวหน้าชมรมดนตรีโรงเรียนเด็กกางเกงดำแถวๆพาหุรัดมาอีกคน แน่นอนไอ้เบลก็ต้องชวนไอ้เคนมาด้วย ปิดท้ายด้วยคู่หู Xtream อย่างไอ้เบสต์และไอ้แดน และปิดท้ายฉายเดี่ยวมาคือไอ้ไปป์หัวหน้าชมรมฟุตบอล

เมื่อมาถึงร้านทำเอาร้านเค้าเล็กไปถนัดตา พนักงานต่อโต๊ะยาวให้กลุ่มของเรา แล้วมหกรรมปิ้งย่างหฤหรรษ์ก็เริ่มขึ้น พนักงานเสริฟแถบไม่ทัน นอกจากคนจะเยอะแล้วยังเป็นเด็กวัยกำลังกินกำลังนอนด้วยกันทั้งนั้น เสียงโวยวายแย่งเนื้อที่ปิ้งอยู่บนเตาดังลั่นร้านอีกเหมือนเคย......

Game
See You Next Game


------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ tarkung
ขอบคุณมากๆที่ติดตามนะครับ ผมเอาตอนใหม่มาลงแล้วนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะครับทำให้คนเขียนมีกำลังใจเขียนมันต่อ ขอบคุณมากๆนะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 52nd Up! 28/ก.พ./58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 28-02-2015 23:42:45
อันนี้ คือประสอบการณ์ตรงของคนเขียนเลยชิมิ  :laugh5:
หัวข้อ: Re: : destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B : Game 53rd Up! 02/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 02-03-2015 14:26:13
@ 53rd Game  – Ocean Park

เช้านี้ผมตื่นขึ้นมารู้สึกหนักๆหัว อาจเพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์จากเมื่อคืนนี้
ทู บอน ดาชิน บล ซู ออบดัน มัล ฮาจีมา
แนกา จัลฮัลเก โนจี อานึลเก นี กยอเท อิซนึน นัล
ตอนาจีมา โทราซอจีมา นัน นอล โบแนล ซู ออบซอ
อีรอน นัล ทูโก oh oh คันดาโก oh oh
บอซอนัล ซู ออบซอ Cause you are my destiny

เสียง iphone เครื่องสีขาวของผมดังและสั่นอยู่บนหัวเตียง ผมค่อยๆเอื่มมือไปควานเอาโทรศัทพ์มาดูก็เห็นหน้าไอ้เกมส์อยู่เต็มหน้าจอ

“ฮัลโหล ว่าไงไอ้เกมส์” เสียงผมงัวเงียเพราะยังอยากนอนต่อ
“มึงกับไอ้บอสว่างใช่ไหมวันนี้” มันรีบถาม
“อืม ว่างนะ จะยุ่งอีกทีวันจันทร์เลยมรึง” ผมตอบมันกลับไป
“งั้นดีและ ไปสวนน้ำกัน” มันรีบยื่นขอเสนอที่ยากจะปฏิเสธ
“ที่ไหนวะ” ผมตาโตถามมันกลับไป ความง่วงหายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้
“หัวหินอะมรึง เพิ่งเปิดใหม่ ไปเจิมกัน” มันบอกสถานทีและบอกสรรพคุณเสร็จสรรพ
“แปปนะ” ผมบอกให้มันรอแปป
“บอส ไอ้เกมส์ชวนไปเที่ยวสวนน้ำเปิดใหม่ที่หัวหินอ่ะ” ผมหันไปถามไอ้บอสที่นอนอยู่ข้างๆ
“กลับเย็นนี้หรือเปล่า” ไอ้บอสถามกลับมา
“ไอ้เกมส์กลับเย็นนี้ใช่ไหม” ผมไอ้เกมส์ผ่านทางโทรศัพท์
“เออ ดิ วันจันทร์กรูมีเรียน” มันตอบกลับมา
“แปปนะ”
“กลับเย็นนี้บอส”  ผมหันไปบอกไอ้บอส
“อืม ถ้าโบ้ทอยากไปบอสก็ไป บอสบอกผมกลับมา
เออแต่ว่าไอ้ไปป์ล่ะ” ผมหันไปถามไอ้บอส
“เดี๋ยวลงชวนมันไปดู” ไอ้บอสบอกผมพร้อมกับชันตัวลุกขึ้นนั่ง
“เออ กรูไปกับไอ้บอส แต่มีน้องๆกรูไปด้วยได้ไหมอ่ะ” ผมรีบถามไอ้เกมส์กลับไปเพราะมีอาจจะมีพ่วงไปอีกหลายคนคน
“ไม่มีปัญหา งั้นเดี๋ยวกรูโทรบอกไอ้โอมให้เอารถปอีกคัน” ไอ้เกมส์รีบตอบกลับมา
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวกรูเอาไปอีกคัน มรึงกับไอ้โอมไปคันเดียวกนแหละ” ผมบอกไอ้เกมส์เพราะเกรงใจพวกมัน
“งั้นเดี๋ยวอีก 1 ชั่วโมงไปเจอกันที่บ้านกรูแล้วกัน”  ผมกดวางสายจากไอ้เกมส์ แล้วก็กดโทรไปบอกคุณพี่ชายคุณชายเบนซ์ ให้มันเตรียมตัวเดี๋ยวจะไปรับมันที่บ้านแน่อนว่าไอ้เบียร์ก็ต้องไปด้วยแน่ๆ

ไอ้บอสเดินไปปลุกไอ้บัดกับไอ้วินที่ห้องนอนแขกและบอกให้ไอ้บัดโทรชวนไอ้คริสกับไอ้บอล แล้วมันเดินเลยไปชวนไอ้ไปป์ เมื่อคืนมันค่อนข้างเมามาก สภาพมันคงกลับบ้านไม่ไหวแน่ๆ และก็ไม่มีใครรู้จักบ้านไอ้ไปป์มัน ไอ้บอสเลยลากมันมานอนที่บ้าน พวกเราหิ้วปีกไอ้ไปป์มานอนที่ห้องรับรองแขกอีกห้อง สักพักไอ้บอสก็เดินกลับมา

“ไอ้ไปป์มันไปด้วยนะมันกำลังอาบน้ำอยู่”  ไอ้บอสบอกผมก่อนจะเดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ผมบีบยาสีฟันไว้รอมันเรียบร้อย

ผมเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ไอ้บอสเสร็จ ก็ไม่ลืมจัดไว้ให้ไอ้ไปป์มันอีกชุด สภาพชุดเตะบอลรองเท้าแตะคงไม่ไหว แล้วผมก็จัดผ้าเช็ดตัวกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำใส่กระเป่าไปอีกชุด

ไอ้บอสเดินออกมาจากห้องน้ำพอมันแต่งตัวเสร็จ
“บอสเอาเสื้อผ้าไปให้ไอ้ไปป์ด้วย” ผมบอกมัน
“อืมม” มันตอบผมสั้นๆก่อนจะเดินเอาเสื้อผ้าไปให้ไอ้ไปป์
 
พอเตรียมตัวกันพร้อมก็ออกจากบ้านไอ้บอสท้งหมดมี บอสกับผม ไอ้บัดไอ้วิน ไอ้บอลไอ้คริส แล้วก็ไอ้ไปป์ที่ฉายเดี่ยว แน่นอนอีกตามเคยคุณชายบอสไม่ยอมให้ผมขับรถอีกเหมือนเคย นี่ตั้งแต่กลับมาคบกับมันอีกรอบนับครั้งได้เลยที่ผมได้จับพวงมาลัย ไม่นานรถ SUV ของผมก็มาจอดที่บ้านสุขอนันนต์

พอมาถึง ไอ้เกมส์ไอ้ไบร์ท ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์ม ก็มารอพวกเราอยุ่แล้ว คุณพี่ชายนายเบนซ์กับไอ้เบียร์กำลังช่วยกันยกกล่องแซนวิซใส่ท้ายรถ ไอ้เบียร์ก็ไม่ลืมเตรียมไว้ให้รถผมด้วย

ไอ้บอสขับรถนำพวกเราเลี้ยวตัดออกถนนพระราม 2 มุ่งหน้าหัวหิน ในรถก็กำลังอร่อยกับแซนวิสของไอ้เบียร์กัน เพราะด้วยความที่รีบออกมากันเลยยังไม่ได้กินอะไรกันตั้งแต่เช้า

“พี่ไปป์เมื่อวานประตูนั้นโคตรเทพเลยอ่ะครับ” ไอ้บอลชวนไอ้ไปป์คุย
“ไม่หรอกจังหวะไอ้ไทด์มันผ่านลูกมาพอดีกับที่พี่ยืนอยู่ตำแหน่งตรงนั้นพอดี” ไอ้ไปป์ถอมตัว
“แล้วพี่แข่งอีกทีวันไหนอ่ะ” ไอ้บอลถาม
“วันอังคาร คู่ที่สองครับ” ไอ้ไปป์ตอบคำถามไอ้บอล
“เดี๋ยวผมเรียนเสร็จจะไปเชียร์นะครับ”
“เราเป็นนักบอลเหมือนกันเหรอ” ไอ้ไปป์ถามไอ้บอลกลับ
“ใช่ ไอ้บอลมันเป็นตัวโรงเรียนเด็กกางเกงสีน้ำตาลแถวๆวัดยานนาวาหน่ะ” ไอ้บอสตอบแทนไอ้บอลเสร็จสรรพ
“จริงดิ ไว้วันหลังไปเตะหญ้าเทียมกัน” ไอ้ไปป์ดีใจที่ได้เพื่อนไปเตะบอลสนามหญ้าเทียมเพิ่มอีกคน
“แล้วพี่ไม่พาแฟนมาด้วยอ่ะ” ไอ้บัดโพร่งถามไอ้ไปป์ไป เล่นเอาผมกับไอ้บอสไอ้วินถึงกับอึ้งกับคำถามของมัน
“แฟนพี่เสียไปแล้วครับ” คำตอบน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความเศร้าอยู่ในนั้น
“ขอโทษครับพี่...ผมไม่รู้จริงๆ” ไอ้บัดยกมือไหว้ขอโทษไอ้ไปป์ ไอ้บัดหน้าเหลือ 2 นิ้วเมื่อรู้ว่าไม่ควรถามคำถามนี้ไป
“ไม่เป็นไรไอ้น้อง” ไอ้ไปป์เอามือมาตบบ่าไอ้บัดให้กำลังใจ
“นี่ก็ผ่านมาจะปีแล้ว พี่ดีขึ้นมากแล้วล่ะ” ไอ้ไปป์พูดปลอบใจไอ้บัด
“แล้วพี่ทำใจยังไงครับ” ไอ้คริสเอ่ยปากถามไอ้ไปป์
“พี่ก็คิดว่าแฟนพี่ไม่ได้จากไปไหน เค้าอยู่กับพี่อยู่ข้างๆพี่เสมอ”
“เพราะเราอยู่ในใจของกันและกันตลอด” ไอ้ไปป์พูดจบเล่นเอาไอ้คริสกับผมน้ำตาซึม
“แล้วมรึงไม่คิดจะมีใครใหม่เหรอครับ” ไอวินถามไอ้ไปป์
“ไม่อ่ะ ทุกวันนี้กรูก็มีความสุขดี เหงาๆบ้างตามประสา” เสียงไอ้ไปป์ตอบไอวินไป
“วิน มรึงเชื่อไหมกรูยังไม่อยากมีใครใหม่” เสียงไอ้ไปป์ราบเรียบ
“อีกอย่างกรูเคยสัญญาว่ากรูจะมีเบิร์ดคนเดียว กรูก็ไม่รู้หรอกนะว่ากรูจะรักษาสัญญานั้นได้ไหม แต่กรูจะรักษาสัญญานั้นไว้ให้นานที่สุดเท่าที่กรูจะทำได้” ไอ้ไปป์พูดจบเล่นเอาเงียบกันไปทั้งรถ ผมเห็นมันเอามือขึ้นมาลูบแหวนคู่ที่คล้องเกี่ยวกันที่ห้อยอยู่บนสร้อยคอ เห็นมันใส่ประจำคงเป็นของแทนใจของไอ้ไปป์กับไอ้เบิร์ดมัน

“สู้ๆ หวะไอ้ไปป์ รักษาสัญญาให้ดีที่สุด”  ไอ้บอสเหลือบมองกระจกมองหลังไปที่ไอ้ไปป์ก่อนจะพูดให้กำลังใจมันทำลายความเงียบ

ผมนับถือไอ้ไปป์มันผ่านเหตุการณ์การสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่มาได้ และนับถือความรักที่มันมีให้กับไอ้เบิร์ดมัน ไอ้เบิร์ดมันเคยเป็นหัวหน้าชมรมศิลปะที่โรงเรียนครับ เมื่อปิดเทอมที่ผ่านมา มันไปต่างประเทศกับที่บ้านมัน แล้วเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่นั่น เสียชีวิตกันทั้งบ้าน ตอนไปงานศพทุกอย่างรอบตัวดูเศร้าไปหมด ไอ้ไปป์ก็ทำอะไรไม่ได้เลยเอาแต่นั่งเอามือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น ตอนนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าไอ้ไปป์มันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่พอเวลาผ่านไปสักพัก เห็นมันกลับมาเตะบอลได้ กลับมาคุมทีมฟุตบอลได้ มันก็คงค่อยๆดีขึ้น ค่อยๆยอมรับความจริง และค่อยๆทำใจได้ เวลาเยี่ยวยาทุกสิ่งจริงๆ

..........

พอรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่สวนน้ำ วานา นาวา สวนน้ำเปิดใหม่ที่หัวหิน ที่ว่ากันว่ามีสไลเดอร์ที่ยาวที่สุดและสูงที่สุดในประเทศไทยตอนนี้ พวกเราทั้งหมดมาต่อคิวซื้อตั๋วกัน ราคาคนละ 1,000 บาท ได้สายริชแบนด์พร้อมกับเหรียญรูปร่างคลายนาฬิกาใส่ไว้ที่ข้อมือ เป็นบัตรผ่านและบัตรที่เอาไว้ใช้เล่นได้ ทุกสไลเดอร์ และทุกกิจกรรมที่มี พวกเราข้ามกิจกรรมแอดแวนเจอร์เพราะเคยเล่นที่เกาะช้างกันมาแล้ว พอเก็บของที่ล็อกเกอร์กันเรียบร้อยแล้ว ก็เลยตรงไปที่สวนน้ำกันเลย

พวกเรา 15 คนเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 หุ่นนักกีฬา กล้ามเนื้อมีกันสมวัย ซิกแพคได้รูป หน้าตาดี แถมมาเป็นแก๊งค์เด็กผู้ชาย จึงไม่แปลกที่จะมีคนมองและสนใจ โดยเฉพาะสาวน้อย สาวใหญ่ รวมไปถึงพวกผู้ชายบางกลุ่มที่ด้วย ^^

“ไปเล่น อาบิส กันเหอะพวกมรึง” ไอ้บีมชวนพวกเราเล่นสไลเดอร์
“อันไหนวะ” ไอ้แบงค์ถามกลับ เพราะมีสไลเดอร์หลายอันให้พวกเราเล่น
“สีเขียวฟ้าไง” ไอ้บีมตอบกลับมา
“มรึงรู้ป่าว อันนี้อ่ะเค้าว่ากันว่าเป็นสไลเดอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเลยนะโว้ย” ไอ้บีมได้ทีข่มไอ้แบงค์แบบไม่กลัวหมาในปากไอ้แบงค์เลยสักนิด
“ไม่รู้หว่ะ เพิ่งรู้จากมรึงนี่ แหละสัส” ไอ้แบงค์หันมาตอบไอ้บีม
“บ้านมรึงอยู่หลังเขาป่าววะ” ไอ้บีมยังไม่ยอม
“เชี่ย หลังเขาพ่องมรึงหงะ บ้านกรูหน่ะอยู่หลังเทือกเขาตาหาก” ไอ้แบงค์ตอบอย่างภาคภูมิใจ

พอปีนขึ้นมาถึงข้างบน อาบีสเป็นสไลเดอร์ที่ต้องเล่นกัน 5- 6 คนลงไปนั่งในห่วงยางสีเหลืองขนาดใหญ่ แล้วปล่อยทิ้งลงมาเป็นหมู่คณะ กรุ๊ปแรกมี ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์ แล้วก็ไอ้อาร์ม กรุ๊ปสองมี ผมไอ้บอส ไอ้เบนซ์ไอ้เกมส์ ไอ้แบงค์ กรุ๊ปสามมี ไอ้บอลไอ้คริส ไอ้วินไอ้บัดแล้วก็ไอ้ไปป์

“เฮ้ยยย” เสียงร้องลั่นรอดออกมาจากอุโมงค์ที่กรุ๊ปแรกถูกส่งเข้าไป

สักพักก็คิวเป็นกลุ่มผม รู้สึกตื่นเต้นและเสียววูบที่ท้องน้อย ตอนถูกดันเข้าไป จากนั้น เสียงร้องโวยวายก้ดังขึ้น เพราะถูกเหวี่ยงไปตามแรงโน้นถ่วงของโลก ไม่นานก็มาโผล่ตรงอุโมงค์ยักษ์ที่ห่วงยางเราถูกเหวี่ยงให้เป็นวงกว้าง ก่อนจะค่อยๆไหลเข้าไปอุโมงค์เล็กอีกอัน แล้วก็มาโผล่ที่ปลายทางโดยสวัสดิภาพ พวกเราตะเกียกตะกายขึ้นมายืนรอริมฝั่ง รอดูกรุ๊ปที่สามที่เสียงร้องดังออกมาจากอุโมงค์ก่อนที่ภาพจะค่อยไหลตามมาอีกในหลายวินาที

“สนุกไหม” ไอ้โอมถามไอ้บีมหลังจากที่พวกมันลงมาถึงข้างล่างแล้ว
“อืม สนุกดี” ไอ้บีมตอบไอ้โอมกลับไป
“โอมมีความสุขนะที่บีมสนุก” ไอ้โอมเอามือขึ้นลูบหัวไอ้บีม
“โอมล่ะสนุกหรือเปล่า” ไออ้บีมถามไอ้โอมกลับ
“สนุกครับ แค่มีบีมอยู่ใกล้ๆแค่นี้โอมก็มีความสุขแล้ว” ไอ้เชี่ยโอม มรึงหล่อชิบหาย สัส

แล้วไอ้ไบร์ทก็ลากมาที่บูมเมอแรงโก้ สไลเดอร์สีเหลืองน้ำเงิน อันนี้ก็คล้ายๆสไลเดอร์อันแรก แต่จะเสียวกว่าตรงที่จะมีช่วงทิ้งดิ่งลงไป แล้วมีแผนกระดานรูปตัว U กลับหัวรับไว้อีกด้านก่อนที่จะไหลกลับลงมา ตอนช่วงทิ้งดิ่ง เหมือนตัวจะหลุดลอยออกจากห่วงยาง เสียงทุกคนร้องตะโกนออกมา ผมนี่ถึงกับรนรานจับเชือกริมห่วงยางไว้ซะแน่น

“เชี่ยโบ้ท เมื่อกี้เสียวป่าววะ” ไอ้เกมส์เอ่ยปากถามหรือด่าผมก็ไม่รู้
“เออ เสียวชิบหายกรูนึกว่าจะหลุดออกจากห่วงยางซะแล้ว” ผมตอบมัน
“เสียวกว่ามีอะไรกับไอ้บอสอีกหรา” ไอ้เชี่ยเกมส์เอากรูแระ ผมนึกในใจ ไอ้บอสยืนเหล่ตาฟังคำตอบผมอยู่ใกล้ๆ
“คนละอย่างโว้ย ไอ้นั่นมันเสียวซ่าน แต่สไลเดอร์นี่กรูเสียวตาย” ผมรีบขว้างงูให้พ้นๆคอ แต่ไอ้บอสมันยืนกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ข้างๆ
“แล้วมรึงเวลามีอะไรกับไอ้ไอ้ไบร์ทนี่เสียวแบบไหนวะ” ไอ้บอสหันไปแซวไอ้เกมส์แทนผม
“แหม่ๆ เมะปกป้องเคะเชียวนะ” ไอ้ไบร์ทแซวไอ้บอสกลับทันควัน
“ของกรูหน่ะ เสียวสุโก่ยโว้ยย” ไอ้เชี่ยเกมส์ตอบออกมาอย่างดัง จนไอ้ไบร์ทหน้าแดง

พวกเรามายืนต่อคิวกันที่สไลเดอร์สีเหลืองคราวนี้เล่นเป็นคู่

“โบ้ทนั่งหน้านะ” ไอ้บอสสั่งแกมบังคับให้ผมนั่งหน้า
“ไม่อ่ะ” ผมปฏิเสธมันเสียงหลง
“เอาน่า เดี๋ยวอันหน้าบอสนั่งหน้าเอง” ไอ้บอสยื่นข้อเสนอ ผมยืนคิดคู่หนึ่ง
“ก็ได้ แต่อันหน้าบอสนั่งหน้านะ” ผมย้ำคำมันกลับไป

พอสายพานส่งผมกับไอ้บอสลงมาตามสไลเดอร์ก็จะลดเลี้ยวลงมาตามอุโมงค์แล้วพามาถึงช่วงหนึ่ง หลังคาอุโมงค์จะกลายเป็นพาสติกใสๆแทนมองเห็นโดยรอบ แต่มันดันเป็นช่วงทิ้งดิ่งลงมา สรุปแหกปากร้องลั่นหลับตาปี๋แทนที่จะได้ดูวิวกันทั้งผมกับไอ้บอส

แล้วก็โดนลากกันมาต่อที่สไลเดอร์สีเขียวอ่อนเขียวแก่ ที่ต้องเล่นกันแบบ Theesome อุ๊ปปปป แบบสามคน อันนี้ค่อนข้างเสียวเพราะแรงเหวี่ยงทำให้เรากระเด้งกระดอนกลัวจะหลุดออกจากรางสไลเดอร์เสียให้ได้

จุดไคลแม็กก็มาถึง เมื่อพวกเราปีนกันมาถึง สไลเดอร์ฟรีฟอร์ เป็นสไลเดอร์แบบเดี่ยวสีม่วง ที่ไม่มีอุโมงค์คดเคี้ยว แต่เป็นรางที่ทิ้งดิ่งลงมาแบบเดี่ยวๆเพียวๆตัวคนเดียวเลย หลังจากเกี่ยงกันอยู่นานสุดท้าย ไอ้บัดอาสาคนแรก พวกเรามายืนลุ้นไอ้บัดกันที่ริมรั้วกั้น  ไอ้บัดลงไปนั่งเตรียมตัวแล้วก็ค่อยไหลลงนอนอยู่ในท่าเตรียมพร้อม พนักงานช่วยดันตัวไอ้บัดลงไป พอสุดทางไหลก็ทิ้งดิ่งลงไป เสียงไอ้บัดร้องลั่นเพราะความเสียวบวกความกลัว....

แล้วก็ตามมาด้วยพวกเราทีละคน มาถึงคิวผม บอกไม่ถูกครับทั้งตื่นเต้นทั้งกลัวเพราะกลัวจะกระเดนออกจากลางสไลเดอร์ แต่พอลงไปจริงๆแล้วก็แค่วูบเท่านั้นครับ มันผ่านไปเร็วมากตอนทิ้งดิ่งลงมา ถ้าเผลอหลับตานี่อดเสียวกันเลยนะครับ

“เป็นไงบ้าง กลัวไหม” เสียงไอ้เบนซ์ถามไอ้เบียร์หลังจากไอ้เบียร์ลงมาถึงพื้น
“ไม่อ่ะ” ไอ้เบียร์ตอบไอ้เบนซ์
“ก็นะ เห็นเบียร์หลับตามาตลอดจะกลัวได้ไงเนอะ”
“เด่วเหอะ เบนซ์ แซวเบียร์นะ”
“โอ๋ๆๆๆ เก๊าแค่แซวเองนะ” คุณพี่ชายเริ่มง้อ
“เก๊าง้อนะ เก๊าจะง้อแล้วนะ จะไม่หายงอนเก๊าๆจริงๆหรา”พี่ชายอ้อนสุดพลัง ไอ้เบียร์กลั้นหัวเราะแถบตาย ก่อนจะหายโกรธเพราะแพ้ทางไอ้เบนซ์

อันสุดท้ายพวกเราปีนขึ้นมาที่เดิมอีกรอบก่อนจะมาเล่น อัพเปอร์ลูป สไลเดอร์สีฟ้า ที่ต้องเข้าไปในตู้สีฟ้าแล้วประตูจะค่อยๆปิดเหมือนเข้าไปในกระสวยจรวด แล้วจะมีเสียงนับ 3......2........1 แล้วพื้นทั้งพื้นจะหายไปแล้วตัวเราจะหล่นวูปลงไปตามรางสไลเดอร์

เล่นสไลเดอร์ครบทุกอันแล้ว พวกเราก็มานั่งหาอะไรจิบแก้กระหายกับแก้คอแห้งกันที่ วอเตอร์บาร์ นั่งจิบน้ำกันในน้ำกันเลยทีเดียว

“วิน เอาอะไร” ไอ้บัดถามไอ้วิน
“กีวี่ปั่น” ไอ้วินหันมาบอกไอ้บัด
“กีวี่ปั่น 1 ครับ แล้วก็ สับปะรดปั่น 1 ครับ” เสียงไอ้บัดสั่งพนักงาน
“มรึงไม่หนาวกันเหรอวะ” ผมถามพวกมันสองคนตัวเริ่มซีดแล้วเสือกจะแดกน้ำปั่น
“ไม่อ่ะพี่โบ้ท ผมได้มีไอ้อุ่นส่วนตัว” ไอ้บัดพูดจบก็เอื้อมมือมากอดเอวไอ้วินจากด้านหลัง
“แหม่พวกมรึง เบาๆกันหน่อย กรูอิจฉา” ผมประชดพวกมันไป
“อาร์มครับ อาร์มให้ไออุ่นแบงค์หน่อยซิ แบงค์หนาว” เสียงไอ้แบงค์ตะโกนแซวไอ้สองคนนั้นดังลั่น พร้อมกับลุยน้ำทำท่าอ้อนเข้าไปกอดไอ้อาร์ม ทำเอาพวกเราฮา

ยังครับ ตัวจะเปื่อยแล้วพวกเราก็ยังคงเล่นน้ำกันต่อ ไอ้เกมส์มาโชว์หล่ออยู่บนกระดานเซิร์ฟบอร์ดบนคลื่นจำลอง อย่างเท่ห์โดยมีไอ้ไบร์ทมานั่งเฝ้า ด้วยหน้าตาของมันกับหุ่นที่ดีสมเป็นนักกีฬาแถมด้วย ซิกแพค ที่ดึงดูดสายตา สาวน้อยสาวใหญ่แถวนั้น

หลังจากเสียพลังงานไปกับการเล่นน้ำ พอเก็บของจากล็อกเกอร์กันเสร็จ ขับรถออกมาจากสวนน้ำไม่นาน ก็แวะเติมพลังกันและซื้อของฝากที่บ้าน ก่อนจะเริ่มออกเดินทางกลับกรุงเทพฯ เพราะพรุ่งนี้ต้องมีภารกิจกันต่อ ไอ้คริสกับไอ้บัด ผมกับไอ้บอสให้มันนอนที่กรุงเทพอีกคืนแล้วค่อยตีรถกลับตอนเช้าวันพรุ่งนี้ ไอ้บัดกับไอ้คริสยิ้มหน้าบ้านเพราะจะได้อยู่กับไอ้วินกับบอลกันอีกคืน....

Game
See You Next Game


---------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
คนเขียนเรียนโรงเรียนชายล้วนครับ แต่อยู่ ต่างจังหวัดครับ อิอิ
คนเขียนไม่มีประสบการณ์งานบอลประเพณีของโรงเรียนชายล้วนในกทม เลยครับ เอิ๊กกกก
ขอบคุณที่ติดตามอ่านและยังไม่ทิ้งกันไปไหนนะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 53rd Up! 02/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 02-03-2015 22:02:20
ปุกาศ ปุกาศ ขออนุญาติเปลี่ยนชื่อนิยายนะครับ
ชื่อเดิม :  Destiny of B หนุ่มหน้าใสกางเกงขาสั้นกับโชคชะตาตัว B
เป็น
 ชื่อใหม่ : Destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี
[/color]

ต้องขออภัยคนอ่านทุกๆท่านที่อาจจะทำให้สับสนนะครับ
ตอนแรกที่เริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเขียนจบไหม
ด้วยความอดทนของไรท์ที่มีต่ำเตี้ยเรี่ยดิน
ตอนนั้นก็เลยจับเอาทุกอย่างมาใส่ไว้ในชื่อนิยายภาษาไทย
ก็เลยได้ชื่อที่เวิ้นเว้อยาวเป็นกิโล
ตอนนี้อยากปรับให้มันดูกระชับและเข้าใจง่ายมากขึ้น
เพื่อเกิดเฮียนจะทำนิยายทำมือขึ้นมา
ชื่อนิยายจะได้ไม่ล้นปก 555+
ขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเข้ามาอ่านนิยายกันนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 53rd Up! 02/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-03-2015 23:11:44
 :serius2: อร๊ายยยยยย ทำไมอยู่ๆในเรื่องก็มีตัวบีดับไปหนึ่งโดยที่ยังไม่ได้ฟินอะไรกับเค้าเลย
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 54th Up! 04/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 04-03-2015 10:31:49
@ 54th Game  – Cruel intentions

งานฟุตบอลวันอังคารกับวันศุกร์ ผ่านไปด้วยความราบรื่น ชมรมเชียร์ทำงานกันหนักมากจริงๆ ไอ้บูมเสียงแหบไปแล้ว แต่ก็ยังทำหน้าที่ประธานชมรมเชียร์ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ส่วนทีมฟุตบอลโรงเรียนเราก็ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน เพราะนัดวันอังคารชนะเด็กโรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆพาหุรัดได้ 1-0 ส่วนนัดวันศุกร์เสมอกับทีมเด็กกางเกงสีน้ำเงินแถวๆบางรักได้ 2-2 ทีมฟุตบอลโรงเรียนเราเลยได้เข้าชิงกับทีมโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินแถวๆบางรัก และทีมเด็กโรงเรียนกางเกงน้ำตาลแถวๆถ.พระราม1 ชิงที่ 3 กับโรงเรียนเด็กกางเกงดำแถวๆพาหุรัด

ชมรมคหกรรมของไอ้เบียร์ก็ส่งข้าวส่งน้ำทั้งพวกเราฝ่ายควบคุมและกองเชียร์ไม่ได้ขาด แถมได้ไอ้เบนซ์พี่ชายผมที่หมดหน้าชั่วคราวกับชมรมดุริยางค์มาช่วยอีกแรง ส่วนชมรมดุริยางค์ของไอ้บาสมีหน้าที่อีกทีก็พิธีปิดวันเสาร์เลย

ผมกับไอ้บอส ไอ้อาร์ม ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท นั่งประจำอยู่ห้องควบคุมหน้ามอนิเตอร์ทุกวัน ไอ้บอสทำหน้าที่ได้ดี เพราะไม่ว่าจะมีปัญหาติดขัดอะไร คุณฃายก็สามารถแก้ปัญหา ประสานงานให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี บางครั้งผมก็อึ้งกับวุฒิภาวะของไอ้บอสที่สามารถควบคุมและแก้ปัญหาได้แบบไม่มีหัวเสีย ทั้งๆที่ปัญหาบางอย่าง่ชวนทำให้เราอารมณ์เสียอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

............

แล้ววันสุดท้ายที่รอคอก็มาถึง วันที่ทั้งโรงเรียนเฝ้ารอและลุ้นไปกัทีมฟุตบอลว่าจะได้แชมป์หรือเปล่า นอกจากสแตนเชียร์ที่ทำหน้าที่แล้ว อัฒจรรย์ก็เต็มไปด้วยนักเรียนโรงเรียนของทั้ง 4 โรงเรียนเราที่เข้ามาเชียร์ฟุตบอลของตัวเองที่มี

งานฟุตบบอลประเพณีก็บรรลุวัตถุประสงค์ของงานอย่างสวยงามในเรื่องสร้างความสัมพันธ์ที่ดี สร้างความสามัคคีของทั้ง 4 โรงเรียน ในพิธีวันปิดการแข่งขันสแตนเชียร์ของทั้ง 4 โรงเรียนแปลอักษรกันสวยงาม สร้างสีสันและความประทับใจให้คนทั้งสนาม

ฟุตบอลคู่ชิงที่ 3 ก็สนุกมากเพราะทั้งสองโรงเรียนมุ่งมั่นในการชิงอันดับนี้กันอย่างจริงจัง แต่ครึ่งแรกก็ยังเสมอกันด้วยสกอร์ 0-0 พักครึ่งเป็นการแสดงดนตรีโดยชมรมดนตรีโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินกับชมรมดนตรีโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาล ครึ่งหลังฟุตบอลยังคงสูสีกัน สุดท้ายโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาลก็ชนะโรงเรียนเด็กกางเกงดำไปด้วยสกอร์ 1-0 เสียงบูมของกองเชียร์โรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาลดังไปทั่วสนาม ส่วนกองเชียร์โรงเรียนเด็กกางเกงดำก็ส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจทีมฟุตบอลตัวเองดังไม่แพ้กัน

.........

แล้วการแข่งคู่ชิงชนะเลิศก็เปิดฉากขึ้น

ครึ่งแรก ยังคงเสมอกัน 0-0 แต่เป็นการเสมอที่สนุกเพราะทั้งสองทีมลงมาแข่งเพื่อชัยชนะ ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างสนุกเร้าใจ ไม่ได้ลงมาอุดมารับกันอย่างเดียว ทั้งสองทีมสร้างความฮือฮาให้กับกองเชียร์ได้เป็นระยะๆ แต่ยังไม่มีทีมใดบุกทำประตูได้ นักกีฬาทั้งสองทีมเล่นกันอย่างมีน้ำใจกีฬา เพราะไม่มีใบเหลืองจากกรรมการเลยสักใบ

พักครึ่งมีการแสดงของชมรมดนตรีของทั้ง 4 โรงเรียนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่มีการแสดงแยกแต่ละโรงเรียน แต่เป็นการเล่นร่วมกันทั้ง 4 โรงเรียน มีไอ้บิวหัวหน้าชมรมดนตรีโรงเรียนเราและไอ้ริวหัวหน้าชมรมดนตรีโรงเรียนเด็กกางกางดำแถวๆพาหุรัด เป็นนักร้องนำในเพลงแรก และหัวหน้าชมรมดนตรีอีกสองโรงเรียนเป็นนักร้องนำในเพลงที่สอง

ครึ่งหลังผ่านไปได้ไม่ถึง 5 นาที โรงเรียนเราก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อทีมเรทำประตูแรกได้ การแข่งขันทวีความสนุกขึ้นอีกเมื่อทีมโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินแถวๆบางรัก โหมบุกอย่างหนักเพื่อเอาประตูคืน กองเชียร์โรงเรียนเราแถบจะนั่งไม่ติด เพราะลุ้นทุกครั้งที่ทีมโรงเรียนนนั้นมาป่วนเปี้ยนหน้าประตูโรงเรียนเรา

ขณะที่โรงเรียนนั้นแถบจะพับสนามบุกทีมโรงเรียนเรา และบุกจนเพลิน ทีมเราตัดบอลได้ และโต้กลับจนไอ้ไปป์หัวหน้าชมรมฟุตบอลโรงเรียนเราหลุดจากกองหลังตัวสุดท้ายและได้ดวลหนึ่งต่อหนึ่งกับผู้รักษาประตูโรงเรียนนั้น แล้วก็เป็นไอ้ไปป์ที่สามารถหลบปราการสุดท้าย และส่งลูกฟุตบอลไปตุงตาข่ายทีมโรงเรียนนั้นได้อีก 1 ลูก โรงเรียนเรานำ 2-0 หลังจากนั้นทีมโรงเรียนเราก็เล่นง่ายขึ้นเยอะ และก็ไม่มีทีมใดทำประตูเพิ่มได้อีกจนหมดเวลาการแข่งขัน โรงเรียนเราก็ชนะไปด้วยสกอร์ 2-0

แล้วก็เป็นพิธีปิดการแข่งขัน โดยที่ไอ้ไปป์เป็นตัวแทนขึ้นไปรับถ้วยรางวัลจากประธานในพิธี แล้วนักกีฬาฟุตบอลทุกคนก็ขึ้นไปรับเหรียญรางวัลจากประธานในพิธี โรงเรียนเด็กกางเกงน้ำเงินขึ้นไปรับเหรียญรางวัลรองชนะเลิศ

การแสดงในพิธีปิดจากชมรมการแสดงทั้ง 4 โรงเรียนก็ใช้เวลาไม่นาน ท่านประธารานกล่าวปิดงานฟตบอลประเพณี บนอัฒจรรย์มีการแปลอักษร อำลาของทั้ง 4 โรงเรียน เจอกันใหม่อีก 2 ปี เราจะคิดถึงคุณ......

พอพิธีการอย่างเป็นทาการจบลง ในห้องควบคุม ฝ่ายควบคุมทั้ง 4 โรงเรียนก็จับไม้จับมือแสดงความยินดีและขอบคุณกันที่ทำให้งานในครั้งนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น พอเก็บของในห้องกันเสร็จ พวกเราก็ลงไปที่สแตนเชียร์ ที่ตอนนี้นักฟุตบอลกำลังยืนเข้าแถวกันหน้าสแตนชูถ้วยรางวัลกันอยู่ บนสแตนก็บูมแสดงความยินดีให้กับทีมฟุตบอล แล้วก็บูมเพลงโรงเรียนเรากันอย่างบ้าคลั่ง ทั้งรุ่นพี่ที่จบไปแล้วและนักเรียนรุ่นปัจจุบัน เชียร์รีดเดอร์ปกติมีกันอยู่ 9 คน ตอนนี้อยู่กันหน้าสแตนเกินกว่านั้น เพราะเชียร์รีดเดอร์รุ่นพี่ลงมาแจมกันเต็มลู่วิ่งหน้าอัฒจรรย์

บรรยากาศฉลองชัยชนะเต็มไปด้วยความดีใจ ความสุขใจของทุกฝ่ายที่ร่วมกันทำงาน สร้างความดีใจให้กับเราทุกคนที่ทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดีและภูมิใจที่ได้ทำเพื่อโรงเรียนของเรา พอส่งน้องๆลงจากสแตนกันเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่ทีมงานและสต๊าฟที่ยังเก็บข้าวของกัน พอเริ่มเคลียร์ทุกอย่างเสร็จทุกคนก็มานั่งพักกันอยู่หน้าสแตน

“ผมในฐานะตัวแทนของทีมงานทุกๆคน ขอบคุณทีมงานทุกๆฝ่ายนะครับ ที่ช่วยกันทำให้งานผ่านไปได้ด้วยดี” ไอ้บอสกล่าวขอบคุณทุกๆคนสำหรับความมีน้ำใจและร่วมมือกัน
“งานนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเลย ถ้าทุกๆคนไม่ทุ่มเททั้ง แรงกายแรงใจ ผมขอบคุณทุกๆคนจริงๆครับ ขอเสียงตบมือให้กับตัวเองด้วยนะครับ” เสียงตบมืดังขึ้น ทุกคนโล่งใจที่งานประสบความสำเร็จและผ่านไปได้ด้วยความเรียบร้อย

……………………

ผมกับบอสเก็บของเสร็จ ไอ้บอสยกกล่องกระดาษที่มีอุปกรณ์ต่างๆเกือบเต็มใบโตไปเก็บที่รถ ผมเก็บของที่เหลือเดินตามหลังไอ้บอสกลับมาที่รถ

“ทำงานได้เรียบร้อยดีนี่ไอ้น้อง” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา
“อ้าว เฮียค็อป หวัดดีครับ” ไอ้บอสยกมือไหว้ทักทายลูกพี่ลูกน้องของมัน เมื่อก่อนเฮียก็เรียนโรงเรียนเรา เป็นรุ่นพี่พวกเรา 2 ปี ตอนนี้เฮียอยู่มหาวิทยาลัยชื่อดังแถวๆสามย่าน
“เฮียมาดูด้วยเหรอ” ไอ้บอสถามผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายกลับไป
“มาดิวะ ฐานะอดีตเลขาสภา ไม่มาได้ยังไง” เฮียค็อปตอบไอ้บอสอย่างภูมิใจ
“แต่เฮียคงสู้ประธานสภาคนเก่งไม่ได้หรอก” เฮียค็อปเอามือมาตบบ่าไอ้บอส
“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้เฮียหลังวางของที่ยกมาลงข้างๆรถ

เฮียค็อปหุบยิ้มลง สีหน้าตกใจเล็กน้อย ก่อนจะกลบด้วยรอยยิ้มบางๆ พร้อมกับยกมือพนมขึ้นรับไหว้ผม
“หวัดดี โบ้ท” เสียงตอบสั้นๆของเฮีย

“สบายดีเหรอ.....นี่ยังสนิทกับบอสอยู่อีกเหรอ” คำถามแรกของเฮียผมรู้สึกได้ว่าเป็นมารยาท แต่ยังไม่ทันที่ผมจะตอบ คำถามที่สองที่ปล่อยตามมาที่ทำเอาผมจุกที่ท้องเหมือนโดนต่อยมายังไงยังงั้น

“ครับ สบายดีครับ” ผมตอบเฮียค็อปสั้นๆ ไอ้บอสเองก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจและตกใจอยู่ไม่น้อยกัคำถามของเฮีย

“ไอ้ค็อป ไปกันหรือยัง” เสียงตะโกนจากกลุ่มชายหนุ่มในชุดนิสิตดังมาจากอีกมุมหนึ่ง
“เออๆ ไปแล้ว” เสียงเฮียค็อปตอบชายหนุ่มกลุ่มนั้นกลับไป
“งั้นเฮียไปก่อนนะ” เฮียค็อปหันมาบอกลาพวกเรา ผมกับไอ้บอสกับผมยกมือขึ้นสวัสดีเฮีย

ไอ้บอสเอามือมาบีบที่บ่าของผมเบาๆ เพื่อให้กำลังใจ
“อย่าคิดมาก ปากเฮียเค้าก็ไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว” ไอ้บอสพยายามพูดให้ผมคลายกังวล แต่สีหน้าของบอสดูจะมีแววกังวลจนเห็นได้ชัด ผมไม่เคยเห็นมันเป็ฯแบบนี้มานานมากแล้ว

สีหน้าของบอสแบบนี้ทำเอาผมไม่สบายใจที่สุด แววตาที่ดูครุ่นคิดอะไรอยู่ข้างใน

“เหนื่อยไหม” ผมถามบอสขณะที่บอสกำลังจะก้าวขึ้นที่นั่งคนขับ
“เหนื่อยนิดหน่อย” มันหันกลับมาบอกผม
“มางั้นเดี๋ยวโบ้ทขับ” ผมไม่รอฟังคำตอบฉวยคว้ากุญแจรถจากมือมัน แล้วแทรกตัวขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับแทน

เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นไม่มีทางที่หมอนี่จะยอมให้ผมขับแน่ๆ บอสมองผมตาปริบๆ แต่ด้วยความล้าจากทั้งงานและจากคำพูดเฮียค็อป มันจึงยอมขึ้นมานั่งข้างๆคนขับอย่างว่าง่าย แต่ก็ยังไม่วายเอามือมาช่วยผมดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้ผมอยู่ดี แล้วมันถึงคาดของมัน ผมใส่เกียร์ถอยหลัง พอตั้งลำรถได้ก็ใส่เกียร์เดินหน้า ออกสู่ถนนใหญ่เรียบร้อยแล้ว มือผมถูกพันธนาการไว้ด้วยมือใหญ่ๆ ของคนที่นั่งข้างๆ แม้เจ้าของร่างกายสูงใหญ่นั้นจะเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อย แต่ไม่แม้แต่จะปล่อยมือผมตลอดทางมุ่งหน้าสู่บ้านสุขอนันต์ ผมจะไม่มีวันปล่อยคนๆนี้ไปไหนอีกแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม.....ผมบอกกับตัวเองในใจ

“บอสๆ ถึงบ้านแล้ว” ผมเอามือเขย่าๆตัวไอ้บอสเบาๆ
“คราบ” บอสค่อยลืมตาขึ้น แล้วกระพริบตาถี่เพื่อไล่ความง่วง

ผมดับเครื่องยนต์ เปิดประตูรถลงมา ไอ้บอสปรับเบาะให้ตั้งตรง เปิดประตูรถแล้วค่อยลุกขึ้นยืน เจ้ามะกรูดกับมะนาววิ่งมาพันแข้งพันขาด้วยความดีใจ

“หิวไหม” ผมถามไอ้บอส
“อืมม หิวอ่ะ ไมไม่แวะหาไรกินก่อนอ่ะ”  ไอ้บอสถามผม
“ก็ไม่อยากปลุกเห็นหลับสบาย” ผมบอกเหตุผลที่ไม่ปลุกมัน
“เดี๋ยวไปดูในตู้เย็นก่อน เดี๋ยวหาไรให้กินนะ” ผมเอาของวางตรงบันใดแล้วเดินเลยเข้าไปในห้องครัว


ผมเปิดตู้เย็นดูว่าพอทำอะไรได้บ้าง ไม่อยากเรียกพี่อุ้มแม่บ้านแล้ว เพราะเริ่มดึก เห็นข้าวเย็นอยู่ในกล่องพลาสติกถนอมอาหารแช่อยู่ในตู้เย็น มีข้าวแล้วไม่ต้องหุงใหม่ ผมเหลือบเห็นกระหล่ำปรีอยู่ในช่องผัก เลยคิดเมนูให้ไอ้บอส

“กะหล่ำปรีทอดน้ำปลาดีกว่า”

ผมจัดแจงตัดหั่นกะหล่ำปรีแล้วค่อยดึงออกมาทีละใบ ลงในอ้างล้างผัก จากนั้นเอาขึ้นตะแกรงสะเด็ดน้ำ ผมเอาถ้วยมาผสมน้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย น้ำปลาและน้ำเปล่าให้เข้ากันเตรียมไว้

“ให้ช่วยอะไรไหม” เสียงไอ้บอสโผล่หน้าเข้ามาถาม
“ไม่ต้องอ่ะ ไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวเลย” ผมไล่ให้มันไปนั่งรอ
“แน่ใจนะ” มันย้ำอีกที
“อืม ไปนั่งรอเหอะ เดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” บอสเดินออกไปรอที่โต๊ะกินข้าวอย่างว่าง่าย

ผมเอากะหล่ำปรีดิบ ใส่เตาไมโครเวฟ กดปุ่ม 3 นาที ให้ผักสลดก่อนจะได้ไม่ต้องผัดนาน แล้วเดินไปเปิดเตาตั้งกระทะให้ร้อน แล้วใส่ น้ำปลา น้ำตาลปี๊ป น้ำตาลทราย และน้ำเปล่าที่ผสมเอาไว้ก่อนลงไปในกระทะ ปล่อยให้เดือด จากนั้นก็เดินไปเอากะหล่ำปรีออกมาจากไมโครเวฟ เอาข้าวเย็นใส่ไมโครเวฟอุ่น แล้วเอากะหล่ำปรีใส่ลงไปในกระทะ ผัดไม่นานก็เสร็จ ตักใส่จาน

ผมยกจานกะหล่ำปรีทอดน้ำปลาออกมาที่โต๊ะกินข้าว ไอ้บอสเตรียมจานกับช้อนแล้วก็น้ำรอที่โต๊ะกินข้าวเรียบร้อยแล้ว

“น่ากินจัง” ไอ้บอสหันมาบอกผม
“แต่จะอร่อยหรือเปล่านี่” มันยังหันมาหยอก
“ไม่ต้องห่วงอร่อยแน่” ผมยักคิ้วให้มันก่อนจะเดินกลับเข้าไปเอาข้าวสวยออกมาจากไมโครเวฟ

............

“หืมม อร่อยจริงๆด้วย” มันยิ้มตาตี๋ หลังจากลองชิมดู

จากนั้นก็แย่งผมทานจนกะหล่ำปรีหมด จริงๆแล้วผมไม่ค่อยหิวเท่าไร เลยปล่อยให้คนหิวทานอย่างจุใจ พอทานกันเสร็จ ไอ้บอสยังไม่ยอมหยุดทาน ยังคงซดน้ำที่เหลืออยู่ในจานกะหล่ำปรีต่อ

“ยังจะกินอีกเหรอ” ผมบ่นมันเพราะจะเริ่มเก็บจานไปล้างแล้ว แต่มันยังเหมือนจะกินไม่เสร็จ
“ก็แฟนผมทำให้กินทั้งทีนี่ ผมก็ต้องกินให้หมดสิ” มันหันมาบอกผม พร้อมกับยิงฟันใสให้ผม

ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้ ในใจก็ตื้นตันกับคำพูดของมัน ความรู้สึกดีใจและอิ่มใจแผ่ซ่านไปเต้มหัวใจผม จนเริ่มมีฝ้าขาวๆขึ้นมาเกาะที่นัยต์ตาผม
“ขอบคุณนะ” ผมตอบพร้อมกับยิ้มให้มัน

ผมเก็บจานมาล้างที่ซิ้งค์ บอสช่วยเก็บโต๊ะเอาจานที่เหลือมาวางไว้ให้ ก่อนจะสวมกอดผมจากทางด้านหลัง

“บอสรักโบ้ทที่สุดในโลก” เป็นเพียงเสียงกระซิบของบอสข้างๆหูผม แต่เสียงนั้นกลับด้งก้องกังวานไปที่หัวใจ....

Game
See You Next Game

-------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุร IsDeer
ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องฟินของคู่ Bird Pipe เพราะมีให้ฟินตอนย้อนอดีตเฉลยเรื่อง Boat กับ ฺBoss ว่าทำไมถึงเลิกกัน มีคู่ Bird กับ Pipe แน่นอนคราบบบ อิอิ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 55th Up! 06/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 06-03-2015 10:30:32
@ 55th Game  – Loy Kratong Festival

วันอาทิตย์ทั้งวัน ผมกับบอสก็ยังวิ่งรอกระหว่าง โรงเรียนกับสนามกีฬาฯ เพื่อเก็บงานบนอัฒจรรย์ ทำความสะอาด ขนของกลับเก็บมาไว้ที่โรงเรียน แล้วก็ต้องประชุมสรุปงานกันที่ห้องสภานักเรียน

เธอคือความหมายของทุกลมหายใจในวันนี้
เธอคือความรักและคือไออุ่นหนึ่งเดียวที่ฉันมี
ไม่ว่าจะนานแค่ไหนจะรักเธอ มีแต่เธอคนเดียวเท่านั้น

เสียง xperia ของไอ้บอสดังขึ้นหลังจากที่ประชุมสภานักเรียนเสร็จ

“หวัดดีครับ เฮีย” ไอ้บอสทักทายผู้ที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายมันผ่านทางโทรศัพท์
“ครับเฮีย”
“ยังจำได้ครับ” ?
“ครับ ผมทราบครับ” ?? สีหน้าไอ้บอสเริ่มเคร่งเครียด
“ครับ ผมรู้ดีครับ เฮียไม่ต้องห่วงครับ” ???
“ครับ สวัสดีครับ” ไอ้บอสะกดวางสาย แล้วทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบ

สีหน้าไอ้บอสดูมีเรื่องกังวลใจและไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัดหลังจากรับโทรศัพท์จากเฮียค็อป ผมคิดว่าคงมีอะไรแน่ๆ แต่สภาพตอนนี้ยังไม่อยากถามให้บอสไม่สบายใจหนักขึ้นไปอีก ถ้าเดี๋ยวมันสบายใจขึ้นก็คงเล่าให้ผมฟังเอง ผมเดินลงไปนั่งข้างๆบอส เอื้อมมือไปกุมมือใหญ่นั้นอย่างนุ่มนวล บอสหันมามองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม แต่ผมเองก็รู้สึกว่าในรอยยิ้มนั้น ยิ้มเพื่อกลบอะไรบางอย่างที่กำลังรุ่มร้อนอยู่ในใจไอ้บอส ไอ้บอสเอื้อมแขนมาวางที่บ่าซ้ายผม ก่อนจะดึงตัวผมมาซบที่บ่ามัน

..........

ตลอดทางกลับบ้าน บอสพูดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด เหมือนคิดอะไรอยู่ในหัว ผมได้แต่มองมันด้วยความเป็นห่วง

“มีอะไรหรือเปล่า” ผมตัดสินใจถามบอสเพราะเริ่มกังวลใจกับท่าทีของมัน
“หืม” น้ำเสียงบอสดูสงสัยกับคำถามของผม
“ก็เห็นเงียบๆไป” ผมตอบมันกลับไป
“ไม่มีอะไรหรอกโบ้ท” บอสหันมายิ้มก่อนจะตอบผม
“ถ้าให้โบ้ทช่วยหรือทำอะไรก็บอกได้นะ” ผมตอบบอสกลับไป
“ได้ดิ แค่ช่วยอยู่ข้างบอส อยู่กับบอสแล้วก็รักบอสตลอดไป ทำได้เปล่า?” บอสพูดจบก็คว้ามือผมไปกุมไว้
“โบ้ทอย่าไปไหนก็พอ ส่วนเรื่องอื่นๆเดี๋ยวบอสจัดการเอง”  น้ำเสียงบอสหนักแน่นและมุ่งมั่น
“โบ้ทไม่ไปไหนหรอก” ผมตอบมันกลับไป
“โบ้ทจะอยู่กับบอสจนถึงวันที่บอสไม่ต้องการ....” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ถูกเอามือปิดปาก
“ไม่เอาไม่พูด” ไอ้บอสดุผมเสียก่อน
“ไม่มีวันนั้น แน่นนอน” ไอ้บอสย้ำหนักแน่น

...........

กลับมาถึงบ้านพวกเราก็ขึ้นมาบนห้อง อาบน้ำด้วยกันเหมือนเคย บอสยืนเช็ดผมให้ผม แล้วมันก็คว้าตัวผมเข้าไปกอด แต่วันนี้ดูมันจะกอดแน่นกว่าปกติ เหมือนคนที่หวงของรักและเคยเสียของรักไปแล้ว เมื่อได้กลับมาอีกครั้งก็จะไม่มีวันปล่อยให้ของรักชิ้นนั้นหลุดมือไปอีกเป็นอันขาด ผมกระชับอ้อมกอดของผมให้แน่นขึ้น เพราะตัวผมเองก็จะไม่มีวันปล่อยของรักของผมหลุดมือไปอีกแน่นอน

แล้วรอยจูบที่อบอุ่นก็ถูกประทับลงมาที่หน้าผากผม และแช่อยู่อย่างนั้นสักพัก ก่อนจะเลื่อนลงมาที่ปลายจมูกและมาประทับที่ริมฝีปากผมอย่างนุ่มนวล ก่อนลิ้นอุ่นๆของบอสจะดันริมฝีปากผมเปิดขึ้นเบาๆ เพื่อขออนุญาตเจ้าของริมฝีปากนั้นรุกล้ำเข้ามา ผมตอบโต้ด้วยการใช้ลิ้นอุ่นๆดันลิ้นที่เล่าร้อนของบอสกลับไป บอสดันตัวผมลงนั่งที่เตียง โดยที่ยังไม่ได้คลายจูบ แล้วก็ใช้ศรีษะกับจูบนั้นดันตัวผมเองให้นอนลงบนเตียง แล้วผมก็ถูกร่างกายของบอสค่อมลงมาอย่างอ่อนโยน..........

พรุ่งนี้ลอยกระทง สรุปแล้วนี่ผมเสียตัวก่อนวันเลยกระทงที่เป็นวันเสียตัวแห่งชาติหรือนี่

...........................

เช้านี้ผมกับบอสกลับมาสู่สภาวะปกติ หลังจากใช้รถยนต์กันมาเป็นอาทิตย์ ถึงเวลาต้องช่วยโลกประหยัดพลังกันอีกครั้ง โดยใช้บริการรถสาธารณะที่แน่นขนัดของ กรุงเทพฯ เหมือนเคย ผมกับบอส แล้วก็ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ แทรกตัวขึ้นมาบน ป.อ 75 ที่อัดแน่นเป็นปลากระป๋อง เพราะเป็นช่วงเวลาชั่วโมงเร่งด่วน

“ลงเดินกันเถอะไม่งั้นจะสายนะ” ไอ้บอสหันมาบอกผมกับไอ้เบนซ์และไอ้เบียร์

เมื่อรถหยุดนิ่งหน้าวัดยานนาวากว่า 15 นาทีโดยไม่มีสาเหตุ พวกเราลงจากรถเมล์แล้วเดินไปตามฟุตบาทเพื่อไปขึ้น BTS ที่สถานีสะพานตากสิน

“หวัดดีพี่บอสพี่โบ้ท พี่เบนซ์พี่เบียร์”  เสียงคุ้นหูทักทายพวกเรา ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้สวัสดี
“อ้าวบอล เพิ่งมาเหรอ” ไอ้บอลที่อยู่ในชุดนักเรียนกางเกงสีน้ำตาล ที่กำลังเดินสวนทางกับพวกเราเพื่อไปโรงเรียนเด็กกางเกงน้ำตาลแถวๆวัดยานนาวา
“ครับพี่ เพิ่งลงจาก BTS มา” ไอ้บอลคงขึ้น BTS มาจากวงเวียนใหญ่แล้วมาลงสถานีสะพานตากสิน
“พวกพี่รีบไปเถอะ BTS โคตรแน่น” ไอ้บอลรีบเตือนพวกเราก่อนที่พวกเราจะสายกัน
“เออ งั้นไปล่ะ เจอกันนะบอล” ไอ้บอสโบกมือลาไอ้บอล

กว่าจะมาถึงโรงเรียน ก็ฉิวเฉียดจะกลายเป็นคนมาสายอยู่ลามร่อ

“พรุ่งนี้คงต้องออกกันเช้ากว่านี้อีกหน่อย” ผมหันไปบอกไอ้บอส
“อืม” บอสส่งเสียงในลำคอตอบผมกลับมา

รถ Volvo XC60 SUV จอดเทียบที่ฟุตบาทหน้าโรงเรียน ไอ้บีมก้าวลงจากรถลงมายกมือทักทายพวกเรา

“เฮ้ย พวกมรึงคืนนี้ไปลอยกระทงที่ไหนกันวะ” เป็นสิ่งแรกที่ไอ้โอมที่อยู่ในรถในตำแหน่งสารถีตะโกนทักทายพวกเรา
“ไปแถวโรงเรียนกรูไหม สะพานพระราม 8 อ่ะ” ไอ้โอมรีบชวนโดยที่มีไอ้บีมพยักหน้าหงึกๆ อยู่ข้างรถ
“เออน่าสน” ผมบอกมันไป
“เอาไงก็โทรบอกนะโว้ย กรูรถจอดไม่ได้”  ไอ้โอมไขกระจกขึ้นแล้วรีบบึ่งรถไปโรงเรียนมันแถวๆ หอสมุดแห่งชาติ ซึ่งดูยังไงก็ไม่ทันแน่ๆ

“อยากไปไหม” ไอ้บอสถามผมหลังจากแยกกับไอ้โอม
“บอสอยากไปหรือเปล่า” ผมหันกลับไปตอบมันด้วยคำถาม
“ก็ดีนะ ลอยกระทงเสร็จแล้วอยากไปภูเขาทองหน่ะ” ไอ้บอสชวนผมไปต่อ
“จะได้ไปไหวพระกัน” ผมหันกลับไปยิ้มให้ไอ้บอส ในใจก็คิดว่าก็ดีเหมือนกันจะได้สบายใจกันขึ้น

...........

พอตกเย็นหลังเลิกเรียนเหลือคนไปกับเรามี ผมกับบอส ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์ แล้วก็ไอ้โอม ไอ้ไบร์ท์ต่อรองอยู่นานกว่าไอ้เกมส์จะยอมไป เพราะมันวางแผนไว้ว่าจะไปกันอีกที่ ส่วนไอ้โอมรอเตรียมพร้อมอยู่แถวๆโรงเรียนของมันแล้ว เที่ยวนี้ไอ้แบงค์ไอ้อาร์มขอแยกกันไปตามที่วางแผนไว้แต่แรก ส่วนคุณพี่ชายผมกับไอ้เบียร์ก็ไปอีกที่ ไม่ต้องพูดถึงไอ้บาสกับไอ้ปั๊ปและได้บูมกับไอ้นัท ไอ้สองคู่มันนัดจะไปลอยกระทงด้วยกัน

พวกเราเรียกแท็กซี่ที่หน้าโรงเรียนของเรามุ่งหน้าสะพานพระราม 8 เพราะนัดไอ้โอมไว้ที่นั่น วันนี้รถคงติดกันแน่ๆ เพราะกรุงเทพจัดงานลอยกระทงแถวนั้นมาหลายปี

โปรดอย่าสงสัย นั่นคือความจริงใจจากผม
จากคนๆเดิม คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
คนที่คอยอยู่ดูแลระยะไกล
จำได้ไหม เขายังเป็นห่วงคุณเหมือนเดิม

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของไอ้ไบร์ทดังขึ้นมาไอ้ไบร์ทกดปุ่มรับสาย

“ครับ โอม” ไอ้ไบร์ทพูดกับคนในโทรศัพท์
“อืมม ใกล้ถึงแล้วล่ะ”
“ครับ ได้ครับ แล้วเจอกัน” ไอ้ไบร์ทกดวางสายก่อนจะหันมาบอกพวกเราว่าไอ้โอมรออยู่ที่นั่นแล้ว

ไม่นานพวกเราก็มาถึงสวนสาธารณะที่อยู่หน้าสะพานพระราม 8 พอลงรถเสร็จก็เจอไอ้โอมยืนยิ้มหน้าแป้นรอพวกเราอยู่แล้ว พวกเราเดินผ่านลานที่มีพ่อค้าแม่ค้านำกระทงมาขายที่ถูกจัดโซนให้มาอยู่กับตรงนี้

“โบ้ทเลือกกระทงสิ” ไอ้บอสบอกผมให้เลือกเอากระทงที่วางให้เลือกละลานตา
“บอสไม่เลือกเองล่ะ” ผมหันไปบอกมันเพราะผมเองก็เลือกไม่ถูกเหมือนกัน
“ไม่เอาอ่ะ บอสจะลอยใบเดียวกับโบ้ท” ผมเพิ่งเข้าใจว่าที่ให้ผมเลือกกระทงเพราะจะลอยใบเดียวกับผม ผมรู้สึกหน้าร้อนวูบขึ้นมาเพราะเขินแม่ค้าเบาๆ แต่ผมก็รู้ความสุขอย่างบอกไม่ถูกที่จะได้ลอยกระทงใบเดียวกับไอ้บอส
“งั้นเอาใบนี้นะ” ผมชี้ไปที่กระทงใบตองที่ประดับด้วยดอกไม้สดสวยงามใบหนึ่งไม่ใหญ่มาก
“เท่าไรครับ” ไอ้บอสหันไปถามแม่ค้า
“150 บาทค่ะ” ไอ้บอสหยิบเงินในกระเป๋าตังค์จ่ายให้แม่ค้าไป โดยที่ไม่ลืมซื้อไฟแช็กมาด้วย

ไอ้บีมกับไอ้โอม และไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ก็ได้กระทงมากันเรียบร้อยแล้ว พวกเรากำลังเดินไปที่ท่าน้ำ ก็เห็นไอ้บิวหัวหน้าชมรมดนตรีโรงเรียนเรากับไอ้ริวหัวหน้าชมรมดนตรีโรงเรียนเด็กกางเกงดำแถวๆพาหุรัด แล้วก็ไอ้แบลหัวหน้าชมรมถ่ายภาพโรงเรียนเรามาลอยกระทงด้วยกัน 3 คนพอดี

“อ้าว มาลอยกันถึงนี่เลยเหรอ” ไอ้บิวทักพวกเราก่อนที่จะยกมือทักทายพวกเรา
“แหม่มรึงก็มาไกลเนอะ” ผมแซวไอ้บิวไป มันเอามือขึ้นเกาหัวแก้เขิน เพราะจริงๆแล้วสาเหตุที่มันมาลอยที่นี่ก็คงเพราะโรงเรียนไอ้ริวก็ไม่ไกลจากที่นี่
“ไอ้เบลมาคนเดียวเหรอ” ไอ้บอสทักไอ้เบล
“มาคนเดียวหว่ะ ไอ้บิวลากมากด้วย มันเห็นว่ากรูอยู่คนเดียวไอ้เคนเพิ่งบินกลับไปขอนแก่นเมื่อวานนี้ มันเลยกลัวกรูเหงา” ไอ้เบลหันมาบอกไอ้บอสอย่างอารมณ์ดี

ทักทายกันเสร็จพวกเราก็เดินไปลอยกระทงกัน ไอ้บอสใช้ไฟแช็กจุดธูป จุดเทียน ผมเอาเศษเหรียญใส่ลงไปในกระทง ตามความเชื่อ ผมกับไอ้บอสนั่งยองๆลงข้างๆกัน มือก็จับกระทงคนละข้าง ก่อนที่จะยกขึ้นมาเริ่มอธิฐาน

ผมตั้งจิตอธิฐาน ขออโหสิกรรมต่อพระแม่คงคาที่เคยร่วงเกินไว้ตลอดปีที่ผ่านมาขอให้ผมกับบอสอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข และอยู่ด้วยกันนานๆ ด้วยนะครับพระแม่คงคา

ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นไอ้บอสมองหน้าผมแล้วอมยิ้มให้ผมด้วยสายตาที่อบอุ่น แสงเทียนพลิ้วไหวสะท้อนหน้าของเราสองคนด้วยสีส้มนวลๆ แล้วเราสองคนก็ลอยกระทงลงในแม่น้ำเจ้าพระยา ผมได้แต่ภาวนาให้กระทงของเราลอยไปไกลๆ ให้พระแม่คงคงได้ยินคำขอขมาและคำอธิฐานของพวกเรา

ปีนี้คงเป็นลอยกระทงที่ผมคงลืมไม่ได้ไปตลอดชีวิต

Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 55th Up! 06/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 08-03-2015 00:16:42
คือคนเขียนจะมีพาร์ทย้อนหลังมาให้เรานั่งเศร้าที่เค้าเลิกกันแล้วก็มีคนตายเหรอ
แสดงว่ามันคงจะมีดราม่าอันยิ่งใหญ่ที่มาจากปมในอดีตสินะ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 56th Up! 09/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-03-2015 10:18:07
@ 56th Game  – Paradise

ผมกับบอสยืมมองกระทงลอยไปไกลจนสุดสายตา พวกเราก็เดินกลับขึ้นมาจากท่าน้ำ ผมมองเห็นใครคนหนึ่งที่คุ้นตา นั่งอยู่ที่ม้านั่งในสวนสาธารณะที่ไม่ไกลจากท่าน้ำเท่าไร ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ก็ยิ่งคุ้นตากับเด็กหนุ่มคนนั้น

“เฮ้ยยย ไอ้ไปป์มาลอยกระทงเหรอ”  ไอ้บอสทักทายไอ้ไปป์
ไอ้ไปป์สะดุ้งเล็กน้อยเหมือนมันเพิ่งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงทักจากพวกเรา
“อ้าว พวกมรึง” ไอ้ไปป์ทักทายตอบกลับ เหมือนเสียงมันเครือๆ
“มาลอยกระทงเหรอวะ” ผมถามมันไปอีกรอบ
“อืมม มาลอยกระทง” มันตอบผมกลับมาสั้นๆ
“มากับใครหรือเปล่าวะ” ไอ้ไบร์ทถามมัน
“มาคนเดียวหว่ะ” เสียงมันตอบกลับมา
“กรูกับเบิร์ดเคยมาลอยกระทงครั้งแรกหลังที่ตกลงคับกันที่นี่” ผมกับไอ้บอสได้แต่หันมาสบตากันเมื่อได้ยินไอ้ไปป์มันพูดถึงเบิร์ด
“แต่กรูก็ไม่เคยพาเบิร์ดมาที่นี่อีกจนเบิร์ดมันเสีย” เสียงไอ้ไปป์ขาดหายไป ไอ้ไปป์สูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง
“ทั้งๆที่เบิร์ดเคยรบเร้าหลายทีว่าอยากกลับมาลอยกระทงที่นี่อีก”  ตาไอ้ไปป์เริ่มแดง น้ำใสๆเอ่อขึ้นมาเต็มนัยต์ตามัน
ไอ้ไปป์เอามือกำสร้อยคอสิ่งแทนตัวและใจของมันกับไอ้เบิร์ดไว้แน่น สักพักน้ำใสๆที่เอ่ออยู่ก็ค่อยๆร่วงหล่นลงมา ภาพนั้นทำเอาพวกเรา ผมกับไอ้บอส ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์ ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้บิวไอ้ริว และไอ้เคน ก็รู้สึกหายใจอึดอัด มีก้อนใหญ่มาจุกอยู่ที่คลอ กันหมด

 “ไม่เป็นไรมรึง กรูรู้ว่ามรึงเสียใจ แต่กรูอยากให้มรึงคิดแบบนี้นะ ถ้าไอ้เบิร์ดมันมองลงมาจากฟ้าเห็นมรึงเป็นแบบนี้ มันก็คงรู้สึกไม่ดีเหมือนกัน มรึงต้องเข้มแข็งนะโว้ย” ผมพยายามอธิบายให้ไอ้ไปป์มันรู้สึกสบายใจขึ้น ไม่อยากให้มันโทษตัวเอง

ไอ้บอสเดินเข้าไปตบบ่ามัน

ปกติมันก็เข้มแข็งไม่ใช่คนอ่อนแอ ที่ผ่านมามันก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่วันนี้เป็นสำคัญวันหนึ่งของมันกับเบิร์ด แล้วการกลับมาสถานที่แห่งนี้ที่เคยมีความทรงจำร่วมกัน มันคงไม่ง่าย ยิ่งความรู้สึกผิดที่ไม่ได้พาไอ้เบิร์ดกลับมาที่นี่อีก ยิ่งทับถมความรู้สึกแย่ๆของตัวมันเองเข้าไปอีก วันนี้ความเข้มแข็งที่ไอ้ไปป์พยายามสะกดตัวเองเอาไว้ได้ตลาดมาพังทะลายลง

การจากลาที่ยังมีลมหายใจอยู่ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่เราก็รู้ว่าเขายังมีตัวตน แต่การจากลาแบบไม่เหลือลมหายใจอยู่มันคงจะเจ็บปวดยิ่งกว่า เพราะเราไม่มีโอกาสแม้จะเห็นเค้าได้อีกเลย

......

พอไอ้ไปป์ตั้งสติ และสงบลงได้ มันก็เอาแต่ขอโทษขอโพยพวกเราที่ทำให้งานกร่อยลงไป แต่พวกเราก็เข้าใจ ในวันที่เราอ่อนแอเราก็แค่อยากมีคนระบาย มีคนที่พร้อมจะเข้าใจ เท่านั้นเอง และคำว่าเพื่อนก็มีประโยชน์ที่สุดตอนนี้แหละ

“ไปป์ ไปไหวพระกัน” ไอ้บอสชวนไอ้ไปป์
“เออใช่ เดี๋ยวพวกกรูจะไปไหว้พระกันที่ภูเขาทอง” ไอ้บีมรีบชวน
“ไปเหอะมรึง ไปทำบุญกัน จะได้สบายใจขึ้น ทำบุญให้ไอ้เบิร์ดมันด้วย” ผมตบบ่ามันเบาๆ ไอ้ไปป์มันพยักหน้ารับปาก

.........

พวกเราทั้งอัดกันไปในรถไอ้โอมตอนนี้ถ้าตอนนี้เป็นเสมือนปลากระป๋องมีล้อ ผมก็ช่างเปรียบเทียบ นี่มัน Voval XC60 เชียวนะ

“เฮ้ยพวกมรึง หยุดยาวต้นเดือนธันวา พวกมรึงมีแพลนไปไหนกันหรือเปล่า” ไอ้เบลถามขึ้นกลางรถ
“ช่วงวันพ่อกับวันรัฐธรรมนูญหน่ะเหรอ” ผมถามมันกลับไป
“อืมม นั่นแหระ” ไอ้เบลตอบกลับมา
“พอดีกรูกับไอ้เคนวางแผนจะไปเชียงคานกัน พวกมรึงสนใจไหม” เกือบทุกคนตาลุกวาวเป็นประกาย หน้าหนาวกับเชียงคานนี่มันสุดๆ
“น่าสนหว่ะ” ขนาดไอ้โอมพนักงานขับรถของพวกเรายังบอกสนใจ
“ไอ้โบ้ท มรึงถามสมาชิกด่วนๆเลย” ไอ้ไบร์ทรีบบอกให้ผมทำหน้าที่เป็นเซลล์ที่คอยหาคนมาใส่กรุ๊ปทัวร์ให้เต็ม
“เออ กรูอีกแล้วเหรอ” ผมเริ่มบ่น
“ก็ทริปเกาะช้างที่มันโอเค เพราะมีมรึงเป็นหัวเรือใหญ่นี่หว่า” ไอ้บีมรีบชม
“เอาไงก็บอกนะ ถ้าเยอะเดี๋ยวกรูจะได้บอกพ่อให้จัดรถบัสไว้ให้หนึ่งคัน จะได้ไม่ต้องขับกันไปเอง” บ้านไอ้เบลมันเป็นบริษัทให้เช่ารถครับ เรื่องนี้สบายมาก

.......

รถค่อยเลี้ยวเข้ามาในเขตรั้ววัดสระเกตุ ที่เป็นที่ตั้งของภูเขาทอง ที่พวกเราตั้งใจจะมาไหว้พระกัน ภายในวัดคนแน่นขนัดเพราะที่วัดเองก็จัดงานลอยกระทงเช่นกัน พอหาที่จอดรถกันได้ พวกเราก็ค่อยๆเดินดูภายในงาน ที่มีทั้งซุ้มปาลูกโป่ง ยิ่งปืนตุ๊กตา โยนห่วง สอยดาว ช้อนปลาทอง ตักไข่ บรรยากาศงานวัดที่ไม่ค่อยได้เห็นในกรุงเทพฯ บ่อยนัก

ขนาดไอ้เกมส์กับไอ้โอมยังอดไม่ได้ที่จะแวะปาลูกโป่งไม่ได้ จริงๆแล้วของรางวัลไม่เท่าไร แต่เรื่องไม่ยอมกันไม่ได้เป็นการอยากเอาชนะกัน ไอ้เกมส์กับไอ้โอมจะไม่ลังเลใจเลยที่จะซื้อลูกดอกชุดต่อไป ส่วนไอ้ไปป์กับไอ้บอสก็ไปลองความแม่นของปืนอัดลมที่ซุ้มข้างๆปาลูกโป่ง โดยมีไอ้บิวเป็นกองเชียร์อยู่

แล้วสมาคมเคะแห่งชาติ (ใครคิดวะ ช่างคิดเนอะดูแมนมาก) อย่างไอ้บีมไอ้ไบร์ทแล้วก็ไอ้เบลจะทำอะไรกันละครับ โน่นไปนั่งช้อนปลาทองกันทั้งสามคน ส่วนผมมีอย่างเดียวที่เหมาะกับผมครับ “ตักไข่” (แหม่เหมาะโคตรๆเลยครัช)

หลังจากเสียเงินไปคนละหลายร้อยก็ได้ของมาติดไม้ติดมือกันให้ชุ่มชื่นหัวใจ ส่วนมากจะเป็นพัด แม่เจ้าเสียเงินไปหลายร้อยได้พัดโดเรม่อนมากันพวกสมาคมเมะแห่งชาติ ส่วนสมาคมเคะแห่งชาติ ก็ไม่ได้ปลาทองกันสักตัว เอ่อ คือพวกมรึงมาเสียเงินกันใช่ไหม

ส่วนผมหน่ะเหรอครับ
.
.
หึ
หึ
ได้พัดลมมือถือครับ อันเล็กๆใส่ถ่านไฟฉาย เวรของกรรมจริงๆ

แล้วที่ขาดไม่ได้คือได้ของกินติดไม้ติดมือเป็นเสบียงตอนปีนขึ้นภูเขาทองกันอีกไม่ใช่น้อย หลังจากเสียเวลามัวเล่นเกมส์ หาของกิน แล้วก็ได้เวลาขึ้นภูเขาทองกันเสียที

“มรึงๆ ทางขึ้นสวรรค์” ไอ้บีมชี้ไปที่ป้าย แต่หน้าตาของมันเจ้าเล่ห์มีเลศนัย
“ไอ้เชี่ยนี่ ในวัดในวา” ผมอดไม่ได้ที่จะสบถด่ามัน
“อะไรของมรึงไอ้โบ้ท กรูแค่ชี้ป้าย” ไอ้บีมแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
“มรึงไม่ต้องเลย กรูรู้นะมรึงคิดไรอยู่” ผมเอานิ้วชี้มันแล้วยิ้มที่มุมปาก
“กรูชี้ทางขึ้นสวรรค์ให้มรึงไง ไอ้โบ้ท”
“ไม่ต้องกรูขึ้นของกรูอยู่ทุกวัน” ผมเกทับมันไป เล่นเอาแตกฮือกันทั้งวง แล้วผมก็โดนไอ้บอสเขกกระโหลกไปหนึ่งที โทษฐานทะลึงในวัดในวา

ปีนบันใดมาถึงชั้นที่หนึ่ง ก็แวะไหว้พระปิดทองกัน หลังจากไหว้พระกันเสร็จพวกเราก็มาต่อแถวขึ้นไปไหวพระเศรษฐีนวโกฎิ กันชั้นบนสุดซึ่งต้องขึ้นตามบันใดที่สามารถขึ้นได้ทีละคน เป็นบันใดวนเล็กๆ ไม่ชันเท่าพระปรางค์วัดอรุณฯ พอออกมาจากประตูก็จะเห็นยอดภูเขาทอง อากาศข้างบนเย็นสบาย ลมเย็นๆ โชยมาตลอดเวลา เพราะเริ่มต้นหน้าหนาวไปแล้ว ซื้อธูปเทียน กันเสร็จพวกเราก็มานั่งไหว้พระกัน

บรรยากาศข้างบนสวยมาก มองกรุงเทพได้รอบ แสงไฟระยิบระยับสวยงาม

“ที่นี่ก็สูงเหมือนกันเนะ” ไอ้ไปป์บอกพกเราหลังจากที่มันยืนมองบรรยากาศรอบๆ ดูไปป์จะสบายใจขึ้นหลังจากไหว้พระกันเสร็จ
“อืมม สวยมากด้วยบรรยากาศก็ดี” ผมบอกไอ้ไปป์
“ไว้วันหลังมาตอนกลางวันสิ สวยไม่แพ้กันเลยล่ะ ยิ่งวิวตอนเดินขึ้นนะ” ไอ้บอสเสริมขึ้นมา

ผมกับไอ้บอสและไอ้ไปป์ ตกลงกันว่าเราจะมาขึ้นภูเขาทองกันอีกรอบตอนกลางวัน พอหลังจากทุกคนดื่มด่ำกับทัศนียภาพรอบด้านบนภูเขาทองกันแล้ว ก็ค่อยๆเดินลงมาจากภูเขาทองกัน

ปีนี้ได้ทั้งลอยกระทง ได้ทั้งไหว้พระ แถมยังได้ลอยกับเพื่อนๆแล้วก็ไอ้บอสด้วย อิ่มใจจริงๆ ไอ้โอมขับรถมาส่งพวกเราที่สยาม เพราะคุยกันไว้แล้วว่าเราจะแยกกันกลับเอง เพราะบ้านอยู่กันคนละทิศ เกรงใจไอ้โอมมัน แค่มันพาไปลอยกระทงกับไหว้พระนี่ก็ดีเท่าไรแล้ว แถมยังไม่หวงรถให้พวกเราอัดกันในรถมันได้

“กรูไปแล้วนะ ขอบใจมากหวะโอม” ผมขอบคุณมันก่อนจะก้าวลงจากรถ
“ขับรถกลับดีๆนะ” ไอ้บอสสำทับไอ้โอมก่อนจะปิดประตู

ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ขอแยกขึ้น BTS ไปทองหล่อ เพราะบ้านไอ้เกมส์อยู่แถวนั้น
ไอ้บิวกับไอ้ริว ไอ้ไปป์นั่งย้อนกลับไปย้อนกลับไปแถวสนามเป้าและอารีย์ บ้านพวกมันอยู่แถวโน้น

เหลือผมไอ้บอสแล้วก็ไอ้เบล กลับBTS ทางเดียวกัน ไอ้เบลจะไปลงสถานีศาลาแดงแล้วต่อ MRT ไปสถานี พระราม 9 บ้านมันอยู่แถวนั้น ส่วนผมวันนี้สถานีวงเวียนใหญ่ บ้านอรรถากร ครับ

“โบ้ทมรึงอย่าลืมถามจำนวนคนที่จะไปเชียงคานนะ” ไอ้เบลย้ำกับผมกันผมลืม
“อืมมได้ แล้วถ้ามันไปกันเยอะจะให้จองโฮมเสตย์เลยมั้ย” ผมถามไอ้เบลกลับ
“ไม่ต้องนะ พ่อแม่ไอ้เคนมีบ้านพักตากอากาศที่นั่นอยู่ริมแม่น้ำโขงเลย” ไอ้เบลบอกพวกเรา

สรุปว่าทริปนี้ได้ที่พักฟรี แถมรถฟรีอีกตาหาก

ไอ้เบลลงที่สถานีศาลาแดง เหลือผมกับไอ้บอสนั่ง BTS กลับกัน คนบนรถไฟฟ้าไม่ค่อยเยอะเท่าไร เพราะใกล้จะเที่ยงคืนแล้ว ไม่นานก็มาถึงสถานนีวงเวียนใหญ่ เดินลัดเลาะเข้ามาในซอยไม่นานก็ถึงบ้านอรรถากร ในบ้านเงียบสนิท เพราะเที่ยงคืนกว่าแล้ว ผมกับไอ้บอสค่อยๆเดินเข้าห้องนอน ผมก็ทิ้งตัวลงบนที่นอนด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ยังไม่ทันได้ยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจ ร่างสูงใหญ่ของไอ้บอสก็ค่อมลงมาที่ตัวผม

“บอสรักโบ้ทนะครับ” บอสกระซิบบอกรักที่ข้างๆหูผม
“ครับ โบ้ทก็รักบอสครับ มากๆด้วย”

บอสเริ่มเอาริมฝีปากมาขบที่หูผมเบาๆ แล้วคืนอาถรรพ์วันเสียตัวแห่งชาติ ก็กำลังจะสำฤทธิ์ผลกับอีกคู่เราอีกคู่หนึ่ง  (โอ้ว น่อว์)


Game
See You Next Game

---------------------------------------------------------------------------------
ปุกาศๆ จากคนเขียนนะครับ^^
คนอ่านถึงตรงนี้คงคิดว่า ไอ้เด็กกลุ่มนี้มันจะไปเที่ยวกันอีกแล้ว 555+
เที่ยวกันบ่อยจริงๆอะไรจริง อิอิ
แต่อีกไม่นานนิยายเรื่องนี้ก็จะจบแล้วนะครับ
นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องมาได้กว่า ค่อนเรื่องแล้ว ตอนนี้เป็นตอนที่ 56
คนเขียนตั้งใจจะให้นิยายเรื่องนี้ จบภายใน 76-78 ตอนนะครับ
ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะครับ ไหนๆ ก็อ่านกันมาค่อนเรื่องแล้วเนอะ
คนเขียนขอขอบคุณแฟนๆนิยายทุกๆท่าน(ทั้งท่านที่เป็นนักอ่านเงาหรือเปิดผยตัวตน) ที่ติดตามกันมาตลอดด้วยนะครับ^^

ป.ล แฟนๆนิยายที่เป็นนักอ่านเงา ถ้าท่านอยากมีส่วนร่วมกับนิยายเรื่องนี้ที่ใกล้จะจบแล้ว ก็สามารถทิ้งคอมเมนท์ให้คนเขียนได้ชื่นใจก็เรียนเชิญนะครับ จะติจะชมก็ได้คนเขียนยินดีนะครับ^^

--------------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer ครับ
คนเขียนจะมีพาร์ทย้อนหลังครับ เป้นเรื่องเหตุการณ์ที่ทำให้โบ้สกับบอสเลิกกันครับ ส่วนเรื่องเบิร์ดกับไปป์ จะเล่าถึงความรักของคนทั้งคู่ให้คนอ่าน ฟินกันหน่ะครับ โดยทั้งสองเรื่องจะเป็นเหตุกาณณ์ตอน ม.3 ครับ ส่วนตอนที่เบิร์ดเสีย คงไม่ได้เล่าครับ เพราะเป็นเหตุการณ์ตอน ม.4 ไทม์ไลน์น่าจะเป็นประมาณนั้นครับ
---------------------------------------------------------------------------------
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 57th Up! 11/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 11-03-2015 11:33:43
@ 57th Game  – Plan a trip

ผมแอดไลน์ไอ้บัด ไอ้คริส ไอ้บอล เพิ่มเข้ามาในไลน์กลุ่ม พอไอ้สามคนนั้นกดรับเข้ากลุ่ม ผมก็ทิ้งบอมบ์ไป

                           ที่พักฟรี รถฟรี สนใจใครสนใจ                                               
                                                                      ทักมา ทริปเชียงคาน 02-12 ธันวา 12.30
Bank
อะไรยังไงขอรายละเอียดเพิ่มด้วยครับ 12.31

Beam
11 วัน่เลยเหรอมรึง 12.31

Bright
วันจันทร์ที่ 6หยุดชดเชยวันพ่อไง แล้ววันที่ 10
ก็วันรัฐธรรมนูญตรงกับวันศุกร์  12.32

Ken
เจ้าภาพพร้อมนะครับ มากกันหลายๆคนสนุกดี 12.32

Boss
ไปครับ 12.32

Arm
ไปอีกหนึ่งครับ 12.32

Bank
ที่รักผมไปผมก็ไปครับ^^ 12.33

Bell
ลงชื่อกันไว้นะ จะได้เตรียมรถให้ถูก 12.33

Game
ไปๆๆๆๆๆๆๆ ด้วย 12.34

Ohm
บีมไปป่าว ปีไปโอมก็ไปนะ 12.34

Beam
ไปครับ^^ 12.34

Bright
กด +1 ได้เลยเพื่อน 12.34

Bas
+1 ด้วยครับ 12.35

Pup
สำรองที่นั่ง 1 ที่ครับ 12.35

Boom
ผมไปครับ 12.36

Nut
นับผมไปด้วยนะครับ 12.36

Biew
ไปด้วยครับ แต่ว่าจะไปอยู่เชียงคาน 8 วันเลยเหรอ 12.37

Bell
รถฟรี น้ำมันก็ฟรี ใครอยากไปที่ไหนก็เสนอเพิ่มมาได้นะครับ 12.38
                                     
Ryu
+1 ผมไปด้วยนะครับ 12.38

Best
ไปครับ อยากไปปายครับ^^ 12.39

Benz
เชียงคาน-ปาย อีกเสียงครับ   12.40

Beer
ไปไหนไปกันครับ 12.41

Win
บัดไปด้วยหรือเปล่า 12.41

Dan
ใส่ชื่อผมไปเลยครับ 12.41

Bud
วินไปผมก็ไปครับ 12.42

Bud
ไอ้คริสไปด้วยกันนะมรึง 12.43

Ball
ผมไปด้วยครับ 12.44

Chris
ไปครับ 12.44

Pipe
ยังทันอยู่ไหมครับ 12.48
                 
                                                                                               ทันครับไปป์ 12.49
                           ถ้าจะไปปายด้วย ต้องจ่ายตังค์ค่าที่พักที่นั่นนะครับ 12.50   
                                      ไม่มีปัญหากันเนอะ 12.52                         
                                เงียบแปลว่าโอเคนะเพื่อน  12.55                                                           
                       สรุปไปกันครบนะจาก กรุงเทพ 23คน ไปรับไอ้เคน ที่ขอนแก่น 12.56

Ken
กรูมีเพื่อนพ่วงจากขอนแก่นไปอีก 3 คนเน้อ 12.56
                          พอถึงขอนแก่นจะเป็นคนทั้งหมด 27 คนนะ 12.57
Bell
รับทราบครับ จะได้บอกพ่อว่าให้เอารถ 32 ที่นั่งไป 12.58
                                                                   เดี่ยวรายละเอียดทริปจะแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับทุกท่าน 12.59                                                 
            แยกย้าย มาสเซอร์เข้าแล้วไว้คุยกัน 12.59

ดีที่มีไลน์กลุ่ม ทุกอย่างจัดการได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ไม่งั้นทั้งวันก็ยังติดต่อกันไม่เสร็จ นั่งเรียนคาบมาสเซอร์ปฐมศกเสร็จพร้อมด้วยงานอีกเป็นกระบุง กลับมาจากทริปอาทิตยสุดท้ายก่อนปีใหม่มีสอบมิดเทอมรออยู่

ผมนั่งกดหาข้อมูลทางโทรศัพท์ เพื่อหาที่ที่น่าสนใจเพื่อจัดทริปในสองคาบสุดท้ายที่เป็นคาบกิจกรรม มีไอ้แบงค์ ไอ้บาส ไอ้บูม ไอ้บีม ไอ้ไบร์ท มาช่วยกันสุมหัวช่วยกันคิด เมื่วางแผนกันเสร็จแล้วแบบคร่าวๆแล้ว ผมพิมพ์รายละเอียดทริปลงใน ไลน์กลุ่ม

พฤหัสที่ 2 ธันวาคม
13.00น. ออกเดินทางจากกรุงเทพ
19.00น. ถึงขอนแก่น หาอะไรทาน

ศกุร์ที่ 3 ธันวาคม
07.00น. เริ่มออกเดินทางจากขอนแก่นไปเชียงคาน
09.00น. แวะเที่ยวคุนหมิงเมืองเลย อ.หนองหิน 
12.00น. แวะทานข้าวกลางวัน อ.เมืองเลย
14.00น. ถึงที่พักที่เชียงคาน พักผ่อน

เสาร์ที่ 4 ธันวาคม
06.00น. ใส่บาตรพระตอนเช้า
08.00น. ไปแก่งคุดคู้ เชียงคาน
09.30น. ออกเดินทางจากเชียงคานไปภูเรือ
11.30น. มื้อกลางวันที่ภูเรือ
13.30น. ถึงด่านซ้าย
15.30น. ถึงภูทับเบิก
17.00น. พักที่ตัวอุทยานภูหินร่องกล้า

อาทิตย์ที่ 5 ธันวาคม
07.00น. เที่ยวภูหินร่องกล้า
12.00น. ถึงอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ
15.30น. ออกเดินทางจากน้ำตกชาติตระการไปเขือนสิริกิติ์ พักผ่อนที่แพ

จันทร์ที่ 6 ธันวาคม
09.00น. ออกเดินทางจากเขือนสิริกิติ์ไปน่าน
10.30น. แวะไหว้พระธาตุช่อแฮ่ที่แพร่
14.00น. วัดพระธาตุเขาน้อย
15.00น. เข้าที่พัก ปั่นจักรยานเที่ยวเมืองน่าน

อังคารที่ 7 ธันวาคม
07.00น. ไหว้พระธาตุแช่แห้ง
08.00น. เดินทางมุ่งหน้าเชียงใหม่
12.30น. ทานข้าวกว๊านพะเยา
16.00น. ขึ้นดอยสุเทพ
18.00น. เข้าที่พัก

พุธที่ 8 ธันวาคม
07.00น. ออกเดินทางไปปาย
10.00น. แวะโป่งเดือดป่าแป๋
16.00น. ถึงปาย พักผ่อน

พฤหัสที่ 9 ธันวาคม
10.00น. ออกเดินทางไปแม่ฮ่องสอน
10.30น. ดอยกิ่วลม
13.00น. ปองอุ่ง
16.30น. วนอุทยานฯถ้ำปลา
18.00น. เข้าที่พักแม่ฮ่องสอน

ศุกร์ที่ 10 ธันวาคม
07.30น. ออกเดินทางจากแม่ฮ่องสอนมุ่งหน้าลำพูน
09.00น. ทุ่งบัวตองดอยแม่อู่ค้อ
11.30น. ออบหลวง
12.30น. ดอยอินทนนท์
17.00น. ไหว้พระธาตุหริบุญชัย ลำพูน
19.00น. พักที่ลำปาง

เสาร์ที่ 11 ธันวาคม
08.00น. ออกเดินทางมุ่งหน้าสุโขทัย
11.00น. อุทยานประวัติศาสตร์ ศรีสัชนาลัย
13.30น. อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย
18.00น. พักที่พิษณุโลก

อาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม
08.00น. ไหว้หลวงพ่อพุทธชินราช
13.00น. วัดพนัญเชิง อยุธยา
14.00น. ตลาดน้ำอโยธยา
18.00น. ดอนเมือง
20.00น. กลับถึงปลายทางกรุงเทพฯ (บ้านไอ้เบล)


ผมพิมพ์รายละเอียดทริปลงใน ไลน์กลุ่ม
                                                                              คร่าวๆนะพวกมรึง เปลี่ยนแปลงได้ 15.42
                                                                               อยากเพิ่มที่ไหนอีกไหม 15.45
                                  แต่ความคิดกรูนะแค่นี้มันก็แน่นมากแล้วหว่ะ 15.46
                                                                         ปอลิง ให้เวลาถึงเที่ยงคืนนะ15.48
                                                                       กรูจะได้จองที่พัก 15.55

Game
ตามนั้นเลยมรึง กูโอเค 16.00

Ken
ไม่มีปัญหา เดี่ยวกรูขอพนักงานขับรถไป 2 คน
จะได้ผลัดกันขับ น่าจะพอเพราะไม่มีขับกลางคืน 16.10

Ohm
ตามนั้นเพื่อน ชื่อทริป อีสานตอนบนยันเหนือทั้งภาคชิมิ 5555+ 16.15

Ken
จัดไปลูกเพ่ 16.18


..................

หลังจากซ้อมเทนนิสเสร็จที่อกเกอร์รูมชมรมเทนนิส
“เสียดายจังเลยพี่ อยากไปพราอ่ะ แต่วีซ่าจากที่บ้านคงไม่ผ่าน”ไอ้เพียวบ่นอุบ
“ที่บ้านผมมีไปเที่ยวช่วงหยุดยาว คงหนีไม่ออกครับ” ไอ้วายก็ไปไม่ได้อีกคน

“ทำอะไรกันอยู่ครับ” ไอ้บอสทักพวกเราหลังจากเปิดประตูชมรมออกมา

ตามมาด้วย ไอ้คุณพี่ชายผมเดินตามาติดๆ ไอ้เบียร์เดินตามเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมแยมโรล กล่องใหญ่ พวกเด็กๆแตกฮือกันไปที่แยมโรล ปิดท้ายที่ไอ้อาร์มคุณเลขาสภาก็เดินยิ้มเข้ามา และตรงดิ่งไปที่กล่องขนมแยมโรลกะเค้าด้วย

“กำลังเอาทริปคร่าวๆให้พวกมันดูกันหน่ะ” ผมบอกไอ้บอส
“อือ ทัวร์ยกภาคหน่ะเหรอ” ไอ้บอสแซว
“แหม่ ไปถามไอ้ 3 คนนั้นเลย มันแย่งบอกที่ๆอยากไปกันใหญ่” ผมชี้ไปทางไอ้แบงค์ ไอ้ไบร์ท ไอ้บีม
“แถมไอ้หัวหน้าชมรมดุริยางค์กับหัวหน้าชมรมเชียร์ด้วย” ผมบ่นพวกมันยาว
“ขี้บ่นจริง ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย” ไอ้บอสเดินเข้ามาหยิกแก้มผมเบาๆ
“ผัวเมียคู่นี้สวีทกันอีกแล้วเนอะ” ไอ้แบงค์ปล่อยหมามาแล้วครับ เสียงฮือฮาของไอ้พวกลูกคู่ดังไล่หลังมา เล่นเอาครื้นเครงไปทั้งชมรม


Game
See You Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 57th Up! 11/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 11-03-2015 22:25:43
คนเขียนถึงขนาดเขียนกำหนดการเที่ยวมาเลยทีเดียว
ประสบการณ์ส่วนตัวใช่มั้ย ฮ่าฮ่าฮ่า
แอบสงสารไปป์เหมือนกันนะ คนอื่นไปเป็นคู่ๆ
แต่ฉันก็ไม่อยากให้ไปป์ไปมีแฟนใหม่ตอนไปเที่ยวอ่ะ //นี่ฉันใจร้ายไปมั้ยเนี่ย
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 58th Up! 13/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 13-03-2015 11:03:41
@ 58th Game  – Brush teeth

ทุกคนโอเคกับทริปที่วางแผนกันเอาไว้ ผมกับบอสนั่งใช้อากู๋กับเฮียอาโกด้า หาที่พักเพราะทริปเราตรงกับช่วงหยุดยาว ถ้าไม่รีบจองมีหวังได้นอนวัดกันแน่ๆ

“โบ้ทครับ โบ้ทดูนี่หน่อยว่าถูกไหม” บอสส่งกระดาษที่มันนั่งเรียงลำดับทริปและที่พักให้ผม

คืนวันที่ 2 นอนที่ขอนแก่น
คืนวนที่ 3 นอนเชียงคาน
คืนวันที่ 4 นอนที่อุทยานภูหินร่องกล้า
คืนวันที่ 5 นอนที่แพเขือนสิริกิติ์ อุตรดิตถ์
คืนวันที่ 6 นอนที่น่าน
คืนวันที่ 7 นอนที่เชียงใหม่
คืนวันที่ 8 นอนที่ปาย
คืนวันที่ 9 นอนที่แม่ฮ่องสอน
คืนวันที่ 10 นอนที่ลำปาง
คืนวันที่ 11 นอนที่พิษณุโลก

“อืม ถูกนะบอส” ผมตอบบอสกลับไปเมื่ออ่านรายละเอียดครบแล้ว
“ขอนแก่น กับเชียงคาน นี่ได้บ้านพักของไอ้เคน ไม่ต้องจองใช่ไหม” ไอ้บอสถามผมอีกครั้ง
“ใช่ ที่เหลือต้องจอง” ผมบอกไอ้บอส

ผมนั่งพิมพ์ข้อความตามที่ไอ้บอสเขียนมาลงในไลน์กลุ่ม

                                   วันที่ 3 นอนที่ขอนแก่น, วันที่ 4 นอนที่เชียคาน
  ทั้งสองวันไม่ต้องจองที่พักถูกต้องไหม  22.31
Bell
ถั่วต้มนะครับ นอนบ้านไอ้เคนกันครับ 22.32

                                                            สรุปที่ต้องจองห้องพักนะพวกมรึง  22.32
                      วันที่ 4 บ้านอุทยานภูหินร่องกล้า   22.33
                            วันที่ 5 แพที่เขือนสิริกิติ์   22.33
                               วันที่ 6 โรงแรมที่น่าน   22.34
                          วันที่ 7 โรงแรมที่เชียงใหม่  22.34
                                         วันที่ 8 รีสอร์ทที่ปาย  22.35
                                  วันที่ 9 โรงแรมแม่ฮ่องสอน 22.36
                                   วันที่ 10 โรงแรมที่ลำปาง 22.36
                               วันที่ 11 โรงแรมที่พิษณุโลก 22.37

Ken
เดี๋ยวกรูเช็คแปปนะ อาจจะได้ที่พักฟรีที่
เชียงใหม่ กับ พิษณุโลก 22.39
                                     โอเค งั้นกรูรอ 22.39
Ken
ไม่ต้องจองที่ เชียงใหม่กับพิษณุโลกนะโว้ย 22.45
                                 โอเค แจ่ม 22.47
Ken
ที่เชียงใหม่กับพิษณุโลกเดี๋ยวนอนบ้านเพื่อนกรูได้ 22.48

                                      ทั้งหมด 29 คนนะโว้ย 22.49
Ken
เพื่อนกรูอีก 3 คนมันเอาแฟนไปด้วยนะ
สปอนเซอร์ที่นอนที่เชียงใหม่กับพิษณุโลกหน่ะ
สรุปรวมคนไปทั้งหมด 31 คนนะโบ้ท     22.50

Bell
เพื่อพนักงานขับรถอีก 2 คนด้วยนะมรึง 22.51
     
                                 โอเคทั้งหมด 33 คนนะ 22.53                     

พอได้เวลาและสถานที่ ผมก็เข้าอากู๋เซิร์ทหารูปโรงแรมพร้อมห้องพักแล้ว copy รูปแต่ละทีพักที่เราจะจอง โยนเข้าไปใน ไลน์กลุ่ม

“คนเยอะขนาดนี้พรุ่งนี้โทรไปดิวกับโรงแรมเองดีกว่านะ เพื่อจะได้ส่วนลดเพิ่ม” ไอ้บอสบอกผม
“อืม จริงด้วย” ผมหันไปตอบไอ้บอส ก่อนจะนั่งจดรายชื่อโรงแรมกับเบอร์โทรศัพท์ไว้

.................

 “เปลี่ยนอาชีพจากนักเรียนเป็นทำงานบริษัททัวร์ดีกว่ามั้ง”ผมบ่นกับไอ้บอส แล้วก็ชูแขนขึ้นบิดไล่ความขี้เกียจ หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
 “ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็ดีสิ บอสจะได้ไปเที่ยวกับโบ้ทได้บ่อยๆ” บอสหันมายิ้มตาหยี่ใส่ผม ก่อนที่บอสจะสอดวงแขนเข้ารัดที่ตัวผมจากด้านหลัง

“มีอะไรกันไหม” ผมตาโตเพราะไม่คิดว่าอยู่ดีๆบอสจะพูดประโยคนี้ออกมา จากยิ้มตาหยี่ๆ ตอนนี้เป็นยิ้มเจ้าเล่ห์แบบหมาป่ากำลังจะล่าเหยือ ผมเสียวสันหลังวาบทุกทีที่เจอสายตาแบบนี้
“ง่ะ เค้าเหนื่อยอ่ะ” ผมใช้ลูกอ้อนเพื่อหลีกเลี่ยงชะตากรรมลูกแกะน้อย
“นะนะคราบบบ” บอสลากเสียงยาว มันอ้อนผมอีกรอบ แต่ผมยังนิ่ง
“บอสช่วยโบ้ทจัดทริปจะไม่ให้รางวัลกันหน่อยเหรอ” เจอประโยคนี้เข้าไปสุดท้ายนายรัชชานนท์ก็ใจอ่อนแพ้คุณชายหน้าหล่อจนได้

ไอ้ลูกแกะโบ้ทเอย เสร็จเค้าทุกทีสิแก.......

.................

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้า ด้วยแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงผ่านผ้าม่านเข้ามา ข้างๆผมมีเด็กผู้ชายหน้าตาดี ดวงตายาวรี ขนตายาวเป็นแผง ใบหน้าที่หล่อเหลายังคงหลับสนิท ผมค่อยๆเอาริมฝีปากยื่นไปประทับที่แก้มของบอสอย่างละมุน ดวงตายาวรีค่อยๆลืมขึ้นมา

“ตื่นแล้วเหรอครับ” เสียงบอสอู้อี้อยู่ในลำคอ
“ตื่นแล้ว” ผมค่อยๆซุกหน้าลงไปที่อกกว้างนั้น อ้อมแขนที่อบอุ่นค่อยๆคล้องมาที่ตัวผม
“โบ้ทรักบอสนะครับ” ผมบอกรักมัน
“บอสก็รักโบ้ทครับ”มันตอบผมกลับมา
ผมยกศีรษะขึ้นแล้วเขยิบเอาตัวค่อมตัวไอ้บอส ใบหน้าผมจรดอยู่บนหน้าบอส ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปที่ริมฝีปากของบอสหนึงครั้งแล้วถอนออก

“บอสรักโบ้ทใช่ป่าว” ผมถามมันไปอีกครั้ง แต่มันไม่ทันสังเกตเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ของผม
“อืม ไม่รักโบ้ทแล้วจะไปรักใคร” มันตอบผมกลับมาแต่ตายังคงปิดอยู่
“รักโบ้ทแล้วจะยอมโบ้ททุกอย่างเปล่า” ไอ้บอสลืมตาขึ้นมามองหน้าผม
“ก็ยอมมาตลอดนี่” เสียงไอ้บอสตอบผมมาก่อนจะหลับตาอีกครั้ง
“แปลว่ายอม” ผมย้อนถามมันไปอีกรอบ
“อืมม” บอสส่งเสียงในลำคอตอบผม
“งั้นโบ้ทขอนะ” ผมพูดจบไอ้บอสถึงกับเบิกตาขึ้นโต เพราะไม่คิดว่าผมจะขอมัน
“หา” มันอุทานแล้วรีบดันตัวผมออก ไถลลงจากเตียงแล้วรีบเดินหนีเข้าไปในห้องน้ำแบบลืมง่วง

หึ คิดว่าจะรอดเหรอ ผมคำรามในใจ ก่อนจะเปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบอุปกรณ์ แล้วใส่ให้ตัวเองจนเรียบร้อย เอาผ้าเช็ดตัวคุมไว้แล้วเดินตามมันเข้าห้องน้ำไป คราวนี้ถึงคราวที่กวางบอสเสร็จสิงโตโบ้ทแน่ๆ.....

“เอาแปรงฟันซะ จะได้หายหื่น” ไอ้บอสพูดเมื่อเห็นผมก้าวเข้ามาในห้องน้ำ

มันส่งแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันไว้แล้วส่งให้ผม ผมรับแปรงสีฟันมาแปรงอย่างว่าง่าย ก่อนจะเดินไปซ้อนข้างหลังบอส บอสที่เปลือยท่อนบนเผยให้เห็น กล้ามเนื้อสวยงาม ซิกแพกบางๆ น่าลูบไล้ ผมค่อยเอามืออีกข้างกอดเอวบอสเอาไว้ มันมองผมผ่านกระจกอ่างล้างหน้าที่สะท้อนกลับมา ผมยิงฟันที่แถบจะมองไม่เห็นเพราะเต็มไปด้วยฟองของยาสีฟัน ผมค่อยปลดผ้าเช็ดตัวมันออก แล้วเอาจมูกยื่นไปที่ข้างหูมัน แล้วหายใจไล่ลงมาจนถึงลำคอ มือผมก็เริ่มล้วงลงต่ำปฏิบัติการกับบอสน้อย ไอ้บอสสูดหายใจแรงขึ้น เอียงคอมาพิงตัวผม ผมเลยได้โอกาสปลดผ้าเช็ดตัวเอง แล้วก็จัดการสำเร็จโทษไอ้บอสตรงตำแหน่งที่เรายืนแปรงสีฟันอยู่........

............

ผมกับไอ้บอสวิ่งกันหน้าตั้ง ผ่านประตูโรงเรียนเข้ามาอย่างฉิวเฉียด

“เกือบสายเลย” ผมหันไปบอกมันหลังจากยืนหอบแฮ่ก
“ก็เพราะใครล่ะ” ไอ้บอสหันมาบ่น
“ก็แฟนโบ้ทน่ารักขนาดนี้ ใครจะอดใจไหว” ผมได้ทีกวนมันไป
“ประโยคคุ้นๆนะ นี่คือการเอาคืนใช่ไหม” มันเบิร์ดกระโหลกผมไปหนึ่งที
“เดี๋ยวคืนนี้โดนแน่” มันคาดโทษผมไว้เสร็จสรรพ

..........

พักเที่ยงเสร็จผมปิดจ็อปเรื่องจองโรงแรมเสร็จเหมือนกัน เหลือแค่จัดการโอนเงินภายในวันนี้ โดยที่ผมกับไอ้บอส ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์ม ช่วยกันสำรองจ่ายกันไปก่อน เดี๋ยวค่อยไปเก็บจากพวกมันคืนทีหลัง

ทริปนี้น่าจะเป็นทริปที่สนุกเพราะมีแต่เพื่อนๆไปกัน ได้เที่ยวหลายทีแถมยังอีกหลายวัน ตอนไปขอป๊ากับม๊า ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านยังบอกอีกด้วยว่า ชีวิตมัธยมนี่และเป็นชีวิตที่สนุกที่สุด อยากไปไหนก็ไป อยากเที่ยวไหนก็เที่ยว เต็มที่กัน เพราะปีหน้าก็คงไม่ได้เที่ยวแล้วต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว....


Game
See You Next Game

-------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer ครับ

ประสบการณ์เรื่องไปเที่ยวคนเขียนก็มีนิดหน่อยครับ แต่ประสบการณ์ตรงนี่ตอนนี้มากกว่าครับ แปรงฟันๆๆๆ 555+
ส่วนเรื่องตาไปป์ อิอิ ไปปืเป็นคนมั่นคงกับความรักครับ ตั้งใจจะเขียนให้ไปป์เป็นแบบนั้นครับ ต่อให้เจอใครใหม่ไปป์ก็ไม่ลืมเบิร์ดคราบบบ

ขอบคุณที่ติดตามนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยครับ อย่างน้อยก็ยังเหลือคุณ isDeer อ่านก็ยังดี เง้อออออ
ตอนต่อไปลงวันจันทร์นะครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 59th Up! 16/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 16-03-2015 01:00:02
@ 59th Game  – BOSS IV

สวัสดีครับ บอส จารุวัฒน์ครับ ตอนนี้ก็เป็นหน้าที่ของผมที่จะมาไขข้อข้องใจบางส่วนกันนะครับ ตลอดระยะเวลาที่ไอ้โบ้ทกลายเป็นซอมบี้เพราะเรื่องเมย์ ผมเองกลายเป็นคนที่ช่วยอะไรโบ้ทไม่ได้เลย ผมหงุดหงิดตัวเองที่ทำได้แค่ให้กำลังใจ ผมอยากจะบอกโบ้ทว่า โบ้ทยังมีผมอยู่นะ ยังมีผมอยู่อีกทั้งคน แต่ก็ทำได้แค่ให้กำลังใจ และคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ เท่านั้นเอง

อย่างวันแรกที่มาโรงเรียนหลังจากโดนไอ้เตอร์อัดหน้าคว่ำมา แถมมีมือดีถ่ายคลิปไว้อีก ตอนมาโรงเรียนมีแต่คนมองแถมยังซุบซิบอย่างกับเป็นเรื่องสนุก ผมก็ทำได้แต่บอกโบ้ทว่าอย่าคิดมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้เค้าก็เปลี่ยนเรื่องเมาท์กัน เพราะประเด็นใหม่ๆมีมากันทุกวัน

ยังดีที่เพื่อนๆพยายามช่วยกันทำให้โบ้ทไม่ต้องอยู่คนเดียว แบงค์กับอาร์มก็ชวนกินอะไรกันที่คอนโดฯของพวกมันกัน โบ้ทชวนผมกินเบียร์ ผมก็ตามใจมัน เพราะอยากให้มันสบายใจ พอไอ้แดนชวนไปดูโชว์ของมันกับไอ้เบสต์ที่งาน Xtream ผมก็รีบชวนไอ้โบ้ทไป อยากให้มันไปเจออะไรแปลกๆใหม่ๆบ้าง

ตลอดเวลาผมรู้สึกว่าโบ้ทไม่อยากร้องไห้ต่อหน้าผม เพราะกลัวผมจะเสียใจที่มันยังตัดใจจากเมย์ไม่ได้ แต่ผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น ยิ่งเก็บยิ่งทุกข์ ระบายความรู้สึกแย่ๆออกมาไม่ได้ก็ยิ่งเสียใจ แถมผมเองรู้อยู่เต็มอกว่าคนที่โบ้ทอยากจะระบายความทุกข์ใจมากที่สุดก็คือผม แต่โบ้ทกลับทำไม่ได้เพราะกลัวว่าคนที่รับฟังจะเสียใจ

แล้วแอลกอฮอร์ได้ทำหน้าที่ของมัน ตอนอาบน้ำคืนนั้นโบ้ทที่เก็บทุกอย่าง ที่ฝืนทุกอย่างไว้ ทำนบที่สะกดกลั้นความรู้สกึต่างๆเอาไว้ก็พังทลายลง โบ้ทอยู่ในอ้อมแขนของผม ผมสัญญากับโบ้ทว่า “ไม่ว่าอะไร ไม่ว่าอย่างไงผมก็จะอยู่กับโบ้ทตลอดไป” และผมจะรักษาสัญญานั้นไว้ให้ได้

.....

หลังจากคืนนั้นที่โบ้ทได้ระบายทุกอย่างกับคนที่โบ้ทไว้ใจที่สุด นั่นก็คือผมไปแล้ว อาการซอมบี้โบ้ทก็ดูดีขึ้น เช้าวันนั้นเราไปดูไอ้เบสต์กับไอ้แดนที่งาน X-tream ที่ลานหน้าเซนทรัลเวิร์ด ดูโบ้ทจะตื่นเต้นและประทับใจกับการแสดงโชว์ของทั้งไอ้เบสต์และไอ้แดนมาก

พอดูโชว์กันจบระหว่างรอไอ้เบสต์กับไอ้แดน ผมกับโบ้ทเดินดูของในงาน ผมเห็นโบ้ทสนใจสายคล้องโทรศัพท์เส้นหนึ่งของ billabong มาก ผมจะซื้อให้โบ้ท แต่เที่ยวนี้โบ้ทไม่ยอม เลยกลายเป็นว่าเป็นของแทนใจที่โบ้ทซื้อให้ผมแทน และที่ผมเก็บมันเอาไว้อย่างดี

พอไอ้เบสต์กับไอ้แดนเสร็จงานเรียบร้อยพวกเราเดินมาทานข้าวกันต่อที่ห้างเปิดใหม่แถวนั้น เซนทรัล เอ็มบัสซี่ แล้วสิ่งพิสูจน์ความเข้มแข็งครั้งแรกของโบ้ทก็มาถึง เพราะพวกเราเจอ “เมย์กับไอ้เตอร์” ที่นั่น

ความรู้สึกของผมตอนนั้น บอกตรงๆครับว่าลุ้นแถบตายว่าโบ้ทจะผ่านการทดสอบนี้ไปได้ไหม ผมแอบหวั่นใจว่าทุกอย่างที่ผมพยายามทำให้โบ้ทดีขึ้นจะกลับกลายเป็นศูนย์แล้วต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพราะโบ้ทดูเหมือนจะเข้มแข็งขึ้น เข้าใจการเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น และไม่โทษว่าเป็นความผิด ที่ดูแลเมย์ได้ไม่ดีจนทำให้เมย์ต้องไปมีคนใหม่อีกต่อไปแล้ว

....

โลกมันช่างกลม แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นกับเราได้เสมอ อย่างเรื่องไอ้บอล น้องข้างบ้างผมกับไอ้คริสเพื่อนสนิทของไอ้บัดลูกพี่ลูกน้องตัวแสบของผม ที่ใครจะไปคิดว่าไอ้เด็กที่เคยวิ่งไล่เตะตูดกันมาตั้งแต่เด็ก ที่เตะฟุตบอลด้วยกันมา แมนๆอย่างไอ้บอลจะมาเป็นแฟนไอ้คริส ตอนที่เจอกันไอ้บอลทำหน้าเหมือนเห็นผี ดูมันตกใจมากที่เจอผม จนผมต้องเดินเข้าไปบอกมันว่าไม่ต้องกังวลอะไร ผมก็เป็นพี่มันเหมือนเดิม แล้วที่สำคัญไม่ต้องกลัวผมจะบอกคนอื่น เพราะผมเองกลัวมันจะไปบอกคนอื่นเรื่องผมกับโบ้ทมากว่า 555+

หลังจากผ่านช่วงเวลาที่โบ้ททุกข์ใจแสนสาหัสมาได้ ก็ได้เวลาที่ผมจะทวงสิทธิของผมในฐานนะคนรักของโบ้ทเสียที เพราะแรงปราถนาและฮอร์โมนที่พุ่งพล่านของเด็กวัย 17 กำลังทะลักทลาย แต่ปรากฏว่าไอ้โบ้ทไม่ได้ยอมผมอย่างเดียว มันพลิกด้วย นี่ถ้าไม่รักโบ้ทมาก ทุกคนคิดว่าผมจะยอมมันมั้ย T-T

ตื่นเช้าวันถัดมาก็มีการต่อล้อต่อเที่ยงเรื่องใครหื่นมากกว่ากัน แล้วผมก็โดนโบ้ทเล่นลูกไม้กับผม มันมาทำให้ยากแล้วก็จากไป แต่ทุกท่านคิดว่าโบ้ทจะรอดน้ำมือผมไปไหมครับ ตอบได้คำเดียวเลยครับ “ไม่มีทาง” แล้วผมก็กดโบ้ทอีกรอบในห้องน้ำ

วันนั้นตอนบ่ายพวกเรามีทริปสั้นที่ ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง มีผมกับโบ้ท ไอ้วินกับไอ้บัด ไอ้คริสกับไอ้บอล ผมอยากให้ไอ้บอลมันผ่อนคลายเมื่ออยู่กับเรามากขึ้น อีกอย่างจะได้พาโบ้ทไปเดินเที่ยวตลาดน้ำด้วย แต่คนที่ดีใจที่สุดรู้สึกจะเป็นไอ้บัดที่กระดี้กระด้ามากกว่าทุกคน เพราะมันก็ได้เดตกับไอ้วินที่เพิ่งแพ้พนันไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบของผม จนต้องยอมเป็นแฟนกับไอ้บัดโดยปริยาย (หรือเต็มใจหว่า 555)

..........

งานบอลประเพณีงานที่ใหญ่และหนักที่สุดของประธานนักเรียนก็มาถึง ผมนี่มีแต่ประชุมๆๆ ทั้งประชุมกับโรงเรียนตัวเอง ทั้งประชุมกับอีกสามโรงเรียนที่เหลือ ไหนจะงานเอกสาร ไหนจะงานต่างๆที่ประดังประเดเข้ามา จนผมแถบจะไม่มีเวลาได้เจอโบ้ทเลย ผมเลยแก้ปัญหาด้วยวิธีการของผม ใช้อำนาจที่มีทั้งหมด ใช้ทั้งเล่ห์ทั้งกลทั้งมนต์ทั้งคาถา ผมไปหาโบ้ทไม่ได้ ก็เลยให้โบ้ทมาอยู่กับผมซะเลย

โบ้ทยังคงเหมือนเดิมเมื่อก่อนชอบทานอะไรก็ยังเป็นอย่างนั้น ก๋วยเตี๋ยวตีนไก่ที่โบ้ทชอบที่สุดคือก๋วยเตี๋ยวไก่สุรวงศ์ สมัยก่อนชอบยังไงเดี่ยวนี้ก็ยังชอบอยู่เหมือนเดิม ผมนั่งดูโบ้ททานอย่างมีความสุข ตัวผมเองยิ่งมีความสุขมากกว่าโบ้ทอีกนะครับ การที่เห็นคนรักเรามีความสุขกับสิ่งที่เราทำให้เค้านี่ คนทำให้มีความสุขมากกว่าคนรับอีกนะครับ

วันซ้อมใหญ่ผมกระดิกตัวไปไหนไม่ได้เลยนะครับ นั่งเฝ้ามอนิเตอร์ตลอด หูก็คอยฟังวิทยุสื่อสาร ตาจ้องมอนิเตอร์ คอยเตือนคอยบอกคิว เพราะผมเป็นคนที่รู้เรื่องมากที่สุดในทีมก็ว่าได้ ยังดีที่ได้โบ้ทคอยหาข้าว หาน้ำให้ทาน และที่สำคัญที่สุดคือมีโบ้ทอยู่ใกล้ๆ อะไรๆผมก็ไม่กลัวอีกต่อไปแล้ว

งานวันซ้อมใหญ่ว่ายุ่งแล้วก็ไม่เท่าวันจริง ผมเข้าใจเลยว่ารุ่นพี่ๆที่เคยนั่งตรงนี้ทำงานตรงนี้มาก่อนรู้สึกอย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องแก้กันสดๆ ต้องใช้ความรู้ความสามารถ ปฏิภาณไหวพริบทุกอย่างเพื่อแก้ปัญหาให้ได้และรวดเร็ว วันนั้นเหนื่อยมากจริงๆครับ แต่เพราะมีโบ้ท แบ่งเบาภาระผมไปได้เยอะเลยล่ะครับ เสร็จงานพวกเราไปผ่อนคลายกันด้วย เนื้อยางยากินิคุกันครับ ฉลองทีพิธีเปิดผ่านไปได้ด้วยดี ฉลองบอลคู่เปิดสนามที่ทีมโรงเรียนเราชนะอีกด้วย

.....

คืนนั้นฉลองกันหนักไปหน่อย จนต้องหิ้วไอ้ไปป์หัวหน้าชมรมฟุตบอลมานอนที่บ้านเราด้วยครับ และผมกับโบ้ทก็ถูกปลุกด้วยเสียงโทรศัพท์ของไอ้เกมส์ที่ชวนเราไปสวนน้ำเปิดใหม่ที่หัวหิน ผมคิดว่างานบอลจะมีอีกทีก็วันอังคาร วันนี้เพิ่งจะวันอาทิตย์น่าจะพักกันให้เต็มที ก็บอกโบ้ทไปว่าถ้าอยากไปก็ลุยกันเลย

ผมถึงกับอึ้งที่ไอ้ลูกพี่ลูกน้องตัวแสบผมถามไอ้ไปป์เรื่องแฟน ตอนที่อยู่บนรถระหว่างทางไปสวนน้ำที่หัวหิน ไม่คิดว่ามันจะถาม เพราะจริงๆแล้วก็เป็นเรื่องส่วนตัวของไปป์มัน แต่เมื่อถามไปแล้ว ผมเห็นไปป์ตอบคำถามบัดแบบไม่ถือสาก็โล่งใจ เพราะไปป์เองก็เพิ่งเสียเบิร์ดไปไม่นานนี้เอง

.....

สวนน้ำที่ไอ้เกมส์แนะนำมานี่สุดยอดจริงๆครับ สนุกและตื่นเต้นมากๆครับ

.....

พิธีปิดงานบอลประเพณีก็ผ่านไปได้ด้วยดี ทุกอย่างราบรื่น แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น ผมไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้มันจะกลับมาหลอกหลอนผมอีกครั้ง มันก็กำลังจะกลับมา

“เฮียค็อป” เฮียค็อปเป็นลูกพี่ลูกน้องผม และเฮียก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ผมกับโบ้ทต้องเลิกคบกัน....ตอนสมัยอยู่ม.3 แล้วตอนนี้ล่ะ......เฮียกำลังจะมาปั่นป่วนชีวิตผมอีกครั้งไหม

ตอนนั้นผมภาวนาว่าอย่าเพิ่งให้โบ้ทอย่าเพิ่งเดินมา แต่คำภาวนาของผมก็ไม่เป็นผล โบ้ทยกมือไหว้สวัสดีเฮียค็อปแบบคนที่ไม่รู้อะไร แต่สายตาจงเกลียดจงชังของเฮียผมสังเกตเห็นทันที แถมด้วยคำพูดที่สำหรับบ้านผมแล้วถือเป็นการไม่ให้เกรียติกับคู่สนทนาก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเฮีย นั่นทำให้โบ้ทดูซึมๆไปในทันที

ผมกังวลเรื่องเฮียมากจนคิดว่าโบ้ทคงรู้สึก และโบ้ทก็ไม่อยากให้ผมเครียด ไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ โบ้ทเลยอาสาขับรถให้กลับมาถึงบ้านก็ทำกับข้าวให้ทาน ผมทานกับข้าวฝีมือโบ้ทจนหมด และผมก็บอกกับตัวเองว่า ผมจะไม่มีวันให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีก

วันอาทิตย์ผมยังคงต้องมาตามดูความเรียบร้อยที่สนามกีฬา โดยที่ไอ้โบ้ทก็ช่วยอยู่ด้วยกันกับผมตลอด แล้วเฮียค็อปก็โทรมาย้ำเรื่องผมกับโบ้ทอีกรอบ ผมได้แต่ตอบรับคำเฮียไป แต่ในใจผมผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่ยอมให้เฮียมามีอิทธิพลกับผมกับโบ้ทอีก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม

................

ลอยกระทง เพราะงานบอลเพิ่งจะเรียบร้อย ช่วงที่ผ่านมาก็วุ่นวายจนลืมไปว่าวันนี้วันลอยกระทง ผมกับโบ้ทเพิ่งนึกออกเมื่อไอ้โอมที่มาส่งไอ้บีมที่หน้าโรงเรียน ชวนพวกเราไปลอยกระทงที่สะพานพระราม 8 ผมกับโบ้ทก็เลยตัดสินใจไปตามคำชวนของไอ้โอม นี่เป็นอีกครั้งในรอบหลายปีที่ผมไม่ต้องลอยกระทงคนเดียว เพราะคนสุดท้ายที่ผมลอยกระทงด้วยก็คือไอ้โบ้ท

ผมตั้งใจอธิฐานกับพระแม่คงคา “ขอให้ผมกับโบ้ทรักกันราบรื่น ให้ผ่านอุปสรรค์ต่างไปได้ด้วยดี ขอให้เรามั่นคงต่อกันอย่าได้หวั่นไหวกับอะไรก็ตามที่จะมาสั่นคลอนกับความรักของเรา” ผมมองกระทงของผมกับโบ้ทลอยไปจนสุดสายตา

ผมใจหายไม่น้อยเมื่อเห็นไอ้ไปป์เสียน้ำตา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำใจเมื่อต้องสูญเสียคนรักไปแบบไม่มีวันแม้จะได้เห็นหน้ากันอีก ไอ้ไปป์เพื่อนที่เคยเข้มแข็ง วันนี้ไปป์คนนั้นไม่มีเค้าหลงเหลืออยู่ ได้แต่โทษตัวเอง ผมได้แต่ปลอบมัน ให้กำลังใจมัน ที่ผ่านมาไปป์ก็เข้มแข็งขึ้นมากแล้ว แต่วันนี้มันก็แค่โดนจี้เข้าไปที่จุดเดิม เดี๋ยวเวลาจะเยี่ยวยามัน แล้วไปป์ก็จะผ่านมันไปได้ไปได้

การมาไหว้พระกันที่วัดสระเกตุ ได้ขึ้นไปสักการะพระธาตุบนยอดภูเขาทอง ทำให้จิตใจพวกเราสบายใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะไอ้ไปป์ ที่ได้ทำบุญไหว้พระ ผมกับโบ้ทก็รู้สึกดีที่ช่วยทำให้เพื่อนสบายใจขึ้น เราก็ได้แต่อธิฐานขอพรให้เรามีสติ และตั้งอยู่ในความไม่ประมาท เราจะได้ดูแลกันไปนานๆ

ไอ้เบลเสนอไอเดียชวนพวกเราไปเที่ยวเชียงคานกัน ดูโบ้ทจะตื่นเต้นกับทริปนี้ไม่น้อย ผมเลยปล่อยให้โบ้ทเป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดทริป โบ้ทเองก็ดูมีความสุขที่จะหาสถานที่ที่จะพาเพื่อนๆไปเที่ยว นั่งหาข้อมูลอยู่หน้าคอม บางครั้งเรียกให้ผมไปช่วยตัดสินใจเลือกโรงแรม เลือกสถานที่ๆน่าจะแวะเที่ยว

ผมแกล้งเรียกร้องความสนใจจากโบ้ท เพราะโบ้ทมัวแต่วุ่นอยู่กับทริป จนบางทีผมก็แอบเซ็งๆ วิธีแก้เซ็งของผมก็คือจับโบ้ทกด ตอนแรกโบ้ทก็อิดออด แต่เจอลูกอ้อนผมทีไร ลูกแกะโบ้ทเสร็จผมทุกที

แต่ก็ไม่คิดว่าตื่นเช้ามาจะโดนลูกแกะโบ้ทที่ลอกคาบเป็นสิงโต แล้วผมจากหมาป่าเจ้าเล่ห์กลายเป็นกวางน้อย โดนโบ้ทจัดคืนแบบที่ผมเองก็ขัดขืนไม่ได้ T-T

แล้วเดี๋ยวผมจะหาโอกาสมาคุยกับคนอ่านใหม่นะครับ ไว้เจอกัน ขอบคุณที่ฟังผมเล่านะครับ
บอส จากรุวัฒน์ ^^

Game
See You Next Game

-----------------------------------------------------------------------------------------------------
คนเขียนนะครับ^^

เพิ่งปรับคาแลคเตอร์ตัวละครใหม่อีกรอบ นะครับ ลองชอมกันดูว่าถูกใจกันไหมนะครับ (โดยเฉพาะ เกมส์ นะครับ^^)


Music inspired by Novel (MV ประกอบนิยาย) Destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก...รักของนายตัวบี
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=BjGcn-Mev1o (https://www.youtube.com/watch?v=BjGcn-Mev1o)
Update คลิปใหม่ล่าสุด 16/03/2015



คาแรกเตอร์ตัวละคร (Image Character) ในนิยายครับ
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=gmTmmxE-iMQ (https://www.youtube.com/watch?v=gmTmmxE-iMQ)
Update คลิปใหม่ล่าสุด 16/03/2015




ตัวอย่าง 18 เพลงประกอบนิยาย Destiny of B
18Track Musick inspire by novels Destiny of B Preview

>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=TstwrRw1zcA (https://www.youtube.com/watch?v=TstwrRw1zcA)
Update คลิปใหม่ล่าสุด 16/03/2015
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 59th Up! 16/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 16-03-2015 05:54:17
สนุกมากกกกกครับบบบบ ชอบๆๆ ชื่อ. บ กันเยอะจนตาลาย อิอิ :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 59th Up! 16/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: tarkung ที่ 18-03-2015 10:04:27
จะติดตามต่อไปนะ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 60th Up! 18/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 18-03-2015 11:02:20
@ 60th Game  – Move off

วันนี้ผมตื่นแต่เช้า หลังจากจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย ผมก็มานั่งลงกับข้าวของกองโต และหาทางเก็บของทังหมดลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปทริปถ้าลมหนาวกับเพื่อนๆแล้วก็ไอ้บอส
 
“หยิบเสื้อกันหนาวไปเผือสัก 2-3 ตัวดีกว่า” ผมพูดกับตัวเองขณะคิดว่าจะเอาอะไรเพิ่มไปอีก เพราะนี่ต้นธันวาแล้ว สถานที่ที่จะไปก็บนภูบนดอยทั้งนั้น แถมยังเป็นภาคอีสานตอนบนกับทั่วภาคเหนืออีกซึงหนาวแน่ๆ

“เตรียมถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวกไปเพิ่มอีกดีกว่า” ผมตัดสินใจหลังจากลังเลอยู่นานว่าจะเอาไปดีไหม
“ก๊อก ๆ” เสียงเคาะประตูก่อนที่ประตูจะเปิดออก ร่างสูงโปร่งเดินผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่สีเขียวเข้มเข้ามาด้วย
“เก็บของอยู่เหรอ” เสียงคุ้นชินดังขึ้นเมื่อเห็นผมนั่งจมอยู่กับกองเสื้อผ้าหน้าหน้าห้องน้ำ
“อืม อีกแปปเดียวเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว” ผมหันไปบอกมัน
“ของบอสเรียบร้อยแล้วเหรอ” ผมถามมันมือก็ง่วนอยู่กับการเก็บของลงกระเป๋า
“เรียบร้อยแล้ว” มันตอบผมกลับมาและเดืนเข้ามาดูผม
“เสื้อกันหนาวหยิบไปหรือยัง” บอสยื่นหน้าเข้ามาถาม
“เตรียมแล้ว”
“ถุงเท้า ผ้าพันคอ หมวก หยิบมาแล้วใช่ไหม”  บอสไล่เช็ครายการ ผมชี้ไปที่กองผ้าด้านซ้ายมือ
“บ็อกเซอร์ ล่ะ” บอสยังคงไล่รายการต่อไป
“เรียบร้อย หมดแล้วเหรอแต่แพ็กอ่ะ”
“บอสเอาถุงมือมาเผือโบ้ทป่าว” ผมถามมันเพราะจะต้องยืมของมัน
“เรียบร้อยอยู่ในกระเป๋าแล้ว” มันตอบกลับมา
“เครื่องใช้ในห้องน้ำล่ะ ไม่ลืมแปรงสีฟันนะ” ไอ้บอสไล่มาจนถึงรายการนี้ที่ผมจะหยิบไปเผื่อมันด้วย
“เรียบร้อย อยู่นี่” ผมชี้ไปที่กระเป๋าใบเล็กที่เตรียมเครื่องใช้ในห้องน้ำของใช้อื่นๆ เช่น แชมพูสระผม โฟมล้างหน้า ครีมอาบน้ำ เปรงสีฟัน ยาสีฟัน มีดโกนหนวด เจลใส่ผม โรลออน แล้วก็น้ำหอม เก็บไว้รวมกันอย่างดี

บอสเปิดกรเป๋าตัวเอง เอากระเป๋าเครื่องใช้เก็บเข้าไปในกระเป๋ามันแทน เพราะกระเป๋าผมท่าทางจะไม่ไหว

“เรียบร้อย เสร็จเสียที” ผมชูแขนขึ้นสองข้างโล่งอก
“ไปกัน” ผมหันไปบอกไอ้บอสหลังจากลุกขึ้นยืนเรียบร้อย
“หมับ” ข้อมือผมถูกบอสคว้าไว้
“บอสดีใจนะที่จะได้ไปเที่ยวกับโบ้ท” บอสพูดขึ้นมาหลังจากที่เราเก็บของกันเสร็จแล้วและเตรียมตัวจะลงไปข้างล่าง
“โบ้ทก็ดีใจครับ” ผมเดินเข้าไปสวมกอดบอส บอสกอดผมกลับมา ความรู้สึกอบอุ่นใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ผมโดนบอสหอมแก้มฟอดใหญ่ ผมก็ยื่นริมฝีปากไปประทับที่แก้มของบอสคืนฟอดใหญ่.....
“ไปกัน” บอสกระซิบบอกผม

เราเดินลงมาข้างล่าง ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ก็รอเราอยู่แล้วพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่อีกสองใบ ป๊ากับม๊านั่งดูทีวีรอไปส่งพวกเราที่บ้านไอ้เบลย่านรัชดาภิเษก ผมกับไอ้บอส ช่วยกันยกกรเป๋าไปไว้ท้ายรถตู้ Volkswaken สีน้ำเงินรถประจำของป๊า

“ป๊าไม่ห้ามเรื่องกินเหล้านะเด็กๆ แต่กินแล้วต้องมีสติ อะไรที่เสี่ยงและจะเป็นอันตรายก็ต้องระวังเอาไว้ อย่าสนุกจนคะนองนะ ลูกโตๆกันแล้ว ต้องดูแลตัวเองกัน ทำอะไรก็คิดว่ายังมีป๊ากับม๊าที่คอยเป็นห่วงอยู่นะลูก” ป๊าให้ข้อคิดให้พวกเราหลังจากที่ขึ้นมาบนรถ
“ครับ” พวกเรารับปากป๊า

ไม่นานรถก็มาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่บนถนนพระรามเก้าระห่างสถานี MRT พระรามเก้ากับศูนย์วัฒนธรรม ที่ตอนนี้มีรถบัส แบบ V.I.P 32 จอดรอพวกเราอยู่

“พวกผมไปนะครับป๊า ม๊า” ไอ้เบนซ์หันมาพร้อมกับยกมือไหว้ลาป๊ากับม๊า
“เดินทางปลอดภัยนะลูก โทรหาม๊าด้วยนะ” ม๊าหันมาอวยพรและกำชับกับพวกเราอีกรอบ
“โชคดีลูก” ป๊าอวยพร
“ไปแล้วนะครับ เด่วโบ้ทซื้อของมาฝากน้า” ผมเข้าไปสวมกอดม๊า ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้สวัสดี
“ขอบคุณที่มาส่งนะครับ” เบียร์ยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณป๊ากับม๊า
“ขอบคุณครับ ผมไปแล้วนะครับ” บอสยกมือขึ้นไหว้ป๊ากับม๊าอีกคน
“ม๊าฝากดูแลโบ้ทด้วยนะลูก” ม๊ากำชับไอ้บอส ก่อนจะยิ้มให้พวกเราอย่างอ่อนโยน ผมอดแปลกใจไม่ได้กับคำพูดม๊า หรือว่า ม่าม๊า จะรู้......

ลงมาจากป๊ากับม๊าพวกเราเดินเข้าไปในบ้าน ไอ้เบลยืนรอพวกเราอยู่แล้ว มันบอกให้วางกระเป๋าไว้ตรงหน้าบ้าน เดี่ยวพี่แม่บ้านจะช่วยกันยกไปให้พนักงานที่รถ แล้วไอ้เบลพาพวกเราสวัสดีพ่อกับแม่ พวกเราขอบคุณที่พวกท่านสนับสนุนรถบัสในทริปนี้กับของพวกเรา แล้วไอ้เบลก็พาพวกเราไปห้องนั่งเล่นข้างๆกันที่ไอ้พวกเพื่อนๆนั่งรอกันอยู่หน้าสลอน ตอนนี้เหลือแค่ไอ้เบสต์กับไอ้แดน ไอ้เบลปล่อยพวกเรานั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น แล้วมันก็ออกไปรอไอ้เบสต์กับไอ้แดน

ไม่นานไอ้เบสต์กับไอ้แดนก็เดินตามไอ้เบลมาที่ห้อง ทริปนี้ของพวกเริ่มต้นจากกรุงเทพ มีทั้งหมด 24 คน ผมไอ้บอส ไอ้เบนซ์ไอ้เบียร์ ไอ้แบงค์ไอ้อาร์ม ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์ ไอ้บาสไอ้ปั๊ป ไอ้บูมไอ้นัท ไอ้บิวไอ้ริว ไอ้เบสต์ไอ้แดน ไอ้วินไอ้บัด ไอ้คริสไอ้บอล ไอ้ไปป์ แล้วก็ไอ้เบล

พวกเราเดินมาลาพ่อกับแม่ไอ้เบล แล้วทยอยกันประจำที่บนรถ แล้วทริป 11 วันท้าลมหนาวของพวกเราก็เริ่มต้นออกเดินทางกัน

พอขึ้นมาบนรถ รถบัสมีแถวที่นั่งทั้งหมดเพียง 8 แถว แถวละ 4 ที่นั่ง เบาะที่นั่งกว้างขวาง มีที่พักรองขา และที่พักเท้า ระหว่างเบาะก็ยืดขาได้สบายไม่อึดอัด มีทีวี LED ที่พับเก็บตรงเพดานของรถอีกสองเครื่อง และยังมีเครื่องเล่นคาราโอเกะติดมาให้ด้วย

รถบัสวิ่งมาตามถนนรัชดาภิเษก ก่อนจะขึ้นสะพานข้ามแยกรัชโยธินแล้วชิดซ้ายวนลงมาที่ถนนวิภาวดีฯขาออก ผ่านสนามบินดอนเมือง เรื่อยมาจนถึงรังสิต แล้วก็ตรงมุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี

ไอ้เบสต์กับไอ้แดนหลับอยู่หลังรถ คนอื่นๆนั่งกดมือถือเล่นไปตามเรื่อง ไอ้แบงค์กับไอ้เกมส์ ไอ้โอม นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่อย่างออกรถออกชาติตามประสาเมะๆ ส่วนไอ้เบสต์ ไอ้แดน ไอ้บิว ไอ้ริว ไอ้เบล ก็จับกลุ่มคุยกันตามประสาคออินดี้ๆ พวกไอ้บัดไอ้วิน ไอ้บอลกับไอ้คริส ก็นั่งเล่นเกมส์กันอยู่หลังรถ

ไม่นานรถก็เข้าตัวเมืองสระบุรีแล้วก็ต้องเลี้ยวขวามุ่งหน้าสู่โคราช พอเลี้ยวมาได้ไม่นานก็ผ่านทางแยกเข้าอำเภอมวกเหล็ก วิ่งตามถนนมิตรภาพมาเรื่อยๆก็ถึง อำเภอปากช่อง

“นี่ถ้าเลี้ยวขวาตรงนี้ไปก็ ปาลิโอ แล้ว” ไอ้บอสชี้ให้ผมดูปากทางเข้า ผมเคยบ่นกับมันว่าอยากมา เพราะยังไม่เคยมา ยังโดนไอ้บอสแซวว่า เชยมากอยู่เลย
“วันหลังพาโบ้ทมาเที่ยวนะ” ผมหันไปอ้อนมัน
“อืม ได้สิไว้มาเที่ยกับโบ้ทจะพาเลยไปวังน้ำเขียวด้วยเลย” ไอ้บอสรับปาก

เลยปากช่องมาผมเห็นป้ายข้างนทางอีก 80 กิโลถึงโคราช

“โบ้ทงีบสักแปปนะ” ผมหันไปบอกไอ้บอส
“อืมม” มันเอามือมาช้อนหัวผมมาซบที่บ่ามัน ไม่ว่ายังไงไหล่นี้ก็พร้อมให้ผมพักพิงเสมอ ผมผล่อยหลับไปเพราะความง่วง

........


 “แวะกินกาแฟกันก่อนนะเพื่อน” เสียงไอ้เบลดังมาจากหน้ารถ

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นและยกศรีษะตั้งตรง กระพริบตาถี่ไล่ความง่วง ตอนนี้รถบัสหยุดนิ่งอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

“ตื่นแล้วเหรอ” เสียงไอ้บอสถามผม มือไอ้บอสค่อยลูบผมจัดทรงให้ผมของผมอยู่
“โบ้ทหลับไปนานไหม” ผมหันไปถามไอ้บอส
“ไม่นานเท่าไรนะ”
“เมื่อยไหมอ่ะ” ผมถามมันเขินๆ เพราะอาศัยไหล่ไอ้บอสเป็นหมอนมา
“ไม่อ่ะ ไปหาไรกินกัน”  ไอ้บอสลุกขึ้นยืน มันยื่นมือมาให้ผม ผมเอื้อมไปจับมือไอ้บอสแล้วดึงตัวเองลุกขึ้น

สิ่งแรกที่สัมผัสได้หลังจากลงมาจากรถคือ อากาศสดชื่นเย็นสบายเพราะตอนนี้เราขึ้นมาอยู่บนที่ราบสูงกันแล้ว ผมกวาดตามองไปรอบ ๆ สถานที่รถหยุดพัก เป็นร้านกาแฟก่อนจะถึงเมืองโคราชนิดหน่อย มีจุดเด่นตรงมีหุ่นที่ทำมาจากเศษเหล็กตั้งอยู่เต็มหน้าร้านและจัดพื้นที่ไว้สำหรับถ่ายรูป ส่วนตัวร้านอยู่ใต้หุ่นเหล็กตัวใหญ่สุดที่เป็นรูปมังกรตัวใหญ่ยักษ์สีดำสนิท พวกเราลงไป 25 คน บวกกับพี่พนักงานขับรถอีก 2 แน่นจนล้นออกมาจากร้าน พนักงานในร้านกาแฟก็ชงกาแฟมือเป็นระวิง

หลังจากได้เครื่องเดิมกันครบแล้ว พวกเราก็มาถ่ายรูปกันตามหุ่นที่ทางร้านจัดไว้ให้ มีทั้งหุ่น คิงคองตัวใหญ่ที่มีม้านั่งให้นั่งถ่ายรูปอยู่ใต้กล้ามอกพี่คิงคอง ไอ้แบงค์วิ่งไปถ่ายรูปกับหุ่นรูปวูฟเวอร์รีนจาก the x men

“ไอ้โบ้ท กรูกับหมอนี่ใครหล่อกว่ากันวะ” ไอ้แบงค์ตะโกนถามแบบไม่กลัวคำตอบ
“พี่ ฮิวจ์ หล่อกว่าเยอะหว่ะ แค่กล้ามก็กินมรึงขาดแล้ว” ผมสนอง need ไอ้แบงค์ไปเต็มๆ  มันทำปากรูปสระอิใส่ผมกับมา
“ถ้าเป็นไอ้บอสถามล่ะมรึงจะตอบว่าไง” ไอ้แบงค์ยังไม่ยอมแพ้

แต่ที่หนักกว่าก็คือคุณชายบอสรับมุขไอ้แบงค์เดินเข้าไปขนาบอีกข้างของพี่วูฟเวอร์รีนกะเค้าด้วย
“บอสกับพี่ฮิวจ์ใครหล่อกว่ากันครับ” แล้วไอ้บอสก็ถามประโยคเด็ดผมถามผมกลับมา แล้วผมจะทำยังไงได้ละครับ ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตาตอบไอ้บอสไป
“พี่บอสหล่อที่สุดครับ” ผมตอบไอ้สองแสบกลับไป หน้าเริ่มร้อนผ่าวด้วยความเขิน


เสียงโฮ่ฮาดังออกมารอบตัวผมจากไอ้พวกเพื่อเวรทั้งหลาย จนผมแถบจะมุดหน้าลงดินหนีไปขอนแก่นเสียให้รู้แล้วรู้รอด

หลังจากป่วนหน้าร้านกาแฟเค้ากันเสียยกใหญ่ก็ได้เวลาเดินทางต่อ ยังเหลือทางอีกยาวไกลเพราะถ้านับโคราชเป็นครึ่งทาง นี่ก็ยังไม่ถึงโคราชเลย  แต่อย่างน้อยผมก็อุ่นใจเพราะป้ายข้างทางบอกว่าเหลืออีก 20 กิโลเมตรก็ถึง นครราชสีมาแล้ว

รถมาหยุดอีกทีที่หน้าอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีให้พวกเราลงไปสักการะท่านเอาฤกษ์เอายามกันก่อนจะออกเดินทางกันต่อ รถบัสใช้เวลาอีกเกือบสามชั่วโมงก็มาถึงจุดหมายปลายทางที่ขอนแก่น พอจะเข้าเมืองขอนแก่น ไอ้เคนก็เอารถออกมารับพวกเราถึงแยกบายพาสก่อนเข้าตัวเมือง

“เดี่ยวไปบ้านกรูก่อนเอาของไปเก็บแล้วค่อยออกมาหาไรกินนะพวกมรึง” ไอ้เคนโผล่หน้าขึ้นมาที่หน้ารถแล้วบอกพวกเรา ก่อนมันจะวิ่งลงไปขับรถนำทางรถบัสของพวกเราไปที่บ้านของมัน

Game
See You Next Game

-----------------------------------------------------------------------------------
คนเขียนจะพยายามแทรกรูปประกอบลงไปเพื่อให้คนอ่านเห็นภาพชัดๆนะครับ ^^
เครรดิตรูปภาพอยู่ใต้รูปภาพนะครับ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/United-0_zpse9nye9d8.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-1_zpsrw9rqjer.jpg)
Cr.รูปภาพจากคุณ วันหยุดไม่เคยพักรักไม่เคยมี @pantip ครับ


ทริปเดินทางวันนี้ครับ
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/1_zpsw7trxtwi.jpg)

-------------------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ iceman555
คนเขียนดีใจนะครับที่คนอ่านชอบนิยายเรื่องนี้ ขอบคุณครับ^^ ฝากติดตามตอนต่อๆไปด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ
ป.ล. นิยายเหลืออีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วนะครับ อิอิ

ตอบคอมเมนท์คุณ tarkung
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ ฝากตอนต่อๆไปด้วยนะครับ แล้วก็ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ครับโผม
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 60th Up! 18/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 19-03-2015 11:38:51
เป็นกรุ๊ปเที่ยวที่ใหญ่มาก ขนใส่รถทัวร์กันไปเลยทีเดียว  :laugh:
บอกว่าถึงไปป์เจอคนใหม่แต่ก็ไม่ลืมเบิร์ดแปลว่าอาจจะได้เจอจริงๆชิมิ
ดูๆทัวร์นี้เหนื่อยลากมากแน่นอนแถมคงโคตรเฮฮากันสุดๆมีบรรดาลิงทโมน 29 คน

โชคดีกับการท่องเที่ยวนะเด็กๆ //รู้สึกตัวเองแก่ ฮ่าฮ่าฮ่า

ปอลิง: มีรูปสถานที่ท่องเที่ยวมาให้ดูด้วยดีจังเลย   :mew1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 61st Up! 20/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 20-03-2015 07:23:09
@ 61st Game  – New friends

รถบัสเลี้ยวเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่ ริมถนนมิตรภาพที่อยู่เลยมหาวิทยาลัยขอนแก่นไปไม่ไกล บ้านหลังนี้มีบ้านอยู่สองหลังอยู่รั้วเดียวกัน เรือนใหญ่เป็นของครอบครัว ส่วนเรือนเล็กเป้นเรือนรับแขก จะเรียกว่าเรือนเล็กไม่เชิง เพราะไม่ได้เล็กเหมือนกับชื่อ

พวกผมลงมาสวัสดีพ่อกับแม่ไอ้เคน ที่รอต้อนรับอยู่ที่บ้าน ท่านทั้งสองใจดีให้ที่พักเราทั้งที่นี่แล้วก็ที่เชียงคาน แถมมือเย็นนี้ท่านยังเป็นเจ้าภาพเลี้ยงพวกเราด้วย โดยที่พ่อกับแม่ไอ้เคนจองร้านอาหารไว้แล้ว เป็นร้านสเต็กบุฟเฟ่ต์ชื่อดังของเมืองขอนแก่น ที่อยู่ตรงข้ามมหาวิทยาลัยขอนแก่น ไม่ไกลจากบ้านเท่าไร

พวกเราช่วยกันยกของเข้าไปเก็บที่เรือนหลังเล็ก ที่เรือนหลังเล็ก

“เดี๋ยวกรูแนะนำเพื่อนสนิทกรูให้พวกมรึงรู้จัก” ไอ้เคนเริ่มแนะนำเพื่อนสนิทมันที่กำลังจะเป็นเพื่อนใหม่เราให้พวกเรารู้จัก

“นี่ไอ้พลัส มันเรียนโรงเรียนนานาชาติกางเกงสีเขียวที่ขอนแก่น ไอ้พลัสเป็นนักกีฬาว่ายน้ำของโรงเรียน เป็นรองหัวหน้าชมรมว่ายน้ำด้วย” ไอ้เคนแนะนำเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสองสี หน้าตาคมสัน ให้พวกเรารู้จัก

“นี่ไอ้บรู๊ค มันเรียนโรงเรียนเอกชนที่เน้นภาษาจีนกางเกงน้ำเงินที่ขอนแก่น ไอ้บรู๊คเป็นหัวหน้าชมรมภาษาจีน” ไอ้เคนแนะนำเด็กตี๋หนุ่ม หน้าตาดีแบบคนไทยเชื้อสายจีน สูงโปร่ง ผิวขาว หน้าตาเป็นเทรนด์เกาหลี ให้พวกเรารู้จักอีกคน

“ไอ้พลัสกับไอ้บรู๊คก็นะ” ไอ้เคนพยักหน้าเป็นอันรู้กันว่าไอ้คู่นี้เป็นแฟนกัน

“นี่ไอ้พาย เป็นแฝดกับไอ้พลัสเรียนโรงเรียนนานาชาติกางเกงสีเขียวขอนแก่นนี่ล่ะ ไอ้พายเป็นหัวหน้าชมรมว่ายน้ำ” ไอ้พายเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสองสี หน้าตาเหมือนไอ้พลัส ให้พวกเรารู้จัก

”นี่ไอ้เบรฟ นี่มันเพิ่งมาจากเชียงใหม่ และนี่แหละเจ้าภาพที่พักที่เชียงใหม่ของเราไอ้เบรฟมันเรียนโรงเรียนชายล้วนกางเกงน้ำเงินชื่อดังที่เชียงใหม่ มันก็เป็นหัวหน้าชมว่ายน้ำด้วย” ไอเบรฟเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี สูงโปร่ง ผิวสองสี รูปร่างนักกีฬา

“ไอ้คู่นี่ก็เหมือนไอ้คู่แรก แต่พิเศษตรงที่เป็นแฟนกันเพราะเป็นคู่แข่งว่ายน้ำกันมาก่อน”  ไอ้เคนเล่าซะไอ้เบรฟกับไอ้พายมองหน้ากันเขินๆ

“นี่ไอ้บอมบ์ เป็นเพื่อนสนิทไอ้เบรฟอีกที่อยู่เชียงใหม่เหมือนกัน มันเรียนโรงเรียนกางเกงสีกรมท่า ไอ้บอมบ์เป็นเจ้าภาพร่วมกับไอ้เบรฟเรื่องที่พักที่เชียงใหม่ ไอ้บอมบ์เป็นหัวหน้าชมรมแบดมินตัน” ไอ้เคนแนะนำเด็กหนุ่มอีกคนให้พวกเรารู้จัก ไอ้บอมบ์เป็นคนหน้าตาหล่อเหลา สูงโปร่ง ผิวขาว ตามสไตล์นักแบดมินตัน

“สุดท้ายและนี่ไอ้บลู แฟนไอ้บอมบ์เป็นเด็กโรงเรียนเอกชนกางเกงสีม่วงที่พิษณุโลก แล้วก็เป็นสปอนเซอร์ที่พักที่พิษณูโลกให้พวกเราด้วย ไอ้บลูเป็นหัวหน้าชมรมดนตรี มันเล่นไวโอลิน” ไอ้เคนแนะนำเด็กหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาว รุปร่างสูงโปร่งให้พวกเรารู้จักเป็นคนสุดท้าย

พอไอ้เคนแนะนำเพื่อนใหม่ทั้ง 6 คนให้พวกเรารู้จัก แล้วก็เริ่มแนะนำพวกเราทีละเริ่มจากผมกับไอ้บอส ไอ้เบนซ์ไอ้เบียร์ ไอ้แบงค์ไอ้อาร์ม ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์ ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้บาสไอ้ปั๊ป ไอ้บูมไอ้นัท ไอ้เบสต์ไอ้แดน ไอ้บิวไอ้ริว ไอ้บัดไอ้วิน ไอ้บอลไอ้คริส ไอ้ไปป์ แล้วก็ไอ้เคน พอแนะนำตัวกันเสร็จพวกเราก็ช่วยกันยกของไปเก็บ ไอ้เคนกันห้องนอนไว้ให้พี่คนขับรถห้องหนึ่งด้วย

แล้วพวกเราทั้ง 31 ชีวิต กับพี่คนขับรถอีก 2 คนก็ออกมาทานข้าวที่พ่อกับแม่ไอ้เคนจองที่ไว้ให้แล้ว เป็นร้านสเต็กบุฟเฟ่ต์ร้านใหญ่ชื่อดังของจังหวัดนี้ อยู่ตรงข้ามหน้ามหาวิทยาลัยขอนแก่น ร้านนี้มีสเต็กที่จะมีพนักงานยืนทอดสเต็กร้อนๆให้เราเลย มีทั้งเนื้อหมูส่วนพ็อกช็อป เนื้อวัวที่เป็นทีโบนเลย และเนื้อไก่ชิ้นใหญ่ ใส้กรอกชิ้นยักษ์ แถมยังมีอีกหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นสเต็กพริกไทยดำ ต้นตำหรับ มีสลัดบาร์ที่มีของให้เราเลือกตามใจ ที่ผมชอบที่สุดคงเป็นมันบด ที่ปรุงรสชาติได้อร่อย ขนาดไอ้เบียร์ยังชม ปิดท้ายด้วยของหวานทั้งขนมหวานและไอศกรีม สรุปพวกเราพุงกางกันออกจากร้าน

กลับมาถึงบ้านพวกเราก็แยกย้ายกันหาที่นอน พ่อกับแม่ไอ้เคนเตรียมที่เป็นฟูกแบบพับเก็บได้ไว้ให้พร้อมทั้งผ้าห่มเรียบร้อยเพราะบ้านติดแอร์ทั้งหลัง ทุกอย่างสะดวกสบาย

“พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้านะโบ้ท” บอสเตือนผมเพราะเห็นผมนั่งดูคลิปในยูทูปเพลินไปหน่อย
“อืม” ผมตอบมันกลับไปแล้วกดดับหน้าจอโทรศัพท์
“พรุ่งนี้ต้องตื่นมาแย่งห้องน้ำก่อนพวกมันจะตื่น”  ผมหันไปบอกไอ้บอส

จำนวนห้องน้ำ 3 ห้อง คนเกือบ 33 คนยังไงก็คงเป็นสภาพคอขวดเหมือนถนนบางสายในกรุงเทพฯอยู่ดี

“อาบกันเป็นคู่คงเร็วกว่านะ” ไอ้บอสเสนอไอเดีย
“หืม.....แน่ใจเหรอว่าจะไม่นาน อาจจะนานกว่าเดิมอีกนะ” ไอ้แบงค์ที่นั่งอยู่ข้างๆรีบเบรคไอเดียไอ้บอส ผมกับไอ้บอสนั่งอึ้งคิดอยู่แปปนึง
“555” แล้วผมกับไอ้บอสหัวเราะออกมาเกือบจะพร้อมกัน เพราะมันก็เพิ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเพราะอะไรถึงนานขึ้นกว่าเดิม

.......

ชั้นสองของบ้านมี 3 ห้องนอน กับอีก 1 ห้อง family room ห้องนอนใหญ่นอนได้ 8 คน ส่วนห้องนอนเล็กอีกสองห้องนอน นอนได้ห้องละ 6 คน ห้อง family room เอาที่นอนมาต่อกันได้ 4 ที่พอดี ชั้นล่างมี 1 ห้องนอนที่ไอ้เคนกันไว้ให้พี่คนขับรถ แล้วก็ดัดแปลงห้องนั่งเล่นข้างล่าง วางที่นอนเอาไว้อีก 8 ที่ ยังเหลือห้องรับแขกไว้นั่งเล่นกับห้องรับประทานอาหาร นี่แหละครับเรือนเล็กที่ไม่เล็กของไอ้เคน

ห้องนอนของผมเป็นห้องนอนใหญ่นอนกัน 8 คน มีผมไอ้บอส ไอ้แบงค์ไอ้อาร์ม ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์
ส่วนห้องนอนเล็กห้องแรก มีไอ้เบนซ์ไอ้เบียร์ ไอ้บาสไอ้ปั๊ป ไอ้บูมไอ้นัท
ห้องนอนเล็กที่สองมี ไอ้เบสต์ไอ้แดน ไอ้บิวไอ้ริว ไอ้ไปป์
ห้องfamily room ชั้นสอง ไอ้บัดไอ้วิน ไอ้คริสไอ้บอล
ห้องนั่งเล่นข้างล่าง มีไอ้พลัสไอ้บรู๊ค ไอ้เบรฟไอ้พาย ไอ้บูลไอ้บอม์ ไอ้เบลไอ้เคน

คืนนี้ผมหลับอยู่ในอ้อมกอดขอไอ้บอส ความอุ่นใจที่อยู่ในวงแขนของไอ้บอส ทำให้ผมผล่อยหลับไปอย่างง่ายดาย

...............

ผมถูกปลุกด้วยการเขย่าตัวของบอสตั้งแต่ 05.30 เพราะตามกำหนดการคือต้องออกเดินทางตั้งแต่ 7.00น. และต้องรีบตื่นก่อนเพื่อปฏิบัติการแย่งห้องน้ำกันจะได้ไม่เกิดขึ้นกับเรา

บอสยื่นแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันเรียบร้อยส่งให้ผม ผมรับมาแล้วก็ยืนแปรงหน้ากระจก บอสเดินมายืนกอดผมจากด้านหลังแล้วก็ยิ้มตาหยีให้ผมขณะที่มือก็แปรงฟันไป บอกตรงๆครบโคตรน่ารักเลยแฟนผม แต่ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ผมก็รู้สึกถึงความร้อนจากบางอย่างที่ด้านหลังผม และบางอย่างที่กำลังขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ตาหยี่ๆนั้นเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์เพียงไม่กี่วินาที ลูกแกะโบ้ทชะตาขาดอีกแล้วครับท่าน ดีที่ผมรู้ชะตากรรมเตรียมอุปกรณ์เตรียมใสไว้ในช่องลับในกระเป๋าใส่เครื่องใช้ในห้องน้ำมาพร้อม

เอ๊ะ หรือที่มันปลุกผมขึ้นมาแต่เช้าก็เพื่อการนี้ นี่มรึงกำลังจะเอาคืนกรูใช่ไหม แมร่งโคตรเจ้าเล่ห์มากเลยนะ ไอ้หมาป่าหมาป่าบอส เหอะๆ

...........

เปิดประตูห้องน้ำออกมาก็เจอไอ้เกมส์ที่อมยิ้มที่มุมปากรอรับพวกเราอยู่แล้ว

“อาบน้ำด้วยกันหรา” มันแซวพวกเรา ผมนี่ถึงกับหน้าร้อนผ่าว
“เออดิ” ไอ้บอสตอบแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“หรา เสียงอะไรอ่ะเมื่อกี้อ่ะ” ไอ้เกมส์ยังคงแซวแบบต่อเนื่อง
“เสียงคนบอกรักกันหว่ะ”  ไอ้บอสหันมาอมยิ้มตอบไอ้เกมส์

“ไปไบร์ท เราไปบอกรักกันในห้องน้ำบ้างดีกว่า” ไอ้เกมส์ฉุดมือไอ้ไบร์ท ลอยตัวปริวเข้าไปในห้องน้ำ มืออีกข้างของไอ้เกมส์ก็คว้ากระเป๋าอุปกรณ์อาบน้ำแล้วเดินเข้าไปบอกรักกันให้องน้ำอีกคู่

“ตื่นกันแล้วเหรอ” ไอ้โอมงัวเงียตื่นขึ้นมาถามพวกเรา
“อืมตื่นแล้ว โอมกับบีมตื่นกันได้แล้ว” ผมหันไปบอกพวกมันสองคนที่นอนกอดกันกลมอยู่ในผ้าห่ม
“อาร์มครับ แบงค์ครับ ตื่นกันได้แล้ว” ไอ้บอสปลุกไอ้อาร์มกับไอ้แบงค์
“โอ๊ยๆๆๆ ตื่นแล้ว” ไอ้แบงค์สะดุ้งก่อนจะถลึงตัวลุกขึ้นมานั่งแบบยังละเมออยู่ ทำเอาไอ้บอสอดขำไม่ได้
ไอ้อาร์มเลยพลอยลุกขึ้นมานั่งด้วย เอามือลูบหลังไอ้แบงค์ที่ผวาตื่นขึ้น
“บอสมาปลุกหน่ะ” มันบอกไอ้แบงค์

ไอ้บอสเพิ่งเข้าใจว่าปลุกไอ้แบงค์ด้วยวิธีนี้ไม่ได้ ไอ้แบงค์มันขวัญอ่อนเวลานอนหลับ

.................

ไอ้เกมส์กับไอ้ไบร์ทเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“นานจังวะ” ไอ้โอมบ่น
“โทษทีหวะบอกรรักกันานไปหน่อย” ไอ้เกมส์ตอบไอ้โอมกลับมา ส่วนไอ้ไบร์ทยืนหน้าแดงเป็นลูกตำลึงอยู่ข้างไอ้เกมส์
“บอกรักเชี่ยไรวะในห้องน้ำ” ไอ้โอมแปลกใจ
“ไปถามไอ้เชี่ยโบ้ทกับไอ้บอสเลย” ไอ้เกมสัยักคิวไล่ไอ้โอมมาถามพวกผม คราวนี้ไอ้โอมก็เลยถึงบางอ้อ

“เชี่ยพวกนี้ กรูเข้าไปจะลื่นหัวแตกมั้ย สัส” ไอ้โอมแขวะพวกเรา
“ไปบีมเราไปเพิ่มความลื่นให้ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มลื่นหัวแตกกัน” มันหยิบถุงเครื่องใช้ในห้องน้ำก่อนจะลากไอ้บีมเข้าไปพร้อมกับมัน

“สัส พวกมรึงล้างพื้นด้วยก่อนออกมา” ไอ้แบงค์ตะโกนสั่งมันก่อนจะเข้าไป

ผมกับไอ้บอสช่วยกันเก็บทีนอนให้เข้าที่เข้าทาง ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ก็ช่วยกันเก็บคนละไม้คนละมือ ไอ้อาร์มเริ่มไล่ไอ้แบงค์ที่ยังอาลัยที่นอนอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นไปเตรียมของอาบน้ำ และเริ่มเก็บที่นอน
 
ผมเดินไปปลุกห้องอื่นๆทีละห้อง แล้วบอกให้ไอ้คริสไอ้บอล ไอ้บัดไอ้วินมาใช้ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ เพราะห้องน้ำบนชั้นสองอีกห้อง ต้องแชร์กับคนที่นอนห้องนอนเล็กอีกสองห้อง

ผมเดินลงมาปลุกพวกห้องข้างล่าง พี่ๆคนขับรถตื่นและไปเตรียมดูแลรถกันแล้ว ไอ้เบลกับไอ้เคนตื่นกันแล้ว ส่วนพวกไอ้บรู๊คไอ้พลัส ไอ้เบรฟไอ้พาย แล้วก็ไอ้บลูกับไอ้บอมบ์ก็ทยอยกันตื่น ผมเห็นพี่แม่บ้านช่วยกันยกข้าวต้มมาเตรียมให้พวกเราแล้ว

...................

หลังจากทานมื้อเช้าที่พ่อกับแม่ไอ้เคนเตรียมไว้ให้พวกเรา เก็บถ้วยเก็บชามกันเรียบร้อย พวกเราก็ไปขอบคุณแล้วก็ลาท่านกัน

“ไม่ต้องเกรงใจกันนะลูกๆ ที่เชียงคานพ่อให้คนดูแลที่นั่นเค้าเตรียมห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เที่ยวกันให้สนุกนะ”  พ่อไอ้เคนบอกกับพวกเรา

พวกเราขอบคุณท่านกันอีกรอบ ก่อนที่จะขนของขึ้นรถ แล้วล้อก็เริ่มหมุ่นเป้าหมายของเราที่แรกในวันนี้คือ คุนหมิงเมืองเลย

Game
See you Next Game

-----------------------------------------------------------------------
มีของมาฝากอีกแล้วครับ^^

Music inspired by Novel Ver. 2 (MV ประกอบนิยาย) Destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก...รักของนายตัวบี
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=qSnlGIShTyo (https://www.youtube.com/watch?v=qSnlGIShTyo)
วันที่ลงคลิป 20/03/2015



Music inspired by Novel (MV ประกอบนิยาย) Destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก...รักของนายตัวบี
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=BjGcn-Mev1o (https://www.youtube.com/watch?v=BjGcn-Mev1o)
Update คลิปใหม่ล่าสุด 16/03/2015



คาแรกเตอร์ตัวละคร (Image Character) ในนิยายครับ
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=gmTmmxE-iMQ (https://www.youtube.com/watch?v=gmTmmxE-iMQ)
Update คลิปใหม่ล่าสุด 16/03/2015




ตัวอย่าง 18 เพลงประกอบนิยาย Destiny of B
18Track Musick inspire by novels Destiny of B Preview
>>>ลิงก์สำหรับท่านที่กดชมจากหน้าเว็บไม่ได้นะครับ https://www.youtube.com/watch?v=TstwrRw1zcA (https://www.youtube.com/watch?v=TstwrRw1zcA)
Update คลิปใหม่ล่าสุด 16/03/2015


------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
คงเป็นทริปที่เหนื่อยแน่ๆครับ มีลิงทโมนไปเป็นโขยง ขนาดนั้น 555+
คนอ่านอย่าพูดถึงเรื่องแก่ครับ คนเขียนสะเทือนใจ เอิ๊กกกกกก
จะพยายามลงรูปประกอบเรื่อยๆนะครับ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ^^
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะครับ

ป.ล คุณ IsDeer เข้าไปดู เกมส์ คนใหม่หรือยังครับ^^ ถ้ายัง กดวาร์ปไปเลยครับ^^

https://www.youtube.com/watch?v=BjGcn-Mev1o (https://www.youtube.com/watch?v=BjGcn-Mev1o)

ถ้าแบบเห็นหน้าชัดๆก็อันนี้เลยครับ
https://www.youtube.com/watch?v=qSnlGIShTyo (https://www.youtube.com/watch?v=qSnlGIShTyo)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 61st Up! 20/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 20-03-2015 12:33:00
ขอบคุณงับ  :pig4:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 61st Up! 20/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 22-03-2015 07:55:04
ไม่มีอะไรมาก และยังไม่ได้ลงตอนใหม่นะครับ แต่อยากจะบอกคนอ่านทุกๆท่านดังๆว่า

วันนี้ วันอาทิตย์ที่ 22 มีนาคม 2558 เวลา 7.57

ผมเขียนนิยายเรื่องนี้ ตอนสุดท้าย ตอนที่ 78 เสร็จแล้วคราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เหลือปรับปรุงให้ดี แต่เนื้อหาทั้งหมดเสร็จแล้วจบแล้วครับ    เอิ๊กกกกกกกกกกกกกกกก

จะค่อยๆทยอยเอาลงนะครับให้ได้อ่านกันนะครับ

นิยายเรื่องแรกของผมจบแล้ว 55555+

ขอบคุณครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 61st Up! 20/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 22-03-2015 15:01:28
ไม่ได้เข้ามาอ่านซะนานเลย เนื้อเรื่องไปไกลแล้ว แต่เห็นหนุ่มๆ มีความสุขกันก็ดีใจแล้วครับ

อีก 17 ตอนก็จะจบแล้วสิ ยังไม่รู้เรื่องในอดีตเลย

นิยายเรื่องแรกแต่แต่งได้ดีมาก อาจจะมีเรื่องการสะกดคำผิดนิดหน่อย แต่ไม่เสียอรรถรสครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 62nd Up! 23/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 23-03-2015 11:57:24
@ 62nd Game  – Lazy day in Chiangkhan

รถบัสนำพวกเราทั้งหมด 31 คน วิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 2 แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 12 ผ่านอีกด้านของมหาวิทยาลัยขอนแก่น มุ่งหน้าอำเภอชุมแพ ระหว่างทางต้องผ่านทางแยกเข้าไปอำเภอภูเวียง

“พวกมรึงดูไดโนเสาร์” ไอ้บีมตะโกนบอกให้พวกเราดูไดโนเสาร์ตัวโตตั้งอยู่กลางแยกที่จะเลี้ยวไปอำเภอภูเวียง
“ตัวแมร่งโคตรใหญ่” ไอ้ไบร์ทถึงกับอุทาน พวกเราก็เลยหันไปดูไดโนเสาร์ตัวโตของไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทกัน
“น่าแวะไปเที่ยวเนอะ” ไอ้เกมส์เปรยขึ้นมา
“จริงๆก็น่าไปนะโว้ย แต่เสียดายที่เราไม่มีเวลา” ผมเองก็อยากไปพิพิพิทธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่อำเภอภูเวียง เพราะเป็นอีกทีที่ควรมาเวลามาขอนแก่น
“เอาไว้วันเที่ยวน่ามาบ้านกรู เดี๋ยวกรูพามาอีกรอบก็ได้” ไอ้เคนเสนอไอเดีย
“เออ มรึงรับปากแล้วนะ” ไอ้เกมส์หันไปย้ำแล้วมันก็เดินไปเกี่ยวก้อยสัญญากับไอ้เคน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/United-0-_zpst524opfx.jpg)
Crรูปภาพจาก ทริปพาลูกเที่ยวอำเภอภูเวียง

เลยจากทางแยกรูปปั้นใดโนเสาร์มาไม่นานพวกเราก็มาถึงอำเภอชุมแพ รถบัสเราก็ผ่าเข้าไปกลางอำเภอชุมแพซึ่งเป็นอำเภอใหญ่อำเภอหนึ่ง เพราะอำเภอชุมแพเป็นชุมทางทางทิศตะวันตกของจังหวัดขอนแก่น แล้วรถบัสก็เลี้ยวขวาขึ้นทางหลวงหมายเลข 201 มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดเลย

พอเลี้ยวมาไม่นาน ผ่านอุทยานแห่งชาติภูกระดึง เป็นอีกทีท่องเที่ยวยอดนิยม แต่เที่ยวนี้เราไม่มีเวลาที่จะปีนขึ้นไป

“หนาวหน้าใครจะมาปีนภูกระดึงกับกรูบ้าง” ไอ้เบสต์ตะโกนถามพวกเรา
“กรูก็อยากนะ แต่ไม่รู้สังขารจะไหวป่าว” ไอ้วินตะโกนคุยกับไอ้เบสต์
“ไหวดิวะ แค่ไอ้บัดมาด้วยมรึงก็มีแรงแล้ว” ไอ้เบสต์ตอบกลับมาทำเอาไอ้วินถึงกับอ้าปากหว่อ
“วี๊ดดดวิ่ววว” เสียงเป่าปากดังไปทั่วรถ
“ครับ ถ้าวินเดินไม่ไหวเดี๋ยวผมแบกวินเองนะครับ” ไอ้บัดผู้ไม่รู้จักคำว่าเขินกล่าวไว้
“เอาไว้หนาวหน้ามาเที่ยวกันอีก” ผมเลยตะโกนบอกพวกมัน
“งั้นหนาวหน้าต้องมีอีกทริปนะไอ้โบ้ท” ไอบิวหันมาบอกพวกเรา

ผ่านอุทยานแห่งชาติภูกระดึงมาไม่นาน รถบัสก็เลี้ยวซ้ายพาเราเข้าสู่อำเภอหนองหิน เพื่อไปจุดหมายเลขในทริปของพวกเรา คุนหมิงเมืองเลย

“ที่แรกที่เราจะไปคือ ภูป่าเปาะ นะ” ผมถือไมค์อธิบายที่ๆเราจะแวะที่แรก
“เดี่ยวเราต้องลงจากรถบัส แล้วใช้บริการรถสาธารณะของที่นี่” ผมอธิบายกับพวกเรา
“รถอะไรวะ ในป่าในเขาแบบนี้ มีรถสาธารณะด้วย” ไอ้บูมถามผม
“มีดิวะ มาอยู่กับชาวบ้านก็ต้องใช้รถชาวบ้านหว่ะ” ไอ้บลูอธิบายแทนผม
“แล้วรถชาวบ้านนั้นมันรถอะไรวะ” ไอ้บาสยังคงสงสัย
“นั่นไงมรึง อีแต๊ก” ไอ้บลูชี้ไปที่รถบริการสาธารณธที่จอดเรียงกันอยู่เพื่อรอรับพวกเรา
“เหยดด” ไอ้บาสถึงกับอุทาน

แล้วรถก็มาถึงจุดแรกที่เราแวะคือ ภูป่าเปาะ พอก้าวลงจากรถ ความเย็นยะเยือกปะทะเข้าหน้าพวกเรา หายใจออกมาเป็นไอน้ำกันหมดทุกคน ดีที่เตรียมเสื้อกันหนาวมากันแล้ว

“หนาวไหม” ไอ้บอสถามผม
“อืมม หนาวอ่ะ” ขนาดผมมีทั้งเสื้อกันหนาวและผ้าพันคอ
“ยืนมือมา” ไอ้บอสบอกผม ผมส่งมือไปไอ้บอสเอามือทั้งสองข้างมาจับมือผมแล้วถูกไปมา ผมมองหน้ามันแล้วก็ยิ้มอย่างสุขใจกับความเอาใจใส่ที่บอสมีให้กับผมเสมอ

รถอีแต๊กของชาวบ้านให้บริการอยู่ ขึ้นได้คันละ 10 คนราคาคนละ 60 บาท เท่านั้นพวกเรานั่งรถอีแต็กมาไม่นานก็ถึงจุดชมวิวแรก ภาพที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้ก็คือ ฟูจิเมืองเลย เป็นภูเขาที่มีชื่อจริงๆว่าภูหอ มีรูปร่างคล้ายๆกับภูเขาไฟฟูจิที่ปรเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ยังไม่สายมากยังมีทะเลหมอกลอยตัวอยู่ด้านล่างแล้วมองเห็นภูหอเป็นยอดทะลุทะเลหมอกขึ้นมา ตรงด้านหน้ามีระเบียงที่ทำไว้ยืนไปบนยอดผาเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกัน
 
ตอนนี้มหกรรมถ่ายรูปแบบรัวๆ ก็เกิดขึ้น ที่หนักที่สุดก็คงเป็นไอ้เบลกับไอ้เคน ช่างถ่ายภาพประจำกลุ่มที่คอยสั่งให้พวกเราขยับซ้ายบ้างขวาบ้าง เพื่อให้รูปออกมาสวยตามประสาคนเล่นกล้อง สุดท้ายก็เป็นรูปหมูทั้ง 31 คน ที่ไอ้เบลกับไอ้เคนใช้ขาตั้งกล้องแล้วตั้งเวลาให้กล้องทำงานอัตโนมัติ เก็บเป็นภาพประทับใจที่แรกที่พวกเราแวะกัน

นั่งอีกแต๊กมาอีกไม่นานก็จะเป็นจุดชมวิวที่สอง ที่นี่มีเอกลักษณ์ตรงที่มีชิงช้าไม้อันใหญ่ ไว้ให้เราถ่ายรูปถ้าลมหนาวกัน ไอ้เบลกับไอ้เคน จัดให้พวกเราถ่ายรูปเป็นคู่ๆ แล้วถึงมาถ่ายแบบมวลหมู่กันปิดท้าย จนได้รูปสวยสมใจไอ้เบลกับไอ้เคน

พอถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้วพวกเรานั่งอีแต็กกลับลงมาจากภูป่าเปาะ ที่นี่เปรียบเสมือนเป็นออเดิร์ฟจานแรกในทริปนี้ พวกเราก็กลับมาขึ้นรถบัสแล้วเดินทางไปเป้าหมายหลักของพวกเราในวันนี้ สวนหินผางาม หรือ คุนหมิงเมืองเลย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/United-1_zps7uqxjn3q.jpg)
Cr รูปภาพจาก wwwtaklong-com,เว็ปไซด์เที่ยวเมืองเลย, ไอ้คล้าวผจัญภัย @พันทิป

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-2_zpsigksoplr.jpg)
Cr.รูปภาพจากคุณphupapoa-002 @ พันทิป, www.thairath.com


...........


รถบัสเลี้ยวเข้ามาจอดตรงศุนย์บริการนักท่องเที่ยว พวกเราทยอยลงจากรถมาก็เจอภาพที่ประทับใจ เห็นภูเขาหน้าผ้าหินปูนขนาดใหญ่ตั้งตะหง่านอยู่ทามกลางต้นไม้ใหญ่น้อย มีป้ายใหญ่ทำจากหินอ่อนสีดำเขียนว่า สวนหินผางาม ตั้งเด่นอยู่ทามกลางสวนย่อมที่จัดไว้อย่างสวยงาม

“สวัสดีครับ” พี่ไกด์ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของอุทยานทักทายพวกเรา
“วันนี้มากันกี่ท่านครับ” พี่เจ้าหน้าที่ถามพวกเรากลับมา
“33 คนครับ” บอสตอบพี่กลับไปแทนพวกเรา

“คุนหมิงเมืองเลยหรือสวนหินผางาม เป็นกลุ่มภูเขาหินปูนขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ บนเขาเต็มไปด้วยโขดหินและหน้าผารุปร่างแปลกตา มีต้นไม้แคระขึ้นอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะต้นจันทน์ผา”  พี่เจ้าหน้าที่เริ่มอธิบายถึงที่นี่

“ภูเขาบางลูกสามารถเดินทะลุผ่านได้ บางลูกก็เป็นซอกหินสลับซับซ้อน เหมือนเขาวงกต มีเส้นทางชมธรรมชาติและสวนหิน เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 1 ชั่วโมงนะครับ” พี่เจ้าหน้าที่อธิบายคร่าวๆถึงที่ๆพวกเราจะเดินชมกันและนี่เป็นจุดแรกที่พวกเราจะได้ advanture กัน

ผมกับเพื่อนๆเดินมากันไม่นาน ก็เริ่มเห็นก้อนหินรูปร่างต่างๆ ตามที่พี่เจ้าหน้าที่อธิบายไว้ หินบางก้อนมีรูปทรงคล้ายๆหน้าคน อันนี้ออกแนวหลอนๆ  บางก้อนเป็นรูปเต่า สุนัขหมอบ นี่พวกเรายังไม่ได้เข้าเขาวงกตเลยนะครับ

ทางขึ้นเขาวงกตเป็นทางเดินขึ้นสู่ภูเขาที่เหมือนกำแพงหินใหญ่ ระหว่างทางตามโดหินมีพืชพรรณแปลกขึ้นให้เห็นเช่น เมื่อถึงกำแพงหินแล้วต้องเดินขึ้นบันใด เดินลัดเลาะต่อไปตามซอกหิน บางที่ต้องมุดลอดกันไป มีโพรงถ้ำให้เห็นตามลักษณ์ของเขาหินปูน แล้วพวกเราเดินลงมาที่สะพานเหล็กที่พาดผ่านไปตามป่าที่มีไม้เลื้อยคลุมโขดหิน พวกเราเดินมาเรื่อยๆ เราก็จะมาถึงหุบเขาที่ล้อมรอบด้วยเพิงผาหินปูน

“โห สวยมากเลยพี่” ไอ้บัดถึงกับอุทาน เมื่อพวกเราเดินมาถึง
“ถ่ายรูปกัน” ไอ้เบลบอกให้พวกเรายืนรวมกลุม
“ไอ้ไปป์เข้ามาอีกนิด” ไอ้เบลบอกให้ไอ้ไปป์ขยับเข้ามาเพราะตกเฟรมไปแล้ว

“ที่ที่พวกเรากำลังยืนกันอยู่คือ แดนมหัศจรรย์ที่ 1 ที่เป็นเพิงพาหินขนานกันสองด้าน และจะเข้าสู่ชอ่งแคบที่เรียกกันว่าช่องอิสระนะครับ” พี่เจ้าหน้าที่อธิบายตอนที่พวกเรากำลังถ่ายรูปไปด้วย วิญญาณไกด์พี่เขาเข้มข้นมากครับ

พอถ่ายรูปกันเสร็จพวกเราก็เดินไปตามทางกันต่อทางเดินพาเข้าสู่ผาวงกตที่เป็นทางคดเคี้ยววกวนไปตามซอกผา มีโพร่งหินรูปร่างประหลาดมากมาย บางช่วงมีเถาวัลย์ห้อยลงมา ตรงนี้มีหินรูปร่างคล้าย หัวใจ คล้ายมงกุฎ พอเดินผ่านมาเรื่อยๆก็จะมาสู่จุดชมทิวทัศน์ที่เรียกกันว่าหอดูดาว เป็นจุดที่มองเห็นเทือกเขาหินปูนเป็นกำแพงล้อมรอบผืนป่าเบื้องล่างได้รอบทิศ จุดนี้ไอ้เบลกับไอ้เคน ก็จัดการเก็บรูปให้พวกเราทั้งเดี่ยว ทั้งคู่ และหมู่ พอเดินจากหอดูดาวจะตัดลงเขากลับลงมาที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นอันว่าเสร็จจากคุนหมิงเมืองเลย

พวกเราขอบคุณพี่เจ้าหน้าที่ที่ช่วยแนะนำพวกเรา จริงๆแล้วเดินมาเกือบชั่วโมงก็เล่นเอาหอบอยู่เหมือนกันเพราะต้องมุดต้องปีนกัน แต่ก็ได้ดูหินรูปร่างประหลาดเห็นบรรยากาศที่เรายืนอยู่ตรงกลางแล้วมีภูเขาล้อมรอบ แถมอากาศหนาวทำให้เดินกันอย่างสบายตัว

ไอ้บรูคกับไอ้พลัส ไอ้เบรฟกับไอ้พาย อาสาไปสั่งกาแฟที่ร้านกาแฟสดให้พวกเราหลังจากหากาแฟหาชาดื่มกันแก้กระหายเรียบร้อยก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-1_zpssox70j7a.jpg)
Cr.รูปภาพจากคุณ  sayan022 @ พันทิป,  รักจังเลย @ พันทิปwww.taklong.com
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-2_zpsyjl6vjxy.jpg)
Cr.รูปภาพจาก คุณ  yong_pop @พันทิป, pgha @ พันทิป,  wanshalala @ พันทิป, www.taklong.com


.............


รถบัสมุ่งหน้าย้อนกลับออกมาทางเส้นทางเดิมก่อนจะเลี้ยวซ้ายึ้นทางหลวงหมายเลข 201 อีกครั้ง ไม่นานก็ผ่านแยกอำเภอวังสะพุง ถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็จะไปเขตอนุรักษ์พันสัตว์ป่าภูหลวง เลี้ยวขวาก็จะไปจังหวัดหนองบัวลำภูและจังหวัดอุดรธานีรถบัสวิ่งมาไม่นานก็ถึงจังหวัดเลย พวกเราแวะทานมื้อกลางวันกันใกล้ๆตัวเมืองเลยพวกเราแวะร้านข้าวมันไก่ อาหารจานด่วนของคนไทย

“กรูเอาไก่ต้ม ของกรูไก่ทอด ไก่ต้มด้วย กรูไก่เอาไก่ทอด” พวกมันกำลังสั่งกันแบบไม่ลืมหูลืมตาเพราะหิวจัด
“เด่วพวกมรึง เอางี้ ใครเอาไก่ต้มบ้าง ยกมือ” ไอ้เบนซ์กำลังจัดการความเรียบร้อยโดยที่ไอ้เบียร์กำลังนับ
“ใครเอาไก่ทอด ยกมือครับ” ไอ้เบียร์นับและจดตัวเลข ก่อนจะถือกระดาษไปสั่งที่หน้าร้าน

พออิ่มท้องกันแล้วก็ขึ้นรถมุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงคาน ที่เราจะพักและเที่ยวกันในคืนนี้ รถมาติดไฟแดงที่สามแยกจุดสิ้นสุดทางหลวงหมายเลข 201 เราเลี้ยวขาเข้าสู่อำเภอเชียงคาน แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าสู่ถนนที่อยู่เกือบติดกับแม่น้ำโขง บรรยากาศบ้านไม้สองชั้นแบบเก่าที่เรียงลายอยู่เต็มสองฝากถนน ให้ภาพที่แปลกตาและน่าตื่นเต้นกับพวกเราไม่น้อย

สุดท้ายรถก็จอดให้พวกเราขนของลงที่พัก ที่พักเป็นบ้านไม้สองชั้นจำนวน 3 คูหาเรียงติดกัน อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ซึ่งปกติแล้วพ่อกับแม่เคน จะเปิดเป็น โฮมเสตย์ให้นักท่องเที่ยวแวะพัก แต่เพราะพวกเราจะมา ท่านก็เลยปิดให้พวกเราพักแทน พวกเราล่ะอดเกรงใจพวกท่านไม่ได้เพราะช่วงนี้เป็น Hi season ซะด้วย

พวกเราขนของลงกันเรียบร้อย รถบัสก็เข้าไปจอดในวัดเพราะตอนกลางคืนถนนเส้นนี้จะกลายเป็นถนนคนเดิน ปกติโฮมสเตย์หลังนี้มีห้องพักอยู่ประมาณ 18 ห้อง ใกล้เคียงกับจำนวนคนของพวกเรา ห้องไม่ได้ใหญ่มากแต่จัดตกแต่งไว้สวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกมีเท่าที่จำเป็น ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมมีจำนวนอยู่หลายห้องเรียงติดกันที่ชั้นล่างของบ้าน

ที่น่าตื่นเต้นคือมีระเบียงใหญ่ที่เป็นลานกว้างมีหลังคาอยู่ด้านหลังบ้านยื่นออกมารับวิวแม่น้ำโขง แม่น้ำสายใหญ่แบบเต็มตา ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านเราแล้ว บรรยากาศยามบ่ายกับวิวแบบนี้ประทับใจผมมาก

ผมชะโงกมองลงไปใต้เท้าเราเป็นถนนที่ใช้ได้แค่เดินกับจักรยานเท่านั้น ทอดยาวไปตลอดแนวแม่น้ำ น่าลงไปเดินกินลมชมวิวยามเย็นอย่างมาก

“แยกย้ายกันพักผ่อนใครอยากเดินเที่ยวตรงไหนอย่างไรก็ตามสบายเลยนะเพื่อนๆ” ผมบอกพวกมันที่รวมตัวกันครบที่ระเบียงหลังบ้าน
“แล้วเดี่ยว 18.00 น. ไปทานข้าวกัน”

“ไปป์มรึงไปกับพวกกรูป่าว” ผมเอ่ยปากชวนมันไปเดินเล่น
“ไม่เป็นไรมรึง มรึงไปกันสองคนเหอะ อุตส่าห์มาเที่ยวทั้งที” ไอ้ไปป์ปฏิเสธเราด้วยความเกรงใจ
“ไปเดินกับพวกกรูได้จริงๆนะ” ไอ้บอสย้ำกับไอ้ไปป์อีกที
“ไม่ต้องห่วงกรู กรูโอเค “มันหันมายิ้มกับพวกเรา
“เพราะไอ้เบิร์ดอยู่กับกรูทุกที” มันเอามือชี้ไปที่หัวใจมัน ผมกับบอสค่อยใจชื้นขึ้นมา เพราะก็อดห่วงมันไม่ได้ มันเป็นคนเดียวที่มาคนเดียว

ผมกับไอ้บอสเดินเลาะริมแม่น้ำโขงมาเรื่อย ถ่ายรูปเก็บเอาไว้กัน เซลฟี่กันซะส่วนมาก พอเดินสวนกับไอ้บูมกับไอ้นัทพวกเราทีก็ผลัดกันถ่ายรูปให้กัน เดินชมบรรยากาศเรือนแถวไม้ที่ทอดยาวสุดตา เป็นบรรยากาศที่หาดูได้ยากแล้วสำหรับบ้านเรา โดยเฉพาะกรุงเทพฯ ผมประทับใจกับรูปแบบเรียบง่ายของที่นี่มากๆ

 “เหนื่อยไหม” บอสหันมาถามผมหลังจากกลับมาพักเอาแรงที่ห้อง
“ไม่อ่ะ” ผมตอบมันตอนแผ่อยู่บนเตียง
“มีความสุขไหม” บอสถามผม แล้วก็เอามือชันหัวตัวเองขึ้นมานอนตะแคงข้างๆผม
“โคตรสุขเลยล่ะ ยิ่งอยู่กับบอสโบ้ทก็ยิ่งมีความสุข” ผมยิ้มตาหยีตอบมันไป
“บอสก็มีความสุขที่ได้อยู่กับโบ้ทนะครับ” มันมือมาลูบหน้าแก้มผมอย่างเบามือ
“โบ้ทก็เหมือนกัน” ผมทำปากขยับจุ๊บๆ อ้อนให้บอสจูบ บอสค่อยๆกดหน้าลงมาจูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ
“อ้อนจัง แค่นี้ก็หลงจะตายอยู่แล้ว” ไอ้บอสพูดจบก็หอมมาที่แก้มผมอีกฟอดใหญ่

ตกเย็นได้เวลานัดทานข้าวกัน พวกเราก็ค่อยๆเดินออกมาตามถนนที่ตอนนี้แปลสภาพเป็นถนนคนเดิน ร้านขายของต่างเปิดไฟกันสว่าง สีส้มสว่างไปตลอดถนน ไอ้บีมกับไอ้โอมตื่นเต้นกับถนนคนเดินมาก และแน่นอนที่เป็นช่วงเทศกาลวันหยุดยาว ผู้คนมากมายเดินกันเต็มถนน

เด็กหนุ่มหน้าตาดีทั้ง 31 คนเดินมากันเป็นกลุ่มการแต่งตัวก็ดูดีแต่และคนก็มีสไตล์ของแต่ละคนชัดเจน “แล้วจะเป็นจุดสนใจของผู้คนแถวนั้นไหม” “ตอบเลยว่า มากครับ” พวกเราเดินมากันไม่นานก็มาถึงร้านอาหารชื่อดังของอำเภอเชียงคาน ที่ใครมาก็ต้องมาทาน แน่นอนรวมถึงพวกเราด้วย แล้วมหกรรมการสั่งกับข้าวก็เริ่มต้นขึ้น

หลังจากทานกันอิ่มก็ได้เวลาเดินดูของกัน มีของขายมากมายโดยเฉพาะของที่ระลึก ผมยังอดซื้อฝากพ่อกับแม่ไม่ได้เลย ไอ้บอสก็ได้ของฝากที่บ้านมันด้วยเช่นกัน

“โอมๆลายนี้สวยไหมนะ” เสียงไอ้บีทหันไปถามไอ้โอมให้ช่วยเลือกเสื้อยืดที่ระลึก
“ตามใจบีมเลย” เสียงไอ้เกมส์ตอบกลับไป
“โอมชอบหรือเปล่าอ่ะ” ไอ้บีมยังคงย้ำถามเกมส์อีกครั้ง
“ทำไมอ่ะ ถ้าโอมไม่ชอบบีมจะไม่ใส่เหรอ” ไอ้โอมถามกลับ
“จิ๊” เสียงไอ้บีมจิปากใส่
“มึงนี่ก็ซื่อเนอะไอ้โอม” ไอ้บอสหันไปบ่นไอ้โอม
“ทำไมวะ” ไอ้โอมอดสงสัยไม่ได้
“ก็ไอ้บีมมันจะซื้อเสื้อคู่” ผมเอามือตบหลังไอ้โอมไล่ความซื่อบื้อของมันออกไปบ้าง
“อ๋อ” ไอ้โอมลากเสียงยาว
“ชอบครับ บีมเลือกตัวไหนมาโอมก็ชอบทั้งนั้นแหละ” ไอ้โอมหันไปง้อไอ้บีมแบบรัวๆ
“จริงเหรอมรึง” ผมแซวมันกลับ
“เออดิ ก็เมียกรูเลือกนี่” เจอคำนี้เข้าไปไม่เพียงแต่ไอ้บีมจะอ่อนระทวย แต่มันทำให้พวกเราตายกันยกกลุ่ม

กว่าจะกลับมาถึงที่พักก็เกือบ 3 ทุ่มแล้ว ไอ้บีมกับไอ้โอมแล้วก็ไอ้บลูกับไอ้บอมบ์กำลังจะไปซื้อเบียร์ที่ร้านมินิมาร์ทใกล้ๆ พวกมันตกลงกันไว้ที่ 3 ลัง กินกันให้พอหายเปรี้ยวปาก เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นมาใส่บาตรกันแต่เช้า พวกเราตั้งวงที่ตั้งที่ระเบียงใหญ่หลังบ้านที่ได้รับวิวแม่น้ำโขง ที่ตอนนี้มืดสนิท (แหม่ๆก็ต้องจินตนาการให้ได้บรรยากาศกันนิดนึงสิครับ)

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-1_zpsyfwop6vb.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-2_zps0hsnxdl7.jpg)
Cr.รูปภาพจาก  blog คุณ iRoeng, FB คุณaranbris, www.painaima.com



Game
See you Next Game



...........................................
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/2_zpsbkvu0mex.jpg)

-----------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ขอบคุณสำหรับคำขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ติดตามด้วยนะครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ kasarus
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ เรื่องในอดีตมีเฉลยแน่นอนครับ ขอบคุณสำหรับคำติชม ด้วยนะครับ ผมจะนำไปปรับปรุงแก้ไขครับ ขอบคุณสำหรับกำลังใจแล้วก็คอมเมนท์ด้วยนะครับ ขอบคุณครับ^^
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 62nd Up! 23/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 24-03-2015 14:04:12
เป็นกรุ๊ปทัวร์ที่ใหญ่มาก ไปถึงไหนก็ครื้นเครงกันตลอด
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 63rd Up! 24/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 24-03-2015 23:36:20
@ 63rd Game  – vegetables wars on Phu tub berk

เสียงปลุกเตือนจาก iphone ร้องลั่น ปลุกให้ผมกับไอ้บอสตื่นกันมาตั้งแต่  05.30 น. ผมเดินไปปลุกเพื่อนๆทีละห้อง แล้วรีบไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ แล้วก็ปลุกพวกมันซ้ำอีกรอบ ผมกับบอสลงมาข้างล่าง พี่แม่บ้านที่ดูแลโอมสเตย์ก็เตรียมของใส่บาตรซึ่งก็คือข้าวเหนียวไว้ให้พวกเราเรียบร้อยแล้ว

พวกไอ้เกมส์ไอ้ไบร์ท เริ่มทยอยลงมากันแล้ว พอเปิดประตูหน้าโอมเสตย์ออกมา ฟ้ายังมืดอยู่ ไอ้บัดกับไอ้วินที่เพิ่งลงมาถึงข้างล่างถึงกับสะดุ้ง

“กลับไปเอาเสื้อกันหนาวดีกว่า” ไอ้บัดกลับตัววิ่งขึ้นใบใดกลับไปที่ห้องทันที่ที่ไอเย็นพุ่งเข้า 
“บอกแล้วไม่เชื่อวินเอง” ไอ้วินบ่นสำทับปิดท้ายไป
“วินเอาผ้าพันคอไหม” ไอ้บัดยังมีน้ำใจห่วงตะโกนถามไอ้วินกลับมา
“มีแล้ว” ไอ้วินตอบกลับไปสั้นๆ
“ไอ้บัด หยิบเสื้อหนาวมาเพื่อพี่กับพี่ไบร์ทด้วยด้วย” ไอ้เกมส์ตะโกนฝากให้ไอ้บัดหยิบเสื้อกันหนาวมาเพราะห้องมันอยู่ติดกัน
“ครับพี่” เสียงไอ้บัดตะโกนตอบกลับมา

หมอกสีขาวลอยตัวลงมาต่ำจนถึงพื้นดิน แสงไฟจากเสาไฟฟ้าสีส้ม ตัดแสงมองให้พอมองเห็นได้ออกไปแต่ไม่ไกลมาก ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวตื่นเริ่มทยอยออกมารอใส่บาตรกันแล้ว

“แชด” เสียงไอ้บอสะกดถ่ายรูปจากกล้องมือถือ xperia มันกดถ่ายตอนผมเผลอ
“อ้าวจะถ่ายก้ไม่บอก” ผมหันไปบอกมัน
“แบบนั้นธรรมชาติดี” มันบอกผมแล้วก็เปิดรูปที่เพิ่งถ่ายเสร็จให้ดู

พระสงฆ์เริ่มเดินออกมาบินฑบาตรกันแล้ว พวกเราเข้าแถวหน้ากระดาน และนั่งลงบนเสื่อที่ปูเตรียมไว้เพื่อรอใส่บาตรพระกัน ผมนั่งข้างๆกับไอ้บรูคกับไอ้พลัส

“พลัสใส่ข้าวเหนียวนะ” ไอ้บรูคบอกไอ้พลัสให้เตรียมข้าวเหนียว
“เดี่ยวบรูคใส่กับข้าว”
“อืม” ไอ้พลัสตอบกลับมา
“ตอนรับพรพระอธิฐานดีๆนะ” ไอ้พลัสหันมาบอกไอ้บรูค
“ทำไมวะ” ผมอดสงสัไม่ได้
“ก็นี่เป็นครั้งแรกที่ใส่บาตรด้วยกันอ่ะ” ไอ้บรูคหันมาอธิบาย
“แหม่ น่ารักกันจริงวุ้ย” ผมอดแซวคู่ไอ้บรูคกับไอ้พลัสไม่ได้

ใส่บาตรพระกันเสร็จ พวกเราก็รอรับพรจากพระ เพื่อเป็นสิริมงคลกับพวกเรา ความรู้สึกดีๆ เป็นความรู้สึกอิ่มใจเกิดขึ้นกับพวกเราอย่างบอกไม่ถูก นี่คงเป็นผลจากการทำบุญ ทำความดี จิตใจก็มีความสุข

พวกเราทยอยกันขึ้นมาเก็บของ แล้วก็ทยอยกันไปอาบน้ำ

“แมร่งเย็นขนาดเครื่องทำน้ำอุ่นเอาไม่อยู่” ไอ้คริสบ่นกับไอ้บัดลอยออกมาจากห้องน้ำ
“มรึงก็รีบๆวิ่งผ่านน้ำสิ”  ไอ้บัดเสนอไอเดีย
“สัสกรูไม่ใช่มรึง” ไอ้คริสสบถด่าไอ้บัดข้ามห้องน้ำ เสียงไอ้วินกับไอ้บอลยืนขำกันอยู่หน้าห้องน้ำ
“ก็พวกมรึงอาบคนเดยวมันก็หนาวดิวะ” ไอ้บอสยืนรอคิวอาบน้ำอยู่หน้าห้องเสนอไอเดีย
“จริงเหรอพี่” ไอ้บัดถามเสียงหลงมาจากห้องน้ำ
“จริงดิ” ไอ้บอสตอบมันกลับไป
“บอสอ่ะ ทะลึ่ง” ไอ้วินรีบเบรก เพราะเริ่มรู้ชะตากรรมตัวเอง
“แกร็ก” เสียงไอ้บัดเปิดกลอน โผล่หน้าออกมา
“ตัวเองมาอาบน้ำกะเค้าหน่อย เค้าหนาว” ไอ้บัดทำหน้าทำตาอ้อนไอ้วิน
“อาบคนเดียวเลย” ไอ้วินตอบไอ้บัดไป แต่ไอ้วินกลับยืนเขินหน้าแดง
“นะ นะ นะครับ” ไอ้บัดยังคงอ้อนไอ้วินต่อไป
“ไปอาบเป็นเพื่อนมันเลย” ไอ้บอสเดินไปดันหลังไอ้วินไปหน้าห้องน้ำไอ้บัด
“ไอ้บอสนะไอ้บอส” ไอ้วินคาดโทษไอ้บอสที่มันทำให้มันเขินหนัก

“ลุยเลย” ผมบอกไอ้บอลและหยักหน้าสงสัญญาณให้ไอ้บอล เพราะผมรู้ว่าไอ้คริสคงไม่กล้าเหมือนไอ้บัส
“ก็อกๆ” เสียงไอ้บอลเดินไปเคาะหน้าประตูห้องน้ำไอ้คริส
“ไอ้บอลอาบเป็นเพื่อนไหมคริส” ไอ้บอลอ้อนไปแล้วครับ
“แกร็ก” ไม่มีเสียงตอบจากไอ้คริส แต่มีเสียงเปิดกลอนประตูห้องน้ำแทน
“ไอ้คู่นี้พูดน้อยต่อยหนักกันจริง” ผมหันไปบอกไอ้บอส แล้วพวกเราก็ยืนรอคิวอาบน้ำกันต่อไป
“จะเร็วขึ้นหรือช้ากว่าเดิมล่ะนี่” ไอ้บอสหันมาบ่นกันผม
“โบ้ทว่าอย่างหลัง” ผมหันไปยิ้มๆตอบไอ้บอส

เก็บของเตรียมออกเดินทางกันต่อ โดยจุดหมายแรกของเราคือแก่งคุดคู้ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอเชียงคานนัก แก่งคุดคู้เป็นแก่งหินขนาดใหญ่ที่กั้นขวางแม่น้ำโขง เราเห็นโขดหินยื่นตัวทอดยาวลงไปในแม่น้ำ แต่ยังมีทางพอให้น้ำไหลผ่านไปได้ หน้าน้ำหลากน้ำจะท่วมแก่งหินไปจนหมด

พวกเราลงมาถ่ายรูปกับตัวแก่งกัน และก็ซื้อของฝากที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็คือ มะพร้าวแก้วที่รสชาติหวานกำลังพอดี และเนื้อมะพร้าวสีขาวนุ่มลิ้น ทำให้เป็นของฝากยอดนิยมของที่นี่ ไอ้บูมกับไอ้นัท ไปหอบมะพร้าวแก้วมาทั้งฝากพวกเราและซื้อกลับบ้าน อีกตั้งสิบวันไม่รู้ว่าจะเหลือฝากที่บ้านหรือจะหมดก่อนกันแน่

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-1_zpswj2wlu5n.jpg)
Cr.รูปภาพ jeerapank-blog,www-manager-co-th,www-websitethaitour-com, คุณบัวหลิน @ พันทิป

พอขึ้นรถกันเรียบร้อย รถบัสนำพวกเราย้อนกลับลงมาตามทางหลวงหมายเลข 201 จนถึง อำเภอเมืองเลย แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21 มุ่งหน้าสู่อำเภอภูเรือ ต่อไป รถวิ่งไต่ภูเขามาได้ประมาณ 40 กว่ากิโลเมตร ก็เข้าเขตอำเภอภูเรือ รีสอร์ทสวยๆเริ่มมีเรียงลายให้เห็นตามทาง

พวกเราแวะทานมื้อกลางวันที่ภูเรือ เป็นร้านอาหารจานด่วนของคนไทยอีกตามเคยครับ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ข้าวหมูกรอบ ข้าวหมูแดง ครับเที่ยวนี้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าครั้งแรก เพราะไอ้เบียร์กับไอ้เบนซ์รับหน้าที่จดออเดอร์ให้พวกเรา

หลังจากเติมพลังให้ร่างกายเรียบร้อย รถบัสก็เลี้ยวขวาพาเราขึ้นภูเรือกัน รถของพวกเรามาจอดที่ผาโหล่นน้อย จากนั้นต้องเดินเท้าขึ้นยอดภูเรือกัน นักท่องเที่ยวมากางเต้นพักเต็มไปหมด เพราะเป็นวันหยุดยาว พวกเราขึ้นไปถ่ายรูปกันบนยอดภูเรือ บรรยากาศสวยมาก ขนาดเที่ยงแล้วด้านล่างยังคงเต็มไปด้วยทะเลหมอก เห็นยอดเขาโผล่สลับขึ้นมาจากทะเลหมอกสวยจนไม่คิดว่าที่นี่เมืองไทย

“พวกมรึงมาถ่ายรูปตรงนี้กัน” ไอบลูชวนพวกเรามารวมกันถ่ายรูปกับแลนด์มาร์กสำคัญของภูเรือ ป้าย “ยอดภูเรือ” 

พอรวมตัวตามคำชวนของไอ้บลูกันครบ ไอ้เบลกับไอ้เคนตั้งกล้องถ่ายอัตโนมัติเสร็จพวกมันสองคนก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาถ่ายรูป เก็บเป็นที่ระลึกเอาไว้ว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวกันที่นี่

“พวกมรึงไหว้พระกันหรือยัง” ไอ้บอมบ์ถามพวกเราหลังจากถ่ายรูปเสร็จ
“ยังเลยหว่ะ” ไอ้บาสตอบไอ้บอมบ์กลับไป
“อยู่ตรงไหนวะ” ไอ้ปั๊ปหันมาถาม
“ตรงโน่น” ไอ้บอมบ์ชี้มาที่ซุ้มที่ประดิษฐานพระพุทุธรูปอยู่บนยอดภูเรือ
“ไปกันกราบพระกันพวกมรึง” ไอ้บาสหันมาชวนพวกเรากัน

พวกเราเดินมากราบพระกันพอกราบพระกันเสร็จก็เสร็จภาระกิจ บนยอดภูเรือ รถบัสพาพวกเราลงมาจากภูเรือ รถกลับเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 21 มาไม่นานก็ถึงร้านไวน์ชื่อดัง ชาโตเดอเลย ก่อนจะมุ่งหน้าสู่อำเภอด่านซ้าย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-1_zpswl6ieb2r.jpg)
Cr.รูปจาก travel-mthai-com,www-fotorelax-com,www-sarosharesort-com,www-tourismthailand-org
“คุณเบลจะแวะถ่ายรูปกันที่รูปปั้นผีตาโขนไหมครับ” พี่พนักงานขับรถคนที่สองขึ้นมาถามพวกเรา เพราะจริงๆแล้วนอกโปรแกรมแต่แกคงเห็นว่าไหนๆก็มาแล้ว
“ครับ แวะก็ดีครับพี่” ไอ้เบลตอบคนขับรถกลับไปก่อนที่รถจะค่อยๆชะลอความเร็ว

รูปปั้นผีตาโขน ที่อำเภอด่านซ้ายทำรูปปั้นขนาดใหญ่เอาไว้ตอนรับนักท่องเที่ยวก่อนเข้าตัวอำเภอ

พอเก็บรูปแบบมวลหมู่เสร็จแล้วก็แยกกันถ่ายเดี่ยวถ่ายคู่
“มรึงอย่าทำหน้าน่ารักอย่างนั้นสิ” ไอ้เบรฟบ่นไอ้พาย
“หืมม ทำไมอ่ะ” ไอ้พายที่ยืนอยู่กับรูปปั้นผีตาโขนคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ก็กรูเขินที่กรูมีแฟนน่ารัก” ไอ้เบรฟอวยแฟนตัวเองซะงั้น
“งั้นแฟนผมก็น่ารักด้วยสินะครับ” ไอ้บรูคอวยของตัวเองมั่ง
“ก็แน่ละสิก็ฝาแฝดกันนี่หว่า” ไอ้เคนถอนหายใจกับตรรกะของไอ้บรูค

ไอ้พลัสกับไอ้พาย ตัวก็สูงเท่าๆกัน เป็นนักกีฬาว่ายน้ำเหมือนกัน แถมหน้าเกือบจะเหมือนกันถ้าไม่สังเกตุดีๆนี่ทักผิดเอาง่ายๆ

พอถ่ายรูปกันเสร็จก็มุ่งหน้าสู่อำเภอหล่มเก่า รถบัสนำพวกเราเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2331 มุ่งหน้าตามทางที่คดเคี้ยวขึ้นภูทับเบิก

ภูทับเบิกกับภูหินร่องกล้า จริงๆแล้วเป็นภูเขาลูกเดียวกัน ด้านที่หันมาทางฝั่งเพชรบูณ์เรียกภูทับเบิก ส่วนด้านที่หันไปทางจังหวัดพิษณุโลก จะเรียกว่าภูหินร่องกล้า ทางขึ้นภูทับเบิกเป็นทางที่ลดเลี้ยวไปทางไหล่เขาค่อนข้างชัน สภาพรอบเต็มไปด้วยไร่ผักเมืองหนาวของชาวบ้านแถวๆนี้ ที่เยอะที่สุดคงเป็นกะหล่ำปรี นักท่องเที่ยวนิยมมากางเต้นนอนกัน ภูทับเบิกเริ่มมีชื่อเสียงไม่นานนี้

พวกเราแวะเยี่ยมชมไร่กะหล่ำปลีของชาวบ้านซึ่งเรียงตัวกันสวยงามจนสุดตา ที่นี่แหละครับ ต้นตำหรับของกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา รสชาติแอบบออริจินอลต้องที่ภูทับเบิกเท่านั้น

“ไอ้เชี่ยบาส หน้ามรึงใหญ่กว่ากะหล่ำอีก” ไอ้บูมกัดเพื่อนซี้มันดังลั่นไร่กะหล่ำปลี
“สัสบูม ถ่ายไปอย่าพูดมาก” ไอ้บาสเขวี่ยงหมามาด่าไอ้บูมแล้วครับ
“แหม่ๆ คนถ่ายรูปนี่หน้าไม่ใหญ่ ไม่ใหญ่เลย” ไอ้ปั๊ป แซวไอ้บูมแทนไอ้บาส
“แหม่ๆ คนของมรึงออกหน้าแทนเลยนะไอ้บาส” ไอ้บูมเงยหน้าจากกล้องมาแซว ทำเอาไอ้ปั๊ปยืนหูแดงอยู่ตรงนั้น
“ไม่ต้องแซวที่รักกรูเลยมรึง ของมรึงหน่ะเดินมาโน่นแล้ว” ไอ้บาสชี้ไปทางไอ้นัท ที่เดินถือบ็อกโคลี่ดอกโตๆเดินมาโน่น
“ตะเอง เค้าโดนไอ้คู่นี้รุม” ไอ้บูมฟ้องไอ้นัททันทีที่เดินมาถึง
“ใครรุมแฟนผม เดี๋ยวฟาดด้วยบ็อกโคลี่” ไอ้นัทหันมาคู่ไอ้บาสกับไอ้ปั๊ป
“ใครจะกลัววะฟาดมันเดียวมันก็เขวี่ยงกะหล่ำใส่มรึงพอดี” ผมหัวเราะกับไอ้เดียวเป็นเด็กๆของไอ้พวกนี้

หลังจากอิ่มใจกับกับภูทับเบิกเรียบร้อยรถบัสก็พาพวกเราไต่ขึ้นมาที่ภูแผงม้า เป็นภูที่ห่างจากภูทับเบิกมาแค่ 3 กิโลเมตร และเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในอุทยานภูหินร่องกล้า วิวที่มองลงมาคือเห็นภูทับเบิกทั้งหมด เป็นภาพที่สวยงามมากๆ

พอาถ่ายรูปกันบนภูแผงม้ากันเสร็จ ก่อนที่จะทยอยกันขึ้นรถบัส แล้วพวกเราก็เดินทางกันต่อมาที่ตัวอุทยานภูหินร่องกล้า ที่เราจองที่พักไว้และจะใช้เป็นที่นอนในคืนนี้

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-5_zpsxkvoetmd.jpg)
Cr.รูปภาพจาก thaimisc-pukpik-com,thai-tourismthailand-org,www-chaoswalker-com,www-cosmenet-in-th
.........

ผมกับบอส วิ่งลงไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ ที่ที่ทำการอุทยาน ตรงหน้าอุทยานพวกไอ้บรู๊คกับไอ้พลัส ไอ้เบรฟกับไอ้พาย แล้วก็ไอ้บูลกับไอ้บอมบ์ ลงมาถ่ายรูปกันพอติดต่อกับอุทยานเรียบร้อยผมก็เรียกไอ้พวกนั้นขึ้นรถ และมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ขี้มอเตอร์ไซด์นำรถพวกเราไปยังบ้านพักที่จองไว้

บ้านที่จองไว้เป็นบ้านหลังใหญ่สุด ที่รอบตัวบ้านเป็นปีกไม้ บ้านมีลักษณะเหมือนกระท่อมแบบฝรั่ง บ้านพักของอุทยานตั้งอยู่บนสันเขาค่อยๆไล่ระดับลงไป มีอยู่หลายสิบหลัง ผมกับบอสกับพวกเพื่อนๆเอากระเป๋าเข้ามาเก็บภายในตัวบ้านกัน ภายในตัวบ้านแบ่งออกเป็น 3 ห้องนอนใหญ่ 1ห้องนอนเล็กและ 1 ห้องรับแขก ภายในห้องนอนแต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว และมีห้องน้ำส่วนกลางที่ห้องรับแขกอีก 1 ห้อง ภายในห้องนอนมีฟูกเรียงกันเป็นตับมีหมอนกับผ้าห่มเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ

ห้องนอนแรก มีผมไอ้บอส ไอ้บาสไอ้ปั๊ป ไอบูมไอ้นัท ไอ้เบสต์ไอ้แดน ไอ้บิวไอ้ริว
ห้องนอนที่สองมี ไอ้เบนซ์ไอ้เบียร์ ไอ้บรูคไอ้พลัส ไอ้เบรฟไอ้พาย ไอ้บลูไอ้บอมบ์ ไอ้เบลไอ้เคน แล้วก็ไอ้ไปป์
ห้องนอนที่สามมี ไอ้ไบร์ทไอ้เกมส์ ไอ้บีมไอ้โอม ไอ้แบงค์ไอ้อาร์ม ไอ้บัดไอ้วิน ไอ้บอลไอ้คริส

พอเก็บของกันเสร็จ พวกผมก็ขึ้นรถบัสไปเยี่ยมชมสถานที่แรกบนภูหินร่องกล้า นั่นก็คือ ลานหินแตกรถบัสพาพวกเรามาส่งที่ลานจอดรถหน้าฐานพัชรินทร์ไม่ไกลจากที่ทำการอุทยานเท่าไรนัก แล้วพวกเราต้องเดินเท้าเข้าไป ระยะทางประมาณ 300 เมตร พวกเราลงจากรถ ก็เป็นเวลาเกือบจะ 17.00 น.แล้ว

ลานเห็นแตกเป็นลานหินตะปุ่มตะป่ำขนาดใหญ่ มีพื้นทีหลายสิบไร่ แต่ที่เรียกว่าลานหินแตก เพราะมีการแตกตัวของหินเป็นร่องลึกหลายสิบเมตร เป็นริ้วๆไปตลอดแนวลานหิน พวกเราเดินข้ามรอยแตกด้วยสะพานที่อุทยานทำเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวเดินข้าม หลายสิบสะพาน ธรรมชาตินี่ก็สร้างสรรค์อะไรแปลกๆให้เราได้มาเที่ยวชม พวกเราไม่หลงทางเพราะมีป้ายคอยบอกทางเป็นระยะที่อุทยานทำไว้ให้ พวกเรามานั่งพักตรง จุดชุมพระอาทิตย์ตกที่ลานหินแตก เป็นลานหินที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดบนอุทยานเลย

“โคตรสวยเลยหว่ะ” ไอ้ไบร์ทหันมาบอกผม ภาพท้องฟ้าเป็นสีส้มกับพระอาทิตย์ดวงโตสีส้มกำลังหายไปที่ขอบฟ้า
“อืม สวยจริงๆหวะ” ผมตอบไอ้ไบร์ทกลับไป
“แต่ที่สวยจับใจเพราะมากับไอ้เกมส์ใช่ไหมไบร์ท” ไอ้บอสเริ่มแซวไอ้ไบร์ท
“แหม่ๆ ได้ทีแซวเลยนะไอ้บอส” ไอ้เกมส์รีบเบรก
“ใครจะสู้คู่ของคุณได้ครับ หวานกันได้ตลอดเวลา” ไอ้เกมส์แซวคืน

ถูกของไอ้เกมส์มันนะครับ ธรรมชาติสวยงามแต่มันจะจรดลึกลงไปในความทรงจำของเราได้ลึกกว่าก้เพราะเราได้มาชื่นชมธรรมชาตินั้นกับคนที่เรารักแล้วเขาก็รักเรา

พอพระอาทิตย์ลับของฟ้าพวกเราก็กลับมาขึ้นรถบัสที่หน้าฐานพัชรินทร์  พวกเราแวะสั่งมื้อเย็นที่ร้านอาหารชื่อดังบนตัวอุทยานเรียบร้อยแล้วก่อนจะออกมาลานหินแตก ร้านนี้เป็นเจ้าแรกที่เอาแครอทมาต่ำส้มตำ เย็นนี้เราฝากท้องกันที่ร้านนี้ก่อนจะตุนสะเบี้ยงไว้สำหรับแคมป์ปิ้งกันเบาๆในคืนนี้

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Untitled-1_zpspavfm1ng.jpg)
Cr.รูปภาพจาก travel-mthai-com-blog,www-pixpros-net1,www-weekendhobby-com

พอกลับมาถึงบ้านพัก ไอ้บีมไอ้โอม แล้วก็ ไอ้บิวกบไอ้ริวช่วยกันก่อกองไฟ ที่ทางอุทยานเตรียมสถานที่ที่มีลักษณะเหมือนเตาไว้ให้นักท่องเที่ยวจุดไฟ สำหรับแคป์ปิ้งไว้ จะได้ป้องกันการก่อกองไฟในทีที่ไม่ควรก่อ พวกเรานั่งจิบเบียร์คุยกันถึงเรื่องมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน กับเรื่องอนาคตที่อยากเป็นกัน

ที่ภูหินร่องกล้านอกจากจะมีธรรมชาติ ป่าสนที่ขึ้นเฉพาะที่สูงและความประหลาดของลานหินต่างๆให้เราชมแล้ว ที่แห่งนี้ยังเคยเป็นสมรภูมิของคนไทยที่เคยขัดแย้งกันด้วยความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกัน ระบบประชาธิปไตยกับระบบคอมมิวนิตส์ มีอนุสรณ์สถานต่างๆที่ทำให้เราระลึกถึงความไม่เข้าใจกันของคนในชาติ เพื่อเตือนสติของพวกเราไม่ให้ทำแบบนั้นอีก

Game
See you Next Game

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/3_zpsemkwhq9f.jpg)

-----------------------------------------------------------------------------

ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ kasarus
คุณ kasarus ตามมาเที่ยวกับ บอสกับโบ้ท ด้วยนะครับ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 64th Up! 26/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 26-03-2015 15:17:14
@ 64th Game  – Hansome mens in Phu hin rong kla

ผมถูกปลุกด้วยหอมฟอดใหญ่จากบอส พวกเราสองคนซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ ผมหันตะแครงข้างเข้าหาบอส เอามือข้างขวาคล้องไปที่เอวของบอส บอสค่อยๆประทับริมฝีปากอุ่นๆลงที่ริมฝีปากผมแล้วเม็มขบเบาๆที่ริมฝีปากด้านบนของผม ผมเผยอปากเมมไปที่ริมฝีปากล่างของบอส บอสค่อยๆสอดลิ้นเข้ามา ไออุ่นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย บอสเริ่มเร่งเล้า ผมตอบสนองบอสด้วยลิ้นคืนไปเช่นกัน เราจูบกันอยู่นาน ก่อนที่ผมจะถอนริมฝีปากออก ก่อนที่เราจะหยุดกันไม่อยู่...

ผมค่อยยันตัวลึกขึ้นนั่ง ไอ้บาสนอนกอดไอ้ปั๊ปจากด้านหลังอยู่ที่นอนข้างๆ ไอ้นัทซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนไอ้บูมอยู่ที่นอนถัดไป ส่วนไอ้บิวก็นอนกอดไอ้ริวอยู่ใต้ผ้าห่ม คู่หูอินดี้ไอ้เบสต์กับไอ้แดนก็สวีทไม่แพ้คู่อื่นๆเหมือนกัน

“ไปอาบน้ำกัน” ไอ้บอสบอกผมพร้อมกับคว้ากระป๋าของใช้ในห้องน้ำแล้วลุกขึ้นยืน
“อืม” ผมตอบบอสกลับไป บอสยืนมือมาดึงตัวผมลุกขึ้นเดินเข้าไปห้องน้ำด้วยกัน
“สวีทจังเลยนะพวกมรึงอาบน้ำด้วยกันด้วย” ไอ้บาสแซวพวกเราทันทีที่ก้าวอออกจากห้องน้ำ
“สวีทเชี่ยไร อาบสองคนเร็วดี” ผมแก้ตัวรัวๆ
“คู่มรึ่งแหละไปอาบน้ำได้แล้ว” ผมไล่ไอ้บาสกับไอ้ปั๊ปไปอาบน้ำ พวกมันตื่นกันแล้วแต่ยังไม่ลุกออกจากที่นอน

“บูมครับ นัทครับ บิวครับ ริวครับตื่นได้แล้ว” ไอ้บอสเดินไปเขย่าขาไอ้บูมกับไอ้บิวที่นอนติดๆกัน

“เมื่อกี้ได้ยินใครบอกว่าใครอาบน้ำกับใครวะ” ไอ้เบสต์แซวพวกผมแล้วก็ดันตัวลุกขึ้นนั่ง
“กรูพูดเอง” ไอ้บูมส่งเสียงออกมาจากใต้ผ้าห่ม
“งั้นเราไปอาบด้วยกันบ้างไหมแดน” สิ้นเสียงไอ้เบสต์ก็คว้าข้อมือไอ้แดน แล้วไอ้สองคนก็เดินไปเข้าห้องน้ำด้วยกันตัดหน้าคู่ไอ้บาสกับไอ้ปั๊ปไปแล้ว

พอคู่หูอินดี้ออกมา คู่หูนักดนตรีไอ้บิวไอ้ริวก็ไปอาบต่อ ต่อด้วยคู่หูชมรมเชียร์ ส่วนไอ้คู่หูวงโยมัวแต่จู๋จีอยู่ในผ้าห่มเลยได้อาบเป็นคู่สุดท้าย

……..

ผมเดินไปปลุกห้องอื่นๆ ให้ทำธุระส่วนตัวกัน เพราะวันนี้มีโปรแกรมต้องไปเดินป่าเที่ยวที่ต่างๆบนภูหินร่องกล้ากัน หลังจากทำธุระส่วนตัวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เก็บของทยอยกันเอาขึ้นรถ เพราะเดินป่าเสร็จก็จะได้ลงจากภูหินร่องกล้าไปจุดหมายต่อไปกันเลย

มื้อเช้าพวกเราคือข้าวต้มทรงเครื่อง ที่สั่งให้ที่ร้านอาหารที่เราไปทานกันตอนเย็นเตรียมไว้ให้ พออิ่มทองเรียบร้อย ก็ขึ้นรถบัสจุดแรกที่พวกเราแวะก็คือ กังหนน้ำ เป็นกังหันไม้ที่ใช้พลังงานในการขับเคลื่อน ที่คนที่มีความคิดต่างในสมัยก่อนสร้างขึ้นมาใช้ประโยชน์จากพลังงานน้ำในการตำข้าว ตัวกังหันเป็นไม้ ตั้งอยู่ริมน้ำตกเล็กๆ มีรางน้ำนำน้ำจากริมหน้ำตกมาป้อนเข้ากังหันเพื่อหมุนมันการตำข้าว ต้องเดินลงมาจากริมถนน เป็นทางเดินที่ไม่ชันมากลงมาประมาณ 100 เมตร

พวกเราถ่ายรูปกันเพราะเป็นน้ำตกเล็กๆที่สวยงาม และกังหันน้ำที่ทำจากไม้อันใหญ่ก็หมุนอยู่ตลอดเวลา ส่งให้สากกับครกไม้อันใหญ่กระทบกันส่งเสียงออกมาก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-huaipaicomputer-com1_zpsry2vuktu.jpg)
Cr.รูปภาพ www-huaipaicomputer-com1


“ไอ้เบสต์ไอ้แดนระวังลื่นกันด้วยนะพวกมรึง” ไอ้บอสตะโกนบอกไอ้สองคน ค่อยๆปีนขึ้นไปบนน้ำตก
“เออ” เสียงไอ้เบสต์ตอบไอ้บอสกลับมา

น้ำตกเป็นน้ำตกขนาดเล็กสูงประมาณ 3 เมตร มีที่สามารถเลาะโขดหินขึ้นไปด้านข้างได้ แล้วไอ้สองคนก็ไปยืนบนน้ำตกแล้วก็แอกชั่นท่าฮีโร่ให้ไอ้เบลกับไอ้เคนถ่ายรูปเก็บเอาไว้

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/This%20road%20is%20mine%20_zpsrf1ytgdj.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-huaipaicomputer-com


พอขึ้นมาจากกังหันน้ำ ก็ข้ามฝั่งมาเดินชมโรงเรียนการเมืองและทหาร ที่สมัยก่อนใช้เป็นที่สอนลัทธิขคอมมิวนิสต์ ที่ตรงนี้มองหาได้ยากจากทางอากาศ เพราะมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นปกคลุมหนาทึบ มองทะลุลงมาได้ยาก มีกระท่อมที่ใช้เป็นที่เรียนและที่พักทำจากไม้ หลังคาทำจากไม้ที่ทำเป็นแผ่นบางๆเรียงซ้อนกัน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-thetrippacker-com_zpsyaai5exr.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-huaipaicomputer-com_zpsnucpwsyx.jpg)
Cr. รูปภาพจาก www-thetrippacker-com,www-huaipaicomputer-com

ฝ่งตรงข้ามโรงเรียนการเมืองและทหาร ก็มีแผงขายของของชขาวบ้านมาตั้งขายกันเรียงราย ส่วนมากเป็นผัก ผลไม้ ดอกไม้กระดาษ แล้วก็ของชาวเขา พอเดินดูโรงเรียนและดูร้านขายของกันเสร็จ พวกเราก็ขึ้นรถมายังจุดสุดท้ายที่พวกเราจะแวะบนภูหินร่องกล้า คือการเดินชมธรรมชาติและป่าที่ทางอุทยานจัดเป็นทางเดินไว้ให้นักท่องเที่ยว

รถบัสจอดที่ลานจอดรถ พวกเราเดินลงมาดูแผนทีที่อุทยานฯจัดไว้ให้บนบอร์ด พอกำหนดเส้นทางกันแล้ว ก็เริ่มเดินกันเลย ทางตัดผ่านโขดหินที่มีน้ำไหลอ่อยๆ ผ่านมาตามหิน แล้วผ่านป่าสนแล้วกมาถึงจุดแรก
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/This%20road%20is%20mine%201_zpsb8owobxy.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/This%20road%20is%20mine%202_zpsjfc1plcg.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/%201_zpsahz1fnyi.jpg)
Cr. รูปภาพจากคุณ This road is mine @ พันทิป และคุณ ดอกปีป @ พันทิป

ที่เป็นจุดที่ทางเดินแยกออกเป็นสองสาย เป็นโขดหินขนาดใหญ่ที่พวกเราต้องเดินขึ้นไป พอขึ้นไปถึงบนนั้นก็มองเห็นทางเดินแยกออกเป็นสองฝั่ง เราเลือกเดินไปทางซ้ายเพื่อจะไปที่ ลานหินปุ่นเป็นที่แรก ระหว่างทาง มีหินรูปร่างแปลกๆ มีหินก้อนเล็กอยู่ข้างร่างแล้วหินก้อนใหญ่ซ้อนอยู่ข้างบนอีกชั้น รูปร่างคล้ายๆเห็ด 

“ไอ้แบล ถ่ายรูปให้กรูหน่อย” ผมไปยืดทำเท่ห์ เอานิ้วชี้จิ้มไปบนหินก้อนใหญ่ แล้วแอกชั่นทำเป้นยกก้อนหินก้อนนั้นด้วยนิ้วเดียว
“แหม่เทห์เลยนะมรึง” ไอ้เบลแซผมก่อนจะกดชัดเตอร์ถ่ายรูปให้
“กรูบ้าง” ไอ้แบงค์เดินขึ้นมายืนตำแหน่งผม
“อะไรเท่ห์ๆขอให้บอกแบงค์ ใช่ไหม” ผมแขวะมันไป
“ถูกต้องแล้วครับ” มันทำมือคุณปัญญาใส่ผม
“มรึงอ่ะลงไปได้แล้ว ชิ้วๆๆ” มันทำเสียงไล่ผม
“ไอ้ห่า กรูไม่ใช่หมา” ผมด่ามันกลับ ก่อนจะเดินลงมาให้ไอ้แบงค์แอ็คชั่นท่าเท่ห์ถ่ายรูป

ไอ้เบลกับไอ้เคนเลยได้โอกาสเก็บรูปพวกเราจนครบทุกคน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/%20_zpsxacfknvb.jpg)
Cr. รูปภาพจากคุณดอกปีป @ พันทิป

เดินมาอีกหน่อยก็เป็นหินก้อนใหญ่สูงสัก 10 เมตร มีทางขึ้ที่พอจะปีนขึ้นไปได้ ไอ้เบลกับไอ้เคนเลยเกิดไอเดีย ให้พวกเราปีนขึ้นไปบนนั้น แล้วมันสองคนก็ตั้งกล้องกับขาตั้งกล้อง ตั้งเวลาถ่ายอัตโนมัต แล้วก็ใส่ตีนแมวโกยขึ้นมาถ่ายรูปกับพวกเรา

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/This%20road%20is%20mine%203_zpsr7yri89f.jpg)
 Cr. รูปภาพจากคุณ This road is mine @ พันทิป

ทางเดินตัดผ่านลำธารเล็กๆ ลัดเลาะเข้าไปในป่า จนมาถึงลานหินปุ่ม ลานหินปุ่มเป็นชะงอนผาที่ยืนไปในอากาศ หินที่นี้เป็นปุ่มๆ งอกขึ้นมาจากพื้นแล้วมีเป็นร้อยเป็นพันปุ่มขึ้นเรียงราย พวกเราเดินมาจนถึงสุดหน้าผา ทิวทัศน์ข้างหน้ามองไปได้ไกล มองเห็นทิวขาว ไกลๆเป็นขอบฟ้า ทำเอาพวกเราหายเหนื่อย คุ้มค่ากับการเดินมาเป็นอย่างยิ่ง แล้วมหกรรมถ่ายรูปลงปกนิตยสารดังก็เริ่มต้นขึ้น ทั้งถ่ายแบบเดี่ยว แบบคู่ แล้วก็แบบกลุ่ม

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-fotorelax-com_zpscwiuswoe.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-pixpros-net_zpsiskxr0db.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-thaiticketmajor-com_zpspsaq2chg.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-thaiticketmajor-com,www-pixpros-net,www-fotorelax-com


พอนั่งพักดื่มด่ำกับบรรยากาศจนหายเหนื่อยกันแล้ว พวกเราเดินออกมาจากลานหินปุ่ม ก็จะมีป้ายบอกทางให้เราไปยังสถานที่ต่อไปก็คือ ผาชูธง มีทางเดินที่เลาะริมหน้าผามาเรื่อยๆ แต่ทางไม่ได้หวาดเสียวจนน่ากลัว ไม่นานก็มาถึงผาชูธง ผาชูธงเป็นหน้าผาที่สมัยก่อนไว้ปักธงคอมมิวนิสต์ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นธงชาติไทยเรียบร้อยแล้ว และเป็นก้อนหินใหญ่ที่ยื่นออกไปในอากาศพวกเราต้องต่อแถวเรียงหนึ่งปีนขึ้นไป บนก้อนหินมีเสาธงขนาดใหญ่ปักธงชาติไทยเอาไว้ ทิวทัศน์งดงามไม่แพ้ลานหินปุ่ม และจากที่นี่มองเห็นลานหินปุ่ม ทั้งลานได้ชัดเจน แม้จะห่างกันเกือบ 1 กิโลเมตรก็ตาม

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-klongdigital-com_zpsvbj0abba.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/nun1nattida-blog1_zpsqd4q0fpp.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-klongdigital-com1_zpslcfey81t.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-klongdigital-com,nun1nattida-blog,www-klongdigital-com


ลงจากผาชูธง พวกเราก็เดินลงมาเรื่อยๆ จนมาถึงลานหินกว้างและที่นี่ก็มีปืนต่อสู้อากาศยานตั้งอยู่ ใกล้ๆกันมีหลุมกระสุนที่เผยให้เห็นการยิ่งต่อสู้ในอดีตอยู่ใกล้ๆกับปืนด้วย

“ไอ้เบล ถ่ายรูปให้กรูหน่อย” ไอ้แบงค์ตะโกนเรียกไอ้เบลให้ถ่ายรูปให้
“เออ” ไอ้เบลตอบกลับไปแล้วก็ตั้งขาตั้งกล้องถ่ายรูปให้ไอ้แบงค์

ไอ้แบงค์ยืนแอ็คชั่นเป็นแรมโบ้ถ่ายรูปกับปืนกลต่อสู้อากาศยาน แน่นอนว่าอะไรที่เท่ห์อย่างนั้น พวกเราก็ไม่อายที่จะเลียนแบบท่าแอ็คชั่นของไอ้แบงค์ แม้ว่ามันจะยืนค่อนแคะพวกเราอยู่ข้างๆก็ตาม

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/%201_zpsjhrqdf8y.jpg)
Cr.รูปภาพจากคุณ "ตับ" @ พันทิป

ทางเดินก็นำเราวกกลับมาตรงลานหินที่แยกเส้นทางออกเป็นสองเล้นทางอีกครั้ง พวกเราค่อยๆเดินกลับมาถึงรถบัส ก่อนจะกลับมากินมื้อเที่ยงที่ร้านอาหารร้านเดิมตรงที่ทำการอุทยาน เป็นมื้อที่ 3 แล้วที่เราฝากท้องกับร้านนี้ แล้วคราวนี้ได้ชิมส้มตำแครรอทที่เป็นต้นตำหรับเจ้าแรกที่นำเอาแครอทมาทำส้มตำเสียที

..........

รถบัสค่อยๆลงจากภูหินร่องกล้าฝั่งจังหวัดพิษณุโลก ลงมาตามทางหลวงหมายเลข 1331 แล้วมาเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข  2013 เพื่อเข้าตัวอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1143 มุ่งหน้าเข้าสู่อำเภอชาติตระการ เพื่อไปยังจุดหมายแห่งต่อไปของพวกเรา อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ

เลยจากอำเภอนครไทยมาได้ประมาณ 30กว่ากิโลเมตรก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1237 ไปอีกไม่ไกล ก็เลี้ยวขวาเข้าตัวอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ พอลงจากรถบัสพวกเราก็ค่อยๆเดินเลาะริมลำธารขึ้นไป เสียงซูซ่าของน้ำกระทบหินดังมาให้พวกเราได้ยิน เดินมาได้ไม่นานก็ถึงน้ำตกชั้นที่ 1 มะลิวัลย์

มะลิวัลย์ เป็นชื่อของน้ำตกชั้นที่ 1 ของทั้งหมด 7 ชั้น ในอุทยานฯน้ำตกชาติตระการ ตั้งชื่อตามนามธิดาท้าวสามลในวรรณคดีไทยเรื่องสังข์ทอง น้ำตกชั้นแรกอยู่ห่างจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวประมาณ 200 เมตร เป็นชั้นเดียวที่จะสามารถนำเอาเครื่องดื่ม ขนม อาหารมานั่งกินรอบๆ บริเวณได้ น้ำตกชั้นนี้ ทำหน้าที่เหมือนพนักงานต้อนรับของอุทยานฯ บริเวณโดยรอบร่มรื่น แอ่งน้ำของน้ำตกกว้างขวางใหญ่ สามารถลงเล่นน้ำได้ เพราะมีโซนน้ำตื้นที่ไม่ลึกมากนัก พวกเราจะมองเห็นหน้าผากว้างใหญ่มีสายน้ำพุ่งออกมาจากผาหินสวยมาก พวกเราแวะถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก ก่อนจะมุ่งหน้าสู่น้ำตกชั้นที่ 2

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/%20_zpsdgkttrd1.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/the%20mynas%20blog1_zpsccgmvyna.jpg)
Cr.รูปภาพจาก  บล็อคของคุณ the mynas และคุณ นกสุโขทัย @ พันทิป

กรรณิการ์ เป็นชื่อของน้ำตกชั้นที่ 2 อยู่ห่างจากชั้นแรกประมาณ 400 เมตร เป็นช่วงเส้นทางที่นับว่าชันที่สุดในบรรดาน้ำตกชาติตระการทั้ง 7 ชั้น เส้นทางเดินสูงชันที่ต้องขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ พอสุดขั้นบันไดจะเห็นป้ายบอกทางไปาน้ำตกชั้นที่ 2 หลังจากก้าวพ้นขั้นบันไดมาได้เล่นเอาพวกเรานั่งหอบ แล้วยังต้องเดินลงไปที่ตัวน้ำตกอีกประมาณ 100 เมตร เฮ้อคิดแล้วเหนื่อย เพราะต้องปีนกลับขึ้นมาอีก แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเดินลงไปดู แล้วก็คุ้มากเพราะน้ำตกชั้นนี้สวยมากจริงๆ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ไหลลงมาเรื่อย ๆ ผ่านชั้นเล็ก ๆ ประมาณ 3-4 ชั้นจนมาสู่ด้านล่างของน้ำตก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/student-nu-ac-th2_zpsh9myzeyg.jpg)
Cr. รูปภาพจาก student-nu-ac-th

“จะไปต่อกันไหมหรือจะลง” ไอ้วินถามพวกเราเพราะเห็นว่าทุกคนเริ่มเหนื่อย
“เอาไงกันพวกมรึง” ผมสอบถามความเห็นพวกมัน
“แล้วแต่ ไหวก็เดินต่อไม่ไหวก็ลง” ไอ้โอมเสนอความเห็น
“กรูอยากไปต่อนะ ไหนๆก็มากันถึงนี่แล้ว ตามแผนทีจากตรงนี้ไปก็เดินง่ายแล้วนะ” ไอ้เบสต์อยากไปต่อ
“ไปต่อเหอะพวกมรึงอีกนิดเดียวเอง” ไอ้แบงค์ออกความเห็น
“กรูอยากไปต่อ” ไอ้บาสหันมาบอกพวกเรา
“ไอ้วินไหวหรือเปล่า” ไอ้เบลหันไปถาม
“กรูโอเค ไงก็ได้ กรุเห็นว่าเหนื่อยๆกันก็เลยถาม” ไอ้วินตอบพวกเรากลับมา
“งั้นใครอยากไปต่อบ้าง ยกมือ” ไอ้บอสให้ยกมือถามความเห็น ปรากฏว่ายกมือกันเกือบหมด พอนั่งพักจนหายเหนื่อยพวกเราก็ลุยกันต่อ

การะเกด เป็นน้ำตกชั้นที่ 3  น้ำตกชั้นที่สามห่างจากชั้นสองไป 250 เมตร สามารถมองเห็นได้เมื่อยื่นอยู่ด้านล่างน้ำตกชั้นที่สอง น้ำตกชั้นนี้เป็นเพียงน้ำตกเล็ก ๆ ไหลมาตามร่องผาเท่านั้น

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/student-nu-ac-th3_zpsvamrnch9.jpg)
Cr. รูปภาพจาก student-nu-ac-th


ตอนนี้ความเหนื่อยลดลงไปเยอะเพราะไม่ค่อยชันเท่าไร แล้วก็มาถึงน้ำตกชั้นที่ 4 ยี่สุ่นเทศ ที่ห่างจากชั้นการะเกดเพียง  110 เมตร เป็นน้ำตกที่ติดลำดับต้นๆของชั้นน้ำตกที่สวยที่สุดในอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ ชั้นนี้น้ำตกจะไหลจากแผ่นหินกว้างเป็นม่านน้ำ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/the%20mynas%20blog4_zps65lptsau.jpg)
Cr.รูปภาพจาก  บล็อคของคุณ the mynas


เกศเมือง เป็นน้ำตกชั้นที่ 5 ลักษณะของน้ำตกชั่นนี้ลักษณะน้ำตกจะคล้าย ๆ กับน้ำตกชั้นที่ 2 ที่มีการไหลลดหลั่นมาตามชั้นย่อย ๆ แต่ขนาดน้ำตกจะดูเล็กกว่า แต่ความสวยงามก็ไม่แพ้ชั้นที่ 2 เหมือนกัน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/student-nu-ac-th5_zps6zqx3hsx.jpg)
Cr. รูปภาพจาก student-nu-ac-th

มาถึงชั้นที่ 6 ชั้นรองสุดท้าย เรืองยศ  เป็นน้ำตกที่ไม่ชั้นมากและดูกระฉับกระเฉงกว่าน้ำตกชั้นอื่น ๆ น้ำที่ไหลลงมาจากแหล่งต้นน้ำไหลมาตีโค้งเหมือนกันเล่นสไลเดอร์ดูสวยงามไปอีกแบบ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/student-nu-ac-th6_zpsyxzvwjui.jpg)
Cr. รูปภาพจาก student-nu-ac-th

ทางขึ้นระหว่างชั้น 6 ไปชั้นที่ 7 ไม่ไกลมากนักแต่ก็ชันพอสมควร แล้วเราก็มาถึงชั้นที่ 7 น้องเล็ก รจนา มีขนาดเล็กกว่าใครเพื่อน เพราะเป็นลูกสาวคนเล็กของท้าวสามล นางรจนาเป็นน้องคนเล็ก ก็เลยมีขนาดเล็กกว่าใคร เหนือขึ้นไปกว่านี้มีเพียงลำธารที่ราบเรียบเท่านั้นเอง

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/student-nu-ac-th7_zpsap8fhryi.jpg)
Cr. รูปภาพจาก student-nu-ac-th

ปีนขึ้นน้ำตกมา 7 ชั้นระยะทางแค่ 1.5 กิโลเมตร ช่วง 400 เมตรแรกจากชั้นที่ 1 ไปชั้นที่ 2 นั้นเหนื่อยที่สุดเพราะชันมาก แต่ก็คุ้มค่าที่ได้ปีนมาถึงชั้นที่ 7 เพราะมันทดสอบความอึดของพวกเราได้เป็นอย่างดี น้ำตกทั้งเจ็ดชั้นพวกเราใช้เวลาเดินและถ่ายรูป ประมาณ 2.30 ชั่วโมง

พอขึ้นมาบนรถผมดูนาฬิกาก็ประมาณ 16.00 น. ไอ้บัด ไอ้บอล ไอ้คริส ทำหน้าที่เป็นบัสฮอสเตส เดินแจกน้ำอัดลมให้พวกเราที่ซื้อมาก่อนขึ้นรถ รถเริ่มออกจากอุทยานฯน้ำตกชาติตระการ ล้อเริ่มหมุ่นรถเริ่มวิ่ง ลิงทั้ง 31 ตัวก็สลบหมดแรง ตามแผนที่คุยกับพี่คนขับรถไว้แต่แรก รถเราจะวิ่งย้อนกลับมาตามทางหลวงหมายเลข 1237 แล้วมาเลี้ยวขวาผ่านตัวอำเภอชาติตระการไปตามทางหลวงหมายเลข 1143  ล้อเริ่มหมุ่นรถเริ่มวิ่ง ลิงทั้ง 31 ตัวก็สลบหมดแรง  ก่อนจะเลี่ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1246 ไปอีกไม่ไกลก็เลี้ยวขวาอีกทีเข้าทางหลวงหมายเลข 1214 ผ่านอุทยานแห่งชาติคลองตอน แล้วเลี้ยวขวาเข้าเขื่อนสิริกิตที่เป็นที่พักของเราคืนนี้

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/panramio%20Nudsikan%20Kaewjai_zpslhqvtv0f.jpg)
Cr.รูปภาพจาก panramio คุณNudsikan Kaewjai


เราไม่ได้แวะเข้าที่หน้าเขือนสิริกิต์เพราะ เกือบจะ 17.30 น.แล้ว ที่ที่เราจะไปลงแพ คือเขื่อนดิน เราต้องขับรถอ้อมไปตามริมเขือน  เชื่อนดินเป็นเขือนที่ต้องสร้างเพื่อกันน้ำไหลออกมาอีกด้านที่เป็นที่ต่ำ เขือนดินอยู่ทางด้านซ้ายของหน้าเขื่อนสิริกิตต์ อยู่ที่ บ้านท่าเรือ ตำบลท่าปลา เขื่อนสิริกิต์เป็นเขื่อนที่กักเก็บน้ำใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศและเป็นเขื่อนที่ใหญ่ที่สุดกั้นแม่น้ำน่าน

แพของพวกเรารออยู่ที่ริมตลิ่งเรียบร้อยแล้ว พอขนของลงแพกันเรียบร้อย เรือก็เริ่มลากแพของเราออกไปกลางเขื่อน ในแพมีสิ่งอำนวยความสะดวกผมสมควร มีเครื่องปั่นไฟที่ใช้เครื่องดีเซลเป็นตัวปั่นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ให้กระแสไฟกับแพทั้งหลัง มีเตาแก๊ส ห้องครัวขนาดไม่ใหญ่มาก มีห้องน้ำ แล้วก็ห้องเก็บสัมภาระ 1 ห้องที่มีผ้าห่ม หมอน แล้วก็ฟูกนอนแบบพับได้ที่วางเก็บไว้ในห้อง ส่วนห้องนอนก็คือบริเวณโถงแพขนาดใหญ่

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/%20_zpsblitehdc.jpg)
Cr.รูปภาพจากคุณ บุณฑริกา@พันทิป


ส่วนมื้อเย็น คุณพี่ชายคุณชายเบนซ์กับไอ้เบียร์ได้สั่งไว้ตั้งแต่เรือยังไม่ลากแพออกมา เดี๋ยวเจ้าของแพ้จะให้เด็กเอามาส่งโดยพาหนะที่จะนำกับข้าวพวกเรามาส่งก็คือเรือหางยาว

เรือลากแพของเรามาผูกไว้ตรงเกาะที่เป็นเนินไม่สูงนัก อยู่กลางทะเลสาบในเขือนสิริกิต์ บรรยากาศเริ่มมืดแล้ว พวกเราเลยยังไม่ลงเล่นน้ำ เอาไว้ค่อยลงตอนเช้าพรุ่งนี้แทน สักพักเรือหางยาวก็เอากับข้าวมาส่งให้พวกเรา

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-siamfishing-com_zpszslwyoj6.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-siamfishing-com

หลังจากท้องอิ่ม พวกเราก็มานั่งล้อมวงคุยกันเปิดใจกัน


Game
See you Next Game

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/4_zpsld65azoc.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 64th Up! 26/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 26-03-2015 16:09:58
ไม่ได้เข้ามาอ่านแป๊ปเดี๋ยว ลงมาหลายตอนเลยนะเนี่ย
อ่านๆไปนึกว่ารีวิวท่องเที่ยวในพันทิป ฮ่าฮ่าฮ่า มีทั้งรูปทั้งรายละเอียดสถานที่
เด็กก็จู๋จี๋ไม่อายกันเองเลย บอกรักกันอยู่นั่นแหละ อิอิ
ตัวละครเยอะมาก อ่านแอบงงตามไม่ทัน หลังๆเขียนบางตัวละครค่อยโอเคหน่อย
คนอ่านที่อายุเริ่มจะเยอะ?? เริ่มตามไม่ทัน ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 64th Up! 26/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: Spelling_B ที่ 26-03-2015 19:49:06
นักเขียนขยันมาก ข้อมูล ทุกอย่างดีมากนะคะ

ขอบคุณค่ะ  :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 65th Up! 30/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 30-03-2015 12:57:12
@ 65th Game  – Bicycling at Nan

หลังจากทานมือเย็นแสนอร่อยบนแพกลางเขื่อนสิริกิต์กันเสร็จ พวกเราก็มานั่งล้อมวงกันไอ้อาร์มอยากให้พวกเรารู้จักกันมากขึ้น เพราะมีบางคนที่เพิ่งจะเป็นเพื่อนกันเลยจัดให้เปิดใจกัน โดยที่พวกเราล้อมวงเป็นครึ่งวงกลมกัน

“ออกมาพูดทีละคนนะ คนพูดออกมานั่งตรงกลาง ชิดราวระเบียงกันตก จะได้เห็นหน้ากันทุกคน” ไอ้อาร์มชี้ไปที่เกาอี้ ที่ตั้งอยู่กลางหันหน้าออกมาหาพวกเรา
“พูดแนะนำตัวเอง แล้วก็อนาคตของตัวเองที่อยากจะเป็น พูดได้คนละไม่เกิน 3 นาที”  ไอ้อาร์บอกกติกา
“เริ่มจากใครก็ได้ที่พร้อมแต่ต้องพูดทุกคน แต่วันนี้ขอแค่ 16 คนแรกก่อนเนอะ”
“เราเริ่มก่อนเลยละกัน” ไอ้อาร์มเป็นคนแรกที่เดินไปนั่งเก้าอี้

“เริ่มก่อนเนอะ ได้เปรียบนะ 555+” มันหัวเราะแก้เขิน
“ชื่ออาร์มครับ ชื่อจริง ญาณโชติ มงคลวัฒน์ เป็นลูกคนเดียวครับ”
“ตอนนี้เป็นเลขาของสภานักเรียนครับ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรนะครับ”
“เกิด 12 พ.ค แล้วก็ชอบสีชมพูอ่อน ดาราที่ชอบ Robert Pattinson ครับ” มันเอามือขึ้นเกาหัวแก้เขิน
“อยากเรียนเภสัช แต่ไม่รู้จะสอบติดหรือเปล่า”
“ดีใจที่ได้รู้จักกับพวกมรึงนะ”  ไอ้อาร์มพูดจบก็ลุกจากเกาอี้  เสียงตบมือดังขึ้น ไอ้บีมเดินเข้าไปต่อ


“บีมนะครับ อลงกรณ์ ศรพิษณุ ครับ”
“เกิด 9 มี.ค ครับ ชอบสีเหลืองครับ มีพี่ชาย 2 คน บีมเป็นคนเล็กครับ”
“ตอนนี้เป็นสมาชิกชมรมเทนนิสครับ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรครับ”
“บีมเล่นประเภทคู่ๆกับไอ้ไบร์ทครับ”
“อยากเรียน นิเทศ ครับ มอไหนก็ได้”
“ดีใจที่สุดก็คงเป็น ติดทีมเทนนิสโรงเรียนครับ” เสียงตบมือดังขึ้น แต่มีเสียงเป่าปากจากไอ้โอมแถมมาด้วย ไอ้บีมลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไอ้ไบร์ทก็เดินเข้ามาเสียบต่อ


“เริ่มเลยนะครับ ไบร์ทครับ” ไอ้ไบร์ทพูดแก้เขิน
“ภัทราวุธ อุดมโชค ครับ ที่บ้านผมมีพี่น้อง 2 คน คนโตเป็นพี่สาว ผมเป็นคนเล็ก”
“เกิด 9 ก.ย ครับ ตอนนี้เป็นสมาชิกชมรมเทนนิส โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธร”
“ผมเล่นประเภทคู่ครับ คู่กับไอ้บีม”
“อยากเรียน นิติ ถ้าได้มอแถวท่าพระจันทร์ก็ดีครับ”
“ดีใจที่สุดคือได้เกิดมาในครอบครัวอุดมโชคครับ” ไอ้เกมส์เป่าปากตั้งแต่ไอ้ไบร์ทยังพูดไม่จบดี เลยโดนไอ้ไบร์ทเอาค้อนปาหน้าไปหนึงที พอไอ้ไบร์ทลุกไอ้ปั๊ปก็เข้ามานั่งแล้วก็พูดต่อ

   
“ปั๊ป ครับ” “มัชฌิมา ปฏิภาณ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดุริยางค์ โรงเรียนกางเกงสีน้ำตาลแถวถนนพระราม 1 ครับ”
“ผมเล่น ฟลุ๊ตครับ”
“ผมเป็นลูกคนกลางครับ มีพี่ชาย 1 คน มีน้องสาว 1 คน
“เกิด 17 มิ.ย ครับ อยากเรียน คณะดุริยางค์ศิลป์ มอแถวศาลายาครับ”
“ดีใจที่สุดนี่คงเป็นตอนติดวงดุริยางค์โรงเรียนครับ” ไอ้ปั๊ปพูดจบ เสียงตบมือดังขึ้นแล้วไอ้นัทก็เข้าเดินเข้าไปนั่งเกาอี้พูดเป็นคนต่อไป


“บารมี ศีลรักษา ครับ ชื่อเล่น นัท ครับ”
“เกิด 22 ม.ค มีพี่สาว 1 คนครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ โรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินแถวๆบางรักครับ”
“อยากเรียน นิเทศ ครับ มออะไรก็ได้ครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนได้เป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ครับ” เสียงตบมือดังขึ้นโดยเฉพาะจากไอ้บูม ไอ้ริวเป็นคนพูดคนต่อไป


“ผมริวนะครับ ดิศษฎา ทิวากร ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดนตรี โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆพาหุรัดครับ”
“ผมเล่นดนตรีได้เกือบทุกอย่างครับ แต่ที่ถนัดที่สุดคงเป็น เปียโนกับคีย์บอร์ดครับ”
“เกิด 24 ก.ย ครับ ผมเป็นลูกคนรอง มีพี่ชาย 1 คน น้องสาวอีก 2 คนครับ
“อยากเรียน ดุริยางค์ศิลป์ เหมือนกับไอ้ปั๊ปครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนชนะประกวดเปียโนชิงถ้วยรางวัลพระราชทานครับ”
“น่าจะมีเท่านี้นะครับ” ไอ้เบลเดินออกมาจากเกาอี้ เสียงตบมือดังขึ้น แล้วไอ้เบลก็เดินเกาหัวแกรกๆเข้าไปพูดเป็นคนต่อไป


“ 555+ ผมเบลนะครับ ฐาภิรัชต์ ธวัชวงศ์ ครับ” ไอ้เบลหัวเราะแก้เขินนำมาก่อนเลย
“เกิด 19 ก.ค มีพี่สาว 1 คนครับ”
“ตอนนี้เบลเป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรครับ”
“อยากเรียน นิเทศศาสตร์ครับ และเป็นช่างภาพมืออาชีพครับ”
“ดีใจที่สุดตอนได้กล้องตัวนี้มาครับ เป็นกล้องที่เก็บตังค์ซื้อเองครับ” ไอ้เบลชูกล้องถ่ายรูปตัวเก่งของมันให้พวกเราดูกัน พวกเราตบมือให้กับไอ้เบล แล้วไอ้แดนก็เป็นคนต่อไป


“แดนครับ เตชธร รัตนศิลป์ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมกีฬา X-Game โรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินแถวถนนเพชรบุรีครับ”
“ผมเล่น จักรยานผาดโผนครับ”
“เกิด วันปีใหม่ไทยครับ มีน้องชาย 2 คน ผมเป็นคนโต”
“อยากเรียน วิศวะ ครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนหาเงินได้เองครั้งแรกจากการขี่จักรยานครับ” ไอ้แดนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ไอ้เบสต์ตบมือเสียงดังให้กับไอ้แดน ไอ้แดนก็ยิ้มแบบเขินๆออกมา ต่อไปเป็นไอ้เบียร์ คุณพี่สะใภ้ของผมเองครับ


“คนธีร์ วีรพัฒนชัย  เบียร์ ครับ”
“เบียร์ มีพี่สาว 2 คนครับ เกิด 31 ตุลา วันฮาโลวีนพอดีครับ”
“เบียร์ เป็นหัวหน้าชมรมคหกรรม โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆสาธรครับ”
“เบียร์ อยากเรียน คณะเทคโนโลยีอาหาร หรือไม่ก็คหกรรมศาสตร์ครับ แต่ที่แน่ๆคือยังไงต้องเรียน เลอ กอร์ดอง เบลอ ที่ฝรังเศษ ให้ได้ครับ”
“ดีใจที่สุด ก็คือตอนทำขนมแล้วทุกๆคนชอบครับ” เสียงตบมือดังขึ้น โดยเฉพาะไอ้เบนซ์กับพวกเรา ที่เคยชิมฝีมือไอ้เบียร์มาแล้วว่าอร่อยแค่ไหน


“วิน ครับ หรรษนัย สุวรรณรัตน์ ครับ”
“วินเป็นลูกคนเดียวครับ เกิด 1 มิ.ย ครับ”
“วินเป็นหัวหน้าชมรมวารสาร โรงเรียนกางเกงสีดำแถวๆ สาธรครับ
“วินอยากเรียนคณะ วารสาร มอแถวๆท่าพระจันทร์ครับ
“ดีใจที่สุดเหรอครับ คงเป็นตอนที่ได้เจอไอ้บัดมั้งครับ” ไอ้วินพูดไปเขินไปจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อๆ แล้วก็เริ่มมีเสียงแซวดังไปรอบวง สวนไอ้บัด ก็ทำท่าส่งจูบให้ไอ้วิน ยิ่งทำให้ไอ้วินยิ่งเขินไปใหญ่ ไอ้คริส จะเป็นคนพูดคนต่อไป


“คริส ครับ เฟดเดอริก สมิท ครับ”
“ผมเป็นลูกครึ่งไทย-เยอร์มันครับ”
“ผมเกิดวันที่ 9 ก.พ มีน้องสาว 1 คน
“คริสอยู่ชมรมบาสฯ โรงเรียนกางเกงสีเทาที่บางแสนครับ”
“อยากเรียนอะไร ยังไม่แน่ใจครับ ระหว่าง วิศวะ
 หรือ วิทยา ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงตอนติดชมรมบาสที่โรงเรียนครับ” ไอ้หน้าฝรั่งพูดจบ เสียงตบมือดังขึ้น แล้วต่อไปก็เป็นคิวของไอ้แฝด ที่มันขอออกไปพูดพร้อมกันเลย


“พลัส ลีลภัทร สวัสดิกุล ครับ
“พาย ธีรภัทร สวัสดิกุล ครับ
“เราสองคนเป็นแฝดกันครับ จุดสังเกตพวกเราคือ พลัสมีขี้แมลงวันตงแก้มซ้าย แต่พายไม่มีครับ”
“ผมกับพายเกิดวันที่ 25 ก.ค ครับ”
“ผมเป็นเลขาชมรม ส่วนพายเป็นหัวหน้าชมรมว่ายน้ำ โรงเรียนกางเกงสีเขียวที่ขอนแก่นครับ”
“ผมอยากกับพลัสอยากเรียนคณะ วิทยาศาสตร์การกีฬา มอแถวศาลายาครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงได้เป็นแฝดกับไอ้พายมั้งครับ”
“อ้าวไอ้นี่” พายหันไปบ่นไอ้พลัส
“ดีใจที่สุดของผมก็คงเป็นแฝดกับพลัสล่ะครับ” พวกเราตบมือให้ไอ้แฝดหลังจากมันแนะนำตัวกันเสร็จ คิวต่อไปเป็นไอ้บอมบ์


“บอมบ์ครับ ฌานนุวัฒน์ รักษาบุญ ครับ” ไอ้บอมบ์เริ่มแนะนำตัว
“บอมบ์เกิด 17 ธ.ค ครับ มีพี่สาว 1คน”
“บอมบ์เป็นหัวหน้าชมรมแบดมินตัน โรงเรียนกางเกงสีม่วงที่พิษณุโลกครับ”
“อยากเรียนคณะ บริหารธุรกิจ เอกบัญชี ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงเป็นตอนได้แชมป์แบดมินตันเยาวชนภาคเหนือครับ” ไอ้บลูยิ้มหน้าบานตอนที่ไอ้บอมบ์แนะนำตัว พวกเราตบมือให้ไอ้บอมบ์หลังจากแนะนำตัวเสร็จ ผมเป็นคนสุดท้ายที่เดินเข้าไปครับ


“โบ้ทครับ รัชชานนท์ สุขอนันต์ ครับ”
“ผมเกิด 15 ธ.ค ครับมีพี่ชายหนึ่งคนที่เกิดหัวปี นั่งหัวโด่หน้าหล่ออยู่ตรงนั้นครับ” ผมผายมือไปที่ไอ้เบนซ์
“ผมเป็นหัวหน้าชมเทนนิส โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“อยากเรียน คณะการท่องเที่ยวและโรงแรมครับ”
“ดีใจที่สุดคงเป็นตอนนำทีมโรงเรียนคว้าแชมป์เทนนิส ครับ ชนะโรงเรียนไอ้เกมส์ครับ” ผมได้ทีแกล้งยั่วไอ้เกมส์
“เออ ชนะทีเดียวคุยใหญ่นะมรึง” ไอ้เกมส์แซวกลับมา
“แค่นี้ล่ะครับ” ผมกำลังจะลุกจากเก้าอี้
“เฮ้ยย มรึงไม่ดีใจที่สุดที่ได้กลับมาคบกับไอ้บอสอีกรั้งหรา” ไอ้แบงค์ปล่อยหมาออกมากลางวง เล่นเอาฮือ กันทั้งวง โดยเฉพาะไอ้เชี่ยเกมส์ ส่วนผมหน้าแดงเป็นลูกตำลึงสุกไปเรียบร้อย


ไอ้ไปป์เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตรงกลาง
“เห็นสมาคมแม่บ้านออกมาแนะนำตัวกันคบแล้ว” ไอ้ไปป์ยิ้มแก้มแถบปริที่ได้แซวพวกเรา
“เชี่ยไปป์ หาคำอื่นไม่ได้เหรอวะ” ผมตะโกนด่ามันกลางวง
“หรือจะเอาสมาคมเมียจ๋าวะ” ไอ้ไปป์ยังคงได้ทีแหย่พวกเราต่อ
“แม่บ้านก็ได้วะ เมียจ๋าไม่ไหววะ หมดกัน” ไอ้เบียร์รีบตะโกนบอก
“เข้าเรื่องๆ” ไอ้ไปป์ตัดบทก่อนจะไปกันใหญ่

“ผมขออนุญาตแนะนำแฟนผมให้เพื่อนรู้จักนะครับ” ไอ้ไปป์ยิ้มอย่างภูมิใจ
“แต่ตอนนี้เค้าอยู่บนฟ้านะครับ”
“แฟนผมชื่อ เบิร์ดครับ ฏักศิลา ศักดากรณ์” พวกเราตั้งใจฟังโดยเฉพาะไอ้บัด
“เบิร์ด เกิดวันที่ 8 ส.ค ครับ เบิร์ดเป็นลูกคนเดียวครับ”
“เบิร์ดเคยเป็นหัวหน้าชมรมศิลปะ ก่อนที่เบิร์ดจะเสียครับ”
“เบิร์ดเคยฝันว่าจะได้เรียนที่คณะ จิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ครับ”
“ดีใจที่สุดของเบิร์ด คงได้เป็นแฟนกับผมมั้งครับ” เสียงไอ้แบงค์เป่าปากแซวมาแต่ไกล พวกเราตบมือเสียงดังลั่น ภูมิใจกับไอ้ไปป์ แล้วก็ดีใจแทนไอ้เบิร์ดที่ได้แฟนที่มั่นคงอย่างไอ้ไปป์ ถ้ามันยังคงได้อยู่ด้วยกัน มันคงเป็นอีกคู่ที่รักกันมาก


พอแนะนำตัวกันเสร็จ เบียร์เริ่มหมด พวกเราก็เริ่มปูฟูกที่นอน ไอ้เบสต์ กับไอ้แบงค์ ช่วยกันดึงผ้าไบด้านข้างแพทั้งสองข้างปิดลงมา แล้วก็ไม่ลืมเดินไปปิดประตูระเบียงกันตก แล้วก็เริ่มซุกตัวในผ้าห่มอุ่นๆ กัน

...........

เช้านี้ผมถูกปลุกด้วยเสียงกระโดดน้ำของไอ้บัดกับไอ้คริสแล้วก็ไอ้บอล พวกมันตื่นกันแต่เช้าแถมลงไปเล่นน้ำแบบไม่กลัวหนาว

“พวกมันร้อนวิชา” ไอ้บอสหันมาบอกผมหลังจากที่เห็นชันตัวขึ้นมานั่ง
“ไม่หนาวกันเหรอ” ผมยังคงซุกครึ่งล่างของตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแต่ไอ้พวกนั้นกระโดดน้ำกับตูมๆ
“ใส่เสื้อชูชีพกันหรือเปล่า” ผมถามไอ้บอสเพราะห่วงว่าจะเป็นตะคริวกัน น้ำเย็นแบบนี้ด้วย
“ใส่แล้วล่ะ ตอนแรกมันจะไม่ใส่กัน บอสบังคับให้ใสไม่งั้นไม่ให้ลง พวกมันจึงยอมใส่” ไอ้บอสเล่าให้ผมฟัง

ตอนนี้เริ่มทยอยตื่นกันเกือบหมดแล้ว ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มกำลังยืนแปรงฟันกัอนอยู่ไม่ไกลจากที่เด็กๆส่งเสียวเจี้ยวจ้าว

“ไม่ลงมาเหรอพี่ ในน้ำอุ่นดีนะ” เสียงไอ้บัดร้องบอกไอ้แบงค์
“เออ เด่วตามไป แปรงฟันแปป” ไอ้แบงค์พูดตอบไอ้บัดทั้งที่ฟองยังเต็มปาก

สักพักไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มใส่เสื้อชูชีพเสร็จ มันสองคนจับมือกันแล้วนับ 1..2..3 แล้วก็กระโดดลงไป ตูม

“ไอ้โบ้ทลงมาเร็ว” ไอ้แบงค์ตะโกนเรียก
“ไม่เอาหวะกรูหนาว” ผมตะโกนบอกมันกลับไป
“มาถึงแพ้ทั้งทีจะไม่เล่นน้ำก็คงเหมือนมาไม่ถึงเอานะ” ไอ้บอสยืนบอกผมอยู่ข้างๆ
เสียงน้ำกระจาย ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ลงไปลอยคออยู่ในน้ำแล้ว ตามไปด้วยไอ้บูมกับไอ้นัท
“เฮ้ยย ไอ้โบ้ท ไม่ลงจริงๆหรือ” เสียงไอ้บาสถามผม ผมเริ่มลังเลนิดๆ
“งั้นกรูลงก่อนนะ” สิ้นเสียงไอ้บาส มันก็จับมือไอ้ปั๊ปวิ่งลงน้ำไปอีกคู่

ตามไปด้วย ไอ้บีมกับไอ้โอม ไอ้เบลกับไอ้เคน ไอ้บรูคกับไอ้พลัส ไอ้เบรฟกับไอ้พาย ไอ้บูลกับไอ้บอมบ์ แล้วก็ไอ้ไปป์ ปิดท้ายที่ไอ้เบสต์กับไอ้แดน ที่มันสองคนวิ่งมาจนสุดแพแล้วเทคตัวตีลังกาลงน้ำไปอย่างเท่ห์

ไอ้บอสสวมเสื้อชูชีพแล้ว มันก็เอาเสื้อชูชีพมาสวมให้ผมใส่สายรัดให้เรียบร้อย

“ลงน้ำกัน” มันหันมาบอกผม
“เดี๋ยวๆ กรูทำใจแปป” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะโดนมันลากลงน้ำไป

พอลงมาอยู่ในน้ำจริงๆแล้ว ตอนแรกก็หนาวจนปากสั่น แต่พอสักพักเริ่มรู้สึกว่าอุ่นกว่าอยู่ข้างบนอีก พวกแล้วเกมส์สารพัดที่เล่นกันในน้ำก็ถูกคิดขึ้น นำทีมโดยไอ้แฝดนักว่ายน้ำ เล่นน้ำกันจนหนำใจแล้วพวกเราก็ขึ้นมาเก็บข้าวของกัน เพราะวันนี้ยังต้องออกเดินทางกันต่ออีก

ขากลับมีเรือหางยาว 7 ลำมารอรับพวกเรากลับ เพราะถ้ารอให้เรือมาลากแพกลับคงเที่ยงพอดี พวกเรานั่งเรือหางยาวแหวกผืนน้ำกว้างใหญ่ผ่ากลางเขื่อนไป มีเกาะโผล่กลางน้ำเป็นระยะๆ แล้วก็มีต้นไม้ที่ยืนต้นตาย โผล่กิ่งก้านขึ้นมาเหนือน้ำ พวกพี่คนขับเรือที่เก่งจริงๆนะ เพราะตอนกลางคืนก็ขับเรือมาส่งกับข้าว ส่งกับแก้ม อยากได้อะไรก็โทรสั่งเขา พวกเขาก็ผ่านสิ่งกีดขวางพวกนี้มาอย่างสบาย ทั้งๆที่มืดจนแถบจะมองอะไรไม่เห็น

พอถึงตลิ่ง พวกเราก็ช่วยกันขนของขึ้นรถบัส แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันอีกครั้ง รถบัสนำพวกเรามาตามทางหลวงหมายเลข 1045 จนมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 11 แล้วขวาวิ่งไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ไม่นานก้ผ่านทางเข้าตัวจังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วก็ค่อยๆไต่ขึ้นภูเขาสูง ทางหลวงช่งนี้ดีเลยทีเดียวเพราะเป็น 4 ช่องจราจร แล้วรถก็มาถึงทางแยกที่อำเภอเด่นชัย รถนำพวกเราเลี้ยวขวาเขาทางหลวงหมายเลข 101 มุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดแพร่ ระหว่างทางพวกเราหลับกันเกือบหมด อาจจะเพราะเหนื่อยจากการเล่นน้ำกันมาแต่เช้า พอผ่านอำเภอสูงเม่นและทางเข้าตัวจังหวัดแพร่มาไม่นาน รถก็เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1022  เพื่อแวะสักการะพระธาตุช่อแฮ ที่วัดพระธาตุช่อแฮ

วัดพระธาตุช่อแฮ ตั้งอยู่บนเนิ่นเขาเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดแพร่ มีพระธาตุช่อแฮเป็นประธาน ตั้งอยู่บนเนินเขา ล้อมรอบไปด้วยกำแพงแก้วทั้ง 4 ทิศ มีโบสถ์ประดิษฐานหลวงพ่อช่อแฮซึ่งเป็นพระประธานอยู่ด้านหนึ่ง อีกด้านมีวิหารพระเจ้าทันใจ พระธาตุช่อแฮเป็นพระธาตุประจำปีขาล
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/%20Oishi-1%20www-oknation-net_zpsfo4clxlw.jpg)
Cr. รูปภาพจาก คุณ Oishi-1 www-oknation-net

พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียนแล้วเดินเวียนขวารอบองค์พระธาตุ 3 รอบ ก่อนจะมาจุดธูปเทียนแล้วอธิฐานกัน จากนั้นเข้าไปกราบหลวงพ่อช่อแฮ ในโบสถ์ แล้วก็ไม่ลืมไปขอพระจากพระเจ้าทันใจ ก่อนจะกลับมาขึ้นรถบัสแล้วเดินทางกันต่อ
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-phrae-go-th_zpswfk2b9zh.jpg)
Cr. รูปภาพจาก www-phrae-go-th

รถนำพวกเราย้อนออกมาตามทางหลวงหมายเลข 1022 แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 101 อีกครั้งมุ่งหน้าจังหวัดน่าน ที่ที่จะพักกันในคืนนี้ รถบัสวิ่งขึ้นลงภูเขาที่กั้นระหว่างจังหวัดแพร่กับจังหวัดน่านเป็นระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร

..........

ก่อนจะเข้าจังหวัดน่าน พวกเราแวะขึ้นไปที่วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นวัดที่เป็นอีกแลนมาร์กหนึ่งของจังหวัดน่าน ตั้งอยู่บนดอยเขาน้อย เป็นภูเขาที่ไม่สูงมากนัก เมื่อขึ้นมาอยู่ที่นี่เราจะเห็นเมืองน่านทั้งเมือง แล้วก็จะมีพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน เป็นพระพุทธรูปปรางค์ยืนประธานพรหันหน้าเข้าเมืองน่าน ที่ผู้คนนิยมมาถ่ายรูปกัน เพราะจะเห็นด้านหลังพระพุทธรูปและเห็นเมืองน่านทั้งเมือง
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-108like-com_zpsuhjh1hqq.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-khunkay-thaimultiply-com_zpsm4czcx6n.jpg)
Cr. รูปภาพจาก www-108like-com,www-khunkay-thaimultiply-com


พอถ่ายรูปกันเรียบร้อยก็ลงจากดอยเขาน้อยมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองน่าน รถผ่านใจกลางเมือง ผ่านหอคำที่เคยเป็นวังของเจ้าผู้ครองนครน่าน แต่ตอนนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ผ่านวัดพระธาตุช้างคำที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันหอคำ บ้านเมืองใจกลางตัวเมืองน่านเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่า ทำให้สภาพบ้านเมืองดูขลังๆตามแบบสมัยโบราณ

รถบัสมาจอดที่โรงแรมสุขเกษมที่เราจองกันเอาไว้ใจกลางเมืองน่าน เป็นโรงแรมราคามิตรภาพ แบงค์สีม่วงๆเอาอยู่ โรงแรมข้างในตกแต่งด้วยไม้ห้องพักขนาดมาตรฐาน สะดวกสบาย เพราะอยู่ใจกลางเมือง ไม่ไกลจากตลาดและหอคำ วัดพรมหมินทร์ วัดพระธาตุช้างค้ำ ที่พวกเราจะต้องปั่นจักรยานกันไปเที่ยวตอนบ่ายแก่ๆวันนี้กัน

เช็คอินกันเสร็จก็ยกกระเป๋าเข้าห้องพักกัน ล้างหน้าล้างตากันเสร็จก็ลงมารวมตัวกันที่ล็อบบี้ พอมากันครบก็เดินออกจากโรงแรมมาทางซ้าย แล้วเลี้ยวซ้ายอีกทีเดินมาอีก 100 เมตรก็มีร้านให้เช่าจักรยานอยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี ไอ้บอสชี้ให้ผมดูก่อนรถบัสจะเลี้ยวเข้ามาโรงแรม ตอนแรกว่าจะเช่าแค่ 16 คันขี่คนซ้อนคันละ 1 คน แต่พวกมันไม่ยอมอยากจะขี่กันเอง ก็เลยเช่าแบบเกือบหมดร้านลุงเขาเลย 31 คัน

ภาพแก๊งค์จักรยานในภาพยนต์แฟนฉันลอยเข้ามาในหัวผมเลย 555+ พวกเราปั่นกลับมาที่พิพิธภัณฑ์ก่อนเพราะจะปิดเวลา 16.30 น. มีเวลาอีก 1 ชั่วโมง เสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท มีการจัดแสดงประวัติความเป็นมาของจังหวัดน่าน ตั้งแต่สมัยก่อน จนมาเป็นประเทศราช และมาเป็นจังหวัดหนึ่งของไทย
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-siengchownan-com_zps0mqkvqfx.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-siengchownan-com

ที่ชั้น 2 ของตัวพิพิทธภัณฑ์ มีชานออกมา ทิวทัศน์ที่ได้คือสนามขนาดใหญ่ แล้วเห็นทิวไม้ที่ปลูกเรียงรายตลอดแนวรั้ว มียอดเจดีย์ หลังคาโบสถ์ที่โผล่ขึ้นมา ภาพสวยงาม คล้ายบริเวณสนามหลวง พวกเราเฮโลมาถ่ายรูปกันจุดนี้

“มืดไปนิดหว่ะ” ไอ้เบลบ่น
“เด่วเอาไปปรับแสงในโฟโตช็อปเอา” ไอ้เคนบอกให้ไอ้เบลทำใจ
“นี่ขนาดอัดแฟลตแล้วนะ”ไอ้เบลยังคงบ่นต่อ
“ทำไงล่ะก็มันถ่ายจากในร่มออกไปข้างนอก มันก็มืดอย่างนี้แหละ”ไอ้เคนบอก
“เดี๋ยวกลับไปเอาโฟโตช็อปช่วยเอา” ไอ้เคนบอกให้ไอ้เบลถ่ายไปก่อน
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/556000016591110_zpsqbn1fjaa.jpeg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/wangtaoschool-blog_zpsx6wkav4n.jpg)
Cr.รูปภาพจาก wangtaoschool-blog,www-manager-co-th


หลังจากนั้นก็ข้ามาที่วัดพระธาตุช้างคำ เป็นวัดที่อยู่ตรงข้ามกับพิพิธภัณฑ์หรือหอคำวังของเจ้าผู้ครองนครน่าน มีพระธาตุสีทองอยู่ด้านหลังพระอุโปสถ มีปูนปั้นรูปช้างเรียงรายรอบฐานของเจดีย์ พวกเราเข้าไปไหว้พระในโบสถ์ก่อนจะออกมาถ่ายรูปกับพระธาตุกัน
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/baannanhotel-blog_zps6fyabupv.png)
Cr.รูปภาพจาก baannanhotel-blog


แล้วพวกเราก็ปั่นจักรยานมาวัดพรหมมินทร์กัน วัดนี้มีชื่อเสียงจากมานานแต่ที่ทำให้รู้จักกันเป็นวงกว้างคงมาจากภาพยนตร์โฆษณาผงซักฟอกยี่ห้อหนึ่ง ที่มีเด็กผู้หญิงมาพูดแนะนำนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยภายในนอกจากนี้วัดภูมินทร์ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังชื่อดัง "ปู่ม่าน ย่าม่าน" และภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีเรื่องราวชาดก วิถีชิีวิตพื้นบ้านซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/bakkaklongtalon-blog_zpsynrecdfi.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-teawteenai-com_zpso1l1nb1x.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/manager-co-th_zpsf3vhicf0.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-naryak-com_zpscok3ikjq.jpg)
Cr.รูปภาพจาก bakkaklongtalon-blog,www-teawteenai-com,manager-co-th,www-naryak-com


จากนั้นพวกเราก็ปั่นจักรยานไปต่อกันที่วัดมิ่งเมือง หรือ เสาหลักเมืองน่าน สักการะเสาหลักเมืองกันเรียบรอยพวกเราก็เดินชมวิหารวัดมีสถาปัตยกรรมผสมผสานกับแนวคิดสมัยใหม่ มีลวดลายศิลปะปูนปั้นสีขาวประดับตกแต่งตัววิหาร ซึ่งมีความสวยงามวิจิตรบรรจง
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/travel-edtguide-com_zpsurbo8ovs.jpg)
Cr.รูปภาพจาก travel-edtguide-com


เสียดายที่มาวันธรรมดาเลยไม่มีถนนคนเดินที่ถนนช่วงเมือง แต่ก็พอจะหาของกินแบบพื้นเมืองได้ไม่ยากเย็นนัก มื้อเย็นก็เลยปั่นไปหาของทานที่ตลาดโตรุ่ง กัน พวกผมลังเลที่จะจอดรถจักรยานเพราะกลัวหายกัน มีลุงที่เป็นคนเมืองน่าน เห็นเราลังเลๆที่จะจอดรถก็บอกพวกเรา ว่าจอดไว้เถอะลูกไม่หายหรอก พวกเราได้ยินดังนั้นก็เลยวางใจ จอดรถจักรยานแล้วไปหาของทานที่ตลาดโต้รุ่งกัน

เดินกลับมารถจักรยานก็ยังอยู่กันครบทุกคัน ถ้าเป็น กรุงเทพฯหรือที่อื่นๆ คงจะได้มีหายกันบ้างล่ะ จากนั้นก็ปั่นจักรยานมาร้านขนมหวานชื่อดังของเมืองน่าน ที่เป็นเรือไม้สองชั้นตั้งอยู่ใจกลางเมือง ขนมหวานร้านป้านิ่ม เป็นร้านขนมหวานแบบไทยๆ ที่อร่อยสมคำร่ำลือ โดยเฉพาะบัวลอยไข่หวาน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-siamensis-org_zpstia78eyf.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/drink-edtguide-com_zps1k5bqvqa.jpg)
Cr.รุปภาพจาก www-siamensis-org,drink-edtguide-com

อิ่มจากร้านขนมหวานพวกเราก็ปั่นจักรยานมาจอดที่ใต้โรงแรมเพราะร้านลุงจักรยานปิดไปแล้ว พรุ่งนี้ตอนเช้าค่อยปั่นไปคืนจักรยานที่เช่ามากัน.....

Game
See you Next Game

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/5_zpstt1a2mlo.jpg)

-------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^
ก่อนอื่นต้องขอโทษคนอ่านด้วยนะครับที่ช้าพอดี ลงวินโดว์ใหม่ครับ


ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer
ตอนเขียนก็คิดว่านี่นิยายหรือรีวิวท่องเที่ยวเหมือนกันครับ 555+ เด็กพวกนี้อายไม่ค่อยจะเป็นกันหน่ะครับ อิอิ ยังไงฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์ด้วยนะครับอิอิ

ตอบคอมเมนท์คุณ Spelling_B
ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ คนเขียนอยากให้คนอ่านเห็นภาพตามไปด้วยครับ 555+ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับอิอิ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 66-67th Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2015 00:52:38
@ 66th Game  – Nan to Chiangmai

พวกเราตื่นแต่เช้า ปั่นจักรยานไปคืนร้านเช่าจักรยาน แล้วก็กลับมาเก็บของ วันนี้ต้องเดินทางไกลจากน่าน-เชียงใหม่ คือเดินทางจากตะวันออกของภาคเหนือ ไปยังตะวันตกของภาคเหนือกันเลยทีเดียว

แต่ก่อนจะออกจากตัวจังหวัดน่านพวกเราแวะไปสักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดน่านกันก่อนนั่นก็คือ พระธาตุแช่แห้ง วัดพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองมาราว 2 กิโลเมตรเศษ มีอายุราวๆ 600 ปี  จากตัวเมืองน่านข้ามสะพานข้ามแม่น้ำน่าน ใช้เส้นทางสาย น่าน-แม่จริม ทางหลวงหมายเลข 1168 พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุประจำคนที่เกิดปีเถาะ

หลังจากซื้อธูปกับเทียนกันเรียบร้อยพวกเราก็เดินเวียนขวารอบพระธาตุแช่แห้ง 3 รอบ ก่อนจะมาจุดธูปเทียนสัการะพระธาตุ  แล้วก็ถ่ายรูปกับพระธาตุกแช่แห้งกัน ก่อนจะเดินไปที่วิหารพระนอน ที่อยู่ด้านนอกกำแพงแก้วขององค์พระธาตุ
[imghttp://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-teepucks-com_zpsf2im3dj8.jpg]http://[/img]
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-touronthai-com_zps65i9p8kw.jpg)
Cr.ภาพจาก www-teepucks-com,www-touronthai-com


แล้วก็เดินออกมาทางหน้าวัดที่เป็นเนินเขายกตัวสูงขึ้นมา มองเห็นถนนเส้นทางที่เรามา มีพญานาคตัวใหญ่สองตัวโอบทั้งสองข้างบันใดทางขึ้นวัดไว้ ไอ้เบลกับไอ้เคน ตั้งกล้อง หันหน้าเข้ามาในวัด เพราะมุมนี้เป็นอีกมุมที่เราสามารถถ่ายรูปได้โดยสามารถเห็นพระธาตุแช่แห้งทั้งองค์

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-manager-co-th_zpsj4wjzego.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-dhammathai-org_zps1ucuy8ol.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-picdb-thaimisc-com_zpsm1na9any.jpg)
Cr. ภาพจาก www-manager-co-th,www-dhammathai-org,picdb-thaimisc-com

หลังจากไหว้พระกันเสร็จรถบัสเริ่มนำเราออกเดินทางจากจังหวัดน่าน มุ่งหน้าทิดตะวันตกสู่จังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้เวลา 8.45 น. คาดว่าคงจะถึงเชียงใหม่ คงบ่ายแก่ๆ รถบัสออกจากตัวจังหวัดน่านไปตามทางหลวงหมายเลข 1091 เป็นทางขึ้นเขาสลับซับซ้อนแต่ภาพข้างทางสวยงามเพราะยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก แล้วเป็นเส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางหลัก รถก็เลยไม่ค่อยเยอะ ความเจริญแบบตามเส้นทางถนนหลักยังไม่ค่อยมี เป็นวิถีชีวิตแบบชาวบ้านๆเสียส่วนมาก ไม่นานเราก็มาถึงอำเภอบ้านหลวง ซึ่งเป็นอำเภอสุดท้ายของจังหวัดน่าน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-tuk-tukkorat_zpsyi1xzxio.jpg)
Cr.ภาพจาก Blog ของคุณ tuk-tuk@korat


ไอ้บิวคว้ากีตาร์ขึ้นมา เล่นชวนพวกเราร้องเพลงแก้เบื่อกัน โดยเล่นโยนกันเป็นคู่ๆ คู่ละ 1 ท่อนฮุก จบแล้วก็เรียกคู่ต่อไปร้อง คู่ไหนไม่เข้าพวกจะโดนลงโทษ เริ่มต้นจากไอ้บิวกับไอ้ริวก่อน ไอ้คู่นีฉลาดที่เริ่มก่อน แต่ก็ต้องให้มันเพราะไอ้บิวต้องเล่นกีตาร์ ไอ้บิวกับไอ้ริวเริ่มต้นเกมส์กับเพลงพี่ปั๊ป โปเตโต้

เลยเก็บใจไว้รอ คนที่พอดีทุกอย่างเข้ากับฉัน
คนที่มีหัวใจเหมือนกัน คนนั้นเป็นเธอได้ไหม
หัวใจมันบอกยอมทุกสิ่งยอมทุกอย่างให้กับเธอ
แม้ปลายทางอาจจะได้เจอความผิดหวัง
แต่ถึงยังไงก็จะรักเธอไปทุกวัน


“ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์ม” ไอ้ริวเรียกชื่อคู่ต่อไป เมื่อท่อนฮุกเพลงแรกจบ ไอ้แบงค์กับไอ้อาร์มรับลูกต่อด้วยเพลงของพี่ตูน บอดี้ฯ

ให้มันเป็นสีชมพู แค่ให้หัวใจของเราได้รู้
ว่าโลกใบนี้เป็นสีชมพู รอยยิ้มมีให้กันทุกคืนทุกวันต่างก็ชื่นใจ
เมื่อทุกอย่างสดใส อะไรๆก็สีชมพู เย้
ที่ไหนเมื่อไรใครๆก็รู้ แค่ใจดวงนี้เป็นสีชมพู
รอยยิ้มมีให้กัน ทุกคืนทุกวันต่างก็เข้าใจ
อยู่ร่วมกันด้วยรัก โลกนี้จะงดงามเพียงใด


“ไอ้บาสไอ้ปั๊ป” ไอ้อาร์มโยนต่อไปที่คู่วงโยฯ ไอ้คู่นั้นเตรียมตัวกันแล้วไอ้บาสต่อด้วยเพลงพี่แบงค์ แคลช

Hey One Two Three ไม่ได้เป็นคนที่เกเร
แค่อยากจะบอกไม่ได้เจ้าชู้ถ้าเธอเข้าใจก็โอเค
ถ้าไม่เข้าใจคงเดินเซ พะวงมึนงงและโลเล
ถ้าโดนเธอตอกคงเข้าอารมณ์ D A R K
ก็อยากให้จำ ที่มองสาวๆสวยๆทุกครั้งทุกคราวที่ผมทำ
เป็นเวรเป็นกรรมที่ชายทุกคนนั้นเป็นต้องเผลอกัน
ถ้าไม่ตะขัดตะขวงในใจก็คงไม่บอก
ซื่อสัตย์ไม่ได้หลอก เพียงแต่ผมไม่เคยจะบอก


แล้วคู่วงโยฯ ก็โยนมาให้ผมกับไอ้บอส แล้วกรูจะร้องเพลงไรล่ะนี่แล้วระหว่างที่ผมเกาหัวแกร๊กๆ แลถูกสายตาของพวกมันจ้องมอง และเกือบจะแพ้ ไอ้บอสก็ขึ้นเพลงช่วยชีวิตพวกเราก่อน

บางทีฉันก็ยั้งไม่อยู่ บางทีฉันก็รู้แต่ทนไม่ไหว
บางทีฉันใจร้อนเกินไป โปรดจงเข้าใจ
ที่เป็นไปนะเป็นไปด้วยรัก 
แต่อาจจะขี้หึงเกินไป แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว
รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยน (เป็นไปด้วยรัก)
แต่อาจจะขี้หึงเกินไป แต่ใจทั้งใจมีแต่เธอคนเดียว
รักเธอคนเดียว ไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยน (เป็นไปด้วยรัก)


กรูรอดแล้วผมนึกในใจ แต่เพลงนี้ก็เหมาะกับไอ้บอสดีนะ ขี้หึงนี่ หลังร้องเสร็จก่อนจะโยนให้ไอ้เบสต์กับไอ้แดนต่อ

ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ดี๊ด่าด้า 
(หน้าชา ปากชา ขาชา ไอนั่นก็ชา แม้แต่ปรอทก็วัดไม่ได้)
ใจเย็นก็กลัวว่าหมา อา อา จะคาบไป
(ตั้งแต่มีเธอนั้นเดินเข้ามา อยู่ ๆ หัวใจหยุดเต้น มัน Thinaken จนเกินเยียวยา ก็เธอนั้นน่ารักที่สุด น่ารักเป็นหนึ่งในพสุธา)
ใจเย็นจนเริ่มจะชา ดา ดา ก็หวั่นไหว
(แค่เธอขวาซ้ายขวา แค่เธอเดินมาแทบลืมหายใจ แค่อยากจะทักแต่ก็ต้องทุกข์ ก็เพราะไม่รู้ต้องเริ่มไง)
ไม่รู้จะพูดยังไง ว่าคน ๆ นี้นั้นมันแอบรักเธอ
(น้ำแข็งเกาะทีละนิด ความเย็นออกฤทธิ์ภายในหัวใจ ชามันไปทุกส่วน ทุกอวัยวะในร่างกาย)


(เหยดด) ไอ้แดนเริ่มร้อง ไอ้เบสต์ก็แร็ปสวน ร้องตอบกันแบบเฮ้ยยย พวกมรึงไปเป็นนักร้องกันดีกว่าไหม ไอ้แดนโยนให้ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์ต่อเป็นคู่ถัดไป

“เชี่ยเบสต์ แล้วกรูจะต่อยังไงละวะ” ไอ้ไบร์ทถึงกับสบถด่าไอ้เบสต์กับได้แดน คุณชายเกมส์นั้นชิวๆ แล้วก็ร้องขึ้นเพลงนี้

อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ
ใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอ ตั้งแต่วันแรกเจอ ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ
พอรู้จักก็อยากจะทักทาย พอไม่เจอแล้วใจก็วุ่นวาย เธอหายไปก็ห่วงเธอแทบตาย
จะเป็นเช่นไร ตรงนั้นมีใครดูแลหรือไม่ก็ไม่รู้
เกือบลืมหายใจเมื่อเธอเข้ามาใกล้ๆ แค่เธอยิ้มมาก็สั่นไปทั้งหัวใจ
อยากจะบอกเธอให้ได้รับรู้ความในใจ

แต่บอกตอนนี้ไม่รู้จะเร็วไปหรือไม่ ก็ยังไม่รู้ ว่าเธอคิดเช่นไร
ถ้าบอกคำนั้นแล้วเธอตอบมาว่าไม่ใช่ ถ้าเป็นแบบนี้เธอคงจะเดินหนีไป
ดีพอแล้วที่ได้มีเธออยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียง ได้คอยดูแลอยู่ไม่ไกล
จะซ่อนความลับเอาไว้ในหัวใจ มากเพียงไหนฉันจะไม่ยอมพูดไป


ด้วยเนื้อเพลงที่โดนและเพลงนี้กำลังดังเพราะซรี่ย์ยอดฮิต กลายเป็นว่าพวกเราช่วยกันร้องเพลงนี้จนจบเพลง

..........

“เมื่อยไหม”บลูหันไปถามไอ้บอมบ์ หลังจากนั่งรถข้ามเข้ากันมาหลายลูก
“นิดหน่อย” ไอ้บอมบ์ตอบไอ้บลูกลับไป ไอ้บอมบ์เอามือมาประสานกับมือไอ้บลูแล้วกุมไว้
“บลูล่ะเมื่อไหม” บอมบ์ถามบลูกลับไป
“ไม่อ่ะ แค่ได้อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว”  ไอ้บลูตอบไอ้บอมบ์แล้วยิ้มจนตาแถบจะปิด
“พวกมรึงมาหากันยังไง”ผมถามไอ้บลูกับบอมบ์ที่นั่งข้างๆกับผมกับบอส
“ก็ผลัดกันมาหาอ่ะ” ไอ้บอมบ์ตอบผมกลับมา
“คือถ้าเดือนนี้กรูไปหาไอ้บอมบ์ที่พิษณุโลก เดือนถัดมาไอ้บอมบ์ก็มาหากรูที่เชียงใหม่” ไอ้บลูอธิบายเพิ่ม
“แล้วพวกมรึงไม่คิดถึงกันเหรอ” ไอ้บอสถามไอ้บลูกับไอ้บอมบ์
“ก็คิดถึง แต่ทำไงได้ก็มีหน้าที่ต้องทำกัน” ไอ้บอมบ์หันมาตอบไอ้บอส
“แล้วไม่กลัวมือที่สามเหรอวะ”ผมถามพวกมันต่อ
“ก็กลัว แต่ถ้าพวกเรายังรักกัน ก็ไม่มีใครแทรกเข้ามาได้หรอก” ไอ้บลูตอบผมกลับมา ไอ้บอมบ์เอามือมากุมมือไอ้บลูไว้
“พวกเราห่างกัน 5 ชั่วโมง” ไอ้บอมบ์หันมาบอกผม ผมทำหน้างง
“ห่างกัน 5 ชั่วโมงคือไรวะ” ผมถามพวกมันกลับไป
“ก็เวลาที่พวกเราจะไปหากันไง ขับรถประมาณ 5 ชั่วโมง” ไอ้บอมบ์อธิบาย

ผมกับบอสพวกเราสบายกว่าคนอื่น ที่เรารักกันแล้วยังได้อยู่ด้วยกัน ผมนับถือไอ้บลูกับไอ้บอมบ์มันนะ ที่แม้ไกลกัน แต่ก็ยังมั่นคงในความรักของกันและกัน

พอผ่านอำเภอบ้านหลวงก็จะเข้าเขตจังหวัดพะเยาที่อำเภอเชียงม่วน เส้นทางก็ยังวิ่งขึ้นเขา บางครั้งถนนก็ตัดอยู่บนสันเขาเลย ซ้ายก็เหว ขวาก็เหว แต่ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงามมาก เลยอำเภอเชียงม่วนมาไม่ไกลก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1251 มุ่งหน้าสู่อำเภอดอกคำไต้
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-tuk-tukkorat1_zpssr3qaqpj.jpg)
Cr.ภาพจาก Blog ของคุณ tuk-tuk@korat


เส้นนี้ยิ่งมีรถน้อยลง เพราะบางคนมักจะชอบเลี้ยวไปเส้น 1091 ที่ไปเมืองพะเยาได้เหมือนกัน แต่จะอ้อมกว่านิดหน่อย ผ่านอำเภอปง อำเภอจุน แล้วถึงเมืองพะเยา แต่พวกเราเลือกที่จะมาเส้นนี้เพราะใกล้กว่า พอเลยตัวอำเภอดอกคำใต้มานิดหน่อย ก็เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงแผนดินหมายเลข 1021 ไปอีกไม่ไกลก็เลี้ยวขวาเข้าถนนสายเอเชียทางหลวงหมายเลข 1 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าจังหวัดพะเยา ออกจากน่านประมาณ 8.45 น. มาถึงพะเยา 12.30น.

พวกเราแวะหาข้าวกลางวันทานที่ริมกว๊านพะเยา กว๊านพะเยาเป็นทะเลทราบน้ำจีดที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่กลางเมือง มีทิวเขาเป็นฉากหลัง ริมกว๊านพะเยามีร้านอาหารมากมายและมีสวนสาธารณะ กว๊านพะเยามีแม่น้ำหลักที่ส่งน้ำหล่อเลี้ยงกว๊านก็คือแม่น้ำอิง พวกเราแวะร้านอาหารร้านหนึ่งที่ขายอาหารตามสั่งแต่มีแต่อาหารประเภทเส้น มีทั้งผัดไท ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น ราดหน้า ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แถมมีก๋วยเตี๋ยวหลอดด้วย ผมว่าร้านนี้เขามีจุดขายคืออาหารตามสั่งประเภทเส้น

“พวกมรึง กรูภูมิใจนำเสนอ” ไอ้เบียร์ ส่งจานก๋วยเตี๋ยวหลอดมาให้พวกเรา
“น้ำจิ้มสุดๆจริงๆหวะ ลองชิมดู” ไอ้เบียร์ชี้ไปที่น้ำจิ้มสีเขียวที่อยู่ในถ้วย ไอ้เกมส์เป็นคนแรกที่ลองชิม
“เออ จริงหวะ อร่อย” ไอ้เกมส์ถึงกับอุทาน
“กรูบอกแล้ว ถ้าเบียร์ว่าอร่อยมันต้องอร่อยจริงๆ” ไอ้คุณพี่ชายผมออกปากชมไอ้เบียร์
“จร้า กรูเชื่อแล้ว” ไอ้เกมส์ลากเสียงยาวแซว แล้วจานก๋วยเตี๋ยวลุยสวนก็ถูกส่งไปให้ชิมกันทั่วโต๊ะ จนไอ้พวกนั้นสั่งเพิ่มกันอีกเพราะอร่อยจริงๆ

พอทานข้าวกันอิ่มพวกเราก็เดินข้ามถนนมาถ่ายรูปกับป้ายกว๊านพะเยา ที่อยู่ริมกว๊านกัน ทะเลสาบกว้างไกลสุดสายตามีทิวเขาเป็นฉากหลัง นี่ถ้าไม่บอกว่าเมืองไทยก็คงคิดว่าอยู่เมืองนอก

“สวยจัง” ผมหันไปบอกไอ้บอสที่ยืนสูดอากาศสดชื่นริมกว๊านพะเยา
“สวยมาก อากาศก็ดี” ไอ้บอสหันมาตอบผม
“วันนี้นั่งรถมาวิวก็ดีเนอะ” ผมหันไปยิ้มตาหยีกับบอส
“ทางสวยมาก แต่มีโบ้ทมาเลยทำให้สวยยิ่งขึ้น” บอสเอื้อมแขนมาโอบบ่าผมอีกข้างหนึ่ง
“อืม”  ผมรู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนผ่าว
“โบ้ทมีความสุขมากๆที่ได้มาเที่ยวกับบอสนะ” ผมตะกุกตะกักตอบบอสไปด้วยความเขิน

ไม่ใช่แค่คู่ผม ดูเหมือนทุกคนก็จะดื่มดำกับธรรมชาติตรงหน้า ที่สวยงามอย่างกับภาพวาด แม้แต่ไอ้ไปป์ที่อาจจะดูเหงาๆ แต่รอยยิ้มละมุมบนหน้าของมัน ทำให้ผมเชื่อว่าไอ้เบิร์ดที่อยู่บนสวรรค์ ตอนนี้ได้มายืนอยู่ข้างๆมันแล้ว

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-travel-mthai-com_zpsw7z2gvaj.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-GumpzZ_zps65mj4qmx.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-khunnung-com_zpsi1k8bw73.jpg)
Cr.รูปภาพจาก travel-mthai-com,GumpzZ@พันทิป,www-khunnung-com

ถ่ายรูปกันเสร็จก็ขึ้นรถ ตอนนี้พี่คนขับคนที่ 2 ผลัดเปลี่ยนมาทำหน้าที่พลขับแล้ว รถบัสย้อนกลับลงมาตามเส้นทางหมายเลข 1 มุ่งหน้าจังหวัดลำปาง แล้วมาเลียวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 120 มุ่งหน้าอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย จากจุดทางแยกทางหลวงหมายเลข 1 ตัดกับทางหลวงหมายเลข 120 จากจุดนี้อีก 144 กิโลเมตรก็ถึงเชียงใหม่

รถบัสวิ่งมาตามทางหลวงหมายเลข 120 ที่ตัดผ่านจังหวัดพะเยาและผ่านอำเภอวังเหนือ จ.ลำปาง เส้นทางขึ้นเขาเหมือนแต่ถนนจะดีกว่าช่วง น่าน-พะเยา เพราะเป็นเส้นหลักที่ใช้เดินทางระหว่างจังหวัดพะเยากับจังหวัดเชียงหม่ ทิวทัศน์สองข้างทางก็สวยงามไปอีกแบบ เลยอำเภอวังเหนือมาไม่นานก็เข้าเขตอำเภอเวียงป่าป้า จังหวัดเชียงราย
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-tuk-tukkorat1_zpsuqucopfr.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-tuk-tukkorat_zpsxhotkvda.jpg)
Cr.รูปภาพจาก Blogของคุณ tuk-tuk@korat


แต่เราไม่ได้เข้าอำเภอเวียงป่าเป้า เพราะทางหลวงหมายเลข 120 จะมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 118 ถนนเชียงใหม่-เขียงราย ที่ตำบลเจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า แล้วรถเราก็เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าสู่ตัวเมืองเชียงใหม่ เลยตำบลเจดีย์มาไม่ไกล แถวๆแม่ขะจาน มีบ่อน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาอยู่ริมถนนด้วย เสียดายที่ไม่ได้แวะ เพราะกลัวจะไม่ทันขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยสุเทพกัน พอลงดอยสะเก็ตก็ถึงพื้นราบเมืองเชียงใหม่ ความเจิรญแบบสังคมเมืองของจังหวัดที่มีความเจิรญเป็นอันดับสองของประเทศปรากฎให้เห็นตั้งแต่ลงดอยสะเก็ตลงมา
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-tuk-tukkorat_zpsjpjasotd.jpg)
Cr.รูปภาพจาก Blogของคุณ tuk-tuk@korat

พอเข้ามาในตัวเมืองก็มุ่งหน้าขึ้นดอยสุเทพกันเลยครับ รถบัสค่อยๆไต่ขึ้นไปตามถนนขึ้นดอยสุเทพ เริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ตรงตีนดอย ที่พวกเราตั้งใจว่าจะกลับลงมากราบท่านหลังจากขึ้นไปสักการะพระธาตุดอยสุเทพแล้ว รถบัสนำเราค่อยๆขึ้นไปบนดอยสุเทพ บางช่วงสามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง เป็นภาพที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้เชียงใหม่ไม่เหมือนเมืองอื่นๆในประเทศไทย ก่อนจะถึงบริเวณวัดนิดหน่อยจะมีโค้งหักศอกที่เป็นที่เรื่องลือ เพราะนอกจจะหันศอกแล้วยังชันมากอีกด้วย พวกเราขึ้นไปถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ ก็ 16.00 น. พอดี
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-Akadech%20Repaichit%20youtube_zpshrbc7ief.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-_zpsfhgvbd3c.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-thailovetrip-com_zpsu9ana2mu.jpg)
Cr.รูปภาพจาก Akadech Repaichit @youtube,พระรถเสน@พันทิป,www-thailovetrip-com

พวกเราใช้บริการลิฟท์ขนส่งของทางวัดให้พาพวกเราขึ้นไปที่ตัววัด พระธาตุดอยสุเทพ มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงเชียงแสนบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้ พอเข้ามาบริเวณที่จัดไว้ให้สักการะพระธาตุแล้ว สงบร่มเย็น เสียงกระดิ่งดังจากแรงลม กังวานไปทั่ว พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียนกันเรียบร้อย ก่อนจะเดินอธิฐานเวียนขวารอบองค์พระธาตุ 3 รอบ แล้วจึงมาจุดธูปเทียนบูชาสักการะตรงจุดที่วัดจัดไว้ให้

หลังจากสักการะพระธาตุกันเสร็จก็มาเดินรอบกำแพงแก้ว ที่มีระฆังเรียงยาวรอบกำแพงแก้ว พวกเราก็เดินเคาะระฆังกันจนรอบกำแพงแก้ว ก่อนจะมาถ่ายรูปหม่ที่จุดชมวิว เพราะก็เป็นอีกมุมหนึ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญของการขึ้นมาบนวัดพระธาตุดอยสุเทพ วิวด้านหลังเราสามารถมองเห็นเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งเมือง

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-chiangmai-tourist-blog_zpstbhyivtt.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-thaibuddytrip-com_zpshcutg7gq.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-blog%20_zpswsapikgx.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-_zpsjcu0ltno.jpg)
Cr.รูปภาพจาก chiangmai-tourist-blog,www-chiangmaitouring-com,-blog ,คุณแก้วกังใส,Blog คุณ วินวิน

ถ่ายรูปกันเสร็จเรียบร้อยพวกเราเลือกที่จะเดินลงบันใดแทนการใช้ลิฟท์ บันใดสูงทั้งสองข้างเป็นลำตัวพญานาค สมัยก่อนยังไม่มีลิฟท์ก็ต้องเดินขึ้นกันทางนี้สถานเดียว แน่นอนแลนมาร์กแบบนี้ไม่ถ่ายรูปคงไม่ได้
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-chiangmaitouring-com_zpssdbaedea.jpg)
Cr.รูปภาพจากwww-chiangmaitouring-com

........

รถบัสค่อยๆนำพวกเราลงจากดอยสุเทพ พวกเราแวะสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยกัน พอรถบัสหาที่จอดได้พวกเราก็ลงมาซื้อดอกไม้ธูปเทียน แล้วก็ไปกราบครูบาศรีวิชัยเพื่อเป็นสิริมงคลกับทริปของพวกเรา

ลงมาจากดอยสุเทพพวกเรารถบัสก็พาพวกเรามาที่บ้านไอ้เบรฟกับไอ้บูล เพราะคืนนี้เรานอนพักกันที่บ้านไอ้สองคนนี้ บ้านไอ้เบรฟกับไอ้บลูอยู่ติดกัน แถมพ่อไอ้เบรฟกับพ่อให้บลูเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยมอีกด้วย

รถบัสเลี้ยวเข้ามาจอดที่บ้านของไอ้เบรฟกับไอ้บลู บ้านสองหลังปลูกติดกัน มีรั้วจากต้นไม้พุ่มเตี้ยๆกันระหว่างสองบ้านนี้ พื้นที่บ้านทั้งสองหลังรวมๆเกือบ 2 ไร่ พวกเราลงมาสวัสดี พ่อกับแม่ของไอ้เบรฟกับไอ้บลูรอพวกเราอยู่แล้ว หลักจากสวัสดีท่านเสร็จ แม่ของไอ้เบรฟกับไอ้บลู ก็พาพวกเราเดินมา ศาลาหลังไม้ใหญ่สีขาวสไตล์โคโลเนียล (เรือนขนมปังขิง) มีกระจกกั้นพร้อมกับติดแอร์ไว้พร้อม ที่ปกติใช้เป็นที่สังสรรค์ของทั้งสองครอบครัว แต่ตอนนี้ดัดแปรงเป็นเรือนนอน มีฟูกปูเรียงรายพร้อมกับหมอนและผ้าห่ม มีห้องน้ำในตัว

เก็บของกันเสร็จ พ่อกับแม่เบรฟกับบลู จองร้านอาหารไว้ให้พวกเราเรียบร้อย ท่านจัดการทุกอย่างไว้แล้ว ไปสั่งแล้วก็ทานเท่านั้น มื้อนี้เป็นอุปการะคุณจากพ่อกับแม่ไอ้บูลแล้วก็ไอ้เบรฟครับ ร้านอาหารตั้งอยู่แถวๆถนนนิมมานฯ

พอทานมื้อเย็นกันเสร็จ พวกเราไปเดินไนซ์บาร์ซ่าของเชียงใหม่กันต่อ เสียดายที่ไม่ตรงกับวันอาทิตย์ เพราะจะมีถนนคนเดินอันเรื่องชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้เลยได้เดินแค่ไนซ์บาร์ซ่าเท่านั้นเอง


หลังจากเดินช็อปปิ้งจนขาลากกันแล้วพวกเราก็มุ่งหน้ากลับมาพักที่บ้านไอ้บูลกับไอ้เบรฟ ผ่านไปกว่าครึ่งทางแล้วสำหรับทริปนี้ พรุ่งนี้จุดหมายต่อไปของเราคือ ปาย เมืองท่องเที่ยวในฝันอีกเมืองหนึ่งของเมืองไทยครับ


Game
See you Next Game
-------------------------------------------------------------
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/6_zpsteit2dwh.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 66-67th Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2015 01:29:48
@ 67th Game  – Onsen

หลังจากอาบน้ำอาบท่ากันเรียบร้อยคืนนี้เป็นคิวเปิดใจของพวกสมาคมพ่อบ้านกันต่อครับ พวกเรานั่งล้อมวงเป็นครึ่งวงกลมเหมือนเดิม โดยลากเก้าอี้มาวางตรงกลางหนึ่งตัว

“วันนี้เหมือนคืนก่อนเนอะ เริ่มแนะนำตัวเอง แล้วก็อนาคตที่อยากเป็นกันครับ” ไอ้อาร์มย้ำคำถามให้พวกหนุ่มๆกันอีกรอบ
“ใครจะเริ่มก่อน ก็เชิญเลยครับ”

แล้วคุณพี่ชายผมก็เดินออกไปเป็นคนแรก

“ผมเบนซ์ครับ ชญานนท์ สุขอนันต์ครับ
“มีน้องชาย 1 คน นั่งอยู่โน่นครับ” มันชี้มาทางผม
“ผมเกิด 5 ม.ค ครับ”
“ผมอยากเป็นรองหัวหน้าชมดุริยางค์ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“ผมเล่นแซกโซโฟนครับ”
“อยากเรียนคณะ ดุริยางค์ศาสตร์ มอแถวศาลายาครับ”
“ดีใจที่สุด คงเป็นตอนที่ไอ้เบียร์ยอมรับผมเป็นแฟนครับ” เสียงโฮ่ฮาแซวดังขึ้นรอบวง ไอ้เบนซ์เอามือเกาหัวแก้เขินก่อนจะลุกจากเก้าอี้ แล้วก็เป็นไอ้ไปป์เดินเข้าไปแทนครับ


“ไปป์ครับ ฒวัชวงศ์ อภิเชษฐ์พงษ์ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมฟุตบอล โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาทรครับ”
“ผมกิดวันที่ 15 พ.ค ผมมีพี่ชาย 1คน ครับ”
“อยากเรียนคณะ วิทยาศาสตร์การกีฬาครับ แต่สิ่งใฝ่ฝันก็คือได้เล่นฟุตบอลเป็นอาชีพครับ”
“สิ่งที่ดีใจที่สุดคือเคยได้ดูแลเบิร์ด ถึงแม้จะทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร แต่ก็เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผมตอนนี้” พวกเราตบมือให้ไอ้ไปป์ ไอ้ไปป์เดินออกมาจากเก้าอี้ ไอ้บลูเป็นคนต่อไป

“บลูครับ ศีลวัตร วิวัฒนโชติ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดนตรี โรเงรียนกางเกงสีกรมท่าที่เชียงใหม่นี่แหละครับ”
“ผมรักที่จะเล่นไวโอลินมากครับ”
“ผมเกิด 9 มิ.ย ผมมีพี่ชาย 2 คน ผมเป็นคนเล็กครับ”
“อยากเรียน คณะดุริยางค์ศิลป์ มอแถวศาลายา ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คือ ได้แชมป์ไวโอลินชิงถ้วยพระราชทานครับ”
“คงมีเท่านี้ครับ” เสียงตบมือให้บลูดังขึ้น แล้วไอ้เบรฟก็เดินเข้าไปพูดเป็นคนต่อไป

“พิชชากร นิลธราช ครับ ชือเล่นผม เบรฟ ครับ”
“ผมเกิด 11 ต.ค ผมมีน้องสาว 2 คน”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมว่ายน้ำ โรงเรียนกางเกงน้ำเงินชื่อดังที่เชียงใหม่นี่แหละครับ”
“อยากเรียนคณะสัตว์แพทย์ ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงเป็นแชมป์การแข่งว่ายน้ำภาคเหนือครับ” พวกเราตบมือให้ไอ้เบรฟ คิวต่อไปเป็นไอ้บรูค

“ผม บรูค นะครับ”
“ยุติธร มงคลพิศัย”
“ผมเกิด 30 เม.ย มีน้องชาย 1 คน ผมเป็นคนโตครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมภาษาจีน โรเงรียนกางเกงน้ำเงินที่ขอนแก่นครับ”
“อยากเรียนคณะอักษรศาสตร์ มอแถวสามย่านครับ แต่ไม่รู้ว่าจะสอบติดไหม” มันเอามือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
“ดีใจที่สุด ตอนนี้ก็คือได้มาเที่ยวกับพวกเพื่อนๆครับ” พวกเราตบมือให้ไอ้บรูค คุณชายบัด เดินเข้าไปที่เก้าอี้เป็นคนต่อไป

“บัดครับ ทีมากร อรรถากร ครับ”
“ผมเกิด 8 ม.ค เป็นลูกโทนครับ”
“ผมเป็นสมาชิกชมรมบาสเก็ตบอล โรงเรียนกางเกงสีแดงที่พัทยาครับ”
“อยากเรียนคณะอะไร ยังไม่ได้คิดครับ ผมเพิ่งจะ เกรด 10 เอง” มันยิ้มแก้เขิน
“ดีใจที่สุด ก็คงจีบวินติดครับ” ไอ้บัดยิ้มอย่างภาคภูมิใจ เสียงแซวจากไอ้แบงค์ นำลิ่วมาแต่ไกล จนไอ้วินนั่งม้วนเขินแทนไอ้บัดเรียบร้อย พอไอ้บัดลุก ไอ้บอลก็เข้าไปพูดต่อ

“บอลครับ นราวัฒน์ สิริไพโรจน์ ครับ”
“ผมเป็นนักฟุตบอลทีมโรงเรียนกางเกงสีน้ำตาลแถววัดยานนาวาครับ อยู่ชมรมฟุตบอลด้วยครับ”
“ผมเกิด 22 ม.ค ครับ ผมมีพี่ชาย 1 คน น้องสาว 1 คน ผมเป็นคนกลาง”
“อยากเรียนคณะอะไร ยังไม่ได้คิดเหมือนไอ้บัดครับ เพิ่งจะม.4 เองครับ แต่อยากเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนพี่ไปป์ครับ”
“ดีใจที่สุดหรือสบายใจที่สุดก็คือผมเปิดเผยเรื่องผมกับคริสกับพี่บอสและพี่ๆทุกคนได้ครับ มันเหมือนผมไม่ต้องเก็บคริสเป็นแฟนลับๆอีกต่อไปแล้วครับ” ผมเราตบมือให้กับความกล้าของไอ้บอลมัน อย่างน้อยตอนนี้มันก็กล้าที่จะยอมรับตัวเอง ไอ้คริสนั่งน้ำตาคลอด้วยความดีใจอยู่ไม่ไกล พอไอ้บอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก็เป็นคิวของไอ้เบสต์ครับ
“เบสต์ครับ ษิธาวุฒิ อินทรภัทร ครับ”
“ผมเกิด 7 ธ.ค ครับ ผมมีน้องชาย 2 คน ผมเป็นคนโต”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมกีฬา X-Game โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“ผมเล่นสเก็ตบอร์ดครับ”
“อยากเรียนคณะ นิติศาสตร์ครับ มออะไรก็ได้ครับ”
“ดีใจทีสุด ก็คงหาเงินได้จากสเก็ตบอร์ดนี่แหละครับ” มันเอามือเกาหัวแก้เขิน ก่อนจะลุกออกจากเก้าอี้ เสียงตบมือดังขึ้นให้ไอ้เบสต์ แล้วไอ้เคนก็เดินไปพูดเป็นคนต่อไป

“เคน นะครับ ฉัตรปวีร์ อัครโชติ ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพ โรงเรียนกางเกงสีเทาที่ขอนแก่นครับ”
“เคนเกิด 18 ต.ค ครับ มีน้องชาย 1คน”
“อยากเรียน นิเทศศาสตร์ครับ และเป็นช่างภาพมืออาชีพเหมือนเบลครับ
“ดีใจที่สุดก็คงที่ได้ไปวันเกิดไอ้อาร์มครับ เพราะทำให้ผมได้เจอเบลครับ” พวกเราเป่าปากวี๊ดหวิ่วแซวไอ้เคน กันลั่น ไอ้เคนลุกขึ้น คิวต่อไปเป็นของไอ้บิว

“บิวครับ สักกทัศน์ พิพัฒนชัย ครับ”
“ผมเกิด 24 ส.ค ครับ มีน้องสาว 1 คน
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดนตรี โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“อยากเรียน คณะดุริยางค์ศาสตร์ มอแถวศาลายาครับ อยากมีวงดนตรีเป็นของตัวเองครับ”
“ดีใจที่สุดก็คงเป็นได้หัวหน้าชมรมดนตรีล่ะครับ” พวกเราตบมือให้ไอ้บิวหลังจากที่มันแนะนำตัวเสร็จ ไอ้บูมเป็นคนต่อไป

“ถกลเกรียติ วัฒนไพศาล ครับ ชื่อเล่นชื่อ บูม นะครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมเชียร์ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“ผมเกิด 19 พ.ย ครับมีน้องชาย 1 คน”
“อยากเรียนเรียนคณะ แพทย์ ครับ แต่ไม่รู้จะสอบติดกะเค้าหรือเปล่า”
“ดีใจที่สุด คือทำหน้าที่หัวหน้าชมรมเชียร์ปีนี้ครับ” เสียงตบมือให้ไอ้บูมดังขึ้น แล้วไอ้บาสก็เดินเข้าไปพูดเป็นคนต่อไป

“บาสครับ วาทินเมธ เสรษฐวุฒิ ครับ”
“บาสเกิด 29 ก.พ ครับ 4 ปีจะมีวันเกิดกะเค้าสักครั้งครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมดุริยางค์ แล้วก็เป็นดัมเมเยอร์ โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรนี่แหละครับ”
“อยากเรียนคณะ ดุริยางค์ศาสตร์ มอแถวศาลายาครับ
“เรื่องที่ดีใจที่สุดก็คือเล่นเฟสบุคเป็นเลยจีบปั๊ปติดครับ” ไอ้แบงค์กับไอ้บูมแล้วก็ผมเป่าปากกันดังลั่นเพราะเราสามคนเป็นคนสอนให้ไอ้บาสเล่นเฟสบุคจนจีบไอ้ปั๊ปติด พอไอ้บาสแนะนำตัวเสร็จ ก็เป็นคิวของคนที่คุณก็รู้ว่าใครครับ

“เกมส์ครับ ณัฐภัทร กิตติกรสกุล ครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมเทนนิส โรงเรียนกางเกงสีน้ำเงินแถวบางรักครับ”
“ผมเกิด 8 ส.ค ครับ ผมมีพี่ชาย 1 คน ผมเป็นลูกคนเล็กของบ้านครับ”
“อยากเรียน สถาปัตย์ ครับ มออะไรก็ได้ แต่ถ้าได้แถวสามย่านจะดีมากครับ”
“ดีใจที่สุดก็คือได้มาเป็นเพื่อนกับทุกๆคนครับ” พวกเราตบมือให้ไอ้เกมส์เมื่อมันแนะนำตัวเสร็จ คิวต่อไป ก็เป็นคิวไอ้โอมครับ

“ผมโอมนะครับ ฑีฆายุ อำนวยศิลป์ครับ”
“ผมลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 16 พ.ย ครับ มีน้องชาย 1 คน ผมเปนพี่คนโตครับ”
“ผมเป็นหัวหน้าชมรมเทนนิส โรงเรียนกางเกงน้ำเงินแถวหอสมุดแห่งชาติครับ”
“อยากเรียน วิศวะ ครับ มออะไรก็ได้ครับ”
“ดีใจที่สุดก็คือได้มาทริปกับไอ้บีมแล้วก็เพื่อนๆทุกคนครับ” เสียงตบมือดังขึ้นเมื่อไอ้โอมแนะนำตัวเสร็จ คิวต่อไปเป็นของไอ้แบงค์ไอ้เพื่อนซี้ตัวแสบของผมครับ

“ผมนายแบงค์นะครับ ปฏิภาณ ปัทมศิริครับ”
“ผมเป็นรองหัวหน้าชมรมเทนนิส โรงเรียนกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“ผมเกิด 19 ก.ค มีน้องชายกะเค้า 1 คนครับ”
“อยากเรียน คณะมนุษย์ ครับ มออะไรก็ได้ ผมอยากเป็นนักโบราณคดี”
“ดีใจที่สุด ก็คงเหมือนไอ้โบ้ทครับ ที่ทีมเทนนิสโรงเรียนเราได้แชมป์ครับ”
“เห็นผมปากหมาๆแบบนี้ แต่รักใครก็รักจริงนะครับ” ไอ้แบงค์สรุปปิดท้าย เสียงไอ้บีมกับไอ้ไบร์ทโห่ฮา กับมุขเสียวๆของมัน พอไอ้แบงค์แนะนำตัวเสร็จ ก็เป็นคนสุดท้ายครับ คุณชายบอส

“ปิดท้ายที่ผมนะครับ บอสครับ จารุวัฒน์ อรรถากร”
“ผมเป็นประธานสภานักเรียนโรงเรียนเด็กกางเกงสีดำแถวสาธรครับ”
“ผมเกิดวันที่ 5 เม.ย ครับ ผมเป็นลูกคนเดียวครับ ส่วนไอ้บัดนั่นเป็นลูกพี่ลูกน้องนะครับ” บอสผายมือไปที่ไอ้บัดที่ใช้นามสกุลเดียวกับมัน
“ผมชอบสีเขียวครับ”
“ผมอยากเรียนคณะ วิศวะ ครับ มออะไรก็ได้ แต่ถ้าอยู่มอเดียวกับโบ้ทจะดีที่สุดครับ” เสียงไอ้แบงค์เป่าปากแซวดังมาอีกรอบ
“ดีใจที่สุด ก็คงเป็นที่ได้กลับมาคบกับโบ้ทเป็นแฟนอีกครั้งครับ” คราวนี้เสียงเป่าปากแซวดังยิ่งกว่าเก่า ไอ้บอสยิ้มบางๆ อย่างภูมิใจ ส่วนผมแถบอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้

พอไอ้บอสแนะนำตัวเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกลับฟูกใครฟูกมัน เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางไปปายกันต่อ ผมมีความสุขที่ได้ซุกตัวอยู่ใต้ไออุ่นของบอสอีกครั้ง   บอสประทับริมฝีปากเบาๆลงที่หน้าผากผมเบาๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะครับโบ้ท”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับบอส”


.....................

วันนี้เป็นวันแรกในทริป ที่ไม่ต้องตื่นแต่เช้า เพราะวันนี้โปแกรมของเราคือเดินทางเชียงใหม่ไปปายเท่านั้น ผมกับบอสเริ่มตาตื่นขึ้นมา ตอน 9.00 น. แอบนอนกลิ้งๆอาลัยที่นอนกันอีกแปป ก่อนจะลุกไปทำธุระส่วนตัวกัน ปลุกพวกเพื่อนๆ เก็บกระเป๋ากันเรียบร้อยก็เกือบจะ 10.00 น. พ่อกับแม่ของเบรฟเตรียมข้าวซอยไก่ไว้รอพวกเรากันแล้ว

กินข้าวซอยกันเสร็จพวกเราก็ช่วยกันเก็บชามไปไว้ในครัวกัน พี่แม่บ้านรอรับไปล้าง ก่อนจะออกมาขอบคุณพ่อกับแม่ไอ้บูลไอ้เบรฟ แล้วก็เตรียมตัวเดินทางมุ่งหน้าสู่อำเภอปายกัน

รถบัสเริ่มเคลื่อนตัวออกจากเชียงใหม่ก็เกือบจะ 11.00 น. จากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลจข 107 ผ่านอำเภอแม่ริมมาจนถึงอำเภอแม่แตง พอมาถึงแยกแม่มาลัยเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวง 1095 สู่ถนนแม่มาลัย-ปาย-แม่ฮ่องสอน อันได้ชื่อว่าถนนพันโค้ง เหลือเชื่อว่าเส้นทางจากแม่มาลัยถึงแม่ฮ่องสอนระยะทางประมาณ 103 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นถนนลาดยางตลอดเส้นทาง แม้จะมีความคดเคี้ยวสูงชัน แต่ทว่าการเดินทางมารถส่วนตัวจะทำให้เราได้มองทิมทัศน์ที่สวยได้งามได้จากสองข้างทางและเป็นมุมสูงที่สวยงามของธรรมชาติอีกด้วย
 
“ใครเอายาแก้เมารถบ้าง” ผมลุกขึ้นยืนตะโกนถามพวกมัน
“กรูเอา”
“เอาครับ”
“ผมเอาคับพี่”

เสียงร้องขอตัวช่วยดังค่อนรถ พร้อมกับยกมือกันสลอน เพราะทุกคนรู้ว่าที่ผ่านมาแม้เขาจะสูงแต่ก็ไม่โหดเท่าทางที่พวกเรากำลังจะไปกันผมเดินแจกยาแก้เมารถตามเบาะที่นั่ง

“ไม่เอาเหรอมรึง” ผมถามไอ้แบงค์
“แค่นี้จิ๊บๆ” ไอ้แบงค์มันมั่นใจมากว่ามันไม่เมา
“แน่ใจเหรอมรึง” ผมถามมันอีกรอบ
“อืมแน่ใจ ทางที่ผ่านมากรูก็ชิวๆ ไม่ต้องห่วงกรูหรอก”
“ปล่อยมัน ไอ้โบ้ท แต่กรูขอยาด้วย” ไอ้อาร์มออกจะหงุดหงิดความมั่นใจของไอ้แบงค์
“ไอ้อาร์มมรึงเตรียมถุงก๊อกแก็ปเพื่อ ข้าวซอยไก่มันจะย้อนออกมาด้วยนะ” ผมบอกไอ้อาร์ม
“นี่ไง” ไอ้อาร์มชี้ไปที่ถุงใส่น้ำของร้านสะดวกซื้อที่พวกเราแวะกันก่อนจะขึ้นเขา
“จะเอายาดมบอกกรูนะ กรูมี” ผมย้ำกับไอ้อาร์ม



ที่ต้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงก็เพราะต้องจัดการกับ 762 โค้ง ตลอดเส้นทางเราจะได้พบกับเครื่องหมายจราจรเกือบครบทุกแบบ ไม่ว่าจะ “โค้งตัว S” “โค้งอันตราย” หรือ “โค้งหักศอก” นับเป็นเส้นทางหฤโหดเส้นทางหนึ่ง

“ไอ้โบ้ท กรูขอยาดม หน่อย” ไอ้อาร์มเดินมาขอยาดมกับผม
“นี่อ่ะ” ผมเปิดกระเป๋าสะพายคว้ายาดมส่งให้ไอ้อาร์ม มันพยักหน้าผมแล้วหันไปทางไอ้แบงค์ ที่ตอนนี้นั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ที่ที่นั่งของมัน
“กรูบอกแล้ว” ผมตะโกนด่าไอ้แบงค์มัน
“กรูยังไม่อ๊วกโว้ย” มันยังมีแรงปากดีกลับมา
“ไม่ต้องปากดีเลยแบงค์” ไอ้อาร์มหันไปดุ ไอ้แบงค์ทำปากจู๋ใส่ไอ้อาร์ม
“ขอยาแก้เมารถด้วยหว่ะโบ้ท” ผมควักยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ไอ้อาร์มไป

พอผ่านกิโลเมตรที่ 40 มา รถบัสก็เลี้ยวขวาพาพวกเราไปตามแคบๆเล็ก ที่เป็นทางเข้าป่งเดือดป่าแป๋

โป่งเดือดป่าแป๋ เป็นส่วนหนึ่งของเขตอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังซึ่งจุดเด่นสำคัญเลยก็ตัวน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ ลักษณะของน้ำพุที่พุ่งขึ้นจากผิวดินเป็นครั้งคราวต่อเนื่องตลอดเวลา โดยที่ระยะเวลาในการพุ่งขึ้นมาสม่ำเสมอ อุณหภูมิของน้ำที่ขึ้นมาถึงผิวดินแล้ว จะอยู่ประมาณ 90-100 องศาเซลเซียส สำหรับโป่งเดือดป่าแป๋นี้จัดว่าเป็นน้ำพุร้อนแบบไกเซอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยเลยทีเดียว

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-thaiticketmajor-com_zpsgk1enxdl.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-thaiticketmajor-com

รถบัสจอดตรงที่จอดรถ พวกเราต้องลงเดินระยะทางประมาณ 500 เมตร

“พวกมรึงหยิบกางเกงขาสั้นกับผ้าเช็ดตัวเผื่อไปด้วย” ผมตะโกนบอกพวกมัน ก่อนจะลงจากรถ
“เด่วเราจะไปแช่น้ำร้อนกัน” นั่นคือสาเหตุที่ทำไมต้องหยิบกางเกงขาสั้น

พี่พนักงานขับรถ ลงมาเปิดประตูช่องเก็บกระเป๋าให้พวกเรา ไอ้เบลก็ไม่ลืมที่จะชวนพี่เขาไปแช่น้ำร้อนด้วยกัน

เส้นทางทางในการเดินชมน้ำพุร้อนไม่ได้โหดมาก แต่ก็เดินขึ้นเดินลงพอสมควร ตามทางมีเถาวัลย์ มีกิ่งไม้ขนาดใหญ่พาดผ่านตามทางเดิน เดินมาไม่นานพวกเราก็มาถึงน้ำพุร้อน
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-blog%20%20wicsir_zpswi9qmqa8.jpg)
Cr.รูปภาพจาก blog คุณ wicsir


เราก็มาถึงตัวน้ำพุร้อนซึ่งกำลังพวยพุ่งขึ้นมาเหนือพื้นดินอย่างต่อเนื่อง บริเวณรอบๆ นี้จะอบอวลไปด้วยกลิ่นกำมะถันที่พุ่งขึ้นมาพร้อมๆ กับน้ำพุ และด้วยอุณหภูมิของน้ำร้อนที่สูงสุดถึง 100 องศาเซลเซียสโดยประมาณ จึงไม่น่าแปลกใจถ้าบริเวณโดยรอบนี้จะมีรั้วรอบขอบชิดและป้ายห้ามเข้าใกล้ตัวน้ำพุร้อนให้เห็นอย่างชัดเจน พวกเรายืนถ่ายรูปกันกับน้ำพุร้อนเป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมาเที่ยวที่นี่
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-yellowpages-co-th_zpsicjgnupo.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-yellowpages-co-th

พอถ่ายรูปกันเสร็จทางเดินก็นำเราเดินต่อมาผ่านป่ามีบางช่วงที่ทางเดินทำเป็นสะพานมีราวกั้นกันตก บางทีมีต้นไม้ใหญ่ล้มขวางอยู่ต้องมุดต้องปีนข้ามกันออกมา ไม่นาน ภาพตรงหน้าเราทำเอาพวกเราอึ้ง เพราะมองเห็นบ้านพักที่จัดเตรียมไว้ให้นักท่องเที่ยวพัก ทำจากไม้ เรียงลายกันอยู่หลายสิบหลัง ไกลออกไปมองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนเป็นฉากหลัง ไอ้เบลกับไอ้เคนอดใจไม่ไหวบอกให้พวกเราถ่ายรูปอีกตามระเบียบ
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-blog%20%20wicsir2_zpsnhiw4c19.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-blog%20%20wicsir3_zpsxwrtw1np.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-weekendhobby-com_zpsfwrsbrwu.jpg)
Cr.รูปภาพจากblog คุณ wicsir,www-weekendhobby-com


พวกเรามาถึงบ่อน้ำร้อนสำหรับแช่ตัวไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว จ่ายค่าเข้ากันเรียบร้อย พวกเราเลือกบ่อรวมที่เป็นบ่อกลางแจ้งขนาดใหญ่ ที่นี่มีบริการให้ 2 บ่อ พวกเราก็ยึดกันบ่อหนึ่งแล้ว ด้วยจำนวนคน 31 คน จากบ่อใหญ่ๆก็แน่นขนาด น้ำอุ่นจนเกือบร้อน

“ร้อนหวะ” ไอ้แบงค์บ่นทันทีเมื่อเท้าเตะโดนน้ำ
“ค่อยเอาลงดิวะ” ผมสาธิตการค่อยหย่อนตัวลงในบ่อน้ำร้อน
“ค่อยให้ร่างกายปรับสภาพก่อน” ไอ้บอสเสริมอีกคน
“ตอนแรกที่ค่อยลงไป มันทรมานชิบหายเลยหวะ” ไอ้เกมส์บอกพวกเราหลังจากที่ตัวมันลงไปอยู่ในบ่อแล้ว
“แต่พอลงมาแล้วโคตรสบายเลยหวะ โล่งหัวเลย” ไอ้แบงค์ที่ตอนแรกบ่นอุ๊บ กลับชอบเมื่อลงมาแช่ทั้งตัวแล้ว
“กรูบอกแล้วว่าสบายเห็นป่ะ เชื่อกรูบ้างไรบ้างเหอะมรึง ตั้งแต่ยาแก้เมาแระ” ผมหันไปบ่นไอ้แบงค์ มันหันมายิ้มตาหยี่พร้อมกับเอามือขึ้นมาเกาหัวแก้เขิน

พอลงมาจริงๆแล้วรู้สึกผ่อนคลายและสบายตัวมากๆ พวกเราแช่กันประมาณ 10 นาทีแล้วขึ้นไปที่ริมบ่อจะมีก๊อกฝักบัวเป็นน้ำเย็น ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายความร้อน ทำสลับกันแบบนี้ รู้สึกได้เลยว่าเลือดลมไหลสะดวกดี
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-thetrippacker-com_zpsauqrxo6o.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www.thailovetrip-com_zpsw2jpscyf.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-thetrippacker-com,www.thailovetrip-com


พอแช่น้ำอุ่นกันจนสบายตัวแล้ว พวกเราก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเก็บของเดินออกมตามถนนที่นำเราไปสู่ที่จอดรถ คนละเส้นกับที่เดินไปน้ำพุร้อนตอนขามา ไม่นานก็ข้ามสะถานที่มีลำธารขนาดใหญ่พอสมควรไหลผ่าน เป็นช่วงที่ลำธารไหลลงจากที่สูงเหมือนน้ำตกกลายๆ ลำธารนี้ก็ไหลมาจากน้ำพุร้อนนั่นเอง

รถบัสนำเราออกมาจากโปร่งเดือดป่าแป๋ กลับเข้าสู่ทางหลวงหมายเลขจ 1095 อีกครั้ง ใช้เวลาพอสมควรก็ผ่านทางเข้าอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำด้ง พอเลยอุทยานฯห้วยน้ำดัง ไปได้ไม่ไกลมากก็เริ่มลงจากภูเขา และเริ่มเข้าสู่อำเภอปาย

ก่อนจะเข้าปาย พวกเราแวะที่สะพานประวัติศาสตร์ ชมวิวแม่น้ำปาย แล้วก็ถ่ายรุปกับสะพานที่มีอายุเก่าแก่ 53 ปี สะพานเป็นสะพานไม้ผสมเหล็ก พื้นสะพานเป็นไม้ แต่ครอบด้วยโครเหล็กสีเขียวขนาดใหญ่ จุดน้ำมองเห็นแม่น้ำปายได้ชัด ข้างทางมีร้านขายของที่ระลึกอยู่เต็ม
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-chill.co.th_zpsbs4iw8zf.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-www-biogang-net_zpsjgrgic5v.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-biogang-net,chill.co.th


พอถ่ายรูปกันเสร็จก่อนจะเข้าที่พัก รถบัสก็จอดแลนด์มาร์กสำคัญของที่ปายอีกแห่งหนึ่ง ร้านกาแฟ coffee in love ร้านกแฟบรรยากาศดีๆ ที่มองเห็นท้องทุ่งเมืองปายเพราะตั้งอยู่บนเนินเขา โดยทุ่งกว้างนี้มีทิวเขาสูงใหญ่เป็นฉากหลัง พวกเราสั่งกาแฟกันเรียบร้อย ก็สาระวนอยู่กับการถ่ายรูปตามจุดต่างๆที่ร้านจัดเอาไว้รองรับลูกค้า ด้านข้างเป็นบ้านสไตล์ยุโรปสีเหลืองเป็นอีกแห่งที่เกือบทุกคนต้องมาถ่ายรูปเก็บเอาไว้

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-_zps8mfb2y2e.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-1_zpszt9k1byy.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-3_zpsz37vjikp.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-2_zps8j8yapi6.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-12fly-com_zpsjoixralg.jpg)
Cr.รูปภาพจากwww-12fly-com,ska-hihi-tt-blog,ปลาหมึกน้อยกับนายโอเลี้ยง



ปายเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขาสูงตระหง่าน ฤดูหนาวอากาศเย็นจัด เมืองเล็กๆแห่งนี้มักปกคลุมด้วยสายหมอก ละอองน้ำจางๆยามเช้า บรรยากาศอันเงียบสงบ ทุ่งนาสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม กับแสงแดดอุ่นๆ ที่ทอดผ่านม่านหมอกหนา แลเห็นต้นสนไม้ยืนต้นเมืองหนาวสูงใหญ่เป็นทิวแถวตามเชิงเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน ด้วยความเป็นเอกลักษณ์นี้ ปายได้ดึงดูดนักเดินทางรวมทั้งตัวผมเองให้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งนี้

รถบัสนำพวกเราผ่านตัวอำเภอที่เป็นเมืองสมัยใหม่มีตึกแถวที่เห็นได้โดยทั่วไป แล้วก็จะเลี้ยวขวาผ่าหน้าที่ทำการอำเภอก็จะเริ่มเป็นบรรยากาศเมืองเก่า ที่เห็นเป็นบ้านไม้ ก่อนที่รถบัสจะจอดส่งพวกเราลงที่รีสอร์ดที่อยู่ติดแม่น้ำปาย

บ้านปายวิลเลจ เป็นรีสอร์ทแบบเรียบง่ายแต่ทว่าสวยงาม ตัวเรือนพักเป็นเหมือนกระท่อม ทำจากไม้ทั้งหลัง มีกระจกบานเฟี้ยมกั้นภายนอกกับภายในเป็นสัดส่วน มีห้องน้ำในตัว ตัวเตียงนอนทำจากไม้ไผ่มีเสากระโดงสี่ต้นรองรับคานเพื่อครอบมุ้ง ด้านหน้ามีระเบียงหน้าห้องนิดหน่อย สภาพแวดล้อมปลูกต้นไม้พุ่ม ต้นไม้ใบหใญ่สีเขียวสดใส มีลำธารเล็กๆลัดเลาะไปตามกระท่อม  ตัวร็อบบี้เป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ 2 ชั้น ที่ตรงนี้จัดเป็นลานอเนกประสงค์ ตอนเช้าก็เป็นที่รับประทานอาหารเช้าอีกด้วย
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www-xn--12c7bnkw1gjt5o.tv_zps8hzokhqy.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www--com1_zpst4omu0s6.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www--com2_zpsmyyr0oks.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-1081009-tourismthailand-org_zpsegdc6vls.jpg)
Cr.รูปภาพจาก 1081009-tourismthailand-org,www-xn--12c7bnkw1gjt5o.tv,www-จองที่พักปาย-com



ตอนโทรมาจองเกือบจะไม่ได้ที่นี่ เพราะทั้งรีสอร์ดมีอยู่แค่ 25 ห้อง เราจองไป 17 เกือบจะเหมาทั้งรีสอร์ท แต่ตอนนั้นห้องว่างมีแค่ 15 ห้อง ผมกับบอสก็เลยต้องหาที่ใหม่ แต่พอดีมีคนแคนเซิ้ล 2 ห้อง รีสอร์ทรีบโทรกลับมาบอก พวกเราก็เลยได้พักที่นี่กัน

พวกเราเก็บของเข้าที่เข้าทางก็นอนพักเอาแรงกัน เพราะเย็นนี้มีอีกที่ที่พวกเราพลาดไม่ได้ ถนนคนเดินปาย พวกเรากะไปฝากท้องมื้อเย็นที่นั่นกันครับ


Game
See you Next Game

-----------------------------------------------
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/7_zpsl7mnawt0.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 66-67th Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 31-03-2015 13:36:52
ตารางทัวร์แน่นมาก ถ้าจะตามรอยทัวร์คณะนี้คงต้องใช้เวลาเป็นสองเท่า อิอิ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 68-71st Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2015 18:52:46
@ 68th Game  – Pai in love

ถนนคนเดินปายเป็นถนนคนเดินเส้นที่ยาวมากๆเส้นหนึ่งมเริ่มจาก ที่ว่าการอำเภอปายจนถึงลำน้ำปายมีการปิดจราจรทำให้สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าหลากหลายทำให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกซื้อสินค้าจำพวก ของที่ระลึก เสื้อผ้า รูปภาพ โปสการ์ดตลอดจนถึงร้านอาหารที่มีทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารฝรั่ง อาหารมุสลิม ให้เลือก อยู่เต็มถนนเส้นนี้
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-smiletravel-in-th_zpsdv5wdkrj.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-smiletravel-in-th


“ไอ้โบ้ท ชิมนี่” ไอ้เบลส่งขนมปังปิ้งรูปร่างแปลกตามาให้ผม
“อร่อยดีหว่ะ” ผมรับขนมปังมากัดเข้าไปคำแรก อุทานทันที่ความอร่อยพุ่งเข้าที่ปลายลิ้น”
“ซื้อตรงไหนวะ” ผมหันไปถามมัน
“โน่น” ไอ้เบลชี้ย้อนกลับที่ร้านที่เพิ่งเดินผ่านมา
“มีหลายหน้านะมรึง” ไอ้เบลบอกผมจนผมต้องลากไอ้บอสเดินกลับไป
“บอส ไปซื้อนี่กัน” ผมพูดเสร็จก็คว้าข้อม้อบอสเดินย้อนกลับมา
“อ่ะ ชิม” ผมป้อนขนมปังที่ผมกัดไว้แล้วครึ่งหนึ่งให้บอสชิม
“อร่อยอ่ะ” บอสยังชม
“เบียร์ ๆ ไปซื้อนี่กัน” ผมชวนไอ้เบียร์ที่กำลังเดินสวนมากับคุณพี่ชายพอดี

ขนมปังร้านนี้เอาขนมปังฝรั่งเศสมาฝานเป็นแผ่นแล้วใส่หน้าลงไป แล้วนำไปปิ้ง มีหลายหน้าเช่น แฮมชีส ที่ผมเพิ่งชิมไป ผักโขม พอสั่งเสร็จ ยืนรอแปปเดี๋ยวแม่ค้าก็ส่งถุงขนมปังให้พวกเรา พอจ่ายเงินเสร็จ สิ่งแรกก็คือหยิบแจก ไอ้บอส ไอ้เบียร์แล้วก็ไอ้เบนซ์

“กร็อบ” เสียงกัดขนมปังกรอบที่ยังอุ่นๆ แล้วชีสที่ยืดตามมาอีก
“อร่อย” ไอ้เบียร์ถึงกับตาโต ถ้าไอ้เบียร์ว่าอร่อยแล้วก็การันตีได้ว่าอร่อยจริงๆ

ไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์ เดินกลับไปซื้อขนมปังปิ้งร้านนั้นเพิ่ม เอามาฝากเพื่อนๆทุคนอีกรอบ
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-tueymeaw-com_zpsj6wrmzlg.jpg)
Cr. รูปภาพจาก www-tueymeaw-com

ผมกับบอสเดินดูร้านต่างๆที่อยู่บนถนนคนเดิน มีทั้งของตกแต่ง ของที่ระลึก วางขายอยู่เต็มสองข้างทาง บรรยากาศอบอุ่นๆแบบเมืองเหนือ พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแย้ม ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงหลงเสน่ห์เมืองเล็กๆแห่งนี้ไม่เสื่อมคลาย

ผมกับบอสเดินมาถึงร้านเสื้อยืด ก็เจอไอ้บีมกับไอ้โอมที่กำลังซื้อเสื้อยืดกันอีกรอบ

“ไอ้บีม มรึงจะซื้อเสื้อทุกที่ที่ไปเลยใช่ป่าว” ผมแซวมัน
“เออดิ กรูอยากเก็บเสื้อยืดพวกนี้เป็นที่ระลึกทุกที่ที่กรูไปหว่ะ” มันหันมาตอบ
“ต้องซื้อเป็นคู่ด้วยมรึง” ไอ้โอมหันมาบอกผม
“ทำไม โอมไม่อยากใส่กับเค้าเหรอ” ไอ้บีมหันมาตัดพ้อ
“ป่าวจร้าที่รัก เค้าแค่บอกไอ้โบ้ทมัน” ไอ้บีมรีบแก้ตัว
“บีมเลือกเลย เอาตัวไหนดี” ไอ้โอมรีบไปเอาใจ แต่ก็ไม่ลืมหันมาพยักหน้าให้ผม เป็นอันรู้กันว่า ยังไงก็ต้องใส่เสื้อคู่อยู่ดี
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-tourtooktee-com_zpsg74i7hhe.png)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-weekendhobby-com_zpsb4f5rjbk.jpg)
,Cr.รูปภาพจาก www-tourtooktee-com,www-weekendhobby-com


พวกเราเข้ามาที่พักก็สี่ทุ่มกว่าๆแล้ว
“อาบน้ำกัน” บอสหันมาชวนผม
“ไม่อบได้เปล่าอ่ะ หนาว” ผมอิดออดไอ้บอส
“ไม่เหนียวตัวเหรอ” บอสถามกลับมา
“ไม่อ่ะ เพิ่งอาบก่อนจะไปเดิน แถมอากาศเย็นซะขนาดนั้น โบ้ทไม่มีเหงือเลย” ผมรีบตอบบอส เพราะไม่อยากหนาว
“งั้นมาล้างมือ ล้างหน้า ล้างเท้าก่อน” บอสยังไม่ยอมอยู่ดี ผมเลยต้องลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ ล้างเท้า ล้างมือ

“ล้างตรงนั้นด้วยดิ” ผมหันขวับเมื่อได้ยินไอ้บอสบอก แต่เจอสายตาเว้าวอนของคุณชายบอสเข้าไป น้องโบ้ทก็ใจอ่อนทุกที
“อืม ก็ได้” ผมหันไปตอบมันสีหน้าเซ็งเบาๆ เพราะเริ่มง่วงนอนแล้ว
“แฟนบอสน่ารักที่สุดในโลกเลย” ไอ้บอสหันมายิ้มแป้น เพราะได้ดั่งใจบอสแล้ว

จริงๆแล้วผมก็เข้าใจนะว่าที่นี่คือปาย มาถึงนี่แล้วบอสคงต้องการฝากความประทับใจให้ผมว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยมา “สะบึ้ม” กันที่ปาย อร๊ากกกกกกก ไอ้โบ้ทแกใช้สมองส่วนไหนคิดเนี่ย.....

.............................

ผมตื่นมาประมาณ 05.30 เพราะ Iphone เครื่องสีขาวของผมร้องตามที่โปรแกรมสั่งมันเอาไว้ เช้าวันนี้พวกเราจะต้องออกเดินทางไปจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปกติบอสจะเป็นคนปลุก แต่อาจจะเพราะเมื่อคืน ^-^ มันซ่าหนักไปหน่อย ผมเลยต้องเป็นฝ่ายปลุกบอส ด้วยหอมฟอดใหญ่ที่แก้มขาวๆเนียนๆของไอ้คุณชายหน้าหล่อ

“บอสครับ ตื่นได้แล้วครับ” ผมเขย่าตัวบอสเบาๆ
“ครับ” บอสส่งเสียงรับคำผมกลับมา
“บอสตื่นนะครับ เดี๋ยวโบ้ทขอไปปลุกพวกมันก่อน” ผมบอกไอ้บอส
“พอเปิดประตูกระจกออกมา โดนลมหนาวเย็นยะเยือกเท่านั้น ผมก็หันหลังกลับมาหยิบอุปกรณ์กันหนาวอย่างไว

พอออกมาจากห้องผมก็ไล่เคาะปลุกพวกมันไปทีละกระท่อม แล้วก็ย้ำเวลากับพวกมันว่า 06.30 น. กินข้าวเช้ากันที่ล็อบบี้ของโรงแรมกันนะ

พอกลับมาถึงห้อง คุณชายบอสก็อยู่ในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว บอสส่งแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันเรียบร้อยแล้วให้ผม เรารีบทำธุระส่วนตัวกัน

เอ๊ะๆๆ วันนี้”สะบึ้ม” กันตอนเช้าไม่ทันนะครับ คนอ่านคิดอะไรกันอยู่ อิอิ

........

หลังจากทานมื้อเช้าที่รีสอร์ทกันเรียบร้อยก็เก็บของกัน เสร็จแล้วก็เช็คเอ๊าท์จากรีสอร์ทเวลาประมาณ 07.00 น. รถบัสมุ่งหน้าฝ่าสายหมอกสีขาว ไปตามทางหลวงหมายเลข 1095 กันต่อ  ผ่านมาได้ 20 กว่ากิโลเมตรก็ถึงจุดชมวิวดอยกิ่วลม เป็นจดชมวิวที่สวยอีกแห่งหนึ่งเป็นเส้นทาง ปาย-แม่ฮ่องสอน สามารถมองทิวทัศน์ไปได้ไกล เห็นทิวเขาสลับซับซ้อนเรียงตัวลดหลั่นกันสุดตา มีจุดบริการนักท่องเที่ยว แล้วก็มีร้านกาแฟสุดน่าๆรัก อากาศหนาวแบบนี้เอสเปรสโซ่ร้อนสักแก้วคงดี มีน้องๆชาวเขาแต่งตัวเต็มยศ มาชวนถ่ายรูปด้วย พวกเราก็ถ่ายรูปกับน้องๆแล้วก็ช่วยเงินเล็กๆน้อยเป็นทุนการศึกษากับพวกน้องๆ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-Campusman_zpshpi2zke0.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-www-panoramio-com_zpszvlh1ref.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-panoramio-com,Campusman@พันทิป


ออกจากจุดชมวิวดอยกิ่วลมรถบัสก็ลัดเลาะไปตามเส้นทาง วิวสองข้างทางนั้นสวยงาม ชื่นชมทิวทัศน์ได้ไม่นานรสบัสก็พาเรามาถึงอำเภอปางมะผ้า พอเลยปางมะผ้ามาพอสมควรรถบัสก็เลี้ยวขวามาจอดที่ริมถนนที่ตัดขึ้นโครงการพระราชดำริปางตอง จากนี้ต้องใช้บริการรถสองแถว ที่พวกเราจองกันไว้ล่วงหน้าแล้วจำนวน 3 คัน เพราะถนนแคบมากรถบัสเลยขึ้นไปไม่ได้ และสถานที่พวกเราจะแวะเข้าไปชมก็เป็นอีกที่หนึ่งที่คนมาแม่ฮ่องสอนต้องมานั่นก็คือ ปางอุ๋ง

รถสองแถวสีเหลืองสดใส 3 คันขับต่อแถว นำพวกเราลัดเลาะตามเส้นทางมาถึงหมู่บ้านรวมไทย ตอน 11.00 น. พวกเราแวะกินข้าวกลางวันกันที่นั่น

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-boolover-blog_zpsngweloce.jpg)
Cr.รูปภาพจาก boolover-blog

พอทานข้าวกันเสร็จก็มุ่งหน้าสู่ปางอุ๋ง ปางอุ๋ง มีลักษณะเป็นพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกัน  ความหมายโดยรวมของชื่อปางอุ๋งก็ก็น่าจะหมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำนั่นเอง ภาพอันสวยงามของไอหมอกที่ลอยเหนือทะเลสาป กับบรรยากาศอันหนาวเหน็บในยามเช้า ทำให้ปางอุ๋ง กลาย เป็น เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยอดฮิตสุดแสนโรแมนติกติดอันดับต้นๆของ แม่ฮ่องสอน จนได้รับขนานนาม ว่าเป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย"

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-%20772558_zpsj7s1kobq.jpg)
Cr.รูปภาพจาก สมาชิกหมายเลข 772558@พันทิป

ยิ่งยามพระอาทิตย์ขึ้นจะสะท้อนผืนน้ำผ่านทิวสนและไอหมอกบางๆ ยิ่งเป็นภาพที่สร้างความประทับยากจะลืมเลือน แม้ในกระทั่งเวลาที่หมอกเลือนลางหายไปก็ยังคงความงาม ที่ปางอุ๋งนอกจากชมบรรยากาศของสายหมอกในยามเช้าแล้ว กิจกรรมอีกอย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้ คือ การนั่งแพ ชมทัศนียภาพและ บรรยากาศโดยรอบ รวมถึงชมนดาราแห่งปางอุ๋ง นั่นก็คือหงส์พระราชทานจากพระราชินี ซึ่งเป็นหงส์ดำและหงส์ขาวอย่างละ 1 คู่ด้วยกัน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-smilethailandtour-com_zpsifrcqzfc.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-bloggang.com-data-o-o2t-picture-1388827635-jpg_zpssho6il7m.jpg)

Cr.รูปภาพจากwww-smilethailandtour-com,www-bloggang.com-data-o-o2t-picture-1388827635-jpg

แม้จะเที่ยงวันแล้ว แต่ก็ยังพอมีไอน้ำลอยขึ้นมาอยู่บ้าง เพราะอากาศค่อนข้างเย็น พวกเราขนาดใส่เสื้อกันหนาวผ้าพันคอป้องกันมาอย่างดี ยังได้รับไอ้เย็นยะเยือกที่ทะลุผ่านเสื้อผ้าของเราเข้ามาอยู่ดี

“เงียบสงบดีนะ” ไอ้บลูคุยกับผมขณะพวกเราก็มาลอยเท้งเต้งอยู่ในอ่างเก้บน้ำท่ามกลางสายหมอกบางด้วยแพที่มีไว้บริการนักท่องเที่ยว แพของผมมี ผมไอ้บอส ไอ้บูลไอ้บอมบ์ แล้วก็ไอ้เบสต์กับไอ้แดน
“อืมม สวยและสงบจนไม่อยากจะกลับเลย” ผมหันไปตอบไอ้บลู เพราะที่เราอยู่สวยงเหมือนอยู่ในภาพวาด มองไปรอบข้างบนฝั่งก็เต็มไปด้วยป่าสน ล้อมรอบพวกเราไปหมด
“ไว้คราวหน้ามามากลางเต้นนอนที่นี่กันเนอะ” ไอ้เบสต์ชวนพวกเรา เพราะทริปนี้เราคงได้แค่แวะ แต่คราวหน้ารับรองว่าต้องมานอนสักครั้งให้ได้

“โห น้ำเย็นชิบเหยเลยพี่โบ้ท” เสียงไอ้บัดที่อยู่แพข้างๆเราทำลายความเงียบ
“น้ำเย็นไม่ต้องชิบหายก็ได้มั้งไอ้บัด” ผมบอกมันกลับไป
“ก็มันเย็นจริงๆอ่ะพี่” ไอ้บัดแก้ตัว
“หยุดพูดโวยวายได้แล้วบัด” แล้วไอ้บัดก็ดดนไอ้วินเบิดกะโหลกไปหนึ่งที

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-fotobug-net_zpslbwu5vep.jpg)
Cr.รูปภาพจากwww-fotobug-net

พอขึ้นจากแพ ถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกันเรียบร้อย พวกเราก็นั่งรถสองแถวสีเหลืองกลับลงมาที่ปากทางขึ้นโครงการพระราชดำริฯ แล้วรถบัสก็มุ่งหน้าสู่ตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน

พวกเราแวะถ้ำปลาก่อนจะเข้าตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาถึงถ้ำปลาก็ 15.30 น.แล้ว ถ้ำปลา มีลักษณะเป็นธารน้ำไหลออกมาจากใต้ภูเขาหิน ด้านหน้าภูเขาจะเป็นวังน้ำ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของปลาพลวง ปลาพลวงเป็นญาติกับปลาคราฟแต่สีสันออกเขียวๆดำๆ เป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ตามน้ำตกและธารน้ำในป่า ไม่สามารถที่จะรับประทานได้ เพราะอาหารของปลาชนิดนี้คือลูกไม้ในป่าที่หล่นลงมาในน้ำ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีพิษเมื่อปลากินเข้าไปจึงทำให้เนื้อของปลามีพิษไปด้วย จึงไม่มีใครนิยมรับประทานปลาชนิดนี้ กิจกรรมการท่องเที่ยวของที่นี่ คือ การเที่ยวชมและให้อาหารฝูงปลาพลวงนั่นเอง แต่สิ่งที่หน้าตื่นเต้นมากก็คือปลาพลวงบริเวณถ้ำปลาแห่งนี้จะมีจำนวนเยอะมาก และมีขนาดใหญ่กว่าที่อื่น ๆ บางตัวมีสีดำเมื่อม

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www-dekguide-com_zpspedsec2w.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-travel-thaiza-com_zpsdgll4fkx.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-dekguide-com,travel-thaiza-com

ขนาดเรายังเดินไปไม่ถึงตัวถ้ำ ระหว่างทางก็ที่เลาะริมลำธารก็เห็นปลาว่ายกันอยู่เต็มไปหมด ไอ้พายกับไอ้เบรฟ ลองโยนอาหารปลาที่ซื้อติดมือกันมาให้ พวกปลามารุมกันกันใหญ่ เดินต่อมาไม่นานก็ถึงบริเวณปากถ้ำ ทำเอาพวกเราตะลึง เพราะปลาจำนวนมหาศาลว่ายกันอยู่ใต้ถ้ำ พอมีคนโยนอาหารลงไปที ก็ว่ายมารุมกินกันอย่างชุลมุน

ออกจากถ้ำปลาก็เกือบจะ 16.30น. แล้ว พวกเรามุ่งหน้าสู่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ที่เหลือระยะทางอีกแค่ 17 กิโลเมตรจากถ้ำปลา เข้าเขตตัวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เรียกได้ว่าแปลกหูแปลกตาจากสถาปัตยกรรมต่างๆ ลักษณ์มีกลิ่นอายศิลปะแบบพม่าและไทใหญ่อยู่ชัดเจน แม่ฮ่องสอนเป็นเมืองอยู่ในหุบเขา และมีอีกชื่อหนึ่งว่า เมืองสามหมอก เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศเต็มไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน สภาพอากาศมีหมอกปกคลุมตลอดเวลาส่วนใหญ่ของปี

รถบัสนำพวกเราตรงดิ่งขึ้นไปไหว้พระธาตุดอยกองมู ที่เป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองแม่ฮ่องสอนก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน ป็นวัดศักดิ์สิทธิ์์คู่่บ้านคู่เมืิองของชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอนมาช้านาน ตั้งอยู่บน ดอยกองมู ทาง ทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอนเพียง 3 ก.ม.เดินทางโดยแยกจากทางหลวงสาย 108 ตรงบริเวณ อนุสาวรีย์พระยาสิงหนาทราชาขึ้นไปทางซ้ายมือ เป็นทางลาดยางขึ้นภูเขาไปอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงบริเวณวัด
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-wwwamazingthaitour-com_zpsm7raz6vs.png)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-nokpratoo-com_zps3snxwev3.jpg)
Cr.รูปภาพจากwwwamazingthaitour-com,www-nokpratoo-com


พระธาตุดอยกองมู มีพระธาตุเจดีย์ที่สีขาวสวยงาม ศิลปะไทใหญ่และพม่า 2 องค์ พระเจดีย์องค์ใหญ่ บรรจุพระธาตุของพระโมคคัลลานะเถระ ซึ่งนำมา จากประเทศพม่า ส่วนพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเจ้าเมืองแม่ฮ่องสอน คนแรก จากวัดพระธาตุ ดอยกองมูนี้สามารถมองเห็นภูมิประเทศและสภาพตัวเมืองแม่ฮ่องสอนได้อย่างชัดเจน และสวยงามมาก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-toyotabuzz-com_zpsp2dlsgs9.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-toyotabuzz-com

พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียน เดินเวียนขวาสักการะพระธาตุทั้งสององค์ ก่อนจะมาจุดธูปเทียนบูชา เสร็จแล้วก็มาชมวิวเมืองแม่ฮ่องสอน ตอนเย็นๆพระอาทิตย์ใกล้ๆตก เป็นภาพที่สวยงามอีกภาพหนึ่งของทริปนี้

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/www-toyotabuzz-com1_zps8n2krdyb.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-travelthaiza-com_zps4md4ml5h.jpg)
Cr.รูปภาพจาก travelthaiza-com,www-toyotabuzz-com

ลงจากวัดพระธาตุดอยกองมู พวกเราก็เข้าพักที่โรงแรมใบหยกชาเลต์ใจกลางเมืองเป็นโรงแรมไม่ใหญ่มากอยู่กลางเมืองแม่ฮ่องสอน ที่จองโรงแรมนี้เพราะว่าสามารถเดินไปเดินถนนคนเดินจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้สะดวก

พอเก็บของกันเสร็จพวกเราก็เดินกันออกมาเดินถนนคนเดินทีนี่ แต่ก่อนจะเดินก็แวะทานมื้อเย็นที่ร้านอาหารพื้นเมืองใกล้ๆโรงแรมกันก่อน จะมาเดินย่อยกันที่ถนนคนเดินอีกที

ถนนคนเดินแม่ฮ่องสอนคือถนนรอบๆหนองจองคำ ที่ประมาณ 5- 6 โมงเย็นก็จะถูก ได้ถูกแผงลอย ร้านแบกะดินยึดพื้นที่ปิดถนน เปลี่ยนจากทางรถสัญจรมาเป็นถนนคนเดินแทน เปิดขายกันทุกเย็นไม่เว้นวันหยุด ยิ่งตรงกับวันหยุดยาวหรือเทศกาลท่องเที่ยว คนก็จะยิ่งเยอะมากเป็นพิเศษ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-travel-mthai-com_zpsrdbeoyik.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-thetrippacker-com_zps61figdza.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-%20_zpsoddvgaqs.jpg)

Cr.รูปภาพจากtravel-mthai-com,www-thetrippacker-com,คนช่างฝัน สาวข้างบ้าน@พันทิป

สองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านแบกะดินวางสินค้าของชาวไทยใหญ่ ชาวไทยภูเขา และชาวพื้นเมือง ซึ่งเป็นบรรยากาศน่ารักๆ ที่เราไม่ค่อยได้พบเห็นที่ไหน บรรยากาศเหมือนพ่อค้าแม่ค้ามาพบประสังสรรค์ถามสารทุกข์สุขดิบมากกว่าจะมาจงใจขายของพวกเรา ดูอบอุ่น และเป็นมิตร

เราเดินผ่านวัดจองคำจองกลาง เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมหนองจองคำที่กลางคืนจะเปิดไฟ สวยงามเด่นสง่าอยู่ริมน้ำ  พวกเราเดินไปไหว้ขอพรรวมทั้งชมวัดจองคำ-จองกลาง ที่นี่เป็นอีกที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปกัน เพราะเป็นแลนมาร์กอีกแห่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนเลย พวกเราได้ปล่อยโคมลอยที่ทำจากกระดาษสากันด้วย
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-thai-tourismthailand-org_zpsrpyucdeo.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-thongteaw-com_zpsyhlhazjo.jpg)
Cr.รูปภาพจาก thai-tourismthailand-org,www-thongteaw-com

Game
See you Next Game

----------------------------------------------------------------------------
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/8_zpsc79uzolf.jpg)



----------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์ kasarus
คุณ kasarus ต้องหาโอกาสตามทริปพวกเด็กๆนะครับ อิอิ รับรองว่าสวยทุกที่ครับ  ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์นะครับ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 68-71st Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2015 19:30:32
@ 69th Game  – Flower field & Highest mountain

Q : การที่อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องโรงแรมที่ปิดมิดชิด แถมบรรยากาศดีๆแบบนี้ คนอ่านคิดว่าผมจะรอดจากคุณชายหื่นมั้ยยยยย ครับ T-T
A : ไม่รอดครับ ง่าห์
Q : คำถามต่อไป แล้วคนอ่านคิดว่า รอบเดียวพอไหมครับสำหรับวัยพลุ่งพล่านอย่างพวกเรา
A : ไม่พอครับ เง้อออ
แต่ผมก็ไม่ยอมเสียเปรียบไอ้บอสอยู่ฝ่ายเดียวหรอกครับ มันต้องพลิก ต้องพลิกครับ อิอิอิ

................

การตื่นแต่เช้าดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติสำหรับทริปนี้ และนี่ก็เป็นอีกวันที่ตื่นกันแต่เช้า วันนี้ผมถูกปลุกโดยการเคาะห้องของไอ้เบนซ์ ที่วันนี้ได้รับมอบหมายให้เป็นนาฬิกาปลุกให้กับทุกคน เก็บของใส่กระเป๋ากันเสร็จพวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ วันนี้จุดหมายแรกของพวกเราคือ ชมดอกบัวตองที่ดอยแม่อูคอ

รถบัสนำพวกเราค่อยๆออกจากเมืองสามหมอกมุ่งหน้าตามทางหลวงหมายเลข 108 จนถึงอำเภอขุนยวม แล้วเลี้ยวขวาขึ้นดอยแม่อูคอไปชมทุ่งดอกบัวตอง รถค่อยๆพาพวกเราไต่ขึ้นดอยมาบนเส้นทางที่ไม่ใหญ่มากเริ่มเห็นดอกบัวตองเป็นระยะระหว่างทางที่ขึ้นมา

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-worldwidegrp-com_zpsqfkaroex.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-worldwidegrp-com

“สวย สัส” คำชมแล้วด่าประมาณนี้มีไอ้แบงค์คนเดียวแหละครับ
“เออหว่ะ สวยจริงๆหว่ะ” เสียงไอ้เกมส์ บอกสำทับย้ำคำพูดของไอ้แบงค์ ทำเอาพวกเรามองไปด้านขวาของรถกัน ทุ่งดอกบัวตองค่อยๆเผยความงามของมันออกมา เปร่งประกายสีเหลืองทองกับแดดอ่อนๆตอนเช้าๆนี่ สุดบรรยายครับ

ทุ่งดอกบัวตองดอยแม่อู่คอนี้อยู่ห่างจากตัวอำเภอขุนยวม 25 กิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีก แห่งหนึ่งของ จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีลักษณะเป็นทิวเขาเขียวสูงขึ้นสลับด้วยทิวทุ่งดอกบัวตองเหลืออร่าม ทอดตัวสลับคล้ายคลื่นในทะเล มีพื้นที่กว่า 500 กว่าไร่ เมื่อเดินขึ้น ไปยังดอยแม่อูคอแล้ว พวกเราสามารถชมวิวได้ทั่วดอยแม่อูคอ เพราะมีศาลาชมวิวที่สร้างขึ้นไว้รองรับนักท่องเที่ยวอยุ่หลายแห่ง ซึ่งจากศาลาชมวิว สามารถมองเห็นทุ่งดอกบัวตองได้ 360 องศา

พอมาถึงสถานที่จริงๆ ก็สวยงามสมคำร่ำลือ ดอกบัวตองสีเหลืองบานอยู่เต็มท้องทุ่ง วิวโดยรอบมีแต่ดอกบัวตองไกลสุดตา ตัดกับป่าไม้ที่อยู่ไกลๆเป็นฉากหลังสีเขียวเข้มที่ทำให้สีเหลืองของดอกบัวตองเด่นสะดุดตา

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-wikalenda-com_zpsxedfxc4i.jpeg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-travel-mthai-com_zps9znxsm3a.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-luckyfarm6662%20_zpsote50j5z.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-wikalenda-com,travel-mthai-com,luckyfarm6662@ พันทิป


พวกเรากดชัตเตอร์กล่องถ่ายรุปกับรัวๆ เก็บภาพประทับใจเอาไว้เพราะก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีโอกาสมาเที่ยวที่นี่อีกครั้ง

“ชีส” เสียงไอ้เบลตะโกนสั่งพวกเราที่รวมกันเป็นมวลหมู่แล้วมันก็วิ่งเข้ามาตรงตำแหน่งที่มันกะเอวตั้งแต่แรก
“แชด” เสียงกล้องทำงานอัตโนมัตตามที่โปรแกรมไว้
“เอาอีกรูปนะกันเหนียว” คราวนี้เป็นไอ้เคนวิ่งไปตั้งกล้องให้ถ่ายอัตโนมัตแล้วก็วิ่งกลับมายืนที่เดิม
“แชด”

“เบล ถ่ายให้กรูบ้าง” ไอ้ไปป์ไปยืนทำท่ากดไลค์ ถ่ายรูป
“มาดู ชอบไหมวะ” ไอ้เบลเรียกไอ้ไปป์มาดู
“ถ้าไอ้เบิร์ดเห็นมันคงชอบ” ไอ้ไปป์ลดเสียงลงต่ำ
“ไอ้เบิร์ดมันก็ไปกับมรึงทุกที่แหละ” ไอ้เบลเอามือตบบ่าปลอบใจเพื่อน

พอลงจากดอยแม่อูคอ รถบัสก็นำพวกเราลัดเลาะมาตามทางหลวงหมายเลข 1263 ทิวทัศน์สองข้างทางเป็นบรรยากาศแบบชนบทที่ทำการเกษตรบนไหล่เขาแล้วรถบัสก็มาเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1088 ที่ด้านซ้ายมือของเราเป็นดอยอินทนนท์ ตลอดเส้นทาง 1088 ผ่านอำเภอแม่แจ่มแล้วมาบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 108 อีกครั้งใกล้ๆอุทยานแห่งชาติออบหลวง ที่เป็นจุดหมายต่อไปของเรา

จากตัวถนนใหญ่เลี้ยวเข้าไปตัวอุทยานออบหลวงไม่ไกลนัก ออบหลวงเป็นสถานที่น่าเที่ยวที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ความสวยงาม และความน่ากลัวไว้ในจุดเดียวกัน กล่าวคือ เบื้องล่างเป็นแม่น้ำสลักหิน ที่ไหลคดเคี้ยวผ่านช่องเขาขาด ตรงออบหลวงช่องเขานี้มีลักษณะเป็นหน้าผาสูงชัน และแคบมากบีบทางน้ำไหล ดังนั้นแม่น้ำตรงนี้จึงเชี่ยวจัด เสียงน้ำกระทบหน้าผาดังสนั่นแต่รอบ ๆ บริเวณชายน้ำด้านเหนืองดงามไปด้วยหมู่ไม้น้อยใหญ่ ร่มรื่นอยู่ตลอดเวลา ยังมีสะพานเชื่อมช่องเขาขาด ที่เป็นแลนด์มาร์ก สำหรับนักท่องเที่ยวยืนชมความงดงามแห่งทัศนียภาพของ ออบหลวง

“โห สวยหว่ะ” ไอ้บาสชี้ให้พวกเราตื่นตาตื่นใจกับหน้าผาสูงสองข้างที่เกือบจะชิดติดกัน ด้านล่างมีช่องแคบๆที่บีบให้แม่น้ำสลักหินทั้งสายเหลือช่องทางผ่านเพียงนิดเดียวไหลเชี่ยวกราดผ่านไป ส่วนด้านบนของหน้าผา มีสะพานไม้ให้คนเดินข้ามได้ 
“เออหวะ นี่เทียบชั้นยุโรปได้เลยนะมรึง” ไอ้บูมหันมาคุยกับเพื่อนซี้มัน
“ข้างบนสะพานนั่นน่าขึ้นไป ชิปหาย”  ไอ้บาสชี้ไปที่บนสะพานบนอยอดหน้าผา
“มีเวลาขึ้นไปได้ไหมวะไอ้โบ้ท” ไอ้บูมหันมาถามผม
“กรูว่าอย่าดีกว่ามรึง เด่วต้องขึ้นดอยอินทนนท์นะ” ผมตอบไอ้บูมไป
“เออ งั้นถ่ายรูปกันตรงนี้ล่ะกันเนอะ” ไอ้บาสหันมาชวนพวกเราถ่ายรูป

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-traave-com_zpsjkpwh55g.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-www-oceansmile-com_zps6xbxhwnv.jpg)

พวกเราถ่ายรูปจากข้างล่างกัน นอกจากจะสูงและชันมากแล้วเราก็ไม่มีเวลาปีนขึ้นไปบนสะพานนั้นอีกด้วย แค่ข้างล่างก็สวยมาก เมืองไทยเองก็สวยงามไม่แพ้ที่ใดในโลกเหมือนกัน

หลังจากหามื้อเที่ยงง่ายๆทานที่ออบหลวงแล้ว พกวเราก็รีบเดินทางกันต่อ เพราะบ่ายนี้ เป้าหมายจุดต่อไปของเราคือจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทย ดอยอินทนนท์ พอมาถึงอำเภอจอมทอง เราก็ต้องแวะไหว้พระธาตุประจำปีหนูกันสักหน่อย พระธาตุศรีจอมทอง ตอนเข้ามาในถึงวัดพระธาตุก็เที่ยงวันพอดี

พระธาตุศรีจอมทอง เป็นพระบรมธาตุเจดีย์สีเหลืองทองอร่าม ซึ่งตั้งอยู่บนยอดดอยจอมทองอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวา ของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่น คือเป็นพระบรมธาตุที่มิได้ฝังใต้ดินแต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ภาย ในพระธาตุเจดีย์สามารถอันเชิญ มาสรงน้ำได้

พวกเราเดินเวียนขวารอบพระธาตุศรีจอมทอง 3 รอบ แล้วจึงมาจุดธูปเทียนบูชาพระบรมธาตุกัน แล้วก็เก็บภาพเป็นที่ระลึก ก่อนจะเริ่มออกเดินทางไปจุดที่สูงที่สุดของประเทศไทยกันต่อไป  รถบัสวิ่งมาตามทางหลวงหมายเลข 108 ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 หลังเลยอำเภอจอมทองมานิดหน่อย เพื่อมุ่งหน้าขึ้นดอยอินทนนท์

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-pitsamai1973-blog_zpsagfmwmjj.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-jt-mam%20_zpsf6zmktri.jpg)
Cr.รูปภาพจากjt-mam@ พันทิป,pitsamai1973-blog

ตลาดทางขึ้นมายังดอยอินทนนท์มีระยะทางไม่ไกลมากเพียง 48 กิโลเมตร แต่มีที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมายให้พวกเราแวะชม เช่น น้ำตกแม่กลาง น้ำตกวชิรทาน นำตกสิริธาร

http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www-travel2bwizu-com_zpsanurhcgm.jpg
Cr.รูปภาพจากwww-travel2bwizu-com

พวกเราผ่านจุดชมวิวแม่กลางหลวงครับ เป็นที่พักริมทางที่อยู่บนเนินเขา มองเห็นทั้งหุบเขาอยู่เบื้องหน้า ฉากหลังเป็นทิวเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นอีกมุมหนึ่งที่สวยงามมากๆ

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-Oknation-net_zpspwwoqtl2.jpg)
Cr.รูปภาพจากOknation-net

รถบัสเริ่มช้าลงเพราะถึงจุดที่ชันที่สุดของทางขึ้นดอยอินทนนท์ กิ่วแม่ปาน พอเลยจุดนี้มาก็จะเป็นจุดแลนมาร์กสำคัญที่ต้องแวะนั่นก็คือ พระมหาธาตุเจดีย์ ครับ สร้างโดยกองทัพอากาศร่วมกับพสกนิกรชาวไทย เนื่องด้วยวันครบรอบพระชนมพรรษา 5 รอบ เมื่อปี 2530 โดยสร้างพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลก่อน เมื่อพระราชินีมีพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อปี2535 จึงสร้างพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ เพื่อให้อยู่คู่กัน

องค์เจดีย์นภพลภูมิสิริของสมเด็จพระราชินี จะต่ำกว่าองค์เจดีย์นภเมทนีดลของในหลวง 5 เมตร เพื่อแสดงความหมายถึงพระราชินีท่านทรงอ่อนพระชันษากว่าในหลวง 5 พรรษา และทั้งสองพระมหาธาตุเจดีย์นี้มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ขึ้นประดิษฐาน ไว้ภายในยอดปลี

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www-nattawantour-com_zpsewjuj3xc.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-www-enjoythailandtravel-com_zpsxe4dqvmw.jpg)

Cr.รูปภาพจาก www-enjoythailandtravel-com,www-nattawantour-com

ข้อควรรู้อีกอย่างของการขึ้นมาที่ดอยอินทนนท์เนื่องจากเป็นที่สูง อ็อกซิเจนเบาบางกว่าพื้นล่าง เพราะฉะนั้นที่กระโดดโลดโผนกันมากๆ อาจจะทำให้หน้ามืดได้เพราะร่างกายจะขาดอ็อกซิเจน

หลังจากแวะสักการะพระมหาธาตุทั้งสองแล้วเก็บรูปกันเรียบร้อยแล้วเราก็มุ่งหน้ากันไปจุดสุดท้ายบนดอยอินทนนท์ พอมาถึงและก้าวลงจากรถความเย็นยะเยือกก็วิ่งชนเราอีกครั้ง

“หนาวมาก” ไอ้แดนออกปากบ่น
“กี่องศาวะ วะไบร์ท” ไอ้เบสต์ตะโกนถามไอ้ไบร์ทที่กำลังชะโงกดูเทอร์โมมิเตอร์
“10 องศา หว่ะ” ไอ้ไบร์ทตะโกนกลับมา
“มิน่า หนาวจนปากจะขยับไม่ได้” ไอ้เบสต์บ่นกับไอ้แดน
“เออดิ นี่มันเย็นเกินไปสำหรับคนเมืองร้อนอย่างพวกเรา” ไอ้เกมส์สรุป


แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราหยุดเดินไปถ่ายรุปกับป้าย สูงสุดแดนสยามกันได้ มองไปรอบๆเราจะเห็นสถานีเรด้าของกองทัพอากาศ และด้านซ้ายมือ เป็นสถูปของเจ้าหลวงอินทวิชยานนท์อันเป็นที่มาของชื่อดอยอินทนนท์อีกด้วย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-travel-mthai-com_zpsn40xzc4m.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-travel-mthai-com1_zpskmjqtgmx.jpg)
Cr.รูปภาพจากtravel-mthai-com


การกดชัดเตอร์รัวๆ ทั้งรูปหมู่ รูปคู่ รูปเดี่ยว ก็เกิดขึ้น

หลังจากดื่มดำกับความหนาวเย็นและจุดที่สูงที่สุดในประเทศไทยกันจนอิ่มหน่ำแล้ว รถบัสก็ค่อยๆพาเราไต่ลงจากดอยอินทนนท์ ลงมาจนถึงอำเภอจอมทองเลี้ยวซ้ายขึ้นทางหลวงหมายเลข 108 วิ่งไปจนเข้าเขตจังหวัดลำพูนแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนหมายเลข 116 ไปได้ไม่ไกลก็เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 106 มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวจังหวัดลำพูน ถนนเส้น 106 นี้เป็นถนนที่สวยอีกเส้นหนึ่ง โดยเฉพาะจากลำพูนไปเชียงใหม่ ในเขตของจังหวัดลำพูนเราจะเห็นต้นขี้เหล็ก ส่วนในเขตจังหวัดเชียงใหม่เราจะเห้นต้นยางสูงใหญ่  ปลูกเต้มสองข้างทาง

รถบัสเลี้ยวเข้ามาจอดที่วัดพระธาตุหริภุญชัยพวกเราลงมาสักการะพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดลำพูน ที่เคยเป็นอาณาจักรเก่าแก่ หริภุญชัย เจริญรุ่งเรืองมานานก่อนพอเสื่อมอำนาจลงก็ถูกอาณาจักรล้านน้ากลืนเข้าไป

พระบรมธาตุหริภุญไชย เป็นเจดีย์แบบล้านนา ที่ลงตัวสวยงาม ภายในบรรจุพระเกศบรมธาตุบรรจุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์  เจดีย์มีลักษณะใกล้เคียงกับ พระธาตุดอยสุเทพที่ มีฉัตรประจำสี่มุม และหอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งประจำอยู่ทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-inter-tourismthailand-org_zpskyfhkujs.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-pixpros-net_zpsxlrk7sit.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-thetrippacker-com_zpsbiebew6r.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-thetrippacker-com,www-pixpros-net,inter-tourismthailand-org

เหมือนทุกครั้งที่พวกเราสักการะพระธาตุต่างๆคือ เดินเวียนขวา 3 รอบแล้วจึงจุดธูปเทียนบูชาพระธาตุ แต่ที่นี่พิเศษหน่อยตรงมีเทียนต่อชะตาที่ผ่านการทำพิธีแล้วไว้ให้พวกเราด้วย

ออกจากวัดพระธาตุหริภุญชัยก็เกือบจะ 17.00 น.แล้ว พวกเรามุ่งหน้าออกจากตัวจังหวัดลำพูนไปตามทางหลวงหมายเลข 114 จนมาถึงกาดดอยติ แล้วเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ขึ้นดอยขุนตาน มุ่งหน้าไปที่พักของเราในคืนนี้ เมืองรถม้า นครลำปาง

พอมาถึงลำปางก็ 18.00น. พอดี พวกเราเข้าเช็คอินโรงแรมเปิดใหม่ เดอะคอทเทจที่อยู่ไม่ไกลจากห้างเซนทรัลเท่าไรนัก โรงแรมอยู่ในถนนส่วนดอก ราคาสบายๆแบงค์สีม่วงเอาอยู่อีกเหมือนเดิม

พอเช็คอินกันเรียบร้อยเอาของเข้าเก็บพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ถนนคนเดินที่มีชื่อเสียงอีกทีหนึ่ง กาดกองต้า

กาดกองต้า หรือที่เรียกกันติดปากว่า ย่านตลาดเก่าตั้งอยู่ขนานกับลำน้ำวัง ในซอยตลาดจีนริมน้ำ มีอาคารโบราณอายุเหยียบร้อยปี บนถนนตลาดเก่าตลอดทั้งสาย กาดกองต้า หมายถึงตลาดตรอกท่าน้ำ ในอดีตเคยเป็น ตลาดที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ย่านการค้าส่วนมากมักเกิดขึ้นริมฝั่งแม่น้ำสายใหญ่อย่างแม่น้ำวัง ทำให้เกิดชุมชนที่เข้ามาทำธุรกิจ เช่น อังกฤษ พม่า และจีน

อาคารบ้านเรือนบริเวณสองฝั่งแม่น้ำวังจึงมี รูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุโรป จีน และพม่า ดังนั้น ถนนตลาดเก่าเส้นนี้จึงเต็มไปด้วยบ้านเรือนสวย ๆ หลากสไตล์บ้านเรือนสิ่งก่อสร้าง มีทั้งเรือนแบบไทยภาคกลาง เรือนล้านนา เรือนพม่า ที่ดูจะโดดเด่นเห็นจะเป็น เรือน แบบจีน และเรือนขนมปังขิงแบบฝรั่งตะวันตก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-thailovetrip-com_zpsgodiedlx.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-phayaophotoclub-com_zpsabocnkce.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-www-lampang-go-th_zps4yeygple.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-lampang-go-th,www-phayaophotoclub-com,www-thailovetrip-com


พวกเราเริ่มต้นเดินตั้งแต่เชิงสะพานรัษฎาอันเป็นจุดเริ่มต้นของกาดกองต้า

“เด่วกรูจะพาไปกินขนมล้านนา” ไอ้เบียร์ชวนพวกเราเดินดูโน่นดูนี่กันอยู่
“เฮ้ยพวกมรึงทางนี้” เบียร์กวักมือเรียกพวกเราเมื่อมันถึงร้านที่มีขนมเป้าหมายของมันอยู่

ร้านเป็นร้านไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีโต๊ะเหมือนโต๊ะญี่ปุ่นแล้วก็มีเก้าอี้น้อยๆให้พวกเรานั่ง
“เอา  32 ถ้วยคับป้า” ไอ้เบียร์สั่งป้าเจ้าของร้าน
“เอา คละกันนะคะ” คุณป้าเจ้าของร้านหันมาถามไอ้เบียร์
“ครับ” ไอ้เบียร์หันไปบอกป้า แล้วสิ่งที่มันเรียกว่าขนมข้าวปั้นก็มาวางอยู่ตรงหน้าเรา

ลักษณะเป็นแป้งอยู่ถ้วย คล้ายขนมถ้วย (ถ้วยใหญ่นะครับไม่ใช่ถ้วยตะไล)  แต่ไม่มีกะทิ ของผมเป็นสีเขียวอ่อน ของไอ้บอสเป็นสีฟ้า ส่วนของไอ้เบนซ์เป็นสีเหลือง

“ขนมข้าวปั้นของลำปางเป็นการผสมประสานของขนมจุ๋ยก้วยและขนมถ้วยจีน เพราะมีน้ำราดที่ทำมาจากน้ำตาลที่ลักษณะของขนมถ้วยจีน และมีการใส่หัวไชโป๊เค็มสับและกระเทียมเจียวด้วยซึ้งเป็นของขนมจุ๋ยก้วย” ไอ้เบียร์ลุกขึ้นอธิบาย
“เวลากิน ต้องเอาไม้พาย ตัดขนมออกเป็นสี่ส่วน แล้วตักกระเทียมเจียววางไว้ข้างบน ตามด้วยหัวใช่โป้สับ” ไอ้เบียรกำลังสาธิตวิธีการทาน
“ชอบมากใส่มาก ชอบน้อยใส่น้อยนะเพื่อน แล้วก็ราดน้ำเชื่อมที่ทำมาจากน้ำตาลอ้อยจากนั้นก็ตักเข้าปากได้เลย” แล้วไอ้เบียร์ก็กินโชว์

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/07-www-lampang108-com_zpstdqr4uz4.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/07-www-thetrippacker-com_zpskxwa9umc.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/07-culturelampang-chit130512-blog_zpsdgklhstd.jpg)
Cr.รูปภาพจาก culturelampang-chit130512-blog,www-lampang108-com,www-thetrippacker-com


พวกเราลองทำตามมัน ขนมอร่อยจริงๆครับ ถ้าใครชอบกระเทียมเจียวหอม กับความหวานๆเค็มๆของไช่โป้ล่ะก้อ อร่อยเหาะจริงๆ

“ขอเพิ่ม 8 ถ้วยครับ” โต๊ะไอ้บาส สั่งป้าไปแล้ว
“ขอเพิ่ม 8 ครับ” ตามมาด้วยเสียงสั่งจากโต๊ะเรา
“อร่อยดีหว่ะ มึงรู้ได้ไงวะ” ผมหันไปถามไอ้เบียร์
“มรึงลืมไปป่าวกรูหัวหน้าชมรมคหกรรมนะครับ” ไอ้เบียร์เอามือมาแอ็กชั่นท่าหล่อใส่พวกเรา แต่ก็ต้องยอมรับจริงๆว่าเรื่องกิน ต้องยกให้มัน


Game
See you Next Game

-----------------------------------------------------------------------
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/10_zpsaegz7tkp.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 68-71st Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2015 20:29:45
@ 70th Game  – Time travel in Sukhothai

บอสปลุกผมด้วยหอมฟอดใหญ่ เหมือนทุกวัน ผมเหยียดแขนและขาออกไล่ความเมื่อย แล้วริมฝีปากอุ่นๆ ก็ประทับลงมาที่หน้าผากผมอีกครั้ง

“ตื่นได้แล้วครับ โบ้ท” บอสบอกผมขณะที่หน้าหล่อๆลอยอยู่ตรงหน้าผมพอดี บอสเอาปลายจมูกถูกกับปลายจมูกผมเบาๆ
“จะตื่นไหมตื่นครับ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ๆ ขี้เล่นๆของบอส ทำเอาผมลืมตาขึ้น
“ถ้าไม่ตื่นจะจูบละนะ” พอบอสพูดจบ ผมก็ยิ้มกว้างออกมา เพราะรู้ตัวว่ากำลังโดนแกล้ง

ผมทำปากหยู่ส่ายหน้าไปมายั่วไอ้บอส แล้วก็สำเร็จ ริมฝีปากอุ่นๆสีแดงระเรื่อ ประทับลงที่ริมฝีปากผม บอสค่อยสอดลิ้นเข้ามา ลิ้นอุ่นๆของเราพัวพันกันอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่บอสจะถอนจูบออก

“ดื้อนัก” บอสบ่นผม
“จะตื่นหรือยัง” บอสย้ำคำถามเดิมกับผมอีกครั้ง
“ไม่ตื่น” ผมยังคงนอนยั่วไอ้บอสต่อไป ผมเอามือขึ้นประสานหลังท้ายทอย
“แน่นะ” ผมพยักหน้าตอบมัน

บอสเลิกเสื้อผมขึ้นมาแวเอาริมฝีปากครอบไปที่ จุดสีน้ำตาลอ่อนอมชมพูทางด้านซ้ายที่หน้าอกผม ผมดิ้นเพื่อให้หลุด แต่มือเจ้ากรรมก็โดนหัวตัวเองทับเอาไว้ ประกอบกับสู้น้ำหนักไอ้บอสไม่ได้ ผมได้แต่นอนดิ้นเพราะความรู้สึกเสียววาบแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

บอสถอนริมฝีปากออกอีกครั้ง
“จะตื่นไหมตื่นครับ” บอสถามย้ำผมอีกครั้ง
“ไม่ตื่น” ผมยิ้มยั่วมันแล้วสะบัดหน้าไปมา ไหนๆจะยั่วบอสก็เอาให้ถึงที่สุด

บอสครอบริมฝีปากมาที่จุดเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ได้ครอบริมฝีปากลงมาเฉยๆ ผมรู้สึกได้ถึงแรงดูด และการตวัดของลิ้นบอส ร่างกายของผมเกร็ง

“อ่าห์” ผมหลุดครางออกมาเพราะความเสียววาบแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย

บอสได้ยินเสียงผมครางจึงตวัดลิ้นหนักขึ้น มืออีกข้างหนึ่งล้วงเข้าไปในกางเกงนอนของผม สัมผัสกับจุดที่ตื่นตัวที่สุดในร่างกายตอนนี้ บอสเอามือกำ แล้วค่อยๆรูดเบาๆ ตอนนี้ร่างกายผมแถบจะระเบิดออก

“บอสพอแล้ว” เสียงผมสั่นและแผ่วเบา
“โบ้ทยอมตื่นแล้วครับ” ผมระล่ำระลักบอกไอ้บอส เพราะจากที่จะยั่วเล่นๆ ตอนนี้กลาเป็นอารมณ์ที่ชุดกันไม่อยู่แล้ว

บอสถอนริมฝีปากขึ้น

“ช่วยไม่ได้ อยากยั่วบอสดีนัก”  ไม่น่าเลยไอ้โบ้ทผมได้แต่บ่นกับตัวเองในความคิด แต่ แต่ความคิดนั้นก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะถูกจู่โจมด้วยความหวานที่ยากเกินต้านทานจากไอ้บอส

วันนี้เป็นวันรองสุดท้าย ก่อนที่พวกเราจะกลับ กรุงเทพ ที่แรกที่เราจะไปกันในวันนี้คือ วัดพระธาตุลำปางหลวง วันนี้เราฝากท้องมื้อเช้าไว้กับร้านสะดวกซื้อที่มีสโลแกนว่า หิวเมื่อไรก็แวะมา.... หลังจากลงไปซื้อของกินจนทำให้ร้านเค้าแถบระเบิด โดยที่ไม่ลืมที่จะซื้อมาฝากพี่คนขับรถทั้งสองคน จากนั้นก็เริ่มเดินทางมาที่วัดพระธาตุลำปางหลวง

วัดพระธาตุลำปางหลวง อยู่ที่ตำบลลำปางหลวง อำเภอเกาะคา ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 18 กิโลเมตร วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ เป็นวัดที่สร้างด้วยไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของ คนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลูเช่นกัน ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาและ พระอัฐิธาตุ จากพระนลาฎข้างขวา ของพระพุทธเจ้า
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-jittynueng-wordpress-com_zpsm4yo0bqa.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-nham01_zpsdxycyskt.jpg)
Cr.รูปภาพจาก jittynueng-wordpress-com,nham01@พันทิป


ก่อนจะเข้ามาภายในวัดต้องเดินขึ้นบันใดและผ่านประตูโขง ประตูโขงเป็นฝีมือช่างหลวงโบราณที่สวยงามก่ออิฐถือปูนทำเป็นซุ้มยอดแหลมเป็นชั้น ๆ มีสี่ทิศ ประดับตกแต่งด้วยลวดลาย ปูนปั้น รูปดอกไม้ และสัตว์ในหิมพานต์

พวกเราเดินเวียนขวารอบพระธาตุลำปางหลวงก่อนจะจุดธูปเทียนบูชาพระธาตุกัน พอสักการะพระบรมธาตุเสร็จ พวกเราก็เดินไปที่ ซุ้มพระบาทท แต่ยังไม่ทันก้าวขึ้นไป


“ไอ้โบ้ท กับไอ้เบียร์ ขึ้นไม่ได้นะโว้ย” ไอ้แบงค์เจ้าเก่าครับ
“ทำไมอ่ะ” ไอ้เบียร์หันไปถามตามประสาคนซื่อ
“อ่านป้ายๆ” ไอ้แบงค์ชี้ไปที่ป้าย ผมกับไอ้เบียร์หันมองไปอย่างสงสัย
“ห้ามสุภาพสตรีขึ้น” ป้ายเขียนเตือนไว้ตรงทางขึ้น
“ไอ้เชี่ยแบงค์” ผมเผลอปากด่ามัน ส่วนไอ้เบียร์ยืนหน้าแดงทำไรไม่ถูกอยู่ตรงนั้น ส่วนไอ้บอสยืนหัวเราะร่วนอยู่ข้างๆผม
“ในวัดในวาห้ามพูดคำหยาบนะครับ” ไอ้แบงค์พูดลอยๆแล้วหันเดินขึ้นไปอย่างกวนทีน
“ฝากไว้ก่อนเหอะมรึง” ผมได้แต่คาดโทษมันไป

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-nham012_zpsozpcbf14.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-tourthailands-com_zps02ubdmfl.png)
Cr.รูปภาพจาก www-tourthailands-com,nham01@พันทิป2

ซุ้มพระบาท เป็นเป็นสิ่งก่อสร้างคล้ายมณฑป เมื่อเข้าไปภายในแล้วปิดประตู และมองไปที่ฉากกั้นเราจะมองเห็นแสงหักเห ปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหารกลับหัวลง นับเป็นความหัศจรรย์ที่ไอ้เบลไม่ก็ไม่พลาดเช่นกันที่จะเก็บรูปมาด้วย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-manager-co-th_zps7beqb0uz.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-manager-co-th

หลังจากไหว้พระธาตุลำปางหลวงกันเรียบร้อยแล้ว รถบัสพาเรากลับเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งลงใต้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงอำเภอเถินจังหวัดลำปาง ะหว่างทางไอ้บิวก็เอากีตาร์มาชวนพวกเรานั่งร้องเพลงแก้เบื่อกัน ไม่นานรถเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1048 มุ่งหน้าสู่อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย พอเลยอำเภอทุ่งเสลี่ยมรสบัสก็เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1113 มุ่งหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย เป็นเป้าหมายต่อไปของพวกเรา

“พี่ขับจอดตรงนี้แปปนะครับ” ไอ้เบลบอกพี่ขับรถให้จอดตรงร้านขายไก่ย่างข้างทางก่อนจะเข้าตัวอุทยาน
“ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณพี่คนขับรถก่อนจะวิ่งลงมากับไอ้เบล
“เอาไก่ย่าง 8 ตัวคับ” ผมชี้ไปที่ไก่ย่างสีเหลืองๆ ที่นอนแผ่อยู่บนเตา
“สับให้ด้วยนะครับ” ไอ้เบลบอกแม่ค้า
“แล้วก็เอาข้าวเหนียว 4 โลครับ” ผมสั่งป้าแม่ค้าไป

ไม่นานของที่สั่งกได้ครบ ไก่ย่างอยู่ในกล่องโฟมขนาดใหญ่ 4 กล่อง ข้าวเหนียวร้อนๆ อีก 4 ถุงใหญ่ผมเดินไปร้านขายของชำข้างๆ ซื้อน้ำอัดลม น้ำแข็งเตรียมไปเผื่อ แล้วก็ขอซื้อแก้วน้ำพลาสติกแบบบางติดไปอีกแถวหนึ่งกับกระดาษทิชชูอีก 3 ม้วน พอรถผ่านเข้ามาในเขตตัวอุทยาน มีม้าหินนั่งสีขาวอยู่กลุ่มหนึ่ง พวกเราเลยจัดการรองท้องกับข้าวเหนียวไก่ย่างกันก่อนเข้าไปเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยกัน

ตัวอุทยานประวัติศาสต์ศรีสัชนาลัยอยู่ในบริเวณที่เรียกว่า แก่งหลวง ในเขตหมู่บ้านพระปรางค์ ตำบลศรีสัชนาลัย มีพื้นที่โดยประมาณ 45.14 ตารางกิโลเมตร เดิมชื่อว่า “เมืองเชลียง” แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น “ศรีสัชนาลัย” ในสมัยกษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงขึ้นครองกรุงสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัยมีศักดิ์เป็นเมืองลูกหลวงของอณาจักรสุโขทัย นอกจากนี้เมืองศรีสัชนาลัยยังพิเศษตรงที่มีภูเขาอยู่ในกำแพงเมือง และมีวัดที่อยู่บนยอดเขาที่เป็นคู่แฝดกันสองวัดอีกด้วย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-athichateen-blog_zpsyox8qryt.gif)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02--www-panoramio-com_zpswstkakrh.jpg)
Cr.รูปภาพจากathichateen-blog,www-panoramio-com

วัดแรกคือวัดเขาพนมเพลิง ตั้งอยู่บนยอดเขาพนมเพลิงภายในกำแพงเมือง มีโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงกลม และมณฑปก่อด้วยศิลาแลง ฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกพื้นสูง หลังคาโค้งแหลม มีบันไดทางขึ้นสู่มณฑป ชาวบ้านเรียกว่า ศาลเจ้าแม่ละอองสำลี ส่วนทางขึ้นวัดสามารถขึ้นได้ 2 เส้นทาง คือ จากด้านหน้าวัดแก่งหลวง และด้านข้างวัดซึ่งทางขึ้นได้ทำเป็นบันไดศิลาแลง ระหว่างทางขึ้นทั้งสองด้านมีศาลาที่พักด้วย

วัดที่สองคือวัดสุวรรณคีรี อยู่ทางทิศตะวันตก ถัดจากเขาพนมเพลิงไปประมาณ 200 เมตร โดยตั้งอยู่บนเขาอีกยอดหนึ่งในเทือกเขาเดียวกัน กลุ่มโบราณสถานคือ เจดีย์ประธานทรงกลมองค์ระฆังขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีซุ้มพระทั้ง 4 ด้าน ด้านหลังมีเจดีย์ทรงกลมล้อมรอบด้วยแนวกำแพงศิลาแลง ทั้งสองวันมีทางเชื่อมถึงกัน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-wat-khaosuwankhiri2%20-%20%20www-siamfreestyle-com_zpsigqrtbnh.jpg)
http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-wat-khaosuwankhiri2%20-%20www-comingthailand-com_zpsimhzd5ix.jpg
Cr.รูปภาพจาก www-siamfreestyle-com,www-comingthailand-com

นอกจากนี้ยังมีวัดสำคัญที่อยู่ในกำแพงเมืองอีกก็คือ วัดช้างล้อมที่ตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขาด้านทิศใต้ของเขาพนมเพลิง โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงลังกา ตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นยืนหันหลังชนผนังเจดีย์อยู่โดยรอบ จำนวน 39 เชือก และช้างที่อยู่ตามมุมเจดีย์ทั้ง 4 ทิศ ตกแต่งเป็นช้างทรงเครื่อง มีลวดลายปูนปั้นประดับที่คอ ต้นขา และข้อเท้า ส่วนทางด้านหน้าเจดีย์ประธานมีบันไดขึ้นสู่ลานประทักษิณ วัดช้างล้อมที่เมืองศรีสัชนาลัยนี้ ช้างจะมีลักษณะที่เด่นกว่าช้างปูนปั้นที่วัดอื่น ๆ คือ ยืนเต็มตัวแยกออกจากผนัง มีขนาดสูงใหญ่กว่าช้างจริง

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02--www-panoramio-com_zpse0o8re6u.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-panoramio-com

และวัดสุดท้ายที่เราเข้าไปเดินชมก็คือ วัดเจดีย์เจ็ดแถว ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดช้างล้อม นับว่ามีความสวยงามมากกว่าวัดอื่นๆในเมืองสุโขทัย เพราะมีเจดีย์แบบต่าง ๆ กันมากมายที่เป็นศิลปะสุโขทัยแท้ มีเจดีย์รายรวมทั้งอาคารขนาดเล็กแบบต่าง ๆ จำนวน 33 องค์ มีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง สาเหตุที่เรียกว่า วัดเจดีย์เจ็ดแถวเพราะพบเจดีย์จำนวนมากภายในวัด กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวเป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของพระราชวงศ์สุโขทัย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-%20-www-manager-co-th_zpsbpqjr0x4.jpg)
Cr.รูปภาพจากwww-manager-co-th

พอชมโบราณสถานและถ่ายรุปกันเรียบร้อยพวกเราก็ขึ้นรถบัสที่วิ่งกลับมาตามทางหลวงหมายเลข 101 มุ่งหน้าผ่านอำเภอสวรรคโลก อำเภอศรีสำโรง เลาะแม่น้ำยมมาจนเกือบจะถึงเมืองสุโขทัย รสบัสก็เลี้ยวขวาออกถนนเลี่ยงเมืองมุ่งหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเป็นที่ต่อไป

ขนาดเมืองลูกหลวงอย่างศรีสัชนาลัยยังสวยงามขนาดนั้นแล้วตัวเมืองหลวงอย่างสุโขทัยจะอลังการสวยงามเพียงใด พวกเราก็ได้แต่จินตนาการถึงอณาจักรที่เคยรุ่งเรืองและถือเป็นราชธานีแห่งแรกของชนชาติไทย

............

ก่อนจะเข้าตัวอุทยานพวกเราแวะทานมื้อกลางวันที่วันนี้ได้ทานเกือบจะ 13.30 น.แล้ว ที่ร้านขนมจีนชื่อดังร้านใหญ่ของจังหวัดสุโขทัย มีขนมจีนหลายสีที่ทำจากสีธรรมชาติ มีน้ำพริก น้ำยา แกงเขียวหวาน หรือแม้แต่น้ำเงี้ยว ที่ใส่หม้อดินไว้ให้พวกเราตักฟรี ที่นี่คิดแต่ค่าขนมจีน มีผักสดมากหมายหลาอย่างเอาไว้ทานแก้มกับขนมจีนด้วย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/04-panchalee-wordpress-com_zpsnnwif2qa.jpg)
Cr. รุปภาพจาก panchalee-wordpress-com

พออิ่มท้องก็ขึ้นรถมุ่งหน้าตัวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ยังไม่ทันได้เข้าตัวอุทยานฯดี ก็เริ่มเห็นเจดีย์เก่าแก่ กับโบราณสถานเริ่มเรียงรายตามสองข้างทางให้เห็นแล้ว ไม่นานรถบัสก็มาจอดที่ที่จอดรถของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย

พวกเราตัดสินใจเช่าจักรยานปั่นไปดูสถานที่สำคัญๆและต้องไปเมื่อมาเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ภายในอุทยานฯ เป็นกลุ่มโบราณสถานขนาดใหญ่ ที่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน มีสถานที่สำคัญที่เป็นพระราชวัง ศาสนสถาน โบราณสถาน โดยมีคูเมือง กำแพงเมือง และประตูเมืองโบราณล้อมรอบอยู่ในรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส

ที่แรกที่พวกเราแวะคือ อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง ลักษณะพระบรมรูปพ่อขุนรามคำแหงมหาราชเป็นพระบรมรูปหล่อด้วยโลหะทองเหลืองผสมทองแดงรมดำ ขนาด 2 เท่าขององค์จริง สูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาทบนแท่นมนังคศิลา พระหัตถ์ขวาถือคัมภีร์ พระหัตถ์ซ้ายอยู่ในท่าทรงสั่งสอนประชาชน ที่ด้านข้างมีภาพแผ่นจำหลักจารึกเหตุการณ์เกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของพระองค์ตามที่อ้างถึงในจารึกสุโขทัย พวกถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์และที่ขาดไม่ได้คือ ศิลาจารึกจำลอง ที่ต้องยืนถ่ายรูปเก็บเป็นทีระลึก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-manager-co-th_zpsq6somsiw.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-manager-co-th

แล้วพวกเราก็ขี่จักรยานมากันที่วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่ และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ที่เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ เป็นองค์เจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์เล็กอีก 8 องค์ บนฐานเดียวกัน บริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง 200 องค์ วิหารอีก 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 แห่ง ตระพัง 4 แห่ง ที่ด้านเหนือ และด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า "พระอัฏฐารศ" อีกด้วย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-choktaweetour-com_zpszyeglf8m.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-otepsukhothai-com_zps09pobci1.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20-%20mukura_zpslsn9vpwn.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20www-thetrippacker-com_zpseqqeg4vc.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-otepsukhothai-com,mukura@พันทิป,www-thetrippacker-com,www-choktaweetour-com


“โบ้ทรอแปปหนึ่งก่อน” ไอ้บอสตะโกนเรียกผมที่ปั่นจักรยานนำหน้า
“อืม” ผมตอบไอ้บอสที่หยุดรถรอไอ้พวกเพื่อนๆที่แวะร้านขายของในตัวอุทยานฯเพื่อซื้อน้ำ
“โบ้ทอยากกินไอ้ติมไหม” บอสตะโกนถามผมหลังจากที่ผมนำรถจักรยานจอดหลบแสงแดดที่ใต้ร่มไม้
“เอา” ผมตะโกนตอบไอ้บอสไป ไอ้บอสหันรถจักรยานกลับแล้วปั่นไปที่ร้านขายของที่ไอ้พวกนั้นกำลังมุงกันอยู่

“น้ำกับไอ้ติมมาแล้วครับ ” ไอ้บอสยิ้มตาตี๋ชูน้ำกับไอ้ติมให้ผมเลือก
“เอาไอติม” บอสส่งไอ้ติมให้ผม เราสองคนนั่งกินไอ้ติมนั่งหลบร้อนใต้ต้นไม้รอไอ้พวกนั้นกัน

พอมากันพร้อมพวกเราก็ปั่นไปวัดชนะสงคราม วัดตระพังเงิน แล้วก็มาถึงวัดสระศรีเป็นวัดที่ตั้งอยู่บริเวณกลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ ชื่อว่า ตระพังตระกวน และสิ่งสำคัญของวัดประกอบด้วยเจดีย์ประธานทรงลังกา ด้านหน้าวิหารขนาดใหญ่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย มีเจดีย์ขนาดเล็กเรียงราย มีซุ้มพระพุทธรูป 4 ทิศ ด้านหน้ามีเกาะกลางน้ำขนาดย่อมเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถขนาดเล็ก วัดแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20LoNeLy%20sEcRet_zpsxuhra2qr.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20www-pinterest-com_zpsrmahcnos.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20LoNeLy%20sEcRet_zpsibofmd8o.jpg)
Cr.รูปภาพจาก LoNeLy sEcRet@พันทิป,www-pinterest-com,

พวกเราปั่นจักรยานมาตาทางด้านใต้ที่เป็นที่ตั้งของวัดศรีสวาย ที่อยู่ห่างจากกลุ่มโบราณสถานอื่นๆ โบราณสถานที่สำคัญตั้งอยู่ในกำแพงแก้ว ประกอบด้วยปรางค์ 3 องค์ รูปแบบศิลปะลพบุรี ที่แปลกตา ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียว พบทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ที่แสดงให้เห็นว่าเคยเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดูมาก่อน แล้วแปลงเป็นพุทธสถานโดยต่อเติมวิหารขึ้นที่ด้านหน้า แล้วเป็นวัดในพุทธศาสนาภายหลัง

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20www-siamscubadiving-com_zpskkidkxgr.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20LoNeLy%20sEcRet_zpszrdhspkm.jpg)
Cr.รุปภาพจากwww-siamscubadiving-com,LoNeLy sEcRet@พันทิป

และวัดสุดท้ายที่เราไปก็คือวัดศรีชุมที่อยู่นอกเขตกลุ่มตัวอุทยานประวัติศาสตร์ เป็นวัดที่ประดิษฐาน พระอจนะ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร ลักษณะของวิหารมีลักษณะคล้ายมณฑป แต่หลังคาพังทลายลงมาหมดแล้ว เหลือเพียงผนังทั้งสี่ด้าน ผนังแต่ละด้าน ก่ออิฐถือปูนอย่างแน่นหนา ผนังทางด้านใต้มีช่องให้คนเข้าไปภายใน และเดินขึ้นไปตามทางบันไดแคบ ๆ ถึงผนังด้านข้างขององค์พระอจนะ หรือสามารถขึ้นไปถึงสันผนังด้านบนได้ เป็นที่มาของตำนานพระพูดได้ ผนังด้านข้างขององค์พระอจนะมีช่องเล็ก ๆ ถ้าหากใครแอบเข้าไปทางอุโมงค์แล้วไปโผล่ที่ช่องนี้ และพูดออกมาดัง ๆ ผู้ที่อยู่ภายในวิหารจะต้องนึกว่าพระอจนะพูดได้ และเสียงพูดนั้นจะกังวานน่าเกรงขาม เพราะวิหารนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่เดิมคงมีหลังคาเป็นรูปโค้งคล้ายโดม

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20manager-co-th_zpsoov1zuft.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20www-thailovetrip-com_zpsjoza1bei.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20static-panoramio-com_zpsxyiny9da.jpg)
Cr.รูปภาพจาก thailovetrip-com,static-panoramio-com,manager-co-th


พวกเราถ่ายรูปกับพระหัตถ์ของพระอจนะ ที่เฉพาะนิ้วพระหัตถ์ก็สูงเกิน 2 เมตรไปแล้ว และเป็นที่คนนิยมถ่ายรูปกันเป็นจำนวนมาก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-%20www-diaryclub-com_zps6xobihgj.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-diaryclub-com

พระอาทิตย์เริ่มตก ตอนที่เราปั่นจักรยานไปคืน บรรยกาศเมืองเก่าสุโขทัยมีมนต์ขลังที่สุด พระอาทิตย์ดวงโตสีส้ม อ่อนแสงลงกับเงาของเมืองเก่าสุโขทัย เป็นภาพที่ทำให้เราขนลุก อาจเพราะที่นี่ความเป็นมาของชนชาติไทย นี่สะท้อนที่มาของอารยธรรมของเราได้เป็นอย่างดี

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-travel-kapook-com_zpsju8r63io.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/05-www-pinterest-com_zpsiihdete2.jpg)
Cr.รุปภาพจาก travel-kapook-com,www-pinterest-com

หลังจากคืนรถจักรยานกับอุทยานเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็ขึ้นรถบัส มุ่งหน้าเข้าเมืองพิษณุโลก ที่เราจะพักกันในคืนสุดท้ายของทริปที่น่าประทับใจนี้ คืนนี้เราพักกันที่บ้านไอ้บอมบ์กันครับ

..............

พอรถเริ่มเข้าเขตเมืองพิษณุโลก เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งของภาคเหนือ ความเจริญของแสงสีเริ่มมีให้เห็น ห้างสรรพสินค้าใหญ่ มีให้เห็นตั้งแต่ยังไม่เข้าตัวเมืองดี บ้านเมืองเรียงราย รถยนต์เริ่มเยอะเมื่อเข้าสู่ตัวเมือง

บ้านไอ้บอมบ์เป็นบ้านพื้นที่ขนาดใหญ่แนวโมเดิ้น อยุ่ริมแม่น้ำน่าน ไม่ไกลจากถนนคนเดิน จังหวัดพิษณุโลกเท่าไร พอลงจากรถ พวกเราไปสวัสดีพ่อกับแม่ไอ้บอมบ์  พ่อกับแม่ไอ้บอมบ์ต้อนรับพวกเราอย่างดี จัดที่พักไว้ให้พวกเราโดยยกปีกด้านหนึ่งของบ้านให้เลย แถมยังจองโต๊ะที่แพอาหารชื่อดัง ไว้ให้เป็นมื้อเย็นของพวกเราให้อีกด้วย

พวกเราเก็บเข้าที่กันเสร็จก็เดินข้ามถนนที่เป็นถนนเส้นไม่ใหญ่มากลัดเลาะริมแม่น้ำน่าน ก็เดินลงแพอาหารได้เลย ที่นี่มีเรือบริการนำเที่ยวขนาดใหญ่ 50 คนสบายๆไว้ล่องชมแม่น้ำน่านอีกด้วย

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/06-travel-truelife-com_zps53vfbvoj.jpg)
Cr.รุปภาพจาก travel-truelife-com

หลังจากมื้อเย็นแสนอร่อยที่พ่อกับแม่ไอ้บอมบ์อุปการะคุณให้แล้วพวกเราก็มาปิดท้ายเดินย่อยที่ถนนคนเดินของพิษณุโลก ที่เริ่มต้นจากสะพานสุพรรณกัลยาไปจนสุดถนนบรมไตรโลกนารถ ถนนคนเดินที่นี่ไม่เหมือนที่อื่นเพราะถนนคนเดินพิษณุโลกไม่เน้นงานฝีมือ ไม่มีการแสดงเปิดหมวก ไม่ใช้ถนนคนเดินวัฒนธรรม แต่เป็นถนนของกินของใช้เป็นหลังมากกว่าของพื้นเมืองเหมือนที่อื่นๆที่เราเคยไปมา

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/07-%20Blog%20%20strawberry%20bananaampcream_zpsambc8baw.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/07-%20Blog%20%20strawberry%20bananaampcream1_zpswp6bzphn.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/07-%20Blog%20%20strawberry%20bananaampcream2_zps5ak8fa5g.jpg)
Cr.รูปภาพจากBlog คุณ strawberry banana&cream


Game
See you Next Game

-------------------------------------------------------------------------
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/11_zpswg055qpp.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 68-71st Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 31-03-2015 21:12:28
@ 71st Game  –  From Phitsanulok to A yutthaya

หลังจากเดินทอดน่อง ที่ถนนคนเดินกันแล้ว พวกเราก็เดินกลับมาพักที่บ้านไอ้บอมบ์กัน ไอ้ไบร์ทกับไอ้เกมส์เริ่มทยอยไปอาบน้ำ

“สรุปแล้วเอาไงวะพวกมรึง” ผมถามพวกไอ้บอมบ์ที่นั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่

ตอนแรก พรุ่งนี้ตอนเช้าหลังจากไหว้หลวงพ่อพุทธชินราชเสร็จตามแผนเดินจะแยกกัน ไอ้เคนไอ้บรูคไอ้พลัสไอ้พาย จะนั่งรถกลับขอนแก่น ส่วนไอ้บลูกับไอ้เบรฟจะต้องนั่งรถกลับเชียงใหม่ แต่ดูท่าทางพวกมันยังไม่ค่อยอยากจะกลับกัน ผมเห็นมันเถียง มันอ้อนกันตั้งแต่เดินถนนคนเดินแล้ว

“โบ้ทตามโปรแกรมมรึงเราจะถึงดอนเมืองก่อน 19.00 น. ป่าว” ไอ้บอมบ์หันมาถามผม
“น่าจะนะมรึง พรุ่งนี้ ไหว้พระเสร็จแวะอยุธยาไหว้พระ ก็เสร็จแล้วล่ะ” ผมตอบไอ้บอมบ์
“งั้นเอางี้ พวกกรูไปกับพวกมรึงก่อน แล้วพวกมรึงต้องไปส่งกรูที่ดอนเมืองก่อน 1 ทุ่ม เพราะไฟต์จากกรุงเทพฯมาพิดโลก ไฟต์สุดท้ายมัน 20.00 น.” ไอ้บอมบ์หันมาบอกพวกเรา
“ส่วนไฟต์ของกรู ไอ้บรูค ไอ้พลัส ไอ้พาย ไปขอนแก่นไฟต์สุดท้ายมัน 20.30 น.” ไอ้เคนสรุปให้พวกเรา
“แล้วของกรูกับไอ้เบรฟ ไฟต์สุดท้ายมัน 21.30 น.” ไอ้บลูสรุปปิดท้าย
“มรึงโอเคหรือเปล่าวะโบ้ท” ไอ้บอมบ์ถามย้ำกับผมอีกที
“ไม่มีปัญหาพวกมรึง แค่ไปส่งพวกมรึงที่ดอนเมืองให้ทันก่อน 1 ทุ่ม” ผมตอบพวกมันไป
“แล้วพวกมรึงจองตั๋วกันยังอ่ะ” ไอ้บอสถามพวกมัน
“กรูจองแล้วล่ะ เด่วจะแว๊นซ์ไปจ่ายเงินที่เซเว่น” ไอ้บอมบ์ตอบไอ้บอส

เคยเป็นกันไหมครับเวลาไปไหนกับเพื่อนๆที่สนิทๆกัน ไปกับแฟน แล้วไม่อยากกลับ ผมว่าไอ้พวกนี้ก็คงรู้สึกเหมือนๆกัน บางครั้งพวกเราก็จะทำทุกทาง ขอแค่เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันอีกนิด นี่คงเป็นความคิดถึง ความโหยหา ของคนที่เป็นแฟนกันแล้วไม่ได้อยู่ด้วยกัน

.......................

อาบน้ำอาบท่ากันเสร็จแล้วพวกเราก็มานั่งล้อมวงคุยกันอีกครั้ง เพราะคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่จะรวมกันเป็นมวลหมู่ขนาดนี้

............

ตื่นมาเช้านี้เป็นวันสุดท้ายของทริป พ่อกับแม่ไอ้บอมบ์ก็เตรียมอาหารเช้าไว้ให้พวกเราพร้อม หลังจากทานมื้อเช้าเรียบร้อย พวกเราเตรียมตัวออกเดินทางกันต่อ เก็บของกันเสร็จก็เข้าไปลาพ่อกับแม่ของไอ้บอมบ์ แล้วพวกเราก็ขึ้นรถบัสมุ่งหน้าไม่ไหว้หลวงพ่อพุทธชินราช ที่วัดใหญ่

พอถึงวัดใหญ่พวกเราก็เดินเข้าไปในวิหารหลวงพ่อพุทธชินราช วิหารมีมีสี่ทิศ ทิศที่เห็นหน้าไปทางทิศตะวันตกหันออกสู่แม่น้ำน่าน วิหารหลังนั้นเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธชินราช วิหารที่หันหน้าทางทิศเหนือ เป็นวิหารของหลวงพ่อพระพุทธชินสีห์ วิหารที่หันหน้าทางทิศใต้ เป็นวิหารของพระศรีศาสดา ทั้งสามองค์หล่อในสมัยสุโขทัย ได้ชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่งามที่สุดในประเทศไทย แต่พระพุทธชินสีห์ กับพระศรีสดา องค์ที่อยู่ที่นี่เป็นองค์จำลอง องค์จริงๆทั้งสององค์ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดบวรนิเวศน์

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www.phsmun-go-th_zps5z3qosx8.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-Blog%20%20wicsir1_zpslnc7ebzh.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-geolocation-ws_zpsubhmeol2.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-taklong-com_zpsamtrhnwd.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www.phsmun-go-th,Blog คุณ wicsir1,eolocation-ws,www-taklong-com


พวกเราจุดธูปเทียนไหว้สักการะที่หน้าวิหาร แล้วจึงเดินเข้าไปกราบหลวงพ่อในวิหาร เพราะในวิหารห้ามจุดธูปเทียน  จากนั้นก็เดินไปกราบพระพุทธชินสีห์ และพระศรีศาสดา สุดท้ายพวกเรามาเข้าแถวรอขึ้นไปกราบหลวงพ่อเหลือ หลวงพ่อเหลือคือพระพุทธรูปองค์เล็กที่หล่อขึ้นมาจากทองที่เหลือจากการหล่อพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ คนส่วนมากจะมาไหว้เอาเคล็ด จะได้เหลือเงินเหลือทองไว้ใช้


(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-Blog%20%20wicsir_zpscflyrggk.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-www-panoramio-com_zpsfqzrwitp.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-thamasenapakdee-blog_zpszlbsmsa5.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-%20www-photoontour-com_zpsm4oqbnpg.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-%20manager-co-th_zpsmny0gr4t.jpg)
Cr.รูปภาพจากwww-panoramio-com,Blog คุณ wicsir,www-photoontour-com,thamasenapakdee-blog,manager-co-th


หลังจากไหว้หลวงพ่อพุทธชินราชกันเรียบร้อย พวกเราก็ข้ามแม่น้ำน่านผ่านสะพานนเรศวร ไปกราบพระนเรศวรที่วังจันทร์  วังจันทร์เป็นวังที่พระนเรศวรประสูติและเติบโตก่อนจะถูกส่งไปเป็นตัวประกันที่หงสาวดี

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-woodychannel-com_zpsvm2wbgra.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/01-thailandsusu-com_zpsfv5fokq9.jpg)
Cr.รูปภาพจากwoodychannel-com,thailandsusu-com

“วังจันทร์เพิ่งถูกขุดเจอเมื่อปี 2534 นี่เอง” ไอ้บอมบ์เล่าให้พวกเราฟัง
“สมัยก่อนบริเวณนี้เป็นพื้นที่ของโรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม เป็นโรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัดนี้ เป็นโรงเรียนสมัยม.ต้นกรู แต่กรูก็ไม่เคยเรียนที่วังจันทร์นี่นะ”
“โรงเรียนถูกย้ายออกไปที่ใหม่ตั้งแต่ปี 2540 กรูเลยเรียนที่นี่ไม่ทัน” ไอ้บอมบ์เล่าประวัติโรงเรียนเก่าอย่างภาคภูมิใจ

พวกเรากราบสมเด็จพระนเรศวรกันเสร็จ ก็เริ่มออกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ โดยรสบัสพาพวกเรามาตามทางหลวงหมายเลข 117 จากพิษณุโลกผ่านบางส่วนของจังหวัดพิจิตร ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งพวกเราก็มาถึงจังหวัดนครสวรรค์ แล้วก็ลงมาตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 ผ่านจังหวัด ชัยนาท สิงหบุรี อ่างทอง แล้วก็อยุธยา  พวกเราแวะทานข้าวกลางวันกันที่ร้านข้าวแกงยอดนิยมที่อยู่ในปั้มเชลล์ที่ อำเภออินทรบุรี ร้านนี้เดิมเป็นเพียงร้านเล็ก แต่เพราะความอร่อยและความสะดวกสำหรับคนใช้รถ และคนเดินทาง ร้านจึงเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว  หลังจากทานข้าวกันอิ่มแล้ว พวกเราก็นั่งรถกันต่อ พอถึงทางแยกเข้าจังหวัดอยุธยา รถก็เลี้ยวขวาพาพวกเราไปไหว้หลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิง

วัดพนัญเชิง เป็นวัดที่มีประวัติอันยาวนาน ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา และไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัดว่าใครเป็นผู้สร้าง แต่ตามพงศาวดารกล่าวว่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งเป็นผู้สร้าง และพระราชทานนามว่า วัดเจ้าพระนางเชิง และสร้างก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสถาปนากรุงศรีอยุธยาถึง 26 ปี

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-www-panoramio-com_zps03ethsje.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-panoramio-com

หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก พระพุทธรูปศิลปะอู่ทองตอนปลาย ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ ขนาดหน้าตัก กว้าง 14.20 เมตร สูง 19.20 เมตร เป็นพระพุทธรูป ปูนปั้นลงรักปิดทอง หลวงพ่อโตหรือพระพุทธไตรรัตนนายก ถือกันว่า เป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองกรุงศรีอยุธยามาแต่แรกสร้างกรุง และเมื่อกรุงศรีอยุธยาใกล้จะแตก ปรากฏในคำให้การขาวกรุงเก่าว่าพระปฏิมากรใหญ่ที่วัดพนัญเชิงมีน้ำพระเนตรไหล เป็นที่อัศจรรย์

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-www-pixpros-net_zpsi2pfrlfd.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-board.palungjit-org_zpsjlgmvrcf.jpg)
Cr.รูปภาพจาก www-pixpros-net,board.palungjit-org

พวกเราเข้าไปกราบหลวงพ่อโต ซึ่งท่านก็โตสมกับชื่อ เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เรียกได้ว่าต้องแหงนคอมองพระพักตร์ท่านกันเลยทีเดียว

“องค์ใหญ่มาก” ผมหันไปบอกกับบอสหลังจากกราบท่าน
“โบ้ทเพิ่งเคยมาเหรอ” บอสหันมาถามผม
“อืม คร้งแรก” ผมชู้นิวชี้ขึ้นแล้วมองหน้าไอ้บอส แบบเขิน
“อืม บอสดีใจ” มันยิ้มตาตี๋
“ทำไมอ่ะ” ผมถามมันกลับไปแบบงง
“ก็เป็นอีกเรื่องที่โบ้ทมาทำกับบอสครั้งแรก” บอสคลี่ยิ้มบางๆ
“แล้วยังไงต่อ” ผมยังไม่เข้าใจ
“อะไรที่ทำด้วยกันครั้งแรก มันก็จะเป็นความทรงจำพิเศษไง เราจะลืมมันยาก” บอสอธิบายให้ผมฟัง และมันก็เป็นอย่างที่บอสอธิบายจริงๆ

พอเดินออกมาด้านนอกก็เห็นโค้งน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านอยู่ด้านข้างวัด

“ถ่ายรูปกันพวกมรึง” ไอ้เคนชวนพวกเรารวมกลุ่มถ่ายรูป
“นี่ทริปนี้ เกิน 2,000 รูป ไปหรือยังวะ” ไอ้เกมส์แซว
“กรูว่าเกิน” ไอ้โอมสบทบอีกคน
“ทะลุไปแล้วหว่ะ” ไอ้เคนเฉลยคำตอบ
“ถ้ารวมกล้องกรูด้วยก็ทะลุ 4,000 รูปไปแระ” ไอ้เบลเสริม

แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเราหยุดการถ่ายรูปเพิ่ม วันนี้จะเกิน 5,000 รูปไหมคงต้องลุ้นกัน

พอไหว้หลวงพ่อโตกันเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็ขึ้นรถบัสไปเที่ยวจุดหมายสุดท้ายของพวกเราก่อนจะกลับเข้ากรุงเทพฯ ตลาดน้ำอโยธยา รถบัสผ่านทางหลวงหมายเลข 3477 แล้วก็มาตัดกับถนนสาย 309 ที่เจดีย์วัดสามปลื้ม ที่เป็นเจดีย์โปรานที่ตั้งอยู่กลางถนนก่อนจะเข้าตัวเมืองอยุธยา พวกเราอ้อมวงเวียนเจดีย์เป็นครึ่งวงกลมและตรงไปอีกไม่ไกลก็ถึงตลาดน้ำอโยธยา

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/02-oknation-net_zpsj0etb7sa.gif)
Cr.รูปภาพจาก oknation-net

ตลาดน้ำอโยธยา แหล่งท่องเที่ยวที่เปิดตัวได้ไม่นาน อยู่ที่เดียวกับปางช้างอโยธยา เรียกได้ว่าเป็นตลาดน้ำที่ยิงใหญ่ที่สุดในเมืองอยุธยา เป็นตลาดย้อนยุคแบบโบราณ แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติแบบไทยพื้นบ้านและสายน้ำ จัดแบ่งเป็นโซนๆ ตลาดน้ำอโยธยามีร้านค้ามากถึง 249 ร้าน

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-variety-domunz-com_zpsqvlm9ii0.jpg)
Cr.รูปภาพจาก variety-domunz-com

มีของกินที่แม่ค้าลอยเรือขายกันอยู่ในน้ำเต็มไปหมด พวกเราก็อดไม่ได้ที่จะซื้อติดไม้ติดมือตามประสาเด็กกำลังกินกำลังนอน

“คอยดูนะเดี๋ยวไอ้บีมต้องไปเก็บเสื่อยืด” ผมแซวมันหลังจากเราเริ่มเดินผ่านโซนเสื้อยืดที่ระลึก
“อ่ะ มันแน่นอนอยู่แล้ว” ไอ้บีมหันกลับมาตอบ
“กรูได้มาครบทุกจังหวัดที่ไปเลยนะโว้ย” มันคุยใหญ่
“แล้วที่นี่กรูจะพลาดเหรอ”
“คำตอบ คือไม่โว้ย” เสียงมันภาคภูมิใจมาก

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-%20blog%20%202_zpsnio1lvx1.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-%20blog%20%201_zps5fjnkqpk.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-%20blog%20%20_zpsey2zg03p.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-Travel-mthai-com_zpstkkvk4ce.jpg)
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/03-www-duetdiary-com_zpsztnxleys.jpg)
Cr.รูปภาพจาก blog คุณ นายรถซุง,Travel-mthai-com,www-duetdiary-com

หลังจากเดินจนรอบตลาดน้ำ ได้ทั้งของฝาก ของกิน และของที่ระลึกกันเรียบร้อยพวกเราก็กลับมาขึ้นรถกัน  รถบัสก็พาพวกเรากลับเข้ากทม โดยทางหลวงหมายเลข 1 ผ่าน ก่อนจะเลี้ยวขวาที่ประตูน้ำพระอินทร์ ผ่านรังสิต แล้วก็มาถึงดอนเมือง รถบัสแวะเข้าจอดที่ลานจอดรถที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเรียบร้อย

พวกไอ้เคน ไอ้บรูคไอ้พลัส ไอ้เบรฟไอ้พาย ไอ้บลูไอ้บอมบ์ ลงมาเอากระเป๋าที่ใต้ท้องรถ พวกเราเดินมาส่งพวกมัน 7 คน

ไอ้เคน ไอ้พลัส ไอ้พาย ไอ้บรูค บินกลับ ขอนแก่น
ไอ้เบรฟกับไอ้บลู บินกลับ เชียงใหม่
แล้วก็ ไอ้บอมบ์ บินกลับ พิษณุโลก

“เดี๋ยวกรูกลับไปถึงขอนแก่น แต่งรูปเสร็จจะส่งเข้ามาในกรุ๊ปไลน์นะโว้ย ส่วนไฟล์ใหญ่เดี๋ยวไรท์ DVD ส่งมาให้ไอ้เบลมันช่วยแจกอีกทีนะ” ไอ้เคนหันมาบอกพวกผมเรื่องรูป
“เออ ไม่เป็นไรมรึง เดินทางปลอดภัยกันะ” ผมอวยพรไอ้เบล
“โชคดีครับ” คุณชายบอสหันไปบอกพวกมัน

ไอ้เบรฟกับไอ้พายต้องแยกกันที่นี่ เบรฟกลับเชียงใหม่ พายต้องกลับขอนแก่น บรรยกาศ การลากันของไอ้สองคนนี้ก็แอบเศร้าๆ

“เดี๋ยวก็เจอกันนะครับ” ไอ้เบรฟกำลังปลอบใจไอ้พาย
“อืม พายเข้าใจ แต่ก็อดใจหายไม่ได้อ่ะ” ไอ้พายหันมาตอบไอ้เบรฟ น้ำตาไอ้พายเริ่มคลอ
“งั้นเดี๋ยวอาทิตย์หน้า เบรฟไปหาพายนะ”  ไอ้เบรฟเอานิ้วหัวแม่มือปาดน้ำตาไอ้พาย พอไอ้เบรฟพูดจบไอ้พายก็ยิ้มแก้มแถบปริ
“จริงนะ” ไอ้พายถามย้ำไอ้เบรฟอีกที
“อืม จริงสิ อาทิตย์หน้าก็เจอกันแล้ว”
“เจ้าเล่ห์นักนะเรา” ไอ้เบรฟเอามือหยิกแก้มไอ้พายเบาๆ

........

คูไอ้บลูกับไอ้บอมบ์ก็ต้องแยกกันที่ดอนเมืองไอ้บลูที่บินกลับเชียงใหม่กับไอ้บอมบ์ที่บินกลับพิษณุโลก

“ถึงเชียงใหม่แล้วโทรมาด้วยนะ” ไอ้บอมบ์กำชับไอ้บลู
“อืม เดี๋ยวเครื่องลงแล้วเค้าโทรเลย” ไอ้บลูบอกกับไอ้บอมบ์
“บอมบ์ดูแลตัวเองด้วยนะ บลูเป็นห่วง” บลูย้ำไอ้บอมบ์บ้าง
“ครับ เหมือนกันนะ บลูก็ดูแลตัวเองด้วย เค้าไม่ได้อยู่ด้วยก็ห้ามเจ้าชู้ล่ะ” ไอ้บอมบ์ก็หวงไอ้บลูเหมือนกันนะนี่
“มีบอมบ์คนเดียวแหละ ดีที่สุดแล้วจะไปมีใครอีก” ไอ้บลูพูดสร้างความมั่นใจให้ไอ้บอมบ์

ส่วนคู่สุดท้ายที่ต้องแยกกันก็คือ
“เดินทางปลอดภัยนะเคน” ไอ้เบลอวยพรไอ้เคน
“ขอบคุณนะ เบลก็ดูแลตัวเองด้วยล่ะ” ไอ้เคนคว้าคอไอ้เบลเข้าไปกอด
“จุ๊บ”  ไอ้เบลขโมยหอมไอ้เคนไปหนึ่งที ก่อนที่พวกมันจะคลายอ้อมกอด
“โชคดีนะ” ไอ้เบลบอกลาไอ้เคน
“แล้วเจอกัน” ไอ้เคนโบกมือก่อนที่จะลากกระเป๋าเดินไปกับไอ้พวกไฟต์ขอนแก่น

ส่วนไอ้บรูคกับไอ้พลัสโชคดีที่ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันอีกหน่อยก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเมื่อถึงขอนแก่นแล้ว เพราะโรงเรียนไอ้พลัสกางเกงเขียวก็ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองขอนแก่น

ผมกับบอสรู้สึกใจหาย แม้จะเป็นการจากเพื่อไปทำหน้าที่ของตนเอง แต่คนรักกันต้องอยู่ไกลกัน มันต้องทรมานเพราะความคิดถึงกันแน่ๆ โชคดีแค่ไหนที่ผมกับบอสไม่ต้องอยู่ไกลกัน เพราะความคิดถึงมันคงทำให้เราสองคนแถบบ้าแน่ๆ

ส่งไอ้พวกนั้นเสร็จก็เกือบจะ 19.30 แล้วรถบัสก็นำพวกเรากลับถึงจุดหมายอย่างปลอดภัยที่บ้านไอ้เบล

ยังเหลือไอ้บัดกับไอ้คริส ผมกับบอสให้พวกมันนอนที่บ้านกันอีกคืน แล้วค่อยออกเดินทางกลับบางแสนและพัทยากันเช้าพรุ่งนี้ วันนี้เดินทางกันเหนื่อยแล้วไม่อยากให้มันขับรถกลับอีก ไอ้วินกับไอ้บอล ยังไม่เวลาอยู่กับไอ้บัดกับไอ้คริสเพิ่มอีกคืน

ทริปนี้คงเป็นทริปที่ทำให้เราจดจำไปตลอดชีวิต เพราะคงยากที่จะได้รวมตัวกันแบบครบๆแบบนี้อีก เพื่อนๆทุกคนมีน้ำใจ เค้าว่ากันว่าการไปไหนกับเพื่อนสักทริป เราจะเห็นตัวตนของเพื่อนคนนั้นจริงๆ นั่นคงเป็นคำพูดที่ถูกต้อง นอกจากมิตรภาพจากเพื่อนที่พวกเราได้กันแล้ว ทริปแห่งความทรงจำนี้จะไม่ลบเลื่อนไปง่าย เพราะเป็นทริปที่พวกเราได้เดินทางไปกับคนที่เรารักแล้วเค้าก็รักเรา........


Game
See you next game

------------------------------------------------------------------------
(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/12_zpsozujzwum.jpg)
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

รวมเส้นทางการเดินทางทั้งทริป

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/20_zpsr0w9ywtr.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 68-71st Up! 31/มี.ค/58
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 03-04-2015 00:02:40
พอเห็นเส้นทางของทริปแล้วเหนื่อยแทนเด็กๆกับคนเขียนเลยล่ะ
วันนึงเที่ยวเยอะมากๆไปเราคงไม่ไหว ฮ่าฮ่าฮ่า
ถ้าเที่ยวแบบเด็กเราคงใช้เวลาเป็นเดือน ฮ่าฮ่าฮ่า ที่นึงอยู่ 3-4 วันอะไรงี้
ขอคาระวะคนเขียนว่า อึดมาก ทั้งหาข้อมูล ทั้งเรียงข้อมูลทริป แถมยังหารูปสวยๆมาให้ดูอีก
อ่านนิยายไปด้วยเหมือนอ่านรีวิวไปด้วย แล้วก็เหมือนเที่ยวไปด้วย
ขอบคุณมากๆจ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 72ndt Up! 6/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 06-04-2015 10:12:05
@ 72nd Game  – Back to Normal

เช้าวันนี้ผมตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของบอส หลังจากทริปที่ยาวนาน พวกเราก็กลับมาสู่ชีวิตปกติกันอีกครั้ง หลังจากทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำกเสร็จผมก็ออกมาแต่งตัวผมหยิบเสื้อกับกางเกงนักเรียนออกมาเตรียมไว้ให้บอส

“เช็ดหัวให้เค้าหน่อย” เสียงบอสบอกผมหลังจากเพิ่งเปิดประตูห้องน้ำออกมา
“อ่า” ผมหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดผมให้เด็กชายบอสที่ยืนอ้อนผมเป็นเด็กๆ
“น่ารักจัง” มันหลี่ตาขึ้นมองผมก่อนจะเอ่ยปากชม
“นะ วันนี้อ้อนจัง” ผมบอกมันพร้อมกับหยิบไดร์เป่าผมเป่าผมให้บอส
“ชุดอยู่นี่นะ” ผมชี้ไปที่ชุดนักเรียนของบอสหลังจากเป่าผมให้มันเสร็จ บอสเดินไปใส่ชุดนักเรียน

ผมกับบอสเดินออกจากบ้านอรรถกร มาขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีวงเวียนใหญ่  พอแทรกตัวขึ้นรถไฟฟ้าที่แน่นขนัดได้ ผมกับบอสยืนเบียดกันกับชาวกรุงเทพฯที่เร่งรีบเดินทางไปทำหน้าที่ของตัวเองกัน บอสเอาหูฟังมายัดใส่หูผมข้างหนึ่ง

กับโลกที่ยังร้อน มันยังร้อน ยังมีความรัก  ให้รักเป็นดั่งสายลมช่วยดับร้อน
กับฟ้าที่ยังร้อง มันยังร้อง ยังคงร้อง น้ำตานองฟ้า ร้องไปเถิดถ้าใจหายเหนื่อยล้า

กับรักที่เคยร้าว ใจยังร้าว ความปวดร้าว ใจยังเหน็บหนาว
ให้รักเป็นดั่งเชื้อไฟให้ชีวิต กับโลกในวันนี้ ใจดวงนี้ยังมีความหวัง

แม้จะหนักเท่าไร แม้จะเหนื่อยแค่ไหน เพียงใจยังมีรัก
ให้มันเป็นสีชมพู แค่ให้หัวใจของเราได้รู้
ว่าโลกใบนี้เป็นสีชมพู
รอยยิ้มมีให้กัน ทุกคืนทุกวันต่างก็ชื่นใจ
เมื่อรักกันมากพอ โลกนี้จะน่าอยุ่เพียงใด

เมื่อทุกอย่างสดใส อะไรๆ ก็สีชมพู
ที่ไหนเมื่อไรใครๆ ก็รู้
แค่ใจดวงนี้เป็นสีชมพูรอยยิ้มมีให้กัน
ทุกคืนทุกวันต่างก็เข้าใจ อยู่ร่วมกันด้วยรัก
โลกนี้จะงดงามเพียงใด

เสียงพี่ตูนลอยเข้าหูผม ไอ้บอสยืนขยับหัวเล็กน้อยเข้ากับจังหวะกลอง นัตย์ตาสีดำจ้องมองผม รอยยิ้มบางๆคลี่ออก หน้าตาหล่อๆของมันกับสายตาแบบนั้น เล่นเอาผมเขิน ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว

“แกๆ ดูคู่นั้นสิ” เสียงสาวมัธยมที่อยู่ในชุดเสื้อแขนยาวกระโปรงยาวสีน้ำเงิน สะกิดเพื่อนให้มองมาที่คู่เรา
“น่ารักเนอะ” เสียงเด็กหญิงอีกคนพูดหลังจากหันมามองพวกเรา
“น่ารักมากอ่ะแก ฟิน”

ผมอดอมยิ้มกับความคิดสาวๆสมัยนี้ไม่ได้ ^-^
........

พอมาถึงโรงเรียนบอสแยกไปสภานักเรียน ผมเข้ามาที่ชมรม
“เป็นไงบ้างวะ” ไอ้แบงค์เอ่ยทักทันทีที่ผมเปิดประตูชมรมเข้ามา
“ก็ดีหวะ มรึงอ่ะ” ผมถามมันกลับไป
“ก็เหนื่อยๆ เพลียๆนิดหน่อย” ไอ้แบงค์ตอบกลับมา
“เหนื่อยเที่ยว หรือ เหนื่อยทำการบ้านกับไอ้อาร์มวะ” ผมปล่อยหมาแซวไอ้แบงค์ไป
“เชี่ย อันนั้นเข้ามาเรียกว่าเหนื่อยหวะ” ไอ้แบงค์สบถด่าผม
“แล้วเขาเรียกว่าอะไรวะ” ผมกะจะกวนมันเลยถามมันกลับไปไป
“เขาเรียกฟินโว้ย”
“ฟินเชี่ยไรกันแต่เช้า” เสียงไอ้บีมลอยเข้ามาหลังจากที่มันกับไอ้ไบร์ทเปิดประตูเข้ามา
“หรือว่าพวกมรึง” ไอ้ไบร์ทเอามือปิดปากทำตาโต แล้วชี้มาที่เราสองคน
“เชี่ยแระ ไอ้ไบร์ทมรึงคิดเชี่ยไรนี่”  ผมรีบเบรกมัน
“แค่คิดกรูก็ขนลุกแล้ว สัส” ไอ้เชี่ยแบงค์ทำตัวสั่นเบาๆเหมือนในโฆษณาแป้งเย็น
“เหอะๆ พอเลยพวกมรึง พูดซะกรูเห็นภาพ” ไอ้บีมตัดบท
“ต้องเริ่มอ่านหนังสือกันแล้วนะพวกมรึง อีกสองอาทิตย์มิดเทอม” ไอ้บีมพูดเตือนพวกเราเพราะอาทิตย์หน้าการสอบมหาโหดรอพวกเราอยู่ แถมต้องตามเก็บงานที่หยุดตอนหนีไปเที่ยว 4 วันอีกตาหาก แค่คิดก็ต้องรีบแล้ว

......

               กลางวันวันนี้ไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะครับ  ปั่นงานอ่ะ  10.05
Boss
ครับ ไม่เป็นไร 10.06
Boss
สู้ๆนะ 10.07

ผมไลน์ไปบอกไอ้บอส เพราะกลางวันนี้ผมกับแก๊งค์ 5/9 ไอ้แบงค์ ไอ้บาส แล้วก็ไอ้บูม นัดกันปั่นงานที่ค้างเอาไว้กัน

“ไอ้เชี่ยแบงค์เอามาก่อน กรูยังไม่เสร็จ” ผมด่าไอ้แบงค์ที่หันมาดึงสมุดงานผมไป
“แปปนึง” มันไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตาลอก
“ไอ้เชี่ย มันผิดกรูยังไมได้แก้” ผมหงุดหงิดมัน
“อ้าว แล้วก็ไม่บอก” มันหยุดลอกแล้วหันมาบ่นผม
“ก็มรึงถามกรูก่อนจะดึงไปไหม” ผมทำหน้าเซ็งใส่มัน

“ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าห้อง

ผมกับพวกมันเงยหน้าขึ้นจากสมุดงาน ก็เห็นไอ้บอสโผล่หน้าเข้ามากับไอ้อาร์ม

“เข้ามาก่อนดิ” ไอ้แบงค์ชวนไอ้อาร์มกับไอ้บอส
“นั่งก่อนบอส” ผมหันไปบอกมัน ส่วนไอ้บาสกับไอ้บูมก้มหน้าก้มตาปั่นงานต่อ
“บอสซื้อแฮมเบอร์เกอร์กับน้ำมาฝาก” ไอ้บอสบอกผม
“ขอบคุณครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดงานแล้วก็รีบจัดการกับแฮมเบอร์เกอร์ ชิ้นนั้น

ไอ้บอสซื้อมาฝากไอ้บาสกับไอ้บูมด้วย ส่วนไอ้แบงค์มันมีคนดูแลของมันอยู่แล้ว...

“ให้ช่วยไหม” ไอ้บอสถามผมหลังจากผมก้มหน้าก้มตาปั่นงานต่อ
“ไม่เป็นไร จะเสร็จแล้วอีกนิดเดียว” ผมหันไปบอกมัน
“แล้วของบอสล่ะ” ผมถามบอสขณะที่ยังก้มหน้าปั่นงานต่อไป
“เสร็จแล้วห้องบอสงานไม่เยอะอ่ะ บอสกับเบนซ์ ปั่นเสร็จตั้งแต่เช้าแล้ว”
“อ่าดีจัง ของห้องโบ้ทเยอะ” ผมบ่นกับไอ้บอส
“เสร็จแล้ว” ผมชูแขนสองข้างขึ้นโล่งใจเมื่อปั่นงานเสร็จ
“เก่งมาก” ไอ้บอสเอามือมาลูบหัวผมเบาๆ ผมยิ้มตาหยี่ตอบกลับคำชมของบอส
“เสร็จแล้วใช่ไหม” สิ้นเสียงไอ้แบงค์มือมันก็คว้าสมุดงานผมไปอย่างรวดเร็ว
“ทีงี้ไวเชียวนะมรึง” ผมหันไปด่ามัน

“เมื่อยไหม” มันถามผม
“อ่า นิดหน่อย” ผมตอบบอส บอสเดินอ้อมมาข้างหลังผม แล้วเอามือมาบีบตรงต้นคอให้ผมแล้วก็ไล่ลงมาที่บ่า
“อืมม” ผมครางเพราะความสบาย
“แหม่ มีพนักงานนวดส่วนตัวด้วยวุ้ย” ไอ้บาสหันมาแซว
“กรูล่ะอิจฉา อยากให้นัทเรียนอยู่นี่จัง” ไอ้บูมเปรยออกมา
“เย็นนี้พวกมรึงก็เจอกัน ไม่ต้องมาอิจฉากรูเลย” ผมรีบตัดบทก่อนจะโดนแซวหนักไปกว่านี้

..............

ผมกำลังน็อกบอลกับไอ้แบงค์กลางสนามเทนนิสหลังเลิกเรียน
“พี่โบ้ท มีคนมาหา” ไอ้เพียวตะโกนมาจากประตูคอร์ทเทนนิส
“ใครวะ” ผมตะโกนถามมันกลับไป
“ไม่รู้อ่ะพี่” เสียงไอ้เพียวตะโกนกลับมา
“เออๆ เด่วพี่ออกไป” ผมตะโกนบอกไอ้เพียวแล้วบอกไอ้แบงค์ให้พัก แล้วจึงเดินออกไปที่หน้าคอร์ทเทนนิส

ใครมาหาหว่า ปกติถ้าเป็นไอ้บอสหรือเพื่อนผมมันก็จะเดินเข้ามาหาเลย แต่นี่ไม่เข้ามา ผมกำลังนึกว่าใครมาหาผม ผมโผล่หน้าออกจากคอร์ทเทนนิสแล้วคนที่รอผมอยู่ก็คือ
.
.
.
.
.
.
.


“เฮียค็อป”

“คลื่นลมมักจะเงียบสงบ....ก่อนพายุใหญ่จะพัดโหมกระหน่ำ” มันคงจะเป็นจริงดังที่สุภาษิตจีนเคยกล่าวเอาไว้

Game
See you next game

-------------------------------------------------------------------------------
ตอบคอมเมนท์ครับ^^

ตอบคอมเมนท์คุณ IsDeer ครับ
ใช่ครับ ตอนนี้คนเขียนเองก็เที่ยวแบบหฤโหดแบบนี้ไม่ไหวแล้ว เอิ๊กกก
ถ้าตอนเด็กๆแรงเยอะๆไปไหนก็ไปกันครับ อิอิ
ใช้เวลาอยู่เป็นอาทิตย์ตอนเขียน และใช้เวลาอีกเป็นอาทิตย์หารูป ครับ ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
คนเขียนดีใจที่คุณ IsDeer ชอบนะครับ
ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ เหลืออีกไม่กี่ตอนก็จบแล้วครับ ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจด้วยนะครับโผม..
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 73rd Up! 6/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 07-04-2015 11:30:52
@ 73rd Game  – Feel down

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้สวัสดีเฮียค็อป
“หวัดดี” เฮียค็อบรับไหว้แบบเสียไม่ได้
“เฮียมีเรื่องจะคุยด้วย ไปหาที่เงียบๆคุยกัน” เฮียค็อปเข้าประเด็น
“ครับ” ผมพาเฮียค็อปเดินเข้าไปที่ห้องชมรม เพราะตอนนี้ทุกคนลงไปซ้อมในคอร์ดกันหมดแล้ว

....

ผมเปิดประตูชมรมเดินนำเฮียค็อปเข้ามาด้านใน
“ครับเฮีย เฮียมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ” ผมถามเฮียหลังจากที่เฮียนั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อย
“เข้าเรื่องเลยล่ะกัน จะได้รีบกลับ” เฮียค็อปหันมาพูด
“ครับ” ผมตอบรับและตั้งใจจะฟังสิ่งที่เฮียค็อปกำลังจะบอก

“เฮียอยากให้เราเลิกยุ่งกับบอส”

สิ้นเสียงเฮียค็อปทุกอย่างก็เงียบสนิท ผมเหมือนถูกหมัดฮุกเข้าที่ปายคาง สตั้นไปหลายวินาที

“ทำไมเหรอครับ” ผมเรียกสติคืนกลับมาก่อนจะถามเหตุผลกับเฮียค็อป
“ก็ไม่ทำไมหรอก” เฮียค็อปหยุดพูดแล้วมองมาที่หน้าผม
“บอสยังมีอนาคตอีกไกล อาจจะได้เจอกับผู้หญิงดีๆ ต้องมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ต้องมีทายาทสืบสกุล และเป็นเหมือนผู้ชายปกติทั่วไปๆ ” หูผมเริ่มอื้อ ความคิดของผมลอยฟุ้งไปกับคำพูดของเฮียค็อป

“เฮียไม่อยากให้เราทำให้บอสหลงทาง” เฮียค็อปเน้นคำว่าหลงทางจนทำให้ผมตื่นจากภวังค์

“หลงทาง” ผมหลุดปากพูดย้ำคำสุดท้ายของเฮีย
“ใช่ หลงมาในทางที่ไม่ควรจะเดิน” เฮียค็อปย้ำอีกครั้ง
“เฮียหมายความว่ายังไง” ผมย้อนถามกลับไป
“เราคิดว่าเฮียไม่รู้เหรอว่า เราสองคนกำลังทำอะไรกัน” เฮียค็อปยกคิ้วขึ้นสายตาจ้องมาที่ผม
“ผม ผม” ดันจะมาติดอ่างอะไรตอนนี้ผมด่าตัวเอง
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิด” ผมพยายามรวบรวมสติตอบเฮียค็อป
“ไม่ได้ทำอะไรผิด แค่ผิดเพศยังงั้นเหรอ” คำพูดเฮียค็อปเน้นตรงคำว่าผิดเพศจนเสียงแข็ง และคำๆนั้นก็เย้อหยัน สายตาของเฮียจ้องมองที่ผมผม

“มรึงคิดว่ากรูไม่รู้ไม่เห็นเหรอ” เฮียค็อปเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทนตัวเองน้ำเสียงเฮียค็อปดังขึ้น ความโกรธความเกลียดทะลุออกมาจากตัวเฮียค็อปจนผมรับรู้ได้
“ภาพวันนั้นติดตากรูจนถึงทุกวันนี้” น้ำเสียงเฮียเหยียดอย่างเห็นได้ชัด
“วันนั้น” ผมย้อนถามเฮียกลับ
“ใช่วันนนั้น วันที่มรึงกับไอ้บอสนัวกันอยู่ในห้องแล้วเสือกไม่ได้ล็อกประตู” น้ำเสียงขยะแขยงทำเอาผมเองขนหัวลุก
“เฮียเห็น” ผมย้อนถามเฮีย
“เออ กรูเห็น เต็มสองลูกตากรูนี่แหละ ตอนแรกก็คิดว่าไอ้บอสมันก็แค่อยากระบายความอยากของมัน แต่กรูเริ่มเอ๊ะใจว่ามันคงจะมีอะไรมากกว่านั้น เมื่อกรูยังเห็นมรึงกับมันยังคงวนเวียนมาเจอกันบ่อยๆ” เฮียค็อปพูดออกมาด้วยทั้งอารมณ์โกรธและอารมณ์รังเกียจ

“แล้วยังไงต่อครับ” ผมพยายามล้วงความลับจากคนที่กำลังโกรธ ความลับที่ผมเองก็ไม่เข้าใจมาตลอดหลายปีว่าทำไมบอสถึงเปลี่ยนไปเมื่อตอนนั้น

“ก็ไม่แล้วไง กรูเลยบอกให้มันเลิกยุ่งกับมึงไง ไม่งั้นกรูจะบอกพ่อกับแม่มัน” แล้วผมก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำไมตอนนั้นบอสถึงไม่คุยกับผมอีก

ในที่สุดผมก็เข้าใจในสิ่งที่ติดค้างในใจผมมาหลายปี ว่าทำไมและอะไรทำให้บอสเปลี่ยนไปเมื่อตอนนั้น

“แล้วตอนนี้เฮียมาบอกผมเพื่อจะให้ผมเลิกยุ่งกับบอสเหรอครับ” ผมถามเฮียค็อปถึงจุดประสงค์ของการมาของเฮียครั้งนี้

“เออ ถ้ามรึงคิดถึงอนาคตไอ้บอส มรึงก็ออกไปจากชีวิตไอ้บอสซะ”
“กรูไม่อยากให้น้องกรูเป็นพวกวิปริตผิดเพศ” สองประโยคนี้กังวานชัดสะท้อนก้องกลับไปกลับมาอยู่ในหัวผม

“แต่...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดต่อ

“ถ้ามรึงไม่อยากให้ที่บ้านมรึงรู้ มรึงต้องเลิกยุ่งกับไอ้บอสมัน” เป็นคำพูดค่อยๆพูดช้าๆทีละคำและเน้นย้ำให้ผมต้องสะอึก

“หวังว่าพูดแค่นี้คนอย่างมรึงคงเข้าใจนะ” เฮียค็อปทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินเปิดประตูห้องชมรมเดินกลับออกไป

............

เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นตัวน่ารังเกียจ เป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกไม่มีค่าได้ขนาดนี้

ผมเก็บแร็กเก็ตและเสื้อผ้าชุดนักเรียนยัดลงโค๊ฟเว่อร์ ลุกขึ้นยืนเอามือปาดน้ำใสๆที่ไหลลงมาเปื้อนแก้ม แล้วสะพายโค๊ฟเวอร์ขึ้นบ่า เดินเปิดประตูออกมาที่หน้าคอร์ดเทนนิส

“แบงค์ กรูฝากปิดชมรมด้วย” ผมตะโกนบอกไอ้แบงค์ แล้วเดินออกไปทันที
“ไอ้โบ้ทมรึงจะไปไหน” เสียงตะโกนถามจากพวกไอ้แบงค์ดังโหวกเหวกลอยมาด้านหลัง ผมไม่ได้หันไปตอบพวกมันได้แต่เดินออกไปหน้าโรงเรียนด้วยความรวดเร็ว

ผมเดินออกมาหน้าโรงเรียน ขึ้น BTS ที่สถานีสุรศักดิ์ ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี ทั้งที่ตอนนี้เพิ่งจะ 17.30 น. อาจจะเป็นเพราะอยู่ในช่วงหน้าหนาว หรือจิตใจของผมตอนนี้มันมืดมนกับหนทางข้างหน้า ผมรีบสลัดความคิดแย่ๆออกแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านไปให้เร็วที่สุด

ภาพในอดีตหลั่งไหลเข้ามาในหัวผมตั้งแต่วันที่ผมกับบอสเริ่มคบกันจนถึงวันที่บอสไม่พูดกับผม ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้ ว่าทำไมตอนนั้นบอสถึงใจร้ายกับผมนัก

ทู บอน ดาชิน บล ซู ออบดัน มัล ฮาจีมา
แนกา จัลฮัลเก โนจี อานึลเก นี กยอเท อิซนึน นัล
ตอนาจีมา โทราซอจีมา นัน นอล โบแนล ซู ออบซอ
อีรอน นัล ทูโก oh oh คันดาโก oh oh
บอซอนัล ซู ออบซอ Cause you are my destiny

เสียงริงโทนดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ก็เห็นหน้าคนที่ผมรักที่สุด ปรากฏอยู่เต็มหน้าจอโทรศัพท์ ผมมองหน้าหล่อๆและยิ้มบางๆที่โชว์ขึ้นมาหน้าจอเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยและอ่อนโยนกับผมเสมอ

“ขอโทษนะบอส วันนี้โบ้ทขออยู่เดียวขอคิดอะไรก่อนนะ”

ผมพูดกับโทรศัพท์ที่ยังไม่ได้กดรับสายก่อนจะกดปุ่มปิดเครื่องหน้าจอสีขาวดับวูบลง

…….

ผมเดินเข้าบ้าน เห็นม่าม๊ากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว ส่วนป๊ายังไม่กลับมา ผมเดินเข้าไปกอดม่าม๊าจากด้านหลัง

“กลับมาแล้วเหรอลูก” ม่าม๊าหันมาถามผม
“ครับ” ผมตอบม่าม๊ากลับไป
“คืนนี้โบ้ทขอไปนอนบ้านเพื่อนนะครับ” ผมขออนุญาตแม่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วผมยังไม่มีที่ไป และยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน แต่ที่ผมตอนนี้ก็คือผมอยู่บ้านไม่ได้ เพราะบอสต้องตามมาแน่ๆ
“ทำไมอ่ะลูก” ม่าม๊าถามเพราะผมเพิ่งกลับมาจากทริป
“ไปติวนะม๊า” ผมยังคงกอดม่าม๊าเอาไว้แน่น เพราะตอนนี้ม่าม๊าคือสิ่งเดียวที่ยังทำให้ผมยังมีแรงหายใจ
“อ้าวเหรอ งั้นก็ตามใจลูก” ม่าม๊าหันมาบอกกับผม
“วันนี้เป็นอะไรล่ะ อ้อนเป็นเด็กน้อยเชียว” ม่าม๊าเอามือมาลูบหัวผม ทำเอาน้ำตาผมเกือบล่วง
“ม่าม๊า ถ้าวันหนึ่งโบ้ททำให้ม่าม๊าผิดหวัง ม่าม๊าจะโกรธโบ้ทไหม” ผมถามม่าม๊ากับสิ่งที่ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า ผมจะทำให้ม่าม๊าเสียใจหรือเปล่า
“หืม”
“ทำไมล่ะลูก” ม่าม๊าลูบหัวผม
“ม่าม๊าเป็นแม่ของลูกนะโบ้ท ไม่ว่าลูกจะทำผิดสักแค่ไหน แม่ก็ตัดลูกไม่ขาดอยู่ดี” ม่าม๊าตอบข้อข้องใจผม
“ลูกจะเป็นอะไรยังไงก็ไม่เป็นไร ม่าม๊าขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอแล้ว” ม่าม๊าพูดเสริมต่อ
“ไหนเล่าให้ม๊าฟังหน่อย ทำไมถามม๊าอย่างนั้น” ม่าม๊าถามผม
“ไม่มีอะไร โบ้ทก็ถามไปอย่างนั้น เผื่อวันหนึ่งโบ้ททำอะไรพลาดไปหน่ะม๊า” ผมตอบปัดๆม่าม๊าไป
“งั้นโบ้ทไปเก็บกระเป๋าแปปนะม๊า” ผมหอมแก้มม่าม๊าไปหนึ่งฟอด ก่อนจะเดินขึ้นไปข้างบนเก็บกระเป๋าแล้วเดินลงมาหวัดดีม่าม๊า

...........

รถ Volk Swaken tiguan สีขาว SUV คันหรูของทะยานออกไปตามถนนหลวง อย่างไรจุดหมาย เรื่องสมัยมัธยมต้น ตอนนี้พรั่งพลูเข้ามาเต็มความคิดผมไปหมด แล้วภาพของเด็กชายจารุวัฒน์กับเด็กชายรัชชานนท์ปรากฎเด่นชัดขึ้นมาจากความทรงจำ


Game
See you Next Game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 74th Up! 8/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 08-04-2015 09:32:45
@ 74st Game  – Newcomer

ภาพวันเปิดเทอมวันแรกตอน ม.2 ผุดขึ้นมาเด่นชัดจากความทรงจำ
 
“เด็กชายรัชชานนท์ สุขอนันต์” อาจารย์ที่ปรึกษาคนใหม่ประจำชั้นม.2/4 กำลังขานชื่อนักเรียนเพื่อเช็คชื่อในวันเปิดภาคเรียนวันแรก
“มาครับ” ผมยกมือขึ้นขานรับการขานชื่อของอาจารย์
“เด็กชายฏักศิลา ศักดากรณ์” อาจารย์ขานชื่อไอ้เบิร์ดเพื่อนสนิทผมที่นั่งอยู่ติดกัน
“มาครับ” ไอ้เบิร์ดขานรับอาจารย์
“เด็กชายปฏิภาณ ปัทมศิริ” นั่นชื่อไอ้แบงค์ 
“มาครับ” ไอ้แบงค์เป็นเพื่อนในชมรมเทนนิสของผม และก็เป็นคู่แข่งตอนออกแข่งขันเก็บคะแนนสะสมอันดับเยาวชนด้วย
“เด็กชายญาณโชติ มงคลวัฒน์”  อาจารย์ขานชื่อไอ้อาร์มเป็นคนต่อไป
“มาครับ” ไอ้อาร์มเป็นเด็กเรียนใส่แว่น ออกแนวเนิร์ดๆ

หลังจากที่อาจารย์ขานชื่อนักเรียนจนครบทุกคน อาจารย์ก็แนะนำชื่อตัวเองเสร็จเรียบร้อย

“วันนี้ครูจะแนะนำเพื่อใหม่ให้พวกเรารู้จักกัน” อาจารย์สาวกล่าว..พร้อมกับเรียกนักเรียนใหม่มาแนะนำให้เรารู้จัก

“นี่จารุวัฒน์ อรรถากร”  เด็กหนุ่มหน้าตาดีก้าวเข้าผ่านประตูเข้ามายืนหน้าห้องเรียน
“แนะนำตัวเองให้เพื่อนๆรู้จักหน่อยจ่ะ” อาจารย์ให้นักเรียนใหม่แนะนำตัว
“ผมชื่อ บอส ครับ จารุวัฒน์ อรรถากร ครับ”
“เพิ่งย้ายมาเรียนที่นี่เป็นวันแรก ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” หน้าตาหมอนี่จัดว่าหล่อเข้าขั้น เพราะแก๊งค์สาวน้อยหน้าห้อง กรี๊ดกร๊าดกัน

“จารุวัฒน์ ไปนั่งโต๊ะข้างหลัง รัชชานนท์นะ” อาจารย์ให้นักเรียนใหม่มานั่งโต๊ะว่างข้างหลังผม
“หวัดดี” เสียงเด็กใหม่กระซิบทักทายผมหลังจากลากเก้าอี้นั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว
“หวัดดี” ไอ้เบิร์ด หันไปทักทาย
“เราชื่อเบิร์ด ยินดีที่ได้รู้จักนะ” ไอ้เบิร์ดแนะนำตัวเอง
“แล้วนายล่ะ” เด็กใหม่หันมาถามผม
“เราชื่อโบ้ท” ผมแนะนำตัวเองสั้นๆ

.........

“นายๆ ไปกินข้าวกับพวกเราไหม” ไอ้เบิร์ดเอ่ยปากชวนหลังเรียนคาบสุดท้ายภาคเช้าเสร็จ
“อืมม ไปสิ” อ้าวไอ้นี่ใจง่ายจริงวุ้ย ไอ้บอสตกปากรับคำชวนไอ้เบิร์ดง่ายดาย

ผมหยิบเป้แล้วก็คว้าโค๊ฟเวอร์เทนนิสขึ้นสะพาย เพราะเมื่อเช้ามาสายวันนี้เลยต้องแบกโค๊ฟเวอร์ติดตัวไปไหนมาไหนด้วย พวกเราเตรียมตัวจะไปกินข้าวกลางวัน

“นายตีเทนนิสด้วยหรือ” เสียงเด็กใหม่ถามผม
“อืมม แล้วเราชื่อโบ้ทไม่ได้ชื่อนาย” ผมหันไปบอกไอ้เด็กใหม่
“โทษทีๆ ” ไอ้บอสเอามือขึ้นเกาหัวแก้เขิน
“โบ้ทตีเทนนิสตั้งแต่เด็กเหรอ” ไอ้บอสชวนผมคุย
“อืมม” ผมตอบมันไปสั้นๆ
“ดีจังวันหลังสอนเราบ้างสิ” อ้าวไอ้นี่กรูไปสนิทกับมรึงตอนไหน นี่ถือวิสาสะเอามือมากอดคอกรูเลย
“พวกนายชอบกินร้านไหนกันเหรอ” ไอ้บอสทำไม่รู้ไม่ชี้หันมาถามพวกเราต่อ

.......

“โบ้ทเพิ่งมากินข้าวเหรอ” ไอ้คุณพี่ชายผมทักขณะกำลังเดินสวนออกจากโรงอาหาร
“อืมม เพิ่งมา” ผมตอบไอ้เบนซ์ไป
“แล้วนี่ใครวะ” ไอ้คุณพี่ชายเบนซ์ชี้ไปที่ไอ้คุณชายหน้าหล่อที่ยืนกอดคอผมอยู่
“อ๋อนี่ บอส เด็กใหม่อ่ะเบนซ์” ไอ้เบิร์ดเป็นคนแนะนำ ส่วนคนที่ถูกแนะนำก็โค้งหัวทักทายเล็กน้อย
“นี่ เบนซ์ พี่ชายโบ้ทอ่ะ” ไอ้เบิร์ดแนะนำไอ้เบนซ์ให้ไอ้เด็กใหม่รู้จัก
“หวัดดีครับ” ไอ้เด็กใหม่รีบปล่อยมือจากคอผม จากที่พยักหน้าให้เฉยๆ ยกมือขึ้นไหว้ไอ้เบนซ์แถบไม่ทันพอรู้ว่าไอ้เบนซ์เป็นพี่ชายผม
“ไม่ต้องไหว้ รุ่นเดียวกัน ผมเกิดต้นปี ส่วนไอ้โบ้ทมันเกิดปลายปี” ไอ้เบนซ์เล่าให้ไอ้บอสฟัง
“กรูไปกินข้าวก่อน” ผมตัดบทสนทนาแล้วเดินนำเข้าไปในโรงอาหารก่อนที่ผมจะหงุดหงิดไอ้เบนซ์ ที่อธิบายเรื่องส่วนตัวให้กับคนที่เพิ่งรู้จักกัน

พอพวกเราหาโต๊ะได้ ผมวางเป้กับโค๊ฟเว่อร์ได้ก็เดินไปซื้อข้าว แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะ ขณะกำลังจะเริ่มลงมือทาน

“โบ้ท ของนาย” ผมเงยหน้าขึ้นมาจากจานข้าวก็เห็นมือขาวๆเรียวๆ วางขวดน้ำลงตรงข้างๆจานผม
“ไม่ได้สั่งอ่ะ” ผมตอบมันกลับไปแล้วก้มหน้าจัดการกับข้าวต่อ
“เราซื้อมาฝาก” ไอ้หมอนั่นตอบมาพร้อมกับยิ้มยิ่งฟันให้ผมหนึ่งครั้ง แล้วก็ก้มหน้าจัดการกับข้าวเหมือนกัน
“ขอบใจ” ผมตอบมันไปสั้นๆ ไอ้เด็กใหม่เงยหน้าขึ้นมายิ้มตาหยี่ให้ผม ไอ้หมอนี่ก็มีน้ำใจเหมือนกันนะ ผมคิดในใจ

ด้วยความที่บอสเป็นคนมีน้ำใจ ทำให้มันค่อยๆทำลายอคติที่ผมมีกับมันตั้งแต่ตอนแรกลงไป จากที่ไม่ค่อยชอบหน้าเท่าไรค่อยๆกลายมาเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของผม ภายในระยะเวลาไม่นาน

................
ม.3 เทอม 2 เป็นมัธยมต้นเทอมสุดท้ายของพวกเรา ฃ่วงนี้ต้องขยันเพิ่มขึ้นเพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้าม.4 ถ้าสอบไม่ติดต้องย้ายโรงเรียน ซึ่งผมไม่อยากย้าย เพราะนอกจากไม่คุ้นเคยแล้วต้องไปหาเพื่อนใหม่อีก อันหลังนี่ผมกลัวที่สุด

“โบ้ทกรูปรึกษาหน่อยสิ” ไอ้เบิร์ดเดินมามาลากผมไปคุย
“มรึงว่าการที่มีคนแอด facebook เรามาแล้วพยายามส่งข้อความคุยกับเราบ่อยๆ ทั้งๆที่ก็ไม่ได้เรียนอยู่ห้องเดียวกัน  มรึงว่ามันแปลกไหม” มันเริ่มปรึกษา
“แล้วเค้าคุยยังไงล่ะ” ผมถามไอ้เบิร์ดกลับไป
“ก็แบบว่าทำอะไรอยู่ ว่างคุยไหม กินข้าวหรือยัง นอนหลับฝันดีอะไรประมาณเนี้ยอ่ะ” ไอ้เบิร์ดพยายามอธิบาย
“หืมม” ผมถึงกับตาโตเมื่อได้ฟังไอ้เบิร์ดอธิบาย
“กรูว่า ทำอะไรอยู่ ว่างคุยไหมหน่ะ ไม่เท่าไร แต่กินข้าวหรือยัง นอนหลับฝันดี กรูว่าแปลกแระ” ผมหันไปบอกไอ้เบิร์ดตามความคิดของผม
“แล้วมรึงล่ะรู้สึกยังไงวะ” ผมหันไปถามไอ้เบิร์ด
“ตอนแรกก็ก็ไม่คิดอะไร ก็ดีที่มีเพื่อนเพิ่ม มีคนเป็นห่วงเพิ่มมันก็ดีนะ” ไอ้เบิร์ดหยุดนิ่งไป
“แล้ว” ผมถามมันต่อ
“มรึงจะว่ากรูแปลกๆไหม” ไอ้เบิร์ดหันมาถามผมเพราะเริ่มไม่แน่ใจสิ่งที่จะเล่าต่อไป
“ไอ้เบิร์ดกรูเป็นเพื่อนมรึงนะยังไงเพื่อนก็คือเพื่อนหว่ะ” ผมพูดเพราะอยากให้ไอ้เบิร์ดมันมั่นใจขึ้น เพราะว่ายังไงมันก็คือเพื่อนผม
“ก็ พอบางวันเค้าหายๆไป ก็รู้สึกสงสัยว่าหายไปไหนวะ ทำไมวันนี้เงียบๆ เหมือนขาดๆอะไรไปอ่ะ” ไอ้เบิร์ดก้มหน้าลงผมมันก็เริ่มเขินจนหน้าเริ่มแดง
“เหยดดดด จริงดิ” ผมถึงกับอุทาน
“กรูว่ามรึงชอบเค้าแล้ววะ” ผมสรุปเรื่องทั้งหมดให้มัน
“กรูก็ไม่รู้หว่ะ แต่มันรู้สึกดีๆที่มีคนมาคุยด้วย มาคอยเป็นห่วง” รอยยิ้มแห่งความสุขฉายออกมาจากหน้าของไอ้เบิร์ดอย่างชัดเจน
“ว่าแต่ว่าใครวะ” ผมถามหาคนที่ทำให้เพื่อนผมยืนยิ้มหน้าบานอยู่ตรงนี้
“เดี๋ยวกรูค่อยบอกได้ป่าว” ไอ้เบิร์ดเริ่มอิดออด
“ไม่ได้ กรูอยากรู้บอกกรูหน่อยนะ” ผมเซ้าซี้ไอ้เบิร์ด
“อยู่ระดับเดียวกับเรา” ผมเริ่มจี้ถามไอ้เบิร์ด ไอ้เบิร์ดพยักหน้ารับ
“ห้องไหนวะมีตั้ง 10 ห้อง กรูจะเดาถูกไหม” ผมเปรยๆถาม
“ห้อง 4” ไอ้เบิร์ดหลุดปากออกมา
“เชี่ย อย่าบอกนะว่าไอ้ไปป์” พอไอ้เบิร์ดบอกว่าห้อง 4 หน้าไอ้ไปป์ลอยออกมาเลย เพราะมันเป็นแค่เด็กม.2 แต่แมร่งติดทีมบอลโรงเรียนแล้ว ถือเป็นคนเด่นประจำรุ่นเลยทีเดียว
“มรึงเบาๆสิไอ้โบ้ท” ไอ้เบิร์ดยืนบิดอายม้วนอยู่หน้าผม
“มรึงอย่าเพิ่งบอกใครได้ป่าว” ไอ้เบิร์ดหันมาขอร้องผม
“เออดิ กรูไม่พูดหรอก เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของมรึงกับไอ้ไปป์มัน” ผมดีใจที่เพื่อนไว้ใจปรึกษา และผมจะไม่ทำลายความไว้ใจนั้น
“แล้วมรึงคิดว่าไอ้ไปป์มันคิดกับมรึงยังไง” ผมอดเป็นห่วงไอ้เบิร์ดไม่ได้กลัวมันจะมโนไปคนเดียว
“กรูก็เคยลองหายๆไปนะ” ไอ้เบิร์ดหันมาเล่าต่อ
“แล้ว” ไอ้นี่เล่าช้าไม่ทันใจ
“ก็มีข้อความมาหน่ะ ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ไม่ค่อยเห็นออนไลน์ มีไรก็คุยกับไปป์ได้นะ เป็นห่วง อะไรประมาณนี้อ่ะ”

-*-

“เออ กรูว่ามรึงสองคนไปคบกันเหอะ” ผมได้ข้อสรุปทันทีหลังจากที่ฟัง
“กรูไม่กล้า ขนาดเดินสวนกันกรูยังไม่ก้ามองเลย” ไอ้เบิร์ดพูดไปก็อายไป
“อ้าวไอ้เชี่ยนี่มรึงเป็นพวกแอบรักออนไลน์เหรอ รักกันในโลกออนไลน์ ในโลกความจริงกลับเป็นคนไม่รู้จักกัน”
“มรึงก็ลองหาโอกาสคุยดูดิ ถ้าที่โรงเรียนไม่สะดวก มรึงก็นัดไปกินไปคุยอะไรกันวันเสาร์อาทิตย์ดิวะ” ผมเสนอไอ้เดีย
“บ้า ใครจะกล้าวะ” ไอ้เบิร์ดยิ่งยืนบิดจนจะเห็นน็อตอยู่แล้ว
“ถ้ามรึงใจเย็นเกินไป เดี๋ยวเค้าจะคิดว่ามรึงไม่เล่นด้วย แล้วหมาจะคาบไปแดกนะมรึง” ผมบอกแกมประชดมันไป
“เดี๋ยวนะ กรูว่าอันนี้ควรใช้กับมรึงนะ” ไอ้เบิร์ดหันมาย้อนผม
“ทำไมวะ” ผมหันไปถามมัน
“มรึงไม่สังเกตเหรอ” ในหัวผมตอนนี้มีงองูล้านตัว
“ก็ไอ้เด็กใหม่ไง” ไอ้เบิร์ดสะกิดผม
“ทำไมวะ ไอ้บอสทำไมวะ” พ่อยอดชายนายโบ้ท เริ่มสงสัย
“ก็มันคอยดูแล เทคแคร์ มรึงมากกว่าคนอื่น มรึงไม่สังเกตเหรอ”
“ไม่มั้งมรึง มันก็ปกติกับทุกคนนี่” ผมตอบไปตามที่ตัวเองคิด
“มรึงนี่ที่เรื่องคนอื่นมึงเห็นเป็นฉากๆ ที่เรื่องตัวเองแมร่งไม่รู้เรื่องนะ” ไอ้เบิร์ดได้ทีเบิร์ดเหม่งผมไปหนึ่งที
“มรึงลองสังเกตดูเอาเองละกัน กรูขี้เกียจเสือกเรื่องชาวบ้าน เรื่องกรูเองยังเอาไม่รอดเลย” ไอ้เบิร์ดสรุปปิดท้าย

.....

“โบ้ทเย็นนี้ซ้อมเทนนิสเสร็จกี่โมง” ไอ้บอสตะโกนมาถามผม
“ก็เหมือนเดิม” ผมตอบมันกลับไป
“เย็นนี้รอกลับพร้อมกันเน้อ” ไอ้บอสหันมาบอกก่อนจะหันไปเตะบอลกับไอ้พวกนั้นต่อ

อุ๊ปส์....

Game
See you next game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 75th Up! 9/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 09-04-2015 15:42:55
@ 75th Game  – First Love

“โบ้ทซ้อมเสร็จแล้วไปไหนต่อวะ” ไอ้แบงค์เดินเข้ามากอดคอผมตอนนั่งพัก
“กลับบ้านหว่ะ ไอ้บอสรออยู่” ผมชี้ไปทางริมสนามที่ไอ้หน้าหล่อนั่งรออยู่ตรงนั้น
“เดี๋ยวนี้สนิทกับจริงนะ มานั่งรอกันด้วยวุ้ย”  ไอ้แบงค์ปล่อยหมามากัดผมแล้ว
“อืมม” ผมตอบมันไปสั้นๆ เพราะถ้ายิ่งพูดมาก..ความจะยิ่งเยอะ

นี่เป็นอีกครั้งที่ผมฉุกคิดอะไรขึ้นมา ตั้งแต่ไอ้หมอนี่เข้ามาในชีวิต จากที่ไม่ค่อยจะชอบหน้าเท่าไร ตอนนี้กลายเป็นเหมือนเงาตามตัว เห็นโบ้ทที่ไหนก็มีบอสอยู่ที่นั่น แต่คงเป็นเพราะบอสเพิ่งย้ายมาเรียนใหม่ เลยยังไม่ค่อยมีเพื่อน ผมมองบอสอย่างนั้นมาตลอด ก็เลยไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดปลีกย่อยเท่าไร จนไอ้เบิร์ดสะกิด แถมด้วยไอ้แบงค์อีกคน

ผมเก็บเป้กับโค๊ฟเว่อร์ขึ้นสะพายบ่าแล้วเดินออกจากคอร์ด ไอ้บอสนั่งรออยู่ตรงหน้าชมรมแล้ว

“ไปกัน” มันเดินมากอดคอผมเหมือนเคย
“หิวป่าววะ”ไอ้บอสหันมาถาม
“ไปหาไรกินกันป่าว บอสหิว” ยังมันทันที่ผมจะตอบ มันก็ถามประโยคต่อมา
“อืมม ไปดิ” ผมตอบรับคำชวนของมัน ที่จริงแล้วก็มีเรื่องอยากจะถามมันด้วย

แล้วเราก็มาหย่อนก้นลงนั่งที่ร้านอาหารตามสั่ง อยู่ในซอยข้างๆโรงเรียน

“โบ้ทเอาอะไร” บอสหันมาถามผม
“กะเพราหมู ไข่ดาว” ผมตอบบอสไปแล้วเดินเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะ
“กะเพราหมู ไข่ดาว 2 ครับ” บอสสั่งคุณป้าเจ้าของร้านก่อนจะเดินตามมาที่โต๊ะ

บอสเอากระเป๋านักเรียน Jacob ใบหรูวางที่เก้าอี้ แล้วเดินไปตักน้ำแข็งที่แน่นนอนว่าตักมาเผื่อผมด้วย ปกติผมก็ไม่อะไร แต่วันนี้อาจจะเป็นเพราะไอ้เบิร์ดสะกิด ก็เลยจับจ้องไอ้บอสเป็นพิเศษ จริงๆแล้วก็รู้สึกดีอยู่ไม่น้อย

ผมกับบอสนั่งกินข้าวกันจนจะหมดจาน ผมอยากลองแหย่ๆ ถามอะไรไอ้บอสมันดู อยากรู้ปฏิกิริยา

“จริงๆแล้วมรึงไม่ต้องรอกรูทุกวันก็ได้นะ” ผมเริ่มแผนการ
“หืมม” เสียงในลำคอไอ้บอสตอบกลับมา
“ทำไมอ่ะ” บอสเงยหน้าขึ้นมาถาม ผมได้แต่นิ่งเงียบเมื่อเจอดวงตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองมา
“................” ผมยังคงเงียบ
“มีอะไรหรือเปล่าโบ้ท” บอสเสียงเริ่มร้อนรน
“................” ผมยังคงเงียบ ที่เงียบเพราะอยากรู้ว่ามันจะรู้สึกยังไง
“โบ้ทรำคาญบอสเหรอ” เสียงบอสะกดลงต่ำที่พูดประโยคนี้ออกมา
“...............” ทำเอาผมใบ้กิน ทำอะไรไม่ถูก คราวนี้เริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนแบบบอกไม่ถูก

บอสค่อยๆรวบช้อนเข้าหากัน

“ถ้าโบ้ทรำคาญบอสก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวบอสจะค่อยๆห่างออกไปเอง”

ไอ้บอสพูดจบก็ลุกขึ้นหยิบกระเป๋า ควักเงินค่าข้าวออกมาวางไว้บนโต๊ะ แล้วหยิบกระเป๋าเดินออกจากร้านไป ผมนั่งอึ้งแล้วด่าตัวเองนี่กรูทำอะไรลงไปวะ ผมรีบคว้าเป้กับโค๊ฟเว่อร์ จ่ายเงินค่าข้าวแล้วรีบวิ่งตามไอ้บอสไป

“ไปไหนของมันวะ” ผมบ่นกับตัวเองอย่างร้อนรน หลังจากขึ้นมายืนเคว้งอยู่บนชานชาลาสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์
“ติ๊ดๆๆ” เสียงเตือนประตูรถไฟฟ้ากำลังจะปิด ผมเดินไล่จากท้ายขบวนไปหัวขบวน

แล้วภาพเด็กหนุ่มที่คุ้นตาก็ปรากฏอยู่ตรงประตูรถไฟฟ้า

“บอส” ผมตะโกนเรียกมัน บอสลืมตาขึ้นมองมาที่ผม ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง แล้วรถไฟฟ้าก็ค่อยๆเคลื่อนออกจากสถานี

ผมขึ้นรถไฟฟ้าขบวนถัดไปกลับบ้าน แต่ในหัวผมความคิดประดังประเดเข้ามา ความรู้สึกว้าวุ่นใจ ความรู้สึกเป็นห่วง กังวล วิ่งเข้าอย่างกะรถบนถนนสาธร แล้วความรู้สึกผิด ความรู้สึกโทษตัวเอง ก็มาซ้ำเติมตัวผมเองที่ไปล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่น

.............

เช้าวันนี้ผมมาโรงเรียนแต่เช้า เอาโค๊ฟเว่อร์ไปเก็บที่ชมรม แล้วก็รีบขึ้นมาบนห้อง ผมตั้งใจจะคุยกับบอสให้รู้เรื่อง อยากจะขอโทษมัน เรื่องเมื่อวานทำให้ กระสับกระส่าย ร้อนรน จนแถบไม่ได้นอนทั้งคืน

บอสเดินเข้ามาในห้อง ผมมองหน้าบอส เราสองคนสบตากันครู่หนึ่งก่อนที่บอสจะเดินผ่านโต๊ะผมไปนั่งที่โต๊ะของบอส โดยไม่มีคำทักทายสักคำ

สายตาเย็นชาแบบนั้น ทำเอาผมจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น บอสเอากระเป๋าเก็บเรียบร้อย เสียงเลื่อนเก้าอี้เป็นสัญญาว่าเจ้าของโต๊ะกำลังจะลุกเดินออกไปจากห้อง ต้องรีบแล้วก่อนที่โอกาสจะหมดไป

“บอส”

กว่าเอ่ยชื่อมันออกมาได้ทำมันมันยากเย็นอย่างนี้ เสียงก้าวเดินหยุดลง ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินมาหยุดตรงหน้ามัน

“กรูขอโทษ” ผมพูดคำขอโทษไปอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป
“.............” ความเงียบคือคำตอบของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“กรูไม่ได้รำคาญมรึง แต่กรูเกรงใจที่มรึงต้องมารอกรู” ผมพยายามเรียบเรียงและอธิบายออกมาเป็นคำพูด
“กรูขอโทษถ้ากรูทำให้มรึงเสียใจ” ผมมองไปที่ตาดำขลับคู่นั้น
“............” ไอ้บอสยังคงเงียบ
“มรึงยังไม่หายโกรธกรูอีกเหรอ” ผมเริ่มใจเสีย
“............”
“เมื่อคืนกรูแถบไม่ได้นอนเลยนะโว้ย มรึงทำให้กรูกระวนกระวายทั้งคืน”
“...........”
“มรึงรู้ไหม กรูวิ่งตามมรึงขึ้นไปที่สถานนีรถไฟฟ้า มรึงทำให้กรูกรูกังวล เป็นห่วงแค่ไหน”

ความรู้สึกผมพลั่งพลูออกมา แบบหมดเปลือก แต่อีกฝ่ายยังคงยืนเงียบ ดวงตาดำขลับคู่นั้นยังคงเฉยชา ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด ความรู้สึกโกรธตัวเองทำให้เสียงผมเริ่มสั่น ตอนนี้เหมือนมีก้อนอะไรก็ไม่รู้มาจุกอยู่ที่คอ จมูกเริ่มแดง ดวงตาเริ่มมีฝ้าขาวๆเกาะ สุดท้ายน้ำใสๆก็หยดลงมาเพราะความรู้สึกที่อัดอั้นเอาไว้ ตอนนี้พลั่งพลูออกมาจากนัยต์ตาของผม

......

มือเย็นๆของไอ้บอส ปาดมาที่แก้มผม หัวแม่มือลูบเบาๆที่ใต้ตา

“โบ้ทอย่าร้องไห้สิ” เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่ผมได้ยินเสียงมัน
“บอสหายโกรธโบ้ทตั้งแต่เห็นหน้าแล้ว” มันคลี่ยิ้มบางๆให้ผม
“...........” ตอนนี้กลายเป็นผมเงียบแทน
“อย่าร้องไห้นะครับ บอสเห็นน้ำตาแล้วใจไม่ดี” มือที่อ่อนโยนยังคงลูบแก้มผมต่อไป

“ปิ้ง” งั้นทั้งหมดนี่กรูก็ได้มรึงแกล้งล้วงความรู้สึกของกรูเหรอ
“ปิ้ง” ใช่แล้วไอ้โบ้ท มรึงโดนหลอก
“ปิ้ง ปิ้ง ปิ้ง”

“ไอ้เชี่ยบอส มรึงแกล้งกรู” ผมเขินที่แพ้ทางมันหมดรูป
“มาให้กรูเตะซะดีๆ ไอ้เชี่ย” ผมสบถด่ามันเสร็จ วิ่งไล่ต้อนมันไปรอบห้อง

แต่ในใจกลับรู้สึกโล่งที่เรื่องมันไม่ได้แย่กว่าที่คิด ไอ้บอสวิ่งไปจนมุม แล้วมันก็โดนผมแก้แค้น โทษฐานที่หลอกผม

.......

วิ่งไล่ขับไอ้บอสจนเหนื่อย ผมนั่งแผ่ลงที่เก้าอี้ ไอ้บอสเดินมานั่งลงข้างๆที่เก้าอี้ไอ้เบิร์ด สภาพไม่ต่างจากผมเท่าไรนัก

“บอสก็เหมือนโบ้ทแหละ เมื่อคืนก็นอนไม่หลับ กังวลไปหมด กลัวว่าโบ้ทจะเลิกคบบอส กลัวโบ้ทจะรำคาญจริงๆ” บอสพูดจบผมเองก็มือไม้อ่อนไปเหมือนกัน
“สรุปว่าเราเป็นอะไรกันวะ” ผมเอ่ยถามทั้งตัวเองและไอ้บอส
“บอสไม่รู้ บอสแค่รู้สึกดีๆที่อยู่ใกล้ๆโบ้ท รู้สึกอยากดูแล อยากเทคแคร์” ไอ้บอสพูดความรู้สึกของมันออกมา
“ตอนแรกกรูก็ไม่คิดอะไรนะ แต่เหตุการณ์เมื่อวานกับเมื่อคืนนี้ มันทำให้กรูเป็นห่วง กรูกังวล จนกรูทำอะไรไม่ถูก” ผมก็เปิดใจกับความรู้สึกของผมให้ไอ้บอสฟัง

“ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร หรือมันจะเรียกว่าอะไร เราสองคนก็เป็นผู้ชายด้วยกัน เอาเป็นว่าไม่ต้องจำกัดความแล้วกัน” ไอ้บอสสรุป
“แค่อยู่ใกล้ๆกัน แค่ดูแลกัน แค่มีความสุขด้วยกันก็พอแล้วเนอะ”

ไอ้บอสคว้าตัวผมเข้ามากอด ความรู้สึกดีๆ ความอบอุ่น ความรู้สึกปลอดภัยอุ่นใจ แผ่ซ่าน เรารับรู้ความรู้สึกผ่านภาษากายของกันและกัน

Game
See you next game






หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 76th Up! 10/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 10-04-2015 15:26:58
@ 76th Game  – First Hurt

ทรี ทรู วัน...แน-กอ ฮา-จา…..แน-กา นอล ซา-รัง-แฮ โอ๊ะ
แน-กา นอล คอก-จอง-แฮ โอ๊ะ....แน-กา นอล กึท-กา-จี แช-กิม-จิล-เก
แน-กอ ฮา-จา.... นี-กา นัล อัล-จา-นา โอ๊ะ
นีกา นัล พวัท-จา-นา โอ๊ะ…. แน-กา นอล กึท-กา-จี ชี-คยอ-จุล-เก
Do you hear me…
Do you hear me Oh !!!!!

เสียงริงโทนที่ไม่คุ้นหูดังขึ้นในเช้าวันเสาร์วันหนึ่ง เสียงเพลงนี้ไอ้บอสเป็นคนแนะนำให้ผมรู้จัก วงบอยแบนด์เกาหลีวงนี้ infinite จริงๆแล้วผมก็เฉยๆกับวงการเคป็อป เพราะนอกจากท่าเต้นที่ไม่เหมือนใครแล้ว อย่างอื่นผมก็คิดว่าไม่แตกต่างจากวงบอยแบนด์ฝรั่งทั่วๆไป แต่ไอ้บอสแนะนำวงนี้พร้อมกับเล่าประวัติของวงกว่าจะ Debut กว่าจะเริ่มประสบความสำเร้จได้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง ผมก็เลยอินไปกับไอ้บอสด้วย วงนี้ก็เลยกลายเป็นวงโปรดสำหรับผมอีกคน สรุปว่ามีติ่งวงนี้เพิ่มขึ้นอีกคน

“ฮัลโหล” ผมกดรับสาย
“โบ้ทเหรอ วันนี้ว่างหรือเปล่า” เสียงบอสดังมาจากปลายสาย
“อืมว่าง” ผมตอบบอสพร้อมกับยืดแขนบิดขี้เกียจ
“ไปซื้อของสยามกัน” ไอ้บอสโทรมาชวนผม
“ซื้อไรอ่ะ” ผมถามไอ้บอสกลับไป
“บอสอยากได้เคสโทรศัพท์อันใหม่อ่ะ”
“แล้วไมไปซื้อสยามอ่ะ ไม่ไปมาบุญครอง” ผมถามไอ้บอส
“ก็ไปมาบุญครองนั้นแหละ แต่นัดเจอกันที่สยามก่อนแล้วค่อยเดินไป”
“อ๋อ” ผมเพิ่งถึงบางอ้อ
“งั้นเจอกันลานน้ำพุ พารากอนนะ” ไอ้บอสนัดสถานที่
“โอเค เจอกัน” ผมตอบมันกลับไป

....

พอเจอกับบอสที่ลานนำพุพารากอนแล้ว พวกเราก็เดินข้ามฝั่งมาสยามเดินลัดเลาะผ่านสยามที่ผู้คนเดินกันขวักไขว่เข้ามาที่มาบุญครอง

“โบ้ทนั่นใช่ไอ้เบิร์ดป่าว” บอสชี้ให้ผมดู เห็นเด็กหนุ่มหน้าคุ้นๆ นั่งอยู่ในร้านไก่ทอดชื่อดัง
“เออใช่ ไอ้เบิร์ดแหละ”
“มากับใครหว่า” ไอ้บอสพยายามมอง
“เฮ้ยยยย ไอ้ไปป์” ผมนี่ถึงกับเอามืออุดปากตัวเอง แบบไมเชื่อสายตา
“ไปป์ไหนหว่า”  ไอ้บอสหันมาถามผม
“ไปป์ห้อง 4 อ่ะ” ผมบอกไอ้บอส
“ดูมันแปลกๆเนอะ” ไอ้บอสหันมาถาม
“ทำไมอ่ะ” ผมย้อมถามไอ้บอสกลับไป
“ก็มันดูดูแลไอ้เบิร์ดดีกว่าเพื่อน” ไอ้บอสเปรยออกมา
“ก็เหมือนของเรานั่นแหละ” ผมหันมาเฉลยคำตอบที่ไอ้บอสสงสัย
“อ๋อ มิน่า” ไอ้บอสอุทาน
“ไอ้ไปป์ก็น่ารักดีเนอะ” ผมหันไปบอกไอ้บอส
“จิ๊” เสียงไอ้บอสจิปากไม่พอใจ
“ชมคนอื่น เชอะ” ไอ้บอสเบะปากใส่ผม
“ไม่ใช่อย่างนั้น หมายถึงไอ้ไปป์มันก็ดูแลเบิร์ด คู่มันน่ารักดี ไอ้ไปป์มันเป็นแค่เด็กม.3 แต่มันก็ติดทีมบอลโรงเรียนเลยนะ นักบอลก็มีมุมอ่อนโยนกะเค้าด้วย นี่แหละที่กรูจะสื่อ” ผมพยายามอธิบายยืดยาว กลัวไอ้บอสจะน้อยใจ
“อืม แล้วบอสล่ะ ดูแลโบ้ท น่ารักหรือเปล่า” ไอ้บอสตั้งคำถาม
“ดีครับ น่ารักที่สุดในโลกเลยครับ”  ผมหันไปยิ้มตาหยีใส่มัน

พวกเราตัดสินใจไม่ไปทักไอ้เบิร์ด ปล่อยให้พวกมันได้อยู่ด้วยกัน เพราะที่โรงเรียนมันสองคนไม่กล้าแม้จะมองหน้ากัน.....

ผมกับบอสเดินไปซื้อเคสโทรศัพท์ พอซื้อเสร็จ บอสก็ชวนผมไปนั่งเล่นบ้านมัน ผมเคยมาบ้านอรรถากร 2-3 ครั้งแล้ว จึงชินกับป้าน้อย แล้วก็รู้จักพ่อกับแม่บอสเป็นอย่างดีแล้ว

......

กิจกรรมของเด็กมัธยมต้นจะมีอะไรสนุกไปกว่านั่งเล่นเกมส์ต่อสู้ ไอ้บอสเพิ่งได้แผ่นนารูโต๊ะมาใหม่

“ไม่เล่นแล้ว” น้ำเสียงไอ้บอสหงุดหงิด
“ทำไมอ่ะ เล่นต่อดิ” ขณะที่น้ำเสียงผมมีความสุขเพราะชนะไอ้บอสมา 3 ตาติดแล้ว
“เล่นยังไงก็แพ้” ไอ้บอสบ่นกระปอดกระแปด
“อ่อนอ่ะดิ” ผมได้ทีแหย่ไอ้บอส ไม่แหย่แต่คำพูด มือยังไม่แกล้งจี๋เอวทำให้ไอ้บอสสะดุ้งโหย่ง

บอสคว้าข้อมือผมไม่ให้แกล้งแหย่เอวมัน แล้วจังหวะมันก็เอามือมาแหย่เอวผมคืน ผมสะดุ้งสุดตัว ไอ้บอสได้ทีขึ้นมาคล่อมตัวผมเอาไว้ แล้วก็เอามือกดแขนผมสองข้างขึ้นไว้บนหัวผม

“เมื่อกี้ว่าบอสอ่อนเหรอ” ลอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายแววขึ้น
“แล้วยังไง” ผมยังคงปากดีแม้จะถูกกดอยู่
“เล่นกีทีก็แพ้ ก็อ่อนดิ”
“เหรอ” ไอ้บอสตอบเสียงสูง
“นี่แหน่ะ สำหรับคนปากดี” ไอ้บอสเอาริมฝีปากมาประทับที่แก้มผม
“เฮ้ยยยย” ผมตาโตเพราะตกใจที่โดนไอ้บอสขโมยหอม นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่โตมานอกจากม่าม๊ายังไม่เคยมีใครได้หอมเลยนะ แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้โวยอะไรออกไป

สายตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองหน้าผมอย่างอ่อนโยน แล้วปากสีแดงระเรื่อก็ค่อยๆเข้ามาใกล้หน้าผม ใกล้เข้ามา จนผมหลับตาปี๋ บอสค่อยประทับริมฝีปากกับริมฝีปากผมอย่างแผวเบา บอสเอาลิ้นค่อยๆสอดเข้ามาในปากผม ผมค่อยๆเผยอปากแล้วเอาลิ้นของผมดันลิ้นของบอสกลับไป บอสค่อยๆผ่อนริมฝีปากขึ้น

“จูบแรกของบอสเป็นของโบ้ทนะ”

บอสค่อยๆคลี่ยิ้มออก รอยยิ้มกับจูบนั้นคงจะถูกจรดลึกในความทรงจำของผมตลอดไป

เราคงไม่ทันสังเกตและไม่รู้ตัวกันว่า มีสายตาคมกริบอีกคู่หนึ่งจ้องมองเราผ่านประตูห้องที่ปิดไม่สนิท และเจ้าของสายตาคู่นั้นจะเป็นคนเปลี่ยนความรู้สึกของผมกับบอสไปตลอดกาล

เค้าว่ากันว่าความสุขมักจะอยู่กับเราได้ไม่นาน มันคงเป็นเรื่องจริง ตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่เราสองคนได้เปิดใจคุยกัน เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข สุขจนทำให้เราไม่ได้เผื่อใจกันเอาไว้

..............

หลังจากจูบแรกเมื่อบ่ายๆวันเสาร์ ผมยังคงเอามือจับริมฝีปากตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ผมแถบไม่เชื่อตัวเองว่าจูบแรกของผมจะเป็นไอ้บอส แล้วความรู้สึกอิ่มเอม และรสชาติจูบนั้น ยังตรึงอยู่ในใจ จนผมอดอมยิ้มกับความรู้สึกดีๆเหล่านั้นไม่ได้

แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือบอสหายเงียบไปตั้งแต่เย็นวันนั้น วันอาทิตย์ทั้งวันก็ไม่มีการติดต่อใดๆกลับมาจากบอส ทั้งๆที่ปกติก็จะมีข้อความมาบ้าง แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าบอสคงยุ่งอยู่

.......


“หวัดดี บอส” ผมทักไอ้บอสทันทีที่เจอหน้ากันวันจันทร์
“หวัดดี” บอสตอบผมกลับมาสั้น จนผมรู้สึกแปลกใจ

บอสดูนิ่งจนผมไม่กล้าชวนคุย ชวนแหย่เล่นเหมือนเคย แล้วสิ่งที่ทำให้ผมอึ้งหนักเข้าไปอีกก็คือบอสขอย้ายที่นั่งจากที่ข้างหลังผม ไปอยู่หลังห้อง โดยไม่มีสาเหตุ

“ไอ้บอสมันเป็นอะไรของมันวะ” ไอ้เบิร์ดหันมาถามผม
“กรูไม่รู้หว่ะ” ผมตอบเบิร์ดได้แค่นี้

มันเป็นอะไรของมันวะผมนึกในใจ จะว่าโกรธเรื่องจูบมันก็เป็นคนมาจูบกรูเอง กรูไม่ได้ไปจูบมัน มันจะโกรธกรูทำไม ผมรู้สึกอึดอัดกับความบรรยากาศแบบนี้ จนอยากจะไปกระชากคอเสื้อมันแล้วถามมันว่ามันเป็นอะไร มีอะไรก็ให้พูดกันไม่ใช่เงียบและเฉยๆไปแบบนี้ แล้วโอกาสก็มาถึง เมื่อผมกับมันถูกอาจารย์ให้รวบรวมสมุดงานไปส่ง

ไอ้บอสถือสมุดงานเดินนำหน้าไป แม้แต่สายตาก็ไม่เหลี่ยวมองผมแม้แต่น้อยทั้งที่สมัยก่อนผมจะได้รับสายตาที่ห่วงหา อ่อนโยน จากคนที่เดินนำหน้าผมเสมอๆ มันทำให้ผมรู้สึกเจ็บแปลบไปที่หัวใจ

“มรึงเป็นอะไรวะ” ผมเปิดฉากถามมันหลังจากส่งงานอาจารย์เสร็จ

“..........”

“มรึงมีอะไรทำไมไม่บอกกรูวะ” ผมเริ่มอารมาณ์ขึ้น เพราะไม่มีปฏิกิริยาใดตอบกลับมา

“..........”

“มรึงเป็นเชี่ยไรนี่ไอ้บอส” ผมเดินไปคว้าไหล่ข้างขวาของมันแล้วออกแรงดึงให้มันหันหน้ามาคุยกับผม

“..........” ไม่มีเสียงใดตอบกลับมาจากไอ้บอส สายตาดำขลับคู่นั้นจ้องมองผมนิ่ง จนผมต้องหลุบสายตาลงต่ำ

“ถ้าจะเลิกคบกรูก็บอกตรง อย่าทำแบบนี้” เสียงผมเริ่มสั่นเพราะผมทั้งโกรธทั้งเสียใจ

“...........”  ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้บอสแต่คำตอบที่ผมได้รับคือความเงียบ

“มรึงจะเอาไงกับกรูมรึงก็ว่ามา กรูจะทำให้มรึงทุกอย่าง” ผมไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยยอมใครอย่างผม กลับยอมทำทุกอย่างได้เพื่อคนๆนี้

“เลิกเป็นเพื่อนกันเถอะ”

เป็นประโยคที่ทำให้โลกของผมแถบจะดับวูปลงไปในทันที มือที่จับปกเสื้อไอ้บอสตกลงข้างตัวผมอย่างคนหมดแรง หน้าผมชา หัวใจผมแถบจะหยุดเต้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกัน มันหนักกว่าที่ผมจะรับได้ แม้แต่ความเป็นเพื่อนก็ไม่เหลือ

“กรูทำอะไรผิดเหรอ” ปากของผมขยับถามหาเหตุผล

ผมเงยมองหน้าไอ้บอส สายตาผมขอคำตอบให้ผมเข้าใจสักนิดก็ยังดีว่าทำไม

“..............” ไม่มีคำตอบจากบอส แล้วเด็กหนุ่มตรงหน้าผมก็ค่อยหันหลังกลับไป แล้วค่อยๆเดินจากผมไป

“ให้โอกาสกรูอีกครั้งได้ไหม” เสียงผมสั่นจนเริ่มพูดไม่เป็นคำพูด

แต่ขาคู่นั้นยังคงเดินก้าวเดินต่อไปทิ้งให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกเหมือนโลกกำลังทลายลงไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกเคว้งคว้าง ทิ้งให้ผมอยู่กับความไม่เข้าใจ แล้วก็จมอยู่กับการโทษตัวเองว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผม

และนี่คือการคุยกันครั้งสุดท้ายของเรา ผมกับบอสไม่เคยคุยกันอีกเลยจนจบมัธยมต้น

ผมอยากลบทุกๆอย่างเกี่ยวกับบอสทิ้งไป อะไรที่บอสเคยซื้อให้ ของขวัญวันเกิด ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับบอส ผมเก็บลงกล่องแล้วก็เอาไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้าน แต่อะไรที่ยิ่งพยายามมันกลับยิ่งทำให้ฝั่งลึก

นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าอกหัก ผมได้เรียนรู้ ได้รู้จักมันแล้ว แต่มันเร็วเกินไปไหมสำหรับผม ทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกรัก ทั้งที่ยังไม่ได้เป็นแฟนกัน ทำไมมันถึงเจ็บปวดอย่างนี้

จากคนที่ไม่ชอบหน้ากันกลายมาเป็นเพื่อนสนิทแล้วก็มากกว่านั้น แต่ที่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่นึกถึงก็คือ ตอนนี้เรากลายเป็นคนไม่รู้จักกัน....

และยังต้องทนเห็นหน้ากัน ทำเหมือนอีกฝ่ายไม่มีตัวตนเป็นอากาศธาตุ แลต้องอยู่ในห้องเรียนเดียวกันไปอีกหนึ่งเทอม นั่นเจ็บปวดกว่าการจากแบบไม่ต้องเห็นหน้ากันอีกมากมายนัก.......

เคยมีกันและกัน มีวันที่ดีกันมา
เคยมีเธอมองตา เวลาที่ต้องการใคร
เหนื่อยแค่ไหน ก็รู้สึกดี

เธอคือกำลังใจ ในวันที่ไม่มีใคร
จะต้องเจออะไร มีเธอก็ไม่เคยกลัว
ต่อให้มืดสลัว ก็เดินไปด้วยกัน

แต่เธอก็จากฉัน มันไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลงเอยแบบนี้
ทำใจไม่ทัน ที่มาจากฉันไปในวันนี้
มันทรมานที่ไม่มีผู้ใดให้บอกรัก เหมือนในวันวาน
เมื่อไม่มีเธอแล้ว แต่ละวันมันเหงาเกินไป
เมื่อไม่มีเธอ มันเหมือนจะตาย
ฉันต้องการเธอได้ยินไหม
เธออยู่ที่ไหน อย่าทิ้งฉันไป ช่วยกลับมาเป็นคนที่รักฉันใหม่
จะอยู่ยังไง ถ้าวันนี้ฉันไม่มีเธอ

มันเจ็บเหลือเกิน มันปวดเหลือเกิน
กลับมาได้ไหมเธอ I can't breathe I can't breathe Yeah


Game
See you next game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 77th Up! 11/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 11-04-2015 00:42:23
@ 77th Game  – Let’s walk together

รถ Volk swakan tiguan SUV คันหรูสีขาว พุ่งทะบานฝ่าความมืดไปตามถนนพระราม 2 โดยไร้จุดหมาย ผมขับรถไปเรื่อยๆ ในหัวผมตอนนี้คิดเพียงแต่ว่า ผมจะจัดการกับปัญหาอย่างไรดี

จะเห็นแก่ครอบครัวบอสปล่อยให้บอสกลับเป็นผู้ชายปกติ แบบที่เฮียค็อปต้องการ หรือจะเห็นแก่ตัว ไม่สิเห็นแก่หัวใจตัวเองแล้วทำทุกทางเพื่อให้บอสอยู่กับผม มีอยู่สองทางที่ผมต้องตัดสินใจความคิดสองอย่างกำลังตีกันอยู่ในหัวผม

“โอ้ยยยยยยย”

“ทำไมเด็กอายุ 17 ต้องมาตัดสินใจเรื่องยากๆแบบนี้ด้วยวะ” ผมตะโกนออกมาลั่นรถ

พอได้ตะโกนออกไปสิ่งที่อยู่ในใจก็ได้ระบายออกไปบ้าง

ผมเหลือบเห็นป้ายอีกทีก็จะถึงสมุทรสงคราม เลี้ยวไปอีกไม่ไกลก็อัมพวา ทั้งๆที่ในใจก็คิดว่าวันนี้ไปนอนอัมพวาก็ดีนะ แต่อีกความคิดก็โผล่เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว ที่ๆที่เต็มไปด้วยความหลังของผมกับบอส บอสตามมาแน่ ผมยังไม่อยากคุยกับบอส ผมยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะเอาอย่างไร ผมเลยตัดสินใจขับตรงต่อไป

พอสุดถนนพระราม 2 ผมเลี้ยวซ้ายเข้าถนนเพชรเกษม ตอนนี้ผมเริ่มตั้งสติ ว่าคืนนี้จะไปนอนที่ไหนดี

“หัวหิน” แล้วกันผมตัดสินใจมุ่งหน้าไปจุดหมายที่พักของผมคืนนี้ หัวหิน ที่ผมกับบอสไม่เคยมีความทรงจำร่วมกัน และคงเป็นที่บอสและคนอื่นๆจะหาตัวผมยากเช่นกัน

.............

ผมเช็คอินที่โรงแรมที่ทางลงหาดหัวหิน เป็นโรงแรมเล็กๆ ที่ดัดแปลงมาจากอาคารพาณิชย์ แต่ข้างในตกแต่งสวยงาม ผมจอดรถหน้าโรงแรม เดินลงไปไม่ไกลก็เป็นร้านอาหารทะเลเรียงราย ถ้าเดินเลี้ยวขวาไปตามถนนไม่นานก็ลงต้นหาดหัวหินได้เลย

ผมสะพายเป้เดินขึ้นไปชั้น 3 ที่เป็นชั้นที่ผมได้ห้องพัก ผมไขลูกบิดเปิดประตูห้องเข้าไป วางเป้ลงบนเตียง ก่อนจะเดินเปิดประตูด้านหลังออกไปยืนนอกระเบียง ผมสูดอากาศเข้าเต็มปอด ก่อนจะผ่อนลมหายใจออก

“เฮ้ออออ” ผมถอนหายใจออกมาเสียงดัง แต่มันทำให้ผมโล่งจากความคิดที่วุ่นวายอยู่เต็มหัว

ผมหยิบโทรศัพท์ กดเปิดเครื่อง กะว่าจะโทรบอกคุณพี่ชายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง

“ตรึง” เสียงข้อความเข้า ผมกดเข้าไปดุ

“42 miss call from BOSS” 

ผมกดปิดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว หน้าจอสีขาวดับวูปลง ผมอยากให้ปัญหาต่างๆวูบดับลงเหมือนโทรศัพท์ ถ้าคนเรามีปุ่มที่กดชัดดาวน์ตัวเองได้ก็คงดี จะได้ไม่ต้องคิดอะไรให้ปวดหัว

“คร็อก” กระเพาะผมเริ่มประท้วง

“ต้องหาอะไรรองท้องแล้ว” ผมบอกกับตัวเองแล้วก็ผมพลิกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา 21.30 น.แล้ว

ผมตัดสินใจลงไปหาอะไรกินแถวๆร้านอาหารริมทะเล ผมหยิบมาแค่แบงค์พันเพียงหนึ่งใบ แล้วก็ปิดประตูห้อง ผมเดินเลาะลงมาตามถนน ผู้คนมากมายเดินสวนไปมา ส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ เดินมาไม่ไกลก็มีร้านอาหารทะเลชื่อดังเรียงราย ผมตัดสินใจเดินเข้าไปที่ร้านหนึ่ง

“ข้าวผัดกุ้งจานเล็กครับ”
“ต้มยำรวมมิตรทะเลครับ” ผมสั่งอาหารกับพนักงานเสริฟ

ลมเย็นๆพัดเข้ามา บรรยากาศสบายๆริมทะเล โต๊ะที่ผมนั่งเป็นลานที่ยืนลงไปในทะเล ไม่มีหลังคา บรรยากาศแบบนี้ถ้ามากับบอส บอสคงชอบ ถ้าพรุ่งนี้ผมตัดสินใจที่จะไม่มีบอสต่อไป เวลาผมไปที่ไหนผมจะเลิกคิดถึงบอสได้ไหม แค่คิดว่าจะไม่มีบอสอีกต่อไป ผมเริ่มหายใจติดขัด เริ่มมีก้อนอะไรบางอย่างจุกขึ้นมาที่คอ ฝ้าน้ำขาวๆเริ่มเอ่อ ขึ้นมาเกาะที่นัยต์ตา.....ผมพยายามสะกดอารมณ์ที่กำลังจะล้นทะลักกลับเข้าไปข้างใน

“ขอเบียร์หนึ่งขวดครับ” ผมสั่งพนักงานเสริฟขณะนำอาหารมาเสริฟที่โต๊ะ

ผมนั่งคิดอะไรไปเรื่อยๆ จากเบียร์ขวดแรก ก็เป็นขวดที่สอง ขวดที่สาม บรรยากาศดี ลมทะเลเย็นๆ ทำให้ผมผ่อนคลายจากเรื่องที่จะทำให้หัวผมระเบิดได้บ้าง

ผมเรียกพนักงานเช็คบิลก็ใกล้เวลาร้านจะปิดแล้ว ผมพลิกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมเดินเลยจากร้านอาหารไปไม่ไกล ก็มีทางลงไปที่หาดหัวหินแล้ว ชายหาดสีขาวสะท้อนแสงจันทร์ กว้างไกลสุดสายตา ผมเดินทอดอารมณ์ไปเรื่อยๆ เสียงคลื่นกระทบฝั่ง ดังอยู่ไม่ขาดระยะ เหมือนชีวิตผมที่กำลังโดนคลื่นถาโถมอยู่ตอนนี้

ผมถอดรองเท้าแล้วเอามาถือไว้ ปล่อยเท้าสัมผัสกับพืนทรายนุ่มๆ  ผมค่อยๆนั่งลงมองทะเลสีดำทอดไกลสุดสายตา แล้วก็เอนตัวลงนอนบนผืนทรายเอามือสองข้างชันหัวเอาไว้

คืนนี้พระจันทร์ดวงกลมโต สีเหลืองนวล สว่างกว่าทุกวัน วันนี้พระจันทร์จึงบดบังดวงดาวที่แสงอ่อนกว่านั่นคงเป็นความจริงของธรรมชาติ คนเราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ แล้วสิ่งที่ผมกับบอสเป็นอยู่มันเป็นการฝืนธรรมชาติ ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง มันคงเป็นสัจจธรรมที่คนธรรมดาๆอย่างผมคงต้องยอมรับ

น้ำตาค่อยไหลลงจากตาทั้งสองข้างของผม ตอนนี้ผมปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามกลไกของธรรมชาตของมนุษย์ ไม่ฝืนไม่รั้งมันอีกต่อไป ผมไม่ได้น้อยใจในโชคชะตาที่ทำให้ผมกับบอสมาเจอและรักกัน แต่ผมเสียใจที่ผมไม่อาจจะรักษาความรักนั้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เพราะถ้าผมยังรั้งบอส อยู่กับผมต่อไป เท่ากับผมก็กลายเป็นคนเห็นแก่ตัว

..................

น้ำตาที่ได้ระบายความรู้สึกออกไปทำให้ผมสบายขึ้นบ้าง ผมชันตัวลึกขึ้นนั่ง ก่อนจะถอดเสื้อออก เหลือแต่กางเกงขาสั้นตัวที่ใส่มา ผมเดินลงไปที่ทะเล อยากจะล้างหน้าล้างตัวก่อนกลับเข้าไปที่โรงแรม


“โบ้ท ทำอะไรหน่ะ” เสียงที่คุ้นชินดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมกำลังจะหันไปมอง
“โบ้ท จะบ้าเหรอ” เสียงฝีเท้าวิ่งฝ่าพื้นน้ำเข้ามาใกล้ด้านหลังผม
“บอส!!”

แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อไป ร่างสูงโปร่งนั้นก็ลอยตัวขึ้นมาในอากาศอ้อมแขนของบอสลั้งตัวผมลมลงไปในน้ำที่อยู่ในระดับครึ่งขา ความรู้สึกแรกที่รู้สึกหลังจากลงมาอยู่ในน้ำแล้วก็คือ

“กรูอยู่ที่ไหนวะ”
“ใครวิ่งมาแท็กกรูวะ”
“นี่กรูอยู่ในสนามอเมริกันฟุตบอลเหรอวะ”

แล้วผมก็ถูกล็อกคอขึ้นมาเหนือน้ำ

“แคร่กๆ” น้ำทะเลรสเค็มพุ่งออกจากทั้งปากและจมูกผม

“โบ้ททำบ้าอะไรนี่” เสียงไอ้บอสดุดัน
“ทำไมต้องทำแบบนี้ มีอะไรก็คุยกันสิ” แหม่ประโยคนี้คุ้นเนอะ ผมนึกในใจ
“แล้วทำไมต้องหนีมา” เสียงไอ้บอสยังคงดัง
“ทำไมไม่คุยกับบอส ทุกอย่างมีทางแก้ปัญหาได้” เสียงไอ้บอสเริ่มสั่น
“ทำไมต้องคิดอะไรสั้นๆด้วย” เออคือว่ามรึงกรูแค่จะมาล้างตัวเท่านั้นนะ แต่ยังไม่ทันได้บอกไอ้บอสไป

“ถ้าโบ้ทเป็นอะไรไปแล้วบอสจะอยู่ยังไง” นี่เป็นอีกครั้งที่ผมเห็นน้ำตาไอ้บอส มันรีบเอามือปาดน้ำตาแล้วรวบรวมสติ

“มานี่เลย มาคุยกัน” ไอ้บอสคว้าข้อมือผมลากขึ้นมาริมหาด

เราสองคนนั่งลงหลังจากสงบสติอารมณ์กันได้แล้ว บอสยังคงมองผมด้วยสายตาห่วงใย มือเรียวยาวยังคงกุมมือผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“ไอ้เฮียค็อปมันมาพูดอะไร” เสียงบอสเอ่ยทำลายความเงียบ
“เปล่า” ผมตอบมันกลับไปเพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่
“เปล่าอะไรโบ้ท ไอ้คำว่าวิปริตผิดเพศ นี่ยังเปล่าอีกเหรอ” ไอ้บอสเริ่มขึ้นเสียงด้วยความโกรธ
“เค้าก็พูดถูกนะบอส ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิง อีกหน่อยบอสก็ต้องมีครอบครัว บอสก็ต้องมีทายาทสืบสกุลให้พ่อกับแม่” เสียงของผมขาดหาดไปเพราะความรู้สึกเจ็บแปลบพุ่งขึ้นมากลางใจ
“แล้วยังไง ทำไมต้องให้กฎเกณฑ์อะไรก็ไม่รู้ที่สังคมยุคเก่าสร้างขึ้น มาทำลายความรักของเราด้วย” อารมณ์ของบอสยังคงคุกรุ่น
“แล้วบอสจะให้โบ้ทเป็นคนเห็นแก่ตัวที่ดึงบอสออกมาจากครอบครัวเหรอ” ผมถามบอสกลับไป

“โบ้ทไม่ได้เห็นแก่ตัวหรอก เพราะบอสก็ไม่ได้ออกมาจากครอบครัว แล้วอีกอย่าง บอสก็รักโบ้ทนะ ถ้าจะเห็นแก่ตัวมันไม่ใช่โบ้ทคนเดียว มันต้องโทษบอสด้วย” ไอ้บอสพยายามอธิบายอย่างใจเย็น

“แต่เฮียค็อป” ผมเอ่ยชื่อยังต้นเหตุของปัญหายังไม่ทันจบ
“มันไม่ใช่ครอบครัวเรา” บอสขึ้นเสียงแข็ง
“ครอบครัวเรามีแค่ พ่อ แม่ แล้วก็เรา เท่านั้น” ไอ้บอสย้ำเสียงหนักแน่น

“เราไม่ได้ทำอะไรผิดนะโบ้ท เราสองคนแค่รักกัน” ไอ้บอสบีบมือผมแน่น
“เราจะผ่านอุปสรรค์ไปด้วยกัน แค่เรามีกันและกัน อะไรๆบอสก็ไม่กลัวแล้ว” ผมบีบมือเรียวยาวนั้นให้กระชับขึ้น

“โบ้ทขอโทษ ที่ไม่เชื่อในตัวบอส” ผมขอโทษบอส

.................

“อ้าว เจอตัวแล้ว” เสียงคุณพี่ชายไอ้เบนซ์ดังขึ้นในความมืด
“โล่งอกเสียที”  ไอ้เบียร์ที่เดินตามหลังเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมกับบอสนั่งอยู่
“เออ งั้นมีอะไรก็ค่อยคุยกันไปนะ กรูกลับโรงแรมก่อน ไปเบียร์”  ไอ้คุณพี่ชายกับไอ้เบียร์หันหลังเดินจากไป

“แล้วรู้ได้ไงว่าโบ้ทอยู่หัวหิน” ผมหันไปถามไอ้บอสเพราะสงสัยว่ามันตามมาถูกได้ยังไง
“รู้จัก Find my friend ไหม” ไอ้บอสหันมาถามผม
“ไม่รู้อ่ะ มันคืออะไรวะ” ผมเกาหัวแคร่กๆ
“ก็แอฟที่เอาไว้ติดตามว่าเพื่อนอยู่ที่ไหนไง” ไอ้บอสเฉลย
“แล้วเครื่องกรูมีด้วยเหรอ” ผมงงเพราะจำได้ว่าไม่เคยโหลดแอฟแบบนี้มาใช้
“มีดิ ก็บอสโหลดไว้ให้ตั้งนานแล้ว” ไอ้บอสยิ้มกว้างยิ่งฟันสีขาวท่ามกลางความมืด
“อ้าว มาแอบโหลดตั้งแต่เมื่อไร ทำไมเป็นคนแบบนี้” ผมว่าไอ้บอสแต่จริงๆแล้วผมขำตัวเองมากกว่าที่ไม่เคยทันไอ้บอสสักที
“นี่แอบตามโบ้ทมานานแค่ไหนแล้วนี่” ผมถามมันก่อนจะจับข้อมือบอสทั้งสองข้างกดลงกับพื้นทราย
“ตายๆ อย่างนี้ก็แอบไปไหนกับกิ๊กไม่ได้ละสิ” ผมส่ายหัวแบบเซ็งโคตร
“ก็ลองมีสิ กิ๊ก หน่ะ” ไอ้บอสทำหน้าหยู่ใส่ผม
“ทำไม จะ ทำไมเหรอ” ผมถามมันเสียงกวน
“ไม่ทำไมหรอก แต่ถ้าโบ้ทมีกิ๊กนะ โบ้ทจะรู้ว่าบอสน่ากลัวแค่ไหน” อั้ยย่ะ ผมโดนไอ้คุณชายขู่
“หึ หึ” ผมหัวเราะในลำคอ
“แล้วมีจริงๆหรือเปล่าล่ะ กิ๊กหน่ะ” ไอ้บอสถามย้ำอีกที
“จะบ้าเหรอ มีบอสคนเดียวโบ้ทก็จะตายอยู่แล้ว จะไปหาใครให้เหนื่อยอีกทำไม” ผมรีบตอบไอ้บอสก่อนงานจะเข้าผมอีก

..............

 “เราจะผ่านทุกอย่างไปด้วยกันนะ” ไอ้บอสโอบตัวผมเข้าไปกอด ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกว่าประโยคนี้มันจับใจและอุ่นใจเหลือเกิน

Game
See you next game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 78th Up! 11/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 11-04-2015 18:39:34
@ 78th Game  – Face the truth

ผมกับบอสเดินเลาะชายหาดกลับมาที่โรงแรม
“แล้วเอารถอะไรมากัน”  ผมเอ่ยถามไอ้บอส
“เอารถบอสมา” บอสหันมาตอบผม
“พอบอสรู้จากไอ้แบงค์ว่าโบ้ทออกจากคอร์ดโดยที่ไม่พูดไม่จา บอสก็รีบโทรหาไอ้เบนซ์แล้วก็ลากมันมาด้วย
“แล้วรู้ได้ไงว่าเฮียค็อปมาหาที่คอร์ด” ผมถามไอ้บอสต่อ
“บอสให้ไอ้แบงค์เล่าให้ฟัง ไอ้แบงค์บอกว่ามีใครก็ไม่รู้ใส่ชุดนิสิต มาหาโบ้ที่คอร์ด แล้วก็เข้าไปคุยกันในห้องชมรม พอคุยเสร็จ คนๆนั้นก็เดินออกไปอีกสักพักโบ้ทก็ออกจากชมรมไปเลย” บอสเล่าเรื่องที่ไอ้แบงค์เล่าให้ผมฟังอีกที
“แบงค์รู้โลกรู้ว่างั้น” ไอ้เพื่อนเวรผมด่ามันในใจ
“อย่าไปว่ามันเลย แบงค์เองมันก็เป็นห่วงโบ้ทมากนะ” บอสรีบแก้ตัวแทนไอ้แบงค์

จริงๆแล้วผมก็รู้ว่าไอ้แบงค์มันก็เป็นห่วงผมนั่นแหละ คบกันมาตั้งแต่ม.ต้น เป็นเพื่อนสนิทผมมากๆคนหนึ่ง ถึงจะปากหมาไปบ้างแต่จริงๆแล้วเนื้อแท้ไอ้แบงค์มันก็เพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน

ผมกับบอสเดินกลับมาถึงหน้าโรงแรมด้วยสภาพเปียกปอน ผมเห็นรถ Volk swaken tiguan สีขาว ของผมจอดอยู่แล้วก็มี BMW X1 สีดำ ของไอ้บอสจอดอยู่คู่กัน ส่วนไอ้เบนซ์กับไอ้เบียร์เปิดห้องอีกห้องเรียบร้อยแล้ว

ผมก็ได้แต่หวังว่าให้เราได้คู่กันเหมือนรถของเราที่จอดอยู่ด้วยกันตอนนี้

...................

หลังจากอาบน้ำอาบล้างตัวกันเรียบร้อย ผมออกมายืนรับลมที่ระเบียง

“คิดอะไรอยู่” บอสเดินมาสวมกอดผมจากด้านหลัง
“ก็คิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร” ผมตอบบอสไป
“ไม่ต้องคิดแล้ว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบอส” บอสกระซิบข้างหูผม
“บอสรู้ว่าครอบครัวบอสเป็นอย่างไร เชื่อใจบอสนะครับ” อ้อมกอดถูกกระชับให้แน่นขึ้น ผมรู้สึกโชคดีที่ได้บอสเป็นแฟน โชคดีเหลือเกิน
“ไปนอนกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่นะ” บอสคลายอ้อมกอดแล้วจับมือผมเดินเข้ามาในห้อง พวกเราตั้งนาฬิกาปลุกเพราะต้องกลับไปให้ทันเข้าโรงเรียน

จากวันนี้ที่เหนื่อยมาทั้งวัน อีกทั้งต้องขับรถมาไกลถึงหัวหิน เมื่อหัวผมถึงหมอนเจอกับแอร์เย็นๆ และเจออ้อมกอดที่อบอุ่นจากคนที่ผมรัก ผมผล่อยหลับไปอย่างง่ายดาย

..................

บอสปลุกผมตั้งแต่ตีสี่ ผมโทรไปปลุกไอ้เบนซ์ที่นอนอยุ่ห้องข้างๆกัน พวกเราทำธุระส่วนตัวกันเสร็จ ก็ลงมาเช็คเอาท์กัน

“ไม่ต้องเลยมรึงไปนั่งกับไอ้บอสโน่น เดี๋ยวกรูขับกลับเอง” ไอ้เบนซ์ไล่ให้ผมไปนั่งรถไอ้บอส ส่วนมันจะขับรถผมกลับกับไอ้เบียร์
“มรึงขับไหวเหรอ”ผมหันไปถามคุณพี่ชาย
“ไหวดิ เบียร์กรูก็ไม่ได้แดก เมื่อคืนก็นอนเร็ว มรึงไม่ต้องห่วงหรอก” ไอ้เบนซ์ยืนยัน
“เออ ขอโทษที่ทำให้มรึงต้องเดือดร้อน” ผมขอโทษพี่ชายที่มันต้องถ่อสังขารมาถึงนี่ แถมต้องตื่นแต่เช้าแล้วยังต้องขับรถให้ผมอีก
“เออ ช่างมันเถอะ ทำไงได้ก็มรึงเป็นน้องกรูนี่” ไอ้เบนซ์หันมายิ้มให้ มันก็เป็นพี่ชายที่แสนดีของผมตลอดมา

ไอ้บอสขับนำหน้าโดยมีไอ้เบนซ์ขับตามมา พวกเราเลือกที่จะตื่นแต่เช้าจะได้ค่อยๆขับกลับกรุงเทพ โดยไม่ต้องขับเร็วมาก

“วันนี้หยุดซ้อมสักวันได้ไหม” บอสถามผมตอนเราใกล้จะถึงสมุทรสาคร
“ทำไมเหรอ” ผมหันไปถามมันเพราะปกติบอสจะไม่ขอให้ผมหยุดซ้อม
“เดี๋ยวเย็นนี้มาบ้านบอสกัน” บอสหันมาตอบ
“อืมม มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามย้ำบอสไปอีกที
“เอาเป็นว่า มาแล้วกันเนอะ” จารุวัฒน์ไม่ยอมตอบคำถาม แต่เจอลูกอ้อนแก้มบังคับอย่างนี้ผมจะทำอย่างไรได้
“อืมม ก็ได้” ผมตกปากรับคำบอสไป เพราะที่ผ่านมาบอสเองก็ทำเพื่อผมมามาก เรื่องอะไรที่มันไม่เหนือบ่ากว่าแรง ผมทำเพื่อบอสได้ผมก็จะทำ
“งั้นเย็นนี้เลิกเรียนแล้วเจอกัน” ไอ้บอสหันมานัดผม

...................

บอสกับผมพวกเรากำลังเดินเข้ามาที่บ้านอรรถากร ผมแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นพ่อกับแม่บอส นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ผมยกมือสวัสดีท่าน ซึ่งถ้าเป็นวันปกติๆถ้าเจอพ่อกับแม่บอส ผมกับบอสก็จะสวัสดีท่านแล้วก็จะขึ้นไปบนห้องบอสกันแต่วันนี้ บอสกับไม่ทำอย่างนั้น

“พ่อกับแม่ครับ บอสมีเรื่องที่จะต้องบอกพ่อกับแม่” บอสพูดกับพ่อกับแม่ ผมถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ว่าเรื่องที่บอสจะบอกกับพ่อกับแม่มันอาจจะเกี่ยวกับผม
“พ่อกับแม่ไม่มีธุระที่ไหนใช่ไหมครับ” บอสถามชายหนุ่มสูงวัยที่เป็นผู้นำครอบครัว อรรถากรอีกครั้ง
“ไม่ไปไหนแล้วล่ะวันนี้” ชายหนุ่มสูงวัยทว่าสง่างาม และเป็นคนที่ใจดีที่สุดในบ้านอรรถากรเอ่ยปากบอกลูกชาย
“ว่าไงลูก มีอะไรจะบอกกับพ่อกับแม่เหรอ” ข้างๆกันมีหญิงวัยกลางคนท่าทางดูสภาพ หน้าตาสวยงามแม้สูงวัยแล้วก็ตามเอ่ยปากถามบอส
“เดี๋ยวรอเฮียค็อปก่อนครับ จะได้พูดกันทีเดียว” บอสเอ่ยถึงผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตนเอง
“งั้นมานั่งกันก่อน” พ่อของบอสเรียกให้พวกเรามานั่งที่โต๊ะรับแขก

ผมมองหน้าไอ้บอสเลิกลั่ก เพราะรู้แล้วว่ามันจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผมด้วยแน่ๆ และผมอาจจะกลายเป็นคนที่ถูกเกลียดจากครอบครัวอรรถากรไปตลอดเลยก็ได้ ความกลัวเริ่มครอบงำผม ผมไม่กล้าสู้หน้าพ่อกับแม่ ได้แต่นั่งก้มหน้า กำมือแน่นด้วยความรู้สึกผิด

“หมับ”

บอสเอามือมาบีบที่หัวเข่าผมเบาๆทำเอาผมสะดุ้งตกใจ แล้วเงยหน้ามองบอส บอสพยักหน้าให้กำลังใจ ผมอ่านริมฝีปากที่บอสพูดโดยไม่ออกเสียง

“ไม่เป็นไร”

บอสกำลังจะทำอะไร ผมได้แต่บ่นบอสในใจ จากเด็กที่วิ่งเข้าออกบ้านหลังนี้มาตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่บอสก็รักผมเหมือนเป็นลูกท่านคนหนึ่ง ที่สำคัญป๊ากับม๊าผมก็รู้จักกับพ่อกับแม่บอสเป็นอย่างดี เรื่องมันจะไปกันใหญ่ไหม นั่นคือสิ่งที่ผมกลัวที่สุดตอนนี้

แล้วคนที่เป็นต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดก็ก้าวเข้ามาสู่บ้านอรรถากรอีกคน เฮียค็อปแปลกใจจนแสดงให้เห็นออกทางสีหน้าอย่างชัดเจน ที่เห็นผมกับบอสอยู่ด้วยกัน แต่ก็ยังรักษามารยาทโดยการเก็บสีหน้ากลับอย่างรวดเร็ว แล้วหันไปสวัสดี พ่อกับแม่ไอ้บอส

“นั่งก่อนสิค็อป” ผู้เป็นพ่อของบอสบอกให้เฮียค็อปนั่งที่เก้าอี้รับแขกั่งตรงข้ามกับผม
“มากันครบแล้ว มีอะไรว่ามาบอส” พ่อของบอสเปิดประเด็น

“พ่อครับ ผมมีเรื่องจะมาปรึกษาพ่อกับแม่ครับ” ไอ้บอสเริ่มพูด
“สมัยก่อนตอนที่พ่อรักกับแม่ พ่อจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้อยู่กับแม่อย่างถูกต้องใช่ไหมครับ” บอสตั้งคำถามกับพ่อตัวเอง
“อืม ใช่ เราเป็นลูกผู้ชาย จะทำอะไรก็ต้องให้มันถูกต้อง ถูกครรลอง” พ่อบอสพูดกับลูกชายตัวเอง

“ใช่ครับพ่อ เราเป็นลูกผู้ชายเราต้องทำอะไรๆให้สมกับเป็นลูกผู้ชาย” บอสหันไปมองหน้าเฮียค็อปที่นั่งจ้องพวกเราเขม็งอยู่ฝั่งตรงข้าม

ตอนนี้ผมเหงือออกเต็มหน้าผากทั้งที่แอร์คอนดิชั่นก็ทำงานปกติ ผมเริ่มกระสับกระส่าย อยากจะหายตัวออกไปจากตรงนี้ แต่เรื่องทั้งหมดผมเองก็มีส่วนเกี่ยวข้อง ที่จริงมันก็เป็นเรื่องของผมเลยแหละ ตอนนี้ผมทำได้แค่สะกดกลั้นความกลัว แล้วก็เผชิญหน้ากับปัญหาอย่างกล้าหาญ ไม่ใช่การหนีอีกต่อไป

“พ่อครับการที่เราถูกขู่และบังคับให้เลิกรักใครสักคน เป็นพ่อๆจะทำยังไงครับ” บอสหันกลับมาตั้งคำถามกับพ่ออีกครั้ง

“ถ้าเป็นพ่อ พ่อก็คงทำตามใจตัวพ่อเอง และไม่ยอมให้ใครมาขู่บังคับเด็ดขาด” พ่อบอสพูดกับลูกชายตัวเอง

“ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมขอทำตามหัวใจผมอย่างที่พ่อสอนนะครับ” ไอ้บอสปลายสายตามาที่ผม

“พ่อกับแม่ครับ ผมกับโบ้ท เราสองคนรักกันครับ” พ่อกับแม่บอสมีอาการตกใจกับสิ่งที่บอสบอกท่านไป พ่อกับแม่บอสนิ่งอึ้งกับสิ่งที่ท่านเพิ่งรับรู้ ส่วนผมตอนนี้ตัวร้อนวูป นั่งก้มหน้าทำตัวไม่ถูก เหงือเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มกลางหลัง

“แกแน่ใจแล้วเหรอ” พ่อบอสเอ่ยปากถามลูกชาย ทำลายความเงียบ
“ครับ” บอสตอบกลับไป
“แกแน่ใจว่าสิ่งที่แกกำลังพูดถึงอยู่มันคือความรัก ไม่ใช่ความหลง”

พ่อบอสพูดเตือนให้บอสคิดอีกครั้ง ส่วนแม่ของบอสเอนหลังพิงพนักเก้าอี้เพราะกำลังอึ้งกับสิ่งที่ลูกชายคนเดียวของท่านพูดออกมา สายตาของเฮียค็อปตอนนี้เย้ยหยันพวกเราเต็มที่

“แน่ใจครับ” บอสตอบคำถามผู้เป็นพ่ออย่างหนักแน่น

“ตอนแรกบอสก็คิดว่ามันอาจจะเป็นเพราะความหลง แต่ตอนนี้บอสแน่ใจแล้วครับ” บอสหยุดพูดแล้วมองไปที่เฮียค็อป

“ต้องขอบคุณเฮียค็อปที่ทำให้บอสรู้และมั่นใจกับตัวเองครับ” บอสเหยียดยิ้มบางๆให้เฮียค็อป

“ทำไม...ฉันไปทำให้แกมันใจตอนไหน” เสียงเฮียค็อปตอบโต้กลับมาที่ไอ้บอส

“ก็ตอนที่เฮียไปขู่ไอ้โบ้ทถึงสนามเทนนิสที่โรงเรียน บังคับให้โบ้ทเลิกคบกับบอสไม่งั้นจะเอาเรื่องทุกอย่างไปบอกพ่อกับแม่โบ้ทไงครับ เฮียจำไม่ได้แล้วเหรอ” เฮียค็อปสะดุ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าจะถูกแฉต่อหน้าผู้ใหญ่ เฮียค็อปกำมือแน่น ยืนนิ่ง แต่ความโกรธที่อยู่ข้างในนั้นทะลุผ่านออกมาจากสายตา

“ตอนม.3 เฮียก็ใช้วิธีนี้กับผม ขู่ผมว่าถ้าไม่เลิกคบกับโบ้ท เฮียจะฟ้องพ่อกับแม่ แต่ต่อจากนี้ไป เฮียจะไม่มีวันใช้วิธีการเลวๆ แบบนี้ได้อีกแล้ว” ผมไม่เคยเห็นบอสโกรธแล้วดูถูกใครเลย เฮียค็อปเป็นคนแรกที่ทำให้บอสแสดงอาการรังเกียจได้ขนาดนี้

ตอนนี้พ่อกับแม่ของบอสได้แต่ยืนนิ่ง เพราะเพิ่งรู้ว่าถูกหลานตัวเองขู่บังคับให้ลูกของตนเองด้วยวิธีที่แสนเลว

“แล้วไง กรูก็แค่ไม่อยากให้ลูกหลาน อรรถากร เป็นพวกวิปริตผิดเพศ และถูกตราหน้าว่าเป็นพวกน่ารังเกียจ และน่าขยะแขยง” เฮียค็อประเบิดอารมณ์ออกมา

“แล้วยังไงเฮีย ถ้าถูกเพศแล้วทำตัวแบบเฮียนะ บอสยอมผิดเพศดีกว่า จะได้ไม่ต้องทำใช้วิธีน่ารังเกียจๆ แบบคนถูกเพศอย่างเฮีย” ผมเพิ่งเห็นบอสโกรธจัดขนาดนี้เป็นครั้งแรก ตอนนี้คุณชายที่อบอุ่นใจดี ตอนนี้ไม่เหลือคาบนั้นอยู่เลย”

“ไอ้บอส” เฮียค็อปเดินปรี่เข้ามากำหมัดแน่น ความโกรธทำให้เฮียค็อปกลายเป็นอีกคนที่ไม่เหลือสภาพอีกเลย


ผมเห็นเฮียค็อปพุ่งเข้ามาแล้วไอ้บอสก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบ ผมแทรกตัวเข้าระหว่างเฮียค็อปกับบอส

“ปั๊ก”

เสียงหมัดกระทบปลายคางผมอย่างแรง แล้วทุกอย่างก็วูปดับลงไป

.............

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา ผมนั่งอยู่ตรงเก้าอี้แล้ว ป้าน้อยคอยเอายาดมมาให้ผมดม ความรู้สึกปวดแปลบพุ่งขึ้นที่ปลายคาง กลิ้นคาวของเลือดคลุ้งไปทั่วปาก แต่เสียงดังจากผู้คนตรงหน้าทำให้ความเจ็บหายไปเป็นปลิดทิ้ง

“ค็อปกลับไปก่อนเถอะลูก เดี๋ยวอาจัดการเอง” เสียงแม่ค็อปบอกเฮียค็อป
“แล้วอาจะจัดการยังไง” เฮียค็อปหันมาถามแม่บอส
“เรื่องในครอบครัว ให้คนในครอบครัวเขาจัดกการกัน” เสียงพ่อบอสเน้นย้ำอีกครั้ง และนั่นทำให้เฮียค็อปต้องนิ่งไป เพราะเฮียค็อปเองก็รู้ว่าสิ่งที่พ่อบอสต้องการจะพูดคืออะไร
“แต่” เฮียค็อปยังไม่ยอมจบ
“อาเลี้ยงลูกอามา อาย่อมรู้ดีว่าลูกของอาเป็นอย่างไร ค็อปไม่ต้องห่วง” พ่อบอสพูด จนเฮียค็อปไม่สามารถจะสอดแทรกอะไรได้อีก

“งั้นผมลาล่ะครับ” น้ำเสียงตวัดสั้น เฮียค็อปยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่มีศักดิ์เป็นอาและอาสะใภ้กลับไปอย่างหัวเสีย

 
“โบ้ท ไหวมั้ยลูก” แม่ของบอสเดินมาดูผม
“ครับ ไม่เป็นไรครับ” ผมชันตัวลุกขึ้น

………

“คุณเข้าไปรอผมที่ห้องทำงาน” พ่อบอสบอกให้แม่บอสไปรอที่ห้องทำงาน
“เราสองคนตามพ่อมาด้วย” แล้วพ่อกับหันมาสั่งผมกับบอส

บอสกุมมือผมแน่นแล้ว มือของบอสเย็นเฉียบ แต่หนักแน่นไปด้วยความรู้สึก บอสออกแรงดึงเล็กน้อยเดินนำหน้าไป ผมมองแผ่นหลังเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า ผมชื่นชมบอสที่กล้าหาญ และพร้อมจะเผชิญหน้ากับทุกอย่างเพื่อปกป้องความรักของเรา

............

“ลูกแน่ใจในทางที่ลูกจะเดินแล้วนะบอส” พ่อบอสถามเมื่อพวกเราเข้ามานั่งอยู่ในห้องทำงานของพ่อบอสเรียบร้อย
“ครับ ผมแน่ใจครับพ่อ” บอสย้ำหนักแน่น
“เราล่ะโบ้ท แน่ใจแล้วใช่ไหมที่จะเลือกเดินเส้นทางนี้” พ่อบอสหันมาถามผม
“ครับ ผมอาจจะเคยไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องไหม แต่ตอนนี้บอสทำให้ผมรู้แล้วครับว่าผมจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่อใคร” ผมตอบคำถามที่พ่อบอสถามอย่างที่ไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อน
“เราล่ะบอส แน่ใจใช่ไหมที่บอกว่ารักโบ้ทหน่ะ มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเหมือนเด็กเล่นขายของนะ” เสียงเย็นๆของแม่บอสเอ่ยถามบอส
“ครับ ผมมั่นใจแล้วครับ” บอสย้ำคำหนักแน่นกับแม่
“ถ้างั้น พรุ่งนี้แม่จะโทรไปคุยกับแม่โบ้ท” แม่บอสหันมองมาทางผม
“แต่ว่า” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยปากพูด
“ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เถอะลูก พ่อแม่ทุกคนเลี้ยงลูกมาทำไมจะไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นอย่างไร แล้วยิ่งแม่ของเราด้วยนะโบ้ท” ผมเองก็ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ว่าแม่เลี้ยงผมมาทำไมแม่จะไม่รู้ แถมยังเคยเปรยๆตั้งแต่ตอนไปเที่ยวแล้วด้วยซ้ำ

“อันที่จริง พ่อก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนะ แต่ในเมื่อมันเป็นความสุขของลูก พ่อกับแม่เลี้ยงลูกมาก็ไม่ได้หวังว่าลูกจะต้องเก่ง ต้องรวยล้นฟ้า แต่เป้าหมายของพ่อกับแม่คือเลี้ยงลูกอย่างไง ให้ลุกมีความสุขก็พอ” พ่อของบอสพูดปิดท้าย

“พ่อกับแม่ถามแต่บอสว่าบอสรักโบ้ทจริงๆใช่ไหม แต่ทำไมไม่เห็นถามโบ้ทบ้างล่ะครับ” อ้าวอีตาบอสแกโยนขึ้มาทำมายยยยยย

“โอ้ย ลูกแม่นี่ตาถั่วหรือเปล่า ตอนที่ค็อปมันพุ่งเข้ามาจะต่อยบอสหน่ะ ใครที่เอาตัวเข้าไปขวาง แค่นั้นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าโบ้ทหน่ะรักบอสแค่ไหน ถ้าคนไม่รักกันหน่ะเรื่องอะไรจะเอาตัวไปขวางให้เจ็บตัวแทน”

“แกนี่ซื่อบื้อเหมือนพ่อแกไม่ผิด” แม่บอสได้ทีแซวพ่อ

“อ้าวคุณไหงมาลงที่ผมล่ะ” พ่อบอสยกมือขึ้นเกาหัวแกร๊ก

“ผมว่าผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อเท่าไอ้บอสมันนะ” พ่อบอสโอบไหล่แม่บอสแล้วก็เดินออกจากห้องทำงานไป ปล่อยให้ผมกับบอสยืนอมยิ้มกันอยู่สองคนในห้องทำงาน

บอสเดินเข้ามาสวมกอดผม ผมค่อยๆยกแขนกระชับตัวบอสเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนผม
“เราทำสำเร็จแล้วนะ” ผมกระซิบบอกบอส ทั้งดีใจทิ้งอิ่มใจและตื่นตัน
“เห็นไหม ถ้าเราจับมือกันเราก็จะฝ่าฟันทุกอุปสรรค์ไปได้ ไม่ว่ามันจะใหญ่แค่ไหน” บอสกระซิบที่ข้างๆหูผม
“ขอบคุณนะบอส” ผมขอบคุณบอสที่ทำทุกอย่างเพื่อผม
“บอสรักโบ้ทนะครับ” เป็นคำบอกรักที่วันนี้ซาบซึ้งและจับใจผมมากที่สุด
“โบ้ทก็รักบอสครับ”............

Game
See you next game
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Game 78th Up! 11/เม.ย/58
เริ่มหัวข้อโดย: destiny_of_b ที่ 12-04-2015 08:51:51
@ Final Game – Down to you


“งั้นก็ดูแลกันดีๆล่ะ” ป๊ากับม๊าผมพูดกับผมกับบอสหลังจากทราบเรื่องทุกอย่างแล้ว
“ป๊ากับม๊ารู้...” ผมยังพูดไม่ทันจบ
“ม๊ากับป๊า เลี้ยงเรามาทำไมจะไม่รู้ว่าลูกของม๊าเป็นอย่างไร” ม่าม๊าผมพูดแทรกขึ้นมา แถมยังปลายตาไปที่ไอ้เบนซ์ พี่ชายผมที่นั่งอยู่ไม่ไกลเท่าไร
“มีอะไรก็ช่วยๆกัน ดูแลกันนะลูก” ม่าม๊าสำทับเราอีกรอบ
“ป๊ากับม๊าเลี้ยงเรามาสิ่งเดียวที่ป๊ากับม๊าต้องการคือให้เรามีความสุข เพราะฉะนั้นถ้าลูกมีความสุขกับทางที่เลือก ป๊ากับม๊าก็มีความสุขไปกับเราด้วย” พ่อผมพูดปิดท้าย

“ขอบคุณครับป๊ากับม๊า” ผมค่อยๆกราบลงที่ตักของป๊ากับม๊า ขอบคุณที่ท่านเข้าใจ
“ผมสัญญาจะดูแลโบ้ทให้ดีที่สุดครับ” บอสสัญญากับป๊ากับม๊า ก่อนจะเข้าไปกราบป๊ากับม๊าที่ตัก

เป็นอันว่าเรื่องที่บ้านสุขอนันต์ก็ไม่มีปัญหาให้หนักใจ อาจเป็นเพราะแม่ของบอสคุยกับม๊าผมอีกทาง ทำให้เรื่องที่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ผ่านไปได้ด้วยดี อาจเป็นเพราะทั้งสองครอบครัวมีเป้าหมายอย่างเดียวกันคือต้องการเลี้ยงลูกแล้วอยากให้ลูกมีความสุข และสิ่งที่พวกเราจะตอบแทนท่านได้คือทำให้ท่านภูมิใจโดยตั้งใจเรียน ตั้งใจเล่นกีฬา ทำตัวให้ดี และเป็นคนดีของท่านและสังคม

...............

หลังจากที่ปัญหาที่น่าปวดหัวและหนักใจได้ผ่านพวกเราไป แต่ยังคงมีอีกปัญหาหนักอกรอพวกเราอยู่ “สอบมิดเทอม”

“โอ้ย จะอ่านทันไหมนี่” ผมบ่นและชูแขนขึ้นบิดขี้เกียจ หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งมาหลายชั่วโมงกับหนังสือกองโต
“ทันสิ แฟนบอสเก่งอยู่แล้ว” เสียงนุ่มๆให้กำลังใจผมดังขึ้น
“ไหนดูสิ เหลืออีกเยอะแค่ไหน” บอสชะโง้กหน้ามาดูผม
“เหลือนี่ แล้วก็นี่ แล้วก็นี่ นี่ก็อีก”ผมหยิบวิชาแรกให้บอสดู แล้วก็เหลือที่ต้องอ่านอีก 3 เล่ม
“ไม่เยอะแล้วนี่” บอสบอก
“เห็นไหมวิธีช่วยจำของบอส ได้ผลป่ะ” บอสยิ้มกว้างภูมิใจอย่างกะเอดิสันคนพ้นหลอดไฟได้สำเร็จ
“อืมเจ๋งจริง” ต้องยอมรับว่าวิธีของบอสช่วยให้จำอะไรง่ายขึ้น
“แต่เมื่อยมือชิบหาย” ผมบ่น
“ก็ต้องแรกกันดิ อยากจำง่ายๆ อยากจำเร็ว ก็ต้องเขียนมันผ่านมือ” วิธีการที่บอสแนะนำก็คือ อ่านใจความสำคัญแล้วเขียนลงสมุด อะไรที่เราเขียนผ่านมือจะทำให้เราจำได้มากกว่า อ่านเป็นนกแก้วนกขุนทอง

“ยังดีของโบ้ทไม่ค่อยมีวิชาคำนวณ” บอสหันมาคุยกับผม
“ใช่ดิกรูมันสายศิลป์”ผมประชดมัน
“แล้วถ้ามีแต่คำนวณต้องจำยังไงวะ” แต่ก็อดสงสัยว่าไอ้บอสจะจำยังไง
“ก็ต้องทำดิ ต้องเข้าใจแล้วก็ทำแบบฝึกหัดเยอะๆ” ไอ้บอสหันมาตอบ

...............

“ทำได้ไหมวะ” ไอ้แบงค์ถามผมทันทีที่เดินออกมาจากห้องสอบ
“ก็พอได้หว่ะ” ผมตอบมันกลับไป
“มรึงก็พอได้ทุกที แต่คะแนนออกมาทีไรไม่เห็นจะพอได้เลยนะมรึง” ไอ้บาสแซว
“แล้วมรึงล่ะทำได้ไหมไอ้แบงค์” ผมถามไอ้เพื่อนสนิทที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ตรงนั้น
“ก็พอได้นะ แต่ถ้าคะแนนออกมาไม่ดีก้ซวยแน่” ไอ้แบงค์บ่นอุบ
“ทำไมวะ” ไอ้บาสหันไปถาม
“ก็ท่าคะแนนไม่ดี ก็มีหวังโดนไอ้อาร์มฆ่าแน่ๆ”ไอ้แบงค์ทำหน้าเซ็ง
“ไอ้เชี่ย เดี๋ยวนี้เกียมัวเหรอวะ” ไอ้บาสแซว
“เชี่ยไรวะ เกียมัว” ไอ้แบงค์เกาหัวแกร่กๆ
“เกียมัว ก็ กลัวเมียไงวะ ไอ้สาด” ไอ้บูมที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องสอบอีกคนเฉลย
“เชี่ย กลัวเกลอ เชี่ยไร กูไม่กลัว” ไอ้แบงค์ขึ้นเสียงสูง
“แต่กรูแค่เกรงใจ” ผมพูดประโยคต่อไปแทนไอ้แบงค์เสร็จสรรพ
“นั่นไง จากผู้มีประสบการณ์ตรง” ไอ้เชี่ยบูมออกปากแซว
“เออ อย่างกะพวกมรึงไม่เกรงใจ” ผมย้อนพวกมันกลับไป
“ไปแด๊กข้าวกัน ออกมาคบแล้ว” ผมชวนพวกมันไปกินข้าวเพราะกระเพาะเริ่มประท้วง

“ไอ้บีมกับไอ้ไบร์ท ไปกินข้าวกัน” ผมเจอนักเทนนิสคู่มือวางอันดับหนึ่งของโรงเรียน หลังจากลงมาจากตึก
“เออ กำลังหาคนกินด้วยพอดี” ไอ้สองคนได้โอกาส
“แล้วไอ้บอสกับไอ้อาร์มล่ะ” ไอ้บีมหันมาถามผม
“รออยู่หน้าโรงอาหารและ” ไอ้แบงค์รายงานแทนผมไปเรียบร้อย

พวกเราเดินมาถึงหน้าโรงอาหาร ก็เจอท่านประท่านสภากับคุณเลขาสภา ยืนรอพวกเราพร้อมกับไอ้บิวหัวหน้าชมรมดนตรีกับไอ้เบสต์หัวหน้าชมรม X-Gameอยู่แล้ว

“ทำไมมารวมกันได้วะ” ผมหันไปถามพวกมันที่ยืนรอพวกเราอยู่
“ก็ไอ้เบลไลน์มาบอกให้เจอกันที่โรงอาหารไง พวกมรึงอ่านยัง” ไอ้เบสต์ถามพวกเรากลับ
“ยังหวะ กรูเพิ่งออกจากห้องสอบ” ผมตอบไอ้เบสต์กลับไปเพราะตั้งแต่ออกจากห้องสอบมายังไม่ได้จับโทรศัพท์เลย
“โทรตามไอ้ไปป์เหอะ กรูว่ามันไม่ได้อ่านไลน์แหง่” ไอ้บิวเสนอไอ้เดีย
“เออ เดี๋ยวกรูโทร” ไอ้เบสต์หยิบโทรศัพท์ไปตามไอ้ไปป์

พวกเราแยกย้ายไปสั่งข้าวกันก็มานั่งรวมกันที่โต๊ะใหญ่กลางโรงอาหาร ไม่นานไอ้ไปป์ก็ตามมาสมทบอีกคน แล้วไอ้เบลกับไอ้วินก็เดินมาด้วยกัน หอบถุงก็อบแก็บใบใหญ่มาหนึ่งใบ

“อ่ะนี่ พวกมรึงแบ่งกันไปคนละแผ่น” ไอ้วินยื่นถุงใส่ DVD ให้พวกเราแจกกันเอง
“DVD อะไรวะไอ้วิน” ไอ้ไปป์ถาม
“DVD รูปที่ไปทริปกันไง” ไอ้วินบอกทำเอาพวกเราตื่นเต้นกันใหญ่
“ไอ้เคนส่งไฟล์มาแล้ว กรูรวบรวมทั้งกล้องกรูแล้วก็กล้องไอ้เคนแล้วไรท์เป็น DVD ให้พวกมรึงนี่แหละ” ไอ้เบลรายงานสถานการณ์
“แล้วนี่ กรูอัดรูปมาชุดหนึ่ง เอามาให้ดูกัน”ไอ้เบลส่งอีกถุงที่เป็นถุงพลาสติกใบใหญ่ใส่อัลบูมขนาดจัมโบ้ เกือบ 30 อัลบั้มให้พวกเรา
“ดูได้ ชมได้ ห้ามจิ๊กห้ามขอนะโว้ย” ไอ้เบลดักคอพวกเราเสร็จสรรพ
“ใครอยากได้รูปไหน ไปเลือกรูปใน DVD แล้วไรท์ใส่แผ่นมาให้ เดี๋ยวกรูอัดให้อีกที” ไอ้เบลกับไอ้วินพูดเสร็จก็วิ่งไปซื้อข้าว

พวกเราเปิดดูรูปในอัลบั้ม รูปที่ไอ้เบลกับไอ้เคนถ่าย สวยสมกับเป็นประธานชมรมถ่ายภาพ องค์ประกอบภาพลงตัว ทั้งคนและธรรมชาติ ผมกับบอสนั่งดูรูปกัน อดอมยิ้มไม่ได้เพราะ สถานที่ที่เราไปก็สวยงาม แล้วพวกเราก็ได้บันทึกความทรงจำกับสถานที่เหล่านั้นไว้ในภาพถ่ายตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว

.................

หลังสอบเสร็จก็เข้าเทศกาลปีใหม่ บอสมีงานส่งท้ายปีกับงานคริสมาสต์โรงเรียนเราเป็นโรงเรียนคริสต์ งานคริสมาสต์จึงเป็นงานใหญ่ของโรงเรียนก่อนจะถึงปีใหม่จริงๆ และแน่นอนอยู่แล้ว นอกจากไอ้อาร์มจะเป็นเลขาสภานักเรียนแล้ว ผมก็ถูกไอ้คุณชายลากมาเป็นเลขาส่วนตัวอีกหนึ่งคน

งานทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดีด้วยฝีมือประธานนักเรียนคนเก่ง ที่ทำงานทุกอย่างดูเป็นเรื่องง่ายๆ ทั้งขบวนพาเลซ ทั้งงานแสดง รวมไปถึงงานในโบสถ์ บอสก็ประสานงานและจัดการได้อย่างเรียบร้อย จนมาสเตอร์ยังออกปากชม

“เหนื่อยไหม” น้ำเสียงบอสยังคงอบอุ่นและห่วงใยผมเสมอ
“ไม่อ่ะ” ผมยิ้มกว้างก่อนจะตอบบอสกลับไป
“อ่ะนี่ รางวัล สำหรับเลขาส่วนตัวของบอส” บอสยื่นซองเอกสารส่งให้ผม
“หืมม” ผมอดยิ้มไม่ได้เพราะโดนบอสเซอร์ไพร์ ผมค่อยๆเปิดซองออกดู
“ตั๋วเครื่องบินไปภูเก็ต” นี่เอาเวลาตอนไหนไปจอง ผมยิ้มจนแก้มแถบปริ
“ยังมีอีก ดูก่อนๆ” บอสบอกให้ผมดูของในซองต่อ
“วันเดย์ทริปเกาะตาชัย”
“วันเดย์ทริปหมู่เกาะพังงา”
“วันเดย์ทริปพีพี”
“ตั๋วภูเก็ตแฟนตาซี”

“ทำไมมันเยอะแยะขนาดนี้อ่ะบอส” ผมหันไปถามมัน
“ก็ฮันนี่มูนแรกของเราไง” บอสคลี่ยิ้มบางๆแบบเขินๆบอกกับผม
“บอส” ผมตื่นเต้นจนได้แต่เรียกชื่อบอส

ผมเดินเข้าไปสวมกอดเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า คนที่อยู่เคียงข้างผมเสมอ คนที่คอยห่วงใยผมตลอดมา คนที่คอยให้กำลังใจเวลาผมเหนื่อยท้อ คนที่ไม่มีวันจะทิ้งผมไปไหน และจะเป็นคนที่จะดูแลผมตลอดไป ผมโชคดีแค่ไหนที่มีคนแบบนี้มายืนอยู่ข้างๆ คนที่บางคนตามหามาชั่วชีวิต แต่เค้าคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าผมแล้ว แล้วเค้าก็รักผม ผมเองก็รักเค้ามากมาย แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือเราทั้งสองคนรักกัน ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่พวกเราสองคนรู้เพียงว่า เราจะทำมันให้ดีที่สุด เราจะค่อยๆฝ่าฝันอุปสรรค์ต่างๆไปด้วยกัน ตราบใดที่มือของเรายังจับกันไว้ เราก็จะไม่กลัวอะไรอีกต่อไป

“บอสรักโบ้ทนะ รักมากที่สุด” เสียงนุ่มนวลและอ่อนโยนจะก้องอยู่ในใจของผมตลอดไป
“โบ้ทรักบอสนะครับ และจะรักตลอดไป”


.......................


เสียงเพลงเบาๆดังมาจากรถของบอส ผมจำได้ว่าเป็นเพลงประกอบหนังเรื่องหนึ่งที่ป๊าเคยเปิดให้ผมดูตอนเด็กๆ
“บอสรู้จักเพลงนี้หรือเปล่า” ผมหันไปถามคนขับรถส่วนตัวของผม
“ทำไมเหรอ” บอสหันมายิ้มแล้วถามผม
“ก็เคยฟังอ่ะ ไม่สิ.. ต้องบอกว่าเคยดูหนังกับป๊าตอนเด็กๆแล้วก็เคยได้ยินเพลงนี้” แต่ตอนนี้นึกไม่ออกว่าชื่อเพลงอะไร และหนังเรื่องอะไร
“พ่อเราก็เคยเปิดให้เราดูตอนเด็กๆเหมือนกัน” เสียงบอสตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าเราสองครอบครัวจะคล้ายๆกัน
“เพลงนี้ชื่อ A time for us” บอสหันมาบอกผม
“ส่วนหนังคือ Romeo and Juliat  1968” บอสเฉลยคำตอบที่ผมสงสัย
“เนื้อเพลงเหมือนพวกเราตอนนี้เลยเนอะ” ผมหันไปบอกบอส บอสเอามือมากุมมือผมไว้ ผมค่อยๆประสานมือกับบอส

ท่ามกลางรถยนต์ขวักไขว่กลางกรุงเทพมหานคร ในโลกที่แสนวุ่นวายไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรพิสูจน์ความรักของเราอีกหรือเปล่า แต่ขอแค่มีผมกับบอสอยู่ข้างๆกัน เราก็พร้อมที่จะผ่าพันและข้ามผ่านทุกอย่างไปด้วยกัน ความรักก็เปรียบเสมือนคนสองคน ถือเชือกอยู่กันคนละด้าน  ถ้าคนใดคนหนึ่งปล่อยเชือกไป แต่อีกคนไม่ปล่อยความรักก็ยังคงอยู่ รอเพียงคนๆนั้นกลับมาจับปลายเชือกอีกข้างอีกครั้งหนึ่ง ความรักก็จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ตราบใดที่ไม่ปล่อยมือออกจากเชือกทั้งคู่ความรักก็ยังคงไม่มีวันจบ เหมือนผมกับบอสที่เคยเลิกลากันไปแล้ว แต่ยังกลับมารักกันใหม่ได้ และรักครั้งนี้มันต้องลึกสุดใจ.....

A time for us some day there’ll be
When chains are tron
By courage born of a love that’s free

สักวัน คงเป็นวันของเรา
เมื่อโซ่อุปสรรคหักสะบั้นลง
ด้วยความกล้าหาญ ที่เกิดจากอิสรภาพแห่งรัก

A time when dreams
So long denied
Can flourish
As we unvel the love we now must hide

เป็นเวลาซึ่งความไฝ่ฝัน
ที่ถูกปฏิเสธมานานแสนนาน
จะลุกโชนเผยให้เห็น
ถึงความรักที่เราเก็บซ่อนไว้

A time for us
At last to see A life worthwhile for you and me

ในวันที่เป็นเวลาแห่งเรา
และในที่สุด ชีวิตที่มีความหมายจะเป็นของเราสองคน

And with our love through tears and thorns
We will endure As we pass surely through every storm

ด้วยความรักที่เคยผ่านทั้งน้ำตาและอุปสรรค
เราจะฝ่าฟันไปด้วยกันอย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์
A time for us some day there’ll be
A new world Aworld of shining hope for you and me

แล้วสักวันจะเป็นเวลาของเรา
โลกใบใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยความหวังสำหรับเธอและฉัน

A time for us
At last to see A life worthwhile for you and me

ในวันที่เป็นเวลาแห่งเรา
และในที่สุด ชีวิตที่มีความหมายจะเป็นของเราสองคน

And with our love through tears and thorns
We will endure As we pass surely through every storm

ด้วยความรักที่เคยผ่านทั้งน้ำตาและอุปสรรค
เราจะฝ่าฟันไปด้วยกันอย่างมั่นใจในทุกสถานการณ์

A time for us some day there’ll be
A new world Aworld of shining hope for you and me

แล้วสักวันจะเป็นเวลาของเรา
โลกใบใหม่ โลกที่เต็มไปด้วยความหวังสำหรับเธอและฉัน

Cr. เนื้อเพลงแปลไทยจาก คุณ Andromeda June @Youtube
https://www.youtube.com/watch?v=fBD9tTwh2bs (https://www.youtube.com/watch?v=fBD9tTwh2bs)

*********The End**********
12 เมษายน 2558 เวลา 08.51

Game
Set
Match……..

รอฟินกับตอนพิเศษของโบ้ทกับบอสนะครับ ฮันนี่มูน........

----------------------------------------------------------------------------------------------------------


ในที่สุดนิยายเรื่องนี้ก็จบลงแล้วนะครับ เป็นนิยายเรื่องแรกของคนเขียนผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ แน่นอนเดี๋ยวคงต้องมีการ รีไรท์ กันอีกรอบเพื่อความสมบูรณ์และแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคนเขียนเองจะมีความพยายามเขียนจนจบได้ เพราะระหว่างเขียนมีอุปสรรค์มากมาย ทั้งหัวไม่แล่น เขียนไม่ออก แถมมีเรื่องที่ทำให้หยุดเขียนไป 6-7 เดือนอย่างที่แจ้งให้ทราบไว้ เคยพยายามกลับมาเขียนตอนที่แต่มันเขียนไม่ได้จริงๆ จนเรื่องทุกอย่างคลี่คลายจึงกลับมาเขียนได้อีกครั้ง

ต้องขอบคุณคนอ่านทุกๆท่านที่ยังคงติดตามกันมา แม้คนเขียนจะมีช่วงหายช่วงหยุดเขียนไปนาน แต่ก็ยังไม่ทิ้งกันไปไหน ต้องขอบคุณมากๆจริงๆ คนเขียนขอขอบคุณทุกคอมเมนท์ ทุกกำลังใจ ทุกความหวังดีที่มีให้กันตลอดมา ถ้าไม่คนอ่านและกำลังใจ ก็คงไม่เขียนนิยายได้จนจบ ขอบคุณจริงๆ จากใจเลยครับ........

ถ้าไม่มีปัญหาและอุปสรรค์ใดๆอีก ไรท์จะเปิดเรื่องใหม่ แต่ขอฉีกแนวจากเดินหน่อยนะครับ ยังไม่ได้คิดชื่อเรื่อง มีพ็อตอยู่บ้าง แต่งานรูปประกอบต้องมาสินะ 5555+ เอาลงเป็นนิ้จิ้มให้ชมกันก่อนนะครับ ฝากติดตามต่อด้วยนะครับ^^

(http://i1056.photobucket.com/albums/t370/destiny_of_b/Total2_zps3j9x2i1p.jpg)
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 12-04-2015 21:56:55
 :pig4: :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: IsDeer ที่ 18-04-2015 02:59:55
อิเฮียค๊อปนี่เ_ือกมาก ต้องจับให้ไปเป็นเมียใครซักคน ฮ่าฮ่าฮ่า  :laugh:
ดูจากรูป เรื่องใหม่ตัวละครจีน แถมเหมือนจะมีคู่ชายหญิงด้วย
ติดตามจ้าาาาาาา
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Ice_Iris ที่ 18-04-2015 13:00:15


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ

ได้ไปเที่ยวด้วยล่ะ

 :pig4:

หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: kasarus ที่ 21-04-2015 13:18:19
ดีใจที่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทุกคนมีความสุข

ของคุณคนเขียนที่ขยันแต่ง ขยันโพสต์ เรียกว่าคนอ่านตามอ่านกันไม่ทันเลยทีเดียว

รอผลงานชิ้นถัดไปนะครับ
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: gwaiplay ที่ 01-05-2015 19:12:31
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: Aumy8059yaoi ที่ 07-05-2015 01:48:15
ขอบคุณมากๆๆค่ะ
ตัวละครเยอะมากกกกก
นับถือคนเขียนเลยที่ไม่จำสลับกันอ่ะ555

ป.ล.รอตอนพิเศษค่ะ หุหุ^^
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: : destiny of B ชุลมุนวุ่นนัก..รักของนายตัวบี : Final Game Up 12เม.ย58 จบแล้วครับ
เริ่มหัวข้อโดย: GMT101 ที่ 24-06-2017 22:54:34
 :mew1: