ขอเตือนก่อนนะคะ
นิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องสั้นที่มีความรุนแรงและป่าเถื่อนในระดับปานกลาง (?)
ฉะนั้น ใครคนไหนที่หัวใจไม่แข็งพอ
อย่า!!!!! เสี่ยง!!!!!
*ยิ้มสวย*
เคยรู้สึกไหม --- ความรู้สึกที่คล้ายกับถูกใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่ ทั้ง ๆ ที่ในตอนนั้นก็ไม่มีใคร
เคยรู้สึกไหม --- ความหนาวเยือกที่จู่ ๆ ก็แล่นปราดเข้ามาเกาะกุมจิตใจจนไม่กล้าอยู่คนเดียว
เคยไหม --- การเผชิญหน้ากับความกลัวที่สุดของหัวใจ การรับรู้อย่างรุนแรงจนแทบช็อก แล้วสมองจึงสั่งการให้รับรู้เป็นความรู้สึกอย่างอื่นแทน
เปลี่ยนความกลัว --- เป็นความสุขสุดยอดอย่างยากที่จะได้ลิ้มรส
TERRORIST กลบ ขัง ฝัง .... ฆ่า
“น้องกร มีเอกสารถึงลูกแน่ะ”
เสียงเรียบนุ่มของผู้เป็นมารดาที่ดังขึ้นส่งผลให้เด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของนามวางมือจากการจัดของให้เข้าที่ พร้อมกับก้าวยาว ๆ ไปหาร่างระหงที่กำลังเดินกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นด้วยความแปลกใจ
“แปลกจังนะครับ ผมเพิ่งย้ายเข้ามาที่นี่วันนี้แท้ ๆ ทำไมถึงมีจดหมายส่งมาถึงผมได้ล่ะ?” ปลายนิ้วเรียวพลิกดูซองเอกสารสีน้ำตาลเรียบ ๆ ที่จ่าหน้าถึงเขาด้วยความสงสัย “ไม่มีชื่อคนส่งด้วย...”
“แม่ว่าคงจะเป็นแฟนคลับคนใดคนหนึ่งของลูกนั่นแหละ ถ้าลูกอุตส่าห์ย้ายออกมาอยู่คนเดียวเพื่อหนีแฟนคลับ แต่พวกเขาก็ยังตามลูกจนเจอ แบบนี้กลับมาอยู่ด้วยกันดีกว่าไหมลูก?”
กรวิชญ์ระบายลมหายใจออกมายาวพลางปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติ เขาไม่ต้องการให้มารดาของเขาต้องเป็นห่วงเขามากไปกว่านี้
“เอาเถอะครับ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว คงไม่มีแฟนคลับรู้จักที่นี่มากนักหรอกครับ แล้วผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวด้วย เพื่อนของผมก็อยู่ด้วยอีกคน แต่ย้ายมาพรุ่งนี้เท่านั้นเอง แล้วพี่ผู้จัดการของผมก็คอยระวังให้เสมอ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ” เอ่ยพลางปรายตามองนาฬิกาข้อมือเรือนใหม่ที่พี่สาวซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดเมื่อสามวันก่อน “รีบกลับไปก่อนดีกว่าครับวันนี้ เดี๋ยวมืดแล้วจะเรียกรถลำบากนะ”
ร่างเพรียวพยักหน้ารับอย่างไม่เต็มใจนัก ในใจยังอดรู้สึกกังวลอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งผู้เป็นบุตรชายรับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้ดีจึงคลี่ยิ้มเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับแม่ พรุ่งนี้ก็ออกทัวร์แล้วด้วย ไม่ต้องกลัวว่าใครจะบุกมาหรอก ถึงมาผมก็ไม่อยู่ ไวท์ก็อยู่ด้วยนี่ไง”
มือสวยชี้ไปทางสุนัขสีขาวตัวใหญ่ที่กำลังตื่นเต้นกับบ้านใหม่ที่ยังจัดของไม่เรียบร้อยอยู่ไม่ไกลนัก
“จริงสิ ลูกจะทำยังไงกับไวท์ล่ะถ้าลูกออกทัวร์นาน ๆ”
“ผมก็ฝากไว้กับผู้จัดการนั่นแหละครับ เจ้านี่มันติดพี่เขาจะตาย แม่รีบกลับเถอะครับ ถึงบ้านแล้วโทรหาผมด้วยล่ะ ผมจะได้รู้ว่าแม่ถึงบ้านแล้ว”
“ตกลงจ้ะ ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก...”
กรวิชญ์ยิ้มรับ พร้อมกับโบกมือให้กับมารดาที่เดินออกไปจากบ้านอย่างช้า ๆ
“อืม... จัดของคร่าว ๆ ก่อนละกัน เดี๋ยวต้องเตรียมของไปพรุ่งนี้อีก”
เด็กหนุ่มวางซองเอกสารไว้บนโต๊ะอาหาร เรือนขาเรียวสวยก้าวเข้าไปในห้องครัวเมื่อสุนัขตัวโปรดเริ่มร้องหาอาหารเย็น เขาหยิบอาหารสุนัขเทใส่จานอาหารจำนวนหนึ่ง พร้อมกับเปิดประตูตู้เย็นเพื่อมองหาวัตถุดิบในการทำอาหาร ทว่าในตู้เย็นไม่เหลืออะไรนอกจากเบียร์สองขวดและโคล่ากระป๋องหนึ่ง
“แย่ชะมัด... ลืมซื้อข้าวกล่องมาไม่พอ ลืมน้ำแร่ด้วยเหรอเนี่ย”
ด้วยความที่เขาเป็นนักร้องเดี่ยวที่ได้รางวัลชนะเลิศจากรายการเดอะมูนที่มีชื่อเสียงระดับเอเชีย การดูแลรักษารูปร่างและสุขภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก ผู้จัดการสั่งเอาไว้เสมอว่าต้องดื่มน้ำแร่ทุกวันเพื่อให้ระบบการหมุนเวียนของร่างกายเป็นไปด้วยดี
ดวงตาสีน้ำตาลสวยทอดมองไวท์ที่กำลังดื่มด่ำกับอาหารจานโปรดอย่างเอร็ดอร่อยด้วยความอิจฉา
“นายขี้โกงนี่นา กินอยู่คนเดียว... เชอะ ฉันสั่งพิซซ่ามาส่งก็ได้ ถึงตอนนั้นอย่ามาขอกินล่ะ” เอ่ยพลางคว้าโทรศัพท์กดเบอร์สั่งอาหารอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
เด็กหนุ่มวัยสิบแปดปีอย่างเขาคงไม่คิดอยากจะออกมาอยู่ตามลำพังแบบนี้มากนัก ถ้าหากแฟนคลับที่บ้าคลั่งของเขาไม่ตามถึงบ้านเสียจนทำให้ครอบครัวของเขาเดือดร้อนกันไปหมด
คิดพลางหยิบซองสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะมาเปิดออกสำรวจแก้เซ็งระหว่างรอพิซซ่าซีฟู้ดถาดกลางที่คงจะมาถึงในอีกไม่เกินสิบห้านาที
“เอ๋...?”
เสียงใสหลุดอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อพบว่าภายในเป็นซองกระดาษสีขาวอีกชั้นหนึ่ง รูปร่างคล้ายกับห่อหนังสือหรือสมุดที่ค่อนข้างหนาเอาไว้เป็นอย่างดี ด้วยความแปลกใจ เด็กหนุ่มจึงคว้าเอาคัตเตอร์ที่วางอยู่บนโต๊ะมากรีดซองเปิดออกแล้วเทสิ่งที่อยู่ด้านในออกมา
สมุดปกหนังสีน้ำตาลลื่นหล่นลงมาบนมือของเขา ตามมาด้วยกุญแจสีทองดอกเล็กที่เอาไว้ไขเปิดสมุดเล่มนี้ กรวิชญ์ขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกับหยิบกุญแจมาไขที่ด้านหน้าของปกแล้วเปิดหน้าหนังสืออย่างช้า ๆ
‘... แด่น้องกร สโนวไวท์แสนสวยของผม’
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อพบกับตัวหนังสือที่อยู่ในหน้าแรก เนื้อกระดาษสีขาวที่มีรอยคราบสีแดงหม่นเกือบดำประปรายเริ่มทำให้เด็กหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ดี แต่ด้วยนิสัยที่ชอบท้าทาย เขาจึงตัดสินใจพลิกไปยังหน้าต่อไป
ดวงตาคู่โตมองไปยังรูปของตนเองอย่างไม่ใส่ใจนัก เนื่องจากรูปที่ติดอยู่บนหน้ากระดาษสีซีดนั้นก็เป็นรูปที่ถ่ายตามนิตยสารเสียส่วนใหญ่ ปลายนิ้วบางพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงหน้ารองสุดท้าย
“หืม...?”
คิ้วเรียวได้รูปขมวดมุ่นด้วยความแปลกใจเมื่อกระดาษแผ่นนั้นดูหนากว่าแผ่นอื่น เขาสังเกตได้ว่ามีรอยไม่เรียบคล้ายกับถูกกาวหรืออะไรบางอย่างเหนียว ๆ ติดเอาไว้ระหว่างกระดาษทั้งสองแผ่นอย่างไม่เรียบร้อยนัก จึงตัดสินใจแกะกระดาษสองแผ่นนั้นออกจากกันอย่างระมัดระวังด้วยความสงสัย
“…..!!!”
ทว่าสิ่งที่ปรากฏแก่สายตากลับเป็นสีแดงฉานของโลหิตที่แห้งกรังทั้งสองหน้า ซ้ำยังมีตัวหนังสือที่ถูกเขียนด้วยลายมือหวัด ๆ ภายใต้ร่องรอยสีแดงนั้นว่า
‘คุณเป็นของผม’
ร่างบอบบางผละจากสมุดเล่มนั้นด้วยความตกใจ มือเรียวพลิกหน้ากระดาษนั้นไปอย่างรวดเร็วอย่างไม่อาจทนมองได้ แฟนคลับของเขามีอยู่จำนวนหนึ่งที่เข้าขั้นโรคจิต แต่ยังไม่เคยมีใครส่งของขวัญแบบนี้มาให้ ซ้ำอีกฝ่ายยังเป็นผู้ชายอีกต่างหาก แต่ดวงตาคู่โตกลับต้องเบิกกว้างเมื่อพบกับรูปที่แปะอยู่บนกระดาษหน้าสุดท้าย
มันเป็นรูปถ่ายของเด็กผู้ชายที่ถูกชำแหละร่างกายออกเป็นชิ้น ๆ ศีรษะ แขน ขา กระจัดกระจายท่ามกลางกองเลือดสีแดงฉานอาบพื้นกระเบื้องสีขาว เขาคงบ้าไปแล้วที่มองหยดเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่วเป็นกลีบดอกกุหลาบสีแดงสดที่โปรยปรายอยู่ล้อมรอบชิ้นส่วนของศพนั้น
สีแดงของเลือดคล้ายกับสะกดดวงตาของเขาเอาไว้ไม่ให้ละสายตาไปจากภาพนั้นได้
--- ชวนให้ลุ่มหลงเป็นที่สุด
กรวิชญ์สะบัดศีรษะไล่ความคิดที่ตรึงอยู่ในสมองของเขาออกไป ท่าทางจะทำงานหนักเกินไปแล้วถึงได้เห็นของแบบนี้เป็นเรื่องสวยงามไปได้! ของแบบนี้ต้องทิ้ง ขืนครอบครัวของเขามาเห็นเข้า ชาตินี้อย่าได้หวังเลยว่าเขาจะได้ออกมาอยู่คนเดียวได้
มือเรียวสวยปิดหนังสือเล่มนั้น ก่อนจะใส่กลับเข้าซองเพื่อกันไม่ให้ใครมาเห็นเข้า ในใจรู้สึกหวาดหวั่นอย่างไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ คล้ายกับกังวลใจที่ได้รับของขวัญประเภทนี้ แต่ในใจลึก ๆ กลับไม่อยากทิ้ง --- ไม่สิ ไม่กล้าทิ้งต่างหาก
--- ราวกับกลัวว่าจะเกิดอาถรรพ์อย่างนั้นแหละ
ปิ๊งป่อง
เด็กหนุ่มสะดุ้งตัวลอยเมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งประตู เสียงหวานใสขานรับพร้อมกับหันไปจุปากให้ไวท์เงียบเสียงลง เรือนขาบอบบางเร่งรีบตรงไปที่ประตูแล้วชะงักฝีเท้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่าควรหยุดดูก่อนว่าใครเป็นผู้มาเยือนในยามดึกสงัดเช่นนี้
“ใครครับ?”
“พิซซ่ามาส่งครับ”
ตอนนั้นเองที่กรวิชญ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาเปิดประตูรับสินค้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยื่นเงินค่าอาหารให้อีกฝ่ายแล้วกลับเข้าห้องไป
ไวท์กระดี๊กระด๊ามาหาเจ้าของร่างเพรียวในทันทีที่ประสาทรับกลิ่นสัมผัสได้ถึงกลิ่นพิซซ่าอันหอมหวน ร่างสีขาวตะกุยหน้าขาเรียวยาวอย่างออดอ้อน แต่ด้วยขนาดที่ไม่ใช่เล็ก ๆ ทำให้ดูคล้ายการทำร้ายเจ้าของเสียมากกว่า
“ไม่เอาน่า ไวท์ บอกแล้วไงว่าอย่ามาเสียใจทีหลัง~”
เสียงใสเอ่ยพลางวางกล่องพิซซ่าลงบนโต๊ะอาหาร เดินไปล้างมือโดยไม่สนใจเสียงครางหงิงของสุนัขคู่ใจ ก่อนจะเดินกลับมาเปิดกล่องพิซซ่าอย่างอารมณ์ดี
ทว่า พิซซ่าหน้าซีฟู้ดของเขามีบางสิ่งที่แปลกไป มีกุ้ง ปลาหมึกตามปกติ แต่เหมือนจะราดซอสแบบใหม่ที่ดูไม่น่าอร่อยสักเท่าไหร่ คิ้วเรียวสวยได้รูปขมวดมุ่นอย่างงุนงง สั่งพิซซ่าร้านนี้มาตั้งแต่เกิดก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีซอสสีขาวดูหยุ่น ๆ แบบนี้ราดหน้าอยู่ด้วย
สีขาว ๆ ขุ่น ๆ ............ อย่างกับ .........................................
เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดนี้ออกไป เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ร้านไหนจะทำลายชื่อเสียงสินค้าของตัวเองแบบนั้นล่ะ มือเรียวเอื้อมหยิบพิซซ่าขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะได้อ้าปากชิม เสียงกดออดก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้กรวิชญ์ชักหงุดหงิด พิซซ่าก็ไม่ใช่ ใครกันนะมาซะดึกดื่น ถ้าเป็นแฟนคลับจะแจ้งตำรวจจับฐานบุกรุกให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะเลยนี่
ด้วยอารมณ์โมโหทำให้เขากระชากประตูเปิดโดยไม่หยุดถามก่อนว่าใคร หากเขาล่วงรู้อนาคตได้ กรวิชญ์คงตัดสินใจล็อกห้องอย่างแน่นหนาหรือไม่ก็เรียกตำรวจมาเลยด้วยซ้ำ
เบื้องหน้าปรากฏร่างสูงในชุดคนส่งพิซซ่าร้านเดิม กรวิชญ์ได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยความงุนงงว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“มีอะไรเหรอครับ?”
กรวิชญ์เอ่ยพลางหันไปดุไวท์ที่เห่าเสียงดังไม่ยอมหยุด ก่อนจะหันกลับมามองทางเดิม แต่ยังไม่ทันที่เขาจะเบือนสายตามาที่เก่า ร่างบอบบางก็ถูกลำแขนแกร่งโอบรัดเอาไว้ พร้อมกับมือใหญ่ที่ตะครุบปากของเขาอย่างรวดเร็ว
“อื้อ?!?!?!?!”
ร่างเพรียวหยุดนิ่งด้วยความตกตะลึงเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบของคมมีดที่จ่ออยู่ที่เรือนคอ โสตประสาทรับรู้ถึงเสียงประตูปิดและลงกลอน พร้อม ๆ กับมือใหญ่อีกข้างที่ยังคงปิดปากของเขาแน่น
"ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็อย่าส่งเสียงนะครับ... สโนวไวท์ของผม"
อัยยะ!! แล้วจะรีบมาลงต่อนะคะ
:bye2: