พิมพ์หน้านี้ - (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Alessa ที่ 21-02-2021 07:59:38

หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 21-02-2021 07:59:38
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 21-02-2021 08:09:00
   นิยายเรื่องนี้  เป็นนิยายแนวผู้ชายท้องได้ค่ะ  เป็นนิยายชายรักชาย (อาจจะมีความรุนแรงทางเพศ อันนี้ยังไม่รู้ว่ารุ่นแรงไหม) เนื้อหาในเรื่องถูกแต่งขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาบิดเบือนจากความเป็นจริง  สถานที่ถูกสมมติฐานขึ้นมาทั้งหมด รวมทั้งชื่อและตัวละคร
(https://uppic.cc/d/SWWu34i_3Gw0zOd0nDy2T) (https://uppic.cc/v/SWWu34i_3Gw0zOd0nDy2T)
   พระเอกของเรื่องชื่อ เธียรวิชย์  เป็นลูกคนชายคนเล็ก ของมาเศรษฐีหมื่นล้าน เขาเป็นลูกชายคนเล็กที่เกิดมาหน้าตาดีที่สุด มีความหล่อติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด โดยไม่ต้องพึ่งมีดหมอให้ยุ่งยาก ประกอบกับเป็นทายาทคนเล็กที่พ่อแม่ค่อนข้างจะตามใจ เขาจึงกลายเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ชอบเที่ยวเตร่
 (https://uppic.cc/d/y3417QXFi6ZB-OcCG0kRN) (https://uppic.cc/v/y3417QXFi6ZB-OcCG0kRN)
   นายเอกของเรื่องชื่อ บีม นายกันต์ธีย์ บีม เป็นหนุ่มลูกครึ้ง แม่เป็นคนไทยแต่ไปแต่งงานกับต่างชาติ เป็นคนอังกฤษ และเป็นนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังที่ทำการวิจัยปลูกถ่ายให้ผู้ชายท้องได้ และตัวเขาก็กลายเป็นหนูทดลอง และเมื่อพ่อของเขาถูกรอบสังหาร แม่ของเขาซึ่งไม่ยอมทนอยู่กับความลำบากจึงเลือกแต่งงานใหม่กับเศรษฐี และด้วยความอับอายกลัวแฟนใหม่จะรับลูกตัวเองไม่ได้จึงได้ตัดสินใจให้บีมมาเรียนต่อประเทศไทยตั้งแต่มัธยมและอยู่ตามลำพังที่กรุงเทพ โดยนางได้เจียดเงินที่สามีใหม่ให้ใช้ส่งให้บีมอยู่เป็นประจำ แต่ว่าความซวยของบีมก็มาถึงเมื่อเขาได้เผลอมีอะไรกับเธียรวิชย์จนเขาต้องตั้งครรภ์ และการตั้งครรภ์ก็ทำให้เขาไม่กล้าที่จะสู้หน้าอาจารย์ที่สอนเขาและคอยช่วยเหลือเขาในทุกเรื่อง ถึงบีมจะรู้เหตุผลว่าทำไม เพราะว่าอาจารย์คนนั้นรู้สึกสนใจในตัวบีมก็ตาม
(https://uppic.cc/d/ltHs-qcx4cxOTWaggcODE) (https://uppic.cc/v/ltHs-qcx4cxOTWaggcODE)
   “แพรวา สาวสวย ไฮโซ เป็นลูกสาวคนเดียวของรัฐมนตรีชื่อดัง พ่อของแพรวาเป็นเพื่อนรักพ่อของเธียรวิชย์ และนี้ก็ทำให้เธอได้ใกล้ชิดกับเธียรวิชย์ในฐานะน้องที่เอาแต่ใจ เธอตามติดเธียรวิชย์ประดุจว่าเธอคือแฟนของเขา แม้ว่าเธียรวิชย์จะมีผู้หญิงมากมายมาให้มอบกายถวายให้เขาก็ตาม แต่สุดท้าย ผู้หญิงเหล่านั้นก็อันตทานหายไปหมดเพราะว่าแพรวา เธอเป็นผู้หญิงที่ตัวเล็กแต่เธอร้ายกาจกว่านางพญา เธอใช้อิทธิพลพ่อเธอเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ
(https://uppic.cc/d/0pIbltsMMAQu3IlEqvxFm) (https://uppic.cc/v/0pIbltsMMAQu3IlEqvxFm)
   รองศาสตราจารย์กันตภน เขาเป็นน้องชายคนเดียวของพ่อของเธียรวิชย์ ผมเขายอมที่จะไม่แตะต้องธุรกิจของพ่อแม่เขายกให้พี่ชายที่เขารักดูแล เพื่อเขาะจะได้ทำหน้าที่อาจารย์สอนเด็กในมหาวิทยาลัยอย่างที่เขาตั้งใจ แต่เมื่อเขาได้พบกับเด็กลูกครึ้งคนหนึ่งที่มาเรียนวิชาเศรษฐศาสตร์กับเขา เขาเกิดความสนใจในตัวบีมอย่างมาก พยายามที่จะให้การช่วยเหลือบีมเพื่อแลกหัวใจบีม เขารักบีมมากขนาดที่จะขอทำหน้าที่พ่อของเด็กในท้องแต่บีมเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะนั้นคือการเห็นแก่ตัวถ้าเขาจะให้คนที่เขาไม่ได้มีใจด้วยมาผูกติดกับการที่ต้องมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาไม่ได้ทำ

   เด็กชายกีรติกร หรือน้องลูกโซ่ บีมหวังว่าเขาจะเกิดมาเพื่อเป็นโซ่ทองคล้องหัวใจดวงน้อยๆของเขา ที่บอบช้ำจากการถูกกระทำย้ำยีจากคนที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใคร รู้แค่ว่าเขาชื่อเธียรวิชย์  ด. ชื่อที่สลักลงที่แหวนที่เขามอบไว้ให้ เพื่อชดเชยสิ่งที่เขาทำลงไปแต่เขาหารู้ไหมว่า นั้นคือการทำให้เด็กคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยต้องลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้พร้อมกับ คุณพ่อเลี่ยงเดี่ยว แล้วลูกโซ่จะได้เจอพ่อของเขาไหม

   คนแต่งขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะคะ คนแต่งอาจจะมาได้มาลงแบบถี่ๆ แต่จะมาลงอาทิตย์ละตอนเป็นอย่างน้อย เพราะว่ากันน่ะติดหลายเรื่องอยู่ ไม่รู้ว่านักอ่านทุกท่านทั้งหลายจะชื่นชอบไหมกับนิยายแนวผู้ชายท้องได้ ขอฟังเรทติ้งก่อนนะคะ ว่าพอจะไปได้ไหม ขอเม้นกำลังใจสักนิดก็ยังดี กราบงามๆ ขอบคุณค่ะสำหรับพื้นที่ให้ได้แบ่งปันจิตนาการนะคะ (มีคำผิดจะคอยเข้ามาแก้ให้นะคะ )
เครดิต เจ้าของภาพด้วยนะคะ ไม่รู้จะแทรกยังไง ขออนุญาตนำมาใช้ประกอบนิยายเพื่อความอรรถรสเฉยๆนะคะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.1 ครั้งแรกกับคนแปลกหน้าNC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 21-02-2021 08:21:18
         
        ผมชื่อเธียรวิชญ์ เดชาวชิรภังกุลชร พ่อกับแม่เรียกผมสั้นๆ ว่าเธียร ผมมีพี่น้องทั้งสามคน พี่ชายคนโต พี่ธี หรือธีรภพ อายุห่างจากผมห้าปี พี่ธาม มีแฟนแล้วกำลังจะแต่งงานกัน คนที่สองพี่ธีม ห่างจากผมแค่สามปี พี่ยังไม่มีแฟนเป็นตัวต้น และพี่ธัน พี่คนห่างจากผมแค่ปีเดียว เรียกว่าเหมือนเพื่อนกันแต่นิสัยค่อนข้างต่างกัน พี่ธันญ์ พี่เขายังไม่มีแฟนเลยตั้งหน้าตั้งตาช่วยพ่อแม่ดูแลกิจการโรงเรียนเอกชน อย่างเดียว โรงเรียนของพ่อแม่ผมเป็นโรงเรียนสามภาษา ไทย อังกฤษและจีน และผมเธียร น้องชายคนเล็กที่เพิ่งจะจบจากอเมริกามาหมาดๆ



      ผมเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ ชอบเที่ยวรักสนุก มีเพื่อนไฮโซมากมาย มีทั้งหญิงและชาย ด้วยความที่หน้าตาดีหล่อสุดของบ้าน หล่อขั้นเทพ เรียกว่าสวรรดิ์สร้างมาให้ครบเลย หน้าตาที่หล่อคม จมูกที่โด่งรั้นจนเป็นสัน และมาพร้อมกับความรวยล้นฟ้า รวยชนิดที่สาวสวยมากมายพร้อมพรีกายให้ แถมเพื่อนที่คบก็ไฮโซระดับเดียวกันทุกคน แต่แปลกที่ผมยังไม่เจอใครที่จริงจังสักคน



      และวันนี้ก็เป็นวันเคาดาวน์ก่อนที่ผมจะต้องกลับไปเรียนปริญญาโทที่อังกฤษต่อ ผมได้นัดเพื่อนๆที่เีรียนด้วยกันตัั้งแต่มัธยมจถึงมหาวิทยาลัย แถมคืนนี้ผมก็ต้องกระเตง ไฮโซแพรวา ลูกสาวคนเดียวของนักการเมืองชื่อดัง เขาเป็นเพื่อนกับพ่อผมมานาน ส่วนน้องแพรวา ก็เป็นเด็กรุ่นน้องผมหลายปี เธอชอบผม ผมเองก็เฉยๆ ไม่ได้สนใจอะไรเป็นพิเศษ ผมมองเธอแค่น้องสาวเท่านั้น ส่วนเธอเองก็ชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม บางที่ก็น่ารำคาญและน่าอึดอัด และวันนี้ผมคงไม่ได้แอมสาวไหนแน่นอน



“ไอ้เธียร ทางนี้ว่ะ” ผมเดินเข้ามาพร้อมกับแพรวา เธอควงแขนผมเข้ามาในงานฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผับไฮโซแห่งหนึ่ง



“น้องแพรวา บังคับไอ้เธียรมาเหรอครับดูหน้ามันซิครับ” ไอ้สไปส์ หรือว่าพิเชษฐ์ เป็นลูกนายห้างทองที่มีสาขามากมายหลายสาขา มีชื่อเสียงอยู่ในตลาดทองคำ ไอ้นี้ก็เจ้าชู้ไม่เลือกทั้งชายและหญิงเช่นกัน มันหล่อตี๋ๆ



“พี่เธียรค่ะ ยิ้มหน่อยซิค่ะ แพรวาไม่ชอบให้พี่ทำหน้าบึ้งแบบนี้ เวลาเดินกับแพรวานะคะ และทุกคนก็ต่างพากันเข้าใจว่าแพรวาบังคับพี่มากันหมดแล้วนะคะ ยิ้มหน่อยซิคะ” แพรวาพูดพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองผม ผมแค่ปรายตาลงมองเธอแว๊ปหนึ่ง



“อืมม” ผมรีบฉีกยิ้มให้กับแพรวาทันที “พอไหมครับน้องแพรวา” ผมถามแพรวาเหมือนประชดแต่ก็ประชดจริงๆ เพราะว่าผมไม่ชอบให้ใครมาบังคับทำโน่นทำนี้ แต่ที่ต้องยอมแพรวาเพราะความรำคาญมากกว่า



“เออ ไอ้เธียร ไอ้ไปส์มันเจอเด็กน่ารักว่ะ ไม่รู้ว่าทอมหรือเปล่า มันอยากขอมานั่งด้วยว่ะ"ไอ้ราเชนมันพูด ผมยักไหล่ตามใจมันซิ ราเชน คือลูกเจ้าของส่งออกอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงและเป็นลูกชายคนเดียวที่มีพี่สาวทั้งหมดสี่คน



“แพรวาอยากเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มค่ะ” แพรวาพูดขึ้น ผมหันไปมอง และเพื่อนๆ ผมก็ต้องเกาหัวกันหมด แพรวาเป็นคนเอาแต่ใจมาก



“แพรวาครับ พี่บอกว่าไงครับ พวกพี่มาหาความสุขกัน อย่าทำให้เสียบรรยากาศซิครับ “ผมหันไปปรามแพรวา



“ไม่ต้องห่วงครับ คนที่พี่จะพามาเป็นเด็กผู้ชายครับผม น้องแพรวาเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มแน่นอน “ไอ้ณัฐ หรือไฮโซณัฐ ณัฐภูมิ พ่อเป็นผู้พิพากษาและแม่ก็มีร้านเพชร ที่มีชื่อเสียง พีชมันพูดก่อนจะหันไปควักมือเรียกใครสักคนมดูแล้วน่าจะผู้จัดการร้าน



“ขอน้องคนนั้นน่ะมานั่งชงเหล้าให้พวกผมหน่อย ผมจ่ายค่าตัวให้ ห้าพันบาท” ไอ้พีช หรือพิชยุตม์ เป็นลูกชายคนเล็กเช่นเดียวกันแต่ว่ามันมีพี่ชายและพี่สาว พีชเป็นคนบอกกับผู้จัดการร้านที่มันควักมือเรียกเขามา พร้อมกับยัดเงินใส่มือผู้จัดการร้าน พอผู้จัดการร้านเห็นจำนวนเงินเท่านั้นแหละ ก็รีบหันหลังเดินไปพาใครสักคนมาที่โต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ ผมกำลังฟังเพลงโดยมีแพรวามายืนคลอๆ เต้นเพลงเบาๆ ท่ามกลางสายตาหนุ่มที่หันมามองเธอ เธอเป็นคนสวยผมยอมรับแต่สวยและเอาแต่ใจมากจนใครก็ทนเธอไม่ได้ เพื่อนๆ ผมเองก็เอือมระอาแต่ก็ต้องยอมเพราะว่าพ่อเขาสนิทกับพ่อผมมาก



“มาแล้วครับ น้องเขาชื่อน้องบีมนะครับ “ผู้จัดการร้านแนะนำเด็กที่พามา



“บีม เดี๋ยวชงเหล้าให้พี่ๆ เขาน่ะ เอ็นเตอเทรนโต๊ะนี้โต๊ะเดียวพอไม่ต้องไปดูแลแขกโต๊ะอื่นๆ น่ะ” ผู้จัดการร้านบอกเด็กที่มายืนแบบกล้าๆ กลัวๆ ผมหันมองหน้าเขา ทรงผมรากไทร



“ไม่ต้องกลัวพวกพี่ครับ “ไอ้ราเชนมันหันไปบอกน้อง น้องเขาก็เข้ามาทำหน้าที่ชงเหล้าให้พวกผม ตัวเล็ก กะทัดรัด ทรงผมรากไทรเหมือนทอมมากกว่า



“ว่าแต่น้องเป็นทอมหรือเปล่าเนี๊ยะ ดูหน้าหวานๆ ” ไอ้ราเชนยิงคำถามก่อนจะหันไปยักคิ้วกับไอ้ไปส์คนที่สนใจน้องเขา



“ไม่ใช่ครับ “น้องเขาพูดก่อนส่งแก้วเหล้ามาให้มัน และชงแก้วต่อไป



“พี่เธียรค่ะ แพรวาอยากได้ คอกเทลอีกสักแก้วนะคะ เดินไปเป็นเพื่อนแพรวาหน่อยได้ไหมคะ”



“เออ น้องแพรวาครับ พี่มึนๆ แล้วอ่ะ น้องเดินไปคนเดียวได้ไหมคะ และนี่นี้ไม่มีกล้าทำอะไรน้องแพรวาหรอกค่ะ เพราะนี้ที่นี้ พวกพี่ใหญ่” ผมพูด



“ค่ะ แพรวาทราบค่ะว่าพี่เธียรน่ะลูกใครและใครใหญ่ “แพรวาพูดก่อนจะพาร่างที่สมส่วน ไม่ว่าจะหน้าอกหน้าใจ ไซส์ก็มินิ เพื่อเช็กเรทติ้ง แน่ตอนบรรดาสายตาหนุ่มๆ มองตามกันเป็นแถว



“ไม่หึงหรือไงว่ะมึง” ไอ้เพื่อนผมมันถามผมกัน ผมส่ายหัวไปมา



“น้องชงให้พี่เธียรด้วยซิครับ” เพื่อนผมส่งแก้วเปล่าให้น้องเขาเอาไปชง ผมสั่งฟังเพลงและโยกไปด้วย



“เหล้าครับ” ผมได้ยินเสียงคนกระซิบ จังหวะนั้นผมหันมาอย่างเร็วเกินไป ชนเข้าอย่างจัง่ทำให้แก้วเหล้าหกลงที่เสื้อผ้าผม ราคาแพง ผมเงยหน้ามองคนที่ยืนทำหน้าตกใจ



“ผะ ผม ขอโทษครับพี่ “น้องเขารีบจะเอาผ้าอะไรมาเช็ดก็ไม่รู้



“ไม่ต้อง ผ้าอะไรก็ไม่รู้มาเช็ด” ผมพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินหันหลังออก พร้อมกับส่ายหัวให้ความซุ่มซ่ามของเด็กนั้น เสื้อผ้าหรูยี่ห้อดังของผมแถมแบรนด์เนมทั้งตัวที่ผมสวมมา กลับต้องมาเลอะเพราะว่าซุ่มซ่ามของนายนั้น ผมเดินไปในห้องน้ำไปซับและทำความสะอาดและก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะ และสิ่งที่ผมเห็นคือพวกมันกำลังมอมเหล้าเด็กคนที่ให้มาชงเหล้าให้พวกผมกิน ผมก็ไม่สนใจอยู่แล้ว



“พี่ผมไม่กินแล้วครับ ผมต้องขับรถกลับครับ “น้องเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูก็รู้ว่าเมาแล้ว



“อะไรวะคออ่อนว่ะ นี่แค่ไม่กี่แก้วเอง” ผมก็มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นแพรวา



“แพรวาไปไหนวะ”



“เจอเพื่อนสมัยเรียนและนางก็หัวเสียหามึงไม่เจอ เลยเดินออกไปยืนคุยกับเขาตรงโน้นน่ะ” ไอ้ราเชนบอกผม



“กูมึนว่ะ กูขอไปนอนพักก่อนได้ไหมว่ะ พวกมึงคงอีกยาวว่ะ” ผมพูดพวกเพื่อนๆของผมและหันมาหยิบแก้วแชมเปญติดมือไปด้วย ก่อนจะเดินออกไป ผมเห็นเด็กที่พวกมันประเคนเหล้าให้ดื่มก็เริ่มจะไม่ไหวแล้ว ที่ผับนี้ค่อนข้างหรู มีห้องพักหรูสำหรับแขกวีไอพีไปพักยก ผมเดินเข้ามาในห้องพักวีไอพี เปิดทีวีดู มีเตียงที่รูปวงกลม ผมก็หยิบแก้วแชมเปญขึ้นมาดื่มจนหมด ผมก็นั่งพัก เวลาผ่านไปสักยี่สิบนาที ผมเริ่มรู้สึกแปลก ร้อนรุ่มในอก ร้อนจนผมต้องปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออก ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย ร้อนจนผมเริ่มนั่งไม่ติด ผมลุกขึ้น ยืนภาพในห้องเริ่มจะเบลอๆ และกายผมมันร้อนมากเหมือนมีไฟมาสุมอยู่ในอกผมและตรงแกนกายของผมก็เริ่มปวดหนึบ แน่ชัดแล้วผมโดนยาปลุกเซ็กซ์แน่นอน ผมเริ่มจะไม่ไหว ผมรีบเปิดประตูออกไปและผมพบกับใครสักคน ที่หน้าตาคุ้น เดินมาตามกำแพง จนมาหยุดที่หน้าห้องผม



“ช่วยผมด้วย ช่วยผมด้วย” ผมก็มองคนที่ยืนตรงหน้าผม ตัวเล็กๆ ผิวขาวๆ กระดุมเสื้อที่ถูกปลดลมาจนเผยให้เห็นหน้าอก แบนๆ แต่ว่ามันกำลังปลุกเร้าความเป็นชายของผมให้ยิ่งผงาด ผมมองพร้อมกลับกลืนน้ำลาย ส่วนคนที่ยืนก็เริ่มลูบไล้ตามตัวไปมา



“ช่วยผมด้วย”



“ได้แต่นายต้องช่วยฉันก่อน” ผมพูดก่อนจะดึงรั้งร่างนั้นเข้าไปในห้อง ผมล๊อกประตูทันที พอร่างนั้นเข้าอยู่ในห้อง เขายืนหมุนและกวาดมองไปรอบๆ ห้อง ผมเองก็เริ่มถอดเสื้อผ้าตัวเองออก ผมเข้าไปกอดคนตรงหน้าจากด้านหลัง



“อ้าห์ “เสียงครางออกมาเบาๆ ขณะที่ผมใช้ปลายจมูกโด่งรั้นของผมฝังลงไปที่ซอกคอขาวๆ นั้น มือที่ลูบไล้ไปตามหน้าท้องนั้น มันทำให้คนที่ผมกอดจากด้านหลังหายใจถี่ขั้น



“อ้าห์ อืมมม” ผมเริ่มผลักร่างนั้นลงไปที่เตียงและรีบปลดกระดุมเสื้อผ้าคนที่นอนดิ้นส่ายไปมาอยู่บนเตี่ยง ผมเริ่มถอดมันออกไปชิ้นต่อชิ้นจนหมดสิ้น



“ช่วยผมด้วย”



“ก็นี่ไง จะช่วยให้ หันก้นมา” ผมบอกคนที่นอนดิ้นเอามือลูบไล้ตัวเองไปมาก่อนจะพลิกให้มาอยู่ในท่าดอกกี้ และผมก็ก้มลงมองแกนกายของผมมันชี้ตรงมากและมันก็ปวดระบบมากด้วย ไม่ได้ระบายนี้ไม่ไหวแน่ๆ ผมก็ขึ้นไปนั่งคุกเข่าพร้อมกับหันซ้ายหันขวา ไม่มีเจลด้วยซิ



“พี่ครับ ช่วยผมด้วย”



“อย่าเร่งดิว่ะ” ผมพูดและมองหาไม่มีอะไรเลย เอาไงดีว่ะ ถุงยางก็ไม่มี ไม่น่าจะซวยหรอกว่ะเธียรเอ๊ย ผมก็ใช้น้ำลายผมนี้



“พี่ใส่ถุงให้ผมด้วย เพราะว่าผมอาจจะ….ท้อง!!”



“ซี้ด” สะดุ้งสุดตัวทันทีที่ผมจ่อสิ่งนั้นที่ปากทาง



“ไม่มีหรอกถุงน่ะ ใครจะไปเดินหาว่ะ มาเร็ว ไม่ไหวแล้ว” ผมพูดและตัดการค่อยๆ ดันเข้าไป



“โอ๊ย!!!!  ผมเจ็บอ่ะ”



“ก็ทนหน่อยซิ อยากไม่ใช่เหรอ อย่าต่อรองมากเดี๋ยวให้ไปครางที่อื่นเลยนิ” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ดันเข้าไป เสียงเล็บจิกลงที่บนผ้าปูที่นอนลากยาวขณะที่ผมกำลังสวนแกนกายที่แข็งปังเข้าไปอย่างอยากลำบาก



“เข้ายากจังว่ะ “ผมบ่นแต่ก็พยายามดันเข้าไปเรื่อยๆ จน



“อ๊าก!!!!” ผมเองที่ร้องออกมาดังๆ เพราะว่ามันแคบมาและบีบรัดแท่งร้อนของผม



“โอ๊ย!!!! พี่ครับ ผมเจ็บ อ่ะครับ เอาออกเถอะครับ”



“ไม่ทันแล้ว” ผมพูดบอกคนผมกำลังมีเพศสัมพันธุ์ด้วย มือก็จับสะโพกยืดเอาไว้และผมก็เริ่มเด้งสวนใส่ไปแบบไม่บันยะบันยัง คนร่างคนที่ผมนั่งคร่อมอยู่ด้านหลังโยกไปมา



“โอ๊ย โอ๊ยย พี่ ผมเจ็บอ่ะครับ พี่ครับ ผมเจ็บ”



“ไม่นานหรอกน่ะ จะเสร็จแล้ว ก็ดันมาช่วงนี้พอดี ซวยไป” ผมพูดและผมก็เริ่มเด้งสวนแบบรัวๆ จนกระทั่งแกนกายผมเริ่มกะตุ๊กและน้ำรักก็พุ้งกระชูด มันเยอะมากจริงๆ จนทะลักไหล่ย้อยลงมาตามหน้าขาคนที่ผมมีอะไรด้วย ผมก้มลงมองให้ชัดเจน เฮ้ยย นี้ผมมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ มันเป็นใครชื่ออะไรก็ยังไม่รู้เลย ผมรีบถอนเจ้าโลกของผมออกทันที ก่อนจะก้าวถอยหลังลงมายืนมองคนที่ผมเพิ่งจะกระหน่ำแท่งไปไม่ยั้งจนสำเร็จความใคร่ไป เขานอนแผ่อยู่บนเตียง เพราะว่าผมมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักมาก่อนด้วย นี่มันคือการข่มขืนชัดๆเลย เวรแล้วไอ้เธียรเอ๊ย!!  



“ทำไมพี่ไม่ใส่ถุงอ่ะพี่ ผมอาจจะท้อง พี่…..” ร่างคนนั้นหันมาพูดกลับผมทั้งที่อ่อนเพลียจนลืมตาแทบจะไม่ขึ้นแถมยังบอกว่าตัวเองอาจจะท้อง ผมว่าบ้าไปแล้วแน่ๆ มึงเป็นผู้ชายน่ะโว้ย ผมคิดในใจ



ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องที่ผมเข้ามาพักอยู่ ผมรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่แบบลวกๆ ก่อนจะเดินออกไปเปิด เพื่อนๆ ของผมเดินมาหาผมพร้อมกับก้มลงมองสภาพเสื้อผ้าของผม ผมยกมือขึ้นกุมขมับตัวเองก่อนจะชี้ไปที่เตียงที่อยู่กลางห้อง



“ไอ้เธียร มึงมาอยู่ห้องนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอ้พีชมันถามผม



“กูมาพัก และแม่งใครใส่ยาในแก้วแชมเปญว่ะ “ผมถามไอ้ราเชน มันหันมามองหน้าไปสไปส์



“ใคร!!!” ผมถามและมองหน้ามันสองคน



“กูใส่เอง และกูกะว่าจะให้น้องที่มาชงเหล้าดื่มแต่ดันมีคนมือดีหยิบมาและกูไม่คิดว่าจะเป็นมึงว่ะ” ไอ้สไปส์มันพูดก่อนจะให้พวกมันเดินเข้ามาด้านใน ผมปิดประตูลง พวกมันเดินมามอง น้องคนนั้นผล่อยหลับไปแล้ว ดูจากสภาพไม่ต้องบอกก็รู้ว่า น้องผ่านอะไรมา ใช่ผมมีอะไรกับเด็กคนนี้



“ไปเถอะว่ะ ก่อนนะที่จะมีใครมาเห็น มึงงานเข้าแน่ๆ และพ่อมึงเอาตายแน่ ไอ้เธียร” เพื่อนรักของผมพูด ผมก็เดินมาดู เห็นเด็กคนนั้นนอนอยู่ ก่อนจะหยิบแบ่งพันออกมาห้าใบและว่างเอาไว้ข้างๆ แต่กลัวว่าจะไม่พอ เลยหยิบเอาแหวนทองที่สลักชื่อและตัวย่อนามสกุลผมเอาไว้ให้หนึ่งวง วงนี้ก็ราคาเกือบแสนได้แล้ว จะไม่ให้ก็ไม่ได้ ไม่มีอะไรติดมือมาเลย และราคาหลักแสนจิ๊บๆ แค่บอกม๊าผมว่าผมทำหายแค่นี้ม๊าก็ซื้อให้ผมใหม่แล้ว



“โทษทีน่ะ นายดันซวยเอง” ผมพูดก่อนจะเดินไปหยิบทุกอย่างมือถือและกุญแจรถคันหรู ผมเดินออกไปกับเพื่อนๆ ผม ผมเห็นแพรวายืนหน้ามุ้ย กอดอกอยู่ ผมหันไปมองเพื่อนๆ ผม



“อย่าบอกเรื่องนี้กับแพรวาน่ะมึง กูไม่อยากนั่งตอบคำถามปัญหาอ่อนและนางคงได้โวยวายจนป๊ากูรู้ ม๊ากูน่ะไม่เท่าไหร่ พี่กูก็คงเฉยๆ แต่ป๊ากูเนี๊ยะ เอาเรื่องแน่ๆ ” ผมบอกราเชนและไอ้สไปส์และไอ้พีช มันสามคนก็พยักหน้ารับผม ผมเดินมาหาแพรวาก่อนจะฉีกยิ้มให้



“พี่ไปไหนมาคะพี่เธียร” แพรวาถามผมด้วยสีหน้าไม่พอใจ



“พี่ไปนอนพักมาคะ พี่มึนหัวแต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นแล้ว แพรวาจะกลับเลยไหมคะ พี่จะได้ขับไปส่งที่บ้านค่ะ” " ผมบอกแพรวา



“เธียร มึงกลับไปเรียนเลยไหมว่ะ” ราเชนถามผม ผมกำลังเรียนปริญญาโทที่ประเทศอังกฤษอยู่แต่ตอนนี้ ผมหนีมาพักร้อนกับเพื่อนๆ



“กลับเลยว่ะว่าจะบินไปเลยมะรืนนี้เลยว่ะ “พวกเพื่อนๆ ผม มันเลือกอยู่ช่วยงานพ่อแม่ดีกว่าไม่อยากเรียนต่อ ส่วนผมน่ะ ป๊ากับม๊าอยากให้ผมเรียนเพิ่มเติม เพื่อมาต่อยอดธุรกิจเหมือนพี่ๆ ของผม



“อะไรกันพี่เธียร พี่จะรีบกลับทำไมคะ” แพรวาเดินมาทำหน้าออดอ้อนถามผม



“แพรวาพี่ต้องกลับไปเรียนนี่ค่ะ” ผมบอกกับเธอ



“แพรวาอยากย้ายไปเรียนที่นั่นกับพี่เธียรอ่ะ แต่ป๊าไม่ยอม”



“ก็เรียนที่นี้ให้จบปริญญาตรีซะก่อนซิคะ และพี่ก็จบแล้วปีหน้านี่เองนะคะ และพี่ก็คงต้องกลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่พี่แล้ว” ผมบอกแพรวา เธอหันมามองผมแววตาเป็นประกาย เหมือนเธอซ้อนอะไรบางอย่างเอาไว้ แต่ผมหันมามองเพื่อนๆ ของผม ก่อนจะพยักพเยิดให้พากันออกไปดีกว่า



“แพรวาค่ะ ไปกันดีกว่าค่ะ พ่อแม่น้องจะโทรตามเอานะคะ” ผมบอกกับแพรวา เธอก็ต้องหน้ามุ้ยอีกครั้งก่อนจะยอมเดินตามผมออกไปแต่ว่าเธอต้องควงแขนผมไปด้วย ผ่านโต๊ะสาวๆ ที่มองผม เธอก็เบ้ปากใส่ ผมยอมรับว่าเธอสวยแต่นิสัยเธอไม่น่ารัก สมกับหน้าตาเท่านั้นเอง ทำให้ใครๆ ต่อใครเบือนหน้าหนี และทุกคนรู้จักเธอกันหมดว่าเธอคือลูกสาวคนเดียวของนักการเมืองดัง และแน่นอนไม่มีใครอยากงัดข้อกับพ่อของเธอ

TBC......
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.1 ครั้งแรกกับคนแปลกหน้าNC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-02-2021 09:19:24
 :oo1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.2 ได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 21-02-2021 10:54:03
           

                   ผมชื่อนายกันต์ธีย์ ชื่อเล่นว่าบีม ผมเป็นลูกครึ้งไทยอังกฤษ พ่อผมเป็นนักวิทยาศาสตร์และแม่ผมเป็นคนไทย ผมไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับพ่อผมมากเพราะว่าแม่ไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟังเลย ตั้งแต่พ่อผมเสียชีวิตไป ผมเพิ่งจะอายุได้เจ็ดขวบและต่อมาแม่ผมก็ได้แต่งงานกับมหาเศรษฐี ที่ประเทศอังกฤษ ส่วนผมแม่ผมส่งผมมาอยู่ทีไทยตามลำพังและให้ผมมาเรียนที่ไทยจนตอนนี้ผมเรียนมหาวิทยาลัยปีทีสี่แล้ว คณะมนุษยศาสตร์เอกภาษาอังกฤษ แม่ผมได้แฟนรวยก็จริง แต่ผมรู้สึกว่าแม่ไม่ค่อยรักผม ผมไม่รู้ว่าทำไม เหมือนผมผิดปกติไม่เหมือนเด็กผู้ชายทั่วไปยังไงก็ไม่รู้ เพราะว่าแม่ชอบย้ำกับผมเสมอว่า ถ้าไปมีอะไรกับผู้ชายต้องป้องกันน่ะ ห้ามให้เขาปล่อยในตัวผมโดยไม่ป้องกัน ผมเองก็ไม่เข้าใจ ทำไมต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น เพราะว่าแม่ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก จนตอนนี้ผมเริ่มเข้าใจในสิ่งทีแม่บอกผมแล้วและมันก็เกิดขึ้นแล้ว ในคืนนั้น คืนที่ผมโดนให้ไปชงเหล้าและผมก็ต้องดื่มตามที่ลูกค้าบอกผม ผมได้ค่านั่งดริ้งด้วย แต่มันไม่คุ้มกันเอาซะเลย กับอนาคตตของผมที่ต้องมาหยุดชงักกลางคันแบบนี้



“ฮึก ฮึก ฮึก” ผมนั่งร้องไห้ตรงหน้าไอแพตที่แม่ผมซื้อให้



“ฉันบอกแกกี่ครั้งแล้วบีม ว่าให้แกป้องกันตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้ เป็นแบบนี้” แม่ด่าทอผมหนักหนาที่รู้ว่า



“ก็ผมไม่รู้ว่าผมจะซวยขนาดนี้นี่แม่ ฮือๆ” ผมร้องไห้



“โอ๊ย!!! แล้วนี่จะทำยังไงหา เรียนก็ยังไม่จบ ไอ้ค่าเทอมน่ะฉันก็ออกให้แต่นี่ดันมา ท้อง!! แถมท้องไม่มีพ่อเด็กอีก” แม่ผมพูด ผมหันไปมองที่หน้าต่างคอนโดที่ แม่ผมเป็นคนซื้อเอาไว้และให้ผมอยู่



“แม่ ผมขอโทษ ฮือๆ “ผมพูดไปร้องไห้ไป ผมจำหน้าคนนั้นแทบจะไม่ได้แต่ผมจำชื่อเขาได้ เขาชื่อเธียรวิชย์ แต่เพื่อนๆ เรียกว่าเธียร กันหมดแถมเป็นไฮโซที่มีชื่อเสียง และเขาคือคนแรกของผม ผมไปทำงานที่นั่นเพื่อหาเงินใช้ไปวัน วัน แม่ผมส่งให้แค่ค่าเทอมเท่านั้น เพราะฝรั่งเขาจะไม่ให้การช่วยเหลือมากเมื่อลูกอายุสิบแปดปี และให้ออกไปเผชิญโลกภายนอกแต่เพียงลำพังได้แล้ว



“แก่ต้องไปโทษพ่อแกนั้น ที่อุตริเอาแกไปทดลอง จนเป็นไง ได้มาเลยซิ ผู้ชายท้องได้ “แม่ผมพูด ผมปาดน้ำตาที่แก้ม



“แม่ แม่จะบอกผมว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าพ่อผมเหรอครับแม่ ฮึก ฮึก”



“เอาล่ะ ฉันจะช่วยก่อน จนกว่าแกจะคลอดน่ะ” แม่บอกผม ผมพยักหน้า ผมคงทำอะไรมากไปไมได้แล้ว และผมก็ไปตรวจเลือดจากโรงพยาบาลมา มันก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าผมท้องแน่ๆ นอน



“แต่ลูกแกออกมาแกต้องเลี้ยงเองน่ะ ฉันไม่ช่วยเลี้ยงน่ะ ฟิลิปส์เขาจะพาฉันไปเที่ยวรอบโลก ฉันไม่นั่งเป็นคุณย่าคุณยายของแกหรอกน่ะ บีม” แม่ผมพูด ผมพยักหน้าเบาๆ พร้อมๆ กับปาดน้ำตาไปด้วย



“แค่แม่ช่วยผมก่อน ผมจะกลับไปเรียนให้จบครับแม่” ผมพูด



“ก็ไปฝากท้องให้เรียบร้อยแล้วกัน”



“แค่นี้น่ะบีม แม่จะรีบออกไปทานอาหารค่ำกับคุณฟิลิปส์เขา “แม่รีบบอกผมก่อนจะกดวางสายไปก่อน ผมนั่งร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องนอน ผมอยากอรู้ว่าทำไมผมถึงได้ท้องได้ พ่อทำอะไรกับผม ผมสะอึกสะอื้น ร้องไห้อยู่คนเดียว จนกระทั่งเสียงกริ่งดังขึ้น ผมปาดน้ำตาที่แก้มก่อนจะเดินออกไปดูที่ช่องเล็กๆ เพื่อดุว่าใครกันที่มาหาผมที่นี้ และผมก็เปิดประตู



“เป็นไงมั้งมึง “เพื่อผมเอง ฟิล์ม เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้วและเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน ผมเปิดประตูให้ฟิล์มเข้ามาในห้อง ผมยืนมองฟิล์มที่ปิดประตูลงเบาๆ



“กูไม่ถามน่ะว่ามึงโอเคไหม บีม เพราะว่าเป็นใครก็ไม่โอเคหรอกว่ะ” ฟิล์มบอกผม ผมปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาอยู่ตลอด ผมอ่อนแอเหลือเกิน 



“หมับ” ฟิล์มเข้ามากอดผมแน่นๆ



“แต่กูจะอยู่ข้างๆ มึงบีม “ฟิล์มพูดพร้อมกับจับไหล่ผม



“มึงกินอะไรหรือยังว่ะ บีม” ฟิล์มถามผม ผมสั่นหัวไปมา



“กูซื้อโจ๊กมาให้มึงกินว่ะ กินอะไรสักหน่อยน่ะบีม อย่างน้อยมึงก็มี สิ่งที่เรียกว่าเลือดเนื้อของมึงอยู่ในท้องมึงน่ะ เขาไม่รู้เรื่อง “ฟิล์มพูดก่อนจะผลักผมเข้าไป ฟิล์มพาผมไปนั่งในห้องครัวเล็กๆ ก่อนจะเดินไปหยิบชามเพื่อเทโจ๊กลงในชามเซรามิกซ์ก้นลึกให้ผม ผมก็รับมาและนั่งมองมัน



“อ้าว!! มองแล้วท้องมึงจะอิ่มไหมบีม กินดิวะ สงสารหลานกูหน่อยเถอะ “ไอ้ฟิล์มพูด ผมก็ตักมาแค่ปลายช้อน ทำท่าจะทานแต่ว่าพอช้อนแตะเข้าไปเท่านั้นแหละ



“อึก อึก อึก” อาการมาทันที ฟิล์มมันมองผมด้วยอาการตกใจ “เฮ้ย!! บีม” ผมก็รีบลุกพรวดและวิ่งตรงปรี่เข้าไปในห้องน้ำทันที ได้ผลผมก็ตอ้งอาเจียนออก ทั้งที่ไม่มีอะไรจะออกมาอยู่แล้ว ทำไมมันถึงได้ทรมารมากขนาดนี้น่ะ



“บีม” ฟิล์มเดินมาเอามือลูบหลังผมเบาๆ ผมยกมือว่าผมโอเค ผมค่อยๆ ลุกขื้นยืน หันมามองหน้าเพื่อนรักของผม



“กูมานอนเป็นเพื่อนมึงน่ะ บีม เห็นมึงแบบนี้กูสงสารมึงว่ะ” ฟิล์มบอกผม ผมพยักหน้าเพราะว่าตอนนี้ผมคงไม่มีทางเลือกมากหนัก ผมเดินออกไปเพื่อนไปดูยาที่หมอให้มาทานลดอาการคลื้นไส้อาเจียน



“บีม อาจารย์กันตภณ เขาถามหามึงว่ะ ดูสีหน้าเขาเป็นห่วงมึงมากเลยว่ะ บีม” ฟีล์มบอกผม ผมหันไปมองหน้ามัน ผมยอมรับว่าอาจารย์กันตภณ พยายามจะช่วยเหลือผม และผมก็รับรู้ได้ว่าเขาอยากช่วยเหลือผมเพราะอะไร ผมเองก็รู้สึกหวันไหวแต่ว่าตอนนี้ ผมไม่คู่ควรกับเขาแล้ว ผมรู้ว่า อาจารย์กันตภณ เป็นน้องชายคนเล็กของมหาเศรษฐีย์ ที่มีโรงเรียนอินเตอร์แถมมีสาขามากมายอีกต่างหากและเขาก็ยังมีหน้ามีตาในสังไฮโซ และอาจารย์เขาก็เป็นถึงรองศาสตราจารย์ และเป็นรองอาจารย์ภาคเรียบร้อยแล้ว แถมใกล้จะจบปริญญาเอกเร็วๆ นี้ แค่ผมคิดน้ำตาก็เอ่อออกมาทันที



“ปึก “มือผมปัดกล่องสี่เหลี่ยมกำมะหยี่ร่วงลงไป มีบางสิ่งกระเด็นหลุดออกมาจากกลอ่งนั้น กลิ้งไปหยุดที่ตรงเท้าของฟิล์ม และฟิล์มก็รีบก้มลงหยิบขึ้นมาดูก่อนจะส่งให้ผม มันคือแหวน แหวนวงนี้มันอยู่กับเศษเงินคนที่ทำให้ผมต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ และเขาคงคิดว่ามันจะเยียวยาผมได้ซิน่ะ สภาพจิตใจผมตอนนี้ แถมมันยังเป็นพ่อของเด็กในท้องผมด้วย



“ใครวะ เธียรวิชย์ ด. “ฟิล์มเอ่ยถามผม ผมก็มองหน้าฟิล์มก่อนจะส่ายหัว ผมเองก็ไม่อยากรู้ว่ามันคือใคร ไอ้คนที่ทำให้ผมต้องมาแบกภาระที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ แถมมันก็คิดจะรับผิดชอบอะไรทั้งนั้น



“นี้มึงโดนแม่มึงด่ามาอีกแล้วเหรอว่ะ เรื่องที่มึงท้องน่ะ” ฟิล์มนั่งลงบนเตียงนอนของผม ผมพยักหน้าว่าใช่



“แม่มึงเขาไม่รักมึงจริงๆ เหรอว่ะ กูไม่อยากเชื่อเลยว่ะ”



“กูก็ไม่อยากเชื่อว่ะ ถ้าแม่รักกู เขาคงไม่ส่งกูมาอยู่คนเดียวที่นี้หรอกและ ที่เขาให้กูอยู่กับเขาเพราะว่ากูเป็นแบบนี้ไง และพ่อเลี้ยงก็เป็นคนมีเงินมึงเข้าใจป่ะ เขาก็คงกลัวอายถ้ารู้ว่ากูเป็นแบบนี้ แบบที่กูไม่อยากได้อ่ะ “ผมพูดก่อนจะเดินออกไปจากห้อง



“กูว่าจะลงไปซื้อะไรมาเอาไว้ดื่มว่ะ อาหารทานไม่ได้อย่างน้อย นมก็ยังดีว่ะ” ผมหันไปบอกฟิล์มก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าสตางค์ ไอ้ฟิล์มมันรีบเดินตามผมมาติดๆ ทันที



“ไปด้วย เดี๋ยวเกิดมึงไปเป็นลมเป็นแล้งที่ไหนใครจะช่วยมึงว่ะ” ฟิล์มบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะหันมาปิดประตู และผมก็ต้องตกใจที่หันมาเจอคนที่ผมเห็นหน้าเขาตลอดที่ผมต้องมานั่งอยู่กับเรื่องแย่ๆ แต่ว่าผมตอนนี้



“บีม!!” อาจารย์กันตภณ หรืออาจารย์กัน เขาเป็นอาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยของผม ผมหันมามองฟิล์ม เพราะว่าผมไม่เคยบอกอาจารย์เลยว่า ผมพักอยู่ที่ไหนแต่นี้เขากลับมาถูกได้ยังไง



“อาจารย์ถามกูน่ะบีม กูเห็นอาจารย์เขาเป็นห่วงมึงมากเลยบอกว่ะ” ฟิล์มสารภาพกับผม



“ทำไมไม่ไปมหา’ ลัย มีเรื่องอะไรบีม” อาจารย์กันถามผม ผมก้มหน้าลงไม่กล้าสู่หน้าอาจารย์หนุ่มรูปหล่อ



“เอาอย่างนี้ไหมบีม กูไปซื้อให้ว่ะ นมน่ะ มึงจะได้คุยกับอาจารย์ว่ะ และเพื่อว่าอาจารย์อาจจะช่วยอะไรมึงได้ว่ะ” ฟิล์มเป็นฝ่ายขอตัวลงไปซื้อของให้ผมแทน ผมเงยหน้าขึ้น น้ำใสๆ มันไหลเออ ออกมาและคนที่ยืนตรงหน้าผม กลับใช้นิ้วโป้งปาดมันออกไปอย่างไม่นึกรังเกียจสักนิดก่อนจะควักผ้าเช็ดหน้าออกมาซับให้ผมอีกที



“ไปคุยกับพี่” อาจารย์กันตภณบอกผม แต่แทนตัวเองว่าพี่



“เพื่อว่าคำว่าพี่ชาย อาจจะทำให้บีมอยากคุยกับพี่มากกว่าคำว่าอาจารย์ “อาจารย์กันตภณบอกผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเสมอ ผมเดินกลับเข้าไปในห้องของผม ผมเดินไปหาที่นั่งที่โซฟา อาจารย์กันตภณนั่งลงข้างๆ ผม



“ผมจะทำเรื่องขอดร๊อปการเรียนเอาไว้ก่อนนะครับ พี่กัน” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามาก ผมรู้ว่ามันอาจจะทำให้คนฟังผิดหวังในตัวผม



“ทำไมล่ะบีม บีมมีปัญหาเรื่องเงิน เรื่องค่าเทอมหรือไง พี่ช่วยได้น่ะ” อาจารย์กันตภณรีบบอกผม พร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา



“ไม่ใช่ครับ แต่ผมมีปัญหาเรื่องอื่น และมันก็มีผลกับการไปเรียนของผ” " ผมบอกเขา อาจารย์กันตภณมองหน้า เขาไม่เข้าใจ อย่าว่าแต่เขาเลย ผมเองยังไม่เข้าใจตัวเองเลยว่ามันเกิดขึ้นกับผมได้ยังไงและนี่ผมควรจะบอกเขาดีไหม



“เรื่องอะไรหรือบีม มันร้ายแรงหรือไง บอกพี่ได้ไหม เพื่อว่าพี่จะช่วยได้ พี่อยากให้เราเรียนให้จบพร้อมเพื่อนๆ และที่สำคัญ เราก็เรียนเก่งมาตลอดน่ะบีม”



“พี่กันถ้าผมบอกพี่แล้วพี่อาจจะไม่อยากมาเจอผมอีกก็ได้น่ะ “ผมพูดกับอาจารย์



“บอกพี่เถอะ พี่ว่าเราพอจะเดาได้ว่าทำไมพี่ถึงอยากช่วยเรา พี่ยอมรับว่าพี่ สนใจเรา และคิดกับเรามากกว่าลูกศิษย์” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมหันไปมองทางอื่นก่อนจะปาดน้ำตารตัวเอง และหันกลับมามองใบหน้าอันหล่อเปล่าของอาจารย์ จะว่าไป เขาก็มีหน้าตาละม้ายคล้ายให้คนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้



“พี่กัน ผม ท้องอ่ะครับ” ผมพูด



“ห๊ะ!! เดี๋ยวน่ะ พี่ได้ยินผิดไปหรือเปล่าบีม” อาจารย์กันตภณพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกใจมากถึงมากที่สุดที่ได้ที่ผมพูดออกไป



“ผมท้องจริงๆ ครับ ฮือๆ ผมท้องอ่ะครับ และผมก็ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ฮือๆ ผม “ผมพูดพร้อมกับร้องไห้โฮออกมาทันที



“หมับ” อาจารย์กันตภณเข้ามากอดผมทันที เขาคงรับรู้ได้ว่าผมตัวสั่นแค่ไหน ผมเสียใจมาก



“มันเกิดขึ้นได้ยังไงบีม” อาจารย์กันตภณถามผม พร้อมกับเอามือลูบหัวผมเบาๆ



“ผม ฮือๆ ผมไม่รู้อ่ะ ทำไมผมถึงได้ซวยขนาดนี้ อ่ะ ฮือๆ “ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย



“แล้วใครทำแบบนี้กับเรา บีม” อาจารย์กันตภณถามผม



“ผมไม่รู้ครับ “ผมตอบอาจารย์ อาจารย์กันตภณถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันทันที



“ผมมีอะไรกับใครผมเองยังไม่รู้เลยครับ เพราะว่าผมโดนเขาเอายาใส่ในเครื่องดื่ม ที่ผับที่ผมไปทำงาน และผู้จัดการเขาให้ผมไปเป็นคนชงเหล้าให้ เขาก็พยายามให้ผมดื่ม ดื่ม และสุดท้ายผมรู้สึกเหมือนผมร้อนรุ่มและผมก็เดินออกไปเพื่อจะไปห้องน้ำแต่ผมก็หลงไปไหนก็ไม่รู้ และจู่ๆ ก็มีคนมาดึงผมเข้าไปในห้องและมันก็ทำแบบนั้นกับผม ฮือๆ “ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วยอีกครั้ง



“เราตรวจดีแล้วเหรอว่าเราท้อง “อาจารย์กันตภณถามผม



“ครับ เพราะว่าผมไปตรวจที่โรงพยาบาลเมื่อวานอ่ะครับ “ผมบอกอาจารย์กันตภณ เขาก็มองหน้าผม



“ไอ้ฟิล์มมันเห็นผมอาการไม่ค่อยจะดี มันเลยให้ผมไปตรวจอย่างละเอียดและเขาก็จับผมตรวจเลือดตรวจทุกอย่าง จนสุดท้ายเขาบอกผมว่าผมตั้งครรภ์ เขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ”



“เรื่องมันเกิดนานหรือยังบีมที่เราไปมีอะไรกับใครน่ะ”



“เกือบจะสามเดือนแล้วครับ ตอนนี้เด็กในครรภ์จะสามเดือนแล้วครับ พี่กัน”



“ฟู่!!” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ของอาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณจับไหล่ผมและมองหน้าผม



“พี่แนะนำว่าขอดร๊อปแค่เทอมนี้น่ะ และกลับไปเรียนซะ อย่างน้อย บีมก็ควรจะจบปริญญาตรี เพื่อจะได้ดูแลเขาได้” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็เงยหน้ามองเขา







“ตอนนี้มีอะไรให้พี่ช่วย พี่ช่วยเราเต็มทีน่ะ แล้วนี่ไปฝากท้องหรือยัง” อาจารย์กันตภณถามผม ผมสั่นหัวไปมา



“ผมไม่กล้าไป ผมกลัว ยิ่งสายตาที่เขามองผมแต่ล่ะคนมันแปลกประหลาดอ่ะครับพี่กัน”



“เราต้องไปหาหมอเพื่อตรวจดู และฝากครรภ์เหมือนเช่นผู้หญิงคนอื่นๆ เขาทำกันบีม เพราะนี้คือความปลอดภัยของเราและเด็กที่ไม่รู้ในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อขึ้นมา และพี่นี้ เต็มใจน่ะ ถ้าจะให้พี่ รับเป็นพ่อเด็ก” ผมถึงกับเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ เขากล้าที่ทำแบบนี้ได้ยังไงทั้งที่เด็กนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาเลย ถึงยังไงผมก็ทำไมได้อยู่ดี เพราะว่ามันไม่ยุติธรรมกับอาจารย์เขา



“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่อยากรู้สึกผิด มากไปกว่านี้ “ผมพูด



“พี่เต็มใจ”



“ช่วยผมด้วยวิธีอื่นจะดีกว่า แบบนี้มันไม่ใช่อ่ะครับ ถ้าวันที่พี่เจอคนที่เหมาะกับพี่ พี่จะเสียใจนะครับ ผมขอร้องและผมเองก็จะรู้สึกผิดมากๆ “ผมพูดกับอาจารย์เขา อาจารย์กันตภณมองหน้าผม



“เออ พี่มีเพื่อนเป็นหมอน่ะ เขาเปิดโรงพยาบาลอยู่ ไม่ไกลจากนี้มากและพี่พอจะพูดกับเขาได้ ไปหาเขาแล้วกันน่ะ และถ้าต้องไปหาหมอไม่มีใครพาไป บอกพี่น่ะ พี่พาไป “ผมก็มองอาจารย์กันตภณ ทำไมเขาดีกับผมขนาดนี้ และเสียงประตูเปิดเข้ามาโดยฟิล์มและ เป๊กซ์ และใบชา เพื่อนในกลุ่มของผม แต่ละคนยกมือไหว้อาจารย์กันตภณกัน



“สวัสดีครับอาจารย์”



“สวัสดี มาเยี่ยมเพื่อนกันเหรอ” อาจารย์กันตภณหันไปถาม



“ครับ “เพื่อนๆ ผมตอบพร้อมกัน



“นี้เอานามบัตรของพี่ไปน่ะและพี่จะโทรไปคุยให้ก่อน แต่ถ้าเราจะให้พี่ไปเป็นเพื่อนบอกพี่ได้น่ะ พี่ยินดี พี่ยินดีทำมากกว่านั้น แต่พี่อยากให้เราเต็มใจให้พี่ทำตามที่พี่ได้เสนอเราไป” อาจารย์กันตภณบอกผม เพื่อนๆ ของผมยืนมองด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจ



“นี้นามบัตรของพี่น่ะบีม เก็บเอาไว้ และถ้าบีมมีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดเวลา “อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะลุกขึ้น ผมได้แต่มองอาจารย์กันณภณจนเขาเดินออกจากห้องผมไป ผมก้มลงมองที่นามบัตรนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์กันตภณ เดชาวชิรภังกุลชร คณะเศรษฐศาสตร์ ผมวางนามบัตรของอาจารย์กันตภณลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนๆ ที่มาเยี่ยมผม



“อาจารย์เขาจะช่วยอะไรมึง  มึงก็รับไว้เถอะบีม ตอนนี้มึงไม่ต่างจากตัวคนเดียวเลยว่ะ แม่มึงก็แทบจะไม่มาดูดำดีมึงเลย มีแต่ส่งเงินมาให้ใช้ “เป็กซ์นั่งลงข้างๆ ผม



“มึงมันซวยอะไรเบอร์นี่ว่ะ กูยับไม่อยากจะเชื่อเลยน่ะ” ใบชาพูด เพื่อนๆ ผมหันไปพร้อมกับทำท่าจะตบหัวใบชากันคนล่ะที



“ปากมึงเหรอไอ้ชา”



“เรียกกูใบชาเถอะ ไอ้ชามันดูเถือนๆ ว่ะ” ใบชาพูด ผมหันไปมองของที่ฟิล์มซื้อมาให้ผม เป็นนมสดรสต่างๆ



“มึงควรจะบำรุงให้มากๆ ว่ะ เพราะว่า เด็กน่ะดูดแคลเซียมจากมึงไปเยอะน่ะ อันนี้พี่สาวกูบอกมาอีกทีว่ะ” ฟิล์มบอกผม ฟิล์มมีพี่สาวสองคน คนโตแต่งงานแล้วมีลูกสองคนแล้ว เหลือแต่คนที่สอง ที่ยังทำงานอยู่ ผมพยักหน้าก่อนจะรับนมมาดื่มเข้าไป



“พรุ่งนี้ไปฝากท้องได้แล้วนะมึง เพื่อจะได้วิตามินมาทาน อันนี้พี่สาวกูก็บอกมาด้วย และมึงควรจะต้องตรวจคัดกรองอีกหลายอย่าง ช่วงก่อนไตรมาสแรกอ่ะบีม “ฟิล์มอธิบายกับผม ผมก็ต้องเลิกคิ้วสูง



“อย่าถามกูเลย กูรู้แค่นี้”



“ให้พวกกูไปเป็นเพื่อนไหมว่ะ” เป็กซ์เอ่ยปากถามทันที ผมเงยหน้าขึ้นมองทุกคน ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมเองก็ไม่กล้าให้อาจารย์กันตภณไปกับผมแน่นอน มันอาจจะทำให้อาจารย์เขาเสียภาพหลัก ยิ่งเป็นถึงรองศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยด้วยแล้วผมยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ไม่กล้าไปดึงให้อาจารย์ลงมาแปดเปื้อนกับผม



TBC......

   คนแต่งมาฝากไว้อีกตอนนะคะ ขอมาอีกทีอาทิตย์หน้านะคะ วันเสาร์ เรื่องนี้จะอัพให้ทุกวันเสาร์ คนแต่งไม่ค่อยมั่นใจนิยายแนวนี้เท่าไหร่ แต่ส่วนตัวชอบอ่านค่ะ เลยเขียนดูบ้าง มีข้อติชมไรท์ได้นะคะ ยินดีนำมาปรับปรุงค่ะ 
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.2 ได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-02-2021 14:44:48
 :hao5:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.2 ได้มาแบบไม่ได้ตั้งใจ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-02-2021 22:52:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.3 ลูกโซ่ดวงใจพ่อบีม
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 22-02-2021 10:38:01
Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้เป็นวัดนัดตรวจครรภ์ครั้งที่สองของผมกับหมอภีมปภพ พี่หมอเขาที่เป็นเพื่อนของอาจารย์กันตภณ ครั้งแรกผมได้ตรวจคัดกรองหลายอย่าง ตรวจเลือด และต้องทำอัลตราซาวน์ดูลูกน้อยในครรภ์ของผมตอนสิบสองสัปดาห์ แต่ผมยังไมได้เจอกับคุณหอมภีมปภพ หมอเขามีเครสผ่าคลอดด่วน ตอนนี้ผมก็ได้ผ่านไตรมาตแรกมาแล้วด้วย ตอนนี้เข้าสู่ไตรมาสที่สอง และอายุครรภ์ของผมก็เข้าไปสิบหกสัปดาห์แล้ว และเป็นสิบหกสัปดาห์ที่เราอยู่ด้วยกันมา มีทะเลาะกับชักโครกบ้างก็ไอ้อาการแพ้ท้องของผมนี่แหละ หนักขึ้นบ้างเป็นบางวันไม่ทุกวันเหมือนตอนก่อนสิบสองสัปดาห์แรกและผมยังนับว่าโชคดี ที่เพื่อนๆ ผมผลัดกันมาอยู่ด้วย แล้วนี่ผมจะคลอดยังไง ผมเองคิดไม่ออกเลย ไม่อยากคิดแค่คิดก็จะพาเอาผมนอนไม่หลับ ส่วนแม่ก็โทรทางไกลมาถามข่าวคราวบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะถามว่าผมเจอตัวคนที่มันทำให้ผมท้องหรือยัง ใครจะไปหามันเจอ ชื่อเธียรวิชย์ ไม่ได้มีแค่คนเดียว ผมไปถามพี่คนที่ทำงานที่ผับคืนนั้น เขาก็บอกว่าไม่รู้จักกันทั้งนั้น แปลกมาก ทั้งที่พวกพี่เขาเป็นพวกไฮโซ แต่กลับไม่มีคนรู้จัก และพฤติกรรมพวกพี่ๆ ที่ผับเขาก็เหมือนกับมีลับคมคมในกันยังไงก็ไม่รู้ ผับนั้นผมเพิ่งจะไปทำวันแรกซะด้วยเลยยังไม่สนิทกับใครมาก



//บีม วันนี้หมอนัดใช่ไหมครับ/// อาจารย์กันตภณ เป็นคนที่คอยโทรถามผมบ่อยกว่าแม่ของผมซะอีก รองลงมาก็คือเพื่อนๆ ผม ส่วนแม่ผมส่วนมากจะส่งข้อความมาถามมากกว่า



//ครับ พี่กันรู้ได้ยังไงครับ// ผมถามอาจารย์กันตภณกลับทันทีด้วยความแปลกใจ



//ก็หมอภีมเขาเป็นเพื่อนกับพี่นี่ครับบีม และพี่ก็โทรไปถามเกี่ยวกับเรากับหมอภีมมาด้วย หมอภีมเลยบอกพี่มานะครับ”



//ครับพี่กัน// ผมตอบอาจารย์กันตภณด้วยน้ำเสียงที่เบามาก



// พี่เจอเพื่อนๆ เราน่ะและเขาบอกกับพี่พวเขามีสอบกันน่ะวันนี้ /// อาจารย์กันตภณพูดขึ้น มันทำให้ผมต้องเงียบไปชั่วขณะ



// เดี๋ยวพี่พาเราไปหาหมอเองน่ะ พี่ไม่มีสอนตอนบ่าย // อาจารย์กันตภณรีบบอกผม



// อย่าปฏิเสธพี่น่ะ บีม เพื่อนเราบอกว่าช่วงนี้เราทานไม่ค่อยได้ อาเจียนก็บ่อยขึ้น พี่กลัวว่าเราจะไปเป็นลมกลางทางไม่มีใครช่วย และพี่บอกเราว่าพี่อยากดูแลเรา //



//พี่กันสงสารผมเหรอครับ//



//พี่ว่าเรารู้คำตอบดีว่าทำไม ไม่ใช่แค่คำว่าสงสารนะบีม พี่มีมากกว่านั้น// อารจารย์กันตภณพูด มันทำให้ผม ก้มลงมองสิ่งทีผมถือไว้อยู่ แหวนไอ้คนที่ทำให้ผมท้องลูกของมัน มันจะรู้ไหมว่าผมนี้เป็นยังไงบ้าง กับการกระทำของมันวันนั้นน่ะ ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้ไม่มีความรับผิดชอบ ไอ้ผู้ชายเฮงซวย (เออ ผมก็ผู้ชายนี้ หว่า ฮึกๆ) ไอ้ ไอ้  นึกคำด่าไม่ออกแล้ว



//พี่ขับรถออกมาจากมหา’ลัยแล้วบีมและใกล้จะถึงแล้วด้วย น่าจะสิบห้านาทีได้ //อาจารย์กันตภณบอกผม



//ผมลงไปรอพี่ที่ชั้นล่างดีกว่าน่ะครับ” ผมพูด ผมหันไปหยิบเสื้อเชิ้ตมาสวมทับ ท้องผมดูแทบจะไม่ออกมาว่าผมท้อง ถ้าไม่สังเกตดีดี ท้องแรกก็แบบนี้แม่ผมพูด ผมก้มลงมองท้องน้อยๆ ของผม มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในนั้น ผมหันไปมองรูปพ่อของผม ดร.เจมิสัน เบน กิบสัน เมื่อนผมชื่อ เจมี่ กันต์ธีย์ กิบสัน แต่พอแม่ผมส่งผมมาอยู่ไทย เอาชื่อผมเข้าทะเบียนบ้านไทยก็สลับเอาชื่อกลางมาเป็นชื่อจริงให้ผมแทน ส่วนบีมนี้เป็นชื่อเล่นที่คุณยายผมเรียกเวลาที่ผมมาอยู่ไทย และชื่อนี้เลยเป็นชื่อที่ทุกคนเรียกผมจนติดปาก



//บีม พวกกูกำลังสอบแต่จะทำเวลาน่ะ จะรีบไปดูหน้าหลานว่ะ กูไปเจอมึงที่โรงพยาบาลเลยนะบีม ปล. กูขอโทษว่ะที่ต้องบอกอาจารย์กันตภณเป็นคนพามึงไปแทนพวกกู แล้วเจอกันน่ะ // ไอ้ฟิล์มมันส่งข้อความหาผม



“มันไม่ยุติธรรมกับเขาไงมึง ที่ต้องมาทำหน้าที่แบบนี้ ในสิ่งที่เขาไม่ได้เป็นคนทำ “ผมพูดกับโทรศัพท์ของผมก่อนจะเดินออกจากห้อง ผมหันมาจับโซ่ที่คล้องประตูเอาไว้ออก ผมยืนเพ่งมองมันอยู่พักหนึ่ง โซ่คล้องประตู เพื่อนป้องกันไม่ให้เข้ามาทำร้ายคนในห้องได้ ลูกในท้องก็เหมือนสิ่งที่จะปกป้องหัวใจของผมที่แตกสลายให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้



“ลูกโซ่ พ่อจะให้เจ้าชื่อว่าลูกโซ่นะครับ” ผมก้มลงพูดกับน้องน้อยๆ ของผม



“อุ้ย!” ผมรับรู้ได้ว่ามีบางสิ่งที่กระทุ้งแต่ไม่แรงเพราะว่าน้องยังเล็กมากแต่ผมก็รู้สึกได้ว่าเขาดิ้น



“แสดงว่าชอบชื่อนี้ใช่ไหมครับ ไปหาหมอกันน่ะ ดูซิว่า ตัวแสบของพ่อ ตัวโตขึ้นบ้างไหม พ่อจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ผมพูดกับตัวเล็กของผมในท้องน้อยๆ ผมเดินออกมาก็เจอเพื่อนบ้านเขาก็ยิ้มทักทายผม ผมก็ยิ้มทักทายตอบ ผมอยู่ที่คอนโดนี้มานานมาก เพราะว่าแม่ผมซื้อเอาไว้ให้ ผมเดินลงถึงชั้นล่างของคอนโดของแม่ผม ผมก็ก็เจออาจารย์กันตภณ



//แล้วนายไปทำอีท่าไหนให้พ่อเขาโกรธขึ้นมาล่ะถึงได้ ล๊อกบัตรเครดิตนายเข้า เออ อาจะคุยให้แล้วกัน แต่แม่ของนายยังคุยไม่ได้แล้วอาล่ะ เอาน่ะก็ทำตามที่พ่อนายสั่ง เรียนให้จบภายในปีนี้และกลับมาช่วยเขาได้แล้ว นายก็รู้ว่าพ่อนายดุ นายยังเกเรอีก แค่นี้ก่อนน่ะเพราะว่า อามีธุระ อืมม บายครับ// อาจารย์กันตภณพูดกับคนปลายเหมือนจะหัวเสียหน่อยๆ ก่อนจะวางสายไป เขาหันมายิ้มให้ผม ผมก็ดินหันซ้ายแลขวา กลัวคนมองมาที่ผม



“เป็นอะไรไปน่ะบีม” อาจารย์กันตภณภามผม ก่อนจะมองตามที่ผมมอง



“ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก ใส่เสื้อตัวใหญ่ขนาดนี้ พี่เองยังดูเราไม่ออกเลยน่ะ” อาจารย์กันตภณพูดปนหัวเราะ



“อันที่จริงพี่ไม่น่าลำบากมาเลยน่ะ “ผมพูดขึ้นพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกผิด



“พี่เต็มใจอยากจะช่วย ให้พี่ช่วยน่ะ เพราะว่าเราเป็นเด็กดี เป็นเด็กตั้งใจเรียน พี่เสียดาย และพี่ก็รู้สึกดีกับเรามากๆ พี่จึงอยากยื่นมือเข้ามาช่วย “อาจารย์กันตภณพูด



“พี่ขอน่ะครับ อย่าพูดว่าพี่ไม่น่าลำบากมาเลยอะไรแบบนี้ พี่เสียกำลังใจ นะครับบีม” อาจารย์กันตภณพูดกับผมก่อนจะผายมือให้ผมเดินไปพร้อมๆ กับเขา ผมเดินที่รถเก๋งคันหรู หรูมากจริงๆ อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมพร้อมรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นเสมอ



//บีมถึงโรงพยาบาลหรือยัง พวกเราสอบเสร็จแล้ว” มะนาวเพื่อนสาวของพวกผม ตัวจะอวบๆ น่ารักๆ



// ใกล้จะถึงแล้วมะนาว// ผมส่งข้อความกลับไปหามะนาว อาจารย์กันตภณ หันมามองผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น



//พวกเรานั่งรถแท็กซี่ไปเลย เจอกันบีม” มะนาวบอกผม ผมนั่งเอามือลูบท้องตัวเองเหมือนกำลังปลอบโดยเด็กน้อยในครรภ์ของผมอยู่ ไม่เป็นไรน่ะถ้าเจ้าจะมีแค่ พ่อคนเดียวไม่ได้มีครบเหมือนคนอื่นๆ เขา สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ ขณะที่รถจอดรอไฟแดงอยู่ และจังหวะที่ผมหันมาก็ต้องสุดเพราะว่าอาจารย์กันตภณเข้าหันมามองจ้องผมอยู่ แววตาที่ดูอบอุ่นคู่นั้น



“พี่จะไม่พูดว่าบีมต้องเข้มแข็งให้มากๆ บีมอ่อนแอได้ บีมร้องไห้ได้ และพี่นี่จะอยู่ข้างๆ บีมแทนเสมอ” พี่กันตภณพูดพร้อมกับใช้นิ้วมือจับปลายคางของผม ให้หันไปมองหน้าเขา อาจารย์กันตภณเอี่ยวตัวมาหาผม เหมือนกับว่าเขาทำท่าว่าจะจูบผม ซึ่งโดยปกติอาจารย์เขาไม่เคยแสดงแบบนี้กับผมเลย



“ปื้นนน!” เสียงแตรรถคันหลังบีบดังลั้นถนน ตอนนี้เขียวแล้วทำให้อาจารย์กันตภณต้องหันเปลี่ยนเกียร์รถยนต์และขับตรงไปทันที ผมได้แต่นั่งกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ ก่อนจะหลุบตาลงมองที่พื้นแทน ผมไม่กล้าหันไปสบตากับอาจารย์เขาเลย จนกระทั่งรถมาจอดที่สำหรับจอดรถของคนไข้



“บีม” จังหวะที่ผมทำท่าจะเปิดประตูออกไป อาจารย์กันตภณเรียกผมเอาไว้ ผมจึงชงักเท้าก่อนจะหันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ



“พี่ขอโทษ ที่พี่”



“” ไม่เป็นไรครับ พี่กัน ผม เออ ผม ขอโทษนะครับ ถ้าผมจะบอกว่าผมยังไม่พร้อมจะรับมือกับเรื่องอื่นๆ ตอนนี้ผมต้องโฟกัสที่เรื่องลูกในท้องผมก่อนนะครับ”



“ครับพี่เข้าใจ พี่รอได้” อาจารย์กันตภณพูด ผมหันไปส่งยิ้มให้เขา ผมกับอาจารย์เดินเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อนของอาจารย์เขาเป็นแพทย์ที่นี้และโรงพยาบาลนี้เป็นของครอบครัวพี่เขา โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชน



“สวัสดีครับ ผมรองศาสตราจารย์กันตภณครับ”



“ขอโทษนะคะ ใช่คนไข้ที่มาพบคุณหมอภีมปภพ หรือเปล่าคะ”



“ใช่ครับ”



“เดี๋ยวรบกวนนั่งรอสักครู่นะคะ คุณหมอแจ้งไว้แล้วว่าถ้าคนไข้มาให้ส่งเข้าไปที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ แต่ว่าตอนนี้คุณติดคนไข้ก่อนหน้าคุณนัดหนึ่งคน เดี๋ยวคนไข้คนนั้นออกมาแล้วจะเดินไปเรียกนะคะ” พยาบาลหน้าห้องแจ้งผมสองคน ผมหันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ ก่อนจะหันไปมองรอบๆ ที่มีแต่คนท้องนั่งอยู่ ตอนนี้เหงื่อผมเริ่มไหล ผมเริ่มหายใจติดๆ ขัดๆ



“หมับ” ข้อมือของผมถูกใครสักคนจับเอาไว้เพราะว่ามันเริ่มสั่น ผมหันไปมองคนที่จับมือผมเอาไว้



“หายใจลึกๆ บีม พี่เชื่อว่าบีมก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้พ่อแม่คนอื่น “อาจารย์กันตภณพูดกับผม มันทำให้รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผมทันที ผมเดินไปหาที่นั่ง และก็ชะเง้อคอมองเพื่อนๆ ของผมว่ามาถึงกันหรือยัง



“คุณกันต์ธีย์ค่ะ เชิญที่ห้องตรวจได้เลยค่ะ “พยาบาลเดินออกมาเรียกชื่อผม แต่ว่าเพื่อนของผมยังไม่มาเลย



“รอเพื่อนเหรอบีม” อาจารย์กันตภณมองตามสายตาของผมก่อนจะหันมาเอ่ยถามผม



“ครับ พี่กัน” ผมตอบ



“พี่จะบอกพยาบาลให้ว่าถ้าพวกเขามาถึงแล้ว ให้พวกเข้าไปในห้องตรวจได้” อาจารย์กันตภณบอกผมก่อนจะเดินไปคุยกับพยาบาลที่หน้าห้อง ผมเดินตรงเข้าไปในห้องตรวจ ผมก็เห็นคุณหมอหนุ่มรูปหล่อ สวมแว่นตา การแต่งกายที่ดูภูมิฐาน



“เชิญนั่งครับ ใช่น้องบีมหรือเปล่าครับ” คุณหมอหนุ่มรูปหล่อ ก็ละสายตาจากหน้าคอมพิวเตอร์หันมามองผมพร้อมรอยยิ้ม



“ใช่ครับ สวัสดีครับคุณหมอภีมปภพ”



“เรียกพี่หมอว่าพี่หมอภีมก็ได้ครับ “พี่หมอภีมปภพบอกผม ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผม



“เพื่อนพี่ล่ะครับ ไม่ได้มาด้วยกันเหรอครับ รองศาสตราจารย์กันตภณนะครับ” พี่หมอภีมปภพเอ่ยถามเพราะเห็นว่าผมเดินเข้ามาคนเดียว คำถามที่ปนเสียงหัวเราะเบาๆ



“พี่หมอภีมหมายถึง..” ผมกำลังจะเอ่ยถามคุณหมอหนุ่ม แต่คนที่พี่หมอกำลังถามถึงก็เดินเข้ามาพอดี อาจารย์กันตภณ



“ทำไมปล่อยน้องเขาเดินเข้ามาคนเดียวล่ะครับ ไอ้คุณแฟน” พี่หมอภีมปภพเงยหน้าขึ้นพร้อมกับถามอาจารย์กันตภณทันที ผมหันไปชำเลืองตามองนิดหนี่ง



“ไอ้ภีม” อาจารย์กันตภณทำท่าใช้นิ้วจุปาก



“โอเครู้กัน “พี่หมอภีมปภพพูดตัดบทก่อนจะหันมามองหน้าผม



“วันนนี้เราจะอัลตร้าซาวน์ฟังหัวใจน้องกันนะครับ ตอนนี้ก็สิบหกสัปดาห์แล้วซิน่ะ พอจะเห็นอวัยวะเพศน้องได้แล้วน่ะ อยากรู้ไหมว่าน้องผู้หญิงผู้ชาย” พี่หมอภีมถามผม ผมก็หันไปมองหน้าอาจารย์เฉยเลย



“แต่ก่อนจะไปดูหน้าตาเด็กน้อยกัน พี่ขอดูผลการตรวจเลือดเราก่อนน่ะ ผลออกมาดีมากแต่ว่า ธาตุเหล็กต่ำไปหน่อย ทานไม่ค่อยได้เหรอครับ”



“ผมไม่อยากทานเนื้อสัตว์เลยอ่ะครับพี่หมอ ทั้งที่ผมพยายามทานแล้วแต่พอลิ้นผมสัมผัสเท่านั้นแหละผมก็ต้องวิ่งไปอาเจียนออกอ่ะครับ” ผมพูด อาจารย์กันตภณหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าเป็นห่วง



“พี่จะให้ธาตุเหล็กไปทานนะครับแต่ถ้านัดรอบหน้ายังต่ำพี่ต้องให้ธาตุเหล็กทางเส้นเลือดแทนนะครับ เพราะว่าอันนี้สำคัญมากๆ และวิตามินดี ก็ต่ำไปหน่อยแต่ไม่มาก พี่ว่าไม่ต้องทานแค่ ออกไปรับแสงแดด ช่วงเช้าและช่วงบ่ายสักหน่อยก็น่าจะพอช่วยได้ “พี่หมอภีมปภพพูด



“เพิ่มวิตามินให้บีมเขาหน่อยซิไอ้หมอ”



“ได้ครับคุณกัน ลืมไปว่าเสี่ยกันมาเอง วันนี้จัดไปหนักๆ” พี่หมอภีมปภพพูดแซวอาจารย์กันตภณทันที



“ที่หมอดูโดยรวมทุกอย่างดีหมดยกเว้นเรื่องทานอาหารใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นพี่จะให้ยาทานเพิ่มเป็นวิตามินบี6 ช่วยลดอาการแพ้ได้ และเห็นบอกว่าปวดจุกแน่นท้องด้วยใช่ไหมครับ แสบร้อนกลางอก น่าจะกรดไหลย้อน พี่หมอแนะนำ ให้ทานแบบแบ่งมืออาหารทานเอาน่ะครับ อย่าทานมือหนักเกินไป ให้แบ่งเป็นมือย่อยๆ ห่างกันสักอย่างน้อยสองถึงสี่ชั่วโมง “พี่หมอก็พูดอธิบายจนกระทั่ง



“คุณหมอค่ะ เพื่อนๆ ของคนไข้นะคะ เขาขอเข้ามาได้ไหมคะ” พี่พยาบาลถามพี่หมอภีมปภพ



“เชิญเข้ามาเลยครับ” พี่หมอภีมปภพพูด ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผมที่เดินเข้ามาด้านในมานั่งยืนล้อมเพื่อตั้งตารอจะเห็นหลานตัวน้อย



“สวัสดีค่ะคุณหมอ “มะนาวเพื่อนสาวของผม เดินมายกมือไหว้คุณหมอ “สวัสดีค่ะอาจารย์” และหันไปยกมือไหว้อาจารย์กันตภพ “สวัสดีครับคุณหมอ สวัสดีครับอาจารย์” และเพื่อนคนอื่นของผมก็เช่นกัน



“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น พร้อมไหมที่จะดูน้องกัน” พี่หมอภีมเอ่ยถาม



“พร้อมมากค่ะ” มะนาวรีบตอบก่อนผมซะอีก



“อีนาวไม่ใช่ลูกมึง” เป็กซ์รีบแย้งดึงแขนมะนาวทันที



“อ้าว! ก็อยากเห็นหลานอ่ะ เพื่อจะหน้าตาดีเหมือนกู” มะนาวพูดผมหันไปยิ้มให้มะนาว ทำท่าเขินเพราะลืมไปว่าอาจารย์กันตภพนั่งอยู่ด้วย



“เดี๋ยวรบกวนให้พี่พยาบาลเข้ามาช่วยพี่หมอก่อนนะครับ” พี่หมอภีมพูดก่อนจะเดินไปที่เตียงคนไข้ ผมก็ลุกตามไป ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ ก่อนจะขึ้นไปนอนรอที่เตียงคนไข้ ขณะที่ผมเอนตัวลงนอน พี่พยาบาลก็เข้ามาจัดการจับชายเสื้อของผมถลกขึ้นจนเห็นท้องที่นูนขึ้นมาหน่อยๆ และปรับของกางเกงให้ต่ำลงไปที่หัวหน่าว แต่ว่าพี่เขามีผ้าปิดให้ไม่ให้โป้จนเกินไป ผมเห็นเครื่องที่ทำการอัลตร้าซาวน์ถูกเข็นมาไว้ข้างๆ ผม



“ตื่นเต้นไหมครับ เพราะว่าวันนี้น่าจะชัดมากหน่อย กว่าครั้งแรกเพราะว่าน้องเริ่มโตขึ้นมากแล้ว “พี่หมอภีมพูด ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้สูง พี่หมอภีมหันไปหยิบเครื่องที่ใช้หนาบที่หน้าท้องของผม เจลสีฟ้าๆ ถูกบีบออกมาแต้มไว้ที่ตรงหัวเครื่องสแกน ตอนนี้ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องอีกครั้ง



“ดูที่หน้าจอทีวีกันได้เลยนะครับ “พี่หมอภีมปภพพูดกับผมและหันไปยิ้มให้ทุกคนที่ตั้งตารอโดยเฉพาะเพื่อนๆ ของผม



“อุ้ย!!” ผมสะดุ้งสุดตัวเพราะความเย็นของเจลใสๆ ที่คุณหมอเทเอาไว้เพื่อที่ตรงหัวสแกน ตอนนี้ได้ทาบลงที่หน้าท้องของผม กลิ้งไปมาอยู่พักหนึ่งเพื่อเสาะหาหัวใจตัวน้อยๆ เครื่องเริ่มทำงานผมเริ่มเห็นค่าการเต้นของหัวใจเด็กน้อยในท้องของผม มะนาวที่ยืนกุมมือฟิล์มยังกับลุ้นประกาศดาวเดือนคณะเลย



“นี้ไง เจอแล้วเด็กน้อย” ภาพแรกที่หมอภีมให้ผมดูคือใบหน้าของเด็กน้อย



“เห็นอะไรกันไหมครับ” พี่หมอภีมถามขึ้นก่อนจะหันไปมองรอบและหันมามองผม ผมน่ะเห็นใบหน้าเด็กน้อย ที่นอนลอยตัวในถุงน้ำคล้ำของผม ผมรู้สึกรักเขาอย่างบอกไม่ถูก 



“เห็นจมูกค่ะ จมูกโด่งมากเลยอ่ะค่ะลูก งานดีตั้งแต่ยังไม่เกิดเลยค่ะลูก” มะนาวพูด ทุกคนหันมามองมะนาวเป็นตาเดียวกันเลย



“ดูซิ โด่งมาก โด่งกว่าพวกแกอีกอ่ะ” มะนาวหันไปพูดและชี้แต่ล่ะคน ของผมก็โด่งแต่ไม่มากโด่งพอประมาณ



“อีมะนาว ปากมึงเหรอ มาว่าจมูกพวกกูแบน “ใบชาพูด ผมก็มองลูกน้อยของผมผ่านทีวี น้ำตาผมเริ่มไหล จู่ๆ ก็มีคนส่งกระดาษทิชชูมาให้ผม คนนั้นคืออาจารย์กันตภพ ผมรับมาซับน้ำตา น้ำตาแห่งความดีใจและต่อไปนี้ผมจะพยายามทานให้มากเพื่อลูกโซ่ของผม



“จมูกโด่งมากจริงๆ น่ะ สงสัยพ่อจะโด่งมากเหมือนกัน” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันมามองผมที่หุบยิ้มเฉยเลย ผมเองก็ไม่รู้ว่าไอ้คนนั้นมันโด่งไหม



“เออจะว่าไป มึงก็โด่งมากเหมือนกันน่ะ ไอ้กัน จมูกมึงน่ะ” พี่หมอภีมหันไปแซวอาจารย์กันตภพทันที



“บ้านกูโด่งกันทั้งบ้าน หลานๆ กูก็โด่งกันทุกคน โดยเฉพาะลูกๆ ของพี่เกริก พี่ชายกูน่ะ “อาจารย์กันตภณหันมาพูดกับพี่หมอภีมปภพ ดูทั้งคู่สนิทกันมาก



“ผมก็ดกซะด้วยดูซิ และส่วนใหญ่คุณแม่ที่ลูกผมดกในครรภ์มักจะเป็นกรดไหลย้อนกันทุกคน “คุณหมอภีมปภพพูด แต่ผมน่ะหุบยิ้มตั้งแต่ที่หมอภีมปภพพูดว่าคุณแม่ คือผมไม่ใช่คุณแม่ไง พี่หมอภีมปภพหันไปมองอาจารย์กันตภณที่นั่งขยิบตาให้เขาอยู่ ก่อนที่คุณหมอจะพยักหน้าสองทีติดและหมอภีมปภพก็เลื่อนเครื่องมือสำหรับสแกนไล่ลงไปเรื่อย ๆ จนะ



“เอาล่ะเรามาดูซิว่า เพศไหนดี อย่าหนีบขาซิลูก ลุงหมอมองไม่เห็นครับ” ผมต้องอมยิ้มให้ลูกโซ่ ที่นอนหนีบขาไม่ยอมให้ลุงหมอเห็น



“อาขาซิลูก อามะนาวอยากเห็นมากเลยค่ะลูก “มะนาวไม่พูดเปล่าทำท่าแบมือออกเหมือนกับจะพยายามบอกหลานไม่ให้หนีบขา



“อยากเห็นอะไรมะนาว หื่นนะมึงนะ นี้หลานโว้ย!!” ฟิล์มหันมาถามมะนาว



“กูอยากรู้ผู้หญิงผู้ชายจะได้ซื้อของให้ถูกๆ ไง”



“เจอแล้ว นี้ไง “ผมนี้เรียกได้ว่าลุ้นตัวโก่งมาก ผมก็อยากรู้ว่าน้องจะเป็นเพศไหน



“มีจู๋ครับ คงไม่ต้องบอกแล้วว่าเพศไหน ยินดีด้วยได้ลูกชายครับ” หมอภีมปภพพูดออกมา ผมก็มองที่หน้าจอ



“เยสสส!!” พวกเพื่อนๆ ผู้ชายผมทำท่าเหมือนตอนเชียร์ฟุตบอลแล้วลูกเข้าประตูไปกันเป็นแถว



“โธ๋เอ๊ย!!  นึกว่าจะได้หลานสาวมาแต่งสวยด้วยกัน แต่อามะนาวก็รัก เพศไหนก็รัก มีจู๋ก็รัก”



“อ่ะลุงหมอไม่ดูก้นแล้วก็ได้ลูก แม้เตะใหญ่เลยน่ะ ตัวแค่นี้สงสัยแสบไม่เบาน่ะ” พี่หมอภีมปภพแซวลูกผม ก็ต้องเตะหลังทุกทีที่พี่หมอเอาที่สแกนไปวนใกล้ๆ ก้นเขา



“พี่หมอจะนัดอีกทีเดือนหน้าน่ะ ตอนนี้คงเริ่มรู้สึกน้องดิ้นหน่อยๆ แล้วซิน่ะ “พี่หมอภีมปภพหันมาอบกผม



“ไอ้หมอ แล้วบีมจะคลอดยังไง คลอดเมื่อไหร่” อาจารย์กันตภณ ถามพี่หมอภีม พี่หมอภีมหันมามองหน้าผมก่อน



“ก็คงต้องผ่าคลอดว่ะกัน เพราะว่า” พี่หมอภีมพูด



“ไอ้บีมมันไม่มีรู ที่จะให้น้องออกมาได้ใช่ไหมคะ” มะนาวชิ้งถาม



“มะนาว!!” เพื่อนๆ ผม



“มึงตรงไปไหม เกรงใจพี่หมอกับอาจารย์หน่อยเถอะมึง” ใบชารีบห้ามมะนาวทันที



“ก็ถูกครับมะนาว แต่ตรงไปนิด หึๆ” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะกับมะนาว ที่ยืนเกาหัวตัวเอง ผมก็ก้มลงเอามือลูบท้องตัวเองเบาๆ



“ต้องกำหนดผ่าเอาไว้ที่อายุครรภ์ 38 วีคขึ้นไป แต่จริงๆ ไม่อยากให้เกินสี่สิบวีค ไม่อยากให้รอจนเจ็บท้องเลยน่ะ “พีหมอภีมบอกกับอาจารย์กันตภณ



“จองห้องพิเศษเอาไว้เลยน่ะไอ้หมอ”



“แม้คนสำคัญของเพื่อนรัก จัดให้อยู่แล้ว” พี่หมอภีมปภพหันมาบอกอาจารย์กันตภณ



“งั้นก็เรียบร้อยแล้วครับ และหมอจะนัดอีกทีเดือนหน้าเลยน่ะ และพยายามทานหน่อยน่ะบีม และหมอคิดว่าอาการแพ้น่าจะเบาๆ ลงบ้างแล้ว อย่าลืมทานวิตามินที่หมอให้น่ะบีม “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะส่งกระดาษทิชชูให้ผมเช็ดทำความสะอาดเจลที่เลอะเทอะที่พุงของผมออกไป พี่หมอพยักพเยิดเรียกอาจารย์กันตภณ ออกไปคุย ผมก็ค่อยๆ ลุกขึ้น โดยมีเพื่อนๆ มาช่วยกันพยุงผมขึ้น แต่ละคนเข้ามากอดผม ผมดีใจที่ผมมีเพื่อนดีและคอยอยู่เคียงข้างผมตลอด ผมก้มลงเอามือลูบท้องผมเบาๆ เจ้าคือดวงใจของพ่อ พ่อจะเลี้ยงดูเจ้าด้วยสองมือของพ่อเอง

"แล้วบีมแกจะให้ลูกเรียกแกว่าอะไรว่ะ" มะนาวถามผม ผมเงยหน้ามองมะนาวและทุกคน

"เออว่ะ มึงให้ลูกเรียกมึงว่าอะไรว่ะ บีม "ใบชาอีกคน

"จะเรียกแม่ก็ได้น่ะ เพราะแกอุ้มท้องลูกแกเอก " เป็กซ์อีกคน

"กูก็งงแทนว่ะ แต่มึงก็เป็นผู้ชายอ่ะ ควรจะเรียกพ่อ แต่ถ้ามึงเจอคนที่เป็นพ่อของลูกมึง ก็ต้องมีพ่อสองคนอะดิ" ปัญหาระดับชาติบังเกิดทันที ผมก้มลงมองพุงน้อยของผม

"ถ้าเรียกแม่ แกอาจจะรู้สึกกังวล เพราะคนคงมองแกเป็นตาเดียว มี้ไหมแก มาจากมามี่ น่ารักดีออก" มะนาวพูด แต่ละคนหันมายกนิ้วให้

"นอกจากเรื่องส่องผู้ชายแล้ว มึงจะมีหัวใจเอาไว้คิดดีดีกับด้วยก็อันนี้แหละเพื่อน" ใบชา มะนาวหันไปทำท่ายกมือไหล่ตีใบชา ผมก็เอามือลูบท้องน้อยของผม เรียกว่ามี้แล้วกันน่ะลูกโซ่ มี้จะดูแลเจ้าเอง

TBC.....

ตอนแรกว่าจะมาอาทิตย์หน้าเลย อึดอัดแทนเลยขอลงอีกสักตอน ฝากน้องลูกโซ่ไว้ในอ้อมกอดด้วยนะคะ 
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.3 ลูกโซ่ดวงใจพ่อบีม
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 22-02-2021 23:51:01
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.3 ลูกโซ่ดวงใจพ่อบีม
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-02-2021 13:32:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4 ฝันเป็นลาง
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 23-02-2021 19:32:35
          Part’ s เธียรวิชย์ ผมบินกลับมาเรียนปริญญาโทต่อ อันที่จริงก็เรียนมาสามปีแล้ว ยังไม่อยากจบอ่ะ เพราะว่าไม่อยากกลับไปอยู่ไทย ยังอยากใช้ชีวิตเจ้าสำราญที่นี้ มีผู้หญิงมาให้สนองตัณหาทุกวัน และถ้ากลับไปอยู่ที่ไทย แพรวาก็ตามติดจนผมไม่มีใครกล้ามาพลีกายให้ นางเล่นทำตัวหวงผมซะจนน่าเบื่อและนี้ก็จัดสาวผมทองนมก็โต้ โต หุ่นก็แซ่บ เอวเป็นเอว สะโพกเป็นสะโพก สาวๆ พวกนี้ไม่สนใจหรอกว่าต้องคบกันออกนอกหน้าถึงพลีกายให้ นี้แค่คุยกันถูกคอก็ได้แล้ว จัดไปสองยกติดๆ จนผมสลบผมนอนถอดกายที่เปลือยเปล่า


        ผมรู้สึกคอแห้งมากผมจึงค่อยๆลืมตาขึ้น ผมมองเพดานห้อง ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างๆ ผมและผมก็รู้สึกหนักอึ้งอยู่ที่หน้าอกของผม และน่าจะเป็นเพราะเด็กน้อยผิวขาวมากนั่งอยู่  เขาหันมามองผมพร้อมรอยยิ้ม ผมก็ขยี้ตาไปมาอยู่หลายที่ แต่เด็กน้อยนั้นก็ยังอยู่

“มาหาใครน่ะ แล้วมานั่งบนนี้ทำไมน่ะ ลงไปเลย หนัก” ผมถามเด็กน้อยนั้น


“ป๊า” เด็กนั้นเรียกผมว่าป๊า ผมก็ชี้ตัวเอง ผมนี่น่ะป๊า


“นี่อย่ามาเรียกมัวๆ น่ะ เดี๋ยวโดนเต๊ะ ใครป๊า”


“ป๊า” ยังเรียกอีก

“ป๊าใจร้าย!!” ผมก็สะดุ้งเฮือกอีกครั้ง และนี่คือการรู้สึกตัวจริงๆ ของผม เมื่อสักครู่ผมฝันไป ผมรีบยกฝ่ามือขั้นมาปาดเหงื่อที่ใบหน้าของผม มันเปียกโชกราวกับว่าผมละเมอเดินไปเอาน้ำราดหน้าตัวเอง ผมหันไปมองคนที่นอนถอดกายเปลือยเปล่าอยู่หลับสนิทไม่ไหวติง  ผู้หญิงผมทองที่ผมหิวมาด้วยเมื่อคืน นี้ผมฝันไปเหรอเนี๊ยะ

   
   ผมเหลือบมองเวลาแอปเปิล IHOME ที่ตั้งอยู่ เป็นเวลาตีสองกว่าเกือบจะตีสาม และถ้าตอนนี้เป็นเกือบจะเวลาสิบโมงเช้าที่ไทยพอดี ผมลุกขึ้นก่อนจะเดินไปในห้องครัว ห้องที่ผมอยู่เป็นคอนโดหรู อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยที่ผมมาเรียน ผมหยิบมือถือมาโทรหาเพื่อนผมก่อน เพื่อว่ามันจะช่วยทำนายฝันผมได้มั้ง

// ฮัลโหล// น้ำเสียงที่บ่งบอกว่ามันยังไม่ตื่น

//ไอ้ราเชน มึงไม่ไปทำงานหรือไงว่ะ//

// ไปแต่รอตื่น มึงล่ะ เป็นห่าอะไร นอนไม่หลับหรือไง หรือว่าพาสาวที่ไหนมาอึบๆ กูจะโทรบอกแพรวาให้”



“พอ พอ ไอ้เชี้ย กูไม่อยากได้ยินว่านางซื้อตั๋วเครื่องบินและให้กูไปรอรับที่สนามบิน กูขอล่ะว่ะ” ผมพูด ก่อนจะหันไปรินน้ำใส่แก้วยกขึ้นมาดื่ม


“มีอะไรวะ และที่นั่นกี่โมงแล้วว่ะมึง” ไอ้ราเชนมันถามผม


“ตีสามแล้ว” ผมตอบไป


“ตื่นมาทำไมว่ะ ไอ้เธียร!!”

“กูฝันว่ะ กูฝันแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะมึง”


“ฝันว่ามีเด็กมาอยู่ในห้องมึงเหรอว่ะ”


“เออดิ กูจะประสาทหลอนอยู่แล้ว”


“เขาบอกว่าฝันเห็นเด็กแสดงว่ามึงจะได้เป็นพ่อคนว่ะ ฮาๆ” ไอ้ราเชนพูด ผมก้มลงมอพื้น


“กูป้องกันตัวเองดี ไอ้เชี้ย” ผมพูด


“ก็มึงพึ่งจะบอกอยู่ว่ามึงไม่ได้สวมถุงกับน้องเขาด้วย น้องอะไรวะ กูลืมชื่อ น้องที่ไอ้ไปส์มันจะเอาน่ะแต่มึงแม่งแย่งมันไปแดก” ไอ้เรเชนพูด


“กูไม่ได้แย่งแต่น้องเขาดันเข้ามาตอนที่กู ต้องการ เป็นมึงจะห้ามตัวเองได้ไหม เสือกใส่ยาให้กูแบบนั้น”


“เออ ๆ กูขอโทษว่ะ แต่ว่าน้องเขาท้องหรือเปล่าว่ะเลยทำให้มึงฝันเห็นเด็กน่ะไอ้เธียร” ไอ้ราเชนมันพูด ผมนี้คิดผิดมากที่โทรหามัน


“ท้องเชี้ยอะไร น้องเขาเป็นผู้ชายไอ้เชน” ผมพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะหันมาเห็นของดี ผู้หญิงที่ผมเพิ่งจะโป่ง โป้ง ฉึ้งไป เธอออกมายืนพิงขอบประตู ผมมองดูจากปลายเท้าไล่ขึ้นมาจนถึง ท่อนบน เธอสวมมาแค่เสื้อคลุมไหล่ที่เปิดยั่วยวนให้ผมอยากวางสายไอ้ราเชนทิ้ง


“คุยกับใครคะ เธียร”

“เพื่อน เพื่อนที่ไทยน่ะ เออ”

“คุยต่อไหมคะ”

“ไม่แล้วครับ “ผมพูดก่อนจะยกมือถือผมขึ้นมา “กูงานเข้าว่ะ เอาไว้ค่อยคุยกันว่ะไอ้เชน แค่นี้น่ะ และกูคงได้หลับต่อแล้วว่ะ กู้ดไนท์” ผมพูดกับไอ้คนปลายสาย ก่อนจะรีบกดวาง ผมเดินไปหา แอสชลี สาวสวยผมบรอนด์ทอง ริมฝีปากที่อาบอิ่ม หน้าอกหน้าใจใหญ่โตสมกับเป็นสาวเมืองผู้ดี ผมตรงเข้าไปหาเธอ และแอชลีย์ก็กระโจนเข้าหาผม พร้อมกับมอบรสจูบที่ดูดดื่มให้ผม

“แสดงว่าสองยกไม่พอขอต่อเหรอครับแอชลีย์”

“ใช่ค่ะ เธียร แอชลีย์ อยากได้แบบถึงใจหน่อยนะคะ สองยกแรกนั้นไม่ค่อยถึงเท่าไหร่ แต่ยกนี้จัดให้แอชลีย์ถึงๆหน่อย แอชลีย์จะมีรางวัลให้ค่ะ “เธอพูดพร้อมกับกอดคอผม และผมก็ยกสะโพกงามๆ นั้นลอยขึ้นพร้อมกับแขนของแอชลีย์ที่โอบรอบคอผม ศึกที่ต้องแลกมาด้วยน้ำกามของผมกำลังเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ผมวางแอชลีย์ลงที่เตียงนอนคิงส์ไซด์ของผม นุ่มระดับเหมือนนอนอยู่บนปุยเมฆ ตอนนี้นางแมวยั่วสวาทของผมขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงเรียบร้อยแล้ว พร้อมกับยกเขาขึ้นตั้งฉากรอให้ผมหมุดหัวเข้าไปและผมก็คืบคลานขึ้นไปจนกระทั่ง มองเข้าไปในหลืบนั้นและสิ่งที่ผมเห็นคือใบหน้าเด็กน้อยที่กำลังโผ่ออกมา


“เว้ย!!!” ผมร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบถอยหลังออก แอลชลีย์ก็หนีบขาตัวเองทันที

“เป็นบ้าอะไรของคุณน่ะ” แอชลีย์ถามผม

“ก็เห็นมีหน้าเด็กอยู่ตรงนั้นน่ะ”

“นี่คุณพูดเรื่องบ้าอะไร หน้าเด็กบ้าบออะไร ไม่มี” แอชลีย์พูด ผมเองที่ลงไปนั่งอยู่ที่พื้น และตอนนี้น้องผมมันก็หดหมดแล้วด้วย

“ก็ผมเห็นจริงๆ และมันก็อยู่ตรงน้องหนูคุณเลยแอชลีย์! “ผมพูดพร้อมกับทำท่าขนลุกขนพองไปด้วย


“และนี่จะทำไหม เซ็กส์น่ะ” แอชลีย์ถามผมด้วยสีหน้าที่เริ่มจะไม่พอใจ

“คงไม่มาแล้ว เพราะว่าหดไปแล้ว” ผมพูด

“โอเค งั้นฉันกลับน่ะ “นางรีบลุกขั้นแต่งตัวแบบลวกๆ ก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าของเธอที่วางอยู่ ก่อนจะหันมามองผม



“ไอคิดว่ายู เออเราน่ะ ควรจะเจอกันแค่ครั้งเดียวพอน่ะ เพราะว่าไม่ถึงใจ ไอเสียเวลา!” ผมก็ต้องหน้าชาไปทันที นี้ผมเอาไม่ถึงใจ ทั้งที่แต่ก่อนผมไม่เป็นน่ะ แต่ว่าช่วงนี้ ทำไมน้องถึงได้ไม่อึดไม่ทน ผมก็ต้องยกมือขั้นกุมขมับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองสาวผมทองของผมเดินผ่านออกไป

“ออกไปแล้วล๊อกประตูให้ด้วยนะคุณ ขอบคุณ” ผมบอกเธอตามหลังไป

“f**k you”

“Thank you very much” ผมตอบเธอไป ก่อนจะค่อยๆ ขึ้นมานั่งบนเตียง จะว่าไปเด็กน้อยที่ผมเห็นก็หน้าหวานๆ มันหวานเหมือนทอมๆ มากกว่า และไอ้เด็กที่ผมมีอะไรด้วยในคืนนั้นก็ออกจะเหมือนทอมมากด้วย จะว่าไปผมเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่ออะไร

// ไอ้ไปส์เด็กที่มึงว่าจะเอาเขาน่ะคืนนั้นอ่ะ น้องเขาชื่ออะไรวะ// ผมส่งข้อความอินบ๊อกไปหาเพื่อนผม

//เด็กคนไหนวะ//

///ที่มาชงเหล้าไงว่ะ//

//ที่มึงเอาเขาในห้องพักวีไอพีเหรอว่ะ //

//ไอ้ไปส์ ไอ้เชี้ย!!” ผมด่ามันทันที

//ก็มึงเอาเขาจริงๆ นี่หว่า แม่งกูอุตส่าห์เรียกเขามานั่งชงเหล้าและกูก็อุตสามอมเขา สุดท้ายมึงเอาเขาแทนกู ให้เชี้ย!!”


“มึงจำได้ไหมว่าน้องเขาชื่ออะไร”

“ชื่ออะไรวะ บอ บอ บีม อ้อ ชื่อบีมว่ะ “ไอ้ไปส์มันบอกผม

“เออ กูได้ยินเด็กที่ผับนะมันบอกว่าน้องเขาไปถามหามึงว่ะ เขาถามหาคนที่ชื่อเธียรวิชย์น่ะ ว่าแต่น้องเขารู้จักชื่อมึงได้ไงว่ะ” ไอ้ไปส์มันบอกผม

“คงจากแหวนที่กูถอดเอาไว้ให้น่ะ กูลืมไปว่านั้นแหวนที่ม๊าซื้อให้และมันก็สลักชื่อกูแต่นามสกุลแม่งลงได้ไม่หมด เลยได้แค่ดอเด็กตัวเดียว”

“อ้อ เลยกลายเป็นไอ้เธียนวิชย์ หัวดอเลยดิมึง”

“ไอ้เชี้ย!!” ผมยืนกำปั่นต่อยอากาศ ได้ทีเลยน่ะมึงน่ะ

“แล้วนี่มึงก็ดันถอดแหวนวงศ์ตระกูลของมึงเองให้น้องเขาเอาไว้ดูต่างหน้าด้วย ทำไมไม่ควักเอาบัตรประชาชนมึงให้น้องเขาไปแทนล่ะวะ น้องเขาได้เห็นหน้าไอ้ผู้ร้ายที่ทำลายประตูหลังเขาชัดๆ และเอาหลักฐานมาโชว์พ่อบังเกิดเกล้ามึงล่ะครับ “ไอ้ไปส์มันพุด

“มึงจะซ้ำกูอีกนานไหมไอ้ไปส์ เดี๋ยกูวางสายเลย” ผมพูดเพราะว่าผมจนมุมแล้วไง


“มึงก็วางดิ มึงโทรหากู กูไม่ได้โทรหามึง” ไอ้ไปส์ไอ้วนกตีนขั้นเทพและมันก็จริง ผมเป็นคนโทรหามันเอง

“และมึงนี้แม่งเป็นผู้ร้ายไม่เนียนไปเรียนมาใหม่เถอะไป มึงข่มขืนเขาแล้วมึงยังทิ้งหลักฐานให้เขาเกือบได้พาตำรวจมาลากคอมึงอีก เทพมากเพื่อนครับ” ไอ้ไปส์มันด่าผมเป็นชุด

“และดีที่พวกกูไหวตัวทัน กูเอาเงินอุดปากพนักงานผับไปหมดแล้วว่าห้ามบอกว่ารู้จักมึง “ไอ้ไปส์มันพูด

“เออ ขอบใจว่ะ แต่ที่กูให้เขาไว้ก็เพราะว่าห้าพันมันน้อยไปไอ้สัส!! และทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะพวกมึงคน่ะโว้ย “ผมพูด ก่อนจะเอนตัวลงนอนราบกับที่นอน ผมรับรู้ได้ว่ามือถือผมมีข้อความเข้า ผมก็รีบกดเข้าไปดูและสิ่งที่ทำให้ผมตกใจแทบสิ้นสติ ผมเด้งตัวเองขั้นนั่ง

“ไอ้เชี้ย พ่อกูล๊อกบัตรไม่ให้กูใช้!!!” ผมพูดเสียงดังใส่มือถือของผม

“ก็เขาอยากให้มึงกลับไทยนี่หว่าไอ้เธียร”

“ก็กูยังไม่อยากกลับอ่ะ และกูเบื่อกลับไปแพรวาก็ตามติดกู”

“มึงก็บอกแพรวาไปดิว่ะ ว่ามึงไม่ได้คิดอะไรกับเขา”

“กูบอกยังไงวะ แพรวาเอาแต่ใจที่สุด พ่อเขาก็ตามใจ”

“เออ แค่นี้ก่อนนะไอ้ไปส์ กูโทรหาเฮียกูก่อน” ผมพูดก่อนจะกดวางสายไอ้ไปส์และหันไปโทรหาเฮียผมทันที พี่ชายคนโต พี่ธี

//ว่าไงเธียร// น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าพี่ชายผมยุ่งมาก

//เฮีย ทำไมป๊าล๊อกบัตรผมอ่ะ ผมก็ใช้เงินไม่ได้อะดิเฮีย” ผมพูดกับเฮียของผม

//ป๊าอยากให้มึงกลับไทยได้แล้ว//

//ก็ผมยังเรียนไม่จบนี่เฮีย//

//เธียร มึงควรจะเรียนให้จบได้แล้ว เขาให้เรียนสองปี มึงจะสามปีแล้ว จบได้แล้วไอ้เธียร และเฮียก็จะไม่ช่วยอะไรมึงแล้ว ไม่ช่วยพูดและไม่ช่วยรับหน้าอะไรให้มึงทั้งนั้น เธียร// ผมก็ต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆ


//เฮียจะโอนไ//ปให้ก่อนสองแสน พอไหม” เฮียธีพูด

//ก็โอเคอยู่น่ะเฮีย//

//โอนมากไม่ได้เดี๋ยวป๊ารู้ มึงเข้าใจเฮียป่ะเธียร// เฮียธีพูด

//แค่นี้น่ะเธียร เฮียมีประชุมครูที่โรงเรียนเธียร และเฮียจะให้เลขาจัดการเรื่องเงินให้ก่อน//

//ขอบคุณครับเฮีย// ผมพูดก่อนจะวางสายตาเฮียธีไป


    ผมยอมรับว่าผมควรจะจบตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วแต่นี่ผมกักไว้ เลยยืดเยื้อมาถึงสามปีแบบนี้ และเมื่อคืนก็พาสาวสวยไปผับหรูที่ดาราฮอลลีวูดชอบเข้าและเสียเงินไปหลายพันดอลลาร์อีกต่างหาก แถมเช้านี้พ่อผมล๊อกบัตรอีกให้มันได้อย่างนี้ซิเธียร!! แต่จะว่าไป หน้าเด็กน้อยที่ผมเห็นมันช่างน่ารัก ยิ่งตอนที่เขาเอียงคอหันมามองผม ผมก็ต้องสั่นหัวตัวเองไปมา ภาพที่นั่นออกไป มันแค่ความฝันไอ้เธียร ผมเองก็พยายามข่มตาให้หลับต่อให้ได้ ผมเองก็รู้สึกผิดที่ผมทำกับเด็กคนนั้นไปอย่างนั้นอีก

TBC......
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4 ฝันเป็นลาง
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 23-02-2021 20:38:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4 ฝันเป็นลาง
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-02-2021 23:17:00
 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4 ฝันเป็นลาง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-02-2021 23:22:48
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4.1 เริ่มแสบตั้งแต่อยุ่ในท้อง
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 24-02-2021 11:01:12
   
            Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมเพิ่งจะออกจากห้องที่ผมทำหน้าที่อาจารย์สอนวิชาเศรษฐศาสตร์ ผมยอมรับว่าผมเก่งด้านนี้และนี่ผมถึงได้เลือกเรียนสาขานี้โดยตรง เป็นวิชาที่ยากมาก ยากทั้งเรื่องเรียนและเลือกการสอบและนักเรียนนักศึกษาหลายคนแทบจะไม่อยากเรียนเลยจริงๆแต่นี่คือวิชาบังคับของหลายสาขา ผมเดินมายังห้องพักคณะอาจารย์


“อาจารย์กันค่ะ” ผมชื่อเล่นว่ากัน อาจารย์ท่านอื่นจะเรียกผมสั้นว่าอาจารย์กัน  กันทุกคน ผมหันไปมองอาจารย์.เปรมสินี เธอรุ่นเดียวกับผม เธอเป็นผู้หญิงเก่งของคณะ และเธอก็ได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์ก่อนผมอีก แถมเธอยังเพิ่งจบดอกเตอร์มาหมาดๆ

“สวัสดีครับดอกเตอร์”

“แม้เรียกว่าบุ๋มเหมือนเดิมเถอะค่ะ ว่าแต่ช่วงนี้ไม่เจออาจารย์เลยนะคะ เลิกสอนก็รีบกลับ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ดอกเตอร์เปรมสินี หรือดอกเตอร์บุ๋ม ชื่อเล่นของเธอ

“ผม เออ พอดี”

“จะว่าไป เด็กคนที่มักจะมาช่วยงานอาจารย์ก็ไม่มาเรียนนะคะ เห็นเพื่อนๆ บอกว่า เขาดร๊อปเรียนเหรอคะ “ดอกเตอร์เปรมสินีย์ถามผม

“น้องเขาไม่ค่อยสบายนะครับ”

“อ้าวเป็นอะไรไปล่ะคะ เห็นสุขภาพแข็งแรงดีนี่ค่ะ “ดอกเตอร์เปรมดิ์สินีย์พูดกับผม

“ก็แค่ปัญหาสุขภาพเล็กๆ น้อยน่ะครับ เทอมหน้าบีมเขาก็กลับมาเรียนได้ตามปกติครับ” ผมพูด ผมเองก็พยายามหาเรื่องจะเดินออก ผมไม่อยากยืนตอบคำถามเธอให้มากหนัก ผมเหลือบไปมองมือถือของผม มีข้อความเข้ามา

// อาจารย์กันตภณครับ ผมฟิล์มนะครับ ตอนนี้ไอ้บีมมันอยู่โรงพยาบาลครับ มันอาเจียนจนเป็นลมนะครับ พี่หมอภีมให้แอทมิทครับ” ผมก็ต้องตกใจจนรีบเก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกง สายตาของดอกเตอร์เปรมสินีย์มองผม

“มีเรื่องเหรอคะอาจารย์”

“ครับ ผมต้องรีบไปน่ะครับ” ผมบอกเธอก่อนจะหันหลังออก

“บุ๋มได้ยินมาจาก เด็กๆ ในห้อง พูดว่า ลูกศิษย์อาจารย์คนนี้เขาท้องเหรอคะ” ผมถึงกลับต้องหันหลังกลับมามองคนที่พูด

“ถูกไหมคะอาจารย์”

“คือ เออ “ผมก็อ้ำอึ้งที่จะตอบ ทำไมถึงมีคนรู้เรื่องนี้

“กับอาจารย์หรือเปล่าคะ แต่ที่แปลกมากไปกว่านั้น คือเด็กนี่เป็นผู้ชายด้วยซิคะ”

“ผมขอไม่พูดดีกว่านะครับ อย่างน้อยก็เห็นแกเด็กเถอะครับอาจารย์ ต่อให้เขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เราเป็นครูเป็นอาจารย์สิ่งไหนปกป้องเขาได้ เราควรจะทำครับ” ผมพูด อาจารย์เปรมสินีแค่ปรายตามองผม

“พอดีบุ๋มเพิ่งจะได้รับคำสั่งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินใจเรื่องการรับปริญญาบัตร เกียรตินิยม บุ๋มเห็นอาจารย์เสนอชื่อเด็กคนนี้ด้วย มันทำให้บุ๋มคิดว่า อาจารย์มีอะไรพิเศษกับเด็กไหมคะ”

“และทุกอย่างที่ถูกนำมาตัดสิน มันมาจากความสามารถของเด็กหรือว่ามาจากความพิศวาสส่วนตัวกันแน่คะ” ผมหันไปมองหน้าอาจารย์เปรมสินีทันที

“ไม่มีครับ ผมไม่มีคะแนนพิสวาสอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างเด็กทำเอง ไม่ว่าจะรายงาน หรือว่าการบ้านที่ผมให้ คะแนนเก็บเขาก็ได้เพราะว่าเขามีงานส่งผม และคะแนนพวกนี้มาจากคะแนนรวมทุกวิชาด้วยนะครับครับ” ผมหันมาตอบตรงหน้าเธอ มุมปากสวยๆ นั้นกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“อุ้ย! ขอโทษนะคะ พอดีแพรวาไม่รู้ว่าอาจารย์มีแขกนะคะ” แพรวา เป็นเด็กที่เรียนอยู่สาขาการบัญชี ผมรู้จักเธอเพราะว่าเธอเป็นลูกสาวของเพื่อนพี่เกริกพี่ชายของผมและดูสนิทกับเธียรวิชย์หลานชายผมด้วย นี่เธอมาหาอาจารย์เปรมสินี อาจารย์เปรมสินีย์ เป็นอาจารย์สอนวิชาการบัญชี แสดงว่าเธอคงเป็นลูกศิษย์คนโปรดด้วยซิน่ะ


“ผมขอตัวนะครับอาจารย์ “ผมพูดตัดบทก่อนจะเดินออก ผมหันมาปิดประตูที่แพรวาเปิดค้างเอาไว้

“อาจารย์จะเสนอชื่อแพรวา สำหรับเกียรตินิยมอันดับสองเหรอคะ แทนใครเหรอคะ” ผมได้ยินแค่นั้น ผมก็เดินปิดประตูลง บางครั้งการที่เป็นคนเถรตรงก็ไม่ได้จะช่วยให้ได้โอกาสดีดีกับใครเขาสักเท่าไหร่ นี้ผมคิดถูกแล้วใช่ไหมที่เลือกมาเป็นอาจารย์สอนในมหาลัย มากกว่าไปนั่งทำหน้าที่ผู้อำนวยการโรงเรียนของพ่อผมเองแต่นี่ผมยกให้พี่ชายไปหมดแล้ว

“ปีก” ผมรีบกดรีโหมดปลดล๊อกรถเก๋งคันหรูของผมทันที

“อากันค่ะ” เสียงเล็กๆ ผมไม่ได้ยินบ่อยแต่ก็จำได้ดี แพรวานั้นเอง

“ว่าไงแพรวา” ผมหันหน้ามาถามเธอ

“แพรวาว่าจะถามอากันตั้งแต่บนห้องแล้วค่ะ แต่เห็นอากันกับดอกเตอร์เปรมสินีย์คุยกันด้วยสีหน้าที่ตึงเครียดนะคะ “แพรวาพูดขึ้น

“มีอะไรจะถามอาล่ะ” ผมถามแพรวา

“อากันได้คุยกับพี่เธียรไหมคะ แพรวาโทรหาเมื่อวันทั้งวัน และวันนี้ก็โทรแต่พี่เธียรไม่ยอมรับสายของแพรวาเลยค่ะ” ผมหันมามอง

“เธียรมันติดเรียนหรือเปล่าแพรวา” ผมถามแพรวากลับ

“กลางคืนก็เรียนเหรอคะ แต่ถ้าบอกติดเรียนแพรวาว่ามันไม่น่าเชื่อสำหรับพี่เธียรสักเท่าไหร่นะคะ”

“อาก็ได้คุยกับเธียรเมือวันก่อน เธียรเขาโทรมาบอกอาว่า พี่ชายอาล๊อกไม่ให้เขาใช้บัตรกดเงินน่ะ” ผมพูดกับแพรวา

“เหรอคะ” แพรวาถามผมเสียงอ่อยๆ

“แพรวาอารีบน่ะอาจะไปทำธุระน่ะ เราก็ร้องโทรหาเขาอีกทีแล้วกันน่ะ “ผมหันมาพูดกับแพรวาก่อนจะเดินไปขึ้นรถอีกฝั่งด้านคนขับรถ

“อากันค่ะ “แพรวาเรียกผมไว้อีกครั้งหนึ่ง ผมหันหน้ามามองเธอว่ามีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ

“คือ บังเอิญว่าแพรวาได้ยินที่อาจารย์พูดกันนะคะว่า มีนักศึกษาคณะเราท้องเหรอคะ “แพรวาถามผม ผมหันมามองแพรวา

“แพรวาก็ไม่ได้อยากสนใจหรอกค่ะ แค่ได้ยินเขาพูดกันมาด้วยค่ะ และหวังว่าเด็กในท้องคนนั้นจะไม่ใช่ลูกอากันนะคะ” แพรวาพูด ผมหันมามองหน้าเธอ ผมเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากในตอนนี้เพราะคนที่เสียหายคือบีม

“อารีบ อาไปก่อนนะครับ” ผมรีบชิ้งตัดบทขอตัวทันที ผมเองก็อยากให้เด็กคนนั้นน่ะเป็นลูกผมซะด้วยซ้ำ ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ผมเห็นแพรวาหันไปคุยกับเพื่อนๆ ของเธอ เธอคือลูกสาวคนเดียวของท่านรัฐมนตรี เธอจึงทำอะไรไม่เกรงใจใครทั้งนั้น ผมไม่อยากจะคิดเลยถ้าเธอได้มาเป็นแฟนไอ้เจ้าเธียรวิชย์จริงๆ แต่คิดอีกที บางทีเธออาจจะเอาความเจ้าชู้เธียรวิชย์อยู่ก็ได้ ใครจะไปรู้

******

      Part’ s กันต์ธีย์ ผมนอนมองสายน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ที่เสา สุดท้ายผมก็ต้องมานอนให้น้ำเกลือจนได้ เพราะอาการอ่อนเพลียของผม ไม่รู้ว่าตอนที่แม่ตั้งท้องผมนั้น แม่จะเป็นหนักแบบนี้ไหม แพ้ท้องหนักแบบนี้ไหมน่ะ แต่ผมนี้ทรมานมากที่สุด ผมเอามือลูบท้องน้อยของผม ยี่สิบสัปดาห์แล้วน่ะ อดทนอีกหน่อยนะครับลูกโซ่

“บีม ทานอะไรหน่อยไหมแก นี่ฉันซื้อของโปรดแกมาให้น่ะ” ผมหันไปมองของโปรดของผม นั้นคือบะหมี่ ผมค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ผมมองบะหมี่เกี๊ยวหมูแดง ที่ผมชอบมากแต่ว่าตอนนี้ผมเห็นเหมือนเป็นอะไรสักอย่างที่พาลจะทำให้ผมคลื้นไส้อาเจียน

“เฮ้ยย!! บีม” มะนาวรีบหยิบชามบะหมี่ออกไปทันที เพราะว่าผมใช้มือปัดไปมา ก็กลิ่นกระเทียมมันทำให้ผมคลื้นไส้มากขึ้นไปอีก จนกระทั่ง ผมหันไปเห็นกล่องอาหารซีพีเข้า

“พาสต้าไหมมึง แต่ปกติมึงบอกไม่ชอบทานน่ะ มึงชอบบะหมี่มากกว่า “ใบชาพูดแต่ผมพยักหน้าตอนนี้ท้องร้องมากเลย และใบชา เพื่อนผมคนนี้ มากจากทางเหนือ และสอบติดที่นี้ได้และมาอยู่หอกับพี่ชาย ที่ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพ พอใบชาเปิดกล่องออกมา มันน่ามแปลกที่ผมไม่รู้สึก ผอืดผอมเลยสักนิด ผมค่อยๆ ใช่ช้อนตักมาคำเล็กมากๆ ก่อนจะเปิดริมฝีปากเล็กๆ ของผม ชิมรสชาติก่อนและได้ผล ผมทานได้เฉยเลย

“เฮ้ย ปกติมึงไม่กินพาสต้าน่ะไอ้บีม” ฟิล์มมันรู้ดี เลยหันมาทำสีหน้าแปลกใจ ผมก็นั่งทานได้ปกติ


“เคยได้ยินป่ะว่า คนท้องน่ะมักจะชอบทานอะไรที่แปลกแหวกแนวไปจากเดิมน่ะ เหมือนแม่ฉันนี่ตอนท้องฉันน่ะ แม่อยากกินมะนาวมาก หันมะนาวคลุกพริกกลัวกินเลยน่ะ ซึ่งปกติแม่ฉันไม่ชอบของเปรี้ยวเลย”


“แม่มึงเลยให้ชื่อมะนาวว่างั้น”

“โชคดีน่ะที่แม่แกไม่ได้ชอบกินมะขวิดล่ะ"

“ทำไมล่ะ”

“จะได้ตั้งชื่อแก่ว่ามะขวิดแทนไงล่ะ มะนาว” เป็กซ์พูดแซว และนี้ก็ทำให้ผมยิ้มออกมาได้เล็ก ความสุขที่มีเพื่อนนั่อยู่ด้วย

“มะนาวดีใจน่ะที่บีมยิ้มได้ อย่าเครียดน่ะขุ่นแม่ของมะนาว สงสารหลานตัวน้อยๆ “มะนาวพูดพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้

“เออ บีม วันก่อนมึงไปเจ้าหน้าที่ที่มึงทำเรื่องดร๊อปว่าไงว่ะ”

“คือกูขอใบรับรองแพทย์ไปให้เขาน่ะ เขาก็เลยรู้ว่าทำไมกูต้องดร๊อปเรียนไปก่อน” ผมพูด

“มึงรู้ป่ะ แม่งเอาไปพูด และเพื่อนต่างห้องพากันมาถามพวกกูกันหมดเลยว่ะ” ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผม

“ไอ้ฟิล์มมันก็ด่าส่วนไปเยอะแล้ววันนี้น่ะ ศัตรูบานเลยมึงไอ้ฟิล์มงานนี้ “เป็กซ์พูด ผมหันไปมองฟิล์ม ผมส่ายหัวไม่อยากให้ฟิล์มมีเรื่องเลย จะจบอยู่แล้ว

“ก็มันเสือกเรื่องของมึงอ่ะและไม่ใช่ถามเพราะว่าเห็นใจน่ะ ถามแล้วพากันหัวเราะขำๆ ทั้งที่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะมาหัวเราะกันเลยน่ะมึง” ฟิล์มพูด

“กูควรจะดร๊อป หรือว่ากูควรจะลาออกดีว่ะ พวกมึง” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะก้มลงมองพุงน้อยของผม เอามือลูบ

“อุ้ยย” ผมสะดุ้ง

“บีม แกเจ็บท้องเหรอ “มะนาวถามผมเสียงหลงทันที

“เจ็บอะไรล่ะ  อายุครรภ์ไอ้บีมเพิ่งจะยี่สิบสัปดาห์เอง เขาต้องสี่สิบสัปดาห์โน่น” ใบชาพูด

“น้องดิ้นน่ะ “ผมพูดและก้มลงมอง ท้องไม่ใหญ่แต่หมอภีมบอกว่าน้องน้ำหนักตาเกณฑ์ทุกอย่างแถมแข็งแรงมากด้วย สังเกตจากการเริ่มถีบพุงผมเล่น
“เตะเก่งเนอะ ส่งไปเรียนเตะฟุตบอลเลยไหมบีม” มะนาวพูด

“รีบเสนอเชียวน่ะมึงมะนาว”

“อามะนาวจะได้หาเรื่องไปนั่งดูนักเตะด้วยและดูแลหลานโซ่สุดหล่อของอามะนาวไปด้วย ฟินเชียว” มะนาวพูดปนหัวเราะ

“อุ้ยย” ผมสะดุ้งอีกที ก่อนจะใช้มือลูบเบาๆ ผมสัมผัสได้ถึงสิ่งที่นูนๆ ไม่รู้ว่าก้นหรือเปล่าน่ะ แต่น่าจะก้นแหละเพราะถ้าเป็นหัวนี้แสดงว่าน้องกลับตัวพร้อมจะออกมาดูโลกแล้ว แต่ผมน่ะยังไงก็ไม่ได้คลอดธรรมชาติเหมือนผู้หญิงทั่วไปแน่ๆ ใช่ซิ ถ้าจะให้คลอดแบบนั้น น้องจะออกมาทางไหนกันล่ะ และจู่ๆ ประตูห้องพักที่ผมมาพักอยู่ก็ถูกเปิดออก อาจารย์กันตภณ เข้ามาพร้อมกับพี่หมอภีมปภพ

“สวัสดีครับอาจารย์ “ “สวัสดีค่ะอาจารย์” เพื่อนๆ ของผมยกมือไหว้อาจารย์กันตภณ

“ไงบีม ดูสีหน้าเราดีขึ้นน่ะ ดีขึ้นกว่าตอนที่เพื่อนๆ พาเรามาซะอีก” พี่หมอภีมปภพพูด

“มันกินพาสต้าไปหมดกล่องเลยครับพี่หมอ” เป็กซ์รีบหันไปรายงานพี่หมอภีมปภพทันที

“แม้ชอบอาหารไฮโซซะด้วยน่ะหลานพวกผมน่ะครับพี่หมอ ข้าวธรรมดาไม่ยอมกิน” ใบชาพูดเสริมอีกคน

“เหมือนหลานชายพี่กันเขาเลย ตอนนั้นที่นายพาไปไหนน่ะและไม่ยอมจะกินข้าว ต้องกินแต่พาสต้า ต้องไปตระเวรหากันน่ะ ตอนนั้นหลายชายนายเพิ่งจะสิบห้าสิบหกได้ “พี่หมอภีมปภพหันมาพูดกับอาจารย์กันตภณ ผมก็นึกว่าอาจารย์กันตภณชอบซะอีก

“ทุกวันนี้มันก็ยังกินแต่พาสต้าน่ะ พี่ชายกูน่ะบ่นทุกวันเพราะว่าอยากให้ทานอาหารไทยปกติ เหมือนคนอื่นๆ ทานในบ้านน่ะ” อาจารย์กันตภณพูดขึ้นก่อนจะเดินมาหาผม

“เอาไว้พี่ให้แม่บ้านทำมาให้แล้วกันน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด

“ไม่เป็นไรครับ พี่กัน และที่ผมทานคงเป็นเพราะว่าผมหิวมากกว่านะครับ” ผมพูด

“อย่ามาพูดเลยมึงน่ะกินเอาจนหมดจานซะขนาดนี้ และที่สำคัญมึงเคยบอกว่าไม่ชอบพาสต้าไม่ใช่เหรอ” ฟิล์มหันมาพูด ผมก้มลงมองจานตรงหน้า หมดเกลี้ยงเลย

“ตอนมาถึงได้สั่งเจาะเลือดเอาไว้ ธาตุเหล็กยังต่ำอยู่น่ะ พรุ่งนี้ก่อนจะกลับ พี่จะให้เขาเติมธาตุเหล็กให้ก่อนน่ะบีม ใช่เวลาแค่สามสิบนาที “พี่หมอภีมพูดกับผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ อาจารย์กันตภณ หันมามองผม เขาใช่ฝ่ามือลูบหัวผมเบาๆ ผมดูจากสายตาเหมือนกับว่าอาจารย์มีเรื่องมาเลย

“งั้นขอพี่หมอไปดูคนไข้ห้องอื่นก่อนน่ะ เพราะว่าเดี๋ยวคนไข้คนอื่นๆของพี่หมอ จะน้อยใจเอาและห้องนี้คงมีคนรอทำหน้าที่แทนหมอแล้วแหละ “พี่หมอภีมพูดก่อนจะเดินออกไป

“งั้นพวกเราขอลงไปหาอะไรทานกันก่อนนะครับอาจารย์ คือไม่อยากเป็น กขคง เอกอาสอวอ”

“เฮ้ยย!!” พวกเพื่อนผมร้องออกมาพร้อมกันหมด

“แค่กขค ก็พอมะนาว ทำยังกับท่องสอบแป้นพิมพ์ดีด “เป็กซ์พูด

“ถ้าพูดธรรมดาจะขำกันเหรอ”

“จ้าแม่ตลกบริโภค “ใบชาพูดแซวมะนาว

“อีแบบนี้มักได้บริโภคตัวตลกซะก่อนไม่ใช่บริโภคพระเอก” เป็กซ์พูด ทำให้มะนาวหันไปค้อนใส่ทันทีและทุกคนก็พากันเดินออกจากห้องคนไข้ไป เหลือไว้แค่ผมกับอาจารย์กันตภณ ผมเงยหน้ามองหน้าอาจารย์

“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับอาจารย์ “ผมถามอาจารย์กันตภณ

“เออ ไม่มีครับ”

“บอกผมเถอะครับ และผมเดาว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ทุกคนในคณะรู้แล้วว่าทำไมผมดร๊อปเรียน เพราะว่าผมท้อง ใช่ไหมครับ” ผมพูดก่อนจะหันมามองอาจารย์กันตภพ

“ที่จริงพี่ยื่นเสนอคณะกรรมการให้เราได้เข้ารับเลือกรับปริญญาบัตรเกียรตินิยมอันดับสองน่ะ บีม เราเรียนเก่งมาก” อาจารย์กันตภณพูด ผมเงยหน้ามองหน้าอาจารย์

“แต่ตอนนี้ พี่ขอโทษที่พี่ต้องบอกให้เขายกเลิก” และน้ำใสๆมันก็รินไหลออกมาเฉยเลย ก็ผมยายามตั้งใจเรียนมาตลอด

“หมับ” อาจารย์เขากอดผมพร้อมกับลูบหัวผมเบาๆ เพื่อปลอบโยน

“พี่ได้คุยกับอาจารย์ที่ดูแลกฎระเบียบน่ะ เขาบอกว่า นักศึกษาที่ตั้งครรภ์ เขาอนุโลมให้ไปเข้าเรียนได้น่ะสำหรับคนที่อยู่ปีท้ายๆ เราจะกลับไปเรียนไหม “อาจารย์กันตภณถามผม

“พี่ว่าผมควรจะกลับไปเรียนไหมครับ”

“ไปเรียนเถอะจะได้จบพร้อมกับเพื่อนๆ และพอจบน้องก็คลอดพอดี “อาจารย์กันตภณบอกผม จะว่าไปก็เหลือแค่เทอมเดียวเอง ผมก้มลงมองพุงที่ไม่น้อยแล้ว เริ่มยื่นออกมามากพอสมควรแล้ว อนาคตของผมก็คืออนาคตของเขาด้วยเช่นกัน อย่างน้อยวุฒิปริญญาตรีก็น่าจะพอหางานทำเลี้ยงลูกได้ ผมพยักหน้ากับอาจารย์กันตภณว่าผมจะกลับไปแล้ว

“พรุ่งนี้พี่จะทำเรื่องระงับการดร๊อปของเราไว้ก่อน ส่วนบางวิชาที่เราขาด จะให้พี่ไปช่วยคุยให้ก็ได้น่ะพี่ยินดี “อาจารย์กันตภณบอกกับผม

“ผมไม่รู้จะขอบคุณพี่ยังไงได้เพียงพอกับสิ่งที่พี่ทำให้ผม “ผมพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาก็มองผมเช่นกัน

“แค่มอบสิ่งนี้" อาจารย์กันตภณชี้ไปที่ตรงอกด้านซ้ายของผม " ให้พี่ดูแลแทนได้ไหมครับ การที่พี่ทำให้เราทุกอย่างแบบนี้ นั้นแปลว่าพี่คนนี้พร้อมจะดูแลบีมและบีมน้อยๆ อย่างดี” อาจารย์กันตภณพูด ผมก็มองอาจารย์ และจู่ๆ อาจารย์เขาก็ก้มลงและหอมที่หน้าผากผมเบาๆ

"อึก อึก อึก" และผมกลับต้องดันอาจารย์กันตภณออกจากตัวผมทันที เพราะว่า ผมกับรู้สึกคลื้นไส้อาเจียนขึ้นมาหน้าตาเฉย จนอาจารย์กันตภณต้องดมเสื้อผ้าตัวเอง

"ผมขอโทษครับพี่กัน ผมขอถาดใส่สำหรับอาเจียนหน่อยครับ" ผมพูดและอาจารย์กันตภณก็ส่งถาดที่ลักษณะคลายเม็ดถัวมาให้ผม ผมก็ก้มหน้าก้มตาอาเจียน ผมนี้อายอาจารย์เขาที่สุด และพอผมหยุดอาเจียน อาจาย์กันตภพก็เดินเข้ามาใกล้ผมอีก คราวนี้ผมก็ผอืดผอมอีกครั้ง จนอาจารย์เขาต้องออกไปยืนถอยหางผมนั้นแหละผมถึงได้หยุด

"สงสัยน้ำหอมพี่แน่ๆเลยบีม  "อาจารย์กันตภณพูดพร้อมกับทำหน้าอย่างคนที่รู้สึกผิด

"ผมขอโทษนะครับพี่กัน" ผมพูดเบาๆ และอาจารย์เขาก็ต้องถอยไปนั่งไกลๆจากผมไปหน่อย ผมก้มลงเอามือลูบท้องน้อย มองลูกชาย นี้ร้ายไปนะแกล้งมี้กับลุงกันแบบนี้ได้ยังไง ผมแอบต่อว่าลูกโซ่ในใจ (ที่ผมแทนว่ามี้ มาจากมามี่คือว่าผมไม่กล้าให้ลูกเรียกว่าแม่เต็มปาก ผมกลัวว่าเขาจะถูกมองไม่ดี ถ้าเขาโตขึ้นและอาจจะโดนเพื่อนล้อเอาอีกว่าแม่เป็นผู้ชาย)

TBC.....
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4.1 เริ่มแสบตั้งแต่อยุ่ในท้อง
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-02-2021 12:39:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.4.1 เริ่มแสบตั้งแต่อยุ่ในท้อง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-02-2021 22:30:12
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.5 ลูกโซ่อยากเจอมี้บีมแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 25-02-2021 06:38:07
      Part’ s กันต์ธีย์ ผมนอนสะลึมสะลืออยู่ในห้องพักคนไข้ อาการปวดดีขึ้นแล้วได้หลับไปพักหนึ่งได้ ตอนแรกผมนึกว่าผมจะตายซะแล้ว ปวดเหมือนถูกหักกระดูกทั้งตัว เป็นความเจ็บปวดที่เหมือนกระดูกหักถึงสามสิบท่อนได้ ผมเพิ่งจะเข้าใจวันนี้เองว่า ก่อนจะเป็นแม่คน ต้องผ่านความเจ็บปวดที่แสนสาหัสนี้ไปก่อน และนี่ผมก็ยิ่งคิดถึงแม่ผมเอง

“บีม พี่ฉีดยาระงับการคลอดให้เราไปก่อนน่ะ และฉีดยากระตุ้นปอดน้องแล้วด้วย “พี่หมอภีมปภพพูดกับผม

“พี่ว่าเราต้องเข้าห้องผ่าคลอดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้” พี่หมอภีมบอกผม ผมมองหน้าพี่หมอภีม ตอนนี้อะไรก็ได้แล้วแหละ

“อันที่จริงอยากให้รอถึง 37 สัปดาห์แต่ดูท่าลูกเราคงไม่อยากรอ”

“และพรุ่งนี้ก็ครบ36 วีคแล้ว น้ำหนักเด็กก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ทีดี พี่ว่าน่าจะโอเคน่ะ ถ้าน้องอยากจะออกมาลืมตาดูในตอนนี้ “พี่หมอพูดปนหัวเราะ และคนที่เดินตามเข้ามาคืออาจารย์กันตภณ เขาเดินมาเอามือลูบหัวผมเบาๆ

“ยาแก้ปวดนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน ไอ้หมอ”

“ก็ต้องดูก่อนว่าบีมปวดมากแค่ไหน ถ้าปวดมากก็จะให้อีก แต่ถ้าปวดถี่เลย ก็คงต้องทำอะไรสักอย่าง และตอนนี้เด็กพร้อมจะออกมาแล้ว และดีที่เกิน34สัปดาห์ไปแล้ว แต่ได้ฉีดยากระตุ้นปอดให้น้องไปแล้ว น่าจะโอเคถ้าจะผ่าคลอดพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้เลยน่ะ” พี่หมอภีมพูดกับอาจารย์กันตภณ

“จะได้เห็นเจ้าตัวน้อยแล้วน่ะ”

“จะจ้างพยาบาลเข้ามาดูแลเราน่ะ เอาคนที่มีประสบการณ์เพื่อมาคอยให้คำแนะนำเรา “อาจารย์กันตภณพูด ผมก็เงยหน้าขึ้น ไม่อยากให้สิ้นเปลืองเงินทองเปล่าๆ เลย

“เอาน่ะ คุณพ่อคุณแม่มือใหม่จะได้ไม่เครียด มีคนคอยแนะนำ” พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันไปมองหน้าอาจารย์กันตภณ

“โอ๊ย!!” ผมรู้สึกว่าเจ็บจี้ดเลย และก้มลงมองท้องของผม ที่เป็นคลื้นจากการดิ้นของลูกโซ่

“บีม” อาจารย์กันตภณรีบก้มลงแต่ผมก็ต้องเอามือป้องทำท่าจะอาเจียนทันที และอาจารย์กันตภณก็ตอ้งชะงักเท้าที่จะเข้ามาหาผม

“บีม ยังไม่ยอมให้พี่เข้าใกล้อีกเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผม ด้วยน้ำเสียงปนความน้อยใจ

“คือผมขอโทษนะครับพี่กัน ผมไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ อึก อึก” และผมก็ต้องค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นนั่งและรีบคว้าที่รองอาเจียนมาถือเอาไว้

“มีคนไข้ คนหนึ่งน่ะ เหม็นกินสามีตอนท้อง ห้ามเข้าใกล้กันเลยแหละจนคลอดเลยน่ะมึง แตะตัวก็ยังไม่ได้ ต้องอยู่ห่างๆ สงสัยมึงจะได้สิทธิ์นั้นว่ะกัน “พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะกับอาจารย์กันตภณ และเพื่อนๆ ของผมก็กรูกันเข้ามา และมายืนล้อมผมกันหมด

“บีมเป็นไงบ้าง” ฟิล์มถามผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้

“นึกว่ามาถึงเห็นหน้าหลานเลยเนี๊ยะ อุตส่าห์แต่งหน้ามารอเลย จะถ่ายรูปลงโซเชียลกับหลานสักหน่อย” มะนาวพูด

“ที่พวกกูมาช้าน่ะ ก็รอ คุณอาเห่อหลานอยู่นี้แหละ” ใบชาพูดก่อนจะโบ้ยปากไปทางมะนาว

“กลัวหลานเห็นหน้าแล้วตกใจ เลยต้องแต่งสวยๆ ไว้ก่อน” มะนาวพูด

“กูน่ะกลัวหลานตกใจหลังจากที่มึงล้างหน้าแล้วมากกว่า อันนี้เรียกว่าถึงขั้นช๊อก!!” ใบชาพูด

“ใบชา!”

“เอาล่ะ ไม่ต้องทะเลาะกันครับ พรุ่งนี้ครับได้เห็นแน่นอน หน้าหลานน่ะ เพราะว่าพรุ่งนี้พี่หมอนัดผ่าเลยครับ” พี่หมอภีมภพพูดบอกทุกคน

“บีมแม่มึงโทรเข้าหากูว่ะ และเขาบอกว่าเขามาไทยกับแฟนเขา เขาว่าจะมาหาแกน่ะ แต่กูบอกเขาไปว่ามึงไปโรงพยาบาลแล้วคลอดวันนี้ “ฟิล์มบอกผม

“แล้วแม่บอกว่าจะหากูไหมฟิล์ม” ผมรีบถามฟิล์มทันที

“เขาบอกว่ายังไม่รู้แต่กูให้ที่อยู่โรงพยาบาลไปแล้วว่ะ หวังว่าเขาจะมาน่ะมึง “ฟิล์มบอกผม ผมรุ้ว่าอาจารย์กันตภณเขามองการสนทนาของผมกับฟิล์มอยู่ ก่อนจะแตะทีแขนผมเบาๆ

“คืนนี้พวกผมเฝ้าบีมกันได้ไหมครับ พี่หมอ” เป็กซ์เอ่ยถามพี่หมอภีมปภพ

“ไม่เป็นไรหรอกมีพยาบาลดูแลน่ะ พวกมึงเรียนกันก็เหนื่อยแล้ว” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม

“ไม่ได้หรอกเพื่อนกัน จะได้เป็นกำลังใจให้แกไงบีม พวกเราไม่ทิ้งกันอยู่แล้ว “ใบชาพูด

“ได้ครับแต่อย่าส่งเสียงดังกันน่ะ “พี่หมอภีมพูด

“ครับ” “ค่ะ” และทุกคนก็รับปากรับคำกันอย่างดี

“พรุ่งนี้พี่มีนัดเด็กสอบเก็บคะแนนน่ะซิ ถ้าเสร็จเร็วพี่จะรีบมาเลยน่ะบีม” อาจารย์กันตภณพูดกับผม ผมพยักหน้า ผมเองก็ไม่อยากให้อาจารย์ต้องมาเสียเวลาเอาชั่วโมงสอนมาคลุกกับผมเช่นกัน

“บีมรู้สึกว่าปวดบีบถี่มากไหมตอนนี้ “พีหมอภีมถามผม

“คือมาแล้วก็หายไปพักๆ หนึ่งอ่ะครับ พี่หมอ” ผมบอกพี่หมอภีม

“เดี๋ยวพี่จะให้พยาบาลเอายาแก้ปวดมาให้น่ะบีม อาจจะต้องฉีดยากระตุ้นปอดเด้กอีกสักเข็มน่ะ “พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมหันมามองเพื่อนๆ ที่พากันนั่งลง เหลือแต่อาจารย์กันตภณที่ยืนอยู่ข้างเตียงคนไข้กับผม

“ผมขอโทษนะครับพี่กัน ทีผมทำให้ทุกคนเข้าใจพี่ผิด ผมขอโทษ” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

“ไม่เป็นไร แม้ในใจของพี่ พี่อยากให้เขาเป็นลูกของพี่จริงๆ น่ะบีม พี่รักบีม” ผมก็ต้องอึ้ง

“ใจพี่อยากมีลูกแต่… พี่…มี..ไม่ได้ “อาจารย์กันตภณบอกผม

“โอ้วว “ผมชักมือออกมาแทบไม่ทันทีมันเจ็บจี้ดขั้นมาทันที

“บีม!!” เสียงเพื่อนผมลุกพรวดขึ้นและตรงมาหาผมทันที ผมก็พยายามทำตามที่หมอภีมปภพบอกผมเอาไว้ ถ้าเกิดอาการท้องแข็งให้ผมหายใจเข้าลึกและหายใจออกยาวๆ

“บีมเจ็บท้องอีกแล้วเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผม ผมพยักหน้า รอบนี้มันปวดแบบเหมือนมีใครมาบีบอวัยวะภายในผมไว้เลย

“โอ๊ย!!! อืมมมมม โอ๊ย!!!”

“พี่ไปเรียกไอ้หมอน่ะ ให้มันเอายามาให้เราน่ะบีม ตอนนี้เลย” อาจารย์กันตภณรีบวิ่งออกไปทันที เพื่อนๆ ผมหันไปมองอาจารย์กันตภณก่อนจะหันกลับมามองผม จู่ๆ ผมก็ผมก็รู้สึกว่าดีขึ้นมาทันที

“ดีขึ้นแล้วเหรอบีม” ผมก็พยักหน้าแบบไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“กูถามจริงๆ กูสังเกตมาพักใหญ่แล้วน่ะ เวลาอาจารย์เขาจะเข้าใกล้มึงน่ะ ลูกมึงแสดงอาการไม่ชอบหน้าเขาเลยอ่ะ ทำให้มึงคลื้นไส้ใส่เขาบ้าง มันเหมือนกับว่า ไม่อยากให้อาจารย์แกเข้าใกล้มึงเลยว่ะ แต่นี่ไม่ใช่มึงน่ะ ลูกมึงว่ะ ” เป็กซ์พูด ผมก็รู้สึกผิดทันที

“ก็ลูกไอ้บีม ไม่ใช่ลูกอาจารย์นี่หว่า เด็กมันยังเลือกพ่อถูกเลย” เป็กซ์พูด ผมสะบัดหน้าหันไปมอง ผมเองยังจำหน้าพ่อเด็กไม่ได้เลยน่ะ ลูกผมเขารู้ได้ไงว่ะ ผมนึกในใจ

“อย่าว่าเลยน่ะดูจากรูปสามมิติที่อัลตราซาวน์ล่าสุดน่ะ หน้าไม่ไปทางอาจารย์กันตภพเท่าไหร่น่ะมีแค่จมูกที่โด่งอย่างเดียว” มะนาวพูด ผมหันไปมองหน้มะนาวก็ผมไม่ได้มีอะไรกับอาจารย์แกนิ ลูกจะได้ออกมาเหมือนอาจารย์เขา และก่อนที่อาจารย์จะกลับเข้ามาพร้อมกับพี่หมอภีมปภพและทุกคนก็หยุดการสนทนา พยาบาลก็ตามเข้ามาอีกสองสามคน มีเครื่องวัดการเต้นหัวใจลูกผมและเครื่องตรงนับการหดเกร็งของมดลูกของผม

“บีมปวดมากเลยว่ะไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณพูด และพี่พยาบาลก็เอาสายรัดมารัดที่พุงกลมของผมมีเรื่องวัดการเต้นหัวใจลูกผมอยู่ และมีที่วัดกราฟการบีบตัวของมดลูก ผมก็ต้องกดฟันอีกที

“โอ้วววว โอ้ววว “ผมปวดจี้ดขึ้นมาอีก จนต้องกุมผ้าปูที่นอนแน่น

“บีม!!” เพื่อนของผมร้องเรียกผมเสียงหลง

“บีม” อาจารย์กันตภพเข้ามาจับต้นแขนผม สีหน้าที่เหยเกของผม เพราะความเจ็บปวดที่จู่ๆ ก็แล่นจี้ดขึ้นมาถีๆ แบบไม่ทันตั้งตัว จนผมต้องพ่นลมหายใจเข้าออกถี่ๆ และเส้นกราฟที่ขีดเขียนจากเครื่องก็ถี่ยิบขึ้นมาทุกที ผมเองก็พ่นลมหายใจถี่ตาม

“โอ๊ย!!!”

“ไม่ทันพรุ่งนี้แล้ว เตรียมห้องผ่าตัดเลยครับพี่หมอน” พี่หมอภีมพูด

“ไม่รอให้ถึงสามสิบหกสัปดาห์เหรอ ไอ้หมอ” อาจารย์กันตภณหันไปถามพี่หมอภีมปภพ

“ก็เด็กเขาไม่รอแล้วนิดูซิ บีบถี่หยิบขนาดนี้ รอไม่ได้น่ะ เพราะว่ามดลูกอาจจะแตกได้ อันตรายกว่าอีก คราวนี้ทั้งแม่และน้องเลยน่ะ ผ่าเลย” หมอภีมปภพพูด มะนาวเดินมาจับมือผมและ ทำท่าทางหายถี่ๆ และพ่นลมออกถี่ เหมือนผม ผมก็หันมามองมะนาว

“ดีขึ้นไหมอ่ะบีม” มะนาวถามผม ผมส่ายหัวว่าไม่เลย มันบีบมากขึ้นอีก

“ฟูๆๆๆๆ “มะนาวก็ช่วยผมเต็มที่

“พอเถอะมะนาว มึงน่ะทำให้บีมมันแย่ลง” ฟิล์มพูด

“ก็อยากช่วยเพื่อน” มะนาวพูด แต่ผมน่ะ หันไปซ้ายหันขวา เพราะว่ามันปวดทรมานที่สุด อาจารย์กันตภณเข้ามากุมมือผม อีกข้าง สีหน้าและแววตาที่ดูเป็นห่วงผมมันทำให้ผม เสียดายสิ่งที่ผมควรจะให้คนที่ควรกลับไปตกอยู่กับคนที่ไม่เห็นค่า มันจะรู้ไหมว่าผม โอ๊ย!!! กูทรมารแค่ไหนเนี๊ยะไอ้เชี้ย ผมแอบด่าในใจไอ้คนที่ทำผมวันนั้น

“โอ๊ย” ผมร้องออกมาดัง และประตูห้องนอนผมก็ถูกเปิดออก มี่เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล และพยาบาลหลายคนเลย เข้ามเพื่อนย้ายผมไปห้องผ่าตัดด่วน

“ต้องวางยาสลบเราน่ะบีม เพราะนี้คือผ่าคลอดฉุกเฉิน” พี่หมอภีมปภพบอกผม เพื่อนๆ ผมแต่ล่ะคนยืนเกาะกลุ่มกันหมด ผมเองก็ไม่เคยเข้าห้องผ่าตัดมาก่อนเลย ผมเริ่มกลัว ผมกลัวมากตอนนี้ ตัวผมเริ่มสั่น

“ทำใจให้สบายน่ะครับบีม พี่จะรออยู่ที่นี้ ตรงนี้ และพี่เชื่อใจไอ้หมอ หมอน่ะเป็นเพื่อนของพี่ตั้งแต่มัธยมและเป็นเพื่อนที่สนิทกับพี่มากที่สุด พี่เชื่อใจมัน และพี่เชื่อว่าบีมจะปลอดภัยทั้งบีมและลูก” อาจารย์กันตภณบอกผม

“ทำไมคนที่เป็นพ่อของลูกผมไม่ใช่พี่น่ะ พี่กัน” ผมพูดก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมืออาจารย์กันตภณไป

“ถ้ามีพรที่พี่จะขอได้ พี่ก็อยากเป็นพ่อของเด็กคนนั้น บีมของลูกบีม” อาจารย์กันตภณบอกผม

“แต่ในความจริง พี่ก็ทำไม่ได้ แต่พี่สัญญาว่าพี่จะรักเขาให้เหมือนกับว่าเขาคือลูกของพี่” ผมได้ยินแต่ว่ามันเบามาก และผมก็ถูกเข็นไปเรื่อย ในหัวผมคิดสิ่งที่ผมได้ยินจากอาจารย์กันตภณ “ในความจริงพี่ก็ทำไม่ได้ “มันคืออะไร ผมไม่เข้าใจ และตอนนี้ร่างผมถูกเข็นเข้าไปในห้องหนึ่ง ตัวผมสั่นเทามาก ผมกลัวเหลือเกิน จนกระทั่งถูกนำมาไว้อีกห้อง ผมไม่รุ้ว่าเกิดอะไรขึ้น บ้างเพราะว่าทุกอย่างมันรวดเร็วมาก จนผมตั้งตัวไม่ทันที

“คนไข้ค่ะ เราจะให้คนไข้ดมยาสลบแล้วนะคะ สูดหายใจเข้าลึกๆ นะคะ และคิดแต่สิ่งที่ดีดีเข้าไว้นะคะ คิดแต่สิ่งที่ทำให้คนไข้มีความสุขนะคะ ทำใจให้สบายนะคะ สูดหายใจค่ะ เก่งมากเลยค่ะคนไข้ นึกแต่สิ่งที่ดีดีเข้าไว้นะคะ ตื่นมาจะได้เจอน้องแล้วนะคะ”

ผมได้ยินเสียงนั้นตอนนี้มีบางสิ่งมาครอบปากและจมูกของผม ผมก็หายใจเข้าออกตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอก และความสุขของผมคืออะไรกัน ตั้งแต่เกิดมาผมเองก็มีแค่แด้ดและแม่ แต่ความสุขของผมเริ่มหายไปตั้งแต่พอเสียและผมก็ถูกส่งมาอยู่ที่ไทยตามลำพังตอนแรกก็อยู่กับยาย แต่พอยายเสียก็ต้องออกมาอยู่คอนโดของแม่ เวลาผ่านไปได้สักสิบนาทีหนังตาเริ่มหนักลง สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่หลอดไฟนีออน แต่เป็นภาพผู้ชายคนหนึ่งที่กำลัวอุ้มเด็กน้อยน่ารัก หน้าหวานๆ ดูเขามีความสุขมาก เขาหัวเราะกันสองคน ผมเองก็นั่งดู และอมยิ้มไปด้วย ผู้ชายคนนี้ใครกันน่ะ เขารักลูกเขามากขนาดนี้เลยเหรอ แล้วพ่อผมล่ะเขาจะรักผมได้แบบผู้ชายคนนี้ไหม

“ป๋า มี้ “เด็กน้อยคนนั้นสะกิดกับผู้ชายที่หันหลังอยู่ให้เขาหันมามองผม และเด็กน้อยนั้นก็เรียกผมว่ามี้ มี้ของเขาอย่างนั้นเหรอ เด็กคนนั้นเหมือนลูกชายผมเลยน่ะ และผู้ชายคนที่ยืนหันหลังก็หันหลังมามองผมช้า ๆ ช้าๆ ช้า ๆ ผมก็ต้องตกใจเพราะว่าเขาคือคนที่สร้างตราบาปไว้กับผมนั้นเอง เธียรวิชย์ ไอ้ ….ไอ้ ….เธียร ไอ้เชี้ย!!!
TBC...

ตอนหน้าลูกโซ่ของมี้บีมออกมาเจอพี่ป้าน้าอาแน่นอน ยังไม่ทันไรก็ หวงแม่แล้ว

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.5 ลูกโซ่อยากเจอมี้บีมแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-02-2021 12:00:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.5 ลูกโซ่อยากเจอมี้บีมแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-02-2021 02:28:37
 :hao3:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.5 ลูกโซ่อยากเจอมี้บีมแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 26-02-2021 09:01:15
 :impress2: :-[
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 27-02-2021 06:49:59
         

              Part's กันต์ธีย์ หลังจากที่ผมโดนวางยาสลบผมก็หลับไม่รู้เรื่องเลย ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับความเจ็บปวด ปวดแผลและพี่หมอภีมก็โทรมาสั่งยาฉีดให้ผม แถมตามมาด้วยอาการคลื้นไส้ อยากจะอาเจียนตลอดเวลา ซึ่งมันคือผลข้างเคียงจากยาสลบ จนพยาบาลต้องเอายาฉีดลดอาการคลื้นไส้มาให้ผมนั่นแหละถึงได้ดีขึ้น และยาแก้ปวดมาให้ผมทาน แต่ผมยังไม่ได้เจอลูกชายผมเลย พวกเพื่อนๆ ผมบอกว่า น้องเข้าตู้อบเพราะว่าหายใจเร็ว แต่หมอเด็กบอกว่าน้องแข็งแรงดี น้ำหนักตัว 2840 กรัม ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ทุกคนอยากแวะไปดูแต่น้องอยู่ในตู้อบเลยยังไม่มีใครเห็นสักคน ส่วนอาจารย์กันตภณเพิ่งจะกลับไปตอนเช้าตรู่ เขาอยู่เฝ้าดูผมทั้งคืน มันทำให้น้ำตาผมไหลออกมาในทันที ทำไมผู้ชายคนนี้ดีกับผมเหลือเกิน


“โอ้ยย” ผมขยับตัวแต่เพื่อนผมพากันลุกขึ้นและเข้ามาหาผมกันหมด

“ไอ้บีมมึงพึ่งผ่าตัดออกมาจะลุกเลยเหรอว่ะ”

“อยากไปหาลูก”

“อย่าเพิ่งเลย มึงยังลุกเดินไม่ได้น่ะ หมอภีมบอกว่าต้องรอให้เปิดแผลก่อน คงจะพรุ่งนี้น่ะ” ฟิล์มบอกผม

“พวกกูก็ยังไม่เห็นหน้าหลานเลยบีม” เป็กซ์บอกผม ผมหันมามองทุกคน


“มึงยังอ่อนเพลียอยู่เลยน่ะ นอนพักก่อนเถอะ เพราะหลังจากนี้ มึงอาจจะไม่ได้หลับไม่ได้นอน บีม ดูท่าลูกมึงจะไม่ธรรมดา สั่งพิเศษมาแน่ๆ ” ผมหันมามองเพื่อนรักของผม ไอ้ฟิล์มพูด


“กูเห็นพี่สาวกูน่ะ ตอนเลี้ยงหลานน่ะ มึงนอนเอาแรงเถอะมึงและกูว่าเด็กผู้ชายคงได้แสบซ่าเหมือนกันว่ะ “ฟิล์มพูด


“นี้ ตอนมะนาวเห็นบีมเจ็บท้องน่ะ ไม่อยากท้องเลยอ่ะ เพราะว่ามะนาวยังไม่รู้ว่าจะทนได้เท่าบีมมัน “มะนาวพูด


“แต่ลูกก็อยากมีน่ะ เด็กมันน่ารักอ่ะ ตอนเดินผ่านห้องเด็กอ่ะ กระจองอแงกันเป็นแถว แต่ไม่อยากอุ้มท้องและคลอดเองอ่ะ”


“บีม อุ้มท้องให้มะนาวคนหนึ่งน่ะ “มะนาวพูดผมสะบัดหน้าไปมอง จะให้ผมอุ้มท้องอีกเหรอ ไม่เอาอ่ะ ผมสั่นหัวไปมาทันที แค่รอบนี้ก็เจ็บจะตายอยู่แล้ว

“อยากมีก็อุ้มเองซิ มีมดลูกเป็นของตัวเองซะเปล่า “ใบชาพูด


“หาผัวก่อนเถอะมึงอ่ะ” ฟิล์มพูด ผมก็มองเพื่อนๆ ผม จะว่าไปขีวิตของผมก็ไม่ได้โชคร้ายไปซะทุกอย่าง มีเพื่อนที่รักและมีอาจารย์ที่รักและห่วงใยผมมากขนาดนี้

“ขออนุญาตนะคะ “พี่พยาบาลเข้ามาในห้องที่ผมนอนพักอยู่ พร้อมอุปกรณ์วัดไข้ วัดความดัน พี่เขาเข้ามาถึงวัดทุกอย่างให้ผมผมและเช็กน้ำเกลือที่ห้อยอยู่

“คุณหมอจะเข้ามาตอนสิบเอ็ดโมงนะคะ” คุณพยาบาลบอกผม

“ทานอาหารอ่อนๆ ไปก่อนนะคะ” พี่พยาบาลบอกผม ก่อนจะหันมาหาผมและชูเข็มเล็กๆ ผมก็สะดุ้งทั้นที

“พี่ขอฉีดยาที่หน้าขาคนไข้ก่อนนะคะ อันนี้คุณหมอภีมให้คนไข้ฉีดทุกวันนะคะ จนกว่าจะออกจากโรงพยาบาล อันนี้คือยาลดการอุดตั้นเส้นเลือดค่ะ ซึ่งมักจะเกิดกับคนไข้หลังผ่าตัดค่ะ “พี่พยายาบาลบอกผม พร้อมกับเปิดผ้าคลุมออก ผมสวมชุดคนไข้อยู่ เป็นชุดกระโปรง

“คือว่ามันสวมง่ายนะคะ แต่ถ้าคนไข้จะเปลี่ยนเป็นชุดผู้ชายก็ได้นะคะ แต่คงจะเป็นพรุ่งนี้นะคะ วันนี้ใส่ชุดนี้ไปก่อนเนอะ และพรุ่งนี้ก็เปิดผ้าพันแผลแล้วนะคะ” พี่พยาบาลบอกผมก่อนจะเข็มลงที่หน้าขาของผม เข็มเล็กแต่เจ็บมาก มากจนผมต้องกำมือกับผ้าปูที่นอนทันที แต่พอหันมามองเพื่อนผมพวกมันหนักกว่าผมอีก มะนาวนี้กุมมือใบชาแน่นเลย

“อีกนาว กูเจ็บน่ะมึง”

“แม้แค่จับมือแค่นี้น่ะเจ็บ” มะนาวถามใบชา

“ไม่ใช่ แต่เป็นเท้ามึงน่ะ เหยียบกูเต็มๆ และน้ำหนักน่ะมันไม่ได้มาแค่เท้า มันมาทั้งตัว อีบ้า” ใบชาพูดก่อนจะผลักมะนาวออก

“พี่ครับ ผมอยากเจอลูกน่ะครับ ได้ไหมครับ” ผมถามพี่พยาบาล พี่เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

“เออ อ้อ ต้องรอให้คุณหมอเด็กตรวจก่อนค่ะ แต่น้องแข็งแรงดีค่ะ น่าจะออกจากตู้อบได้แล้ว เพราะว่าน้องหายใจได้เองตามปกติแล้วค่ะ คุณแม่”

“มีอะไรกดเรียกพี่ได้ตลอดเลยนะคะ เพราะว่าคุณหมอภีมให้พี่ดูแลเรา พี่ชื่อพี่ฝนนะคะ”

“ขอบคุณครับพี่ฝน” ผมบอกพี่พยาบาลทีทำหน้าที่ดูแลผม

“ถ้าน้องจะลุกขึ้นนั่ง จับที่จับนี้นะคะเพื่อพยุงตัวขึ้น จะได้ไม่กระเทือนแผล คอยๆ ลุกก่อนนะ “พี่ฝนหันมาบอกผมพร้อมรอยยิ้ม และไม่นานอาหารเช้ามือแรกของผมก็มาถึง ข้าวต้มหมู เพราะว่าผมต้องทานอาหารอ่อนๆ เพื่อนๆ ผมรีบจัดการลากเอาโต๊ะอาหารคนไข้มาให้ผม และเข้ามาช่วยผม ปรับเตียงให้สูงขึ้นจนผมสามารถที่จะจับที่จับที่ห้อยลงมาได้ เพื่อยกตัวขึ้นนั่งโดยมีเพื่อนผมประคองอยู่

“อ่ะบีม ทานเยอะๆ น่ะ จะได้ฟื้นตัวเร็ว และไปดูลูกมึง” ฟิล์มบอกผม เห็นมันพูดกับผมแบบนี้ ฟิล์มโคตรเป็นห่วงผมเลย และผมก็นั่งทานอาหาร แต่ใจผมก็คิดถึงลูกไปด้วย ผมเห็นของใช้เด็กอ่อนที่มาวางไว้

“มะนาวไปเอามา เพราะว่าเดี๋ยวบีมก็ต้องใช้” มะนาวบอกผม ผมพยักหน้า

“นี้ไงจะเอาไปให้แม่เขาอยู่ “เสียงเอะอะดังมาจากด้านนอก

“แหว๊ๆๆๆๆ” พร้อมกับเสียงอันแสบแก้วหูดังตามมาจนกระทั้งประตูเปิดออก และสิ่งที่ผมต้องตกใจคือพยาบาลเข็นเตียงแก้วของเด็กอ่อนเข้ามาในห้อง พร้อมกับเสียงเด็กร้องอยู่ในนั้น มีบางสิ่งที่ดิ้นยกแขนยกวุ่นวายไปหมด

“คุณแม่ทานอาหารเสร็จหรือยังคะ” พยาบาลรีบถามผมทันที แต่ว่าผมเพิ่งจะตักทานไปได้สองสามคำเอง

“มีอะไรเหรอครับพี่” ผมถามพี่พยาบาลกลับ

“น้องร้องค่ะ ร้องปี้ดมาพักใหญ่แล้วค่ะ ให้นมขวดก็ไม่เอา และพอดีมีแม่ที่ลูกเขาส่องไฟอยู่นะคะ เขามาป้อนลูกเขาจากเต้า กะว่าจะให้ป้อนน้องไปด้วย แต่น้องก็ไม่เอาค่ะ ทั้งผลักทั้งถีบเลยค่ะ”

“อู้ยย!!” เพื่อนๆ ผม

“คงต้องเป็นเต้าคุณแม่แล้วค่ะ คุณแม่ต้องให้น้องดูดแล้วค่ะ” ผมถึงกับก้มลงมองหน้าอกแบนๆ ผมนี่น่ะ

“ต้องลองแล้วค่ะไม่อย่างนั้นร้องไม่หยุดค่ะ”

“แหว๊ๆๆๆ” เสียงที่ดังมากจนเพื่อนๆ ผมไปยืนกองที่จุดเดียวกันหมด

“เฮ้ยย!! ทำไมเสียงขนาดนี้ว่ะ”

“อนาคตนักร้องนำแน่ๆ เลย ตั้งชื่อวงรอเลยดีไหม” ใบชาพูดและพี่เขาก็อุ้มน้องขึ้นมา ตัวแดงๆ เชียว ผ้าที่เขาพันไว้ก็หลุดลุ่ยกระจัดกระจายไปหมด และลูกชายผมก็ดิ้นไปร้องไห้ไปด้วยไม่ลืมหูลืมตา ผมก็ค่อยอ้าแขนรับน้องเข้ามา พอเขาได้สัมผัสกับแขนผมเขาก็หยุดดิ้นเหมือนถูกกดปุ่มสต๊อป และค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมองผม ปากก็ดูดอากาศ นั้นแปลว่าเขากำลังหิวแน่เลย



“สงสัยจะหิวค่ะ คุณแม่เอาน้องเข้าเต้าก่อนเถอะค่ะ” พี่พยาบาลรีบพูด แต่ผมจำได้พี่หมอภีมเคยบอกว่า ผู้ชายก็มีต่อมน้ำนมเหมือนผู้หญิง ถ้าถูกกระตุ้นก็มีน้ำนมได้ ลองดูว่ะ

“แต่ผมไม่รู้ว่าผมจะมีน้ำนมน่ะครับพี่”

“ลองดูค่ะ “พี่พยาบาลบอกผม ผมก็ต้องปลดเลือกที่ผูก และพี่เขาก็ช่วยแหวกเสื้อของผมลงมาจนเห็นเต้านมแบนๆ ของผม พี่พยาบาลมาช่วยจัดท่าให้ผม ผมก็อุ้มลูกแบบเกๆ กังๆ คิดแล้วผมจะรอดไหม คุณแม่มือใหม่มาก พี่เขาก็หันไปจะหยิบเอาหมอนมาวางให้ผมบนตัก

“พี่ค่ะ หนูเอฟหมอนป้อนนมน้องมาให้ขุ่นแม่เขาด้วยนะคะ ใช่อันนี้ดีกว่าไหมคะ “มะนาวหันไปหยิบหมอนที่เหมือนตัวซีขึ้นชูให้พี่ฝนดู ผมสะบัดหน้าไปมอง เอฟมาด้วยเหรอ

“พอดีไปเอฟเสื้อผ้าหลานน่ะ และเห็นอันนี้มันน่ารักดีเลยเอฟมาด้วย ไม่ชอบเหรอ” มะนาวพูด

“ดีเลยค่ะ “พี่พยาบาลพูดก่อนหันไปรับหมอนรูปตัวซีมาและเอามาคาดที่เอวผม ผมก็หันไปมองมะนาว

“เตรียมพร้อมมาก พร้อมให้เพื่อนป้อนนมลูก” มะนาวพูด

“ความคิดมึงน่ะดีวันนี้แหละมะนาว” ใบชาพูด และผมก็ยกเจ้าลูกโซ่ลอยขั้นให้พี่เขาจัดผมให้เรียบร้อยซะก่อน แต่แปลกน่ะเขามองหน้าผมตาแป๋วเลย ผมก็มองร่างน้อยๆ ผ้าที่ห่อนี้หลุดไปหมด คงจะดิ้นน่าดูซิท่า

“ขอพี่อุ้มน้องก่อนนะคะ พี่จะได้จัดท่าให้ใหม่” พี่ฝนบอกผม ผมก็ส่งเจ้าลูกโซ่ของผมคืนไป

“แหง๊ๆๆๆๆ” ร้องอีกแล้ว เพื่อนๆ ของผมก็พากันเอามืดอุดหู

“จ๊าพ่อคุณ!!! ไม่เอามาก็ได้แม่อุ้มไว้ก่อนก่อนเลยนะคะ “พี่ฝนเลยไม่กล้าอุ้มน้องไปจากแขนของผมอีก ผมนี้ก้มลงมอง น้ำใสๆ ของผมมันไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมไม่เคยเลยว่าทั้งชีวิตของผมจะมีวันนี้ วันทีที่ต้องทำหน้าที่เหมือนคุณแม่ แม้จะมาจากความไม่พร้อมก็ตาม พี่ฝนจัดการจับแขนผมวางให้สันหลังของน้องอยู่บนท้องแขนของผมและหัวศีรษะน้องอยู่ที่ฝ่ามือ ศีรษะน้อยๆ นั้น มีผมที่ดกดำเงางามอยู่ พี่ฝนก็จับฝ่ามือผมจับที่ระหว่างช่วงคอของน้องเพื่อประคองก่อนจะพลิกน้องให้นอนตะแคง เพื่อให้ริมฝีปากน้อยๆ ตรงกับจุกเล็กๆ ของผม ผมเองก็ยังนึกไม่ออกเลยน่ะว่าเจ้าจะดูดเอาอะไร และทันทีที่ริมฝีปากนั้นสัมผัสกับฐานก็รีบไล่งับหาจุดเล็กของผมทันที ก่อนจะอ้าปากงับเข้าไป ผมนี่เกร็งจนเริ่มจะปวดแผล

“คุณแม่นั่งสบายๆ นะคะ อย่าเกร็งค่ะ “พี่พยาบาลบกอผม ผมก็ค่อยผ่อนคลายลง

“จ๊วบๆ” ดูดเสียงดังมากแต่ว่ามันจะมีน้ำนมเหรอลูก


“สงสัยจะชอบแบนๆ เนอะ เมื่อกี้คุณแม่เขาอยากให้นมเพราะว่านมเขาคัด นมใหญ่ยังกับฟักแฟงแตงไทย แต่น้องไม่เอาเลยค่ะ และขวดก็ไม่เอาใหญ่เลย “พี่ฝนพูด

“แสดงว่า ปีนี้เทรน อกแบนๆ มาแรง แซงนมโต” ใบชาพูดก่อนจะแอนอกแบนขึ้นสู้กับมะนาว ส่วนก่อนที่มะนาวจะก้มลงมองหน้าอกที่อวบๆ ของตัวเองและเบ้ปาก

“มึงเอาอะไรมาวัดใบชา”

“ดูจากที่หลานเลือกไงมึง “ใบชาพูด ผมก้มลงมองคนที่ดูดเอาดูดเอา ไม่รู้ว่าดูดนี้เพื่ออิ่มหรือเพื่อความบันเทิงเพราะว่ามันไม่มีน่ะน้ำนมน่ะ ดูไม่ยอมปล่อยแถมหน้าก็ซุกไซ้ไปด้วย

“พี่ว่าน้องมีน้ำนมน่ะ ดูซิ ดูจากรอยบุ๋มที่ตรงแก้มน้องนี้แสดงว่าน้องดูดนมได้ค่ะ” พี่ฝนพูดและชี้ให้ผมดู

“ก็ต้องดูก่อนว่ะไอ้กัน ดูว่า น้องเขาน่ะมีน้ำนมไหม ถ้าไม่มีก็นมกระป๋องก็ได้อยู่ หรือไม่ก็มีนมแม่ที่บริจาค มีหลายคนเลย และโรงพยาบาลนี่เขาตรวจทุกอย่างก่อนแล้วค่อยให้เขาบริจากมาน่ะ” เสียงคุยกันของพี่หมอดังเข้ามาก่อนที่ประตูจะเปิดเข้ามา และผมก็ต้องหนีบเจ้าลูกโซ่ปิดหน้าอกแบนๆ ของผมเอาไว้ ผมไม่เคยทำแบบนี้ต่อหน้าอาจารย์กันตภณมาก่อน อาจารย์เขาก็หันหลังออกทันที ไม่รู้ว่าใครเขินใครกันแน่แต่ผมน่ะอายมากกว่า ส่วนพี่หมอภีมน่ะยืนมองผมก่อนจะหันไปมองพี่ฝน

“น้องร้องมากเลยค่ะคุณหมอ ขวดนมก็ไม่เอาค่ะ เต้านมแม่ที่เขามาป้อนลูกเขาที่ห้องเด็กก็ไม่ยอมดูด ขนาดนมเขาอันใหญ่มหึมาเลยนะคะ น้องก็ไม่เอาค่ะ แต่จะเอาเต้านี้อย่างเดียวคะคุณหมอ” พี่ฝนหันไปรายงานพี่หมอภีม พี่หมอภีมปภพมองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ ผมก็ยิ้มแหยๆ ให้ผมก็แปลกใจไม่แพ้กัน


“เดี๋ยว กูเข้ามาใหม่น่ะ” อาจารย์กันตภณเป็นฝ่ายขอเดินออกไปจากห้องคนไข้แทน

“สงสัยจะเขินแทน” พี่หมอภีมหันมาพูด ผมก็ยิ้มแหยๆ

“แหง๋!!!” เสียงเจ้าตัวเล็กปล่อยจุกนมผม ผมสังเกตที่มุมปากมีคราบน้ำสีขาวๆ ไม่ข้นอยู่ หลับหูหลับตาร้องใหญ่เลย

“แสดงว่าเรามีน้ำนมน่ะบีมแต่คงไม่พอ อย่างมากก็ห้าซี่หรือสิบซีซีได้ เอาอย่างนี้น่ะ พี่มีตัวช่วย”

“ขอน้ำนมจากแม่ที่เขามีนมเยอะๆ แล้วลูกดูดไม่ทันน่ะครับ มาให้น้องเขาหน่อย ใส่หลอดและก็เอาพลาสติกครอบที่มีที่ต่อกับสายยางต่อกับหลอดอีกทีและก็ส่งผ่านเข้าไปให้น้องดูดจากเต้าไปเลย น่าจะพอช่วยได้และใช้สลับกับขวดนมบ้าง “พี่หมอภีมปภพหันไปบอกพี่พยาบาล ตอนนี้พี่เขากำลังเปลี่ยนไปอีกข้างให้ผมแทน



“อีมะนาวไปเถอะ”

“กูอยากดู”

“ไปเถอะ เอาไว้มึงก็ได้ให้แต่ลูกมึงแทนน่ะนมมึงน่ะ” ใบชาเรียกๆ เพื่อนผมออกไปก่อน พี่พยาบาลเขาวิ่งออกไป จากห้อง ผมเหลือบตาขึ้นมองพี่หมอภีม

“เรานี้โชคดีน่ะ พี่ไม่เคยเห็นไอ้กันมันห่วงใครมากเท่านี้มาก่อน ขนาดผู้หญิงที่มันแต่งงานด้วยยังไม่เคยห่วงเขาเท่านี้เลยน่ะ แสดงว่าเรานี้พิเศษจริงๆ” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่หมอภีมปภพทันที อาจารย์กันตภณ แต่งงานแล้วเหรอ

“เราไม่รู้เหรอว่าไอ้กันมันเคยแต่งงานมาก่อน? “ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่รู้ พี่หมอก็มองผมอย่างรู้สึกผิดที่หลุดพูดออกมา

“แต่ว่าเขาหย่าขาดกันไปแล้วเมื่อห้าปีที่แล้วน่ะบีม “พี่หมอภีมปภพรีบบอกผมทันที ผมพยักหน้าเบาๆ

“อย่าไปคิดมากเรื่องมันจบไปแล้ว พี่เชื่อว่าไอ้กันมันอยากจะมีคนที่มันรักสักคนได้แล้ว” พี่หมอภีมบอกกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ และพี่ฝนก็วิ่งกลับมาพร้อมกับหลอดที่มีน้ำสีขาวๆ น่าจะเป็นน้ำนมใส่ถาดมาพร้อมกับอุปกรณ์สองสามชิ้น

“เดี๋ยวพี่เข้ามาใหม่น่ะ พี่อยากบอกว่าเราทำหน้าที่แม่ได้ดีมากบีมทั้งที่เราเป็นผู้ชาย พี่นี่นับถือเลย”

“ผู้หญิงบางคนยังทำไม่ดีเท่าเราเลย บางคนไม่มีความพยายามเลยสักนิดที่จะให้ลูกดูดนมจากเต้าตัวเอง “พี่หมอภีมปภพบอกกับผมก่อนจะเดินออกไปเหลือไว้แค่ผมกับพี่ฝนที่ช่วยกันต่อนั้นต่อนี้เพื่อให้นมเจ้าหนูจอมหิวคนนี้ จนสำเร็จ

“น้องบีมรู้ไหมว่า การเป็นแม่คนน่ะที่ยากที่สุด ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จกันทุกคน คือการให้นมลูกจากเต้า แต่หนูก็ทำได้ดีจริงๆ น่ะ “พี่ฝนพูดชมผม

“ขอบคุณครับพี่ฝน”

“เอาล่ะพี่จะกลับมาดูนะคะ สักสิบนาที “พี่ฝนบอกผม ผมพยักหน้าพร้อมกับก้มหน้าลงมองคนที่ดูดน้ำนมจากเต้าผม ถึงแม้จะไม่ใช้น้ำนมของผมเองก็ตาม แต่ดูเขาดื่มกินอย่างมีความสุข มือน้อยๆ นั้นก็จับหน้าอกผม มือผมก็ลูกหัวทุนๆ นั้นอย่างเบามือ เส้นผมที่พลิ้วไหว แม้ว่าจะสัมผัสได้ว่าค่อนข้างเส้นใหญ่ไปหน่อยก็ตาม

“มี้รักเจ้าเท่าชีวัน”

“ลูกโซ่ เจ้าคือโซ่ทองของมี้นะรู้ไหม” ผมพูดแค่นี้ น้ำตาผมก็ไหลออกมา ผมค่อยๆ ปาดมันออก แต่ว่าน้ำตานี้คือน้ำตาความดีใจ

ตอนนี้เจ้าลูกโซ่ คงเริ่มอิ่มแล้ว เขาเริ่มปล่อยปากเล็กๆ นั้นจากจุกนมของผม และน้ำนมก็หมดพอดีด้วย พี่เขาเอามาแค่สิบซีซีเองและเจ้าตัวน้อยก็ผลอยหลับไปทันที ผมก้มลงมองเส้นผมที่ยาวและหนา แถมยังดกดำอีกต่างหาก ปลายจมูกที่โด่งรั้นนี้ ใบหน้าเรียว คิวก็หนา ตาก็โต แถมหูก็กาง ตกลงนี้เจ้าไม่เอาอะไรจากมี้มาเลยเหรอลูก แต่ตาโตน่ะผมก็ได้อยู่ จมูกผมโด่งแต่ของผมมันเรียวกว่า แต่ไอ้หูกางๆ นี้ มี้ไม่มีน่ะลูกโซ่ ส่วนริมฝีปากบางๆ นี้น่าจะใช่จากผม นี่มี้อุ้มมาตั้งเก้าเดือน เอาของมี้มาแค่นี้เหรอ และใบหน้านี้มันช่าง ละม้ายคล้ายกับคนที่ผมฝันถึงไม่มีผิดเพี้ยนเลย

TBC.....
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-02-2021 10:05:03
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-02-2021 14:31:55
 :o8:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 27-02-2021 22:17:21
รออ่านนน
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-02-2021 22:35:59
 :katai3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6.1 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 28-02-2021 09:42:24
   ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องคนไข้ที่ผมนอนพักอยู่ ทำให้ผมต้องหลุดจากภวังค์ก่อนจะหันไปมองที่ประตู  และคนที่เข้ามาก็คือพี่หมอภีมและอาจารย์กันตภณ พร้อมกับเพื่อนๆ ของผมชุดเดิม

“หมดฤทธิ์แล้วเหรอ เห็นพี่พยาบาลห้องเด็กบอกว่า ร้องจนเพื่อนๆ ตื่นกันทั้งห้อง แสดงว่าปอดแข็งแรงดี” พี่หมอภีมบอกผม ผมก็ยิ้มให้พี่หมอ ส่วนเพื่อนผมโดยเฉพาะมะนาว เข้ามายืนเอามือประสานกันมองเจ้าลูกโซ่

“หลับก็หล่อค่ะลูก” มะนาวพูด

“พี่จะขอดูแผลเราหน่อยน่ะบีม” พี่หมอภีมปภพพูด แต่ว่าผมยังอุ้มเจ้าลูกโซ่ที่หลับปุ๋ยอยู่เลย

“ใครใจกล้า เข้ามาอุ้มน้องแทนบีมให้พี่หมอหน่อยครับ เร็วครับ” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ

“ไม่ดีกว่าครับ ตั้งแต่เกิดมาผมก็ไม่เคยอุ้มเด็ก กลัวทำตกครับ” ใบชารีบพูด

“และทำใช้ไม่เป็นด้วยครับ” ไอ้ใบชาพูด

“มะนาวก็ยังไม่กล้าค่ะ น้องตัวเล็กเกินค่ะ ยิ่งเทียบกับมะนาวด้วยแล้ว น้องยังกับเม็ดก๋วยจี้นะคะ” มะนาวพูดแถมเปรียบลูกชายผมวะน่ารักเลยน่ะ

“ผมก็เคยอุ้มหลานแต่ว่านั้นน่ะห้าหกเดือนแล้วอ่ะครับ คนนี้ผมไม่กล้าครับ เออ ..” ไอ้ฟิล์มพูดพร้อมกับเกาท้ายทอยไปด้วย คราวนี้ทุกหันไปมองเพื่อนผมอีกคนที่เหลืออยู่ ผมก็หันไปมองเป็กซ์เช่นกัน

“อย่ามองกูเลย กูกลัว กลัวลูกมึงกระโดดกัดหู เห็นตั้งแต่ดิ้นมาในเปลเด็กนั้นแล้ว กูละแอบกลัวลูกมึง เขาจะกระโดดขึ้นมากัดหูพี่พยาบาลฉิบหาย!! “ไอ้เป็กซ์พูด นี้มันดูหนังมากไปไหม

“หลานน่ะไม่ใช่เอเลี่ยนน่ะ อีเป็กซ์ “ใบชาพูด

“ไอ้กันมึงน่ะ มึงมีหลานหลายคน ก็น่าจะอุ้มบ้าง และควรจะหัดทำหน้าที่นี้ได้แล้ว” พี่หมอภีมปภพพูด อาจารย์กันตภณก็เดินเข้ามาหาผม พร้อมกับค่อยๆ ช้อนมืออุ้มเจ้าลูกโซ่อย่างเบามือ นี้แสดงว่าเขาอุ้มเป็น ผมเงยหน้ามองด้วยความประหลาดใจ

“อาจารย์ ถ้าบอกว่าเคยเป็นคุณพ่อนี้มะนาวเชื่อเลยนะคะ” มะนาวพูด ผมเห็นอาจารย์กันตภณ อุ้มเจ้าลูกโซ่อย่างทะนุถนอม แถมยังโยกเบาๆ อย่างคนที่เคยมีประสบการณ์ พี่หมอภีมก็เดินมารูดผ้าม่านปิดก่อนจะเข้ามาดูแผลให้ผม

“ แผลดูดีน่ะ และพี่จะให้ยาแก้ปวดเราถี่หน่อยน่ะ เพื่อนๆ จะอยู่ช่วยเราได้หรือเปล่า หรือว่าจะให้พี่จ้างพยาบาลพิเศษมาดูแล เพราะว่าน้องคงต้องป้อนนมถี่หน่อย ถ้าเขาไม่เอานมผงเลยน่ะ”

“แต่แบบนี้ก็ดีน่ะ มันทำให้น้องได้ใกล้ชิดกับบีมมากที่สุด” พี่หมอภีมปภพบอกผม ผมก็แต่งตัวให้เรียบร้อย

“นมผงจะอยู่ได้นานกว่าจะใช้เวลาย่อยก็ต้องสี่ชั่วโมงขึ้นไปน่ะ แต่นมแม่นี้จะใช้ระยะเวลาสั้นกว่าดังนั้นน้องจะหิวบ่อยหน่อย และกว่าเราจะเข้าที่ก็คงพรุ่งนี้มะรืนนี้น่ะบีม “พี่หมอภีมปภพบอกผม

“ปู้ดดด!!!!!” เสียงดังมากจนผมก็ตกใจ แต่ไม่ใช่ผมน่ะ พี่หมอภีมปภพรีบเปิดผ้าม่านออก ผมก็มองไปที่อาจารย์กันตภณ ดูจากสีหน้า เหมือนอาจารย์เขากระอักกระอ่วนใจยังไงก็ไม่รู้ และบรรดาเพื่อนๆ ของผมก็พากันเอานิ้วบี้จมูกกันเป็นแถว ผมก้มลงมองไปที่มืออาจารย์ กันตภณ มือที่ประคองก้นเจ้าลูกโซ่อยู่

“เฮ้ยย ไอ้กันแกได้แจ็คพ๊อตเหรอว่ะ  ฮาๆ “พี่หมอภีมปภพพูดพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง ผมก็เพ้งมองดีดี ลูกผมอุจจาระรดอาจารย์กันตภณเข้าแล้วไง

“ที่บ้าน เรียกฝากรักค่ะอาจารย์” มะนาวพูดยิ้มๆ

“อาจารย์ว่าฝากเป็นอย่างอื่นจะดีกว่าน่ะ อันนี้อาจารย์ว่า มันพิสดารไปหน่อย “อาจารย์กันตภณพูด และพี่ฝนเดินเข้ามาพอดีพร้อมกับของใช้น้อง มีถุงแพมเพิร์สน้องมาด้วย พี่ฝนมองหน้าทุกคน

“พี่ฝน พี่ไม่ได้ใส่แพมเพิร์สให้น้องเหรอครับ” พี่หมอภีมปภพถามพี่ฝน พี่พยาบาล

“อุ้ยตายแล้ว!!  พี่ลืมค่ะคุณหมอ น้องน่ะถ่ายไปก่อนที่พี่ฝนจะพามาด้วยค่ะ และพอถ่ายเสร็จก็ร้องซะห้องเด็กจะแตกเอา เลยรีบพามาหาแม่น้องเขาแทบไม่ทันค่ะ และพี่ฝนก็ลืมใส่กลับเข้าไปด้วยอีกค่ะ” พี่ฝนพูด

“น้องถ่ายอีกเหรอคะ” พี่ฝนถามขึ้น

“ผมว่าน่าจะใช่ครับ เพราะว่ามันเต็มมือผมเลยครับ คุณพยาบาล” อาจารย์กันตภณพูด ผมนี้รู้สึกผิดเลยอ่ะ โธ่ เจ้าลูกโซ่

“กูเดาว่า ลูกโซ่นี้หวงแม่แน่ๆ เลย ตั้งแต่แม่มันท้องแล้ว แอนตี้อาจารย์แกออกนอกหน้ามากและนี้ยังขี้รดเขาอีก ไม่ธรรมดานะน่ะแก” เสียงใบชากระซิบกับมะนาว เพราะว่าใบชาอยู่ข้างๆ ผมเลย

“งั้น พี่เอาน้องไปเช็ดทำความสะอาดเองนะคะ ขอโทษทีค่ะ” พี่ฝนก็เอาผ้าขนหนูมารองรับเอาเจ้าลูกโซ่ไปจากอาจารย์กันตภณ เสื้อผ้าอาจารย์ก็เลอะเทอะไปด้วยอึเจ้าลูกโซ่

“นี้เป็นประสบการณ์เด็กอึดรดพี่ครั้งที่สองเลยน่ะบีม และห่างกันเกือบยี่สิบกว่าปีได้ “อาจารย์กันตถณพูดปนหัวเราะ

“ใครว่ะ หลานมึงเหรอ”

“ลูกคนเล็กพี่เกริกไง ตอนนี้มันโตเป็นหนุ่มแล้ว “อาจารย์กันตภณหันไปพูดกับพี่หมอภีมปภพ อาจารย์กันตภณ เข้าไปชำระล้างในห้องน้ำห้องคนไข้ ผมนี้มองตามอย่างรู้สึกผิดมากและอาจารย์ก็ออกมา

“เอาอย่างนี้ไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องพักแพทย์กูก่อนกัน มีเสื้อสำรองอยู่ใส่ไปก่อน “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม ผมได้แต่มองตามอาจารย์กันตภณเดินออกไปพร้อมกับพี่หมอภีมปภพ

“ไอ้บีม ลูกมึงเขาไม่ชอบอาจารย์ออกนอกหน้าไปไหม ถึงได้ขี้รดเขาขนาดนี้น่ะ” เป็กซ์พูด ผมหันมามองหน้ามัน ลูกหนอลูก รู้ไหมเนี๊ยะว่าเขาดีกับเราขนาดไหน แสบจริงๆ เลย และฟิล์มมันก็หันไปหยิบอาหารมาให้ผมทานต่อ

“ทานหน่อยว่ะบีม มึงต้องมีนมให้ลูกกินน่ะ และคราวนี้พวกกูคงไม่ต้องบังคับมึงอีกแล้ว เพราะลูกมึงน่ะโคตรน่ารักขนาดนี้ มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงต้องทำยังไงและมึงต้องดูเขาด้วย เพราะว่าเขามีแค่มึงแล้วตอนนี้ ที่อาจจะต้องเป็นได้ทั้งพ่อและแม่ว่ะ” ฟิล์มบอกผม และพี่ฝนก็เข็นน้องที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปลแก้วมาให้ผม

“น้องไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้วค่ะ คุณหมอเลยให้มาอยู่กับคุณแม่ในห้องค่ะ” พี่ฝนบอกผม ผมก้มลงมองเด็กน้อย ที่ห่อผ้ามาน่ารักเชียว หลับปุ๋ยเลย

“ตอนหมดฤทธิ์นี้น่ารักเชียว คราวนี้เลยมาอย่างหล่อเลย แต่เมื่อกี้น่ะ โอ๊ย ถุงมือ ถุงเท้ากระเด็นไปคนละทิศคนละทางเลยค่ะ เอาเรื่องเหมือนกันเนอะ แต่ก็ยังน่ารักสำหรับคุณแม่อยู่ดี มีอะไรเรียกพี่ฝนนะคะ พี่ฝนออนคอลค่ะ” พี่ฝนบอกผม

“ขอบคุณครับพี่คนสวย” พวกเพื่อนๆ ผม ผมก็ก้มลงมองเด็กน้อยที่นอนหลับ

“อ้ายย!!” เสียงมะนาวร้องออกมา

“อะไรมะนาว”

“หลานยิ้มค่ะมึง “ผมก็รีบก้มลงมองดูแม้จะตึงๆ แผลไปสักหน่อย ใช่จริงด้วยนอนยิ้มโดยไม่รู้ตัว และมีคนถ่ายภาพเอาไว้ได้ทันนั้นคือเป็กซ์ เพื่อนของผม

“ยิ้มแรกของ บีมน้อยๆ “เป็กซ์พูดแต่ผมว่าจะบอกมันห้ามลงโซเชียล


“ไอ้เป็กซ์อย่าเพิ่งลงเฟสบุ๊ค ฟิล์มรีบทักท้วงเป็กซ์เอาไว้

“ทำไมว่ะ” เป็กซ์หันไปถาม

“ไอ้เชี้ย!! ก็วันที่ไอ้บีมมันเจ็บท้อง อาจารย์ภันตภณเขาอุ้มมัน ใครก็มองว่าบีมมันท้องกับอาจารย์กันหมด และมึงโพสต์อีก กูว่าคนจะเอาไปตั้งประเด็นในเว๊ปมหา’ลัยเอาดิ” ผมก็ต้องกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอมไปทันที ใช่ซิวันนั้นน่ะ มีแต่คนมองผมกับอาจารย์เพียบเลย

“กูลืมว่ะ กูขอโทษว่ะเพื่อนๆ กูขอโทษน่ะบีม” เป็กซ์มันรีบขอโทษผมทันที ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาด้วยเสื้อเชิ้ตตัวใหม่แต่ว่ามันคุ้นตาผมมาก อาจารย์กันตภณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้วย

“เฮีย ก็รู้ความจริงดีนี้ครับ ว่าผมเป็นยังไง และที่ผมให้การช่วยเหลือเพราะว่าเขาคือลูกศิษย์ของผม ผมยอมรับเฮีย เอาไว้ผมเข้าไปหาเฮียที่บ้านดีกว่า ขอบคุณครับเฮียที่ไม่บอกม๊าว่าเกิดอะไรขึ้น ครับ ผมทราบครับ ครับ บายครับ” อาจารย์กันตภณวางสายก่อนจะเดินมาหยุดมองเจ้าลูกโซ่

“ฝากรักไว้แบบนี้น่าจับหอมแก้มซะจริงๆ” อาจารย์กันตภพพูดก่อนจะเอามือจับที่ขอบเปลเด็กอ่อน

“ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวไปหาอะไรทานก่อนนะครับ และไม่อยากเป็นกขคง ด้วย” ใบชาพูดก่อนจะพยักหน้ากับเพื่อนๆ ผมและทุกคนก็เดินออกไป เหลือแค่ผมกับอาจารย์กันตภณ

“ผมขอโทษนะครับพี่กัน”

“เรื่องอะไรเหรอบีม” อาจารย์กันตภณเงยหน้าถามผม

“เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกเรื่อง ผมทำให้พี่กันเสื่อมเสีย ฮึกๆ”

“ช่างมันเถอะบีม เราไปห้ามความคิดเขาไม่ได้นี่ครับ และนี้คือความจริงในสังคมแบบนี้ ที่ต้องมีทั้งคนรักและคนชังเป็นธรรมดา”

“แม่ของพี่เขา”

“ม๊าของพี่น่ะอายุเยอะแล้ว และท่านไม่ค่อยตามติดเรื่องพวกนี้  ตั้งแต่ป๊าของพี่เสียไปได้ห้าปีกว่าแล้ว ม๊าพี่ก็เงียบๆ ซึมๆ ไปและยิ่งหลานๆ ลูกพี่ชาย ลูกพี่สาวพี่โตกันหมด”

“แต่พี่ชายคนโตของพี่ที่ดูแลกิจการโรงเรียนที่พ่อพี่ก่อตั้งมา เฮียเขาก็บอกกับพี่ว่าจะไม่ให้ม๊าพี่รู้เหมือนกัน เพราะว่าเฮียพี่เขารู้แล้ว มีคนโทรไปบอกน่ะ“อาจารย์กันตภณพูด ก่อนจะจับมือผม ผมมองหน้าอาจารย์กัน "แต่พี่โอเค "

“ม๊าพี่น่ะ เขามีหลานชายที่ม๊าพี่เลี้ยงมาตั้งแต่แบเบาะ แต่ตอนนี้มันไปอยู่เมืองนอก ไม่กลับมาสักที พี่ชายก็เลยไม่อยากให้เรื่องอื่นๆ ไปกระทบจิตใจม๊าพี่เพิ่มน่ะ” อาจารย์กันตภณพูด ผมพยักหน้า

“พอเจ้าตัวน้อยเริ่มรู้เรื่องพี่จะพาไปให้ม๊าพี่ดูน่ะ ม๊าพี่รักเด็ก ยิ่งเห็นเจ้าตัวดีนี้คงรักน่าดู” อาจารย์กันตภณพูด ผมยอมรับว่าผมเดาความหมายของมันได้ดี นั้นแปลว่าเขาจะพาผมเข้าบ้านไปไหว้ม๊าของเขา แต่ว่าผมควรจะให้คนที่ไม่ได้ทำมารับผิดชอบจริงๆ อย่างนั้นหรือ

“พี่จะอยู่ข้างๆ บีม เราจะผ่านเรื่องพวกนี้ไปด้วยกันน่ะครับ” พี่กันตภณพูด จัหงวะนันประตูถูกเปิดเข้าอีกครั้ง ผู้หญิงที่สวมแว่นตาอันใหญ่เดินหนีบกระเป๋าหลุยส์เข้ามา ผมไม่เจอนานแต่ผมก็จำได้ดีจนติดตา คนนั้นคือแม่ของผมเอง

“เยส!! เออ ไอวิวคอลยูแบกดาร์ลิ่ง บาย “แม่มาหาผม ผมดีใจที่สุด แม่ผมเข้ามายืน ก่อนจะเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณยกมือไหว้แม่ของผม แม่ผมน่ะสี่สิบห้าแล้ว

“คนนี้พ่อเด็กเหรอ บีม” แม่ของผมเอ่ยถามผมก่อนจะชี้นิ้วมาที่อาจารย์กันตภณ

“แม่ไม่ใช่ครับ เขาคืออาจารย์ของผม “ผมรีบตอบแม่ของผม

“สวัสดีครับคุณแม่” อาจารย์กันตภณทักทายแม่ของผม

“ถ้าอย่างนั้น อาจารย์กลับก่อนนะ มีอะไรโทรหาอาจารย์ได้เลยนะครับบีม”

“ผมลาก่อนนะครับคุณแม่ ผมมีธุระนะครับ” อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะปลีกตัวออกไป แม่เดินมามองเด็กน้อยที่หลับปุ๋ย

“เป็นไงบ้างล่ะ คลอดลูกน่ะ มันไม่สนุกเลยใช่ไหมบีม” แม่พูดขึ้น ก่อนจะถอดแว่นตาออก และมองหลานชายอีกครั้ง ผมยอมรับเลย มันเจ็บจน เข้าใจคำว่าเจ็บใกล้จะตายเป็นยังไง

“แม่ ผมรู้แต่ผมก็กลับไปแก้ไขมันไม่ได้แล้วอ่ะแม่” ผมพูดกับแม่ของผม ผมหันมามองเจ้าโซ่ทองของผม ที่นอนตะแคงหลับปุ๋ย

“ฉันมาทำธุระกับฟิลิปส์น่ะ และนี่ก็ขอเขามาหาเราแต่ฉันไม่ได้บอกว่าเรานอนโรงพยาบาลนะบีม ถ้าบอกเขาก็คงต้องมาเยี่ยมตามมารยาท เลยเลือกที่จะไม่บอก “แม่ของผมพูด


“แล้วนี่แกจะมีนมให้ลูกกินเหรอบีม”

“มีครับแต่น้อยมากเพราะว่าผมเป็นผู้ชายนี้ครับแม่”



“นอกจากมีมดลูกแล้วแกยังมีน้ำนมด้วยเหรอบีม ฉันจะบ้าตาย!!”



“แม่” ผมเรียกแม่เบาๆ



“และดูลูกแกซิ ไม่มีอะไรมาจากแกเลยสักนิด มีแค่ริมฝีปาก ที่เหลือมันถอดพ่อมันมาหมดเลยมั้งเนี๊ยะ ห๊ะ!” แม่ผมพูดก่อนจะเอียงคอมองผม



“ไปตามหาพ่อมันเลยน่ะ น่าเหมือนกันขนาดนี้ ถ้ามันบอกไม่ใช่ ฉันจะมาจัดการมันแทน” แม่ผมพูด



“ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาคือใครแม่ ผมจะไปตามหาที่ไหนล่ะ”



“หน้าเหมือนพ่อมันแบบนี้ ทำไมจะหาไม่ได้ และฉันจะบอกให้น่ะ การเป็นพ่อเลี้ยงเดียว หรือแม่เลี้ยงเดียวน่ะ มันไม่ใช่เรื่องที่สนุกน่ะบีมน่ะ มันยากน่ะ เหนื่อยสารพัดอย่าง “แม่พูดกับผม



“พอพ่อแกเสียฉันถึงได้ต้องจำทน ไปแต่งงานกับไอ้แก่ตัณหากลับนั้น เพื่อนำเงินมาเลี้ยงแก”



“และยิ่งเวลาแกพาลูกออกไปไหนมาไหน เวลาลูกแกมองคนอื่นที่มีครบน่ะ แกจะทนได้เหรอ บีม”



“และ ต่อให้ไอ้คนที่มันมาดูแกน่ะ เขาจะอยากทำหน้าที่พ่อแทน มันก็ไม่เหมือนกัน ไม่มีใครรักลูกเท่ากับพ่อแม่จริงๆ หรอกบีม”



“แม่ พี่เขาเป็นอาจารย์ของผม”



“ฉันดูมันออก และก็ดูออกว่านั้นไม่ใช่พ่อเด็กเหมือนกัน”



“แม่ ผม ฮือๆ”



“เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะพูดอะไรทำร้ายจิตใจแกมากหรอกน่ะ “แม่พูดก่อนจะหันหน้าหนี



“ฉันว่าจะไปจ่ายค่าห้องแต่เขาบอกว่ามีคนดูแลทั้งหมดแล้ว คนนั้นใช่ไหม อาจารย์แกน่ะที่เป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายให้เราน่ะบีม” แม่ถามผม ผมก็ต้องทำสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ ทำไมอาจารย์ต้องทำแบบนี้น่ะ





“อ่ะนี้ เอาไว้ใช้ เอาไว้ซื้อนมซื้ออะไรที่ต้องใช้ ยังไงนี้ก็หลานฉัน บีม และแกก็ลูกฉัน “แม่ผมส่งซองที่มีเงินจำนวนมากพอสมควรมาให้ผม



“เงินนี้ฉันแอบฟิลิบป์เอาไว้ เลยเอามาเป็นเงินสดแทน “แม่ผมพูด



“แกรู้ไหมทำไมฉันให้แกมาอยู่ลำพังบีม เพราะว่า ฟิลิปส์น่ะมันไม่ได้มองแกเหมือนลูกมัน ฉันกลัวมันจะทำอะไรแก แกคงเข้าใจฉันน่ะ และทำตามที่ฉันบอก ไปตามหาพ่อเด็กซะ อย่างน้อยลูกจะได้มีครบเหมือนคนอื่นเขา” แม่ผมพูด ก่อนจะหันหลัง



“แม่ไปน่ะบีม ดูแลตัวเองดีดีล่ะ มีอะไรเดือดร้อนก็โทรหาฉันน่ะ ฉันจะช่วยเหลือเท่าที่ฉันจะช่วยได้บีม “แม่ผมเดินออกไป ผมก็ปาดน้ำตาที่ไหลริน ผมก้มลงมองเงินจำนวนหนึ่งในซองสีขาวนั้น น้ำใสๆ ไหลหยดลงที่ซอง เงินจำนวนมากมายแต่แลกมาด้วยการที่ผมอยู่ใกล้แม่ไม่ได้ และมันก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ที่แม่แต่งงานใหม่แล้ว ผมไม่อยากได้เงิน ผมอยากได้แม่อยากอยู่กับแม่ ฮือๆ และนี้มันก็ทำให้ผมจะไม่ยอมทิ้งเจ้าไปให้ใครเด็ดขาด ลูกโซ่

*****

TBC....

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6.1 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-02-2021 16:59:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6.1 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-02-2021 21:27:30
 :hao5:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.6.1 เจอกันจนได้หัวใจของผม(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 01-03-2021 20:56:13
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.7 ผู้ชายที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 03-03-2021 21:19:59
Part’ s กันต์ธีย์ ผมเริ่มลุกเดินได้หลายวันแล้วหลังจากที่พยาบาลถอดทุกอย่างที่ใส่ไว้ให้ผม ตอนนี้ก็เหลือแต่พาสเตอร์ปิดแผลแบบกันน้ำเอาไว้ให้ เพื่อยังต้องยืดให้แผลประสานกันอยู่ ผมลุกเดินได้คล่องมากแต่ก็ยังไม่ได้อาบน้ำลูกมีแต่พยาบาลทำให้ และวันนี้ผมเลยขอทำเอง พยาบาลเลยส่งผมมาเรียนรู้การอาบน้ำเด็กแรกเกิดกับพี่พยาบาล ผมยอมรับว่าโรงพยาบาลของพี่หมอภีมดีมาก พยาบาลน่ารัก เขาบริการด้วยใจจริงๆ ไม่เคยโกรธหรือโมโห ถ้าเราต้องการความช่วยเหลือ เพราะว่าบางที่เจ้าลูกโซ่ของผมก็งอแงไม่ยอมนอน เพราะว่าท้องอืด มีลมในท้อง ผมเองก็ยังไม่ค่อยเก่ง จับน้องเรอไม่ค่อยเป็น อุ้มนานมากน้องก็ไม่ยอมเรอสักที และบางคืนเจ้าตัวดีไม่นอนเลยพยาบาลมาพากล่อมแทบทุกคืน



“คุณแม่นั่งรอก่อนนะคะ ขอพยาบาลเตรียมน้ำไว้ให้น้องก่อนค่ะ “พี่หัวหน้าพยาบาลหันมาบอกผม และผมก็เห็นผู้หญิงคนนหนึ่งอุ้มลูกเดินเข้ามาเช่นกัน เขาเห็นผมก็ยิ้มให้ ผมทันที



“มาอาบน้ำลูกเหรอคะ” เขาถามผม



“ใช่ครับ วันแรกเลยครับ พี่ล่ะครับ”



“ก็วันแรกเหมือนกันค่ะ แต่พี่มาคลอดได้หลายวันแล้วค่ะ น้องตัวเหลืองเลยต้องเข้าตู้อบค่ะพี่ก็เลยยังไม่ได้กลับบ้าน” พี่เขาพูดก่อนจะก้มลงมองลูกโซ่ตัวแสบ ที่นอนแผ่หลาแขนขากางอยู่บนตักของผม ผมก็ต้องก้มลงจัดท่านอนให้ดูสุภาพนิดนึง ผมเองก็ห่อตัวลูกไม่ค่อยเป็นไง เลยดูเหมือนก้อนขยุกขยุยอะไรสักอย่าง อะไรสักอย่าง อายพี่เขาจริงๆ และที่เป็นแบบนี้เพราะว่าเจ้าวุ่นวายนี้แหละดีดดิ้นกระจัดกระจายไปหมด น่าจะเรียกเจ้าวุ่นวายแทน



“เด็กคนนี้เองอ่ะ เมื่อวันก่อนพี่พยายามให้ทานนมจากเต้าพี่ เขาไม่ยอมทานเลย ทั้งที่หิวน่ะ”



“พี่แบ่งนมให้ลูกผมทุกวันใช่ไหมครับ”



“น่าจะใช่ เพราะว่าพยาบาลเขามาขอพี่น่ะ เขาบอกว่ามีคุณแม่ไม่มีนมให้ลูกทานและลูกก็ไม่เอานมขวด น่าจะใช่น้องนั่นแหละ” พี่เขาบอกผม ผมก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้เป็นการขอบคุณความใจดีของพี่เขา ทั้งที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน แค่มาเป็นแม่ในช่วงเวลาเดียวกัน และลูกพี่เขาก็น่ารักไม่แพ้กัน



“ผมไม่มีนม แบบ พี่อ่ะครับ มีแต่น้อยมาก มีแค่ห้าซีซีเอง” ผมพูด



“ของพี่ปั๊มเยอะมาก เมื่อคืนได้สามขวด ขวดล่ะหกออนซ์ค่ะ ไม่ปั๊มก็ไม่ได้ ปวด “พี่เขาบอกผม



“พี่ชื่อรินทร์ค่ะ น้องชื่ออะไรคะ”



“ผมชื่อบีมครับพี่รินทร์” ผมพูด



“น้องน่ารักมากเลยค่ะน้องบีม”



“นี่ถ้ากลับบ้านแล้ว บีมจะให้น้องทานนมแม่ต่อ บอกพี่น่ะบีม พี่ตั้งใจว่าจะให้ลูกทานสักหกเดือน และจะกลับไปทำงาน และนี้พี่ก็จะสต๊อกน้ำนมเอาไว้ด้วย ถ้าบีมต้องการ พี่แบ่งให้” พี่รินทร์บอกผม ผมยิ้มดีใจที่สุด



“เราแลกไลน์กันน่ะ และมาเอาที่บ้านพี่”



“ขอบคุณครับพี่รินผมขอบคุณจริงๆ ครับ”



“พี่เข้าใจ หัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน ช่วยๆ กันน่ะ” พี่รินทร์พูด และพยาบาลก็มาเรียกผมกับพี่รินทร์ไป เพื่อจะเอาตัวเล็กไปอาบน้ำ ผมเห็นแฟนพี่เขาเดินเข้ามา น่าจะมาช่วยพี่รินทร์อาบน้ำน้อง ลูกของพี่รินทร์ตัวเล็กกว่าลูกผมอีก ผมก็มองเจ้าลูกโซ่ ตื่นมาอาบน้ำได้แล้วมี้อยากจับเจ้าอาบน้ำ ยังอีก ยังหลับอีก



“ลูกโซ่ อาบน้ำนะครับ” ผมสะกิดแก้มนิ่มๆ นั้น เอามือปัดมือผมออกด้วย



“อู้ย แม้หลับสนิทเลยเหรอคะคุณแม่ เลี้ยงง่ายใช่ไหมคะ” พี่หัวหน้าพยาบาลถามผม



“ร้องมาตั้งแต่ตีสามแล้วครับพี่” ผมเงยหน้าตอบ



“อู้ยย เด็กผู้ชายมั้งค่ะ แต่พอปรับตัวได้น่าจะดีขึ้นค่ะคุณแม่” พี่พยาบาลบอกผม



“ผมหวังอย่างนั้นครับพี่ เพราะตั้งแต่ตื่นมาร้องก็เพิ่งจะได้นอนสักพักนี้แหละครับ สงสัยท้องอืดอ่ะครับ” ผมพูด



“พอหลับแล้วน่ารักเชียวน่ะ พ่อรูปหล่อ หล่อเหมือนพ่อแน่เลย “พยาบาลพูดชมลูกผม ผมก็ยิ้มแหยๆ พ่อมันหน้าตายังไงผมยังไม่รู้เลย และผมก็หันไปทำตาม พยาบาลเขาสาทิต ว่าทำอะไรบ้างตั้งแต่ต้นจนจบ และกว่าพ่อตัวดีของผมจะตื่นก็ตอนลงไปจุ่มในอ่างน้ำแล้วนั่นแหละ ร้องลั่นเลยครับท่านผู้ชม ร้องจนพ่อแม่ข้างๆ ผมหันมามองผมกับเจ้าลูกโซ่เป็นตาเดียวกันหมด และนั่นแหละผมเลยต้องรีบๆ อาบและเอาขึ้นทันทีและก็รีบเช็ดตัวให้เร็วที่สุด



“คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องใช้แป้งโรยตัวน้องนะคะ เพราะน้องไม่จำเป็นต้องใช้แป้งค่ะ และน้องอาจจะสูดเอาเศษแป้งเข้าปอดไปได้นะคะ และนี้จะทำให้น้องป่วย อาจจะเป็นโรคปอดติดเชื้อได้ค่ะ แต่ถ้าผิวน้องแห้งมาก ใช้เป็นโลชั่นทาผิวเด็กอ่อนเอาค่ะ บร้าๆ “ผมแต่งตัวลูกโซ่ ด้วยชุดที่น่ารักมา อาจารย์กันตภณ เป็นคนซื่อมาให้ ผมเดาจากทุกอย่างที่เขาทำให้ผม เขาอยากมีลูกแต่ทำไมเขาพูดเหมือนกับว่าเขาไม่สามารถที่จะมีลูกได้ และที่พี่หมอภีมบอกผมว่าอาจารย์เคยแต่งงานแต่เลิกรากันไปแล้วเมื่อห้าปีที่แล้ว นั้นคือก่อนที่พี่เขาจะเจอผม



“วันนี้น้องบีมน่าจะกลับบ้านได้เลยนะคะ “พี่พยาบาลที่ดูแลผม เขาเดินมาหาผม ขณะที่ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ลืมตาขึ้นมา หันซ้ายแลขวานี้คือจะมองหาเต้าซิน่ะ



“จริงเหรอครับ”



“จริงค่ะแต่รอหมอเด็กมาตรวจน้องอีกทีนะคะ “พี่ฝนบอกผม ก่อนจะก้มลงมองเด็กน้อยที่ซุกไซ้จะเอาเต้าแบนของผมให้ได้



“พี่ฝนผมขอนมใส่หลอดให้น้องได้ไหมครับ เพราะว่าน้องเพิ่งดูดนมผมไป โรงงานผลิตนมอันน้อยนิดของผมคงยังไม่เปิดทำการอ่ะครับ” ผมบอกพี่ฝน พี่ฝนก็มองเด็กน้อยที่ทำท่าจะแหวกไปหาอกแบนของผมให้ได้



“อ่ะ อ่ะ อ่ะ” ดูส่งเสียงใหญ่เลย



“ได้ค่ะ งั้นน้องบีมไปรอพี่ที่ห้องเลยนะคะ คุณแม่คุณลูก” พี่ฝนบอกผม ผมก็รีบลุกขึ้นและพาเด็กน้อยกลับห้องพักผมทันที เดินไปอย่างทุลักทุเล



“ลูกโซ่ รอให้ถึงห้องก่อนซิ จะหิวอะไรขนาดนี้เนี๊ยะ” ผมถามลูกตัวดี พอผมกลับมาถึงห้องพัก ผมก็รีบวางลูกโซ่ใส่เปลเด็กก่อนจะหันไปหยิบเอาผ้ากันเปื้อนมารอง



“แกร๊ง!!” เสียงแหวนที่คนที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ ร่วงหล่นลงมาจากกระเป๋าใส่ของใช้เด็ก ผมหยิบขึ้นมาดู เธียรวิชย์ ด.



“แหง๋ๆๆๆๆ” และผมก็ต้องหยิบแหวนนั้นยัดลงกระเป๋าไปก่อน พี่พยาบาลก็เดินเข้ามาพร้อมนมที่ผมจะใช้ป้อนตัวแสบ ผมรับมาจัดการตัวเองอย่างชำนาญ ก่อนจะอุ้มตัวแสบผมขึ้นอย่างถมัดแถมง



“เก่งขึ้นแล้วน่ะเราน่ะ เป็นคุณแม่มืออาชีพได้แล้ว” พี่ฝนพูดชมผม ผมอุ้มเด็กน้อยให้ทานนม ดูดนมใหญ่เลย และถึงมันจะเหมือนกันจัดฉากเอาพาสติกมาครอบหัวนมผมเอาไว้ และมีท่อสายยางที่ต่อจากไซริงค์อีกที แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมป้อนเขาจากนมตัวเอง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเงยหน้ามองคนที่มาเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา และผมก็ต้องหันหนี อาจารย์กันตภณอีกแล้ว อาจารย์เขาก็ยกมือขอตัวออกไปก่อนเหมือนเดิม ทำไมมันทำให้ผมอายเขาได้มากขนาดนี้น่ะ ผมป้อนนมตัวแสบจนหมดหลอดและลูกโซ่ก็หลับคาอกผมไปทันที ผมปลดทุกอย่างออกก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่พาดขึ้นบนบ่าของผม ผมพยายามให้เขาเรอ แต่มันก็ยากสำหรับผมอยู่ดี จนกระทั่งอาจารย์กลับเข้ามาอีกที



“ขอโทษทีน่ะ “อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ อาจารย์เห็นผมยังเก้ๆ กังๆ กับการอุ้มลูกให้เรอให้ได้ อาจารย์เดินมาและแบมือขอลูกโซ่ไปอุ้ม ผมก็ต้องยกให้ อาจารย์กันตภณอุ้มลูกโซ่ ก่อนจะหาที่นั่งและจับลูกโซ่นั่งที่ตักพร้อมกับเอามือประคองที่ใต้คาง อย่างเบามือและใช้มือตบไล่ลมเบาๆ ไม่นาน



“เอิ้ก!!” เสียงดังมากเลย จนผมกลั้นหัวเราะลูกตัวเองแทบจะไม่ได้



“พี่สาวพี่น่ะ พี่เห็นเขาทำให้ลูกเขา พี่เลยจำมา” อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะอุ้มลูกโซ่มาวางไว้ในเปลเด็ก



“วันนี้ไอ้หมอบอกว่าเรากลับบ้านได้แล้วนิบีม”



“ครับพี่กัน ได้กลับซะทีผมเบื่อโรงพยาบาล” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์หันมามองผม และผมก็ทำท่าจะลุกขึ้นเพื่อจะไปเก็บของจะได้เตรียมตัวกลับบ้าน



“บีม ไปนั่งนิ่งๆ เลย พี่ทำเอง”



“ไม่เอาอ่ะ บีมทำด้วยดีกว่าครับพี่กัน”



“บีม พี่ทำให้ และเราไปนั่งเถอะ นะครับ อย่าดื้อ” อาจารย์กันตภณพูด พร้อมกับทำหน้าดุใส่ผม ผมก็ต้องถอยหลังไปนั่ง และมองอาจารย์กันตภณ เก็บทุกอย่างแทนผม



“พี่เข้าไปเก็บของใช้ในห้องน้ำให้ก่อนนะครับ” อาจารย์กันตถณบอกผม ผมนั่งอมยิ้ม ไม่อยากคิดเลยว่าถ้าผู้ชายคนนี้มีภรรยาเขาจะรักและดูแลภรรยาของเขาดีขนาดนี้ไหม แต่พี่หมอภีมบอกว่าอาจารย์กันตภณเคยแต่งงานและยังดูแลผมดีกว่าอดีตภรรยาเขาเลย



ประตูห้องพักผมเปิดเข้ามาพร้อมกับคุณหมอคนสวย เขาเป็นคุณหมอเด็กที่เข้ามาดูเจ้าลูกโซ่ทุกวันและวันนี้คงเป็นสุดท้าย เพราะว่าผมต้องออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณหมอคนสวยเดินมาหยุดมองลูกโซ่ก่อนจะส่งยิ้มให้



“วันนี้จะได้กลับบ้านแล้วน่ะ ดีใจไหมคะ “คุณหมอคนสวยถามผม ผมดูจากป้ายชื่อ พญ.สายป่าน



“ดีใจครับ เพราะว่านั่งๆ นอนๆ อยู่โรงพยาบาลเบื่อนะครับ”



“พยาบาลสอนเรื่องการทำความสะอาดสะดือของน้องให้แล้วใช่ไหมคะ”



“ใช่ครับ”



“ถ้าน้องมีอาการผิดปกติอะไรกลับมาหาหมอนะคะ เช่น ตัวเหลือง ทานนมได้น้อย ร้องไห้งอแงมากผิดปกติ ก็พามาหาหมอทันทีไม่ต้องรอจนหมอนัดนะคะ แต่ถ้าทุกอย่างปกติดี มาตามหมอนัดได้เลยค่ะ”



“ปีก” จังหวะนั้นอาจารย์กันตภณเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ คุณหมอคนสวยหันไปมองก็ต้องตกใจ และอาจารย์เองก็ตกใจเช่นกัน



“พี่กัน”



“สวัสดีครับ น้องหมอสายป่าน”



“นี้ลูกพี่เหรอคะ พี่กัน!!!”



“เออ คือ” อาจารย์กันตภณ อีกอักที่จะตอบ



“ไม่ใช่ครับ เขาเป็นอาจารย์ของผมครับคุณหมอ” ผมรีบตอบแทน ผมเห็นสีหน้าคุณหมอดูตกใจมาก ก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นอนอยู่และหันกลับไปมองหน้าอาจารย์กันตภณ



“แม้นึกว่า ลูกพี่จริงๆ ป่านจะได้แสดงความดีใจด้วยนะคะ เพราะว่าที่ผ่านมาพี่เหมือนไม่อยากมีลูก” อันนี้ผมหันไปมองอาจารย์กันตภณกับหมอสายป่าน



“เออ คือ “อาจารย์กันตภณ



“ถ้าอย่างนั้น มาตามที่หมอนัดนะคะ น้องกลับบ้านได้เลย เพราะเท่าที่หมอตรวจดู ทุกอย่างน้องแข็งแรงปกติ และนี่ก็ผ่านการตรวจการได้ยินแล้ว ผมก็ปกติดีนะคะเหลือแค่ผลการตรวจเลือดที่ทำการตรวจคัดกรองโรคเอ๋อ น่าจะอาทิตย์หนึ่งงพอดีค่ะแต่ดูจากพัฒนาการน้องปกติดี แข็งแรงดีค่ะ หมอไปก่อนนะคะ “คุณหมอพูดก่อนจะส่งยิ้มให้ผมและหันหลังจะเดินออกทันที แต่จังหวะนั้นอาจารย์กันตภณ เดินตามคุณหมอคนสวยออกไปเช่นกัน เออ คนนี้หรือเปล่าน่ะภรรยาเก่าของอาจารย์กันตภณ สวยมาเลยน่ะ ผมหันมาดูเจ้าลูกโซ่แทน ว่าแต่ผมจะหอเจ้าลูกโซ่ยังไงล่ะ ผมก็พยายามจะห่อตัวเจ้าลูกโซ่



“หมับ” มีคนเดินมาจับเปลเด็กอ่อน ผมเงยหน้าขึ้นมองคนนั้นคืออาจารย์กันตภณ อาจารย์กันตภณ เป็นคนทำหน้าที่ห่อตัวเจ้าลูกโซ่แทนผม อย่างชำนาญการ



“พี่เห็นไอ้หมอภีมมันทำน่ะ และพี่ก็เคยเห็นม๊าพี่เขาทำให้หลานพี่” อาจารย์กันตภณหันมาบอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ อาจารย์คงเดาสายตาของผมที่มองเขาอยู่ ว่าผมแปลกใจทำไมอาจารย์ถึงได้ทั้งที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน



“พี่กันไม่ต้องไปส่งผมก็ได้นะครับ ผมว่าให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า” จู่ๆ ผมก็บอกอาจารย์กันตภณแบบนั้น อาจารย์กันตภณก้มลงมองหน้าผม



“เพราะว่าคุณหมอคนนั้นน่ะเหรอครับ” อาจารย์กันตภณหันมาถามผม



“ไม่ใช่ครับ คือ ผม “ไปไม่ถูกเลยดิไอ้บีมเอ๊ย!!



“ฟู่” เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ของอาจารย์กันตภณ ผมเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อๆ นั้น ที่นิ่งเงียบ



“เขาเป็น น้องสาว ภรรยาเก่าพี่น่ะ”อาจารย์กันตภณพูด



“อ้อครับ”ผมพยักหน้าเบาๆ



“พี่เคยแต่งงาน แต่พี่แต่งและนั้นป๊าพี่ให้พี่แต่งครับ ป๊าเป็นคนทาบทามผู้หญิงคนนั้นมาให้พี่ เพราะว่าพี่ไม่เคยมีแฟน ป๊าพี่เขายังรับไม่ได้เรื่อง เกย์อะไรแบบนี้ไม่ได้ และพี่ก็แต่ง อยู่ด้วยกันห้าปี แต่ก็ไม่บุตรด้วย จนภรรยาเก่าพี่น่ะเขาอยากมีลูก เราก็พยายามน่ะ หลายวิธีก็ไม่มี ผลสุดท้ายคือพี่เองที่เป็นหมัน เพราะว่ามีปัญหาเรื่องต่อมลูกหมากตั้งแต่เด็ก”



“และเขาก็ขอหย่ากับพี่ พี่ก็ยอมหย่าให้เพราะว่าพี่ไม่ได้รักเขาเพื่อให้เขาไปเจอคนที่เขารักและจะได้มีลูกด้วยกันสมดังที่เขาต้องการ”



“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ เพราะว่าพี่คิดว่ามัน”



“ผมไม่ได้คิดเรื่องนี้อ่ะครับพี่กัน แต่ผมคิดว่ามัน มันทำให้พี่ถูกมองไม่ดี และพี่ไม่ใช่คนทำให้ผมเป็นแบบนี้ พี่ควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าผม”



“บีม อะไรคือตัววัดว่ามีคนที่ดีกว่าบีมเหรอ อะไรล่ะ”



“ผม ไม่รู้อ่ะครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก และก้มหน้าลง ผมไม่กล้าสบตากับอาจารย์กันตภณเลย ใช่ผมยังอยากให้ลูกผมหาพ่อของเขาจริงๆ มันดูโง่มากใช่ไหม



“ฮึก ฮึก ฮึก” น้ำใสๆ มันไหลรินออกมา



“ทำไมเหรอบีม บีมอึดอัดเรื่องพี่เหรอครับ”



“ผม ขอโทษครับ ผมแค่อยากจะหาคนที่เป็นพ่อของลูกผมจริงๆ ซะก่อนนะครับ ผม”



“พี่แทนเขาไม่ได้เหรอ บีมรักคนนั้นเหรอ”



“ผมไม่รู้และไม่น่าจะใช่ว่ารักเพราะว่าผมเองก็เหมือนมีอะไรกับคนที่ไม่รู้ มันจะกลายเป็นรักได้ยังไงใช่ไหมครับ แต่ว่าผมอยากให้เขารู้ว่าเขามีลูกและนี้คือผลของการกระทำของเขาแค่นั้นเอง”



“ถ้าเขาไม่รับ พี่รับได้ไหม พี่รู้สึกรักเขามาก ยังไงไม่รู้” อาจารย์กันตภณพูด ผมก็มองหน้าอาจารย์เขา แววตาที่มั่นคงนั้น



“ครับขอผมพยายามก่อนได้ไหมอ่ะครับ”



“พี่จะรอน่ะ แต่ระหว่างนี้ให้พี่ดูแลไปก่อนได้ไหม”



“ขอทำคะแนนก่อน” อาจารย์กันณภณพูด ผมพยักหน้าเบาๆ อีกครั้ง ทำมาขนาดนี้แล้วคงห้ามไม่อยู่แล้วแหละ ของทุกอย่างถูกแพคอย่างดี โดยอาจารย์กันตภณ



“คุณหมอสายป่านเขาต่อว่าอะไรพี่หรือเปล่าครับ” ผมถามอาจารย์กันตภณ



“ไม่น่ะ เขาแค่แปลกใจเพราะว่าเขารู้ว่าพี่ไม่สามารถมีลูกได้แต่ทำไม เราถึงมีได้และเขาก็คิดว่าพี่กับเราคือพ่อแม่ของเด็กน้อยนี้” อาจารย์กันตภณลุกขึ้นมาบอกผม



“พี่บอกว่าพี่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่พี่ก็รักเขาเหมือนลูกของพี่แท้ๆ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ



“ถ้าพี่บอกว่าใช่ เขาคงไปบอกพี่สาวเขาน่ะ แต่พี่กับพี่สาวของเขา เราก็จบกันไปนานแล้ว หลินเองก็แต่งงานใหม่และมีลูกทันทีหลังจากนั้นน่ะ จะว่าไปพี่กับหลินเราก็น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ “อาจารย์กันตภณพูด



“แต่พอพ่อแม่หลินพาลูกสาวเขากลับไปอยู่บ้าน พี่ก็ไม่เคยติดต่อหลินอีกเลย จนถึงตอนนี้แต่พี่ก็รู้เรื่องของหลินตลอด เพราะ..... “อาจารย์กันตภณพูด



ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องคนไข้ พี่หมอภีมปภพ เดินเข้ามาพร้อม กระเช้าของขวัญ เป็นชุดของใช้เด็กอ่อนทั้งนัน ผมก็มองและยิ้มให้



“พี่หมอไม่น่าจะต้องซื้อมาให้ผมเลย”



“ไม่ได้ครับ เพราะว่าถ้าพี่ไม่ให้อะไรเป็นของขวัญเราบ้างน่ะ ไอ้เพื่อนรักคนนี้ของพี่มันจะโกรธพี่เอา ต้องให้กันหน่อย”



“ขอบคุณนะครับ” ผมก็รับกระเช้ามาวาง มีแต่ชุดเด็กน่ารักและของใช้ที่จำเป็นทั้งนั้นเลย



“ว่างๆ นี้ก็พาหลานมาทานอาหารเย็นที่บ้านกูบ้างน่ะไอ้กัน” พี่หมอภีมภพหันไปบอกอาจารย์กันตภณ



“อืมม จะบอกอีกทีน่ะ รอให้บีมเขาแข็งแรงมากกว่านี้หน่อย”



“ถึงยังไงก็ต้องมา หาหมอเด็กอยู่ “อาจารย์กันตภณพูด



“หมอเด็กคนไหนวะ และนี่เขาทำใบนัดให้เลยไหม” พี่หมอภีมปภพถามอาจารย์กันตภณ



“หมอสายป่านไง” อาจารย์กันตภณตอบ



“อ้าวจริงดิ แล้วได้เจอมึงไหม แล้วเขาไม่คาบข่าวไปบอกหลินเหรอว่ามึง มีน้ำยาน่ะ มีลูกกับเขาแล้ว” หมอภีมภพพูดเหมือนเป็นเรื่องขำๆ แต่ผมว่าอาจารย์กันตภณไม่ค่อยขำด้วยเท่าไหร่



“มึงส่งเขามาหรือไง” อาจารย์กันตภณหันมาถามพี่หมอภีมปภพ



“ไม่ได้ส่ง และใครจะไปรู้ล่ะ เพราะว่าหมอโรงพยาบาลกูน่ะ เยอะแยะ จำชื่อไม่หมด”



“แต่ก็รู้ว่าว่ามีหมอสายป่านอยู่ที่นี้ และไม่คิดว่าหมอเด็กที่มีเยอะแยะ มึงจะแจ็คพ๊อตได้เจอหมอป่านนี่หว่า” หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ แต่อาจารย์กันตภณแอบค้อนให้หนึ่งทีก่อนจะหันไปถอนหายใจ ผมว่าน่าจะจบไม่ค่อยสวยระหว่างอาจารย์กันตภณกับภรรยาเก่า



“บีม พาสเตอร์ที่ปิดแผลกันน้ำได้น่ะ อาบน้ำตามปกติ รอให้แผลแห้งก่อนแล้ว สักเจ็ดวันค่อยลอกออกน่ะ และพี่หมอให้ผ้ารัดหน้าท้องไปด้วยนะครับ เพื่อพยุงกล้ามเนื้อหลังจะได้เดินเหินสะดวกขึ้น ทานอาหารตามปกติได้เลยแต่ลดของหมักดองไว้ก่อนนะครับ “พี่หมอแนะนำผมสารพัดเลย



“และอีกเรื่องอย่าเพิ่งยกของหนัก 3 เดือนนี้น่ะ งานบ้านด้วยมีคนทำแทนให้เขาทำน่ะ แผลจะได้ประสานกันและจะได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น “พี่หมอภีมปภพบอกผม



“พี่จะหาคนทำความสะอาดมาให้น่ะบีม “อาจารย์กันตภณหันมาพูด ผมก็ทำท่าจะค้าน แต่



“เอาตามที่กันบอกเถอะบีมเพราะว่าผ่าคลอดก็คือผ่าตัดใหญ่น่ะ ระหว่างนี้บีมจะได้ดูแลน้องอย่างใกล้ชิด ช่วงสามเดือนแรกนี้สำคัญไม่แพ้กัน” พี่หมอภีมปภพพูดอีกคน ผมเลยค้านไม่ลงเลย



“เอาล่ะ โชคดีนะครับว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ มีปัญหาอะไรโทรมาได้เลยน่ะ ยินดีให้คำปรึกษาว่ะคุณพ่อ” พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะตบไหล่อาจารย์กันตภณ และรถเข็นก็เข้ามา ผมยกมือไหว้ของคุณพี่หมอภีมปภพ ถ้าไม่ได้พี่หมอผมคงแย่ ดูแลดีทุกอย่าง แถมยังช่วยผมหลายเรื่องเหมือนกัน อาจารย์กันตภณ พยุงผมลงไปนั่งที่รถเข็นก่อนจะหันมาอุ้มเจ้าลูกโซ่ ส่งมาให้ผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ของผมที่ยังหลับสนิท



“กลับบ้านแล้วน่ะครับลูกโซ่ “ผมพูดกับเด็กน้อยที่หลับปุ๋ยอยู่ในอ้อมแขนของผม ระหว่างที่เดินผ่านเคาน์เตอร์พยาบาล เขาก็พากันเดินมาโบกมือบาย บายให้ลูกโซ่กันทั้งนั้น แน่ล่ะ วันแรกก็ร้องกรี้ดปรีดปราดจนวุ่นวายไปทั้ง ห้องเด็กแรกเกิดขนาดนั้น



“น้องบีมค่ะ” เสียงพี่ฝนเรียกชื่อผม ขณะที่ยืนรอลิฟต์อยู่ พี่เขาถือกล่องคล้ายๆ กับกล่องโฟมแช่เย็นมาหาผม เป็นกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก



“คุณแม่ที่แบ่งนมให้น้องทานนะคะ เขาเพิ่งจะกลับบ้านไป เขาฝากนมให้น้องลูกโซ่ค่ะ”



“ขอบคุณครับพี่ฝน”



“ไม่เป็นไรค่ะ แวะมาโรงพยาบาล ถ้าพี่ขึ้นเวรจะลงมาดูน่ะ คิดถึงพ่อสุดหล่อ” พี่ฝนพูดก่อนจะก้มลงเอามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ



“ขอบคุณนะครับ” อาจารย์กันตภณพูดขอบคุณพี่ฝนเช่นกัน



“ไม่เป็นไรค่ะยินดีค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ คุณพ่อคุณแม่” ผมเงยหน้ามองอาจารย์กันตภณ คำนี้มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจผมเหลือเกิน ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนี้ ที่หวังดีกับผมตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เรียนวิชาที่พี่เขาสอน จนถึงตอนนี้พี่เขาก็ยังดูแลผมได้ดี แต่ผมซิ ผมควรจะเลือกทางไหนดี มันดูโง่มากไหมที่ผมอยากจะหาพ่อจริงๆ ของผม



TBC….
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.7 ผู้ชายที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 03-03-2021 21:36:29
 :z10: :z13:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.7 ผู้ชายที่แสนดี
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-03-2021 22:43:03
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.8 แหวนวงนั้นช่างเหมือนกัน
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 04-03-2021 06:57:35
     
        Part’ s กันต์ธีย์ ผ่านไปเกือบสามเดือนที่ผ่านมา ที่ผมกลายเป็นแม่ลูกอ่อน วุ่นวายกับเจ้าลูกโซ่และโชคดีที่เพื่อนๆ ผมที่รอบริษัทเรียกตัวอยู่ เลยมีเวลามาคลุกอยู่กับผมพักหนึ่ง แต่ทว่าเดือนนี้ซิ คงเป็นผมคนเดียวแล้วก็เพื่อนๆของผม ได้งานกันหมดแล้วเหลือแต่ผมที่ยังต้องอยู่บ้านดูแลเจ้าลูกโซ่ โดยมีแม่ของผมคอยส่งเงินมาให้ใช้ทุกเดือน และแม่ก็บอกว่าช่วงนี้ทะเลาะกันกับแฟนใหม่ เรื่องที่ยังคงส่งเงินให้ผมอีกทั้งที่ผมเพิ่งเรียนจบใหม่ๆ ก็อย่างที่บอกฝรั่งเขาไม่ส่งเงินให้ลูกแล้วถ้าโตพอจะหางานทำเองได้ ผมเองก็เกรงใจแม่ผมแย่แล้วเหมือนกัน จะหางานทำใครล่ะที่จะดูลูกให้ผม

//บีม มะนาวไปหานะตอนเย็นน่ะ จะซื้อส้มตำไปทานกัน พวกไอ้ฟิล์มมันก็จะเข้าไปมันคิดถึงอยากฟัดหลาน// มะนาวส่งข้อความมาหาผม ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับของข้างมากมายที่หิวมาให้ ผมก็รีบวิ่งไปช่วยอาจารย์กันตภณถือทันที ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ พลิกคว้ำพลิกง่ายเล่นที่พวกเพื่อนๆของผมช่วยกันซื้อมาให้ มันเป็นเพลย์ยิมสำหรับฝึกของเด็กกำลังหัดคว้ำ

“แล้วตกลงเราเหลืออีกกี่ตัวถึงจะจบล่ะ “อาจารย์กันตภณคุยกับคนปลายสาย

“เหลือทำThesist อย่างเดียว จะให้อานี่น่ะหาคนทำให้เหรอ “ผมได้ยินเช่นนั้น ผมหันมามองหน้าอาจารย์ทันที อาจารย์ก็มองหน้าผม เลิกคิ้วสูง ผมก็ชี้ตัวผมเอง ผมทำได้น่ะ

“จะให้หาให้แต่นายต้องจ้างเขานะ”

“เราจะรับทำเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผมโดยใช้ฝ่ามือป้องโทรศัพท์เอาไว้

“ผมทำได้ครับ ผมว่าง และผมควรจะมีรายได้บ้าง ผมเกรงใจที่จะต้อง”

“แต่ว่า” พี่กันตภณทำท่าจะค้าน

“ตอนลูกโซ่หลับผมก็ว่างเยอะอยู่นะครับ พี่กัน” ผมพูดจาอ้อนอาจารย์กันตภณ

“ก็ได้ ส่งรายละเอียดมาให้อาทางอิเมลเข้าใจไหม ตอนนี้อาก็ยุ่งมาก ได้แค่นี้น่ะ ที่ช่วยเพราะว่าพี่ชายอาน่ะบ่นว่านายกับอาทุกวัน เขารอให้นายมาดูแลโรงเรียนที่อากงอุตส่าห์ก่อตั้งไว้ให้ลูกหลานแต่นายยังเกเรอยู่เลย อืม ไม่บ่นก็ได้ ส่งมาเลยน่ะ “อาจารย์กันตภณวางสายไป

เขาก็มองหน้าผม ที่กำลังเก็บของที่อาจารย์ซื้อมาให้ผม มีผ้าอ้อม และนมกระป๋อง อาจารย์เขาซื้อนมแพะให้เจ้าลูกโซ่ทาน อันนี้ผมก็เกรงใจหนักเข้าไปอีก นมแพะแพงน่ะสำหรับผมคนที่ไม่มีรายได้ ผมได้นมจากพี่รินทร์สำหรับเจ้าลูกโซ่ สองเดือนเต็มๆ ผมก็เกรงใจพี่เขาเลยต้องหัดลูกโซ่ทานนมผงแทน และตอนนี้พี่รินทร์ก็ยุ่งมาก เพราะว่าลูกเขาตรวจผมว่าเป็นโรคหัวใจต้องเข้าๆ ออกๆ โรงพยาบาลบ่อยมาก ผมก็บอกกับพี่รินทร์ว่ามีอะไรให้ผมช่วย ผมยินดีที่จะช่วยเท่าที่ช่วยได้

“บีม” ผมหันมามองคนที่เรียกชื่อผมอย่างรวดเร็ว โดยไม่ทันตั้งตัว ผมเลเสียหลักเล็กน้อยจนเกือบจะล้ม แต่ก็ไม่ล้มเพราะว่ามีคนมาประคองเอวผมเอาไว้ได้ทัน สายตาผมประสานกันกับสายตาคู่นั้น ที่ดูอบอุ่นสำหรับผมเสมอ อาจารย์กันตภณ ใบหน้าของอาจารย์อยู่ใกล้ชิดกับผมมาก จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่พ่นออกมาจากปลายจมูกโด่งนั้น ริมฝีปากที่ขยับเม้มเข้าหากัน ก่อนจะค่อยๆเข้ามาใกล้ผมทุก เข้ามาใกล้ผมมากจนเกือบจะประกบริมฝีปากบางๆ ของผม

“แหง๋!” เสียงร้องจ๋าของเจ้าลูกโซ่ ทำให้ผมต้องผลักอาจารย์กันตภณกระเด็นออกไป และผมก็หันไปมองหาเจ้าลูกโซ่ น้องไม่ได้อยู่ที่ตรงเพลย์ยิมแล้ว ผมก็ย่อตัวลงมองหาว่าไปไหน

“ลูกโซ่!!” ผมเรียกหาทันที และผมก็พบว่าน้องกลิ้งไปติดที่แคบ

“กลิ้งไปยังไงของเราน่ะลูกโซ่” ผมพูดปนหัวเราะก่อนจะคลานเข่าเข้าไปดึงเจ้าลูกชายตัวดีออกมา พอผมอุ้มก็กอดผมหมับ ใบหน้าที่ก็ซุกไซ้จะหาแต่ผมแบนๆ ของผม

“ไม่เอาแล้วครับลูกโซ่ ลูกโซ่ต้องดื่มจากขวดนมน่ะครับ เพราะว่ามี้ให้ลูกโซ่ดูดนมมี้ไม่ได้นะครับ” ผมบอกลูกชาย สีหน้าผิดหวัง แต่ผมก็ต้องขัดใจ ไม่อย่างนั้น ผมต้องคอยใส่เสื้อในและต้องมีที่ซับน้ำนมที่ไหลซึมออกมาตลอดเวลา พอผมบอกไม่ได้ทำหน้างอทันที ลูกโซ่เป็นเด็กฉลาดมาก พูดอะไรไปก็รู้เรื่องไปซะหมด ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ

Rrrrr มือถือของอาจารย์กันต์ภณ ดังขึ้น ซะก่อนที่อาจารย์จะเดินมาหาผม แต่ผมเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ ตอนนี้ได้เวลาลูกโซ่ต้องดื่มนมแล้ว และดูท่าจะง่วงนอนแล้วด้วย ผมจับเจ้าลูกโซ่ไปนอนเล่นในเปลเด็กก่อน เป็นแปลแบบพับได้ และมีโมบายแขวนให้ลูกโซ่ดู แต่ว่าลูกโซ่ของผมกลับไม่ได้ใช้แค่ตาดูครับ ใช้เท้าอันทรงพลังเตะหมุนไปมาได้ (ปกติเด็กน้อยเขาจะมองกันเพื่อความบันเทิงแต่เจ้าลูกโซ่ของผมยกเท้าขึ้นมาหมุนโมบายเล่นซะเพลินเชียว บันเทิงไปอีกอย่าง)

“บีม พี่ต้องกลับก่อนนะครับ บีมอยู่ได้หรือเปล่า” พี่กันตภณเดินมาบอกผม ผมหันมามองอาจาย์ ผมพยักหน้าว่าผมอยู่ได้

“ม๊าพี่น่ะ เขาล้มพี่ต้องรีบไปนะครับ พี่…”

“ไปเถอะครับพี่กัน เพราะว่าม๊าพี่สำคัญนะครับ พี่ไปดูม๊าพี่เถอะน่ะครับ “ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

“มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดนะครับ “อาจารย์กันตภณพูดก่อนจะเข้ามาหอมที่หน้าผากของผม ก่อนจะหันไปเอื้อมหยิบกุญแจรถยนต์ ผมหันไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างขวา แหวนพลอยแดงเหมือนกับแหวนที่ผมได้มาคืนนั้นไม่มีผิดเพี้ยนเลย

“บีม มีอะไรครับ” ผมคงเพ้งมองแหวนวงนั้นนานไปหน่อย

“แหวนสวยนะครับ ผมไม่เคยเห็นพี่สวมแหวนวงนี้มาก่อน”

“ก็สวมบ้างแต่บางทีก็ลืมอ่ะครับ นี่เป็นแหวนวงศ์ตระกูลพี่ครับ” อาจารย์กันตภณพูด ผมเงยหน้ามอง แหวนวงศ์ตระกูลอย่างนั้นเหรอ แต่ว่าไอ้แหวนวงนั้นมันแค่ ด.เด็กตัวเดียว ตระกูลไอ้นั้นมันคงจะด้วนไปน่ะ มีแค่ดอเด็กตัวเดียว

“ม๊าพี่เคยพูดกับพี่น่ะ ถ้าเจอคนที่ใช่ ให้ใช้แหวนวงนี้ หมั้นคนนั้น เพราะว่าแหวนวงนี้ป๊าพี่เป็นคนออกแบบเพื่อให้ ลูกชายและหลานชายของวงตระกูลใส่เท่านั้น” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ต้องยิ้ม ผมแอบคิดว่าอาจจะมีคนแอบก็อปปี้ก็ได้มั้ง

“แหง๋ๆๆ” เสียงร้องปรีดของลูกโซ่ ทำให้ผมต้องรีบหันไปชงนมทันที ตายแล้วผมลืมชงนมให้ลูกไปเลย

“พี่กันรีบไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันมาถามอาจารย์กันตภณ

“เออ ครับ พี่ไปก่อนน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม ก่อนจะเดินออกไป ผมก็รีบเดินไปควักเอาเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจัดกระจายอยู่เปลเด็ก ผมอุ้มมาป้อนนมก่อน ผมไม่ปล่อยให้ลูกนอนกินนมในเปล คือถ้าลูกสำลักเราจะไม่รู้เลย ผมเลยเป็นห่วงตรงนี้มาก ผมป้อนจนตัวแสบหลับปุ๋ยไปแล้ว และนั้นถึงได้อุ้มขึ้นมาพาดบ่าผมก่อนจะวางลงนอนในเปลเด็กอีกครั้ง

****

Part’ s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมแทบจะไม่มีเวลาออกไปเที่ยวเลย ก็เพราะว่าพ่อผมขีดเส้นตายเอาไว้แล้วว่าภายในสามเดือนนี้ต้องจบปริญญาโทและบินกลับทันที และงาน Thesist ที่ผมดองไว้ ก็ต้องมาเร่งทำเอาตอนนี้เลยทำไม่ทัน นี้ผมต้องส่งข้อมูลทุกอย่างให้อากัน อากันคือน้องชายคนเล็กของป๊าของพวกผม

//ฮัลโหล อากัน//
// ว่าไงเธียร อาจะไปหาอาม่าของเราน่ะ”
//อากัน อาม่าเป็นอะไรไปครับ//
//เด็กที่บ้านโทรมาบอกอาว่าอาม่าเราน่ะล้ม และโกวหงส์ พามาส่งโรงพยาบาลแล้ว เธียร//
//แล้วนี่เรานะตั้งใจเรียนให้มันจบซะที่ซิ อาม่าก็คิดถึงเราน่ะ นี้บ่นหาทุกวัน//
//ก็รอให้ผมทำThesisส่ง ผมก็กลับแล้วอากัน//
//อาได้คนทำรายงานให้เราแล้วน่ะ เขาเป็นลูกศิษย์ของอา และเขาก็เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรี แต่ว่าตอนนี้เขายังไม่ได้ทำงาน อาจะวานให้เขาทำให้แต่เราต้องจ่ายเงินให้เขาน่ะ เธียร//
//และคนนี้เขาเป็นคนเก่ง ทำงานละเอียดเรียบร้อยดี //
//นาทีนี้ ผมไม่เลือกแล้วอา เพราะว่าถ้าผมไม่จบ ป๊าบอกให้ผมหางานทำที่นี้ไปเลยไม่ต้องกลับแล้วอ่ะ//
//กลัวขึ้นมาหรือไงล่ะ//
//ถ้าให้ผมไปทำงานตามบริษัทที่นี้ก็เป็นลูกจ้างนะดิอา งั้นผมเลือกกลับไปช่วยป๊าดีกว่า//
//กว่าจะคิดได้น่ะนายนี้ เอาล่ะ ส่งอิเมลรายงานที่นายต้องการมาให้อา และอาจะดูหนังสือที่ต้องใช้ประกอบให้กับกันต์ธีย์เขาทำให้//
// โอนเงินให้เขาเองด้วยน่ะ อาจะส่งเลขที่บัญชีไปให้ นะเธียร//
//แค่นี้ก่อนน่ะเธียร อาจะไปดูอาม่าแล้ว //
//ครับอา // ผมกดวางสายจากมือถือากันก่อนจะหันไปสแกนรายวิชาที่ผมต้องการให้ คนที่อาจ้างมาทำรายงานให้ผม แต่ชื่อกันต์ธีย์ ชื่อแปลกดีน่ะ และอายังบอกว่าเด็กคนนี้เพิ่งจบแต่ไม่มีงานทำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามว่าเขารับทำเท่าไหร่ ผมนั่งนึก ผมเคยจ้างเขาทำอยู่ที่ สองหมื่นห้า เอาว่ะ จ่ายตามนี้แล้วกัน

// ฮัลโหล //พี่ธันรับสายผม พี่ชายคนที่อายุห่างจากผมแค่หนึ่งปีเอง พี่ๆ ผมเรียนจบที่ไทยกันหมดแต่มีแค่ผมคนเดียว ที่ถูกส่งมาเรียนปริญญาโทที่ต่างประเทศ ผมรู้ว่าทำไมป๊าส่งผมมา เพราะแพรวานั้นแน่ๆ คือว่าผมเกิดมาหล่อเกินไป จนเธอไม่ยอมต้องอยู่ติดผมให้ได้ ถ้าอยู่ไทยนี้สาวๆคนไหนมาใกล้ผมนี้เธอจัดการหมด ผมเลยซ่าได้แค่ที่เมืองนอกเท่านั้น และที่นี้เราก็เสมอกันผู้หญิงผู้ชายและเรื่องเซ็กส์มันก็คือความสุขพื้นฐาน

//เฮีย// ผมเรียกเฮียธัน

//ว่าไงว่ะ เธียร // น้ำเสียงที่กำลังหงุดหงิดเพราะถูกขัดจังหวะแน่ๆ ฮั้นแน่ หนีป๊ามาหาเด็กเฮียน่ะซิ

//ทำไมทำเสียงแบบนั้นล่ะเฮีย ขัดจังหวะเฮียเหรอครับ//

//มีอะไรรีบพูดมาเลย เฮียรีบ เพราะว่าต้องรีบกลับบ้าน ไปกินข้าวบ้าน //

//เฮียอยู่ไหนอ่ะ//

//อยู่คอนโดกูดิ มีอะไร//

//มาคอนโดแสดงว่า//

//กูไม่ใช่มึงครับไอ้เธียร ถ้าเป็นแฟนกูก่อนแล้วกูค่อยขอเขา มึงน่ะเจอปั๊บฟันปุ๊ปทิ้งขว้างทันที  และนี่มีอะไรว่ามาเฮียจะรีบไปอาบน้ำแล้วต้องกลับไปหาม๊า ช่วงนี้ม๊าน้อยใจอยากให้อยู่ทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ ขาดแต่มึงนี่แหละ//

//เฮียโอนเงินให้หน่อย ผมจ้างเขาทำThesis ให้น่ะเฮีย สองหมื่นห้าพันบาท เฮีย //

//เอาเลขที่บัญชีมา // เฮียธันบอกผมโดยไม่ต้องคิดมากทันที

//เดี๋ยวส่งให้เลยเฮีย//

//อืมงั้นแค่นี้น่ะ เฮียรีบ//

//ปั่ม ปั๊ม สาวเหรอเฮีย//

//รู้อีกแค่นี้แหละ // และเฮียธันก็วางสายจากผม ผมก็รีบ forward เลขที่บัญชี คนที่อากันของผมจ้างให้ทำThesis ให้ผมทันที โอนก่อนเลยน้องจะได้ไม่เปลี่ยนใจ ถ้าเพิ่งจบก็ต้องอ่อนกว่าผมสองสามปี เพราะว่าแพรวาก็จบปีนี้ ยังอ่อนกว่าผมสามปีเลย

*****
Part’ s อาจารย์กันตภณ ผมรีบมาที่โรงพยาบาลของเพื่อนรักของผม ไอ้หมอภีมปภพ หลังจากที่พี่สาวผม เจ๊หงส์พี่สาวของผมโทรบอกผม ว่าม้าของผมหกขล่ม ผมก็รีบขับรถออกมาจากคอนโดของบีมทันที ผมยอมรับว่าผมเข้าบ้านดึกแต่ม้าผมก็เข้าใจว่าผมทำงานเลิกเย็นมาก แต่จริงๆ ช่วงนี้ผมมาดูแลบีมเขา ก็ไอ้หมอภีมบอกว่าต้องมีคนดูแลบีมช่วงนี้จนถึงหกสัปดาห์ขึ้นไป เพราะว่าแผลผ่าตัดยังไม่ประสานกันดี บีมยังยกของหนักไม่ได้ ขับรถไม่ได้ ดังนั้นผมก็จะคอยซื้อของไปให้ และนี้ก็เลยไม่ค่อยได้เจอม้า เพราะกลับมาถึงม้าก็เข้านอนแล้ว


//เจ๊ ผมกำลังจะเข้าไป อยู่แผนกออร์โทพีดิกซ์ใช่ไหมเจ๊ ได้เจ๊ ผมเห็นอาเหมยแล้วเจ๊// ผมกดวางสายขณะที่ผมชะเง้อคอมองเห็นอาเหมยหลานสาวคนโตเป็นลูกของพี่สาวผมเอง เหมยเรียนมหาวิทยาลัยที่ผมสอนแต่เรียนคณะเภสัชศาสตร์ ผมเลยไม่ค่อยได้เจอกัน

“พี่กันคะ” ผมสะดุ้งสุดตัวทันทีที่มีคนเรียกผม ผมหันมามองต้นเสียง

“น้องหมอป่าน”

“ค่ะ ทำไมต้องตกใจสายป่านขนาดนั้นล่ะ หรือว่าพี่กันรู้สึกผิด”

“สายป่าน พี่ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรนี่ครับ และพี่ก็รีบครับ ม๊าของพี่เขามาหาหมอนะครับ พี่เลยรีบ” ผมอธิบายกับหมอสายป่าน ผมเห็นหมอสายป่านมองเหมือนจะถามหาบีมซิน่ะ

“บีมเขาดูลูกเขาน่ะ”

“น้องสบายดีไหมคะ ตอนนี้คงจะสามเดือนแล้วใช่ไหมคะ”

“ครับ น้องสบายดีครับ” ผมพูดกับหมอสายป่าน

“พอป่านเห็นเด็กคนนั้น มันทำให้ป่านคิดว่า พี่ไม่ได้โกหกอะไรพี่สาวป่านเพื่อต้องการหย่าหรอกมั้งคะ”

“หมอสายป่านครับ ที่พี่เลือกที่จะหย่าเพื่อให้หลินไปเจอคนที่เขารักจริงๆ พี่สายป่านน่ารู้ดีกว่าพี่ เพราะหลินคือพี่สาวแท้ๆ ของสายป่าน”

“ไม่ใช่เพราะว่าพี่หลินจับได้ว่าพี่ มีสัมพันธ์สวาทกับผู้ชายเหรอคะ” หมอสายป่านถามผม ผมหันไปมองหน้าเธอ

“สายป่านไม่ได้แอนตี้รักแบบนี้ แต่สายป่านแอนตี้พี่เพราะว่า ทำไมพี่ไม่บอกป๊าของพี่ตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับพี่สาวสายป่านละคะว่าพี่ชอบแบบไหน”

“พี่ว่ามันจบไปแล้ว”

“พี่ไม่รู้หรอกว่า พี่หลินเขาดีใจที่จะได้ผู้ชายดีดีอย่างพี่มาเป็นสามี ทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะรักไหม แต่พี่หลินก็พยายามซื้อใจพี่”

“สายป่านพี่”

“ไอ้กัน ม๊ามึงรออยู่” เสียงที่ทำให้การสนทนาของผมกับหมอสายป่านหยุดชะงัก ผมหันไปมองหมอภีมปภพ หมอภีมปภพมองหน้าผมกับหมอสายป่านสลับกันไปมา

“สายป่านขอตัวนะคะ มีคนไข้ค่ะ “หมอสายป่านพูด ผมหันมามองหน้าหมอภีมปภพ

“หมับ” หมอภีมปภพ จับต้นแขนผม

“มีปัญหาอะไรกันเหรอว่ะ”

“ไม่มีหรอก เขาแค่ ไม่เชื่อว่าผลการตรวจว่ากูเป็นหมันคือเรื่องจริง” ผมพูดก่อนจะสะบัดแขนไปจากหมอภีมปภพ ผมเดินตรงไปหาม๊าของผม

“จะแห่กังมาทำไม ไม่ได้เป็งอาลาย ม๊ากสักหน่อย” ม๊าของผมพูดแต่ใจก็อยากให้ลูกๆ หลานๆ มาดูแหละ

“อ้าวเฮียเกริกมาแล้วม๊า” เจ้หงส์พี่สาวของผม ผมมีพี่น้องกันทั้งหมดสามคน พี่เกริกคือพี่ชายคนโต เจ้หงส์และผมคนที่สามแต่ผมนี้เป็นลูกหลง ม๊าอยากมีหลายคนแต่ว่าแท้งไปซะส่วนใหญ่ จนเหลือแค่สามคนนี้แหละ

“กัน มึงมาเหมือนกันเหรอ “ผมหันไปยกมือไหว้พี่ชายของผม และหลานชายอีกสองคนที่มากับพี่ชายผมก็ยกมือไหว้ผมเช่นกัน หลานชายคนโต  และอีกคน ธาม เป็นหลานคนที่สอง มีอีกคนชื่อธัน เป็นหลานคนที่สามและเธียรคือหลานคนที่สี่ ลูกคนสุดท้องของพี่ชายผม

“มากังให้วุ่นวาย อะไรก็ไม่รู้ แล้วนี่อาเธียรล่ะ มันยังไม่กลับอีกเหรอ อาเกริก “อาม๊าถามหาเจ้าเธียรกับพี่ชายผมทันที

“ใกล้แล้วม๊า”

“เลิกเรียน มันเลิกกี่โมงว่ะ อาเหมย” ใช่แม่ผมเป็นโรคอัลไซเมอร์ หลงๆ ลึมๆ จำได้บ้างจำไม่ได้บ้าง แต่เรื่องในอดีตจำได้แม่นมากโดยเฉพาะเรื่องเจ้าเธียรวิชย์

“ม๊า อาเธียรน่ะเรียนมหาลัยแล้วครับม๊า และมันก็เรียนที่อังกฤษโน่นเลย ตอนนี้ผมบอกมันแล้วน่ะม๊า ว่าถ้ามันไม่กลับมาในอีกสองเดือนนี้ผมจะให้มันอยู่ที่โน่นไปเลย” พี่ชายของผมเฮียเกริกบอกกับม๊าของผม

“ม๊าเข้าห้องน้ำก่อนไหม ขึ้นรถจะได้ไม่ต้องปวดเพราะว่าจะถึงบ้านคงเกือบชั่วโมงนะม๊า” เจ๊หงส์ถามม๊า ก่อนจะเข็นรถพาม๊าไปห้องน้ำ

“ม๊าเป็นไงบ้างว่ะไอ้หมอ” ถามหมอภีมปภพ

“ก็ข้อเท้าพลิกน่ะไม่ถึงกับหักน่ะ แต่ก็ระวังหน่อยเพราะถ้าล้มอีกอาจจะหักได้และม๊าน่ะอายุเยอะแล้วผ่าตัดก็ฟื้นตัวช้า “หมอภีมปภพพูด ผมเห็นพยาบาล ออกมาขอคุยกับหมอภีมปภพ

“กัน ตกลงยังไง เรื่องเด็กที่เราบอกว่า ท้องนะ”

“ไม่มีอะไรแล้วครับเฮีย เพราะว่าผมยกเลิกเสนอชื่อน้องเขาเข้ารับปริญญาเกียรตินิยมอันดับสองไปแล้ว ตอนนี้น้องเขาก็จบแล้วครับเฮีย”

“นายไม่ได้ทำเขาท้องน่ะ”

“เฮีย เฮียน่าจะรู้จักผมดี”

“ก็แค่ถามดู กูยังไม่เชื่อเลย ม๊าเองยังไม่เชื่ออีกคน”

“ม๊ารู้แล้วเหรอเฮีย”

“รู้แล้ว ขำตายเลยที่รู้ว่ามึงไปทำใครท้องน่ะ” เฮียเกริกพูด

“ป๊า ไอ้เธียรมันโทรมาขอเงินเพิ่มอ่ะป๊า” ธันหลานชายผมเดินมาบอกพี่เกริก พี่ชายผมถึงกับส่ายหัวไปมาทันที ก่อนจะหันไปรับโทรศัพท์จากธัน เพื่อไปคุยกับลูกชายคนเล็ก

“โรงเรียนสาขาที่กูจะยกให้มันดูแล กูว่ายกคืนให้มึงดีกว่าไอ้กัน เลิกเป็นอาจารย์เงินเดือนน้อยแต่ใช้งานราวกับเป็นเจ้าของเถอะ ” พี่เกริกหันมาพูดกับผมก่อนจะเดินออกไปเช่นกัน ผมหันมามองหลายชายอีกสองคน

“อย่ามองผมเลยอา ผมก็เต็มมือ เหลือแต่ไอ้พ่อพวงมาลัยของอานี้แหละ “ธาม รีบปฏิเสธทันที ผมเองไม่อยากยุ่งไม่อยากได้เพราะว่าอยากให้พี่ชายผมยกให้หลานมากกว่า ส่วนพี่สาวผมน่ะเขาแต่งงานกับลูกเจ้าของโรงแรมเขาก็ไม่เอากิจการของป๊าผมเหมือนกัน ผมคงต้องโทรไปคุยกับไอ้เธียรวิชย์หลานชายผมแล้วซิน่ะ ว่าให้มันกลับมาได้แล้ว ม๊าผมออกมาจากห้องน้ำ

“ตกลงไอ้เธียรมันมาหรือยังอ่ะ “ม๊าถามหาเธียรวิชย์อีกแล้ว ทำไมนะเหรอครับ เพราะว่าม๊าผมเลี้ยงเธียรวิชย์มาตั้งแต่อาซ้อคลอด อาซ้อตรวจพบว่าเป็นเนื้องอกเลยต้องรักษาก่อน ส่วนผมนี่ก็ช่วยม๊าของผมเลี้ยงไอ้เธียรวิชย์มาเหมือนกันทั้งที่อายุสิบกว่าๆ เอง

“มันไม่อยู่เหรอ หรือว่ามันเลี้ยงลูกมันอยู่” อาม๊าพูด ทำให้ทุกคนหันไปมองม๊าของผมกันหมด

“ม๊าพูดอะไร อาเธียรวิชย์มันยังไม่มีเมียเลยน่ะม๊า” เจ๊หงส์บอกม๊า

“ก็มันไปหาม๊าอ่ะ มันอุ้มลูกมันไปด้วยอ่ะ และเมียมังด้วย สงสัยเมียมันจะเป็นทอม ผมสั้นเหมือนรองทรง” ม๊าของผม ผมก็ต้องพากันแตะหน้าผาก

“อาม่าบอกเหมยว่าฝันว่าเฮียเธียรวิชย์อุ้มหลานมาหา อาม่าเลยถามหาแต่เฮียตลอดและเหลนด้วย” อาเหมยบอกผม

“อาม่า เธียรวิชย์มันยังไม่มีเมีย เป็นตัวเป็นต้นเลยน่ะอาม่า” ธามพูดกับม๊า ปนหัวเราะ

“แล้วเมียมันไม่เป็นตัวตัวเหรอว่ะ”

“ยังอาม่า เพราะว่ามันมีผู้หญิงพร้อมๆ กันทีเดียวหลายๆคน เลยยังตกลงไม่ได้ว่าใครจะเป็นเมียตัวเป็นๆ ของมันน่ะอาม่า” ไอ้หลานชายผม

“ธาม พูดอะไรเกรงใจอาม่าหน่อยซิเรานิ “เจ๊หงส์ หันไปจะตีหลานชาย เฮียเกริกเดินกลับมาพอดีเลย

“งั้นม๊ากลับบ้านเลยแล้วกัน ผมต้องย้อนกลับไปรับ ม๊าเจ้าสองตัวนี้ก่อน “พี่ชายคนโตพูด

“ผมพาม๊ากลับบ้านเองเฮีย ผมไม่ไปไหนแล้ว” ผมบอกพี่ชายคนโตของผม

“งั้นก็ตามนั้นน่ะกัน เฮียขอโทษที ช่วงนี้วิ่งรอกหลายทีเพราะว่ามีปัญหาผู้ปกครอง น่ะเฮียต้องเข้าไปแก้ไขเอง” เอียเกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า เพราะเหตุนี้ เจ๊หงส์เลยไม่อยากรับช่วงต่อด้วย


“ม๊า ผมไปเอารถก่อนนะม๊า เราจะกลับบ้านกัน”

“ไม่กลับบ้านแล้วมึงจะไปไหนอากัน ก็กลับบ้านดิ ทำเหมือนไม่มีบ้านอย่างนั่นแหละ “ม๊าของผมพูด ผมก็หันมามองเจ๊หงส์ เจ๊หงส์พยักพเยิดให้ผมออกไปเอารถเถอะ ก่อนจะเดินออกไปก่อนจะหันซ้ายแลขวามองหาไอ้หมอภีมแต่ว่าดูท่ามันจะยุ่ง เดี๋ยวค่อยโทรมาคุยกับไอ้หมอภีมแล้วกัน ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินออก

//บีม//

//ครับพี่กัน//

//เพื่อนมาหรือยังครับ//

//มาแล้วครับพี่กัน ตอนนี้กำลังป้อนนมเจ้าลูกโซ่กันอยู่ครับ//

//พี่ไปหาเราพรุ่งนี้แล้วกันนะ และจะเอาอะไรเพิ่มบอกพี่น่ะครับ พี่จะได้ซื้อไปให้ครับ//

//ไม่เป็นไรครับพี่กัน เออ พี่กันพี่ส่งอิเมลงานมาให้ผมเลยก็ได้ครับ ผมจะได้ร่างไว้ก่อนนะครับ //

//อ้อรายละเอียดทำthesis ให้หลานชายพี่นะเหรอครับ ได้ครับ พี่จะส่งให้นะครับ แค่นี้ก่อนนะครับบีมพี่ต้องไปเอารถ และไปพาม๊าพี่กลับบ้านครับ//

// ครับพี่กัน ไม่ต้องเป็นห่วงผมครับ อยู่กับม๊าพี่บ้างนะครับ คนแก่น่ะเขาขี้ใจน้อยนะครับ ส่วนผมกับเจ้าลูกโซ่น่ะโอเคครับ//

// ขับรถดีดีนะครับพี่กัน ผมเป็นห่วง// นี่แหละที่ทำให้ผมหลุดยิ้มทันที ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเจอกับหมอสายป่าน ที่ยืนกอดอกมองผมอยู่

//แค่นี้น่ะครับ มีอะไรโทรหาพี่ได้ตลอดครับบีม// ผมกดวางสายจากบีมก่อนจะ และกำลังจะหันหลังเดินออก ผมเองก็ไม่อยากจะปะทะคารมกับหมอสายป่านหนัก ผมรู้ว่าเธอไม่พอใจเรื่องพี่สาวของเธอ

“เนื้อก็ไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แต่กลับเอากระดูกมาแขวนคอ อย่างนั้นหรือคะพี่กัน”

“พี่เคยพูดกับพี่หลินตอนที่พี่หลินอยากจะขอเด็กมาเลี้ยงแต่พี่กลับปฏิเสธ และกลับบอกว่าไม่ใช่ลูกตัวพี่ไม่เอาแต่นี่พี่กลับเต็มใจไปเลี้ยงลูกคนอื่น นั้นแปลว่า พี่ก็อยากจะเลิกกับพี่หลินอยู่แล้ว ถูกต้องไหมคะ”

“ต่อให้พี่หลินพยายามประคับประคองให้อยู่กันมากแค่ไหนแต่พี่ก็ไม่เคยพยายามรักษาเช่นกัน”

“แถมพี่หมอภีมก็ช่วยพี่น่าดู พี่กับหมอภีมน่ะมีอะไรลับหลังพี่หลิน ทำไมป่านจะไม่รู้ และพี่ก็ทำให้พี่หลินเองที่เป็นฝ่ายขอเลิกเพราะทนพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้”

“แต่ก็น่าสมเพชแทนหมอภีมนะคะที่ทำมาทั้งหมด สุดท้ายพี่ก็กลับไปเลือกเด็กที่เป็นลูกศิษย์ตัวเอง “หมอสายป่านพูดก่อนจะเดินหลังออกไป ผมก็เดินแยกไปเอารถยนต์ผมทันที เพื่อมารับม๊ากลับบ้าน

// ไอ้กัน กูว่าจะออกมาคุยกับมึงอ่ะ ไปไหนวะ และนี่จะกลับบ้านเลยไหม// หมอภีมปภพ ผมหยิบมือถือขึ้นมาอ่าน

// กูจะพาม๊ากลับบ้านว่ะ ภีม //

//เออๆ และอย่าลืมบอกบีมล่ะ ว่านัดฉีดวัคซีนลูกโซ่ ตอนสี่เดือนน่ะ มึงพามาเองไหม //

// อืมจะพามาเอง //

//โอเค แล้วเจอกันว่ะ // ผมขับรถมาจอดที่ด้านหน้า เฮียเกริก เข็นม๊ามารอผมแล้ว ผมก็ลงไปเปิดประตูให้ม๊าขั้นมานั่ง

“พรุ่งนี้เหมยไม่ไปนะคะอา เพราะว่าเหมยต้องเตรียมตัวเรียนปริญญาโทก่อนนะคะ “อาเหมยหลานสาวของผม

“พรุ่งนี้ม๊าอยู่กับพี่บัวก่อนแล้วกัน และอาจะเลิกเร็วหน่อยมาอยู่กับอาม่าเองเหมย ขอบใจมากน่ะเหมย” ผมพูดก่อนจะเดินเข้าไปทำหน้าที่คนขับรถ ม๊าที่นั่งข้างๆ ผม ม๊าหันมามองผม

“อากัน ลื้อ ไม่หาใครสักคนล่ะ เลิกกับอาหลินไปนานแล้ว หาสักคนซิ จะได้มาอยู่เป็นเพื่อนม๊าบ้าง”

“อากัน จะผู้หญิงผู้ชาย ม๊าไม่ว่าหรอก ม๊าไม่เหมือนเตี่ยลื้อ เตี่ยลื้อมันเป็นพวกรักเชื้อสายวงค์ตระกูล มันแค่กลัวไม่มีใครสืบนามสกุลมันต่อน่ะ” ม๊าพูดกับผม ผมหันมาจับมือม๊า

“จริงนะม๊า ถ้าผมเจอแล้ว ม๊าจะไม่ว่าผมน่ะ ถ้าเขาไม่ใช่ผู้หญิงทั่วไป”

“อากัน เรื่องมันผ่านมาน่านแล้วน่า และม๊าก็รู้สึกผิดที่ไม่มีปากมีเสียงช่วยลื้อในตอนนั้นน่ะ ทุกอย่างมันคงไม่ต้องเป็นแบบนั้น ลื้อคงไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน ถึงจะแค่ห้าปีก็เถอะ”

“และนาทีนี้ ม๊ายังเลือกได้อีกเหรอ พามาเหอะ เดี๋ยวม๊าซี้แหง๋แก๋ก่องได้เห็นหน้าเมียลื้อ ” ม๊าผมเป็นคนตลกครับ และผมก็รักม๊าผมมากเช่นกันผมถึงไม่ย้ายออกไปไหน ขนาดปําแถบจะไม่พูดกับผมเลยตั้งแต่รุ้ว่าผมมีรสนิยมชายรักชาย  และม๊าเข้าใจผมมากกว่าป๊าผมอีก แต่ก่อนที่ป๊าจะเสีย ม๊าแทบจะไม่มีปากมีเสียงอะไรเลย ที่จะค้านช่วยลูกๆ แม้กระทั่งเจ๊หงส์แถมลูกสาวพ่อไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญมากเพราะว่าคิดว่าต้องแต่งงานออกไปอยู่กับคนอื่น  และนี้ป๊าบังคับให้ผมแต่ง ผมก็ต้องแต่งถึงแม้ว่าม๊าอยากจะค้านแต่ก็ค้านไม่ได้ สุดท้าย ผมก็เลิกกลับหลินจนได้หลังจากป๊าเสียไม่ถึงปี และผมก็เลือกที่จะขอยู่กับผุ้หญิงคนนี้แต่ว่าตอนนี้ผมกลับกำลังจะเจอคนที่ผมอยากจะพามาเปิดตัวกับม๊าอีกครั้ง

TBC….

ขอบคุณกำลังใจให้คนแต่งนะคะ  :กอด1: คนแต่งจะพยายามให้ดีที่สุด มีคำผิดจะเข้ามาแก้ไขให้เรื่อยๆค่ะ เป็นกำลังใจให้คนแต่งด้วยนะคะ เม้นหนึ่งกำลังใจค่ะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.8 แหวนวงนั้นช่างเหมือนกัน
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2021 02:11:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.9 เจอว่าที่พ่อสามีแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 05-03-2021 10:57:42
Part’s เธียรวิชย์ ตอนนี้ผมกำลังรอผลThesis ของผม ว่าจะผ่านไหม และปลายเดือนนี้ ผมก็ต้องเดินทางกลับไทยแน่นอน อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะว่าพ่อผมยื่นคำขาดมาแล้ว ถ้าไม่กลับ โรงเรียนสาขาที่จะให้ผมดูแล พ่อจะให้อากันมาดูแล อันที่จริงผมก็ไม่อยากได้แต่อากันโทรมาหาผม อาบอกว่าไม่อยากได้เหมือนกัน เพราะงานมันเยอะปัญหาก็แยะ  ผมน่ะรู้ดี เห็นพ่อทำงานแล้วผมเหนื่อยเหมือนทำเอง แต่ด้วยความที่อาม่าตามใจผมมากมาตั้งแต่เด็ก มีอะไรก็อาม่าไว้ก่อน อาม่าปกป้องผมได้ แต่หลังๆมานี้ผมไม่ค่อยได้เข้าไปหาอาม่าเลย ก็ที่ผ่านมาพอผมกลับปุ้ปก็นัดเพื่อนทันทีทุกครั้งไปและเที่ยวกันจนบินกลับเลย

//พี่เธียรค่ะ ตกลงพี่บินสิ้นเดือนนี้นะคะ แพรวาจะได้จัดเซอไพรส์ไปรอรับพี่เธียรที่สนามบินเลยค่ะ เจอกันนะคะ แพรวารักพี่เธียร//
ข้อความที่ส่งเข้ามือถือของผม ผมก็ต้องนั่งเอานิ้วเคาะโต๊ะ ผมกำลังจะเข้าไปเลือกว่าจะบินไฟว์เพื่อให้เฮียธีจ้องตั๋วเครื่องบินให้ผม แต่พอข้อความจากแพรวาเข้ามา ทำเอาผมต้องพับโน้ตบุ๊คลง ผมโคตรอึดอัด เพราะผมไม่ได้ชอบแพรวา

แพรวาเป็นเด็กผู้หญิงที่พ่อของเธอตามใจมาก พ่อเธอคือคุณธรรมรัตน์ เลิศล้ำวุฒิไกร เป็นรัฐมนตรี และเป็นเพื่อนของพ่อผม ที่พ่อผมรักมาก เธอมาคลุกอยู่กับครอบครัวผมตั้งแต่ยังเด็ก จนกระทั่งตอนนี้ เธอเป็นเด็กที่เอาแต่ใจมาก เพราะว่าเธอคือลูกสาวคนเดียว และกว่าพ่อกับแม่ของเธอจะมีเธอก็เกือบไม่มีลูกไว้เชยชมเพราะว่ามียากมาก และนี้ถึงได้ตามใจเธอมาก และเธอก็มักจะร้องต้องมาอยู่กับผมตลอด ตั้งแต่เด็ก จนแม้กระทั่งตอนนี้แต่นี่มันเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่ใช่เด็กแล้ว เธอร้องขอมากขึ้น เธอต้องการจะผูกมัดผม เพราะว่าครอบครัวของผมเคยได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลของแพรวามาก่อน เธอเอาแต่ใจกับผมหนักชนิดที่ไม่เกรงใจความรู้สึกป๊ากับม๊าผมเลย จนป๊าถามผมว่าจะไปเรียนปริญญาโทต่อที่อังกฤษไหม ผมรีบบอกตกลงทันที

วันนี้แสนจะเหนื่อยเพราะว่าผมต้องเดินเรื่องเอกสารเตรียมจบปริญญาโท ผมยังรอผลอีกตัวของอีกวิชา วิชานี้โคตรยากเลย หินมาก ผมทำThesis ไม่ผ่านสักที เลยต้องจ้างเขาทำและผมก็ได้อิเมลตอบกลับจากอาจารย์คนดังกล่าว ว่าThesis ของผมผ่านรอบนี้ ผมว่าจะบอกอากันว่า ถ้าเจอน้องเขาจะพาไปเลี้ยงข้าวสักมือ ตอนนี้ผมก็ปิดไฟเตรียมตัวนอน จะได้พักยาวสักสองสามวัน ไปไหนดีน่ะ พรุ่งนี้ค่อยโทรหาเพื่อนๆ ของผมแล้วกัน ผมข่มตานอนไม่นานก็หลับสนิท

ผมยืนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ เหมือนจะเป็นสนามเด็กเล่น ผมเห็นผู้หญิงที่อุ้มเด็กอยู่ นี้ภรรยาผมแน่ๆ ดูจากชุดที่ใส่ นมนี้โตเต็มมือทีเดียว ผมถึงกับเลียริมฝีปาก

“ป๊า” มีเด็กวิ่งมากระตุกแขนผม ผมก็ก้มลงมอง

“เรียกผิดคนเปล่า” ผมก้มลงบอกเด็กน้อย เด็กน้อยนั้นยืนเอามือกอดอกหน้าคุ้นๆ เนอะ ผมก็มองภรรยานมโตของผมหันมาสักทีซิ

“ป๊า มี้บอกเข้าบ้าน”

“มี้ไหน” ผมถามเด็กน้อยกลับ

“มี้ ที่เป็นเมียป๊าอ่ะ อยู่โน่นน่ะ”

“ห๊ะ!! ไม่ใช่คนนั้นเหรอ” ผมถามเด็กผู้ชายที่มาเรียกผมว่าป๊า และชี้ไปที่สาวนมโตที่นั่งอุ้มเด็กอยู่ ป๊าอยากได้แบบนั้นน่ะ แต่เด็กน้อยคนนี้ดูท่าจะโตหน่อยน่าจะหลายขวบแล้ว เขาก็ชี้สวนไปที่ด้านหลังของผม ผมจึงต้องหันหลังกลับไปมองตาม เท่านั้นแหละผมถึงกับต้องสะดุ้งสุดตัว เพราะว่าคนที่เดินสับเท้าพร้อมกับกระเตงลูกเข้าเอวมา หน้าตาเหมือนผมไปเผาบ้านเขามาเลยก็ว่าได้ และดูก็รู้ว่านั้นน่ะผู้ชาย นมก็ไม่มี มีก้นก็แบน หุ่นก็เพรียวบาง ชนิดว่าลมอาจจะหอบไปไหนต่อไหนได้เลย

“นั่งมองนมอยู่ได้ นี้ลูกเอาไป เปลี่ยนผ้าอ้อม และคนนี้เอาไปเปลี่ยนชุดด้วย และนั้นเอาไปป้อนอาหาร และนี่อีกคนเอาไปนั้น ไปนี้ บร้าๆๆ จนผมเองก็ต้องยืนนับเด็กมันกี่คนแล้วเนี๊ยะ

“สิบสองคน จะบ้าเหรอ ใครจะมีลูกเยอะขนาดนี้เนี๊ยะ!!” ผมถามคนที่ผมยืนอยู่

“เถียงเหรอ เพี๋ยะ!!” ฝ่ามือนั้นง้างจะฟาดลงมาที่ผม แต่ผมรีบรับมือนั้นไว้ได้ทัน ก่อนจะยกสองมือขึ้นมาประกบเพื่อร้องขอชีวิตผู้เป็นเมีย (หรือสามีว่ะนี่มันผู้ชาย)

“ไปเลยน่ะ เอาลูกไปเดี๋ยวนี้เลยน่ะ” ชี้นิ้วแหลมสั่งมาทันที

“จะไปดีดีหรือจะไปด้วยน้ำตา”

“ม๊า ช่วยเธียรด้วยม๊า”

“ซ่าหนัก เลี้ยงเข้าไปเลยมีกี่คนเลี้ยงเอง ม๊าจะไปทำผมสวย “ม๊าของผมก็สะบัดหน้าเดินหนีผมอีก

“อาม่า ช่วยเธียรด้วย” ผมหันไปร้องขออาม่าที่รักเธียรที่สุด

“เรื่องของมึง สอนไม่จำ เป็นผัวที่ลีต้องช่วยเมีย เลี้ยงลูก “อาม่าก็ทิ้งผมไปอีกคน ทั้งที่อาม่าไม่เคยเลย เธียรคนนี้หลานที่อาม่าตามใจที่สุดไงอาม่า กลับมาก่อน

“ป๊า! ป๊า! ป๊า! ป๊า!” แต่ละคนพากันลุมเรียกผมกันทั้งนั้น ผมก็หันซ้ายหันขวา หันหน้าหันหลัง เด็กแต่ละคนหน้าตาเหมือนกันหมดเลย

“เว้ยย ไม่ ไม่!!” เสียงผมตะโกน ผมผวาตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่แตกผลักๆ ผมเหลือบมองเวลา ตอนนี้เกือบจะตีสามอีกแล้วเวลาเดิมทุกที ขนาดหายไปพักหนึ่งได้แล้วน่ะแต่นี่มาอีกแล้วแถมหนักกว่าเดิมอีก ผมลืมตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเปิดไฟให้สว่างผ่านมือถือของผม เพราะว่าห้องของผมเป็นแบบสมาร์ตรูม ผมเริ่มหลอนอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้มาเป็นขโย่งแบบนี้ แพรวาก็แพรวาเถอะ เธียรวิชย์เลือกที่จะ กลับครับ

// ฮัลโหลเฮีย// ผมกดโทรหาเฮียอีกแล้ว เวลาเดิม ๆ เพิ่มเติมคือความน่ากลัวมากวันนี้
//อะไรของมึงเธียร //
//จองตั๋วให้หน่อย เอาเช้านี้เลยเฮีย //
//มาไม้ไหนของมึงอีกไอ้เธียร//
//จะกลับแล้วเฮีย อยู่ไม่ได้แล้ว ซื้อให้เลยน่ะเฮียวันนี้เลยเฮีย//
//เดี๋ยวดูให้และส่งเมลไปให้น่ะ มึงนี้ทำเอากูไม่เป็นอันต้องทำงานทำการ เช็กตั๋วเดินทางให้มึงเนี๊ยะไอ้เธียรวิชย์ เพราะว่าเดี๋ยวกลับเดี๋ยวไม่กลับ //
//แล้วนี่จะรีบกลับทำไมว่ะ มีอะไร//
// ผมฝันอ่ะเฮีย ผมฝันเห็นเด็กมาสิบกว่าเดือนแล้ว และคืนนี้มันหนักสุดเลยอ่ะเฮีย มาเป็นทีมฟุตบอลเลยเฮีย//
//มึงไปทำใคราท้องมาหรือเปล่าไอ้เธียร!! และถ้าป๊ารู้น่ะมึงโดนแน่เพราะว่าเรื่องนี่เรื่องเดียวที่ป๊าบอกมึงว่าอย่าทำและถ้าทำขึ้นมาป๊าไม่เอามึงไว้แน่ คือทำใครท้องก่อนวัยอันควร//
// ผมป้องกันตัวเองอย่างดีเฮีย ไม่ปล่อยให้ท้องแน่นอน ใส่เกาะ แต่มี “ผมก็ต้องชงัก ผมบอกเฮียไม่ได้ว่าผมมีอะไรกับผู้ชาย
//มึงมีอะไรกับใครโดยไม่ป้องกันด้วยเหรอไอ้เธียร!!”
//ไม่มีเฮีย!!! //ผมพูดด้วยเสียงสูง
//แค่นี้จะได้รีบดูตั๋วให้ // เฮียธีพูดก่อนจะวางสายไปจากผม ผมโทรทางไกลไป ผมลุกขึ้นนั่ง เหงื่อหมดทั้งใบหน้า แม้กระทั่งแผ่นหลับที่เปียกโชกราวกับว่าผมเพิ่งจะอาบน้ำมาและไม่ได้เช็ดตัวให้แห้ง ผมเดินก้าวเท้าออกมาจากห้องนอนตัวเอง เพื่อเดินไปหาน้ำดื่มแก้กระหาย กลับมาฝันอีกแล้วเหรอว่ะไอ้เธียร

“กริ้ง!!” เสียงกริงหน้าห้องผมดังขึ้น ใครกันว่ะนี่มันตีสาม หนังสือพิมพ์อะไรจะมาส่งแต่เช้ามืดแบบนี้ ผมก็วางแก้วน้ำลงก่อนจะเดินไป

“กริ้งๆๆๆๆ” รัวๆ เลยทีนี้ ผมก็ต้องจั้มอ้าว ผมว่าคงได้มีต่อยใครสักคนกันบ้างล่ะงานนี้ ผมรีบเปิดโดยไม่ได้มองมอนิเตอร์ว่าใครช่างกล้ากับผมแบบนี้ และสิ่งที่ทำให้ผมต้องผงะคือ รถเข็นเด็กที่มาอยู่หน้าห้องผม และเด็กน้อยหัวทอง ที่ยืนเอามือกดกริงหน้าห้องผมเล่นแบบรัวๆ

“เว้ยยยย” ผมร้องออกมาดังลั่น

“ปิ๊กกะบู้!! “เด็กน้อยปิดหน้าและเปิดหน้าเล่นกับผมอีก จ๊ะเอ๋ไง แต่ผมไม่เล่นด้วยครับ

“ไม่ขำโว้ยเฮ้ย!!” ผมพูดไทยส่งไปทันที

“อุ้ย! พี่ขอโทษทีค่ะ สงสัยรถมันไหลไปหน้าห้องนะคะ ไปลูก จะได้ไปขึ้นเครื่องบินกลับไปหายาย “มีผู้หญิงคนไทยเดินจับรถเข็นเด็ก ก่อนจะขอโทษผม และรีบเข็นรถเข็นนั้นออกไปทันที ดูท่าจะกำลังย้ายออก มากกว่า กระเป๋าเดินทางมากมาย พร้อมกับสามีต่างชาติที่เดินออกมา เขาหันมาโบกมือให้ผม ผมก็โบกมือกลับ และผมรีบปิดประตูลง เอามือกุมหน้าอก ไม่ได้แล้วน่ะ ไม่ไหวแล้วต้องกลับแล้วเธียรวิชย์อยู่ไม่ได้ หลอนมาก ไม่รู้ว่าเป็นที่ห้องหรือตัวผมเอง กลับถึงชวนอาม่าไปไหว้พระที่วัดดีกว่า

//เฮียได้ยังอ่ะ จะได้แพ็กกระเป๋าเดินทางรอเลย// ผมส่งข้อความไปหาเฮียธีพี่ชายคนโตของผม
//จองแล้วกำลังส่งไปให้ และป๊าบอกให้มึงนั่งชั้นประหยัดพอ //
//เฮีย ทำไมไม่บอกม๊าอ่ะ // เพราะว่าม๊าคงไม่ให้ลูกชายคนเล็กนั่งแบบลำบากแน่นอน
//แต่เฮียอัพเกรดให้เธียร//
//เป็นชั้นธุรกิจเหรอเฮีย//
//ชั้นประหยัดพรีเมี่ยมว่ะ ดีขึ้นมาหน่อย//
//เฮีย!! //เธียรวิชย์ร้องไห้แป๊บ เคยแต่นั่งชั้นหนึ่งน่ะ ชั้นเฟริส์คลาสน่ะแต่นี่ชั้นประหยัดแม้จะดีขึ้นมานิดนึงก็เถอะ
//ตอนเขาให้กลับดีดีไม่กลับนี่ และเครื่องน่ะบินบ่ายสามโมงน่ะ พักเครื่องด้วยแต่ เฮียไม่ได้หาที่พักให้ นอนในสนามบินรอต่อเครื่องแล้วกันน่ะ สิบห้าชั่วโมง //
//เฮียแกล้งกันเปล่าเนี๊ยะ!!”
//เอาคืนไงที่ตอนเด็กๆ อาม่าตามใจมึงเยอะไง ฮาๆ //
//แค่นี้น่ะเฮีย ผมจะไปเก็บของแล้ว เดี๋ยวไม่ทัน เจอกันเฮีย//
//เดินทางปลอดภัยน่ะ// เฮียธีบอกผม ผมก็รีบวางมือถือลง วิ่งเข้าวิ่งออก จัดกระเป๋าอย่างรีบด่วน ก่อนจะหันมาส่งอิเมลล่ำลาเพื่อนๆ แน่นอนมันคงยังไม่ได้อ่านกันหรอก เพื่อนๆ ที่เรียนที่นี้ และบรรดาสาวๆ ที่ผมซั่มเอาไว้ด้วย และส่งข้อความไปหาอาจารย์ของผมว่าให้ติดต่อผมทางอิเมลได้เลยผมไม่อยู่ที่นี้แล้ว ให้เหตุผลว่าต้องกลับด่วน ทางบ้านมีปัญหาแต่จริงๆ ผมหนีครับ อยู่ไม่ได้ห้องนี้แม่งต้องมีอะไรแน่ๆ แต่อยู่มาตั้งนานทำไมพึ่งจะมาเกิดเอาตอนนี้ว่ะ และความฝันนี้ก็มาตั้งแต่ผมกลับไทยรอบล่าสุด ผมต้องไปตามหาไอ้เด็กคนนั้นอีก เพราะอยากรู้ว่าที่ผมฝันนี้น่ะมันคืออะไร

*****

Part’ s กันต์ธีย์ ผมแต่งตัวด้วยชุดที่ดูสภาพ ก็อาจารย์กันภณบอกผมว่าจะพาผมมาพบกับพี่ชายคนโตของที่ตอนนี้ท่านเป็นประธานใหญ่ในเครือโรงเรียนนานาชาติ วชิรภังกุญชร ทำไมผมถึงมาวันนี้ อาจารย์กันตภณบอกว่าที่โรงเรียนนี้ สาขาไม่ไกลจากที่พักของผม และที่ผมได้มาสมัครงานที่นี้เพราะว่า จู่ๆ เจ้าหน้าที่ธุรการก็ขอลาออกกะทันหัน และผมเองก็อยากหางานทำ ตอนนี้เจ้าลูกโซ่จองผมก็หกเดือนได้แล้ว อาจารย์กันตภณบอกว่าโรงเรียนของพี่ชายเขามีรับดูแลเด็กเล็กด้วย เรียกว่าเนอสเซอรี่เด็กอ่อนก็ว่าได้ มีทั้งคนภายนอกและให้บริการกับลูกๆ ของพนักงาน ครูอาจารย์ที่นี้ เด็กเล็กที่นี้มีตั้งแต่แรกเกิดไปเลย และลูกครูอาจารย์และเจ้าหน้าที่ได้สิทธิ์ฟรี แต่ส่วนใหญ่จะห้าหกเดือนขึ้นไปแล้วมากกว่า เพราะว่าเล็กเกินไปพ่อแม่ก็กลัว และเหตุผลนี้ด้วย อาจารย์เลยพาผมมาสมัครไม่ซิ พามาฝากเลยดีกว่ามั้ง ผมเองก็ไม่อยากเข้ามาแบบเด็กเส้นเลยจริงๆ แต่ผมคงมีตัวเลือกไม่มาก และมีสวัสดิการดีแบบนี้ผมต้องรีบรับไว้จริงไหมครับ ตอนนี้ผมมานั่งรอที่ห้องประชุมเล็ก เพราะว่าเขาประชุมกันในห้องประชุมใหญ่ ผมน่ะแค่มารอคุยกับพี่ชายของอาจารย์เฉยๆ

“ช่วงนี้ป๊าเรียกประชุมบ่อยไปน่ะเฮีย สาขาที่ผมดูแลไกลจากนี้ตั้งเยอะ” เสียงบ่นดังเข้ามาในห้องประชุมเล็กของโรงเรียน ผมยอมรับว่าโรงเรียนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นโรงเรียนนานาชาติจริงๆ ผมหันไปมองคนที่เปิดประตูเข้ามา เป็นสามหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ผมได้ยินเขาเรียกใครสักคนว่าเฮีย แต่หน้าตาเขาทั้งสามคนไม่ได้บ่งบอกเลยว่ามีเชื้อจีน ก็แต่ล่ะคนมีจมูกที่โด่งรั้นกันทุกคน ไม่ได้ตาตี่ ชั้นเดียว ตาสองชั้นกันหมด สูงยาวเขาดี แต่ล่ะคนก็หุ่นมาตรฐานชายไทยทั้งนั้น แต่ทำไมมองรวมๆแล้วมันหน้าคุ้นๆ ว่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนสักที่ แม้จะสลัวไปหน่อยก็เถอะ แต่ว่ามันก็ริบหรี่เต็มทีน่ะ จนกระทั่ง

“เพี๊ยะ!!” เสียงดีดนิ้วเรียวๆ เพื่อเรียกสติผมกลับคืนทันที

“เห็นมองผมสามคนนานแล้ว สงสัยว่าหน้าพวกผมจะมี ความหล่อติดอยู่” คนที่ดูกวนที่สุดถามผมขึ้น

“สวัสดีครับ” ผมรีบยกมือไหว้ ทันที

“ไอ้ธัน อย่ากวน น้องเขาจะเข้ามาทำหน้าที่ธุรการคนใหม่และถ้ามึงกวนเขาแบบนี้เดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนใจไม่ทำหรอก และมึงต้องทำเองน่ะครับ” คนที่กวนผมชื่อธัน

“เหรอครับ สวัสดีครับ พี่ชื่อธันครับ เป็นหนุ่มหล่อที่สุดในตระกูล” ผมก็ยิ้มแหยๆ ก็หล่อเท่าๆ กันหมดน่ะ

“ช่างกล้าเปิดตัว หนุ่มหล่อและกะล่อนที่สุดในตระกูลด้วยซิครับธันครับ “อีกคนก็พูดขัดทันที ผมก็ต้องนั่งตัวรีบทันที

“ผมยังเป็นรองไอ้น้องชายคนโปรดของเฮียน่ะ เฮียธี” พี่เขาหันไปบอกพี่อีกคนดูท่าจะคนโตที่สุด

“สวัสดีครับ พี่ชื่อธามครับ “พี่อีกคนแนะนำตัวเอง

“คนนี้พี่คนโตพวกพี่ ชื่อเฮียธี ดุมาก” ผมก็สะบัดหน้าไปมองก่อนจะรีบยกมือไหว้อีกที

“มึงใส่ร้ายกูน่ะ ไอ้ธาม” พี่เขาพูด แต่หน้านิ่งๆ พี่เขาดุจริงๆ ผมก็หนีบขาเข้าไปอีก

“พี่จองตั๋วให้ไอ้น้องชายสุดที่รักพี่ยังอ่ะ” พี่ธามหันไปถามพี่คนโตสุด คุณธี

“ส่งไปแล้ว และกูจองชั้นประหยัดให้มันด้วย และมันก็ต้องรอต่อเครื่องนานโคตรเลยว่ะ”

“เข้าใจเอาคืนน่ะเฮีย”

“อะแฮม” เสียงกระแอมที่ทำลายบทสนาดังขึ้น ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามาพร้อมกับอาจารย์กันตภณ อาจารย์เขาหันมายิ้มให้ผม และชี้ไปทีหนุ่มใหญ่ รูปหล่อและเคล้าหน้าก็มาทางสามคนที่นั่งนี้ทั้งหมด แต่ก็มีความคล้ายคลึงกับอาจารย์กันตภณนิดหน่อย

“บีม นี้เฮียของพี่ครับพี่ชายคนโตของพี่และเป็น ท่านประธานอำนวยการใหญ่ของเครือนี้ครับ” อาจารย์กันตภณบอกผม ผมรีบยกมือขึ้นไหว้แทบจะไม่ทันที ดูจากชื่อบอร์ดผู้บริหารระดับสูงสุด ชื่อเกริกเกียรติ เดชาวชิรภังกุลชร

“น้องเขายังเกรงกลัวเลย แต่ไอ้คนน้องพี่คนเล็กนี้มันไม่กลัวป๊าเราเลยน่ะเฮีย”

“อะแฮม!!” เสียงแอมอีกครั้ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ และอาจารย์กันตภณก็เดินมานั่งข้างๆ ผม

“เราชื่อกันต์ธีย์ใช่ไหม ที่ว่าจะมาทำงานแทนธุรการที่เพิ่งจะออกไปน่ะ “คนที่นั่งลงที่เก้าอี้ประธานหันมาถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ไม่กล้าฮือไม่กล้าอือเลย

“เฮียอย่าดุหนักซิ น้องเขาสั่นหมดแล้ว และน้องคนนี้น่ะ ทำงานดี ละเอียดรอบคอบมากน่ะ ผมเลยแนะนำมา”

“เด็กอากันหรือเปล่าว่ะ” เสียงที่คุยกัน ทำให้ท่านประธานหันไปมอง แค่นั้นก็เงียบกันหมด

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ และเริ่มงานได้เมื่อไหร่ล่ะ พรุ่งนี้เลยได้ไหม เพราะว่างานเอกสารเยอะมากคนเก่าทำเอาไว้เละเลย “ท่านประธานพูด

“เฮีย อีกเรื่องน่ะคือน้องเขามีลูกเล็กด้วยนะครับ จะให้น้องเขาเอาลูกมาฝากเลี้ยงที่นี้โดยใช้สวัสดิการพนักงานก่อนได้ไหมเฮีย เพราะว่าสวัสดิการนี้ปกติให้คนที่ทำงานมาแล้วปีหนึ่งแต่นี้น้องเขาไม่มีคนดูจริงๆ “อาจารย์กันตภณบอกกับพี่ชายของเขา

“ห๊ะ!! มีลูกแล้ว” พี่ๆ ทั้งสามคนแสดงอาการตกใจพร้อมกัน ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“อายุน้องเท่าไหร่ครับ มีแล้ว รีบเหรอ พวกพี่จะสามสิบยังไม่รีบเลย “พี่คนที่กวนๆ ผมที่ชื่อธามหันมาถามผม

“ผมเออ ผม ไม่ได้รีบแต่มันมาแล้วอ่ะครับ และผมจบมหาวิทยาลัยแล้วด้วยครับ” ผมเงยหน้าขึ้นตอบ ท่านประธานอำนวยกันหันมามองผมก่อนจะหันไปมองอาจารย์กันตภณ

“ลูกอายุกี่เดือนแล้วล่ะ และแม่เด็กไม่เลี้ยงเหรอ” ท่านประธานหันมาถามผม ผมก็หันมามองหน้าอาจารย์กันตภณ เอาไงดี ผมนี้แหละแม่เด็ก

“เออ เขาเลิกกันแล้วน่ะครับเฮีย ตอนนี้น้องอายุ หกเดือน เลี้ยงง่าย น่ารักเชียว “อาจารย์กันตภณหันไปบอกท่านประธาน

“แม้รู้ละเอียดจริงนะอากัน หรือว่า “พี่ธันทำท่าแซวอาจารย์กันตภณแต่ว่าเจอสายตาท่านประธานใหญ่เลยไม่กล้าแซวต่อทันที ผมนี้ก็นั่งสั่นไปทั้งตัวแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จน่ะ

“เอาก็ได้ ถือว่าเห็นแกที่ตอนนี้เราต้องการธุรการด่วน และผมอยากให้ คุณทำหน้าที่เลขานุการเพิ่มอีกตำแหน่ง ผมจะให้เงินเดือนเพิ่ม เพราะลูกชายคนเล็กของผมที่เพิ่งจะจบกำลังจะมารับตำแหน่งผู้บริหารงานของโรงเรียนสาขานี้ อยากให้ช่วยจัดการเรื่องเอกสารที่ต้องเซ็นต์แต่ล่ะวัน ให้หน่อย จะเพิ่มจากเงินเดือนให้อีกเดือนล่ะห้าพันและไม่เก็บค่าดูแลลูกของเรา ถือเป็นสวัสดิการ ซึ่งปกติให้เฉพาะพนักงานที่ทำงานกับเรา หนึ่งปีแล้วเท่านั้น ถ้าไม่ถึงต้องจ่ายเองไปก่อน”

“ครับ “ผมตอบตกลงด้วยน้ำเสียงที่เบานิดหน่อย

“ถ้าอย่างนั้น เฮียกลับก่อนน่ะ เพราะว่าวันนี้ อาซ้อเราน่ะมีนัด หมอนัดน่ะ” ท่านประธานใหญ่หันมาบอกอาจารย์กันตภณ ผมก็ลุกขึ้น คงต้องรีบเข้าห้องน้ำก่อน

“ผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ “ผมพูดและลุกขึ้นทันที

“หึๆ สงสัยจะกลัวท่านประธานใหญ่จนฉี่ราดแน่เลย “พี่เขาหัวเราะตามหลังผมทันที ผมรีบเข้าห้องน้ำและทำธุรส่วนตัว พอเสร็จธุระ ผมก็ต้องรีบโทรหาพี่ฟ้า พี่สาวไอ้ฟิล์ม วันนี้พี่ฟ้าเขารับเลี้ยงเจ้าลูกโซ่ให้ผมก่อน

//สวัสดีครับพี่ฟ้า//
// บีมโทรมาพอดีเลย พี่ว่าจะโทรหาเราอยู่ พอดีเลย พี่ต้องพาลูกชายคนโตไปหาหมอฟัน หมอนัดตอนบ่ายสามน่ะ แล้วนี่เราเสร็จหรือยังบีม// พี่ฟ้าบอกผม
// เสร็จแล้วพี่ฟ้า ถ้าอย่างนั้นผมไปรับเลยครับ //ผมบอกพี่ฟ้า พร้อมกับรีบกดวางสาย ผมต้องไปบอกพี่กันก่อนว่าผมต้องรีบไปรับเจ้าลูกโซ่ของผมก่อน ตอนนี้ผมไม่เรียกอาจารย์กันตภณแล้วเพราะว่าผมจบแล้วนิ และอาจารย์ก็ไม่ใช่อาจารย์ผมแล้ว

//อะไรน่ะ แล้วหมอส่ายป่านเขาจะเอาประวัติการรักษากูไปทำไม แต่ถ้าเขาจะเอาไปก็เรื่องของเขาดิ ภีม พอเถอะ ไม่อยากยุ่งแล้วไง อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้เลยภีม แล้วคิดว่ากูควรให้อภัยอีกเหรอ เออ แค่นี้น่ะภีม จะไปส่งบีมก่อน อืม บาย // ผมเดินออกมาก็เจอพี่กันตภณยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ดูสีหน้าไม่ค่อยดี

“พี่ทะเลาะอะไรกับพี่หมอภีมเหรอครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เรื่องไม่เป็นเรื่อง มันชอบง้องแง้งใส่พี่น่ะเป็นมันตัวโตโตแบบนี้ใจมันยังกับปลาซิว ว่าแต่เราเถอะจะรีบกลับเลยไหมพี่ว่าจะชวนไปหาอะไรทานสักหน่อย” พี่กันตภณพูดปนหัวเราะกลบเกลื่อนทั้งที่สีหน้าดูแล้วน่าจะมีเรื่องกวนใจพี่เขาอยู่แต่ผมก็ไม่กล้าถาม ผมก็ยิ้มตอบให้เหมือนเคย ผมก็มองเสื้อตัวนี้ ผมไม่ได้เห็นพี่กันตภณใส่นานแล้วน่ะ ตั้งแต่วันนั้น งานเลี้ยงอำลา อาจารย์บัญชีที่เกษียณอายุ เป็นอาจารย์แม่ที่พวกผมเคารพ วันนั้นพวกผมเลยไปช่วยอาจารย์ของคณะ และวันนั้นพี่กันตภณใส่มันไป เสื้อตัวนี้ผมเป็นคนซื้อให้อาจารย์ เมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง

“มองเสื้อพี่นี้ คิดอะไรหรือเปล่า” พี่กันตภณถามผม พี่เขาจำไม่ได้หรือเปล่าน่ะว่าเสื้อตัวนี้ผมซื้อให้

“คุ้นๆ เนอะ” ผมพูด

“อ้อเสื้อตัวนี้พี่เอามาจากห้องไอ้ภีมไง ที่วันนั้นเจ้าลูกโซ่อึรดพี่น่ะ และพี่เห็นว่าสีมันสวยดีพี่เลยเอามาใส่อีก “ผมพยักหน้าก่อนจะยิ้มจางๆ ใช่มันสีเดียวกันเลย

“อากัน อาเจ๊โทรมาบอกป๊า ว่าจะให้อากันพาอาม่าไปเอกซเรย์ข้อเท้าน่ะ”

“อ้าววันนี้เหรอ” พี่กันหันไปถามหลานชายพี่เขาที่วิ่งมาบอกพี่กันตภณ

“งั้นบีมไปกับพี่ก่อนน่ะ”

“ไม่ได้ครับพี่กัน เพราะว่าผมต้องไปรับลูกนะครับ พี่ฟ้าเขามีธุระนะครับ”

“ให้ผมนั่งแท็กซี่ไปดีกว่าครับ และพี่กันไปดูม๊าพี่เถอะครับ อันนั้นสำคัญกว่านะครับ ให้ผมนั่งแท็กซี่กลับเองดีกว่า”

“บ้านเพื่อนน้องอยู่ตรงไหนอ่ะครับ” พี่ธามถามผม

“อยู่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่ครับ”

“พี่ต้องไปเอาเอกสารให้ป๊า ที่อโศกเลยครับ” พี่ธามพูด

“เฮีย เฮียไปมิวไม่ใช่เหรอ ที่ตรงอนุสาวรีย์ชัยน่ะ เฮียไปส่งน้องเขาหน่อยดิ” พี่ธามหันไปเรียก พี่ธี พี่ธีหันมามองผมกับพี่กันตภณ ผมนี่ไม่กล้าเงยหน้า เฮียเขาดูดุดุน่ะผมว่า คงเพราะค่อนข้างเหมือนท่านประธานใหญ่มากที่สุด

“อากันต้องไปดูอาม่าเพราะว่า อาม่าเขามีนัดพบวันนี้”

“เออ ได้ดิ ให้น้องเขาไปกับผมก็ได้อากัน”

“แล้วเราจะกลับมาคอนโดยังไง” พี่กันตภณหันมาถามผมอีก ผู้ชายคนนี้หวงผมไปทุกเรื่องเลย

“ก็แท็กซี่ไงครับ”

“แล้วคอนโดน้องอยู่ไหนเหรอครับ” พี่ธีถามผม

“ก็ไม่ไกลจากนี้หรอกแค่สามป่ายรถเมย์น่ะ” พี่กันตภณเป็นคนตอบแทน

“งั้นพี่ขับกลับมาส่ง เพราะว่าแฟนพี่เขาจะมาเอาของที่บ้านแม่เขาด้วยน่ะ ว่าที่แม่ยายพี่นะครับ ทางผ่านอยู่น่ะ เพราะว่าไม่ไกลจากนี้แค่สี่ห้าป้ายรถเมย์เหมือนกัน” พี่ธีพูด ยิ้มๆ ผมก็เงยหน้าขึ้น มุมปากผมค่อยปรากฏขึ้นเป็นยิ้มได้หน่อย แต่ตอนอยู่ในห้องประชุมนี้พี่แกขรึมน่าดู

“งั้นไปกับธีน่ะ และให้ธีขับมาส่งที่คอนโดเรา ห้ามกลับเอง พี่เป็นห่วง “พี่กันตภณพูด

“อาผมมาส่งให้น่ะ น้องไม่หายไปไหนหรอก “พี่ธีพูด

“งั้นอาฝากด้วยน่ะ ธี ใจมาก”

“บีมพรุ่งนี้พี่ไปรับเราน่ะและจะได้มาทำงานวันแรก พี่อยากมาส่ง” พี่กันตภณบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินตามพี่ธีไป พี่ธีก็คุยโทรศัพท์กับแฟนเขาไปด้วย ผมไม่เห็นพี่ธีสวมแหวนที่นิ้วนางนั้นแปลว่าแต่งงานแล้วอย่างนั้นหรือ แต่ไม่มีแหวนเหมือนที่พี่กันสวมแหวนประจำวงค์ตระกูล แต่ผมสังเกตพี่ธามและพี่ธันเขายังสวมอยู่เลยอ่ะ แหวนที่พี่กันบอกกัยผม และมันจะจริงไหมถ้าเจอใครที่ชอบให้มอบแหวนวงนั้นไป แปลกดีน่ะ แต่แหวนคืนนั้นน่ะ มันคงไม่ได้มอบเพราะมีคำสั่งจากวงค์ตระกูลมันมาเหมือนกันแน่ๆ แหวนพร้อมกับเงินสดห้าพัน ถุ้ย! ไอ้เชี้ยเธียร!!

“พี่มีคู่หมั้นแล้วครับ “ผมก็สะดุ้ง ผมคงมองนิ้วพี่เขานานไปหน่อย

“ทราบครับ” ผมเงยหน้าตอบพี่เขา

“พี่รักว่าที่ภรรยาพี่ครับ เพราะว่าว่าที่ภรรยาพี่โคตรดุเลย” พี่ธีพูด ผมพยักหน้าว่าน่าจะใช่น่ะ

TBC...........

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.9 เจอว่าที่พ่อสามีแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 05-03-2021 22:19:03
 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.9 เจอว่าที่พ่อสามีแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 05-03-2021 22:49:34
 :katai2-1:


ไกล้เข้ามาแล้ววววว
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 06-03-2021 07:26:32
EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P1 
[/size][/color]

                 Part's กันต์ธีย์ ผมเดินออกมายืนรอพี่ธีที่ด้านหน้าตึก พี่ธีเขาเดินไปขับรถคันหรูมารับผม รถพี่ธีสวยและหรูมากดูท่าจะรถนำเข้าและน่าจะไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ แต่ก็หรูพอพอกับรถของพี่กันตภณนั่นแหละ ต่างแค่ว่าคนล่ะรุ่น ของพี่กันตภณน่ะรุ่นก่อนหน้านี้หลายปีอยู่และดูคลาสสิคกว่า ผมเข้าไปนั่งข้างๆ พี่ธีที่ทำหน้าที่ขับรถเอง

“ขอที่อยู่ด้วยครับน้องบีมพี่จะได้ตั้ง จีพีเอส ไม่อย่างนั้น หลงแน่ๆ “พี่ธีพูด ผมก็ส่งที่อยู่ให้ และพี่ธีก็ตั้งจากหน้าจอทัชสกีนในรถหรูของพี่ธีเขา ผมเงยหน้าขึ้นมามอง ผมเห็นหูพี่ธีเออมันเหมือนหู ไอ้เจ้าลูกโซ่ผมเลย หูกางและจังหวะนั้นพี่ธีหันมาพอดี

“จะว่าพี่หูกางเหรอครับ” พี่ธีพูดพร้อมกับกุมหูหัวเอง ผมรีบสั่นหัวทันที ใครจะกล้าว่าลูกท่านประธานใหญ่ละครับ อาจจะตกงานได้

“ไม่ ไม่ ใช่ครับ แต่ ก็กางนะครับ อุ้ย! พี่ผมขอโทษครับ”

“นี้แหละจุดขายบ้านพี่ หูกางทุกคน “พี่ธีพูดปนหัวเราะ อ้อไม่โกรธค่อยยังชั่วหน่อย เอาจริงๆ พี่เขาก็ไม่ดุเหมือนตอนที่นั่งอยู่ในห้องประชุมกับท่านประธานใหญ่เลยน่ะ ผมนั่งคุยไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่ง มาถึงอนุสาวรีย์ชัย พี่เขาตรงเข้าไปจอดด้านหลังร้านขายยาแห่งหนึ่ง ร้านใหญ่มาก

“พี่เข้าไปรับแฟนก่อนนะครับ แฟนพี่เป็นเภสัชกรน่ะครับ และนี้ร้านยาแฟนพี่ครับ “พี่ธีบอก ผมพยักหน้าก่อนจะปลดเข็มขัด แฟนเขามาผมก็ต้องไปนั่งหลังซิ ผมรีบขยับตัวออกมาและไปนั่งด้านหลังทันที ไม่นานพี่เขาก็เดินคุยมาด้วยกันผมหันไปเห็นก็ยิ่งมองเพราะว่ามัน ดูน่ารักดี

“อุ้ย!!” แฟนพี่เขาเปิดประตูด้านหลังที่ผมนั่งอยู่ แฟนพี่เขาน่ารักมากเลย สวมเสื้อกาวสีขาว ตรงเหนือกระเป๋าปักไว้ว่า ภก.พิมลวรรณ

“อ้าวไปนั่งด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะบีม” พี่ธีถามผม

“น้องเขากลัวเฮียน่ะซิ เลยกระโดดมานั่งหลังเลย ใช่ไหมคะ เพราะว่าเฮียแกหน้าดุ แต่จริงๆ น่ะ ติ้งต้อง” แฟนคนสวยของพี่ธีพูด ขำ ขำ กับเฮียธีที่ยืนเกาหัวตัวเอง ก่อนจะเอาฝ่ามือแตะที่หัวผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้โกรธแต่เอ็นดู มันน่ารักไปอีกแบบน่ะ

“เฮียไม่โหดน่า จะโหดก็ตอนนั่งกับป๊าอย่างเดียว” พี่ธีพูดตอนที่เข้ามานั่งในรถแล้ว และแฟนพี่เขาก็เข้ามานั่ง เขาก็คุยกันกะหนุงกะหนิง คนเป็นแฟนกันอะนะ และมันก็ดูน่ารักดี

“บีมนี้พี่มิวครับ ว่าที่ภรรยาพี่ครับ พี่กำลังจะแต่งงานกันปลายปีนี้ครับ” พี่ธีบอกผม

“ยินดีที่รู้จักนะคะ ว่าแต่จับพลัดจับผลูยังไงถึงได้มานั่งรถเฮียได้คะเนี๊ยะ”

“เด็กอากันเขา เขาฝากไปส่งบ้าน “พี่ธีพูด แม่เรียกผมว่าเด็กพี่กันตภณอีก

“อากันน่ะฝากผิดคนหรือเปล่า “แฟนพี่เขาแซวพี่ธีทันที

“พี่บอกน้องเขาไปแล้วพี่น่ะเกรงใจว่าที่ภรรยา เพราะว่าดุครับ เห็นพี่โหดแต่พี่เกียมัวน่ะครับ “พี่ธีพูด และพี่มิวหันมาพยักพเยิดให้ผม

“และน้องเขาว่าจะไปเอาของด้วย ใช่ไหมครับ ที่ตรงเพชรบุรีตัดใหม่น่ะครับ” ผมหันมามองพี่ธี พี่เขาเรียกลูกผมว่าของเลยเหรอ

“ผมไปรับลูกน่ะครับพี่ธี” ผมบอกพี่ธี

“เออ พี่ขอโทษที ไปรับลูกเนอะ” พี่ธีรีบขอโทษผมทันที

“ห๊ะ!! มีลูกแล้วเหรอ ดูยังเด็กอยู่เลยอ่ะบีม” แฟนพี่ธีร้องเสียงหลงเลย

“น้องอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ” พี่เขาถามถึงผมแน่ๆ เพราะว่าพอผมชี้ตัวเองพี่เขาพยักหน้าหงึกๆ ก่อน

“ผมเพิ่งจบปริญญาตรีครับ ผมยี่สิบเอ็ดย่างยี่สิบสองปีแล้วครับ” ผมบอกพี่มิวแฟนพี่ธี

“เด็กกว่าพี่สามสี่ปีได้ แต่เฮียน่ะคงแก่กว่าครึ้งรอบได้เลยมั้ง”

“หนูว่าเฮียแก่เหรอ เจ็บน่ะคำนี้น่ะ” เฮียธีพูด ผมก็ต้องเหลือบตามอง ทำไมไม่เจอแบบนี้บ้างว่ะน่ารักอ่ะ ผมแอบคิดในใจ แต่ทำไมผมถึงชอบนึกถ้าไอ้พ่อของลูกโซ่มันรู้จักมาง้อผมบ้างก็คงดี แต่ใครจะมาง้อคนที่มีอะไรคืนเดียวแล้วท้องเลยว่ะ

“และนี่ก็ตามน้องเขาไม่ทันแล้วเฮีย” พี่มิวก็หันมาบอกพี่ธี

“ก็บอกให้แต่งตั้งแต่ต้นปีแล้วนี่” พี่ธีพูด

“ก็จะลดน้ำหนักก่อน”

“กินขนมเค้กอีกแล้ว จะลดหรือจะเพิ่มจ๊ะหนู” ผมบอกตามตรงน่ะว่าพี่เขาน่ารักจริงๆ คู่นี้ พี่ธีดูท่าทีเหมือนจะเจ้าชู้แต่ไม่เจ้าชู้เลย ผมนั่งดูเขาสองคนหยอกล้อกันจนรถแล่นมาจนถึงบ้านพี่ฟ้า ผมก็รีบเปิดประตูทันทีเพราะว่าคิดถึงเจ้าลูกโซ่แย่แล้ว

“พี่จะกลับเลยก็ได้นะครับ ผมนั่งแท็กซี่ไปเองได้นะครับพี่ธี”

“ไม่ได้ครับ เพราะว่าอากันเขาฝากพี่ครับ และเราไปนานเหรอครับ” พี่ธีถามผม

“ไม่นานครับแค่ไปรับและก็กลับเลยครับ”

“พี่รอได้ครับบีม ไปเถอะครับ และพี่ว่าช่วยแฟนกินขนมก่อน ให้กินคนเดียว เดี๋ยวชุดแต่งงานต้องตัดใหม่” พี่ธีบอกผมแอบหยอกกันเล่นกับพี่มิวอีกแล้ว ก่อนจะหันไปคุยกะหนุงกะหนิงด้วยกันต่อ ผมเห็นแบบนี้แล้ว อิจฉามาก ตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว ทำไมเขาเป็นผู้ชายที่น่ารักขนาดนี้ ผมชอบมองคู่รักที่ทำอะไรให้กันแบบนี้ แล้วผมล่ะจะมีบ้างไหมน่ะ แต่มันแปลกเวลาที่พี่กันตภณทำให้ผม ทำไมผมรู้สึกเหมือนเขาคือญาติผุ้ใหญ่ที่ทำอะไรให้ผมไม่เคยมองในฐานะคนรักที่ทำให้กันแบบพี่ธีกับพี่มิวเลยก็ไม่รู้ หรือว่าในหัวผมคิดแต่เรื่องไอ้คนที่ทำให้ผมท้องกันแน่ ผมเดินเข้ามาก็เปิดประตูเข้าไปทันที ผมเห็นเจ้าลูกโซ่ของผมนั่งรื้อของออกจากกระเป๋าใส่ของใช้เด็กอ่อน รื้อจนเพลินเลยน่ะ

“มัม มัม มัม” ไม่รู้ว่าเรียกหรือว่าแค่บ่นน่ะ ทันทีที่เขาหันมาเจอผม และรีบคลานมาหาผมทันทีเช่นกัน ผมก็ตรงปรี่ไปหาเจ้าลูกโซ่

“บอกว่าให้เรียกมี้ ไม่ใช่มัม มัม มัม” ผมย่อตัวลงบอกเจ้าลูกโซ่ พร้อมกับเอานิ้วจี้จิ้มที่ปลายจมูกโด่งรั้นนี้ โด่งกว่าผมมากมาย ขนาดว่าผมเป็นลูกครึ้งน่ะ ยังโด่งน้อยกว่าเลย แต่แปลกที่ผมกลับเป็นลูกครึ้งที่มีเชื้อไทยมากกว่า แต่ก็ดูรู้แหละว่าไม่ใช่คนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์

“อ้าวบีมมาแล้วเหรอ พี่จับอาบน้ำให้แล้วน่ะ กรี้ดจนแสบแก้วหูเชียวเวลาอาบน้ำน่ะ” พี่ฟ้าพูดปนหัวเราะ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็เอียงคอมอง รู้เรื่องทันทีเลยน่ะ

“อาบีม” ลูกสาวพี่ฟ้าคนที่สอง สองขวบกว่าแล้ว พูดเก่งแล้วซิและเขาก็วิ่งมากอดผม ผมมาที่บ้านนี้บ่อยเมื่อก่อน เพราะว่าผมสนิทกับฟิล์มมาก นัดกันมาทำรายงานที่บ้านฟิล์มบ่อยๆ

“น้องน่ารัก” น้องเพิร์นบอกผมชมเจ้าลูกโซ่ของผมแต่คนถูกชมกับเงยหน้าขึ้นเม้มปาก จนน้องเฟิร์นต้องหลบหลังผมแทน

“น้องน่ากลัว” อ้าว! ผมเหลียวหลังกลับมามองเฟิร์น เมื่อกี้ยังน่ารักอยู่เลย และผมก็อดกลั้นหัวเราะไม่ได้กับคนที่แอบน้องอยู่ด้านหลังผม

“แล้วนี่เริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะบีม และใครจะดูเวลาเราไปทำงานน่ะบีม” พี่ฟ้าถามผม

“ผมเริ่มทำงานพรุ่งนี้ครับ แต่ว่าที่ทำงานผมน่ะ เขาเปิดรับเลี้ยงเด็กเล็กด้วยครับพี่ฟ้า และผมก็ใช้สวัสดิการ เขาให้ฝากดูแลฟรีครับ ในช่วงเวลางานครับพี่ฟ้า”

“ดีจังเลยอ่ะ มีงานดีดีแบบนี้ เอาไว้ให้มั่นเลยน่ะ นี้ไอ้ฟิล์มน่ะได้งานที่ต้องมีกะกลางคืนด้วย มันโคตรเหนื่อยเลย มันบอกเรียนมาก็ยากกว่าจะจบ แต่พอจบมาแล้วได้งานทำ ก็เหนื่อยว่าทำการบ้านอีก มันบ่นกับพี่ทุกวันเลยบีม” พี่ฟ้าพูด ผมก็ยิ้มๆ เพราะว่าผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่างานจะเหนื่อยไหม

“พี่ฟ้า ผมไปก่อนนะครับ”

“และนี่พี่ที่เป็นลูกท่านประธานใหญ่เขามาส่งผมนะครับและเขาก็รอไปส่งผมที่คอนโดอีกที ผมเกรงใจเขานะครับ” ผมบอกพี่ฟ้าก่อนจะคว้าเอาทุกอย่างขึ้นมาสพายกระเป๋าขึ้นบนบ่าก่อนจะหันไปอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาหนีบเอวผมไว้ พออุ้มขึ้นมาได้ก็คว้าเสื้อผมจะแหวกหาอกแบนๆ ผมอีก

“อือออ” ผมส่ายหน้าว่าไม่ได้ ก็ยังจะแหวกอีก จนพี่ฟ้าหลุดขำผมทันที

“ที่ของพี่ตูมๆ ไม่จับหรอก” พี่ฟ้าพูดปนหัวเราะกับเจ้าโซ่ที่ติดอกแบนๆ ของผมน่าดู

“อาบีมไปก่อนนะครับ น้องเฟิร์น เอาไว้อาพาน้องมาเล่นด้วยใหม่น่ะครับ”

“น้องน่ากลัวแต่เฟิร์นก็ชอบน้องน่ะอาบีม” เฟิร์นกระซิบข้างหูผม

“เอาน่ะน้องฟันกำลังจะขึ้นน่ะ เลยอยากขยำอะไรสักอย่าง “พี่ฟ้าบอกลูกสาว ผมก็คิดว่าน่าจะฟันกำลังขึ้น เห็นโผ่มานิดๆ แล้วด้วย ตอนนี้ก็ทานอาหารบดอยู่ และผมก็รีบกระเตงลูกออกมาอย่างรวดเร็ว เกรงใจคนที่รอ

******
Part’ s เฮียธี พี่ชายคนโตของพระเอก แต่ยังไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังรอน้องสะใภ้อยู่ (ยังไม่รู้ตัวอีกาๆ) ธีกำลังนั่งให้แฟนสาวที่คบหากันมาเกือบแปดปี กำลังป้อนขนมกันอยู่ ธีเขาเหมือนป๊าของเขา รักใครก็รักคนเดียว ไม่ว่อกแว่กและให้เกียรติคนที่ตัวเองคบหาอยู่ ถ้าเลิกกันแล้วจะมีแฟนใหม่ก็ไม่มีใครว่า แต่ว่าคู่ของเขานี้รักและเข้าใจจึงอยู่ด้วยกันนานมาก ธีคบกับแฟนสาวตั้งแต่เธอเรียนเภสัชกรปีหนึ่ง พบรักกันบนรถไฟฟ้าเพราะว่าวันนั้นรถของธีเสีย และเขาก็รีบไปสอบเลยต้องจอดรถทิ้งไว้และขึ้นรถไฟฟ้าไปแทน และนั้นทำให้เขาได้คนที่น่ารักมาอยู่ข้างๆ จนถึงทุกวันนี้

“เฮียว่าอันนี้สวยไหมอ่ะ”

“แล้วแต่เมียเฮียเลยครับ อันไหนเมียชอบเฮียก็ชอบเพราะว่าเฮียเคารพการตัดสินใจเมียเฮีย และไม่คัดค้านการตัดสินใจของเมียด้วย” ธีพูด

“เฮียอ่ะ พูดแบบนี้ ไม่กล้าไปรักคนอื่นเลยน่ะ”

“ก็ดีแล้วไง ถ้าเมียตัดสินใจไปรักคนอืนอันนี้เฮียจะค้านละครับ” ธีพูดหยอกคนรักในรถจนกระทั่ง เขาเห็นบีมหอบกระเป๋าและเด็กน้อยที่หนีบเข้าเอวมาด้วย เขาจึงรีบลงจากรถก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้บีม ธียืนมองเด็กน้อยตัวขาวๆ ที่หนีบเอวบีมมาด้วยความสงสัย ทำไมพอเพ้งมองใกล้ๆ เขาก็ยิ่งเห็นว่าใบหน้าเด็กน้อยนั้นดูคุ้นเคย จะว่าเหมือนอากันตภณเหรอ ไม่น่าจะใช่น่ะแต่นี่มันลูกของน้องบีมเขานิแต่แม่น้องน่ะใครก็ไม่ได้ถามอีก

“สวัสดีครับก่อนซิลูกโซ่ “บีมบอกให้ลูกชายเขาสวัสดีครับ ธีเป็นคนชอบเด็กเขาอยากมีลูกทันทีที่แต่งงาน พอเขาเห็นเด็กน่ารักตาหวานขนาดนี้ เขาจึงยื่นใบหน้าหล่อๆ ของเขาเข้าไปใกล้แต่ผลที่ได้คือ

“โอ๊ยย!!” ธีร้องเสียงหลงทันที เพราะว่าเด็กน้อยบีบปลายจมูกโด่งรั้นของเขาทันควันเช่นกัน

“ลูกโซ่!!!” บีมรีบห้ามปรามลูกชายตัวแสบพร้อมกับพยายามจับมือลูกโซ่ให้ปล่อยปลายจมูกโด่งๆ นั้นให้เป็นอิสระ และทันทีที่เด็กน้อยปล่อยจมูกของธีเป็นอิสระ เขาก็รีบถอยหลังออกและหันมาจับและสำรวจปลายจมูกตัวเอง คนที่เปิดกระจกมองอยู่คือแฟนสาวของเขา

“พี่ธี ผมขอโทษครับ “บีมรีบกล่าวขอโทษธีแทนเจ้าลูกโซ่ทันที ลูกหนอลูกจะทำให้มี้ตกงานน่ะลูกโซ่ ไปทำลูกชายคนโตท่านประธานใหญ่ทำไมลูก

“พี่ธี เป็นอะไรไปน่ะ” มิวแฟนสาวรีบถามแฟนหนุ่มทันที

“เด็กบีบจมูกพี่ ดุน่ะเนี๊ยะ ตัวแค่เนี๊ยะ!” ธีหันไปบอกแฟนสาว ที่นั่งมองเขาและยังขำเขาอีก ส่วนบีมก็ยืนมองด้วยสายตาที่รู้สึกผิดแทนลูกชายจริงๆ

“มองหน้าก็ไม่ได้เหรอครับ ลูกชายบีมน่ะครับ” พี่ธีถามบีมก่อนจะหันมาช่วยหยิบกระเป๋าใส่ไว้ในรถ พร้อมกับสายตาเด็กน้อยที่จับจ้องที่เขาอย่างไม่วางตา

“แสดงว่าน้องเขาไม่ชอบจมูกโด่งๆ ของพี่แน่ๆ เลย เฮียธี “แฟนสาวรีบแซวแฟนหนุ่มทันที และธีก็รอให้บีมเข้าไปนั่งในรถซะก่อน เพื่อจะได้ปิดประตูให้ แอบจับปลายจมูกตัวเองอีกครั้งเมื่อกี้น่าจะเรียกว่าหยิกดีกว่าจับน่ะ เพราะว่ามันเจ็บมาก ธีคิดในใจ ก่อนจะเข้ามานั่งทำหน้าที่คนขับรถและปรับกระจกมองตัวแสบที่นั่งอยู่บนตักของบีม มองไปรอบรถเก๋งคันหรู ราวกับกำลังสำรวจโลกกว้าง สายตาที่มองเหมือนอยากจะหาอะไรทำ ก่อนที่ธีจะออกรถ เด็กน้อยก็หันไปเห็นฟิกเกอร์ของธีที่เขาไปซื้อมาสะสมไว้ ราคาตอนนั้นก็เกือบสองหมื่นบาทต่อชิ้น เพราะว่าทำได้หน้าตาเหมือนตัวแสดงในเรื่องซูเปอร์ฮีโร่ไม่มีผิด แต่ว่าเด็กน้อยหันไปดึกปืดเดียวหลุดมาทันทีทั้งแผง ผมนี้ร้องไม่ออกครับ

“เว้ยย ลูกโซ่”

“มิว ตัวนั้นโทนี่สตาร์ค พี่ซื้อมาหนึ่งหมื่นเก้าพันบาท “ธีพูดกับมิวด้วยน้ำเสียงที่เบามาก และ

“ปึก “หัวไอรอนแมนกระเด็นมาตกที่ด้านหน้าของรถ มันมาแต่หัวด้วย

“มิวคิดว่า ฟิกเกอร์ไอรอนแมนเฮียน่ะ ถึงแก่ชีวิตไปแล้วแหละ” มิวพูดพร้อมกับคีบหัวฟิกเกอร์ที่กระเด็นมาขึ้นมาให้แฟนหนุ่มดู น้ำตาแทบไหลแต่เด็กน้อยก็มองตัวฟิกเกอร์ที่ไร้หัวก่อนจะโยนทิ้งไป

“พี่ธี ผมขอโทษครับพี่ธี “ส่วนบีมก็รีบขอโทษขอโพยทันทีกับผลงานลูกชายตัวแสบ

“ไม่เป็นไรครับบีม พี่ก็ว่าจะถอดออกและเก็บไว้บ้านอยู่แล้วแต่พี่ไม่คิดว่าน้องจะช่วยพี่ถอดแบบ  เออ ออกมาเป็นชิ้นๆ แบบนี้ ” ธีหยิบเอาหัวฟิกเกอร์ไอรอนแมนมาดู ก่อนจะมองเด็กน้อยที่ทำหน้าตาอินโนเซ้นท์ ใสซื่อจนเฮียธีโกรธไม่ลง ก่อนจะตัดใจออกรถจะดีกว่า

“บีมนี้ลูกบีมเหรอคะ น่ารักมากเลยอ่ะ หล่อด้วยอ่ะ น้องอายุเท่าไหร่แล้วค่ะ” มิวหันไปถามบีม

“น้องอายุ 6 เดือนครับ แต่ว่าน้องคลอดก่อนกำหนด คลอดตอนอายุครรภ์ที่35สัปดาห์กับอีกหกวันนะครับ” บีมตอบ

“เป็นคุณพ่อที่ใส่ใจมากจริงๆ ค่ะ “แฟนสาวของธีพูดด้วยความประหลาดใจ ส่วนบีมก็มองแฟนสาวของธี

“คือว่าปกติ คนที่เป็นพ่อมาซื้อยาน่ะ ลูกเกิดเมื่อไหร่ยังไม่รู้เลยจำไม่ได้แต่นี่จำได้แม้กระทั่งอายุครรภ์ก่อนจะคลอดเลยอ่ะ เก่งมากเลยบีม” มิวกล่าวชมบีมทันที

“ผม เออ ผม” บีมก็ยิ้มเจือนให้แทนคำขอบคุณ

“น้องน่ารักอ่ะเฮีย” แฟนสาวหันมาอ่อนธีกำลังขับรถออกมาได้สักระยะ

“อยากได้เหรอ นั้นลูกเขาน่ะ ถ้าอยากได้ต้องไปทำเอา”

“อยากได้และอยากได้แบบนี้ด้วยอ่ะ น่ารักแบบนี้อ่ะเฮีย “แฟนสาวของธีพูดก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นั่งมือไม่สุขตลอด ยุกยิกกับบีมไปด้วยจนบีมต้องจับมือให้อยู่นิ่งๆ และทันทีที่แฟนสาวขอบธีหันมามองเต็ม เขากลับเห็นบางสิ่งที่แปลกและประหลาดใจ จนต้องหันมามองแฟนหนุ่มที่ขับรถอยู่ สลับไปมา จนแฟนหนุ่มหันมาสะกิดแฟนสาวตัวเอง

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 06-03-2021 07:28:13
EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P2
[/color][/size]

“เป็นอะไรน่ะมิว”

“เฮีย หนูคิดมากไปไหมอ่ะ หน้าตาเด็กน้อยน่ะ มีส่วนคล้ายเฮียอ่ะ”

“เฮ้ย เฮียมีหนูคนเดียว ไม่เหมือนไอ้ น้องคนเล็กเฮียนี่”

“หนูเห็นอ่ะเฮีย ดูที่คิ้วดิ หนาเหมือนเฮียเลย “แฟนสาวบอกกับแฟนหนุ่ม ทำให้เขาต้องดึงกระจกมามองคิ้วตัวเองระหว่างรอติดไฟแดง เออคิ้วเขาหน้าจริงแต่ไม่ได้หนาอยู่คนเดียวน่ะ หนาทั้งบ้าน จนถึงป๊าของเขาด้วย

“เฮีย ดูจมูกดิ โด่งเหมือนเฮียเลย แต่ว่าพ่อน้อง น้องบีมน่ะเขาจมูกก็โด่งน่ะ แต่ไม่โด่งรั้นเหมือนน้องเลยน่ะ คือโด่งแบบสวยๆ อ่ะ ของน้องบีมน่ะ หรือว่าแม่ของลูกเขาโด่งก็ไม่รู้น่ะเฮีย  “แฟนสาวพูดทำให้แฟนหนุ่มมองจมูกตัวเองก่อนจะหันไปมองเด็กน้อย

“เฮีย!!”

“อะไรอีกล่ะหนู! “เฮียมักจะแทนการเรียกแฟนสาวว่าหนู

“ตาอ่ะ เหมือนเฮียน่ะ โตแต่ว่าหางตาชี้ขึ้นนิดๆ”

“ตาแบบนี้ตาเอาเรื่อง อาม่าพี่บอกไว้ ตาไอ้ตัวแสบน้องชายเฮียไง ไอ้ตี๋น้อยอ่ะ ”คนที่ธีพูดถึงคือเธียรวิชย์

“และผมน้องเขาก็หนาเหมือนเฮียเลยอ่ะ”

“เออ ที่หนูพูดมานี้จะให้เขาเป็นลูกเฮียให้ได้ใช่ไหมครับ จะให้ขอน้องเขาไปอยู่กับเฮียเลยไหม ในฐานะที่เกิดมาก๊อบปี้ความหล่อเฮียน่ะ”

“ไม่ใช่ หนูแค่แปลกใจ ทำไมเหมือนกันขนาดนี้ เหมือนแบบนี้มันคนในครอบครัวเอียแล้ว “แฟนสาวของธีหันมาบอกธี ก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยอีกที ระหว่างที่บีมกำลังโทรหาเพื่อนให้ลงมารับ เพราะเพื่อนๆ มาหาที่คอนโดกันหมดแล้ว ธีและแฟนก็หันไปมองเด็กน้อยเป็นระยะ ธีก็เห็นเหมือนที่แฟนสาวเห็นเหมือนกันน่ะ

“หูก็กางด้วยน่ะเฮีย” แฟนสาวพูดและสะกิดธี ทำให้แฟนหนุ่มปรับกระจกมองอีกครั้ง

“จริงด้วย “ธีพูดขึ้น จังหวะที่บีมหันมามองพอดี บีมทำหน้าสงสัยทันทีเช่นกัน

“อ้อน้องน่ารักนะคะ”

“พี่เขาบอกว่าน้องโตขึ้นน่าจะหล่อเหมือนพี่แน่นอนน่ะครับ แฟนพี่คอนเฟิร์ม” ธีรีบบอกบีมทันที บีมถึงกลับต้องก้มลงน้องเจ้าลูกโซ่ นอกจากจะไม่ค่อยเหมือนมี้แล้วยังไปเหมือนคนอื่นอีกเหรอ มันยังไงกันว่ะ บีมแอบคิดในใจ

“แหวะ! ใครพูดแบบนั้นล่ะเฮีย หนูไม่ได้พูดว่าน้องจะหล่อเหมือนเฮียแต่หนูบอกว่าน้องน่ะน่าจะหล่อกว่าเฮีย” แฟนสาวของธีพูด

“อ้าวทิ้งกันซะงั้นน่ะหนู หนูมากับเฮีย อย่าทิ้งเฮียแบบนี้ซิ “ธีรีบหันมาบอกแฟนสาวทันที

“พี่ครับเลี้ยวซอยข้างหน้าครับ “บีมลืมชี้ว่าต้องเหลียวแล้ว

“เอี้ยด!!!!” เสียงรถเบรก ธีที่เหยียบเบรกกะทันหัน โชคดีที่ไม่มีรถตามมาในระยะประชิด และบีมก็รีบคว้าลูกมากอดแนบอกไว้ได้ทันโดยไม่หวงตัวเอง มันยิ่งทำให้แฟนสาวของธี หันมามองด้วยความแปลกใจอีกครั้ง พฤติกรรมของบีมมันไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นแค่พ่อแต่เหมือนกับเขาเป็นแม่ซะมากกว่า

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ พี่ขอโทษทีนะครับ บีม” ธีรีบกล่าวขอโทษบีมทันที

“ไม่เป็นไรครับ ผมต่างหากที่ไม่บอกพี่ธีล่วงหน้านะครับ ผมขอโทษครับ” บีมพูดอย่างรู้สึกผิดและรถเก๋งคันหรูก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ด้านหน้าคอนโด ธีเลือกที่จะไปจอดที่ร่มๆ ให้บีม จังหวะนั้นมะนาวเดินลงมาพอดี เธอสวมชุดยูนิฟอร์มทำงาน เดินตรงมาที่รถที่จอดอยู่

“พี่ธีนี้ใช่แม่เด็กไหมอ่ะ แต่ว่าไม่มีส่วนไหนที่จะบอกว่าใช่เลยอ่ะ “แฟนสาวของธีพูด ก่อนจะลดกระจกลง

“สวัสดีค่ะ” มะนาวกล่าวทักทายแต่ตาน่ะไม่ได้มองมิวสักเท่าไหร่ มองแต่แฟนหนุ่มของเธอ

“สวัสดีค่ะ แม่น้องลูกโซ่เหรอคะ” มิวเอ่ยถามมะนาวทันที

“ห๊ะ!” มะนาวทำสีหน้าตกใจ ก่อนจะตอบไปว่า “ไม่ใช่แม่ค่ะ ยังไม่มีผัวค่ะ” มะนาวรีบตอบทันที

“อ้าวเหรอ ยังไม่มีผัว เฮอะๆ ตรงไปไหมอ่ะเฮีย น้องเขาอ่ะ เฮอๆ” มิวแฟนสาวของธีทวนที่มะนาวพูดก่อนจะยิ้มแหยๆ ไปให้คนข้าง ว่าน้องเขาบอกเฮียอ่ะ มะนาวที่ส่งสายตาที่พรุ้งพริ้งไปให้ธี ส่วนธีรีบสั่นศีรษะบอกให้แฟนสาวรู้ว่าเขา ไม่เอาแบบนี้ (เขาชอบสาวผอมบางตัวเล็ก)

“ช่วยเพื่อนถือของก่อนนะคะ พี่ชายหล่อเนอะ “มะนาวถามแฟนของธีและชี้นิ้วไปที่ธี มิวหันมายิ้มให้แฟนหนุ่ม พี่ชายอืมม แฟนหนุ่มแถมเข้าใจว่าพี่ชายอีกต่างหาก เธอก็ยิ้มแหยๆ มะนาวรีบเข้าไปรับของจากบีมทันที

“ขอบคุณนะครับพี่ธี ขอบคุณนะครับพี่มิว” บีมรีบกล่าวขอบคุณทั้งคู่เป็นการใหญ่ ส่วนเด็กน้อยที่คลานอยู่บนเบาะ จับนั้นล้วงนี้

“ลูกโซ่ ไปได้แล้วลูก “บีมเรียกลูกชายแต่ว่าโซ่แค่หันมามองแต่ไม่ยอมไปจากรถ (คุณลุงที่ยังไม่รู้ตัว)

“โซ่ ไปได้แล้ว” บีมเรียกลูกชายอีกครั้งแต่ก็ไม่ยอมไปอยู่ดี แถมสะบัดแขนจากบีมออกไม่อยากลงจากรถซะงั้น

“ไปเถอะลูกโซ่” บีมดึงลูกชายที่ดึงรั้งเบาะคนขับด้านหลังธีไว้แน่น

“ไม่ธรรมดาน่ะลูก ร้องอยากได้รถหรูตั้งแต่ยังเดินไม่ได้เลย คันนี้ลุงพึ่งจะถอยมาจากโชว์รูมเลยลูก สิบล้านต้นๆ เอง” ธีพูดหันบอกเด็กน้อย บีมรีบหันมายิ้มไม่แพงเลย แพงมาก มี้จะทำงานสักกี่สิบปีล่ะลูกโซ่ ขึ้นไปเล่นรถของเล่นบนห้องโน้น บีมแอบคิดในใจ เด็กน้อยก็ยังไม่ยอมยังหันไปปีนป่ายจนขึ้นที่กล่องใส่ของระหว่างคนขับจนได้ เด็กน้อยหันหน้าไปมองธีพร้อมกับเม้มปากแน่น และพยายามจะจับจมูกของลุงธีอีกครั้ง แน่นอนเขาเพิ่งจะโดนไปรีบเอามือกุมปลายจมูกตัวเองเอาไว้ก่อน

“ฮันแน่! คิดว่าจะได้ทำแบบเดิมเหรอ มุขมันเก่าแล้ว” ธีชี้นิ้ว

“โอ๊ยย!!!” ใช่มุขมันเก่าหลานเลยดึงหูลุงที่กางแทนลุงก็ร้องเสียงหลงไปทันที ” เฮีย!!!” มิวแฟนสาวร้องเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะกล้าดึงหูเฮียธี

“พี่ธี!!” บีมรีบพยายามดึงเจ้าลูกโซ่ ไปทำเขาทำไมลูกโซ่ ส่วนลุงธีเองก็ไม่กล้าขัดขืนดึงหูกลับเพราะเกรงว่าจะเหลือหูไว้แค่ข้างเดียว มีสองหูจะดีกว่าธีคิดในใจ เลยต้องรอให้เด็กน้อยปล่อยเอง เจ็บแต่ต้องไม่ร้องอายเด็กมันครับ และหูที่กางนี้คือเอกลักษณ์ประจำบ้านของเขาเลย ท่านชายหูกางที่เพื่อนๆ ของเขาตั้งให้ แถมกางทั้งบ้านอีกด้วย

“ลูกโซ่!! ปล่อยหูลุงเดี๋ยวนี้น่ะ ไม่งั้นมี้จะตีแล้วน่ะ!!” และนี้ก็ทำให้ทั้งคู่หันมามองบีมกันหมดเพราะว่าเขาแทนตัวเองว่ามี้ และนั้นเด็กน้อยถึงได้ยอมปล่อย แถมทำหน้าเสียใจที่โดนดุอีกต่างหาก และบีมก็ดึงเจ้าลูกโซ่ถอยออกไปจนได้

“บีม บีม ไอ้บีม  “มะนาวเห็นว่าทั้งธีและมิวที่อ้าปากหวอเพราะว่ากำลังตกใจที่ได้ยินบีมแทนตัวเองว่ามี้ มะนาวเลยต้องสะกิดเรียกเพื่อนทันที และมะนาวคงเดาได้ว่าทั้งคู่นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ (เป็นใครก็คิดเรียกมี้ขนาดนั้น) มะนาวคิดในใจ

“บีมออกมาเถอะ “มะนาวกัดฟันเรียกเพื่อนทันทีและบีมที่พยายามลากเจ้าลูกโซ่ออกไปอย่างทุลักทุเล

“นิกเนมนะคะ มี้ น่ารักดีเนอะ เฮอะๆ “มะนาวรีบแก้ตัวแทนเพื่อนรัก ก่อนจะรีบโบกมือลาและหันไปช่วยเพื่อนรักถือของ เพราะมี้บีมกำลังวุ่นวายอุ้มเจ้าลูกโซ่ จากอาการคือไม่อยากลงจากรถคันหรูของคุณลุงเลยว่างั้น และบีมก็ต้องแบกเจ้าลูกโซ่ขึ้นบ่าแทนและพากันเข้าไปในคอนโดทันที ทิ้งไว้ซึ่งความงงให้กับ คู่รักเป็นอย่างยิ่ง

“เฮีย เฮียได้ยินเหมือนหนูไหมอ่ะ เขาแทนตัวเองว่ามี้กับลูกอ่ะ”

“ได้ยินครับ น่ารักเนอะ!” เฮียธีพูดกับแฟนสาว พร้อมกับทำน้ำเสียงล้อเลียนเพื่อนของบีมด้วย

“ก็น้องคนที่อวบๆ ระยะสุดท้ายนั้นน่ะเขาทำให้พี่ดูอ่ะ และเขาก็บอกว่านิกเนม คงรู้กันแค่เพื่อนๆ น่ะมิว” ธีบอกกับแฟนสาวทันที ก่อนจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาด

“ไปกันเถอะเพราะว่าถ้าไปช้า ม๊าพี่บ่นแน่ๆ เพราะม๊าพี่ซีเรียสเรื่องทานอาหารไม่ตรงเวลามิว” ธีหันมาบอกแฟนก่อนจะรีบขับรถออกไปทันที และเขาต้องแวะไปเอาของนั้นคือการ์ดแต่งงานที่สั่งพิมพ์ไว้แล้วเพื่อเอามาตรวจเช็กรายชื่อแขกที่เขาเลือกเชิญมาในงานสำคัญของเขาทั้งคู่

*****

Part’ s เธียรวิชย์ เขาใช้เวลาเดินทางโคตรยาวนานเลย ยาวนานคือรอต่อเครื่องนี้แหละ ทำให้เธียนวิชย์มาถึงเกือบบ่ายสามโมง เธียรวิชย์โทรไปบอกเฮียธันพี่ชายคนที่สามให้มารับหน่อย เพราะเฮียธีไปรับแฟน ส่วนเฮียธาม คนนี้สาวแตกเวลาอยู่นอกบ้าน และด่าเธียรไฟแล๊ป เธียรเลยเลือกพี่ชายคนที่สามจะดีกว่า (เธียรคิดในใจว่าเขาควรเรียกเฮียธามว่าอาเจ๊ซะมากกว่า)

“ไงครับคุณชายเธียรวิชย์ “เสียงทักทายจากพี่ชายคนที่สาม มองน้องชายที่เดินเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน พร้อมลากกระเป๋าหลุยส์ราคาแสนแพงมาด้วย

“มึงโทรหาเฮียทำไมว่ะ  และทำไมไม่โทรไปหาน้องแพรวาล่ะ น้องเขาจะได้จัดขบวนขันหมากมารับมึงกลับบ้าน เธียรวิชย์แค่หันไปมองหน้าพี่ชาย ก่อนจะยักไหล่ว่าไม่มีอารมณ์โต้คารมด้วย และพยักพเยิดให้เปิดหลังรถเพื่อนำกระเป๋าเดินทางใส่ลงไป

“น่าจะให้คนขับรถเอารถโรงเรียนมารีบมึงไอ้เธียร รถกูป๊าเพิ่งซื้อให้ “ธีนหันมาเอ็ดน้องชายตัวดีทันที

“ก็ให้เป็นรอยสักหน่อย และไปงอแงให้ป๊าซื้อคันใหม่ดิเฮีย” เธียรวิชย์พูดอย่างคนหัวเสีย

“ไปกินรังแตนที่ไหนมามึง” ธันเดินมาถามน้องชายคนเล็ก เพราะว่าปกติหยอกแรงๆไม่โกรธแต่นี้โกรธหรืองอนเลยน่ะ

“เฮียธีอะดิ รู้ไหมว่าอีคอนโนมี่คลาสที่ผมนั่งมาน่ะ  ผมต้องเจออะไรบ้าง” เธียรวิชย์หันมาพูดกับพี่ชายคนที่สองทันที ก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นรถเก๋งคันหรูไป เสื้อผ้าไม่เยอะหรอก ที่เหลือเก็บไว้ที่นั่นเพื่อนกลับไปอีก

“เจออะไรวะ แอร์สวยๆ หรือเปล่าว่ะ”

“เจอเด็กร้องไห้ทั้งคืน แถมนั่งข้างผมด้วย กรีดร้องจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน และมันทำให้ผมหลอนตลอดการเดินทางเฮีย “เธียรวิชย์พูดก่อนจะปิดลงและเดินอ้อมไปนั่งข้างคนขับทันที ส่วนธันก็ยักไหล่ให้น้องชายก่อนจะตามเข้าไปนั่ง ธันยกข้อมือที่คาดนาฬิกาสุดหรูเอาไว้ ขึ้นมาดู นาฬิกาโรเล็กซ์ที่ป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดและได้กันคนละเรือนแถมรุ่นอัลลิมิเต็ดซะด้วย

“ม๊าบอกว่าอาม่าจะไปทานข้าวด้วยที่บ้าน”

“อืมม” เธียรวิชย์แค่พยักหน้าตอบแค่นั้น

“ทำหน้าตาเหมือนไม่ได้นอนเลยว่ะ ไปทำอะไรก่อนมาว่ะ”

“ไม่ได้ทำอะไรเฮีย ที่ไม่ได้นอนก็เพราะว่าฝันบ้าฝันบออะไรก็ไม่รู้ ฝันเห็นเด็ก “เธียรวิชย์หันมาบอกพี่ชายคนที่สาม ธันถึงกับหันมามองน้องชายก่อนจะกลั้นหัวเราะ

“กูว่ามึงไปทำใครท้องไว้แน่ๆ มึงโดนป๊าด่าแน่ๆ ฮาๆ”

“เฮีย!! สมน้ำหน้ารอเลยเหรอ” เธียรวิชย์หันมาชำเลืองตามองพี่ชาย

“เฮีย เจออากันมั้งไหม”

“อากันเหรอ เจอวันนี้อ่ะ แต่ที่ผ่านมาไม่เจอเลยว่ะ เหมือนอากันจะยุ่งๆ ว่ะ ถามทำไมว่ะ”

“แพรวาบอกผมว่า ที่มหาวิทยาลัยของอากันน่ะ เขาพูดกันว่า อากันไปทำนักศึกษาท้อง เพราะว่าเด็กคนนี้มาคลุกอยู่กับอากันตลอดที่มหา’ลัยน่ะ และนี่น้องเขาคงจะคลอดลูกแล้วมั้ง” เธียรวิชย์เอ่ยถามพี่ชายทันที ธันถึงกับต้องทำท่าคิด

“อ้อ รู้แล้วมีคนโทรมาบอกป๊าเราว่ะ แต่มึงอย่าเอาเรื่องนี้ไปบอกอาม่านะ”

“ทำไมอะเฮีย อาม่าจะเสียใจเหรอ”

“อาม่าน่ะจะเสียใจ อาม่าจะหัวเราะจนฟันปลอมกระเด็นซิไม่ว่า ใครจะไปเชื่อว่าอากันทำใครท้องว่ะเธียร”

“ทำไมอ่ะ” เธียรวิชย์หันมาถามพี่ชายทันที

“อากันน่ะเคยแต่งงานกับผู้หญิงที่อาก๋งหามาให้และอยู่ด้วยกันตั้งห้าปี จนอาก๋งเสียไปนั่นแหละอากันก็ถึงได้ขอหย่ากับภรรยาของเขาอ่ะ อาหลินน่ะ ”

“ผมรู้ว่าหย่ากันแต่ไม่รู้เหตุผลว่ะเฮีย”

“เหตุผลที่งี่เง่าที่สุด คือ เขาตรวจเจอว่าอากันน่ะ เป็นหมัน แถมทำทุกวิถีทางแล้วก็ไม่ท้องซะที อาหลินเลยยอมถอยดีกว่าไง”

“เฮ้ย!!! จริงดิเฮีย”

“ก็จริงอะดิ ฉะนั้น พอมีคนเอาเรื่องนี้มาบอกป๊า ป๊าโบกมือเลย ใครจะไปเชื่อและเด็กนั้นอาจจะท้องไม่มีพอและให้อากันรับผิดชอบก็ได้มั้ง”

“แล้วเด็กคนนั้นคือใครอ่ะเฮีย”

“ไม่รู้ว่ะ เขาไม่ได้บอกละเอียดซะด้วยว่ะ และทางเราก็ไม่ได้สนใจเลย เงียบไปเองมั้ง”

“เออ แล้วแพรวาเขายังแอบไปหามึงที่นั่นไหมว่ะ เธียร”

“ไปมา แต่ว่าพ่อแม่ของเขาตามไปหาที่นั่นพอดี ผมเลยโชคดีไปเฮีย”

“แพรวานี้ มันเอาแต่ใจไม่เลิกนี่มันยี่สิบกว่าแล้วนะมึง”

“ทำไมแพรวามันไม่ร้องอยากได้เฮียบ้างว่ะ” เธียรวิชย์หันมาถามพี่ชายตัวเอง คนพี่ถึงกับหันขวับมามองและโบกมือปฏิเสธ ใช่พี่ๆ เขารู้เห็นพฤติกรรมของแพรวามาตั้งแต่เด็ก และเธอทำให้ทุกคนแสนจะสยองพองขน แถมยิ่งกับเฮียธาม พี่ชายคนสองของเขานี้ จิกกัดเรียกว่า อยู่มุมเดียวกันไม่ได้ เพราะเฮียธามเป็นแรงทั้งต่อหน้าและลับหลัง แต่ยกเว้นต่อหน้าป๊า (เพราะว่าเฮียธามแกไม่แมนครับผม)

“ป๊าบอกว่ามึงต้องเริ่มงานเลยน่ะไอ้เธียร โรงเรียนสาขาXXXXX ป๊าให้มึงไปดูแล เพราะว่าพวกกูน่ะ เหนื่อยนะโว้ย มาช่วยกันเลย” ธันหันมาบอกน้องชายคนเล็ก

“เมื่อไหร่ล่ะ “เธียรวิชย์ถามพี่ชายคนที่สองกลับ

“ก็วันจันทร์นี้เลยว่ะเธียร”

“อยากพักสักเดือนไมได้เหรอ”

“ไม่ได้ พวกกูงานล้นมือ”

“ไม่คุยแล้วน่ะเฮีย นอนแล้วเซ้ง ถึงบ้านปลุกด้วย” เธียรวิชย์ปรับเบาะให้เอนนอนทันที

“อ้าวไอ้นี่ มุขง่วงนอนเมื่อไหร่จะเลิกว่ะ กูเป็นเฮียน่ะไม่ใช่คนขับรถส่วนบุคคล” ตกลงนี้มาถึงให้ทำงานเลยเหรอ เธียรวิชย์คิดในใจ เขาควรจะชวนเพื่อนๆ ไปที่ผับเดิมไหม เพื่อว่าจะเจอนายคนนั้น แต่ถ้าเจอผมจะทำหน้ายังไงวะ ผมเองไม่อยากจะคิดเลย และทั้งหมดนี้เพื่อนผมเองที่ผิด และวันนั้นผมเองก็เพิ่งโดนป๊าด่าไปชุดใหญ่ เขาเลยเสียใจน้อยใจป๊าและหงุดหงิดอีกที่ต้องกระเตงแพรวาไปด้วยคืนนั้น แถมผมยังโดนของดีจากเพื่อนรักที่ใส่ไว้ในแก้วแชมเปญอีกพอได้สติผมก็พบว่าผมมีอะไรกับใครก็ไม่รู้ และด้วยความตกใจผมเลยชิ้งหนีและยังต้องบินกลับไปเรียนต่ออีก น้องเขาคงจะให้อภัยผมน่ะ ถ้าผมไปสารภาพความผิด(เขาคงให้มึงหรอกครับไอ้เธียรวิชย์ครับ)
TBC.....

       เป็นไงบ้างคะ หลานกับลุง(ที่ยังไม่รู้ว่าเป็นลุงหลานแท้ๆ) น่ารักเนอะ!!!  ตอนหน้าเธียรวิชย์จะเจอกับกันต์ธีย์ เขาจะจำกันต์ธีย์ได้ไหม เรื่องในคืนนั้น ส่วนบีมน่ะจำหน้าเธียรวิชย์ไม่ได้แน่ แต่ถ้าเอาเจ้าลูกโซ่มาเทียบคงจำได้อยู่น่ะ และเธียรวิชย์จะเอะใจอะไรบ้างไหมถ้าได้เจอเจ้าลูกโซ๋
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-03-2021 10:11:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 06-03-2021 13:37:20
 :กอด1: :o8: :-[
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.10 ลุงธีเจอหลานโซ่แล้ว P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 06-03-2021 22:23:55
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (คร้ึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-03-2021 12:03:11
           
EP.11 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (คร้ึ้งแรก)

         
            Part's เธียรวิชย์ วันแรกของการเป็นเด็กฝึกงาน ทำงานในโรงเรียนนานาชาติของพ่อตัวและถ้าไม่ผ่านโปรสามเดือน เธียรวิชย์จะไปทำอะไรวะ เธียรวิชย์ยืนนิ่งคิดอะไรเยอะแยะไปหมดอยู่ในหัว เขาเองไม่เคยชอบงานบริหารกว่าจะทนเรียนจบก็แทบตาย แถมใช้เวลาเรียนนานกว่าพี่ชายทั้งสามคนอีก  แถมวันนี้เขาต้องสวมสูทผูกไทมาทำงานในวันแรก ในตำแหน่งผู้บริหารแต่ห้อยท้ายมาด้วยคำว่า Training  โรงเรียนนานาชาติสาขานี้เป็นสาขาที่เปิดใหม่และมีการระบายนักเรียนมาจากสาขาอื่น โดยคัดเลือกเอาเฉพาะที่ผู้ปกครองเต็มใจ ดังนั้นนักเรียนจึงยังไม่เยอะ และสาขานี้ป๊าบอกกับผมว่า ต้องการให้มีนักเรียนแค่ห้องละเจ็ดคน แถมยังเปิดศูนย์เนอสเซอรี่ ดูแลเด็กเล็กตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงสี่ขวบแต่ว่าจะแยกโซนกันชัดเจน ผมรู้แค่นี้และนี้ผมจะผ่านโปรผู้บริหารได้ไหมใช่ครับผมเป็นผู้บริหารช่วงฝึกงาน พ่อน่ะพ่อทำกับลูกชายคนเล็กได้ และตอนนี้ผมกำลังจะทิ้งก้นบุหรี่ลงที่พื้นแต่ว่า ป้ายห้ามทิ้งขยะลงพื้นอยู่ตรงหน้า และถังขยะก็ต้องเดินย้อนไปประมาณ หนึ่งร้อยเมตรได้ ผมควรจะเลือกโยนไว้ตรงนี้หรือเดินไปดีน่ะ ไม่เอาอะ ทิ้งตรงนี้ดีกว่า

“ลุงนิสัยไม่ดี ทิ้งไม่ลงถังขยะ” โชคดีที่ยังไม่ลงพื้น ผมหันมามองเด็กน่ารัก จะเตะก็ไม่ได้เพราะว่า ผู้ปกครองจ่ายค่าเทอมมาเรียน และค่าเทอมนั้นคือรายได้ของครอบครัวผม

“ไม่ทิ้งลูกไม่ทิ้งน่ะ แค่ลองเฉย ดูซิว่าใครจะเห็นบ้างเอ่ย” ผมหันมาพูดกับเด็กๆ สายตานับสิบคู่เหล่านั้น มองมาผมไม่กะพริบกันขนาดนี้ ผมคิดว่าเห็นทั้งหมดนั่นแหละ และแต่ละคนไม่มีใครหลงกลเชื่อผมสักนิด

“ลุงนิสัยไม่ดีอีกแล้ว โกหก!!” อ้าว!! เด็กยุค DHA สูงปรี้ดก็จะฉลาดกันแบบนี้ใช่ไหม เด็กมันยังดูออกเลยเธียรวิชย์ ผมมองหน้าเด็กน้อย ผมว่าผมควรจะย้ายเด็กเล็กไปอยู่สาขาเดิมและเปลี่ยนโรงเรียนนี้เป็นเด็กมัธยมแทนดีกว่าไหม จะได้เสมอกัน แต่ผมก็ยิ้มจนกระทั่ง

“สวัสดีค่ะ” เสียงหวานๆ ของคุณครูผู้รักเด็ก

“สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ ผู้บริหารงานคนใหม่ครับ “ผมหันไปบอก และครูที่อยู่ตรงหน้าตกใจก่อนจะเอามือขึ้นทาบอก


“สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์”

“ห้องทำงานผมอยู่ตรงไหนครับ “ผมถามคุณครู ใช่ครับ ห้องทำงานตัวเองยังไม่รู้เลย

“เฮอะๆ “ครูคนสวยหัวเราะผม และเด็กที่พากันเล่นสนุกสนาน และดูท่าครูจะวุ่นวายเหมือนนกกระจอกตีกัน ผมเลยยกมือเบรกก่อน

“ลองไปถามน้องธุรการดูก่อนดีไหมคะ คือว่าดิฉันต้องไปห้ามทัพเด็กๆก่อนนะคะ มีน้อยคนแต่ก็ปวดหัวเหมือนกันคะ คุณผู้บริหารงานคนใหม่ และฝึกงาน” ผมก็พยักหน้าว่าครูควรจะไปเถอะครับก่อนจะยกพวกตีกันมากไปกว่านี้ และผมก็หันหลังเดินออก และมองไปตามป้าย ว่าผมควรจะเดินไปทางไหน ผมเดินไปตามทาง จนไปเจอทางเดินที่จะเดินขึ้นไป แต่ผมหันไปเห็นป้ายชี้ไปที่ทางเดิน ดูแล้วน่าจะอีกโซนที่แยกออกจากโรงเรียนชั้นประถม เรียกว่า Early learning Centre ผมดูจากป้าย มี baby room ,Toddlers room and preschool room. ผมยืนมอง ผมเองก็ยังไม่เคยเห็นโรงเรียนสาขานี้มาก่อนเลย นี้เป็นครั้งแรก แต่ว่าผมรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่อยากจะให้ผมเดินเข้าไปดูแต่ และจู่ๆ มือถือผมก็ดังขึ้น เบอร์คนที่ผมไม่อยากรับแต่ก็ต้องรับ ไม่อย่างนั้นนางก็จะพยายามจนผมต้องรับให้ได้ แพรวา

//พี่เธียร กลับมาเร็วกว่ากำหนดทำไมไม่บอกแพรวาเป็นคนแรกค่ะ!!! // เสียงที่ดังจนแสบแก้วหู ทำให้ผมต้องยกมือถือออกห่างจากรูหูผมทันที ก่อนจะกลับมาหนาบที่หูอีกครั้ง เมื่อทุกอย่างสงบลง
//พอดีว่าพี่รีบนะคะ// ผมกลั้นใจตอบแพรวาไป
//รีบจนบอกแพรวาไม่ได้เลยเหรอคะ//
// ก็พี่ต้องรีบเรียนรู้งานของพี่ด้วยไง พ่อพี่ให้พี่เข้าทำหน้าที่ผู้บริหารแล้วครับ//
// ดีจังเลยค่ะ  ถ้าอย่างนั้นแพรวาไปหาคุณผู้บริหารได้ไหมนะคะ แพรวาคิดถึงนะคะ แพรวาอยากเอาดอกไม้ไปให้นะคะ//
// เออพี่ว่าแพรวารอให้พี่เลิกงานดีกว่าไหมคะ และนี้แพรวาไม่ทำงานเหรอคะ ได้ยินว่าไปทำงานกับคุณพ่อ//
// ก็ไม่มีอะไรมากนี้ค่ะ นั่งๆ นอนๆ สบายจะตายไปคะ และจะออกไปหาพี่เธียรก็ยังได้ แค่บอกออกไปธุระใครก็ไม่กล้าฮือกับแพรวาแล้วค่ะพี่เธียร//
//นะคะ แพรวาอยากเจอพี่เธียรค่ะ อย่าขัดใจแพรวานะคะ แพรวาไม่ชอบ! // ผมถึงกับต้องเหลือกตาขึ้นบนก่อนจะ
//ตามใจค่ะแพรวา แค่นี้ก่อนนะคะ พี่ต้องเข้าห้องทำงานค่ะ บายค่ะ//ผมรีบพูดและกดวางสายไปทันที

ผมรีบเดินไปตามป้าย ป้ายชี้บอกทาง เพื่อไปห้องธุรการ ระหว่างที่ผมกำลังเดินชมนกชมไม้ไปเรื่อย เดินผ่านครูก็ยิ้มทักทาย ผมต้องสวมบัตรห้อยคอมีชื่อและนามสกุลตัวเองไปด้วย พอคุณครูเห็นก็หันมาทักทายกันหมดแต่มันจะดีมากถ้าไม่พ่วงมาด้วยคำว่า Training คงจะดีกว่านี้น่ะเธียรวิชย์ ด้วยความที่ยิ้มไปเรื่อย ก็เลยยิ้มให้หนุ่มน้อยคนหนึ่งเขาก็ยิ้มให้ผมก่อนจะ

เอี้อด!!!” ยังกับติดเบรกเอบีเอสเอาไว้ที่เท้า ชื่อคุ้นๆ น่ะ กันต์ธีย์ ผมเหลียวหลังไปมองคนที่ติดเบรกไม่ต่างจากผม เขาก็เหลียวหลังมามองผมเช่นกัน (บีม ก็คิดว่าชื่อมันคุ้นๆ น่ะ ไอ้เธียรวิชย์ ก่อนจะเหลียวหลังมามองเช่นกัน) และผมก็ค่อยๆ ก้าวถอยหลัง ถอยมาสองสามก้าวจนกระทั่งเรามายืนเสมอกัน นักศึกษาฝึกงานหรือเปล่าว่ะ ผมยิ้มไว้ก่อน ผมหรี่ตาอ่านชื่ออีกครั้ง กันต์ธีย์ ชัดเจนมาก

“สวัสดีครับ ใช้น้องกันต์ธีย์ไหมครับ “ผมถามคนตรงหน้า เขาก็เงยหน้ามองผม ก่อนจะยื่นใบหน้านั้นเข้ามาแนบชิด นี้สายตาสั้นหรือว่าไงแต่ถ้าอ่านได้แนบชิดขนาดนี้ สั้นมากเกินไปแน่ๆ  คือว่าเขายื่นหน้าเข้ามาติดจนแทบจะแหนบหน้าอยู่ที่อกผมแล้ว

“ผมชื่อเธียรวิชย์ครับ เธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชร” ผมก้มลงบอกคนตรงหน้า เขาก็ค่อยๆ ถอยหลังก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม อ้อเขาน่าจะอ่านนามสกุลผมอยู่ นาสสกุลยาวเลยพิมพ์ตัวเล็กไปหน่อย

“หลานอาจารย์กันตภณใช่ไหมครับ” น้องเขาถามผม

“ใช่ครับ ใช่เลย แล้วน้องใช่คนที่ทำThesis ให้พี่หรือเปล่าครับ”

“เออ ใช่ครับ “

“แม้เจอซะที ขอบคุณนะครับ” แต่น้องเขาก็ยังมองป้ายชื่อผมอยู่

“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองป้ายชื่อพี่ หรือว่าชื่อพี่ เออ มันแปลก หรือว่ามันตลก ไปนะครับ” ผมถามน้องตรงหน้า ผมเห็นบัตรเขาเขียนว่าTraining เหมือน

“เออ ไม่มีอะไรครับ แค่คิดว่า เออ ชื่อมันซ้ำกับ ใครบางคนน่ะครับ “

“แฟนเหรอ” ผมถามเขา

“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่แน่นอน “น้ำเสียงที่ฟังดูแล้ว น้องเขาดูท่าจะโกรธไอ้คนนั้นมากถึงขั้นอยากจะฆ่ามันได้เลย และชื่อมีเป็นพัน พันทำไมต้องมาตั้งชื่อซ้ำกับคนดีดี อย่างผมว่ะ

“สงสัยจะอริเก่าแน่ๆ เฮอๆ “ผมพูด ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผมควรจะไปเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อน้องเขาไหมว่ะ

“ไม่ใช่หรอกครับ”

“งั้นก็แล้วไปครับ”

“เจ้ากรรมนายเวรดีกว่า นิสัยแม่งเชี้ยมากครับ “

“หึ? ” ผมถึงกับต้องถลึงตา

“แม่งเห็นแก่ตัวด้วย ไม่มีความรับผิดชอบ ทำเชี้ย!!  อะไรไว้แล้วแม่งไม่รับผิดชอบอ่ะ ผมนี้กรวดน้ำคว่ำขันให้มันทุกวันเลยเนี๊ยะ ทั้งที่ผมไม่ใช่คนอาฆาตน่ะ” ผมถึงกับอ้าปากค้าง น้องไม่อาฆาตแต่น้องจำแม่นมาก ท่าทางจะแค้นฝังรากฝังโคนแน่ๆ ซวยไปน่ะไอ้คนนั้นน่ะ

“อุ้ย!! ผมขอโทษนะครับ งั้นผมขอตัวนะครับ ผมต้องไปส่งแฟกซ์ให้พี่ธีนะครับ ไปก่อนนะครับ คุณผู้บริหารงานคนใหม่และเออ Training ด้วยเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อนเลย แต่ก็ยินดีที่รู้จักครับ” น้องเขาพูดฉอดๆ พร้อมกับอ่านบัตรผมอีกครั้งทุกตัวอักษรแม้กระทั่ง Training ก่อนจะวิ่งไปอ้าวออกไป

“ยังไม่ได้ชวนเลยว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว” ผมยืนโบกมืออยู่คนเดียว ก่อนจะหันมาเจอ สาวสวยในชุดกระโปรงสั้น เขามองผมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะ

“ใช่คุณเธียรวิชย์ไหมคะ”

“ใช่ครับ “

“สวัสดีค่ะ” เข้าย่อตัวลงไหว้ผมอย่างสวยงาม ราวกับผ่านเวทีประกวดนางงามมาหลายเวที

“อดีตเทพีบ้านโค้กค่ะ” ผมพยักหน้ามาไกลมากครับ

“ดิฉันชื่อปลายฟ้าค่ะ เป็นเจ้าหน้าที่ธุรการค่ะ เออ คุณเธียรวิชย์มีอะไรให้ปลายฟ้าดูแล บอกได้เลยนะคะ”

“คือผมหาห้องทำงานไม่เจอนะครับ”

“หุๆ “ปิดปากหัวเราะอย่างน่ารัก “เรื่องแค่นี้เอง ปลายฟ้าพาไปค่ะ พาไปให้ถึงห้องเลยค่ะ” ผมก็พยักหน้า ใจดีเนอะ รองเท้าส้นสูงและสั้นกระโปรงสั้นมาก เดินนำหน้าผมแบบซ้ายขวาซ้าย ใช่ถามว่าผมมองลึกลงไปเลยไปมองครับตามประสาชายหนุ่มแต่เรื่องที่คิดจะทำอย่างนั้นน่ะ ไม่มีในโรงเรียนพ่อผมแน่ๆ ป๊าเอาผมตายครับ เพราะก่อนมาสั่งผมเป็นหนักหนาอยู่แล้ว ไอ้ที่จะไม่ผ่านโปร ก็คือถ้ามีเรื่องชู้สาวในที่ทำงานนี่แหละ ไม่อยากโดนตัดออกจากกองมรดก

“นี่ค่ะห้องทำงานของผู้บริหารงานระดับสูงสุด “

“ผมยังฝึกงานอยู่เลยครับ” ผมหยิบบัตรที่ห้อยคอโชว์ให้เธอดู

“ไม่เป็นไรค่ะ ปลายฟ้า เทรนให้เองค่ะ เทรนให้หมดทุกยก เอ๊ย ทุกเรื่องค่ะ “ผมพยักหน้าและเธอก็เปิดประตูเข้าไปทันที ผมเดินเข้าไปด้านในห้องทำงานจริงๆ ที่มีแต่แฟ้มเอกสารแถมยังวางเต็มไปหมดอีกต่างหาก

“เดี๋ยวปลายฟ้าช่วยเก็บให้นะคะ” ปลายฟ้าพูดก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงเก็บแน่นอนกระโปรงสั้นขนาดนั้น ผมก็ต้องเห็นไปถึงไหนๆ แต่ผมเลือกที่หันไปมองทางอื่น มันไม่สภาพครับผม

“ปึก” เสียงเตะประตูเข้ามาและคนที่ทำเช่นนั้นได้ก็คือ แพรวา เธอถึงกับถอดแว่นตาหนาๆนั้นออก และหันไปมองคนที่กำลังอ่อยผมด้วยท่าเก็บแฟ้มเอกสาร ไม่ต่างอะไรกับท่าเก็บสบู่

“นี้มันกล้ามาให้ท่าพี่ในห้องนี้เลยเหรอ พี่เธียร!! ” แพรวาพูดก่อนจะลงไปกระชากผมคนที่ก้งโค้งอยู่และดึงหันไปพร้อมกับฟาดฝ่ามือจตบหน้าสวยๆ นั้นไปหนึ่งที่ “ฉาด!! ”

“ว้าย!! ”

“แพรวา แพรวา ทำอะไรน่ะ หยุด! ” ผมก็พยายามห้าม

“อะไรกันคะ คุณเธียร นี้เขามาตบปลายฟ้าทำไมกันคะ โอ๊ย เจ็บค่ะ”

“เจ็บมากหนักใช่ไหมได้ “แพรวาพูดก่อนจะปรีเข้าไปอีกและก็ “ฉาด! ฉาด! ฉาด! ” สามที่ติดจนปลายฟ้ากระเด็นไปอยู่นอกห้อง และแพรวาก็ลงไปนั่งคร่อมพร้อมกับตบอีกหลายฉาด แน่นอน แต่ล่ะห้องเรียนพากันเปิดประตูออกมาดูและบรรดาครูก็ดันนักเรียนเข้าไปเพื่อไม่ให้เห็นภาพอุจาดลูกตาแบบนี้

“แพรวาพี่บอกให้หยุดไง “

“ไม่หยุด แพรวาจะตบสังสอนอีหน้าด้านนี้ค่ะ “

“ฉาด!! ”

“อ้ายยย” เสียงกรี้ดร้อง และฝ่ามือที่ปะทะลงไปไม่ยังจนใบหน้าบวมปูด และแน่นอนรปภ วิ่งกรูกันขึ้นมาทันที ผมก็ยืนถอยหลังก่อน ให้เขาจัดการเองแล้วกัน

“หยุดครับคุณครับ ที่นี้โรงเรียนนะครับ” รปภ ที่ขึ้นมาพยายามห้ามทั้งคู่ ห้ามไม่อยู่ก็รีบเข้ามาจับแยก จนกระทั่งแพรวาหยุดชะงักก่อนจะหันมามองหน้าผม พร้อมกับปาดเหงื่อที่แตก ยิ่งกว่าทำคาร์ดิโอคออกกำลังกายซะอีก

“พี่เธียร นี้อะไรคะ!”แพรวาหันมาถามผม

“เขาเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการของพี่และเขาก็พาพี่มาห้องทำงานแพรวา “ผมบอกเธอ ก่อนจะหันไปมองสาวธุรการที่สภาพดูแล้วสะบักสะบอมเหมือนโดนหมาเป็นฝูงฟัดมาไม่ผิดเพี้ยนเลย

“โอ๊ย เจ็บ โอ๊ยเจ็บค่ะ “ คุณเจ้าหน้าที่ที่โดนแพรวาตบก็ร้องโอดโอยไปตามระเบียบ

“พี่ครับ ผมว่าพาเขาไปโรงพยาบาลทีเถอะครับ” ผมบอกพี่รปภ ก่อนจะหันมามองแพรวาก่อนจะพยักหน้าและพยุงธุรการคนสวยออกไป

“พี่ต้องไล่นังนี้ออกนะคะ แพรวาไม่ยอม!!!! ” แพรวาพูดกรอกหูผมอีกครั้ง และมันไม่ใช่ครั้งแรกซะด้วย

RRR เสียงโทรศัพท์ไอโฟนรุ่นใหม่ของผมดังขึ้น เบอร์จากเฮียธี ผมยกมือห้ามแพรวาไว้ก่อน

“ว่าไงเฮีย”

“เป็นไงมึง มีปัญหาอะไรไหม “เหมือนเฮียจะมีร่างทรงเลยน่ะ ผมหันมามองแพรวา

“ถ้ามีเรื่องน่ะมึง ป๊าจะให้มึงฝึกงานต่อไปอีกสามเดือนหรือไม่ก็ให้มึงออกไปสร้างตัวเองพร้อมบอกลาตำแหน่งผู้บริหารได้เลย” ผมก็ต้องใช้มือป้องโทรศัพท์เอาไว้ก่อนจะหันมามองตัวต้นเหตุ

“ไม่มีเฮีย ทุกอย่างเงียบมาก เงียบสนิท!! ” ผมตอบเฮียธีไป ก่อนจะหันมาจุ๊ปากไม่ให้แพรวาส่งเสียงใดๆ ทั้งสิ้น

“ก็ดีน่ะ และนี้เฮียจะบอกว่า วันนี้มีตัวแทนโรงเรียนที่ประเทศอังกฤษน่ะเขาเป็นกลุ่มนักวิชาการ เขาจะขอเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนเราน่ะ เพราะว่าโรงเรียนเราติดอันดับ โรงเรียนที่ผู้ปกครองสนใจส่งบุตรหลานมาเรียนมากที่สุด” เฮียธีบอกกับผม ผมก็หันไปมองรอบ บรรดาครูประจำแต่ล่ะห้องที่ออกมายืนกอดอกมองมาทางผมกันทุกห้อง ผมว่าสงสัยเราจะต้องเปลี่ยนใหม่แล้วมั้งเฮีย อาจจะตกอันดับก็วันนี้

“แล้วเฮียจะให้ผมทำยังไงอ่ะ”

“มึงก็พาเขาเดินสำรวจเพราะว่ามึงต้องคุยภาษาอังกฤษกับเขา”

“คุยน่ะมันคุยได้เฮีย ผมอยู่อังกฤษมาก่อนเฮียแต่ เรื่องในโรงเรียนผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยน่ะ”

“งั้นไปถามเลขามึงดิ”

“เลขา คนไหนอ่ะ”

“เลขาน่ะ ป๊าเขาให้คนที่ทำงานที่แผนกธุรการ ขวบตำแหน่งเลขามึงไปด้วย ไปถามเอาและนี้เขาใกล้จะถึงแล้วอีกสามสิบนาที “

“และอย่าทำให้ป๊าผิดหวังนะมึงน่ะ งานนี้สำคัญมาก โชคดีไอ้ตี๋น้อย! ” เฮียธีพูดก่อนจะรีบวางสายไป ผมหันมามองแพรวา อย่างเหลืออด ในความเอาแต่ใจและไร้เหตุผลของเธอ นี้เธอดูซีรีส์เกาหลีที่มีคุณหนูเอาแต่ใจมากไปหรือเปล่า

“แพรวา แพรวาจะทำให้พี่ต้องยืดเวลาฝึกงานออกไปอีก แพรวารู้ตัวไหมครับ”

“ก็นางนั้น”

“แพรวา พี่จะบอกอีกอย่างน่ะ แพรวาจะมาทำกิริยาแบบนี้ในโรงเรียนไม่ได้ นี้ไม่ใช่ที่ผับที่แพรวาทำได้นะครับ “ผมพูด เธอก็กอดอกเหมือนกับที่ผมพูดไปทั้งหมดน่ะ เข้าหูซ้ายทะลุหูขวาซะมากกว่า

“แพรวา พี่ต้องไปทำงานก่อนนะคะ พี่คิดว่าแพรวาควรจะกลับไปทำงานกับคุณพ่อก่อนนะคะ”

“ทำไมละคะ”

“พี่ให้แพรวามานั่งกับพี่ไม่ได้จริงๆ ค่ะ พี่ขอล่ะ แต่ถ้าเลิกงานได้” ผมหันมาบอกเธอ

“ก็ได้ค่ะ พี่เธียร ว่าแต่คืนนี้ไปเที่ยวกันได้ไหมคะ แพรวาอยากจะดิ้งกับพี่เธียร นะคะ”

“วันนี้อาม่าให้พี่เข้าไปหาพี่ไปไม่ได้ค่ะแพรวา”

“อะไรกัน พี่ควรจะไปกับแพรวาก่อนซิคะ แพรวาไม่ได้เจอพี่ตั้งหลายเดือนแล้ว เกือบจะปีหนึ่งด้วยซ้ำ แพรวาไม่ยอมค่ะ” นี่ก็ทำให้ผมต้องหันซ้ายแลขวามก่อนจะยกมือเบรก อย่างเหลืออด

“งั้นตอนเย็นแพรวาแวะมารับนะคะ “แพรวาพูด ผมพยักหน้าแบบขอไปที ก่อนจะจับเนกไทให้เข้าที่ เข้าทาง

“พี่เธียรค่ะ แหวนพี่เธียรไปไหนคะ” แพรวาถามผม ก่อนจะจ้องมองที่มือผม

“แหวน? ”

“แหวนประจำ วงค์ตระกูลของพี่นะคะ”

“แหวน อ้อ พี่ทำหายน่ะตั้งนานแล้ว”

“แน่นะคะ ไม่ได้ไปให้ใครนะคะ เพราะว่าแพรวาไม่ยอม!! ”

“หายค่ะ พี่ทำหายค่ะ “ผมตอบเธอไปแต่จริงๆ มันไม่ได้หายเพราะว่าผมได้ให้เด็กผู้ชายคนนั้นไป

“แล้วพี่จะเอาแหวนที่ไหนมาหมั้นแพรวาล่ะ เพราะว่าพี่เคยบอกแพรวาเอาไว้ว่าอาก่งให้ไว้หมั้นสาวที่พี่ชอบไม่ใช่เหรอคะ” ผมก็ต้องสะบัดหน้ามามอง ผมลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย แต่ผมให้เด็กคนนั้นไปแล้ว

“แพรวา พี่ไม่เคยบอกแพรวาเลยน่ะว่าพี่จะหมั้นกับแพรวาน่ะ”

“อะไรน่ะ ไม่ได้พี่ต้องหมั้นกับแพรวา คนเดียวเท่านั้น แพรวาจะไม่ยอม และแพรวาจะให้พ่อไปคุยกับพ่อของพี่เร็วๆ นี้ “แพรวาพูด

“แพรวา” ผมเรียกแพรวาแต่ว่าสายตาผมเหลือบไปเห็นรถตู้ มาจอดอยู่สองคัน อย่าบอกน่ะว่าที่เฮียธีบอกผมว่าจะมาเยี่ยมชมโรงเรียนน่ะ”

“แพรวาพี่ไปก่อนน่ะพี่มีงานด่วน “ผมพูดและรีบชิ้งหนีแพรวาทันที

“พี่เธียร!! ” ผมก็รีบลงบันไดและวิ่งตรงไปตามป้ายที่บอกว่าไปที่ห้องธุรการก่อน ทันที ตายแน่เลย เธียรวิชย์เอ้ย ผมวิ่งไปหยุดที่หน้าห้องธุรการตามป้ายก่อนจะรีบเปิดประตูเข้าไป และคนที่ผมเจอระหว่างทางเดิน

“คุณกันต์ธีย์ครับ”

“อ้าวคุณนั้นเอง เออ มีอะไรให้ผมช่วยครับ”

“ผมต้องการให้ช่วย คือ ผมต้องพาคณะที่มาเยี่ยมโรงเรียนเรานะครับ คุณช่วยไปเดินให้ข้อมูลโรงเรียนนี้กับผมหน่อยได้ไหมครับ “ผมถามหนุ่มน้อยหน้ามน

“ผมจะไปได้ยังไงล่ะครับ นี้พี่คนที่ทำธุรการกับผมก็ไปโดยอะไรฟัดมาก็ไม่รู้ ต้องไปโรงพยาบาลนะครับคุณเธียรวิชย์”

“เออ อ้อ คนสวยๆ “ผมก็ต้องหันหลังไปมองที่รูปเจ้าหน้าที่ที่ประจำการมีรูปเธออยู่ ที่โดนแพรวาตบไป เวรจริงๆ เลยผม

“นี้ผมอยู่คนเดียว งานยุ่งมากเลย มีสายโทรเข้ามาตลอดจากผู้ปกครองอ่ะครับ และผมก็ต้องคอยเช็กตารางงานอีก และไหนผมจะต้องไปป้อนนม…” ผมฟังคุณธุรการร่ายยาวจนมาหยุดที่ ป้อนนมนี้แหละ ผมหันขวับมาทันทีก่อนจะเลิกคิ้วสูง

“ป้อนนม นม เออ ไม่ใช่ ไม่ใช่ เอานมไปให้ที่แผนกเด็กเล็กนะครับ” คุณกันต์ธีย์ตอบผม

“อ้อ แม้ตกใจนึกว่ามีลูกแล้ว” ผมพูด

“เออ เฮอๆ “อีกคนก็หัวเราะเช่นกัน

“ถ้าอย่างนั้น คุณเธียรวิชย์เอาแฟ้มไปเปิดดูได้ไหมครับ ผมก็ดูมาจากในนี้แหละครับ” หนุ่มน้อยส่งแฟ้มเอกสารมาให้ผมแทน แฟ้มใหญ่ขนาดนี้ให้ไปกางดูเลยเหรอ

“ผมช่วยได้แค่นี้จริงๆ ครับ คุณเธียรวิชย์” กันต์ธีย์พูดกับผมและยังคงคอยรับสายตลอดเวลาจริงๆ ผมก็เหลือบไปมองเห็นกลุ่มคณะที่มาเยี่ยมชมเดินมาที่ห้องธุรการกันก่อนเพื่อนเลย ผมหันไปมองก่อนจะส่งยิ้มให้

สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ “

“สวัสดีคุณเธียรวิชน์ พวกเราเป็นนักวิชาการที่จะมาเยี่ยมชมโรงเรียนนานาชาติของคุณนะคะ “

“เชิญครับ วันนี้ผมจะพาไปทัวร์เองเลยนะครับ” ผมพูดก่อนจะหันกลับไปมองหนุ่มน้อยที่สารวนกับการรับโทรศัพท์อย่างไม่ขาดสาย ดูท่าจะยุ่งจริงๆ และผมก็เดินออกมาเพื่อพูดคุยแนะนำตัวเอง

“ถ้าอย่างงั้นที่แรกเลยนะครับที่ผมจะพาไป เออ ห้องโสตศึกษาก่อนเลยครับ” ผมพูดแต่ว่าห้องโสตศึกษามันอยู่ตรงไหนว่ะ ผมจะหันมาถามกันต์ธีย์ ดูแล้วก็คงยาวเหมือนกัน เลยยืนเปิดแฟ้มดู ไล่หาไปเรื่อยๆ คนที่รอก็ยืนรอไปแล้วกันน่ะ ผมเปิดอยู่ประมาณสิบห้านาที เจอซะที

“เดินลงบันไดไปเลยนะครับ “ผมหันมาบอกเจ้าหน้าที่วิชาการจากประเทศอังกฤษ เขาก็หันมามองหน้ากัน ก่อนจะมองป้ายของผม วันนี้ผมสวมเสื้อสีชมพูอ่อนกับเนกไทสีรุ่งเลย ผมเดินไปตามทางเดินแนะนำบร้าๆ ถูกบ้างผิดบ้างเปิดดูเอาจากในแฟ้ม แต่ล่ะอันมีดินสอเขียนกำกับเอาไว้ อธิบายเอาไว้ด้วย ใครกันน่ะ ลายมือช่างสวยงามเหลือเกิน ก่อนจะมาหยุดที่ห้องคอมพิวเตอร์

“คณเธียรวิชย์ ขอพวกเราเข้าไปดูpreschoolของคุณหน่อยได้ไหมคะ น่าสนใจค่ะ ไม่บ่อยเลยที่จะเห็นว่ามีรับดูแลเด็กเล็กที่นี้ด้วยนะคะ” นักวิชาการท่านหนึ่งชี้ไปที่ด้านหลังของผม เป็นทางเดินไป Early learning Centre

“เออ ได้ครับ ผมพาไปแล้วกันนะครับ” ผมบอกก่อนจะเดินนำนักวิชาทั้งหลายไป ผมก็เปิดหาแต่ว่าไม่เจอข้อมูลเลยจะแนะนำยังไงหว่า ต้องใช้บัตรประจำตัวเจ้าหน้าที่ที่มีรหัสรูดก่อนจะเข้าไป เพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ ผมก็ทำตามขั้นต้อนโดยใช้บัตรผู้บริหารงานTraining นี้แหละ และผมก็เชิญชุดคณะวิชาการเข้าไปก่อน ผมเดินพาเข้าไปหยุดที่หน้าห้องเด็กทารก เพราะว่ามีป้ายติดไว้ว่าBaby room ผมหันมามองนักวิชาการที่พากันมองส่องเด็กน้อยด้านใน ผมรีบเปิดหาก่อน มีไหมว่ะข้อมูล ขอให้มีทีเถอะ ถ้าเขาถามขึ้นมาว่าเบบีรูมนี้มีเด็กอายุเท่าไหร่จะตอบยังไง ผมก็เปิด เปิด และก็เปิด จนกระทั่ง เจอแต่เป็นลายมือที่ถูกเขียนไว้ด้วยความบรรจง ว่าเบบี๋รูม รับเด็กตั้งแต่ 3 เดือนขึ้นไปถึงหนึ่งขวบ และบร้าๆ ผมต้องดูข้อมูลก่อนค่อยหันไปอธิบายและค่อยพาไปชม

“ว้าย !! คุณเธียรเบบี๋ค่ะ”

“ครับผมทราบครับ ว่าห้องนี้เบบี๋ครับ ผมกำลังหาให้อยู่ครับว่าเบบี๋ที่ห้องนี้เขารับดูแลอายุเท่าไหร่บ้าง”

“คุณเธียรค่ะ เบบี๋ค่ะ ตรงขาคุณนะคะ” ผมก็เงยหน้ามองเบบี๋ตรงขาผมเหรอ ผมก็รู้สึกว่ามีคนมาดึงขากางเกงผมอยู่น่ะ ผมก็ก้มลงมองเกือบรอดใต้ระหว่างขาของผม และสิ่งที่ผมเห็นคือเด็กน้อยที่ชะโงกหัวขึ้นมามองผม เด็กน้อยคนนี้หน้าคุ้นๆ น่ะ มันมาอีกแล้วเหรอ ไอ้เด็กที่ผมฝันถึงน่ะ ใครซื้อตั๋วให้มันมาและผมก็ใช้นิ้วจิ้มที่หัวที่ดกดำไปด้วยเส้นผม ไม่ใช่ฝัน มาแบบตัวเป็นๆ เลยคราวนี้

TBC......
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (คร้ึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 07-03-2021 13:40:01
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (คร้ึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-03-2021 19:33:27
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.1 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (ครึ้งหลั)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-03-2021 22:00:18
      Part's เธียรวิชย์ ผมก็รู้สึกว่ามีคนมาดึงขากางเกงผมอยู่น่ะ ผมก็ก้มลงมองเกือบรอดใต้ระหว่างขาของผม และสิ่งที่ผมเห็นคือเด็กน้อยที่ชะโงกหัวขึ้นมามองผม เด็กน้อยคนนี้หน้าคุ้นๆ น่ะ มันมาอีกแล้วเหรอ ไอ้เด็กที่ผมฝันถึงน่ะ ใครซื้อตั๋วให้มันมาและผมก็ใช้นิ้วจิ้มที่หัวที่ดกดำไปด้วยเส้นผม ไม่ใช่ฝัน มาแบบตัวเป็นๆ เลยคราวนี้

“ว๊าก!! ” ผมก็กระโดดโหยงเหยงเลยซิ ตกใจเด็กและก็กลัวเหยียบเด็กอีก เพราะว่าเล่นคล้านไปมารอบๆ ผมแบบนี้ คณะนักวิชาการก็พากันตกใจกลัวผมจะเหยียบเด็กแน่ๆ ผมก็มองหาไปรอบๆ ด้วย ไปไหนวะเนี๊ยะ จนกระทั่ง

“ปะ ปะ ปะ “เด็กน้อยควานมาหยุดตรงหน้าผม เขานั่งลงกับพื้นก่อนจะยื่นมือขึ้นมา ทำมือเรียกผมเข้าไปหา ผมนี้ต้องก้มลงจนเกือบถึงพื้นก็ว่าได้ ว่าแต่เด็กนี้ออกมาได้ยังไงกัน และแน่นอนนักวิชาการได้ขวัญหนีดีฝ่อกันไปหมด และผมก็มองเด็กน้อยที่มองผมตาแป๋ว ผมเลยเลือกที่จะอุ้มเด็กน้อยขึ้นมาไว้ก่อน

“ลูกคุณหรือเปล่าครับ” หนึ่งในนั้นเอ่ยถามผมและชี้ที่เด็กน้อยที่ผมอุ้มเอาไว้ ว่านี้ลูกผมไหม แน่นอนผมรีบหันไปตอบแบบไม่ลังเล

“ไม่ใช่ครับ”

“แน่ใจเหรอคะ” นักวิชาการอีกคนถามผม เหมือนยังไม่เชื่อที่ผมบอก

“ไม่ใช่ครับผมยังไม่มีลูกครับ”

“แต่หน้าเหมือนคุณเธียรมากเลยนะคะ” ผมก็ต้องหันมามองคนที่บอกว่าเด็กคนนี้หน้าเหมือนผม และผมก็หันมาเหล่ตามองคนที่ผมอุ้มไว้อยู่เช่นกัน ก่อนจะไปมองรอบๆ จนมาหยุดที่ กระจกเงานูนรูปวงกลมที่เอาไว้มองหัวมุมตึก ผมก็ต้องถลึงตามองด้วยความประหลาดใจ เพราะสิ่งทีผมสัมผัสได้คือใบหน้าเด็กน้อยกับใบหน้าของผมที่แนบชิดกันมาก และนั้นมันเหมือนคนเดียวกัน

“เว้ยย!!! ” ผมร้องซิครับรออะไรก่อนจะหันมามองเด็กน้อย

“ปะ ปะ ปะ” เด็กน้อยส่งเสียงพร้อมตบมือไปด้วย

“จะไปไหนเล่า แล้วนี่ เราออกมาได้ยังไง” ผมถามเด็กน้อยที่ผมอุ้มอยู่  ก่อนจะหันมามองกลุ่มนักวิชาการพร้อมกับรอยยิ้ม ที่ส่งไปให้ อย่าไปเขียนวิจารณ์ผมนะครับ ป๊าของผมเอาผมตายแน่ๆ ไอ้เธียรเอ๊ย! ผมก็อุ้มเด็กน้อยและมองหาว่าพอจะมีใครให้ข้อมูลเรื่องนี้ได้บ้าง ผมสังเกตจากชุดที่เด็กน้อยสวมใส่อยู่ มีปักชื่อเอาไว้ว่า “ลูกโซ่ “

“สงสัยว่าแม่เราคงจะชื่อแม่กุญแจล่ะซิท่าและลูกชื่อลูกโซ่ คล้องกันเลยซิ “ผมถามเด็กน้อย ก่อนจะหันมาเจอบรรดาสายตาของนักวิชาการที่มาจากแดนไกล ใช่ซินี้อาจจะทำให้เขามองว่านี้คือความประมาทก็ได้น่ะ

“ผมขอพาน้องกลับเข้าไปก่อนนะครับ รอผมสักครูนะครับ “

“แล้วน้องออกมายังไงคะ คุณ”

“ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรผิดพลาดทางเทคนิคนะครับ ผมจัดการให้ครับเพราะว่าผมเป็นผู้บริหารครับผม” ผมพูดก่อนจะหันไปมองหาทางเข้า

“Tainning!! ” ใช่ครับมันตลกมาก ผู้บริหารฝึกงาน ป๊าเข้าใจตั้งให้ผมน่ะ ผมก็ยิ้มตอบคนที่อ่านป้ายให้ผมฟัง ก่อนจะรีบอุ้มเจ้าลูกโซ่ ตามชื่อที่ติดเอาไว้ก่อนจะพยายามมองหาเจ้าหน้าที่ ผมก็รู้สึกได้ว่าเสียงดังมาที่ตรงอกของผม

“แจ๊ปๆ” ผมก็ก้มลงมองเด็กน้อยที่กำลังเคี้ยวเนกไทลายสีรุ่งของผมอย่างเมามัน

“อร่อยไหมลูก” ผมถามเด็กคนนั้น ทั้งดูดทั้งกัดทั้งดึง จนเรียกว่าเปียกแฉะ จะทั้งผืนแล้วอยู่แล้ว  ผมหันซ้ายแลขวาอีกที จนมีครูเดินมาและเขาก็ทำท่าตกใจสิ่งที่ผมอุ้มเด็กน้อยอยู่

“น้องลูกโซ่!!! “

“คุณเป็นพี่เลี้ยงเด็กห้องเบบี๋รูมนี้ใช่ไหมครับ” ผมถามคนตรงหน้า

“ใช่ค่ะ คุณเป็นพ่อเด็กเหรอคะ” ผมหันมามองคนที่ถามผม ก่อนจะพลิกป้ายชื่อให้เชาดูว่าผมเป็นใครครับ จู่ๆ ก็หาว่าผมเป็นพ่อเด็ก

“ชื่อ คุณเธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชร “เขาอ่านชื่อและนามสกุลของผมได้ถูกต้อง

“เอะนามสกุลคุ้นๆ นะคะ” ยังอีก!!

“เหมือนท่านประธานใหญ่เลยไหมครับ” ผมถามเขากลับ

“เหมือนมากเลยค่ะ “เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม ก่อนจะทำท่าคิด” หรือว่าเขาคือ”

“ใช่ครับ ผมคือผู้บริหารคนใหม่ครับ และผมคือลูกชายท่านประธานใหญ่ครับคุณพี่เลี้ยงครับ!! ” ผมตอบเธอด้วยสี่หน้าที่จริงจังจนเรียกว่าพยายามระงับความโกรธไปด้วย

“อู้ยย!! ขอโทษค่ะ สวัสดีค่ะท่าน เอ๊ย คุณเธียรวิชย์ค่ะ” กราบงามๆ กลับมาให้ผมทันที

“ตอนแรกดิฉันนึกว่าพ่อน้องลูกโซ่ซะอีก เห็นหน้าเหมือนกัน “ยังมีหน้ามาบอกว่าผมคือพ่อเด็กอีก และเด็กน้อยก็แทะเนกไทผมโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอีก ผมก็ก้มลงมองและพยายามจะดึงออกแต่

“อ้า …เพี๊ยะ!! ”

“เฮ้ยย!! “ตีมือผมด้วยทั้งนี้มันเนกไทผมครับ เหลือกตาขึ้นมองค้อนผมอีกต่างหาก และทำการกัดแทะมันต่อไป ผมเลยต้องละสายตาขึ้นมามองคุณครูที่ยืนด้วยท่าทางเกรงกลัว กลัวว่าจะตกงานแน่ๆ

“นี้คุณ คุณดูเด็กยังไงให้เด็กออกไปอยู่นอกห้องนี่มันคือความไม่ปลอดภัยคุณรู้ไหม! และถ้าพ่อแม่เด็กเขารู้เข้าล่ะคุณ “ผมถามคนตรงหน้า

“ดิฉันไม่รู้จริงๆ ค่ะว่าน้องออกมายังไงนะคะ เพราะว่าประตูก็ปิดหมดนะคะ เหลือแต่ประตู แต่ไม่น่าจะใช้น่าจะปิดค่ะ” ครูพี่เลี้ยงพูดก่อนจะทำท่าคิดทบทวน

“แล้วคิดว่าน้องเขาออกมายังไงละครับ ถ้าไม่ใช่ความบกพร่องของคุณ หรือว่าน้องเขาท่องคาถาผ่าทะลุประตูออกมาได้ล่ะครับคุณพี่เลี้ยง!! ” ผมตะคอกถามเสียงดังแต่ไม่ดังจนเกินไป และระว่างที่ผมสนทนากับพี่เลี้ยงอยู่ เจ้าตัวเล็กที่ผมอุ้มอยู่ มือไม้ก็อยู่ไม่สุข ผมต้องคอยจับมือที่หยุดหยิกจับนั้นจับนี้สำรวจไปหมด ตกลงนี้เขาจบการสำรวจโลกมาหรือไง สำรวจไปจนถึงหูผมด้วย ผมก็ต้องจับมือเล็กนั้นรวบไว้ก่อน (ถ้าเป็นสาวๆ จะไม่ห้ามเลยลวนลามกับแบบนี้)

“ดิฉันขอโทษค่ะคุณเธียรวิชย์ แต่ดิฉันเช็กน้องเขาแล้วค่ะ น้องเขายังนั่งเล่นอยู่ในคอกลูกบอลอยู่เลยค่ะ” ผมก็เลิกคิ้วสูง แล้วออกมาด้านนอกได้ไง ออกมาเก็บลูกบอลอย่างนั้นหรือ

“แต่พอดีทางบ้านดิฉันนะคะโทรมาเลยเผลอไปรับสาย และแค่แป๊บเดียวจริงๆ ค่ะ และดิฉันขอโทษค่ะ จะไม่ทำอีกค่ะ อย่าไล่ดิฉันออกเลยนะคะ งานหายากค่ะ” คนตรงหน้าผมใช้น้ำตามาต่อรองอีกแล้ว

“ก็ได้ ผมจะให้คุณแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ต่อไปคุณต้องระวังมากกว่านี้ เพราะการดูแลเด็ก ยิ่งเด็กเล็กๆ คุณต้องโฟกัสที่งานมากกว่าเรื่องส่วนตัวแต่ถ้าพักหรือเลิกงานแล้ว ผมจะไม่ว่าคุณเลย” ผมพูดบอกคนตรงหน้า

“ถ้าอย่างนั้น ขอเอาน้องไปทานนมก่อนนะคะ “คนตรงหน้าบอกผม

“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นครับคุณสายฝน “ผมเพิ่งสังเกตเห็นป้ายชื่อ

“เพราะว่าน้องเขาพยายามจะกินเนกไทผมไปทั้งอันอยู่แล้วครับ และนี้ก็แปลว่าเขาหิวแล้ว ไปครับ” ผมพูดและรีบส่งเด็กน้อยคืนไป พี่เลี้ยงก็รับไปจากมือผมทันที แล้วผมจะยืนรออะไรล่ะ ผมต้องไปอธิบายยาวเลยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ผมรีบหันเพื่อจะเดินออก

“ปึก” ไปไม่ได้เพราะว่า เนกไทยังติดที่มือเด็กอยู่ และมันก็คล้องคอผมไว้ด้วย ผมต้องถอยหลังกลับมาแทบจะไม่ทัน

“ว้าย !! ลูกโซ่ ปล่อยเนกไทเขาค่ะลูก” ผมหันมามองคนที่กำเนกไทผมแน่นและยังคงอมดูดอย่างกับมันคือของลูกอมก็ว่าได้ แค่สีมันหวานไปหน่อยเท่านั้นเอง

“ขอโทษนะคะ คุณเธียร “พี่เลี้ยงกล่าวขอโทษผมอีกครั้งก่อนจะพยายามดึงเนกไทผมออกมาให้ได้

“หมับ” ยังอีก ยังเอี้ยวตัวมาคว้ากลับไปอีก นี่ถ้าผมมีสำรองไว้ ผมก็จะยกให้ไปเลย สงสัยอยากผูกเนกไทบ้างแน่ๆ

“ลูกโซ่ ไปกินนมดีกว่านะลูกน่ะ เนกไทกินไม่ได้นะคะ ไปค่ะไป พี่ฝนพาไปกินนมค่ะลูก “พี่เลี้ยงก็รีบพาเด็กที่ดูท่าจะหิวจนตาลาย ถึงได้อมดูดเนกไทผมได้เปียกแฉะขนาดนี้ ผมต้องค่อยๆ บิดน้ำลายออกจากเนกไทลายสีรุ้งออก หรือว่ามันมีกลิ่นลูกกวาดอยู่ด้วยเด็กน้อยนั้นถึงได้อมดูดสนุกสนาน ผมค่อยๆ ใช้นิ้วมือคีบขึ้นมาดมดู

“อ้วก!! ” ถึงกับเกิดอาการคล้ายจะแพ้ท้อง เพราะกลิ่นน้ำลายของเด็กน้อย แล้วเนกไทเส้นนี้ก็ต้องติดตัวผมไปยั้นเลิกงานแถมพร้อมกับกลิ่นนี้ด้วย ผมถึงกับส่ายหัวไปมาขณะที่ผมกำลังสับเท้าเดินจนออกมาถึงข้างนอก แต่ก็ไม่พบแล้วชุดนักวิชาการของผม ผมว่างานเข้าแล้วแหละเธียรวิชย์ เมื่อเช้ามึงก้าวเท้าไหนออกมาว่ะ
      ผมเดินกลับไปที่ห้องธุรการอีกครั้ง ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไปก็เจอหนุ่มน้อยที่กำลังวุ่นวายกับการอธิบายอะไรสักอย่างให้ผู้ปกครองที่มาติดต่อฟัง นี้ขนาดเทรนเนอร์เหมือนผมแต่ดูจากการทำงาน ชำนาญการมากกว่าอีกสงสัยประสบการณ์แน่น ผมยืนรอจนผู้ปกครองเดินออกไป แต่ก่อนจะเดินผ่านผมเขาก็อ่านป้ายที่ห้อยคอเอาไว้ด้วยว่า ผู้บริหารงาน (Training ) พออ่านป้ายเสร็จก็ยิ้มให้ผม ไม่เคยเจอใช่ไหมครับคุณผู้ปกครอง ผู้บริหารก็มีช่วงฝึกงานที่ต้องผ่านโปรให้ได้ซะก่อนเช่นกัน

“คุณเธียรวิชย์ผมว่าจะเดินไปบอกอยู่นะครับว่า…. “เสียงที่ดังรอดถามผม ผมก็ก้มลงลอดมองผ่านช่องสนทนาเล็ก ๆ จะบอกว่าอะไรเอ่ย

“วันนี้มีประชุมครูครับ แต่ครูไม่กี่ท่านนะครับ” เธียรวิชย์ถึงกับขมวดคิ้ว

“หลังอาหารเที่ยงครับ 12.30 นาที”

“หลังอาหารเทียง ให้พักแค่สามสิบนาทีเองเหรอ” ผมถามหนุ่มธุรการทันที

“ครับ เขาแจ้งผมมาแบบนี้น่ะครับ “

“Oh my goodness!!!” ผมสบถออกมาเบาๆ

“แล้วเนกไทคุณไปโดนอะไรมาน่ะครับ ทำไมมันเปียกไปครึ้งอันแบบนั้นล่ะครับ” พอคนตรงหน้าถามผม ผมก็ต้องใช้นิ้วคีบส่วนปลายขึ้นมาให้ดู

“พอดีผมเจอเด็ก” กันต์ธีถึงกับขมวดคิ้ว

“เด็กเล็กนะครับ ผมพากลุ่มนักวิชาการไปดู บังเอิญเจอเด็กออกมาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ นอกห้องผมเลยต้องอุ้มกลับเข้าห้องไปนะครับ

“และเขาก็เห็นว่า เนคไทของผมมันคล้ายลูกกวาดสีรุ้งนะครับคุณกันต์ธีย์ อมดูดจนสนุกสนาน ก็เลยเปียกแบบที่นี้เห็นนี้แหละครับ แถมกลิ่นนี้ ไม่ต้องให้บรรยาย เพราะจะพาให้กินข้าวไม่ลง” ผมพูดกับหนุ่มน้อยตรงหน้า เขาเงยหน้าขึ้นมามองแอบยิ้มเล็ก

“จะว่าไปหน้าคุ้นๆ น่ะ” ผมพูดขึ้นก่อนจะเอามือเท้าคางมองคนภายในห้องธุรการ

"ผมหรือเด็กครับที่หน้าคุ้นๆนะครับ"คนด้านในถามผม ผมก็ทำท่าคิด เออ จะว่าไป มันก็คุ้นทั้งคู่น่ะ จนผมต้องสั่นหัวไล่ความคิดบ้าๆออกก่อน

“แล้วนี่ คุณเธียรวิชย์มีสำรองไหมอ่ะครับ เพราะว่าคุณต้องเข้าห้องประชุม”  หนุ่มคนนั้นเอ่ยปากถามผม

“ไม่มีครับ มีอันเดียว ใครจะไปคิดว่าจะมีอุบัติเหตุแบบนี้ด้วยล่ะครับ”

“เอาอย่างนี้ไหมครับ ผมซักให้ มีห้องซักผ้าสำหรับซักของใช้เด็กน่ะครับ ผมไปใช้ประจำ เวลาเสื้อผ้าเจ้าลูกโซ่ของผมไม่พอนะครับ”

“ใครน่ะ” ผมถามกันต์ธีย์กลับ

“ลูกโซ่ “หนุ่มที่ยืนอยู่ด้านในตรงหน้าบอกผม ใช่เด็กคนที่อมเนกไทผมหรือเปล่าน่ะ

“คุณขึ้นไปทานอาหารก่อนดีกว่าไหมครับ เพราะว่าจะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวเวลาพักก็จะไม่ถึงสามสิบนาทีเอานะครับ” ผมหันมามองคุณธุรการ ก่อนจะพยักหน้า และรีบถอดเนคไทส่งไปให้ และก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองเขาอีกครั้ง ลูกโซ่ เด็กคนนั้น หรืออาจจะแค่แฟนคลับก็ได้มั้ง แม้เด็กตัวแค่นี้มีแฟนคลับด้วยเหรอ ผมหันมายิ้มให้หนุ่มธุรการก่อนจะเดินออกไป

TBC ......
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.1 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-03-2021 22:35:04
 :laugh:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.1 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-03-2021 05:02:27
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.1 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 08-03-2021 07:10:37
รีบมาต่อน้าาาา
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.1 พ่อลุกเจอกันแล้ว(แต่ยังไม่รู้) (ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-03-2021 08:42:30
 :z13: :z10: :z3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.2 คลาดกันแค่นิดเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 08-03-2021 11:21:03
     EP.11.2 คลาดกันแค่นิดเดียว


            Part's เธียรวิชย์ ผมตรงไปที่ห้องทำงานของผมหลังจากนั้น พอก้าวเท้าเข้าห้องได้ผมก็นั่งแผ่หลาทันที พาเดินเกือบรอบตึกขนาดนี้ ถึงจะแค่ตึกเดียวเองก็เถอะ เล่นเอาเธียรยังเหนื่อยเหมือนกัน และโชคดีที่พากันเพ่นกลับไปซะก่อน ผมรู้สึกง่วงๆ อาหารก็ยังไม่มา ของีบก่อนแล้วกันน่ะ ดังนั้นจึงหมุนเก้าอี้สำหรับแขก มาไว้ตรงข้ามเก้าอี้ของผม พร้อมกับเอนหลังพิงพนักและยกเท้าขั้นมาวาง ค่อยยังชั่วหน่อย ผมค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ จะว่าไปหนุ่มธุรการคนนั้นก็หน้าตาคุ้นๆ อยู่น่ะ คุ้นว่าเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน



“กึก” เสียงเหมือนบางสิ่งถูกวางลงบนโต๊ะ ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนจะหันไปมอง ภาพที่เลือนรางคล้ายกับเงาของใครสักคนจนกระทั่งกลับมาชัดเจนมากขึ้น และคนนั้นคือหนุ่มน้อยในห้องธุรการนั้นเอง ผมรีบดีดตัวขึ้นนั่งทันที



“อาหารเที่ยงครับคุณเธียรวิชย์ “



“ขอบคุณครับ แม้ยกมาให้ผมเองเลยเหรอครับ” ผมเอ่ยปากถามก่อนจะฉีกยิ้มให้



“ก็ผมเป็นเลขาคุณด้วยนี่ครับ” ผมถึงกับแปลกใจขึ้นเล็กน้อย



“อ้าวคุณเองเหรอ ตอนแรกผมก็นึกว่าผู้หญิงคนเมื่อเช้า ที่ถูกนำส่งโรงพยาบาลนะครับ”



“คุณพ่อคุณเขาบอกให้ผมทำหน้าที่สองตำแหน่งน่ะครับ “หนุ่มน้อยคนนี้บอกผม



“อย่าลืมเข้าประชุมเที่ยงครึ้งน่ะครับ ผมวางแฟ้มเอกสารไว้ที่ห้องประชุมแล้วครับและมีอาหารว่างและเครื่องดื่มไว้ให้แล้วด้วยครับ “หนุ่มน้อยคนนั้นหันมาบอกผม ผมยิ้มให้ เขาดูเป็นคนมีระเบียบรอบคอบมากจน ผมอดนึกถึงม๊าผมไม่ได้ ม๊าเป็นผู้หญิงที่ดีพร้อมของป๊า ม๊าดูแลป๊าทุกเรื่อง ทุกอย่างจะถูกจัดเตรียมไว้หมด ไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอ และผมก็อยากได้ผู้หญิงอย่างม๊ามาเป็นภรรยาของผม ผมไม่อยากได้ผู้หญิงอย่างแพรวา ที่วัน วันเอาแต่ชี้นิ้วสั่งคนใช้ แถมยังไม่เคยพูดดีกับเขาสักนิด ผมลุกขึ้นก่อนจะเหลือบไปเห็นเนกไทที่วางอยู่ถูกพับมาอย่างเรียบร้อย



“คุณกันต์ธีนี่เนกไทผมใช่ไหมครับ”



“ใช่ครับ ผมไปสักอบแห้งและรีดมาให้เรียบร้อยแล้วครับ”



“ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวน่ะครับ “



“รบกวนผูกให้หน่อยได้ไหมครับ ผมผูกไม่สวยอ่ะ และเมื่อเช้าม๊าเป็นคนผูกให้นะครับ” ผมเอ่ยปากขอร้องขอหนุ่มน้อยคนนั้น เขาหันมามองผม ก่อนจะเดินมาหยิบเนกไทขึ้นมาคลี่และเดินตรงมาหาผม เขาหยุดตรงหน้าผม ก่อนจะค่อยๆ เขย่งเท้าขึ้นคล้องเนกไทให้ผม ทำไมแววตาคู่นี้มันเหมือนใครสักคนที่ผมเพิ่งจะเจอมาไม่นานนี้เลยน่ะ ขนตาที่งอนยาวนั้น ก็ช่างเหมือน ผมเพ็งมองดูคนที่ผูกเนกไทจนเพลิน



“เสร็จแล้วครับ “กันต์ธีย์เอ่ยปากบอกเขา ก่อนจะก้าวถอยหลังออก ผมก้มลงมองเนกไทที่ถูกผูกไว้อย่างเรียบร้อยไม่มีที่ติ ถ้าเป็นผู้หญิงผมคงจีบทันทีแต่ว่านี้



“ผมไปก่อนนะครับ”



“น้องครับ พี่ว่าจะชวนไปทานข้าวนะครับ” ผมเอ่ยปากชวนคนที่กำลังเดินหันหลังออก



“อะไรนะครับ” เขาหันมาถามผมอีกครั้ง



“ชวนไปทานข้าวนะครับ พี่อยากเลี้ยงข้าวนะครับ”



“เนื่องในโอกาสอะไรเหรอครับ” เนื่องในโอกาสอะไรด้วยเหรอ ในโอกาสอะไรดีกว่า



“ขอบคุณเรื่องที่ทำรายงานให้พี่นะครับ “ผมนึกขึ้นได้ก็รีบตอบไปทันที เลิกคิ้วสูงรอคำตอบว่า ได้ครับ



“ไม่ได้เลยครับ ผมยุ่งมากจริงๆ และคงไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะว่างด้วยครับ นานเลยครับ” ผมต้องตกใจคิ้วแน่นเลยเหรอ



“คิวเหรอครับที่ไม่ว่าง น้องฮอทขนาดนี้เลยเหรอครับ” ผมถามน้องเขา



“ผมวุ่นวายกับลูกน่ะครับ ผมไปไม่ได้หรอกครับ ไม่ต้องถามว่ามีคิวเยอะไหม มีแค่คิวเดียวก็จะแย่แล้วครับ และคิวนี้คงจองผมไปตลอดทั้งชีวิตแหละครับ ผมไปก่อนน่ะครับ “ผมก็ต้องยืนอึ้งกิมกี่ ไปตามระเบียบ ลูก ลูกหมาหรือเปล่าว่ะ เพราะว่าดูยังเด็กอยู่เลยน่ะ ถ้ามีแล้วนี่พี่อายเลยน่ะครับน้องครับ





ผมเข้าประชุมต่อทันทีหลังจากทานอาหารเที่ยงเสร็จ บรรยากาศในห้องประชุมเล็กๆ กะทัดรัดมีครูแค่ไม่กี่ท่านอย่างที่กันต์ธีย์บอกผมไว้ไม่มีผิด วาระการประชุมก็คือการมอบหมายงานประเมินการศึกษา กฎระเบียบบังคับครู และจิปาถะ ผมนั่งมองไปด้วยและฟังครูที่เข้ามาประชุมดูแต่ละคนก็หัวกะทิทั้งนั้น และที่ผมคิดน่ะ นี้ไม่น่าจะเรียกประชุมแต่น่าจะเรียกการตั้งโต๊ะโต้วาทีกันมากกว่า โต้เถียงกันมันมากกว่า และผมเองก็ได้แต่นั่งเอาปากกาจิ้มขมับตัวเองและฟังไปด้วย เขาให้มาช่วยกันหาทางแก้ปัญหาไม่ใช่โต้เถียงเพื่อเอาชนะกันผมคิดในใจ ตาผมก็มองซ้ายทีขวาที มันทำให้ผมเข้าใจป๊าผมขึ้นมาทันที ที่อยากจะกระจายงานให้ลูกๆ บ้างเพื่อมานั่งเป็นกลางอยู่แบบนี้ กว่าจะเถียงกันเสร็จ ก็ปาเข้าไปเกือบจะบ่ายสามครึ้งแล้ว จบซะทีซิน่ะ



“ตึ้ง!! “เสียงข้อความเข้ามือถือผม ทำให้ทุกอย่างกลับมาสู้โหมดความเงียบ ผมก็ก้มลงอ่าน



//พี่เธียรค่ะ แพรวา จะไปรับแล้วนะคะ เตรียมพร้อมสำหรับอาหารค่ำที่แสนโรแมนติกของเราสองคนหรือยังคะ” ผมก็ต้องกุมขมับ ก่อนจะ



//ถ้าพวกคุณได้ข้อสรุปกันแล้วก็ขอจบการโต้วาที เอ๊ย การประชุมไว้แต่เพียงเท่านี้น่ะครับ เชิญครับ//ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น เหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย  ใจผมก็อยากกลับไปเริ่มต้นเรียนมหา’ลัยใหม่ ทำไมทำงานมันคนละเรื่องกันเลยว่ะ เธียรวิชย์ ผมก็รีบเดินกลับห้องทำงานของผู้อำนวยการ เพื่อไปเก็บของบนโต๊ะแต่พอผมเข้ามาในห้อง ทุกอย่างถูกเก็บเข้าที่เรียบร้อยเหลือแต่พนักงานทำความสะอาดที่จะเข้ามาทำหลังเลิกเรียน



“สวัสดีครับ มาเก็บห้องให้ผมเหรอครับ คุณป้า” ผมถามคนทำความสะอาด เขาหันมามองหน้าผม



“ไม่ใช่ค่ะ คุณเจ้าหน้าที่ห้องธุรการนะคะ เขาเข้ามาทำให้ค่ะ ป้าแค่มาดูดฝุ่น ปัดกวาดเช็ดถูให้เฉยๆ ค่ะ” ป้าคนที่ทำความสะอาดบอกผม ผมก็รีบเก็บทุกอย่างก่อน ว่าจะลงไปขอบคุณและถ้าพรุ่งนี้ว่างจะชวนไปทานข้าวแน่นอน แต่พอผมเดินลงมาก็ไม่เจอเขาแล้ว ห้องธุรการปิดล๊อกเรียบร้อย ทำไมกลับเร็วจังน่ะ ผมก็ต้องเดินลงมายังชั้นล่างสุด หันซ้ายหันขวาเผื่อว่าจะเจอ และผมก็เห็นเขาหลังไวไว กำลังเดินจั้มอ้าว ไปทางโซน เนอสเซอรี่แคร์ ไปทำไมล่ะนั้นน่ะ และนี่มันก็นอกเวลางานแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเลยเดินตามไปดูดีกว่ากะว่าจะชวนกลับบ้านด้วยกันเลย



“หมับ!!!” มีคนมาดึงรั้งแขนผมเอาไว้ผมซะก่อน ผมหันมามอง แพรวา เธอมาพร้อมกับชุดสวยและทรงผมที่ไปทำมาอย่างดี นี้เธอไม่ได้กลับไปทำงานกับพ่อเธอเหรอ



“แพรวาพร้อมมากค่ะ เดทของเรา”



“แพรวา พี่แค่พาเราไปนั่งทานร้านอาหารสักแห่งที่ในห้างครับ ไม่ได้จะพาไปร้านอาหารหรู และพี่ก็ต้องไป”



“ไม่ได้!! ต้องไปกับแพรวา เท่านั้น!!”



“แพรวา มันเกินไปแล้วน่ะ และพี่จะไปหาอาม่าพี่น่ะแพรวา พี่เริ่มจะไม่ไหวแล้วน่ะ แพรวาเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”



“ไม่รู้แหละพี่เธียรต้องไปกับแพรวา และวันนี้ห้ามใครมากวน” แพรวาพูด



“หมับ” แพรวาควงแขนผมทันที “ไปขึ้นรถกับแพรวานะคะ รถของพี่ให้คนขับรถขับไปจอดที่บ้านพี่เลยนะคะ “แพรวาบอกผม



“แพรวามีเซอไพรส์ค่ะ” แพรวาหันมาบอกผม ก่อนจะทำตาประกายแวววาว ผมเหลือบมองเวลา แล้วจะไปหาอาม่าได้ไหมว่ะเนี๊ยะ



“พี่เธียร ยืนอยู่ตรงนี้นะคะ หันหลังด้วยนะคะ แพรวา จะเข้าไปเอาเซอไพรส์มาหมอบให้นะคะ “แพรวาบอกผมให้ยืนเว้นระยะห่างจากรถเอาไว้และหันหลัง



“ยืนเซ่ออะไรล่ะ รอถ่ายซิ ถ่ายดี ดีน่ะ เอาสวยๆ ด้วย ไม่สวยน่ะโดนไล่ออก” ผมได้ยินเธอสั่งคนที่มาดูแลเธอ และสิ่งที่ผมเห็นกำลังตรงมาหาผม คือรถลัมโบร์กินี่รุ่นตัวท็อปใหม่ล่าสุด ก่อนจะดริฟรถตีโค้งมาจอดตรงข้างหน้าผมพอดิบพอดี พร้อมกับประตูปีกนกที่เปิดออก เฮียธาม ชะโงกหัวมองผม



“ขึ้นรถ” เฮียบอกผม แต่ว่าผมชี้ไปข้างหลังผมล่ะ



“ขึ้นมา!! “ผมหันไปมองก่อนจะวิ่งเข้าไปในรถเฮียธามและประตูก็ปิดลงพร้อมกับเสียงเบิ้นเครื่องจนยางไหม้ และควันโขม้งไปหมด ควันดำๆ ซะด้วยและเฮียแกตั้งใจมากเบิ้นใส่แพรวามันขนาดนั้น ก่อนจะออกรถที่แรงเต็มพิกัดของเฮียธามไป ผมหันไปมองจนกระทั่งควันเริ่มจางหายไปเหลือไว้แค่เด็กผู้หญิงที่ยืนถือช่อดอกไม้ เอามือปัดควันไปมา



“ว๊าก!! เฮีย แพรวามันด่าเฮียแน่” ผมร้องบอกเฮียธาม เพราะว่าดูจากสภาพนางแล้ว ไอ้ควันดำดำนั้นคงทำให้เธอดูเหมือนไปคลุกกับเขม่าดำๆหม้อมา เฮียธามแค่หันมายักคิ้วให้ผม แต่ก็ดีที่เฮียมาช่วยชีวิตผมได้ทัน



“มึงคิดว่ากูแคร์เหรอคะไอ้ตี๋น้อย ด่ามากูก็ด่ากลับ ไม่โกงไง” เฮียถาม ผมควรจะเรียกเจ๊ธามมากกว่า กรีดนิ้วปัดผมอย่างน่ารัก แต่ถ้าต่อหน้าป๊าเฮียแกแมนมาก



“อาม่าให้มารับมึงไปหา ถ้ามึงไม่ไป เป็นเรื่องแน่ เพราะว่าวันนี้รวมญาติน่ะ ไอ้ตี๋น้อย” เฮียธามหันมาพูด ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาขาดไว้ก่อน รถเฮียยิ่งแรงๆอยู่ และจังหวะนั้นผมก็เห็นรถอากันตภณ ขับสวนเข้ามา



“เฮียรถอากันอ่ะ อามาทำไมอ่ะ มาหาผมเปล่า” ผมถามเฮียธามทันที



“ไหนวะ ที่แน่ๆ เขาไม่ได้มาหามึงหรอก มาหาเด็กเขา เด็กเขาทำงานที่นี้ วันก่อนเขาพามาฝากกับป๊าอ่ะ ไม่เจอหรือไง” เฮียธามมองตามที่ผมชี้ ก่อนจะขับรถออกไปทันทีเช่นกัน อากันตภณมีเด็กเหรอ คนไหนวะ พรุ่งนี้ต้องไปตามสืบดู



ผมหันมามองเฮีย ดูซิเอสเซสเซอรี่เต็มหัวไปหมดฟรุ่งฟริ้มกระดิ่งแมวมาก แถมต่างหูก็เป็นแพเชียว การแต่งตัวทั้งหมดนี้ ป๊าผมไม่เคยจับเฮียธามได้เลยสักที ใช่ครับพี่ชายคนที่สองผมออกแนวสาวมากกว่า และก่อนเฮียจะเข้าบ้านทุกอย่างจะถูกถอดเก็บจนหมดแม้กระทั่งผมที่ยาวเหมือนบ๊อบก็จะถูกรวบขึ้นไป เฮียแกไถด้านในและพอมัดก็จะเหมือนทรงผมผู้ชายทั่วไป ถ้าปล่อยลงจะออกแนวสาวๆหน่อย ผมนั่งมองแล้วผมก็อยากจะบอกเฮียว่า เฮียควรจะบอกป๊าไปเถอะ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยเปลี่ยนบุคลิกภาพ เดี๋ยวแมนเดี๋ยวแต๋วแบบนี้ สักวันคงได้สลับผิดบทกันบ้าง



*****



     Part’ s กันต์ธีย์ ผมเดินไปหาลูกชายหลังจากที่ผมจัดการเก็บทุกอย่างในห้องทำงานเรียบร้อยและขึ้นไปทำห้องทำงานให้กับผู้บริหารคนใหม่ ที่เป็นลูกชายคนเล็กของทานประธานใหญ่ แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือ ชื่อเธียรวิชย์ มันช่างเหมือนกับไอ้คนที่เอาแหวนเอาไว้ให้ผม แต่นามสกุลน่ะมันมีแค่ดอเด็กตัวเดียว แล้วผมจะรู้ไหมว่านามสกุลเต็มมันคืออะไร หรือแค่ดอเด็กด้วนๆ กันแน่



ไอ้ตอนแรกผมก็นึกว่าคนเดียวกัน แต่เพราะว่าความสุภาพของเขามันทำให้ผม สั่นหัว ก็ไอ้คนนั้นน่ะ มันทำสีหน้าไม่พอใจผมตั้งแต่ที่ผมทำเหล้าหกใส่เสื้อมันแล้วนิ แต่คนนี้กลับไม่ใช่ เขาสุภาพ จนผมคิดว่าไม่ใช่คนเดียวกันแน่ๆ



“น้องบีม มาแล้วเหรอคะ “พี่สายฝน พี่คนที่ดูแลแซบซ่าให้ผม เจ้าลูกโซ่ ตอนนี้หกเดือนกับอีกสิบวัน พรุ่งนี้ต้องไปรับวัคซีนด้วยซิ ผมน่ะเขียนใบลาส่งไปให้พี่ธีแล้ว ผมกะจะลาแค่ครึ้งวัน



“มะ มะ มะ “ดูเรียกผมซิ



“บอกว่าเรียกมี้ ไม่ใช่ มะ มะ “ผมพูดกับตัวเล็ก ก่อนจะอุ้มขึ้นมา ยิ่งนับวันเขาก็ยิ่งทำให้ผมรักเขาและความโกรธแค้นที่เคยมีกับไอ้คนที่ทำให้ผมท้อง มันเริ่มจางหายไป เพราะแต่ผมได้ความรักจากเด็กคนนี้มาแทน ผมอุ้มเขาขึ้นมา สบตาที่ใส่ซื่อนั้น ฝ่ามือเล็กๆ จับที่ใบหน้าของผม



“มะ มะ มะ “ยักเรียกผมว่ามะมะ อีก สักวันคงได้กลายเป็นมาม่ากันบ้างล่ะ ผมแอบคิดในใจ ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าเด็กน้อยขึ้นมาสะพายไว้



“พี่ฝนครับ พรุ่งนี้ น้องไม่ได้มานะครับ เพราะว่าผมจะพาไปฉีดวัคซีนหกเดือดน่ะครับ “ผมบอกพี่สายฝน



“ค่ะน้องบีม” พี่สายฝนพูดก่อนจะหันมามองลูกโซ่



“วันนี้ก็เกือบทำพี่ฝนตกงานแล้วค่ะ น้องบีม” ผมหันไปมอง ก่อนจะหันมามองพ่อตัวดีของผมเช่นกัน



“ทำไมเหรอครับ”



“ก็น้องเขาคงเบื่อบรรยากาศภายใน เลยออกไปนั่งเล่นนอกห้องแทนนะคะ และน่าจะออกไปตอนที่คุณครูเขาเปิดประตูแล้วไม่เห็นนะคะ ไวมากเลยน้องค่ะน้องบีมลูกชายน้องบีมเนี๊ยะ!” ผมถึงกับถลึงตาขึ้น มีแบบนี้ด้วยเหรอ ลูกผมนี้น่ะ



“และโชคดี แต่ก็ยังร้ายสำหรับพี่อยู่ดีค่ะ คนที่มาเจอน้องคือ ผู้บริหารงานคนใหม่ เขาว่าพี่ใหญ่เลยค่ะ พี่นี้คิดว่าโดนแน่ๆ ไล่ออก” พี่ฝนพูดผมหันมาทำหน้าดุใส่เจ้าลูกโซ่



“ผมขอโทษแทนเจ้าลูกโซ่ด้วยนะครับพี่ฝน” ผมพูด



“ไม่เป็นไรค่ะ และนี่พี่ก็กำชับกับพี่เลี้ยงว่าให้ปิดประตูทุกครั้ง อย่าคิดว่าแป๊บเดียวจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นได้กลับบ้านนอกแน่ๆ ค่ะ “พี่สายฝนพูด ผมหันมามองเจ้าลูกโซ่ เจ้าลูกโซ่ ชะโงกหัวไปมองหาใครสักคนจากด้านหลังของผม



“ถ้าอย่างนั้นผมกลับก่อนนะครับพี่ฝน” ผมรีบบอกพี่สายฝน พี่เลี้ยงเจ้าตัววุ่นวายของผม ผมหันหลังไปมองคนที่เดินมาถึงก็ก้มลงหยิบกระเป๋าเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาถือให้ พี่กันตภณคนเดิม เพิ่มเติมคือความหล่อขึ้นทุกวัน แต่ผมกลับยังไม่เคยมองเขาเป็นเช่นคนรักเช่นเคย ผมมีเหตุผลครับและผมจะบอกเมื่อผมมั่นใจว่าเหตุผลนั้นถูกต้อง



“วันนี้สร้างวีรกรรมอะไรกับพี่เลี้ยงอีกไหมครับลูกโซ่” พี่กันตภณถามเจ้าลูกโซ่ ของผม พร้อมกับใช้นิ้วจิ้มที่จมูกโด่งรั้น และเจ้าลูกโซ่ก็ไล่จับไม่อยากให้จับปลายจมูกของเขา แต่ทว่าผมกลับเห็นปลายจมูกของอีกคน คนที่ผมผูกเนกไทให้วันนี้ ผมอยู่ใกล้ชิดเขามาก ผู้ชายที่สาวๆ ในโรงเรียนพูดถึงกันทั้งโรงเรียน นั้นคือคุณเธียรวิชย์



“บีม บีม บีม!!” ผมสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีมือมาแตะที่แขนผม พี่กันตภณ



“มีอะไรครับพี่กัน” ผมถามพี่กันกลับทันที



“พี่กางมือรอรับจะเอาเจ้าลูกโซ่ใส่ในคาร์ซีทอยู่น่ะครับ แต่ว่าวันนี้บีมเหม่อไปน่ะ งานเยอะไปหรือเปล่า หรือว่าเครียดเรื่องอะไรอยู่น่ะ” ผมส่งเจ้าลูกโซ๋ให้พี่กันตภณรับไปและน้ำเจ้าตัวดีใส่ในคาร์ซีทเหมือนเช่นทุกวัน



“ผมว่าจะเอารถผมมาขับได้แล้วครับ พี่กัน”



“ทำไมล่ะ ไม่อยากให้พี่มารับมาส่งแล้วเหรอ “พี่กันตภณถามผม



“ผมเกรงใจนะครับ และพี่ต้องขับรถย้อนไปย้อนมาอีก ไหนจะมารับผม ไหนจะไปส่งผม และไหนจะต้องขับรถกลับบ้าน ไม่เหนื่อยแย่เหรอครับ นี้ยังไม่รวมที่พี่ต้องขับไปมหาวิทยาลัยอีกนะครับ พี่กัน” ผมพูดกับคนตรงหน้า พี่กันเปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่ง ผมก็ต้องเข้าไปนั่งตามที่พี่เขาพยักพเยิดบอกผม



“พี่เต็มใจครับ” พี่กันตภณบอกผมก่อนที่จะจับสายนิรภัยมาคาดให้ผม



“แต่ผม เออ ผม คิดว่า พี่ “ผมกำลังจะพูด แต่ก็ไม่แน่ใจว่าควรจะพูดหรือถามพี่กันตภณดีไหม พี่เขามองหน้าผม เหมือนกำลังสงสัยในสิ่งที่ผมกำลังจะเอ่ยปาก



“มีอะไรครับบีม”



“ไม่มีอะไรครับพี่กัน กลับบ้านเถอะครับ ผมอยากจะพาเจ้าโซ่ไปอาบน้ำแย่แล้ว” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็ปิดประตูลง ก่อนเดินมาขึ้นอีกฝังแทน ผมหันไปมองพี่กันตภณ จังหวะที่พี่กันกำลังจะเลี้ยวรถออก ผมเหลือบไปมองมือถือที่วางในกล่องใส่ของ ผมเห็นมีข้อความถูกส่งเข้ามาในมือถือพี่กันตภณ



// กัน ทำไมไม่รับสาย รับสายดิ จะได้คุยกัน // ผมอ่านข้อความนั้นแต่พี่กันตภณเขายังไม่ได้เปิดอ่านเลย



“พี่กัน ผมต้องพาน้องลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนพรุ่งนี้นะครับ”



“หมอสายป่านหรือเปล่า”



“ครับพี่กัน”



“งั้นพี่ไปส่งน่ะ”



“ก็ได้ครับ และพรุ่งนี้เพื่อนๆ ผมจะอยู่เลี้ยงเจ้าลูกโซ่ตอนบ่ายให้นะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ



“เราจะกลับมาทำงานอย่างนั้นนะหรือ” พี่กันตภณถามผม



“ครับ” ผมตอบเบาๆ



“พรุ่งนี้พี่ต้องมาที่นี้ด้วย เรามาพร้อมกันเลยไหมเพราะว่าพี่ชายพี่เขาจะนัดคุยเรื่องหุ้นกับเจ๊พี่ด้วยกันที่นี้ และเรื่องที่จะให้หลานชายพี่มาเป็นผู้บริหารที่นี้อีก “พี่กันตภณบอกกับผม



“เจอกันหรือยัง ไอ้เจ้าเธียรวิชย์ที่พี่ให้เราทำรายงาน Thesis ให้มันน่ะ มันชมเราน่ะว่าเราทำได้ละเอียดและดีมากนี่มันว่าจะชวนเราไปทานข้าวด้วย แต่พี่บอกเรายุ่งน่ะ”



“อ้อเจอกันแล้วครับ ผมไม่แปลกใจเลยว่าเขาจะเป็นหลานพี่กัน เพราะว่าเขาดูสุภาพไม่ต่างจากพี่กันมากแต่น่าจะกวนๆ มากกว่าน่ะครับ ด้วยวัยด้วยมั้งครับ” ผมหันมาพูดกับพี่กันตภณ



“ไอ้เจ้าเธียรนี้น่ะ แม่พี่เอาไปเลี้ยงตั้งแต่เกิดเลย”



“พี่ไม่ค่อยรู้อะไรมาเพราะว่าตอนนั้นพี่ก็เพิ่งจะสิบห้าสิบหกปี พี่รู้แค่ว่า หมอตรวจเจอบางสิ่งที่ผิดปกติ เลยต้องผ่าเอาเจ้าเธียรออกมาก่อนกำหนด น่าจะ36 วีคได้ และอาซ้อต้องไปเข้ารับการรักษาตัวต่อจากนั้น ส่วนเจ้าเธียรก็อยู่ในตู้อบอาทิตย์หรือสองอาทิตย์นี้แหละ และพอกลับบ้านม๊าพี่ก็รับไปดูแลเอง”



“เธียรเนี๊ยะ มันแสบที่สุดในบรรดาหลานที่พี่มีเลยน่ะ มันร้ายมากและยังมีม๊าพี่ที่ตามใจมันมากอีกคน เมื่อก่อนน่ะแต่ป๊าพี่น่ะดุมันมากที่สุดในบรรดาหลานเลยแหละ “พี่กันตภณพูดถึงคุณเธียรวิชย์ ผมก็ต้องขมวดคิ้ว ก็ไม่มากน่ะ ผมคุยกันไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งถึงบ้าน จะว่าไปดูพี่กันตภณเขาสนิทกับหลานคนเล็กเขามากเลยน่ะและพฤติกรรมที่เขาเล่ามามันก็เกือบจะเหมือนเจ้าลูกโซ่ผมทั้งหมดและมันก็ทำให้ผมอดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน

TBC.....
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.2 คลาดกันแค่นิดเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-03-2021 14:19:17
 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.2 คลาดกันแค่นิดเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-03-2021 21:47:51
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.11.2 คลาดกันแค่นิดเดียว
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-03-2021 23:04:06
 :laugh:


เฮียธามชนะเลิศ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12 เธียรวิชย์ออกตามหาคนในคืนนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 09-03-2021 07:24:40

          Part’ s กันต์ธีย์ ผมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีนหกเดือนตามนัด แต่เลยมาหน่อย เพราะว่าเจ้าโซ่เกิดก่อนกำหนด หมอส่ายป่านเลยนับวัคซีนให้เลยไปหน่อยไม่มากหนัก ตอนแรกพี่กันตภพว่าจะมาส่งผม แต่จู่ๆ ก็มีสายเรียกตัวประชุมที่กองมหาวิทยาลัยด่วน ผมเลยนั่งแท็กซี่มาแทน พี่กันตภณบอกว่าจะมารับผมและไปส่งน้องลูกโซ่ที่คอนโดก่อนจะไปที่โรงเรียนที่ผมทำงานด้วยกัน พี่กันต้องไปประชุมกับพี่ชายคนโต พี่สาวและหลานๆ จะว่าไป คุณเธียรวิชย์นี้เขายิ้มเหมือนพี่กันตภณไม่มีผิดเพี่ยนแต่นี่กับเป็นสิ่งเดียวที่เจ้าลูกโซ่มีเหมือนกับพี่กันตภณ แปลกไหมน่ะ แปลกน่ะ

“สวัสดีค่ะ วันนี้มีนัดฉีดวัคซีนของน้องนะคะ แต่ว่าคุณหมอสายป่านติดธุระด่วนค่ะ คุณหมอสายป่านได้ฝากเรื่องให้คุณหมอภีมปภพเป็นคนฉีดให้น้องค่ะและตรวจสุขภาพด้วยค่ะ” ผมพยักหน้าก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา

“เดี๋ยวตามน้องผู้ช่วยไปเลยนะคะ “ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามไป และเจ้าลูกโซ่ก็หมุดหน้าเข้ากับอกแบนๆ ของผม เหมือนจะเดาได้ว่าผมพาเขามาทำอะไร ไม่ซ่าเลยน่ะวันนี้น่ะ ผมเดินมานั่งรอที่หน้าห้องหมอภีมปภพ แทน ห้องที่มีแต่คนท้องและส่วนใหญ่จะเป็นคนไข้ผู้หญิงทั้งนั้น ก็หมอภีมปภพเขาเป็นหมอสูตินรีแพทย์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมหมอสายป่านให้หมอภีมปภพเป็นคนดูแลแทน แต่กลับไม่ใช่ให้หมอเด็กคนอื่น ผมนั่งที่ตรงเก้าอี้ ส่วนเจ้าโซ่ก็ดีดดิ้นอยากจะลงไปคลานที่พื้นอีก

“ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วเฮียเกริก นี้รอหมอภีมอยู่ เพื่อนของกันเขาไงล่ะที่เป็นหมอที่อาม่าหาประจำ เอะอะอะไรก็ต้องขอเป็นหมอภีม เห็นหมอภีมบอกว่าจะสั่งฮอร์โมนให้ม๊าไปทาน จะได้ไม่หงุดหงิดง่าย จะกลับแล้วเฮีย ก็เจ้ากันมันบอกว่าติดประชุมอยู่นี้ ไม่ได้คุยหรอก แค่นี้ก่อนน่ะเฮีย หมอเรียกแล้ว”

RRRR เสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นเบอร์ของพี่กันตภณ ผมรีบรับสายทันที ก่อนจะปล่อยเจ้าลูกโซ่ ลงไปนั่งเล่นที่พื้นก่อน

//ครับพี่กัน//
//พี่กำลังจะออกไปแล้วน่ะบีม//
//ได้ครับ ผมยังนั่งรอพี่หมอภีมอยู่ครับพี่กัน//
//ไม่ใช่หมอสายป่านเหรอบีม ที่นัดเจ้าลูกโซ่น่ะวันนี้//
//ไม่ใช่ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าทำไม เขาให้เป็นหมอภีมปภพครับวันนี้// ผมบอกพี่กันตภณ
// ไม่เป็นไรหรอก หมอภีมก็ดีน่ะ พี่กำลังจะออกรถคงไม่เกินยี่สิบนาทีครับ //
พี่กันตภณบอกผม ผมก็กดวางสายก้อนจะหันไปเห็นไอ้เจ้าลูกโซ่ที่คลานไปเกาะรถเข็นคนไข้ อาม่าคนหนึ่งเข้าแถมยังเอียงคอมองซ้ายขวา และยื่นมือไปทำท่าจะจับ

“อัยย๊า! อาตี๋น้อยๆ อ่าห์ “ผมได้ยินเสียงเรียกเด็กน้อยและผมก้มลงจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ที่นั่งลงตรงระหว่างขาผมแต่ทว่า ไม่มี ผมหันไปมอง ลูกชายตัวดีของผม คลานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ไปปืนเกาะอยู่ที่ตรงขาของอาม่าที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่อยู่ไม่ไกลมากหนัก ผมก็รีบลุกไปจับเจ้าลูกโซ่ทันที

“อาหงส์ อาตี๋น้อยๆ อยากเล่นกับอั้วน่า” อาม่าพูดพร้อมกับเอาฝ่ามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่อย่างเอ็นดู

“ขอโทษนะครับ” ผมรีบขอโทษขอโพยใหญ่เลย

“แม้หน้าตาน่ารักน่าชังซะด้วย ลูกชายเหรอคะ” ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนข้างๆ อาม่า ผมเดาได้ว่าเป็นลูกสาวของอาม่า เขาและเด็กผู้หญิงอีกคน หน้าตาหมวยๆ น่ารักคงจะหลานสาวแน่ๆ

“ครับ ผมพามาฉีดวัคซีนน่ะครับ”

“อืมมม “เจ้าลูกโซ่ พยายามจะเอนตัวลงจากผมจะไปเล่นกับอาม่าอีก (ภาษาไทยเรายังไม่ค่อยแข็งแรงดีจะไปสื่อสารภาษาจีนได้เหรอ เจ้าลูกโซ่ แอบคิดในใจ)

“ไปครับลูกโซ่ไปนั่งกับมี้ดีกว่านะครับ ไม่ดื้อนะครับ” ผมบอกเด็กน้อยก่อนจะอุ้มขึ้น

“หน้าตาอาตี๋น้อยๆ มันคุ้นๆ น่ะนี่มันลูกไอ้เธียรหรือเปล่าอ่ะ อาหงส์” ผมหันไปมองอาม่า ไอ้เธียรไหนอ่ะอาม่า

“อาม่าอาเธียรยังไม่มีเมีย “ลูกสาวของอาม่ารีบพูดก่อนจะยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผม

“เธียรไหนเหรอครับ “ผมรีบหันไปถามอาม่าทันที

“ไอ้สีเทียนอ้า หลานอั๋วหน่า หน้ามันยังนี้เลยน่า อั๋วนี้เลี้ยงมันมากับมือ ทำไมอั๊วจะจำไม่ได้ ไอ้ตาเฉียวๆ เอาเรื่องแบบนี้เลยน่า” ผมก็พยักหน้าเบาๆ เพราะว่าคนละเธียรกัน ก็เลยยิ้มแหยๆ ไป และไอ้นั่นมันไอ้เธียรวิชย์ ดอ และไม่ใช่เธียรวิชย์ เดชาวชิรภังกุลชรหลานอากันอีก ผมว่าเลิกหาดีกว่าไอ้เธียรวิชย์อะไรเนี๊ยะ รู้สึกว่าจะหลายเธียรแล้วเนี๊ยะ!

“อาตี๋น้อยๆ “อาม่าเรียกลูกชายผม เจ้าลูกโซ่ก็พยายามยืนแขนอันสั้นนิดเดียว ไปหาเขาอีกด้วยอยากเล่นกับเขาขึ้นมาอีก

“โทษทีน่ะ ม๊าพี่น่ะแก่มากแล้ว หลงๆ ลืมๆ อย่าถือสาน่ะหนูน่ะ “พี่ผู้หญิงที่เป็นลูกสาวของอาม่าพูด ผมพยักหน้าว่าไม่เป็นไร และพยาบาลก็ออกมาเข็นอาม่าไป ก่อนจะไปหันมาโบกมือให้เจ้าลูกโซ๋ของผม

“กลายเป็นอาตี๋ไปแล้วหรือไง” ผมถามเจ้าลูกโซ่ของผม ก่อนจะกลับมานั่งลง เพื่อรอเข้าห้องตรวจ ผมเหลือบมองมือถือของผม

มะนาว//แกจะกินอะไรไหมจะได้ซื้อเข้าไปกินกัน//
บีม// “ซื้อมาเลยน่ะมะนาว บีมต้องกลับไปทำงานไง//
มะนาว//เออ ลืมว่ะ//
ใบชา//วันนี้ ทำชาบูกินกันดีกว่าอยากกินอ่ะ//
เป็กซ์//ดีเลย//
ฟิล์ม//กูต้องแบกหม้อชาบูพี่ฟ้าไปอีกแล้วใช่ไหมไอ้เชี้ย! /// ผมนั่งคุยแชทไลน์กับเพื่อนๆ พอผมเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก่อนจะหันไปสะดุดที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ ตรงหัวมุม เขามองผมอยู่ก่อนจะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าเขายืนมองผมมาพักใหญ่แล้ว ใครกันน่ะ เขาคือใครอ่ะ จะให้ผมตามก็คงไม่ได้ มีทั้งเจ้าลูกโซ่และกระเป๋าเด็กอีก

“เด็กชายกีรติกรค่ะ “พี่พยาบาลเดินเข้ามาเรียกชื่อลูกชายผมและผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับเดินตามเขาเข้าไปทันที ผมยังหันกลับมามองหาผู้หญิงคนนั้นแต่ว่าไม่เจอแล้ว เขาเดินหายไปกับกลุ่มคนที่เดินทางเข้าออก หรือว่าผมเข้าใจผิดไปเองน่ะ จนกระทั่งผมเข้าไปนั่งในห้องพี่หมอภีม

“สวัสดีครับลูกโซ่” พี่หมอภีมปภพหันมาทักทายเจ้าลูกโซ่ก่อนจะผลักเก้าอี้เลื่อนออกมาอยู่ตรงหน้าและยื่นหน้าหล่อๆ มามองลูกโซ่แบบใกล้ชิด แต่แปลกน่ะ ที่อย่างนี้ไม่อยากจับจมูกเขา แต่วันก่อนกับพี่ธี ที่เป็นลูกเจ้าท่านประธานล่ะจับและบีบเขาติดมือเลยน่ะ

“เป็นไงบ้าง หกเดือนครึ้งแล้วซิ และนี่น้องเลี้ยงง่ายไหมบีม” พี่หมอภีมพูดก่อนจะหยิบเอาของเล่นมาให้เจ้าลูกโซ่ถือพร้อมกับฟังปอดลูกโซ่ไปด้วย

“ก็ยากบ้างง่ายบ้างอ่ะครับพี่หมอ เพราะว่าผมเองเป็นคุณแม่มือใหม่มาก “ผมบอกพี่หมอภีมปภพ

“ยังยากอีกเหรอครับ ขนาดว่ามือโปรไปดูแลทุกวันขนาดนี้” พี่หมอภีมปภพพูดปนหัวเราะ

“พี่หมายถึงพี่กันนะเหรอครับ” ”

“ก็ใช่ซิครับ จะเป็นใครไปไม่ได้ “พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะลงบันทึกในสมุดให้เจ้าลูกโซ่ พี่หมอภีมเงยหน้ามองผม ผมก็ยิ้มให้

“ทำไมไม่ใจอ่อนให้กันมันสักทีล่ะ บีม มันก็อยากมีลูก แต่แค่มีไม่ได้ และกันมันก็เป็นคนดีน่ะ พี่ยืนยันได้” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะหันไปพยักหน้าบอกพยายาบาลให้เตรียมยาฉีดให้ลูกโซ่

“คุณหมอคะ เดี๋ยวไปเอาวัคซีนที่เบิกเอาไว้ที่ห้องยาก่อนนะคะ “พี่พยาบาลหันมาบอกพี่หมอภีมปภพก่อนจะเดินออกไป

“พี่หมอคิดว่าผมควรจะให้พี่กันทำหน้าที่ที่พี่เขาไม่ได้ทำเหรอครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ พี่เขาหันมามองหน้าผมเหมือนจะไม่เข้าที่ผมพูด

“ก็ถ้า เขาดีพอสำหรับหน้าที่นี้ “พี่หมอภีมปภพพูด

“แต่ผมไม่ได้คิดแบบนั้นน่ะซิครับ ผมควรจะเก็บกันไว้แค่เพราะว่าเขาทำหน้าที่พ่อที่ดีได้เหรอครับ มันดูจะเห็นแก่ตัวไปหน่อยไหมอ่ะครับพี่หมอ และมันจะปิดโอกาสที่ดีของพี่กันไหมครับ เพราะอาจจะมีคนที่รักพี่กันมากกว่าผมก็ได้น่ะครับ” ผมพูด พี่หมอภีมมองหน้าผม พี่เขาแอบกลืนน้ำลายลงคอด้วย

“ถามว่าผมเคยคิดว่าเขาคือพ่อที่ดีของลูกไหม ผมคิดครับแต่ จนกระทั่งผมได้เจอกับบางสิ่ง” ผมพูดขึ้น

“ผมเลยไม่คิดว่าผมควรจะทำอย่างนั้น มันคือการเห็นแก่ตัวที่สุด” ผมพูด

“บีมพูดเรื่องอะไรครับ” พี่หมอภีมถามผม

“เสื้อเชิ้ตที่พี่กันไปเปลี่ยนที่ห้องพี่วันที่ลูกโซ่อึรดนะครับ เสื้อเชิ้ตตัวนั้นผมซื้อให้พี่กันผมจำแบบและแบรนด์เนมได้ ผมซื้อให้เป็นของขวัญ และพี่กันก็ใส่มันมาวันเลี้ยงส่งอาจารย์ในคณะที่เกษียณอายุ และคืนนั้นผมเองก็ต้องอยู่ช่วยเพื่อนๆ พี่กันขอกลับก่อนเพราะว่ามีนัด”

“และผมก็บังเอิญเดินออกมาโทรศัพท์ ผมเห็นรถที่มารับพี่กันไป รถเก๋งคันนัน ผมเดาได้ว่าคือรถพี่หมอ ผมเคยเห็นรถพี่หมอตอนที่ไปเที่ยวที่บ้านพี่หมอไงครับ

“และผมก็ไม่เห็นพี่กันใส่เสื้อตัวนั้นอีกเลย จนกระทั่ง วันนั่นแหละครับ นั้นแปลว่าพี่กันมาค้างกับพี่หมอถูกต้องไหมครับ” พี่หมอภีมปภพมองหน้าผม ผมสังเกตการณ์ลงปากกาซ้ำๆ ที่จุดเดียวกัน

“และนั้นทำให้ผมบอกกับพี่กันว่า ผมอยากจะตามหาพ่อเจ้าลูกโซ่แต่ความจริงผมไม่รู้หรอกว่าผมจะตามเจอไหมเพราะตอนนี้ผมคิดว่าผมดูแลเขาได้ด้วยตัวผมเอง”

“ส่วนพี่กันผมเองก็ไม่อยากกักเขาเอาไว้ต่อให้เขาทำดีกับผมมากแค่ไหน แต่ถ้าเขามีคนที่รักเขามากกว่าผม ผมยินดีที่จะให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า"

“และผมก็รู้ว่าพี่รักพี่กัน ผมดูจากที่พี่รู้ทุกอย่างของพี่กัน มันไม่ใช่แค่ว่าเพื่อนสนิท มันน่าจะมากกว่านั้นถูกต้องไหมครับ”

“เออ บีม” พี่หมอภีมปภพทำท่าอึกอักที่จะพูด

“ผมไม่รู้ว่าเรื่องระหว่างพี่กับพี่กันมันเริ่มมาตั้งแต่ตอนไหน แต่ผมเดาว่าพี่ยังไม่อยากให้มันจบแบบนี้ถูกต้องไหมครับ”

“พี่กับพี่กันเป็นแฟนกันมาก่อนครับ คบกันหลายปี” พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม

“และพี่เองที่ทำให้กันมันถูกป๊ามันจับแต่งงาน พี่คบกับพี่กันตั้งแต่กำลังเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน แต่พี่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมปลายแล้วน่ะ “พี่หมอภีมปภพบอกผม มุมปากที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ

“ป๊าของกันไม่ชอบความารักแบบนี้ และพี่ก็ทำอะไรไม่ได้” พี่กันพูดขึ้นด้วยแววตาที่รู้สึกผิดที่เขาเองก็อาจจะมีส่วนผิดเช่นกัน

“เจ็บมากไหมครับพี่หมอ” ผมถามพี่หมอ

“เจ็บครับ ห้าปีที่ทนน่ะเจ็บมาก แต่พอกันเขาหย่ากับภรรยาเขาได้ และแทนที่พี่กับกันควรจะได้กลับมาคบกัน แต่กลับเป็นพี่เองที่ทำผิดจนกันเขาไม่ยอมกลับมาหาพี่”

“พี่ไปมีอะไรกับผู้หญิงครับ และกันมันก็ไม่ขอกลับมาหาพี่อย่างคนรักอีก” พี่หมอภีมปภพพูด

“เป็นผมก็คงทำใจลำบากล่ะครับพี่หมอ” ผมพูด และจังหวะนั้น พี่พยาบาลเดินเข้ามาพอดี และพี่หมอภีมปภพก็หันไปหยิบหลอนฉีดยามาส่งให้พี่หมอถือไว้

“แหง๋ๆๆ” ผมก็ก้มลงมอง เขายังไม่ฉีดเลย แค่หยิบมาดู

“อืมมม” ทำนิ้วว่าไม่เอาด้วย

“ไม่เจ็บครับ ลุงหมอฉีดเบาๆ ครับ” พี่หมอภีมปภพูดก่อนจะหันมาและผมก็ยึดล๊อกตัวเจ้าลูกโซ่ที่ดิ้นกระจุยกระจาย จนเอาไม่อยู่ และพี่พยาบาลต้องเข้ามาช่วยผมยืดแทน ตัวแค่นี้ดิ้นแข็งแรงมาก จนผมยืดไม่อยู่ และทันทีเข็มจิ้มลงไปผมก็หลับตาปี๋เช่นกันใครจะทนดูอยู่ได้ ส่วนเจ้าลูกโซ่นี้ก็กรี้ดเต็มเสียง

“เดี๋ยวลุงหมอปิดพาสเตอร์ให้น่ะครับ ไม่เจ็บแล้วลูก” พี่หมอภีมปภพบอกเจ้าลูกโซ่ ที่นั่งปากล่างจะครอบปากบนอยู่แล้ว นี้แปลว่างอนอยู่เหลือกตาขึ้นมองลุงหมออีก พี่หมอภีมพยายามเล่นด้วยเพื่อไถ่โทษ แต่เจ้าลูกโซ่ก็หมุนตัวหนี ไม่ยอม ผมนึกแปลกใจยังไม่หนึ่งขวบเลยน่ะรู้จักงอนแล้ว

“แต่ถ้ากันเขาเลือกเรา พี่ยินดีน่ะ พี่ดีใจด้วย “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะลุกขึ้น เพราะว่าผมก็ต้องกลับกันแล้วเช่นกัน ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้น พี่หมอภีมลุกขึ้นมาหยิบก็หยิบกระเป๋าเพื่อจะเดินออกไปส่งผม

“พี่ขอโทษนะครับ ที่พี่ไม่ได้บอกทั้งหมดวันที่พี่บอกว่าไอ้กันมันเคยแต่งงาน “ผมหันมายิ้มให้พี่หมอภีม

“พี่ไม่ได้คุยกับกันเขามาพักใหญ่แล้ว มีคุยบ้างเวลาที่กันพาแม่เขามาหาหมอ แต่น้อยมาก และพี่กลับมาคุยกับกันอีกครั้ง ก็ตอนที่เขามาขอให้ พี่ดูแลเราและลูก นี้แหละพี่คุยกับเขาบ่อยขึ้น”

“พี่เคยแอบคิดเข้าข้างตัวเองน่ะพี่อาจจะได้เขากลับคืน แต่มันก็แค่คิด เพราะเขาเลือกเรา “พี่หมอภีมปภพพูด ก่อนจะใช้นิ้วมือแตะที่ปลายจมูกโด่งรั้นของเจ้าลูกโซ่

“แต่อย่างน้อยก็ทำให้พี่รู้ว่ากันยังไม่ได้ตัดพี่ออกไปซะทีเดียว ยังคงอยู่แม้จะในฐานะเพื่อน” พี่หมอภีมปภพพูด และจังหวะนันพี่กันตภณเดินเข้ามาพอดี

“ผมจะไม่บอกพี่กันว่าพี่หมอบอกผมทุกอย่างแล้วโอเคนะครับ” ผมหันไปบอกพี่หมอภีมปภพ

“ขอบคุณครับ” พี่หมอภีมปภพพูด และหันไปมองหนุ่มใหญ่ คือพี่กันตภณ สีหน้าและแววตาที่ถูกปรับให้พยายามมองอย่างคนที่ไม่ได้คิดอะไรเกินเพื่อนกับพี่กันของหมอภีมปภพ มันทำให้ผมรู้สึกปวดใจแทนยังไงก็ไม่รู้

“ไอ้กัน ม๊ามึงมากับเจ๊หงส์น่ะ มาเพราะว่าจำวันนัดผิด” พี่หมอภีมปภพบอกพี่กันตภณ

“จริงดิ กูไม่ได้เปิดเครื่องเลยว่ะ เจ๊หงส์เลยไม่ได้โทรบอกกู “พี่กันตภณพูด ก่อนจะแบมือไปรับกระเป๋าใส่ของใช้เด็กไปสะพายให้ผม ผมเห็นสายตาพี่หมอภีมปภพมองพี่กันแล้ว ผมก็ไม่อยากให้พี่กันตภณถือให้เลย แต่ถ้าทำแบบนั้น พี่กันจะรู้ว่าผมรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว และพี่หมอภีมปภพกับพี่กันอาจจะมองหน้ากันไม่ติดรวมถึงผมอีกคน ผมเลยต้องทำให้เหมือนทุกอย่างเป็นปกติที่สุด

“พี่ไปส่งเราที่คอนโดก่อนและเราค่อยไปโรงเรียนกันนะครับบีม” พี่กันตภณบอกผม ผมหันไปมองพี่หมอภีมปภพ

“พี่หมอครับ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยากทานอาหารปั่นแล้วอ่ะครับ” ผมถามพี่หมอภีมปภพ

“ฟันน่าจะขึ้นน่ะบีม ลองไปศึกษาเกี่ยวกับ Baby Led Weaning ดูน่ะคือการฝึกให้เด็กน้อยลองใช้มือหยิบอาหารทานเองดู เลือกแบบอาหารนุ่มๆ เคี้ยวง่ายๆ ทานเอง บางทีเขาอาจจะเบื่ออาหารเหลวนะครับบีม” พี่หมอบอกผม

“ลองไปศึกษาดูก่อน ถ้าไม่เข้าใจ กลับมาหาพี่น่ะพี่จะให้คุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้แนะนำอีกที “พี่หมอภีมปภพพูด

“ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนพี่กันพาผมมาทีน่ะครับ “ผมหันไปมองพี่กันตภณ พี่เขาก็พยักหน้า

“งั้นให้กันโทรมานัดแล้วกัน “พี่หมอภีมปภพพูดก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าห้องตรวจไป และผมก็พยักหน้ากับพี่กันตภณ ว่าผมจะต้องเอาเจ้าลูกโซ่ไปส่งแล้ว และคงต้องป้อนยาก่อนไปทำงาน เพื่อนๆ ผมน่ะมือใหม่เดี๋ยวจะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถ้าลูกโซ่มีไข้ขึ้นมาเดี๋ยวจะทำอะไรกันไม่ถูก

******
Part’ t เธียรวิชย์ เป็นอีกวันที่ผมมาเป็นผู้บริหารฝึกหัด ฟังแล้วเจ็บชะมัดเลย ป๊าน่ะป๊า ผมกำลังเดินเข้าในอาคาร นักเรียนน่าจะเข้าห้องเรียนกันหมดแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องด่วนผมเข้าสายได้ถึงเก้าโมงเช้าแต่ว่าวันนี้ผมไปกับป๊าและม๊า ไปที่โรงเรียนอีกสาขาวันนี้เขามีนิทรรศการและผมก็รีบกลับมาก่อนป๊ากับม๊าบอกจะไปหาอาม่าก่อนถึงจะมาที่นี้ ก็วันนี้มีนัดประชุมแค่คนวงในของผมเรื่องเกี่ยวกับหุ้นส่วน
ผมเดินไปหยุดและหันไปมอง แผนกเด็กเล็ก ทำไมผมถึงได้คิดถึงใบหน้าเด็กน้อยคนนั้นหนักน่ะ ผมเลือกเดินไปที่แผนกเนอสเซอรี่ เดินไปหยุดที่ห้องBaby room ผมกำลังจะหมุนลูกบิดประตูเข้าไป

“อุ้ย! ขอโทษค่ะ คุณผู้บริหาร” ครูคนเมื่อวานที่ผมเม้งแตกไปนั้นเอง

“สวัสดีครับ คุณสายฝน เรียกผมว่าเธียรวิชย์ก็ได้ครับ”

“สวัสดีค่ะ คุณเธียรวิชย์ ว่าแต่มามีอะไรหรือเปล่าคะ” คุณครูพี่เลี้ยงถามผม ผมก็เดินเข้าไปในห้องเด็ก ผมมองไปรอบๆ แต่ในห้องเด็กนี้ มีเปลเด็กเล็ก อุปกรณ์เสริมพัฒนาการเด็ก มีของเล่นที่เหมาะสมกับวัยและมีครูพี่เลี้ยงที่ผ่านการอบรมเป็นอย่างดีเกี่ยวกับการดูแลเด็กเล็ก มีพี่เลี้ยงดูแลเด็กสามคนต่อพี่เลี้ยงหนึ่งคน และนี้ก็มีเด็กเล็กสิบห้าคน ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นเด็กคนนั้น

“เออ คุณฝนครับ น้องที่ชื่อลูกโซ่นี้”

“วันนี้ไม่มาค่ะ คุณมี้เขาพาไปฉีดวัคซีนค่ะ”

“อ้อครับ “ผมพยักหน้า ผมก้มลงมองเวลาตอนนี้บ่ายโมงแล้ว ขึ้นไปบนห้องทำงานก่อน บ่ายโมงครึ้ง ถึงจะเข้าประชุม

“ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ และถ้ามีอันไหนไม่ปลอดภัยกับเด็กๆ นี้รายงานให้ผมทราบทันทีนะครับ “ผมบอกกับพี่เลี้ยงก่อนจะเดินออก ผมคิดถึงชื่อนี้ ลูกโซ่ ผมจำได้ว่าผมได้ยินกันต์ธีย์เขาพูดว่าลูกโซ่ของผม และก่อนที่ผมจะเดินผ่านห้องธุรการ ผมก็ยืนคิดก่อนจะเลือกเดินเข้าไป

“สวัสดีครับคุณปลายฟ้า” ผมทักผู้หญิงที่พยายามหันมามองผม เธอสวมซอร์ฟคอลาร์อยู่ นี้เธอเป็นหนักเลยเหรอ ที่โดนแพรวาตบไปเมื่อวาน

“สวัสดีค่ะ คุณเธียรวิชย์” เธอค่อยๆ หันมาหาผมช้าๆ ด้วยความยากลำบาก

“สวัสดีครับคุณปลายฟ้า นี้คุณเป็นหนักเลยเหรอครับ”

“หนักค่ะ หนักมากค่ะ”

“แล้วนี่ เออ กันต์ธีย์ไปไหนเหรอครับ “นี้แหละที่ผมตั้งใจมาหา

“เออ ไม่อยู่ค่ะ ลาครึ้งวันค่ะ แต่ป่านนี้ยังไม่มาเลยค่ะ”

“เขาลาป่วยเหรอครับ” ผมถามปลายฟ้า

“เห็นบอกว่าพาลูกไปฉีดวัคซีนนะคะ น้องเขาไม่โสดค่ะ แต่ปลายฟ้าน่ะโสดนะคะ” ผมก็ต้องถึงกับเกาหัว ไม่ได้ถามเลย ว่าคุณโสดไหม

“หมอนัดอีกไหมครับคุณปลายฟ้า”

“ไม่นัดค่ะ แต่จริงๆ ก็อยากให้นัดค่ะ เพื่อว่าคุณเธียรจะไปส่งค่ะ” ปลายฟ้าพูด

“ผมคงไปส่งเองไม่ได้หรอกครับ ถ้านัดอีกผมก็จะให้คนขับรถนั่นแหละครับพาไป เหมือนเมื่อวาน” ผมพูดก่อนจะเดินหันหลังออก น้องเขามีลูกแล้วจริงๆ เหรอ ไม่อยากเชื่อเลย ผมก็ลืมถามเลย แต่ไม่ถามดีกว่าเพราะดูแล้ว ปลายฟ้าอะไรนี้ไม่รู้อะไรสักอย่าง

“อาเธียร” ผมหันมาเจอโกวหงส์ (น้าผู้หญิง นางสาวของพ่อผมแต่เป็นพี่สาวของอากัน)

“สวัสดีครับโกว “ผมยกมือไหว้โกวหงส์ โกวหงส์มากับลูกสาวคนโต รุ่นเดียวกับแพรวา แต่นางกลับไม่ค่อยสุงสิงกับแพรวาด้วยทั้งที่วัยเดียวกัน เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันช่างแปลกมาก มาหามาเล่นที่บ้าน เหมยไม่ยอมเข้าใกล้เลยหรือพูดคุยด้วยเลย แต่แพรวาก็ไม่ทำเช่นนั้นเหมือนกัน

“สวัสดีค่ะเฮียเธียร” ดอกเหมยยกมือไหว้ผม

“สวัสดีคีค่ะเหมย เป็นไงบ้างเรียนจบแล้วซิ”

“ม๊าให้เหมยต่อโทเลยอ่ะ เฮีย”

“ก็ตอนนี้จะได้เรียนและอยู่ช่วยดูอาม่าด้วย ช่วงนี้ม๊าต้องช่วยพ่อเรานิเหมย และไหนจะต้องตามรับตามส่งอาหมวยเล็กอีกล่ะ หลิวน่ะ “โกวหงส์หันไปพูดกับเหมย

“อาม่าไม่ดีขึ้นเหรอครับโกว” ผมถามน้าผู้หญิง ระหว่างที่เดินขึ้นไปที่ห้องประชุมเล็ก

“ไม่เลยเธียร นี้อาม่าก็ถามหาแต่เธียร ว่าเลิกเรียนหรือยัง อาม่ายังจับได้ว่าเธียรน่ะยังเล็กอยู่เลย” ผมก็ต้องกุมขมับตัวเอง นี้ผมต้องแบ่งเวลาไปอยู่กับอาม่าบ้าง เพราะว่าอาม่าก็เลี้ยงดูผมมาตั้งแต่แบเบาะ

“แต่อาม่าน่ะ ไปเจอเด็กคนหนึ่งอ่ะเฮีย ที่โรงพยาบาลเพื่อนอากัน อาม่าบอกว่าหน้าเหมือนเฮียเลยอ่ะ และยังบอกอีกว่าเป็นลูกเฮียด้วย” อาเหมยพูด ผมหันมามองจริงดิ ทำไมช่วงนี้มีแต่คนทักผมว่าเรื่องมีลูกบ่อยน่ะ ผมว่ามันยังไงแล้วแหละ

“โกวครับ เดี๋ยวผมมาน่ะครับ ผมว่าจะไปดูเอกสารที่ห้องทำงานแป๊บหนึ่งครับ” ผมบอกโกวหงส์ โกวกับอาเหมยเดินเข้าไปนั่งในห้องประชุมที่เปิดแอร์ไว้รอแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและโทรหาเพื่อนผมไอ้พีชก่อนไอ้นี่งานมันไม่ค่อยมีอะไรมาก

//ว่าไงว่ะมึง// ไอ้พีชทักผม

//คืนนี้ไปที่ผับที่กูไปกลับมึงล่าสุดอ่ะ //ผมจะไปที่ผับนั้น เพื่อไปถามหาน้องคนนั้น เพื่อว่าเขาจะกลับไปทำงานที่นั่นอีก

//ไปทำไมว่ะ//

//ไปเถอะน่ะ และอย่าเสือกหลุดบอกแพรวาน่ะว่าจะไป กูจะไปทำธุระที่นั่น// ผมบอกไอ้พีช

//โทรบอกทุกคนด้วย//

//ทุกคนเลยเหรอ//

//ใช่แต่ยกเว้นแพรวา!! กูขอล่ะ// ผมพูดบอกคนปลายสายก่อนเดินเข้าไปในห้องทำงานผมกดวางสายลงทันที ผมเห็นมีเอกสารวางเอาไว้ พร้อมกับใบลาของกันต์ธีย์ ผมก็หยิบมาดู มันคือจดหมายลา เขาระบุว่าเขาต้องพาลูกไปฉีดวัคซีนจริงๆ ด้วย อะไรวะ ไม่น่าเชื่อเลยว่า น้องเขามีลูกมีเมียแล้ว ผมก็วางไว้ก่อน และหันมาเซนต์อันอื่นแทน (แอบเศร้าทำไมว่ะ น้องเขาเป็นผู้ชายไงไอ้เธียรผมเถียงกับตัวเองในใจ มีลูกมีเมียจะแปลกตรงไหนวะ)

TBC....

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12 เธียรวิชย์ออกตามหาคนในคืนนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 09-03-2021 18:28:29
ตามมมมมม
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12 เธียรวิชย์ออกตามหาคนในคืนนั้น
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-03-2021 18:37:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.1 ลูกโซ่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 09-03-2021 19:41:37
Part’ s กันตภณ ผมขับรถไปรับบีมที่โรงพยาบาลของหมอภีมปภพ บีมเขาพาเจ้าลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนตามนัดมาแต่แปลกที่หมอสายป่านกลับส่งให้หมอภีมปภพทำหน้าที่ฉีดให้แทน และนี้เจ้าลูกโซ่ก็เลยหงอยไปทันที ไม่ค่อยร่าเริงสงสัยจะปวดแขนและบีมก็ให้ทานยาลดไข้แก้ปวดก่อนจะออกมาเช่นกัน เห็นแล้วก็อดสงสารไม่ได้ แต่สิ่งที่ผิดปกติไปจากเดิมคือบีม รู้สึกว่าเขาเงียบไป ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหนื่อยหรือเปล่า

“บีม เป็นอะไรหรือเปล่า ดูเราเงียบๆ ไปน่ะ” ผมถามบีมขณะที่เลี้ยวรถเข้ามาจอดที่จอดรถสำหรับแขกที่มาติดต่อ อันที่จริงผมเอาไปจอดไว้ที่จอดสำหรับผู้บริหารก็ได้

“บีม” ผมเรียกบีมอีกครั้ง บีมหันมามองหน้าผม เขายิ้มจางๆ

“เป็นอะไรไปน่ะทำไมเงียบวันนี้” ผมถามบีม

“ไม่มีอะไรครับพี่กัน “บีมบอกผม

“บีม ดูเหนื่อยน่ะ วันนี้กลับพร้อมพี่เลยแล้วกันน่ะ “ผมบอกบีม

“ครับ” บีมพูดแค่นั้น ก่อนจะเปิดประตูออกไป

“หวัดดีครับอากัน” หลานชายผมอีกสามคน เดินตามหลังมา ผมหันไปยกมือรับไหว้ บีมก็หันไปยกมือไหว้ตามปกติ เพราะว่าทั้งสามคนแก่กว่าบีมหลายปีอยู่

“สวัสดีครับน้องบีม เป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหมครับ ที่ต้องดูแลไอ้ตี๋เล็กของพี่” ธันยิ่งคำถามแรกถามบีมทันที บีมหันไปยิ้มให้

“ไม่นี้ครับ แต่เมื่อวานบีมไม่ได้ช่วยอะไรคุณเธียรมากครับเพราะว่าบีมยุ่งมากเมื่อวาน” บีมพูด ผมหันมามองบีม มิน่าล่ะดูไม่ค่อยสดชื่นเลย

“วันนี้เลิกเร็วได้เลยน่ะ เพื่อว่าคืนนี้เจ้าตัวเล็กมีไข้น่ะบีม”

“ลูกเป็นไงบ้างบีม เห็นเราแฟกซ์ใบลาไปให้พี่น่ะ” ธี หลานชายคนโตของผมถามบีม

“ไม่เป็นไรแล้วครับ แต่ก็ร้องเอาเรื่องอยู่ตอนโดนฉีดยาอ่ะครับ พยาบาลต้องมาช่วยผมจับ “บีมพูด

“"แย่เลยเนอะเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวแบบนี้ " พี่ธีพูด ผมหันไปมองพี่ธี ก่อนจะหันมามองบีม ผมไม่ได้บอกความจริงกับทุก ว่าจริงๆ บีมน่ะคือแม่เลี้ยงเดี่ยวไม่ใช่พ่อเลี้ยงเดี่ยวอย่างที่ทุกคนเข้าใจกัน

“น่ารักไหมอ่ะอ่ะพี่ธี” ธามหันไปถามธี

“น่ารักน่ะ แต่ดุชะมัด บีมจมูกผมนี้ติดมือเลยน่ะอากัน” ธีหลานชายของผมพูดถึงเจ้าลูกโซ่ ผมเดาว่าธี น่าจะรักเด็กและคงอยากจะมีลูกทันทีทีแต่งงานเลย

“พี่กันครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” บีมพูดก่อนจะแยกตัวไปห้องทำงาน ผมเห็นเขาเงียบๆ แบบนี้แล้วก็อดเป็นกังวลใจไม่ได้

“ป๊ามาถึงแล้วครับ อาเหมยส่งข้อความมาบอกผมแล้วครับอากัน” ธันหันมาบอกผม ว่าพี่ชายคนโตของผมมาถึงแล้ว

“เดี๋ยวอาตามขึ้นไปน่ะ “ผมบอกหลานๆ ของผม ผมว่าจะอะไรบีมสักอย่างแต่พอ ผมเปิดประตูเข้าไป

“ทำไมเพิ่งจะมาเนี๊ยะ ยังฝึกงานแท้ๆ รู้จักเวล้ำเวลาหน่อยน่ะ ทำงานอะไรแบบนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณเขาเลือกให้ไปเป็นเลขาคุณเธียรได้ยังไง ใครฝากมาล่ะ ถึงได้ทำงานเช้าชามเย็นชามแบบนี้ “ผมได้ยินเสียงผู้หญิงที่ต่อว่าใครสักคน และผมก็คิดว่าเป็นบีม

“นี้คีย์ข้อมูลลงไปให้หมดเลยน่ะ ไม่หมดก็ไม่ต้องกลับ” ผมถึงกลับยืนผ่อนลมหายใจเข้าออกก่อนจะ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ผมเคาะกระจกที่กันไว้

“มีอะไรให้ช่วยค่ะ” น้ำเสียงที่แตกต่างจากเมื่อสักครู

“คุณชื่ออะไร” ผมถามเธอ เธอหันไปมองบีมก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ปลายฟ้าค่ะ เป็นหัวหน้าธุรการที่นี้ค่ะ”

“ที่นี้ยังไม่มีหัวหน้าธุรการไม่ใช่เหรอครับ เพราะว่าพี่ชายผมคุณเกริกน่ะครับ เขาบอกว่ายังไม่ได้แต่งตั้งแต่รอดูว่าใครจะผ่านโปรและไม่ผ่านโปร “ผมถามคนที่ยืนมองหน้าเธออยู่ที่ด้าน เธอชักสีหน้าด้วยความแปลกใจแปลกใจแต่บีมไม่กล้าเงยหน้ามองผม

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกน่ะ ผมนี้แหละน้องชายคุณเกริก” ผมพูดก่อนจะยื่นบัตรที่แสดงตัวว่าผมก็เหมือนบอร์ดผู้บริหารเหมือนกัน คนที่ยืนอยู่รับไปดูก่อนจะทำสีหน้าตกใจ

“สวัสดีค่ะคุณกันตภณ แม้ปลายฟ้าตาไม่ถึง ว่าแต่คุณกันตภณมีธุระอะไรเหรอคะ”

“ผมไม่ได้มีธุระกับคุณ แต่อีกสักครู่คุณคงได้มีธุรกับคุณเกริกแทน และผมจะบอกให้ว่า บีมเขาน่ะพาลูกไปฉีดยา เขาได้ส่งใบลาให้กับพี่ชายผมแล้ว และคุณก็ไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ใครแบบที่คุณทำเมื่อสักครู่ คุณปลายฟ้า เพราะว่าคุณยังไม่ใช่หัวหน้า" ผมพูด

“เออ ปลายฟ้าไม่ได้”

“ผมได้ยินทุกคำพูด คุณไม่ใช่หัวหน้าที่จะมาสั่งว่าเขาต้องคีย์ข้อมูลให้เสร็จ ไม่เสร็จไม่ต้องกลับ คุณไม่ควรจะพูด เพราะว่าคุณก็คือพนักงานคนหนึ่งเช่นกัน”

“และงานพวกนี้ คุณควรจะนั่งทำก่อนที่น้องเขาจะมาบ้างไม่ใช่นั่งนิ่งๆ ส่องกระจกไปวัน วัน คุณปลายฟ้า”

“แต่”

“คุณรอคุยกับคุณเกริกแล้วกัน” ผมพูดแค่นั้น ก่อนนะหันไปมองบีม

“และถ้าผมยังได้ยินคุณพูดจาไม่ดีกับบีม คุณเตรียมเก็บข้าวของของคุณได้เลย ผมจะเชิญออก” ผมพูดก่อนจะเดินออกไปทันทีเช่นกัน

“พี่กัน” บีมวิ่งตามผมออกมาทันที เขาไม่เคยเห็นผมแสดงอาการไม่พอใจใครขนาดนี้

“พี่กัน ไม่เอาน่ะ และผมก็ผิด ผมลาแค่ครึ้งวันแต่นี้ผมมาช้าไปด้วย พี่เขาก็คงเหนื่อยนะครับ พี่กัน” บีมพยายามพูดขอร้องผม

“บีมได้ยินที่เขาว่าเราไหม ทั้งที่เขาไม่ได้วิเศษวิโสไปกว่าเราเลย และที่พี่ชายพี่ให้พี่หาเรามาทำงานเพราะว่านางทำงานไม่เป็น แต่คนรู้จักเขาฝากมาเฉยๆ “ผมหันมาพูดกับบีม

“พี่จัดการเองนะบีม และถ้าเขาว่าอะไรบีมอีกบอกพี่” ผมพูดและเดินขึ้นไปทันทีเช่นกัน ผมตรงไปที่ห้องประชุมเล็ก ห้องที่ใช้ประชุมสำหรับครอบครัว ผมเปิดประตูเข้าไป ผมเป็นคนสุดท้ายพอดี ผมนั่งลงข้างพี่เกริก

“สวัสดีครับเฮีย สวัสดีครับอาซ้อ” ผมหันไปยกมือไหว้เฮียเกริกและพี่สะใภ้ของผม

“สวัสดีครับเจ๊หงส์”

“เป็นอะไรไปน่ะกัน ทำไมหน้าเหมือนใครทำอะไรให้เราโกรธ” พี่เกริกเอ่ยถามผมทันทีที่หันมาเห็นหน้าผมเข้า ผมหันมามองพี่เกริกเช่นกัน

“ผมจะคุยกับเฮียหลังจากประชุมแล้วกันน่ะ เกี่ยวกับพนักงานที่ทำงานกับบีม ลูกศิษย์ของผม ที่ผมเอามาฝากกับเฮียน่ะ” ผมหันมาบอกพี่ชายคนโตของผม

“เรื่องปลายฟ้าอีกแล้วเหรอกัน”

“พี่รู้” ผมขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจ

“เมื่อสักครู่ไอ้เธียรมันเพิ่งบอกพี่เองว่า ชอบว่าเด็กของเราน่ะ เธียรมันได้ยิน พูดจาไม่ค่อยดี คือประมาณว่าพูดให้ตัวเองดูดี ทั้งที่ตัวเองทำงานไม่เป็นเลย นี้ไอ้เจ้าเธียรต้องโทรไปสั่งเครื่องดื่มจากคาเฟ่ใกล้ๆ ให้มาส่งแทน เพราะว่าบีมเขาลาครึ้งวันและเธอก็ไม่รู้ว่าต้องมีของว่าง” พี่เกริกพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อมระอา

“เมื่อวานมีประชุมกับอาจารย์ บีมเขายังรู้เลยและเตรียมกาแฟและของว่างเอาไว้ให้เลยโดยไม่ต้องบอก” พี่เกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า" บีมน่ะ เขาขอไปฝึกงานตั้งแต่ปีสามเทอมสองแล้วครับเฮีย เขาเลยพอจะรู้งานมาบ้างนะ"ผมบอกพี่เกริก

“พี่ว่าจะคุยกับคนที่ฝากงานมา เขาเป็นเพื่อนรักกับอาซ้อเราด้วย เขาทำงานไม่ค่อยเป็นพี่ไม่ว่าหรอก คนเราเรียนรู้กันได้แต่เรื่องเดียวที่พี่มองข้ามไม่ได้คือกับเพื่อนร่วมงาน” พี่เกริกหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ไอ้เจ้าเธียรเดินเข้ามาและมานั่งข้างๆ ผมพอดี

“อาหวัดดีครับ” เธียรยกมือไหว้ผม ผมหันไปรับไหว้

“เอาล่ะในเมื่อมากันครบแล้วก็ขอเริ่มประชุมเลยน่ะ ก่อนอื่นขอพูดเรื่องที่ให้เธียรวิชย์ มาทำหน้าที่ผู้บริหารก่อนแต่ยังอยู่ในช่วงทดลองงาน”

“เฮีย มีอย่างนี้ด้วยเหรอ ไหน ไหนก็ให้ลูกทำแล้ว มาอยู่ช่วงทดลองงานได้ยังไงล่ะเฮีย” เจ๊หงส์รีบถามพี่เกริกทันที ผมหันมามองหน้าไอ้หลานชายของผม ผมก้มลงมองบัตรที่เธียรวิชย์ห้อยคอไว้เหมือนเช่นคนอื่นๆ

“เวลาเดินผ่านคุณครูนี้ผมอายเขามากเลยอา และพอใครมาติดต่อเขาก็ก้มลงมองบัตรผมทุกคน ผู้บริหารฝึกงานน่ะอา “ไอ้เจ้าเธียรวิชย์บ่นให้ผมฟังทันที

“ก็มันยังไม่เคยทำให้ฉันที่เป็นป๊าของมันเองไว้ใจ ดังนั้น ถ้ามันบริหารไม่ดี ก็ไม่ผ่านและถ้ามันทำให้ทุกอย่างเละเทะล่ะก็ ฉันจะยกคืนให้กันมันไปแทน” ผมหันไปมองพี่ชายคนโตของผม ก่อนจะหันมามองหลายชายตัวดีของผม พี่ชายผมคงอยากให้เธียรวิชย์เปลี่ยนแปลงตัวเองแต่ผมรู้ว่าทำไม

“ทำไมล่ะเธียร นี้มันเป็นมรดกมาจากกาก๋งเลยน่ะเธียร” ผมหันมาถามหลายชายของผม

“อาก็รู้ว่าผมไม่ได้ชอบสายบริหารตั้งแต่แรกแล้ว” เธียรวิชย์พูดกับผม ผมพยักหน้าว่าผมรู้

“มีอะไรก็ปรึกษาอาซิและนี้คือมรดกตกทอดมาจากรุ่นสู่รู่น และเพื่อว่าเรามีลูกมีหลาย จะได้สานต่อได้ “ผมหันมาพูดกับเธียรวิชย์

“และเรื่องหุ้น อันนี้ก็เหมือนกันเธียร ถ้ามึงดูแลที่มอบหมายให้ไปไม่ได้ หุ้นก็จะไม่ให้เช่นกัน” ผมหันมามองเธียรวิชย์ถึงกับกุมขมับตัวเอง

“เอาน่ะ ป๊าคงขู่ไปงั้นแหละ “เจ๊หงส์รีบหันมาปลอบหลานชายทันที

“อันนี้พูดจริง เพราะว่ามันทำตัวเหลวไหลมากกว่าคนอื่น สร้างปัญหามาก็เยอะแยะ ตามแก้ไม่หวัดไม่ไหว ดังนั้น ถ้าปีนี้ไม่ปรับปรุงตัวน่ะ ก็จะเหลือแต่ชื่อ ดูซิ จะมีผู้หญิงคนไหนมาเกาะอีกบ้าง “พี่ชายผมหันมาชี้นิ้วทางเธียรวิชย์ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องการประชุม ไปพูดถึงเรื่องอื่นๆ ต่อ

ตื้ดๆๆ โทรศัพท์ผมสั่น ผมก็หยิบขึ้นมาดู ข้อความจากบีม

//พี่กันผมต้องกลับบ้านก่อนครับ ลูกโซ่ตัวร้อนครับ ผมบอกพี่ปลายฟ้าไว้แล้วครับ // หลังจากที่ผมอ่านข้อความ ผมก็ยกมือขอตัวออกไปด้านนอกทันที ผมรีบกดโทรออกหาบีม

“บีมเกิดอะไรขึ้น”

“มะนาวโทรมาหาผม บอกว่าลูกโซ่มีไข้ครับพี่กัน ตอนนี้ผมนั่งรถแท็กซี่แล้วครับ”

“เดี๋ยวพี่เลิกประชุมแล้วพี่ไปหาน่ะ เพื่อว่าเป็นเยอะจะได้ไปโรงพยาบาล”

“ครับพี่กัน”

“มีอะไรโทรหาพี่ทันทีน่ะบีม” ผมพูด ก่อนจะเดินกลับเข้ามา เจ๊หงส์กับอาเหมย ออกไปแล้ว ผมกับเห็นปลายฟ้า ผู้หญิงที่ผมต่อว่าเขาเรื่องที่เขาพูดจาไม่ดีกับบีม พี่เกริกเรียกเขาขึ้นมาคุย

“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ น้องเขาวิ่งออกไปเลยค่ะ ไม่พูดไม่จากไม่บอกอะไรฟ้าเลยค่ะ” ผมเข้ามาได้ยินเข้าพอดีเลย

“อ้าวจริงเหรอ” พี่เกริกพูดก่อนจะหันมามองหน้าคนอื่น และผมก็เข้ามาอยู่ในช่วงนี้พอดี

“คุณหมายถึงกันต์ธีย์หรือเปล่าคุณปลายฟ้า” ผมถามปลายฟ้า เธอหันมามองหน้าผมก่อนจะฉีกยิ้มที่เหมือนจะสวย

“ใช่ค่ะ จะใครละคะ มาก็สาย เอาลูกมาอ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ค่ะ” ปลายฟ้าพูด

“ลูกเขามีไข้ครับคุณปลายฟ้า คุณน่าจะรู้จักเห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงานสักนิดน่ะคุณปลายฟ้า และเขาก็บอกกับผมว่า เขาบอกคุณไว้แล้ว ว่าเขาจะรีบกลับบ้านไปดูลูกเขาด่วน ทำไมคุณถึงได้โกหก เพื่อให้ตัวเองดูดีครับปลายฟ้า เพื่ออะไรครับ” ผมพูดตอกใส่หน้าเธอทันที ปลายฟ้าหันมามองผม

“อากัน” ธีรีบลุกขึ้นคว้าแขนผมเอาไว้ซะก่อน

“ไม่เคยเห็นอากันของขึ้นมาก่อนเลยว่ะ “เสียงกระซิบหลานๆ ผม ใช่ผมเป็นคนที่จัดการอารมณ์ตัวเองได้ค่อนข้างดีแต่ครั้งนี้ผมเกือบทนไม่ไหว

“จริงหรือเปล่าคุณปลายฟ้า”

“คือเออ หนูคงลืมบอกไปค่ะว่าน้องเขา”

“ผมก็ได้ยินเต็มสองรู้หูนะครับว่าคุณบอกว่าน้องเขาวิ่งออกไปเฉยๆ ไม่ได้บอกอะไรคุณ ลืมบอกกับตั้งใจไม่บอกนี้มันคนละเรื่องกันเลยนะครับคุณปลายฟ้า “ธามพูดขึ้นพร้อมกับช้อนตาขึ้นมองคนที่ยืนหน้าซีด

“ได้ยินผิดไปไหมค่ะ ท่านประธาน” ปลายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

“ไม่ผิดครับ ผมก็ได้ยินครับ คุณปลายฟ้า คุณไม่ได้พูดว่าน้องเขาบอกคุณเลย แต่ความจริงแล้ว น้องเขาบอกคุณก่อนจะไปถูกต้องไหมครับ” เธียรวิชย์พูด "และคุณกลับโกหกและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณพูดไม่ดีใส่น้องเขาน่ะครับ เพราะว่าคุณก็พูดให้ผมฟังตอนที่ผมลงไปถามหาน้องเขาด้วย ผมก็ไม่อยากทำงานร่วมกับคนใจแคบอย่างคุณน่ะ ปลายฟ้า" เธียรวิชย์ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยเขายังไม่ทนเลย และ ทุกคนหันมามองที่เธอกันหมดแม้กระทั่งอาซ้อแม่ของหลานๆ ผมก็เช่นกัน ผมรู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวของเพื่อนอาซ้อ พี่สะใภ้ผมเอง อาซ้อคงกระอักกระอ่วนใจพอสมควร ก่อนจะหันมาพยักหน้ากับพี่ชายผมว่าเอาตามที่พี่ชายผมเห็นสมควร

“ถ้าอย่างนั้นก็ นับแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณพ้นสภาพการเป็นเจ้าหน้าที่ธุรการที่นี้ เรื่องทำงานไม่เป็นผมยังพออภัยแต่เรื่องใส่ร้ายพนักงานด้วยกัน ผมรับไม่ได้ เชิญครับคุณปลายฟ้า”

“เดี๋ยวนะคะ จะไล่ปลายฟ้าออก ก็ได้นะคะคุณลุงคุณป้า แต่ต้องจ่ายค่าทำขวัญปลายฟ้ามาก่อนค่ะ”

“ค่าทำขวัญอะไรคุณ ทำขวัญที่เชิญพนักงานยอดแย่อย่างคุณออกเหรอครับ คิดได้ยังไง คุณคนสวยแต่ไร้สมอง” ธามหลานชายของผมพูดพร้อมกับเอียงคอมองผู้หญิงที่ยืนอยู่แต่อันนี้ทำให้ธันหันมาสะกิดและพยักพเยิดไปที่พี่เกริก

“ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นค่าทำขวัญที่เมื่อวาน แฟนคุณเธียรวิชย์ มาตบหน้าปลายฟ้าค่ะ ดูซิค่ะ บวมจนจะข้ามวันเลยค่ะ ห้าหมื่นบาทและทำให้ปลายฟ้าอับอายทุกคนในตึกที่ออกมายืนมองปลายฟ้ากันหมด และยังรู้สึกหวาดระแวงด้วยนะคะ” ปลายฟ้าพูด

“เฮ้ย!!!” เธียรวิชย์หลานชายผม ผมหันไปมองไม่ใช่แค่ผมทุกสายตาก็ว่าได้

“ไอ้เธียร!!”

“ไอ้เธียร ไหนมึงบอกว่าเมื่อวานเงียบมากไง” ธีหลานชายคนโตผมหันมาถามน้องชายคนเล็กทันที

“ไอ้เธียรวิชย์!!!” เฮียเกริกหันเรียกลูกชายคนเล็กอย่างเหลืออดเช่นกัน ผมว่างานนี้ คงยาวแน่ๆ ผมก็เลยลุกขึ้น

“เฮียเกริก ผมขอตัวนะ ผมมีธุระด่วน” ผมพูดก่อนจะลุกขึ้น ธุระด่วนที่ว่าคือผมต้องไปดูบีมกับลูกก่อน เธียรวิชย์ทำท่าจะถามอะไรผม แต่ผมยกมือเอาไว้ก่อน ผมรีบเดินลงและตรงไปที่ลานจอดรถทันที และรีบออกรถและตรงไปที่คอนโดของบีมทันที

*****

   Part’ s กันต์ธีย์ ผมรีบกลับบ้านทันที ที่มะนาวโทรไปหาผม ผมวิ่งลงมาเรียกรถแท็กซี่โดยยังไม่ได้โทรไปหาพี่กันตภร ผมไม่อยากให้พี่กันต้องทิ้งทุกอย่างและมากับผม เพราะว่าอันนี้ก็สำคัญกับพี่เขา ผมมาถึงก็เดินตรงไปที่ห้องนั่งเล่น ผมเห็นมะนาวกำลังอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ร้องงอแง ผมเห็นพี่ฟ้า พี่สาวของฟิล์มก็มาอยู่ที่นี้ด้วย

“ลูกโซ่” ผมรีบวางของทิ้งทุกอย่างตรงเข้าไปหาเจ้าตัววุ่นวายของผม ผมกอดเจ้าลูกโซ่

“ฮือๆๆ” ร้องไห้ใหญ่เลย ใจหายเลยครับผม

“ตัวร้อนเดี๋ยวให้น้องทานยาอีกรอบน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะใช้ผ้าขนหนูที่ชุบน้ำมาคอยเช็ดหน้าเช็ดตา และเช็ดตามรักแร้ ตามขาหนีบ เจ้าตัววุ่นวายก็ไม่ยอมให้เช็ด ผมก็อุ้มโอ๋เดินไปรอบห้องเลย ใจผมจะขาดที่เห็นลูกเป็นแบบนี้

“มะ มะ มะ “เจ้าวุ่นวายร้องไห้และจับหน้าผม ผมว่าเขาคงไม่สบายตัวเอามากๆ กอดผมและซบหน้ากับอกของผมตลอด

“พี่วัดไข้แล้วบีม น้องมีไข้ 38 น่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม

“เดี๋ยวให้น้องทานนูโรเฟ่นแล้วกันน่ะ เพราะว่าที่น้องมีไข้คงเพราะว่าปวดแขนน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม

“พี่ต้องไปรับลูกชายที่โรงเรียนแล้วน่ะ ถ้าน้องงอแงมากจนผิดปกติ พาไปโรงพยาบาลเลยน่ะบีม” พี่ฟ้าบอกผม ผมพยักหน้า ผมแอบน้ำตาไหล สงสารลูก มะนาวเดินไปหยิบขวดยามาอ่านและป้อนตามที่ระบุเอาไว้ข้างขวด และอีกอย่างเจ้าโซ่ป้อนยายากมากจริงๆ มักจะอาเจียนออกตลอด และพี่ฝนพยาบาลห้องเด็กแนะนำผมให้มีไซริงค์ที่ใส่น้ำไว้หนึ่งหลอดค่อยสลับหยอดกับยาไปด้วย

“ปึก” เสียงประตูเปิดเข้ามาโดยพี่กันตภณ ผมหันไปมอง พี่เขาเดินตรงมาหาเจ้าลูกโซ่ก่อนเลย มาถึงก็เอาหลังมืออังที่หน้าผากลูกโซ่

“ตัวร้อนน่ะบีม ได้วัดไข้หรือยัง” พี่กันตภรถามผม ผมปาดน้ำตาไปด้วยความสงสารลูก ผมพยักหน้าเบาๆ ผมเครียดมากเวลาลูกป่วย ผมกลัว

“บีมไปเตรียมยาน่ะ พี่อุ้มเองบีม” พี่กันคงเห็นว่าผมเริ่มมีความกังวลมากเกินไป ผมเลยต้องส่งเจ้าลูกโซ่ให้พี่กันตภณเอาไปอุ้มแทน ผมหันมามองเพื่อนๆ แต่ละคนก็ทำสีหน้าเครียดกันหมดที่เห็นเจ้าลูกโซ่ป่วยแบบนี้

“สงสารหลานว่ะ” เป็กซ์พูด ผมก็จัดการดูดยาจากขวดยาตามปริมาณที่เภสัชกรคำนวณมาให้ ก่อนจะหันไปมองเจ้าลูกโซ่ที่สะอึกสะอื้นน่าดู ผมเห็นพี่กันตภณอุ้มเจ้าโซ่ พยายามปลอบโยนด้วยความรัก แต่ความรู้สึกของผมนั้นผมเห็นภาพความรักที่เหมือนเจ้าโซ่คือหลานของพี่กันตภณมากกว่า

“ป้อนยานะครับ” ผมบอกพี่กันตภณ พี่เขาก็อุ้มลูกโซ่ในท่านอนให้หัวสูงขึ้นมา เพื่อว่าผมจะได้ป้อนยาใส่กระพุ้งแก้มนั้น ผมเองไม่อยากทำแบบนี้เลยแต่ผมต้องป้อน

“อืมมม” พอเห็นหลอดยานี้ส่ายหัวทันที ผมเห็นอาจารย์กันตภณมองเจ้าโซ่แอบยิ้มกริ่ม และผมก็ต้องค่อยป้อนลูกโซทีละนิด ละนิด โดยมีเพื่อนของผมหลอกล้อแม้จะไม่ค่อยสำเร็จรอบนี้ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี

“บีม พวกฉันลงไปซื้ออะไรมากินกันน่ะและพวกฉันจะอยู่เป็นเพื่อนแกเองคืนนี้น่ะ เพื่อว่ามีอะไรจะได้ช่วยๆ กัน” มะนาวบอกผมและเพื่อนก็พากันออกไป เหลือไว้แค่ผมกับพี่กันและเจ้าลูกโซ่ ที่งอมแงมเพราะว่าพิษไข้

“บีม พี่ชายพี่เขาเชิญปลายฟ้าออกแล้วน่ะ” พี่กันตภพบอกผม ผมเงยหน้ามอง

“พี่กันอ่ะ ทำไมทำแบบนี้ล่ะ และถ้าคนอื่นรู้ว่าเป็นเพราะผมเขาจะกล้ามาทำงานกับผมเหรอ”

“ก็เขาพูดจาไม่ดีกับเรา”

“ก็แค่คำพูดเองพี่กัน และมันก็มีทุกทีแหละ”

“ไม่ได้ครับ คนเราต้องให้เกียรติกันในการทำงาน ไม่ใช่มาก่อนข่มคนมาทีหลังและนี้คือการตัดสินใจของพี่ชายพี่ครับ เพราะว่าเธียรวิชย์เขาก็บอกกับพี่ชายพี่ว่าเขาก็ได้ยินปลายฟ้าพูดถึงเราไม่ดีเหมือนกัน เขาก็ไม่พอใจเช่นกัน เขาก็เลยบอกว่าไม่อยากทำงานร่วมกับปลายฟ้าเช่นกัน” ผมก็ต้องแปลกใจ แต่ทำไมมุมปากผมกลับกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน่ะ ที่ผมรู้สึกว่าเขาใส่ใจผมมากยังไงก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่อยากคิดไปเองแต่ว่า เธียรวิชย์ ชื่อที่เหมือนแต่นิสัยกับแตกต่างกันหน้ามือเป็นหลังมือ

TBC...........
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.1 ลูกโซ่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-03-2021 20:19:02
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.1 ลูกโซ่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-03-2021 20:30:05
 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.1 ลูกโซ่ป่วย
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 09-03-2021 21:42:05
 :mew1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.2 คำตอบของเธียรใกล้เข้ามาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 10-03-2021 10:25:17
   

          Part’ s เธียรวิชย์ ผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่าน้องที่ชื่อกันต์ธีย์ คือคนที่อากันฝากพ่อผมมาทำงานและอากันก็มาตามรับตามส่งอีกด้วย ผมไม่รู้แต่ผมรู้สึก มันบอกไม่ถูก วุ่นวายไปหมด เขาดูน่ารัก และด้วยความที่เขาเป็นมีระเบียบ เรียบร้อยเรียกว่าผู้หญิงบางคนก็ไม่เท่ากับเขา เช่นแพรวา ผมไม่ได้อยากเปรียบเทียบน่ะมันเป็นแบบนั้นจริงๆ


   ผมมาถึงที่ผับนี้ก่อนเวลา วันนี้ผมขอป๊ากับม๊ามา ผมตั้งใจจะมาสอบถามเกี่ยวกับน้องคนนั้น มันคางคาในใจผมมาก ตั้งแต่อยู่ที่อังกฤษ วันนั้น ผมไม่ได้หนีแต่ที่ผมต้องรีบกลับเพราะว่าผมมีสอบเก็บคะแนนจากศาสตราจารย์วิชาสำคัญของผมถ้าผมไม่ไป ผมต้องรอปีหน้าเลย

“ไอ้เธียร” ผมหันไปเห็นเพื่อนๆ ของผมเดินตรงมาหาผม มีพีช ไอ้ราเชน และไอ้ณัฐ พวกมันนั่งลงก่อนจะหันไปโบกมือเรียกคนมารับออเดอร์

“พวกมึงบอกแพรวากันไหมว่ะว่ากูมาที่นี้” ผมถามเพื่อนๆ ผม พวกมันสั่นหัวกันเป็นแถว

“แต่กูเดาว่าคงไม่ได้ออกมาว่ะ เพราะว่าป๊ากับม๊ากูไปคุยกับพ่อแม่แพรวาแล้ววันนี้”

“ว่าจะขอน้องเขาให้มึงเหรอว่ะ” ไอ้ราเชน ผมหันมาชูนิ้วกลาง

“ป๊ากับม๊าไปคุยเพราะว่าแพรวาน่ะตบธุรการที่ทำงานที่โรงเรียนพ่อกูและเขาดันทำให้พ่อกูไล่ออกอีกวันนี้ เขาก็ให้พ่อกูจ่ายค่าทำขวัญไปตั้งห้าหมื่นบาท ในฐานะที่แพรวามันลากไปตบที่หน้าห้องจนบรรดาครูนักเรียนแห่กันออกมาดู” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เซ็งสุดๆ และนี้อาจจะยิ่งทำให้พ่อไม่ไว้ใจอะไรเขาอีก

“แพรวานี้มันเอาแต่ใจ จนกูไม่อยากมีน้องสาวเลยน่ะ และดีที่พ่อแม่กูตัดสินใจ มีแค่กูคนเดียว” ไอ้ณัฐ ไอ้ไอโซ รูปหล่อ

“มึงเรียกผู้จัดการร้านมาคุยดิ กูจะถามเรื่องวันที่เคาท์ดาวน์ที่นี้น่ะ” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม พวกมันมองหน้าผมกันหมด

“กูมีบางสิ่งที่คาใจกูอยากรู้ว่าน้องคนนั้นน่ะคือใคร”

“น้องเขาชื่ออะไรล่ะ มึงจำได้ไหมล่ะเพราะว่ามึงเอาเขาครับ คุณเธียรวิชย์ครับ” ไอ้พีชมันถามผม ผมสั่นหัว

“ต้องถามไอ้ไปส์ว่ะ เพราะว่ามันนั่งจีบน้องเขาอยู่พักหนึ่งแล้วก่อนที่มึงกับแพรวาจะเข้ามาในผับอ่ะ” เรเชนพูด

“แล้วไอ้ไปส์มันไม่มาเหรอว่ะ” ผมถามพวกมัน

“ไม่รู้ว่า กูโทรติดต่อมันไม่ได้ว่ะ “พีชหันมาบอกผม ไอ้เวรเลย ผมก็รีบหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาทันทีแต่ว่าฝากข้อความตลอด ผมโทรออกอยู่สี่ห้าครั้ง แสดงว่ามันอาจจะไม่อยู่ที่ไทยอาจจะไปจีนกับพ่อแม่มันแน่ๆ

“มึงไปคุยกับผู้จัดการให้กูหน่อยดิไอ้เชน กูอยากรู้จริงๆว่ะ” ผมหันไปบอกราเชนเพื่อนผม

“มาสำนึกผิดเชี้ยอะไรตอนนี้ว่ะ ลำบากกูอีก” ไอ้ราเชนมันบ่นผมแต่มันก็เดินหายออกไป ผมก็นั่งคุยกัน ไม่นานเหล้าก็มาเสิร์ฟพร้อมกับเด็กชงเหล้าให้ ผมก็ไม่ได้หันไปสนใจ เพราะว่าผมพวกผมไม่ได้มาเพื่อสิ่งนี้ จนกระทั่งไอ้ราเชนมันกลับมาพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง มีป้ายบอกว่าเป็นผู้จัดการ ผมเงยหน้ามอง ก็ตกใจ เธอสวยจริงๆ เธอยิ้มให้เพื่อนผมทุกคน และแน่นอนเพื่อนผมนี้ตาวาวทันที จนเขามาหยุดที่ผม

“สวัสดีค่ะดิฉันนิน่าค่ะ เป็นผู้จัดการร้านนี้ค่ะ”

“สวัสดีครับ ผมเธียรวิชย์ครับ” ผมบอกผู้หญิงคนนั้น เธอยิ้มสวยมาก แต่ผมกลับไม่รู้สึกตื่นเต้นเหมือนเช่นทุกครั้ง เธอมองหน้าผมก่อนจะหันไปมองคนที่ไปพาเธอมา

“ขอเพื่อนผมคุยด้วยสักครูได้ไหมครับ” ราเชนมันชี้มาที่ผม ผมก็ชี้ตัวเอง และราเชนก็ขยิบตาให้ผม ผมก็หันไปยิ้มให้นิน่า เขาก็เดินมานั่งข้างๆ ผมทันที

“เห็นคุณราเชนบอกว่าคุณมีเรื่องจะสอบถามเกี่ยวกับผู้จัดการคนเก่าเหรอคะ”

“เออ ใช่ครับ คือว่า เมื่อตอนเคาท์ดาวน์ปีใหม่ปีที่แล้วน่ะครับ ผมมากับเพื่อนๆ ที่นี้นะครับและไอ้คนที่ไปตามมานะครับ” ผมพูดก่อนจะชี้ไปที่ไอ้ราเชน มันก็ชี้ตัวเองอีก

“เอาเงินให้ผู้จัดการร้านคนเก่า เพื่อพาเด็กมาชงเหล้าและมาดื่มด้วยกัน และเด็กคนนั้นน่าจะเป็นเด็กใหม่ เพราะว่าคออ่อน ดื่มไม่ค่อยเก่งและเขาก็ “ผมก็พูดก่อนจะหันไปมองเพื่อนเอาไงดีว่ะ

“น้องเขาขโมยของอันมีค่าเพื่อนผมไปครับ และของชิ้นนี้สำคัญมากครับ แหวนต้นตระกูล และแหวนวงพี่เขาจะเอาไว้หมั้นสาวนะครับ ถ้าไม่มีแหวนพ่อบอกห้ามแต่ง” ไอ้ณัฐมันพูดให้ผม ผมหันมามองหน้ามันอยากจะถีบมันจริงๆ แต่งเรื่องอะไรแบบนี้ว่ะ

“ตอนนี้มันเกิดอยากจะใช้หมั้นสาวนะครับ รบกวนขอข้อมูลให้ไอ้เพื่อนรักพี่ทีนะครับ มันอยากมีเมีย” ไอ้ราเชนช่วยผมมาก จนผมอยากจะหันมาแจกของสมน้ำหน้ามันจริงๆ

“จริงเหรอคะ แม้น่าสนใจนะคะ อยากมีโมเม้นโดนขอแต่งงานเหมือนกัน” เข้าทางคนที่นั่งข้างๆ ผมทันที

“ว่าแต่เรื่องเกิดวันที่เคาท์ดาวน์ปีใหม่นะคะ นิน่าต้องไปถามพี่คนเก่าๆ ให้นะคะ เพราะว่านิน่าก็เพิ่งจะมาได้ไม่กี่เดือนเองค่ะ พี่ผู้จัดการคนเก่าจู่ๆ ก็หายไป แต่คนที่นี้บอกว่าเขามีหนี้สินนอกระบบเยอะนะคะ” นิน่าหันมาบอกผม ผมแค่พยักหน้าคือไม่อยากรู้เรื่องอื่นอยากรู้เรื่องเด็กคนนั้ันเท่านั้น

“นิน่าจะช่วยนะคะ” ผมพยักหน้าและยิ้มให้ ก่อนที่นิน่าจะเดินออกไป

“กูเห็นเขายืนมองมึงนานแล้วไอ้เธียร และท่าทางเขาจะชอบมึง และที่สำคัญเขาคือผู้จัดการร้านด้วยว่ะ”

“แต่กู”

“เอาน่ะ จีบไว้” ไอ้ราเชนพูด ผมก็นั่งขนเหล้าเล่นไปเรื่อยเปื่อย ทำไมวันนี้รู้สึก หงุดหงิดยังไงก็ไม่รู้ ไม่อยากจะนั่งอยู่ตรงนี้เลย อยากจะกลับบ้านมากกว่ามันรู้สึกกระวนกระวายแปลก คือตั้งแต่ที่รู้ว่ากันต์ธีย์มีลูกมีเมียแล้ว และกันต์ธีย์คือเด็กที่อากันมาฝากอีก มันสบสนตีกันวุ่นวายไปหมด ตกลงหมอนี้ยังไงแน่ เป็นไบเหรอว่ะ จนกระทั่งคุณนิน่ามาถึงเขาก็มานั่งข้างผมทันที

“นิน่าไปถามมาให้แล้วนะคะ “นิน่าบอกผมก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“ขอบคุณครับ”

“อย่าเพิ่งค่ะ ขอแลกเป็นไลน์ได้ไหมคะ แล้วนิน่าจะบอกให้” ผมหันมามองหน้าเพื่อน แต่ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ไอ้ราเชนมันก็หยิบมือถือผมมาและเปิดเพื่อจะได้แลกไลน์กันไป จนนิน่าได้ไลน์ผมไปสมใจ พอเขาเข้าไปโปรไฟล์ของผม เขาก็เงยหน้าขึ้นมองผมพร้อมกับขมวดคิ้ว

“นี้คุณเป็นลูกชายมหาเศรษฐีเลยนะคะ”ดูจากกิริยาที่แสดงออกอย่างชัดเจน เพื่อนๆผมพยักพเยิดกันทุกคน ผมต้องเหลือกขึ้นบนก่อนจะหันมายิ้มให้เธอ

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ เพราะนั้นคือเงินครอบครัวผมครับ ไม่ใช่เงินของผมเองคนเดียว เออว่าแต่นิน่าจะบอกผมได้หรือยังล่ะครับ ผมอยากรู้ครับ” ผมหันมาบอกเธอ ให้เธอรีบบอกผมมาซะทีซิ

“ถ้าบอกแล้ว ชวนนิน่าไปทานข้าวด้วยได้ไหมคะ เพิ่มอีกอย่าง” ข้อต่อรองเริ่มเพิ่มมาเรื่อยๆ เลยน่ะ

“เออ คือผมยุ่งนะครับ”

“งั้นนิน่าก็ ไม่อยากบอกค่ะเพราะว่ามันเสียงมากที่จะโดนไล่ออกค่ะ” เธอพูดก่อนทำท่าจะเดินออกไป แต่ผมดึงแขนเธอไว้ เธอรีบเซถลามาหาผมทันที แถมกอดผมด้วย

“ขอโทษนะคะ นิน่าเสียหลักนะคะ”

“ครับ ไม่เป็นไร ผมจะชวนไปทานข้าวแล้วกันนะครับแต่รบกวนบอกผมที เรื่องนี้สำคัญกับผมจริงๆ ครับคุณนิน่า” ผมพูดจาอ้อนวอนกับเธอ

“ก็ได้ค่ะ บอกก็ได้ค่ะ ขอนั่งใกล้ๆ นะคะ” นิน่าพูด ผมพยักหน้าให้ นาทีนี้อะไรก็ต้องยอมว่ะ

“นิน่าพอรู้มาบ้างนะคะแต่นี้ไปถามคนด้านในมาให้ มีคนที่ทำงานในวันที่เคาท์ดาวน์ด้วยนะคะ เขาบอกนิน่ามาว่า ที่วันนั้นที่คุณบอกว่ามีคนชงเหล้าคนใหม่ เขาบอกไม่มีคนใหม่ค่ะ คนชงเหล้าหรือนั่งดิ้งนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กคนเดิมๆ แต่วันนั้นที่มีคนใหม่นะคะ เขาเป็นผู้จัดการร้านคนใหม่ค่ะ และมาเรียนงานกับพี่คนเก่า ก็คือพี่กฤษณ์ค่ะ คนที่เพิ่งหายไปไม่กี่เดือนนี้นะคะ” ผมหันไปมองนิน่าว่าแน่ใจแล้วเหรอว่าไม่มีเด็กใหม่มาชงเหล้าน่ะ

“จริงค่ะ ไม่มีคนใหม่”

“แล้วผู้จัดการคนใหม่คนนั้น คือใครชื่ออะไรรู้ไหมครับ” ผมถามนิน่า

“เขาลืมกันไปหมดแล้วค่ะ เพราะว่ามันนานแล้วและน้องเขาก็มาวันเดียวเองค่ะ ก็หายไปเลยไม่มาอีกและทุกคนก็ไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ เขาเลยไม่สามารถจะบอกกับนิน่าได้อีกค่ะ ทำไมเหรอคะ หรือว่าคุณชอบผู้ชายคะ “นิน่าพูดก่อนจะขยับเข้ามาแนบชิดเอาคางเกินไหล่ผม ผมก็หันไปมอง

“คุณทำแบบนี้เขาไม่ว่าเอาเหรอครับ”

“ก็นิน่าคือผู้จัดการร้านนี้ค่ะ “นิน่าพูด ผมก็หันไปมองหน้าเพื่อนผม ไม่เห็นจะได้อะไรเลย และจู่ๆ โทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น

//พี่เธียร!! พี่ให้ป๊ากับม๊าพี่มาบอกกับพ่อและแม่ของแพรวาแบบนี้ได้ยังไงแพรวาไม่ยอม!!! ตอนนี้พี่อยู่ไหนแพรวาจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้เลย” เสียงแพรวาแพดดังมาในมือถือของผม ผมหันมามองเพื่อนๆ

“แพรวา”

“พี่อยู่ไหน!!!”

“พี่จะกลับแล้วค่ะ พี่แค่มาคุยธุระแพรวา”

“แพรวาจะไปหาพี่เดี๋ยวนี้!!! “และแพรวาก็วางสายไป ผมก็หยิบมือถือมาดู แพรวาจะมาได้ยังไง และผมก็เห็นว่ามันโชว์โลเคชั่นได้ ใครตั้งว่ะนี้ ผมก็ลุกพรวดขึ้นมาทันที

“พวกมึงรอนี้น่ะ แพรวามาแล้วพากลับบ้านด้วย “ผมพูดและทุกคนก็ตกใจไม่แพ้กับผม

“ไอ้เชี้ยเธียร!! มึงทิ้งระเบิดให้พวกกูกู้เหรอไอ้สัส!!” เสียงพวกมันด่าผมทันที

“คุณเธียร คุณจะไปไหนคะ ไหนคุณบอกว่าถ้าฉันบอกสิ่งที่คุณต้องการแล้วคุณจ่ะ”

“ผม ต้องรีบไป แล้วผมจะโทรไปบอกน่ะว่าเมื่อไหร่ที่เราตกลงกันน่ะคุณผู้จัดการ บายครับ” ผมพูด เขาคงไม่รู้ว่าผมบันทึกการสนทนาของผมกับเขาเอาไว้ด้วย ไม่ได้แอมผมหรอกแม่คุณคนสวย!! ที่เมืองไทยผมไม่ทำเพราะว่าผู้หญิงไทยต้องการผูกมัดแต่ที่เมืองนอกเราเท่าเที่ยมกัน ผมทำเขามีความสุขเขาก็ทำให้ผมมีความสุข เซ็กส์เฟรนด์ ผมรีบวิ่งอ่าวออกจากมาผับทันที ผมรีบไปบอกเด็กฝากรถให้เอารถไปให้ผม เวรกรรมจริงๆ ผม นี้ป๊ากับม๊าไปคุยกันยังไงเนี๊ยะ! ที่แน่ๆ ไม่กล้ากลับบ้าน ไปนอนบ้านอาม่าดีกว่าคืนนี้

//ฮัลโหล //อากันตภณกดรับสายของผมทันทีเช่นกัน
//ว่าไงเธียร//
//อากัน ผมจะไปนอนบ้านอาม่าคืนนี้อ่ะ นี้ผมกำลังจะออกจากผับครับอา//
//ไปเที่ยวผับอีกแล้วเธียร นายเพิ่งจะโดนพ่อด่าไปไม่ใช่เหรอว่าอย่าเหลวไหลน่ะ//อากันถามผม
//พอดีผมออกมาทำธุระน่ะครับอา ผมมาคุยธุระกับเพื่อนจริงๆ ครับอาและผมกลับไปบ้านไม่ได้ แพรวาตามหาผมอีก ผมจะบ้าตายแล้วอา//
//ก็อยากหล่อช่วยไม่ได้//
//อาจะกลับบ้านแล้วเธียร //อากันตภณบอกผม
(บีมน้องลูกโซ่ไข้ลงแล้วใช่ไหมครับ และแน่ใจน่ะว่าอยู่ได้) ผมได้ยินเสียงอาคุยกับใครสักคน น้องลูกโซ่เหรอ จะใช้คนที่อยู่ที่โรงเรียนผมคนนั้นไหมน่ะ แต่ว่าบีมนี้ชื่อนี้คุ้นมากๆ
//อาผมไปที่บ้านเลยน่ะบ้านเลยนะครับ ผมกำลังจะขับรถออกไปครับ”
//โอเคเธียร// ผมก็กดวางสายของอากันตภณ ผมเข้าไปนั่งในรถ ผมรีบส่งข้อความหาไอ้ไปส์ก่อนเลย

// ไอ้ไปส์ ถ้าว่างโทรหากูด้วย กูมีเรื่องจะถามเกี่ยวกับเด็กที่ชงเหล้าวันเคาดาวน์ว่ะ // ผมส่งข้อความหาไอ้ไปส์ เพราะว่ามันน่าจะรู้เรื่องน้องคนนั้น ก็ตอนที่ผมคุยกับไปส์มัน มันบอกว่ามันกลับมาที่นี้อีกและมันก็เอาเงินอุดเพื่อว่าถ้าน้องเขามาถามหาผม โดยที่ผมเองก็ไม่ได้บอกให้มันทำ แต่ผมเข้าใจมันน่ะ มันคงไม่อยากให้น้องเขาเอาเรื่องผม มันรู้ว่าพ่อไม่เข้าข้างผมแน่ๆ แต่แปลกว่าทำไมน้องเขากลับไม่ตามหาผมเพื่อให้ผมมารับผิดชอบหรือเรียกร้องเงินจากผมเลย นี้ก็เงียบไปเฉยๆ อีก กลับต้องมาเป็นผมเองที่มาตามหาเขา

//ฮัลโหลม๊า//ผมโทรหาม๊าของผม
//เธียรเจอแพรวาหรือยัง//
// ผมคิดว่าเธอคงไปเจอเพื่อนๆ ผมแทนนะครับ เพราะว่าผมออกมาแล้วครับม๊า//
// ม๊า ผมไปค้างบ้านอาม่าน่ะ ม๊าไม่ต้องบอกเขาน่ะว่าผมไปนอนที่นั่นน่ะ ผมไม่อยากประสาทกินและพาให้นอนไม่หลับม๊า//
//ม๊าว่าจะโทรบอกว่า ป๊าจะส่งเราไปอบรมน่ะ เรื่องการบริหารงานระบบการศึกษาน่ะ ไปกับเฮีนธามเขาน่ะ พรุ่งนี้ //
//ไปกี่วันครับม๊า//
//สามวัน ม๊าแพ็คกระเป๋าให้และพรุ่งนี้เฮียธามไปรับล่ะที่บ้าอาม่าน่ะ//
//ครับม๊า เธียรรักม๊าน่ะ//
// ม๊าก็รักเธียร ดื้อกับป๊าให้น้อยลงหน่อยจะดีมากเธียร และแค่นี้น่ะเธียร // ม๊าบอกผม ก่อนจะวางสายไป ผมขับรถมาถึงบ้านอาม่าแล้วขณะที่ผมกำลังจะถึงหน้าประตูรั่วบ้านของอาม่าเ ผมเห็นรถเก๋งคันหรูของอากันตภณจอดอยู่โดยมีรถเก๋งอีกคันจอดต่ออยู่เช่นกัน แต่ผมเลือกที่จะขับผ่านไปเอารถเข้าบ้านก่อน ผมใช้รีโหมดทีมีกันทุกคน กดเปิดประตูรั่วบ้าน ผมออกมาจากรถ เห็นผมแหงนหน้าขึ้น ผมเห็นไฟในบ้านยังเปิดอยู่ อาม่าคงยังไม่นอน ผมเลือกเดินย้อนออกมาและเห็นว่าอากันคุยกับใครอยู่ ดูสีหน้าจากไฟสลัวๆ ที่ส่องมา สีหน้าอากันดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และอีกคนก็หน้าคุ้นๆ คุ้นตาผมมาก

“อ้าวเธียร” อากันหันเห็นผมเดินออกมาพอดี

“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้อากันและอีกคนผมไม่แน่ใจว่าเขาคือใครกันแต่ก็ยกมือไหว้เอาไว้ก่อน

“ไอ้เจ้าเธียรไง” อากันบอกคนที่ยืนอยู่ตรงข้าม เขาก็ทำท่าคิดก่อนจะ

“ลูกชายพี่เกริกคนเล็ก คนที่ ตอนที่กันไปรับที่เรียนพิเศษและกันไปรับสายเลยเวลาเลยทำให้โมโหหิวและยังงอแงจะกินพาสต้าด้วยใช่คนนั้นไหมล่ะ” ผมก็ขมวดคิ้ว พี่เขารู้ได้ไง ใช่เมื่อก่อนอากันต้องคอยตามรับตามส่งผมตอนไปเรียนพิเศษและเหตุการณ์นี้ก็ถูกต้องซะด้วย

“อืมม มันนี้แหละ ไอ้หลานเอาแต่ใจในตอนนั้นน่ะ” อากันพูดก่อนจะหันมามองผม

“โตเป็นหนุ่มแล้วน่ะเนี๊ยะ เห็นแบบนี้รู้สึกตัวเองแก่ไปเยอะเลยน่ะ” พี่เขาพูดปนหัวเราะ ก็แน่ล่ะ พี่เขารุ่นเดียวกับอาผมและอาผมก็อ่างจากผมตั้งสิบหกปี

“พี่ภีมไงเธียร ตอนนี้เป็นคุณหมอภีมปภพไปแล้ว “อากันบอกผม ผมพยักหน้า

“อ้อผมจำได้แล้วครับ ผมไม่เจอพี่นานมากเลยน่ะครับ “ผมพูดก่อนจะมองไปที่รถเก๋งของอากัน แต่แปลกน่ะทำไมไม่เข้าไปคุยกันในบ้าน

“แล้วนี่ทำไมมาหาอาม่าดึกจังล่ะเธียร อาม่านะเข้านอนแล้ว อาม่าเขาทานยา ยามันก็ทำให้อาม่าง่วงเลยต้องเข้านอนเร็วน่ะ “อากันบอกกับผม

“ผมมานอนนี้ครับอา”

“หนีสาวมาอีกแล้ว “อากันดักคอไว้ทันที

“เออ กัน ถ้าอย่างนั้น กลับก่อนน่ะ”

“อืมม กลับเถอะ “อากันบอกพี่ภีมปภพ ผมก็ยกมือไหว้ พี่เขากันมารับไหว้ผมก่อนจะหันมามองหน้าอากันเหมือนเขายังมีเรื่องค้างคาที่จะพูดกันอยู่

“เข้าบ้านไปก่อน อาจะเอารถเข้าไปเก็บน่ะเธียร “อากันบอกผม ผมก็พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปแต่ก็หันมามองพี่หมอ พี่หมอเขามองอากันแปลกๆ จะว่าไปตั้งแต่อากันแต่งงานกับอาหลิน ผมก็ไม่เห็นพี่เขามาหาอากันอีกเลย ส่วนผมน่ะ พอเข้ามหาวิทยาลัย เป็นหนุ่มเนื้อหอมมาก แทบไม่ได้เจออากัน อากันหย่ากับภรรยาตอนไหนผมเองยังไม่รู้เลย และยิ่งไปเรียนที่เมืองนอกผมก็มีแค่โทรคุยกับอาบ้างแค่นั้นเอง โทรมาปรึกษาเรื่องเรียนนี้แหละ

   ผมเดินเข้ามาก็เห็นอาม่าเดินออกมาจากห้องพัก อาม่าพักชั้นล่าง เพราะว่าอาม่าเดินขั้นเดินลงไม่ไหว แต่ห้องนอนอาม๊าพ่อผมทำให้อย่างดี สะดวกสบายมาก

“อาเธียร ลื้อมาทำไมดึกๆ ดื่นๆ ฮะ” อาม่าถามผม ผมตรงเข้าไปกอดอาม่า

“ไม่ต้องมากอดเลย ที่ดีดีไม่มา พอมีเรื่องล่ะ มาเชียวน่ะมึงน่ะ และนี้มึงมีเรื่องมาอีกแล้วซิ ไอ้เธียร “อาม่ารู้ทันเธียรตลอดเลย

“แล้วนี่มาคนเดียวเหรอ ลูกเมียไปไหนล่ะ” ผมถึงกับเงยหน้ามองอาม่า

“อาม่า ผมยังไม่มีเมีย”

“ซี้ซั้วต่างนะมึงน่ะ อาม่าเห็นอยู่ หน้าเหมือนมึงเลยไอ้สีเทียน และอาก๋งสอนว่าอย่าโกหก จำไม่ร่ายหรือไง ไอ้สีเทียน” อาม่าพูด เรียกชื่อเพี้ยนอีกต่างหากอาม่า

“อาม่า ผมชื่อเธียรวิชย์ไม่ใช่สีเทียน”

“เธียรวิชย์อั๋วตั้งเองทำไมจะไม่รู้ แปลว่านักปรารญ แต่มึงน่ะ ไม่ต่างอะไรกับสีเทียน ไม่ได้เรื่อง”

“อาม่าพอแล้วป๊าด่าทุกวันแล้ว นะอาม่านะ อย่าด่าเธียรเพิ่มเลยน่ะ” ผมกอดอ้อนอาม่า

“อาม่าล่ะเบื่อเราจริงๆ เล๊ย!! “อาม่าพูดก่อนจะถอนหายใจออกยาวๆ และอากันก็เข้ามาพอดีเลย

“อ้อนอะไรอาม่าอีกล่ะเธียร” อากันถามผมปนหัวเราะ

“ตกลงนี้มาทำไมเนี๊ยะฮะ” อาม่าถามผมอีก

“มันหนีสาวมานอนที่นี้ไงม๊า” อากันตอบแทนผม

“พี่โสน เดี๋ยวขึ้นไปจัดห้องรับแขกข้างบนให้หลานผมหน่อยนะครับพี่” อากันบอกกับคนรับใช้ในบ้าน

“ม๊า ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ” อากันถามอาม่า

“ก็ได้ยินเสียงเราคุยกับใครอ่ะ ใช่อาภีมหรือเปล่าอ่ะ ม๊าจำเสียงได้”

“เออ ไม่มีม๊า ผมไม่ได้คุยกับใครหรอกม๊าและภีมก็ ไม่ได้มา ภีมมันทำงานที่โรงพยาบาล ม๊าก็เจอไม่ใช่เหรอวันนี้น่ะ” อากันตอบอาม่าว่าไม่ได้คุยกับใครทั้งที่อากันยืนคุยกับพี่หมอภีมนี่น่ะ ผมหันไปมองอาหัน อากันส่ายหน้ากับผม

"ก็เจอไง เจอลูกไอ้เธียรด้วย " อาม่าบอกอากัน อากันถึงกับสะบัดหน้ามามองอาม่า ผมหันไปพยักพเยิดกับอากัน

"ม๊า ไอ้เธียรมันยังไม่มีครอบครัวเลยมันจะมีลูกได้ไงม๊า"อากันพูดและอาม๊าก็หันขวับไปทันที

"พวกลื้อนี้หาว่าอั๊วแก่แล้ว ซี้ซั้วเหรอ" อาม่าพูด พร้อมกับทำท่าหงุดหงิดด้วย

"โอเคม๊า มีก็มี " อากันยกมือขึ้น ก่อนที่อาม่าจะโมโหมากไปกว่านี้ ส่วนผมนี่หันไปมองอากันทำท่าจะค้านแต่ อาทำนิ้วจุ๊ปากว่าไม่ให้ผมพูดต่อ

“เธียรว่าอาม่า เข้านอนเถอะน่ะเธียรพาไปเอง และผมจะขึ้นไปอาบน้ำแล้ว พรุ่งนี้เจ๊ธามมารับแต่เช้าอาม่า” ผมบอกกับอาม่า

“ลื้อมีพี่สาวด้วยเหรออาเธียร” เวรแล้วผม อาม่าหันมาถามผมทันที อากันก็หันมามองผมด้วย (ถ้าเจ๊ธามรู้เธียรตายอีก ไอ้เธียรเอ๊ย)

“ไม่มีอาม่า”

“มึงบอกเจ๊ธามมึง เฮียมึงมันแปลงเพศแล้วเหรอ เดี๋ยวอาม่าจะไปวีดีโอคอลหาป๊ามึงอ่ะ” อาม่าไม่พูดเปล่าทำท่าจะลุกไปแถมยังจะวีโอคอลเลยเหรอม่า

“เดี๋ยวอาม่า!! “ผมรีบถึงแขนอาม่าไว้ก่อน

"วีดีโอคอลเลยเหรออาม่า"

"เห็งหน้าไง คุยแล้วเห็งหน้าอ่ะ มึงไม่เคยเหรอ แม้ที่อย่างนี้โลวเทคนะมึงน่ะ" อาม่าหันมาบอกผมอีก ผมต้องเกาที่ท้ายถอยตัวเอง

"ผมรู้จักน่ะอาม่า เธียรโทรหาม๊าบ่อยตอนขอเงินอ่ะ แต่กับป๊าไม่กล้าน่ะ ฝากข้อความตลอดกลัวป๊าด่า และตอนนี้มันก็ดึกแล้วด้วยอาม่า และป๊ากับม๊าก็นอนแล้ว อย่าโทรเลย กวนเขาเปล่าๆ " ผมบอกอาม่า ถ้าให้โทรไปนี้คงไม่มีใครได้นอนแน่ๆ

“อาม่า ผมเรียกเฮียธาม ไม่ใช่เจ๊ธาม อาม่าได้ยินผิดไปแล้วน่ะ สงสัยอาม่าจะง่วง ไป ผมพาไปนอนน่ะอาม่าน่ะ” ผมรีบบอกอาม่า เอาหัวไถอาม่าออดอ้อนหน่อย

“งั้นผมขึ้นห้องก่อนน่ะม๊า “อากันบอกก่อนจะเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ผมหันไปดูรูปวงศ์ตระกูล ผมยังเรียนชั้นมัธยมปลายอยู่เลยเฮียธีเรียนจบแล้ว ส่วนเฮียคนอื่นก็ยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ และ อากันก็เพิ่งแต่งงานใหม่ กับอาหลิน ภาพนี้อาก๋งยิ้มมีความสุขมากที่ลูกๆ หลายอยู่กันพร้อมหน้า ลูกสาวของอี๊หงส์ก็ยังเรียนมัธยมปลายกับประถมอยู่ ผมคิดถึงอาก๋งน่ะ

“อาม่าก็คิดถึงอาก๋งน่ะเธียร อาม่ายังคิดถึงตอนที่เรายังเด็กเล็กนิดเดียวอยู่เลย “อาม่าพูดขึ้น

“แล้วทำไมวันนี้ไม่พาลูกพาเมียมาด้วย” อาม่าถามผมอีกแล้ว ผมต้องเอาฝ่ามือแตะหน้าผากตัวเอง

“ไปนอนดีกว่าอาม่า ผมจะขึ้นนอนแล้วน่ะ ผมว่าอาม่าง่วงนอนแล้วแหละเนี๊ยะ”

“ทะเลาะกับเมียมาหรือไง รู้ไหมคนในบ้านน่ะสำคัญมากๆ อาก๋งน่ะสอนป๊าเราตลอดเห็นไหม ป๊าเรานะรักม๊าเราแค่ไหน รักและให้เกียรติคนที่เรียกว่าภรรยา คนที่เป็นแม่ของลูกอ่ะ คนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุข เราก็ต้องทำอย่างป๊าเขาน่ะเธียรน่ะ ขนาดม๊าเราน่ะ อาก๋งเป็นคนเลือกให้ป๊าเราไมได้เลือกเองน่ะ แต่ป๊าก็รักม๊าเรามากน่ะทั้งที่ไม่ได้เลือกเอง และนี้เราได้เลือกเองไม่ต้องมีใครมาเลือกให้เหมือนอากันเขาด้วย ได้เลือกเขามาแล้วก็ต้องดูแลเขาดีดีน่ะเธียรน่ะ และยิ่งเขาต้องเป็นแม่ของลูกเราด้วยน่ะ ต้องเอาใจเขามากๆ ผิดนิดผิดหน่อยให้อภัยกัน รู้ไหมเธียร” อาม่าบอกผมแววตาที่มองอย่างเอ็นดู ผมเห็นมาตั้งแต่ผมจำความไม่ได้ เพราะว่าม๊าป่วยในตอนนั้น

"อาม่า ถ้าผมได้เลือกใครสักคนมาโดยที่ไม่ได้เลือกเพราะรักแต่ต้องเลือกเพราะว่าผมต้องรับผิดชอบล่ะอาม่า "ผมถามอาม่า อาม่ามองหน้าผมอีกครั้ง

" จะด้วยเหตุผลอะไรมันก็ไม่สำคัญหรอกอาเธียร แต่มันสำคัญหลังจากหลังจากนั้นน่ะ จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้ไหม เขาเป็นแม่ของลูกลื้อได้ไหม แม่น่ะ เป็นง่ายน่ะเป็นได้ทุกคนแหละแต่แม่ที่ดีน่ะหายาก ลื้อมีแม่ที่ดี ลื้อน่าจะรู้น่าอาเธียร และขนาดคนรักกัน รักกันมากปานจะกลืนกลิ่น เลิกกันก็เยอะแยะไป ไปหาหนังสือซุบซิบดารามาอ่านไป๊" อาม่าบอกผม ผมต้องเกาหัวเล็กน้อยตรงที่อาม่าให้ผมไปหาหนังสือซุบซิบดารามาอ่านนี้แหละ

“ครับอาม่า งั้นอาม่าเข้านอนดีกว่าน่ะ ดึกแล้วอาม่า เธียรรักอาม่าน่ะ งั้นเธียรไปนอนก่อนน่ะอาม่า ฟ๊อด!!” ผมบอกอาม่า อาม่ายกฝ่ามือลูบบนหัวผมเบาๆ และพี่คนใช้ที่ดูแลอาม่าก็เข้ามาประคองอาม่าเข้าไป

        ผมยืนมองอาม่า ก่อนจะปิดประตูลง ขนาดอาม่าไม่ค่อยได้ออกไปไหน อาม่ายังบอกว่าเธียรวิชย์น่ะมีลูกมีเมียแล้วเลย ตั้งแต่ที่อยู่อังกฤษแล้วน่ะ ผมต้องตามหาเด็กคนนั้นให้เจอให้ได้ ผมกำลังเดินขึ้นไปบนห้องนอนแต่จะว่าไปผมก็ไม่ได้เอาอะไรติดตัวมาเลย ผมไม่ได้มานอนบ้านอาม่าหลายปีแล้วด้วย ห้าปีได้แล้วมั้ง เสื้อผ้าก็ไม่มี ไปดูห้องอากันดีกว่า เพราะว่าอากันก็ไม่ใช่คนตัวใหญ่ไปกว่าผม ความสูงก็ไล่ๆ กัน

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะห้องนอนอากัน แต่ว่าไม่มีการตอบรับ ผมเลยเลือกที่จะเปิดประตูเข้าไปเลย อากันไม่ได้ อยู่ในห้องนอน ผมกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ผมก็เห็นประตูริมระเบียง หน้าห้องนอนอากันเปิดแง้มเอาไว้ สงสัยอากันจะออกไปยืนรับลงด้านนอกแน่ๆ

//อะไรน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกภีม ที่ลูกของบีมจะหน้าเหมือนเธียรวิชย์ ตาฝาดไปหรือเปล่า อาจจะมองไม่ชัดก็ได้น่ะ เพราะว่ามันมืดและไม่ค่อยสว่างด้วย //

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเลยเคาะกระจกก่อน อากันหันมามองหน้าผม ผมดูจากชุดที่อากันสวมอยู่นั้นแปลว่าอากันอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว

“ว่าไงเธียร” อากันหันมาถามผม

“อาผมไม่มีเสื้อผ้าเลยอ่ะ”

“ดูในห้องเสื้อผ้าของอาน่ะ เลือกเอาเลยเธียร อามีชุดใหม่ๆ อยู่หลายชุด และชุดชั้นในใหม่ๆ ก็มี เลือกเอาเลยเธียร” อากันบอกผม ผมก็ยกนิ้วโป้งให้ ว่าไม่กวนแล้ว แต่มันทำให้ผมคิดน่ะว่า ใครอีกน่ะบีมและลูกเขาหน้าเหมือนเธียรวิชย์ ใช่ผมหรือเปล่าว่ะ หรือว่ามีใครที่ชื่อซ้ำกับผมอีก ชื่อโหลไปไหมว่ะ ขนาดกันต์ธี เขายังมีคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าก็ชื่อเดียวกับผมอีก แต่จะว่าไป ผมยังไม่เคยถามกันต์ธีเลยน่ะว่า เขาชื่อเล่นว่าอะไร เรียกแต่ชื่อเต็มๆ มาตลอด และนี้ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย สิ่งที่ผมฝันมาตลอด ทำยังไงถึงจะได้เจอคนนั้น ในคืนนั้น ถ้าเจอแล้ว ผมจะทำไงดีว่ะ รับผิดชอบเหรอว่ะ ?

TBC.....
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.2 คำตอบของเธียรใกล้เข้ามาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 10-03-2021 12:24:05
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.2 คำตอบของเธียรใกล้เข้ามาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: p_phai ที่ 10-03-2021 21:28:21
 o13
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.12.2 คำตอบของเธียรใกล้เข้ามาแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 10-03-2021 23:22:56
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 11-03-2021 07:20:26
EP.13 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งแรก)      

         Part’ sเธียรวิชย์ ผมหลบหน้าหลบตาแพรวาไปสองสามวัน และนิน่าก็คอยส่งข้อความมาหาผมจะให้ผมพาไปทานข้าวอีก เพราะว่าเขาได้เอาความลับมาบอกกับผม ผมก็ปฏิเสธตลอด ผมบอกว่าผมยุ่งอยู่ และถ้าว่างจะโทรไปบอก แต่นางก็ขยันส่งข้อความมาหาและพยายามจะโทรหาผมผ่านไลน์แต่ผมก็ไม่ยอมรับ จนผมส่งข้อความไปบอกเธอว่าผมมีคลิปเสียงที่เธอนำความลับภายในที่ทำงานมาบอกผม ผมจะส่งให้เจ้าของผับ เท่านั้นแหละนางก็เงียบไปเลย

   พอกลับมาถึงก็ต้องออกไปประชุมกับทีมผู้บริหารของแต่สาขา และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น พี่ธี พี่ธามและพี่ธันก็ไป พอประชุมเหมือนกัน พอเสร็จปุ๊ปผมก็รีบกลับมาโรงเรียนของทันทีโดยยังไม่ได้คุยอะไรกับเฮียเลย รู้สึกแปลกๆ ที่ไม่ได้เจอกันต์ธีย์มาสองวัน และที่แปลกไปอีกอย่างคือผมก็เลือกเดินเข้ามาทางเนอส์เซอรี่แทน ผมหลือบไปมองเวลาที่นาฬิกาเรือนสีทองที่ข้อมือผมตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเช้า จะว่าไปผมก็ยังนึกถึงเด็กตัวขาวๆ ราวกับก้อนเต้าหู้ ดวงตากลมโตนั้น คิ้วนี้หนามากแต่กลับโค้งสวยรับกับปลายจมูกโด่งรั้นนั้นขนตาที่งอนราวกับตุ๊กตาบาบี๋ แล้วนี้ผมจะมาเดินผ่านแผนกเด็กอ่อนทำไมน่ะ

“ปึก” ผมก็ต้องชะงักเท้า ก่อนจะหันไปมอง คนที่อยู่ด้านหลังกระจกใส่ ไม่ใช่ใครอื่นเจ้าลูกโซ่ เด็กที่ผมบรรยายอยู่นี้แหละ และคือคนที่พยายามจะกินเนกไทผมวันก่อน ผมถอยหลังกลับมามอง เด็กน้อยเกาะกระจกยืน และยิ้มตาหยี เหมือนเขากำลังอวดฟันที่กำลังโผ่ออกมาให้ผมดู ทำไมน่ะเด็กคนนี้ถึงทำให้ผมยิ้มได้ทุกที รอยยิ้มนี้มันคุ้นเคยเหมือนผมเคยเห็นในกระจก  ผมก็ย่อตัวลงมองเด็กน้อยนั้น เขาเคาะกระจกตอบ ทำปากจู๋กับกระจกบานใหญ่ ราวกับเขาคือเจ้าปลาดูดกระจก ผมก้มลงมองนาฬิกาข้อมืออีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่ประตู

    ผมเปิดประตูเข้าไปทันที ครูพี่เลี้ยงทุกคนหันมามองผมกันหมด ผมก็หันไปมองตำแหน่งที่ผมเห็นเป็นก้อนขาวๆ เพราะว่าตัวขาวจั้วะ ผมเดินตรงไปหยุดมอง (ผมแอบแปลกใจตัวเอง ผมไม่ชอบเด็กมาก่อน ไม่เคยอยากอยู่ใกล้เด็กเพราะว่ายังไม่เคยมีหลานแต่ทำไมเด็กคนนี้ถึงได้ทำให้ผมรู้สึกอยากรู้จักอยากมาหา ทั้งที่วันแรกก็ฝากน้ำลายไว้เป็นที่ระลึกขนาดนั้น แต่มันก็ทำให้ผมรู้ว่ามีคนที่เพียบพร้อมเหมือนม๊าของผมบนโลกนี้อีกคนไปพร้อมๆกันแต่เขากลับเป็นผู้ชายนั้นก็คือคือกันต์ธีย์  เนกไทนั้นกลิ่นน้ำยาที่เขาใช้ซักยังหอมติดปลายจมูกผมอยู่เลย)

“ปะ ปะ ปะ” พอเงยหน้าขึ้นมาก็ยื่นมือมาบนอากาศ เหมือนเรียกผมเลย ผมก็ย่อตัวลง นั่งยองๆเด็กน้อยยึดเกาะขาผมขึ้น ผมก็ใช้มือประคองอัตโนมัติเพราะว่ากลัวเจ้าก้อนขาวๆ นี้จะล้มลงไป

“ไม่เจอกันสามวัน ทำไมคิดถึงเหรอ” ผมถามเด็กน้อย เขากำลังมองหาเนกไทของผมแน่ๆ

“วันนี้ไม่ได้ใส่มาก เพราะว่าไม่มีคนผูกให้ “ผมพูดกับคนตรงหน้า ไม่รู้เข้าใจไหมแต่ก็ยิ้มตาหยีมาให้ผม ดีที่ตาโตเลยยังเห็ฯ ตาดำกับเขาบ้าง ที่ไม่ผูกไทมาเพราะว่าม๊าของผมไปกับป๊าไม่อยู่ ไปไหนก็ไม่รู้แต่เช้า และผมเองก็เพิ่งจะกลับมาพร้อมกับเฮียธามตอนดึกแล้ว เลยไม่ได้เข้าไปถามก่อน แต่ไม่ผูกวันหนึ่งคงไม่เป็นไร

“คุณเธียรค่ะ” ครูพี่เลี้ยงเดินมาหาผม ผมหันไปมองเธอก่อนจะลุกขึ้น แต่ลืมไปว่าเจ้าก้อนขาวๆ นี้พิงผมอยู่ ผมก็รีบคว้าลอยติดมือขึ้นมาอุ้มไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นคงได้ลงไปกลิ้งให้เจ็บตัวอยู่บนพื้นแน่ๆ แต่ว่ามันทำให้สายตาสายคู่ของบรรดาครูพี่เลี้ยงพากันหันมามองผมกับเจ้าก้อนเต้าหู้กันหมด

“มีอะไรเหรอครับ” ผมถามทุกคน ทุกคนมองผมกับเจ้าลูกโซ่สลับกันไปมา

“ผมถามว่ามีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ผมถามย่ำอีกครั้ง

“ไม่มีค่ะ!! “เสียงประสานกันก่อนจะหันไปหาอะไรทำทันที ผมหันมามองครูที่มาเรียกผม เขาก็มองผมกับลูกโซ่สลับกันไปมา

“บังเอิญไปไหมคะ “ครูพี่เลี้ยงถามผมแบบกล้าๆ กลัว”

“บังเอิญอะไรเหรอครับ คุณครูพี่เลี้ยงครับ” ผมถามครูพี่เลี้ยงกลับ

“ใบหน้าน้องเขากับใบหน้าของคุณเธียรวิชย์นะคะ เหมือนกันมากจนแยกไม่ออก แต่ไม่น่าจะใช่ค่ะ เพราะว่าน้องเขาก็มีพ่อของเขานะคะ “ครูพี่เลี้ยงบอกผม ผมก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมาเหล่มองเด็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาครูพี่เลี้ยงอีกที

“แต่ตั้งแต่น้องมาอยู่ที่นี้เกือบอาทิตย์ ไม่เคยเห็นคุณแม่น้องมาเลยนะคะ มีแต่คุณพ่อนะคะ” ผมถึงกับขมวดคิ้ว ก็เป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวเหรอ ถ้าอย่างนั้น กับอากันล่ะ ยังไงกันว่ะ

“อ้อมีอีกคนที่มารับมาส่งประจำค่ะ คือคุณกันตภณค่ะ ไม่รู้ว่าเป็นแฟนกันไหมนะคะ” อันนี้ทำให้ผมต้องขมวดคิ้ว ตกลงพ่อของเจ้าหมอนี้เป็นอะไรกันแน่ มีเมียหรือมีสามีกันแน่ ผมกลับมามองเจ้าก้อนเต้าหู้ที่ผมอุ้มอยู่ (ขาวขนาดนี้เปลี่ยนชื่อเถอะผมคิดในใจ)

“คุณเธียรค่ะ!! มีคนมาขอพบค่ะ เขาบอกมีธุระด่วนมากค่ะ และโหวกเหวกโวยวายจะพบคุณเธียรวิชย์ให้ได้ค่ะ ห้ามก็ไม่ฟังค่ะ ขนาดบอกว่าคุณเธียรไปประชุมก็ไม่ฟังค่ะ” ผมหันไปมองคนที่วิ่งมาบอกผม เขาเป็นคนทำงานธุรการที่ส่งมาช่วยคุณกันต์ธีย์แทนปลายฟ้า

“ใครเหรอครับ” ผมถามกลับทันที

“ไม่ได้บอกค่ะแต่เป็นผู้หญิงค่ะ และดูน่าจะอ่อนกว่าคุณหลายปีอยู่ วีนเหวี่ยงเหมือนเด็กไม่ได้ของเล่นเลยค่ะ” ผมไม่ต้องเดาแล้วว่าใคร ผมสูดลมหายใจเขาอย่างเอือมระอา

“เขาอยู่ที่ไหนครับ”

“หน้าห้องทำงานคุณเธียรค่ะ”

“ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้” ผมบอกคนที่มาหาผม แปลกน่ะเขารู้ได้ยังไงว่าผมมาที่นี้ แผนกเด็กอ่อนแบบนี้ด้วย ผมก็ต้องเอาเจ้าก้อนขาวๆ ส่งไปให้ครูพี่เลี้ยงไปอุ้มทันที แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็บังเกิด เมื่อเจ้าก้อนขาวๆ หันมากอดผมหมับและใบหน้านั้นมันก็ตรงพิกัดสองจุดที่ซ้อนอยู่ในเสื้อกรามผม ขนาดซ้อนแล้วน่ะ เด็กน้อยอ้าปากงับทันควันเช่นกัน

“เฮ้ยยย “ผมร้องด้วยความตกใจ พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันออกแต่ไม่กล้าออกแรงมากเดี๋ยวเกิดงับติดปากไปล่ะตายเลยผมไม่มีจุกสำรอง แถมยังเอามือกำเสื้อผมแน่นติดมือ ครูพี่เลี้ยงก็พยายามอุ้มดึงออก

“น้องลูกโซ่!! ปล่อยคุณเธียรวิชย์ค่ะลูก!!” ครูพี่เลี้ยงพยาบามบอกเจ้าก้อนเต้าหู้ และบรรดาสายตาครูพี่เลี้ยงคนอื่นๆ ที่มองผมเหมือนถูกกดปุ่มค้างเอาไว้เช่นกัน ทันทีที่ครูพี่เลี้ยงเจ้าก้อนขาวๆ ออกไปได้ ผมก็ต้องก้มลงสำรวจ รอยเปียกเป็นวงกลมรอบๆจุดเล็กที่ติดกับอกแบนๆของผม เจ้าลูกโซ่นี้มันอกชายแท้ นี่หิวจนตาลายหรือไง ผมอยากจะ อืม แต่เด็กน้อยหาได้สำนึกไม่ ยังเอียงคอมองอีกน่ะ และทำปากจ๊วบๆ อีกด้วย และพยายามยื่นมือคว้าผมอีก จนครูพี่เลี้ยงต้องรวบมือไว้ด้วยกัน

“คุณเธียรค่ะขอโทษนะคะ น้องคง…”

“แยกแยะไม่ออกเหรอครับว่าอันไหนเต้านมแม่เขากับเต้านมผมน่ะครับ มันต่างกันน่ะครับเนี๊ยะ และของผมมันก็แบนมาตรฐานชายไทยครับ  “ผมพูดกับครูพี่เลี้ยงที่ยืนมองผมพร้อมยิ้มเจือนมาให้ผมแทน ผมเลยเลือกเดินออกทันที

“เจ้าก้อนเต้าหู้เอ้ย!! อุตส่าห์มาเล่นด้วย เล่นแบบนี้ เดินไปนี้อายเขาไหม” ผมบ่นพึมพำออกไปทันทีและหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมากดซับไปด้วย และพอผมเงยหน้าขึ้นมา ผมก็เจอกับ คุณครูที่พาเด็กๆ เดินออกไปสำรวจนอกห้องเรียน เด็กน้อยน่าจะชั้นประถมปีที่หนึ่ง แต่ละคนมองที่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าและตอนนี้มันก็เปียกเป็นวงอยู่ตรงหน้าอกผม แถมพิกัดชัดเจนมากเจ้าก้อนเต้าหู้สร้างแลนด์มาร์คพอดิบพอดีเลย

“สวัส ดี ค่ะ คุณ เออ คุณ เธียร วิชย์” คุณครูที่ทักทายผม ยังมองเลย มองส่วนนั้นของผมนั่นแหละ

“พอดีผมทำน้ำหกใส่ตัวเองนะครับ”

“อ้อค่ะ เป็นวงเลยนะคะ”

“อุ้ย! ขอโทษทีค่ะ ไปค่ะลูกไปดูสวนผักกันดีกว่าค่ะ ทางนี้ค่ะ” คุณครูรีบพาเด็กๆ ออกไปอีกทางทันที

“เหมือนแม่เลย แม่ให้น้องกินนม เปียกแบบนี้เลย แม่บอกนมมันไหล่ ลุงมีน้ำนมด้วยเหรอ?” เด็กน้อยชี้มาที่ผมพร้อมคำถามที่เล่นเอาผมยืนกุมขมับแทน วันก่อนต้องถึงกับถอดเอาเนกไทไปซัก วันนี้เธียรวิชย์ต้องถอดเสื้อไปซักด้วยใช่ไหม

“ไม่มีลูกไม่มี ครับเพราะว่าลุงเป็นผู้ชายครับ!!! “ผมบอกเด็กน้อยที่ยืนเอียงคอ เหมือนคำตอบที่ได้ยังไม่ถูกใจ แต่ยอมรับว่านี้คือน้ำจริงๆ แต่นี่น้ำลายเจ้าคนเดิมที่ทำกับเนกไทของผมไว้ เด็กคนนั้นมองผมแบบยังไม่ปักใจเชื่อ ตอนรับสมัครเด็กเข้าเรียนนี้เขาวัดจากระดับไอคิวใช่ไหมเนี๊ยะหลอกยากจริงๆ ผมยิ้มให้ประมาณว่าไม่ตามครูไปเหรอลูก  และคุณครูก็หันมาดันเด็กๆ ให้เดินต่อไปยังแปลงปลูกผัก ผมก็รีบจั้มอ้าวเดินขึ้นบันไดไปทันที ผมเห็นที่ตรงหน้าห้องธุรการ บรรดาครูที่ยืนอยู่สามสี่คน เขากำลังคุยกับกันต์ธีย์ ผมก็รีบเดินเข้าไปหาทันทีเช่นกัน

“อ้าวคุณเธียรวิชย์มาแล้วนี่ไง” ครูหนึ่งในนั้นเดินมาเห็นผมเข้าก็ชี้นิ้วมาที่ผมทันที

“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” ผมถามทุกคน ก่อนจะหันไปเห็นที่บอร์ด มีการนำภาพถ่ายมาติดไว้หลายภาพเลย คนที่อุ้มเด็ก หอมเด็ก มันดูน่ารักมากน่ะ แต่ว่าสีหน้าแต่ละคนดูเป็นกังวล

“นี้บอร์ดวันพ่อเหรอครับ จัดเร็วไปไหมครับ ผมถามกลับ เพราะว่านี้เพิ่งจะมีนาคมเอง” ผมถามบรรดาครูที่ยืนมองผม

“คุณเธียรวิชย์ค่ะ คนที่เอามาติดน่ะเขาด่าว่าน้องธุรการค่ะ นี้ค่ะ ว่าเสียๆ หายๆ เลยค่ะและนี้คือการ บูลลี่กันชัดๆเลยนะคะ และมาทำแบบนี้ในโรงเรียนแบบนี้ด้วย เด็กๆมาเห็นเข้าจะไม่เอาตามอย่างเหรอคะ” ครูหนึ่งในนั้นหันมาพูดกับผม ผมก็เดินมาดู จริๆงด้วย ข้อความที่เขียนว่าไว้ต่างๆ นานา เรียกว่าไอ้ตุ๊ด เรียกว่าพวกโรคจิต ไปขอลูกใครมาเลี้ยงบ้าง ผมหันมามองคนนั้นที่อยู่ในภาพ คือคนเดียวกับกันต์ธีย์ไม่มีผิดเพี้ยน

“เขาว่าคุณเหรอกันต์ธีย์” ผมถามกันต์ธีย์ เขาหันมามองผม น้ำใสๆ มันเริ่มปริ่มเที่ขอบตาจนใกล้จะเอ่อล้นออกมา เขาคงเสียใจมาก แต่เป็นใครก็เสียใจและโกรธ แต่ใครกันถึงได้กล้ามาทำแบบนี้ในโรงเรียนแบบนี้อีกด้วย

“ขึ้นไปคุยกับผมในห้องทำงานผมดีกว่าน่ะ” ผมบอกเขา เขาก็เดินตามผมเข้าไป

“ครูครับ ผมรบกวนดึงออกให้หน่อยนะครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกบรรดาครูที่ยืนดูอยู่ ผมหันมามองกันต์ธีย์ก่อนจะส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้ เขาซับน้ำตา

“คุณรู้ไหมว่าใครทำแบบนี้น่ะ”

“ผมไม่รู้ครับ ผมมาถึงก็เห็นแล้วอ่ะครับและวันนี้ผมมาถึงสายเพราะว่าผมพาลูกชายผมไป หาหมออีกครั้งตอนเช้าครับ” กันต์ธีย์พูด

“เขาไม่สบายเพราะว่าผมพาเขาไปฉีดวัคซีนมาวันก่อนและการที่เขามีไข้เขาอาจจะแพ้วัคซีนเลยต้องไปตรวจอีกครั้ง และน้องน่ะคลอดก่อนกำหนดหลายสัปดาห์ด้วยครับ น้องคลอดตอน36วีคนะครับ และผมก็ไม่ได้ไปขอลูกใครมาเลี้ยงอย่างที่เขาว่าผมแบบนั้น  “กันต์ธีย์ตอบผม ผมหันมามองหน้าเขา ผมเองก็พูดไม่ออกจุกแทนไปเลย ใครกันน่ะ แต่ผมเดาว่าปลายฟ้าแน่ๆ

“คุณบอกเรื่องนี้กับอากันหรือยัง” ผมถามกันต์ธีย์

“ยังครับ คุณเธียรวิชย์อย่าบอกได้ไหมครับ เพราะว่าผม เออ ผมไม่อยากให้พี่กันต้องมาเดือดร้อนเพราะผมอีก “กันต์ธีย์พูด ผมเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง

“แต่นายกับอากันเป็นแฟนกันไม่ใช่เหรอ เรื่องแบบนี้ แฟนกันก็ต้องช่วยกันซิ” ผมพูดแต่ว่ามันฟังแล้วผมเจ็บเองยังไงก็ไม่รู้ ผมมองหน้ากันต์ธีย์ เขาก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผม จังหวะที่ผมกันธีย์กำลังเดินไปที่ห้องทำงาน ห้องประชุมเล็กถูกเปิดออก บรรดาครูที่เข้าประชุมพาเดินออกมาและแต่ล่ะคนก็หันมามองกันต์ธีย์กัน ทุกคนคงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่บอร์ดแล้ว

“พี่เธียร!!” เสียงที่แหลมจนแสบแก้วหู ดังมาแต่ไกลไม่ใช่ใครอื่น แพรวา เธอเดินสับเท้าที่สูงปรี้ดมาหาผมทันที

“พี่เธียรไปไหนมาค่ะ ตั้งแต่วันที่พี่ไปที่ผับที่พี่ไปเคาท์ดาวน์ปีใหม่อ่ะปีที่แล้วอ่ะ ไหนพี่บอกว่าไม่ชอบไงไปทำไมอีกอ่ะ และแอบไปไม่บอกแพรวาแบบนี้ นี่พี่นัดใครไว้ที่นั่นหรือเปล่าพี่เธียรและแพรวาโทรหาพี่ไปส์ เขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ไปกับพี่ด้วย พีไปกับใครคะ!!!”

“พี่ไปกับใครและพี่หิ้วใครออกไปหรือเปล่าค่ะ แพรวาไม่ยอมนะคะ”

“แพรวานี่มันที่โรงเรียน พูดอะไรให้เกียรติพี่บ้างซิ คนมองกันหมดแล้ว พี่เป็นผู้บริหารนะแพรวา ทำอะไรคิดหน่อยได้ไหม และพี่ไปก็แค่ไปนั่งดื่มกับเพื่อนพี่ไปคุยธุระ “ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้ากันต์ธีย์เขามีสีหน้าตกใจและมองป้ายชื่อผมใหม่อีกครั้ง

“คุณไปที่นั่น เมื่อปีที่แล้ววันเคาท์ดาวน์ใช่ไหมครับ คุณเธียรวิชย์!!” กันต์ธีย์เขาถามผม ผมหันมามองก่อนจะพยักหน้าไปและผมก็สะบัดหน้ากลับมามองเขาอีกที สีหน้าแววตาที่เปลี่ยนไป

“แพรวาพี่ขอคุยธุระกับเจ้าหน้าที่ก่อนได้ไหมครับ แพรวาไปหาที่นั่งรอที่ห้องรับแขกก็ได้น่ะ พี่คงคุยกันยาวหน่อย” ผมหันมาบอกแพรวา

“ผมว่า ผมไม่คุยดีกว่า” ผมหันมามองคนที่กำลังจะหันหลังออก น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป มันทำให้ผมต้องตกใจมิใช่น้อย เขาสะบัดมือผมออกทันที

“กันต์ธีย์ เป็นอะไร เข้าไปคุยกับผมก่อน ผมจะได้ช่วย”

“อย่าเลยครับ ผมว่าคุณช่วยตัวเองเถอะ”

“คุณ!!”

“พี่เธียรค่ะ นี้คนที่ทำงานธุรการพี่เหรอคะ” แพรวาถามผมและชี้ไปที่กันต์ธีย์ ผมพยักหน้าว่าใช่

“กันต์ธีย์ เราควรจะคุยกันก่อนน่ะ”

“ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณเธียรวิชย์! และผมก็จะไม่ทำงานที่นี้แล้ว หาคนใหม่ได้เลย ผมลาออก “ผมก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีก

“ลาออก ง้อตายล่ะ ไปเลย และแกควรจะมาขอโทษพี่เธียรของฉันก่อนนะ ไอ้พนักงานต๊อกต๋อย ไม่มีเงินยังทำเป็นอวดดี เงินเดือนแกน่ะ ขนหน้าแข้งพี่เธียรชั้นไม่ร่วงหรอกน่ะจะบอกให้ “แพรวายืนกอดอกต่อว่ากันต์ธีย์ ผมก็จับแขนเธอผมส่ายหน้าไปมาให้พอ ผมว่าต้องมีเรื่องเข้าใจผิดอะไรแน่ๆ ผมทำท่าจะเดินไปแต่ว่าแพรวาจับแขนผมหมับ แต่จู่ๆเธอก็ปลอยแขนผมและเดินก้าวเท้าออกไปเพื่อนไปหากันต์ธีย์

“แต่เดียวน่ะ!! นี้นายหันมานี้ซิ ฉันคุณๆ หน้าแกน่ะ” แพรวาออกคำสั่งกับกันต์ธีย์ที่กำลังเดินหันหลังออกไป ผมหันมามองแพรวา

“แพรวา!!”

“ก็ฉันบอกให้หันมาไงล่ะ  ฉันสั่งน่ะ หูแตกเหรอ หันมา!!!” แพรวาเดินไปกระชากคนที่หันหลังอยู่ให้หันมา

“นายนี่เองอ่ะ คนที่ท้องในมหา’ลัย ทำเป็นอวดดี ลูกคลอดแล้วหรือไง แล้วใครเลี้ยงลูกล่ะห๊ะ “แพรวาพูดว่ากันต์ธีย์คือคนที่ ท้องในมหา’ลัย แต่ว่าเขาคือผู้ชายน่ะ น้ำเสียงแพรวาไม่ใช่เบาๆ เหมือนตะโกนมากกว่า บรรดาครูที่ยืนรอลิฟต์ หันมามองกันต์ธีย์กันหมด

“ลูกกี่เดือนแล้วล่ะ คงหลายเดือนแล้วล่ะซิ “ผมเห็นที่ยืนเขากำมือแน่นก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ผมผิดหวังที่คนที่ผมคิดว่าดี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ มึงแม่งเชี้ยที่สุด!!” กันต์ธีย์เขาเดินหลังออกทันที

“อ้าวไอ้นี้ มึงมาว่าพี่เธียรกูทำไม มานี้เลยน่ะ ไอ้ท้องไม่มีพ่อ!!”

“แพรวา!! หยุด!!”

“พี่เธียรไม่ได้ยินเหรอว่าเขาว่าพี่น่ะ แพรวาจะไปตบมันค่ะ”

“หยุด!! เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้!! แพรวา!!” ผมไม่เคยขึ้นเสียงดังใส่แพรวาแบบนั้นมาก่อน ผมยืนพยายามระงับอารมณ์โกรธของผมเอง จนกระทั่ง มือถือผมดังขึ้น เบอร์ไอ้ไปส์

“ว่าไงไปส์” ผมถามมันทันที

“น้ำเสียงคุสาดเลยครับ กูมาหามึงอ่ะ ที่โรงเรียนพ่อมึง กูอยู่ชั้นล่างแล้ว”

“ขึ้นมาบนห้องทำงานกูเลย เดินตามป้ายมากูรอ” ผมพูดก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานผม ผมเห็นแพรวาที่นั่งตัวสั่นตกใจที่ผมโกรธเธอมากในวันนี้

“แพรวา!! เธอคิดว่าที่เธอพูดประจานคนอื่นน่ะ มันทำให้เธอดูดีขึ้นเหรอพี่ถามหน่อย” ผมถามแพรวาเสียงดัง

“ก็มัน”แพรวาทำท่าจะเถียงเพื่อเอาชนะแต่ผมชี้หน้าเธอ เธอก็หดเพราะว่านี้คือครั้งแรกจริงๆที่ผมทำแบบนี้กับเธอ

“ต่อให้มันคือเรื่องจริง เธอก็ไม่ควร!!”

“พี่เขาข้างมันเหรอ พี่ห้าม…”

“หยุด พูดคำว่าแพรวาไม่ยอมซะที!! แพรวาใช้คำนี้กับคนอื่น มาตั้งแต่แพรวายังเด็ก และตอนนั้น อาจจะได้เพราะว่าเธอคือเด็กผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามาวิ่งเล่นกับพวกพี่ๆแต่นี่เธอโตแล้วแพรวา!!” ผมพูดและจังหวะนั้นเอง ผมหันไปเห็นคนที่เปิดประตูเข้ามา สีหน้ามันตกใจเหมือนเจออะไรมา อย่าบอกน่ะว่ามันเดินไปเจอบอร์ดอะไรนั้นอีก แสดงว่ายังไม่มีใครเอาออก

“เป็นอะไรของมึงไปส์” ผมถามไอ้ไปส์เพื่อนผม มันเดินตรงมาหาผมพร้อมกระซิบกับผม

“กูมีเรื่องต้องคุยกับมึงไอ้เธียร”

“กู” ผมชี้ตัวเอง

“เออ” มันตอบ และแพรวาที่นั่งมองผมสองคน

“ก็คุยดิ”

“ข้างนอกเถอะว่ะ” ไอ้ไปส์กระซิบบอกกับผม ผมหันมามองแพรวาที่นั่งมองผมกับไปส์สลับกันไปมา ก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นนั่งกอดอกแทน

“พี่จะไปไหน คุยตรงนี้เลยทุกเรื่องแพรวาต้องรู้ค่ะ รู้ทุกเรื่อง” ผมหันมามองไอ้ไปส์

“เรื่องเด็กที่มึงหาตัวน่ะ” ไอ้ไปส์กระซิบกับผม

“พี่จะคุยธุระส่วนตัวแพรวา “ผมหันมาบอกแพรวาทันที

“ไม่ได้แพรวา”

“แพรวา อย่าทำให้ป๊าพี่ต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือแพรวาจะไม่มีสิทธิ์เข้ามาในนี้อีก ป๊าบอกกับพ่อของแพรวาไปแล้วไม่ใช่เหรอคะ “ผมพูด ก่อนจะพยักพเยิดให้เข้าไปในห้องส่วนตัวอีกห้องหนึ่ง ผมกดปิดประตูทันที ห้องนี้เอาไว้คุยกับผู้ปกครองที่กำลังโมโห เป็นห้องเก็บเสียงได้ดี ไอ้ไปส์มันมองหน้าผม

“ไอ้พีชมันโทรบอกกูเมื่อเช้าว่ามึงไปตามหาน้องที่ชื่อบีม ที่มึงมีอะไรด้วย ที่ผับ”

“เออ ใช่ กูรู้สึกว่าที่กูฝันน่ะ มันแปลกๆ”

“มึงไม่ต้องหาแล้ว” ไอ้ไปส์พูด ผมยืนกอดอกมองหน้ามัน

“ทำไมว่ะ” ผมถามไอ้ไปส์

“กูเพิ่งจะเดินสวนกับน้องเขาเมื่อกี้ เขาทำงานที่นี้กับมึง น้องเขาชื่อกันต์ธีย์นั่นแหละชื่อที่ผู้จัดการคนนั้นมันให้กูมา “ไอ้ไปส์พูด ก็ต้องตกใจ นั้นแปลว่ากันต์ธีย์คือคนเดียวกับคนนั้นเหรอ และที่แพรวาพูดว่าเขาท้องไม่มีพ่อล่ะ คืออะไร

“มีป้ายว่าธุรการและฝึกงานอยู่ใช่ไหมว่ะ” ผมถามไอ้ไปส์

“ก็ใช่ไง น้องคนนี้แหละ เพราะว่ากูไปขอประวัติน้องเขามาจากไอ้ผู้จัดการนั้น และมันบอกกูว่า น้องเขาโดนเจ้าของบอกเลิกจ้างเช้าวันรุ่งขึ้นเลย และน้องเขาก็ไม่ได้กลับไปอีกจนสามเดือนให้หลังนั่นแหละ น้องเขาถึงได้ไป เพื่อตามหามึงอ่ะ และไอ้นี้ก็โทรมาหากู กูเลยเข้าไปอีกทีและมันก็เอาเงินกูไปด้วยไอ้เชี้ยเอ๊ย!!” ไอ้ไปส์บอกผม มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดนั้น “พี่ใส่ถุงด้วย ผมอาจจะท้อง”

“เชี้ยเอ๊ย!!!” ผมสบถออกมา

“มึงจะทำยังไงวะ น้องเขาจำมึงไม่ได้เหรอว่ะเธียร” ไปส์มันถามผม ผมก็มองหน้ามัน ภาพที่เขาอุ้มเด็กที่ถูกติดประจานไว้ที่บอร์ดน่ะ มันติดตาผมมาก

“แม่น่ะใครก็เป็นก็ได้ แต่แม่ที่ดีน่ะมันหายนะเธียรน่า แม่หรือน่ะเป็นแม่ที่ดีแค่ไหน ลื้อน่าจะเข้าใจ!!” อาม่าบอกกับผมวันก่อน ผมเปิดประตูออกมาก็เห็นแพรวากำลังนั่งกรีดอายไลน์เนอร์ เสริมสวยตลอดเวลา

“มึงช่วยกูหน่อย กันน้องแพรวาให้กูที กูต้องคุยกับน้องเขา กูว่า ที่เขาพูดกับกูนะมันคือเรื่องจริงว่ะ” ผมหันมาบอกไอ้ไปส์

“นี้มึงให้กูเฝ้าร๊อตไวเลอร์ดีดีนี้เองน่ะไอ้เธียร!” ไอ้ไปส์มันกระซิบกับหูผม มันเปรียบเปรยน้องแพรวาไม่ต่างกับร๊อตไวเลอร์เลย

“และมึงเชื่อเหรอว่า ว่าเรื่องที่เขาบอกว่าเขาอาจจะท้องได้น่ะ” ไอ้ไปส์ถามผม

“ใช่ มันคือเรื่องจริงว่ะ” ผมพูดก่อนจะเดินไปหาแพรวา

“แพรวาพี่มีเรื่องด่วนนะครับ แพรวารอพี่ที่นี้นะ พอดีพี่ต้องไปเช็ดห้องน้ำ เออ มัน เออ อุดตันครับ ราดไม่ลง เด็กจะเข้าห้องน้ำไม่ได้” ผมกับแพรวาด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุดเย็นที่สุด และผมก็กำลังโกหกแพรวา เธอละสายตาจากระจกมามองผมทำท่าขนลุกขนพองทันที

“อี๋!!! น่ารังเกียจ แล้วทำไมพี่ต้องไปเองอ่ะ ให้คนอื่นไปไม่ได้เหรอ “แพรวาถามผม

“พี่ต้องไปดูเองค่ะแพรวา เพราะว่า นี้โรงเรียนนี้ของพ่อพี่ค่ะและเด็กๆ จะไม่มีห้องน้ำใช้ค่ะ”

“ก็เรื่องของเด็กๆ ซิคะ ให้ครูพาไปหาห้องน้ำอื่นก็ได้นี้ค่ะ ไม่เห็นต้องลงไปเลย ลูกของพี่ก็ไม่ใช่ เป็นแพรวาไม่ไปหรอกค่ะ “แพรวาพูด มันยิ่งทำให้ผมเห็นภาพที่อาม่าบอกผมไม่มีผิดเลย

“แพรวา นี้โรงเรียนพี่ค่ะ แพรวารอที่นี้นะคะ ไอ้ไปส์มันก็อยู่ “ผมพูดก่อนจะหันมาหยักหน้ากับไอ้ไปส์ ก่อนจะเดินลงไปอย่างรวดเร็ว

“นี้แกได้ยินที่แฟนคุณเธียรพูดไหม ฉันก็ว่าน่ะ คนอะไรรักลูกจนเหมือนอุ้มท้องมาเองเลยอ่ะ” ผมได้ยินแต่คนซุบซิบกันตลอดทาง ผมก็เดินลงไปจนถึงห้องธุรการ และเข้าไปในห้องนั้นทันทีผมกวาดสายตามองไปรอบๆแต่ไม่เจอคนที่ผมต้องการ ทำไมเขาอยู่ใกล้ผมแค่นี้เอง ผมแม่งไม่เคยเอะใจอะไรเลย

TBC......

ขอบคุณคอมเม้นให้กำลังใจด้วนะคะ มีกำลังใจอยากลงบ่อยๆเลย ตอนแรกนึกว่าจะเงียบกริบซะอีก ขอบคุณมากๆเลยค่ะ  :กอด1: :pig4:

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 11-03-2021 08:07:13
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-03-2021 08:30:40
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-03-2021 09:10:35
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13.1 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 11-03-2021 17:01:57
Part's เธียรวิชย์ หลังจากที่ผมรู้ความจริงว่ากันต์ธีย์ คือคนเดียวกับเด็กที่ผมมีอะไรด้วย ในวันนั้น ก็ใครไม่รู้ดันใส่ยาปลุกเซ็กส์ไว้ในแก้วแชมเปญที่ผมยกไปดื่ม และที่สำคัญแพรวายืนยันแล้วว่ากันต์ธีย์คือเด็กตั้งท้องในมหาวิทยาลัยอีกด้วยอีก และที่ผมมั่นใจว่าลูกผม เพราะว่าอากันตภณเป็นหมัน นั้นก็แปลว่าลูกผมแน่นอน ผมต้องคุยกับเขา ตอนนี้ผมก็เดินสับเท้าลงไปจนถึงห้องธุรการ รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นทันที มีคนนั่งทำงานอยู่แต่ไม่มี กันต์ธีย์ และผมก็ยกมือขึ้นมาเคาะกระจกเพื่อเรียกคนด้านใน

“สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์ มีเรื่องอะไรเหรอคะ” เจ้าหน้าที่คนที่ไปเรียกผมเขาเดินออกมาถามผม ผมมองไปรอบภายในห้องก่อนจะเอ่ยปากถาม

“กันต์ธีย์ไม่อยู่เหรอครับ” ผมถาม

“เขาลาออกแล้วค่ะ นี้เพิ่งจะเก็บของและออกไปเลยค่ะ”

“ไปไหนครับ”

“ลงไปรับลูกเขาค่ะ ลูกเขาชื่อลูกโซ่นะคะและเขาก็จะไม่ส่งลูกเขามาอยู่ที่นี้แล้วด้วยค่ะ”

“ลูกเขาชื่อลูกโซ่” ผมถามย้ำอีกครั้ง เจ้าหน้าที่ธุรการก็พยักหน้าว่าใช่ ผมนิ่งไปพักหนึ่งผมน่าจะเอะใจตั้งแต่โดนทักว่าหน้เขาเหมือนผมแล้ว ไอ้เซ้อไอ้เธียรวิชย์!! ทำไมคิดไม่ได้ตั้งแต่คำพูดครูพี่เลี้ยงที่พูดว่าเขาหน้าเหมือนผม ผมก็รีบหันหลังวิ่งออกไปจากห้องทันทีเช่นกัน มือถือผมสั่นสะท้านไปด้วย ผมไม่หยิบมาดูว่าเป็นของใคร ผมวิ่งไปจนถึงทางเดินที่จะไปห้องเด็ก ผมตรงไปที่ห้องเด็กอ่อนทันที ผมเปิดประตูพรวดพล้าดเข้าไปพร้อมกับอาการหอบเหนื่อย

“ครูครับ ครู เออ ผม แฮกๆ “ผมพูดไปก็พยายามหายใจไปด้วย

“คุณเธียรวิชย์มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ลูกโซ่ยังอยู่ไหมครับ” ผมถามครูพี่เลี้ยงทันที

“น้องไปแล้วค่ะ เห็นคุณพ่อบอกว่าจะไม่ทำงานที่นี่แล้วด้วยค่ะ เพิ่งออกไปได้สิบนาทีนี้เองค่ะ” ผมเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะวิ่งออก แต่ว่าเขาจะไปทางไหนน่ะ ผมยืนคิด

“มีสายเขาในมือถือผม อากันตภณ ผมารีบกดรับสายทันทีเช่นกัน

//เธียร เกิดอะไรขึ้น ทำไมบีมเขาบอกอาว่าเขาลาออก นายไปทำอะไรให้เขาโกรธ//

//อาต่างหาก ทำไมอาไม่บอกผมว่าบีมเขามีลูกได้//

// เธียร เธียรรู้ได้ไงเรื่องนี้น่ะ //

//ลูกที่บีมอุ้มท้องอยู่น่ะ ลูกผมอา!!! //

//ไอ้เธียร!! //

//และนี้ผมคงยกให้อาไม่ได้ ผมจะเอาลูกเมียผมคืน// ผมพูดกับคนในสาย ถึงเขาจะเป็นอาที่ผมรักมากก็ตาม ผมกดวางสายจากอากันตภณ จังหวะนั้นผมเห็นคนทำสวนในโรงเรียน เขาเดินสวนมาพอดี

“ขอโทษนะครับ เห็นคนที่อุ้มเด็กเดินผ่านไปด้านหน้าไหมครับ” ผมถามคนสวนของโรงเรียน เขาก็ยืนนิ่งคิดสักครู่

“เห็นครับ เป็นคนทำงานที่นี้นี่ครับ ผมเขาเห็นเดินออกไปอุ้มลูกตากแดดไปโน่นน่ะครับ แดดก็ร้อน ร้อน สงสารเด็กนะครับ “คนทำสวนตอบผมพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่บีมเพิ่งเดินออกไป ผมก็วิ่งตามออกไปทันทีเช่นกัน ผมวิ่งไปทั้งอากาศร้อนๆ ขนาดผมเองยังรู้ร้อนขนาดนี้แล้วเด็กล่ะ เสื้อผ้าที่เริ่มมีเหงื่อไหลซึมออกมา และสิ่งที่ผมเห็นคือ หนุ่มคนนั้นอุ้มเด็กน้อยเดินออกไป เขากำลังจะไปรอเรียกรถแท็กซี่แน่ๆ

“บีม!!” ผมเรียกชื่อเขา เขาหันมามองผมพร้อมกับเด็กคนนั้น เจ้าก้อนขาวๆ ของผม แต่บีมกำลังหันหลังเดินออกต่อ

“บีม!! หยุด” ผมเรียกเขาอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งไปถึงบีม ผมรีบคว้าตัวเขาเอาไว้ บีมดิ้นสะบัดโดยไม่หันมามองหน้าผม

“บีม “ผมเรียกเขาอีกครั้ง บีมหันมามองหน้าผม น้ำใสๆ ไหลรินออกมา

“ผมเคยคิดว่าคุณไม่ใช่ ไม่ใช่ไอ้คนที่มันฝากเรื่องแย่ๆ ไว้กับผม ผมมองคุณผิดมาตลอด ไปให้พ้นเลย ไปเลย” บีมค่อยๆ หันหน้ามามองผม ดวงตาที่แดงก่ำคู่นั้น

“มึงก็ได้แล้วมึงก็ทิ้งแล้ว มึงจะเอาอะไรอีก ไอ้เชี้ย ฮือๆ” คนตรงหน้าผม ผมก็ดันเขาให้เข้ามาในร่มก่อน ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดคำไหนเพราะว่าทั้งหมดมันคือความผิดของผม ที่ผมทิ้งเขาไว้กับเรื่องร้ายๆ แบบนี้ เป็นความผิดที่ผมต้องยอมรับแต่โดยดี ผมมองคนตรงหน้าที่ยืนนิ่งพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์โกรธตัวเองไปด้วย และเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาที่มองผม เริ่มเอานิ้วมือใส่ปาก

“มะ มะ มะ “เด็กน้อยเรียกบีมไม่ชัด เรียกมะ มะ มะ บีมยืนปาดน้ำตาตัวเอง

//ฮัลโหล พี่ครับ ผมขอรถด่วน ผมต้องการรถตอนนี้ครับ // ผมโทรบอกคนขับรถที่ขับรถให้ทั้งที่บ้านและที่โรงเรียน ก่อนจะหันมามองบีมที่ทำท่าจะเดินหนีผม ผมก็มองเจ้าก้อนขาวๆ ทื่มองผมกับบีมสลับกันไปมาอีก

“ไปกับพี่เดี๋ยวนี้” ผมบอกบีม

“กูไม่ไปกับมึง กูไม่ไปไหนกับมึงทั้งนั้น ไปให้พ้นจากกูสองคนเลย และมึงทิ้งกูไว้แบบนี้แหละ” บีมพูดด้วยความโมโห ผมไม่โต้ตอบอะไรบีมทั้งนั้น เพราะว่าทั้งหมดคือความผิดของผมเอง ผมก็ยืนคิดว่าถ้าผมพูดไปบีมที่ยังคงโกรธผมอยู่คงไม่ยอมฟังอะไรจากผมแน่นอน ผมเลยคว้าเจ้าลูกโซ่มาอุ้มไว้ เรียกว่าแย่งอุ้มไปเลยจะดีกว่า ผมแย่งลูกมาจากบีมทันที ผมแหงนขึ้นไปมองบนตึก ผมเห็นแพรวากำลังเดินออกมาจะมาตามผม ผมก็วิ่งไปพร้อมกับลูกของผม และบีมก็วิ่งตามผมทันทีเช่นกัน

“เอาลูกผมคืนมาน่ะ คุณจะเอาเขาไปจากผมไม่ได้ เขาเป็นลูกผมแค่คนเดียว “ผมได้ยินแต่ผมก็วิ่งทันที ผมก็วิ่งไปที่เพื่อไปที่จอดรถ ถ้ารอให้มารับคงไม่ทัน จังหวะนั้นแพรวาก็มองลงมาที่ผม

“พี่เธียร!!!” เสียงเรียกชื่อผมดังมาจากตัวอาคาร ผมก็แหงนขึ้นไปมองบนตึกน้ั้นอีกครั้ง และบีมที่หยุดเท้าเงยหน้าขึ้นไปมองแพรวาเหมือนผม ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมส่ายหัวไปมาว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น

“เร็วซิ! “ผมหันมาเร่งบีมทันที

“ไม่ ไม่ไป เอาลูกผมคืนมาเดี๋ยวนี้น่ะ เขาไม่ใช่ลูกคุณ” บีมพูดและพยายามดึงลูกชายเขากลับ

“หน้าเหมือนขนาดนี้ ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะบีม” ผมพูดกับบีม

“และจะให้ใครเป็นพ่อเด็กล่ะ อาของผมเหรอบีม ผมไม่ให้หรอกน่ะ นี้ลูกผม”

“แล้วจะมาอยากเป็นพ่ออะไรตอนนี้ ไอ้คนไม่มีความรับผิดชอบ แต่ถ้ามึงมีความรับผิดชอบจริง มึงจะทิ้งให้กูเผชิญกับมันคนเดียวแบบนี้เหรอ ไอ้เชี้ยเธียร!! กูต้องเจออะไรบ้าง กูโดนอะไรบ้าง มึงอยู่ข้างกูไหม มึงดีแต่ทำกูท้อง มึงเคยหันมามองกูไหม ฮือๆ” บีมพูดไปพร้อมกับปาดน้ำตาไปด้วย และจังหวะนั้นรถแล่นมาพอดีรถที่ผมโทรไปแจ้งไว้ วันนี้ผมไม่ได้ขับรถมาเอง ให้รถที่บ้านมาส่ง ผมรีบโบกรถไว้ก่อนและคนขับรถก็วิ่งลงมาเปิดประตูพร้อมกับมองหน้าผมและมองเด็กน้อยที่ผมอุ้มอยู่

“ด่าจบหรือยังบีม” ผมถามบีม เขาเงยหน้าขึ้นมองผม

“ขึ้นรถและไม่ได้จะเอาไปแค่เด็ก เอาไปทั้งแม่และลูกนี่แหละ” ผมพูดบอกบีม ผมเห็นแพรวาวิ่งลงมาแล้ว แม้ว่าไอ้ไปส์มันจะพยายามดึงรั้งไว้ก็ตาม

“ขึ้นรถซิ!!!” ผมตะคอกเสียงดังใส่บีมเพราะว่าแพรวากำลังวิ่งลงมาแล้ว แต่คนที่วิ่งไปขึ้นรถไปกลับเป็นคนขับรถของผมซะเอง

“พี่ครับ พี่ขึ้นไปทำไมอ่ะครับ” ผมถามพี่คนขับรถ

“อ้าวคุณเธียรสั่งนี้ครับ”

“ผมสั่งเมียผม ไม่ได้สั่งพี่ครับ” ผมบอกคนขับรถ บีมสะบัดหน้าหันมามองผม

“ไม่ใช่ผมเหรอครับ” พี่คนขับรถถามผม ผมก็มองกลัวแพรวาจะมาถึง

“พี่เป็นคนขับและพี่ต้องปิดประตูนี้ครับ” ผมบอกพี่คนขับรถ ก่อนจะดันบีมขึ้นไป แต่เขาก็ขึ้นไปตามแรงดันของผม และผมก็เข้าไปนั่งทันที พี่คนขับรถรีบวิ่งลงไปปิดประตูก่อนจะวิ่งกลับขึ้นมา

“ออกรถเลยครับ เดี๋ยวนี้!!” ผมออกคำสั่ง

“จะให้ดีล๊อกรถก่อนด้วยครับ “ผมบอกคนขับรถทันทีที่แพรวาลงวิ่งมาถึงและคนขับรถก็ล๊อกรถได้ทัน และขับรถออกทันที แพรวาก็ทำท่าจะวิ่งตามผม แต่คงยากเพราะว่าเธอสวมรองเท้าส้นแหลมขนาดนั้น ผมก็ต้องเอามือกุมหน้าอกตัวเอง แต่เจ้าลูกโซ่ที่ผมอุ้มไว้กอดไว้ เขาหันมามองหน้าผม

“แล้วนี่เราจะไปไหนกันดีครับคุณเธียร” คนขับรถหันมาถามผมผ่านกระจกมองหลังเพราะว่ารถแล่นออกมาได้สักพักแล้ว

“ไปโรงพยาบาลครับ”

“ไปทำไม!!” คนข้างๆ หันขวับมาถามผมทันที

“ไปส่งผมที่โรงพยาบาลเอกชนสักที เอาดีดีหน่อย ผมจะไปตรวจดีเอ็นเอ” ผมพูดสายตาผมมองคนที่นั่งหน้างออยู่ข้างๆ

“ถ้าไม่มั่นใจว่าเป็นลูกมึง ก็แค่ไม่ต้องรับ เอาลูกกูคืนมา” คนข้างผมทำท่าจะคว้าลูกคืนแค่ผมไม่คืนให้

“ถ้ากลัวว่านี้ไม่ใช่ลูกตัวเองก็ไม่ต้อง กูอยู่กันได้” บีมพูด

“แต่ผมค่อนข้างมั่นใจครับ ว่าลูกคุณเธียร หน้าเหมือนกันราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกันขนาดนี้ครับ” คนขับรถพูดขณะที่ติดไฟแดง ผมก็หันไปมองพี่เขา

“ขอโทษครับ เพื่อจะช่วยในการตัดสินใจ อู้ย!! ไม่น่าเลยกู” คนขับรถของผม

“ไปโรงพยาบาลครับ “ผมบอกคนขับอีกครั้ง

“ผมไม่ไป จอดเลยผมจะลง” คนข้างผมพูด

“ผมบอกไปและไม่ต้องจอด ผมไม่ให้ใครลงทั้งนั้น” ผมหันไปพูด

“ผมบอกไม่ไปผมจะลง”

“ก็บอกไม่ให้ลง”

“เออ ขอประทานโทษนะครับ ไปหรือไม่ไปครับ ตัดสินใจทีเถอะครับ ตอนนี้รถคันหลังๆ บีมแตรไล่ทั้งถนนแล้วครับ ผมเองก็ตัดสินใจให้ไม่ถูกครับ ไปหรือไม่ไปครับแต่ถ้ายังไม่ไป เห็นทีคงจะเป็นผมน่ะครับที่ได้ไปก่อน แต่ไปโรงพักน่ะครับผม ตำรวจคงมาเขียนใบสั่งแน่ๆ ข้อหากีดขวางจราจร” พี่คนขับรถพูด

“ผมตัดสินใจได้ในตอนนี้ ผมเป็นผู้บริหารแม้จะฝึกงาน สั่งให้ไป ถ้าไม่ไป ผมสีสิทธิ์ไล่คุณออก คุณคนขับรถที่ขัดใจนาย” ผมพูดเท่านั้นแหละรถแล่นออกไปทันที ก่อนที่ไฟเขียวจะเปลี่ยนเป็นไฟเหลืองแทนอย่างหวุดหวิด ผมยังไม่ได้รับสายใครทั้งนั้นและนี้ก็กระหน่ำโทรกันจัง

“พี่รู้ว่านี้ลูกพี่แต่พี่ต้องตรวจ เพราะว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น เข้าใจไหมบีม เห็นพี่แบบนี้พี่ไม่ยอมให้ลูกและ…”

“เมียพี่ไปลำบาก” ผมพูด บีมมองหน้าผมก่อนจะปาดน้ำตา ผมส่งผ้าเช็ดหน้าให้แทนแต่เขาไม่รับ ส่วนเจ้าลูกโซ่เป็นคนยื่นมือมารับผ้าเช็ดหน้าไปแทนและเอี้ยวตัวไปเช็ดให้บีมแทนผม

“คืนลูกผมได้หรือยัง” บีมหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงแล้ว ผมพยักหน้าก่อนจะส่งเจ้าก้อนเต้าหู้คืนไปให้บีม ผมหันมากดรับสายบรรดาเฮียที่กระหน่ำโทรหาผมก่อน ผมกดเรียกว่าชุมสาย

//ไอ้เธียร เกิดอะไรขึ้น// เฮียธีถามผมก่อนคนอื่น

//ผมยังไม่เฮียตอนนี้ไม่ได้ ไปเจอกันที่บ้านเย็นนี้ผม และผมจะพูดพร้อมกันทีเดียว ทั้งป๊าและม๊าด้วย //ผมบอกกับเฮียธี

//เรื่องใหญ่เหรอว่ะไอ้ตี๋น้อย// เฮียธีถาม ผมรู้ว่าเฮียรักผม

//อืมม// ผมตอบเบาๆ ก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าก้อนเต้าหู้เบาๆ

//มึงไม่ใช่ไอ้ตี๋น้อยแล้วไอ้เธียร มึงน่ะ เยอะ!! เยอะทุกเรื่องไอ้ตี๋เรื่องเยอะ!! // เฮียธามพูด ผมน่ะกดวิดีโอคอลอยู่ ก่อนเบนกล้องไปที่สองคนที่กอดกันกลม เฮียธันก็เข้ามาชุมสายพอดี

//เฮ้ยลูกมึงเหรอว่ะ ไอ้เธียร// ประโยคแรกของเธียธันที่ได้เห็นหน้าเจ้าลูกโซ่

ฝฝกูว่าแล้วเชียว มิวก็บอกกูวันนั้นแต่ไม่คิดว่ามึงจะ… ฝฝเฮียธีทำท่าจะพูดแต่คงเห็นหน้าบีมเลยเลือกที่จะไม่พูดดีกว่า

//อู้ยตายแล้วหลานสาวของโกว// เฮียธามพูดพร้อมทำตาวิ้งใส่หลาน เพราะว่าเฮียแกขับรถอยู่คนเดียว ไม่มีป๊ากับม๊าอยู่ด้วยไง

//หลายชายเฮีย!! // ผมบอกเฮียธาม บีมสะบัดหน้ามามองเฮียธามทันทีเช่นกัน ใช่ครับไม่มีใครเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อว่าเฮียผมนี้แหละ สาวแตก ผมเงยหน้ามองพี่คนขับรถ เขาก็ตกใจไม่แพ้กัน ขนาดคนขับรถบ้านผมที่ขับรถรับส่งเวลาที่ไม่อยากขับรถเอง ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย ผมทำนิ้วจุปาก พี่เขาน่าจะเข้าใจแล้วว่า อย่าพูดให้ป๊าผมฟังแน่นอน

“เฮ้ย ป๊าอยู่ในสายด้วยเฮีย”

//เฮ้ยยฉิบหายแล้วกู หลายชายของเจ้ก!! // เปลี่ยนทันทีเลยน่ะเฮียธามของผม

//กูไม่เคยดึงป๊าเข้ามาไอ้เชี้ยธัน// พี่ธีพูด

//เฮียแค่นี้น่ะ นี่เฮียขับรถกลับกันเลยใช่ไหม//

//นี่มึงจะไปไหนอีกล่ะ// เฮียธามถามผม

//พาไปตรวจดีเอ็นเออ่ะ//

/มึงยังกล้าโผ่หน้าไปขอเขาตรวจดีเอ็นเออีกเหรอ เขาจะไม่ด่ามึงให้เหรอไอ้ตี๋น้อย เปลืองทรัพยากรแรงงานโดยใช่เหตุ//เฮียธันพูด

//เพราะว่าผลดีเอ็นเอของมึงกับหลานกูน่ะ อยู่บนหน้ามึงแล้วครับ //เฮียธามพูด ผมหันมามองคนข้าง

//ก็รู้ว่าดีเอ็นเอผมแรงเว้อ แต่ผมต้องใช้เฮีย//

//เฮียรู้แล้วว่าทำไม เธียร//เฮียธีพูดขึ้น

//แค่นี้ก่อนน่ะ เฮียจะวางสายก่อนเพราะป๊าโทรมา มึงให้เฮียบอกป๊าว่าไง เธียร //เฮียธีถามผมก่อนจะวางสาย

//บอกว่าไปเจอกันที่บ้าน ผมมีเรื่องจะบอกแค่นั้นแหละเฮีย//ผมพูดกับเฮียและเฮียธีก็กดวางสายไปเช่นกัน

//งั้นเจอกันที่บ้านเลยตี๋น้อย เรื่องมึงนี้เยอะไม่สมกับตำแหน่งตี๋น้อยๆ ของอาม่าเลยว่ะ //เฮียธามอีกคนแต่ผมรู้ว่าเฮียธามรักผมไม่แพ้เฮียคนอื่นและเฮียธันก็แค่แร๊พโย๊ะมาให้ผมก่อนจะวางสายกันไป

ผมหันมามองเจ้าก้อนเต้าหู้ของผม (ผมเป็นคนที่ชอบทานเต้าหู้มากอาม่าทำให้ผมทานบ่อยและเจ้าโซ่ก็ขาวๆ อวบๆ เหมือนกัน) ตอนนี้เขาได้เอาหน้าหล่อๆ เหมือนผม ซบลงที่หน้าอกของบีบและหลับปุ๋ยไปแล้ว ผมก็กดโทรศัพท์มือถือเสริซหาว่าโรงพยาบาลไหนที่ตรงอีเอ็นเอดีที่สุดรวดเร็วและแม่นยำ จนผมไปเจอที่หนึ่ง เป็นโรงพยาบาลเอกชน ผมก็ส่งให้คนขับรถรับมือถือของผมไป เขาก็พยักหน้าตามนั้น ผมรับมือถือคืนกลับมาและกดปิดเครื่องทันที ไม่อยากรับรู้อะไรในตอนนี้ ผมหันมามองบีม ผมเห็นว่าเขาอุ้มนานแล้ว ผมก็แบมือแต่เขากลับมองผม

“ไม่มีสิทธิ์อุ้มบ้างหรือไง” ผมถามบีมกลับ เขาก็ส่งเจ้าก้อนเต้าหู้มาให้ผมรับมาอุ้มตัวนุ่มนิ่ม

“หิวหรือยังเพราะว่านี้ก็บ่ายโมงแล้วบีม” ผมถามบีม เขานิ่งไม่หันมามองหน้าผม

“บีม ผมรู้ว่าผมผิดพลาดในวันนั้น เออ แต่วันนี้ ผมไม่อยากจะแก้ตัวน่ะ แต่ผม”

“คุณไม่ได้ตั้งใจและผมแค่ซวยใช่ไหม” บีมหันมาพูดก่อนจะหันหน้าออกไปมองด้านนอก ที่ตรงหน้าต่าง

“พี่รู้ว่า วันนั้นมันแย่มาก พี่ตกใจกับสิ่งที่พี่ทำลงไปบีม “ผมพูด ผมไม่กล้าสบตากับบีมเลย

“แหวนที่พี่ให้ไว้ล่ะ อยู่ไหนบีม วันนั้นพี่วางไว้ให้น่ะ” ผมถามบีม บีมหันมามองหน้าผม “พร้อมกับเงินห้าพันบาท มึงคิดว่ามันคุ้มไหมอ่ะ กับที่กูต้องเกือบเรียนไม่จบ ถ้าไม่ได้อาจารย์กันตภณช่วยพูดให้ และไหนกูต้องแบกท้องโต โตไปเรียนให้จบเพื่อจะได้เลี้ยงลูกเอง และมึงก็น่าจะได้ยินที่แฟนมึงพูดน่ะ กูโดนแบบนั้น ทุกวันมึงรู้ไหม” บีมพูด ผมหันมามองบีม ผมคว้ามือบีบขึ้นมา

“จะทำอะไรน่ะ” บีมถามผมเสียงหลง

“ตบติ ตบเลย พี่รู้ว่าบีบเจ็บกว่าพี่เยอะ ตบดิพี่จะได้เจ็บบ้างไง “ผมพูดแต่บีมมองหน้าผมนิ่งมาก เขากัดปากตัวเองแน่น ผมก็ยังจับขอมือของบีมเขาตั้งเอาไว้ ผมยื่นแก้มไปใกล้ๆ เพื่อให้เขาตบหน้าผม เพื่อว่าจะลดความโกรธแค้นจะได้เบาลงแต่บีมกับเลือกที่จะลดมือลง

“กูอยากต่อยมึงมากตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว กูอยากจะ ฮึก” บีมพูดก่อนจะหันหน้าหนีไปอีกทาง ผมรู้ว่าเขาอาจจะอยากทำมากกว่านั้น อาจจะอยากฆ่าผมเลยก็ได้

“แต่พอได้เจอหน้าลูก ได้อยู่กับลูก มันหายไปหมดแล้วอ่ะ ฮืก ความโกรธเชี้ยๆ อะไรพวกนั้นน่ะ ฮืกๆ” บีมพูดพร้อมกับปาดน้ำตาตัวเอง ผมเอามือจับคางนั้น แต่ข้างผมพยายามขืนตัวเองไว้ ไม่ยอมทำตามผม ผมเลยต้องออกแรงหน่อยไม่แรงมาก ผมใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีในกระเป๋าซับน้ำตานั้นอย่างเบามือ

“ตกลงแหวนบีมยังเก็บไว้ใช่ไหม” ผมถามบีมอีกครั้ง

“จะเอาคืนเหรอ” บีมหันมาถามผม

“อยู่ไหนล่ะ” ผมถามบีม บีมเขาก็ดึงสร้อยออกมาจากคอเขา เขาใช้ห้อยแหวนเอาไว้ตลอด รอยยิ้มพูดขึ้นที่มุมปากของผมเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือไปจับสร้อยเสร็จนั้น บีมทำท่าจะถอดมันออก

“ไม่ต้องถอดออกหรอก” ผมบอกบีม

“ทำไมไม่เอาคืนไปล่ะ แหวนวงศ์ตระกูลไม่ใช่เหรอ” บีมหันมาถามผม

“ใช่และมันมีมากกว่าคำว่าแหวนประจำวงค์ตระกูลน่ะ เก็บมันไว้ให้ดีที่สุด เก็บไว้ให้ถึงรุ่นลูกโซ่เลย” ผมพูดแค่นั้น



ไม่นานรถก็แล่นมาจอดที่ตรงโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง สำหรับตรวจดีเอ็นเอโดยเฉพาะ และคนขับรถก็รีบเดินลงมาเปิดประตู ผมเดินลงไปก่อนพร้อมอุ้มเจ้าลูกโซ่ลงไปด้วย ผมหันมาหาคนขับรถประจำที่พ่อผมจ้างเอาไว้

“ถ้ามีใครโทรหาหรือสอบถามอะไรเกี่ยวกับผมตอนนี้ รบกวนอย่าเพิ่งให้ข้อมูล ว่าผมอยู่ที่ไหน แม้กระทั่งป๊ากับม๊าผม หรือว่าอากันตภณ” ผมบอกคนขับรถ

“หากเกิดอะไรขั้นผมรับผิดชอบเอง “ผมบอกคนขับรถเพราะดูจากสีหน้าเขากังวลว่าเขาอาจจะโดนไปด้วย แต่เขาก็พยักหน้ารับ ผมหันไป พยักหน้าให้บีมเดินเข้าไปกับผม บีมเลือกหยิบเอาบางอย่างใส่กระเป๋าเป้ไปให้ลูกด้วยเช่นกัน ผมเดินนำบีมเข้าไปพร้อมอุ้มคนที่หลับปุ๋ยคาอกผมไปด้วย มีแต่คนหันมามองผมกัน

“หล่ออ่ะ แก “คำชมที่มองให้

“มีลูกแล้ว แต่ไม่เห็นมีแม่มากเลย สมัครเลยไหม ผมเดินยิ้มให้คนที่แซวผมพร้อมโบกมือทักทาย และบีมที่เดินตามเข้ามาพอดี และคนที่ยืนจะยื่นใบสมัครผมก็หันมามองหน้ากัน ผมว่าเขาคงขย้ำใบสมัครทิ้งก็ตรงนี้แหละ ผมเองไม่ใช่คนเจ้าชู้น่ะถ้าผมเจอคนที่เรียกว่าแฟนแล้ว แต่ที่ผ่านมายอมรับว่า เซ็กส์โซนมาตลอด เพราะว่าผมรอคนที่เหมือนม๊าของผมเท่านั้น

“สวัสดีครับ ผมมาติดต่อขอเข้ารับการตรวจดีเอ็นเอครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ เขาก็มองหน้าผมและหันไปมองบีมก่อนจะก้มลงมองเจ้าก้อนเต้าหู้ที่ผมอุ้มให้หลับอยู่กับอกของผม

“ตรวจแบบไหนดีคะ”

“ตรวจหาความเป็นพ่อลูกครับ”

“คุณหรือว่าเขาค่ะ “พยาบาลถามผม ก่อนจะชี้ไปที่บีม

“ทั้งคู่ครับ” ผมตอบ บีมหันมามองหน้าผม

“ดิฉันว่าผลมันออกมาแล้วมั้งคะ ดูหน้าเด็กกับหน้าคุณน่ะ น่าจะพ่อลูกกันเกือบ 99 % เลยนะคะ” พยาบาลบอกผม

“ผมจำเป็นต้องใช้เอกสารครับคุณพยาบาล “ผมกัดฟันบอกคุณพยาบาลไป

“ส่วนลูกผมน่ะจำได้ครับ ว่าผมทำใครท้อง “ผมหันมามองคนที่ยืนเบ้ปากและมองบน “แต่ที่ผมจำได้คือเขาไม่น่าจะท้องได้แต่ก็ท้องได้” ผมพูดต่อคนที่ยืนข้างหันมาค้อนผมทันที แต่คนที่ทำหน้างง คือพยาบาล

“ตกลงตรวจทั้งคู่นะคะ” คุณพยาบาลถามผม ผมพยักหน้าทันที

“รอนานไหมครับ ภรรยาผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ผมบอกคนที่ทำหน้าที่อยู่”

“แล้วนี่จะตรวจภรรยาคุณด้วยไหมคะ”

“ตรวจซิครับผมก็บอกไปแล้วว่าผมตรวจทั้งคู่” ผมพูดและชี้ไปที่บีม พยาบาลถึงกับสะบัดบ๊อบไปทางบีมทันที สองทีติด

“นี้คือภรรยาคุณเหรอคะ”

“ครับภรรยาผม”

“ไม่ใช่ครับภรรยาเขา ผมไม่ได้แต่งงาน” บีมพูดก่อนจะหันมามองผม “กับเขา” บีมพูด

“มีลูกก่อนแต่งนะครับ” ผมรีบบอกคุณพยาบาล

“ผมไม่ได้เต็มใจ” ผมหันมามองคนข้างๆ ขนาดไม่เต็มใจน่ะ ได้มาแล้วหนึ่งเลย

“แต่ผมตั้งใจทำ ภูมิใจนำเสนอด้วยครับ นี้ไงครับ” ผมพูดและโชว์ผลงานคุณพยาบาล เขาก็ก้มลงมอง

“พี่ว่าผลแม่นยำว่าเป็นพ่อลูกกัน ดูแค่หน้า เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแหละค่ะว่าพ่อลูกกันแน่ๆ ”

“ถึงยังไงผมก็ไม่ต้องการ ให้เขาเป็นพ่อของลูกผมอยู่ดี” กันต์ธีย์พูด ก่อนจะหันหน้าหนี ผมก็ยิ้มๆ ให้พยาบาล เขาก็มองผมกับบีมสลับกันไปมา

“แต่นี้มันลูกผม คุณหนีความจริงไม่พ้นคุณกันต์ธีย์” ผมหันไปพูดกับบีม บีมหันขวับมามองผม

“ใช่ผมหนีไม่พ้นแต่ผมก็ไม่ยอม ที่จะ…”

“พอ พอเถอะค่ะ” คุณพยาบาลยกมือห้ามผมสองคนทันที ผมหันไปมองคนรอบๆ ที่หันมามองผมสองคนเถียงกันไปมา

“พอทั้งคู่ค่ะนะคะ จะเต็มใจหรือตั้งใจเดี๋ยวรู้ผลค่ะที่นี้ดีเอ็นเอแม่นยำ 99 % ค่ะ ไม่ต้องเถียงกันนะคะ และเห็นเถียงๆ กันแบบนี้น่ะ เดี๋ยวมาอีกคน “คุณพยาบาลพูดผม และมีแอบแซวเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกริ่มให้ผมกับคนข้างๆ แต่ข้างๆ นี่ซิ เอาแต่ยืนกอดอกเหลือกตาขึ้นบนใส่ผมทันที

“และเอาเป็นว่า ตรวจทั้งคู่นะคะ น่าจะตกลงกันก่อนจะลงจากรถมานะคะ เชิญนั่งเลยค่ะ “พยาบาลถามผมสองคนด้วยน้ำเสียงดุๆ ใส่ผมทั้งคู่
“เออ เดี๋ยวนะคะ ใครพ่อใครแม่ค่ะ” คุณพยาบาลหันมาถามผมกับบีม

“ผมพ่อ นี้แม่ครับ” ผมรีบตอบทันที คนที่ยืนข้างๆ ผมหันถลึงตาใส่ผมทันที

“โอเคค่ะ นั่งรอนะคะ คุณพ่อรูปหล่อ และคุณแม่น่ารัก รบกวนนั้งกันเงียบๆ อย่าตีกันนะคะ “คณพยาบาลพูดพร้อมกับยิ้มให้ผมและคนที่เดินหน้าคว่ำไปพร้อมๆ กับผม และเจ้าก้อนเต้าหู้ก็ตื่นพอดี เขามองหน้าผม และมองไปรอบๆ ก่อนจะหันมามองผมอีกที

“แหง๋!!!!! เอาร้องขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลย แถมยังดิ้นไปด้วย ดิ้นจนแทบจะตกจากแขนผมไปอยู่ที่พรมอยู่แล้ว ผมก็กอดไว้ ส่วนบีมเองก็ตกใจหันหน้าเข้ามาหาทันทีทั้งที่ก่อนหน้าหนี เอาแต่หันหน้าออก เจ้าก้อนเต้าหู้นี้ก็รีบดีดตัวขึ้นนั่งมานั่งและยืน มองซ้ายมองขวา กอดคอผมแน่นมาก

“เป็นอะไรไปล่ะ” ผมถาม

“เขาไม่ชอบโรงพยาบาลน่ะร้องทุกทีที่เข้ามา” บีมพูดกับผม ผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ (ผมเองก็เป็น ไม่ชอบกลิ่นไม่ชอบอะไรหลายๆ อย่าง ร้องไม่อยากมาจนผมโต พอรู้เรื่องนั่นแหละถึงได้ดีขึ้น) และบีมก็แบมือเรียกให้ลูกชายเข้าไปหา และเจ้าลูกโซ่ก็หันไปหาบีมทันที และพยาบาลก็เดินมาเรียกผมสามคนไปยังห้องตรวจ เพื่อเข้าไปคุยกับหมอก่อน ผมเข้าไปพร้อมกันทั้งสามคน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง บีมชะงักเท้า

“บีม เชื่อใจพี่ไหม พี่ไม่ได้ต้องการรู้ว่าเขาคือลูกพี่จริงไหม เพราะว่าเพี่เชื่อว่าเขาใช่ แต่พี่ต้องการเอกสาร ยืนยัน “ผมพูดกับบีม บีมพยักหน้ากับผมเบาๆ ผมหันไปยิ้มให้เขา ผมนึกถึงคำพูดของอาม่า เมื่อสามวันก่อน จู่ๆ ผมถามอาม่าว่าถ้าวันหนึ่งผมต้องเลือกคนที่ผมต้องรับผิดชอบ แต่อาม่าบอกกับผมว่ามันไม่สำคัญ เพราะว่ามันสำคัญหลังจากนั้น และมันก็จริง เพราะว่าลูกผมต้องการแม่ และผมก็เชื่อว่าไม่มีใครทำหน้าที่ได้ดีไปกว่าแม่ที่แท้จริงๆ ถึงแม่คนนี้จะเป็นผู้ชายก็ตาม

   ผมเดินเข้าไปนั่งคุยกับหมอ เขาก็ถามผมถึงจุดประสงค์ว่าทำไม ผมก็บอกไปตามจริง จนกระทั่งถึงขั้นตอนในการทำการเก็บดีเอ็นเอจากกระพุ้งแก้ม แต่ก็ยากสำหรับเจ้าลูกโซ่หน่อยเพราะบีมบอกว่าเขากินยายากมาก (เหมือนผม ผมกินยายากมาก ร้องไห้บ้านจะแตก และพอโตขึ้นมาแอบเอายาทิ้งก็บ่อย จนม๊าต้องนั่งจ้องว่าให้กินและกลืนให้ดู) ไม่นานทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี ระหว่างที่นั่งคุยกับหมอที่ดูแล และเจ้าหน้าที่ ผมสังเกตเห็นว่าเขาก็มองหน้าผมกับลูกโซ่สลับกันไปมา ผมรู้ว่าหน้าตาเหมือนกันขนตานี้ลูกผมแน่ๆ แม้มันดูตลกมาหรือไง เวลาไม่นานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่พาเข้าบ้านซิน่ะ

TBC.........

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13.1 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-03-2021 17:33:13
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13.1 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 11-03-2021 19:13:57
 :serius2: :angry2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13.1 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 11-03-2021 19:34:00
อยากอ่านต่อแล้วว
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.13.1 ความจริงที่เธียรตามหา(ครึ้งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 11-03-2021 22:43:19
 :katai3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 12-03-2021 02:23:22
EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน

       หลังจากที่ทำผมพาลูกโซ่ บีมและตัวผมเองเข้ารับการเก็บเนื้อเยื่อที่กระพุ้งแก้มเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอเรียบร้อยแล้ว ผมก็พาบีมไปหาอะไรทานกันก่อน พาไปหาร้านอาหารที่มีสนามเด็กเล่น และมือถือผมก็สั่นตลอดเวลา คราวนี้เป็นเบอร์แพรวาเอง ผมก็ไม่ยอมรับสายเธอ ผมนั่งมองบีม เขาลูกโซ่ไปนั่งชิงช้าเล่นในสนามเด็กเล่น

// พี่เธียร รับสายแพรวาเดี๋ยวนี้นะคะ พี่ควรจะรู้ว่าถ้าพี่ไม่รับสาย ใครจะเดือดร้อน และพี่ควรจะรู้ว่า พี่เป็นของแพรวาคนเดียวเท่านั้น // แพรวาส่งข้อความหาผม

//เธียร ม๊ากับป๊าจะถึงบ้านแล้วน่ะลูก มีอะไรเข้ามาคุยกันน่ะ ป๊าเขาก็พร้อมจะรับฟังน่ะเธียร// ม๊าส่งข้อความมาหาผมเช่นกัน เป็นข้อความที่ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย

“บีมกลับกันหรือยัง “ผมเดินไปหาบีม ดูเจ้าลูกโซ่ยังเล่นสนุกอยู่เลย บีมหันมามองหน้าผมก่อนจะพยักหน้ากับผมกลับได้แล้ว ผมพาทั้งคู่เดินไปขึ้นรถ ผมไม่รู้ว่าจะเจออะไรบ้าง แต่ผมจะไม่ยอมให้ลูกและคนที่เป็นแม่ของลูกผมต้องไปอยู่ตามลำพังเด็ดขาด ผมเดินขึ้นไปนั่งในรถ

“กลับบ้านเลยครับพี่สิงห์” ผมบอกพี่คนขับรถ บีมหันมามองหน้าผม

“ไม่ไปส่งก่อนเหรอ” บีมหันมาถามผมคงหมายถึงเขากับลูก

“ไม่ครับ ไปอยู่บ้านกับพี่ เพราะว่านี้ลูกพี่ “ผมชี้ไปที่เจ้าลูกโซ่

“ส่วนบีมก็คือแม่ของลูกพี่ พี่ไม่ทิ้งเช่นกัน “ผมพูดบอกบีมก่อนจะจับสายเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้บีม บีมอุ้มเจ้าลูกโซ่เอาไว้ ผมก็คาดของผมเช่นกัน ผมนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้านคฤหาสน์หลังใหญ่ของผม ผมไม่เห็นบีมจะตื่นเต้นกับบ้านหลังใหญ่ของผมเหมือนกับ นิน่า ที่เขามาดูโปรไฟล์ของผมและทำท่าตื่นเต้นจนออกนอกหน้า รถฟอร์จูนเนอร์เข้ามาจอดด้านใน ผมคิดว่ายังไม่มีใครมาถึงเช่นกัน เพราะผมก็ยังไม่เห็นรถใครเข้ามาจอด ผมลงมาก่อน และหันไปมองบีมที่นั่งกอดลูกชาย เจ้าลูกโซ่มองผม

“บีม ลงมาซิครับ พี่เลือกที่จะรับผิดชอบสิ่งที่พี่ทำ”

“ไม่จำเป็นก็ได้มั้ง ที่จะต้องเอาทั้งชีวิตของพี่มาอยู่กับผม คนที่พี่ไม่ได้รัก”

“พี่รู้ว่ายังไม่ถึงขั้นรักแต่พี่เลือกคนที่สำคัญกับลูกพี่ เพราะคำว่าแม่ ไม่ใช่ว่าใครจะมาแทนก็ได้ ดังนั้น พี่เลือกลูกและบีม ลงมาซิครับ” ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม ส่วนลูกโซ่ก็มองผม ผมกางมือออก เขาเงยหน้ามองบีม และสุดท้ายบีมก็เรื่องที่จะเดินลงมา

“แต่ว่าผมไม่ได้เอาของใช้ลูกมาด้วย” บีมพูด

“ซื้อใหม่ก็ได้นี้”

“แต่” บีมเงยหน้าขึ้นมองผม

“ไม่อยากซื้อใหม่ก็ไปขนมาไว้ที่นี้เลยแต่ว่าคืนนี้นอนนี้นะครับบีม พี่อยากให้ป๊ากับม๊าเจอหลาน “ผมบอกบีม เขาหันมามองหน้าผม และคนใช้เดินออกมาก็มีสีหน้าที่ตกใจกับสิ่งที่เห็น จังหวะนั้น ก็มีรถแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว ผมเดาได้ว่ารถอากันตภณ ผมหันไปมองก่อน ใช่จริงๆ ด้วย ผมเห็นอาก้าวลงจากรถมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินตรงมาที่ผมยืนอยู่

“นี้มันอะไรกันเธียร” อากันตภณเดินปรี่ออกมาจากรถเก๋งคันหรูทันที พร้อมกับยิงคำถามใส่ผมทันทีเช่นกัน ก่อนจะหันไปมองบีมที่ยืนกอดลูกชายอยู่

“บีมคือเมียผม และเด็กนั้นคือลูกผมครับอา” ผมตอบอากัน

“บีม ไม่จริงใช้ไหม บีมบอกพี่ซิ “อากันตภณถามบีม ผมหันไปมองหน้าบีม เขายืนหันหลังให้อากันอยู่ เขากอดเจ้าลูกโซ่ ที่เหลือกตาขึ้นมองผมทีและอากันที

“บีม” อากันเดินมาจับแขนของบีม
“อา นี้เมียผม นี้ลูกผม “เดินมาจับมืออากันเอาไว้

“แต่นายไม่ได้ดูแลเขา!! “อากันหันมาขึ้นเสียงดังใส่ผม และคนใช้ในบ้านผมเริ่มออกมายืนมองกันหมด

“ก็ผมไม่รู้มาก่อนนิครับอา” ผมบอกอากัน

“แล้วทำไม ไม่คิดจะตามหาตั้งแต่ทีแรกเธียร” อากันตภณพูด เขามองหน้าผม

“ผมว่าอาคงเดาอะไรออกบ้าง เพราะอาคือคนที่อยู่ใกล้ชิดผมเท่าๆ กับอาม่า แต่อาไม่เคยคิดจะพูดหรือถามผมสักนิด” ผมพูดและมองหน้ากันตภณ

“และผมเองไม่เคยรู้ว่าบีมจะท้องได้จริงๆ ถึงแม้ว่าเขาบอกผมวันนั้น วันที่ผม ..” ผมกำลังจะพูดว่าวันที่ผมมีอะไรกับบีมครั้งแรก

“วันที่ผมมีอะไรกับเขาและแม้ว่าครั้งนั้นผมจะทำไปเพราะว่าผมไม่มีสติ แต่ว่าวันนี้ผมมีสติพอที่จะกล้ายอมรับผิดในสิ่งที่ผมทำกับอา” ผมพูดกับอากันตภณ อามองหน้าผม

“แต่อารักบีม” อากันตภณพูดกับผม

“ผมก็รักลูกผมน่ะอา และลูกผมก็ไม่อยากเสียแม่เขาไปครับอา ผมต้องเก็บทั้งคู่เอาไว้กับผม ผมให้อาไม่ได้ทั้งคู่” ผมพูดก่อนจะดันบีมเข้าบ้าน

“หมับ” อากันตภณจับแขนบีม

“อา “ผมจับแขนอาเช่นกัน สายตาที่ประสานกัน อาที่เคยเป็นอาที่ผมรัก วันนี้มันกลับกลายมาเป็นศัตรูหัวใจกันและกันอย่างนั้นหรือ

“อาไม่ยอมให้นายที่ยังดูแลตัวเองไม่ได้ ดูแลบีม” อากันตภณพูด

“ใช่วันนี้ผมยังเหมือน ผมยังดูแลใครไม่ได้แม้แต่ตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าผมต้องทำได้อา” ผมพูด

“บีมกลับบ้าน” อากันตภณพยายามดึงแขนบีมเอาไว้ แต่ผมก็ดึงรั้งบีมและลูกไว้เช่นกันจนกระทั่งรถแล่นเข้ามาจอดติดๆ กันหลายคัน และคนที่ลงมาจากรถก่อนคือม๊าของผม

“อากันอะไรกันน่ะ อากัน อาเธียร” ม๊ารีบตรงมาเพื่อจะมาห้ามทัพของผมกับอากันตภณ

“เกิดอะไรขึ้น เธียร กัน” ป๊าเดินมาถามผมก่อนจะหันไปมองหน้าอากันเช่นกัน รถเฮียที่พากันเดินลงมาจากรถตัวเองมองหน้าผมและอากัน ที่กำลังยื้อแย่งคนคนเดียวกัน

“เข้าไปคุยกันบ้าน เดี๋ยวนี้!! “ป๊าพูดก่อนจะหันไปมองรถอีกคันที่แล่นเข้ามาจอดจนฝุ่นตลบอบอวลไปหมด และคนที่ก้าวเท้าลงมาอย่างรวดเร็วคือแพรวา เธอเดินปรี่มาหาผมเช่นกัน

“พี่เธียร!! พี่ขับรถหนีแพรวาแบบนี้ไม่ได้นะคะ!!” แพรวาพูดก่อนจะมองคนที่ยืนหันหลังอยู่

“แพรวาเห็นพี่เอาไอ้เด็กที่ท้องไม่มีพ่อขึ้นรถมา ทำไมคะ” แพรวาพูด แต่สิ่งที่เธอพูดออกมา มันทำให้ทุกคนในครอบครัวผมหันไปมองเธอกันหมดแม้กระทั่งอาโกวหงส์ น้องสาวของพ่อผมที่เพิ่งจะมาถึงเช่นกัน

“เข้าไปคุยกันในบ้าน” ป๊าพูดออกคำสั่งและแพรวาที่รีบเดินแทรกทุกคนขึ้นมาหาผมก่อน

“หมับ” เธอจับแขนผมแน่นๆ และหันไปมองบีม ที่ยืนนิ่งไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น ส่วนลูกโซ่ก็กอดบีมไว้แน่นเช่นกัน

“นี้มันอะไรกันค่ะพี่เธียร” แพรวาถามผม ผมหันมามองหน้าเธอก่อนจะค่อยๆ แกะมือเธอออกและผมก็จับแขนบีมแทน

“เขาบ้านนะบีม “ผมบอกบีม บีมหันมามองหน้าผมและหันไปมองแพรวา
“พี่บอกแล้วไง ว่าพี่เลือกคนที่จะเป็นแม่ของลูกพี่ เพราะว่าลูกพี่สำคัญ แล้วบีมล่ะ เลือกใคร คนที่บีมคิดว่าสำคัญกับลูกชายของบีม พี่รู้ว่าพี่ผิดแต่นี่ลูกของพี่ และลูกพี่ก็ต้องการบีม พี่พร้อมจะทำตัวเองให้ดีกว่าที่ผ่านมาก แค่ขอโอกาสจากบีม “ผมถามบีม บีมหันมองหน้าผมก่อนจะ เลือกก้าวเท้าเดินขึ้นไป อากันตภณกลับเป็นฝ่ายปล่อยแขนจากบีม

“พี่เธียร!! พี่พูดอะไรของพี่น่ะ ปล่อยมันเดี๋ยวนี้น่ะ” แพรวาพยายามกระชากแขนผม ผมก๊เลือกที่จะแกมือเธอให้ออกและหันมาโอบพาบีมเข้าบ้านของพ่อแม่ของผม ผมหันไปเห็นเฮียธี ที่ยืนมองผมอยู่ เฮียยกนิ้วโป้งให้ผม แต่แพรวาพยายามจะมาดึงแขนผมให้ออกจากบีม

“แพรวาปล่อยพี่ครับ” ผมหันไปบอกแพรวา

“มันเป็นอะไรกับพี่!!”

“แม่ของลูกพี่” ผมหันมาตอบ แพรวามองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าเด็กที่บีมอุ้มอยู่ เธอคงเห็นได้ชัดเจนว่าเขาคือลูกของผมจริงๆ

“ไม่จริงอ่ะ ไม่จริง! แพรวาไม่ยอม แพรวาไม่ยอม!!!”

“โอ๊ย!!! แพรวา เธออายุเท่าไหร่แล้ว กรีดร้องเพลงหนูไม่ยอม หนูไม่ยอมมากี่ปีแล้วเนี๊ยะ! เปลี่ยนเพลงได้แล้วมั้ง” พี่ธามพี่ชายคนที่สองที่อดรนทนไม่ไหว จนต้องพูดออกมา ผมหันไปมองป๊ากับม๊า และโกวหงส์ ที่ยืนอยู่ข้างๆ อากันเช่นกันโกวหงส์จับแขนอากันเอาไว้ ผมรู้ว่าอากันคงเสียใจหรือไม่ก็โกรธแต่นี้เลือดเนื้อของผม ผมเหมือนคนไม่มีความรับผิดชอบในสายตาใครหลายคนแต่ผมคงยอมให้คนอื่นมาทำหน้าที่นี้แทนผมแน่นอน

         ผมเดินตามหลังบีมเข้าไปในบ้านทุกคนมองบีมและลูกโซ่กันหมด ป๊า ม๊าและโกวหงส์หันมามองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าและหันไปคุยกัน พี่ๆ ผมเดินตามเข้ามาเช่นกัน อาเหมยก็มองบีมและลูกโซ่

“อาเหมยจำได้ พี่ที่อาม่าบอกว่านี่ลูกเฮียเธียรอ่ะ วันก่อนที่พี่บอกว่าพาน้องไปฉีดวัคซีนวันก่อนนะคะ” อมเหมยพูด บีมแค่หันไปยิ้มพยักหน้าเบาๆ

“พี่เธียร! พี่จะไปประคองมันทำไมค่ะ พี่ต้องมาอยู่ข้างๆ แพรวาซิ “แพรวาพูดและจะเข้ามาหาผมแต่พี่ธามยืนขวางเอาไว้

“นี่เธอ ยืนเองไม่เป็นเหรอ ตัวโตซะเปล่า และนี้ไอ้เธียรมันก็ควรจะอยู่ข้างลูกข้างเมีย เธอน่ะเป็นอะไรกับมันล่ะ " พี่ธามหันมาพูดกับแพรวา "สมองน่ะคิดเยอะๆ หน่อย ก่อนที่มันจะฝ่อ” เฮียธามพูดต่อแพรวาชักสีหน้าไม่พอใจทันที

“นี่เป็นพี่ก็ไม่ได้แปลว่าต้องยุ่งไปทุกเรื่องน่ะ อันนี้เรียกว่าเสือก!!” แพรวาหันไปบอกพี่ธาม พี่ธามคงโมโหจนเกือบจะกางมือออก ผมหันไปมองพี่ธีก็ยืนสั่นหัวทันที

“อีนี่ปากดีนะมึง เดี๋ยวได้เจออะไรที่มันดีกว่าปากมึงแน่ ฝ่ามือกูนี้!!” เฮียธามทำท่าจะกางมือแปขึ้นมารอทันทีและแพรวาเองก็ไม่กล้ากับเฮียธามอยู่แล้ว นางถึงกับชะงักเท้าเอาไว้แต่ว่ามีมือใครบางคนจับมือเฮียธามห้ามเอาไว้ได้ทัน

“อย่าเฮีย อย่าไปทำแบบนั้น เดี๋ยวป๊าก็ได้รู้หรอก “เฮียธันกระซิบบอกเฮียธาม

“รู้ว่า” เฮียถามถามกลับ”

“ป๊าน่ะเสียลูกชายไปนานแล้ว เล่นกางมือแปรอตบเขาซะขนาดนี้ นี่มันลูกสาวเขาทำกัน! “เฮียธันพูดกระซิบกับเฮียธาม

 " อู้ย เจ๊ลืมตัว" เฮียธามเอามือทาบอก  "เว้ยย"เฮียธี   "เออ เฮียลืมตัวว่ะ " เฮียแกเลยต้องชักมือลง ผมหันไปมองพี่ธาม ผมสั่นหัวเบาๆ ว่าอย่าเลยเฮีย ส่วนเฮียธีน่ะเอามือกุมหน้าอกตัวเองคงลุ้นน่าดู ทุกวันนี้ที่ช่วยปิดก็แย่แล้วน่ะ ยังไม่เก็บอาการอีกเวลาป๊าอยู่ และจังหวะที่ป๊า ม๊า และอาโกว เดินเข้ามาพอดี

“นั่งลงซิบีม” ป๊าบอกบีมให้นั่งลง ผมก็รีบจับบีมไปนั่งแต่แพรวารีบเข้ามาดึงรั้งผมอีก

“แพรวา นั่งลงก่อน เธออย่าทำให้ภาพลักษณ์เธอดูแย่ไปกว่านี้เลยน่ะ ดูบีมซิ เขานิ่งกว่าเธอ เขาดูมีราคากว่าเธออีก เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ สำรวมหน่อยซิ” โกวหงส์ถึงกับต้องเอ่ยปากพูด เพราะโกวหงส์คงทนไม่ไหวจริงๆ เช่นกัน แพรวาถึงกับชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจทันที ผมยอมรับเลยว่าบีมนิ่งมาก นี้แหละวางมาดได้เหมือนม๊าของผมจริงๆ


“และฟังอะไรให้มันเรียบร้อยซะก่อน ไม่ใช่เอาแต่ร้องแลกแหกกะเชิง มันดูไม่สมกับที่เธอเป็นถึงลูกท่านรัฐมนตรี”

“นั่งลงซะแพรวา “ม๊าพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่มนวล ผมหันไปมองเธอและพยักหน้าให้เธอปล่อยแขนผมซะ ผมเดินไปนั่งข้างๆ บีมทันที และทุกคนก็หาที่นั่ง แต่แพรวามัวแต่มองผมเลยได้ไปนั่งที่ไกลออกไป เธอคงไม่อยากโดนอี๊ผมว่าเธอ เธอเลยต้องนั่งลงอย่างเงียบๆ

“เอาล่ะ เธียร เกิดอะไรขึ้น บอกป๊า บอกม๊าและอาโกวมา “ป๊าถามขึ้น ผมหันมามองหน้าบีม ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่กอดบีมตัวสั่นเล็กน้อย

“โธ่ถังพ่อคุณ ไม่ต้องกลัวลูก “โกวหงส์ผมเอามือลูกหลังเจ้าลูกโซ่ของผม

“ป๊า ผมทำบีมเขาท้อง” ผมพูด ทุกอย่างเงียบลงทันทีแต่

“อ้ายยยย!!” แพรวากรีด นี้บรรดาเฮียผมถึงกับหยิบเอาแอร์พอตมาอุดหูไว้ทันที

“แพรวา เธอจะกรี้ดทำไมอีก “โกวหงส์หันไปถาม

“หนูรับไม่ได้ค่ะ” แพรวาพูด

“แพรวาครับ เขาก็ไม่ได้ให้แพรวารับครับ แต่เขาให้ไอ้เธียรมันรับครับเพราะว่ามันเป็นคนทำเขาท้องครับ” เฮียธันหันไปพูด

“แพรวาหมายถึงแพรวารับไม่ได้ค่ะ และพี่เธียรไปทำไอ้นี่มันท้องได้ยังไงกันค่ะ พี่ทำมันท้องตอนไหน “แพรวาลุกขึ้น อาโกวผมถึงกับส่ายหัวและหันไปมองป๊าผม ส่วนบีมที่ยังนิ่งและกอดเจ้าลูกโซ่เอาไว้

"ก็ทำนิสัยแบบนี้ไง ชาตินี้ก็คงไม่รู้หรอกว่าเขาทำกันยังไงถึงได้ท้อง และพี่เองก็ยังไม่เห็นจะมีใครหน้าไหน ยอมเป็นหน่วยกล้าตายให้เธอสักคน ขนาดไอ้เธียรเอง มันยังไม่กล้าเลย " เฮียธามคนเดิม ผมสะบัดหันไปมองหน้าเฮีย อย่าโยนมาหาผม และม๊าก็หันมามองเฮียธามทันที "ครับม๊าผมจะนั่งเงียบๆ "เธียธามพูด

"เฮีย!! นี้เฮียกล้าว่าแพรวาเหรอคะ" ส่วนแพรวาที่ดูท่าจะไม่ยอมหยุดง่ายเช่นกัน

“แพรวา ฟังเธียรพูดให้จบก่อนแพรวา น้าขอล่ะ และธามก็หยุด! ม๊าขอ “ม๊าของผมเป็นคนพูดก่อนจะหันไปมองป๊าผม "แต่แพรวาก็ยังไม่ยอมอยู่ดี"เธอยังยืนยันจะไม่ยอมฟังผมพูด

“ถ้าเงียบแบบคนอื่นเขาไม่ได้ จะให้ยืมตะกร้อเอาไหม" เฮียธามหันไปถามแพรวา

"ตะกร้ออะไร" แพรวาหันขวับไปถามเฮียธามทันที

" มันเหมาะกับเธอแน่นอนแพรวา เพราะว่ามันคือตะกร้อครอบปากสุนัข เห็นมันว่างอยู่อันหนึ่งน่ะ เอาไหมครับ และพี่จะได้ให้แม่บ้านเขาไปหยิบเอามาให้” พี่ธามหันไปบอกแพรวาพร้อมรอยยิ้ม แต่ม๊าผมหันมามองเฮียธามอีกที เหมือนกำลังพยายามจะรับหนึ่งถึงสิบอยู่น่ะ

“ธาม!!” ม๊าหันมาเอ็ดพี่ชายผมทันที

“พี่ธาม แพรวาไม่ใช่หมานะคะ” แพรวาหันขวับมาพูด

“พี่ไม่ได้ว่าแพรวาเป็นหมานี่ครับ แต่แพรวาแค่ปากหมานะครับ” พี่ธามพูดต่อและหันไปยิ้ม

“ไอ้ธาม พอ!!” ป๊าหันมาปรามเฮียธามอีกคน ปกติป๊าผมเป็นคนพูดน้อย

“เออ ตกลงเอาไหมคะ ตะกร้อนะคะ ที่เอาไว้ครอบปากสุนัข พี่มลจะได้ไปหยิบมาให้ค่ะ” คนใช้บ้านผมเอาน้ำมาเสิร์ฟพอดีเลย ทำให้ม๊ากับป๊าผมหันไปมองพร้อมกันทันทีคนใช้บ้านผม

“เฮ้ยย!!” ผมกับเฮียธีและเฮียธันร้องออกมาพร้อมกันเลย

“เอาครับพี่มล” พี่ธามรีบตอบทันทีเช่นกัน และ “ไม่เอาจ๊ะมล! วางแก้วน้ำให้แขกและเข้าไปเตรียมทำอาหารเย็นได้แล้ว ขอบใจมาก ที่ช่วยกันได้ดีจริงๆ” ม๊าของผมบอกคนใช้ ทุกคนหันมาหน้ากัน ก่อนจะหันไปมองพี่ชายคนที่สอง ขยันใส่ไฟนางเหลือเกิน "ค่ะ"พี่มลตอบก่อนจะหยิบถาดและถือกลับไป

“ตกลง คนที่พามานี้ ลูกเมียเราใช่ไหมเธียร” โกวหงส์หันมาถามผม ผมหันไปพยักหน้าตอบโกวหงส์

“หนูใช่คนที่ทำงานตำแหน่งธุรการหรือเปล่าลูก” โกวหงส์หันมาถามบีม

“ใช่ครับ ผมทำงานตำแหน่งธุรการครับ” บีมพูดพร้อมกับกอดเจ้าลูกโซ่เอาไว้ และผมก็เห็นว่าบีมอุ้มนานแล้ว ผมแบมือไปขออุ้มลูกแทนบ้าง บีมหันมามองผมเขาส่งลูกมาให้ผมอุ้ม แต่ครั้งนี้มันง่ายขึ้น

“แล้วพี่แน่ใจได้ยังไงว่าเด็กนี้ลูกพี่น่ะ พี่เธียร เพื่อว่ามันอาจจะไปนอนกับใครต่อใครมาก็ได้ และที่มหา’ลัยน่ะ ใครก็พูดกันว่ามันไปคลุกอยู่กับอากัน” แพรวาลุกขึ้นมาพูด ผมหันไปมองอากันว่าเขาจะพูดยังไงกับเรื่องนี้ ถ้าเขาพูดว่ามันคือเรื่องจริงนี้เขาก็ทำร้ายบีมทางอ้อมเช่นกัน

“ว่าไงล่ะ กัน ที่แพรวาพูดน่ะ เรื่อง “ป๊าผมหันไปถามอากันตภณทันที

“ใช่ครับเฮีย มีคนในมหาวิทยาลัยพูดกันแบบที่แพรวาพูด แต่ว่าบีมเขารับทำวิทยานิพนธ์ครับ และผมก็เป็นคนแนะนำเขาทำรายงานเพื่อหาค่าเรียนหนังสือเขาเลยมาปรึกษาผม”

“และคงไม่มีใครกล้าทำเรื่องน่าอับอายเพื่อประจานตัวเองในห้องที่มีอาจารย์นับสิบคนแบบนั้นหรอกมั้ง แพรวา เพราะทุกครั้งที่บีมมาหาผม เขาก็มาในเวลาที่มีอาจารย์เขานั่งกันอยู่ตลอด” อากันพูด ตอนแรกแพรวาก็ยิ้มเยอะแต่ก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“ทำงานส่งตัวเองเรียนเหรอลูก แล้วพ่อแม่ล่ะ”

“พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้เจ็ดขวบครับ และพ่อผมเป็นคนต่างชาติ พอแม่ผมแต่งงานใหม่ ท่านก็ส่งผมมาอยู่ที่ไทยกับยาย แต่พอยายผมเสีย ผมก็ไปอยู่คอนโดที่แม่ผมซื้อเอาไว้สำหรับมาพักผ่อนครับ” บีมตอบ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้ของบีมมาก่อนเลย บีมหันมามองหน้าผม

“ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ แม่เพิ่งจะบอกกับผมว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะว่าพ่อผมที่เป็นนักวิทยาศาสตร์แต่เขาทำอะไรกับผมบ้าง ผมไม่เคยรู้หรอกครับจนกระทั่ง ..” บีมพูดก่อนจะหันมามองผมกับเจ้าลูกโซ่

“แกจะบอกว่าแกท้องและพี่เธียรต้องรับผิดชอบแกอย่างนั้นเหรอ “แพรวาลุกขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันไปมองเธออย่างเอือมระอา

“แพรวาใจเย็นนั่งลงก่อนได้ไหมแพรวา “ม๊าของผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพื่อให้แพรวาใจเย็นลง แต่ผมว่าน้ำอะไรก็เอาแพรวาไม่อยู่แล้วแหละ เธอเอาแต่ใจจนใครๆ ก็เอือมระอาไปหมด

“ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปรับผิดชอบเลย ก็แค่ท้องในคืนเดียวและที่ได้กับพี่เธียรน่ะ เขาวางยาพี่เธียรหรือเปล่า ทำเหมือนในละครน่ะ ใช่ไหม แกทำแบบนั้นใช่ไหม” แพรวาพูดแต่บีมน่ะหันมามองหน้าผม

“ผมโดนวางยาจริง “ผมพูด

“นั้นไง มึง…มึงกล้าวางยาพี่เธียรของฉันเหรอ” แพรวารีบพูดต่อทันทีและทำท่าจะเข้ามาทำร้ายบีมแต่ อาโกวหงส์หันไปยิ่งสายตาที่บ่งบอกว่าจะเริ่มหมดความอดทนแล้วน่ะ ป๊ากับม๊าถึงกับออกอาการตกใจทันทีได้ยินว่าผมโดนวางยา

“แต่ไม่ใช่บีมเป็นคนวางยาผม แต่บีมก็โดนเพื่อนผมที่เล่นพิเรนทร์ วางยาเขาก่อนและผมเองก็ควบคุมสติตัวเองไม่ได้ ผมเลยทำสิ่งที่ไม่น่าจะทำกับคนที่ไปทำงานที่นั่น อย่างบีม” ผมพูด

“แต่ตอนนั้นผมตกใจและขี้ขลาดเกินไปจะยอมรับใส่สิ่งที่ตัวเองทำลงไป จนกระทั่งผมได้เห็น ลูกผมอ่ะป๊า ผมเลย…”

“ถ้าอย่างนั้น เราจะทำยังไงกับเรื่องนี้เธียร” ป๊าถามผม ผมหันไปมองบีม

“ผมจะรับผิดชอบบีมและลูก” ผมพูด

“มันก็แค่ท้องอ่ะ พี่ต้องรับผิดชอบมันเลยเหรอ ทำไมเหรอคะ ไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบเลย” แพรวาลุกขึ้นพูดอีกครั้ง ป๊าผมลุกขึ้นเช่นกันและเดินออกไปผมไม่รู้ว่าไปไหน

“แพรวา เธอพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกน่ะ ลองคิดกลับกัน ถ้ามีคนมาทำให้เธอท้องเหมือนบีมและแทนที่จะรับผิดชอบกลับบอกว่าเธอก็แค่ท้องล่ะ พูดว่าไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบเธอเหมือนกัน เธอจะรู้สึกยังไงล่ะแพรวา และนี่เธียรเขาก็ตัดสินใจของเขาแล้วว่าจะรับผิดในสิ่งที่เขาทำลงไป”

“แต่พี่เธียรคือของแพรวา”

“พี่ไม่เคยบอกว่าพี่เป็นของแพรวาครับ” ผมหันไปบอกเธอ บีมหันมามองผมด้วยเช่นกัน แพรวามองผมก่อนจะหันไปมองรอยๆ

“คุณน้าจะให้พี่เธียรตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้นะคะ เพราะว่าพ่อแพรวาไม่ยอมแน่ๆ และที่สำคัญ คุณน้ากับคุณอาคงลืมไปว่าตระกูลของแพรวาเคยช่วยตระกูลคุณน้ามาก่อน “แพรวาขุดเอาเรื่องนี้มาพูดทันที

“แล้วฉันต้องยกลูกชายให้เธอเหรอ แพรวา ถ้าเขาไม่ได้ต้องการจะเลือกเธอน่ะ “ม๊าหันมาพูดกับแพรวา ทั้งที่ไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน พ่อผมเดินกลับมาพอดี

“แพรวา ไอ้เธียรมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเธอน่ะ พี่ว่าเธอควรจะไปทำตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้จะดีกว่า พูดมาได้ยังไง ว่าเธียรคือของแพรวา ทั้งที่มันไม่เคยบอกเธอเลยน่ะว่า มันอยากเป็นอย่างที่เธอนั่งฝันกลางวันเอาเอง หรือที่เขาเรียกกันว่าโรคมโน คิดเองเออเองอยู่คนเดียว “พี่ธามพูดก่อนลุกขึ้นและเดินออกไปเป็นคนแรก คงเบื่อที่จะฟังความงี่เง่าของแพรวา ผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่เห็นเงียบๆ เหลือกตาขึ้นมองผมและหันไปมองแพรวาก่อนจะรีบหันมาซุกอกผม ส่ายหัวด้วยไม่ว่ารำคาญเหมือนกันหรือว่ากลัวกันแน่

“งั้นผมพาบีมกับลูกขึ้นห้องผมก่อนนะครับม๊า ป๊า เพราะว่าลูกโซ่ดูท่าจะง่วงแล้ว” ผมเองก็เบื่อที่จะพูดกับคนไม่รู้เรื่องอย่างแพรวา ผมพยักหน้ากับบีม บีมก็ทำท่าจะลุกเช่นกัน ผมอุ้มลูกโซ่ขึ้น
“ไม่ได้น่ะ พี่จะไปกับมันไม่ได้พี่จะให้มันนอนบ้านเดียวกับพี่ไม่ได้ ไม่ได้”

“ได้ครับแพรวา เพราะว่าบีมคือว่าที่ภรรยาของพี่ “ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม”

“และพี่ก็.... เอาแหวนของพี่ให้บีมไปแล้ว” ผมหันไปบอกแพรวา

“อ้าว! ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอบีมเขาแต่งงานไปแล้วซิ แหวนวงศ์ตระกูลน่ะ ถ้าให้ใครนั้นแปลว่า เราเลือกบีมแล้วใช่ไหม” โกวหงส์พูดขึ้น

“ไม่จริงอ่ะ! พี่บอกว่าพี่ทำหายไม่ใช่เหรอคะ”

“พี่โกหกแพรวา “ผมหันไปบอกแพรวา

“บีมเอาแหวนออกมาซิ “ผมบอกบีม บีมมองหน้าผม

“แหวนน่ะบีม” ผมกระซิบอีก เขาก็พึ่งจะนึกขึ้นมาได้เลยหยิบออกมาจากสร้อยคอที่ห้อยอยู่

“ชัดเลย! ยินดีด้วยครับคุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” พี่ธันพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่บีม

“ไม่จริง!! นั้นมันต้องเป็นของฉัน เอาคืนมาน่ะ” แพรวาทำท่าจะก้าวเท้ามาหาบีมแต่ผมก็ต้องกันบีมออก และจู่ๆ แพรวาก็ล้มลง เพราะสะดุดเท้าอาเหมย

“เออ โทษน่ะ ไม่ตั้งใจน่ะ” อาเหมยพูดแต่ผมรู้ว่าเหมยมันตั้งใจ แพรวาลุกขั้นมาได้ ก็หันไปมองอาเหมยด้วยความพอใจ แต่อาเหมยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“พอ พอ พอได้แล้ว! “ม๊าผมลุกพรวดขึ้นยกมือห้าม

“พ่อแม่เธอจะมารับแล้วแพรวา กลับไปตั้งสติตัวเองให้ดีดี ไม่ใช่เอาแต่โวยวายแบบนี้”

“เธอน่ะคลุกคลีกับครอบครัวน้ามาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนก็วิ่งตามพี่เธียร และน้าก็เห็นว่าเราน่ะ เป็นลูกคนเดียว ส่วนเธียรก็ไม่อยากให้เธอเอาแต่ร้องไห้งอแง ก็เลยยอมแต่นี้เธอโตแล้วแพรวา เธอควรจะรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่เธอทำน่ะ มันใช้ไม่ได้แล้วน่ะที่จะงอแง โวยวายโดยไม่แคร์ว่านี้มันสมควรหรือไม่สมควร เพราะเธอไม่ใช่เด็กสองสามขวบแล้ว แพรวา!! “ม๊าผมพูด ปกติม๊าผมเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไพเราะอ่อนหวาน ม๊าเป็นคนที่เก็บอาการโมโหได้ดีมากมาตลอด แต่วันนี้เล่นเอาพวกผมแม้กระทั่งป๊าผมเองก็ยืนอึ้งไปตามๆ กัน

“ม๊า” ป๊าผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย โกวหงส์ก็ยังงงเลยที่เห็นมาผม ของขึ้นกับเขาเหมือนกัน

“ชอบ…กดไลฟ์” เฮียธี

“มันใช่เลย งั้นกดแชร์” เฮียธีอีกคน ม๊าหันขวับไปมองพี่ชายสองคนของผม ถึงกับหดเป็นแถว

“เธียรพาบีมและลูกไปพักเถอะ โกวจะกลับแล้ว ไปอาเหมย เดี๋ยวไม่ได้กลับกันพอดีมืดค่ำซะก่อน” โกวหงส์พูดก่อนจะลุกขึ้นเช่นกัน

“ไม่แพรวาไม่กลับ” แพรวาพูด ผมหันมามองแพรวา ภาพเด็กผู้หญิงน่ารักที่เคยวิ่งตามผมเล่นกับผม ไม่น่าเชื่อว่านี้เธอช่างดูน่ากลัว ผมหันมาเอาแขนไปดันบีมที่หันไปมองแพรวาให้เดินออก ผมรู้ว่าเขารู้สึกผิดแต่คนที่ผมอุ้มอยู่นี้ก็สำคัญกับผมมากเช่นกัน ผมเอามือลูบหัวเบาๆ และนี้ผมเลือกแล้วผมเดินออกโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอ

“พี่เธียร!!!” แพรวาจะเข้ามาหา ผมเองก็ไม่ได้หันกลับไปมองเธอ ผมต้องยอมใจร้ายบ้างแล้วเพื่อไม่ให้เสียสิ่งที่สิ่งที่สำคัญกับผม นั้นคือลูกและอีกคนที่ควรค่ากับคำว่าแม่ของลูกมากกว่าแพรวา

“แพรวา” เสียงแม่ของแพรวาเรียกเธอ

“คุณแม่คุณพ่อ แพรวาไม่ยอมนะคะ แพรวาไม่ยอม พี่เธียรทำแบบนี้กับแพรวาไม่ได้ ฮือๆ คุณแม่คุณพ่อ ทำอะไรสักอย่างซิคะ แพรวาไม่ยอมให้พี่เธียรกับไอ้บ้านั้น ต้องเป็นแพรวาคนเดียว ฮือๆ ” ผมสั่นหัวให้บีมว่าอย่าไปฟังและผมก็ปล่อยให้พ่อแม่ของเธอจัดการกับลูกสาวของเขาเอง ผมพาบีมขึ้นมาบนบ้านและพาไปยังห้องนอนของผม และทันทีที่ปิดประตูห้องนอนปิดลง

“ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ บีมยืนมองผม

“อันที่จริงพี่ไม่ต้องรับผิดชอบผมหรอกน่ะ ดูเธอเสียใจมากที่”

“พี่เลือกแล้ว บีม “ผมพูดก่อนจะเอาเจ้าลูกโซ่ไปล้างมือในห้องน้ำซะก่อนเพราะว่าเล่นเครื่องเล่นมา ผมกลัวลูกเอามือใส่ปากไม่รู้ว่าไปจับอะไรมาบ้าง ก่อนจะเดินออกมาเห็นบีมยืนมองรูปถ่ายผมสมัยเด็กๆ กับพี่ๆ และเขาก็หันมามองเจ้าลูกโซ่

“แล้วของใช้ลูกล่ะ ผมจะทำยังไง”

“บีมจะใช้อะไรบ้างล่ะ พี่จะได้ให้คนในบ้านไปซื้อให้ มีร้านค้าอยู่น่ะออกไปจากหมู่บ้านหน่อย” ผมบอกบีม บ้านของผมตั้งอยู่ในหมู่บ้าน ที่ค่อนข้างแพงทำเลดี ทำเลดีของป๊ากับม๊า คือไม่วุ่นวาย เงียบสงบแต่ยังอยู่ใกล้ตัวเมือง เพื่อความสะดวกสบาย จังหวะนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ผมและบีมหันไปมองที่ประตูพร้อมกัน

TBC......

              คนแต่งต้องบอกก่อนว่านายเอกเรื่องนี้ไม่ใช่นักบู๊ แต่คนแต่งตั้งใจให้เขาเป็นคนนิ่งๆ ไม่จำเป็นต้องไปออกรบเองเพราะว่าบีมเป็นคนที่น่ารัก มีคนปกป้องเยอะอยู่แล้ว

                 ตอนหน้าอาม่าจะมาหาหลาน อาม่าคือคนที่เธียรรักมากที่สุดรองลงมาจากป๊ากับม๊าและเป็นคนที่เธียรเชื่อฟังมากที่สุด มากกว่าป๊าเขาอีก เรามาดูซิว่าเจ้าลูกโซ่จะทำให้อาม่าหลงได้ไหมน่ะ

ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ เราจะสู้ไปด้วยกันจนจบ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 12-03-2021 03:00:48
 :impress2: :-[
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-03-2021 04:56:31
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 12-03-2021 23:03:35
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 13-03-2021 07:32:35
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 พาลูกเมียเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 13-03-2021 09:44:21
รำคานแพรวามากกกกก
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 .1 เจ้าลูกโซ่ขี้อ้อน
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 13-03-2021 19:45:55
      ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอน ผมเดินย้อนไปเปิดพร้อมกับลุ้นว่าใครกันน่ะ อย่าบอกน่ะว่าแพรวาตามขึ้นมาน่ะ  และผมก็อุ้มลูกโซ่ติดมือไปด้วย พอเปิดประตูออกไป คนนั้นคือเฮียธี ผมนี้ค่อยโล่งอกไปหน่อย แต่ว่าไอ้เจ้าลูกโซ่กับยื่นมือไปจะจับปลายจมูกเฮียธีทันทีเช่นกัน แต่เฮียแก็ไว้ รีบคว้านจับมือหลานเอาไว้ซะก่อน

“แม้มุกเดิมๆ “เฮียธีพูดและยังทำท่าจะงับมือหลานเล่น “เอิ้กๆ “เจ้าลูกโซ่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ผมรู้ว่าพี่ธีชอบเล่นกับเด็กๆ เห็นเด็กไม่ได้ต้องเข้าไปหยอกเล่น

“เฮียจะไปรับแฟนเฮียน่ะ พี่มิวนะครับบีม เฮียบอกมิวว่า เรามีหลานแล้วมิวตื่นเต้นน่าดู และมิวก็เดาถูกซะด้วยว่าลูกน้องบีม “เฮียธีพูด ผมถึงกับต้องทำสีหน้าแปลกใจ

“ก็พอดีวันนั้นพี่ไปส่งน้องบีมเขาที่ไปรับเจ้าแสบ มิวเขาทักพี่ตลอดทางเลยว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนคนในครอบครัวเฮียแน่ๆ ที่ไหนได้เป็นหนุ่มหล่อของบ้านเรานี้เอง “เฮียธีพูด

“บีมจะเอาอะไรไหม พี่มิวเขาเป็นร้านขายยาน่ะ พี่มิวจะได้เอามาให้” ผมหันไปถามบีม

“คงต้องเป็นขวดนมน่ะครับ และก็นมผง ผมให้น้องทานนมแพะอยู่ครับ และก็แพมเพิสเด็กน่ะครับ” บีมหันไปบอกกับเฮียธี

“จัดให้ครับ “เฮียธีพูดก่อนจะหันมาจับปลายจมูกหลานแทน

“เฮีย…แพรวากลับไปยัง” ผมถามเฮียธี

“ไปแล้ว แต่นางจะไปได้น่ะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นร่ำไห้ใจจะขาด และพ่อเขาดูท่าจะไม่พอใจป๊าด้วยว่ะ อันนี้เริ่มซีเรียสว่ะ เพราะว่าป๊ากับลุงธรรมรัตน์น่ะไม่เคยผิดใจกันมาก่อนเลยน่ะ “ผมพยักหน้ากับเฮีย แบบเซ็งๆ และหนักใจไปพร้อมๆ กัน

“งั้นเฮียไปน่ะ จะรีบไปรับมิวก่อน รอนานเดี๋ยวนางเหวี่ยง และที่เหวี่ยงไม่ใช่ว่าเหวี่ยงกูไปรับช้าน่ะเพราะว่าจะรีบมาดูลูกมึงนี้แหละ ” เฮียธีพูดก่อนจะปิดประตูลง ผมหันมามองบีม ผมเดินเข้ามามองเขา

“อาบน้ำก่อนไหมบีม” ผมถามบีม บีมนั่งลงบนเตียงนอนของผม บีมมองหน้าผม เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่

“พี่ให้ผมอยู่ในฐานะอะไรอ่ะ แค่แม่ของลูกพี่หรือเปล่า” บีมถามผม

“เออ คือ พี่ พี่ยอมรับว่าใช่ในตอนนี้ แต่มันอาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้น่ะ พี่เชื่อที่อาม่าของพี่ ที่บอกกับพี่ว่า บางที่ไม่จำเป็นต้องรักกันมาก่อนแต่ถ้าหลังจากนี้ไปแล้ว ถ้าบีมพร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับพี่ พี่ยินดีที่จะปรับปรุงตัวเองน่ะ และพี่เชื่อว่า “ผมพูด บีมมองหน้าผมแบบไม่ค่อยเข้าใจมากหนัก

“บีมคือคนที่พี่รอ “ผมพูด

“พี่เชื่อจากอะไรอ่ะ ในเมื่อวันแรกที่ผมเจอพี่น่ะ พี่ยังไม่พอใจผมที่ผมทำเหล้าหกใส่พี่เลย” บีมพูด ผมเดินมาหยุดตรงหน้าบีมและวางเจ้าโซ่ลงบนตักบีม ก่อนจะย่อตัวลง แววตาที่ใส่ซื่อของบีมและลูกโซ่มองมาที่ผม นั้นแปลว่าลูกโซ่ได้วงตาสวยงามนี้มาจากบีม

“พี่ขอโทษ เออ คือ  คือว่าวันนั้นน่ะ พี่โดนป๊าพี่ด่าน่ะ ด่าเยอะที่สุดพี่เลยหงุดหงิด และพี่ก็เห็นเรา พี่ก็คิดว่าเป็นพวกนั่งดิ้งทำเพื่อเงิน อยากได้แต่เงิน “ผมพูด กับบีม

“แต่จริงผมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้งน่ะ” บีมพูด ผมเงยหน้าขั้นมองบีม ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนของผมอีกครั้ง ผมหันไปก่อนจะเปิดประตู ผมเปิดประตู คนที่มาคือม๊าของผมเอง ม๊าเดินมาพร้อมกับถือกล่องมาหนึ่งกล่อง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

“ม๊าไปค้นเอาเสื้อผ้าเจ้าเธียรในตู้มาน่ะ ตั้งแต่ตอนเล็กๆ ม๊ายังเก็บเอาไว้ บางชุดยังใหม่อยู่เลยน่ะพอจะใส่ไปก่อนได้ไหมล่ะบีม “ม๊าผมพูดก่อนจะวางกล่องนั้นลง บีมเปิดดูและหยิบเสื้อผ้าชุดเด็กเล็กมาดู ม๊ามองเจ้าลูกโซ่ที่กำลังช่วยบีมรื้อเสื้อผ้าในกล่องออกมาดูเอง เขาหันมาเอียงคอมองม๊าผมแถมยังหลับตาข้างหนึ่ง เอียงคออีกทีและหลับตาอีกข้างสลับกันแบบนี้จน

“หึๆ ทะเล้นนะเราน่ะ ทะเล้นเหมือนป๊าเราไม่มีผิดเลย” ม๊าผมพูดปนหัวเราะ

“เธียร ป๊าเรียกไปคุยที่ห้องทำงานน่ะ และอย่าเถียงป๊าล่ะ เพราะว่าป๊าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน เข้าใจไหมเธียร ป๊าแนะนำอะไรก็ฟังเอาไว้น่ะเธียรน่ะ “ม๊าหันมาบอกกับผม ผมยอมรับว่าผมเป็นลูกชายคนที่สี่ ที่ดื้อที่สุดของป๊าเลยก็ว่าได้ ผมหันไปพยักหน้าเบาๆ กับม๊า ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปและก่อนที่ผมจะปิดประตูผมได้ยินเสียงคุยกันของแม่ผมกับบีมแม่ผมอยากมีหลานแต่ด้วยความที่บ้านของผมยุ่งมากพี่ๆ เลยยังไม่พร้อม และผมก็ปล่อยให้แม่สามีกับลูกสะใภ้เขาคุยกันตามลำพัง เพื่อบางทีแม่ผมกับบีมอาจจะคุยกันเข้าใจมากกว่าผม

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องทำงานของป๊า ผมรู้ว่าประตูไม่ได้ล๊อกนั้นแปลว่า ป๊าคงนั่งรอบ่นผมอยู่แล้วแน่ๆ เลย ผมเปิดประตูเข้าไปทันที ป๊านั่งลงอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม สายตาของป๊า ที่ไม่เคยภูมิใจในตัวลูกชายคนเล็กคนนี้เลยสักนิด มีแต่เรื่องมาให้ป๊า

“นั่งลงซิเธียร” ป๊าพูดผมก็นั่งลง

“แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้มันนานแบบนี้ ละเธียร” ป๊าถามผม

“ผมไม่รู้ว่าเขาจะท้อง และถึงตอนนั้นผมจะไม่ตั้งใจแต่ตอนนี้ผมตั้งใจป๊า ตั้งใตที่จะรับผิดชอบเขาน่ะป๊า” ผมพูด ป๊าก็วางปากกาลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

“จะรับผิดชอบเขา ดูเราซิ จะดูแลเขาได้ไหม ยังเหลวไหลอยู่เลยน่ะเธียร”

“และเด็กคนนี้อากันของเรา มันก็เป็นคนเอามาฝาก ป๊าดูก็รู้ว่ากันมันต้องคิดอะไรด้วย ไม่อย่างนั้นกันมันจะไปทำหน้าที่ดูแลเขาหรอกเธียร” ป๊าผมพูด ผมทำได้แค่หลุบตาลง

“แถมเด็กนี้มันก็ดูแลมาแต่ก็ดันมาเป็นลูกหลานชายมันอีกเองอีก “ป๊าผมพูด ผมรู้ว่าป๊าก็รักน้องชายของป๊ามากเหมือนกัน

“แล้วป๊าคิดว่าผมควรจะยกลูกเมียผม ให้กับอาตัวเองเหรอครับ เพราะว่าเขาดูแลได้ดีกว่า ทั้งที่ผมยังไม่ได้ลองเลยป๊า” ผมถามป๊าผม

“ก็ถ้าอยากดูแลเขา ก็ทำให้ป๊าและม๊าเห็นว่าเราจะดูแลเขาได้ การจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องแบกรับภาระต่างๆ มันไม่ง่ายน่ะเธียร “ผมหลุยตาลง

“ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลโรงเรียนที่ป๊าให้แกทำตอนนี้ให้ดี ถ้าแกทำได้นั้นก็แปลว่าแกพร้อมจะดูแลเขา แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องคืนอากันเขาไปทั้งหมด” ป๊าพูดก่อนจะ โบกมือให้ผมออกไปได้แล้ว ป๊าจะทำงานต่อ

“ป๊า ป๊าเคยถามเธียรไหม ว่าเธียรอยากเรียนอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นถามคนตรงหน้า

“ป๊ารู้ รู้ว่าเธียรอยากเรียนอะไร ไม่อย่างนั้น มึงจะหนีกวดวิชาไปเรียนวาดภาพแทนเหรอ และแอบไปเรียนจนอาก๋งจับได้ และสุดท้าย ไอ้กันที่มันตามรับตามส่งเรา น่ะโดนอาก่งด่าแทน “ป๊าพูด ผมยอมว่าจริงๆ

“ผมไม่อยากทำงานด้านการบริหารอ่ะป๊า กว่าผมจะเรียนสิ่งที่ผมไม่ชอบจนจบอ่ะป๊า มันยากมาเลยน่ะป๊า” ผมพูดป๊าหันมามองหน้าผม

“แต่นี้มันธุรกิจบ้านเราเธียร!! ธุรกิจที่อาก๋งพยายามทำมาเพื่อเป็นสมบัติของครอบครัวเราและมันก็เป็นมรดกตกทอดมา”

“และตอนนี้เราก็ไม่มีแค่ตัวคนเดียวแล้วเธียร เรามีลูกเพิ่มมาอีก และมีแม่ของลูกอีก ถ้าไม่ทำอันนี้จะไปทำอะไรเธียร!! “ป๊าถามผม

“ป๊าก็ยังคิดเสมอว่าผม ไม่เคยเป็นลูกที่เอาไหน ไม่เก่งเหมือนลูกทุกคนที่ป๊ามีอยู่ดี” ผมพูดก่อนจะลุกขั้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจป๊า

“ก็ทำให้ป๊าเห็นซิเธียร ว่าเธียรยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเองได้และถ้านายทำได้นั่นแหละ มันจะเป็นความภาคภูมิใจของเธียรเองไม่ใช่แค่ป๊ากับม๊า และลูกเราที่จะมองเราคือแบบอย่างในอนาคตเธียร “ป๊าพูดแค่นั้น ก่อนจะก้มลงเซนต์เอกสารต่อ

   ผมก็แค่หยุดฟังและเปิดประตูออกไป ผมได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากด้านล่าง ผมเดินลงไปดู ผมเห็นอาม่า อาม่ามาหาเหลน พวกเขากำลังหัวเราะในความน่ารักของลูกชายผม ผมเดินไปยืนมองเด็กน้อยขี้อ้อนทำให้อาม่าที่เงียบเหงาเศร้าซึมหลังจากที่อาก๋งผมเสียไปกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว นี้คือรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นอีกครั้งบนใบหน้าของผู้หญิงที่เลี้ยงดูผมแทนม๊าของผมมาตั้งแต่แรกเกิด

“อาเธียรน้อยๆ มา มา อาโจวม่าให้รางวัล เออ นี้ดูซิ มันเหมือนอาเธียรม๊าก มาก ฉลาดซะด้วยน่ะ ขี้อ้อนอีกต่างหาก “อาม่าผมชมลูกชายของผมไม่ขาดปาก จนผมเดินไปนั่งลงและเข้าไปกอดอาม่า

“เป็นไง โดนป๊าดุมาอีกแล้วซิ เราอย่าดื้อกับป๊าซิ อาเธียร และป๊าเขาบอกเขาแนะนำอะไรก็ตามที่ป๊านั่นแหละ ป๊าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน น่ะอาเธียร”

“งั้นอาม่าก็อาบน้ำร้อนก่อนมาใช่ไหมครับอาม่า” เฮียธันล่ะสายตากับการเล่นกับเจ้าลูกโซ่มาถามอาม่า

“อาม่าเหรอ อาบน้ำเย็น!”

“อ้าวอาม่า!!!” เฮียธีมกับเฮียธี

“ร้อนจะตายห่า เมืองไทยนะไม่ใช่เมืองนอกอ้า เมืองไทยมันมีหน้าร้อนแค่หน้าเดียว ร้อน ร้อนมาก ร้อนมั๊กมาก และร้อนฉิบหาย!” อาม่าพูด

“อาม่า!!” พวกผม

“โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงเลี้ยว! ถามอะไรโง่ๆ ใครจะไปต้มน้ำอาบว่ะ ” อาม่าของพวกผมเป็นคนตลกครับ เฮียธันถึงกับเกาหัวทันที “กูไม่น่าพาตัวเองไปให้อาม่าด่าฟรี” เฮียธันพูด

“แล้วนี่มึงไปซุกไว้ที่ไหนทำไมเพิ่งพามาล่ะ หาอาเธียร ลูกเมียเราน่ะ” อาม่าถามผม ผมหันไปมองบีม

“ก็กะว่าจะรอให้ตั้งทีมฟุตบอลแล้วค่อยบอกน่ะอาม่า” ผมพูด

“มึงมันกวนตีนอาม่าอีกแล้วไอ้สีเทียน”

“อาม่า ผมชื่อเธียรวิชย์” ผมอ้อนอาม่า ผมหันไปเห็นบีมเดินออกมาที่

“แล้วนี่ เลี้ยงเมียยังไง ถึงได้ผอมขนาดนี้ เลี้ยงให้อ้วนๆ หน่อย จะได้มีอีกสักห้าหกคน” บีมสะบัดหน้ามามองอาม่าผมทันที

“เมียเหรออาม่าที่ให้ผมมีได้สี่หน้าคนน่ะอาม่า”

“อาม่าหมายถึงลูกมีสี่ห้าคน แต่เมียน่ะไม่ต้องถึงสี่ห้าคงหรอก ลองมีอีกคนน่ะ อาม่าจะให้เขาตัดไอ้ตัวเจ้าปัญหามึงออกจะได้ไม่กล้าซ่าอีก” อาม่าพูด แบบนี้หนีบน้องหนูรอเลยดีกว่า

“ล้อเล่นอาม่า ให้ผมทำมาแบบ ตั้งทีมฟุตบอลเลยไหมอ่ะอาม่า” ผมพูด มีคนแอบค้อนด้วยน่ะ

“ดีดี เอาสำรองมาด้วยน่ะ อาม่าชอบมีเหลนเยอะๆน่ะ” อาม่าผมพูด

“ว่าแต่ลูกชายเราชื่ออาหรายน่ะ ชื่อจริงนะ” ผมเองก็ยังไม่รู้

“ชื่อ เออ ชื่อ …..” ผมเองก็หันไปมองคนที่นั่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“อ้าวไอ้เธียร ลูกมึงชื่อจริงชื่ออะไรละ” มาม่าถามผม

“ไม่รู้อ่ะอาม่า แต่ชื่อเล่นน่ะลูกโซ่ ” ผมพูด

“โป๊ก!!”

“โอ๊ย!! อาม่าตีเธียรทำไมเนี๊ยะ”

“เป็นป๊าภาษาอาหราย ลูกชื่ออะไรยังไม่รู้เลย ไปถามเมียมึงซิไป๊ ไอ้นี้ เดี๋ยวเอาอีกทีเลย “อาม่าโบกมือให้ผมไปถามบีม ที่นั่งดูของที่มิวเอามาให้ มีพวกขวดน้ำ น้ำยาล้างขวดนมและเยอะแยะไปหมด จำไม่ได้ว่าอะไรเป็นอะไร เอสเซสเซอรี่ลูกผมเยอะเหมือนกันน่ะ

“เพิ่งจะเป็นวันนี้วันแรกเองนะอาม่า” ผมพูด

“เป็นอาหราย” อาม่าถาม

“เป็นป๊า” ผมบอกเบาๆ เอามือลูบหัวไปด้วย

“ชื่อเด็กชายกีรติกรครับ แปลว่าผู้สร้างชื่อเสียงครับ อาม่า” บีมหันมาตอบ อาม่า

“ดีดี เพราะดี แต่เลี้ยงให้ดีดีเลยน่ะ อย่าให้เหมือนพ่อมัน อาม่าตั้งให้ว่า เธียรวิชย์ แปลว่านักปราชญ์ อ่ะ แต่ที่ไหนได้มันไม่ได้ดีไปกว่าไอ้สีเทียนเลย มึงควรจะชื่อเป็นไอ้สีเทียนมากว่าเธียรวิชย์อ่ะ”

“อาม่า!!! “ผมอ้อนอาม่า

“ไม่ต้องมาอ้อนเลย “ผมรู้ว่ามีคนแอบมอง และทำเป็นรีบหันหนี เห็นผมแบบนี้ผมขี้อ้อนน่ะ “หมับ” มีคนมาอ้อนอาม่าผมเพิ่มอีกคน ไอ้เจ้าลูกเจ้าก้อนเต้าหู้ของผม อาม่ารีบหันไปลูปหัวคนที่กอดขาอาม่าจนก้นโด่ง

“ม๊า มายังไงล่ะ “ป๊าผมลงมาถามอาม่า ป๊าผมยืนมองผมลูกชายของผม

“ม๊ามาแท็กซี่น่า โทรหาอากันแล้วมันไม่รับสาย และเห็นว่ามารวมกันที่นี้นึกว่ามีเรื่อง ม๊าเลยมา” อาม่าบอกป๊าผม ผมรู้ว่าม๊าไม่อยากให้ป๊าเป็นห่วง

“พ่อมันก็ขี้อ้อน พอมันมีลูก ลูกมันก็ขี้อ้อนน่า อาเกริกน่า นี้ถ้าอาก๋งอยู่ล่ะ หลงตายเลยอ่ะ “อาม่าพูดและชี้ที่เจ้าก้อนเต้าหู้ของผมกับบีม ป๊าผมก้มลงมองเจ้าตัวเล็กของผม ที่แหงนหน้าขึ้น

“งั้นม๊าอยู่ทานอาหารเย็นก่อนแล้วกัน ผมค่อยให้คนขับรถที่บ้านไปส่งม๊าเลยนนะ อากันมันบอกผมว่ามันไม่กลับบ้านน่ะวันนี้น่ะ” ป๊าบอกอาม่า

“ป๊า ผมจะไปส่งมิวที่คอนโดด้วยป๊า เพราะว่ามิวเขามีอบรมเรื่องยาพรุ่งนึ้ครับป๊า ผมไปส่งอาม่าเองแล้วกัน” เฮียธีบอกกับป๊า ป๊าพยักหน้าว่าได้

“หมับ” มีคนคลานไปเกาะขาป๊าผม ป๊าก้มลงมองเด็กน้อย พวกผมก็มองว่าป๊าผมจะเตะออกไปหรือว่าจะอุ้มขึ้นมา

“มึงว่าป๊าจะเตะเหมือนพุดเดิ้ล หมาของเฮียธามไหมอ่ะ ที่แตะกระเด็นลอยไปยังกับผ้าขี้ริ้วน่ะเฮีย “เฮียธันกระซิบกับเฮียธี พี่มิวหันไปชำเลืองตามองเฮียธี ที่ทำท่าคิด

“ก็เจ๊ มึงเล่นใส่เอสเซสซารี่ สีชมพูสะพรั้งทั้งตัวแบบนั้น เป็นกู กูก็เตะ” เธียธีย์พูด

“ทำตัวแมนแต่หิ้วหมาฟรุ้งฟริ้งน่ารัก มึงคิดว่าป๊าจะเชื่อเหรอ ดีไม่เตะเจ้าของหมาด้วยก็บุญหนักหนาแล้วมึง” เฮียธีพูด

“หมับ” ป๊าผมก้มลงอุ้มเด็กน้อยที่ยืนมือขึ้นมาบนอากาศ เหมือนควักมือเรียกป๊าผม ผมแทบจะไม่ค่อยเห็นป๊ายิ้มเท่าไหร่แต่ว่าวันนี้มุมปากของป๊ากระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มและมันดูมีความหมายมากกว่าทุกครั้ง

“หมับ” ฝ่ามือน้อยๆ จับเข้าที่ใบหน้าของป๊าผม “ปะ ปะ ปะ “แววตาใส่ซื้อนั้นมองจ้องไปในแววตาที่ดุดันของป๊าผม มันทำให้อ่อนลงได้อย่าไงม่น่าเชื่อ ป๊าใช้ฝ่ามือลูบลงที่หัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ

“เอาล่ะ ทานอาหารเย็นกันได้แล้ว มิว บีมไปลูก “ม๊าเดินมาบอก เรียกสองสะใภ้พร้อมกันเลย เฮียธันเดินออกไปเรียกเฮียธาม ที่แอบไปคุยโทรศัพท์อยู่ ส่วนม๊าเดินเข้ามามองป๊าผมที่อุ้มเจ้าก้อนเต้าหู้ของผมเอาไว้รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสาวสวยตามวัยของม๊า ม๊าเป็นคนตัวเล็กผิวขาวๆ จั๊ว และทั้งป๊ากับม๊าก็พากันอุ้มเจ้าก้อนเต้าหู้ของผมกับบีมเข้าไปที่ห้องอาหารด้วยกันเลย สงสัยอาก๋งจะหลงหลานแล้วแน่ๆ ผมลุกขึ้น ผมพยุงอาม่า ให้ลุกขึ้น

“อาบีมมานี้ม่ะ” อาม่าเรียกบีมมาเดินใกล้ๆ

“ครับอาม่า” บีมตอบอาม่าผม

“อาม่าดีใจน่ะได้เห็นเหลนก่อนจะซี้แหง๋น่ะ” อาม่าพูดกับผมและบีม

“อาม่าอย่าพูดอย่างนั้นซิ “ผมรีบห้ามอาม่าทันที

“อาม่าจะบอกให้อย่างน่ะ คู่ชีวิตน่ะ สิ่งสำคัญคือประคับประคองกันไป อยู่ดัวยกัน หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกันน่ะ ยิ่งมีลูกแล้วด้วยน่ะ”

“และเราอาเธียร เป็นหน้าครอบครัวแล้ว หน้าที่ลื้อคือดูและปกป้องคนของตัวเองได้ดีที่สุดเข้าใจไหม” อาม่าพูดกับผมและบีม

“อาบีม รู้ไหมว่า อาม่าน่ะ อยู่ในบ้านที่มีสะใภ้ถึงเจ็ดคนน่ะ ปัญหาเยอะแยะจิปาถะ อยู่บ้านหลังเดียวกัน ตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่ต้องไปสู้รบตบมือกับใคร ด้วยกันเองนี้แหละ แต่อาม่าก็รอดมาได้”

“ด้วยอะไรอะอาม่า” ผมพาถามอาม่า

“ปืน”

“เฮ้ย!!”

“อาม่า!!” บีม

“อาม่าล้อเล้น ถ้าใช่ปืนอาม่าไปอยู่ในคุกนานแล้ว ใช้ความอดทน และคนสำคัญคืออาก๋งลื้อน่ะ ที่ดูแลให้กำลังใจอาม่าจน อาก๋งออกมาปลูกบ้าน สร้างครอบครัวของตัวเองโดยการมาเปิดโรงเรียนสอนหนังสือกับเพื่อนซี้ของเขาน่ะ ดังนั้นลื้อสองคนต้องรักษามันไว้ให้ดีน่ะ ให้ถึงรุ่นอาลูกโซ่เลยน่ะไปถึงรุ่นลูกอาโซ่ด้วยอีกด้วย “ผมพยักหน้า ผมรู้ว่าคนนั้นคือใคร เขาคือปู่ของแพรวา

“อาเธียร ลื้อต้องเป็นผู้ใหญ่แล้วน่ะ ไม่ใช่เอะอะ หนีไปนอกน่ะ และนี้มีเมียก็น่ารัก มีลูกก็น่าชัง เลี้ยงดูเขาให้ดีดี ทำหน้าที่ป๊าให้ดี เหมือนป๊าเราน่ะ รักและให้เกียรติม๊าเรา ทำให้เหมือนป๊าเราเข้าใจไหม และบ้านเล็กบ้านน้อยก็อย่าไปมี “อาม่าพูด

“มีบ้านใหญ่เลย” อาม่าพูด

“อาม่า!!”

“บ้านใหญ่น่ะคือมีลูกเยอะๆ แต่เมียน่ะมีคนเดียวพอ” อาม่าพูด

“และอย่าให้อาม่ารู้น่ะว่ามึงแอบไปมีเมียน้อยน่ะน่ะเธียร อาม่านี้จะตีหัวมึง” อาม่าพูดผมหันมองอาม่า

“เมื่อก่อนอาม่าไม่ตีมันไง ตอนนี้อาม่าจะตีมันแหละ ถ้ามันดื้อน่ะบอกอาม่าน่ะ บีมน่ะ” อาม่าหันไปพูดกับบีม ผมก็พยุงอาม่าที่ผมรักไปนั่งทานที่ห้องอาหารประจำบ้าน ผมเห็นทุกคนกำลังหัวเราะชอบใจกับความน่ารักเจ้าลูกโซ่

“กินเยอะๆ น่ะ อาบีม จะได้เป็นแม่พันธุ์ชั้นดี”

“พล้วด!!” เฮียธาม ส่วนบีมน่ะสะบัดหน้าไปมองอาม่าผม ผมนี้ต้องเกาหัวเล็กน้อย

“อ้าวเราเป็นอะไรไปล่ะ อาธาม” อาม่าหันไปถามเฮียธาม

“หนูเหรอคะ”

“เฮ้ย!!” พวกผมเอง

“ผมเหรอครับอาม่า” เฮียธามของผม เฮียธีทำนิ้วเฉือดคอโชว์ เพราะว่าดีที่ป๊าผม นั่งมองเจ้าลูกโซ่เขาเล่นกับม๊าผมอยู่

“ก็อาม่าเล่นบอกว่าให้น้องสะใภ้ผมเป็นแม่พันธุ์ชั้นดี ดีเกินชะนีบางตัวอีกน่ะอาม่า”

“ชะนีไหนอีกอ่ะ “อาม่า

“ชะนีแพรวาอาม่า” เธียธามพูด

“มีเมียเป็นคนไม่ชอบ มึงอุตริจะไปเอาชะนีมาเป็นเมียอีกเหรอ ไอ้เธียร!” อาม่าผม ผมถึงกับกุมขมับ

“อาม่าผมไม่ได้จะเอา ใครจะไปเอาชะนี และเฮียอ่ะพูดไปเรื่อย” ผมรีบแย้งทันที

“ไม่เห็นเหรอนั่งร้องห่มร้องไห้ ผัว ผัว ผัว ไม่ใช่ชะนีแล้วเขาเรียกอะไรล่ะ “เฮียธามปากร้ายเป็นที่หนึ่ง พี่มิวยังขำเฮียธามผมเลย

“อาเกริก อาเธียรมันก็มีลูกมีเมียเลี้ยว ลื้อก็ควรจะให้มันแต่งงานแต่งการไปเลยน่า” อาม่าพูดกับป๊าผม

“ก็รอให้เฮียมันแต่งก่อนซิม๊า” ป๊าผมหันมาบอกอาม่า

“อาธีก็จะแต่งปลายปีนี้ ถ้าอย่างนั้น อาธาม ลื้อต้องรีบหาเมียแล้ว น้องมันจะได้แต่งเดี๋ยวลูกมันครบทีมฟุตบอลก่อนพอดี” อาม่าผมหันไปมองเธียธาม เฮียธามเหลือกตาขึ้นบน ก็ตรงให้หาเมียนี้แหละ

“เฮีย ผมว่าเฮียน่ะสารภาพกับอาม่าและป๊าไปเถอะ ว่าเฮียน่ะเลิกหาเมียมาตั้งนานแล้ว” เฮียธันสะกิดบอกเฮียธาม

“แล้วอาม่าเขาจะเปลี่ยนใหม่เป็นให้กูนะหาผัวแทน แต่กูไม่ต้องหา เพราะผัวน่ะกูไว้รอแล้ว เหลือแต่เมีย ยากฉิบหาย!” เฮียธามหันมาบอกเธียธัน

“และถ้าจะให้กูสารภาพเพื่อไอ้เธียรมันจะได้ลัดคิวไปแต่งงานก่อน มึงสองคนพร้อมเอาหน้าหล่อๆไปรองตีนป๊าแทนกูไหมล่ะ กูจะได้รีบบอกเลย” เฮียธามหันมาบอกผมกับเฮียธัน แน่นอนผมรีบสั่นหัว ผมรีบแต่

“ผมไม่รีบเฮีย แต่ไอ้เธียรมันน่าจะรีบ”

“ไม่โยนเลยน่ะเฮีย” ผมรีบหันไปค้อนพี่ชายคนที่สามเฮียธัน

“มึงรีบนิครับ แถมยังมันนำเฮียธีไปหนึ่งประตูแล้ว” เฮียธามแซวเฮียธีทันที เฮียธีแอบส่งนิ้วกลางให้

“อาม่า! ให้ไอ้เธียรมันแต่งไปก่อนเลยไม่ได้เหรอ ดูมันรีบน่ะอาม่า ก็ลูกมารอแล้วหนึ่งอ่ะอาม่า ถ้าช้าน่ะ มันอาจจะมาอีก มันบอกว่ามันกำลังจะทำแต้มด้วยอาม่า” เฮียธามพูด ส่วนคนที่ข้างๆ ผมค่อยๆ หันมามองผม สูดลมหายใจเข้าปอดด้วย

“เฮีย!!” ผมหันมากระทุ้งข้อศอก

“และดูท่าจะรีบกว่าเฮียธีอีกน่ะอาม่า ให้สลับชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวในการ์ดเลยก็ได้น่ะ เปลี่ยนเป็นเธียรกับน้องบีมไปเลย” เฮียธามรีบเสนอทันที ผมก็ถลึงตามอง มันคือความคิดที่ดีน่ะ ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วย

“อู้ยยย!!!” ผมร้องออมาเบาๆ เพราะว่ามีคนแอบหยิกเข้าที่ซี่โครง

“เฮ้ยไม่ได้ รอมาตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว ให้เฮียแต่งก่อน เฮียก็รีบ และไอ้เธียรมันทำลูกคนที่สองรอไปก่อน ค่อยแต่งยังทัน” เฮียธันรีบพูดแย้งทันที บีมหันไปมองเฮียธีตอนที่ให้ทำลูกคนที่สองนี้แหละ

“ทีอย่างนี้ล่ะแย่งกันเชียวน่ะ แย่งกันจะแต่งนะมึงน่ะ “อาม่าพูด

“มลมาเอาน้องไปอุ้มก่อนน่ะ ไปอยู่กับพี่มลก่อนน่ะ ให้ป๊ากับม๊าเขากินข้าวก่อน” อาม๊าผมบอกเจ้าลูกโซ่

“ม๊าปกติบีมเขาแทนตัวว่ามี้ครับ”

“อ้าวหรอ “ม๊าหันมาก่อนจะเอามือลูกหัวเจ้าลูกโซ่”

“ให้มี้เขากินข้าวก่อนนะ “อาม๊าผมบอก ผมหันมาพยักหน้าให้ทานได้แล้ว มีคนดูลูกแล้ว แม่บ้านก็เอาเจ้าลูกโซ่ไปดูแลแทน และดูท่าจะเป็นที่รักของทั้งบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผมยอมรีบน่ะว่าที่ผ่านมาผมเบี่ยงบ่ายมาตลอดเรื่องคิดจะแต่งงาน เพราะมันยังไกลเกินสำหรับ แถมผมไม่คิดว่าจะแต่งตอนอายุยี่สิบห้าแบบนี้อีกด้วยยังอยากซ่าอยู่ แต่ว่าตอนนี้ พอผทเห็นหน้าลูกเมียแล้วอยากแต่งเลย กลัวอากันมาแย้งคืน ยิ่งป๊าพูดว่าถ้าผมทำไม่ได้ก็ต้องคืนทุกอย่างไปให้อากันตภณให้หมด ผมหันมามองบีมที่ยิ้มกับม๊าและป๊าที่ยังหันไปเล่นกับเจ้าลูกโซ่

“พี่ไม่เห็นป๊ายิ้มแบบนี้มานานแล้วน่ะ เพราะงานเยอะ ป๊าก็เครียด นี่พี่ขอบคุณนะบีมน่ะ ที่มีลูกที่น่ารักมาให้พี่แบบนี้ “ผมพูดกับบีม บีมหันมามองหน้าผม ก่อนจะหลุบตาลง และผมก็หันไปตักอาหารใส่จานให้ บีมเขาก็เงยหน้าขึ้นมองผมอีก

“กินซิ เดี๋ยวอาม่าก็ว่าเอาหรอก ผอมไปน่ะ และกินเยอะๆ จะได้เตรียมเป็นแม่พันธุ์ชั้นดี “ผมบอกคนที่ผมตักอาหารมาให้ยักคิ้วให้ด้วย ส่วนคนฟังรีบยู่ปากใส่ผมทันที แต่ก็ก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไป ผมไม่ได้กลับมาอยู่แบบนี้หลายปี และนี่ก็คือความสุขของครอบครัวที่อาจจะกำลังเริ่มขึ้นอีกครั้ง เพราะว่ามีเจ้าตัวน้อยนี้เข้ามาช่วย ผมควรจะขอบคุณเหตุการณ์คืนนั้นใช่ไหม และทุกครั้งที่ผมหันไปเห็นเจ้าก้อนเต้าหู้ที่มาจากสายเลือดผม มันกลับทำให้ผม ไม่อยากให้เขาไปอยู่กับคนอื่น

TBC..
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 .1 เจ้าลูกโซ่ขี้อ้อน
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-03-2021 20:03:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 .1 เจ้าลูกโซ่ขี้อ้อน
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 13-03-2021 20:16:57
 :impress2: :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.14 .1 เจ้าลูกโซ่ขี้อ้อน
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-03-2021 02:20:41
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.15 ข้อตกลง
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 14-03-2021 11:45:41
   Part’ s กันต์ธีย์ หลังจานทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กไปส่งอาม่าของพี่เธียร ผมรู้ว่าใครหลายคนอาจจะมองว่าผมใจร้าย ที่เลือกพี่เธียรวิชย์ เหตุผลมันมากหมายเหลือเกิน แต่ที่ผมเลือกเหตุผลหลักๆ คือ เขาคือพ่อของลูกผม และเขาขอโอกาสเพื่อจะได้ทำหน้าที่พ่อให้ลูกชายของผมกับเขา ผมยอมรับว่าผมเริ่มใจอ่อน เมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าลูกโซ่ที่มองเขาราวกับว่าผูกพันมานาน นี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าสายใยแห่งรัก เส้นตายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยใจ

“เอาไว้อาม่ามาเยี่ยมอีกน่ะ” อาม่าบอกผม

“มาอีกเมื่อไหร่อ่ะอาม่า” เฮียธันถาม

“พรุ่งนี้” อาม่า

“อาม่า!!”

“ก็มาเยี่ยมอีกไง พรุ่งนี้อ่ะ” อาม่า

“ม๊า ยิ่งเดินไม่ค่อยจะไหวอยู่ วันหยุดให้อาเธียรพาไปที่บ้านอาม่าแล้วกัน “ม๊าบอกอาม่าแทน

“พาไปนะ ไม่พาไปน่ะ มึงโดน ไอ้เธียร!!” อาม่าพูด ก่อนจะขึ้นรถเฮียธีไป เฮียธีจะไปส่งพี่มิว แฟนสาวของเขาและกลับคอนโดตัวเองด้วย พี่ธีเขานอนคอนโดตัวเอง เพราะว่าใกล้ที่โรงเรียนที่พี่เขาดูแลที่สุด ส่วนพี่ธันก็นอนบ้างไม่นอนบ้าง พี่ธามจะนอนคอนโดเฉพาะคืนวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี นอนบ้านกัน

“พาลูกไปนอนได้แล้วเธียร ดูซิ ตาปรือแล้ว” ม๊าหันมาบอกพี่เธียร

“ครับม๊า” พี่เธียรหันไปบอกม๊าก่อนจะหันมาพยักหน้ากับผม คนใช้ก็โบกมือโบกมือไม้ให้เจ้าลูกโซ่กันใหญ่ ผมยอมรับว่าอาม่าทำให้ผมคิดถึงยายของผมมาก ท่านรักและเป็นห่วงผม แต่แปลกที่ญาติพี่น้องแม่ผมเขาไม่อยากรับผมเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อผมไม่ค่อยช่วยเหลือทางการเงินเหมือนครอบครัวคนอื่นที่เขาได้สามีเป็นคนต่างชาติและมีบ้านใหญ่โต เหมือนคนอื่นๆ ที่ได้แต่งงานกับสามีต่างชาติ

“บีมอาบน้ำก่อนไหม พี่ดูลูกให้ก่อน” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้า และพี่เธียรเขาก็ส่งชุดนอนของเขามาให้ผม

“ชุดใหม่ครับ” พี่เธียรพูด

“ไม่ได้ว่าอะไรนี่ “ผมพูดและแอบอมยิ้ม

“บีม เดี๋ยวพี่มาน่ะพี่ไปคุยกับเฮียธันแป๊บหนึ่ง” พี่เธียรพูดก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย ผมหันไปเห็นภาพที่เหมือนจะคล้ายกันแต่กลับให้ความรู้สึกที่ต่างกั้น คือภาพที่พี่กันตภณอุ้มเจ้าลูกโซ่กับพี่เธียรวิชย์ผู้ชายที่ทำให้ผมมีลูกโซ่ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดตรงรอยยิ้มของลูกโซ่ที่ดูมีความสุข

//ฮัลโหลครับน้องบีม//ผมกดโทรหาพี่หมอภีมปภพ ผมมีเบอร์เขาแต่ผมมักจะให้พี่กันเป็นคนโทรทุกครั้ง และมันก็ทำให้ผมสังเกตุเห็นบางสิ่งที่ซ้อนอยู่ลึกๆในใจพี่กันตถณกับหมอภีมปภพ

//พี่หมอครับ ผม//

// พ่อลูกเขาเจอกันแล้วเหรอครับ//

//พี่หมอรู้ได้ยังไงครับ//

//พี่ไปหากันมาเมื่อสามวันก่อน พี่เจอหลานของกันเขาเข้า ที่ชื่อเธียรวิชย์น่ะ และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ตกใจที่เห็นใบหน้าของเขาและสิ่งที่พี่นึกถึงคือลูกโซ่ //

//ครับพี่หมอ แต่ผมไม่รู้มาก่อน //

//แล้วกันล่ะ //

//พี่กันเขาออกไปแล้วครับ แต่ผมได้ยินอาม่า ม๊าของพี่กันบอกว่าพี่กันไม่ได้กลับบ้าน ผมอยาก….///

//พี่ดูแลเอง พี่รู้ว่ากันมันไปไหน//

//ขอบคุณนะครับพี่หมอ//

//พี่เข้าใจเหตุผลของบีมน่ะ//

//แค่นี้ก่อนนะครับ //

//โอเคบีม มีอะไรปรึกษาพี่ได้น่ะ พี่ยินดี และอย่าลืมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีน 8 เดือนด้วยน่ะ //

//ครับพี่หมอ ขอบคุณครับ// ผมกดวางสายจากพี่หมอภีมปภพ ก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเอาเสื้อผ้าพี่เธียรวิชย์มาใส่ มันก็จะหลวมโครงไปสักหน่อย พอผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเจ้าลูกโซ่ที่พี่เธียรวิชย์อุ้มมา น้ำตาเอ่อมาด้วย

“พี่ไม่รู้ เล่นกับเฮียธันอยู่ดีดี ก็ร้องไห้จ้าเลย พี่ปลอบเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเงียบเนี๊ยะบีม” พี่เธียรวิชย์พูดด้วยสีหน้ากังวลที่เห็นเจ้าลูกโซ่ร้องไห้ ที่สะอึกสะอื้น

“ฮือๆๆ”

“เป็นอะไรล่ะบอกป๊าซิ ป๊าไม่รู้ หึ เจ้าก้อนเต้าหุ้ของป๊า” พี่เธียรวิขย์พยายามปลอบโยยและเรียกลูกผมว่าก้อนเต้าหู้อีก ผมหันไปเหล่ตามอง

“พี่ชอบทานเต้าหู้มาก และลูกพี่ก็ขาวจั๋วเหมือนก้อนเต้าหู้เชียว” พี่เธียรวิขย์พูด ผมเหลือกตาขึ้นมองบนทีหนึ่ง เหมือนตรงไหน???

“น้องน่าจะหิวนมน่ะพี่เธียร เดี๋ยวผมจะลงไปชงนมให้น่ะครับ “ผมพูดและรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที ผมเดินไปจัดการประกอบขวดนมที่ผมล้างและใส่เครื่องนึ่งขวดนมที่พี่มิวเอามาให้ ปกติผมใช่ที่นึ่งใส่ไมโครเวฟเอา แต่อันนี้สะดวกกว่า ผมรีบประกอบขวดนมแข่งกับเสียงเจ้าลูกโซ่ที่ร้องไห้ เพราะว่าหิวนม ดูท่าแล้วพีเธียรจะเอาไม่อยู่  บทจะหิวก็หิวผมก็รีบวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถูกแล้วที่เลือกคนที่นี้ ทั้งป๊าและม๊าของพี่เธียร พี่ชายของเธียรก็พากันออกมา ช่วยปลอบโยน ช่วยหลอกล้อ ให้หยุดร้อง แต่พอหันมาเห็นขวดนมนี้รีบกางมือมาทันที

“หิวนม!!” บรรดาลุงๆ พูดออกมาพร้อมกัน และเจ้าลูกโซ่ก็รีบรับขวดนมไปจากผมทันที

“เอาล่ะเข้าห้องได้แล้วมั้ง หลานจะได้นอน ร้องแบบนี้ง่วงมากแล้ว”

“แต่ก็ดีน่ะ บ้านเงียบมานานน่ะป๊าตั้งแต่พวกนี้โตกันหมดน่ะ” ม๊าพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม และผมก็พาเจ้าลูกโซ่ที่หิวน่าดูแลประกอบกับง่วงนอนมากด้วย เข้าไปในห้องนอน ผมรีบเอาขวดนมจ่อปากเจ้าลูกโซ่ทันที

“พี่อาบน้ำก่อนน่ะ” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมหันไปมองคนที่กำลังถอดแหวนถอดนาฬิกาออกและกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต

“ก็ไปอาบซิ “ผมพูดและพยายามไม่มองคนที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก มันเผยให้เห็นผิวขาว รูปร่างที่ดูสมสวนแม้จะไม่มีมวนมัดกล้ามเหมือนหนุ่มเล่นกล้ามก็ตาม

“เพื่อว่าลูกหลับจะแอบเข้ามาดูพี่ก็ได้น่ะและพี่ไม่ชอบล๊อกประตูห้องน้ำ” และคนที่ถอดทุกอย่างออกหมดแต่โชคดีที่เอาผ้าขนหนูมาพันกายไว้แบบหมิ่นๆ

“จ้างให้ก็ไม่ไปดูต่อให้เปิดประตูเอาไว้ก็เถอะ!” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้า แอบค้อนด้วย และแอบคิดจะไปดูทำไมไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อยแค่แม่ของลูกชิส์! ผมป้อนนมเจ้าลูกโซ่จนหมดขวดแต่ก็ยังไม่ยอมหลับ แถมยังแหวกเสื้อผมเพื่อจะหาเต้าแบนๆ อีกแล้ว ผมก็หันซ้ายแลขวา คงจะไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาน่ะ

“จริงอ่ะ” ผมถามลูกโซ่ เจ้าก้อนเต้าหู้ที่ป๊าเขาเรียก ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมทำตาปริบๆ อีก “ทำแบบนี้มี้ใจอ่อนอ่ะดิ’ ’ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ก่อนจะมองคนที่อยู่ในห้องน้ำ คงยังไม่เสร็จหรอกมั้ง เอาว่ะเดี๋ยวลูกไม่หลับ และผมก็จัดการถลกชายเสื้อขึ้น หนึ่งข้างและเจ้าลูกโซ่ก็รีบหมุดหัวเข้าไปอ้าปากงับจุดสี่ชมพูดเรือๆ ของผมดูดอย่างเมามันอีกครั้ง และทำตาปรือเหมือนจะหลับแต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก พี่เธี่ยรวิชย์ และคนที่ตกใจก็คือพี่เธียรวิชย์

“เฮ้ยยย!!!” ถึงกับผงะไปทันที ผมแค่หันไปชำเลืองตามอง ทำนิ้วจุ๊ปากด้วยว่าอย่าเสียงดัง พี่เขาก็ปิดปาก กำลังตาปรือเลยเชียว ตาโพลงขึ้นมาอีก และหันไปเอียงคอมอง ป๊าตัวเอง

“เอาจริงดิ” พี่เธียรวิชย์เขาชี้มาที่เจ้าลูกโซ่ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงอีกฝั่งตรงข้ามกับผม

“ก็ใช่ไง ไม่อย่างนั้นเขาไม่นอน “ผมหันไปบอกคนข้างๆ

“เออ มี เออ มี “ยังทำมือชี้ตรง

“ไม่มีแล้ว เมื่อก่อนมี แต่มีนิดเดียว และใช้ผมเป็นผู้ชายที่ให้พยายามให้นมลูกไง “ผมตอบผมเข้าใจว่าพี่เขาคงหมายถึงน้ำนมละซิ

“ก็เห็นอยู่น่ะว่ามี นิดเดียว” คนข้างๆ ผมพูดและชี้มาที่อกแบนๆ ของผม

“ผมหมายถึงน้ำนมน่ะมีนิดเดียว “ผมหันมาพูดและถลึงตาใส่คนพูดด้วย

“แม้ทำเป็นผู้หญิงไปได้ พอบอกนมเล็ก ทำหน้างอนเชียว” พี่เธียรพูดปนหัวเราะ ผมหันมาค้อน ก่อนจะหันมาตบก้นเจ้าลูกโซ่ จะได้หลับ ว่าแต่ผมจะนอนยังไง จะนอนเตียงเดียวกันอย่างนั้นเหรอ ไม่ดีมั้ง ผมคิดว่าจะลงไปนอนพื้นดีกว่าและพื้นก็มีพรมหนาอยู่ ส่วนเจ้าลูกโซ่ให้นอนบนนี้แหละ ผมเอามือลูกใบหน้าหล่อๆ นั้น ขนตาที่งอนยาว และเสียงดูดเต้าผมดังจ๊วบๆ ไปด้วยก่อนจะหันมาเจอสายตาคนที่ชะโงกหัวมอง เต้าผม

“เฮ้ย!! มองอะไรน่ะ” ผมรีบหนีบเจ้าลูกโซ่ เข้าหาอกของผมทันที

“ก็มองลูกดูดไง”

“ไม่เคยเห็นหรือไง”

“เคยเห็นแต่เต้ากลมๆ นมเด็งๆ แต่อันนี้ไม่เคยอ่ะ แบนแต่ดูเร้าใจน่ะ “คนที่พูดก็ยังชะเง้อคอมองอยู่นั่นแหละ ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ดูดไม่ปล่อยเลย จนผมเองต้องดันหน้าป๊าจอมหื่นนี่ออก

“มีสองข้างเนอะ” คนข้างๆ ผมพูด “หึ??? “ผมหันมามองคนที่พูด

“แล้วใครมีข้างเดียวล่ะ ถามแปลกๆ” ผมหันมาถามยังชะเง้อมองอีก

“ต้องดูดแบบนี้ด้วยเหรอ ถึงจะหลับอ่ะ” พี่เธียรถามผม ผมพยักหน้าและก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ที่หลับแต่ยังดูดไม่ยอมปล่อย

“มีตั้งสองข้างอ่ะ แบ่งมาสักข้างได้ไหมอ่ะ นอนไม่หลับเหมือนกัน” ผมหันมามองคนข้างๆ กี่ขวบแล้ว เขาก็มองผมทำหน้าตาออดอ้อน

“ก็แค่ถามดู และพี่รู้สึกช่วงนี้พักผ่อนน้อย นอนไม่ค่อยหลับไง เลยอยากมีตัวช่วยบ้าง “คนข้างผมพูด ผมหันไปมอง

“ตลกบริโภคแล้ว นอนไปเลย “ผมหันมาชี้หน้า

“แค่นี้ก็ดุด้วยอ่ะ”

“นอนไปเลย ทะลึ้งจริงๆ เพี๊ยะ!”

“เอ้าท์” ร้องเสียงหลงเลยผมตีที่ต้นแขนคนข้างๆ พี่เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงนอน ส่วนเจ้าลูกโซ่ ก็อ้าปากปล่อยจุกสีชมพูเรือของผม ผมก็รีบเอาชายเสื้อลงทันที ผมหันมาเห็นพี่เธียรวิชย์เขานอนดูทีวีอยู่ ผมก็เลยหยิบหมอนลงไปวางไว้ที่พื้น ผมขอแม่บ้านเอาไว้ คือผ้าห่มพื้นเล็กๆ พี่เขาก็เลยเอามา เขาคงคิดว่าผมเอาไว้ให้น้องลูกโซ่

“ทำอะไรน่ะบีม” พี่เธียรวิชย์ถามผม

“ผมก็นอนไง”

“ทำไมไม่นอนบนนี้ด้วยกันล่ะบีม”

“เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมผมต้องนอนบนนั้นกับพี่ ผมให้ลูกนอนคนเดียวพอแล้ว” ผมพูดก่อนะเอนตัวลงนอน แต่คนบนเตียงก็ไม่ได้พูดอะไร ผมขอหมอนมาเพิ่มหลายใบอยู่เพื่อกันไม่ให้เจ้าลูกโซ่ดิ้นลงมา แต่ดิ้นมาก็เจอผมอยู่ดี เสียงทีวีเงียบไปแล้ว พี่เธียรเขาเปิดทีวีนอนแล้ว ผมทำได้แค่ชะเง้อคอไปดูเจ้าลูกโซ่ที่นอน หลับปุ่ย และพี่เธียรวิชย์ก็หลับแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอน พยายามข่มตาให้หลับ จะด้วยแปลกทีก็ใช่ แล้วเราจะอยู่กับด้วยสถานะอะไร แค่พ่อแม่ของลูกใช่ไหม ผมเห็นสีหน้าแววตาของผู้หญิงคนนั้น เขาดูเสียใจ เป็นใครก็เสียใจ ที่มีคนมาฉกเอาของรักของหวงไปแบบนี้ ผมนอนตะแคง คิดอะไรเพลิน จู่ๆ ก็มีคนลงมานอนข้างหลังผม

“เฮ้ย!!” ผมหันมามองคนที่ลงมานอนแทรกระหว่างผมกับที่นอน

“พี่ลงมาทำไมอ่ะ” ผมถามพี่เธียร

“ก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนด้วยนิ “พี่เธียรพูด

“ไม่อ่ะ ขึ้นไปนอนเลยน่ะ “ผมพูดและหันหน้าหนี ผมพยายามขยับหนีแต่โดนดึงรั้งเอาไว้

“หมับ” เขากอดผมจากด้านหลัง ผมพลิกตัวหันมามอง มาไม้ไหนอีกเนี๊ยะ

“ก็อยากรู้”

“อยากรู้ว่า” ผมพลิกตัวหันมาถามคนข้างหลัง

“วันนั้นพี่ทำยังไง “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำยังไง

“เฮ้ย” ผมร้องออกมาเบา เพราะคนที่นอนตะแคงรวบเอวผมโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากอวบอิ่มครอบลงที่ริมฝีปากบางๆ ของผม ผมก็พยายามทุบหน้าอกให้หยุด แต่ก็ไม่กล้าสงเสียงดังเพราะกลัวเจ้าลูกโซ่จะตื่น ถ้าตื่นมานี้ร้องยาวเลย และคนที่จูบผมก็ไม่ยอมหยุดซะด้วยน่ะ มือไม้ก็ลูบไล้ไปเรื่อย ผมต้องปล่อยให้ทำไปสักพัก ผมหยุดดิ้น คนที่จูบผมก็เริ่มได้ใจ เริ่มได้ใจบดขยี้ริมฝีปากอย่างเมามัน

“เห็นลูกดูดอ่ะ ขอมั้งดิ” ไม่พูดเปล่าถลกชายเสื้อขึ้นมาและทำท่าจะครอบปากลงที่สองจุดสีชมพู ผมก็ช้อนตามอง หน้าคนหื่น คงได้ใจคิดว่าผมคงอ่อนระทวยไม่ยอมดิ้นต่อต้านใช่ไหม

“ผลัก!” ผมตีเข่าเข้าตรงพิกัดนั้นเต็ม

“โอ้ววว โอ๊ยย อู้ด บีม”

“ชู้!!” เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก ผมทำหน้าดุ “อย่าร้องดัง เดี๋ยวลูกตื่น” ผมพูดและทำหน้าดุใส่ คนที่นอนดิ้นกุมเจ้าโลกเอาไว้ไปมา

“ก็ตีเข่า ใส่ ลูกคนโต พี่ทำไมอ่ะ โอ๊ยยย เจ็บ”

“ทะลึ้งหนักนิ และหื่นกามไม่รู้เวลาล่ำเวลาเลย “ผมดันตัวเองขึ้นนั่งมองคนที่นอนตัวงอ

“รู้ไหมว่าพี่เคยผ่าไส้เลื่อนตอนเด็กๆ น่ะบีม” พี่เธียรพูด ผมก็ตกใจซิ

“จริงอ่ะ เฮ้ย! ผมขอโทษ “กลายเป็นผมเองที่ รู้สึกผิด ผมพูดและคนที่นอนตัวงอหรี่ตามองผม ผมเข้าไปสะกิดว่าเป็นไงบ้างล่ะ

“เจ็บมากไหมอ่ะ ผมไม่ตั้งใจอ่ะ “ผมพูดอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ

“นี้ขนาดไม่ตั้งใจน่ะ ยังเข้ามาเต็มประตูขนาดนี้ โอ๊ยย! จุกเลยเนี๊ย” พี่เธียรวิชย์พูด

“แล้วใครให้ลงมาล่ะ หื่นนี่ ผมมานอนเพราะลูกน่ะ ไม่ได้มานอนเป็นตัวช่วยบรรเทาอารมณ์หื่นกามของพี่น่ะ”

“ก็ทำหน้าที่ พ่อของลูกไง”

“ก็นอนกับลูกไปซินั่นแหละหน้าที่พ่อของลูก”

“ลูกหลับแล้ว หน้าที่พ่อของลูกก็คือสามี สามีเขาก็ต้องเล่นจั้มจี้กับภรรยาไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ ไม่ และก็ไม่ ขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้นนิ้วไล่คนที่นอนตะแคงหันมามองผม

“ใจร้ายจังเลยอ่ะ “คนที่นอนแผ่ข้างๆ มองผม ผมเหลือกตาขึ้นมองบนก่อนจะหลุบตาลงมองคนข้างๆ

“พี่ผิดมาเลยเหรอครับจนให้อภัยพี่ไม่ได้ และนี้พี่ยอมรับผิดแล้วอ่ะ บีม” เบื่อจริงๆ มิน่าล่ะลูกโซ่มันได้ระบบขี้อ้อนนี้มาจากใคร พ่อมันนี้เอง ผมแอบคิดในใจ

“ก็ลงมานอนพื้นทำไมอ่ะ รังเกียจพี่เหรอ”

“ไม่ได้รังเกียจแต่แค่ ผมยังไม่เคลียร์หลายเรื่องอ่ะ เลย ยัง”

“เรื่องอะไรบ้างล่ะ” พี่เขานอนตะแคงและเอามือมายันศีรษะมองผม

“หนึ่งเรื่องสถานะเพราะว่าเรายังไม่ได้รักกัน” ผมพูด

“พี่ต้องพยายามทำให้บีมรักพี่อย่างนั้นเหรอ” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมหันไปมอง

“มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ “ผมพูด

“สอง เรื่องผู้หญิงของพี่ “ผมพูด พี่เธียรวิชย์เปลี่ยนท่ามาเป็นนอนตะแคง “แพรวาเหรอ หึงพี่เหรอ” พี่เธียรวิชย์ถาม มุมปากนั้นตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่ผมหันมากอดอกมอง

“พี่ไม่เคยคิดอะไรกับแพรวาเกินไปกว่าน้องสาว ส่วนแพรวาก็เป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะว่าเป็นลูกคนเดียวของพ่อเพื่อนพี่อีก เธอโดนตามใจจน เธอไม่เคยไม่ได้สิ่งที่เธออยากได้ ส่วนพี่ก็ไม่อยากทำให้พ่อของพี่ต้องขัดใจกับเพื่อนเลยเออ ออ ให้เธอตามพี่จนเธอเหลิงได้ใจ  ตอนนี้พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่คิดผิดที่ยอมเธอมากเกินไป ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมพยักหน้า

“ผมเองก็ไม่อยากมานั่งทำสงครามกับผู้หญิงเพราะว่าคนที่ดูไม่ดีคือผมและยิ่งผมมีลูกผมจะไม่ทำตัวอย่างแบบนั้นให้ลูกดู เพราะนั้นอาจจะทำให้เขาคิดว่าการทำร้ายผู้หญิง คือเรื่องปกติ พี่เข้าใจไหม” ผมพูด พี่เธียรวิชย์พยักหน้าเบาๆ

“ดังนั้นขอนี้พี่ก็ต้องจัดการให้ผม เพราะว่าถ้าข้อนี้ไม่ผ่าน ไม่ต้องถามถึงข้อแรกว่าพี่จะได้ไหม” ผมพูด คนที่ตอนฟังถึงกับหน้าเสียไปทันที

“ข้อแรกพี่ทำได้แต่ข้อสองอ่ะ ยากน่ะ เพราะว่าพี่ก็ทำมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะหาวิธีไหนแล้ว ยังไม่ได้ผลเลย จนป๊าให้พี่เลือกไปเรียนต่อเมืองนอก นางยังไม่ยอมปล่อยพี่เลยอ่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าผมเลือกไปข้อสามเลยดีกว่าพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” ผมหันไปพูดกับพี่เธียรวิชย์ยิ้มเลยละซิ

“ข้อสามอะไรล่ะ” พี่เธียรวิชย์ถามผม

“และสามคือพี่กันตภณ เพราะว่าที่ผ่านมาพี่กันตภณเขาดูแลและทำหน้าที่แทนพี่มาตลอด ดูแลผมดูแลเจ้าลูกโซ่ ตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยซ้ำ ส่วนพี่น่ะไปหมุดหัวอยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์ดันตัวเองขึ้นนั่งทันที

“ขนาดตอนคลอดพี่กันยังนั่งเฝ้าผมเลย คนดีขนาดนี้ ผมควรจะทิ้งเขามาหาพี่ไหมล่ะ! “ผมถามพี่เธียรวิชย์

“แล้วบีมคิดว่าอากันเขาควรทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่หรือเปล่า ทั้งที่พี่ยังไม่ได้ลองเลยน่ะบีมและพี่ก็เป็นพ่อแท้เจ้าลูกโซ่น่ะ อากันไม่ใช่พ่อเด็กซะหน่อย และอากันเขาก็เป็นหมัน” พี่เธียรวิชย์พูด ทำหน้าเหมือนเด็กน้อยขึ้นมาทันทีเลยน่ะ

“ดังนั้น กว่าเฮียธีจะแต่งงาน ผมยังมีเวลาคิดและตัดสินใจทำให้ผมเห็นว่า ผมกับลูกโซ่ควรฝากชีวิตไว้กับพี่ได้ไหม ถ้าไม่ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก “ผมพูดกับพี่เธียรวิชย์

“และพี่คงรู้น่ะว่า หนึ่งในสามข้อนี้ ข้อไหนที่พี่ควรจะจัดการก่อน “ผมพูดพร้อมกับกอดอกมอง

“สงสัยต้องข้อสองแน่ๆ เพราะเล่นบอกถ้าข้อสอบไม่ผ่านไม่ต้องถามถึงข้อหนึ่งและถ้าสองข้อแรกไม่ได้ ข้อที่สามน่ากลัวกว่า จะทิ้งพี่ไปหาคนอื่นอีกอ่ะ พี่ไม่ยอมอ่ะ “พี่เธียรวิชย์พูดและทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมดันเอาไว้ ชี้หน้าด้วย

“แล้วจะมานอนแยกแบบนี้ได้ยังไงอ่ะ เดี๋ยวลูกขาดความอบอุ่น ไม่ครบพ่อแม่ลูกน่ะ” คนงอแงพูด

“ผมไม่ขึ้น พี่นั้นและขึ้นไปนอนเลย ไปนอนกับลูกนั่นแหละ” ผมพูดและพยายามดันพี่เธียรวิชย์ให้ขึ้นไปแต่จู่ๆ

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะประตูห้องนอน ก็ดังขึ้น ผมก็ หยุดสงเสียงเพื่อฟัง

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะอีกสามทีไม่ดังมาก

“เธียร นอนหรือยัง” เสียงม๊าของพี่เธียรวิชย์

“ม๊ามา ถ้าม๊าเห็นบีมนอนบนพื้นแบบนี้ม๊าว่าพี่แน่ พี่โดนป๊าว่ามาแล้วน่ะ จะให้โดนม๊าว่าพี่อีกคนเหรอ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมก็รีบลุกและเก็บทุกอย่างก่อนจะรีบขึ้นไปบนเตียงนอน พี่เธียรวิชย์เดินไปเปิดประตู

“ป๊าให้ม๊าเดินมาดูว่าตกลงนอนกันได้ไหม เพราะกลัวจะแคบไปน่ะเตียงเราน่ะ และจะดิ้นไปทับลูกเอา ป๊าเขาเป็นห่วง “ม๊าเดินมาถามพี่เธียรวิชย์

“เป็นห่วงผมเหรอม๊า”

“เป็นห่วงหลาน!!” ม๊าพูดชัดเจนมาก ผมแอบสมน้ำหน้า

“นอนได้ม๊า หมอนั้นน่ะหลับป๋ยไปแล้วม๊า”

“เอาไว้ซื้อเตียงใหม่หรือไม่ก็ซื้อเตียงเด็กไว้ในห้องนอนแล้วกัน และโตหน่อยค่อยแยกห้อง” ม๊าบอกพี่เธียรวิชย์

“นึกว่าเดินมาดูกลัวลูกสะใภ้ลงไปนอนพื้นซะอีก”

“แล้วกล้าทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ”

“ถ้าทำม๊าคงได้”

“แน่ล่ะ ห้ามให้เมียลงไปนอนพื้นล่ะ ไม่งั้นเราน่ะโดนแน่ๆ เอาไปนอนได้แล้ว และพรุ่งนี้เลิกเร็วได้ป๊าบอก พากันไปซื้อของใช้ลูกชายเราด้วยล่ะ “ม๊าพูด

“อีกอย่างน่ะเธียร อย่าเปิดแอร์จนเย็นจัดล่ะ ลูกจะไม่สบายเอา เราน่ะเปิดแอร์จนเย็นม๊าเดินมาปิดให้ทุกคืน เข้าใจไหมเธียร ลูกยังเล็กหนัก” คำสั่งม๊าที่บอกพี่เธียร นี้แค่คืนแรกที่เจ้าลูกโซ่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ เขายังรักเจ้าขนาดนี้ ผมนอนหลับตาปี๋แต่แอบฟัง ผมไม่รู้ว่าม๊าไปตอนไหน แต่ที่นอนตรงข้ามผมยุบลงเบาๆ ผมลืมตามองคนที่กำลังจะหอมแก้มแต่เป็นแก้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชย์ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับคนในคืนนั้น พฤติกรรมที่ต่างกันราวกับฟ้ากับดิน หรือนี้คือาสัญญาณของความเป็นพ่อ ผมค่อยๆหลับตาลงอีกครั้ง โดยกล้าไม่ได้ลืมตาต่อผมนอนใช้ความคิดมากมายในหัว พ่อของลูกสำคัญกว่าคนที่เคยทำหน้าที่ดูแลลูกผมจริงหรือ???

“ป๊าบอกกับพี่ว่า ถ้าพี่ทำได้ไม่ดีพอ ก็ให้คืนให้อากันไป หรือบีมคิดว่าพี่ควรจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่พี่รักลูกน่ะ และพี่เชื่อว่าลูกพี่รักบีมมาก ดังนั้นคนที่เป็นแม่เขาคนอื่นก็แทนไม่ได้ พี่ไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น ทั้งบีมและลูกโซ่ พี่ขอโอกาสก่อนได้ไหมครับ ให้พี่ได้ลองก่อน “เสียงที่ดังอยู่ข้างหูผม ไม่รู้ว่านี้คือการตัดพอหรือว่าแค่แอบน้อยใจกันแน่ แต่จะให้ผมยอมเลยมันคงง่ายไปน่ะ เธียรวิชย์
 
TBC....

   ข้อตกลงของบีม เธียรวิชย์จะทำได้ไหมน่ะ แพรวาที่งี่เง่าตัวแม่ขนาดนั้น พ่อแม่นางยังไม่กล้าเลย แล้วเธียรวิชย์จะทำยังไง ทุกครั้งที่ลูกร้องไห้เสียใจจะเป็นจะตายก็มาอ้อนวอนขอร้องพ่อแม่เธียรวิชย์ให้ยอมลูกสาวเขาหน่อย  เฮอ!!!

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.15 ข้อตกลง
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-03-2021 13:36:03
 :o8: :-[
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.15 ข้อตกลง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-03-2021 23:04:27
 :katai3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.16. ยอมเพื่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 15-03-2021 11:37:53
   EP.16. ยอมเพื่อลูก

             Part's กันต์ธีย์ ตอนแรกผมว่าจะนอนพื้นแต่สุดท้ายก็ต้องขึ้นมานอนกับพี่เธียรวิขย์บนเตียง เพราะว่าม๊าของพี่เขาเข้ามาและผมเองก็ไม่อยากให้ม๊ากับป๊าต่อว่าพี่เธียรผมเลยยอมนอนด้วยทั้งคืน แต่ก็แอบระแวงเหมือนกัน ก็คืนนั้น ผมมีสติบ้างไม่มีสติบ้าง มันยังเอาผมไม่ยังเลย แต่ที่ไหนได้ พี่เธียรวิขย์ไม่ได้ล่วงเกินผมเลย และผมยังรู้สึกว่า มีคนมาห่มผ้าห่มให้ผมอีกด้วย ผมแค่ลืมตาขึ้นมามองก็เห็นหลังไว เดินอ้อมไปซะแล้วและผมก็หลับต่อจนเกือบสว่าง ผมรู้สึกว่าปลายจมูกแหลมนั้นมาใกล้แก้มผม เจ้าลูกโซ่ของมี้ ผมก็รีบหอมแก้มนุ่มนั้นทันที

“เขาเรียกมอร์นิ่งคิสใช่ไหม” เสียงที่ทำให้ผมต้องลืมตาโพลงเพื่อมองดูคนที่ผมหอมแก้มอยู่ ปลายจมูกโด่งนั้นไม่ใช่ของลูกชายผมแน่อนนเพราะว่าของเจ้าลูกโซ่ยังเล็กอยู่เลยแต่นี้ มันใหญ่กว่าและมันก็เป็นของป๊าลูกชายอของผมเอง พี่เธียรวิชย์!!!

“เฮ้ย!!!” ผมรีบกระโดดขึ้นนั่งทันที แล้วเจ้าลูกโซ่ล่ะ ของผมล่ะไปไหน ผมหันไปเห็นเจ้าลูกโซ่ผมนอนดิ้นไปอยู่เกือบปลายเตียงแล้ว ผมรีบไปคว้าเอาลูกโซ่กลับมา

“ตื่นแต่เช้าเลย”

“จะลงไปทำอาหารเช้าให้ลูกทาน” ผมบอกคนที่นอนอยู่

“ลูกยังไม่ตื่นเลยน่ะ เอาลูกมานอนก่อน กอดแม่ไม่ได้กอดลูกก็ยังดี “พี่เธียนวิชย์พูดพร้อมกับกางแขนมา ผมก็เอาเจ้าลูกโซ่ขี้เซานอนลงข้างๆ พี่เธียรวิชย์ ก่อนจะเดินเข้าไปจัดการตัวเองและออกมาอีกทีก็เห็นหนุ่มน้อยกับหนุ่มใหญ่ที่นอนหลับในท่าเดียวกันเป๊ะ หน้าตาก็คล้ายคลึงกันจนเกือบเป็นคนเดียวกัน ผมเดินตรงไปยังห้องครัว รีบไปเปิดตู้เย็นและหยิบนั้นหยิบนี้ออกมา ล้างและหันและก็ต้มลงในหม้อผมทำด้วยความรักจริงๆ จนกระทั่ง

“ว้าย!!!” เสียงร้องดังขณะที่ไฟถูกกลางห้องครัวถูกกดเปิดจนสว่างและคนที่เข้ามาก็คือคนใช้ของบ้านนี้ ที่มาทำอาหารเช้าให้ทุกคนทาน

“คุณบีม!!” เสียงเรียกชื่อผมด้วยความตกใจ

“ขอโทษครับ “ผมรีบหันไปขอโทษพี่ๆ ทันที แต่ล่ะคนก็เอามือกุมหน้าอกตกใจกันหมด

“มาทำอะไรแต่เช้าค่ะ”พี่มลเอ่ยปากถามผมก่อนเพื่อน

“มาทำอาหารให้น้องลูกโซ่ครับ “ผมบอกคนใช้ของที่บ้านนี้

“คุณบีมค่ะ บอกพวกเราก็ได้ค่ะ ลุกมาทำเองทำไมค่ะ”

“ก็ผมเกรงใจน่ะครับ”

“พวกพี่เข้าใจค่ะว่าเกรงใจ แต่คุณบีมควรจะเกรงอีกอย่างดีกว่านะคะ”คนใช้ในบ้านพูดขึ้น

“เกรงอะไรเหรอครับ” ผมหันมาถาม

“เกรงว่าพวกพี่จะโดนไล่ออกกันนะคะ งานหายากๆ อยู่นะคะ” พวกพี่เขาพูดออกมาพร้อมกันทันที ผมก็ต้องเกาหัวตัวเอง พี่ๆ เขาเดินมาดู

“คุณบีมทำอะไรให้น้องทานค่ะ หอมเชียว”

“น้องชอบทานพวกตุ๋นๆ น่ะครับ” ผมหันไปบอกพร้อมกับคนอาหารในหม้อไปด้วย

“แล้วน้องชอบทานสปาเก็ตตี้ไหมคะ”

“ชอบครับ ชอบมากเลยครับ ผมทำแบบอาหารของเด็กน่ะครับ” ผมหันบอก

“เหมือนคุณเธียรวิชย์เลยค่ะชอบทานสปาเก็ตตี้มากค่ะ บางมือต้องทำให้ทานหรือไม่ก็ต้องโทรสั่งมาให้ค่ะ” เสียงแม่บ้านคุยกับผม ผมก็คุยว่าน้องทานอะไรบ้างๆ ไม่ทานอะไรบ้าง อะไรที่เปรี้ยว ลูกโซ่ก็ไม่ชอบ หวานไปก็ไม่ชอบ ผมยืนฟังจนเพลิน

“คุณนายลงมาแล้ว!!” เสียงพี่เขาตะโกนบอกว่ามา คุณนายนี้คือม๊าของพี่เธียรวิชย์แน่ๆ

“คุณบีมไปนั่งค่ะ” ผมกูกแย้งไปคนอาหารแทนและมีคนลากเก้าอี้มาให้ผม

“นั่งเถอะคุณบีม” และผมก็ถูกดันให้ไปนั่งทันที และแต่ละคนดูวุ่นวาย ทำนั้นทำนี้จนกระทั่ง ม๊าเดินข้ามา

“อ้าวบีม มาทำอะไรแต่เช้าล่ะ” ม๊าเดินเข้ามา พอเห็นผมก็ถามผม

“คุณบีมลงมาบอกว่าจะทำอาหารเช้า ให้นายน้อยทานค่ะ” พี่มลพี่คนใช้ของบ้านนี้

“อืมม ดูท่าจะยุ่งกันน่าดูน่ะ เพราะว่าคงยืนมองกันยุ่งเลยซิ” ม๊าพูดและมองทุกคน

“ก็ยุ่งนิดหน่อยค่ะคุณนาย”

“จากที่ดูน่ะ ฉันเดาว่าพวกเธอน่ะยืนดูบีมเขาทำมากกว่ามั้ง” ม๊าพูดแล่ะก่อนจะมองมาที่

“คุณนายรู้ได้ยังไงคะ” พี่คนใช้อีกคนถามม๊า

“ดูจากผ้ากันเปื้อนที่คุณบีมเขาใส่อยู่ไง “ม๊าพูดผมก็ก้มลงมองดู จริงด้วย แต่ล่ะคนหันมายิ้มแหยๆ กันหมด ม๊าพูดไปก็ส่ายหัวไปด้วย แต่ไม่ได้โกรธหรอก

“คือผมลงมาทำเองไม่ได้บอกพี่ๆ เขานะครับม๊า “ผมพูด

“ก็ไม่ได้ว่าอะไร และคอยดูไว้ว่าคุณบีมเขาทำอะไรให้หลานฉันทานและจะได้ช่วยทำได้ เข้าใจไหม” ม๊าพูด ผมลุกขึ้นเดินไปชะเง้อมอง

“ผมขอตุ๋นต่อสักสิบนาทีพอนะครับ “ผมบอกพี่แม่บ้าน

“ค่ะคุณบีม “พี่เขาบอกกับผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออกไปหาม๊า

“สองพ่อลูกนั้นคงยังไม่ตื่นใช่ไหมล่ะบีม” ม๊าถามผม ผมหันไปยิ้มกับม๊า พยักหน้าเบาๆ

“ผมขึ้นไปดูก่อนนะครับ ผมคิดว่าลูกโซ่น่าจะตื่นแล้ว ปกติน้องเขาตื่นแต่เช้าทุกวันนะครับ เพราะว่าผมต้องพาน้องไปเดย์แคร์ด้วยครับม๊า” ผมบอกกับม๊า พร้อมกับเดินขึ้นไปบนบ้านทันที และพอผมเปิดประตูเข้าไปผมก็ไม่เห็นลูกอยู่ในห้อง และพี่เธียรวิชย์ก็ยังไม่อยู่ในห้องเช่นกัน แต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะกันคิกคัก อยู่ในห้องน้ำผมเดินเข้าไปดูและสิ่งที่ผมเห็นคือพ่อลูกเขาอาบน้ำอยู่ในอ่างอาบน้ำ นี้เขาเอาลูกผมไปอาบน้ำแต่เช้าเลยเหรอ

“นี้พี่เล่นอะไรของพี่น่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“ก็พาลูกมาเล่นน้ำไงครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมยืนกอดอกและดูเจ้าลูกโซ่สนุกน่าดู

“ไปครับมี้มารับแล้ว ป๊าต้องไปเตรียมตัวไปทำงานแล้วครับ” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะส่งเจ้าลูกโซ่มาให้ผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาและหันไปคว้าเอาผ้าขนหนูที่วางอยู่ มาห่อเจ้าลูกโซ่ไว้  ผมได้ยินเสียงน้ำหยดก่อนที่ผมจะหันกลับไปมอง คนที่ลุกขึ้นยืนแถมยังโป้อีกด้วย ผมถึงกับอายหน้าแดงและรีบยกตัวเจ้าลูกโซ่ ขึ้นมาบังทันที ไม่กล้ามองแต่เห็นไปหมดแล้วแหละฮาๆ

“พี่เธียร!!”

“อ้าวร้องทำไมล่ะ”

“ก็พี่โป้อ่ะ น่าจะรอให้ผมออกไปก่อนค่อยลุกขึ้นมา” ผมพูด

“ว่าของพี่โป้ดูไม่ได้แล้วของลูกล่ะ แนบชิดเลยน่ะ และของลูกมันเล็กไปดูไม่เต็มตาหรอกครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมก็ลืมตามอง จริงด้วย หนอนน้อยของเจ้าลูกโซ่มันอยู่ตรงหน้าผมพอดีเลย แถมพอตัวดีก็ดิ้นแด้วๆ อยู่บนอากาศที่ผมยกตัวลอยเอาไว้ และผมก็ค่อยๆ ลดเจ้าลูกโซ่ลง               

     พี่เธียรวิชย์ออกมายืนโดยมีผ้าขนหนูพันเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และผมก็พาเจ้าลูกโซ่เดินออกมา หันไปหยิบเสื้อผ้าที่ม๊าของพี่เธียรวิชย์เอามาให้ เสื้อผ้าสมัยพี่เธียรวิชย์ยังเด็กมันก็น่าจะยี่สิบกว่าปีแล้ว แต่ว่ายังอยู่ในสภาพที่ใหม่อยู่เลย และพี่เธียรเขาก็ออกมาแต่งตัวแล้วด้วย

“พอดีพี่ตื่นมาและเจ้าลูกโซ่ อึเต็มแพมเพิสเลย พี่ไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาไปล้างในอ่างอาบน้ำน่ะ และดิ้นกระจายก็เลยเปียกปอนกันไปหมด พี่เลยจับอาบน้ำซะเลย” พี่เธียรวิชย์พูด

“ไม่เหม็นอึเจ้าลูกโซ่หรือไง” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“เหม็นดิ แต่เอาตัวหนีบ หนีบจมูกเอาไว้ไง และพี่อยากทำแทนบีมบ้าง “พี่เธียรวิชย์พูด ผมแต่งตัวเจ้าลูกโซ่เสร็จแล้ว พี่เธียรวิชย์หันมามองเจ้าลูกโซ่ตอนนี้หล่อแล้ว พี่เธียรวิชย์เขาก็ยิ้มและหันไปแต่งตัวต่อ

“บีม ผูกเนกไทให้พี่หน่อยซิครับ “พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ เขาส่งเนกไทมาให้ผม พี่เธียรวิชย์อุ้มลูกโซ่ขึ้นมาผมก็ต้องหันไปทำการผูกเนกไทให้ ผมสังเกตการณ์หัวเราะท่าทางหลายๆ อย่างของสองคนพ่อลูกที่มีความคล้ายกันจน ผมมองเพลินไปหน่อย

“มะ มะ มะ “เจ้าลูกโซ่แตะที่แก้มผมนั่นแหละผมถึงได้สติ

“บีมจะไปเอาของใช้ที่ห้องพักของบีมหรือเปล่า “พี่เธียรวิชย์ถามผม

“ครับ พี่เธียร” ผมพูด

“ขับรถได้ไม่ใช่เหรอ” พี่เธียรถามผม

“ครับผมขับได้ แต่ไม่ได้ขับมาตั้งแต่คลอด เจ้าลูกโซ่แล้ว”

“เอารถพี่ไปซิ ไปเอาของ แต่อันที่จริงพี่อยากซื้อใหม่เลยน่ะ”

“ผมเสียดายอ่ะ พี่กันอุตส่าห์ซื้อให้” ผมพูด

“ซื้อใหม่ได้ไหมอ่ะ”

“ทำไมล่ะ” ผมช้อนตาขึ้นไปมอง

“ฟังแล้วเจ็บ”

“เว้อไปแล้ว และพี่กันก็อาพี่ไม่ใช่เหรอ เขาซื้อให้ในฐานะหลาน” ผมพูด ตอนนี้ผูกเนกไทเสร็จแล้ว

“เสร็จแล้วครับพี่เธียร” ผมพูดและยืนมองเจ้าลูกโซ่ ส่วนพี่เธียรวิชย์น่ะก้มลงมองเนกไทตัวเอง

“ขอบคุณมี้ให้ป๊าหน่อยเร็ว ผูกสวยเชียว สมกับเป็นลูกสะใภ้อาม่าเราเลยน่ะ” พี่เธียรวิชย์พูดและ

“หมับ” เจ้าลูกโซ่โผ่เอามือมาจับหัวผมแถมยัง “จ๊วบ ๆ” ที่หน้าผากผมหลายทีเลย

“พอแล้ว เปียกไปหมดแล้วเนี๊๊ยะ!!” ผมพูดให้โซ่หยุดดูดหน้าผากผมได้แล้ว และผมก็กางแขนรออุ้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชย์มองผม ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ รอยยิ้มเจ้าเหล่มาแบบนี้ เหมือนจะเข้ามา หอมผมเลย ผมก็หลับตาปี๋

“ฟ้อดๆๆ” “คิก คิก คิก” และคนที่ผมดิ้นกระจายเลย ป๊ามันหอมลูกมันนี้เอง ตกใจหมดเลยผม ผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่เธียรวิชย์ฟัดเจ้าลูกโซ่ใหญ่เลย

“ป๊าไปทำงานแล้วน่ะ อย่าดื้อกับมี้ล่ะรู้ไหม ป๊าจะรีบกลับ “สั่งลูกใหญ่เลย ผมน่ะหันไปมองทางอื่น

“มีอะไรเหรอม๊า!!” ผมได้ยินเสียงพี่เธียรเรียกม๊าผมเลยรีบหันไปดูที่หน้าประตู

“ฟ้อด!!” เสียงหอมแก้มผมฟ้อดใหญ่เลย เพราะว่าผมกันแก้มมาชนปากพี่เธียรวิชย์เอง

“เฮ้ย!!” ผมยกมือลูบแก้มตัวเองไปมา และคนที่ผมอุ้มก็หัวเราะชอบใจ

“ไปทานข้าวกันครับ มี้ทำของโปรดไว้ให้น่ะวันนี้น่ะ “ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างกับพี่เธียรวิชย์ ตรงไปยังห้องอาหาร เห็นม๊ากับป๊าของพี่เธียรวิชย์นั่งทานอาหารอยู่ พี่ของพี่เธียรวิชย์ก็นั่งทานอยู่ด้วยกัน ทุกคนหันมามองเจ้าลูกโซ่กัน

“ป๊าดูชุดนี้ซิ มีรูปที่เจ้าเธียรใส่ชุดนี้ด้วยน่ะ “ม๊าของพี่เธียรวิชย์พูด ผมหันไปมองพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์ยักคิ้วให้ผม เจ้าลูกโซ่หันไปมองป๊าเขาและพยายามละเลียนแบบยักคิ้วตาม

“ดูท่าจะร้ายไม่เบาน่ะหลานอาก๋งน่ะ” ม๊าหันมาแซวป๊าของพี่เธียรวิชย์ทันที ผมก็มองเจ้าลูกโซ่ ผมป้อนลูกโซ่ด้วยอาหารที่ผมตุ๋นเอาไว้ให้ ป้อนให้ทานดูท่านอย่างเอร็ดอร่อย แถมพยายามอยากจะตักทานเองด้วยน่ะ ปกติผมให้ทานเองที่บ้าน ตักเละเทะไปหมด แต่นี้ผมยังไม่กล้าเกรงใจคนทำความสะอาด

“ปกติเขาตักอาหารทานเองหรือเปล่าบีม” ม๊าถามผม

“ครับใช่ครับ ผมเลี้ยงเขาโดยใช้ระบบ Baby led weaning น่ะครับม๊า คือาการให้เด็กหยิบจับอาหารทานเอง ไม่ต้องป้อนนะครับ แต่อาหารก็ต้องปลอดภัยกับวัยของเขาเช่นกันครับม๊า” ผมพูด พี่เธียนวิชย์มองผม

“เอาล่ะ งั้นป๊าไปน่ะม๊า แล้วนี่จะอยู่กับบีมเขาก่อนใช่ไหมหึ?” ป๊าของพี่เธียรวิชย์ถามม๊า

“ใช่แล้วป๊า เพื่อว่าจะได้จัดที่จัดทางให้เจ้าลูกโซ่ไง วันนี้ป๊าไม่มีอะไรมากไม่ใช่เหรอ ถ้าเลิกเร็วได้ก็ดีน่ะ จะได้มาเล่นกับหลาน “ม๊าหันไปบอกป๊า ป๊าลุกขึ้นและเตรียมจะออกไป แต่ก่อนจะออกไปเขาหันมามองเจ้าลูกโซ่ ที่ยืมชูมือเหมือนจะบาย บาย ป๊าของพี่เธียรวิชย์เดินอ้อมกลับมาหาและเอาฝ่ามือแตะที่หัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ ก่อนจะเดินออกไปก่อน

“ขอลุงหอมก่อนเร็วลุงไปแล้ว “พี่ธันเดินมาหาเจ้าลูกโซ่ ผมก็ส่งให้พี่ธันรับไปอุ้ม พี่ธันพยายามจะหอมแต่เจ้าลูกโซ่หมุดหนี แถมก้นโด่งอีกต่างหาก

“ไม่เอาก้น จะหอมแก้ม เร็วๆ เอาแก้มมาเร็ว ให้หอมดีดีเดี๋ยวซื้อของเล่นให้เร็ว” พี่ธันพูดโดยเอาของเล่นมาล่อใจเจ้าลูกโซ่ และพี่ธามก็เดินเข้ามา แถมยังชะเง้อมองคนข้างนอกด้วยน่ะ

“ธาม!!”

“ม๊าอะ” พี่ธาม ผมเห็นบางทีตุ้งติ้งจนผมเองก็แปลกใจ

“มาให้โกวหอมมั้งเร็ว” พี่ธามพูด ผมหันไปมองจริงอ่ะ

“อ้าวป๊า ลืมของเหรอ” เสียงเฮียธันพูด

“อย่าเรียกโกว เรียกแปะลูก “พี่ธามรีบเปลี่ยนทันที ก่อนจะหันไปที่ตรงประตู แต่ไม่มีใครเข้ามาหรอก

“ไอ้.. ธัน เดี๋ยวมึงโดนกูแน่ไม่ต้องรอป๊าหรอก “พี่ธามพูด ก่อนจะหันไปทำท่าวิ่งไล่จะเตะ ทั้งที่อุ้มเจ้าลูกโซ่อยู่ด้วย

“เอิ้กๆๆ” เจ้าลูกโซ่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย

“ไปได้แล้วเดี๋ยวป๊าก็เข้ามาตามจริงๆ หรอก” ม๊าพูด ผมเห็นคนข้างๆ ผมกำลังลุกขึ้น เขาหันมามองผม ผมลุกขึ้นเดินไปอุ้มเจ้าลูกโซ่กลับมา ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์

“ป๊าไปน่ะ อย่าดื้อกับมาม๊าน่ะรู้ไหม “พี่เธียรวิชย์พูด

“ปะ ปะ ปะ” เจ้าลูกโซ่ที่ทำมือเหมือนจะไปด้วย

“ไม่ได้ อยู่บ้าน ป๊ารีบกลับนะครับ “พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะก้มลงหอมเจ้าลูกโซ่ ผมก็หันไปมองทางอื่น ผมคิดว่ามันยังเร็วเกินไปสำหรับสถานะของผมกับเขาในตอนนี้

“คุณนายค่ะ โทรศัพท์ค่ะ” จังหวะนั้นพี่มลเดินมาเรียกม๊าไปรับโทรศัพท์บ้านพอดี และพี่ก็เดินออกกันไปแล้ว ผมหันมามองคนที่มองผมกับเจ้าลูกโซ่อยู่

“ไม่ไปทำงานล่ะ เดี๋ยวก็สายหรอก คุณผู้บริหารฝึกงาน” ผมถามพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์พยักหน้าก่อนจะหันไปหยิบของที่ต้องนำไปด้วย พี่เธียรวิชย์หันมามองผมกับลูกโซ่อีก ก็หอมกันแล้วจะเอาอะไรเนี๊ยะ

“มีอะไร” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“ก็เวลาก่อนไปทำงานเมื่อก่อนป๊าต้องหอมแก้มม๊าอ่ะ”

“ก็ใช่ไหง คนเป็นสามีภรรยากันก็ควรจะทำอย่างนั้นน่ะไ” ผมพูด

“ควรจะทำเนอะ” คนตรงหน้าผมพูด

“ฟ๊อด!!” เสียงมากและไม่ใช่แก้มเจ้าลูกโซ่ด้วยแต่นี้มันแก้มผมนี่แหละ หอมแบบเต็มๆ เลย

“เอิ้กๆๆ” คนที่ผมอยู่นี้ก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ตบมือด้วย ผมก็มองเจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่เธียรวิชย์ อยู่ข้างใครเนี๊ยะ

“มะ มะ มะ” กลับข้างทันทีเลยน่ะ และคนที่หอมแก้มผมก็เดินออกไปแล้ว ไปทำงาน ผมยืนกอดเจ้าลูกโซ่ มองไปจนลับตา

“บีม” ผมสะดุ้งเพราะว่าเสียงม๊า

“มันยากใช่ไหมบีม เพราะว่าบีมกับเธียรวิชย์ ไม่ได้รักกันมาก่อน “ม๊าถามผม ก่อนจะแบมืออุ้มเจ้าลูกโซ่ไป เพื่อให้ผมได้นั่งทานอาหารเช้า

“ผมยอมรับครับม๊า”

“ม๊าก็ถูกให้แต่งกับป๊าเขาโดยไม่รู้จักกันมาก่อน ไม่ได้รักได้ชอบพอกันมาก่อน เป็นการเลือกให้ของผู้ใหญ่ พ่อแม่ของม๊าน่ะ โดยมีแม่สื่อชักนำให้เขามาเลือกม๊าอีกที และพ่อแม่ของม๊าก็เห็นแล้วว่า ป๊าน่ะ จะเป็นผู้นำครอบครัวที่ดี เป็นพ่อที่ดีได้ ม๊าเองก็ยังไม่เคยมีแฟน ด้วยความที่ไม่อยากขัดใจพ่อแม่ ก็เลยยอมแต่ง” ม๊าพูด

“แต่ม๊ามารู้ทีหลังน่ะว่า ป๊าน่ะแอบไปดูว่าม๊าอะไรบ้าง เป็นคนยังไง อยู่หลายครั้งแล้ว จนเขาส่งคนมาขอม๊าแบบจริงๆ จังๆ”

“และม๊ากับป๊าก็ด้วยกันมาจนถึงทุกวันนี้ ปากเสียงไม่เคยมีเลย ป๊าให้เกียรติม๊ามาก เรื่องผู้หญิงไม่เคยมีมาให้กวนใจ เพราะว่าเขารักและให้เกียรติภรรยาเป็นที่หนึ่ง”

“และม๊าก็เชื่อว่าลูกๆ ของม๊าน่ะ จะทำตามแบบที่ป๊าเขาทำให้ดูนะบีม” ม๊าพูดกับผม ผมพยักหน้าเบาๆ

“เธียรไม่ใช่เด็กเกเรแต่เขามีความคิดที่เป็นของตัวเอง ที่บางครั้ง ดูจะขัดกับป๊าเขามากกว่าพี่ๆ คนอื่น และม๊าก็เชื่อว่าเธียรจะเปลี่ยนแปลงมันได้เพื่อ ลูกและบีมที่เป็นแม่ของลูกเขา “ม๊าบอกผม ผมพยักหน้าผมยอมรับว่าผมเห็นรอยยิ้ม

“แต่ม๊าก็สังเกตเห็นบางสิ่งที่เธียรเปลี่ยนไปน่ะ ปกติเขาไม่ค่อยชอบเอาใจใคร เอาใจใครไม่เป็น แม้กระทั่งแพรวาที่ตามติดเธียรก็เฉยๆ แต่เมื่อวานเห็นเอาใจเราน่าดู บางทีมันอาจจะแค่กระจกบางๆ กันเรากับเธียรเอาไว้ ม๊าคิดว่าสักวันกระจกนั้นมันคงหายไปเอง “ม๊าพูดพร้อมกับก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ ผมเดาว่าม๊าหมายถึงคนที่จะทำลายกระจกนั้นให้ผมกับพี่เธียรวิชย์คือเจ้าลูกโซ่คนนี้ ม๊าก็ลุกขึ้น

“ทานไปก่อนน่ะ ม๊าจะไปค้นรูปเจ้าเธียรตอนเด็กๆ มาให้ดู ว่าเขาสองคนเหมือนกันมากแค่ไหน “ม๊าบอกผม พร้อมกับอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย กระจกที่ว่านี้มันคือความกลัวที่ผมเป็นตั้ง มันขึ้นมาเอง ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอเขา และวันนี้เขาคนนั้นเปลี่ยนไป เหมือนไม่ใช่คนเดียวกันกลับคืนนั้น และวันนี้เขาคือพ่อของลูกผม เขาบอกว่าเขาเชื่อที่อาม่าของเขาพูด ชีวิตก่อนแต่งงานกับชีวิตหลังแต่งงานมันต่างกันมาก คู่ชีวิตจะอยู่คู่กันได้ไหมนั้น ขึ้นอยู่กับว่าเราประคับประคองยังไง และยิ่งมีสิ่งที่เรียกว่าลูกแล้วด้วย หลายสิ่งต้องถูกไตร่ตรองหลายๆรอบก่อนจะตัดสินใจ  หรือว่านี่ผมควรจะลดการ์ดของผมเองลงมาบ้างและยอมเพื่อให้ลูกผมได้อยู่กับคนที่เรียกว่าพ่อของเขาแท้ๆ

TBC ....
       ช่วงนี้อาจจะไม่ค่อยได้เห็นบทลูกโซ่เท่าไหร่ แต่ตอนต่อๆ ไป มีแน่ๆ น้องลูกโซ่จะช่วยมี้เอง เพราะว่าแพรวาเธอไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่ๆ แล้วเธียรวิชย์จะจัดการมันอย่างไร
ตอนหน้าความจริงแล้วอาจารย์กันตภณรู้เรื่องเธียรวิชย์กับบีมนานแล้ว แต่เขารู้ได้อย่างไร ขอเป็นตอนหน้านะคะ เรื่องนี้อาจจะมีการปรับเปลี่ยนการลงนิยาย จากที่ลงทุกวันจะเป็นลงทุกสองหรือสามวัน หนึ่งหรือสองตอนค่ะ ต้องขออภัยนักอ่านทีน่ารักด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.16. ยอมเพื่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-03-2021 11:44:00
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.16. ยอมเพื่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-03-2021 12:00:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.16. ยอมเพื่อลูก
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-03-2021 12:34:01
 :z2: :z10:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17 (หมอภีมปภพXกันตภณ) ภีมยังรักกันอยู่
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 15-03-2021 21:08:41
Part’ s หมอภีมปภพ หลังจากที่ผมวางสายจากบีม ผมก็รีบลุกจากที่นอน ตอนแรกว่าจะเข้านอนเร็วหน่อย ผมมีขึ้นเวรแต่เช้าถึงจะเป็นโรงพยาบาลพ่อผมเองก็ตามแต่ถ้าไปสายก็โดนว่าเหมือนกัน ผมมาซื้อบ้านอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล พ่อผมซื้อเอาไว้ให้ผมนานแล้วและบ้านหลังนี้มันก็มีความหมายกับผมและกันมาก



ผมชับรถเก๋งไปที่ผับแห่งหนึ่ง ผับนี้ผมเคยสะกดรอยตามกันมา เขาขับมาที่เพื่อจะมาตามหาคนที่ทำให้บีมตั้งครรภ์ เพราะว่าบีมเคยทำงานที่นี้มาก่อน กันเคยบอกกับผมว่าเขาโดนผู้ชายคนหนึ่งข่มขืนที่นั่น ผมเดาว่ากันน่าจะรู้แล้วว่าใครกันที่ทำให้บีมท้องในคืนนั้น



“ขอโทษนะครับ ผมมาตามหาเพื่อนนะครับ เขาน่าจะมาที่ผับนี้ และผมเดาว่าคงดื่มหนักจนกลับไม่ไหวนะครับ” ผมเดินไปถามพนักงานในร้านที่ยืนอยู่



“รอสักครูนะคะ เดี๋ยวไปตามผู้จัดการร้านให้ค่ะ”



“พี่ พี่เห็นพี่นิน่าไหมคะ พอดีมีเพื่อนลูกค้าเขาบอกเพื่อนเขามาเมาที่นี้ค่ะ”



“พี่นิน่าคุยกับลูกค้าค่ะ เห็นนั่งคุยกันพักหนึ่งแล้ว ที่เข้ามาถามหาผู้จัดการคนเก่าที่ลาออกไปได้สามเดือนแล้วอ่ะ” ผมเดาว่าคนที่เขาพูดถึงคือกันตภณแน่ๆ “พี่นิน่าเขาบอกว่า ถ้าไม่มีอะไรเร่งด่วนไม่ต้องไปเรียกเขาน่ะ พี่เขาไม่ว่างน่ะแถมยังบอกว่าเตรียมตัวเลี้ยงฉลองได้เลย พี่เขาได้สามีรวยแน่วันนี้”



“โต๊ะไหนครับ คนนั้นแหละเพื่อนผม “ผมรีบกระชากแขนเธอ และถามผู้หญิงคนนั้นทันที



“เออ คือ “เธอมองผมด้วยสายตาที่แปลกใจว่าผมเป็นใครกัน



“ผมถามว่าโต๊ะไหนครับ” ผมเธอย้ำอีกครั้ง เธอหันไปมองหน้าเพื่อนๆ ที่ยืนอยู่



“ถ้าไม่ตอบผม มีปัญหาแน่ เพราะว่าเพื่อนผมนี้ พี่ชายเขาเป็นเจ้าของโรงเรียนที่มีชื่อเสียงนะครับ” ผมถามเธอ ผมมองจ้องหน้าเธอ เพื่อให้เธอรับรู้ว่าผมเอาจริงนะ



“ว่าไงครับ!” ผมเริ่มตะคอกเสียงดังใส่เธอ คนที่ผมถามถึงกับสะดุ้งสุดตัวทันที สีหน้าเธอสลดลงจากเมื่อสักครู่ทันที



“ว่าไงครับคุณ เขาเป็นเพื่อนผม ผมรู้จักนิสัยเขาดี ผมว่าเขาไม่ทำอย่างที่คุณพูดแน่ถ้าเขามีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่ผมคิดว่าผู้จัดการคุณน่ะ ต้องทำอะไรสักอย่างกับเขาแน่ๆ บอกผมมา และผมจะไม่เอาผิดคุณ โทษฐานสมรู้ร่วมคิด” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามระงับอารมณ์โกรธสุดๆ



“เออ หนู เห็นพี่นิน่ากำลังจะพาไปพักนะคะเพราะว่า เขาเมามากค่ะ” ผมก็พยักหน้า เพราะว่ามันเป็นไปไม่ได้ว่ากันตภณจะดื่มจนเมาไม่ได้สติ ถ้าไม่โดนอะไรสักอย่าง



“ถ้าไม่บอกผม ผมจะเรียกตำรวจเดี๋ยวนี้ ลุงผมเป็นผู้บังคับบัญชาสน.ใกล้ๆ นี้ซะด้วย เพื่อว่าบุคคลในเครื่องแบบมาแล้วคุณอาจจะตอบคำถามท่านได้ดีกว่าตอบผม แต่หลังจากนี้ก็หาเงินประกันตัวเองแล้วกัน” ผมไม่พูดเปล่ารีบหยิบมือถือขึ้นมาทันที



“บอก บอก บอก แล้วค่ะ อย่าแจ้งตำรวจเลยนะคะ “ได้ผลเธอรีบปริปากบอกผมทันทีจากที่ยืนอ้ำอึ้งอยู่พักหนึ่ง



“พี่นิน่าเขากำลังจะพาไปที่ห้องพักสำหรับแขกวีไอพีค่ะ แต่หนูไม่รู้นะคะว่าพี่เขาดื่มไปเยอะหรือว่าโดนอะไร แต่พี่เขาอยู่ในสภาพมึนเมาจริงๆ ค่ะ “น้องคนนั้นตอบผม



“พาผมไปเดี๋ยวนี้!!” ผมบอกเธอเชิงออกคำสั่ง เพื่อนๆ ของเธอพยักหน้าให้เธอพาผมไป เธอก็รีบนำหน้าผมทันที ผมเดินตามเธอเข้าด้านใน ดูแล้วน่าจะมีห้องพักที่สำหรับคนที่ต้องการพักเพื่อทำกิจกรรมอย่างว่า ผมมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง ผมหันมาพยักหน้ากับเธอให้เธอเคาะประตู



ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมยืนกอดอกรออยู่สักสิบนาทีได้ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดดูจากสภาพเสื้อผ้าของเธอ ผมยืนมองหน้าเธอ กรามขบเข้าหากันจนเป็นสันนูน ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงผมคงกระชากคอเสื้อมาต่อยแล้ว เธอหันมามองหน้าผม แววตาชวนให้สงสัยว่าผมคือใครกัน ก่อนจะหันมามองผู้หญิงที่ยืนหลุบตาลงมองพื้น



“มีปัญหาอะไร กูกำลังจะได้ผู้ชายมาเป็นผัว” เธอพูดตะคอกเสียงใส่ลูกน้องของเธอ



“พี่คนนี้เขาเป็นเพื่อนของคนที่พี่มาพาน่ะพี่นิน่า เขามาตามเพื่อนเขาและเขาขู่จะแจ้งตำรวจด้วยพี่” น้องเขาบอกผู้จัดการร้าน เธอถึงกับชักสีหน้าตกใจ ผมยืนมองเธอนิ่ง



“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!! ถ้าไม่เปิดคุณมีเรื่องกับผมแน่” ผมพูดและคนตรงหน้าก็ยอมให้ผมเปิดประตูเข้าไป และสิ่งที่ผมเห็น มันทำให้ผมต้องผมหันกลับมามองหน้าผู้หญิงที่ร่านมาก เขากำลังถอดเสื้อผ้ากันตภพณออก



“คุณนี้มัน!!” ผมหันมามองเธอด้วยแววตาโกรธเกรี้ยวมาก แต่ว่าน้องผู้หญิงเขารีบเดินมาห้ามผมทันที



“พี่ค่ะ อย่าเลยนะคะ อย่ามีเรื่องเลยค่ะ เพราะว่าถ้าพี่มีเรื่องพวกหนูโดนพักงานแน่ๆ ค่ะ” น้องคนนั้นรีบขอร้องผมทันที



“ทำไม เมียมันเหรอ สงสัยตระกูลนี้คงเป็นทั้งหมดล่ะซิ วันก่อนก็มาถามหาไอ้ที่มาเป็นเรียนงานผู้จัดการแต่ดันอัพยากับลูกค้า จนเจ้าของร้านจับได้ หามันเจอหรือยังล่ะ ป่านนี้ไปเป็นเมียใครต่อใครแล้วมั้ง” ผมยืนมองหน้าเธอ พร้อมกับสูดลมหายใจออกยาวๆ ไม่อย่างนั้นหมัดผมคงได้ปล่อยตรงไปที่หน้าสวยๆ ของเธอแน่ๆ



“พี่นิน่าไปเถอะ เดี๋ยวก็มีปัญหาถึงคุณอรรณพหรอกพี่” ผู้หญิงที่ห้ามผมเธอรีบดึงรั้ง ผู้จัดการไร้ยางอายนั้นออกไป ผมก็เข้าไปแต่งตัวให้กันตภณแบบลวก ผมเอามือลูบใบหน้านั้น ผมสัมผัสได้ถึงการเต้นหัวในที่เร็วแต่ไม่ได้อันตรายมาก นั้นแปลว่าเขาโดยวางยาในเครื่องดื่ม ผมหันไปมองรอบๆ ห้อง มีการตั้งกล้องเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ทำไมช่างไร้ยางอายได้ขนาดนี้



“หมับ” มือของกันตภณจับที่ข้อมือผม



“บีม ทำไมบีมต้องเลือกหลานพี่ทั้งที่ไอ้เธียรมันทำให้บีมต้องมีมลทินแบบนั้น “ผมได้ยินเสียงกระซิบที่เบาแต่มันดังก้องในหัวผม



“พี่คิดว่าบีมจะไม่ทำให้พี่เสียใจเหมือน….” ผมนิ่งไปพักหนี่ง ผมดูจากอาการผมเดาได้ว่ากันตภพณ โดนแค่ยาหลอนประสาทที่ทำให้มึนงงและเหมือนคนเมาเหล้า ผมก็ต้องแบกกันขึ้นมา ก่อนจะพยุงพาร่างของกันตภณออกมา พอผมออกมาถึงหน้าประตู ผมก็เจอผู้ชายแต่งตัวดีคนหนึ่งมายืนพร้อมพนักงานที่ผมเข้าไปสอบถามตอนแรก



“ขอโทษครับ ผมอรรณภครับ ผมเป็นเจ้าของผับนี้ครับ และพอดีพนักงานผมแจ้งว่าคุณเป็นเพื่อนกับลูกค้าของผมและน้องเขาก็บอกว่าลูกค้มผมอยู่ในห้องพักนะครับ”



“ใช่ครับ ผมชื่อหมอภีมปภพ เกียรติบดินเดชากุล “ผมบอกคนที่ยืนตรงหน้า ใครก็เคยได้ยินชื่อและนามสกุลพ่อผมทั้งนั้น เป็นคุณหมอที่มีชื่อเสียงและมีโรงพยาบาลบดินเดชากุล ที่มีตั้งสามสาขาในกรุงเทพแถมเป็นโรงพยาบาลทีมีชื่อเสียงอีกต่างหาก และคนตรงหน้าผมชักสีหน้าด้วยความตกใจทันที ที่ได้ยินนามสกุลของผม



“คุณควรจะไปอบรมผู้จัดการดูแลผับคุณหน่อยนะครับ ไม่ใช่มอมยาแขกแล้วพาเขามาทำอะไรแบบนี้ เป็นผู้หญิงซะเปล่าไร้ยางอายที่สุด”



“และผับที่ดูไฮโซแต่คุณปล่อยให้พนักงานของคุณทำแบบนี้ได้ด้วยเหรอครับ หรือว่าคุณสนับสนุนให้พนักงานของคุณเป็นมิจฉาชีพซะเอง “ผมพูดตอกใส่หน้าเจ้าของผับไป ก่อนที่ผมจะพยุงกันตภณออกไปทันทีเช่นกัน ผมเดินออกไปจนถึงด้านหน้า ผมหันไปบอกเด็กที่มารับรถไปจอด เขาก็นำรถคันหรูของผมออกมาส่งให้ ผมรีบพาร่างกันตภณเข้าไปไว้ในรถของผมก่อน ผมรู้สึกว่าโทรศัพท์ของกันตภณ สั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแลกเข้ารูป ผมก็ใช่มือของผมล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของกันตภณและหยิบออกมาดู เป็นสายของอาม่าที่พยายามโทรหากัน ผมรู้ว่าอาม่าน่ะอายุเยอะแล้ว และถ้าผมบอกว่ากันตภณโดนอะไรนี้ อาม่าคงจะเป็นห่วง ผมเดินเข้ามาในรถ ผมรีบกดส่งข้อความไปหาเฮียเกริก



//เฮียผมไม่กลับบ้านน่ะ ผมจะไปหาเพื่อนนะครับ ฝากบอกม๊าด้วยครับ ไม่ต้องเป็นห่วง // ผมกดส่งข้อไปหาเฮียเกริกแทน ก่อนจะรีบขับรถออกทันที ผมหันมามองกันตภณ ที่หลับใหลไม่ได้สติ ผมดึงมือนั้น มือที่ผมเคยกุมเอาไว้มากุมไว้อีกครั้ง



ผมจำได้ดี วันที่ผมรู้จักกันตภณ ในห้องอาหารของโรงเรียน ผมรู้ว่าเขาเป็นเหมือนผม อยู่ในกลุ่มชายรักชาย แต่ผมก็ยังไม่กล้าบอกความในใจกับกันในตอนนั้น ผมเลือกไปเรียนพิเศษที่เดียวกับกันตลอดจนเริ่มสนิทกันมากขึ้น ผมรู้ว่าป๊าเขาดุมากมีรถมารับมาส่งเขาตลอด และกันก็ต้องเรียนหนักมาก ขนาดผมเองถูกแพลนไว้ว่าต้องเป็นหมอยังไม่หนักเท่ากันตภณเลย เห็นเขาเรียนพิเศษทุกวัน ทั้งที่กันตภณเป็นคนเรียนเก่งอยู่แล้ว ผมแอบชอบกันมานานมาก ผมพยายามสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กันตภณสอบติด และพอเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันก็ได้มาอยู่หอในนั่นแหละผมถึงได้มีโอกาส ได้บอกความในใจกับกัน และนั้นคือการเริ่มต้นความรักของผมกับกัน



เราคบกันนานหลายปี แบบหลบๆ ซ้อนๆ จนกระทั่ง กันจบมหาวิทยาลัยและกันตภณก็ไปเรียนปริญญาโทต่อจนจบผมก็เพิ่งจะจบแพทย์ และผมกำลังจะขอกันแต่งงาน แต่ความลับมันก็ไม่มีในโลก เมื่อป๊าของกันตภณจับได้ เขารับไม่ได้กับความสัมพันธ์ของผมกับกัน และนั้นเขาเลยไปทาบทามผู้หญิงที่ชื่อหลิน เธอทำงานอยู่ที่คุรุสภาเธอเป็นรุ่นน้องกันตภณสามปี และกันก็ต้องแต่งงานตามคำสั่งป๊าของเขา

วันที่ผมเสียใจที่สุดคือผมต้องทนดูคนที่ตัวเองรักไปแต่งงานกับคนอื่น ไปนอนกับคนอื่น แถมยังมาหาผมเพื่อปรึกษาเรื่องการมีบุตรกับผมอีก ถามว่าผมเจ็บไหม ผมเจ็บมาก แต่หลังจากห้าปีผ่านไป ป๊าของกันก็เสีย และกันก็ขอหย่ากับหลินเพราะว่าเขาทั้งคู่ที่พยายามจะมีบุตรด้วยกันแต่ก็ไม่สามารถจนกระทั่ง กันมาตรวจกับผมอย่างละเอียดอีกทีนั่นแหละถึงได้รู้ว่า กันตภณเป็นหมันมานานแล้ว ผมกลับยิ้มดีใจผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าถ้าหลินจะมีลูกกับกันและเรื่องระหว่างกันกับผมคงต้องจบ และช่วงนั้นผมกับกันตภณแอบมาคุยกันและนัดเจอกันบ้างแต่น้อยมาก  ผมรักกันมากต่อให้เขาแต่งงานแล้วผมก็ตัดใจจากกันไม่ได้ เจ็บมากที่ต้องทำหน้าที่ได้แค่เพื่อนที่คอยมองเวลาเขาพาหลินมาเพื่อตรวจและหาวิธีที่จะมีลูกด้วยกัน

จนกระทั่งวันที่กันได้หย่าขาดกับหลิน ทุกอย่างควรจะเป็นไปได้ด้วยดีถ้าไม่มี ผู้หญิงคนนั้นเข้ามา ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือน้องสาวของหลินและคืนที่ผมไม่ได้ตั้งใจมันเปลี่ยนทุกอย่างไปหมด กันตภณตัดขาดการติดต่อจากผมปีกว่าแต่ก็ยังคุยกันแบบไม่ให้ม๊าไม่สบายใจทุกครั้งที่ม๊าเขามาโรงพยาบาล พูดคุยกันแค่ในสถานะของเพื่อน จนถึงวันทีเขาโทรมาหาผมอีกครั้ง เขาบอกว่ามีเด็กที่เป็นลูกศิษย์ ของเขาตั้งครรภ์ ต้องการให้ผมดูแลน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงนั้น มันทำให้ผมเจ็บมากว่าตอนที่เขามีหลินซะอีก แต่ผมกลับไม่โกรธบีม ผมเห็นบีมแบบนี้แล้วผมสงสารบีมมากกว่าโกรธแค้น



ผมพยุงกันตภณออกมาจากรถเก๋งของผมที่นำเข้ามาจอดในโรงจอดรถเรียบร้อยแล้ว โชคดีที่มีห้องรับแขกอยู่ชั้นล่าง ผมคงต้องให้กันนอนห้องนี้ก่อน ถามว่าเวลานี้คือโอกาสทองแต่ทำไมผมไม่ทำ เพราะผมรู้จักกันตภณดี ถ้าเขาไม่ให้ นั้นคือไม่ให้ ผมก็ปล่อยร่างนั้นนอนลงบนที่นอน



“ภีมยังรักกันอยู่น่ะ ต่อให้กันจะบอกว่าเราไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมแต่ภีมก็ยังรักและยังรอกันอยู่ และจะรอตลอดไป ต่อให้ต้องรอ” ผมพูดกับคนที่ยังคงไม่รู้สึกตัว ผมค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าของกันภณออกจนหมดและผมก็เดินไปหยิบภาชนะมาใส่น้ำเพื่อเช็ดทำความสะอาดร่างกายให้กัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมทำแบบนี้ ผมดูแลกันมาตลอดตั้งแต่เป็นแฟนกัน ตอนกันเป็นไข้ไม่สบายก็ดูแลอย่างใกล้ชิดแบบนี้ ก่อนที่ผมจะลุกขึ้นไป ผมห่มผ้าห่มให้กัน ผมก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากของคนที่นอนหลับสนิท

TBC.... 

พี่กันตภนจะยอมกลับมาหาพี่หมอไหม สงสารพี่หมอเหมือนกัน ตอนหน้า พี่กันจะทำยังไงถ้าพี่กันรู้ว่าแพรวาไม่หยุดและยังจะกลับมาทำร้ายบีมอีก
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17 (หมอภีมปภพXกันตภณ) ภีมยังรักกันอยู่
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-03-2021 21:22:01
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17 (หมอภีมปภพXกันตภณ) ภีมยังรักกันอยู่
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 15-03-2021 21:35:52
 :m15:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17.1(หมอภีมปภพXกันตภณ)กันรู้ความจริง P1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 16-03-2021 06:45:24
EP.17.1(หมอภีมปภพXกันตภณ)กันรู้ความจริง P1

Part’ s กันตภณ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเมื่อคืน เหมือนกับความทรงจำผมขาดหายไปช่วงหนึ่ง ผมที่ผมจำได้คร่าวๆ คือผมไปที่ผับแห่งหนึ่ง ที่บีมเคยไปทำงานที่นั่น ผมไปนั่งดื่มเพื่อรอพบกับไอ้ผู้จัดการคนที่เคยข้อมูลผมและจู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามจะชวนผมคุย ผมรู้ว่าเธอคือผู้จัดการร้าน แต่ผมหาได้สนใจเธอไม่ ผมดื่มแต่ไม่ถึงกับหนักและตั้งใจว่าจะกลับแต่ผมกลับรู้สึกมึนงงขึ้นมากะทันหัน และเริ่มควบคุมสติตัวเองไม่ได้ และผมก็จำได้แค่นั้น มารู้สึกอีกทีภาพที่เลือนรางของคนที่คุ้นเคยที่เข้ามาพยุงผมพาผมออกมา

“โอ๊ย!!” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นด้วยความยากลำบาก หนังตาที่หนักอึ้งจนเหมือนมีก้อนหินมาทับอยู่ ผมค่อยๆ ยกฝ่ามือขึ้นมากุมขมับตัวเองเอาไว้ ก่อนจะฝืนลืมตาขึ้นอีกครั้ง ผมมองเห็นฝ้าเพดานที่ไม่เหมือนห้องนอนของผมสักนิดแต่มันคุ้นเคยมาก ก่อนจะพลิกมองไปรอบด้าน ผมรู้ได้ทันทีว่าผมอยู่ที่ไหน โชคดีที่ผมไม่ได้ตื่นมาแล้วตัวเองนอนอยู่ในโรงแรมล่ะ ผมไม่เคยพลาดเรื่องแบบนี้เลยแต่ครั้งนี้ผมพลาดมาก ผมก้มลงมองลำตัวที่มีผ้าห่มปิดอยู่ครึ้งท่อน ไม่ต้องเปิดดูก็รู้ว่าไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดๆ ปิดกายอยู่เลย

“กัน” ผมสะดุ้งสุดตัว คนที่มาเรียกผมคนนั้นคือ หมอภีมปภพ เขาเดินถือถาดมาด้วย ผมหันไปมองเขาก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง

“ทำไมต้องไปดื่มหนักขนาดนั้น “หมอภีมปภพพูดกับผมก่อนจะส่งเม็ดยามาพร้อมกับแก้วน้ำมาให้

“กินซะ กันเมามากเลยน่ะ ดื่มหนักขนาดนั้น ต้องมีปวดหัวกันบ้างแหละ และโชคดีแค่ไหนที่ภีมไปพาตัวกันออกมาซะก่อนที่จะโดนชะนีลากไป “ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าภีมปภพ

“คิดว่าจะเหมือนที่ภีมทำกับกันเหรอ” ผมถามคนตรงหน้า

“กัน เรื่องมันผ่านมาแล้วน่ะ ภีมรู้ว่าภีมผิด และภีมก็ไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำให้กันเจ็บ แต่มันไม่ใช่ว่ากันเจ็บคนเดียวน่ะ ภีมก็เจ็บน่ะ เจ็บไม่แพ้กันเลยน่ะกัน “ภีมปภพพูดก่อนจะนั่งลง

“แล้วมันควรไหม ที่จะนอกกายแถมมึงนอกกายกับน้องสาวของหลิน ทั้งที่หลินก็รู้เรื่องมึงกับกู เขารู้เรื่องนี้ดีและรู้มานานแล้วด้วยและหลินเลือกที่จะไม่พูด” ผมพูดพร้อมกับหันไปมองทางอื่นแทน

“กัน ภีมขอโทษ ภีมไม่รู้ ว่าหมอสายป่านคือน้องสาวของหลิน และคืนนั้น ภีมก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองทำอะไรลงไป”

“มันแค่ครั้งเดียวเองน่ะกัน ภีมเจ็บพอแล้วกัน” ภีมปภพพูดก่อนจะพยายามดึงผมเข้าไปกอด แต่ผมก็พยายามดันหมอภีมออก ผมพ่นลมหายใจออกยาวๆ

“พอแล้ว จะกลับบ้านแล้ว ป่านนี้ม๊าเป็นห่วงแย่แล้ว “ผมพูด ผมพยายามจะไม่มองสายตาคู่นั้น มันอ้อนผมตลอดเวลา

“เมื่อวานภีมส่งข้อความหาพี่เกริกแล้ว แต่บอกว่าภีมไปค้างบ้านเพื่อน ไม่ได้บอกว่าเมื่อคืนกันเมา” หมอภีมปภพบอกผม และเขายามาจ่อไว้ที่ปากของผม

“กัน กินยาก่อนได้ไหมอย่าดื้อ กินซะ “และนั้นทำให้ผมต้องรีบรับเม็ดยามาทานเอง ก่อนจะหันไปรับแก้วน้ำกระดกน้ำไป

“แล้วรู้ได้ยังไง ว่ากันไปที่นั้น” ผมหันมาถามหมอภีมปภพ เขาแค่หันมาชำเลืองตามองผม

“กันเคยบอกภีมเอาไว้ไง ว่ากันจะไปสืบเรื่องพ่อของเด็กของในท้องของบีม ที่ผับที่บีมทำงาน” หมอภีมปภพบอกผม

“อันที่จริง ภีมเดาว่า กันรู้ตั้งแต่นาทีแรกที่เห็นหน้าเจ้าลูกโซ่แล้ว ใช่ไหม ว่าใครคือพ่อเด็กตัวจริง “หมอภีมปภพพูด ผมเงยหน้ามองหน้าเขา ก่อนจะหลุบตาลง มองลอดเข้าไปในผ้าห่ม

“ยอมรับว่ากระทำการอันอุกอาจแก้ผ้าออก ทั้งที่ยังไม่อนุญาตให้ภีมถูกเนื้อต้องตัวของกัน เพราะว่าเราไม่ใช่แฟนกันเหมือนเมื่อก่อน” หมอภีมปภพูดกับผม

“เสื้อผ้าล่ะ อยู่ไหน “ผมหันมาถามหมอภีมปภพ

“แขวนเอาไว้ให้แล้ว ซักรีดให้กันแล้วด้วยน่ะ “หมอภีมปภพพูด ผมรีบลุกขึ้น ผมยอมรับว่าผมกับหมอภีมปภพ ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทกันมาก่อน แต่มันมีหลายสิ่งที่ทำให้ผมไม่อยากจะดึงภีมกลับมาอยู่ในวังวนเดิม ๆ เมื่อก่อนป๊าผมไม่ชอบความรักแบบนี้ พ่อของภีมก็ไม่ชอบแต่ด้วยความที่ภีมเป็นลูกชายคนเดียว ถึงเขาไม่ต้องพูดหรือว่าแสดงอาการชัดเจนเหมือนป๊าผม ผมก็เดาได้จากสายตาทุกครั้งที่ผมไปบ้านเขา ว่าเขาอยากให้ลูกเขามีครอบครัวที่ปกติเหมือนคนทั่วไป

“หมับ” หมอภีมปภพ คว้าข้อมือผมเข้าไว้และเข้ามากอดผม เรือนร่างที่เปลือยเปล่าไม่มีเสื้อผ้าสวมใส่สักชิ้น

“ภีม ปล่อย “ผมพูดก่อนจะพยายามสูดลมหายใจเข้า ผมเองก็ไม่อยากใช่กำลังกับคนที่เคยรัก รักมากแต่ก็เจ็บมาก

“ภีมปล่อย บอกให้ปล่อยไง!” ผมพูด พร้อมกับใช้แขนผมดันผลักแขนหมอภีมที่กอดผมเอาไว้จนหลุดออก ผมหันมามองหน้าภีม และหันหลังจะเดินออกจริงๆ

“กัน น้องเขารู้เรื่องกันกับภีมแล้ว” หมอภีมปภพพูด ผมหยุดชงัก ก่อนจะหันไปมองหน้าเขา

“เมื่อไหร่!” ผมถามหมอภีมปภพ

“วันที่เขาพาเจ้าลูกโซ่ไปฉีดวัคซีนภีมบอกเขาเอง แต่ว่าบีมเขารู้ตั้งแต่ ที่เห็นเสื้อเชิ้ตที่กันสวมในวันที่ไปเปลี่ยนที่ห้องพักแพทย์ของภีม “ผมก็นิ่งไปพักหนึ่ง วันต่อมาผมสวมใส่มันอีกและบีมทักผมว่าเสื้อตัวนั้นหน้าตาคุ้นๆ ผมสะบัดแขนหมอภีมให้เขาปล่อยผม

“กัน เขาบอกว่าเสื้อตัวนั้น เขาก็เป็นคนซื้อให้กันและกันก็ใส่มันวันที่มีงานเลี้ยงส่งอาจารย์ที่เกษียณอายุ น่าจะเมื่อสองปีก่อน “หมอภีมปภพพูด “วันนั้นภีมไปรับกันออกมาจากงานและเราก็มาค้างกันที่โรงพยาบาล เพราะว่าภีมมีเครสด่วน “หมอภีมปภพพูด ใช่และผมทำแบบนั้นจริง และนั้นคืออารมณ์ที่เผลอไปของผมทั้งที่ผมเลิกกับภีมปภพไปได้สองสามปีแล้ว และนั้นก็แค่ครั้งเดียวของผมกับภีมจริงๆ

“กันไปหาไอ้ผู้จัดการคนเก่าทำไมล่ะ ในเมื่อกันก็รู้ความจริงตั้งแต่วันที่กันไปพบมันแล้วไม่ใช่เหรอ” หมอภีมปภพถามผม ผมหันไปมองหน้า

“ใช่ ภีมตามกันไป และภีมก็คิดว่ากันรู้ก่อนที่บีมจะคลอดซะด้วยซ้ำ กันรู้ว่าใครคือพ่อเด็กจริงๆ “ผมนิ่งเงียบใช้รู้มาตลอดมาคืนนั้นคนที่ไปทำแบบนั้นคือหลานผมเอง

“ใช่ไหมกัน”

“ใช่!! กันรู้ ว่าคนที่ทำกับบีมคืนนั้นคือหลานของกันเอง และคนที่หลานกันมันทำคือคนที่ กันรัก!! “ผมหันไปบอกหมอภีมปภพ เขายืนมองผมด้วยสีหน้าและแววตา ที่เจ็บปวดแต่ผมเจ็บมากกว่านี้อีก วันที่ผมมาหาเขาและเปิดประตูมาเจอเขานอนอยู่กับผู้หญิงคนนั้น

“แต่กันไม่ใช่พ่อของเด็ก แล้วกันจะเอาน้องเขามาทำไม กันก็ควรจะให้คนที่เป็นพ่อเด็กเขาดูแลซิกัน” ผมหันไปมองหมอภีมปภพ

“ทำไมล่ะกัน และนั้นก็หลานกันไม่ใช่เหรอ เธียรวิชย์น่ะ”

“ใช่หลานกันเอง แต่ว่า”

“กูรักบีม และกูก็คิดว่าบีมจะไม่ทำเหมือนที่มึงทำไงและนี้ ก็ไม่ใช่ความผิดของบีมเขา ถ้าวันนั้นกูห้ามเขาไม่ให้เขาไปทำงาน เรื่องพวกนี้ก็ไม่เกิดขึ้นไหมว่ะ” ผมพูด ผมมองหน้าหมอภีมปภพ

“ปล่อยกู กูจะกลับบ้าน “ผมพูดและสะบัดและรอบนี้ผมสะบัดจนหลุดมาได้

“กัน ภีมยังรักกันอยู่น่ะ และวันนั้น ภีมก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะไปมีอะไรกับเขา เขาแค่ต้องการมาทำให้กันกับภีมมีปัญหากัน แค่นั้น “หมอภีมปภพพูด

“เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากเพราะมึงไม่รู้จักพอไงภีม ถ้ามึงฟังกูน่ะภีมเรื่องทั้งหมดมันก็คงไม่เกิดขึ้น” ผมพูดก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบออกไปทันทีเช่นกัน ผมดูใจร้ายแต่การที่คนรักนอกกายมันเจ็บมากกว่า และการเสียชีวิตของป๊าผมมันก็มาจากที่ผมกลับไปมีสัมพันธ์กับภีมอีกครั้งจนป๊าเครียด แต่ผลที่ผมได้รับหลังจากนั้นคือคนรักนอกกายไปนอนกับคนอื่น ผมรีบเดินลงมาชั้นล่าง และสิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจคือรถผมมาจอดที่หน้าบ้านภีมปภพ ผมรีบเข้าไปในรถคันหรูของผม

//รองศาสตราจารย์ค่ะ มีประชุมด่วนค่ะ รบกวนอาจารย์เข้ามาที่คณะได้ไหมคะ//

//ได้ครับผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้// ผมกดวางสายผ่านบลูทูธก่อนจะเดินรีบขับรถออกไปทันที ในหัวผมคิดมากมาย จริงๆแล้วมันมีมากกว่านั้น ที่ผมไม่สามารถกลับไปหาหมอภีมปภพได้

TBC......
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17.1(หมอภีมปภพXกันตภณ)กันรู้ความจริง P1
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 16-03-2021 07:56:59
 :z13: :z10:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17.1(หมอภีมปภพXกันตภณ)กันรู้ความจริง P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 16-03-2021 10:00:37
EP.17.1(หมอภีมปภพXกันตภณ)กันรู้ความจริง P2

             ผมขับตรงไปที่มหาวิทยาลัยทันทีทั้งที่วันนี้ผมไม่มีสอน ผมใช้เวลาไม่นานก็มาถึงมหาวิทยาลัย ผมรีบเดินตรงไปยังห้องประชุมของคณะทันที ระหว่างที่ผมกำลังเดินตรงผ่านไป ผมเห็นแพรวากำลังยืนคุยกับอาจารย์เปรมสินี ผมเลือกที่จะหยุดเดิน ผมไม่เคยเสียมารยาทในการแอบฟังคนอื่นมาก่อนแต่ว่าครั้งผมจำเป็น แต่ผมคิดว่าเธอไม่ได้มาดีแน่ๆ สังเกตจากที่แพรวาจ้องมองบีมเมื่อเห็นเธียรพาบีมขึ้นบนบ้านในฐานะ ภรรยาของเขาที่ไม่ใช่เธอที่ตามเธียรวิชย์มาตั้งแต่เด็ก สายตาคู่นั้นจ้องมองด้วยความเกลียดชัง

“แต่เราไม่มีระเบียบข้อนี้น่ะแพรวา ที่จะไม่ให้คนที่ท้องและคลอดลูกแล้วมารับปริญญาบัตรได้ และกันต์ธีย์เขาก็เรียบจบตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดทุกอย่าง”

“แต่หนูไม่ต้องการให้มันเข้ารับปริญญาอะไรทั้งนั้น”

“เธอก็ได้ไปแล้วนี่ เกียรตินิยมรองอันดับสองน่ะ แทนเขาไปแล้ว”

“ตอนนั้นหนูแค่อยากได้เพื่อไปเอารางวัลจากคนที่หนูรักแต่นี้ มันดันมาแย้งของรักหนูไป ก็ถือว่ามันช่วยไม่ได้ อาจารย์ต้องช่วยหนูจัดการเรื่องนี้ ไหน ไหน เราก็เล่นเกมด้วยกันมาพักใหญ่แล้ว”

“เธอขอมากไปแล้วน่ะ แพรวา”

“แล้วตำแหน่งรองศาสตราจารย์ล่ะคะ ขอมากไปไหมคะ ทั้งที่ความสามารถไม่ถึง ถ้าหนูเอาคลิปทีอาจารย์คุยกับหนูไปประจาน อาจารย์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนคะ ถ้าทุกคนรู้ความจริง ว่าอาจารย์ไต่เต้าเร็วเพราะอะไร” แพรวาพูด

แพรวา!!”

“จัดการให้แพรวาด้วยนะคะ อ้อ เห็นอาจารย์บอกว่ามีของดี ส่งให้แพรวาด้วยค่ะ อันนี้คือรางวัลของแพรวา ที่แพรวาช่วยให้อาจารย์ได้ทำหน้าที่กรรมการพิจารณาตัดสินนักศึกษาที่เขารับเกียรตินิยมของคณะค่ะ” และผมก็ต้องรีบเดินผ่านไป  ก่อนที่แพรวาจะเดินออกมาเจอว่าผมดักฟัง แพรวาเธอนิสัยเสียมาตั้งแต่เด็ก ร้องเอาของคนอื่น และยิ่งมีพ่อแม่หนุนลูกจนไม่มองว่าที่เขาทำอยู่น่ะผิดหรือถูก เพราะวคำว่ารักลูกมาก เพราะมีลูกยาก และเป็นลูกสาวคนเดียวอีก และพ่อของเธอก็เคยเป็นเพื่อนรักของพี่เกริก แถมปู่ของเธอก็เป็นเพื่อนรักที่ป๊าร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา จนก่อตั้งโรงเรียนและมันก็เป็นมรดกตกทอดเพื่อรุ่นหลานๆ ของผม แต่เธอกลับเอาตรงนี้มาเป็นข้อต่อรอง เพื่อให้เธียรวิชย์ทำเหมือนกับเป็นคนรักของเธอ จนหลานผมต้องหนีไปเรียนเมืองนอก

ผมเดินเข้าไปในห้องประชุมการประชุมก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับคณะทั้งนั้น ผมก็นั่งฟังจนกระทั่งรองศาสตราจารย์เปรมสินีเดินเข้ามานั่ง เธอกล่าวขอโทษขอโพยคนอื่นพร้อมข้ออ้างว่าเธอติดสายด่วนจากทางบ้าน แต่ที่จริงเธอไปคุยข้อตกลงกับแพรวาอยู่ ผมนั่งจนประชุมเสร็จเรียบร้อย ผมก็รีบเดินออกเพื่อตามอาจารย์เปรมสินีไปติดๆ

“อาจารย์บุ๋มครับ” ผมเรียกเธอไว้ได้ทัน เธอหันมามองผม สีหน้าแววตาที่เหมือนเธอไม่ได้แอบทำเรื่องไม่ดีเอาไว้เลยสักนิด

“ว่าไงคะอาจารย์กันตภณ แม้ไม่ค่อยได้เจอเลยนะคะ ได้ข่าวว่ายุ่ง เป็นพ่อลูกอ่อน” อาจารย์เปรมสินีพูด ก่อนจะเอียงคอมองผม

“ผมไม่จำเป็นต้องรายงานคุณหรอกเพราะว่าคุณรอบรู้ไปหมด ภาษาบ้านๆ เขาเรียกชอบสอดรู้สอดเห็นนะครับ” ผมพูด เปรมสินีถึงกับชักสีหน้าแสดงอาการไม่พอใจผมขึ้นมาทันที

“นี้อาจารย์กัน มันจะมากไปแล้วนะคะ” น้ำเสียงที่ฟังดูรู้ว่าเธอคงโกรธผมจนมือไม้สั่น

“ผมว่าไม่มากไปหรอกครับ สำหรับคนที่มีจิตใจแบบคุณ” “ผมหันมาพูดใส่หน้าเธอทันที

“ถ้าผมเป็นคุณน่ะ การที่กล้าทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ได้ ในอาชีพที่ใครก็เรียกว่าแม่พิมพ์ของชาติ แต่กลับมาทำร้ายนักศึกษาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดีถ้าทุกคนในมหาวิทยาลัยรู้เรื่องนี้ ผมว่าอยู่บนบ่ามันก็สูงเกินไปนะครับคุณบุ๋ม “ผมพูด

“คุณพูดเรื่องอะไรฉันไม่รู้เรื่อง” อาจารย์เปรมสินีทท่าจะหันหลังเดินออก

“คุณทำได้ยังไงคุณบุ๋ม คุณทำกับนักศึกษาลงได้ยังไง เพื่อให้คุณได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มา เขาไปทำอะไรให้คุณ เขาเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่ง แต่คุณกับเอาเขามาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ใส่ตัวคุณเอง และนี้คุณยังจะกล้าทำกับเขาต่ออีกเหรอครับ”

“คุณไม่น่าเกิดมาเพื่อเป็นครูอาจารย์ให้คนอื่นเขานับเลยครับ เพราะว่าคุณค่าในตัวคุณเองก็ไม่มีเหลือ แถมจรรยาบรรณความเป็นครูบาอาจารย์ก็ไม่มีเหลือแล้วเช่นกัน” ผมพูดก่อนจะแยกเดินออกไปแทน

“ผมเสียดายความสามารถของคุณน่ะคุณบุ๋ม คุณเป็นคนเก่งนะครับ แต่แค่ตำแหน่งที่คุณต้องการมันมาช้าไป จนคุณรอไม่ได้ต้องลดตัวลงไป เป็นคนรับใช้ให้คนพาล คุณก็ไม่ควรค่าให้ใครยกมือไหว้ แม้แต่นักศึกษาเองก็เถอะ” ผมพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเดินออกไป ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ เพื่อลงไปชั้นล่าง และจังหวะนั้นลิฟต์ถูกเปิดออกโดยอาจารย์ท่านหนึ่งเดินเข้ามาในลิฟต์ เขายืนรอจนประตูลิฟต์ปิดลงก่อนจะหันมาหาผม

“อาจารย์ค่ะ ดิฉันว่าจะคุยกับอาจารย์เรื่องอาจารย์เปรมสินี หลายครั้งแล้วค่ะ ดิฉันเห็นเธอลับๆ ล่อ ๆ ถ่ายรูปอาจารย์กับกันต์ธี ตั้งแต่ตอนที่กันต์ธีย์ยังมาช่วยงานอาจารย์อยู่นะคะ “ผมหันมามองอาจารย์กรองแก้ว

“เขารู้ว่าอาจารย์นำเสนอชื่อ นายกันต์ธีย์เข้ารับการคัดเลือกและเขาก็รู้อีกว่ากันต์ธีย์ทำงานหาเงินตอนกลางคืน “ผมหันไปมองหน้าอาจารย์กรองแก้ว

“เขาเอาเรื่องนี้มาพูดก่อนที่อาจารย์จะเข้าไปขอยกเลิกไม่ให้กันต์ธีย์เข้ารับคัดเลือกนะคะ “ผมยืนสุดลมหายใจออกยาวๆ

“ส่วนแพรวานี้ก็มาหาอาจารย์เปรมสินี เพื่อให้ได้ส่งรายชื่อเข้าคัดเลือกโดยยื่นข้อเสนอ ให้พ่อเธอเซนต์เสนอตำแหน่งรองศาสตราจารย์เพิ่มอีกคน ซึ่งพวกเราเห็นว่ามันเร็วเกินไปสำหรับอาจารย์มาใหม่อย่างอาจารย์บุ๋ม” ผมพยักหน้า

“ผมคิดว่าผมควรจะส่งตรวจสอบเรื่องนี้”

“ดิฉันจะให้ความร่วมมือกับอาจารย์ถ้าอาจารย์ต้องการค่ะ ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการที่อาจารย์ทำอยู่นะคะ ไม่ได้มีความโกรธแค้นส่วนตัวแต่อย่างใด” อาจารย์กรองแก้วบอกผม ผมพยักหน้า จังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก อาจารย์กรองแก้วเดินแยกออกไปพอดี และคนที่ผมควรจะเข้าไปขอความช่วยเหลืออีกคนคือคนที่ผมมได้พูดคุยกับเขามานานมาก หลายปี นับจากที่เราแยกกัน หลินทำงานอยู่ด้านจรรยาบรรณและวิชาชีพ ผมต้องขับรถไปที่นั่น ในวันนี้ เพื่อคุยกับเธอ ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยที่ผมสอนเท่าไหร่ แต่ผมกลับไม่เคยแวะไปหาเขาสักที

“สวัสดีครับ ผมมาขอพบ คุณศรัญญาครับ” ผมเดินมาติดเจ้าหน้าที่ คนหนี่ง ผมหันไปเห็นห้องทำงาน หัวหน้า ป้ายหน้าห้องคือชื่อของหลิน ผมไม่ได้เจอเธอมาหลายปีแล้ว

“สักครูนะคะ” เธอบอกผมก่อนจะเดินเข้าห้องนั้นไป

“เชิญค่ะคุณกันตภณ” เขาผายมือให้ผมเดินเข้าไปในห้องนั้น ผมเดินไปหยุดหน้าโต๊ะทำงานนั้น หลินเงยหน้าขึ้นมามองผม หลินเป็นผู้หญิงที่สวยในแบบฉบับที่เธอเป็น หลินเงยหน้ามองผม ก่อนจะวางปากกาลง หลินทำงานอยู่ในตำแหน่งหัวหน้างาน เธอมีอำนาจพอะจะส่งคนเข้าไปตรวจสอบหากมีบางสิ่งที่ไม่โปรงใส

“พี่กันมาหาหลินเหรอคะ”

“ใช่ครับหลิน สบายดีไหมครับ”

“เกือบห้าปีแล้วนะคะ ที่ไม่ได้คุยกัน หลินสบายดีค่ะ และพี่กันน่าจะสบายดีนะคะ หลินเจออาม่าบ่อย “หลินพูด พร้อมกับเอามือมาประสานกันไว้

“หลิน เพิ่งจะไปโรงพยาบาลพี่ภีมมาค่ะ หลินได้เจอเด็กคนนั้นด้วยนะคะ คนที่พี่กันรับจะเป็นพ่อเด็กนะคะ น้องน่ารักดีนะคะ หลินเสียดายแทนตัวเองจังค่ะ” ถึงกับตกใจที่ได้ยินที่หลินพูดเรื่องเด็กที่มีลูก หลินน่าจะหมายถึงบีม

“หลินพี่ขอโทษ หลินไม่ใช่ไม่ดีพร้อม หลินดีมากแต่พี่เองต่างหากที่ไม่ดีพอ”

“พี่เป็นผู้ชายที่หลินอยากได้พี่เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ และตลอดเวลาห้าปีที่เราแต่งงานกันพี่ให้เกียรติหลินมาก แม้จะไม่ได้รักใคร่ ถึงแม้พี่จะแอบไปหาความสุขตัวเองบ้างแต่พี่ก็ให้เกียรติหลินไม่เคยพาเขาคนนั้นมาหยามหลิน และทุกครั้งที่เราออกไปข้างนอกด้วยกัน พี่ก็ให้หลินเป็นที่หนึ่ง” หลินบอกผม ผมยอมรับว่าใช่

“ขนาดหลินตั้งใจที่จะให้พี่พาหลินไปหาหมอภีม เพื่อให้หมอภีมรู้ว่าหลินรู้เรื่องพี่กับเขา พี่ยังให้เกียรติหลินมากทั้งที่ตอนนั้นพี่ก็เจ็บไม่แพ้กัน” หลินพูด

“หลินไม่โกรธพี่แล้วค่ะ แต่หลินอยากให้พี่คิดดูให้ดีดี การที่พี่ทำแบบนี้ เพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่แล้วพี่กลับเป็นคนที่เจ็บ พี่จะทำแบบนั้นทำไหมคะ” หลินพูดกับผม นี้เขาติดตามเรื่องของผมตลอดแต่ผมวิ แทบจะไม่มีเวลาติดตามเขาเลยว่าเขาเป็นยังไงบ้าง

“เพราะว่าพี่หมอภีมเขาเป็นลูกชายคนเดียวใช่ไหมคะ”

“และการที่พี่อยากรับผิดชอบเด็กคนนั้นเพื่อให้หมอภีมตัดใจจากพี่จริงๆ น่ะ พี่คิดว่ามันไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะพี่กัน”

“ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่ว่าใจพี่รักใครอยู่ พี่ก็รู้ดีไม่ใช่เหรอคะว่ามันทรมานแค่ไหนถ้าต้องทนเป็นคนที่พยายามที่จะรัก หลินน่ะเข้าใจมันดีทีเดียวค่ะ “หลินพูด

“เด็กคนนั้นน่ะ เขาไม่ได้มีลูกกับพี่หรอกครับหลิน” ผมบอกกับหลิน

“หลินทราบค่ะ สายป่านบอกหลินหมดแล้ว และหลินก็ดูออกว่าเด็กนั้น ลูกใคร”

“หลินอยู่กับครอบครัวพี่มาห้าปีนะคะ หลินเห็นแว๊ปเดียวหลินก็เดาได้เลยว่า ลูกของ เธียรวิชย์”

“เขาไปอยู่ด้วยกันแล้วหลิน” ผมพูด

“ถ้าการที่พี่ต้องการให้หมอภีมอยู่ห่างพี่ เพราะว่าหลิน หลินขอโทษค่ะ ที่หลินขอพี่ไปวันนั้น แต่วันนี้ หลินขอถอนคำพูดนั้น พี่กลับไปหาหัวใจตัวเองเถอะนะคะ” หลินพูดกับผม

“เรื่องมันผ่านไปแล้ว ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะมาคิดโกรธแค้นกัน เราน่ะเป็นเพื่อนกันได้นี่ค่ะพี่กัน “หลินยิ้มให้ผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้ ผมพยักหน้า

“แล้ววันนี้พี่กันมาหาหลิน พี่มีเรื่ออะไรให้หลินช่วยใช่ไหมคะ” หลินถามผม

“หลิน พี่ เออ พี่ อยากให้หลินช่วย ตรวจสอบความไม่โปร่งใส่ ของตำแหน่งอาจารย์ในมหาวิทยาลัยให้พี่หน่อยครับ” ผมพูดกับหลิน ผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ติดต่อหาเธอเลยตั้งแต่เลิกรากันไป

“คือว่าอาจารย์คนนี้เขาได้ตำแหน่งรองศาสตราจารย์มาด้วยความไม่โปร่งใส และเด็กคนที่ท้องตอนแรกพี่เสนอชื่อเขาเข้ารับการคัดเลือก เกียรตินิยมอันดับสอง แต่เขาก็มามีเรื่องซะก่อน และจู่ๆ แพรวา ลูกสาวเพื่อนของพี่ชายพี่น่ะ ที่ชอบมาตามติดเธียรวิชย์ก็ได้ไป “ผมพูดให้หลินฟัง

“พี่ไม่แค้นเคืองอะไรเขาเป็นการส่วนตัวแต่พี่คิดว่าเขาทำไม่ถูกแถมเขายังจะทำให้เด็กคนหนึ่งต้องมามัวหมองอีก พี่ที่เป็นอาจารย์เขา ก็ควรทำอะไรสักอย่าง” ผมพูดพร้อมกับมองหน้าหลิน

“หลินจะจัดการให้ค่ะ หลินจะทำหนังสือเข้าไปขอตรวจสอบ หลินรบกวนพี่เขียนหนังสือเป็นรายลักษณ์อักษรมายื่นให้หลินได้ไหมคะ “หลินบอกผม มุมปากผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ได้ครับหลิน พี่ขอบคุณมากนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“เด็กๆ เป็นไงบ้าง ลูกของหลินกับแฟนใหม่หลินน่ะ”

“เด็กๆ สบายดีค่ะ และนี่หลินก็กำลังท้องลูกคนที่สี่ค่ะพี่กัน”

“ยินดีด้วยนะหลิน ม๊าพี่บ่นหาหลินอยู่น่ะ”

“ช่วงนี้หลินยุ่งมากเลยไม่ได้แวะไปหาท่าน หลินขอโทษนะคะที่ไปทั้งที่หลินเลิกกับพี่แล้วแต่ว่า ม๊าน่ะดีกับหลินไม่แพ้กัน ส่วนป๊าพี่ก็มีบุญคุณกับหลิน ส่งให้หลินได้เรียนจนจบขนาดนี้ ห้าปีนั้น คือการชดใช้บุญคุณที่ท่านให้โอกาสหลิน” ผมยิ้มให้หลิน

“พี่กลับก่อนนะครับหลิน “ผมบอกเธอก่อนจะลุกขึ้น วันนี้ผมสบายใจแล้ว ผมคิดว่าหลินจะโกรธเกลียดผมจนไม่อยากจะมองหน้าผมเสียด้วยซ้ำ

“พี่กันค่ะ “ผมกำลังจะหันหลังเดินออก

“เรื่องที่พี่หมอภีมกับยายสายป่านนะคะ คืนนั้นน่ะ หลินไม่รู้ว่าน้องจะทำแบบนั้น “หลินพูดกับผม

“เรื่องมันผ่านไปแล้วครับ พี่เข้าใจเธอน่ะ เธอคงอยากให้พี่รู้สึกเหมือนที่พี่เคยทำกับหลิน” ผมพูด

“สายป่านบอกกับหลินว่า เขากับหมอภีมไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ มันแค่การจัดฉากเท่านั้น “ผมหันมามองหลินอีกครั้ง

“จริงๆ ค่ะ “ผมนิ่งไปพักหนึ่ง

“ที่เหลือก็แล้วแต่พี่จะตัดสินใจ ว่าพี่จะทำยังไง หลินขอโทษแทนสายป่านด้วยนะคะ เธอรักหลินมาก หลินก็รักน้องคนนี้มากเช่นกันเลยไม่กล้าที่จะบอกความจริง” หลินพูดกับผม ผมหันมายิ้มให้ หลินก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานของหลิน

ม๊า//ฮัลโหล อากันเหรอ วันนี้กลับบ้านหรือเปล่า ม๊าจะได้ทำอาหารไว้รอน่ะ///
กัน//กลับครับม๊าแต่ผมว่าจะแวะไปดูลูกเจ้าเธียรซะหน่อย//
ม๊า// ดีดี ไปดูหลานหน่อยน่ะ หลานมันน่ารักอ่ะ หน้าตามันเหมือนป๊ามันไม่มีผิดเลยน่ะ ม๊าก็เพิ่งจะกลับมา // ฟังจากน้ำเสียงของม๊าผม ดูม๊ามีความสุขมาก
กัน//ครับม๊า แล้วผมจะรีบกับน่ะม๊า // ผมกดวางสายการสนทนาจากม๊าของผม ผมเป็นลูกหลงของม๊า จึงเป็นอาที่อายุไม่ห่างจากหลานชายมักเท่าไหร่ ความใกล้ชิดของผมกลับหลานจึงมาก เหมือนเพื่อน เหมือนพี่น้องกันมากกว่า

****
หมอภีมปภพ ผมเดินออกมาจากห้องผ่าตัด วันนี้เครสผ่าตัดทำคลอด ผมเลยไม่ได้ลงเวรตรวจ ผมเดินไปยืนรอที่ด้านหน้าลิฟต์ เพื่อรอจะลงไปที่ห้องทำงานของผม เพื่อไปดูว่าพรุ่งนี้มีคนไข้ที่ผมนัดเอาไว้เยอะไหม ผมยืนยิ่งใช้ความคิด ภาพวันเก่าๆ ของผมกับกันตภณ มันย้อนกลับมาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หญิงแม่// หมอภีม วันนี้พ่อบอกว่าให้เราเข้าบ้านน่ะ กินข้าวกับพ่อแม่บ้าง อยู่ไม่ได้ไกลกันเลยแต่หาตัวยากจริงๆ” //

ภีมปภพ// ครับแม่// ผมส่งข้อความไปบอกแม่บอกผม

“เจ็บไหมคะพี่หมอภีม และที่เจ็บกว่านีั้น คือคนรักของพี่เขาเลือกที่จะไปรักกับคนอื่น หึๆ ช่างน่าขำดีนะคะ “เสียงที่ดังมาจากทางด้านหลังของผม ผมหันไปมอง เจ้าของเสียงนั้นคือหมอสายป่าน

“พอใจน้องสายป่านหรือยังครับ ที่ตั้งใจมากที่เอาตัวมาแรกกับการแก้แค้นให้พี่สาวคืนนั้น” ผมหันมาถามเธอ ก่อนจะเป็นฝ่ายหันหน้าหนีแทนด้วยความละอายใจแทนเธอ

“คุ้มดีนะคะ ที่เห็นพี่สองคนเจ็บเหมือนที่สายป่านเห็นพี่ทำกับพี่หลิน พี่คงไม่รู้ว่าเบื้องหลังความสุขของพี่สองคน มันคือภาพผู้หญิงคนที่ร้องไห้เสียใจ ต่อให้ไม่ได้แต่งมาเพราะความรักแต่ในเมื่อเขาเลือกให้แล้วและพี่สองคนเองที่ไม่ยอมออกมายอมรับว่าคบกันตั้งแต่ทีแรก” สายป่านพูดเขามองหน้าผม

“เธอมัน”

“งูพิษเหรอคะ” สายป่านพูด ผมหันกลับไปกดลิฟต์รัวๆ

“ไม่ต้องห่วงนะคะ วันนี้ สายป่านมาทำงานวันสุดท้าย สายป่านออกไปเปิดคลินิกแล้วค่ะ ที่มาทำที่นี้ก็เพื่อ มาดูว่าพี่เจ็บสาสมพอหรือยัง” สายป่านพูดก่อนจะเป็นฝ่ายเดินหันหลังออกไป เหลือไว้แค่ผม ที่ยืนกำมัด ทันทีที่ลิฟต์เปิดออก ผมเดินออกมาก็เจอหญิงแม่ของผม ยืนคุยกับใครสักคนอยู่

“อ้าวภีม มาแล้วหรือจะกลับเข้าบ้านกับแม่เลยไหมเรา”

“นี้ลูกชายเหรอ หล่อไม่เบาน่ะ ว่าแต่แต่งงานแต่งการหรือยังล่ะ”

“ยัง ยังเลือกอยู่”

“ยังครับ ผมยังอยากทำงานก่อนนะครับ” ผมตอบเพื่อนของคุณแม่ผม

“ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวเลยนะ เอาไว้เจอกันวันงานแต่งลูกสาวฉันเลยแล้วกันน่ะ และหาลูกสะใภ้ให้ลูกชายได้แล้ว จะได้มีหลานไวๆ เดี๋ยวไม่ทัน” เพื่อนของแม่ผมพูดก่อนจะเดินออกไป หญิงแม่หันมามองหน้าผม ผมรู้ว่ารู้สึกยังไง

“ภีม”

“ผมขอโทษครับแม่”

“แล้วภีมจะรอกันเขาอยู่แบบนี้เหรอ “หญิงแม่ของผม ถามผม

“ครับ”

“งั้นแม่กลับบ้านก่อนน่ะ ไปเจอกันที่บ้านน่ะ พี่สาวเราเขาก็จะมาทานอาหารด้วย”

“ครับแม่ แม่กลับไปก่อนดีกว่าผมว่าจะไปดูว่าพรุ่งนี้ผมมีคนไข้นัดกี่คน ผมจะได้จัดการเวลาได้ถูก และผมจะขับรถไปเองครับ”

“เออ ภีม คนขับรถเขาบอกว่าเราให้คนไปขับรถใครมาจากผับรึ”

“รถของกันนะครับ พอดีเขาไป ธุระที่นั่นนะครับแม่”

“ปกติกันเขาไม่ใช่คนชอบดื่มไม่ใช่เหรอ” หญิงแม่ถามผมทันที

“เขาไปทำธุระนะครับและเกิดเอ็กซิเด้นนิดหน่อย ผมเลยไปพาเขากลับนะครับแม่ “ผมหันมาบอกหญิงแม่ของผม

“มีอะไรทำไมไม่หันหน้ามาคุยกันล่ะ พ่อเราเขาก็บอกว่าเขาไม่ห้ามแล้วไง โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้วน่ะ ยังมางอนใส่กันไปมา น่าจริงๆ “หญิงแม่ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋า

“แม่ไปน่ะ ขับรถดีดีน่ะภีม แม่เป็นห่วง” หญิงแม่หันมาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงาน ไปเปิดคอมพิวเตอร์ในห้องทำงานของผม ผมเหลือบไปหยิบหนังสือที่ผมต้องพกติดตัวตลอด เกี่ยวกับอาการคนไข้ และในนั้น ผมสอดรูปถ่ายเอาไว้ รูปถ่ายตอนปีหนึ่ง ตอนที่ผมกล้าเปิดใจบอกความในใจกับกันตภณเขาและขอกันเป็นแฟนทันที ผมมองดูภาพนี้ทีไหรผมก็ยิ้ามีความสุข เพื่อนผมถ่ายให้ กันนั่งทำหน้านิ่งสไตล์ของเขามาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และผมเองก็นั่งเอามือเท้าคาง สายตาผมที่มองกันตภณ มันแสดงให้เห็นได้ชัดเจนว่าผมรักเขามากแค่ไหน

ภีม// กันรู้ไหมว่าทำไม ภีมแอบชอบกันอ่ะ//
กัน// อืมม นั้นซิ ทำไมอ่ะ// (สีหน้าที่นิ่งมากเหมือนเจ้าชายน้ำแข็ง ยิ้มก็แค่มุมปากนิ่งๆ)
ภีม// นั้นซิ ทำไม ทั้งที่กันนะ ทำหน้าได้นิ่งมาก เดายากมาก ว่ากันอยู่ในโหมดไหน โกรธ ไม่พอใจหรือว่าดีใจ หรือเสียใจ เดายากมาก // และคนตรงหน้าหันมามองหน้าผม ขมวดคิ้วเป็นปมทันที
ภีม// แต่สิ่งหนึ่งที่ภีมอ่านได้จากแววตากัน คือ //
กัน หันมามองผมก่อนจะ //อะไรล่ะ//
ภีม// กันรู้สึกยังไงกับภีมไง // ฝ่ามือหนาๆ นั้นประคองใบหน้าคนข้างๆ ของผมไว้ ก่อนที่ริมฝีปากหนาๆ ของผมจะประกบจูบ ริมฝีปากที่ดูบางเฉียบนั้น

“ภีม ป๊ากูมา ไอ้เชี้ย” กันรีบผลักหน้าหล่อๆ ของผมออกทันที และทุกวันหยุด ป๊าของภีมจะต้องมารับภีมกลับไปอยู่บ้าน เพื่อช่วยม๊าของภีมดูแลหลานแต่นั่นผมก็นัดเจอภีมที่ห้างได้ เพราะว่าภีมต้องตามรับตามส่งหลานไปเรียนพิเศษ ระหว่างนั่งรอก็ไปหาที่พลอดรักกันเหมือนหนุ่มสาวเขาทำกัน แต่ต้องแอบซ่อนมากกว่าเพราะว่าตอนนั้น ความรักแบบนี้ยังไม่มีใครกล้าเปิดเผยเหมือนเช่นปัจจุบัน
TBC

   หวังว่าอาจารย์กันตภณ กับหมอภีมจะปรับความเข้าใจกันเร็วๆ นี้ ตอนหน้า พ่อเธียรวิชย์จะพาลูกโซ่ไปเที่ยว รอชมความน่ารักของพ่อลูกคู่นี้กันนะคะ ใครจะเกรียนกว่ากัน ฮาๆ
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.17.1(หมอภีมปภพXกันตภณ)กันรู้ความจริง P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-03-2021 13:16:12
 :monkeysad:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.18 พ่อลูกจอมป่วน P1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 16-03-2021 19:28:05
EP.18 พ่อลูกจอมป่วน P1


Part’ s กันต์ธีย์ ผมขับรถไปเอาของมาจากห้อง ผมโทรบอกเพื่อนๆ ว่าผมเจอพ่อของเจ้าลูกโซ่แล้ว และตอนนี้ผมต้องไปอยู่ที่นั่นสักพัก เพื่อนๆ ผมก็ร้องไห้โห่เลย ผมบอกว่าไปหาเจ้าลูกโซ่ได้ และตอนนี้ทุกคนก็ทำงานกันด้วย ผมรู้ว่าเพื่อนๆ ผมเป็นห่วงผมและไหนจะหน้าที่การงานอีก เพื่อนๆ ผมก็เข้าใจน่ะ แม้จะค้านกันอยู่เรื่องที่ผมยอมเลือกพ่อของลูกผมมากว่าอาจารย์กันตภณ ผมยอมรับว่าผมรู้สึกแย่มาก ยิ่งเห็นสีหน้าและแววตาคู่นั้นของพี่กันตภณ ผมยิ่ง

“อ้า” ผมสะดุ้งเมื่อมีมือเล็กมาจับแก้มผม เจ้าลูกโซ่ของผมเอง ผมยิ้มให้เจ้าก้อนเต้าหู้ที่พี่เธียนวิชย์เขาเรียกประจำ จะว่าไปก็ขาวจั๊วะอยู่น่ะเราน่ะ

“คุณบีมค่ะ คุณกันตถณมาหาค่ะ” ผมหันไปมองพี่มล พี่คนใช้ของบ้านนี้และยังช่วยผมเลี้ยงลูกโซ่ เขาเดินมาบอกผม ม๊าเพิ่งจะออกไปทำธุระเห็นบอกว่าจะหาเพื่อนของม๊า ม๊าบอกว่าให้ผมรอให้พี่เธียรมาพาผมไปซื้อของใช้เจ้าลูกโซ่ที่ห้าง พี่เธียรวิชย์ให้บอกให้ผมไปขนมาแค่เสื้อผ้าเท่านั้นอย่างอื่นเขาจะซื้อใหม่หมด และเสื้อผ้าพวกนี้เพื่อนๆ ผมกับพี่กันตภณอุตส่าห์ซื้อให้ เลยอยากเก็บไว้ให้ลูกโซ่ได้ใส่

“บีม” ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่กันตภณ ผมหันกลับมองเขาได้แค่แป๊บเดียวจริงๆ ผมต้องหลุบตาลง ผมรู้สึกผิดอย่างมาก

“เป็นไง พี่ชายกับพี่สะใภ้พี่ดูแลดีไหม” พี่กันนั่งลง ผมหันไปมองพี่กันตภณ

“หมับ” ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมานั่งบนตักของผม

“พี่กันผมอขอโทษที่ผม”

“พี่ยอมรับว่าพี่ ทำใจไม่ได้ ทั้งที่พี่รู้ว่าเด็กคนนี้ต้องเจอพ่อเขาสักวัน” พี่กันตภณพูด พี่กันตภณมองหน้าเจ้าลูกโซ่

“ไง ลืมกันเลยหรือไง “พี่กันก้มลงถามเจ้าลูกโซ่

“อ้า” มีส่งเสียงเหมือนเดิม และหันไปหยิบนั้นหยิบนี้มาเล่น สายตาผมมองพี่กันที่ถอนหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมอีกครั้ง

“ผมเดาว่าพี่รู้นานแล้วใช่ไหมครับว่า ว่าคนนั้นคือหลานของพี่เอง” ผมถามพี่กันตภณ

“พี่ยอมรับว่าใช่ บีม “พี่กันตอบผม

“ผมเก็บแหวนนี้ไว้ในกระเป๋าที่ใส่ของใช่เด็กตลอด และพี่กันก็เปิดมันตลอด ผมเดาว่าพี่ต้องเห็น” ผมพูดพร้อมกับเงยหน้าขั้นมองพี่กัน พี่กันพยักหน้าเบาๆ

“ไม่อย่างนั้นพี่ไม่เอาแหวนวงนั้นมาสวมให้ผมเห็นหรอกใช่ไหมครับ”

“แต่ผมแค่ไม่กล้าถามพี่แค่นั้นเอง “ผมพูด

“พี่รู้ว่าใครเป็นคนทำผมท้อง แต่พี่ก็ไม่กล้าบอกผมเพราะว่าเขาคือหลานชายของพี่เอง …”

“พี่ยอมรับว่าใช่บีม แต่พี่ก็ไม่คิดว่าบีมจะ เลือกเธียรวิชย์ทั้งที่พี่ก็พยายามแล้ว”

“พี่รู้ไหมว่าทำไมผมตัดสินใจแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นพ่อของลูกชายผมอย่างเดียวหรอกน่ะ พี่กัน” ผมพูดก่อนจะจับมือพี่กัน และผมก็ต้องปล่อยเจ้าลูกโซ่ลงไปคลานเล่นก่อน

“ผมรู้ว่า หัวใจพี่กันน่ะ ไม่ใช่ของผม ผมรู้ว่าพี่กันมีคนที่รักพี่มากกว่าผม ตั้งแต่ผมได้รู้จัก ได้คุยกับพี่หมอภีมปภพ พี่หมอเขารู้ทุกเรื่องของพี่ทุกอย่าง นั้นแปลว่าเขาใส่ใจทุกเรื่องของพี่ แล้วผมควรจะเก็บพี่ไว้เหรอครับพี่กัน”

“แต่”

“ผมรู้ว่ามันเจ็บพี่ที่เห็นคนที่ตัวเองรักนอกกายไปกับคนอื่น แต่พี่รักเขามากพอจะให้อภัยได้ไหมอ่ะครับ ไม่จำเป็นต้องมีลูกมาเป็นตัวเหนียวรั้งหรอกครับ หัวใจนี้แหละครับ หัวใจเรานี้แหละครับที่จะเป็นตัวบอกว่า ควรจะอยู่หรือไป “ผมพูดกับพี่กัน

“และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเลือกให้พ่อลูกเขาได้อยู่ด้วยกัน คือ” ผมพูดจังหวะนั้นเองประตูก็ถูกเลื่อนเปิดเข้ามาโดยพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์ตกใจพอสมควรที่เห็นว่าผมกับพี่กันตภณนั่งคุยอยู่ ผมเห็นเจ้าลูกโซ่หันไปเจอพี่เธียรวิชย์


“อ้า!!” เจ้าลูกโซ่กรีดร้องด้วยความดีใจ ดวงตาดำสนิทคู่นั้นเจิดจ้าไปด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้าป๊าของเขา พี่เธียรวิชย์ย่อตัวลง กางแขนและเจ้าลูกโซ่ที่คลานอย่างรวดเร็วเข้าไปหา ผมหันมามองอาจารย์กันตภณ คนที่นั่งมองภาพนั้นนิ่ง แน่นอนเขาเองอาจจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง พี่เธียรวิชย์ไม่เคยดูแลเจ้าลูกโซ่ตั้งแต่ในท้อง แม้กระทั่งคลอด นี้เจ้าลูกโซ่กับผูกพันกับเขามาก นี้เขาเรียกว่าสายใยแห่งรักที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าแต่มันสัมผัสได้ด้วยใจจริงๆ ใช่ไหม

“พี่เข้าใจแล้วล่ะบีม” พี่กันตภณพูดก่อนจะลุกขึ้น “แต่พี่รอให้เธียรมันพร้อมจะดูแลเราได้จริงๆ ซะก่อน พี่ถึงจะยอมน่ะ” พี่กันตภณพูด ก่อนจะลุกขึ้นยืน ผมองภาพพ่อลูกเขากอดกัน แม้คิดถึงกันราวกับห่างกันไปสักเดือน

“อากันสวัสดีครับ” พี่เธียรวิชย์ยกมือไหว้พี่กันตภณ

“พี่กลับก่อนนะบีม” พี่กันตภณหันมาบอกผม

“อา “พี่เธียรวิชย์เรียกอากันตภณที่เดินออกไปโดยไม่ได้ทักพี่เธียรวิชย์

“มีอะไรเธียร” พี่กันถามโดยไม่ได้หันหน้ามามองหน้าพี่เธียรวิชย์

“ผมรู้ว่าอาโกรธ เรื่องบีม ผมยังยืนยันว่า ผมพร้อมจะดูแลทั้งคู่ เพราะว่านี้ลูกผม เลือดเนื้อของผมและอีกคนคือคนสำคัญของลูกผม” พี่เธียรวิชย์พูดกับพี่กันตภณ

“ลูกนาย อารู้ แต่อายังไม่เชื่อว่านายจะดูแลเขาได้ ดังนั้น ทำให้อาเห็นก่อน เพราะอาก็ดูแลเขาทั้งคู่ได้ดีมาตลอด” พี่กันตภณพูด

“อาก็เหมือนป๊าผมอ่ะ ที่ยังมองว่าผมดูแลใครไม่ได้”

“ก็ใช่ไง อามองแบบที่ผู้ใหญ่เขามองกัน ทำซิเธียร ทำให้อาเห็น ถ้านายทำไม่ได้อาก็ให้นายไม่ได้ “พี่กันตภณพูดก่อนจะเดินออกไป พี่เธียรวิชย์หันมามองหน้าผม โดยไม่ได้พูดอะไร ก็อุ้มเจ้าลูกโซ่เข้าบ้านไป ผมเดาว่าเขาคงไม่พอใจที่อากันตภณเข้ามาคุยกับผมแน่ๆ ผมเดินตามเขาออกไปติดๆ ทันที

“อากันแค่มาเยี่ยม” ผมพูด

“เห็นแล้ว เด็กในบ้านบอกตั้งแต่ลงจากรถแล้ว “พี่เธียรวิชย์พูด โดยยังหันหลังให้ผมอยู่ ก่อนเดินต่อ

“อย่างน้อยเขาก็เป็น โซ่ยกู๋ของลูกพี่น่ะ” ผมพูด

“ก็ถ้าเขาไม่คิดจะอยากได้ลูกกับเมียพี่ล่ะ พี่ก็คงไม่รู้สึกอะไรป่ะบีม” พี่เธียรวิชย์หันพูด ผมยืนกอดอกมอง คนที่ทำหน้างอน

“พี่รีบกลับบ้านอ่ะ อยากมาเล่นกับลูกแต่กลับมีคอยอยากจะมาเอาเขาคืนไปจากพี่ ให้พี่รู้สึกยังไง บีม”

“แล้วผมไปหรือยัง พี่เธียร” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“ก็ ก็ “พี่เธียรพูดอ้ำๆ อึ้งๆ จนผมเดินไปหาเขา ไปยืนใกล้ๆ

“ถ้าผมไม่เลือกที่จะอยู่ที่นี้ ผมไม่ก้าวเท้าเข้ามาหรอก ให้ผู้หญิงของพี่ยืนด่าผมต่างๆ นานา แบบนั้น” ผมพูด

“เพราะว่าผมรู้ว่าลูกโซ่เขาต้องการพ่อแท้ๆ ของเขา “ผมพูด

“หรือว่าผมเลือกผิด ถ้าพี่เป็นผู้ใหญ่พอพี่คงไม่มานั่งคิดอะไรแบบนี้ “ผมพูด

“หมับ” ผมรู้สึกได้ว่ามีคนกอดผม คนนั้นคือพี่เธียรวิชย์ และ “หมับ” อีกคนคือเจ้าลูกโซ่

“พี่ขอโทษ พี่แค่เครียด พี่แค่กลัว กลัวว่าพี่ทำอย่างที่ป๊าบอกกับพี่ไม่ได้ และพี่อาจจะเสียบีมกับลูกไป ”

“แล้วพี่พยายามหรือยังล่ะ” ผมถามคนตรงหน้า

“ก็พยายามอยู่แต่พี่กลัวว่ามันยังไม่ดีพอ นี้บีม”

“พอแล้ว ไม่ไปซื้อของให้ลูกหรือไง” ผมพูด พี่เธียรวิชย์พยักหน้ากับผม ผมช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะรีบผละออกจากคนที่กอดผมอยู่ทันที

“อ้าว!! “คนตรงหน้าผมทำหน้างงทันที เมื่อกี้เผลอให้กอดไปเพราะว่าผมรู้สึกผิดและกอดไปเพราะว่าลืมตัวด้วย ผมเลยต้องแก้เขินด้วยการเดินแทรกเข้าไปด้านใน แอบอมยิ้มเล็กน้อยไม่กล้าให้เห็นเดี๋ยวได้ใจ

“เราดื้อกับม๊าหรือเปล่า ม๊าโกรธป๊าเนี๊ยะ หา แน่ใจน่ะว่าไม่ดื้ออ่ะ ดูซิ ม๊างอนป๊าด้วย ไปหอมแก้มม๊าแทนป๊าเลย” คนที่เดินตามผมจากด้านหลังกำลังคุยกับเจ้าลูกโซ่ และเจ้าก้อนเต้าหู้ก็โม้ใหญ่เลย ผมขึ้นปเตรียมของพวกขวดนมและชงนมใส่ไปเพื่อว่าหิว ใส่กระเป๋าเก็บความร้อน จะว่าไป ของใช้ลูกโซ่เยอะแยะ ถ้าพี่เธียรวิชย์อยากจะซื้อใหม่ ผมอยากเอาไปให้ลูกพี่รินทร์ ทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยม ผมไม่ค่อยเห็นเล่นของใช้น้องมากหนัก พี่รินทร์บอกว่า แฟนทำงานคนเดียว ถ้าลูกผมมีครบมากกว่าผมก็ควรแบ่งปันเขาบ้างดีกว่า ผมเดินมาที่รถคนขับรถจอดรถรออยู่แล้ว ภายในรถมีคาร์ซีทติดตั้งเอาไว้แล้ว

“คุณกันตภณเอามาติดให้นะครับ เพื่อว่าจะพานายน้อยไปไหนนะครับ คุณกันบอกว่าเพื่อความปลอดภัยครับ” ผมหันมามองพี่คนขับรถ

“ใครก็รู้” ผมหันมาเหล่คนนี้ทีหนึ่ง และพี่เธียรวิชย์ก็พาเจ้าลูกโซ่ไปใส่คาร์ซีทเอาไว้ ผมเดินไปขึ้นรถรอ พอพี่เขาตามขั้นมานั่ง ผมหันไปมองพี่เธียรวิชย์ พี่เขาเพิ่งจะวางสายด้วยเช่นกัน

“ม๊าถามว่ากี่นาทีถึง ม๊าจะไปช่วยซื้อของใช้เจ้าลูกโซ่น่ะ” พี่เธียรวิชย์พูด

“ถ้าพี่อยากจะซื้อใหม่เกือบหมด ผมอยากเอาของที่มี ไปให้เด็กคนหนึ่ง แม่เขาเคยแบ่งนมให้ลูกโซ่ทานนะครับ” ผมหันไปบอกพี่เธียรวิชย์

“ลูกพี่น่ะร้องงอแง ไม่เอาขวดนม ไม่เอาเต้าใครทั้งนั้น และพี่หมอภีมใช่วิธี ให้ผมป้อนแต่เอานมใส่ไซริงต่อกับจุกครอบอีกที ไม่งั้น ไม่ยอมเลย”

“และผมก็ได้นมจากพี่คนนี้มาแบ่งให้ลูกโซ่กินอีกหลังจากออกจากโรงพยาบาลเกือบสองเดือนถึงเปลี่ยนมาเป็นนมกระป๋องแทน” ผมบอกพี่เธียรวิชย์พี่เขาพยักหน้า

“ลูกเขาคลอดก่อนหลายวันเหมือนกันแต่น้องไม่ค่อยแข็งแรง ตอนนี้ตรวจพบว่าเป็นโรคหัวใจนะครับ” ผมพูดผมรู้สึกเศร้าแทน ลูกผมโชคดีแค่ไหนที่เกิดมาครบสมบูรณ์แข็งแรงขนาดนี้

“ได้ซิ วันไหนจะเอาของไปให้บอกพี่ซิ พี่จะได้ไปด้วย “พี่เธียรวิชย์บอกผม ก่อนนจะหันไปดูเจ้าลูกโซ่ที่หลับคอพับไปแล้ว พอโดนแอร์เย็น

“ยังไม่ได้นอนเลย ซ่ามาตั้งแต่บ่ายแล้ว ม๊าช่วยเลี้ยงอยู่พักหนึ่งก่อนจะออกไปนะครับ” ผมบอกพี่เธียรวิชย์ ผมเห็นสายแสดงความรักกับเจ้าลูกโซ่ของพี่เธียรวิชย์แล้วก็อดใจอ่อนให้ไม่ได้

***

Part’ s เธียรวิชย์ ผมพาบีมและเจ้าก้อนเต้าหู้มาหาซื้อของใช้ ผมว่าจะซื้อใหม่ทั้งหมดเลย และของที่บีมมีจะให้ยกให้คนที่บีมบอกว่าเขาเคยแบ่งนมให้ลูกชายผมทาน อีกสาเหตุหนึ่งคือหึงครับ ไม่ได้จะให้อากันตภณมาแสดงความเป็นเจ้าของลูกเมียผมแบบนี้ไม่ได้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าอาหลานจะต้องมาสู้รบตบมือเพราะว่าผู้ชายที่น่ารักคนนี้คนเดียวแถมพ่วงมาด้วยลูกน้อยที่น่าชักคนนี้อีก

ตื้ดๆๆๆ เสียงสั่นสะท้านของมือถือผม ไม่ใช่ใครอื่น แพรวา ที่ส่งข้อความหาผมตลอดทั้งวัน และวันนี้ผมก็ยุ่งมาก มีประชุมครูอาจารย์ และออกไปดูสถานที่ เพราะว่าจะทำเป็นลานจอดรถเพิ่มอีก เยอะแยะผมเลยไม่ได้เจอเธอ และเอาจริงๆ ผมก็พยายามหลบเธอเช่นกัน ก็บีมบอกผมแบบนั้นแล้วว่า ให้ผมเคลียร์เรื่องแพรวาให้ได้ ไม่อย่างนั้นผมอาจจะเสียเขาและลูกน้อยหอยสังของผมไป นี้ขนาดเพิ่งจะมาเลี้ยงน่ะยังรักขนาดนี้เลย

RRRR ไม่อ่านข้อความนางก็กดโทรหาผม ทันที เสียงดังเพราะว่าผมลืมปิดเสียง บีมหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปเลือกของใช้ให้ลูกต่อ

Rrrrr ยังสั่นอีก ผมก็แค่ก้มลงมองในกระเป๋ากางเกง

“พี่ให้ผมอุ้มลูกก่อนก็ได้น่ะพี่จะได้รับสาย” บีมหันมาถามผม

“ไม่ดีกว่า เลิกงานแล้ว ไม่รับสายแล้ว” ผมบอกกับบีม

“ก็ได้ยินสั้นอยู่พักใหญ่แล้วน่ะ และโทรเข้ามาอีก คงจะเป็นเรื่องด่วนน่ะ ผมว่าพี่”

“ไม่ด่วนหรอก “ผมบอกบีม

“คุณแพรวาใช่ไหมครับ” บีมหันมาถามผม

“เออ คือ”

“รับสายเธอเถอะ เป็นผมก็คงทำใจไม่ได้ อย่างน้อยเธออาจจะอยากคุยกับพี่” กันต์ธีย์พูด

“ไม่เอาอ่ะ แพรวาพูดไม่รู้เรื่อง “ผมบอกปฏิเสธกับบีมทันที และขืนอุ้มเจ้าลูกโซ่เอาไว้ บีมหันไปเลือกของต่อ ผมก็หยิบมือถือขั้นมา เกือบสิบสายที่เธอพยายามโทรหาผม

// แพรวาจะไปตามหาพี่ ถ้าพี่ไม่รับสาย แพรวาจะไปอาละวาดให้น่าดูเลย ถ้าพี่ไปกับไอ้นั่นด้วยอีกน่ะ แพรวาไม่ยอม!!” ข้อความล่าสุด ทำเอาผมกุมขมับเลย ผมรีบกดปิดเสียงก่อนจะเอามือถือหยัดลงกระเป๋า ผมเดินตามบีมที่พิถีพิถันในการเลือกเสื้อผ้าลูกมา เลือกจน

“บีมเลือกนานอ่ะ”

“อ้าว!! ก็ของมันเยอะอ่ะ และผมก็เลือกที่น้องชอบนิครับ “บีมหันบอกผม อันนี้แหละลูกสะใภ้แม่ผมชัดๆเลย เลือกของละเอียดมาก

“เลือกนานมาก เหมือนม๊าพี่เลยน่ะ ป๊ายังขอนอนรอที่บ้านดีกว่า”

“แล้วทำไมพี่ไม่นอนรอที่บ้านล่ะ”

“นอนรอให้แพรวามาหาพี่เหรอ ไม่เอาอ่ะ ออกมาดีกว่า มากับลูกกับเมียดีกว่า” ผมตอบบีม บีมรีบหันหน้าหนีแต่ผมแอบเห็นว่าเขาแอบยิ้มอยู่น่ะ ผมหันไปเห็นม๊าเดินมาพอดีเลย

“ม๊ามาแล้ว” ผมสะกิดแขนบีม บีมเขาหันไปมองม๊า ผมก็มองหาป๊าผมทันทีแต่ว่าไม่มา

“ไปตีกอล์ฟกับเพื่อนก่อน ไปออกกำลังกาย “ม๊าบอกผม

“ดีเลย ม๊าช่วยลูกสะใภ้เลือกของแล้วกันน่ะครับ เลือกนานเหมือนม๊าเลย” ผมพูดแอบบ่นเล็กน้อย

“เพี๊ยะ!!” คนที่ตีผมคือม๊าเอง “เอ้าท์ ม๊า ตีเธียรทำไมอ่ะ” ผมเอามือลูบที่ต้นแขนเบาๆ

“อ้า” ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะหัวเราะชอบใจใหญ่เลย

“ซื้อของน่ะก็ต้องเลือกที่ดีที่สุดซิ เรานี้น่ะ ทำเป็นบ่นๆ”

“งั้นผมพาลูกโซ่ไปเดินดูของเล่นน่ะม๊า” ผมหันมาบอกม๊า บีมหันมามองผมแว๊ปหนึ่งเช่นหัน จะว่าไปร้านมีร้านยาชื่อดังตั้งอยู่เยื้องๆ กัน ผมหันไปมองบีม ถ้าอากันตภณมาตามเฝ้าแบบนี้ ผมใจไม่ดีเลย ต้องจัดการจับทำเมียอีกรอบ จะว่าไปก่อนจะมีอะไรก็ต้องมีตัวช่วย

“เต้าหู้” ผมเรียกลูกชาย หันมาเหล่ตามอง

“ลูกโซ่ ก็ได้ แม้พอเรียกนิกเนมเข้าหน่อยทำเป็นงง “ผมพูดกับลูกชายผมเอง

“อยากมีน้องไหมครับ ป๊าจะทำน้องให้”

“แอ๊ะๆๆ” ส่งเสียงและปรบมือด้วย

“งั้นอย่าบอกม๊าน่ะ ว่าป๊าจะไปซื้อตัวช่วย” ผมพูดก่อนจะเดินเข้าไปในร้านยา แสดงว่าร้านนี้สนับสนุนเลยมีเชลผลิตภัณฑ์ของบริษัทผลิตถุงยางวางอยู่อย่างชัดเจน ผมก็ยืนมอง ที่จะซื้อน่ะ คือเจลหล่อลื่นครับ ตัวช่วยที่ต้องใช้

“ปะ ปะ ปะ “มีกล่องมาจ่อที่แก้มผม ผมหันมามองถุงยาง

“ไม่เอา เอาไปทำไมเดี๋ยวก็ไม่มีน้องหรอก อยากมีน้องไหม เอาเก็บไปเลย” ผมถามเจ้าก้อนเต้าหู้ ก่อนจะรับไปวางเก็บที่เดิม และผมก็มองหาเลือกว่าเอาเจลอะไรดี

“ปึก ปึก ปึก” มาอีกแล้ว ผมหันมามอง ยังหยิบกล่องถุงยางที่เขาโชว์เอาไว้ มาให้ผมดู ผมก็หันไปมอง กลิ่นช๊อกโกแลต แถมอ้าปากจะกินด้วย

“นี้ไม่ใช่ช็อกโกแลตสำหรับกินน่ะเต้าหู้”

“และที่หยิบมานี้ อยากจะใช้หรือไง ยังเล็กอยู่ รอโตก่อนค่อยใช้น่ะ” ผมพูดกับเจ้าก้อนเต้าหู้และยื้อแย่งออก มีมองหน้าชักจะไม่พอใจ

“เอาไว้ครบสิบแปดปีป๊าซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด เอาสิลโหลเลยไหม “ผมถามเจ้าลูกโซ่ผม ยิ้มตาหยี แต่น้อยเลยนะครับลูก ผมก็หันไปดูหลอดเจลต่อ มีเยอะแยะไปหมด มีหลายสีด้วย

“เป็นพ่อภาษาอะไรพาลูกมาซื้อถุงยาง” ผมหันไปมองคนที่จุงลูกมาซื้อของในร้านขายยา ผมก็เห็นเจ้าลูกโซ่นี้รื้อกล่องถุงยางมาถือเล่นเพลินเลย เพราะผมมัวแต่มองหาเจลเลยลืมไปเลยเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย พอมีคนทักขึ้นคนเดียว คนในร้านยาก็หันมามองผมกันหมด โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวมเสื้อกาว มองจ้องเขม้งเลย ผมรีบหันมาหยิบกล่องในมือเจ้าก้อนเต้าหู้ถืออยู่ออกทันทีและรีบวางกลับไปยังที่เดิม

“อู้ยย “ผมหันมาเจอหลายสายตาที่มองผมกับลูกโซ่ ผิดตรงไหนครับ ถ้าผมอยากจะซื้อถุงยางแต่แค่พาลุกมาเลือกด้วยแค่นี้เอง ยังมองอีก ผมหันมามองลูกโซ่

“อ้อ ลูกอยากได้ลูกโป่งนะครับ เฮอะๆ” ผมพูดแต่ดูท่าทางจะไม่มีใครเชื่อแน่นอน

“สงสัยเราจะมาผิดร้านครับลูก” ผมพูดกระซิบกับเจ้าก้อนเต้าหู้ ก่อนจะค่อยๆ ถอยหลังออก และรีบเดินจั้มอ้าวไปทันที

“อดเลยเนี๊ยะ เรานี้จริงๆ เลย” ผมก็เลยต้องเดินหาเข้าไปในซูเปอร์มาเก็ตดีกว่าโซน ของใช้ส่วนตัวและผมก็เจอเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้

“ห้ามหยิบกล่องถุงยางมาเล่นน่ะรู้ไหมเต้าหู้” ผมกระซิบบอก ยังมาทำปากยู่ใส่ป๊าอีก ผมก็เดินไปก้มๆ มองๆ มองไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ล่องอกกลมๆ ที่มายืนเสนอให้เห็น

“หาอะไรอยู่เหรอคะ” ผมเงยหน้ามองเจ้าของเสียง หน้าตาหมวยนี่ค่ะ แถมนมก็ดันถลักออกมาจน

“หา เออ หา หา ของไปเล่นกับแม่ของลูกน่ะครับ” ผมพูด นมใหญ่ดีแท้

“ลูกน่ารัก แต่ดูท่าทางพ่อจะแซบกว่า”

“แน่นอนครับเพราะว่าลูกผมยังเล็กหนัก แต่พ่อน่ะ ใหญ่เต็มวัยแล้วนะครับ แซบกว่าแน่นอน เฮอะๆ” นมยังกับฟักแฟงแตงไทย แต่ว่าเครื่องแบบที่น้องใส่มานี้แปลว่า

“ดูแลเชลนี้อยู่นะคะ” น้องเขาชี้ไปที่เชลถุงยาง

“แสดงว่าต้อง เอ็กซ์เปิร์สมากๆ ใช่ไหมครับ “ผมถามเขากลับทันที

“ค่ะ รู้ลึก รู้จริง และเข้าใจ มากค่ะ” น้องเขาพูดและก้มมองตรงเป้าผมด้วย “เข้าใจว่าควรจะใส่ไซ้ไหนดีนะคะ “น้องเขาบอกผม พร้อมกับพยายามวัดไซ้สิ่งที่ซ้อนอยู่ในกางเกงผม ขนาดซ้อนแล้วน่ะ

“งั้นก็” ผมก็ทำท่าจะคิด ก่อนว่าจะซื้ออะไรดี น้องเขาก็ยืนแอ่นอกมาสู้ตลอด ผมก็คิดว่าเจอแล้ว หลอดนี้เลยดีกว่า

“แผล้ด!!” เสียงดังสนั่น ผมหันมาว่าจะถามว่าเจลอันไหนดีกว่ากัน

“เว้ยยย!!! “ผมก็ต้องร้องเสียงหลงตกใจ ร่องอกแน่นๆ นั้นมีเจลไม่รู้มาจากไหน พุ้งมากองอยู่บนเนินนั้นเต็มๆ ผมหันกลับมามองคนที่ผมอุ้มอยู่ ไม่ใช่ใครอื่นเจ้าลูกโซ่ของผมเอง ไปเอามาจากไหน หยิบมาจากช่องที่เขาบอกว่าตัวอย่าง แล้วนี่ไปบีบใส่เขาทำไม เขาเป็นคนดูแลเชลล์นี้ ผมรีบแย้งหลอดมาถือเอาไว้

“อ้ายยย!!!”

“เออ ผมขอโทษนะครับ ผมขอโทษนะครับ คือลูกผมคงไม่ตั้งใจนะครับ เอาอะไรเช็ดดีล่ะ” ผมรีบขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ จะหันไปหาอะไรมาเช็ดให้ก็ไม่มี

“ลูกผมคงอยากรู้น่ะครับ เด็กวัยกำลังอยากรู้อยากเห็น คงอยากรู้ว่าในหลอดมันมีอะไรเอ่ย” ผมพูดแต่คนที่โดนไปนี้เงยหน้าขึ้นมามองผมกับลูกชาย มุขนี้คงใช้ไม่ได้แน่นอน ดูสีหน้าเธอแล้ว เจ้าลูกโซ่หันไปหยิบมาเล่นอีก ผมก็รีบหันไปแย่งดึงหลอดเจลที่ลูกผมหยิบมาเล่น เก็บเข้าไปทันที

“แผล็ด!!” มาอีกแล้วเหรอ ผมหันไปมอง ยิ่งได้แม่นมาก ไปที่หน้าเขาเลย

“ว๊าก!!!”

“อันนี้คิดว่าน้องคงตั้งใจมั้งค่ะ และนี้มันไม่ได้เอาไว้ทาหน้า! คุณช่วยบอกลูกคุณนิดนึงนะคะ!!” น้องพูดไปและก็ใช้มือปาดเจลที่ใบหน้านั้น ผมรีบหยิบอีกหลอดจากมือเจ้าตัวแสบ หันซ้ายหันขวาระหว่างที่นางกำลังเช็ดหน้าตัวเองอยู่ จะรออะไรล่ะ วิ่งซิครับ วิ่งออกทันทีก่อนจะผ่านไปผมเงยหน้าขึ้นมองก่อน จำเอาไว้เลยจะได้ไม่กล้ามาเข้าอีก

“ไปฉีดใส่หน้าเขาทำไมมันไม่ใช่ครีมทาหน้า เจ้าเต้าหู้!!!” ผมถามเจ้าตัวแสบ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีก

“เลยไม่ได้เลยเห็นไหม ตัวช่วยป๊าน่ะ “ผมบ่นเจ้าตัวแสบทันที และมือถือผมก็สั่น ผมหยิบมาดูก่อนจะกดรับสาย มาม๊าลูกโซ่ ผมตั้งชื่อเอาไว้ รีบกดรับทันที

//ฮัลโหล บีม//

//ครับพี่เธียร พี่อยู่ไหนครับ ///

//พาลูกโซ่เดินเล่นน่ะบีมแล้วบีมล่ะ ใกล้เสร็จหรือยังครับ//

//เพิ่งจะซื้อเสื้อผ้าเจ้าลูกโซ่เสร็จครับ ม๊าว่าจะพาไปดูรถเข็นเด็ก และเตียงเด็กอ่อนอีก และเก้าอี้นั่งทานข้าวอีกด้วย” ผมหันมามองลูกโซ่ตาปรือๆ แล้วด้วย

//งั้นพี่ไปดูเครื่องนอนก่อนน่ะ บีม พี่ว่าจะเปลี่ยนที่นอนไหม อันเก่าไม่ค่อยเด้งอ่ะ//

//เด้งหรือไม่เด้งก็มีค่าเท่ากันมั้งครับพี่เธียร เพราะว่าผมไม่ให้อยู่ดี!!” คนปลายสายกรอกเสียงดังมาในหูผมจนต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างทันที “รู้ได้ยังไงวะ ว่าจะขอจุดจุดจุด “ผมแอบบ่นพึมพำอยู่กับก้อนเต้าหู้ ผมก้มลงมองหน้าเจ้าก้อนเต้าหู้ ก่อนจะเดินเข้าไปในแผนกเครื่องนอน ยี่ห้อดัง ผมเดินอุ้มเจ้าลูกโซ่เข้าไปด้านใน

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าดูที่นอนรุ่นไหนไว้แล้วหรือยังครับ” พนักงานออกมาต้อนรับ ผมก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปมองดูว่าที่นอนรุ่นไหนดีที่เราพ่อลูกจะใช้นอนฆ่าเวลา

“ผมดูเอาไว้รุ่นพรีเมี่ยมเลย” ผมบอก คนขายก็ถึงกับถลึงตาโต พรีเมี่ยมนี้คงแสนกว่าแน่ๆ

“งั้นเชิญด้านนี้เลยครับ” พนักงานพาผมไปยังที่นอนรุ่นพรีเมี่ยม ราคาอยู่ที่แสนกว่าบาท ผมก็ลองกดดู นิ่มใช้ได้ ลูกโซ่ก็หาวเต็มที่

“คือลูกผมน่ะ งอแงครับ เลยต้องเลือกเตียงตามใจลูกผม”

“รุ่นนี้นิ่มเหมือนอยู่บนปุยเมฆเลยครับ เผลอๆ น้องอาจจะอยากนอนทั้งวันเลยก็ได้นะครับ” ผมหันมามอง โฆษณาเกินจริงไปไหม

“ผมเปรียบเปรยน่ะครับคุณลูกค้าและรุ่นนี้นุ่มมากเลยจริงๆ น่ะครับ สินค้านำเข้าครับ”

“ถ้าอย่างนั้นผมขอลองขึ้นไปนอนก่อนได้ไหมครับ”

“ได้เลยครับ เชิญเลยครับ” พนักงานขายหันมาบอกผม ผายมือให้ผมด้วย

“เดี๋ยวมานะครับ มีลูกค้านะครับ ไปไม่ไม่นานครับ แล้วผมจะกลับมาสอบถามว่านอนดีไหมนะครับ” คนขายบอกผม ผมก็วางเจ้าลูกโซ่ลง พอเจ้าลูกโซ่นั่งได้ก็คลานไปรอบเลยครับ ผมก็รีบไล่จับอยู่พักหนึ่ง คนขายก็ยังไม่มา และดูท่าเจ้าลูกโซ่ก็เริ่มตาปรีอีกครั้ง ผมเลยจับเจ้าลูกโซ่นอนลง ลองนอนไงครับ ขึ้นไปนอนด้วยกันตบตูดเบาๆ ผมเห็นบีมทำอยู่ ตบไปตบมาหลับกันทั้งคุณป๊าและคุณลูก

“คุณลูกค้าครับ ลองนอนเป็น…ยัง..ไง…บ้าง”

“คุณลูกค้าครับ”

“อืมม จะนอน อย่ากวน” ยังมีน่าไปไล่เขาอีกเอิ้กๆ

“อันนี้ไม่ใช่ลองนอนแล้วมั้งครับ อันนี้นอนจริงๆ แล้วมั้งครับ”

“สงสัยจะหลับดีจริงอะไรจริง เรียกไม่ตื่นเลย “เสียงหงุงหงิงข้างๆ หู แต่ไม่สนใจ ง่วงครับผม

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP 18 พ่อลูกจอมป่วย P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 16-03-2021 19:30:43
   EP 18 พ่อลูกจอมป่วย P2

   Part's กันต์ธีย์ ผมเดินซื้อของกับม๊าของพี่เธียรวิชย์ซะเพลินเลย และได้ของหลายอย่างมาก ได้เสื้อผ้าอของลูกผมเยอะแยะเลย ผมเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงน่ารัก ผมยืนมองอยู่พักหนึ่ง จนม๊าเดินมาเห็น ตอนแรกม๊าตกใจที่ผมจะซื้อ คงคิดว่า ผมจะซื้อไปให้เจ้าลูกโซ่แน่ๆ แต่ผมบอกว่าผมจะซื้อไปฝากลูกสาวของพี่รินทร์ คนที่เคยแบ่งนมให้เจ้าลูกโซ่ดื่ม ม๊าเลยช่วยเลือกได้ไปสี่ห้าชุด ก่อนจะเดินไปซื้อพวกรถเข็น ม๊าพาไปเลือกแบรนด์ชั้นนำแพงแต่ม๊าบอกของหลานให้ซื้อดีดีไปเลย ตอนแรกว่าจะซื้อแค่ไม่กี่อย่างนี้ซื้อได้ไปหลายอย่างเลย ม๊ายังเลือกซื้อที่เข็นหัดเดินให้เจ้าลูกโซ่ด้วย ตอนแรกพี่กันตภณจะซื้อให้ตั้งแต่ลูกโซ่ยังอยู่ในท้อง แต่ผมบอกว่ารอก่อนดีกว่า

“ได้เกือบครบน่ะบีม ถ้าขาดเหลืออะไรค่อยมาซื้อเพิ่มน่ะ “ม๊าบอกผม

“ผมเกรงใจอ่ะครับม๊า ของก็ราคาแพงมากเลยน่ะม๊า”

“นี้ป๊าเขาให้ม๊ามา และป๊าเขาบอกแล้วว่า ซื้อให้หลานรักทั้งที่ ซื้อดีดีไปเลย ป๊าเขาไม่ว่าหรอก” ม๊าพูดก่อนจะ

“ว่าแต่เจ้าเธียรพาลูกไปซื้อของเล่นที่ไหนน่ะ” ม๊าพูด ก่อนจะหันมองไปรอบๆ

“ผมโทรตามให้ดีกว่าครับม๊า” ผมบอกม๊า พร้อมกับก้มลงหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออก

“ฮัลโหลครับ” เสียงที่ไม่คุ้นเคยรับสาย ต่อให้ผมเพิ่งจะคุยกับพี่เธียรไม่นาน แต่ก็จำเสียงได้ดี

“ขอโทษนะครับ เจ้าของมือถือเครื่องนี้”

“น่าจะคนที่นอนหลับอยู่นี้มั้งครับ อยู่แผนกเครื่องนอนน่ะครับ ดูแล้วที่นอนที่ผมนำเข้ามานี้ ท่าทางจะหลับสบาย ผมยืนเฝ้ามาเกือบชั่วโมงแล้ว พ่อลูกเขาหลับไม่ตื่นเลยครับ”

“แผนกเครื่องนอนเหรอครับ!”

“ใช่ครับ เครื่องนอนของXXXXXX แบรนด์ดัง นำเข้าเลยครับ”

“งั้นขอบคุณนะครับ” ผมรีบกดวางสาย ม๊ามองหน้าผม

(ยืนเฝ้ามาเกือบชั่วโมง ไม่ซื้อนี้มีเคืองยันลูกบวช!) เสียงที่ดังแทรกมาก่อนที่ผมจะวางสายไป

“เป็นอะไรไปบีม”

“พ่อลูกเขาไปแอบหลับที่แผนกเครื่องนอนนะม๊า”

“ห๊ะ!! “ม๊าร้องออกมาด้วยความตกใจ

“สงสัยเราจะช๊อปกันนานไปหน่อย” ม๊าพูดปนหัวเราะ

“ไปหาสองพ่อลูกกัน เพราะว่าป๊าเขานัดทานข้าวที่ร้านอาหารน่ะวันนี้น่ะ ฉลองให้หลานรักเขาหน่อย เขาบอกม๊าตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ” ม๊าหันมาบอกผม ม๊าหันไปส่งของที่ซื้อให้คนขับรถถือไปที่รถก่อน ผมก็เกรงใจ พี่เขาเดินมาถือไปสองสามรอบแล้ว ผมพาม๊าเดินไปหาแผนกเครื่องนอนยี่ห้อที่คนรับสายบอกผมไว้ ผมเดินเข้าไปในด้านใน ยี่ห้อนี้แพงเว้อได้อีก จนไปหยุดตรงที่นอน เกรดพรีเมี่ยม ราคา แสนกว่าบาท พร้อมกับมีคนยืนอยู่ ผมก็มองสองพ่อลูกที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ผมแอบคิดในใจ นี้ไม่อายกันบ้างเลยเหรอ คนเดินเข้ามาดูก็พากันปิดปากขำ ม๊ายังเหลือกตาขั้นบน ผมก็เดินไป สะกิด

“พี่เธียร!!”

“อืมม” ยังสะบัดมือผมออกอีกน่ะ

“พี่เธียร!! ตื่น!!! “ผมร้องเรียกอีกครั้งดังกว่าเดิม

“พี่เธียร!!! “ขึ้นเสียงดัง จนพี่เธียรสะดุ้งเฮือก

“ตื่น มานอนอะไรในนี้ล่ะ “ผมถามพี่เธียร ส่วนเจ้าลูกโซ่หลับสบายเชียว พี่เธียรวิชย์หันมามองผมกับม๊าและหันไปมองพนักงานขายของร้านที่ยืนยิ้มกริ่มๆ

“ตกลงนอนสบายเลยใช่ไหมครับ รุ่นนี้รุ่นพรีเมี่ยมครับ ราคาขายอยู่ที่แสนกว่าบาทครับผม” ผมสะบัดหน้าไปมอง แสนกว่าบาทเหรอ

“เออ นอน สบายไปน่ะ ลูกผมเลยไม่อยากตื่น” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะเขี่ยแก้มเจ้าลูกโซ่ ส่วนม๊าน่ะมองพี่เธียรวิชย์ก่อนจะ หันมามองพนักงานขาย

“รุ่นนี้มีส่วนลดไหมคะ” ม๊าหันไปถาม

“มีครับ ลดสามสิบเปอร์เซนต์ครับ และรอสินค้า 8- 14 วันครับ”

“งั้นเอารุ่นนี้น่ะ “ม๊าหันมาสั่ง

“ม๊า” ผมนี้เสียดายเงินน่ะ ผมเรียกม๊า และสั่นหัวเบาๆ

“เอาน่ะ เอารุ่นนี้แล้วกัน เห็นหลานนอนหลับสบายเชียว” ม๊าพูดและพี่เธียรวิชย์ก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ที่สะลึมสะลือลืมตาขึ้นมามองไปรอบๆ ส่วนม๊าน่ะเดินไปชำระเงินค่าที่นอนแทนพี่เธียรวิชย์

“เห็นไหมม๊าน่ะรักหลานแค่ไหน “พี่เธียรวิชย์พูดกระซิบกับผม

“ม๊าบอกว่าวันนี้ป๊าจะพาไปทานอาหารที่ร้านอาหารอ่ะพี่เธียรวิชย์” ผมหันมาบอกพี่เธียรวิชย์ เขาก็หันมาพยักหน้า ส่วนเจ้าลูกโซ่ ครึ้งหลับครึ้งตื่น

“พี่เธียร แล้วไหนของเล่นลูกล่ะ เห็นบอกว่าจะพาไปดูของเล่นไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“คือเจ้าเต้าหู้น่ะซิ ง่วงนอนพี่เลยพาเดินไปหาที่นอนไม่ได้พาไปดูของเล่น” พี่เธียรวิชย์บอกกับผม ม๊าก็เดินกลับมาหาผมสองคนพอดี

“ไปกันได้แล้วมั้ง ป๊าเราโทรมาตามแล้ว” ม๊าเดินมาบอก ผมพยักหน้า ม๊ากำลังเดินคุยโทรศัพท์กับป๊า ผมก็เดินอุ้มเจ้าลูกโซ่ส่วนพี่เธียรวิชย์น่ะ เดินถือถุงของแทน ระหว่างที่กำลังเดินผ่าน ผมเห็นสาวใส่ชุดเครื่องแบบพีซี ยืนกอดอกมองมาทางผม ผมหันมามองคนที่เดินหนีบอยู่ข้างๆ ผม และเจ้าตัวดีของผมแอบอยู่ที่อกผมด้วย

“นี่ไปทำอะไรมาน่ะ” ผมหันมากระซิบคนที่เดินเหมือนหลบใครสักคน ขณะที่กำลังจะเดินผ่านพีซีคนนั้นไป

“ก็เจ้าก้อนเต้าหู้นะซิ ดันเอาเจลหล่อลื่นน่ะไปฉีดใส่หน้าเขาน่ะ”

“ตกลงพี่พาลูกไปดูอะไรมา”หันขวับมาทันที

“พี่น่ะไปดูเจลจะมา…” ผมหันมาตอบบีม  บีมขมวดคิ้วรอผมทันที

“คือ แม้บีม เรื่องอย่างว่ามันก็ เป็นปัจจัยพื้นฐานน่ะ พี่แค่เตรียมความพร้อม”

“ไม่ต้องรีบก็ได้มั้งครับเพราะว่า อีกนาน!!!” ผมพูดก่อนจะรีบเดินออกทันที ทิ้งให้คนที่ถือถุงวิ่งตามไป ม๊าหันมามองผมก่อนจะจะกดวางสาย

“ม๊าไปรอที่ภัตตาคารเลยน่ะเธียร ของเพื่อนพ่อเราน่ะ เฮียธีและมิวใกล้ถึงแล้ว เฮียธันก็ไปรับเฮียธามที่คอนโด น่าจะใกล้ถึงแล้วเหมือนกัน “ม๊าหันมาบอกผมกับพี่เธียร เจ้าลูกโซ่ กางแขนอยากไปกับอาม่าขึ้นมาซะงั้นน่ะ

“ไปกับป๊าและม๊า อาม่าไม่มีคาร์ซีทลูก รอให้ป๊าเขาติดให้ก่อนนะ ฟ้อด!! “ม๊าหันมาบอกเจ้าลูกโซ่ และม๊าก็ขึ้นรถไปทันที พี่เธียรวิชย์หันมายิ้มให้ผม

“ดูม๊าพี่มีความสุขมากเลยน่ะ ดูซิ หลงหลานหนักเลย”

“ก็เจ้าโซ่ของพี่อ้อนหนักขนาดนี้ ไม่หลงได้ยังไงล่ะ” ผมหันมาพูดกับพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์มองหน้าผมนิ่ง

“พี่เธียร” ผมเรียกคนที่ยืนมองหน้าผมนิ่ง

“แต่ของพี่สงสัยจะหนักกว่าม๊าอีก ไม่ต้องอ้อนก็หนัก แต่ถ้าอ้อนพี่อีกสักนิดน่ะ โงหัวไม่ขึ้นแน่ๆ “พี่เธียรวิชย์พูดตายังมองหน้าผมอยู่ ผมรีบทำปากยู่ใส่ รีบเดินไปขึ้นรถทันที ผมนี้ก็เริ่มจะหนักเหมือนกัน ผมยอมรับว่า ภาพวันแรกมันหายไปหมด เหลือไว้แค่ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกและมันก็เริ่มทำให้ผมคนนี้ ใจอ่อนขึ้นทุกวัน ส่วนหนึ่งมาจากเจ้าลูกโซ่ด้วยที่เป็นตัวเชื่อมผมกับพี่เธียรวิชย์ และทุกคืนก็จะนอนกอดลูกด้วยกันทุกคืน มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจแทนเจ้าลูกโซ่ ต่อให้ในสายตาใครหลายคนโดยเฉพาะพี่กันตภณที่มองพี่เธียรวิชย์ว่ายังไม่พร้อมดูแลผม แต่ผมว่าเขาพร้อมตั้งแต่นาทีที่เขาได้รู้ว่าลูกโซ่คือลูกของเขาแล้ว
****
TBC......
ลูกโซ่น่ารักพอไหมคะ อยากได้จะได้จัดมาให้อีกน่ะ ตอนหน้าเธียนวิชย์ต้องไปตามหาผู้จัดการคนเก่าที่บีมทำงานที่ผับ เพื่อหาความจริงบางอย่าง บีมจะใจอ่อนให้พี่เธียนวิชย์ได้หรือยังนะ ลุ้นๆ จะได้มีฉากกุ๊กกิ๊กซะที ฮาๆ

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP 18 พ่อลูกจอมป่วย P1แลP2
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-03-2021 19:54:00
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP 18 พ่อลูกจอมป่วย P1แลP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 16-03-2021 19:56:51
 :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP 18 พ่อลูกจอมป่วน P1แลP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-03-2021 22:48:01
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP 19 หลานสะใภ้ P.1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 17-03-2021 10:15:28
EP 19 หลานสะใภ้ P.1

               Part's กันต์ธีย์ ผมอยู่บ้านพี่เธียรวิชย์จนกจะครบอาทิตย์แล้ว ผมยอมรับว่าผมเริ่มใจอ่อน ทุกครั้งที่เห็นพี่เธียรวิชย์รีบกลับบ้านมาเล่นกับเจ้าลูกโซ่ และเจ้าลูกโซ่เองก็ตั้งตารอป๊าซะด้วย แถมลุงก็พากันรีบกลับมาเล่นกลับหลานอีก มันเป็นภาพที่น่ารักมาก จากที่ผมเคยคิดว่า ผมจะอยู่กับพี่เธียรวิชย์ได้นานแค่ไหน คนไม่เคยรักกันแต่นี้ ผมกลับเริ่มหวันไหวโดยไม่รู้ตัว พี่กันตภณก็มานั่งคุยกับผมและมาดูลูกโซ่ทุกวัน ผมก็ยังยืนยันคำเดิมกับพี่กันว่าผมเลือกความสุขของลูกก่อน

“คุณบีมค่ะ “ผมหันไปมองพี่มล ขณะที่เจ้าลูกโซ่ ตอนนี้ครบเจ็ดเดือนกว่าแล้ว กำลังนั่งเล่นอยู่ในรถสำหรับเด็กเกาะคลาน อันนี้ลุงธีย์ซื้อให้

“ว่าไงครับพี่มล” ผมถามหันไปถามพี่มล

“คุณบีมไปนอนพักไหมคะ เห็นบ่นปวดท้องมาตั้งแต่เช้าแล้วนี่ค่ะ”

“ผมดีขึ้นแล้วน่ะครับ พี่มล “ผมบอกพี่มล

“แน่ใจนะคะ เพราะว่าถ้าคุณบีมเป็นเยอะนี่พี่มลโดนไล่ออกแน่ๆ เลยค่ะ ข้อหา ดูแลคุณบีมไม่ดีนะคะ”

“อะไรกันพี่มล พี่มลน่ะดูแลผมดีจนผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยน่ะครับ ผมคนหนึ่งล่ะที่ไม่ยอมให้พี่มลออกครับ” ผมพูดกับพี่มล ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ขับรถเล่นไปด้วย แม้ทำซะเหมือนนักซิงเลยน่ะ ตอนหมุนพวงมาลัย

“คุณเธียรเขาชอบแข่งรถด้วยนะคะ แต่คุณแม่คุณเธียรเขาขอร้องให้เลิกนะคะ เริ่มแข่งตั้งแต่อายุสิบแปดค่ะ” ผมหันไปมองพี่มล "ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพิ่งจะรู้ตอนที่พี่มลบอกผมนี้แหละ" ผมหันไปบอกพี่มล "ที่จริงมีรูปเยอะแยะเลยค่ะ แต่อาก๋งเขาไม่ชอบเลยไม่ให้เอามาแขวนนะคะ" พี่มลพูดด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ผมก็รู้สึกผิดที่ถามแบบนั้นไป

“และคุณธันเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อนเหมือนกันค่ะ บ้านนี้เขาชอบความเร็วกันทั้งบ้านค่ะ แต่ตอนนี่เห็นว่าเป็นผู้สนับสนุนแทนค่ะเพราะว่าคุณแม่เขาขอไว้เหมือนกันให้เลิกให้เลิกแข่ง”

“เป็นใครก็เป็นห่วงนะคะ ยิ่งตอนลงสนามนะคะ เห็นแล้วหัวใจจะวายค่ะ “พี่มลพูดให้ผมฟัง ผมหันมามองพ่อนักซิงของผม นี่จะเป็นนักซิงตามพ่อเหมือนกันเหรอ ดท่าขับเข้าซิ ตีโค้งซะเหมือนเชียว พี่มลยืนยิ้มในความน่ารักของเจ้าลูกโซ่

“พี่มลครับ ผมจะพาน้องลูกโซ่ไปเดินเล่นที่สวนหลังบ้านก่อนนะครับ ดูท่าจะเบื่อในบ้านแล้ว” ผมหันมาบอกพี่มล

“ได้ค่ะ เดี๋ยวพี่มลไปดูในครัวแล้วจะตามไปนะคะ “พี่มลหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ มือถือผมสั่น ผมเลยหยิบมาเปิดอ่าน มีข้อความไลน์คุยกันเรื่องลูก และนี้ก็ทำให้เราคุยกันมากขึ้นบ่อยขึ้น ระหว่างผมกับพี่เธียรวิชย์

ปาป๊า //ลูกเป็นไงบ้าง ม๊า (ช่วงนี้เริ่มแทนตัวเองว่าป๊า และม๊ากันมากขึ้น)
มาม๊า// ก็เล่นขับรถอยู่นี้ไง วันนี้เห่อขับรถทั้งวันเลยป๊า (ผมบอกพี่เธียรวิชย์)
ปาป๊า// ป๊าว่าจะสั่งรถเฟอรารี่บังคับคันใหญ่ให้ลูกน่ะม๊า
มาม๊า// รอให้ขวบหนึ่งดีกว่าป๊า เร็วเกินไป
ปาป๊า//ก็เห็นลูกชอบรถนี่ม๊า ป๊าว่าจะสั่งแล้วเนี๊ยะ
มาม๊า//ตามใจป๊าก็แล้วกัน (ผมเลยขี้เกียจห้ามแล้ว)
ปาป๊า// แค่นี้ก่อนน่ะ ป๊าจะไปดูจัดสถานที่ สำหรับต้อนรับผู้มาเยี่ยมดูโรงเรียนป๊าพรุ่งนี้ (พี่เธี่ยรวิชย์บอกผม)
มาม๊า// ป๊าโอเคไหม
ปาป๊า// ก็กังวลนิดหน่อยน่ะ แต่ป๊าว่าป๊าทำเต็มที่ รอดูพรุ่งนี้ว่าจะผ่านไหม ในสายตาป๊าของพี่น่ะ (ผมยอมรับว่าพี่เธียรวิชย์ดูกังวลกลัวป๊าเขาจะมองว่าเขายังไม่ดีพอที่จะดูแลผมกับลูก แต่ผมอยากบอกว่าเขาดีพอสำหรับลูกผมแล้วในแบบที่เขาเป็นอยู่ทุกวันนี้)
มาม๊า// ม๊าเชื่อว่าป๊าทำได้ สู้ๆ น่ะ
ปาป๊า//……// คนปลายสายเงียบไปเลย ดีใจหรือแปลกใจ หรือว่างง กันแน่
มาม๊า// ป๊ากลับเย็นหรือเปล่าครับ
ปาป๊า// เดี๋ยวป๊าแค่ลงไปดูก็กลับแล้ว คิดถึงป๊าเหรอครับ (เจ้าลูกโซ่หันมามองผมยิ้มโชว์ฟันสี่ซี่เต็มให้ผมดูทันที)
มาม๊า//มีคนคิดถึงนะครับ ดูซิยิ้มใหญ่เลย//
ปาป๊า //พูดแบบนี้อยากรีบกลับเลย แต่ขอลงไปเช็กงานก่อนครับ เจอกันที่บ้านครับ //
(คุณปานจรีย์ครับ เดี๋ยวผมจะไปดูสถานที่ที่เขาจัดงานนะครับ และถ้ามีคนมาหาผม ให้บอกเขาไปว่า ผมไม่อยู่นะครับและผมจะออกไปทำธุระต่อเลย) ก่อนที่พี่เธียรวิชย์จะวางสายไปผมได้ยินพี่เธียรวิชย์บอกคนที่ทำหน้าที่เลขานุการ ผมก็กดวางสายและหันมานั่งเล่นกับเจ้าลูกโซ่ต่อ

พี่มิว //บีมพี่กับเฮียธีจะเข้าไปหาหลาน เอาอะไรเพิ่มไหมคะ//
บีม// ไม่แล้วครับพี่มิว พี่มิวเพิ่งจะเอามาให้ผมเองนะครับ น้องยังใช้ไม่หมดเลยครับ และนมก็พอแล้วครับ//
พี่มิว // ก็อยากหาเรื่องไปเล่นกับหลานนะบีม นี้เฮียแกก็เป็นคนชวนพี่หยิกๆ เลยน่ะ ไม่รู้ว่าใครเห่อหลานมากกว่ากันแล้วเนี๊ยะ//
บีม// ขอบคุณครับพี่มิว//
พี่มิว// แค่นี้ก่อนน่ะบีม นี่มาตรงเวลาเป๊ะเลย ปกตินี่เลทตลอด แต่นี้สงสัยอยากเล่นกับหลาน เดี๋ยวเจอกันนะบีม// ผมกดวาวสายจากพี่มิว แฟนเฮียธี ผมรู้สึกว่าเจ้าลูกโซ่นี่โชคดีเหลือเกิน มีของเล่นมากมายที่ลุงๆ ซื้อมาให้ อาม่าก็ซื้อมาให้

“หมับ” ผมรู้สึกได้ว่ามีคนมาจับขาผมและพยายามที่จะเกาะยืน ผมก็ต้องรีบประคองหนุ่มน้อยของผมเพราะว่าเขายังยืนเองไม่ได้

“ม่ะ ม่ะ ม่ะ” เด็กน้อยเรียกผม ผมก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา ฝามือน้อยประคองใบหน้าของผม ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา

“ไปเดินเล่นที่สวนดอกไม้ของอาม่าเราดีกว่าเนอะ” ผมบอกลูกโซ่ ขณะที่ผมกำลังเดินออกมาเพื่อเดินไปที่ด้านหลังของบ้าน

“ปล่อยน่ะ อย่ามาเสือกกับฉัน ทำไม ฉันจะเข้าไปไม่ได้ ในเมื่อนี้มันบ้านพี่เธียรของฉัน!! ถอยออกไป!!” เสียงดังเอะอะมาจากด้านนอก จนเกือบเข้ามาถึงด้านใน และใกล้จะเข้ามาประชิดตัวผม ผมหันไปก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมจำเธอได้ดี เธอชื่อแพรวา ผมอุ้มน้องลูกโซ่เอาไว้ แพรวาเข้ามายืนมองผม เธอกอดอกพร้อมแสยะยิ้มให้ผม

“ชูคอน่าดูน่ะ เป็นคุณนายเหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง เขาให้อยู่ก็แค่แม่ของลูก น่าสมเพชน่ะ” ผมกลืนน้ำลายลงคอ พยายามสูดลมหายใจเข้าออกยาวๆ ไม่อยากมีปากเสียงกับเธอ และยิ่งต่อหน้าลูกด้วยแล้ว ผมเลยจะหันหลังเดินออกดีกว่า

“หมับ” แขนผมถูกกระชากจนเกือบเสียหลัก

“นี้คุณ!!” ผมรีบหันมามองหน้าเธอ การที่เธอกระชากผมแบบนี้ ผมกับลูกอาจจะล้มลงไปก็ได้

“แกไม่มีสิทธิ์จะหันหลังเดินออก”

“ก็ผมไม่อยากมายืนเถียงกับคุณ ผมสงสารหูลูกผม “ผมพูดพร้อมกับมองหน้าเจ้าลูกโซ่ เจ้าลูกโซ่กอดผมแน่นมาก

“พี่เธียรของฉันอยู่ไหน “แพรวาถามผม

“ไม่ทราบครับ แต่ผมรู้ว่าพี่เธียรยังไม่กลับบ้าน อาจจะไปธุระต่อนะครับ” ผมหันไปพูดกับเธออย่างสุภาพชนเขาพูดกัน เธอยืนจ้องมองผมตาเขม็ง

“ผมขอตัวนะครับ ผมจะพาลูกผมไปนั่งเล่นครับ ถ้าคุณจะรอพี่เธียรก็ได้นะครับ “ผมบอกเธอและท่าจะเดินหันหลังออกจริงๆ

“หมับ “เขากระชากผมอีกครั้งคราวนี้กระชากแรงมากจนผมเซแต่ดีที่ผมใช้มือยันตัวเองเอาไว้ได้แต่ว่าผมก็ชนกับมุมตู้โขว์เข้าที่ตรงหน้าท้องน้อย และอันนี้ผมก็เริ่มจะหมดความอดทนเพราะว่าถ้าผม ยันไม่อยู่นี้ผมล้มลงไปพร้อมลูกผมแน่ๆ

“คุณแพรวา!!”

“ทำไม!! แกกล้าขึ้นเสียงกับใส่ฉันเหรอ” คุณแพรวาตะคอกถามผม

“ฉันถามว่าพี่เธียรอยู่ไหน!!!”

“ผมก็บอกคุณไปแล้วว่าพี่เธียรยังไม่กลับมานะครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุด

“แกโกหกฉันเหรอ ไอ้ตุ๊ด ไอ้แม่ตุ๊ด “แพรวากระชากผมอีกครั้ง ผมก็กอดเจ้าลูกโซ่เอาไว้ เพื่อว่าถ้าล้มลง ผมจะได้ใช้ตัวบังเอาไว้

“แกกล้าดียังไงโกหกฉัน แกซ้อนพี่เธียรเอาไว้ใช่ไหม แกไม่พูดฉันจะ..”

“คุณ จะทำอะไรน่ะ!!!” เสียงที่ทำให้แพรวาชะงักก่อนจะลงฝามือลงที่ผมและอาจจะพลาดโดนลูกผมขึ้นมาอีก ผมหันไปมองเสียงนั้นคือพี่มลเอง พี่มลเดินตรงปรีมาหาผมและมาดันผมออก

“นี่คุณแพรวาจะทำอะไรคะ”

“เสือกอะไรด้วย เป็นแค่คนใช้ อยู่ส่วนคนใช้ ออกไปให้พ้น อย่ามายืนสะเออะที่นี้ ไม่ใช่เรื่องของแก” แพรวาตะคอกเสียงดังไล่พี่มลใหญ่เลย

“อันนี้แหละค่ะเรื่องของมล เพราะว่าคุณแม่คุณเธียร ให้มลดูแลคุณบีมและหลานคุณเขาค่ะ และคุณบีมก็คือนายของบ้านนี้เหมือนกันคะ “พี่มลพูด

“นี้คุณจะตบตีคุณบีมเหรอคะ” พี่มลถามแพรวา

“ฉันไม่ได้ตบ ฉันแค่ถามหาพี่เธียรของฉัน แต่อีนี้มันไม่บอกฉัน และทำท่าจะเดินหนีฉันก็แค่เรียกเอาไว้”

“ไม่จริงมั้งคะมลเห็นอยู่ว่าคุณกำลังจะทำ และมลก็ฉันเห็นอีกว่าคุณกระชากแขนคุณบีม ทั้งที่คุณบีมอุ้มนายน้อยอยู่ และถ้าเกิดคุณบีมล้มลงไปล่ะคะ”

“ก็เรื่องของมันซิ ไม่ใช่เรื่องของฉัน”

“แล้วถ้าลูกชายที่เธียรวิชย์เขารักมาก ล้มลงไปด้วยล่ะ เรื่องของมันอีกไหม แต่ฉันว่างานนี้เธียรวิชย์คงไม่ยอมแน่ๆ” เสียงที่ทำให้การสนทนาหยุดชะงัก โกวหงส์เดินเข้ามาพอดี โกงหงส์เดินมายืนกอดอกมองแพรวา

“โกวหงส์สวัสดีค่ะ” แพรวายกมือไหว้แบบขอไปที

“โกวหงส์สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้โกวหงส์เช่นกัน

“สวัสดีครับโกวหงส์ก่อนซิลูกโซ่” ผมบอกลูกโซ่ ลูกโซ่หันมายกมือไหว้ ยังกลับไหว้เจ้าแน่ะ แต่ก็น่ารักแบบเด็กๆ ยิ้มโชว์ฟันสี่ซี่ด้วย โชว์ว่าเขามีฟันแล้ว

“ว่าไงล่ะแพรวา"โกวหงส์หันไปถามแพรวาที่ยืนมองโกวหงส์เล่นกับเจ้าลูกโซ่ " ฉันว่าตอนนี้คนที่สำคัญกับเธียรไม่ใช่เธอน่ะ ตอนนี้คือลูกชายที่เขารัก เธอคงเดาได้น่ะว่าเธียรวิชย์จะเข้าข้างใคร “โกงหงส์ถามแพรวาพร้อมกับยืนมองหน้าเธอ

“แพรวาก็แค่ถามหาพี่เธียรของแพรวาค่ะ แต่อี…” แพรวาพูดพร้อมกับหันมาทำท่าจะเรียกจิกผม แต่โกวหงส์หันไปยืนกอดอกมองแพรวา พร้อมกับเอียงคอมองเล็กน้อย

“บีมเขาไม่ยอมบอกแพรวานะคะ กั๊กไว้อยู่ได้ เขาให้มาอยู่ก็แค่แม่ของลูก ทำเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ “แพรวาพูด

“บีมเขาไม่ยอมบอกเธอเหรอ” โกวหงส์พูดทวน

“ผมบอกไปแล้วครับ ว่าพี่เธียรยังไม่กลับนะครับโกวหงส์” ผมหันไปพูดกับโกวหงส์ โกวหงส์พยักหน้ากับผม

“แก…” โกวหงส์หันขวับไปมองแพรวาทันที

“เธอบอกว่าบีมเขากั๊กไม่ยอมบอกเธอ ทั้งที่เขาบอกไปแล้วว่าเธียรยังไม่กลับ เธอนี้มันโกหกชัดๆ เลยน่ะ ถ้าเด็กทำอาจจะพอให้อภัยได้”

“แต่ก็อย่างว่าแหละ ตอนเป็นเด็กก็ควรจะสอนลูกว่าไม่ควรโกหก เพราะไม่อย่างนั้น โตมาก็จะติดเป็นนิสัย แบบนี้” โกวหงส์พูด แพรวาหันมามองหน้าโกวหงส์สายตาที่บ่งบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจอย่างมาก

“และฉันคิดว่า ถ้าบีมเขาจะไม่อยากบอกมันก็ไม่ผิดน่ะ เป็นฉัน ฉันก็ทำน่ะ การหึงหวงสามี เป็นเรื่องปกติ ของเมียเขาทำกัน” โกวหงส์หันไปมองหน้าเธอบ้าง

“แต่มัน” แพรวากำลังจะด่าทอผมตอ

“ทำไมเหรอ ในเมื่อบีมคือแม่ของลูกเธียรวิชย์ และทุกคนรับรู้ว่า บ้านนี้มีสะใภ้แล้ว เธอล่ะ ยอมรับได้หรือยังว่าเธียรนะมันไม่ได้โสดแล้ว เธอจะมาตามเกาะเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วแพรวา” โกงหงส์พูด พร้อมกับมองหน้าแพรวา

“ไม่จริง พี่เธียรวิชย์คือของแพรวา คนเดียว เท่านั้น ไอ้นี่มันก็แค่ท้องลูกของพี่เธียรวิชย์ แค่มาเกาะพี่เธียรเพราะว่าพี่เธียรมีเงินต่างหาก”

“แพรวา ยอมรับเถอะว่าเธียรวิชย์เขามีเจ้าของแล้ว และเธียรน่ะเขารักลูกเขา ดังนั้นเขาก็ต้องรักแม่ของลูกเขาด้วย เขาถึงได้พามาอยู่ด้วยที่นี้ ในฐานะภรรยา ส่วนเธอน่ะ เธอควรจะยอมรับความจริง ว่าเธอไม่ใช่คนที่เขาเลือก”

“และเธอก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วน่ะที่จะมาเที่ยวร้องจะเอาของ ของคนอื่นเขาน่ะ และทุกคนต้องยอมใจอ่อนให้เธอน่ะ เรื่องแบบนี้มันยกให้กันไม่ได้หรอกน่ะ”

“และการกระทำแบบนี้ มันเหมือนคนไม่รักศักดิ์ศรีตัวเองเลย ที่มาร้องแรกแหกกระเชอจะเอาสามีคนอื่นเขาแบบนี้ อายคนใช้ในบ้านนี้บ้างก็ดีน่ะ”

“โกวหงส์ กล้าว่าหนูเหรอคะ” แพรวาหันมาถามโกวหงส์ ผมเองรู้สึกแปลกใจ ตรงที่เธอไม่เคยเคารพผู้หลักผู้ใหญ่สักคน มีแค่ม๊ากับป๊าของพี่เธียรวิชย์เท่านั้น

“ฉันไม่ได้ว่า แต่ฉันสอน!” โกวหงส์ถอนหายใจก่อนจะหันไปบอกแพรวา

“อ้ายยย!!” แพรวากรีดร้องออกมาดังลั่น จนผมต้องเอามือปิดหูเจ้าลูกโซ่แทน

“บีมไปหาอาม่าเถอะ อาม่าให้โกวขับรถมาส่ง เพราะว่าอยากเจอเจ้าลูกโซ่ และนี้โกวมากับลูกสาวคนเล็ก เขาร้องอยากจะมาหาเจ้าลูกโซ่รบเร้าน่าดู” โกวหงส์หันมาบอกผมแทน

"หมับ" มีมือคว้าที่ต้นแขนผมทันที “นี้แกจะไปไหน” แพรวารีบเอ่ยปากถามผม

“ไปหาอาม่า เพราะว่าอาม่าเขามาหาเหลนกับหลานสะใภ้ เธอมีปัญหาเหรอแพรวา” โกวหงส์หันไปบอกแพรวา เธอจับต้นแขนผมเอาไว้กุมเอาไว้แน่น

“เพี๊ยะ!!” เสียงตีมือแพรวาดังจากเจ้าลูกโซ่ เธอชักมือกลับทันที และเธอทำท่าจะชี้หน้าว่าลูกโซ่ ลูกโซ่หันไปทำหน้าอ้อนใส่โกวหงส์ทันที

“แพรวา เธอจะไม่เว้นแม้แต่เด็กเหรอ น่าอายน่ะ” โกวหงส์พูด

“ก็ไอ้เด็กนี้มันตีมือแพรวา พ่อแม่ไม่สั่งสอน” ผมหันขวับไปมองเธอ เธอกล้าพูดอย่างนั้นได้ยังไง

"ผมว่าพ่อแม่คุณน่ะไม่สั่งสอนคุณมากกว่า ผมน่ะสอนลูกผมตลอดถึงเขาจะยังเด็กมาก็ตาม " ผมหันไปพูดกับแพรวา"ลูกแกมันตีฉัน ฉ้นจะสั่งสอน" แพรวาพูด "ผมว่าคุณสอนตัวเองก่อนดีกว่ามั้งครับ ส่วนลูกผม ผมสอนเองได้ " ผมพูดอย่างเหลืออดจริงๆ โกวหงส์ถึงกับยิ้มเยอะ ผมเองก็ไม่อยากเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือแต่นี้ผมทนไม่ได้จริงๆ

"อีบีม อ้ายย!!"

“นี่!! เธอไม่คิดจะอายคนใช้บ้างเหรอ กรี้ดเหมือนคนมีปัญหาทางจิต ฉันว่านี่คือเหตุผลที่เธียรวิชย์เขาไม่เลือกเธอแพรวา ไม่ต้องไปโทษคนอื่น ” โกวหงส์หันมาชี้หน้าเธอ

ผมก็ไม่อยากให้ทุกอย่างมันแย่ลง ผมเลยเลือกที่จะอุ้มเจ้าลูกโซ่ออกไปซะดีกว่า ลูกโซ่คงคิดถึงโจวม่าแล้ว ผมเห็นอาเหมย ลูกสาวของโกวหงส์เดินเข้ามา และผมก็เดินตามอาเหมยออกไป มีเด็กผู้หญิงน่าจะเรียนมัธยมปลาย หน้าตาน่ารักเชียวหันมายิ้มให้ผมและลูกโซ่

“สวัสดีค่ะ พี่บีม หนูชื่อหลิวค่ะ เป็นลูกสาวโกวหงส์ค่ะ”

“สวัสดีครับ”

“น่ารักจังเลยค่ะ”

“หลิวเขาไปเรียนแลกเปลี่ยนที่จีนมานะบีมพึ่งจะกลับมา นี้เหมยส่งรูปเจ้าลูกโซ่ไปให้ดู นางร้องอยากกลับบ้านทันทีเลยน่ะ” ดอกเหมยบอกผม ดอกเหมยอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมเลย

“เจ๊เหมย พี่แพรวาแกไม่คิดจะเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ ของแกบ้างเหรอ” หลิวหันมาพูดกับเหมย

“นิสัยเอาแต่ใจ ร้องอยากได้ของคนอื่นเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วบีม สงสัยจะติดไปจนแก่เลยมั้ง”

“นิสัยแบบนี้น่ะ เหมยนี้น่ะคนหนึ่งเลยที่ไม่ยอมเล่นกับนาง แต่นางก็ไม่เล่นกับพวกเหมยและหลิวมันหรอก ตามติดแต่พี่เธียร”

“ขนาดเรียนโรงเรียนเดียวกัน เหมยยังไม่อยากทักเลย แต่นางก็ไม่คิดจะทักเหมยหรอกน่ะ”

“เห็นนางแบบนี้ และดูเหมือนนางจะมีเพื่อนเยอะมาก แต่ทุกคนน่ะ ด่านางว่านางลับหลังกันทั้งนัน เหมยนี้ได้ยินตลอดเลยน่ะ นางไม่มีเพื่อนที่จริงใจสักคน” เหมยพูด ผมหันมามองเหมย น่าเห็นใจนางเหมือนกันน่ะ

“ที่มหา’ลัย เหมยก็ได้ยินเพื่อนนางนินทานางกันเอง บ่อยไป ในห้องอาหารน่ะ ส่วนนางน่ะไม่รู้เรื่องหรอกเพราะว่านางต้องไปนั่งห้องอาหารติดแอร์หรูๆ “ผมหันมามองเหมอย ผมไม่ค่อยได้ว่างตอนเที่ยง ผมมักจะรีบทานให้เสร็จและขึ้นห้องสมุด เพราะว่าผมรับทำรายงาน ทำThesis เพื่อหาเงินเรียน พอได้ยินจากเหมยพูดมาแบบนี้แล้วผมว่า เขาน่าสงสารนางขึ้นมาทันที ผมว่านางรู้ตัวเองดีและที่นางทำอยู่นี้ ไม่ได้ทำให้นางมีความสุขเลยสักนิด

“ก็นางชอบพูดข่มคนอื่น ว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นไม่มีใครดีเท่าแต่นางน่ะเรียนได้ห่วยมาก” หลิวพูด ผมเห็นหลิวอยากเล่นกับลูกโซ่ ผมเลยส่งให้หลิวอุ้มเจ้าลูกโซ่ไป ผมเดินเข้าไปในห้อง เห็นเฮียธันกำลังกอดอ้อนอาม่าอยู่ เฮียธันเพิ่งจะมาถึง

“ออกไปได้แล้ว เหลนอั๊วมาแล้ว มา  มา  อาเธียรน้อย น้อย ของโจวม่า “อาม่ารีบดันเฮียธันออกทันทีและกางมือรับเจ้าลูกโซ่แทน ผมก็ยกมือไหว้อาม่า

“อาบีม ทำไมยังกินน้อยอยู่ล่ะ ดูซิ ยังผอมอยู่เลยน่ะ “อาม่าหันมาจับมือผม ผมนั่งลงข้างๆ อาม่า ผมหันไปเห็น แพรวาเดินเข้ามาเบ้ปากใส่นิดหนี่งก่อนจะ

“อาม่าค่ะ สวัสดีค่ะ “แพรวาเดินมากยกมือไหว้อาม่าทั้งที่เธอเบ้ปากมาแต่ไกล

“ลื้อเป็นใครอ่ะ” อาม่าเงยหน้าขึ้นถามแพรวา

“อาม่าค่ะ หนูชื่อแพรวาค่ะ และหนูก็มาก่อนไอ้ที่เพิ่งโผ่มานี้น่ะ อาม่าจำหนูไม่ได้ได้ยังไงคะ” แพรวาพูดพร้อมกับยืนกอดอกมองผม ส่วนลูกโซ่น่ะเขากอดอาม่า เอาใจอาม่าน่าดู

"อาบีมเป็นหลานสะใภ้อั๊วน่าเมียไอ้เธียรวิชย์ อั๊วก็ต้องจำได้ซี แต่ลื้อน่าอั๊วไม่รู้ ชื่ออาหรายน่ะ เมื่อกี้อั๊วไม่ได้ยิน" อาม่าพูด แพรวาถอนหายใจเฮือกใหญ่

"แพรวาค่ะ" แพรวาตอบ

“แปลว่า” อาม่าพูด

“แพรวาค่ะอาม่า!!” แพรวาหันมาพูดเชิงเสียงดังใส่อาม่า

“แปลว่า” อาม่าถามอีกที

“อาม่าค่ะ อ่านปากหนูนะคะ แพร- วาค่ะ ไม่ใช่แปลว่าค่ะอาม่า” แพรวาพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด

“อั๋วะหมายถึงชื่อเราน่ะแปลว่าอะไร!!!! “อาม่าพูด “เพล้ง!” ผมหันไปมองคนที่ทำเสียงนั้น ไม่ใช่ใครอื่นเฮียธัน และทุกคนหันมาปิดปากขำแพรวากันหมด แม้กระทั่งผมเอง ส่วนเจ้าลูกโซ่ “แปะๆ” ตบมือกับเขาอีก

“ช่างมันเถอะค่ะ จะแปลว่าอะไรก็ช่างค่ะอาม่า แต่อาม่าควรจะจำหนูมากกว่า ที่อาม่าจะไปจำไอ้…” แพรวาทำท่าจะหันมาชี้นิ้วที่ผม

“นอกจากความหมายชื่อตัวเองยังไม่รู้เลยว่าแปลว่าอะไร มายาทก็ยังไม่รู้อีกด้วยใช่ไหม ว่าอันไหนมารยาทดี อันไหนไร้มารยาท ถึงได้ชี้นิ้วใส่คนอื่นเขาแบบนี้” ดอกเหมยพูดขึ้น แพรวารีบหดนิ้วกลับทันที

“ตกลงลื้อเป็นใครอ่ะ” อาม่าถามแพรวาพร้อมกับกอดเจ้าลูกโซ่เอาไว้

“อาม่าค่ะ หนูน่ะมาก่อน มัน เอ้ย บีม นะคะ”

“ลื้อจะบอกว่าลื้อมาก่อนงั้นซิ งั้นลื้อมานานแล้วซิ” อาม่าถาม

“ใช่ค่ะ หนูมานานแล้วค่ะอาม่า” แพรวาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ อาม่าหันไปมองทุกคนเขาก็พยักหน้าว่าใช่

“ถ้าอย่างนั้น ก็ กลับไป๊ได้แล้วซิ! มานานแล้วนี้ เกรงใจเจ้าของบ้าน ” อาม่าพูดพร้อมกับโบกมือให้แพรวากลับไปได้แล้ว ส่วนแพรวาถึงกับสะบัดหน้ามามองอาม่า  "อามลส่งแขก!!" อาม่าหันไปเรียกพี่มล 

“อาม่า!!”

“มุขไล่แขกของอาม่า!!” เฮียธันหันมาทำสีหน้าแปลกใจปนซะใจ “กดไลฟ์รัวๆ เลยอาม่า” เฮียธันหันมายกนิ้วโป้งให้อาม่า

“ถ้าขอบกดไลฟ์ ถ้าอยากติดตามให้ไป สับตะไคร้รออาม่า!!!” อาม่าพูด

“อาม่า!! ซับสไครส์ ไม่ใช่สับตะไคร้!!” ทุกคนร้องออกมาเป็นเสียงเดียวกันกันหมด

“อ้าว อาบัวบอกว่าจะดูคลิปและอยากติดตามให้ ไปสับตะไคร้อ้า ไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ใช่อาม่า!” อาเหมย

“อ้าวแล้วลื้อจะยืนทำไมอ้า มานานแล้วก็กลับบ้านไปได้แล้วน่า มีไหมบ้านน่า เร่ร่อนอยู่ได๊!! พ่อแม่ลื้อปล่อยมาได้ยังไงหว่า “อาม่าหันเห็นแพรวา ก็ถามแพรวาทันที

“อาม่าค่ะ นี่อาม่าไล่แพรวาเหรอคะ” แพรวาหันมาถามอาม่ากลับพร้อมกับชี้ตัวเธอเอง

“อี้บอกว่าอาม่าไล่เขาเหรอว่ะ “อาม่าหันมาถามหลานๆ

“ฟังก็เหมือนอาม่าไล่เขาอ่ะ” เฮียธันละสายตาจากหน้าจอมือถือ

“อัยย๊ะ!! อาม่าโทษทีน่ะ ถ้าอย่างนั้น ก็ไล่เลยก็แล้วกัน ไปกลับบ้านไปได้แล้วน่ะ” อาม่าพูดทำท่าไล่แพรวาอีก แถมยังโบกมือไล่อีกด้วย

“อาม่า!!” แพรวาส่งเสียงแหลมแสบแก้วหูออกมาอีกแล้ว ผมหันไปมองมีคนเดินเข้ามาในบ้าน คนนั้นคือพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรมีสีหน้าที่ตกใจ ที่เข้ามาเห็นแพรวา

“พี่เธียร!!” แพรวาหันขวับจะวิ่งไปหาพี่เธียรวิชย์ ส่วนเจ้าลูกโซ่หันไปมอง แถมยังหลุบตาหลงเหมือนกับว่ากำลังน้อยใจป๊าอย่างนั้นแหละ

“อาเธียร!!” เสียงอาม่า เรียกพี่เธียร และพี่เธียรก็วิ่งสวนแพรวาตรงมาหาอาม่าทันที


หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP 19 หลานสะใภ้ P.2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 17-03-2021 10:22:47
   
EP 19 หลานสะใภ้ P.2

“อาเธียร!!” เสียงอาม่า เรียกพี่เธียร และพี่เธียรก็วิ่งสวนแพรวาตรงมาหาอาม่าทันที

“อาม่า” พี่เธียรเดินมานั่งลงข้างหน้าอาม่า แพรวาหันเหลียวหลังมามอง อย่างผิดหวัง

“พี่เธียร!! ทำไมไม่เข้าหาแพรวาก่อนค่ะ” แพรวาพยายามเรียกพี่เธียรวิชย์ ส่วนสองสาวข้างๆ ผมถึงกลับเหลือกตาขึ้นบน

“อาเธียร ทำงานมาเหนื่อยมั้ย!” อาม่าถามพี่เธียรวิชย์

“เหนื่อยอาม่า วันนี้ต้องออกไปยืนดูเขาตกแต่งสถานที่ วันนี้ก็ร้อนมาด้วยอาม่า” พี่เธียรวิชย์บอกอาม่าด้วยน้ำเสียงออดอ้อนน่าดู

“อาเธียร ป๊าลื้อน่ะ เวลากลับบ้านมาเหนื่อยๆ หอมลูก หอมเมีย หายเลย ลองดู” อาม่าพูด ผมหันมามองอาม่า

“เอา จะนั่งทำซากอะไรล่ะ หอมลูก” อาม่าสั่งเพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรดึงเจ้าลูกโซ่ที่ยืนเหมือนจะงอนๆอยู่ เอามาหอมแก้มใหญ่ฟ้อดใหญ่ “เอิ้กๆ” หัวเราะคิกคักใหญ่เลย หดคอนี้ด้วย มีคนแอบถ่ายวิดีโอเอาไว้คือน้องหลิว

“หลิวไม่เคยเห็นเฮียเธียรเล่นกับเด็กแบบนี้เลยน่ะ ดูซิ” หลิวพูด

“หอมลูกแล้ว ก็หอมเมียจะได้หายเหนื่อย” อาม่าหันมาบอกพี่เธียรวิชย์พร้อมกับชี้มาที่ผมทันที

“หอมซิ หรือว่าไม่เชื่ออาม่า!!”

“หอม หอม “พี่เธียรวิชย์ลุกพรวดขึ้นมาหาผมทันที ตอนแรกผมทำท่าจะดันพี่เธียรวิชย์ออกแต่พอเห็นอาม่าเลยไม่กล้าดัน

“อาม่าให้หอม ไม่หอมเดี๋ยวพี่โดนอาม่าดุ” คนที่ดึงผมเข้ารีบพูดลอดไรฟันออกมาพร้อมกับขยิบตาให้ผม ผมเลยต้องยอมก็ให้หอม (เพราะอาม่าน่ะ)

“ฟ้อด!!” หอมฟ้อดใหญ่เลยน่ะ แถมยิ้มกริ่มอีกต่างหาก

“ยังไม่หายเลยอาม่า” พี่เธียรวิชย์หันไปบอกอาม่า ผมเงยหน้ามองพี่เธียรวิชย์ อย่าเยอะ!!

“ไม่หายก็ หอมอีกทีซิ” อาม่าบอก คนที่นี้หันมามองผม ผมสั่นหัวเบาๆ ประมาณว่าพอแล้ว

“ฟ้อด!!” เสียงดังมากอีกที

“เอิ้กๆ” เจ้าลูกโซ่ตบมือหัวเราะชอบใจใหญ่เลย เจ้าลูกโซ่นี้น่ะ

“อ้ายยยย” เสียงกรีดแสบแก้วหู อีกครั้ง ทำเอาเจ้าลูกโซ่รีบคลานเข้ามาหาหาผมทันที กอดขาแน่นเลย

“พี่เธียร!! แพวาล่ะ” แพรวาถามพี่เธียรวิชย์

“พี่เธียร หอมแพรวาด้วยซิ”

“อายย๊ะ!! ลื้อหรือเป็นอะไรกับมันล่ะ ไอ้เธียรมันถึงต้องหอมลื้อด้วยน่า!” อาม่าหันไปถามแพรวา

“ก็แพรวาเป็นคนสำคัญค่ะ”

“สำคัญ สำคัญแค่ไหนอ่ะ” อาม่าถามแพรวากลับ เป็นคำถามที่ทำให้แพรวาถึงกับยืนอึ้งไปหลายนาที

“สำคัญตัวเองผิดหรือเปล่าอ่ะ” หลิวพูดพร้อมกับกลั้นหัวเราะ

“พี่เธียร แพรวาไม่ยอมน่ะ พี่เธียร แพรวามาหาพี่เธียรน่ะ เมื่อก่อนพี่เธียรมีแต่แพรวาน่ะ แล้วตอนนี้ล่ะ “แพรวาเรียกพี่เธียรวิชย์ด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อน

“ตอนนี้ลื้อยังจะถามอีกเหรอ นี้ลูก นี้เมียมัน “อาม่าหันไปถามแพรวา

“อาเธียร! ใครสำคัญกับลื้อ บอกอาม่าซิ” อาม่าถามพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์มองอาม่า ก่อนจะหันมามองผมและหันไปมองแพรวาที่ยืนทำท่าจะร้องไห้ แต่พอผมหันมามองเหมยกับหลิว ที่เบ้ปากมองบนทั้งคู่ “มุกเดิม ๆ เพิ่มเติมคืออายุที่เยอะขึ้นแต่ทำยังกับเด็กสองขวบ” อาเหมยพูด

“อันนี้ใคร” อาม่าชี้ไปมาที่เจ้าลูกโซ่

“ลูกผมอาม่า”

“แล้วคนนั้นล่ะ” อาม่าชี้มาที่ผม

“เออ แม่ของลูก

“แม่ของลูก มึงเรียกอาหรายไอ้เธียร”

“เมียครับอาม่า” เธียรวิชย์พูด

“ดังนั้นใครสำคัญกว่า ลูกเมียหรือว่า ที่ยืนอยู่นั้น ที่ชื่ออะไรน่ะ อ้อ แปลว่า “อาม่าพูด

“แพรวาอาม่า!! เขาชื่อแพรวา” เฮียธันหันมาบอกอาม่า

“ความจำสั้นอ้า แต่ตีนกูยาวน่า ฟาดได้แม่นด้วย! “อาม่าพูด แต่ละคนก้มลงมองเท้าอาม่ากันหมด พี่เธียรยังสะดุ้ง "ใจเย็นอาม่า เดี๋ยวก็ปวดเมื่อยขึ้นมาอีกน่ะ" พี่เธียรพูดกับอาม่า

“ตกลง ใครสำคัญ ไอ้สีเทียน ตอบอาม่ามา!!” อาม่าหันถามพี่เธียรวิชย์ อาม่าชี้มาที่ผมกับลูกโซ่และค่อยชี้ไปที่แพรวาที่ยืนมองพี่เธียรวิชย์อยู่ เธอชี้ตัวเธอเอง

“เลือกมา ว่าอันไหนสำคัญ ไอ้เธียร!!”

“ถ้ามึงเลือกผิด มึงโดน!” พี่เธียรวิชย์หันกลับมองอาม่า ที่หันไปคว้าไม้ข้างๆ มาถือเอาไว้

“ถ้ามึงเลือกแล้วไม่โดยใจอาม่า มึงก็โดน!!”

“แล้วอาม่าจะให้เธียรเลือกทำไมอ่ะ” พี่เธียรหันถามอาม่า

“นั้นไง กูเลยไม่ให้มึงเลือก เพราะว่าอาม่าเลือกให้แล้วน่า ตกลง มึงจะเลือกข้างไหน แต่ถ้าไม่เลือก มึงโดนสองเท่าน่ะ ไอ้เธียรน่ะ พูดมา!”

“อ้าวอาม่ายังให้เธียแกเลือกอีกเหรอ ไม่ต้องแล้วมั้ง” อาเหมยหันมาบอกอาม่า

“ลองใจมันดู แต่ถ้ามันไม่เชื่อที่อาม่าบอก มันได้ลองตีนอาม่าแน่ๆ “อาม่าพูด พี่เธียรวิชย์ถึงกับสะดุ้งทันที

“เลือก เลือก เลือกแล้วอาม่า เลือกเมียกับลูก” พี่เธียรวิชย์รีบตอบก่อนที่อาม่าจะง้างไม้รอ

“ดี มึงรอดตัวปาย” อาม่าพูดก่อนจะวางไม้ลง

“พี่เธียร!!” แพรวาเรียกพี่เธียรอีกที

“อี้เป็นอะไรของอี้น่ะ กรีดอยู่ได้น่า อาม่าแสบแก้วหู “อาม่าถาม จังหวะนั้น ม๊าและป๊าเดินเข้ามาพอดี โกวหงส์ก็เพิ่งเดินเข้ามาเช่นกัน ทุกคนหันมามองแพรวากันหมดก่อนจะหันมามองอาม่า

“ตอนเด็กๆ น้องเขาเผลอกลืนนกหวีดเข้าไปน่ะอาม่า” เธียธันพูด

“ม๊า “ป๊าของพี่เธียรเดินมาหาอาม่า “มาหาเหลนเหรออาม่า” ป๊าถามอาม่า ส่วนเจ้าลูกโซ่ ชะเง้อคอมองอาก๋ง อยากให้อาก๋งอุ้ม

“ทำไมทุกคนทำเหมือนไม่เห็นหัวแพรวากันเลยค่ะ ทั้งที่แพรวามาก่อนมันอีก เมื่อก่อนอะไรก็น้องแพรวา ทำไมตอนนี้ แค่มันมีลูก ต้องไปลุมเอาใจมันด้วย และอีกอย่างน่ะ มันก็ไม่ได้รับปริญญาบัตรด้วย เพราะว่ามัน ไปมั่วเสพยากับแขกที่มันทำงานในผับอ่ะ “แพรวาพูด ผมหันไปมองเธอ เธอรู้ได้ยังไง พี่เธียรวิชย์หันมามองผม ทุกคนหันมามองผมกันหมด

   ผมถึงกับแสดงอาการตกใจ เพราะว่าเรื่องนี้มีแค่ผม ผู้จัดการร้านและเจ้าของร้านแค่นั้น และเขาขอแลกกับให้ผมอยู่เงียบๆ เรื่องที่ผมโดนคนที่อยู่หน้าผมข่มขืนเขาบอกว่าแขกเขาวีไอพีทั้งนั้นถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปเขาจะเสียแต่ไอ้หลอดยาพวกนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่ามาได้ยังไงมันเลยทำให้คนที่ดูมีความผิดมากที่สุดกลายเป็นผม ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นพี่เธียรวิชย์กับเพื่อนเขาหรือเปล่า แต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ เพราะว่าพี่เขาออกไปทันที ผมไปขอดูกล่องวงจรปิดมาพี่ในนั้นเขาช่วยผมเขาเลยแอบให้ดู แต่กล้องที่ตรงทางเดินกลับไม่มีข้อมูลว่าใครเข้าออกห้องนั้นจนถึงเช้า

“เธอมีหลักฐานเหรอแพรวา ถึงได้มากล่าวหาบีมเขาแบบนี้น่ะ ถ้ากล่าวหาลอยๆ แค่เพราะว่าเธออิจฉาเขาน่ะ ฉันนี้สมเพชเธอมากเลยน่ะแพรวา” โกวหงส์พูด

“ไม่ได้กล่าวหาค่ะ แพรวามีหลักฐาน นี้ไง” แพรวาพูดพร้อมกับโยนรูปถ่ายลงมา มันเป็นรูปเหตุการณ์ในคืนนั้น ที่ผมตื่นมาพร้อมกับมีเข็มฉีดยาเยอะแยะเต็มไปหมด มียาเสพติดในห้อง และมันก็เกิดหลังจากที่ผมมีอะไรกับพี่เธียรวิชย์ แต่ผมตื่นมามีแค่ผมคนเดียว และเจ้าของผับก็มาถึงพอดี และนั้นคือเหตุผลว่าผมเอาผิดพี่เธียรวิชย์ไม่ได้ เพราะว่าผมจะโดนหนักกว่า ผมหันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์ พี่เขาตกใจมาก ดังนั้น นั้นก็แปลว่าเขาไม่ใช่คนทำ พี่เธียรวิชย์หันไปมองแพรวา

“ดังนั้น เด็กนี่ใช่ลูกพี่เธียรจริงๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้” แพรวาพูด พี่เธียรวิชย์หันไปมองหน้าแพรวาที่ยอดกอดอก

“ไม่รู้ว่ามัวกับใครมาและเด็กก็แค่บังเอิญหน้าตาเหมือนพี่เธียรก็ได้นะคะ” พี่เธียรวิชย์ลุกขึ้นยืน เขามองผม และจู่ๆ เจ้าลูกโซ่ก็เข้ามากอดผม เขาเงยหน้ามองผมทำตาปริบๆ เหมือนเขารู้ว่าผมกำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน

“อาจจะร่านไปเอากับใครก็ได้นะคะ คุณอาคุณน้าคงไม่อยากได้สะใภ้แบบนี้มาเชิดหน้าชูตาหรอกมั้งค่ะ”

“แล้วพี่เธียรละคะ ยังจะเอายังไงคะ เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะคะ” แพรวาถามพี่เธียรวิชย์  "ฟู่" เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวจากพี่เธียรวิชย์

“เด็กคนนี้เป็นลูกพี่แพรวา” พี่เธียรวิชย์ลุกขึ้นยืน ก่อนจะหยิบซองจดหมายออกมา พี่เธียรวิชย์เปิดออกพร้อมกับคลี่กระดาษออกมากาง

“พี่พาลูกโซ่และบีมไปตรวจดีเอ็นเอมาแล้ว เด็กคนนี้ลูกพี่เอง ผมมันออกมาชัดเจนแล้วแพรวา  “พี่เธียรวิชย์เขาได้รับผลการตรวจดีเอ็นเอแล้ว แพรวาถึงกับยืนหน้าซีด และพี่เธียรวิชย์ ก็ส่งจดหมายนั้นให้ป๊ากับม๊าดู และโกวหงส์ ป๊าพยักหน้ากับอาม่า  ผมมองหน้าพี่เธียร ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้พาลูกโซ่ไปตรวจดีเอ็นซะก่อน

“พี่ไม่รู้ว่าแพรวาเอารูปพวกนี้มาจากไหนแต่นี่ลูกโซ่คือลูกของพี่ครับแพรวา” พี่เธียรวิชย์หันไปบอกเธอด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ไม่จริงอ่ะ แพรวาไม่เชื่อ”

“เอาล่ะแพรวา พอซะที เธอทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วเธอมีความสุขขึ้นหรือไง “โกวหงส์เดินมายืนมองแพรวา พร้อมกับสั่นหัวไปมา

“นั้นซิ ทำทำไมอ่ะ เลิกพยายามทำตัวเหนือคนอื่นโดยการ พยายามกดคนอื่นให้ต่ำลงและเธอดูดีขึ้นได้แล้ว เพื่อนไม่เหลือแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีก” อาเหมยพูดขึ้น แพรวาหันไปมองอาเหมย

“ก็ที่แพรวาทำนี้ก็เพื่อ คนที่แพรวารักไง แพรวารักพี่เธียรมาก่อนมันอ่ะและ ไหนที่คุณปู่ของแพรวากับอาก๋งของพี่เธียร ที่เคยพูดว่า แพรวาคือคนที่เหมาะสมกับตระกูลนี้ที่สุดไง ดังนั้น คุณอากับคุณน้าจะมาทำแบบนี้ไม่ได้น่ะที่จะเอาไอ้นี่มาแต่งงานกับพี่เธียรวิชย์อ่ะ แพรวาไม่ยอม”

“และที่เคยคุยกันไว้ แพรวาคือคนที่อาก๋งเลือกไว้นี้ค่ะ” แพรวาพูด ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์จริงเหรอ

“แพรวา เอาล่ะ อาเองก็เข้าใจน่ะ เพราะว่าเราอยู่กับไอ้เธียรมันมาตลอดตั้งแต่เด็ก ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะให้หมั้นหมายอะไรกัน มันเป็นเรื่องที่เขาพูดกับตั้งแต่แพรวาและเธียรยังเด็กทั้งคู่ “ป๊าออกมาพูดบ้าง

“และตอนนี้ เธียรเขาโตแล้วและเขาเลือกแล้ว เขาบอกกับอาเอง ว่าเขาเลือกบีมและลูก และอาเองก็ไม่คิดจะทำแบบนั้นกับลูกของอา คือการคลุมถุงชน หัวใจของเขา อาให้เขาเลือกและอาก็ไม่อาจจะไปคิดไปตัดสินใจแทนเขาไม่ได้ แพรวา “ป๊าของพี่เธียรวิชย์พูด

“ทั้งที่หนูไปเอารูปนี้มาเพื่อมาให้ทุกคนได้เห็นว่า ไอ้นี่มันไม่ดี อายังเลือกมันอีกเหรอคะ” แพรวาถามทุกคน

“พี่เธียร แพรวารักพี่เธียรมาตั้งนานแล้วน่ะ แพรวาเก็บสิ่งนั้นไว้ให้พี่เธียรมาตลอด ทำไมพี่เธียรใจร้ายกับแพรวาแบบนี้ล่ะคะ แพรวาไม่ดีตรงไหน”

“แพรวาไม่ดีตรงไหน!!” แพรวาแผดเสียงดังขึ้นมา

“ตรงนี้แหละครับ น้องแพรวา หูพวกพี่จะดับเอา ก็เล่นกรี้ดแบบนี้ไงครับ พี่เองน่ะ เป็นพวกหน้ามืดตามัวพอพอกับไอ้ตี๋น้อย พี่เห็นนี้แบบน่ะ พี่นี้ตาสว่างไม่กล้าเอาเลยครับ” เฮียธันพูดขึ้น ทุกคนหันไปมองเธียธันกันหมด

“เพี๊ยะ!” ม๊าหันมาตีแขนพี่ธัน

“อาธันอ้า อาม่ากดไลฟ์เลยน่า เอารัวๆ ด้วย” อาม่าอีกคน

“ม๊า” ป๊าของพี่เธียรวิชย์หันมาหาอาม่า อาม่าหันค้อนป๊าและทำท่างอนป๊าอีกด้วย

“ก็อาธันพูดถูกอ่า” อาม่า

“ถูกตรงไหนคะอาม่า!!” แพรวาหันมาถามอาม่า

“ถูกใจอาม่า!!”

“และอีเล่นกรี้ดๆ อยู่ได้ หูจะบอดตายห่า ความดันอั๊วก็จะขึ้นน่า อาเกริกน่า ช่วงนี้หัวใจม๊าไม่ค่อยแข็งแรง หมอบอกมาว่าอย่าขัดใจ เดี๋ยวอาการกำเริบ” อาม่าพูดหันมาพูดกับป๊า ป๊าถึงกับกุมขมับทันที เพราะว่าป๊ารักม๊าของเขามาก ส่วนคนที่ยืนไม่พอใจนี้ก็ลูกเพื่อนรัก

“แพรวา อาขอน่ะ ม๊าของอาน่ะแก่แล้ว อย่าทำให้แย่ไปกว่านี้เลยน่ะ อาว่าเรากลับไปบ้านก่อนน่ะ อาเองก็ไม่อยากโทรไปหาพ่อเราอีกเพื่อให้มาพาเธอกลับ เพราะว่าเธอโตแล้วไม่ใช่เด็กๆ และอาเองก็ไม่อยากจะเสียเพื่อนที่คบกันมานาน เธอกลับไปก่อนน่ะ” ป๊าพยายามบอกแพรวา

“แพรวาไม่กลับค่ะ แพรวาจะอยู่ อยู่ที่นี้แหละ อยู่มันตรงนี้ ดูซิว่าใครจะด้านกว่ากัน” แพรวาพูด

“ถ้าอย่างนั้นน้องแพรวาได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เลยครับ” เฮียธันพูดและชี้ไปที่แพรวา แพรวาถึงกับสะบัดหน้ามามองเฮียธัน

“สิทธิ์อะไรคะ” แพรวาถาม

“เอ้าก็น้องบอกว่า แข่งกันว่าใครจะด้านกว่ากัน พี่ให้น้องเลยครับตำแหน่งนี้ เชิญยังไม่กลับเลย คิดเอาครับ ว่าใครควรจะได้ถ้าไม่ใช่น้องแพรวา” เฮียธัน

“เฮีย เฮียกล้าว่าแพรวาเหรอคะ”

“ธัน!!!” เสียงลอดไรฟันของม๊า

“งั้นอาเธียร เลือกมา ตัดสินใจเดี๋ยวนี้ ว่ายังไง ถ้าลื้อไม่เลือกอาบีม อั๊วจะเอาไปอยู่กับอาม่าเอง และลื้ออย่าได้คิดว่าจะได้เห็นลูกเห็นเมียลื้ออีก เลือกมาเดี๋ยวนี้!!” อาม่าหันไปถามพี่เธียรวิชย์

“อาม่าผมเลือกแล้วไง เลือกตามที่อาม่าเลือกให้อ่ะ” พี่เธียรวิชย์หันไปบอกอาม่า

“พลึบ!!” อยู่ดีดี แพรวาก็ล้มลงไปกับพื้น

“เฮ้ยย!!” ทุกคนร้องออกมาพร้อมๆ กัน

“อั้ยย๊า!! อีตายแล้วเหรอ อายุยังน้อยน่ะ ผัวก็ยังไม่มี ตายซะแล้ว ไปเรียกพี่ปอมาเก็บไป” อาม่าชะโงกศีรษะไปดู แต่ละคนหันมามองหน้ากัน นี้เธอเป็นลมจริงหรือเปล่า

“ปอไหนอ่ะอาม่า” เฮียธัน หันไปถามอาม่า

“ปอเต็กตึ้งอ่ะ เก็บศพอ่ะ อย่าปล่อยไว้นานเดี๋ยวเหม็นเน่าน่ะ ในบ้านน่า บอกเอาโลงมาล้วยน่ามาใส่ไป”

“อาม่า “ม๊าหันมาเรียกอาม่า

“ปอเต็กตึ้งเบอร์อะไรอ่ะ อาม่า” เธียธันถามอาม่า

“เบอร์ xxxx” เสียงพี่มลพูดพร้อมกับวิ่งมาพร้อมกับโทรศัพท์บ้าน

“กดมาให้พร้อมเลยน่ะพี่มล” เฮียธันพูด

“มล!!” ม๊าหันไปมองพี่มล ม๊าส่ายหัวเบาะๆ

“พลึบ! “แพรวากระดกตัวขึ้น “แพรวาไม่ได้ตายค่ะ แพรวา แค่เป็นลมค่ะ” แพรวาลุกพรวดขึ้นมาพูด

“อ้าวฟื้นแล้วนิ ไปกลับบ้านไปได้แล้ว อาเธียรมันจะได้อยู่กับลูกกับเมียมัน” อาม่าพูด

“แพรวาไม่ไปไหนทั้งนั้น!!” แพรวาพูด ทุกคนหันมามองหน้ากัน

“อั๊วะว่าน่ะ เถียงกับนักปราชญ์ยังได้ความรู้กลับมาบ้าง แต่เถียงกับคนโง่แบบนี้ เสียเวลา ไป ไป ต่างคนต่างไปหาอะไรทำดีกว่า” อาม่าพูด

“อาม่า!!” เฮียธัน

“มึงจะซับสไครส์เหรอ” อาม่าถามเธียธัน

“ขอเอาไปแชร์หน้าเฟสเลยอาม่า” เธียธัน

“จัดไป ให้เครดิตอั๊วด้วย” อาม่าพูด

“พี่เธียร” แพรวาเรียกพี่เธียรวิชย์ ผมก็ตัดสินใจลุกขึ้น อย่างที่อาม่าบอก เธอไม่รับฟังอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเถียงกับเธอไปก็ไร้ประโชยน์ และก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ แววตาคู่นี้ เงยหน้าขึ้นมองผม ผมก็ย่อตัวก้มลงอุ้ม แต่จู่ๆ ก็เจ็บแป๊บขึ้นมากะทันหัน

“โอ๊ย!!” เจ็บปวดแบบตัวงอทันที

“บีม” พี่เธียรวิชย์

“อาบีมเป็นอาหรายไปน่ะ” อาม่ารีบหับมาถามผม

“พี่เธียร แพรวาจะเป็นลมอีกแล้วค่ะ” แพรวา

“อยากเป็นอะไรก็เป็นไปเลยครับ ขยันเป็นนั้นเป็นนี้เหลือเกิน” เฮียธันพูด ผมก็ค่อยๆ ลุกอีกทีแต่ว่ารอบนี้ปวดบีบมาก ผมนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่แพรวากระชากผมน่ะ ผมขืนตัวเองและเท้าเจ้าลูกโซ่กระแทกตรงแผลที่ผ่าตัดของผมและผมยังไปชนกับขอบตู้โชว์อีกเพื่อไม่ให้ลูกโซ่เป็นคนโดนเอง

“บีมเป็นไงลูก” ม๊าเข้ามาถามผมทันทีเช่นกัน

“เดี๋ยวนะคะ พี่มลน่ะเห็นคุณแพรวา กระชากแขนคุณบีมและคุณบีมอาจจะไปชนตู้โชว์แน่ๆ เลยค่ะ ตอนที่อุ้มคุณหนูอยู่นะคะ” พี่มลพูด แพรวาทำสีหน้าเลิกลัก

“นี้แกใส่ร้ายฉัน” แพรวาพูด

“ฉันก็เห็นว่าเธอจับกระชากแขนบีม ทั้งที่บีมอุ้มลูกอยู่ เธอไม่กลัวสักนิดว่าถ้าเขาล้มลงไปทั้งแม่ทั้งลูก ไม่สนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บซะด้วยซ้ำ จิตใจเธอนี้แย่มาก ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนจิตใจแย่เท่าเธอมาก่อนแพรวา” โกวหงส์พูด พี่เธียรวิชย์หันไปมองแพรวา พี่เธียรวิชย์ส่ายหัวไปมา

“พี่เธียร” แพรวา

“พอแล้วแพรวา!! เลิกมายุ่งกับพี่ กับบีมและลูกพี่ ต่อไปนี้ไม่ต้องโทรมาหาพี่ด้วย พี่เลือกแล้ว พี่เลือกบีมแล้วและแพรวาควรจะหยุดได้แล้ว ตอนแรกพี่ว่าจะไม่พูดคำนี้ เพราะอย่างน้อยแพรวาก็เหมือนน้องสาวพี่แต่ตอนนี้ เธอร้ายมาก เธอทำเกินไปจริงๆ! “พี่เธียรวิชย์หันพูดต่อว่าแพรวา สี่หน้าที่เสียใจของแพรวามันแสดงออกได้อย่างชัดเจน มากกว่าโดนคนอื่นว่าเธอซะอีก

“พาบีมไปโรงพยาบาลเถอะเธียร เพราะว่าแผลแบบนี้มันอยู่ข้างในเราไม่รู้ เดี๋ยวจะเหมือนม๊าเขา พาไปเลย” ป๊ารีบบอกพี่เธียรวิชย์ ผมว่าจะขอไปนอนพักดีกว่าแต่ว่าผมรู้สึกว่าผมกำลังถูกขึ้นอุ้มจนตัวลอยโดยพี่เธียรวิชย์ ผมก็ตกใจกลัวตกเลยต้องกอดคอพี่เธียรวิชย์เอาไว้

“พี่เธียร!! กลับมาดูแพรวาเดี๋ยวนี้น่ะพี่เธียร” ผมได้ยินเสียงแต่ว่าพี่เธียรวิชย์เดินสับเท้าอย่างรวดเร็ว

“ดูหน้าบีมซิ ซี้ดมากเลย ปวดมาใช่ไหมเนี๊ยะ” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่

“เอากุญแจรถมาให้ผมพี่” พี่เธียรวิชย์บอกคนในบ้านให้ส่งกุญแจรถมาให้ และรีบอุ้มผมออกไปยังรถเก๋งคันหรูของพี่เธียร ที่จอดอยู่ รถสปอร์ตคันหรูที่พี่เขาใช้ขับไปทำงาน คนใช้ก็เปิดวิ่งมาเปิดประตู ผมหันไปเห็นแพรวาวิ่งตามออกมาจนเกือบทัน เธอกำลังจะข้ามมาที่รถของพี่เธียรวิชย์ แต่จู่ๆ ก็มีรถแรงมาปาดหน้าเธอไว้ และคนที่ลงมาคือเฮียธาม เธียธีขับตามเข้ามาติดๆ

“ไปไหนไอ้ตี๋น้อย” เฮียธามลงจากรถมาได้ก็ถามพี่เธียรวิชย์

“ผมจะพาบีมไปโรงพยาบาลเฮีย บีมปวดท้องนะเฮีย”

“พี่เธียร แพรวาก็ไม่สบายน่ะ พี่เธียรควรจะพาแพรวาไปซิคะ!!”

“ปากก็แดงแก้มก็แดง ป่วยตรงไหนเนี๊ยะ ป่วยที่สมองหรือเปล่า” เธียถามถามแพรวา แพรวาถึงกับสะบัดหน้ามามองเฮียธามทันที ผมสะกิดพี่เธียรวิชย์ไปห้ามเฮียธามก่อน พี่เธียรวิชย์ควักมือเรียกเฮียธีที่ออกมายืนมองกับพี่มิวก่อนจะชี้ไปที่เฮียธามและแพรวา เฮียธีรีบส่ายหัวอีกคนไม่กล้าเข้าไป โบกมือด้วยว่าไม่ยุ่ง

“พี่เธียร!!” แพรวาตรงมากระชากแขนพี่เธียร ทามกลางสายตาในบ้านที่ยืนมองด้วยความเอือมระอา
“แพรวาปล่อยแขนพี่ พี่จะพาบีมไปโรงพยาบาล”

“ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย แพรวาไม่ให้ไป “แพรวาพูดทั้งที่พี่เธียรพยายามสะบัดแขนเธอ

“เฮีย! บีมปวดมากผมต้องรีบไปแล้ว” พี่เธียรวิชย์หันไปบอกเฮียธาม

“หมับ” เธียธามเดินจับแขนแพรวาให้ปล่อยแขนพี่เธียร ผมรู้ว่าเฮียธามบีบแขนเธอค่อนข้างแรง จนเธอยอมปล่อย

“น้องแพรวาจะไปหาหมอด้วยใช่ไหมครับ เดี๋ยวพี่ธามพาไปนะครับ รถไอ้เธียรมันนั่งได้สองคน น้องแพรวาจะแทรกตรงไหนครับ แหกตาดูซิครับ มันมีที่นั่งแค่สองที่นั่ง มึงจะนั่งหลังคาหรือไง” เฮียธามบอกกับแพรวา

“เอาอย่างนี้ดูจากสารรูปของน้องแพรวาแล้วพี่ว่าอาการหนักอยู่ พี่พาไปเองไหมครับพี่ว่าง และพี่นี่อาสาจะไปเล่าอาการให้เขาฟังให้ เพราะดูท่าน้องแพรวาจะพูดภาษาคนไม่ค่อยรู้เรื่อง” เฮียธามพูด

“เฮ้ย เฮีย!!” พี่เธียรวิชย์สะบัดหน้าไปมองเฮียธาม ผมถึงกลับกลืนน้ำลายลงคอแทน ผมหันมามองพี่เธียรอีกที นี้เฮียพี่เหรอ ปากจัดมาก ส่วนเฮียธีกับพี่มิวนี้ย่องเข้าบ้านเลยไม่ขอยุ่งด้วย

“และก่อนจะไป ขอพี่โทรจองคิวให้ก่อนน่ะ เพราะว่าน้องแพรวาของพี่วีไอพี” เฮียธามพร้อมกับหันมาชี้นิ้วงอนขึ้นห้ามแพรวาปริปากพูดอะไรขณะที่พี่เขากำลังกดโทรศัพท์อยู่

“สวัสดีครับ คลีนิกสัตวแพทย์ใช่ไหมครับ” ผมกับพี่เธียรวิชย์สะบัดหน้าไปมองเฮียธาม สัตวแพทย์เลยเหรอ

“ผมจองคิวน่ะครับ จะเอาสัตว์!!” แต่อันนี้ใส่หน้าแพรวาเต็มๆ “ หลงทางไปรักษานะครับ”

“สัตว์ป่าสงวนเลยล่ะครับ อาการเป็นยังไง ร้องหา ผัว ผัว อย่างเดียวเลยครับ อาการหนักเลยใช่ไหมครับ ต้องพาไปรักษาด่วน ได้ครับ แป๊ปนะครับ”

“พี่เขาบอกว่าให้รถปอเต็กตึ้งมารับแทนได้ไหม เขาไม่มีรถบริการ นั่งได้ไหมเธอ วีไอพีอยู่น่ะ” เฮียธามถามแพรวา เธอก็เตรียมตัวจะกรีด

“และคิวก็ไม่เยอะน่ะตอนนี้น่ะ มีหมารอทำหมันอยู่สองตัว พอเธอไปถึงได้คิวเลย จองเลยไหม ค่ารักษาไม่ต้องหวงเจ๊เปย์ให้ และจะทำเมมเบอการ์ดให้ด้วย เพื่อเอาไว้ใช้ในครั้งหน้า” เธียถามพูด ผมหันไปมองพี่เธียรวิชย์ เออ เธอจะยิ่งโมโหหรือเปล่า ดูจากหน้าเธอแล้วเหมือนเธอกำลังจะ กรี้ด!!!

“ลองกรี้ดซิ  มึงจะได้ถูกส่งไปหาสัตวแพทย์จริงๆแน่ เพราะว่าอาการมึงนี้ หมอรักษาคนก็หาสาเหตุความบ้ามึงไม่เจอ ต้องไปหาหมอเฉพาะทางอย่างเดียวแต่หมอรักษาสัตว์!” เฮียธามพูด

“อ้าวมึงยืนนิ่งหาอะไรล่ะไอ้เธียร พาบีมไปโรงพยาบาลดิ” เฮียถามหันมาบอกพี่เธียร และแพรวาทำท่าจะคว้าแขนพี่เธียรวิชย์

“หยุด!! จะไปไหน ฉันยังด่าหลอนไม่จบ มานี่!! มารยาทมีไหม หัวนี้น่ะมีไว้กั้นหูอย่างเดียวเลย พ่อแม่ภูมิใจตายเลย วัน วันไม่ทำอะไรมาร้อง อยากได้ไอ้เธียรเป็นผัว และดูทำตัวเข้าซิ ยังกับเด็กอนุบาล หลานฉันนี้น่ะไม่ถึงขวบ ยังรู้เรื่องกว่าหลอนเลย” พี่เธียรวิชย์ปิดประตูให้ผมก่อนจะวิ่งอ้อมมายังที่นั่งคนขับและรีบสตาร์ตรถทันที

“พี่เธียร!!! ช่วยแพรวาด้วย” แพรวาพูด ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ พี่เขาสั่นหัวก่อนจะออกรถ

“ไม่ต้องไปร้องหาไอ้เธียรมันเลย  เดี๋ยวจะพากลับป่าให้! แม้พอเขามีพรบคุ้มครองเข้าหน่อยน่ะ เรียกร้องหนักเลยน่ะ! ตกลงจะไปไหม หาหมอมึงน่ะ! ถ้าไม่ไปก็รีบกลับเข้าบ้านไป อาละวาดหนักเดี๋ยวกูโทรเรียกกรมปศุสัตว์มาจับกลับไปส่งเลยนี้ คราวนี้พ่อแม่ดีใจตายเลย ลูกมีเจ้าหน้าที่ตามไปดูแลถึงที่บ้าน บร้าๆๆ” เฮียธามบอกพี่เธียรวิชย์ก่อนจะหันไปใส่แพรวาเป็นชุด เล่นเอาเธอยืนสะดุ้งทุกทีที่เธียธามแกกระแทกเสียงดังใส่ ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ พี่เขายิ้มแหยๆ ให้ผม


“นี้เฮียพี่เหรอ” ผมหันมาถามพี่เธียรวิชย์ “อืมม ไม่เชิง ว่าจะเรียกว่าเฮียหรอกน่ะ น่าจะเจ๊มากกว่า เจ๊ธามน่ะ” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมหันไปมองเห็นเฮียธามยังยืนชี้นิ้วด่าแพรวา จนกระทั่งแพรวาวิ่งแจ้นกลับไปในบ้าน พอผมหันกลับมาอีกที พี่เธียรวิชย์ก็ออกรถผ่านประตูบ้านมาแล้วผมเห็นโทรศัพท์เธียรวิชย์มีข้อความเข้า มาม๊าของพี่เธียรวิชย์ พี่เขาก็ก้มลงอ่านข้อความ เมื่อสักครู่ผมมัวแต่ตกใจเฮียธามจนลืมความปวดไปชั่วขณะ ผมก็เอามือกุมท้องไว้อีกครั้ง พี่เธียรวิชย์หันมามองผมด้วยสีหน้ากังวลอีกครั้ง ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นแปะไว้ที่ตรงด้านหน้าเพื่ออ่านข้อความ

“ใครทำเป็นหมอทำคลอดลูกโซ่ให้น่ะบีม” พี่เธียรวิชย์ถามผม

“พี่หมอภีมปภพครับ เขาเป็นคนผ่าเอาเจ้าลูกโซ่ออกมา”

“ม๊าแนะนำให้ไปหาหมอคนนั้น” พี่เธียรวิชย์หันมาบอกผม

“พี่พาไปที่นั่นน่ะ” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ มือก็ประคองน้อยๆ ของผมไปด้วย

“พี่เธียร ขับช้าๆ ลงหน่อย “ผมบอกพี่เธียรวิชย์ พี่เธียรวิชย์ขับรถเร็วมาก แซงซ้ายแซงขวา ดูจากการเปลี่ยนเกียร์ พี่เขานี้เป็นนักแข่งรถของจริงๆเลย แถมการโยกหลบรถแบบชำนาญแต่เวลานี้ บนท้องถนนรถก็เยอะหมอ

“พี่เธียร ขับช้าๆ หน่อย” กลั้นใจบอกพี่เธียร

“ดูหน้าบีมซิ หน้าซี้ดมากเลย ช้าไม่ได้หรอก เมียพี่สำคัญ “พี่เธียรวิชย์

“นี้ผมแค่ปวดท้องนะพี่เธียร ไม่ใช่เจ็บท้อง ไม่ต้องรีบขนาดนั้น “ผมพูด พี่เธียรวิชย์หันมามองหน้าผม

“ผมโอเคพี่เธียร ขับช้าๆ หน่อย นะครับ ผมกลัว อยากอยู่กับลูกและลูกก็อยากอยู่กับพี่เธียรน่ะ” ผมพูดและใช้มือผมแตะที่แขนของพี่เธี่ยรวิชย์ พี่เขาก็ผ่อนความเร็วลงก่อนจะหันมามองผม พี่เธียรวิชย์ก็ขับไปตามที่ตั้งค่าจีพีอาร์เอสไว้ พี่สังเกตเห็นพี่เธียรเขากุมมือผมไว้ด้วย ตาก็มองทางไปด้วย ดูสีหน้าพี่เขาเป็นกังวลมาก ผมแอบยิ้มนิดหน่อย

TBC……
   ตอนหน้าเธียนวิชย์รู้ความจริงว่าบีมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้งที่พวกเพื่อนๆเขาพาและเธียรวิชย์ต้องการรู้ว่าใครกันที่ทำให้บีมถูกมองว่าเสพยาเสพติด ฝากไว้อีกสักเรื่องนะคะ



หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP 19 หลานสะใภ้ P.1และ P2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-03-2021 10:28:39
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP 19 หลานสะใภ้ P.1และ P2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-03-2021 12:06:19
 :hao7: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP 19 หลานสะใภ้ P.1และ P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-03-2021 23:26:41
 :laugh:


เจ้ธามมมมมมมมมม
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP 20 ความจริงในคืนนั้น P1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 18-03-2021 17:38:34
EP 20 ความจริงในคืนนั้น P1

Part’ sกันต์ธีย์
   
      หลังจากที่พี่เธียรวิชย์ขับรถพาผมเข้ามาที่โรงพยาบาล พี่เขามาจอดส่งผมที่หน้าห้องฉุกเฉิน พี่เธียรคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าผมเป็นคนไข้ของหมอภีมปภพ ผมถูกนำเข้ามาในห้องฉุกเฉินทันที พยาบาลได้ทำการตรวจเบื้องต้นก่อนจะโทรคุยกับหมอภีมปภพ ผมนอนรออยู่พักหนึ่ง พยาบาลก็เดินมาฉีดยาแก้ปวดให้ ผมรู้สึกอาการปวดหายไปทันทีและ พี่เธียรวิชย์เดินเข้ามาหาผม

“บีม เป็นไงบ้าง” พี่เธียรวิชย์จับมือผมขึ้นมา พี่เขาถามผม สายตาที่แสดงถึงความหวงใยผม

“ทำไมไม่บอกพี่ตั้งแต่เช้าล่ะว่าปวดท้อง พี่จะได้กลับบ้านตั้งแต่ตอนเที่ยงนะบีม” พี่เธียรวิชย์หันมาถามผม จังหวะนั้นพี่หมอภีมปภพเข้ามาพอดี พี่เขาเดินมาหาผม พี่หมอภีมปภพมองหน้าพี่เธียรวิชย์ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“สวัสดีครับพี่หมอภีม” พี่เธียรวิชย์ยกมือไหว้ หมอภีม เหมือนรู้จักมาก่อน

“เป็นอะไรมาเหรอวันนี้บีม” พี่หมอภีมถามผม

“บีมเขาปวดท้องนะครับ และก่อนจะมา คนใช้บอกว่าบีม เขา…” พี่เธียรวิขย์จะพูด

“ผมเผลอเดินไปชนขอบโต๊ะนะครับ มันเลยปวดมากขึ้น นะครับพี่หมอภีม” ผมรีบพูดต่อทันที

“ขอพี่ดูหน่อยน่ะ “พี่หมอภีมพูดก่อนจะหันไปถึงผ้าม่านรูปปิด และพี่หมอภีมก็ตรวจเช็กที่ผมบอกตำแหน่งว่าปวด พี่เธียรวิชย์ยืนอยู่ข้างๆ ผมตลอด พี่หมอภีมก็มองพี่เธียรวิชย์สลับกับหันมามองผม

“ขอโทษนะคะ คนไข้มีประกันกลุ่มใช่ไหมคะ” พี่พยาบาลเดินมาถาม

“ใช่ครับ ผมเพิ่งจะใส่ชื่อเข้าไปในประกันกลุ่มครอบครัวผมครับ เพราะว่าเขาเป็นแฟนผมครับ”

“รบกวนคุณแฟนมาให้ข้อมูลเพิ่มได้ไหมคะ” พยาบาลบอกพี่เธียรวิชย์ ผมเพิ่งจะรู้ว่าพี่เขาทำประกันกลุ่มให้ผมด้วย ผมเงยหน้ามองพี่หมอภีม

“ดูเธียรวิชย์ เขารักเรามากนะ และนี่ดูท่าจะรักเจ้าลูกโซ่มากน่าดู ถุวได้รักเรามากขนาดนี้ ลูกคือโซ่ทองที่ยึดคลองใจสองใจที่ดีที่สุด “พี่หมอภีมปภพพูดกับผม

“พี่ได้คุยกับพี่กันหรือยังครับ” ผมถามพี่หมอภีม

“คุยแล้วครับ และพี่กันเราน่ะ ไปตามหาไอ้ผู้จัดการที่ผับนั้น จนเกือบโดนชะนีวางยาเอา โชคดีที่พี่ตามไปทันน่ะ” ผมตกใจมากที่ได้ยินแบบนั้น

“พี่จะบอกว่าพี่กันเขาไปที่ผับที่ผมเคยไปทำงานที่นั่นเหรอครับ”

“ใช่ครับ และกันเขารู้เรื่องนานแล้ว”

“พี่กันก็พึ่งจะบอกผมเหมือนกัน ว่าเขารู้เรื่องนานแล้ว แต่ผมไม่คิดว่าพี่กันจะไปตามหาความจริงที่นั่นด้วยตัวเอง “ผมพูดก่อนจะหลุบตาลง

“บีมไม่คิดจะกลับมาหาแล้วกันใช่ไหม” พี่หมอภีมถามผม

“ผมคงกลับไปไม่ได้แล้วอ่ะครับ ผมเห็นแววตาลูกโซ่ที่มองพี่เธียรวิชย์มันต่างกับตอนที่เขามองพี่กัน ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่า มันมีอยู่จริง สายใยรักที่มองไม่ได้ด้วยตาแต่สัมผัสได้ด้วยใจ นั้นคือสายใยที่ลูกโซ่มีกับพี่เธียร”

“ดังนั้น ผมเลือกผู้ชายคนนี้แล้ว เขาคือพ่อที่ดีที่สุดของลูกผมแล้ว ไม่จำเป็นต้องเพอเฟกซ์ไปซะทุกอย่าง แต่เขาดีพร้อมอย่างที่เขาเป็น “ผมพูดกับพี่หมอ พี่เธียรวิชย์เข้ามาพอดี

“พี่ตรวจดูโดยรวมแล้วน่ะเธียร ไม่เป็นอะไรมาก ให้บีมเขาพักสักสองสามวันน่ะ อย่าให้เขาอุ้มน้องมากในช่วงนี้ เพราะว่าแผลน่ะมันเป็นแผลภายใน แต่ถ้าบีมเขาปวดมากขึ้น ดูแล้วอาการไม่ดีให้พามาหาพี่ทันทีนะเธียร” พี่หมอภีมปภพหันไปบอกพี่เธียรวิชย์

“ครับพี่หมอ” พี่เธียรวิชย์ตอบพี่หมอ ก่อนจะยกมือไหว้พี่หมอภีม

“งั้นพี่กลับขึ้นไปก่อนนะครับ พี่มีคนไข้ผ่าคลอดฉุกเฉินนะครับ ไปรับยาและกลับบ้านล่ะ และอย่าลืมพาลูกโซ่มาฉีดวัคซีนน่ะบีม “พี่หมอภีมปภพหันมาบอกผม

“อ้อ ไม่ใช่หมอสายป่านแล้วน่ะ เขาลาออกแล้วน่ะครับ มาหาพี่แล้วกันน่ะ พี่อยากเล่นกับลูกโซ่” พี่หมอภีมปภพบอกผมและพี่เธียรวิชย์ ผมพยักหน้า ผมทำท่าจะลุกขั้นนั่งแต่พี่เธียรวิชย์ ทำท่าจะอุ้มผมลงจากเตียงคนไข้อีก

“ไม่เอา พี่เธียร อายเขา คนเยอะแยะเลยในห้องพยาบาลแบบนี้” ผมบอกกับพี่เธียรวิชย์ พี่หมอภีมปภพหันมามองพร้อมกับรอยยิ้มมาให้ผม

“คนไข้นั่งรถเข็นไหมคะ จะได้เรียกให้ค่ะ” พี่พยาบาลเดินมาถามผม พี่เธียรวิชย์พยักหน้า

“มีอะไรบอกพี่ทันทีน่ะบีม อย่าปล่อยเอาไว้ดูหน้าเราซิ ซี้ดจนพี่ตกใจเลยน่ะ บีมต้องรักตัวเองด้วยรู้ไหม ถ้าบีมเป็นอะไรไป ลูกพี่ล่ะ เขาต้องการบีมมากกว่าคนอื่นๆน่ะ “พี่เธียรวิชย์พูด ผมมองแววตาคู่นั้น จังหวะนั้นรถเข็นคนไข้มาเทียบพอดี ผมค่อยๆ หย่อนเท้าลงโดยมีพี่เธียรวิชย์เข้ามาพยุงผมให้ลงไปนั่ง และพยาบาลก็เดินมาหาพร้อมกับถุงยาคนไข้

“ประกันจ่ายให้หมดแล้วค่ะ นี้ยากลับบ้านนะคะ คุณหมอภีมนัดมาทำอัลตราซาวน์พรุ่งนี้ค่ะ” คุณพยาบาลบอกผม

“ขอบคุณครับ” พี่เธียรวิชย์หันไปรับถุงยามาถือให้ผมและเจ้าหน้าที่กำลังเข็นผมออกไป ผมหันไปเห็นพี่เธียรวิชย์โทรศัพท์อยู่ จนรถเข็นมาส่งผมที่ด้านหน้า พี่เธียนวิชย์หันมามองหน้าผม

“พี่จะไปเอารถน่ะครับ พี่โทรบอกม๊าว่าเราไม่เป็นอะไรมากแล้ว ม๊ากับป๊าพี่เป็นห่วงเรามาเลยน่ะ อาม่าอีกคน โกวหงส์ก็เหมือนกัน บีมนี้ทำให้คนในบ้านพี่รักเรามากเลยน่ะ “พี่เธียรวิชย์พูด

“ขนาดแพรวาที่เข้าออกบ้านพี่บ่อย ยังไม่ทำให้ใครรักได้สักคน แต่ป๊ากับม๊าก็รักแพรวาแหละแต่รักเหมือนลูกเหมือนหลาน มากกว่าและรักในฐานะลูกสาวเพื่อนรักของเขา แต่แพรวากลับไม่เคยทำให้ม๊าพี่รู้สึกอยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ เหมือนบีม” พี่เธียรวิชย์บอกกับผม ผมก็หลุบตาลง นี่อาจจะเป็นเพราะว่าผมเป็นคนอ่อนน้อมมากกว่า ส่วนแพรวาเขาแข็งกระด่างเกินไป ผมสังเกตุจากการที่เขาแทบจะไม่ให้ความเคารพใครเลย แม้แต่อาม่าเอง

“แล้ว “จู่ๆ ผมก็ถามพี่เธียรวิชย์

“เขากลับไปแล้ว พรุ่งนี้พี่ว่าจะไปพบพ่อแม่เธอสักหน่อย ทำแบบนี้ไม่ถูก พี่ว่าพี่ทนมามากพอแล้ว ต่อให้ต้องผิดใจกัน ขนาดมองหน้ากันไม่ติด พี่ก็ต้องทำ เพราะที่ผ่านมาพี่เกรงใจเขาในฐานะ ที่เป็นเพื่อนรักของพ่อพี่ แต่ตอนนี้ ลูกเมียพี่สำคัญกว่า “พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะเดินออกไป ผมนั่งรอพี่เธียรวิชย์อยู่ จนกระทั่งรถพี่เธียรวิชย์แล่นมาจอดและเขาก็ลงมาพยุงผมขึ้นรถไป
*****
   Part's เธียรวิชย์ หลังจากออกมาจากโรงพยาบาลผมก็ขับรถมาเรื่อย ๆ ตอนนี้มันก็สามทุ่มแล้วด้วย ผมโทรหาม๊าแล้ว ม๊าบอกว่าเจ้าลูกโซ่หลับไปแล้ว ดูหงอยๆ เลย คงเพราะคิดถึงบีม ส่วนแพรวานะ พ่อแม่เธอมารับกลับไปแล้ว เธอไม่ยอมกลับ จนป๊าผมต้องโทรบอกพ่อเธอให้มารับเธอกลับไปอีกครั้ง ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอดื้ออะไรขนาดนี้

“บีม บีมหิวไหม เพราะว่านี้มันสามทุ่มกว่าแล้ว ถ้าบีมหิว พี่ว่าจะหาอะไรให้บีมทานก่อน” ผมหันไปมองบีม

“เออ”

“บีมหิวก็บอกพี่ซิครับ พี่พาไปหาอะไรทานก่อน และบีมต้องทานยาน่ะ “ผมหันมาทำหน้าดุใส่บีม

“พี่หิวไหมครับ” บีมถามผม

“หิวครับ เพราะว่าก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย” ผมบอกบีม และนี้บีมจะได้ตัดสินใจได้

“ถ้าอย่างนั้นก็แวะทานอะไรก็ได้ครับ เลือกที่พี่ชอบก็ได้ครับ” บีมหันมาบอกผม

“เลือกที่พี่ชอบ พี่ไม่ค่อยรู้แถวนี้น่ะครับ พี่เข้าแต่ร้านอาหารอย่างเดียวเลยนะครับ” ผมพูดก่อนจะพยายามมองหา

“ถ้าให้ผมเลือกแล้วพี่จะนั่งทานได้เหรอครับ” บีมถามผม

“ทานได้ซิ “ผมหันไปบอกบีม

“ผมอยากทานบะหมี่อ่ะครับ มันมีร้านหนึ่งแถวนี้ ผมเคยทำงานที่บาร์แถวๆ นี้มาก่อน ผมเป็นบาร์เทนเดอร์นะครับ และหลังเลิกงานก็จะมานั่งทานก่อนกลับนะครับ” บีมบอกผม ผมพยักหน้า

“พี่เธียร ตรงนั้นครับ มีที่จอดรถด้วยครับ” บีมบอกผม ผมก็ขับเข้าไปตามที่บีมบอก จะว่าไปก็ไม่เลวน่ะ ผมเดินลงมา ผมเดินตามบีมเข้าไปในร้านนั้น ผมกับบีมยืนมองว่าจะไปนั่งตรงไหนดี

“มาแล้วเหรอ ไม่เจอนานเลยอ่ะ “มีคนเดินมาทักบีมก่อนเพื่อนเลย และที่สำคัญไอ้นี่มันเดินข้ามผมไปหน้าตาเฉย แถมดีใจราวกับเจอทองแนะที่มันเห็นบีม ต่อมหึงทำงานทันที

“หมับ” ผมดึงราบเอวบีมมา

“มากันสองคนครับ มาด้วยกันครับ” ผมบอกคนที่หันมามองผมและมองที่มือผมที่กอดเอวบีมไว้ บีมหันมามองและ ทำท่าจะดิ้นหนีด้วยน่ะ

“เดี๋ยวไปฟ้องลูกน่ะ” ผมพูดกระซิบ

“ลูกรู้นี้เสียใจแย่ๆ เลยน่ะ”

“รู้ว่า”

“แม่จะหาพ่อใหม่ เดี๋ยวลูกมีปมน่ะ”

“ยังไม่ได้บอกเลยน่ะว่าจะหาพ่อใหม่น่ะ และนี้มันในร้านคนก็เยอะแยะ “บีมพูดและทำท่าจะสะบัดให้หลุด แต่ก็ไม่หลุดแน่นอน ส่วนคนที่ยืนอยู่ก็มองที่มือของผมที่กอดเอวบีม อยู่นั่นแหละ และขมวดคิ้ว มันไม่ชัดเจนตรงไหนผมแอบคิดในใจ

“เออ มีแฟนแล้วเหรอ” มันยังมีหน้ามาถามอีกเหรอ

“เออ มาขนาดนี้แล้วมึงคิดว่าเพื่อนเหรอ มีโต๊ะว่างไหม ถ้าไม่มีจะได้ไปกินที่อื่น” ผมรีบพูด บีมหันมามองหน้าผม

“ไหนพี่บอกให้ผมเลือกไง “บีมหันมาพูดลอดไรฟันใส่ผม

“ก็ดูหน้าไอ้นี่ดิ มันทำท่าดีใจราวกับเจอแฟนคลับ พี่ควรจะนั่งใจเย็นกินบะหมี่เหรอครับ” ผมกระซิบกลับทันที คนที่ยืนตรงหน้าก็มองผมสองคนสลับไปมาก่อนจะ

“มีครับ ตรงโน้นน่ะครับ”

“ก็แค่นี้แหละ ยืนอ้ำอึ้งอยู่ได้ ไปครับที่รัก รีบไปนั่งกันดีกว่าก่อนที่พี่จะทนไม่ไหว เตะใครบางคน “ผมพูดและดึงรั้งเอวคนข้างๆ ผมเข้าไป ไอ้คนนั้นมันยังหันมามองผมอีก ผมหันไปแอบส่งนิ้วกลางให้มันด้วย แม่ของลูกกูหวง ก่อนจะปล่อยให้ที่รักนั่งลงและผมก็นั่งตรงข้ามทันที ไอ้นั่นยังหันมามองอีก

“นี้มากินบ่อยเพราะว่าไอ้หน้าจืดนั้นหรือเปล่าน่ะ” ผมถามบีม

“มาเพราะบะหมี่อร่อย และถ้าผมมาเพราะคนที่พี่เรียกว่าไอ้หน้าจืดนั้นน่ะ ป่านนี้ผมคงได้ไปช่วยเขาเสิร์ฟบะหมี่นานแล้ว” บีมหันมาบอกผม

“ดีแล้ว ตอนนี้เป็นมาม๊าเลี้ยงลูกให้พี่ ตำแหน่งนี้ไม่ได้ยกให้ใครง่ายๆ น่ะ “ผมพูดบอกคนตรงที่นั่งตรงข้ามผม ผมเห็นบีมกำลังจดรายการเพื่อสั่งอาหาร

“พี่จะทานอะไรอ่ะครับ” บีมถามผม ผมก็ชะโงกมองว่าบีมเขียนว่าอะไร บะหมี่หมูแดง เพิ่มเกี๊ยวน้ำ

“เอาเหมือนบีมอ่ะ” ผมบอกบีม บีมก็จดลงก่อนจะหันไปควักมือเรียก มันมาอย่างรวดเร็วราวกับว่ามันตั้งตารออยู่ ผมก็รีบดึงกระดาษที่มือบีมมาถือและเป็นคนยื่นแทน มันเบรกทันทีเลย ก่อนจะค่อยๆ เดินมา ที่อย่างนี้ล่ะ ลดความเร็วเชียวน่ะมึงน่ะ ผมแอบคิดในใจ

“สั่งอาหาร กินวันนี้ “ผมบอกคนมารับออเดอร์ มันก็มองผมก่อนจะหันมามองบีม แต่มันมองนานจน

“อะแฮม” ผมต้องกระแอมเรียกสติมันกลับคืน ผมมองหน้ามันและกระดาษที่มันถือไว้ ส่งไปแล้วทำไมไม่ไปอีก

“กูสองคนกินวันนี้นะครับ ไปรีบทำมาเร็วๆ หิวนะโว้ย ” ผมรีบบอกคนที่ทำท่าจะคุยกับเมียผมต่อ นี้ขนาดบอกว่ามาด้วยกัน นั้นแปลว่าแฟนกัน มันยังมีจ้องหน้าแม่ของลูกผมอีก ผมชะโงกหน้ามองหน้ามันบ้าง เดี๋ยวเตะโชว์ลูกค้าเลย ไอ้คนนั้นหันมามองผมก่อนจะรีบเดินออกไปทันที

“อะไรของพี่เนี๊ยะ!” บีมหันมาทำหน้าดุใส่ผม

“ก็หวง “ผมพูด บีมขมวดคิ้วมองผม “แม่ของลูก บอกแล้วไงว่าแม่ของลูกมีคนเดียว ใครแทนก็ไม่ได้ ก็เลยต้องหวงไง” ผมพูดคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามผม บีมแอบหันหน้าหนี แต่ก็แอบยิ้มเล็กน้อย ผมเห็นจากเงาสะท้อนกระจกตู้แช่เย็น ผมนั่งคิดถึงเรื่องที่แพรวาเอามา ผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะถามบีมดีไหม ผมว่าบีมไม่ใช่คนที่ทำแบบนั้นแน่ๆ

“บีม พี่ถามอะไรอย่างได้ไหม เรื่องที่แพรวาเอารูปนั้นน่ะมาให้ป๊ากับม๊าพี่ดู พี่อยากรู้ว่ามันเกิดขึ้นอะไรขึ้นในตอนนั้น” ผมถามบีม บีมหันมามองหน้าผม สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดูกังวลและรู้สึกกลัว

ต่อด้านล่าง
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.20 ความจริงในคืนนั้น P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 18-03-2021 17:47:03
EP.20 ความจริงในคืนนั้น P2

“บีม พี่ถามอะไรอย่างได้ไหม เรื่องที่แพรวาเอารูปน่ะ รูปนั้นน่ะ มันเกิดขึ้นตอนไหน” ผมถามบีม บีมหันมามองหน้าผม สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ดูกังวลและรู้สึกกลัว

“บีม พี่เชื่อว่าบีมไม่ใช่คนที่ทำแบบนั้นแน่ๆ เพราะว่าอากันตภณรับรองบีมขนาดนี้ อากันตภณเขาเหมือนรู้จักบีมเป็นอย่างดีซะด้วย “ผมพูด บีมเงยหน้ามองผม

“รูปนั้น ผมไม่รู้ว่าแพรวาได้ไปได้ยังไง และนั้นมันเกิดหลังจากผมกับพี่นั่นแหละ “ผมตกใจมาก

“เอาจริงดิ” ผมถามบีม

“ใช่ ผมโกรธมาก เพราะว่าผมตื่นมาก็เจอของพวกนี้อยู่รอบๆ ตัวผม ผมตื่นมาเพราะว่ามีคนมาเรียกผม ไอ้คนนั้นคือผู้จัดการร้าน ที่ผมต้องไปทำงานแทนเขา เขาถูกเชิญให้ออกแต่ว่าคืนนั้นเขาต้องสอนงานผม” ผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง

“บีมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้งเหรอ”

“ผมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้ง ผมเป็นผู้จัดการร้านคนใหม่ และวันนี้ผมไปเรียนงาน ผมตั้งใจว่าจะทำงานนี้ตอนกลางและเรียนตอนกลางวัน และพี่เขาก็เสนอเงินเดือนให้ผมค่อนข้างดีด้วย “บีมพูด ผมมองหน้าบีมผมรู้สึกตกใจและโกรธพวกเพื่อนตัวดีผมจริงๆ อยากเตะมันคนละที

“แล้ววันนั้นมานั่งทำไมอ่ะ” ผมถามบีม

“ผู้จัดการคนนั้นเขาบอกว่าโต๊ะพี่น่ะ คอมเพลน ว่าไม่พอใจเด็กที่ทำงานและพี่เขาไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจให้ผมเดินไปเคลียร์แต่พอผมเดินไป ก็ออกคำสั่งให้ผมชงเหล้า ผมเห็นว่าไม่ใช่เวลาจะมาทะเลาะกันเลยแก้สถานการณ์โดยการทำตามที่เขาบอกไปก่อน “บีมบอกผม ผมก็ต้องกุมขมับตัวเอง

“ไอ้ผู้จัดการร้านคนเก่า พี่ไปหามันอีกครั้ง พี่ว่าจะถามหาเรา แต่ไม่เจอแล้ว มันออกไปแล้วและมีคนใหม่มาแทน” ผมบอกบีม

“แล้วทำไมบีมไม่ตามหาพี่ล่ะ “ผมถามบีม

“พี่รู้ไหมว่าผมโดนอะไรหลังจากนั้น ผมตื่นมาก็เจอทุกอย่างอยู่รอบตัวผม ผู้จัดการร้านมันก็ยืนอยู่ และเจ้าของเขาก็มา ผมตกใจมาก ผมปฏิเสธเท่าไหร่ก็ไม่มีใครเชื่อ เขาบอกว่าผมเสพยากับลูกค้า แต่ลูกค้ากลับไปก่อน ผมบอกว่าเขาว่าผมโดนข่มขืน เขาบอกว่าเขาไม่เชื่อและเขายังห้ามผมโวยวายเอาเรื่อง ไม่อย่างนั้นเขาจะส่งผมไปหาตำรวจ ผมไม่มีทางเลือกผมเลยต้องเงียบเหมือนกัน “บีมพูด

“พี่ไม่ได้ทำขนาดนั้นนะบีม พี่จำได้ว่าเพื่อนพาพี่ออกไป และพี่ก็เดินกลับไปหาเรา ถอดแหวนและเงินสด แต่พี่มีแค่นั้น ไม่อย่างนั้นคงให้เยอะกว่านั้น “ผมพูด

“ผมโกรธมาก แค้นพี่มาก ทำไมพี่ต้องทำกับผมขนาดนั้น แต่พอผมเห็นสีหน้าพี่ตอนที่เห็นรูปนั้น พี่ตกใจมาก นั้นแปลว่าพี่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น” บีมพูด ผมนั่งคิด ผมนึกขึ้นได้ว่าบ้านไอ้ราเชนมันอยู่ไม่ไกลจากนี้ น่าจะเข้าไปในซอยนี้แหละ

“เดี๋ยวพี่มาน่ะ เพื่อนพี่บ้านมันอยู่แถวๆ นี้” ผมพูดก่อนจะเดินออกไป ผมหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาราเชนทันที

//ว่าไงครับ คุณผู้บริหาร “ไอ้ราเชนมันทักผมทันที

// มึงอยู่บ้านไหมว่ะ//

//อยู่ดิ ช่วงนี้ ป๊ากับม๊าห้ามกูออกไปแรดที่ไหน มึงมีอะไรเนี๊ยะถามหากู//

// ออกมาหากูหน่อยตอนนี้เลย กูอยู่ร้านบะหมี่ หน้าปากซอยเข้าไปบ้านมึงอ่ะ//

//อ้าวเชี้ย! มาทำไมว่ะมึง//

// ออกมาเลย กูมีเรื่องจะคุย ด่วน// ผมพูด ก่อนจะวางสาย ผมเดินกลับเข้าไป เห็นบะหมี่มาวางรอแล้ว จะว่าไปมันก็หน้าตาน่าทานดีน่ะ

“ไอ้หน้าจืดมันเดินมาเสิร์ฟเองหรือเปล่า” ผมกระซิบถามบีม

“เขาเป็นคนรับออเดอร์ น้องผู้หญิงคนนั้นเดินมาเสิร์ฟเอง “บีมบอกผม ผมหันไปมอง เขายืนเกาะกลุ่มโบกมือมาทางผมกับบีม

“มีสาวโบกมือให้ด้วย หึงพี่เหรอ แต่ไม่ต้องหวง อาม่าสอนมาดี ให้มีได้คนเดียว เหมือนป๊าของพี่” ผมบอกบีม ผมคีบบะหมี่ทาน จะว่าไปก็อร่อยดีน่ะ อร่อยกว่าภัตาคารหรูๆอีก ผมทานไปได้สักพัก ผมเห็นไอ้ราเชนมันเดินเข้ามา

“ราเชน” ผมยกมือขึ้นเรียกไอ้ราเชน พอราเชนมันหันมาเห็นผมเข้า มันก็เดินตรงมาหาผมทันที ผมเปลี่ยนไปนั่งข้างบีมแทน พวกเพื่อนๆ ผมรู้เรื่องบีมกันหมดแล้ว ราเชนมันนั่งลงก่อนจะหันไปมองบีม

“มอง มอง ไม่ไหวเมียกูด้วยละมึง” ผมถามไอ้ราเชน

“สวัสดีครับอาซ้อ เว้ยย ไอ้เชี้ย!” ไอ้ราเชนมันก็บ้าจี้ไหว้ตามที่ผมบอก

“แล้วนี่คิดยังไงถึงได้พาไอ้นี่มานั่งกินบะหมี่ร้านนี้ได้ครับ  ปกติไอ้นี่น่ะมันต้องร้านหรู ติดหรู อยู่สบาย “ราเชนมันพูดแซวผม ไอ้ราเชนมันยกมือเรียกเด็กเสิร์ฟมาก่อนนะที่หันไปส่งกระดาษสั่งเหมือนกัน

“ร้านนี้อร่อยน่ะมึง อาจจะดูไม่ไฮโซแต่ รสชาติภัตราคาร” ไอ้ราเชนมันพูด บีมรีบพยักหน้า แม้เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุยเลยน่ะ

“ตกลงมากันทำไมเนี๊ยะ” ราเชนมันถามผมและมองหน้าผมกับบีม

“กูพาบีมเขาไปหาหมอและบีมเขาอยากทานบะหมี่ ปกติเขาแวะทานบ่อยหลังเลิกงานที่ผับน่ะ”

“จริงดิ ทำไมพี่ไม่เห็นเลยอ่ะ พี่ก็แวะทานที่นี้หลังออกจากผับบ่อยทุกครั้ง ถ้าไม่เช็กอินบะหมี่ร้านนี้แปลว่ามาไม่ถึงบ้านพี่นะครับ “ไอ้ราเชนรีบหันไปพูดกับบีม

“งั้นสาวๆ ที่มึงพามาก็ต้องมาลองกินบะหมี่ร้านนี้ด้วยดิว่ะ เพราะเห็นเช็กอินเข้าบ้านมึงทุกคน” ผมพูด ไอ้ราเชนมันหันมามองหน้าผม พร้อมกับนิ้วกลางทันที

“และไอ้ราเชนครับ เพื่อนกูก็ถีบน่ะมึงครับ นี้แม่ของลูกกูครับ เกรงใจกูหน่อย กูนั่งอยู่นี้” ผมรีบพูดกันท่าทันที

“แม้ที่อย่างนี้หวงทันที” ไอ้ราเชนพูด เด็กเสิร์ฟเอาบะหมี่มาเสิร์ฟให้ แม้ยิ้มกริ่มกับไอ้ราเชน ผมละเชื่อแล้วว่ามันแวะร้านนี้บ่อยแน่ๆ มันหันมาหยักคิ้วให้

“เรียบร้อยกูไปแล้ว ติดใจไง” ไอ้ราเชนพูด บีมหันมาเหล่มองผม

“ไอ้พวกขี้คุยมักจะเป็นแบบนี้” ผมกระซิบกับบีม บีมรีบพยักหน้าเห็นด้วยกับผม

“ไม่ต้องกระซิบแล้ว พูดมาเถอะ กูได้ยิน “ไอ้ราเชนพูด

“ไหนมึงบอกมี่เรื่องด่วน เรื่องอะไร” ราเชนถามผม

“กูจะถามเรื่องคืนนั้น หลังจากที่มึงพากูออกมา มีใครย้อนกลับไปที่นั่นไหมว่ะ” ผมถามราเชน บีมหันมามองหน้าไอ้ราเชน ไอ้ราเชนมันทำท่าคิด

“ไม่มีน่ะ เพราะว่าที่พวกกูไปเรียกมึงน่ะ มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาด้วย พวกกูเลยพามึงออกอ่ะ และไปก็เจอมึง…” ไอ้ราเชนมันกำลังจะพูดแต่พอหันไปเห็นบีมเลย พูดไม่ออก

“เออแล้วมึงถามอีกทำไมว่ะ”

“แพรวามันไปเอารูปมาให้ป๊ากับม๊ากูดูว่ะ เขาบอกว่าบีมเสพยากับลูกค้าคืนนั้น แต่สภาพบีมวันนั้น กูว่าบีมไม่น่าจะลุกมาเสพยาได้อีก แม่งเหมือนมีคนจัดฉากไว้เลยว่ะ “ผมพูดกับไอ้ราเชน

“ผมไม่ใช่คนเสพยานะครับ” บีมหันมาบอกราเชน ราเชนมันนิ่งไปพักหนึ่ง

“เอาจริงๆ น่ะ พวกกูไม่ได้บอกอะไรทั้งหมดเพราะคิดว่ามันไม่น่าสำคัญ “ราเชนมันพูด

“เรื่องอะไรวะ”

“พวกกูไม่ได้วางยาน้องเขาน่ะ “ไอ้ราเชนพูดและชี้มาที่บีม  ผมกอดอกมองไอ้ราเชน

“คือกูเอายาใส่ในแก้วแชมเปญแก้วเดียวและมันยาปลุกอารมณ์ แบบว่าทำให้น้องหนูแข็ง และกูก็มีแค่เม็ดเดียวกูใส่ในแก้วนั้นแก้วเดียวจริงๆ และมึงก็ยกไปดื่มไอ้เธียร” ราเชนมันพูด

“มึงหมายความว่าไง”

“ไอ้แก้วเชมเปญน่ะกูใส่ไว้ให้น้องเขาจริง ไอ้ไปส์มันสุภาพบุรุษ มันห้ามพวกกูว่าไม่ให้น้องเขาดื่ม ตอนแรกกูก็จะให้ไอ้ไปส์มันสมหวัง มันมองน้องเขาตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามาแล้ว และพอมันบอกไม่เอามันจะจีบ กูก็ว่าไม่เอาก็ไม่เอาก็กะว่าจะเอาไปทิ้ง แต่มึงชิ้งเอาไปซะก่อน” ไอ้ราเชนพูด

“ไม่ใช่ชิ้งแค่แก้วผสมยาน่ะ ชิ้งเอาดวงในน้อยๆ ไอ้ไปส์ไปซะด้วย หักอกเพื่อนในช่วงข้ามคืนเลยมึง” ไอ้ราเชนพูด ผมหันมามองบีมที่ยิ้มแหยๆ ให้ผม และผมก็หันมามองหน้าไอ้ราเชน ผมยกมือห้ามไอ้ไปส์ว่าพอแล้ว

“ส่วนน้องเขาน่ะ พอรู้สึกมึนๆ จากที่พวกกูให้ดื่มและน้องเขาก็ขอตัวเดินออกไป และหลังจากนั้น พวกกูก็ไม่รู้อะไรเลย มาเจออีกที มึงก็จุด จุด จุด น้องเขาไปแล้วพวกกูยังงงเลย “ราเชนมันพูด ผมหันมามองหน้าบีม

“บีมจำอะไรได้บ้างไหม” ผมหันมาถามบีม

“ผม เออ “บีมเงียบไป เหมือนกำลังใช้ความคิด

“พี่ครับ รับเครื่องดื่มอะไรไหมครับ หรือว่าน้ำเปล่าดีครับ” มีคนเดินมาถามโต๊ะผม

“เอาน้ำเปล่ามาแล้วกันครับ” ผมหันไปบอก ก่อนจะหันมามองหน้าบีม บีมนิ่งเงียบก่อนจะ หันมามองหน้าผม

“ผมจำได้แล้วพี่เธียร ผมเดินมึนๆ ออกไปและมีคนเดินมาหาผมและถามผมว่า น้ำเปล่าไหมและผมก็รับมาดื่ม ผมเดินไปเพื่อจะไปบอกกับผู้จัดการว่าผมไม่ไหวแล้ว ผมขอกลับ และหลังจากนั้นผมก็จำอะไรไม่ได้ และผมไปห้องพักแขกได้ยังไงก็ไม่รู้ “บีมพูดกับผม

“คือว่าคนที่จะเข้าได้คือผู้จัดการกับลูกค้าที่มีเมมเบอร์การ์ดเท่านั้น และผมเองก็ยังฝึกงานอยู่ เลยยังไม่ได้บัตรที่รูดเข้าไปได้” บีมพูด ใช่พวกผมมีเมมเบอร์การ์ดดังนั้นพวกผมรูดเข้าไปได้ เปิดเมมเบอร์การ์ดโคตรแพงเลย

“น้องมีปัญหาอะไรกับผู้จัดการคนนั้นไหม พี่ถามหน่อย เพราะว่า ไอ้ไปส์มันชวนพี่ไปหาข้อมูล ดูมันเลิกลักยังไงก็ไม่รู้ แต่ไอ้ไปส์มันบอกว่ามันแค่มาบอกว่าห้ามพูดถึงเธียรวิชย์มัน และมันก็ขอเงินไอ้ไปส์ไปสองหมื่นเพื่อไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ดูมันยิ้มแปลก เหมือนมันได้เงินทางือื่นด้วยน่ะ “ไอ้ราเชนพูด

“ผมไม่รู้ รู้แต่ว่าเขาเหมือนไม่ค่อยอยากสอนงานผมเท่าไหร่  ผมรู้ว่าเขาไม่อยากลาออก แต่เขาโดนให้ยอมลาออก” บีมพูด

“พี่ว่าไอ้ผู้จัดการนี้แหละน่าสงสัย” ผมหันมาบอกบีีม

“กูก็ว่าแปลก ตอนที่กูย้อนกลับเข้าไป เพื่อไปเข้าห้องน้ำกูได้ยินมันคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ว่า ว่ามันไม่ได้บอกเรื่องตอนเช้า กูไม่ได้ตั้งใจฟังว่ะ กูคิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับกูไง เลยปล่อยผ่านว่ะ” ราเชนพูด

“กูว่าชัดเลยไอ้ผู้จัดการนี้แหละว่ะ มันคงไม่พอใจเรื่องมันจะโดนเชิญออกและบีมมาทำแทนมันอีก แต่ที่มึงได้ยินมา มันเหมือนมีคนสั่งมันทำด้วยไหมว่ะ” ผมพูดกับไอ้ราเชน ก่อนจะหันมามองหน้าบีม ไอ้ราเชนมันขมวดคิ้วมองผมทันที

“บีมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้ง แต่มาเป็นผู้จัดการคนใหม่แทนไอ้เวรนั้น” ผมบอกไอ้ราเชน ไอ้ราเชนมันชี้หน้าผม เหมือนมันกำลังลำดับความคิด

“เออ กูได้ยินเด็กมันพูดกันว่า ถ้าน้องคนนั้นไม่มีเรื่อง ไอ้นี้โดนไล่ออกไปนานแล้ว แต่พี่ก็ไม่คิดว่าน้องผู้จัดการคนใหม่นั้น คนนั้นก็คือน้องคนนี้” ไอ้ราเชนพูด และมันชี้มาที่บีม

“มึงไปหามันมาให้กูเลย ไอ้เวรนี้น่ะ ไอ้ผู้จัดการนี้”

“กูจะไปหามันที่ไหนวะ” ไอ้ราเชนมันเงยหน้าขึ้นมามองผม

“ปัญหาของมึง เพราะว่าวันนั้นพวกมึงแม่งไม่ถามน้องเขาให้ดีดีก่อน ว่าเขาใช่เด็กนั่งดิ้งของพวกมึงไหม และที่มันเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น พวกมึงก็มีส่วนผิด ไปหามาให้กูเลย “ผมพูดบอกไอ้ราเชน ไอ้ราเชนมันก็หันมามองหน้าผม

“กูว่าไม่น่ายากสำหรับนักท่องราตรีอย่างมึง และกูคิดว่าถ้ามันรักงานมันขนาดนี้ มันหางานใหม่ก็คงแนวเดิมว่ะ” ผมบอกไอ้ราเชน

“เออ ๆ กูจะไปหาให้”

“ถือว่านี่ชดใช้ให้ลูกกูไอ้เชี้ย!”

“อ้าว กูนี้น่ะ “ไอ้ราเชนชี้หน้าตัวเอง “กูไม่ได้…” มันทำท่าจะพูดและหันไปมองบีม

“อย่าทลึ้งพูดมา กูเตะเลยน่ะมึง” ผมชี้หน้ามันทันที

“ฉิบหายแล้ว เมียกูโทรมาตาม กูเข้าบ้านก่อนนะ ถ้ามันรู้ว่ากูมาร้านนี้อีก มันเอากูตาย เพราะว่ามันประกาศห้ามกูมาหาเด็กที่นี้อีก “ไอ้ราเชนพูดและมันก็รีบลุกขึ้น

“กูไปก่อนว่ะ ถ้าเจอแล้วกูโทรบอก”

“เออ แล้วอย่าลืมเข้าไปดูลูกกูด้วยนะมึง”

“เออๆ แม้ทวงของเล่นลูกมึงก็บอกมา และกูรอพวกมันวางก่อนจะได้ไปหาพร้อมๆ กัน” ไอ้ราเชนพูดก่อนจะยกมือให้บีมและมันก็รีบคว้ากุญแจรถก่อนกดมือถือเดินออกไปทันที ผมหันมามองบีม บีมมองผมนิ่ง

“พี่ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้มั้งพี่เธียร” บีมพูด

“ไม่ได้ พี่อยากรู้ว่าใครทำ เมียพี่แบบนั้น ถ้าใช่ไอ้ผู้จัดการเวรนั้น มันโดนหนัก” ผมหันไปบอกบีม

“กลับกันได้หรือยังอ่ะ กลัวลูกตื่นมาร้องงอแง เกรงใจม๊า” บีมบอกผม

“ม๊าส่งข้อความมาบอกว่า เฮียธีกีบพี่เจ๊มิวเขาค้างที่บ้าน เลยเอาไปนอนด้วย”

“จริงดิ” บีมหันมาถามผม รู้สึกแปลกใจ

“สงสัยซ้อมอยากมีลูกมั้ง และดูเฮียธีหลงเจ้าลูกโซ่มากเหมือนกันน่ะ ม๊าบอกซื้อของเล่นมาให้ลูกโซ่อีกแล้ว” ผมบอกกับบีม

“ก็เล่นอ้อนเฮียเขาขนาดนั้นด้วย และเฮียธีดูเขาชอบเด็กมากเลยหลงไปกันใหญ่” บีมพูดปนหัวเราะ

“งั้นก็กลับเลยใช่ไหมอ่ะ” บีมถามผม ผมมองหน้าบีมก่อนจะหลุบตาลงมองนาฬิกาข้อมือผม

“พี่ยังไม่อยากกลับเลยอ่ะ ไปหาที่นั่งคุยกันป่ะ ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันเลย “ผมถามบีม บีมมองหน้าผม

“ได้ไหมอ่ะ พี่อยากให้เราเริ่มต้นด้วยกันใหม่ ไม่ใช่เพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดแต่พี่อยาก ทำให้มันดีขึ้นเพื่อเจ้าลูกโซ๋ของเราสองคน ได้ไหมครับและพี่เชื่อว่าคนสำคัญของลูกโซ้ก็คือคนสำคัญของพี่เช่นกัน  “ผมถามบีม บีมมองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ผมเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินมาจูงมือบีมออก แต่รอบนี้คนนี้กลับให้ผมจูงมืออย่างว่าง่าย

TBC.....

        ตอนหน้าเธียรวิชย์เริ่มเปิดใจคุยกับบีมมากขึ้น และบีมก็เช่นกัน บีมก็เริ่มใจอ่อนให้เธียรวิชย์แล้ว ตอนหน้าบอกเลย มีเสียเลือด เตรียมเลือดด่วน  มาดึกหน่อยน่ะพรุ่งนี้น่ะ อันที่จริงว่าจะมาสองตอนรวดพรุ่งนี้ ใจอ่อนค่ะ เลยมาก่อนเวลา

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.20 ความจริงในคืนนั้น P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 18-03-2021 21:13:15
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.20 ความจริงในคืนนั้น P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 18-03-2021 21:58:27
 :hao3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.21.บีมใจอ่อน P1และP2 (NC18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 19-03-2021 19:29:01
   
EP.21.บีมใจอ่อน P1

             Part's เธียรวิชย์ ผมเดินไปขึ้นรถหรูของผม ผมขับรถไปโดยไม่ได้พูดอะไร ผมจับมือบีมไปตลอดทาง ผมคิดตามที่บีมบอกผม ผมอยากรู้ว่าใครกันน่ะทำแบบนั้นกับบีม แล้วเสียงผู้ชายที่ถามบีมและส่งขวดน้ำให้บีมอีกล่ะ ยาอาจจะอยู่ในขวดน้ำนั้น ดังนั้นต้องหาไอ้ผู้จัดการคนนั้นก่อน ผมขับมาจอดรถ ที่ตรงริมเขื่อน มีแสงสว่างจากไฟ และมองเห็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ผมจอดรถพร้อมกับกดล๊อกรถ บีมหันมามองหน้าผม ผมปรับเบาะให้เอนลงนอนราบ ผมลงนอนตะแคงเอาแขนขึ้นมาหนุนศีรษะ ผมหันไปมองบีม บีมก็ปรับเบาะให้นอนราบเหมือนผม ก่อนจะนอนลงเช่นกัน

“พี่ขอโทษน่ะ บีม พี่จะพูดว่าพี่ไม่ตั้งใจมันก็ไม่ถูก และพี่กลับหนีออกมาหน้าตาเฉย ไม่ต่างอะไรกับไอ้หน้าตัวเมีย “ผมพูดกับบีม ผมหันไปเอามือลูบหัวบีมเบาๆ

“บางที่มันอาจจะเป็นชะตาฟ้ากำหนดไว้ก็ได้น่ะ” บีมหันมาพูดกับผม

“ผมเองก็ไม่คิดว่าผมจะเจอพี่อีกครั้ง มันเป็นไปได้ยาก เพราะว่าผมไม่รู้เลยว่าพี่คือใคร แต่จู่ๆ มันก็วนมาเจอกันได้ พี่ว่ามันบังเอิญไปหรือเปล่า “บีมหันมาถามผม

“อันที่จริง พี่ว่าจะไม่กลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว” ผมพูดกับบีม

“พี่ไม่ได้จะหนีบีมไปอยู่เมืองนอกน่ะ พี่ไม่ได้จะหนีความผิดแต่ที่พี่ไม่อยากกลับ เพราะว่าพี่…”

“พี่เคยขอป๊าพี่ออกจากตระกูล “บีมสะบัดหน้ามามองผม

“พี่พูดเรื่องจริง พี่คิดว่าพี่ สู้พี่ๆ ของพี่ไม่ได้ พี่ทำให้พ่อผิดหวัง ไม่รู้กี่ครั้ง พี่เลยคิดว่าถ้าพี่จะเสีย พี่จะไม่ประสบผลสำเร็จ อย่างน้อยก็มีแค่พี่ที่เสียคนเดียว แต่ม๊าพี่เขาไม่ยอม “บีมหันมามองหน้าผม

“พี่ไม่ชอบเรียนบริหารแต่พี่ต้องเรียนตามที่ป๊าบอกให้พี่เรียน โคตรทรมานเลยอ่ะบีม พี่อยากเรียนวาดภาพ พี่อยากเป็นนักแข่งรถ”

“พี่มลบอกผมแล้วว่าพี่เคยลงแข่งรถด้วย “บีมบอกผม

"ใช่ครับ พี่ชอบตามเฮียธันไปหลายสนามมากและแอบลงแข่งด้วย จนม๊าจับได้ วันนั้นพี่กำลังจะลงแข่ง ม๊าไปยืนมอง พี่เห็นสายตาม๊าแล้วพี่ต้องก้าวเท้าออกมาจากรถและถอนตัว แถมคู่แข่งพี่ที่มันแพ้พี่ทุกสนามมันก็ได้แชมป์ไปเลยอ่ะ เจ็บใจน่ะแต่พี่รักม๊าพี่ พี่เลยยอม " ผมพูดกับบีมผมหันไปมองบีม มุมปากนั้นกระตุกเป็นรอบยิ้ม รอยยิ้มที่ดูรู้ว่านี้ยิ้มให้ผมจริงๆ มันออกมาจากความรู้สึกของบีมจริงๆ

" พี่ทำถูกแล้ว ผมพูดในฐานะที่ผมอุ้มท้องเจ้าลูกโซ่มาน่ะ มันไม่ง่ายเลยน่ะ ขาผมน่ะก้าวไปอยู่ในความตายข้างหนึ่งแล้วน่ะวันที่เจ้าลูกโซ่จะคลอด และผู้หญิงที่จะเป็นแม่คนก็เช่นกัน " บีมพูด ผมอมยิ้มในความคิดของ

“และพี่ก็ขัดใจป๊าบ่อยมากกว่าพี่ๆ พี่หนีป๊าพี่ไปเรียนวาดมาด้วยนะบีม ป๊าส่งพี่ไปเรียกวดวิชาแต่พี่ไม่เข้าแอบขอเงินม๊าไปลงเรียนวาดภาพแทน “ผมพูดก่อนจะหันมามองบีม

“และอาก๋งน่ะจำได้ อาก๋งโกรธมาก เพราะว่าอาก๋ง ไม่ชอบอาชีพแบบนี้ “ผมบอกบีม

“รู้ไหมว่าใครโดนอาก๋งทำโทษแทนพี่” บีมพลิกมามองผม เขาส่ายหัวเบาๆ

“อากัน อากันออกรับโทษแทนพี่หลายครั้งมาก และอากันเหมือนคนที่เข้าใจพี่มากที่สุด “ผมพูดก่อนจะเปิดช่องกระจกบนหลังคามองดูท้องฟ้าแทน

“แต่ว่าในตอนนี้ อากันกลับไม่ใช่คนที่ พี่ควรไว้ใจแล้วใ่ช่ไหมอ่ะ บีม” ผมพูดและถามบีม

“พี่สนิทกับอากันมาก มากที่สุด คุยได้มากกว่าคุยกับป๊าอีก มีเรื่องอะไร พี่เลือกที่จะโทรมาหาอากันก่อนทุกครั้ง”

“มีปัญหากับป๊า ก็โทรมาหาอา ให้อาคุยให้ตลอด “ผมพูดก่อนจะหันมามองคนที่นอนตะแคงฟังผมพูด

“ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่กันบอกผมว่า เขาอยากมั่นใจว่าพี่จะดูแลผมกับลูกโซ่ได้ เพราะว่าพี่กันยังมองว่าพี่เป็นหลานและเป็นเด็กอยู่เสมอ ไม่ใช่ว่ามองว่าพี่ไม่มีความสามารถน่ะ และในทุกคำพูดนั้นมันออกมาจากความห่วงใยพี่ทั้งนั้นเลย”

“ผมไม่อยากให้พี่โกรธพี่กันเลยนะครับ”

“พี่เหรอ ไม่เคยโกรธอากันเลย ไม่เคยเลยน่ะ แต่อากันนะซิ”

“อากันเขาก็ไม่เคยโกรธพี่หรอก และที่อากันทำแบบนี้ เขาต้องการเห็นพี่ ว่าพี่พร้อมที่ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง”

“แล้วบีมล่ะ บีมคิดว่าพี่”

“ผมมองไม่เหมือนคนอื่นมอง ผมเลือกความสุขของลูกก่อน ผมเห็นสายตาเจ้าลูกโซ่มองพี่แล้ว ผมควรจะทิ้งไปเหรอ ผมทำไม่ได้อ่ะ และเห็นพี่รักเจ้าลูกโซ่ขนาดนี้ ผมก็ยิ่งทำไม่ได้ ผมไม่อยากให้ลูกโซ่เป็นเหมือนผม “บีมพูดก่อนจะพลิกตัวไปมองบนท้องฟ้าผ่านช่องเล็ก

“พ่อผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ เป็นถึงศาสตราจารย์ชื่อดัง แต่แม่ผมเป็นแค่แม่บ้านอยู่บ้านทำงานบ้าน เลี้ยงดูผมจนกระทั่งพ่อเสียไป พ่อผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และแม่ก็ดูแลผมมาจนกระทั่งแม่ส่งผมมาอยู่กับยายที่ไทยหลังจากที่แม่แต่งงานใหม่” บีมบอกผม

“ชีวิตผมในวัยเด็ก ผมต้องเก็บตัวอยู่ในบ้านออกไปเล่นกับใครไม่ได้เลย เพราะว่าผมไม่เหมือนคนอื่น ผมเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมผิดปกติตรงไหนแต่แม่ไม่ให้ผมมีเพื่อน ไปโรงเรียนก็ต้องรีบกลับและอยู่แต่ในบ้าน พ่อผมนานๆ จะกลับบ้านที จนกระทั่งผมอายุสิบห้า แม่ได้ตัดสินใจส่งผมมาเรียนที่ไทย ผมเองก็ยังรู้สึกเป็นตัวประหลาดอยู่ดี “บีมหันมาพูดกับผม

“จนกระทั่ง เหตุการณ์วันนั้นแหละถึงทำให้ผมรู้ว่าผมผิดปกติเพราะผมท้องได้นี้แหละ “บีมหันมามองหน้าผม

“แล้วแม่บีมล่ะเขาไม่ว่าเอาเหรอ เขารู้เรื่องไหม” ผมถามบีมกลับทันที

“แม่เหรอ รู้แต่แม่ก็แค่มาเยี่ยมตอนน้องเกิดและแม่ก็กลับไป แม่ผมอยู่ที่อังกฤษกับแฟนใหม่ แม่แต่งงานใหม่เพื่อให้ได้เงินมาส่งเสียผมอ่ะ ถามว่าแม่ว่ายังไงบ้าง อย่าให้ผมพูดเลยน่ะ “บีมหันมาบอกผม

“ผมเคยรู้สึกว่า ผมใช่ลูกเขาหรือเปล่า ผมแทบจะไม่ได้ความรักจากแม่ผมเลย แต่ผมก็รักแม่น่ะพี่เธียร ผมเลยพยายามไม่ขอเงินแม่ใช้ พยายามหาเงินเรียนด้วยตัวเอง ทำงานทุกอย่างที่จะทำได้ “บีมพูด มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด จนต้องเอื้อมมือไปลูบหัวเขาเบาๆ ผมซิไม่เคยทำงานอยู่สุขสบายใช้เงินเยอะมากแค่เพราะว่าผมเรียนตามที่ป๊าต้องการความสุขผมป๊าก็ต้องให้

“แม่ไม่เคยมาเยี่ยมผมเลย ตั้งแต่เขาเอาผมมาไว้ที่ไทย มีมาบ้างแต่แค่ไม่ถึงครึ้งชั่วโมง และส่งเงินมาให้แค่นั้น นี้แม่ก็ไม่ส่งข้อความหาผมสักนิดว่าผมเป็นไงบ้าง ผมเองก็ไม่ได้เช็กหรอกว่าแม่ส่งเงินให้ผมไหม แต่คิดว่าไม่ เพราะว่าแฟนใหม่แม่ผมเขาไม่พอใจที่จะให้แม่ส่งเงินให้ผมตลอดแบบนี้” บีมพูด

“ฝรั่งเขาไม่ส่งเงินให้ลูกกันแล้วน่ะ บางคนอายุสิบแปดคือต้องออกไปหางานทำส่งตัวเองเรียน” บีมพูด

“แฟนใหม่แม่ผมยังไม่รู้เรื่องที่ผมเป็นแบบนี้น่ะ นี้คือเหตุผลที่ผมถูกส่งมาอยู่ที่ไทยคนเดียว”

“มีแบบนี้ด้วยเหรอ ม๊าพี่ขนาดป่วยยังไปหาพี่เลย ไปดูแลพี่แต่อาม่าน่ะให้ม๊าพี่ไปรักษาตัวให้หายก่อน จนพี่ได้สองสามขวบนั่นแหละม๊าถีงได้มารับพี่ไปอยู่ด้วย แต่ก็สลับกลับมาอยู่กับอาก๋งและอาม่า เพราะว่าป๊าไม่ค่อยตามใจพี่เหมือนอาม่า” ผมหันมาบอกบีม ผมแววตาคู่นั้น แววตาคู่นี้ เจ้าลูกโซ่ได้ไปเต็ม ผมพลิกมาใช่มือเท้าศีรษะมอง

“พี่ควรจะคุยกับแม่ของบีมไหม พี่อยากรับผิดชอบบีมมากกว่านี้” ผมถามบีม บีมก็มองหน้าผม

“แต่งงานกันน่ะ” ผมพูดกับบีม บีมหันมามองหน้าผม ผมเอื้อมมือไปหยิบแหวนที่บีมห้อยไว้ที่สร้อยคอนั้น

“สวมมันใส่นิ้วได้แล้ว พี่ขอแต่งงานแล้ว” ผมพูดกับบีม

“พี่เชื่อความรักหลังแต่งงานมากกว่า เหมือนป๊ากับม๊าพี่น่ะ แต่สิ่งสำคัญที่พี่เลือกบีมก็คือ บีมคือคนที่ควรคู่กับคำว่าแม่ของลูกพี่ บีมเหมือนม๊าพี่หลายอย่างมาก บีมใจเย็น บีมเป็นคนวางตัวดี จนพี่คิดว่าแพรวายังอายเลยน่ะ และบีมคือคนที่พี่อยากได้มาอยู่กับพี่ เป็นภรรยาของพี่ บีมคือคนที่พี่ตามหา แม้ว่าการเริ่มต้นมันจะห่วยไปหน่อย” ผมพูด

“หึๆ” คนนอนตะแคงมองผมอยู่เขาหัวเราะเล็กน้อย

“พี่รู้สึกชอบบีมตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงเรียนแล้ว “บีมหันมาชำเลืองตามองผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าใช่

“แต่ก๊อกหักเพราะว่าเฮียบอกกับพี่ว่า บีมคือเด็กของอากันตภณอ่ะ”

“แล้วตอนนี้ล่ะ” บีมถามผม

“อยากรู้เหรอ” ผมพูดพร้อมกันดันตัวเองขึ้น ผมมองบีม สายตาคู่นั้นจับจ้องมองผม ผมค่อยๆ เลื่อนตัวเองไปทาบทับโดยไม่ได้ทิ้งน้ำหนักไปทั้งตัว และคนเบื้องล่างก็ขยับให้ผมได้มีที่ลง นั้นแปลว่าเขาไม่ต่อต้านผมแล้ว

“เป็นเด็กเฮียเธียรแล้ว ห้ามไปเป็นเด็กของคนอื่นเด็ดขาด ลูกพี่จะงอแงเอา “ผมพูดก่อนจะใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าเรียวได้รูปนั้นไว้ ประกบริมฝีปากหนาๆ กับริมฝีปากปากเฉียบของบีม รสจูบที่นุ่มนวลและคนเบื้องล่างผมก็ตอบสนองตามที่ผมทำให้เขา แม้จะไม่ชำนาญและช่ำชองหมือนผู้หญิงที่ผมมีอะไรด้วย และผู้หญิงเหล่านั้ ก็มาเพื่อหาความสุขของกันและกัน บางคนจบแค่บนเตียงและผมก็ทำแค่ตอนที่ผมไปเรียนเมืองนอกแค่นั้นเอง

“อ้าห์ พี่เธียร” เสียงครางออกมาเบาๆ ผมหยุดชะงักมองคนเบื้องล่าง

“กลับบ้านเถอะ ผมกลัวลูกตื่นมาร้อง” บีมบอกผม

“ครับ” ผมบอกคนที่นอนเบื้องล่าง ก่อนจะพลิกตัวเองกลับไป ผมจัดการกดปิดกระจกด้านบน คาดเข็มขัดพร้อมกับสตาร์ตรถ ผมหันไปมองบีม เขาปลดสร้อยคอออกมาพร้อมกับรูดแหวนวงนั้นออกมาด้วย และสวมใส่ไว้ที่นิ้วมือของเขา

“เก็บไว้ให้ดีนะบีม ลูกโซ่คือเจ้าของแหวนคนต่อไป” ผมบอกกับบีม ผมดึงมือบีมมากุมไว้ พร้อมกับออกรถทันที ผมขับรถกลับบ้านตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้วด้วย ผมนำรถเข้ามาจอดในบ้านอย่างเงียบๆ ไม่กล้าเสียงดัง กลัวลูกตื่นขึ้นมาแล้วบีมจะไม่ได้พัก ผมพากันขึ้นห้องนอนทันที บีมชะเง้อมองไปที่ห้องเฮียธี

“ม๊าบอกว่าเล่นจนง่วง คงหลับยาวล่ะ” ผมบอกกับบีม

“ก็เคยนอนกอดลูกอ่ะ” บีมพูดระหว่างที่ผมดันบีมเข้าห้องนอน

“กอดพ่อไม่ได้เหรอ ยอมให้กอดทั้งคืนเลย” ผมถามบีม เขามองผมก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อยและเดินไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำ ผมก็รีบตามซิจะรออะไร ลูกไม่อยู่ และนีก็ครั้งแรกที่จะได้อาบน้ำกันสองคน ผมเห็นบีมถอดเสื้อผ้าเข้าไปในตู้อาบน้ำ ผมมีทั้งอ่างอาบน้ำและตู้กระจกอาบน้ำ ผมจัดการถอดเสื้อผ้าออกอย่าเร่งด่วนและตามบีมเข้าไปทันที บีมหันมามองผมแต่ไม่ได้ว่าอะไร ผมกอดบีมจากด้านหลัง ฝังจมูกลงไปที่ศอกคอนั้น

“พี่จะทำยังไงกับเรื่องแพรวา ผมว่าเธอหนักขึ้นแล้วน่ะพี่เธียร” บีมถามผม ขณะที่กำลังยืนให้สายน้ำราดรดตัวที่เปลือยเปล่าของผมทั้งคู่

“ถ้าเขายืนยันเรื่องที่อาก๋งเคยพูดกับปู่เขา ว่าพี่ต้องเลือกแต่งงานกับเขาล่ะ” บีมถามผม

“ถ้าพี่ไม่มีทางเลือกล่ะบีม” ผมถามบีม บีมหันมามองหน้าผม


“ผมจะเลือกไปเอง แต่ลูกน่ะพี่ต้องดูแลให้ดีน่ะ ผมรักเขามากที่สุด เท่าชีวิตของผม”

“พี่ไม่ให้บีมเลือกทางนั้น แต่ถ้าไม่มี ทางเลือกของพี่คือ พี่จะออกจากตระกูลนี้อย่างที่พี่เคยบอกกับป๊าและม๊าเอาไว้ มันจะได้จบ”

“สงสารป๊ากับม๊าของพี่ พี่อย่าทำอย่างนั้นเลยน่ะ”

“เลือกระหว่างนามสกุลกับลูกเมียพี่ พี่เลือกอย่างหลัง แล้วบีมล่ะ ถ้าพี่เลือกออกไปแต่ตัว”

“นามสกุลของพี่ไม่สำคัญเท่าหัวใจพี่ต่างหากที่สำคัญกับผมและลูก” บีมบอกผม

“นั้นแปลว่า พี่ได้ข้อแรกไปแล้วใช่ไหม” ผมถามบีม คนยืนพลิกตัวมามองผม ผมใช้แขนยันฝาผนังห้องน้ำเอาไว้ ผมมองบีมสายตาของบีมมันเป็นประกาย ผมก้มลงจูบบีม บีมก็จูบผมตอบ

“ก็ยังไม่เต็มร้อยอ่ะ แต่ก็ อืมม “บีมหมุดหน้าหนีสายตาของผม ที่จับจ้องมองบีม แน่ใจเหรอว่ายังไม่เต็มร้อยน่ะ

“คิดว่าพี่ได้สักกี่เปอร์เซ็นต์ดีล่ะ” ผมกระซิบถามบีม ผมหมุนปิดน้ำแล้ว

“ก็เกินครึ้งไปแล้วแหละ มันเกินไปตั้งแต่นาทีแรกที่ผมเห็นเจ้าโซ่มองพี่อ่ะ ผมใจอ่อน” บีมเงยหน้าขึ้นมองผม
“พี่ขอ เออ ขอ ได้ไหมอ่ะ “ผมกระซิบกับบีม บีมเงยหน้ามองผม

“แต่พี่ต้องป้องกันน่ะ ผมยังไม่พร้อมอ่ะ”

“แต่พี่พร้อมน่ะ อยากมีอีกคนเหมือนกัน พี่อยากให้เจ้าโซ่เหมือนพี่ มีเฮียที่รักและเข้าใจพี่”

“ผมก็อยากให้ลูกมีพี่น้องน่ะ แต่ตอนนี้ผมคิดว่ารอลูกโซ่โตก่อน เขายังเด็กเกินไป สักขวบหรือสองขวบดีกว่า ผมอยากดูแลเขาให้เต็มที่ก่อน นะครับพี่เธียร” บีมบอกผม ผมยิ้มเลยครับ นี้ไม่ใช่คำตอบว่าปฏิเสธ ว่าแต่ตัวช่วยผม ต้องไปเคาะประตูห้องเฮียธันแล้วซิ เฮียแกมี ผมกับบีมออกมาจากห้องน้ำ บีมเช็ดตัวอยู่ ผมเดินไปกอดเอวบีม

“เดี๋ยวพี่มานะครับที่รัก พี่ไปเอาของเล่นเราก่อน อย่าชิ้งหลับก่อนล่ะ พี่ปลุกโหด” ผมกระซิบกับหูบีมเบาๆ ก่อนจะรีบเดินออกไปตรงไปห้องนอนเฮียธัน ทันที

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก “ผมเคาะประตูห้องนอนเฮีย เฮียเดินมาเปิดประตู ด้วยสภาพที่บอกได้ว่าหลับไปแล้ว

“มีอะไรไอ้ตี๋น้อย” เฮียธันถามผม

“ขอถุง”

“ใส่แกงเหรอ” เฮียธันถามผม

“เฮ้ย! ไม่เอา ถุงยางอ่ะ”

“มึงมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วทำไมไม่ลงทุนซื้อมาว่ะ” เฮียธันถามผม

“รีบ ซื้อไม่ทัน น่ะ ขอน้องยื่มก่อน จะซื้อมาให้เลย รสช็อกโกแลต”

“ไม่เอา รสช็อกโกแลต เพราะว่าคู่นอนเฮียน่ะ ไม่ใช่เด็กน่ะครับ จะได้เอาช๊อกโกแลตไปล่อใจเขาน่ะ เอาแบบคลาสสิก และซื้อมาคืนด้วย ไม่ให้ฟรีน่ะ “เฮียธันพูดก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปและออกมาพร้อมกลับกล่องถุงยางมาให้ ผมหยิบมาดู

“เพอฟอมาร์ มีสารลดการหลั่ง อึดทน หนึ่งกล่องมีสามชิ้น ให้เลย เพื่อมึงอยากเบิ้นว่ะ” เฮียธัน ที่รู้ใช้ผม

“แต่ผมก็อึดทนอยู่แล้วน่ะเฮีย”

“ช่างกล้าบรรยายสรรพคุณตัวเอง ไอ้ที่พูดแบบนี้ นกกระจอกไม่ทันกินน้ำทุกราย “เฮียธันพูด

“แล้วเจลหล่อลื่นล่ะ”

“ห๊ะ!! เอาด้วยเหรอ” เฮียธันถามผม

“น่ะเอาด้วย เพื่อลดอาการบาดเจ็บ รักเมีย ขอด้วย” ผมแบมือขอเฮีย

“อยากมีเมียแม่งไม่เตรียมความพร้อมเลย เออๆ” เฮียธันพูด ก่อนจะกลับเข้าไปและเดินกลับมาพร้อมกับหลอดเจลหล่อลื่น ถ้าวันนั้นลูกซื้อไม่ทำป่วน ผมได้มาแล้ว ยี่ห้อเดียวกับที่ลูกใช้บีบใส่หน้าพีซีคนนั้นซะด้วย แสดงว่าลูกชายตาถึงครับ

“อ้าวยืนอ่านสรรพคุณอยู่นั่นแหละ ปานนี้เมียมึงหลับแล้วครับไอ้ตี๋” ผมสะดุ้งครับ จริงด้วย รออะไรวิ่งกลับห้องเดียวเมียหลับจริง ผมรีบเปิดประตูเข้าไป ผมไม่เห็นบีมอยู่ในห้อง อย่าบอกน่ะว่าหนีไปนอนห้องอื่นน่ะ

TBC.........
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.21.บีมใจอ่อน P1และP2 (NC18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 19-03-2021 19:38:11
ต่อจากด้านบน

EP.21.บีมใจอ่อนP2 (NC18+)

 แต่ว่าผมได้ยินเสียงกุกกักมาจากห้องสำหรับเก็บเสื้อผ้า ผมเดินเข้าไปดู สิ่งที่ผมเห็น ผมยืนกอดอกมองและอมยิ้มเพราะว่าบีมกำลังเก็บเสื้อผ้าผมใส่เข้าตู้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนที่ม๊าผมทำไว้ไม่มีผิด แยกไว้ให้หมดแล้วอย่างเป็นสัดส่วน

“นึกว่าหลับไปแล้ว” ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม “รอพี่เหรอ” ผมทำเสียงกระเซ้าถามคนที่ยืนอยู่

“ผมเข้ามาเก็บเสื้อผ้าพี่ต่างหากไม่ได้รอสักหน่อย” บีมพูดโดยไม่มองหน้าผม ผมเดินเข้าไป ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปหา บีมยืนหลังชนตู้กระจกบานเลื่อน ผมเดินเข้าไปก่อนจะใช้แขนที่ไม่กำยำ แต่ว่ายาวเรียวสมส่วน ดันไว้ที่ข้างลำตัวของบีม บีมยืนหลับตาปี๋ ผมเริ่มเบียดเข้าไปแนบชิด ใช้ปลายจมูกโด่งรั้นของผมสัมผัสกับแก้มบีม

“พี่ว่าพี่ รักบีม และยิ่งมีลูกที่น่ารักแบบนี้ให้พี่ พี่ไม่อยากมีคนอื่น อยากมีแค่บีม พี่อาจจะเป็นคนที่ไม่เอาไหน พี่ยอมรับว่ามีประสบการณ์เรื่องอย่างว่าเยอะ แต่ตอนนั้นพี่แค่ผู้ชายไปที่ต้องการสนองเจ้าจุ๊กกรูของพี่ แต่ถ้าพี่มีแล้ว พี่หยุด เพราะว่าป๊าคือแบบอย่างของพี่” ผมพูดบอกบีม

“ตอนนี่ พี่เลือกแล้วเลือกแม่ของลูกพี่ ให้เป็นเมียยืนหนึ่ง” ผมพูดกระซิบ บีมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองผม ลมหายใจอุ่นๆ กำลังรดลงที่ใบหน้าของผมอยู่ ตาผมจ้องมองที่ริมฝีปากนั้น ที่กำลังขยับเล็กน้อย ผมค่อยๆ ย่อตัวลงไปอีก ริมฝีปากหนาได้รูปของผมกำลังจะแตะริมฝีปากบางๆ นั้นอย่างถนอม และบีมก็ปล่อยให้ผมรุกล่ำได้มากขั้น รสจูบก็หนักหน่วงขึ้น

“อ้าห์” เสียงครางของบีมทำให้ผมรีบสอดลิ้นเข้าไปด้านในในทันที ร่างกายที่เริ่มเบียดเสียดจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกันของผมกับบีม แขนบีมกำลังโอบรอบคอผมเอาไว้ ผมหยุดชะงัก ผมมองบีมที่โอบรอบคอผมเอาไว้อยู่ จับเอวบีมยกขึ้น บีมกอดรอบคอผมเอาไว้แน่น

“ใจจริงก็อยากลองในห้องนี้ดูน่ะ แต่พี่คิดว่าเตียงราคาหลักแสน ที่ลูกโซ่เลือกให้ น่าจะดีกว่า” ผมพูดกับบีม ผมยกบีมขึ้นมาหนีบเอวผมเอาไว้ ปากก็จูบกันอย่างดูดดื่มก่อนจะพาบีมออกไปจากห้องแต่งตัว ผมค่อยๆ วางบีมลงบนที่นอนอย่างเบามือ ผมค่อยๆ ปล่อยกระดุมเสื้อชุดนอนที่ละเม็ดไปจนหมด เผยให้เห็นถึงผิวเนียนๆ ของบีม ยิ่งเห็นแบบนี้ ผมก้มลงมอง แกนกายรู้สึกอยากออกรบขึ้นมาทันที บีมมองหน้าผมก่อนนะหลุบตามองความเป็นชาย แอบกลืนน้ำลายลงคอ

“พี่จะทำอย่างถนอมที่สุด “ผมบอกบีมก่อนจะคลานขึ้นไปทาบทับตัวบีมไว้ บีมมองหน้าผมตาแป๋ว เหมือนแววตาเจ้าลูกโซ่ไม่มีผิดเพี้ยน

“พี่เธียร แล้ว” บีมเอ่ยปากถามผม ผมรู้ความหมายดี ผมพยักหน้าไปที่โต๊ะที่ข้างเตียงนอน ว่างเอาไว้พร้อมมาก

“ไปเอามาจากไหนอ่ะ” บีมถามผม

“ไปขอเฮียธัน”

“เฮ้ย อย่างนี้พี่ก็บอกเฮียธันอะดิ” บีมถามผม ด้วยหน้าตาตื่น

“เอ้า มาอยู่ในฐานะเมียพี่ ไม่ต้องบอกเขาก็รู้ว่า เรื่องนั้นมันต้องมี แต่เฮียฝากบอกว่าอย่าเสียงดังน่ะ เดี๋ยวเฮียทนไม่ไหว ขับรถไปหาแฟน” ผมกระซิบบอกบีม

“งั้นไม่ทำดีกว่าไหม ” คนที่นอนทำท่าจะเปลี่ยนใจ เวรแล้วไงไอ้เธียรวิชย์

“ไม่เอา พี่ล้อเล่น ทำน่ะทำ นี่เป็นเด็กดีมาทั้งอาทิตย์เลยน่ะ ขอรางวัลหน่อยดิ”

“แค่ทั้งอาทิตย์เองนี่น่ะ”

“ก็ให้หน่อยจะได้มีกำลังใจ น่ะน่ะ ไหน ไหนพี่ก็มีเมียแล้ว และถ้าตรงนั้นไม่ได้ใช้งานนานมันจะ เหมือนเครื่องจักรที่ไม่ค่อยได้หยอดน้ำมันน่ะ เวลาอยากใช้งานจริงๆ ขึ้นมามันก็จะฝืนเคืองเอาได้” ผมพูดอ้อนบีม ผมจับมือบีมขึ้น ใช่ปลายจมูกโด่งรั้นนั้นสูดดม กลิ่นหอมจากสบู่ที่ผมบรรจงลูบไล้เอาไว้

“กลิ่นหอมเหมือนผิวลูกเลยเนอะ แต่ของบีมมันหอมน่ากิน “ผมพูด

“พอแล้ว “บีมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเขินอาย

“ตกลงให้พี่ได้ไหมครับ “ผมพูดไปและก็ยังใช้ปลายจมูกสูดดมไปตามแขนของบีม

“มาขนาดนี้แล้ว คงห้ามไม่อยู่แล้วมั้ง” บีมพูด

“ให้เกียรติเมียครับ ถ้าเมียบอกว่าไม่ ก็คือไม่ แต่เมียไฟเขียวเมื่อไหร่ พี่จัดให้ร้องครางไม่หยุดเลย” ผมพูด ก่อนจะใช้ปลายจมูกของผมสูดดมที่ซอกคอของบีม ก่อนจะฝังริมฝีปากลงที่ซอกคอของบีม ดูดซอกคอขาวนวลนั้น บีมใช้มือจับที่เอวผมบีบพร้อมกับบีบเบาๆ

“อ้าห์ อื้มม พี่ อ้าห์ เธียร” เสียงครางติดๆ ขัดๆ ของบีม เมื่อผมเริ่มพรมจูบต่ำลงไปเรื่อยมาจนถึงหน้าอกแบนๆ ที่เจ้าลูกโซ่โปรดปราน เห็นทีงานนี้พ่อลูกคงต้อง แบท'เทิล กันหน่อยแล้ว

“อ้าห์ พี่เธียร” ผมใช้ปลายลิ้นตวัดสองจุดนั้น บีมสะดุ้งทันที และแอ่นอกขึ้นมาสู้ลิ้น ผมช้อนตาขึ้นมอง ยิ้มกริ่ม เริ่มหยอกเย้าสองข้างสลับกันไปมา คนที่นอนเบื้องล่างก็ยิ่งดิ้นส่ายไปมา นิ้วมือเริ่มลงที่แผ่นหลังของผม ผมค่อยๆ เลื่อนลงไปช้าๆ ที่หน้าท้อง ผมสัมผัสได้ถึงการหายใจที่ไม่ทั่วท้องของบีม

“จะร้องครางก็ได้น่ะเมียจร๊า เพราะว่าห้องพี่เก็บเสียง เฮียธันไม่ได้ยินหรอก อยู่ไกลด้วย” ผมกระดกหัวขึ้นบอกบีม บีมก็กดหัวผมลงให้ทำต่อ ผมก็เริ่มพรมไปที่ท้องน้อยของบีม ผมค่อยๆ ขึงขอบกางเกงรูดลงไป จนเกือบพ้นหัวหนาว สิ่งที่ผมเห็นคือรอบแผลผ่าตัดแนวนอน ผมเงยหน้ามองบีม ผมค่อยๆ ใช้นิ้วแตะอย่างเบามือที่สุด รอยนี้คือรอยที่ทำให้เจ้าลูกโซ่ของผมออกมาลืมตาดูโลก ผมจูบเบาๆ ที่ตรงนั้น เสียงกลืนน้ำลายของบีม

“เป็นรอบแผลที่สวยที่สุด เพราะว่ารอยนี้ทำให้หนี่งชีวิตได้ออกมาดูโลก “ผมกระดกหัวขึ้นพูดกับบีม บีมยิ้มให้ผม เป็นรอยยิ้มที่สวยงามที่สุด ผมค่อยๆ ถอดกางเกงบีมออก แม้ว่าที่ผ่านมาผมจะมีแต่ผู้หญิงมาตลอดก็ตามและบีมก็คือผู้ชายคนแรกของผม

ผมลุกขึ้นมายืนก่อนจะหันไปหยิบถุงยางและหลอดเจลหล่อลื่น บีมกระดกศีรษะขึ้นมามองความเป็นชายที่ชี้ไปทางคนที่นอนอยู่ แน่นอนต้องตกใจเป็นธรรมดา ผมไม่เน้นใหญ่มหึมาแต่เน้นยาว ผมก็จัดการสวมถุงและทาเจลไว้ที่ส่วนปลาย ก่อนจะละเลงลงที่นิ้วมือ ผมจับขาบีมให้ตั้งฉากขั้น ผมค่อยๆ ใช้นิ้วที่มีเจลหล่อลื่น ผมค่อยๆ ใช้นิ้วปาดลงที่ช่องทางรัก

“อ้าห์ พี่เธียร ผม ผม “บีมครางเบาๆ ผมค่อยๆ ใช้นิ้วแยงลงไปในช่องทางรักของบีม คืนนั้น มันรีบ เลยไม่ได้เบิกทางแต่วันนี้ผมต้องค่อยปูทางซะก่อน นิ้วเริ่มสอดเข้าไปทีล่ะนิ้ว

“อ้าห์ “บีมร้องครางดังขึ้น ส่วนนิ้วผมก็รู้สึกได้ว่าส่วนนั้นมันตอดนิ้วผมเหลือเกิน นิ้วเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น บีมก็เริ่มนอนไม่สุขดิ้นไปมาจนผมต้องชักนิ้วออก ผมขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บั้นท้ายของบีม ผมแหวกขาบีมออกให้กว้างขึ้นก่อนจะ ดันเจ้าแกนกายของผมไปจ่อที่ปากทางรักของบีม ผมจีบเอวบีมไว้ก่อนจะค่อยๆ ดัน

“อ้าห์ พี่เธียร” บีมครางเรียกชื่อผมอีกครั้ง แต่ของผมซิที่พยายามดันเข้าไปแต่ว่ามันยากลำบาก ครั้งนั้นมันก็ยากและครั้งที่ก็ยังยากอยู่ดี ผมค่อยๆ ดันเข้าไปอีก

“ซี้ดดด” ผมร้องเจ็บ เพราะว่าบีม จิกนิ้วลงที่แผ่นหลังของผม แต่ผมก็ดันเข้าไปเรื่อยๆ และเพื่อลดลั่นความเจ็บปวดให้บีม ผมก็โน้มตัวเองลงไปจูบบีม บีมเริ่มเปลี่ยนจากจิกมาเป็นบีบ เพื่อพยายามบอกให้ผมดันแกนกายเข้าไปในกายบีมต่อ

“อ้า พี่เธียร ผมเจ็บ” ผมหยุดพักอีกครั้ง ก่อนจะมองหน้าบีมด้วยความสงสาร และพอสักพักบีมก็จับเอาผมขยับอีกครั้ง และครั้งนี้ผมเริ่มดันเข้าไปจนถึงสุด

“อ้าห์ “เสียงครางของบีม ผมเริ่มนิ่งจนกระทั่งบีมรู้สึกดี และผมก็ค่อยๆ โยกเด้งสวนเข้าออกเบาๆ ส่วนบีมก็เด้งรับตามจังหวะเช่นกัน มือผมกับบีมเริ่มประสานกัน ผมเริ่มขยับแรงขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อก็แตกผลัก จนผมต้องเอื้อมมือไปหยิบมือถือผมมา กดปรับแอร์ แอร์บ้านผมปรับผ่านมือถือได้ด้วย ร่างของผมกับบีมเริ่มเบียดกันจนแทบจะเป็นคนคนเดียวกัน

“บีม อยากขึ้นไหมพี่ว่าถ้าควบคุมเองมันอาจจะดีกว่า” ผมกระซิบกับบีม บีมมองหน้าผม ผมจับเอวบีมให้เขาพลิกขึ้นมาโดยไม่ให้หลุดจากกัน ทันทีที่บีมขึ้นมาตั้งหลักได้ บีมก็เริ่มขวับขึ้นลงแรกๆ ก็ขัดๆ เขินๆ มันยิ่งทำให้ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะว่านี้แปลว่าเขาไม่ใช้คนที่ช่ำชองเรื่องนี้ และบีมก็เริ่มโยกแรงขึ้น จนผมเองก็แทบจะหายใจไม่ทั่วท้อง ผมดันตัวเองขึ้น เอาแขนกอดประคองเอวบีมที่โยกเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ

“บีม บีม ซี้ด โอ้วว ซี้ด สุดยอด บีม อืมมม พี่เสียว อืมมม “ผมครางที่ข้างหูของบีม บีมก็ยิ่งโยกหนักขึ้นและแรงขึ้น สุดท้ายแล้วผมต้องนอนราบลงให้บีมควบคุมมันเอง มือที่ประสานกันของผมกับบีม ผมนอนหลับตาพริ้ม ไม่นานแกนกายผมก็เริ่มกระตุก

“บีมพี่จะเสร็จแล้ว บีม โอ้วว ซี้ดดด”

“อ้าห์!!” เสียงสุดท้ายผมรับรู้ได้ว่าแกนกายผมกระตุกรอบนี้น้ำอุ่นๆ ไหล่วนอยู่ภายในถุงยางที่ผมสวมเอาไว้ ส่วนบีมก็แอ่นอกขึ้น นั้นแปลว่าเขาก็ถึงสวรรด์ไปพร้อมๆ กับผมเช่นกัน บีมก้มลงมองผม หายใจหอบเหนื่อยบีมค่อยๆ ถอนตัวเองออกผมรีบคว้าตัวบีมให้นอนลงข้างๆ ผม

“ขอบคุณนะครับ ที่รัก “ผมพูดกับบีม บีมมองหน้าผม ผมใช้มือประคองใบหน้าของบีมเอาไว้

“ดีกว่าครั้งแรกไหม” ผมถามคนที่เอาหัวหนุนไหล่ผมเอาไว้

“มาก!!” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าครั้งแรกของผมกับบีมมันแย่มากแค่ไหน ผมกลั้นหัวเราะคนที่ผมกอดเอาไว้ บีมนอนหนุนศีรษะอยู่บนแผ่นอกของผม เขาแหงนหน้าขึ้นมามองผม

“คิดยังไงยอมให้พี่แล้วเนี๊ยะ! ทั้งที่ข้อที่สองพี่ยังทำไม่ได้เลย “ผมถามบีม บีมพลิกมามองหน้าผม

“ก็พี่บอกว่าพี่เลือกผมแล้วนี่ มันก็เพียงพอแล้วอ่ะ แต่จะว่าไป ดูเขารักพี่มากเลยน่ะแพรวา พี่เคยเป็นแฟนเขามาก่อนหรือเปล่า” บีมถามผม

“ไม่เคยเลย!!” ผมรีบปฏิเสธทันที บีมมองผมตาแป๋วเหมือนไม่เชื่อ

“บีมไม่เชื่อพี่มันไม่แปลกหรอก ขนาดเพื่อนที่สนิทกับพี่ ราเชน ไอ้ไปส์ ไอ้พีชและณัฐ มันยังไม่เชื่อเลย มันยังเคยคิดว่าพี่น่ะคบกันแต่ไม่กล้าเปิดเผย แต่จริงไม่ใช่เลย” ผมพูด ผมก้มลงมองบีมเขาพยักหน้าเบาๆ ผมโอบกระชับร่างบีมเข้ามา

“ไม่เคยแสดงว่าพี่คือคนรักเขาเลยน่ะ แต่แสดงในฐานะพี่ชายน่ะใช่ มีแต่แพรวาที่แสดงออกจน ใครก็คิดว่าใช่ แต่จริงๆ มันไม่ใช่” ผมพูด

“แต่จะไม่ให้คนอื่นคิดได้ยังไง ทุกทีที่พี่ไปเขาต้องรู้ว่าพี่ไปไหน เขาต้องพยายามหาพี่ให้ได้ อย่างวันนั้นวันเคาท์ดาวน์ พี่ไม่รู้ว่าเขารู้ได้ยังไงว่าพี่จะไปที่ผับนั้น นางมารอพี่เลยน่ะและบอกว่าลุงให้พานางมาด้วยและพาไปส่งด้วย พี่เลยต้องไปก็ไป” ผมพูดกับบีม

“เขาต้องพยายามทำกิจกรรมร่วมกับพี่ทุกที่ที่พี่จะไปถูกต้องไหมครับ” บีมถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่

“และเขาก็ทำเหมือนกับว่าพี่นะชวนเขาไปแต่จริงๆ ไม่ใช่” บีมถามผมต่อ ผมพยักหน้าว่าใช่อีก

“ถ้าอย่างนั้นพฤติกรรมที่เขาแสดงมันตรงข้ามกับความจริงทั้งหมดเลยเหรอ” บีมพูดขึ้น

“และดูเขารักและหวงพี่มาจนเหมือนกับแฟนกันจริงๆ” บีมพูดพร้อมกับทำท่าคิด ผมมองบีมว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ผมเคยรับทำรายงานให้นักศึกษาคนหนึ่ง ผมจำไม่ด้ว่าเขาเรียนคณะอะไร เขาบอกว่างานเขาเยอะเขาทำไม่ทันเขาจ้างผมแค่พิมพ์ให้ และงานวิจัยนั้นเกี่ยวกับคนที่ป่วยเป็นโรค ขี้มโน หรือ Erotomania” บีมดันตัวเองขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน โดยดึงผ้ามาคลุมปิดไว้ ผมพยายามดึงลงแต่บีมก็ขืนดึงขึ้น

“เพี๊ยะ! “ตีมือผมซะดังจนผมต้องสะบัดมือรัวๆ

“รู้แล้วเนี๊ยะว่าลูกได้ใครมา แม่นี่เอง วันก่อนก็ตีมือพี่เพราะว่าพี่แย่งของเขา มือไวพอกันเลยน่ะ” ผมพูดและชี้ที่บีม

“จะฟังไหมเนี๊ยะ!” บีมถามผมทำหน้าดุ “ฟังครับฟัง เมียพูดอะไรมาฟังหมด” ผมพูด

“คนที่เป็นโรคนี้จะมีอาการคลั่งไคล้ใครสักคนมากจนเกินไป และยึดติดว่าคนนั้นต้องรู้สึกเหมือนที่ตัวเองรู้สึก และเขาจะต่อต้านคนที่เขาคิดว่าจะเข้ามาใกล้ชิดตนนั้นได้มากกว่า จะมีอารมณ์รุนแรงเมื่อถูกฝ่ายนั้นเกิดพฤติกรรม หรือคำพูดเชิงปฏิเสธ “

“เขาจะร้องไห้ฟูมฟายเสียใจชนิดที่พ่อแม่เขาก็ยอมเห็นลูกเขาเสียใจขนาดนั้นไม่ได้ แค่เพราะว่า พี่ไปเที่ยวไหนไม่บอกเขา ไม่ว่าไปเที่ยวกับเพื่อนพี่ที่ไหนก็ตาม เขาก็ต้องไปด้วยขนาดว่าไปแบบผู้ชายน่ะบีม และเขาก็ไม่คิดจะไปกับเพื่อนเขาบ้างเลย” ผมพูดและทำท่านึก

“มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาขู่ฆ่าตัวตาย ตอนนั้นพี่กำลังจะจีบผู้หญิงคนหนึ่ง พี่อยากจะมีแฟนน่ะแต่ก็ต้องยุติไป ตอนนั้นพี่ต้องยอมเพื่อป๊าน่ะ เพราะว่าพ่อแม่เขารักลูกเขามากจริงๆ เขากลัวเสียลูกเขาไป และนี่แพรวามันก็เป็นเฉพาะกับพี่คนเดียวด้วยน่ะ เฮียธีมันก็ไม่สนใจ เฮียธามไม่ต้องพูดถึงเลย เฮียธามเขาชอบกัดจิกแพรวาอยู่แล้ว เฮียธันก็ไม่ยุ่งเธียกันเขาไม่ชอบเด็กเขาชอบคนอายุเยอะกว่า “ผมพูดกับบีม

“แต่พี่สาวไอ้พีชเคยคุยครั้งหนึ่ง เขาบอกพี่ว่า แพรวาน่าจะป่วย เป็นโรคอะไรสักอย่างแต่พี่ไม่สนใจ น่าจะเหมือนกับที่บีมบอกพี่นี้แหละ” ผมพูด

“พี่สาวไอ้พีชแฟนเขาเป็นนักจิตวิทยา และเมื่อก่อนพวกพี่จะไปพบปะสังสรรค์กัน ก็คือที่บ้านไอ้พีช หรือไม่ก็บ้านไอ้ไปส์ สองที่ แต่พอหลังๆ พวกเพื่อนพี่มันบอกว่าไม่ไหวแพรวาไปอาละวาดเอาแต่ใจ เลยไม่ค่อยได้นัดเจอกันที่บ้านพวกมัน พี่เองก็เกรงใจพ่อแม่พวกมันอ่ะ” ผมพูด

“แพรวามันเคยด่าพี่สาวไอ้พีช หาว่าจะมาอ่อยพี่ด้วยน่ะทั้งที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย และพี่สาวไอ้พีชเขามีแฟนแล้วจนตอนนี้เขาแต่งงานกันไปแล้วด้วย “ผมพูดกับบีม

“มันเข้าค่ายทุกข้อเลย ผมเข้าไปเสิร์ซหามาอีกด้วยพี่เธียร และนี่ผมไม่ได้ พูดเพราะว่าเขาไม่ชอบผมน่ะ แต่ผมคิดว่าถ้าเขาเป็นจริง เขาควรได้รับการรักษา ผมเห็นใจเธอน่ะพี่เธียร” บีมพูดกับผม ผมขมวดคิ้วเป็นปมทันที เห็นใจแพรวา ทั้งที่แพรวาไม่เคยเห็นใจบีมเลยสักนิด "ผมรู้ว่ามันดูนางเอกมาก แต่เขาป่วยแบบนี้มัน่าสงสารจริงๆ " บีมพูดผมพยักหน้าว่าเชื่อแล้ว

“แต่ผมก็กลัวเขาน่ะ เพราะว่าโรคนี้อาจจะทำอันตรายคนรอบข้างได้ ผมกลัว ลูกโซ่น่ะพี่เธียร ผมเป็นห่วงลูก” บีมพูดกับผมด้วยสีหน้าที่จริงจัง และนี้ก็ทำให้ผมเริ่มคิดขึ้นมาทันที

“พี่จะไปคุยกับพ่อแม่เขาดูไปบอกพ่อแม่เขาตรงๆ พี่เดาว่าพ่อเขารับไม่ได้หรอกถ้าพี่จะบอกเขาไปว่าลูกเขาป่วย เขารักลูกเขามากเลยน่ะ ถึงขนาดมาข้อร้องกับป๊าพี่ว่า ตามใจแพรวาหน่อย ไปไหนก็ให้เอาแพรวาไปด้วยไม่งั้นแพรวาไม่ยอม แต่ตอนนี้พี่ทำแบบบนั้นไม่ได้แล้ว” ผมพูด

“พี่ควรจะเชื่อที่พี่สาวไอ้พีชที่บอกพี่ว่าแพรวาน่ะป่วย ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” ผมหันพูดกับบีม ผมจับมือบีมมาบีบ มือที่ดูแห้งแม้จะทาโลชั่นแต่ที่แห้งก็เพราะว่าบีมต้องล้างขวดนม ล้างของใช้ลูกเองตลอด

“พี่สัญญาน่ะ ว่าพี่จะปกป้องคนของพี่ก่อน เชื่อใจพี่ไหม บีม” ผมพูดกับบีม บีมพยักหน้าเบาๆ

“พี่คงต้องไปหาพ่อแม่เขาและบอกเขาว่าให้พาลูกเขาไปตรวจดูให้แน่ใจว่าเป็นหรือไม่เป็น ถ้าเป็นก็จะได้รักษา เพราะว่าแพรวาตอนเด็กๆ เขาน่ารักน่ะ แต่พอเร่ิมโตเป็นสาวเริ่มน่ากลัวเหมือนตอนนี้แหละ” ผมพูดกับบีม บีมพยักหน้ากับผมเบาๆ
"และพี่คิดว่าป๊ากับม๊าน่าจะเคยถามเขาเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเธอน่ะ แต่เขาปฏิเสธว่าแพรวาไม่ได้ป่วย ตอนนั้นพี่เองก็ไม่ได้เอะใจเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ตอนนี้พี่ต้องทำอะไรสักอย่าง อย่างที่อาม่าบอกผม ปกป้องคนของเราก่อน ลูกผมสำคัญกับผมมากและยิ่งบีมด้วยยิ่งสำคัญกับพี่และลูกมาก "ผมพูดบอกบีม บีมก็กอดผมแน่นขึ้น

"ผมว่าพี่นอนได้แล้วมั้ง พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำงานน่ะ คุณผู้บริหารที่อยู่ในช่วงฝึกงานอาจจะไปทำงานสายเอาน่ะ และโดนหักเงินเดือน อันนี้ผมว่าพี่อายมากกว่าแน่ๆ " บีมเงยหน้าพูดกับผม

"พี่คิดถึงธุรการฝึกงานของพี่น่ะ " ผมบอกกับบีม

"ผมเหรอ ทำไมอ่ะ ทำงานด้วยกันแค่วันเดียวเองน่ะ" บีมเงยหน้ามองผม

"แต่พี่รู้สึกเหมือนทำงานกันมานาน บีมเข้าใจทุกอย่าง "ผมพูด "รอให้อะไรเข้าที่ก่อน ผมจะไปช่วยน่ะ " บีมเงยหน้าขึ้นพูด มันทำให้มุมปากของผมกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที

"จริงน่ะ! " ผมถามบีม เขาพยักหน้า และผมกับก็ลุกจากเตียงนอน พากันไปจัดการเช็ดทำความสะอาดก่อนจะกลับมานอนลง นอนกอดกันทั้งคืน ขอบคุณในความผิดพลาดแต่ผมได้คนที่ผมเฝ้ารอมานาน มาอยู่กับผมตอนนี้ ถ้าให้รอพรหมลิขิตก็ไม่รู้จะได้เจอกันไหม
TBC.....

มาให้อ่านแบบยาวๆ ยาวๆ ตอนนี้ไม่รู้ว่าNC พอได้ไหม คนแต่งยังไม่ค่อยเข้าใจอารมร์NCแบบวายๆ มากหนัก อยากเขียนเก่งๆ อยู่น่ะ เพราะรู้ว่ายังบรรยายไม่ค่อยเข้าถึงเท่าไหร่ เลยจะมีน้อยหน่อยนะคะ  อย่าว่ากันนะคะ ถ้าเรื่องนี้ NC ไม่ค่อยเยอะ
ตอนหน้าเธียรวิชย์จะคุยกับพ่อของแพรวาสำเร็จไหม และตอนหน้าบีมจะต้องไปออกงานกับแม่สามี แถมต้องไปปะทะกับแพรวา และหมอสายป่าน เป็นกำลังใจให้บีมด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.21.บีมใจอ่อน P1และP2 (NC18+)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 19-03-2021 19:57:44
 :oo1: :haun4:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.21.บีมใจอ่อน P1และP2 (NC18+)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 19-03-2021 22:30:49
 :hao6:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22 เธียรวิชย์คุยกับพ่อแพรวา
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 20-03-2021 06:45:27
Part’ s เธียรวิชย์ ผมโทรไปที่ไปโรงเรียน ผมแจ้งว่าผมจะมาทำธุระ ถ้ามีอะไรเร่งด่วนให้โทรหาผม และถ้าไม่ด่วน รอได้ ผมจะกลับไปเซนต์เอกสารให้ จะว่าไป ผมอยากทำงานกับบีมมากกว่าขนาดว่าแค่วันแรกเขายังเตรียมให้ผมทุกอย่าง แต่ว่าเจ้าก้อนเต้าหู้ก็ติดบีมมาก บีมเลยขอดูเจ้าก้อนเต้าหู้ก่อน สักปีหนึ่งค่อยว่ากัน แต่จะว่าไป ทุกครั้งที่ผมกลับไปถึงบ้าน ผมเห็นบีม ดูแลลูกแล้ว ผมก็ยิ่งรักบีมมากขึ้นทุกวัน สรรหากิจกรรมมาให้ลูกโซ่ได้ทำและเหมาะสมตามวัยของเขาอีกด้วย



Rrrr คิดในใจก็มาทันที บีมโทรมาหาผม (ป๊า รับสายม๊า ด้วยครับ) เสียงเรียกเขาของผมที่ตั้งเอาไว้ ผมกดรับสายของบีมทันที

//ป๊า วันนี้ป๊ากลับเร็วหรือเปล่าครับ//

//ม๊ามีอะไรหรือเปล่าครับ//

//ม๊าของพี่จะชวนผมไปออกงานน่ะครับ ม๊าบอกว่าไม่อยากไปคนเดียว ไปงานสายใยลูกน้อยนะครับเ เพราะว่าเรามีการรับเลี้ยงเด็กเล็ก ผมเลยว่าจะไปเป็นเพื่อนม๊านะครับพี่เธียร// บีมบอกผม แน่นอนมันทำให้ผมยิ้มดีใจที่ได้ยินแบบนี้

//ได้ซิครับ พี่กลับบ้านไปเลี้ยงลูกเอง บีมจะได้ไปกับม๊า ออกไปพักบ้าง อยู่บ้านเลี้ยงลูกบีมเหนื่อยพี่รู้//ผมพูดกับบีม ตอนนี้รถแล่นเข้ามาที่สำนักงาน ผมตั้งใจมาพบกับพ่อของแพรวาในวันนี้ ผมจะนิ่งนอนใจไม่ได้เรื่องที่บีมพูดกับผม ลูกผมนั้นสำคัญ

// พี่เธียรถึงที่โรงเรียนหรือยังครับ//

// พี่มาประชุมครับบีม // ผมบอกบีมไป แต่ไม่ได้บอกว่าผมมาหาใคร เพราะว่าบีมจะคิดมาก บีมเขาก็กลัวว่าป๊าผมกับพ่อของแพรวาจะมีปัญหากัน บีมเขาเป็นคนแคร์ความรู้สึกคนอื่น ซึ่งมันต่างจากแพรวาที่ไม่เคยแคร์ความรู้สึกใคร

// พี่เสร็จธุระแล้วพี่จะเข้าไปที่โรงเรียนและกลับไปบ้านเลยครับ ไปดูเจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่//

//โอเคครับ ผมจะบอกม๊าให้น่ะครับ //

//ป๊ารักม๊าน่ะ//ผมบอกบีม

//ม๊าก็รักป๊านะครับ กลับมาเล่นกับลูกเร็วๆ น่ะ เจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่น่ะ เห็นรูปพี่ไม่ได้ต้องหยิบมาหอม//ผมได้ยินแบบนี้ ผมรู้สึกผิดที่ผมดื้อกับป๊าผมมากจริงๆ ที่ผ่านมา ผมนี้เป็นลูกที่แย่ แต่จะเป็นป๊าที่ดีให้ได้

// ครับม๊า หอมแก้มลูกโซ่ให้ป๊าด้วยน่ะ เมื่อเช้าป๊ารีบเลยไม่ได้หอมก่อนมาทำงาน คิดถึง// ผมพูดก่อนจะกดวางสาย ผมมาแต่เช้าเพราะว่าเส้นนี้รถติดมาก



“คุณเธียรวิชย์จะให้ผมจอดรอด้านในเลยไหมครับ”



“ได้ครับ แต่ผมคิดว่าไม่น่าจะเกินหนึ่งชั่วโมง ผมแค่มาคุยธุระส่วนตัวกับท่านรัฐมนตรีนะครับและผมจะกลับไปเซนต์เอกสารนิดหน่อยที่โรงเรียนและวันนี้ผมเลิกงานเร็วนะครับ” ผมบอกกับคนขับรถประจำของผมถึงตารางที่ผมแพลนเอาไว้



ผมลงจากรถที่ตรงด้านหน้า ผมเดินเข้าไปเพื่อทำตามระเบียบการเข้าพบ ผมต้องแลกบัตรก่อนจะขึ้นไปยังห้องทำงานของลุงผม พ่อของแพรวา ผมไม่ได้ถามว่าเธอมาทำงานไหม แต่ผมก็ไม่เห็นเธอโทรหาผมอีกเลย ตั้งแต่วันที่ผมบอกเขาว่าไม่ต้องโทรมาหาผมอีก



“สวัสดีครับ ผมมาพบคุณธรรมรัตน์ครับ ผมชื่อเธียรวิชย์ เป็นลูกชายเพื่อนท่านนะครับ” ผมบอกกับเลขาฯ ที่ดูแลการนัดหมายที่หน้าห้องทำงานของท่าน



“เชิญด้านในเลยค่ะ เพราะว่าพนักงานต้อนรับแจ้งเอาไว้แล้วค่ะ และดิฉันก็แจ้งท่านไว้แล้วเช่นกันค่ะ “ผมพยักหน้ากับเลขาฯ หน้าห้อง เขามองผมและยิ้มให้ ถ้าเป็นเมื่อครั้งยังโสด ผมคงหันไปส่งสายตาเล่นด้วยแล้ว ตอนผมโสดผมก็ใช้ชีวิตโสดได้คุ้มค่ามากจริงๆ แต่พอมีครอบครัวแล้ว ผมต้องเอาตามป๊าของผม หยุดคือหยุด ผมผลักประตูเข้าไปในห้องทำงานพ่อของแพรวา ท่านกำลังคุยโทรศัพท์อยู่



“อะไรน่ะ คุณจะมาตรวจสอบผมได้อย่างไร ในเมื่อผมแค่เป็นคนเสนอชื่อคุณเปรมสินี เข้ารับตำแหน่ง พวกคุณต้องไปตรวจสอบภายในกันเองซิครับ ไม่เกี่ยวกับลูกสาวผม แพรวาแค่เป็นลูกศิษย์เขาเท่านั้น และนี่ลูกสาวผมจบแล้ว อย่าได้มาพาดพิงลูกสาวผม คุณรู้ไหมผมเป็นใคร โอเค “ดูท่าทางลุงผมจะหัวเสียแต่ว่าดันมีชื่อแพรวาเข้ามาด้วยนี้ซิ



“สวัสดีครับลุง” ผมยกมือไปไหว้ท่าน



“ว่าไงไอ้หลานยชาย แม้พอบินกลับมาก็ยุ่งน่าดูน่ะ แพรวาบอกลุงน่ะ” พ่อของแพรวาเอ่ยทักทายผมก่อนจะผายมือให้ผมนั่งลง ท่านหันมามองหน้าผม



“มาหาแพรวาเหรอเธียร” พ่อของแพรวาละสายตาจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมามองผมแว๊ปหนึ่งก่อนจะก้มหน้าลงเซนต์เอกสารต่อ



“ผม “ผมกำลังจะเอ่ยปากเปิดเรื่องที่ผมจะมาวันนี้



“แพรวาเขาไม่อยู่ ไปกับแม่เขานะเธียร” คนที่นั่งตรงกันข้ามกับผม รีบเอ่ยปากบอกผมเสียก่อน “และเขาบอกว่าวันนี้คุณแม่เขาชวนไปออกงาน เกี่ยวกับเด็กน่ะ สายใยแห่งรักอะไรนี่แหละ และดูท่าแพรวาเขาจะอยากทำอะไรเพื่อเด็กๆ น่ะเธียร” พ่อของแพรวาพูด ผมพยักหน้าเบาๆ ผมไม่เคยเห็นแพรวาเขาหาเด็กสักนิด



“แพรวาเขารักเด็กน่ะ” พ่อของแพรวาบอกผมด้วยน้ำเสียงที่เรียบๆ



“แล้วนี่มาหาลุงมีเรื่องอะไรด้วยหรือเปล่าล่ะเธียร” พ่อของแพรวาเงยหน้าขึ้นมองผม



“ผมจะมาพูดเรื่องแพรวาน่ะครับคุณลุง” ผมเปิดประเด็นที่ผมต้องการพูดทันที ตอนแรกก็ไม่รู้จะเปิดยังไง เพราะดูจากที่ผมได้ฟังท่านคุยโทรศัพท์ เหมือนกับว่าลูกท่านไม่มีทางทำอะไรผิดเลยสักนิด แล้วเรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ เขาเชื่อเหรอ



“แพรวาก็คุยกับลุงแล้วเหมือนกันเรื่องของเรากับแพรวาน่ะ” พ่อของแพรวาบอกผมว่าแพรวาคุยแล้วเรื่องของผมด้วย ผมชี้ตัวเองทันที



“เรื่องผมกับแพรวาเหรอครับ” ผมกลับต้องเป็นฝ่ายถามท่านกลับทันที



“ใช่ซิ ก็แพรวาบอกว่าเขาคุยกับเราและเข้าใจกันดีแล้วไง ว่าเรื่องที่เรา มีลูกกับเด็กที่เพิ่งเรียนจบปีเดียวกับเขา แพรวาบอกว่าเราน่ะ แค่รับดูแลเด็ก ส่วนแพรวาก็รับได้น่ะ ถ้าเราจะมีลูกแล้ว” พ่อของแพรวาพูดกับผม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมแว๊ปหนึ่ง ผมถึงกับต้องสูดลมหายใจเข้าปอด



“เดี๋ยวครับลุง ผมว่าเข้าใจอะไรผิดกันแน่ๆ ผมไม่ได้แค่รับเลี้ยงแค่เด็กเพราะว่านั้นคือลูกของผมแค่นั้น แต่ผมรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำกับบีมด้วย ผมรับผิดชอบทั้งคู่ครับ และนั้นก็แปลว่าผม มีภรรยาแล้วครับคือบีม “ผมพูด พ่อของแพรวาหันมามองผมก่อนจะวางปากกาลง



“คุณลุงครับ ผมไม่ได้คิดอะไรกับแพรวาเกินไปกว่าพี่ชายน้องสาว คุณลุงคุณป้าก็รู้ดี และที่ผมใจอ่อนให้แพรวาทุกครั้ง ก็เพราะว่าผมเห็นแก่คุณลุงคุณป้า เห็นแก่ว่าบ้านเราดองกันมานานตั้งแต่รุ่นอาก๋งของผมและไหนลุงจะเป็นเพื่อนรักของพ่อผมอีก “ผมพูดกับท่าน



“แต่ว่าตอนนี้ผมจะไปทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว ผมมีบีมและลูกแล้วครับลุง ผมอยากให้แพรวาหยุดทุกอย่างไว้แค่ พี่น้อง เพราะอันที่จริง มีแค่แพรวาที่คิดไปเอง เท่านั้น ผมไม่เคยแสดงว่าผมกับแพรวาเป็นอะไรกันเกินไปกว่านี้”



“เราจะบอกว่า ที่ลูกลุงไปตามนั้น คือเราไม่ได้คิดอะไรกับแพรวาเลยอย่างนั้นเหรอ” พ่อของแพรวาถามผมด้วยสี่หน้าที่ตกใจ



“ผมไม่เคยคิดอะไรกับแพรวาเลย และอย่าถามผมว่าทำไมผมไม่บอกแพรวาตรงๆ ผมเคยบอกแพรวาแล้วแต่เธอไม่รับฟัง และนี้มันทำให้ผมคิดว่า” ผมพูดกับพ่อของแพรวา สายตาของพ่อแพรวามองจ้องผมอยู่



“เธอกำลังป่วยครับ” ผมกลั้นใจพูดออกไป แน่นอนคนตรงข้ามผมถึงกับวางปากกาด้ามสีทองนั้นลงทันที



“มันจะมากไปแล้วน่ะเธียรวิชย์!!!” พ่อของแพรวาลุกพรวดขึ้น มีทุบโต๊ะไม่ดังมากแต่ก็รู้ได้ว่าเขาโกรธ ผมเงยหน้ามองพ่อของแพรวา กรามที่ขบกันจนเป็นสันนูนนั้น



“เอาที่ไหนมาพูดว่าลูกสาวลุงป่วย!”



“แพรวาไม่ได้ป่วย!! แต่ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าแพรวามันรักเรามากไง เธียร!!” พ่อของแพรวาชี้หน้าผม ผมค่อยลุกขึ้นเช่นกัน



“แล้วผมไปทำอะไรให้เธอรักผมมากขนาดนี้ล่ะครับ เพราะว่าที่ผ่านมาผมแทบจะไม่แสดงอะไรที่ชัดเจนเลยว่า ผมคิดเหมือนกับเธอ มีแต่แพรวาที่คิดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียวมาตลอด!”



“และนี้มันก็ก้าวข้ามคำว่ารักไปไกลแล้วครับลุง มันคือการยึดติด ชนิดที่อยากจะครอบครองผมโดยไม่ถามผมสักคำ ว่าผมต้องการไหม” ผมพูดสายตาผมประสานกับสายตาของพ่อแพรวา “ผมยังยืนยันว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับลูกสาวลุงเกินไปว่าพี่น้อง จริงครับและผมเลือกบีมและลูก “ผมจ้องมองสีหน้าและแววตาคู่นั้นฉายแววแสดงความไม่พอใจอย่างมาก มือที่กำมัดวางอยู่บนโต๊ะนั้น บีบเข้าหากันจนเสียงดังกรอบๆ



“และตอนนี้แพรวากำลังล้ำเส้นของผมกับบีมมากจนเกินไป”



“ผมขอร้องให้ลุง พาแพรวาไปรักษาเถอะครับ ผมคิดว่าลุงรู้ดีว่าลูกลุงป่วยอยู่ อันนี้ผมหวังดีนะครับ ผมยังยินดีที่จะเป็นพี่ชายให้เขาได้ แต่ให้ผมเป็นมากกว่านั้น ผมทำไม่ได้ ยิ่งตอนนี้ผมมีลูกและเมียแล้วและผมกับบีมจะแต่งงานกัน หลังจากที่เฮียธีแต่งงานแล้วทันทีครับ “ผมพูดบอกท่าน พ่อของยืดตัวขึ้นก่อนจะก้าวถอยหลังออก พร้อมกับทำท่าจะชี้หน้าผม แต่ทว่าเสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน



“ขอโทษค่ะท่าน คุณศรัญญา เป็นเจ้าหน้าที่มาจากคุรุสภาค่ะ มาขอเข้าพบท่านค่ะ เขามีหนังสือมาด้วยค่ะ” เลขาฯ ที่นั่งอยู่หน้าห้อง ผมหันหลังไปมองผู้หญิงคนนั้นเหมือนกับพ่อของแพรวา



“เชิญเขาเข้ามา ผมคุยธุระเสร็จแล้วครับคุณจันทรา” พ่อของแพรวาหันไปบอกเลขาของเขา ก่อนจะหันมามองหน้าผม นั้นแปลว่าเขาไม่ต้องการคุยกับผมต่อ ผมพยักหน้าก่อนจะ



“งั้นผมกลับก่อนนะครับลุง” ผมยกมือไหว้ทันที ก่อนจะเดินออกมาไปจากห้อง ผมไม่คิดว่าแพรวาจะไปบอกพ่อเธอคนละเรื่องกันเลย หาว่าคุยกับผมรู้เรื่องแล้ว มันไม่เป็นความจริงเลยสักนิดและลุงผมก็เชื่อลูกสาวตัวเอง ผมเดินออกมาจากห้องทำงานทันที และคนที่ผมเจอที่หน้าห้องคือภรรยาเก่าอากันตภณ



“สวัสดีครับอาหลิน” ผมยกมือไหว้อาหลิน



“อ้าวเธียรวิชย์ เป็นไงเราสบายดีไหม” อาหลินถามผม



“ผมสบายดีครับอา อาล่ะครับสบายดีไหมครับ”



“สบายดีและก็ยุ่งๆ น่ะ ต้องเดินตรวจสอบครูอาจารย์ที่ทำผิดกฎ แต่โรงเรียนของเราดีน่ะไม่มีเรื่องพวกนี้เลย “อาหลินพูดกับผม แต่มันก็ทำให้ผมต้องเกิดข้อข้องใจ ตรวจสอบครูอาจารย์ที่ทำผิดกฎ ว่าแต่มาทำไมที่สำนักงานของพ่อแพรวาเขาไม่ใช่รัฐมนตรีกระทรวงการศึกษาสักหน่อย มันทำให้ผมคิดสิ่งที่ผมแอบได้ยินตอนที่พ่อของแพรวาคุยโทรศัพท์ มันคือเรื่องเดียวกันไหม



“อาเข้าไปก่อนน่ะ ว่างๆ อาว่าจะไปเยี่ยมอาม่าเราสักหน่อย “อาหลินบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะหลบให้อาหลินเดินเข้าไปในห้องทำงานพ่อของแพรวา



“อ้อ เห็นลูกชายเราด้วยน่ะ น่ารักเชียว หน้าเขาเหมือนเธียรวิชย์ตอนเด็กๆ เลยน่ะ “อาหลินพูดก่อนเปิดประตูเข้าไป ผมยิ้มให้อาหลิน แต่ก็ยังงงอีกอย่างคือ อาหลินเจอเจ้าก้อนเต้าหู้ของผมได้ยังไง เจอกันตอนไหน และบีมล่ะเจออาหลินหรือยัง บีมจะรู้เรื่องอากันตภณเคยแต่งงานมาก่อนหรือยัง ผมคิดวนไปมาในหัวผม ก่อนจะหยิบมือถือมาโทรศัพท์หาบีม



//ฮัลโหล ป๊า” เสียงบีมกดรับสายผมและตามมาด้วยเสียงวุ่นวายภายในบ้าน สงสัยเจ้าก้อนเต้าหู้ทำให้ม๊า กับอาม่า (ม๊าของผม วุ่นอีกแล้วซิท่า)



//ฮัลโหล ม๊า ป๊ากำลังจะกลับไปที่โรงเรียนน่ะครับ และจะไปเซนต์เอกสารสองฉบับ ก่อนจะกลับไปเล่นกันเจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่//



//วันนี้เจ้าก้อนเต้าหู้ของพี่ซนทั้งวันเลยเนี๊ยะ! ตอนนี้คลานและกำลังจะเกาะยืนแถมเริ่มจะปืนแล้วด้วย//



// ลูกป๊านี่เก่งเหมือนป๊าเขาเลยน่ะ ว่าไหมม๊า// ผมถามบีมกลับ



//เรื่องซนน่ะใช้เลย ม๊าบอกผมแล้ว//



//เอาน่ะเด็กซนคือเด็กฉลาด และเดี๋ยวพี่จะไปเทรนอีกเยอะเลย //ผมบอกบีม



//ป๊า แวะซื้อแพมเพิส มาให้ลูกโซ่ด้วยได้ไหมครับ ผมลืมบอกพี่มิวไปวันก่อนว่าแพมเพิสใกล้จะหมดแล้ว//



//ไอ้ซิครับ ว่าแต่ไซ้อะไรล่ะม๊า” ผมคุยโทรศัพท์จนลงมาถึงชั้นล่างสุด ผมเดินที่จอดรถเอาไว้ ผมเห็นรถของผมแล้ว พี่คนขับรถก็รีบวิ่งลงมาเปิดประตูให้ผมทันที



//ของเด็กน้ำหนักแปดกิโลขึ้นไปน่ะป๊า//



//ได้ครับเมียครับ //



//แค่นี้ก่อนนะป๊า ผมจะพาเจ้าก้อนเต้าหู้พี่ไปนอนกลางวันก่อน //



//ยังติดเต้าอยู่เปล่า//



//’ งอแงไม่ยอมนอนสงสัยต้องให้ก่อนจะได้นอนอ่ะครับพี่เธียร//



//ไม่ได้ ให้เลิกได้แล้วนี่มันของป๊าแล้ว ป๊าไม่ยอมน่ะ นั้นเต้าของป๊าน่ะ//



//พี่เธียร!! ไม่พูดแล้วไปแล้ว ลูกรอ แค่นี้น่ะป๊า ตรู้ดๆๆๆ” วางสายไปเลยเมียผม ผมกดวางสาย ก่อนจะนั่งลง หยิบไอแพตเครื่องที่ผมใช้ทำงานขึ้นมา วันก่อนผู้ที่มาเยี่ยมโรงเรียนสาขาที่ผมดูแล ต่างก็ประทับใจกับผลงานนิทรรศการที่เด็กๆ ทำ ผมเห็นรอยยิ้มเด็กๆ แล้วก็คิดถึงนอยยิ้มเจ้าลูกโซ่ของผม ป๊าจะดูแลเจ้าให้ดีที่สุด



********



Part’ s กันต์ธีย์ วันนี้ม๊าชวนผมมาร่วมงาน สายใยรัก เป็นงานที่ผลิตภัณฑ์เด็กจัดขึ้น การสนับสนุนกิจกรรมนันทนาการให้ลูกน้อยตามวัย ช่วยให้กระตุ้นการพัฒนาการของลูกน้อย และผมก็สนใจที่จะมาฟัง เพื่อนำมาใช้กับเจ้าลูกโซ่ของผม และวันนี้ผมปล่อยให้คุณป๊ากับคุณลูกเขาอยู่ด้วยกันครึ้ววันเลยแหละ ไม่รู้ว่าใครจะยอมยกธงก่อนกัน แค่นั่งคิดก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้



“ไม่รู้ว่าจะรอดไหมสองพ่อลูกนั้นน่ะ” ม๊าหันมาพูดกับผม ผมหันมายิ้มกับม๊า



“ผมก็หวังว่าพ่อลูกจะไม่ตีกันนะครับม๊า” ผมพูดปนหัวเราะ



“บีม “ม๊าจับมือผม เหมือนจะม๊าจะพูดอะไรกับผมสักอย่าง



“ครับม๊า” ผมถามม๊า



“บีม เรื่องรูปที่แพรวาเอามาให้ดูน่ะ ม๊ากับป๊าคุยกันว่า” ผมหันมามองม๊าพร้อมกันกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ



“ยังไงก็ไม่เชื่อ เพราะว่าที่เราอยู่ด้วยกัน ม๊าเห็นบีมทุกวัน ม๊าเชื่อว่าบีมไม่ทำแบบนั้นแน่ๆ และเธียรเขาก็คุยให้ม๊าฟังทุกอย่างแล้ว และไม่ใช่แค่ม๊า ป๊า ทุกคนก็เห็นเหมือนที่ม๊าเห็น ดังนั้นบีมไม่ต้องไปกังวลเรื่องนั้นเลยน่ะลูก “ม๊าพูดกับผม ผมยิ้มให้ม๊า จู่ๆ ผมก็โผเข้าไปกอดม๊า ผมดีใจจนน้ำตาซึมเลย ผมไม่คิดว่าจะมีคนให้การต้อนรับผมดีขนาดนี้ และยังเชื่อใจผมมากทั้งที่ผมเพิ่งจะเข้ามาอยู่ แถมยังเข้าใจผมมากกว่าแม่แท้ๆ ของผมอีก



“ไม่ต้องคิดมากน่ะรู้ไหม มีอะไรคุยกับม๊าได้ ม๊าก็เห็นบีมเหมือนลูกม๊าคนหนึ่งน่ะ “ม๊าบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าไปในงาน และจังหวะนั้นผมหันไปเห็น พี่หมอสายป่าน เขามาในงานนี้ด้วย หมอสายป่านเขาหันมามองผม ผมก็ยกมือไหว้หมอสายป่าน หมอสายป่านเขายิ้มให้ผมเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผมพาเจ้าลูกโซ่ไปตรวจสุขภาพและฉีดวัคซีน และต่อให้ผมรู้ว่าคนที่ทำให้พี่หมอภีมปภพกับพี่กันตภณมีปัญหากันคือเขาก็ตามแต่ว่ามันคนละส่วนกัน อันนั้นคือเรื่องส่วนตัวของหมอเขา



“ธัญญารัตน์” ผมหันไปมองคนที่เรียกม๊าของพี่เธียร และผมก็ต้องสะดุ้งกับสายตาที่ดูแข็งกร่าวมองมาที่ผม มือที่กำแน่นด้วยความอาฆาต



“สวัสดีค่ะ ม๊า “แพรวาเปลี่ยนอิริยาบถได้เร็วมาก เขาหันมายกมือไหว้อย่างอ่อนน้อมกับม๊า



“สวัสดีจ้ะแพรวา “ม๊าทักทายเธอกลับเช่นกัน เธอไม่ทักผมสักนิดเลย



“คุณนิดา มาด้วยเหรอคะ ไม่เห็นบอกก่อนเลยค่ะ” ม๊าทักทายผู้หญิงที่ยืนอยู่กับแพรวา ผมเดาว่าเขาคือแม่ของเธอ ดูจากโครงหน้าแต่ว่ากิริยาต่างกันโดยสิ้นเชิง เขาหันมายิ้มให้ผมด้วยความเมตตา



“สวัสดีครับ” ผมยกมือไหว้แม่ของแพรวา แพรวาเธอก็เบือนหน้าหนีผม



“นิดา นี้แหละ ลูกสะใภ้ฉัน เขาชื่อบีมไง” ม๊าแนะนำผมกับแม่ของแพรวา ใช่ครับ ผมยังไม่ได้เจอแม่ของเธอในวันนั้นเพราะว่าพี่เธียรวิชย์ดันให้ผมรีบขึ้นห้องไปซะก่อน ที่เขาจะเข้ามารับลูกสาวเขากลับบ้าน



“อ้อ นี้เหรอ ที่ว่า มีลูกกับเธียรวิชย์น่ะ” แม่ของแพรวาถามผม แพรวาสะบัดหน้ามามองผมและหันไปที่แม่ของเธอ



“คุณแม่ค่ะ “แพรวาเรียกแม่ของเธอด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว ทำให้แม่ของเธอหันไปมองแพรวา ม๊าก็หันมามองผม ก่อนจะแตะที่แขนผมเบาๆ เขาคงรู้ว่าแพรวาไม่พอใจผมอยู่



“ม๊าครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมครับ” ผมกระซิบกับม๊า



“แต่ว่างานจะเริ่มแล้วน่ะลูก และนี้เขาจะเชิญม๊าขึ้นไปคุยเรื่องการเลี้ยงลูก เพราะว่าลูกม๊าประสบความสำเร็จกันทุกคน แล้วบีมจะไม่ขึ้นไปกับม๊าเหรอลูก” ม๊าถามผม



“ผมว่าม๊าขึ้นไปดีกว่า เดี๋ยวผมจะมาถ่ายรูปม๊าให้พี่ๆ ดูครับ” ผมบอกม๊า



“ได้ อย่าไปนานล่ะบีม ม๊าเป็นห่วง “ม๊าหันมาบอกผม ผมหันมายิ้มให้ม๊าก่อนจะเดินออกไป ผมมองหาแต่ไม่เห็นหันไปแต่ว่าผมมองไม่เห็นพี่หมอสายป่าน เขาไปไหนของเขาน่ะ ผมว่าจะคุยเรื่องพี่กันตภณกับพี่หมอภีมปภพ ซะหน่อย ผมเดินไปหาป้ายว่าจะเข้าห้องน้ำ จังหวะนั้น



“หมับ” ผมรู้สึกว่ามีคนกระชากผมให้หันกลับมาหาเขา แถมยังบีบแขนผมด้วย กรงเล็บที่ยาวแหลมนั้นมันกดลงไปที่ต้นแขนของผมเจ็บเอาเรื่องเหมือนกัน เจ็บจนผมต้องจับข้อมือเธอแต่ไม่กล้าบีมแรง แค่ให้เธอหยุด



“คุณแพรวา ปล่อยแขนผมน่ะครับ คุณอย่าทำอะไรที่มันทำให้คุณดูแย่เลยน่ะครับ และคนที่มองเขาก็จะมองคุณไม่ดีเปล่าๆ ” ผมพูด มันทำให้เธอปล่อยแขนผมเป็นอิสระ



“แกถือดียังไงมางานนี้” แพรวาถามผม



“ก็ม๊าชวนผมมา ผมก็มาไงครับ” ผมตอบเธอด้วยน้ำเสียงเรียบๆ



“งานนี้สำหรับแม่ ไม่ใช่งานของตุ๊ด” แพรวาพูด เธอแสยะยิ้มให้ผมก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย ผมคิวด่าผมควรจะเดินเข้าห้องน้ำไปจะดีกว่าจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกับเธอ



“และทำไมแกไม่กลับไปหาอากันล่ะ นี่เห็นว่าพี่เธียรวิชย์ของฉันน่ะ เขาหล่อกว่า เขาหนุ่มกว่าเหรอ และวันนั้นแกคงร่านจนไปอ่อยพี่เธียรของฉันจนเขาเอาแกจนท้อง “ผมต้องยืนสูดลมหายใจเข้าออก คือถ้าวันนี้ผมมีเรื่องไปคนที่เสียใจคงเป็นม๊ามากกว่า



“คอยดูน่ะ ว่าแกกับฉันใครจะได้อยู่กับพี่เธียร ส่วนลูกแก ฉันก็ไม่สน หากพี่เธียรจะเอาไว้ แต่ฉันไม่รับประกันว่ามันจะโตมาแบบไหน” ผมเงยหน้ามองแพรวา



“ถ้าผมไม่ได้อยู่ ลูกผมก็ไม่อยู่เหมือนกัน แต่ที่ผมรู้น่ะ ตอนนี้ พี่เธียรเขารักเจ้าลูกโซ่มาก ผมคิดว่าเขาไม่ยอมปล่อยลูกผมไปหรอกครับและนั้นก็แปลว่าเขาไม่ปล่อยผมไปเหมือนกัน “ผมพูดแพรวาก็ยิ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ



“และคุณเองก็รู้ดีว่าคุณ ไม่มีอะไรมาต่อรองเท่ากับผม ไม่อย่างนั้นคุณคงไม่ พยายามทำอะไรแบบนี้ และมันก็ยิ่งมองว่าคุณ ต่ำลงกว่าผมเข้าไปอีก คุณแพรวา คุ้มแล้วเหรอครับที่คุณจะมาแลกกับผม” ผมพูดกับเธอสายตาผมก็ไม่ลดละจากสายตาเธอแม้แต่น้อย เพลิงโทสะที่เจิดจ้ามาจากนัยน์ตาคู่นั้น มันทำให้ผมเริ่มกลัวว่าเธออาจจะคิดทำอะไรที่คาดไม่ถึง



“ฉันบอกว่าเขาคือของฉันก็คือของฉัน แกกับลูกไม่มีสิทธิ์มาแย้งเขาไปจากฉัน!!”



“ผมไม่ได้แย้งเขามา คุณรู้ดีแพรวาและเขาก็ไม่ใช่ของคุณด้วย ตอนนี้หัวใจของเขามีคนคล้องเอาไว้แล้วนั้นคือลูกโซ่ลูกชายผม แต่จะให้ผมมายืนเถียงกับคุณ ผมว่าเสียเวลาเปล่า เพราะว่าคุณไม่ยอมรับความจริง และหมกมุ่นกับความคิดของตัวเอง ผมเสียเวลาเปล่าๆ นะครับ “ผมพูดก่อนจะหันหลังเดินออก



“หมับ” เขาคว้าแขนผมและสะบัดผมให้หันมาหาเขาอีกครี้ง พร้อมกับง้างมือขึ้นเหนือศีรษะ



“แก” คุณแพรวาทำท่าจะยกมือขึ้นมาจะฝาดผม  แต่ว่ามีคนเดินออกมาจากห้องน้ำซะก่อน คนนั้นคือหมอสายป่าน เธอหยุดมองแพรวาและหันมามองผมสลับกันไปมา ก่อนจะหันไปเลิกคิ่งสูงมองแพรวา เป็นคำถาม



“ขอโทษน่ะ เห็นอะไรมันติดที่ผมน่ะค่ะ เลยจะปัดออกให้น่ะ บีม” แพรวาเธอรีบเปลี่ยนพฤติกรรมของเธอทันทีอย่างรวดเร็วจนผมเองก็ตั้งตัวไม่ทันท และเธอก็รีบหันหลังเดินออกไปทันทีเช่นกัน ทิ้งให้แค่อาการงงของผม หมอสายป่านหันมามองผมอีกที



“อันที่จริง เธอน่าจะเลือกพี่กันน่ะ เธอจะได้ไม่ต้องมาเจอกับผู้หญิงโรคจิตคนนี้ และดูท่าแล้ว หลอนคงจะทำให้เธอประสาทเสีย เหมือนเล่นสงครามประสาทกับคนโรคประสาทอีกที” หมอสายป่านพูด ก่อนที่เขาทำท่าจะหันหลังเดินออก



“หมอสายป่านครับ” ผมเรียกหมอสายป่านเอาไว้ เขาชะงักเท้าก่อนจะหันกลับมามองผม



“ผมขอเรียกพี่สายป่านได้ไหมครับ” ผมถามพี่สายป่าน



“ได้ค่ะ ยินดีค่ะ ว่าแต่น้องบีมมีอะไรหรือเปล่าคะ” หมอสายป่านถามผม



“ผมขอไปคุณด้านโน้นได้ไหมครับ เรื่องพี่หมอภีมปภพกับพี่กันตภณนะครับ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวกคุยผมไม่ว่าอะไรนะครับ” ผมพูด หมอสายป่านมองหน้านิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าว่าคุยได้

TBC.....

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22 เธียรวิชย์คุยกับพ่อแพรวา
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 20-03-2021 15:32:09
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22 เธียรวิชย์คุยกับพ่อแพรวา
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-03-2021 22:53:19
 :katai1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22.1 ความจริงจากหมอสายป่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 21-03-2021 20:37:19
EP.22.1 ความจริงจากหมอสายป่าน

                  หลังจากที่ผมกับหมอสายป่านเดินไปหามุมที่พอจะคุยกันได้ ผมนั่งลงตรงข้ามกับเธอ แววตาคู่นั้นไม่ได้บ่งบอกเลยว่าเขาร้ายกาจแต่ผมเข้าใจว่าเขารักพี่สาวเขามากและมีต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจนทำให้เธอตัดสินใจเข้ามาทำแบบนี้ ทั้งที่มันก็ทำให้เธอมีมลทิน

“ผมไม่คิดว่าจะเจอพี่สายป่านที่นี้นะครับ เห็นพี่หมอภีมบอกผมว่าพี่ลาออกแล้วนะครับก็เลยไม่ได้นัดฉีดวัคซีนเจ้าลูกโซ่ต่อนะครับ และต้องเป็นหมอภีมปภพฉีดให้แทนน่ะครับ “ผมเริ่มเปิดบทสนทนากับหมอสายป่าน

“ค่ะ พี่ไปเปิดคลินิกนะคะ ว่าแต่น้องลูกโซ่เป็นยังไงบ้างคะ ดูเขาเป็นเด็กที่ฉลาดมากนะคะ ฉลาดเกินวัยด้วยซ้ำ สำหรับเด็กคลอดก่อนกำหนดหลายสัปดาห์ “พี่หมอสายป่านหันมาพูด ก่อนจะเดินมาเจอมุมที่นั่งคุยได้ ผมนั่งลงตรงข้ามกับหมอสายป่าน

“น้องบีมมีอะไรจะถามพี่ ถามได้เลยค่ะ พี่ตอบได้พี่จะตอบให้ค่ะ” พี่หมอสายป่านบอกผม

“ก่อนอื่นผมต้องขอโทษนะครับ ถ้าคำถามของผมเป็นการละลาบละล้วงไป” ผมพูดกับพี่หมอสายป่าน

“เชิญค่ะ พี่ตอบได้พี่จะตอบนะคะ” พี่หมอสายป่านพูด

“คือผมไม่รู่ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่าง พี่กันตภณกับพี่หมอภีมปภพและพี่ แต่ผมอยากให้ พี่สายป่านให้อภัยพี่ทั้งสองเขาได้ไหมครับ”

“ผมเองยังไม่กล้า ที่จะเข้าไปกั้นกลางระหว่างเขาสองคนเลยนะครับ ต่อให้พี่กันตภณจะบอกผมว่าเขารักผมมากแค่ไหนก็ตามแต่ว่า ผมเห็นในแววตาของเขาทั้งคู่ ผมว่าเขายังรักกันอยู่นะครับ “ผมพูดกับหมอสายป่าน คำพูดเชิงขอร้อง และหมอสายป่านก็ทำท่าสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองก่อนจะหันมามองหน้าผม

“ใช่เขารักกันมาก แต่ความรักของเขามันทำให้พี่สาวฉันต้องนั่งร้องไห้ เสียใจ จนฉันต้อง……ฉันต้องพี่หลินพาเขาไปพบจิตแพทย์ พี่สาวฉันเกือบเป็นโรคซึมเศร้า” ผมเงยหน้ามองพี่หมอสายป่าน

“แต่ตอนนี้พี่สาวคุณก็แต่งงานใหม่แล้วไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามหมอสายป่าน

“ใช่ เขาแต่งงานใหม่แล้ว และที่เขาต้องไปแต่งงานใหม่ก็เพราะว่า พี่หลินรักพี่กันมากเลยต้องยอมตัดใจ แต่ตอนนี้พี่หลินเขาดีขึ้นแล้ว เพราะว่าผู้ชายที่พี่หลินเลือกคนนี้เขาดีมาก ดูแลพี่หลินดี ถามว่าดีกว่าพี่กันไหม พี่กันเขาดูแลพี่หลินดีมากเหมือนเช่นสามีทั่วไปแต่ในใจเขาไม่ได้อยู่กับพี่หลิน” พี่หมอสายป่านพูด

“เขาก็เหมือนกับผม พี่กันดูแลผมดีแต่ใจเขาไม่ได้อยู่กับผมเช่นกัน และใจผมก็ไม่ได้อยู่กับเขาเหมือนกันครับ” ผมพูดกับหมอสายป่าน เขาเหลือบตามามองผม

“แต่ฉันเดาว่า เรื่องที่เธอยากจะถามฉันน่ะไม่ใช่เรื่องนี้หรอก น่าจะเป็นเรื่องคืนนั้นใช่ไหมบีม เรื่องที่ฉันกับหมอภีมปภพมีอะไรกัน” ผมหันมามองหมอสายป่าน ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ ผมเองก็ไม่กล้าถาม

“ฉันไม่ได้มีอะไรกับเขาจริงๆ หรอก ฉันแค่ใช้ยาหลอนประสาทกับเขาและมันก็ทำให้เขาจำอะไรไม่ได้ แต่ตื่นมาเจอว่านอนกับฉันและฉันก็เป็นคนส่งข้อความให้พี่กันมาหาและเปิดประตูมาเจอ ฉันตั้งใจ “หมอสายป่านพูด

“แล้วพี่ทำแบบนั้นทำไมล่ะครับ ทั้งที่พี่กันกับพี่หลินเขาหย่ากันไปแล้วนะครับ “ผมถามพี่หมอสายป่าน พี่เขามองหน้าผม

“ผมขอโทษนะครับ ที่ผมถามไปแบบนั้นนะครับ” ผมรีบขอโทษทันที

“ฉันรู้ว่า ถ้าฉันทำแบบนี้ ผลมันก็คือฉันเองที่ดูแย่ แต่ว่าฉันต้องทำให้เขาทั้งคู่เจ็บเหมือนที่พี่สาวฉันเจ็บ “พี่หมอสายป่านพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเจ็บแค้นแทนพี่สาวเขามากแค่ไหน

“พี่หมอภีมเขาส่งรูปที่เขานอนกันบนเตียงไปให้พี่สาวฉัน หลังจากที่พี่สาวฉันให้พี่กันพาไปหาหมอภีมเพื่อต้องการทำกิ๊ฟ แต่เขากลับให้พี่กันตรวจสุขภาพและผลมันก็ออกมาว่าพี่กันเป็นหมัน และพี่กันก็ปฏิเสธที่จะใช้ไข่ของพี่สาวฉันกับน้ำเชื้อคนอื่น ข้ออ้างว่า ลูกคนอื่นเขาเลี้ยงไม่ได้ พี่สาวฉันเสียใจมาก”

“แต่ที่หนักกว่านั้นรูปพวกนั้นมันทำให้พี่สาวฉันจนเกือบคุมสติตัวเองไม่อยู่คือ รูปที่ทั้งคู่นอนกันอยู่บนเตียง “ผมก็รีบกุมมือพี่สายป่าน ผมเข้าใจว่าพี่เขารักพี่สาวเขามาก

“แต่ผมว่า การที่จะแก้แค้นกันไปมาแบบนี้ เมื่อไหร่มันจะจบล่ะครับพี่หมอและที่สำคัญมันก็มีแต่คนเจ็บไม่มีใครมีความสุขสักคน พี่เองก็เช่นกัน และผมคิดว่าพี่หมอภีมเขาเจ็บมาพอแล้ว ให้อภัยเขาเถอะนะครับพี่สายป่าน” ผมพูด

“อันที่จริงฉันจบแล้ว พี่สาวฉันคุยกับฉันแล้วว่า เขาไม่โกรธพี่กันแล้ว เพราะว่าวันที่เขาขอให้พี่กันพาไปหาหมอภีมปภพ พี่กันก็ให้เกียรติพี่หลินอย่างภรรยา เขาเพิ่งจะบอกฉันเมื่อวันที่เขา พร้อมจะให้อภัยจริงๆ”

“ดีแล้วครับ ผมเองก็อยากเห็นทุกคนเลิกอาฆาตโกรธแค้นกัน เพราะว่ามันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น และสิ่งที่ผ่านมาก็ย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้”

“นี่เธอคงคิดว่าเรื่องแค่นี้เหรอ ที่จะทำให้พี่กันไม่กลับไปหาหมอภีมปภพ” พี่สายป่านพูด ผมเงยหน้ามองหน้าเขา ยังมีอีกเหรอ

“พ่อของพี่หมอภีมต่างหาก ที่เรียกพี่กันมาคุย ก็พอดีวันนั้นฉันเดินไปหาคุณลุงเขา และฉันก็เห็นพ่อพี่หมอภีมคุยกับพี่กันด้วยสีหน้าซีเรียส เหมือนกับว่าเขาขอพี่กัน อย่ากลับมาหาลูกเขา เขาอยากให้ลูกเขาแต่งงานกับผู้หญิงแต่ว่าพี่หมอภีมก็ไม่ยอมแต่ง ฉันก็นับถือเขาน่ะ ที่เขามั่นคงแต่สิ่งที่เขาทำกับพี่สาวฉัน ฉันโกรธมากจริงๆ “พี่หมอสายป่านพูด

“แต่ตอนนี้ฉันพอแล้ว ฉันเลยขอลาออกไปเปิดคลินิกกับเพื่อนหมอด้วยกัน “พี่หมอสายป่านพูด

“ผมขอบคุณนะครับพี่สายป่าน “ผมขอบคุณที่เขาหยุด

“เรานี้น่ะ นางเอกจริงๆ อันที่จริง ถ้าเราจะเลือกพี่กัน เพราะดูเขารักและเป็นห่วงเรามาก และเขาเป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ พี่สาวฉันยอมรับเลย แต่ว่า เขาแค่โดนกดดันมาจากป๊าเขาเยอะมากแค่นั้น และนี้ป๊าเขายังไม่ยกอะไรให้เลยน่ะ เธอรู้ไหมว่าเพราะอะไร” ผมก็ตกใจ

“เพราะว่า หนึ่งพี่กันไม่มีลูกเขาคิดว่าคงไม่มีใครสืบสกุลดูแลกิจการต่อ สองพี่กันไม่อาจจะกลับมาใช้ชีวิตปกติแบบคนปกติเขาได้ คือการแต่งงานกับผู้หญิงได้ ป๊าเขาใจร้ายไปน่ะแต่เขาก็ทำ ต่อให้ป๊าของพี่กัน เขาจะรักพี่สาวฉันอยากได้พี่สาวฉันเป็นลูกสะใภ้แค่ไหนเขาก็ควรจะ ถามลูกชายเขาก่อนนนะว่าเขา ชอบแบบไหนไม่ใช่จับพลัดจับผลูคิดว่าฝืนอยู่กันได้”

“ก็มีแต่พังแบบนี้ “หมอส่ายป่านพูดก่อนจะเหลือบตาลงมองเวลาที่นาฬิกายี่ห้อเดียวกับมือถือของเธอ

“ผมยอมรับว่าผมดูโง่ในสายตาใครหลายคนแต่ผมเชื่อว่าพี่เธียรวิชย์ก็เป็นพ่อที่ดีได้ในแบบที่เขาเป็นและสายตาเจ้าลูกโซ่ มองพี่เธียรวิชย์กับตอนที่มองพี่กันตภณมันต่างกัน แต่ไม่ใช่ว่าลูกโซ่ไม่รักพี่กันน่ะ แต่รักเหมือนญาติผู้ใหญ่มากกว่านะครับ ผมดูออก “ผมบอกหมอสายป่าน เขาก็มองผมก่อนจะลุกขึ้น

“พี่ต้องไปแล้ว พี่ต้องขึ้นไปพูดต่อจากนี้ มีอะไรก็ไปหาพี่แล้วกันน่ะ คลินิกพี่ไม่ห่างจากบ้านเธียรวิชย์หนักหรอก” พี่หมอป่านพูดผมพยักหน้าก่อนจะลุกขึ้น

“ขอบคุณนะครับพี่สายป่าน” ผมพูดขอบคณพี่สายป่านอีกครั้ง สายตาที่เขามองผมก่อนจะยิ้มให้ผม

“ฉันขอโทษนะ ถ้าที่ฉันทำมันอาจจะทำให้เธอไม่สบายใจ แต่ฉันไม่ได้มีอคติในความรักแบบที่เธอเป็น ดูแลลูกให้ดีล่ะเขาเกิดมาเพื่อเราน่ะ ดูเขารักเรามากและเราก็ทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีไม่แพ้ผู้หญิงจริงๆ “พี่หมอสายป่านพูดก่อนจะเดินแยกไปทันที ผมก็ต้องรีบเดินเข้าไปในงาน แต่ว่าคนเริ่มเยอะ ผมก็เห็นม๊านั่งให้สัมภาษณ์อยู่กับแม่ของแพรวาบนเวที ผมก็ยืนถ่ายรูปม๊า ม๊าหันมายิ้มให้ผม แม่ของแพรวาเขาพูดชมลูกสาวเขาเยอะมาก

//น้องแพรวาเป็นคนเรียบร้อยค่ะ เป็นคนใจเย็น น่ารัก โอบอ้อมอารี คือแม่สอนเขาตั้งแต่เด็ก ว่าให้เขามีจิตใจเอื้อเฝื่อต่อทุกคน และเขาก็เป็นกตัญญูรู้คุณ บร้าๆ “ผมนั่งฟังก่อนจะหันไปเห็นหมอสายป่านที่นั่งกอดอกฟัง เขาเบ้ปากและสั่นหัวเล็กน้อย ผมเห็นทีมงานเดินมาหาหมอสายป่าน และพูดคุยกัน ผมก็นั่งเลือกรูปภาพส่งไปให้พี่ๆ

ตึ้ง เสียงข้อความผมดังขึ้น พี่เธียรวิชย์ส่งรูปที่เขาอยู่กับเจ้าก้อนเต้าหู้ หน้าตามอมแมมมาก ผมรีบส่งข้อความตอบกลับทันที จะวิดีโอคอลก็เกรงใจคนรอบข้าง
มาม๊า // พี่ทำอะไรกับลูกผมน่ะ//
ปาป๊า// เขาอยากกินขนมไง พี่เลยให้เขากินเอง ปลอดภัยน่ะ แต่รู้สึกว่าพี่ต้องจับเจ้าก้อนไปอาบน้ำหลังจากนี้ ฮาๆ //
มาม๊า// แน่ล่ะดูซิ เลอะเทอะขนาดนี้//
ปาป๊า//ลูกชายน่ะม๊า มันก็ต้องมีเลอะเทอะกันบ้าง // พี่เธียรวิชย์บอกผม ก่อนจะส่งมาอีกรูป พ่อลูกเลอะพอกันเลย
ปาป๊า // เจ้าก้อนแกล้งพี่อ่ะม๊า!!”
ปาป๊า//อีกนานไหมกว่าม๊าจะกลับพี่จะได้รอให้มาจับพี่อาบน้ำ//
มาม๊า//อาบเองไปเลยและอาบให้ลูกด้วยนะป๊า ดูซิ มอมแมมมากกกก// ผมส่งข้อความ หาคุยกับพี่เธียรวิชย์ จู่ๆ ก็มีคนมาดึงมือถือผมไป หน้าตาเฉย ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ผมหันไปมองคนนั้นคือ แพรวา เธอขบกรามจนผมได้ยินเสียงดัง

“อีตุ๊ด มึง กล้าคุยกับพี่เธียรกูแบบนี้เหรอ” แพรวาพูดเชิงกระซิบกับผม สายตาที่จ้องมองผมราวกับอยากจะขย้ำผม

“ก็ผมกับพี่เธียรเราเป็นอะไรกันคุณน่าจะรู้ดี คุยกันแบบนี้มันปกติของคนรัก แต่ของคุณคงไม่ใช่แบบนี้ซินะคุณแพรวา คุณถึงได้เดือดดาลผมได้มากขนาดนี้” ผมหันไปพูดเชิงกระซิบตอบบ้าง เธอยิ้มที่มุมปาก ผมแบมือขอมือถือผมคืน แต่ว่าเธอทำเป็นว่ามันหยุดมือลงไป

“อยากได้เหรอ ก้มลงไปเก็บซิ ไอ้ตุ๊ด ไอ้แม่ตุ๊ด อยากรู้หนักว่าลูกโตมามันจะคิดยังไงที่มีแม่เป็นผู้ชายอย่างมึง มึงจะเอาอะไรมาสู้คนอย่างฉัน ฉันนี้สวยกว่า รวยกว่า และที่สำคัญ ฉันดีกว่าแก “แพรวาพูด ผมก็ต้องย่อตัวลงจะเก็บมือถือของผมขึ้นมาแต่ว่าแพรวาใช้ส้นเท้าแหลมๆ ของเขาเหยียบลงไปที่หน้าจอมือถือของผมอย่างจัง

“แคร๊ก” เสียงหน้าจอแตก ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าแพรวา ทำไมเธอถึงได้ใจคอโหดร้ายขนาดนี้

“มองหน้าเหรอ ไม่พอใจเหรอ คอยดูน่ะฉันจะทำมากกว่านี้อีก ถ้าแกยังหน้าด้านอยู่บ้านพี่เธียรวิชย์ของฉัน แกได้เห็นดีมากกว่านี้แน่ะ “แพรวาถามผม เธอรู้ว่าคนเยอะแยะผมไม่กล้าทำอะไรเธอแน่ ไหนจะม๊าของพี่เธียรวิชย์ที่นั่งอยู่และมันคงไม่คุ้มกันถ้าผมจะสวนเธอกลับ

“พี่เธียรวิชย์เขาไม่ได้เป็นอะไรกับคุณไม่ใช่เหรอครับ ทำไมคุณยังกล้าพูดว่าพี่เธียรวิชย์ของฉันอีกล่ะครับ” ผมถามแพรวา เธอมองหน้าผม เธอกำหมัดแน่น

“ฉันคือคนที่คู่ควรกับเขาที่สุด ฉันคือคนที่เหมาะสมกับพี่เธียรวิชย์ที่สุดไม่ใช่แก ไอ้ตุ๊ด แกคิดว่าแค่แกท้องแล้วเขาต้องรับผิดชอบแกอย่างนั้นเหรอ”

“แกมันเป็นใครแล้วฉันเป็นใคร ฉันนี้ลูกรัฐมนตรี ฉันมีหน้ามีตามากกว่าแกอีก ดังนั้นคนที่เหมาะสมกับตระกูลที่เป็นที่รู้จัก มันก็ควรจะเป็นฉัน”

“แกสองคนพ่อลูกเตรียมตัวกระเด็นออกไปเลย ฉันจะให้พ่อไปยื่นคำขาดกับพี่เธียรวิชย์ ว่าให้แกออกไปจากบ้านนั้นซะ เพราะว่าฉันคือคนที่ถูกเลือกไม่ใช่แก เข้าใจไหม ไอ้หน้าด้าน ไอ้ร่านอยากได้ของ ของคนอื่น” ผมยืนนิ่งฟัง เพราะว่าเสียงที่แพรวาด่าทอผม มันดังก้องไปรอบๆ ตัวผม ใช่ไม่ใช่แค่ผมที่ได้ยิน แต่มันได้ยินไปทั่ว แถมภาพที่มีผมกับแพรวาก็ถูกนำขึ้นหน้าจอใหญ่ พ่อแม่ที่เชิญมาฟัง ก็หันมามองผมกับแพรวากันหมด

“ตายแล้ว แม่ก็เพิ่งจะบอกอยู่ ว่าลูกสาวมีจิตใจเมตตา โอบอ้อมอารี ไม่เห็นเป็นอย่างที่แม่เธอพูดเลยอ่ะ” คนที่นั่งอยู่หันมาพูด

“นั้นซิ เป็นถึงลูกท่านรัฐมนตรี ดูคำพูดคำจาเข้าซิ ไม่น่าเชื่อเลยอ่ะ คำพูดเหมือนไม่มีใครอบรมสั่งสอนมาก่อนเลย”

“โอ๊ย!! อย่างนี้กลับสอนลูกตัวเองให้ดีก่อนดีกว่าที่จะมาบอกให้เอาเป็นแม่ต้นแบบน่ะ ลูกยังมารยาทแย่ขนาดนี้ ไม่ต้องถามหลอกว่าสอนมายังไง” และมีคนพาดพิงแม่เธอด้วย แพรวาหันไปมองรอบๆ สายตามากมายที่มองเธอพร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา

“แพรวา” แม่ของเธอลงมาจากเวทีทันที แพรวาหันไปหาแม่ของเธอ ส่วนม๊าเดินมาหาผม และเข้ามาจับแขนผม เช่นกัน

“แม่ค่ะ ไอ้นี่มัน จงใจทำให้ทุกคนมองว่าแพรวาไม่ดีอ่ะค่ะคุณแม่” แพรวาพูดก่อนจะชี้มาที่ผม ผมหันมามองม๊า

“แพรวา ใครเขาก็ได้ยินที่เธอว่าบีมน่ะ ฉันยังได้ยินเลย แล้วบีมเขาไปทำให้เธอถูกมองไม่ดีตรงไหน ทั้งหมดนี้เธอทำตัวเอง” ม๊าหันไปต่อว่าแพรวา

“ก็มันจงใจอ่ะ คุณแม่ ฮือๆ” เธอทำท่าจะเถียงแต่ก็เถียงไม่ออก เพราะสายตาหลายคู่จ้องมองอยู่ ผมเห็นคนที่รับผิดดูแลเดินมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ ที่ควบคุม เขาเดินมาที่ด้านหลังผม

“ผมปิดกล้องตรงนี้ไปก่อนแล้วครับ และจะไปใช้กล้องหน้าแทนแต่นี้กล้องถูกเปิดพร้อมกับไมล์ด้วยครับ” ผมได้ยินเจ้าหน้าที่พูดกัน

“คุณน้าค่ะ” แพรวาหันมาเรียกม๊า

“ฉันผิดหวังในตัวเธอมากจริงๆ แพรวา และสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด มันก็ไม่เป็นความจริงเลย เธอไม่ได้เป็นอะไรกับเธียรวิชย์ และเธอควรกจะยอมรับความจริงได้แล้วว่า บีมน่ะคือภรรยาของเธียรวิชย์ ไม่ใช่เธอ และเธอก็ไม่มีสิทธิ์มาไล่หลานกับลูกสะใภ้ฉันไปไหนทั้งนั้น ต่อให้พ่อเธอจะมาขอร้องก็ตาม และฉันก็เชื่อว่าป๊าของเธียรวิชย์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน “ม๊าพูดก่อนจะดึงผมเข้าไปกอด ผมรับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจม๊า ม๊าน่าโกรธและโมโหแทนผมมาก ผมจีบแขนของม๊า

“ธัญญารัตน์” แม่ของแพรวาเอ่ยปากเรียกม๊า เพราะเห็นว่าม๊าทำท่าจะดึงแขนผมออก

“พอแล้วนิดา ฉันว่าคุณควรจะทำตามที่ฉันและเฮียเกริกแนะนำ คือพาลูกคุณไปตรวจและรักษาซะ ฉันว่าเขาป่วยน่ะ และฉันคิดว่าคุณรู้ตัวดี พาเธอไปรักษาซะ ส่วนเรื่องเธียรวิชย์ ต่อไปนี้ ก็บอกให้ลูกสาวคุณ อยู่ในกรอบขอบเขตของตัวเอง อย่ามาวุ่นวายเพราะว่าเธียรวิชย์เขาจะแต่งงานกับบีมแล้ว เรากำลังดูฤกษ์กันอยู่ “ผมหันมามองม๊า ม๊าพยักหน้ากับผมว่าใช่

“ฉันไปนะคะ คุณนิดา “ม๊าหันมาบอกแม่ของแพรวา ก่อนจะพยักหน้ากับผม ให้ผมเดินออก ผมหันมาเห็นหมอสายป่านที่ยืนกอดอกดูเหตุการณ์อยู่ หมอสายป่านส่งยิ้มให้ผม พิธีกรเดินมาหาม๊า ส่วนแม่ของแพรวาดันแพรวาให้ออกไปอีกทางเพื่อเลี่ยงสายตานับร้อยคู่ที่มองเธออยู่

“คราวนี้หลอนคงเข็ดไปสักพัก” พี่หมอสายป่านพูดกับผม ผมหันมามองเธออีกครั้ง

“ฉันเดินไปเปิดกล้องนั้นเองแหละ คนอะไร ด่าว่าคนอื่นเขาฉอดๆ ว่าข่มคนอื่นเขาคิดแต่ว่าตัวเองพิเศษกว่าคนอื่นเขา ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ผู้หญิงคนนี้ป่วยมากเลยน่ะ เป็นทั้ง Erotomania และ โรคหลงตัวเอง อีกด้วย น่าสงสารน่ะ พ่อแม่ก็ปล่อยเอาไว้อยู่ได้ไม่พาลูกไปรักษา แปลกเนอะ” หมอสายป่านพูดกับผมและพิธีกรก็เดินมาพาหมอสายป่านขึ้นไปบนเวที เพื่อนไปพูดเรื่องการเลี้ยงลูกของคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ม๊าเดินหาผม

“พิธีกรเขาเรียกม๊าไปถามน่ะ เพราะว่าเขารู้จักครอบครัวเราดี ถ้ามีอะไรให้เขาช่วยเขายินดีจะเป็นพยานให้” ม๊าบอกผม

“ม๊าผมขอโทษนะครับ”

“ขอโทษม๊าทำไมบีม เราไม่ได้ทำอะไรผิดนิ แต่ก็ดีนะ ทำให้ม๊ารู้ว่า แพรวาน่ะร้ายกับเราแค่ไหน ต่อไปก็ระวังหน่อย อย่าไปอยู่ใกล้ๆ หรือตามลำพังกับแพรวา” ม๊าบอกผม

“ป๊าโทรมาแล้ว ม๊ารับสายป๊าก่อนนะ และเราก็กลับบ้านกันเลยแล้วกันน่ะ” ม๊าบอกผมก่อนจะกดรับสายป๊า จะว่าไปผมก็สงสารเธออยู่เหมือนกัน ยิ่งเห็นสีหน้าแววตาของคนเป็นแม่ สายตาแม่ของแพรวาที่มองคนที่ยืนวิพากวิจารณ์แพรวาในทางเสียๆ หายๆ ผมเดินตามม๊าก็ยังคุยโทรศัพท์กับป๊าอยู่ ไปจนมาถึงลานจอดรถ ผมกับม๊ารีบเข้าไปในรถทันทีที่ประตูรถเปิดออก

“มีคนแชร์คลิปเยอะแยะเลยเนี๊ยะ “ม๊าหันมาพูดกับผม ผมก็ต้องทำหน้าแอบเซ้ง มีคนมือไวเอาคลิปผมกับแพรวาไปโพสต์อีก

“ผมรู้สึกผิด ผมกลัวว่าเรื่องมันจะบานปลายใหญ่โตอ่ะม๊า”

“ก็ช่วยไม่ได้ แพรวาทำอะไรไม่คิดเอง เรากลับบ้านกันเถอะ วันนี้ป๊าบอกว่าจะรีบกลับไปหาหลาน ไปเล่นกับหลาน “ม๊าบอกผม ผมยิ้มเจือนๆ ให้ม๊าก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ ผมหยิบมือถือผมมาดูที่หน้าจอ หน้าจอแตกแต่ก็ยังพอเห็นข้อความ

มะนาว// บีมคิดถึงหลานอ่ะ ขอไปหาหลานได้มันอ่ะ วันนี้พวกเราเลิกงานเร็วกัน//
บีม// ขอถามแม่ของพี่เธียรวิชย์ก่อนน่ะมะนาว // ผมบอกมะนาวก่อนจะหันมา มองม๊า ม๊าก็มองผมกลับ

“ม๊าครับ เพื่อนผมเขาคิดถึงลูกโซ่นะครับ เขาขอมาเยี่ยมได้ไหมครับที่บ้าน” ผมถามม๊า ด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจ มาอยู่ไม่นานพาเพื่อนมาเที่ยวบ้านแล้ว

“มาได้ซิ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะบีม และถ้าจะมาก็อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันไปเลย” ม๊าบอกผม

“ผมเกรงใจอ่ะม๊า แค่มาเยี่ยมก็พอมั้งครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่เกรงใจม๊าจริงๆ

“อะไรกัน เราน่ะก็เป็นคนในครอบครัวแล้ว แถมยังเป็นลูกสะใภ้ม๊าอีก ไม่ต้องเกรงใจแล้ว “ม๊าพูด ผมก็ยิ้ม ผมรู้สึกอบอุ่นในหัวใจเหลือเกิน จากที่ผมไม่เคยได้รับ ผมก็ได้รับจากแม่พี่เธียรวิชย์

“และวันนี้เฮียธี จะกลับมาค้างที่บ้านอีกแล้ว สงสัยจะติดหลานแล้วเนี๊ยะ ปกติไม่ค่อยได้กลับหลอก อ้างว่าอยู่ไกล เหนื่อย นี้อยากกลับมาบ่อยๆ แต่ก็ดีน่ะ หนุ่มๆ เขาได้อยู่ติดบ้านกัน ครบทีมเชียว “ม๊าพูด ใช่ผมเห็นหนุ่มๆ เขาอยู่ในห้องดูทีวีเล่นกับเจ้าลูกโซ่ทุกวัน ป๊า เฮียธาม (อันที่จริงต้องเรียกเจ๊ธาม พี่เธียรวิชย์บอกผม) เธียธันอีกคนและเธียธีเริ่มมาบ่อยขึ้น พี่เธียรวิชย์อีกคน ผมเห็นม๊ายืนมองด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข ผมพลอยมีความสุขไปด้วยเช่นกัน

“ขอบใจนะบีมที่ทำให้ครอบครัวมากลับมาเป็นเหมือนเดิม อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง และนี้เพราะเจ้าลูกโซ่คนเดียวเลย “ม๊าพูด ผมยิ้มให้ม๊าก่อนจะก้มลงหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อตอบเพื่อนผมทางไลน์กลุ่ม

บีม// มะนาวม๊าบอกมาได้น่ะและอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันเลย //
ใบชา// จริงดิ //
มะนาว// ไม่รีบเลยน่ะนางใบชา เรื่องกินเนี๊ยะ!!!//
ใบชา// หลอนก็ไม่น้อยหน้าหรอก และนี้ แต่งตัวให้เร็วหน่อยน่ะ ไปกินข้าวเฉยๆ ไม่ต้องแต่งเหมือนจะไปงานกาลาดินเนอร์ล่ะ // ใบชาพูดแขวะมะนาวตามเคย
มะนาว// ไม่ได้หรอก ม๊าของพี่เธียรเขามีลูกชายเหลือตั้งสามคน เพื่อกูจะได้มาสักคน วันนี้ถ้าสวยเกินหน้าก็อย่ามาว่าก็แล้วกันน่ะ //
บีม// ฟิล์มกับเป็กซ์ล่ะ// ผมถามหาเพื่อนอีกสองคน เพราะว่าช่วงนี้ไม่ได้คุยกันเลย ผมส่งข้อความไปก็ไม่ตอบกลับกันเลย ฟิล์มกับเป็กซ์เป็นเพื่อนของผมตั้งแต่มัธยมปลาย ส่วนมะนาวกับใบชา มาเป็นเพื่อนตอนเข้ามหาวิทยาลัยแต่ก็สนิทพอพอกัน
ใบชา// ฟิล์มมันคงทะเลาะพี่เอ็มอีกแล้วว่ะ ดูท่าจะได้เลิกกันจริงก็รอบนี้แหละ ไอ้พี่เอ็มแม่งไปเอาใครอีกก็ไม่รู้ว่ะ // ผมถึงกับถอนหายใจยาวๆ ตอนจีบไอ้ฟิล์มพี่เอ็มแม่งก็ตามแจกขนมอยู่สองปี พอได้เป็นแม่งลายออกทันที
มะนาว // เป็กซ์มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ไม่ตอบข้อความกูเลยเหมือนกัน มันก็เงียบจนผิดสังเกตว่ะ หรือว่ามันทำงานเยอะว่ะ” มะนาวพูดเชิงถาม ผมก็เป็นห่วงเป็กซ์มัน ผมได้ยินมาว่าเป็กซ์มันมีปัญหาการเงินตั้งแต่เรียนก่อนเรียนจบปีสี่แล้ว มันไม่เงินจ่ายค่าเทอม เท่าที่พวกผมทราบแต่นี่มันก็จบมาได้ ผมก็ไม่ได้ถามว่ามันเอาเงินใครมาจ่าย และนี้มันคงไปทำงานใช้คืนเขาแน่ๆ

มะนาว// ฟิล์มมันส่งข้อความมาแล้วว่ะ ว่าไปแต่ขับรถตามไป บีมมึงก็ส่งที่อยู่มาให้พวกกูด้วย จะได้ไปหาถูก ส่วนเป็กซ์แม่งเงียบว่ะ ไม่รู้จะมาไหม “

บีม// เดี๋ยวส่งให้เลยน่ะ แค่นี้ก่อนน่ะ จะถึงบ้านแล้ว //ผมส่งข้อความบอกเพื่อน

ขณะที่รถแล่นเข้ามาจอดด้านในเรียบร้อยแล้ว ม๊าก็เพิ่งจะคุยโทรศัพท์เสร็จ ผมพอจับใจความได้ว่าคุยกับโกวหงส์ ผมเปิดประตูลงมาทันที ผมคิดถึงเจ้าลูกโซ่ ไม่รู้ว่าพ่อลูกเขาอยู่กันนี้ตีกันหรือเปล่า

“บีม อย่าไปคิดมากน่ะเรื่องแพรวา น่ะ บีมไม่ใช่คนผิด งานนี้แพรวาเขาทำตัวเอง และคงต้องแก้ไขเอง “ม๊าเดินมาบอกผม

“ไปดูพ่อลูกเขาเถอะ “ม๊าบอกผม “ม๊าดีใจน่ะที่เห็นเธียรวิชย์ของม๊า ก็ทำหน้าที่ป๊าที่ได้ แม้จะเป็นลูกที่ดื้อของป๊ากับม๊าไปหน่อยแต่ว่า แค่นี้ม๊าก็ภูมิใจเขามากแล้วบีม “ม๊าบอกผม ผมเดินเข้ามาด้านเรียบร้อยแล้ว ผมเห็นพี่มลเดินลงมาจากชั้นบน ม๊าหันไปมองพี่มล

“มลแล้วพ่อลูกเขาไปไหนกันล่ะ” ม๊าเอ่ยปากถามพี่มลทันที

“อ้อ คุณเธียรพาน้องลูกโซ่ไปอาบน้ำค่ะ เพราะว่าพากันไปเล่นขี้โคลนมาหน้าตาเลอะเทอะไปหมดจนจำไม่ได้เลยค่ะ และตอนนี้ก็ไปเล่นกันต่ออยู่ในห้องน้ำนะคะ นี้มลเพิ่งจะเอาชุดไปวางไว้ให้ค่ะ” พี่มลพูดพร้อมกับชูเสื้อผ้าเจ้าลูกโซ่ที่เลอะเทอะขี้โคลน จนจำสภาพเดิมไม่ได้เลย ม๊าหันมามองผมก่อนจะอมยิ้ม ส่วนผมถึงกับต้องเหลือกตาขึ้นบน นี้พากันไปเล่นขี้โคลนมาเลยเหรอ เลี้ยงลูกยังไงของพี่น่ะพี่เธียรวิชย์ ผมรีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที ผมเปิดประตูเข้าไป เสียงพ่อลูกดังมาจากในห้องน้ำ ผมเดินเข้าไปย่องดู ภาพที่ทำให้ผมยืนอมยิ้มคือพี่เธียรวิชย์กำลังสระผมให้เจ้าลูกโซ่ แถมตัวเองก็เปียกปอนไปด้วย ทั้งที่สวมเสื้อผ้าอยู่ ผมเดินเข้าไปยืนมองใกล้ๆ

“พ่อลูกทำอะไรกันน่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์

“พี่เอาเจ้าก้อนเต้าหู้มาอาบน้ำอ่ะบีมแต่ดูซิ ไม่รู้ว่าใครอาบน้ำให้ใคร เล่นเอาพี่เปียกไปด้วยเลย” พี่เธียรวิชย์พูดปนหัวเราะ

“แล้วนี่พี่พาลูกไปเล่นขี้โคลนที่ไหนมา ถึงได้เทอะเทอะเสื้อผ้าขนาดนั้นน่ะ” ผมถามพี่เธียรวิชย์ก่อนจะนั่งลงที่ขอบอ่างน้ำ จะว่าไปผมเห็นภาพพ่อลูกแล้วมันทำให้ผมคิดถึงพ่อผมเหลือเกิน

“รู้ไหมว่า มันจะทำให้ลูกเราแข็งแรง ถ้าเลี้ยงแบบถนอมไม่ให้เขาทำอะไรที่เขาอยากทำ มันจะไปปิดกั้นจินตนาการของเขาไง พี่เลยให้ลูกเล่นเต็มที่ “พี่เธียรวิชย์พูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย

“ขึ้นได้หรือยังล่ะ ดูแล้วน่าจะอาบมาได้สักพักแล้วมั้ง”

“เต้าหู้ ขึ้นได้แล้ว เดี๋ยวม๊าดุป๊าเอา” พี่เธียรวิชย์พูด ก่อนจะจับเจ้าลูกโซ่ล้างน้ำเปล่า ผมหันไปหยิบผ้าเช็ดตัวมารอ จะว่าไป ผมเห็นสีหน้าแม่ของแพรวาตอนที่มองแพรวา เห็นแล้วผมอดสงสารเขาไม่ได้ ถ้าเป็นลูกผมบ้างล่ะ ผมเองยังเองยังไม่รู้เลยว่าในอนาคตลูกผมจะเจออะไรบ้าง นี้แหละหัวอกคนเป็นแม่

“บีม” ผมสะดุ้งทันทีที่มีน้ำกระเด็นมาโดนแก้มของผม ผมหันไปมองพี่เธียรวิชย์ พี่เขาอุ้มเจ้าลูกโซ่มารอผมอยู่แล้ว แต่ผมมัวแต่เหม่ออยู่

“เป็นอะไรหรือเปล่า” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมฝืนยิ้มให้พร้อมกับสั่นหัวไปมาว่าไม่มีอะไร ผมรีบกางมือเพื่อจะรับเจ้าลูกโซ่มาห่อตัวไว้ด้วยผ้าเช็ดตัว ผมพาลูกโซ่ออกมาแต่งเช็ดตัวให้แห้ง ทาโลชั่นเพื่อให้ผิวชุ่มชื่น ก่อนจะสวมชุดลายน่ารักที่ผมกับม๊าไปเลือกมาให้ จะว่าไปผมเองก็ยังไม่ได้ไปหาพี่รินทร์เลย ไม่รู้ว่าน้องออกจากโรงพยาบาลหรือยัง

“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูห้อง ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่เดินไปดูว่าใคร และคนที่มาเคาะประตูคือม๊านั้นเอง

“อ้า” ดูเจ้าโซ่ดีใจกางแขนกางขาใหญ่เลย

“อาก๋งเขากลับมาถึง ก็ถามหาหลานเลย “ม๊าบอกผม

“งั้นบีมอาบน้ำก่อนนะลูก ม๊าดูให้ พาไปเล่นกับอาก๋งเขาหน่อย เขากลับมาเหนื่อย อยากหอมแก้มหลาน” ม๊าบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะปิดประตูลง เจ้าลูกโซ่นี้โชคดีจริง โชคดีกว่าเด็กหลายๆ คนซะอีก

“หมับ” จู่ๆ ก็มีคนมากอดผมจากด้านหลัง เขาซุกปลายจมูกที่โด่งรั้นนั้นกับซอกคอของผม

“มีอะไรหรือเปล่า บีมดูเงียบๆ น่ะวันนี้น่ะ” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมหันมามองคนที่เดินออกมามีแค่ผ้าขนหนูพันกายแบบหมิ่นๆ บนหัวก็มีผ้าซับผมรองทรงที่เปียกชุ่มอยู่เลย ผมหันมาจับผ้าและเช็ดผมให้พี่เธียรวิชย์  พี่เธียรวิชย์ยืนก้มลงเล็กน้อยให้ผมทำให้ จะว่าไปผู้ชายคนนี้ก็มีมุมมองที่น่ารักไม่ต่างกับเจ้าลูกโซ่เหมือนกันน่ะ

“บีม ยังไม่บอกพี่เลย มีอะไรหรือเปล่า”ขณะที่พี่เขาก้มหัวอยู่ พี่เธียรวิชย์แหงขึ้นมาถามผมก่อนจะก้มหน้าลงไปอีกครั้ง

“เออ ไม่มีครับ สงสัยผมจะเหนื่อยนิดหน่อยนะครับ ผมขออาบน้ำสักแป๊บ เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ” ผมบอกพี่เธียรวิชย์  ผมเช็ดผมจนเกือบแห้ง พี่เธียรวิชย์ก็เดินไปแต่งตัว ผมเดินไปหยิบเสื้อผ้า ก่อนจะหันมามองคนที่สวมกางเกงเรียบร้อยเหลือแต่สวมเสื้อยืดพอดีตัว หุ่นที่ไม่ผอมจนเกินไป ไม่กำยำจนเรียกว่านักกล้าม มันทำให้ผมที่ยืนมองเขาอยู่พักใหญ่ต้องแอบกลืนน้ำลาย ผมสะดุ้งทันที ที่คนนั้นหันมามองผมก่อนจะสวมเสื้อยืดพอดีตัวนั้นปกปิดร่างกาย

“แอบมองพี่แบบนี้ แสดงว่าคืนนี้จะลักหลับพี่แน่ๆ เลย  ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมรีบหันหลังหนีเข้าห้องน้ำทันที รู้สึกหน้าตัวเองร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีด้วยความอาย พูดมาได้ยังไงว่าผมคิดแบบนีั้นแต่ก็แอบคิดเหมือนกันน่ะ  ผมก็รีบเข้าไปอาบน้ำสระผม ก่อนจะออกมาแต่งตัวให้เรียบร้อย พี่เธียรวิชย์ลงไปข้างล่างแล้ว ผมหยิบมือถือจากกระเป๋ากางเกง ผมยังไม่ได้ให้พี่เธียรวิชย์ดูเลยว่าหน้าจอมันแตก เอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะพี่เธียรวิชย์คงได้ถามผมยาวแน่ และผมก็เลือกที่จะโกหกดีกว่า เพราะแค่หน้าจอแตกแต่จะทำให้เขาแตกคอกับคนที่เคยช่วยเหลือครอบครัวเขามาก่อนผมคงไม่ทำ
TBC.....
มาอีกตอนนะคะ ตอนหน้าเมื่อแพรวามาขอโทษบีมและบีมจะเชื่อนางได้ไหมน่ะ

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22.1 ความจริงจากหมอสายป่าน
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-03-2021 21:30:21
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22.1 ความจริงจากหมอสายป่าน
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 21-03-2021 22:14:49
 :angry2: :serius2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.22.1 ความจริงจากหมอสายป่าน
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 21-03-2021 22:49:40
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.23 แพรวามาขอโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 24-03-2021 17:24:53
 EP.23 แพรวามาขอโทษ

              Part’ s เธียรวิชย์ ผมเดินลงมาก่อน ผมว่าบีมต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ แต่ผมเดาว่าเขาไม่ยอมบอกผมหรอก ผมเลยเดินลงมาที่ชั้นล่าง ผมเห็นป๊ากับม๊ากำลังนั่งเล่นกับเจ้าลูกโซ่อยู่ เจ้าลูกโซ่ก็อ้อนป๊าผมน่าดู และยิ่งกำลังคลานกำลังเกาะยืนด้วยแล้วก็เลยคอยเกาะแข็งเกาะขาป๊าและยิ้มโชว์ฟันสี่ซี่และกำลังมาอีกครึ่งซี่ ผมเดินลงมาก็ย่อตัวลงเพื่ออุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมา ว่าจะหอมสักหน่อยแต่ก้อนเต้าหู้เอาแต่ดันหน้าผมออก สงสัยเป็นเพราะว่าหนวดแน่ๆ เลย หนวดเริ่มขึ้นแล้วไง ต้องโกนอีกแล้ว

“ขอป๊าหอมหน่อย” ผมพูดคนที่ผมอุ้มขึ้นมา เจ้าลูกโซ่ส่ายหัวไปมาไม่ยอมให้ผมหอม

“บีมล่ะเธียร” ม๊าถามหาลูกสะใภ้

“บีมเขาขออาบน้ำก่อนนะครับม๊า”

“เห็นบอกกับม๊าว่า เพื่อนเขาจะมาหาเจ้าลูกโซ่นะเธียร” ม๊าบอกผม ผมทำหน้าแปลกใจเพราะว่าบีมไม่ได้บอกผม

“ม๊ะ ม๊ะ ม๊ะ” เริ่มเรียกบีมว่าม๊าบ้างแล้ว คงเพราะว่าผมเรียกแม่ผมว่าม๊า

“ไม่ได้ ม๊าเขาอาบน้ำอยู่ “ผมบอกคนที่ชี้นิ้วขึ้นไปที่ชั้นบน พอบอกไม่ได้หน้างอทันที

“ไม่ได้ ห้ามไปดู ป๊าหวง” ผมพูดกับเจ้าก้อนเต้าหู้ ดูซิ ทำท่ากอดอกหน้าคว่ำขึ้นมาทันที และจังหวะนั้น เฮียธันเดินเข้ามาพอดีเลย สิ่งแรกคือตรงมาหาเจ้าก้อนเต้าหู้ก่อนเลย กางแขนมาแต่ไกล เพื่อจะหอมแต่ว่าเจ้าก้อนเต้าหู้ใช้มือดันหน้าเฮียธันไว้

“จะดันหน้าแปะทำไมเนี๊ยะ มาให้หอมก่อนเลย นี้มีของเล่นน่ะ “เฮียธันเอาซ้อนไว้ด้านหลัง ส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ เอี้ยวตัวมองใหญ่เลยว่ามีอะไรมาฝากเขา แต่เฮียธีนก็ยังไม่ยอมให้

“อ้า!!” หันไปเรียกม๊าผมทันที พยายามจะเรียกอาม่าหรือเปล่า

“ธัน อย่าแกล้งหลานซิ ซื้อมาให้หลานก็ให้หลานไปซิ เรานิ” ม๊าผมเอ็ดเฮียธันทันที

“ไม่ร้ายเลยน่ะลูกมึงน่ะครับ ไอ้ตี๋น้อย” เฮียธันพูดก่อนจะเอารถขึ้นมาให้เจ้าลูกโซ่ เป็นรถเฟอรารีของเล่น กดมีเสียงด้วย เจ้าลูกโซ่รีบรับมาถือยิ้มโชว์ฟันให้เฮียธันดู

“เฮีย กลับเร็วน่ะช่วงนี้น่ะ” ผมแซวพี่ชายคนที่สามขอบผม

“ช่วงนี้ติดเด็กไง เด็กลูกมึงนี้แหละ” เฮียธันพูดก่อนจะรับเจ้าลูกโซ่ลงไปนั่งเล่นรถ ผมก็เดินมานั่งลงข้างๆ ม๊า

“ม๊า วันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ผมเห็นบีมเงียบๆ ไปอ่ะ “ผมถามม๊า ม๊าหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปมองหน้าป๊า

“วันนี้ แพรวาเขาต่อว่าบีมแต่ดันมีคนมือดี กดเปิดกล้องที่สามารถจับภาพและเสียงการสนทนาของแพรวากับบีมได้ แถมยังขึ้นหน้าจอใหญ่ จนคนที่มาร่วมงานหันไปมองและต่อว่าแพรวากันยกใหญ่ “ผมหันมองม๊า ผมไม่รู้เรื่องนี้เลยแถมบีมก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ผมฟังอีก

“แล้วเขาว่าอะไรบีมบ้างล่ะครับม๊า” ผมถามม๊า

“ว่าเยอะมาก ก็ส่วนมากคืออาการหึงหวงเรานั่นแหละ และก็ไล่บีมให้ออกไปอะไรแบบนี้แหละ ม๊าเองก็ตกใจเลยจับใจความอะไรไม่ได้มาก” ม๊าพูด ผมหันไปมองม๊า แพรวามันจะมาหึงหวงผมได้ยังไง เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ม๊ายักไหล่ว่าไม่รู้

“และนี้ไม่ได้ดูคลิปกันเหรอมีคนแชร์เยอะแยะเลย “ม๊าพูดก่อนจะหยิบมือถือมาส่งให้ผมดู ผมก็รับมาเปิดดู เฮียธันว่าเป็นคนติดโซเชียลยังพลาดเลย ผมเอามือถือม๊ามาเปิดดูเฮียธันลุกมานั้งดูกับผมด้วย มีคนถ่ายตั้งแต่แพรวาทำโทรศัพท์มือถือบีมตกและเอาส้นรองเท้าเหยียบลงไปอีก แถมถ้อยคำที่แพรวาต่อว่าบีม ผมหันมามองหน้าเฮียธัน

“มึงต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแล้วไอ้ตี๋น้อย “เฮียธันพูดผม จังหวะนั่น เฮียธามเดินลงมาพอดี เขาเดินมาก้มลงมองที่ผมสุมหัวดูกันอยู่

“เฮ้ย!!! นี่มันแพรวานี้และนี้มันทำอะไรบีมอ่ะ” เฮียธามพูดก่อนจะแย้งมือถือไปกดรีเพลย์ดูอีกที ก่อนจะเดินมานั่งและหันมามองหน้าทุกคน ก่อนจะมาหยุดที่ผม

“นี้มันใช่คนปกติเขาทำกันเหรอ ทำไมม๊ากับป๊าไม่บอกพ่อแม่เขาไปซะทีล่ะว่าลูกสาวเขาน่ะ ป่วยและดูท่าจะยากแล้วแหละที่จะหาย ถ้าไม่อย่างนั้นน่ะ ไอ้เธียรมึงคงได้ประสาทกินและได้เป็นบ้าก่อนนางแน่ๆ “เฮียธันพูด ผมเห็นบีมเดินลงมาพอดี ผมรีบแย้งมือถือมาจากเฮียธามก่อนปิดมันและส่งให้คืนไปให้ม๊าทันที

“ก็มาดิ ทำอะไรอยู่ไม่ได้ไปไหนก็มาหาหลาน พวกมะนาวจะมากัน เออๆ แค่นี้น่ะ” บีมเดินคุยโทรศัพท์ลงมา บีมใช้โทรศัพท์เครื่องเก่า ผมหันไปมองบีมและมองมือถือที่บีมใช้

“เพื่อนจะมาถึงหรือยังบีม” ม๊าหันไปถามบีม บีมนั่งลงข้างๆ ผม

“เพื่อนบีมจะมาหาเจ้าลูกโซ่นะครับพี่เธียร ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่เธียรก่อน ผมมัวแต่คิดอะไรเพลินเลยลืมนะครับ” บีมบอกผม ผมพยักหน้า ผมหันมามองบีม ผมรู้สึกผิดแต่ผมก็รักบีมไปแล้ว ผมรักมากแล้วด้วย ยิ่งเห็นเจ้าลูกโซ่ ที่ทำให้ทุกคนหัวเราะในความน่ารักของเขาแบบนี้ผม ทนไม่ได้หรอกน่ะที่จะเสียเขาไป บีมหันมามองหน้าผม แววตาชวนสงสัย

“มีอะไรเหรอครับ” บีมถามผมนั่นแหละถึงได้สติ ต้องเกาศีรษะแก้เขินแทน

“ก็วันนี้เมียน่ารัก เลยมองนานหน่อย” ผมกระซิบที่หูบีม บีมหมุดหน้าลงด้วยความเขิน

“ป๊า ม๊า สงสัยบ้านเราจะได้นักบิดเพิ่มอีกคนแล้วม๊า ดูซิ ฮาๆ” เฮียธามเรียกป๊ากับม๊าผม ให้หันไปดูเจ้าลูกโซ่ที่นั่งบนรถเฟอรารี่ของเล่น คันไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ถ้าเจ้าโซ่นั่งนี้เล็กขึ้นมาทันทีเลยแหละ แถมยังทำท่าจะขับรถอีกต่างหาก

“ไม่ให้หลานม๊าไปลงสนามแน่นอน “ม๊ารีบบอกปฏิเสธทันที ผมหันมามองบีม เขาก็ยังมองลูกโซ่นิ่ง ผมสะกิดคือบีมไม่ยิ้มไม่หัวเราะ เหมือนทุกที เขาสะดุ้งจนหันมามองผม ด้วยอาการแปลกใจ

“คุณนายค่ะ คุณธรรมรัตน์และคุณนิดาและก็คุณแพรวามาค่ะ” คนใช้เดินเข้ามาบอกม๊าว่าพ่อแม่ของแพรวามาและแพรวาก็มาด้วย ตอนนี้หันมามองหน้ากันหมด แม้กระทั่งป๊าผม ที่นั่งไขว่ห้างอยู่ก็หันมามองหน้าม๊า

“ไปเชิญเขาเข้ามาซิ “ม๊าหันไปบอกคนใช้ในบ้าน

“ม๊าเขายังกล้ามาอีกเหรอ ผมนี้เชื่อเลยน่ะ และเหตุการณ์เพิ่งจะผ่านไปสดๆ ร้อนๆ เลยด้วย “เฮียธามหันมาพูด ม๊าทำนิ้ว ไม่ให้เฮียธามพูดต่อ พ่อของแพรวาเดินเข้ามาพร้อมกับแพรวาที่เดินหน้านิ่งเข้ามาหยุดและมองผมที่นั่งไขว่ห้างเบียดอยู่กับบีม

“นั่งก่อนซิพี่รัตน์ “พ่อผมเรียกชื่อพ่อของแพรวา

“นั่งก่อนซิคะ คุณนิดา แพรวา” ม๊าทำน้ำเสียงได้เรียบนิ่งที่สุด แพรวาหันมามองบีม ผมน่ะพยายามไม่มองหน้าเธอ ผมใช่แขนโอบเอวบีมเอาไว้ และจู่ๆ แพรวาก็เดินเกือบกระโจนเข้าใส่บีม

“บีม!!” ที่เธอปรี่เข้ามาคือเพื่อมาคลุกเข่ากอดขาบีม บีมก็ก้มลงมองด้วยอาการตกใจ

“เว้ย!!” พวกผมร้องออกมาพร้อมกันตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้

“นี่ผีเข้าสิงเหรอ!!!” เฮียธามปากไว้มาก ชิ่งถามแพรวาด้วยอาการตกใจ แม่ของแพรวาสะบัดหน้ามามองเฮียธาม

“อันนี้น่าจะผีออกแล้วมากกว่า อาจารย์สำนักไหนอาสาไล่ให้เหรอครับ แพรวา” เฮียธันแพรวา สะบัดหน้าไปมองเฮียธัน

“แพรวาไม่ได้ผีเข้าค่ะ!!” แพรวาหันมาทำตาขวางแต่แม่เธอสั่นหัว แพรวาเลยย่อตัวลงกอดขาบีมต่อ ผมก็มองบีมว่าเธอมาไม้ไหนของเธอเนี๊ยะ

“แพรวาแค่รู้สึกสับสนเฉยๆ ค่ะ” แพรวาพูด

“พี่ว่าอาการแพรวามันห่างไกลคำว่าสับสนไปเยอะเลยครับ และพี่ขอแนะนำว่า น้องแพรวาควรจะไปรับน้ำมนต์มาดื่มควบคู่กับทานยาหลวงน่ะครับ เพราะไอ้ที่สิงน้องอยู่นะครับ ดูท่ามันจะเข้าๆ ออกๆ ถี่ไปแล้วน่ะครับ พี่นี่เป็นห่วงจากใจ” เฮียธันพูด ส่วนเฮียธามนะยกมือรอแท็กทีมกัน แถมยังหันมาแตะมือกับหลานอีกคน

“วัดไหนบอกด้วยธัน น้องเขาจะได้ไปรับถูก” เฮียธามหันมาถามเฮียธัน ทั้งพ่อแม่ขอบแพรวาหันมามองเฮียผมทั้งคู่

“วัด…..” เฮียธามแต่ป๊าผมหันมามองเต็มๆ

“ธาม! ธัน!! เอาหลานไปเลี้ยงข้างนอกกันก่อนไหม!! “เสียงที่ลอดไรฟันของม๊าผม ผมก็มองแพรวา ที่กอดขาบีม เขาแหงนหน้ามองผม แววตาที่เหมือนแพรวาเมื่อครั้งที่เขายังเป็นเด็กใสซื่อนั้น ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่ยืนเกาะมองแพรวา เอียงคอเล็กน้อย แววตาช่างสงสัยคู่นั้น

“ธัน เอาหลานไปเล่นข้างนอกก่อนน่ะ” ม๊าผมบอกเฮียธัน เฮียธามเดินมาอุ้มลูกโซ่

“น่ารักนะคะลูกของเธียรวิชย์เนี๊ยะ! เห็นแพรวาเขาชมว่าน้องน่ารักเลี้ยงง่าย น่าจะลองให้แพรวามาช่วยเลี้ยงไหมคะ” อันนี้ทำเอาเฮียธามสะดุ้ง "ตัวเองยังดูแลไม่ได้เลย" เฮียธามพูดเชิงกระซิบ และผมสั่นหัวกับม๊าทันทีว่าไม่เอาน่ะม๊า ผมไม่ไว้ใจเด็ดขาด ส่วนบีมหันมามองผมแน่นอนเขาต้องไม่ยอม และคนที่เกาะขาบีมอยู่ก็ไม่ยอมปล่อยอีกด้วย จู่ๆ เจ้าลูกโซ่ ก็คว้าไม้มาหนึ่งอัน สงสัยว่าคนใช้จะเอามเขี่ยของเล่นเจ้าลูกโซ่และลืมเอาไว้ และหันมาทางแพรวาเร็วมาก

“อย่าลูกโซ่!!!” ผมกับบีมร้องห้ามลูกโซ่ ผมนะคิดว่าจะไปฟาดแพรวาแต่เปล่า เอาไม้ไปจิ้มๆ แพรวา ม๊าผมพยักพเยิดให้เธียธามไปเอาหลานออก

“อย่าทำอย่างนั้นซิลูกโซ่ อย่าเอาไม้ไปเขี่ยพี่แพรวาเขาแบบนั้น เขาไม่ใช่ขรี้ครับลูก” เฮียธาม

“ธาม!!” ป๊าพูดส่วนพ่อเธอมองเฮียธาม “ล้อเล่นครับ น้องลูกโซ่อย่าทำอีกนะครับ อย่าเอาไม้ไปเขี่ยแบบนั้นเพราะว่า เขาห้ามเอาไม้แหย่และให้อาหารนะครับลูก เดี๋ยวพี่เขากัดเอานะครับ สวนสัตว์เขาติดป้ายเตือนเอาไว้ลูก" ผมและบีมสะบัดหน้าไปมองเธียธาม แม่ของแพรวาสะบัดหน้าไปมองเฮียธาม

“เฮ้ยเฮีย!!” ผมเองที่ตกใจมันหนักกว่าเดิมอีกน่ะเฮีย!! ม๊าน่ะหันมองหน้าเฮียธามเขม็ง เฮียธามก็อุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

“แพรวาไม่ใช่สัตว์ดุร้ายในสวนสัตว์นะคะ” แพรวารีบแผดเสียงด้วยอาการลืมตัวก่อนจะรีบหันมาเกาะขาบีมต่อ บีมก็หันมามองหน้าผม ผมก็สั่นหัวว่าเดาเธอไม่ออกเลย ว่าจะเอายังไง ม๊าผมก็มองแพรวา ก่อนจะหันมามองแม่ของเธอที่อ้าปากค้างที่เห็นเฮียธามว่าประชดลูกสาวเขาน่าดู เฮียธามก็เข้ามาอุ้มลูกโซ่

“พี่หยอกเล่นนะครับน้องแพรวา ไม่โกรธเนอะ!” เฮียธามพูดและยิ้มให้แพรวา แต่เธอแหงนหน้ามองเฮียธาม “ไม่!!” แต่น้ำเสียงน่ะไม่ใช่แน่ๆ ผมว่านางบวกรวบเข้าไปอีก และเฮียธามก็พาลูกโซ่ออกไป ตามไปด้วยเฮียธันทันที

“แหย่กันเล่นตั้งแต่เด็กๆ เลยนะคะ แต่รอบนี้แรงไปนะคะ” แม่ของแพรวาพูด แม่ผมก็ยิ้มแหย่ๆ ให้ ก่อนจะหันมามองผมแอบสั่นหัวเบาๆ ให้พี่ชายของผม

//เฮียออกมายัง ออกมาแล้วเหรอ มาถึงแล้วเนี๊ยะ//ผมได้ยินเฮียธันโทรศัพท์คุยกับเฮียธีแน่ๆ เลย

“แพรวาเขาจะมาขอโทษบีมนะคะ เขาแค่โกรธแต่ว่าน้าอธิบายให้เขาเข้าใจแล้วน่ะ เขาสำนึกผิดแล้วน่ะเธียร บีม ยกโทษให้แพรวาได้ไหม” แม่ของแพรวาพูด ผมหันมามองบีมว่าเอายังไง

“แพรวาขอโทษ แพรวาจะไม่ทำอีก แพรวาสัญญา” แพรวาพูด

“แน่ใจน่ะแพรวา เพราะว่าคำพูดที่แพรวาต่อว่าบีมน่ะ มันแรงมากน่ะ และโชคดีที่บีมเขารู้จักระงับอารมณ์ตัวเองไม่อย่างนั้นถ้าเป็นคนอื่นแพรวาคงโดนไปแล้ว” ผมหันไปพูดและมองหน้าเธอ ผมไม่เคยแสดงสีหน้าโกรธเธอแบบนี้มาก่อน

“เธียร ลุงขอโทษแทนลูกสาวลุงด้วย เธอแค่ เสียใจมากน่ะ แต่ว่าตอนนี้เธอ โอเคแล้วน่ะเธียร” พ่อของแพรวาพูด ผมยังคงมองหน้าเธอผมมองเข้าไปในแววตาคู่นั้น ผมไม่เชื่อว่าเธอสำนึกผิดแล้วจริงๆ แต่ว่าเธอกอดขาบีมไม่ปล่อย บีมหันมามองหน้าผมอีกครั้ง

“ก็ได้ครับ ผมจะไม่ถือโทษโกรธเธอแต่ผมอยากจะแนะนำให้เธอ ไปปรึกษาคนที่เขาพอจะช่วยได้เกี่ยวกับเรื่องการควบคุมอารมณ์ตัวเองนะครับ” บีมพูดก่อนจะหลุบตาลงมองแพรวา

“เพราะว่าการที่คุณเป็นแบบนี้ มันส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคุณด้วย” บีมพูดพร้อมกับหันมาชำเลืองตามองผม

“นี่แก” แพรวากระดกหัวขึ้นแต่แม่เธอขยิบตา

“บีม ฉันไม่ได้เป็นอะไรน่ะฉันแค่ เสียใจ ที่อยู่ๆ ก็มีคนมา เอาของรักของฉันไป ถ้าเป็นเธอล่ะ เธอจะทำยังไง จะเสียใจมากเหมือนฉันไหม” แพรวาถามบีม บีมหลุบตาลงมองเธอ

“ก็ต้องดูว่าของชิ้นนั้นควรค่าแก่การที่จะร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตายไหม แต่ถ้าไม่ ผมก็เลือกที่จะ ปล่อยมือ แต่ถ้าเป็นลูกผม ผมไม่ยอมปล่อยแน่ๆ อันนี้แหละที่สมควรที่จะพยายามไม่ยอมให้ใครมาแย้งเขาไป “บีมพูดก่อนจะหันมามองผม

“แพรวาขอโทษบีมเขาซิ เราน่ะผิดน่ะลูก” แม่ของเธอบอกแพรวาพูด

“ขอโทษน่ะบีม “แพรวาพูด

“และอั๊วจะขออีกเรื่องหนึ่งคือ คลิปที่หลุดออกไปน่ะ มันทำให้แพรวาดูแย่ แค่เสียคนที่แพรวารักเขาก็เสียใจมากอยู่แล้ว ดังนั้น ฉันจะนัดแถลงการณ์ให้แพรวาและบีมออกมาพูดและแพรวาก็ขอโทษบีมผ่านสื่อได้ไหม” พ่อของแพรวาพูด

“ได้ไหม ถือว่าอั๊วขอล่ะเกริก “พ่อของแพรวาพูด

“ว่าไงล่ะบีม “ป๊าหันมาถามบีม ผมก็มองหน้าบีม บีมเขาก้มลงมองแพรวา

“ก็ได้ครับ ผมจะไปทำให้ แต่ว่า คุณต้องหยุดพฤติกรรมพวกนี้กับผมทันที ทำได้ไหมครับ” บีมหลุบตาลงมองแพรวา

“แพรวา!!” แม่ของเธอเรียกเธออีกครั้ง

“ว่าไงล่ะแพรวา “ม๊าถามแพรวา

“ได้ค่ะ แพรวาจะไม่พูดจาไม่ดีกับบีมอีก เราเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม” แพรวาเงยหน้าขึ้นมาถามบีม รอยยิ้มนั้นมันแปลกๆ จังหวะนั้น เจ้าลูกโซ่คลานกลับเข้ามาเฉยเลย ตรงมาหาผมและเกาะเดินไปหาบีมทันทีอย่างรวดเร็ว ผมก็อุ้มลูกโซ่ขึ้น ลูกโซ่หันมาจับหน้าบีมให้หันมาทางผม เหมือนเขาพยายามจะสื่ออะไรบางอย่าง

“ม๊า ม๊า ม๊า” เขาเรียกบีมว่าม๊า

“เรียกม๊าชัดแล้วเหรอ แล้วป๊าล่ะไม่เรียกป๊าบ้างเหรอ” ผมถามลูกโซ่

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวพาลูกโซ่ไปเดินเล่นก่อนนะครับ เขาชอบให้พาออกไปเดินตอนเย็นๆ น่ะครับ “บีมพูดก่อนจะหันมารับลูกโซ่ไป ผมรู้ว่าบีมรู้สึกอึดอัดผมเองก็อึดอัดเหมือนกัน ป๊าผมก็คงไม่แพ้กัน ผมก็เงยหน้าขึ้นมองบีม

“งั้นพี่ไปด้วยน่ะบีม” ผมบอกบีมเขาก็พยักหน้าเบาๆ ผมจะปล่อยให้พ่อแม่ของแพรวาคุยกับป๊ากับม๊าผมแล้วกัน

“หมับ” แพรวาจับแขนบีมทันที

“ขอแพรวาอุ้มน้องลูกโซ่บ้างได้ไหมคะ อยากอุ้มค่ะ “แพรวาพูดพร้อมกับมองที่เจ้าลูกโซ่ แพรวาลุกขึ้นยืนเช่นกัน สายตาเขามองเจ้าลูกโซ่อย่างเอ็นดูเหลือเกินแต่มันแฝงไว้ซึ่งบางสิ่งที่ไม่น่าไว้ใจ แต่บีมเขานิ่งมากเขาหันไปมองแพรวา

“ขอแพรวาอุ้มได้ไหมคะบีม ไหน ไหนก็เป็นลูก พี่เธียรวิชย์ พี่ชายของ แพรวา!” แพรวาพูด ผมหันมามองบีม เจ้าลูกโซ่ก็กอดคอบีมแน่น

“หมับ” แพรวาเอื้อมมือมาจับลูกโซ่ สายตาเธอมองลูกโซ่

“ขออาแพรวาอุ้มหน่อยนะคะ ลูกโซ่” แพรวาพูดเขามองหน้าลูกโซ่ ลูกโซ่ทำท่าจะร้องไห้ และบีมก็ยังขืนลูกโซ่เอาไว้เช่นกัน

“บีมขอแพรวาอุ้มหน่อยซิ” แม่ของแพรวาพูด ป๊าและม๊าก็มองแพรวา แม้กระทั่งผมและคนใช้ ก็มองที่เธอเช่นกัน

“หมับ” แพรวาจับตัวลูกโซ่ จะอุ้มให้ได้

“ผมว่าไม่ดีกว่าเพราะว่าลูกโซ่ เขาไม่ชอบให้คนแปลกหน้าอุ้มนะครับ” บีมปฏิเสธและยื้อลูกโซ่คืน แต่แพรวาก็ยังจะขืนจะอุ้มให้ได้จน

“ทำไม ฉันจะขออุ้มไม่ได้ ขออุ้มน่ะ” แพรวาพูดและมองหน้าบีมแต่บีมก็ไม่ยอมปล่อยลูกโซ่เช่นกัน

“แหวะ!!”

“เฮ้ย!!!” ผมร้องออกมาดังลั่น เจ้าลูกโซ่ อ้วกนมใส่แพรวา ตั้งหัวลงไปเลยทันที แพรวาถอยหลังออกมาก้มลงมองชุดสวยๆ ของเธอ ส่วนบีมก็ยกตัวลูกโซ่ถอยหลังออกมาทันที ก่อนจะหันมามองผม ผมเองก็เวรแล้วครับงานนี้

“กรี้ดด!!!” แพรวากรี้ดลั่นบ้านไปหมด

“กรี้ดดด” เสียงกรี้ดตามมาแต่ไม่ใช่แพรวา ผมหันไปมอง ผู้หญิง อวบระยะสุดท้ายเข้ามาพร้อมกับผู้ชายอีกอีกคน แต่ละคนมองผมและบีมและเจ้าลูกโซ่ บีมอุ้มลูกโซ่ถอยหลังออกมา "กรี้ดอะไรกันเหรอคะ " คนนั้นถามขึ้นก่อนจะหันมามองพวกผม ผมหันมาบีม ว่าเขาคือใครน่ะ

“อ้ายยย!!” กรี้ดก่อนจะหันขวับมาทางบีมและลูกโซ่ แพรวาทำท่าจะ ....

“หมับ" แม่ของเธอลุกพรวดขึ้นมาจับมือแพรวาไว้ซะก่อน " แพรวา!! แม่ว่ากลับบ้านก่อนดีกว่าน่ะ บีมเขาน่าจะมีแขก” แม่ของแพรวาพูดกับแพรวา ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่ที่จ้องมองแพรวา เหมือนจะขย้ำด้วยซ้ำ บีมรีบเปลี่ยนที่ยืนกับผมทันที ก่อนที่ลูกผมจะกระโดดไปงับใบหูเขาเข้า

“งั้นอั๊วกลับก่อนนะเกริก “พ่อของแพรวารีบลุกพรวดขึ้นมาทันที ก่อนจะรีบพาแพรวาเดินออกไปโดยทิ้งไว้ซี้งอาการงงของผู้มาเยือน แพรวาถูกลากแขนออกไปทั้งที่เนื้อตัวเลอะเทอะนมที่เจ้าลูกโซ่ขย้อนออกมาจากพุง ผมเริ่มไม่แน่ใจว่าแพรวาเขา ดีขึ้นแล้วจริงๆ เหรอ ผมหันมามองบีม

“ดูซิเนี๊ยะ! ยื้อแย่งกันจนอ้วกเลยเหรอลูก” ม๊าผมลุกขึ้นมาถามเจ้าลูกโซ่ ส่วนผมสะกิดบีมให้มองผู้มาเยือน ที่ยืนหันไปมองสามคนพ่อแม่ลูกที่รีบเดินออกไป ก่อนจะหันมายิ้มให้พวกผมแทน

“เพื่อนผมนะครับพี่เธียร มะนาวกับใบชาครับ เพื่อนที่มหาวิทยาลัยนะครับ” บีมหันมาบอกผม

“งั้นให้พี่มลเขาเอาเจ้าลูกโซ่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไปลูก” ม๊าหันมาบอกพี่มล พี่เลี้ยงและแม่บ้าน "แม่นนะคะคุณนาย ไม่ลงพื้นเลย ลงหัวเขาเต็มๆ เลยค่ะ" พี่มลกล่าวชมลูกผมทันที "มล!! พาหลานไปเปลี่ยนชุด และฉันไม่ได้ขอความคิดเห็นน่ะ ขอบใจ" ม๊าผมหันไปบอกพี่มล พี่เขาก็รับลูกโซ่ไปจากบีม และเพื่อนๆ บีมเขาเดินเข้ามา ผู้หญิงหนึ่งคนและผู้ชายไม่เชิงว่าจะเป็นผู้ชายอีกหนึ่งคน แต่ผู้หญิงนี้ไหว้แม่ผมซะสวยเชียว

“สวัสดีค่ะคุณแม่ คุณพ่อ”

“สวัสดีครับ” อีกคนทักทาย

“สวัสดีค่ะ นั่งก่อนลูก “ม๊าผมรีบบอกให้นั่งลง ทั้งคู่หันมามองผม ก่อนจะ

“อุ้ย! หน้าเหมือนมากเลยอะค่ะ “

“เหมือนอะไรแก”

“เหมือนลูกโซ่เลย พ่อเด็กแน่เลย” มะนาวพูด ผมหันมามองบีม

“มะนาว!!”

“แล้วลูกโซ่ไปไหนแล้วอ่ะบีม” เพื่อนของบีมถามถึงลูกโซ่ที่พี่มลอุ้มเข้าไป

“พอดีลูกโซ่มันอ้วกอ่ะ เลยให้พี่เขาเอาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“ลูกโซ่มัน อ้วกใส่ผู้หญิงคนเมื่อกี้เปล่าว่ะ” น้องผู้หญิงหันไปถามเพื่อน เขาคงเห็นสภาพแพรวาแล้ว บีมพยักหน้าเบาๆ

“อ้าวลูกแกยังไม่เลิกแหวะนมใส่ชาวบ้านเขาอีกเหรอ ชอบแหวะนมใส่อาจารย์กันต์ภณบ่อยๆ ด้วย” น้องผู้ชายที่ชื่อใบชาหันมาถามบีม ผมหันมามองบีมจริงอ่ะ บีมเขายิ้มให้ผมว่าใช่

“งั้นป๊าไปอาบน้ำก่อนแล้วกันน่ะจะได้ทานอาหารเย็นกัน ส่วนพวกเราก็ตามสบายเลยน่ะ “ป๊าผมพูดก่อนจะลุกขึ้น

“พี่เธียร นี้มะนาว และนี่ใบชา” บีมแนะนำเพื่อนของเขาให้ผมรู้จัก

“ถ้าอย่างนั้นคุยกันไปก่อนเลยน่ะ ม๊าจะไปดูซิว่าเขาทำอะไรทานกันวันนี้ แล้วนี่มากันแค่สองคนเหรอ” ม๊าพูดก่อนจะลุกขึ้น

“เดี๋ยวมาอีกคนค่ะ “มะนาวตอบ ม๊าพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์ เฮียธันเดินเข้ามาพอดี เฮียธันมองเพื่อนของบีมสองคน น้องผู้หญิงนี้ส่งสายตาปริ้งๆ ให้เฮียธันใหญ่เลย ส่วนบีมน่ะเหลือกตาขึ้นบน

“สวัสดีครับ” เฮียธันทักทาย

“เฮียธัน นี้เพื่อนผมครับ มะนาวกับใบชา” บีมแนะนำเพื่อนเขา

“พรวด!!” เธอลุกพรวด ส่วนเฮียธันนะสะดุ้งจนถึงขั้นกระโดดถอยหลังออก

“หนูไม่ใช่ขรี้นะคะพี่ กระโดดหนีหนูทำไมอ่ะคะ” น้องเขาถามเฮียธันทันที

“พี่เป็นโรคตื่นกลัว เอ๊ย! ตื่นตัว เล่นลุกพรวดมาแบบนี้ พี่ตกใจซิครับ นึกว่าอะไรเข้าสิงน้องเหมือนคนที่เพิ่งออกไปเมื่อกี้ “เฮียธันพูด ไม่วายพาดพิงถึงแพรวาอีก

“คนเมื่อกี้เขาผีเขาเหรอคะ ดูตาขวางๆ น่ากลัวเขียว” มะนาวพูด

“มะนาว” บีมหันมา

“หนูแค่จะสวัสดีนะคะ พี่? “มะนาวยื่นมือไปขอเช็กแฮนด์กับเฮียธัน แต่เฮียธันมองด้วยอาการงง น้องเขาก็ก้มมองที่มือที่รอการเช็กแฮนด์ก่อนจะเงยหน้ามองเฮียธัน เฮียแกก็ทำท่าจะเช็กแฮนด์น่ะแต่ดูมือเฮียแกสั่นๆ ไปน่ะ น้องเขารีบคว้าเอาไว้ทันที

“ทำอะไรของมึงน่ะอีนาว” ใบชามันพยายามดึง

“เช็กแฮนด์ไง “มะนาวพูด ผมหันมามองบีมนี้เพื่อนเหรอ และชี้นิ้วไปด้วย เฮียธันพยายามจะดึงมือออกแต่

“หมับ” มะนาวไม่ยอมให้ดึงมือออกอีกขืนไว้ด้วย

“น้องครับ ปล่อยมือพี่ได้แล้วมั้งครับ จับนานเนอะ เขาเช็คแฮนด์กันอย่างมากก็แค่ไม่กี่วินาทีแต่นี้จะห้านาทีแล้วครับ ปล่อยเถอะครับ” เฮียธันพูดก่อนจะพยายามขอมือคืน เพราะว่ามะนาวไม่ยอมปล่อยมือเฮียธันซะที

“อีนาว ปล่อยมือเขาได้แล้ว อีนี่นิ” มะนาวก็ถึงได้ยอมปล่อย

“คืออยากทำความรู้จักให้นานๆ นะค่ะ เราจะได้รู้จักกันให้มากขึ้น “มะนาวพูด เฮียธันหันมามองผมสองคน ก่อนจะชี้ที่มะนาว

“พี่ถามหน่อยดิบีม” ผมหันมากระซิบถามบีม

“ครับพี่เธียร” บีมพยักหน้าเบาๆ

“ตอนบีมคบเพื่อนน่ะ เขาบังคับบีมเป็นเพื่อนหรือเปล่าอ่ะ ดูแล้วไม่น่าจะใช่เพื่อนบีมเลยจริงๆ คนละขั้วกันเลย” ผมกระซิบกับบีม บีมหันมาทำท่าจะหยิกผม และเฮียธันก็เดินมาทำท่าจะกระซิบกับผม

“งั้นเฮียขอไปเวิร์คเอาท์ก่อนน่ะ “

“ไปไหนน่ะเฮีย” ผมหันไปถาม เพราะว่าเฮียแกพูดเบามาก

“อย่าให้ตะโกน เดี๋ยวน้องเขารู้ กูกลัวว่ะ “เฮียธันหันมากระซิบกับผมและบีมก็ได้ยินเพราะว่านั่งใกล้ๆ

“กลัวอะไร” ผมกระซิบกับ

“กลัวตามเฮียไป “เฮียกระซิบกับ ก่อนนะยิ้มแหยๆ ให้มะนาว

“ไปห้องยิมน่ะ” เฮียบอกกับผมอีกที ผมพยักหน้า ก่อนจะหันมาโบกมือให้น้องเขาและเดินสับเท้าออกไปทันที

“แล้วเป็กซ์ล่ะมันจะมาไหม” บีมถามเพื่อนของเขา

“ไม่มาว่ะ มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ นี้กูชวนมันจะมาหามึงน่ะ ดูมันเหมือน ยังไงไม่รู้ว่ะ บอกไม่ถูกว่ะ” เพื่อนที่ชื่อใบชาพูด ผมหันมามองบีมว่ามีอะไรหรือเปล่า ผมเห็นเจ๊ธามผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ เปลี่ยนชุดใหม่มาเรียบร้อยแล้ว

“เก่งมากหลานโกว “สงสัยเธียธามจะชม ที่หลานรักไปอาเจียนใส่แพรวาแน่ๆ ลุงหลานนี้เริ่มแสบเหมือนกันเข้าไปทุกที เฮียธามเดินมาหยุดมองเพื่อนของบีม และเพื่อนของบีมก็หันไปมองเฮียธาม นิ่งกันไปพักหนึ่ง หลายวินาทีเลย

“สวัสดีค่ะขุ่นแม่” “สวัสดีครับขุ่นแม่” พากันยกมือไหว้เฮียธามแต่ว่าเขารู้ไงว่าเฮียธามผมไม่ใช่แมนน่ะ

“สวัสดีค่ะลูกๆ “เฮียถามก็รับไหว้ซะอ่อนช้อยพอกัน และดีที่ป๊าเดินขึ้นไปแล้ว

“เว้ย!! ” และจู่ๆ ร้องออกมาพร้อมกันซะงั้น

“รู้ได้ไงอ่ะ “นั้นไง ผมหันมากุมขมับตัวเองส่วนเจ้าลูกโซ่น่ะ เอียงคอมองอย่างสนใจ และเฮียธามก็ทำนิ้วจุ๊ปากก่อน ประมาณว่าความลับ บีมสะกิดแขนผมให้ดูเจ้าลูกโซ่ทำนิ้วตาม

“ชุ๊!!!” เหมือนกัน โก้งตูดน่ารักเชียว

“เออ พี่มีเอกสารจะให้พ่อเซ็นต์น่ะ เราคุยกับเพื่อนไปก่อนน่ะ “ผมหันมาบอกบีม บีมเขาก็พยักหน้า ผมก้มลงหอมแก้มลูกชายผม เฮียธาม และเพื่อนของบีมดูท่าจะคุยกันถูกคอ ส่วนเจ้าลูกโซ่โชว์สเต๊ปเต้นเบบี๋ชาร์ค ผมเดินเข้าไปหยุดที่ห้องทำงานของพ่อผม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตู ห้องทำงาน ก่อนจะเปิดเข้าไป ป๊าเงยหน้าขึ้นมามองผม ผมนั่งลงที่ตรงข้ามกับป๊า สายตาที่ป๊ามองมันไม่เหมือนทุกครั้ง

“ว่าไงเธียร” ป๊าถามผม

“ป๊า ป๊าว่าแพรวาเขาจะหยุดแค่นี้ไหมอ่ะป๊า” ผมถามป๊า ป๊าวางปากกาลง

แล้วถ้าเขาไม่หยุดละเธียร แถมดูท่าจะหนักขึ้นทุกวัน” ป๊าเงยหน้าพูดกับผม

“ป๊าจำที่เธียรเคยขอป๊าได้ไหม ที่ตอนนั้นเธียรขอเพราะว่าเธียรคิดว่า ถ้าวันที่เธียรไม่อาจจะประสบความสำเร็จได้ เธียรก็จะได้ไม่ต้องทำให้ตระกูลของป๊ามัวหมอง แต่ว่าตอนนี้ผมกลับต้องคิดใหม่"

"ถ้าเขาหมายถึง ผมต้องแต่งงานกับแพรวาเพราะว่า อากงอยากให้เราสองตระกูลดองกัน และนี่อาจจะเป็นข้ออ้างที่แพรวาจะนำมาใช้กับผมล่ะป๊า ผมคิดว่าเธอไม่หยุดแค่นี้หรอกครับป๊า"ผมพูดกับป๊า  ป๊ามองหน้าผม

 " ผมเลือกจะออกไปได้ไหมป๊า” ผมถามป๊า ป๊าลุกขึ้นก่อนจะเดินมาทางผม ป๊าใช้ฝ่ามือแตะที่หัวผม ผมเงยหน้ามองป๊า ผมรู้สึกแปลกใจเพราะว่าป๊าไม่เคยทำกับผมแบบนี้มาก่อน

“เธียร ไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกออกไปลำบากหรอกน่ะ ต่อให้ป๊าจะเคยบอกว่าถ้าเราไม่เอาไหน จะไม่ให้อะไรเลย มันเป็นไปไม่ได้เธียร “ป๊าพูดกับผม

“แต่ว่าผม”

“อย่าเพิ่งเลือกทางนี้เลยน่ะ สงสารม๊าเขาบ้าง ถ้าม๊ารู้เขาก็จะเสียใจ และยิ่งเรามีลูกด้วยแล้ว ป๊ากับม๊ายิ่งไม่อยากปล่อยให้เราออกไปแบบนั้นแน่นอน “ป๊าพูดเป็นเชิงห้ามผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมรักม๊าผมมากแต่ผมก็ไม่อยากเสียลูกเมีย ผมเดาว่าม๊าจะเข้าใจผมที่สุด

“ป๊าจะไปอาบน้ำแล้ว และเราจะได้ทานข้าวกัน “ผมพยักหน้าก่อนจะเดินออก ผมว่าจะเข้าไปเอาของในห้องนอนสักหน่อย แต่จะว่าไป บีมไม่เห็นบอกผมเรื่องโทรศัพท์กับผมเลย ผมเดินเข้าไปในห้องนอน ผมคิดว่าบีมน่าจะเก็บมันไว้ในลิ้นชัก ผมเห็นบีมใช้เครื่องเก่าที่ไม่ใช่แอบเปิ้ลที่ผมซื้อให้ ผมเปิดลิ้นชักออกมาดู ผมหยิบมือถือเครื่องนั้นขึ้นมา หน้าจอแตกร้าวเกือบทั้งหมด นี้แพรวาทำไมเขาทำขนาดนี้ ผมพยายามกดเปิดเครื่องดู ก็ยังเปิดได้แต่หน้าจอแตกเยอะเกินไป ยังไงก็ต้องซื้อให้บีมใหม่ หน้าจอมีสิ่งที่ทำให้ผมอมยิ้มทันที คือภาพที่ผมเล่นกับลูกโซ่ ลูกโซ่หัวเราะจนปากบานดูเขามีความสุขมากและผมก็เช่นกัน แล้วอย่างนี้ผมจะไม่พยายามรักษาครอบครัวของผมได้อย่างไร อากงนะอากง ไม่น่าพูดแบบนั้นออกไปเลยและเธอก็คิดฝังใจมาตลอดว่าผมต้องแต่งงานกับเธออีก

TBC......


หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.23 แพรวามาขอโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 24-03-2021 20:12:37
 :hao3: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.23 แพรวามาขอโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-03-2021 20:17:35
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.23 แพรวามาขอโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-03-2021 22:09:08
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.23 แพรวามาขอโทษ
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-03-2021 23:32:52
 :hao3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24เนื้อคู่เฮียธัน? (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 28-03-2021 10:17:49
      Part’ s เฮียธัน ผมเฮียธันพี่ชายคนที่สามของเจ้าเธียรวิชย์ ผมหนีน้องมะนาวอะไรนั้นมาเวิร์คเอาท์แทน ผมเป็นคนไม่ชอบผู้หญิงจีบก่อนแต่ถามว่าน้องน่ารักไหมน่ารักครับ แต่ก็ไม่ใช่สเป็กอยู่ดี น้องอวบไปครับ แถมยังอวบระยะสุดท้ายแล้วด้วยครับหุ่นน้องนะครับ ผมเป็นคนชอบออกกำลังกายแบบฮาร์ดคอร์และโยคะตบท้าย แฟนผมเป็นคนรักสุขภาพกันทุกคนหุ่นดีทุกคน แต่ว่าแฟนผมแต่ละคน ที่ผมคบก็ไม่ยืดสักคนไม่ใช่ตายจากนะครับแต่ว่าเลิกรากันเร็วมากผมเป็นคนไม่ชอบมานั่งจับผิดหรือต้องคอยโทรตาม


   หลังจากเสร็จกิจกรรม ผมก็เข้าห้องซาวน์น่าต่อเลยและนี้กะว่าจะเข้าไปอาบน้ำ และค่อยออกมาเล่นกับหลานลูกโซ่ของผมต่อ เด็กอะไรก็ไม่รู้ทำเอาผมเอาหลง ก็หลานคนแรกของบ้านซะด้วย หลงจนผมแทบจะไม่ได้ไปหาแฟนเลย แฟนคนใหม่ที่เพิ่งคบกันได้สามเดือนเอง อายุแก่กว่าผมสามปียังไม่ถึงขั้นเรียกแฟนเหมือนกำลังดูใจกันอยู่ เธอเป็นคนมาตรวจสอบมาตรฐานโรงเรียนให้ผมและผมเองเป็นคนชอบคนมีอายุมากกว่าตลอด เลยลองคุยและลองคบและที่สำคัญเธอเป็นคนขอคบผมก่อนไม่เชิงว่าจีบก่อน ส่วนตัวผมเอง ถ้าจะคบแฟนใหม่ก็ต่อเมื่อผมเลิกกับคนเก่าแล้ว และแฟนคนเก่าผมก็ตามจิกตามหวงจนผมรำคาญเลยบอกว่าไม่ไหว เลิกเถอะ และคนใหม่นี้เดือนแรกนี้ดีมากจนผมคิดว่าจะอยู่กันไปนานแต่มาเดือนนี้ เธอจิกผมน่าดูเร่งรัดนั้นนี้จนผมเริ่มรู้สึกอึดอัด

“ฮัลโหล “พูดถึงก็โทรมาหาทันที ผมกดรับสายผ่านแอร์พ็อดส์ที่หยิบมาเสียบไว้ที่หู ผมถอดเสื้อผ้าออกจนหมดมีแต่ผ้าพันกายไร้ซึ่งชั้นใน

“ว่าไงครับ ลินดา” ผมถามผู้หญิงในสาย

“วันนี้ธันก็ไม่มาหาพี่อีกแล้วน่ะ ทำไมช่วงนี้กลับบ้านบ่อย มีอะไรหรือเปล่าคะ” นี้แหละที่ผมไม่ชอบ คนเราต้องมีช่องว่างระหว่างกันบ้าง ผมควรจะได้อยู่กับครอบครัวบ้าง

“ผมก็บอกพี่ลินดาแล้วไงครับว่าผมมาเล่นกับหลาน ว่าแต่พี่ลินดาเถอะกลับมาจากไปอบรมอะไรของพี่หรือยังล่ะครับ” ผมเดินเข้ามาในห้องน้ำเป็นห้องน้ำสำหรับผมและคนที่มาใช้ยิมของบ้าน แต่ส่วนมากเป็นผมคนเดียว ผมตรงไปห้องน้ำทันทีก่อนจะเดินไปหมุดวาลว์เปิดน้ำรองใส่อ่างกุ้ซชี้ ผมเห็นว่ายังมีเวลาเหลือแช่น้ำให้สบายใจสักหน่อย

“กลับมาแล้ว และรอธันอยู่ ตกลงวันนี้จะมาหาพี่ไหมคะ” นั้นไง ขนาดตอนคบผมบอกว่าไม่ชอบให้มาเซ้าซี้ไง

“ถ้าไม่ไปล่ะครับ “ผมถามคนปลายสาย

“พี่จะไปเที่ยวบาร์โฮสต์กับเพื่อนค่ะ” นี้ข้อทสองที่ผมมไม่ชอบเข้าไปใหญ่ ขู่จะไปเที่ยวเพื่อหาผู้ชายมาเป็นอาหารตา

“พี่ลินดา ผมคุยกันว่าไงครับ ถ้าคบกับผมเรื่องพวกนี้ต้องไม่มี ผมไม่ชอบ “ผมทำเสียงซีเรียสทันที

“งั้นก็มาหาพี่คืนนี้นะคะ” และคนปลายสายก็ชิ่งวางสายไปทันที ผมสั่นหัวด้วยความเบื่อหน่ายก่อนจะเดินออกมาผมว่าสงสัยไม่ผ่านโปรนะคนนี้ ผมเลือกแชมพูในตู้เก็บของ ห้องยิมนี้ส่วนใหญ่เป็นผมใช้และห้องน้ำนี้ด้วยเช่นกัน เสียงกดน้ำดังมาจากห้องน้ำของผม ห้องอาบน้ำและห้องน้ำอยู่ในโซนเดียวกันแต่แยกห้องกันอย่างชัดเจน ผมหยุดฟัง มีคนมาใช้ห้องน้ำผมเหรอ ปกติไม่มีใครมาใช้น่ะ

“ฮัลโหล อะไรพี่เอ็ม พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว เออ กูเลิกแล้ว มึงแม่งนับวันยิ่งเชี้ยจนกูไม่กล้าพามึงเข้าไปไหว้แม่กูอ่ะ มึงคิดเอาเองแล้วกัน แค่นี้น่ะ กูจะมาทำอะไรเรื่องของกู ไม่ใช่เรื่องของมึง เขาเป็นเพื่อนกู ไอ้สัส!! ก็เพราะมึงเป็นแบบนี้ไง กูไม่ใช่กระสอบทรายของมึงนะ” ผมหันไปมองห้องน้ำห้องนั้น สักพักประตูถูกเปิดออก ผมหันไปมองคนที่เดินออกมาเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกางเกงสแลคเข้ารูป

“เฮ้ย!!! ” จู่ ๆ ก็ร้องตกใจและปิดตาตัวเอง ทันที ผมคิดในใจ มันควรจะเป็นผมร้องตกใจไม่ใช่เหรอว่ะ เพราะว่านายนี้มันถือวิสาะเข้ามาในบ้านผมและในยามที่ผมโป้อยู่แบบนี้ด้วย แต่ผมแค่ยืนกอดอกมองคนที่ยกมือขึ้นปิดตาตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปยืนตรงหน้า มีแอบส่องดูลอดช่องระหว่างนิ้วมือ พอเขาเห็นว่าผมมายืนใกล้ๆ

“ไอ้โรคจิต ไอ้บ้า! “อ้าวเฮ้ย!! ด่าผมด้วย แถมผมโดนด่าในบ้านตัวเอง ผมก็ชี้หน้าตัวเอง เออ ผมนี่น่ะโรคจิตตรงไหนว่ะ และบ้าตรงไหนด้วย

“นี้คุณ” ผมสะกิดคนที่ยืนปิดตาอยู่

“ไอ้โรคจิต ออกไปเลย “อ้าวยังมีหน้ามาไล่ผมอีก

“นี้คุณ!! สติครับสติ คุณน่ะมาเข้าห้องน้ำผม และมาไล่ผม คุณนั่นแหละบ้า” ผมยืนมองคนที่ค่อยๆ เปิดตาขึ้นมองผม มองหน้าผมก่อนจะชำเลืองตามองต่ำ ลงไป

“และผมก็มีผ้าขนหนูปิดไม่ได้โป้ ไม่ต้องปิดตาหรอก และนายก็ผู้ชายเหมือนกัน” ผมพูดก่อนจะพยักพเยิดมองคนตรงหน้า

“ก็ไม่มีเสื้ออ่ะ มันก็โป้อยู่ดีนั่นแหละ”

“ผมกำลังจะอาบน้ำ ผมควรจะใส่เสื้ออาบน้ำเหรอครับคุณ อันนั่นแหละเขาเรียกว่าบ้า! ” ผมพูดกับคนตรงหน้า เขาก็มองไปอีกห้องที่ผมเปิดน้ำเอาไว้ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ

“ว่าแต่คุณเถอะ มาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง และมาเข้าห้องน้ำผมอีก คิดว่านี้คือห้องน้ำในปั๊มน้ำมันเหรอ” ผมถามคนตรงหน้า

“ปั๊มน้ำมันบ้านเตี่ยมึงดิ”

“อ้าว เดี๋ยวจับทำเมียแม่งในนี้เลย ห้องน้ำนี้เก็บเสียงดีด้วย” ผมพูดและก่อนจะเดินสาวเท้าเข้าไป คนตรงหน้าผมก็ถอยหลัง

“เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ กูร้องน่ะ”

“ก็บอกเก็บเสียงดี ร้องไปใครจะได้ยิน ไม่มีหรอก และปากดี นี้รุ่นไหนเนี๊ยะ”

“กูไม่ใช่พระเครื่อง ไม่ต้องมาถามเหรอกว่ากูรุ่นไหน และมันไม่ใช่เรื่องของมึง” คนตรงหน้าผมพูด ได้! เดี่ยวรู้ว่าเรื่องของใคร

“ปึก” ผมใช้มือดันไว้กับกำแพงคนที่ผมดันไว้ก็ไปไหนไม่ได้แม้จะพยายามหมุดหนีก็ตาม

“เฮ้ย!! ปล่อยกูน่ะ เพื่อนกูรออยู่ ไอ้สัส!! ไอ้เชี้ย ปล่อยกูดิว่ะ กูบอกให้ปล่อยกู ไอ้โรคจิต ไอ้ขาดความอุ่น ไอ้ไม่มีใครรัก” คนที่พยายามดิ้นออกแต่ผมไม่ยอมปล่อยเพราะว่ายิ่งด่าผมของมันยิ่งของขึ้น แต่ที่ด่ามาทั้งหมดนี้ผมไม่มีข้อไหนที่ตรงกับผมเลย

“อย่านะ ปล่อย!!!” ผมยิ่งแนบตัวเขาไปทาบกะว่าจะดันให้ทะลุกำแพงไปเลย และคนตรงหน้าผมก็พยายามดันผมออก พอเริ่มดันไม่ออกก็มองหน้าผม

“ปึก” ผมจับมือขึ้นขึงไว้เลย

“ปล่อยกูน่ะ ไอ้เชี้ย!! ไอ้พวกจิตฐาน ไอ้บ้าก้าม ไอ้ ไอ้ ….”

“ด่าเก่งนักใช่ไหม ได้ เดี๋ยวรู้” ผมพูดและประกบปากจูบทันที คนที่โดนจูบพยายามต่อต้านผม แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อย ผมก็ยิ่งบดขยี้ มือที่จับแขนนั้นขึงอยู่เปลี่ยนมาเป็นจับใบหน้านั้นล็อกเอาไว้และใช้กายของผมดันคนนั้นแหนบไว้กับกำแพง ผมยิ่งบดขยี้หนักขึ้น กำปั้นนั้นก็ทุบอกผมไปด้วย ผมก็ไม่ยอมปล่อย ยิ่งทุบยิ่งจูบอ่ะ เอาซิ ผมเป็นคนชอบฮาร์ดคอร์ซะด้วย

“ทุบมาจะบี้ให้ปากเจ่อเลย” ผมพูดและก้มลงบดขยี้หนักขึ้นอีก

“โอ๊ย!” ผมร้องเสียงหลงเพราะว่าคนที่ผมจูบกัดริมฝีปากผมได้เลือดเลย ผมเลยต้องปล่อย ผมใช้นิ้วเรียวๆ แตะที่ริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะมองคนที่ผมจูบเขาทรุดลงไปนั่ง หายในหอบ ไม่ใช่หอบเหนื่อย หอบแบบหายใจเร็วมากและดูท่าจะหายใจไม่ทัน

“เฮ้ย เป็นอะไรไปว่ะ” ผมถามคนที่นั่ง เขายกมือเหมือนจะไม่ไหว

“กระดาษ” คำที่พูดที่หลุดออกมา อย่างยากลำบากคือ เขาต้องการกระดาษเหรอ ผมรีบหันไปเห็นกระดาษA4 ที่ผมปริ้นตารางการเทรนเนอร์ตัวเอง ผมมาหนึ่งแผ่น หรือว่าจะเขียนบอกอะไรผมหรือเปล่าว่ะ

“เอาปากกาด้วยไหม” ผมหันไปถาม

“ไม่!! “เขาพูดเชิงโมโห “แฮ้กๆๆๆ” ดูหายใจถี่ขึ้น

“ก็ถามเพื่อจะเขียนสั่งลา” ผมพูดก่อนจะหันไปหยิบกระดาษมาให้และเขาก็ทำท่าจะม้วน ผมเห็นมือไม้สั่นมาก ผมเลยอาสาม้วนให้เป็นกรวยและเขาก็จับมาครอบจมูกตัวเอง แต่มือนั้นสั่นมาก ผมเลยต้องเป็นคนจับให้และใช้แขนประคองให้นั่งเอนอยู่แบบนั้นเกือบสิบกว่านาที จนเริ่มหายใจปกติ และการหายใจก็ค่อยๆ ช้าลง ผมใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ แต่จะว่าไปก็ยังเจ็บอยู่เลยนะเนี๊ยะ กัดมาได้คนอะไรก็ไม่รู้ ผมนั่งยอง ๆ อยู่ดูว่าไหวไหม ไม่ไหวจะไปเรียกคนมาช่วย

“ไหวไหม ถ้าไม่จะได้เรียกคนมาพาไปส่งโรงพยาบาล “ผมถามคนที่นั่งหลังพิงผนังห้องน้ำอยู่ เขาสั่นหัวเบาๆ ผมก็ขยับเข้าไปใกล้อีก

“พอแล้ว “คนตรงหน้ารีบใช้มือดันผมให้ออกจากตัวเขาทันที

“อะไรอีกเนี๊ยะ! “ผมถามคนที่พยายามผลักไสผมออก

“ออกไป! นั่งไม่รู้จักอายคนอื่นบ้าง ออกมาเป็นพวงแล้ว” ผมก้มลงมองอ้อ ไม่มีกางเกงใน เห็นของลับผมแล้วทำหันหน้าหนี

“ก็กำลังจะเข้าไปอาบน้ำ ใครจะอาบทั้งกางเกงในล่ะคุณ แล้วนี่หายดีแล้วเหรอ ที่เมื่อกี้หายใจหอบทำท่าจะขาดอากาศหายใจตาย พอดีขึ้นหน่อยปากดีเชียว เดี๋ยวเอาอีกรอบเลย คราวนี้ได้เขียนสั่งลาในกระดาษนี้แน่ๆ ” และท่าจะจัดให้หอบแบบเมื่อกี้อีกรอบ

“อย่าน่ะ ผมเป็น ไฮเปอร์เวนชั่น” คนนั้นรีบร้องห้ามผมทันที ผมก็พอจะเคยได้ยินมาบ้างตอนเป็นพี่ว้าก เพราะว่ามีน้องที่เป็นแบบนี้เหมือนกัน ภาวะเครียดมาก ผมก้มลงคนที่นั่งอยู่ ผมลุกขึ้นยืน

“นี้นายเป็นใครถึงเข้ามาในนี้ได้”

“ผมเป็นเพื่อนบีม และผมมาเข้าห้องน้ำ “

“ทำไมไม่ไปเข้าห้องน้ำสำหรับแขกล่ะ”

“ห้องน้ำนั้นมันล๊อก และใครจะไปรู้ว่านี้ห้องน้ำส่วนตัว ที่หลังติดป้ายไว้ดิว่ะ” คนที่นั่งอยู่กำลังจะลุกขึ้น ค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้น ก่อนจะหันมาปรายตามองผม ผมเห็นโทรศัพท์มือถือสั่นอยู่พักหนึ่งแล้ว ก่อนนะชะเง้อมอง ไม่รับเหรอ เขามองผมก่อนจะแทรกตัวเดินออกไปหน้าตาเฉย ผมยืนใช้นิ้วเรียวๆ แตะที่ริมฝีปากเบาๆ ได้เลือดซิบเลย

ผมรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบเดินออกมา ผมเดินมาจับลูกบิดที่ห้องน้ำแขก มันล๊อกเอาไว้จริงๆ ด้วย สงสัยพี่มลคงจะมาล๊อกเพราะว่าเจ้าลูกโซ่เริ่มคลานได้ อาจจะเผลอผลักประตูเข้าไป และผมก็เดินออกมา ผมเห็นเจ้าลูกโซ่นั่งตัก ไอ้คนนั้นคนที่กัดปากผมซะจนได้เลือด ผมเดินมาหยุดมอง คนที่โดนผมจูบในห้องน้ำหันมาค้อนผมขวับเลย

“บีมไอ้คนนี้ใครวะ” ระยะประชิดมากเลยครับน้อง

“ถามพี่ก็ได้มั้งครับ พี่น่ะชื่อพี่ธันครับ เป็นเฮียของไอ้เธียรวิชย์ครับ “ผมตอบแทนบีม คนนั้นหันมามองผมก่อนจะก้มลงมองลูกโซ่

“ลูกโซ่ น่าสงสารเนอะ มีลุงโรคจิต” ผมสะบัดมามอง คนที่บอกหลานผมว่าผมโรคจิต ผมได้ยินมือถือคนนั้นสั่นตลอด

“ไม่รับสายล่ะ แฟนโทรมาแน่เลย ถี่ยิบขนาดนี้” ผมนั่งลงก่อนจะกระซิบข้างหูคนนั้น

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ มารยาทน่ะมีปะ” คนข้างๆ หันมาพูด

“แม้ปากดี ชื่ออะไรครับเนี๊ยะ” ผมถามแต่เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน

“นี่มีคนเขาถามแล้วไม่ตอบน่ะมันเสียมารยาทนะครับน้องครับ” ผมถามคนที่นั่ง อุ้มเจ้าลูกโซ่นั้งอยู่บนตัก

“ผมจะมีมารยาทกับคนที่ควรจะมีเท่านั้นครับ” เขาหันมาตอบผม ผมพยักหน้าเบาๆ ได้ถ้าไม่ยอมบอก ถามน้องสะใภ้ก็ได้ ถึงยังไงบีมต้องยอมบอกผมแน่ๆ

“บีมครับ เพื่อนชื่ออะไรเหรอครับ เฮียอยากรู้จักครับ” ผมถามบีมพร้อมกับชี้คนที่อุ้มเจ้าลูกโซ่อยู่

“ชื่อฟิล์มครับเฮียธัน “บีมหันมาตอบและคนที่อุ้มลูกโซ่หันขวับมามองผมทันที ผมก็ยักคิ้วกับลูกโซ่ หลายผมก็ทำท่าเลียนแบบเหมือนกัน บีมลุกขึ้นไปหาไอ้เธียรวิชย์ ผมเลยขยับเข้าไปใกล้

“มาหาลุงไหมครับ “ผมกางมือเรียกลูกโซ่ “ลุงมีของเล่นน่ะ” ผมรีบเอาของเล่นมาล่อใจ นั้นไง หันขวับมาและดีดตัวมาหาผมทำให้คนที่อุ้มไม่ทันตั้งตัว ผมเลยต้องรับน้ำหนักทั้งหลายผมและคนที่อุ้มไว้ด้วยอกชายสามศอกของผม พอลูกโซ่กอดคอผม ผมก็จับมาหอมแก้ม ส่วนคนที่นั่งน่ะชำเลืองตามองผม “เอิ้กๆๆ” “เจ้าลูกโซ่หัวเราะใหญ่เลย ผมก็หอมแต่มีคนอิจฉาเหลือกตามองบนก่อนจะหันไปมองทางอื่น ผมจับลูกโซ่ไปเกาะและคนนั้นก็หันขวับมาจะมาหอมแก้มลูกโซ่แต่ผมยกลูกโซ่หนีและแทรกตัวเข้าไปแทน

“ฟ้อด” หอมแก้มผมเต็มๆ ครับ

“เฮ้ย!” เขาร้องและใช้มือดันอกของผมออก แต่ผมสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจคนที่เอามือมาดันหน้าอกผมไว้ ใจเขาเต้นแรงมาก

“ถ้าตื่นเต้นจนหายใจติดขัดแบบเมื่อกี้ พี่พร้อมผายปอดให้เลยนะครับ “ผมกระซิบ

“ไอ้...” เขาจะหันมาด่าผม ผมชี้ที่เจ้าลูกโซ่ มีเด็กอยู่น่ะ อย่าใช่คำพูดไม่สุภาพ เฮียธีเดินเข้ามาพร้อมกับมิวพอดีเลย ทั้งคู่มองผม และเข้าลูกโซ่ก็กางแขนเพราะว่าแอบเห็นของเล่นที่เฮียธีซื้อมาให้ มิวก็กางแขนมาอุ้ม มิวน่ะรุ่นเดียวกับผม พอดีว่าน้องมะนาวคนสวยเดินออกมาพอดี และเห็นเฮียธีเข้า

“ไปรับน้องสาวมาเหรอคะ” มะนาวหันไปถามเฮียธี แต่บอกว่าเจ๊มิวเป็นน้องสาว

“เฮ้ย น้อง คนนั้นนิ” เฮียธีทำท่าชี้มาที่มะนาว

“ที่พี่ไปส่งไอ้บีมที่คอนโดมันนะคะ หนูยังจำพี่ได้แม่นเลยค่ะ แต่อีกคน เออ จำได้รางๆ” น้องมะนาวพูดก่อนจะหันมามองมิว

“อู้ยย!! ” เฮียธีที่เกียมัวมากหันไปมองเจ๊มิว เจ๊แกยืนยิ้มอยู่แต่ยิ้มนี้คงสยองของเฮียธีมากน่าดู

“น้องครับ บ้านพี่ไม่มีน้องสาวครับ มีแต่น้องชาย “เฮียธีพูดก่อนจะหันมาสะดุดที่เฮียธามที่เพิ่งจะเดินเข้าพาเพราะว่าแอบไปโทรศัพท์กลับมา

“ครึ่งหญิงครึ่งชาย” เฮียธีพูด “โอ๊ย! ดีไม่บอกว่าครึ่งบกครึ่งน้ำล่ะเฮีย “เฮียธามพูด

“เฮียล้อเล่น” เฮียธีรีบแก้ทันที เพราะว่าเจ๊ธามไม่ธรรมดาแต่ดีเจ๊แกแค่สะบัดบ๊อบใส่ ตามมาด้วยท่าเดินสะบัดสะบิ้งไปทันที และแน่นอนตอนนี้เฮียแกทำได้อยู่เพราะว่าป๊ายังไม่ลงมา

“อ้าวแล้วเขาคือใครอะคะ แฟนคลับเหรอคะ” น้องมะนาวชี้ไปที่พี่มิว

“ตกลงนี้จะให้พี่โสดให้ได้ใช่ไหมครับ ถ้าเป็นงั้นพี่คงได้ตายก่อนโสดแน่ๆ “เฮียธีพูด

“อีมะนาว เขาเป็นแฟนกันไง “ใบชารีบตอบแทน

“ฮะ” น้องมะนาวร้อง พวกผมพากันยกมือมาเกาศีรษะพร้อมๆกันผมกับเฮียธี และไอ้เธียรวิชย์มันเดินออกมาพร้อมกับบีม และเจ้าลูกโซ่ก็หันไปหาไอ้เธียรวิชย์ให้อุ้ม และมันก็แบมือขอลูกมันไปอุ้ม น้องมะนาวหันขวับมาทางผมทันที

“แสดงว่าเหลือพี่อีกคนใช่ไหมคะ “ผมสะบัดหน้าไปมองเขาพร้อมกันส่ายหน้าเบาๆ และโชคดีที่ม๊าเดินลงมากับป๊า

“ไปทานอาหารกันดีกว่าลูก “ม๊าเดินมาบอกพวกผม ก่อนก้มลงมองคนที่นั่งข้างๆ ผม

“สวัสดีครับ” คนข้างๆ ผมยกมือไหว้ม๊าของผม

“ผมชื่อฟิล์มครับ ผมเป็นเพื่อนบีมครับ” เขาแนะนำตัวกับม๊าของผม

“อ้าวเหรอ นี่พึ่งจะมาถึงใช่ไหมเราน่ะ” ม๊าผมถามคนข้างๆ ผม

“ใช่ครับ และพอมาถึงผมก็เลยวิ่งเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ “คนข้างๆ ผมตอบแบบเขินๆ ผมก็มามองและท่าท่าคิดก่อนจะ

“เลยเข้าห้องน้ำผิดว่างั้น เพราะว่ารีบ หรือตั้งใจกันแน่” ผมพูด คนที่ยิ้มให้ม๊าผมอยู่ ก็หันขวับมามองผม ม๊ามองผมสลับกันอีกคน

“กินข้าวได้ยังอะม๊า ผมหิวแล้วอ่ะ” ผมรีบอ้อนม๊าผมทันทีกลบเกลื่อน

“งั้นก็ไปทานอาหารกันได้แล้ว” ม๊าบอกผม

“ม๊าชวนหนูใช่ไหมคะ” มะนาวลุกพรวดขึ้นทันที

“ม๊าชวนทุกคนแหละ ไปกันได้แล้ว เดี๋ยวอาหารเย็นหมดไปลูกไป เราด้วยนะฟิล์ม “ม๊าบอกทุกคนก่อนจะแตะไหล่ของฟิล์ม ผมหันมามองคนที่ลุกขึ้น เขาเหลือบมองโทรศัพท์มือถือแต่ก็จับมันหยัดใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับส่ายหัวเล็กน้อย

“ฟิล์ม ทำไมไอ้เป็กซ์ไม่มาว่ะ”

“ไม่รู้แม่งว่ะ ว่ะกูโทรแล้ว มันไม่รับสายเลย ทั้งที่กูคุยกับมันตอนเช้าน่ะยังคุยดีอยู่เลย แต่พอบ่ายกูชวนมาหามึงอ่ะ มันก็ เงียบและมันก็บอกว่ามีธุระด่วนน่าจะเสร็จไม่ทัน” ผมบังเอิญได้ยินเพราะว่าเดินตามหลังเขามา

“มันโกรธอะไรกูเปล่าว่ะ” บีมพูดถามเพื่อน ผมเดินช้าลงเพื่อแอบฟัง แต่เอ๊ะ! ทำไมผมอยากรู้ก็ไม่รู้ ผมคิดถามที่เขาคุยกันจนเสียงเงียบนั่นแหละผมถึงได้เงยหน้าขึ้นและ ผมก็เกือบจะชนคนข้างหน้าที่หันและหยุดเดินกะทันหัน เขามองผม และโชคดีที่ผมเบรกทันไม่งั้นคงได้กอดคงตรงหน้าโชว์น้องสะใภ้

“แอบฟังเหรอ บอกแล้วไง มารยาทน่ะมีหน่อยน่ะ” อยู่ ๆ ก็หันมาว่าผม ผมชี้หน้าตัวเอง

“ไอ้ฟิล์ม!!” บีมรีบห้ามเพื่อนเขาทันที และหนุ่มกวนผมคนนั้นก็เดินผ่านผมไป วันนี้อาหารเต็มโต๊ะกว่าทุกวัน บีมเขานั่งใกล้ๆ กับเพื่อนๆ ของเขา ดูบีมกับเพื่อนๆ สนิทกันมาก พูดคุยกันสนุกสนาน มะนาวและใบชา ดูเป็นลูกรับลูกส่งมุขกันดี แต่อีกคนที่ชื่อฟิล์มเหมือนจะไม่ค่อยสนุก ผมหันมาอีกคน คนนี้สนุกสนานมากแต่กับการตักอาหารกระจัดกระจายไปทั่ว คือเจ้าลูกโซ่ ไอ้เธียรวิชย์มันเลยต้องคอยป้อนแทนบีม

“มัม มัม มัม” ลูกโซ่เขาตักอาหารเด็กมาจะป้อนเจ้าเธียรวิชย์

“ไม่เอาเต้าหู้ ป๊าไม่กินอันนี้น่ะ กินไปซนจริงๆ เลย อยากรู้จริงๆ ว่าม๊าเขาใจเย็นป้อนเราได้ไงว่ะเนี๊ยะ อย่าสะบัดมันเลอะป๊า ป๊าอาบน้ำแล้วน่ะ “ไอ้เธียรวิชย์มันป้อนข้าวลูกและบ่นลูกมันเป็นหมีกินผึ้งเลย

TBC........

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24เนื้อคู่เฮียธัน? (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-03-2021 11:59:05
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24เนื้อคู่เฮียธัน? (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 28-03-2021 22:24:28
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1 (เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 31-03-2021 12:24:57
             
EP.24.1 (เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1

          ตลอดการทานอาหารเย็นวันนี้พิเศษกว่าทุกวันก็ตรงที่มีเพื่อนๆของบีมมาทานด้วย ผมเพิ่งรู้ว่าฟิล์มทำงานบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟห้าแห่งหนึ่ง เขาเป็นสเมียน ผมคิดว่าเขาน่าจะได้งานที่ดีกว่านี้และเขาก็ต้องเข้าทำงานเป็นกะด้วย นั้นคือเขาต้องทำกะกลางคืนด้วย หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ผมเห็นพวกบีมกับเพื่อนๆของเขาเดินไปจับกลุ่มคุยกันเหมือนมีเรื่องซีเรียสมาก แต่ว่าโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมหยิบมาดู เป็นข้อความจากพี่ลินดา

// ถ้าคืนนี้ธันไม่มาหาพี่ เราเลิกกัน เพราะว่าพี่ไม่ชอบคนที่ไม่เสมอต้นเสมอปลาย” ผมแอบเหลือกตาขึ้นบน

//ผมบอกว่าผมอยู่บ้านไงคุณลินดา//

//มาหาด้วย เพราะว่าพี่ไม่ไปบาร์โฮสต์ พี่รอธันนะคะ “และผมก็ต้องส่ายหัว เบื่อมาก ผมเลยเลือกเดินกลับขึ้นห้องจะไปเตรียมตัว ไปหาลินดา ผมเดินลงมา

“อ้าวธันจะไปไหนนะเรา” ม๊าถามผม

“ผมจะไปนอนคอนโดครับม๊า เพราะว่าผมมีงานแต่เช้า” ผมบอกม๊า ใช่ครับผมโกหกม๊า ผมกวาดตาไปรอบๆเพื่อมองหาเจ้าลูกโซ่ พรุ่งนี้ไม่ได้หอมหลานก่อนไปทำงานเลย

“ง่วงนอนแล้วครับเฮียธัน นั่งโงกแล้วผมเลยให้พี่เธียรเป็นคนพาหลานพี่ขึ้นไปนอนแทนครับ” บีมหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ แต่ก็แอบกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะไปสะดุดที่หนุ่มคนนั้น แต่ว่า

“เฮียธีกลับแล้วเหรอม๊า” ผมหันมาถามม๊าผม

“กลับไปแล้วแหละ ตอนแรกว่าจะค้างแต่ดันเปลี่ยนใจเหมือนกัน” ม๊าหันมาบอกผม

“งั้นพวกหนูกลับเลยนะคะ แม้รู้อย่างนี้ไม่น่าเอารถมาเลยจะได้กลับพร้อมพี่ธัน” มะนาวหันมาพูดกับผม ทำตาชวนฝันใส่ผมแอบบนี้ ขนแขนผมรุกทันที

“แล้วบ้านน้องมะนาวอยู่ไหนครับ” ผมถามน้องมะนาว แต่ในใจภาวนาอย่าใกล้กับคอนโดผมเลยน่ะ สาธุ!!

“บางแคค่ะ” น้องมะนาวตอบผม ดีใจยิ่งกว่าถูกแจ็คพ๊อตอีก

“พี่ไปทางห้วยขวางครับ” ผมตอบน้องมะนาว ชักสีหน้าเสียดายแต่ในใจ บุญแท้ๆเลยธันเอ๊ย

“งั้นหนูให้ย้ายไปก็ได้นะคะ” มะนาวพูด ผมสะบัดหมามอง เอาจริงเหรอ  ลงทุนไปหรือเปล่า

“เฮ้ย!!! ” พวกเพื่อนน้องอุทานด้วยความตกใจพร้อมเพียงกัน “ไม่ได้เหรอ” มะนาวยังมีหน้าไปถามเพื่อนอีกเหรอครับ

“อีโรคจิต!!! ” เพื่อนมะนาวที่ชื่อใบชาพูด

“ล้อเล่นนะคะพี่ธัน” มะนาวพูดผมก็พยักหน้าค่อยโล่งอกไปหน่อยที่น้องเขาไม่ได้คิดจริง” แต่ก็คิดจริงนะคะ” อันนี้แหละครับที่ทำให้ผมสะดุ้ง

“อยู่ที่เดิมของน้องนั่นแหละครับดีแล้ว” ผมรีบบอกมะนาวทันที

“เออ พี่ธันครับเพื่อนผม ไอ้ฟิล์ม มันบ้านมันอยู่ไม่ไกลจากห้วยขวางอ่ะครับ และวันนี้มันไม่ได้เอารถมา ผมฝากไปด้วยได้ไหมครับพี่ “คนที่ชื่อใบชาพูด ผมหันมามองฟิล์มที่หันไปแยกเขี้ยวใส่เพื่อนทันที

“ได้ซิครับ พี่ใจดี หน้าตาก็ดีและ “ผมหันไปพูดและมองคนที่ยืนขมวดคิ้วรอ “ลีลาก็ดี” ผมอันนี้ผมรีบกระซิบบอกทันทีเพราะว่าไม่ได้ยืนอยู่ไกลจากผม เขาสะบัดหน้ามามองผม

“ไม่เอาอ่ะ นั่งแท็กซี่ดีกว่า” ฟิล์มรีบปฏิเสธผมทันทีเช่นกัน กลัวผมตรงลีลาดีนี้แน่ๆ

“ให้เฮียธันเขาไปส่งก็ได้ลูก จะได้ไม่ต้องนั่งแท็กซี่และแท็กซี่จากในหมู่บ้านนนี้ไม่ค่อยมีนะ เพราะส่วนใหญ่มีรถกันทุกบ้าน กว่าจะออกไปก็ไกลอยู่ ม๊าเป็นห่วงลูก “ม๊าผมพูด ม๊าแอบช่วยลูกหรือเปล่า หันไปยิ้มกับม๊า

 “และไม่ต้องเกรงใจหรอก ไหน ไหน พี่เขาก็ผ่านอยู่แล้ว” ม๊าหันไปพูดกับฟิล์ม เขาทำสีหน้าเกรงใจม๊าผม

“ทางผ่านอยู่แล้ว ไม่ใช่เหรอ ธัน” ม๊าหันมาถามผมอีกที ผมก็พยักหน้าว่าใช่

“นั้นซิฟิล์ม มึงไปกับเฮียธันแล้วกัน กูเป็นห่วงมึง ไม่อยากให้มึงนั่งแท๊กซี่คนเดียว” บีมรีบบอกเพื่อน เขาหันมามองผม ก่อนจะพยักหน้าแบบขอไปที และผมก็หันไปหยิบกุญแจรถคันหรูของผม จังหวะที่คนอื่นๆ เดินไหว้ลาม๊าผมกับป๊าผม ผมก็เดินมากระซิบข้างหู

“กลัวพี่เหรอ “ผมกระซิบถาม

“มึงคิดว่ากูควรจะไว้ใจคนที่จูบกูโดยที่ไม่ได้รู้จักกูมาก่อน” คนที่ผมกระซิบด้วยบอกผม ก่อนจะเดินไปหาเพื่อนๆ ไปไหว้ป๊ากับม๊าของผม แต่โทรศัพท์ผมมันก็ดังจนน่ารำคาญ ผมเลยต้องเดินเลี่ยงออกไปและเข้าไปในรถคันหรูของผม รถสปอร์ตนำเข้า แรงได้ใจทีเดียว ผมชอบรถแรงเพราะว่าผมเคยเป็นนักแข่งรถมาก่อน

“พี่ลินดา ผมจะไปแล้วพี่เลิกโทรได้ไหมครับ ผมไม่ชอบพี่ก็รู้” ผมรับสายเธอ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด เดือนแรกแสนดี ไม่โทนตามไม่โทรจิกแต่ตอนนี้จิกยังกับไก่เลย

“และที่พี่ไม่ชอบทำไมธันไม่เคยรู้” พี่ลินดาพูด ผมถึงกับสูดลมหายใจเพื่อจะได้ไม่ระเบิดมันออกมา นี้มันหลายครั้งแล้วน่ะ

“และนี่พี่ก็แค่จะถามดู ว่าธันออกมาหรือยัง พี่เหงาค่ะ มีแฟนก็อยากอยู่กับแฟนให้แฟนเอาใจค่ะ”

“ผมก็อยากอยู่กับครอบครัวบ้างนี่ครับและผมกับพี่เรายังไม่ใช่แฟนกันครับ เรียกว่ากำลังลองคบอยู่ “ผมบอกพี่ลินดา

“และสงสัยว่า”

“พอแล้วไม่ถามมากก็ได้ และมาด้วยนะคะ พี่รอค่ะ” พี่ลินดาพูด

“เอาเป็นว่าผมกำลังจะไปนะครับ แค่นี้นะครับ” ผมรีบพูดก่อนจะกดวางสาย ผมหันมามองคนที่เข้ามาในรถของผม ต้องทนนั่งรถไปกับผมละซิ ดูจากสีหน้าและคิ้วหนาๆ ที่ขมวดจนเกือบชนกัน มันรับกับปลายจมูกโด่งจนเป็นสันคม ผมสังเกตตอนที่เขาหันไปยิ้มกับม๊า เขามีเขี้ยวด้วย ผมชอบคนมีเขี้ยวซะด้วย เห็นแล้วใจสั่นเลย ผมยิ้มกริ่มมองคนนั่งข้างๆ เพลินไปหน่อย

“ไม่ออกรถละครับ หรือว่ารถพี่มัน เป็นไทม์แมสชีนทะลุมิติเวลาได้แบบว่าเปิดประตูลงไปนี้ผมก็เจอบ้านผมเลยนะครับ” เจ็บเลยครับผม เด็กมันเล่นซะแล้วครับ

“อันนั้นมันประตูโดเรม่อนครับ พี่เคยดูตอนเด็กๆ” ผมหันไปบอกคนข้าง กวนได้ใจธันจริงๆ

“และพี่เราก็ใส่ข้อมูลที่อยู่ของเราลง GPRS ให้พี่อยู่ครับ พี่จะได้ไปส่งได้ถูกๆ “ผมบอกคนนั่งข้างๆ เขาหันไปมองที่หน้าจอและมองหน้าผม

“ถ้าไม่บอกพี่ เดี๋ยวพี่พาไปนอนคอนโดพี่เลยน่ะ รับรองได้มากกว่าในห้องน้ำแน่ๆ และถ้าอาการกำเริบขึ้นมาอีกนะ พี่จะอาสาผายปอด เอาให้หอบไปด้วยกันเลย “ผมหันมาพูดกับคนข้างๆ ผม มือจับพวงมาลัยรถและพยายามโน้มตัวไปหา และคนที่ได้ยินถึงกับรีบพิมพ์ที่อยู่ตัวเองลงไปทันที และแผนที่ก็ปรากฏขึ้นที่หน้าจอรถผมทันที คนข้างๆ ก็ปรับเอนเบาะไปด้านหลังหน่อย ก่อนจะนั่งเอนพิงหลังพร้อมกับอยู่ในท่ากอดอก มันทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้

ผมก็ออกรถทันที คนที่นั่งข้างๆ ก็เอาแต่เล่นมือถือไม่ชวนผมคุยเลยสักนิด ผมหันมามองเป็นระยะๆ ก่อนจะขับไปเรื่อย ๆ มือถือผมก็มีข้อความเข้ามาตลอดจนผมเริ่มเบื่อ สงสัยจะไม่ได้ไปแล้วแหละผมว่า ผมขับมาถึงที่อยู่ที่น้องเขาป้อนเอาไว้  น้องเขาก็กำลังจะลงจากรถแต่เปิดประตูไม่ได้ ผมหันไปมองเขา ขอคำขอบคุณสักหน่อย

“อะไรอีกอ่ะ” เขาหันมาถมผม

“อ้าว! ขอบคุณไงครับ พี่อุตส่าห์ขับมาส่งน่ะ ไหนน้องพูดว่าควรมีมารยาทไงครับ “ผมพูดพร้อมกับเลิกคิ้วมองคนที่หันมามองผม

“ขอบคุณ” คำขอบคุณที่เปล่งออกมามันเร็วและเบามาก ผมเลยรีบปลดเข็มก่อนจะขยับเข้าไปใกล้มาก จนคนข้างๆ ผมหันมามองและถอยหลังจนด้านหลังเขาติดประตู

“พี่ได้ยินไม่ชัดนะครับ สงสัยหูตึงไปหน่อย” ผมขยับเข้าไปใกล้อีก เอาขยับหนีก็ขยับไปหาซิ แต่เปิดประตูหนีไม่ได้หรอกเพราะว่าผมกดล๊อกประตูเอาไว้

“ขอบคุณ พอใจหรือยัง จะได้เข้าบ้าน” คนที่ผมบอกให้กล่าวคำขอบคุณ ก็ทำท่ากลั้นใจก่อนจะบอกผมเสียงดัง และผมก็ถอยหลังมานั่งตามเดิมและกดปลดล๊อกประตูให้ หนุ่มคนนั้นรีบก้าวเท้าลงจากรถทันทีเหมือนกลัวไม่ได้ลง ผมก้มลงมองบ้านเขาเป็นบ้านทรงทันสมัยหลังเล็กๆ นี้บ้านเขาเหรอ ผมก็หันมามองโทรศัพท์ของผม ก่อนจะสูดลมหายใจออกมายาวๆ

“ทำไมยังไม่ถึงอีกล่ะธัน ตกลงจะมาไหมคะ” พี่ลินดาส่งข้อความเหมือนเร่งผม

“พี่ลินดา พี่อย่าเยอะได้ป่ะ ผมไม่ไปแล้ว ผมจะกลับบ้านแล้วน่ะ” ผมตัดสินใจโทรบอกเธอทันที ไปก็ไม่มีอารมณ์ทำอะไรทั้งนั้น

“ธัน พี่รอธันอ่ะ ธันไปไหนมา ไปแวะส่งใคร!”

“ผมมาแวะส่งน้องที่เป็นเพื่อนของน้องสะใภ้ผมครับ “

“พี่ไม่เชื่ออ่ะ” ผมต้องพ่นลมหายใจออก ผมนี้พยายามใจเย็นที่สุดแล้วน่ะ

“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อดิพี่ ผมว่าพี่เยอะไปแล้ว เราเลิกกันเถอะ!!”

“ธันมีคนอื่นใช่ป่ะ”

“ผมไม่มีคนอื่น แต่ผมไม่ชอบคนจู้จี้จุกจิก พี่ไม่ใช่แม่ผมน่ะ โอเคน่ะพี่ลินดา เราเลิกกัน และผมไม่ไปแล้วและไม่ต้องโทรหาผมอีกนอกจากเรื่องงาน ตรู้ดๆๆๆ “ผมพูดก่อนจะกดวางสาย ผมก็จะไปนอนคอนโดของผมเหมือนเดิมแต่ว่าผมเห็นมีคนเดินมากระชากแขนฟิล์ม และเหมือนจะคุยกันสงสัยแฟนแน่ๆ คนที่โทรหยิกๆ แน่นอน ผมก็กำลังเปลี่ยนเกียร์ แต่ว่าไอ้คนนั้นมันต่อยฟิล์มลงไปกองกับพื้น อ้าว! ผมก็รีบลงเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ว่างทันทีเพื่อเข้าจอด ก่อนจะลงมาจากรถ

“มึงไปกับใครมา!!”

“กูไปกับใครก็เรื่องของกู กูบอกว่าเลิกก็เลิกดิว่ะ มึงไม่ใช่แฟนกูแล้ว กูทนมึงมามากพอแล้วพี่เอ็ม “น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเก็บกดมานาน ผมยืนเอามือเท้าเอวมอง

“มึงมีคนใหม่ใช่ไหม” ไอ้คนที่ยืนจังก้ามันถลกแขนเสื้อขึ้น

“เดี๋ยวบั๊ด!!” มันทำท่าจะลงไปต่อยฟิล์มซ้ำอีก

“เฮ้ย! มึงไปต่อยเขาทำไมว่ะ” ผมถามไอ้คนนั้น และมันก็หันมามองหน้าผม หน้ามันกวนตีนได้โล่มาก น่ามอบรางวัลให้เลย กวนตีนแห่งชาติ น่ะไม่ใช่สามีแห่งชาติ

“นี้ผัวใหม่มึงเหรอไอ้ฟิล์ม” มันหันมาชี้หน้าผม และหาว่าผมเป็นผัวใหม่น้องเขาด้วย ฟิล์มค่อยๆ ลุกขึ้นมายืน ก่อนจะหันมามองผม เขาส่ายหัวเล็กน้อยเหมือนกับว่าผมนี้ผิดที่ลงมาจากรถ

“ไม่ใช่เรื่องของมึงพี่เอ็ม ไปได้แล้วกูจะเข้าบ้าน และกูไม่อยากให้แม่ออกมาเห็น มึงทำเชี้ยๆ แบบนี้กับกู “ฟิล์มบอกคนที่ยืนมองจ้องผมอยู่

“และพี่กลับไปได้แล้วพี่ธัน” เขาหันมาบอกผมอีกคน อันนี้บอกหรือไล่ผมว่ะเนี๊๊ยะ คนอุตส่าห์ลงมา

“หมับ” ไอ้คนนั้นมันคว้าแชนฟิล์มและดึงกระชาก แต่ฟิล์ม สะบัด และไอ้นั่นมันก็ทำท่าจะต่อยฟิล์มอีก ผมเลย

“ผลั๊ว” สวนอากาศไปให้หนึ่งที ไอ้คนนั้นมันกระเด็นไป และผมก็ตามไปชี้หน้ามัน

“มึงบ้าหรือเปล่าว่ะ น้องเขาบอกว่าเขาจะเข้าบ้าน และถ้ามึงคุยกับเขาๆ ดีดีไม่ได้ ก็มาคุยกันวันหลังดิว่ะ ไม่ใช่มาทำร้ายเขาแบบนี้เพราะว่ามึงหัวร้อนและแฟนกันเขาไม่ทำร้ายกันหรอกว่ะ “ผมพูด มันมองหน้าผมก่อนจะค่อยๆ ดันตัวเองลุกขึ้นมา

“มึงเสือกอะไรด้วย! กูนี้ผัวมัน! ” มันหันมาตะคอกถามผม

“แฟนกัน มึงควรให้เกียรติแฟนมึงหรือเปล่าว่ะ” ผมถามมันกลับเพราะว่ามันเล่นมาทำเขาที่หน้าบ้านเลยแบบนี้

“กูจะให้หรือไม่ให้ไม่เกี่ยวอะไรกับมึง “มันหันมาด่าผม ก่อนจะคว้าแขนฟิล์มแต่ผมจับมือมันและบีบจนมันยอมปล่อย

“ไอ้สัส!!” มันถอยหลังออกไปและหันมาชี้หน้าผม

“ได้มึงอยากลองตีนกูใช่ไหม” มันถามผมและวิ่งผ่าตรงมาหาผม พร้อมกับปล่อยหมัดมาที่ผมทันที ผมโยกหลบ และสวนมันกลับไป

“ผลัวะ!” หมัดผมเข้าไปเต็มๆ ใบหน้าไอ้คนนั้นแน่นอนผมปล่อยหมัดได้แม่นมากและคนที่โดนต่อยมันหน้าหงายไปทันที

“กูเรียนต่อยมวยมาว่ะไอ้สัส!!” ผมพูดก่อนจะเดินลงไปซัดต่ออีกสองสามมัด จนไอ้คนนั้นหมอบไปเลยกับพื้น

“พอเถอะพี่ธัน!! “ฟิล์มเข้ามาห้ามผม ผมหันไปมองฟิล์ม “มันซ้อมเรายังเป็นห่วงมันอีกเหรอ” ผมถามฟิล์ม

“อย่าไปต่อยกับมันเลยพี่ธัน พี่น่ะดีกว่ามันเยอะ และพี่เป็นถึงผู้บริหาร ผมว่ามันไม่คุ้มกัน” ผมหันมามองคนที่ห้ามผม ผมเลยถอยหลังออกมา

“มึงดูไว้นะ!!  ขนาดมึงซ้อมเขา เขายังเข้ามาห้ามกูและมึงเป็นแฟนภาษาอะไร มาซ้อมเขาขนาดนี้ เป็นใครก็ไม่อยากอยู่กับมึงหรอก”  ผมด่ามัน มันก็ค่อยๆ ดันตัวเองขึ้นและผมได้ยินเสียงฝีเท้า คนเดินกึ่งวิ่งมา

“ฟิล์มเกิดอะไรขึ้นนะลูก” ผู้หญิงเลยวัยกลางคนไปแล้ว เดินออกมาถามฟิล์ม

“ไอ้นี่มันมาอีกแล้วเหรอ มันมาทำร้ายลูกอีกแล้วเหรอฟิล์ม” แสดงว่ามันมาทำร้ายฟิล์มบ่อย

“ครับแม่” ฟิล์มพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“แล้วคนนี้ใครล่ะ” แม่ของฟิล์มถาม ผมหันไปยกมือไหว้

“พี่เขาเป็นพี่ชายแฟนของไอ้บีมน่ะครับแม่” ฟิล์มเขาบอกกับแม่ของเขา

“กูจะแจ้งตำรวจมีทำร้ายกูไอ้สัส!” มันพูดว่าผมทำร้ายมัน และจู่ๆ ก็มีตำรวจขับรถมอเตอร์ไซค์มาจอด พร้อมกับสายตาเพื่อนบ้านที่ออกมามุงดูตอนไหนก็ไม่รู้ และนายตำรวจสองนายนั้นก็เดินตรงมาทางที่ผมมีเรื่องกันทันที ก่อนจะมองไอ้คนที่ผมต่อยมันลงไป

“สวัสดีครับ ผมร้อยตำรวจโทรชานนท์ ผมได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นที่หน้าบ้านเลขที่ 68 ก็คือหลังนี้ เขาแจ้งให้ผมเข้ามาตรวจสอบเพราะว่านี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก “นายตำรวจติดยศเอ่ยถามขึ้นก่อนจะมองหน้าทุกคน

“ผมขอดูบัตรประชาชนหน่อยครับ” คุณตำรวจพูดก่อนจะแบมือขอบัตร ผมก็รีบหยิบให้จากกระเป๋าสตางค์ของผมและไอ้ปากดีนั้นด้วย พอคุณตำรวจเห็นนามสกุลผมก็เงยหน้ามอง ใช้คำนามสกุลคนดัง ไฮโซเหมือนกันแต่ไม่ต้องแสดงตัวเท่าไหร่ ส่วนไอ้ที่เบ่งนี้ผมก็มรู้มันลูกเต้าเหล่าใคร

“คุณตำรวจครับ ไอ้นี่มันต่อยผมครับ มันทำร้ายผมครับ นี้ถ้าคุณตำรวจไม่มา มันฆ่าผมแน่ๆ ครับ นี้ผมเจ็บมากนะครับ “ผมหันไปมองไอ้คนที่ยืนอยู่มันทำเป็นเจ็บมากเพื่อโชว์เจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ คุณตำรวจสำรวจผม ผมแบมือว่าไม่มีอาวุธจะฆ่ามันได้ยังไง

“คุณต่อยเขาเหรอครับ” คุณตำรวจหันมาถามผม

“ใช่ครับ ผมต่อยมันแต่ว่ามันทำร้ายน้องคนนี้ก่อน” ผมพูดและชี้ไปที่ฟิล์ม ฟิล์มพยักหน้ากับคุณตำรวจ” และน้องคนนี้เขาเป็นเพื่อนกับแฟนน้องชายผมครับ ผมเลยต้องปกป้องเขาในฐานะคนที่เห็นเหตุการณ์และคิดว่ามันไม่ถูกต้อง “ผมหันมาพูดกับคุณตำรวจหนุ่ม เขาพยักหน้า

“เขาคนนี้ทำร้ายคุณใช่ไหมครับ คุณ….” คุณตำรวจหันไปถามฟิล์มบ้าง

“ใช่ครับ เขามาทำร้ายผมที่หน้าบ้านของผมและนี้ไม่ใช่ครั้งแรกครับ “ฟิล์มตอบ

“มึงเข้าข้างมันเหรอ เดี๋ยวมึงได้เห็นดีกับกู” นั้นยังอีกคราวนี้คุณตำรวจรู้เลยว่าใครกันแน่ที่เป็นอันตพาล คุณตำรวจหันไปชำเลืองตามองไอ้ปากดีนั้น

“ดูท่านายจะไม่ได้เจ็บจริงนะ “คุณตำรวจเอ่ยปากถามคนที่ลุกขึ้นมาชี้หน้าฟิล์มและผม มันหันมามองคุณตำรวจ ผมแอบคิดในใจ โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ดีกว่าไหม

“แต่มันก็ต่อยผมน่ะ ผมไม่ยอมความนะครับ” ไอ้ปากดีมันหันมาพูดกับบุคคลในเครื่องแบบ

“เอาอย่างนี้ ไปให้ปากคำที่โรงพักทั้งคุณและเขาและก็เราด้วยเชิญครับ” คุณตำรวจบอกผมและไอ้ปากดีนั้น ผมหันมามองฟิล์มก่อนจะพยักหน้าว่าไปโรงพักกัน

“ไปที่โรงพักเลยนะครับ อยู่ปากซอย” คุณตำรวจหันมาบอกผมอีกครั้งเขายึดเอาบัตรประชาชนของผมและคนที่ผมต่อยมันไปด้วย ผมหันมามองฟิล์ม จะไปกันยังไง

“แม่อยู่บ้านน่ะ ผมไปคนเดียวดีกว่า “ฟิล์มหันมาบอกแม่ของเขา

“ฟิล์มไปรถพี่นะครับ” ผมหันไปบอกฟิล์ม

“มึงต้องไปรถกู” ไอ้คนนั้นมันรีบบอก

“กูไม่ไปรถมึงพี่เอ็ม และกูกับมึงก็ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว ตั้งแต่ที่มึงไปเอาเด็กที่ทำงานกับมึงน่ะ กูบอกแล้วว่าถ้ามึงทำอีกกูเลิก มึงเข้าใจที่กูพูดป่ะ” ฟิล์มหันไปบอกไอ้คนนั้น
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 31-03-2021 12:33:43
(Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056052#msg4056052)

EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.2

       ฟิล์มหันไปพูดกับไอ้นั้นก่อนจะเดินมาขึ้นรถผมทันที ผมกดโทรหาเฮียธีทันที ส่วนฟิล์มเองก็นั่งเงียบไม่พูดอะไรเลย ผมเลยเดาไม่ถูกว่าเขาเสียใจที่ผมต่อยไอ้คนนั้นหรือว่าไง จนเฮียธีกดรับสายผม

//ว่าไงธัน// เฮียธีรับายผม
//เฮีย ผมมีเรื่องอ่ะครับ นี้กำลังจะไปโรงพักแถวรัชดาด้วยเฮีย” ผมบอกเฮียธี แต่ไม่กล้าโทรไปบอกป๊า
//เรื่องอะไรวะธัน //เฮียธีถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจพอสมควร
//ผมมีเรื่องชกต่อยเฮีย พอดีมีคนมาต่อยเพื่อนบีมผมเลยลงไปช่วย และก็ต่อยมันแทนครับเฮีย//
//โอ้วเยี่ยม!! สวมบทพระเอกเลย//เฮียธีกล่าวชมผมผ่านทางโทรศัพท์ทันที
//คู่กรณีมึงเป็นไงบ้างล่ะ//
//ยังปากดีได้อยู่ นี้ต้องไปที่โรงพักก่อน//
//เออเฮียไปเดี๋ยวนี้// เฮียธีบอกผมทันที เฮียธีอยู่ไม่ไกลจากที่นี้เท่าไหร่

   หลังจากที่ผมกดวางสายและผมก็ออกรถทันทีที่ฟิล์มเข้ามานั่งในรถ เขาเงียบไปตลอดทาง ผมหันไปเห็นที่มุมปากของฟิล์มมีเลือดซิบ ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาและส่งไปให้ฟิล์มซับเลือดที่มุมปากนั้น จะเช็ดให้ก็เกรงใจ เพราะสีหน้าของเขาไม่รู้ว่าเขาเสียใจหรือว่าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่

“พี่ถามจริงๆ นะฟิล์ม มันทำร้ายเราบ่อยเหรอฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม ฟิล์มหันมามองหน้าผม ก่อนจะดึงชายเสื้อออกมาจากกางเกงสแลคนั้นและก็ถลกชายเสื้อขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าท้องที่มีรอบช้ำเป็นจั้มๆเลย เห็นแบบนี้ผมตกใจเหมือนกันน่ะ

“ทนได้ยังไงเนี๊ยะฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม

“คือว่า มันเคยช่วยเรื่องเงินกับผมอ่ะพี่ และนี้มันก็ฝากผมเข้าทำงานแต่ว่ามันเป็นคนโมโหร้ายครับพี่” ฟิล์มพูดก่อนจะหันมามองผม ผมพยักหน้า ผมขับมาจนถึงสถานีตำรวจ

   ผมหันมามองไอ้คู่กรณีที่ขับรถมาถึง พอมันก็เดินออกมาจากรถได้มันชี้หน้าฟิล์ม แต่ผมน่ะทำนิ้วเฉือดคอใส่มัน มันรีบเดินขึ้นไปด้วยความโมโห ผมกับฟิล์มตามมันขึ้นไปเช่นเดีววกัน ผมพากันเดินไปนั่งตามที่คุณตำรวจที่ผมเจอเมื่อสักครู่ผายมือบอก ผมดูจากป้ายชื่อ สารวัตรสืบสวนสอบสวน ผมสองคนนั่งลงแต่ห่างจากไอ้ปากดีหน่อย

“ตกลงใครทำร้ายร่างกายใครก่อนครับ คุณหรือเขาและทำไปเพราะอะไรครับ หึงหวง หรือว่ามองหน้ากันแล้วไม่พอใจเลยต่อยกันครับ” คุณตำรวจถามก่อนจะมองผมสามคน ผมหันไปมองไอ้เวรนั้น ระหว่างนั้นเฮียธีก็มาถึงพอดี พร้อมกับเฮียธามและไอ้ตี๋น้อยแต่สองคนหลังนี้ทำให้ผมงง มันมาได้ยังไงเร็วมาก แสดงว่าไอ้เธียรวิชย์เป็นคนขับมาแน่ๆ ไอ้นี่มันขับรถเร็ว ส่วนไอ้คู่กรณีผมน่ะยังไม่มีใครโผ่มาประกันตัวมัน

“เขาทำร้ายผมก่อนครับคุณตำรวจและพี่เขาก็เข้ามาช่วยผม เพราะว่ามันจะเข้ามาซ้ำผมอีกครับ” ฟิล์มเป็นคนพูดก่อน

“ก็มึงมันร่านไปกับคนอื่น” ผมหันไปมองหน้าไอ้ที่ด่าว่าฟิล์ม คุณตำรวจหันไปมองหน้า

“ที่นี้สถานีตำรวจนะครับ รบกวนให้เกียรติสถานที่หน่อยนะครับ” คุณตำรวจหันไปพูด

“น้องเขาเป็นแฟนผมนะครับคุณตำรวจ ส่วนไอ้นี่ เอ๊ย คนนี้น่ะ มันเป็นชู้กับแฟนผม” ไอ้เวรนั้นมันพูดก่อนจะชี้มาที่ผม แถมให้ตำแหน่งผมด้วยครับ เฮียๆ ผมสะบัดหน้าไปมองคนที่มอบตำแหน่งชู้ให้ผม

“มึงเอาน้องมาเขาส่ง มึงได้ตำแหน่งชู้เลยเหรอ ไอ้ธัน!” เฮียธามพูด ผมหันไปมองเธียธาม

“ตกลงเราเป็นแฟนนายเดชาถูกต้องไหม” คุณตำรวจหันมาถามฟิล์ม

“ใช่ครับ ผมเคยเป็นแฟนเขาครับ” ฟิล์มตอบ เฮียธีหันมาหน้าผม ขมวดคิ้วทันที

“แต่ว่าผมเลิกกับเขาแล้วครับ เพราะว่าเขาชอบทำร้ายผม ผมเลยไม่อยากทนครับ” ฟิล์มพูด ผมหันไปมองหน้ามันอีก

“อ้าว แล้วนายไปทำร้ายเขาทำไมล่ะ “

“ก็มึง….” ผมสี่คนหันไปมองคนที่กำลังจะอ้าปากพูดไม่สุภาพกับผม ไอ้คนนั้นก็หันไปมองคุณตำรวจที่ วางปากกาลงพร้อมกับทำท่ากอดอกมองหน้าคนนั้น

“เขามักจะทำร้ายร่างกายผมทุกครั้งที่เขาเมา จนผมไม่อยากกลับบ้าน กลัวแม่ผมเห็นและเขายังขู่ฆ่าผมด้วยครับคุณตำรวจ” ผมหันไปมองหน้าไอ้คนนั้นพร้อมกับคุณตำรวจ นี่มันขู่ฆ่าเขาเลยเหรอ

“ขู่ฆ่าก็ผิดกฎหมายแล้วมึงครับ “ผมพูดแทนและคุณตำรวจก็พยักหน้าเห็นด้วย

“และยิ่งทำร้ายร่างกายเขาด้วย เขามีพ่อมีแม่ มึงน่ะเป็นแค่แฟนมึงไม่มีสิทธิ์ไปทำร้ายเขา และการที่ชอบทำร้ายร่างกาย ใครมันจะอยากอยู่กับมึงว่ะ กูถามหน่อย” ผมหันไปถามคู่กรณีของผม

“มึงอยากได้มันใช่ไหม ได้งั้นกูยกให้ ล้างชามให้กูด้วยแล้วกัน” เท่านั้นแหละ “ครี้ด!!” เสียงผมผลักเก้าอี้ออก ผมรีบลุกขึ้นเพราะว่ามันคือการดูถูกคนที่มันบอกว่าเป็นแฟนมัน ผมกระชากคอเสื้อมันทันที

“หมับ” คนที่คว้าตัวผมไว้คือเฮียธี “อย่าไอ้ธัน” เสียงลอดไรฟันจากเฮียธีที่ร้องห้ามผม ผทเลยต้องยอมปล่อยคอเสื้อมันและนั่งลง พยายามสงบอารมณ์ตัวเองให้ได้

“ผมก็แค่ขู่ให้มันกลัว ไม่ได้จะฆ่ามันสักหน่อยนะครับคุณตำรวจ” คุณตำรวจหันมามองฟิล์ม

“แต่นายก็ผิดเพราะว่านายทำร้ายร่างกายเขาด้วย” คุณตำรวจพูด

“ใช่ผมทำเพราะว่า ผมหึง ผมหวงและผมรักมัน” มันพูดว่าที่มันทำร้ายร่างกายฟิล์มเพราะว่ามันรัก ผมหันไปมองหน้ามันเต็มๆ คิดได้ยังไงวะไอ้นี่

“โอ้วมายด์กู้ดเนส!! นี้ดูละครมากไปหรือเปล่า ละครประเภทตบจูบมากไปนะ  ปากก็บอกว่ารักแต่ซ้อมเขาฉิบหาย! คุณมึงน่ะ …” เฮียธามพูดแต่คำว่ามึงนี้ เธียธามหันไปมองคุณตำรวจซะก่อน

“คุณมึงนี้ สุภาพอยู่นะครับ  “เฮียธามหันไปถามคุณตำรวจหนุ่ม “ยังได้อยู่ครับ สุภาพขึ้นมาหน่อยครับ และจะอะลุ้มอล่วยได้ครับ” คุณตำรวจหันมาชี้เฮียธัน

“เฮ้ย!!! ” ไอ้เธียรวิชย์อุทานด้วยความตกใจ “แต่คำนี้ไม่สุภาพครับ พยายามไม่ใช่บ่อยจะดีมากครับ “คุณตำรวจหันมาบอกไอ้ตี๋น้อยทันควัน และตี๋น้อยมันชี้หน้าตัวเอง

“คุณมึงจะบอกว่าตบน้องเขาด้วยความรักเหรอครับ และถ้าน้องเขาถีบยอดหน้าคุณมึงบ้างละครับ และบอกกับคุณมึงว่า น้องเขาถีบด้วยความรักเหมือนกัน มึงก็ไม่ต้องโล่มาแจ้งความนะคราวหน้าน่ะ เพราะว่านั้นแหละคือความรักที่คุณมึงต้องการ” เธียธามพูด ไอ้คนที่เฮียหันไปพูดด้วยมันหันขวับมาทันที

“ก็คุณมึงบอกเองว่าซ้อมคือการบอกรัก ถ้าเป็นฉันนี้น่ะจะซ้อมแม่งเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอนด้วย จะได้รู้ว่ารักมาก!!” ฟิล์มสะบัดหน้าไปมองเฮียธามผมพร้อมกับขมวดคิ้ว ส่วนคนที่ถูกเจ๊ธามของผมด่าก็อ้าปากค้างไป

“เจ๊เป็นใครอ่ะ” มันถามเจ๊ธามผมทันที

“แม่มึงมั้งคะ” เจ๊ธามของผม ผมสะบัดหน้าไปมองเจ๊ธามทันที

“ไม่สุภาพนะครับ” คุณตำรวจหันมาบอกเจ๊ธามผมแต่น้ำเสียงแกมหยอกมากกว่าจริงจัง

“แม่คุณมึงมั้งคะ” เจ๊ธามพูดและกรีดนิ้วด้วยชี้ไปด้วย

“สุภาพพอใช้ได้ครับผม” คุณตำรวจพูด ไอ้ปากดีมันสะบัดหน้าไปมองคุณตำรวจหนุ่มรูปหล่อ เจ๊ธามจะด่าต่อแต่ว่า

“เฮียใจเย็นๆ เดี๋ยวคดีก็พลิก” ไอ้เธียรวิชย์มันสะกิดเจ๊มัน

“พลิกเป็นอะไรล่ะ” เฮียธามหันไปถาม

“ก็เป็นเราทั้งหมดนี้แหละครับที่จะโดนจ่ายค่าปรับหนัก อย่าไปด่าเขาดิเฮีย” ไอ้เธียรวิชย์พูดกระซิบ

“แต่ว่าผมก็เห็นด้วยกับคุณเขานะครับ” คุณตำรวจหันมาชี้เจ๊ธามผม “อู้ยจะดีเหรอครับ ไม่ต้องเอนเอียงขนาดนี้ก็ได้มั้งครับ เอากลางๆ พอเถอะครับคุณตำรวจ” เฮียธันผมแถมหันมาชำเลืองตามองเจ๊ธามผมอีก

“นายไม่มีสิทธิ์จะไปทำร้ายหรือขู่ฆ่าเขา ไม่ว่าจะขู่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตามและต่อให้เขาเป็นแฟนหรือภรรยานาย นายก็ผิด ถ้าอย่างนั้นก็สี่พันบาท ข้อหาขู่ให้เกิดความกลัวแต่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ถ้านายทำเขาอีกนายโดนหนักกว่านี้แน่ๆ” คุณตำรวจพูด มันชักสีหน้าไม่พอใจทันที

“และคุณก็ต้องเสียค่าปรับข้อหาทะเลาะวิวาท สี่พันบาทนะครับ คุณธัน” คุณตำรวจบอกผม ผมพยักหน้าว่าได้แต่อีกคนซิ

“นายด้วยเพิ่มค่าปรับทะเลาะวิวาทด้วยน่ะ” คุณตำรวจหันไปบอกไอ้คนนั้น

“อ้าวคุณตำรวจทำไมผมจ่ายเยอะกว่าล่ะครับ” มันยังมีหน้าถามอีกน่ะ

“ก็นายไปขู่ฆ่าเขาด้วยนิ ดีไม่ไปฝากขังก็บุญแล้ว” คุณตำรวจละสายตาจากการลงบันทึกประจำวัน มันก็เลยเถียงไม่ได้ และเฮียธีทำการง่ายเงินให้ผมแทนและทำเรื่องประกันตัวผมออกไปด้วย ผมหันไปเห็นคนที่มาประกันตัวมัน น่าจะเป็นพ่อมันเอง เขาเดินมาถึงก็

“เพี๊ยะ! ” เข้าที่ใบหน้าคนนั้น

“กูบอกมึงกี่ครั้งว่าอย่าหาแต่เรื่อง “และเขาก็นั่งลงคุยกับตำรวจต่อทันที ส่วนไอ้คนที่โดนคนที่มาประกันตัวตบหน้านั้น มันหันมามองหน้าพวกผม

“เรื่องของคุณเสร็จแล้วครับ กลับได้เลยนะครับ” คุณตำรวจบอกผมแต่ตายังมองเฮียธาม ส่วนเธียธีน่ะเห็นแบบนี้หวงน้องครับ รีบดันเฮียธามออกทันที พยักพเยิดให้ออกไป ผมหันไปมองฟิล์ม ฟิล์มยกมือไหว้คุณตำรวจและพากันจะลุกขึ้น

“กูกับมึงจบไอ้ฟิล์ม” มันหันมาบอกฟิล์มฟิล์มแค่หยุดแต่ไม่ได้หันกลับไปมองและสาวเท้าเดินต่อไปทันที  ผมนะหันไปมองหน้ามัน “ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น ใครอยากจะอยู่กับคนที่ทำร้ายล่ะ สมองนะคิดหน่อย” ผมหันไปพูดแทนฟิล์ม และชี้นิ้วที่สมองน่ะว่าให้มันใช้ความคิดหน่อย

“แต่มึงกับกูไม่จบ!!” ผมหันกลับมามองหน้ามัน

“ไม่จบก็ลุกขึ้นมาดิ” ผมหันกลับไปท้าทายมันกลับทันที แต่ว่าเฮียธีกับไอ้ตี๋น้อยมาดึงรั้งผมให้ผมเดินออก ส่วนไอ้ปากดีนั้นคนที่มาประกันตัวมัน ก็หันมามองแค่นั้นมันก็นั่งลงทันที ส่วนฟิล์มน่ะรีบเดินออกไปก่อนผม คงจะถามไอ้เธียรวิชย์ไป

“นิดนึงน่ะ ช่วงนี้คู่กรณีเยอะอ่ะ พามาประนีประนอมสน. นี้แทนได้ไหมครับคุณตำรวจ” ยังอีกเจ๊ธามผม

“ได้ครับ ถ้ามาไม่เจอ ผมฝากเบอร์ไว้ให้เลย” คุณตำรวจที่น่ารัก

“ไปเคลียร์กับคู่กรณีที่บ้านก่อน!!!!” เฮียธีพูดลอดไรฟัน

“ใครอ่ะ” เจ๊ธาม

“ป๊า!! เคลียร์แล้วค่อยมาขอเบอร์เขา” เธียธี ฮาๆ เท่านั้นแหละเจ๊ธามผม เดินสะบัดก้นไปทันที

“ไปเลยไอ้ธัน ไปหัวร้อนกับมันทำไมว่ะ ไม่คุ้มกันและนี้มึงเป็นผู้บริหารโรงเรียนน่ะ เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะมี” เฮียธี หันมาต่อว่าผมทันที ผมเดินลงมาที่ด้านหน้าโรงพัก ผมเห็นฟิล์มกำลังคุยกับไอ้เธียรวิชย์อยู่

“พี่คงทำไม่ได้หรอกครับฟิล์ม จะให้พี่ไม่บอกบีมไม่ได้ เพราะว่าบีมฝากพี่มาดูเราน่ะ ถึงยังไงบีมก็ต้องถามพี่อยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ต้องบอกไปตามจริง…. พี่โกหกเมียไม่เก่งครับ” ไอ้เธียรวิชย์มันพูด

“เหรอ!! แต่โกหกม๊ากับป๊า ขั้นเทพนะมึงน่ะ” เฮียธาม ผมหันไปชี้ถูกต้อง ไอ้เธียนวิชย์หันมามองเถียงไม่ออก

“ถึงยังไงพี่ก็ต้องบอกบีมและบีมเขาก็เป็นห่วงเรามากน่ะ เราเป็นเพื่อนรักบีมไม่ใช่เหรอ เรื่องพวกนี้อย่าไปปิดเลย “เธียรวิชย์พูดกับฟิล์ม ฟิล์มพยักหน้าเบาๆ

“งั้นเฮียกลับเลยน่ะ เจอกันพรุ่งนี้มีประชุม อย่าเบี้ยวล่ะ ไอ้ผู้บริหารหัวร้อน” เฮียธีหันมาบอกผม ผมยกมือไหว้เฮียธีก่อนจะหันมามองฟิล์ม

“ฟิล์มพี่ไปส่งเพราะว่าพี่จะกลับคอนโดใกล้ๆ บ้านเรานี่แหละ “ผมบอกฟิล์ม

“งั้นผมกลับเลยน่ะเฮีย ฝากไปส่งน้องเขาด้วยเฮีย “เธียรวิชย์หันมาบอกผม เฮียธามก็เดินเข้าไปนั่ง นี่มันขับมาจากบ้านเลย มาแบบทำเวลามาก

“คราวนี้มึงไม่ต้องรีบแล้วน่ะไอ้ตี๋น้อย เล่นซะผมกูเสียทรงหมด และหลังคานะปิดด้วย เปิดทำไมไม่มีอะไรให้ดู บร้าๆ” เฮียธามหันมาบ่นไอ้ตี๋น้อย และเธียรวิชย์ก็ออกรถเลย ผมหันมามองฟิล์ม

“ไปครับขึ้นรถพี่ไปส่ง”

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับผม”

“ขึ้นรถ ถ้าดื้อไม่ขึ้นไปดีดี พี่จะอุ้มขึ้นไปแทนและไอ้เวรนั้นมันลงมาคงได้ต่อยกันกับพี่อีกอีกรอบและพากันกลับขึ้นไปเสีบค่าปรับหรือไม่ก็นอนคุกไปด้วยกันอีกสักคืน เอาแบบนั้นไหมล่ะ” ผมถามคนตรงหน้า เท่านั้นแหละเดินขึ้นไปทันที ผมเดินกลับไปขึ้นรถและขับออกไป

“พรุ่งนี้ไปทำงานหรือเปล่าฟิล์ม” ผมถามฟิล์ม เขาหันมามองหน้าผม ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“ก็ต้องไปทำ และต้องเจอไอ้เชี้ยนี่อีก “ผมหันมามองอย่าบอกน่ะว่าทำงานที่เดียวกัน

“พรุ่งนี้ไม่ต้องไปทำงานน่ะ เดี๋ยวมันทำร้ายเอาอีก” ผมหันมาบอกฟิล์ม

“แล้วถ้าผมไม่ทำงาน ผมก็โดนไล่ออกอะดิ” หันมาเถียงผมทันที

“ก็ลาออกไปเลย มันเคยขู่ฆ่าไม่ใช่เหรอ จะไปทนทำงานและให้มันเห็นหน้าทำไม หรือว่ายังรักมันอยู่ล่ะ” ผมหันไปถามคนที่นั่งข้าง เขาหันมามองหน้าผมนิ่ง ผมก็ปากไว้ไปอีก ผมยกมือขอโทษ

“ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่พี่บอก รักชีวิตตัวเองก่อน ดูท่ามันจะเป็นพวกวู่วามซะด้วย” ผมหันมาบอกฟิล์ม

“ก็ผมมีแม่ที่ต้องดูแล ผมจะลาออกได้ยังไง”

“ก็นั้นไง รักตัวเอง นายมีแม่ที่ต้องดูแล เพื่อมันคิดทำบ้าอะไรขึ้นมาล่ะทำไง” ผมถามคนที่นั่งข้างๆ ตอนนี้ผมเอารถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว

“เอาอย่างนี้ จบอะไรมา” ผมถามฟิล์ม

“ผมจบเอกภาษาอังกฤษเหมือนกับบีมครับ แต่ว่าผมไปทำงานเป็นเสมียรที่โรงงานนี้เพราะว่างานหายากครับ ถ้าไม่มีเส้น “ฟิล์มพูด ผมพยักหน้าว่าจริง

“พี่ต้องการธุรการเพิ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง พรุ่งนี้ไปสมัครงานและขึ้นไปหาพี่ที่โรงเรียน” ผมพูดก่อนจะส่งนามบัตรให้ฟิล์มไป เขารับมาถือไว้ ก่อนจะหันหน้ามามองหน้าผม

“สิบโมงเช้า อย่าเลทล่ะ” ผมหันไปบอกเขา

“ซื้อหมั่นโถวปากซอยไปฝากพี่ด้วย เข้าใจไหม “ผมบอกคนที่กำลังจะเดินออกจากรถผมไป เขาสะบัดหน้ามามองหน้าผม

“เจ้านี้พี่ชอบทาน “ผมบอกน้องเขา

“อะไรวะ ยังไม่ทันไร สั่งแล้วอ่ะ “คนข้างๆ หน้างอขึ้นมาทันที

“ไม่ได้สั่ง แต่ทวงคำขอบคุณที่ลงไปต่อยไอ้เวรนั้นให้ไง ซื้อไปฝากด้วย และให้ไปสิบโมงเพราะว่าพี่พักเบรกโอเคน่ะ “ผมหันพูดพร้อมรอยยิ้ม คนที่กำลังละก้าวขาลงจากรถก็หันกลับมามองผม เขานิ่งไปก่อนจะยิ้มบางๆ ส่งมาให้ และก้าวเท้าลงจากรถคันหรูของผม ประตูปิดลงเบาๆ ผมยังคงจอดมองคนนั้นเดินเข้าไปในบ้าน โดยมีแม่ออกมายืนรอรับอยู่ที่หน้าประตูบ้าน แม่เขาส่งยิ้มให้ผมเป็นการขอบคุณ ผมพยักหน้าตอบก่อนจะออกรถเพื่อกลับไปยังคอนโดของผม แต่ไม่ไปหาพี่ลินดา ที่ผมเลือกคบคนอายุเยอะกว่าเพราะว่าบอกว่าจบคือจบ ผู้ใหญ่แล้วไม่เยิ่นเย้อต่อความยาวสาวความยืดกันแต่นี่เด็กกว่าอีก ไม่เคยมีแฟนเด็กมาก่อนเลย สงสัยต้องไปหาตำราจีบเด็ก เห็นแบบนี้ผมรู้สึกสนใจฟิล์มยังไงก็ไม่รู้

TBC…..

   ตอนหน้าเธียรวิชย์ตามหาผู้จัดการเจอแล้วและเขาก็จะได้รู้ความจริงๆ บางอย่างว่า ไม่ใช่มีแค่ผู้จัดการที่รู้เรื่องเขาและบีมและใครคนนั้นทำให้เขาตกใจไม่แพ้กัน
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1และP.1
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 31-03-2021 14:03:51
 :hao7: :angry2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1และP.1
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 31-03-2021 20:48:52
 :laugh:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.24.1(เฮียธันVSฟิล์ม)สวมบทพระเอกP.1และP.1
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-04-2021 11:01:11
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 02-04-2021 12:51:02
EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1 NC18+

           Part’ s เธียรวิชย์ ผมกลับมาบ้านเพื่อมาเอาเอกสารด่วนไปให้พ่อผมและผมต้องเข้าร่วมประชุมรายงานผลการประเมินโรงเรียนนานาชาติสาขาใหญ่ที่ป๊าผมดูแลอยู่ ผมกลับมาถึงบ้านตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าๆ ช่วงเช้าเล่นเอาเธียรวิชย์กุมขมับตัวเอง มีกลุ่มผู้ปกครองที่ตั้งกลุ่มคุยกันถึงเรื่องระบบของโรงเรียนของผม เขาขอมาพูดคุยเพื่อร้องเรียนและนำเสนอสิ่งที่ผู้ปกครองคาดหวังอยากจะได้จากโรงเรียน บางคนอยากได้อย่างนั้น บางคนก็อยากได้อย่างนี้ บางคนก็ชอบแบบเดิมไม่อยากให้เปลี่ยน บางคนก็ให้เพิ่มนั้นเพิ่มนี้แต่อย่าขึ้นค่าเทอม แล้วถ้าเพิ่มตามที่ขอมาค่าใช้จ่ายมันก็ตกอยู่ที่ผู้บริหาร เล่นเอาผมปวดหัวเลย โดยเฉพาะเรื่องที่แบบจุกจิกเล็กๆ น้อย คนปกติขาไม่คิดกันก็เอามาตั้งประเด็น ต้องเป็นคนหยุมหยิมคิดเล็กคิดน้อยจริงๆ เล่นเอาผมกับบรรดาครูส่ายหัวกันเป็นแถว คุณครูสอนก็หนักแล้วและผมเองแค่บริหารจัดการทุกอย่างก็เหนื่อยมากพอกัน ผมเลยถือโอกาสออกมาก่อนเวลาเพื่อมาเอาเอกสารและเลยไปประชุมเลย

“คุณเธียร กลับเร็วจังค่ะ” คนใช้ในบ้านถามผม ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นบีมและเจ้าก้อนเต้าหู้

“วันนี้งอแงไม่อยากจะนอนกลางวันค่ะ เกเรมาตั้งแต่หลังทานอาหารเที่ยงแล้วค่ะคุณเธียร”

“และไม่ยอมเอาใครเลย ต้องเกาะติดคุณบีมตลอดเลยค่ะ” พี่คนใช้ในบ้านรายงานผม ผมพยักหน้า ปกติพี่มลที่เป็นผู้ช่วยมือขวาของบีม แต่วันนี้พี่เขาขอลากลับไปบ้านสองสามวัน ส่วนคนใช้คนอื่นก็ไม่ค่อยได้ช่วยเลี้ยงเท่าไหร่เลยเดาใจนายน้อยกันไม่ถูก

“สงสัยคุณบีมจะพาขึ้นไปนอนบนห้องนอนแทนค่ะ จะได้อยู่กันเงียบๆ เพื่อว่าน้องจะยอมนอน “บุ๋มสาวใช้ในบ้านบอกผม ผมพยักหน้าอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเท้าขึ้นไปบนบ้าน วันนี้ผมเหนื่อยและท้อเหลือเกิน เลยอยากจะเดินขึ้นไปกอดลูกชายสักหน่อย ได้หอมแม่ด้วยยิ่งดีเลย ผมเดินไปถึงที่หน้าห้องนอน ผมค่อยๆ บิดลูกบิดอย่างเบามือที่สุด เปิดประตูเข้าไปอย่างเบามือที่สุด และภาพที่ทำให้ผมยืนอมยิ้ม บีมนอนหลับอยู่ใกล้ๆ กับเจ้าก้อนเต้าหู้ ผมก้มลงมองนาฬิกาโรเล็กซ์ ป๊าบอกผมว่ามีประชุมตอนบ่ายสามโมงที่โรงเรียนสาขาใหญ่ ผมเห็นว่าเวลาเหลืออยู่ ผมค่อยๆ เดินอ้อมไปอุ้มเจ้าลูกโซ่ขึ้นมาจากเตียง พยายามประคองให้เจ้าลูกโซ่อยู่ในท่าเดิม ไม่กล้าเปลี่ยนท่าไปจนถึงเตียงเด็ก

“นอนนี่น่ะ ป๊าจะทำน้องให้ ถ้าอยากมีน้องหลับสนิทไปเลยลูก” ผมกระซิบกับก้อนเต้าหู้ เนกไทถูกปลดออก กระดุมเสื้อเชิ้ต ถูกปลดออกจนหมดแพง ผมถอดเสื้อออกมาพาดไว้ เดี๋ยวยับป๊าคงได้รู้ว่าเธียรไม่ได้มาเอาแค่เอกสาร มาเอาเมียด้วยครับกางเกงถูกถอดออกพาดไว้อย่างดี เหลือแต่ปราการสุดท้ายกางเกงยางยืด ผมค่อยๆ ขึ้นไปบนเตียง ผมจ้องมองใบหน้าของบีม มีเค้าโครงลูกครึ่ง ผมใช้หลังนิ้วมือค่อยๆ ไล่ตามแก้มเนียนๆ นั้น อย่างเบามือ

“อืม ลูกโซ่ “เสียงครางเบาจากคนที่กำลังหลับ บีมคิดว่าเป็นลูกโซ่กำลังกวนเขาอยู่ ผมค่อยใช้นิ้วมือเรียวของผมแตะที่ริมฝีปากเรียวบาง มันสวยราวกับสตรีก็ไม่ป่าน

“อืม ม๊าไม่เล่นนะครับลูกโซ่” บีมพูดก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้น

“พี่เธียร!” น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาตกใจมาก ที่เห็นอยู่บนเตียงกับเขา

“อย่าเสียงดังซิครับ เดี๋ยวลูกตื่น ลูกยิ่งง่วงนอนอยู่น่ะ ถ้าอยากเล่นมาเล่นกับป๊าดีกว่านะม๊า ป๊าพร้อมมาก” ผมพูด บีมก้มลงมองผม เขาคงเห็นแล้วว่าผมพร้อมแค่ไหน ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแค่ปราการสุดท้ายเท่าเอง

“เฮ้ยย อะไรของป๊าเนี๊ยะ!” บีมร้องเสียงหลง

“ป๊าวอนทฺ” ผมพูดทำหน้าอ้อน

“ไม่เอาอ่ะ”

“เอาเถอะ ป๊าถอดออกหมดขนาดนี้แล้วน่ะ ขอนะ นะเมียนะ” ผมพูดอ้อนวอนก่อนจะก้มลงจูบบีมอย่างดูดดื่ม

“อืม!! “เสียงครางเบาๆ จากคนเบื้องล่าง ผมก็ยิ่งได้ใจ บดขยี้จนหนักหน่วง มือของบีมที่ที่ดันอกของผมอยู่ก็เริ่มเลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนเปลี่ยนมาเป็นโอบรอบคอผมแทน ผมพลิกมาเป็นคร่อมร่างบางๆ นั้นโดยไม่ทิ้งน้ำหนักทั้งตัวไว้กับร่างเล็กที่เบื้องล่าง เริ่มซุกไซ้ลงมาที่ซอกคอ

“อ้าห์ พี่เธียร ซี้ด” คนเบื้องล่างแอ่นอกขึ้นสู้กับริมฝีปากผมที่ดูดแรงขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอนะครับ ที่รัก “ผมพูดกับคนที่นอนมองผมแววตานั้นฉายประกายว่าเขาเองก็ต้องการผมเหมือนกัน ชายเสื้อยืดถูกเลิกขึ้น ผมถอดมันออกไปให้พ้นทาง จุดที่ผมไม่ลืมสองแลนมาร์คที่ผมต้องก้มลงโลมเลียตอนนี้บีมไม่ค่อยให้เจ้าลูกโซ่ก่อนนอนแล้วดังนั้นผมเลยยึดคืน ผมใช้ลิ้นตวัดไปมาทั้งสองข้าง

“พี่เธียร ซี้ด โอ้ว” เสียงครางกระเซ้าทำให้เจ้าเธียรวิชย์น้อยๆ ในกางเกง แข็งปังขึ้นมาทันที

“ผมว่าพี่เอาไว้ทำตอนกลางคืนดีกว่าไหม ซี้ด ผมกลัวลูกโซ่ตื่น” บีมพูด จะให้ผมหยุด คงจะไม่ได้ ผมหันไปมองลูกโซ่ยังนอนหลับสนิท

“บุ๋มบอกกับพี่ว่า บีมพึ่งจะพาลูกโซ่ขึ้นมานอนไม่ใช่เหรอครับ นั้นแปลว่า อีกนานเลยกว่าจะตื่น พี่เบิ้นยังได้เลย” ผมพูดกับบีม เขายู่ปากใส่ผมทันทีที่รู้ว่ามีคนรู้ทัน ผมกัดปากให้บีมดูก่อนจะเริ่มพรมจูบลงที่หน้าท้องของบีม

“ว่าแต่จะให้พี่เบิ้นได้ไหม  พี่จะได้ออมแรงเอาไว้บ้าง” ผมกระดกหัวขึ้นมาถาม

“ซี้ด อ้าร์ พี่เธียร รอบเดียวพอ และอย่าทรมานผมซิ อ้าห์ พี่เธียร!!”

“ไม่ได้ทรมาน เขาเรียก ปรนเปรอครับเมีย” ผมกระดกศีรษะขึ้นพูดก่อนจะก้มลงจูบ ผมขบริมฝีปากกับเนื้ออ่อน ผมเม้มปากผมลงที่ตรงหัวหน่าวของบีมเบาๆ ผมเห็นรอยแผลที่ดูงดงามนั้น ผมใช้นิ้วมือลูบไล้เบาๆ

“บีม พี่ไม่ใส่ถุงนะครับ” ผมกระซิบกับบีม บีมมองหน้าผม

“พี่อยากมีอีกคน นะครับ เราไม่ควรจะรอให้อายุเยอะเกิน เดี๋ยวเล่นกับลูกไม่รู้เรื่อง “ผมพูดกับบีม มือหนาๆ ของผมค่อยๆ รูดปราการสุดท้ายของบีมออกไป แถมไปทีเดียวพร้อมกันสองชั้นเลย บีมชอบสวมเหมือนกางเกงวอร์มแบรนด์เนมดัง ตัวเล็กพอดีตัว บีมเขาชอบแต่งสไตล์นี้ตอนอยู่บ้าน เธียรวิชย์ไม่รอช้า ลุกขึ้นมายืนถอดกางเกงยางยืดนั้นออกไปทันที

“ปึก “ผมกระโจนขึ้นไปคร่อมร่างของบีม บีมโน้มตัวผมลงไป บีมเริ่มจูบที่แผ่นอกของผม ไล่ลงไปถึงกล้ามท้อง ตอนนี้เริ่มจะหันมาฟิตหุ่น เข้าไปใช้ยิมของเฮียธันบ้างแล้วแต่ซิกแพคผมยังห่างไกลจากเฮียธันเยอะ เฮียแกมีตั้งแต่ไปเรียนต่อยมวยแล้ว

“ปึก!” ร่างผมถูกพลิกให้ไปนอนหงายและคนเบื้องล่างรีบสลับตำแหน่งขึ้นมาคร่อมผมไว้แทน บีมเริ่มเร้าโรม พรมจูบไปทั่วตั้งแต่แผ่นอกไปจนถึง หน้าท้องอีกครั้ง

“ไม่ใส่ถุงแต่ก็ต้องใช้เจลด้วยนะพี่เธียร” บีมบอกผม เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมกลัวว่าถ้าผมเอาเจลมาไว้ใกล้ๆ แล้วลูกอาจจะบีบเล่นได้ บีมออกมาจากห้องน้ำ เหลือบมองลูกโซ่นิดหนึ่ง เขายังหลับอยู่ บีมบีบเจ็บหล่อลื่น ชโลมลงบน แท่งร้อนของผม ใช้มือรูดเบาๆ บีมทำท่านั่งยองๆ เล็งให้ตรงกับแท่งร้อนของผม

“วันนี้จัดเองเลยเหรอม๊า” ผมถามบีม

“ทำให้ก็บ่นเดียวไม่ทำเลย” บีมพูดหรี่ตาลงมอง แถมทำท่าจะลุกหนีอีก

“หมับ” ผมรีบจับเอวบีบเอาไว้ก่อน “ทำ ทำจ๊ะทำ วันนี้ยกให้เลยคุมเองเลย” ผมรีบพูดก่อนจะนอนแผ่หลาปล่อยให้เมียจัดการ บีมค่อยๆ กดช่องทางรักให้อยู่เหนือปลายแท่งร้อนของผม และกดมันลงช้าๆ เบาๆ ผมถึงกับต้องหลับตาพริ้ม เลียริมฝีปาก มือที่กุมประสานกันไว้ และแกนกายผมก็เข้าไปในกายของบีมจนหมดด้าม

“ยาวไปนะของพี่น่ะ ซี้ด” บีมพูดพร้อมกับส่งเสียงครางเบาๆ และบีมก็เริ่มโยกขึ้นลงๆ ช้าๆ เนิบๆ จนถึงขั้นเริ่มเร็วขึ้น เร็วมากขึ้น คราวนี้ขึ้นสุด ลงสุด นี่ขนาดทำไปบนไปด้วยน่ะ แต่ก็เล่นเอาเธียรวิชย์ต้องจิกผ้าปูที่นอน

“โอ้วว นี้ขนาดบอกว่ากลัวลูกตื่นน่ะบีม โอ้วว ซี้ด มันถึงใจพี่มาก บีม “ผมถึงกับต้องเกร็งหน้าท้องเอาไว้ คล้ายกับว่าป้องกันหมัดคู่ต่อสู้

“พี่ห้ามเด้งสวนผมน่ะพี่เธียร “บีมบอกผม ผมก็ปล่อยให้เมียจัดการ ตกลงนี้ใครกันแน่ที่วอนทฺ ดูท่าจะเมียผมแล้วแหละ ขึ้นลงเพลินเชียว

“หมับ” ผมจับเอวของบีมเอาไว้ก่อน

“เดี๋ยวเมียเหนื่อย พี่จัดให้บ้าง” ผมพูดกระซิบ บีมค่อยๆ ยกตัวเองขึ้น ผมดันตัวเองขึ้นนั่ง พร้อมกับรีบหมุนตัวไปอยู่ด้านท้ายของบีมจับบีมอยู่ในท่าดอกกี้

“ขอจบทีท่านี้นะครับเมียพี่” ผมพูดกระซิบที่ข้างหูบีม ผมรีบดันเจ้าแท่งร้อนสอดแทรกเข้าไปที่ช่องทางเดิม คราวนี้ไหลลื่นดีและเข้าไปจนสุด

“อู้ยย พี่เธียร มันลึกไปอ่ะ ของพี่มันยาวนะไม่ใช่สั้นๆ ” คนที่ผมกระแทกเด้งสวนเข้าออก หันมาทำหน้าจะโกรธแล้วน่ะ

“ขอโทษจะเมีย ก็ก้นเมียมันก้มเด้งอ่ะ เลยเพลินไปไหน่อย” ผมพูดพร้อมโชว์ท่ากัดปากเล็กน้อย

“เขาบอกว่ายอดเขา ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ไอ้จู๋พี่มันยาว ยิ่งเข้าลึกยิ่งเสียวนะครับ” ผมกระซิบกับบีม

“ขอแรงๆ หน่อยพี่เธียร “พอได้ที่หน่อยขอแรงๆทันที แถมทำเสียงกระเซ้าเร่งมาขนาดนี้ เธียรวิชย์ไม่รอช้า เป็นคนมีดีทีเอว ซอยไม่ยั้ง ตอนนี้ผมต้องรีบแล้วผมต้องทำเวลา เดี๋ยวป๊าโทรมาตาม

“ปัก ปัก ปัก” เสียงเนื้ออ่อนกระทบเนื้ออ่อนของผมกับบีบ ดังสนั่นขนาดนี้ เจ้าลูกโซ่ยังไม่ตื่นเลย และผมก็กระแทกช่องทางรักของบีม เข้าเกือบสุดออกเกือบสุด จนแท่งร้อนของผมเริ่มเกร็งกระตุก ผมก็เกร็งบั้นท้ายตัวเอง น้ำรักพุ้งกระฉูดออกมาจังหวะที่ผมสวนเข้ามือจับสะโพ้กของบีมค้างไว้แน่น ผมกดสิ่งนั้นค้างไว้ในกายบีม เรียกว่าน้ำทุกหยดของผมอยู่ในนั้นหมด ผมโน้มตัวลงไปจูบบีม ก่อนจะค่อยๆ ถอนแกนกายของผมออก เล่นเอาเธียรวิชย์เสียเหงื่อเป็นถังเลย ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆ บีม

“พี่มาทำไมเนี๊ยะ หรือว่าวันนี้เลิกงานเร็วครับพี่เธียร” บีมหันมาถามผม เอาหัวมาหนุนที่หัวไหล่ผม

“ฟ้อด!!” ผมหอมหน้าผากของบีม

“ตื้ดดดด!!!!!” เสียงมือถือผมสั่นในกระเป๋ากางเกง ผมรีบลุกไปหยิบมาดู

//ตี๋น้อย ป๊าถามว่ามึงไปเอาเอกสารให้ป๊าที่อังกฤษเหรอคะมึงค่ะ ป๊าใช้วันนี้นะคะ// เจ๊ธามส่งข้อความมา บีมก็พิงไหล่ผมอยู่เขาก็อ่านข้อความไปพร้อมกับผมด้วย บีมมองหน้าผม

“ใช่ครับ ป๊าใช้พี่ให้มาเอาเอกสาร แต่ว่าพี่เข้ามาเห็นเมียนอนให้ท่าเลยเกิดอารมณ์” ผมหันไปสารภาพกับบีม

“ไมได้นอนให้ท่าเลย พี่น่ะหื่นอยู่แล้ว และไม่ว่าผมนอนท่าไหนพี่ก็คิดว่าผมให้ท่าอยู่ดี” บีมพูดก่อนจะรีบลุกขึ้นไป เพื่อจะได้ชำระล้างร่างกาย

“ฟ้อด!” ผมลุกขึ้นตามไปในห้องน้ำ ไปกอดบีมจากด้านหลัง ผมหอมที่แก้มของบีมเบาๆ

“ขอบคุณนะครับ “กระซิบขอบคุณที่มอบความสุขให้ผม

“แล้วนี่ก็ไม่ใส่ถุง ถ้าท้องล่ะ” บีมหันมาถามผม

“อาม่าดีใจน่าดูเลย อาม่าอยากเห็นหลานคนที่สอง เพราะว่าอาม่าอายุเยอะแล้วนะบีม” ผมพูดกับบีม

“ผมกลัวว่าจะทุ่มความรักให้เจ้าลูกโซ่ไม่เต็มที่น่ะครับ ผมเลยคิดว่าเราควรจะรอก่อน” บีมหันมาพูดกับผม

“ตอนนี้มีคนช่วยเลี้ยงเยอะอยู่และพี่เชื่อว่าบีมทำหน้าที่แม่ได้ดีที่สุด “ผมบอกกับบัม ผมรับเดินออกมาแต่งตัว ให้เรียบร้อย จะได้เอาเอกสารไปให้ป๊าผมที่ห้องทำงาน

“บีม เดี๋ยวพี่ไปดูเอกสารบนโต๊ะของป๊าพี่ก่อนน่ะ” ผมหันมาบอกบีมที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว จังหวะนั้นโทรศัพท์ของบีมดังขึ้น บีมหันไปกดรับสาย ผมรีบเดินออกไปซะก่อน ผมปิดประตูเบาๆ กลัวลูกชายตื่น

          ผมตรงไปหยิบซองเอกสาร สายตาผมเหลือบไปเห็นกระดาษที่ผมเคยให้ป๊าดู มันนานมากแล้ว ตั้งแต่ผมเพิ่งจะเรียนจบมหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่อยากไปต่อ ผมเลยว่าจะออกจากตระกูลนี้ไปตั้งนามสกุลใหม่ วันนั้นป๊าโกรธผมมาก ป๊าไม่พูดกับผม อยู่พักหนึ่งจนกระทั่งป๊าถามผมอยากไปเรียนเมืองนอกไหม เพื่อไปต่อปริญญาโทแต่ก็ยังคงเป็นสายบริหารอยู่ดี แต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่บนโต๊ะของป๊าผมอีกครั้งได้ยังไง ป๊าคิดอะไรของป๊าอยู่

มีต่อ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 02-04-2021 12:52:41
EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1 NC18+ (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056104#msg4056104)

EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P2


“ปึก” เสียงประตูถูกผลักเข้ามาโดยบีม ด้วยสีหน้าที่ตกใจ

“พี่เธียร แม่ของเป็กซ์โทรมาหาผม เขาบอกว่า เป็กซ์ไม่ได้กลับบ้านมาเกือบอาทิตย์แล้ว และวันนี้เป็กซ์มันโทรมาหาแม่มันด้วยน้ำเสียงแปลกๆ เหมือนมันกำลังจะสั่งลา “บีมบอกผม ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน

“ผมกลัวว่าเป็กซ์มันจะคิดสั้นอ่ะพี่เธียร” บีมบอกผม

“แหง๋ๆๆ” ส่วนเจ้าลูกโซ่ที่บีมอุ้มมาก็ร้องแข่งบีมเช่นกัน

“แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะบีม” ผมเดินออกมาถามบีม

“แม่เป็กซ์บอกว่าระหว่างที่คุยโทรศัพท์อยู่ ได้ยินเสียงเรือวิ่ง รถวิ่ง แต่ไม่รู้ว่าที่ไหน” บีมพูด

“แหง๋ๆๆ” เจ้าลูกโซ่ก็ร้องแข่งกับบีมอีก

“ผมเดาว่า สะพานเหล็ก ที่ผมเคยไปเดินด้วยกันบ่อยๆ ผมว่าเป็กซ์มันรู้ว่าผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้วอ่ะพี่เธียร” บีมบอกผม ผมก้มลงมองเอกสาร และหันมามองลูกโซ่ ที่หนีบเอวบีมไว้อยู่ และที่ผมจะเอาเอกสารไปให้ป๊า มันก็ไม่ไกลจากสะพานเหล็ก ถ้าอย่างนั้น

“ผมต้องไปที่นั่นพี่เธียร” บีมบอกผม ผมหันมามองคนที่น้ำหูน้ำตาหนองเต็มใบหน้า

“พี่ไปด้วย” ผมบอกบีม บีมกับผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่

“ม๊าไม่อยู่น่ะ ม๊าไปทำธุระกับเพื่อนม๊าที่สมาคมสตรีแถวชลบุรี เอาไงดีล่ะพี่เธียร” บีมพูด

“พี่จะขับรถป๊าไปและเอาลูกโซ่ไปฝากป๊า เพราะว่าเฮียเขาไปประชุมที่นั่นกัน น่าจะช่วยกันดูได้ “ผมบอกบีม

“จะดีเหรอพี่เธียร” บีมถามผม

“ไม่มีตัวเลือกอื่นแล้ว ถือซะว่า เจ้าลูกโซ่คือตัวแทนเข้าประชุมแทนป๊าแล้วกัน” ผมพูดและหยิบเอาซองเอกสารที่พ่อผมสั่งให้ผมมาเอา ก่อนจะไปประชุม และต้องเอาเจ้าลูกโซ่ไปด้วย

“พี่อุ้มลูกก่อนได้ไหมครับ ผมจะไปเตรียมน้ำเตรียมนมให้ลูกโซ่ครับพี่เธียร” บีมบอกผม ผมก็รีบลูกโซ่มาอุ้มไว้

“ร้องทำไมล่ะลูกโซ่ เดี๋ยวป๊าพาไปหาอากง “ผมบอกลูกโซ่พร้อมกับหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตาน้ำมูกให้ ผมเดินเข้าไปในห้องหยิบผืนใหม่มาไว้ใช้ ลูกโซ่เขากอดผมเอาหน้าแนบอกไว้ ผมรีบเดินลงมาที่ชั้นล่างของตัวบ้าน

“กูจะไปกับพี่เธียรวิชย์ มึงจะตามไปที่นั่นเหรอ น่าจะใช่ เออ กูรู้ แค่นี้ก่อนนะกูรีบอยู่” บีมคุยโทรศัพท์กับใครสักคน ผมเดาว่าเป็นฟิล์ม เพราะว่าเฮียผมพากันไปประชุมที่สาขาใหญ่กันหมด บีมจัดของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ส่วนลูกโซ่ก็กอดคอผมแน่นๆ กลัวผมจะส่งให้คนใช้คนอื่นๆ

“ใจเย็นๆ บีม “ผมเห็นบีมมือไม้สั่น ผมจับต้นแขนของเขาเอาไว้ บีมหันมามองหน้าผม เขามองเข้ามาในแววตาของผม ก่อนจะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ

“ผมรู้ว่าพี่เธียร แต่ว่านั้นเป็กซ์ เขาคือเพื่อนผม พี่จะว่าผมมองโลกสวยเกินไปก็ได้นะครับผมไม่เถียง แต่คนนี้เพื่อนผม และผมรู้จักนิสัยเป็กซ์ดี ผมเดาว่า เป็กซ์ไม่ได้อยากทำ ด้วยตัวเขาเอง” บีมบอกผม ตอนนี้ทุกอย่างถูกแพ็คลงกระเป๋าเรีบบร้อยแล้ว

“ผมกับบีมมีธุระด่วนกันนะครับ ผมจะเอาลูกโซ่ไปด้วย “ผมหันมาบอกคนใช้ เขาก็พยักหน้ากัน ผมรีบพากันออกมาที่รถที่จอดอยู่ ที่โรงรถ รถของป๊าผมเอง ผมรีบนำเจ้าลูกโซ่ไปใส่ไว้ในรถ ส่วนบีมเดินเข้าไปนั่งหน้า ผมรีบเปิดประตู คนขับรถเดินออกมาพอดี เขามองผมดัวยสีแหน้าแปลกใจ

“พี่ครับ ผมขับรถไปเองนะครับ พี่ไม่ต้องไปส่งผม เพราะว่าผมมีธุระด่วนครับ” ผมบอกพี่เขาก่อนจะขึ้นรถไปทันที พร้อมทำหน้าที่คนขับ บีมกดเปิดรายการเพลงให้ลูกโซ่ ผมมีทีวีในรถเพื่อให้เจ้าลูกโซ่จะได้ไม่งอแงระหว่างอยู่ในรถ ผมถอยหลังก่อนจะรีบออกตัวไป บีมก็พยายามกดโทรศัพท์หยิกๆ เลย ผมเดาว่าคนปลายสายไม่ยอมรับสายบีมหรือไม่ก็ปิดเครื่องไปแล้ว

“เป็กซ์ รับสายกูดิ มีอะไรคุยกัน จะทำอะไรคิดถึงแม่มึงด้วยดิว่ะ แม่มึงต้องการมึงน่ะ และมึงจะทำเชี้ยอะไรกูก็พร้อมให้อภัยมึงเป็กซ์” บีมพูดฝากข้อความเสียง ผมหันมากุมมือบีม ส่วนเจ้าลูกโซ่กำลังดูรายการโปรด เขากำลังหัวเราะมีความสุขตามประสาเด็ก

“บีมแน่ใจเหรอว่าเป็นสะพานเหล็ก “ผมถามบีม

“ผมแน่ใจครับ ว่าเป็นสะพานเหล็ก เพราะว่าผมชอบพากันไปเดินที่นั่น โรงเรียนที่ผมจบมาอยู่ใกล้สะพานเหล็กครับ “บีมหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมกดโทรออกผ่านบลูทูธ

//ไปส์//ผมโทรหาไอ้ไปส์

//ว่าไงว่ะ// ไปส์ถามผม

//อยู่ไหนมึง//

//อยู่บ้านดิ วันนี้กูเบี้ยวกูพึ่งจะกลับมาจากจีนกับม๊ากู มึงมีอะไรวะ// ไปส์ถามผมกลับ

//มึงเคยเห็นหน้าเพื่อนบีมใช่ไหมว่ะ คนที่มึงบอกว่ามาคุยกับผู้จัดการ//ผมถามไปส์ บีมมองหน้าผม

//ใช่ดิ จำได้เลย แม่งเหยียบเท้ากู ไม่ขอโทษขนาดนั้น กูจำไม่ลืมครับ ว่าแต่มีอะไรวะ// ไอ้ไปส์มันนี้แค้นฝังหุ่นจริงๆ

//บ้านมึงอยู่ไม่ไกลจากสะพานเหล็ก //

//กูรู้ เพราะนี้บ้านกูเองครับ ว่าแต่มึงมีอะไรเปล่า น้ำเสียงเหมือนงานจะเข้า//

//บีมคิดว่าน้องคนนั้นน่าจะไปที่สะพานเหล็กว่ะตอนนี้ด้วย// ผมบอกไอ้ไปส์

//อย่าบอกน่ะว่าให้กูนัดน้องเขามาคุยกันที่สะพานเหล็ก ไปทำไมว่ะ น้องเขาไม่อยากคุยกับกูหรอกว่ะเธียร เพราะว่ากูด่าเขาไว้เยอะอยู่ เขาเลยวิ่งแจ้นขึ้นรถแท็กซี่ไปคืนนั้นนะ// ไอ้ไปส์พูด ผมหันมามองหน้าบีม บีมเลิกคิ้วสูง

//มึงไม่ได้บอกกูเลยน่ะว่าวันนั้นมึงด่าน้องเขาด้วยไอ้เชี้ยไปส์// ผมขยับหนีเมียออกมาหน่อย เหมือนเมียจะรู้ขยับตามผมมา ผมยิ้มแหยๆ ให้เมีย

//ไอ้ไปส์ กูจะให้มึงไปสะพานเหล็กนั้น หน้าที่มึงคือไปตามหาน้องเขาเพราะว่าน้องเขาไปแล้ว บีมคิดว่าน้องเขากำลังจะ คิดสั้น กระโดดลงแม่น้ำว่ะ มึงไปดูให้กูกับบีมหน่อย กูขอล่ะไปส์ ถึงน้องเขาจะผิดแต่ บีมเชื่อว่าน้องเขามีเหตุผล//ผมพูดเชิงขอร้องไอ้ไปส์

//อะไรวะ// ไอ้ไปส์มันสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำที่จะทนเห็นคนฆ่าตัวตายแน่นอน

//ไปส์กูขอร้อง กูกับบีมกำลังจะไป แต่กลัวว่าจะไม่ทันว่ะ กูต้องเอาลูกไปฝากป๊ากูก่อนว่ะ //ผมบอกไอ้ไปส์

//เออๆ กูไปเดี๋ยวนี้// สุดท้ายไอ้ไปส์ก็ยอมจนได้

//ขอบใจว่ะ เพื่อน//

//กูนี้ยอมให้เพื่อนแต่เพื่อนแม่ง// มาทันทีเพื่อนไปส์ของผม

// ถ้ามึงหมายถึงบีม กูขอโทษ ขอกูอย่างอื่นได้ไหมว่ะไปส์ กูจะหาให้แต่ยกเว้นลูกเมียกูว่ะ กูให้ไม่ได้ //

//กูไม่ขอมึงหรอก แค่นี้น่ะ กูรีบไปดูให้ เดี๋ยวน้องเขาโดนลงไปว่ายน้ำเล่นซะก่อน สะพานเหล็กมันข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไม่ใช่สะพานข้ามคลองแสนแสบนะไอ้คุณเธียรวิชย์ มันสูงครับ!! // ไปส์พูดก่อนจะวางสายไป ผมแอบอมยิ้มบีมมองหน้าผมนิ่งมาก

“พี่โทรขอร้องให้ไอ้ไปส์มันไปดูน้องเป็กซ์ให้นะครับ เพราะว่ามันอยู่ไม่ไกลจากสะพานเหล็ก มันน่าจะไปถึงก่อนเราสองคน “ผมหันมาบีม เขาถึงได้พยักหน้ากับผม บีมกุมมือผมเอาไว้

“ขอบคุณนะครับพี่เธียร “บีมหันมาบอกผม ผมรีบขับรถไปยังโรงเรียนนานาชาติ ที่ป๊าผมนัดประชุมที่นั่น ผมเหลือบมองเวลา นี้ก็ใกล้จะเข้าประชุมแล้ว

Rrrrrr โทรศัพท์บีมมีสายโทรเข้า และบีมก็กดรับสายทันที

“กูไปกับพี่เธียร พี่เขาให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ไปดูให้ก่อน กูต้องแวะมาที่โรงเรียนพ่อพี่เธียรเขามีประชุมวันนี้ อ้าวเหรอมึงจะมาเหรอ ใกล้ถึงแล้วใช่ป่ะ เออ กูรอ “ทันทีบีมจบการสนทนาก็กดวางสาย เขาหันมามองผม

“พี่เธียร ไอ้ฟิล์มมันจะไปด้วยครับ และมันก็กำลังจะมาถึง” บีมบอกผม

“ได้ถ้าอย่างนั้นพี่เอาลูกโซ่ไปให้ป๊าก่อนนะ เพราะว่ารถของบรรดาเฮียของพี่เข้ามาจอดกันแล้ว นี่ก็แปลว่าเข้าขึ้นประชุมกันหมดแล้วครับ ส่วนบีมก็รอเพื่อนอยู่นี้แล้วกัน” ผมหันมาบอกบีมก่อนจะรีบนำรถเข้าไปจอด ผมเดาว่าฟิล์มน่าจะมารถแท็กซี่และเขาต้องเดินผ่านทางนี้ก่อน ผมลงมาจากรถก็ไปเอาเจ้าลูกโซ่ออกมาจากคาร์ซีทก่อน

“อ้า” ไม่อยากไปอีก ไม่อยากลงจากรถ อยากจะดูการ์ตูนต่อ

“ไปดูบนห้องประชุมกับอากงโน่นลูกโซ่” ผมพูด พร้อมกับแกะมือเหนียวๆ ออก ผมหันไปรีบนำกระเป๋าใส่ของใช้เจ้าลูกโซ่

“ผมชงนมมาให้เขา ตอนนี้น่าจะเย็นพอจะดื่มได้แล้วครับพี่เธียร อย่าลืมให้โซ่ดืมเลยนะครับ เพราะว่าถ้าปล่อยให้หิวจัด จะโมโหเอา” บีมบอกผม

“ครับ คุณแม่” ผมพูดกับบีม

“เร็วๆ เลย ผมเป็นห่วงเพื่อน” บีมบอกผม ผมรีบอุ้มลูกโซ่วิ่งขึ้นไปบนตึก ก่อนจะขึ้นไปถึง ก็ต้องผ่านบรรดาครูอาจารย์ มีนักเรียนที่เดินเปลี่ยนห้องเรียน เขาก็พากันมองผม เพราะว่ารอบนี้ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่มาด้วย ผมเลยกลายเป็นพ่อลูกอ่อนไปทันที แถมเจ้าลูกโซ่ยังทำท่าตื่นเต้นมาก เจอเพื่อนไงแต่มันคนละรุ่นกันลูก โบกไม้โบกมือให้เขาใหญ่เลย แถมเด็กก็พากันหัวเราะชอบใจเจ้าลูกโซ่ของผม

“อ้า!!” กางแขนจะไปเล่นกับเขาให้ได้ ผมมองเจ้าลูกโซ่ ข้ามรุ่นหรือเปล่านี้ยังไม่หนึ่งขวบเลยน่ะ

“เอาไว้ก่อนน่ะเต้าหู้ ป๊ารีบ และเราน่ะยังวิ่งไม่ได้ จะไปเล่นกับเขายังไง “ผมบอกลูกโซ่ กอดอกอีกแล้ว ไม่สบอารมณ์

“ตอนนี้ไปหาอากงก่อน ไปเล่นกับแปะด้วยน่ะ “ผมบอกลูกโซ่ มือถือผมก็สั่น ผมลืมหยิบแอร์แอร์พอร์ตเสียบหูมาด้วย

“ลูกโซ่ ถือซองนี้เอาไว้ ไปให้อากงทีลูก” ผมบอกลูกโซ่พร้อมกันส่งแฟ้มไปให้ลูกถือไว้ก่อน ผมก็รีบกดรับสายจากไอ้ไปส์ ทันที

//ว่าไงไปส์ เจอไหม//

//ไอ้เธียร!! รถติดมากเลยว่ะ กูจะไปทันก่อนที่น้องเขาจะดิ่งลงไปในแม่น้ำไหมวะ ถ้าไม่ทัน กูยืนไว้อาลัยรอแทนแล้วกันนะ และกูจะยืนขออโหสิกรรมที่วันก่อนกูก็ด่าน้องไว้เยอะ//ไอ้ไปส์ มันพูด ผมอยากจะตีเข่ามันจริงๆ ตีอากาศไปก่อนแล้วกัน

“ไอ้เชี้ย! กูให้มึงไปห้ามเขาดังนั้นมึงควรจะวิ่งไปให้ทัน และถ้ารถมันติดมากก็จอดรถมึงและวิ่งไปเลย “ผมบอกไอ้ไปส์

“ไม่เลว!!

“ก็ทำตามดิ” ผมรีบบอก ก่อนจะทักทายครูนักเรียนที่ผมวิ่งผ่านมาก

“มันเลวร้ายมาก มึงจะให้กูวิ่ง อากาศร้อนขนาดนี้ ดูแล้วติดยาวมากด้วย แถมระยะทางนี้คงไม่ต่ำจากสี่ห้ากิโล และมันกิโลกรัมเพราะว่ามันเป็นกิโลเมตรไอ้เชี้ยเธียร!!”

“ทำยังไงก็ได้ ที่ให้มึงไปให้ทัน ไอ้ไปส์ แค่นี้น่ะ กูก็รีบ!!” ผม ผมว่งมาจนถึงห้องประชุม เปิดประตูพรวดเข้าไป

“นี้ไงป๊า มันมาแล้ว ไอ้เธียรวิชย์ของป๊านะ” เจ๊ธามรีบบอกป๊าผมทันที ป๊าหันมามอง หน้าของป๊าโหดมาก คงรอเอกสารจากผมอยู่และในห้องก็มีผู้บริหารที่จ้างมาช่วยงาน เขานั่งอยู่ ป๊ายืนอยู่ การประชุมน่าจะเริ่มมาได้สักสิบห้านาทีแล้ว

“ไหนล่ะ เธียร เอกสารที่ป๊าให้ไปเอามา” เฮียธี หันมาถามผม ผมก็ชูเลย

“นี่ไง!!” ชูขึ้นกลางอากาศ เอกสารอันนี้เริ่มจะหนักแล้วน่ะ

“เฮ้ย!!!” บรรดาเฮียของผมร้องออกมาพร้อมกัน ผมชูลูกโซ่แทน

“นี่มันลูกมึง!!” บรรดาเฮียพูดออกมาพร้อมกั้น ผมก็มองสิ่งที่ผมชูไปให้เฮียธี เฮียถึงกับก้าวเท้าถอยไปด้านหลังด้วยอาการตกใจ

“ลูกโซ่เอาแฟ้มที่มือน่ะให้แปะไป” ผมกระซิบ ลูกโซ่ก็ชูนี้มือเขาถืออยู่ขึ้นมา

“นั่นแหละ ให้แปะไปครับลูกโซ่” ผมกระซิบอีกที

“อ้า” ส่งไปให้เฮียธี เฮียก็รับไปแต่แบบกล้าๆ กลัว ๆ คงกลัวหลานกระโดดใส่แน่ๆ

“เอาลูกมาทำไมเธีย คุณเธียรต้องเข้าประชุมนะครับ” เฮียธีหันมาถามผมเรียกน้องซะเพราะเชียว ก่อนจะมองสิ่งที่ผมสะพายมาด้วยกระเป๋านมพร้อมมาก

“อย่าบอกน่ะว่าจะเอาลูกมาประชุมด้วย” เฮียธีหันมาถามผม

“ผมอยู่ประชุมไม่ได้จริงๆ ป๊า เอ๊ย!! ท่านประธานที่เคารพรัก” ผมหันไปพูดกับป๊าของผม

“มาเต็ม!! “พี่ธันหันมามองผมแอบส่ายหัวเล็กน้อย ผมหันไปยักคิ้วให้ ทำไม่ได้ละซิ

“มันช่างกล้า มันเรียกท่านประธานที่เคารพรัก” เฮียธามของผม เธียรทำบ่อยด้วยเวลาป๊าโกรธ

“มันจะเรียกป๊าแบบนี้ ทุกครั้งที่มันงานเข้าไง เฮีย” เฮียธันพูดก่อนจะหันไปแตะมือแทกทีมกับเฮียธาม

“จะไปไหนเธียร” ป๊าหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ เหมือนกำลังระงับความโกรธอยู่

“คือ เออ เรื่อง มันยาวอ่ะครับ” ผมหันไปบอกป๊า

“เธียร เรื่องมึงน่ะยาวเป็นหางว่าวแล้วครับ ฉายามึงน่ะ เธียรเรื่องเยอะ จำไม่ได้เหรอ ไอ้ตี๋น้อย” เฮียธามไม่ลืมหันมาจิกกัดน้องอีก

“อันนี้เรื่องด่วนอ่ะเฮีย” ผมหันไปบอกเฮียธาม

“เฮียไม่เคยเห็นเรื่องไหนไม่ด่วนสำหรับคุณเธียรสักเรื่อง ส่วนใหญ่แล้ว ด่วนมาก ด่วนมากที่สุด!!” เฮียธีอีกคน โดนเฮียๆรุม

“อะแฮม” ป๊าต้องเป็นคนห้ามทัพทุกที


“ป๊าน่ะ ผมมีเรื่องจริงๆ ผมขออธิบายที่หลังได้ไหมครับท่านประธาน และผมรบกวนอีกเรื่อง ฝากลูกด้วยครับ” ผมพูด ป๊าหันมามองหน้าผม

“ห๊ะ!!” บรรดาเฮียของผมอุทานออกมาพร้อมกัน

“ฝากให้ประชุมแทนคุณเหรอครับ คุณเธียรวิชย์ครับ” เฮียธีหันมาถามผมและชี้ที่ลูกโซ่

“ก็บีมต้องไปกับผมอ่ะครับ เฮีย ผมไม่มีใครดูลูก บีมมีเรื่องครับเฮีย และพี่มลก็ไม่อยู่ เฮียก็รู้ แถมม๊าก็ยังไม่กลับ” ผมพูดทำหน้าเศร้า แต่ไม่ได้เล่าความเท็จนะ ผมหน้าอ้อนวอนขอร้องเฮียธีและหันไปมองป๊าผม ป๊าก็พยักหน้ายกมือว่าให้ผมหยุดพูดได้แล้ว ไม่อย่างนั้นผมจะพรรณนาต่อจนกว่าจะมีคนเห็นใจ

ผมรีบพาลูกโซ่เดินไปที่เก้าอี้ที่มีป้ายชื่อตั้งเอาไว้ว่า “เธียรวิชย์ “ป้ายชื่อผมเองครับแถมยังนั่งใกล้ท่านประธานซะด้วย ผมมองหาว่าใครกัน ถึงได้จัดให้เธียรวิชย์นั่งใกล้ชิดท่านประธานสุดที่รักของผมขนาดนี้ เฮียธามยักคิ้วให้ผม ฝีมือเฮียธาม

“ป๊าบอกอยากนั่งใกล้ลูกรัก เลยจัดให้ ไม่ดีหรือไง มึงจะได้อ้อนป๊าได้สะดวกๆ” เฮียธาม ผมเหลือกตาขึ้นบน

“แต่เสียใจด้วย วันนี้ต้องเป็นหลานท่านประธานนั่งแทน “ผมพูดก่อนจะวางลูกโซ่ผมลง พร้อมกับหยิบขวดนม ขวดน้ำมาวางให้ลูกโซ่

“วันนี้คือตัวแทนป๊านะลูกน่ะ อย่าทำอะไรให้ท่านประธานกรุ๊ปโกรธนะลูกโซ่ ห้ามฮือห้ามอือ พยักหน้าอย่างเดียว ว่าเห็นด้วยทุกอย่างนะลูกนะ ฟ้อด!! “ผมกระซิบกับลูกโซ่แถมหอมทุยๆ ที่กลมเหมือนลูกฟุตบอล ลูกโซ่มองดูขวดนมก่อนจะหยิบมาถือไว้และจับใส่ปากไปทันที เนื่องจากว่าได้เวลากินนมของลูกโซ่แล้ว เขาหันไปมองรอบๆ ผู้เข้าประชุมทุกคนคนมีแก้วกาแฟ ขนมปังวางไว้ แต่ลูกผมมีขวดนม ขวดน้ำ ผมก็เลยล้วงมือลงไปหยิบซองขนม ที่บีมทำไว้ให้ โยเกิร์ตที่อัดเม็ดเอาไว้และมันก็สลายได้ในปากได้

“พี่ครับ ผมรบกวนขอจานพาสติกให้ หลานท่านประธานหน่อยนะครับ ใส่ของว่างครับ” ผมหันไปบอกพี่แม่บ้าน เขาก็พยักหน้าให้ผม เขาหันมามองสองสามที

“ป๊า ผมไปก่อนนะบีมรออยู่ ผมมีเรื่องจริงๆ ป๊า เรืองใหญ่ด้วย คอขาดบาดตายเลย” ผมบอกป๊าที่นั่งมองเจ้าลูกโซ่

“แบบนี้ก็ได้เหรอ พ่อมันเข้าประชุมไม่ได้ มันส่งลูกมันมาประชุมแทน มึงคิดนานไหมเธียร” เฮียธามถามผม

“ไม่นานเฮีย แต่ลูกน่ะใช้เวลาทำนานมาก” ผมหันไปตอบ

“เว้ย!!” เฮียธันสะบัดหน้ามามองผมสองทีติด

“ถ้าอย่างนั้นผมว่าเราเริ่มประชุมจริงๆ กันเลยดีกว่าไหมครับ เชิญตัวแทนคุณเธียรวิชย์พูดก่อนเลยครับเกี่ยวกับการประเมิณโรงเรียนที่คุณเธียรวิชน์ดูแลอยู่่ะครับ” ผู้บริหารอีกสาขาที่พ่อผมจ้างมายกมือขึ้นเพื่อให้ลูกผมพูดก่อนเหรอแต่ขวดนมยังปาอยู่เลย

“อย่า!!!” ผมและเฮียพากันยกมือห้าม

“ผมคิดว่าคุณเธียรวิชย์สอง อาจจะยังไม่พร้อม รอให้ทานนมก่อนจะดีกว่านะครับ เชื่อผม!” เฮียธันรีบเบรกไว้ก่อนทันที ก่อนจะหันมาพยักพเยิดให้หลานรัก ดื่มต่อได้เลย ผมมองเจ้าลูกโซ่แอบโบกมือให้ด้วย ก่อนปิดประตูห้องประชุมให้อย่างเรียบร้อย

ผมก็รีบเดินลงชั้นล่างทันที ผมรีบวิ่งลงไปให้เร็วที่สุด ผมลงมาถึงก็เจอฟิล์มยืนอยู่กับบีม กำลังช่วยกันกระหน่ำโทร

“พี่เธียรมาแล้วบีม” ฟิล์มสะกิดบีม ฟิล์มยกมือไหว้ผม

“ว่าไง ติดต่อเพื่อนได้ไหมบีม” ผมถามบีม

“ไม่ได้เลยครับ นี้ผมโทรหามะนาว ใบชาให้ไปเจอกันที่สะพานเหล็กเลยครับเฮีย” บีมบอกผม ผมก็พยักหน้า โบกมือให้พากันขึ้นรถ ผมก็วิ่งไปขึ้นรถและขับออกทันที

“บีมพอจะรู้ไหมว่าน้องเขามีปัญหาอะไรถึงได้ ทำแบบนั้นกับบีม” ผมถามบีม

“ผมเดาว่า น่าจะมาจากเรื่องเงินครับ แม่เป็กซ์เขาป่วยเป็นมะเร็ง ผมเพิ่งรู้จากฟิล์มครับเฮีย” บีมหันมาบอกผม

“มันน่าจะต้องใช้เงินเยอะ แม่มันต้องให้คีโมนะครับ “ฟิล์มพูด ผมขับมาใกล้ถึงแต่ว่ารถติดมากเหมือนที่ไอ้ไปส์บอกผมเลย นี้ขนาดผมแซงมาตลอด โดดบีบแตร๋ด่าก็โดน แต่ก็ต้องยอม โดนด่าพ่ออีกต่างหาก แต่โชคดีที่บีมจับแขนผมบีบเอาไว้ ไม่อย่างนั้นผมคงได้ลงไปต่อยกับคนที่ด่าผมแล้วแน่ๆ เธียรหัวร้อนก็เคยเป็น เมื่อก่อนเป็นบ่อยด้วย

“ขอบคุณนะครับ” ผมหันมาขอบคุณที่รักของผม ผมขับมาจนอีกประมาณ ห้าร้อยเมตรได้

Rrrr เสียงโทรศัพท์ผมดัง ผมรีบกดรับสายผ่านแอร์พอร์ต ที่เสียบหุอยู่

“ว่าไงไปส์”

“กูเจอน้องเขาแล้ว และน้องกำลังจะ จะ”

“จะอะไรวะ”

“กระโดดลงไป นี้กูดึงแขนไว้อยู่”

“น้องขึ้นมาเถอะ เพื่อนเขาให้อภัยแล้ว หนักน่ะเนี๊ยะ เห็นตัวแค่เนี๊ยะ!!” เสียงไอ้ไปส์

“บีม ไปส์มันเจอเพื่อนเราแล้ว และกำลังจะกระโดดลงไปแล้ว” ผมหันมาบอกบีม

“ทำไงดีล่ะพี่เธียร!!” บีมถามผมด้วยท่าทีร้อนรน ผมก็หันไปมอง เห็นทางที่จะเลี้ยวไป ผมว่าจะนำรถเข้าไปจอดและวิ่งต่อไปแล้วกัน ผมนำรถเข้ามาจอดทันที บีมมองหน้า

“เราจอดรถและวิ่งเถอะ ขับไปอีกหลายสิบนาทีเลย และนั้นรถไป รถที่ผมคุ้นเคยดี รัั้นค่่าไปส์จอดอยู่นั้น” ผมพูด ผมจำรถไอ้ไปส์ได้ ผมกับบีมและฟิล์มก็ลงมาจากรถ ผมล๊อกรถก่อนจะรีบพากันเดินออก กึ่งวิ่งกึ่งเดิน จนสุดท้ายก็พากันวิ่ง ผมก็หวงเมีย รีบวิ่ง

“บีม ไหวไหม ขี่หลังพี่ไหม” ผมถามบีม ฟิล์มหันมามองผมก่อนจะหันไปมองบีมอีกที

“จะบ้าเหรอพี่เธียร ให้ผมขี่หลังพี่ ทั้งที่รถบนถนนเยอะแยะขนาดนี้ ฝันไปเถอะ” บีมพูด

“อ้าว ก็ป๊าเป็นห่วงม๊า ขี่ไหม และถ้าเป็นเกิดเป็นลมขึ้นมา พี่จับผายปอดน่ะ” ผมพูด

“พี่เธียร เป็นลมไม่ได้หยุดหายใจไม่ต้องผายปอด และผมจะไม่ยอมเป็นลมคนเยอะแยะแบบนี้แน่ะ อายเขา” บีมหันมาบอกผม พร้อมกับวิ่งไปด้วยจนกระทั้งถึงสะพานผมวิ่งไปด้วยกัน ผมก็มองหาไอ้ไปส์ พวกผมวิ่งไปเกือบถึงกลางสพาย ผมเห็นไอ้ไปส์มันกำลังดึงใครสักคน ให้ขึ้นมา ผมก็วิ่งไปหามัน เวลานี้ไม่ค่อยมีคนมาวิ่ง เพราะว่าใกล้ๆ นี้มีสวนสาธารณะให้คนวิ่งออกกำลังกาย และเวลานี้คือเวลาเร่งรีบ ไม่มีใครสังเกตก็ไม่เห็น ผมข้ามรั่วไป ผมยื่นมือไปช่วยไอ้ไปส์มันดึงแขนอีกคน

“เป็กซ์ อย่านะ มีอะไรคุยกับพวกกูดิว่ะ” ฟิล์มพยายามเกลี้ยกล่อมเป็กซ์

“ไอ้เชี้ยเอ๊ย กูดึงมาจะครึ้งชั่วโมงแล้วเนี๊ยะ! จนจะล่วงลงไปกับน้องมันอยู่แล้ว” ไอ้ไปส์พูด

“เป็กซ์ ขึ้นมาเถอะ กูไม่โกรธมึงน่ะ เพราะว่ากูรู้มึงไม่อยากทำ แต่มึงขึ้นมาได้ไหม ไม่ได้ขึ้นมาเพื่อกู แต่ขึ้นมาเพื่อแม่มึงป็กซ์ กูขอร้อง ถ้ามึงทำแบบนี้ กูก็มองหน้าแม่มึงไม่ติด เป็กซ์ กูขอร้อง ขึ้นมา อย่าทิ้งกูกับหลานไปดิว่ะ “บีมพูด ผมกับไปส์ ออกแรงดังั้ว ร่างเป็กซ์อกครั้งพยายามดึงลาก เป็กซ์เริ่มไม่ขืนตัวเองไว้ ผมพยักหน้ากลับไปส์และพากันออกแรงเฮือกใหญ่ ดึงขึ้นมาเลย

“ตุบ” จนร่างนั้นข้ามขอบสะพานขึ้นมา ไอ้ไปส์ทรุดลงนั่ง เหงื่อแตกผลักเลย ผมยืนเอามือเท้าเอว นี้ขนาดมาว่าผมแป๊บเดียวยังเหงื่อออกขนาดนี้แต่ไอ้ไปส์มันดึงเอาไว้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“น้องครับ พี่นี้เกือบจะไม่ไหวแล้ว เกือบได้ไปเกิดใหม่พร้อมกันอยู่แล้ว” ไปส์พูด

“รู้ไหมว่า ไอ้ไปส์นี้มันโคตรกลัวความสูงเลยน้อง” ผมหันไปบอกน้องที่นั่งอยู่ น้องเขาหันไปมองไปส์

“ขากูสั่นเลยสาดเอ๊ย!! ยิ่งสูงยิ่งเสียว เสียวยันไส้ติ่ง “ไอ้ไปส์พูด บีมเดินมาหาเป็กซ์ ก่อนจะโผเข้าไปกอด ฟิล์มอีกคน ภาพเขาสามคนกอดกัน ผมหันมามองหน้าไอไปส์

“ไปห้องกูก่อนไหมว่ะ กูย้ายมาอยู่คอนโดแถวนี้” ไอ้ไปส์พูด ผมหันมาเหล่ตามองมัน ย้ายมาตอนไหน

“ก็วิวดี มองเห็นแม่น้ำไง เลยย้ายมา” ไอ้ไปส์มันบอกผม ผมพยักหน้ากับไอ้ไปส์ก็ได้

“บีมรอที่นี้แล้วกันตรงสวนสาธารณะนั้นน่ะ พี่กับไปส์เดินไปเอารถมารอรับ” ผมบอกบีม บีมพยักหน้ากับผม บีมและฟิล์ม ช่วยกันพยุงน้องเขาขึ้นมา ผมหันไปพยักหน้ากับไอ้ไป ว่าไปเอารถด้วยกัน และนี้ถือโอกาสให้เขาคุยกันด้วย

TBC.........


หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1แลP2
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 02-04-2021 14:47:40
 :katai3: :katai3: :katai3:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1แลP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 02-04-2021 15:24:14
 :z6: :a5:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.25 เธียรวิชย์อ้อนอยากมีลูกอีกคน P1แลP2
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 02-04-2021 22:59:00
 :hao7: :mew1: :mew2:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 03-04-2021 10:39:53
     
EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P1
   
            :sad11: พอผมได้รับโทรศัพท์จากแม่ของเป็กซ์ ผมรีบบอกพี่เธียรวิชย์ พี่เขาก็ไม่รอช้ารีบขับรถออกมาแถมยังให้เพื่อนเขามาดูให้ก่อนไม่อย่างนั้น พวกผมคงมาไม่ทันที ผมนั่งรอพี่เธียรกับพี่ไปส์ เขาสองคนเดินไปเอารถที่จอดเอาไว้เพราะว่ารถติดมากพี่เธียรเลยเลี้ยวรถหาที่จอดและพากันวิ่งมา เพราะกลัวไม่ทัน โชคดีที่พี่ไปส์มาถึงก่อนถึงได้ดึงไอ้เป็กซ์มันเอาไว้ได้แต่ก็เกือบจะไม่ไหว พี่เธียรมาช่วยดึงอีกคน

“ดื่มน้ำก่อนมึง” ฟิล์มเดินไปซื้อน้ำจากซุ้มขายน้ำมาให้เป็กซ์ เขาเงยหน้าขึ้นมารับไป ผมหันมามองเป็กซ์ ก่อนจะหันไปมองบรรยากาศรอบๆ เปลี่ยนไปเยอะมาก

“จำได้ป่ะ เรามานั่งกันทุกวันเลยอ่ะ” ผมถามเป็กซ์ ผมแค่แชำเลืองตาไปมองคนที่นั่งนิ่ง ผมรู้ว่ามันรู้สึกผิดและถ้ายิ่งพูดมันก็ยิ่งไปกันใหญ่ไหม ผมนั่งใช่แขนยันไปทางด้านหลัง ฟิล์มนั่งลงอีกฝั่งข้างๆ เป็กซ์

“กูชอบชวนมึงสองคนมานั่งที่นี้ เพราะว่ากูไม่มีใครรอกลับบ้านทุกวันเหมือนมึงสองคนที่ยังมีแม่ ส่วนแม่กูก็อยู่ไกล แต่บางทีกูก็รู้สึกว่ากูไม่มีพ่อแม่เลยว่ะ” ผมพูด

“จำได้ดิ อยากย้อนเวลากลับไป เป็นเหมือนวันก่อน เลิกเรียนต้องเดินมานั่งนี้ เสร็จแล้วก็ไปกินบะหมี่กันต่อ บะหมี่จับกัง โคตรเยอะเลยแต่ชามละแค่สิบบาท “เป็กซ์พูด

“เออว่ะ อยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมว่ะ ถ้ารู้ว่ายิ่งโตมาเรื่องแม่งยิ่งเยอะ กลับไปเป็นเด็กดีกว่าไหมว่ะ ไม่ต้องคิดห่าอะไรเยอะแบบนี้ด้วย” ไอ้ฟิล์มพูด ผมสามคนหันมามองหน้ากัน

“ย้อนกลับไปเหมือนที่เรายังเรียนอยู่ วัน วัน ก็มีแต่เรื่องสนุกสนาน มากกว่าตอนนี้ “ผมพูด

“และที่สำคัญมิตรภาพของคำว่าเพื่อน” ผมหันไปพูดผม มองหน้าเป็กซ์

“กูขอโทษว่ะ กูแม่งเป็นเพื่อนที่เชี้ยมากว่ะ” เป็กซ์พูดก่อนหลุบตาลงมองพื้น

“หมับ” ผมใช้แขนผมโอบไหล่เป็กซ์ ไอ้ฟิล์มก็เช่นกัน

“กูเชื่อว่ามึงไม่ได้ทำเพราะตัวมึงเองเป็กซ์ และกูพร้อมจะให้อภัยมึงน่ะเป็กซ์ ไม่ว่าเรื่องมันจะเชี้ยแค่ไหน กูก็ยังให้อภัยมึง “ผมพูด จังหวะนั้นรถพี่เธียรกับรถของพี่ไปส์มาจอดพอดี พี่เขาเดินลงมาจากรถทั้งคู่

RRRR มือถือไอ้ฟิล์มดังขึ้น

“มะนาวว่ะ” ฟิล์มชูให้ผมกับเป็กซ์ดู

“ถึงยังไงมันก็เพื่อนเราปะวะ “ผมถามเป็กซ์ เป็กซ์พยักหน้าเบาๆ ผมหันไปพยักหน้ากับไอ้ฟิล์มว่าให้มันคุยได้ถึงยังไงมะนาวและใบชาก็เพื่อนกันมาตั้งสี่ปีเกือบจะห้าปีแล้วด้วย

“พี่ว่าเราไปคุยกันที่คอนโดไอ้ไปส์ก่อนน่ะ ไม่ไกลจากนี้” พี่เธียรวิชย์ถามผม ผมพยักหน้ากับเป็กซ์ เป็กซ์มันเงยหน้าขึ้นมองพี่ไปส์

“โอเค ขอโทษ ที่วันนั้นว่าเอาไว้เยอะ ใครจะไปรู้ล่ะ และที่ทำน่ะ มันแรงนะน้อง ถึงเป็นเพื่อนสนิทก็เถอะ เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้ ต่อให้มีมีดมาจอคอพี่ก็ไม่ทำ “พี่ไปส์พูด

“ไอ้ไปส์!! “พี่เธียรหันไปเอ็ดพี่ไปส์

“ผมรู้” เป็กซ์ตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่งและเบามาก

“ผมว่าคนที่ควรจะมาฟัง ควรจะเป็นอาจารย์กันตภณด้วยครับ” เป็กซ์พูดเขาเงยหน้าขึ้นมองพี่เธียร ผมหันมามองหน้าเป็กซ์อีกที

“เกี่ยวกับอาจารย์กันตภณด้วยเขาควรจะได้รู้” เป็กซ์บอกผม พี่เธียรก็ทำสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน

“เพื่อนผมจะมาหาได้ไหมอ่ะพี่ มันอยู่ไม่ไกลจากที่นี้ ใบชาและมะนาว “ฟิล์มเดินมาถาม

“ได้ครับ คอนโดพี่อยู่ที่ตรงคลองสานครับ คอนโดหรูริมแม่น้ำเลย “พี่ไปส์หันไปบอกฟิล์ม พี่เธียรก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาใครสักคน ก่อนจะเดินหลบไป ผมหันมามองฟิล์ม

“กูบอกไป มึงคงอึ้งอ่ะ กูไม่คิดเลยว่ะ ว่าผู้หญิงคนนี้แม่งน่ากลัวฉิบหายเลย “เป็กซ์พูด พี่เธียรวิชย์เดินกลับมาหาผมและเป็กซ์

“พี่บอกอากันแล้วน่ะ จะมาเจอกันที่คอนโดของไปส์มัน” พี่เธียรเดินกลับมา

“งั้นเป็กซ์ ไปกับพี่ไปส์น่ะ “ผมหันไปบอกเป็กซ์

“ฟิล์มไปกับพี่ไปส์ก็ได้น่ะ เป็กซ์มันจะได้มีเพื่อน” ผมบอกฟิล์มอีกคน มันก็ยักไหล่

“ฟิล์ม พี่ธันบอกว่าโทรหาเขาด้วยนะ นี่โทรมาโวยวายว่าธุรการเขาหาย “พี่เธียรพูด ผมหันมามองหน้ามัน ไอ้ฟิล์มมันขมวดคิ้วทันที


“กูรีบ เลยไม่ได้บอกพี่เขาว่ากูมากับมึงไง” ฟิล์มพูด

“โวยวายยังกับแฟนหาย” พี่เธียรวิชย์พูด ผมหันมามองไอ้ฟิล์มยังไงเนี๊ยะ!!

“อย่าแซว กูบอกที่หลังเอาเรื่องไอ้เป็กซ์ก่อน” ฟิล์มมันพูด ผมพยักหน้าก็ได้ ผมเดินไปขึ้นรถคันหรูของพี่เธียร

“พี่เธียรแล้วลูกโซ่ล่ะ” ผมถามพี่เธียร พี่เขาพยักหน้าขณะที่กำลังต่อสายโทรหาใครสักคนผ่านบลูทูธ

“ฮัลโหลเฮียธี อ้าว เฮียไปรับเจ๊มิวที่ไหน โรงพยาบาลเหรอ เจ๊ขึ้นเวรโรงพยาบาลเหรอวันนี้ แล้วลูกผมล่ะ อยู่กับป๊า จริงดิ โอเค ม๊าจะหามาป๊าเลยใช่ป่ะ ประชุมไม่สำเร็จ หาข้อตกลงกันไม่ได้เหรอ อ้าวเหรอ ก็คิดซะว่านี้คือประสบการณ์ใหม่ ยังเลย ว่าจะคุยกันก่อน จริงๆ เรื่องใหญ่ คุยทีเดียวเลย เมื่อทุกอย่างโอเค เป็นห่วงน้องสะใภ้ เหรอ โอเค” พี่เธียร์พูดพร้อมกับหันมามองหน้าผมเป็นระยะๆ

“ว่าแต่เฮียจะอาสาเอาลูกผมไปนอนด้วยอีกไหมล่ะคืนนี้นะ ทำไม ไม่ได้กวนสักหน่อย จริงๆ ผมกับบีมก็จั้มจี้กันทุกคืน ทำไมเหรอ เฮียเอาไปนอนด้วยแล้วทำไมได้ละซิ ผมเทพแล้วไง” อันนี้ผมหันมามอง โม้น่าดูเลยน่ะ ผมทำท่าจะหยิก พี่เธียรรีบยกมือห้าม เพราะเกรงว่าคนในสายจะได้ยินเฮียแกร้อง

“โอเคเฮีย เจอกันที่บ้าน บายครับ” พี่เธียรวิชย์วางสาย ก่อนจะหันมายิ้มให้ผม

“คืนนี้ไม่ต้องมาปลุกผมเลยนะพี่เธียร!!” ผมหันไปชี้หน้าพี่เธียรวิชย์ทันที พี่เธียรรีบคว้ามือผมไปหอมเพื่อออดอ้อนทันที

“แล้วใครดูลูกโซ่ล่ะพี่เธียรตอนนี้นะ” ผมถามพี่เธียร

“ป๊าพี่ไง นี้ป๊าต้องอุ้มตลอดการประชุมเลยน่ะ เพราะว่ากินนมเสร็จ ปืนขึ้นโต๊ะคลานเลยครับ บีมเอาอะไรใส่ในขวดนมให้ลูกหรือเปล่า เฮียพี่ถามนะครับ ฮาๆ “พี่เธียรวิชย์หันมาถามผม ผมนี้น่ะจะเอาอะไรใส่ไปล่ะ

“ก็นมชงปกตินั่นแหละ และช่วงนี้ชอบปืนจริงๆ เลย ผมเลยยังไม่อยากท้องไง กลัวจับเจ้าลูกโซ่ไม่ทัน” ผมพูด พี่เธียรยังจับมือผมไว้ไม่ยอมปล่อย หอมมืออยู่นั่นแหละ

“ก็จ้างพี่มลเป็นพี่เลี้ยง เลี้ยงเจ้าลูกโซ่อย่างเดียวเลย พี่อยากให้บีมพักบ้าง พี่มลบอก ว่าบีมทำเองทุกอย่างเลย หนักไปนะม๊า”

“และพี่ว่าจะให้ลูกโซ่ไปอยู่ใกล้ๆ พี่ ให้พี่ที่ศูนย์เด็กเล็กดูแลเขาจะได้เรียนรู้พัฒนาการได้เร็วขึ้น ส่วนเมียพี่ก็ให้ไปนั่งให้กำลังใจพี่ที่ทำงาน ดีไหม” พี่เธียรวิชย์พูด

“มุขอยากให้ผมไปช่วยงานก็บอกมาเถอะ” ผมหันชำเลืองตามองคนข้างๆ พี่เขาพยักหน้าอย่างเร็ว รถพี่เธียรวิชย์แล่นเข้ามาจอดด้านในคอนโดหรูที่ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำ ผมเดินลงมาจากรถ เห็นเป็กซ์เดินมากับฟิล์มและพี่ไปส์

// ครับพี่ธัน ผมขอโทษ ผมไม่ได้หายไปไหน เมื่อเช้ามีพัสดุมาให้พี่ด้วยนะ อยู่บนโต๊ะนะครับ ผมไม่ได้แกะดู ก็มันเป็นของส่วนตัวนี่ครับ เหรอครับ ทำไมอ่ะ ผมนอนบ้านบ้างดีกว่าไหมอ่ะ ก็ได้ เดี๋ยวผมบอกอีกทีครับ ครับพี่ธัน” ฟิล์มมันยู่ปาก ผมพยักหน้าว่ามีอะไร

“มึงคบกับพี่ธันใช่ไหมว่ะ” ผมถามฟิล์ม เป็กซ์มันหันมามองไอ้ฟิล์ม อ้าปากหวอเลย

“ใครวะ” เป็กซ์ถาม

“พี่ชายพี่เธียรเขา “ผมพูด ตายังมองฟิล์ม เลิกคิ้วสูงเล็กน้อย

“แล้วไอ้พี่เอ็มอ่ะ” เป็กซ์มันถามฟิล์ม

“กูเลิกกับมันแล้ว และนี้มันก็ ทำเหมือนขู่ฆ่ากูด้วยว่ะ ด้วยการฆ่าลูกแมวกูตายให้กูดู”

เฮ้ยย!!” ผมกับเป็กซ์ร้องออกมาพร้อมกัน

“ไอ้เชี้ยนี้แม่งบ้าไม่เลิกเลยเหรอว่ะ มึงบอกเลิกกับมันไปเมื่อสามเดือนก่อนแล้วไม่ใช่เหรอวะ” เป็กซ์ถามฟิล์ม ฟิล์มมันพยักหน้า

“เรื่องของกูเอาไว้เล่าทีหลังได้เถอะว่ะ เอาเรื่องไอ้เป็กซ์ก่อน” ฟิล์มรีบบอกผม มันรู้ว่าผมเป็นห่วงมัน

“เออก็ได้” ผมพูด

“น้อง ๆ ครับ พี่จะไปสั่งเครื่องดื่ม เอาอะไรดีครับ “พี่ไปส์ถามและมองหน้าพวกผมทุกคน

“ผมเอากาแฟเย็นแล้วกันครับ มอคค่าเย็นครับพี่ “ฟิล์มบอก

“เออ ผม ขอเป็นนมเย็นครับ” เป็กซ์มันพูดเสียงเบามาก

“อะไรน่ะ น้องชอบกินนมเย็นเหรอ!!” พี่ไปส์ถามเสียงดัง

“อ้าวไอ้เชี้ย มึงจะเสียงดังทำไม นมเย็นมันผิดตรงไหนวะ หรือเขาไม่มีขาย” พี่เธียรวิชย์รีบหันไปถามพี่ไปส์ทันที พวกผมก็สั่งให้มันประจำน่ะนมเย็นนะ

“มีว่ะ เออๆ สั่งให้ ผู้ชายอะไรกินนมเย็นว่ะ” พี่ไปส์พูดก่อนจะบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว

“ผมเอา” ผมกำลังจะสั่ง

“เอาลาเต้หวานน้อย มาสองแก้ว ไปส์ “พี่เธียรหันมาสั่งเพื่อนพี่เธียรทันที พี่ไปส์พยักหน้าก่อนจะหันไปกดโทรศัพท์ ระหว่างที่กำลังรอลิฟต์อยู่

“อากันมาถึงหรือยังวะ” พี่ไปส์ถามพี่เธียรวิชย์

“อีกสักยี่สิบนาทีได้ อากันส่องข้อความมาบอกว่ะ” พี่เธียรพูดกับพี่ไปส์ ผมสามคนเดินตามพี่ๆ เขาขึ้นมาที่ห้อง เป็นหนึ่งห้องนอนพลัส มีห้องนอนสำหรับแขกเป็นห้องนอนเล็ก มีพื้นที่ครัว ห้องรับแขกมีสองห้องน้ำ วิวระเบียงที่มองเห็นแม่น้ำพี่เขาอยู่ชั้นที่ยี่สิบเอ็ด นี้ขนาดกลัวความสูงแต่มาอยู่ชั้นที่ยี่สิบเอ็ด

“ตามสบายเลยครับ “พี่ไปส์พูด เป็กซ์มันนั่งลง ผมก็นั่งลงตรงกันข้าม ไอ้ฟิล์มก็นั่งลงข้างๆ เป็กซ์ พี่เธียรวิชย์มานั่ง ที่วางแขนโซฟาเดียวกับผม

“ตกลงน้องทำกับบีมเขาแบบนั้นจริงเหรอครับ” พี่เธียรวิชย์เป็นคนถามเป็กซ์คนแรก เป็กซ์หันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์

“คือผม ผมไม่ได้อยากทำแต่ผมไม่มีทางเลือกนี่ครับ ผมไม่ได้อยากทำกับเพื่อนผมแบบนั้นถ้าผมเลือกได้ บีมคือเพื่อนที่ผมรัก “เป็กซ์พูด

“แล้วใครให้น้องทำ ไอ้ผู้จัดการนั้นมันบอกว่ามีคนจ้างมัน แต่ว่ามันไม่เคยเห็นหน้าคนสั่งและน้องคือคนที่มาติดต่อกับเขาตลอด ตกลงใครจ้างใครกันแน่ “พี่เธียรวิชย์ถาม เขากอดอกมองเป็กซ์ พี่ไปส์ยกมือเดินไปเอาของที่หน้าห้องก่อนจะกลับมาพร้อมเครื่องดื่ม ทำการแจกให้คนละแก้ว

“คนที่จ้างให้ผู้จัดการทำคือ อาจารย์เปรมสินีครับ” ผมกับฟิล์มหันมามองหน้ากัน สั่นหัวไปมา

“เป็นไปไม่ได้เป็กซ์ กูไม่เคยมีเรื่องกับเขา” ผมรีบพูด ไอ้เป็กซ์มันพยักหน้าว่าใช่

“เป็นได้ไงว่ะ บีมมันไม่เคยมีปัญหากับอาจารย์เปรมสินี อาจารย์เขาไม่เคยสอนห้องเราด้วย เขาสายบัญชี” ฟิล์มพูดเช่นเดียวกัน

“เขามีปัญหากับมึงบีม กูเดาว่า มันมาจาก อาจารย์กันตภณ เพราะว่าเขามีรูปมึงตอนขึ้นไปนั่งคุย ปรึกษาอาจารย์กันตภณที่ห้องพักอาจารย์” เป็กซ์พูด

“กูไม่ได้ไปนั่งคุยกันสองต่อสองกับอาจารย์เขาเลยน่ะ” ผมพูด

“ก็ใช่ไงแต่เขาตั้งใจถ่ายแค่มึงกับอาจารย์ กูเห็นตอนไปเอาของที่โต๊ะเขา แต่ล่ะรูปน่ะ เขาเอาปากจิ้มหน้ามึงอ่ะแบบซ้ำๆ เหมือนคนโกรธเกลียดมึงมาก” เป็กซ์พูด

“กูเห็นกูยังขนลุกเลยอ่ะ” เป็กซ์พูด

“มึงจะบอกว่าอาจารย์เปรมสินีเขาชอบอาจารย์กันตภณเหรอว่ะ” ฟิล์มถามเป็กซ์

“กูไม่แน่ใจ เขาทำเหมือนเขาเคยเป็นแฟนอาจารย์มาก่อน เขายังแสดงอาการหึงหวง แต่เขาไม่เคยแสดงต่อหน้าอาจารย์เลยน่ะ ต่อหน้าอาจารย์เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิด ยิ้มปกติ “เป็กซ์พูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียร

“อาการมันเหมือนคนหลงรักอาจารย์กันตภณมากแต่เขาแสดงออกไม่ได้ หรืออะไรทำนองนี้น่ะ และพยายามจะทำให้เขาดูเทียบเท่า เหมือนอยากให้อาจารย์รับรู้ว่าเขามีตัวตน เพราะว่ากูไม่เห็นอาจารย์กันตภณสนใจเขาเลยสักนิด ก็แค่ทักและผ่านไป” เป็กซ์พูด

“เขาเรียกว่า อาการคลั่งรัก (Limerence) ” พี่ไปส์พูด ทุกคนหันไปมองพี่เป็กซ์

“ก็คือรักใครสักคนมากจนคิดว่าเขาเป็นของตัวเองไปแล้ว หมกมุ่นอยากให้เขารักตอบ อยากครอบครองเขา หึงหวงเขาโดยที่เขาไม่ได้เป็นแฟนกัน รักเขามาก ทำได้แม่งทุกอย่างเพื่อปกป้องเขา รักมากจนแยกแยะผิดชอบไม่ออก และหึงหวงจนน่ากลัวแต่ส่วนใหญ่จะแสดงลับหลังคนนั้น อาการหึงหวงทั้งที่เขาไม่ได้เป็นแฟนจริงๆ” พี่ไปส์พูด

“น้องสาวพี่เรียนจิตวิทยาครับ” พี่ไปส์พูด

“แล้วแพรวาล่ะว่ะ” พี่เธียรหันไปถามพี่ไปส์

“เป้ยมันบอกว่าแพรวานี้คือErotomania เขาคิดว่ามึงน่ะรักเขา รักเขามาก มึงเป็นซูปเปอร์ฮีโร่ของเขา น้องกูบอกว่าพอได้เรียนพวกนี้น่ะ มันนึกถึงแพรวาก่อนเลยมึง” พี่ไปส์หันมาพูดพี่เธียรทันที

“บีมก็บอกกูว่าเขาเคยรับทำรายงานให้นักศึกษาคนหนึ่ง เขาทำรายงานเกี่ยวกับโรคนี้ บีมเลยบอกว่าแพรวาอาจจะเข้าค่ายป่วยว่ะ” พี่เธียรพูด

“กูก็ตัดสินใจไปบอกพ่อเขาแล้ว พ่อเขาด่ากูกลับด้วย เขาไม่เชื่อ” พี่เธียรพูด

“คนที่พี่พูดถึงคือคุณแพรวา ใช่ไหมครับ” เป็กซ์ถาม

“ใช่ น้องรู้จักเหรอ “ไปส์ถามเป็กซ์

“รู้จักครับ เพราะว่าเขามาหาอาจารย์เปรมสินีบ่อยๆ เขาให้อาจารย์ช่วยเรื่อง เกียรตินิยมอันดับสองครับ แต่ตอนนั้น ผมเองก็ยังไม่รู้ว่า อาจารย์กันตภณ ส่งชื่อบีมเข้าไป และอาจารย์เขาก็ยื่นขอแลกกับการที่แพรวาพ่อของเธอเซ็นต์รับรองว่าเขาควรจะได้รับตำแหน่งรองศาสตราจารย์อีกคนครับ” เป็กซ์พูด

“ที่เขาทำกับบีมแบบนี้ เพื่อเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้บีมดูไม่เหมาะสมที่จะได้เกียรตินิยมอันดับสอง” เป็กซ์พูด

“เขาคงคิดว่าเขายิ่งปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยซินะ” ฟิล์มพูด ผมพยักหน้าตาม

“พี่เคยบอกกับแพรวา ว่าถ้าเขาได้เกียรตินิยมอันดับสองพี่จะให้รางวัลเขา แต่พี่เลือกเอาสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่ใช่คนเรียนเก่งเลยไง แต่พอเขาบอกพี่ว่าเขาได้ พี่โคตรตกใจเลย”

“แน่ล่ะ เขาไม่ได้มาด้วยความสามารถเลย เกรดที่ได้มาไม่เป็นความจริง อาจารย์เปรมสินีช่วยเธอทั้งหมด” เป็กซ์พูด

“วันก่อนผมไปหาเขาเพราะว่าเขาเรียกผมเข้าไปคุยเรื่องบีมแต่ผมปฏิเสธเธอ ผมบอกว่าผมไม่ได้ติดต่อบีมอีกเลย”

“นี่แหละที่กูหายไปจากมึงบีม” เป็กซ์หันมาบอกผม

“ผมเห็นแพรวาเธอยังไปหาอาจารย์เปรมสินี เหมือนเขาต้องการให้อาจารย์ทำอะไรสักอย่าง” เป็กซ์พูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์ พี่เขาสั่นหัวไปมา

“อากันบอกกับพี่ว่า เขาไม่ต้องการให้บีมเข้ารับประกาศนียบัตรเลย” พี่เธียรบอกผม

“ไปกันได้ดีเลยครับ ลูกศิษย์กับอาจารย์” จู่ ๆ พี่ไปส์ก็พูดขึ้น ทุกคนหันไปมองพี่ไปส์พร้อมกันหมด

“ก็คนป่วยกับคนป่วยไงเลยคุยกันรู้เรื่องเคมีตรงกันทันที กูว่าแพรวาน่ากลัวแล้ว อาจารย์นี่น่ากลัวกว่า แถมเขาเป็นอาจารย์กับลูกศิษย์อีกต่างหาก ทำงานเป็นทีมเลย” พี่ไปส์พูด พี่เธียรหันไปมองก่อนจะกลั้นหัวเราะพี่ไปส์ “ที่อย่างนี้ปากดี ทำไมต่อหน้าแพรวามึงไม่ปากดีแบบนี้ว่ะ ไอ้ไปส์" พี่เธียรพูด " ก็กูไม่ป่วยไง กูเลยคุยกับแพรวาไม่รู้เรื่องไอ้สัส! " พี่ไปส์พูด

“แล้วน้องไปร่วมมือกับเขาทำไม ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ถูกอ่ะครับ” พี่ไปส์หันถามเป็กซ์ เป็กซ์หันมาค้อนพี่ไปส์ เหมือนจะพยายามกลั้น เพราะว่าเป็กซ์มันเป็นคนปากร้ายไม่เบาอยู่แล้วน่ะ

“กูถามผิดคำถามเหรอครับ” พี่ไปส์หันมาถามพี่เธียรวิชย์

“อันนี้ควรให้เพื่อนสนิทเขาถามไอ้เชี้ย” พี่เธียรหันมาต่อว่าพี่ไปส์ทันที

“คุณเธียรจะบอกว่า ผมเสือกเหรอครับ” พี่ไปส์ถามพี่เธียร

“ที่กูพูดไปมันตรงตัวอยู่แล้วนะครับ ไอ้คุณไปส์! ” พี่เธียรหันมา พี่ไปส์รีบยกนิ้วกลางให้ทันที

“มึงไปช่วยเขาทำไมวะเป็กซ์ กูกับบีมแค่อยากรู้ ต่อให้คำตอบมันจะออกมายังไง กูสองคนก็ตัดมึงจากเพื่อนไม่ได้หรอกว่ะ “ฟิล์มพูดแทนผม

“กู เออ กูโดนบังคับค่ะ ก็ ไอ้โก้อ่ะ มันดันเอาชื่อกูไปลงพนันบอลและมันก็เสียเกือบครึ้งแสน และไอ้เจ้าของโต๊ะ คนนี้มันเป็นลูกนายตำรวจ พอเขารู้ว่ากูเรียนที่ไหน เขาก็มาคุยกับอาจารย์เปรมสินี”

“เข้าทางเขาเลยมึง เขาเรียกกูไปคุยตอนหลังเลิกเรียนวันนั้นน่ะ เขาบอกให้กูไปคนเดียวไม่อย่างนั้นเขาจะส่งเรื่องถึงอธิการบดี “

“พอไปถึงเขาก็บอกว่าให้กู ยอมทำตามที่เขาต้องการเขาและเขายังมีเงินค่าจ้างให้ด้วย ให้กูไปใช้คืนไอ้เชี้ยนั้นแทนไอ้โก้ “เป็กซ์พูด

“ที่สำคัญ กูจะจบแล้ว ถ้ากูโดนไล่ออก กูเสียเวลาไหม”

“กูไม่อยากทำ กูไม่อยากทำร้าย กูไม่…. ฮึกๆ ” ไอ้เป็กซ์มันเริ่มร้องไห้ ผมรู้ว่ามันเสียใจจริงๆ

“พอ พอ พอแล้ว “พี่ไปส์กลับเป็นคนห้ามเป็กซ์แทน ผมสามคนหันมามองหน้าพี่ไปส์

“เดี๋ยวน้ำตาท่วมห้องพี่ครับ” พี่ไปส์พูด

“เขาให้น้องทำอะไรคืนนั้น” พี่เธียรถามเป็กซ์

“อากันมาถึงแล้วว่ะ” พี่เธียรพูดขณะที่ก้มลงดูข้อความในมือถือ

“กูลงไปรับอากันเอง” พี่ไปส์พูดก่อนจะลุกขึ้นไป ผมหันมามองเป็กซ์อีกที

“ผมเดาว่าเขาเคยทำแบบนี้กับนักศึกษาคนอื่นมาก่อน และการที่เขาได้มาเป็นอาจารย์ที่นี้ เพราะว่าเขามีหนุนหลัง เขาเหมือนคนหานักศึกษาที่ร้อนเงิน ไปให้พวกชอบซื้อบริการทางเพศ บางคนก็ทำเพื่อแลกเกรด บางคนก็ทำเพื่อเงิน แต่มีเด็กคนหนึ่งทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการ คล้ายๆ กับบีม “

“และเด็กคนนั้นก็ไม่มากเรียนอีกเลย หายไปเลย ส่วนบีมนี้เขาส่งรูปไปให้และเขาก็สนใจบีม” เป็กซ์พูด

“เขาให้ผมตามติดตามดูพฤติกรรมบีมมาพักหนึ่ง จนเขารู้ว่าบีมไปทำงานที่ผับนั้น อาจารย์เขารู้จักกับเจ้าของผับเป็นอย่างดี เขาเลยให้ผมวางยาบีม วันที่บีมไปทำงานเป็นผู้จัดการที่ร้านนั้น อาจารย์เขานัดพวกนี้ออกมาด้วย พวกเขาก็รออยู่ด้านใน” ขณะที่เป็กซ์เล่า ผมกุมมือพี่เธียรเอาไว้

“ผมเคยถามอาจารย์ว่าทำไมต้องเป็นบีม คนอื่นไม่ได้เหรอ ถ้าคนอื่นผมจะยอมทำให้”

“ผมเคยบอกว่าผมทำร้ายเพื่อนไม่ได้แต่เขายืนยันว่าต้องเป็นบีม เขาเลือกแล้วและถ้าผมไม่ทำเขาจะเดินเรื่องถึงอธิการบดีทันที “เป็กซ์พูด จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา โดยอากันตภณ ผมหันไปมองพร้อมกับยกมือไหว้ ทุกคนก็เช่นเดียวกัน

“สวัสดีครับอาจารย์” เป็กซ์ยกมือไหว้ อากัน อากันนั่งลงตรงข้ามผมกับพี่เธียร

ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 03-04-2021 10:44:10
(Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056126#msg4056126)

EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P2

จังหวะนั้นประตูถูกเปิดเข้ามา โดยอากันตภณ ผมหันไปมองพร้อมกับยกมือไหว้ ทุกคนก็เช่นเดียวกัน อากันเดินเข้านั่ง ทุกคนหันไปมองอาจารย์กันหมด รวมถึงเป็กซ์

“สวัสดีครับอาจารย์” เป็กซ์ยกมือไหว้ อากัน อากันนั่งลงตรงข้ามผมกับพี่เธียร

“ตกลงใครจ้างเรา เป็กซ์” อากันตภณถามคำถามแรกกับเป็กซ์ทันที ถามได้ตรงเป้าเหมือนกับว่าอาจารย์เขาทำการบ้านมาดี

“อาจารย์เปรมสินีครับ อาจารย์กันตภณ” ผมหันไปมองหน้าอากัน สีหน้าอาจารย์กันตภณไม่ได้รู้สึกตกใจหรือแปลกใจเลยสักนิดที่ได้ยินชื่อนี้

“เขาส่งเด็กไปให้ ให้พวกผู้ใหญ่เพื่อบำเรออย่างว่าใช่ไหมเป็กซ์” อากันตภณถามเป็กซ์

“ครับ อาจารย์เขาทำครับแบบนั้นด้วยครับ มีทั้งคนที่รู้ก็ยังยอมและคนที่ไม่รู้เหมือนโดนหลอกไปแค่เพราะว่าเงินมาล้อและเขาก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าพวกมันอัดคลิปไว้ต่อรอง” เป็กซ์พูด

“อาได้ยินมาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะเกิดกับคนใกล้ตัวอาแบบนี้” อากันตภณพูด

“อาจารย์เคยเป็นแฟนกับอาจารย์เปรมสินีมาก่อนไหมครับ” ฟิล์มหันมาถามอากัน ผมกับพี่เธียรหันมามองหน้าอาจารย์พร้อมกัน

“ไม่เคยน่ะ “อากันตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง สมกับเป็นอาจารย์กันตภณ

“แต่เขามีรูปถ่ายอาจารย์กับเขา ไม่เชิงว่าถ่ายแบบแนบชิดเป็นแฟนนะครับ ดูแล้วน่าจะหลายปีแล้วด้วยครับ ก่อนที่ผมจะเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยอีกครับ”

“ในรูปถ่ายมีสามคน มีผู้หญิงอีกคนดูสนิทกับอาจารย์มากด้วยครับ” เป็กซ์พูด ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา และส่งให้อากันดู อากันรับมาดู

“ผมรีบกดถ่ายเอาไว้นะครับ มันเลยเบลอๆ หน่อย”

“ดูไม่เหมือนอาจารย์เปรมสินีในตอนนี้เลยครับอาจารย์” เป็กซ์บอกอากัน” ผมว่าอาจารย์เขาน่าจะทำศัลยกรรมจัดเต็มก่อนจะมาเป็นอาจารย์ที่นี้ครับ” เป็กซ์พูด และอาจารย์กันตภณก็กดเข้าในมือถือของเขาก่อนจะเลื่อนดูน่าจะรูปอาจารย์เปรมสินี ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

“มีเค้าหน้าอยู่น่ะ “อาจารย์กันตภณพูด พี่เธียรวิชย์เดินไปขอมาดู ผมก็ก้มดู รูปในมือถืออากันกับมือถือของเป็กซ์ ถึงจะเบลอๆ แต่ก็ดูออก

“อาจารย์เปรมสินีเขามาไกลมากเลยว่ะ จากก่อนศัลยกรรม” ฟิล์มพูด

“อันนี้เขาเรียกศัลยกรรมเปลี่ยนชีวิต เรียกว่าเกิดใหม่เลยก็ว่าได้” พี่ไปส์อีกคน

“อาพอจะจำได้แล้ว ตอนนั้นอากับอาหลินยังไม่ได้หย่ากัน นี่แสดงว่าเขาคือคนที่ทำงานที่เดียวอาหลินเมื่อก่อน นี่อาจำเขาไม่ได้เลย เขาเปลี่ยนไปเยอะและเขาก็น่าจะเปลี่ยนชื่อและนามสกุลด้วย “อากันพูด

“เป็นใครก็จำไม่ได้หรอกครับอา เขาเปลี่ยนไปแบบหน้ามือกับหลังเท้าเลยนะ” พี่เธียรพูดก่อนจะส่งมือถือคืนให้อากันไปและมือของเป็กซ์

“วันนั้นอาไปทำเรื่องที่คุรุสภาและหลินเขาก็ชวนอาไปทานข้าวใกล้ๆ สำนักงาน คนนี้ก็ไปด้วยเพราะว่าเพิ่งมาทำงานใหม่ๆ อาก็ไม่ได้สนใจน่ะเพราะว่าอาหลินเขายังเป็นภรรยาของอาอยู่ในตอนนั้น “อากันพูด

“เขามาเป็นอาจารย์ก่อนรุ่นเราจะเข้ามาปีหนึ่งได้มั้ง” อากันพูด

“ตอนนั้นอากับอาหลิน เริ่มแยกกันอยู่แล้ว” อากันพูด

“เขาคนนี้คือคนที่สั่งให้น้องวางยาบีมเพื่อพาไปให้พวกที่ชอบมีเซ็กส์กับนักศึกษาเหรอครับ” พี่เธียรถามเป็กซ์

“ครับ เขาให้ผมทำหลายครั้งแล้ว แต่ผมบ่ายเบี่ยง จนกระทั่งวันนั้นแหละ เขายื่นคำขาดมาแล้ว และคืนวันนั้นคือวันเคาท์ดาวน์ เหมือนกับว่าเขาน่าจะรู้ว่า อาจารย์กันตภณกำลังจะเสนอชื่อบีมเขาเพื่อรับการคัดเลือกเกียรตินิยม เขาเลยเร่งผมใหญ่เลยครับ “เป็กซ์พูด

“วันนั้นผมแอบไปรอบีมเขา ผู้จัดการเดินมาบอกผมว่า บีมไปชงเหล้ากับแขกและดูท่าคงจะโดนมอมเหล้า ให้ผมรอจังหวะและจัดการได้เลย”

“ไอ้ผู้จัดการนี้น่ะ”

“มันก็อยากได้เงินเร็วๆ มันมีคนมาทวงเงินมันอยู่” เป็กซ์พูด

“ผมรอดูสักพัก จนกระทั่ง บีมเดินออกมาด้วยอาการมึนๆ ผมเดาว่าน่าจะเมาแล้ว คือปกติบีมเป็นคนไม่ดื่มเหล้าเลย ถึงจะเห็นว่าบีมทำงานในผับก็เถอะ เหล้าบุหรี่บีมไม่เคยเลย “เป็กซ์พูด

“ผมเอาขวดน้ำที่ผสมยาไว้ให้บีมดื่มทันที และบีมคงมึนมากเลยคว้ามาไปดื่มโดยไม่ได้ดูว่าขวดน้ำนั้นมาจากใคร และผมเดินตามจนแน่ใจว่ายาออกฤทธิ์แล้ว ผมโทรบอกผู้จัดการ และเขาก็เดินมาแตะบัตรให้ผมพาร่างบีมเข้าไปเพราะว่าพวกนั้นรออยู่”

“ผู้จัดการนั้นมันก็เดินออกไปทันที ก่อนจะบอกกับผมว่าไปห้องไหน ไอ้คนพวกนี้ เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง ชอบกัดบ้าง บังคับใช้ยาเสพติดบ้าง คนที่ถูกกระทำก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง และยังชอบถ่ายคลิปเอาไว้ด้วยอีก”

“ผมยืนสับสนอยู่พักหนึ่ง แต่ผม ผมก็ทำไม่ได้ครับ ผมเลยดึงบีมออกมา บีมมันอยู่ในสภาพที่ยาปลุกเซ็กกำลังออกฤทธิ์ด้วย ระหว่างที่ผมกำลังโทรตามไอ้ผู้จัดการว่าให้มันมาเปิดประตู และผมจะพาบีมออก แต่ไอ้บีมมันดันเดินหายไปไหนไม่รู้ ผมก็หาไม่เจอ”

“จนผู้จัดการมา ผมบอกบีมหายไป ผมไม่ทำแล้ว ผมจะเอาเพื่อนผมกลับ แต่ผู้จัดการมันไม่ยอม มันบอกมีตำรวจนอกเครื่องแบบมา มันจะพาคนพวกนั้นหนีก่อน คนพวกนี้เสียเงินเมมเบอร์แพง ถ้าไม่ช่วยเจ้าของผับเอามันตายแน่ และมันบอกว่าให้ผมออกไปและไม่ต้องย้อนกลับมาอีก มันดันผมออกทันทีและมันก็ล๊อกประตู แน่นอนผมไม่มีเมมเบอร์ผมเข้าไม่ได้อยู่แล้ว ผมเลยไปช่วยบีมไม่ได้” เป็กซ์พูดอย่างรู้สึกผิด

“ผู้หญิงนี้รักแรงหึงแรง น่ากลัว โคตรๆ เลยอ่ะ “พี่ไปส์พูด

“และหลังจากนั้นผมก็ไม่รู้อะไรอีกเลยว่าเกิดอะไรขึ้น” เป็กซ์พูด

“มึงได้สวมเสื้อผ้าให้กูเปล่าว่ะ” ผมถามเป็กซ์

“กูหามึงไม่เจอ จะไปสวมให้มึงตอนไหนวะ ถ้ากูหาเจอกูเอามึงออกมาแล้ว” เป็กซ์พูด

“แล้วใครวะ” ผมหันมามองพี่เธียรวิชย์

“กูว่าน้องที่ชอบมาคุยกับมึงแน่ๆ เลยว่ะ น้องที่เรียนสารพัดช่าง เด็กดูแลแขกด้านในห้องพักแขกวีไอพี “

“กูยังแซวมึงเลยว่าน้องเขาชอบมึงแน่ๆ ตอนที่กูไปรับมึงกลับอ่ะ เห็นเขายืนมองมึงทำท่าจะทักมึงหลายรอบแล้ว” เป็กซ์พูด บางทีเป็กซ์มันมาค้างกับผม ผมก็จะให้มันขับรถไปรับผมกลับ แต่พอผมหันมามองคนข้างๆ ผม เขาก็มองผมนิ่งๆ เฉยเลย เหมือนบีมจะงานเข้า

“แต่หลังๆ ที่กูไป กูไม่เห็นน้องเขาแล้วน่ะ ลาออกไปแล้วมั้ง คงเพราะมึงด้วยมั้ง น้องคงเสียใจนะ” ไอ้เป็กซ์ ผมถลึงตาใส่มั้นทันที มึงจะใส่ไฟเพิ่มทำไมว่ะ

“น้องคนนั้นแน่ๆ น้องที่ชื่อบัส น้องเขาทำงานที่นั่นมาก่อนเกือบปี และเขามักจะบอกว่าอย่าไว้ใจผู้จัดการกับเจ้าของร้านมากหนัก เขาบอกผมแบบนี้หลายครั้งมาก “ผมพูดแต่คนข้างๆ ผมเริ่มจะมองผมนิ่งมาก

“ก็แค่พูดคุยกันเวลาเจอกันทีทำงาน และมีชวนไปนั่งกินก๋วยเตี๋ยวหลังเลิกงานครั้งหนึ่ง” ผมหันมาบอกพี่เธียร

“แน่นะ!!”

“เหตุการณ์นี้มันเกิดก่อนผมเจอพี่ปะ แยกแยะหน่อยดิ” ผมหันมามองพี่เธียร

“แล้วไป” พี่เธียร

“ไอ้ผู้จัดการมันถ่ายรูปแบล็กค์เมล์บีมไว้ด้วย น้องรู้ไหม” พี่เธียรหันไปบอกเป็กซ์

“รูปที่บีมมีเข็มฉีดยานะเหรอ” อากันตภณหันถาม ผมกับพี่เธียรค่อนข้างตกใจเพราะว่ายังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับอากันมาก่อนเลยแม้แต่รูปก็ยังไม่เคยให้ดูเลย

“อารู้ได้ไง” พี่เธียรถามอากัน

“รูปพวกนี้แหละ ที่ทำให้อาต้องถอนชื่อบีมออกจากเกียรตินิยมอันดับสองตามที่อาจารย์เปรมสินีบอกและเขาจะไม่ส่งรูปพวกนั้นให้อธิการบดี เพราะนี้อาจจะทำให้บีมไม่มีสิทธิ์เรียนต่อจนจบ “อากันตภณพูดแต่เขาไม่ได้บอกผมว่าเป็นเพราะรูปนี้มาก่อน สงสัยว่าเขาไม่อยากให้ผมเครียดตอนท้องด้วย

“ในรูปมันดูเหมือนบีมไปเสพยาและการที่บีมชอบทำงานผับมันทำให้เชื่อมโยงกันได้ดี จนพี่เองก็แก้ต่างอะไรให้ไม่ได้ นอกจากจะกลับไปหาคำตอบ แต่ดันได้คำตอบที่ …. ฮืมมม” อากันพูดก่อนจะหันมามองคนข้างๆ ผม เขาก็หันหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“งั้นแปลว่าอาก็รู้ก่อนไอ้เธียรมันอีกซิครับ” พี่ไปส์พูด

“ไอ้ไปส์!! " "อาเรื่องทั้งหมดเป็นเพราะพวกมันเลยนะ” พี่เธียรหันมาแก้ต่างทันที

“เดี๋ยวนะอา แพรวามันเป็นคนไปเอารูปพวกนี้มาจากไอ้ผู้จัดการคนนั้นเองเลยน่ะ แพรวามันก็เอามาเพื่อให้ป๊ากับม๊าผมดู” พี่เธียรพูด

“ผู้จัดการบอกว่า แพรวาไปเอาตามคำสั่งอาจารย์แต่ไม่ได้บอกชื่ออาจารย์ครับ ไอ้ผู้จัดการนั้นมันจำแพรวาได้ ว่าแพรวาเป็นลูกสาวลุงธรรมรัตน์ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ” พี่เธียรพูด

“อาจารย์เปรมสินีเขาก็มีรูปอยู่แล้ว เขาให้ผมไปเอาไฟล์รูปจากไอ้ผู้จัดการ วันที่ผมเจอพี่เขานั่นแหละ” เป็กซ์พูดและชี้ไปที่พี่ไปส์

“พี่จำได้ครับ ไม่ต้องย้ำ น้องเหยียบเท้าพี่ครับ ขอโทษสักคำก็ไม่มี “

“กูไม่สะดุดเท้ามึงก็บุญแค่ไหนแล้ว ที่กูโมโหเพราะว่าหน้ากูเกือบทิ่มลงพื้น!” เป็กซ์มันหันขวับมาพูด ไอ้ฟิล์มมันถึงกับเหลือกตาขึ้นบน

“เดินนะหัดมองดิน้อง และคำขอโทษน่ะ มารยาทพื้นฐานครับ พกไว้บ้าง” พี่ไปส์ก็ไม่ยอม

“พอ!! “พวกผมต้องร้องห้าม

“เอาไว้เคลียร์กันทีหลังได้ไหม ไอ้เรื่องเหยียบเท้าอะไรกันนี่ เอาเรื่องบีมก่อน ขอล่ะครับ” พี่เธียรพูด

“ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไม อาจารย์เปรมสินีเขาให้แพรวาไปเอาเองละครับ” เป็กซ์ถามด้วยความแปลกใจ

“ผู้จัดการมันเพิ่งส่งข้อความหา ว่าจะปริ้นรูปที่แพรวาไปเอารูปมาให้ทางอิเมล มันได้จากกล่องวงจรปิด มันบอกว่ามันชดเชยเงินสองหมื่นที่เอาไป นี่ยังไม่ได้เข้าไปเช็กอิเมลเลย” พี่ไปส์พูด

“แสดงว่า เขาตั้งใจ ให้แพรวาคือคนรับเต็มๆ ถึงได้ให้แพรวาไปเอาเอง เพราะกล่องวงจรปิดจะจับภาพที่เธอ ถ้าจะตามเรื่องต้องไปขอดูกล้องวงจรปิดก่อน “อากันตภณพูด

“แพรวามันก็ไม่คิดอะไรให้มันรอบคอบเลย มันนึกอยากจะได้รูปมาอวดป๊ากับม๊าผมแค่นี้นี่น่ะ “พี่เธียรพูด

“แถมเรื่องบีมท้องที่มีคนตั้งกระทู้ในเว๊บไซต์ของมหา’ ลัย อาจารย์เปรมสินีก็เป็นคนทำด้วยครับ ทำให้เป็นประเด็นคนพูดกันและมันกับมุ้งเป้ามาที่อาจารย์กันตภณ ว่าเป็นคนทำให้บีมท้อง” เป็กซ์พูด พี่เธียรหันมามองผม ผมพยักหน้าว่าจริง

“เขารู้ว่าไม่ใช่อาจารย์ที่ทำบีม เขาแค่อยากให้อาจารย์ออกมาพูดว่าไม่ใช่คนทำ แต่อาจารย์กลับเลือกที่จะเงียบ ปล่อยให้คนเข้าใจกันไปแบบนั้น อาจารย์คงไม่รู้นางยิ่งเดือด นางคงส่งอะไรให้หมอภีมปภพ ผมเห็นชื่อนี้ที่หน้าซองจดหมายครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจเลยไม่ได้ถามอาจารย์” เป็กซ์พูด

“แต่บีมมันก็เข้มแข็งน่ะ มันเรียนจนจบ จนผ่านมาได้ เป็นผม ผมทำไม่ได้ เดินเข้าไปก็มีแต่คนหันมามอง ยิ่งไปอ่านกระทู้ที่เขาคุยกัน พวกผมนี้สงสารบีมมันมากและผมก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะบางคนก็เห็นใจ บางคนก็พูดแบบไม่มีความเห็นอกเห็นใจและยังซ้ำเติมอีกด้วย “เป็กซ์พูด พี่เธียรโอบไหล่ผมเบาๆ

“อาจารย์ก็ไม่คิดว่า คนที่ทำหน้าที่ครูอาจารย์ ไม่ใช่แค่สอนเท่านั้นนะแต่ยังเป็นเหมือนผู้ปกครองคนที่สอง คอยให้คำแนะนำช่วยเหลือลูกศิษย์แต่กลับมาทำแบบนี้กับลูกศิษย์ซะเอง อานี่หมดศรัทธาผู้หญิงคนนี้นับแต่วันนี้เลย “อากันพูด พี่เธียรบีบมือผมเบาๆ

“ใครมีหลักฐานอะไรส่งให้อาให้หมดเลยน่ะ เป็กซ์ด้วย “อากันพูด พี่เธียรหันไปคุยกับพี่ไปส์ พี่ไปส์เดินไปหยิบเอาแล๊ปท๊อปออกมา

“ผมต้องไปเอามือถืออีกเครื่องนะครับ มีหลักฐานหลายอย่างเลยครับ อยู่ในนั้น แต่ผมซ้อนไว้ในตุ๊กตาหมีที่ห้องนอนผมครับ” เป็กซ์พูด

“ตุ๊กตาหมี!! ” พี่ไปส์พูด

“เป็นคนชอบสะสม ทำไมอ่ะ ผิดเหรอ” เป็กซ์มันหันมาถามพี่ไปส์

“ไม่ครับแค่แปลกใจ ผู้ชายอะไรวะ ขอบตุ๊กตาหมี” พี่ไปส์พูด พี่เธียรหันไปมองเพื่อนเขา ก่อนจะทำนิ้วให้รูดซิปปาก

“แม้กระทั่งหลักฐานที่ผมเอาเงินไปให้ผู้จัดการผมก็มีครับอาจารย์”

“เอาล่ะทุกอย่างเรารู้กันแค่นี้น่ะ เอาหลักฐานทุกอย่างที่ทุกคนได้ ส่งให้อา อาจะได้ส่งให้อาหลินเขาทำเรื่องถึงอธิการบดีเพื่อตรวจสอบ อาไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับคนอื่นอีก เขาน่าจะทำมาหลายครั้งแล้ว และคนแบบนี้ไม่น่าจะเป็นครูอาจารย์ใครได้ “อากันตถภณพูด

“แม้กระทั่งแพรวานะ ก็ห้ามให้เธอรู้ พ่อเธอไม่ธรรมดา เราน่าจะรู้ดีเธียร ถึงแม้ว่าแพรวาจะไม่ได้ตั้งใจทำ แต่เธอคือจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ และเธอกำลังโดนตรวจสอบถึงผลการเรียนที่น่าจะเป็นเท็จ เธออาจจะไม่ได้จบในปีนี้ถ้าผลนั้นออกมาจริง” อากันตภณพูด

“ผมเดาว่าพ่อเธอคงโกรธมากอ่ะอา”

“อาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้าเขารักลูกจริง ไม่ควรปล่อยให้ลูกทำเรื่องพวกนี้ได้ และเธอใช้วิธีนี้มานานแล้วน่ะเธียรแต่มันไม่น่าเกลียดเท่าปีนี้ เกรดออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อทุกตัว” พี่เธียรวิชย์ ทำสีหน้าตกใจ

“เพื่อแค่ว่าอยากได้เกียรตินิยมอันดับสอง “อากันหันมาพูดกับพี่เธียร

“ตอนนี้อาจารย์เปรมสินีเขารู้แล้วว่าผม ต้องเอาเรื่องนี้มาบอกอาจารย์ เขาเหมือนพยายามส่งคนตามผมด้วยครับ” เป็กซ์พูด

“ผมไม่กล้ากลับบ้าน ผมไม่กล้าไปทำงาน และงานที่ผมได้ อาจารย์เปรมสินีก็ฝากผมกับพ่อของแพรวา” เป็กซ์พูด

“เอาอย่างนี้ พักที่นี้ อยู่ที่นี้ จนกว่าทุกอย่างจะดีขึ้น “พีไปส์พูด

“ให้อยู่ทำไม มึงด่ากูไว้ตั้งเยอะ” เป็กซ์หันไปถามพี่ไปส์

“ไอ้เป็กซ์มึงยังมีตัวเลือกอื่นอีกเหรอวะอยู่ที่นี้ไปเลย ส่วนแม่มึงน่ะ พวกกูไปดูให้” ฟิล์มมันถามเป็กซ์ ผมพยักหน้ากับมันว่าอยู่ที่ปลอดภัยดีกว่า

ตื้ดๆๆ เสียงข้อความเข้ามือถือฟิล์ม

“เพื่อนผมมาแล้วครับ “

“มะนาวกับใบชาอ่ะ”

“พี่ไปส์ผมกับเพื่อนลงไปรับเองดีกว่าผมเกรงใจพี่อ่ะครับ” ผมบอกพี่ไปส์ พี่เขาพยักหน้า

“ไปส์ขออาใช้ไวไฟเราหน่อยซิ อาจะคุยกับอาหลินและส่งหลักฐานบางอย่างให้อาหลินเขา “อากันตภณพูด ผมพยักหน้ากับพี่เธียร ก่อนจะเดินออกมา ผมจำเลขที่ห้องของพี่ไปส์

“กูขอโทษนะบีม กูขอโทษจริงๆ ว่ะ “

“แค่มึงเปลี่ยนใจไม่ส่งกูไปเจอนรกก็ดีแค่ไหนแล้ว”

“แล้วเขาไม่ว่ามึงเหรอว่ะ เรื่องที่มึงทำไม่สำเร็จ”

“กูโกหกเขา กูบอกว่าตำรวจนอกเครื่องแบบเขาถามกู เพราะว่าเขาสงสัยกู กูเลยรีบออกไม่อย่างนั้น กูคงทำให้เขาโดนไปด้วย เขาเลยปล่อยกูไง อาจารย์เปรมสินี แบคอัพเขาดีอยู่นะมึง”

“เขาเคยทำแบบที่นักศึกษาทำมาก่อนว่ะ กูคิดว่าน่ะ” เป็กซ์พูด

“แบคอัพดีแต่จะเหนือกฎหมายไหมล่ะ กูว่าไม่ว่ะ” ฟิล์มพูด

“แต่มึงโชคดีน่ะบีม ที่เจอพี่เธียรและโชคดีที่เขารับผิดชอบมึง กูว่าเขาเนื้อคู่มึงว่ะ” ฟิล์มพูด ผมเดินลงมาก็เจอ

“หมับ” มะนาวตรงมากอดผม ก่อนจะหันมามองเป็กซ์

“มะนาว พวกกูคุยกันเข้าใจแล้ว ทุกอย่างไม่ใช่เพราะเป็กซ์มันอยากทำ ยังไงมันก็เพื่อนเรานะ” ผมบอกมะนาวกับใบชา

“มึงนี่น่ะ มีเชี้ยอะไรแล้วไม่บอกพวกกู มีเพื่อนไว้ทำเชี้ยอะไรของมึงว่ะ” มะนาวต่อว่าเป็กซ์

“กูขอโทษ” เป็กซ์พูด

“แล้วลูกมึงล่ะ” มะนาวถามหาเจ้าลูกโซ่

“อยู่กับอากงเขา”

“ไปกินข้าวบ้านมึงอีกได้ไหมว่ะ” มะนาวถามผม

“มึงจะไปหาสามีให้ได้ใช่ไหมอีนาว!!” ใบชาพูด

“ยังเหลือไม่ใช่เหรอ พี่ธันไง พี่ธันก็หล่อนะ” มะนาวพูด

“อาจจะไม่เหลือแล้วก็ได้น่ะ” ฟิล์มมันพูดลอย ๆ

“มึงหมายถึงว่าเขามีแฟนแล้วเหรอ มึงทำงานกับเขานี่หว่า จริงๆ เหรอวะที่พี่ธัน ไม่รอด โอ๊ย!!” มะนาว

“กูไม่รู้ กูแค่พูดไปเฉยๆ มึงถามเขาดิ เวลาเจอหน้าพี่เขานะ” ฟิล์มพูด ผมหันมามองหน้ามัน แต่ฟิล์มมันขยิบตาแถมหันหลังเดินออกอีกต่างหาก เป็กซ์มันพยักพเยิด ผมกับเป็กซ์ดูมันออก ผมสองคนคบฟิล์มมานานกว่าสองคนนี้

“เหลืออีกคนไง เฮียธามไงแก” ใบชาพูด

“มึงเคยเชื่อคำว่า ผีเห็นผีไหม กูเห็นเฮียธามรู้ทันที และเจ๊แกคุ้นๆ หน้าอ่ะ เหมือนขุ่นแม่ ที่ผับที่เราไปประจำอ่ะ ที่มักจะมีหนุ่มหล่อมาเดินการกุศลและจะมีแม่ยกประมูลของที่หนุ่มคนนั้นถือมา รู้สึกเจ๊แกจะเปย์หนักมาก กูว่าใช่ค่ะ!!” มะนาวพูด

“ที่เขาขอบเรียกกันว่า เลดี้กาก้าสองนะเหรอ” ใบชาพูด พวกนี้มันเที่ยวผับกันด้วยแต่ผมน่ะไปทำงานอย่างเดียว

“ใช่เลย!!!”

“มึงเคยเห็นเจ๊แกแต่งหน้าไหมบีม” มะนาวถามผมทันที

“ไม่เคย!! ไม่มีแน่นอน เขาไม่ทำหรอก อยู่บ้านก็แมนปกติน่ะ แต่ก็มีแอบหลุดบ้าง รู้สึกว่าเจ๊แกจะมีเพจ ฮาวทูอยู่น่ะ “ผมพูดขณะที่กำลังเดินขึ้นไปบนห้องพี่ไปส์ ผมเปิดประตูเข้าไปสิ่งที่ทำให้ผมอมยิ้มคือ พี่เธียรกับอากันตภณกำลังคุยกัน แบบอากับหลาน

“สวัสดีค่ะอาจารย์ สวัสดีค่ะพี่เธียร” มะนาวรีบยกมือไหว้อากันกับพี่เธียร

“สวัสดีครับอาจารย์ สวัสดีครับพี่เธียร” ใบชา ส่วนมะนาวน่ะมันมองอากันกับพี่เธียรสลับกันไปมา

“มีอะไรเหรอมะนาว” อากันหันมาถามมะนาวที่ยืนมองหน้าอากันตภณกับพี่เธียรสลับกันไปมา

“นั่งใกล้กันได้ยังไงคะ อริกันอยู่ไม่ใช่เหรอคะ” มะนาวถามอากันกับพี่เธียร

“อีมะนาว!!!” เพื่อนๆ ผม

“พักยกครับ “พี่เธียรพูดปนหัวเราะ

“เอาล่ะ พี่ส่งหลักฐานเพิ่มไปที่อาหลิน และอาหลินเขาบอกว่าใช้เวลาประมาณหนึ่งอาทิตย์ เราก็อยู่กันแบบนิ่งๆ ไม่ต้องทำให้อีกฝ่ายรู้ว่าเราทำอะไรอยู่”

“ถ้าอาจารย์เปรมสินีโทรมาก็บอกว่าเราอยู่ต่างจังหวัดน่ะเป็กซ์ เขาจะได้รู้ว่าเราจะไม่นำความลับของเขามาเปิดเผย” อากันหันมาบอกเป็กซ์

“ก็อยู่ที่นี้ไปก่อน ห้องนี้พี่ยังไม่ได้มาอยู่ มีเสื้อผ้าตัวไหนใส่ได้ก็ใส่ไปก่อนแล้วกัน จะเอาอะไรก็บอกมา จะเอามาให้” พี่ไปส์พูด

“ขอบใจนะไปส์” อากันหันไปขอบคุณพี่ไปส์

“แม่มึงน่ะกูไปดูให้ ทางผ่านกลับบ้านกูอยู่แล้ว และตอนนี้แม่มึงก็เป็นห่วงมากนะเป็กซ์” ใบชาพูด

“กูฝากแม่ด้วยนะใบชา “เป็กซ์พูด

“เออๆ เห็นแม่มึงบอกว่าแป้งจะมาอยู่ด้วย เพราะว่าย่าเขาให้มาเรียนที่กรุงเทพอ่ะ คงดูแลแม่มึงได้อยู่ เป็กซ์” ใบชาพูด แป้งคือน้องสาวกับพ่อเลี้ยงเป็กซ์มัน แป้งน่าจะเรียนมัธยมปีที่4แล้ว

“เป็กซ์มีอะไรโทรหากูน่ะ กูอยู่ข้างมึง “ผมบอกเป็กซ์

“ขอบใจว่ะบีม “เป็กซ์พูด “หมับ” เขาโผเข้ามากอดผม “ขอบคุณที่มึงยังให้อภัยกูว่ะ กูคิดว่ามึงไม่น่าจะให้อภัยกูได้เลย ฮึก ๆ” เป็กซ์พูด

“กูให้อภัยเพราะว่ามึงคือเพื่อนคนแรกของกูเป็กซ์และเป็นเพื่อนที่ไม่เคยรังเกียจกู “ผมพูด

“พวกมึงทุกคนแหละ คือเพื่อนรักกูทุกคน” ผมพูดกับเพื่อนๆ ผม

“เอาล่ะ งั้นก็แยกย้ายกันกับบ้านเลยแล้วกัน ใครมายังไงกัน จะกลับพร้อมอาจารย์เลยไหม” อากันตภณหันมาถามทุกคน

“มะนาว มึงอ่ะ” ใบชาพูด

“ก็ไปกับอาจารย์เลยแล้วกัน ใบชาด้วยใช่ไหม” อากันหันไปถาม

“ก็ได้ครับอาจารย์ อาจารย์ส่งผมกับมะนาวตรงสถานีรถไฟฟ้าก็ได้ครับ เพราะว่าอีนาวมันจะไป สมัครสมาชิกที่ฟิตเนสนะครับ เขาเกิดอยากจะเวิร์คเอาท์เอาชาบูออกนะครับ” ใบชาพูดพร้อมกับโยกหัวไปด้วย

“มึงนี่น่ะจะเข้ายิม” เป็กซ์หันมาถามมะนาวทันที

“อยากหุ่นดีสำหรับพี่ธัน พี่ธันของมะนาว” มะนาวพูด ผมหันมามองฟิล์ม ฟิล์มมันเหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย

“งั้นกูอยู่นี้ก่อนว่ะ” พี่ไปส์พูด พี่เธียรรีบหันไปมองพี่ไปส์ทันที พวกผมก็เช่นกัน

“ก็กูรอรับน้องชายกูอ่ะ ไอ้ปาร์ค มันเรียนพิเศษ มันจะสอบเข้าหมอและไม่ไกลจากนี้ จะให้ขับรถกลับไปบ้านและมาอีกเหรอ เปลืองน้ำมัน ราคาน้ำมันก็ขึ้น” พี่ไปส์พูด ผมหันไปมองเพื่อนพี่เธียรก่อนจะหันมามองพี่เขาเช่นกัน ยังไงเนี๊ยะ!

“งั้นเรากลับเลยน่ะ ป่านนี้ลูกโซ่คงรอแย่แล้ว ไปเร็วม๊า ไปเถอะ รถป๊าก็ไม่มีคาร์ซีทด้วยน่ะ “พี่เธียรรีบเร่งผมทันที ก่อนจะพยายามดันผมออก นี้เขาเตี้ยมอะไรกันหรือเปล่า ผมยืนมองพี่เธียร คนอื่นก็เดินออกมาจากห้องกันหมด

“น้องฟิล์ม” พี่เธียรเหมือนรีบเปลี่ยนเรื่องซะก่อน พี่เธียรเรียกฟิล์ม

“ครับพี่เธียร” ฟิล์มหันมา

“เฮียธันเขาบอกกับพี่ว่า เฮียจะมารับน้องฟิล์มที่สาขาใหญ่ครับรอด้วยครับ สงสัยว่ามีเอกสารต้องแก้ไขนะครับ น้ำเสียงเฮียของพี่โหดมาก พูดเลย” พี่เธียรพูด ฟิล์มมันเหลือกตาขึ้นบ่นก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป ผมหันมามองพี่เธียรก่อนจะเดินตามฟิล์มเข้าไปเช่นกัน ผมรับรู้ได้ว่าคนที่ตามเข้ามาทีหลังเขาจับมือผมบีบเบาๆ

“คราวนี้คงจบซะทีน่ะ” พี่เธียรกระซิบพูดกับผม ผมยิ้มให้พี่เธียร

“พี่ว่าแพรวาเขาจะจบเหรอครับ” ผมถามพี่เธียร พี่เงียบไปทันที ผมรู้ว่าพี่เธียรรู้จักเธอดี

“นางอาจจะทำในสิ่งที่พี่กับผมคาดไม่ถึงก็ได้นะครับ” ผมถามพี่เธียรแต่ผมรู้ว่าเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องผมกับลูกโซ่ไว้กับเขาแน่นอน

“ถึงตอนนั้น พี่ก็จะใช้วิธีที่นางก็คาดไม่ถึงเหมือนกันบีม พี่ว่าบีมรู้ แล้วบีมล่ะ เลือกจะไปกับพี่ไหม ถ้าพี่ไม่มีนามสกุลของป๊าพี่ไปด้วย นั้นหมายถึง ไม่มีคนรู้จักพี่และช่องทางดีดีก็อาจจะไม่มีเหมือนตอนนี้ พี่อาจจะลำบากกว่านี้ทั้งที่พี่ไม่เคย และเราอาจจะต้องเริ่มจากศูนย์” พี่เธียรวิชย์ถามผม

“ผมมาโดยไม่มีอะไรมาด้วย ผมก็พร้อมจะออกไปโดยไม่มีอะไรได้เช่นกัน แต่ผมคงทิ้งหัวใจผมไว้ไม่ได้ เพราะว่าพี่กับเจ้าลูกโซ่คือหัวใจของผม” ผมกระซิบกับพี่เธียร พี่เธียรเอาฝ่ามือลูบหัวผมเบาๆ ส่วนฟิล์มมันก็ก้มหน้าก้มตากับมือถือแชทคุยกับใครก็ไม่รู้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ส่วนมะนาวก็คุยกับอาจารย์กันตภณเรื่องที่ทำงานของเขา

TBC......


หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.26 ความจริงจากเป็กซ์ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 03-04-2021 22:35:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-04-2021 12:58:24

EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1

          Part’ s กันต์ธีย์ หลังจากที่ผมกับเป็กซ์ได้คุยกันแล้ว เป็กซ์มันไม่ต้องการทำแต่โดนอาจารย์เปรมสินีบังคับ และเหตุผลที่นางทำแบบนั้นกับผม เป็กซ์บอกว่ามาจากอาการหึงหวงอาจารย์กันตภณ ผมมารู้ที่หลังว่าอาจารย์เปรมสินียังเคยทำงานที่เดียวกับอาหลินมภรรยาเก่าอากันก่อนที่เขาจะใช้เส้นสายมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเดียวกับอากันตภณ และในตอนนั้นอากันตภณยังไม่ได้หย่ากับภรรยาเก่าของเขาด้วย ตอนที่อาจารย์เปรมสินีแอบชอบอาจารย์กันตภณไปแล้ว
   พออาจารย์กันตภณหย่าขาดก็ตามมาเป็นอาจารย์ที่นี้ทันที และยังใช้แพรวาเป็นเครื่องมือโดยเอาตำแหน่งรองศาสตราจารย์มาต่อรองเพื่อให้เธอได้เขารับเกียรตินิยมอันดับสองแทนผม โดยการพยายามสร้างเรื่องให้ผมดูไม่ดี เพื่อให้ผมถูกตัดสิทธิ์ออก ต้นเหตุมาจากที่อาจารย์กันตภณได้ยื่นเสนอชื่อผมเข้าไป มันทำให้นางโกรธแค้นผมมากขึ้น แต่ที่นางทำกับผมไม่ใช่แค่สร้างเรื่องธรรมดา แต่มันคือการเอาชีวิตผมไปสังเวยให้พวกชอบความรุนแรงทางเพศ นั้นแปลว่านางอยากทำลายชีวิตผมเลยทั้งที่ผมเอง แทบจะไม่ได้คุยกันกับอาจารย์ท่านนี้มาก่อน เรียกได้ว่าไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวมีแค่ยกมือไหว้ทักทายในฐานะอาจารย์ในมหา'ลัยแค่นั้น เพราะผมไม่เคยเรียนวิชาไหนกับเขาเลยสักตัวเช่นกัน
   ตอนนี้อาจารย์กันตภณบอกว่าให้พวกผมอยู่นิ่งๆ ก่อน ระหว่างที่กำลังรวบรวมหลักฐานทุกอย่างเพื่อยื่นเสนอถึงอธิการบดีของมหาวิทยาลัยที่ผมจบมา เป็กซ์ไม่ได้ไปทำงานที่เดิมแล้ว ผมว่าอาจารย์เปรมสินีกำลังจับตาดูเป็กซ์อยู่เช่นกัน เขากลัวว่าเป็กซ์จะบอกความจริงทุกอย่าง แม้กระทั่งผู้จัดการก็โดนเหมือนกัน พี่ไปส์เลยให้เป็กซ์อยู่ที่คอนโดของเขาไปก่อนและผมก็กลับมาใช้ชีวิตกันปกติทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย และคนที่จะถูกตรวจสอบอีกคนก็คือแพรวา โดนตรวจสอบเรื่องการติดสินบนเจ้าหน้าที่ในการเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสอง รวมทั้งเกรดที่ได้มาโดยความไม่โปร่งใสอีก เธออาจจะไม่ได้จบในปีนี้หรือจะโดนมากกว่านี้ไม่มีใครรู้ เพราะคนที่ตรวจสอบมาจากคุรุสภาทั้งหมด

“วันนี้ป๊าดีใจน่ะที่ม๊ายอมมาช่วยป๊าสักที “พี่เธียรวิชย์หันมาพูดกับผม เขากุมมือผมเอาไว้

“ก็เห็นป๊าทำหน้าเครียดอยู่หลายวันแล้ว งานยุ่งไม่ใช่เหรอครับ” ผมหันมาพูดกับคนข้างๆ

“ไม่ยุ่งมากหรอกแต่พี่ไม่ถนัดงานด้านนี้ ก็บางทีมีผู้ปกครองที่หยุมหยิมเข้ามาคอมเพลนเรื่องไม่เป็นเรื่อง แถมโวยวายราวกับฟ้าจะถล่ม แอดมินก็เคลียร์ไม่ได้ เขาก็ส่งขึ้นไปหาพี่อีกที พี่ก็ใจไม่เย็นพอบีม เกือบจะมีเรื่องกับผู้ปกครองแล้ว” คนข้างๆ ผมพูด ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ เพราะว่าขนาดผมมาทำไม่นานยังเจอเลย แต่ผมก็พยายามพูดให้เขาใจเย็นลง

“พี่ก็อยากทำงานกับเมียพี่มากกว่าเพื่อว่าเมียพี่จะช่วยได้ดีกว่า เมียพี่นะใจเย็นเหมือนม๊าของพี่เลย” พี่เธียรพูดผมหันไปมองจริงอ่ะ

“พี่ก็เหมือนกับป๊าของพี่ พี่มักจะเห็นป๊าอ้อนม๊าไปด้วยทุกที เห็นไหมล่ะ” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะชำเลืองมามองผม ผมหันหน้าหนี บอกตรงๆ ว่าเขิน

“ป๊านี้น่ะอ้อนม๊า “ผมหันมาถามพี่เธียร

“อ้อนแบบฉบับของป๊าพี่ไง คนอื่นอาจจะไม่รู้ว่าอ้อนแต่พวกพี่เข้าใจตรงกันนั่นแหละที่เรียกว่าป๊าอ้อนแล้ว “พี่เธียรหันมาบอกผม ผมพยักหน้า อาจจจะจริงของพี่เธียร

“พอรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา หันมามองลูกมองเมียก็หาย อย่างที่อาม่าบอก” พี่เธียรวิชย์หันมาบอกผม

“แม้คนเราก็ต้องมีช่องว่างไม่ใช่เหรอครับ ผมกลัวว่าพี่จะอึดอัดไง ถ้าผมคอยอยู่กับพี่ตลอดเวลา” ผมพูดก่อนจะหันมามองคนข้างๆ แว๊ปหนึ่ง

“พี่ไม่ได้คิดอย่างนั้นเลย อยากอยู่ใกล้ๆ บีมทำให้พี่เห็นภาพความรักของป๊าและม๊าพี่และพี่ก็อยากได้แบบนั้น “ผมหันมายิ้ม

“รักและให้เกียรติภรรยาอันนี้ป๊าพี่สอนมาครับ” พี่เธียรวิชย์พูด วันนี้ผมให้ลูกโซ่ อยู่กับม๊าก่อนแพราะว่าลูกโซ่ต้องไปฉีดวัคซีน อาทิตย์หน้า ผมกลัวว่าถ้ามาอยู่กับพี่ที่ศูนย์เด็กเล็ก มีเด็กหลายคน อาจจะทำให้เจ้าลูกโซ่ติดหวัดได้และตารางการฉีดจะต้องเลื่อนออกไปอีก ลูกโซ่อายุแปดเดือนกว่าแล้วด้วย ยื่นตั้งไข่แล้ว ผมสังเกตเห็นการพัฒนาการของเจ้าลูกโซ่เขาเร็วมาก ประกอบกับพี่เธียรวิชย์เขาไปซื้อบาร์สำหรับหัดเดินมาให้เขา ลูกโซ่เลยเกาะเดิน เกาะยืนได้และพี่เธียรก็ไปซื้อเบบี๋จั้มเปอร์ แบบที่ห้อยกับขอบประตูมาให้เจ้าก้อนเต้าหู้ของเขาฝึกกระโดดฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาอีก

ผมก้มลงมองเสื้อเชิ้ตที่ผมสวมใส่มาวันนี้ ผมเลือกใส่สีเดียวกันเรียกว่ามาเป็นเซตคู่รักแต่ของผมเป็นทรงผู้หญิงเพราะว่ามันเข้ารูปได้ดีสำหรับผู้ชายหุ่นเล็กๆ บางๆ อย่างผม ผมสวมเสื้อสูททับแต่ไม่ได้ผูกเนคไท มีแค่พี่เธียรที่ต้องผูกมา

ระหว่างที่พี่เธียรวิชย์กำลังนำรถเข้ามาจอด ผมก็เห็นรถเก๋งราคาแพง ปอร์เช่ย์ Porscheคันสีขาว แล่นเข้ามาจอดไม่ไกลจากรถพี่เธียรมาก ผมหันไปมองหน้าพี่เธียร พี่เธียรถึงกับเหลือกตาขึ้นบน เขารู้ได้ทันทีว่าใครมา พี่เธียรวิชย์ลงมาจากรถ เพื่อตรงมาโปรดประตูให้ผม และคนที่ก้าวขาลงมาจากรถเก๋งคันสีขาว นั้นก็คือแพรวา เธอมาด้วยชุดแซกสั้น สวมเสื้อคลุมสั้นพร้อมกับคล้องกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง  เธอก้าวเท้าลงมาจากรถ เธอมองมาที่ผมกับพี่เธียร ผมก้าวเท้าลงมาจากรถ ผมเห็นเธอเดินปรี่ตรงมาหาพี่เธียรแต่ไกล นั่นผมก็เดาความคิดเธอได้ เธอรู้ว่ามีเศษไม้ขวางอยู่เธอคงคิดว่าจะเป็นตัวช่วยให้เธอได้ใช้มารยากับพี่เธียรวิชย์ซินะ

“พี่เธียรค่ะ!!!! ช่วยแพรวาด้วยค่ะ!!!” แพรวาเรียกพี่เธียรแต่ไกลตั้งแต่ยังไม่ทันได้เหยียบไม้ จนเธอเหยียบเข้าที่กิ่งไม้นั้นอย่างตั้งใจ “ว้ายยย!!” เสียงกรีดร้องตกใจกางแขนรอให้พี่เธียรไปรับซิ

“พี่เธียร” ผมเรียกพี่เธียรบ้างไม่ต้องเสียงแหลมแสบแก้วหูเหมือนเธอหรอก แค่ผมทำท่าจะล้มก็เพียงพอแล้ว

“หมับ!!” ผมสัมผัสได้ว่ามีคนรับผมเอาไว้ได้ทัน สายตาผมประสานกับพี่เธียรนั้นทำให้เขาไม่อยากละสายตาไปมองทางอื่น “ตุบ!!” แต่อีกคนคงไม่มีใครไปรอรับถึงได้ร่วงลงไปคุกเข่าที่พื้นแบบนั้น

“ระวังหน่อยซิม๊า ป๊าเป็นห่วง “พี่เธียรเอ็ดผมแต่น้ำเสียงมันบอกว่าเขาเป็นห่วงผมมากกว่า ผมยิ้มให้ก่อนจะชำเลืองไปมองคนที่คุกเข่าอยู่กับพื้น เพราะไม่มีใครเข้าไปรับเธออย่างที่ตั้งใจไว้

“พี่เธียร!! ทำไมไม่รับแพรวาค่ะ!!!” แพรวาเงยหน้าขึ้นถามพี่เธียรเสียงดัง กลุ่มคนที่เดินมายังที่จอดรถคือบรรดาผู้ปกครองที่มาส่งลูกตัวเองก็หันมามองเธอกันหมด

“ก็แฟนพี่จะล้มเหมือนกันนี่ครับ พี่ก็เลยต้องรับบีมก่อน เพราะว่าบีมเขา เออ เขา….” พี่เธียรวิชย์กำลังจะพูด ผมรู้ว่าเขากลัวว่าถ้าผมท้องอาจจะเป็นหนักกว่าเธอ

“เขาทำไมคะ บีมเขาทำไมเหรอคะ มันเป็นผู้ชายและพี่ควรจะรับแพรวาก่อนซิคะ มันถึงจะถูก!!” แพรวารีบถามพี่เธียรทันที เธอลุกขึ้นมายืนมองผมด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะจัดแต่งเสื้อผ้าของเธอให้เรียบร้อย

“อ้อ บีมเขา ปวดท้องอีกแล้วพี่เลยเป็นห่วง พี่ไม่อยากให้บีมเป็นเยอะ แล้วแพรวาน่ะ ทำไมไม่เดินอีกทางก็รู้ว่าตรงนี้มีกิ่งไม้อยู่ และเธอก็สวมรองเท้าส้นเข็มแหลมขนาดนั้นอีก “ผมหันมามองพี่เธียรพูดต่อว่าเธอ ผมแอบยิ้มในความเซ่อของเธอมุขนางร้ายยุคไหนก็ไม่รู้ ผมมองพี่เธียรเหมือนพี่เขาจะเดาความคิดผมออกว่าทำไมพี่เขาถึงโกหกว่าผมปวดท้อง พี่เธียรเองก็ขยิบตาก่อนจะดันผมออกมานิดนึง เพื่อคุยกันตามลำพัง

“ถ้าพี่บอกเขาว่าบีมอาจจะท้อง พี่กลัวว่านางจะคิดทำอะไรแผลงๆ พี่ไม่ไว้ใจแพรวา” พี่เธียรกระซิบบอกผม ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วย โดยมีสายตาแพรวาที่มองผมสองคนอยู่ เหมือนเธอต้องการจะรู้ว่าผมสองคนคุยอะไรกัน ผมยิ้มและพยักหน้าให้พี่เธียรก่อนจะหันมามองเธอพร้อมกัน

“ทำไมต้องหลบไปคุยกันสองคนด้วยคะ” แพรวาถาม แต่ไม่เจาะจงว่าถามผมหรือพี่เธียรวิชย์กันแน่

“เออ คือพี่ “พี่เธียรทำท่าจะตอบ

“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณแพรวา ผมกับพี่เธียรก็แค่คุยกันเรื่องส่วนตัวนะครับ” ผมเป็นฝ่ายตอบแทนพี่เธียรวิชย์

“แล้วคุณแพรวาคิดว่าเรื่องส่วนตัวนี้ควรจะให้คนอื่นรู้ได้ไหมครับ แต่ถ้าได้ก็คงไม่เรียกว่าเรื่องส่วนตัวใช่ไหมรับ” ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“แต่พี่เธียรเขาไม่เคยมีความลับกับฉัน” แพรวาพูด ผมหันมามองพี่เธียรเอียงคอเล็กน้อย

“แพรวาพอเถอะ พี่ก็แค่คุยกับแฟนพี่แค่นี่เอง แล้วนี่แพรวามาทำไมครับ “พี่เธียรยกมือห้ามแพรวาก่อนจะถามสาเหตุที่เธอมาวันนี้ เธอยืนกอดอกสายตาจ้องมองลงมาที่ของผมที่มีมือพี่เธียรจับมืออยู่

“อยู่โรงเรียนทำไมพี่ไม่คิดจะสำรวมหน่อยเหรอคะ จับมือกันขนาดนี้ เด็กๆ จะเอาตามอย่างไหมคะ” แพรวาถาม ผมก้มลงมองมือพี่เธียรก่อนจะพยักหน้าปล่อยเถอะ พี่เธียรวิชย์ก็ต้องยอมปล่อยก่อน

“ตกลงแพรวามาทำไมคะ” พี่เธียรถามแพรวา

“แพรวาจะมาทำงานกับพี่เธียรค่ะ เพราะว่าโรงเรียนของพ่อพี่มันเกิดขึ้นได้ก็เป็นเพราะคุณปู่ของแพรวา ดังนั้นแพรวาจะมาทำงานที่นี้ด้วยและสาขานี้ค่ะเท่านั้น” แพรวาพูดเธอเน้นว่าสาขานี้เท่านั้น เธอมองหน้าผมพร้อมรอยยิ้ม

“พี่ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” พี่เธียรพูดปฏิเสธทันที

“เดี๋ยวก็รู้ค่ะและนี่คือความรับผิดชอบที่พี่ฉีกหน้าแพรวาวันที่แพรวาขึ้นไปแถลงข่าวกับ อี…”

“กับบีมค่ะและวันนั้นพี่ก็ทำให้แพรวาอับอายคนที่ทำงานของพ่อแพรวา แพรวาเลยต้องมาทำที่นี้แทนค่ะ ในฐานะผู้บริหารเหมือนกับพี่เธียรค่ะ” แพรวาพูดก่อนจะมองไปรอบ เธอชูคออย่างราวกับว่าเธอคือคนที่เหนือกว่า

“ขึ้นห้องทำงานกันหรือยังคะ พี่เธียร” แพรวาถามพี่เธียร

“แล้วบีมล่ะ มาทำหน้าที่ธุรการเหมือนเดิมเหรอ นั่งห้องธุรการล่ะเพราะว่าห้องทำงานของพี่เธียร เขาให้สำหรับผู้บริหารเขานั่งกัน” แพรวาหันมาบอกผม

“ลองถามท่านผู้บริหารของผมดูก่อนดีกว่าไหมครับ ว่าผมมาทำงานในตำแหน่งอะไร เพราะเขาเองเป็นคนคะยั้นคะยอให้ผมมา ผมไม่ได้ เสนอตัวมาเองเหมือนคุณแพรวา” ผมพูดก่อนจะช้อนตาไปมองคนข้างๆ ผม แพรวาหันมามองผม สายตาเธอประสานกับสายตาผม ผมก็จ้องมองเข้าไปในแววตาคู่นั้น มันแข็งกร้าวก็จริงแต่มันกับไม่ได้ทำให้ผมกลัวเลยแม้แต่น้อย ผมรู้ว่าเธอไม่มีอะไรเลยในดวงตาคู่นั้น ผมแค่ยิ้มที่มุมปาก

“พี่เธียรจะให้ผมเป็นคนตอบแทนใช่ไหมครับ” ผมถามพี่เธียรก่อนจะหันมามองแพรวา” ผมมาในฐานะเมียผู้บริหารครับ ตำแหน่งนี้ใหญ่ทั้งที่บ้านและที่ทำงานครับ” ผมพูดก่อนจะหันมามองคนที่อ้อนให้ผมมากับเขา

“ใช่ไหมครับพี่เธียร” ผมถามพี่เธียร พี่เธียรวิชย์หันมายิ้มให้ผม เขาพยักหน้าเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยล่ะโดนแน่ๆ ผมคิดในใจ แพรวามองหน้าพี่เธียร เธอเหมือนทำท่าจะกรี้ด

“ผมว่าเราขึ้นห้องทำงานกันเถอะครับ จะพากันสายเอานะครับ ทั้งผู้บริหารและผมในฐานะภรรยาของผู้บริหารด้วย และผมสองคนเรานั่งห้องเดียวกันได้ครับ คุณแพรวา”

“ผมยินดีต้อนรับนะครับ คุณผู้บริหารคนใหม่ คราวหน้าเอาหนังสือแต่งตั้งมาด้วยนะครับ ไม่ใช่มาพูดปากเปล่า” ผมบอกเธอ

“ก็อาเกริกสั่งให้ฉันมาพอใจหรือยัง อาเกริกอาจจะคิดได้แล้วก็ได้น่ะว่า ใครที่เหมาะสมกับตระกูลนี้ “แพรวาพูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียร พี่เขาสั่นหัวว่าไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่เชื่อ

“ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นห้องทำงานกันเถอะครับ เราควรจะไปถึงห้องทำงานตามเวลา เวลางานก็ต้องนั่งทำงาน ไม่ใช่นั่งเอฟของ หรือว่าขับรถไปซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมหรูๆ ขับรถไปทำเล็บทำผมในเวลางาน ไม่ได้นะครับ เพราะว่าทีนี้เขามีประเมินด้วยนะครับ คุณแพรวา นี่คุณได้อ่านคู่มือมาพร้อมใช่ไหมครับ ที่จะมาเป็นผู้บริหารงานที่นี้ “ผมพูดพร้อมกับปรายตาไปมองแพรวา ที่ผมพูดมาทั้งหมดเธอนั้นคือพฤติกรรมของเธอที่เธอทำในที่ทำงานของพ่อเธอและข้อมูลเหล่า เป็กซ์ได้ยินมาจากคนที่ทำงานในนั้นทั้งนั้น พวกเขาพูดว่าเธอลับหลังกันทุกคน ผมเดินออกอย่างไม่แยแสและพี่เธียรวิชย์ก็เดินตามผมมาติดๆ อย่างเร็ว

“อีบีม!!” เสียงลอดไรฟันออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“นึกว่าจะยืนรอให้ชะนีลากไปกินซะก่อน” ผมพูดกับคนที่เดินมาประชิดกับผม

“พี่ไม่รู้ว่าเธอจะขอมาทำงานที่นี้ บีม “พี่เธียรวิชย์พูด ผมหันมามอง ผมรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก เธอคงให้พ่อของเธอขอร้องป๊า

“ดังนั้น ม๊าต้องมาช่วยป๊าทุกวันแล้วนะ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมควรจะมารบรากับผู้หญิงคนนี้ทุกวันด้วยหรือไง ผมสองคนเดินมาหยุดทางขึ้นไปชั้นที่สองของอาคาร ก็เจอครูประทีบยืนอยู่ เขาหันมามองผมกับพี่เธียรวิชย์

“สวัสดีค่ะคุณเธียรวิชย์ สวัสดีค่ะคุณกันต์ธีย์” ผมกับพี่เธียรวิชย์รับไหว้ทันที เขาหันไปมองแพรวา คนที่เดินมาเทียบเท่าและมองหน้าครูประทีบ ครูเขาเธอยิ้มให้อย่างไมตรี

“ไม่ไหว้ฉันล่ะ ฉันคือผู้บริหารที่นี้!” แพรวาพูดกระแทกเสียงใส่ครูตรงหน้า แต่น้ำเสียงนี้มันทำให้ครูที่ยืนอยู่ ชักสีหน้าแปลกใจทันที

“ยืนทื่ออยู่ทำไม ไหว้ฉันซิ ฉันก็เหมือนกับพี่เธียรวิชย์ เราระดับเดียวกัน แต่อีกคน ฉันไม่รู้!” แพรวาพูดและอีกคนที่เขาพูดถึงก็คือผมแน่ๆ พี่เธียรวิชย์หันไปมองหน้าแพรวา เธอยืนกอดอกไม่สนใจสายตาของพี่เธียรสักนิด แม้กระทั่งครูประทีป เธออายุราว ๆ สี่สิบได้แล้ว

“แพรวาครับ นี้เขาคือครูประทีบ คุณครูโรงเรียนของพี่ครับ ให้เกียรติครูหน่อยซิครับ “พี่เธียรหันไปต่อว่าเธอ

“ผมว่าแค่ทักทายอย่างคนที่มี…” ผมค่อยๆ หันไปมองหน้าเธอ

“มารยาท! ก็พอมั้งครับ ไม่ต้องยกมือไหว้หรอกครับ เพราะว่าครูประธีปเขาอายุเยอะกว่าผม และแน่นอนครูเขาต้องมากกว่าคุณ ครูประทีบคือผู้อาวุโสของที่นี้นะครับ ดังนั้นคุณแพรวาควรจะเป็นคนไหว้คุณครูถึงจะถูกครับ” ผมหันมาพูดเน้นคำว่ามารยาทกับแพรวา เธอมองหน้าผม

“คุณแพราเขามาทำงานที่นี้นะครับครู” พี่เธียรแนะนำอย่างสุภาพ

“เหรอคะ สวัสดีค่ะ” ครูประทีปแค่หันมาทักทายเฉยๆ

“ดิฉันขอตัวนะคะ เด็กรอเข้าแถวอยู่ค่ะ กำลังรอจะเข้าห้องเรียนกันแล้วค่ะ” ครูประทีปพูด เขายิ้มให้ผมกับพี่เธียรวิชย์ แต่แค่ปรายตาไปมองแพรวาที่ยืนกอดอก เบ้ปากเล็กน้อย ผมเห็นพี่เธียรวิชย์ส่ายหัวเล็กอย่างเอือมระอา

“วันนี้เราจะลงไปดูห้องอาหารกันน่ะ พี่มีอะไรเซอไพรส์บีมด้วยนะครับ” พี่เธียรหันมากระซิบกับผม ผมยิ้ม เอะอะไรน่ะที่พี่เธียรวิชย์บอกเซอไพรส์ แต่จู่ ๆ

“หมับ” แพรวาเดินมาจับแขนพี่เธียรอีกฝั่งหนึ่งทันที จับแบบแนบชิดด้วย ผมเหล่ตามอง พี่เธียรหันไปมองตามมือเธอ

“แพรวา! ที่นี้ในโรงเรียนครับ แถมเมื่อสักครู่ตอนที่พี่จับมือบีมทั้งที่บีมเขาคือภรรยาพี่ เธอยังบอกว่าไม่สำรวมเลย”

“ดังนั้นเธอเองก็ไม่ควรจะทำน่ะ เธอไม่ได้เป็นอะไรกับพี่ พี่มีภรรยาแล้ว ปล่อยครับ” พี่เธียรวิชย์พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจเธอ เธอถึงกับต้องปล่อยมือจากแขนพี่เธียรวิชย์

“คุณเธียรวิชย์ค่ะ เดี๋ยวคุณครูจะขอคุยด้วยเรื่องการเปิดสอนพิเศษช่วงปิดเทอมนะคะ จะมีครูเอกภาษาอังกฤษ ครูสอนศิลปะค่ะ ที่เราได้คุยกันไว้นะคะ ครอสพิเศษสำหรับพ่อแม่ที่ต้องการให้ลูกทำกิจกรรมพิเศษช่วงปิดเทอม ไม่ทราบว่าคุณเธียรวิชย์สะดวกไหมคะวันนี้”

“สะดวกครับ ไม่ทราบว่าจะครูเขา สะดวกเข้าห้องประชุมกี่โมงครับ”

“สิบโมงได้ไหมคะ ครูที่จะเข้ามาคุยกับคุณเธียร จะได้สั่งงานนักเรียนไว้ก่อนนะคะ”

“ได้ครับ”

“ถ้าอย่างนั้น เจอกันที่ห้องประชุมเล็กนะคะ “ครูวิมลวรรณพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม แต่เธอก็ต้องหุบยิ้มตรงแพรวานี้แหละที่ยืนกอดอกไม่ยิ้มตอบเธอแถมยังเบือนหน้าหนีอีก

“แพรวาไปรอที่ห้องทำงานเลยก็ได้นะครับ เพราะว่าพี่กับบีม.” พี่เธียรวิชย์หันไปบอกแพรวา

“ไม่ได้ค่ะ! แพรวาคือผู้บริหารคนหนึ่ง แพรวาต้องไปนั่งด้วยค่ะ” แพรวาพูด เธอปรายตามามองผม ผมก็ยิ้มเชื่อเชิญถ้าอยากเข้าไปก็ตามใจ

“มีครูกี่ท่านครับพี่เธียร ผมจะได้ขอให้พี่ๆ เขาจัดของว่างให้ถูกนะครับ” ผมถามพี่เธียร

“น่าจะประมาณ 8 ท่านนะบีม”

“ได้ครับ ผมจะได้ไปขอให้พี่ธุรการเข้าจัดของว่างไปให้ที่ห้องประชุมเล็กครับ “ผมพูดก่อนจะปรายตามามองแพรวา

“พี่เธียรวิชย์ครับ พี่เอากาแฟคาปูชิโน่ร้อนใส่นมอัลมอลด์ใช่ไหมครับ น้ำตาลช้อนเดียว ผมจำได้ครับ” ผมบอกพี่เธียรวิชย์พี่เธียรพยักหน้าว่าใช่ “ขอบคุณครับ” พี่เธียรบอกผม แพรวาถลึงตาใส่ผมเธอคงคิดไม่ถึงซินะ ผมเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องธุรการทันที จังหวะนั้นก็มีสายโทรเขามือถือของพี่เธียร

มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-04-2021 13:00:40
EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056202#msg4056202)

ผมเดินเลี่ยงเข้าไปในห้องธุรการทันที จังหวะนั้นก็มีสายโทรเขามือถือของพี่เธียร

“สวัสดีครับ “ผมเข้าไปถึงก็ทักทายเจ้าหน้าที่ในห้องธุรการทันที ตอนนี้มีคนทำงานประจำสองคน มีเด็กฝึกงานอีกสองคน

“สวัสดีค่ะคุณกันต์ธีย์” พี่ธุรการคนที่มาทำงานแทนผม น้องฝึกงานที่นั่งอยู่ด้านในก็พากันยกมือไหว้ผม ผมก็รีบยกมือรับไหว้ทันที

“เรียกผมบีมเฉยๆ ก็พอครับ”

“แม้ไม่ได้หรอก เป็นถึงแฟนผู้บริหารทั้งที่ เรียกแบบนี้ดีกว่าค่ะ คุณบีม “พี่เขาพูด

“แหว๊ะ!!” เสียงดังมาใกล้ๆ ผมหันไปมองคนนั้นคือแพรวา พี่ธุรการถึงกับชักสีหน้าตกใจและแปลกใจ

“ขอโทษนะคะ มาติดต่อเรื่องอะไรคะ เป็นผู้ปกครองเด็กที่นี้หรือเปล่าคะ” พี่ธุรการหันไปถามแพรวาทันที

“ฉันยังไม่มีลูกย่ะ!! และฉันคือผู้บริหารที่นี้ จำไว้กะลาหัวไว้ด้วยน่ะ พูดกับฉันให้มันดีกว่านี้หน่อยนะ ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร มารยาทนะมีไหม” แพรวาเธอเดินตามผมเข้ามาตอนไหนรู้ เธอหันมามองผมแบบเหยียดๆ

“ขอโทษนะคะ คุณเป็นพนักงานบัญชีมาใหม่หรือเปล่าคะ ที่ชื่อแพรวานะคะ” พี่เจ้าหน้าที่ธุรการเอ่ยถาม ผมว่าพ่อของพี่เธียรวิชย์นะได้ติดต่อพี่เขาเอาไว้ให้แล้วแน่ๆ แสดงว่าเธอไม่ได้มาในตำแหน่งผู้บริหารจริงๆ ด้วย ผมหันมาชำเลืองตามองเธอ

“นี้ฉันบอกให้มีมารยาทกับฉันไง เรียกฉันคุณแพรวา! คุณแพรวา เข้าใจไหม! และนอบน้อมกับฉันไว้ด้วย เพราะว่าฉันคือว่าที่ภรรยาจริงของคุณเธียรวิชย์ ไม่ใช่ภรรยาที่ตั้งใจท้องเพื่อมาจับ “แพรวาพูด

“และตอนนี้ฉันคือผู้บริหารที่เทียบเท่าคุณเธียรวิชย์ ไม่ใช่ ธุรการ เหมือนเธอ บีม!!” คุณแพรวาพูด ผมยิ้ม

“คุณนี้ความจำสั้นน่ะครับ ผมเป็นภรรยาผู้บริหารครับ คนที่จะลดตำแหน่งผมได้คือคนที่ตั้งผมขึ้นมา นั้นคือพี่เธียรวิชย์คนเดียว” ผมพูดก่อนจะใช้แขนเท้าที่เคาน์เตอร์ผมมองเธอนิ่งๆ

“แกคิดว่าพี่เธียรแต่งตั้งกับอากงแต่งตั้งใครจะสำคัญกว่ากัน ระวังไว้ให้ดีน่ะจะเก็บของออกไปไม่ทัน”

“และพวกหล่อนด้วยเหมือนกัน ถ้ายังทำตัวไร้มารยาทกับฉันอีก ฉันจะโทรบอกอาเกริก เขาเป็นเพื่อนรักของพ่อฉัน” แพรวาพูดก่อนจะปรายตาไปมองคนในห้องธุรการ

“ให้ไล่ออกทั้งหมด” แพรวาพูดเขาเอาแขนมาเท้าเคาน์เตอร์มองหน้าผมธุรการตรงหน้าผมขมวดคิ้ว ผมแอบสั่นศีรษะเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าเธอชัดๆ กลืนน้ำลายลงคอ ผมเหลือบไปมองว่าพี่เธียรยังคุยโทรศัพท์อยู่

“คำก็ว่าเขาไม่มีมารยาท สองคำก็ไม่มีมารยาทอีก ถามตัวคุณเองหรือยังคำคุณแพรวา ว่าคุณมีมารยาทให้เขาหรือยัง” ผมถามแพรวา เธอสะบัดหน้ามามองหน้าผม

“คิกๆ” คนในห้องถึงกับพากันหัวเราะ

“ผมคิดว่าคุณน่าจะสับสน ระหว่างคนที่เขาปฏิบัติกับคุณอย่างคนมีมารยาทกับคนที่ปฏิบัติกับคุณอย่างคนประจบสอพลอ แต่ผมเดาว่าคุณเจออย่างหลังมากกว่า เลยอยากได้แบบนั้น”

“ที่นี้ไม่มีครับ เราอยู่แบบให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีใครเป็นนายเป็นบ่าว เขาเลิกทาสกันไปนานแล้วนะครับคุณแพรวา ไปอยู่ที่ไหนมาครับ” ผมถามเธอ

“อี… อี… อีบีม!!”

“และถ้าคุณแพรวาไม่มีมารยาทให้เขาก่อน เขาก็ไม่จำเป็นต้องมีมารยาทให้คุณเหมือนกัน เพราะถ้าเป็นผม ผมก็ไม่ทำนะครับ” อันนี้ผมเข้ามากระซิบกับแพรวา

“พี่ครับ ผมรบกวนจัดของว่างให้หน่อยได้ไหมครับ ที่ห้องประชุมเล็กครับ จะมีครูประมาณ 8 ท่านครับ มีคุณเธียรวิชย์และผมครับ” ผมก้มลงพูดกับพี่ธุรการ

“ผมคิดว่าเพิ่มอีกสักทีแล้วกันนะครับ เผื่อจะมีใครที่ไม่ได้รับเชิญอยากเข้าด้วย รวมเป็น สิบเอ็ดทีครับ” ผมพูด

“นี่แกว่าฉันเหรอ “แพรวาถึงกับออกอาการเดือดใส่ผมทันที

“ผมไม่ได้คุณครับ ผมแค่พูดว่าเพื่อ เพื่อว่ามีคนมาเพิ่ม “ผมหันมาบอกเธอ “ใช่ไหมครับที่ผมบอกพี่ไปนะครับ”

“ใช่ค่ะ คุณบีมบอกว่าเพื่อมีคนมาเพิ่มค่ะ แล้วคุณแพรวาคิดว่าคุณบีมว่าคุณตรงไหนเหรอคะ” พี่เขาถามแพรวากลับ

“คุณบีมค่ะ ไม่ทราบว่าจะให้จัดตอนกี่โมงดีคะ”

“ผมคิดว่า สิบโมงครึ่งแล้วกันนะครับ คุณครูเขานัดประชุมสิบโมง จัดของเบรกตอนสิบโมงครั่งกำลังดีครับ”

“ได้ค่ะคุณบีมตามนี้นะคะ เดี๋ยวพี่ให้น้องฝึกงานดูแลให้ค่ะ” พี่ธุรการบอกผมด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ขอบคุณนะครับ” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าเธอ

“นี้คือตัวอย่างคนที่มีมารยาทที่ดี จำไว้ใช้ได้นะครับ ผมไม่หวงครับ คุณแพรวา” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป

“กรอด!!!!” เสียงกัดฟันกรามดังออกมาขนาดนี้คงโกรธน่าดู แต่ผมก็แค่หยุดก่อนจะเดินออกไปทันทีเช่นกัน

“ตกลงคุณจะติดต่อเรื่องอะไรคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันจะได้ไปเตรียมของให้คุณบีมค่ะเพราะว่าใกล้เวลาประชุมแล้วค่ะ” น้ำเสียงพี่เจ้าหน้าที่ธุรการถามเธออย่างไม่สบอารมณ์ดังแว่วตามหลังผมออกมา ผมเดินมาหยุดมองพี่เธียร

“ครับป๊า ครับผม ได้ครับ ถ้าอย่างนั้น ผมต้องให้บีมมาช่วยผมก่อนแล้วป๊า ผมไม่อยากให้บีมเขาไม่สบายใจ ผมเข้าใจป๊า ครับป๊า ตอนเที่ยงเจอกันครับ “พี่เธียรวิชย์คุยกับป๊าของเขาก่อนจะวางสายไป เขาหันมามองหน้าผม ผมยิ้มให้พี่เธียรวิชย์

“เห็นแพรวาบอกว่าจะไปขอร้องเจ้าหน้าที่ธุรการ หาคนช่วยยกโต๊ะทำงานของเธอขึ้นมาให้หน่อยนะบีม เธอสั่งโต๊ะทำงานมาเอง” พี่เธียรวิชย์พูดก่อนจะ “ฟู่!!” พ่นลมหายใจออกมา

“พี่แน่ใจเหรอครับว่า คุณแพรวาเข้าไปขอร้อง เพราะว่าถ้อยคำของเธอ ไม่มีความสุภาพเลยและมันห่างไกลจากคำว่าขอร้อง เธอควรจะหัดให้เกียรติคนอื่นบ้างนะครับ” ผมพูดพี่เธียรวิชย์ขมวดคิ้ว แพรวาเดินออกมาพอดีเลย

“แพรวา ป๊าโทรมาบอกพี่แล้วน่ะ” พี่เธียรยืนเอามือเท้าเอวหันไปบอกเธอ

“บอกว่าแพรวามาทำงานกับพี่เธียรในฐานะ….” แพรวาหันมาพูดตรงหน้าผม

“มาฝึกงานเฉยๆ ครับ ไม่ได้มาทำหน้าที่ผู้บริหารครับ ไม่มีโรงเรียนไหนหรอกครับที่มีผู้บริหารสองคน เดี๋ยวแพรวาไปทำงานในห้องบัญชีแล้วกันนะครับ ส่วนบีมเขาไปทำงานกับพี่ในฐานะเลขาฯ และที่ปรึกษาของพี่” พี่เธียรพูดกับแพรวา

“หึ!!” ผมหลุดหัวเราะออกมาทันที “ผมบอกแล้วไง เอาหนังสือแต่งตั้งมาด้วยจะได้ไม่ลงผิดตำแหน่งนะครับคุณแพรวา “ผมหันไปพูดกับเธอ แพรวาสะบัดหน้าไปมองพี่เธียร

“ไม่ได้!!!” เธอแผดเสียงดังมากจน บรรดาครูที่เดินขึ้นมาต่างก็พากันตกอกตกใจกันหมด

“ไม่ได้!!! แพรวาต้องนั่งกับพี่!!”

“แพรวา ทำตามตำแหน่งงานตัวเองนะครับ ไม่อย่างนั้นแพรวาก็ต้องไปทำที่สาขาใหญ่ ไม่ใช่ที่นี้ ส่วนบีมน่ะเขาคือเลขาฯ ของพี่ครับและเขาคือแฟนพี่ ป๊าให้บีมทำงานในห้องพี่ได้ แค่คนเดียว” พี่เธียรวิชย์พูด ก่อนจะดึงแขนเพื่อจะเดินออกแต่ผมดึงแขนพี่เธียรเอาไว้

“พี่เธียรครับ เศษกระดาษติดเสื้อนะครับ ผมเอาให้นะครับ ปล่อยให้เศษกระดาษมาติดแบบนี้ไม่ดีนะครับ “ผมพูดก่อนจะปรายตาไปมองคนที่ยืนมองจ้องผมเขม็ง

“ทำไมเหรอครับ” พี่เธียรถามผมก่อนจะพยายามก้มลงมองหา

“ก็มันดู เป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้นะครับ” ผมพูด พี่เธียรหรี่ตาลงมองและใช้นิ้วดีดออกแทน

“ออกหรือยังครับ พี่ไม่อยากมีส่วนเกินซะด้วย” พี่เธียรพูด อันนี้ผมไม่รู้ว่าพี่เธียรตั้งใจหรือเปล่าแต่คงโดนคนที่ยืนฟังน่าดู

“ผมคิดว่าน่าจะออกแหละครับพี่เธียร”

“ใช่ไหมครับคุณแพรวา” ผมหันมาถามเธอ เธอมองผมนิ่งมาก เธอคงจำคำพูดที่ผมเคยบอกเธอเอาไว้ได้ ว่าเธอคือส่วนเกินของผมสามคนพ่อแม่ลูก

“ห้องบัญชีด้านโน้นครับแพรวา เดินไปตามป้ายเลยครับ พี่ต้องรีบไปเซนต์เอกสารครับ” พี่เธียรหันไปบอกเธออีกครั้ง ผมกับพี่เธียรวิชย์เดิน ตรงไปยังห้องทำงาน ผมนั่งลงตรงหน้า พี่เธียรถอนหายใจออกมายาวๆ

“ผมว่าเธอคงไม่ยอมง่ายๆ เรื่องของผมกับพี่ ขนาดว่าพี่ประกาศออกสื่อขนาดนั้นแล้วนะพี่เธียรและผมก็เบื่อที่จะเล่นสงครามประสาทกับเธอ “ผมบอกพี่เธียรวิชย์ พี่เขาพยักหน้ากับผม ผมนั่งลงเปิดดูเอกสารคำร้องต่างๆ ในแฟ้มที่วางอยู่ ส่วนพี่เธียรก็นั่งลงเซ็นเอกสารสำคัญๆ เพื่อรอเวลาเข้าประชุม

ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องทำงานของผมกับพี่เธียรวิชย์ ผมหันไปมองคนที่เปิดเข้ามาก็คือครูที่เดินมาทักพี่เธียรวิชย์ว่าจะมีการขอประชุมพูดคุย เขาเดินเข้ามาในห้อง

“ครูที่จะขอคุยกับคุณเธียรวิชย์นะคะ พร้อมแล้วค่ะ “พี่เธียรวิชย์พยักหน้า ผมก็ลุกขึ้นพร้อมกับหยิบสมุดที่จะใช้บันทึกการสนทนาไปด้วย

“วันนี้ตอนเที่ยงไปทานอาหารที่ไหนดีล่ะม๊า “พี่เธียรถามผม

“ตามใจป๊าซิครับ แต่จะว่าไป ผมคิดถึงลูกโซ่นะครับ นี่แค่ครึ่งวันเอง” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าพี่เธียรวิชย์

“กลับบ้านแล้วกัน ไปทานกันที่บ้าน พี่เองก็อยากไปป้อนข้าวลูกโซ่ “พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมพยักหน้าตอบ ผมเห็นแพรวามายืนที่หน้าประตูเข้าห้องประชุม

“แพรวา มาทำไมครับ” พี่เธียรวิชย์ถามเธอ

“มาประชุมค่ะ ทำไมบีมมันเข้าได้แต่แพรวาเข้าไม่ได้ค่ะ แพรวาจะเข้าค่ะ!!”

“แพรวาคือคนที่อากงพี่เลือกพี่อย่าลืมซิ” แพรวาพูด

“อยากเข้าก็เชิญครับคุณแพรวา และที่พี่เธียรเขาไม่ได้ให้คุณเข้าเพราะว่า เรื่องที่เราจะพูดไม่เกี่ยวกับงานของคุณนะครับ คุณนักบัญชีฝึกหัด” ผมพูด เธอมองหน้าผมนิ่งได้อีกฝ่านี้คงอยากจะฟาดมันลงที่แก้มผมแย่แล้วแต่ติดที่พี่เธียรยืนอยู่

“เอาล่ะแพรวา ถ้าอยากเข้าก็เชิญครับ ตอนนี้ครูหลายท่านรออยู่ครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ผมก็ผายมือให้เธอเข้าไปก่อน เธอหันมามองผมและรีบก้าวเท้าเดินเข้าไป ผมเห็นมีเก้าอี้ว่างอยู่สามตัวที่ตรงหัวโต๊ะ นั้นแปลว่าเธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอจะเข้าประชุมด้วย เธอนี้ตื้อจริงๆ พี่เธียรวิชย์เดินไปนั่งตรงกลาง แพรวาก็เดินไปนั่งทางด้านซ้ายทันที แถมเธอยังขยับเข้ามาจนชิดติดกับพี่เธียรวิชย์ อย่างไม่อายสายตาครูที่นั่งมองเธอ ผมก็นั่งลง ผมแค่ปรายตาไปมองพี่เธียรเฉยๆ โดยไม่ต้องพูดอะไรมาก

“ขอโทษนะคะ ดิฉันเป็น น้องสาวคนที่สนิทกับพี่เธียรวิชย์มากที่สุดหรืออาจจะเป็นคนที่ คู่ควรมากที่สุด” แพรวารีบแนะนำตัวเธอทันที” ขอนั่งใกล้ชิดหน่อยแล้วกันนะคะ “แพรวาพูด ครูแต่ละคนหันมามองหน้า บางก็หันไปกระซิบกระซาบกัน

“แพรวา ขยับหน่อยพี่อึดอัดครับ” พี่เธียรงวิชย์ตัดสินใจหันไปพูดกับเธอ เธอเบียดจนแทบจะรวมร่างกับพี่เธียรวิชย์เลยก็ว่าได้

“ไม่ค่ะ นั่งใกล้ๆ ดีกว่าค่ะ” เธอพูดพร้อมกับส่งสายตาฟรุ้งฟริ้งมาให้พี่เธียรวิชย์

“อะแฮม! ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง ผมจะกลับบ้านนะ” ผมหันมาพูดกับพี่เธียรวิชย์ พี่เขาชักสีหน้าตกใจ

“แพรวาอย่าให้พี่ต้องไล่เธอออกไปจากห้องประชุมนะ ขยับออกครับ พี่ว่าแพรวาโตแล้วนะครับ น่าจะคุยกันรู้เรื่องแล้วและพี่เองก็ให้สัมภาษณ์สถานะที่ชัดเจนของพี่กับบีมไปแล้ว คนที่ดูไม่ดีมันคือแพรวานะครับ ไม่ใช่พี่”

“ตอนนี้ทุกคนที่นี่รับรู้กันหมดแล้วว่าพี่กับบีมเป็นอะไรกัน แพรวาไม่เห็นเหรอครับ ว่าทุกคนให้การเคารพบีมเท่าๆ กับพี่ “พี่เธียรวิชย์หันมามองหน้าเธอด้วยสีหน้าจริงจัง เธอถึงกับต้องขยับออกมา พี่เธียรก็ขยับออกมาทางผมทันที แม้ไม่ได้ใกล้ชิดเหมือนที่แพรวาทำก็ตาม

“สวัสดีครับ ผมจะขอแนะนำ คุณกันต์ธีย์หรือคุณบีม จะมาทำหน้าที่เลขาฯ และที่ปรึกษาของผมครับ” พี่เธียรวิชย์แนะนำผมให้ครูที่นั่งอยู่ ผมยกมือไหว้ครูทุก

“สวัสดีครับ มีอะไรดีดีนี่แนะนำผมได้เลยนะครับ ผมยินดีอย่างยิ่งเพราะว่าเราอยู่กันอย่างครอบครัว” ผมพูดพี่เธียรวิชย์ยิ้มให้ผม

“คนสำคัญด้วยไหมคะคุณเธียร พอดีดิฉันเห็นในคลิปที่มีคนแชร์นะคะ ลูกสาวดิฉันแฟนคลับหนูลูกโซ่ด้วยค่ะ” ครูอีกคนยกมือถามแถมยังบอกว่าลูกสาวเขาเป็นแฟนคลับลูกโซ่ผมอีกด้วย

“ลูกชายหล่อเหมือนพ่อแถมยังได้ตาหวานๆ เหมือนคุณบีมด้วย เห็นแล้วอยากอุ้มจังค่ะ”

“ขอบคุณครับ ดีใจแทนลูกชายครับ มีแฟนคลับกับเขาด้วย พ่อยังไม่มีเลย สงสัยจะแพ้ลูกแน่ๆครับ แต่พ่อคงยอมล่ะครับ” พี่เธียรพูดปนขำ ผมหันมาชำเลืองตามองเล็กน้อย

“มีคนน่ารักนั่งข้างๆขนาดนี้ ไม่ต้องแล้วมั้งคะแฟนคลับนะคะ เดี๋ยวชีวิตจะหาไม่ค่ะคุณเธียร” คุณครูอีกคนพูดแซว ส่วนแพรวานั่งนิ่งเงียบผมสังเกตเธอกุมกระโปรงเธอไว้แน่น

"เห็นด้วยเลยครับ" พี่เธียรพูดตอบก่อนจะหันมามองผม ผมแค่ยิ้มบางๆให้แค่นั้นคงรู้ว่าผมเห็นด้วยไหม

“พอดีว่าช่วงนี้ ผมค่อนข้างยุ่งมากเลยนะครับ ผมเลยต้องขอร้องให้ คุณบีมพักยกเลี้ยงลูกโซ่ มาอยู่ช่วยงานผมก่อนนะครับ คุณบีมเขาเก่งเรื่องเอกสารนะครับ” พี่เธียรพูดแนะนำผมกับครูทุกคน

“ตอนนี้คุณบีมเขาก็แฟนผมครับ ดังนั้นคุณบีมจึงมีสิทธิ์ในการคิด ใการตัดสินใจทุกอย่างเท่าๆกับผมนะครับ มีปัญหาอะไรถ้าผมไม่อยู่ ติดต่อกับคุณบีมได้เลยนะครับ” พี่เธียรวิชย์พูด ทุกคนพยักหน้าพร้อมกัน

“เรามาเริ่มประชุมกันเลยไหมครับ” พี่เธียรวิชย์พูด

“เดี๋ยวค่ะ พี่เธียรยังไม่ได้แน่ะนำตัวแพรวาเลยนะคะ ไม่น่ารักนะคะ” แพรวาหันมาพูด

“พี่ลืมครับแพรวา” พี่เธียรพูด และทำท่าจะแนะนำตัว

“ดิฉันชื่อแพรวาว่ะเป็นลูกสาวรัฐมนตรีธรรมรัตน์ รู้จักใช่ไหมคะ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศนะคะ ดิฉันกับพี่เธียร เราก็เป็น…” แพรวาแนะนำตัวแต่เหมือนกับว่าเธอกำลังจะล้ำเส้นสถานะของผมกับพี่เธียร

“น้องสาวผมครับ เธอมาฝึกงานแผนกบัญชีนะครับ มีอะไรติดต่อคุณแพรวได้เลยนะครับ เรื่องเกี่ยวกับบัญชีนะครับ”

“อ้าวแล้วคุณแพรวามาประชุมทำไมเหรอคะ” ครูที่นั่งอยู่ถามแพรวา

“ทำไม ฉันจะมาไม่ได้!! “แพรวาหันขวับไปที่ครูคนที่ถามทันที

“แพรวา” พี่เธียรวิชย์เรียกชื่อเธอเพื่อเตือนสติเธอ

“ก็เห็นว่านี้ไม่เกี่ยวกับแผนกบัญชีนี่ค่ะ ดิฉันเลยถามดูค่ะ” ครูท่านนั้นพูด

“เอาอย่างนี้แล้วกันนะครับ เรามาเริ่มประชุมกันดีกว่า เรื่องที่เราคุยกันไว้ ที่ทำการเปิดคลาสพิเศษ ช่วงปิดเทอม ตามที่ผู้ปกครองได้เสนอมานะครับ บร้าๆ” พี่เธียรวิชย์พูด ผู้ปกครองที่ยื่นเรื่องมากเพราะว่าอยากให้ลูกมีกิจกรรมทำไม่อยากให้ว่างจนเกินไป ทางโรงเรียนก็เลยนำเสนอมีการติวภาษาอังกฤษเพิ่ม มีกิจกรรม เรียนวาดภาพ มีสอนดนตรี การประชุมดำเนินไปได้สักครึ่งชั่วโมง พี่เธียรวิชย์มีสายด่วนเข้ามาพอดีเลยขอตัวออกไปรับสายทันที
TBC ... 
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 07-04-2021 13:32:31
 :z13: :z10:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวา P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 07-04-2021 22:32:55
 :hao3:


น่าสงสารเขานะคับ คุณแพรวา
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27.1 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 08-04-2021 08:06:40
EP.27.1 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1

          หลังจากที่พี่เธียรวิชย์เปิดการประชุม แต่เป็นการพูดคุยกันมากกว่าถึงกิจกรรมที่น่าสนใจของเด็กๆ ที่คุ้มค่ากับการที่จะยอมจ่ายเพื่อให้เด็กๆ มาเรียนในช่วงปิดเทอม เนื่องจากว่าโรงเรียนปิดแต่ผู้ปกครองยังต้องทำงานตามปกติ ซึ่งผู้ปกครองบางคนกลัวลูกจะติดเกมส์มากเกินไป จึงได้ลงความคิดว่าโรงเรียนควรจะเปิดคลาสพิเศษขึ้น แถมครูอาจารย์ก็ได้มีรายได้เสริมอีกด้วย ทางโรงเรียนก็เลยนำเสนอมีการติวภาษาอังกฤษเพิ่ม เรียนวาดภาพและสอนดนตรี การประชุมดำเนินไปได้สักครึ่งชั่วโมง พี่เธียรวิชย์มีสายด่วนเข้ามาพอดีเลยขอตัวออกไปรับสายทันที

“ขอโทษนะคะ ขอนุญาติเสิร์ฟกาแฟและแซนด์วิชค่ะ” น้องนักศึกษาที่ขอฝึกงานที่ห้องธุรการเดินเข้ามาพร้อมรถเข็นอาหารสำหรับของว่าง และช่วยกันยกกาแฟมาจัดเสิร์ฟ พร้อมกับแซนด์วิชจิ๋วดูน่าทานมาก

“กาแฟของคุณบีมค่ะ กาแฟดำไม่ใส่นมใช่ไหมคะ ใส่น้ำตาลก้อนเดียวค่ะและของคุณเธียรวิชย์ เป็นคาปูชิโน่ร้อนนมอัลมอลด์นะคะไม่ใส่น้ำตาลค่ะ”

“ใช่ครับ ขอบคุณนะครับ “ผมบอกน้องขอบคุณ น้องเขายิ้มให้ผม ผมแอบแปลกใจน้องรู้ได้ยังไงว่าผมชอบดื่มกาแฟดำ

“คุณเธียรวิชย์บอกไว้นะคะคุณบีม “น้องฝึกงานหันมากระซิบกับผม

“ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณน้องเขาเบาๆ และพอน้องเขาเอากาแฟและแซนด์วิชไปให้คุณแพรวา ระหว่างนั้นผมได้ลองชิมแซนด์วิชดูรสชาติใช้ได้แม้ว่าหน้าตาจะไม่ค่อยสวยเหมือนมืออาชีพก็ตาม

“อร่อยดีนะครับ นี้สั่งจากร้านไหนมาครับ” ผมถามน้องฝึกงาน

“ไม่ได้สั่งค่ะคุณบีม สั่งไม่ทันแต่ล่ะที่เขารับทำส่งจัดเลี้ยงขนมถูกเหมาหมดไปแล้วนะคะ หนูสองคนเลยทำกันเองค่ะ พอได้ไหมคะ” น้องฝึกงานบอกผม ผมพยักหน้า

“ฝีมือเก่งนะครับ ใช่ได้เลยทีเดียว ผมชื่นชมที่คุณสองคนแก้ปัญหาได้ดีครับ” ผมหันไปชมน้องฝึกงาน

“ขอบคุณค่ะ” น้องเขาขอบคุณผม

“เดี๋ยว!! ใครทำแซนด์วิชนี้!” แพรวาหันมาถามน้องฝึกงานอีกครั้ง ผมว่าเขาได้ยินการสนทนาของผมกับน้องฝึกงานเต็มๆ สองรูหูเธอน่ะ แต่เธอยังถามย้ำอีกครั้ง

“หนูค่ะ คือทางเราโทรไปสั่งของว่างที่ร้านประจำไม่ทันค่ะ ปกติจะมีประชุมจะแจ้งล่วงหน้าค่ะ หนูสองคนเลยอาสาทำให้นะคะ เคยทำขายที่ตลาดนัดมาก่อนค่ะ “น้องฝึกงานหันมาตอบแพรวา

“นี้เหรอแซนด์วิช อุ๊ยตายแล้ว!!! หน้าตาแย่มาก!!! ครีมก็ใส่จนเยอะดูแยะๆ ผักเขียวก็เยอะเชียว และนี้อะไรอ่ะ ปูอัดเหรอมันดู อี้!! มันดูไม่น่าทานเลยอะ ทำไม่เป็น ทำไมไม่ไปสั่งขนมร้านที่มีชื่อเสียงมาให้ ฉันกินไม่ลงหรอก “แพรวาพูดพร้อมกับใช้คีบขึ้นมา

“ทีหลังควรจะเป็นพวกคุกกี้ ขนมปังมันจะดีกว่าแซนด์วิช   ยี้!!  แบบนี้น่ะฉันว่าน่ะ …” คุณแพรวาพูดพร้อมกับใช้นิ้วคีบออกไป เธอหันไปมองคุณครูที่มองมาที่เธอกันหมดทุกคน แม้กระทั่งผมเองก็เช่นกัน เธอคงลืมตัวไปมั้งว่าเธอนั่งพูดฉอดๆ ที่ไหนและกับใคร

“เธอเป็นเด็กฝึกงานไม่ใช่เหรอ” แพรวาหามาถามน้องที่ยืนกอดถาดเอาไว้ สีหน้าน้องเขาตกใจและเสียใจเช่นกันที่ถูกต่อว่าเสียงดังขนาดนี้

“ค่ะหนูมาฝึกงานค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“ฉันพูดก็เพราะว่าฉันหวังดีน่ะ มันดูแหยะๆ ไม่น่าทาน และบังเอิญว่าฉันเป็นคนพูดตรง เห็นไม่ดีก็พูด ฉันหวังดี นำไปปรับปรุงนะคะ คราวหน้าเลือกของให้มันดูอัพเกรดกว่านี้หน่อย ถ้าไม่รู้นี้น่ะถามฉันน่ะ ฉันยินดีช่วยสงเคราะห์บอกให้ว่าร้านไหนดี เพราะว่าฉันเช็กอินมาหมด เข้าใจไหม” คุณแพรวาพูด ผมหันมามองเธอเต็ม

“ค่ะ…. เข้าใจค่ะ” น้องเขาหันมาตอบน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ขอโทษนะครับคุณแพรวา คุณบอกว่าคุณเป็นคนพูดตรง เห็นอะไรไม่ดีก็พูด ผมว่านะคนพูดตรงกับคนไร้มารยาทนี่มันต่างกันนิดเดียวนะครับ” ผมหันมามองหน้าเธอ เธอก็มองหน้าผม

“คนที่พูดตรง เป็นสิ่งที่ดีนะครับ แต่ถ้าพูดไม่ตรงคน ไม่ตรงเรื่อง ไม่ตรงกาลเทศะ ผมว่าอันนี้เรียกคนไร้มารยาทครับ”

“คนที่พูดตรงมักจะออกมาจากใจ แต่เขาต้องกลั่นกรองผ่านกระบวนการความคิดซะก่อน ว่าสมควรที่จะพูดไหม พูดแล้วได้ประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน สิ่งสำคัญคนฟังเขาจะรู้สึกยังไง ไม่ใช่สักแต่ว่าเขา ต่อให้คุณรู้มากกว่าเขาก็เถอะ”

“ผมว่า อันนี้ไม่น่าจะเรียกว่า เป็นคนตรงๆ หรือจริงใจ แต่บ่งบอกถึง ว่าเป็นคนไร้วุฒิภาวะ กาละเทศะไม่มี หรือไม่มีศิลปะในการสื่อสารที่พอจะรักษาน้ำใจคนฟัง มากกว่านะครับ”

“แถมตอนท้าย คุณยังอุตส่าห์ ตบหัวแล้วลูบหลังเขาอีก ผมละเชื่อคุณเลย”

“ฉันไม่ได้ตบหัวแล้วลูบหลังซะหน่อย “แพรวาพูดก่อนจะหันไปมองน้องที่ยืนอยู่

“ฉันทำเหรอ” เธอหันไปถามน้องเขาอีก น้องเขาแค่ช้อนตาขึ้นมองหน้าเธอ

“ก็ผมได้ยินอยู่นะครับ คุณพูดว่า ฉันหวังดี นำไปปรับปรุงด้วยนะคะ คุณว่าเขาฉอด ๆ แต่ละคำไม่ได้บอกเลยว่า นี้คือการแนะนำที่ดี คนฟังเขาเสียความรู้สึกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วครับ”

“ถ้าคุณอยากจะหวังดีจริง คุณคงใช้คำที่มันสื่อให้เห็นว่าคุณแนะนำเขาจริง ผมว่าถ้าคุณบอกน้องเขาดีดี น้องเขาพร้อมรับฟัง ผมเชื่อว่าน้องเขาตั้งใจมาฝึกงานที่นี้เพื่อจะได้เรียนรู้งานและนำสิ่งดีดีจากที่นี้ ที่เขาสมควรจะได้รับจากการขอมาฝึกงาน และนำไปใช้ในการทำงานจริงๆ ได้ในวันข้างหน้า “ผมพูด ผมหมุนเก้าอี้มามองหน้าเธอ

“นั้นซิคะ คุณแพรวา ฉันว่าที่คุณพูดมันก็แรงไปนะคะ ถึงมันจะดูเหมือนที่คุณว่าก็ตาม แต่คำพูดคำจาที่คุณสื่อออกมานะคะ มันไม่ได้บอกว่าคุณหวังดีเลยนะคะ ออกจะทำร้ายจิตใจเด็กซะด้วยซ้ำ” ครูที่เข้าร่วมประชุม

“น้องเขาก็ตั้งใจทำมาให้ ถ้าคุณแพรวาไม่ชอบก็แค่ปล่อยผ่าน ไม่ต้องทานก็ได้มั้งค่ะ อันไหนที่คุณไม่ชอบเก็บไว้ในใจหรือไม่ก็ไปคุยกับน้องเขาหลังจากประชุมมันจะดูดีกว่านะคะ ไม่ใช่พูดประจานน้องเขาแบบนี้ อันนี้ดิฉันก็ว่าไม่สมควรค่ะ” ครูอีกท่านพูดขึ้นเช่นกัน

“บีมแกกล้าดียังไง มาฉีกหน้าฉันที่นี้” แพรวาลูกพรวดขึ้นมายืน เธอหันมาพูดกับผมแบบไม่ดังมาก ผมก็ลุกขึ้นมองหน้าเธอเช่นกัน

“ผมไม่ได้ฉีกหน้าคุณแพรวานะครับ คุณทำตัวเองต่างหาก และนี้คงจะทำให้คุณแยกแยะออกนะครับ ว่าคุณอยากจะเป็น คนพูดตรงหรือว่าเป็นคนไร้มารยาทอย่างที่ผมบอก” ผมพูดกระซิบกลับแต่ผมยิ้มไปด้วย ส่วนแพรวานะยิ่งตาขวางใส่ผมทันที

“อีบีม แก!!” และฝ่ามือของขอเธอก็ยกขึ้นมาและกำลังฟาดมาที่ผม

“ขอโทษทีนะครับ พอดีผมมีสายด่วน…. “พี่เธียรวิชย์เข้ามาพอดี

“โคล้ม!!” ยังไม่โดนหน้าผมหรอกแต่ผมล้มลงไปทันที เธอมารยาใส่พี่เธียรได้ ผมก็ทำได้เช่นกัน

“บีม!!!” พี่เธียรวิชย์ร้องเสียงหลงพร้อมกับรีบวิ่งตรงเข้ามาหาผม ผมก็เอามือกุมท้องตัวเองเอาไว้ พี่เธียรรีบประคองผมเอาไว้ทันที ผมหันมามองหน้าพี่เธียร พี่เธียรตกใจมาก

“แพรวา!! นี่เธอทำบ้าอะไรของเธอนะ” ก่อนจะหันไปตะคอกเสียงดังใส่แพรวา น้ำเสียงที่บ่งบอกว่าพี่เธียรวิชย์โกรธเธอมาก จนกล้ามขบกันเป็นสันนูน

“เธอตบบีมทำไม รู้ไหมว่าบีมเขา…” พี่เธียรวิชย์ผมหันมาจับแขนเขา ผมสั่นหัวเล็กน้อย

“บีมเขาปวดท้องอยู่ พี่ก็บอกแล้ว” พี่เธียรวิชย์พูด

“แพรวาไม่ได้ทำอะไรมันสักหน่อยนะคะพี่เธียร มันสำออยค่ะ และพี่กำลังเข้าใจแพรวาผิดด้วยค่ะ แพรวาไม่ใช่อย่างที่พี่เห็นนะคะ พี่เธียร “แพรวาพูด ผมก็ทำสีหน้าว่าเจ็บอีกพี่เธียรวิชย์ก็ยิ่งกอดประคองผม "ก็พี่เห็นอยู่ว่าเธอตบบีม เธอยังมีหน้ามาโกหกพี่อีเหรอแพรวา!!"

“ใช่ค่ะ ฉันก็เห็นอยู่ว่าคุณตบคุณกันต์ธีย์ไปขนาดนั้น เขาจะมาสำออยได้ยังไงคะคุณ! “ครูที่นั่งอยู่ไม่ไกลลุกขึ้น และคนอื่นก็หันมาพูดกันว่าเห็นแพรวาตบผมจริง

“บีม บีมเจ็บตรงไหน บอกพี่ซิ ไปโรงพยาบาลไหม” น้ำเสียงที่ร้อนรนจนเกือบจะอุ้มตัวผมขึ้น แต่ผมแตะแขนพี่เธียรอีกครั้ง

“ผมว่าผมไม่น่าจะเป็นอะไรครับ ไม่ต้องหรอกครับพี่เธียร” ผมบอกพี่เธียร

“พี่เป็นห่วง ปวดท้องหรือเปล่า” ผมยิ้มให้พี่เธียรวิชย์ ผมสั่นหัวไปมา สายตามองผม เขามองด้วยความรู้สึกเป็นห่วงผมจริง และมันคงเป็นภาพบาดตาบาดใจแพรวามิใช่น้อย

“แพรวา พี่ว่าเธอควรจะกลับบ้าน เธอไม่พร้อมจะทำงาน ที่นี้ ไม่ว่าจะกลับใครก็ตาม”

“ใช่ค่ะ ฉันเห็นด้วย จากการที่คุณต่อว่าเด็กฝึกงานขนาดนั้น นั่นแปลว่าคุณไม่มีความเมตตาให้เพื่อนมนุษย์ ฉันคนหนึ่งนะคะที่ไม่ขอทำงานร่วมด้วยค่ะ “ครูที่เข้าประชุมลุกขึ้นพูด

“และนี่คุณยังตบคุณกันต์ธีย์อีก ทั้งที่เขาพูดในสิ่งที่ถูกต้อง คุณกันต์ธีย์พูดในฐานะผู้บริหารงานคนหนึ่ง ส่วนคุณนักบัญชีที่มาฝึกงานไม่ใช่เหรอคะ”

“และการใช้กำลังแบบที่คุณทำ มันไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีสำหรับเยาวชนของชาตินะคะ “ครูแต่ละคนลุกขึ้นพูด

“คุณเธียรวิชย์ค่ะ ดิฉันขอตัวกลับไปห้องเรียนก่อนดีกว่านะคะ เอาไว้วันไหนที่คุณว่างแล้วเราค่อยคุยที่ค้างเอาไว้ดีกว่าค่ะ ตอนนี้พาคุณบีมไปพักเถอะค่ะ”

“ดิฉันขอตัวเลยนะคะ” ครูอีกคนพูดขึ้น

“และอีกเรื่องนะคะ คุณควรจะจัดการเรื่องนี่ด้วยนะคะ ส่งอบรมก็ดีนะคะ ถ้าอยากจะมาทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะว่านิสัยแบบนี้คงไม่มีใครอยากร่วมงานด้วยแน่นอนค่ะ “ครูคนนั้นพูดก่อนจะหันมามองแพรวา นั่นแปลว่าเขาหมายถึงแพรวาเต็มๆ ครูทุกคนพากันออกจากห้องไปทันที ผมว่าเธอคิดผิดมากที่มาแสดงอาการแบบนี้ในโรงเรียนที่มีครูอาจารย์แบบนี้ด้วย 

พี่เธียรวิชย์พยุงผมขึ้น จนเกือบจะอุ้มผมแต่ผมแตะแขนร้องห้ามเอาไว้ ผมค่อยๆลุกขึ้นแต่ก็มีเซเล็กน้อยพอเป็นมารยานิดหน่อยให้พี่เธียรรีบประคองผมไว้  ผมคงไม่ต้องใช่มารยาถึงห้าร้อยเล่มเกวียนเท่าเธอหรอก  และคนที่ยืนมองก็ยิ่งกำมัดแน่นกว่าเดิม

“แพรวากลับไปบ้านเถอะ ส่วนเรื่องงานพี่จะคุยกับพ่อเธอเอง “พี่เธียรพูดกับแพรวา เธอยังยืนอึ้งไม่ขยับ

“อีกอย่างน่ะ แพรวา พี่ว่าเธอควรจะไปพบผู้เชี่ยวชาญที่จะสามารถช่วยเธอได้ “พี่เธียรพูดผมหันไปมองหน้าเธอ

“พี่จะว่าแพรวาไม่ปกติ เหมือนที่โกวหงส์พูดกับพ่อแม่ของแพรวาเหรอคะ” แพรวาถามพี่เธียร

“โกวหงส์นะเขาเกลียดแพรวาต่างหากละ เขาถึงไอ้พูดแบบนั้นกับพ่อแม่ของแพรวา เขาอิจฉาที่แพรวาหน้าตาดีกว่าลูกสาวเขา” แพรวาพูด ผมสะบัดหน้าไปมองเธอคิดได้ยังไง ผมหันมามองพี่เธียรอีกที พี่เธียรเหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อย

“และคงจะเป็นอาม่าอีกคนใช่ไหมคะที่บอกพี่เธียรแบบนั้น ก็อาม่านะเขาไม่ชอบแพรวาเพราะเขากลัวว่าแพรวาจะแย่งพี่ไปจากอาม่า อาม่าเขาอิจฉาแพรวาค่ะ แพรวาดูออกค่ะ” แพรวาพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ นี่เธอใช้ความรู้สึกของเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาพูดมากกว่า

“ไปกันใหญ่แล้วแพรวา ไร้สาระ! “พี่เธียรพูด

“ตอนแรกพี่ก็ไม่เชื่อที่ทุกคนพูดกัน แต่ว่าตอนนี้ พี่เชื่อแล้วแพรวา แพรวาเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ!! “พี่เธียรวิชย์หันไปพูดกับเธอ

“แพรวาไม่ได้บ้า!!”

“พี่ก็ไม่ได้ว่าแพรวาบ้า!!”

“แต่แพรวาแค่ต้องการได้รับการรักษาที่ถูกวิธี แพรวาอาจจะดีขึ้น” พี่เธียรวิชย์พูดกับเธอด้วยน้ำเสียงที่นิ่งลง

“แพรวา…” แพรวากำลังจะอ้าปากเถียงต่อ

“พอแล้วแพรวา!!! กลับบ้านไปซะ ไม่ต้องมาทำงานที่นี้อีก พฤติกรรมของแพรวาอาจจะทำให้เด็กหลายๆ คนเข้าใจผิดและลอกเลียนแบบนะครับ พี่ขอร้อง”

“อย่าหาว่าพี่ใจร้ายเลยนะแพรวา แต่อย่ามาอีก พี่รักบีม พี่ไม่อยากให้บีมรู้สึกอึดอัดเช่นกัน พี่ไม่อยากเห็นแพรวาทำร้ายคนที่พี่รักอีก เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหมแพรวา” พี่เธียรหันไปพูดกับเธออีกครั้ง ก่อนจะกอดเพื่อพยุงผมออกไปจากห้องประชุมเล็ก เพื่อตรงไปยังห้องผู้บริหาร


“พี่เป็นห่วงผมหรือว่าเป็นห่วง เออ “ผมพูดก่อนจะหลุบตาลงมองที่พุงของบผม นี้เพิ่งจะผ่านมาแค่เกือบอาทิตย์เองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าผมท้องหรือเปล่า

“ห่วงแม่ของลูกก่อน นี้คือสิ่งแรกที่พี่คิด” พี่เธียรวิชย์พูด มันทำให้มุมปากผมกระตุกเป็นรอยยิ้ม ดีใจครับ

“ถ้าเกิดบีมท้องขึ้นมาล่ะ เห็นไหม ขนาดพี่ไม่ได้บอกให้นางรู้ นางจะทำกับบีมขนาดไหน พี่ไม่อยากคิดเลย ต่อไปห้ามอยู่ห่างจากพี่นะครับ” พี่เธียรบอกผม แววตาคู่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิดที่ผมลงทุนลงไปกับพื้นขนาดนั้น

“ปวดท้องหรือเปล่า ถ้าปวดบอกพี่เลยนะพี่จะได้พาไปโรงพยาบาลเลย”

“ไม่ปวดหรอกครับ ผมลงไปไม่แรง และผมไม่ได้เอาสะโพกลง ผมใช้แขนยันเอาไว้ครับ ผมรู้ว่าผมจะปกป้องเขายังไง “ผมบอกพี่เธียรวิชย์ เขาก็พยุงผมให้นั่งลงที่เก้าอี้ พี่เธียรก็นั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าผม เอามือลูกท้องน้อยของผม

“ป๊าขอโทษนะครับ ถ้าเป็นอะไรนี้ ป๊าโกรธตัวเองน่ะไม่โกรธม๊าหรอก “พี่เธียรพูดกับพุงน้อยๆ ของผม ผมก้มลงมอง นี้ยังไม่รู้เลยว่าท้องไหม

“พี่เธียร ผมยังไม่รู้เลยน่ะว่าผมท้องหรือเปล่า”

“พี่ว่าบีมท้องนะ” พี่เธียรวิชย์พูด เขาเงยหน้าขึ้นมองผม ดูเขาจะมั่นใจมาก

“พี่ฝันเห็นเด็กผู้หญิงนะครับ พี่ฝันว่าพี่อุ้มเด็กผู้หญิง น่ารักมากเลย หน้าเขาหวานเหมือนกับบีมไม่มีผิด แถมยังขี้อ้อนพี่มากด้วย พี่นี้หอมแก้มไม่หยุดเลยและก็พูดจ้อยๆ ไม่หยุดปากเลยนะ พูดจนพี่นี่หลงเลย “พี่เธียรวิชย์พูด

“ม๊าที่ทำให้ป๊าหลงมากแล้วน่ะ แต่พอมาอุ้มลูกสาวนี้หลงหนักเลย และถ้าได้ลูกสาวจริง พี่คงต้องไว้หนวดจะได้ไม่มีใครกล้ายุ่ง” พี่เธียรพูด ผมขำแต่ก็แอบปาดน้ำตาด้วยความดีใจ

“พี่เชื่อว่าฝันคือลางบอก เพราะว่าตอนลูกโซ่พี่ก็ฝันทุกคืน จนเจอเขาตัวเป็นๆ เลยน่ะ” พี่เธียรวิชย์พูด เขากอดพุงผมเบาๆ หอมพุงผมด้วย

“ปึก” ประตูถูกผลักเข้ามาโดยแพรวา เธอยืนมองผมกับพี่เธียรวิชย์ ที่จูบพุงผมเล่น พี่เธียรวิชย์ลุกพรวดยืนขึ้นทันที ผมไม่รู้ว่าเธอจะเข้าใจความหมายของมันไหม ผมรีบดึงเสื้อมาปิดพุงผมไว้ก่อนจะลุกขั้นมายืนเช่นกัน

“นี้ฝีมือแกใช่ไหม หรือว่าแกไปอ้อนอากันตภณ ให้เขาไปขอให้อธิการบดี เขาท่รื้อเรื่องของฉันขึ้นมาพิจารณาใหม่ใช่ไหม!! "  "แกคงอิจฉาฉันใช่ไหม ที่ฉันได้เกียรตินิยมอันดับสองแต่แกไม่ได้ เพราะว่าแกมันท้องป่องในมหา’ลัย” แพรวาพูด ผมเดาว่าอาจารย์เปรมสินีคงโทรบอกเธอแน่ๆ

“ตกลงแกนี้มันเอาทั้งอาและหลานเลยใช่ไหม อีร่าน!!” แพราวาพูด

“แพรวา!! ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้” พี่เธียรหันไปตะคอกเสียวงดีใส่แพรวา

“แพรวาไม่ถอนค่ะ และพี่ไม่เห็นเหรอคะ ว่ามันแอบไปเอากับอากันด้วย แต่อากันแค่เป็นหมัน ไม่อย่างนั้นคงได้ท้องกับอากันก่อนพี่!!” แพรวาพูด ผมกำมัดผมอยากจะลงไปตบหน้าเธอแต่คิดอีกที ไม่คุ้มกับหมาบ้าอย่างแพรวา เพราะว่าถ้าผมกัดกับเธอผมก็แค่ชนะหมา

“หยุด!! เธอคิดว่าพี่จะเชื่อคำพูดของคนขี้อิจฉาอย่างเธอเหรอแพรวา พี่รู้มากกว่านั้นว่าเธอทำอะไรบีม และถ้าทุกอย่างมันทำให้เธอและพ่อเธอต้องอับอาย ไม่ต้องไปโทษใคร และพี่นี่ที่ผิดหวังในตัวเธอที่สุด”

“ต่อไปก็ไม่ต้องมาเรียกพี่ว่าพี่ชายของเธอ เพราะเธอใจร้ายเกินกว่าที่พี่จะให้ได้แม้กระทั่งฐานะน้องสาว” พี่เธียรวิชย์พูด เธอมองพี่เธียรวิชย์ แววตาคู่นั้นมันบ่งบอกว่าเธอเจ็บปวดแค่ไหน ผมถึงกับต้องหันหน้าหนี ผมจะไม่ยอมใจอ่อนให้ผู้หญิงคนนี้เด็ดขาด

แกทำให้ฉันเสียคนที่ฉันรัก!!” แพรวาพูดพร้อมกับจะเข้ามาแต่พี่เธียรกันผมออกโดยใช้ตัวเองบัง

“หยุดน่ะแพรวา!! ถ้าแพรวาไม่หยุด พี่จะให้ รปภ มาลากแพรวาลงไป!!!”

“ได้!!! เราจะได้เห็นดีกัน แพรวาจะดูซิว่า ใครจะได้เป็นสะใภ้ตระกูลนี้กันแน่ เพราะว่าแพรวาว่ามีจดหมายที่อากงเขียนเอาไว้ ว่าแพรวาควรจะแต่งงานกับคนในตระกูลนี้และมันก็ต้องเป็นพี่คนเดียว พี่เธียร!!!” แพรวาพูด เขาหันมามองหน้าผมตาขวางจนดูน่ากลัว ก่อนจะเดินหันหลังออก

“ปัง!!” เสียงประตูปิดลงเสียงดัง ผมเห็นสีหน้าพี่เธียรเครียดขึ้นมาทันที ผมจับมือพี่เธียรไว้ พี่เธียรพยักหน้ากับผม ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกา

“กลับบ้านกันดีกว่า ไปทานข้าวกับลูกโซ่ดีกว่าครับ” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมพยักหน้า

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 08-04-2021 08:13:51
EP.27 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056220#msg4056220)

EP.27 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง(เหมือนพี่เธียรวิชย์กำลังมองหาทางออก)P2

        //ฮัลโหลม๊า ผมกับบีมจะไปทานข้าวที่บ้านครับ ใช่ครับ ได้ครับ ตื่นหรือยัง ได้ครับม๊า เจอกันครับม๊า” พี่เธียรวิชย์พูดกับคนในสาย ผมเดินผ่านห้องธุรการพอดีเลย ผมเดินแวะเข้าไปในห้องนั้นสักหน่อย ไม่รู้ว่าน้องฝึกงานเป็นยังไงบ้าง

“จริงดิ พี่ว่าคุณบีมน่ะมีรัศมีความเป็นผู้บริหารมากกว่านางอีก สาธุ ขออย่าให้มาอีกเลย ไปแล้วไปลับเลยน่ะ คนอะไรยังกับนางมาร “ผมได้ยินพี่ๆ และน้องเขาพูดถึงแพรวา

“คุณบีมมาแล้ว” พี่ธุรการหันไปบอกน้องๆ เขารีบลุกมาหาผมทันที

“คุณบีม”

“เรียกพี่บีมก็ได้ครับ เรื่องในห้องประชุมไม่ต้องไปคิดมาน่ะ เราทำดีที่สุดแล้ว สำหรับพี่ว่ามันโอเค”

“หนูรีบไปหน่อยค่ะ กลัวไม่ทัน รอบหน้าจะทำให้น่าทานกว่านี้ค่ะ”

“พี่เชื่อครับแต่รสชาติใช้ได้แล้วนะครับ แต่รอบหน้าอาจจะปรับลดปริมาณที่ใส่ไปหน่อย คราวนี้ไม่มีกล้าว่า แน่นอนครับ”ผมพูดน้องๆเขาหันมายิ้มกันใหญ่

“ขอบคุณนะคะที่ช่วยพูดให้หนูสองคนนะคะ หนูอายเขามากเลยค่ะที่คุณคนนั้นเขาพูด”

“เขาก็เป็นแบบนี้แหละ เราก็ดูไว้เป็นแบบอย่าง สิ่งไหนที่ดีก็เก็บเอาไว้และสิ่งที่ไหนไม่ดี บั่นทอนจิตใจเรา ก็ปล่อยผ่านไป พี่เคยฝึกงาน พี่เข้าใจครับ”

“แต่พี่ขอบคุณเราสองคนน่ะ ถือว่าเป็นการแก้สถานการณ์ได้ดี ที่ช่วยกันทำแซนด์วิชให้วันนี้ พี่ไปก่อนแล้วกันน่ะ “ผมพูดก่อนจะเดินออก

“ทำเยอะไปหน่อยเหลือเยอะเลย” ผมได้ยินน้องเขาหันไปพูดกัน

“น้องครับ พี่ว่าลองเอาไปให้ลุงคนทำสวนเขาทานดูนะ เขาทำงานกลางแดดร้อนน่าดู เอาน้ำไปให้สักขวดก็ดีนะครับ “ผมหันมาบอกน้องเขา ก่อนจะเดินออกมาหาพี่เธียรวิชย์

“ป๊าบอกว่าจะมาทานอาหารกลางวันด้วย สงสัยเรื่องแพรวาด้วย พ่อนางคงโวยวายกับป๊าพี่อีกแล้ว แต่พี่เชื่อว่าป๊าเลือกลูกสะใภ้มากกว่า พี่ได้ยินม๊าบอกว่าป๊าปฏิเสธลุงรัตน์หลายเรื่องแล้ว แต่ม๊าไม่ได้บอกพี่น่ะว่าเรื่องอะไรบ้าง “พี่เธียรหันมาบอกผม ผมพยักหน้ากับพี่เธียร ระหว่างที่ขึ้นไปอยู่ในรถ ผมนึกขึ้นได้

“พี่เธียรพี่บอกผมว่าเซอไพรส์ให้ผมไม่ใช่เหรอครับ” ผมถามพี่เธียร พี่เขาหันมามองหน้าผม

“ว่าไงครับพี่เธียร” ผมถามพี่เธียร

“พี่ให้พี่รินทร์เขามาขายอาหารในห้องอาหาร” พี่เธียรหันมาบอกผม

“อ้าวแล้วน้องไอรินล่ะครับ”

“พี่ให้เขามาฝากเลี้ยงไว้ได้อยู่ใกล้ๆ พี่รินทร์ด้วย พี่ไม่เก็บค่าเลี้ยงน้องเขาน่ะ “พี่เธียรพูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียร

“พี่เขากลัวว่าเราจะรู้สึกไม่ดี ที่พี่ยื่นมือไปช่วยเขาเยอะเพราะว่าเขาแค่ช่วยแบ่งน้ำนมมาให้ และเขาก็เกรงใจบีมมากเลยน่ะ” พี่เธียรบอกผม

“น่าเสียดายจัง” ผมหมายถึงอดเจอพี่รินทร์กับน้องไอรินเลย

“พรุ่งนี้ไง มาช่วยป๊าอีกน่ะ ม๊าจะได้พักบ้าง ม๊าพี่เขาก็อยากจะเลี้ยงเจ้าลูกโซ่ เพราะว่ายิ่งเลี้ยงก็ยิ่งหลง นี้อาม่าก็มาหาลูกโซ่ด้วยน่ะวันนี้น่ะ อ้อนให้โกวหงส์มาส่งแต่โกวหงส์รีบกลับไปช่วยงานเตี่ยวิทย์ต่อ” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมก็พยักหน้าเบาๆ ผมนั่งเอนหลังพิงเบาะคิดอะไรเพลิน ผมนั่งเอนหลังพิงเบาะคิดอะไรเพลิน ขณะที่พี่เธียรกำลังวิ่งผ่านร้านกาแฟสด บรรยากาศน่านั่งมาก เป็นตึกสามชั้นครึ่ง

“อยากดื่มกาแฟเหรอครับ” ผมมองที่ร้านนั้นนานไปหน่อย ผมยังไม่ทันหันไปบอกเลย พี่เธียรก็เลี้ยวรถเข้าไปจอดซะแล้ว ผมลงจากรถไปกับพี่เธียร ผมเห็นมีคนนั่งทานและยืนรอต่อคิวซื้อเยอะพอสมควร แต่ว่าผมดันไปเห็นป้ายประกาศขายตึก

“เขาขายดีแต่ทำไมเขาประกาศขายอะพี่เธียร” ผมถามพี่เธียรวิชย์ พี่เขาหันไปมองป้ายด้วยความแปลกใจไม่ต่างจากผม จนกระทั่งถึงคิวผมสองคน

“รับอะไรดีคะคุณ”

“เอาลาเต้เย็นครับหวานน้อย สองแก้วครับ” พี่เธียรสั่งเครื่องดื่ม

“ขอโทษนะครับ ขายดีขนาดนี้ทำไมประกาศขายกิจการละครับ” พี่เธียรถามคู่สามีภรรยาที่กำลังชงกาแฟอยู่ เขาหันมามองผมสองคน

“ลูกสาวน่ะเขาชวนไปอยู่ที่ออสเตรเลียค่ะ  เราสองคนก็ทำมานานแล้วเหนื่อย เลยอยากจะพักบ้าง ไปช่วยลูกสาวดูหลานดีกว่า ลูกสาวกับลูกเขยเปิดร้านอาหารที่นั่นค่ะ “เขาบอกผมดูน่าจะอายุสี่สิบกือบห้าสิบได้ ผมพยักหน้า

“ที่นี้ขายดีค่ะ ยิ่งตอนเย็นๆ บางที่ก็มีติวเตอร์มานั่งรับติวเด็กทุกวันค่ะ แต่เราสองคนก็คิดถึงลูกถึงหลายเลย เลิกกิจการดีกว่าค่ะ” ผู้เจ้าของร้านหันมาส่งแก้วเครื่องดื่มให้ผม พี่เธียรวิชย์พยักหน้าก่อนจะรับมาถือแทนผม ผมสองคนเดินออกมาแต่ว่าพี่เธียรหยุดเดินก่อนจะรีบถ่ายรูปป้ายประกาศขายตึกนั้นทันที ผมหันมามองพี่เธียร เขาก็รีบดันผมให้เดินออกซะก่อนที่จะได้ถามว่าถ่ายทำไม

“ลูกรอแล้วม๊า ไม่ยอมทานอาหารกลางวันรอเราสองคนอยู่” พี่เธียรวิชย์พูด



             Part’ s เธียรวิชย์ ผมขับรถพาบีมกับบ้านมาทานอาหารกลางวันกัน สีผมยิ้มให้บีมแต่ในหัวผมคิดไปต่างๆ นานๆ ถ้าเธอบอกเธอมีจดหมายที่อากงเขียนให้เธอกับผมแต่งงานกันจริงๆ ผมคงจะเลือกสิ่งที่ผมไม่อยากเลือก เพื่อรักษาคนข้างๆ ของผมเอาไว้ และดวงใจของผมลูกโซ่ อาการของเธอวันนี้มันทำให้ผมรู้ว่าเธอป่วยมากเกินกว่าจะรักษาได้แล้ว ผมเองคงไว้ใจให้เธอเข้าใกล้บีมไม่ได้ ผมเป็นห่วงเขามากจริงๆ ผมเลี้ยวรถเข้ามาในบ้าน รถเฮียธีและเฮียธามจอดอยู่ แต่ไม่มีรถเฮียธัน

“สงสัยเฮียธันจะไปทานข้าวกับฟิล์มแน่ๆ เลย” ผมหันมาแซวบีม

“ฟิล์มมันไม่เห็นจะบอกอะไรผมเลย”

“แม้เขาก็คงยังไม่ลงตัวกันดี พี่เชื่อว่าเขาจะบอกเองแหละเมื่อเขาทั้งคู่พร้อม และเฮียธันก็ยังไม่ได้บอกอะไรพวกพี่เหมือนกันน่ะบีม แต่พวกพี่ก็พอเดาได้แหละ กุ๊กกิ๊กกันขนาดนั้น” ผมพูดกับบีม ผมเดินเข้ามาในบ้าน ได้ยินเสียงอาม่าหัวเราะมีความสุข ผมหันมามองหน้าบีม

“ตั้งแต่อากงเสีย อาม่าไม่เคยหัวเราะมีความสุขแบบนี้เลยน่ะ บีม” ผมพูดกับบีม บีมยิ้มให้ผม เราสองคนเดินผ่านประตูเข้าไปในบ้าน อาม่ากำลังดูเจ้าลูกโซ่ ที่พยายามทำท่าทางประกอบเพลงที่เฮียธามสอน Twinkle little star บีมเขาร้องเพลงนี้ให้ฟังบ่อย ผมว่าบีมนี้เขาดูแลและเข้าใจเด็กมาก มันยิ่งทำให้พัฒนาการเจ้าลูกโซ่เด่นชัดขึ้นทุกวัน

“แมงมุมลายตัวนั้น ฉันเห็นมันซมซานเหลือทน วันหนึ่งมันเปียกฝน ไหลหล่นจากบนหลังคา พระอาทิตย์ส่งแสง ฝนแห้งกลับไปลับตา มันรีบไต่ขึ้นฟ้า หันหลังมาทำตา ลุกวาว!” ผมปิดปากขำตรงท่าหันมาทำตาลุกวาวนี่แหละ และเขาก็

“อ้า ปะ ปะ ปะ ป๊า” เจ้าลูกโซ่ ยืนและพยายามเดินมาหาผม ลูกโซ่เริ่มเรียกผมว่าป๊าได้แล้ว แม้จะชัดบ้างไม่ชัดบ้างก็ตาม เจ้าลูกโซ่พยายามเดินมาหาผม แต่พอเดินมาได้ก้าวสองก็ล้มลง แถมยังยื่นมือขึ้นมาอ้อนให้ผมมาอุ้มเขาหน่อย เดินไม่ไหว ผมเดินเข้าไปอุ้มเจ้าก้อนเต้าหู้ขึ้นมาทันที ผมไม่อยากคิดว่าลูกชายผมยังหลงขนาดนี้ ลูกสาวคงหลงน่าดู

“อาม่าสวัสดีครับ “บีมเดินไปหาอาม่า ผมก็เช่นกันยกมือไหว้ อาม่าหันมาเอามือลูบหัวผมเบาๆ และบีมเบาๆ

“อาบีมเอ๊ย เหนื่อยไหมลูก วันนี้ไปช่วยอาเธียรเขาทำงานน๊า” อาม่าถามบีม ผมรู้ว่างานไม่เหนื่อยสำหรับบีมแต่ต้องมาสู้รบตบมือกับแพรวานี้แหละเหนื่อยมากกว่า ผมเองก็เหนื่อยแล้วเหมือนกัน

“เป็นไงบ้างละ แม่ชะนีโรคประสาทนั้น ปั่นป่วนอะไรหรือเปล่าล่ะบีม” เฮียธามถามผม

“อาหราย ทำไมลื้อให้อี้ไปทำงานกับอาเธียรและอาบีม ลื้อก็รู้ว่าอี้ คิดไม่ซื่อ อาเกริก แถมพ่อยังไม่เคยคิดว่าที่ลูกตัวเองทำน่ะมันผิดอีก”

“พี่รัตน์เขาขอนะม๊า คนที่ทำงานต่างพากันเพ้งเล็งแพรวา ต่างเริ่มพูดกันแล้วว่า เธอไม่ปกติ พี่รัตน์เขาเลยขอให้เธอมาทำงานกับผมเหมือนกับฝึกงานมากกว่านะม๊า “ป๊าพูดผมพยักหน้าทันที เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง

“ ยังไงแพรวาก็เป็นหลานเพื่อนของป๊าน่ะม๊า จะให้ผมปฏิเสธก็ยังไงอยู่นะม๊า” ป๊าหันมาพูดกับอาม่า

“แล้วอาบีมไม่ใช่ลูกสะใภ้ลื้อหรือไง อาม่าเห็นเขาว่าอาบีมแล้ว อารัตน์นี้เป็นพ่อที่ใช่ไม่ได้ ไม่ห้ามปรามลูกตัวเอง เหมือนส่งเสริมลูกตัวเองให้เป็นคนไม่ดี ทั้งที่รู้ว่าเธียรมันก็มีลูกมีเมียแล้วน๊า” อาม่าพูด

“ลื้อต้องจัดการน่ะเกริก อั๊วะก็ไม่ชอบน๊ามาทำนิสัยแบบนี้ ทำเป็นคนไม่รู้กาลเทศะไม่ได้น๊า เกริกน๊า” อาม่าหันไปบอกป๊า ป๊าพยักหน้ากับอาม่า

“มาแล้วเหรอเธียร บีม “ม๊าเดินออกมาจากห้องครัว

“ม๊า อากันจะมารับม๊าใช่ไหมจะได้จัดโต๊ะเพิ่มทานอาหารก่อนแล้วกันน่ะ”

“ม๊าจะไปไหนต่อล่ะ” ป๊าถามอาม่า

“จะไปหาหมอน๊ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยลี ร้อนๆ หนาวๆ ยังไงก็ไม่รู้”

“ไม่สบายเป็นไข้หรือเปล่าม๊า ร้อนๆหนาวๆนะ ” ม๊าถามอาม่า บีมหันมามองด้วยความเป็นห่วง

“ก็ตอนอยู่บ้านอั๊วเปิดแอร์ไว้พอมันหนาว อั๊วก็ปิด พออั๊วปิดมันก็ร้อน อั๊วะก็เปิดใหม่และ พอมันหนาวอั๊วะก็ปิด อัํวะก็ปิดๆ เปิดๆ แอร์มันทั้งวันน๊ะ  มันก็เลยร้อนๆ หนาวๆทั้งวัน”อาม่าพูด

“อาม่า!!!” ผมสามคน

“แล้วอาม่าปิดๆ เปิดๆ มันยังไงอ่ะ “เฮียธามถามอาม่า

“รีโหมดไงไม่เห็นจะยาก ปุ่มเขียวก็เปิด ปุ่มแดงก็ปิด มันอยู่ใกล้กันอั๊วก็แค่กดสลับกันแค่นี้ ง่ายจะตาย” อาม่าพูด

“แล้วไปปิดๆ เปิดๆ มันทำไมล่ะม๊า เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี” ป๊าผมรีบหันมาทักท้วงอาม่า

“ก็นี่ไงอั๊วว่าจะให้อากันพาอั๊วไปหาหมอ”

“หาหมอให้มาซ่อมแอร์ให้อาม่าเหรอครับ” เฮียธีหันมาถาม

“ซ่อมอั๊วนี่แหละ ซ่อมทำห่าอาหรายแอร์ แอร์มันไม่เสียน๊า อั๊วนี้แหละที่จะซี่แหง๋แกก่อนแอร์มันพังน๊ะ” อาม่าพูด

“อาม่า ธามว่า อาม่าซ่อมแอร์เถอะ เพราะผมเดาว่าปัญหาคงอยู่ที่แอร์ไม่ใช่อาม่า เล่นปิดๆ เปิดๆ ขนาดนี้ สักวันมันคงมีอันเป็นไปก่อน” เฮียธามพูดปนหัวเราะ และเฮียธีหันมา

“ไฮไฟ!!” เฮียธียื่นมือ เฮียธามรีบแตะมือทันที แถมตามด้วยเจ้าลูกโซ่ ยื่นไปแตะกับเขาบ้าง ผมหันไปเห็นอากันเดินเข้ามาพอดี

“ฉลาดน่ะ มาทำให้โจวม่ามั้งซิ อาตี๋น้อยๆ” อาม่าพูดพร้อมกับแบมือขึ้นมาแต่

“มันว่าอะไรของมันนะ ไฮ อะไรว่ะ “อาม่าทำท่าจะพูด

“ไฮไฟครับอาม่า อาม่าก็ยกมือขึ้นและบอกเหลนว่าไฮไฟ” เฮียธีสอนอาม่า

“มา มา ไฮไฟ “อาม่าพูด เจ้าลูกโซ่เปิดเป๋ไปทันทีตั่งแต่อาม่ายกมือแล้ว “แป๊ะ!!” ทำเอาป๊าผมยิ้มในความฉลาดของลูกโซ่ทันที และลูกโซ่ก็หันไปมองคนที่มาเยือนคนนั้นคือากัน เขาเห็นอากันเดินมาหยุดมองเขาอยู่เช่นกัน ลูกโซ่ยื่นมือขึ้นควักมือเรียก อากันย่อตัวลงกางแขน คราวนี้เจ้าลูกโซ่โผไปหาทันที

“คราวนี้ให้เหล่ากู๋อุ้มได้แล้วเหรอ เจ้าเธียรสอง” อากันพูดก่อนจะอุ้มลูกโซ่ขึ้นมา

“อากันทานข้าวด้วยกันก่อนเลยซิ เห็นม๊าบอกว่าจะให้เราพาไปหาหมอไม่ใช่เหรอ” ป๊าถามอากัน

“ใช่ครับเฮียเกริก” อากันตอบก่อนจะหันมามองอาม่า

“ม๊า ม๊าให้พี่สโนโทรไปเปลี่ยนเป็นหมอภีมทำไมล่ะม๊า มันไม่ตรงกับโรคของม๊าน่ะ” อากันหันมาถามอาม่า

“เออ หมอภีมนี้หมอทำคลอดลูกโซ่หรือเปล่า บีม” ผมหันไปถามบีม

“ใช่ครับ หมอภีมคือหมอสูตินรีแพทย์ “บีมตอบ ทุกคนหันมามองอาม่ากันหมด

“ม๊าเป็นอะไรไปหาหมอภีมทำไมน่ะ “ป๊าผมหันมาถามอาม่าทันที

“ก็ป่วยไง หรือว่าลื้อคิดว่าอั๋วเป็นไข้ใจหรือไง ถึงได้ต้องไปหาหมอน่ะ โอ๊ย ถามไม่คิด” ป๊าผมถึงกับกุมขมับตัวเอง แต่ม๊าแตะแขนห้ามป๊าผมแทน

“ม๊า เฮียน่ะเขาหมายถึงว่า ม๊าน่าจะไปหาหมอให้ตรงกับโรค”

“อั๊วยังไม่รู้เลยว่าอั๊วเป็นอาหราย อั๋วะไม่ใช่หมอน๊า และทุกทีอั๊วก็ไปหาอาภีมน่ะ เขาก็รักษาได้หมดน๊า”

“ปวดหลังได้ไหมอาม่า ช่วงนี้หลังยอก” เธียธีถาม ทำท่ายอกหลังด้วย

“ทำไมอ่ะ เมียมึงเตะเอาเหรอหลังยอกเลย” อาม่าพูด ผมหันไปชี้เลยเจ๊มิวจัดให้ใช่ไหม

“ตอนแรกก็แค่ปวดหลังเพราะนั่งทำงานนาน แต่พอให้มิวนวดเท่านั้นแหละยอกเลยอาม่า” เฮียธีพูด

“นวดอย่างเดียวเหรอถึงได้ยอกน่ะ เอวเขล็ดด้วยหรือเปล่า เฮีย” เฮียธามแซวทันที ผมเข้าใจความหมายอยู่ ทะลึ้งครับ

“แล้วถ้าปวดหัวล่ะอาม่า” เฮียธามถาม

“ก็รักษาได้ ปวดแค่ไหนก็รักษาได้น๊า ทำไมลื้อปวดหัวเหรออาธาม” อาม่าพูดก้อนจะถามเฮียธีกลับ

“เฮียธีแกชอบบ่นปวดหัวเวลาเฮียแกโดนเมียบ่นนะอาม่า” เฮียธามพูด

“อ้าวเฮ้ย!!” เฮียธีสะบัดหน้าไปมอง อาม่าหันมามองเฮียธีทันที

“เมียบนเยอะปวดหัว เหรออาธี” อาม่าพูด เฮียธีพยักหน้า

“ไปบอกมิวว่าให้หาเจ้าบ่าวใหม่ มันจะได้เลิกปวดหัวน๊าไอ้นี่น่ะ” อาม่าหันไปบอกม๊าแทน

“ไม่เอาอาม่า บ่นเยอะแต่ก็รักครับอาม่า จะแต่งแล้วด้วย หาไม่ทันหรอก” เฮียธีรีบดึงแขนอาม่ามาอ้อนทันที

“ปวดฟันล่ะอาม่า” ผมถามอาม่า

“รักษาไม่ได้  อั๊วไปมาแล้วอีส่งอั๋วไปให้หมอฟัน อีบอกอีฟันไม่ได้ อีไม่ใช่หมอฟัน!” อาม่าพูด

“อาม่า ทันตกรรมเถอะ ฟังแล้วเสียวเลย ไปให้หมอฟัน” เฮียธีพูด

“โรงพยาบาลอะไรอาม่า ธามอยากไปเลยอ่ะ อยากไปให้หมอฟัน ถ้าหมอฟันไม่ได้ ธามนี้จะฟันหมอเอง” เฮียธามพูด บีมยังปิดปากขำเฮียธาม

“เฮ้ย!!!” ผมกับเฮียธีอุทานออกมาพร้อมเพียงกัน พร้อมกับหันมามองพี่ชาย ป๊าผมเหลือกตาขึ้นบนก่อนจะรีบลุกเดินเข้าไปทันที ผมว่าป๊ารู้แล้วแหละว่าลูกชายไม่เหลือแล้ว “ไม่ได้เหรอ” เฮียถามหันมาถามผม ผมชี้ไปที่ป๊า

“ถามป๊า” ผมบอกเฮีย ป๊าเดินไปโน่นแล้ว

“ถ้าไอแล้วเจ็บเข่าล่ะอาม่า ไอ้เธียรมันเป็นอาม่า” เฮียธามรีบถามอาม่าและชี้มาที่ผม ส่วนบีมนะขมวดคิ้วแปลว่าเขาไม่เข้าใจมันคืออะไร

“โรคอะไรของมันว่ะ มึงจะไอหรือว่ามึงจะเจ็บเข่า เอาสักโรคซี้” อาม่าพูด

“มันมาพร้อมกันอาม่า ไอเจ็บเข่าอาม่า” เฮียธีพูด

“อากัน โทรไปถามหมอภีมซิว่าเขารักษาได้ไหม ไอ้โรคไอเจ็บเข่านี่น๊า” อากันสะบัดหน้ามามองอาม่า ก่อนจะเหลือตาขึ้นบนแทน ผมว่าอากันรู้ อากันรีบเดินหนีทันที

“โรคอะไรของพี่น่ะ” บีมกระซิบถามผม

“โรคเอาแล้วเจ็บไข่ไงครับน้องบีม” เฮียธีกระซิบ บีมนี้หน้าแดงขึ้นมาทันที

“ไม่เจ็บ แข็งแรงให้เอาดัมเบลมาแขวนยังได้” ผมหันไปคุยทันที

“ไอ้ปากดี แค่ดินสอมึงก็ยกไม่ขึ้นเชื่อกูดิ” เฮียธามพูด มันช่างดูถูกน้องมากดินสอมันเบามากนะ

“พอแล้วไปกินข้าวได้แล้ว พี่น้องนี้เขาคุยอะไรกัน สงสารอาม่าบ้างทะลึ่งจริงๆ เลย” ม๊าหันมาเอ็ดผมสามคน

“ไปกินข้าวเถอะ เดี๋ยวก็ได้เลยนัดไม่เจอกันล่ะหมอภีมนะ ม๊า “ม๊าผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันที พวกผมเดินเข้าไปในห้องอาหารแม้จะเป็นแค่มือกลางวัน ก็ช่วงนี้บรรดาเฮียก็พากันยุ่งๆ  เลยไม่ได้กลับบ้าน ส่วนเฮียธันนี้ยุ่งมากไม่เห็นกลับมาบ้านเลย ไม่รู้ว่ายุ่งอยู่กับใคร ผมรู้ว่าแฟนคนแรกเฮียน่ะเป็นผู้ชาย คบกันสามปีตอนนั้นเฮียเป็นทั้งผู้สนับสนุนรายใหญ่และนักแข่งรถเองด้วย และต่อมาแฟนเฮียก็เข้ามาเป็นนักแข่งแทน แต่สุดท้ายก็เลิกไปเพราะว่าเขาเลือกคนที่ให้ผลประโยชน์มากกว่า ผมเห็นเฮียเสียใจมากและนับจากนั้นเฮียก็ไม่เคยมีแฟนเป็นผู้ชายอีกเลย หรือว่าฟิล์มจะเข้ามาแทนพี่ไนท์น่ะ แต่ผมก็ว่าเขาเหมาะสมกันดี

TBC.....

          ตอนหน้าขอเป็นอากันตถณกับหมอภีมนะคะ อากันจะใจอ่อนให้หมอภีมได้หรือเปล่า อาม่าช่วยขนาดนี้แล้วนะ

คนแต่งจะมาตามรีไรท์อีกทีนะคะ คนแต่งภาษาไทยไม่แข็งแรงจริงๆยอมรับ กราบขอโทษนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 08-04-2021 09:12:58
 :laugh: o18
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.27 แม่บีมปะทะแพรวายกที่สอง P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 08-04-2021 22:06:46
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.28 (หมอภีมXอากัน)ยังรักกันอยู่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 13-04-2021 12:54:57
   Part’ s กันตถณ ผมพาอาม่ามาหาหมอภีมปภพ ไม่รู้ว่าแผนอาม่าหรือเปล่า แต่ว่าเล่นนัดเองเลยเนี๊ยะ! แถมยังร้องงอแงให้ผมต้องเป็นคนพามาเองอีกต่างหาก โชคดีที่มีสอนคาบเช้าและอีกคาบบ่ายสองเลย และวันนี้ผมได้เข้าไปให้สัมภาษณ์ ถึงเรื่องความไม่โปร่งใส่เกี่ยวกับการเข้ารับเกียรตินิยมอันดับสองของแพรวาทำให้รู้ว่าเขารับเงินมาจริงและบางคนก็โดนกดดันให้ต้องทำ ผมว่างานนี้อาจารย์เปรมสินีโดยตรวจสอบละเอียดยิบแน่ๆ ส่วนเรื่องบีมถูกตัดสิทธิ์ ผมยื่นเรื่องยกเลิกก่อนแล้ว จึงไม่มีผลกับรูปที่อาจารย์เปรมสินีเอามายื่นประกอบและผมได้นำวีดิโอคำสารภาพจากผู้จัดการที่เป็นคนรับงานเขาสารภาพหมดว่าเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง แต่เขาไม่ได้ระบุว่ามาจากอาจารย์เปรมสินี ทำให้บีมพ่นจากข้อกล่าวหา อาจารย์แต่ล่ะคนลงความเห็นว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการรับปริญญาบัตรของบีมเขาสามารถเข้ารับได้ตามปกติ แต่ทางกฎหมายบีมสามารถเอาผิดได้คงต้องรอคุยกับเธียรวิชย์อีกที

“ม๊า คิวเยอเลยเห็นไหมเนี๊ยะ” ผมหันถามม๊าขณะที่ผมกำลังนั่งไขว่ห้างรออยู่ข้างๆ ม๊า

“ลือเคยได้ยินไหมว่า ช้าๆ ได้พร้าเล่มงามน๊า” ผมหันไปมองม๊า มันเกี่ยวกับที่ต้องมารอคิวพบหมอนานแบบนี้ด้วยเหรอ แต่ผมไม่อยากเถียงกับม๊า เดี๋ยวจะมีคนน้อยใจ

“เคยซิครับม๊า เพราะว่าป๊าสอนผมประจำม๊า” ผมพูดกับอาม๊า ผมจำทุกคำสอนของป๊าไว้ได้หมด ต่อให้คนอื่นจะมองว่าป๊าไม่รักผมเพราะป๊าไม่ให้อะไรผมแต่ผมรักป๊ามาก ผมรู้ว่าป๊าพยายามที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ผม ป๊ามองไปถึงอนาคตของผมกับภีม ป๊าแค่ไม่อยากให้ผมใช้ชีวิตในสังคมที่มองว่าความรักของผมผิดปกติ ดังนั้นผมเชื่อว่าป๊ารักผมเท่าๆ กับลูกๆ คนอื่น

“แต่ตอนนี้นะ อั๊วว่าลื้อรีบเหอะ!” ผมต้องเงยหน้าจากหนังสือพิมพ์รายวัน หันไปมองม๊า

“ก่อนจะไม่ได้พล้าเล่มงามของลื้อคืน ดูท่าผู้หญิงคนนั้นมันจะคาบเอาพล้าเล่มงามของลื้อไปใช้ซะก่อนหน่า” ม๊าหันมาพูดกับผมก่อนจะชี้นิ้วไปทางหมอภีมปภพ เขาเดินออกมาจากห้องตรวจพร้อมหญิงสาวรูปร่างดีหุ่นสวย ดูแล้วน่าจะรักสุขภาพมากและคงเป็นแฟนคลับหมอภีม เพราะว่าภีมอยู่ในสังกัดหมอหล่อบอกต่อด้วย เธอหันมาช้อนตามองหมอภีมปภพดวงตาแวววาว ดูท่าจะคุยกันถูกคอซะด้วย

“ดูซิ อี๊มองเป้ามากกว่าหน้าอาภีมอีกนะ อากันนะ” ม๊าพูดกับผมแถมยังสะกิดให้ผมหันไปดูให้ได้อีก

“ม๊าอย่าไปว่าเขาอย่างนั้นซิ “ผมหันบอกม๊า ก่อนจะหลุบตาลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ แต่จะว่าไปก็แอบมองนิดนึง เออจริงอย่างที่ม๊าพูดเลย มองเป้าบ่อยกว่ามองหน้าหมอภีมซะอีก และภีมมันเล่นใส่เข้ารูปขนาดนั้น เป็นใครก็มอง ถึงจะมีเสื้อกาวคุมอยู่ก็เถอะ

“อากัน “ม๊าเรียกผม ผมหันมามองม๊า

“ว่าไงม๊า จะดื่มน้ำเหรอครับ” ผมาถามม๊า

“ไม่มีใครอ่านใจใครออกหรอก ถ้าไม่พูดไม่บอกกันตรงๆ น๊ะ ขนาดผัวเมียยังผิดใจกันเลย” ม๊าพูดกับผม

“มีอะไรก็คุยๆ กันน๊ะ เล่นตัวอยู่ได้!! “อันนี้แหละที่ทำให้ผมสะบัดหน้ามามองม๊า

“ม๊า!!”

“ตอนม๊าน่ะอยู่กับป๊าลื้อใหม่ๆ ไม่เคยเรียนรู้กันมาก่อน ถูกบ้างผิดบ้าง งอนกันบ้าง แต่พออยู่ไปนานๆ เริ่มรู้แล้วว่า ป๊าลื้อมันนั่งทานในอ่านใจอั๊วะไม่ได้หรอก มันต้องหันมาคุยกันนั่นแหละถึงได้เข้าใจ” ม๊าพูด เอาจริงๆ ม๊ากับป๊าก็เถียงกันตลอดแหละแต่สุดท้าย ม๊าก็หันมาดูแลป๊าเหมือนเดิม ผมแอบยิ้มเล็กน้อย

“ชอบหรือไม่ชอบอะไรก็บอกกัไนปตรงๆ มีอะไรในใจก็คุยกันรู้ไหม”

“ลื้อจะมานั่งเก็บมันไว้ทำไมอากัน สิ่งที่ลื้อแบกไว้มันก็เหมือนก้อนหิน ยิ่งลื้อกำมันแน่นเท่าไหร่มันก็เจ็บตัวเจ็บใจลื้อเปล่าๆ สู่โยนมันทิ้งไปและหันมาเริ่มต้นกันใหม่ ก่อนที่มันจะสายไปน๊าอากัน” ม๊าบอกผม ม๊าจับมือผมไปกุมไว้

“ม๊ารู้ว่าลื้อเสียใจเรื่องป๊า ลื้อคิดว่าลื้อคือต้นเหตุให้ป๊า ความจริงไม่ใช่ลื้อหรอก ป๊าน่ะเป็นโรคหัวใจมาพักหนึ่งแล้วแต่ป๊าของลื้อนะดื้อ และป๊าลื้อก็ไม่อยากให้อาเกริกกับลื้อต้องมาเป็นห่วง อันที่จริงวันรุ่งขึ้นหมอนัดแล้วนะแต่ว่า ไม่ทัน ม๊าก็เสียใจแต่ชีวิตเรามันต้องเดินต่อไปอากัน” ม๊าบอกผม ผมรู้ว่าป๊าเห็นรูปผมกับภีม เป็นรูปที่หลินได้จากหมอภีมปภพแต่ผมไม่คิดว่าเธอจะทำให้ป๊าผมเห็นภาพนั้น และนั้นมันทำให้ผมรู้สึกผิด

“สวัสดีครับม๊า มาหาผมอีกแล้วเหรอครับ” หมอภีมเดินมานั่งยองตรงหน้าม๊า เขาหันมามองผม ผมแค่พยักหน้าทักทายหมอภีมปภพ ผมยอมรับว่าผมไม่ได้คุยกับหมอภีมเลยตั้งแต่วันที่เขาช่วยผมออกมาจากผับนั้นวันนั้น

“ไม่สบายน่ะ ร้อนๆ หนาวๆ ยังไงก็ไม่รู้ เป็นมาหลายวันแล้ว “ม๊าพูด

“แล้วตอนนี้ล่ะครับ ม๊า ยังเป็นอยู่ไหมครับ” หมอภีมถามม๊า

“แปลกน่ะ เป็นแต่ที่บ้าน ว่าแต่แอร์ยี่ห้ออะไร เย็นดีน่ะ ที่บ้านม๊าน๊ะ เปิดก็เย็นปิดก็ร้อน เปิดๆ ปิดๆ มันก็ร้อนๆ หนาวๆ น๊า” ม๊าพูด นี้ทำให้ไอ้ภีมถึงกับกลั้นหัวเราะแทน ผมนี่สั่นหัวไปมาเล็กน้อย สงสัยม๊าผมไปปรับแอร์อีกแล้ว ผมอุตส่าห์ตั้งให้ว่าถ้าเย็นเกินไปก็ตัดพอกลับมาร้อนก็ทำงานใหม่

“โอเค ถ้าอย่างนั้นยาฮอร์โมนที่เพิ่งให้ไปละครับม๊า ได้ทานบ้างหรือเปล่า” หมอภีมปภพถามม๊า

“ไม่ได้ทานหรอกภีม “ผมตอบแทนม๊าทันที

“ทำไมล่ะครับม๊า “หมอภีมถามม๊าผม

“กลัวหายน่ะ” ม๊าผมพูด หมอภีมถึงกับขมวดคิ้ว

“อ้าวม๊าครับทำไมล่ะครับ ผมว่าม๊าทานเถอะครับ เพราะว่ามันช่วยได้น่ะ จะได้ดีขึ้น” หมอภีมปภพพูด

“ไอ้ที่กลัวหายน่ะ กลัวหายไปจากโลกนี้ “ม๊าบอกหมอภีม

“ม๊า!! ม๊ายังดูแข็งแรงอยู่เลยน่ะม๊า ไม่หายไปไหนแน่นอน” หมอภีมพูด ผมรู้ว่าทำไมม๊าถึงได้รักภีมเหมือนลูกอีกคนเพราะว่าภีมเป็นคนเอาใจม๊าเก่ง

“ยาม๊าเยอะแยะ จำไม่ได้น่ะ จำได้อยู่ยาเดียวเลย ขอสโนมันปุ๊ป มันเปิดให้ม๊าฟังทันที” ม๊าพูดกับหมอภีม

“เออ ยาอะไรครับม๊า”

“ยาใจคนจนน๊ะ “ผมถึงกับต้องวางหนังสือพิมพ์ลง

“นั้นมันเพลงนะครับม๊า คนละยากันครับม๊า ผมว่าม๊าจะไม่หายก็เพราะว่ายาใจคนจนนี้แหละครับม๊า หึๆ” หมอภีมขำม๊าผมอีก

“ว่าแต่วันนี้ทำไมม๊าลากลูกชายม๊าให้พามาผมได้ล่ะครับ” หมอภีมปภพถามม๊า ก่อนจะหันมามองผม เขาหันมายิ้มให้ผม

“อยากมาหลายวันแล้วน๊า คนพาไม่ค่อยว่าง เล่นตัวอยู่นั่นแหละ” ม๊าพูดว่าผมเล่นตัว ผมหันไปมองม๊า

“ม๊า ผมยุ่ง สอนหนังสือนะม๊า” ผมมาพูดกับม๊า

“เห็นไหมมันยุ่งจนไม่มีเวลาให้ม๊าเลยะ ลื้อเห็นไหมอาภีม” ม๊ารีบหันไปพูดกับหมอภีมทันที

“ถ้าอย่างนั้น ผมว่าเข้าห้องตรวจเลยแล้วกัน ผมลัดคิวให้ คนไข้อีกคนเขาต้องรอไปเจาะเลือกตรวจเบาหวานขณะตั้งครรภ์นะครับม๊า” หมอภีมพูดก่อนจะเรียกพยาบาลมากระซิบกับพยาบาล ผมก็เข็นอาม๊าตามพยาบาลเข้าไปในห้องตรวจหมอภีม หมอภีมก็ตรวจเหมือนหมอทั่วไป วัดความดัน ฟังปอด ดูผลตรวจเลือดคราวที่แล้วตรวจหาไขมัน เบาหวาน ผลออกมาทุกอย่างปกติ ผมยืนมองหมอภีมปภพคุยกับม๊า เขาสองคนคุยกันถูกคอ

Rrrrr โทรศัพท์ผมสั่นผมหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์โทรหลินที่โทรเข้ามา

“ม๊าผมไปรับสายหลินก่อนนะ ผมมีเรื่องด่วนนะครับ” ผมกระซิบบอกม๊า หมอภีมเงยหน้าขึ้นมองผม ผมก็รีบเดินออกทันที

//ฮัลโหลหลินว่าไง//

//อาจารย์เปรมสินี เขายื่นเรื่องอุทธรณ์กับทางคุรุสภา เขาหาว่าหลินที่เป็นคนเข้าไปตรวจสอบเขาไม่มีความโปร่งใส เขาระบุว่าหลินเคยเป็นภรรยาของพี่มาก่อน เขาบอกว่าหลินอาจจะร่วมมือกับพี่กลั่นแกล้งเขาเพราะความอิจฉาในหน้าที่การงานเธอค่ะ พี่กัน “หลินบอกผม ผมถึงกับต้องพ่นลมหายใจออกมายาวๆนี่มันคือการเถียงแบบข้างๆ คูๆ ผมนี่นะ จะไปอิจฉาเธอเพราะหน้าที่การงานของเธอ แถมยังไม่ได้มาด้วยความสามารถของเธออีกด้วย

//หลิน สิ่งที่เขาทำผิดจริงและไม่มีอาจารย์คนไหนจะทำร้ายลูกศิษย์แบบนี้หรอกน่ะ //

//หลินทราบค่ะ และนี้คือสาเหตุ เขาต้องการให้หลินถอนตัวออกและให้เป็นคนอื่นตรวจสอบแทนค่ะ หลินคิดว่าเขาน่าจะใช้อำนาจจากผู้ใหญ่ที่เคยหนุนเขามาก่อนช่วยค่ะ//

//ส่วนแพรวา พ่อเธอให้ทนายเข้ามาคุย เขาปฏิเสธทุกข้อหาว่าไม่ได้มีส่วนร่วมกับอาจารย์คนดังกล่าวค่ะ เขาให้เหตุผลว่าอาจารย์เปรมสินียื่นข้อเสนอเรื่องการให้เขาเข้ารับเกียรตินิยมกับเธอเอง ทนายของคุณธรรมรัตน์พูดเหมือนลูกสาวเขาถูกหลอกอีกทีหนึ่งค่ะ//

// และเรื่องเกรดก็เช่นกัน ทนายคุณธรรมรัตน์ก็บอกว่าอาจารย์ที่ให้เกรดเธอแบบนั้น เขายื่นขอเสนอมาเองเหมือนกันค่ะ ไม่ใช่ความผิดลูกสาวเขาค่ะและอธิการบดีก็ขอร้องไว้ให้เห็นแก่พ่อเธอเลยจะให้แพรวาเรียนซ้ำปีหน้าแทนค่ะ //

//พี่ไม่ติดใจเรื่องแพรวานะหลิน เพราะว่าแค่ให้เธอไปเรียนใหม่ มันก็ทำร้ายจิตใจเธอมากพอแล้ว แต่พี่ติดใจเรื่องอาจารย์เปรมสินี เขาทำผิดจนไม่สมควรเป็นอาจารย์ต่อไปได้อีก ดังนั้น//

//พี่มีหลักฐานจากเป็กซ์อีกพรุ่งนี้เขาจะเอามันมาให้พี่ พี่หลักฐานนี้ ต่อให้คนหนุนหลังใหญ่แค่ไหนก็ช่วยเธอไม่ได้ เผลอๆ จะโดนไปด้วย//ผมพูด

//ได้ค่ะพี่กัน ถึงหลินจะไม่ได้ดูแลแต่คนที่ทำหน้าที่แทนหลิน หลินรู้จักค่ะ เขาไม่ไขว้เขวแน่นอนค่ะ หลินรับประกันได้ค่ะ //หลินบอกผม ผมพยักหน้า

//ขอบคุณนะครับหลิน //

//พี่กันค่ะ หลินเพิ่งไปตรวจครรภ์มาเมื่อวาน พอดีหมอที่ทำคลอดให้หลินนะคะ เขาขอไปเรียนต่อเมืองนอก เขาเลยฝากเครสของหลินไว้กับหมอภีม //

//หลินได้คุยกับหมอภีมแล้วนะคะ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นค่ะ หลินคิดว่าพี่กันเลิกโทษตัวเองและคิดว่าตัวพี่เองคือสาเหตุที่ทำให้ป๊าของพี่เสียใจเลยนะคะ //

//และหลินต้องขอโทษที่ ทำให้ป๊าเห็นรูปนั้น หลินเองก็มีส่วนผิด//

// หลินไม่ผิดหรอกครับ พี่ต้องขอบใจหลินที่ตลอดห้าปีนี้ ช่วยพี่ดูแลป๊าและม๊าพี่เป็นอย่างดี // ผมพูดกับหลิน

//เพราะท่านดีกับหลิน หลินถึงได้มีทุกวันนี้ค่ะพี่กัน //

//พี่กันค่ะ หลินว่าหลินดูออก ทำไมพี่ทำให้หมอภีมคิดว่าพี่หมดรักโดยการดึงน้องคนนั้นเข้ามา ถ้าเป็นเพราะว่าหมอภีมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่เขา และพ่อเขาเคยพูดขอร้องพี่กันไว้ หลินอยากให้พี่กันลองฟังหัวใจตัวเองดีกว่าไหมคะ//

//หลินคิดว่าพ่อของหมอภีมเขายอมแล้วแหละค่ะ แม้กระทั่งหลินเอง หลินก็ยอมค่ะ ยอมรับในความมั่นคงของหมอภีมที่เขารอพี่ ทั้งที่พี่เองก็เหมือนจะพยายามกันเขาออกไปตามที่พ่อเขาเคยขอพี่ไว้ แต่ให้คงไว้แค่เพื่อน มันทรมานน่าดูใช่ไหมคะพี่กัน” หลินพูด ผมยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง

//หลินยอมรับว่าหลินไม่อยากคืนพี่ให้หมอภีม แต่พอหลินเห็นพี่ตอนที่เราอยู่ด้วยกันแล้ว หลินรู้สึกผิดมากค่ะ ที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างพี่สองคน//

// ตอนนี้หลินมีครอบครัวที่น่ารักแล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหลินแล้วนะคะ หลินยอมแล้ว กลับไปหาหัวใจตัวเองเถอะค่ะ ก่อนที่อะไรจะสายเกินไป // หลินพยายามพูดกับผม ผมหันมาเจอผู้ชายคนหนึ่ง ผมไม่ได้เจอเขาเลยหลังจากที่เขาเรียกผมไปคุย เรื่องที่เขาต้องการให้ผมลดสถานะลง ระหว่างคนรักกับหมอภีม ผู้ชายคนนั้นคือพ่อของหมอภีมเอง เขาหันมาเห็นผมยืนคุยโทรศัพท์อยู่ เขาโบกมือให้สักคนไปก่อนที่เขาจะเดินตรงมาหาผม

//งั้นแค่นี้ก่อนนะหลิน พี่พาม๊ามาหาหมอนะครับ//

// ได้ค่ะพี่กัน หลินว่าจะเข้าไปหาม๊าน่าจะวันหยุดนะคะ จะพาเด็กๆ ไปเยี่ยมม๊าด้วยค่ะ// หลินบอกผมก่อนจะวางสายไป ผมหันมามองคนที่เดินมาหยุดตรงหน้าผมแล้ว

“กันตภณ”

“สวัสดีครับท่าน”

“เรียกพ่อเหมือนเดิมเถอะ หรือว่ายังโกรธที่พ่อเคยเรียกเรามาคุยเรื่องหมอภีม” พ่อของหมอภีมถามผม

“คือ ผม ไม่โกรธท่านครับ คนเป็นพ่อทุกคนย่อมที่จะทำเพื่อลูก ถ้าผมเป็นท่านผมคงจะทำเช่นเดียวกันครับ” ผมพูด

“ขอพ่อคุยด้วยหน่อยได้ไหมไม่นานหรอก” พ่อของภีมปภพถามผม ผมหันไปมองม๊ายังไม่ออกมาเลย

“ม๊าอยู่ในห้องตรวจกับหมอภีมนะครับ”

“ดูท่าม๊าเราจะเป็คนไข้แฟนคลับหมอภีมเขาละซิ หึๆ “พ่อของหมอภีมพูด

“ครับ ร้องมาหาตลอด เป็นอะไรก็จะมาหาแต่หมอภีมนะครับ”

“เอา ไปหาที่คุยกับพ่อตรงโน้นแป๊ปหนึ่ง ไม่นานหรอกนะกัน” พ่อของหมอภีมปภพพูดก่อนจะผายมือให้ผมเดินตามท่านไป ผมเดินตามออกมาได้สักระยะ จนท่านผายมือให้ผมนั่งลง ท่านก็นั่งลงด้านข้างของผม ท่านหันมามองหน้าผม ก่อนจะวางแฟ้มลงที่ตัก เขามองหน้าผมนิ่ง จนน่าใจหาย

“หมอภีมเขารักเรามากน่ะกัน”

“เออ คือ”

“กันล่ะ ไม่รักภีมเขาแล้วเหรอ”

“รักครับ แต่ผมก็รักเขาอย่างเพื่อน เพราะภีมคือเพื่อนคนแรกของผม” ผมบอกพ่อของหมอภีม

“ไม่ต้องปิดแล้วกัน พ่อขอโทษที่พ่อเคยพูดกับเราว่า อยากเห็นหมอภีมแต่งงานกับผู้หญิงเหมือนที่กันทำ พ่ออยากให้เขาใช้ชีวิตเหมือนเช่นคนปกติเขาทำกัน ทั้งที่มันเป็นไปไม่ได้ ใจเขาเลือกไปทางนี้แล้ว” พ่อของหมอภีมพูด

“พ่อขอโทษนะ ตอนนั้นพ่อแค่ไม่อยากให้หมอภีมต้องมาเจอกับปัญหาที่จะตามมาของเราสองคน ความรักแบบนี้ในตอนนี้ ยังไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม กันรู้ใช่ไหม”

“อุปสรรคขวางหนามก็เยอะและเราทั้งคู่ก็มีคนรู้จักมากมาย คือถ้าใครถามถึงสถานะของเราสองคนขึ้นมา พ่อไม่รู้ว่าเราสองจะตอบคำถามเขายังไงและเราสองคนจะรับปัญหานี้ด้วยกันไม่ได้” พ่อของหมอภีมพูด ก่อนจะหันไปมองทางอื่น

“แต่ตอนนี้พ่อเชื่อแล้วว่า เรากับภีมจะรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้เอง ด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิที่เพิ่มขึ้น” พ่อของหมอภีมพูด

“พ่อขอบใจนะกันที่ตอนนั้นกันยอมเพื่อพ่อและกันยังไม่เคยบอกเรื่องที่พ่อเรียกเรามาคุยทั้งที่ ถ้าเราเลือกบอกภีมเขาก็ต้องเลือกเราอยู่ดีกัน” พ่อของภีมพูด

“ผมทราบครับ ผมก็รู้นิสัยของภีมว่าเขาจะทำยังไง ผมเลยเลือกที่จะไม่บอกเขาดีกว่า ผมไม่อยากให้ภีมต้องมาเสียใจภายหลัง ถ้าเขาตัดสินใจทำบางสิ่งลงไปเพราะความคิดชั่ววูบ” ผมพูดกับพ่อของเขา

“ผมไม่อยากให้เขาเสียใจเหมือนผม เรื่องป๊าของผมนะครับ “ผมพูด

“กันทำดีที่สุดแล้ว และเรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราต้องอยู่กับปัจจุบันซิกัน”

“พ่อน่ะเห็นภีมเขารักและรอเราแบบนี้ พ่อเองก็ยิ่งรู้สึกผิดน่ะ ทำไมไม่ลองหันมาคุยกันดูล่ะ กันเองก็ไม่มีใครไม่ใช่หรือ หรือว่ากันมีคนอื่นไปแล้วล่ะ” พ่อของหมอภีมถามผม ผมหลุบตาลงมองพื้น

“ถ้าเป็นเรื่องหมอสายป่าน เขาบอกพ่อกับแม่แล้วแหละว่า เรื่องทั้งหมดไม่เกิดขึ้นจริง เป็นเพราะว่าเขาเห็นพี่สาวเขาเสียใจและภีมก็ยอมรับพ่อว่าเขาเป็นคนส่งรูปนั้นไปให้หลิน ภรรยาเก่าของเราจริง”

“เขายอมรับว่าเขาหึงหวงเรามากแต่เขาแสดงออกไม่ได้มาก เพราะว่าเขาเปิดเผยมันไม่ได้ ส่วนหนึ่งก็มาจากพ่อเองเช่นกันที่ไม่เปิดใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่ทีแรก” พ่อของหมอภีมพูด ผมพยักหน้า ผมยอมรับว่าผมโกรธภีมมากที่ทำแบบนั้นและดีที่หลินไม่ถึงกับเสียสติไป ส่วนป๊าผมก็เสียใจจนไม่พูดกับผมเป็นเดือน

“หลินเขาบอกผมแล้วว่า เขาได้คุยกับหมอภีมแล้วเขาทั้งคู่เข้าใจกันแล้วครับ” ผมบอกพ่อของหมอภีม

“รักวัยรุ่นน่ะ ความรักมันก็เหมือนดาบสองคม พร้อมจะฟาดฟันได้ทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งคือฟาดฟันศัตรูให้แพ้พ่ายและอีกด้านมันก็อาจจะฟาดฟันหัวใจเราเอง ดังนั้นรักได้แต่ควรตั้งอยู่ในความไม่ประมาทจะดีที่สุด “พ่อของหมอภีมพูดก่อนจะลุกขึ้น

“พ่อมีประชุมกับอาจารย์หมอนะกัน งั้นพ่อไปก่อนนะ”

“เอาที่พ่อพูดไปคิดดูเอาแล้วกันน่ะ หัวใจเราสำคัญที่สุด ลองถามใจเราสองคนดู ว่าอยากกลับมาอยู่ด้วยกันอีกไหม ถ้าคิดว่ายังรักกันอยู่”

“พ่อกับแม่ก็ยินดี พ่อแม่ไม่ใช่เจ้าชีวิตแม้จะให้ชีวิตก็ตาม สิ่งที่ลูกเลือกพ่อแม่ก็ควรยอมรับเพราะว่านั้นคือหัวใจของเขา” พ่อของหมอภีมพูดก่อนจะเดินออก

“พ่อคิดว่าหมอภีมเขาเรียนรู้อะไรได้มากขึ้นแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่พอแล้วกัน พอจะมีครอบครัวกับเขาสักที” พ่อของหมอภีมปภพพูด ผมพยักหน้าพร้อมกับยกมือไหว้ท่าน ผมรีบหันหลังเดินกลับมาหาม๊าของผม ม๊านั้งอยู่กับพยาบาลด้านนอกแล้ว แต่ผมไม่เห็นหมอภีม

“ม๊า เสร็จนานหรือยังครับ”

“นานแล้วเนี๊ยะ! ลื้อหายไปไหนมาน๊ะ” ม๊าพูด ผมหันไปยิ้มกับพี่พยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนม๊าของผม

“ไม่นานหรอกค่ะ ประมาณสิบนาทีได้ค่ะ” พี่พยาบาลพูดกับผมไม่ดังมาก

“ม๊า พี่เขาบอกว่าเพิ่งออกมาได้สิบนาทีเองนะ ไม่นานหรอกม๊า” ผมบอกม๊า ม๊าหันมามองหน้าผม

“แล้วแค่ไหนถึงจะนานล่ะ ให้อั๊วะนั่งอยู่นี้สักคืนไหมล่ะ ถึงจะบอกได้ว่านานน๊ะ"ม๊าหันมาพูด ทำเอาผมถึงกับกุมขมับก่อนจะหันไปพยักหน้ากับพี่พยาบาล เดี๋ยวผมดูแลเองคนแก่ขี้งอน

“ผมไปส่งม๊าก่อนนะ ผมมีสอนครับม๊า” ผมบอกม๊า

“ม๊าแล้วภีมล่ะ” ผมถามม๊า

“มีเครสด่วนน๊ะ แล้วเครสด่วนนี้มันคืออะไรหว่าอากัน “ม๊าถามผม

“ก็คือมีคนไข้ฉุกเฉินมาน่ะม๊า “ผมบอกกับมา

“เดี๋ยวเรียกเจ้าหน้าที่มาเข็นคนไข้ให้นะคะคุณกันตภณ” พยาบาลหน้าห้องตรวจหมอภีมเดินมาบอกผม ผมพยักหน้าเป็นการขอบคุณ พี่เขาเข็นม๊าผมออกไป ผมรีบเดินไปที่ผมจอดรถเอาไว้ก่อนจะขับวนมารับม๊าขึ้นรถนี้คือเหตุผลที่ผมยังไม่ตัดสินใจไปเป็นอาจารย์ที่ออสเตรเลีย ผมเป็นห่วงม๊า ถึงเขาจะเสนอตำแหน่งและเงินเดือนที่สูงกว่าที่ผมทำอยู่นี้หลายเท่าก็ตาม

   ผมขับรถไปส่งม๊าที่บ้าน ทานข้าวเที่ยงกับม๊าและรีบกลับไปมหาวิทยาลัยทันที ผมกลับมาทำหน้าที่อาจารย์สอนหนังสือวิชาเศรษฐศาสตร์ เวลาสอนผมจะตั้งใจมาก เพราะว่าวิชานี้เป็นวิชาที่ยาก คนสอบตกเยอะถ้าไม่ตั้งใจเรียน ดังนั้นนักเรียนจะเห็นสีหน้าที่นิ่งจนเขาพากันเกร็งไปทั้งคาบแต่ผมก็ตั้งใจสอนพวกเขาเต็มที่  จนกระทั่งหมดคาบสุดท้ายของวันนี้ ผมสอนเสร็จก็ปาเข้าไปหกโมงพอดี วันนี้เจ๊หงส์บอกว่าจะมารับม๊าไปทานข้าวที่บ้าน ผมเลยไม่ต้องเป็นห่วงม๊า

   ผมเดินมาถึงที่รถเก๋งคันหรูของผม ผมกลับนึกถึงทุกคำพูดที่ผมได้คุยกับพ่อของภีมปภพ ผมสตาร์ตรถก่อนจะขับออกมาในซิผมจะเลือกไปทางไหนดี กลับบ้านหรือว่าจะไปหาหมอภีมดี ไปคุยกัน ผมตัดสินใจขับรถไปที่โรงพยาบาล ปกติหมอภีมเลิกงานหนึ่งทุ่มครึ้งทุกวัน ผมนำรถเข้าไปจอดที่จอดรถก่อนจะเดินออกมาและตรงไปยังแผนกสูตินรีเวช

“สวัสดีค่ะ คุณกันตถณ ไม่ทราบว่ามาหาคุณหมอภีมหรือเปล่าคะ”

“เออ ใช่ครับ เขาเลิกงานหรือยังครับ” ผมถามพยาบาลประจำหน้าห้อง เขารู้ว่าผมเป็นเพื่อนกับหมอภีม

“คุณหมอกลับบ้านไปแล้วค่ะ สงสัยวันนี้จะเหนื่อยมากค่ะ เลยไม่ลงตรวจต่อแต่ให้หมอพาร์ทไทม์มาลงตรวจแทนค่ะ” คุณพยาบาลบอกผม

“วันนี้คุณหมอมีเครสผ่าคลอดสามเครสติดเลยค่ะ เครสคุณหมอ เครสผ่าตลอดฉุกเฉินและเครสคุณหมออีกท่านแต่เขาไม่อยู่ไปธุระเลยต้องให้หมอภีมเข้าเครสแทนค่ะ” คุณพยาบาลบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะส่งยิ้มให้ ผมเดินหันหลังออก

“อ้าวกัน” ผมหันมาเจอแม่ของหมอภีมปภพพอดี

“สวัดสีครับคุณหญิง” แม่ของหมอภีมเขามียศเป็นคุณหญิง

“โอ๊ยเรานี่ จะเรียกแม่ซะเต็มยศทำไมล่ะเรานี่ ว่าแต่นี้เราพาม๊ามาหาหมอเหรอ” แม่ของหมอภีมพูด ตีแขนผมเบาๆ

“ผมพามาตั้งแต่เช้าแล้วครับ" ผมตอบแม่ของหมอภีมไป

  "พอดีผมเพิ่งจะสอนเสร็จนะครับ ผมเลย เออ เลย จะแวะมาหาภีมซะหน่อยนะครับ เมื่อเช้าเขารีบเลยไม่ไ่ด้คุยกัน” ผมบอกแม่ของภีม เขาก็มองหน้าผมยิ้มเล็กน้อย

“หมอภีมเขากลับแล้วนะครับ” ผมตอบ

“แม่ก็เพิ่งจะรู้เหมือนกัน จะถามสักหน่อยว่าจะไปทานข้าวบ้านไหม เห็นทำแต่งาน กลัวลูกชายผม” แม่ของหมอภีมบอกผม

“เราก็ยุ่งมากเหมือนกันนิ เห็นหมอภีมบอกแม่” แม่ของหมอภีมถามผม พยักหน้าใช่ครับผมยุ่งหลายเรื่องเลย ตั้งแต่ผมไม่ได้ทำหน้าที่ดูแลบีม ผมก็แทบจะไม่ได้คุยกับหมอภีมอีกเลย

“นี้แม่พยายามโทรหาเจ้าลูกตัวดี ไม่รับสายแม่เลย “แม่ของหมอภีมพูด

“อุ้ยตายแล้ว เดี๋ยวแม่ขึ้นไปดูพ่อก่อนนะ ป่านนี้คงเลิกประชุมแล้ว” แม่ของหมอภีมหันมาบอกผม ผมพยักหน้าก่อนจะยกมือไหว้

“กัน พ่อเขาบอกว่าเขาคุยกับเราแล้วใช่ไหมลูก”

“ครับ พ่อคุยกับผมแล้ว”

“ดีแล้วแหละ อันที่จริงพ่อเขาก็ไม่ได้รังเกียจอะไรน่ะแต่ว่าเขาแค่มองอนาคตของเราทั้งคู่ เพราะว่าในตอนนั้นน่ะ อาจจะยากสักนิดนึงน่ะที่พ่อเขาจะเข้าใจ แต่ว่าตอนนี้ เข้าใจกันดีแล้วใช่ไหมลูก” แม่ของหมอภีมถามผม ผมพยักหน้า

“ผมไปก่อนนะครับ ผมมีธุรนะครับ” ผมบอกแม่ของหมอภีม ก่อนจะเดินออกและแม่ของหมอภีมก็เดินเข้าไปด้านใน ผมหยิบมือถือขึ้นมา กดโทรไปที่เบอร์หมอภีมปภพ ดังแต่ไม่รับสายเป็นอะไรของเขาน่ะ ผมเดินเข้าไปในรถเก๋งคันหรูอีกครั้ง เหลือบไปมองในกล่องลิ้นชักในรถยนต์ ผมใช้มือถึงเปิดออกมาก็เจอกับกุญแจบ้านหมอภีมยังอยู่กับผม ผมไม่ได้คืนภีมไปแต่ไม่ได้ใช้มันมาหลายปีแล้ว เขาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วก็ได้

TBC.....
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.28 (หมอภีมXอากัน)ยังรักกันอยู่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 13-04-2021 15:01:51
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.28 (หมอภีมXอากัน)ยังรักกันอยู่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 13-04-2021 21:38:39
 :mew2: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.28 (หมอภีมXอากัน)ยังรักกันอยู่ไหม
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-04-2021 00:58:54
 :กอด1:


เอาใจช่วยคู่นี้สุดพลัง
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกันP1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 14-04-2021 12:56:10
EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกันP1

       Part's กันตภณ ผมใช้กุญแจไขประตูบานเล็กก่อน ปรากฏว่ามันยังใช้ได้ แสดงว่าเขาไม่ได้เปลี่่ยนหรือคิดจะเปลี่ยนมัน ผมเปิดเข้ามาก่อนจะเดินไปกดเปิดประตูเลื่อนเพื่อขับรถเก๋งของผมเข้ามาจอดด้านใน ผมหันไปมองตรงมุมสวนไม้ดอกไม้ประดับที่ผมกับภีมเคยช่วยปลูก ตั้งแต่เริ่มซื้อบ้านหลังนี้ใหม่ๆ มันยังคงอยู่เหมือนเดิมและภีมก็ดูแลมันอย่างดีแทนผม

ทันทีที่ผมนำรถของผมเข้ามาจอดไว้ด้านในข้างๆ รถของหมอภีมปภพ ผมแปลกใจ รถเขาก็ยังจอดอยู่แต่คนล่ะยังอยู่ไหม ทำไมใจผมถึงได้เต้นแรงมากขนาดนี้ ผมเดินไปที่ประตูบ้าน ผมหยิบพวงลูกกุญแจขึ้นมาดู พวกกุญแจรูปหัวใจที่แหว่งอยู่ตรงกลาง ลอยที่หายไปคือลูกกุญแจที่เสียบเอาไว้

"กันหัวใจส่วนภีมคือกุญแจและภีมคือคนไขหัวใจของกัน" ผมยืนพ่นลมหายใจอยู่ทำท่าว่าจะไขมันเข้าไปดีไหม ผมยืนถือกุญแจดอกสำคัญนั้นอยู่ กุญแจบ้าน ภาพวันแรกที่เขาพาผมมาที่หลังนี้ ภายหลังจากที่เขาซื้อไว้ บ้านหลังนี่ถูกรีโนเวทใหม่ให้เป็นสีขาวตามที่ผมเคยเขาเอาไว้   เขาพาผมมาในวันครอบรอบที่เราเป็นแฟนกัน แต่หนึ่งปีให้ไล่หลังก็เป็นวันที่ผมลดสถานะของการเป็นแฟนลงมาเพราะว่าผมต้องไปแต่งงาน และนั้นเป็นวันครอบรอบ 7 ปี จะว่าไปก็เหมือนเจ็ดปีอาถรรณ์เหมือนกันนะ

          ผมยืนหันรีหันขวางก่อนจะตัดสินใจ หันไปและค่อยๆไขกุญแจดอกนั้นลงไป ผมกลัวว่ามันจะไขไม่ได้ มุมปากผมกระตุกเป็นรอยยิ้ม มันยังคงใช้ได้เขาไม่ได้เปลี่ยน  ผมเปิดประตูเข้าไปภายในบ้าน ผมยืนกวาดสายตามองไปรอบๆตัวบ้านที่ถูกตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาวตัดกับพื้นไม้ปาร์เกต์ขัดเงา อันนี้ผมเป็นคนเลือกเพราะว่าภีมเขาซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากครอบครัวหนึ่งเขากำลังจะย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ผมสองคนเลยต้องตกแต่งภายในกันใหม่หมด
ผมมองไปรอบๆทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปมองรอบๆ เพื่อหาเจ้าของบ้าน ผมกดโทรศัพท์เพื่อนโทรหาเจ้าของบ้าน โทรติด ผมถือสายรออยู่แต่กลับไม่มีคนรับ แปลกมันผิดวิสัยของหมอภีมปภพ ผมเลยถือวิสาสะขึ้นไปบนบ้าน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนผมจะเข้าออกเหมือนบ้านตัวเองก็ตาม แต่ว่าสถานะของผมกลับเขามันไม่ใช่แฟนกันมาพักใหญ่แล้ว

         ผมเดินขึ้นไปยังชั้นที่สองของตัวบ้าน บ้านนี้มีสองห้องนอน ห้องนอนใหญ่และห้องนอนสำหรับแขก และมีครัวที่ชั้นสองของบ้าน ผมชอบออกไปนั่งทานอาหารพร้อมกับจิบไวน์กันด้านนอก ตรงระเบียงก็มีวิวทะเลสาบให้ดู ตอนนี้ผมมาอยู่ที่ตัวบ้านชั้นสองแล้ว บรรยากาศภายในเงียบมาก ผมมองไปที่ประตูห้องนอนใหญ่ ภีมน่าจะอยู่ในห้องนั้น ผมเดินหยุดยืนก่อนจะค่อยๆใช้มือจับลูกบิดผมยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ทำไมผมถึงได้ใจเต้นแรงมากขนาดนี้  เพราะว่าภาพคืนนั้นมันยังติดตาของผมอยู่ ภาพที่เปิดไปแล้วเจอหมอภีมนอนอยู่บนเตียงกับหมอสายป่าน ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าเธอคือใคร แต่มารู้ ทีหลังว่าเขาชื่อหมอสายป่านและยังเป็นน้องสาวต่างบิดาของหลิน

“ฟู่!!” ผมพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ยิ่งกลับมาเร็วแบบนี้ด้วยมันแอบทำให้ผมอดคิดแบบนั้นไม่ได้ “เอาว่ะ “ผมบอกตัวเองก่อนจะเปิดประตูเข้าไปทันที และภาพที่ผมเห็นคือ หมอภีมปภพนอนอยู่บนเตียงคนเดียว กายในห้องนอนทุกอย่างเป็นโทนสีขาวแบบที่ผมชอบ ผมเดินไปยืนมองคนที่นอนหลับสนิท นี่แสดงว่าเหนื่อยจริงถึงได้ไม่รับรู้การเข้ามาของผมสักนิด ผมเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ที่วางอยู่ เสียงสั่นสะท้านขนาดนี้ คนหลับก็หลับเป็นตายเลยไม่ได้รู้สึกเลยสักนิด ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือขึ้นมาก่อนจะเดินออกจากห้อง

“สวัสดีครับแม่” ผมรับสายแทนหมอภีม

“อ้าว กันเหรอลูก” แม่ของหมอภีมเขาจำเสียงผมได้

“ครับแม่ ผมขับรถมาดูภีมนะครับ”

“แล้วพ่อตัวดีแม่ล่ะ แม่นี่ก็เป็นห่วงลูก นี่กะว่าถ้าไม่รับอีกแม่จะให้คนขับรถขับไปดูเหมือนกัน” แม่ของหมอภีมบอกผม

“ภีมเขานอนหลับครับ นี่หลับสนิทเลย ผมเข้ามาเขาก็ยังไม่ตื่นเลยครับ” ผมบอกแม่

“สงสัยจะเหนื่อยนะกัน ช่วงนี้เครสฝากครรภ์ของหมอภีมเขาหลายคน "

"และนี้แม่คงไม่ต้องไปดูแล้วแหละมั้ง แม่จะได้บอกแม่บ้านไม่ต้องจัดอาหารเย็นรอด้วยแล้วมั้ง” แม่ของหมอภีมพูด

“ผมจะดูอะไรทำทานเองแล้วกันนะครับแม่ ดูท่าทางภีมเขาเหนื่อยคงนอนหลับอีกสักพักนะครับ” ผมพูดกับคนปลายสาย

“ได้ลูก แม่ฝากภีมด้วยน่ะ ลูกคนนี้ดื้อกับแม่กับพ่อน่ะ แต่มีคนเดียวแหละที่ไม่เคยกล้า ดื้อก็กับกันนี่แหละ” แม่ของหมอภีมพูด

“ครับ “ผมพูดแค่นั้น

“แม่ดีใจน่ะ ที่กันกับภีมจะกลับมาหากัน อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่าน และถือซะว่านี่คือบทเรียน ต่อไปจะได้ไม่เกิดขึ้นอีก นะลูกนะ แค่นี้ก่อนนะลูก”

“ครับแม่ สวัสดีครับ” ผมพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ผมวางโทรศัพท์ของหมอภีมเอาไว้จนโต๊ะสำหรับทานอาหารเช้าที่ต่อมาจากซิงค์น้ำ ผมเดินไปเปิดตู้เย็น ดูว่าพอจะมีอะไรให้ทำอาหารทานได้บ้าง พอเปิดดูก็รู้เลยว่า เมนูมือนี้ต้องเป็นสเต๊กซอสไวน์แดงท่านคู่กับผักสลัด ผมจัดการปลดเนกไทออก ปลดกระดุมที่ข้อมือถลกแขนเสื้อขึ้นก่อนจะลงมือทำอาหารทันที ผมเองก็ไม่รู้ว่าภีมหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ และอีกนานแค่ไหนกว่าจะตื่น ผมจัดการทุบเนื้อสเต๊กที่ภีมซื้อเอาไว้ ภีมเป็นคนชอบทานสเต๊ก เขาชอบอ้อนร้องขอให้ผมทำให้เขาทานประจำ  ภีมเขาชอบสเต๊กแบบมีเดียมแรร์  เนื้อสเต๊กจะมีสีชมพูอยู่ด้านในและสีน้ำสีแดงคล้ายกับเลือดแต่ไม่ใช่เลือดมันคือ ไมโอโกลบิน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่อยู่ในกล้ามเนื้อสัตว์ทุกชนิด ผมเคยตรวจเจอธาตุเหล็กต่ำและภีมก็ให้ผมทานแบบนี้มาตลอด

ขณะที่ผมกำลังทำซอสไวน์แดงสำหรับราดบนสเต๊กเนื้อโคขุน ผมก็นำเนื้อใส่ในเครื่อง Air fryer หม้อทอดไร้น้ำมัน ผมได้ยินเสียงฝีเท้าใครสักคนเดินออกมา เสียงฝีเท้า นั้นหยุดนิ่งพร้อมกับ

“เฮ้ย!!” เสียงอุทานตกใจ ทำให้ผมต้องเหลียวหลังหันไปมอง ผมเห็นหมอภีมยืนเอามือกุมหน้าอกตัวเอง

“ทำไม ช๊อคจนหัวใจวายหรือไง “ผมแค่หันไปถามคนที่ยืนทำสีหน้าตกใจ ก่อนจะหันมาดูซอสที่ผมคนวนไปมาอยู่ในหม้อ

"ก็เล่นมายืนในบ้านแบบนี้ เกือบได้โทรเรียกรถพยาบาลแล้วนะ" คนที่ยืนอยู่พูดปนหัวเราะ

“มายังไงครับ” คำถามแรกจากคนด้านหลังของผม

“ก็ขับรถมา” ผมตอบโดยไม่ได้หันไปมอง

“นึกยังไงนิถึงได้มาและมาหากันแบบ ไม่บอกล่วงหน้าเลยนะ” เสียงนั้นเริ่มเข้ามาใกล้ ผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอของผมอยู่

“หมับ” ยังไม่ทันได้หันไปพูดอะไร คนด้านหลังก็สวมกอดผมทันที ปลายจมูกฝังลงที่ศอกคอของผม

“ทำไมล่ะ ถ้าไม่บอกล่วงหน้าอาจจะมาเจอ นอนอยู่กับใครหรือไง” ผมพูดเชิงเป็นคำถาม

“กัน!! ภีมไม่ทำแบบนั้นหรอกน่ะ มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวและภีมทำไปเพราะว่า เขาวางยาภีมต่างหาก กันก็รู้แล้วไม่ใช่เหรอ” ภีมพูดพร้อมกับเอาคางมาเกยไว้ที่บนบ่าของผม

“คิดถึงอ่ะ นานจังนะกว่ากันจะยอมมาหาภีม” ภีมพูดพร้อมกับสูดดมที่ศอกขอของผม

“ก็อยากจะ ให้รอไปสักห้าสิบก่อนเหมือนกันน่ะ หรือว่าอยากจะรอต่อจะได้กลับ” ผมไม่หันไปมองหน้า

“นานกว่านั้นก็รอ “คนที่กอดผมอยู่เขาบอกผมพร้อมกระชับอ้อมกอดเข้าเหมือนเขากลัวว่าผมจะกลับไปจริงๆ ผมแอบอมยิ้มเล็กน้อย "แต่ว่าตอนนี้ เข้ามาแล้ว ไม่ให้กลับออกไปง่ายๆแน่" หมอภีมรีบบอกผมทันที

“ทำอะไรให้ภีมทานเนี๊ยะ หอม! หิวเลย” หมอภีมคลายกอดจากผมก่อนจะมายืนข้างๆ โอบเอวผมเอาไหว้ ผมหันไปมองคนข้าง

“ปกติชอบทานอะไรล่ะ เห็นร้องขอให้ทำให้กินบ่อยๆ “ผมถามหมอภีม

“ไม่ได้ทานนานแล้วอ่ะ ไม่มีใครทำอร่อยเหมือนกัน” หมอภีมบอกผม

“แล้วนี่ทำไมไม่ปลุกภีมล่ะ “หมอภีมถามผม เขายืนกอดอกหลังพิงขอบ เอนตัวมองใบหน้านิ่งๆของผม

“ก็เห็นหลับอยู่ดูท่าจะเหนื่อย เลยไม่อยากปลุก “ผมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองมองคนข้างๆ รีบหันกลับมาดูซอสในกระทะต่อ

“ก่อนจะมาก็โทรมาหลายสายแล้วแต่ไม่ยอมรับ และแม่ของภีมก็โทรมาหลายสายเหมือนกัน และพอกันเข้ามาถึง ก็เลยกดรับสายให้ “ผมพูด ผมสังเกตเห็นหมอภีมหันไปเห็นโทรศัพท์ขึ้นมาดู ผมหยิบออกมาจากห้องนอนเขาตอนที่ผมคุยกับแม่ของเขา

“งั้นแม่ก็รู้น่ะซิว่า วันนี้มีคนดูแลลูกชายแล้ว” หมอภีมพูด เขากลับมายืนหลังพิงที่จุดเดิมไม่ไกลจากผมยืนอยู่หน้าเตา ผมปิดเตาก่อนจะหันไปมองภีม

“หมับ” ภีมดึงแขนผมและรั้งตัวผมเข้าไปหาเขา แผ่นอกของผมกระแทกกับอกตันๆ ของหมอภีม

“ตกลงกัน หายโกรธภีมแล้วใช่ไหม บอกภีมซิ ภีมรู้ว่าภีมผิด ภีมเจ็บพอแล้วนะกัน ให้อภัยภีมได้หรือยัง” ภีมพูดกับผม แววของเขามันบ่งบอกว่าเขารู้สึกเสียใจกับเรื่องที่ผ่านมาจริงๆ ผมหลุบตาลง

“หมับ” เขาดึงผมเข้าไปกอดแน่นมาก ผมเลยต้องสวมกอดภีมกลับ มันกลายเป็นเรากอดกัน

“พอแล้วภีม!” ผมบอกภีมเพื่อให้เขาปล่อยผมได้แล้ว

“ทำไมล่ะอยากกอด ไม่ได้กอดนานแล้วน่ะ เจอแต่ก็เข้าไปกอดไม่ได้ ถ้าไม่ยอม ภีมก็ไม่กล้าทำหรอกถึงอยากจะกอดมากแค่ไหน แต่ตอนนี้กันยอมแล้วนิ แสดงว่ากันให้อภัยภีมแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วใช่ไหมกัน “หมอภีมพูดกับผมไม่ยอมหยุด

“อืม ก็มายืนทำอาหารให้ขนาดนี้ ยังจะถามอีกเหรอภีมว่า ยอมหรือยัง” ผมพูดก่อนจะพยายามดันภีมออก

“ไปจัดโต๊ะจะได้กินอาหารเย็นนี่มันสองทุ่มกว่าแล้วน่ะ “ผมบอกหมอภีม

“ไม่กินได้อาหารเย็นอ่ะ ข้ามไปเลย อยากกินคนทำมากกว่า” หมอภีมพูด ผมเหลือกตาขึ้นบน ผมยืนทำตั้งนาน หิวก็หิว

“ไปจัดโต๊ะ!!”

“เลิกสอนแล้ว ทำไมต้องดุภีมอีกแล้ว ดุยังกับว่าภีมนี้เป็นลูกศิษย์นะครับ อาจารย์กันตภณครับ”

“ก็ไม่ยอมฟังนิ ไปจัดโต๊ะ เดี๋ยวนี่!” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุเล็กน้อย หมอภีมก็คลายกอดผม เขาเดินไปหยิบอุปกรณ์จัดโต๊ะ ผมก็จัดการจัดอาหารใส่จาน ก่อนจะหันมาเห็นภีมเดินไปหยิบขวดไวน์ออกมา ผมหันไปมองโต๊ะที่เขาจัดผมถือจานอาหารไปวางเอาไว้ บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้วางอยู่ตรงกลาง ดอกไม้นี้เหมือนดอกไม้จริงมาก ผมเดินเข้าไปจับดู ผมก็ถึงได้รู้ว่านี้คือดอกไม้พรีเซิร์ฟเขาเรียกกันว่าดอกไม้อมตะเป็นดอกไม้จริงที่ผ่านการอบแห้งด้วยกระบวนการที่ทันสมัย ผมสังเกตเห็นป้ายที่ห้อยอยู่ "Congratulations!!" อย่าบอกนะว่านี้เขาซื้อให้ผมเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เพราะว่าผมเรียนจบปริญญาเอก จริงๆผมเป็นดอกเตอร์แล้ว  บนโต๊ะมีแก้วไวน์สองใบที่ถูกรินไวน์แดงใส่ไว้ในแก้ว มีเชิงเทียนวางไว้ด้วย ภีมเขาเดินไปหรี่ไฟให้ดูสลัวๆ ก่อนจะจุดเทียนเพื่อให้ดูสว่างเล็กน้อย  ผมเดินไปนั่งลงตรงข้าม หมอภีมเดินมาไปเปิดเพลงรักอีก  ผมนั่งกอดอกมองคนที่เดินไปทำนั้นทำนี้ ประมาณว่าเยอะไปไหม

“พอแล้วภีม มาทานได้แล้ว” ผมบอกหมอภีม เขาก็เดินกลับมา มานั่งตรงข้ามกับผม

“รู้ไหมว่า ช่วงที่ไม่มีกัน ภีมนั่งคนเดียว ภีมคิดถึงวันที่เรามีกันและกัน”

“ก็อย่าทำอีกแล้วกัน เข้าใจไหม จะให้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวน่ะ “ผมพูดก่อนจะก้มลงทานอาหาร

“ก็ภีม แค่อยากให้เขารู้ว่ากันเป็นของภีม”

“ถ้าภีมเชื่อกั และไม่ส่งรูปนั้นไป ทุกอย่างมันก็ไม่เป็นแบบนี้ กันคงไม่เสียป๊าไป ทั้งที่ป๊ากำลังจะบอกว่า ถ้ากันอยู่กับหลินไม่ได้ เขาจะยอมให้กันหย่า ภีม! “ผมพูดก่อนจะวางช้อนกับมีลง จู่ๆคนตรงข้ามผมก็เดินมาและเขาก็กอดผมเอาหน้าซบลงที่หน้าท้องผม

“ภีมขอโทษกัน ภีมรักกัน ภีมไม่อยากเสียกันไป กันคือคนรักคนแรกของภีม”

“ภีมรู้ไหมว่า พ่อของภีมเขาอยากให้ภีมแต่งงานเหมือนที่กันแต่งกับหลิน เขาอยากให้ภีมกับกันอยู่ในสถานะแค่เพื่อนเท่านั้น” ผมพูด

“อะไรน่ะ ทำไมกันไม่เคยบอกภีมมาก่อนเลย ว่าพ่อพูดแบบนี้กับกัน กันจะไปถามพ่อ”

“ภีม นั้นมันหลังจากที่กันแต่งงานแล้ว แต่พ่อของภีมเขารู้ว่าเรายังติดต่อกันอยู่ และพ่อเขาขอให้กันเข้ามาพบ พ่อเขาไม่ได้ว่ากันหรอก แต่คำพูดของพ่อมันเหมือนเชิงขอร้องมากกว่า “ผมพูด และภีมชักสีหน้าไม่พอใจและทำท่าจะลุกแต่ว่าผมคว้าแขนเขาเอาไว้ได้

“วันนี้กันก็เจอพ่อ พ่อบอกว่าพ่อเขายอมแล้วภีม” ผมพูดกับภีม ภีมมองหน้าผม

“ที่กันไม่บอกเพราะว่าภีมจะทำแบบนี้ไง เขาคนนั้นคือพ่อนายน่ะ พ่อทุกคนแหละแม้กระทั่งกันก็เช่นกันถ้ากันเป็นพ่อคนคงทำเหมือนกัน ภีม” ผมบอกภีม

“แต่ขอบคุณน่ะ มันทำให้กันรู้ว่า ภีมจะไม่กลับไปทำเหมือนเดิมอีก ขอบคุณในความมั่นคงที่ภีมมีให้กัน”

“ภีมรักกันไง กันเป็นคนแรก เป็นผู้ชายคนแรกที่ภีมอยากได้เป็นแฟนตั้งแต่เห็นหน้าที่ห้องอาหารแล้ว “หมอภีมพูด

“พอแล้วไปทานอาหารได้แล้ว จะได้อาบน้ำนอน เพลียไม่ใช่เหรอ” ผมบอกหมอภีม เขาลุกขึ้นไปนั่งทาน ผมก็ทานไปด้วยจิบไวน์แดงไปด้วย ก่อนจะคิดว่านี้ยี่ห้ออะไรน่ะ

“สั่งมาไว้ให้ เพราะรู้ว่ากันชอบ แต่น่าเสียดาย ต้องนั่งดื่มคนเดียวทุกครั้ง คิดถึงคนที่นั่งดื่มด้วยกันทุกวันเลยรู้ไหม” หมอภีมพูด ผมช้อนตาขึ้นมามอง คนที่นั่งทานตรงข้ามผม ผมสองคนทานไปคุยกันไปด้วย ทั้งที่ผมก็เจอภีมบ่อย พาม๊ามาหาหมอทุกเดือน จนกระทั่งทานอาหารเสร็จ หมอภีมก็ช่วยผมเก็บล้างเหมือนเช่นทุกครั้ง

“กัน ไปอาบน้ำเลยไหม” ภีมถามผม ผมหันมามองคนที่ยืนเช็ดเพื่อนำทุกอย่างเก็บเข้าที่

“ค้างนี่นะ นะครับ” ภีมหันมาอ้อนผม ใช้ปลายนิ้วเขี่ยที่แผ่นอกแมนของผม

“นะกัน “ภีมยังคงออดอ้อนผมต่อ

“หมับ” ผมจับนิ้วนั้นก่อนจะไต่ไปถึงไหนๆ

“พอแล้ว ค้างก็ค้าง อายุก็เยอะแล้วยังไม่เลิกอ้อนอีก “ผมพูดก่อนจะปลอดผ้ากันเปื้อนมาคาดให้คนที่จะทำหน้าที่เก็บล้างต่อจากผมและผมจะได้ไปอาบน้ำ

มีต่อด้านล่าง
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกัน P2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 14-04-2021 12:59:21
EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกัน P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056351#msg4056351)

            ผมเดินออกมาตรงไปยังห้องนอนใหญ่ ผมเดินไปที่ห้องเสื้อผ้า ก่อนจะเลื่อนเปิดบานประตู ผมเห็นชุดนอนของผมถูกแขวนเอาไว้ ผมเลือกหยิบมาหนึ่งชุดพร้อมกับเปิดตู้ ผมแยกกันอย่างชัดเจนส่วนของผมกับของภีม ทุกอย่างเขายังเก็บไว้เหมือนเดิม ผมเดินเข้าไปห้องน้ำถอดเสื้อผ้าออกใส่ตะกร้าไว้ ผมเป็นคนมีระเบียบมากภีมเขารู้ดี ตอนนี้ร่างกายของผมที่ปราศจากสิ่งปกปิด ผมไม่มีกล้ามเนื้อเพราะว่าไม่ใช่คนชอบเล่นเวทเหมือนภีม แต่เป็นคนชอบเล่นโยคะ และตีแบทมินตันกับเพื่อนอาจารย์ด้วยกัน ผมเข้าไปในตู้อาบน้ำ เปิดน้ำให้ไหลลงมาจากฝักบัวลอยอยู่เหนือหัวของผม สายน้ำกระทบลงที่ศีรษะก่อนจะผ่านมาที่ลำตัว สายน้ำทำให้ผมต้องยืนหลับตานิ่ง ภาพวันวานเก่าๆ ที่ผมกับภีม เรารักกัน ภีมคือผู้ชายคนแรกของผมเหมือนกัน จนกระทั่ง

“หมับ” ผมรับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามากอดผม เนื้อแนบเนื้อ ผมหันไปมองหมอภีม

“อาบน้ำแล้วไม่ใช่เหรอภีม” ผมถามภีม

“ก็มันเลอะอีกนี่กัน ก็เลยต้องอาบอีกรอบ แต่รอบนี้อยากอาบนานนานเลย “หมอภีมพูด มือไม้ที่ไต่ไปรามเรือนร่างผม ภีมยื่นมือไปบีบสบู่ ใส่ฟองน้ำสำหรับถูกตัว มาไล่ถูไปตามแผ่นหลังของผมจนทั่ว ก้อนฟองน้ำนั้นค่อยๆ เลื่อนมาลูบไล่ที่ด้านหน้า วนไปมาที่หน้าท้อง ผมยืนนิ่งกลืนน้ำลายลงคอ เลียริมปากบางๆของผม นี้คือการยั่วยุอารมณ์ผมชัดๆ

“ปึก” ผมดันหมอภีมให้หลังไปชนกับฝาผนัง ผมใช้แขนผมดันกำแพงไว้

“อืมม” ริมฝีปากบางของผมประกอบริมฝีปากหนาได้รูปของภีม บดขยี้อย่างดุเดือดเลือดผ่าน มือภีมก็จับเอวผมบีบ ภีมก็พลิกร่างผมให้มาอยู่ภายใต้วงแขนของเขาบ้าง

“อ้าห์ ภีม” ผมร้องครางเบาๆ เมื่อภีมเริ่มซุกไซ่ที่ตามแผ่นอกของผม แขนสองข้างถูกภีมจับขึงไว้

“ซี้ด” ผมร้องครางลากยาวทันทีที่ปลายลิ้นของหมอภีมตวัดลงที่สองจุดนั้นของผม สลับกันไปมา หมอภีมทั้งโลมเลียและดูดดุนด้วยปลายลิ้นนุ่มๆนั้น จนผมเองก็แทบจะทนไม่ไหว ต้องแอ่นแผ่นอกขึ้นลงเพื่อลดลั่นความเสียวซ่าน สายน้ำเริ่มหยุดไหล่ หมอภีมกดปิดเรียบร้อยแล้ว เขาย่อตัวลงใบหน้าอยู่ตรงแกนกายของผม หมอภีมเริ่มใช้ปากกับสิ่งนั้น อย่างกับมันคือไอติมแท่งโปรดปลายลิ้นเลียจากโคนมาถึงปลาย มันเสียวจนต้องใช้แขนดันไว้กับมุมสามเหลียของตู้อาบน้ำ ผมแอ่นส่วนนั้นขึ้นลงตามจังหวะของภีม

“ใครก่อนดี” หมอภีมช้อนตาขึ้นมาถามผม

“น่าจะรู้น่ะว่าใครก่อน “ผมถามภีมกลับ เขามองหน้าผมมุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มก่อนจะพยักหน้า ภีมลุกขึ้นยืน เขาเดินออกไปหยิบเอาผ้าขนหนูมาให้ผมและเขาคนละผืน ต่างพากันช่วยเช็ดน้ำตามลำตัวและผมของผมสองคน หมอภีมเดินออกไปเสียบสายเครื่องเป่าผม ผมเดินตามออกไปก่อนจะก้มลงให้ภีมเป่าผมเหมือนที่เขาชอบทำให้ผมประจำ ภีมถือไดเป่าผมมไล่เป่าไปทั่วทั้งจนผมของผมสองคนเริ่มแห้ง ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก่อน หมอภีมเดินตามมาพร้อมกับอุปกรณ์รักของผมสองคนถุงยางและเจลหล่อลื่น

“หมดอายุยังน่ะ” ผมหันไปถามหมอภีม

“ไม่หมดเพิ่งซื้อมา” หมอภีมพูด ผมหันมากอดอกมอง ก็เขาบอกว่าเพิ่งซื้อมาแล้วซื้อมาใช้กับใคร

“เพิ่งซื้อมาวันนั้นน่ะ วันทีที่ไปพากันมาจากผับไง แวะซื้อมาที่ร้านสะดวกซื้อ นึกว่าตื่นมาจะให้สักยกแต่ที่ไหนได้ทิ้งหนีกันไปเลย” หมอภีมพูด ผมเหลือกตาขึ้นบนก่อนจะเดินไปหยิบของในมือเขามาวางไว้ที่หัวเตียง ผมปลดผ้าขนหนูลงไป มันเผยให้เห็นแกนกายของผม หมอภีมก้มลงมอง ก่อนจะปลดของตัวเองออกบ้าง ไม่น้อยหน้ากันเท่าไหร่ ของผมน่ะเน้นยาวแต่ของหมอภีมมันเน้นใหญ่ความยาวมาตรฐานชายไทย ผมผลักภีมลงไปนอนและผมก็ตามขึ้นไปคร่อมร่างนั้นเอาไว้ทันที เริ่มเล้าโลมด้วยรสจูบที่เร่าร้อน ไม่ลืมฝังรอยไว้ที่รอบขาวๆ ของหมอภีมปภพ

“ทำรอยแบบนี้เดี๋ยวพยาบาลแซวแน่ๆ เลย” หมอภีมพูด

“ทำโทษ ที่ทำตาเล็กตาน้อยให้คนไข้เมื่อเช้า” ผมพูด ใช่ครับผมหมายถึงผู้หญิงที่ม๊าพูดถึง ถึงไม่ได้มองตลอดแต่เห็นนะ

“คนไหน” หมอภีมกระดกหัวขึ้นมาถามผม ขณะที่ผมกำลังก้มลงหยอกเล่นกับสองจุดของหมอภีม

“คนที่ไม่ได้ท้องน่ะ คนที่สวมกระโปรงสั้นมาก เดินคุยกันออกมาจากห้องตรวจด้วย คนไข้ในสังกัดคุณหมอหล่อเหรอ” ผมถามหมอภีม เขาทำท่าคิดก่อนจะชี้น้ิวแหลมมาที่ผม

“เขาเป็นผู้แทนยา เขาเอายาตัวอย่างมาให้ภีมดู และแน่นอนเขาต้องมีแต่งตัวให้ดึงดูดนิดนึง เพื่อยอดขาย” หมอภีมบอกผม ผมกระดกหัวขึ้นมอง มันเกี่ยวกันไหม คุณภาพยากับการแต่งตัวของคนขายนะ  "หึงเหรอ หึงทำไมอ่ะ " หมอภีมถามผม

“ก็เห็นว่าเขามอง …” ผมพูดหมอภีมหรี่ตามองผม

“มองเน้นเฉพาะตรงเป้า เพราะว่าคุณหมอใส่ฟิตมากน่ะวันนี่น่ะ กางเกงคุณหมอนะ” ผมพูด

“จริงดิ แสดงว่าไม่ใช่แค่เขาแล้วแหละที่มองเป้าภีม สงสัยอาจารย์กันจะมองเป้าหมอด้วยนะครับ ถึงได้รู้ ว่าผมฟิตมาก” หมอภีมพูด ยังอีกผมสั่นหัวเล็กน้อยก่อนจะรีบก้มลง

โอ๊ย!!!” เสียงร้องดังลั่น ผมกัดเข้าที่หน้าท้อง

“โอ๊ยย!! กัน กัดภีมทำไมเนี๊ยะ อู้ยย! เจ็บ” หมอภีมพูดพร้อมกับเอามือลูกที่หน้าท้องที่ผมกัดไป ผมเงยหน้ามองหมอภีม

“โอเค คราวหน้าจะบอกว่าให้ส่งผู้แทนที่แต่งตัวด้วยชุดที่ดูสุภาพห้ามใส่คอลึก ห้ามนุ่งสั้น และถ้าเป็นมนุษย์ป้ามาได้จะดีมาก เพราะว่าผมเน้นคุณภาพยาไม่ใช่ดีเทลสวย โอเคนะครับอาจารย์สายโหด” หมอภีมพูดและยกมือยอมแพ้ให้ผม ผมก็เลื่อนตัวขึ้นไปหยอกเล่นกับสองจุดของภีมต่อ ภีมก็แอ่นขึ้นทุกครั้งที่ผมดูดดุนด้วยปลายลิ้น ผมเริ่มไล่ลงมาที่หน้าท้อง หน้าท้องภีมเป็นลอนสวยแสดงว่ามีเวลาฟิตหุ่น ผมคิดว่าของผมได้ทีแล้วเลยหันไปหยิบถุงยางมาสวมใส่และเจลทาลงที่ส่วนปลายและช่องทางรักของหมอภีม ใช่ครับผมเป็นรุก ผมกลับขึ้นมายกขาของหมอภีมขึ้นมาตั้งพร้อมกับค่อยๆ สอดแกนกายเข้าไป

“โอ๊ย” เสียงร้องเบาๆ ของหมอภีม ผมเหลือบตาขึ้นมองดู ผมเห็นนิ้วมือของหมอภีมจิกลงที่บนผ้าปูที่นอน

“เคยเห็นที่สวนก้นเวลาถ่ายไม่ออกป่ะ แต่อันนี้มันใหญ่กว่านั้นเยอะอ่ะกัน อู้ย แน่นมาก!!” หมอภีมกระดกหัวขึ้นมาคุยกับผม

“โอ้ววว “ร้องออกมาอีกทีเมื่อผมค่อยๆ ดันมันเขาไป แถมยากมาก มันค่อยๆ เข้าไปจน

“อ๊าห์” เสียงครางเพราะว่าผมเข้าไปจนสุดแล้ว ผมนิ่งรอให้ภีมส่งสัญญาณว่าพร้อมหรือยัง และเขาก็เริ่มจับเอวผมให้ขยับ นั้นแปลว่าเขาพร้อมแล้ว ให้ขยับได้เลย ผมเริ่มเด้งสวนเข้าออกช้าๆ บ้างเร็วบ้าง สลับกันไป หมอภีมใช้แขนดันตัวเองขึ้นมาจูบผม รสจูบที่ดูดดื่ม ลิ้นเริ่มสอดเข้าไปหากันเกี่ยวพันกันจนแทบจะรวมเป็นอันเดียวกัน

“อ้าห์ ซี้ด ภีม อ้าห์” ผมเริ่มเด้งสวนเร็วขึ้นเรื่อยๆ “ตับ ตับ ตับ “ไม่นานของผมกำลังจะมา แกนกายเริ่มกะตุ๊กจนผมต้องเกร็งหน้าท้อง หมอภีมโน้มตัวผมลงไปจูบ ตอนนี้สิ่งที่อยู่ภายในกายมันสงบนิ่งลงแล้วผมค้างไว้สักพักถึงได้ถอนออก ก่อนจะลุกขึ้นหยิบเอากระดาษทิชชูเพื่อเพื่อเช็ดทำความสะอาดและถอดเกาะป้องกันออกไป ผมนำไปทิ้งลงที่ถังขยะในห้องน้ำ

“หมับ” มีคนลุกเดินตามผมเข้าไปติด เขามาจับเอวผมให้หมุนไปหาเขา หมอภีมไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาจับผมให้ไปนั่งอยู่บนอ้างล้างมือ ตรงช่องว่างระหว่างอ่างสองอัน

“ขอหน้ากระจกเลยนะที่รัก” หมอภีมกระซิบกับผม เขาแยกหน้าขาผมออก ภีมเล้าโลมผมอีกครั้ง ด้วยรสจูบที่เร่าร้อน พร้อมกับพรมจูบไปทั่ว เรารุกทั้งคู่ ยอมรับว่าตอบสนองกันได้ดี ภีมชอบปลุกเร้าผมราวกับคนหื่นกระหาย ส่วนผมชอบปลุกเร้าแบบนุ่มนวลแต่แปลกมันกลับไปกันได้ ผมแอ่นอกขึ้นลงทุกครั้งที่หมอภีมขบและเม้มปากเล่นกับสองจุดของผมเล่น

“ภีม ซี้ด “ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วต้องร้องห้ามคนที่แกล้งผมเล่น กรงเล็บจิกลงที่แผ่นหลังของหมอภีม ผมเป็นคนปลายเล็บมล มีปลายเล็บยาวออกมาเล็กน้อย คงได้ครู้ดแผ่นหลังหมอภีมจนเป็นรอยแดง

“อยากได้ของภีมแล้วเหรอครับ” หมอภีมถามผมแต่ไม่ยอมหยุดสักนาที

“ภีม ซี้ด อ้าห์” ภีมเริ่มเม้มและดูดที่หน้าท้องของผม มันยิ่งทำให้ผมหายใจได้ไม่ทั่วท้อง ผมรู้สึกว่าภีมกำลังสวมใส่เกาะป้องกันของตัวเอง ทาเจลที่ไว้ที่ส่วนปลายเช่นเดียวกับที่ผมทำ นิ้วมือเริ่มแตะที่ตรงช่องทางรักของผม ผมเริ่มสูดลมหายใจเข้าปอด

“อ้าห์!!” นิ้วที่หนึ่งเริ่มสอดเข้าไปในช่องทางแคบ

“อืม” ริมฝีปากของหมอภีมประกบริมฝีปากผมไปด้วย ผมเริ่มรู้สึกคับแคบที่ช่องทางรัก นั้นเขาเริ่มสอดเข้าไปสามนิ้วแล้ว ผมเริ่มสูดลมหายใจเข้าแบบถี่ๆ หน้าท้องเริ่มเกร็ง

“อ้าห์!! ภีม!!!“ผมเริ่มจิกกรงเล็บลงที่หลังของภีมอีกครั้ง ผมรับรู้ได้ว่าส่วนหัวกำลังสอดแทรกเข้าไปในช่องทางรักที่คับแคบมาก ถึงจะคุ้นเคยกันมาก่อนก็ตาม แต่ตอนนี้เหมือนเริ่มต้นใหม่ เหมือนวันแรกที่ผมมีอะไรกับภีม กว่าจะยอมให้ภีมมีอะไรกับผมทางประตูหลัง ก็คบกันไปเกือบสองปีแต่เขายอมให้ผมมีอะไรกับเขาและใช้ปากทำให้ภีมแทน ผมจำได้ดีวันแรกเจ็บจนลุกไม่ขึ้น ไม่ได้เข้าห้องสอบอีก ดีที่ผมมีไข้เลยเป็นเหตุผลให้ผมสอบทีหลังได้ ตอนนั้นป๊าเกือบจำได้แล้ว 

“โอ๊ย ภีม ซี้ด เจ็บ” ผมร้องเสียงดังเกือบลั่นในห้องน้ำ ผมรู้สึกเจ็บจนจุก ภีมหยุดชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

“สงสัยงานนี้หมอเลือกเข็มผิดขนาดนะครับที่รัก”

“กลับไปเปลี่ยนทันไหมล่ะครับ คุณหมอ” ผมหรี่ตาลงถามหมอภีม

“เห็นทีจะไม่ได้ละครับ โรงพยาบาลอยู่ไกล ใช้ไซ้นี้ไปก่อนนะครับที่รัก เจ็บนิดเดียว หมอฟันบอกมา “ผมยิ้มให้หมอภีม ไม่น่าจะให้เลยรู้อย่างนี้แกล้งบอกว่าเหนื่อยซะก็ดี แต่จะว่าไปนี่ก็นานมากแล้วนะที่ไม่ได้ยินคำนี้ "ที่รัก" ภีมก้มลงจูบผมเผื่อว่าจะทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมจูบภีมตอบจนผมรู้สึกพร้อมแล้วที่จะไปต่อ ผมก็พยักหน้าเขาเด้งสวนเข้าไปอีก พร้อมกับซุกไซ้ ไปตามรอบคอและแผ่นอก นิ้วมือก็บี้สองจุดเล่นอย่างเมามัน

“อ้า!!” ผมร้องอีกครั้งแต่ไม่ได้เจ็บเหมือนตอนนาทีแรก ภีมเริ่มเด้งสวนเข้าไปจนสุดและออกเกือบสุด  ภีมกัดปากตัวเองและเริ่มโยกเข้าออกเร็วขึ้น ขาที่เปิดกว้างขึ้นเพื่อรองรับการเด้งสวนของผมภีมได้ถนัด ภีมใช้แขนสองข้างสอดและยกขาผมขึ้นมาประคองไว้ด้วยสองแขนที่กำยำนั้น

“อ้า ภีม “ผมเริ่มร้องครางดังขึ้น แถมยังเด้งรับอย่างรู้จังหวะ เคยรุกมาก่อนผมถึงได้รู้ว่าจังหวะไหนที่พีคที่สุด ผมปล่อยให้ภีมเร่งความเร็วไปเรื่อยๆ

“อ้า ภีม โอ้วว ภีม เร็วอีกหน่อย อืมม” ผมครางจนคนที่คุมเกมอยู่ยิ้มอย่างพึงพอใจ เขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้เห็นเบื้องหลังของคนที่ทำหน้านิ่งสงบ แต่พออยู่บนเตียงภาพนั้นมันหายไปหมดสิ้น

“เร่งผมเหรอครับอาจารย์” หมอภีมพูดกระเซ้าเย้าแหย่ผมเล่น และการเด้งสวนของเขาไม่ได้ลดความเร็วลงเลย

“ภีม!!!” ผมร้องเรียกภีมอีกครั้ง

“ใกล้แล้วที่รัก อ้าห์ ซี้ด อืมม อ้าห์!!” ผมรับรู้ได้ถึงการเกร็งและกระตุกของแท่งร้อนที่อยู่ในกายผมนั้น แม้จะไม่ได้สัมผัสถึงความอุ่นเพราะว่ามีถุงยางมากั้นเอาไว้ ผมเงยหน้าขึ้นมองภีมก่อนจะจูบอย่างดูดดื่ม และภีมก็ถอดสิ่งนั้นออก เขาถอดเอาถุงยางออกและทิ้งมันลงในถังขยะทันที ภีมกลับมากอดผมเอาไว้แน่น

“ขอบคุณนะครับที่รัก” ภีมกระซิบที่ข้างหูผม

“รู้สึกว่าอาจารย์ของผมจะเร่าร้อนน่าดูน่ะคืนนี้นะ “หมอภีมพูดแซวผม ผมใช้มือประคองใบหน้าของหมอภีมเอาไว้ ผมจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง “ขอบคุณครับ” ผมขอบคุณหมอภีมที่มอบความสุขให้ผมเช่นกัน ทันทีที่ภีมก้าวถอยหลัง ผมก็เดินไปเปิดสายน้ำจากฝักบัวเพื่อล้างชำระช่วงล่าง หมอภีมก็เช่นกัน เราผลัดกันเช็ดตัวก่อนจะคว้าเอาชุดนอนมาสวมใส่ หมอภีมมองหน้าผม เอาโอบกอดผมไว้ เหมือนกับว่ากลัวว่าผมจะหายไปจากเขาอีก

“ภีมรักกันนะครับ ภีมรักมาก มากจริงๆ”

“กันล่ะรักภีมไหม” หมอภีมถามผม ผมหันมามองชอบอ่อนให้ผมบอกรักอยู่เรื่อยเลย ทั้งที่ผมเองเป็นคนแสดงเรื่องพวกนี้ไม่ค่อยเก่ง เท่าหมอภีม ผมหันมามองหน้าหมอภีมเขากอดผม แววตาคู่นั้นเหมือนกำลังเฝ้ารอคำตอบอยู่

“รักซิ ไม่รักจะยอมกลับมาหาเหรอ” ผมพูด

“อืมม” ภีมจูบผม

“อย่าไปอีกได้ไหม ไปรอบนี้ ภีมคงทนไม่ได้ ที่อยู่ได้ทุกวันนี้เพราะว่าภีมเชื่อว่า ภีมยังได้เจอกันอีก เพราะว่ากันต้องพาม๊ามาโรงพยาบาลของภีมอยู่ดี”

“อย่างน้อยกันก็ยังต้องคุยกับภีมถึงอาการของม๊า บางทีมันยากสำหรับภีมมากนะ ที่ต้องอดทนเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ตรงหน้าแต่ทำได้มากกว่านั้นไม่ได้ “หมอภีมพูดกับผม ผมใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของภีมเอาไว้ ผมก็เจ็บพอ พอกับที่ภีมเจ็บนั่นแหละ ผมเหลือบตาไปมองนาฬิกา นี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้วเหรอ

“ภีมนอนเถอะ พรุ่งนี้กันมีสอนแต่เช้าด้วย” ผมพูด เพราะว่าปกติผมเข้านอนเร็วนอนตั้งแต่สามทุ่มเลยแต่นี้สี่ทุ่มกว่าแล้วด้วย ผมเดินไปขึ้นเตียงก่อน ภีมเดินไปปิดไฟกลางห้อง เหลือไว้แค่ไฟหัวเตียง ผมเห็นหนังสือที่ผมชอบอ่านโรเมโอและจูเรียตวางอยู่บนหัวเตียง มีอีกสองสามเล่มที่ผมใช้อ่านประจำ ก่อนนอนจะนั่งอ่านหนังสือก่อนเสมอ การที่เราอยู่ด้วยกันก็ไม่ได้จะต้องจบที่กิจกรรมอย่างว่าแล้วถึงนอนทุกคืน เราอ่านหนังสือด้วยกันจนง่วงและส่วนมากจะเป็นภีมที่ผล๋อยหลับคาหนังสือก่อนเสมอ

“นี่ยังเอามาอ่านอีกเหรอ ภีม” ผมหันไปถามภีม เขานอนลงข้างๆ ผม ภีมพลิกมากอดผม

“เป็นหนังสือนิยายรักเล่มแรกที่ภีมได้จากกัน เพราะตลอดเวลาพ่อให้ภีมอ่านแต่หนังสือเรียน เขากลัวภีมจะสอบหมอไม่ติด” หมอภีมพูด ผมรู้ว่าภีม มันอยากมีเวลาทำอย่างอื่นที่่ไม่ใช่แค่เรียนหรืออ่านหนังสือเรียน ส่วนผมก็เรียนหนักแต่ก็หาเวลาผ่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือนิยายรักบ้าง และเล่มนี้คือนิยายรักเรื่องแรกที่ผมให้ภีมลองอ่านดู แต่ก็ไม่คิดว่าความรักของผมกับภีมจะคล้ายๆ กับเรื่องนี้แต่โชคดีที่ไม่ได้จบลงเหมือนกันแต่ก็บอบช้ำไม่ต่างกัน ผมหันไปเก็บหนังสือเล่มนี้ใส่ไว้ที่เดิม ผมหันมามองหมอภีม ผมยิ้มอ่อนๆ ให้หมอภีม

“นอนเถอะภีม และถ้าพรุ่งนี้เลิกเร็ว ไปทานข้าวกับม๊ากันนะ ม๊านะบ่นอยากให้ภีมไปทานข้าวบ้านบ่อยๆ ” ผมบอกภีม ภีมเขาพยักหน้า ผมค่อยๆเลื่อนตัวลงนอนข้างๆ หมอภีมกอดผมเข้าไปหาตัวเขา นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กอดกันแบบนี้ เจอกันก็ทักทายกันคงสถานะไว้แค่เพื่อนมาตลอด แต่ในใจมันไม่ใช่แต่ต้องทนเก็บไว้ เจ็บไหม ตอบได้ว่าเจ็บมาก ตอนนี้เราเหมือนกลับมาเริ่มต้นเป็นแฟนกันใหม่ ดังนั้นผมจะไม่ยอมให้ประวัติศาสตร์จะมาซับรอยเป็นอันขาด  ภีมกอดผมจากด้านหลัง เขาฝังปลายจมูกของเขาไว้ที่ศอกคอผม ผมโชคดีที่หมอภีมมั่นคง ไม่อย่างนั้นคนอื่นๆคงได้เขาไปเป็นแฟนแล้ว ทั้งหล่อและมีความสามารถขนาดนี้ "ขอบคุณนะภีมที่ยังรักและมั่นคงกับกัน" ผมพูดเบาๆกับคนที่หลับสนิทไปแล้วฟัง
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกันP1,P2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 14-04-2021 14:14:41
 :oo1: :jul3:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกันP1,P2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: evanescence_69 ที่ 14-04-2021 19:24:10
นึกว่าหมอเป็นเมีย ที่ไหนได้รุกซะงั้น  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกันP1,P2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 14-04-2021 20:41:16
 :-[ :impress2: :mew1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.29 (หมอภีมXอากัน)ขอบคุณที่ยังรักกันP1,P2 NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 14-04-2021 22:35:27
 :laugh:


ฉ่ำๆ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.31 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เผลอตัวจนได้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 15-04-2021 17:58:19
EP.31 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เผลอตัวจนได้ NC18+

Part’ s เป็กซ์ ผมชื่อนายจิรายุ วรเพชรสกุล ผมเป็นเพื่อนรักของบีมแต่ผมดันซวยมีแฟนเฮียอย่างไอ้พี่โก้ มันแก่กว่าผมแค่ปีเดียว มันเรียนคณะวิศวฯ คอมพิวเตอร์และมันเองก็มาจีบผมก่อน ผมยอมรับว่ามันหล่อแต่พอคบไปนานๆ ถึงได้รู้ว่าเงินทองที่มันมี เสื้อผ้าราคาแพงที่มันใส่ รถหรูๆ ของมันที่ถอยมาและขายทิ้งถอยใหม่เป็นว่าเล่น มันได้มาจากการเล่นพนันฟุตบอลแถมมันยังรับแท่งอีกต่างหาก มันมีโต๊ะบอลที่เป็นลูกของนายตำรวจ

นี้คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมต้องหักหลังเพื่อนทั้งที่ไม่อยากทำ เพราะว่ามันดันไปติดหนี้เขาไว้เกือบครึ่งแสนและไอ้คนที่เป็นลูกหนี้เขามันก็รู้จักกับอาจารย์เปรมสินีอีก ผมเลยซวยสองต่อ ผมเลยต้องยอมทำ แต่สุดท้าย เพื่อนผมมันให้อภัยผมอีก แถมเพื่อนของแฟนเขาก็ให้ผมพักที่นี้เพื่อนหลบคนของอาจารย์เปรมสินี วันก่อนเขาโทรมาหาผม ผมบอกว่าผมอยู่ต่างจังหวัด เพื่อให้เขารู้ว่าผมไม่ได้อยู่ในกทมแล้ว และเขาจะมั่นใจว่าผมไม่ได้เอาหลักฐานอะไรไปให้ทางอาจารย์กันตภณ แต่จริงๆ แล้วผมซ้อนไว้ที่บ้าน วันก่อนผมให้น้องสาวต่างบิดาไปให้อาจารย์แล้ว ว่างานนี้อาจารย์เปรมสินีโดนหนักแน่ๆ

Rrrrr ผมกดรับสายแม่ของผม

//แม่// ผมเรียกแม่ผ่านมือถือ คิดถึงแม่เหลือเกินแต่อาจารย์กันยังบอกว่าให้ผมไปบ้านไม่ได้ ให้อยู่ที่นี้ไปก่อน

// เป็กซ์เป็นไงบ้างละ วันนี้มะนาวกับใบชาเขามาหาแม่ เขาฝากเงินมาให้แม่ด้วย เขาบอกเป็กซ์ฝากมาให้ อันที่จริงไม่ต้องก็ได้น่ะ ให้ไว้คราวที่แล้วก็ยังอยู่ อยู่เลย// แม่บอกผม ว่าแต่เงินใครกันน่ะ เอาไว้ถามมะนาวดีกว่า
// แม่ต้องไปให้คีโมอีกไหมครับแม่//
//แม่ให้มาจบครอสแล้วเป็กซ์ เหลือแต่ไปเจาะเลือดดู แม่รู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วนะเป็กซ์ //
//แม่แล้ว แป้งได้ช่วยแม่ไหมตอนนี้//
//ช่วยซิ ช่วยได้เยอะเลย นี้แม่ว่าจะกลับไปทำงานนะเป็กซ์ แม่พอจะทำไหวแล้ว// แม่บอกผม
//เอาไว้ก่อนดีกว่าครับแม่ อย่าเพิ่งไปเลยนะแม่ //
//ไม่ได้หรอกเป็กซ์ แป้งก็ต้องเรียนต่อ แม่คิดว่า… //
//ผมจะหางานเพิ่มผมจะส่งแป้งเองครับแม่ ถึงยังไงแป้งก็น้องผม แม่อย่าเพิ่งไปทำเลยนะครับ// ผมบอกแม่ จังหวะนั้นผมได้ยินเสียงคนคุยกัน ดังมาจากในห้องนั่งเล่น ใครกันนะ
//แม่แค่นี้ก่อนนะครับ พรุ่งนี้ผมจะโทรหาแม่อีกที เป็กซ์รักแม่นะครับ บายครับ // ผมพูดก่อนจะกดวางสาย ผมรีบเดินออกไปด้านนอก พอผมออกไปถึงผมก็ต้องตกใจ เพราะว่ามีผู้ชายแปลกหน้ามายืนอยู่สองคน

“เว้ยย!!” พี่เขาสองคนหันมาเจอผมเข้าก็ผงะตกใจไม่แพ้กันกับผม

“น้องเป็นใครอะครับ” พี่คนที่ยืนอยู่ แต่งตัวเฟี้ยวมากผมยอมรับ ยังกับโอป้าเกาหลีมาเอง

“ผมคือ…” ผมกำลังคิดว่าผมควรจะตอบดีไหม

“เดี๋ยวน่ะ ใช้น้องที่ไอ้ไปส์มันให้มาอยู่ที่คอนโดมันหรือเปล่าครับ ที่ว่าเป็นเพื่อนกับเมียไอ้เธียรนะ “พี่เขาถามผม

“ใช่น้องเป็กซ์ไหมครับ” พี่อีกคนออกแนวแรพโย่วมากกว่าแต่ก็เท่ไม่น้อยหน้าอีกคน พี่เขาถามผมแถมระบุชื่อผมได้ถูกต้องด้วย แสดงว่าเขาคือคนที่รู้จักกับพี่ไปส์แน่ๆ ว่าแต่พี่ไปส์อยู่ไหนล่ะ

“ไอ้ไปส์มันบอกกูไว้ว่ะ” พี่เขาหันไปบอกเพื่อนของพี่เขา

“พี่ชื่อพีชครับและนี้ไอ้ณัฐครับ พี่สองคนเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้พี่ไปส์มัน ไอ้ขี้เมานี่นะครับ” พี่เขาแนะนำตัวก่อนจะชี้ไปที่โซฟา ผมเดินอ้อมมาดู ผมก็เห็นสภาพพี่ไปส์ ก่อนเงยหน้ามองพี่ๆ เขาอีกที ประมาณว่าแล้วทำไมพี่เขากลับมาสภาพแบบนี้ล่ะ และพี่เขาไม่เคยมานอนที่นี้ นอกจากจะมารอรับน้องชายเรียนพิเศษไม่ไกลจากนี้

“ตุบ!!” เสียงบางสิ่งตกลงพื้นไม่สูงมาก

“เว้ย!!” ผมสามคนร้องออกมาพร้อมกัน เพราะคนที่เมาดิ้นลงมาลงอยู่ที่พื้น และพี่เขาสองคนก็ช่วยกันจับเอาคนเมาขึ้นไปอยู่บนโซฟาเหมือนเดิม พร้อมกับปาดเหงื่อไปด้วย

“มันเมานะครับ มันทะลึ่งดื่มซะเยอะ ตอนแรกพี่สองคนบอกมันว่าจะเมาแต่มันดันชิ่งไง พี่เลยต้องพามามันมาส่งก่อนแล้วค่อยกลับไปใหม่ “พี่เขาพูดผมก็เลิกคิ้วสูง เมาแบบนี้ใครดูแลล่ะ

“ถ้ามันเมา มันไม่อยากให้ไปส่งที่บ้าน ป๊ากับม๊ามันจะด่าเอานะครับ พี่ก็ไม่อยากโดนไปด้วยเลย เอามาไว้ที่นี่ด้วยแล้วกันเนอะ “พี่พีชบอกผม ผมสะบัดหน้าไปมองพี่เขา

“แล้ว?” ผมเหมือนจะถามว่าใครจะดูแลพี่เขาล่ะ

“น้องครับ ไหน ไหน น้องก็อยู่นี้แล้ว ดูแลที พี่ต้องรีบไปครับ พี่มีเด็กรอ เอ๊ย! คนรู้ใจรออยู่ นะครับ พี่รีบจริง ๆ “พี่เขาพูดก่อนจะหันไปหยิบทุกอย่างมาถือไว้

“ขอบคุณนะครับ พี่กราบงามๆ เลยครับ” พี่เขาพูดก่อนจะรีบหันหลังเดินออกไปเลยอย่างรวดเร็ว ผมก็ยังไม่ได้บอกเลยว่าผมจะดูแลให้ แถมพี่เขารีบชิ่งออกไปซะก่อนแล้ว

“พี่เดี๋ยว!!” ผมทำท่าจะเรียกไม่ทันแล้วพากันเพ่นออกไปกันหมด เหลือไว้แค่ผมและคนเมา

“ตุ๊บ” นั้นคนเมาดิ้นลงมาจากโซฟาอีกแล้ว

“เห้ย!! ใครถีบว่ะ” ผมยืนเอามือเท้าเอว ใครจะไปถีบ นอนอยู่คนเดียวแบบนั้น ผมก็เดินลงย่อตัวลงนั่งยองๆ

“พี่ไปส์” ผมเรียกพี่ไปส์ สะกิดเรียกด้วย “พี่ไปส์ “ผมเรียกคนเมาอีกครั้ง

“อึก อึก อ้วก!!” ผมต้องเหลือกตาขึ้นบน วันนี้ผมเพิ่งจะถูพื้นไปเองนะ นี่พี่แกยังมาอาเจียนลงบนพื้นอีก ดีที่ตรงนี้ไม่มีพรมนี้ ผมต้องวิ่งไปหาผ้า หากะละมังใส่น้ำมาวางไว้ คงต้องเช็ดตัวกันก่อนเลย

ผมเลือกถอดรองเท้ามันก่อนเลย ดูแล้วมันคงจะแพงน่าดูผมจำได้ ยี่ห้อ Nike Jardan 1 retro สีทองสีดำด้านหน้า รองเท้าที่ผมทำได้แค่ฝันเพราะราคามันแพงมาก ผมรีบถอนมันออกไปก่อน ถ้าผมทำรองเท้าคู่นี้เป็นรอยขึ้นมามันคงเม้งแตกแน่ๆ ราคาเป็นหมื่นเลย แพงเว้อ!! ใส่แล้วมึงก็ต้องขำรถอยู่ดี ใส่แล้วมึงก็ยังบินไม่ได้จะซื้อทำไมว่ะ ผมแอบด่าในใจ

ผมจับพี่แกนอนหงาย ก่อนจะรีบหันไปเช็ดอาเจียนที่พี่แก จัดเอาไว้หนึ่งกองออกไปซะก่อน ผมเช็ดทุกอย่างและโยนใส่ถังขยะไปผมกลัวว่าไอ้คนที่นอนดิ้นอยู่นี้มันจะทำถึงขยะล้มระเนระนาดผมเลยเอาไปเก็บในครัวก่อนดีกว่า พอผมเดินกลับมาผมย่อตัวลงเพื่อจะได้ถอดเสื้อแจ็คเก็ตหนังแกะแท้ยี่ห้อดัง ผมเคยไปสมัครเป็นพนักงานขายแผนกเสื้อผ้าผู้ชายตอนปิดเทอม ผมเลยรู้ว่ายี่ห้อนี้แพงโคตร ตั้งสองหมื่นกว่าบาทเลยผมเลยต้องถอดอย่างระมัดระวัง ถ้าผมทำขาดขึ้นมามีหวังไอ้พี่นี้มันเอาผมตายอีก แถมยังเลอะอ้วกพี่แกอีกด้วย

“แล้วกูจะซักยังไงวะ เอาไว้ก่อนกัน” ผมพูดกับคนที่เมาไม่รู้เรื่อง ก่อนจะวางเสื้อนั้นลงแต่พอเห็นเสื้อยืดตัวในยี่ห้อกุชชี เสื้อยืดยี่ห้อนี้แพงเข้าไปอีก เกือบสองหมื่นได้มั้ง มันก็แค่เสื้อยืดปะวะ แม่งแพงได้อีก ถอดยังไงล่ะเนี่ยะ ถ้าถอดมาเสื้อผ้ามันเสียหาย ผมชดใช้ตายเลย ผมค่อยๆ เลิกเสื้อยืดนั้นเพื่อจะได้ถอดจากหัวไป และกว่าจะถอดออกมาได้เล่นเอาผมเกร็งไปทั้งตัว

“ค่อยยังชั่วหน่อย” ผมพูดผมกับมองเสื้อยืดที่ผมถอดออกมา สภาพที่ไม่มีความเสียหายใดๆ เก่งเหมือนกันนะเราเนี่ยะแอบชมตัวเอง คนที่เมาก็เริ่มยันตัวเองขึ้น เขาหรี่ตามองหน้าผมก่อนชี้โบ๊ชี้เบ๊ ไปไหนก็ไม่รู้ แต่ชี้ไปที่ครัว นี่พี่มันจะให้ผมเข้าไปทำอะไรให้พี่เขากินเหรอว่ะ

“จะกินอะไร ตึกป่านนี้แล้ว” ผมถาม มันส่ายหน้าและทำท่าขย้อน

“อึก อึก “เฮ้ย ผมหันซ้ายหันขวา นี้แปลว่าไอ้พี่ไปส์มันจะอาเจียนอีกรอบ ผมก็ดันเอาถังขยะไปเก็บแล้วด้วย

“อ้วก!!!” แล้วสิ่งที่ผมคิดไว้มันก็พุ้งออกมา ผมก็กลัวเลอะเพิ่งเช็ดไปหมาดๆ รีบเอาเสื้อในมือไปรองเอาไว้ได้ทัน คนที่โก่งคออาเจียนก็ยกมือว่าโอเคก่อนจะพลิกตัวลงไปนอน ผมก้มลงมองเสื้อที่ผมกอบอาเจียนพี่เอาไว้ได้อย่างแม่นมาก แต่!!!

“ฉิบหายแล้วกู!!” เสื้อยืดราคาแพงแถมสีขาวอีกด้วย อุตส่าห์ถอดออกมาด้วยความระมัดวังสุดๆ แต่มาตกม้าตายตรงอาเจียนนี่แหละ มันตื่นมาเห็นนี้มันด่าผมตายเลยครับ

“เสื้อราคาแพงของมึง เลอะอ้วกมึงขนาดนี้ จะใส่ลงอีกไหมว่ะเนี่ยะ” ผมพูดก่อนจะยกขึ้นดมดู “อึก อึก “ผมก็ทำท่าจะอาเจียนตามเหมือนกัน ผมว่าตอนนี้ราคาก็ไม่ต่างอะไรกับผ้าขี้ริ้วแล้วแหละเหม็นขนาดนี้

“เสื้อแจ็คเก็ตมึงก็แพง เสื้อยืดมึงยังแพงอีกแถมรองเท้าแม่งก็โคตรแพงเข้าไปอีก ของทั้งหมดนี้ มีเงินอย่างเดียวนี้ทำไม่ได้นะ ต้องไม่มีสมองด้วยมึงรู้ปะและมันต่างอะไรกับเสื้อผ้าโบ้เบ้ว่ะ กูอยากรู้ ก็แค่ราคาแพงปะวะ” ผมบ่นไอ้คนเมา มันเมาไม่รู้เรื่องหรอก

“ใครด่ากูว่ะ “ไอ้พี่ไปส์มันดีดตัวพรวดขึ้นมานั่ง “เว้ย!! มันได้ยินเหรอว่ะ”

“ใครแม่งปากดี มาต่อยกับกูเลย เฮ้ย!!” ไอ้พี่ไปส์มันชี้ไปมัวๆ ไม่ได้ชี้มาที่ผม คงเมาละเมอมากกว่า ทำเอาผมตกใจหมดเลย

“ดูแลให้ดีนะเสื้อกูแพง เดี๋ยวม๊าบ่นรู้ป่ะ “ยังมีหน้ามาห่วงเสื้อผ้าแพงๆ มึงอีกเหรอ ผมเอาเสื้อยืดไอ้พี่มันไปแอบไว้ด้านหลัง ไอ้พี่มันพูดจบมันก็คลานขึ้นไปนอนบนโซฟาเอง

“ให้กูนอนพื้นทำไมว่ะ เจ็บหลัง” ยังมีหน้ามาบ่นผมอีกเหรอ

“ก็ลงมาเองอ่ะ ใครจะแบกกลับขึ้นไปล่ะ ลงมาเองได้ก็ขึ้นไปเองดิ” ผมพูดและทำการเก็บทุกอย่าง อย่างแรกคงต้องเอาเสื้อผ้าไปใส่ไว้ในซิงค์ห้องซักผ้าก่อน คงไปเสิร์จหาวิธีซักเสื้อผ้าราคาแพงพวกนี้จากกูเกิ้ล ผมเดินกลับมาก็เห็นว่า พี่แกถอดกางเกงกองไว้แล้ว เหลือแต่กางเกงยางยืด เนื้อตัวนี้แดงไปหมดแสดงว่าเป็นคนทานเหล้าแล้วตัวแดงแน่เลย

“ร้อนอ่ะ “พี่แกบ่น ผมเลย ต้องเดินมาก้มลงมอง

“เดี๋ยวเช็ดตัวให้แล้วกัน ลำบากกูอีก ถ้าตื่นมาปากดีน่ะมึงโดนแน่” ผมพูดบ่นไอ้พี่ไปส์ ที่อยู่ในสภาพเมามายไม่ได้สติ ผมจัดการเอากะละมังใส่น้ำที่เตรียมเอาไว้ เอาผ้าชุบน้ำ เริ่มเช็ดตามหน้าตาพี่เขาก่อน จะว่าไปพี่ไปส์เป็นหนุ่มหล่อแบบตี๋ๆ สาวไหน ๆ ก็ใจละลาย ขนาดผมเองยังใจสั่นเลย แต่ปากนี้ขอบอกว่าทำเอาผมต้องลืมความหล่อไปชั่วขณะ ผมค่อยๆ ไล่เช็ดไปเรื่อย ๆ ผมเพิ่งจะสังเกต พี่เขามีรอยสักรูปเสือที่ตรงหัวไหล่ มันสวยมากจนผม ต้องเอามือไปลูบดู รายละเอียดแบบสวยงามมา ผมเองก็มีรอยสักนะแต่อยู่ตรงข้อเท้าผม เป็นรูปเสือง่วงนอน เล็กมากไม่กล้าโชว์ใครอายเขา ตอนสักไม่ได้คิด ตอนนี้เอาปลาสเตอร์ปิดไว้แทน ผมก็ค่อยๆ เช็ดตามลำตัวของพี่ไปส์ จนมาหยุดที่ขอบกางเกงยางยืด ภายในกางเกงมันแข็งมาก พี่แกก็นอนพลิกไปมา ผมก็ต้องหลับหูหลับตาเช็ดเข้าไปภายในกางเกงยางยืดนั้น เช็ดไปก็ชนเสากระโดงพี่แกไปด้วย มันแข็งจนมือผมนี้แหละที่เจ็บ

“อืมม” เสียงครางเบาๆ จากคนที่นอน

“ทำให้หน่อยซิ พี่วอนทฺ “พี่เขาหลับหูหลับตาพูด

“ปึก” ผมรู้สึกว่ามีมือมาจับต้นคอผมกดลงไปที่ตรงเป้านั้น

“เฮ้ย!!” ผมร้องออกมาก่อนจะหันไปมองคนที่นอนกัดปากตัวเอง แต่จะว่าไปมันก็น่ากินอยู่น่ะ ผมเลยค่อยๆ จับขอบกางเกงยางยืดรูดออกไปจนเผยให้เห็นมังกรยักษ์ไม่ใหญ่จนเกินไปแต่ก็ใหญ่ว่าที่ผมเคยพบผ่านมา น่าจะมาตรฐานชายไทยแน่นอน ดูแล้วคงผ่านการบำรุงมาอย่างดี ผมเลียริมฝีปากก่อนจะใช้มือจับ มันแข็งเต็มไม้เต็มมือมาก ผมรูดมันเบาๆ ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนทำหน้าฟิน มันรู้ไหมน่ะหรือว่าไอ้พี่มันรู้กันแน่ว่ะ เอาว่ะ ผมก็ครอบปากลงไปที่สิ่งนั้น ผมใช้ลิ้นเลียราวกับว่า มันคือไอติมแท่งโปรดของไอ้โก้มันสั้นกว่านี้เยอะ อันนี้แหละมาตรฐานที่เป็กซ์ตั้งเป้าเอาไว้

“อื้มม ซี้ด เยี่ยม อ้าห์ พี่ขอเน้นๆ โอ้วว” คนที่นอนก็แอ่นตรงนั้นขึ้นลง จนผมต้องกดเอาไว้ก่อน เดี๋ยวได้ทะลุคอผมตายซะก่อน ไม่ได้ตายเพราะคนอื่นหรอก แต่จะตายก็เพราะไอ้พี่นี่แหละ ผมทั้งดูดทั้งเลียจนเพลิน ผมหันไปมองไอ้พี่นั้น เฮ้ย!! พี่มันยันตัวเองขึ้นมานั่งตอนไหนไม่รู้ และที่แน่ๆ มันมองผมด้วยความตกใจที่ผมกำลังเล่นนกเขาพี่เขาอยู่ อย่างเมามันขนาดนี้ ผมเองก็กลืนน้ำลายลง

“เออ คือ ผม ผมแค่เช็ดตัวให้นะครับ” ผมลุกพรวดขึ้นทันที ผมบอกว่าเช็ดตัวให้แต่อีพี่มันมองไอ้ที่ชี้โด่เด่อยู่นั้นและผมเองก็เพิ่งจะถอนปากออกมา “อันนี้ก็เช็ดให้ด้วย “ผมหันไปบอกก่อนจะรีบหันหลังทำท่าจะเดินออกเพราะอายมันมากเลย

“หมับ” มีค้นคว้าข้อมือผมเอาไว้และดึงจนผมเด้งกลับไป ตัวผมล้มลงไปกระแทกที่หน้าอกคนที่นอนกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ เขามองผมแววตามันเยิ้มมาก

“ทำให้พี่ต่อซิ พี่ชอบ” พี่ไปส์พูด ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ผม ผมเลิกคิ้วมองจะดีเหรอ

“นะครับ เป็กซ์” พี่เขาพูดกับผมมันสุภาพมาก แต่จะว่าไปก็ยังเพลินอยู่เลย ผมเลยลงมาคุกเข่าและก้มลง ใช้ลิ้นกับสิ่งนั้นต่อ ผมรับรู้ได้ว่ามีมือหนาๆ มาลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะดึงรั้งผมเข้าไปหาเขาและประกบจูบผมอย่างเร่าร้อน พี่ไปส์กอดรั้งตัวผมให้ลงไปนอนบนโซฟา พี่ไปส์ขึ้นมาคร่อมร่างผมไว้อย่างรวดเร็ว รสจูบที่นุ่มนวลสลับกับฮาร์คอมันยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ของผมเช่นกัน เสื้อยืดของผมถูกถอดออกไปจนพ้นทาง พี่ไปส์เริ่มฝังริมฝีปากลงที่แผ่นอกของผม

“พี่ไปส์ ผม ว่า อย่า เลยพี่ พี่ไปส์ “เหมือนผมจะพยายามร้องห้ามแต่กายผมไม่ยอมฟังมันแอ่นอกสู้ลิ้นพี่ไปส์

“อืม ซี้ด พี่หยุดไม่ได้ ขอพี่นะครับ “พี่ไปส์บอกผมและเขาก็เริ่มจูบไปทั่วจนถึงหน้าท้องของผม กางเกงขาสั้นที่ผมเอาไว้ใส่นอนถูกรูดออกไป แถมยังไปพร้อมกันกับกางเกงยางยืด แสดงว่าชำนาญการเรื่องแบบนี้มาก เล่นถอดไปพร้อมกันขนาดนั้น พี่เขาหันไปมองหา เหมือนจะหาอะไรสักอย่าง

“หาอะไรน่ะพี่ไปส์” ผมถาม

“กางเกงพี่อยู่ไหนครับ” พี่เขาถาม ผมต้องขมวดคิ้ว จะทำกันอยู่แล้วมึงมองหากางเกงทำไม

“จะใส่กางเกงเหรอ” ผมถามพี่ไปส์

“จะใส่ทำไม จะเอาครับ แต่ของพี่มันอยู่ในกางเกง “พี่ไปส์พูดก่อนจะเห็นว่ามันกองอยู่ เลยรีบลงไปหยิบมา เขาล้วงมือลงไปในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหยิบมาสองห่อ ถุงยางอนามัยและอีกห่อผมไม่รู้ พี่เขาฉีกซองก่อนจะหยิบมันออกมาสวมลงไปที่แท่งร้อนนั้น และฉีกอีกซองทันทีเช่นกัน มันคือเจลหล่อลื่น ไม่พร้อมเลยพี่ท่าน เขาละเลงมันลงก่อนจะจับขาผมยกขึ้น พี่ไปส์รีบแทรกตัวเข้ามาและเขาก็ดัน

“โอ๊ย!!” เจ็บเลยซิ แถมจุกด้วย ไซ้มันต่างจากไอ้โก้เยอะเลย ไอ้โก้นี้มึงเด็กน้อยดีดีนี้เอง

“พี่ไปส์เบาๆ หน่อยครับ ผมเจ็บ” ผมบอกพี่ไปส์ ผมใช้มือดันห้ามพี่เขาเอาไว้ที่แผ่นอก พี่เขาพยักหนักหน้าเบาๆ ก่อนจะจับมือผมมากุมไว้

“พี่ขอโทษนะครับ พี่จะทำเบาๆ ครับ พี่สัญญา “พี่เขาพูดมันเป็นคำมั่นสัญญาที่ทำให้ผมเหมือนต้องมนต์สะกด เพราะว่าพี่เขาพูดเพราะกับผมขนาดนี้ เหมือนโดนยาเสน่ห์เลยผม ผมจับเอวพี่ไปส์ ส่วนพี่เขาก็สวนเข้าไปช้าๆ พี่ไปส์หลับตาพริ้มพร้อมกับเลียริมฝีปากจนกระทั่งเข้าไปสุด มือผมก็ลูบแผ่นอกพี่ไปส์ นิ้วมือก็เขี่ยสองจุดของพี่เขาเล่นไปด้วย พี่เขาหยุดก่อนจะพยักหน้ากับผม ผมก็เลิกคิ้วสูงประมาณว่าอะไรอ่ะ พี่เขาพลิกผมให้มานั่งคร่อมเขาแทนโดยไม่ยอมให้หลุดจากช่องทางรักของผมเลย ผมโอบรอบคอพี่เขาไปไว้ พี่ไปส์มองผมสายตานี้เยิ้มมากแต่มันก็ละลายใจผมมิใช่น้อย ผมก้มลงจูบพี่ไปส์ และโยกสะโพกผมเบาๆ ตอนนี้ผมเหมือนได้ควบม้ารุ่นที่แข็งแรงราวกับวัวกระทิง ผมก็ต้องควบมันหนักขึ้นแรงขึ้น

“เป็กซ์ อ้าห์ พี่ชอบ ควบให้พี่หนักๆ เลยพี่ชอบ “เสียงกระเซ้านั้นยิ่งทำให้ผมฮึกเหิม” ปึกๆ ๆๆๆ” ผมควบมันหนักขึ้นจนกระทั่ง

“อ้าห์เป็กซ์ พี่จะ จะ อู้ยย เสร็จแล้วววว มาแล้วววว” สิ้นเสียงนั้นพี่เขาก็เกร็งไปหมด ผมรู้ได้เลยว่าเขาเรียบร้อยแล้ว ผมก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ผมก็พ่นไปที่พุงของพี่เขาเต็มๆ อย่างควบคุมไม่อยู่ ผมก้มลงมองด้วยความตกใจ เวรแล้วไงละผม ผมรีบหันไปมองหาว่ะจะเอาอะไรมาเช็ดดีล่ะ

“อึมม” คนที่เป็นเจ้าของแท่งร้อนนั้นที่คางคาอยู่ในกายผม ยื่นกล่องกระดาษทิชชูมาให้ผมดู

“หากระดาษทิชชูเหรอ เล่นซะเต็มหน้าท้องพี่เลยนะ จัดเต็มเหมือนกันนิ หลายวันแล้วซิหึ” พี่เขาถามผมปนหัวเราะ ผมก็หยิบกล่องกระดาษมาจากพี่เขา ผมบรรจงเช็ดให้ ก่อนจะค่อยๆ ยกก้นตัวเองขึ้นจากแท่งนั้น คนพี่ก็นั่งแผ่ไม่อายผมเลยสักนิด ก่อนจะก้มลงมองที่ปลายถุงที่หอยอยู่ น้ำเยอะไม่เบาเลยพี่เขาน่ะ เขายักคิ้วให้ผม

“พี่ขอน้ำแก้วหนึ่งได้ไหมครับ” พี่ไปส์บอกผมเสียงอ่อยๆ คงยังมึนอยู่ ผมพยักหน้าก่อนจะแต่งตัวและรีบเดินไปรินน้ำอุณหภูมิห้องปกติมาให้ ผมไม่ลืมหยิบยาแก้ปวดมาให้ด้วย

“ขอบคุณครับ” พี่ไปส์รับแก้วน้ำไปจากผม ผมยืนมองอยู่ จะว่าไปพูดเพราะก็เป็นนะ พี่เขาดื่มน้ำก่อนจะ

“แปะๆ” เขาให้ผมนั่งลงข้างๆ ผมก็นั่งลง

“นึกยังไงทำให้พี่น่ะ” พี่เขาหันมาถามผม

“เออ ก็ พี่ขอให้ผมทำให้อะ และนี้ก็ถือซะว่าเป็นค่าที่ให้อยู่แล้วกัน” ผมพูดก่อนจะรีบลุกขึ้นและหยิบเอาเสื้อผ้าพี่เขาไปด้วย ผมวางแผงยาเอาไว้

“พี่ทานยาด้วยน่ะ และห้ามไปอาบน้ำน่ะ เขาบอกคนเมาไม่ควรอาบน้ำ “ผมบอกพี่ไปส์ พี่เขายิ้มให้ผม

“ผมเช็ดตัวให้หมดแล้วแหละ ไม่ต้องอาบหรอก ไม่เหม็นแล้ว” ผมหันมาบอกอีกทีก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องซักผ้า ผมเอาเสื้อที่เลอะอาเจียนมาซักมือล้างน้ำซะก่อน แอบคิดนี้ผมทำอะไรลงไปว่ะ ไปมีอะไรกับพี่เขาได้ยังไง แฟนก็ไม่ใช่ ผมจัดการล้างน้ำจนหมดและผมก็อ่านดูที่เครื่องซักผ้า มีระบบสำหรับเสื้อผ้าที่ตัองซัก อย่างระมัดระวัง ผมก็ใส่เครื่องซักผ้าลงไปและกดตั้งตามที่หน้าจอมี ผมเดินออกมาก็ไม่เจอพี่ไปส์ สงสัยเขาจะเข้าห้องนอนไปแล้ว ผมเก็บทุกอย่างก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง ผมมองไปที่ห้องนอนใหญ่อีกที จะว่าไปเดินเข้าไปดูพี่เขาหน่อยดีกว่าเพราะว่าเพื่อนพี่เขาก็ฝากให้ผมดูแลพี่เขาด้วย พี่ไม่ได้ปิดประตูสนิท เขาเปิดประตูแง้มๆ เอาไว้ ผมเดินเข้าไปในห้องก็เห็นคนพี่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้ใส่เสื้อผ้า แต่ห่มผ้าห่มเอาไว้แทน คงไม่เป็นไรแล้วมั้ง ผมทำท่าจะเดินหันหลังออกเพื่อกลับห้องตัวเอง

“หมับ” พี่ไปส์จับมือผมไว้ ขณะที่ผมกำลังหันหลังเดินออก

“เป็นห่วงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็นอนนี้เลยดิ “พี่ไปส์พูด

“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีและเพื่อว่าพี่เป็นหนัก พี่เดินไปเรียกไม่ไหวนะ อาจจะตายซะก่อน” พี่ไปส์บอกผม ผมก็ต้องหันหลังมามอง พี่เขาก็ขยับออกให้ผมนอนตรงหน้าเขา ผมต้องลงนอนข้างๆ เขาจริงๆ ใช่ไหม ผมเปิดผ้าห่ม เกือบได้ฮาร์ทแอทแท๊กดีที่มีกางเกงยางยืดอยู่

“ผิดหวังเหรอ ถอดออกก็ได้นะ” พี่ไปส์พูด เขาหมายถึงกางเกงยางยืดนะ

“ไม่ต้องอ่ะ ใส่ไว้นั่นแหละดีแล้ว “ผมพูดก่อนจะแทรกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มนั้น พี่ไปส์พลิกมานอนตะแคงมองผม

“ขอบคุณนะครับ ที่ดูแลพี่ “พี่ไปส์พูด

“ก็เมามาขนาดนี้ ผมใจร้ายไม่ลงหรอก” ผมหันไปบอกพี่ไปส์

“พี่ทะเลาะกับป๊าพี่มา เรื่องไม่เป็นเรื่องแต่พี่ก็น้อยใจอะ พอดีไอ้พีชมันชวนไปดื่มเลย จัดหนักไปหน่อย” พี่ไปส์พูด นี้ขนาดเขารวยพ่อตามใจเขาขนาดนี้ยังทะเลาะกับพ่ออีกเหรอ ผมเสียพ่อไปตั้งแต่ผมยังเด็กมาก พ่อทำงานหนักหาเงินจนเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตและนั้นผมต้องอยู่กับพ่อเลี้ยง เขาไม่เคยตามใจผมเลย ตีผมเยอะที่สุด จนผมคิดว่าผมจะไม่มีวันเลี้ยงดูมันเด็ดขาด

“ผมไม่อยากจะเชื่อเลยน่ะว่าป๊าพี่เขาตามใจพี่ขนาดนี้ พี่ยังทะเลาะกับป๊าพี่อีกเหรอ “ผมถามพี่ไปส์

“เราไม่เคยทะเลาะกับพ่อเหรอ” พี่ไปส์ถามผม

“พ่อผมน่ะไม่เคย เพราะว่าพ่อผมเสียไปนานแล้ว มีแต่พ่อเลี้ยง ที่มีเรื่องกับผมตลอด จนผมเองแทบไม่อยากจะกลับบ้าน ตอนนี้มันไปทำงานที่ต่างประเทศ มันก็ส่งเงินมาให้แต่ไม่มาก ถ้าเทียบกับเงินที่แม่ผมให้มันไปเป็นค่านายหน้าและค่าเครื่องบิน มันยังห่างอีกเยอะ “ผมพูดกับพี่ไปส์ พี่เขานอนตาปรือๆ

“พี่ง่วงแล้วนอนเถอะ” ผมหันมาบอกพี่ไปส์ พี่เขาพยักหน้าเบาๆ ผมเอื้อมมือไปหยิบปิดไฟ ผมเห็นมือถือ พี่ไปส์มีข้อความเข้ามา

//พี่ไปส์ครับ ทำไมพี่ไม่รอวินนี่ครับ ผมบอกว่าผมเปิดแผ่นเสร็จผมจะลงมาหาพี่ไงครับ แต่นี่พี่กลับก่อนทำไมครับ // คนที่ชื่อวินนี่ ส่งข้อความหาพี่ไปส์ สงสัยจะแฟนพี่ไปส์แน่ๆ

//พี่ไปส์โทรกลับหาผมเดี๋ยวนี้น่ะ ไม่อย่างนั้นผมจะไปหาพี่ที่คอนโด// ผมตกใจมากเลยหยิบมือถือมา

“พี่ไปส์แฟนพี่ส่งข้อความมาอ่ะ ว่าจะมาหาที่คอนโด” ผมสะกิดเรียกพี่ไปส์ พี่เขาลืมตาขึ้น ผมส่งมือถือพี่เขาไปให้พี่ไปส์ดู พี่เขาก็อ่านข้อความ

“ไม่ใช่แฟน ยังไม่มีแฟน คนนี้เขาเป็นเด็กที่เปิดแผ่นในผับนะครับ พี่เคยพาไป ปั่ม ปั๊ม มาครั้งหนึ่ง พี่ไม่ชอบเขาอ่ะแต่ให้ก็เอา ตอนแรกน้องมันก็เฉยๆ กับพี่น่ะ แต่พอน้องรู้ว่าพี่เป็นลูกใคร มันเลยพยายามติดต่อพี่ และพี่รู้มาว่ามันชอบจับแต่คนรวยๆ “พี่ไปส์บอกผมก่อนจะส่งมือถือคืนมาให้ผมอย่างไม่สนใจ

“แต่เขาบอกจะมาหาพี่นะ”

“ก็นี่ไงพี่เลยย้ายมาพักที่ใหม่ รำคาญ และนี่มันก็มาไม่ถูกหรอกพี่ไม่เคยบอกที่ใหม่ว่าพี่อยู่ตรงไหน” พี่ไปส์พูดผมก็พยักหน้าค่อยยังชั่วหน่อย

“พี่นอนได้ยัง พี่ง่วง พี่เพลียด้วย เพราะว่าพี่เสียน้ำเยอะ” พี่ไปส์บอกพร้อมกับรอยยิ้มทั้งที่ตาปรือมากเลย

“ครับนอนได้แล้วครับ” ผมพูด ยังไม่ทันคาดคำพี่แกหลับไปแล้ว พลิกตัวมานอนตะแคง ตกลงนี้ผมให้เขาเพราะอะไรวะ แล้วพี่เขาล่ะมีอะไรกันผมเพราะอะไรกัน มันแปลกไหม ไม่ใช่คนรักกันมาก่อนแต่มามีอะไรกันเลย

“หมับ” ผมรู้สึกว่ามีคนกอดผมจากด้านหลัง ผมค่อยๆ พลิกไปมองคนที่กอดผมเขายังหลับสนิทอยู่ จู่ๆ มือพี่ไปส์ก็จับแขนผมไปพาดกับลำตัวของเขา

“พี่ชอบให้มีคนกอดแต่พี่ก็เลือกนะ น้อยคนมากจะได้สิทธิ์นั้นและคนนั้นพี่ต้องรู้สึกพิเศษจริงๆ “ผมควรจะดีใจดีไหม และผมก็เลือกที่จะกอดเขา เอาใบหน้าซบลงที่แผ่นอกคนที่พูดทั้งที่หลับอยู่ ทำไมผมรู้สึกดีแบบนี้น่ะ ใบหน้าผมซบที่อกพี่ไปส์ ซุกไซ้เหมือนกำลังโหยหาไออุ่นจากใครสักคน

TBC....


หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.31 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เผลอตัวจนได้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 15-04-2021 19:30:00
 :oo1: :jul1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.31 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เผลอตัวจนได้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: tiger2006 ที่ 15-04-2021 21:10:02
 :pighaun: :haun4: :oo1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.31 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เผลอตัวจนได้ NC18+
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 16-04-2021 00:58:16
 :laugh:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 17-04-2021 10:58:05
EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P1

              Part's ไปส์ ผมตื่นมาด้วยอาการมืนๆ งงๆ แต่พอจำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ที่แน่ๆ ผมจำได้ว่า คนที่ผมนอนกอดอยู่เขามอบความสุขให้ผมไว้ แถมยังมานอนให้ผมกอดอีก ผมเป็นลูกคนโตของครอบครัว ป๊าและม๊าดูแลกิจการร้านท้องมาตั้งแต่รุ่นอากงของผม มีสาขามากมายและยังมีธุรกิจอสังสังหาริมทรัพย์ที่เป็นอาคารพาณิชย์อยู่ในย่านธุรกิจมากมายหลายที่ น้องสาวก็เลือกเรียนจิตวิทยา มีน้องชายคนเล็กก็อยากจะเรียนเป็นหมอขึ้นมาอีก ดังนั้นตอนนี้ผมเลยโคตรเหนื่อยเลย ที่ต้องช่วยป๊ากับม๊าดูแลกิจการไม่รู้กี่สาขาแถมม๊าก็ขยันบินไปจีนอีก เพราะว่าครอบครัวของม๊าผมมาจากจีนแท้ๆ ผมเลยอยากจะออกมามีโลกส่วนตัวหาคอนโดอยู่ และคอนโดนี้ก็เป็นคอนโดของโกวผมเอง น้องสาวป๊าของผม พนักงานที่นี้เขาจึงรู้จักผมดี

   ผมก้มลงใช้นิ้วเขี่ยเส้นผมที่ปกหน้าผากหนุ่มน้อยที่นอนกอดผมอยู่ ริมฝีปากรูปกระจับนั้น แถมฟันกระต่ายอีกต่างหาก ผมก้มลงมองก่อนจะค่อยๆประกบจูบเบาๆ คนที่หลับอยู่ก็เผยอริมฝีปากให้ผมได้สอนลิ้นเข้าไป ผมจูบคนที่หลับอยู่ ผมค่อยแทรกขาเข้าไปกึ่งกลางระหว่างขาคู่นั้น เป็กซ์เริ่มจูบผมตอบก่อนจะลืมตาขึ้นมามองหน้าผม ผมรีบพลิกตัวขึ้นมาคร่อมร่างนั้นไว้ ผมขึงแขนของเป็กซ์ไว้เหนือศีรษะ เมื่อคืนเมามีสติบ้างไม่มีบ้างแต่ตอนนี้สร่างเมาแล้ว ผมมอบรสจูบที่เร่าร้อนให้คนที่อยู่เบื้องล่าง ทำเอานอนดิ้นไปมาเพราะว่าความเสียวซ่านที่ผมปรนเปรอให้

“พี่ไปส์ “เป็กซ์เรียกผมเสียงอ้อนเสียงหวาน

“พี่ขอนะครับ พี่ยังค้างอยู่ เมื่อคืนพี่ไม่ค่อยมีสติดีแต่พี่จำได้น่ะ ว่าเราทำอะไรพี่ไว้” ผมพูดกระซิบก่อนจะดึงกางเกงขาสั้นของเป็กซ์ออกไปทั้งตัวในตัวและตัวนอก ผมก็ยกเท้าเป็กซ์ขึ้นทันที มันโด่ขึ้นมาตั้งแต่คนนี้หันมากอดผมแล้ว ผมรีบแทรกเจ้าไปส์น้อยใส่เข้าไปในช่องทางรักของเป็กซ์ทันที แต่ไม่มีเจลเพราะว่าผมไม่ได้ซื้อไว้ ผมเลยใช้น้ำลายแต่แทน ก่อนจะค่อยๆ ดันแท่งร้อนของผมเข้าไปในกายเป็กซ์

“โอ๊ะ โอ๊ย พี่ไปส์ ซี้ด” เป็กซ์ร้องครางเบาๆ และผมก็ค่อยๆดันแท่งร้อนผมเข้าไปช้าๆ ผมไม่ได้ดันพรวดเดียวเลยมันเถื่อนไป แต่ค่อยเป็นค่อยไปจนกระทั่งหมดด้ามและผมก็โยกเบาๆ ที่นอนด้านล่างก็โยกขึ้นโยกลงตามแรงของผม ดวงตาคู่นั้นมองผมตาแป๋วมาก ผมก้มลงไปจูบและทำการเด้งสวนไปเรื่อยๆ ถุงก็ไม่ได้ใส่ เอาว่ะคงไม่ท้องหรอกมั้ง คงไม่แจ็คพ๊อตเหมือนไอ้เธียรเพื่อนผม ไม่นานก็เรียบร้อยโรงเรียนไปส์

“อ้าห์” ผมดันสุดและค้างเอาไว้ด้านใน น้ำอุ่นๆ ไหลถลักย้อนออกมา ผมพักเหนื่อยก่อนจะก้มลงจูบเป็กซ์ ผมเองก็ไม่รู้ว่าคนที่นอนมองผมอยู่นี่ เขาอึ้งหรือว่าเหนื่อยไม่เห็นพูดอะไรเลย ผมค่อยถอนเจ้าแท่งร้อนของผมออกและมานอนแผ่ข้างๆ เป็กซ์

“พี่ยังเมาอยู่อีกเหรอ “เป็กซ์หันมาถามผม

“หายแล้ว หายแต่เอารอบแรกแล้ว “ผมพูดก่อนหันไปชำเลืองตามองคนข้าง คนข้างๆ ผมหน้าแดงขึ้นมาทันที ผมก็พลิกตัวมานอนตะแคงเอาแขนมาเท้าศีรษะมอง ผมใช้นิ้วเขี่ยปลายจมูกคนที่นอนข้างๆ เขาแค่หันมามองผมก่อนจะดีดตัวก็ลุกขึ้นนั่ง สวมกางเกงใส่กลับเข้าไป

“พี่จะทานอะไรอ่ะ อาหารเช้านะ ผมจะไปทำไปทำให้ครับ” เป็กซ์หันมาถามผม

“ขอเป็นไข่ลวกนะครับ “ผมเท้าแขนพูดกับเป็กซ์

“เพราะว่าพี่ต้องบำรุงหนักๆ แล้วแหละ “ผมพูด คนที่ผมสั่งหันมาเบ้ปากและมองบน

“มองแบบนี้เดี๋ยวจับกดอีกรอบเลย ยังไหวนะ” ผมพูดกับคนที่ยืนอยู่ เป็กซ์รีบหันหลังเดินออกไปทันที ผมลุกขึ้นก่อนเดินไปหยิบมือถือมาเปิดดู ข้อความต่อว่าผมต่างๆ นานาจากเด็กเปิดแผ่น นอนด้วยครั้งเดียว ตอนแรกทำเป็นไม่สนใจเพราะว่าผมไม่ได้บอกว่าเป็นลูกใคร พอเขารู้ทีหลังเขาบอกว่า มีอะไรกับผมคนแรกดังนั้นผมต้องรับผิดชอบเขาโดยการเป็นแฟนเขา และผมเองก็ไม่เคยเมมเบอร์เขาไว้เลย และเขาก็คงรู้ ใช้ชื่อแทนตัวตลอดกลัวผมไม่รู้ว่าเป็นเขา

“ไม่ต้องส่งข้อความหาพี่แล้วน่ะวินนี่ พี่มีแฟนแล้วครับ เลิกติดต่อพี่ด้วยนะครับ ไม่อย่างนั้นน้องวินนี่จะไม่มีที่ทำงาน เพราะว่าผับน่ะพี่รู้จักเกือบหมดโอเคนะครับ “ผมส่งข้อความไปให้วินนี่ ผมมีลูกพี่ลูกน้องพี่เขาเปิดผับอยู่ วงการเจ้าของผับต้องรู้จักลูกพี่ลูกน้องผมเช่นกันและเฮียเขาก็เป็นเพื่อนกับปู่รหัสผมอีก ผมเดินเข้าห้องน้ำอาบน้ำอาบท่า ผมเดินออกมาสวมเสื้อผ้าอยู่บ้าน

//ม๊า// ผมโทรหาม๊าของผม
//ว่าไงไปส์ และนี่อยู่ไหนแล้วเรา//ม๊าถามผม
//ม๊า ผมดื่มหนักอ่ะเมื่อคืนผมไม่ไปที่ร้านทองนะม๊า”
//เอาอีกแล้วไปส์ ป๊าบอกว่าให้ได้เฉพาะวันเสาร์ไง เรานี่น่ะ //
//ก็เมื่อวานป๊าด่าไปส์อ่ะม๊า//
//ป๊าแค่บ่นเรานี่น่ะ “ม๊าพูด
//ถ้าอย่างนั้น แก้ไขระบบสาขาใหม่ให้ม๊าด้วยนะ มีคอมฯ ไม่ใช่เหรอที่คอนโดนะ” ม๊าบอกผม
//ได้ครับม๊า ไปส์รักม๊านะ //
// ม๊าก็รักไปส์ ดื้มกับป๊าให้น้อยๆ ลงหน่อย ยี่สิบห้าแล้วนะไปส์นะ ลูกคนนี้นิ แค่นี้น่ะ กลับมากินข้าวบ้านก็โทรมาบอกม๊านะ ม๊าจะได้ให้เขาทำของโปรดไว้ให้” ม๊าบอกผม
//ครับม๊า เออ ถ้าผมไปผมอาจจะพา คนพิเศษผมไปทานข้าวด้วยได้ไหมม๊า//
//แน่ใจแล้วเหรอว่าคนนี้นะ// ม๊าถามผม ม๊ากับป๊าไม่เคยว่าผมเรื่องจะรักผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ป๊าขอแค่เรื่องเดียวเรื่องอนาคตให้ดูให้แน่ใจซะก่อน ค่อยพาเข้าบ้าน ผมเคยมีแฟนเป็นแฟนเป็นผู้ชาย ผมพาเข้าบ้านแต่สุดท้าย เขาเลือกคนอื่นที่ให้เขาได้มากกว่าผม
//ครับม๊า ผมแน่ใจแล้วม๊า //
//งั้นก็พามาแล้วกันน่ะ แค่นี้ก่อนนะไปส์ แม่มีลูกค้าเก่านะ เอาไว้คุยกันนะ// ม๊าเป็นผู้หญิงที่เข้าใจผมมากที่สุด ผมกดวางวางสายไป ผมเดินออกมาก็เห็นอาหารเช้าวางอยู่พร้อมอยู่บนโต๊ะ มีไข่ลวกและขนมปังปิ้งวางไว้บนโต๊ะ ผมก็นั่งลงก่อนจะมองไปรอบๆ เพื่อหาเป็กซ์แต่ก็ไม่เห็นเขาเลย ผมนั่งทานไข่ลวกที่เขาทำไว้ให้ จะว่าไปรสชาติใช้ได้น่ะ ขนมปังปิ้งทาเนยไว้ให้ด้วย

“ปึก” เสียงถุงวางไว้บนโต๊ะ ผมเงยหน้าขึ้นมา

“หายไปไหนมา “ผมถามหน้าขึ้นถาม

“ไปซื้อนมถั่วเหลืองมาให้ไง กลัวไม่อิ่ม” เป็กซ์บอกผม ก่อนจะนั่งลงและแกะนมถั่วเหลืองใส่แก้วให้ผม เป็กซ์เขาฉีกปาท่องโก๋ให้ผมด้วย ใส่ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้

“รู้ไหมว่าม๊าพี่ชอบทำให้พี่ทานแบบนี้ก้อนไปโรงเรียนทุกวัน เพราะว่าแต่ละวันม๊าต้องรีบไปที่ร้านทองหลังจากส่งพี่ไปโรงเรียน” ผมบอกเป็กซ์ ผมเห็นเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วแสดงว่าอาบน้ำแล้ว

“อาบน้ำแล้วเหรอ” ผมถามเป็กซ์

“อืมม อาบแล้ว ชอบอาบน้ำตอนเช้า มันโปร่งตัวดี ทำไมเหรอครับ” เป็กซ์ถามผม แต่ว่ามันแปลกไปกว่าทุกวันน่ะ ผมก็เงยหน้ามองเป็นระยะ คนที่ดื่มน้ำเต้าหู้ก็เงยหน้าขิ้นมามองผมก่อนจะวางช้อน

“มีอะไรน่ะมองหน้าตั้งหลายรอบแล้วน่ะพี่ไปส์” เป็กซ์ถามผม

“ก็แค่แปลกใจ “ผมพูด เป็กซ์มองหน้ามองพร้อมกับขมวดคิ้ว

“แปลกใจอะไรของพี่นะ” เป็กซ์ถามผม

“แปลกใจที่ พอจับกดนี้น่ารักขึ้นเยอะเลย รู้อย่างนี้จับกดไปตั้งนานแล้วจะได้ ไม่กล้าแพงฤทธิ์กับพี่อีก” ผมพูดแต่คนฟังนี้ชักสีหน้าขึ้นมาทันที

“ปึก!” เป็กซ์วางช้อนลงทันที ก่อนจะจะลุกพรวดขึ้นมายืนมองหน้าผม

“ที่มึงทำ มึงคิดแค่นี้ใช่ป่ะ ไอ้ไปส์ “น้องมันพูดด้วยความโมโหใส่ผม

“นี้โกรธเหรอ” ผมถามคนตรงหน้า

“กูไม่รู้จะพูดเชี้ยอะไรกับมึงดีไง กูจะออกไปธุระ และไม่กลับมากินข้าวเที่ยง มึงทำเองแล้วกัน” เป็กซ์พูดก่อนจะลุกเดินไปเลย ผมก็มอง แล้วใครจะล้างชามให้ว่ะเนี๊ยะ

“เดี๋ยว” “ผมเรียกคนนั้นไว้ เขาชะงักเท้ารอ “ใครจะล้างชามละ” ผมถามเป็กซ์ แอบโมโห ทำไมมึงไม่ขอโทษแทนว่ะไอ้บื้อ ผมนึกด่าตัวเองในใจ

“ล้างไม่ก็เป็นกองไว้ กูกลับมากูล้างเอง” เป็กซ์พูดโดยไม่ได้หันมามองผมเลย  ผมก็ “อะไรวะ แค่นี้ก็โกรธ แซวเล่นเองน่ะ คนอะไรใจน้อยชะมัด” ผมบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ผมก็รีบกินและจะรีบเข้าไปแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์ให้ ผมจบวิศวะคอมพิวเตอร์มาแต่ต้องมาดูแลกิจการให้ป๊าและม๊าคือร้านท้องแทน ผมเข้าไปนั่งในห้องคอมพิวเตอร์ ผมก็ยังคิดถึงใบหน้าเป็กซ์ดูเขาเสียใจมากที่ผมพูดแบบนั้น

“ปากน่ะปากกู แม่งเอ๊ย “ผมพูดบ่นกับตัวเอง

“กลับมาพาไปกินข้าวนอกบ้านก็ได้ว่ะ ง้อหน่อย” ผมพูดก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหา เป็กซ์ แต่ว่ามันฝากข้อความ อะไรกันว่ะ แค่นี้ก็งอนไม่รับสายเลย ผมก็เลยฝากข้อความเสียงเอาไว้

//เป็กซ์พี่ขอโทษ พี่ปากไม่ดี เออ ตอนเที่ยงกลับมาทานข้าวกับพี่น่ะ พี่พาไปกินที่ห้าง จะพาไปซื้อของใส่ตู้เย็นเอาไว้ให้เราด้วย ถ้าหายโกรธพี่แล้วโทรหาพี่ด้วยนะครับ// ผมฝากข้อความเสียงเอาไว้ ผมก็จัดการระบบคอมพิวเตอร์ให้ม๊าผมต่อ 

Rrrrrr มีเบอร์ไม่คุ้นเคยโทรเข้าเครื่องของผม ผมก็รีบกดรับสายทันที
//สวัสดีครับ//
//สวัสดีครับพี่ ผมใบชา…//ผมต้องขมวดคิ้วทันที ใบชาที่ใช้ชงชาไหมหรือเปล่า
//ผมไม่ดื่มชาครับ คุณโทรผิดแล้วครับ//ผมบอกคนปลายสายไป
//เออ ไม่ทราบว่าผมนี่ไปเสนอให้ดื่มตอนไหนครับคุณครับ ผมชื่อใบชา เห็นหน้าตาแบบนี้ กูเลือกครับ!! // น้องคนนี้ปากใช้ได้
//ยังเลือกได้อีกเหรอครับน้อง//
//โอ๊ย!! กูเชื่อแล้ว เห็นไอ้เป็กซ์มันบอกว่า ปากพี่นี้ สุนัขเรียกพี่ครับมึงครับ// ชมกันขนาดนี้เลยเหรอ ถ้าอยู่จะทำโทษให้
//อ้าวน้อง ตกลงนี้น้องคือเพื่อนของเป็กซ์ใช่ไหมครับ//ผมถามคนปลายสาย
//ใช่ครับ //น้องเขาตอบ มิน่าปากร้ายเหมือนกัน
//โทรมาหาพี่มีอะไรครับ //ผมถามคนปลายสาย
//ผมโทรหาเป็กซ์มันไม่ติดนะครับ มันอยู่กับพี่ไหมครับ // คนปลายสายถามหาเป็กซ์
//ไม่อยู่ครับ น่าจะออกไปทำธุระใกล้นี่นะครับ น้องมีเรื่องด่วนไหมครับ// ผมถามคนปลายสาย
//มันจะกลับมาใช่ไหมพี่ มันไม่ได้ไปหาแม่มันใช่ไหมพี่//
//ไม่รู้ซิ มีอะไรเหรอครับ//
//ผมเพิ่งไปบ้านแม่มันมา แม่มันบอกว่าไอ้โก้มันขับรถมาวนไปมาเหมือนมองหาเป็กซ์ เลยจะบอกว่า อย่าเพิ่งออกมาหรือไปหาแม่มันเด็ดขาดนะพี่ // ใบชาบอกผม
// “เขาเลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ// ผมถามกลับ
//ใช่พี่แต่เหมือนไอ้โก้ มันจะทำอะไรเป็กซ์มันหรือเปล่า ไอ้นี้มันผีพนันบอลอยู่ ใครจะไปเดาความคิดมันถูก//
//ที่แน่ๆ มันคงไม่มากราบขอโทษไอ้เป็กซ์ที่ใช้หนี้แทนมันตั้งเกือบครึ่งแสนหรอกมั้งครับพี่// ใบชาบอกผม เวรเลยผมเริ่มเป็นห่วงแล้วซิ นี้ส่งข้อความไปก็ไม่อ่านด้วย
//พี่จะโทรหาเป็กซ์น่ะ เพราะว่าเขาออกไปทำธุระแต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน จะว่าไปก็ออกไปได้สักพักแล้ว // ผมบอกใบชา
//จริงดิพี่ ผมหวังว่ามันไม่ได้ออกไปหาแม่มันนะ// ใบชาพูด

   ผมรีบกดวางสายอย่างรวดเร็ว ผมกดโทรหาเป็กซ์ทันที ดังแต่ไม่รับ ตอนนี้เป็กซ์ใช้ไอโฟนอีกเครื่องหนึ่งของผมอยู่ คือม๊าซื้อให้แต่ผมไม่ชอบสีเลยเก็บไว้เฉยๆ และโทรศัพท์เป็กซ์เขาหล่นลงน้ำไปด้วยผมเลยให้ใช้ของผมแทนไปก่อน
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 17-04-2021 11:00:29
EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056438#msg4056438)

EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P2

   ผมรีบหันไปหยิบกุญแจรถทันทีเป็นห่วงขึ้นมาทันทีเช่นกัน ผมกดปิดทุกอย่างก่อนจะรีบเดินลงไปด้านล่าง ไอ้นั่นมันคงไม่รู้หรอกว่าเป็กซ์อยู่ที่นี้กับผม ถ้ารู้มันคงมาโวยวายแล้ว แต่ถ้ามันไม่โวยวายแสดงว่ามันกำลังจะทำอะไรเป็กซ์โดยที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ เฮ้ย! ดูหนังมากไปไหมกู ผมด่าตัวเองในใจ คงไม่มีใครกล้าทำแบบนั้นหรอกน่ะ มันอุอาจไปไหม

“สวัสดีค่ะ คุณไปส์” ผมเดินผ่านเจ้าหน้าที่ดูแลคอนโดนี่ นี่คอนโดของผม เขาเลยรู้จักผมกันหมด

“สวัสดีครับ มีอะไรเหรอครับ”

“พอดีมีผู้ชายนะคะ ท่าทางไม่น่าไว้ใจ มาถามหา ผู้ชายคนหนึ่งค่ะ เขาเอารูปให้ลุงรปภ ดู หน้าตาเหมือนนน้องที่อยู่ห้องคุณไปส์ตอนนี้นะคะ “ผมสะบัดหน้าไปมอง ลุงรปภ

“ใครเหรอครับลุง”

“ลุงก็ไม่รู้ครับ ท่าทางเหมือนคนติดยา ลุงก็ไม่ได้บอกน่ะว่าคุณเขาพักที่ห้องไหน เพราะดูท่าไม่น่าไว้ใจ แถมเมื่อเช้าก็มาจอดรอแต่นี้มันออกไปแล้วครับ”

“ลุงเห็นน้องที่อยู่ที่ห้องผมเดินผ่านไหมครับ”

“เห็นครับ เมื่อตอนเช้าเดินออกไปซื้อน้ำเต้าหู้ก็ถือมาให้ลุงถุงหนึ่งใจดีนะครับ ลุงเห็นอีกทีเดินหน้ามุ่ยออกไป ผมเลยไม่ได้ทัก ลุงว่าน่าจะ เก้าโมงได้ครับคุณไปส์ และ เออ ไอ้รถคันนั้นมันก็ออกไปประมาณ เก้าโมงกว่าๆ เหมือนกันครับ” ลุงรปภ พูด

“ขอบคุณครับลุง” ผมพูดและกดโทรศัพท์หาใบชาทันที เป็กซ์นะเป็กซ์ ถ้ารู้ว่าตัวเองมีอันตรายจะออกไปทำไม

//ใบชา ใบชาพอจะเคยเห็นรถไอ้โก้อะไรนี่ไหม รปภ ที่คอนโดพี่เขาบอกว่ามีคนมาถามหา เป็กซ์และมันก็มาจอดดักรอวันนี้ด้วย //

//อะไรนะพี่ พี่จะบอกผมว่าไอ้โก้ไปที่คอนโดพี่เหรอ//

//ใช่พี่คิดว่าใช่ครับใบชา// ผมพูด

//เดี๋ยวผมส่งให้พี่ ผมว่ามันมีรถคันนี้คันเดียวน่ะ เป็นรถกระบะวีโก้ สีบรอนซ์ทองครับ// ใบชาบอกผม

“ลุงครับ ใช่รถกระบะวีโก้สีบรอนซ์ทองไหมครับที่ลุงเห็นนะครับ” ผมหันมาถามลุงรปภ. อีกครั้ง

“ใช่ครับใช่ มีสติกเกอร์กวนๆ ติดเต็มไปหมดครับ ผมเลยว่ามันไม่น่าจะใช้รถของคนที่พักที่นี้ครับ” ลุงรปภ ยืนยันกับผมอีกครั้ง

//ใบชา รถไอ้โก้อะไรนี้ มีสติกเกอร์เยอะแยะไปหมดเลยใช่ป่// ผมหันมาถามคนในสาย

//ใช่พี่ใช่ สติกเกอร์ทีมฟูตบอลมันนั่นแหละพี่//

//โอเค พี่ว่างานเข้าแล้ว//

//เอาอย่างนี่ พี่มีรุ่นพี่แฮ้กโคตรเก่งเลย เขาเป็นปู่รหัสพี่ พี่จะให้เขาแฮ้กเฟสมันให้ พี่ขอชื่อนามกุลมันหน่อยครับ// ผมบอกใบชา

//ได้พี่แป๊บหนึ่งน่ะ เป็กซ์มันเคยถ่ายรูปบัตรนักศึกษามาให้ผม นี้ๆ ผมส่งให้เลยพี่// ใบชาบอกผม และขอ้ความก็เข้ามือถือผม

//พี่ได้แล้ว แค่นี้ก่อนนะ ได้เรื่องอะไรแล้วพี่โทรกลับ// ผมบอกใบชา

   ก่อนจะรีบเปิดดูรูปที่ใบชาส่งมาให้ผม และผมก็รีบกดโทรหา พี่กอล์ฟ ลุงรหัสของผม (พี่กอล์ฟ คือเพื่อนพี่รชานนท์ พี่เขาคือดารารับเชิญจากเรื่อง อุบัติ (เหตุ) จนได้รัก)  พี่เขาเก่งเรื่องการแฮ้กข้อมูลมาก เซียนระบบคอมพิวเตอร์เลยก็ว่าได้

//พี่กอล์ฟ ผมไปส์นะพี่//
//อ้าวไอ้ไปส์มีอะไร//
//พี่กอล์ฟ ผมมีเรื่องอ่ะพี่ น้องผมมันหายไป และดูแล้วน่าจะโดนลักพาตัวพี่ ผมรบกวนพี่แฮ้กข้อมูลไอ้คนที่ผมส่งอินบ๊อกหาพี่ให้ผมหน่อยได้ไหมพี่//
//เออๆ ได้ ได้ ส่งมาว่ะ // พี่กอล์ฟ พูด ผมกดวางสายจากพี่กอล์ฟ และต่อด้วยต่อสายไปหาไอ้เธียรวิชย์ทันที ผมต้องคุยกับเธียรด้วย เพราะว่าเป็กซ์คือเพื่อนขอบีมภรรยาไอ้เธียรมัน

//ว่าไงไปส์// เสียงไอ้เธียร (พี่เธียรผมลงไปดูลูกโซ่ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมขึ้นมา) (จ๊ะเมียจ๊า) อันนี้ผมเหลือกตาขึ้นบน
// ไอ้เธียร งานเข้าว่ะ น้องเป็กซ์โดนลักพาตัวว่ะ //บอกคนปลายสาย
//มึงว่าอะไรนะ!!” คนละโหมดกับเมื่อสักครู่เลยไอ้เธียร
//น้องเป็กซ์หายไป น่าจะมีคนจับตัวไป//
//เชี้ยเอ๊ย!! มึงดูน้องยังไงวะ//ไอ้เธียรมันต่อว่าผมทันที
//แล้วใครวะ ยังกล้ามาล้วงคองูเห่าอย่างมึงว่ะ// ไอ้เธียรพูด
//ก็น้องเขาเดินลงไปจากคอนโดกู เพราะว่ากู…” ผมพูด
//มึงไล่น้องเขาเหรอว่ะ//
//กูไม่ได้ไล่ แต่กูปากเสียไปหน่อย น้องเขาเลยงอนกู//ผมพูด คนปลายสายเงียบทันที
// กูเดาว่าแฟนน้องเขาวะ แฟนเก่าน้องเขาที่ชื่อไอ้โก้อะไรนี่แหละที่ให้น้องเขาทำเรื่องไม่ดีไง //
// กูก็ไม่รู้ว่าแฟนมันจะตามมาที่นี้นี่หว่า เมื่อเช้า กูดันปากหมาไปใส่น้องเขาไปหน่อย น้องมันเลยงอนลงไปคนเดียว ปกติกูจะพาเขาไปไง//ผมพูดอย่างรู้สึกผิด
// โทรแจ้งตำรวจได้ไหมว่ะ//เธียรมันถามผม
// เขาไม่รับแจ้งไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง และกูว่าช้ากว่าว่ะ กูว่าตามแม่งเลยดีกว่า// ผมพูดก่อนจะ
//เออว่ะ ถ้าให้รอยี่สิบสี่ชั่วโมง ตายพอดี เดี๋ยวกูออกไปเลย เจอกันที่ไหนบอกด้วย // ไอ้เธียรวิชย์บอกผม
//กูตั้งไฟไอโฟนไว้ว่ะ กูให้เป็กซ์ใช้มือถือกูเพราะว่าวันนั้นมือถือน้องเขาร่วงลงไปในแม่น้ำก่อนน้องเขาว่ะ// ผมพูดบอกไอ้เธียร
//ไปส์ อย่าเพิ่งบอกบีมน่ะ กูไม่อยากให้เมียกูเครียด คือว่า เออ คือ // ผมต้องชะงัก
//อะไร? // ผมถามไอ้เธียร ตอนนี้เดินเข้าไปในรถเก๋งคันหรูของผม เครื่องแรงมาก
//กูว่าเมียกูท้อง ดังนั้นอย่าเพิ่งบอก กูขอร้องล่ะไอ้ไปส์//
//แต่เขาเพื่อนกันไอ้เธียร!! //
//กูกำลังจะออกนี่ไง ไปแทนเมียกู นะไปส์นะ// เธียรพูดอ้อนผมอีก
//เออๆ กูโทรหาพวกไอ้พีช ไอ้ณัฐก่อนว่ะ แค่นี้น่ะ” ผมบอกก่อนไอ้เธียรก่อนจะสตาร์ทรถ ผมกดโทรหาไอ้พีชก่อน ผมเดาว่ามันต้องอยู่ด้วยกันเมื่อคืนแน่ๆ
// พีช มึงอยู่ไหน//
//อยู่คอนโดดิ พึ่งตื่นมีไรว่ะ//
//งานกูเข้าว่ะ น้องที่อยู่กับกูน่ะ//
(ไอ้ณัฐ มึงจ่ายกูมาเลยหมื่นหนึ่งน่ะ น้องเขาไม่รอด เสร็จไอ้ไปส์แล้ว) (ก็มึงฝากปลาย่างให้ดูแลแมวอย่างไอ้ไปส์ มันก็ต้องแดกปลาย่างดิว่ะ) ไอ้ณัฐ ไอ้สองตัวนี่มันรู้ได้ไงว่ะเนี๊ยะ
//มึงรู้ได้ไง!! //
//แสดงว่าใช่เลย//ไอ้พีช
//แต่ว่างานที่เข้าไม่ใช่เรื่องนี้ น้องเขาหายและกูคิดว่าเขาโดนลักพาตัวไปป่ะ กูจะไปตามว่ะ//
// ใครมาพรากน้องเป็กซ์ไปจากอกมึงว่ะ ไปส์ // ไอ้พีชถามผมได้ตรงใจพี่ไปส์มาก
// แฟนเก่าน้องเขาว่ะ กูค่อนข้างมั่นใจว่ะ//
//เขาอยากได้น้องคืนเหรอว่ะ//
//กูว่าไม่ใช่ว่ะ ถ้าอยากได้คืนมันมาแสดงตัวแล้วไม่ใช่แอบมาลับๆ ล่อๆ แบบนี้และน้องก็หายไปมันก็ขับรถออกพอดี อันนี้รปภ ที่คอนโดกูบอกมาว่ะ//
// เออๆ งั้น กูจะออกไป มึงใกล้ถึงยัง//
//ใกล้แล้วอีกสิบนาที ออกมารอเลย เอาไอแพตมึงออกมาด้วยพีช // ผมบอกไอ้พีช คอนโดไอ้พีชมันไม่ไกลจากคอนโดใหม่ผมมากหนัก ผมก็พยายามกดโทรหาเป็กซ์ ติดแต่ไม่มีคนรับสาย

Rrrrr สายโทรเข้าจากพี่กอล์ฟ ผมรีบกดรับสายทันที
//พี่กอล์ฟ//
//พี่แฮ้กซ์เฟสคนที่เราส่งมาให้ดูแล้วว่ะ ไอ้เชี้ยนี้มันบ้าฟุตบอลมากว่ะ และดูท่ามันจะผีพนันบอลด้วย รูปที่มันถ่ายล่าสุด รถกระบะสีทองว่ะไปส์ พี่เห็นมีรูปหนึ่งมันมีปืนในรถด้วยว่ะ”
//แล้วเด็กมึงที่ว่าหายไปเป็นอะไรกับไอ้นี่ ขอโทษทีว่ะที่ถาม//
//แฟนเก่าพี่ ผมจะแจ้งตำรวจก็จะช้าไปนะพี่//
//เฮ้ย มันมีรูปล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้วด้วยว่ะ มันถ่ายที่ชลบุรีว่ะ ไปนั่งร้านอาหารหรูด้วย ที่มันถ่ายมีรูปสะท้อนมีผุ้หญิงนั่งกินข้าวกับมันอยู่ว่ะ แต่เห็นไม่ชัดว่ะ ต้องเข้าไปขยายอีกทีวะ// พี่กอล์ฟบอกผม
//ในอินบ๊อกซ์มันก็ไม่มีอะไรที่จะบอกว่า มันจะวางแผนทำอะไรแบบนี้น่ะ เออ เฮ้ย!! มันคุยกับใครไม่รู้ว่ะแต่ไม่ได้บอกว่าชื่อว่าชื่ออะไร น่าจะแอคเคาท์ปลอม มันบอกไอ้คนนี้ว่าเอาพลั่วมาด้วยมาขุดดิน แต่มันบอกว่ายังเลือกสถานที่ไม่ได้ มันยังคุยกันอีกว่า ถ้าไม่ทำมันกับไอ้เวรนั้นตาย มันพูดแค่นี้ว่ะ//พี่กอล์ฟ
//ถ้าอย่างนั้นแค่นี้ก่อนนะพี่ ผมคุยกับเพื่อนผมก่อน ขอบคุณมากพี่กอล์ฟ//ผมรีบวางสายพี่กอล์ฟ ผมนำรถเข้ามาจอดเห็นได้พีช ไอ้ณัฐ และมีคนขับรถมาจอดอีกคันคือไอ้ราเชนทร์

“เกิดอะไรขึ้นว่ะ ไอ้เธียรบอกว่ามึงงานเข้าและให้กูขับมาที่คอนโดไอ้พีช มีอะไรวะ ไปส์” ราเชนมันถามผม

“น้องคนนี้เป็นเพื่อนบีมและเขารู้ว่าใครคือคนที่จ้างไอ้ผู้จัดการนั้น กูเลยให้เขาไปพักที่คอนโดกู เพื่อความปลอดภัยของน้องเขา” ผมบอกเพื่อนๆ ของผม

“กูว่าไม่ปลอดภัยทางประตูหลังน้องเขาตั้งแต่มาอยู่กับมึงแล้ว” ไอ้ราเชนมันพูด

“เออๆ กูยอมรับ พอใจพวกมึงยัง” ผมพูดกับพวกมัน มันยักไหล่กัน

“แม้ไอ้เชี้ยเล่นน้องเขาเลยนะมึงนะ” ไอ้พีชพูด

“แล้วตกลงนี้น้องเขาหายไปกับแฟนเก่า มึงแน่ใจนะ” ไอ้ณัฐมันถามผม

“กูมั่นใจ รปภ เขาบอกว่ามีรถมาจอดดักรอ กูมันคงมารอหลายวันแล้ว มันไปตามดูน้องตากที่บ้านน้องเขา หลายวันก่อนน้องเขาเอาของไปให้แม่เขามา “ผมพูด

“แล้วมึงจะทำยังไง”

“กูว่ามันต้องไปชลบุรีว่ะ ไทม์ไลน์ล่าสุดมันอยู่ชลบุรี” ผมพูด

“แจ้งตำรวจก่อนไหม ลุงกูเป็นผู้บังคับบัญชาที่ชลบุรี” ไอ้ณัฐพูด

“ตามสัญญาณมือถือไอโฟนก่อน กูตั้งฟายด์มายไอโฟนเอาไว้ กูกลัวมันจะทำอะไรน้องก่อนว่ะ เพราะว่ามันให้เพื่อนมันเอาพลั่วขุดดินมาด้วยว่ะ “ผมพูดก่อนจะโชว์หน้าจอรถที่พี่กอล์ฟส่งมาให้ดู แต่ทะเบียนผมว่ามันอาจจะใช้ทะเบียนปลอมได้ พวกมันพยักหน้า

“นี่มันจะใช้พลั่วนั้นตีหัวน้องเขาให้ตายเหรอวะ โหดสาด!!” ไอ้ณัฐมันพูด

“กูว่ามันคงจะฆ่าและฝังเลย ไอ้สัสนี้” ไอ้ราเชน พูดมันฟังดูยิ่งโหดเข้าไปอีกและทำให้ผมถึงกับต้องกำมัดแน่น

“มึงจะตามสัญญาณไฟด์มายไอโฟนน้องเขาไปเหรอว่ะ มึงตั้งไว้ด้วยเหรอ” ไอ้พีชมันหันมาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่

“มึงนี่แม่งรอบคอบเนอะ ตั้งไฟด์มายไอโฟนให้น้องเขาด้วย เป็นผู้ชายหยุมหยิมกับเขาด้วยเหรอครับ พี่ไปส์ครับ” ไอ้พีชหันมาถามผม

“กูบอกว่าตั้งไว้ เพื่อหนีไป กลัวขโมยอะไรไปน้องมันเลยยอม” ผมพูด พวกมันมองหน้าผมไม่เชื่อ

"เออ กูยอมรับว่า กูตั้งไว้เพราะกูเป็นห่วงเขา "ผมพูดพวกมันถึงได้พยักหน้าพร้อมๆกัน

“เมียมึงให้ตั้งแบบนี้ไหมไอ้ราเชน” ไอ้ณัฐมันหันไปถามไอ้ราเชนไอ้กะล่อนตัวพ่อของกลุ่ม

“กูเหรอจะยอม ของแบบนี้น่ะ ยอมไม่ได้หรอก มันหยามศักดิ์กัน” ไอ้ราเชนพูด

“กูเห็นมันตามมึงไปได้ทุกที สงสัยเมียมึมีดีกว่าไฟไอโฟน กุว่าเมียมึงมีกุมารตามมึงว่ะ ฮาๆ “ไอ้พีชพูด ผมนี้อยากโบกกระบาลมันจริงๆ นอกเรื่อง

“เขาไปหาสัญญาณน้องให้กูก่อน ไอ้พีช อย่านอกเรื่อง!” ผมบอกมัน มันก็ยกนิ้วกลางตอบมาให้ผม

“เจอแล้ว มันเคลื่อนที่ตลอดว่ะ แสดงว่า อยู่บนรถว่ะ นี้กำลังมุ่งหน้าไป น่าจะไปขึ้นทางด่วนว่ะ “ไอ้พีช

“มึงไปกับกูไอ้พีช ไอ้ณัฐมึงขับตามไป โทรบอกให้เธียรด้วย” ผมหันไปชี้หน้าไอ้ณัฐ

“มึงเอารถจอดไว้นี้ไอ้เชนและไปรถกู “ไอ้ณัฐหันไปบอกราเชน

“มึงมารถกูไอ้พีช รถกูแรงกว่ามึง “ผมบอกไอ้พีช มันก็วิ่งมาขึ้นรถผมทันที ผมก็รีบขับออก ระหว่างนั้นก็กดโทรหาเป็กซ์ไปด้วย ผมโทรติดแต่เป็กซ์ไม่รับสาย

“ไอ้ไปส์ มันจะขึ้นทางด่วนพิเศษศรีรัชแล้วว่ะ มันตั้งใจจากกรุงเทพว่ะ”

“มันไปชลบุรีแน่ๆ ตามที่ปู่รหัสกูบอกมา” ผมพูดก่อนจะกดโทรหาเพื่อนผม แอร์พอร์ตที่เสียบหูอยู่

//ณัฐ ไปทางด่วนพิเศษศรีรัช มันน่าจะมุ่งหน้าไปชลบุรีว่ะ” ผมบอกไอ้ณัฐ//
//กูโทรบอกลุงกูให้ว่ะ ลุงกูเป็นผู้บังคับบัญชาสน ชลบุรีว่ะ//
//น้องชื่อจิรายุ น้องหายไปวันนี้วะ ตอนเก้าโมงเช้า// ผมบอกไอ้ณัฐ เพื่อให้ข้อมูลกับณัฐมัน

“ไอ้เธียรมันรู้แล้วว่ะ ว่าเราจะไปไหน มันอ่านข้อความแล้ว” ไอ้พีชหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ตอนนี้ผมขับรถแบบแซงตลอด เพื่อจะไปให้ทัน

ตื้ดดดด ผมกดโทรอีกครั้ง คราวนี้มีการกดรับสาย
“เป็กซ์ เป็กซ์ อยู่ไหน” ผมรีบถามทันที
“อืมมมม” เสียงตอบมาเหมือนกับว่าเขาน่าจะโดนมัดปาก และมีเสียงแกร็งๆ เหมือนกับว่าเขาอยู่ด้านหลังน่าจะ หลังกะบะรถ เพราะดูจากรูที่พี่กอล์ฟส่งมาให้ รถมันเปิดท้ายมีฝ่าปิดกระบะ
“เฮ้ย รถหยุดว่ะ แต่มันหยุดบนทางด่วนอยู่ว่ะ” แต่ผมยังไปไม่ถึงทางด่วยเลย ผมก็รีบขับเส้นข้างหน้ารถก็ติด
(พี่ครับ มาด่วนเลยครับ รถผมยางแบน ครับผม ผมจอดอยู่บนทางด่วนเลยพี่)
“เฮ้ย รถมันยางแบนว่ะ แม่งอีกไกลแค่ไหนว่ะไอ้พีช”
“น่าจะชั่วโมงครึ่งได้ว่ะแต่ถ้ารถติดแบบนี้ สองชั่วโมงเถอะวะ” ไอ้พีชพูด
(มึงจะฆ่าน้องมันจริงๆ เหรอวะ) เสียงเพื่อนมันคุยกับไอ้เวรนั้น
(ถ้าไม่ฆ่ามัน อีนั้นบอกเอากูตายอ่ะ กูรักชีวิตกู)
“เชี้ยแล้วมันจะฆ่าเป็กซ์ ไอ้สัสเอ๊ยยย” ผมพูดผมกำปั้นทุบพวกมาลัยรถ ก่อนจะพยายามแทรกรถแม้จะมีบีบแตรด่าบ้าง ผมเข้าคิวจ่ายค่าทางด่วน
(สวัสดีครับ พี่ชื่อเอกครับ ที่รับปะยางนอกสถานที่นะครับ นี่น้องที่โทรไปแจ้งให้มาปะยางหรือเปล่าครับ)
(พี่ปะให้ผมหน่อยผมรีบครับ)

“ไอ้พีช เข้าไปดูดิวว่า เอกรับปะยางนอกสถานที่อ่ะ เบอร์โทรอะไร มึงโทรถามเขาให้ด้วยว่าใครไปป่ะยางให้ไอ้เวรนี้บนทางด่วน” ผมบอกไอ้พีช มันก็รีบค้นหา
//เป็กซ์ พี่กำลังไปนะ พี่จะหาเป็กซ์ เป็กซ์รอพี่น่ะ” ผมพูด ผมก็ยื่นมือไปจ่ายค่าทางด่วนทันทีก่อนจะขับออกมาผมเห็นรถไอ้ณัฐ มันจ่ายค่าทางด่วนแล้วเหมือนกัน ไอ้ราเชนโบกมือให้ผมว่าไปเจอกันข้างหน้า ผมก็ออกรถ
“ไอ้พีช มึงเจอคนที่รับปะยางหรือยัง”
“มีเยอะแยะเลยมึงรับปะยางน่ะ กูโทรให้มึงอยู่นี้ไง เป็นสิบเจ้าเลยมึง “ไอ้พีชบอกผม
(เสร็จแล้วครับ ค่าปะยาง 300 บาท)
(นี่ครับพี่ ขอบคุณครับ)
“เชี้ย มันปะยางเสร็จแล้ว” ผมหันมาพูดกับไอ้พีช
(มีปัญหาอะไรติดต่อประสิทธิ์การยนต์ได้เลยนะครับ ขอบคุณครับ)
“ไอ้พีชประสิทธิ์การยนต์” ผมหันไปบอกไอ้พีช
“กูว่ามึงไปสอบเป็นตำรวจเถอะไอ้เชี้ย และกูน่าจะไปทำงานอยู่หน่วยสืบสวนสอบสวนกับมึง ว่าไหม นี้เร็วกว่าตำรวจอีก “ไอ้พีชพูด

“ไอ้เธียร!! รถไอ้เธียรว่ะ แม่งเร็วโคตรเลยนี้ขับมาเกือบทะลุไมล์เลยมั้ง” ไอ้พีชมันชี้ไปที่รถคันหรูที่ขึ้นมาตีคู่กับรถผม ผมเปิดกระจก ส่งสัญญาณมือว่าไปจอดข้างหน้า มันพยักหน้าและมันก็แซงไปเลย ผมก็แซงซ้ายตามรถไอ้เธียรไปติดจนกระทั่งหาที่จอดได้ ไอ้เธียรมันลงจากรถมา มันถอดเนกไทออก

“มึงรู้เหรอวะว่าใครพาน้องเขาไป “ไอ้เธียรมันลงมาได้มันยิงคำถาม ถามผมทันที

“กูว่าไอ้แฟนเก่าว่ะ” ผมพูดกับไอ้เธียร

“ไอ้ไปส์ กูโทรติดต่อพี่คนที่ไปปะยางไอ้เวรนั้นได้แล้วเขาบอกว่า เขาป่ะยางรถให้มันจริงๆ และเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรดังอยู่ที่กระบะหลังว่ะ แต่เขาไม่กล้าถามมากดูท่ามันจะมีปืน นี้เขาเพิ่งจะโทรไปบอกตำรวจมา แต่รถไอ้เวรนั้นมันออกไปแล้ว “ไอ้พีชบอกผม

“กูบอกลุงกูแล้วว่ะ เขากำลังให้ตำรวจสน. ใกล้ๆ ออกไปตรวจสอบให้ว่ะ “ไอ้ณัฐบอกผม

“เฮ้ย สัญญาณโทรศัพท์หายไปแล้วไอ้ไปส์ นั้นแปลว่ามันรู้แล้วว่า เราตามมันอยู่” ไอ้พีชบอกผม

“แล้วสัญญาณมันหายไปตอนไหนวะ”

“เออนี่มันลงทางด่วนไปแล้วนี่หว่า”

“เฮ้ย!! ไอ้ตรงทางด่วนนี้มัน ที่เราเคงลงผิดปะวะ ที่ว่าจะไปดูไอ้เธียรลงสนามแต่มัวแต่คุยกันอยู่เลยลงไปผิดที่ และตรงนั้นมันมีสนามฟุตบอลร้างอยู่ “ผมได้ยินแบบนี้ ก็รีบหันหลังวิ่งกลับไปขึ้นรถทันที

“อ้าวเฮ้ยย!!” พวกเพื่อนๆ ผมอุทานออกมาพร้อมกันและพากันวิ่งไปขึ้นรถตัวเอง ส่วนไอ้พีชวิ่งตามผมมาขึ้นรถแทบไม่ทัน ผมรีบออกรถไปทันที ผมโทรหาเป็กซ์อีกแต่ว่าคราวนี้ฝากข้อความตลอดแล้ว แสดงว่าไอ้เชี้ยนั้นมันรู้ ว่าผมตามมันอยู่

TBC...
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 17-04-2021 12:00:52
 :z10: :z13:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.32 (พี่ไปส์Xเป็กซ)เป็กซ์หายตัวไป P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 17-04-2021 23:05:00
 :katai1:


แอร้ยยยยยยย
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 20-04-2021 13:22:53
     

          Part’ s เป็กซ์ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น กำลังโมโหไอ้พี่ไปส์ ก็มันดันพูดเหมือนกับว่าที่มันมีอะไรกับผมเพราะว่ามันอยากให้ผมอ่อนให้มันนี่มันคิดได้แค่นี้จริงๆ ใช่ไหม ไอ้พี่ไปส์ ไอ้พี่บ้า ผมก็ไม่น่าจะไปเผลอมีอะไรกับมันเลย ยอมรับว่า ไอ้จู๋อีพี่ไปส์มันน่าหม่ำอยู่น่ะ แต่มันยังไม่ซวยเท่า ผมเดินมาเจอใครก็ไม่รู้ มันฟาดหัวผมจนสลบ ผมมาฟื้นอีกทีก็อยู่หลังกระบะที่มีฝาปิดมิดชิด ผมเห็นอุปกรณ์สำหรับขุดดิน มือผมก็ถูกมัดเอาไว้ด้วยสายรัดซิลิโคนดิ้นยังไงก็ขาด ปากก็ปิดด้วยสก๊อตซ์เทปกาว ขาก็ถูกหมัดไว้ ดีที่ขยับจนโทรศัพท์ดันออกมาจากกระเป๋ากางเกง ผมพยายามกดรับสายกว่าจะได้ก็เล่นเอาตัวผมกระแทกกับกระบะจนเจ็บไปทั้งตัว แต่ผมก็คุยกับคนปลายสายไม่ได้อยู่ดี เพราะว่าผมถูกปิดปากเอาไว้ด้วยสก๊อตซ์เทปกาว แต่สิ่งที่ทำให้ผมดีใจจนน้ำตาไหลคนที่โทรหาผมคือพี่ไปส์ พี่เขาบอกว่าจะตามผมให้ได้ ผมเชื่อใจพี่เขา ตอนแรกผมคิดว่าพี่เขาไม่สนใจผมหรอก ว่าผมจะหายไปยังไงแต่นี่ผมต้องคิดใหม่ พี่เขาไม่ใช่แบบที่ผมเข้าใจ แต่โชคร้ายตรงที่ใครก็ไม่รู้มันลงจากรถและมันก็เห็นว่ามือถือผมมีคนโทรหาผม มันเลยรีบเอามือถือไปจากผมทันที มันรู้แล้วว่าพี่ไปส์พยายามตามตัวผมอยู่ ป่านนี้มันคงปิดมือถือผมแล้ว

“ปึก” ร่างผมกลิ้งไปกระแทกกับกระบะอีกที คราวนี้แรงกว่าทุกครั้งและเสียงเครื่องยนต์นิ่งแล้วแสดงว่ามันจอดรถแล้ว

“ปัง!! ๆ” ผมก็กระแทกเพื่อให้เกิดเสียงดัง จนกระทั่ง

“ปึก” เสียงเปิดฝ่ากระบะและท้ายกระบะถูกเปิดออกเช่นกัน ผมพยายามจะดันตัวขึ้นนั่งแต่ก็ล้มลงอีก ผมได้เห็นหน้าไอ้คนที่เอาตัวผมมา มันคือไอ้โก้ นี่มันหายหัวไปตั้งแต่ผมต้องใช้หนี่แทนมัน และต้องหักหลังเพื่อนรักเพราะว่าโดนอาจารย์เปรมสินีจับได้ว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับการพนันบอล ทั้งที่ผมไม่เคยคิดจะแตะต้องมันเลยแต่นี่ผมดันได้แฟนเชี้ยเลยโดนร่างแหไปกับมัน

“อืมมม ไอ้เอี้ย” ผมพยายามด่าทั้งที่มีสก๊อตซ์เทปปิดปากอยู่

“ปื้ด!!” เสียงดึงสก๊อกเทปที่ปิดปากผมอยู่ถูกดึงออก

“ไอ้เชี้ย ไอ้โก้ มึงจับกูมาทำไม ไอ้สัส! ไอ้ควาย ไอ้เลว ไอ้ชาติหมา!!” ผมด่ามันรัวๆ ทันที

“ปึก”

“อุ๊บ” ผมจุกจนร้องไม่ออกเพราะว่าไอ้พี่โก้ มันลากผมลงมาจากรถกระบะ มันสูงขนาดนี้ พอร่างผมตกกระทบพื้น ผมรู้สึกจุกจนตัวงอร้องไม่ออกเลย

“ก็มึงดันไม่เก็บความลับ เขาบอกให้มึงเก็บความลับก็เสือกเอาไปปล่อย”

“กูบอกเขาแล้วว่าอย่าใช่มึงทำ มึงมันอ่อนไอ้เป็กซ์” พี่โก้พูดแสดงว่ามันรู้เรื่องอาจารย์เปรมสินี

“ไอ้กิต ขุดหลุมดิมึง เอาลึกๆ “ไอ้โก้มันหันไปบอกเพื่อนมัน

“พี่โก้ พี่อย่าทำผมเลย ผมมีแม่ พี่โก้ อย่า” ผมร้องขอพี่โก้ อย่างนั้นผมกับมันก็เคยรักกัน

“กูก็รักชีวิตกูไอ้เป็กซ์ และมึงเสือกทำเมียกูไม่พอใจ” ผมสะบัดหน้ามามองหน้ามัน ใครคือเมียมัน

“ใครว่ะเมียมึง?” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้ามัน

“อาจารย์เปรมสินีนั้นน่ะเมียกู กูมีเงินใช้ทุกวันนี้ก็เพราะว่าเขา มึงมีให้กูปะ ไอ้เชี้ย” ไอ้พี่โก้มันพูดกับผม ผมนี้น้ำตาไหลเลยนี้มันหลอกผมมานานแค่ไหนแล้ว ไอ้หน้าตัวเมีย

“แต่กูใช้หนีให้มึงน่ะ ไอ้เชี้ย” ผมเงยหน้าขึ้นพูดกับมัน

“เงินจากเมียกูอีกที่นี่นะเหรอ ไอ้โง่เอ๊ย” ไอ้โก้พูด มันใช้นิ้วจิ้มหัวผม นี่ผมโดนหลอกเหรอว่ะ
“ไอ้เชี้ยโก้มาช่วยกูขุดดิวะ จะได้เอามันลงหลุมและจะได้กลับกัน เพราะว่าจส. ร้อยเขาประกาศแล้วว่า น้องมันหาย ตำรวจจะแห่กันมา เขากำลังตามสกัดจับมึงกับกูอยู่” เพื่อนมันหันมาบอกไอ้โก้
“ตรงนี้อับสัญญาณ และมันหาไม่ได้หรอก กูปิดมือถือมันไปแล้ว “ไอ้โก้หันไปบอกเพื่อนมัน

“มึงคิดว่าผัวใหม่มึงจะหาเจอเหรอ ฝันไปเถอะ ไปเกิดใหม่แล้วกันน่ะไอ้ตุ๊ดเอ๊ย!” ไอ้โก้มันด่าผม

“แต่มึงก็เอากูไอ้สัส ไอ้หน้าตัวเมีย!” ผมเงยหน้าด่ามัน มันโกรธน่าดู

“ปึก” มันจิกหัวผมจนผมรู้สึกเจ็บที่หนังศีรษะ

“กูอยากลองของแปลกไง แต่กูว่าคนที่ให้เงินกูใช้ดีกว่าว่ะ” ไอ้โก้พูดมันสะบัดผมจนหน้าทิ่มพื้นดิน ผมดิ้นอยากจะต่อยแม่ง แต่ผมโดนหมัดมือมัดเท้าเอาไว้ พี่ไปส์พี่อยู่ไหน เมื่อเช้าผมไม่น่าจะงอนพี่เลย ฮือ ๆ

“อย่าพี่โก้ พี่อย่าทำผม พี่โก้ ผมขอร้อง ปล่อยผมไปเถอะ พี่โก้ พี่โก้” ไอ้พี่โก้แค่หันมามองหน้าผม พวกมันก็ขุดหลุมกันใหญ่เลย น้ำตาผมไหล ผมเป็นห่วงแม่ ผมพยายามดิ้นยังไงก็ไม่ยอมหลุด

“ลึกพอยังว่ะ กูว่าพอแล้ว โยนมันลงมาเลย” ผมก็มองพวกมันสองคนนี่มันจะฝังผมทั้งเป็นจริงๆ เหรอ

“ลงไปนอนให้สงบน่ะเป็กซ์ พี่ขอโทษว่ะ ถ้ามึงเก็บความลับต่อมึงก็ยังมีลมหายใจอยู่ได้แต่นี่มึงรักเพื่อนมากไง เพื่อนแม่งไม่เห็นจะโผ่หัวมาช่วยมึงสักคน ยกโทษให้พี่น่ะ ที่พี่เลือกคนที่ให้เงินพี่ใช้ว่ะ ขอบคุณนะที่ผ่านมาเป๊กซ์” พี่โก้มันพูด ผมอยากจะถุยน้ำลายใส่หน้าแม่งเลย

“มึงเป็นแฟนที่น่ารักน่ะ “รอยยิ้มนี้ รอยยิ้มที่มันเคยยิ้มให้ผมแต่ว่ามันบอกผมอยู่ว่ามันเลือกคนที่ให้เงินมันใช้มากกว่า

“ไอ้เชี้ย!! กูไม่ยกโทษให้มึง!!”

“ปื้ด!” มันปิดปากผมด้วยสก๊อตซ์เทปอีกครั้ง พร้อมกับเอาถุงกระสอบมาครอบผมเอาไว้ น้ำตาผมไหลรินเลยคราวนี้ นี่ผมต้องมาตายแบบนี้จริงๆ เหรอ

“อื้อๆ” ผมร้องไห้

“ตุบ!! “ร่างผมถูกโยนลงไปในหลุมที่มันขุด ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ทำไมผมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ทำไม พี่ไปส์ไหนพี่บอกจะหาผมไง

“กลบดินเร็วดิว่ะ” ผมได้ยินพวกมันบอกว่าให้กลบหลุมผมนอนอยู่ น้ำตาก็ยิ่งไหล

“แม่ ช่วยเป็กซ์ด้วย” ผมพูดเบาๆ ในใจ ขณะที่ดินเริ่มลงมาคลุมร่างผมไว้ มันโกยดินลงมาเริ่มจากปลายเท้าผมก่อน ผมเริ่มกระดุกกระดิกไม่ได้

“พี่ไปส์ พี่จะหาผมเจอไหม พี่ไปส์ ฮือๆ” ผมร้องไห้คร่ำครวญดินเริ่มมาคลุมที่ตัวผม และเริ่มมาคลุมที่ช่วงบ่าของผม และเริ่มมาทับที่หัวผม ผมเริ่มรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก เหมือนอากาศจะค่อยๆ หมดลงไป

“บีมกูขอโทษนะบีม กูขอเกิดมาเป็นเพื่อนมึงอีกนะบีม บอกฟิล์มด้วยกูรักมันไม่น้อยไปกว่ามึงบีม อือๆ” ผมกลับนึกถึงบีมในตอนนี้ ผมเริ่มหายใจไม่ออก เริ่มไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างเริ่มมืดมิด

“อึก!!” เริ่มไม่มีอากาศเพียงพอให้ผมหายใจ ผมหลับตาลง

“เป็กซ์!!” เสียงที่ทำให้ผมพยายามลืมตาในความมืด เสียงพี่ไปส์นี้แต่ว่ามันเบามาก ผมพยายามขยับๆ แต่ว่ามันอึดอัด ผมรู้ว่าเท้าผมเริ่มขยับได้ มีคนกำลังช่วยผมอยู่ แต่อากาศหายใจเริ่มไม่เพียงพอ

“พี่ไปส์ พี่ไปส์” ผมร้องเรียกแต่มันดังอยู่ในใจผมเพราะว่าปากผมขยับไม่ได้ ผมเริ่มขยับช่วงล่างได้บ้าง

“ปื้ด” มีคนงัดผมขึ้นจากกองดินและรีบดึงถุงออกที่ครอบหัวผมออก “ปึด!” พร้อมกับดึงที่ปิดปากผมไว้ออกทันที

“เฮือก!” สิ่งแรกที่ผมทำคือรีบหายใจเฮือกใหญ่ ผมหันมองหน้าคนที่มากอดผมไว้ พี่ไปส์ พี่ไปส์จริงๆ ด้วย

“พี่ไปส์!! ฮือๆๆ มันจะฆ่าผม ฮือๆ มันจะฆ่าผมอ่ะพี่ ฮือๆ “ผมปล่อยโฮทันที

“พี่อยู่นี้แล้วเป็กซ์ พี่อยู่นี้แล้ว ไม่มีใครทำอะไรเป็กซ์แล้ว พี่บอกแล้วไงพี่จะหาเป็กซ์ให้เจอ นี้ไงพี่เจอแล้ว “พี่เขากอดผมและประคองให้ผมนั่ง ผมเห็นพี่เธียรที่นั่งหอบแบบหมดสภาพ นี้เขาช่วยกันขุดผมขึ้นมา มือไม้เลอะไปด้วยขี้ดิน ไม่ต้องถามถึงเสื้อผ้าเลย

“มันจะฆ่าผมอ่ะพี่ไปส์ ฮือๆ ทั้งขอร้องอ้อนวอนมันแล้ว ว่าผมมีแม่ ฮือๆ ” ผมพูดไปร้องไห้ไปด้วย พี่ไปส์กับพี่เธียรพยุงผมขึ้นมา พี่ไปส์ หันไปมองหาว่าอะไรที่จะใช้ตัดที่พันธนาการมือผมไว้

“นี่ว่ะ” พี่เธียรส่งมาให้ เป็นมีดพก

“ปึก” มือของผมเป็นอิสระและเท้าผมด้วย ผมหันมาเห็นรถไอ้พี่โก้มันจอดอยู่ แสดงว่ามันวิ่งหนีไป และเท้าผมก็เป็นอิสระ

“หมับ” ผมกอดพี่ไปส์ไว้แน่นมาก

“จับมันทันไหมวะ” พี่ไปส์ถามพี่เธียร

“ทันว่ะ มาแล้วนั้นไง” พี่เธียรลุกขึ้นยืน ผมเห็นคนที่ลากคอไอ้พี่โก้มา ผมจำเขาได้เขาคือเพื่อนพี่ไปส์ คนที่พาพี่เขามาส่งที่คอนโดวันที่เขาเมา พี่เขาโยนมันลงมากับพื้น

“ตุบ!!” ร่างไอ้พี่โก้กระแทกพื้น ไอ้พี่โก้มันเงยหน้ามองพี่ๆ เขา

“จับได้คนเดียวว่ะ ไอ้เวรนั้นวิ่งออกไปได้ “พี่พีชพูด พี่ไปส์ลุกขึ้น ผมจะคว้าแขนห้ามพี่ไปส์แต่พี่ยกมือขอผมไว้ ก่อนจะเดินไปมองไอ้พี่โก้

“มึงผัวใหม่มันซินะ เป็นไง เมียเก่ากูนะ มันร่านดีใช่ไหมล่ะ ถูกใจมึงดิ!” ไอ้โก้มันพูดว่าผมกับพี่ไปส์ พี่ไปส์หันมามองหน้าผมก่อนจะย่อตัวลง

“หมับ” พี่เขาจับขอเสื้อไอ้พี่โก้ขึ้นมา

“นี้มึงถึงกับต้องฆ่าน้องเขาเลยเหรอว่ะ ไอ้สัส!”

“ต่อให้โมโหแค่ไหนก็ไม่ควรทำปะวะ น้องเขามีพ่อมีแม่ มึงคิดว่าพ่อแม่เขาจะไม่เสียใจเหรอไอ้เชี้ย!!”

“ผลัก!” หนึ่งหมัดเข้าที่ใบหน้าพี่โก้

“น้องเขาต้องดูแลแม่เขา ถ้าเขาตายไปใครจะดูแล ไอ้เลว!!”

“ผลัก” อีกหมัดกระทบหน้าไอ้พี่โก้ เลือดที่สีแดงสดไหลออกมาที่มุมปาก

“มึงไม่มีพ่อแม่หรือไง ลองเป็นมึงดิพ่อแม่มึงก็เสียใจไอ้ควาย!! ผลักๆ” หลายหมัดถูกกระหน่ำลงที่ใบหน้าไอ้พี่โก้ ผมไม่เห็นพวกพี่ๆ เขาห้ามเลย เขายืนมองกันเฉยเลย แต่ผมว่ามันสมควรโดนเพราะว่านี้มันจะฆ่าผมเลยนะ

“แถมน้องมันต้องมาทำเรื่องเชี้ยๆ กับเพื่อนที่น้องเขารักก็เพราะมึงไอ้ น้องเขาต้องใช้หนีแทนมึง ไอ้หน้าตัวเมีย!!”

“ผลักๆๆๆ หลายหมัดที่กระหน่ำตามลงไปอีก

“และอีกอย่าง มึงไม่มีสิทธิ์มาว่าของของกู ไอ้เชี้ย!!” พี่ไปส์ด่าไอ้พี่โก้

“ผลัก ผลัก ผลัก”

“ตอนนี้เขาเป็นของกูแล้วมึงจำใส่หัวมึงไว้ด้วย ผลักๆๆๆๆ” หมัดที่กระทบหน้าไอ้โก้แบบรัวๆ นับไม่ถ้วน

“ถ้าไอ้ไปส์มันของขึ้น นี้ไม่ต้องเข้าไปห้ามเลยนะ “พี่เธียรหันมาบอกผม ก่อนจะหันไปยืนเอาสองมือล้วงกระเป๋ามองไอ้พี่โก้โดนพี่ไปส์ต่อยไม่ยั้ง

“ก็สมควรโดนแล้ว เสือกทำน้องเขาขนาดนี้ นี้แม่งตั้งใจฆ่าเลยด้วย” พี่ณัฐพูดอีกคน

“เอาให้เต็มที่ไปเลยครับพี่ไปส์ครับ ก่อนที่พ่อจะมาถึง เอาเลยครับ พวกผมมีเวลานั่งดูครับ “พี่พีชพูดก่อนจะนั่งยอง ๆ ดู พี่ไปส์ก็กระหน่ำต่อยจนเลือดกบหน้าพี่โก้ กำปั้นพี่ไปส์แดงฉานไปด้วยเลือด พี่เธียรเดินออกไปตอนไหนไม่รู้ มารู้อีกทีพี่เขาเดินกลับมาพร้อมกับขวดน้ำเปล่า

“ดื่มน้ำหน่อยครับเป็กซ์” พี่เธียรส่งขวดน้ำที่เปิดฝามาให้ผมแล้ว ผมรับมาดื่ม ผมได้ยินเสียงรถตำรวจแล่นมาจอดรอบนอก

“ไอ้ไปส์ พอๆ ตำรวจมา พอก่อนว่ะ” พี่ณัฐลงไปห้ามพี่ไปส์ ผมเห็นบุคคลในเครื่องแบบเดินมาสองสามนายและนอกเครื่องแบบอีก เขามองมาที่ผมและหลุมที่ถูกขุดกระจุยกระจายเอาไว้ เขามองไปรอบๆ จนไปหยุดที่พี่โก้ สภาพที่ใบมีแต่เลือด

“ไอ้เวรนี้มันฝังน้องเขาทั้งเป็นเลยครับคุณตำรวจ” พี่ราเชนหันไปบอกพี่เขา เขามองมาที่ผม ผมพยักหน้าว่าใช่

“แล้วไอ้คนที่วิ่งหนีเตลิดออกไป พวกเห็นมีพิรุธเลยจับเอาไว้ก่อน” คุณตำรวจพูด

“เพื่อนมันครับ มันรวมหัวกันจะฆ่าน้องเขาครับ “พี่พีชพูด

“พวกผมมาถึงกำลังกบดินใส่น้องเขาอย่างดีเลยครับ ดีที่เพื่อนผมช่วยกันขุดเอาน้องขึ้นมาได้ทัน เกือบตายแล้วครับคุณตำรวจ “พี่เธียรพูด

“ถ้ามาช้าสักสิบนาที ตายแล้วครับ” พี่ราเชนพูด พี่ไปส์เดินมาประคองผม ผมก้มลงมองมือที่ต่อยหน้าไอ้พี่โก้ เลือดแดงไปหมดพี่เขาคงเจ็บมือบ้างแหละ ผมจับมือนั้นมามอง

“เจ็บไหมพี่ไปส์” ผมถามพี่ไปส์ พี่เขาสั่นหัวเบาๆ

“พวกผมลงมาแล้วแต่ไม่คิดว่าจะมีคนเข้ามาในนี้เลย ขับเลยไปดูตรงโน้นแทนนะครับและด้านหน้าประตูถูกใส่กุญแจล๊อกเอาไว้ กว่าจะหาทางเข้าเจอ ก็ขับวนหาอยู่หลายรอบเลย” คุณตำรวจพูด

“ผมขับวนหาและไปเห็นรอยล้อรถของพวกมัน ตรงกอหญ้าด้านหลังนะครับ พวกผมเลยขับตามเข้ามากันครับ” พี่พีชพูด

“สงสัยต้องให้คนมาตรวจสอบที่นี้บ้าง อาจจะมีการกระทำแบบนี้อีก ที่ตรงนี้รกร้างมาหลายปี ผมต้องชื่นชมในความกล้าพวกคุณนะ และนี้มาเร็วกว่าตำรวจท้องที่ซะอีก “คุณตำรวจกล่าวชมพวกผม

“พอดีผมตั้งไฟด์มายไอโฟนไว้ที่มือถือน้องเขาน่ะครับ เลยตามได้ ตอนที่ผมพยายามโทรหาน้องเขา น้องเขากดรับสาย จังหวะที่ไอ้เวรนี้ยางแบน ผมเลยได้ยินมันคุยกับคนปะยางครับ เพื่อนผมเลยโทรหา พี่เขาบอกว่าพี่เขาก็เห็นอะไรผิดปกติตรงกระบะหลังแต่ไม่กล้าถามเพราะว่าไอ้นี่มีปืน” พี่ไปส์พูดผมหันมามองพี่เขา ตอนแรกนึกว่าตั้งไว้เพราะเขากลัวผมขโมยของในห้องเขาหนี ผมนี้โคตรเคืองพี่มันเลย เหมือนมันคิดว่าผมอยากได้เงินมันมากแต่ที่ไหนได้มันกลับมาช่วยชีวิตผมเอาไว้ พี่เขาเอามือลูบหัวผมเบาๆ

“จ่าครับ เดี๋ยวค้นรถคนร้ายเลยครับดูว่ามีอาวุธอะไรในรถบ้าง” คุณตำรวจหันพูดกับตำรวจอีกนายหนึ่ง และนายตำรวจท่านนั้นก็หยิบปืนออกมาสองกระบอก โชคดีแค่ไหนที่มันไม่ได้เอาออกมายิ่งพวกพี่เขาน่ะ

“ข้อหาที่ได้แน่ๆ คือ มีอาวุธปืนในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” คุณตำรวจหันมาบอกไอ้โก้ ทั้งที่ไอ้โก้มันก็เคยโดนมาแล้วรอบหนึ่งมีปืนในครอบครอง ให้พ่อแม่ว่าเต้นน่าดูเสียไปหลายแสนบาท

“ผมว่าพาน้องไปโรงพยาบาลก่อนไหมครับ รถโรงพยาบาลมาแล้วครับ” คุณตำรวจหันมาบอกพี่ไปส์ พี่เขาพยักหน้าก่อนจะพยุงผมขึ้น ผมแทบจะไม่มีแรงเดินเลย

“พี่อุ้มดีกว่า” พี่ไปส์บอกผมก่อนจะพยายามอุ้มผมขึ้น ผมสั่นหัวว่าผมเดินได้ให้พี่เขาประคองก็พอ พี่ไปส์หันไปมองไอ้โก้ ผมหันไปมองหน้ามันก่อนจะ

“ถุ๋ย!!” ผมถุ๋ยน้ำลายใส่หน้ามัน ไอ้เชี้ยโก้ มันหลอกผมมาตั้งนาน ที่แท้มันเป็นผัวอาจารย์ไอ้สัสเอ๊ย

“ไอ้เชี้ย!!!” ไอ้โก้มันด่าผม มันทำท่าจะลุกมาทั้งที่มันถูกใส่กุญแจมือไว้แท้ๆ

“อ้าวไอ้นี้ ใส่กุญแจมือแล้วยังซ่าอีก หน้าบวมขนาดไม่มีที่ลง มึงยังอยากจะโดนอีกเหรอ”นายตำรวจอีกนายที่ยืนอยู่กดมันลงให้นอนราบ ไอ้โก้มันยังมองจ้องพวกผมเขม็ง

“มึงลองลุกมา มึงเจออีก” มีไปส์ชี้หน้ามันเอาไว้ สายตาไม่ได้เกรงกลัวมันเลยสักนิด เป็นไงล่ะผมว่ามันเจอคนจริงแล้วแหละ

“ทำไมมึงไม่จบใช่ปะ ถ้ามึงไม่ได้เข้าคุก มึงเจอกูแน่ และถ้ามึงเข้าคุกแล้วออกมายังไม่จบ มึงก็เจอกูอีก มึงมองหน้ากูไว้ จำหน้ากูไว้เลย จำชื่อกูไว้ด้วย กูไปส์ มึงจำไว้เลย!! ถ้ามึงอยากลองดีกับกู! “พี่ไปส์พูดพร้อมกับชี้หน้ามัน นาทีนี้พี่ไปส์โคตรเท่สำหรับผมเลย ผมแตะแขนพี่ไปส์ว่าพอแล้ว พี่เขาก็ะพยุงผมออกไป พวกพี่ๆ เขาหันมายักไหล่ใส่กันแค่นั้น

“เห็นพี่ไปส์แบบนี้เวลาโหด โหดจนพวกพี่ไม่กล้าห้ามมันเลยน่ะ เพราะว่าพี่แกสายวิศวฯ” พี่พีชหันมากระซิบบอกผม ผมพยักหน้าว่าเชื่อแล้ว พี่เขาพยุงผมออกมา ผมก็เห็นพี่เจ้าหน้าที่ทีมกู้ชีพ พี่เขากำลังเข็นรถเข้าไปแต่ผมออกมาด้านนอกซะก่อน และพี่ไปส์ก็พยุงผมขึ้นไปนอนบนเตียงคนไข้

“ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อนไหมคะ “พี่เขาถามพี่ไปส์พยักหน้า

“น้องเขาปลอดภัยแล้วเจ๊ ไปรับบีมให้หน่อยนะเจ๊นะ อย่าบอกนะ ว่าเพื่อนเขาเกือบถูกฆ่าปิดปาก จะไปที่โรงพยาบาลที่ใกล้ๆ ก่อน อืมมม แค่นี้ รักเจ๊” พี่เธียรกดวางสายพอดี ก่อนจะเดินมาหาผม

“พี่ยังไม่ได้บอกบีม เพราะว่าบีมเขา พี่กลัวบีมเครียด บีมเขากำลังจะ มีน้องพี่คิดว่านะ” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

“กู้ให้เจ๊ธามไปรับเมียแทนกู นี้เราไปโรงพยาบาลกันเลยใช่ไหมว่ะ” พี่เธียรหันมาถามพี่ไปส์

“ไอ้พีช ขับรถกูไป “พี่ไปส์หันไปบอกเขาก่อนจะเดินมาจับมือผม

“พี่จะไปกับเป็กซ์” พี่ไปส์บอกผม ผมยิ้มให้พี่เขา พี่เขากุมมือผมไว้ด้วยและพี่เจ้าหน้าที่เขาก็มาพาผมเข้าในรถพยาบาล เขาก็เช็กทุกเบื้องต้น ก่อนจะเอาออกซิเจนมาใส่ครอบให้ผม คงเป็นเพราะว่าผมเกือบจะขาดอากาศหายใจ พี่ไปส์นั่งใกล้ๆ ผม

“พี่ไปส์ พี่รู้ได้ยังงว่าผมอยู่ที่นัน” ผมพูดกับพี่ไปส์

“พี่ให้รุ่นพี่ที่เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ เขาเป็นปู่รหัสของพี่ เซียนเรื่องแฮ็กข้อมูลเลย เข้าไปแฮ็กเฟสบุ๊กไอ้โก้นี้ ถึงได้รู้ว่ามันบ้าฟุตบอลมาก และสัญญาณเราก็หายไปตรงทางแยก”

“พวกพี่เคยมาหลงตรงแยกนี้กัน ขับวนไปวนมาเพื่อหาทางออกแต่ดันไปเจอ สนามฟุตบอลร้างที่เจ้าของเขาปิดตายไปหลายปี”

“พอสัญญาณเราหายไปแถวนี้ พวกพี่คิดถึงตรงนี้เลย พี่คิดว่าไอ้นี่มันบ้าฟุตบอลมันน่าจะพาเรามาที่นี้แต่ไม่คิดว่ามันจะทำเราแบบนี้” พี่ไปส์พูดเขาเอามือลูบหัวผมไปด้วย แววตาของพี่เขามันไม่เหมือนทุกครั้ง

“มันรักฟุตบอลมากมันเลยคิดจะฝังผมไว้ที่สนามฟุตบอลร้างแทนเหรอพี่ ฟังแล้วดูดีเนอะ” ผมถามพี่ไปส์ พี่เขาเกาหัวเล็กน้อย

“โอ๊ย!” พี่เขาดีปลายจมูกผมหนี่งที ผมรีบเอามือกุมปลายจมูกผมทันที “คิดได้ไงเนี๊ยะ!” พี่ไปส์ถามผมปนหัวเราะ

“แต่ ผมขอบคุณนะครับพี่ไปส์ ที่หาผมเจออย่างที่พี่บอกผม ผมโคตรดีใจน้ำตาไหลเลยตอนที่พี่โทรหาผม ตอนที่ผมอยู่ในหลังรถกระบะ อย่างน้อยมันทำให้ผม อยากจะมีมีชีวิตรอดให้ได้ “ผมพูดขอบคุณพี่เขาอีกครั้งน้ำตาผมไหล พี่เขาปาดน้ำตา

“หายโกรธพี่แล้วใช่ไหม พี่ขอโทษ พี่ไม่ตั้งใจพูดแบบนั้น พี่หมายถึงว่า เราน่ารักกับพี่ขึ้นน่ะ แต่พี่อาจจะปากเสียไปหน่อย หายโกรธพี่นะเป็กซ์” พี่ไปส์พูดอ้อนผม ผมมองเขาไม่น่าเชื่อเลยคนที่กวนผมจนผมไม่อยากญาติดีด้วยแต่กลับช่วยผมทุกอย่างแม้กระทั่งช่วยชีวิตผมไว้

“ผมขอโทษพี่ไปส์ อันที่จริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมควรจะมาคิดเล็กคิดน้อยเลย” ผมพูดกับพี่ไปส์

“ตกลงหายโกรธพี่แล้วใช่ไหมครับ” พี่ไปส์ถามผมอีกครั้ง

“พี่ว่าหายเถอะค่ะ ไปช่วยขนาดนี้แล้ว อิจฉาเลย” ผมลืมไปเลยว่าพี่พยาบาลเขานั่งมาด้วยในรถ

“อยากมีโมเม้นแบบนี้จังเลยอ่ะ จ้างคนมาชุดพี่ไปและโทรหาสามีพี่ซิมันจะมาไหม” พี่พยาบาลเขาแซวกับพี่อีกคนที่นั่งอยู่ด้านหน้า

“ผมว่าไม่ครับ” พี่คนขับรถรีบตอบแทน

“ทำไมล่ะ” พี่เขาหันหลังไปถาม

“ผมว่าสามีพี่อาจจะปิดซอยเลี้ยงฉลองแทนครับ แถมยังประกาศโสดทันทีเลยพี่ ส่วนพี่นี้ผมเดาว่าคงนอนอืดแทนนะพี่นะ ไม่น่าจะมีพระเอกขี่ม้าขาวเหมือนน้องเขาแน่ๆ อย่าเสี่ยงเลยพี่” พี่คนขับรถพูด

“อุ๊ยตายแล้ว!! พูดซะเห็นภาพเชียว” พี่เขาพูดปนหัวเราะ

“แฟนน่ารักน่ะ อย่างอนกันอีกล่ะ รักนานๆ และคนรักก็แบบนี้แหละ มีตีบ้าง งอนกันบ้าง ก็เหมือนไอ้แก่ของพี่นะคะ ทะเลาะกันตีกัน แต่ก็ยังเป็นห่วงกันอยู่ดี ว่าแล้วก็โทรหาไอ้แก่ก่อนจะกินอะไรดี “พี่เขาพูดก่อนจะหยิบมือถือมาโทรหาแฟนเขาเหมือนกัน ผมหันมามองพี่ไปส์ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมเป็นอะไรกับพี่เขา พี่ไปส์เอามือลูบหัวผมเบาๆ จนกระทั่งรถแล่นมาจอดที่โรงพยาบาลและผมก็ถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินทันที

TBC…


หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 20-04-2021 18:28:41
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 20-04-2021 23:29:03
 :mc4:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: johnsonti ที่ 03-05-2021 18:47:06
หายล่ะ :katai5:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 04-05-2021 07:34:19
EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งหลัง) P1

         Part’ s พี่ไปส์ ผมมากับรถโรงพยาบาลที่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ตอนนี้เป็กซ์อยู่ในห้องฉุกเฉิน ผมนั่งรออยู่ที่หน้าห้อง ผมรอหมอจะว่ายังไง ถ้าต้องให้น้องเขานอนโรงพยาบาลผมว่าจะให้ย้ายไปโรงพยาบาลเอกชน พวกเพื่อนๆ ผมเดินเข้ามากันแล้ว ผมเห็นตำรวจคุมตัวไอ้คู่อริมาด้วย มันคงต้องมาทำแผลก่อน ผมหันไปมองหน้ามัน

“อ้าว! รีบๆ เดินเข้าไปเดี๋ยวมึงก็โดนอีกหรอก” พี่ตำรวจเขารู้เลยดันตัวมันเข้าไปซะก่อน

“มึงแม่งจัดมันซะหนักเลยนะไอ้โหดสาด!!” ไอ้พีชมันหันมาแซวผม

Rrrrr เบอร์ไอ้ปาร์ค น้องชายผม ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือมันเลิกเรียนแล้วนี่หว่า

//ปาร์ค ว่าไง//
//เฮีย เฮียไม่มารับผมเหรอ//
//ปาร์ค นั่งแท็กซี่กลับเองได้ไหม เฮียมีเรื่อง//ผมบอกน้องชายผม
//ใครอ่ะเฮีย หรือว่าเฮีย//
//ไม่ใช่เฮีย แต่เป็น เออ เป็น แฟนเฮีย// ผมพูด
(เฮ้ยย เขาใช้คำว่าแฟนกันแล้วว่ะ) มีเสียงกระซิบจากไอ้คนนั่งข้างๆ ผม ที่หันไปพูดกับเพื่อนๆ ผม
(มันมาไกลกว่าคำว่าแฟนแล้วครับเพราะว่าเอาเขาแล้ว เมียเถอะครับมึงครับ) ไอ้ราเชนพูด ผมหันไปยกนิ้วกลางให้มัน
//นะปาร์ค เฮียขอโทษทีไปรับไม่ได้ กลับไปแล้วจะเอาเงินค่ารถแท็กซี่คืนให้ //
//โอเคๆ ไม่เอาเงินได้ปะเฮีย โหลดเกมส์ใหม่ให้หน่อยน่ะ ขอเล่นคอมฯ ในห้องนอนเฮียด้วย เครื่องมันแรงกว่าของผม //ปาร์คพูด
//เออๆ เฮียทำให้ ก็รู้ว่าป๊าด่ายังให้เฮียโหลดให้อีก//
//เรียนก็เครียดแล้วขอ ปลดปล่อยหน่อยเฮีย//
//แค่นี้ก่อนน่ะ ปาร์ค ถึงบ้านแล้วส่งข้อความบอกเฮียด้วย เฮียเป็นห่วง” ผมพูดก่อนจะว่างสายจากน้องชายคนเล็ก ผมลุกขึ้น ผมเห็นหมอเดินออกมา

“สวัสดีครับ ผมเป็น เออ เป็น แฟนน้องที่ถูกส่งมากับรถพยาบาลนะครับ ที่โดนทำร้ายร่างกายนะครับ” ผมบอกคุณหมอ

“สวัสดีค่ะ น้องที่ว่าโดนคนร้ายจับฝังลงไปในดินใช่ไหมคะ ตอนนี้น้องปลอดภัยแล้วนะคะ แต่ว่าอยากจะให้อยู่โรงพยาบาลสักคืน หรืออาจจะต้องได้รับยาฆ่าเชื้อไว้ก่อนเพราะเราไม่รู้ว่าดินตรงนั้นมีเชื้อโรคอะไรหรือเปล่านะคะ” คุณหมอพูดกับผม

“ได้ครับ แต่ผมอยากจะให้ส่งน้องเข้าไปที่กรุงเทพได้ไหมครับเป็นโรงพยาบาลแฟนของอี๊ผมเองนะครับ นพ.ภาสกร ธนเกียรติโกศล” ผมบอกคุณหมอเขารู้จักแน่นอน

“ค่าใช้จ่ายทุกอย่างผมรับผิดชอบหมดครับ” ผมบอกคุณหมอ คุณหมอยิ้มให้ผม ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับพยาบาลที่ยืนใกล้ๆ

“ได้ค่ะ เดี๋ยวหมอจะออกไปรีเฟอร์คนไข้ให้นะคะ โรงพยาบาลอะไรบอกมาได้เลยค่ะ ทางเราจะได้ติดต่อโรงพยาบาลและคุยกับแพทย์ที่จะดูแลน้องเขาต่อให้ค่ะ” คุณหมอพูด ผมรีบยกมือไหว้ขอบคุณ

“ตอนนี้ให้น้องถูกส่งไปเอกซเรย์ปอดก่อนนะคะและรอผลเลือด แล้วทางเราถึงจะรีเฟอร์แฟนของคุณไปโรงพยาบาลที่คุณแจ้งไว้ให้ค่ะ” คุณหมอหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินกลับมานั่ง ผมกดโทรศัพท์ โทรหาพี่หมอภีมปภพ แม่พี่หมอภีมเขาเป็นพี่สาวแม่ผมแต่งงานกับลุงหมอ ไอ้เธียรมันก็รู้ แต่ว่าผมเองไม่ค่อย แทบจะไม่ป่วยเลย เลยไม่ค่อยได้ไปหานอกจากตรุษจีน ปีใหม่

//สวัสดีครับ//
//เฮียภีม//ผมจะเรียกเฮีย แต่จริงๆ พี่หมอภีมเขาเป็นลูกครึ่งป้าผมเป็นจีนแต่ลุงผมน่ะไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์
//ไปส์เหรอ ว่าไง// หมอภีมรู้ทันทีว่าเป็นผม เพราะว่ามีแค่ครอบครัวทางแม่ผมที่เรียกหมอภีมว่าเฮียเท่านั้น
// เฮีย ผมจะรีเฟอร์แฟนผมไปที่นั่นน่ะเฮีย//
//แฟนเป็นอะไรไปล่ะไปส์//
//เดี๋ยวคุณหมอเขาโทรคุยกับเฮียครับ ผมแจ้งคุณหมอไว้แล้วครับ//
(คุณหมอค่ะมีสายด่วนจาก รพ.XXXXXจะขอรีเฟอร์คนไข้ชื่อจิรายุ)
//เฮีย คนนี้แหละแฟนผม นะเฮีย//
//เดี๋ยวเฮียคุยกับคุณหมอเขาก่อนแล้วกันนะ เฮียดูห้องพิเศษไว้ให้แล้วด้วย//
//ขอบคุณครับเฮีย// ผมพูดหมอภีมปภพก็วางสายไปทันที ไอ้เธียรมันเปลี่ยนชุดแล้ว มันยืนเอากอดอกมองผมอยู่

“ไงว่ะ ตกลงมึงกับน้องเขา” ไอ้เธียรมันถามผม ผมหันมามองหน้ามัน

“เออ กูยอมรับว่ากู กับน้องเขามีอะไรกันแล้ว “ผมบอกไอ้เธียร

“กูว่ากู กูชอบน้องเขาว่ะ คือน้องเขาอยู่ห้องกูไม่ได้อยู่เฉยๆน่ะ ซักผ้ารีดผ้า ทำความสะอาดห้องให้ด้วย แถมน้องเขายังทำขนมอะไรเอาไว้ให้อีก คือกูไปรอรับไอ้ปาร์คไง ก็ขึ้นไปกินขนมบ้างอะไรแบบนี้” ผมพูดกับมันแอบเขินด้วย ไอ้เธียรมันกลั้นหัวเราะผมอยู่

“พอแล้วไอ้เชี้ย” ผมหันไปด่ามัน

“กูว่ามึงชอบน้องเขาเพราะว่าน้องเขามีฟันกระต่ายใช่ปะว่ะ” ผมหันมามอง ผมพยักหน้าว่าใช่ ผมชอบคนมีฟันกระต่ายมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้ผมเหมือนเคยเจอคนที่มีฟันกระต่ายแต่ผมจำไม่ได้ และนี่คือจุดเริ่มต้นถ้าผมเห็นคนมีฟันกระต่ายแล้วผมใจสั่นทันที

“ไอ้เธียร เจ๊มึงมาว่ะ” ไอ้ราเชนเรียกไอ้เธียร เฮียธามพี่ชายมันแต่พวกผมรู้กันหมดว่าเป็นเจ๊ เคยไปเจอเจ๊ะแกในผับ ผับประจำที่ไปคือผับเฮียธันผม เป็นลูกของกู๋ผม เฮียธีมก็เป็นเพื่อนกับปุ่รหัสผมอีกที เจ๊ธามเขาคือเลดี้กาก้าสองที่ทุกคนตั้งฉายา เจ๊ะแกแต่งหน้าซะพวกผมจำไม่ได้เลย เป็นผู้หญิงไปเลยแหละ

“เจ๊มาทำไมนะ” ไอ้เธียรมันถามเฮีย

“กูไม่ได้มาคนเดียวไอ้ตี๋น้อยเพราะว่าตอนที่มึงโทรหากูนะ กูเปิดลำโพง และเมียมึงอยู่ข้างๆ กู กูก็ไม่กล้าปิดเลยต้องให้เมียมึงฟังไปด้วยกันความลับมึงน่ะ” เฮียธามพูด

“เฮ้ยเจ๊!! งั้นเมียผมก็รู้ดิ” ไอ้เธียรมันตกใจมาก

“นั้นไงมาแล้วไอ้เธียร แม่มึงน่ะ” พวกมันพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ผมหันไปมองบีมเดินอุ้มลูกมาอย่างเร็ว ไอ้เธียรกุมขมับเลย

“เวรแล้วกู ดูหน้าเมียกูดิ ใครเผาบ้านเมียกูแน่ๆ “ไอ้เธียรพูด บีมเดินมาถึง เอาลูกเข้าเอว

“ทำไมพี่ไม่บอกผมว่าเพื่อนผมโดนทำร้าย! พี่เธียร!!” น้องบีมพูด

“บีมใจเย็นๆ คือที่ไอ้เธียรมันไม่บอกเพราะว่ามันเป็นห่วงบีมและพี่ก็คิดว่าพวกผมจัดการกันได้ “ผมรีบลุกขึ้นบอกบีม บีมหันขวับมามองหน้าผม

“แล้วเพื่อนผมไปโดนตอนไหนอ่ะ ไอ้โก้มันไปลักพาตัวเพื่อนผมได้ไงอ่ะ” บีมหันมาถามผม

“เมียจ๋า ที่นี้โรงพยาบาล อย่าเสียงดัง” ไอ้เธียรพูดกับบีม

“งั้น เราไปหาที่สงบคุยกันไหมครับ คุณเธียรวิชย์”

“อู้ยย มาเต็มๆ คุณเธียรวิชย์ ดีไม่พ้วงนามสกุลมาด้วย สงสัยงานนี้เธียรโดนจัดหนักว่ะ” ไอ้ณัฐพูด มันให้กำลังใจเพื่อนมันดีมาก

“เฮียธามครับ ผมฝากลูกโซ่แป๊บหนึ่งนะครับ ผมไม่อยากให้ลูกเห็น เดี๋ยวลูกผมเอาแบบอย่าง” บีมพูด ก่อนจะส่งลูกโซ่ไปให้เฮียธามอุ้ม

“เป็นความคิดที่ดีม๊า เราไม่ควรให้ลูกดู….โอ๊ย!!!!” และบีมก็รีบดึงหูไอ้เธียรออกไปทันทีแถมมีคนโบกมือบาย บายป๊ามันเองด้วย

“ลูกดีดี้ ไม่คิดจะช่วยป๊าบ้างเหรอลูก” เจ๊ธามถามเด็กน้อย “อ้าห์ ป๊าๆ “ผมสะบัดหน้าไปมองกางมือกางไม้คุยขนาดนี้

“ป๊ามันสมควรโดน เริศมากค่ะลูก!! คิดถูกแล้วที่หนูเลือกอยู่ฝั่งม๊าค่ะลูก” พวกผมสะบัดไปมองเจ๊ะเข้าใจได้ไง ภาษาเด็กน้อย

“โอ้วว!! หลานเจ๊ นี้เขามาจากดาวอะไรอ่ะครับ ผมจะได้ถามอากู๋แปลให้ครับ ดูแล้วไม่น่าจะใช้ภาษามนุษย์” ไอ้พีช

“ภาษาเทพ ต้องคนใกล้ชิดถึงจะเข้าใจค่ะมึงคะ ไม่ต้องไปถามอากู๋ เพราะว่ากูเกิลโฮมที่บ้านยังฟังหลานกูไม่รู้เรื่องเลยค่ะ” เจ๊ธามหันมาพูด

“เออไอ้เธียร!!! ให้เจ๊ ไปยื่นเรื่องทำประวัติคนไข้รอไหม เพื่อมึงต้องนอนโรงพยาบาล” เฮียธามตะโกนไปถาม

“ไม่ต้อง แค่ไปคุยกันเบาๆ จริงๆ “ไอ้เธียรมันโผ่มาจากมุมตึกตะโกนตอบกลับเฮียธามแต่ไม่ดังมาก

“เอานี่ เอาลูกเพื่อนมึงไปอุ้มกันบ้างดิ “เฮียธามหันมาส่งลูกชายไอ้เธียรให้พวกผม ผมเองก็ยังไม่เคยมีลูก อุ้มไม่เป็นโบกมือให้ผ่านไปก่อน ไอ้ณัฐกับไอ้พีช มันมองหน้ากันและกันใครจะเป็นหน่วยกล้าตาย

“ให้ไอ้ราเชนมันอุ้มเลยเฮีย เมียมันอาจจะท้องเร็วๆ “ไอ้พีชมันบอกไอ้ราเชนมันชี้ตัวมันเอง เฮียรีบอุ้มไปยืนให้ไอ้ราเชนทันที มันทำหน้าตกใจ

“อ้าวรับไปซิมึงค่ะ เมียท้องขึ้นมาไม่จะได้มีความพร้อม หลานเจ๊น่ารัก เหมือนตุ๊กตาเฟอร์บี้เลยค่ะมึง รับไปซิ!!” ไอ้ราเชนมันหันมามองพวกผม มันก็รับหลานไปอุ้มแบบกล้าๆ กลัวๆ ดูมันอุ้มหลานและยื่นไว้ตรงหน้า หลานมันก็ดิ้นแด้วๆ

“มึงอุ้มไปก่อนน่ะ เฮียจะไปรับสายเฮียธันมันก่อน มันบอกจะพาเพื่อนน้องเขามาด้วย” เฮียธามพูดและรีบเดินไปหาที่คุย

“นี่มึงอุ้มหลานยังไงของมึงเนี๊ยะ” ไอ้ณัฐมันถามไอ้ราเชน

“เออ ไอ้เชี้ย หลานนะมึง แม้อุ้มเหมือนตัวอะไรเลย อุ้มดีดีดิว่ะ” ไอ้พีชหันไปถามไอ้ราเชน

“อุ้มแนบอกดิครับมึงครับ “ไอ้พีชมองไอ้ราเชน มันหันมามองหน้าพวกผม

“กูกลัวหลานมันจะเล่นจุกนมกู ดูจากท่ากัดหัวนมหลอกของหลานกูซะก่อน ทั้งกัดทั้งดึงขนาดนี้ เห็นแล้วเสียวเลย ไม่ใช่เสียวซ่านนะแต่เสียวว่าจะโดนกัดขาด น่ากลัวว่ะ!!!” ไอ้ราเชนพูด ผมก็ว่าเห็นด้วยเลย ทั้งกัดทั้งดึงขนาดนั้น จุ๊กนมหลอกเขาน่ะ

“และที่กลัวมากคือ ไม่รู้จะขวนหน้ากูหรือไม่ก็กัดหูกูเอาว่ะ” ไอ้ราเชนพูดกับเด็กน้อยดิ้นแด้วๆ อยู่กลางอากาศ

“หนูพันธุ์อะไรลูก ลุงจะได้บอกหมอถูก ถ้าหนูเกิดกัดลุงขึ้นและเขาจะได้ไปหาเซรุ่มมาฉีดรักษาลุงทัน ดูท่าจะดุไม่ใช่น้อยน่ะสังเกตจากหางตา เอาเรื่องว่ะ โงวเฮ้งหนูดีมากเลยลูก ดูท่าจะดื้อไม่เบาด้วย มีครบหมดมั้งเนี่ย” ไอ้ราเชนมันพูดกับเด็กน้อย

“พวกมึงคิดว่าหลานเราพันธุ์อะไรว่ะ ร๊อตไวเลอร์ไหมว่ะ” ไอ้ราเชนหันมาถามพวกผม

“ไอ้เชี้ย!!” พวกผมหันไปด่ามัน

“อุ้มลูกเขาดีดีไอ้เชน อุ้มไม่เป็นเอามานี่” ไอ้พีชมันหันมาว่ามัน ก่อนจะหันมาอุ้มหลานแทน ไอ้พีชมันมีหลานแล้ว ลูกพี่ชายมันมันเลยอุ้มเด็กเป็นไง

“มิน่าล่ะไม่ต้องสืบให้ยากเลยว่าใครพ่อเด็ก ถอดไอ้เธียรแบบชนิดที่เรียกว่าฝาแฝดกันเลย” ไอ้ณัฐพูด ผมพยักหน้าว่าเห็นด้วยว่ะ

“เฮ้ยๆ คู่อริออกมาแล้วว่ะ” ไอ้ราเชนพูดผมหันไปมอง ไอ้โก้มันกำลังเดินคุมตัวออกมาจากห้องพยาบาล มันมองหน้าผม

“ไอ้ณัฐลุงมึงมาว่ะ” ไอ้ราเชนมันพูด ผมหันไปมอง ผู้กำกับที่เป็นลุงของไอ้ณัฐ เดินมาทางพวกผม พวกผมก็พากันยกมือไหว้ท่าน และท่าก็ยกมือเบรกพวกผมไว้ก่อนว่ายังไม่ต้องพูดอะไร

“สวัสดีครับท่าน” คุณตำรวจตะเบ๊ะทำความเคารพ ผู้บังคับบัญชา

“ผมพอจะทราบเรื่องคร่าวๆ แล้ว ผมรบกวนเอาคนร้ายไปฝากขังเลยนะครับเพราะว่าคดีนี้ห้ามประกันตัวและเตรียมออกหมายเชิญดอกเตอร์เปรมสินี มาให้ปากคำด้วย”

“ครับท่าน” นายตำรวจรับคำสั่ง

“สวัสดีรับลุง” พวกผมยกมือไหว้

“ไงไอ้ณัฐ ซ่าจริงๆ บุกเข้าไปได้ยังไง ทั้งที่มันมีปืน พวกเรานี้นะ พ่อแม่เราเกือบได้ดมยาดมรอแล้วไหมล่ะ “ลุงของไอ้ณัฐหันมาบ่นมันทันที

“พวกผมกลัวน้องเป็นอะไรนะครับลุง ผมขอโทษครับ” ผมยกมือไหว้ขอโทษแทนไอ้ณัฐมัน

“ลุงขอไปคุยกับ เด็กที่โดนทำร้ายก่อนน่ะ “ลุงของณัฐหันมาบอกพวกผม ผมได้ยินเสียงฝีเท้าวิ่งมาทางหน้าห้องฉุกเฉิน ผมเห็นมีผู้ชายตัวเล็กและผู้หญิงที่ดูท่าไม่น่าจะวิ่ง น่าจะกลิ้งได้ดีกว่า วิ่งมาหยุดที่พวกผม ผมก็มอง ผมเริ่มจำได้ เพื่อนเป็กซ์นั้นเอง

“พี่ไปส์ เพื่อนผมล่ะ” น้องใบชาถามผม

“อยู่ในห้องครับน้อง เป็กซ์ไม่เป็นอะไรมากแล้วครับ แต่ว่ารอเอกซเรย์ปอดเพราะว่า” ผมพูดก่อนจะหันไปมองไอ้คู่กรณี

“ไอ้เวรนี้มันฝังน้องเขาลงไปแล้ว เลยต้องเอกซเรย์ดูว่าไม่มีอะไรเข้าไปในปอดน้องเขาไหม” ผมพูด ทั้งคู่หันไปมองไอ้โก้กันหมด

“ไอ้โก้!!”

“มึงอย่าอยู่เลย” และน้องผู้หญิงนี้ตรงปรี่ไปทันที และ

“ปึก!”

“เว้ยย!!!” พวกผมร้องออกมาพร้อมกันก่อนจะพากันลุกขึ้น เพราะว่าน้องเขาตรงไปและไปกระโดดทับไอ้โก้ น้องเขาอ้วนมากไง คุณตำรวจที่มัวแต่ยืนโทรศัพท์อยู่ก็ไม่ได้หันมามอง พวกผมนี้ตกใจกันมา มันเหมือนมวยปล้ำตอนที่กำลังโดนคู่ต่อสู้ทับลิ้นแลบ แทบยังพยายามยื่นมือขอให้กรรมการช่วย แต่กรรมการ

“อีมะนาว!! มึงทำเชี้ยอะไรของมึงเนี๊ยะ!” ใบชาร้องตกใจ ไอ้คนร้ายที่โดนทับอยู่ มันก็พยายามโบกมือเรียกคุณตำรวจกูจะตายแล้ว และใบชาก็เข้าไปลากเพื่อนพยายามลากให้ออกมา แต่ก็ไม่ออกแน่ล่ะ เหมือนมันซี่ไปงัดไม้ซุงเถอะครับ

“มึงเข้าไปช่วยน้องเขาลากเพื่อนออกมาดิ เดี๋ยวไอ้เวรนี้ตายและสุดท้ายคดีพลิก” ไอ้ณัฐมันบอกแต่พวกผมโบกมือไม่เอาว่ะ

“ไม่เอาว่ะ กูว่าน้องเขามีองค์” ไอ้ราเชนมันหันมาพูด

“องค์อะไร” ไอ้พีชหันไปถามไอ้ราเชน

“องค์บากว่ะ “ไอ้ราเชนพูด

“กูว่าน้องเขาคือช้างที่จาพนมตามหาว่ะ ช้างกูอยู่ไหน กูว่าอยู่นี่แหละ! โธ่น้องช้างน้ำที่น่ารักไม่น่ากระทำการอันอุกอาจเช่นนี้เลย” ไอ้พีชมันพูดและมันก็ปิดตาหลานด้วยไม่กล้าให้หลานดู

“เฮ้ยย!!! ตายแล้วลูกสาวกู ไปทำอะไรเขาลูก!” เฮียธามเดินออกมาก็ร้องตกใจนั่นแหละคุณตำรวจถึงได้หันมาดู

“เฮ้ยคุณ! นี้คุณทำอะไรผู้ต้องหาครับ ลุกๆ ตาย! เดี๋ยวเขาก็ตายกันพอดี คดีพลิกนะคุณ! “คุณตำรวจเลยรีบบอกน้องเขาให้ลุกออกไปจากผู้ต้องหา พอลุกมาได้ ไอ้เวรนั้นแทบจะต้องเรียกขอออกซิเจนเกือบขาดอากาศหายใจตาย

“ก็มันจะฆ่าเพื่อนหนูนี่ค่ะคุณตำรวจ หนูเลยจะให้มันขาดใจตายแทนเพื่อนหนูค่ะ” น้องเขาพูด

“อันนี้กูว่าทรมานกว่าจับมันฝังทั้งเป็นอีกน่ะ เครื่องในพังไหมว่ะ” ไอ้ณัฐหันมากระซิบกับพวกผม

“ผมรู้ครับ ปล่อยให้เป็นกระบวนการของกฎหมายครับ ไม่ใช่มากระโดดทับเขาแบบนี้ครับ “คุณตำรวจรีบพูดก่อนจะพาผู้ต้องหาออกมาจากน้องมะนาวได้ ส่วนน้องมะนาวเพื่อนเขาก็พยายามช่วยจับให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล

“อีนาว อีว๊อก!! กระโดดไปได้ดีที่พื้นเขาไม่ร้าวละอีบ้า!” เพื่อนน้องเขาบ่นเป็นชุด บีมและเธียรก็เดินออกมาต่างก็พากันตกใจ

“มะนาว” บีมเรียกเพื่อนเขา

“เอาๆ รีบเอาผู้ต้องขังไปก่อนที่จะโดนญาติคนเจ็บจะกระโดดทับอีกรอบ รอบนี้มึงตายแน่ นี่ขนาดหันหลังแป๊บเดียว” คุณตำรวจพูดก่อนจะพาให้คนร้ายออกไป

“ไอ้คนนี้เหรอที่มันเอาดินกลบน้องเขาน่ะ” เจ๊ธามถามก่อนจะชี้ไปที่ไอ้โก้

“ใช่เจ๊” ผมตอบ

“แล้วมึงเอามันกลับมาทำไมวะ ทำไมไม่ถีบมันลงไปแทนน้องเขาและกลบดินมันไปเลย “เจ๊ธามพูด ผมหันมามองหน้ากัน

“เออว่ะ ที่จริงน่าจะทำอย่างที่เจ๊แกพูดนะมึง” ไอ้ราเชนมันหันมาพูด

“เจ๊เราไม่โหด” ไอ้ณัฐ

“เป็นเจ๊นะ เจ๊จะเอาขี้ดินยัดปากแม่งไปด้วย “เจ๊ธามพูด พร้อมกับยืนเอามือเท้าเอว ไอ้คนร้ายมันมามองแบบระแว้ดระวัง มันคงกลัวเหมือนกัน

“ตกลงน้องสองคนนี้เพื่อนเป็กซ์เหรอ” ไอ้ณัฐมันถามก่อนจะหันมามองหน้าทั้งคู่ ไอ้ณัฐมันทำท่าคิด

“เออ นี้เพื่อนเป็กซ์และเพื่อนบีมเขามีอะไรวะ” ไอ้เธียรมันเดินไปอุ้มลูกมันคืนจากไอ้พีช

“หน้าคุ้นๆ น่ะน้องน่ะ เหมือนเคยเจอที่ไหนวะ ไม่นานนี้ด้วย น่าจะเมื่อคืนนะ” ไอ้พีชมันพูดและเกาหัวเล็กน้อย มันชี้ไปที่ใบชา ใบชาก็หันมามองหน้าจ้องหน้าไอ้พีชก่อนจะหันไปมองไอ้ณัฐ น้องเขาก็หันไปสะกิดเพื่อนเขาทันที พร้อมกับลากกันออกไป เขาไปซุบซิบกันสองคน พวกผมก็มองตามซุบซิบอะไรกันว่ะ

“ใช่ไหมว่ะ ไม่น่าจะใช่ กูว่าไม่ใช่” ไอ้ณัฐหันไปกระซิบกับไอ้พีชบ้าง ผมหันมาเหล่ตามองมันสองคน

“เฮียมึงมาถึงแล้วไอ้เธียร “ผมหันไปมองเฮียธัน เฮียเดินมาพร้อมกับเพื่อนเป็กซ์อีกคน คนนี้ชื่อฟิล์ม เขาเดินมาหาเพื่อนๆ ของเขาทันที ผมเห็นเป็กซ์ถูกเข็นกลับมาจากห้องเอกซเรย์แล้ว แต่เพื่อนๆ นี้ตรงไปหาเป็กซ์ก่อนเลย

“ให้เพื่อนเขาคุยกันก่อนเถอะว่ะ” ไอ้เธียรมันบอกผม

“ไปหากาแฟสดดื่มกันก่อนดีกว่าไหมวะ” ไอ้พีชพูดผมพยักหน้าก็ได้ เฮียธันหันไปอุ้มหลานแทนไอ้เธียร

“เจ๊พาหลานไปหาที่เซลฟี่แล้วกัน” เจ๊ธามพูดก่อนจะพยักพเยิดให้เฮียธันอุ้มหลานไป พวกผมพากันเดินไปที่ซุมกาแฟสดที่เปิดอยู่ในโรงพยาบาล

“พวกมึงเป็นอะไรกันว่ะ ทำไมต้องตกใจเวลาเจอน้องใบชาด้วยวะ” ไอ้ราเชนถามไอ้พีชกับไอ้ณัฐ

“หน้าเหมือนน้องซินเดอร์เรลล่าของมึงว่ะไอ้ณัฐ” ไอ้พีชพูด ผมหันมามองหน้ามัน

“ก็หลังจากที่กูส่งมึงกลับไปหาน้องเป็กซ์ และพวกกูก็กลับไปที่ผับเฮียธัน”

“เฮียธันลูกพี่ลูกน้องกูไง” ผมหันไปบอกไอ้เธียร

“และกูก็เจอน้องเขา น่ารักมาก หันมาส่งสายตาให้ แม่งเหมือนเดินศรรักปักอกเลย นมเป็นนม ก้นเป็นก้น หน้าเหมือนมากแต่น้องคนนั้นผู้หญิงนะโว้ย!” ไอ้ณัฐมันพูด

“เขามีนิกเนมว่าซินเดอร์เรลล่าเหรอวะ” ไอ้เธียรมันถามปนหัวเราะ ผมเดินมาที่ซุ้มกาแฟสด

“น้องเขาเต้นสีกับไอ้ณัฐอยู่พักใหญ่ พอเที่ยงคืนน้องแกวิ่งพรวดหายออกไปเลย ไอ้ณัฐกำลังว่าจะพาไป จุด จุด จุด ต่อซะหน่อย มันเลยอดเหมือนพระเอกในเรื่องซินเดอร์เรลล่าไม่มีผิดเลยมึง อดตอนเที่ยงคืน “ไอ้พีชพูด ผมหันมามองหน้ามัน ผมกับไอ้เธียรสั่นหัวกันก่อนจะรีบสั่งกาแฟสด

“ดีเขาไม่ถอดรองเท้าปาใส่หน้ากูไว้ก็บุญหนักหนาแล้ว “ไอ้ณัฐพูด

“สั่งกาแฟก่อน กูยิ่งนอนน้อยๆอยู่ “ไอ้ณัฐรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“กูเอานมเย็นวะ” ผมบอกพวกมัน

“ห๊ะ!!” พวกมันหันมามองผมกันหมด

“เขามีไม่ใช่เหรอนมเย็นน่ะ แปลกตรงไหนว่ะ” ผมถามพวกเพื่อนๆ ผม

“เออ มึงกินนมเย็นด้วยเหรอว่ะ พวกกูไม่ยักกะรู้ว่ะ “ไอ้ณัฐมันหันมาถามผม

“เออ! กูไม่เอากาแฟ กูไม่อยากกินกาแฟนแล้วไง เบื่อ ลองของใหม่ เอานมเย็น “ผมบอกพวกมัน ผมจะซื้อไปให้เป็กซ์ไอ้เธียรมันรู้เลยหันมายักคิ้วให้ผม
 
ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งหลัง)P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 04-05-2021 07:48:26
EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งหลัง)P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4056866#msg4056866)

EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ(ครึ่งหลัง)P2
   Part’ s เป็กซ์ ผมถูกส่งตัวไปเอกซเรย์ปอด มีเศษดินที่ผมหายใจเข้าไป คุณหมอตรวจดูแล้วไม่น่าเป็นอันตรายอะไรกับมาก แต่คุณหมอต้องการให้ผมรับยาฆ่าเชื้อไว้ก่อน พี่พยาบาลบอกผมว่า แฟนบอกให้ผมย้ายไปโรงพยาบาลเอกชนและเขาจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลเอง ผมแอบอมยิ้มเลยจนเพื่อนๆ ผมนี้มองกันหมด

“ไปเป็นแฟนกันตอนไหนแก” มะนาวถามผม

“เออ กู เออ”

” ไอ้เป็กซ์ มึงไปอยู่กับเขามึงเรียบร้อยเขาไปแล้วเหรอวะ” ไอ้ฟิล์มมันถามผม

“ฟิล์ม” บีมหันมา

“กูยอมรับ ว่ากูเผลอตัวไปแล้วแต่ไม่คิดว่าพี่เขาจะบอกว่ากูเป็นแฟนเขาแล้วนี่หว่า” ผมพูด

“แต่จะว่าไป เพื่อนไอ้พี่ไปส์มึงอ่ะ มันจะจำกูได้ไหมวะอีช้างน้ำ” ไอ้ใบชาพูด ผมหันไปมอง

“ใครวะ” ฟิล์มถามไอ้ใบชา

“มึงสองคนไปทำอะไรมา” บีมถามใบชากับมะนาว ดูมันสองคนมองหน้ากัน ผมก็กอดอกมองหน้ามันอีกคน ไอ้ฟิล์มพยักหน้ากับมันสองคน

“กูสองคนไปแรดมาเมื่อคืนและอีใบชามันให้กูช่วยแต่งตัวให้มัน แบบสาวน้อยอ่ะแก ใส่วิก แต่งหน้าซะซวยเลย เล่นเอาชะนีที่แท้ทรูอย่างกูแห้วรับประทานไปเลยมึง ขนาดกูจัดเต็มขนาดนั้นยังแพ้อีใบชา!” มะนาวพูด

“จัดเต็มขนาดที่ว่าแม่มันเห็น ยังเอาไม้กวาดไล่ตี นึกว่าใครเข้ามาในบ้าน ฮาๆ” ใบชาพูดไปพวกผมก็อดขำมะนาวมันไม่ได้ มะนาวมันมีพรสวรรด์เรื่องการแต่งหน้า

“กูไปเจออีพี่มึงด้วยนั่งกินเหล้าราวกับกินน้ำ มีสาวๆ มาเต้นสีพี่แก พี่เขายังเมินใส่เลยและโบกมือไล่ด้วย” ใบชามันหันมาบอกผมว่าเจอพี่ไปส์ กินเหล้าแน่ล่ะเมามาด้วยสภาพแบบนั้นแต่พี่เขาบอกผมแล้วว่าเขาทะเลาะกับพ่อมา ผมแอบหันไปยิ้ม

“แม้ยิ้มใหญ่เลยนะ พอรู้ว่าเขาไม่สนชะนีน่ะ” มีคนแซวผม ผมขยิบตาให้เลิกแซวได้แล้ว

“แต่กูหันมาก็ไม่เจออีพี่มึงแล้ว “ใบชาพูดแน่ล่ะเพื่อนเขาแบกมาส่งให้ผมดูแลไง

“ไปผับใครมาว่ะ” ไอ้ฟิล์มมันถาม

“ผับดังที่มีแต่ไฮโซไง และคืนนั้นก็มีดีเจหุ่นล้ำๆ ไปเปิดแผ่นด้วย พวกฉันเลยไปแก”

“และไอ้พี่นี้กูสองคนไม่รู้ว่าเป็นเพื่อนอีพี่มึง เขาเดินมาสะดุดเจอใบชา อึ้งไปหลายนาที รีบเดินมาถามเลยนะ ขอเลี้ยงเหล้าอะค่ะ และพวกกูจะรอเชี้ยอะไรละคะ โอเค”

“ใช่ไหมคะ น้องเลมอนที ชื่อนางคะมึงค่ะ เต้นสีกันน่าดู ชะนีโต๊ะข้างๆ กอดอกมองด้วยความหมั่นไส้อีใบชา” คนฟังนี้เชิดคอด้วยความมั่นใจตัวเองมากฟิล์มมันพยักพเยิดกับบีม

“แต่เสือกมานกเอาตอนเที่ยงคืน พ่ออีใบชาเขาบินมาเยี่ยมลูกเขากลางดึก โอ๊ย!! กลับบ้านแทบไม่ทันมึงค่ะ” มะนาวพูด

“จู่ๆ พ่อกูก็บินมาจากเชียงใหม่ ดีน่ะที่กูเปลี่ยนเสื้อผ้าทัน หัวใจกูจะวาย” ใบชาพูด

“เหมือนพ่อกูมีญาณวิเศษเลยว่ะ เหมือนจะรู้ว่า….”

“มึงจะออกไปแรด!!” พวกผมพูดออกมาพร้อมกัน

“ขอบคุณที่ชมนะ กราบงามๆ เว้ย!! “ใบชาหันมาค้อนปะหลับปะเหลือกใส่พวกผม ผมหันมากอดอกกลั้นหัวเราะไม่รู้จะสงสารมันดีไหม พ่อใบชาเป็นพ่อเลี้ยงทางเหนือ ไว้หนวดแบบดูโหด แถมใบชายังไม่เคยบอกพ่อมันเลยว่ามันเป็นอะไร

“กูว่ามึงบอกพ่อมึงไปเถอะว่ะ “ไอ้ฟิล์มพูด

“พ่อกูจะรับได้เหรอวะ” ใบชาหันมาถาม

“มึงคิดว่ามึงจะเป็นแค่วันนี้แล้วพรุ่งนี้มึงหายไหมล่ะ” บีมกอดอกถามใบชา

“ไม่ว่ะ สงสัยตลอดชีวิตว่ะ” ใบชาพูด

“ก็แน่ละ นี่มันไม่ใช่โรคริซซี่นี่ค่ะมึง จะได้รักษากินยาแล้วหายนะ” มะนาวพูด และจังหวะนั้นพวกพี่ๆ เขาเดินเข้ามาพอดี ใบชามันสะกิดมะนาว บีมหันไปมองพี่เธียร เดินเข้ามาคนเดียวไม่มีน้องลูกโซ่มาด้วย

“พี่ให้เฮียธันดูลูกโซ่ไปก่อน ไม่อยากพาเข้ามา” พี่เธียรเดินมากระซิบกับบีม

“เดี๋ยวจะย้ายเราไปโรงพยาบาลที่กรุงเทพนะครับ พี่จองห้องพิเศษไว้ให้แล้ว” พี่ไปส์พูด ผมหันมามองพี่ไปส์ พี่เขายืนใช้แขนเท้าที่กันข้างเตียงมองผม แววตาคู่นั้น มันไม่กวนผมเหมือนที่ผ่านๆ มา และพี่เขาก็ชูแก้วนมเย็นมาให้ผม

“ดื่มหน่อยไหม” พี่ไปส์ถามผม

“อู้ย!!!” เสียงแซวผมจากพวกเพื่อนๆ ผม

“แม้ไอ้ตอแหล แล้วบอกว่ามึงดื่มเอง โธ่ ซื้อมาให้เขาก็บอกดิครับ” พี่ณัฐรีบหันมาแซวพี่ไปส์ใหญ่เลย ผมก็รับนมเย็นมาจากพี่ไปส์

“ให้บีมนอนเป็นเพื่อนไหมเป็กซ์” บีมถามเป็กซ์ คงหมายถึงที่โรงพยาบาล

“บีม พี่ว่า” พี่เธียรสะกิดบีม ผมรู้ว่าหมายถึงอะไร

“บีม พี่เฝ้าเองครับ แฟนพี่ทั้งคน” พี่ไปส์พูด ผมหันมามอง ผมค่อนข้างตกใจที่เขาใช้คำว่าแฟนกับผมแล้ว

“แฟนด้วยอะ “มะนาวแซวผมกับพี่ไปส์ทันที

“งั้นผมฝากด้วยนะครับพี่ไปส์ “บีมหันมาบอกพี่ไปส์

“เป็กซ์ มึงต้องบอกแม่มึงน่ะ เขาเป็นห่วงมึงมากเลยว่ะ “ไอ้ฟิล์มบอกผม ผมพยักหน้าว่าผมจะบอกเอง ไปถึงโรงพยาบาลก่อนค่อยโทรไปหาแม่แล้วกัน

“งั้นก็แยกย้ายกันเลยแล้วกัน พวกกูจะได้กลับบ้านเลย พ่อแม่และว่าที่เมียเป็นห่วง “พี่ราเชนหันมาพูดและมองพวกผมที่ยกมือไหว้พี่เขาแต่ก็มาสะดุ้งตรงน้องมะนาวนี่แหละ เอามือกุมหน้าอกตัวเองอีก

“ตกใจทำไมละคะ” มะนาวถามพี่ราเชน

“ก็น้องเล่นกระโดดเขาลอยไปหาผู้ต้องหาเขาขนาดนั้น เป็นใครก็สยองครับน้องครับ “พี่ราเชนพูด

“มึงแน่ใจเหรอครับว่านั้นท่าเข่าลอย”

“ยกแล้วแต่ไม่ขึ้น สุดท้ายเลยแทบไอ้เวรนั้นแทน เครื่องนั้นมันคงได้ฟกช้ำบ้างแหละครับ” พี่ราเชนพูด ผมหันไปมองอีมะนาวมึงทำอะไรไอ้โก้มัน

“อีมะนาวมันอยากล้างแค้นให้มึงเลยกระโดดทับไอ้โก้ลิ้นแลบไปเลย” ใบชาพูด ผมหันมาสั่นหัวมึงทำไม

“เฮ้ย!! อีบ้า” ผมร้องตกใจหันมาว่ามะนาว

“ไปส์ มึงก็ไปกับรถโรงพยาบาลแล้วกัน กูขับรถมึงกลับไปคอนโดมึงเอง และจะไปเอาของใช้ไปให้มึงว่ะที่โรงพยาบาล “พี่พีชหันมาบอกพี่ไปส์ ผมก็กุมมือพี่ไปซ์เอาไว้ ผมเกรงใจเขาด้วยเหมือนกัน

“มึงสองคนมายังไงกันวะ” ฟิล์มหันไปถามมะนาวกับใบชา ทั้งคู่หันไปมองคนที่จ้องมองมะนาวและใบชาอยู่ทำท่าคิดด้วย พี่ณัฐกับพี่พีช

“มารถมาะนาวมันไง New beetle สีเหลือง สงสัยมันคิดว่ามันขับบอมเบิ้ลบีอยู่มั้ง “ใบชาพูดมะนาวหันขวับมาทันที พวกผมเหลือกตาขึ้นบนเป็นแถว มันเลิกกัดกันสักนาทีได้ไหม ก่อนจะหันไปมองพี่สองคนนั้นที่มองใบชากับมะนาวสลับกันไปมา

“น้องครับ พี่ถามหน่อยได้ไหมครับ น้องมีพี่สาวหรือนางสาวไหมครับ เหมือนมากเลย เหมือนน้องที่ “จู่ๆ พี่ณัฐก็ถามใบชา ผมหันมามองหน้ากัน ใบชามันค่อยๆ หันไปยิ้มให้

“น้องเลมอนที!”

“เลมอนทีอะไร ชื่อใบชา ใบชาโว้ย!!” ใบชามันหันไป แม้โมโหเขากลบเกลื่อนไอ้นี่

“ตกลงมีไหมครับ น้องสาวหรือพี่สาวนะครับ” พี่ณัฐเขาถาม

“มีแต่อยู่ไกล ทำไมเหรอ!!” ใบชามันทำเสียงออกสาวแตกมากกว่า พี่เขาขมวดคิ้วมอง “เออ ทำไมเหรอครับ” ใบชาถามใหม่อีกครั้งคราวนี้เปลี่ยนโทนเสียงใหม่

“บ้านน้องอยู่ไหนครับ” พี่ณัฐถามใบชา

“น้องเขาอยู่เชียงใหม่ค่ะ “มะนาวตอบแทน

“น้องเหมือนน้องผู้หญิงคนหนี่ง ส่วนน้องนี้ก็เหมือนอยู่น่ะ อ้วนเหมือนกันเลยแต่น้องคนนั้นดูสวยกว่า จริงๆน่ะ” พี่พีชพูดก่อนจะหันมามองมะนาว มะนาวหันขวับไปมอง

“พูดแบบนี้เดี๋ยวกระโดดทับเหมือนไอ้คนนั้นเลยนิ” มะนาวพูด ดีที่บีมมันดึงมะนาวไว้ก่อน

“เฮ้ยๆ เดี๋ยวๆ พี่พูดเล่น น้องสวยเสมอครับ พูดแค่นี้ก็ขึ้น มีของแน่เลย “พี่พีชพูด

“และมรดกพ่อพี่เยอะพี่ยังไม่อยากตายครับ ขออยู่ใช้ก่อน” พี่คนนั้นโผ่ออกมาบอกมะนาว

“ขอโทษนะคะ รถพยาบาลที่จะมารับคนไข้รีเฟอร์มาถึงแล้วค่ะ “พี่พยาบาลเดินมาบอกผม ผมหันไปมองเพื่อนๆ ของผม

“พรุ่งนี้กูไปเยี่ยมมึงน่ะ” บีมหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมว่าพรุ่งนี้ค่อยคุยกับบีมดีกว่า เรื่องที่ไอ้โก้มันบอกผมนะครับ พี่ไปส์กุมมือผมเอาไว้ก่อนจะให้พี่พยาบาลเข้ามาพาผมไปนั่งเตียงเข็นคนไข้อีกเตียง พวกเขาพาผมไปที่รถพยาบาล โดยมีพี่ไปส์เดินคุยโทรศัพท์ออกมาด้วย

“ครับม๊า ผมรู้ครับแต่นี่ คนพิเศษของผมจริงๆ เอาไว้ค่อยคุยกันได้ไหมครับม๊า ครับ ไปโรงพยาบาลใกล้ๆ กับคอนโดผมไงม๊า ครับม๊า รักม๊าครับ” พี่ไปส์รีบพูดและวางสายก่อนจะเดินมานั่งข้างๆ ผมเขากุมมอืผมไว้ ระหว่างการเดินทางผมก็เผลอหลับไปอีกรอบด้วยฤทธิ์ยา ผมาตื่นอีกทีตอนที่ถึงโรงพยาบาลแล้ว และขึ้นมาที่ห้องพักคนไข้ เป็นห้องพิเศษ เหมือนที่บีมมานอนหรือว่าโรงพยาบาลเดียวกัน

“น้องตื่นแล้วครับเฮีย” ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นนั่งโดยมีพี่ไปส์เข้ามาประคองผมไว้ ผมสวมเสื้อคนไข้ ใช่จริงๆ ด้วยโรงพยาบาลเดียวกับตอนที่บีมมาคลอดน้องลูกโซ่ ผมหันไปมองพี่ไปส์ พี่เขาเปลี่ยนชุดแล้ว และอีกคน ผมตกใจ คุณหมอภีมปภพ หมอที่คลอดให้ลูกโซ่ ผมไม่ได้ท้อง!!! มาที่นี้ทำไม???

“ทำไมทำหน้าตกใจขนาดนั้นล่ะเป็กซ์ พี่ก็เป็นหมอทั่วไปได้ครับ ไม่ได้ทำคลอดอย่างเดียว” พี่หมอภีมคงเดาความคิดผมออก

“สวัสดีครับพี่หมอภีมปภพ ก็ปกติผมเห็นพี่แต่ในห้องฝากครรภ์นะครับและพี่ยังเป็นหมอทำคลอดให้ไอ้บีมอีก ผมก็ตกใจซิครับ” ผมยกมือไหว้พี่หมอก่อนจะหันมามองพี่ไปส์ สลับกันไปมา

“พี่ก็นึกว่าใครกันที่เป็นคนพิเศษ น้องชายพี่ เป็กซ์นี้เอง “พี่หมอพูดก่อนจะหันไปมองพี่ไปส์ และหันกลับมาหาผมอีกที

“ผมไม่รู้นี้ครับว่า เฮียรู้จักน้องเขาด้วย” พี่ไปส์หันมาพูดกับพี่หมอภีมแถมเรียกเฮียอีกต่างหาก

“พี่หมอเขาเป็นลูกชายอี๊ของพี่ครับเป็กซ์ พี่สาวของม๊าพี่นะครับ” พี่ไปส์พูด ผมพยักหน้าเบาๆ

“เป็กซ์มักจะมากับบีมเขาบ่อยๆ ตอนมาตรวจครรภ์น่ะไปส์” พี่หมอภีมปภพหันมาบอกพี่ไปส์

“แล้วไปทำยังไงถึงได้โดนคนร้าย ทำร้ายเราขนาดนี้ล่ะเป็กซ์” พี่หมอภีมถามผม ผมมองหมอภีมปภพ ก่อนจะหันมามองพี่ไปส์

“ผมอยากคุยกับอาจารย์กันตภพนะครับ ได้ไหมครับพี่หมอ ผมมีเรื่องต้องบอกเขาครับ” ผมพูดกับพี่หมอภีม ตอนนั้นที่อยู่กับบีมผมไม่กล้าบอกมัน ผมกลัวมันจะคิดมากอย่างที่พี่เธียรบอกผม

“เรื่องด่วนไหม อีกสิบนาที กันเขาจะมาหาพี่ที่นี้” พี่หมอภีมปภพถามผม ผมยิ้มออกมาทันที

“ผมรอได้ครับ” ผมรีบตอบ

“ถ้าอย่างนั้นทานอาหารเย็นก่อนแล้วกันและนี่พี่ให้ยาฆ่าเชื้อผ่านสายน้ำเกลือเอาไว้ พรุ่งนี้ค่อยเอาออก และพี่จะให้อาจารย์กันเขาขึ้นมาหาเราที่นี้ พี่ไปดูคนไข้ของพี่ก่อนนะครับ” พี่หมอภีมบอกผมก่อนจะหันไปแตะไหล่พี่ไปส์

พี่พยาบาลยกถาดอาหารเย็นมาให้ผม ก่อนจะเดินออกไปเหลือแค่พี่ไปส์ พี่เขาเดินมาจัดโต๊ะให้ผมและปรับเตียงให้ผมนั่ง พี่ไปส์ขึ้นมานั่งข้างๆ ผมก่อนจะจัดการเปิดสำหรับอาหารให้ผม เขาตักอาหารมาจ่อจะป้อนผมด้วย ผมก็มองอะไรเนี๊ยะ

“พี่จะป้อนไงครับ ทำไมล่ะไม่อยากให้พี่ป้อนเหรอ “พี่ไปส์ถามผม ทำไมต้องทำเสียงออดอ้อนผมด้วยน่ะ

“ผมทานเองได้” ผมหันไปพูดเสียงอ่อยๆ

“อย่าดื้อซิเรานี่ พี่ป้อนให้ เร็ว ๆ อ้าปาก อั้ม! “พี่ไปส์สั่นหัวก่อนจะพยายามดันช้อนให้ผมอ้าปาก ผมก็ต้องยอม จนพี่พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วใส่ยามาให้ผม

“ยาหลังอาหารค่ะ แฟนน่ารักนะคะ เช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเชียว มีอะไรกดเรียกได้เลยนะคะ” พี่พยาบาลพูดแซวผม ผมหันไปมองพี่ไปส์ แอบหนีบขาตัวเอง

“ไม่ต้องอายแล้ว เห็นหมดแล้ว” พี่คนที่กำลังป้อนข้าวผมอยู่กระซิบกับผม และพี่พยาบาลก็ออกไปจากห้อง พี่ไปส์ทำหน้าที่ป้อนข้าวป้อนน้ำให้ผม แถมยังบังคับให้ผมทานยาอีกด้วย ผมดื่มน้ำจนหมดแก้ว พี่ไปส์เก็บทุกอย่างเข้าด้านข้างรอพี่เขามาเก็บภาชนะคืนไป ผมว่าจะหันไปหยิบรีโหมดแต่พี่ไปลุกมาหยิบเอื้อมเพื่อจะหยิบให้ผมแทน มันทำให้มือผมกับพี่ไปประสานกัน ผมหันมามองคนที่เอื้อมมือผ่านไปผมไป ริมฝีปากเขาอยู่ใกล้ผมมาก จนผมต้องเม้มปากเข้าหากัน ริมฝีปากพี่ไปส์ก็ขยับเข้าหากันเหมือนอยากจะ จุมพิตผมและสุดท้ายมันเป็นผมเอวเผยอปากจูบคนตรงหน้า ผมรู้สึกเบาหวิวเพราะว่ารสจูบที่ซาบซ่านนั้นจากผู้ชายคนนี้

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตู ที่ทำให้ผมกับพี่ไปส์ต้องผละออกจากกันทันที ผมใช้มือแตะที่ริมฝีปากตัวเอาเบาๆ ก่อนจะหันไปมองที่ตรงประตู คนที่เปิดเข้ามาคืออาจารย์กันตภพ

“เป็นไงบ้างเป็กซ์ อาจารย์รู้เรื่องแล้ว ตกใจมากเลยน่ะเป็กซ์ นี้เขาทำกับเราขนาดนี้เลยเหรอ” อาจารย์กันตภณถามผมทันที

“สวัสดีครับอากัน” พี่ไปส์ยกมือไหว้อาจารย์กันตภณ “สวัสดีไปส์” อากันยกมือรับไหว้พี่ไปส์

“ผมมีอีกเรื่องเกี่ยวกับอาจารย์เปรมสินีครับ” ผมพูดขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นให้พี่ออกไปข้างนอกแล้วกัน” พี่ไปส์พูด

“หมับ” ผมคว้ามข้อมือพี่ไปส์เอาไว้

“พี่ไม่ใช่คนอื่นสำหรับผมแล้วนะครับ” ผมพูด พี่ไปส์หันมายิ้มให้ผม

“พี่ควรจะได้ฟังเพื่อว่ามันอาจจะ ทำให้พี่เข้าใจผมมากขึ้น” ผมพูดกับพี่ไปส์ พี่เขานั่งลงข้างๆ ผม อาจารย์กันตภณหันมาลากเกาอี้มานั่งใกล้ๆ กับผม

“อาจารย์ครับ ผมว่าเรื่องทั้งหมดมันถูกวางแผนมาตั้งแต่ทีแรกแล้ว ไอ้พี่โก้ที่เป็นแฟนผมตอนที่ผมเรียนปีสาม แท้จริงแล้วมันกับอาจารย์เปรมสินีมีสัมพันธ์สวาทกัน เขามีอะไรกันมาก่อนผม” ผมพูดผมหันมามองพี่ไปส์ ก่อนจะหันกลับมามองอาจารย์กันตภณ

“ไอ้พี่โก้มันบอกว่าผมไปทำให้เมียมันไม่พอใจ เรื่องที่ผมเอาความลับมาเปิดเผย และเมียมันก็คืออาจารย์เปรมสินีครับ” ผมพูด อาจารย์กันตภณ นั่งทำหน้านิ่งมาก ก่อนจะพยักหน้าเฉยๆ ไม่มีอาการตกใจเลยสักนิด ก็แน่ล่ะเขาไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับอาจารย์เปรมสินีสักนิด ผมแอบสะใจแทน

“ผมไม่รู้ว่ามันทำเพราะโดนเขาสั่งมาหรือว่าเขาขู่มันไว้ด้วยที่มันจะฆ่าผมนะครับ เพราะว่ามันก็บอกผมว่า ถ้ามันไม่ทำมันก็ตาย” ผมพูดกับอาจารย์กันตภณ

“ผมเองก็ยังโดนมันหลอกมาตั้งนานอาจารย์” ผมพูดน้ำตาผมเริ่มไหล แต่มีคนยื่นผ้าเช็ดหน้ามาซับมันทันที

“อย่าไปร้องไห้ ให้คนไม่มีค่าอย่างไอ้โก้มัน “พี่ไปส์บอกผม อาจารย์กันตภณพยักหน้าเห็นด้วย

Rrrrr โทรศัพท์ของพี่ไปส์ดังขึ้น พี่เขาขอตัวไปรับสายซะก่อน

“อาจารย์คิดว่ามันเกินไปแล้วน่ะ ที่จะถึงขั้นจะฆ่าเราเลยน่ะเป็กซ์ อาจารย์แนะนำว่า เอาเรื่องให้ถึงที่สุด”

“แต่ผม”

“อาจารย์จะหาทนายให้ เราหาหลักฐานว่านายโก้กับอาจารย์เปรมดิ์ เขามีการติดต่อด้วยกันจริง” อากันตภณพูด จังหวะนั้นพี่ไปส์เดินกลับเข้ามา

“พอดีลุงของณัฐเขาเป็นผู้กำกับอยู่ที่ สน ที่ใกล้จุดเกิดเหตุ เขาต้องการให้ เป็กซ์เข้าไปให้ปากคำเมื่อเป็กซ์พร้อมครับ” พีไปส์บอกผม

“เมื่อกี้ผมได้ยินว่าจะหาหลักฐานการติดต่อของทั้งคู่ ผมไม่แน่ใจครับอา ตอนที่พี่กอล์ฟเป็นรุ่นพี่เรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ที่เดียวกับผมนะครับอา ผมขอให้พี่คนที่แฮ็กข้อมูลไอ้โก้ให้”

“พี่เขาเจอรูปที่มันไปร้านอาหารที่ชลบุรี ตอนมันถ่ายรูปลงเฟสบุ๊คมันนะครับ พี่เขาขยายจนเห็นว่ามีภาพสะท้อนผู้หญิงที่นั่งทานอาหารตรงข้ามกับมันด้วยครับ” พี่ไปส์พูด ผมหันไปมองพร้อมกับอาจารย์กันตภณ และพี่ไปส์ก็หยิบมือถือขึ้นมามากดไล่หารูป ก่อนจะส่งมาให้ผมดู ผมเห็นภาพผู้หญิงสะท้อนผมจำได้ดีแม้จะเบลอๆ ก็ตาม

“อาจารย์ครับ ใช่อาจารย์เปรมสินีจริงๆ ด้วยครับ” ผมบอกอาจารย์กันตภณ ก่อนจะส่งมือถือให้อาจารย์ดู

“ส่งหลักฐานนี้ให้พี่ด้วยไปส์และให้เป็กซ์เก็บติดตัวไว้ ถ้าวันที่ไปให้ปากคำ ถ้านายโก้ให้การปฏิเสธเพื่อปกป้องเขา เอารูปนี้ให้ตำรวจดูด้วยน่ะ” อาจารย์กันตภณบอกผม

“อาจารย์จะช่วยเราด้วยไม่ให้ได้รับโทษอะไรทั้งนั้น “อาจารย์กันตภณพูด คุณหมอภีมปภพเดินเข้ามาพอดี

“ครับแม่ อ้อ ครับ ได้ครับ ครับผมไม่กลับนะครับ เดี๋ยวผมบอกไปส์ให้ครับ ครับแม่ครับ บายครับ” หมอภีมปภพเดินเข้ามาในห้องก่อนจะหันไปมองพี่ไปส์

“ไปส์ ม๊าเราโทรหาอี๊เรา ม๊าเราบอกว่าโทรหาเราไม่ติดเลย เขาเป็นห่วง” หมอภีมปภพหันมาพูดกับพี่ไปส์

“สงสัยตอนที่ผมรับสายจากไอ้ณัฐมันนะครับเฮีย” พี่ไปส์พูด

“โทรกลับด้วยน่ะ รู้สึกว่าเรานี้จะโลดโผนไปหน่อย เบาๆ หน่อย ลูกคนโตน่ะเรานะ” หมอภีมปภพพูดกับพี่ไปส์

“ถ้าอย่างนั้น อาจารย์กลับก่อนน่ะ และดูแลตัวเองด้วยล่ะรู้ไหม พักผ่อนเยอะ เรื่องอื่นอาจารย์จัดการเอง “อาจารย์กันตภณบอกผม ผมก็ยกมือไหว้อาจารย์ พี่ไปส์หลบไปหาที่คุยโทรศัพท์ ผมก็หยิบมือถือผมขึ้นมา ผมต้องโทรหาแม่ผมเช่นกัน ผมยกมือไหว้พี่หมอก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปจากห้อง

//แม่//
// เป็กซ์ เป็นไงบ้าง แม่รู้เรื่องจากใบชา แม่ตกใจมากเลยลูก//
// ผมไม่เป็นไรแล้วแม่ มีคนไปช่วยผมไว้ พี่คนที่ให้ผมอยู่ที่คอนโดนะครับ//
//บุญรักษานะเราน่ะ และนี่ไอ้โก้มันถูกจับแล้วใช่ไหม//
//ครับแม่ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอก ผมยังเหนียวอยู่// ผมพูดเหมือนจะตลกแต่น้ำตาผมดันไหลออกมา ผมคิดว่าจะไม่ได้กลับมาหาแม่ผมแล้ว
//ทำเป็นเก่งนะเราน่ะ แม่ว่าจะไปเฝ้า//
//ไม่ต้องหรอกครับ พี่เขาเฝ้าผมแทนครับแม่//
//งั้นพรุ่งนี้แม่ไปหาและจะทำของโปรดไปให้เราแล้วกัน //
//จริงน่ะแม่ ผมอยากกินต้มข่าไก่อ่ะแม่//
//พรุ่งนี้ต้มไปให้ อ้อนได้นี้แปลว่าหายแล้วจริงๆ //แม่พูด
//แค่นี้แล้วกันน่ะ เราจะได้พักและหายแล้วไปไหว้พระด้วย จะได้หมดเคราะห์ // แม่บอกผม ผมพยักหน้าอยู่คนเดียว
//แม่รักลูกน่ะ ถ้าพ่อยังอยู่เขาคงปกป้องลูกได้ดีกว่าแม่//
//แม่ ผมเข้มแข็งได้ก็เพราะว่าแม่คือแบบอย่าง แม่เข้มแข็งกว่าผมอีก แม่เป็นได้ทั้งพ่อและแม่ให้ผมเลย แม่เก่งที่สุดแล้ว เก่งกว่าผมอีก” ผมพูดไปด้วยปาดน้ำตาไปด้วย
//แม่ผมจะหางานทำใหม่ และผมจะเลี้ยงแม่เลี้ยงน้องแทนนะครับแม่ ผมสัญญา // ผมพูดกับคนปลายสาย ก่อนจะหันมามองพี่ไปส์เขายืนมองผมอยู่ ผมรีบหันหนีปาดน้ำตาทิ้ง
// รอให้หายก่อนเถอะ แค่นี้น่ะ นอนได้แล้วล่ะ ฝันดีน่ะลูก//แม่บอกผม ผมก็หันมามองพี่ไปส์

“ขี้แยอีกแล้ว “พี่ไปส์พูด พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่โป้งปาดน้ำตาของผม ผมหันมาก่อนจะประกบจูบพี่ไปส์ เมื่อสักครู่มีคนมาขัดแต่รอบนี้คงไม่มีแล้วแหละ ผมกับพี่ไปส์จูบกันไม่รู้นานแค่ไหนแต่เล่นเอาผมแอบจะขาดอากาศหายใจตาย แต่แปลกน่ะ มันทำให้ผมเคลิ้มจนไม่อยากถอนปากออก ต่อให้ต้องตายคาอกคนนี้ก็ยอมมั้ง

*****

    ขอโทษทีนะคะ ที่หายไป เห็นเงียบเลยคิดว่าไม่ค่อยมีคนอ่านและคนแต่งกำลังรีไรท์ตอนเก่าด้วยค่ะ แก้คำผิดนะคะ แต่จะมาลงให้ต่อน่ะ ช่วงนี้โควิด19 ระบาดเยอะ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ 

สปอยด์ตอนหน้าพี่ไปส์กับเป็กซ์เขาเคยเจอกันมาก่อน มิหน้าล่ะ พี่ไปส์ถึงได้รู้สึกชอบคนมีฟันกระต่าย
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 04-05-2021 08:26:19
 :hao5: :angry2:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-05-2021 23:27:26
 :z13:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.1 (พี่ไปส์Xเป็กซ)กว่าจะเข้าใจ P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: johnsonti ที่ 27-05-2021 21:36:39
หายนะคะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่ายP1
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 31-05-2021 11:55:41
EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่ายP1

Part’ s ไปส์ ผมกลับไปห้องเพื่อไปเปลี่ยนชุดและไปเอาเสื้อผ้าให้เป็กซ์ หมอบอกว่าน่าจะออกได้ตอนบ่ายๆ ผมก็ขับรถกลับมา ผมบอกแม่ว่า ว่าที่ลูกสะใภ้มีเรื่องเลยต้องนอนโรงพยาบาล เห็นเป็กซ์บอกว่าว่าที่แม่ยายผมก็จะมาอีก เลยต้องแต่งตัวให้ดูสภาพ แม่ยายจะได้วางใจ ฝากชีวิตลูกเขากับผมได้

“พี่ไปส์ ซื้ออะไรมาอ่ะครับ” เป็กซ์ถามผม ตอนนี้เขาไม่ต้องมีสายน้ำเกลือและยาฆ่าเชื้อแล้วและอาจจะได้กลับบ้านวันนี้ด้วย

“น้ำเต้าหู้ไง เห็นเราชอบกินไม่ใช่เหรอ” ผมถามคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้พร้อมกับเทใส่ถ้วยให้หนุ่มน้อยที่นั่งมองผมตาแป๋ว

“หมอลงตรวจหรือยังครับตอนที่พี่ไม่อยู่” ผมถามเป็กซ์

“ยังครับแต่พี่พยาบาลเขาเข้ามาเจาะเลือดผมเพื่อส่งตรวจให้ก่อนแล้วครับ” เป็กซ์บอกผม

“พี่ไปส์ พี่ไม่รังเกียจผมเหรอ ที่ผมเคยผ่านคนไม่ดีมาก่อน” ผมหันมามองคนที่ถามผม เขาหลุบตามองพื้น

“ก็แค่ผ่านไม่ใช่เหรอ พี่เองก็เคยผ่านคนไม่ดีมา คนเราทุกคนแหละครับก็ต้องเคยผ่านวันเวลาที่แย่ๆ เพื่อมาเจอวันที่ดีดีหลังจากที่เราได้ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปแล้ว ไม่มีใครจะอยู่วันที่แย่ๆ ไปตลอดหรอกครับ” ผมเดินมาจับมือเป็กซ์ มากุมเอาไว้

“ผมเชื่อแล้วว่าผมไม่ได้อยู่กับวันที่แย่ที่สุดไปตลอด เพราะว่าวันนี้ผมได้ก้าวข้ามวันแย่ๆ นั้นออกมาแล้วและผมได้เจอพี่แล้วไงครับ นี้แหละคือวันดีดีของผม” มุมปากผมกะตุ๊กขึ้นเป็นรอยิ้มทันที

“ฟ้อด!” ผมหอมแก้มเป็กซ์ ผมใช้ฝ่ามือลูบประคองใบหน้าเป็กซ์เอาไว้ เขายิ้มให้ผม ดูรอยยิ้มนี้ดีกว่าทุกครั้งแสดงว่าเขาเข้มแข็งพอแล้ว

“ต่อไปห้ามดื้อกับพี่ด้วยนะครับ กระต่ายน้อยของพี่” ผมพูดคนที่ผมชมว่าเขาเป็นกระต่ายน้อยของผม เขารีบหุบยิ้มทันที

“อ้าวทำไมล่ะ “ผมถามเป็กซ์ก่อนจะดันโต๊ะสอดเข้าไป เป็กซ์จะได้ดื่มน้ำเต้าหู้ที่ผมแวะไปซื้อมาให้ ผมไม่ลืมฉีกปาท่องโก๋ให้ เพราะว่าเป็กซ์เขาชอบทาน และเขาก็ชอบทำให้ผมเช่นกัน

“ก็ผมไม่ชอบฟันกระต่ายของผม ผมเคยขอเงินแม่ไปเอาออกและใส่ฟันที่ไม่ใช่ฟันกระต่าย ตอนเด็กๆ เพื่อนชอบล้อผม แอบนั่งร้องไห้ด้วยน่ะ เขาล้อว่าผมชอบกินแครอทและนั้นมันทำให้ผมไม่เคยกินแครอทต่อหน้าเพื่อนเลย” เป็กซ์พูด

“แต่พี่ชอบ ห้ามไปเอาออกเด็ดขาด เอาออกนี่เคืองเลยนะ เพราะว่าพี่ชอบหนุ่มฟันกระต่าย มันทำให้พี่ใจสั่น” ผมพูดกับเป็กซ์ ผมจับมือนั่นมาไว้ที่อกผม ใส่ผมสั่นจริงๆ แค่เขายิ้มให้เท่านั้น เป็กซ์คงสัมผัสได้ เขาเงยหน้ามองผม ก่อนจะพยักหน้าหงึก ๆ เหมือนเด็กน้อย

“วันนี้ว่าที่แม่ยายพี่จะมาหาลูกชายเขาตอนกี่โมงครับ” ผมถามเป็กซ์

“ผมบอกแม่ว่าเขาให้เยี่ยมได้ตอนสิบเอ็ดโมงนะครับ “เป็กซ์บอกผม

“พี่ไปหาเสื้อผ้าที่ดูสุภาพมาใส่ เป็กซ์คิดว่าแบบนี้โอเคไหม พี่กลัวแม่ของเป็กซ์จะดูว่าพี่เป็นผู้ใหญ่ไม่พอที่จะดูแลลูกเขา” ผมพูด ผมสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อนสวมกางเกงสแลค ซึ่งปกติผมไม่ค่อยชอบสวมกางเกงสแลคเท่าไหร่ถ้าไม่ใช่งานสำคัญจริงๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกางเกงยีนมากกว่าผมขาลุยและออกแนวแร็ปเปอร์มากกว่าเวลาไปเที่ยว

“พี่ไปส์ แม่ผมนะไม่ใช่คนที่มองคนแค่การแต่งกายและแม่ผมเขารักผม ดังนั้นแม่ผมจะรักคนที่ผมรักแน่นอน” เป็กซ์พูด มันทำให้ผมสะบัดหน้าไปมองคนที่พูด เขารีบก้มลงกินน้ำเต้าหู้ทันที ผมนี่รีบก้มลงมองหน้าเขา

“รักพี่แล้วเหรอ” ผมถามเป็กซ์ ผมพยายามมองแววตาคู่นั้นแต่เขาพยายามหันหนีผมแถมยังกลบเกลื่อนด้วยการกินน้ำเต้าหู้แทน ผมก็พยายามดึงเอาไว้

“จะกิน!!” คนที่เขินทำท่ารีบกินใหญ่เลย ดูซิก้มหน้าก้มตาตักใหญ่เลย เขินแน่ๆ

“บอกพี่ก่อนซิ เป็กซ์รักพี่แล้วใช่ไหมครับ” ผมถามเป็กซ์ เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม

“จะไม่รักได้ไง เล่นไปช่วยผมขนาดนั้น ใจผมไม่แข็งพอนี่ครับ” เป็กซ์หันมาพูดกับผม ผมก็ยิ้มจนแก้มปริเลย แต่จังหวะนั้นประตูห้องพักเป็กซ์ก็เปิดออกและคนที่เข้ามาคือเฮียภีม หรือหมอภีมปภพ แต่ว่ามากับม๊าผม

“ม๊า!!!” ผมหันเรียกม๊า ด้วยอาการตกใจ

“เจอจนได้เจ้าลูกตัวดี “ม๊าผมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองตามหมอภีมปภพหลานชายม๊าผมเอง

“งั้นผมไปก่อนนะครับอี๊ ผมมีคนไข้นะครับ คุยกันตามสบายเลยนะครับ “เฮียภีมบอกกับม๊าผม ก่อนที่เฮียจะหันมาโบกมือให้ผม ม๊าเดินเข้ามาในห้องคนไข้

“เป็กซ์นี้ม๊าของพี่ครับ” ผมแนะนำ เป็กซ์ให้รู้จักม๊าของผม เป็กซ์ยกมือไหว้ม๊า ม๊าเดินมามองเป็กซ์ก่อนจะหันมามองหน้าผม ม๊าส่งกระเช้าผลไม้ให้ผมรับไป “ปึก!” ม๊ายิ้มให้ผมขณะที่ส่งกระเช้าผลไม้ที่มาเยี่ยมลูกสะใภ้แต่แอบวางแรงไปนะม๊านะ

“คนนี้แฟนเราใช่ไหมไปส์” ม๊าถามผม ผมพยักหน้า

“หน้าหน้าตาน่ารักดีน่ะ แล้วนี่เป็นอะไรไปล่ะ ไม่สบายเหรอ” ม๊าถามเป็กซ์ ผมหันมามองหน้าม๊าก่อนจะดึงแขนมาออกมานิดนึง ม๊าก็มองหน้าผม

“ม๊า ผมบอกตรงๆ น่ะ น้องเขาโดนทำร้ายมา ผมไม่อยากให้ม๊าถามน้องเยอะ คือมันสะเทือนจิตใจลูกสะใภ้ของม๊า เรื่องมันไม่ดีอ่ะ แต่ไม่ใช่น้องเขาไม่ดีน่ะ แต่ดันซวยไปเจอคนไม่ดี” ผมกระซิบพูดกับม๊า พร้อมกับชะเง้อคอมองเป็กซ์ก่อนจะฉีกยิ้มให้ว่าไม่มีอะไร พี่เอาอยู่ เป็กซ์ก็ชะโงกคอมองผมอยู่บนเตียงคนไข้ คิ้วนี้ขมวดกันเป็นปมเชียว

“นะม๊านะ ผมขอ” ผมพูดอ้อนกับม๊าของผม ม๊ามองหน้า “เฮ้อ!! เบื่อลูกอ้อนเราจริงๆ” ม๊าพูดก่อนจะพยักหน้า

“แล้วม๊าว่าอะไรเขาหรือยังล่ะ และถ้าน้องเขาเคยเจอคนไม่ดีมา เราก็อย่าไปทำให้น้องเขาเจอแบบนั้นอีกล่ะ ถ้าเขาเลือกมาเป็นแฟนเราแล้ว เพราะทุกคนไม่อยากเจอกลับไปซ้ำทางเดิมกันทั้งนั้นแหละ “ม๊าบอกผม ผมพยักหน้ากับม๊า และม๊าก็เดินกลับไปหาเป็กซ์

“เป็นไงลูก ดีขึ้นหรือยัง” ม๊าถามเป็กซ์

“ดีขึ้นแล้วครับ คุณ…”

“เรียกม๊าหมือนพี่ไปส์ก็ได้ลูก เพราะว่าเขาบอกม๊าแล้วว่าเราเป็นแฟนเขา” ม๊าพูดก่อนจะหันมามองผม

“ครับม๊า” เป็กซ์พูด

“พอดีม๊าแวะมาหาอี๊เรานะ เลยแวะมาดูเราด้วย เห็นหายหัวไปตั้งแต่เมื่องาน นึกว่างอนอะไรป๊าหนักหนาไม่ยอมกลับบ้าน “ม๊าพูดก่อนจะหันมามองผม

“งั้นม๊ากลับก่อนล่ะ มีอะไรก็โทรหาม๊าแล้วกันน่ะไปส์”

“เราก็พักผ่อนเยอะๆ “ม๊าบอกว่าที่ลูกสะใภ้

“ครับม๊า ขอบคุณนะครับ” เป็กซ์ยกมือไหว้ม๊าผม “ผมคงดูแลน้องเขาก่อนนะครับม๊า “ผมหันมาอ้อนม๊าผม

“พาน้องไปทานข้าวบ้านด้วยล่ะ ยังไงก็ต้องให้ป๊าเขารู้จัก รู้ไหมไปส์ “ม๊าบอกผมก่อนจะหันมาแตะแขนเป็กซ์ "ม๊าไปก่อนนะลูก"ม๊าหันมาบอกเป็กซ์รอยยิ้มของม๊าคงทำให้เป็กซ์คลายกังวลลง เขายิ้มตอบม๊าผม ม๊าเดินออกไปจากห้อง ผมก็หันมาแกะผลไม้จากกระเช้าที่ม๊าเลือกซื้อมาให้ลูกสะใภ้ ดูแล้วแสดงว่าม๊าตั้งใจซื้อมาให้ตั้งแต่ออกมาจากบ้านแล้วไม่ได้มาเลือกที่นี้ ผลไม้พวกนี้คัดมาอย่างดีจากร้านขายผลไม้ที่ตรงเยาวราช เป็นผลไม้นำเข้าทั้งนั้น ผมเลือกออกมาและนำไปล้างน้ำซะก่อนที่จะเอามาปอกเปลือกให้เป็กซ์ทาน

แต่จังหวะนั้นประตูห้องพักของเป็กซ์ถูกเปิดออกอีกครั้ง ผมหันไปเห็นผู้หญิงดูแล้วน่าจะวัยเดียวกับแม่ของผมเขาเข้ามาพร้อมกับน้องผู้หญิงอีกคน เค้าหน้าไม่เหมือนเป็กซ์เลย มีส่วนคล้ายที่น้อยมาก ผมยอมรับว่าเป็กซ์ดูดีกว่า น้องเขาก็หน้าตาน่ารักแต่ไม่ถึงขั้นสวย น้องเขาเข้ามาในห้องด้วยหน้าตาที่บอกได้ว่าไม่ค่อยอยากจะมาเท่าไหร่ ผมแปลกใจเพราะคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นี้เป็นพี่ชายน้องไม่ใช่เหรอ

“แม่” เป็กซ์เรียกแม่ของเขา แม่ของเป็กซ์ตรงไปกอดเป็กซ์ทันที จังหวะที่น้องผู้หญิงคนนั้นหันมาเจอผม เขาก็มองผมก่อนจะยิ้มเอียงอายมาให้ผม และเดินไปหาเป็กซ์แต่ตายังมองผมอยู่ ผมก็ยิ้มเจื่อนๆ ไปให้แทน

“แม่ครับ นี้พี่ไปส์ครับ” เป็กซ์แนะนำผม

“สวัสดีครับ คุณแม่” ผมยกมือไหว้

“แป้ง นี่พี่ไปส์ ไหว้พี่ไปส์ซิ” เป็กซ์บอกน้องสาวเขา

“สวัสดีค่ะพี่ไปส์ หนูชื่อแป้งค่ะ “น้องเขาพูดก่อนจะยิ้มให้ผม ผมดูออกรอยยิ้มนี้ไม่ใช่ยิ้มใส่ๆ วัยแรกแย้มดูท่าน้องเขาจะไม่เบาเหมือนกัน ผมก็เป็นนักท่องราตรี ผ่านมาเยอะแต่เลือกครับ ส่วนผมก็ยิ้มตอบแบบงงๆ และเขาก็หันมามองผมตลอด จนผมเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย ขยับเข้าไปหาภรรยาดีกว่า แม่ของเป็กซ์เอามือลูบหัวเป็กซ์อย่างเอ็นดู ก่อนจะหันมาเห็นลูกสาวที่ยืนมองผมอยู่ ขยับหนีออกมาแล้วเขาก็ยังหันตามมามองผมอยู่ดี

“แป้ง ไปซื้อนมไว้ให้พี่เป็กซ์เขาหน่อยซิ “แม่ของเป็กซ์หันมาบอกน้องแป้ง น้องเขาก็ชักสีหน้าไม่พอใจขึ้นมาทันที

“ไม่เป็นไรแม่ ผมจะกลับบ้านแล้ว” เป็กซ์รีบบอกแม่ของเขาทันที

“ไปซิแป้ง “แม่เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับเธอ

“ก็พี่เป็กซ์เขาบอกไม่เป็นไรไงแม่” แป้งหันไปเถียงแม่ทันที เธอคงลืมตัวเลยหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย

“พี่เป็กซ์บอกไม่เป็นไร ไม่ต้องไปซื้อหรอก นะแม่” แป้งพูดแต่ตาเธอยังมองมาที่ผม ผมแอบคิดในใจ ทำไมน้องไม่มองหน้าคนที่คุยกับน้องเขา คนที่คุยนะแม่น้องไม่ใช่พี่ ผมยิ้มเจือนๆ ไปให้แทน

“ไปซื้อมาแป้ง!!” แม่ของเป็กซ์หันมาบอกลูกสาวก่อนจะส่งเงินให้แป้ง เขาก็รับเงินมาจากแม่ ก่อนจะหันมามองหน้าผม

“พี่ไปส์ไปเป็นเพื่อนแป้งได้ไหมคะ แป้งไปไม่ถูกค่ะว่าร้านค้าไปทางไหน” เธอหันทำตาเล็กตาน้อยใส่ผมเชิงว่าอ้อนวอนให้ผมไปเป็นเพื่อนเธอหน่อย ผมหันมาเหล่ตามองเป็กซ์ ผมว่าใครก็น่าจะเดาออกนะว่าผมมาดูแลพี่เชายเขาขนาดนี้ น่าจะดูออกว่าผมกับพี่ชายของเขาเป็นอะไรกัน หันมาส่งสายตาเชื้อเชิญด้วย ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นกางเกงขาสั้นที่สั้นมาก เสื้อเอวลอยจนเห็นสะดือ น้องเขาเจาะสะดือซะด้วย

“เออ คือ พี่ ต้องดูแลเป็กซ์นะครับ “ผมจะพูดเชิงปฏิเสธ

“ปึก” แต่จู่ๆ ก็มีคนเปิดประตูเข้ามา ม๊าผมเอง มาเดินเข้ามาพอดีเลย

“ไปส์ม๊าลืมไป ม๊าจะถามว่า….” ม๊าเอ่ยปากถามผมทันที ผมก็หันไปมองม๊าผมด้วยความดีใจ ม๊ามาช่วยทัน

“แป้งไปซื้อนมมาก่อนนะ พี่ไปส์เขาไปด้วยไม่ได้แป้งและร้านค้าก็ที่เราเพิ่งจะเดินผ่านมาก่อนจะขึ้นลิฟต์ไง เราน่าจะจำได้นะแป้ง” แม่ของเป็กซ์หันมาบอกน้องเขาอีกที น้องเขาเดินสะบัดสะบิ้งออกไปทันทีเพราะว่าผมไปด้วยไม่ได้ ผมหันมามองม๊าผม

“สวัสดีค่ะ แม่ของเป็กซ์ใช่ไหมคะ” ม๊าผมถามก่อนจะเพ้งมองมาที่แม่ของเป็กซ์ แม่ของเป็กซ์ก็ค่อยๆ หันมามองหน้าม๊าของผมแบบเต็มๆ ม๊าถึงกับผงะเล็กน้อย

“ใช่แม่ปิ่นหรือเปล่า นั้นน่ะ” ม๊าผมถามแม่ของเป็กซ์

มีต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่าย P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 31-05-2021 11:59:12
EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่าย P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4057492#msg4057492)

EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่ายP2

“ฉันหงส์หยกไง ที่เราเคยอยู่บ้านใกล้กันจำได้ไหม แต่ฉันจำแม่ปิ่นได้น่ะ” ม๊าผมพูดแม่ของเป็กซ์หันมามองม๊าผมแบบเต็มๆ

“อาหงส์หยก ภรรยาพี่เป้าใช่ไหมคะ” แม่ของเป็กซ์ถามม๊าผม รู้จักชื่อม๊าผมด้วย

“ตายแล้วไม่เจอกันนานเลย ผอมไปนะ แม่ปิ่น ผมอไปเยอะเลย” ม๊าผมรู้จักกับแม่ของเป็กซ์มาก่อนเหรอ ผมกับเป็กซ์มองทั้งสองคนที่ทำเหมือนเพื่อนเก่าแกมาเจอกัน

“ม๊า” ผมเรียกม๊าผม

“ปิ่น นี่ไง เจ้าเป็กซ์น่ะ ลูกชายคนโตฉันไง” ม๊าผมบอกแม่ของเป็กซ์ แม่เขาหันมามองผม

“ตายแล้ว โตเป็นหนุ่มหล่อเหมือนเฮียเป้าไม่มีผิดเพี้ยนเลย ตอนแรกฉันก็ว่าหน้าคุ้นๆ แถมยิ่งโตมาก็ยิ่งหล่อนะลูกชายหยกน่ะ” แม่ยายชมครับ เขินซิครับรออะไรแต่ลูกชายแม่เหลือกตาทำไมครับ อิจฉาเหรอครับ

“แล้วนี่เจ้าเป็กซ์ใช่ไหม ตายแล้วตอนนั้นเพิ่งจะสองขวบเองนะปิ่น ดูซิหน้าเหมือนพี่วันชัยเหมือนกันนะแต่เขาได้เคล้าโครงหน้าของปิ่นมากกว่า” ม๊าผมหันไปชมเป็กซ์ม๊ารู้จักพ่อตาผมด้วยเหรอม๊า

“ม๊าครับ ม๊ารู้จักกับแม่ของเป็กซ์มาก่อนเหรอครับ” ผมถามม๊าผม

“อ้าวไปส์ นี้น้าปิ่นคนที่เคยอยู่ข้างบ้านเราไง บ้านเก่านะ ก่อนที่เราจะย้ายมาปลูกที่อากงให้ไงลูก และเมื่อก่อนนะเรานะชอบไปกินขนมครก น้าเขาขายขนมครกที่หน้าบ้าน เรานะต้องซื้อทุกวันและยังไปเล่นกับน้องเขาอยู่เลยแต่น้องเขาแค่สองขวบ ส่วนเราน่าจะห้าขวบเอง “ม๊าบอกผม

“แล้วนี่พี่วันชัยล่ะ”

“พี่วันชัยเสียไปหลังจากที่ย้ายไปประจำการที่สน ใหม่ พี่วันชัยโดนคนร้ายยิงเสียชีวิต ตอนนั้นเจ้าเป็กซ์เพิ่งจะห้าขวบเอง “แม่ของเป็กซ์พูด พ่อเป็กซ์เขาเป็นตำรวจเหรอ ตอนแรกผมคิดว่าทำงานบริษัทหรือเปล่า เห็นเขาพูดว่าพ่อเขาทำงานหนักจนเกิดอุบัติเหตุ

“โธ่เอ๋ย! ลำบากแย่เลยแม่ปิ่น “ม๊าผมพูด

“เมื่อกี้ลูกสาวเหรอปิ่น”

“เป็นลูกสาวกับแฟนใหม่นะ ส่วนแฟนใหม่เขาไปทำงานที่ต่างประเทศตอนนี้ “แม่ของเป็กซ์พูด

“ดีใจที่ได้เจออีกครั้ง หลังจากที่ย้ายไปก็ไม่ได้เจอเลย และฉันก็ย้ายมาปลูกบ้านที่ที่ดินจองอากงเจ้าไปส์ หลังจากแม่ปิ่นย้ายไม่กี่เดือน” ม๊าพูดก่อนจะนั่งลง

“เมื่อก่อนน้องเขาชอบมาเกาะรั้วบ้านเรา ชอบมาเรียกเราทุกวัน ตอนนั้นน้องเขากำลังหัดพูด เรียกชื่อเรา ไป ไป ไงล่ะ “ม๊าบอกผม ผมนี่จำไม่ได้เลย

“แต่เราซิ เดินมาบอกม๊าว่าน้องชอบไล่ ไป ไป แต่จริงๆ น้องเพิ่งหัดพูดเลยเรียกชื่อเราไม่ชัด” ผมหันไปมองคนที่นั่งก้มหน้าด้วยความเขิน

“เรานี้ชอบไปสอนน้องพยายามให้น้องเรียกชื่อเราให้ถูกๆ แต่เรานะชอบเรียกน้องว่ากระต่ายเพราะว่าฟันหน้าเขาเหมือนฟันกระต่าย” ม๊าพูด ผมพยักหน้าถึงบางอ้อเลย ถึงได้ว่าผมเอาภาพฟันกระต่ายมาจากใคร ผมนั่งลงด้วยสีหน้าตกใจและแปลกใจ แต่มันแปลกใจในทางดีใจยังไงก็ไม่รู้

“น้าปิ่นเขาก็อาสาดูเราตอนแม่ไปคลอดเป้ย อาม่าอากงเรานะเขาไปเที่ยวกับทัวร์จีนกันหมด ม๊าท้องแก่เลยไปไม่ได้และก็ยังไม่ครบกำหนดคลอดด้วยพวกเขาเลยไปเที่ยวกันก่อนแต่ที่ไหนได้เจ็บท้องคลอดน้องสาวเราก่อนกำหนด เลยต้องลำบากฝากน้าปิ่นดูเราแทนตั้งหลายวัน” ม๊าบอกผม

“เรื่องเล็กน้อยนะ อาหยก” แม่ของเป็กซ์พูด

“นี่เราเคยเจอกันมก่อนเหรอเป็กซ์” ผมถามเป็กซ์ เขาทำสีหน้าตกใจจนพูดไม่ออก

“แน่ล่ะน้องเพิ่งจะสองขวบเองจะจำได้ยังไงล่ะไปส์ แต่ว่าก่อนจะย้ายไปน้องร้องไห้ใหญ่เลย ไม่อยากไป ไม่ยอมขึ้นรถ เราเองก็ยืนร้องไห้ไม่อยากให้น้องไป และตอนนั้นแม่เพิ่งจะคลอดเป้ยได้ไม่กี่วันด้วย”

“แต่ว่าเราอยากได้น้องชายมากกว่า” ม๊าหันมาพูดกับผม

“ก่อนไป เรายังเอาตัวการ์ตูนที่เราชอบสะสมมา เราให้น้องไปตัวหนึ่งตัวนั่นแหละน้องถึงได้ยอมขึ้นรถไป” ม๊าเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้น มันทำให้ผมคิดตาม ตัวการ์ตูนที่ผมชอบสะสมในตอนนั้นก็มีแค่

“คาเมนไรเดอร์ วี3” ผมหันมาชี้และเป็กซ์เขาตอบพร้อมกันกับผม ทั้งที่ผมไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังเลย

“ใช่ครับ ผมมีสะสมเกือบครบชุดแต่ตัวนี้หายไปหนึ่งตัว ผมเคยถามม๊า ม๊าบอกผใว่าให้น้องไป ผมก็จำชื่อน้องคนนั้นไม่ได้ “ผมพูดก่อนจะหันไปชำเลืองตามองคนที่นั่งหลุบตาลง มิน่าล่ะผมถึงได้สะดุดฟันน้องเขาตั้งแต่วันนั้นแหละแต่อยากแกล้งเลยยื่นขาไปสกัดไว้ สุดท้ายโดนด่ากลับมาไง

“พี่ตามหาอยู่ เอามาคืนพี่เลย” ผมหันทวงคืนทันที มันขาดตัวนี้ตัวเดียวเลย ผมเป็นคนชอบสระสมของเล่นเก่าๆ ของตัวเองและรักมากด้วย

“ให้แล้วให้เลยดิ” เป็กซ์พูด

“ไม่ครบชุดน่ะ มีคนมาขอซื้อต่อด้วย แต่หายไปหนึ่งตัว เอาคืนมาก่อน” ผมบอกคนเป็กซ์

“ของมันคุณค่าทางใจจะไปขายได้ไง” เป็กซ์พูดแบบนี้ไม่กล้าทวงคืนเลยผม

“เมื่อก่อนเขาต้องติดตัวตลอด เคยไปทำหายที่โรงเรียน ร้องไห้อยู่เกือบอาทิตย์ จนสุดท้ายเพื่อนที่เอาไปนะเขาเอามาเล่น เป็กซ์เขาเห็นเขาจำได้ เป็กซ์ขอคืนแต่เพื่อนไม่ให้ เป็กซ์ก็ไม่ยอมเลยไปต่อยกับเพื่อน ตาเขียวตาปูน เอาตัวนี้แหละกลับมาและไม่เคยกล้าเอาไปโรงเรียนอีกเลยกลัวหาย” ผมหันมามองคนที่ก้มหน้าลง ผมทำตาโต ขนาดนั้นเลยเหรอ

“ซื้อใหม่ก็ได้มั้ง ไม่ต้องลงทุนไปต่อยกับเขาขนาดนั้น ตัวก็เล็กนิดเดียว” ผมพูด ผมเดาว่าเขาเป็นคนตัวเล็กมาตั้งแต่เด็กแน่ๆ

“ไม่ได้ มันไม่เหมือนกัน” คนที่นั่งตอบผมช้อนตาขึ้นมามองผม

“แล้วนี่แม่ปิ่น เป็นไงบ้าง” ม๊าผมถามผมหันมานั่งลงข้างๆ เป็กซ์ ม๊ากับแม่ของเป็กซ์เขาคุยกัน ผมก็กุมมือคนนี้ไว้ น้องฟันกระต่ายของผมนี้เอง

“ไม่อยากเชื่อเลย กี่ปีแล้วเนี่ย ที่ไม่ได้เจอกัน “ผมถามเป็กซ์และทำท่านึก “ถ้าตอนนั้นสองขวบ แล้วตอนนี้ เท่าไหร่แล้วน่ะ สามสิบแล้วเหรอ” ผมถามเป็กซ์ก่อนจะรีบชิ่งตอบแกล้งคนที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ ได้ผลเขาสะบัดหน้ามามองผมสองทีติด

“เพียะ!!” เป็กซ์ตีแขนผม “โอ๊ย! เป็กซ์” ผมร้องประมาณว่าเจ็บมาก เป็กซ์หน้าเสียไปนิดนึงทันที ม๊าและแม่ของเป็กซ์หันมามองผม

“อ้าวเป็กซ์ไปตีพี่เขาทำไม เรานี่น่ะ” แม่ของเป็กซ์อันหาเอ็ดเป็กซ์

“ผมเพิ่งจะยี่สิบเอ็ดย่างยี่สิบสอง แม้ถ้าผมสามสิบพี่ก็คงมากกว่าผมหลายปีอ่ะเพราะว่าพี่แก่กว่าผมน่ะ” เป็กซ์หันพูดแอบงอนด้วย

“สิบเก้าปี สิบเก้าปีเลยนะ น้องฟันกระต่าย”

“ไม่ต้องมาเรียกแบบนี้เลยน่ะ ห้ามน่ะเรียกต่อหน้าเพื่อนด้วย ไม่เอาน่ะ “เป็กซ์พูดและน้องสาวเป็กซ์เดินเข้ามาในห้อง เขาก็เอากล่องนมมาวางไว้ เขามองหน้าผม ก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ ผม

“พี่เป็กซ์หายหรือยังคะ” น้องเขาถามเป็กซ์แต่มองหน้าผม

“หายแล้วแป้ง จะกลับบ้านแล้ว” เป็กซ์ตอบแป้ง เธอนั่งเอาแขนเท้าค้างพร้อมกับหันมามองหน้าผม

“งั้นก็กลับไปอยู่บ้านเราใช่ไหมคะ” เธอถามเป็กซ์แต่ตาเธอกับจ้องมองมาผมที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับเป็กซ์แต่ว่ามันตรงข้ามกับเธอ

“แล้วพี่ละคะ จะไปหาพี่เป็กซ์ที่บ้านไหมคะ” คราวนี้น้องเขาถามผม

“เป็กซ์พี่อยากให้เราอยู่กับพี่ก่อน” ผมหันมาบอกเป็กซ์แทนผมจับมือเป็กซ์มากุม น้องเขามองตามมือของผมทันที

“ทำไมล่ะคะ แต่จะว่าไป แป้งไปอยู่ด้วยได้ไหมคะ” เธอรีบเอ่ยปากถาม แป้งมองทั้งผมและเป็กซ์สลับกันไปมา

“ไม่ได้แป้งเราเป็นผู้หญิง” เป็กซ์ห้ามน้องสาวทันที

“ที่พี่ยังไปอยู่ได้เลย แป้งก็อยากไป ทำไมละคะ หรือว่าพี่สองคน…” น้องเขามองหน้าผมกับเป็กซ์สลับกัน

“ใช่ครับ พี่กับเป็กซ์เป็นแฟนกันครับ” ผมชิ่งพูดทันที เป็กซ์หันมามองหน้าผมและเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ผมเองก็พอจะมองเธอออกถึงจุดประสงค์ของเธอ และยิ่งไม่ใช่พ่อเดียวกันด้วย ดูแล้วเธอไม่เกรงใจเป็กซ์เลยสักนิดทั้งที่เขาเป็นพี่ชายเธอแท้ๆ

“เราต้องดูแลแม่นะแป้ง” เป็กซ์พูด

“แล้วพี่ไม่ต้องดูแลแม่เหรอ พี่เป็กซ์!” แป้งพูดก่อนจะลุกไปทันที ผมก็หันมามองเป็กซ์ เขาชักสีหน้ารู้สึกผิดทันที

“มีอะไรให้ฉันช่วยบอกได้เลยนะแม่ปิ่น เราเคยเป็นเพื่อนบ้านกันมาก่อน เมื่อก่อนตอนฉันไปคลอดน้องเป้ย แม่ปิ่นยังอาสาดูแลไปส์แทนฉันเลย มีอะไรขอให้บอก ฉันเต็มใจช่วยเต็มที่ “ม๊าพูด

“แค่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งก็ถือว่ามีวาสนาต่อกันแล้วหยก” แม่ของเป็กซ์พูด

“ไปส์ม๊าไปก่อนนะ ดูน้องดีดีล่ะ แม้โลกกลมจริงๆ “ม๊าพูดก่อนจะหันมารับไหว้น้องสาวของเป็กซ์

“ลูกสาวน่ารักนะ หนูเรียนชั้นไหนแล้วลูก” ม๊าผมหันมาถามแป้งที่ยืนอยู่ข้างๆ แม่ของเธอ

“จะมาเข้าม.4 ที่นี้น่ะหยก” แม่ปิ่นตอบแทน

“อ้าวเหรอ! หาโรงเรียนได้หรือยังล่ะ “ม๊าผมถามต่อ

“กำลังหาอยู่ ว่าจะดูใกล้ๆ “แม่ของเป็กซ์ตอบ

“หนูไม่ค่อยคุ้นเคยกับกรุงเทพนะคะ อยากให้พี่ไปส์แนะนำแป้งหน่อยได้ไหมคะ” เธอพูดก่อนจะหันมาช้อนตามองผม ดูแล้วผมว่าเธอน่าจะรู้อะไรเกินวัยไปเยอะซะด้วยซ้ำ

“ไปส์ ก็ช่วยน้องเขาแนะนำหน่อยน่ะ” ม๊าบอกผม ผมก็หันกลับไปมองม๊า ผมขยิบตาพร้อมกับสั่นหัวไปมาเล็กน้อยแต่ม๊ามองผมแบบไม่เข้าใจขึ้นมาอีกผมคงต้องไปคุยกับม๊าหลังไมล์

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะหยก ให้แป้งเขาเรียนโรงเรียนใกล้ๆ บ้านดีกว่า พ่อเขาไม่อยากให้ไปไกล เขาเป็นห่วงและโรงเรียนนี้เดินไปก็ได้ ไม่ต้องนั่งรถด้วย” แม่ของเป็กซ์รีบหันไปบอกแม่ผม

“อ้อ! งั้นก็ดีน่ะ จะได้ปลอดภัย งั้นฉันไปแล้วนะปิ่น โทรหาฉันบ้างล่ะ “ม๊าเดินออกไปจากห้อง แม่ของเป็กซ์เดินมาหาเป็กซ์ ก่อนจะมองผม

“เป็นไง จำพี่เขาไม่ได้ละซิ”

“จำอะไรคะแม่” แป้งถามขึ้นทันที

“พี่ไปส์เขาเคยอยู่ข้างบ้านแม่มาก่อนนะ เขาเคยเป็นลูกค้าขนมครกแม่นะ แถมตอนนั้น เจ้าเป็กซ์ก็ติดพี่เขาน่าดู ชอบเรียกพี่เขาทุกวัน ตอนเย็นก็กลับมาเล่นกันน้องทุกวันเพราะว่าแม่ขายของตอนเย็นด้วยลูกค้าเยอะ และน้องก็ชอบเล่นตัวการ์ตูนของพี่ไปส์เขามากซะด้วย” ผมหันมาฟังเรื่องสมัยเด็กๆ แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้

“คุณแม่ครับ คือผมอยากให้เป็กซ์พักอยู่ที่คอนโดของผมไปก่อนได้ไหมครับ เพราะว่าเรื่องยังไม่เรียบร้อยเลยนะครับ ผมเป็นห่วงเป็กซ์ครับ” ผมหันไปบอกแม่ของเป็กซ์

“ได้ซิ “แม่ของเป็กซ์พูด

“คอนโดพี่อยู่ที่ไหนเหรอคะ เพื่อว่าแป้งจะไปหาพี่เป็กซ์บ้างนะคะ” แป้งหันมาถามผม

“แป้ง ไม่เอาลูกนี่มันเรื่องส่วนตัวพี่เขา” แม่ของเธอสะกิดแขนเธอ

“แต่ควรจะบอกแป้งบ้างไม่ได้เหรอคะ ถ้ามีเรื่องด่วน ติดต่อไปไม่ได้จะไปหายังไงละแม่ หรือว่าแม่ไม่สำคัญกับพี่เป็กซ์แล้วเหรอคะ” แป้งหันมาถามแม่ของเธอ

“ผมกลับไปอยู่บ้านดีกว่าพี่ไปส์” เป็กซ์หันมาบอกผม

“ไม่เอา อยู่กับพี่ก่อน “ผมพูด

“แป้ง!!” แม่ของเป็กซ์หันมาเอ็ดลูกสาว

“ก็ได้ค่ะถ้าไม่อยากบอก ถ้ามีเรื่องด่วนก็ไม่ต้องไปตามก็แค่นั้น จบ!” แป้งพูดก่อนจะลุกเดินออกไปทันที

“ถ้าอย่างนั้นแม่กลับก่อนนะ แม่ต้องไปโรงพยาบาลนะคะ หมอนัดค่ะ แต่แค่ฟังผลเลือด หมอบอกว่าทุกอย่างโอเคแล้ว แต่ควรตรวจดูทุกๆ สามเดือน “แม่ของเป็กซ์พูด

“แม่ฝากน้องด้วยน่ะไปส์ แม่ดีใจนะที่เจอเราอีก “แม่ของเป็กซ์พูดก่อนจะเดินมากอดเป็กซ์ ผมเห็นเป็กซ์แอบร้องไห้ ก่อนจะหันมากอดแม่ของเขา ส่วนน้องสาวนะออกไปยืนรอด้านนอกเลย เขาเป็นน้องสาวแบบไหนของเขาว่ะ แม่ปิ่นเดินออกไปเขายิ้มให้ผม ผมรีบลุกขึ้น ผมพยักหน้ากับเป็กซ์จะขอไปลาแม่ปิ่นซะหน่อย

“สวัสดีครับคุณแม่ มีอะไรโทรหาผมได้เลยนะครับ นี้นามบัตรผมครับ” ผมเดินไปยกมือไหว้แม่ก่อนจะส่งนามบัตรให้แม่ของเป็กซ์เอาไว้

“ส่วนเป็กซ์ผมดูแลให้ครับ คือผมขอโทษนะครับคุณแม่ที่ผม เออ กับน้องเขานะครับ มันอาจจะดูเร็วไปสำหรับคุณแม่”

“แม่เข้าใจค่ะ ขอแค่รักลูกของแม่ก็พอ แม่เชื่อว่าเราสองคนโตพอแล้วสำหรับเรื่องแบบนี้ “แม่ของเป็กซ์บอกผม ผมยกมือไหว้แม่อีกครั้ง ที่ตรงหน้าประตู น้องแป้งหันมาส่งยิ้มให้ผม ผมว่ามันไม่ใช่รอยยิ้มของเด็กวัยมัธยมใสๆ แสดงว่าเจนจัดไม่ใช่เล่นๆ ผมพยักหน้าให้แค่นั้นก่อนจะปิดประตูลง

“อย่าทำนิสัยแบบที่เคยทำแป้งแม่เตือน อย่าให้เหลืออด ไม่อย่างนั้นจะส่งกลับไปอยู่กับย่าเรา”

“ทำไมล่ะ หนูไม่ใช่ลูกแม่เหรอ แม่มีพี่เป็กซ์คนเดียวหรือไง และที่พี่เป็กซ์เรียนจบได้ก็พ่อแป้งไม่ใช่เหรอ แทนที่จะหางานทำเพื่อช่วยบางเบาพ่อของแป้งบ้าง ดันไปมีผัว ภูมิใจเหรอแม่ “ผมได้ยินเสียงเธอเถียงแม่ของเขา ผมหันมามองเป็กซ์ เขาลงมายืนที่เตียง ผมนี่สงสารเขาจริงที่ต้องมาเจอน้องคนล่ะพอทำนิสัยแบบนี้กับเขา

“มีผู้ชายรวย ขอน้องไม่ได้หรือไง!!” ผมถึงกับยืนหน้าชาเลย น้องเขาขอกันแบบนี้เลยเหรอ แต่น้องเขาคิดผิดมากเพราะว่าไปส์ไม่ธรรมดาไง ไม่อย่างนั้นคงไม่รอดมาจนป่านนี้ ผมค่อยๆ ปิดประตูลงเบาๆ

“เป็กซ์ ลงมายืนทำไม” ผมรีบเดินไปหาเป็กซ์ทันที

“ผมก็อยากลงมายืดเส้นยืดสายบ้างซิพี่ไปส์ ให้ผมนอนอยู่ได้ ผมไม่ได้เป็นหง้อยน่ะ “เป็กซ์พูดปนหัวเราะ

“ตกลง มดเอ็กซ์วีสามพี่ยังอยู่ป่ะเนี่ยะ” ผมถาม

“ทำไมอ่ะ จะเอาคืนหรือไง”

“เอาตัวนั้นมาคืนให้พี่ก่อน เดี๋ยวซื้อตัวใหม่ให้” ผมพูด

“ไม่ให้!!!”

“แล้วนั้นจะไปไหน” ผมถามคนที่เดินจะเข้าไปในห้องน้ำ อันที่จริงก็รู้แหละ

“เข้าห้องน้ำไง และอย่าถามนะว่าไปทำอะไรในห้องน้ำน่ะ” คนที่ผมถามเริ่มหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม

“แล้วไปทำอะไรล่ะ”

“กินข้าวมั้ง!!!”

“โฮ้ว! แสดงว่าหายแล้ว มีฤทธิ์ได้แล้วเนี่ยะ คืนนี้ทำหน้าที่เมียให้พี่เลยน่ะ” ผมพูดตามหลังคนเดินเข้าห้องน้ำ คนนี้หันมาแง้มประตูและชูนิ้วกลางให้ผมทันที

“ห๊ะ! จะเอาเท่านิ้วกลาง มันเล็กไปไม่ถึงใจเมียพี่หรอกน่าและของพี่ใหญ่ได้มาตรฐานชายไทย แปดนิ้วครับ”

“แน่นอนต้องใหญ่กว่านิ้วกลางนั้นแน่ะๆ “ผมพูดปนหัวเราะ ผมว่าคนที่เข้าห้องน้ำไปนั้นเขาได้ยินที่ผมพูดแน่นอน ผมเก็บของเพื่อว่าพี่หมอภีมมาสั่งกลับบ้านจะได้พากันกลับเลย จะว่าไปชีวิตของเป็กซ์เขาก็น่าสงสารนะ เสียพ่อตั้งแต่อายุยังน้อย ต่อให้มีพ่อเลี้ยงก็ตามแต่ใครจะรักลูกตัวเองเท่าพ่อแม่จริงๆ นี่ขนาดน้องสาวคนละพ่อแต่แม่เดียวกัน ดูพูดกับเป็กซ์ซิ ไม่น่ารักเอาซะเลย แถมหน้าตาบอกได้เลยว่าห่างจากเป็กซ์มาก แสดงว่าพ่อเขาหน้าตาไม่ค่อยดีเพราะว่าเป็กซ์ดูดีกว่าเยอะ แต่หน้าตาไม่สำคัญกับผมนะ จิตใจนี่แหละสำคัญที่สุด เธอจิตใจแย่แบบนี้ผมก็ไม่เอาล่ะครับ
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่าย P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 01-06-2021 06:26:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.33.2 (พี่ไปส์Xเป็กซ)น้องฟันกระต่าย P1และP2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 01-06-2021 11:03:00
 :-[ :impress2:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-06-2021 20:18:22
EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1

   Part's กันต์ธีร์ ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอมพี่เธียรเลยอยู่บ้านเลี้ยงเจ้าลูกโซ่ทั้งวันได้และวันนี้ผมขอมากับเป็กซ์ ผมอยากจะไปเห็นหน้าอาจารย์เปรมสินี จากที่ไม่ได้เจอเขาเลยตั้งแต่ผมเริ่มจับต้นชนปลายอะไรได้หลายๆ อย่างได้ วันนี้คือวันแรกของการเผชิญหน้ากับศัตรูตัวร้ายของผม เป็นศัตรูทั้งที่ไม่เคยพูดคุยกัน และที่สำคัญเขาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย เป็นคนให้ความรู้ เป็นที่ปรึกษาปัญหาทุกอย่างกับลูกศิษย์เรียกว่านี้คือที่พึ่งที่สองรองจากพ่อแม่แต่เขากลับมาทำแบบนี้

“ม๊าแน่ใจนะว่าไม่ให้ป๊าไปด้วย” พี่เธียรถามผม ขณะที่กำลังจัดอาหารเช้าให้เจ้าลูกโซ่

“วันนี้ไม่มีใครดูลูกโซ่นี่ครับเพราะว่าพี่มลไปกับม๊า และผมแค่ไปเป็นเพื่อนเป็กซ์ให้ปากคำที่โรงพักเฉยไม่มีอะไรหรอกครับ “ผมบอกพี่เธียร ผมเหลือบมองเวลา ผมนัดเป็กซ์ให้มาที่บ้านพี่เธียรเลย เป็กซ์บอกว่าพี่ไปส์จะขับมาส่งเขาและจะมารอกลับด้วย ผมเลยบอกว่าดีเลยจะได้ช่วยพี่เธียรเลี้ยงลูกโซ่ไปด้วย

“พี่เธียรอย่าลืมน่ะ สิบโมงน้องลูกโซ่ต้องทานของว่างและผลไม้และนมหนึ่งแก้วนะครับ

“กิจกรรมนันทนาการ เปิดรายการเพลงสำหรับเด็กให้น้องดู ตอนสิบเอ็ดโมง น้องจะได้ผ่อนคลายและน้องจะนอนกลางวันตอนสิบเอ็ดโมงนะครับ “ผมหันไปบอกคุณพ่อ ตอนนี้กำลังสอนลูกชายใช้ช้อนตักอาหารให้ตรงปากอยู่

“อ๊ะ!!!!” เขาเอ็ดพี่เธียรว่าเขาจะทำเอง “เพี่ยะ!!!” ฝ่ามือเล็กๆ แต่ว่าเจ็บเอาเรื่องเหมือนกัน

“เอ้าท์!! ตีป๊าทำไมเนี่ยะ เจ้าเต้าหู้!! “พี่เธียรถามลูกชาย เด็กน้อยเหลือกตาขึ้นบนมองป๊าเขาทันที

“ยังอีก ป๊าบอกอย่าทำท่านี้ ให้ม๊าเขาทำคนเดียวพอแล้ว” ผมหันไปมองเหลือกตาขึ้นทันทีเช่นกัน เพราะว่าสุดท้ายก็พาลมาว่าผมจนได้

“ก็เล็งไม่เห็นตรงซะที ป๊าทำให้ ยังจะมาไม่พอใจป๊าอีกนะ ดูซิเนี่ยะมันเลอะเทอะ เต้าหู้” พี่เธียรพยายามอธิบายให้เจ้าลูกโซ่เข้าใจ

“ โนๆๆๆ” เจ้าลูกโซ่ทำนิ้วว่าอย่าเขาจะทำเองให้ได้

“เห็นไหมม๊า นี่ลูกม๊าเลยเนี่ยะ!!” พี่เธียรหันมาชี้ให้ผมดูและบอกว่านี่ลูกชายผม

“แหม! พอมีคนชมเข้าหน่อยล่ะลูกป๊า แต่พองานเข้าขึ้นมากลายเป็นลูกม๊าซะอย่างนั้นน่ะ พี่เธียร!” ผมหันมาบ่นพี่เธียร ยิ้มตาหยีเลียนแบบลูกทันที

“เดี๋ยวๆ อย่าพึ่ง ใจเย็นๆ เล็งให้ตรงก่อนมันไม่ตรง เดี๋ยวซิ!!! “พี่เธียรบอกลูกชายให้รอก่อนแต่ว่าเจ้าลูกโซ่ ไม่ยอมและสุดท้าย “แผล๊ะ!” ข้าวโอ๊ต ตุ๋นที่ผมทำไว้ให้เขา ยื้อแย้งกันจนช้อนดีดอาหารลอยไปที่หน้าพี่เธียร

“ก้อนเต้าหู้!! ดู ซิเนี่ยะ ป๊าเลอะหมดแล้ว” พี่เธียรพูดก่อนจะใช้มือปาดสิ่งที่ติดอยู่ที่หน้าผาก  ถ้าไม่ใช่เจ้าลูกโซ่คงโดนเตะไปแล้วเนี่ยะ

“หึๆ ผมว่าลูกก็เล็งตรงอยู่นะป๊า” ผมแอบแซวพี่เธียร

“ตรงมากเลยม๊า แต่อาหารนี่มันคงจะไปอยู่ในปากลูกโซ่ครับไม่ใช่หน้าของป๊าครับ “พี่เธียรบ่นลูกชาย

“ถ้าใช้ช้อนแล้วมันไม่เวิร์ค ก็ใช้มือไปเลย เพราะยังไงก็ต้องไปอาบน้ำอยู่ดี เลอะเทอะซะขนาดนี้ แถมป๊าด้วยมั้งนี้” พี่เธียรวิชย์พูดพร้อมกับนั่งเอามือเท้าค้างมองลูกชาย

“ป๊าอย่าลืมให้น้องทานอาหารเที่ยงด้วยนะครับ ตบท้ายด้วยกิจกรรมตอนบ่าย วันนี้ผมเตรียมไว้ให้แล้ว วาดภาพระบายสี สีที่ผมทำมาจากธรรมชาติสีส้มทำมาจากน้ำแครอท สีแดงทำมาจากบีทรูท สีเขียวมาจากน้ำใบเตยคั้นสดครับ เปลี่ยนชุดและใส่เสื้อกันเปื้อนให้ลูกด้วยนะครับ “ผมบอกพี่เธียร พี่เขาหันมามองหน้าผม ตรงที่ผมบอกว่าให้พาลูกโซ่ไประบายสีนี่แหละ

“เอาไว้ทำพรุ่งนี้ไม่ได้เหรอม๊าระบายสีนะ เปลี่ยนเป็นไปนั่งเล่นเกมเพลย์สเตชั่นกับพี่แทน วันนี้พี่เลี้ยงคนเดียวเหนื่อยแย่เลย และวันนี้ไอ้ไปส์มาป๊าจะแบทเทิ้ล เกมใหม่กับมันสักหน่อย ไม่ได้แบทเทิ้ลกันนานแล้ว” พี่เธียรพูด ผมหันมากอดอกมอง คิดว่าได้ไหม

“ไม่ได้ใช่ไหม” ยังจะถามผมอีกน่ะ “ลูกผมควรจะจับจอยเล่นเกมแล้วหรือไงครับพี่เธียร!” ผมถามพี่เธียร เขาสั่นหัวทันที

“ลูกก็ดุ ม๊าก็ดุ น่าสงสารเนอะ ป๊าเนี่ยะ!” พี่เธียรบ่นอุบอิบๆอยู่คนเดียว

“ยังจะบ่นอีก ให้ดูลูกแค่นี่เอง “ผมหันมาชี้พี่เธียร

“โนๆ!!” ลูกชายผมหันไปชูนิ้วชี้ส่ายไปมากับป๊า

“วันนี้เราต้องอยู่ด้วยกันทั้งวันน่ะ เจ้าก้อนเจ้าเต้าหู้ เข้าข้างป๊าหน่อย” พี่เธียรพูดกับลูกชาย

“ม๊า ก็กิจกรรมระบายสีมันทำให้ลูกเราเลอะและพี่ก็ต้องจับอาบน้ำล้างตัวหลายรอบแน่ๆ วันนี้ “พี่เธียรบ่น

“ทำตามที่ผมบอก และบ่ายสามโมงครึ่งถึงสี่โมง เบรกช่วงบ่ายให้ลูกทานคุกกี้ที่ผมทำไว้ให้นะครับและก็น้ำผลไม้ “ผมพูด ผมบอกพี่เธียร จังหวะนั้นคนที่ผมรอก็เดินเข้ามาพร้อมกับพี่ไปส์

“สวัสดีครับพี่ไปส์” ผมหันไปไหว้พี่ไปส์

“สวัสดีครับน้องบีม “พี่ไปส์รับไหว้ผมก่อนจะหันไปมองพ่อลูก

“เว้ยย!!” พากันเลอะไปทั้งคู่

“มึงมาป้อนบ้างเลยไปส์” พี่เธียรเรียกพี่ไปให้เข้าไปป้อนลูกโซ่

“ไม่มีชุดมาเปลี่ยน ยืนเป็นกำลังใจให้แทนแล้วกันนะ ไอ้พ่อลูกอ่อน นี้เล่นอะไรกันเนี่ยะ ว่างเหรอครับ ฮาๆ” พี่ไปส์พูดปนหัวเราะพ่อลูกที่เลอะเทอะกันทั้งคู่ พี่เขานั่งลง ผมหันมาพยักพเยิดกับเป็กซ์ดูพ่อลูกเขา เป็กซ์นั่งลงข้างๆ พี่ไปส์ พี่ไปส์เขานั่งยกขาขึ้นมาพาดพร้อมกับกอดอกมองพี่เธียร พี่ไปส์เอนตัวมาประซิดกับหัวไหล่ของเเป็กซ์กระซิบกระซาบอะไรกันสองคน คงกำลังพูดถึงคุณพ่อที่กำลังแบทเทิ้ลกับลูกชายเขาอยู่ พี่เธียรพยายามเช็ดหน้าเช็ดตาเจ้าลูกโซ่ เจ้าลูกโซ่ไม่ยอมให้พี่เธียรเช็ดหน้าเช็ดตาจะกินอย่างเดียว

“เดี๋ยวลงมานะเป็กซ์ขึ้นไปเอาของแป๊บหนึ่ง แล้วจะได้ไปกันเลย” ผมบอกเป็กซ์ เขาก็หันมาพยักหน้ากับผม ระหว่างที่กำลังจะเดินออก ผมหันมาเห็นแขนพี่ไปส์ที่โอบเอวเป็กซ์ มันคือคำตอบที่ชัดเจนเกี่ยวกับสถานะของเขาทั้งคู่ ภาพวันนี้มันทำให้ผมได้รู้ความจริงว่า ภาพที่เห็นวันก่อนกับความจริงมันต่างกัน ผมยอมรับว่าพี่ไปส์ไปยืนจีบผมอยู่พักใหญ่วันนั้น และผมก็เองก็แสดงปฏิกิริยาเฉยเมย เพราะว่าบุคลิกท่าทางของเขาวันนั้น    ผมไม่อาจจะเชื่อใจได้ว่าคนคนนี้จะรู้จักรักใครจริงๆ แน่เหรอ หรือแค่หยอดไปวัน วัน เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาหาที่ลงไม่ได้ และที่ผมมองอีกอย่างคือเป็นแค่ลูกคนมีเงินที่ใช้เงินล่อใจใครต่อใครโดยไม่เห็นคุณค่า ผมคิดว่าน่าจะเป็นเหมือนกันทั้งแก้ง แต่สุดท้าย ผมก็ค้นพบว่ามันคงตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เขากลับเป็นผู้ชายที่มีความเป็นลูกผู้ชายในตัว มีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวทำ รักและให้เกียรติคนรักของตัวเอง เช่นพี่เธียรของผมเป็นต้น ผมอยากให้ลูกโซ่เอาแบบอย่างพี่เธียรตรงนี้แหละ

ผมเดินลงมาจากบ้าน ผมพยักหน้ากับเป็กซ์ว่าไปกันได้แล้ว ผมขับรถพี่เธียรไปเอง ผมไม่อยากให้ดูเอิกกะเลิกไปถ้ามีคนขับรถไปด้วย ผมหันมามองพ่อลูกที่ออกมายืนส่งผม ส่วนพี่ไปส์เข้ามาดึงเป็กซ์ออกไปคุย สายตาที่บอกว่าเขาเป็นห่วงเป็กซ์มาก ผมหันมามองลูกโซ่และพี่เธียรอีกครั้ง

“อย่าดื้อกับป๊านะครับ ม๊าจะรีบกลับ” ผมพูด พี่เธียรหันไปชี้เจ้าลูกโซ่ทันทีแถมยังยักคิ้วกับลูกโซ่อีก

“แต่ถ้าป๊าดื้อกับลูกโซ่ จัดการได้เลยนะครับ ม๊าอนุญาต” แต่พอพี่เธียรได้ยินประโยคนี่ถึงกับสะบัดหน้ามามองผมสองที่ติด

“เฮ้ย! ทำไมสองมาตรฐานอ่ะม๊า” พี่เธียรรีบทักท้วงทันที

“ก็อย่าดื้อกับลูกซิครับ “ผมพูดก่อนจะสวมแว่นตาเรแบน พี่เธียรเขาซื้อให้ผม

“ฟ้อด!” ผมหอมแก้มลูกโซ่ ก่อนจะมองคนพ่อ รีบทำแก้มป่องรอจะให้ผมหอมเขาบ้าง ผมแอบคิดนี่ช่างไม่อายเพื่อนผมบ้างเลยนะ

“ขอทีหนึ่งนะม๊านะ” พี่เธียรพูดผมก็ทำท่าจะหอมแต่ว่า

“จุ๊บ” หนุ่มน้อยที่พี่เธียรอุ้มอยู่รีบยื่นปากจู๋มาจุ๊บปากผมผมแทนตัดหน้าแทน พี่เธียรหันไปเหล่ตามองลูกชาย

“รู้สึกว่าช่วงนี้เราจะแบทเทิลกันหลายอย่างไปนะ ก้อนเต้าหู้ “พี่เธียรพูด ส่วนเจ้าลูกโซ่ ทำปากจู๋จะจุ๊บผมอีกแต่พี่เธียรใช้นิ้วปาดที่ริมฝีปากห้อยๆ ของเจ้าลูกโซ่แทน เล่นเอาเจ้าจูบโซ่แลบลิ้นเลียแผล็บ ๆ สงสัยจะเค็มแน่ๆ พร้อมกับหันขวับมามองป๊าตัวเองทันที

“ดิส อีทสฺ มายด์ เทิร์น! โอเค!!!” พี่เธียรหันไปพูดกับลูกชาย

“โน!!!” พูดได้จัดมากเลย แถมยังทำนิ้วชี้ขึ้นส่ายไปมาด้วยว่าไม่ได้ ผมยอมรับว่าผมพูดกับลูกผมสองภาษา เพราะว่าผมเริ่มพูดภาษาอังกฤษก่อนเป็นอันดับแรก แต่ภาษาไทยมาได้เมื่อผมมาอยู่เมืองไทย และพี่เธียรเองก็อยู่เมืองนอกหลายปีก็เลยสอนพูดกับลูกได้

“ขอม๊าหอมป๊าหนึ่งทีนะครับ เดี๋ยวป๊าเสียใจ” ผมบอกเจ้าลูกโซ่แทน ลูกโซ่ก็กอดอก หันหน้าหนีแต่ก็แอบหันมาเหล่ตามอง ผมก็พยักหน้ากับพี่เธียร “เร็วซิ ผมจะรีบไป” ผมบอกพี่เธียร เขาก็เอียงแก้มมา

“ม๊าจะหอมป๊าแล้วนะ” ยังอีกยังจะแกล้งลูกอีก

“ฟ้อด!!” ผมหอมแก้มคนพ่อ ก่อนจะเอามือลูบหัวเจ้าลูกโซ่

“ขับรถดีดีนะม๊า ป๊าเป็นห่วง ป๊าไม่อยากให้ม๊าขับรถไปเองเลยจริงๆ”

“ผมจะขับอย่างระมัดระวังขับป๊า”

“โทรหาพี่ด้วยเป็กซ์ ถ้ามีเรื่องอะไรโทรหาพี่ทันทีรู้ไหมครับ พี่เป็นห่วง” พี่ไปส์เดินมาเกาะกระจกรถพูดกับเป็กซ์ที่เข้ามานั่งข้างคนขับกับผม

“หมับ” เป็กซ์ดึงเสื้อพี่ไปส์เข้ามาและ จุ๊บปากไปหนึ่งที่ ก่อนจะเลื่อนกระจกปิด ผมก็ขับรถออกมาช้าๆ เหลือบไปมองกระจกมองข้าง

“มึงโคตรโชคดีเลยว่ะ บีม” เป็กซ์บอกผม ผมหันชำเลืองตามองเป็กซ์แว๊ปหนึ่งก่อนจะรีบออกตัวไป เพื่อไปดูหน้าอาจารย์เปรมสินี ผมคิดว่าควรจะมีอะไรสนุกให้อาจารย์เขาสักหน่อย เป็นน้ำจิ้ม ผมขับรถตรงไปที่สน ที่ใกล้จุดเกิดเหตุ ที่เป็กซ์ถูกไอ้โก้มันจับตัวไปและไอ้โก้มันถูกฝากขังไว้ที่นั่น ไม่มีใครติดต่อมาประกันตัวแต่อย่างว่าแหละมันเป็นคดีอุกฉกรรจ์ ทางตำรวจไม่ยอมใครให้ประกันตัวแน่นอน ผมอยากรู้เหมือนกันว่าอาจารย์เปรมสินีเขาจะพยายามเข้ามาประกันตัวไอ้โก้ไหม แต่ผมเดาว่าไม่ ผมขับมาจนใกล้จะถึงสถานีตำรวจที่ใกล้จุดเกิดเหตุวันนั้น ผมก็แวะที่ร้านขายอาหารตามสั่งตรงตึกพาณิชย์ในตลาด

“แวะทำไมวะ” เป็กซ์หันถามผมด้วยท่าทีสงสัย

“ซื้อของฝากไปฝากไอ้โก้ไง “ผมพูดก่อนจะก้าวเท้าลงจากรถ เป็กซ์มันเดินตามผมาลงไปติดๆ ผมเดินไปที่ร้านอาหารตามสั่งร้านหนึ่ง เขามองการแต่งตัวของผม ผมยอมรับว่าตั้งแต่มาอยู่กับพี่เธียร เรื่องการแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผมมันออกไปทางแบรนด์เนมเกือบหมดทั้งตัว แม่ค้าหันมามองผมสองคนด้วยความแปลกใจ ผมถอดแว่นตาเรแบรนออก

“สวัสดีค่ะคุณ จะรับอะไรดีคะ” ป้าเขาถามผม

“ผมจะสั่งอาหารนะครับ แบบใส่กล่องครับคุณป้า ผมขอเป็นข้าวผัดสองชุด น้ำโอเลี้ยงสองชุด” ผมพูดก่อนจะหันมามองเป็กซ์มันคงสงสัยว่าทำไมผมสั่งสองอย่างนี้

“ทำไมต้องสั่งข้าวผัดกับโอเลี้ยงวะ” เป็กซ์ถามผม ผมหันมามองเป็กซ์

“เมื่อก่อนญาติใครติดคุก เขาก็ซื้อข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมกัน เพราะว่าข้าวผัดมันทานได้ง่ายกว่า ไม่ต้องปรุงเยอะ ส่วนโอเลี้ยงนี้เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมสมัยก่อน และมันก็เหมาะสมกันดี จะให้ซื้อดีกว่านี้ก็เสียดายเงินว่ะ กูว่าเก็บเอาไว้ไปทำบุญดีกว่าไหม แทนที่จะเอาไปให้คนอย่างไอ้โก้มัน” ผมหันไปพูดกับเป็กซ์ มันก็พยักหน้า

“นั่งรอก่อนไหมคะ ป้ามีคิวสองสามคิว จะรีบทำให้ค่ะ” ป้าเขาหันมาบอกผมสองคน

“ไม่เป็นไรครับ ผมมีเวลาผมรอได้ครับ ทำตามคิวเถอะครับคุณป้า” ผมบอกกับแม่ค้า ก่อนจะหันมามองเด็กน้อยที่นั่งอยู่กับพื้นในคอกกั้น เล่นนั้นเล่นนี้ตามประสาเด็ก เนื้อตัวมอมแมม ผมเหลือบไปมองแม่ค้า เขาอายุเยอะแล้วนะไม่น่าจะมีลูกเล็กแบบนี้ได้ ดูน้องน่าจะไล่ๆ กับเจ้าลูกโซ่ ผมย่อตัวลง เขาหันมามองหน้าผม ยิ้มโชว์ฟันสี่ซี่

“ลูกของหลานสาวอีกทีนะคะ แม่มันไปทำงาน ผัวมันก็ติดคุก จะไม่ดูให้ก็ไม่ได้ เพราะว่าถ้าไม่ทำงานก็อดตายทั้งแม่ทั้งลูก” แม่ค้าหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

“น้องทานนมยี่ห้ออะไรครับ”

“ยี่ห้ออะไรน่ะ นี่ค่ะ ป้าก็ไม่รู้ “ป้าเขาก็ชูกระป๋องนมมาให้ดูเม็กซ์ ผมจดใส่กระดาษเอาไว้ ก่อนจะหันมามองดูป้ายชื่อร้านและเบอร์โทร ผมจดเอาไว้หมอ เป็กซ์มันชำเลืองตามามองผม

“หิวไหมว่ะ” ผมหันมาถามเป็กซ์

“ไม่หิวว่ะ จัดการเรื่องนี้ก่อนดีกว่าว่ะ “เป็กซ์หันมาบอกผม เป็กซ์มันกำลังพิมพ์หยิกๆ

“ฟิล์มมันถามอยู่ว่าเป็นไงบ้าง” เป็กซ์พูด จังหวะนั้นผมเห็นน้องผู้หญิงอีกคนดูน่าจะเรียนมัธยมปลาย เธอขับรถมาเวสป้ามาจอดที่หน้าร้าน เธอหันมามองผมสองคน แอบตกใจก่อนจะยิ้มหวานมาให้ ผมยอมรับว่าผมสองคนไม่ได้ดูอ่อนแอ่นกันทั้งคู่

“ป้าได้หรือยังที่ฉันสั่งไว้นะ ฉันจะไปส่งข้าวให้พ่อแล้ว “เด็กสาวอายุราวๆ สิบห้าสิบหกปีพูดก่อนจะหันมามองผม กัดปากเเขินผมนิดนึง

“ได้แล้ว ที่หลังก็มาสั่งให้มันเร็วกว่านี่หน่อยซินางฝนและนี้พ่ออยู่เวรที่สน. หรือไง วันนี้นะ” ป้าคนขายข้าวหันมาทักทายอย่างคนคุ้นเคย

“ใช่จ้ะ วันนี้พ่ออยู่เวรที่สถานีตำรวจ” เธอตอบพร้อมกับหันมายิ้มให้เล็กน้อย ผมก็ยิ้มตอบเธอ

“นี่นางฝนรับไปซิ เดี๋ยวข้าวพ่อมึงก็เย็นหมด” น้องเขามัวแต่มองผมเพลินไปหน่อย ผมยอมรับว่าความเป็นลูกครึ่งของผมมันทำให้มีสาวหันมาเหล่ตามองกันหมด ทำให้ผมมีแม่ยกเยอะเวลาไปทำงานในผับ แต่ความจริงผมไม่ได้แมนแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์

“เร่งจังเลยป้านิ อุตส่าห์เจอคนหล่อทั้งที่” เธอพูดก่อนจะหันมายืนมองผมด้วยท่าทีกระมิดกระเมี้ยน

“ตลอดละมึงนะ รีบไปพ่อมึงรอกินข้าวไม่ใช่เหรอ “แม่ค้าหันมาพูดกับน้องผู้หญิงคนนั้น

“น้องครับ ไปส่งข้าวที่ไหนเหรอครับ” ผมถามน้องผู้หญิงก่อนที่เธอจะหันหลังเดินออกไป

“ไปส่งข้าวที่สถานีตำรวจนี้นะคะพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” น้องเขาหันมาถามผมทันที

“รอพี่แป๊บหนึ่งได้ไหมครับ พี่สองคนจะไปที่สถานีตำรวจพอดีเลย แต่ว่าไปไม่ถูกนะครับ พี่มีนัดกับใครบางคนที่นั่น รบกวนน้องคนสวยพาพี่สองคนไปทีได้ไหมครับ” ผมถาม

“ได้ซิคะ จะให้ยืนรอนานแค่ไหนก็รอได้ค่ะ” น้องฝนบอกผม เป็กซ์มันขมวดคิ้วมองผม ผมขยิบตา ป้าคนทำอาหารที่ผมสั่งก็เสร็จพอดี

“ป้าครับรบกวนแยกเป็นชุดให้ผมด้วยได้ไหมครับ ขอบคุณครับ” ผมบอกป้าคนขายก่อนจะ ฉีกกระดาษมาเขียนหยิกๆ ลงไปในกระดาษ และผมก็ใส่ลงไปในถุงข้าวนั้น

“มึงจำรถอาจารย์เปรมสินีได้ไหมวะ” ผมหันมากระซิบถามเป็กซ์

“ได้ดิ จำแม่นด้วย เขาเคยนัดมาคุยกับกู เขาขับรถมา เขาไม่ลงจากรถนะ แค่เปิดกระจกแง้มมาคุยกับกู” เป็กซ์พูดกับผมไม่ดังมาก ผมพยักหน้า ก่อนจะหยิบพันส่งไปให้ป้าคนขาย

“ป้าไม่มีถอนเลยลูก” ป้าคนขายข้าวบอกผม

“ไม่ต้องถอนครับป้า ถือซะว่าเป็นค่านมให้หลานแล้วกันนะครับ “ผมพูดก่อนจะรับถุงมาถือไว้ และหันมามองน้องน้ำฝน

“เราไปกันได้เลยไหมครับ… น้อง?”

“น้ำฝนค่ะ”

“ครับน้องน้ำฝน พี่ชื่อพี่บีมนะครับและนี่พี่เป็กซ์ครับ” ผมแนะนำตัวผมและเป็กซ์ น้องเขาก็มองผมสองคนตาเป็นมันเลย

“เดี๋ยวพี่ขับตามฝนมาเลยนะคะ พ่อของฝนนะเป็นหัวหมู่ที่สนนี้ค่ะ “น้องเขาบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะกดปลดล๊อกรถเก๋งคันหรูซะก่อน น้องเขายิ่งมองรถคันหรูของพี่เธียรใหญ่เลย ผมเข้าไปนั่งในรถตามมาด้วยเป็กซ์ ผมสวมแว่นตาก่อนจะหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่มองผมแบบมีเลศนัย

“กูจะไปฟ้องพี่เธียร มึงหรี่หญิง” เป็กซ์มันพูดปนหัวเราะ

“แล้วมึงจะมีหน้าตาไว้ทำไม ถ้าไม่ใช่ให้เป็นประโยชน์วะ” ผมพูดก่อนจะออกรถและขับตามน้องน้ำฝนไป เขาก็หันมามองผมเป็นระยะ เหมือนกลัวจะคาดกัน ระหว่างที่ผมกำลังขับรถตามเธอเข้าไป

“นั้นไง รถอาจารย์เปรมสินี จอดอยู่นัน รถหรูซะด้วย แกคงได้มาจากคนใหญ่คนโต ที่แกหาเด็กไปเป็นของเล่นให้เขาวะ” เป็กซ์บอกผม ผมหาที่จอดรถก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไป
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 07-06-2021 20:23:16
EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4057634#msg4057634)

EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P2
Rrrr เบอร์ไม่คุ้นเคยโทรเข้ามา ผมรีบกดรับสายทันที ผ่านแอร์พอร์ตที่เสียบหูผมเอาไว้

“สวัสดีครับ พี่บีมใช่ไหมครับ ผมนริศครับ”

“สวัสดีครับน้องนริศ “นริศคือนักศึกษาเอกบัญชี เคยเป็นลูกศิษย์คนสนิทของอาจารย์เปรมสินีมาก่อน นริศเป็นเด็กผู้ชายผิวขาว ตัวเล็ก หน้าตาจัดว่าดี แต่ดันมาโดนอาจารย์เปรมสินีหลอกให้ไปทำงานและไปโดนพวกนี้รุมขมขื่น น้องเขาเลยหายไปจากระบบการศึกษา เพราะว่าอาจารย์เขามีคลิปมาขู่ห้ามแจ้งความ ห้ามบอกใครทั้งนั้น แต่ว่าตอนนี้

“พี่ครับ ผมได้รับอิเมลจากพี่แล้วนะครับ ผมพร้อมแล้วครับที่จะช่วยส่งคนที่มันทำลายชีวิตผมไปเข้าคุก”

“พี่ดีใจนะครับ นั้นแปลว่าน้องได้ก้าวข้ามเรื่องแย่ๆ นั้นมาแล้ว ว่าแต่น้องจะมากรุงเทพเมื่อไหร่ครับ”

“ผมจะไปพรุ่งนี้เลยครับ”

“พรุ่งนี้พี่จะไปรับที่สนามบินและหาที่พักให้เราด้วย เจอกันนะครับนริส และพี่ดีใจที่เรากล้าจะออกมาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ขอบคุณนะครับ “ผมบอกน้องเขาก่อนจะวางสาย เป็กซ์มองหน้าผมด้วยความแปลกใจ

“มึงคุยกับใครวะ” เป็กซ์ถามผม

“เด็กที่มึงบอกว่าเขาโดนเหมือนอาจารย์ทำเหมือนที่เขาพยายามทำกับกูไง แต่น้องเขาโชคร้ายกว่ากู “ผมพูดไอ้เป็กซ์มันทำสีหน้าประหลาดใจ

“มึงหาตัวเขาเจอด้วยเหรอวะ”

“ใช่กูเจอเขาแล้ว อากันตภณไปหาข้อมูลมาให้ และอากันก็ให้อิเมลน้องเข้ามา น้องเขาไม่มาเรียนเลยหายไปเฉยๆ และน้องคนนี้ก็เคยติดต่อกับอาจารย์เปรมสินี เรียกว่าสนิทกันเลย แน่นอนมันแปลก อาจารย์กันตภณเลยพยายามหาข้อมูลเด็กคนนี้มาพักหนึ่งแล้ว”

“หลังจากที่กูส่งอิเมลไปหาน้องเขา เขาก็โทรกลับมาคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น น้องไม่กล้ามาเรียน มันเอาคลิปมาขู่ กูว่ามีอีกหลายคลิปเลย แต่หลักฐานมันอยู่ที่ไหน “ผมพูด ก่อนจะหันมามองหน้าเป็กซ์

“กูไม่รู้จริงๆ ว่ะ อาจารย์เปรมสินี เขาก็ไม่ได้ไว้ใจกูมากนะมึง เหมือนเขาแค่ต้องการให้กูจัดการมึงอย่างเดียว เลยไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเยอะ ทั้งที่กูก็หลอกถามแกหลายครั้งแล้วนะ” เป็กซ์หันมาพูดกับผม

“กูว่าไอ้โก้รู้ คนนอนคุยมันต้องคุยกันทุกเรื่องแหละว่ะ” ผมพูดก่อนจะพยักพเยิดให้พากันออกไปได้แล้ว และน้องน้ำฝนก็มายืนมองผม ส่งสายตาวิ้งๆ มาให้

“น้องน้ำฝนครับ พี่รบกวนเอาถุงข้าวนี้ไปแขวนไว้ที่รถหรูคันนั้นให้พี่หน่อยได้ไหมครับ พอดีพี่สาวเขาฝากซื้อข้าว น่าจะไปให้ใครสักคนในนี้แต่พี่รีบนะครับ กลัวออกมาไม่เจอ ได้ไหมครับ น้องน้ำฝนคนสวย” ผมพูดจาเสียงอ่อนเสียงหวานใส่

“รถคันนั้นเหรอคะ หรูมากเลยนะคะ แต่พี่ขอมาฝนจัดให้ค่ะ” น้องน้ำฝนพูดกับผม ผมก็ยื่นถุงข้าวไปให้ น้องเขารีบคว้ามแต่ไม่ได้คว้าถูกข้าว เขาคว้าข้อมือผม เขาก้มลงมองนาฬิกาก่อนจะทำตาวาว ยอมรับว่านาฬิกาเรือนนี้แพงหูฉี่เลย เรือนนี้ผมได้มาจากพี่เธียร เขาซื้อให้เพราะว่าเขาอยากให้ผมใส่ของดีดีไปนั่งทำงานกับเขา

“ขอไลน์ได้ไหมคะพี่ “ฝนหันมาถามผม

“ได้ซิครับ พี่จัดให้เหมือนกัน” ผมพูดก่อนจะเขียนไลน์ของผมส่งไปให้ และผมก็หันมายิ้มกับเป็กซ์ แต่ว่ามันเหลือตาขึ้นบน ก่อนจะเบ้ปากนิดนึง

“โอ๊ย!!” ผมกระทืบเท้ามันเบาๆ แต่มันดันร้องซะดัง

“พี่เป็นอะไรไปเหรอคะ” สาวน้อยหันมาถามเป็กซ์ที่ยืนเขย่งเท้าอยู่

“เออ มดครับ มดกัดเท้าพี่ครับ” เป็กซ์มันตอบ น้องเขาก้มลงมองเท้าไอ้เป็กซ์ทันทีรองเท้าผ้าใบทรงสูงพื้นหนังสีดำเข้ากันกับกางเกงเด้ปสีดำของมันมากดูแล้วมันคงได้สปอยด์มาจากพี่ไปส์แน่ๆ แต่มันสูงและมิดชิดขนาดนี้ มดบ้านมึงดิมุดลงไปได้ ผมหันมามองหน้ามัน มันยังเหลือกตามองผมอีกน่ะ

“มดนี้มันเข้าไปในรองเท้าพี่ได้ด้วยเหรอคะ” น้องเขาถามพร้อมกับก้มลงมองต่ำ

“มันคงอยู่กับพี่มาพักหนึ่งแล้วตั้งแต่ก่อนพี่ใส่นะครับ” เป็กซ์มันตอบน้องเขา

“น้องน้ำฝนพี่ฝากหน่อยนะครับ และพี่จะขอขึ้นไปทำธุระก่อนนะครับ “ผมรีบบอกน้ำฝนทันที

“อย่าลืมแอดไลน์มาหาพี่นะครับ พี่รออยู่” ผมหันมาบอกน้องน้ำฝน เด็กสาวหันมายิ้มให้ผมก่อนจะรีบถือถุงนั้นไปแขวนไว้ที่รถของอาจารย์เปรมสินี ผมหันมาแตะไหล่ไอ้เป็กซ์พากันขึ้นไปบนโรงพักได้แล้ว

“เป็กซ์เอามือถือกูไปนะ กูจะฟังการสนทนา ส่วนมือถือมึงเอามาให้กู และถ้ามีอะไรที่น่าสนใจ อัดเสียงส่งมาให้กูเลยนะ” ผมบอกเป็กซ์ ก่อนจะสลับมือถือผมให้เป็กซ์มัน ผมตั้งเอาไว้แล้วดังนั้นจะสามารถฟังการสนทนาผ่านแอร์พอร์ตได้ตลอด

“มึงจะไปไหน” เป็กซ์ถาผมม

“ไปเยี่ยม ผัวอาจารย์ไง” ผมกระซิบ ก่อนจะถือถุงของเยี่ยมเข้าไป ผมแยกกับเป็กซ์มันทันที ผมเดินไปหาคนที่ทำหน้าที่รับเรื่อง ผมเดินเข้าไปอย่างสุภาพ ผมเหลือบไปเห็นอาจารย์เปรมสินีกำลังนั่งให้ปากคำอยู่ในห้องและเป็กซ์ถูกพาตัวเข้าไปเช่นกัน

“สวัดดีครับ ผมมาขอเยี่ยมนายวิษณุครับ ผมเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่เรียนที่เดียวกันนะครับ” ผมบอกเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ เขาก็ทำคิดก่อนจะพูดว่า

“ไอ้คนที่มันฆ่าคนโดนเจตนานะเหรอ” ลุงเขาถามผม ผมพยักหน้าว่าใช่และเขาก็พาผมเดินเข้าไป ผมเริ่มได้ยินการสนทนาของเป็กซ์กับเจ้าหน้าที่ เป็กซ์กำลังเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ผมเดินไปฟังไปด้วย ผมกำมัดแน่น ไอ้โก้ มึงนี้มันโง่จนยอมทำในสิ่งที่ชั่วๆ แบบนี้ได้ ผมเดินไปจนถึงหน้าห้องขัง ภายในกรงมีแค่ไอ้โก้คนเดียว

“ให้เวลาแค่สิบห้านาทีนะครับ” คุณตำรวจบอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะเดินมาจับลูกกรงมองคนที่นั่งอยู่

“ไอ้หนุ่มมีคนมาเยี่ยม”

“เมียผมมาประกันตัวผมแล้วใช่ไหมลุง” เขาถามคุณตำรวจผมถึงกับยิ้มด้วยความสมเพช เพราะว่าทุกการสนทนาของอาจารย์เปรมสินีก็อยู่ในหูผมหมด

// เป็กซ์ ส่งข้อความเสียงนี้มาให้หน่อยดิ “ผมส่งข้อความที่เบอร์มือถือผม ไปบอกเป็กซ์ก่อนจะชะโงกมองไปที่ไอ้โก้ มันหันมาเห็นผมเข้า มันก็ตกใจแน่นอนมันรู้จักผมและคงรู้มานานแล้วจากอาจารย์เปรมสินี พอนายตำรวจเดินออกไป

“ผิดหวังเหรอ ที่ไม่ใช่เมียรักมึงนะ “ผมถามพร้อมกับชูของที่ผมเอามาเยี่ยมมัน มันรับไปถือก่อนจะปาลงพื้น ด้วยความโมโห

“กูไม่แดก อย่าให้กูออกไปได้นะมึง กูเล่นมึงทั้งกลุ่มแน่” ไอ้โก้มันพูดพร้อมกับกัดฟันกรามดังกรอดๆ

“มึงยังคิดว่าจะได้ออกอีกเหรอโก้ ขนาดเมียมึงที่ว่าเส้นใหญ่ เขายังไม่ยอมประกันตัวมึงเลย แถมเขายังปฏิเสธทุกอย่างว่ามึงทำเอง เขาบอกว่ามึงทำเพราะว่ามึงหึงหวงไอ้เป็กซ์มัน เลยอยากจะฆ่าเอง เขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับมึง” ผมพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่สมเพชมันมากกว่า

“ไม่จริง กูนี่นะหึงหวงไอ้ตุ๊ดนั้น มึงก็ตุ๊ด “ไอ้โก้มันพูด

“แต่ตุ๊ดอย่างพวกกูยังมีศักดิ์ศรีมากกว่ามึงวะโก้ พวกกูนะไม่ได้แบมือขอเงินใคร พวกกูส่งตัวเองเรียนกัน มึงรู้ดีว่าไอ้เป็กซ์มันส่งตัวเองเรียน ดีกว่ามึงที่ยอมนอนกับเขาเพื่อเงินและคงคิดว่าเขาจะเอามึงไว้เป็นผัวยืนหนึ่ง แต่ไม่ใช่!!” ผมยืนกอดอกพูดกับไอ้โก้ ผมพูดตอกใส่หน้ามันอย่างชัดถ้อยชัดคำ มันมองหน้าผมเขม็ง ถ้าไม่ติดว่ามีลูกกรงมากั้นไว้ มันคงออกมาตะบันหน้าผมแล้ว

“มึงเป็นได้แค่เด็กขายน้ำของอาจารย์เปรมสินี ศักดิ์ศรีมึงไปไหนหมดว่ะโก้! หรือมึงเป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต่างกับแมงดาปะว่ะ” ผมจับลูกกรง ผมพูดและมองจ้องหน้าไอ้โก้ มันหันมามองหน้าผมมันยิ่งกำหมัดแน่นขึ้น

“กูไม่ใช่เด็กขายน้ำ!! กูเป็นผัวมัน!!”

“หึๆ “ผมหัวเราะก่อนเปิดข้อความเสี่ยงที่เป็กซ์ส่งมาให้ผมและโชว์ให้โก้มันฟัง

// ดิฉันกับนายวิษณุไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากอาจารย์และลูกศิษย์ค่ะ เขาเป็นแฟนกับนายจิรายุค่ะ แต่ว่าเด็กคนนี้เขามีปัญหาเรื่องเงินร้อนเงินค่ะ เลยมาขอเงินดิฉัน ดิฉันก็เห็นใจก็เลยให้การช่วยเหลือในฐานะอาจารย์ค่ะ คุณตำรวจคิดว่าฉันจะเอาเด็กพวกนี้มาเป็นสามีฉันได้ยังไงคะคุณตำรวจ เป็นได้แค่เด็กสร้างบ้าน แถมยังมาสร้างเรื่องเดือดร้อนให้อีก แค่ฉันให้การช่วยเหลือจนจบก็บุญหนักหนาแล้วค่ะ ดังนั้นฉันขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาว่าฉันสมรู้ร่วมคิดในการวางแผนฆ่านายจิรายุ นายวิษณุเป็นคนทำคนเดียวค่ะ ไม่เกี่ยวกับดิฉัน” ผมเปิดให้ไอ้โก้มันฟังชัด

“มึงมันก็แค่นอนกับเขาเพื่อเงินเหรอวะโก้ และยังทำเพื่อเขาอย่างกับคนที่จงรักภักดี ลงทุนแม่งขนาดนี้แต่เขาบอกว่า มึงเป็นแค่เด็กสร้างบ้าน มึงนี้มันโง่กว่าที่กูคิดไว้เยอะนะโก้นะ” ผมพูด

“ไอ้เชี้ย!! อีเชี้ย” ไอ้โก้มันสบถออกมาและแสดงสีหน้ากริ้วโกรธจนต้องขบกล้ามเป็นสันนูนขึ้นอย่างชัดเจน

“ศักดิ์ศรีมึงไปไหนหมดวะโก้ อุตส่าห์เรียนมาจนจบวิศวคอมพิวเตอร์ เป็นถึงพี่ว้ากที่น้อง ๆ ยกมือไหว้แต่ที่ไหนได้ แม่งก็แมงดาดีดีนี่เอง ภูมิใจไหมวะโก้ ที่เขามองมึงเป็นแบบนั้น”

“แต่มึงก็ต้องเข้าไปชดใช้ที่มึงทำอยู่แล้ว แถมยังถูกตราหน้าว่ามึงเป็น คนที่มานอนกับเขาเพื่อแลกเงิน น่าสมเพชว่ะโก้” ผมพูดก่อนจะหันไปมองทางอื่นแต่แอบหันมาเหล่ตามอง

“กูเป็นผัวมัน!!!”

“มึงหลักฐานไหมล่ะ” ผมถามมัน

“มึงจะให้มันลอยหน้ามีความสุขแต่มึงอยู่ในคุกคนเดียวเหรอวะ และมันก็ไปหาคนใหม่ แล้วมึงล่ะ ออกมาแบบคนขี้คุก หมดอนาคต มึงทำตามเขาเพราะคิดว่าเขาเลือกมึง ไม่ใช่”

“เขาไม่ได้อยากให้มึงเป็นสามีเขา เขาอยากได้ อาจารย์กันตภณ และที่เขาทำกับกูเพราะว่าเขาต้องการอาจารย์กันตภณ “ผมบอกไอ้โก้

“มันหลอกใช้กู!!!” โก้พูดพร้อมกับใช้กำปั้นทุบลูกกรง

“เฮ้อ!! กว่าจะรู้เกือบสายเนอะ” ผมพูดก่อนจะหันมามองคุณตำรวจที่เดินมาหาผม

“ผมต้องพาผู้ต้องหาไปฝากขังที่กรุงเทพแล้วครับ “เขาเดินมาบอกผมว่าจะย้ายโก้มันไป ผมหันมามองหน้า

“ประกันตัวไม่ได้เหรอครับคุณตำรวจ” ผมถามบุคคลในเครื่องแบบ

“ก็ไม่มีใครมาประกันนี่ครับ พ่อแม่ยังไม่ติดต่อมาเลย และคดีแบบนี้ห้ามประกันอยู่แล้วด้วยครับ” คุณตำรวจพูด ผมหันมายิ้มให้โก้

“ตกลงมึงจะเข้าไปอยู่คนเดียวใช่ไหมวะโก้” ผมถามมันอีกทีก่อนจะยิ้มที่มุมปาก “ก็กลายเป็นไอ้ขี้คุกแทนเมียมึงไปแล้วกัน” ผมพูดและทำท่าจะเดินออก

“เดี๋ยว! กูมีเด็ดกว่านั้น แต่มันอยู่ในมือถือกู มือถือเครื่องเก่า เป็กซ์มันรู้ว่ากูซ้อนไว้ที่ไหน ในนั้นมีคลิปเพียบที่มันทำ กูจะไม่ยอมรับผิดคนเดียว” ผมหันมายิ้มให้มัน

“มันไม่ประกันตัวมึงแต่ไม่ต้องห่วงน่ะ กูส่งเขาไปเล่นกับมึงในคุกแน่นอน เอาคืนตามสบาย” ผมกระซิบกับโก้มันก่อนจะเดินออกมาและยิ้มให้คุณตำรวจ ผมสวมแว่นตาเรแบนกลับเข้าไป

“ผีเน่ากับโลงผุ เกิดมาก็เพิ่งจะได้เจอวันนี้นี่เอง เหมาะสมกันดี” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะเดินออกไปทันที ผมเดินไปหาเป็กซ์ เขานั่งรอผมอยู่ น่าจะจบการสนทนาแล้ว

“มันปฏิเสธทุกข้อหาเลยว่ะ” เป็กซ์กระซิบกับผม

“ไอ้โก้มันบอกว่ามีคลิปเด็ดแต่อยู่ในมือถือมัน และมึงรู้ว่ามันซ้อนไว้ที่ไหน “ผมกระซิบกับเป็กซ์ มันมองหน้าผม จังหวะนั้น อาจารย์เปรมสินี เดินออกมา เขามองหน้าผม เขาคงแปลกใจว่าผมมากับเป็กซ์ด้วย

“ขอบคุณมากนะคะคุณตำรวจ ถ้ามีอะไรให้ดิฉันช่วยบอกได้เลยนะคะ ฉันยินดีช่วยคุณจิรายุ เพราะว่าเขาคือลูกศิษย์ ถึงแม้จะไม่ได้สั่งสอนมาเองก็ตาม แต่ถ้าดิฉันเป็นคนสอนเองก็คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” อาจารย์เปรมสินีพูดก่อนจะหันมามองผมสองคน

“อาจารย์เขาเป็นคนใจดี อุตส่าห์เสนอตัวเข้าช่วยเหลือขนาดนี้ ผมนี้ปลื้มจนน้ำตาไหลเลยครับ คุณตำรวจ” ผมหันไปพูดก่อนจะมองหน้าอาจารย์ ปกติไม่เคยยืนใกล้กันขนาดนี้ ส่วนอาจารย์เปรมสินีก็มองหน้าผม

“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวเลยนะครับ ผมต้องพาตัวผู้ต้องหาไปส่งแล้ว ไปฝากขังที่เรือนจำกลางเลย” คุณตำรวจหันมามองผมกับอาจารย์เปรมสินีก่อนจะขอตัวเดินออกไป

“ค่ะ เชิญค่ะ “อาจารย์เปรมสินีพูด ก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมก็มองหน้าอาจารย์กลับเช่นกันแต่เธอกลับแสดงท่าทีเมินผมพร้อมกับกำลังจะหันหลัง

“เราไม่เคยได้คุยกันสักครั้งเลยนะครับอาจารย์ “ผมพูดขณะที่เธอก้าวเท้าจะเดินออกไป เธอหยุดชะงัก

“ไม่คุยกันหน่อยเหรอครับอาจารย์ เดี๋ยวจะไม่ได้คุยกันนะครับ เพราะว่าหลายปีนะครับ ที่อาจารย์ต้องไปชดใช้ในสิ่งที่อาจารย์ทำ” ผมพูด เธอหันกลับมาหาผม ก่อนจะส่งยิ้มให้ผม

“เธอคิดว่าเรื่องแค่นี้ จะทำอะไรฉันได้ ฉันเป็นใคร เธอเป็นใคร หรือคิดว่าแค่มีอาจารย์กันตภณคอยคุ้มกะลาหัวแล้วจะผยองกับฉันได้อย่างนั้นหรือ” อาจารย์เปรมสินีพูดกับผม

“ผมมีกฎหมายคุ้มกะลาหัวผมอยู่ ใครจะอยู่เหนือกฎหมายได้ครับหรือว่ากลุ่มคนที่อาจารย์เคยไป" ผมพูดและทำท่าคิด " ทำอย่างที่อาจารย์เคยส่งนักศึกษาตัวเองไปละครับ อาจารย์คิดว่าพวกเขาจะออกมาปกป้องหรือว่าเขาจะโยนให้อาจารย์รับกันแน่ละครับ” ผมก้าวเท้าเข้าไปหาเธอ เธอหันมามองหน้าผม

“มันทำให้ผมมองเห็นอาชีพใหม่ไว้รอสำหรับอาจารย์ หลังจากที่อาจารย์พ้นโทษ แม่พิมพ์ของชาตินี้สูงค่าเกินไปนะครับ ผมว่าแม่เล้าน่าจะเหมาะกว่า ดอกเตอร์เปรมสินี” ผมพูดไม่ดังมากแค่ได้ยินกันระหว่างเธอและผม

“บีม!! อย่าได้ลองดีกับฉัน แค่แกรอดไปได้ก็บุญหนักหนาแล้ว อย่าได้กลับมาลองดีกับฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้ ไม่กล้าสู้หน้าใครอีกได้เลย อาจจะฆ่าตัวตายไปเลยก็ได้นะ” อาจารย์เปรมสินีพูด เขามองหน้าผม

“ผมนะเหรอครับลองดีกับผู้มีพระคุณ ที่ส่งให้ผมไปจนได้สามีที่รักผมมากและมีลูกที่น่ารักขนาดนั้น แต่อาจารย์ซิครับต้องนอนเหี่ยวแห้งเฉาตายอยู่คนเดียว จนต้องใช้ร่างกายล่อใจเด็ก และหลอกใช้นักศึกษาตัวเอง แถมยังถีบหัวส่งให้เขาไปรับโทษอยู่คนเดียว” ผมพูดก่อนจะหันไปมองคนที่ถูกพาตัวออกมาจากห้องขัง เพื่อนำไปส่งฝากขัง คนนั้นคือไอ้โก้ โก้มันหันมามองผมและอาจารย์เปรมสินี

“ทำไมประกันตัวกู!!” โก้มันตะโกนใส่อาจารย์เปรมสินี เธอแค่หันไปมอง

“มึงทำแบบนี้ได้ไง กูนี่ผัวมึง อย่าให้กูเจอมึงอีกนะ ถ้ามึงเข้าไปในนั้นเมื่อไหร่ มึงเจอกูแน่!! อีเปรมสินี!!!” และโก้ก็ถูกพาตัวออกไป ผมหันมามองหน้าอาจารย์เปรมซินี

“ดูท่าทางความสนุกจะรออาจารย์อยู่นะครับ เด็กมันคงติดใจอาจารย์น่าดู “ผมพูดก่อนจะหันมาผงกศีรษะกับเป็กซ์ว่าไปกันได้แล้ว

“หมับ” อาจารย์เปรมสินีจับแขนผม แต่เป็กซ์มันปัดมืออาจารย์เปรมสินีออก ผมแค่หลุบตาลงมองแค่นั้น

“แกไปบอกอะไรไอ้โก้มัน!!”

“บอกในสิ่งที่โก้ควรจะรู้เกี่ยวกับที่อาจารย์พูดนั่นแหละครับ “อาจารย์เปรมสินีหันมามองเป็กซ์ทันที

“แกกล้ามากนะบีม แกรู้ไหมว่าฉันมีคลิปที่แก ที่เสพยา อย่าให้ฉันเอามันประจานแกนะ”

“อาจารย์พูดแบบนี้แสดงว่าอยากจะให้ผมเอาคลิปเด็ดๆ ของอาจารย์มาแลกเหรอครับ ถ้าอาจารย์กล้าแรก ผมก็กล้าครับ เพราะว่า ผมเชื่อว่าคลิปที่อาจารย์มีไม่เด็ดเท่าคลิปผมแน่นอน เพราะถ้ามันเด็ดจริง อาจารย์เอาออกมาตั้งนานแล้วแหละครับ ไม่รอให้ถึงตาทีสุดท้ายแบบนี้หรอกครับ” ผมพูด เธอมองหน้าผม

“ฉันนี่ประเมินเธอต่ำไปจริงๆนะ บีม”

“ขอบคุณนะครับ ผมถือว่าเป็นคำชม แต่ผมแอบผิดหวังในตัวอาจารย์นะครับ ผิดหวังเพราะว่าผมดันประเมินอาจารย์สูงเกินไป จากความจริง ผมคิดว่าดอกเตอร์น่าจะมีวิธีที่จะงัดมาสู้กับผมได้ดีกว่านี้ ไม่ใช่ไปหลอกใช้คนป่วยอย่างแพรวา” ผมพูด สายตาผมกับเธอประสานกัน

“แถมยังกล้าใช้เพื่อนสนิทของผมมาทำร้ายผมเอง แต่ผมรักเพื่อนผมยกโทษให้เพื่อนผมได้ แต่กับอาจารย์เห็นทีจะไม่ได้ ถ้าผมทำให้ตำแหน่งที่อาจารย์อุตส่าห์ใช้วิธีสกปรกได้มาต้องสั่นคอน ผมขอโทษนะครับ ผมเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง” ผมพูดสายตาผมประสานกับสายตาแข็งกร้าวของอาจารย์เปรมสินีแบบไม่ลดละ ในแววตาคู่นั้นมันแข็งก็จริงแต่มันอ่อนแอภายใน ผมสังเกตจากการกลืนน้ำเหนียวของเธอนั้น

“แต่ผมก็นับถือในความใจกล้าของอาจารย์ที่ลงทุนเอาตำแหน่งมาแลกกับผมเลย เป็นเกียรติอย่างยิ่งนะครับอดีตรองศาสตราจารย์ ตำแหน่งนี้คงจะว่างในไม่ช้านี้” ผมพูด ผมเดินเข้าไปใกล้กับเธอ เราห่างกันแค่ไม่กี่คีบเท่านั้นเอง ก่อนจะโน้มตัวลงไปพูดกระซิบที่หูเธอ

“อาจารย์ทำไปแค่เพราะว่าอาจารย์หึงหวง คนที่เขาไม่ได้เป็นอะไรกับอาจารย์ เจ็บมากไหมครับ ที่ทนเห็นผมกับอาจารย์กันตภณแบบนั้น ตำตาตำใจอาจารย์มาหลายปีซินะครับ “ผมถามอาจารย์เปรมสินีมองผมก่อนจะหันมามองเป็กซ์ เขาคงรู้ว่าคนที่บอกผมคือเป็กซ์ เป็กซ์ก็แค่ยืนมองเธอ

“ผมเห็นใจอาจารย์นะครับ ที่ทำได้แค่ทนดู อาจารย์คงเก็บกดน่าดูถึงได้ จิ้มปากลงบนใบหน้าผมแบบนั้น ซ้ำ ๆ ซ้ำๆ” ผมพูดก่อนจะชำเลืองตาลงมองที่มือสวยนั้นถูกกำจนแน่น

“ผมคิดว่าแพรวานี้หนักแล้วนะครับ อาจารย์หนักกว่าแพรวาอีก ผมว่าอาจารย์รู้ดีว่าแพรวาเขาป่วยอยู่ แต่อาจารย์น่าจะไม่รู้ตัวเองนะครับว่า อาจารย์ก็ป่วยและอาจจะหนักกว่าแพรวา!”

“แก!!” อาจารย์เปรมสินีหันขวับมาทางผมเธอทำท่าจะยกฝ่ามือขึ้น

“จะตบผมบนโรงพักเหรอครับ ตบได้นะครับ ผมยินดี เอาหน้าผมไปแลกกับภาพลักษณ์เมื่อสักครู่ของอาจารย์ ที่อุตส่าห์พูดกับคุณตำรวจไว้อย่างดี และผมมีเวลาพอจะให้ปากคำเพิ่มถ้าอารจารย์อยากได้คดีทำร้ายร่างกายผมอีกสักคดี ทนายผมนะหาได้ไม่ยากเร็วด้วย สามีผมคนรู้จักเยอะ “ผมบอกเธอ เธอชักมือกลับทันที

“และผมจะไม่ตบอาจารย์กลับแน่นอนเพราะว่ามือผม" ผมพูดก่อนจะยกฝ่ามือผมขึ้นมาพิจารณาดู ผมโชว์แหวนนิ้วนางข้างซ้ายไปด้วย “มีค่ามากกว่าใบหน้าอาจารย์ ผมเก็บเอามือนิ่มๆของผมเอาไว้ลูบหน้าสามีที่บ้านดีกว่า มีค่ากว่าเยอะ” ผมพูดก่อนจะก้าวถอยหลังออกมา

“วันนี้ผมแค่ตั้งใจมาทักทาย เอาไว้เราคงจะได้เจอกันแบบจริงๆ ไปทำการบ้านมาเยอะๆ นะครับ ดอกเตอร์” ผมหันหลังเดินออกทันที เหลือไว้แค่อาจารย์เปรมสินี เขายืนกำหมัดแน่น และเธอก็หยิบโทรศัพท์ขั้นมาคงโทรหาใครสักคนที่จะช่วยเธอได้ ผมเดินมาขึ้นรถคันหรูของพี่เธียร จังหวะนั้นผมเห็นเธอเดินปรี่มาหาผมที่รถ ผมก็ลดกระจกลง ก่อนจะหันไปมองดอกเตอร์เปรมสินี เธอถือถุงข้าวผัดกับโอเลี้ยงที่ละลายจนหมดแล้ว มาชูขึ้นให้ผมดู

“แกทำแบบนี้กับฉันใช่ไหม แกคงคิดว่าวันนี้ฉันจะได้อยู่ในกรงนั้น แกไม่มีทางทำอะไรฉันได้ ไอ้เด็กเมื่อวานซีน” อาจารย์เปรมสินีพูด ผมก็ใช้นิ้วเรียวยาวเหมือนลำเทียนขึ้นมาจับปลายคางมนๆของผมก่อนจะหันไปมองปลายคางคนที่ยืนจ้องผมอยู่ มีแต่ซิลิโคนที่อัดฉีดเข้าไปจนแหลม

“ผมไม่ได้คิดว่าอาจารย์จะเข้าไปวันนี้หรอกครับ เพราะว่าความสนุกมันยังรออาจารย์อยู่อีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบเลยครับ”

“และที่ผมสั่งอันนี้ให้ก็เพราะวันที่อาจารย์ต้องเข้าไปจริงๆ ผมอาจจะไม่ว่าง ช่วงนี้ลูกกวนตัว ผัวกวนใจนะครับ เลยซื้อไว้ให้ก่อน ไม่ว่ากันนะครับ”

“ผมดูในเมนูอาหารแล้ว ก็ไม่มีอันไหนที่จะเหมาะกับอาจารย์เท่านี้แล้วครับ ข้าวผัดกับโอเลี้ยง "

"แถมเมื่อสักครู่ผมก็เอาไปเยี่ยมผัวอาจารย์มาเหมือนกันนะครับ ผมใจดีสั่งให้สองชุดเลย” ผมพูดกับเธอ มือสวยๆ นั้นกำถุงไว้แน่น เธอทำท่าจะปาทิ้งลงพื้น

“เป็นถึงอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้ว ผมว่าควรทิ้งขยะให้ลงถังจะดีกว่านะครับ ตัวอย่างที่ดีมันควรจะเริ่มจากครูอาจารย์ ถ้าเป็นตัวอย่างที่ดีไม่ได้ ไปหาชีพอื่นทำเถอะครับ ครูอาจารย์ที่ดีมีเยอะแยะอย่าทำให้เขาเสียไปด้วยเลยนะครับ”

“ผมไปก่อนนะครับ สามีโทรตาม เพราะว่าช่วงนี้สามีรักสามีหลง สำหรับผมไม่ต้องพึงยาหรอกนะครับ ยาอันนั้นผมว่าดอกเตอร์เก็บเอาไว้ใช้เองเถอะนะครับ ผมว่าดอกเตอร์จำเป็นต้องใช้มันมากกว่าผม “ผมพูดก่อนจะรีบปิดกระจกและออกรถทันทีเช่นกัน เป็กซ์หันมายิ้มให้ผม ผมยอมว่าทั้งหมดนี้แม่ผมเป็นคนสอนผมเอง ผมปล่อยให้ดอกเตอร์เปรมสีนียืนทำท่าเหมือนจะกรีดร้องแต่คนเยอะเกินไปเธอเลยไม่กล้า เธอเลยหันหลังเดินกลับไปที่รถเธอทันที

TBC...
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 07-06-2021 21:14:09
 :hao5: :hao6:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 09-06-2021 02:09:05
 :laugh:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35 (เธียรXบีม)ขุ่นแม่บีมโดนทำโทษ P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 23-06-2021 19:11:45
EP.35 (เธียรXบีม)ขุ่นแม่บีมโดนทำโทษ P1

   Part's กันต์ธีร์ ผมขับรถออกมาโดยมีสายตาของเป็กซ์ที่มองผม ผมแค่หันไปมองเพื่อนรักของผมเป็นระยะๆเท่านั้น ผมรู้ว่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใจที่เพื่อนรักของผมจะเห็นภาคร้ายๆของผม แต่ผมจะใช้มันกับคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าควรจะตอบโต้เท่านั้น เห็นผมนิ่งๆแต่ใช่ว่าผมจะยอมไปทุกอย่าง แก้งค์ของผมเป็นที่รักจักกันในคณะที่ผมเรียนแม้กระทั่งรุ่นพี่ก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับแก้งค์ของผมเช่นกัน และสิ่งเหล่านี้ผมก็ได้มาจากผู้หญิงคนหนึ่ง ที่ผมเรียกเขาว่าแม่ แต่แท้จริงแล้วเขาไม่ใช่แม่จริงๆ ผมหรอกผมรู้ ผมแค่รอวันที่เขาจะบอกความจริงกับผมว่าแม่ผมไปไหน ผมรู้ว่าเขารู้ดี แต่อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้ก็เลี้ยงดูผมมาและสอนให้ผมอยู่บนโลกนี้ได้ด้วยลำแข้งของตัวเอง ไม่เคยโอ๋ในยามที่ผมร้องไห้ ไม่เคยปลอบโยนผมเหมือนแม่คนอื่นเขาทำ มีแต่คำพูดให้ผมต้องกลับมาเข้มแข็งให้ได้ด้วยตัวเอง ล้มลงไปได้ก็ต้องยืนขึ้นมาได้ แม่ผมเคยบอกผมเอาไว้

“มึงเล่นเอาเขาของขึ้นขนาดนี้ มึงเอาคืนแทนกูใช่ไหมวะบีม” เป็กซ์หันมามถามผม ก่อนจะเอนหลังพิงเบาะรถคันหรูของพี่เธียร

“กูอาจจะเอาคืนให้มึงมากกว่านี้ก็ได้นะ รอดูแล้วกัน” ผมพูดโดยที่ตายังมองตรงไปบนท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถเล็ก รถใหญ่

“ไปเอาโทรศัพท์ที่ไอ้โก้มันบอก ก่อนที่จะมีใครไปเอามันไป เพราะนี้อาจจะมีหลักฐานที่เราต้องการก็ได้” ผมหันมาบอกเป็กซ์ มันพยักหน้ากับผม

“บ้านมันอยู่หัวหมากว่ะ” เป็กซ์หันมาบอกผม

“มึงจำที่อยู่มันได้ไหมวะ” ผมถามเป็กซ์ ผมเหลือบมองเวลาตอนนี้บ่ายโมงครึ่งแล้ว ว่าจะไปถึงก็สองโมงครึ่ง และผมก็บอกพี่เธียรว่าจะกลับไปถึงไม่เกินสี่โมงแน่นอน

“ได้ดิ “เป็กซ์ตอบผม

“งั้นตั้งค่ามาเลยเพราะว่ากูรีบ จะได้รีบไปและรีบกลับ” ผมบอกเป็กซ์ เป็กซ์มันพยักหน้า

Rrrrr และจังหวะนั้นโทรศัพท์เป็กซ์ดังขึ้นพอดีเป็กซ์หันมามองหน้าผม

“พี่ไปส์โทรมาว่ะ “เป็กซ์หันมาบอกผม น้ำเสียงมันตกใจมากพอสมควร แล้วมันจะโกหกเขารอดไหม

“รับสายดิและบอกพี่ไปซ์ไปว่ามึงจะแวะเอาของไปให้แม่มึงที่บางนาก่อน” ผมหันไปบอกเป็กซ์

“กูไม่อยากให้เฮียเธียรรู้ว่ากูไปทำอะไรเพราะว่าเฮียคงคัดค้านและไม่ยอมให้ไปแน่ๆ” ผมหันไปบอกกับเป็กซ์ เป็กซ์มันก็หันมามองหน้าผม

“กูก็ไม่อยากโกหก เฮียไปส์เลยว่ะ” เป็กซ์หันมาบอกผม

“เอาน่า มึงก็กลับไปง้อหน่อยเดี๋ยวเฮียไปส์แกก็หาย กูรู้ว่ามึงทำอยู่ เป็กซ์” ผมพูดก่อนจะยักคิ้วให้เป็กซ์มัน เป็กซ์มันเหลือกตาขึ้นบน

“เออๆ และเลิกแซวได้แล้ว” เป็กซ์มันพูดกับผม

“ฮัด ฮัลโหล! “เสียงมันกดรับสายพี่เป็กซ์ คำแรกก็ไม่เนียนแล้วครับ ผมหันมาเหล่ตามองพร้อมกับเหลือกตาขึ้นบนเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองถนนต่อ

“ครับพี่ไปส์ ผมเพิ่งจะออกมาครับ เออ ยังครับ” เป็กซ์มันหันมามองผม ผมก็พูดให้มันอ่านปากว่า ไปหาแม่

“พี่ไปส์ ผมจะแวะไปหาแม่ที่บางนา แล้วจะรีบกลับพอดีผมซื้อข้าวหลามจากหนองมนไปฝากแม่ แม่ชอบทานครับ ครับพี่ไปส์ จะรีบกลับ ทำอะไรกันอยู่นะครับ เล่นเกม “ผมหันไปมองหน้ามันเป็นระยะ ก็ต้องเหลือกตาขั้นบนตรงที่เล่นเกม อย่าบอกนะว่าลูกผมก็เล่นด้วยนะ นี่มันไม่ใช่กิจกรรมของเด็กเล็กเลยนะ พี่เธียรนะพี่เธียร!

“งั้นแค่นี้นะครับ บายครับ” อ้าวแล้วจู่ๆ มันรีบวางสาย และเป็กซ์มันก็หันมามองหน้าผมทันที

“รีบวางสายทำไมว่ะ” ผมถามเป็กซ์

“เฮียเธียรอยากจะคุยกับมึงอ่ะ กูเลยรีบวาง ด้วยความตกใจ! “ผมหันไปมองหน้ามัน ก็เพราะว่ามันรีบวางนี่แหละพี่เธียรจะสงสัยเอา

“ม๊าครับรับสายป๊าด้วย ถ้าไม่รับ ป๊าจะจับหอมแก้ม” เป็นเสียงเรียกเข้าที่ทำให้คนข้าง ผมถึงกับกลั้นหัวเราะทันที ผมก็ต้องกดรับสายพี่เธียรทันทีแถมคนข้างๆก็ทำท่าจะแซวผมอีก ผมทำนิ้วห้ามแซว

//ว่าไงครับป๊า//
//ม๊า กลับบ้านยังอ่ะ ลูกร้องหาแล้ว//
//ไม่เห็นได้ยินเสียงลูกร้องเลยป๊า //ผมพูดกับคนปลายสาย
//ตอนนี้หยุดร้องแล้วไง กลับบ้านหรือยังอ่ะ ป๊าเป็นห่วง//
//กำลังขับรถกลับไงป๊า รถเยอะด้วยตอนนี้น่ะ//
//ม๊าวันนี้นัดไปกินข้าวกับอาม่านะ ตอนหกโมงเย็น ม๊าลืมหรือเปล่าะ//พี่เธียรบอกผม
//ครับผมจะรีบกลับแต่ผมขอแวะไปทำธุระกับเป็กซ์ก่อนนะครับ//
//ม๊าโกหกอะไรป๊าหรือเปล่า!!!” ป๊าพูดเสียงดังใส่โทรศัพท์มาทำให้ผมต้องดึงแอร์พอร์ตออก ก่อนจะเสียบกลับเข้าไปใหม่
//เป็กซ์เขาจะไปหาแม่เขานะครับ แค่แวะไปเฉยๆ //ผมบอกพี่เธียร
//มาให้ทันนะม๊า อาม่าคิดถึงเหลนและหลานสะใภ้//
//ม๊าทราบครับป๊า งั้นก็แค่นี้ก่อนนะป๊า เจอกันที่บ้านครับ ม๊ารักป๊านะ รักลูกโซ่ด้วย บายครับ” ผมพูดและรีบกดวางสายทันที น้ำเสียงพี่เธียรเหมือนจะรู้ว่าผมกำลังแอบเขาทำอะไรเลย ไอ้เป็กซ์มันก็ตั้งค่าจีพีอาร์เอสที่หน้าจอทัชสกีนในรถคันหรูของพี่เธียรเพื่อผมจะได้รู้ว่าผมควรจะไปเส้นทางไหน

“มึงต้องใช้ทางออก ถนนศรีนครินทร์/ถนนพระราม ๙ เข้าสู่ บางกะปิ บีม อากู๋บอกมา” ไอ้เป็กซ์มันรีบบอกผมอากู๋ก็คือกูเกิล ผมพยักหน้าแต่ตายังมองถนนอยู่ ถ้าพลาดนิดเดียวนี้ยาวเลยกว่าจะหาทางกลับมาได้ และตอนนี้ยิ่งต้องทำเวลาอีก เป็กซ์มันบอกพี่ไปส์ว่าแวะไปหาแม่มันแยกบางนารถติดมาก คงจะพอช่วยได้ถ้าผมไปถึงช้าสักสิบยี่สิบนาที ผมขับไปตามทางด่วนก่อนจะใช้ทางออกตามที่เป็กซ์บอกเพื่อลงไปบางกะปิ ใช้เวลาไปหนึ่งชั่วโมงสิบกว่านาที ไม่นานก็ถึงที่อยู่ตามที่จีพีเอสบอกไว้

“บีมขับไปทางซอยด้านหลังเถอะว่ะ กูรู้ที่ซ้อนกุญแจประตูหลังบ้าน” เป็กซ์บอกผม ผมพยักหน้า ก่อนจะขับไปอีกซอยหนึ่งตามที่เป็กซ์บอกผม ผมเอารถมาจอดไว้ ผมหันมามองหน้ามัน จะเข้าไปยังไงวะ ทำไมไม่เข้าหน้าบ้าน

“มันต้องเข้าหลังบ้านเพราะว่าหน้าบ้านมันล๊อกเอาไว้ตลอด หนีพวกมาทวงหนี้มันไง” ไอ้เป็กซ์มันพูด ผมพยักหน้าก่อนจะปลดเข็มขัดออกและก้าวเท้าลงมายืนมองกำแพง

“มันต้องปีนข้ามไปว่ะ มึงโอเคไหมวะบีม” ผมหันมามองหน้าไอ้เป็กซ์

“ทำไมกูไม่โอเค ก็ปีนข้ามรั้วโรงเรียนกันบ่อย” ผมหันมาบอกไอ้เป็กซ์

“พี่เธียรบอกกูว่ามึงอาจจะท้องลูกอีกคนอยู่ “ผมหันมามองหน้าไอ้เป็กซ์อีกที

“ก็วันที่กูโดนไอ้โก้มันจับไป พี่เธียรเขาเลือกที่จะไปดูกูก่อน เขาไม่อยากให้มึงคิดมากเขาเป็นห่วงมึงมากเลยนะบีมและถ้ามึงเป็นอะไรไป กูว่าเขาเคืองกูตายเลย ไอ้บีม!” เป็กซ์บอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ กูดูแลตัวเองได้ “ผมพูดก่อนจะมองหาช่องทางปีนเข้า

“มึงเหยียบหลังกูขึ้นไปก่อนเพราะว่าถ้าตกมานี้งานเข้าเยอะเลยนะมึง” ไอ้เป็กซ์มันก็บอกผม มันให้ผมเหยียบหลังมันขึ้นไปก่อน ผมขึ้นไปได้ก็ยื่นมือมาดึงแขนเป็กซ์ ปืนข้ามไป จนกระทั่งลงมาถึงพื้น เป็กซ์ไปเปิดดูตามก้อนหินที่ถูกวางไว้เหมือนแค่ประดับแต่จริงๆ ไม่ใช่ ไอ้โก้มันซ้อนหลอดใส่กุญแจเอาไว้ เป็กซ์เอามาไขประตูด้านหลังของบ้าน และผมก็เดินตามเป็กซ์เข้าไป เป็กซ์มันพาผมเดินขึ้นไปบนชั้นสองของตัวบ้าน

“มึงรู้ใช่ไหมวะว่าไอ้โก้มันซ้อนไว้ที่ไหน” ผมถามเป็กซ์

“รู้ดิ เพราะว่ามันเคยดูซีรีอยู่เรื่องหนึ่ง ไอ้คนนี้เป็นพี่ชายพระเอก มันซ้อนโทรศัพท์ไว้ในโคมไฟ ตอนนั้นมันพูดว่าโคตรเจ๋งเลย กูว่ามันทำตามที่มันดูนั่นแหละ” เป็กซ์พูด ผมเข้ามาในห้องนอน

“บ้านหลังนี้ ไม่มีใครกลับมาอยู่หรอก นอกจากมันคนเดียว พ่อแม่ไม่ค่อยได้กลับมาไทยเท่าไหร่ พ่อแม่มันอยู่ประเทศนอร์เวย์กับพี่สาวและพี่เขยของพี่โก้มัน” เป็กซ์พูดขณะที่กำลังถอดโคมไฟ จนสุดท้าย เจอจนได้ซองซิปล็อกมันใส่มือถือและเมโมรีการ์ดอยู่ในถุงนั้น เป็กซ์หันมายิ้มกับผม

“บีม” เป็กซ์ทำนิ้วให้ผมเงียบ ผมก็ได้ยินเสียงรถแลนด์เข้ามาจอดด้านหน้า เป็กซ์แอบมองจากหน้าต่างช่องผ้าม่าน

“เชี่ยแล้ว อาจารย์เปรมสินีมาว่ะ” เป็กซ์รับหันมาบอกผม

“แล้วทำไมอาจารย์แกเข้าทางหน้าบ้านได้ล่ะ” ผมถามไอ้เป็กซ์

“ก็เขานอนคุยกันมาก่อนกูแต่กูเดาว่าแกไม่รู้ว่ามีกุญแจหลังบ้านว่ะ” ไอ้เป็กซ์บอกผม

“แล้วจะเอายังไงดี ถ้าเดินลงไปเจอแกแน่เลยบีม” เป็กซ์บอกผมสีหน้ามันกังวล ผมหันไปเห็นหน้าต่างบานเลื่อน ถ้าปืนออกไปและเดินไปตามแนวหลังคานี้จะไปถึงกำแพงได้

“เป็กซ์ เราต้องปืนออกทางหน้าต่างบานเลื่อนนี้เลย “ผมบอกเป็กซ์ ก่อนจะเปิดและมองไปรอบๆ มีต้นไม้อยู่ตรงนั้น ผมเห็นเป็กซ์มันรีบประกอบโคมไฟกลับสู่สภาพเดิม

“เร็วซิวะ ไอ้เป็กซ์” ผมหันมาบอกเป็กซ์ เป็กซ์มันก็รีบเดินออกและปีนตามผมออกไปทันที ผมเดินไปตามแนวหลังคา พยายามไปตามแนวไม้เพราะว่าถ้าเหยียบไปที่หลังคาเปล่าๆ หักลงไปแน่ๆ ผมรู้สึกว่ามีคนเปิดหน้าต่างบานเลื่อนนั้นและชะโงกศีรษะออกมามอง ผมรีบแอบเข้ามุมกันทันที โชคดีที่ตัวพวกผมค่อนข้างบางเลยแอบได้มิด

“ตกลงมันไว้ที่ไหนของมัน มึงนี่มันเลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ ไอ้โก้” เสียงอาจารย์เปรมสินีพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจที่เธอหาของสำคัญไม่เจอ และบานหน้าต่างก็ถูกปิดลงทันที

“ฟู่!!” เสียงเป็กซ์มันพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะหันมามองหน้าผม ผมพยักพเยิดให้เป็กซ์เดินไต่ไปรั่วและมันจะได้ปืนลงไปก่อนผม เป็กซ์มันก็ทำตามที่ผมบอก ผมเห็นเป็กซ์ปื้นต้นไม้ลงไปอยู่ที่พื้นแล้ว ผมก็ไต่ไปตามแนวหลังคาไปถึงรั่ว ผมพยายามปีนด้วยความระมัดระวัง ผมก้มลงมองความสูงพร้อมกับเอามือลูบท้องตัวเองไปด้วย ถ้าเป็นในเวลาปกติผมคงไม่รู้สึกอะไรแต่ตอนนี้ผมอาจจะมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในพุงน้อยๆ ของผมก็ได้ ผมถึงกับต้องกลืนน้ำลายตัวเองเอื้อกใหญ่ก่อนจะตัดสินใจยืนขึ้น ผมยื่นมือไปจับกิ้งไม้ที่ยื่นข้ามรั่วมาอย่างรวดเร็ว ผมค่อยๆเหยียบเท้าลงที่กิ่งไม้ เพื่อจะค่อยๆไต่ลงไป ผมกำลังจะหันหลังลงดีกว่าแทน

“บีม ค่อยๆ นะมึง” เป็กซ์ยืนบอกผมอยู่ จังหวะที่ผมหันหลังไปมองว่าผมจะลงไปยังไง จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงกิ่งไม้ลั่นดังกร๊อบ!!!

“ผลั่วะ” ไม่ถึงเสียวนาทีเสียงกิ่งไม้ที่ผมจับมันก็หักครึ่ง ภาพสโลโมชั่นมันผุดขึ้นมาทันที ผมคว้าอะไรไว้ไม่ทันร่างผมกำลังจะหงายหลังลงไปสู่พื้นดิน ผมหลับตาปรี๋ (แม่ขอโทษนะลูก)

“บีม!” เป็กซ์เรียกชื่อผมเสียงหลง ผมหลับตาปรี๋

“หมับ!” ผมรู้สึกว่ามีคนมารับผมไว้ได้ทันเพราะว่าแผ่นหลังผมสัมผัสได้ถึงความนุ่ม ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองคนที่เข้ามาอุ้มผมเอาไว้ ภาพใบหน้านั้นมันช่างดุดัน ผมถึงกับถลึงตาโตความตกใจปนดีใจไปด้วย

“ม๊า!!” เสียงเรียกชื่อผมเต็มสองรูหูขนาดนี้ ผมจ้องมองแววตาคู่นั้นมันทำให้ผมรู้ว่าเขากำลังโมโหผมอยู่ กรามที่ขบกันจนเป็นสันนูนนั้น

“พี่เธียร” ผมแค่เรียกชื่อเขาเบาๆ

“น่าไหมเนี่ยะ! ถ้าพี่มารับไม่ทันละ บีม!! ตกมาจะเป็นยังไง!!” ผมกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอไปทันที สีหน้าพี่เธียรดูเขาโกรธผมมาก ผมหันมามองไอ้เป็กซ์ ตอนแรกมันคงจะเข้ามารับผมแต่ว่ามีคนดึงมันออกไปก่อน คนนั้นคือพี่ไปส์ พี่เขายืนประกบเป๊กซ์อยู่

“พี่มาได้ยังไง” ผมถามพี่เธียร

“พี่ตั้งฟายด์มายไอโฟนไว้ที่มือถือเป็กซ์ครับและพี่กับไอ้เธียรเห็นว่าเราเริ่มผิดปกติตั้งแต่ลงจากทางด่วน ไอ้เธียรมันเลยชวนพี่ออกมาและพี่ก็ตามดูจนเห็นว่ามาที่หัวหมาก” พี่ไปส์พูด

“พี่ก็เลยโทรถามใบชาว่า ถึงได้รู้ว่าเรามาบ้านไอ้เวรนั้น ที่นี้กัน นี่ใจกล้ามากเลยน่ะที่มากันแค่สองคนแบบนี้!” พี่ไปส์พูดก่อนจะหันมามองหน้าเป็กซ์เชิงดุและเป็กซ์มันก็หลุบตาลงมองพื้นอย่างสำนึกผิดทันที ผมหันมามองหน้าพี่เธียรเช่นกัน สีหน้าเขานิ่งมากจนผมก็รู้สึกผิด เป็กซ์ก็ชูถุงซิบล็อกที่ใส่มือถือให้พี่ไปส์ดู พี่เขาเลยพยักหน้าเบาๆ

“ฟู่!!” พร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาด้วย “อยากเป็นโคนันกันนี่เอง” พี่ไปส์พูดก่อนจะเกาหัวเบาๆเหมือนจะกลั้นหัวเราะ

“วางผมลงได้แล้วมั้งครับ พี่เธียร” ผมบอกพี่เธียรด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ อย่างรู้สึกผิด

“ไม่! ไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้เลย! “พี่เธียรบอกผม

“แต่ว่า!”

“ไปคุยกันบนรถเลย บีม!!” น้ำเสียงพี่เธียรบอกได้ว่าโกรธผมจริงๆ ไอ้เป็กซ์มันพยักพเยิดให้ผมไปก่อน

“กูเอาเมียกูกลับ มึงเอาเมียมึงกลับ! “พี่เธียรหันไปสั่งพี่ไปส์ทันที

“แน่นอนเมียกู กูต้องเอากลับซิครับ” พี่ไปส์หันมาบอกพี่เธียร

“งั้นก็แยกกันเลย กูรีบมาก!!” พี่เธียรพูด

“ไปเลย บอกแล้วว่าอย่าดื้อ ดื้อจริงๆ เรานิ จะจับทำโทษทั้งคืนเลย พรุ่งนี้พี่จะบอกม๊าพี่ว่าไม่ไปร้านทองหนึ่งวัน ยืนไม่ไหว ขาสั่นเพราะทำโทษเมียหนักมาก” ผมได้ยินเสียงพี่ไปส์พูดกับเป็กซ์จนขึ้นรถไป ส่วนผมนะโดนอุ้มไปใส่ไว้ในรถอย่างรวดเร็วแถมคาดเข็มขัดให้อย่างดี และพี่เธียรก็เข้ามานั่งปรับเบาะตามที่เขาถนัดก่อนจะรีบออกรถราวกับว่าจะรีบไปเข้าเส้นชัยในสนามแข่ง แถมยังไม่พูดไม่จาอีกต่างหาก

ต่อด้านล่างค่ะ
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35 (เธียรXบีม)ขุ่นแม่บีมโดนทำโทษ P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 23-06-2021 19:12:25
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 23-06-2021 19:19:16
(เธียรXบีม)ขุ่นแม่บีมโดนทำโทษ P1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=72532.msg4057966#msg4057966)

[b=]EP.35 (เธียรXบีม)ขุ่นแม่บีมโดนทำโทษ P2[/b]
“พี่เธียร ขับช้าๆ หน่อย ผมไม่ได้เจ็บท้องนะ” ผมหันมาพูด พยายามพูดให้ขำๆ แต่พี่เธียรไม่ขำด้วย

“จะรีบกลับบ้านไง” พี่เธียรมาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

“ไม่ไปทานอาหารที่บ้านอาม่าเหรอ” ผมถามพี่เธียร

“ไม่ครับ ไม่ไปไหนทั้งนั้นครับ พี่จะรีบกลับไปจัดการเมียพี่เพราะว่าเมียพี่ดื้อกับพี่มาก!!” พี่เธียรหันมาพูดกับผม

“พี่เธียร” ผมเรียกพี่เธียรด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ

“ดูเราซิ ถ้าพี่มารับไม่ทันล่ะบีม ถ้าบีมตกลงมา เรื่องใหญ่เลยน่ะ และที่พี่เป็นห่วงไม่ใช่แค่ลูกในท้องบีม พี่เป็นห่วงตัวบีมด้วย เพราะว่าบีมก็คือคนสำคัญของพี่! และลูกโซ่” พี่เธียรพูด ผมก็นั่งนิ่ง ก้มหน้าลง ผมรู้สึกผิดจริงๆ

“ทำไมบีมไม่รักตัวเองเพื่อคนที่รักบีมอย่างพี่กับลูกโซ่และลูกเราอีกสองคนในท้องบีมอีก บีม!! “พี่เธียรพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขากำลังพยายามที่จะไม่โกรธผม ก่อนจะละสายตาจากท้องถนนหันมามองหน้าผมแว๊ปหนึ่งและหันกลับไปทันที

"ฟู่!!" เสียงพ่นลมหายใจออกมายาวๆของพี่เธียร

“ผมขอโทษพี่เธียร ผมแค่อยากจะ....” ผมพูดพี่เธียรหันมามองหน้าผม

“ผมแค่อยากได้หลักฐานสำคัญของไอ้โก้ ผมอยากจบเรื่องนี้แล้ว มันคาราคาซังมานานมากแล้วไงพี่เธียร “ผมพูด พี่เธียรเริ่มลดความเร็วลงก่อนจะหันมามองผม

“แต่มันอันตรายบีม ทำไมถึงได้ลงทุนทำอะไรแบบนี้ล่ะ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่คุ้มเลยนะบีม” พี่เธียรปรับน้ำเสียงมาเป็นปกติ น้ำเสียงที่บอกว่าเขาเป็นห่วงผมมากแค่ไหน

“ผมขอโทษ นะครับคุณสามี” ผมพูดก่อนจะเปลี่ยนเป็นกอดต้นแขนพี่เธียรแทน ทำตาวิ้งๆด้วย ผมนี่ไม่เคยอ้อนพี่เธียรขนาดนี้มาก่อนเลย

“เวลาทำผิดนี่อ้อนพี่เลยนะ พี่รู้แล้วว่าลูกได้ใครมา “พี่เธียรหันมาพูดกับผม

“หายโกรธผมแล้วใช่ไหมครับ คุณสามี “

“หายนิดเดียว “พี่เธียรหันมาชำเลืองตามองผม

“ตกลงนี้เราจะกลับบ้านเลยใช่ไหมครับ” ผมถามพี่เธียร ทำตาปริบๆ

“ใช่ครับคุณกันต์ธีร์ “ผมสะบัดหน้าไปมอง ชื่อมาเต็มๆ แบบนี้ ทำให้ผมต้องเหลือกตาขึ้นบน

“ผมจะพาคุณภรรยาจอมดื้อของผมกลับไปทำโทษที่บ้าน จะเอาให้ลั่นบ้านเลย ยิ่งไม่มีคนอยู่บ้านด้วย โดนแน่ๆ “พี่เธียรพูด ผมหันรีบเอาหน้าซุกไซ้ถูไถต้นแขนพี่เธียรจนเหมือนลูกแมว กลัวโดนทำโทษ ผมแอบช้อนตาขึ้นมามอง คนที่เก๊กทำหน้าดุให้ผมดูแต่จริงๆแล้วเขาก็แอบยิ้ม ผมแอบดูจากกระจกมองข้างนะ พี่เธียรขับรถด้วยความเร็วเพื่อไปที่บ้าน พอมาถึงผมก็พบกว่าบ้านวันนี้เงียบผิดปกติจริงๆ ด้วย

“พี่มลไปกับม๊าไปช่วยดูลูกโซ่ บุ๋มก็ไปด้วย คนอื่นๆ ก็ลากลับบ้านกัน “พี่เธียรหันมาบอกผม ผมเริ่มกลัวพี่เธียรแล้วซิ ผมเดินเข้าไปในบ้านมันเงียบจริงๆ ด้วย ผมหันมาเห็นพี่เธียร เดินเข้ามาหา พี่เธียรตรงเข้ามารวบเอวผมเข้าไปพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากผมอย่างเร่าร้อนและรุนแรง ทั้งจูบและเม้มจนผมรู้สึกริมฝีปากผมบวมเจ่อ

“พี่เธียร อ้าห์ ซี้ด ขะ ขึ้น ห้อง “ผมพูดด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ เพราะว่าพี่เธียรไซ้ลงที่ซอกคอของผม ชายเสื้อในกางเกงสแล็คถูกปลดออกมา มือหนาๆ สอดเข้าไปด้านใน ผ่านเสื้อกล้ามพอดีตัวของผมเข้าไปบี้สองจุดของผม พี่เธียรดันผมจนหลังผมชนผนังดูท่าจะไม่ยอมหยุดซะด้วย พี่เธีนรกำลังจะปลดหัวเข็มขัดที่ขาดกางเกงสแล็กเข้ารูปของผมเอาไว้ออก

“พี่เธียรครับ อ้าห์ พี่เธียร ผมยอมแล้วแต่ขึ้นไปบนบ้านนะครับ ไม่ทำตรงนี้ “ผมพูดกับพี่เธียร พี่เขายิ้มกริ่มก่อนจะอุ้มตัวผมลอยขึ้นมา

“รู้ใช่ไหมว่าครับว่าม๊าทำผิด” พี่เธียรถามผม ผมพยักหน้าเบาๆ ว่าผมรู้

“ถ้ารู้ว่าม๊าผิดจริง ป๊าก็จะทำโทษเบาๆ “พี่เธียรพูด ผมคงไม่กล้าฮือไม่กล้าอืออะไรทั้งนั้น ผมใช้มือโอบรอบคอพี่เธียรขณะที่เขาอุ้มผมขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน ตรงไปยังห้องนอนทันที พี่เธียรวางผมลงบนที่นอน พี่เขาตามขึ้นมาคร่อมร่างของผม ผมได้แต่นอนมองตาแป๋ว

“เวลาโกรธดูเซ็กซี่นะครับ” ผมพูดกับพี่เธียร นิ้วชี้เรียวๆของผมแตะลงที่ตรงแผ่นอกนั้นก่อนจะค่อยๆ ลากไล่ลงไปเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ขอบกางเกงยีน ผมสอดมือเข้าไปในกางเกงยีนนั้น มือเรียวๆของผมแทรกผ่านกางเกงยางยืดชั้นในสุดเข้าไปสัมผัสความเป็นชายที่ซุกซ่อนอยู่ มันแข็งเต็มมือผมมาก พี่เธียรหลับตาพริ้ม ให้ผมคลึงมันเล่นอยู่พักหนึ่ง

“หมับ” พี่เธียรจับมือผมไว้

“ได้เวลาถูกทำโทษแล้วน่ะ คุณภรรยาจอมดื้อของผม”

“ปึก” พี่เธียรจับมือผมมาขึงไว้ข้างลำตัวของผม ผมก็มองพี่เธียร

“สามีจะทำโทษผมยังไงครับ อย่ารุนแรงกับผมนะ เพราะว่า …” ผมพูดเสียงออดอ้อนก่อนจะผงกศีรษะลงไปที่พุงน้อยๆ ของผม

“วันนี้จะให้ที่รักของพี่ใช้ปากงามๆ จัดการลูกชายคนโตพี่นะครับ “พี่เธียรพูดกับผมก่อนจะพลิกลงมานอนตะแคง ผมช้อนตาไปมองตาม ผมลุกมานั่ง ผมใช้มือปลดหัวเข็มขัดก่อนจะปลอดกระดุมกางเกงยีนสีเข็ม แท่งเอ็นที่พยายามจะดันออกมาให้พ้นขอบกางเกงยางยืดนั้น ผมค่อยรูดมันออก จนเผยให้เห็นความเป็นชายที่ผงาดชูคอขึ้นมา พี่เธียรเปลี่ยนเป็นท่านอนหงาย ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อนเลย นี้คือครั้งแรกของผมจริงๆ ตั้งแต่อยู่กับพี่เธียรมาก็ไม่เคยเลยสักครั้ง ผมกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะค่อยๆ ใช้ปากผมครอบลงอย่างเก๊ๆกังๆกับแท่งร้อนนั้นตอนนี้กำลังพองตัวทำให้ใหญ่คับปากของผม ผมค่อยๆใช้ลิ้นโลมเลีย แรกก็ขัดๆ เขินๆ แต่พอเริ่มเข้าที่ก็เหมือนได้เลียไอติมแท่งโปรด

“อ้าห์ ซี้ด โอ้ววว เมียจ๋า โอ้วว พี่ชอบ “ผมว่าน่าจะถูกใจคนที่นอนอยู่ไม่น้อย เด้งส่วนขึ้นลงจนผมต้องกดเขาไว้

“พี่เธียร อย่าเด้งสวนผมแบบนี้ซิ เดี๋ยวทะลุคอผมจนได้” ผมร้องห้ามพี่เธียร พี่เขาแค่กระดกศีรษะมองผมก่อนจะนอนนิ่งๆ ให้ผมจัดการ พี่เธียรก็ร้องครางไปด้วย ไม่นานแท่งร้อนก็เริ่มเกร็งกระตุก น้ำสีขาวขุ่นข้นก็พุ้งกระฉูดเข้าปากผมทันที ผมไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน รสชาติแรกก็คาวๆ แต่ก็รู้สึกหวานมันหน่อยๆ

“ปึก” ร่างผมถูกผลักให้ล้มตัวลงนอนโดยมีพี่เธียรขึ้นมาคร่อมร่างผมเอาไว้

“คราวนี้พี่ทำโทษของจริงแล้วนะครับม๊า” พี่เธียรพูด ผมก็มองพี่เธียรด้วยสายตาอ้อนวอน

“อย่าทำหน้าอ้อนวอนพี่แบบนี้ พี่ไม่ใจอ่อนแน่นอน” พี่เธียรพูด มุมปากที่กระตุกเป็นรอยยิ้มนั้นมันยิ่งดูเร้าใจผมยิ่งหนัก

“ที่ต้องทำโทษคราวหน้า ม๊าจะได้ไม่กล้าดื้อกับป๊าแบบนี้อีก เตรียมตัวร้องครางได้เลย” พี่เธียรพูด พร้อมกับก้มลงจูบผม เป็นรสจูบที่เร่าร้อนรุนแรงกว่าทุกครั้ง ริมฝีปากนั้นเริ่มไล่ลงมาเรื่อยๆ ที่ตรงซอกคอ

“จ๊วบ!” เสียงดูดดังมากจนหนังผมแทบจะหลุดติดปากพี่เธียร

“อ้าห์ พี่เธียร “เสียงครางพร้อมกับแอ่นอกขั้นตามการดูดของพี่เธียร พี่เขาดูดสองจุดของผม ลิ้นก็ตวัดไปมา มือผมก็ถูกจับกุมไว้ด้านข้าง ร่างกายผมก็ดิ้นส่ายไปมา

“อ้าห์ พี่เธียร!! “ผมเรียกชื่อพี่เธียรเสียงหลงอีกครั้ง พี่เธียรเริ่มดูดแรงขั้นเรื่อย ๆ พี่เธียรหยุดชะงักก่อนจะกมลงมอง ผมนอนหายใจรวยริน พี่เธียรยิ้มอย่างพึงพอใจ พี่เขาก้มลงขบเม้มที่ตรงหน้าท้องของผมเล่น ผมเริ่มอยู่ไม่สุขดิ้นไปดิ้นมาเพราะความเสียวซ่าน ผมยอมรับว่ารู้สึกชอบในสิ่งที่พี่เธียรปรนเปรอให้ผม ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะว่าเกร็งหน้าท้องตลอด จนกระทั่งทุกอย่างหยุดนิ่ง ผมช้อนตาไปมองพี่เธียร พี่เธียรยิ้มอย่างพึงพอใจ

และพี่เธียรก็เดินหายไปในห้องน้ำ ส่วนผมนอนหายใจหอบเล็กน้อย ผมแอบคิดในใจโชคดีที่ผมให้ไลน์เก่าน้องเขาไป นี่ถ้าจับได้ว่าผมไปอ่อยสาวคงโดนหนักกว่านี้แน่ๆ
   ผมเหลือบไปเห็นพี่เธียรเดินออกมา พร้อมกับหลอดเจลหล่อลื่น พี่เธียรยังสวมกางเกงยีนอยู่แต่มันดูหลวมๆ แสดงว่าพี่เขาไม่ได้สวมกางเกงยางยืดมาด้วย กางเกงยีนที่หลวมเกือบหลุดจากสะโพก มันทำให้ผมเห็นไรขนที่ตรงหัวหน่าวแต่ไมได้ดูน่าเกลียดแต่กลับดูปลุกเร้าอารมณ์ผมมากกว่า เหมือนกับพระเอกหนังเรื่อง fifty shades grey หุ่นพี่เธียรไม่ใช่นักกล้ามที่จะได้มีซีกแพคไว้ยั่วยวนใจแต่มันกลับเซ็กซี่ขยี้ใจแม่บีมเหลือเกิน ทำไมผมถึงได้ต้องการเขามากขนาดนี้ ผมเคยอ่านเจอว่าผู้หญิงตั้งครรภ์บางคนกลับมีอารมณ์ทางเพศสูงผิดปกติ สงสัยว่าผมจะเป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน ผมเลียริมฝีปากของผมและ พี่เธียรเดินมานั่งที่ตรงบั้นท้ายของผมก่อนจับขาผมตั้งขึ้น ผมรู้ได้ทันทีว่าพี่เธียรจะทำอะไร ดีนะที่วันนี้ไม่ค่อยได้ทานอะไรเลย ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้ทานเพราะรีบ ได้ดื่มน้ำกับกาแฟเย็นที่แวะซื้อแค่นั้น

“อ้าห์ “ผมครางเบาๆ ทันทีที่ผมรู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่เรียกว่านิ้วที่เรียวยาวของพี่เธียร พี่เธียรเป็นคนที่นิ้วเรียวยาว ถึงแม้ไม่ได้เป็นลำเทียนสวยก็ตาม ผมต้องกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง พี่เธียรเท้าแขนมองผม สายตาจับจ้องที่ใบหน้าขอบผม สีหน้าของผมแสดงให้เขาเห็นว่าผมรู้สึกยังไงมันน่าแปลกที่ช่วงนี้ผมรู้สึกไวต่อการเล้าโลมของพี่เธียรแถมยังตอบสนองเรื่องอย่างว่ากับพี่เธียรได้ดีขึ้น

“อ้าห์ ซี้ด” ผมเริ่มแอ่นอกขึ้น นิ้วที่สองกำลังแทรกเข้ามาในกายผม เริ่มขยับถี่ขึ้น ถี่ขึ้น ถี่ขึ้นเรื่อยๆ

“พี่เธียร!! อย่าทรมานผมแบบนี้ซิพี่เธียร ซี้ดดดดด”

“พี่ทำโทษต่างหาก ชอบไหมครับ ชอบให้พี่ทำโทษไหมครับ บอกพี่ซิครับที่รัก หึ!” พี่เธียรก้มลงถามผม

“อื้มมมม ผม อื้มมม “ผมเริ่มร้องครางดังขึ้น นิ้วที่สามกำลังจะถูกสอดแทรกเข้าไปในช่องทางรักของผม

“พี่เธียร ผมไม่ไหวแล้ว พี่เธียร!!! “ผมครางออกมาดังขึ้นอีกในเชิงอ้อนวอน พี่เธียรชักนิ้วออกก่อนจะลงไปยืนมองผม เขาปลอดกระดุมกางเกงยีนออกอีกครั้งและเผยให้เห็นความเป็นชายที่กำลังชี้หน้าผมอยู่ พี่เธียรหยิบหมอนมาลองที่ตรงท้องนอนของผมพร้อมกับจัดท่าให้ผมนอนตะแคงยกขาผมขึ้นมาพาดวางบนหมอนไว้ข้างหนึ่ง ก่อนที่พี่เขาจะเข้ามาทางด้านหลังของผม

“ท่านี้ปลอดภัยสำหรับคนท้อง ฝึกไว้เวลาตอนท้องโต” พี่เธียรกระซิบกับผม ผมหันมามองประมาณว่าท้องโตก็ยังจะเอาผมอีกเหรอ แถมตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยนะว่าท้องแน่หรือเปล่า เพราะว่าเพิ่งจะแค่สองสัปดาห์เองหลังที่ผมปล่อยให้เขาหลั่งในโดยไม่ป้องกัน พี่เธียรเข้ามานอนกระหนาบด้านหลังผม พี่เธียรสอดแขนเพื่อโอบกระชับลำตัวผมเข้าหาแผ่นอกตันๆ ของพี่เธียร พี่เธียรเริ่มใช้ปลายลิ้นโลมเลียไปที่หลังหู มันยิ่งทำให้อารมณ์ของผมพลุ่งพล่านไปทั่ว ผมเริ่มสัมผัสได้ว่ามีบางสิ่งกำลังทักทายช่องทางรักของผมอยู่ ช่องทางรักที่เต็มไปด้วยเจลหล่อลื่นที่พี่เธียรชโลมเอาไว้แล้วตั้งแต่เริ่มใช้นิ้วมือ

“อ้าห์ ผมเริ่มร้องครางก่อนจะหันหน้าขึ้นไปมองพี่เธียร ริมฝีปากอวบอิ่มของผมถูกประกอบด้วยริมฝีปากไม่หนาไม่บางของพี่เธียร นิ้วมือที่กำลังหยอกเล่นกับสองจุดของผม ยิ่งทำให้ผมต้องเป็นฝ่ายจูบพี่เธียรตอบ พี่เธียรเองก็กำลังรุกล้ำช่องทางรักของผมอย่างต่อเนื่อง

“พี่ชอบบีมแบบนี้น่ะ แสดงออกมาเลยว่าบีมชอบแบบไหน ไม่ชอบแบบไหน” พี่เธียรกระซิบบอกผม ผมยอมรับว่าผมต้องการมัดใจสามีดังนั้นเรื่องอย่างว่าก็ต้องทำให้ได้ พี่เธียรเริ่มขยับเข้าออกเร็วขึ้นแต่ผมเชื่อว่ามันจะปลอดภัยถ้าผมท้องขึ้นมาจริงๆ พี่เธียรเริ่มหายใจถี่ขึ้นเร็วขึ้น บั้นท้ายเริ่มเด้งสวยถี่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานพี่เธียรก็เริ่มเกร็งช่วงล่าง

“อ้าห์!!” เสียงครางลากยาวของพี่เธียร เขาหยุดค้างไว้ด้านในกายผมนิ่ง นั้นแปลว่าถึงจุดสุดยอดแล้ว ส่วนผมนะสำเร็จไปไม่รู้กี่รอบแล้ว ผมรู้เปียกไปทั้งตัว เหงื่อที่แตกผลักของผมและพี่เธียร พี่เธียรค่อยถอนเจ้าแท่งร้อนออกมาหลังจากที่น้ำทุกหยดมันพุ้งใส่เข้าไปในกายของผม ผมพลิกตัวมากนอนกอดพี่เธียรทันที

“นี้ทำโทษผมแล้วเหรอครับ” ผมเงยหน้าขึ้นถามพี่เธียร

“ทำไม่ลงหรอก แล้วทำไมม๊าไปไม่บอกป๊า ป๊าจะได้พาไปเองและเล่นปืนเข้าบ้านคนอื่นเขาแบบนี้อีก อันตรายนะและถ้าใครเขาแจ้งความขึ้นมาละม๊า โดนเหมือนกันน่ะ ม๊า” พี่เธียรพูดเชิงต่อว่าผมแต่เขาออกจะเป็นห่วงผมซะมากกว่า ผมก็ยิ่งกอดพี่เธียรแน่นขึ้น

“ผมรีบนะครับและผมแค่อยากไปเอาหลักฐานสำคัญแค่นั้นเอง ผมกลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะเข้าไปและเขาก็เข้าไปเหมือนกันนะพี่เธียรแต่ผมออกมาได้ก่อน “ผมพูดโดยใช้มือของผมลูบไล้ที่แผ่นอกของพี่เธียร พี่เธียรทำสีหน้าตกใจก่อนจะส่ายหน้าไปมา

“อย่าทำแบบนี้อีกนะครับ แล้วนี่ได้หลักฐานอะไรมาเหรอ” พี่เธียรถามผม

“ไอ้โก้มันบอกว่ามีคลิปเด็ดๆ น่าจะที่นักศึกษาที่โดนอาจารย์หลอกไปและบางคนรู้แต่ก็ไปทำลงไปเพราะเงิน ผมว่าเขาน่าจะขายคลิปให้พวกเว็บหนังโป้ที่ต้องเสียเงินเข้าไปดูนะครับ เขาน่าจะได้บิทคอร์ทด้วย “ผมพูดกับพี่เธียร

“พี่เธียรพรุ่งนี้ผมจะไปรับน้องที่เขาเรียนที่เดียวกับผมและเขาก็โดนอาจารย์คนเดียวกันที่ทำกับผมแต่น้องเขาดันโชคร้ายกว่าผม และเขาก็ตัดสินใจจะมาเป็นพยานว่าอาจารย์เปรมสินีทำแบบนี้จริง แต่ผมจะต้องหาที่พักให้เขาด้วยนะครับ” ผมบอกพี่เธียร

“ได้ซิ งั้นให้ไปพักที่คอนโดเฮียธามนะ” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้า

ตื้ดๆๆๆ เสียงข้อความเข้ามาในมือถือพี่เธียร

// ไอ้เธียร มึงพาเมียไปอาบน้ำที่ไหนครับ พากันไปแช่บ่อน้ำร้อนออนเซนต์ที่ญี่ปุ่นเหรอครับมึงครับ เขามากันหมดทุกตระกูลแล้วค่ะ รอคู่คุณมึงอยู่คู่เดียวนี่แหละ//ผมชะโงกไปอ่านข้อความกับพี่เธียร

“ไปแต่งตัวเร็วเลย เขารอเราสองคนอยู่” ผมก็มองพี่เธียร

“พี่บอกม๊าว่าจะมารับบีมและก็พามาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารกัน เร็วเลย “พี่เธียรพูดแถมยังเร่งผมอีก

“ไปช้านี้เขารู้เลยนะว่าเรากลับมาทำอะไรกันก่อน” พี่เธียรพูด ผมรีบเด้งขึ้นทันที จนเกือบเซจนล้ม

“หมับ” มีคนมารับผมไว้อีกแล้ว “ม๊าระวัง เป็นแม่คนแล้วยังเป็นม้าดีดกะโหลกอีก จริงๆ เลย” พี่เธียรบ่นผม

“ก็พี่อ่ะ ทำไมไม่บอกผมว่าจะพามาอาบน้ำแต่งตัว ผมจะได้บอกว่าเอาไว้ทำคืนนี้ไม่ใช่ตอนนี้!!” ผมหันไปบ่นพี่เธียรทันที

“พอพี่บอกว่าชวนมาทำการบ้าน ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดีใจตลอดทาง “พี่เธียรแซวผม และเราสองคนก็พากันเข้าห้องน้ำอาบน้ำ อาบน้ำอย่างเดียวเลย และพากันออกมาแต่งตัวผมออกมาสวมชุดสีเดียวกันจะได้รู้ว่าเราไปด้วยกัน เสื้อเชิ้ตลาครอสสีฟ้าอ่อน

“พี่เอาเสื้อสีเดียวกันกับพี่และผม ใส่ให้ลูกไปหรือเปล่าครับ” ผมถามพี่เธียรขณะที่ตัดแต่งทรงผมอยู่

“ครับคุณแม่ เพราะว่าช่วงนี้เสื้อผ้าในตู้มาเป็นเซตทั้งนั้นเลยครับ พ่อแม่ลูกขนาดนี้ ป่านนี้คนที่ขุ่นแม่เอฟของมา ปิดซอยเลี้ยงฉลองแล้ว ยอดขายพุ้ง” พี่เธียรชะโงกมาตอบผมขณะที่กำลังเลือกนาฬิกาขึ้นมาสวมใส่ แซวผมอีกน่ะ ผมรีบยู่ปากใส่ พี่เธียรหยิบนาฬิกามาสวมให้ผมเรือนหนึ่ง ผมก็มอง

“พี่ซื้อมาเป็นแพ็คคู่ เพื่อว่าวันหนึ่งจะได้สวมให้คนที่จะเดินคู่กับป๊าและวันนี้ป๊าเจอแล้ว” ผมยิ้มให้คนที่สวมนาฬิกาให้ผม

“ทำไมพี่ตั้งใจซื้อไว้ทั้งที่ยังไม่มีคู่” ผมถามพี่เธียร

“ตอนนั้นมันลดราคาเยอะและพี่ก็ไม่รู้ซิ อะไรดลใจให้พี่ซื้อเก็บเอาไว้ พี่ซื้อไว้ตอนที่พี่บินกลับมาล่าสุด รอบที่พี่ไปเจอบีมนั่นแหละ” พี่เธียรบอกผม ผมก็ก้มลงมองดูมันเข้าชุดกับของพี่เธียร

“ฟื้ด!!” พี่เธียรทำท่าจะฉีดน้ำหอมใกล้ๆที่ผมยืนอยู่ เขาหันมาชูขวดน้ำหอมให้ผมดูว่าผมจะฉีดด้วยไหม ผมก็หันไปจะสูดดม ไม่กี่นาทีได้ผล

“อึก! อึก!” ผมรู้สึกเหมือนผมกำลังสำลักกลิ่น ผมต้องดันพี่เธียรออกและวิ่งออกไปทันที ผมต้องไปเปิดหน้าต่างให้กลิ่นระเหยออกไปก่อน ผมทำท่าจะผอืดผอม ผมรีบหันหลังเดินเข้าไปในห้องน้ำ

“บีม!! “พี่เธียรวิ่งตามผมออกมาทันที ผมไม่ได้รู้สึกเหมือนจะอาเจียน แต่มันรู้สึกเหมือนมีอะไรมันปิดกั้นจมูกผมหายใจไม่ออก พี่เธียรเดินมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ เขาพยายามก้าวเท้าเขามาหาผมเพื่อว่าจะลูบหลังผม ผมยังได้กลิ่นอยู่เลยรีบยกมือดันพี่เธียรออก

“พี่เธียร พี่ฉีดน้ำหอมเยอะไปอ่ะ กลิ่นแรงมาก” ผมบอกพี่เธียร พี่เขาก้มลงดมน้ำหอมที่ติดเสื้อ ผมอยากบอกว่าผมเกือบตายได้ในไม่กี่นาที กลิ่นที่พี่เขาใช้มันแรงแต่ทุกทีผมก็รู้สึกเฉยๆ น่ะ แต่วันนี้เกือบฆ่าผมได้เลย

“พี่เธียรไม่ต้องเข้ามา “ผมรีบยกมือห้ามพี่เธียรอีกครั้ง

“เป็นอะไรไปนะบีม กลิ่นนี้พี่ฉีดประจำนะ”

“แต่วันนี้มันเหมือนจะฆ่าผมเลย เมื่อกี้ผมเกือบหายใจนะพี่เธียร มันเหมือน อึก อึก” ผมพูดและทำท่าจะขย้อนออกมาอีกแล้วแต่ผมเชื่อว่าไม่มีอะไรออกมาแน่นอน นอกจากน้ำย่อยเพราะว่าผมยังไม่ได้ทานอะไรเลย พี่เธียรรีบถอยหลังออกทันที

“อ้าว!! พี่ฉีดไปเยอะไปเหรอ?” พี่เธียรพูดก่อนจะก้มลงดมอีกครั้งและก็ทำท่าสั่นหัวไม่น่าจะใช่

“เปลี่ยนเสื้อได้ไหมอ่ะครับ” ผมพูดพร้อมกับยกแขนขึ้นมาปิดจมูกผมเอาไว้ พี่เธียรมองผมก่อนจะพยักหน้าและเดินออกไป ผมยืนอยู่จนแน่ใจว่าพี่เขาเปลี่ยนแล้ว พี่เขาเดินกลับเข้ามา สวมเสื้อเชิ้ตยี่ห้อเดิมแต่สีเข็มขึ้นมาหน่อย ก็ไปกันได้อยู่น่ะ ผมก้มลงมองที่มือพี่เธียรเขาถือขวดน้ำยี่ห้อหรูราคาแพงติดมือมาด้วยมาชูให้ผมดูเป็นกลิ่นผู้หญิงที่ผมใช้เอง

“กลิ่นนี่ได้ไหมอ่อนที่สุดแล้วเนี่ยะ!” พี่เธียรถามผม ผมค่อยๆ สูดดมกลิ่นนั้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้าว่าพอได้ พี่เธียรเหลือกตาขึ้นเล็กน้อย เพราะว่าเขาไม่ชอบน้ำหอมกลิ่นอ่อนๆเท่าไหร่แต่ก็พอได้ พี่เธียรทำท่าจะหันหลังเดินออกแต่ก็หยุดชะงักเท่า

“เดี๋ยวนะ!” พี่เธียรหันหลังกลับมายืนมองผมพร้อมกับทำท่าคิด “เมื่อกี้บีมบอกว่าเหม็นน้ำหอมพี่ทั้งที่พี่เคยฉีดประจำบีมก็ไม่เป็นนะแต่ดันมาเป็นช่วงนี้ และบีมยังทำท่าเหมือนจะผอืดผอมด้วย ตกลงบีมท้องใช่ไหม?” พี่เธียรถามผม ผมก็ถลึงตาขึ้น

“เออ “ผมทำท่าคิด

“พี่ว่าท้อง”

“เออ ผมว่า”

“พี่ว่าเราประกาศข่าวดีกันเลยนะบีม”

“ยังพี่เธียร ผมว่าเร็วเกินไป รอให้แน่ใจก่อน เพิ่งจะสองสัปดาห์เอง รอสักหลายๆ สัปดาห์ก่อนนะครับ จริงแล้วๆ ควรจะสิบสองสัปดาห์ขึ้นไปค่อยบอกนะครับ เพราะว่ามันชัวร์ที่สุด น่ะครับ “ผมบอกพี่เธียร ก่อนจะพากันออกมาจะได้รีบไปตอนนี้มันจะหกโมงครึ่งแล้วด้วย

“สงสัยพี่ต้องทิ้งน้ำหอมนั้นไปเลยมั้งนะ” พี่เธียรหันมาถามผม คงแอบเสียดายซินะ

“ถ้าพี่ฉีดพี่ต้องเดินห่างผมสักร้อยเมตรเป็นอย่างต่ำ เอาไหมล่ะ” ผมถามพี่เธียร

“ยี่ห้อนี้แพงมากเลยนะและพี่เคยซื้อให้อากันด้วยขวดหนึ่ง เมื่อปีที่แล้ว” ผมหันมามองพี่เธียร ผมขมวดคิ้วผมเริ่มตั้งครรภ์ปีที่แล้ว นั้นแปลว่าอากันคงฉีดกลิ่นนี้ตอนมาหาผม ผมเลยอาเจียนเกือบตาย

   ผมลงมาที่รถกับพี่เธียรขับรถคันหรูออกไปทันที พี่เธียรจับมือกุมไว้และหอมไปตลอดทางเลย ผมหันมามองคนข้างๆ ขอบคุณที่วันนั้น ผมเดินหลงไปหาเขา ถึงจะแอบด่าไว้ซะเยอะแยะก็ตาม ว่าเป็นผู้ชายไม่ได้เรื่อง ได้แล้วก็ทิ้งๆ ขว้างๆ ทำไมลูกผมมันถึงได้ซวยขนาดนี้ที่มีคนนี้เป็นพ่อ แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างในใจผมในตอนนั้นมันหายไปหมดสิ้น เหลือแต่ภาพของสุภาพบุรุษ คุณพ่อต้นแบบที่ผมต้องการ ผมยอมรับว่าผมกับพ่อแทบจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน พ่อผมทำงานให้ทีมวิจัยไม่มีเวลาให้ครอบครัวมาก สองสามเดือนกลับบ้านที มันทำให้ผมต้องอยู่กับแม่สองคนและเพราะความผิดปกติ ทำให้ผมตัองอยู่แต่ในบ้าน ทำได้แค่มองเด็กๆ เขาเล่นกันที่หน้าต่าง ออกไปเล่นกับเขาก็ไม่ได้ ทั้งที่ผมไม่ได้แตกต่างไปจากเด็กคนอื่น แต่ทุกคนกับมองผมด้วยสายตาแปลกๆ เพราะว่าพ่อผมมีพฤติกรรมแปลกๆ เขาจึงคิดว่าผมอาจจะแปลกเหมือนพ่อผมเช่นกัน และถ้าวันหนึ่งเกิดมีคนคิดกับลูกโซ่เหมือนที่ผมเป็นล่ะ ผมหันมามองคนข้างๆ ผมเชื่อว่าผู้ชายคนนี้น่าจะจัดการมันได้ดี ผมเชื่ออย่างนั้น
TBC.....
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)การพบกันในฐานะศัตรูตัวร้าย P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-06-2021 20:02:18
 :oo1:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.34 (เธียรXบีม)แม่บีมโดนทำโทษ NC18+P1,P2
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 26-06-2021 23:21:46
 :hao6:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35 (เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 27-06-2021 22:23:58
EP.35 (เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก ครึ่งแรก   

          Part’s กันต์ธีร์ ผมสองคนมาถึงภัตตาคารพี่เธียรบอกว่านัดกันมาทานอาหารกับอาม่า เป็นภัตตาคารที่ผมเคยมาทานกับป๊าและม๊า เป็นห้องอาหารจีน มีคนเข้ามาทานกันเยอะพอสมควรในช่วงวันหยุด เดินเข้าไปในห้องอาหาร วันนี้คนมาทานกันเยอะแยะเลย มีครอบครัวของโกวหงส์แฟนโกวหงส์

“สวัสดีครับ เตี่ยวิทย์” พี่เธียรยกมือไหว้แฟนของโกวหงส์ ผมก็ยกมือไหว้เช่นกัน

“สวัสดี ไม่ได้เจอกันเลยน่ะ สบายดีไหมบีม เธียร “แฟนของโกวหงส์พูดก่อนจะหันมามองหน้าผม แฟนโกวหงส์ดูภูมิฐานเพราะว่าเขาคือผู้บริหารโรงแรมระดับห้าดาวมีสองสามสาขาแต่กว่ามีนักท่องเที่ยวมาพักแน่นทุกช่วงเทศกาล

“อ้าวบีมมาแล้วเหรอ เป็นไงเหนื่อยแย่เลยซิ เห็นม๊าบอกว่าเราขับรถพาเพื่อนไปให้ปากคำที่สถานีตำรวจที่ใกล้จุดเกิดเหตุมาไม่ใช่เหรอ “โกวหงส์เดินมาทักผม ผมยกมือไหว้โกวหงส์ก่อน ผมเห็นดอกเหมยกับดอกหลิว กำลังเล่นกับเจ้าลูกโซ่อยู่

“นิดหน่อยนะครับโกว “ผมบอก

“ดูหน้าซีดๆ ไปน่ะ พักผ่อนบ้างไหมเราน่ะ” โกวหงส์ถามผม

“พักครับโกว “ผมบอกโกวหงส์ ก่อนจะหันไปเห็นอาม่าเขานั่งหัวเราะชอบใจเจ้าลูกโซ่เต้นประกอบเพลงโปรดของเขาอยู่

“ผมขอตัวไปไหว้อาม่าก่อนนะครับโกว” ผมบอกโกวหงส์ ก่อนจะเดินไปหาอาม่า อาม่าหันมามองผม ผมยกมือไหว้ พร้อมกับนั่งย่อตัวลง อาม่าเอาฝ่ามือขึ้นมาแตะหัวผมเบาๆ

“อาบีมไปไหนมาน่า และนี้ทำไมเราดูเหมือนจะเป็นลมเลย กินบ้างไหมข้าวปลาน่า” อาม่าถามผมอีกคน สงสัยผมจะหน้าซีดจริงๆ ผมหันมามองพี่เธียร พี่เขาหรี่ตาลงมองผม ผมก็เห็นพี่ธันเดินเข้ามาพร้อมกับฟิล์มพอดี ผมเลยรีบลุกขึ้น แต่จังหวะที่ผมรีบลุกเร็วเกินไปทำให้ผมเกิดอาการวูบขึ้นมาเฉยเลย

“หมับ” ดีที่พี่เธียรหันมาคว้าตัวผมไว้ได้ทัน

“บีม!!” มีแต่คนเรียกชื่อผม ร่างผมกระแทกกับอกพี่เธียรอย่างจัง

“บีมเป็นอะไร! “พี่เธียรถามผมด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเขาตกใจมาก ผมก็เงยหน้าขึ้นมองพี่เธียรก่อนจะยกมือขึ้นว่าผมโอเค ผมค่อยๆ ยืนทรงตัวให้ได้

“น่าจะเป็นเพราะว่าผมไม่ได้ทานข้าวเที่ยงวันนี้นะครับพี่เธียร” ผมพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ เพราะว่าพี่เธียรต้องต่อว่าผมแน่ๆและได้ผลสีหน้านี่เหมือนพ่อจะดุลูกเลย

“ม๊า!! ทำไมทำแบบนั้นล่ะ คราวหน้าพี่ไม่ให้ไปคนเดียวแล้วนะ ไปไหนนี่พี่ต้องไปด้วย ดื้อจริงๆ ม๊าเนี่ย! “พี่เธียรพูดพร้อมกับสั่นหัวไปมา ไอ้ฟิล์มมันเดินปรีมาหาผมทันที

“มึงเป็นอะไรไปบีม” ฟิล์มถามผม

“กูหน้ามืดว่ะ สงสัยเพราะว่าวันนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้ทานข้าวเที่ยง” ผมพูดแต่ล่ะคนเดินมาหาผมกันเกือบหมด โดยเฉพาะม๊า

“บีมไหวไหมลูก “ม๊าถามผม

“ไหวครับม๊า ผมไม่เป็นอะไรมากครับ “ผมหันไปบอกม๊า

“ไปหาที่นั่งก่อนดีกว่าน่ะ ส่วนเจ้าลูกโซ่ วันนี้คนเลี้ยงเยอะแล้ว นั่งพักเลยบีม” ม๊าพูดพี่เธียรก็รีบพาผมไปหาที่นั่ง ทันที ผมเห็นพี่มิวส่งยิ้มมาให้ผม พี่ผมยกมือไหว้พี่มิวและเฮียธี ผมเห็นเจ้าลูกโซ่ที่เดินล้มลุกคลุกคลานอยู่ที่พรม เขาเงยหน้ามาเห็นผม เขารีบลุกขึ้นมายืนทันที

“ม๊า!” เขาเรียกผมพร้อมกับกางแขนมาแต่ไกล เขาค่ยอๆก้าวเท้าพยายามเดินมาหาผมเองให้ได้ ทันทีที่เขามาถึงผมโน้มตัวลงไปจะอุ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง  จังหวะที่พี่เธียรหันไปคุยกับป๊า ก่อนจะหันมาเห็นว่าผมเข้า

“อย่าบีม!! อย่าก้มลงอุ้มลูกแบบนั้น!” พี่เธียรร้องห้ามผมเสียงหลง เล่นเอาทุกคนหันมามองผมกันหมดแม้กระทั่งป๊า พี่เธียรหันไปมองทุกคนเช่นกัน ผมแอบขยิบตากับพี่เธียรว่าอย่าพึ่งบอกน่ะ มันเร็วเกินไป

“มีอะไรเหรอ ไอ้ตี๋!” เฮียธามถามพี่เธียรทันที

“เออ คือว่า บีมเขา ปวดท้อง” พี่เธียรพูด

“ปวดท้องอีกแล้วเหรอบีม “เฮียธามหันมาถามผม

“ปวดบ่อยเหรอ ไปหาหมอตรวจให้ละเอียดดีกว่านะบีม” ม๊าหันมาถามผมทันที และจังหวะนั่น อากันเดินเข้ามากับหมอภีมปภพ ทุกคนหันไปมองหมอภีมปภพกันหมด

“สวัสดีครับ” หมอภีมปภพยกมือไหว้ผู้อาวุโสทุกคนก่อน และคนอื่นก็ยกมือไหว้อากันและพี่หมอ ผมก็เช่นกัน

“มีอะไรกันเหรอทำไมมองหมอภีมกันแบบนั้นล่ะ” อากันถามขึ้น และอากันก็หันมาหยุดมองที่ผม พี่เธียรก้มลงอุ้มเจ้าลูกโซ่แทนผม

“เออบีมวันพฤหัสหน้านี้ทางมหาวิทยาลัยจะขอนัดคุย  เรื่องอาจารย์เปรมสินี พี่ได้หลักฐานจากเป็กซ์แล้วน่ะ “อากันตภณพูด ผมยิ้มดีใจ แต่ว่าทุกสายตายังมองผมกันอยู่

“อาภีมมาก็ดีแล้วน๊า จับอาบีมไปตรวจซิ วันนี้หน้าตาอีไม่ดีเอาซะเลย ซี้ดเหมือนไก่ต้มเลยน่ะ” อาม่าพูดก่อนจะชี้มาที่ผม หมอภีมปภพ ก้มลงมองผม

“ซี้ดไปหน่อยๆนะ ดูแล้วน่าจะเพลียๆ มากกว่า” หมอภีมพูดเขามองผม

“ผมไม่ได้ทานข้าวเที่ยงนะครับอาม่า วันนี้” ผมหันไปบอกอาม่า

“งั้นไม่ต้องตรวจแล้วละครับ ให้ทานข้าวก็แล้วกันเดี๋ยวก็ดีขึ้น หึๆ” พี่หมอภีมพูดปนหัวเราะ

“พี่หมอวินิจฉัยราวกับเป็นร่างทรง” เฮียธามพูดทันที

“ก็บีมเขาบอกว่าไม่ได้ทานข้าวนี่ครับ อาการแบบนี้คงหิวข้าว ทานข้าวเดี๋ยวก็หาย ใช่ไหมบีม” พี่หมอภีมหันมาถามผม ผมว่าพี่หมอน่าจะเดาได้ว่าผมเป็นอะไรและที่ยังบอกไม่ได้เพราะว่ายังไม่ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ต่างหาก ผมก็เกาหัวเบาๆ

“อ้าว!!” ทุกคนพากันร้องด้วยความผิดหวัง

“แหม่เราก็นึกว่ามีข่าวดีซะอีก” เหมยรีบพูด

“อั๊วะก็นึกว่าลื้อมีข่าวดี อาเธียร ไม่ได้เรื่องเลย ลื้อนี้น้ำยาไม่ดี” อาม่าพูดพี่เธียรหันไปมองอาม่า

“ใครบอกอาม่า น้ำยาผมนะดี ผมนะ….” พี่เธียรกำลังจะพูดผมรีบเอามือปิดป่ากไว้

“เอาล่ะไหน ไหน ก็มากันครบแล้วจะได้ให้เขายกอาหารมาเสิร์ฟเลย จะได้ทานข้าว อาบีมคงหิวแล้ว” ป๊าพูดและทุกคนก็นั่งลงประจำทีของตัวเอง พี่เธียรหันไปขอเก้าอี้เด็กมาและเอาเจ้าลูกมานั่งทาน ผมหันมามองลูกชาย ทำหน้าเหมือนจะงอนยังไงก็ไม่รู้ที่ไม่อุ้มเขา ผมเอามือไปลูบหัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ นี่ก็คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ผมกังวลถ้าผมท้อง ลูกโซ่ยังเด็กมากหนักเขายังไม่เข้าใจอะไรมาก เขาจะมองว่าผมเริ่มรักเขาน้อยลงแต่จริงๆ ไม่ใช่ ผมรักเขาเหมือนเดิม ลูกโซ่หันมามองผมเขายิ้มตาหยีให้ผมเหมือนเดิม

“ถ้าจะให้อุ้มเราต้องให้ป๊าอุ้มนะครับ เพราะว่าม๊าไม่สบาย” พี่เธียรกระซิบกับลูกโซ่ ผมไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจไหม ผมหันไปมองแต่คนเริ่มทานอาหารกันแล้ว ผมเห็นอาจารย์กันตภณกับพี่หมอภีมนั่งทานอาหารและคุยกันกับป๊า ดูจากความสนิทสนมของหมอภีมกับอากัน มันทำให้รู้ว่าเขาสองคนเข้าใจกันดีแล้ว ไอ้ฟิล์มมันมานั่งข้างๆ ผม เฮียธันก็นั่งลงข้างๆ ฟิล์มเหมือนเช่นเคย

“บีมเป็นไงบ้าง ไม่ค่อยได้เจอเลยเนอะ เจ๊อะขึ้นเวรถี่ยิบเลยแถมร้านยาก็ยุ่งมาก “เจ๊มิวพูดกับผม ผมพยักว่าผมรู้และเฮียธีก็ต้องไปคอยดูบ้านที่สร้างใหม่กลัวไม่ทันเพราะว่าจะใช้เป็นเรือนหอ

“บีมรู้เรื่องแพรวาไหม มีคนบอกว่านางต้องกลับไปเรียนใหม่ปีหน้าไปเรียนกลับรุ่นน้อง และเกรดนางถูกปรับใหม่หลายตัวเลย ดังนั้นนางจึงไม่ได้เกียรตินิยมอันดับสอง แถมยังไม่ได้เข้ารับปริญญาตรีปีนี้อีกด้วย” ผมหันมามองเหมย ก่อนจะหันมาหน้าพี่เธียร ว่าเขารู้สึกยังไง พี่เธียรนิ่งไปพักหนึ่ง

“อย่างน้อยแพรวาเขาก็เหมือนน้องสาวพี่คนหนึ่งนะบีม เคยเป็นเด็กผู้หญิงที่มาวิ่งตามพี่” พี่เธียรพูด ผมพยักหน้าว่าผมเข้าใจ

“แต่พี่เลือกคนข้างๆ พี่มากกว่า และสิ่งที่เขาทำกับบีมมันก็แย่มาก มันคงเพียงพอแล้วที่จะต้องชดใช้” พี่เธียรหันมาพูดกับผม

“บีมอย่าลืมเข้าไปเช็กนะว่าเขานัดซ้อมรับวันไหน คณะขอบบีมน่ะ” เหมยบอกผม ผมพยักหน้ากับเหมย พี่เธียรจัดการป้อนข้าวให้ลูกโซ่แทนผม ผมเห็นฟิล์มมันเงียบๆ ทั้งที่เฮียธันก็เอาใจมันตักนั้นตักนี่ให้มันตลอดเหมือนกับว่ามันงอนอะไรเฮียเขาหรือเปล่า

“ฟิล์มเป็นอะไรของมึงนะ” ผมกระซิบถามฟิล์ม

“เออ ไม่มี” มันตอบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก

“กูว่ามึงมี “ผมพูดกับฟิล์ม ฟิล์มมันมองหน้าผม ก่อนจะหันไปมองเฮียธัน

“ไปห้องน้ำกันไหม” ผมถามฟิล์ม ฟิล์มหันมามองผมก่อนจะพยักหน้า

“ผมขอไปห้องน้ำก่อนนะครับ” ผมบอกทุกคนก่อนจะลุกขึ้น พี่เธียรก็ลุกตามเช่นกัน

“พี่เธียร ผมจะไปกับฟิล์มนะครับเพราะว่าฟิล์มเขาจะเข้าห้องน้ำด้วย พี่ก็ป้อนข้าวลูกนะครับ” ผมพูดกับพี่เธียร พี่เขาพยักหน้ากับผม

“ใช้ท่อเดียวกันเหรอครับ ปวดพร้อมกันเลยกันเลย” เฮียธีพูดพร้อมกับชี้มาที่ผมสองคนแต่มีคนหันมาตีแขนเฮียธีทันที

“เฮีย ผมแค่บังเอิญ” ผมรีบพูดทันที ก่อนจะหันไปพยักหน้ากับฟิล์ม ส่วนพี่เธียรก็นั่งลงป้อนข้าวลูกต่อ

   ผมเดินออกมากับฟิล์ม ผมพากันเดินไปเข้าห้องน้ำชาย ผมปิดประตูลงลงกลอน ผมหันมามองหน้าฟิล์ม ดูมันซีเรียสขึ้นมาทันที ไอ้ฟิล์มมันหยิบมือถือขึ้นมากดเหมือนจะให้ผมดูอะไรสักอย่างในมือถือนั้น ผมหยิบมาดู สิ่งที่ผมเห็นก็เป็นรูปเฮียธันกับผู้ชายอีกคนที่กำลังถ่ายรูปเซลฟี่กันแบบแนบชิด แต่ในรูปมันก็บอกแล้วว่านานแล้ว ดูพี่ธันตอนนั้นยังหนุ่มๆ ตอนนี้เฮียธันก็ยี่สิบหกย่างยี่สิบเจ็ด ผมเดาว่าตอนนั้นน่าจะยี่สิบเอ็ดยี่สิบสอง หุ่นยังบอบบางไม่มีกล้ามเหมือนตอนนี้ ผมเพิ่งมารู้ว่าพี่เขามาเล่นกล้ามไม่กี่ปีนี้เอง

“มึงเครียดเรื่องนี้เหรอวะ ดูจากรูป น่าจะนานแล้วไหมวะ และมึงก็บอกเองว่าเฮียเขาบอกว่าเลิกกันไปนานแล้วด้วย” ผมละสายจากรูปในมือถือของฟิล์มขึ้นมาถาม

“กูแอบถ่ายมาจากที่เขาส่งมาให้เฮียธัน เขาส่งมาเหมือนกับว่า…”

“เขาพยายามบอกให้กูรู้ว่าเขาจะมาทวงคืนใช่ไหมวะบีม  เพราะว่าเขาระบุเมสเซนเจอร์ให้ส่งที่กูก่อน ให้กูเป็นคนเซนต์รับด้วย” ฟิล์มบอกผม

“และแน่นอน พี่ธันบอกว่าให้เปิดกูเปิดดูก่อน เพื่อว่าเป็นเอกสารด่วนเพราะเอกสารส่วนตัวของเฮียจะไม่ส่งไปที่โรงเรียนอยู่แล้วกูเลยเปิด เปิดมาก็ช๊อกว่ะ ทั้งที่รู้ว่ามันเป็นรูปที่ถ่ายเอาไว้นานแล้ว” ฟิล์มพูดกับผม

“แล้วไง ก็แค่อดีตปะว่ะ และนี่ดูก็รู้ว่าเฮียเขาเลือกคนปัจจุบัน มึงรู้น่าจะรู้ดี” ผมพูดกับฟิล์ม ผมมองหน้าฟิล์ม

“กูแค่กลัวไง กูกลัวเจอเหมือนไอ้เอ็มอ่ะ กูโคตรกลัวเลยว่ะ “

“มึงรักเฮียธัน ส่วนไอ้เอ็มนะ มึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันหรอก มันมีคนเข้ามาหามันเยอะแยะมากกว่าเธียธันอีก มึงเองยังปล่อยผ่านมาได้เยอะแยะไม่สนใจเพราะว่ามึงไม่ได้แคร์มัน แต่ตอนนี้มึงแคร์พี่ธันมาก มึงกลัวเสียเขาไปมากกว่าไอ้เอ็ม และกูเชื่อว่าพี่ธันไม่ใช่ไอ้เอ็มที่จะวาเวียนไปหาของเก่าๆกิน” ผมพูด ผมมองหน้าฟิล์ม

“กูว่ามึงกลัวมากเกินไป มึงกลัวเสียเฮียเขาไปใช่ไหม” ผมพูดก่อนจะ เปลี่ยนท่ามาเป็นยืนกอดอกมองหน้าไอ้ฟิล์ม

“แล้วนี่มึงคุยกับเฮียเขาหรือยัง” ผมถามไอ้ฟิล์ม มันส่ายหัวไปมา

“จากที่เขาส่งรูปมาให้มึงดู นั้นมันคือคนหมดหนทางที่จะดึงเขากลับไป ความหลังมันไม่ได้ใช้ได้กับทุกคนนะไอ้ฟิล์ม มึงควรจะเชื่อคนที่มึงนอนคุยด้วย และมึงคือคนปัจจุบันที่นอนคุยอยู่กับเขา คนนั้นมันคืออดีตต่อให้เคยนอนด้วยกันก็เถอะ ไม่มีใครกลับไปแก้ไขอดีตได้ปะว่ะ มีแต่เขาจะเดินไปข้างหน้า” ผมพูด ฟิล์มมันมองหน้าผม

“กูเดาออกว่ามึงกับเฮียเขาไปถึงขั้นไหนแล้ว ใช่ไหมฟิล์ม” ผมพูด พร้อมกับกอดอกมองหน้าไอ้ฟิล์ม ฟิล์มมันก็มองผมก่อนจะพยักหน้าว่าจริงๆ

“แต่กูไม่มั่นใจว่าเขาให้กูเป็นแบบไหนกันแน่ พี่เขามีคนคบมาเยอะอยู่น่ะ แต่ว่าเลิกกันไปเร็วมากไง กูกลัวว่ะ” ไอ้ฟิล์มมันพูด

“แล้วที่เขาดูแลมึงขนาดนี้ มันยังไม่ชัดเจนอีกเหรอวะฟิล์ม” ผมถามฟิล์มกลับ

“กึกๆ” เสียงกลอนประตู ถูกบิดผมหันไปมองเพราะว่าผมกดล๊อกเอาไว้ ผมเลยต้องรีบหันไปปลดล๊อกทันทีและฟิล์มก็หันไปล้างมือ ผมเปิดประตูให้คนที่จะเข้าห้องน้ำเดินเข้ามา คนนั้นคือเฮียธัน

“เห็นหายมาตั้งนานเลยมาตามครับ” เฮียธันพูดก่อนจะมองฟิล์ม ผมว่าเฮียธันน่าจะเดามันออก เฮียธันมองหน้าผม ผงกหัวไปทางฟิล์ม

“เออ…. ผมว่าเฮียมีอะไรก็คุยกับมันเลยดีกว่าไอ้นี่มันไม่ใช่พวกชอบพูดทุกอย่างแต่มันเก็บรายละเอียดแม่งทุกอย่าง” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะเดินแทรกตัวออกไปทันที ผมเห็นพี่เธียรเดินมายืนรอผมด้วยท่ากอดอก

“เมียพี่เป็นทุกอย่างเลยนะ แม้กระทั่งศิราณีที่ปรึกษาปัญหาหัวใจ” พี่เธียรพูดแซวผม ผมหันมายิ้มให้

“ไปกินข้าวได้แล้ว หน้าซี้ด ป๊าเป็นห่วง” พี่เธียรพูดแทนตัวเองว่าป๊า ก่อนจะโอบเอวผมเข้าไปกอด

“ตอนท้องลูกโซ่ เราแพ้หนักแบบนี้ไหมม๊า” พี่เธียรถามผม

“หนักมาก ผมอาเจียนจนต้องไปนอนให้น้ำเกลือ ไม่เชื่อไปถามอากันดู”ผมพูด

“ให้ถามอากันอีกแล้ว ไม่ถามอ่ะ เดี๋ยวขึ้นอีกและจับเมียไปทำโทษอีก” พี่เธียรพูด ผมหันมามองหน้าพี่เธียร

“จะทำโทษอะไรหนักหนา หน้าซี้ดจนเขาทักกันหมดแล้วและที่ผมเป็นนี่ ไม่ใช่แค่เพราะไม่ได้กินข้าวเที่ยงหรอก แต่เป็นเพราะพี่หื่นต่างหาก” ผมหันมาบ่นพี่เธียร

“และเลิกหึงผมได้แล้ว ดูอากันกับหมอภีมดิ เขามาคู่กันขนาดนั้น” ผมหันพูดกับพี่เธียร

“ก็เขาเพื่อนกัน” พี่เธียรพูดผมหันมามองหน้าพี่เธียร ผมเลิกคิ้วสูง พี่เธียรหันมามองหน้าผมเหมือนกัน

“พี่ไม่รู้จริงๆ เหรอ หรือว่าพี่ไม่ใส่ใจกันแน่ อากันกับพี่หมอนะเขาเป็นมากกว่าเพื่อนกันอีกน่ะ ผมเองยังรู้เลยและนี้คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ผมไม่เลือกพี่อากันตั้งแต่ก่อนจะเจอพี่” ผมพูดกับพี่เธียร พี่เธียรสะบัดหน้ามามองผม

“จริงดิ พี่ไม่เคยรู้เลย เป็นไปไม่ได้ ดูอากันกับพี่หมอเขาก็เหมือนเพื่อนกัน ดูท่าจะแมนทั้งคู่ อากันพี่น่ะไม่น่าจะ ไม่น่าจะ” ผมก็มองไม่น่าจะอะไร

“ไม่จริงอ่ะ อากันนะแมนนะ และพี่หมอก็ไม่ใช่แน่นอน คือถ้าอ้อนแอ่นแบบม๊านี้สักคน พี่เชื่อเลยแต่นี้” พี่เธียรยังสั่นหัวไปมาอีก

“อาจจะรุกกับรุกก็ได้นะ ไม่เคยเจอเหรอ ฟินดีนะ” ผมพูดและมองหน้าพี่เธียร

“อันที่จริงผมว่าผมควรจะลองกลับมาเป็นรุกดู” ผมพูด พี่เธียรสะดุ้งเฮือก

“อย่าเลยให้พี่ทำให้ดีกว่า เมียนอนครางอย่างเดียวพอไม่เหนื่อยด้วยนะ พี่นี้เหนื่อยเมื่อยด้วยเหมือนได้ไปวิ่งรอบสนามฟุตบอลตั้งสามรอบ ดังนั้นให้พี่เหนื่อยคนเดียวพอแล้วนะม๊า “ผมหันมากลับมามองพี่เธียร ก่อนจะหันกลับไป ก็พบว่ามีคนขวางอยู่ ผมก็เลยชนเข้าเต็มๆ

“ปึก!” ร่างบางๆของผมปะทะกับคนร่างสูง ผมถึงกับเซถลาถอยหลังออก

“หมับ!” ผมเดินชนเขาจนเซจะล้มแต่คนที่รับผมไว้ได้ก่อนคือพี่เธียร คนที่ชนยืนนิ่งเฉย

“ขอโทษครับพี่” ผมขอโทษขอโพยคนที่ผมชนเช้า ส่วนคนที่ชนผมกับยืนเอามือล้วงกระเป๋า มันผิดแปลกถ้าเป็นผู้ชายแมนๆ เขาจะคว้าคนที่จะล้มไว้ก่อนแต่นี้ไม่เลยสักนิดแถมยังถอยหลังออกไปอีก

“เป็นอะไรไหมบีม” พี่เธียรรีบถามผมทันที

“ขอโทษนะครับพอดีพี่มองหาเพื่อนพี่นะครับ เลยไม่ได้มองน้อง “พี่เขาพูดน้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าเขารู้สึกผิด ผมฟังจากสำเนียงแล้วไม่น่าจะใช่คนไทย สำเนียงที่พูดเร็วรัวๆแบบนี้ ผมมองหน้าเขาแบบพิจารณาอีกทีหน้าตาก็ไม่ใช่ไทยแท้อีกด้วยแต่ผมรู้สึกว่าใช่คนในรูปที่ฟิล์มมันให้ผมดู ผมหันมามองหน้าพี่เธียร พี่เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งที่เห็นหน้าคนที่ชนผมเข้า

“พี่ไนท์ พี่ไนท์ใช่ไหมครับ” พี่เธียรถามเขาคนนั้น

“ใช่ครับเธียร สวัสดีครับ แล้วนี่ใครเหรอครับ” พี่เขาทักทายพี่เธียรก่อนจะปรายตาลงมามองผม สายตามันจิกมองลงมาที่ผม

“แฟนผมครับพี่ไนท์ บีมนี้พี่ไนท์ เพื่อนเฮียธัน” พี่เธียรแนะนำผมกับพี่เขา แสดงสถานะว่าแฟน ผมว่าเขาต้องรู้เรื่องแหวนผมเลยยกมือข้างซ้ายขึ้นมาแตะที่ต้นแขนโดยหันให้เขาเห็นแหวนต้นตระกูล พี่เขามองจ้องก่อนจะเงยหน้ามองหน้าผม

“แค่แฟนเหรอครับน้องเธียร ใส่แหวนชัดเจนขนาดนั้น” พี่เขาหันมาถามพี่เธียร สายตาจับจ้องอยู่แหวนที่นิ้วนางของผม แสดงว่าเขาอยากได้แหวนแต่พี่ไม่ได้มอบให้เขา แสดงว่าต้องมีบางสิ่งที่เขาทำให้พี่ธันไม่มั่นใจที่จะมอบสิ่งสำคัญอันนี้ให้

“จริงๆ ก็ไม่ใช่แค่แฟนหรอกครับ บีมเขาภรรยาของผมนะครับพี่ไนท์แต่ยังไม่แต่งงาน รอแต่งหลังจากเฮียธีนะครับ “พี่เธียรพูด พี่เขาพยักหน้า

“พี่เธียรครับ ผมว่าเราเข้าไปหาลูกชายเราดีกว่า “ผมพูดกับพี่เธียร

“งั้นผมขอตัวนะพี่ไนท์ “พี่เธียรรีบบอกคนตรงหน้า

“เธียร! พี่เห็นธันเขาเดินหายมาทางทางนี้ เขาไปเข้าห้องน้ำใช่ไหมครับ” พี่เขาถามพี่เธียร พี่เธียรนิ่งไปหลายนาที

“คือพี่มีเรื่องจะคุยกับธันนะครับ พี่พึ่งจะบินกลับมาจากอเมริกา นี่เพิ่งจะมีโอกาสได้เจอธัน ทั้งที่อยากจะเจอเป็นคนแรก” พี่เขาพูดอันนี้เรียกว่าพยายามจะกลับมาหาแน่นอนและพยายามใช้คนในครอบครัวเป็นสื่อ โดยการพูดประมาณว่ายังรักเขาอยู่ ผมหันมามองหน้าพี่เธียรว่าพี่เขาจะตอบว่ายังไง แต่พี่เธียรคงยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องระหว่างเขากับเฮียธันแล้ว

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35 (เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-06-2021 22:45:08
 :hao3:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35 (เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 27-06-2021 23:12:39
 :serius2: :z6:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35.1เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 30-06-2021 13:24:09
 
EP.35.1เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก ครึ่งหลัง


      ผมหันมามองหน้าพี่เธียรว่าพี่เขาจะตอบว่ายังไง แต่พี่เธียรคงยังไม่รู้ว่าผมรู้เรื่องระหว่างเขากับเฮียธันแล้ว พี่เธียรดูกระอักกระอ่วนใจมิใช่น้อย พี่คนที่ยืนอยู่ก็มองพี่เธียรสลับกับผมไปมา

“คือ ผม เออ ผม “ดูพี่เธียรทำท่าจะตอบ ผมหันไปมองหน้าเขาแทนก่อนจะ

“พี่เขาอยู่ในห้องน้ำนั้นนะครับ เขาคุยกับแฟนเขาอยู่ครับ “ผมเป็นคนตอบแทนพี่เธียรหันมามองผม พี่เขาเขม้นตามองมาที่ผมทันที ผมยิ้มให้เขาเหมือนผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาและเฮียธัน ผมว่าเขาคงกำลังไม่พอใจที่ผมบอกว่าเขาคุยกับแฟนใหม่

“แฟนใหม่เหรอครับไม่ยักรู้ ว่าธันมีแฟนใหม่หรือว่าเด็กที่เพิ่งเข้ามาคุยกันแน่ แต่ไม่แปลกครับเพราะว่าธันเขาเปลี่ยนบ่อย” พี่เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก

“แต่ถ้าน้องบอกพี่แบบนั้น พี่ไม่ไปกวนดีกว่าพี่รอให้เขาออกมาก่อนแล้วกันนะครับ พี่รอคุยกับเขาได้ เราเคยคุยกันมาก่อน” พี่เขาพูดทำเหมือนตัวเองดูดีแต่จริงๆ ไม่ใช่

“ผมสองคนก็พึ่งจะออกมาจากห้องน้ำนะครับ ผมเห็นเขาคุยกันอยู่ดูท่าจะเรื่องส่วนตัวซะด้วย ผมเลยคิดว่าไม่อยากไปเสียมารยาทเลยปล่อยให้เขาคุยกันไปดีกว่าครับ” ผมพูด พี่เขาหันมามองหน้าผมอีกครั้งแววตาของเขามันบ่งบอกให้ผมรู้ว่าเขาเริ่มจะไม่พอใจ ก่อนที่มุมปากนั้นจะกระตุกขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิิ้ม

“พี่เธียร เจ้าลูกโซ่ ออกมาแล้วนั้นน่ะ ไปจับลูกเร็ว เห็นแบบนี้ไวใช่เล่นน่ะพี่เธียร” ผมหันไปเห็นเจ้าลูกโซ่กำลังคลานออกมา

“เจ้าก้อนเต้าหู้ ไวจริงๆ” พี่เธียรพูดก่อนวิ่งปรี่ไปหาลูกชายเขาก่อนเลย

“หมับ” เขาจับต้นแขนผมไว้ ผมหันมาปรายตาลงมือเขา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาประสายตาคู่นั้น มองเขาก็ต้องรีบปล่อยต้นแขนผมทันที

“ถ้าน้องไม่รู้อะไรระหว่างพี่กับพี่ธัน อย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่านะครับ อยู่เป็นแฟนเธียรอย่างเดียวจะดีกว่า ต่อให้ธันเขาเป็นพี่สามีก็ใช่ว่าน้องจะยุ่งได้นะครับ เพราะนี่มันไม่ใช่หน้าที่ของน้องสะใภ้เขาทำกัน พี่เตือนครับ!” พี่เขาพูดเชิงกระซิบกับผม ผมนิ่งก่อนจะหันไปมองหน้าเขา

“ผมไม่รู้อะไรในอดีตของพี่ทั้งคู่หรอกครับพี่และผมก็ไม่อยากรู้ด้วย คือถ้าพี่สำคัญจริงพวกเขาคงเล่าอะไรให้ผมฟังบ้างแล้วแหละครับ แต่นี้ไม่ทั้งที่ผมก็คือคนของครอบครัวเขาแล้ว”

“และทุกเรื่องภายในครอบครัวเขาบอกผมหมดยกเว้นเรื่องของพี่ น่าแปลกนะครับ " ผมหันมาพูด

"ถึงยังไงเรื่องในอดีตของพี่ผมก็ไม่เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว ผมเป็นคนยืดติดกับปัจจุบันมากกว่า เหตุการณ์ในอดีตมีไว้ให้จำอย่างเดียว”

“แต่มันก็ขึ้นอยู่กลับว่าน่าจำหรือว่าน่าลบทิ้งด้วยนะครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบเก็บเรื่องที่ไม่น่าจำเอาไว้ในหัวนาน เปลืองพื้นที่เปล่าครับ”

“ผมว่าพี่รู้ดีว่าอดีตของพี่ทำให้พี่ธันเขาจำหรือว่าทำให้เขาเลือกจะลืมมันทิ้งไป” ผมพูด

“พี่เองก็น่าจะได้คำตอบอยู่แล้วว่าพี่ธันเขาเลือกใคร อดีตหรือปัจจุบัน”

“แต่ถ้าเป็นผม ผมคงจะไม่กลับไปซ้ำทางเดิม เพราะถ้าเคยเดินผ่านมาและผมก็รู้แล้วว่าทางนั้นมันไม่ใช่ทางน่าจะเดินไปต่อ ผมจะเลือกทางใหม่ที่น่าเดินกว่า ซึ่งมันเรียกว่าทางแยกแยกไปทางที่ดีกว่าเดิม” ผมพูดพี่เขามองหน้าผมนิ่งมาก เอามือล้วงกระเป๋า

“และทางของพี่กับพี่ธันอาจจะเดินไม่ค่อยสะดวกอาจจะแคบลงจน ใครสักคนเริ่มไม่อยากเดินต่อ และเขาก็เป็นฝ่ายเลือกเดินทางใหม่ พี่เองก็กลับมาร่วมทางกับเขาอีกไม่ได้ พี่ควรจะยอมรับนะครับ "

" แต่พี่ก็พยายามจะดึงเขากลับทั้งที่รู้ว่าเป็นไปไม่ได้โดยการพยายามส่งรูปเก่าๆ มาให้เฮียธันดู หวังว่าเขาจะกลับไปทบทวนดู ทั้งที่เฮียเขาเอารูปพี่ทิ้งไปหมดแล้ว นั่นแสดงว่าจบไม่สวยถูกต้องไหมครับ” ผมพูดสายตาผมจ้องมองเข้าไปในแววตาคู่นั้น แววที่รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาแพ้ตั้งแต่รู้ว่าพี่ธันมีแฟนใหม่แล้ว ผมเดาว่าเขาจับตาดูไอ้ฟิล์มมาพักสักพักแล้ว

“น้องนี่ปากดีน่ะ ระวังแหวนจะหลุดจากนิ้วไม่รู้ตัว” พี่เขาพูดพร้อมกับหลุบตาลงมองที่นิ้วมือข้างซ้ายของผม ผมก้มลงมองเช่นกันพร้อมกับยกมือน้ั้นขึ้นมาจับแหวนวงนั้นขยับให้เขาดู

“ผมรู้สึกว่าแหวนวงนี้มันแน่นมาก มันรักนิ้วผมมากเหมือนคนให้นะครับ พี่ดูซิ มันถอนไม่ออก ดูท่าจะหลุดยากซะด้วยเพราะว่าผมมีดีที่จะทำให้เขาไม่อยากให้ผมไปจากเขาแน่นอน แต่ก็ต้องขอบคุณที่เป็นห่วงผมนะครับ” ผมพูดก่อนจะช้อนตาขึ้นมามองคนตรงหน้า

“พี่นะซิ ถ้าพี่ใช่คนที่เขาต้องการจริง แหวนตระกูลคงไปอยู่ที่นิ้วพี่นานแล้วแหละครับแต่นี่พี่คงจะไม่ใช่คนที่เขาเลือก ต่อให้แนบชิดกันมาแค่ไหนถ้าเขาหมดใจนั้นก็แปลว่าเกมมันโอเวอร์ไปแล้ว ดูถ้าจะนานแล้วด้วย” ผมพูด

“พี่เป็นนักแข่งรถด้วยนี่ครับน่าจะต้องรู้จักเคารพกฎกติกานะครับ และควรกลับมายินดีมากกว่าไม่ใช่พยายามเข้ามาสร้างความร้าวฉานแทน “เขามองหน้าผมนิ่งและยิ้มให้เขาเล็กน้อย

“ผมขอตัวนะครับ ลูกผัวผมรออยู่” ผมพูดก่อนจะหันหลังเดินออก ทำไมผมถึงรู้ว่าเขาคือนักแข่ง ผมดูจากเสื้อที่เขาสวมตอนถ่ายรูปกับเฮียธัน ผมเดินมากางแขนจะอุ้มลูกโซ่ แต่พี่เธียรส่ายหน้าว่าไม่ให้ผมอุ้ม พี่เธียรเปลี่ยนเป็นหันมากอดผมแทน ผมหันไปชำเลืองตามองคนที่ยืนอยู่ เขาเลือกเดินหันหลังออกไป คงไม่กล้าจะเดินเข้าไปหาเฮียธันกับฟิล์ม ผมแอบพ่นลมหายใจ ไอ้ฟิล์มมึงเจอคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาซะแล้ว ผมเองยังรู้สึกได้ ไอ้ฟิล์มแทบจะไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องพวกนี้เลย ตอนไอ้พี่เอ็ม ไอ้ฟิล์มมันไม่เคยเข้าไปยุ่ง จนมันหมดความอดทนขอเลิกกับไอ้พี่เอ็มมันเอง นั้นแปลว่ามันเองก็ไม่ได้รักไอ้พี่เอ็ม แต่นี้มันรักเฮียธัน ดูท่ามันจะรักเขาจนหมดใจซะด้วยซ้ำ

"ม๊าเป็นอะไรไปนะ" จู่ๆ พี่เธียรก็ถามผม เพราะว่าเขาตักอาหารให้ผมแล้วแต่ผมยังเขี่ยอยู่ ผมหันมามองพี่เธียรและตักอาหารทานให้คนข้างๆ สบายใจ

“ม๊า เมื่อกี้ไปคุยอะไรกับพี่ไนท์” พี่เธียรกระซิบถามผมแสดงว่าเขาก็แอบมองผมอยู่ ผมหันมามองพี่เธียรยิ้มๆ

“เขาคือแฟนเก่าเฮียธัน” ผมหันมาพูดกับพี่เธียร พี่เธียรหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ

“ทำไมบีมรู้” พี่เธียรถามผมด้วยสีหน้าตกใจเล็กน้อย อย่างที่ผมบอกทุกคนไม่มีใครพูดเรื่องนี้กับผมเลย

“เขาส่งรูปมาให้เฮียธันดูและฟิล์มมันเห็น เฮียธันนะบอกกับฟิล์มแล้วว่าเขาเลิกกันไปนานแล้ว แต่นี้เหมือนเขาจะพยายามกลับมาหาเฮียธันอีก โดยการพยายามรื้อฟื้นความหลัง ด้วยการส่งรูปที่คิดว่าเขารักกันมากมาให้ดู “ผมหันมาพูดกับพี่เธียร

“เฮียธันไม่มีวันกลับไปหาพี่ไนท์หรอก เชื่อพี่ เพราะว่าพี่ไนท์ทำกับเฮียธันไว้ชนิดที่ไม่มีวันให้อภัยได้และพี่รู้สึกว่าเฮียธันรักฟิล์มมากกว่า มากกว่าทุกคนที่เฮียเปิดตัวเป็นแฟนอีกนะ นี่ยังไม่รวมที่เรี่ยรายปลายทางที่เฮียเขามีมาก่อน “พี่เธียรพูด ผมหันมามอง มีแบบนี้ด้วยเหรอ

“ก็ผู้ชาย ใครให้ก็เอาป่ะ “พี่เธียรพูด ผมเริ่มกอดอก

“ตอนนี้ใครให้ ก็ไม่เอา แต่ป๊าขอม๊าแบบวันนี้ทุกรอบเลยได้ไหม ป๊าฟินมากพูดเลย” พี่เธียรกระซิบแหนบหูกับผม

“อะไรฟินเหรอคะ” มีคนกระซิบกับผมสองคน

“เว้ยย!!” พี่ธันหันไปร้องอุทานด้วยความตกใจ เฮียธามขยับตัวมาเบียดเพื่อกระซิบถาม พร้อมกับสีหน้ายิ้มๆ ให้ผมสองคน

“ตกลงอะไรฟิน ไม่บอกจะตะโกนให้ป๊าและม๊าได้ยินนะ ฟินอะไร!!” ผมหันมามองพี่เธียรเป็นไงละ

“แม้ไอ้ตอแหล ให้กูขับรถเอาลูกมึงมาด้วยบอกว่า จะไปเร่งเมียมาอาบน้ำ ที่ไหนได้ แอบไป…” เฮียธามพูด

“เกาหลัง!” พี่เธียรรีบพูด “ให้เมียเกาหลังให้ฟินมากเฮีย คันหลังไง ให้เมียเกาให้ ซี้ดซาด เป็นรอยเล็บเลยเนี่ยะ ดูๆ “พี่เธียรพูดแถบยังจับคอเสื้อดันหลังให้เฮียธามดู ผมหันไปมอง มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยนะพี่เธียร

“แค่เกาหลังแน่เหรอ ไอ้ตอแหล!” เฮียธามพูดก่อนจะส่งนิ้วกลางให้พี่เธียร

“พี่ธามครับ หวัดดีครับ “จู่ๆ ก็มีคนเดินมาทักเฮียธาม ผมหันไปมองคนที่มายกมือไหว้ พี่เขาก็ยกมือไหว้เฮียธีเช่นกัน พี่เธียรก็หันไปไหว้พี่เขาแบบขอไปที อันนี้แปลกมา ผมก็ยกมือไหว้ตาม ดูแล้วน่าจะแก่กว่าพี่เธียรอีก พี่เขายิ้มให้ผม

“หวัดดีว่ะ ไอ้ปุณณ์ มึงมาร้านนี้ด้วยเหรอ ไม่ยักรู้” เฮียธีถามขึ้น ก่อนจะช้อนตาขึ้นไปมอง

“ผมชอบทานอาหารร้านนี้กันนะครับ” พี่เขาตอบพี่ธาม

“สงสัยเราจะได้ฤกษ์เปลี่ยนร้านแล้วแหละเฮีย ไว้อาลัยร้านโปรดของป๊าได้เลย อุดหนุนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย” เฮียธามพูด ก่อนจะหันไปมองคนที่ยืน เขายิ้มเจื่อนๆ ทันที

“ตรงไปน๊ะ!!” เฮียธีพูดพร้อมกับเล่ตามาลงที่เฮียธาม

“เจ๊ล้อเล่น!” เฮียธามพูดก่อนจะหันไปที่แขนพี่เขา พี่เขายืนปาดเหงื่อที่แตกลงมาจากไรผม

“เล่นเอาผมตกใจหมดเลยครับ เฮอๆ” พี่เขาพูดก่อนจะมองทุกคนและมาหยุดที่ผม

“ผมเห็นไอ้ธันนะครับ แล้วนี่มันไปไหนเหรอครับ” พี่เขาถามถึงเฮียธัน

“ไปไหนวะ ห้องน้ำเปล่าใช่ปะเฮีย” เฮียธามหันไปถามเฮียธี

“เห็นบอกไปตามเรากับฟิล์มไม่ใช่เหรอบีม” เฮียธีหันมาถามผม

“ใช่ครับ แต่เฮียเขาขอคุยกับฟิล์มก่อน พี่มีอะไรด่วนไหมครับ ผมไปตามให้ได้” ผมพูดแต่พี่เธียรจับข้อมือผมเอาไว้

“นั่งเลย นั่งทานได้แล้ว เดินอยู่นั่นแหละเดี๋ยวเป็นลม ถ้าเป็นขึ้นมา ป๊าต้องจับม๊าผายปอดโชว์คนเยอะแยะเลยนะ “พี่เธียรพูดขณะที่กำลังตักอาหารใส่จานให้ผม ผมหันไปมองพี่เธียร จ้องแต่จะผายปอดอย่างเดียวนี่นะ

“ไม่เป็นไรครับน้อง พี่นั่งไม่ไกล โต๊ะนั่นนะครับ เดี๋ยวพี่รอธันกลับมาก็ได้ครับ” พี่เขาบอกผม

“อุ๊ย!! ใครสั่งตีนมา!!” จู่ๆ เจ๊ธามก็ถามขึ้นเสียงดัง

“มิวก็เห็นอยู่นะยังไม่ได้ลองเลยแต่คิดว่าไม่กินดีกว่า ไม่ชอบแทะตีนนะเจ๊” พี่มิวพูดก่อนจะดันออกมาทางเจ๊ธาม เจ๊ก็จับถ้วยเซลามิกเข้ามา

“กินตีนด้วยกันไหม ปุณณ์ แม่งเหลือเยอะเลยไม่มีใครกิน “เจ๊ธามหันไปถามพี่ที่ยืนอยู่ พี่เขายืนหันรีหันขวาง ก่อนจะชี้หน้าตัวเอง เฮียธามชวนกินตีนไก่

“มึงนั่นแหละ แทะเป็นไหมตีนนะ” เจ๊ธามถามอีก คราวนี้ระบุเลยว่าพี่เขานั่นแหละ

“เหลือเยอะเลยวะ หลายคู่เลย เอาไปกินบ้างไหมว่ะปุณณ์ แต่เฮียไม่ค่อยสันทัดวะ พวกตีนๆ อะไรเนี่ยะ มึงชอบไม่ใช่เหรอวะ” เฮียธีเงยหน้าขึ้นมาถาม เล่นเอาพี่เขายืนนิ่งไปพักหนึ่ง ผมว่าพี่คนนี้ต้องมีความหลังที่ไม่สวยงามกับครอบครัวนี้ ผมหันไปเห็นพี่ไนท์นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับที่พี่เขาบอก

“ไม่ดีกว่าครับ พวกผมไม่ค่อยชอบตีน เออ ตีนไก่ตุ๋นนะครับ เฮีย “พี่เขาตอบเฮียธี

“ทำไมละ ดูซินี่น่ากินจะตายไป นี้ตุ๋นนานม๊าก!! ตุ๋นจนฮ่องกงฟุตไปหายหมดแล้วเนี่ยะ กินได้เลย ฆ่าเชื้อให้เรียบร้อยแล้ว” ผมถึงกับต้องปิดปากขำ พี่เธียรสะบัดหน้าไปมองเจ๊ธาม

“ไม่ดีกว่าผมเกรงใจงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ เพื่อนเรียกกลับโต๊ะ หวัดดีครับเฮีย” พี่เขาพูดก่อนกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ

“เอาไว้ผมโทรคุยกับธันมันดีกว่าครับ” พี่เขาพูดก่อนจะรีบเดินสาวเท้ากลับไปที่โต๊ะอย่างรวดเร็ว

“ตกลงใครจะกินไหมตีนนะ” เจ๊ธามหันมาถามทุกคนบ้าง

“ไม่เอาใครจะกินลงเล่นบอกเป็นฮ่องกงฟุตด้วย คราวนี้ร้านยาขายยาไม่ออกแน่ เพราะว่าเอาไปตุ๋นนานๆ เดี๋ยวก็หาย คิดได้ไง” เฮียธีพูดก่อนจะรีบดันชามนั้นออก แถมยังแอบแซวเจมิวอีก เจ๊มิงเหลือกตาขึ้นบนทีหนึ่งก่อนจะหันมาหยิกเฮียธีเบาๆ

“นี่มันยังกล้ามาทักไอ้ธันอีกเหรอเฮีย มันต้องด้านอะไรเบอร์ไหน” เฮียธามพูดกับเฮียธี

“มันมากับผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการนั้นไง นั่งทานอยู่โต๊ะนั้นนะ หนึ่งในนั้นก็อยู่ในแก้งค์ไอ้ปืนแต่นี่มันคงแตกคอกันแล้ว” เฮียธีพูดก่อนจะพยักพเยิดไปที่โต๊ะนั้นที่พี่เขาเดินกลับไป

“พี่ปุณณ์เป็นเพื่อนรักของเธียธันและก็หักหลังเฮียธันเรื่องผลประโยชน์จากทีมนักแข่งรถนั้นแหละ แถมยังเคยนัดเฮียธันออกไปหา แต่นัดไปให้คู่อริ ที่ไม่พอใจเพราะว่ามันแพ้การแข่งรถ มารุมกระทืบเฮียธัน โชคดีที่พวกเพื่อนๆ เฮียเข้าไปช่วยได้ทันแต่ก็นอนโรงพยาบาลหลายวันเลย”

“ตอนนั้นพี่บินไปเรียนแล้ว ไม่อย่างนั้น เฮียไม่โดนหรอก” พี่เธียรกระซิบกับผม ผมหันไปมองพวกเขาลุกออกไปแล้ว คนที่เป็นแฟนเก่าเฮียธันก็หันมามองผมก่อนจะลุกออกไปเช่นกัน เขาหันหน้าหนีไปมองทางอื่นเพราะว่าพี่เธียรเขาเอาแขนมาโอบเอวผมไว้ มันแสดงสถานะชัดเจน

“เธียร” ผมหันไปมองคนที่เรียกชื่อพี่เธียร อากันตภณ เดินอุ้มเจ้าลูกโซ่มาคืน

“ไปอยู่กับป๊าเราได้แล้ว อาเหล่าเจ๊ก กลับแล้ว” อากันหันมาบอกพวกผม

“เจ๊กกลับแล้วเหรอครับ “

“อืม เจ๊กจะกลับแล้ว หมอภีมเขาลงตรวจพรุ่งนี้แต่เช้านะ” อากันตอบผมหันมามองพี่เธียร พี่เขาก็หันไปมองอากันกับอาภีมที่กระซิบกระซาบกัน

“พี่ไปก่อนน่ะ “พี่หมอหันมาบอกทุกคน ผมหันไปยกมือไหว้พี่หมอ

“ถ้าไม่ดีขึ้นก็ไปหาพี่นะบีม แวะไปเอาวิตามินมาทานก็ดี” พี่หมอหันมาบอกผม

“ครับพี่หมอ” ผมตอบก่อนจะหันไปยกมือไหว้อากันตภณ

“เจ๊ก สวัสดีครับ” พวกพี่ๆ เขาก็ยกมือไหว้กัน เฮียธันเดินกับมาพร้อมกับฟิล์มดูท่าทางจะคุยกันเข้าใจแล้วจับมือกันมาขนาดนั้น ผมก้มลงมองไอ้ฟิล์มรีบชัดมือออกเพราะว่ามันเขิน

“ไอ้ธันมาแล้วไงเจ๊ก” เฮียธีพูด

“ธัน เจ๊กกลับแล้ว” อากันหันมาบอกเฮียธัน เฮียธันก็ยกมือไหว้

“อาจารย์สวัสดีครับ” ฟิล์มอีกคน อากันเดินออกไปทันที

“มิวกลับเลยไหม พรุ่งนี้มีเวรโรงพยาบาลไม่ใช่เหรอ ตอนเที่ยงพี่ไปรับนะ เราจะได้ไปดูช่างที่ทำประตูห้องน้ำซะหน่อย “เฮียธีพูด

“ทำไมละเฮีย จะไปบอกเขาว่าไม่ต้องติดตั้งประตูให้ก็ได้ใช่ป่ะ เฮียชอบแบบโล่งๆ ” เฮียธามถามเฮียธีกลับทันที

“เจ๊!!มิวคงไม่เอาด้วยคนหนึ่งน่ะ ไม่อยากคิด ขนลุก! มีประตูเถอะ” เจ๊ะมิวพูดทำท่าขนลุกทันที เฮียธีนหันมาชูนิ้วกลางให้เจ๊ธาม

“ไม่ใช่!!เมื่อวานน่ะ ช่างเขาไปทำประตูให้และช่างบอกว่าติดประตูให้เรียบร้อยแล้วแต่มีเวลาเหลือ เฮียเลยถามว่าติดตั้งชักโครกได้ไหมเฮียรีบ ช่างติดตั้งแม่งก็งานเยอะ เขาก็บอกได้ เลยตกลงทำให้ด้วย สักพักโทรกลับมาหาเฮีย มาบอกว่าข่าวดี ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว แต่ข่าวร้ายคือปิดประตูไม่ได้ ติดชักโครก ชักโครกมันขวางประตู” พวกผมหันไปมองหน้าเฮียกันหมด

“เฮียเลยให้ช่างถ่ายรูปมาให้ดู ชักโครกมันขวางจริงๆ ด้วย “เฮียธันพูดก่อนจะโชว์รูปให้พวกผมดู ผมเห็นแล้วถึงกับกลั้นหัวเราะ ประตูถูกเปิดเอาไว้และชักโครกก็ติดเอียงไปทางด้านเดียวกับประตู ดังนั้นพอจะปิดก็ปิดไม่ได้

“เดี๋ยวนะเฮีย นี้เขาติดประตูให้เฮียด้านขวาของวงกบประตูเหรอ ปกติเขาจะติดด้านซ้ายมือไม่ใช่เหรอเฮีย “เฮียธันชี้ไปที่รูปในมือถือเฮียธี

“อืมม น่าจะเทรนใหม่ว่ะ แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า เฮียควรจะย้ายประตูหรือย้ายชักโครกดีวะ” เฮียธันพูด

“ตกลงปัญหามันอยู่ที่ไหนวะ” เฮียธีถามเหมือนจะขำ ขำ

“ชักโครงมันขวางใช่ป่ะ” พี่เธียรหันมาชี้

“เฮียธี ไอ้เธียรมันลงความเห็นว่าปัญหาคือชักโครกเฮีย” เฮียธามพูดอีกคน

“ตกลงกูต้องรื้อชักโครงและแต่เก็บประตูที่มันติดผิดฝังเอาไว้ใช่ไหมวะ “เฮียธีพูดก่อนจะมองหน้าพี่เธียร ผมหันมามองสามีตัวเองคิดแบบนี้จริงเหรอ พี่เธียรพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

“ผมว่าประตูห้องน้ำไม่ผิด ชักโครกเฮียก็ติดไม่ผิดนะเฮีย” เฮียธันพูด

“แล้วอะไรผิดวะ” เฮียธีถาม

“ช่าง ช่างแม่งผิดตั้งแต่ประตูแล้ว และยังอุตส่าห์ไม่แก้ประตูก่อนแล้วค่อยติดตั้งชักโครราคาเกือบแสนของเฮีย” เฮียธันพูด ดูแล้วถ้าจะแพงจริงๆ ด้วย มีระบบเยอะแยะไปหมด

“เปลี่ยนช่างเถอะเฮีย ก่อนที่จะติดตั้งผิดไปหมดทั้งหลัง เฮีย!” เฮียธามหันมาพูด

“ตกลงเฮียควรจะเปลี่ยนช่าง เฮียก็คิดว่าอย่างนั้นแหละว่ะ ดีว่าช่างมันไม่เอาประตูไปติดไว้บนหลังคาบ้านให้เฮีย และโจรจะได้โรยตัวลงมาขนของบ้านเฮียได้สบายๆ” เฮียธีพูดขำขำ เฮียธีเวลาทำงานขรึมมากเหมือนป๊า วันแรกที่ผมเจอนี่ผมนั่งตัวเกร็งเลยแต่พอเลิกงานเฮียเป็นคนตลก

“เห็นเฮียธีติดตลกแบบนี้น่ะ เวลาเฮียดุหรือโมโห น่ากลัวกว่าป๊าอีก พี่นี่กลัวเลย” พี่เธียรกระซิบบอกผม ขณะที่พวกผมพากันลุกจะเดินไปหาอาม่าตอนนี้ก็สามทุ่มกว่าแล้ว ในห้องอาหารพนักงานเริ่มออกมาทำความสะอาดเตรียมปิด

“อาม่าผมจะกลับก่อนนะครับ มิวเขามีขึ้นเวรที่โรงพยาบาลนะครับ อาม่า” เฮียธีย่อตัวลงพูดกับอาม่า ผมเห็นเจ้าลูกตาเริ่มปรือๆ แล้ว เริ่มกอดคอพี่เธียรเอาหน้าซบลงที่ไหล่พี่เธียรแทน

“แบทอ่อนแล้วอาม่า เดี๋ยวเอาไปชาร์จในรถ” พี่เธียรบอกอาม่า

“เธียรเดี๋ยวเอารถป๊ากลับไปแล้วกันนะ ส่วนรถเราป๊าเขาขับกลับไป” ม๊าหันมาบอกพี่เธียร ผมไม่เคยรู้ว่าป๊าขับรถแรงๆ ของพี่เธียรได้ พี่เธียรส่งกุญแจให้ป๊ารับไป

“เมื่อก่อนป๊าก็ใช่ย่อยรถแรงๆ ป๊ามีหมด ดังนั้นไม่แปลกถ้าลูกๆ จะชอบความเร็วเหมือนป๊า ส่วนคนที่ห้ามพวกพี่เรื่องแข่งรถนะม๊าพี่ครับ ไม่ใช่ป๊า” พี่เธียรกระซิบกับผม

“โกวกับเตี๋ยกับเลยแล้วกันนะ วันนี้อาเหมยเขาจะไปค้างกับอาม่า ไปดูแลอาม่า ช่วงนี้เจ๊กเรายุ่งเห็นบอกเตรียมเอกสารสำคัญ “โกวพูด ผมก็เดินไปยกมือไหว้อาม่า

“พักผ่อนเยอะๆ นะอาบีม ลูกในท้องจะได้แข็งแรง” อาม่าพูด

“อาม่ารู้ได้ไงอ่ะ “เฮียธามถามอาม่า

“ก็มันเล่นหายไปเป็นชั่วโมงขนาดนั้น มึงคิดว่ามันไปเล่นจั้มจี้มะเขือเปราะเหรอ มันคงหายไปทำลูกมานั่นแหละ แต่ดีดี อาม่าชอบๆ” ผมสะบัดหน้ามามองอาม่า

“ม๊า” ป๊าเรียกอาม่า

“อาม่า อันนี้เรียกว่ารู้ใจหลานรักใช่ไหมอาม่า” เฮียธามถามอาม่า

“อั๋วไม่ได้รู้ใจมันหรอก รู้สันดานมันดีกว่า ไอ้นี่น่า “อาม่าพูดและชี้ไปที่พี่เธียร

“อาม่าไปขึ้นรถ รถรออยู่ พูดอะไรก็ไม่รู้” โกวหงส์รีบหันมาบอกอาม่า ผมหันไปยกมือไหว้แฟนโกวหงส์ ดูเขาคุยกันกับป๊าถูกคอดี พวกผมเดินออกไปส่งอาม่าขึ้นรถก่อน ส่วนพี่เธียรก็เดินไปเอาเจ้าลูกโซ่ขึ้นรถเก๋งป๊า ไปพร้อมกับพี่มลที่ขึ้นไปนั่งด้านหลัง

“อาบีม พรุ่งนี้อาม่าจะไปไหว้อากงนะ อาม่าจะขอให้เรานะโชคดีนะ ใครที่มันจะคอยมาขัดมาขวางก็ขอให้มันพ่ายไปน่ะลูกน่ะ ดูแลตัวเองดีดีล่ะ อาม่าเป็นห่วง “อาม่าพูด ผมกอดอาม่า

“ขอบคุณครับอาม่า” ผมบอกอาม่า

“อาม่า ทำให้ผมนึกถึงคุณยายของผม ท่านรักผมดูแลผม จนกระทั่งท่านเสียครับอาม่า “ผมพูดกับอาม่า

“ลื้อก็คือหลานอาม่า หลานสะใภ้อาม่า อาม่าชอบใจเราน่ะ เราเป็นคนเข้มแข็ง มีอ่อนนอกแข็งใน “อาม่าพูดก่อนจะหันไปหยุดที่พี่เธียร

“แต่จะเอาไอ้เธียรให้อยู่ ลื้อต้องใช้ไม้แข็งๆ กับมันอย่างเดียวน่า อาม่าแนะนำ” อาม่าพูด พี่เธียรสะบัดหน้าสองทีติดมองอาม่า

“อ้าวอาม่าทำไมไปแนะนำหลานสะใภ้แบบนั้นล่ะ “พี่เธียรเดินกลับมากอดอาม่า

“เมื่อก่อนอ้อนอาม่าใจอ่อนทุกทีตีไม่ลง ตอนนี้ไม่มีแรงแล้ว ให้อาบีมตีแทนแล้วกัน “อาม่าพูด

“ครับอาม่า ผมจะจำคำที่อาม่าแนะนำครับ” ผมหันมามองพี่เธียร

“อาม่าผมกลับก่อนนะครับ พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า “เฮียธันเดินเข้ามากอดอาม่าอีกคน ฟิล์มยกมือไหว้อาม่า อาม่าใช้ฝ่ามือแตะที่หัวฟิล์มเบาๆ และพวกผมก็แยกย้ายกันขึ้นรถ ฟิล์มหันมามองผมก่อนจะพยักหน้าว่าทุกอย่างโอเค เขาก็ไปขึ้นรถเฮียธัน ผมเดินมานั่งในรถ พี่เธียรเดินมาขึ้นรถก่อนจะขับออกไปอีกทางเช่นกัน

//บีม แม่จะไปไทยนะวันพฤหัสบดีนี้ จะแวะไปหานะ จะให้ไปหาที่ไหน ที่บ้านแฟนเราได้ไหม มัมอยากเจอหลานกับแฟนเรา//ผมอ่านข้อความที่ถูกส่งมาให้ผม ไม่รู้ตอนไหน แต่ว่าผมอ่านไปด้วยความรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูก มัมจะมาหาผมกับหลาน ผมดีใจจนบอกไม่ถูก

“ยิ้มแบบนี้ใครส่งข้อความมาจีบหรือเปล่า”

“พี่เธียร ไม่มีหรอก “ผมหันไปบอกพี่เธียร

“แม่จะมาหาผมครับ ผมให้แม่มาหาผมที่บ้านพี่เธียรได้ไหมครับ แม่อยากเจอหลานครับ” ผมบอกพี่เธียร พี่เขามองผม

“ได้ดิ ก็แม่ยายพี่ทั้งคน แต่ว่าบีมต้องไปมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ วันพฤหัสและพี่ต้องไปด้วย พี่ไม่ปล่อยเราไปคนเดียวแน่นอน แพรวาเขาก็ต้องไปด้วยนะ พี่เป็นห่วง พี่ไม่ไว้ใจแพรวา” พี่เธียรบอกผม ผมยิ้มตอบพี่เธียร ผมคงจะต้องส่งข้อความบอกแม่ว่าให้มาตอนเย็นแล้วกัน ผมหันมามองคนที่กุมมือผมไว้ แม้ว่าสายตาจะมองจ้องไปที่ท้องถนนก็ตาม มีแอบจับมือผมขึ้นมาหอมบ้างตอนทีเผลอ ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนโชคดีขึ้นมาแล้วซิ
TBC...
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35.1เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก(ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 30-06-2021 15:38:27
 :hao6: :hao7:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.35.1เธียรXบีม)แม่บีมปกปัองเพื่อนรัก(ครึ่งหลัง)
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 30-06-2021 23:20:04
 :katai2-1:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.36(เฮียธันXฟิล์ม)สถานะที่จัดเจน ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 02-07-2021 19:00:25
   
EP.36(เฮียธันXฟิล์ม)สถานะที่จัดเจน ครึ่งแรก           

          Part’ s เฮียธัน ผมขับรถมากับฟิล์ม ผมถึงได้ว่าทำไมวันนี้ฟิล์มดูเงียบๆ ไป ไม่ขึ้นไปทานข้าวกับผมเหมือนเช่นทุกวัน เขาบอกว่าพี่ที่ห้องทำงานชวนไปทานข้าวด้วย แต่พอผมถามพี่ที่ทำงานเขาบอกฟิล์มออกไปทานคนเดียว วันนี้ผมเลยผมชวนเขามาทานอาหารกับครอบครัว เขาก็เอาแต่เงียบอีกผมเองก็ไม่กล้าชวนคุยเยอะผมเองก็ไม่รู้ว่าผมผิดอะไร จนเขาหายไปในห้องน้ำกับบีมนานผมเลยไปตาม บีมบอกให้ผมคุยกับฟิล์มเพราะว่าฟิล์มเป็นคนไม่ชอบพูด ชอบเก็บและมันก็จริงซะด้วย มันก็เกี่ยวข้องกับที่ไนท์ส่งรูปที่ผมเคยถ่ายคู่กันระหวางเขากับผมและมันนานพอสมควร รูปนั้นคือรูปวันแรกที่ผมประกาศกับเพื่อนว่าเราเป็นแฟนกัน ผมยอมรับว่ามันแนบชิดตามประสาคนรักกัน แต่ว่าผมกับเขาเลิกกันไปแล้ว รูปพวกนี้ต่อให้เขาจะส่งมาให้ผมสักกี่สิบๆโหลหรือจะส่งรูปที่เคยนอนด้วยกันมามันก็ไม่มีผลอะไรกับผม ผมเลิกรักเขาไปแล้วมันจบไปแล้ว แถมวันนี้เพื่อนที่เคยหักหลังผมมันก็พาพวกที่สนับสนุนมันข้ามาทานร้านอาหารเดียวกันอีก แต่ผมไม่ได้เดินไปทัก ผมมัวแต่ไปนั่งคุยกับฟิล์มตรงด้านหลังกว่าจะปรับความเข้าใจกันได้ ผมรู้ว่าน้องเองก็ไม่อยากเจอเหมือนที่ผ่านมาผมเองก็อยากเจอเช่นกัน

“วันนี้ไปค้างกับพี่น่ะฟิล์ม” ผมหันไปบอกฟิล์ม ฟิล์มหันมองหน้าผมโดยไม่ได้พูดอะไร เขาคงพอจะเดาได้เพราะว่า ผมไม่ได้ขับไปทางเส้นที่ต้องผ่านบ้านของฟิล์มก่อน ผมใช้เส้นทางที่ตรงมาคอนโดผมเลย ผมขับขึ้นไปชั้นสำหรับจอดรถของผม

“ยังโกรธพี่เรื่องรูปนั้นอีกเหรอ ฟิล์ม” ผมหันมาถามฟิล์ม

“พี่เปิดมาเจอรูปพี่ก็เอาไปใส่เครื่องทำลายเอกสารทันที “ผมบอกฟิล์ม

“ฟิล์มไปห้องพี่ ฟิล์มไม่เห็นเหรอว่าไม่มีรูปเขากับพี่เลยน่ะ แหละนั่นก็แปลว่าพี่กับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว พี่เป็นคนที่จบคือจบ และไม่ซ้ำทางเดิม” ผมหันบอกฟิล์ม ขณะที่ผมเลี้ยวเข้าที่จอดรถ

“ผมแค่รู้สึกว่าผม “ฟิล์มพูด ผมจอดรถเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ดับเครื่องผมว่าจะคุยกับฟิล์มให้เรียบร้อยซะก่อน ชั้นที่ผมจอดชั้นเป็นที่มีความปลอดภัยสูงมีคีย์การ์ดเฉพาะ จะเป็นส่วนตัวมาก ผมปรับเบาะให้ถอยไปด้านหลังจนสุด

“ข้ามมาคุยกับพี่ซิ” ผมบอกฟิล์ม ฟิล์มหันมามองผม ก่อนจะปลดเข็มขัดนิรภัยและเขาก็ข้ามมานั่งคร่อมผมอย่างว่าง่าย ผมดันตัวขึ้นผมใช้ฝ่ามือจับประคองใบหน้านั้นไว้ ก่อนจะประกบปากจูบฟิล์ม คนที่ถูกจูบก็ตอบสนองผมกลับทันที พร้อมทั้งเผยอปากให้ผมสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานในปากนั้น อยู่หลายนาทีก่อนจะถอนริมฝีปากผมออก ผมมองจ้องใบหน้านั้น

“ฟิล์ม พี่รู้สึกพิเศษกับฟิล์มจริงๆ พี่รู้สึกว่าพี่รักฟิล์ม พี่รักฟิล์มมากกว่าทุกคนที่พี่คบมาแม้กระทั้งไนท์ “ผมบอกฟิล์ม

“พี่ยอมรับว่าพี่กับไนท์ เรื่องบนเตียงเขาตอบสนองพี่ถึงใจ แต่เรื่องความซื่อสัตย์เขาไม่เคยมีให้พี่เลยในยามที่พี่หันหลังให้พี่ “ผมบอกฟิล์ม

“ผมยอมรับว่าผมกลัว พี่จะกลับไปหาเขา ผมกลัวผมจะเสียใจแบบที่ไอ้เอ็มมันทำ “ฟิล์มพูด

“แต่ผมรู้สึกกลัวเสียพี่ไปมากกว่าที่ผมรู้สึกกับไอ้เอ็มมัน อ่ะพี่ธัน “ผมมองแววตาคู่นั้น

“พี่ไม่มีวันกลับไปหาไนท์ ฟิล์ม เขาทำในสิ่งที่พี่ยอมรับไม่ได้ เขานอนกับเพื่อนที่พี่รักและเพื่อนพี่คนนี้มันก็หักหลังพี่เพราะมันฟังคนอื่นมา มันคิดว่าพี่ให้มันไม่เท่ากับคนอื่นแต่จริงๆ หุ้นส่วนทุกคนเท่ากันหมด ในบรรดาเพื่อนพี่ทั้งหมดห้าคน “ผมพูดกับฟิล์ม ฟิล์มหลุบตาลง ผมใช้นิ้วเรียวๆ ของผมเชยคางมนๆ นั้นขึ้นมา

“ฟิล์มรักพี่หรือเปล่า” ผมถามฟิล์ม

“ฟิล์มบอกพี่ซิว่าฟิล์มคิดเหมือนพี่หรือเปล่า” ผมถามฟิล์ม เขาก็มองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าตอบผม

“พี่รักฟิล์ม พี่อยากให้ฟิล์มเป็นคนสุดท้ายของพี่ได้ไหม เห็นพี่นอนกับคนนั้นคนนี้ก็จริงแต่ไม่มีใครที่พี่อยากจะหยุดเหมือนที่พี่รู้สึกกับฟิล์ม “ผมถามฟิล์ม เขามองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้า ผมก็ถอดเอาแหวนที่ผมสวมเอาไว้ขึ้นมา ผมสวมใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของฟิล์ม ฟิล์มมองผมก่อนจะก้มลงมองแหวนที่ผมสวมให้

“นี่มันแหวนตระกูลของพี่ไม่ใช่เหรอครับ” ฟิล์มถามผม ผมพยักหน้า

“แล้วพี่ถอดให้ผมทำไมละครับ” ฟิล์มถามผมด้วยสีหน้าตกใจ

“นี้คือแหวนวงศ์ตระกูล อากงบอกว่าถ้าเจอคนที่ใช้ให้สวมแหวนนี้ให้คนนั้นนั่นแหละว่าพี่เลือกฟิล์มเข้าสู่ตระกูลของพี่แล้ว” ผมบอกฟิล์ม

“พี่เลือกฟิล์ม พี่เองยังไม่เคยให้แหวนนี้กับใคร ถ้าพี่ไม่มั่นใจจริงๆ แต่พี่เชื่อใจฟิล์ม ว่าฟิล์มจะไม่ทำให้พี่ผิดหวังถ้าฝากหัวใจไว้กับฟิล์ม” ผมพูดฟิล์มมองหน้าผมก่อนจะจูบผมตอบ

“แหวนวงนี้ ไนท์เอ่ยปากถามพี่เองหลายครั้งตั้งแต่ตอนที่คบกัน พี่เองก็ไม่คิดว่าเขาจะเหมาะสมกับแหวนวงนี้ พี่บ่ายเบี่ยงจนกระทั่งพี่เริ่มระแคะคายบางอย่างและสุดท้ายมันก็จริงด้วย เขามีอะไรกับคนที่เป็นเพื่อนพี่ ทั้งที่เขาก็รู้ไม่ใช่ไม่รู้” ผมพูดกับฟิล์ม ฟิล์มเขาก้มลงมองแหวนที่ผมสวมใส่ไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา

“หรืออีกนัยหนึ่ง นั้นแปลว่า พี่ขอฟิล์มแต่งงานแล้ว” ผมพูด ฟิล์มเงยหน้าขึ้นมองผม เขาตกใจมากแต่ก็ยิ้ม

“แต่งงานกับพี่ไหม “ผมถามคนที่นั่งคร่อมผมอยู่ ฟิล์มเขาปาดน้ำตาที่ซึมออกมา

“ไม่ตอบพี่ ให้พี่ถามอีกรอบเหรอครับ” ผมถามฟิล์ม

“แต่งครับ แต่ง” มันทำให้ผมมุมปากของผมกระตุกเป็นรอยยิ้มทันที หนุ่มน้อยของผมรีบตอบเหมือนกลัวผมจะเปลี่ยนใจ

“คราวนี้ชัดเจนพอแล้วใช่ไหมครับ ว่าพี่รักเรามากกว่าเขา “ผมถามฟิล์ม

“ครับ ขอบคุณนะครับพี่ธัน” ฟิล์มบอกผม

“พี่ขอในรถได้ไหมครับ พี่ว่ามันฟินดี” ผมกระซิบกับฟิล์ม ฟิล์มยืดตัวตรงพร้อมกับหันไปมองรอบๆ

“ตรงนี้ไม่มีใครเข้ามาจอดหรอกครับ มันเป็นล๊อกส่วนตัว พี่จ่ายเป็นรายปีสำหรับเวลารถพี่น้องและเพื่อนๆ ของพี่มาจอดนะครับ ดังนั้นจะไม่มีใครกล้ามาจอดข้างๆ รถพี่แน่นอน “ผมพูดกระซิบ ผมค่อยปลดกระดุมเสื้อฟิล์มที่ละเม็ดไปจนหมดแพง ผมพรมจูบที่แผ่นอกของฟิล์ม ฟิล์มก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของผมจนหมดแพงไปเช่นกัน ฟิล์มก้มลงจูบที่ซอกคอของผม ไล่จูบไปทั่วตามลำคอและแผ่นอก เรื่อยไปจนถึงหน้าท้อง ฟิล์มเริ่มปลดเข็มขัดของผม รูดซิปก่อนจะงัดเอาแท่งร้อนๆ ของผมออกมา เขาช้อนตาขึ้นมามองผมพร้อมกับครอบปากลงที่ ปลายลิ้นที่เริ่มโลมเลียจากส่วนปลายไปหาโคน ผมถึงกับต้องเกร็งหน้าท้องหลับตาพริ้ม ฟิล์มทั้งดูดทั้งเลียจนผมเองก็แทบจะทนไม่ไหว ผมดึงแขนบีมให้เขาขึ้นมา ฟิล์มถอดกางเกงสแล็คเข้ารูปเขาออกไปกองไว้ที่นั่งด้านข้าง เหลือไว้แค่เสื้อเชิ้ตที่ไม่ได้ติดกระดุม คนร่างเล็กขึ้นคร่อมผมอีกครั้งพร้อมกับเล็งช่องทางรักให้ตรงกับมังกรที่ตั้งตรงรออย่างกับเสากระโดง ผมก็กดปุ่มปรับเบาะให้ต่ำลงไปจนสุด

“ซี้ด” เสียงครางลากยาวขณะที่ฟิล์มกำลังกดช่องทางรักลงมาเรื่อยๆ ผมก็จับเอวฟิล์มเอาไว้ เลียริมฝีปากรออยากจะจูบเขาเหลือเกิน ฟิล์มก้มลงจูบผมอย่างดูดดดื่ม เราแลกลิ้นกัน ฟิล์มเริ่มลงลิ้นกับสองจุดของผม ผมยอมรับว่าฟิล์มมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาบ้าง แม้จะไม่ได้เก่งกาจเหมือนไนท์ แต่ผมชอบแบบนี้มากกว่า เมื่อช่องทางรักนั้นครอบลงมาจนถึงโคนฟิล์มก็เริ่มขยับขึ้นลง ผมเอื้อมมือไปกดเร่งปรับแอร๋ให้เย็นขึ้นอีกเพราะว่าคนที่ขย่มผมอยู่เหงื่อแตกเป็นน้ำทั้งที่แอร์ก็ทำงานอยู่ตลอด ผมเองก็เหงื่อแตกเช่นกัน แอร์เย็นขนาดที่กระจกเป็นฝ้าเลยแต่ความเย็นสู้ไฟราคะของผมสองคนไม่ได้ ฟิล์มก็ขย่มเอาไม่ยั้ง

“อ้าห์ ฟิล์ม ซี้ด” ผมร้องครางและบีบมือหนุ่มน้อยคาวบอยเอาไว้ด้วย ฟิล์มเริ่มโยกแรงขึ้นเร็วขึ้น มือผมทั้งคู่ที่ประสานกันอยู่เปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ ฟิล์มก็ขึ้นจนเกือบสุดและลงเกือบสุดเช่นกัน มือผมจับเอวของฟิล์ม ปากก็จูบกันอย่างเมามัน

“อ้าห์ ฟิล์มพี่ไม่ไหวแล้ว พี่ปล่อยเลยนะฟิล์ม อ้าห์!! อู้!!” ผมจังสะโพกฟิล์มกดไว้ให้ค่างอยู่พักหนึ่งจนน้ำรักที่พุ้งกระฉุดฝังไว้ในกายของฟิล์มจนหมดเรียกว่าทุกหยดเลยก็ว่าได้ เล่นเอาผมกับฟิล์มเหงื่อแตกราวกับว่าผมกำลังนั่งอยู่ในตู้อบซาวน์น่าก็ว่าได้ ฟิล์มยกก้นตัวเองขึ้นก่อนรีบแต่งตัว ผมเองก็แต่งตัวเช่นกัน

“ฟิล์ม ต่อไปมีอะไรคุยกับพี่เลยนะ เราเป็นแฟนพี่แล้ว ถ้าอันไหนที่ฟิล์มคิดว่ามันไม่โอเคให้บอกพี่ตรงๆ นะครับ” ผมบอกฟิล์ม ฟิล์มพยักหน้ากับผม ผมเปิดประตูให้เขาออกไปก่อนตามมาด้วยผม ฟิล์มเดินไปหยิบเสื้อสูทของผมและเขาที่ถูกถอดไว้ด้านหลังตั้งแต่ก่อนจะเข้าไปทานอาหาร

//ธัน พรุ่งนี้ป๊าว่ามีสัมมนาเรื่องระบบการศึกษาไทย ที่โรงแรมxxxxx ตอนสิบโมงเช้า ป๊าบอกว่าพาฟิล์มไปด้วยก็ได้นะและไปเจอกับป๊าและม๊าที่นั่นตอนเก้าโมงป๊าจะชวนไปทานข้าวเช้าด่วย (สงสัยมึงจะงานเข้าว่ะธัน) //เฮียธามส่งข้อความมาบอกผม เล่นเอาธันเสียวสันหลังว้าปเลยนะเฮีย

“ฟิล์มพรุ่งนี้ไปฟังสัมมนาเรื่องระบบการศึกษานะครับ ป๊ากับม๊าพี่ไปด้วย เราไม่ต้องเข้าไปที่โรงเรียน เราตรงไปที่นั่นเลย” ผมบอกฟิล์ม ฟิล์มหันมาพยักหน้ากับผม ผมเดินขึ้นห้องของผม ผมยอมรับว่า มีคนมองผมตั้งแต่ผมเริ่มเข้ามาอยู่ที่นี้แล้ว มีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ แต่ส่วนใหญ่ไปทางสาวใหญ่ที่ส่งสายตามาให้ผม

“สวัสดีค่ะคุณธัน” พี่สาวคนนี้ เวลาเจอผมก็ทักทายผมทุกครั้ง เธอทำงานเป็นนักวิชาการของสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง ผมหันไปยิ้มทักทายพี่เขาตามปกติ

“สวัสดีครับ” ผมทักทายเธอกลับเหมือนเช่นทุกที เธอหันมามองฟิล์ม

“น้องชายเหรอคะ” เธอถามผมแต่ผมเดาว่าสายตาเธอคงไม่คิดว่าฟิล์มคือน้องขายผมแน่ๆ หน้าตาเราไม่เหมือนกันไปคนละทางผมออกแนวอาตี๋ตาโต แต่ฟิล์มออกแนวหนุ่มน้อยหน้าหวานไทยแท้ๆ แถมผมขาวกว่าฟิล์ม ฟิล์มเขาผิวออกไปทางสีน้ำผึ้งมากกว่า

“แฟนผมครับพี่ น้องชื่อฟิล์มครับ” ผมตอบเธอ เธอหันมามองหน้าผมก่อนจะนิ่งไปสักพัก ฟิล์มพยักหน้ายิ้มให้แต่เธอกับนิ่งอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะหันหลังไปยืนอีกฝังกับผมสองคน ฟิล์มขมวดคิ้วแบบไม่เข้าใจ ผมก็ยักไหล่ไม่รู้ ผมเดินมายืนเบียดกับฟิล์มแทน และจังหวะที่ผมเห็นว่าผมมันลงมาปกหน้าฟิล์ม ผมเลยใช้นิ้วเขี่ยขึ้นไปให้

   ผมได้ยินเสียงเธอกดลิฟต์อีกครั้ง คราวนี้เธอกดไปที่ชั้นที่ถึงก่อนชั้นเธอหลายชั้นอยู่  ผมเองไม่ใช่คนโง่ ผมรู้ว่าเธอแอบชอบผม ผมสังเกตจากที่ผมมักจะเจอเขาในลิฟต์เป็นประจำ ไม่ว่าเลิกงานเวลาไหนก็ตาม โดยปกติเลิกงานไม่ค่อยเป็นเวลาและกลับมาบ้างไม่กลับบ้าง พอถึงชั้นที่เธอกดไว้ก็รีบออกไปในทันที ผมหันมามองฟิล์ม หลังจากที่ประตูปิดลง

“เขาชอบพี่” ฟิล์มถามผม

“พี่ยอมรับครับ แต่พี่ไม่ชอบเขานี่ครับ พี่คงไม่จำเป็นต้องไปชอบทุกคนที่ชอบพี่มั้งฟิล์ม เยอะเกินค้อนประเทศได้และน้องหนูพี่มันมีอันเดียว ไม่มีสำรองนะครับ มีหวังตายก่อนพี่แก่” ผมพูดก่อนเงยหน้ามองอีกหลายชั้นเลยกว่าจะถึง

“แหว๊ะ! คนอะไรหลงตัวเอง” มีคนบ่นพึมพำอยู่คนเดียว ผมก้มลงมองเขา

“ว่าอะไรพี่น่ะ” ผมเอียงหูถามฟิล์ม เขาเงยหน้าขึ้นมามองผม

“เปล่า!!” ทำเสียงสูงใส่ผม

“แต่พี่ได้ยินน่ะ ว่าพี่หลงตัวเอง แล้วฟิล์มล่ะ ไม่หลงพี่บ้างเหรอ “ผมถามก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปจะจูบ ฟิล์มหลับตาปี๋ แต่ผมแค่ใช้นิ้วโป้งแตะที่ริมฝีปากนั้นเบาๆ ฟิล์มเขาลืมตาขึ้นมอง แก้มที่แดงระเรื่อนั้น

“ผมก็รู้ว่ามีคนมองพี่เยอะอ่ะ บางทีมันก็ทำให้ผมกลัวนะพี่ธัน ผมไม่ชอบแย่งชิงกับใคร “ฟิล์มพูดขึ้น ผมยืนกอดอกรอลิฟต์เปิดเพราะว่ามาถึงชั้นของผมแล้ว

“ไม่ต้องกลัวครับ พี่ไม่ชอบให้ใครมาแย่งพี่เหมือนกัน พี่ไม่ใช่สิ่งของครับ พี่มีความคิดเป็นของตัวเองดัง ดังนั้นพี่จึงควรเป็นคนเลือกเองว่าใครจะได้หัวใจพี่ครับ และบรรดาคนที่พี่คบ เขารู้ดี”

“ถ้าไปกันไม่ได้เลิกก็คือเลิก เขาจะไม่กล้าย้อนกลับมาตอแยพี่อีกเพราะว่าถ้าพี่บอกเลิกแล้ว นั้นคือเลิก “ผมพูดกับฟิล์มก่อนจะดันให้เขาออกจากลิฟต์ ผมเปิดประตูห้อง ฟิล์มไม่ได้มาพักกับผมเกือบอาทิตย์แล้ว

“แม่บ้านมาทำความสะอาดให้พี่นะครับ แม่บ้านที่บ้าน ม๊าพี่จะส่งมาทำให้อาทิตย์ละวัน” ผมบอกฟิล์ม ฟิล์มเขาพยักหน้า ตอนนี้ก็เกือบจะห้าทุ่มแล้ว ผมเดินไปรดน้ำต้นไม้ก่อน ฟิล์มแยกเดินเข้าไปในห้องนอน เขาคงไปเตรียมตัวอาบน้ำก่อน ผมให้แม่บ้านมาจัดตู้เอาไว้ให้ฟิล์มโซนหนึ่งเลย ผมสั่งเสื้อผ้ามาไว้ให้เขา รองเท้าแบรนด์เนม ของใช้ที่จำเป็น นาฬิกา กระเป๋าสตางค์ แต่น้ำหอมผมให้บีมเลือกให้ เพราะว่าเขาสไตล์เดียวกัน ผมเดินเข้าไปในห้องนอนตรงไปยังห้องเสื้อผ้า

“หมับ “ผมยืนกอดอกมองฟิล์ม เขาหันมามองหน้าผม

“นี้เสื้อผ้าผมเหรอครับ”

“ครับ พี่ให้แม่บ้านมาจัดตู้เพื่อจัดไว้ให้ฟิล์ม ก็เราเป็นแฟนพี่แล้วนี่ครับ” ผมบอกฟิล์ม ผมยืนฝังปลายจมูกโด่งรั้นนั้นลงที่ซอกคอเนียนๆ นั้น

“ชอบไหม เสื้อผ้าที่พี่สั่งมาให้ พี่กะเอานะ ว่าฟิล์มต้องใส่ไซ้ไหน ดูน่าจะพอดีตัวนะ “ผมถามฟิล์ม ผมกอดเขาจากด้านหลัง ฟิล์มแหงนขึ้นมามองหน้าผม

“พี่กะเอาเหรอครับ” ฟิล์มเลิกคิ้วถามผม

“ก็นอนจับลูบคลำกันอยู่ทุกคืน ทุกซอกทุกมุมก็ว่าได้ พี่เลยกะถูกไง ว่าคนนี้หุ่นแบบไหน” ผมพูดพร้อมกับหลุบตามองคนที่ก้มลงมองพื้นหน้าแดงขึ้นมาทันที เขาแอบยิ้มกริ่มก่อนจะหันไปมองเสื้อผ้าในตู้ ที่ผมสั่งมาก็มี Jaspal, Calvin Klein, ราล์ฟ ลอเรน และDiesel ผมยอมรับว่าผมค่อนข้างติดแบรนด์

“ดูเสื้อผ้าแต่ละยี่ห้อซิ ในฝันผมเลยครับพี่ธัน ผมไม่คิดว่าผมจะมีวันนี้ที่ได้ใส่” ฟิล์มพูดก่อนจะจับดู

“พี่รู้ว่ามันสิ้นเปลืองแต่เราต้องใช้มันเพื่อหน้าตาและพี่มีกำลังซื้อให้ฟิล์มใส่ เพราะว่าฟิล์มคือคนพิเศษของพี่ “ผมกระซิบบอกฟิล์ม

“ไปอาบน้ำกันดีกว่าครับ พี่อยากให้ถูหลังให้และถ้าจะให้รางวัลพี่อีกสักยกในห้องน้ำพี่ยินดีนะครับ “ผมกระซิบบอกฟิล์มอีกครั้งก่อนเลือกชุดนอนออกมาหนึ่งชุด ขนาดเลือกชุดนอนออกมายังใจตรงกันเอกลายสีเหมือนกันด้วย ผมกับฟิล์มเข้าไปอาบน้ำด้วยกันเหมือนอาทิตย์แรกที่ผมขอเขาเป็นแฟนเขามาค้างกับผมทุกคืนเพราะว่าแม่ของฟิล์มต้องไปช่วยพี่สาวดูแลหลาน เพราะว่าแฟนเขาถูกส่งไปเป็นผู้จัดการสาขาที่ต่างจังหวัดชั่วคราว

ผมเข้ามาเปิดน้ำก่อนแน่นอนไม่ได้แค่อาบน้ำ ยกที่สองต้องมี ผมกับฟิล์มบรรเลงเพลงรักกันยกที่สองในตู้อาบน้ำ ฝ่ามือที่มีฟองสบู่รูดที่กระจกเป็นทางยาว เพราะว่าฝ้าจากไอน้ำร้อนที่ผมเปิดทิ้งเอาไว้ก่อนที่ฟิล์มจะเข้ามา ก่อนจะผสมนำ้เย็น ตู้อาบน้ำผมมีทั้งน้ำร้อนและน้ำเย็น ก็ตึกนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวต่าวชาติ มีคนไทยน้อยมาก นอกจากจะกระเป๋าหนักจริงๆ ฝ้าที่เกาะอยู่ หนาจนมองแทบจะไม่เห็นคนในตู้ (เพราะผมกลัวคนอ่านแอบดูไง ฮาๆ)

“อ้าห์ พี่ธัน ซี้ด อ้าห์ โอ้วว” เสียงครางดังลั่นกว่าตอนที่ทำกันในรถ แสดงว่าในตอนนั้นเขาพยายามเก็บเสียง เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน ทั้งที่ในรถมันเก็บได้ดีกว่าน่ะ แต่ตอนนี้ดังซะดังลั่นห้องน้ำเลย เพื่อนบ้างคงเข้าใจผมไม่อย่างนั้นเขาคงไปแจ้งพนักงานที่ดูแลแล้ว ไม่นานยกที่สองก็สำเร็จเสร็จไปพร้อมๆ กัน ต่างคนต่างรีบอาบน้ำล้างตัว แต่งตัวด้วยชุดนอน ผมเดินออกไปสำรวจด้านนอก เพื่อปิดล๊อกประตูทั้งหมดแล้ว ฟิล์มขึ้นไปนอนอยู่บนเตียงรอผมแล้ว

“หมับ” ผมเดินกลับมาขึ้นเตียง ผมก็รีบคว้าเอาตัวฟิล์มเข้ามากอด ฟิล์มเอาโทรศัพท์ผมไปเปิดดู ไล่ดูรูปเจ้าลูกโซ่ ผมเห็นเขาอมยิ้มกับในความน่ารักของลูกโซ่

“บีมมันโชคดีนะพี่ธัน แต่ก่อนมันเคยคิดว่ามันแม่งโคตรโชคร้ายเลย แต่ที่ไหนได้ มันโคตรโชคดี ที่มีลูกที่น่ารักได้และยังมัดใจพี่เธียรได้อยู่หมัด” ฟิล์มพูด ผมนอนตะแคงมองคนที่นอนเลื่อนกดดูโทรศัพท์ผมดู ผมไม่กลัวอยู่แล้วผมไม่เคยมีรูปคนอื่นในมือถือผม

“เฮ้ย!” ฟิล์มร้องตกใจ ผมก็ก้มลงมอง เขาพลิกหน้าจอมาให้ผมดู ผมแอบถ่ายเขาตอนที่เขาเล่นกับลูกโซ่ วันแรกที่ผมเจอเขานั่นแหละ ฟิล์มหันมามองผม

“ดูฟิล์มรักเด็กไงพี่เลยแอบถ่ายเอาไว้” ผมบอกฟิล์ม

“ก็ผมมีหลานไงครับ ลูกของพี่ฟ้าพี่สาวผมนะครับพี่ธัน” ฟิล์มบอกผม พยักหน้า จะว่าไปผมก็เริ่มจะเคลิ้มๆ ตาเริ่มจะปิด ผมนอนมองฟิล์มตาปรือๆ จนแล้วจนรอดผมก็ผล๋อยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ ผมรู้สึกว่ามีคนจับแขนผมไปกอดเขา ผมก็กอดเขาตอบ

“ผมอยากให้พี่เป็นคนสุดท้ายของผมเหมือนกันพี่ธัน ผมรักพี่แล้วพี่อย่าทิ้งผมนะ” ผมได้ยินแบบว่าผมกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น ผมเอามือลูบหัวคนที่พูดอยู่ข้างหูผม แม้จะเป็นเสียงที่เบามากแต่มันดังก้องอยู่ในหูผม การกอดกระชับร่างคนตัวเล็กเข้ามาขนาดนั้น มันน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าผมสัญญาจะไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด

****

TBC...
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.36(เฮียธันXฟิล์ม)สถานะที่จัดเจน ครึ่งแรก
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 02-07-2021 22:56:54
 :hao6:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.36.1(เฮียธันXฟิล์ม)สถานะที่จัดเจน ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 03-07-2021 17:41:31
   
EP.36.1(เฮียธันXฟิล์ม)สถานะที่จัดเจน ครึ่งหลัง
         Part’ s ฟิล์ม ผมคิดมากอยู่ทั้งอาทิตย์ จนกระทั่งผมได้คุยกับบีม จริงของบีมมันผมกับพี่ธัน เรานอนคุยกันและผมก็คือคนปัจจุบันของเขา ผมเชื่อว่าพี่เขาไม่คิดจะย้อนกลับไปทางเดิมแน่นอน เพราะว่าพี่เขารู้แล้วว่าทางนั้นเป็นยังไง ก็จะไม่เดินย้อนกลับไปอีก เหมือนผมเช่นกัน ผมบอกเลิกไอ้พี่เอ็มไปตั้งแต่ที่ผมเริ่มจับมันได้ว่าไปมีอะไรกับเด็กในไลน์เดียวกับมัน มันก็พยายามมาง้อผม แต่ผมบอกว่าผมรับไม่ได้เรื่องแบบนี้แถมน้องเขายังมาพูดให้ผมได้ยินอีกว่าเธออาจจะท้องเพราะว่าไม่ได้ป้องกัน ผมเองก็ยิ่งไม่ขอคืนดีกับมันอีก  ก็ตั้งแต่วันที่พี่ธันไปต่อยกับมันวันนั่นแหละและหลังจากนั้น  ผมก็ไม่เห็นมันโผ่มาหาผมอีกเลย เห็นไอ้ใบชาบอกว่าเคยไปเดินห้างแถวบ้านเพราะว่าบ้านพ่อแม่มันอยู่ตรงนั้น ใบชาบอกว่า หน้าตามันเหมือนคนโดนซ้อมมาและมันก็เดินหนีใบชาอีกด้วย

“ฟิล์ม เพื่อนๆ พี่เขาอยากให้พี่เข้าไปหาที่คลับ มันจะคุยเรื่องการเปิดฤดูกาลใหม่ และพี่ตั้งใจจะพาเราไปรู้จักเพื่อนของพี่ด้วย” พี่ธันบอกผม ขณะที่กำลังฟัง ระบบการศึกษาใหม่ที่สถานศึกษาเอกชนต้องนำไปปรับใช้ วันนี้ป๊ามากับม๊า ผมเห็นม๊าบอกว่าจะรีบกลับไปดูเจ้าลูกโซ่ บีมไปช่วยพี่เธียร ต้อนรับผู้มาเยี่ยมชมโรงเรียนวันนี้

“ป๊างั้นเรากลับกันเลยนะ” ม๊าบอกป๊า

“ธันจะกลับไปที่โรงเรียนเลยหรือเปล่า” ป๊าถามพี่ธัน

“ป๊าผมไม่เข้านะครับ ผมบอกพี่บุ๋มเอาไว้แล้วครับ ผมต้องเข้าไปคุยเกี่ยวกับทีมรถแข่งที่ผมเป็นผู้สนับสนุนอยู่นะครับป๊า “พี่ธันบอกกับป๊า

“ฟิล์มเขาไปกับผมด้วยนะป๊า” พี่ธันบอกป๊า

“อืมม งั้นป๊าไปเลยนะ “ป๊าพูดก่อนจะเดินออกเพื่อแยกไปขึ้นรถอีกคัน

“ป๊าครับ ม๊าครับ” พี่ธันเรียกป๊ากับม๊า

“ว่าไงธัน” ม๊าหันมาถาม

“ผมมีเรื่องอยากจะบอกนะครับว่า ผมกับฟิล์ม เราคบกันครับ เราสองคนเป็นแฟนกันครับและผมขอฟิล์มแต่งงานแล้วครับป๊า” พี่ธันบอกป๊ากับม๊า ทั้งคู่หันมามองผม ก่อนจะหันมามองพี่ธัน ผมนี้บีบมือพี่ธันเอาไว้ ผมกลัวว่าเขาจะไม่เห็นด้วยเหลือเกินที่พี่ธันบอกว่าขอผมแต่งงาน

“รู้แล้วแหละ ดูแลเขาซะขนาดนี้ ไม่รอดสักราย แต่ก็ดีน่ะ ที่บอกนึกว่าจะรอให้เหมือนน้องชายเราล่ะ” ป๊าพูดว่าเขารู้เรื่องของผมกับพี่ธัน ม๊าหันมายิ้มกับผม

“เปิดตัวซะทีซินะ อย่าลืมไปบอกอาม่าด้วยนะ เขาถามม๊ากับป๊าอยู่เรื่องของเราสองคนน่ะ ยังไงกัน” ม๊าพูดกับพี่ธัน

“งั้นม๊ากับป๊าไปเลยแล้วกันธัน จะรีบไปรับเจ้าลูกโซ่ เย็นนี่ไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันก็ดีน่ะทั้งคู่เลย “ม๊าพูด ผมก็ยกมือไหว้ม๊ากับป๊า ผมจนยืนมองจนรถแล่นออกไป พี่ธันหันมาจับมือผม ผมเงยหน้าขึ้นมองพี่ธัน ผมยิ้มให้พี่ธัน

“เราจะบอกบีมเลยไหม หรือว่าจะรอให้เรื่องของบีมเรียบร้อยก่อน” พี่ธันถามผม

“ผมว่าบอกเลยก็ได้ครับ ถ้าพี่พร้อม ผมก็พร้อม” ผมบอกพี่ธัน ผมเดินไปในรถหรู มันหรูมาก ผมเองไม่กล้าขับถึงผมจะขับได้ก็เถอะ พี่ธันบอกว่าผมต้องหัดขับรถเขาได้แล้ว ใครจะกล้ารถแพงขนาดนี้ถ้าไปชนใครเขาเข้าล่ะ พี่ธัน ขับรถมาพาผมมาที่คฤหาสน์หลังหนึ่ง มันใหญ่กว่าบ้าน ทันทีที่รถพี่ธันเข้าไปจอดเหมือนกับว่ามีกล้องดูว่ารถของใคร และประตูก็เปิดอัตโนมัติ พี่ธันรีบขับเข้าไปทันที ผ่านบ้านหลังใหญ่ไปด้านใน มีรถจอดหลายคันแต่ละคันรถหรูและแพงหูฉี่ทั้งนั้น ผมชะเงอมองดู บ้านกล่องโมเดินลอร์ฟ มันดูสวยมากและทันสมัยมากแต่ว่าเขาตั้งอยู่ด้านหลัง

“ชมรมของพวกพี่เอง และนี่เป็นบ้านของเพื่อนพี่ มันเป็นลูกชายเจ้าของโรงงานส่งออกอาหารทะเลแปรรูป ที่ส่งออกไปทั่วโลก” พี่ธันบอกผม ผมเปิดประตูรถลงไป พี่ธันก็เดินลงมาจากรถก่อนจะหันไปกดล๊อกรถก่อน

“ไอ้ธัน” ผมหันไปมองคนที่เดินตรงปรีมาหาพี่ธัน พี่ธันเดินไปก็ทักทาย โดยยกกำปั้นขึ้นมาชนกันก่อนเปลี่ยนมาเป็นไขว้กัน และตบไหล่กันคนละที

“มึงนี้แม่ง หายหัวเลยนะ”

“กูยุ่งมากมึงก็รู้นี่หว่า ว่าแต่มากันครบยังวะ” พี่ธันพูดกับคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า พี่เขาก็หันมาเจอผมเข้าพอดี

“เออ โทษทีว่ะ นี้น้องฟิล์ม” พี่ธันแนะนำ ผมก็ยกมือไหว้พี่เขา

“ฟิล์มนี่พี่โน้ตครับ “พี่ธันแนะนำพี่เขาอีกที

“ใครวะ”พี่เขาถาม

“กูบอกทีเดียวเลย พร้อมๆ กัน “พี่ธันพูดก่อนจะหันมามองหน้าผม พี่เขาก็พยักหน้า ก่อนจะเดินกอดคอพี่ธันเข้าไป พี่เขาหันมาจับมือผม พี่โน้ตมองตามมือนั้น

“ไม่ต้องบอกแล้ว ก็รู้ว่าเขาคือใครของมึง มันชัดขนาดนี้ ตากูไม่บอดครับ แต่แปลกใจครับ ปกติพี่กินหญ้าแก่นะครับ ดูน้องเขานี้ท่าจะหญ้าอ่อนนะ” พี่โน้ตพูดแถมยังแซวพี่ธันอีกด้วย พี่เขาหันมายิ้มให้ผมตรงที่บอกว่าหญ้าอ่อนนี่แหละ

“น้องครับ ไอ้เพื่อนพี่คนนี้น่ะ เหมือนมันเจ้าชู้แต่มันเป็นคนรักใครรักจริง แต่ติดที่ว่า มันเลือกมากที่จะให้สถานะแฟนกับใครสักคน แต่คนบนเตียงนี้ ใครให้มันก็เอา” พี่ธันรีบหันมายักคิ้วให้ผมทันทีก่อนจะไถลตรงที่ใครให้พี่เขาก็เอานี่แหละ

“ไอ้เชี่ยโน้ต! มึงพูดแบบนี้ อย่าชมกูเลยครับ” พี่ธันหันไปทำท่าจะเตะพี่โน๊ตทันที ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน ผมเห็นมีคนนั่งกระจัดกระจายอยู่หลายคน มีสาวๆ หุ่นดีมากแต่ละคน หน้าตาก็สะสวยทุกคนแต่ล่ะคนนี้ดูรู้เลยว่ามีฐานะ ผมเดาว่าพวกเขาน่าจะเป็นเพื่อนพี่ธันกันหมดและสาวๆ นึ่งเป็นแฟนพี่เขา

“อ้าวเฮ้ย! ไอ้ผู้สนับสนุนหลักมาแล้วมึง “พี่โน้ต พูดเสียงดังทำให้ทุกคนหันมามองผมกันกับพี่ธันกันหมด ผมกวาดสายตาไปรอบจนไปสะดุดที่เขาคนนั้น พี่ไนท์ เขานั่งอยู่กับพี่อีกคน เขามาด้วยเหรอ ผมหันมามองพี่ธัน พี่ธันหันมามองผม สีหน้าเขาดูกังวลเหมือนกลัวว่าผมจะรู้สึกอึดอัด

“ถ้าฟิล์มไม่โอเค พี่บอกพวกมันว่าไม่อยู่ก็ได้นะ” พี่ธันกระซิบกับผม

“ไม่เป็นไรครับอยู่เถอะครับ ผมเชื่อใจพี่” ผมพูดกับพี่ธัน พี่ธันพยักหน้ากับผม

“ไอ้ธัน ใครวะ ข้างๆมึงน่ะ” พี่อีกคนเดินตรงมาหาพี่ธันทันที

“มันบอกว่าให้รอก่อน เดี๋ยวบอกทีเดียวพร้อมๆ กันไง” พี่โน้ตหันไปบอกคนที่เดินตรงมา พี่คนนี้มีลายสักที่แขนทั้งสองข้าง ที่ผมเห็นเพราะว่าพี่เขาสวมเสื้อแขนสั้นรัดรูป

“ฟิล์ม นี่พี่แพทครับ ลูกชายเจ้าของบ้านจัดสรรหลายโครงการเลย” พี่ธันพูดแนะนำ พี่เขาคนนั้น

“สวัสดีครับ น้องฟิล์ม “พี่เขาพูดก่อนจะโอบเอวสาวสวยที่เดินมาด้วยกัน ผมจำเธอได้เธอเป็นดาราหน้าใหม่

“สวัสดีค่ะ ดารินค่ะ เป็นแฟนพี่แพทค่ะ” ผมก็ผงกศีรษะ ก่อนจะหันไปทักทายกลับ

“ฟิล์มนี้พี่โอม พี่คนนี้พ่อเป็นอู่ซ่อมและต่อเรือยอชต์ “พี่ธันพูดแนะนำเพื่อนเขาอีกคนที่นั่งอยู่มีสาวสวยนั่งเบียดอยู่เขาหันมามองผม

“พี่แนทค่ะ เป็นแฟนพี่โอมค่ะ” พี่เขาแนะนำด้วยน้ำเสียงนิ่งๆก่อนจะหันไปมองพีไนท์และก้มลงเล่นโทรศัพท์ต่อ

“และนั้นพี่นิกกี้ ลูกชายเจ้าของไร่องุ่นทำไวน์ ผลิตไวน์ส่งออกและน้องมิ้นคนสวยแฟนพี่เขา “พี่ธันแนะนำพี่อีกคนเขาก็ยกแก้วขึ้นมาทักทายผมพร้อมกับสาวสวยที่นั่งกดโทรศัพท์เล่นข้างๆ พี่เขา เธอสวยน่ารักมามากแถมดัดฟันเขาหันมายิ้มให้ผม

“ที่จริงมีอีกน่ะ แต่ว่า” พี่ธันพูดก่อนจะหันไปมองคนที่เดินเข้ามาหาพี่ธันทันที เพราะว่าพี่เขาหยุดการแนะนำไว้แค่นี้

“ธัน ไม่แนะนำแฟนให้รู้จักหน่อยเหรอ แต่วันนั้นเห็นก่อนบอกว่าเป็นแค่ธุรการนิ เลื่อนตำแหน่งเร็วนะ” พี่ไนท์ พี่เขาเดินตรงเข้ามาหาแต่พี่ธันดันผมไว้ด้านหลัง พี่ธันหันมามองหน้าพี่ไนท์ สีหน้าเอาเรื่องมาก

“คือว่าผมไม่ชอบประกาศให้คนทั้งโลกรู้เท่าไหร่นะครับ ผมชอบรู้กันสองคน เราชอบความส่วนตัวนะครับ” ผมรีบตอบแทนพี่ธันทันที พี่เขาปรายตาลงมามองผม

“อืมม ทำยังกับเป็นเซเลปคนดังไปได้แต่จริงไม่มีใครอยากรู้จักหรอกมั้ง ไม่จำเป็นต้องแอบซ้อนสถานะหรอกครับ หรือน้องยังไม่ใช่ตัวจริงกันแน่” พี่ไนท์พูด น้ำเสียงมันต่างจากวันนั้นมาก วันนั้นเขาดูเหมือนจะจีบผมซะด้วยซ้ำแต่วันนี้ฟังแล้วอยากจะขย้ำผมซะมากกว่า

“ธัน กูขอคุยด้วยแป๊บหนึ่งดิว่ะ” พี่โอมเดินมาคล้องคอพี่ธันออกไปทันที พี่ธันพยักพเยิดให้ผมไปนั่ง

“ฟิล์มนั่งก่อนครับ ใกล้ๆ กับน้องมิ้นพี่ก็ได้ครับ เห็นฟันเหล็กแบบนี้ไม่กัดแน่นอนครับ “พี่นิกกี้ ลุกมาสะกิดผมให้นั่งใกล้ๆ แฟนเขา

“พี่นิกกี้ หนูไม่ใช่หมานะคะ จะได้กัดเขาไปทั่วนะคะ “มิ้นพูดก่อนจะเบ้ปากเล็กน้อย เหมือนกับว่าจะเบ้ไปทางพี่ไนท์มากกว่า

“เป็นคนนะดีแล้วค่ะน้องมิ้น อย่าเป็นหมา ไปเลียแข้งเลียขาเลยนะคะ “พี่ไนท์พูด ผมเงยหน้ามองพี่เขาผมรู้ว่าเขาหมายถึงผมแน่ๆ ไม่อยากให้น้องเขามาเลียแข้งเลียขาผม นั้นคือไม่ต้องการให้ผมมีพวก

"ปากมึงเหรอว่ะเฮ้ย! มาว่าเมียกูนะไอ้สัส!" พี่นิกกี้พูด ทำท่าจะลุกขึ้น

“ พอ พอ ไอ้กี้พอว่ะ และไอ้ไนท์อย่าปากหมากูขอล่ะว่ะ ที่สำคัญที่มึงว่าอยู่น่ะ ผู้หญิง พวกกูไม่ทำเข้าใจน่ะ " พี่โน๊ตหันมาห้ามทันที พี่นิกกี้ถึงได้นั่งลง มิ้นหันมายักคิ้วให้ผม ผมหันไปเห็นมี่สายตาใครสักคนมองมาที่ผมก่อนพยักหน้ากับพี่ไนท์ ผมหันไปยิ้มให้มิ้น มิ้นเขาก็ยิ้มโชวเหล็กดัดพันสวยๆ ผมดูแล้วน่าจะรุ่นเดียวกับผมหรือไม่ก็อ่อนกว่าปีสองปี แต่จังหวะนั้น พี่ไนท์เขาหันหลังจะเดินกลับแต่เขาดันเหยียบปลายเท้าผม จนผมรู้สึกเจ็บ เขาย้ำมันลงอีกครั้งอย่างตั้งใจ ผมเงยหน้าขั้นมองพี่เขา พี่เขาก็ยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ

“อุ้ย! พี่ขอโทษ พี่ไม่เห็นครับ ขอโทษจริงๆ นะครับ” พี่เขาพูดก่อนจะขยี่ปลายเท้าลงอีกครั้งก่อนถึงจะชักเท้าเข้าออกไป ผมเงยหน้ามองหน้าเขานิ่ง มิ้นหันมามองหน้าผม ผมว่าเขาก็เห็นเหมือนที่ผมเห็น เขาตั้งใจเหยียบเท้าผม

“ไม่เป็นไรครับ ผมเชื่อว่าพี่ไม่เห็นจริงครับ ถ้าพี่เห็นจริงๆ พี่คงไม่ทำแบบนี้ มันดูเหมือนนางร้ายในละครหลังข่าวนะครับ” ผมพูดก่อนจะหันไปมองหาพี่ธัน

“น้องฟิล์ม สักหน่อยไหมครับ” เพื่อนอีกคนเขาชงคอกเทล ถือมาจะส่งให้ผม สีแดงเหมือนน้ำสตอเบอรี่ ผมก็รีบลุกขึ้น ผมรีบยื่นมือไปรับมาถือ ผมก็ก้าวเท้ายาวออกไปแต่ว่าผมเสียหลักแบบตั้งใจ

“พร้วด!” แก้วคอกเทลกระฉอกไปที่พี่ไนท์ เสื้อสีขาวของเขาเป็นรอบสีแดงของคอกเทลราดยาวลงไปทันที พี่เขาก้มลงมองเสื้อและหน้าผม

“พี่ไนท์ ผมขอโทษจริงๆ ครับ ผมมองไม่เห็นพี่นะครับ ว่าพี่อยู่ตรงนี้ด้วยอีกคน ไอ้ผมก็นึกว่าอากาศธาตุนะครับ “ผมพูดและยิ้มให้เขา

“ไนท์เสื้อเลอะเลยอ่ะ แถมเสื้อก็สีขาวด้วย  “แฟนพี่อีกคนเขาพูดก่อนจะชี้ไปที่เสื้อพี่ไนท์ พี่เขาหันมามองผม ดูจากสายตาพี่เขาจะเอาเรื่องผมแน่ๆ พี่เขาหันมากระฉากแขนผมทันที สายตานี้ดูโกรธเกรี้ยวน่าดู

“หมับ!” พี่นิกกี้ลุกขึ้นเอาแขนยื่นมากันพี่ไนท์ให้ออกจากผม

  "ปล่อยน้องเขาไอ้ไนท์" พี่นิกกี้พูด พี่นิกกี้เขามองหน้าพี่ไนท์ "กูบอกให้ปล่อยไง!" พี่นิกกี้พูดอีกที พี่ไนท์ถึงได้ยอมปล่อยแขนผม

“น้องมันไม่ตั้งใจ มึงเองก็ยังไม่ตั้งใจเหยียบเท้าน้องเขาเลยป่ะวะ และกูก็ไม่เห็นน้องเขาจะลุกมาต่อยมึงเหมือนที่มึงทำเลย นี่มึงโดนแค่น้ำเองนะ ร้อนทำไม” พี่นิกกี้พูด พี่เขามองหน้าพี่ไนท์ พี่เขาถึงได้ก้าวถอยหลังออกมาไปยืนมองผม ทุกสายตาหันมองมาที่ผมกับพี่ไนท์กันหมด

“ไนท์ มึงมีเสื้อมาเปลี่ยนไหมหรือว่าจะไปเอาเสื้อกูใส่ก่อนก็ได้ว่ะ ไปเอาบนห้องน่ะและก็รีบลงมาจะได้คุย พวกมันมีอีเว้นกันมันจะรีบไป”

“พวกกูจะได้รีบคุยๆให้จบ คุยจบแล้วจะได้เริ่มงานกันเลย มีเวลาไม่เยอะ” พี่โน้ตพูดก่อนจะชี้ให้พี่ไนท์ออกไป พี่หันมามองผมอีกครั้งก่อนจะหันไปพยักหน้ากับพี่โน้ตและเดินออกไปแทน ผมนี้เกือบไปแล้ว ผมก็นั่งลงทันที พี่โน้ตหันไปเรียกแม่บ้านมาเช็ดทำความสะอาดเช็ดที่ผมทำหกไว้ พี่เขาหันมามองทาพี่โน้ตกันหมดอีกครั้ง พี่โน้ตสั่นหัวไปมา พี่แพททำนิ้วเฉือดคอใส่พี่โน้ตโดยไม่พูดอะไร พี่โน้ตก็ส่งนิ้วกลางกลับไป ก่อนจะหันมาพยักหน้าเป็นเชิงถามว่าผมโอเคไหม ผมพยักหน้าตอบว่าผมโอเค

“มิ้นเห็นน่ะว่าเขาตั้งใจน่ะ” มิ้นขยับเข้ามานั่งเบียดกับผม ผมหันมาก็ตกใจ เล็กน้อย น้องเขาพูดทั้งที่ตาและมือก็อยู่ที่หน้าจอตัวเอง ผมมองเขานิ่งจนเขาช้อนตาขึ้นมามองผม และพยักพเยิดไปที่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้สูง นั่งไขว่ห้าง ทั้งที่เธอสวมกระโปรงสั้นมาก แถมนางทำท่าจะสูบบุหรี่อีก ในห้องแอร์แบบนี้นี่นะ

“แนท!! ถ้าจะสูบบุหรี่ไปสูบข้างนอกนะพี่ไม่ชอบให้สูบในห้องนี้” พี่ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกออกมา พี่เขาดูมีออร่าที่สุด พี่เขาออกปากสั่งคนที่ชื่อแนท พอนางได้ยินแบบนั้นก็เบ้ปากก่อนจะบี้บุหรี่ลง

“พี่คนนี้ชื่อพี่มินนี่ แฟนพี่โน้ตแก่กว่าพี่โน้ตสองปี และแน่นอนแก่กว่าพวกเราหลายปี แถมเป็นคนที่พี่ไนท์ไม่กล้า เพราะว่าพี่มินนี่ตบหน้าพี่ไนท์มาแล้วและพี่ธันก็เคารพพี่คนนี้เหมือนพี่สาวอีกคน” มิ้นกระซิบกับผม พี่เขาไปยืนคุยกับพี่โน้ต

“พี่ไนท์ร้ายมากและไม่มีใครชอบหรอกน่ะแต่ว่าเขาเป็นนักขับรถที่เก่งไง และตอนนี้นักแข่งมันลาออกหน้าตาเฉย นี่มันก็หายไปเลย ทั้งที่จะต้องแข่งแล้วด้วย พี่โน้ตเลยต้องเอาพี่เขามาลงแข่งแทน ตอนแรกพี่นิกกี้ก็ไม่เห็นด้วยเพราะรู้ว่าพี่ธันจะไม่พอใจเหมือนกัน “มิ้นพูด ก่อนหันมามองผม

“มิ้นก็ไม่ชอบพี่ไนท์น่ะ พี่เขานิสัยไม่ดี มีเรื่องไม่ดีเยอะเลยเอาไว้มิ้นจะเล่าให้ฟัง”

“ส่วนพี่นิกกี้เขาเป็นเพื่อนที่สนิทกับพี่ธันที่สุดเพราะว่าเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ประถมยันมัธยม พี่นิกกี้เป็นผู้ชายเขายังเคยยุให้พี่ธันเลิกกับพี่ไนท์เลย แบบประมาณว่า เลิกได้ให้เลิกซะ พี่นิกกี้พูดอย่างนี้เลยนะ” ผมหันมามองมิ้น เธอยิ้ม หน้าตาเธอเหมือนไปทางเกาหลี

  "หนูลูกครี่งไทยญี่ปุ่นค่ะ เรียนอยู่ปีสามคณะอักษรศาสตร์ค่ะ “น้องเขาพูด ผมพยักหน้า แสดงว่าเด็กกว่าผม

“จนสุดท้ายแล้วพี่ไนท์ก็ทำให้พี่ธันเลิกจนได้ ทุกคนโคตรดีใจเลยและไม่มีใครเห็นพี่ธันควงใครมาเปิดตัวอีกเลย ตอนนี้มีแค่พี่ “มิ้นหันมากระซิบกับผม ผมหันมามองมิ้นจริงดิ แต่พี่เขาบอกว่ามีผู้หญิงที่เขาคบหลายคนแต่ไม่เคยพามาแนะนำกับเพื่อนๆ เขาเลยเหรอ มิน่าล่ะ ไอ้พี่ไนท์เลยคิดว่าพี่ธันรอเขาหรือเปล่า พี่ธันเดินกลับเข้ามาพอดี แต่พี่นิกกี้เดินไปคุยกับพี่ธันซะก่อน

“มีอีกคนชื่อพี่แนท คนนั้นน่ะ คนที่พี่มินนี่เอ็ดนะคะ” มิ้นสะกิดกับผมก่อนจะขยับเข้ามากระซิบที่หูผม” อย่าไปไว้คุยอะไรกับนางน่ะ เขาเป็นญาติกันกับพี่ไนท์ สงสัยพี่ไนท์จะพามาให้พี่โอม “มิ้นกระซิบกับผม ผมหันไปมองจริงด้วยนางดูสนิทกับพี่ไนท์ แถมชื่อยังน. หนูเหมือนกัน

“พี่แนทไม่ใช่แฟนตัวจริงของพี่โอมหรอก แฟนพี่โอมเขาเป็นดอกเตอร์ เขาไม่ค่อยได้มาสุงสิงกับพวกเพื่อนๆของพี่โอมเขาหรอก เขาเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยอีกทีนะคะ แต่ว่าพี่โอมรักคนนั้นมากกว่า คนนี้แค่ อิบ ๆ” มิ้นบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ พี่ธันเดินกลับมาพร้อมกับพี่นิกกี้ พี่นิกกี้ตบไหล่พี่ธัน ดูจากสายตาผมรู้แล้วว่าสนิทกันมากจริงๆ พี่ธันเดินมานั่งและควักมือเรียกผมไปนั่งกับเขา ผมหันมายิ้มกับมิ้น มิ้นแอบโบกมือให้ผม พี่นิกกี้เดินมานั่งข้างๆ มิ้น

“เมื่อกี้ไอ้ไนท์มันทำอะไรเรา นิกกี้มันบอกพี่” พี่ธันถามผม ก่อนจะหันไปรับแก้วเหล้าจากพี่โน้ต มาและกระดกดื่ม

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แค่เข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะพี่ธัน” ผมกระซิบตอบ

“แน่ใจน่ะ ถ้ามันทำอะไรพี่ พี่จะได้เล่นแม่งเลย” พี่ธันพูด ผมก็ถลึงตามอง

“ไม่มี!” ผมบอกพี่ธัน ผมไม่อยากให้พี่ธันไปยุ่งเกี่ยวกับเขาจะดีกว่า ผมกอดแขนพี่ธัน ทำเหมือนเด็กน้อยอยู่ข้างๆ พี่ธัน

“นั่งๆจะได้คุย และจะได้พาแฟนพวกมึงไปเที่ยวกัน แม้รวมตัวกันนี้โคตรยากเลยว่ะ ไอ้พวกผู้สนับสนุน” พี่โน้ตพูด แฟนพี่โน้ตมานั่งใกล้ พี่ธันหันไปยกมือไหว้แฟนพี่โน้ตทันที นั้นแสดงว่าอายุเยอะกว่าอย่างที่มิ้นบอกไว้จริงๆและดีพี่ธันจะเคารพแฟนพี่โน้ตเหมือนที่มิ้นบอกผมไว้ ผมหันไปยกมือไหว้ตามเพราะว่าพี่เขาหันมาเจอผมและส่งยิ้มให้

“โดยเฉพาะไอ้ผู้สนับสนุนรายใหญ่” พี่โน้ตพูดก่อนจะหันมามองพี่ธันและผม

“วันนี้ที่เรียกมา กูจะบอกว่าไอ้เดย์ มันลากออกว่ะ แม่งจะแข่งอยู่แล้วเชียว ไอ้เชี้ยเอ๊ย! อยู่ๆ แม่งก็หายหัวไปเลย ซ้อมแทบตาย ไอ้ที่มีแม่งก็ยังอ่อนต่อสนามว่ะ” พี่โน้ตพูด

“ใครซื้อมันหรือเปล่าวะ” พี่แพทถามพี่โน้ต “อยู่ๆ มันก็หายไปและอีกคนก็โผ่มา มันยังไงกันแน่วะ” พี่แพทพูด พี่ธันหันไปชี้นิ้วที่พี่แพท ว่าเห็นด้วย

“กูไม่รู้ว่ะ แต่มันบอกว่ามันจะวางมือว่ะ มันบอกกูเมื่อสามเดือนที่แล้ว กูนึกว่าแม่งเมาว่ะ แต่ทีไหนได้แม่งหายจริงว่ะ” พี่โน้ตพูด ทุกคนหันมามองคนที่เดินลงมา เขาเปลี่ยนเสื้อมาแล้ว

“ดังนั้นกูกับไอ้โอมเลยเรียกไอ้ไนท์มันกลับมา มันไม่ได้ลงให้สังกัดไหน พวกมึงโอเคกันน่ะ “พี่โน้ตพูด พี่ไนท์เดินมายืนที่ตรงกลางพอดี ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ เขาก็หันมาหยุดที่ผมกับพี่ธัน ผมเหลือบตามองเขาแค่นั้น เพราะว่าผมนั่งพิงพี่ธันอยู่เล่นเกมในมือถือแทน พี่ธันหันมาส่งแก้วเหล้าให้ผม ผมกำลังจะรับแต่พี่เขาดึงกลับ พร้อมกับสั่นหัวว่าไม่ให้ ผมก็ต้องยู่ปาก แล้วจะส่งมาทำไมอ่ะไม่ให้ดื่ม ถามว่าผมดื่มไหม ดื่มครับเวลาไปเที่ยวกับพวกใบชาและมะนาว ไอ้เป็กซ์มาบ้าง บีมนี้นับครั้งได้ มันไม่ค่อยเที่ยวผับมันรับงานรายงาน วิทยานิพนธ์มาทำหาเงินเรียน แต่พวกผมก็ไม่เคยบังคับมันน่ะ ดีซะอีกเวลาเมาแล้วไปนอนห้องมัน บีมมันดูแลพวกผมอีกที ฮาๆ

“ห้ามดื่มเพราะถ้าพี่เมา เราจะได้ขับรถกลับ” พี่ธันกระซิบกับผมกับผม

“อย่าเมาซิ ผมยังขับรถพี่ไม่คล่องเลย” ผมกระซิบตอบ

“ใครบอก เมื่อคืนก็ขับอยู่ไม่ใช่เหรอครับ คล่องมากพี่การันตี จะให้ออกใบประกาศให้ด้วยก็ได้น่ะ เพราะว่าพี่เป็นผู้บริหารโรงเรียน ใบประกาศว่าเราจบหลักสูตรพิเศษจากพี่” พี่ธันกระซิบกับผม ผมเงยหน้าทำหน้ายู่ใส่ทันที มีแบบนี้ด้วยเหรอใบประกาศหลักสูตรพิเศษ พี่ธันเขาบี๋ปลายจมูกผมทันที

“เอ้าๆ แหม่ สวีทกันน่าดูนะครับ คุณธัน เกรงใจเพื่อนบ้างเถอะครับมึงครับ” เพื่อนนิกกี้แซวเลย มิ้นเขาหันมาทำท่าจะอ้อนพี่นิกกี้บ้างพี่นิกกี้รีบดันหน้ามิ้นออกแทน แต่มีอยู่คนหนึ่งที่มองผม ผมสังเกตมือที่กำไว้กระดาษไว้แน่น

“กูขออีกคนมาทำงานกับเรา พวกมึงยุ่งกันมากเลยต้องหาคนที่จะมาช่วยได้แบบยี่สิบสี่ชั่วโมง ช่วยเรื่องเทรน เรื่องหาสปอนเซอร์เพิ่ม เรื่องหาสนามซ้อมและจิปาถะ “พี่โน้ตพูดก่อนจะชี้ไปทางประตู มีคนเดินเข้ามา

“คนที่จะมาเป็นที่ปรึกษาให้เราตอนนี้คือ พี่ปุณณ์ครับ” ผมหันไปมองคนที่เดินเข้ามา พี่ธันหันไปมองเช่นกัน ก่อนจะวางแก้วเหล้าลง “ปึก” เสียงดังมาก สีหน้าพี่ธันบอกได้ว่าอยากจะเข้าไปตะบันหน้าคนที่เข้ามาใหม่ให้แหลกคามือ

“บรรลัยแล้วมึง ไอ้เชี้ยโน้ต!!” พี่แพทลุกพรวดจากเก้าอี้ ดูแต่ล่ะคนตกใจกันมาแต่พี่ไนท์ไม่ตกใจ

“โอ้วว F**K!!!” พี่นิกกี้สบถออกมาทันที

“F**k ยูทู!!” พี่โน้ตหันมาตอบพี่นิกกี้พร้อมโชว์นิ้วกลางให้พี่นิกกี้ พี่นิกกี้หันไปส่งนิ้วกลางสองนิ้วให้พร้อมกับพูดให้พี่โน๊ตอ่านปาก  "โน รีเทิร์น"พี่นิกกี้หันไปบอกพี่โน๊ต

   ผมเห็นพี่ธันจ้องมองคนที่เข้ามาใหม่ พี่คนนั้นเขาเดินมาหยุดก่อนจะมองไปรอบๆและมาหยุดที่พี่ธันกับผม เขายิ้มให้ผมแต่ผมผมไม่กล้ายิ้่มตอบเพราะคนข้างๆผมนี่ทำหน้าเหมือนพยายามระงับบอารมณ์โกรธที่กำลังครุกรุ่นอยู่ภานใน ผมดูแล้วท่าจะยากมากเพราะมัดที่กำแน่นขนาดนั้น
TBC....

หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.36.1(เฮียธันXฟิล์ม)สถานะที่จัดเจน ครึ่งหลัง
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 04-07-2021 02:51:46
 :z3:
หัวข้อ: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.37 Vacation (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 14-09-2021 11:08:52
EP.37 Vacation  P.1

       

    Part’ s กันต์ธีร์ วันนี้ผมตื่นมาเตรียมตัวจะพาเจ้าลูกโซ่นั่งรถไกลที่สุดตั้งแต่ลูกโซ่เกิดมา ผมจะพาไปเที่ยวเขาใหญ่กัน พี่เธียรเอารถฟอจูนเนอร์ไป เป็นรถครอบครัวสีขาว ไม่ค่อยได้ขับไปไหน พี่เธียรติดตั้งคาร์ซีทเอาไว้แล้ว ผมก็เตรียมน้ำเตรียมนม เพื่อลูกร้องกิน ขนมก็ต้องมี กิจกรรมสำหรับลูกโซ่ในรถ มีหนังการ์ตูน ผมเพิ่งรู้นะว่าเดินทางกับลูกนี้ ต้องคิดเอาไว้เยอะมา ผมกับพี่เธียรคุยกันไว้ว่าทุกสองชั่วโมงจะหยุดพักเพื่อให้น้องไม่เครียดในการนั่งในรถนานๆ แต่ถ้าเขาหลับก็อีกเรื่องหนึ่ง



“ม๊า ของที่จะเอาไปหมดยัง รถเต็มแล้วเนี่ยะ” พี่เธียรถามเชิงบ่นกับผม ผมเดินย้อนกลับมาดู รถฟอร์จูนเนอร์สีขาวสำหรับครอบครัว รถของป๊าแต่ตอนนี้ป๊าให้พี่เธียรใช้เวลาพาลูกโซ่ไปเที่ยวไหน ผมยืนเอามือเท้าเอวด้านหลังแน่นมาก และมันก็เป็นของจำเป็นทั้งนั้นเลย ผมหันมามองพี่เธียร ก่อนจะถอนหายใจเหมือนกัน



“ม๊าแน่ใจนะว่าเราไปเที่ยวไม่ได้ย้ายถิ่นฐาน คือไปตั้งรกรากที่นั่นเลยนะ” พี่เธียรถามผม ผมหันมามองประชดใช่ไหม กล้าเหรอ



“I kidding! You are the best mummy in the world!” ผมยิ้มยังจะประชดอีก ขยับเท้าหนึ่งข้าง



“ยังไม่พอใจอีกเหรอม๊า ป๊าชมขนาดนี้แล้วนะม๊า”



“แน่ใจนะว่าเฮียชม ผมว่าเฮียประชดมากกว่า!! จัดคนเดียวไปเลยไม่ช่วยแล้ว ชิส์!” ผมพูดพร้อมกับหันหลังเดินออกทันที



“อ้าวม๊า!! มาช่วยป๊าก่อน….พลีส!! “พี่เธียรพูดผมหันมามอง และแล้วผมก็ต้องเดินย้อนกลับมาช่วยจนได้



“มีอะไรที่ไม่จำเป็นไหมม๊า ถ้าเอาออกบ้างได้ไหม “ป๊าถามผม



“ไม่ได้หรอกป๊า เพราะว่าของทั้งหมดนี้จำเป็นทั้งนั้น และดูท่าคนที่ว่าย้ายถิ่นฐานนะเจ้าลูกโซ่ของพี่ต่างหาก เพราะของทั้งหมดนี้เป็นของเจ้าลูกโซ่ทั้งนั้น เตียงพับได้ รถเข็นลูก คอกกั้นแบบพับได้ อุปกรณ์นึ่งขวดนม อุปกรณ์ทำความสะอาดขวดนมอีก ของเล่นที่เขาชอบอีกและกระเป๋าเสื้อผ้า นี่ขนาดจัดไปใบเดียวกันเลยนะ ดูซิรถยังเต็มขนาดนี้” ผมหันมาพูดกับพี่เธียร เขาพยายามจัดรถให้เป็นระเบียบอีกครั้ง



“อย่าไปหลายวันนะอาม่าคิดถึงรู้ไหมลูกโซ่” ม๊าอุ้มเจ้าลูกโซ่ออกมา ป๊าก็เดินมาดูรถพี่เธียร พี่เธียรหันไปยิ้มให้ป๊า



“นี่ขนาดลูกคนเดียวนะเธียร เมื่อก่อนป๊ากับม๊า พาไปสี่คนและรถนี้มีแต่รถเก๋งนะไม่มีรถใหญ่ๆ แบบตอนนี้ แน่นมาก ท้ายปิดแทบจะไม่หมด “ป๊าพูดก่อนจะมองหน้าผมสองคน จริงมากนี้ขนาดนี้ลูกคนเดียวยังเยอะขนาดนี้ และฟอร์จูนเนอร์ไม่ใช่รถเก๋งแบบเมื่อก่อน มันน่าจะมีที่เหลือแต่นี้แน่นมากจนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรแทรกไว้ตรงไหนได้อีก



“สมัยนี้ดีกว่าเมื่อก่อนอีก เมื่อก่อนไม่มีของใช้เหมือนตอนนี้ด้วยนะป๊า ดูซิ เตียงก็พับได้ อ่างอาบน้ำก็พับซะแบนได้ แต่ดูรถเราซิ ยังแน่นอีกเธียร หึๆ” ม๊าพูดปนหัวเราะ ผมหันไปมองรถเฮียธันมาจอดแล้ว เฮียขับไปเอง เฮียธามเดินลงมาแล้ว กางเกงขาสั้น โชว์ขาอ่อน พร้อมกับเสื้อยืดมีเสื้อเชิ้ตทับ ป๊าสะบัดหน้าหันไปมองสองทีติด



“ธามกางเกงมันสั้นไป ไปเปลี่ยน” ป๊าหันไปบอกเฮียธามทันที เฮียธามก้มกางเกงตัวเอง



“ป๊าอ่ะ มันสั้นตรงไหนอ่ะ”



“มันเลยเข่าไปขึ้นไป เปลี่ยนเลยให้ต่ำจากเข่าลงมา” ป๊าหันมาทำเสียงดุ



“ถึงตาตุ่มเลยไหมอ่ะป๊า” เฮียธามถามป๊า



“เออ มันควรจะใส่แบบนั้นแหละ” ป๊าพูด เฮียธามสะบัดหน้ามามองป๊า



“ตกลงป๊าจะเป็นท่านประธานใหญ่หรืออาจารย์ฝ่ายปกครองกันแน่ ไปเที่ยวนะป๊าไม่ได้ไปสัมมนาประชาชี ต้องแต่งสูทผูกไทนะป๊า ขอวันหนึ่งไม่ได้เหรอ” เฮียธามหันมาถามป๊า ผมนี้ปิดปากขำตรงครูฝ่ายปกครองนี่แหละ ป๊าสั่นหัวทันที



“ธาม มียาวกว่านี้อีกไหมลูก ยาวอีกสักสองสามคีบกำลังดี อันนี้มันเสมอหูไปนะลูก ไปเปลี่ยนเถอะและแดดแรง เดี๋ยวดำหมด” ม๊าหันไปบอกเฮียธาม เฮียแกก็เหลือกตาขึ้นบนก่อนจะเดินสะบัดหันหลังกลับไปเปลี่ยนทันที ผมก้มลงมองกระเป๋าลากพร้อมกระเป๋าหลุยส์ใบเล็กที่มาคู่กัน



“แล้วกระเป๋าเจ๊แกจะไว้ตรงไหนล่ะเนี่ยะ บนหลังคาแล้วกัน” พี่เธียรพูดผมก้มลงมองนี่มันแบรนด์เนมเลยนะพี่เธียร แต่พี่เขาก็ยกขึ้นไปไว้ด้านบน จังหวะนั้นเธียธามเดินออกมาพอดี พร้อมกับกางเกง ขายาวเลยที่นี้ ป๊าหันไปมอง พยักหน้าว่าได้



“ผมควรจะใส่เสื้อคอเต่าเลยไหมป๊า” เธียธามถามป๊า



“ดีเลย มีไหมล่ะ ไม่มีไปเอาของป๊าได้ ป๊ามีหลายตัว ม๊าซื้อให้ตอนไปเที่ยวจีนช่วงหน้าหนาวด้วยกัน “ป๊าหันไปบอก เธียธามสะบัดหน้ามามองป๊าตรงของป๊าไหมนี่แหละ



“พูดเล่น ป๊าผมไปเที่ยวเมืองไทย โซนที่ฝนตกชุกไม่ได้หิมะตกชุกนะป๊านะ” เฮียธามบอกป๊า ป๊าหันมามองหน้าม๊า



“ได้ใครมาเนี๊ยะ ถึงได้เถียงเก่งขนาดนี้” ป๊าหันมาถามม๊า เล่นเอาม๊าค้อนป๊ากลับทันที



“ไอ้เธียร!! มึงจะเอาหลุยส์วิกตองของเฮียไปไว้บนหลังคาเหรอคะ มึงจะบ้าเหรอ เอาลงมาเดี๋ยวนี้ รุ่นนี้ ลิมิเต็ดอิดิชั่น นะมึงนะ เอาลงมา!” เฮียธามเอะอะโวยวายใหญ่เลย พี่เธียรแหงนหน้าขึ้นไปมองบนหลังรถ เฮียธามก็ควักมือให้พี่เธียรยกลงมา สุดท้ายพี่เธียรก็ต้องทำตาม



“รถผมมันเต็มอ่ะเฮีย” พี่เธียรหันมาบอกเฮียธาม



“ไอ้เธียร นั้นมันหลุยติ๊งต๋องของพี่สาวมึงเลยนะ เอาขึ้นไปไว้บนนั้นไม่คิดจะให้เครดิตกระเป๋าหรูเจ๊มึงเลยนะ” เฮียธันพูด ฟิล์มเดินมาหาผม มันยังตกใจในความแน่นของสัมภาระที่ผมต้องเอาไป



“ก็รถผมมันเต็มอะเฮีย” พี่เธียรหันไปบอกเฮียธัน



“งั้นเอาไปไว้ที่รถเฮียนั้น ที่เยอะ เพราะว่าเฮียไปแบบแบกแพ็ค “เฮียธันพูด ฟิล์มหันมายกมือไหว้ ม๊าและป๊า ก่อนจะกางแขนอุ้มเจ้าลูกโซ่ พอเขาเห็นของเขาในรถทำท่าจะดิ้นจะไปจะเอา



“ลูกโซ่กว่าป๊าจะจัดได้ขนาดนี้ อย่าเพิ่งเอาอะไรออกมาเลย ถึงโน่นก่อนแล้วกัน” พี่เธียรหันมาบอกลูกชาย ก่อนจะปิดประตูท้ายรถ รถเฮียธีมาถึงแล้วพร้อมกับพี่มิว พี่มิวเขาเป็นคนแต่งตัวน่ารักไม่โป้ ออกแนววินเทจด้วยซ้ำ กางเกงยีนขาบ้านที่กำลังฮิทและเสื้อยืดพอดีตัว รองเท้าผ้าใบน่ารัก แต่ที่ทำให้ผมแปลกใจคือ ผมเพิ่งเห็นเฮียธีแต่งตัวแบบลำลอง สบายๆ กางเกงขาสั้นคลุมเข่าเสื้อโปโลยี่ห้อดัง รองเท้าผ้าใบ แต่งผมเท่มาก จนจำเฮียแทบไม่ได้ เฮียเดินมาดูรถของผม



“นี่ขนไปเปิดท้ายขายของกันเหรอ ถึงได้แน่นขนาดนี้” เฮียธียังแซวเลย ไม่ต้องถามถึงพี่มิวเลย ทำท่าจะหัวเราะ ผมเห็นรถคันหรู ผมจำได้ดี รถอากันตภณ ขับเข้ามาจอด ผมหันมามองพี่เธียร



“เซอไพรส์ไหมม๊า หาคนไปเลี้ยงลูกเพราะคืนนี้จะจัดหนักจัดเต็ม “พี่เธียรหันมาบอกผม ผมหันไปมองอากันตภณ เดินลงมาพร้อมหมอภีมปภพ คนนี้ยิ่งทำให้ผมแปลกใจมากเพราะว่าผมไม่เคยเห็นอากันใส่กางเกงขาสั้นมาก่อนเสื้อยืดพอดีตัวสวมเสื้อโปโลลายทางสวมแว่นตากันแดด หมอภีมสวมเสื้อโปโลเหมือนกันแต่เป็นสีพื้นทำคอตั้ง





“สวัสดีครับเฮียเกริก สวัสดีครับอาซ้อ” หมอภีมปภพทักทายป๊าและม๊า



“ฮัลโหล ว่าไง จะออกแล้ว รอที่นั่นเลย ไอ้สองคนนั้นไปรอที่หมวกเหล็ก ไปทำไมวะ เออๆ เจอกัน” เฮียเธียรโทรคุยกับเพื่อนของเขา นัดแนะว่าจะเจอกันที่ไหน



“เฮีย รถเพื่อนๆ ผมมันจอดรออยู่ด้านนอกแล้ว” พี่เธียรหันมาบอก ก่อนนะพยักหน้ากัน ผมหันไปยกมือไหว้ป๊าและม๊า พี่เธียรหันไปรับเจ้าลูกโซ่มาใส่ในรถก่อน



“ขับรถด้วยความระมัดระวังนะเธียร เรามีลูก มีเมียนั่งไป พี่มึงด้วย ถ้าง่วงหรือไม่ไหว เปลี่ยนธามขับล่ะ รู้ไหม อย่าไปฝืน” ป๊าบอกพี่เธียร



“งั้นก็ไปเจอกันที่เขาใหญ่เลยนะ” อากันตภณหันมาบอกพวกผม เฮียธี เฮียธันยกนิ้วรับทราบและพากันแยกย้ายไปขึ้นรถตัวเอง ไอ้ฟิล์มมันหันมาโบกมือให้ผมก่อนจะไปขึ้นรถเฮียธัน เฮียธามเดินมานั่งหลังกับลูกโซ่ ผมเห็นมีวิทยุวออยู่ในรถด้วย เอาแบบนี้เลยเหรอ ผมหันมามองพี่เธียร



“จะได้ไม่คลาดกันไง” พี่เธียรหันมาบอกผม ผมพยักหน้าเบาๆ ผมเห็นพี่ธามทำอะไรยุกๆยิกๆอยู่ด้านหลัง พี่เธียรปรับกระจกมอง



“เจ๊ ทำอะไรนะ!”



“กูถอดกางเกงยีน”เฮียธามตอบ ผมกับพี่เธียรสะบัดหน้าไปมองแต่ผมรีบหันกลับ



“เจ๊อย่า! อย่าทำแบบนั้น!! สงสารลูกผม อย่าให้ลูกโซ่มันดูเลย เดี๋ยวหลานนอนไม่หลับตลอดทาง ฝันผวา!” พี่เธียรรีบหันไปร้องห้ามเฮียธามทันที



“ไอ้บ้า!! กูสวมทับมาคjะมึง” เฮียธามพูด ก่อนจะค่อpๆ ถอดกางเกงยีนขายาวนั้นออกไป มิน่าจะตัวใหญ่เชียว



“อ้าวป๊า มีอะไรเปล่า” พี่เธียรกดเปิดกระจกแต่ผมก็ไม่เห็นใครเลยนะ พี่เธียรกำลังจะแกล้งเฮียธามแน่ๆ





“เดี์ยวอย่าเพิ่งเปิดกระจก!! ให้กูใส่กลับก่อนไอ้ตี๋” เฮียธามกำลังสวมใส่กลับเข้าไป ผมหันมามองเฮียธามที่รีบสวมกลับเข้าไปใหญ่เลย



“คิก ๆ “มีคนกลั้นหัวเราะคือพี่เธียร



“โอ๊ย!” ผมหันมาหยิกพี่เธียร เฮียธามหันไปมองรอบๆ รถ เขาไม่เห็นว่ามีใคร



“เพี๊ยะๆๆ” เฮียธามลุกมาตีพี่เธียรใหญ่เลย



“เอิ้กๆๆ” มีคนสมน้ำหน้าด้วย ลูกโซ่หัวเราะใหญ่เลย



“เดี๋ยวหยุด!! เมียก็หยิก พี่สาวก็ตี! อะไรเนี่ยะ!” พี่เธียรหันร้องห้ามผมกับเฮียธามใหญ่เลย



“ลูกก็หัวเราะเยาะอีกต่างหาก ห้ามม๊ากับโกวเรานั้น บอกอย่าตีป๊าครับ ไม่ใช่หัวเราะชอบใจ” พี่เธียรพาลหันไปบ่นเจ้าลูกโซ่อีก



“วอหนึ่งเรียกวอสาม ทราบแล้วตอบด้วยครับ ตี๋น้อย” เฮียธีวอมาถามพี่เธียร



“เฮียมันควรจะเป็นวอหนึ่งเรียกวอสองไม่ใช่เหรอ” พี่เธียรถามคนที่วอมา



“ก็มึงเป็นวอที่สามไงกูเลยเรียกมึงวอสาม ไอ้ตี๋!” เฮียธีแน่นอน



“ว่าไงเฮีย” พี่เธียรตอบพร้อมกับสตาร์ตรถ



“ทำไมยังไม่ออกมา ติดอะไรวะ” เฮียธีวอมาถามคงเห็นว่ารถพี่เธียรไม่ขับออกไปสักที



“ติดเมียอยู่”



“เว้ยย!!”



“เก็บไปติดที่โน่นดีกว่าไหม ออกมาเถอะ!” คนปลายสายรีบพูด



“ล้อเล่นจะไปแล้ว ก็ดันให้ทั้งเมียและตัวแทนม๊ามานั่งคันเดียวกันแบบนี้ ตายเลยเฮีย เอาไปนั้งที่รถคนหนึ่งไหม” พี่เธียรถามเฮียธี



“เอาไว้อย่างนั้นแหละ เอามาก็เฮียก็ไม่ต่างจากมึงหรอกครับ และแม่เสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกับเฮียไม่ได้ เพราะว่าเดี๋ยวแม่เสือสองตัวนี้จะกินกระบาลเฮียเอา “เฮียธีพูด



“โอเค งั้นแค่นี้นะเฮียผมออกมาแล้ว อย่าเร็วจนตามไม่ทันนะ ไม่ได้ไปมาสามปีแล้วนะ” พี่เธียรพูด



“เออๆ เฮียไม่ขับเร็วหรอก รอๆ กัน มึงไปรับเพื่อนก่อนเลยไอ้ตี๋และจะได้นัดกันว่าจะไปจอดพักที่ไหน”



“รู้เรื่องเฮีย แค่นี้น่ะ “พี่เธียรก็กดตัดสายเครื่องมือสื่อสารไป ผมเห็นเฮียธามกำลังเซลฟี่กับลูกโซ่ ผมขับมาได้สักพักพี่เธียรก็เลี้ยวไปที่หน้าคอนโดพี่ไปส์กัน รถพี่ๆ เขาจอดอยู่ พี่เธียรลงจากรถไปคุยกับพี่ๆ เขา ผมหันมามองเป็กซ์มันเดินตรงมาหาผม ผมเปิดประตูออกไป ดูเป็กซ์มันดีขึ้นมากหน้าตาสดใสขึ้นเยอะแสดงว่ามีคนดูแลดี



“มึงคุยกับมะนาวและใบชาไหมวะ” ผมถามเป็กซ์



“ไปเจอกันที่หมวกเหล็กเลย บ้านมะนาวมันอยู่นั้น มันไปรอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว” เป็กซ์บอก ผมพยักหน้า



“ไอ้ฟิล์มละ” เป็กซ์มันถามผม



“ไปกับเฮียธันไง “ผมตอบ



“ตกลงมัน” ฟิล์มถามผม ผมพยักหน้า



“เขาขอแต่งงานแล้วมึง” ผมบอกเป็กซ์ มันพยักหน้าอีกครั้ง



“ฟิล์มไหนไฟแรงเว้อวะ “เป็กซ์พูด ผมพยักพเยิดว่าของมันก็เดินมาแล้วนั้น เดินมาพร้อมกับพี่เธียร



“หวัดดีครับพี่ไปส์”



“หวัดดีครับบีม” พี่ไปส์พูดก่อนจะมองลอดเข้าไปในรถ



“เจ๊หวัดดีครับ” พี่ไปส์ยกมือไหว้ เจ๊ธาม



“หวัดดีค่ะลูกไปส์ มาให้เจ๊หอมที” เจ๊ธามบอกพี่ไปสไปให้หอมแก้มที



“ไม่ได้เจ๊ เมียผมมา”



“อุ้ยฉิบหายแล้ว ไม่ว่าน่ะ “เจ้ธามพูดกับเป็กซ์



“ไม่ว่าครับแค่หอมใช่ไหมครับ” เป็กซ์มันถามเจ๊ธาม



“จริงๆ ก็..อยากได้มากกว่านั้น”



“เจ๊อย่า!! เมียไม่คิดแต่ผมคิด “พี่ไปส์รีบยกมือห้าม



“คิดว่า?” เจ๊ธามถามพี่ไปส์



“คิดว่าไม่เสี่ยงจะดีกว่า ผมรักเมียเจ๊!”



“เบื่อจริงๆ เลยพวกเมียมาคุมเนี่ยะ” เจ๊ธาม



“งั้นผมไปก่อนนะเจ๊ เจอกันข้างหน้าเจ๊” พี่ไปส์บอกก่อนจะดึงรั้งเอวไอ้เป็กซ์ออกไป พี่เขาโอบเอวเป็กซ์ขนาดนั้น และพี่เธียรก็ตั้งจีพีอาร์เอส



“เฮียจำทางเข้าได้ไหม ผมจำไม่ได้นะเฮีย เพราะว่าล่าสุดที่ไปก็ตอนที่เรียนจบปริญญาตรีและไปเมาเละที่นั่น หลังจากนั้นผมก็จำไม่ได้แล้ว” พี่เธียรถามเฮียธาม เฮียเงียบไปแป๊บหนี่ง



“ข้างไร่พี่ตะวันไง ไร่ภูวนัตถ์ชลากร มึงจำไร่พี่ตะวันได้ไหมล่ะอยู่ติดกับเราเลยนะ “น้ำเสียงเฮียธามเปลี่ยนไปทันที พี่เธียรปรับกระจกมอง ผมเห็นพี่เธียรหน้าเสียทันที



“เฮียผมขอโทษ” พี่เธียรพูดขอโทษเฮียธาม



“เออช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้มีคนซื้อไปแล้วแหละ ล่าสุดที่ม๊าไปก็เหมือนเขาจะรื้อป้ายไร่พี่ตะวันออกไปแล้วนะ “เฮียธามพูดก่อนจะหยิบเอาหูฟังมาเสียบหูฟังเพลงแทน ผมหันมามองพี่เธียร พี่เขามองเฮียธาม ด้วยสีหน้ากังวล ผมจับมือพี่เธียร พี่เขาพยักว่าเบาๆ ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ดูการ์ตูนที่เฮียธามเปิดให้ ผมยังไม่ได้ถามอะไรพี่เธียรเกี่ยวกับเฮียธาม ผมรอให้เขาพร้อมจะบอกผมดีกว่า ผมไม่ได้หยิบมือถือมาดู ผมนั่งป้อนน้ำป้อนขนมพี่เธียรขณะที่ขับรถ ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ผล๋อยหลับไปแล้ว

TBC...
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.37 Vacation (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-09-2021 11:06:39
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.37 Vacation (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Freezz ที่ 20-05-2022 21:17:19
น้องโซ่น่ารักกก
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.37 Vacation (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: Love ewan ที่ 22-05-2022 16:22:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย)EP.37 Vacation (ครึ่งแรก)
เริ่มหัวข้อโดย: RedQueen ที่ 05-07-2022 23:03:12
 :-[ งื้ออออออ มารอต่ออยู่นะค่า ชอบมาก
หัวข้อ: Re: (Mpreg)โซ่รักคล้อง(หัว)ใจ(นาย) จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่นะคะ
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 29-12-2023 17:39:17
จะขอลบนิยายเรื่องนี้และรีไรท์ใหม่ค่ะ  :bye2: