พิมพ์หน้านี้ - ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Raccool ที่ 21-09-2018 00:54:46

หัวข้อ: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 21-09-2018 00:54:46
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐



M y N o v e l ::

๐ ▆ ▇ █ Maybe….I’ll try?-เล่นของสูง █ ▇ ▆  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41260.0)   [F i n i s h e d ]
๐   ☀ ☼ Dear Sunshine : วาดตะวัน ☼ ☀ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51550.0)    [ F i n i s h e d ]
๐   ※ MR.GREY ※  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58733.0)    [ F i n i s h e d ]
๐   ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.0)    [ F i n i s h e d ]
๐  ❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄   (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64693.0)    [ F i n i s h e d ]
๐  ❍ Into the moonlight #ณพระจันทร์  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=67098.0)    [ F i n i s h e d ]



๐  [เรื่องสั้น] ✡ ส ม ห ม า ย ✎  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52526.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] :: ◤| Summer Wine |⊿ ::   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52774.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ♪ ♫ :: SENSORY SERIES :: HEAR ♪ ♫    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56968.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]░【 GROWTH 】#รีบโต    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57556.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] 。• ✈ Page 49 ✈ •。  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59146.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]♡ ☽ Lucky Cat ☾ ♡  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60785.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ✖ Soon We'll be found ✖  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61590.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] #อย่าปล่อยให้ความตายหลงรักคุณ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63610.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ▣ Don't kick the chair ▣  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65435.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ■ Have a ghost day #ผีของผม ■  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64808.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]┼ In another life ┼ #หากชาติหน้า  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66337.0)   [ F i n i s h e d ]
๐ [เรื่องสั้น] ◎ #มนุษย์โอ่ง ◎  (https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?board=33.0)   [ F i n i s h e d ]






"มีเจ้าของแล้วนี่"

"เจ้าของไม่ค่อยดูแลผมเท่าไหร่"

"..."

"เอ็นดูผมหน่อยสิครับ"





หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 21-09-2018 00:55:44
Intro



สองมือเอื้อมไปเกาะแผ่นหลังอีกฝ่าย ลงเล็บขูดเกี่ยวเนื้อหนังเปลือยเปล่าจนผืนหลังเขาขึ้นรอยแดง ผมขยับตัว นำสะโพกตัวเองเข้าไปแนบร่างกายที่แผ่ไออุ่น ขยับองศาใบหน้ารับจูบร้อนแรง ไล่ลิ้นเล่นกับอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า ขาข้างหนึ่งตะหวัดรัดเอวแกร่ง ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่ได้ทำงาน



ขยับเอียงใบหน้า เผยต้นคอให้อีกฝ่ายฝังคมเขี้ยวลงไป



มือข้างหนึ่งของเขาโอบเอวผมอยู่ ล้วงลึกเข้าไปในสาบเสื้อ ส่วนอีกมือขยุ้มกลุ่มผมจนศีรษะโอนเอนไปตามทิศทางที่เขาต้องการ



เขาไล่มือจากหัวไปถึงต้นคอ นิ้วมือเรียวทั้งห้าพรมไล่ปัดเส้นผมให้พ้นทาง



เผยให้เห็นรอยสักที่ฝังอยู่ตรงท้ายทอย หลบซ่อนอยู่ภายใต้กลุ่มผมยาวระต้นคอ



“...มีเจ้าของแล้วนี่” เขาเอ่ยกระซิบข้างใบหู กระทำเหมือนผมเป็นเหยื่อที่ถูกจับได้



“เจ้าของไม่ค่อยดูแลผมเท่าไหร่”



ผมหัวเราะเบาๆ เมื่อถูกค้นพบความลับ สบตามองผู้ร่วมเตียงในค่ำคืนนี้ ยกยิ้มหยอกเย้ายั่วยวน



“เอ็นดูผมสิ”



เขาขยับยิ้ม ก่อนดันร่างผมสู่ผืนเตียง กระชากเสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยของผมออกจนสิ้น



คนตัวโตเอ็นดูตามที่ผมบอก ควบคุมเกมรักครั้งนี้ราวกับเป็นเจ้าป่าล่าเหยื่อ



เสียแต่เขาไม่รู้หรอกว่าคนเป็นเหยื่อน่ะ...คือเขาเอง...












ผมตื่นขึ้นมาในห้องหรูของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในช่วงที่มาถึงห้องไม่ได้สนใจหรือสังเกตสิ่งรอบตัวเท่าไหร่เพราะมัวแต่ปลุกปล้ำอยู่กับคนที่ตอนนี้นอนหลับอยู่ข้างๆ คอนโดอยู่ในย่านที่บ่งบอกถึงคนมีฐานะ การตกแต่งข้างในเองก็ทำให้ดูหรูหราสมราคาไม่แพ้กัน



ผมยกยิ้ม มองใบหน้าหล่อเหลาคมคายตรงตามความชอบของผม พึงพอใจตัวเองที่เลือกคนนี้ให้มาร่วมสนุกด้วยกัน เขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมเตียงยามค่ำคืนของผมก็เท่านั้น



ผมยืดตัว หมุนคอเพื่อคลายกล้ามเนื้อ กางแขนออกยืดเส้นยืดสาย พลันสังเกตเห็นรอยสีแดงจางๆ บริเวณหน้าท้อง อันเนื่องจากแรงบีบเค้นของอีกฝ่าย เมื่อคืนพวกเราสนุกกันมากไปหน่อย ดีที่อย่างน้อยก็ยังพอยั้งมือกันบ้าง และมีสติพอที่จะไม่ทำ ‘รอย’ อย่างที่ผมขอไว้ได้



“เข้าใจแล้วทำไมถึงมีเจ้าของ”



เขาเอ่ยขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังสำรวจตัวเอง



ผมหันไปสบตากับเขาที่ส่งยิ้มเจือจางมาให้ ก่อนยกยิ้มขยับตัว ค่อยๆ เคลื่อนร่างกายเปลือยเปล่าของตนไปทาบทับอีกฝ่ายที่สอดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม



เนื้อตัวของเขาก็เปลือยเปล่าไม่ต่างจากผม และระหว่างก็มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวคั่นไว้



“แล้วเป็นไงบ้างครับ...เล่นกับคนมีเจ้าของ” ขยับยิ้มอีกครั้ง เอ่ยถามคนใต้ร่าง พลางไล่นิ้วมือไปยังแผงอกแกร่ง



“คิดว่าถ้าคุณเป็นของผม ผมคงไม่ปล่อยให้หลุดออกมา” ผมหัวเราะ นึกถึงความเป็นไปไม่ได้



“ขนาดเขายังเอาผมไม่อยู่ คุณก็คงขังผมไม่ไหวเหมือนกัน”



ผมเคลื่อนตัวออกจากอีกฝ่าย ก้าวเท้าลงสู่พื้นห้อง เดินลัดเลาะขอบเตียง ก้มตวัดเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่ตามจุดต่างๆ สวมใส่มันทีละชิ้น เริ่มจากสวมชั้นในและกางเกงสแลคสีดำเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงค่อยคว้าเสื้อเชิร์ตที่ยับยู่ยี่อยู่ปลายเตียงขึ้นมาใส่ ติดกระดุมปกปิดเนื้อหนังข้างใน



“ยังไม่ลองจะรู้ได้ยังไง”



อีกฝ่ายยังไม่ยอมลดละ เขาจุดบุหรี่ สูบควันดำเข้าปอด



เดินลงจากเตียงมาทางผม เผยให้เห็นร่างเปลือยเปล่าและกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงาม พร้อมพ่นควันออกมา เมื่อควันสีเทาค่อยๆ ลอยเฉื่อยอยู่ในอากาศและจางจากไป มือใหญ่รวบผมเข้าไปในอ้อมแขน



“สนใจเปลี่ยนเจ้าของไหม”



ว่าพร้อมยกบุหรี่ในมือมาจ่อที่ปากผม เสียแต่ผมปฏิเสธมัน เบือนหน้าหนีมวนมะเร็งช้าๆ ทว่าขยับใบหน้าเข้าใกล้อีกฝ่ายแทน



มอบจุมพิตในยามเช้า



 “เสียใจนะที่ต้องบอกว่าผมเคยลองแล้ว”



กระซิบเอ่ยคำลา



“และมันไม่ได้ผล”



ผมคว้ากระเป๋าตังค์และโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่วางอยู่บนหัวเตียง เก็บพวกมันเข้ากระเป๋ากางเกง ก่อนเดินออกไปในยามเช้าตรู่

















#น้ำค้างฟ้าขุ่น





หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-09-2018 10:48:16
เจิมเรื่องใหม่  :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 21-09-2018 22:49:01
มาจองที่ค่าาา ใครจะเอาน้องอยู่น้าาา  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 22-09-2018 03:57:53
 :hao3: แซบ ตั้งแต่เริ่ม...  :hao6: ชอบค่ะ....รออ่านนะค่ะ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนขี้เกียจ ที่ 22-09-2018 09:26:34
โอ้โหหหห จัดตอนต่อไปมาเลยค่ะ ฮื้อ55555
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: yasperjer ที่ 22-09-2018 10:49:17
น้องงงงงงงงงงงงมาอีกแล้ววววววววววว​
ใครจะเอาน้องอยู่น้าาาาาาา :hao6:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น |21.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-09-2018 15:44:56
อื้อหือออ ลองดูแล้วไม่ได้ผล
แต่ดูแล้ว มีคนอยากลองด้วยนะ

รอเลยค่ะ ลุ้นว่าจะได้ผลไหม
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 28-09-2018 00:19:32
1: Daily danger



ผมเอ่ยชื่อยานอนหลับชนิดหนึ่งขึ้นมา ชายตาไปยังคนที่นั่งข้างๆ



“เอ๊ะ?”



“ยานอนหลับตัวนี้ใช่ไหมครับที่ใส่ลงไปในแก้วผม”



“...”



“เสียใจด้วยนะ มันทำให้ผมหลับไม่ได้หรอก”



“...”



“ถ้าจะวางยาผม ต้องตัวที่แรงกว่านี้นะครับ”



“...”



“แต่ถ้าคืนนี้อยากให้ผมไปด้วย บอกกันดีๆ ก็ได้นะคุณ...”



ผมใช้มือซ้ายเท้าคาง กระดิกนิ้วมือทั้งห้าพรมลงบนแก้มตัวเอง นั่งเหม่อมองสไลด์หน้าห้องเรียน ฟังอาจารย์บ่นบรรยายถึงเนื้อหาของวิชาไปเรื่อยๆ มืออีกข้างหมุนปากกาเล่น รอจนกว่าจะหมดชั่วโมง หวนคิดถึงเรื่องเมื่อคืน



ยานอนหลับไม่ได้ผล แต่เซ็กซ์ร้อนแรงเมื่อคืนกลับได้ผลดีเกินคาด



อย่างน้อยผมก็ได้หลับก่อนไปสอบย่อย และไม่ได้ขาดเรียนในคาบต่อมา



คนที่ผมเล่นด้วยเมื่อคืนไม่ได้อาศัยในย่านหรูเหมือนคนก่อน เขาพักอยู่ในหอพักธรรมดา ฐานะดูปานกลาง ทำให้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่พอได้เริ่มกิจกรรมร่วมรัก ความผิดหวังที่มีก็พลันมลายหายไป เมื่อจังหวะของพวกเราเข้ากันได้ดีเกินคาด



เมื่อคืนของผมมีสีสันพอตัว



“...ดูง่วงนะ ไม่ได้นอนเหรอ”



“เปล่า”



ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนที่นั่งข้างๆ สงสัยผมคงเหม่อลอยนานไปหน่อย คงผิดสังเกต



เน็ตหันหน้ากลับ ไม่ได้พูดอะไร ตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์ต่อไปอย่างขยันขันแข็ง



ส่วนผมละสายตาจากเลคเชอร์ไปมองหน้าเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง เน็ตชำเลืองหางตามองผมก่อนจดเลคเชอร์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ



“ไม่ต้องจับ” เขาเอ่ยเสียงแข็งทันทีที่เห็นผมขยับตัว ยกมือขึ้น หมายจะเล่นแว่นตาที่เขาสวมสักหน่อย



“ขี้งก”



เน็ตหันมาดันแว่นใส่ผม แล้วก็ไม่สนใจกันอีก คงเพราะนิสัยเขาเป็นแบบนี้ ถึงได้เป็นคนที่ผมคบด้วยนานที่สุด คบในฐานะเพื่อน ไม่เคยนอนร่วมเตียงเลยสักครั้ง แม้ว่าผมอยากจะลองก็ตาม



หนุ่มแว่นไม่ใช่สเป็คเท่าไหร่ แต่เน็ตไม่เหมือนเด็กแก่เรียนทั่วไป เขาหน้าตาดีจัด เป็นหนุ่มเนิร์ดที่ไม่รู้ตัวว่าฮ็อตขนาดไหน ภายใต้เสื้อเชิร์ตนักศึกษาสีขาว ผมรู้ว่ามีของดีซ่อนอยู่ แต่ก็นั่นแหละ เน็ตไม่ยอมเล่นกับผมเลยทำอะไรไม่ได้



คาบเรียนจบลง อาจารย์สั่งรายงานคู่ท้ายคาบ แน่นอนว่าผมจับคู่กับคนที่นั่งข้างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย และไม่ต้องเอ่ยกล่าวบอกอะไรกัน



เน็ตใส่ชื่อตัวเองกับผมไว้ในใบรายชื่อ ก่อนที่พวกเราจะลุกออกจากห้องเรียน



“วันนี้ไปค้างด้วยนะ” ผมเอ่ยขึ้นทันที ควงแขนเขาไว้ ออดอ้อน ออเซาะ



เน็ตสะบัดแขนหนี “ไม่ต้องมา”



“ไม่ทำรายงานเหรอ”



“ไว้จะนัดที่หอสมุด”



“โถ่ ไม่หนุกเลย”



ผมเบ้ปาก พยายามเกาะเน็ตอีกครั้ง ไม่รู้ทำไมเน็ตถึงไม่สนใจผมเอาเสียเลย ทั้งๆ ที่คนอื่นๆ มีแต่จะวิ่งเข้าหาผมแท้ๆ



“แล้วคืนนี้ไปเที่ยวกันไหม”



“ไม่”



“เน็ต~” ผมร้องเรียกชื่อเขาเสียงยาน เจ้าของชื่อหันมาทำตาดุใส่



“พรุ่งนี้อย่าลืมมาทำรายงานด้วย”



“นี่ถือว่านัดกันแล้วเหรอ”



“หอสมุด บ่ายโมง”



เน็ตว่า รีบก้าวฉับๆ จากไป ส่วนผมก็หัวเราะไล่หลังเขา



เน็ตรู้จักผมมาแต่ไหนแต่ไร และคงน่าเสียดายแย่ถ้าเราจะจบความสัมพันธ์กันเพียงเพราะเซ็กซ์ชั่วข้ามคืน เพราะอย่างนี้ผมจึงปล่อยเน็ตไป



เน็ตรู้ดีว่าผมไม่มีทางเป็นของเขา



รวมถึงเขารู้จักเจ้าของของผมดีกว่าใครๆ



เราต่างรู้จักนิสัยกันดีเกินกว่าจะผูกสัมพันธ์ลึกซึ้ง



ผมไม่ชอบนอนกับคู่นอนซ้ำๆ คืนนี้ผมจึงออกตระเวนหาคนที่ถูกใจ หาที่นอนแห่งใหม่ สถานที่ล่าหนีไม่พ้นย่านบันเทิงที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง เพียงแต่คราวนี้ผมไม่ได้เลือกผับใกล้ม.ตัวเอง ตั้งใจขยายอาณาเขตตัวเองออกให้ห่างไกลขึ้นอีกนิดหน่อย จะได้ไม่พบปะคนเดิมๆ



บรรยากาศในร้านนี้ไม่ต่างจากร้านอื่นเท่าไหร่ มีผู้คนมากมายทั้งนั่งทั้งยืน เดินไปเดินมา รวมถึงเดินเข้ามาหาผม ก่อนที่จะเดินจากไปเมื่อผมยังไม่เจอคนที่ถูกใจ



พวกเขาเข้ามาทำความรู้จักผม พูดคุย ถามไถ่ ทั้งชายแหละหญิง



ผมส่งยิ้มแทนคำพูดให้กับผู้มาเยือน พวกเขาเข้ามาและจากไปเมื่อผมไม่ทำอะไรนอกจากยิ้มให้เพียงอย่างเดียว



คืนก่อนหน้านั้นผมได้ผู้ชายรูปหล่อเจ้าของธุรกิจส่วนตัว คืนต่อมาผมได้นักกีฬาฐานะปานกลางที่พยายามวางยานอนหลับให้ผมกิน คืนนี้...ผมยังไม่ได้เลือก



ผมปรายตามองผู้คนในร้าน หลายคนรูปร่างหน้าตาดี ทั้งสวยทั้งหล่อ ถูกตาแต่ยังไม่ถูกใจ



สายตาผมหยุดอยู่ที่ผู้หญิงคนหนึ่งเพราะต้องตา ผมมองตามทิศทางที่เธอเดินไป เจ้าหล่อนเดินเข้าไปหาชายหนุ่มร่างสูง รูปร่างหน้าตาดีจัดจนผมอดไม่ได้ที่จะแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างกระหายและเสียดาย



ว้า...คนนี้คงอด



ผมคิด แต่ก็ยังจับจ้องเธออยู่สลับกับผู้ชายคนนั้น เสียดายที่หนึ่งในพวกเขาไม่ได้เป็นของผม ในขณะที่กำลังลอบมองสองคนนี้เดินควงแขนกันใกล้จะถึงประตูทางออก ทันใดนั้นเองก็มีผู้ชายตัวเล็กเดินเข้ามาผลักสาวงามจนเกือบล้ม เกิดเป็นเรื่องวุ่นวายอยู่พักใหญ่



สามคนโต้เถียง ทะเลาะโวยวาย หลายคนมุงล้อมดูเรื่องน่าสนใจ ทว่าไม่มีใครคิดเข้าไปยุ่งเกี่ยว ผมมองดูเรื่องราวตั้งแต่ต้น จนจบ...



ชายหญิงคู่นั้นเดินจากไป ทิ้งไว้แต่เด็กหนุ่มร่างเล็กที่คราบน้ำตาเลอะเต็มใบหน้าละมุน ยืนสะอื้นอย่างโดดเดี่ยว



ดูท่าว่าผมจะเลือกได้แล้ว...



ไทยมุงกลุ่มนั้นสลายตัวแล้ว ไม่มีใครสนใจคนถูกทิ้ง คนตัวเล็กเดินน้ำตานองมานั่งตรงบาร์ ถัดจากผมไปสามสี่ที่นั่ง ผมลุกขึ้น เดินเข้าหาคนที่เพิ่งใจสลายมา



เสนอตัวเองเป็นยาใจให้ในค่ำคืนนี้



กับคนตัวเล็กกว่า ผมก็ไม่รังเกียจที่จะเป็นฝ่าย ‘กอด’ และยอมให้เขา ‘ถูกกอด’ นอนหอบครางอยู่ใต้ร่าง เด็กหนุ่มเมาจัด เสียงร้องไห้สะอื้นปนเสียงครางสุข จนในที่สุด ผมก็พาเขาออกจากมวลความเศร้า ทะยานสู่สรวงสรรค์



โดยปกติแล้วผมมักไม่สนใจเรื่องชื่อของคู่นอน แต่กลับจำชื่อเด็กคนนี้ได้ขึ้นใจ



คงเพราะเมื่อคืนเขาร้องขอให้ผมเรียกชื่อเขาทั้งคืน



หยกตื่นในเวลาสายๆ เขาเรียกชื่อผมในขณะที่ผมกำลังนั่งเอ้อระเหย เหม่อมองแดดร้อนๆ นอกหน้าต่าง



“ตื่นแล้วเหรอครับ”



เขาขยับตัว ดูท่าจะลุกไม่ไหว จนผมต้องเข้าไปช่วยพยุง



“ผมไหวน่า”



เขาร้อง พยายามปัดมือผม ไม่ตอบรับความช่วยเหลือ ท่าทางน่ารักเสียจนผมยกยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้



“ขำอะไร”



เจ้ากวางน้อยทำหน้ามุ่ย หน้าตาน่ารักน่ามันเขี้ยวจนอดฟัดลงที่แก้มนิ่มแรงๆ สักที หยกร้องโวยวายแต่ผมไม่ได้สนใจ จับเขาอุ้มขึ้นมา ก่อนพาไปยังห้องน้ำแคบ วางเขาลงที่เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า แทรกตัวเข้าไประหว่างขาเรียวเล็กสองข้าง จับคนขี้โมโหประกบปาก ไม่ให้เสียงโวยวายของเขาเล็ดรอดออกมาได้อีก



สองมือล้วงเข้าไปในเสื้อเชิร์ตบาง บีบขย้ำเนื้อขาว ก่อนกระชากเสื้อตัวน้อยให้เผยหน้าอกนวล ก้มจูบเม็ดเชอร์รี่สีสวย ละเลียดเลียมันราวกับเป็นผลไม้แสนหวาน



“พอแล้ว ปล่อย…”



คนตัวเล็กดันผมออก ใบหน้าหงุดหงิดถึงขีดสุด



“ยิ้มอะไร”



ผมตอบเขาด้วยการส่งยิ้มกว้างกว่าเดิม ปกติแล้วผมชอบคนที่ว่าง่าย อยู่ในโอวาท ทำตามทุกคำสั่ง แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบคนพยศ เด็กดื้ออย่างเขาก็ทำให้ผมตื่นเต้นได้ไม่น้อยเหมือนกัน



ผมขยับเข้าไปกระซิบเอ่ยข้างหู



“อีกรอบนะ”



“ไม่...ไม่เอา”



หยกร้องปฏิเสธ แตน้ำเสียงแผ่วเบาจนไม่สามารถเป็นคำสั่งได้ คนตัวขาวอ่อนระทวยในอ้อมกอดผมอีกครั้งเมื่อถูกล้วงจับ ลูกกวางน้อยตัวสั่นสะท้าน นอนแผ่รอให้นายพรานชำแหละร่างของตนอย่างไม่อาจหนีไปไหนได้อีก



ภารกิจช่วงสายเสร็จสิ้นหลังจากที่หยกผล็อยหลับไป และมีเสียงเรียกเข้าจากมือถือของผมดันขึ้นมา ขัดจังหวะการลอบมองคนน่ารัก



ทันทีที่เห็นชื่อจากปลายสาย ผมก็สะดุ้งโหยง ลืมไปเสียสนิทเลยว่ามีนัดกับใคร



ผมกดรับ ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงกว่าปกติ หวังออดอ้อนที่ผิดนัดเขา



“เน็ต~”



“อยู่ไหน มาทำรายงานได้แล้ว”



“แต่ว่าตอนนี้...”



“ทำไม”



“อยู่ไกลจากม.อ่ะ จะไปก็คง...”



“มาให้ได้แล้วกัน” เน็ตว่าแค่นั้นก่อนกดตัดสาย



ผมถอนหายใจ นั่นแปลว่าถ้าผมไม่ไปคงถูกถอดออกจากรายชื่อ คะแนนรายงามเล่มนี้ผมจะพลาดไม่ได้ เพราะฉะนั้นถึงต้องตัดใจถอนอ้อมกอดออกจากคนตัวนิ่ม ยอมลุกออกจากเตียงนอนอุ่น



เลยเวลานัดมาชั่วโมงกว่าๆ แต่เน็ตยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนปกติ



ทันทีที่ผมมาถึง เขาก็จัดแจงแบ่งงานให้ทำโดยไม่รอให้ผมพักหายใจ ผมบ่นใส่เน็ตเสียยกใหญ่ แต่ก็ทำตามคำสั่งของเขาเพราะขัดไม่ได้ เน็ตนั่งทำส่วนของเขาไป ส่วนผมก็นั่งทำงานตามที่เน็ตแบ่งไว้ ระหว่างเราไม่มีเสียงพูดคุย บรรยากาศรอบข้างก็สงัด ห้องสมุดเงียบสงบปลอดเสียงคน ช่วยเสริมสมาธิให้กับคนทำงาน



เวลาผ่านไปสักพัก จู่ๆ เน็ตก็ถอนหายใจเสียดัง “เมื่อคืน...”



เอ่ยทำลายความเงียบ



“...กับใคร”



ผมยิ้มให้อีกฝ่ายที่ตีหน้าขรึม “สนใจเหรอ”



เน็ตเหลือบตามองผมแวบเดียว ดันแว่นสายตาขึ้นตามความเคยชิน



“บอกมา”



“กับคนชื่อหยก”



“คืนก่อนล่ะ”



“จำชื่อไม่ได้”



“แล้วคนก่อนหน้านั้นล่ะ”



“จำชื่อไม่ได้เหมือนกัน”



เน็ตถอนหายใจพรืด วางปากกาลง หันหน้ามาสนตากับผมจริงจัง



“อย่าลืมสิว่านายมีใครอยู่”



“รู้แล้วน่า”



“รู้แล้วทำไมถึงยังทำตัวอย่างนี้อีก” เน็ตว่าเสียงแข็ง คล้ายจะดุผม



“ก็เขาไม่อยู่ตั้งสองอาทิตย์ น่าเบื่อออก” ผมบอก ทำปากยื่น บ่งบอกว่าไม่พอใจเหมือนกัน และโบ้ยให้เป็นความผิดเน็ตอย่างหน้าด้านๆ “เขาไม่อยู่ด้วยก็นอนไม่หลับ...เน็ตก็ไม่ยอมให้นอนด้วย”



“แค่อยู่ให้มันเป็นที่เป็นทางมันยากนักเหรอ เตย”



“คนที่เน็ตต้องบอกคำนี้คือเขาต่างหาก”



“เขาให้กูดูแลมึง ไม่ใช่ให้มึงหนีออกไป ไล่นอนกับคนไม่รู้จักไปทั่ว”



“เน็ตก็รู้นี่ว่าเตยทำไม่ได้”



“มันยากตรงไหน แค่นอนให้เป็นที่เป็นทาง อยู่แต่ในห้องเนี่ย”



“มันยากตรงไม่มีเขา...”



ผมสบตากับเขาที่มองมาด้วยท่าทีขึงขังจริงจัง จ้องเข้าไปในดวงตาของเน็ตอย่างไม่ลดละ เขาเอ่ยออกมาพร้อมกับสบตาผม



“เดี๋ยวเขาก็กลับมา”



“แต่ไม่ใช่ตอนนี้”



ครานี้เน็ตเป็นฝ่ายหลบตาก่อน เขาหยิบปากกาที่วางไว้ขึ้นมาใหม่ ลงมือคัดย่อบทความของหนังสืออย่างลงไปในกระดาษรายงาน ไม่หันมามองผมอีก



ผมลูบรอยสักตรงท้ายทอยข้างซ้าย ที่เป็นชื่อของใครบางคน…



ชื่อของเขา



...เจ้าของของผม








ผมโดนเน็ตสั่งให้กลับห้อง เลิกออกไปยุ่งกับใครอีก ทั้งๆ ที่เน็ตก็รู้ว่าถ้าไม่มีเขาผมก็ไม่มีทางนอนหลับ เพราะฉะนั้นการออกไปหาใครสักคนจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ออกล่า มีเซ็กซ์ และหลับไป



คำสั่งของเน็ตใช้กับผมไม่ได้



สถานที่เดิมยังคงเป็นที่ที่ผมเลือกมายังค่ำคืนนี้ บรรยากาศดี ผู้คนที่เข้ามาต้องมีฐานะในระดับหนึ่ง ทำให้ถูกใจผมค่อนข้างมาก



ผมกวาดตามองไปรอบๆ



พบกับคนคุ้นหน้าคนหนึ่ง



เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ผมเคยนอนด้วย แต่เป็นคนที่อยากจะนอนด้วย ผู้ชายเมื่อคืนก่อนที่น่าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับหยก ผมแลบลิ้นเลียริมฝีปากช้าๆ วางแก้วค็อกเทลลงที่บาร์ เดินตรงไปหาเหยื่อผู้น่ารัก



วันนี้เขาไม่ได้มากับผู้หญิงอีกคน ทำให้ผมเข้าถึงเขาได้ง่ายกว่าเดิม



ผมเดินหลบผู้คน มองตรงไปยังตัวเขาอย่างไม่ลังเล



ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่หันมาสบตากับผม ชั่ววินาที เราดำดิ่งอยู่ในห้วงเวลาของกันและกัน



เรายกยิ้มให้กัน ตกลงกันทางสายตา เหมือนรู้ความหมาย



เขาขยับตัว ค่อยๆ เดินมาทางผม



ก่อนที่เราจะได้มาถึงตัวกัน ผมโดนรั้งด้วยฝ่ามือนุ่มๆ ของใครบางคน



หยกอยู่ที่นี่ รั้งตัวผมไว้ไม่ให้เข้าไปหาเป้าหมายของผม ที่คงเป็นคนเก่าของเขา เขามองผมด้วยสายตาเว้าวอน เอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง



“อย่าไปกับเขาได้ไหม”



“...ทำไมล่ะ”



“ถ้าจะทำ...ทำกับผมแทนได้ไหม”



ผมมองใบหน้าน่ารักที่ช้อนตามองผมอย่างอ้อนวอนให้ผมเลือกเขา แม้ว่าจะไม่ชอบที่ต้องนอนกับคนซ้ำหน้า แต่สองขาผมกลับตัดสินใจเดินไปพร้อมคนตัวเล็ก ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้น่าสงสารคนนั้นคว้าจับได้แต่ความว่างเปล่า



ผมไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเลือกหยกอีกครั้ง ไม่เข้าใจสายตาที่เขาส่งมาถึงผม มันดูเศร้าสร้อย แต่ผมไม่รู้เหตุผลของความเศร้า อาจเพราะผู้ชายคนนั้น แต่นั่นไม่สำคัญเท่าไหร่



เมื่อหยกที่ไม่ได้เมาด้วยฤทธิ์สุราเหมือนคืนก่อน ร้อนแรงกว่าเมื่อคืนหลายเท่าตัว



ผมปล่อยให้คนน่ารักขยับขึ้นบนตัว เป็นฝ่ายนำของเกมรัก มองเนื้อตัวเปลือยเปล่าของเขาที่เขยื้อนเริงระบำอยู่บนตัวผมอย่างเร่าร้อนดังผีเสื้อเริงไฟ ทิ้งสายตาเต็มไปด้วยราคะก่อนสะบัดใบหน้าเชิดขึ้น เมื่อเร่งเร้าจนใกล้ถึงจุดหมาย



เขาไม่ได้ผล็อยหลับไปเหมือนคืนก่อน



แต่ซุกซบอยู่ในอ้อมแขนของผมอย่างน่ารัก



ในห้องที่ตลบไปด้วยกลิ่นของราคะที่เพิ่งจบลง เรานอนกอดกัน ผมลูบท้ายทอยของเขา หมายกล่อมให้เขาหลับใหล แต่ดูท่าว่าหยกไม่มีท่าทางเคลิ้มกับสัมผัสของผมแม้แต่น้อย



“มีเจ้าของแล้วหรือ” หยกเอ่ยถามผ่านความเงียบ ท่ามกลางกลิ่นเหงื่อและกลิ่นคาวที่ลอยอวลในห้อง



“รู้ด้วยเหรอ”



“อือ เห็น...ที่ท้ายทอย”



ผมยกมือขึ้นมาแตะรอยสักที่มีชื่อของเขาฝังอยู่ในเนื้อผิวท้ายทอยข้างซ้าย



“ไปเห็นตอนไหน” ผมตอบเขา หัวเราะขำในลำคอ โดยปกติแล้วจุดนี้ไม่น่าจะเห็นกันได้ง่าย ผมไว้ผมยาวระต้นคอ ปกปิดปลอกคอที่มีคนสวมไว้ การร่วมรักกับหยก ไม่ว่าจะตอนไหนก็นึกไม่ออกว่าเขาจะเห็นมันได้



“เมื่อวาน...ตอนที่คุณทำ...ให้ผม...”



เขาเฉลย เอ่ยเสียงตะกุกตะกัก และนั่นทำให้ผมนึกภาพเมื่อตอนที่เราอยู่ในห้องน้ำด้วยกันออก ผมพาเขาวางบนเคาท์เตอร์ล้างหน้า จับสองขาเรียวแยกออกจากกัน ก้มลงไปเชยชิมตัวตนของเขา ปรนเปรอให้คนน่ารักถึงจุดหมาย



ผมจำสองมือเล็กที่จิกลงไปในเส้นผมของผมได้ นิ้วมือขยุ้มกลุ่มผมจนต้องเอียงคอตามแรง



คงเป็นตอนนั้น



ผมกดจูบที่หน้าผากของหยก ให้รางวัลคนเก่ง



“ช่างสังเกตจังนะ”



“คุณทำแบบนี้ไม่เป็นไรเหรอ”



“แล้วเราล่ะ ทำไมถึงมาหาผมอีก”



“ผมไม่อยากให้คุณทำกับเขา...”



“ถึงผมไม่ทำกับเขา เขาก็ทำกับคนอื่นอยู่ดี”



“ผมรู้...”



หยกตอบเสียงพร่า และไม่มีเสียงใดดังขึ้นมาขัดจังหวะความเงียบนี้อีก



สมองผมประมวลผลตรงข้ามกับคำพูดของหยก



ถ้าเขารู้อย่างนั้นแล้ว ทำไมเขาถึงต้องมีสีหน้าเจ็บปวด



ผมไม่รู้เลยจริงๆ









#น้ำค้างฟ้าขุ่น





หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 28-09-2018 11:37:25
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: สีหราช ที่ 28-09-2018 20:09:13
เห็นชื่อเรื่องว่าจะปล่อยผ่าน แต่พอลองได้อ่านติดเลย  o13
คนแบบเตยนี่มีอยู่เยอะนะสมัยนี้ แบบที่มีแฟนแล้วแต่ก็ยังไปนอนกะใครก็ได้อ่ะ  :m16:
ตอนต่อไปรีบมาน๊าาา :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-09-2018 11:53:26
มันหน่วงๆชอบกล :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 29-09-2018 14:22:22
ดูแล้วคงซับซ้อนพอตัว
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 29-09-2018 15:19:36
อยากรู้จักเจ้าของเตยแล้วค่ะ  //โอนเงินค่าตัวให้เขาได้มีแอร์ไทม์  :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: กาแฟมั้ยฮะจ้าว ที่ 29-09-2018 18:47:33

เตยเป็นไบ ได้ทั้งญ.และช. ส่วนตอนมีไรกะช.ก็สามารถเปลี่ยนขั้วได้เป็นได้ทั้งรุกและรับป่ะครับ ผมกำลังเข้าใจถูกไหมครับ
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ o13
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 02-10-2018 00:12:52
ยังคงงงว่าเตยจะคู่กับใคร เจ้าของที่มีชื่ออยู่ที่รอยสักที่คอนั่นหรอ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 1 - |28.9.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 03-10-2018 21:03:49
เตยว่าแซ่บ น้องหยดแซ่บกว่า เตยอย่ายอมนะ :hao7: เต้าของน้องเตยคือใครกัน ขอบคุณมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 2 - |5.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 04-10-2018 23:57:10
2: Debauchery



“ร้อน...”



“พี่เตยครับ ไอติมได้แล้วครับ”



“ป้อนหน่อยสิ”



ผมนั่งละลายอยู่ที่ม้านั่งในคณะ คอพับพิงพนักพิงด้วยสภาพที่คิดว่าร่างกายกำลังจะหลอมเหลวไม่ก็ระเหยกลายเป็นไอ ยังดีที่เจอรุ่นน้องคนสนิทอาสาไปซื้อไอติมเย็นๆ มาให้



เขาแกะซองไอติมแท่งที่ผมต้องการ ยื่นแท่งไอติมสีฟ้ามาจ่อที่ปาก ผมอ้าปากครอบมันช้าๆ ค่อยๆ ใช้ลิ้นละเลียดชิมไอติมแท่งเย็นๆ



“พี่...เตย...”



ดูดปลายไอติม ถอนปากออก อ้าปากอีกครั้งให้คนเด็กกว่าดันแท่งเย็นเข้ามาในปาก เด็กน้อยว่าง่าย ยอมดันแท่งไอติมเข้ามาอีกครั้ง ผมดูดกลืนมันเข้าไปได้ครึ่งท่อน ก่อนใช้ฟันกัดมันจนขาดครึ่ง



ไอเย็นแผ่ละลายในปาก คล้ายจะช่วยให้ผมเย็นลง



แต่เพราะความเย็นมีมากเกิน ผมจึงเผยอปากเพื่อระบายไอเย็น สายตาจับจ้องไปที่รุ่นน้องคนนั้นที่นั่งหน้าแดง ไม่กล้าสบตากลับมามองกัน



ผมไล่สายตามองเด็กคนนี้ที่เคยเกือบได้ร่วมรักกันที่ห้องเลคเชอร์หลังเลิกเรียนครั้งหนึ่ง มองตั้งแต่ใบหน้าคมเข้มดูดุดันทว่านิสัยขี้อาย ไล่ไปยังต้นคอที่มีเม็ดเหงื่อผุดซึม ลงไปยังแผงอกแกร่งที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อนักศึกษา จนไปถึงจุดกลางลำตัวระหว่างขาที่ซ่อนของดี ไว้ภายใต้กางเกงสแลคสีดำ



กลืนก้อนเย็น จนไอเย็นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ก่อนอ้าปากสั่งให้อีกฝ่ายป้อนไอติมส่วนที่เหลือมา



หมอนั่นมีท่าทีอึกอัก ผิวสีเข้มขึ้นสีแดง มือไม้อยู่ไม่เป็นที่ เขาพยายามส่งไอติมที่เหลือมาให้ผม ทว่าก่อนที่จะได้รับของหวานเข้าปาก ผมโดนโจมตีข้างหลังจากหนังสือเล่มหนา



“ทำอะไร”



“ร้อน” ผมเงยหน้าตอบผู้มาเยือน และเดาได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่าเป็นเน็ต คนที่กล้าทำร้ายร่างกายผมคงมีแค่เขาคนเดียว...



ไม่นับเจ้าของผมล่ะก็นะ



เด็กคนนั้นลุกหนีไปแล้ว



พร้อมกับไอติมที่ตกลงพื้น และกำลังละลายด้วยอากาศร้อนอบอ้าว



“ร้อน” ผมบ่นอีกครั้ง ถลกแขนเสื้อขึ้นรอบที่ร้อย ปลดกระดุมนักศึกษาจนถึงเม็ดที่สาม กระพือคอปกเสื้อระบายอากาศที่แทบไม่ช่วยอะไรเลย



เน็ตถอนหายใจ เขาล้วงหาอะไรสักอย่างในกางเกงสแลคสีดำถูกระเบียบ ผมเดาว่าคงจะเป็นยางรัดผม เพราะเน็ตมักพกมันไว้เสมอแม้ว่าเขาจะผมสั้นเตียน



“หันหลังมา” เสียงทุ้มเอ่ยสั่ง ก่อนจะรวบเส้นผมของผมไว้ในมือ ลงมืดมัดปอยผมของผมที่คลอเคลียต้นคอให้



มันช่วยได้แต่ก็แค่นิดเดียว ผมยังรู้สึกร้อนอยู่ดี



“ร้อนนน”



“อดทนหน่อย ไฟมันดับ” เน็ตว่า นั่งลงข้างๆ ผมที่ม้านั่งเดียวกัน เขานั่งถัดไปประมาณหนึ่งช่วงเอว ไม่ใกล้จนทำให้อึดอัด แต่ก็ไม่ไกลจนเหินห่าง



ไฟดับเมื่อคาบเรียนช่วงบ่ายเริ่มไปได้ไม่ถึงสองชั่วโมง เห็นว่าดับทั้งมหาลัย ไฟฟ้าไม่มี อาจารย์ก็สอนต่อไม่ได้ แอร์ก็หยุดทำงาน พวกนักศึกษาเลยพากันออกมานอกห้องเรียนเมื่ออากาศในห้องเริ่มร้อนอบอ้าวเกินอยู่ไหว พากันนั่งหน้าห้องอยู่นานจนมีคนมาบอกว่าน่าจะใช้เวลาซ่อมหม้อแปลงกว่าชั่วโมง ผมเลยหนีออกมานั่งคนเดียวที่ม้านั่งตรงนี้



ทำให้เจอกับรุ่นน้องคนนั้นเข้าพอดี เลยได้รับไอติมหวานๆ เย็นๆ เป็นกำลังใจ



เพียงแต่ตอนนี้มวลอากาศร้อนตลบอบอวลอีกครั้งจนน่าหงุดหงิด



“อยากกลับห้องไปเปิดแอร์แล้ว”



“ยังไม่เลิกเรียน”



ผมถอนหายใจพรืด มาดูไอติมสีฟ้าที่ตอนนี้ละลายเป็นน้ำฉาบลงบนพื้นซีเมนต์ หลงเหลือเพียงแท่งไม้ที่เคยเสียบไอติมอย่างน่าเสียดาย



“ร้อน โดดเรียนได้มั้ย”



“ไม่ได้”



เน็ตน่าจะมาช้ากว่านี้ ผมจะได้ชวนน้องคนนั้นไปทำอะไรเย็นๆ ด้วยกัน แต่เพราะน้องหนีไปแล้ว เหลือแค่เน็ตกับผม ผมเหลือบตามองเขา เอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบ



“ไปดับร้อนด้วยกันที่ห้องเตยมั้ย”



“ไม่” เน็ตว่าเสียงแข็ง ยกมือดันแว่น หยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน



ผมบ่นหงุงหงิงไปเรื่อยอีกสองสามประโยค แต่เน็ตไม่ตอบแล้ว เขาก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือเล่มหนาในมือ จมดิ่งอยู่ในโลกของตัวอักษร ปล่อยผมให้แบะแฉะอยู่คนเดียว ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง



สุดท้ายผมก็ฉวยโอกาสตอนที่เน็ตถูกเรียกตัว หลบออกจากคณะไปอยู่กับหยก



หยกเรียนคนละมหาลัย และเป็นโชคดีที่วันนี้เขามาเรียนแค่ช่วงเช้า ผมเลยมานอนอุตุในห้องเขาได้ในเวลานี้ หอพักของหยกไม่ได้หรูหรา แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียด เป็นหอพักระดับมาตรฐานกลางๆ เอนไปทางค่อนข้างดี ห้องกว้าง มีดีไซน์แบ่งโซนต่างๆ เป็นสัดส่วนได้อย่างลงตัว



ที่สำคัญ แอร์ห้องหยกเย็นฉ่ำน่านอน



และตักของหยกก็นุ่มกว่าหมอน รวมถึงมือเล็กๆ นั่นก็ลูบหัวผมจนเคลิ้มสบาย เผลอหลับไปหนึ่งงีบ



ผมตื่นมาตอนอาทิตย์ตกดินแล้ว หยกยังคงนั่งอยู่บนเตียง วางแล็ปท็อปบนตักคงทำงานไม่ก็เล่นอินเตอร์เน็ต ผมขยับตัวลุก หยกก็หันมามองผมที่ค่อยๆ คลานไปหาเขา



“ทำมั้ย” ผมเอ่ยถาม



“ไหนว่าวันนี้เหนื่อย” เขาแย้ง



จริงอยู่ที่ตอนแรกผมบอกหยกว่าขอแค่มานอนตากแอร์ เหนื่อยกับอากาศจนไม่มีแรงทำอะไร แต่ตอนนี้มีแรงแล้ว เลยชวนเขาใหม่อีกรอบ



“ไม่ทำ” เขาจ้องผม ทำหน้าดุเมื่อผมไม่เห็นด้วยกับคำแย้ง หยกตวัดสายตามองกลับไปยังแล็ปท็อปของตัวเอง ไม่สนใจผม



หรืออันที่จริงก็คือ พยายามทำเป็นไม่สนใจผม



ดื้อๆ แบบนี้บ้างก็น่ารักดี ถ้าว่าง่ายมากไปหน่อยก็คงน่าเบื่อแย่



ผมยกยิ้ม ขยับตัวใกล้เขามากขึ้น ประคองใบหน้ามนให้หันมา ประกบจูบเริ่มต้นเพลงรัก














หลังจากที่นัวเนียกันหลายชั่วโมง กว่าเราจะผละออกจากกันก็เกือบสี่ทุ่ม หยกอาสาออกไปหาซื้ออะไรให้กิน ผมชอบเขาก็ตรงนี้ หยกน่ารัก แต่ไม่ซื่อบื้อ เป็นคนรู้ความ ไม่พูดมาก ไม่น่ารำคาญ ถึงจะทำเป็นหงุดหงิดใส่ผมบ่อยๆ แต่ก็คอยดูแล เขาคล้ายกับเน็ต จะต่างกันก็ตรงที่เน็ตไม่ยอมนอนกับผม



หยกกลับขึ้นมาพร้อมข้าวสองกล่อง ผมใช้เวลาไม่นานในการฟาดมันลงท้อง พอกินข้าวเสร็จ ผมก็นั่งมองอีกฝ่ายเคี้ยวข้าวแก้มยุ้ย



ผมอยู่กับหยกนานไปหน่อย จนเริ่มคิดถึงความรู้สึกถูกกอดขึ้นมา



ไม่ได้รังเกียจกับการเป็นฝ่ายรุกก็จริง แต่โดยปกติแล้วผมชอบถูกกอดมากกว่า ผมชอบความรู้สึกที่ในตัวมีอะไรเข้ามาเติมเต็ม แต่เพราะหยกมีอะไรบางอย่างที่ดึงดูดให้ผมค้นหา เลยยอมนอนกับเขาซ้ำๆ ซากๆ



“จ้องอะไร”



“หยกชอบผมไหม”



เขาขมวดคิ้วใหญ่ แต่ก็รีบตอบแทบทันที “ไม่”



คำตอบของเขาทำให้ผมหัวเราะชอบใจ หยกเหมือนเน็ตจริงๆ และตรงนี้ล่ะมั้งที่ทำให้ผมชอบเขา



คนน่ารักเบ้ปากใส่ เมื่อไม่เข้าใจว่าผมต้องการอะไร เขาหยิบเอาจานข้าวของผมและตัวเองไปล้าง ในจังหวะนั้นเองที่มีเวียงเคาะประตูดังขึ้นมา



ผมนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง จ้องหน้าหยกที่ตอนนี้คิ้วขมวดด้วยความสงสัย เขาสะบัดหยดน้ำที่เกาะมือลงอ่างล้างจาน เช็ดมือแบบลวกๆ เดินไปยังประตูห้องที่อยู่ในตำแหน่งที่ผมมองไม่เห็น



เสียงพูดคุยดังเข้ามาหลังจากที่หยกเปิดประตู คล้ายเป็นเสียงทะเลาะกันมากกว่า ไม่ได้อยากจะยุ่งนัก แต่เสียงทะเลาะที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผมสนใจด้วยสัญชาตญาน



“จะมาทำไมอีก”



“หยกอย่าพูดอย่างนี้สิ”



“พี่ควรไปอยู่กับคนของพี่ ไม่ต้องมายุ่งกับผม”



“คนของพี่ก็คือหยก”



“หน้าด้าน วันนั้นพี่บอกกับผมว่ายังไง พี่ลืมแล้วเหรอ”



“วันนั้นพี่แค่เมานิดหน่อย พี่ไม่ได้มีใครจริงๆ”



“ออกไป”



“ทำไมหยกใจร้ายล่ะ ไม่อยากอยู่กับพี่แล้วเหรอ”



“ออกไป!”



เสียงของหยกดังมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายจะตวาด



ผมเดินลงจากเตียงไปยังต้นเสียงช้าๆ เก็บกางเกงสแลคที่ถอดทิ้งไว้มาสวม เกิดเป็นเสียงดัง



“อ้อ มีคนใหม่แล้วเหรอ ที่แท้ก็ไม่ต่างกับ...”



“อะไร!”



“...ไม่รู้สิ หยกคิดว่าอะไรล่ะ”



“ผมไม่ได้อยากมาเล่นลิ้นกับพี่นะ ออกไปได้แล้ว”



“ไหนๆ ก็ขายตัวแล้วไม่ใช่เหรอ ขายให้พี่ต่อจะเป็นไร”



“ไอ้...!”



ผมโผล่หน้าเข้าไปในจังหวะที่หยกโมโหจนแทบคลั่ง คว้าเขามากอด เอาคางเกยบ่า สองมือรั้งเอวบางของเขาไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะเข้าไปทำร้ายคนตัวโต



คู่พิพาทตรงหน้าผมหน้าตาคุ้นเคยเป็นพิเศษ ผมใช้เวลานึกไม่นาน ก่อนจะรู้ว่าเขาคือคนที่ผลักไสหยกอย่างไม่ใยดีเมื่อคืนนั้น คือคนเดียวกันผมเกือบจะไปนอนด้วยในคืนถัดมา คือคนที่หยกร้องขอให้มานอนกับตัวเองแทนหมอนั่น



ผมยกยิ้มให้คนคุ้นหน้า เขาคงไม่ลืมผมง่ายๆ หรอกมั้ง ในเมื่อคืนนั้นที่เราสบตากัน เราต่างรู้ดีว่าต้องการอะไร



“จำกันได้ไหมครับ”



“นาย...”



สีหน้าของเขาเป็นคำตอบให้ผมแล้ว เขาจำได้ และคงประดักประเดิดนิดหน่อยที่มาเจอผมที่นี่



“อยากต่อไหมครับ คืนนั้นพลาดนี่เนอะ” ผมว่า ยกยิ้มถามเขาที่มีสีหน้ากระอั่กกระอ่วน



“พี่ไม่คิดว่า...” เขาทำท่าจะคุยกับหยก แต่ก็ไม่มีอะไรออกมาหลังจากประโยคนั้น ผมเดาว่าเขาคงพยายามดูถูกหยกเหมือนเมื่อครู่ แต่เพราะตัวเองก็ไม่ได้ต่างกันทำให้ว่าอะไรไม่ได้



“กลับไปได้แล้ว”



เป็นหยกที่ตัดบทสนทนา ดิ้นออกจากอ้อมกอดของผม ผลักชายร่างใหญ่ออกไป ปิดประตูดังปัง



ก่อนทิ้งตัวลงมานั่งคุดคู้ราวกับหมดแรง



ผมจ้องเจ้าของห้องที่ซุกซบใบหน้าลงเข่าตัวเอง คล้ายกลั้นสะอื้น ผมมองสภาพหยกอย่างไม่ได้คิดจะเข้าไปช่วย แต่กลับถามคำถามที่ไม่เข้าใจออกไป



“ทำไมหยกถึงชอบเขาล่ะ”



หยกเงยหน้าขึ้น หันมามองผมด้วยแววตาสีแดงก่ำคล้ายโกรธและสับสน



“ผมไม่เข้าใจ ตัดเขาออกไปก็ได้นี่ ทำไมหยกยังต้องคิดถึงเขาอยู่”



“คุณไม่เคยชอบใครหรือไง”



“ไม่เคย”



“แล้วเจ้าของคุณล่ะ...”



ผมยกมือขึ้นมาแตะรอยสักที่เป็นชื่อคนตรงท้ายทอยข้างซ้ายด้วยความเคยชิน นึกนิ่งสักพักก่อนเอ่ยตอบ



“ไม่ได้ชอบ”



คราวนี้หยกไม่พูดอะไรออกมาอีกเป็นเวลานาน สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ไล่ให้ผมออกไป อ้างเหตุผลว่าต้องการอยู่คนเดียว



คืนนี้ผมเลยไม่มีหยกคอยกล่อมให้นอนฝันดี



ผมหยิบโทรศัพท์ออกมา เวลานี้ดึกมากแล้ว ผมขี้เกียจจะไปหาคนใหม่ตามผับบาร์ต่างๆ จึงกดเข้าโปรแกรมแชท ไล่หาคนที่ต้องการก่อนส่งข้อความออกไป



รุ่นน้องคนนั้นตอบกลับมาแทบทันที ผมโชคดีที่เขาอาสาออกมารับถึงที่ ทำให้ไม่ต้องลำบากยุ่งยาก เขาพาผมไปยังห้องพักของเขาอย่างไม่ปิดบังความกระหาย ไม่ต่างจากสัตว์ป่าที่กำลังติดสัด



แม้จะถูกใจรุ่นน้องคนนี้ แต่ผมก็ไม่ใคร่ที่จะกอดใครซ้ำๆ เหมือนหยกและเจ้าของรอยสัก



โดยเฉพาะกับรุ่นน้องที่ร้องครางชื่อผมหลายต่อหลายครั้งเมื่อกระแทกตัวเข้ามา จังหวะรักของหมอนี่ทำให้ผมผิดหวังค่อนข้างมากเมื่อมันธรรมดาทั่วไปไม่สมกับที่เคยคาดหวัง แต่ก็ยอมขยักเขยื้อนสะโพก อ้ารับตัวตนของเขาให้เข้ามาเติมเต็มจนกว่าจะพอใจ และยอมถอนมันออกมา ป้อนให้ผมถึงปาก



คราวนี้ไอติมที่เขาป้อนมาให้ร้อนกว่าเมื่อกลางวัน



ทว่าหลอมละลายเร็วพอๆ กัน



เป็นไอติมที่สอดไส้นมข้นขุ่นเหนียว และไร้ซึ่งความหวาน ไส้ที่ล้นทะลักเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเต็มปากของผม ถึงอย่างนั้นก็ยินดีกลืนกินมันลงไป



เจ้าของไอติมร้องเสียงแหบพร่าเมื่อผมจัดการทำความสะอาดโคนไอติมของเขาด้วยปลายลิ้น ชะโลมจนสิ้นซากน้ำคาวขุ่น



หลังจากที่เขาเสร็จกิจ ผมก็จัดการตัวเองลวกๆ ก่อนตวัดผ้าห่มคลุมตัว นอนหันหลังให้อีกฝ่าย



น้องพยายามดึงผมไปกอด แต่ผมปฏิเสธ อ้างว่าร้อน เขาถึงยอมขยับตัวออกห่างไปช่วงตัว ทว่าก่อนที่จะหลับตาลง ผมได้ยินเสียงประตูห้องที่ถูกทุบจนเสียงดังคล้ายว่ามันจะพังลงมา คนข้างตัวผมสบถอะไรสักอย่าง สะบัดผ้าห่มอย่างหงุดหงิด ลุกออกไปตามเสียง



วันนี้ผมจะโดนคนเคาะประตูขัดจังหวะอีกกี่ครั้งกัน



ผมไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนเข้ามา เพราะคิดว่าคงเป็นคนรู้จักของเจ้าของห้อง



เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เสียงรุ่นน้องผมก็โวยวายลั่น ผมไม่ได้สนใจเสียงโวยวายหนวกหูนั่น แต่เป็นเสียงของผู้มาเยือนต่างหากที่งัดผมให้ลุกขึ้นมา



“ขอโทษที พอดีลืมของไว้”



ลืมไปเสียสนิท...ว่าเขากลับมาวันนี้



กว่าจะนึกขึ้นได้ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงเขา ผมนั่งบนเตียง มองเห็นว่าเขาเดินเข้ามาถึงตัวผม เอ่ยบอกรุ่นน้องของผมพร้อมรอยยิ้ม



“ทำหลุดจากกรงน่ะ”









#น้ำค้างฟ้าขุ่น



หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 2 - |5.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 05-10-2018 09:38:54
 :m25: อ้าววว เจ้าของเตยมาแล้ว กลับบ้านๆ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 2 - |5.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 05-10-2018 11:06:57
เป็นเจ้าของที่ดีมากเลยตามมาจนเจอ  :hao3:

รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 2 - |5.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-10-2018 20:48:12
เจ้าของมาตาม
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 2 - |5.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: kungverrycool ที่ 05-10-2018 21:35:02
ลุ้นๆๆ ว่าเตยจะโดนลงโทษมั้ย  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 3 - |15.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 15-10-2018 00:01:07
3: Dog



ผมยกยิ้มให้เขา คนที่ใส่ปลอกคอให้ผม



กล่าวชื่อต้อนรับการกลับมาของเขา



“ค้างฟ้า”



เจ้าของของผม



ไม่รอช้า ผมลุกขึ้นแต่งตัว ตามเขาออกจากห้องแคบนี้ไป ไม่สนใจสายตาของรุ่นน้องที่เพิ่งร่วมรักกันไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมง ค้างฟ้าพาผมกลับกรงทอง พื้นที่ห้องขังที่อยู่ชั้นเกือบสูงสุดของคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ครอบครองพื้นที่เกือบทั้งชั้น



เป็นกรงราคาแพงแสนสุขสบายที่ผมไม่เคยคิดจะอยู่ ถ้าหากว่าคนเลี้ยงไม่ได้อยู่ด้วย



ค้างฟ้าอุ้มผมไปไว้ที่เตียงใหญ่ เตียงของเราที่กว้างเกินไปสำหรับสองคนนอน และกว้างเสียยิ่งกว่ากว้างหากนอนคนเดียว เจ้าของชื่อค้างฟ้าลงมือถอดกางเกงและเสื้อของผมทิ้ง พร้อมกับสวมเสื้อนอนให้ใหม่



“คิดถึง” ผมบอกเขาอีกครั้ง เกาะกอดแผ่นหลังที่คุ้นเคยระหว่างที่เขายกสะโพกผมขึ้น สวมกางเกงขาสั้นให้ ผมลอบสูดดมกลิ่นกายที่คุ้นชิน



“พอไม่อยู่ก็เอาใหญ่เลยนะ” เขาประเดิมด้วยประโยคแรก ตามด้วยประโยคถัดมา “เน็ตฟ้องพี่หมดแล้ว”



ผมหัวเราะขำ คิดอยู่แล้วว่ายังไงเน็ตก็ต้องบอก เมื่อถูกแต่งตัวจนเสร็จ ผมขยับตัวออกจากเขาเชื่องช้า ถัดตัวไปนั่งข้างๆ แทน



“พี่ตามเตยเจอได้ยังไง”



“ไม่เห็นยากเลย”



ผมยิ้มตอบ รู้แก่ใจถึงสาเหตุ ว่าเพราะผมนอนกับหยกหลายครั้ง ปฏิสัมพันธ์กับหยกมากเกินไป เขาจึงตามสืบได้ไม่ยาก ตามหาที่อยู่ของหยก ขอดูกล้องวงจรปิด จากนั้นก็คงเห็นว่าผมขึ้นรถทะเบียนอะไร ไปที่ไหน



เพราะอย่างนี้ผมถึงไม่ค่อยอยากนอนกับใครซ้ำๆ



ถูกพี่ฟ้าเจอตัวง่ายๆ แบบนี้มันไม่สนุกน่ะสิ



ค้างฟ้าล้มตัวนอนข้างๆ ผมบนเตียงใหญ่ หลังจากที่ปิดไฟเสร็จสรรพ เขาสะบัดผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของเรา ตวัดแขนคว้าตัวผมไปซุกในอ้อมกอด จุมพิตบนหน้าผากอย่างแผ่วเบา



“พี่ไม่ทำเหรอ”





“อืม...” เจ้าของผมตอบ ไล่มือจากต้นคอที่ปรากฏรอยสักเป็นชื่อของเขา ลงไปยังหัวไหล่ ไล่ไปตามแถบสีข้าง จนถึงสะโพก มือหยาบล้วงเข้าไปในกางเกงขาสั้น บีบขยำก้อนเนื้อนุ่ม กระซิบเสียงแหบพร่า



“ทำเยอะเดี๋ยวตรงนี้จะช้ำเอา”



ผมยิ้มบางเบา ไม่เอ่ยเอื้อนอะไร ซุกซบลงในอ้อมแขนของเขาอย่างคลายกังวล เขาเป็นที่พักใจชั้นยอด เป็นหมอนข้างอันดับหนึ่งที่จะทำให้ผมหลับฝันดีโดยที่ไม่ต้องพึ่งเซ็กซ์หรือยานอนหลับ



ค้างฟ้าปล่อยให้ผมไปนอนกับใครต่อใครอย่างที่เขาก็รู้ตัว เขาไม่เคยห้าม เพียงแต่จะหาทุกวิถีทางเพื่อพาผมกลับมาตรงนี้ ที่อ้อมกอดของเขา เขาควบคุมการกระทำของผมได้ แต่ควบคุมจิตใจไม่ได้



แต่ผมรู้ เหตุผลที่เขาไม่ทำ ไม่ได้เป็นเพราะเขาเห็นใจที่ผมผ่านสมรภูมิมาเยอะ เหตุผลคือตัวเขาเองต่างหาก



“ที่จริงพี่ฟ้าเหนื่อยก็บอกมาเถอะ”



“หึ”



เขาเค้นหัวเราะออกมา หยุดลูบมือ ก้มลงมาจุมพิตที่กลางกระหม่อมของผม



ผมคงยอมให้ค่ำคืนนี้จบลงง่ายๆ แบบนี้อยู่หรอก ถ้าหากว่าผมไม่ได้คิดถึงเขา กลิ่นของค้างฟ้าที่ไม่ได้สัมผัสมานานทำให้ผมแทบคลั่ง และผมไม่สามารถอดทนต่อร่างกายของเขาที่ตรงตามความชอบของผมไปทุกส่วนเช่นนี้



ผมบดเบียดสะโพกตัวเองเข้ากับอีกฝ่าย ร้องขอให้เขาเติมเต็มความต้องการ



ค้างฟ้าหัวเราะในลำคอ



“พี่ฟ้า...”



ผมขยับตัว บรรจงจูบที่ริมฝีปากสวยได้รูป บดเบียด สอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพรงปากเขา ค้างฟ้าไม่ได้จูบตอบ เขาปล่อยให้ผมเล่นปากเขาอยู่ฝ่ายเดียว กระทั่งผมถอนจูบออกมา เอ่ยบอกเขาเสียงหวาน หวังช่วยกระตุ้นให้เขาอยาก



“คิดถึง”



“แล้วหนีออกไปทำไม”



“ก็พี่ฟ้าไม่อยู่”



“รู้ตัวไหมว่าทำผิดสัญญา”



“...รู้ตัวครับ” ผมว่า แอบกระตุกยิ้ม อยากให้เขาลงโทษผมใจจะขาด “จะทำโทษเตยไหม”



ขยับเบียดตัวเข้าหาเขามากกว่าเดิม สองมือของผมไล่ลูบไปทั่วแผ่นหลังกว้าง ซุกปลายจมูกลงที่ซอกคอของเขา สูดดมกลิ่นกายที่คุ้นเคย ก่อนค่อยๆ ละเลียดเล็มมันทีละนิด



ค้างฟ้าเริ่มไม่อยู่เฉยให้เขาเล่นซน ร่างกำยำพลิกตัวมาคร่อมร่างผมไว้ เชยปลายคางผมใช้เชิดขึ้น ก่อนประกบจูบลงมาอย่างรุนแรง



เขามอบจุมพิตแสนหวานให้ผม ก่อนจะเริ่มออกแรงบดเบียดริมฝีปาก ใช้ฟันขบกัดจนเลือดผมไหลซิบ เขาไม่ใส่ใจบาดแผลที่ตนก่อ ใช้ลิ้นโลมเลียเลือดของผมที่ไหลออกมา ส่งลิ้นเข้ามาสำรวจในโพรงปากของผมอีกครั้ง



จุมพิตของเขาเป็นเหมือนยาพิษ ที่ทั้งหอมหวานและแผดเผาไปทั่วร่าง



ที่ผ่านมาผมพยายามไม่จูบกับใคร ถ้าไม่จำเป็น เพราะไม่มีใครทำให้ผมพึงพอใจได้เท่าเขา



ค้างฟ้าล้วงมือเข้ามาใต้เสื้อผ้าที่เขาเพิ่งสวมให้ผม ไล่นิ้วไปยังแผ่นหน้าท้อง ไปจนถึงยอดอกทั้งสองข้าง ละเลงนิ้วเล่นกับมันจนผมบิดตัวร้องเสียงสั่น ตัวตนของผมถูกเขาปลุกขึ้นให้ผงาดขึ้นอย่างง่ายดาย เขาก้มลงเลียยอดอกผ่านเนื้อผ้า จนชุ่มแฉะ



“ทำโทษเตย...” ผมร้องขอเขา



คนบนร่างไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาจับผมถอดเสื้อจนเหลือเพียงชั้นในตัวเดียว มือใหญ่เลื่อนลงไปขยับกอบกุมส่วนกลางลำตัวไว้ ขยับมือบดคลึงจนผมแทบบ้า สัมผัสของเขาทำให้ผมตื่นเต้นได้ทุกครั้ง ค้างฟ้าเป็นคนที่ทำให้ผมพึงพอใจได้มากที่สุด เพราะเช่นนั้นผมจึงยอมอยู่ใต้บัญชาเขาทุกครั้งไป



ยอมให้เขาคุมเกม ยอมนอนทอดร่างให้เขาเล่นกับมันได้ตามใจชอบ



ค้างฟ้าเปลี่ยนมามอบจูบให้ผมแทนการละเลงลิ้นเล่นยอดอก ผมยกสองแขนโอบรอบคอเขาไว้ กดใบหน้าเขาให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม เพื่อที่จะได้รับรสจูบของเขาได้ง่ายขึ้น เขายอมโอนอ่อนตามแรงผม ส่งลิ้นร้อนเข้ามาตวัดเกี่ยวทักทายกับลิ้นผม ร่างใหญ่ขยับลงทาบหน้าท้อง สะโพกเขาบดเบียดเข้ากับส่วนกลางลำตัวของผมที่ร้อนจัด



กลิ่นกายของเขา ลมหายใจของเขา ผิวเนื้อของเขา สัมผัสของเขาทำเอาผมคลั่งจนบ้า ขยับตัวบดเบียดสะโพกด้วยความต้องการที่สูงขึ้น และอยากให้เขาเข้ามาในร่างกายผมเต็มแก่



ค้างฟ้าถอนจูบออก จ้องมองมาที่ผม



“ไหนดูซิ ไปซนอะไรมา”



ดวงตาร้ายกาจของค้างฟ้าจับจ้องลงมาที่ผมไม่กะพริบ เมื่อจ้องเข้าไปในสายตานั้น ผมพบกับแววตาของความดุร้าย ไม่ใช่ของสัตว์ร้าย แต่เป็นของคนฝึกสัตว์



สายตาที่ทำให้ผมสะท้านไปทั่วร่าง และแทบหลั่งพิษของความกระสัน



“พี่ฟ้า...”



ผมร้องเรียกชื่อเขา ใช้มือหนึ่งข้างถลกถอดกางเกงขาสั้นออก พยายามขยับสะโพกให้ชนกับร่างกายของเขา หวังใช้มันบอกแทนคำพูดร้องขอ



ค้างฟ้าไม่ทำตามที่ผมต้องการ เขาชันเข่าคร่อมหน้าอกผม ถอดกางเกงลง ก่อนนำตัวตนของเขาจ่อเข้าที่ปากผม



ไม่มีคำสั่งใด แต่ผมก็เคลื่อนตัวไปใช้ปากครอบครองมันไว้อย่างรู้หน้าที่ ใช้ลิ้นร้อนไล่ชิมตั้งแต่ส่วนปลายไล่มายังส่วนโคน สองมือกอบกุมประคองมันไว้ ปรนเปรอเขาอย่างที่เคยได้รับการฝึกสอนมาอย่างดี



จวบจนร่างกายของเขากระตุก หลั่งสารคัดหลั่งออกมาจนท่วมล้น ผมกลืนมันจนหมดสิ้น กลิ่นคาวลอยคละคลุ้งอยู่ในปาก หยาดน้ำขุ่นบางส่วนเลอะกระจายทั่วใบหน้าของผม



“เด็กไม่ดี”



เขาบอกเสียงแหบพร่า ก้มลงจูบผมอีกครั้ง ทว่าไม่ยอมแตะส่วนที่ผมต้องการเขาที่สุด



ผมบิดตัว ไม่ต้องการจูบแล้ว สองมือผมเลื่อนไปกอบกุมแก่นกายของตัวเอง หวังรูดรั้งไปให้ถึงฝัน ทว่าค้างฟ้าจับข้อมือผมทั้งสองข้างขึ้นมาวางไว้ที่หมอนนุ่ม



“ไม่ได้ครับ”



“พี่ฟ้า...”



“ทำโทษไง”



“พี่ฟ้า...ไม่ใช่อย่างนี้”



ผมร้องอ้อนวอน การทำโทษที่ผมต้องการไม่ใช่การที่เขาไม่ยอมให้ผมปลดปล่อย แต่เป็นเซ็กซ์ร้อนแรงจนแผดเผาทุกอย่างในร่างกายของผมให้สิ้นซากเหมือนที่ผ่านมาต่างหาก



ผมขยับสะโพก บิดมันไปมา ร้องขอคนบนร่างให้ช่วยปลดปล่อยความทรมานนี้เสียที



“เน็ตบอกว่าไปซนมาทั่วเมือง”



“ก็ใครใช้ให้พี่หายไปล่ะ”



“ติดโรคแล้วมั้งเนี่ย”



“ผมป้องกันเถอะ” อีกอย่างคือผมก็เลือกคนนะ



หลังคำอ้าง ค้างฟ้ายกยิ้มร้าย จ้องมองผมที่ยังไม่ได้ไปสู่ฝั่งฝันตามที่ต้องการ



ค้างฟ้าส่งยิ้มออกมา อ่อนโยน ทว่าดุดัน



ไม่มีบทสนทนาสำหรับพวกเรา ใช้เพียงร่างกายสื่อความหมาย โต้ตอบกันไปมา ผมนอนแผ่นิ่งๆ ยอมให้ค้างฟ้าสำรวจทุกซอกทุกมุมของทุกตารางผิว แม้ส่วนปลายจะสั่นระริกรอคอยที่จะแตะฝั่งฝัน ปล่อยให้เขาบีบเค้นเนื้อจนเกิดรอยแดง ขบจูบจนเกิดเป็นรอยสีกุหลาบ กระจายทั่วเรือนร่าง ยินยอมให้เขาเป็นเจ้าของร่างกายนี้อย่างง่ายดาย



เขาไล่ริมฝีปากนุ่ม ขบจูบจากต้นคอไปยังแผ่นอก ลากไปจนถึงเส้นกลางท้อง ลงไปยังส่วนอ่อนไหวกลางลำตัว



เขาครอบครองมัน



ไล่ชิม โลมเลียจนผมยกเท้าจิกเกร็ง ร้องเรียกชื่อเขาอย่างไม่อาจทานทน สุ้มเสียงที่หลุดออกมา แผ่วเบา แหบพร่า



ค้างฟ้า



เขาใช้สายตาของพรานป่า เปลี่ยนให้ผู้ล่ากลายเป็นผู้ถูกล่า เชิดมองสบตากัน  ในปากยังคงไม่ว่างพูด ละเลงปลายลิ้นหนักกว่าเก่า



ผมหวีดร้อง สองมือจิกเส้นผมสีดำของเขาแน่น ระบายความกระสันที่สุดท้ายก็ถูกเขาพาไปถึงสรวงสวรรค์



หยาดน้ำเหนียวกระจายเลอะเต็มหน้าท้องและผืนเตียง ผมนอนหอบ เงยหน้ามองเพดานห้อง ต้องการพักผ่อนสักพัก การมองหน้าเขามากเกินไปทำให้ผมคลั่ง



แค่เขาพาไปถึงฝั่งฝันแค่นี้ ผมยังตัวสั่นระริกราวกับลูกนกเพิ่งคลอด



ใช่ว่าไม่เคยมีคนทำให้ แต่ไม่เคยมีใครทำให้แล้วสั่นสะท้านขนาดนี้ ไม่ใช่แค่เพราะลีลาของเขา



แต่เพราะเป็นเขา



เพราะเป็นค้างฟ้า ผมถึงรู้สึกได้ขนาดนี้ เพราะเป็นค้างฟ้า ผมถึงยอมให้เขาเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างของผม



“พอแค่นี้ก่อน”



เขาบอกข้อความที่ทำให้ผมผิดหวัง คล้ายจะยิ้มเยาะเมื่อผมทำหน้าไม่พอใจ ผมต้องการมากกว่านี้ มากกว่าแค่การช่วยปลดปล่อย



“งอนเหรอ? เดี๋ยวเช็ดตัวให้”



“พี่ฟ้า...ทำนะ”



“ไม่ทำครับ”



เขาผุดลุกจากเตียงทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบประโยคเสียด้วยซ้ำ เดินเข้าห้องน้ำเพื่อนำผ้าขนหนูออกมาตามที่บอกไว้ ผมถอนหายใจพรู่ด ไม่สามารถสั่งการเขาได้เหมือนคนอื่นๆ จึงยอมให้เขาเอาผ้าขนหนูไล่เช็ดร่างกายให้สะอาดแทน



เสร็จสิ้นภารกิจ เขาล้มตัวนอนข้างๆ ผม ดึงตัวผมไปกอด ส่วนผมก็ซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเขาราวทารกแรกเกิด แม้จะขัดใจไม่น้อย แต่ผมก็คิดถึงเขาไม่น้อยเช่นกัน



เขาลูบหลังของผมช้าๆ กล่อมให้ผมหลับราวกับกำลังกล่อมเป็นเด็กทารก ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอีก สองเรามีแต่มอบไออุ่นให้แก่กัน บดเบียดสองร่างให้แนบติด ทดแทนความคิดถึงและช่วงเวลาที่ห่างกันไป






ปกติผมมักจะตื่นเช้าเสมอ แต่พออยู่ในอ้อมกอดของเขาทีไร ผมจะกลายเป็นคนขี้เซาทันที



สองมือขยี้ตาพบแสงของวันใหม่ในตอนที่อีกไม่กี่ชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะตกดิน เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า ผมสะลึมสะลือพาตัวเองลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองไปยังหน้าต่างแผ่นใหญ่ที่มีผ้าม่านคลุมไว้ แง้มออกมาเล็กน้อย พอให้แสงอาทิตย์สาดส่อง และเห็นทิวทัศน์บางส่วนของอาคารแออัดเบื้องล่าง



ค้างฟ้าไม่อยู่ในห้อง



เขาคงตื่นก่อนผม นั่นไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไร และผมคงชมวิวทิวทัศน์ของตึกสูงกลางเมืองนี่ได้อย่างสดชื่นที่ได้นอนเต็มอิ่ม ถ้าหากไม่ติดว่ารู้สึกถึงสิ่งผิดปกติบางอย่าง



ที่ข้อเท้า...



ผมขยับตัว พลันสัมผัสได้ถึงความเย็นของสิ่งของสักอย่างนาบมาที่ผิว เมื่อไล่สายตาหาคำตอบ ก็พลันเห็นว่ามีโซ่ตรวนเหล็กอันใหญ่รัดข้อเท้าผมไว้อยู่ เชื่อมไปกับขาเตียงที่มีตัวล็อกไม่ให้แก้พันธนาการนี้ได้



จ้องมอง ขยับตัว เหยียดขาออกนอกเตียง หยัดยืนบนพื้นห้อง พร้อมกับเสียงดังเคร้งๆ ของโซ่เหล็กที่ตกกระทบลงพื้น



ผมยืนมองสิ่งซึ่งพันธนาการตัวเองอยู่นานพอสมควร นานพอที่ค้างฟ้าจะกลับเข้ามาในห้อง และยิ้มขำให้กับสภาพของผม ที่เขานั่นแหละเป็นคนทำ



“พี่ฟ้า ทำอะไร”



“ล่ามโซ่ไว้ไง คราวนี้จะได้ไม่หนีไปไหนอีก”



“เตยคิดว่าเราคุยกันแล้ว”



“เราคุยกันแล้ว เตยต่างหากที่ไม่เข้าใจกฎ”



“...พี่จะทำแบบนี้ไม่ได้”



“พี่ทำได้ครับ”



เขายิ้มเจ้าเล่ห์ เดินมาหาผมเข้าประชิด ดันผมให้นั่งลงบนผืนเตียงอีกครั้ง ร่างใหญ่กว่าขยับตัว รุกคืบเข้ามาหาผม ส่งยิ้มร้ายกาจออกมาในระยะประชิด ค้างฟ้าวันนี้ต่างจากเดิม เขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปจนผมขนลุก



ผมรู้ในสาเหตุของท่าทีอย่างง่ายดาย



เพราะผมเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่เชื่องของเขา บีบบังคับให้ค้างฟ้าแสดงท่าทีแบบนี้ออกมา



“พี่ว่าที่ผ่านมาพี่คงสั่งสอนเตยไม่ดีพอ”



“พี่ฟ้า...”



“พี่ไม่อยากใช้เตยร่วมกับใคร”



“เตยเป็นของพี่”



“เตยของพี่ก็ควรเรียนรู้การอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว”



ผมสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังจะมาเยือน ดวงตาจับจ้องไปที่เขา เฝ้ามองเจ้าของของผมอยางหวาดระแวง พยายามเข้าไปยังความคิดของเขาแต่ไม่เป็นผล ผมพยายามระวังตัวว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น เพียงแต่ผมที่ถูกล่ามไว้เช่นนี้ ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้



“...เลิกไปนอนกับคนอื่นได้แล้ว”



เขาว่า เกริ่นออกมาเพื่อพูดประโยคต่อไป



“พี่ต้องไปข้างนอกอีกสักสองสามวัน”



เอ่ยประโยคที่ผมไม่ต้องการได้ยินที่สุด ผมพลันรับรู้ถึงความกลัวที่ปะทุขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจ



“เตยเป็นเด็กดีรอพี่อยู่ในห้องนะครับ”



“พี่ฟ้า...!”



ผมพอจะรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และพยายามกระชากโซ่ที่ล่ามข้อเท้าไว้ แต่มันไม่เป็นผล



เขาไม่สนใจเสียงตะโกน ค้างฟ้าหัวเราะ แสงอาทิตย์จากข้างนอกส่องเข้ามาฉาบใบหน้าเขาไว้ครึ่งเดียว อีกครึ่งตกกระทบเป็นเงามืด ริมฝีปากยกยิ้มอย่างอ่อนโยน สองมือลูบหัวผมอย่างรักใคร่ ใบหน้าราวกับเทวดามาจุติในร่างมนุษย์



แต่การกระทำของเขาคือปิศาจ









ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และกำลังใจค่ะ

#น้ำค้างฟ้าขุ่น

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 3 - |15.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 15-10-2018 00:12:53
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 3 - |15.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Nuch_Chii ที่ 15-10-2018 08:50:34
 :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 3 - |15.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-10-2018 19:28:00
 :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 3 - |15.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 16-10-2018 13:40:50
เจ้าของหวงกว่าที่คิดแฮะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 3 - |15.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 18-10-2018 10:41:22
น้องซนจนได้เรื่องเลย โดนจับขังซะแล้ว  :z3: ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 4 - |20.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 20-10-2018 00:13:23
4: Darkness



ผมโวยวายเสียงดังลั่น แน่ล่ะ ค้างฟ้าไม่สนใจ เขาถือสิทธิ์ความเป็นเจ้าของผมใช้อำนาจเหนือข้อตกลง



ค้างฟ้าเดินออกจากห้องไปโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ ส่วนผมพยายามเดินตาม ตะโกนขอร้องไล่หลังเขาไป ทว่าข้อเท้าที่ถูกพันธนาการอยู่ทำให้ผมไปไม่ถึงตัวเขา แม้จะกระชากมันสักเท่าไหร่ ก็มีแต่เลือดเนื้อของผมเท่านั้นที่จะโดนเฉือนออก



เขากลับมาในไม่ช้า พร้อมยาในกระปุกที่ผมคุ้นเคย



 “พี่ฟ้า ไม่เอาแบบนี้ ไม่เอา...”



ผมร้องขอเขา กอดอ้อนวอนอย่างสุดความสามารถเท่าที่สัตว์เลี้ยงตัวหนึ่งจะทำได้ ค้างฟ้าไม่สนใจ เขาบังคับให้ผมกลืนยานอนหลับ ลูบผิวหน้าไปตามกรอบหน้าผม อ่อนโยน แผ่วเบา



ผมพยายามไม่คล้อยตามการกระทำ เอื้อนเอ่ยหาข้ออ้างให้หลุดพ้นจากสภาพนี้



“พี่ขังเตยไว้ไม่ได้ ลืมแล้วเหรอว่าเตยมีเรียนนะ”



“ขาดเรียนสักวันสองวันไม่เป็นไรหรอก”



“พรุ่งนี้เตยมีควิซ”



“เน็ตคงจัดการได้ ไม่มีปัญหาอะไร”



หลายคำพูดถูกเอ่ยอ้างออกไปเพื่อยื้อเวลา แต่เขาก็หาทางโต้กลับมาได้ทุกประโยค ค้างฟ้าบงการชีวิตผมได้อย่างง่ายดาย ผมพยายามมองหน้าเขาด้วยสติที่เลือนรางจากผลของยาที่เริ่มออกฤทธิ์ ส่งสายตาจากเว้าวอนเปลี่ยนเป็นความโกรธ



“เราไม่ได้ตกลงกันแบบนี้”



“ถ้าพี่ไม่ทำแบบนี้ เตยก็คงไม่เข็ด”



“ถ้าพี่ฟ้าไม่ทิ้งเตยไว้ เตยก็คงไม่หนีออกไป”



“ที่รัก เตยก็รู้ว่าพี่ต้องออกไปทำงานหลายที่”



“ทำไมพี่ฟ้าออกไปได้แล้วเตยจะออกไปบ้างไม่ได้”



“เตยเคยบอกแล้วว่าจะมาคอยพี่ทุกคืน... แต่เตยผิดสัญญา”



นั่นเพราะเขาต่างหากที่หายไปไม่บอกกล่าวกันก่อน...



ผมพยายามโต้เถียง ค้างฟ้ายังคงส่งยิ้มมาให้ ยิ้มที่ผมไม่รู้จักความหมาย รอยยิ้มที่ทำให้เขาดูดีเสมอ เพียงแต่ครั้งนี้ ผมรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่โหดร้ายและอ่อนแรงเหลือเกิน



เขาลูบเส้นผมของผม ไล่จากกลางกระหม่อมไปสู่ต้นคอ ไล้รอยสักที่เป็นชื่อของเขา สัมผัสของค้างฟ้าอ่อนโยนคล้ายขนนก แผ่วเบา ชวนเคลิ้มฝัน ส่งผลให้ผมเคลิบเคลิ้มจนลืมตั้งสติ



ไม่นานนัก ภาพตรงหน้าพลันเปลี่ยนเป็นสีดำมืดสนิท



ผมสะดุ้งตื่นมาในค่ำคืนที่ไร้แสงสว่างเช่นกัน



ทันทีที่ร่างกายมีแรง ผมตะกายไปเปิดไฟในห้องให้สว่าง แม้ค้างฟ้าจะเปิดไปที่โคมไฟให้แล้ว แต่แสงเพียงนิดเดียวไม่เพียงพอต่อความต้องการของผม รอบตัวผมมีความมืดจากข้างนอกและความเงียบเข้าครอบคลุม มีเพียงเสียงหัวใจของผมเป็นเสียงเดียวรวมถึงเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่อยู่ในห้องใหญ่



หัวใจผมสั่นระรัว



ไล่เปิดไฟทุกดวงในห้องไม่เว้นห้องน้ำ



ค้างฟ้าคงเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผมในขณะที่ผมหลับไป ผมยังไม่หลุดจากพันธนาการของเขา ตราบใดที่ข้อเท้าของผมยังถูกล่ามติดไว้กับเตียงเช่นนี้



ระยะความยาวของโซ่เพียงพอให้ผมเดินไปมาในห้องนอนและห้องน้ำ ทว่าไม่อนุญาตให้ผมเดินออกไปมากกว่านี้ ผมพยายามกระชากโซ่ให้ขาด แม้จะรู้ว่าไร้ประโยชน์ ความแข็งแกร่งของเหล็กไม่อาจถูกทำลายได้ด้วยเรี่ยวแรงของผม



มีแต่ผมที่ยิ่งพยายามกระชาก ก็ยิ่งได้รับบาดแผลจากมัน



ขอบตาผมร้อนผ่าว ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้



ที่เคยตกลงกัน ไม่ใช่แบบนี้



หัวใจผมเจ็บแปลบ คงเป็นความรู้สึกผิดหวัง



ผมควานหาโทรศัพท์มือถือที่อยู่หัวเตียง กดโทรออกหาเพื่อนสนิทที่อยู่ข้างห้อง



“เน็ต ช่วยเตยด้วย”



ร้องขอความช่วยเหลือ ที่ไม่ได้อะไรกลับมา



เน็ตปฏิเสธ แน่นอนอยู่แล้ว เขาทำงานให้ค้างฟ้า เพียงแต่ผมยังคงแอบหวังว่าเน็ตจะเข้าข้างผมสักวัน



“เน็ต ขอร้อง ช่วยเตยด้วย”



เอ่ยร้องด้วยน้ำเสียงเว้าวอน หมายให้อีกฝ่ายสงสาร



แต่เน็ตใจแข็งเสมอ เขาไม่ตอบอะไรกลับมา



“เน็ต ไม่ต้องช่วยก็ได้ มาอยู่กับเตย อยู่กับเตยนะ”



ผมเปลี่ยนคำพูด น้ำเสียงเริ่มสั่นด้วยความขลาดกลัว



จ้องมองสภาพห้องที่นิ่งเงียบ ห้องใหญ่ที่ไร้สิ่งมีชีวิตอื่นทำให้ผมอึดอัด คล้ายจะหายใจไม่ออก



“เน็ต อย่าปล่อยเตยไว้อย่างนี้”



“เตย...กูขัดคำสั่งค้างฟ้าไม่ได้”



“เน็ต ขอร้อง อย่าเพิ่งวางสาย อย่า...”



เน็ตใจร้ายเสมอ เขาตัดสายทิ้งอย่างไม่ใส่ใจคำร้องอ้อนวอนของผม แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาดและเยือกเย็น รู้ทั้งรู้ แต่ผมก็ยังหวังให้เขาใจอ่อนสักวัน



ผมรีบต่อสายกับใครบางคนอย่างรวดเร็ว เพื่อไม่ให้ห้องที่เงียบสนิทนี้เงียบไปกว่าเดิม แน่นอนว่าไม่ใช่ค้างฟ้า เขาไม่เคยรับโทรศัพท์ของผมในช่วงเวลาของการทำโทษเช่นนี้ ผมต่อสายหาคนปลายทาง ใช้เวลานานกว่าปกติกว่าปลายสายจะตอบรับ



“หยก...นี่เตยนะ”



“เตย..? ผมจะหลับแล้ว”



“ไม่เป็นไร หลับเลย แต่ถือสายไว้ได้ไหม”



“หืม?”



“หลับเถอะ แค่อย่างวางสาย”



เขาตอบผมด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ผมรู้ว่าหยกมาที่นี่ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็อยากให้เขาไม่ใจร้ายกับผม หยกไม่ได้ถามอะไรมากมาย เขาไม่ตอบ แต่ก็ไม่วางสาย ยอมทำตามคำขอร้องของผม เดาจากน้ำเสียงแล้วหยกคงง่วงมากแล้ว



ผมนอนฟังเสียงหายใจของหยกทั้งคืน จ้องมองเพดานห้องนอนที่ใหญ่โต และหรูหราสะดวกสบายจนเกินพอดี กรงทองที่เขาจับผมไว้ในนี้ไม่ได้น่าอยู่อีกต่อไป ความมืดยามค่ำคืนเข้าครอบงำจิตใจแม้ว่าทั้งห้องจะสว่างจ้าด้วยแสงไฟ



ตลอดทั้งคืน ผมนอนไม่หลับ



มันเป็นความทรมานคล้ายจะถูกกัดกินจากข้างในมากขึ้นเรื่อยๆ สมองผมไม่สั่งการให้ผมหลับได้ในพื้นที่ที่ไร้ซึ่งใครสักคนข้างกาย เป็นความเคยชินที่ถ้าหากว่าผมไม่ได้รับมัน ผมจะต้องนอนตาตั้งทรมานตลอดทั้งคืน



ยานอนหลับช่วยผมได้ แต่ผมเกลียดมัน เกลียดเวลาที่ตื่นนอนแล้วฤทธิ์ของมันยังคงป่วนอยู่ในประสาทจนหงุดหงิดน่ารำคาญ ผมจึงไม่ใช้มัน



ผมเกลียดเวลาที่ตื่นมาแล้วไม่มีใครอยู่ข้างกาย



ค้างฟ้ารู้



รู้ทุกเรื่องของผม เรื่องที่ผมเป็นอยู่ เรื่องที่ผมชอบและเรื่องที่ผมเกลียด



เขาเคยให้สัญญาว่าจะกลับมาหาผมทุกคืน



แต่หลังจากที่คืนแรกเขาไม่กลับมา ต่อมาอีกหลายๆ คืนเขาก็เริ่มหายไปไม่บอกกล่าว ตอนนั้นเองที่ผมก็ตัดสินใจออกจากกรงขังของเขา



ถ้าเขาผิดคำพูดได้ ผมเองก็ทำได้เช่นกัน



ค้างฟ้าไม่เคยว่าอะไรที่ผมออกไปนอนกับใครอื่น ครั้งแรกที่เขารู้ มีเพียงถ้อยคำเอ่ยย้ำว่าถ้าเขากลับมาครั้งต่อไปต้องเห็นผมอยู่ในห้อง...เท่านั้น



เมื่อเขาไม่อยู่กับผม ผมก็แค่ออกหาใครสักคนเพื่อพักพิงด้วย และกลับมาให้ตรงกับวันที่ค้างฟ้าจะมาถึง



มันเป็นเช่นนี้มาหลายปีแล้ว



สถานะของผมกับเขาไม่ต่างจากหมากับเจ้าของ ผมไม่ได้ต้องการมากกว่านั้น



เพียงแค่...ไม่ชอบการที่เขาผิดคำพูด



หลายครั้งที่เขาบอกจะกลับมาแต่ก็ไม่กลับมา ปล่อยให้ผมคอยเก้อ นั่งรอโดยไม่ได้นอนทั้งคืน ช่วงหลังมานี้ผมถึงได้ตัดสินใจที่จะกลับบ้างไม่กลับบ้างเมื่อถึงกำหนดการของเขา



ดูท่าผมคงดูถูกเขามากเกินไป จนไม่ทันระวัง ลืมคิดไปว่าระหว่างหมากับเจ้าของ…



ผมเป็นหมา



ส่วนเขา...เป็นเจ้าของ ที่มีสิทธิ์ทุกตารางนิ้วบนร่างของผม



คืนแรกผ่านไป โดยที่ผมไม่ได้นอน ตอนกลางวันไม่เป็นปัญหาสำหรับผม ผมอยู่ในห้องนี้ได้ไม่มีปัญหา นั่งๆ นอนๆ หาอะไรทำคนเดียว ดูหนัง ฟังเพลง แต่จะไม่หลับ ต่อให้เป็นกลางวันหรือกลางคืน ถ้าไม่มีใครอยู่ด้วย ผมจะไม่หลับ นี่คือกลไกร่างกายอันน่ารำคาญของผม



ในห้องมีเพียงผมอาศัยอยู่คนเดียว ช่วงกลางวันมีคนขึ้นมาเอาอาหารมา เขาเคาะประตู วางอาหารให้แล้วจากไป ทำให้ผมไม่เห็นหน้า ไร้เพื่อนพูดคุย คว้าพวกเขามาอยู่เป็นเพื่อนร่วมเตียงไม่ได้ ดูท่าครั้งนี้ค้างฟ้าจะระวังตัวกว่าครั้งอื่น คงเพราะผมเคยพาพ่อบ้านที่เป็นคนของค้างฟ้ามานอนเล่นด้วยระหว่างที่เขาเผลอ...



จวบจนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน ผมรับรู้ถึงการเปิดประตูห้อง เป็นเน็ตที่มาหาพร้อมกับถาดข้าวเย็น



ผมยกยิ้มให้เพื่อนสนิท



“ทำไมไม่กินข้าว?”



“เน็ตมาหาเตยเหรอ”



ผมจงใจไม่ตอบเขา เดินปรี่เข้าไปหาเน็ตด้วยความดีใจ เน็ตปล่อยให้ผมกอดเกาะ ส่วนเขาเดินไปเก็บจานข้าวมื้อกลางวันที่ผมไม่ได้แตะแม้แต่น้อย เขาวางถาดข้าวอันใหม่แทนที่เดิม



“ค้างฟ้าให้เอาข้าวมาให้มึงกิน และก็...นี่ชีทสำหรับวันนี้”



“เตยไม่กิน...”



“อย่าดื้อ”



“ถ้าเน็ตป้อนเตยจะกินนะ”



“มึงก็รู้ว่าห้องนี้ค้างฟ้าติดกล้องไว้”



“งั้นถ้าไม่มีกล้อง...เน็ตจะป้อนเตยเหรอ?”



“ไร้สาระ”



ผมหัวเราะให้กับท่าทีของเน็ต  ทำไมผมจะไม่รู้ว่าค้างฟ้าติดกล้องวงจรปิดไว้ในห้อง คอยตามดูผมว่าจะไปก่อเรื่องอะไร ในเมื่อเขาเป็นคนเคยบอกกับผมเอง ด้วยหวังว่าผมจะไม่พาใครก็ตามเข้ามาในห้องนี้ได้อีก



กล้องของค้างฟ้าต่อเข้ากับมือถือและคอมพิวเตอร์ของเขาเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแอบดูพวกเราขณะร่วมรักกัน...



แต่ถึงยังไง...ผมก็ไม่ได้แคร์อะไรหรอก ถ้าจะมีใครเห็นผมทำธุระส่วนตัวต่างๆ



“เตย มากินข้าว”



ผมหลุดจากภวังค์ หันไปหาต้นเสียง เน็ตจ้องผมเขม็งคล้ายจะดุ



“บอกแล้วว่าให้เน็ตป้อน”



“กินเองสิ”



“ถ้าเน็ตไม่ป้อน...ก็ให้พี่ฟ้ามาป้อน”



“เตยก็รู้ว่าเขาไม่อยู่”



“งั้นเตยก็ไม่กิน”



“อย่าเรื่องมาก”



“เตยเปล่า เน็ตไม่ต้องใส่ใจเตยหรอก แค่มาส่งข้าวกับชีทนี่”



“...อืม”



“แล้ววันที่มีแล็ปเน็ตทำไหวรึเปล่า”



เขายักไหล่ “ทำมาตั้งกี่ปีแล้ว”



ผมหัวเราะ ไล่เขากลับไป ทันทีที่ประตูปิดลง ผมเดินไปที่จานข้าว คว้ามันปาออกไปกระทบกับหน้าต่างจนเกิดเสียงดัง ทั้งเม็ดข้าว กับข้าวและน้ำซุปกระจายเลอะทั่วแผ่นกระจก คราบน้ำแกงไหลลามมาถึงพื้นห้อง ผมมองผลงานศิลปะของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ



ก่อนปล่อยให้ห้องเลอะเละเทะเช่นนั้น ผมปีนขึ้นเตียง หยิบชีทที่เน็ตเอามาให้มาอ่าน เน็ตทำสรุปเลคเชอร์ของวันนี้ให้ และมีชีทของวิชาอื่นๆ อีก ผมอ่านให้ผ่านตา เพื่อที่จะได้รู้ว่าควิซครั้งต่อไปจะออกเรื่องอะไร



บทเรียนพวกนี้ ผมอ่านทั้งหมดตอนเปิดเทอมใหม่ๆ มานานแล้ว ดังนั้นการเข้าไปเรียนในห้องก็เพียงแค่ไม่ให้อาจารย์เช็คขาดจนไม่มีสิทธิ์สอบ แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรมากนัก เพราะท้ายสุดแล้วยังไงค้างฟ้าก็จัดการเรื่องนี้ได้อยู่ดี ต่อให้ผมไม่ไปเรียนสักคาบ เขาก็ทำให้ผมมีสิทธิ์อยู่ในมหาลัยต่อได้



ชีทและเลคเชอร์ของเน็ตผมอ่านไม่กี่ชั่วโมงก็จำได้ขึ้นใจ พร้อมสำหรับการควิซครั้งต่อไป...ถ้าค้างฟ้ายอมให้ผมออกไปจากที่นี่ล่ะก็นะ



ผมเหลือบมองหน้าต่างที่เปรอะไปด้วยคราบอาหารเย็น แต่ที่ผมสนใจคือแสงอาทิตย์ข้างนอกที่ใกล้จะหมดวันแล้ว



หัวใจผมสั่นสะท้านอย่างหวาดกลัว



ผมปิดม่านที่เลอะเทอะ ตัดสินใจเข้าไปอาบน้ำ แช่อ่างน้ำอุ่นนานหลายชั่วโมง ก่อนออกมาเพื่อเห็นสภาพห้องดังเดิม ไม่มีใครอยู่ ทุกอย่างไร้สิ่งมีชีวิต เงียบสงัด แม้ว่าจะมีเสียงแอร์แผ่วเบาหรือเสียงเพลงจากมือถือผมก็ไม่ทำให้รู้สึกว่าห้องนี้มีเสียงใดนอกจากความเงียบที่กำลังเข้าคืบคลาน กลืนกินผมให้ตายทั้งเป็น



เวลาหัวค่ำ ผมตัดสินใจวิดิโอคอลหาหยก



ใบหน้าน่ารักติดจะรำคาญผมนิดหน่อยทำให้ผมอารมณ์ดี เขาดูหงุดหงิดที่ผมโทรมาแต่ก็ยอมคุยด้วยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมขอร้องให้เขาช่วยตัวเองต่อหน้ากล้องได้สำเร็จ



อันที่จริงต้องเรียกว่าพวกเรา



ทั้งผมและหยกต่างกอบกุมส่วนอ่อนไหวของตัวเอง ขยับรูดรั้งมันผ่านเลนส์หน้าจอมือถือ ส่งเสียงหวานและภาพน่าอายผ่านสัญญาณโทรศัพท์



ผมจงใจเรียกชื่อหยก เอ่ยหยอกล้อด้วยถ้อยคำสกปรกต่างๆ ที่มีแต่ทำให้เขารู้สึกมากขึ้น



แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ



ที่ผมสนใจก็คือ กล้องวงจรปิดที่ค้างฟ้าตั้งไว้ที่มุมโทรทัศน์เครื่องใหญ่ได้จับภาพผมไว้ทุกช็อตหรือเปล่า คนหลังกล้องจะได้เห็นการกระทำของผมไหม หลายครั้งที่ผมทิ้งสายตาให้กล้องวงจรปิดแทนสายตาของหยก จนกระทั่งหยาดน้ำในร่างกายของเขาทะลักออกมา หยกถึงได้ปิดวิดีโอคอลไป



ส่วนผมนอนหอบคราง กุมส่วนกลางลำตัว เอียงคอเผยให้เห็นรอยสักที่เป็นชื่อเขา จ้องมองกล้องวงจรปิดด้วยสายตาเว้าวอน



กลับมาสิ...ค้างฟ้า กลับมา








ค้างฟ้าไม่เคยกลับมาก่อนกำหนดการ มีแต่กลับมาหลังกำหนดการไปแล้ว เพราะฉะนั้นการที่ผมคาดหวังว่าเขาจะมาในคืนที่สองย่อมไม่มีวันสมปรารถนา



จบจาการเล่นรักด้วยตัวเอง ผมเปลี่ยนมานอนอ่านหนังสือ เปิดเสียงเพลงสนั่นลั่นหู พยายามทำให้ตัวเองไม่ง่วงด้วยหลายๆ วิธี



การรีดน้ำตัวเองออกก็เป็นส่วนหนึ่งที่พอช่วยได้ แต่เนื่องจากอ่อนเพลียจากการไม่ได้พักผ่อนจากคืนก่อน ทำให้พอได้ปลดปล่อย ผมพลันเหนื่อยล้า คล้ายจะหลับทุกครั้ง



 พอตัวเองเคลิ้มใกล้หลับ ภาพบางอย่างย้อนกลับเข้ามา ผมพลันโมโหตัวเอง หงุดหงิดสิ่งรอบข้างจนในที่สุดก็ทนไม่ไหว



การที่ค้างฟ้าขังผมไว้ในห้องคนเดียวคือบทลงโทษที่รุนแรงมากเกินไป ล่ามผมไว้ด้วยโซ่ตรวนอันใหญ่ที่ไม่สามารถทำลายได้ ผมหนีไปไหนไม่ได้ อยู่คนเดียวก็ไม่ได้ สุดท้ายสมองที่ใช้สั่งการในหัวของผมพังทลายลง และยินยอมให้หัวใจที่ดำมืดของผมเข้าควบคุม



เขาไม่เคยทำแบบนี้



และไม่ควรทำแบบนี้



ผมยกเก้าอี้ไม้ฟาดลงหน้าจอโทรทัศน์ ฟาดลงกับเลนส์กล้องวงจรปิด ฟาดซ้ำๆ จนเก้าอี้ราคาแพงแหลกไม่เป็นรูป ดึงทึ้งผ้าม่านแสนแพง กระชากจนมันขาดแหว่ง ยกโต๊ะข้างเตียงทุ่มกับกระจกหน้าต่าง หยิบโคมไฟมาฟาดกับผนังห้อง ในห้องมีเสียงดังโครมครามตามที่ผมปรารถนา



ผมยกยิ้ม ยังไม่พอใจ จึงเข้าไปทำลายข้าวของในห้องน้ำ



กระจกบานใหญ่ในห้องน้ำแตกกระจาย ชิ้นส่วนชักโครกแยกออกจากกัน ผมใช้โซ่ที่พันข้อเท้าของตัวเองฟาดใส่ตู้กระจกสำหรับอาบน้ำจนมันแหลกเละ ความยาวของโซ่ยาวพอที่จะฟาดข้าวของในห้องน้ำให้แหลกเป็นซาก เศษกระจกแตกกระจายบาดเท้าผมบางส่วน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ผมสนใจกับเลือดที่ไหลออกมา



ผมยืนมองผลงานในการทำลายล้าง พอใจกับการกระทำตัวเอง



ถ้าค้างฟ้าจะขังผมไว้ ก็ต้องไม่ใช่การขังเดี่ยวแบบนี้



เขาควรรู้ไว้ว่าสัตว์เลี้ยงที่เขาเลี้ยงไว้มันไม่ได้เชื่องเหมือนสัตว์บ้าน





เพราะมันคือสัตว์ป่า






ตั้งใจว่าจะไม่เขียนเรื่องนี้ให้ดราม่า หรือมีปมอะไรแล้วนะ

จริงๆ นะ ;;-;;



#น้ำค้างฟ้าขุ่น
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 4 - |20.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 20-10-2018 20:10:23
คือ ถ้าเราเป็นค้างฟ้า


เราคงไม่กลับไปยุ่งกับเตยอะ สกปรกสำส่อน


เน็ต  อย่าหลุดเข้าไปในวงจรอุบาทย์ของเตยนะ


หยกน่ารัก
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 4 - |20.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 20-10-2018 22:52:27
สงสัยปมชีวิตน้องเตยมากเลย  :confuse:

น้องเป็นอะไร และอยากรู้ด้วยว่าค้างฟ้าไปเจอน้องเตยได้ยังไง

นี่ก็ดราม่าไปหน่อยๆแล้วค่ะคุณแรคคูล  :hao5: มาต่อตอนใหม่เร็วๆนะคะ ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 4 - |20.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-10-2018 04:57:33
เตยมีปมอะไรกับกลางคืน  :hao4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 4 - |20.10.2018|
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 26-10-2018 10:54:15
มันต้องมีอะไรซ่อนอยู่เยอะกว่าที่เราคิด ทั้งค้างฟ้า เตย และเนต อาจจะรวมถึงหยกด้วย น่าติดตามมาก
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 5 - |26.10.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 26-10-2018 16:54:55
5: Dawn



ตลอดเวลาทั้งคืนผมพยายามหาอะไรมากระแทกโซ่เหล็กให้มันพัง แต่ไม่ได้ผล มีแต่ข้าวของที่โดนกระแทกลงโซ่พังเสียเอง รวมถึงข้อเท้าของผมที่ถลอกจนเลือดไหลมากขึ้นเรื่อยๆ



ผมไม่ได้ดูเวลาว่าผ่านไปกี่ชั่วโมงแล้ว หมกมุ่นและจริงจังกับการปลดพันธนาการตัวเองจนไม่รู้ว่ายามเช้ามาถึง



แสงอาทิตย์แรกของวันมาพร้อมกับร่างของคนที่ผมรอคอยมาตลอดสองคืน



ค้างฟ้าเปิดประตูเข้ามา มองไปรอบๆ ห้องที่มีสภาพยับเยิน ซ้ำยังมีกลิ่นเน่าบูดจากอาหารเย็นที่ผมโยนทิ้ง เขาตวัดสายตามาที่ผม



ในทีแรก ผมคิดว่าผมจะต้องกลัวกับสายตาโมโหของเขา



แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น



เขากวาดตามองสภาพห้อง สายตาของค้างฟ้าไร้ซึ่งความโกรธ ไร้ซึ่งความตกใจ ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ผมไม่เข้าใจว่าสายตาแบบนี้หมายความว่าอย่างไร แต่พอเขาเดินตรงเข้ามาหา ผมก็ถอยหนีตามสัญชาตญาณ



แม้จะรู้ว่าตัวเองจะหนีได้ไม่ไกล แต่ผมต้องระวังตัวไม่ให้เขาเข้ามาทำร้ายผมได้



จนสุดมุมห้อง ค้างฟ้าคว้าผมเข้าไปกอด



กระซิบอย่างแผ่วเบา



“ขอโทษนะ”



เขากอดแน่นขึ้น เอ่ยคำซ้ำวนไปมา “ขอโทษนะ”



“...พี่ฟ้าปล่อยให้เตยอยู่คนเดียวทำไม”



“พี่ขอโทษ”



“สารเลว”



“ขอโทษนะ...เตยเหนื่อยแล้ว ไปนอนกันนะ”



“คงนอนตรงนี้ไม่ได้แล้ว”



“พี่รู้ เราไปนอนห้องเตยกัน”



“ผมถูกพี่ล่ามขาอยู่”



“เดี๋ยวพี่จะเอาออกให้”



ไม่ว่าเปล่า ทันทีที่เขาพูดจบ ค้างฟ้าคลายอ้อมกอด ก้มลงคุกเข่าหน้าผม เอื้อมมือจับที่ข้อเท้า หยิบกุญแจในกระเป๋าเสื้อ ใช้มันปลดพันธนาการ



“เลือดออกเยอะเลย เดี๋ยวพี่ทำแผลให้นะ”



“เตยเจ็บ”



“ขอโทษ”



เขากอดผมอีกครั้ง ผมอยากจะผลักเขาออกไปแล้ววิ่งหนีเขาไปให้พ้นๆ หรือไม่ก็ทุบตีเขาแรงๆ สักทีให้สมกับสิ่งที่เขาทำ แต่สิ่งที่ผมทำคือซุกซบอยู่ในอ้อมกอดเขา สูดดมกลิ่นกายของเขาทั้งๆ ที่ในใจบอกว่าเกลียดที่เขาทำแบบนี้นักหนา



แต่ผมกลับห้ามตัวเองไม่ได้เลยเมื่ออยู่กับเขา



ค้างฟ้าอุ้มผม พาผมออกจากห้องเน่าๆ เละเทะนี้ ผ่านห้องรับแขก ออกไปยังส่วนโถงของลิฟท์ กดไปที่เลขชั้นล่างที่อยู่ถัดลงมา ใช้บัตรแสกนเพื่อเข้าห้องของผม...ที่ค้างฟ้านั่นแหละซื้อให้ เพียงแค่เราไม่ค่อยได้ใช้มันเท่าไหร่



เขาวางผมลงที่เตียง ผมนับถือร่างกายของเขาที่ยกผมจากอีกห้องมาถึงห้องนี้ได้ ระยะทางไม่ได้ใกล้ แถมผมก็ไม่ได้ตัวเบา แต่เขาก็ทำราวกับอุ้มแมวตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น



ค้างฟ้าลงมือล้างแผลให้ผมก่อนอันดับแรก และเริ่มทำแผลในลำดับถัดมา ผมมองเขาที่คุกเข่าอยู่ต่อหน้า พร้อมกับขยับมือแต้มยาทาแผลอย่างคล่องแคล่ว มองขวัญบนหัวเขา เส้นผมสีดำที่ลู่ปรกบดบังใบหน้าคมคายที่ล้นไปด้วยเสน่ห์ ระหว่างเราไม่มีคำพูดหรือบทสนทนาใด



จนกระทั่งเขาพันผ้าพันแผลให้ผมเสร็จ ผมเอ่ยบอก



“ผมเกลียดพี่ฟ้า”



“พี่รู้ พี่ขอโทษ”



“พี่ทำแบบนี้ทำไม”



“พี่จะไม่ทำอีก...”



ผมสะอึก หาเสียงตัวเองไม่เจอเมื่อเขาไม่ตอบคำถามผม ซ้ำยังเฉไฉพูดเรื่องอื่น



“เดี๋ยวเช็ดตัวให้นะ เตยจะได้นอนสบายๆ”



ค้างฟ้าลุกขึ้น เดินเข้าห้องน้ำไป ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับผ้าขนหนูที่ชุบน้ำหมาดๆ เขาบรรจงเช็ดตัวผมตามร่างกายแต่ละส่วน สัมผัสแผ่วเบาจนแทบเคลิ้ม



“เตยคงเหนื่อยแล้ว หลับเถอะ พี่อยู่ตรงนี้”



เขาบอกเมื่อเช็ดตัวให้ผมจนเสร็จ พร้อมเอนตัวผมให้ลงไปนอนบนเตียงนุ่ม ฝ่ามือลูบไล้ที่เส้นผมอย่างแผ่วเบา สัมผัสของค้างฟ้าที่ผมคุ้นเคยทำให้ผมผ่อนคลายอย่างน่าเจ็บใจ โมโหตัวเองที่ขัดขืนเขาไม่ได้ อยากจะอาละวาดให้สาแก่ใจกับที่เขาทำกับผม ทุบตีเขาให้ช้ำไปข้าง แต่ที่ผมทำก็คืออยู่นิ่งๆ ปล่อยให้ตัวเองทำตามคำพูดของเขา



“ตื่นมาพี่ก็จะหายไปใช่ไหม”



“ไม่หายไป พี่สัญญา”



สัญญาบ้าอะไร เถียงเขาอยู่ในใจ



“เตยเกลียดพี่ฟ้า”



“พี่รู้”



“เตยเกลียดพี่”



ผมพยายามบอกเขาจนสติสุดท้าย ค้างฟ้าลูบหัวผมจนผมผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขา แสงอาทิตย์เพิ่งส่องสว่างเริ่มต้นวันใหม่ไปพร้อมๆ กับการนอนสลบไสลของผม



ผมตื่นมาพร้อมกับตะกายไปที่วางข้างตัว ไม่มีร่างของค้างฟ้า ไม่มีไออุ่นข้างกาย ผมรีบผุดตัวลุกขึ้นนั่ง กวาดตามองก็เห็นร่างคุ้นเคยยืนอยู่ที่โซนครัวพร้อมได้กลิ่นอาหาร ถึงได้ถอนหายใจ ห้องนี้เล็กกว่าห้องค้างฟ้าค่อนข้างมาก เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมกว้างๆ ที่จัดเป็นโซน ดังนั้นผมที่อยู่บนเตียงจึงสามารถมองได้ทั่วห้อง



“พี่ฟ้า?”



ผมเอ่ย เสียงแหบพร่า ลำคอแห้งผากเพราะกระหายน้ำ



เขาหันมาสบตากับผม ปิดเตาแก๊ส หยิบแก้วน้ำที่บรรจุน้ำไว้เต็มแก้วอยู่ก่อนแล้วเดินมาทางผม หยิบยื่นแก้วน้ำให้ผมดื่ม



“พี่ทำอาหารใกล้เสร็จแล้ว กินด้วยกันนะ”



ผมกัดขอบแก้วน้ำ เสียงฟันกระทบกับแก้วใสดังแก๊กๆ ไม่ตอบเขา แต่ก็ไม่ปฏิเสธ จนค้างฟ้านำอาหารมาให้ถึงที่ผมถึงยอมปล่อยมือจากแก้วน้ำ



ค้างฟ้าหยิบโต๊ะเล็กมากางที่เตียงคร่อมตัวผมไว้ ราวกับผมเป็นผู้ป่วยในโรงพยาบาลอย่างนั้น จากนั้นเขาก็นำอาหารที่เขาเพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ มาวางเรียงหน้าผม ขยับตัวมานั่งข้างๆ



เขาคนอาหารที่มีควันร้อนในถ้วย ใช้ช้อนตักมันขึ้นมาก่อนเป่าลมใส่เบาๆ ยื่นมาจ่อปากผม



“...ผมเกลียดพี่ฟ้า”



เขายิ้ม



และผมก็กินมัน



ผมเกลียดตัวเองที่ไม่เคยต้านทานเขาได้ เลยพาลไปเกลียดเขาที่สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงผมก็ต้องยอมเขาตลอดมา เกลียดเขาที่เป็นคนเดียวที่ทำให้ผมต้องยอมขนาดนี้



แม้ว่าเขาจะบังคับผมได้ แต่สุดท้ายเขามักจะเลือกไม่บังคับผม ปล่อยให้ผมทำตามใจชอบ แล้วค่อยพาตัวกลับมาทำโทษ รสของบทลงโทษที่แผดเผาจนผมไหม้กลายเป็นจุล รุนแรงแต่หอมหวาน บทลงโทษที่ไม่เคยมีครั้งไหนน่ากลัวเท่าครั้งนี้



เขาไม่เคยขังผมให้อยู่คนเดียวแบบนี้



แต่ใช่ว่าไม่เคยขัง เพียงแต่ก่อนหน้านั้นผมยังหาทางพาใครเข้าห้องได้ แต่ครั้งนี้ไม่ ไม่มีสักทางเลยที่ผมจะหลุดพ้นจากความมืดของค่ำคืนคนเดียว เขาทำให้ผมดุร้าย บีบบังคับให้บ้าคลั่ง เพราะฉะนั้นผมจะไม่คิดว่าตัวเองผิด เขาต่างหากที่ทำให้ผมเป็นเช่นนี้



“อิ่มหรือยัง เอาเพิ่มไหม”



ผมส่ายหน้าเมื่อข้าวคำสุดท้ายถูกกลืนสู่ท้อง ส่วนค้างฟ้าก็จัดการเก็บจานไปไว้ที่อ่างล้างจาน



“เตยง่วงไหม พักต่อก็ได้”



ผมไม่ได้ตอบ อันที่จริงก็ยังง่วงอยู่เล็กน้อย แต่การอดนอนหรือนอนน้อยเป็นหนึ่งในความสามารถของผม ผมจึงเลือกที่จะปฏิเสธการนอนหลับ



“เตยอยากกินของหวานๆ”



“อยากกินอะไรครับ เดี๋ยวพี่ให้คนไปซื้อมาให้”



“พุดดิ้ง”



เขาหันมาส่งยิ้มให้ผม เอ่ยถามถึงยี่ห้อพุดดิ้งที่ผมชอบเพื่อยืนยันคำตอบ ก่อนกดโทรศัพท์หาคนของเขา



“พี่ฟ้า”



“ครับ?”



“คิดถึงเตยไหม”



“คิดถึงสิ”



“...”



“ทำไมหรือครับ อยากได้อะไรอีก หืม”



“กอดเตยไหม”



ตั้งแต่ที่ผมตื่นมาวันนี้ ผมเห็นใบหน้าของค้างฟ้าประดับด้วยรอยยิ้มจางๆ เสมอ ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขายิ้ม และกระตุกยิ้มมากขึ้นเพื่อตอบรับกับคำขอของผม



“ไม่กินพุดดิ้งแล้วเหรอ”



“ไว้กินทีหลัง...หลังกินค้างฟ้า”



เขาหัวเราะในลำคอ ขยับมากอดผมไว้แนบแน่นสนิทจนเราทั้งคู่จมลงไปในเตียงนุ่ม หัวใจผมเริ่มเต้นระส่ำเมื่อเห็นเขาคร่อมอยู่บนร่างตัวเอง



ผมอยากจะเกลียดเขาจริงๆ อยากจะเกลียดใบหน้าของเขา น้ำเสียงของเขา กลิ่นของเขา การกระทำของเขา และสัมผัสของเขา แต่ทั้งหมดของค้างฟ้า ผมชอบมัน



ผมเสพย์ติดเขา



นั่นคือสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด



ผมปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด ในขณะเดียวกันค้างฟ้าก็จับปลายคางผมเชิดขึ้นให้รับจุมพิตของเขา ผมจูบเขากลับ ปลดกระดุมจนเม็ดสุดท้าย เสื้อเชิร์ตตัวบางแหวกออกให้อีกฝ่ายลูบจับผิวเนื้อข้างใน



เขาถอดเสื้อผมอย่างง่ายดาย ร่างกายของผมเปลือยเปล่า ถูกจับกดแนบกับเตียงใหญ่ ไม่ให้ดิ้นหนีไปไหน ไม่ช้า เขาก็พันธนาการร่างผมไว้โดยสมบูรณ์ อีกมือเปิดลิ้นชักข้างเตียง หยิบอุปกรณ์ร่วมรัก



ส่วนผมแยกขาสองข้างออก พร้อมรับตัวตนของเขา



ค้างฟ้าเริ่มจูบผมอีกครั้ง ครานี้นิ้วมือเรียวสวยของเขาขยับเข้าไปสำรวจภายในตัวผมอย่างช่ำชอง เขารู้จักร่างกายผมทุกซอกทุกมุม รู้ว่าตรงไหนคือจุดที่จะทำให้ผมอ่อนระทวย รู้ดีเสียยิ่งกว่าตัวผมเอง



อารมณ์ของผมเข้าสู่จุดร้อนระอุอีกครั้ง เหงื่อกาฬไหลย้อยจากขมับสู่ปลายคาง ส่วนสะโพกขยับโยก หวังให้เขาเลิกใช้นิ้วแล้วเอาอย่างอื่นเข้ามาเสียที แต่ค้างฟ้าก็ยังคงหยอกล้อผมอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานกว่าปกติจนทรมาน



“พี่ฟ้า...”



ผมเรียกชื่อเขา ร้องหาตัวตนของเขา ส่งสายตาอ้อนวอนให้เขา ค้างฟ้ารับรู้ทุกการกระทำของผม



เขายกยิ้ม หัวเราะขำเสียงเจือจาง ถอนนิ้วออกจากตัวผม เปลี่ยนเป็นละเลงเล่นส่วนปลายที่ตั้งชูชัน ผมกรีดร้อง ทรมานจนน้ำตาไหล อยากให้เขารีบพาผมไปยังฝั่งฝันเหมือนที่ผ่านมาเสียที



เขาบีบส่วนปลาย หยอกล้อ ไม่ทำตามคำขอร้อง



“ไม่ไหวแล้วหรือ”



ผมส่ายหน้า ไม่ไหว พร่ำร้องเรียกชื่อของเขาไม่หยุด



“พี่ฟ้า...พี่ฟ้า...”



“เด็กน้อย”



“ค้างฟ้า...”



ผมอยู่ใต้พันธนาการของเขาอย่างสมบูรณ์ ไม่สามารถดิ้นรนขัดขืน คล้ายสัตว์ที่ติดกับดักนายพราน



เขาก้มจูบลงที่หน้าผาก อ่อนโยนและแผ่วเบา สองมือรั้งรูดจนผมทะยานขึ้นสู่ฝั่งฝัน สะโพกแอ่นขึ้น ปลายเท้าจิกเกร็ง ความรู้สึกยอดเยี่ยมถาโถมเข้ามาอาบร่างกายของผมที่สั่นสะท้าน



“พี่ฟ้า...เข้ามา...”



ถ้าหากเขาเป็นนายพรานที่ดักจับสัตว์ร้ายแล้วล่ะก็...ผมคงเป็นสัตว์พิเศษ ที่เอ่ยคำสั่งกับเจ้านายได้



เขายินยอมทำตามคำขอที่คล้ายจะเป็นคำสั่ง ผสานเข้ามา รวมสองร่างเป็นหนึ่งเดียวกัน








หลังจากหลับไปอีกตื่น สิ่งที่ผมพอใจมากที่สุดก็คือเห็นค้างฟ้านอนชันตัวพิงหัวเตียงอยู่ข้างกาย เขาสูบบุหรี่ ปล่อยควันดำออกมาจากปาก เหม่อมองจนมันลอยเจือจาง ยกมือสูบมวนบุหรี่อีกครั้ง และเขาก็หันมาสบตากับผม



ค้างฟ้ายกยิ้ม



พ่นควันออกช้าๆ พร้อมกับขยับตัวมาประกบจูบ



จูบรสควันบุหรี่ทำให้ผมร้อนแผดอยู่ในอก



ผมเคลื่อนตัวไปนั่งคร่อมเขา แลกรสจูบ บดเบียดลิ้นร้อนไล่ชิมน้ำหวานในโพรงปากของอย่างตะกละตะกราม จุมพิตแสนหวานจบลงตรงที่เขาดูดริมฝีปากล่างของผมเป็นการปิดท้าย



“พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง”



“แปดโมง” ผมบอก ซบใบหน้าลงที่ซอกคอเขา ผมเรียนเช้าแทบทุกวัน และคิดว่าเขาคงรู้ เพียงแค่ถามเพื่อยุติอารมณ์ปรารถนาที่กำลังจะเกิดขึ้นเฉยๆ



“เดี๋ยวพี่ไปส่ง”



ผมพยักหน้า ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดเขา ปกติค้างฟ้ามักจะให้ผมไปเรียนพร้อมเน็ต ป้องกันไม่ให้ผมหล่นหายกลางทาง ครั้งนี้ก็ไม่ได้ต่างกัน



“พี่ฟ้าจะไปทำงานหลายๆ วันอีกไหม...”



“ไม่ไปแล้ว”



“จริงหรือ”



“อืม อยู่กับเตย...ไม่ดีเหรอ”



“แล้วไม่ไปอยู่กับคุณเอมเหรอ”



“...”



เขาไม่ตอบ กดจูบลงมาที่หน้าผากของผมหนึ่งครั้ง แทนการยุติบทสนทนา



ผมขยับกอดเอวเขาแน่นขึ้น รู้แก่ใจว่าเขามีใครอยู่แล้ว ไม่คิดจะเป็นเจ้าของ ไม่คิดจะผูกสัมพันธ์ ไม่คิดจะมอบความรู้สึก แต่ห้ามหัวใจไม่ให้เต้นระรัวเวลาอยู่กับเขาไม่ได้สักที



ผมจะไม่ชอบเขา ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้ชอบผม



แต่เพื่อตัวผมเอง



ผมจะไม่ยอมให้ตัวเองตกอยู่ในวังวนของความเน่าเฟะ



ความรักมันงี่เง่าและน่าสะอิดสะเอียนสิ้นดี







#น้ำค้างฟ้าขุ่น





หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 5 - |26.10.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 26-10-2018 17:19:25
เตยมีเรื่องฝั่งใจอะไรกับกลางคืนเนี่ยแล้วคุณเอมคือใครอี๊กก  :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 5 - |26.10.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 26-10-2018 18:33:16
คุณเอม แค่แฟน หรือ ภรรยา
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 5 - |26.10.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-10-2018 21:54:24
ปวดใจ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 5 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 01-12-2018 22:44:32
6: Dandelion



รถยนต์คันหรูแล่นจอดหน้าตึกเรียน ค้างฟ้าทำตามคำพูด มาส่งผมตรงตามเวลา เน็ตนั่งมาด้วยและพอมาถึงที่หมาย เขาก็ลงจากรถอย่างรู้งาน ผมหันไปหาสารถีในวันนี้ ยกยิ้มให้เขา ไม่รอให้เขาส่งยิ้มกลับมา ผมขยับตัวเคลื่อนหาเพื่อประกบจูบ สอดลิ้นเข้าไป ค้างฟ้าจูบตอบอย่างไม่คิดห้าม



ในรถหรูติดฟิลม์ดำ ข้างในเปิดแอร์เย็นฉ่ำทว่าอุณหภูมิของเรากลับร้อนสูง ร่างกายร้อนผ่าว



ละเลงเล่นน้ำหวานอีกสักพักผมจึงเป็นฝ่ายถอนจูบออก



“เดี๋ยวสาย”



บอกเหตุผลให้เขาฟัง ยกยิ้ม ขยับตัวเปิดประตูออกจากรถ



“เดี๋ยวตอนเย็นพี่มารับ”



ผมพยักหน้า ปิดประตู เห็นเน็ตยืนรออยู่ไม่ไกล พอผมเดินเข้าไปหา เขาก็เดินนำขึ้นตึกเรียนไป



เป็นในรอบหลายวันที่ผมมาเรียนอย่างมีความสุข ...คิดว่าอย่างนั้นนะ อย่างน้อยตอนนี้ผมก็ยิ้มไม่หุบ



ค้างฟ้าไม่ได้มาส่งผมไปเรียนมาปีกว่าแล้ว อันที่จริงมันไม่ได้สำคัญอะไร แต่พอเขากลับมาทำเหมือนเดิมมันทำให้ผมรู้สึกว่าความรู้สึกตัวเองได้เติมเต็ม



ไม่ได้เพราะชอบหรืออะไร



เพราะคิดว่าเขาจะไม่ไปไหนแล้วต่างหาก



เนื้อหาระหว่างคาบเรียนช่างไร้สาระเมื่อเทียบกับรอเวลาเลิกเรียน รอเจอเขาอีกครั้ง ทั้งวันผมมีแต่ค้างฟ้าอยู่ในหัว จนแทบคลั่ง สุดท้าย ผมเรียกเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่แอบออกมาสูบบุหรี่นอกห้องเรียน พาเขาไปยังห้องน้ำชั้นบนสุด ที่ซึ่งไร้คนใช้งาน ลงกลอนล็อกไว้ไม่ให้ใครเข้ามาขัดจังหวะ



กระหน่ำความคิดถึงที่มีต่อค้างฟ้าใส่ไอ้หมอนี่อย่างเต็มที่ เราร่วมรักกันในห้องน้ำเหม็นอับ



ผมไม่มีปัญหากับพื้นที่สกปรก กลับกันด้วยซ้ำ ในสถานที่แบบนี้ ทำให้ผมนึกถึงครั้งแรกที่ได้เจอค้างฟ้า



กามอารมณ์เปลี่ยนจากคุกรุ่นเป็นร้อนรุ่ม ผมปล่อยให้เขาพาตัวตนของเขาเข้ามาในร่าง สอดกระแทกซ้ำๆ จนเราปลดปล่อยไปสู่ฝั่งฝัน



จากนั้นก็พร้อมกลับเข้าห้องเรียนราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น



ผมปล่อยให้หมอนั่นออกไปก่อน จัดการทำธุระของตัวเองจนเสร็จสิ้นถึงได้ออกตามไปทีหลัง



ระหว่างทางเดิน ผมเดินสวนรุ่นน้องคนนั้น...คนเดียวกับที่ค้างฟ้าบุกเข้าห้องเขา สีหน้าของเขาอึมครึมลงทันทีที่เห็นหน้าผม ผมสบตาผ่านเขาไปแวบเดียว ก่อนจะถูกคว้าไว้ไม่ให้เดินต่อ



“พี่เตย”



“อะไร”



เขาทำหน้าลังเล แต่สุดท้ายก็พูดออกมา “พี่ทำแบบนี้กับผมทำไม”



“ทำอะไร”



“มีอะไรกับผม ทั้งๆ ที่พี่มีคนอื่นอยู่แล้ว”



“อย่าห่วงเลย...เธอไม่ใช่คนแรกหรอกที่เตยทำแบบนี้ด้วย”



“พี่เตย!”



เขาขึ้นเสียง ราวกับว่ามันจะข่มขู่ผมได้ ผมหงุดหงิดที่ต้องมาเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง รุ่นน้องคนนี้ ชื่ออะไรผมยังจำไม่ได้เลย



ผมสะบัดข้อมือที่ถูกเขาพันธนาการไว้ ตั้งท่าจะเดินออกห่าง แต่ครานี้กลับถูกอีกฝ่ายรั้งไว้ด้วยคำพูด



“ผมชอบพี่”



ที่น่าสะอิดสะเอียน



“เตยเกลียดคำนั้น” ผมบอกเขา มองแววตาที่อ่อนลงคล้ายจะมีน้ำใสรื้นในดวงตา ผมกล่าวต่อ “น่าขยะแขยงออก”



พร้อมกับเดินจากเขาไปโดยไม่หันกลับไปมองอีก รู้สึกอยากอาเจียนให้กับคำพูดของเขา พยายามปัดเรื่องนี้ให้ออกจากหัว ปั้นหน้าให้เป็นปกติ



ผมพักหายใจเล็กน้อยก่อนเข้าห้องเรียน เพื่อนร่วมห้องคนนั้นกลับมาถึงก่อนนานแล้ว และคงไม่มีใครรู้ความลับของเรา...



แต่เน็ตคงรู้ เขาหันมามองผมนานกว่าปกติ ดันแว่น แล้วหันกลับไป คงเตรียมตัวฟ้องค้างฟ้าแล้วแน่ๆ แต่แล้วไง ถ้าเขารู้แล้วจะขังผมแบบวันนั้นอีกหรือ คงไม่แล้ว ผมนั่งนึก พยายามสลัดเรื่องราวน่ารังเกียจก่อนหน้าทิ้ง คิดถึงใบหน้าของค้างฟ้าแทน คงจะดีแน่ๆ ถ้าเขาจะลงโทษผมแบบรุนแรงเหมือนแต่ก่อน



บทลงโทษที่ทำให้ผมหลอมละลายบนเตียง



คิดแล้วก็อดตื่นเต้นไม่ได้ อยากกลับไปให้เขากอดจะแย่










“วันนี้เตยตั้งใจเรียนมากเลย ทำควิซในห้องได้ด้วย”



“อืม”



“พี่ฟ้ามีรางวัลให้เตยไหม”



“เตยอยากได้อะไรล่ะ”



“...เน็ตฟ้องอะไรใช่มั้ย”



ผมว่า เอียงคอมองเสี้ยวหน้าค้างฟ้าที่ไม่มีรอยยิ้มประดับ ราวกับกำลังหงุดหงิด ไม่สนใจเรื่องเล่าของผมเหมือนทุกที



“แล้วเราไปทำอะไรมาล่ะ”



ผมยิ้ม ดีใจที่ได้พยศใส่เขา



“เตยแค่คิดถึงพี่ฟ้า”



ว่าพร้อมขยับเข้าไปโน้มคอเขาให้รับรสจูบของตัวเอง เขาจูบกลับ แต่ไร้อารมณ์



น่าเบื่อ



ผมถอนริมฝีปากออก



“พี่ฟ้าไม่โกรธเตยเหรอ”



“โกรธ”



“แล้วทำไมไม่ลงโทษ...แรงๆ”



เขาถอนหายใจ ขยับมือดันเกียร์รถเดินหน้าพาหนะสี่ล้อ ขับออกไป



ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง คิดว่าถ้าเขารู้เรื่องที่ผมแอบไปมีอะไรกับเพื่อนร่วมคลาสแล้วเขาคงโมโห จับผมกลืนทั้งตัวแบบทุกที ไม่ใช่การนั่งเงียบทำหน้าบึ้งตึงแบบนี้



“เน็ตไม่น่าไปฟ้องพี่ฟ้าเลย”



ผมบอกคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หลังรถ เน็ตนั่งนิ่งราวกับเป็นแค่วัตถุชิ้นหนึ่ง เขาเงยหน้ามาสบตากับผมด้วยแววตาเฉยชาเพียงครู่เดียว ก่อนก้มอ่านหนังสือในมือต่อไป ไม่ได้พูดอะไร



ผมถอนหายใจ หงุดหงิดกว่าเดิม



หงุดหงิดที่อะไรไม่เป็นไปตามใจ



ค้างฟ้าขับรถมาหยุดที่จุดรับส่งใต้คอนโด เขาเอ่ยคำสั่งให้ผมลงจากรถ เมื่อสองขาแตะพื้น สองมือใหญ่ของเขาคว้าผมเข้าคอนโดไป ทิ้งให้เน็ตนำรถที่ยังไม่ถูกดับเครื่องไปยังที่จอด ส่วนพวกเราก็ตรงขึ้นห้อง



ห้องค้างฟ้ากลับสภาพมาเป็นดังเดิมอย่างรวดเร็ว ผมไม่ทันได้สังเกตอะไรมากมายก็ถูกเขาโยนลงเตียง กระชากเสื้อผ้าขาดคามือ



 “อยากให้ทำอย่างนี้ใช่ไหม”



ผมกระตุกยิ้ม เมื่อบทลงโทษที่แสนหอมหวานกำลังรอคอยอยู่ตามหวัง



ผมคว้าเขาเข้ามาบดจูบ เริ่มต้นที่จะตกลงไปในไฟร้อนแผดเผา



น่าเสียดายจังหวะรุ่มร้อนที่ค้างฟ้ามอบให้แค่เพียงตอนแรก ช่วงหลังมาเขาปรับจังหวะให้ช้าลง ค่อยๆ ขยับเนิบนาบ ประคองร่างผมคล้ายกลัวมันจะแตกสลาย



ผมไม่พอใจ ไม่ชอบสัมผัสอ่อนโยน คร่ำครวญขอร้องให้เขาอย่าได้ใจดี



แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ตอบรับคำร้องขอ



ไม่รู้ว่านี่เป็นความใจดีหรือใจร้ายของเขากันแน่ แต่สำหรับผม เขาใจร้าย



ค้างฟ้ารวบตัวผมไว้ในอ้อมแขน หัวเราะขำให้กับคำบ่นของผมพร้อมกับลูบหัวเบาๆ ไล่ไปจนถึงต้นคอที่มีรอยสักที่เป็นชื่อของเขา นิ้วเรียวเกลี่ยมันซ้ำๆ คลึงชื่อตัวเองที่ผนึกบนผิวเนื้อของผมช้าๆ



“เตยไม่ชอบแบบนี้” ผมบอกเขา รอบที่หลายร้อย แต่ก็ไม่สามารถปัดมือเขาออกไปจากต้นคอได้



เขาถอนมือออก ก้มจูบแทนที่สัมผัสเดิม



“เตยของพี่”



“พี่ฟ้า...ใจร้าย”



“เตยก็ใจร้าย...”



“ตรงไหนกัน”



“ถ้าเตยไม่ชอบให้พี่ทำเบาๆ พี่ก็ไม่ชอบให้เตยทำกับคนอื่น”



“ทำไมล่ะ” ผมถาม ขยับมือไปกุมมือของเขา ลูบไล้วงแหวนของค้างฟ้าที่สวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย สัญลักษณ์ที่บอกว่าเขาไม่ใช่ของผม



ค้างฟ้าไม่ตอบ ชักมือหนี กอดผมแรงขึ้น



“เตยไม่อยากรู้เหตุผลหรอก”



“...”



ผมพยายามนึกความคิดในหัวเขา แต่นึกไม่ออก ได้แต่ฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอย่างสงบ จังหวะหัวใจที่เพราะกว่าเสียงเพลงไหนๆ ผ่อนคลายจนเคลิ้ม



“ไม่ชอบแบบนี้เลย...” ผมว่า แต่ยังคงนอนนิ่งให้เขาลูบหัว



“ไม่ต้องกังวลหรอก” เขาบอก “ยังไงพี่ก็มีเอม”



“...นั่นสินะ”



สิ้นประโยค ผมปิดตาลง ด่ำดิ่งในความมืด









ช่วงนี้ค้างฟ้ามาส่งผมทุกวัน มันก็ดีที่ได้อยู่กับเขานานๆ แต่อีกใจก็กลัว เขาไม่เคยทำดีกับผมนานขนาดนี้ มันแปลกไปจนน่ากลัว



“มองอะไร”



“พี่ฟ้าจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่”



“ก็เรื่อยๆ จนกว่าเตยจะเรียนจบมั้ง...ไม่ดีเหรอ?”



“ไม่รู้ มันแปลก”



“อย่าคิดมากเลย”



เขาว่า ยกยิ้มมุมปากบางเบา หันหน้าตรง ตั้งหน้าขับรถต่อไปจนถึงที่หมาย ไม่ว่าเขาจะมีเป้าหมายอะไร แต่ต่อจากนี้ผมคงต้องระวังตัวให้มากขึ้น



คนใจดีมักใจร้าย



“เน็ตว่า...” ผมตั้งท่าจะเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งข้าง แต่ก็ตัดสินใจเงียบเสียก่อน



“อะไร”



“ไม่มีอะไร”



คิดว่าไม่ถามเขาดีกว่า เดี๋ยวเน็ตเอาไปบอกค้างฟ้าอีก ช่วงนี้เขาดูแปลก ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าตัวเองคิดอะไร จะว่ากลัวก็ได้



ค้างฟ้าน่ะน่ากลัว



เน็ตไม่เซ้าซี้ ตั้งหน้าตั้งตาจดเลคเชอร์เมื่ออาจารย์เข้าห้อง ทำตัวเป็นเด็กเรียนอย่างทุกที ส่วนผมไม่ทำอะไรนอกจากนั่งเหม่อไปเรื่อยๆ ผมรู้ว่าเน็ตจดให้ผมแล้ว และเนื้อหาในคาบนี้ก็ค่อนข้างน่าเบื่อ



พอว่างๆ ก็เลยหยิบโทรศัพท์มาคุยกับหยก



ป่วนเขาในเครื่องมือสื่อสารจนเขาไม่ตอบกลับ เดาว่าหยกคงรำคาญ ผมหัวเราะในลำคอ หยกเป็นคนเดียวที่ผมยังติดต่ออยู่ เป็นคนเดียวที่ผมคุยได้นาน ผมชอบนิสัยหยก ชอบที่เขาแสดงอะไรออกมาตามความคิด ชอบคือชอบ เกลียดคือเกลียด ไม่มีลับลมคมใน อีกอย่างคือหน้าตาเขาน่ารักน่าชัง ทำอะไรก็ไม่อยากโกรธ



ผิดจากค้างฟ้า ผมไม่ค่อยรู้ว่าเขาคิดอะไร แม้จะอยู่กับเขามานานก็ตาม



อารมณ์ค้างฟ้าแปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย บางทีก็ตามไม่ค่อยทัน แต่ผมเชื่อว่าถ้ายิ้มให้เขาแล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี



ช่วงนี้เขาไม่ค่อยออกไปไหน ผมเลยออดอ้อนได้เต็มคราบ กอดของเขาทำให้ผมได้เติมเต็ม และหวังว่าเขาจะยอมทำตามใจผมแบบนี้ไปเรื่อยๆ



แต่อย่างว่า ค้างฟ้าไม่ใช่คนที่จะยอมใคร เมื่อวันนี้เขาไม่กอดผมเหมือนทุกที



“ทำไมไม่กอด”



“กอดอยู่นี่ไง”



“พี่ฟ้าก็รู้ว่าเตยไม่ได้ถึงกอดแบบนี้”



“กอดแบบนี้ไม่ดีตรงไหน”



เขาไม่รอให้ผมตอบ จับผมซุกเข้าไปในอ้อมแขนมากกว่าเดิม ลูบหลังคล้ายกอดกล่อมเด็กน้อย ไล่ขึ้นมาลูบต้นคอที่สลักชื่อเขาไว้ด้วยสัมผัสแผ่วเบา



“นอนเถอะ”



“...พี่ฟ้าก็รู้ว่าเตยไม่ชอบแบบนี้”



“...”



“ทำแบบนี้เดี๋ยวเตยกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนนะ”



“พี่ไม่ให้เตยไปนอนกับใครหรอก”



“งั้นก็กอดเตย”



“กอดอยู่”



“พี่ฟ้า เตยไม่ต้องการแบบนี้”



“ไม่ดีตรงไหน พักสักวันจะเป็นไรไป” เขาว่า จูบลงกลางกระหม่อมจนผมสะดุ้ง มันไม่ชิน...ไม่ชินเอามากๆ



ปกติเราไม่ค่อยนอนกอดกันเฉยๆ นานๆ เท่าไหร่ เขาไม่ค่อยได้อยู่กับผมบ่อยนัก และเมื่อได้อยู่ด้วยกัน ส่วนใหญ่ผมจะป่วนเขาได้สำเร็จ



แต่อย่างที่บอกว่าค้างฟ้าน่ะเดาอะไรไม่ได้



เขากระชับอ้อมกอด กักขังไม่ให้ผมขยับตัวหนีไปไหน มืออีกข้างลูบหัวผมอย่างแผ่วเบา สัมผัสอ่อนโยนจนน่าขนลุก



“ถ้ายังไม่นอนอีกจะจุ๊บนะ”



เป็นคำขู่ที่ฟังดูปัญญาอ่อน ไร้ซึ่งความน่าเกรงขาม แต่ผมกลัว



เลยยอมนอนข่มตานิ่งเพื่อไม่ให้เขาทำตัวอ่อนโยนไปมากกว่านี้



ผมกลัวหัวใจตัวเองจะลอยไปเหมือนดอกแดนดิไลออน โดนสายลมพัดไปอย่างไม่หวนกลับ พยายามบังคับหัวใจใส่โซ่ล่ามไว้ ไม่ให้มันลอยไปไหน แต่ไม่สามารถบังคับให้มันไม่เต้นแรงไม่ได้เลย



ท่ามกลางความเงียบสงัด มีเพียงเสียงหัวใจผมที่ร้องดังลั่น



และผมหวังว่ามันจะเป็นหัวใจดวงเดียวในห้องที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง










หายไปเพราะเครียดค่ะ เขียนไม่ออก 555555

แต่ยังเขียนอยู่นะะ ตั้งใจจะเขียนให้จบ แต่อาจจะช้าสักหน่อย ขอโทษด้วยนะคะ

ไม่รู้ทำไมจู่ๆ มันมาดราม่าได้ขนาดนี้ 5555

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามมากๆ ค่ะ TvT



#น้ำค้างฟ้าขุ่น
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-12-2018 07:38:19
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: yodyahyee ที่ 03-12-2018 16:02:17
ปมมันเยอะจัง แถมไม่แง้มมาเลยซักนิด แต่ชอบๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 05-12-2018 07:52:19
เป็นกำลังใจให้นะคะ ปมเยอะมากเลยค่ะ ฮื่ออ กลัวแล้ว
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-12-2018 09:41:30
รู้สึกพีคขึ้นเรื่อยๆ เลยค่ะ
คู่นี้เค้าเจอกันยังไง แล้วที่ผ่านมาเตยใช้ชีวิตแบบไหน
ค้างฟ้ามีครอบครัวแล้วใช่ไหม แล้วทำไมยังมาทำแบบนี้

เตยแค่ไม่อยากรัก แต่ไม่ใช่ไม่รัก รักมากเกินไปด้วยซ้ำ
สภาพจิตใจเตยคือย่ำแย่มากนะ ร้องขอความมีตัวตนจากอีกคน

แต่เตยใช้ชีวิตน่ากลัวเกินไปแล้ว จะเพื่ออะไรก็เหอะ
คนเรามีวันพลาดได้เสมอ กลัวเตยจะพลาดสักวัน

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: lizzii ที่ 05-12-2018 09:46:38
แปลกไปหมด
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: benji ที่ 08-12-2018 08:46:46
ค่ะ คิดอะไรไม่ออกเหมือนเดิมค่ะ ปมยังคงขมวดแน่นเช่นเคย รอตอนต่อไปค่ะ นานก็รอไหวค่ะ สู้ๆๆนะคะคนเขียน
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: kawisara ที่ 08-12-2018 11:46:03
ถ้าฟ้าคู่กับเตยจะดูพอดีมากๆ

ส่วนเตยก็ให้ไปหาหมอรักษาหรือไม่ก็ห้องรับบริการฟรีเซ็กไปเลย
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 6 - |1.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 10-12-2018 00:21:17
  :pig4:  ดูมีปมที่ทับซ้อนกันไปหมด ทั้งพี่ฟ้าทั้งเตย เผลอๆป่วยทั้งคู่อ่ะ ไม่มีใครปกติ  :ruready
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 7 - |20.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 20-12-2018 00:02:13
7: Dusk



เสียงหวีดร้องดังขึ้นในความมืด เสียงเล็กแหลมฟังดูคุ้นหูและคุ้นเคย เสียงขอร้องอ้อนวอนอย่างไร้ศักดิ์ศรี ถ้อยคำที่ผมจำมันได้ขึ้นใจก่อนจะเรียนรู้ว่าโลกนี้ช่างเน่าเฟะ



ผมเปิดเปลือกตา จ้องเขม็งในความมืด



เสียงแหลมหายไปแล้ว อันที่จริงมันไม่ได้หายไปไหน หวีดร้องอยู่ในความฝันทุกวัน



เสียงของผม



ในห้องมีเพียงความมืดและความเงียบ มีเสียงเครื่องปรับอากาศดังแผ่วแต่มันก็เงียจนได้ยินเสียงหายใจตัวเอง ผมกวาดสายตามองรอบห้องในความมืด



ขยับตัวกวาดมือไปยังเตียงฝั่งข้างๆ



ทันทีที่ปลายนิ้วมือผมสัมผัสถึงไออุ่นของร่างกายใครสักคน ผมพลันโล่งใจ ในหัวเรียบเรียงความคิดอยู่สักพักก่อนจะนึกได้ว่าคนข้างกายผมคือค้างฟ้า ผมขยับยิ้ม



กอดแผ่นหลังเขาไว้



ค้างฟ้าปลุกผมตอนสาย วันนี้เป็นวันหยุด ผมไม่มีเรียนและเขาก็ไม่ต้องทำหน้าที่ไปส่งผมให้น่าขนลุก



แต่ที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้ก็น่าขนลุก ค้างฟ้ากินข้าวเช้าพร้อมกับผม... ใช่ว่าไม่เคยทำแบบนี้ แต่ไม่ได้ทำมานานแล้วต่างหาก ในเวลาธรรมดาแบบนี้ ผมเคยชินกับการไม่มีเขามากกว่า



“มองอะไร”



ค้างฟ้าถามพร้อมกับหัวเราะหึๆ เมื่อเห็นผมจ้องเขาสลับกับอาหารในจาน



“เปล่า”



เขาไม่คะยั้นคะยอเอ่ยถามอะไรอีก เรานั่งกินข้าวเงียบๆ ด้วยบรรยากาศประหลาด และเมื่อข้าวคำสุดท้ายถูกผมตักเข้าปาก ค้างฟ้าก็เอ่ย



“วันนี้วันหยุด...พี่ว่าจะไป...”



ผมรู้คำในช่องว่างแทบทันที “บ้านคุณเอม?”



“...ประมาณนั้น”



“อาจจะไม่กลับด้วยใช่ไหม”



“ไม่หรอก จะกลับมา”



ผมไม่หวังแล้วกันนะ นึกคิดในใจแต่ไม่ได้พูดออกไป ทำเพียงพยักหน้ารับรู้



“เตยอยากไปไหนมั้ย”



“ไม่เป็นไร มีงานต้องทำ” ผมบอกเขา มีงานเยอะจริงๆ เสียแต่ส่วนใหญ่เน็ตเป็นคนทำให้เวลาผมเถลไถล หากแต่ครั้งนี้ผมควรพึ่งพาตัวเองเสียบ้าง



ไม่ช้าค้างฟ้าก็ออกจากห้องไป



ผมจมอยู่กับความเงียบได้ไม่นานก็เปิดเพลงจากเพลย์ลิสต์ที่ค้างฟ้าทำไว้ให้ ส่วนใหญ่ผมมักไม่ค่อยอยู่ห้องทำอะไรแบบนี้นัก เพียงแค่...ช่วงนี้ค้างฟ้าทำดีกับผม ก็เลยอยากทำตัวว่าง่ายกับเขาบ้าง



รู้ทั้งรู้ว่าความใจดีของเขามันจอมปลอม



ไม่มีใครใจดีกับผมได้ตลอดไป คนใจดีไม่มีในโลก



มีแต่คนใจร้ายและใจร้ายกว่าก็เท่านั้น



รู้ทั้งรู้ แต่ยังแอบคาดหวัง



ผมสะดุ้งตื่นมากลางดึก ด้วยเสียงกรีดร้องที่ดังลั่นในฝัน ทำตามสัญชาตญาณเดิม ยกมือควานหาคนข้างกาย



ว่างเปล่า ไม่มีร่างของใครนอนอยู่



การที่ผมไม่เจอเขาในห้องนอนหลังจากตื่นนอนไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ แต่พอเขาอยู่กับผมนานๆ จนเริ่มชิน มาวันนี้จู่ๆ เขาก็หายไปเลยทำให้ผมสะกิดใจเล็กน้อย แต่ไม่ได้คิดว่ามันแปลก



แต่ไหนแต่ไรก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว



ผมถอนหายใจ



หลังจากที่สะดุ้งตื่น ผมก็ไม่ได้หลับต่อ จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้น เป็นรุ่งเช้าที่เงียบเหงา



วันนี้ดูท่าต้องไปเรียนกับเน็ตเหมือนเคย



ผมไม่ควรเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ อย่างไรเสียค้างฟ้าก็ไม่เคยรักษาคำพูดได้อยู่แล้ว แต่ลึกๆ ในใจก็แอบหัวเสียอยู่หน่อยๆ ทำไงได้ ผมอยากอยู่กับเขานี่



อย่างน้อยก็ดีแล้วที่เขาไม่ล่ามผมไว้เหมือนครั้งก่อน



หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ เน็ตก็รอรับผมอยู่หน้าห้อง ก่อนที่เราจะไปมหาลัยด้วยกัน



นับจากวันนั้น ค้างฟ้าก็หายไปเกือบครบอาทิตย์แล้ว ผมรอเขากลับห้องคืนแล้วคืนเล่า นั่งคุยกับความเงียบจนจะเป็นบ้า นอนไม่หลับโต้รุ่งอยู่หลายคืน มีบางคืนที่หมดสติหลับไป แต่ก็ใช่ว่าจะได้นอนเต็มอิ่ม



ไม่มีค้างฟ้า ไม่มีเซ็กซ์ ยังไงผมก็นอนไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ



คืนนี้ผมจึงตั้งใจไม่กลับไปรอเขาอีกแล้ว นั่งรถตรงไปยังที่อยู่ที่คุ้นเคย รอให้หยกลงมารับขึ้นห้อง ตัดสินใจกกกอดร่างเล็กไว้คลายเหงา



หยกยอมเล่นกับผม แต่ก็แค่ครู่เดียว พอผมและเขาต่างปลดปล่อยเสร็จ เขาก็ล้มตัวนอนทันที ปฏิเสธจะต่ออีกรอบจนผมขยับตัวเข้าไปกอดเขา ล้วงมือไล้ผ่านผ้าห่ม



“พอแล้วเตย”



ผมคงมาหาเขาบ่อยจนหยกยอมเรียกชื่อผมแทนคำว่าคุณแล้ว มันทำให้ผมรู้สึกดีที่มีคนเรียกชื่อ



“อีกนิดนึงนะ”



“พอแล้ว ผมง่วง”



ผมที่ปัดป่ายไปทั่งตัวหยกต้องชะงัก เพราะร่างเล็กขยับหนีใส่พร้อมที่จะไม่ใส่ใจในสัมผัสใดๆ ของผมอีก โถ่ หยกใจร้ายจัง เมื่อสะกิดไปกี่รอบก็ไม่ได้ผล ผมเลยยอมนอนเฉยๆ คว้าเขามากอด ข่มตาให้หลับแทน



พอลืมตาตื่นมาก็ไม่พบใครในห้อง หยกคงออกไปแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ผมผิดหวังที่คืนนี้ค้างฟ้าไม่ได้มาทวงผมกลับเหมือนคืนก่อน ทั้งพอผมกลับไปเขาก็ไม่โผล่หน้ามาที่คอนโดยามเช้า ไหนบอกว่าจะไปส่งผมทุกวันไง...



ผมจะเอาอะไรกับคำพูดลมปากของเขา



สมองผมควรสั่งให้ตัวเองชินได้แล้ว แต่ยังปวดใจทุกครั้งเมื่อคิดถึงคำพูดที่ไม่เป็นจริง มันน่ารำคาญที่พอหัวใจผมมันปวดแปลบๆ สมองเลยสั่งการให้คิดถึงเรื่องนี้วนไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า



หงุดหงิด น่าโมโห ผมโกรธตัวเองที่เอาแต่คิดถึงเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า



เขาจะไปไหนผมไม่เกี่ยว คำสัญญาของเรามีไม่กี่ข้อเท่านั้น และข้อสำคัญคือผมต้องรออยู่ที่ห้องเขาทุกคืนที่เขาจะกลับมา และทุกคืนที่เขาจะกลับมา เขาจะต้องกอดผม แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เป็นหลายคืนแล้วที่ผมเฝ้ารอเขาในวันที่เขาบอกจะมา หากคว้าไขว่ได้แต่ความว่างเปล่า



แน่นอนว่าพอเขาผิดสัญญา ผมก็เลิกสนใจคำพูดของเขา ทำตัวแหกกฎคืนใส่เขาบ้าง ค้างฟ้าดูไม่ค่อยพอใจนักหรอก แต่เขาเองก็ทำตามคำพูดไม่ได้



ทำไม่ได้แล้วจะพูดทำไม จะปล่อยให้ผมอยู่กับคำลวงไปถึงเมื่อไหร่



ผมไม่ชอบตัวเองที่รอเขาเป็นหมารอเจ้าของ แค่ปลอกคอที่เป็นชื่อเขาก็มากพอแล้ว



ผมเบื่อ ผมเกลียด คิดว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นแท้ๆ แต่ประสบการณ์สี่ปีที่อยู่ร่วมกันมา ก็ได้ให้คำตอบในวันนี้ว่าค้างฟ้าเองก็ไม่ได้ต่างจากคนพวกนั้น



ผมเสียใจ ผิดหวัง หงุดหงิด ผมไม่ใส่ใจการเรียนไปทั้งวัน เน็ตหันมาดุ แต่ผมไม่มีอารมณ์ไปเถียงเขา



ราวกับมีไฟร้อนน่ารำคาญลุกไหม้อยู่ในใจ ร้อนรุ่นจนคันยิบๆ ที่หน้าอก อยากจะอาเจียนเอามันออกมาให้หมดสิ้น ให้ความรู้สึกผมกลับมาเป็นปกติ



เป็นความรู้สึกแปลกหน้าที่ผมไม่ชอบใจ และไม่อยากทำความรู้จักมัน



หัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับคอนโดที่ไม่มีใครเช่นเดิม ผมยกโคมไฟฟาดกล้องวงจรปิดที่ค้างฟ้าเพิ่งติดใหม่จนมันพังอีกครั้ง เสียงโครมครามทำให้เน็ตเข้ามาดู



มองตาเขา “เตยจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว”



“ใจเย็นก่อน”



เขาเดินเข้ามา แต่ผมเย็นไม่ไหว มันบ้าอะไร ทำไมผมต้องทนอยู่กับชีวิตแบบนี้ตั้งหลายปี เขาไม่ใช่พระเจ้าที่มอบทุกความต้องการให้ผมอีกต่อไปแล้ว



เขาก็แค่คนเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ได้เรื่อง



เน็ตกำข้อมือผมไว้ ใช้อีกมือจับโคมไฟที่ผมถืออยู่ก่อนค่อยๆ นำมันออกจากมือผม



“ค้างฟ้าจะกลับมาวันไหน”



“...”



เน็ตหลบตา ไม่ตอบ



“งั้นเตยจะไป”



“จะไปไหน รออยู่เฉยๆ ไม่นานเขาก็กลับ”



“อีกนานแค่ไหน”



“...”



เน็ตให้คำตอบผมไม่ได้ ผมตั้งท่าจะออกจากห้องนี้



ทว่ามือใหญ่ดึงมือผมไว้ไม่ให้ก้าวออกจากกรงทอง สิ้นสุดความอดทน ผมสะบัดหน้าหันไปหาเขา พุ่งไปจูบเน็ตเบียดริมฝีปากของตัวเองเข้ากับของเขา พยายามใช้ลิ้นดันริมฝีปากอีกฝ่ายให้เผยอออก จนเขาผลักผมกระเด็น ล้มลงไปกองกับพื้น



เน็ตเช็ดปากตัวเอง สายตาใต้กรอบแว่นที่ฉายมาทำให้ผมไม่เข้าใจ เขาไม่พูดอะไรอีก เดินออกจากห้อง ปิดประตูขังผมไว้อีกครั้ง



ผมหลับตา...



นอนแผ่อยู่บนพื้นหินอ่อนเย็นเยียบ



พอกันที



“จะไปไหน”



พระอาทิตย์ตกดิน แสงสุดท้ายของวันหมดลงไปนานแล้ว ผมเปิดประตูห้องออก ตรงไปยังโถงลิฟท์ ก่อนโดนเสียงคุ้นเคยดังขัดขึ้นมา เสียงนั้นคงจะรั้งผมได้ถ้าหากว่าเขาเป็นค้างฟ้า ไม่ใช่เน็ต



“ไปหาหยก” ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบอะไรกลับมา ไม่รอคำอนุญาต เน็ตไม่ใช่เจ้านายผม แต่การบอกสถานที่จะทำให้เขายอมปล่อยผมออกไปง่ายขึ้น ผมเข้าไปในลิฟท์ กดชั้นล่างสุด เน็ตไม่ได้ตามออกมาและผมก็ขึ้นรถตรงไปหอหยกอย่างที่บอก



ในห้องหยกมืดสนิท เขาคงกำลังจะเข้านอน เสียแต่ผมมาขัดจังหวะ ความรู้สึกอึดอัดในใจต้องการระบายออก และสถานที่ที่ผมนึกถึงที่แรกก็คือที่นี่



“เป็นอะไรไป” เจ้าของเสียงน่ารักถาม ผมกอดเขาไว้ ซุกหน้าลงแผ่นหน้าอกเล็ก



“เหนื่อย”



“เรียนหนักเหรอ?”



“คิดว่าเป็นเรื่องนั้นจริงๆ น่ะเหรอ”



หยกหัวเราะเสียงใส เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ สัมผัสอ่อนโยนน่าโหยหาจนหายใจไม่คล่อง



“เจ้าของไปไหนล่ะ”



“ไม่รู้” ว่าพร้อมซุกหาเขามากกว่าเดิม



“งั้นคืนนี้กอดผมไปก่อน” ผมพยักหน้า กดเขาลงบนเตียง หยกส่งเสียงหัวเราะอีกครั้ง “ไม่ใช่กอดแบบนี้”



ผมทำหน้าไม่เข้าใจ



“นอนกอดกัน กอดเฉยๆ”



ถึงจะไม่ตรงความคิดที่ต้องการ แต่ผมก็เหนื่อยเกินกว่าจะโต้เถียง หลายคืนแล้วที่นอนไม่หลับ ผมยอมให้อีกฝ่ายใช้แขนเล็กๆ นั่นโอบตัวผมไว้



ท่ามกลางความเงียบ ผมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองและหยก ดังเป็นจังหวะช้าๆ ผมสบตากับความมืด จ้องมองมันราวกับพยายามค้นหาอะไรบางอย่าง



“ชอบเขาเหรอ”



น้ำเสียงใสถามแทรกความคิดล่องลอย



“ชอบใคร?”



“ค้างฟ้า”



“ไม่ได้ชอบ”



“ไม่ได้ชอบแล้วทำไมถึงเป็นอย่างนี้”



“เป็นยังไง?”



“เหมือนคนอกหัก”



“ไม่ได้อกหัก” จะอกหักได้อย่างไรในเมื่อผมยังไม่เริ่มต้นตกหลุมรัก “ผมไม่ได้ชอบเขาด้วยซ้ำ”



“เตยอาจจะชอบเขาแต่ไม่รู้ตัวก็ได้”



“ไม่มีทางหรอก” ผมบอก



ไม่ได้ชอบค้างฟ้า ที่ผ่านมาผมอยู่กับเขาเพราะผลประโยชน์ เขาเองก็เช่นกัน ระหว่างเราจะไม่มีความรักหรือความชอบ ไม่มีสายสัมพันธ์ ตกลงกันไว้แล้ว และผมกำลังหัวเสียเรื่องนี้ เรื่องที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากครอบครองเขามากกว่านี้ หงุดหงิดที่เขาไม่มาหา ผิดคำสัญญาซ้ำๆ



“เตยคิดถึงเขาขนาดนี้ ไม่ชอบแล้วเป็นอะไร”



“ผมคิดถึงเขาเพราะหวังผลประโยชน์ต่างหาก”



“ผลประโยชน์อะไร”



“...”



ผมไม่ตอบ หยกก็ไม่ได้ถามอะไรอีก เป็นเวลานานที่เรานอนจมอยู่ในความเงียบ



“ทำไมหยกถึงชอบเขา”



“...”



ผมเอ่ยถามหยกในความเงียบ มั่นใจว่าหยกคงรู้ว่าเขาที่ผมว่าคือใคร



“ทำไมถึงร้องไห้ให้เขา ทั้งๆ ที่เขาทำร้ายหยกซ้ำแล้วซ้ำเล่า”



“...”



“เพราะชอบงั้นหรือ”



“...อาจจะ”



“แค่เหตุผลเดียวก็ทำให้ไร้ซึ่งเหตุผลทุกอย่างเลยหรือ”



“คนที่เป็นทุกอย่างของหัวใจ...สักวันเตยจะเข้าใจ”



“ผมไม่มีวันเข้าใจหรอก”



“...”



“ผมเกลียดคำนี้”



“...”



“ใครๆ ก็ล้วนใช้คำว่าชอบทำร้ายคนอื่น”



“ไม่เสมอไปหรอก การที่เตยไม่เจอคนที่ดีด้วย ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีอยู่จริงเสียหน่อย”



ผมไม่เอ่ยเถียง แต่ไม่ตอบเขา และไม่ได้เชื่อในประโยคนั้นเต็มร้อย เราจมอยู่ในความมืดและสงัด บดเบียดแลกไออุ่นให้กัน ก่อนนิทราจะพรากหยกไปจากผม คนตัวเล็กนอนนิ่ง ลมหายใจขึ้นลงคงที่ เขาคงมีฝันที่ดี



หลังจากที่พูดคุยกับความเงียบ สุดท้ายผมก็ได้ข้อสรุป



ผมแกะตัวเองออกจากเขา ลุกขึ้นจากเตียง จงใจวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ก่อนเดินลงไปที่หน้าคอนโด ถัดไปไม่กี่เมตรมีตู้เอทีเอ็มอยู่ ผมควักกระเป๋าตังค์ หยิบการ์ดเอทีเอ็มที่ค้างฟ้าทำให้ผมออกมา ใช้มันกดเงินในบัญชีจนหมด นำธนบัตรทุกใบใส่กระเป๋ากางเกง



จากนั้นก็วางกระเป๋าตังค์ทิ้งไว้



เดินออกไปไม่กี่ร้อยเมตรก็เจอรถแท็กซี่จอดให้รอบริการ อาจเพราะที่พักของหยกอยู่กลางใจเมือง มีบริการขนส่งรายล้อมคอยบริการ หรืออาจเป็นชะตาลิขิตที่รอให้ผมต้องทำเช่นนี้ ผมขึ้นรถไปไม่รอช้า จุดหมายปลายทางคือที่ที่ผมจากมานานแสนนาน





ในเมื่อค้างฟ้าให้สิ่งที่ผมต้องการไม่ได้ ข้อตกลงที่เคยมีก็ไม่มีใครทำตาม ผมก็แค่กลับมาใช้ชีวิตเหมือนเมื่อก่อน



ค้างฟ้ามอบเงิน มอบที่อยู่แสนสะดวกสบาย แลกกับการที่ผมต้องไปเรียนอย่างหนักแทนเขา และคอยรองรับอารมณ์และเซ็กซ์ที่เขาเอาลงกับคุณเอมไม่ได้ คำพูดที่เขาเคยกล่าวมามีแค่นี้ ข้อสัญญาง่ายๆ ที่ฟังแล้วผมมีแต่จะได้เปรียบ



แต่นานเข้ากลับยิ่งอึดอัด เหมือนถูกขังอยู่ในกรง ผมไม่ใช่หมาบ้าน แต่เป็นแมวจรเร่ร่อนที่ไม่ชอบการถูกกักขัง กฏสองข้อที่เขากล่าวมาผมทำให้ได้ แต่เขาทำให้ไม่ได้ เราอยู่ด้วยกันมาสี่ปี แต่เกือบปีแล้วที่ค้างฟ้าเปลี่ยนไป ไม่กอดผมแบบรุนแรงเหมือนก่อน เขาอ่อนโยนขึ้นจนน่าขยะแขยง และนั่นผมไม่ต้องการ



การที่ผมต้องการเขาในยามที่เขาไม่อยู่นั้น ผมเองก็ไม่ต้องการ



คราวนี้อะไรหลายอย่างที่ผ่านมาทำให้ผมตัดสินใจเด็ดขาด เลิกแล้วต่อคนที่ชื่อค้างฟ้าเสียที ค้างฟ้าจะไม่สามารถตามหาผมได้อีก ผมรู้ว่าเขาติดจีพีเอสที่โทรศัพท์มือถือของผม และแม้ว่าไม่ได้หาในกระเป๋าตังค์ แต่ผมคิดว่ามันต้องมี จึงเลือกทิ้งทุกอย่างไว้ที่หอหยก หากเขาจะเห็นผมจะจากกล้องวงจรปิด เห็นทะเบียนแท็กซี่ที่ผมขึ้น แต่เขาจะไม่สามารถรู้ได้ว่าผมไปที่ไหน



ผมลงจากแท็กซี่กลางถนน เปลี่ยนคันกลางทางเพื่อที่จะได้แน่ใจว่าเขาจะหาผมไม่เจอ ผมเดินไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีแท็กซี่ก็คงต้องเดินถึงเช้า แต่โชคดีที่ไม่เป็นเช่นนั้น มีรถรับส่งสีเขียวเหลืองจอดรับผม และยอมพาไปส่งที่จุดหมายปลายทางด้วยราคาที่แพงกว่าปกติสองเท่า



ที่นี่ห่างไกลจากย่านแสงสี ย่านที่คนดีๆ อย่างเขาไม่คู่ควรลงมาคลุกคลี



เราควรต่างคนต่างอยู่ ตักตวงผลประโยชน์ซึ่งกันและกันต่อไป ผมหงุดหงิดทั้งตัวเองและค้างฟ้า ที่ตอนนี้เราไม่ได้เป็นแบบนั้น



หงุดหงิดที่เขาทำตัวอ่อนโยนกับผมแล้วผมดันชอบ หงุดหงิดที่พอเขาทำให้ผมคุ้นเคยกับมันแล้วก็จากไป หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เหมือนก่อน หงุดหงิดที่ตัวเองคิดถึงเขามากไป หงุดหงิดที่สุดท้ายแล้วเขาก็มีคุณเอม…



...แต่ผมไม่มีใคร



รถจอดถึงจุดหมายแล้ว ผมยื่นเงินให้คนขับ ก่อนออกมาเดินเตร่ในสถานที่ที่เงียบสงัดและรกร้างราวกับไม่ใช่สถานที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวต แต่เชื่อเถอะว่าที่นี่มีคนอาศัยอยู่กันเนืองแน่น ผมแค่ต้องเดินเข้าไปลึกอีกหน่อย



ผมเตะก้อนกรวดข้างทาง มองมันกลิ้งไปโดนเสาไฟฟ้า กระเด้งกลิ้งกลับมาไม่กี่ตลบก่อนหยุดลง



พร้อมกับเห็นร่างของใครบางคนยืนอยู่ไม่ไกล



สองร่างนั้นแฝงตัวอยู่ในเงาตะคุ่ม กลิ่นบุหรี่ลอยโชยมาก่อนที่จะเห็นหน้าคนสูบ พวกเขาเดินเข้ามาทางผม ส่งเสียงร้องทัก



“ดูสิ ใครกลับมา”



ผมยิ้ม ในเมื่อค้างฟ้าให้สิ่งที่ผมต้องการไม่ได้ ผมก็แค่กลับมาเป็นเหมือนเดิม



สะกดจิตหัวใจตัวเองให้ด้านชา



เงินที่ค้างฟ้าให้มามันมากพอที่จะอยู่ได้สบายๆ แต่ผมเองก็ใช่ว่าจะไม่เคยทำงาน งานที่ได้เงินครั้งละมากๆ เช่นกัน



ผมเดินไปหาพวกเขาทั้งสอง เมื่อมาถึงระยะที่เห็นหน้าแล้ว ผมจ้องมอง จำหน้าไม่ได้หรอก แต่พวกเขารู้จักผม แสดงว่าคงเป็นลูกค้าเก่า





 “ครั้งนี้คิดแพงนะ สนใจไหม”










เป็นตอนที่ชั่งใจว่าจะลบแล้วเขียนใหม่ดีมั้ย

แต่สุดท้าก็เอามาปัดๆ ฝุ่นแทนค่ะ

*มีเรื่องต้องเรียนให้ทราบว่าต่อจากนี้เนื้อหาอาจจะหนักหน่อยนะคะ*

ไม่ใช่แนวใครสามารถหยุดอ่านได้น้า T_T



ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 7 - |20.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 20-12-2018 05:51:25
ปวดใจมากจริงๆ ค่ะ เตยเริ่มต้นจากอะไรนะ
เจออะไรมาบ้าง แล้วทำไมไม่เลือกที่จะหลีกหนี
ถึงจะหนีจากค้างฟ้าไป แต่ก็ไม่น่ากลับไปจุดเดิม
ที่บอกว่าทำให้ด้านชา มันไม่ช่วยหรอก
กลัวจะเจ็บกว่าเดิมนะเตย

ค้างฟ้าคือคำลวง ทำไมไม่ชัดเจนล่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 7 - |20.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: IamLonelygirl ที่ 20-12-2018 09:30:13
น้องงงงงงงงงงงงเตยยย
น่าสงสารอ่พฮือออ
แบบบบน้องมีปมในใจเยอะ
ค้างฟ้ามาทำแบบนี้อีก
สงสารอ่ะฮือ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 7 - |20.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-12-2018 00:44:45
ทำไมค้างฟ้าต้องโกหกเตย ก่อนที่จะมาเป็นสัตว์เลี้ยงของค้างฟ้าเตยต้องผ่านอะไรมาบ้าง รู้สึกว่าไม่อยากให้เตยกลับไปอยู่จุดเดิมเลยค่ะ ดูหม่นๆค่อนไปทางดำเลย ปมเยอะเหลือเกิน
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 7 - |20.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-12-2018 10:36:10
 :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 8 - |28.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 28-12-2018 17:23:57
8: Determine



ห้องสี่เหลี่ยมเต็มไปด้วยฝุ่นและหยากไย่รก กลิ่นเหม็นอับทับด้วยกลิ่นเหงื่อและราคะลอยคลุ้งจนรู้สึกคลื่นเหียน ฟูกนอนสกปรกวางอยู่บนพื้นห้องที่โสโครกไม่ต่างกัน ผมไม่แน่ใจว่าระหว่างนอนบนฟูกกับพื้นอะไรจะสะอาดกว่ากัน



ผมตื่นแล้ว จ้องมองแสงแดดที่เล็ดลอดสาดเข้ามาทางหน้าต่างบานเล็ก มองละอองฝุ่นที่ลอยคลุ้งและเห็นชัดขึ้นเมื่อมันอยู่ในเส้นทางเดินของแสงอาทิตย์ ฝุ่นเม็ดเล็กลอยวนในอากาศ เนิบช้า คล้ายกับว่าไม่มีวันตกลงสู่พื้น



สองคนนั้นคงออกไปนานแล้ว และผมควรจะลุกขึ้นมาจัดการตัวเองเสียที น้ำกามเหนียวเปรอะตัวผมจนไม่สบายตัว ฝุ่นคลุ้งที่ลอยอยู่เต็มห้องทำให้หายใจเต็มปอดไม่สะดวก ผมชันตัวลุก เดินไปยังมุมห้องที่มีโอ่งใส่น้ำอยู่พร้อมกับขันที่ลอยเหนือน้ำ ผมใช้มันตักอาบราดตัว ชำระสิ่งสกปรกเลอะเทอะ



ดีที่สองคนนั้นไม่ได้มีรสนิยมชอบผู้ชาย เขาใช้ผมระบายความใคร่ทางปากเท่านั้นทำให้ช่องทางของผมไม่ต้องทำความสะอาดเพิ่มเติมอะไร ผมแน่ใจว่าถ้าพวกระยำอย่างพวกมันจะทำ ก็คงไม่สวมถุงยางหรอก



จัดการหยิบเอาเสื้อตัวเดิมขึ้นมาใส่ ผมเห็นแบ็งค์สีเทาวางเกลื่อนอยู่ไม่ไกลจากเสื้อผ้า



ผมเก็บเงินที่ได้มาใส่กระเป๋ากางเกง อย่างน้อยพวกมันก็ให้เงิน แถมไม่ขโมยเงินที่เหลือของผมไป แม้ว่าเมื่อคืนพวกมันจะน่ารังเกียสุดๆ ก็ตาม



ปัดฝุ่นสองสามทีก่อนออกจากห้องเหม็นหืน



แสงอาทิตย์เจิดจ้าส่องมาจนแสบตา ผู้คนในย่านนี้เริ่มออกมาข้างนอกบ้านกันแล้ว ส่วนใหญ่มักจะสุมหัวสูบบุหรี่หรืออย่างอื่นด้วยกัน



“โอ๊ะ นั่นมันใครกันเน้อ หน้าคุ้นๆ” เสียงแซวจากกลุ่มคนไม่ไกล ผมยกยิ้มมุมปากให้เขา ไม่แปลกอะไร ในย่านนี้เรารู้จักกันแทบทุกคน ผมน่าจะหมายถึง...พวกเขารู้จักผมกันแทบทุกคนมากกว่า



ผมเดินไปหาพวกนั้นที่กำลังป่นผงสีขาวสู่บ้องกระบอกสูบ



“เอาไหม”



ผมส่ายหน้า “ขอบุหรี่ดีกว่า”



คนที่อยู่ใกล้ตัวผมที่สุดยื่นบุหรี่หนึ่งมวนตามคำขอให้ เขาดูท่าทางน่าจะเป็นมิตรที่สุด



 ผมรับมาพร้อมยัดเงินจำนวนหนึ่งให้ ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ



 “ขอบคุณ”



ใครสักคนขยับที่ให้ผมนั่งลงข้างๆ ก่อนส่งไฟแช็กให้ ผมคาบบุหรี่ไว้ในปาก จุดไฟแช็กให้เปลวไฟเผาไหม้ปลายบุหรี่ สูบมันเข้าปอดก่อนปล่อยควันดำออกมา



พวกกลุ่มคนที่อยู่ข้างๆ เองก็จุดเผาสิ่งที่ผมคุ้นเคยกับมันดี จนกระทั่งค้างฟ้ามาทำให้ผมต้องเลิกกับมันไปนานหลายปีทีเดียว



ที่ผ่านมา ผมเคยใช้มันเพื่อหลบหนีจากเหตุการณ์ที่ตามหลอกหลอนบางอย่าง ผงแห่งความฝันช่วยให้พวกเราไม่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง



ควันสีขาวเข้าสู่ร่างกาย ตัดขาดจากโลกเข้าสู่จินตนาการ ในที่ซึ่งทุกอย่างสบายราวกับฝัน น่าเสียดายที่ผมไม่เลือกใช้มันอีก เพราะคำขอของใครบางคนที่ผมไม่จำเป็นต้องยึดติดก็ได้ แต่ผมก็ยังคงทำตาม



ตอนนี้ควันดำควันขาวลอยฟุ้งไปในอากาศ ผมเหม่อมองมัน รู้สึกว่าตัวเองไร้น้ำหนัก ปล่อยให้ตัวเองลอยเคว้งคว้าง หลับตาเพื่อหลีกหนีจากโลกแห่งความจริง ตัวตนผมว่างเปล่าจากข้างใน มันว่างจนแทบจะหาตัวตนของตัวเองไม่เจอ



ผมหัวเราะเบาๆ ไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ



“เอาอีกไหม”



ใครคนหนึ่งถามเมื่อเห็นบุหรี่มนปากผมใกล้จะหมดมวน ผมส่ายหน้า มากพอแล้ว



“เห็นว่าหายไปตั้งสี่ปี”



“...” ผมเหลือบตามองเขา ผู้ชายผมยาวประบ่า ใบหน้าเริ่มมีริ้วรอยยับย่น คงแก่กว่าผมหลายปี สวมเสื้อคลุมแจ็กเก็ตสีเขียว ส่งยิ้มบางให้ผม สงสัยคงเป็นคนที่นี่



ผมจำหน้าใครที่นี่แทบไม่ได้หรอก อันที่จริงต้องบอกว่า ส่วนใหญ่จะไม่ได้มองหน้ามากกว่า...



“สี่ปีนี่ไปไหนมา” เขาถาม



“ไปมหาลัย”



“โอ้โห ไปเรียนรึไง จบไหม”



ผมส่ายหน้า เขาหัวเราะก๊าก คนอื่นๆ ก็หัวเราะตาม เสียงหัวเราะไปในเชิงเยาะเย้ย ผมยกยิ้ม ไม่แปลกหากมันจะน่าหัวร่อ พวกเราที่อยู่ที่นี่ไม่สมควรได้รับการศึกษาตั้งแต่แรกแล้ว สี่ปี...ที่เรียนไม่จบ สาเหตุคงเพราะคณะผมต้องเรียนหกปี แต่ผมก็หนีออกมากลางเทอม...ต่อให้จบสี่ปีก็คงไม่จบจริงๆ



คนที่ส่งเสียให้ผมเรียนคงเสียดายค่าเทอมแย่



เพราะเป็นตัวเองคงเสียดายที่ทุ่มเงินหลายหมื่นหลายแสนมาให้อะไรแบบนี้... ไม่สิ ถ้าเป็นผมคงไม่ส่งเสียตัวเองเรียนตั้งแต่แรก ในเมื่อสามารถหาเลี้ยงตัวเองได้ด้วยวิธีอื่น



“แล้วคืนนี้จะนอนที่ไหน”



“ไม่รู้สิ” ผมยิ้มให้คนแปลกหน้า “คงแล้วแต่คุณ”



อีกฝ่ายจ้องกลับมาอย่างรู้ความหมาย ผมจากที่นี่มานานแล้ว บ้านเก่าคงไม่เหลือสภาพ และถ้าเลือกได้ ผมก็ไม่อยากจะกลับไปที่นั่น คืนนี้ผมจะอยู่ที่ไหน ขึ้นอยู่กับเขาตัดสินใจ ถ้าเขาเลือกผม คืนนี้ผมจะไปอยู่กับเขา แต่ถ้าไม่...ก็คงไปหาคนอื่นเพื่ออยู่ด้วยอยู่ดี



“กินนี่หน่อยมั้ย”



ชายคนเดิมถาม เขาส่งแซนวิชหน้าตาบูดเบี้ยวมาให้ผม เขาให้ ผมก็รับ อันที่จริงนอกจากความสามารถเรื่องการอดนอนแล้ว ผมยังอดข้าวได้หลายวัน



เสียแต่ผมกินดีอยู่ดีมาหลายปี ตอนนี้ท้องร้องโครก สูญเสียความสามารถในการอดอาหาร กลับไปไม่ชินเสียแล้ว อาหารไม่ตกถึงท้องตั้งแต่เมื่อวาน แถมเมื่อคืนยังใช้พลังงานเยอะ เลยรับมากินอย่างไม่อิดออดเล่นตัวให้วุ่นวาย กัดแซนวิชต่อชีวิตโดยทันที



ความเงียบเข้าปกคลุมสักพัก ก่อนที่เขาจะเอ่ยออกมา “ยังเช้าอยู่ แต่ไปบ้านกูมั้ย”



ผมส่งแซนวิชคำสุดท้ายเข้าปาก แลบลิ้นเลียปลายนิ้วที่เลอะซอส



พยักหน้า



ผมเดินตามชายแปลกหน้ากลับบ้านเขา ในตอนกลางวันแสกๆ สภาพบ้านเขาไม่ต่างจากห้องที่ผมจากมาในตอนเช้าสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยก็ข้าวของเครื่องใช้เยอะกว่า และสะอาดกว่านิดหน่อย เขาเดินขึ้นชั้นสอง เปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อยืดมาหนึ่งตัว โยนให้ผม



“เห็นว่าไม่มีเสื้อใส่”



“ขอบคุณ”



ผมส่งยิ้มให้เขา แม้ว่าผมจะมีธนบัตรจำนวนมาก มันมากพอที่จะซื้อเสื้อราคาถูกๆ ได้หลายตัว และมากพอที่จะเช่าห้องพักราคาถูกอยู่ได้หลายเดือน เพียงแต่ผมไม่ปฏิเสธเสื้อโกโรโกโส รับน้ำใจของเขา ทำตามที่เขาบอก เกียจคร้านเกินกว่าจะคิดมาก



“รู้จักชื่อกูหรือยัง”



ผมส่ายหน้า



เขาเอ่ยเชื่อตัวเองออกมา เสียแต่ผมไม่คิดจะจดจำ



ผมพยักหน้ารับ ถอดเสื้อตัวเก่าที่เริ่มส่งกลิ่นเหม็นออก เปลี่ยนเป็นตัวใหม่ที่เขาส่งมาให้



“ชื่อพวกเราเข้ากันดี...ว่ามั้ย”



ผมยิ้ม “นั่นก็ต้องลองดูก่อนว่าจะเข้ากันได้มั้ย”



พูดจาสองแง่สองง่ามให้เขาตีความหมายเอง ทั้งๆ ที่ชื่อเขาไม่แม้แต่จะผ่านหูผมด้วยซ้ำ เขาหัวเราะร่า



“ไม่ต้องใส่เสื้อแล้ว เดี๋ยวก็ต้องถอด”



เขาว่า กระโจนใส่ผมที่ยังใส่เสื้อไม่เรียบร้อยดี ล้มแผ่สู่แผ่นฟูกแข็ง



ในห้องที่เปื้อนฝุ่น แสงอาทิตย์ยังคงสาดส่องมาในห้อง ฟูกเตียงเหม็นอับ พื้นไม้อับชื้นขึ้นเชื้อรา ผนังปูนที่สีลอกออกมาเป็นแผ่น สถานที่และการกระทำเหมือนจะคุ้นเคยแต่ไม่คุ้นชิน ผมและเขา กลิ่นเหงื่อและกลิ่นกาย ตัณหาและราคะ



เซ็กซ์ของพวกเราเริ่มต้นขึ้น



เขาตอกแก่นกายตัวเองเข้ามาจนมิด ผมขบปากตัวเองแน่น หาใช่ความเสียวซ่าน...หาใช่ความเจ็บปวด หัวสมองผมขาวโพลน หมุนคว้างเหมือนลูกข่าง และสุดท้ายก็หัวเราะออกมา



“ขำอะไร”



“เปล่า ทำต่อเถอะ”



เขามีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย แต่หลังจากที่ผมขยับสะโพกเย้าแหย่ เขาก็กลับมาเหมือนเดิม กระแทกตัวใส่ผมไม่ยั้ง ผมอ้าขาออก รองรับแก่นกายแข็งร้อนที่สวนเข้าสวนออกราวกับสัตว์ป่า



แบบนี้ต่างหากที่ผมพอใจ



ไร้เมตตา ไร้ความอ่อนโยน เพียงใช้ร่างกายอีกฝ่ายเพื่อปลดปล่อยอารมณ์



แบบนี้ต่างหาก ไม่ใช่อ้อมกอดอบอุ่นที่คอยประคองร่างผม ไม่ใช่จังหวะเนิบช้าที่กลัวว่าผมจะพัง...ไม่ใช่แบบนั้น



สัมผัสของค้างฟ้าเป็นความรู้สึกที่ไม่คาดว่าจะได้รับ ผมร้องขอเขาเสมอว่าอย่าทำแบบนี้...เพราะผมไม่รู้จะโต้ตอบกับมันยังไง อย่าอ่อนโยน อย่าทำเหมือนผมเป็นของล้ำค่าที่เปราะบาง อย่าทำเป็นใส่ใจ เมื่อสุดท้ายแล้วคุณจะบดขยี้มัน ไม่ต่างจากใครต่อใคร



ผมรีบสลัดความคิดเก่าๆ ออก



น้ำตารื้น เชิดหน้าขึ้น แอ่นสะโพก อ้าขากว้างกว่าเดิม



บอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็จบ



.



ผมออกจากบ้านหลังนั้นมาตอนสี่ทุ่ม หลังจากที่คิดๆ ดูแล้ว ผมน่าจะเอาเงินไปเช่าที่อยู่เองมากกว่า ถึงอย่างนั้นบ้านของหมอนั่นอาจจะยังใช้เป็นที่อยู่ให้ผมได้อีกสักพัก จนกว่าจะหาบ้านใหม่ได้



แต่ที่ผมออกมากลางดึกเพราะทนความหิวในท้องที่ร้องประท้วงไม่ไหว แซนวิชชิ้นเดียวเมื่อก่อนอาจจะอยู่ท้องแต่ตอนนี้ไม่สามารถประทังความหิวได้ จึงตั้งใจจะไปร้านสะดวกซื้อแถวนี้ โดยใช้เงินที่เขาให้มานั่นแหละ มันไม่ได้มาก แต่คิดเสียว่าเป็นค่าเสื้อก็แล้วกัน



ร้านสะดวกซื้อเปิดไฟสว่างโร่ ผมสาวเท้าเปิดประตูเข้าไป ตรงไปยังชั้นวางขนมปัง ยืนเพ่งพิจมองมัน เลือกว่าชิ้นไหนที่เหมาะจะอยู่ในท้องผมในตอนนี้



“เตย?”



ผมหันไปทางต้นเสียง เมื่อได้ขนมปังไส้ครีมมาอยู่ในมือ



“...กายเหรอ?”



ในที่แบบนี้ ผมจำหน้าใครแทบไม่ได้นอกจากคนคนนี้ เธอเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อ ผมแปลกใจที่สี่ปีผ่านมาแล้ว เธอก็ยังทำงานอยู่ที่เดิมเหมือนเคย



“กลับมาทำไมอีก”



กายบอก มองผมด้วยสายตาผิดหวัง คำทักทายแรกคล้ายเป็นการเอ่ยไล่



“ทำไมเหรอ เตยกลับมาไม่ได้หรือไง”



“ไม่ใช่...แต่ตอนนั้น...เตยไปก็ดีแล้ว กลับมาในที่แบบนี้อีกทำไม”



ผมไม่ได้ตอบอะไร ยื่นขนมปังกับขวดน้ำเปล่าไว้บนเคาน์เตอร์ให้เธอคิดเงิน



“เตยมีเวลาไหม อยากคุยด้วย...”



“เอาสิ”



ผมว่า รับเงินทอนจากเขามา กายมุดเข้าไปหลังร้าน เอ่ยบอกพนักงานอีกคนว่าขอตัวไปทำธุระเดี๋ยวเดียว ก่อนจะพาผมออกมา กายพาผมเดินลัดเลาะไปตามบาทวิถี



“เตย...กลับมาทำไมหรือ”



“ไม่อยากให้เตยกลับมาเหรอ”



“อืม ไม่อยาก” กายว่า เงยหน้าขึ้นมองผม “ตอนที่เตยบอกจะไปกับคนนั้น เราคิดว่าดีแล้ว เตยจะได้มีความสุข เขารวยไม่ใช่เหรอ ไหนบอกจะให้ที่อยู่ ให้การศึกษา...”



“อืม เตยมีความสุข...” ผมวรรค ครุ่นคิด “แค่พักเดียว”



“เขาทำอะไรไม่ดีใส่เตยเหรอ”



“เขาผิดคำพูด”



“ยังไง เล่าให้กายฟังได้มั้ย”



ผมพยักหน้า ฉีกซองขนมปังออก กินมันเข้าไปพร้อมๆ กับเล่าชีวิตช่วงสี่ปีให้เธอฟัง เราหยุดนั่งพักข้างถนนที่ดูสะอาดที่สุด เพราะเหนื่อยที่จะเดินต่อ



“เพราะแค่นี้เองเหรอ”



เรื่องเล่าจบ กายประเมินว่ามันเล็กน้อย ไม่คุ้มค่า



“เตยได้เรียนสูง ได้อยู่ที่หรูๆ มีเพื่อน มีคนคอยเลี้ยงดูขนาดนี้ แต่หนีออกมาเพราะเขาไม่อยู่เนี่ยนะ เขาไม่มาหาก็เรื่องของเขาสิ เตยมีความสุขไม่ใช่หรือ”



“กายรู้ได้ไงว่าเตยมีความสุข” ผมพูดเสียงแข็ง “เตยคิดทุกวันว่าทำไมเตยต้องมาเจอเรื่องแบบนี้”



“แต่นั่นก็ดีกว่าตอนที่เตยอยู่ที่นี่ไม่ใช่เหรอ”



“ไม่ได้ดีกว่ากันตรงไหน”



“เตยกำลังเดินถอยหลังอยู่นะ เตยจะจมอยู่กับที่แบบนี้ไม่ได้นะ”



“กายเลิกตัดสินแทนเตยเถอะ ที่เตยทำอยู่ไม่ได้เรียกว่าถอยหลัง ไม่ได้เรียกว่าจม เตยแค่ไม่พอใจในที่ใหม่ เลยกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมต่างหาก” ผมถอนหายใจ “ชีวิตที่เตยชินกับมันมาเป็นสิบปี...คงดีกว่า”



เผลอยกมือลูบรอยสักที่เป็นชื่อของเขา



รอยสักชื่อของเขาถูกผนึกไว้ด้วยความเดียงสา ในตอนนั้น ผมคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับเจ้าของชื่อนี้ ไร้เดียงสาจนน่าขำ ที่ผ่านมายังเรียนรู้ไม่พออีกเหรอ



ควรจะรู้ตัวได้แล้วว่าโลกนี้ไม่มีใครใจดี



“กายคิดว่าเตยจะมีความสุขเสียอีก...”



“ก็มีนะ ตอนนี้เตยก็มีความสุขดี”



กายมองหน้าผม สายตาของเธอจ้องผมไม่วางตา นานหลายวินาที



“เตยไม่ได้กำลังโกหกอยู่ใช่ไหม”



ผมยิ้มให้อีกฝ่าย “กายก็รู้ว่าเตยโกหกไม่เป็น”



คราวนี้เธอหลุบตามองต่ำ “เตยอาจจะกำลังหลอกตัวเองอยู่ก็ได้”



“กายเลิกคิดแทนเตยได้แล้ว เตยตัดสินใจแล้ว”



“...ขอโทษ กายแค่อยากให้เตยมีความสุข...”



“อืม...”



“คืนนี้พักที่บ้านกายไหม”



“ได้เหรอ”



“ได้สิ กายอยู่คนเดียวมาหลายปีแล้ว” เธอว่า



เมื่อก่อนเธออาศัยอยู่กับพ่อและพี่ชาย แต่ตอนนี้กลับบอกว่าอยู่คนเดียวมาหลายปี ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น แต่ไม่คิดจะถามกาย ไม่ได้อยากรู้ด้วย



ระหว่างห้องเหม็นฝุ่น เหม็นกลิ่นตัวของหมอนั่น กับห้องหอมกลิ่นหวานๆ ของกาย แน่นอนว่าผมเลือกอย่างหลังโดยทันที



และคืนนี้ผมก็ได้ที่พักใหม่








“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ไปอยู่กับอีกาย”



ผมออกจากบ้านกาย ตั้งใจว่าจะลองเดินหาหอพักแถวนี้ดูก่อน ทว่าดันเจอกับหมอนั่น เจ้าของเสื้อผ้าที่ผมใส่อยู่ตอนนี้ เขาดูไม่สบอารมณ์ที่ผมหายไปทั้งคืน เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาพร้อมกับพวกแก๊งค์พี้ยาเมื่อวาน และดูท่าคงจะไม่ได้เสพย์ยามา ถึงได้อารมณ์เหวี่ยงเช่นนี้



“โทษทีที่ไม่ได้บอกก่อน บังเอิญเจอกันเฉยๆ”



ผมยิ้มให้เขา



“ทำไม เงินที่กูให้น้อยไปหรือไง”



“อืม น้อยเกินไป ที่ยอมเพราะเห็นว่าให้เสื้อนี่มาหรอกนะ”



“ไอ้เตย...”



ผมยืนเฉย จ้องหน้าเขา หมอนั่นท่าทางหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาฉายแววโมโห ผมรู้...คนพวกนี้มักจะอารมณ์ไม่แน่นอน ไม่ช้าเขาก็เอ่ยถ้อยคำถากถางอย่างที่ผมคิดไว้



“กูเห็นหน้ามึงมาตั้งแต่มึงเสียงยังไม่แตก วิ่งร้องเจี๊ยวจ๊าวไปทั่ว”



“แล้วทำไมหรือ...? หรือชอบตอนนั้นมากกว่า?”



“เข้าเมืองไปสี่ปีนี่นิสัยเปลี่ยนไปเยอะนะ”



ผมยักไหล่ อันที่จริงไม่ได้คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปตรงไหน



“ไปชุบตัวกับเสี่ยที่ไหนมาล่ะ ถึงได้เก่งขึ้นเนี่ย ผิวพรรณก็ผุดผ่อง โถ หนูเตยที่ร้องไห้จ้าในวันนั้นกูยังจำได้อยู่เลย”



ผมหัวเราะขำ ชุบตัวมาเหรอ อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ ได้อาบน้ำอุ่น ได้รับการดูแลมากมาย ทาโลชั่นประทินผิวราคาแพง กินอาหารที่ทำมาจากวัตถุดิบอย่างดี



“เพราะอย่างนี้ถึงได้ขึ้นค่าตัวไง ลุงคงไม่มีปัญญาจ่ายหรอกใช่มั้ย”



“ไอ้...!”



เขาทำท่าจะเข้ามาใช้ความรุนแรงใส่ผม...แต่มีคนห้ามเขาไว้ คงเป็นพวกเพื่อนของเขาเมื่อตอนนั้น เมื่อขยับตัวไม่ได้ ไอ้หมอนั่นก็เลยใช้คำพูดด่าทอผมต่อ



“อีตัวอย่างมึงคงทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนอ้าขาล่ะสิท่า วันๆ ของมึงก็มีอยู่แค่นี้”



“มันต่างจากวันๆ เอาแต่พี้ยายังไงเหรอ ลุงทำอย่างอื่นเป็นด้วยเหรอนอกจากดูดยากับเอาอย่างหมา”



“ไอ้เวร!” เขาพยายามเข้ามาหาผม แต่ยังโดนดึงรั้งไว้ จึงทำได้แค่จ้องมองอย่างหยามเหยียด และใช้จิตใจบิดเบี้ยว พูดถ้อยคำน่ารังเกียจออกมา



 “กูยังจำได้อยู่เลย วันที่มึงร้องห่มร้องไห้ ร้องหาแม่จ๋า แต่สุดท้ายแม่งก็ไม่มีใครชายตาแลมึง มีแต่เอาไอ้นั่นยัดเข้าไป แต่มึงก็ดูชอบใจนี่หว่า ใช่มั้ยล่ะ”



ผมมองเขาด้วยสายตาเรียบเฉย แต่มุมปากกลับกระตุกรอยยิ้ม อดีตเมื่อครานั้นผมไม่เคยลืม มันหลอกหลอนและสถิตอยู่ทุกครั้งในยามฝัน



หลังจากเหตุการณ์นั้นผมถึงได้ยอมแพ้ต่อการอ้อนวอน เลิกศรัทธาพระเจ้า ไม่เอาตัวเองไปยึดเหนี่ยวกับสิ่งไหน ทำใจมองโลกอันเน่าเฟะที่มีแต่มนุษย์เห็นแก่ตัว ผู้คนพวกนี้สอนให้ผมรู้จักพึ่งพาตัวเอง สอนให้ผมหาวิธีเอาตัวรอดไปวันๆ สอนให้ผมเสพติดเซ็กซ์ สอนให้ไร้รัก สอนให้ผมปรับตัวให้เข้ากับพวกมัน



ผมไม่ได้วิ่งหนีจากที่นี่ แต่สัญชาตญาณการเอาตัวรอดบอกผมว่าค้างฟ้าจะทำให้ผมมีชีวิตที่ดี



มันเป็นเช่นนั้น แต่ก็ไม่นาน การตัดสินใจไปอยู่กับเขาทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองอยู่ผิดที่ผิดทาง การกระทำของเขาที่แปลกไปในช่วงหลังทำให้ผมอึดอัด เลยเลือกกลับมาอยู่ที่เดิม



ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หวนระลึกถึงความหลัง ไอ้หมอนั่นเลยพูดต่อ



“หลังจากนั้นมึงก็เอาแต่ขายตัวนี่ วันนั้นแม่งเปิดโลกมึงดีใช่มั้ยล่ะ ถึงได้มาเอาดีทางนี้ โถ อีเตย ทำมาเป็นร้องห่มร้องไห้”



มันน่าเศร้า ที่ความเศร้าของผมถือว่าเป็นความบันเทิงสำหรับใครหลายๆ คน



ผมสบตากับเขา



หัวเราะออกมา



ได้ยินเสียงหัวเราะของตัวเองดังก้องไปทั่วท้องฟ้า










ส่งท้ายปีไปกับเสียงหัวเราะของน้องเตย TvT

#น้ำค้างฟ้าขุ่น


หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 8 - |28.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-12-2018 07:15:56
ไร้คำพูดใดๆ  :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 8 - |28.12.2018| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 31-12-2018 10:16:54
บีบหัวใจมากเลยค่ะ
อดีตที่เจ็บปวด นำมาสู่การกระทำที่บอบช้ำ
เตยมีชีวิตที่ดีแล้ว แต่ก็เลือกจะกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิม
คงคิดว่ามันช่วยบรรเทาและลบล้างได้
ชีวิตต้องเจออะไรมาบ้างนะ ความคิดเตยถึงสับสนแบบนี้

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-01-2019 18:43:54
9: Dust



สภาพในบ้านเก่ากว่าที่ผมคิดไว้ แผ่นพื้นผุพังขึ้นเชื้อรา ฝุ่นเกาะเต็มข้าวของเครื่องใช้ กระจกทุกบานแตกยับเยิน เศษกระจกกระจายนาบอยู่กับพื้นพร้อมกับมีฝุ่นกลบอีกที ก้าวขาลงน้ำหนักทีนึงฝุ่นก็ลอยคลุ้ง สภาพที่นี่ดูไม่ได้เสียยิ่งกว่าบ้านร้างในที่ไหนๆ



บ้านเก่าของผม



ทีแรกก็ตั้งใจว่าจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก แต่ระหว่างวันผมไม่มีอะไรทำ ไม่มีความจำเป็นต้องโต้เถียงกับแก๊งค์พี้ยาที่หาสติไม่ได้ ระหว่างที่หาหอพักใหม่เลยแวะกลับมาดูหน้าอดีตกันเสียหน่อย



สภาพบ้านเรียกได้ว่ารกร้างและผุพังจนไม่มีใครกล้ามาเข้าอยู่ แม้แต่คนจรจัด หรือแมวจรสักตัวก็ยังไม่มี เป็นบ้านที่ตั้งทิ้งไว้เปลืองพื้นที่อย่างไร้ค่า



ผมเตะเศษกระจก ปัดมันให้พ้นจากทางเดิน



บันไดน่าจะเก่าจนใช้การไม่ได้ ผมไม่กล้าแม้แต่จะก้าวขึ้นขั้นแรก จ้องชั้นสองของบ้านอย่างเหม่อลอย อาจจะดีแล้วก็ได้ที่ผมไม่ได้ขึ้นไปบนนั้น มันอัดแน่นไปด้วยความทรงจำหลากหลายมากมายเกินไป ตัวบ้านไม่ใหญ่มาก ใช้เวลาไม่นอนก็เดินครบทุกห้อง สภาพดูไม่ได้สักห้อง ยิ่งห้องครัวมีซากหนูตาย นกตาย แมลงวันบนตอม ส่งกลิ่นเน่าเหม็นเต็มไปหมด



ผมสงสัยว่าทำไมตอนนั้นไม่ขายบ้านหลังนี้ไปนะ อย่างน้อยก็น่าจะได้เงินต่อชีวิตอีกหน่อย



แต่คิดไปคิดมา ตอนนั้นผมน่าจะเด็กเกินกว่าจะจัดการเรื่องพวกนี้ได้ เลยทำได้แค่ปล่อยมันไป และคิดว่าที่แบบนี้คงไม่มีใครอยากซื้อต่อ



ผมเลิกสนใจบ้านเก่าไร้ค่า เปิดประตูบ้านที่ไม่ได้ลงกลอนออกมารับแสงแดด เดินออกมาจากซอยเปลี่ยวร้างได้สักพักผมก็เห็นร่างของกายกำลังวิ่งเข้ามาหา



“เตย กายหาที่พักให้เตยได้แล้วนะ”



“จริงหรือ ที่ไหนล่ะ”



“อยู่ถัดไปไม่กี่ซอยนี่เอง เจ้าของบอกให้เข้าไปดูได้เลย ไปด้วยกันนะ”



“อื้ม”



ผมเดินตามกายไป เปลี่ยนจากระยะเดินตามเป็นเดินเคียงข้าง กายเป็น...เรียกว่าเพื่อนก็ได้อยู่มั้ง เธออยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กๆ เราเคยเล่นด้วยกัน จนกระทั่งเติบโตขึ้น เรานอนด้วยกัน ก็เท่านั้น



หอพักอยู่ไม่ไกลจากย่านเดิมที่ผมเคยอยู่ ห้องเล็กเท่าแมวดิ้นตายแต่สภาพดูดีกว่าบ้านเก่าของผม หรือห้องเหม็นฝุ่นห้องนั้นเยอะ ผมตกลงกับเจ้าของหอพัก พร้อมที่จะย้ายเข้าทันทีเพราะไม่มีสัมภาระติดตัว และมีเงินมากพอจะจ่ายค่ามัดจำ



อาจเพราะอยู่กับค้างฟ้านานเกินไป ผมเลยไม่ค่อยอยากไปคลุกคลีกับฟูกเหม็นฝุ่น แม้ว่าจะเติบโตมากับมันก็ตาม



และถึงแม้ว่าห้องที่ผมเช่าอยู่...ผมอาจจะไม่ได้ใช้มันเพื่อนอนบ่อยๆ



สุดท้ายแล้วยังไงผมก็คงวิ่งโร่อ้าขาให้ใครต่อใครเหมือนเคย เพราะไม่สามารถนอนคนเดียวได้



หรือถ้าสามารถคนพาพวกนั้นมานอนที่นี่ได้ก็ดี การมีที่ซุกหัวนอนไปวันๆ ทำให้ผมพอจะสบายใจขึ้นมาได้นิดหน่อย อย่างน้อยตอนกลางวันผมก็สามารถมาขลุกอยู่ที่นี่ได้ ไม่ต้องออกไปเดินเตร่ให้พวกนั้นพูดอะไรเสียดหู



ผมใช้เวลาว่างในการซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเข้าห้อง รวมถึงเสื้อผ้า ยาสามัญและที่ขาดไม่ได้คือพวกอุปกรณ์สำหรับทำเซ็กซ์ หมดเวลาในช่วงกลางวันไปกับการหาซื้อของพวกนี้ พอพระอาทิตย์ตกดิน ผมก็ได้แต่นอนพักเอาแรง



และออกหากินเมื่อนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่ม



ถิ่นแถวนี้ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เสียแต่ไม่ได้กลับมาตั้งสี่ปี อะไรหลายๆ อย่างก็เริ่มเปลี่ยน อย่างร้านยาดองที่เคยตั้งเป็นเพิงอยู่กลางซอยก็ขยายร้านใหญ่ขึ้น มีร้านแสงสีที่ผมไม่รู้จักผุดขึ้นมาสองสามร้าน



คืนนี้ ผมได้ใครสักคนกลับมาจากร้านสักร้านแถวนั้น



กอดก่ายแลกราคะให้ผ่านพ้นไปอีกหนึ่งคืน และอีกหลายๆ คืน



ผมไม่ได้นับวันว่าจากค้างฟ้ามานานเท่าไหร่แล้ว แต่คาดเดาเอาน่าจะประมาณอาทิตย์กว่าๆ... คืนวันผ่านไปโดยที่ผมทำตัวเหมือนเดิม กิจวัตรประจำวันเหมือนเดิม ออกไปหาใครสักคนมานอนพักพิงด้วยเหมือนเดิม



แต่ที่แตกต่างคือความฝันที่ตามหลอกหลอนไม่ใช่เรื่องเดิม



ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว...



ความฝันที่ปลุกให้ผมตื่นเป็นเรื่องราวที่ผมอยู่กับค้างฟ้า... เรื่องที่เขาทำดีด้วย เรื่องที่เขาทำไม่ดีด้วย ไม่รู้ทำไม พอผมตื่นมาท่ามกลางความมืด ความรู้สึกแรกคืออึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก คนที่นอนข้างๆ ยังคงหลับใหลไม่รู้ตัว และผมก็ไม่ต้องการปลุกคนแปลกหน้าให้ตื่น



ผมอึดอัดได้สักพักก็ปวดใจ... น่าจะเรียกว่าอย่างนั้นนะ ตรงกลางอกเหมือนถูกบีบรัดให้หายใจไม่ออก พร้อมด้วยหลายความรู้สึกแปลกหน้าที่ประดังประเดเทเข้ามา



ความรู้สึกแปลกใหม่ ใช้เวลานานกว่าที่เคยในการปรับตัวให้เป็นปกติ และคืนนั้นผมก็ไม่หลับจนถึงเช้า



สมัยที่ผมยังเด็กมีเรื่องราวเลวร้ายมากมายเกิดขึ้น เรื่องราวในครั้งนั้น คล้ายมีคนสักมันไว้ในสมอง ฝังแน่น สลักลึก ไม่เลือนหาย คมชัดอยู่ในความรู้สึก



ในตอนนี้ เรื่องราวของค้างฟ้าเองก็ไม่ได้ต่างจากเมื่อก่อนเท่าไหร่นัก ในเรื่องของความทรงจำที่ฝังแน่น ลบไม่ออก ผมไม่รู้ว่าทำไม ทั้งที่ตัดสินใจกลับมาแล้วแท้ๆ ทั้งๆ ที่ตัดสินใจเลิกสนใจเขาแล้วแท้ๆ



ฝ่ามือยังคงเผลอลูบรอยสักที่เป็นชื่อของเขาทุกทีที่เผลอใจลอย



บางครั้งรู้ตัว บางครั้งไม่รู้ตัว ส่วนใหญ่ผมคิดว่าตัวเองไม่รู้ตัว



“ผมเริ่มยาวแล้นะ ตัดผมไหม”



คนเมื่อคืนออกไปแล้ว เป็นกายที่เข้ามาเยี่ยมเยียนกันในช่วงบ่ายแก่ๆ ผมลูบเส้นผมตัวเองที่เริ่มจะยาวอย่างที่กายว่า เคยคิดว่าไว้อย่างนี้ก็ดี มันช่วยปิดรอยสักที่ต้นคอผมได้...ถึงแม้จะไม่ช่วยอะไรมากมาย เพราะสุดท้ายผมก็แหวกเส้นผมยาวนั่นไปลูบมันอยู่ดี



คำถามของกายง่ายๆ แต่ผมคิดอยู่นาน



“เล็มแค่ปลายก็ได้ มันดูไม่เป็นทรง เดี๋ยวไม่หล่อนะ”



ผมหัวเราะเบาๆ พยักหน้าให้กายทำตามใจชอบ เธอมีความสามารถหลายด้าน ตั้งแต่เด็กผมเห็นกายดิ้นรนเลี้ยงตัวเอง รับงานหลายอย่าง รายรับหลายทาง รวมถึงความสามารถที่เพิ่มขึ้นในแต่ละสายงานด้วย เพราะอย่างนี้ผมถึงไว้ใจให้เธอตัดผมให้อย่างง่ายดาย



เธอดูเหมือนอยากพาตัวเองเข้ามาในชีวิตผม และเหมือนจะเป็นอย่างนั้นมากขึ้นทุกที



ผมไม่ชอบคนแบบนี้เท่าไหร่



กับค้างฟ้าเองก็เช่นกัน เราตกลงกันแล้วว่าจะไม่เป็นมากกว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนร่วมเตียง แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมชีวิตผมต้องการเขามากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเพียงแต่เขาทำตัวเหมือนเดิมก็คงไม่จบแบบนี้...



คิดถึงเขาอีกแล้ว...



เสียงกรรไกรตัดเล็มปลายผมไปทีละส่วน ผมปล่อยให้ความคิดตัวเองไหลไปกับเสียงฉับๆ จนกระทั่งกายตัดผมให้เสร็จสรรพ



“แบบนี้ค่อยดูดีขึ้นหน่อย”



“ขอบคุณ”



เธอยิ้ม เดินไปหยิบไม้กวาดมากวาดเศษผมที่ตกกระจายอยู่บนพื้นห้อง



“คืนนี้จะออกไปไหนรึเปล่า” เธอเอ่ยถาม



“คงไป”



“เตยไม่ได้พักมาหลายคืนแล้วนะ...เดี๋ยวก็เสียสุขภาพหรอก”



“แบบนี้แหละดีแล้ว” ผมว่า การที่ไม่มีคนนอนข้างกายทำให้ผมประสาทเสียกว่ามีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้า



“งั้นคืนนี้เป็นเราได้ไหม...”



“กายจะไม่ทำอะไรเตยน่ะสิ”



กายทำหน้าบูด หน้าเสียที่ผมรู้ทัน



“คืนนี้เตยอย่าไปไหนเลยนะ เอายานอนหลับไหม เดี๋ยวกายหาให้ มีคลินิคที่กายรู้จักหมออยู่บ้าง”



“เตยไม่ต้องการยาบ้านั่น”



“แต่...”



“กายออกไปเถอะ เตยอยากอยู่คนเดียว”



ผมเอ่ยไล่ พร้อมกับลุกขึ้นยืน ไล่ต้อนเธอไปที่ประตู



“กายเป็นห่วงเตยนะ”



“เตยรู้ ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไร”



ดันเธอออกไป ปิดประตูตัดขาดความหวังดี



ผมเกลียดยา เกลียดฤทธิ์ของมันที่อยู่เหนือการควบคุมของร่างกาย เกลียดที่ตัวเองบังคับร่างกายไม่ได้เพราะมัน เพราะเหตุนี้ถึงได้ปฏิเสธยานอนหลับมาโดยตลอด การที่เราควบคุมตัวเองไม่ได้เป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับผม...



เมื่อก่อนผมคุ้นเคยกับยานอนหลับมากชนิด มากจนเกินพอ มากจนขยะแขยงและไม่อยากรับมันเข้าไปในร่างกายอีก ยานั่นเป็นสิ่งเลวร้ายสำหรับผม กดประสาทผมไว้ให้ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน...ต่ออะไรก็ตามที่กระทำใส่ผม



ผมล้มตัวนอนบนเตียง



วันนี้เหนื่อยจริงๆ อย่างที่กายว่า...



พอนอนนิ่งนานๆ เข้าสุดท้ายแล้วกลไกร่างกายก็บังคับให้ผมหลับใหล



หลังจากหลับไปได้งีบหนึ่ง ผมก็ตื่นมาพร้อมอาการปวดหัวสุดๆ ที่ห้องมียาแก้ปวดเตรียมไว้อยู่แล้วผมจึงไม่ต้องออกไปร้านยาในเวลานี้ ผมเปิดลิ้นชัก หยิบซองยาเทเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด กรอกมันเข้าปากพร้อมกับน้ำเปล่า



ในระหว่างนั้น สายตาผมเหลือบไปเห็นถุงยาอื่นๆ นอนระเกะระกะอยู่ในลิ้นชัก



เรื่องราวในอดีตย้อนมา... เมื่อก่อนผมไม่มีเงินจ่ายค่ายาเสพติด แต่มันมีวิธีอื่น...วิธีที่ผมได้เรียนรู้จากพวกคนแถวนี้ และเคยนำมันไปใช้ตอนอยู่กับค้างฟ้า



เขาขอให้ผมเลิกยา ผมทำตาม ไม่ซื้อยาเสพติดโดยตรง...หากแต่มันมียาแก้หวัดและยาแก้ไอบางตัวที่ทำหน้าที่ได้คล้ายๆ กับผงยาสีขาวนั่น ผมสามารถใช้มันได้โดยไม่เป็นที่สงสัย เพียงผสมยาสองชนิดนี้กับยาแก้แพ้หรือน้ำดื่มบางอย่าง



ตัวยาพาให้เคลิ้มลอย หลุดจากโลกความจริงได้ชั่วคราว ค้างฟ้าไม่รู้ว่าผมใช้วิธีนี้ในแทนการเสพยา แต่หลังๆ มาผมเลิกใช้มันอย่างถาวร...จนมาถึงวันนี้



แม้มีความคิดอยากจะใช้มันอีกครั้ง แต่อีกใจผมก็ไม่อยาก



การพาตัวเองหนีออกจากโลกความจริงสร้างความสุขให้เราได้แค่ชั่วคราว แต่ที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ว่าสุดท้ายยังไงผมก็ต้องกลับมาเผชิญกับความโหดร้ายอยู่ดี



ปิดลิ้นชัก ผมล้มตัวนอนอีกครั้ง ทำตามที่กายว่าราวกับเป็นแมวเชื่องๆ



หลับตา หลับใหลไปตามลำพัง...และสะดุ้งตื่นกลางดึกเหมือนทุกที ก็เพราะแบบนี้ จะให้ผมนอนคนเดียวได้ยังไง



ผมหงุดหงิดเล็กน้อย มันน่าหงุดหงิดเสมอเวลานอนไม่พอ แต่ทำไงได้ ผมเลือกจะใช้ชีวิตอย่างนี้เอง มันอาจจะมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ เพียงแค่ผมคงคิดไม่ออก...ที่ผ่านมาก็ลองทำมันทุกทาง สุดท้ายการจบด้วยวิธีนี้ การมีเซ็กซ์กลายเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผมในตอนนี้แล้ว



ผมจมอยู่กับความคิดเก่าลอยวนในหัว ทั้งๆ ที่ติดสินใจไปแล้วแท้ๆ แต่กลับหวนย้อนคิดว่าผมทำแบบนี้แล้วมันถูกมั้ยนะ และเผลอคิดถึงเขาอย่างห้ามไม่ได้อีกแล้ว...ป่านนี้จะทำอะไรอยู่



มีความรู้สึกหนึ่งที่วูบวาบอยู่ในใจเมื่อนึกถึงภาพที่เขาตามหาผม



แต่อีกความคิดก็มากดทับมันไว้ กระซิบบอกข้างหูตัวเองว่าค้างฟ้าไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอก เราไม่ได้สำคัญต่อกันมากขนาดนั้น เขาคงหาคนใหม่แทนที่ผมได้อยู่แล้ว



เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว



ผมเองก็ควรเลิกเรื่องนี้ได้แล้ว เพราะสุดท้ายตัวเองก็ไม่ได้ต่างกัน  ผมพาตัวเองออกห่างจากเขาเพื่อที่ตัวเองจะไม่ต้องอึดอัดเวลาอยู่ร่วมกัน ไม่ต้องคอยมองหาว่าเมื่อไหร่เขาจะมาหา หลบหนีพาตัวเองมาที่ไกลจากค้างฟ้าเพื่อที่จะได้ลบเขาออกไปจากความทรงจำ



เขาคงแย่หน่อยล่ะที่เงินที่เขาส่งเสียผมเรียนมันกลายเป็นไร้ค่า แต่ผมไม่ใคร่จะสนใจเรื่องนั้น ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าค้างฟ้าให้ผมเรียนแทนเขา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องยุ่งกับงานบริหารที่บ้าน แต่ไม่มีผมยังไงเขาก็หาวิธีอื่นได้ ผมเป็นแค่หมากตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งของเขา



ผมเห็นแก่ตัวเพื่อที่จะได้ปกป้องตัวเอง จากมนุษย์เห็นแก่ตัวที่มีความคิดเพียงพยายามหาทางทำลายมนุษย์ด้วยกัน



แต่ไหนแต่ไรมา มนุษย์ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว...



การได้กลับมาอยู่ที่นี่ผมคิดว่ามันน่าจะดีกว่ารอค้างฟ้าที่ผิดคำพูดตัวเองเสมอ แต่กลับเป็นว่าอยู่ที่นี่แล้วผมฟุ้งซ่านกว่าเก่า อย่างหาสาเหตุไม่ได้ ผมไม่รู้ว่าทำไมต้องคิดถึงเขาอีก...



ตอนที่เขาพาผมออกจากที่นี่ ผมไม่มีความคิดอาวรณ์ถึงมันเลยสักครั้ง แต่พอผมออกมาจากที่ที่มีค้างฟ้า...ผมกลับเลิกคิดถึงมันไม่ได้ มันน่าหงุดหงิด ผมควรควบคุมความคิดตัวเองได้มากกว่านี้



เพียงแต่ไม่รู้ว่าตอนไหน กลางคืนที่ไม่มีแม้แต่กลิ่นของค้างฟ้าทำให้ผมอึดอัดมากกว่าเดิม...








#น้ำค้างฟ้าขุ่น

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Rumraisin ที่ 09-01-2019 01:16:28
 :katai1: หน่วงจริงอะไรจริง สงสารน้องเตยอ่ะ เราเข้าใจการนอนไม่หลับนะคะ มันน่าหงุดหงิดมาก ชีวิตไม่แฮปปี้เลย  :sad4: รอตอนหน้าจ้า น้องจะเอาไงต่อเนี่ย ขอบคุณคุณแรคคูลมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 09-01-2019 21:05:50
เตยไม่รู้ตัวว่ารักค้างฟ้า  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 10-01-2019 01:29:17
แงงงงง หน่วงมาก สงสารเตยที่ต้องเผชิญกับความรู้สึกและอาการนอนไม่หลับ
อยากให้เตยได้พบทางออกซักทีอ่ะ ไม่อยากให้ทำร้ายตัวเองไปเรื่อย ๆ
 :ling3: :ling3: :sad4: :sad4: :o12: :o12: :hao5: :hao5: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Keane ที่ 12-01-2019 13:56:21
 o13 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 13-01-2019 14:09:24
อึดอัดมาก คิดว่าจะพอร์นๆ นัวๆ แต่โหดมากค่ะ แง  :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 9 - |6.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 14-01-2019 18:48:14
หน่วงใจมาก สงสารเตย อยากน้อง อยากทำให้น้องหลุดพ้นจากฝันร้าย อดคิดไม่ได้ว่าคนที่เอายาสลบสารพ้ดชนิดให้กินคือคนในครอบครัว หรือบางทีอาจเป็นแม่ของเตยเอง ถึงได้ฝังใจจนพาเตยมาถึงจุดนี้ อยากให้พี่ฟ้าเป็นคนที่ช่วยเตย แต่มันดูยากกว่าที่คิด เพราะพี่ฟ้าก็มีแต่ปริศนา ทุกอย่างดูอึมครึมหน่วงใจไปหมด (╥_╥)
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 17-01-2019 21:41:30
10: Destroy



“มึงมันเฮงซวย!”



แรงปะทะเกิดขึ้นที่ใบหน้าของผม แรงฟาดรุนแรงจนผมเซล้ม เหลือบไปมองต้นเหตุความรุนแรงอย่างดูแคลน



“มองอะไร!”



โดนตบเข้าอีกฉาด ที่แก้มอีกข้าง ผมล้มลงนอนแนบพื้นห้อง ไร้เรี่ยวแรงต่อสู้ สมองสั่งการให้อยู่เฉยๆ คนแบบนี้ตอบโต้ไปก็มีแต่ผมที่เสียเปรียบ นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ผมจะไม่โดนมากไปกว่านี้ ถ้าแค่นอนนิ่งๆ แต่เมื่อไหร่ถ้าผมลุกขึ้นสู้ เขาจะทำร้ายผมหนักกว่าเดิม รุนแรงกว่าเดิม



แรงกระแทกจากฝ่าเท้าของเขาสู่เอวของผมทำให้ตัวผมไถลออกจากพื้นที่เดิมเล็กน้อย



หมอนั่นสบถคำหยาบ ถ่มถุยน้ำลายใส่ ผมนอนนิ่งไม่สนใจ



“กูไม่ได้จ่ายเงินมาเพื่อให้มึงมาทำตัวแบบนี้”



“ถ้างั้นเอาเงินของคุณคืนไป”



ผมว่า เพยิดหน้าไปที่โต๊ะหัวเตียงที่มีเงินจำนวนหนึ่งวางอยู่ไม่น้อย



เขากระฟัดกระเฟียดไปคว้าจำนวนเงินที่จะจ่ายให้ผมในค่ำคืนนี้คืนกลับไป พร้อมกับเดินออกจากห้องของผม



เมื่อรับรู้ว่าในห้องมีเพียงผมคนเดียวแล้วจึงค่อยๆ ชันกายลุกขึ้น จุกเสียดที่ท้องไม่เบา เกิดแผลถลอกไม่กี่ที่ ถือว่ายังไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าเทียบกับอะไรหลายๆ อย่างที่ผมเคยเจอมาก่อนหน้านี้



ไม่เป็นไร แค่นี้เอง



ผมบอกตัวเอง ลุกขึ้นยืน กุมท้องตัวเองเดินโซซัดโซเซไปนั่งตรงปลายเตียง



ถอนหายใจ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ก็เพราะตัวเองทั้งนั้น...



ผมทำเหมือนเดิม ปรับตัวเองให้คล้ายกับที่เคยเป็นอยู่ ร่านเริงเมือง ปล่อยให้คนเหยียดหยามไปทั่ว ออกไปข้างนอก หาคนนอนข้างกาย หาคนร่วมเซ็กซ์ แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือผมกลับไม่รู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับหมอนั่นเลย... มันแปลก ผมไม่เคยล้มเหลวเรื่องเซ็กซ์แบบนี้ แต่ทำยังไงผมก็ไม่อยาก ไม่มีอารมณ์ ไม่ต้องการให้เขาแตะเนื้อต้องตัว



ผมปัดป่าย ปฏิเสธสัมผัสเขา ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นคนเชิญเขามา สุดท้ายเขาก็หงุดหงิด ลงไม้ลงมือกับผม ตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำรุนแรงมากมาย ก่อนที่จะรู้ตัวว่าที่นี่เป็นห้องของผม เขาจึงเป็นฝ่ายหัวเสียออกไปเอง



เรื่องการถูกใช้ความรุนแรง ผมควรจะชิน...



คำพูดพวกนั้น ผมเคยทนได้



แต่กลับมานั่งชันเข่าไร้ความหมายที่ปลายเตียง



คิดเปรียบเทียบชีวิตว่าตอนนั้นค้างฟ้าก็ไม่เคยใช้กำลังกับผม เว้นเสียแต่ตอนที่เขาล่ามโซ่ผม แค่ครั้งนั้นครั้งเดียว เป็นการทำร้ายที่ไม่ใช่การแตะเนื้อต้องตัวด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้น...การโดนใช้กำลังเป็นเรื่องที่ผมเจอมาตลอดชีวิต คิดว่าถ้ากลับไปเจอมันอีกก็คงไม่ส่งผลอะไร



ผมคิดผิด...ผมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่รู้สึกเหมือนเดิม



มันน่าหงุดหงิด น่าหงุดหงิด



สุดท้ายก็พาตัวเองลุกขึ้น คว้าเก้าอี้นั่งในห้องมาฟาดใส่ผนัง เสียงดังโครมคราม ผนังผุเป็นรู สีผนังกร่อนออกมาเห็นเนื้ออิฐเรียงรายข้างใน ขาเก้าอี้หักออกเป็นสองท่อน ผมคว้ามันกระแทกใส่โต๊ะวางของจนข้าวของบนโต๊ะแตกละเอียด เละเทะไม่มีชิ้นดี



หอบเอาลมหายใจเข้า



ผมมีปัญญาเอาอารมณ์ลงกับสิ่งไม่มีชีวิต ทำร้ายข้าวของที่ไม่มีวันทำอะไรผมได้ เท่านั้นแหละ



เสียงทุบประตูดังขึ้นหน้าห้องพร้อมคำด่าที่ผมส่งเสียงดังตอนกลางคืน ทำให้ผมหยุดทำลายของ มองเศษซากห้องเละเทะที่เกิดจากฝีมือตัวเองอยู่ในห้อง



ทำไมผมถึงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้



ไม่รู้สึก ไม่คิดถึงอะไร ใช้เซ็กซ์แก้ปัญหาไปแต่ละวัน



ทำไมตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ทำไมถึงรู้สึกหายใจไม่ออก มันอึดอัด เหมือนเผลอทำอะไรหล่นหายไป บางอย่างที่สำคัญแต่ผมคงไม่รู้ว่ามันสำคัญ เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร



เป็นอีกคืนที่ผมนอนไม่หลับ และไม่ได้คำตอบว่าทำไมตัวเองถึงเป็นเช่นนี้






เมื่อแสงอาทิตย์แรกของวันมาถึง ส่วนหนึ่งในก้นบึ้งของจิตใจร่ำร้องให้ผมกลับไปหาเขา คนที่ผมจากมา กลับไปหาเขา ไปรับอ้อมกอดอบอุ่น ไปรับรอยยิ้ม ไปรับความสัมพันธ์ที่ไม่มีวันเป็นไปได้ แต่สุขใจเหลือเกินที่ได้อยู่ข้างเคียง



จุกเจ็บไปทั่วร่าง เจ็บแสบยิ่งกว่าบาดแผลนอกกาย คล้ายจะหายใจไม่ออก กลืนความคิดงี่เง่านี้ลงไป กดทับมันไว้ให้มิด



กล้ามเนื้อที่ถูกทำร้ายบวมเขียว แต่ผมไม่คิดจะทำอะไรกับมัน



ผมคล้ายคนสูญเสีย รอวันแตกสลาย



นั่งเหม่อมองพระอาทิตย์ค่อยๆ ขึ้นสู่เวิ้งฟ้า จนกระทั่งเสียงเคาะประตูเรียกให้ผมกลับมาสู่โลกความจริง



กายมาหาพร้อมกับตกใจร้องโวยวายที่สภาพห้องเละเทะเช่นนี้ ยังไม่ทันหายตกใจ เธอเบิกตาโตกว่าเดิมเมื่อเห็นรอยแผลของผม



“ใครทำอะไรเตย”



“ไม่มีอะไรหรอก ไม่สำคัญอะไร”



กายไม่ตอบ หลุบตาลงต่ำ สีหน้าดูไม่ดีจนผมสงสัยว่าตัวเองพูดอะไรไม่ดีออกไปรึเปล่า



“เดี๋ยวกายทำแผลให้”



เดี๋ยวนี้เธอเข้ามาหาผมบ่อยขึ้นทุกวัน มันควรจะน่าอึดอัดใจแต่ผมกลับไม่คิดเช่นนั้น ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตแท้ๆ



ผมปล่อยให้เธอออกไปซื้อยาต่างๆ และกลับมาทำแผลให้ผมด้วยสัมผัสเบามือ เธอค่อยๆ แต้มยาที่แผลถลอก ใช้พลาสเตอร์ปิดมันไว้ ย้ายไปทำแผลจุดอื่น ทายาและทายา ไม่มีคำพูดอะไรระหว่างเรา



“เตยไม่ทำแบบนี้แล้วได้ไหม”



สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายเอ่ยมาก่อน



“แปลกอะไร เมื่อก่อนเตยก็เป็นแบบนี้”



“เตยเคยเป็นแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดนี่”



“...”



“กายคิดว่าเตยเปลี่ยนไปหลังจากที่ไปกับเขา และมันก็ดีที่เตยจะเปลี่ยนแปลง ไม่ยึดติดกับอดีต”



“เตยไม่ได้ยึดติดกับอดีต”



“เตยกำลังทำอยู่!”



“...”



“กลับมาทำตัวเหมือนเมื่อก่อน เพราะไม่กล้าก้าวเดินต่อไป”



“กายไม่เข้าใจหรอก เตยทำแบบนี้เพราะมันเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว”



“เตยต่างหากที่ไม่เข้าใจ การที่เตยทำแบบนี้มันไม่ได้ทำให้เตยดีขึ้น!”



“เตยไม่ได้อยากดีขึ้น เตยแค่อยากเท่าเดิม กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน เตยเคยใช้ชีวิตแบบนั้น ผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาได้ เตยก็แค่กลับไปทำตัวเหมือนที่เคยเพราะมันทำให้เตยมีชีวิตอยู่ได้”



“เตยไม่เข้าใจ...” จากที่กายขึ้นเสียง ตอนนี้กลับเป็นว่าเธอลดเสียงตัวเองลง เบาเหมือนเสียงกระซิบ “มันไม่ใช่เรื่องแย่ที่เราจะใช้ชีวิตในรูปแบบอื่น”



“แต่พอเตยทำแล้วมันไม่ได้ดีขึ้น...เตยก็แค่กลับมาเหมือนเดิมไง”



“กลับมาเป็นแบบนี้มีแต่จะทำให้แย่ลง”



“เตยไม่เคยคิดว่าชีวิตแบบนี้มันแย่ลงตรงไหน”



คราวนี้กายนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะสะอื้นออกมา ดวงตาของกายเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำใสที่ล้นทะลัก ไหลอาบแก้มของเธอ



ผมยกมือไปปาดน้ำตาให้เธอ



“กายร้องไห้ทำไม”



“กายสงสารเตย...”



“เตยไม่ได้น่าสงสารสักหน่อย”



กายไม่ตอบ ทำเพียงสะอื้นหนักกว่าเดิม



เสียงสะอื้นไม่ได้เป็นการต่อบทสนทนาให้ผม ผมไม่ได้ตอบอะไร ปล่อยให้เธอร้องไห้ แต่แปลกที่ผมเก็บคำพูดเธอมาคิด ที่ผ่านมาผมไม่คิดว่าตัวเองน่าสงสารหรือชีวิตแย่อะไร มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มจำความได้



ที่ผ่านมาผมเคยชินกับน้ำตามากกว่าเสียงหัวเราะ จมกับการร้องไห้มากกว่ารอยยิ้ม จนกระทั่งพบว่าการร้องไห้ไม่ช่วยอะไร และการดำเนินชีวิตต่อไปแบบนี้จะทำให้ผมมีชีวิต



ตอนเด็กผมอาศัยอยู่กับแม่ แต่วันหนึ่งแม่ผมจากไปโดยไม่บอกอะไร อยู่ๆ ก็หายไปเฉยๆ ไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากบ้านโทรมๆ สอนไว้แค่การมีเซ็กซ์เพื่อหากิน วันนั้นผมโดนใครหลายคนใช้ผมเพื่อการนั้น ร้องไห้ไม่ได้ช่วยให้ใครเห็นใจ ร้องไห้มีแต่ทำให้ผมไร้เรี่ยวแรงขัดขืน ขัดขืนมีแต่ทำให้ตัวเองเจ็บตัวมากขึ้น ขัดขืนมีแต่ทำให้คนพวกนั้นหาวิธีมาทำให้ผมไม่ขัดขืน ทั้งการมัดขึง ทั้งการกรอกยา



จนผมเรียนรู้ได้ว่าไม่ควรขัดขืน และไร้ประโยชน์ที่จะเสียน้ำตา



จนผมรู้ว่าถ้าตัวเองไม่มีเซ็กซ์...ก็จะไม่มีอะไรเลย...



เป็นการกล่อมตัวเองให้ความรู้สึกผิดรูป



การมีเซ็กซ์ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีชีวิต ผมแค่เรียนรู้และใช้ชีวิตแบบที่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตได้นานที่สุดได้ก็เท่านั้นเอง...



ผมจมอยู่ในความคิดตัวเอง สักพักกายก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



“เตยอยากให้มันเป็นแบบนี้หรือ ชอบที่เป็นแบบนี้เหรอ”



“...”



“การที่เตยใช้ชีวิตแบบนี้มันอาจจะทำให้เตยคิดว่ามันดีแล้วก็ได้ แต่กายว่าเตยดูไม่มีความสุขเลย...”



“เตยมีความสุข...”



“จริงรึเปล่า”



ผมเงียบไปพักใหญ่ จ้องเธอพร้อมกับกะพริบตาเรียบเรียงความรู้สึกตัวเอง



“เตย...ไม่รู้” ผมตอบเสียงแผ่ว เอ่ยคำถามที่ตัวเองหาคำตอบไม่ได้ “...กาย เตยไม่เข้าใจว่าทำไมเตยถึงกลับมาใช้ชีวิตแบบนี้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่เตยก็เคยใช้ชีวิตแบบนี้มาโดยตลอด”



“มันไม่แปลกหรอกนะ เราไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแค่รูปแบบเดียว ตอนนี้เตยแค่ไปเจอชีวิตที่ดีกว่า”



“มันไม่ได้ดีกว่าตรงไหน เตยไม่รู้ว่าทำไม...แต่อยู่กับเขาแล้วเตยอึดอัด อึดอัดที่เขาผิดคำพูด เสียใจที่เขาไม่อยู่ แล้วก็หงุดหงิดตัวเองที่คิดแบบนี้”



“เตยก็แค่ชอบเขา”



“เตยไม่ชอบ!”



ผมเกลียดคำนี้ ทำไมใครๆ ถึงคิดว่าผมต้องชอบค้างฟ้า ทั้งกายทั้งหยกเลย





คำว่าชอบว่ารักไม่ได้เป็นความหมายที่ดีสำหรับผม แม่ผมบอกรักผมทุกวัน แต่ก็ยังใช้ผมเป็นเครื่องมือหากิน ผู้ชายแก่คนหนึ่งบอกว่าชอบผม แต่สุดท้ายเขาก็บดขยี้ผมให้แหลกเละไม่ต่างจากใครต่อใคร คำพูดนี้ก็แค่พูดให้อีกฝ่ายคล้อยตาม เหมือนกับดักของนายพราน ที่พอจับได้แล้วก็ฆ่าทั้งเป็น



แม้เคยร้องไห้ ด่าทอประชดชีวิต โทษผู้ให้กำเนิดและคนรอบตัว พาตัวเองใกล้ถึงความตาย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเสือกดิ้นรนเอาชีวิตรอด หาหลักทางให้ยังต่อลมหายใจ ปัดเอาสิ่งที่จะทำร้ายตัวเองออกไป มันก็เท่านั้น



“คำว่าชอบไม่ได้แปลว่ามันไม่ดีนะเตย”



“มันไม่ดี”



ผมแย้ง ไม่เคยมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นเมื่อมีคนพูดคำนี้กับผม



“คนที่ใช้คำพูดนี้กับเตยอาจจะทำให้เตยรู้สึกแย่ แต่มันเป็นคำที่ใช้แสดงบอกความรู้สึกเตยตอนนี้”



“...รู้สึก..อะไร”



“เตยชอบเขา...”



“เตย...ไม่ได้ชอบ”



ผมยังคงแย้ง ภายในใจร่ำร้องว่าต่อให้เป็นการแสดงความรู้สึกผมก็ไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับค้างฟ้า



“เราตกลงกันแล้ว...ว่าจะไม่มีความรู้สึกแบบนี้ให้กัน”



“มันห้ามกันไม่ได้หรอกนะเตย”



ผมก้มหน้า “มันต้องห้ามได้สิ” ยังคงเอ่ยแย้งทั้งๆ ที่ไม่มั่นใจ



กายเช็ดคราบน้ำตา ขยับตัวเข้ามาหาผม วาดอ้อมแขนโอบล้อมตัวผมไว้ แขนของกายเล็กแต่กลับทำให้ผมรู้สึกได้รับการปกป้อง และอีกหลายความรู้สึกที่ผมหาคำมาอธิบายไม่ถูก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยรู้สึกแบบนี้เลยด้วยซ้ำ แค่กอด จะเป็นใครก็กอดผมเหมือนกันไปหมดทั้งนั้น ไม่เคยมีอ้อมกอดไหนแตกต่าง...



ทำไมครั้งนี้ถึงรู้สึกอบอุ่น และนึกถึงอ้อมกอดของใครบางคนขึ้นมาเสียอย่างนั้น



“กายชอบเตยนะ...กายเคยทำให้เตยรู้สึกแย่มั้ย”



“...เตยไม่รู้”



ผมเอ่ยคำเท็จ รู้ตัวว่ากายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเธอมากขนาดนั้น ผมปรับความรู้สึกตัวเองให้เป็นเส้นตรง แต่ครั้งนี้มันสั่นสะเทือนรุนแรงอย่างห้ามไม่ได้ และมันทำให้ผมสับสน



ผมแค่อยากเชื่อว่าความคิดที่ตัวเองคิดมันถูกต้องที่สุดแล้วเท่านั้น



เพื่อที่จะไม่ต้องตกไปในบ่วงกับดักของใคร เพื่อที่ตัวเองจะได้มีชีวิตต่อไป



“เตยเหนื่อยแล้ว...นอนพักก่อนไหม เดี๋ยวกายเก็บของให้”



เธอว่า คลายอ้อมกอด ผมที่ตอนนี้ความคิดรวนจนทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่ทำตามที่เธอพูด กายดันให้ผมล้มตัวนอนบนเตียง ส่วนผมปล่อยให้กายจัดการข้าวของที่เละเทะในห้อง โดยที่ตัวเองมองผู้หญิงบอบบางคนหนึ่งจัดการเก็บขี้แทนผม



กายไม่ได้พูดอะไรขึ้นมา เธอจัดการเก็บกวาดอย่างเงียบๆ ผมเหม่อมมองเธอบ้าง มองเพดานบ้าง ทั้งห้องไม่มีเสียงพูดคุย แต่ความคิดของผมในหัวของผมเถียงกันวุ่นวายจนเหนื่อยล้า



ผมปิดเปลือกตา



ไม่ แบบนี้ไม่ได้ ไม่ แบบนี้ถูกแล้ว ไม่ใช่ แบบนี้มันไม่ดี ไม่หรอก ไม่ได้ไม่ดีขนาดนั้น แบบนี้ไม่ถูกต้อง ไม่ควรเกิดขึ้น แต่มันเป็นไปแล้ว เราห้ามได้ ไม่ เราห้ามไม่ได้



ไม่อยากยอมรับ แต่ระหว่างที่ความคิดในหัวตีกัน ใบหน้าของค้างฟ้าก็โผล่ขึ้นมา ผมคิดถึงค้างฟ้า...มากกว่าที่เคยคิดกับใครสักคน



ความโดดเดี่ยวอย่างแข็งแกร่งที่ผมภาคภูมิกำลังถูกคนในความคิดตีรวน ผมอยู่คนเดียวได้ ไม่จำเป็นต้องมีใคร โอ้อวดกับตัวเองเช่นนั้นตลอดมาหลายปี จนกระทั่งเมื่อกลับมาโดดเดี่ยวอีกครั้ง ครานี้พกใครอีกคนในความทรงจำติดมาด้วยโดยไม่ตั้งใจ



ความคิดสุดท้ายที่โผล่เข้ามาในหัว ก่อนที่จะจับใจความอะไรไม่ได้



...ผมอยากเจอเขาเหลือเกิน...











ตอนหน้าจะเป็นตอนของค้างฟ้าแล้วค่ะ TvT

#น้ำค้างฟ้าขุ่น
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 18-01-2019 00:24:49
แงง น้องบูดเบี้ยวมากจริง ๆ
อยากกอดเอาไว้แล้วปกป้องน้องง  :hao5: :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 18-01-2019 11:49:18
ตอนแรกนึกว่าแม่นี่แหล่ะจับกรอกยาสลบให้รับแขก แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ความรักของแม่แท้ๆทำร้ายเด็กน้อย มันไม่ต่างจากโดนหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุดในชีวิต มันฝังใจทรมานจนต้องกระเสือกกระสนหารอดให้กับตัวเองด้วยเซ็กซ์ น้องสับสนและไม่ยอมรับความรู้สึกที่มีให้ฟ้า เพราะกลัว ที่จะต้องแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วพี่ฟ้าก็  :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 10 - |17.1.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-01-2019 14:56:18
ชีวิตมันโหดร้ายเกิน  :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 11 - |31.1.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 31-01-2019 15:03:08
11: Dealing



เตยหายไป



ผมอาละวาดใส่เน็ตแทบบ้าเมื่อเขาให้คำตอบผมไม่ได้ ไปหอหยกเหรอ แล้วอยู่ไหนล่ะ ไอ้คนชื่อหยกก็ตอบผมไม่ได้ว่าเตยหายไปไหน เขาหายไปตอนหยกหลับ ทิ้งโทรศัพท์ไว้ ทิ้งกระเป๋าตังค์ไว้ แท็กซี่คันนั้นบอกแค่ส่งเตยลงที่ถนนเส้นหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเตยจะไปไหนต่อ



เตยหายไปไหน



บัดซบ



ผมทั้งหงุดหงิดทั้งพะว้าพะวงใจถึงขั้นสุด เตยหายไปไหน เขาไม่เคยออกไปนอกสายตาของผม



นอกจากนั้น ผมรู้สึกผิดสุดชีวิต...ผมไม่น่าทิ้งเขาไว้เลย...



รู้ทั้งรู้ว่าความคิดเตยไม่ปกติ รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองผิดคำพูดซ้ำๆ รู้ว่าไม่ควรปล่อยเขาไว้ลำพัง อาจฟังเหมือนแก้ตัว แต่ผมทำทุกอย่างไปเพื่อเตยจริงๆ



ถ้าความรักสำหรับคนทั่วไปคือรูปหัวใจ ความรักของเตยคือหัวใจที่บิดเบี้ยว เขาวาดภาพความรักด้วยรูปทรงประหลาด เตยไม่เข้าใจความรัก และเป็นผมเองที่ทำให้รูปทรงมันบิดเป็นทรงพิลึกมากกว่าเดิม... เมื่อก่อนผมหลอกใช้ความคิดเช่นนี้ของเตยเพื่อตัวเอง แต่ตอนนี้ผมพยายามทำให้เตยเข้าใจว่าความรักที่แท้จริงเป็นแบบไหน



สี่ปีก่อนผมเจอเตยในห้องน้ำชายที่ปั๊มน้ำมัน ห่างจากตัวเมืองออกไปค่อนข้างมาก ความประทับใจแรกที่เจอเตยไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่ เขากำลัง...ทำอย่างว่ากับผู้ชายอีกสองคน พอพวกนั้นเห็นผมคงเกิดความเขินอายล่ะมั้งเลยหนีเตลิดไป ทิ้งเตยไว้ให้นั่งอยู่ในห้องน้ำโสโครก พร้อมกับร่องรอยน้ำรักที่เปรอะเต็มใบหน้าสวยหวาน



“คุณทำให้ผมเสียลูกค้า” เขาว่าอย่างนั้น



และไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อสบตากับแววตาของเตย ราวกับผมโดนกับดักของสัตว์ร้ายที่แสนงดงาม ล่อลวงให้เข้าไปหา ผมพิจารณาเตยตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาดูดีมากแม้จะอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ อะไรสักอย่างบอกให้ผมเดินเข้าไปใกล้ คว้าทิชชู่มาเช็ดคราบน้ำเลอะเทอะบนใบหน้าให้เขา ก่อนจะเอ่ยถามด้วยคำที่คิดว่าตัวเองไม่ได้พูดออกไป



“มาอยู่ด้วยกันไหมล่ะ”



ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมเอ่ยชวนเขาเช่นนั้นกับคนแปลกหน้า เป็นเพียงความคิดชั่ววูบที่ผมคิดว่าตัวเองคิดในใจ แต่เสียงที่ออกไปนั้นเป็นของผมแน่ล่ะ และผมก็จ้องเขาไม่วางตา



“ได้เงินดีไหม”



ผมในตอนนั้นมีปัญหากับครอบครัว ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเรื่องการใช้ชีวิต ผมปวดหัวกับปัญหาห่วยแตก ที่พอเรียนจบแล้วเรื่องราวก็ดันงี่เง่ามากขึ้นทุกที จึงขับรถหนีออกมาตอนกลางคืนเพื่อจะหาที่ไปไกลๆ ทว่าดันจอดรถเติมน้ำมันที่นี่เสียก่อน



พอเจอเขา ทำให้เกิดความคิดหนึ่งในหัว



ความคิดเวทนาที่เห็นเป็นเขาแบบนี้จนอยากครอบครอง และประชดประชันครอบครัว



“ได้ทุกอย่าง”



เตยเหมือนสัตว์ป่า ไม่เชื่อง เขามองผมอย่างระแวง เอ่ยถามอย่างระวัง เขาเจนโลกมากพอที่จะรู้ว่าไม่มีอะไรได้มาฟรี



“แลกกับอะไร”



“ข้อกำหนดบางอย่าง เป็นของฉัน ทำตามที่ฉันสั่ง”



“ผมมั่นใจว่าทำได้ข้อเดียว”



“ข้อไหน”



“เป็นของคุณ”



“...”



“อย่างอื่นผมไม่มั่นใจ แต่ถ้าของตอบแทนมากพอล่ะก็อาจจะทำให้ได้”



“โอเค ถ้างั้นเรามาตกลงกัน”



ผมเริ่มพันธะสัญญากับเตยในวันนั้น เตยจบมัธยมหกมาปีหนึ่งแล้วแต่ไม่ได้เรียนต่อ เป็นเรื่องโชคดีตรงที่เขาค่อนข้างหัวดี ทำให้ผมพาเขาเข้ามหาลัย ในคณะที่พ่อแม่ยัดเยียดให้ผมเรียนมาตลอดได้ ผมให้เขาพักอาศัยกับผมในห้องคอนโดหรู หาห้องแยกไว้ให้ เผื่อว่าเมื่อผมจำเป็นต้องพาใครเข้ามา เขาจะได้ไม่เกะกะ



เตยทำหน้าที่ได้ดี แม้ไม่ถึงกับตั้งใจเรียน แต่ผลคะแนนเขาไม่ขี้เหร่ เตยทำหน้าที่ได้ดี ในส่วนของการปรนเปรอร่างกายด้วยเช่นกัน ผมให้เน็ตที่เป็นญาติคอยติดตามเขาอยู่เสมอเพื่อความแน่ใจว่าเตยจะไม่หนีไป เพราะไหนๆ ก็เรียนที่เดียวกันแล้ว เน็ตก็เชื่อฟังผมอย่างดี เขามักเกรงใจผมตั้งแต่เด็กๆ แล้วซึ่งผมก็ใช้นิสัยของเขาตรงนี้ในการขอร้องแกมบังคับให้เขาเป็นหูเป็นตาให้



เตยเป็นผู้ชายที่สวย ถ้าจะให้บรรยายจริงๆ ใบหน้าเขาคงใกล้เคียงกับคำว่าจิ้มลิ้ม ดึงดูดทุกเพศวัย น่าเข้าหาและน่าค้นหา ล้นด้วยเสน่ห์เพียงแค่เขาปรายตามอง ใครก็ตามที่เห็นล้วนตกเป็นทาสสายตาของเขาแทบทันที ทว่าเพราะความคิดของเตยที่บิดเบี้ยวผิดแปลกทำให้เขาไม่มีเพื่อนสักคน



ถ้าไม่นับเพื่อนร่วมเตียง



เตยดูไม่สนใจเรื่องนั้น และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมสนใจเรื่องเขา



ในสองปีแรก เราดำเนินชีวิตด้วยข้อสัญญาพันธะ รักษากฎซึ่งกันและกันเสมอ เตยเรียน มีเซ็กซ์กับผม รองรับอารมณ์ได้อย่างดีจนน่าสงสัยว่าเขามีความรู้สึกหรือไม่ สองปีให้หลังผมเริ่มเกิดความผูกพัน หลงใหลรูปร่างหน้าตาเขาจนอยากแสดงความเป็นเจ้าของมากขึ้นทุกวัน พาเขาไปสักชื่อตัวเองเพื่อที่คนอื่นจะได้รู้ว่าเขาเป็นของผม พยายามไม่ให้เขาไปที่ไหนอื่น แต่ไม่เคยทำได้ เตยไม่ใช่สัตว์เลี้ยง เขาไม่เคยเชื่อง วันไหนผมไม่อยู่เขาก็จะออกไปหาคนใหม่



อันที่จริง การที่เขาออกไปหาใครสักคนมานอนด้วยเป็นเรื่องที่เขามักทำตอนที่ผมไม่สามารถกลับไปหาเขาได้ ในทีแรก ผมไม่ติดใจอะไรมาก เขาบอกจะเป็นของผม เขาก็เป็นแล้ว มอบร่างกายให้ในยามที่ผมต้องการ



หลังจากนั้น ความผูกพันเริ่มมากขึ้นอย่างน่าสงสัย ผมไม่คิดว่าตัวเองจะต้องรู้สึกลึกซึ้งกับเตย กะอีแค่คนที่เก็บมาได้ข้างทางเท่านั้น ถึงกับต้องพาไปสักชื่อตัวเอง ทั้งๆ ที่จับจองไว้แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม ไม่รู้เลยจริงๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็รู้ว่าเตยทำงานอะไร แต่ผมไม่ชอบใจที่เขาออกไปนอนกับใครต่อใครเมื่อผมไม่อยู่



ผมถามว่าทำไมถึงต้องออกไป



เขาบอกว่านอนไม่ได้ถ้าไม่มีเซ็กซ์



ผมถามว่าทำไมอีกครั้ง



เขายักไหล่ ไม่มีคำตอบให้



ความรู้สึกต้องการกักขังไว้เกิดขึ้น และมากขึ้นทุกที...ผมอยากให้เขาเป็นของผมแต่เพียงผู้เดียว เพียงแต่ผมไม่เคยบังคับเขาได้ ผมไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา ทำได้แค่ไปตามเขากลับมาเท่านั้น



ส่วนปัญญาที่บ้าน ก็คาราราซังจนน่ารำคาญใจ



พ่อแม่บังคับให้ผมเรียนคณะที่เกี่ยวกับด้านการแพทย์ เพื่อที่จะได้มาต่อยอดธุกิจที่บ้าน ผมประชดพวกเขา ลงเรียนคณะดุริยางคศิลป์ ไม่ข้องเกี่ยวกับการแพทย์ ไม่ยุ่งกับเรื่องธุรกิจที่บ้าน ต่อต้านก้าวร้าวและหันมาทำวงดนตรีของตัวเอง



ผมหมดความอดทน อยากเททิ้งทุกอย่าง หนีไปไกลๆ แต่เพราะได้เจอกับเตยระหว่างทาง จึงทำได้แค่หนีไปอย่างครึ่งๆ กลางๆ



ผมเกิดความคิดใช้เขาประชดครอบครัว อยากได้คนช่วยธุรกิจที่บ้านงั้นเหรอ เอาคนนี้ไปสิ ผมเก็บมาได้ เรียนใช้ได้เลยล่ะ คงช่วยธุรกิจพ่อแม่ได้ไม่น้อย แต่ถ้าไม่ไว้ใจก็ให้เขาเป็นผู้ช่วยเน็ตไป ส่วนผมน่ะเหรอ ขอไประเริงสุขอยู่กับความฝันของตัวเองเถอะ



จนกระทั่งที่บ้านบังคับให้ผมแต่งงานกับเอม เพื่อผฃประโยชน์ทางธุรกิจ พวกเขาโต้กลับด้วยการบังคับหมั้นหมาย อย่างที่ผมหาทางขัดไม่ได้



เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่ดี กลับกัน เอมดีกับผมมาก เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่เด็ก เธอจบแพทย์ตามที่ครอบครัวต้องการ ส่วนผมแม้จะอยู่คนละคณะแต่เราก็ยังติดต่อหากันเสมอ



เราไม่เคยรักกันในเชิงชู้สาว และไม่ต้องการที่ถูกบังคับให้แต่งงาน



ความคิดโบราณแบบนี้ควรหมดไปเสียที



ผมไม่เข้าว่าทำไมทางบ้านต้องมาจำกัดชีวิตของผมมากมายนัก ผมเลือกสิ่งที่ผมอยากเป็นได้ ผมเลือกผู้หญิงด้วยตัวเองได้ เลือกคู่ครองเองได้ ไม่ต้องการคำบัญชาจากใคร ถึงแม้เอมจะเป็นคนดีแต่ผมไม่คิดรัก เราทั้งคู่ต่างอยู่ในวังวนแห่งความอึดอัด เธอเองก็ไม่อยากแต่งงานกับผม เราต่างอยากมีอิสระ



แล้วสุดท้ายผมก็ค้นพบตัวเองจากอ้อมกอดของเตย



ทุกปัญหาดับสูญด้วยไออุ่นของเขา เตยไม่เคยรู้ว่าเขาสำคัญกับผมมากขนาดไหน



ผมรักเตย...



อย่างน้อยในตอนนี้ผมก็กล้าพูดคำนี้



เพียงแต่มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะรักเขา และสอนให้เขาเลิกเกลียดคำว่ารัก



เขาปกป้องผมจากความอ่อนแอโดยที่เขาไม่รู้ตัว รวมถึงผมก็เริ่มมีความรู้สึกอยากปกป้องเขาจากทุกสิ่งที่เขาเคยประสบ อยากโอบกอดมอบไออุ่น ปลอบประโลมให้เขาฝันดีโดยที่ไม่ต้องพึ่งเซ็กซ์ อยากช่วยให้เขายิ้มออกมาได้จากใจ หาใช่เพื่อการค้า อยากให้เขาถอดหน้ากากและเกราะป้องกันตัวเอง ไม่ต้องแข็งข้อระแวดระวังเมื่ออยู่กับผม



อยากเป็นทุกอย่างให้เขาพึ่งพาได้ อยากพาเขาหลุดจากกรอบความคิดบิดเบี้ยว ไปสู่ความสุขที่แท้จริง กว่าจะรู้ว่าควรปฏิบัติกับเขาเฉกเช่นมนุษย์ก็เรียกได้ว่าสายไป



จนกระทั่งปีที่แล้ว ผมบอกความในใจของตนให้เขาฟัง อาจเรียกได้ว่าเป็นความพลั้งเผลอ แต่ก็ตั้งใจให้รับรู้



เพียงแต่ผมไม่คิดว่าเตยจะเกลียดคำนี้ถึงขั้นจะเป็นจะตาย เตยแสดงการต่อต้านทุกการกระทำที่ผมอ่อนโยน ตะโกนโหวกเหวกเพื่อไม่รับฟังคำพูดของผม ความคิดของเตยบิดเบี้ยวจนกู่ไม่กลับ ผมอับจนหนทางอีกครั้ง



สุดท้ายก็จบลงที่ผมบอกเขาว่าล้อเล่น เอ่ยคำลวงว่าเป็นเรื่องโกหก ใช้เอมอรมาอ้างถึง



‘พี่พูดเล่น ไม่ได้ชอบเตยหรอก วางใจได้ พี่มีเอมแล้ว’



ผมไม่อยากให้เขาเสียสติแบบนี้ แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้เขาเข้าใจคำว่ารัก



อ่อนโยนไม่ได้ เอ่ยรักไม่ได้ เตยอยากให้ผมทำรุนแรงเหมือนที่แล้วมา แต่ผมไม่อยากทำร้ายเขาอีกแล้ว อยากตระกองกอดเขาไว้ โอบอุ้มให้เขาพึ่งพิง...เตยไม่ต้องการ เรียกได้ว่าต่อต้านจนไม่สนเหตุผลอื่นใด เขามองว่าความคิดของเขาเป็นทางเลือกที่ถูกที่สุดแล้ว เป็นหลักยึดที่เขาไม่คิดจะเปลี่ยนแปลง



แขยงคำว่ารัก และไม่เข้าใจการกระทำที่ผมพยายามสื่อออกไป



‘อย่าทำดีกับผม เพราะตัวผมไม่ดีพอสำหรับคุณ’



‘อย่าใจดีกับผม เพราะสุดท้ายคุณก็จะใจร้ายไม่ต่างจากคนที่ผ่านมา’



เขาเคยกล่าว ผมอยากบอกว่าไม่จริง สรรหาคำพูดมากมายเพื่อให้เขาเปลี่ยนความคิด



แต่เตยไม่รับฟัง



ในระหว่างนั้นปัญหากับที่บ้านก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ผมเทียวไปเทียวมาระหว่างบ้านกับวงดนตรีที่ร่วมเล่นกับเพื่อน ทะเลาะกับที่บ้านเสร็จก็ไปทะเลาะต่อกับหุ้นส่วน จนดึกดื่น เหนื่อยล้าเกินกว่าจะกลับไปหาเขา และถึงแม้ผมจะพยายามถ่อตัวเองไปหาเขาเพื่อนอนกอดเขาไว้ เขาก็ไม่ต้องการเช่นนั้น



ถ้าผมกลับไปหาเตย ผมต้องมีเซ็กซ์กับเขาเท่านั้น บอกตัวเองว่าอย่าอ่อนโยนกับเขาให้มากนัก มันจะทำให้เขาเสียสติ แต่บ่อยครั้งที่ผมมักห้ามตัวเองไม่ได้ ค่อยๆ ตระกองกอดเขาไว้ในอ้อมแขนจนเตยหัวเสีย



ทุกอย่างที่ผมอยากทำกับเตย เตยไม่ชอบให้ทำ ทุกครั้งที่ผมพยายามจะอยู่ร่วมกับเตย ล้วนมีอุปสรรค แล้วจะให้ผมทำยังไง



ผมบอกเตยว่าไปหาเอม อย่างที่เตยต้องการให้มันเป็น



แต่อันที่จริง...ผมไม่ได้ไปหาเอม การหมั้นหมายของเราจะไม่มีวันเป็นไปได้ ผมเจอเตยที่บิดเบี้ยว และต้องการจะรับทุกอย่างของเขาไว้ ความปรารถนาอยากให้เตยมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นที่ผมตัดสินใจยอมละทิ้งฝัน ทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวยอมรับเตยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผม



มันน่ารำคาญ บางทีผมก็อยากหอบเขาหนีไปด้วยซ้ำ อยากให้เรื่องราวมันจบ แต่ผมก็ทำไม่ได้...



หลากหลายปัจจัยทำให้ผมติดรั้งอยู่ที่เดิมเหมือนถูกล่ามด้วยโซ่ วิ่งวนไปมาในระยะแคบๆ จะไปไกลกว่านี้ก็ไม่ได้ จะทำลายโซ่ให้พังก็ไม่สามารถ



ผมจัดการเรื่องของเตยและเรื่องของที่บ้านไปพร้อมกันไม่ไหว ไร้ศักยาภาพมากพอที่จะทำให้มันออกมาดีที่สุด กลับไปที่บ้านเตยก็ออกไปหาคนอื่น พอไปหาเตย ที่บ้านก็มีปัญหา



สุดท้าย ความคิดผมขาดสะบั้น คิดจะรั้งเตยไว้และจัดการเคลียร์เรื่องราวให้จบให้สิ้น



สุดท้าย มันแย่ลงเมื่อผมล่ามตรวนเตยไว้ราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง



เขาอาละวาด คล้ายกับตอนที่ผมบอกรักเขา สัตว์ร้ายไม่พึงประสงค์จะถูกกักขังอิสระ สัตว์ร้ายไร้ซึ่งความศรัทธาและหวาดกลัวในรัก ผมไม่รู้ว่าที่ที่เตยจากมามีสภาพเป็นอยู่อย่างไร เพียงแต่ทุกการกระทำของเขาบอกว่ามันไม่ใช่ที่ที่ดี และเพราะแบบนั้นความคิดของเตยจึงบิดเบี้ยวผิดปกติ



ผมทำผิดพลาด การทำแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้เตยยอมอยู่กับที่ การอ่อนโยนกับเตยก็ไม่ช่วยให้เตยอยากอยู่กับผม กลับกัน เตยมักรังเกียจท่าทางอ่อนโยนที่ผมมอบให้ ผมพยายามใส่ใจเขา คอยยิ้มให้เขาเสมอ แม้พยายามส่งความรู้สึกที่มีให้มากเท่าไหร่ ก็มีเพียงแต่สายตาระแวดระวังมากกว่าเก่ากลับมาเท่านั้น



ผมเสียใจ ผมรู้ว่าผมทำเขาเสียใจ แม้ไม่ต้องเห็นน้ำตาแต่ผมรู้ว่าเตยเปราะบางมากแค่ไหน



ยิ่งเสียกว่าแก้ว เขาอาจจะเป็นเศษแก้วที่ประกอบร่างขึ้นมาใหม่ ประคับประคองตัวเองให้คงรูปด้วยกาวเชื่อมประสานราคาถูก ใกล้เคียงกับคำว่าแตกสลายตลอดเวลา



สุดท้าย ทุกอย่างที่ผมพยายามประคับประคองมาถึงวันที่มันแตกสลายในที่สุด



เตยตัดสินใจหนีไป จงใจให้ผมตามหาไม่เจอ



การตามหาคนคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หากแต่รู้จักเส้นสายก็ไม่ใช่เรื่องยาก มันยากตรงที่เตยอยู่กับผมนานพอที่จะรู้วิธีหลบเลี่ยงผม เขาฉลาด ผมรู้ แต่นั่นไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าเขาจะมีความสุขกับที่อยู่ใหม่



ไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องตามหาเขาให้เจอ



ไม่ว่าอย่างไรผมก็ต้องตามเก็บหัวใจของตัวเองไว้ให้ได้











ที่ผ่านมาเราอ่านในมุมมองของเตยมาตลอด ครั้งนี้มาลองอ่านมุมมองของค้างฟ้าดูบ้างกันค่ะ

อันที่จริง ค้างฟ้าไม่ได้เป็นอย่างที่เตยคิด พี่รักน้องมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว แต่แสดงออกไปไม่ได้ เพราะเตยไม่เข้าใจ

ยิ่งแสดงออกมากเ่าไหร่ยิ่งทำให้เตยกลัว เป็นความรักที่จะบอกว่ารักออกไปไม่ได้

เราไม่ได้เขียนเรื่องนี้จากต้นเรื่อง แต่เริ่มจากกลางเรื่อง ที่ผ่านจุดที่พวกเขาตกหลุมรักกันมาแล้ว

อย่างที่ใครหลายๆ คนคิดไว้ว่าอันที่จริงแล้วเตยก็ชอบค้างฟ้า แต่น้องไม่อยากยอมรับตัวเอง เพราะเกลียดและกลัวคำนี้

ปฏิเสธมันมาเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็แตกหัก



แต่ที่อยากสื่อก็คือมุมมองความรักที่บิดเบี้ยวของเตย ความรักที่ไม่ได้เป็นความหมายในทางที่ดี

เพราะเราเชื่อว่าประสบการณ์และสถานการณ์ตั้งแต่เด็กที่แต่ละคนพบเจอมาไม่เหมือนกัน

และมันจะหล่อหลอมให้เราโตมาในรูปแบบต่างๆ



ถ้าใครไม่เข้าใจตรงไหนก็บอกกันได้นะคะ

หวังว่าตอนนี้จะเข้าใจค้างฟ้าและเตยกันมากขึ้นน้า



ปล.เรื่องนี้เขียนยากมากจริงๆ ค่ะ TvT แต่มาได้ครึ่งทางแล้วล่ะ!



#น้ำค้างฟ้าขุ่น



หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 11 - |31.1.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 31-01-2019 23:16:01
แงง เห็นใจทั้งคู่เลยค่ะ ค้างฟ้าก็ต้องแก้ปัญหาในทุกๆด้านเลย

เตยก็มีความคิดที่บูดเบี้ยวจนมองสิ่งต่างๆผิดไปหมดเลย

อยากให้พอเค้าเจอกันแล้วเอาน้องเตยไปปรึกษาคุณหมอ หรือบำบัดเลยอ่าา
เตยจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปตลอดไม่ได้ พูดแล้วก็สงสาร :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 11 - |31.1.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: yodyahyee ที่ 09-02-2019 22:50:55
พออ่านบทนี้....ก็เข้าใจอะไรหลายๆอย่างละ
เข้าใจความรู้สึกนึกคิดของค้างฟ้า รัก...แต่แสดงออกไม่ได้
เข้าใจความคิดที่บิดเบี้ยวของเตย รัก...เป็นสิ่งที่น่ากลัวในสายตาของเตย

จะรอให้เค้ากลับมาทำความเข้าใจ และรักกันได้อย่างเต็มหัวใจนะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 12-02-2019 21:56:50
12: Disappear



เน็ตกับหยกช่วยตามหาเตยอย่างเต็มที่ ถึงแม้หยกจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่เขาก็ยืนยันที่จะช่วย เขาโทษตัวเองที่ไม่สามารถรั้งเตยไว้ได้ ทั้งๆ ที่เตยมาหาเขาเป็นคนสุดท้ายก่อนจะหายไป แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขาหรอก



โอเค ผมยอมรับว่าผมไม่ค่อยชอบหยกนิดหน่อย ทำไงได้ เน็ตบอกว่าเตยมักไปหาหยกอยู่บ่อยๆ และผมที่อยากให้เตยเป็นของผมแค่เพียงคนเดียวแทบตายกลับทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองและรับรู้ว่าเตยไปไหนต่อไหนกับใคร ก็หึงนั่นแหละ แต่ไม่อยากแสดงออก กลัวเตยจะหนีไป



ข่าวคราวของเตยไม่คืบหน้า ปัญหาที่บ้านไม่สะสาง



ถึงอย่างนั้นก็มีข่าวดีอย่างหนึ่ง ผมกับเอมยกเลิกการหมั้นแล้ว



เป็นเราทั้งคู่ที่ช่วยกันคุยกับทางผู้ใหญ่ ยืนกรานว่ายังไงก็จะไม่แต่ง ผมรู้ว่าพวกเขาอยากให้พวกเราครองคู่กันเพื่อที่จะได้ประคับประคองธุรกิจไปด้วยกัน การแต่งงานจะมีสิทธิหลายอย่างที่จะช่วยเหลือได้มากกว่า แต่เราก็เสนอทางออกว่าเราสามารถช่วยเหลือเรื่องนี้กันได้โดยที่ไม่ต้องแต่งงานกัน



เรื่องนี้แลกมากับการที่ผมต้องเรียนป.โทเกี่ยวกับด้านบริหาร



มันคุ้มค่ามากพอที่จะแลก ขอเพียงแค่ให้เตยกลับมาและเข้าใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาผมไม่ได้มีเอม ผมมีเพียงเขา



ผมพักเรื่องราวที่บ้านไว้เท่านี้ ตอนนี้ที่ผมต้องทำคือตามหาเตยให้เจอ ไม่ว่าเขาจะอยากเจอผมหรือไม่ก็ตาม การที่เตยหายไปอาจจะแปลว่าเขาไม่อยากอยู่กับผมแล้ว ไม่อยากเจอหน้าผมอีก รำคาญ รังเกียจ หรืออะไรก็ตามแต่ ผมอยากเจอเขา และต้องการรู้ว่าเขาแข็งแรงมีความสุขดี



ต้องเป็นเช่นนั้น และเมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ถ้าเตยไม่ต้องการผม...ก็คงปล่อยเขาไป...



หรือไม่ก็เริ่มจีบเขาใหม่



ในใจเอนเอียงไปตัวเลือกหลังมากกว่า



ผมเชื่อว่าตัวเองจะทำให้เขามีความสุขได้ แม้ก่อนหน้านี้จะทำไม่ได้ แต่หลังจากนี้จะทำให้ได้ ขอเพียงแค่เขาไม่ปฏิเสธผม ผมก็พร้อมที่จะฝ่าฟันทุกเรื่องราว



การที่ผมรักเขาไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาของเตยที่ดึงดูดเพียงอย่างเดียว จากการที่ได้อยู่ร่วมกันมาสี่ปี ผมเห็นร่องรอยเว้าแหว่ง โดดเดี่ยว เห็นความบิดเบี้ยวในใจเขา เห็นความไม่ไว้ใจมนุษย์ เห็นความไม่ศรัทธาในรัก



ทุกอย่างที่เตยขาดหาย ผมอยากเป็นฝ่ายเติมเต็ม



ทุกครั้งที่เขาออกไปหาใครต่อใคร ผมทั้งหึงและหวง แต่ทำอะไรไม่ได้เลย ผมเป็นฝ่ายปล่อยให้เขาต้องอยู่คนเดียวเอง และเตยก็ยึดติดกับความคิดที่ต้องออกไปหาเพื่อนร่วมนอน



ทุกครั้งที่ผมอยากจะแสดงความรัก เขาต่อต้าน



ทุกครั้งที่ผมอยากจะร่วมรัก เขาร้องขอให้มันเป็นแค่เซ็กซ์



ทุกอย่างที่มันบิดเบี้ยว ผมอยากเป็นคนทำให้มันเข้าสู่เส้นทางที่ปกติ ในความหมายที่ดีขึ้น



ในทีแรก ผมคิดว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เตยเป็นแบบนี้ ปล่อยปละละเลยจนเกินเยียวยา ผมคิดทบทวนตัวเองทุกครั้งว่ามันเป็นความรักหรือความสงสาร ผมอยากช่วยเตยเพราะรักจริงหรือ



คำตอบชัดเจนขึ้นทุกวัน



ผมคงไม่สนธุรกิจที่บ้านถ้าไม่เจอเตย ผมอาจจะแต่งๆ กับเอมไป ตัดปัญหาน่ารำคาญ แต่เพราะเจอเตย ทำให้ผมรู้ว่าแท้จริงแล้วผมต้องการอยู่กับใคร และมันต้องแลกกับอะไร



แน่นอนที่สุดเมื่อเขาหายไป ผมกลายเป็นบ้าทันที



เรียกได้ว่าแทบไร้สติ เน็ตเป็นคนบอกให้ผมใจเย็น ดึงให้ผมกลับมามีสติทุกครั้งที่ผมทำอะไรไม่ถูก โวยวายไปไม่ช่วยให้หาเตยเจอ ที่ผมควรทำคืออย่าใจร้อนผลีผลาม ค่อยๆ คิดหาทางออก เราช่วยกันตามหาเตยในสถานที่ต่างๆ ที่เตยชอบไป หยกและเน็ตเองก็ออกแรงช่วยเต็มที่



แต่สุดท้ายเราก็ยังหาเตยไม่เจอ เขาไม่หลงเหลือหลักฐานอะไรไว้เลย และผมก็กลับมาโกรธตัวเองอีกครั้งที่ไม่เคยรู้ข้อมูลส่วนตัวเกี่ยวกับเตยเลยสักนิด ส่วนหนึ่งคิดว่าเพราะเขาไม่อยากเล่า อีกส่วนคือข้อมูลของเตยในช่วงก่อนที่จะมาเจอกับผมมีน้อยมาก



ผมรู้ว่าเขาเรียนโรงเรียนอะไรสมัยมัธยม ผมไปถึงโรงเรียนนั้นแล้ว แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้หาเขาเจอ ไม่มีใครรู้ว่าเตยจบแล้วไปที่ไหนต่อ เหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนที่ดีอะไรขนาดนั้น ทั้งสภาพโรงเรียนที่ทรุดโทรม ทั้งการพูดจาของคนเป็นครูที่ไม่น่าฟังเท่าไหร่ เด็กนักเรียนค่อนข้างไร้มารยาท นอกเหนือจากนั้น ผมไม่รู้อะไรแล้ว



แน่นอนว่าผมขับรถไปยังปั๊มน้ำมัน ที่ที่เคยเจอครั้งแรก หลายต่อหลายครั้ง บ่อยถี่ขึ้นจนเรียกได้ว่าไปทุกวัน แม้ว่าจะไม่เจออะไรนอกจากความว่างเปล่า รู้ว่าถึงไปกี่ครั้งก็ไม่มีอะไรตรงนั้นแต่ก็ยังดึงดันจะไป ผมคิดว่ามันเป็นที่ที่น่าจะอยู่ใกล้กับเตยที่สุดแล้ว



ผมลองขับรถวนเวียนอยู่แถวนั้น แต่ก็ไม่พบเบาะแสอะไร



ตอนนั้นผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเตยถึงมาอยู่ที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ และไม่เคยรู้ว่าก่อนหน้านี้เขาอาศัยที่ไหน เบาะแสน้อยมากจนน่าท้อใจ แต่ไม่ถอดใจ



ไปหาทั้งกลางวัน ไม่เจอก็ขับตระเวนแถวนั้น กลางคืนวนกลับมาใหม่ ไม่มีแม้แต่เงา ผมเป็นห่วงเขาแทบบ้าแล้ว



มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ ผมต้องเจอเขาสิ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม



สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ...เตยจะไม่อยู่แล้ว



ความคิดของเตยบิดเบี้ยวจนน่ากลัว ผมกลัวว่าเขาจะทำร้ายตัวเอง แค่คิดก็แทบล้ม หายใจแบไม่ออก หัวใจเหมือนโดนบีบรัดจนปวดร้าวไปหมด ผมนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว เริ่มเข้าใจความรู้สึกเตยมากขึ้น มันน่าโมโหจริงๆ เวลานอนไม่พอ



หนำซ้ำยังมีฝันร้ายซ้ำๆ ผมฝันว่าเตยไม่อยู่แล้ว...ไม่อยู่ที่แปลว่าไม่อยู่บนโลกนี้



ในฝันผมคว้าจับเขาไม่ได้ ร่างเงาบอบบางเลือนราง ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองกัน แผ่นหลังสวยสลายหายไปในอากาศ ไม่ก็ทิ้งตัวดิ่งลงไปสู่ผืนดิน ต่อหน้าต่อตา ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมคงตายทั้งเป็น



แต่เมื่อตื่นแล้วยังไม่พบความจริง ผมก็ต้องตามหาเขาต่อไป ผมเชื่อว่าเตยเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองที่ขาดหายไป



ผมคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเขา



ออกเครื่อง สตาร์ทรถ ขับวนไปยังที่ที่เขาหายไป วนไปมาอยู่อย่างนั้น  ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วันแล้ววันเล่า ส่งให้เน็ตช่วยเหลือในทางอื่น ทั้งตามหาคนหาย อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย ไม่ค้นพบ ส่งหยกไปตามย่านสถานที่บันเทิงต่างๆ ไร้ซึ่งวี่แวว ราวกับว่าเตยได้หายไปจากโลกนี้จริงๆ










ตระเวนไปจนทั่ว กระทั่งหยุดพักที่ปั๊มน้ำมันที่เดิม ผมถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า ก่อนจะดับเครื่อง ก้าวออกมาพร้อมบุหรี่หนึ่งซอง



ปั๊มน้ำมันที่นี่ยังคงเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน รกร้างสกปรก ไม่ได้รับการดูแลสักเท่าไหร่



แน่นอน ผมเดินเข้าห้องน้ำชายที่นี่ไปเป็นร้อยครั้งแล้ว ไม่มีวี่แวว ถึงอย่างนั้นการเดินเข้าไปดูรอบที่หนึ่งร้อยหนึ่งก็ไม่เสียหาย ข้างในห้องน้ำยังคงสกปรกเช่นเคย และไร้ร่องรอยของเตยเช่นเดิม ผมเดินกลับไปที่รถ แต่ก่อนที่จะพาตัวเองเข้าไปข้างในพาหนะกลับมีเสียงเรียกขึ้นมาก่อน



“พี่คะ”



เมื่อหันกลับไปหาต้นเสียง ปรากฏเป็นเด็กปั๊มที่ผมมักเจอเธอบ่อยๆ ในช่วงกลางคืน



ผมเลิกคิ้วแทนเอ่ยเสียงตอบ มองเจ้าหล่อนที่รูปร่างหน้าตาธรรมดา และคิดว่าไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน



“พี่ใช่ค้างฟ้าใช่มั้ยคะ”



“...ครับ”



แม้จะแปลกใจที่หล่อนรู้จักชื่อผม แต่ก็ตอบรับกลับไปทั้งๆ ที่ยังมุ่นคิ้วสงสัย



“หนูเห็นพี่มาที่นี่หลายวันแล้ว... ตามหาใครอยู่รึเปล่าคะ”



ผมขมวดคิ้วมากกว่าเดิม ผมไม่มีอารมณ์ในการเล่นลองใจหรือลองเชิงในตอนนี้ การที่เธอถามมาแบบนี้ไม่ต่างกับว่าเธอรู้คำตอบอยู่แล้ว ผมมาที่นี่หลายครั้ง สาเหตุไม่จำเป็นต้องเป็นการตามหาใครสักคนก็ได้ มีหลายเหตุผลให้อ้างถึงหรือนึกถึง แต่เธอกลับเลือกถามว่าตามหาใครอยู่



“ถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว?”



“...”



หญิงสาวมีท่าทีอึกอักเมื่อโดนจับได้ ผมจ้องเธอเงียบเชียบ กดดันจนอีกฝ่ายยอมเปิดปาก



“หนูชื่อกาย...” ประโยคแรกไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่ “เป็นเพื่อนของเตย...”



แต่ประโยคถัดมาทำให้ผมเบิกตาโพลง



สองขาเข้าประชันชิดอีกฝ่ายโดยที่ตัวผมเองก็ไม่ทันรู้ตัว สองแขนเอื้อมจับต้นแขนของเธอแน่น แทบจะเขย่าตัวร่างผอมบาง



“เตยอยู่ไหน”



ไม่ใช่คำตะโกน ไม่ได้ตะคอก แต่ว่าเป็นคำสั่ง บัญชาการให้เอ่ยคำตอบทันทีที่ได้ยิน



หญิงสาวตรงหน้าตกใจเฮือกใหญ่ที่จู่ๆ ผมก็เข้าคุกคามเธอ ผมปล่อยมือ แต่ยังคงยืนจ้องเขม็ง กายอึกอักเล็กน้อย แสดงสีหน้ากลัวเกรง แต่ก็เม้มปากแน่น เลือกที่จะยังไม่เอ่ยถึงสถานที่ที่เตยอยู่ ผมเห็นหญิงสาวรวบรวมความกล้าเฮือกหนึ่งเอ่ยคำถามแทนเอ่ยคำตอบ



“หนูต้องรู้ก่อนว่าพี่ตามหาเตยทำไม”



พลันหงุดหงิด ในใจงุ่นง่าน แต่ก็ยังพยายามใจเย็น หาคำตอบมาให้เบาะแสเดียวที่มีอยู่



“ผมอยากเจอเขา”



“ทำไมถึงอยากเจอล่ะคะ”



“อยากรู้ว่าสบายดีไหม อยากรู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไร อยากรู้ว่ากำลังมีความสุขอยู่หรือเปล่า”



“ถ้าพี่รู้แล้วจะทำไงต่อคะ”



“ถ้าที่นั่นเตยอยู่ไม่สบาย ไม่มีความสุขก็จะพากลับ”



“ทั้งๆ ที่เตยเลือกที่จะหนีพี่มาน่ะเหรอ”



“อืม ครั้งนี้จะดูแลให้ดีกว่าเดิม”



กายเม้มริมฝีปากแน่น เงียบไปพักใหญ่ สบตาผมเป็นระยะก่อนหลุบลง ราวกับใช้ความคิด ความเงียบลอยผ่านพวกเราอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายกายก็เป็นฝ่ายเอ่ย



“เตยกลับไปอยู่แถวที่บ้านเดิม...”



“ที่ไหน”



“บอกยาก พี่ไปไม่ถูกหรอก...”



“แล้วเตยเป็นยังไงบ้าง”



ประกายในแววตาของกายหม่นลงทันที เธอหลุบตามองพื้นไปสักพัก่อนเงยหน้าขึ้นมาตอบผม



“แย่”



เป็นคำที่ฟังแล้วยิ่งเป็นห่วง อยากเจอ



“หนูว่าเตยต้องการพี่...” เธอวรรค “แต่หนูไม่รู้ว่าพี่ต้องการเขาอยู่ไหม”



“ทำไมจะไม่ ผมออกตามหาเตยตั้งแต่วันแรกที่เตยหายไป”



“หนูรู้ หนูเห็นพี่มาที่นี่แทบทุกวัน แต่หนูก็ยังไม่มั่นใจอยู่ดี ถ้าที่ที่เตยเคยอยู่มามันดีแล้วเตยจะออกมาทำไม...ออกมาอยู่ในที่เดิมทำไม ทำตัวแบบเดิมทำไม”



“...”



“หนูไม่มั่นใจว่าพี่จะทำให้เขากลับมายิ้มเหมือนเดิมได้ไหม... แต่หนูก็ไม่มีทางเลือก เตยในตอนนี้ก็แย่จนหนูไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”



ผมนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าเตยกำลังทำอะไรอยู่ในระหว่างที่ผมกำลังหาเขา ไม่รู้ว่าเตยกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่เมื่อไม่มีผมอยู่ด้วย และผมต้องการที่จะรู้ อยากเจอเขาใจจะขาด



“เตยอยู่ที่ไหน บอกที่อยู่เตยมาสิ”



“พี่ไปไม่ถูกหรอก เอารถยนต์เข้าไปก็จอดยาก แถมยังอาจจะโดนทุบกระจกปล้นเอาของข้างในก็ได้ ถ้าจะไปก็ไปกับหนู”



“ไปสิ” ผมเอ่ยทันทีโดยแทบไม่ต้องคิด พร้อมที่จะไปเสียตอนนี้



แต่ไม่ได้ดั่งใจ กายบอกให้ผมรอเธอเลิกงานอีกสักประเดี๋ยว แม้ในใจอยากจะพุ่งไปหาเตยแล้ว แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ นั่งรอที่ริมฟุตบาท จับจ้องไปที่ร่างผอมๆ ของเธอที่ทำงานไปเรื่อยๆ ไม่ให้คลาดสายตา เพราะกลัวว่าเบาะแสเดียวจะหายไป



กายอาจจะหลอกผมก็ได้ แต่ผมไม่มีอะไรให้เสียอยู่แล้ว อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าไม่ลองทำอะไรเลย



จนในที่สุด กายก็เลิกงาน เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน



เธอบอกให้ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์เธอ และผมก็ทำตามอย่างว่าง่าย กายสตาร์ทเครื่องยนต์เก่าๆ ก่อนขับออกจากปั๊มน้ำมันไป สายลมเย็นตีพัดผ่านหน้าผม แทนที่จะรู้สึกสบายใจแต่กลับกัน ใจผมในตอนนี้รีบร้อนยิ่งกว่าสายลม นึกถึงแต่ใบหน้าของเขาจนไม่เป็นอันทำอะไร



ระยะทางออกห่างจากปั๊มน้ำมันตรงนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้จักเส้นทางนี้ หรือต่อให้รู้ ก็คงไม่คิดจะมา ถนนข้างทางเปลี่ยวและรกร้าง ไฟข้างถนนมีบ้างไม่มีบ้าง หญ้ารกขึ้นข้างทาง และอย่างที่กายว่า ถ้านำรถยนต์เข้ามาคงลำบาก ความกว้างของถนนไม่มากพอสำหรับการขับรถยนต์ หลังจากที่เข้ามาในซอยรกร้างลึกขึ้นเรื่อยๆ ผมก็เริ่มเห็นบ้านคนตั้งอยู่ริมรายทาง



กายยังคงขับรถต่อไป ครั้งนี้นอกจากบ้านคนที่ดูทรุดโทรมแล้วยังมีผู้คนบางส่วนออกมานั่งๆ นอนๆ กันแถวนี้ ผมมองทัศนียภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่ ยิ่งนึกกังวลถึงคนที่กำลังจะไปเจอ



ในที่สุดกายก็หยุดรถตรงที่ตึกแห่งหนึ่ง มันน่าจะเป็นตึกที่สูงอันดับต้นๆ ของที่แห่งนี้ เพราะส่วนใหญ่ผมเห็นแต่บ้านชั้นเดียว สถานที่แปลกตาทำให้ผมสังเกตรอบตัวไม่หยุด



กายดับเครื่อง



“ถึงแล้วหรือ”



“ค่ะ เตยพักที่หอนี้...แต่ไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่ห้องไหม” เธอกล่าว “เดี๋ยวหนูพาเข้าไปค่ะ”



ว่าจบเธอก็เปิดประตูหอพักทันที ให้ตาย หอพักประเภทไหนกัน ไม่ล็อกประตูทางเข้า แบบนี้ใครก็เข้าได้งั้นหรือ ความปลอดภัยอยู่ที่ไหนกัน ในหัวผมบ่นเรื่องนี้ยาวเหยียด แต่ไม่พูดอะไรออกไปให้กายรำคาญ เดินตามหลังเธอต้อยๆ ขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นที่เตยอยู่



กายเดินนำอย่างชำนาญทาง ก่อนหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง มือผอมเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู และพบว่ามันล็อก เธอไม่ได้ตกใจเรื่องนั้น หยิบเอาพวงกุญแจมากมายของตนขึ้นมา เลือกลูกกุญแจอันหนึ่งมาสอดเข้าไปไขประตู



ใจผมเต้นระทึก



ประตูเปิดออก ในห้องมืดมิด



ผมได้ยินเสียงถอนหายใจเบาๆ ของคนข้างๆ จึงหันหน้าไปหา กายยกยิ้มให้พร้อมเอ่ย



“เตยนอนอยู่...เข้าไปสิคะ หนูส่งแค่ตรงนี้นะ”



“อืม...” ผมไม่รู้จะตอบอะไรเธอกลับไป จึงทำได้แค่ส่งเสียงตอบรับในลำคอ “ขอบคุณ”



กายพยักหน้า “คุยกันดีๆ นะคะ อย่าทำร้ายเตย...และถ้าเป็นไปได้...พาเตยกลับไปอยู่กับคุณ ดูแลเตยให้ดีอย่างที่คุณบอก”



“ผมจะทำเช่นนั้น”



ผมบอก ก้าวเข้าไปในห้องมืดมิดและมีกลิ่นอับชื้นตีเข้ามา



กายปิดประตู ส่วนผมค่อยๆ ลากขาตัวเองไปหาร่างที่คุ้นเคยที่นอนอยู่บนเตียง ด้วยความมืดทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัด ในใจผมถามตัวเองเสมอว่าใช่เขาใช่ไหม สองขาเร่งก้าวเข้าไปหาจนถึงขอบเตียง



ผมนั่งลง ชะโงกหน้ามองคนหลับ



ทันทีที่เห็นหน้าเตย ผมแทบร้องไห้



ภาพตรงหน้าเลือนและเบลอด้วยหยาดน้ำใส ผมสูดหายใจเข้า รวบรวมสติ กลั้นน้ำตาไว้...



ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาร้องไห้ ในตอนนี้หากร้องไห้ผมจะเห็นหน้าเขาไม่ชัด ผมกลืนก้อนสะอื้นลงไป



ความรู้สึกหลายอย่างตีกันจนหาทางออกไม่ได้ แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมอดทนเฝ้ารอและตามหามันมานานก็อยู่ตรงหน้าแล้ว



ผมเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเขาอย่างแผ่วเบา เตยดูผอมลงอย่างเห็นได้ชัด ผมไล่นิ้วมือตัวเองเกลี่ยเส้นผมเขาทัดหู เพื่อที่จะได้มองหน้าเขาให้ชัดกว่านี้ ลากไล่มาจนถึงต้นคอที่ยังคงมีชื่อของผมจารึกไว้ชัดเจน ผมยิ้มอย่างอ่อนแรง



ก่อนสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนบาง ค่อยๆ ตระกองกอดเขาไว้



ซบใบหน้าตัวเองเข้ากับแผ่นหลังบอบบาง การตามหาเตยได้สิ้นสุดลง และผมก็เจอที่พักใจอีกครั้ง



ครานี้จะไม่ปล่อยให้ไปไหนอีก



ไม่ใช้โซ่ล่ามอีกต่อไป แต่จะผูกเขาไว้ด้วยความรักของผม











#น้ำค้างฟ้าขุ่น


หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 12-02-2019 22:08:36
เจอแล้ววว สู้ๆนะค้างฟ้า ช่วยเตยให้ได้
ให้เตยได้รับรู้ถึงความรักที่ดีซักที  :sad4: :sad4: :ling3:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 12 - |12.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-02-2019 22:24:05
เตยจะเปิดโอกาสให้ตัวเองหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-02-2019 17:21:27
13: Debility



ผมตื่นมาในอ้อมแขนของใครบางคน... ที่พอตั้งสติได้ก็แปลกใจ เมื่อคืนผมไม่ได้พาใครเข้ามานอนด้วย อันที่จริงผมไม่ได้พาใครมานอนด้วยมาสักพักแล้ว



ผมพลิกตัว หันไปหาคนแปลกหน้า



พลันหัวใจก็ตกลงสู่ผืนดิน



ใบหน้าของคนที่นอนอยู่ข้างๆ เป็นคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจออีก



ค้างฟ้าหลับอยู่ ไม่นานหัวคิ้วเขาก็กระตุก พลันค่อยๆ ลืมตาช้าๆ ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย ผสมปนเปกัน จนกระทั่งเขาตื่นเต็มตา ผมก็ยังไม่กล้าขยับตัว แกนกลัวเหลือเกินว่าถ้าหากสัมผัสเขาแล้ว เขาจะสลายไป ตอกย้ำว่านี่เป็นเพียงภาพฝันมายา



เพียงแต่ลมหายใจอีกฝ่ายที่รดรินมาทำให้ผมใจเต้นด้วยความระทึก ตื่นเต้นเหลือเกินหากมันไม่ใช่ความฝัน



ค้างฟ้าขยับมือมาลูบกรอบใบหน้าผมแผ่วเบา



หัวใจที่สั่นระรัวเปลี่ยนเป็นหยุดนิ่ง ชะงักจนแทบลืมหายใจ



“ตื่นแล้วเหรอ”



พร้อมกับน้ำเสียงที่คุ้นเคย ปลุกผมจากฝันร้ายยาวนาน



ผมหาเสียงตัวเองไม่เจอ ได้แต่กดหน้าตอบเขาไป แต่ก็จ้องเขาไม่วางตา แทบไม่อยากกะพริบตา กลัวเหลือเกินว่าเขาจะหายไป หากผมไม่ระวังตัว ทั้งๆ ที่เป็นคนจากมาเองแท้ๆ แต่กลับโหยหาจนแทบบ้า



ผมมองร่างกายสูงใหญ่ เขาไม่ค่อยเปลี่ยนไปเท่าไหร่นัก จะมีที่เห็นชัดก็คือแก้มที่ตอบลงไปหน่อย เส้นผมยาวขึ้นกว่าเดิม ค้างฟ้าชันตัวลุกขึ้น หันมามองผม



“เช้านี้อยากกินอะไร”



เอ่ยถามด้วยประโยคง่ายๆ ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น วันนี้ไม่ต่างจากชีวิตประจำวันทั่วไป



ผมส่ายหน้าตอบ ไม่รู้จะกินอะไร ปกติกายเป็นคนนำข้าวมาให้ และผมก็แค่กินข้าวกล่องที่กายเลือก ถ้าวันไหนกายไม่มา ผมก็ไม่กิน ไม่มีความอยากออกไปไหนอีกแล้ว แม้กระทั่งออกไปกินข้าวก็ตาม



ค้างฟ้าเดินวนรอบห้องผมอยู่พักหนึ่ง ส่วนผมก็มองเขาไม่วางตา



“ค้างฟ้า...” หลุดปากพูดชื่อออกมา



ชื่อที่แสนคะนึงหา...



เจ้าของชื่อหยุดเดิน หันมาสบตาผมพร้อมกับยกยิ้ม รอยยิ้มของค้างฟ้า...ผมไม่เคยสังเกตว่ามันอบอุ่นจนแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายได้ขนาดนี้ ไม่เคยรู้ว่ามันเจิดจ้าจนแสงอาทิตย์ในตอนนี้ส่องแสงสู้ไม่ได้



“ครับ” เขาตอบรับ ส่วนผมไม่มีคำพูดไหนไปตอบโต้



ค้างฟ้าหยุดการสำรวจห้องผม เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการเดินพุ่งตรงมาที่เตียง ที่ที่ผมนั่งอยู่



เมื่อเขาก้าวถึงตัวผม โลกตรงหน้าพลันมืดลง แต่มีกลิ่นหอมที่คุ้นเคย และไออุ่นที่แผ่ซ่าน เขากอดผมไว้แน่น ใบหน้าของผมฝังลงกับแผ่นอกของเขา แขนสองข้างของค้างฟ้ารัดผมแน่นขึ้นเรื่อยๆ ผมที่คล้ายว่ากำลังถูกเขาบีบอัดกลับไม่รู้สึกเจ็บหรือต่อต้านเลยสักนิด



กอดผมอีก แรงมากกว่านี้อีก ให้รู้ว่าผมยังมีชีวิต ให้รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้



ใช้เวลานานกว่าผมจะรวบรวมกำลังแรงแขน เอื้อมโอบกอดเขากลับ ซุกไซร้ใบหน้ากับผืนอก คลอเคลียอย่างคุ้นเคย ออดอ้อนเขาตามสัญชาตญาณเก่า



ในหัวผมมีแต่คำว่าค้างฟ้า ค้างฟ้า ค้างฟ้า



และเขาก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว รูป กลิ่น เสียงที่คุ้นเคยและโหยหามาโดยตลอด



พอคิดอย่างนั้นแล้วก็น่าสมเพช ทั้งๆ ที่หนีออกมาเองแท้ๆ กลับมารู้ตัวว่าต้องการเขามากยิ่งกว่าสิ่งไหนก็ตอนนี้ ความรู้สึกที่มีต่อค้างฟ้าถูกสลักลึกลงไปในหัวใจ นานจนเอาออกไม่ได้ แม้จะไม่เข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรก็ตาม



แค่เพียงตอนนี้ หัวใจไม่ปวดแล้ว หายใจเป็นปกติแล้ว



ผมหลับตาลงในอ้อมกอดของเขา



สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่เลื่อนมาลูบหัวของผมอย่างอ่อนโยน เบาบางแต่อ่อนละมุนราวกับขนนก



สัมผัสแบบนี้ ผมไม่แน่ใจว่าเคยพบเจอไหม



แต่ว่า...รู้สึกดีจัง...



ขณะที่หลับตา ผมได้ยินเสียงกระซิบของค้างฟ้าชื่อผมวนไปวนมา



เตย เตย เตย เตย



...เตยอยู่นี่ ผมตอบเขาในใจ เอนรับสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือใหญ่



“เตย...ผอมลงไปเยอะเลยนะ ได้กินอะไรบ้างไหม”



“ก็กินบ้าง...”



“งั้นเช้านี้ไปหาอะไรกินกัน แถวนี้มีอะไรกินบ้าง”



ผมเงียบไปสักพัก “เดี๋ยวเตยไปซื้อมาให้”



ก่อนจะโดนขัดด้วยเสียงดุ “ไม่ต้อง...ถ้าจะไปก็ไปด้วยกัน”



ผมเม้มปากแน่น ไม่อยากให้เขาออกไปจากที่นี่เลย ไม่อยากให้เขารับรู้เรื่องโสมมที่ผมเคยทำ ไม่เข้าใจว่าทำไม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้แคร์



“พี่กลัวเตยหายไป...” เขาสารภาพ ก่อนที่ทั้งห้องจะตลบไปด้วยมวลความเงียบพักใหญ่



“แถวหน้าซอยมีร้านตามสั่ง...” ผมยอมเอ่ยตัดความเงียบ “แต่พี่ฟ้ารออยู่ที่นี่-“



“ไปด้วยกัน”



มันเป็นคำสั่งมากกว่าคำเชิญชวน ผมกดหน้ารับไปอย่างช่วยไม่ได้ ขัดใจค้างฟ้าน่ะหรือ ปกติแล้วผมก็ทำไม่ค่อยได้อยู่แล้ว...



พวกเราใช้เวลาเตรียมตัวเล็กน้อย ส่วนผมใช้เวลาในการทำใจอย่างยากลำบาก ก่อนจะออกจากหอพัก ไปเผชิญโลกที่ตัวเองเข้าไปคลุกเขรอะจนโสมม



ก้าวแรกหนักอึ้ง ค้างฟ้าจับมือผมไว้ ถึงได้เดินต่อไปได้



ระยะห่างออกจากหอเพียงไม่กี่เมตร ผมก็เจอคนคุ้นหน้านั่งอยู่รายทาง



“อีเตย ผัวใหม่มึงหรือ ก็ว่าไม่ค่อยมาหากูเลยนะ”



“น้องเตย ลีลาพี่ไม่เด็ดพอเหรอจ๊ะ ถึงได้ไปเอาไอ้หน้าจืดนี่”



“อ้าวอีเตย ไม่เจอตั้งนานได้ผัวใหม่แล้วเหรอ”



และอีกสารพัดถ้อยคำถาโถม ผมได้แต่ก้มหน้าก้มตาก้าวเดินต่อไป ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนข้างกาย เพราะอย่างนี้ถึงไม่อยากออกจากห้อง และไม่อยากให้ค้างฟ้าออกมารับรู้ว่าสกปรกของตัวเอง



หัวใจเหมือนถูกบีบรัด หายใจไม่ทั่วท้อง ผมกลายเป็นคนคิดมากตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทั้งๆ ที่ไม่เคยสนใจเรื่องแบบนี้แท้ๆ ทำไมต้องกังวลกลัวว่าค้างฟ้าจะรังเกียจ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาก็รู้ว่าผมไปนอนกับคนอื่นตั้งมากมาย



ไม่รู้ทำไม แต่ผมไม่อยากให้ค้างฟ้ารู้จักผมในด้านนี้เลย



ใช้เวลาไม่นานในการเดินไปหน้าปากซอย แม้ว่าจะโดนค่อนแคะตามรายทางมาเรื่อยๆ จนทำให้เวลาเหมือนเดินช้ากว่าเดิมก็ตาม เราหยุดอยู่หน้าร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำของผม สาเหตุก็เพราะมันอยู่ใกล้และราคาไม่แพงเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ช่วงหลังมาผมหลีกเลี่ยงการออกจากหอ จึงมีเพียงข้าวกล่องของกายหนึ่งมื้อประทังชีวิตไว้ไปวันๆ



เจ้าของร้านเห็นหน้าผม ตะโกนถาม



“อีเตย ไม่เห็นหน้าตั้งนาน คนข้างๆ นั่นผัวใหม่มึงเหรอ”



ผมไม่ตอบอะไร แต่ค้างฟ้ากลับพูดออกไป



“ขอข้าวผัดหมูสองจาน ใส่กล่องกลับบ้านครับ”



เอ่ยสั่งรายการอาหาร เจ้าของร้านเหมือนจะเอ่ยอะไรอีก แต่ก็ปิดปาก หันหน้าไปทำตามรายการอาหารที่สั่ง










จนถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้พูดกับค้างฟ้าสักคำ ค้างฟ้าเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับผมเช่นกัน มันอึดอัด...อึดอัดมากๆ เสียจนอยากจะร้องไห้



ผมไม่รู้ว่าค้างฟ้ามาหาผมทำไม แต่ผมดีใจที่เขามาหา ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าค้างฟ้าจะดีใจที่เจอผมไหม เขาหาผมเจอได้ยังไงผมก็ไม่อาจรู้ ผมอาจจะไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจจนเขาต้องออกมาหาถึงที่ก็ได้



ระหว่างทางเดินกลับมีแต่ความคิดลบเต็มอยู่ในหัว



ถ้าครั้งนี้ค้างฟ้ามาแล้วจากไป ผมจะทำอย่างไรดี... ผมมีสิทธิ์จะจับมือรั้งเขาไว้อยู่ไหม ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายจากมาก่อนแท้ๆ



ค้างฟ้าเดินนำทาง มือข้างนึงหิ้วกับข้าวส่วนอีกข้างจับมือผมแน่นไม่ปล่อยให้หลุดมือแม้แต่ครั้งเดียว ผมได้แต่ก้มหน้างุด ไม่รู้เลยว่าถึงหอพักตอนไหน



และระหว่างเรายังคงเงียบงัน



ค้างฟ้าเปิดประตูเข้าห้อง มองดูสภาพโดยรอบก็ถามถึงโต๊ะทานข้าว ผมบอกเขาอ้อมแอ้มไปว่าไม่มี...เพราะผมเพิ่งทำมันพังไป และกลายเป็นว่าผมเกรงใจที่สถานที่ที่ผมอยู่ไม่สามารถเอื้ออำนวยความสะดวกให้ค้างฟ้าได้



ค้างฟ้านั่งลงบนพื้นห้อง หยิบข้าวกล่องออกมาสองกล่อง



“เอ๊ะ เราลืมซื้อน้ำมาด้วย ห้องเตยมีน้ำไหม”



ผมหันไปมองขวดน้ำหนึ่งลิตรที่พร่องไปครึ่งขวด ขวดน้ำนี้กายก็เป็นคนเอามาให้เช่นกัน



ค้างฟ้าไปหยิบมันมาวางข้างๆ อย่างไม่ใคร่ใส่ใจ



ผมละอายใจเหลือเกิน



“พี่ฟ้า...มาที่นี่ทำไม”



กว่าจะทำใจรวบรวมคำพูดเอ่ยออกไปก็ยากลำบาก



ค้างฟ้ายกยิ้มให้ “เตยกินข้าวก่อน แล้วพี่จะเล่าให้ฟังนะ”



ไม่ว่าเปล่า เขาตักข้าวผัดในกล่องมาหนึ่งคำ ยื่นจ่อหน้าผม...



การกระทำเช่นนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่ผมมักรู้สึกประหลาดกับการกระทำเช่นนี้เสมอ ไม่เคยมีใครมาป้อนอะไรดีๆ ใส่ปากผมบ่อยนักหรอก และผมรู้ว่าค้างฟ้าก็แค่ป้อนข้าวผัดที่ไม่ได้มีพิษมีภัย แต่มันก็แค่ไม่ชิน...



ผมอ้าปากงับช้อนที่เขาส่งมา



เคี้ยวอาหารในปากจนย่อยเป็นชิ้นเล็กก่อนกลืนลงคอ ไม่นานค้างฟ้าก็ป้อนคำใหม่มาให้



เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งข้าวหมดกล่อง



ผมกินเองก็ได้แท้ๆ แต่กลับไม่เอ่ยแย้ง ปล่อยตัวเป็นง่อย อ้าปากรับข้าวในช้อนของเขาราวกับเป็นผู้ป่วยดูแลตัวเองไม่ได้ เมื่อก่อนผมเคยบอกว่าไม่ชอบแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมให้เขาดูแล...



ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง



แต่เมื่อข้าวหมดกล่องแล้ว เขาก็ยื่นน้ำมาให้ผม ก่อนจะลงมือกินข้าวกล่องของตัวเอง ยังไม่ถึงเวลาตอบคำถาม ผมรอให้ค้างฟ้ากินข้าวในกล่องโฟมจนหมด รอจนเขากระดกยกน้ำดื่มเสร็จสรรพ จนกระทั่งห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง



ค้างฟ้าไม่พูดอะไร แต่จ้องหน้าผมไม่วางตา



ส่วนผมไม่กล้าแม้แต่จะเริ่มพูดอะไรเสียที ใช้เวลาทำใจนานเกินไปแล้วมั้ง...



ทำไงได้ ผมไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ที่นี่แบบกะทันหันเช่นนี้มาก่อน ตื่นมาก็เจอค้างฟ้านอนอยู่ข้างๆ ทั้งหัวใจทั้งสมองผมก็ตื๊อไปหมด มีทั้งความสงสัยทั้งความวิตกกังวลอยู่ในหัวจนเริ่มกลัวที่จะรู้ความจริง



“พี่ฟ้า...” ผมเอ่ยได้แค่นั้นก็เสียงสั่นจนเอ่ยประโยคถัดมาแทบไม่ได้ “...มาทำไม”



เขายิ้มให้ ภายใต้รอยยิ้มของเขาไม่เหมือนรอยยิ้มที่ผมเคยเจอ มันบริสุทธิ์ และดูจริงใจ ต่างจากพวกคนข้างล่างโดยสิ้นเชิง ผมไม่เคยสังเกตรอยยิ้มของเขาดีๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนี้มานานแล้วหรือค้างฟ้าเพิ่งยิ้มแบบนี้เป็นครั้งแรก



ก่อนหน้านี้เขายิ้มยังไงนะ ทำไมผมถึงได้หวาดกลัวรอยยิ้มอันอบอุ่นเช่นนี้ของเขา



“พี่มาหาเตย”



“มา...ทำไม...”



“มาพาเตยกลับไป”



“ไปที่ไหน...”



“ที่เดิม...ที่เตยหนีมา”



“ทำไม...”



“พี่อยู่ไม่ไหวถ้าไม่มีเตย”



“ทำไมล่ะ...พี่ฟ้ามีคุณเอมอยู่แล้วนี่”



ผมห้ามตัวเองให้เสียงไม่สั่นไม่ได้เลยจริงๆ จากที่เคยคิดว่าความรู้สึกอ่อนแออ่อนไหวแบบนี้ผมสามารถกดมันลงไปให้อยู่ลึกที่สุดของหัวใจได้ แต่ตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง พอมีเขาอยู่ตรงหน้า ผมกลับแสดงความอ่อนไหวออกมาโดยไม่จำเป็น แต่ก็บังคับอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ไม่เหมือนแต่ก่อน



ราวกับว่า พอได้เจอเขา ทุกอย่างที่เคยทำได้ก็ล้มเหลวไปหมด กลายเป็นไอ้ไก่อ่อนเงอะๆ งะๆ น่ารำคาญ



“พี่ไม่เคยมีคุณเอมมาตั้งแต่แรกแล้ว”



ค้างฟ้าเริ่มเอ่ย ประโยคที่ทำให้ผมชวนสงสัย



“ที่ผ่านมา พี่มีแค่เตย...ที่บอกไปหาคุณเอมน่ะ...ก็แค่ข้อแก้ตัว”



เขาเริ่มเล่าเรื่องออกมาทีละนิด เรื่องราวถูกปล่อยออกมาทีละน้อย ผมฟังเขาพร้อมคิดตาม บางทีก็คิดจนใจลอย ค้างฟ้าเรียกสติผมให้กลับมาฟังเขาต่อ โดยที่ไม่มีอารมณ์หงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย ผมที่ใจลอยไปกับแทบทุกประโยคของค้างฟ้าทำให้บทสนทนายืดยาวกว่าที่ควรจะเป็น



“พี่รักเตย”



เป็นคำที่ทำให้ใจผมลอยไปไกลอยู่นาน



ค้างฟ้าไม่ได้มีคุณเอมเหรอ?



เขาชอบผมเหรอ?



ชอบ...ในแบบที่ไม่ได้แปลว่าจะทำร้ายงั้นหรือ



ปัญหาที่บ้าน? เขาใช้ผมเป็นเครื่องมือใช่ไหม?



แต่ค้างฟ้าก็บอกว่าหลังจากนี้จะไม่ให้ผมเข้าไปยุ่งเรื่องของเขาแล้ว



เน็ตกับหยกช่วยกันตามหาผม?



ค้างฟ้าขอให้ผมกลับมาอยู่กับเขา



จะเป็นไปได้หรือ?



“เตย?” ผมสะดุ้งจากภวังค์ “ฟังอยู่รึเปล่า”



“ฟัง...อยู่” ผมตอบ ทั้งๆ ที่ไม่แน่ใจว่าประโยคเมื่อครู่เขาพูดถึงอะไร



เขายิ้มน้อยๆ โยกหัวไปมา เหมือนจะรู้ว่าผมไม่ได้ฟัง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร



“ถ้างั้นมาอยู่กับพี่นะ” เขาเอ่ย



ผมนั่งมองใบหน้าของเขานิ่ง “กลับมาอยู่ด้วยกันนะ”



“ได้หรือ?” ผมถามเขากลับ “ทั้งๆ ที่ผมไม่มีอะไรให้เลยเนี่ยนะ”



“เตยมี... พี่อยู่กับเตยแล้วมีความสุข มาเป็นความสุขของพี่ได้ไหมครับ”



ผมก้มหน้านิ่ง



ความสุขคืออะไรกันแน่



ผมที่ยังไม่เคยค้นพบคำนี้กลับถูกใครบางคนบอกว่าตัวเองเป็นความสุขให้เขา... ผมสับสนไปหมดแล้ว



“ผมไม่เข้าใจ...” ผมตอบตามตรง “ผมกลับไปแล้วพี่ฟ้าจะได้อะไร ข้อตกลงนั่นเราต่างก็ไม่มีใครทำได้ ไม่มีใครได้ผลประโยชน์อะไรต่อกัน ผมไปมีแต่จะเป็นภาระให้พี่ฟ้าเปล่าๆ”



“ขอแค่เตยอยู่ด้วย ก็ช่วยพี่ได้มากแล้ว”



“เตยจะไปทำอะไรได้...”



พลันนึกถึงข้อดีข้อเดียวที่ตัวเองมี เข้าใจแล้ว เขากำลังเริ่มข้อตกลงใหม่ใช่รึเปล่า



“พี่ฟ้าหมายถึงเราจะทำข้อตกลงกันใหม่ใช่ไหม ให้ผมเป็นคนของพี่เหมือนเดิม มีอะไรกันตอนที่พี่ฟ้าต้องการ อย่างนั้นใช่ไหม”



“ไม่ใช่”



เขาเอ่ยเสียงดัง ไม่ใช่การตวาด แต่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ผมสะดุ้งเล็กน้อย ค้างฟ้าขมวดคิ้วเป็นปม ทำหน้าคล้ายจะดุแต่ก็เหมือนจะสับสน



เขาถอนหายใจ ทิ้งตัวใส่ผม วาดอ้อมแขนกอดผมอีกครั้ง



“พี่อยากอยู่กับเตย...แบบคนรัก”



ผมขมวดคิ้วแน่น บอกตัวเองว่าไม่เข้าใจคำนี้ ให้ถอยห่างออกมาจากคำนี้ ทว่าความรู้สึกอะไรบางอย่างกลับจุกอยู่ในอกจนทำอะไรไม่ถูก



“พี่รักเตย อยากทำให้เตยมีความสุข”



“ตอนนี้...เตยก็มีความสุข...ดีอยู่แล้ว” จู่ๆ มันก็ยากที่จะบังคับเสียงไม่ให้สั่น



เขาผละตัวออกมายิ้มให้ผม



“ถ้างั้นพี่จะทำให้เตยมีความสุขยิ่งขึ้นไปกว่านี้”



พร้อมก้มมาจุมพิตที่หน้าผาก สัมผัสนุ่มละมุนอุ่นวาบจนตัวผมสั่นสะท้าน ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้เรียกว่าอะไร ใช่ความรักเหมือนที่หยกกับกายพยายามพร่ำบอกกับผมไหม



เป็นความรู้สึกที่แปลกหน้าเหลือเกิน



ผมหาคำตอบไม่ได้ ต่อบทสนทนาไม่ได้



ทั้งห้องเงียบสนิท ค้างฟ้ากอดผมไว้แน่น



คำพูดของเขาแค่ไม่กี่คำ...ดันให้การกระทำที่ผมกักเก็บมันไว้ตลอดหลายสิบปีพุ่งทะยานทะลักออกมา



ภาพตรงหน้าเริ่มเบลอไปด้วยหยดน้ำตา ไหลออกมาเป็นหยาด



ในห้องที่เงียบสงัด มีแต่เสียงร้องไห้ของผมที่ดังไม่หยุด



เสียงร้องไห้ใสบริสุทธิ์ราวกับเด็กทารกแรกเกิด เสียงดังไม่เป็นภาษา หวีดเสียงแหลมปะปน ผมจิกเสื้อของเขาแน่น ราวกับค้นพบที่พึ่งพิงที่สุดท้ายก่อนร่วงลงไปในหุบเหว



ปล่อยให้อารมณ์ของตัวเองทะลักล้นออกมา









ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้ และยังไม่ทอดทิ้งพี่ฟ้ากับน้องเตยมาจนถึงทุกวันนี้นะคะ

หวังว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนจบเรื่อง คอยเอาใจช่วยทั้งคู่ไปด้วยกันน้า

ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจมากจริงๆ ค่ะ


#น้ำค้างฟ้าขุ่น

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 18-02-2019 20:46:12
น้องเตยจะมีความสุขแล้ว ขอให้เตยสัมผัสถึงความรักพี่ฟ้าได้มากๆนะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-02-2019 20:48:43
จากนี้ไปเตยคงยิ้มได้ทั้งปากและตาแล้วสินะ :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 13 - |18.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 19-02-2019 01:59:06
เตยเริ่มคลายปมแล้วว
หวังว่าเตยจะได้เข้าใจความรักแบบที่ไม่เคยเจอซักทีนะะ  :sad4: :sad4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 24-02-2019 14:18:46
14: Destiny



ค้างฟ้าไม่พูดอะไร ปล่อยให้ผมร้องไห้โฮแต่ก็กอดผมไม่ปล่อย ลูบหัวลูบหลังคล้ายปลอบขวัญเด็กน้อย ผมไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว พอร้องทีก็หาวิธีหยุดไม่ได้ ได้แต่ร้องไห้ไปเรื่อยๆ ปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้มานานแสนนานไหลออกไปไม่หยุด ร้องจนเสียงที่เคยแผดดังลดเหลือเพียงการสะอื้น ร้องจนปวดตาไปหมด



เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการร้องไห้ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย



แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นก็ตาม



ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมร้องไห้ทำไม รู้แค่มันเก็บไว้ต่อไม่ได้แล้ว ร่างกายต่อต้านการกระทำแบบกักเก็บ บางทีมันอาจจะไม่มีพื้นที่เหลือให้เก็บความรู้สึกอีกแล้ว คล้ายเขื่อนทำนบแตก ผมร้องไห้น้ำตาไหลไม่หยุด ร้องไห้จนเหนื่อย



สุดท้ายเสียงร้องไห้ก็หายไป น้ำตาที่ไหลเป็นสายก็เหลือเพียงคราบหยาดน้ำเกาะที่แก้มเจือจาง



ผมสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของค้างฟ้า เหมือนตัวเองเป็นเด็กไม่ได้เรื่องคนนึง



เขาลูบหัวผมไม่หยุด แม้ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ผมรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาที่มอบให้ จริงใจและบริสุทธิ์ การกอดเพื่อปลอบประโลมไม่ใช่เพื่อเล้าโลม ช่างแตกต่างอะไรกันขนาดนี้



เมื่อการร้องไห้ที่หนักหน่วงได้จบลง ผมทำอะไรไม่ถูก แช่ค้างอยู่ในอ้อมกอดเขา ค้างฟ้ายังคงลูบหัวผมเบาๆ



“เหนื่อยไหม”



เขาถาม เมื่อเวลาพาความเงียบมาเยือนได้สักพัก



ผมพยักหน้าตอบในอ้อมแขนของเขา ยังคงไม่อยากผละตัวออกมาจากอ้อมกอดอุ่นที่แสนคิดถึง



“เหนื่อยก็พักนะ อยากนอนไหม”



ผมไม่ตอบ แต่เริ่มจะตาปรือ ค้างฟ้าเห็นผมเงียบไปจึงอุ้มผมขึ้น พาผมไปยังเตียงนอนใกล้ๆ เราล้มตัวแผ่อยู่บนฟูกแข็งๆ นี่ด้วยกัน เขาหันหน้ามาจ้องหน้าผมพร้อมวาดรอยยิ้มเบาบาง



มือใหญ่เอื้อมมาลูบใต้ตาของผมที่บวมช้ำจากการร้องไห้



ผมเพิ่งสังเกตว่าที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขาไม่มีแหวนสวยมาครอบครองแล้ว



“พี่ดีใจนะ ถ้าเตยร้องไห้เพราะพี่”



“เตย...” ผมตอบได้แค่นั้นก็หาเสียงตัวเองไม่เจอ การร้องไห้เมื่อกี้ทำเอาน้ำในตัวผมแห้งเหือดไปหมด ไม่เหลือแม้แต่น้ำลาย คอแห้งอย่างไม่รู้ตัว



ค้างฟ้าไม่รอช้า เขาลุกไปหยิบขวดน้ำที่วางไว้ข้างข้าวกล่องขึ้นมา นำมันมาให้ผม



เพราะไม่มีแก้วน้ำ จึงต้องดื่มมันจากขวดโดยตรง



“เตย...ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าร้องไห้ทำไม” ผมเอ่ยบอกเขา



“งั้นหรือ...เตยเสียใจอยู่รึเปล่า”



เสียใจงั้นหรือ ผมอยู่กับความรู้สึกนี้มาชั่วชีวิต แน่นอนว่าไม่ใช่ความรู้สึกนั้นที่ทำให้ผมร้องไห้



ผมส่ายหน้า



“ถ้างั้นก็ดีใจ?”



“ถ้าดีใจผมจะร้องไห้ทำไม”



“ดีใจก็ร้องไห้ได้ หรือถ้าไม่ใช่เรื่องนั้นก็อาจจะเป็นการปลดปล่อย”



งั้นหรือ... ผมเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับไป ค้างฟ้าก็ไม่คาดเค้น ยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ เช่นเดิม



“ยังไม่ต้องคิดอะไรมากก็ได้ เตยคงจะเหนื่อย พักผ่อนก่อนก็ได้”



เขาบอก เสมือนเป็นคำอนุญาต ผมปิดเปลือกตาลง คราวนี้การหลับใหลไม่ได้ยากเหมือนที่ผ่านมา ผมจมดิ่งสู่ห้วงแห่งความมืดมิด ไร้เสียง ไร้ภาพใด แต่สัมผัสได้ว่าค้างฟ้ายังคงอยู่ข้างกายไม่ห่าง



ผมรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่พระอาทิตย์ลอยอยู่กลางหัว



ค้างฟ้ายังคงนอนอยู่ข้างผมไม่ไปไหน บ่งบอกว่าผมไม่ได้ฝันไป พอผมขยับตัวเขาก็หันมามองผม พร้อมมอบรอยยิ้มให้เช่นเดิม



ทำไมกันนะ... ทำไมจู่ๆ ผมก็คิดว่าถ้าตื่นมาแล้วได้เห็นรอยยิ้มของเขาแบบนี้ไปตลอดก็คงดี



แต่ผมเรียนรู้ตลอดมาว่าตลอดไปไม่มีจริง



“หลับสบายไหม” เขาถาม พร้อมกับหยิบน้ำเปล่าที่เทใส่แก้วกระดาษยื่นมาให้ผม เสมือนว่าคำถามก่อนหน้าไม่ได้สำคัญอะไร ผมจึงไม่ได้ตอบ จิบน้ำที่เขารินให้ดื่มอย่างเงียบๆ



ค้างฟ้าคงออกไปซื้อตอนผมหลับ ว่าแต่เขารู้จักร้านสะดวกซื้อได้ยังไง



อันที่จริงผมก็สงสัยบางอย่างอยู่สักพักแล้วเหมือนกัน



“พี่ฟ้า...หาเตยเจอได้ยังไง”



“เพราะพี่ไม่เคยหยุดหาเตย” เขาตอบ คำตอบของเขาทำให้ผมใจกระตุก ค้างฟ้ายกยิ้มอีกครั้ง “พี่เจอเพื่อนเตย ที่ชื่อกาย เธอเป็นคนพามา” ก่อนเฉลยความจริง



ผมพยักหน้า



“แต่ที่บอกว่าไม่เคยหยุดหาเตยนี่พี่พูดจริงนะ” เขาว่า “พี่ตามหาเตยตั้งแต่วันแรกที่เตยหายไป หาจนไม่รู้จะทำยังไงแล้วพี่ก็เลยไปที่ปั๊มน้ำมันที่เราเจอกันครั้งแรก ไปบ่อยจนกายจำได้ ก็เลยได้เจอเตย”



เอ่ยเรื่องราวพร้อมรอยยิ้ม



ผมไม่ได้เจอเขามา...เดือนกว่าแล้วมั้ง นั่นหมายถึงตลอดเดือนที่ผ่านมาเขาเอาแต่ตามหาผมอย่างนั้นหรือ



“เตยสำคัญอะไร ไม่ต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้นี่” ผมว่า “ก็แค่คนคนหนึ่งหายไปจากโลก ไม่ได้ทำให้โลกที่เป็นอยู่แย่ลงหรอก”



“ก็ใช่ที่โลกใบนี้คงไม่ได้รับผลกระทบอะไร แต่สำหรับพี่มันไม่ใช่...เตยหายไป มันส่งผลต่อพี่...มาก” ค้างฟ้าว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ลงเสียงหนักเน้นย้ำคำสุดท้าย “เตยสำคัญสำหรับพี่ เพราะอย่างนั้นพี่ถึงได้ตามหามาตลอด”



“ดีใจแทบบ้าที่ยังเห็นเตยอยู่ตรงนี้ เกือบเป็นบ้าเหมือนกันตอนที่หาเตยไม่เจอ”



“...”



“เตยสำคัญมากนะ รู้ตัวไหม”



“เตยไม่เห็นว่าตัวเองสำคัญตรงไหน...”



“อย่าคิดแบบนั้น”



“เตยไม่เข้าใจว่าพี่จะใจดีกับผมทำไม เพราะชอบเหรอ รักเหรอ? ชอบนี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เตยไม่เคยเข้าใจคนที่บอกว่าชอบแล้วเข้ามาใจดีด้วย เพราะสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ใจร้ายกับเตยอยู่ดี”



“แต่พี่ไม่ใช่แบบนั้น... พี่จะไม่ทำแบบนั้น”



“แล้วพี่ฟ้าจะทำยังไง”



เขายิ้ม



“เตยต้องมาอยู่กับพี่ก่อนถึงจะรู้”



“เตยเคยอยู่ด้วยแล้วไง”



“ตอนนั้นเตยยังไม่รู้ความจริงนี่ เตยยังไม่เปิดใจรับคำว่ารักคำว่าชอบเลย จะไปเข้าใจได้ยังไง”



“แล้วตอนนี้เตยเปิดใจตรงไหนกัน”



“ตรงที่อย่างน้อยเตยก็ไม่อาละวาดพอได้ยินพี่บอกว่าพี่ชอบเตย”



“...”



ผมก้มหน้าเงียบ



“เตยครับ” จนพี่ฟ้าต้องสะกิด “ฟังพี่นะครับ”



“พี่รักเตย มาอยู่ด้วยกันนะ”



“เตย...ไม่เข้าใจ เตยต้องรักพี่ไหม แล้วรักมันเป็นยังไง”



“โอเค เอาใหม่...มาอยู่กับพี่นะ” เขายิ้ม “เท่านี้ก่อนเป็นไง”



“แลกกับอะไร”



“ไม่มี”



“ไม่มีไม่ได้หรอก ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ”



“ถ้างั้นก็แลกกับการที่เตยต้องออกจากที่นี่”



“...นั่นก็ไม่ได้หมายความต่างจากเดิมเลยไม่ใช่หรือไง”



“ก็ใช่ พี่ไม่อยากให้ระหว่างเรามีข้อกำหนดอะไรต่อกันแล้ว แค่อยู่ด้วยกันเท่านั้น”



“ให้เตยไปอยู่กับพี่ฟ้า? บ้านของพี่ฟ้า? ทุกอย่างพี่ฟ้าเป็นคนออกค่าใช้จ่าย? แล้วเอาเตยไปเป็นภาระทำไม เตย...ไม่เข้าใจ”



“ที่เตยอยากบอกคือเตยอยากทำอะไรสักอย่างตอบแทนพี่รึเปล่า?”



“ก็ไม่เชิง เตยคิดว่ามันไม่แฟร์ที่พี่ให้ผมไปอยู่ด้วยเฉยๆ และมันก็น่ากลัวเกินไปด้วย ข้อสัญญาที่ไม่มีอะไรเลยเนี่ย...”



ผมว่า มันน่ากลัวจริงๆ อย่างที่ว่านั่นแหละ ถ้าผมไปอยู่กับค้างฟ้า แต่ถ้าเกิดวันใดวันหนึ่งเราจะต้องจากกันขึ้นมา เขาอาจจะไล่ผม หรือผมอาจจะหนีออกมาอีกครั้ง ถึงตอนนั้น...ใจผมจะรับได้อยู่ไหม



ถึงตอนนั้นหากเกิดขึ้นจริง ผมยังจะหายใจได้เหมือนตอนนี้อยู่ไหม



“ถ้างั้นเตยอยากทำอะไรให้พี่ล่ะ...”



“เตยไม่รู้...ว่าเตยทำอะไรให้พี่ฟ้าได้บ้าง”



“พี่บอกแล้วแค่เตยอยู่เฉยๆ ข้างพี่...”



“นั่นไม่เรียกว่าทำสักหน่อย...พี่ฟ้า เตยสับสนไปหมดแล้วจริงๆ นะ พี่บอกว่าชอบเตยมาตั้งนานแล้วแต่เตยยังไม่เข้าใจคำนี้เลยสักนิด เตยไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดเวลาที่พี่ไม่มาหา จนต้องหนีออกมาเพราะคิดว่ากลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ยังดีกว่าไปเผชิญหน้ากับอะไรไม่รู้”



เพราะเขาเอาแต่พูดให้อยู่ข้างกายซ้ำๆ ทำให้ในหัวผมปั่นป่วน จนพรั่งพรูคำพูดออกไปไม่หยุด



“แต่เตย...เตยไม่เข้าใจเลยอีกนั่นแหละ ช่วงเวลาที่ไม่มีพี่ฟ้า...เตยคิดว่ามันเลวร้ายกว่าเดิม...ทีแรกเตยคิดว่าคงคิดไปเอง แต่กายก็เข้ามาสอนอะไรหลายๆ อย่างให้เตยรู้ อย่างน้อยก็รู้ว่าความรักกับความชอบไม่ได้แปลว่าเป็นการทำร้าย”



ค้างฟ้ายังคงนั่งฟัง



“แล้วเตย...ก็ไม่รู้แล้ว เตยนอนกับใครไม่ได้แล้ว คิดถึงแต่หน้าพี่ฟ้า พอคิดว่าพี่ฟ้าคงมีความสุขกับคุณเอมเตยก็...เสียใจ ไม่รู้ทำไมถึงต้องเสียใจด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้เป็นแบบนี้ เตยไม่เข้าใจอะไรสักนิด แล้วในระหว่างที่เตยยังหาทางออกไม่เจอ พี่ก็โผล่มา บอกว่ารักกัน...” เสียงผมแผ่วลงตอนท้าย ส่วนค้างฟ้ายังคงไม่พูดอะไร



“เตย...จะมั่นใจได้ไงว่ามันเป็นเรื่องจริง แต่...ในตอนนี้เตยรู้สึกดีกว่าตอนอยู่เดียว พี่ฟ้าอยู่กับเตยที่ห้องนี้...เตยไม่คิดมาก่อนว่ามันจะเป็นไปได้ ไม่รู้อะไรแล้ว”



ผมว่าอย่างอับจนหนทาง พรั่งพรูอย่างไม่รู้ว่าค้างฟ้าจะจับใจความถ้อยคำที่ไม่ได้เรียบเรียงให้ดีก่อนของผมได้ไหม ไม่รู้อะไรแล้วจริงๆ สับสนไปหมดแล้ว



ดีใจที่เขามาหา แต่ก็ระแวงที่เขามาหา พอไม่มีเขาก็ได้แต่นอนไปวันๆ ทำอะไรไม่ได้นอกจากคิดถึงแต่หน้าของค้างฟ้า ผมไม่รู้จะจำกัดความรู้สึกนี้ว่ายังไง มันทั้งสุขสมทั้งทรมาน



“ใจเย็นๆ” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหู เขาเข้ามาใกล้ผมตอนไหนก็ไม่รู้



ร่างใหญ่ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น อ้อมกอดของเขา...ราวกับได้รับการปลอบประโลม ทำให้ผมมีความคิดว่าอยากอยู่ในนี้ตลอดไป...



“พี่ขอโทษที่ทำให้เตยอึดอัด”



ผมส่ายหน้า มันไม่ใช่ความรู้สึกอึดอัด มันเหมือนถูกเร่งเอาคำตอบในตอนที่ผมไม่รู้อะไรสักอย่าง



เรามักจะกลัวอะไรที่ไม่รู้จัก



แต่รู้ไหม...แค่กอดของเขาก็ทำลายความคิดวุ่นวายในหัวของผมจนหายสิ้น ผมซุกซบอยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างไร้หนทาง



“เตยยังไม่ต้องคิดอะไรก็ได้”



“...”



“ขอโทษที่เร่งเอาคำตอบนะ”



“เตย...ดีใจที่พี่มาหา”



อย่างน้อยในหัวของผมก็มีคำนี้ที่สามารถพูดออกไปได้อย่างไม่สับสน










เขายิ้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ยิ้มเฉยๆ ค้างฟ้ากดหน้าลงมาบรรจงจูบที่ริมฝีปากของผม ไม่มีการรุกล้ำ จาบจ้วง แค่ริมฝีปากแตะกัน จูบราวกับเด็กอนุบาลเล่นกัน แต่สัมผัสแผ่วเบาโง่ๆ แค่นี้กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะลอยได้



ผมจูบเขากลับ ไม่ปล่อยให้เป็นการจูบไร้เดียงสาแบบเด็กน้อย บดเบียดลิ้นของตัวเอง สอดเข้าไปในโพรงปากของเขา รสน้ำหวานที่คุ้นเคย โพรงปากที่คุ้นชิน สัมผัสตลอดสี่ปีที่ผ่านมาปลุกความทรงจำในตัวของผม รับรู้ว่าต้องทำอย่างไรเขาถึงจะพอใจ



สัมผัสที่โหยหามานานทำให้สติผมกระเจิง รุกเข้าหาเขาตามสัญชาตญาณดิบ ผมไม่ได้นอนกับใครมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว พอได้เริ่มต้นสัมผัส ก็หยุดไม่ได้อีกต่อไป



ค้างฟ้าไม่ขัดขืน ปล่อยให้ผมทำตามใจชอบ ล้วงฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังของผมช้าๆ



เมื่อผมผละออกจากจุมพิต เขาก็ใช้จังหวะนี้ผลักให้ผมนอนราบลงบนเตียง เสื้อยืดถูกถลกขึ้นจนเห็นผิวเนื้อข้างใน...ผมไม่เคยพูดถึงมัน เพราะรังเกียจร่องรอยแผลพวกนี้เหลือเกิน มันไม่ได้ขาวใสเนียนเหมือนภายนอก กลับกันเลยด้วยซ้ำ พื้นผิวใต้ร่มผ้าของผมไม่น่ามองนัก...เพราะมันเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น



ค้างฟ้าลูบจากจุดไหม้จากบุหรี่ที่เหนือหน้าอกฝั่งซ้าย ไล่มาจนกลางอก มีรอยแผลเป็นจากการถูกใบมีดกรีดเป็นรอยลึกลงไปประมาณห้าเซ็น ถัดจากนั้นที่สีข้างมีรอยน้ำร้อนลวกอยู่ เขาสัมผัสอย่างแผ่วเบา ไล่ไปจนถึงต้นขาที่เป็นรอยมีดกรีดเช่นกัน จากนั้นมือใหญ่ก็วนไล่ไปลูบแผ่นหลังของผม ตรงสะบักข้างขวามีร่องรอยแผลเป็นจากการโดนของแข็งฟาด ค้างฟ้าไล่นิ้วไปทีละจุด คงเป็นรอยแผลเป็นจากการถูกบุหรี่จี้เมื่อครั้งสมัยยังเด็ก



จบการสำรวจรอยแผลเป็น เขาโน้มตัวลงมาจูบหน้าผากผม ก่อนลากไปที่ซอกคอ ที่ซึ่งมีรอยสักชื่อของเขาอยู่...



ก่อนหน้าที่มันจะเป็นรอยสัก มันเคยเป็นแผลเล็กๆ ที่เกิดจากการถลอกลึก จนกระทั่งชื่อของค้างฟ้ากลบมันมิด จุมพิตของเขาเสมือนยาสมุนไพร ปัดเป่าความเจ็บปวดที่เคยมีหายเป็นปลิดทิ้ง



“พี่ฟ้า” ผมเรียกชื่อเขา เบียดสะโพกเข้าหาอีกฝ่าย เต็มไปด้วยราคะความต้องการจากเซ็กซ์



“ชู่ว์” เขากระซิบข้างหู “เด็กดีของพี่”



เขาจับมือสองข้างของผมให้คล้องคอเขาไว้ ค้างฟ้ายกยิ้มอยู่บนร่างผม พลันทำให้ผมคิดถึงอดีตทันที...เมื่อก่อน...เขาก็เคยยิ้มแบบนี้รึเปล่านะ...



ค้างฟ้าก้มจูบ ผมหลับตารับสัมผัส มือหยาบล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ ไล่มือวนไปมาช้าๆ บีบเคล้นตรงจุดอ่อนไหวของผมที่เขามักรู้ดีเสมอว่าเป็นที่สะโพก กดเคล้นจนผมอดส่ายเอวอาดๆ ดิ้นเร่าอยู่ใต้อาณัติของเขา



“มีถุงยางไหม” เขาถามเสียงแหบพร่า ผมส่ายหน้า ก่อนที่เขาจะลุกออกไป ผมดึงแขนเขาไว้



“พี่ฟ้า...เตยอยากให้พี่ฟ้าเข้ามา...”



“...”



“เถอะนะ...นะครับ”



เขายิ้มพร้อมถอนหายใจ จับคางผมให้เชิดขึ้น พร้อมรับจุมพิตของเขาอีกครั้ง



ผมตวัดขาเกี่ยวเอวเขาไว้ สัมผัสได้ถึงความร้อนกลางลำตัวของค้างฟ้า ไม่รีรอ ผมบดเบียดส่วนกลางของตัวเองเข้ากับแก่นกายของเขา ปลุกเร้าอารมณ์อย่างที่ตัวเองถนัด ค้างฟ้าครางเสียงแหบต่ำลอดออกมา มือใหญ่จับขอบกางเกงผมก่อนดึงมันลงไป ถอดทิ้งให้พ้นทาง



ผมอ้าขาออก รอรับตัวตนของเขา



“มีเจลไหม”



ผมพยักหน้า เอี้ยวตัวไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะข้างหัวเตียง หยิบขวดเจลหล่อลื่นออกมา หลังจากนั้น ค้างฟ้าเป็นคนจัดการเทมันลงบนฝ่ามือตัวเอง



ก่อนจะนำสองนิ้วสอดเข้ามาในตัวผม



ผมแอ่นสะโพก สัมผัสสุขสมที่ไม่ได้รู้สึกมานานทำเอาผมแทบคลั่ง แก่นกายชูชันตั้งตึงจนแทบถึงขีดสุด



“พี่ฟ้า..เตยจะ...”



เพราะขาดเรื่องเซ็กซ์มานาน และโดยปกติแล้วไม่มีใครเล้าโลมผมเช่นนี้ การที่ค้างฟ้าไม่ยอมพาตัวตนของเขาเข้ามาสักทีจะทำให้ผมเสร็จก่อน ทว่าค้างฟ้าดูจะไม่สนใจเสียงเรียกร้อง



ผมจับแก่นกายของผม ขยับรูดรั้งมันขึ้นลง นิ้วโป้งเกลี่ยนส่วนปลาย รู้สึกดีจนแทบบ้า



“พี่ฟ้า...เอาเข้ามาได้แล้ว...เตยจะ...ไม่ไหว”



คำพูดของผมเหมือนส่งไปไม่ถึง เมื่อค้างฟ้ายังไม่แม้แต่จะปลดกางเกงตัวเองออก เขากดหน้าท้องผมไม่ให้ลุกขึ้นมาขัดขืน ส่วนมืออีกข้างก็ปัดมือผมทิ้ง ก่อนค่อยๆ ขยับรูดรั้งแก่นกายของผมช้าๆ อย่างรู้จังหวะ



ผมร้องครวญครางไม่เป็นภาษา จนสุดท้ายก็พาหยาดน้ำขุ่นล้นทะลักใส่ฝ่ามือของเขา



แต่แค่นี้ไม่ทำให้ผมอิ่ม ผมแยกขาออก อ้อนวอนเขา



“พี่ฟ้า...เข้ามานะ”



“เตยจะไม่ไหวเอานะ” เขาบอก



“เตยไหว” ผมค้าน



“พี่ไม่อยากทำให้เตยเหนื่อย”



“เตยไม่ได้เหนื่อย พี่ฟ้า...พี่ฟ้า...” ผมเรียกเขาเสียงแหบ ต้องการเขาแทบบ้า อย่ามาหยุดกลางทางแบบนี้นะ



“ครับๆ” เขายิ้ม ยอมปลดกระดุมกางเกงตัวเองออก เผยให้เห็นแก่นกายใหญ่ตั้งตระหง่าน



เขาจับมันจ่อกับช่องทางลับ ก่อนที่เราจะหลอมรวมเป็นหนึ่ง ค้างฟ้าเอ่ยกระซิบข้างหู



“หลังจากนี้มาอยู่ด้วยกันนะ”



ผมพยักหน้ารับอย่างไม่รู้ตัว ค้างฟ้าจึงค่อยๆ ดันแก่นกายของตัวเองเข้ามาในตัวผมทีละนิด ราวกับหยอกแหย่ ปั่นหัวกันเล่น แต่ผมรู้...ผมขาดเรื่องแบบนี้ไปนาน ช่องทางเริ่มปิดตัวทำให้ไม่สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ เหมือนทุกที...การกระทำของค้างฟ้าไม่ใช่การแหย่เหย้า แต่น่าจะคงเพราะเขาเป็นห่วงว่าผมจะเจ็บ...



เป็นการกระทำที่ไม่คุ้นชินเพราะแทบไม่เคยเจอ



ผมไม่เจ็บหรอก เข้ามาได้แล้ว



ได้แต่คิด เพราะมือของเขายังคงขยับรูดแก่นกายของผมไม่หยุด จนร้องออกมาไม่เป็นภาษา



เขาเข้ามาจนสุดแล้ว ค้างฟ้าแช่มันไว้อย่างนั้นสักพัก จนผมต้องขยับสะโพก พอค้างฟ้าเห็นอาการต่อต้านเขาก็จับเอวผมแน่น ป้องกันไม่ให้ผมทำตามใจ



เสียแต่ผมต้องการเขา...จนแทบทนไม่ไหว



เหมือนเขาจะรู้ความคิด ค้างฟ้าวาดรอยยิ้ม ก้มมาจุมพิตเบาๆ ที่ริมฝีปากหนึ่งที ก่อนค่อยๆ ขยับตัวสอดเข้าออก ผมแอ่นสะโพกรับสัมผัส



ให้ตายสิ ไม่ได้รู้สึกดีแบบนี้มานานแค่ไหนกันนะ...



เซ็กซ์ที่อ่อนโยนที่เคยเกลียดเข้าไส้ ตอนนี้ผมกลับชอบมันจนน้ำตาคลอ สัมผัสของค้างฟ้าที่ค่อยๆ ละเลียดชิมราวกับผมเป็นของมีค่า แตกต่างจากคนพวกนั้นที่ผมเคยนอนด้วยอย่างสิ้นเชิง



มันดีกว่ามากๆ ร้อยเท่า พันเท่า



ผมร้องเสียงดังขึ้นเมื่อใกล้ถึงฝั่งฝัน คนบนร่างผมเองก็ครางเสียงแหบแผ่ว เขยื้อนขยับสะโพกอีกไม่กี่ครั้งเราทั้งคู่ก็ปลดปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกัน



ผมหอบฮัก ภาพตรงหน้าเบลอเพราะดวงตาถูกเคลือบด้วยหยาดน้ำใส ค้างฟ้าถอนแก่นกายออก ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับลูบใบหน้าของผมอย่างอ่อนโยน สัมผัสของเขาทำให้ผมผ่อนคลาย จนต้องปิดเปลือกตา คล้อยหลับไป



และหลังจากนั้น เมื่อตื่นขึ้นมาในยามตะวันลาคล้อยลับไป



 ผมตัดสินใจที่จะกลับไปกับเขา



เรานั่งรถออกมาจากสถานที่โสโครกแห่งนั้นท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดยามค่ำคืน



ด้วยหวังว่าเช้าวันรุ่งขึ้นจะเป็นเช้าที่สดใส








#น้ำค้างฟ้าขุ่น
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-02-2019 14:55:34
จากนี้ขอให้มีแต่ความสุขนะทั้งสองคน จับมือไปด้วยกันนะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 24-02-2019 16:20:21
กลับไปอยู่ด้วยกันแล้วววว :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 25-02-2019 00:27:31
ฮือออออ เข้าใจกันกลับไปอยู่ด้วยกันแล้ววว
สงสารเตยมาก ที่น้องหวาดกลัวความรัก อยากกอดเตย แต่น้องมีพี่ฟ้ากอดแล้ววว

แอบบอกว่าในพาทพี่ฟ้า รู้ย้อนแย้งกับพี่ฟ้ามาก เหตุและผลมันดูขัดๆกันยังไม่รู้ อาจเพราะตอนแรกคิดว่าพี่ฟ้าอยู่ในวัยทำงานเป็นหนุ่มใหญ่ แต่ดูเหมือนพี่ฟ้าจะเด็กกว่านั้น เหตุผลการกระทำเลยเป็นไปตามวัย แต่เห็นกับความรักที่ไม่คิดจะหยุดตามหาเตย ได้ใจตรงนี้
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 14 - |24.2.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 25-02-2019 04:15:04
เดินเรื่องด้วยความรู้สึกอึดอัด ขมุกขมัว มันไม่ใช่หมอกหนาทำอากาศเย็นบดบังความสดใสชัดเจน แต่เหมือนถูบังคับให้ลืมตาในน้ำที่มีแต่ขุ่นตะกอนที่ทำให้แสบเคืองตาและหายใจไม่ได้

พอถึงตอนล่าสุดเหมือนมือที่คอยกดหัวเราไว้ เปลี่ยนเป็นกระชากเราขึ้นมาแทน หวังว่าคงไม่มีใครมือบอนมากดซ้ำอีกนะ จะตีให้มือหักเชียวว!!!


ความหงุดหงิดโกรธเคืองกับการนอนไม่หลับและจมกับฝันร้ายเป็นอะไรที่สะเทือนใจ เราคือคนที่นอนหลับและน้อยครั้งที่จะถูกกระชากให้ตื่นด้วยฝัน ดังนั้นความรู้สึกตอนนั้นจึงเป็นอะไรที่ชัดเจนเสมอ แค่คิดว่าจะไม่ได้นอนหรือว่าต้องถูกทำให้ตื่นด้วยฝันก็หงุดหงิดแล้ว
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 02-03-2019 20:10:02
15: Debase



ข้าวของของผมมีไม่มาก เรียกได้ว่าแทบไม่มีอะไรเลย เสื้อผ้าที่ผมซื้อมาในราคาถูกๆ ก็ไม่ได้อยากเก็บไว้ใช้ต่อ ที่ผมพกมามีเพียงถุงใส่เงิน และเสื้อผ้าที่ใส่ในวันที่จากค้างฟ้ามา เพราะเป็นตัวที่มีราคาที่สุด



ค้างฟ้าเองก็ไม่ได้พกอะไรมาเช่นกัน เราพากันออกจากหอพักอย่างไร้พาหนะ มีเพียงสองเท้าเดินชมความมืดรกร้างไปจนถึงปั๊มน้ำมันที่กายทำงานอยู่ แน่นอนว่าผมเข้าไปบอกลาเธอ กายฉีกยิ้มกว้าง...รอยยิ้มของกายแสดงความยินดีจากใจจริง



ตอนนี้ผมเริ่มแยกได้แล้วว่าอันไหนจริงใจ อันไหนเสแสร้ง จากที่แต่ก่อนคิดว่าคนเรามีแต่การเสแสร้งใส่กัน



แต่มันไม่ใช่เสมอไป คนที่ห่วงใยผมอย่างจริงใจก็ยังมีอยู่...ขอเพียงผมเปิดใจ มองโลกให้กว้างมากขึ้นเท่านั้นเอง



กายอวยพรให้ผมมีความสุข พร้อมบอกว่าจะจัดการเรื่องหอพักให้ ค้างฟ้าจึงมอบเงินให้เธอส่วนหนึ่ง แต่กายไม่รับ เธอพูดเพียงแค่ขอให้ค้างฟ้าดูแลผมให้ดี ก่อนรีบไปทำงานต่อ



และเราก็ออกมาจากสถานที่แห่งนั้น...



ผมไม่รู้ว่านี่เรียกว่าเป็นการด่วนตัดสินใจไหม



การที่ค้างฟ้ามาหาผมแค่คืนเดียว การที่พอได้กอดเขาแค่ครั้งเดียว ผมก็กลายมาเป็นหมาของเขา เดินตามตูดต้อยๆ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด



แต่มันก็แค่...ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตเหลวเป้วเป็นวงจรอุบาทว์ แก้ให้ตายยังไงผมก็มีแต่จะพาลแย่ลงทุกวัน เพราะฉะนั้นกะอีแค่การที่ได้เจอค้างฟ้าแค่วันเดียวจึงทำให้ผมเหมือนค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง



พบว่าตัวเองอยากอยู่กับเขา



อยากอยู่ในอ้อมกอดเขา อยากอยู่ในที่ที่สามารถมองเห็นเขาได้ตลอดเวลา



ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้อีกแล้ว...



ต่อให้ผมอาจจะโดนทิ้งหรือพรากจากเขาอีกครั้ง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคต ผมในตอนนี้แค่อยากซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนอุ่นๆ ของค้างฟ้าไปนานๆ เท่านั้นเอง



ผมเข้าใจแล้วว่าต่อให้ผมอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมก็คงทำไม่ได้แล้ว...ถ้าหากผมยังคิดถึงแต่ค้างฟ้าเช่นนี้



ตอนนี้เขามาขอให้ผมอยู่กับเขา ผมก็ขอทำตามความต้องการนั้นก่อนจะเป็นไร



ค้างฟ้าขับรถออกจากปั๊มน้ำมันที่นั่นจนถึงคอนโดของเขาในเวลาเกือบเช้า แม้เขาบอกให้ผมหลับไปก่อนก็ได้แต่ผมยังไม่รู้สึกง่วง แค่เพลียนิดหน่อยและอยากจะมองทิวทัศน์ที่จากมาเป็นครั้งสุดท้าย



ผมตั้งใจว่าจะไม่กลับไปที่นั่นอีก



นานๆ ทีอาจจะไปหากายบ้าง แต่จะไม่อยู่อาศัยอีกแล้ว ผมตระหนักและค้นพบแล้วว่าสถานที่แห่งนั้นไม่ใช่ที่สำหรับผมเหมือนเคยอีกต่อไป



เขาขับรถไปเรื่อยๆ ดวงอาทิตย์เริ่มขึ้นส่องแสงกลบความมืดยามค่ำคืน ไม่นานรถยนต์วนเข้าที่จอดรถ ค้างฟ้าพาผมเข้ามาในคอนโดแห่งเดิม ขึ้นลิฟต์ตัวเดิม กดชั้นเดิม และเปิดประตูเข้าห้องเดิม ห้องที่ผมมักใช้อยู่อาศัยตลอดสี่ปีที่ผ่านมา



มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย



เมื่อเดินเข้าไปยังห้องนอน ก็ยังคงสภาพเดียวกันกับตอนล่าสุดที่ผมจากมา



ค้างฟ้าเดินมาสวมกอดผมจากข้างหลัง จากนั้นตะวันก็เริ่มลอยสู่ท้องฟ้าเพื่อฉายแสง เข้าสู่เช้าวันใหม่



แขนแกร่งกอดรัดเอวผมแน่น เขาเอาหน้ามาเกยไหล่ผม ทว่าไม่นานผมก็หมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้าเขา ก่อนจะดึงใบหน้าแสนคิดถึงลงมาประทับรอยจูบ



หลังจากที่มีอะไรกับค้างฟ้าผมก็ยังไม่ได้นอน แต่ตัดสินใจออกมาจากที่นั่นทันที จนถึงตอนนี้เข้าเช้าวันใหม่ ผมยังไม่ง่วงแต่ก็เพลียอยู่หน่อยๆ แม้ค้างฟ้าจะบอกให้ผมนอน ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากนอน เพราะนอนมาเยอะแล้ว



กลิ้งไปมาอยู่บนเตียงตัวเดิมกับค้างฟ้าได้สักพักเขาก็มุ่นคิ้วเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดหน้าจอ



และขอตัวออกไปโทรศัพท์ที่นอกระเบียง



ผมพยักหน้ารับคำ ค้างฟ้ายกมือลูบใบหน้าผมหนึ่งครั้ง ผมรับสัมผัสพลางมองแผ่นหลังของเขาที่ลุกจากเตียง ออกไปที่ระเบียงช้าๆ



คงเป็นเรื่องทางบ้าน เพราะสีหน้าเขาดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จากที่เขาเล่าให้ฟังก็คงมีแต่เรื่องนี้ที่ทำให้เขาเครียด



ผมนอนหนุนหมอน สูดดมกลิ่นที่คุ้นเคย หันหน้าออกระเบียงมองดูแผ่นหลังเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ยังคอยถามตัวเองอยู่ซ้ำๆ ว่านี่เป็นความฝันรึเปล่า ผมได้มาอยู่กับค้างฟ้าจริงๆ หรือ นี่เป็นความสุขที่ผมตามหาใช่ไหม



ระหว่างคิด นิ้วมือก็ลูบต้นคอที่สลักชื่อของเขาไว้



เจ้าของของผมนับจากนี้...คงมีแต่เขาแล้วล่ะมั้ง...



ผมนอนจ้องแผ่นหลังเขาผ่านประตูกระจกสักพักก็นึกอยากกอดขึ้นมา แม้จะเกรงว่าจะไปรบกวนเขาแต่ก็ยังดึงดันที่จะลุกจากเตียง เดินไปยังประตูบานเลื่อนที่ระเบียงห้อง แง้มมันออกมาเล็กน้อย พลันต้องชะงัก



เมื่อได้ยินเสียงค้างฟ้าตวาดใส่โทรศัพท์ดังลั่น



“อย่าเอามาปนกันได้ไหม ถ้าพ่อกับแม่ไม่ชอบเตยก็ไม่ต้องมายุ่ง ผมจะดูแลเอง!”



“เอาคนแบบนั้นมาอยู่ด้วยมีแต่จะเสื่อมทรามสถุล ไร้สกุล!”



“แล้วนี่เหรอคือคำพูดของคนมีสกุล! ถ้างั้นผมขอบอกว่าผมไม่สนใจเรื่องนี้เลยสักนิด ถ้าผมแคร์พ่อกับแม่ตั้งแต่แรกคงเลือกเรียนแพทย์ตามที่แม่ต้องการไปแล้ว แต่ผมไม่แคร์ ผมไม่อยากใช้นามสกุลพ่อแม่เป็นใบเบิกทาง ผมมีทางของผมเอง”



“ทางที่ว่านั่นคือการไปร้องเล่นเพลงไร้สาระกับเก็บเด็กขายตัวมาเลี้ยงน่ะนะ!?”



“มันคงไร้สาระสำหรับพ่อกับแม่ แต่มันมีคุณค่าสำหรับผม ถ้าไม่มีเตยป่านนี้ผมก็คงยังไปร้องเล่นเพลงไร้สาระนั่นอยู่นั่นแหละ! ไอ้โรงพยาบาลกับร้านขายยาของพวกคุณผมคงไม่อยากจะมอง!”



“เอาเด็กคนนั้นมาแล้วมันจะไปมีประโยชน์อะไร เลิกทำอะไรไร้สาระได้แล้ว”



“มีประโยชน์ต่อผมก็แล้วกัน...นี่พวกคุณสร้างผมมาเพื่อให้มีชีวิต หรือสร้างมาเพื่อต้องการบงการชีวิตผมกันแน่”



ผมฟังถึงแค่นี้ก่อนปิดประตูระเบียงอย่างเงียบเชียบ ถอยกลับไปนั่งที่เตียง จ้องแผ่นหลังของค้างฟ้าอย่างไม่วางตาอีกครั้ง



ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาเหมาะสมสำหรับการกอด และผมรู้สึกว่าตัวเองไร้มารยาทชะมัดที่ไปแอบฟังคนอื่นคุยกัน



เวลาผ่านไปครึ่งค่อนยาม กว่าค้างฟ้าจะคุยโทรศัพท์เสร็จ เขาเปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า แต่ยังยกยิ้มให้ผม... อย่างไม่รู้ตัว ผมพุ่งเข้าไปกอดเขาแน่น และค้างฟ้าก็กอดผมกลับแน่นเช่นกัน



เรากอดกันอย่างนั้นอยู่หลายนาที



อันที่จริง...ผมไม่ค่อยได้กอดใครเฉยๆ แบบนี้มานานแล้ว แม้จะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของมัน แต่ร่างกายกลับขยับไปตามใจชอบ ถึงอย่างนั้นกลับรู้สึกว่าอยากมอบไออุ่นให้คนคนนี้ เหมือนกับที่เขามอบให้ผม



“พี่รักเตย”



เขากระซิบข้างหูก่อนจะผละตัวออก ถ้อยคำไม่กี่คำที่ทำให้ผมใจชาวาบ



อีกแล้ว ความรู้สึกแปลกหน้านี้อีกแล้ว...



ผมจ้องหน้าค้างฟ้า อีกฝ่ายยิ้มตอบ ยกมือเกี่ยวเส้นผมของผมไปทัดหู ไล่มือลงมาลูบต้นคอผมที่มีชื่อของเขาอย่างแผ่วเบา



“พี่คงต้องกลับบ้านสักพัก”



ผมเม้มปากแน่น อยากอยู่กับเขานานกว่านี้ แต่รู้ดีว่าค้างฟ้ากำลังเจอปัญหาหนัก จึงไม่อยากงอแง ได้แต่พยักหน้าตอบรับ



“...ไปแป๊บเดียว ตอนเย็นจะกลับมา”



พยักหน้ารับอีกครั้ง



เขาบอกว่ามีธุระต้องไปคุยกับที่บ้าน แต่ไม่อยากปล่อยให้ผมอยู่คนเดียว...



ผมบอกว่าตัวเองโอเคดี



แต่ค้างฟ้าไม่คิดเช่นนั้น



แม้ว่าจะบอกเขาไปหลายครั้งแล้วว่าผมไม่ไปไหน และไม่เป็นไรหากต้องอยู่ลำพัง แต่สุดท้ายค้างฟ้าเรียกเน็ตกับหยกมาอยู่เป็นเพื่อนผม รอจนสองคนนั้นมาถึง เขาถึงไว้ใจยอมออกจากห้อง...



เน็ตกับหยกนั่งอยู่ตรงข้าม จ้องหน้าผม



ดูเหมือนว่าค้างฟ้าเพิ่งจะบอกถึงการมาถึงของผมให้กับสองคนนี้เมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา...



เน็ตทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไร ส่วนหยกทำท่าเหมือนอยากกระโจนเข้ามาใส่



“ไม่เจอกันนานนะ” ผมทักพวกเขาพร้อมยกยิ้ม



ความเงียบผ่านไปหนึ่งอึดใจ ก่อนจะมีเสียงของเน็ตขึ้นมา



“อืม” คำตอบสมกับเป็นเน็ต



ส่วนหยกยังคงอ้ำอึ้ง สีหน้าเขาแสดงออกมาว่ามีอะไรอยากพูดกับผมมากมาย สุดท้ายเขาก็ช้อนตามาสบมอง



“ดีใจที่กลับมา”



ผมหัวเราะขำกับท่าทีของเขา ปกติหยกจะหยิ่งผยอง เชิดใบหน้าขึ้นเสมอ ไม่ใช่ทำหน้าจ๋องแบบนี้



ผมเดินเข้าไปรวบตัวเขามากอด



“เดี๋ยวเถอะ เตย”



โดนเน็ตดุไปตามระเบียบ



“รู้แล้วรู้แล้ว” ผมว่า คลายอ้อมกอด ผมแค่รู้สึกผิดนิดหน่อยที่เลือกใช้หอของหยกเป็นที่สุดท้ายก่อนจะหายไป ผมคงทำเขาลำบาก ทั้งๆ ที่หยกกับผมไม่ได้สนิทอะไรกันมากมายแท้ๆ ที่กอดก็เพราะอยากขอโทษ ไม่ใช่เพราะกามารมณ์เหมือนที่ผ่านมา



พอผละออกมา หยกก็ตีผมดังปั่ก



“นิสัยไม่ดี” โดนดุอีกคน



“ขอโทษนะ” ผมว่า ยกยิ้มให้คนตัวเล็กพร้อมกับลูบหัวเขาเบาๆ ผมน่าจะใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่านี้



แต่ก็เพราะไม่เคยคิดว่าจะมีคนเป็นห่วงผมอย่างจริงใจถึงขนาดนี้...คิดว่าการหายไปของผมคงไม่ทำให้ใครลำบาก แต่กลับไม่ใช่ ค้างฟ้าบอกว่าต้องการผม แถมหยกกับเน็ตยังพยายามตามหาผม...



เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่ามีที่ให้ตัวเองยืนอยู่



ผมชอบที่ตัวเองมากขึ้นเมื่อได้อยู่กับค้างฟ้า...



ผมดีใจที่อยู่กับเน็ตกับหยกมากกว่าที่ตัวเองต้องอยู่คนเดียว



มนุษย์...ท้ายสุดแล้วก็ต้องอยู่คนเดียว เป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอด แต่มันจะเป็นไรไปถ้าหากระหว่างทางก่อนการอยู่อย่างโดดเดี่ยวจะมาถึง เราจะมีใครสักคนให้พักพิง ไม่เห็นจำเป็นต้องปิดกั้นตัวเอง...



“แล้วไปไหนมา” เน็ตเอ่ยถาม ขัดจังหวะการลูบหัวหยกของผม



“กลับบ้านเกิดน่ะ”



“แล้ว...ดีไหม”



ผมยิ้ม ส่ายหน้า



“ทำไมถึงหนีไป”



“ก็ไม่คิดว่าจะมีใครต้องการนี่”



“แล้วตอนนี้คิดออกรึยังว่ามีใครต้องการ”



ผมพยักหน้า เน็ตยังคงใจแข็งเสมอต้นเสมอปลาย ไม่อ่อนโยนเอาเสียเลย เดี๋ยวก็ไม่มีแฟนหรอก



“เรื่องพี่ฟ้า...เน็ตคิดว่าเตยพอจะช่วยอะไรได้ไหม” ผมเอ่ยถามเพื่อนในมหาลัยเพียงคนเดียว เน็ตเป็นญาติกับค้างฟ้า เขาต้องรู้ปัญหาภายในบ้างแหละ



ถ้าค้างฟ้าทำทุกวิถีทางเพื่อให้ผมได้อยู่ด้วย ผมเองก็อยากคอยช่วยเหลือเขาเท่าที่จะทำได้เช่นกัน



เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะช่วยเหลือใครสักคน อยากจะตอบแทนใครสักคนอย่างจริงใจ



“เรื่องนั้น...คงยาก”



“ที่พี่ฟ้าให้เตยเรียนเภสัช...ยังจำเป็นอยู่รึเปล่า?”



เพราะรู้มาว่าแต่แรกแล้วว่าเขาตั้งใจใช้ผมเป็นเครื่องมือแทนตัวเอง ผมเรียนให้เขา แลกกับการมาเป็นคนของเขา



“ตอนที่มึงหายไป มันกินเวลาหลายเดือน เขาเลยให้ดร็อปไว้ก่อน”



“...อ่าห้ะ”



“เรื่องเรียนต่อ เขาเคยบอกว่าแล้วแต่เตย เขาไม่บังคับแล้ว”



“แล้วถ้าเตยอยากเรียนต่อ...?”



“ก็ต้องรอเทอมต่อไป” เน็ตว่า เคลือบรอยยิ้มบางเบา “ตอนนั้นเตยต้องเรียนคนเดียวแล้วนะ”



ผมยิ้มตอบ “รู้แล้วหน่า”



“ไหวเหรอ”



“ไหวสิ”



ถ้าการเรียนคณะนี้มันช่วยค้างฟ้าได้สักนิดแล้วล่ะก็ ผมพร้อมทำอย่างสุดความสามารถ



“พี่ฟ้าคงดีใจ”



“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เตยก็จะดีใจ”



“ถ้างั้นเดี๋ยวจัดการเรื่องนี้ให้”



“เตยช่วยอะไรได้บ้าง”



ผมว่า เดินเข้าหาเขาอยากหยอกล้อ แต่เน็ตเป็นยังไงก็อย่างนั้น พอเขารู้ว่าผมตั้งท่าจะทำอะไรก็รีบถอยออกมาหนึ่งก้าว ดันแว่นตาหนึ่งที เอ่ยเสียงติดดุ



“ช่วยอย่าออกไปไหนตามลำพัง”



“จะขังเตยเหรอ”



“เปล่า ถ้าอยากจะไปไหนให้บอก จะไปด้วย”



“เน็ต~” ผมอ้อนเขาเสียงหวาน แต่ใจจริงแล้วจงใจกวนประสาทมากกว่า



แล้วหยกก็พุ่งเข้ามากอดผมหมับ



“เตยลืมผมเหรอครับ” เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนแสนหวานน่าเอ็นดู



เมื่อนั้น ผมพลันหัวเราะลั่น เสียงหัวเราะแตกต่างจากที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง เป็นเสียงหัวเราะที่ผมเองก็ลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยหัวเราะได้แบบนี้กับเขาด้วย



สดใส กังวาน









เน็ตกับหยกอยู่เป็นเพื่อนผมจนกระทั่งฟ้ามืด เรานั่งคุยเรื่องสัพเพเหระ หยกเล่าว่าเขาต้องไปตามหาผมที่ไหนอย่างไรบ้าง ส่วนเน็ตก็ไล่ถามอดีตคู่ขาของผม เรื่องราวระหว่างที่ผมหายไปมีอะไรเปลี่ยนไปก็มาก บางอย่างไม่เปลี่ยนก็มี



แต่ที่สังเกตได้ชัดคือ...หยกกับเน็ต...ดูจะมีความสัมพันธ์ที่...พิเศษ?



ไม่รู้สิ ปกติผมไม่ค่อยเห็นเน็ตยอมใครขนาดนี้ และก็ไม่ค่อยเห็นหยกในมุมน่ารักบ่อยนัก แต่พอทั้งคู่อยู่ด้วยกันแล้วอาการเหล่านี้มันแสดงออกมาอย่างชัดเจน ผมไม่รู้ว่าพวกเขารู้ตัวไหม...แต่สำหรับผม ถือเป็นเรื่องที่ดี



เพราะตอนนี้รู้ตัวแล้วว่าทั้งคู่เองก็พิเศษสำหรับผม การที่พวกเขาได้พบเจอสิ่งดีๆ ก็ทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย



แค่เปลี่ยนมุมมองความคิด มันทำให้ผมเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้เลยหรือ...



เมื่อก่อนคงไม่สนใจเรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ อยู่กับตัวเองตลอดมา เรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องไร้สาระ ไม่เคยคิดอยากญาติดีกับใคร เพราะติดอยู่กับความคิดที่ว่ายังไงเสียก็ไม่มีใครคิดดีกับตัวเองอยู่แล้ว



มาตอนนี้พอรู้ตัวกลับพบว่ายังมีคนรักผมอีกมากมาย อย่างน้อยก็ควรรักตัวเองบ้าง



ระหว่างความคิดและบทสนทนา ค้างฟ้าก็กลับมาตอนนาฬิกาบอกเวลาสามทุ่มเศษ



สีหน้าเขาอ่อนล้า แต่ยังคงประทับรอยยิ้มไว้



ร่างสูงกว่าเดินมากดจูบที่กลางกระหม่อมผม ก่อนขอตัวเข้าห้องน้ำ คงไปล้างหน้าล้างตา ผมหันไปหาเน็ต... ส่งสายตากังวล



“มันจะไม่เป็นไร” เน็ตบอก “อย่างน้อยเขาก็ยิ้ม”



“แต่พี่ฟ้าดูเหนื่อย”



“เชื่อสิว่าตอนที่มึงหายไปพี่ฟ้าเหนื่อยกว่านี้หลายเท่า ไม่มีครั้งไหนที่เขายิ้มเลยด้วยซ้ำ”



จบการลอบคุยลับหลัง ค้างฟ้าออกมาจากห้องน้ำ เอ่ยไล่สองคนนั้นกลับบ้านกลับช่อง เสียแต่ดึกแล้ว เน็ตเลยชวนให้หยกค้างที่ห้อง



หืม... เน็ตเนี่ยนะ?



แถมหยกก็ตอบตกลงอย่างง่ายดาย



พอพวกเขาเอ่ยคำลาและจากไป ผมก็หันไปขอคำตอบจากค้างฟ้าที่กำลังกลั้นหัวเราะเพราะสีหน้าผมอยู่



“สรุปเน็ตกับหยก...?”



“อืม ดูใจกันอยู่มั้ง”



“...”



“อกหักเหรอเตย พี่อยู่ตรงนี้นะ”



“เปล่าสักหน่อย”



ผมว่า ต่อให้เน็ตจะเป็นคนที่ผมพยายามเล่นด้วยและเข้าหา และต่อให้หยกเป็นคนที่ผมเคยนอนด้วยมากที่สุด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าความรู้สึกที่ผมมีต่อพวกเขาจะเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่มีให้ค้างฟ้า



ความรู้สึกที่รู้สึกกับเขาแค่คนเดียว



คงเรียกได้ว่าเป็นความพิเศษ



ว่าจบก็มุดตัวเข้าอ้อมกอดของค้างฟ้า จบคืนที่เหนื่อยล้าไปอีกคืน



ผมภาวนาให้ทุกค่ำคืนเป็นค่ำคืนที่ธรรมดาแต่แสนสุขเหมือนวันนี้



อย่างน้อยก็ตลอดไป








#น้ำค้างฟ้าขุ่น
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 02-03-2019 23:34:28
แงงง น่าร้ากก
เตยพอเปลี่ยนมุมมองก็ค่อยยังชั่วหน่อย  :เฮ้อ: :เฮ้อ:
ส่วนเรื่องที่บ้านฟ้า คงต้องค่อยๆแก้กันไปแหละนะ
เครียด  :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 03-03-2019 02:18:51
สนุกดีค่ะ แต่ก็โคตรเครียดเลย :hao7:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 03-03-2019 21:27:47
เครียดแทนพี่ฟ้า  :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 04-03-2019 15:56:16
พอเตยเริ่มเปิดใจ กำลังจะดี มีเรื่องที่บ้านพี่ฟ้าเข้ามาอี๊ก  :katai1:

แต่แอบดีจุย หนุ่มเนิร์ดมีคู่แล้วววว  :katai2-1:

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 05-03-2019 23:15:33
กว่าจะผ่านมาถึงตอนนี้หนักหน่วงมากค่ะ ฮืออ อ่านไปร้องไห้ไป ไม่เข้าใจพี่ฟ้าในมุมของเตย พอไปมุมพี่ฟ้าก็อยากให้น้องรับรู้ด้วย พอเค้าคุยกันเปิดใจให้กันแบบนี้แล้วมันดีมากเลยค่ะ เป็นส่วนเติมเต็มของกันและกันเนอะ กอดกันไว้แล้วไปด้วยกันน :heaven
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 15 - |2.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 06-03-2019 01:29:32
สถาณการณ์เริ้มดีขึ้น ดีใจจริงๆ ชอบตอนช้วงต้นเรื่องที่หน่วงได้ใจกับความรักที่บิดเบี้ยว

ช่วงต่อมาดีใจที่ทั้งสองกลับมาอยู่ด้วยกัน เตยก็จะเรียนต่อด้วย ดีใจจจจ หวังว่าทั้งสองคนจะประคับประครองความรักครั้งนี้ให้เป็นไปด้วยดี  :o8: :o8:

เป็นกำลังใจให้คนแต่งค่ะ สู้ๆๆๆๆ :impress2:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 09-03-2019 22:01:36
16: Decontrol



รสสัมผัสการกอดก่ายที่แสนคะนึงถึง ผมกับเขานอนกอดกัน ร่างเนื้อบดเบียดอยู่บนเตียงแลกไออุ่น สองมือปัดป่ายร่างกายซึ่งกัน ลูบไล้ไปทั่วผืนเนื้อ แต่ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่านั้น มันเป็นแค่การกอด การกอดที่รู้สึกมากกว่าคำว่าอยากกอดเฉยๆ



อยากกอดแน่นๆ จนฝังจมหายไปในแผ่นอกของเขา



อยากกอดเขาเพื่อปลอบประโลมทุกสิ่งที่ผ่านมา เหมือนที่เขาได้ให้กับผม



อยากมีความสามารถมากกว่านี้



เรื่องที่พ่อแม่ค้างฟ้าพูดถึงผม...มันจริงทุกข้อ จริงจนไม่สามารถเถียงได้สักข้อ



เอาผมมาแล้วได้อะไร มีแต่ทำให้สถุลเสื่อมทราม ผมมันไร้สกุล แค่เด็กขายตัวจะไปมีปัญญาทำอะไรให้มันดี...ถึงอย่างนั้นคนอย่างผมเขากลับบอกว่าต้องการ และพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ผมได้มาอยู่ข้างกาย



คนอย่างผม...ควรทำอะไรเพื่อเขาได้บ้าง ที่นอกจากการอยู่เฉยๆ



ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ ที่ตัวเองด้อยค่าได้ถึงเพียงนี้



พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ค้างฟ้ามักออกจากห้องไปในช่วงระหว่างวัน ก่อนจะกลับมาหากันในตอนกลางคืน ผมทำได้แค่นั่งรอเขากลับมาอย่างว่างเปล่า เน็ตกับหยกไม่สามารถมาหาผมได้ทุกวัน



จนกระทั่งวันหนึ่ง ค้างฟ้าบอกผมให้ลองไปคุยกับหมอคนหนึ่ง



มันจำเป็นตรงไหนกัน



เขาบอกว่าแค่ไม่อยากให้ผมอยู่คนเดียวทั้งวันแบบนี้ เพราะเน็ตและหยกไม่สามารถอยู่กับผมได้ตลอด พวกเขามีเรียน มีหน้าที่ที่ต้องทำ



ผมถามเขาว่าหมออะไร



ค้างฟ้าบอกว่าเป็นหมอทางจิตเวช



ผมยิ่งมุ่นคิ้ว ผมไม่ได้มีอะไรผิดปกติ เอ่ยปฏิเสธเพราะคิดว่ามันไม่จำเป็น



แต่ค้างฟ้าก็ไม่ยอม เขาไกล่เกลี่ยอยู่นานกว่าผมจะยอมกดหน้าตกลง...



ที่ตกลงไม่ใช่เพราะอยากไปเจอหมออะไรนั่นหรอก ผมอยากให้เขาสบายใจมากกว่า แล้วก็ตามคาด ค้างฟ้ายิ้มกว้างอย่างยินดี บอกว่าจะให้หมอมาที่นี่ช่วงบ่ายๆ นั่งคุยกันสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง อย่างน้อยผมก็จะได้มีอะไรทำระหว่างวัน



แม้คิดว่าไม่จำเป็น แต่ก็ทำตาม



ค้างฟ้าคงปวดหัวกับเรื่องของเขามากพอแล้ว และผมไม่อยากดื้อรั้นให้เป็นภาระเขาอีก



หมอที่มาเป็นชายสูงอายุ ท่าทางเป็นมิตรใจดี เขาไม่ได้สวมเสื้อกาวน์แบบที่ผมคิด แต่กลับสวมเสื้อไพรเวทตามปกติ เอ่ยทักทายผมอย่างสุภาพแต่ไม่ห่างเหินจนเกินไป แล้วบทสนทนาของเราก็เริ่มต้นขึ้น



“เป็นยังไงบ้าง”



เป็นคำถามที่ค้างฟ้าถามขึ้นทันทีเมื่อเขากลับมาถึงห้อง ซึ่งผมต่างหากที่ควรเป็นฝ่ายถามเขา



“ก็ดี”



“คุยอะไรกันบ้าง”



“เรื่องทั่วไป...มันก็แปลกดี ผมไม่ค่อยได้คุยเรื่องเกี่ยวกับตัวเองให้ใครฟังเท่าไหร่”



“มันไม่ได้แย่ใช่ไหม”



“อืม ไม่ได้แย่” ผมว่า การคุยกับหมอคนนี้ไม่ได้เกร็งอย่างที่คิด เขามีวิธีพูดที่ทำให้ผมไม่หนักใจที่จะต้องตอบ แถมยังคุมบรรยากาศให้ไม่เครียดเกินไป เรียกได้ว่าเหมือนเป็นการเล่าเรื่องให้เพื่อนคนหนึ่งฟัง...



แต่คงเพราะเขาไม่ใช่เพื่อนจริงๆ ทั้งยังเป็นคนไกลตัว ผมถึงได้กล้าเล่าอะไรหลายๆ อย่างให้เขาฟัง



“ถ้าพี่อยากให้เตยคุยกับเขาไปเรื่อยๆ ก่อน เตยจะว่ายังไง”



“...ยังไงก็ได้”



“หมออาจจะไม่ได้มาทุกวัน แต่ระหว่างนั้นเขามีกิจกรรมให้เตยทำใช่ไหม”



“อืม”



ผมพยักหน้า หมอให้ผมบันทึกอารมณ์ตัวเองวันต่อวัน เหมือนบันทึกไดอารี่...เอาเข้าจริงผมไม่รู้จักการบันทึกไดอารี่อะไรนั่นหรอก ผมไม่เคยต้องจดบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเอง แต่พอเขาบอกว่าคล้ายกับการจดบันทึกสำรวจชีวิตประจำวัน ก็พอจะเข้าใจขึ้นมา คงเพราะที่ผ่านมาผมเรียนศาสตร์วิชาที่ต้องมีการทดลองและทำการบันทึกตลอดเวลา



พอเปรียบเทียบแบบนี้ก็พอจะนึกออกได้ว่าต้องทำประมาณไหน



“แล้วพี่ฟ้าล่ะ เป็นยังไงบ้าง” ผมถามเขากลับ ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวหรอกนะที่มีความรู้สึกเป็นห่วง



ค้างฟ้ายิ้มเหมือนเคย “เดี๋ยวมันจะดีเอง”



เขาว่าเช่นนั้น กดจูบลงบนหน้าผากของผม ก่อนชวนไปกินข้าวที่ห้องอาหาร และจบวันด้วยการนอนกอดกันเหมือนทุกคืน



การนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้อง อ่านหนังสือเตรียมสำหรับการเรียนเทอมต่อไป รอวันที่จะได้พบเจอพูดคุยกับหมอ หรือไม่ก็มีบางวันที่หยกกับเน็ตมานั่งเล่นด้วย แต่นั่นไม่เพียงพอสำหรับผม



ชีวิตเรียบง่ายแสนธรรมดา มันน่าเบื่อ แม้ไม่ได้เลวร้าย แต่ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับอะไรแบบนี้



ผมอยากหาทางช่วยค้างฟ้าแบบที่ผมสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ด้วยตาตัวเอง เพียงแต่ยังคิดวิธีไหนไม่ออก นอกจากทำตามชีวิตประจำวันที่เขากำหนดมาให้



จะว่าไป เราก็ไม่ได้มีเซ็กซ์ร่วมกันมานานแล้ว



ผมอาจจะหงุดหงิดเพราะเรื่องนี้ด้วยรึเปล่านะ



ค้างฟ้าเคยบอกว่าอยากให้ผมเลิกเรื่องเซ็กซ์ไปสักพัก ถึงได้พาหมอมาพูดคุยด้วย แต่ทำไงได้ ผมอยู่กับเซ็กซ์มาตั้งแต่จำความได้ เสพติดมันมากเกินกว่าจะหายขาดได้ภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์



แต่พอตั้งท่าจะกอดเขา ค้างฟ้าก็จะหยุดผมไว้เสมอ เขาทำมากที่สุดเพียงช่วยปลดปล่อย ซึ่งนั่นมันไม่พอ



ผมระบายเรื่องนี้ใส่ทั้งหมอ ทั้งหยกและเน็ต



แต่ไม่มีใครเห็นด้วยกับผม ทำไมล่ะ ผมอึดอัดจะบ้าตายแล้ว



ผมเรียกร้องให้ค้างฟ้ากอดผม แต่เขาบอกเหนื่อยเกินไปที่จะทำเรื่องอย่างว่า แม้จะต่อรองขอให้เขานอนเฉยๆ แล้วที่เหลือผมจัดการเองก็ได้ ค้างฟ้าก็ไม่ยอม ได้แต่หัวเราะ แล้วคว้าผมไปกอดแน่น ไม่ให้ลุกมาจับเขาปล้ำ มันอาจจะขำขัน แต่ผมไม่ขำด้วย มันอึดอัด



แม้ว่าช่วงนี้จะนอนได้โดยไม่ต้องพึ่งเซ็กซ์ ผมเปลี่ยนมาติดอ้อมกอดของเขาแทน



แต่ไม่ได้แปลว่าผมไม่ต้องการมัน



ผมอดทนกับการไม่ได้มีอะไรกับเขาเกือบสองสัปดาห์ ใช้ชีวิตประจำวันอย่างเชื่องๆ ตามที่เขาได้ขีดเส้นไว้ให้ วนไปวนมาซ้ำซาก



จนกระทั่งวันหนึ่ง ค้างฟ้าโทรมาหาผมตอนสี่ทุ่ม บอกว่าที่บ้านมีปัญหา คงกลับไปนอนด้วยไม่ได้



ผมตอบเขาไปว่าไม่เป็นไร



ค้างฟ้าขอโทษผมอีกหลายครั้ง



และแล้ววันที่ต้องอยู่คนเดียวก็กลับมาบรรจบอีกครั้ง...



หรือนี่จะเป็นคำตอบให้กับทางเลือกของผม...



มันจะผิดทางอีกแล้วใช่ไหม...



ห้องนอนว่างเปล่า นอนอย่างอ้างว้าง ไร้กลิ่นหอมของเขาชวนหลับฝัน ไร้ไออุ่นของเขาคอยประคองกอด



ผมอาจจะทนคืนแรกได้ แต่ไม่อาจทนคืนต่อมาได้



ค้างฟ้าไม่กลับห้องสองคืนติด และในคืนที่สาม...เขามีท่าทีที่จะไม่กลับมา



แล้วผมควรทำอย่างไร เมื่อเหตุการณ์เดิมกำลังจะมาหลอกหลอนผม



รู้ตัวอีกทีผมก็ออกมาอยู่ในสถานที่ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียงที่คุ้นเคย...











เสียงเพลงดังจนหนวกหู ผมเคยชอบมันเพราะมันดังจนกลบความคิดของตัวเอง ผู้คนเดินเบียดนัวเนียกันไปมา ผมเคยชอบที่ถูกคนพวกนั้นมาเสียดสี เพราะมันทำให้ผมลืมว่าตัวเองเป็นใคร สายตาของใครสักคนที่ส่งมาเพื่อเชิญชวน ผมเคยชอบ เพราะเป็นเครื่องยืนยันได้ว่าคืนนั้นผมจะนอนหลับ



แต่น่าแปลก วันนี้ผมพาตัวเองมาที่แห่งเดิม แต่กลับยืนเฉย เฉื่อยชาต่อทุกสถานการณ์ที่เคยชอบ



จ้องมองผู้คนที่ไหลไปมา ไม่แม้แต่จะแตะต้องเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำเพียงเลือกมุมที่คนน้อยที่สุด ยืนจ้องบรรยากาศในร้าน



ผมมาทำอะไรที่นี่



มันเคยเป็นความเคยชินในวันที่ค้างฟ้าไม่กลับมา ผมมักจะออกหาใครสักคนอยู่เสมอ โดยที่ลืมตัวไปว่าผมนอนกับใครไม่ได้แล้วหากไม่ใช่เขา



มีหลายคนเดินมาเสนอตัว หลายคนเป็นแบบที่ผมชอบ ทั้งชายและหญิง



แต่กลับไม่นึกอยากกอดพวกเขาเหล่านั้น ทำได้แค่เพียงยิ้มปฏิเสธให้พวกเขา



ไม่ใช่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของผมอีกแล้ว ผมไม่สามารถหาความสุขได้จากที่นี่...



แล้วผมจะหาความสุขได้จากที่ไหนอีก... ห้องของค้างฟ้าที่ไม่มีค้างฟ้า...ไม่ใช่ความสุขของผม



กระนั้นออกมาที่อื่นก็ยิ่งไม่ใช่เข้าไปใหญ่



ผมสับสน ไม่รู้จะเลือกทางไหน ได้แต่ยืนโง่ๆ อยู่ในร้าน เหม่อลอยจนเพลงในร้านก็ไม่อาจสู้กับความคิดในหัวของตัวเองได้ จวบจนถึงเวลาร้านปิด



ผมก้าวออกจากร้าน พาความรู้สึกยุ่งเหยิงกลับไปยังคอนโดของค้างฟ้า



แค่คิดว่าจะต้องกลับไปเผชิญกับห้องที่ว่างเปล่า เส้นด้ายที่พันกันยุ่งเหยิงในหัวก็ยิ่งพันกันเป็นปมใหญ่มากขึ้นไปอีก ผมควรทำอย่างไรถึงจะหลุดออกจากความคิดที่หาทางออกไม่ได้แบบนี้ได้



ทว่าพอเปิดประตูเข้าไป ผมเจอคนที่ผมเฝ้าคิดถึงมาตลอดสองวันยืนอยู่กลางห้อง



“เตย ทำไมไม่รับโทรศัพท์”



เมื่อนั้น หลากความรู้สึกเข้าโจมตี



“เตย...ปิดเสียงไว้”



ผมว่า พร้อมหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงที่ปิดการแจ้งเตือนขึ้นมาดู เพื่อพบว่าค้างฟ้าโทรเข้าเบอร์ของผมมากกว่ายี่สิบครั้ง เมื่อเงยหน้า ผมเห็นเขาพุ่งเข้ามา ผมหลับตาปี๋ เตรียมรับการโดนโจมตี แต่ได้รับอ้อมกอดอุ่นโอบกอดตัวเองไว้



“อย่าทำแบบนี้...อย่าหายไปแบบนี้อีก”



เส้นด้ายยุ่งเหยิงที่พันกันในหัวค่อยๆ คลายออกทีละนิด



“เตย...” ผมเงียบไปนาน กว่าจะเอ่ยประโยคถัดมาได้ “เตยไม่รู้จะทำยังไง”



“ทำอะไร”



“พี่ฟ้าหายไป...สองคืนติดกัน เตยนอนไม่หลับ รู้ตัวอีกทีก็ออกไปผับแล้ว แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เตยต้องการ”



“แล้วเตยต้องการอะไร”



“พี่ฟ้า”



“ครับ?”



“เตยต้องการพี่ฟ้า”



เขาเงียบไปพักหนึ่ง ซบหน้าลงกับไหล่ของผม



“พี่ขอโทษ...ที่ไม่ได้กลับมาหา”



“เตยก็ขอโทษ...ที่ทำอะไรให้ไม่ได้เลย ดีแต่สร้างปัญหา”



“มันไม่ใช่อย่างนั้น อย่าโทษแต่ตัวเองเลย พี่เองก็ไม่ดีที่ทิ้งเตยไว้” เขาว่า ถอนอ้อมกอดออก “พี่ไม่ได้อยากทำอย่างนั้นเลย แต่ที่บ้านไม่ยอมให้พี่กลับมาเลยสักนิด”



ผมพยักหน้า พยายามที่จะเข้าใจและรับฟัง



“พี่ก็ดีใจที่เตยกลับมานะ”



เขายืนอยู่ในระยะที่ผมสามารถเห็นรอยยิ้มได้เต็มตา



“พี่เป็นห่วงเตย ไม่ได้คิดว่าเตยสร้างปัญหา” เขาวรรค ยิ้มกว้างขึ้น “อีกอย่าง...พรุ่งนี้ไปพบพ่อกับแม่ของพี่กันนะ”



ผมทำหน้าไม่เข้าใจ



“ไปเจอพวกเขาทำไม”



“อย่างน้อยเขาก็อยากเห็นหน้าคนที่ทำให้พี่ยอมกลับมารับทำกิจการที่บ้านต่อ”



ค้างฟ้าว่า ผมยังไม่เข้าใจดีนัก แต่คิดว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี อย่างน้อยมันก็เป็นคืนที่ดีที่ผมได้นอนกอดกับเขาอีกครั้ง และรับรู้อย่างแท้จริงแล้วว่าผมไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากเขา








ผมไม่รู้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ มันเป็นโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ไม่ใช่บ้านของค้างฟ้า ผมมองไปรอบๆ ขณะที่ค้างฟ้าจับมือผมไว้ เดินนำทาง มีเจ้าหน้าที่หลายคนหันมามองทางเรา บางคนค้างฟ้าเอ่ยทักทาย บางคนเขาเดินผ่านไปเฉยๆ สถานที่แห่งนี้ผมแทบไม่ค่อยได้เข้า ไม่เคยเจ็บป่วยอะไรขนาดนั้น หรือถ้าบาดเจ็บอะไรมาก็มักจะรักษาตัวอยู่คนเดียวมากกว่า



กลิ่นยาฆ่าเชื้อลอยเต็มอากาศไปหมด



ค้างฟ้าพาผมเดินตามทางเดิน ผ่านคนไข้ประปราย จนมาถึงสุดทางเดินที่แปะป้ายหน้าส่วนนี้ว่าเฉพาะเจ้าหน้าที่ เขาเปิดประตูเข้าไป ก่อนจะพาไปยังห้องข้างในอีก



ผมกลั้นหายใจเมื่อเจอคนในห้อง



แม้ไม่ได้เอ่ยแนะนำ แต่ผมรู้ว่าสองคนที่นั่งอยู่ในห้องอำนวยการคือพ่อกับแม่ของค้างฟ้า



ริมฝีปากขบเม้มแน่นจนได้กลิ่นเลือด



“พ่อแม่ นี่เตย...คนที่ผมพูดถึง”



แม่ของค้างฟ้าเบะปาก เบ้หน้าหนีคล้ายไม่อยากมอง... ส่วนพ่อของเขาสบตาผมเพียงแวบเดียวก่อนหันไปทางค้างฟ้า...



อึดอัดแทบบ้า แต่ผมก็ยกมือไหว้



ถึงจะไร้สกุลรุนชาติ แต่เรื่องมารยาทผมก็ยังพอมีติดตัว



“ถือว่าผมพามาให้รู้จักแล้วนะ ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ส่วนเรื่องที่บ้านถ้ามีอะไรก็บอกผม”



เขาว่าแค่นั้น ก่อนจะจับมือผม กลับหลังหันเตรียมออกจากห้อง ทว่าเสียงของผู้ชายที่ทุ้มต่ำคล้ายเสียงของค้างฟ้าดังขึ้นมาก่อน



“เดี๋ยวก่อน”



ค้างฟ้าหยุด หันหน้ากลับไป แต่ไม่ได้ตอบอะไร



“เตย...ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณเป็นใครมาจากไหน”



ค้างฟ้าตั้งท่าจะพูด แต่พ่อของเขาพูดขัดเสียก่อน



“แต่อย่าทำให้ลูกผมเสียงานการ และก็ขอบคุณที่ทำให้ฟ้ามันยอมกลับมาทำงานที่บ้าน”



ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เพียงก้มหัวให้หนึ่งครั้ง



“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมไปล่ะ” ค้างฟ้าตัดบทสนทนา ลากผมออกจากห้อง โดยที่ยังไม่ได้ไหว้ลา ผมได้แต่ก้มหัวงกๆ ให้ทั้งสองคนแทนการไหว้



“ทำไมรีบไปล่ะ”



ผมถามเขาเมื่อเดินออกจากเขตของพนักงานแล้ว



“จุดประสงค์ของพี่ไม่ได้มาเพื่อคุย แต่พามาให้รู้จักเฉยๆ” ว่าจบก็หันมายิ้ม “ทุกอย่างจะโอเค”



“พี่ฟ้า...” ผมเรียกชื่อเขาบ้าง ค้างฟ้าเลิกคิ้ว เป็นสัญญาณให้ผมเอ่ยประโยคถัดไป



“ผมอยากช่วยพี่ฟ้า...ผมอยากเรียนต่อในเทอมหน้า หรือทำอย่างอื่นก็ได้ อยากช่วยอะไรก็ได้ที่ผมพอจะทำได้”



ผมรู้ว่าค้างฟ้ามีศักยภาพมากพอที่จะให้ผมเริ่มเรียนต่อได้เลย แต่นั่นมันจะไม่แฟร์กับกฎของมหาวิทยาลัย ผมน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าค้างฟ้าทำอย่างนั้น เขาจะเสียชื่อเสียงเอา คนที่เสียหายจะเป็นเขาและครอบครัวมากกว่า ผมจึงไม่รั้นที่จะเริ่มเรียนทันที ปฏิบัติตามกฎ รอทำตามเวลาที่เหมาะสมนั่นแหละดีแล้ว



เขาฉีกยิ้มกว้างมากขึ้น



“ขอบคุณครับ”



“พี่ฟ้า ผมพูดจริงนะ”



“พี่รู้แล้ว เน็ตบอกพี่แล้วว่าเตยอยากเรียนต่อ”



“ให้เตยทำอย่างอื่นก็ได้ อะไรก็ได้ที่ได้ช่วยพี่ฟ้า เตยไม่อยากอยู่เฉยๆ”



“ตอนนี้ยังไม่มีอะไร นอกจากเตรียมตัวเรียนกับอยู่ข้างพี่”



“เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้วนี่”



ผมตอบกลับแทบทันที เขายิ้ม ไม่พูดอะไร เดินนำผมออกจากโรงพยาบาลไปยังลานจอดรถ ก่อนหยุดเดิน ที่นี่เงียบเหงาไม่มีคนเดินขวักไขว่วุ่นวายเหมือนข้างใน



เขาหันมามองผม



“ถ้าอย่างนั้นพี่ขอให้เตยอยู่ด้วยกันแบบไร้ข้อผูกมัด ไม่ต้องมีพันธะอะไร เตยอยากทำอะไรก็ทำ พี่จะสนับสนุน ขอแค่อย่าจากไปไหน”



ผมพยักหน้า



“ผมจะไม่ไปไหน ถ้าพี่ฟ้าไม่ไล่ก่อนล่ะก็นะ”



“พี่ไม่ไล่เตยอยู่แล้ว”



“ถ้างั้น” ผมตอบกลับ นึกคิดอยู่สักพักว่าสมควรพูดออกไปไหม “...พี่ฟ้าเองก็อย่าไปจากเตยด้วยได้ไหม...”



ผมเอื้อนเอ่ยคำถาม คล้ายคำอ้อนวอน ไม่รู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ขอร้องเขาไหม แต่คำตอบของเขาทำให้ผมแย้มยิ้มออกมาได้



“เรื่องนั้น...มันแน่นอนอยู่แล้ว”







 

ใกล้จบแล้วน้า

#น้ำค้างฟ้าขุ่น


หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 09-03-2019 23:19:19
งุ้ยยย อ่อนลงเยอะเลยย

เริ่มเข้ารับการรักษาแล้วสินะ  o13 o13
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-03-2019 07:38:58
ทุกอย่างมันจะดีขึ้น  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 10-03-2019 09:42:56
น้องเตยสู้ๆน่ะลูกกกก :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 16 - |9.3.2019| p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 12-03-2019 00:50:37
แงงงงง พี่เค้าเหนื่อยนะหนูลูก เข้าใจว่าอยากให้กอดเนอะ แต่อดทนได้ขนาดนี้ก็เก่งมากแล้ว ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นนะ เหมือนคุณพ่อพี่ฟ้าก็จะใจดีอยู่หน่อยนึงรึเปล่า เก่งมากทั้งสองคน หอมหัวน้องง หอมหัวพี่ฟ้า  :mew1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 17 - |16.3.2019| p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 16-03-2019 19:55:11
17: Dearie



หลังจากนั้นผมก็กลับมาใช้ชีวิตประจำวันวนลูปเหมือนเคย แต่ที่เห็นได้ชัดคือค้างฟ้ากลับมาที่นี่ทุกวัน ต่อให้จะดึกแค่ไหนก็ตาม ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นส่วนที่ทำให้เขาต้องเหนื่อยจากการเดินทางไหม เคยบอกไปแล้วว่าถ้าเดินทางมาที่นี่ไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืน



แต่เขาไม่คิดเช่นนั้น



“พี่อยากอยู่กับเตย ต่อให้ต้องเหนื่อย แต่ถ้ากลับมาแล้วเจอเตยพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว”



ว่าจบพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง



“เตยเหมือนเป็นภาระให้พี่เลย...”



“อย่าคิดอย่างนั้น บอกแล้วไงครับ”



“เตยรู้...” แต่ก็ห้ามตัวเองไม่ให้คิดไม่ได้ ผมติดอยู่กับความคิดที่ว่าตัวเองจะมีข้อดีอะไรเลย ไม่ได้มีใครต้องการผมมาตลอดชีวิต พอเขาบอกให้เลิกคิดแบบนี้มันก็ยาก... ผมไม่ได้เป็นภาระให้เขาจริงๆ น่ะเหรอ



ถึงอย่างนั้นผมก็ได้รับคำปรึกษาจากหมอคนนั้น และได้พูดคุยกับเน็ตกับหยก ไม่ได้จมดิ่งอยู่กับความคิดดำมืดของตัวเองตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อนแล้ว



ผมคิดว่า...ผมมีความสุขนะ ความสุขที่แท้จริง ที่ไม่ได้มาจากการหลอกตัวเอง



อย่างน้อยก็ในตอนนี้



การพูดคุยกับหมอทำให้ผมมีมุมมองที่ต่างออกไปจากเมื่อก่อนมาก เขาไม่ได้ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว แค่สอนให้ผมรู้จักคิดให้กว้าง ไม่มีถูกไม่มีผิด ส่วนใหญ่มักจะพูดเรื่องการควบคุมความคิดของผมให้มันไม่ทำร้ายตัวเอง



แต่กว่าจะรู้ว่าความคิดไหนทำร้ายตัวเองก็ใช้เวลานานโข



ผมไม่คิดว่าการคิดแบบนี้แล้วตัวเองจะต้องเจ็บปวด แต่ผลมันเห็นออกมาชัดเจนแล้วว่าไม่ใช่ ผมเจ็บ แต่ผมเก็บเอาไว้ นานๆ เข้าจนเจอกับค้างฟ้ามันก็ล้นทะลักออกมา ผมไม่รู้เลยว่าถ้าตอนนี้ผมยังอยู่ที่ตรงนั้นอยู่แล้วจะเป็นยังไง



ตัวเองในตอนนั้น ไม่ใคร่สนใจเรื่องอาหารการกินด้วยซ้ำ ไม่สนแม้กระทั่งหายามาทามากินเมื่อรู้สึกเจ็บปวด แค่นอนเฉื่อยชา จะเป็นอะไรก็เป็น นอนรอความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ ก่อนที่จะก้าวลงหุบเหว ค้างฟ้าก็จับมือรั้งผมไว้ได้ทันเวลา



ผมดีใจที่เขามา ดีใจที่เขาต้องการ ดีใจที่มีคนต้องการ ดีใจที่ตัวเองเลือกที่จะอยู่ที่นี่



มันอาจจะน่าเบื่อไปหน่อยในช่วงนี้ แต่ก็ดีกว่าตอนนั้นเยอะ



ค้างฟ้าบอกว่ามันกำลังจะดีขึ้น และผมก็เชื่อเช่นนั้น



เขากลับมาเร็วขึ้นทุกวัน และจูบผมทุกครั้งเมื่อมาถึงห้อง บางครั้งก็ที่แก้ม บางครั้งก็หน้าผาก กลางกระหม่อม ปลายจมูก หรือแม้กระทั่งที่ปาก



การกระทำราวกับเด็กอนุบาลทำผมเขินเป็นบ้าทุกครั้งที่เขาทำมัน



สัมผัสอ่อนโยนเคลิบเคลิ้ม คล้ายกับว่าเป็นการจูบเพื่อยืนยันว่าเขาจะกลับมาอยู่กับผม ยืนยันว่าจะไม่ไปไหน



ดีใจ จนต้องวาดรอยยิ้มทุกครั้งหลังเขากดจูบ ในอกมันเบาหวิว เส้นด้ายยุ่งเหยิงในหัวคลายออกทีละนิดจนแทบไม่เหลือปมอะไรให้ค้างคา



มีเพียงเรื่องเดียวก็คือค้างฟ้ายังไม่ยอมมีอะไรกับผมเสียที



ถึงจะช่วยปลดปล่อยในบางครั้ง แต่นั่นมันไม่พอหรอกนะ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่ทำ ค้างฟ้าไม่ยอมตอบคำถามนี้ เบี่ยงเบนไปประเด็นอื่นตลอด ไม่ก็ประดับรอยยิ้มไว้ แทนการเลี่ยงตอบคำถาม



ผมก็ได้แต่นอนกอดเขาเฉยๆ ทุกคืน เล้าโลมยังไงค้างฟ้าก็แค่หัวเราะ กอดผมแน่นไม่ให้ผมเล่นซนบนตัวเขา



ถึงขนาดที่ผมเคยนั่งทับเขาไว้ เนื้อตัวเปลือยเปล่า ช่วยตัวเองต่อหน้าค้างฟ้าขนาดนั้น เขาก็ยังไม่ทำผมเสียที หรือว่าเขาจะเสื่อมสมรรถนะทางเพศไปแล้ว



ปรึกษาหมอ หมอก็ได้แต่หัวเราะ ทำไมมีแต่คนหัวเราะ มันตลกหรือไง



ผมต้องการเซ็กซ์ แต่นี่เล่นไม่ได้ทำอะไรเลยมาเกือบเดือน ผมแทบจะลงแดงแล้ว แต่จะให้ไปกอดใครก็ทำไม่ได้อีก



กอดหยกเหรอ... อาจจะทำได้ก็ได้ แต่เน็ตได้ฆ่าผมตายพอดี



ผมได้แต่นอนดิ้นเร่า งอแงโวยวายเหมือนเด็กไร้สติ และมันจะจบลงตรงที่ค้างฟ้าหัวเราะขำ ก่อนเข้ามารวบตัวผมกอดไว้แน่น แต่ไม่ยอมทำตามความต้องการของผม



ผมอยากให้เขากอดอย่างลึกซึ้ง อยากได้สัมผัสของเขา อยากให้ตัวตนของเขาอยู่ในร่างกาย อยากให้ของเหลวของเขาทะลักล้นเข้ามาในตัวผม



หรือผมควรสั่งซื้อของเล่นผู้ใหญ่มาใช้ดี



ปมปัญหาเดียวในตอนนี้ไม่ถูกคลี่คลายเสียทีจนผมงุ่นง่าน



“เตยอยากกอดพี่ฟ้า”



“ครับ”



“แบบที่ไม่ใช่กอดเฉยๆ เตยอยากมีเซ็กซ์”



เขาหัวเราะ



“ทำไมต้องหัวเราะตลอดเลย เตยต้องการพี่ฟ้าจริงๆ นะ...หรือว่าพี่ฟ้าไม่อยากกอดเตยเหรอ”



เขาลูบหัวผม “ไม่ใช่อย่างนั้น พี่ก็อยากกอดเตยตลอดเหมือนกัน”



“แล้วทำไม...”



“เตยรู้จักแต่เซ็กซ์...ไม่รู้จักการร่วมรัก”



“...”



“พี่อยากให้เตยแยกสองเรื่องนี้ให้ได้ก่อน พี่เองก็ต้องอดทนเหมือนกันนะครับ”



เขาว่า กดจูบลงมาที่ริมฝีปากผมหนึ่งครั้ง



“...มันต่างกันตรงไหน”



ผมถามเมื่อริมฝีปากเป็นอิสระ



ค้างฟ้ายิ้ม ลูบหัวผมเบามือ ไม่ตอบคำถาม หนีเข้าห้องน้ำไป ผมได้แต่ถอนหายใจ และเข้าไปอาบน้ำเมื่อค้างฟ้าเสร็จธุระ กลับมานอนฟุบที่เตียงเหมือนเคย



“เตย เช็ดผมให้แห้งก่อน”



ผมพยักหน้า แต่ไม่ลุกไปทำตาม จนเขาต้องเอาผ้าขนหนูมาเช็ดเส้นผมของผมให้แห้งหมาด



“เตย หันหน้ามาหน่อย”



ผมนอนคว่ำหน้าใส่หมอนอยู่เกิดอาการต่อต้านเขาเล็กน้อย แต่พอเขาเรียกชื่อผมอีกครั้ง ผมก็ยอมหันหน้าไปหาเขาอยู่ดี ค้างฟ้ายิ้มเหมือนเคย อ่อนโยนจนสบายใจ



เขาโน้มตัวมากดจูบที่แก้มของผม ผละออก แล้วจูบใหม่ที่ริมฝีปาก



ผมตอบรับสัมผัส เอียงใบหน้าให้รับรสจูบของเขาได้มากขึ้น เริ่มจะชันกายลุกขึ้นมาเพื่อตักตวงรสหวานให้มากกว่านี้ ทว่าค้างฟ้าถอนจูบออก ดันไหล่ผมให้ห่างจากตัวเขา



“ถ้าเตยอยาก...วันนี้ต้องอยู่เฉยๆ นะ”



ผมทำหน้าไม่เข้าใจ



“พี่จะสอนวิธีร่วมรัก”



เขาว่าพร้อมค่อยๆ ดันผมให้นอนลงเตียง ก่อนตวัดขาคร่อมร่างผมไว้



ผมไม่เคยสังเกตใบหน้าเขาจากมุมนี้มาก่อน ปกติก็แค่เริ่มจากจูบ ไม่ได้มองเห็นอะไรมากมาย บางคืนก็มืดเกินกว่าจะมองเห็น ส่วนใหญ่ผมมักชอบอยู่บนตัวเขามากกว่า แต่กระนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจสังเกตสีหน้าของเขาบ่อยนัก



พอได้จ้องตากับเขาแบบนี้ ราวกับหัวใจที่เต้นระรัวจะหยุดเต้นขึ้นมาอย่างนั้น



ให้ตาย ทำไมเขาเซ็กซี่ได้ขนาดนี้



รอยยิ้มของเขาทำให้ผมเก้อเขิน รู้สึกมือไม้ระเกะระกะไปหมด สายตาก็ไม่รู้ว่าจะต้องวางไว้ตรงไหนดี นี่มันบ้าไปแล้ว ผิดที่เขาดูดีเกินไป ผิดผมห่างเรื่องอย่างว่านานเกินไป หรือผิดที่ผมหลงเขาเกินไปจนทำให้ใจเต้นระรัวไม่เป็นส่ำแบบนี้



เขายิ้มกว้างขึ้น ยกมือไล่กรอบหน้าผมที่ตอนนี้ร้อนจัด



“เตยเขินแบบนี้แล้วน่ารัก”



ร้อนกว่าเดิม หายใจติดขัด



ผมไม่เคยต้องอารัมภบทอะไรมากมาย ก็แค่ใส่เข้ามา ขยับ ปลดปล่อย ถอนออก มันก็เท่านั้นไม่ใช่หรือ



เขาก้มลงมา บรรจงจุมพิตที่ริมฝีปาก อ่อนโยน เบาบาง กดจูบซ้ำๆ ขบเม้มริมฝีปากล่างของผมหยอกล้อ มันไม่เจ็บ ทว่าอึดอัด อยากให้เขารีบกว่านี้ ผมอ้าปากเตรียมสอดลิ้นแต่ค้างฟ้าอมยิ้ม ปิดริมฝีปากตัวเองแน่น  กดจูบอยู่อย่างนั้น



“พี่ฟ้า...”



อย่างน้อยก็เริ่มได้แล้วไหม ผมไม่รู้จะจัดการความรู้สึกตอนนี้อย่างไรดี



มันดูเงอะๆ งะๆ ไปหมด



ค้างฟ้ายิ้ม ประคองใบหน้าของผมก่อนสอดลิ้นเข้ามาตวัดเกี่ยวรัดปลายลิ้นผม ไล่ชิมน้ำหวานอย่างเชื่องช้า เลาะเล็มสำรวจโพรงปากอย่างคนไม่รีบร้อน ผิดกับผมที่ผมใจเต้นระรัว โหยหาสัมผัสที่มากกว่านี้



“ถ้าเตยขยับ พี่จะหยุดทำ”



เขาขู่เมื่อผมประคองใบหน้าของเขา ตั้งท่าจะจู่โจมใส่... ผมได้แต่ชะงัก วิเคราะห์ได้สักพักก็ยอมล้มไปนอนแผ่ตามเดิมอย่างกลั้นใจ อย่างน้อยให้เขาลีลาแบบนี้ก็ดีกว่านอนกอดกันเฉยๆ เหมือนที่ผ่านมา ผมอาจจะต้องอดทนหน่อย อาจจะต้องหาวิธีรับมือกับความรู้สึกที่จั๊กจี้แปลกๆ นี้ เอาหน่า ก็แค่นิดเดียว...ผมบอกตัวเอง



ค้างฟ้าจูบปลายคางผมต่อ ก่อนจะลากไปขบติ่งหูเบาๆ หยอกล้อจนผมนอนตัวเกร็ง ไม่เคยเจอสัมผัสแบบนี้ ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ นอกจากนอนหลับตานิ่งเป็นมัมมี่ เหมือนโดนเชือกล่องหนมัดไว้



ผมได้ยินเสียงหัวเราะของคนบนร่าง



“ไม่ต้องเกร็ง”



ผมหลับตาแน่น ทว่าไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ



“มองพี่”



ผมลืมตา จ้องมองสายตาที่สบมองมาก่อน



 “เตย...”



ผมเขิน...บ้าชะมัด ผมอยากจะสบถออกมาแรงๆ แต่ขยับปากไม่ออกเมื่อเห็นเขาส่งยิ้มมาให้



เขาจูบเปลือกตาผม กระซิบเอ่ยย้ำอีกครั้ง “ไม่ต้องเกร็ง มองพี่”



จับสองแขนของผมที่วางอย่างเงอะงะมาคล้องคอเขาไว้ ก่อนเริ่มจูบใหม่อีกครั้ง ผมชันสองขาขึ้น มันแปลก แต่ก็รู้สึกดี มือหยาบเริ่มล้วงเข้ามาในสาบเสื้อ ผมแอ่นอกตามสัญชาตญาณ ค้างฟ้าค่อยๆ ไล่ลูบผืนอกผมช้าๆ ราวกับกำลังพิจารณาเครื่องปั้นประติมากรรมที่เป็นศิลปะชั้นสูง...ฝ่ามือใหญ่ประณีตบรรจงจับ จนผมรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสัมผัสแบบนี้



และไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ได้แต่เกาะหลังเขาแน่น ราวกับเป็นไก่อ่อน



ทั้งๆ ที่ผ่านเรื่องพวกนี้มามาก ผ่านมือหลายคนจนนับไม่ถ้วน จนจำหน้าคนที่ร่วมหลับนอนไม่ได้ ผมควรเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ แต่ไม่เลย...ไม่มีใครสัมผัสผมเหมือนกับค้างฟ้า ทุกคนล้วนเข้ามาตักตวงและจากไป



ส่วนเขา...ทะนุถนอมเกินไป... ผมไม่ชินและไม่คิดว่าตัวเองจะได้รับสัมผัสแบบนี้



ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันทำให้หัวใจผมเต้นแรง รู้สึกดีที่เขาบรรจงสัมผัสผมทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น



ลมหายใจร้อนผ่าวรดริน เขาผละจูบออก ค่อยๆ ถอดเสื้อให้ผม เผยให้เห็นร่างเนื้อเปลือยเปล่า เหลือเพียงชั้นในที่ห่อหุ้มร่างกาย ครานี้ไม่ใช่มือ แต่เป็นริมฝีปากหยักนุ่ม ที่ค่อยๆ บรรจงจูบไล่แผ่นอกผมไปทีละส่วนอย่างเชื่องช้า สัมผัสอ่อนโยน แต่กลับทำให้ผมร้อนรุ่ม แก่นกายเริ่มตั้งชัน



มือใหญ่วนไปลูบสะโพกผมแผ่วเบา โดยที่ปากหยุ่นยังคงไล่จูบผืนอกผมอยู่อย่างนั้น



จนเขาครอบปากลงมาเล่นกับยอดอก ผมครางฮือ สองมือจิกไหล่แกร่งแน่น สองขาขยับตั้งชันกว่าเดิม ปลายเท้าจิกลงบนผ้าปูที่นอน ความรู้สึกเสียวซ่านแผ่ไปทั่วร่าง



ไม่รู้ว่าเพราะไม่ทำมานานแล้วหรือเพราะเป็นสัมผัสที่แปลกไปผมถึงเป็นได้ขนาดนี้



ถึงยังไง เป็นเพราะค้างฟ้าผมถึงเกิดความต้องการจนแทบล้น



เขาตวัดลิ้นเลียยอดอกผม ก่อนผละออกมา กดจูบบริเวณเหนืออก เนิ่นนาน...



“พี่ฟ้า...” พอผมเรียกชื่อเขา ค้างฟ้าก็ขยับใบหน้าซุกเข้าซอกคอ ขบเม้มมันเบาๆ แต่ผมคิดว่าคงขึ้นรอยจางๆ การกระทำของค้างเป็นไปอย่างเชื่องช้า ราวกับศิลปินค่อยๆ บรรจงแต่งแต้มสีสันให้รูปภาพล้ำค่า เขาจูบแล้วผละ เคล้นคลึงสะโพกแล้วปล่อย ลูบไล้ทั่วร่างกายจนผมเริ่มจะหายเกร็ง จะมีก็แต่ความเขินอายที่ไม่รู้มาจากไหนมากมาย จนตอนนี้รู้สึกเห่อร้อนไปทั่วตัว



ค้างฟ้าค่อยๆ ลากลิ้นชิมส่วนนั้นส่วนนี้จนท้องผมปั่นป่วน ร่างกายเกร็งขึ้นมาอีกครั้ง จับไหล่เขาแน่น ขดตัวเข้ามากขึ้นที่ถูกสัมผัสโอ้โลม



อยากจะบอกให้เขาพอแล้วรีบใส่เข้ามา แต่กลัวว่าเขาจะหยุดถ้าผมดื้อรั้นเกินไป



ในหัวผมมีแต่คำว่าต้องการค้างฟ้า ไร้สตินึกคิดสิ่งอื่นใด ขอแค่เขา เพียงเขา



ค้างฟ้าค่อยๆ เลื่อนตัวต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงแก่นกายกลางลำตัว เขาลูบผ่านมันเพียงเล็กน้อย ร่างผมพลันสั่นสะท้าน หอยหายใจถี่ เขาบีบเคล้นสะโพกและก้อนเนื้อสองข้างก่อนจะค่อยๆ ครอบปากของเขากับส่วนกลางลำตัวของผมที่ตั้งชัน ทั้งๆ ที่ยังสวมชั้นใน



ผมครางเสียงแผ่ว ไม่เป็นภาษา สูดอากาศตักตวงลมหายใจที่ติดๆ ขัดๆ สองมือจากที่โอบรอบคอเขาไว้เปลี่ยนเป็นจิกเส้นผมกลุ่มหนา สะโพกบิดเร่า แค่สัมผัสเขาเพียงเท่านี้ ผมก็แทบถึงฝั่งฝันแล้ว



“พี่ฟ้า เตยจะไม่ไหว...” ผมร้องบอกเขาด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี



เขาไม่ตอบ แต่ค่อยๆ ถอดชั้นในผมออก แก่นกายผงาดสู้หน้าหล่อเหลา คนเงียบยกยิ้ม ก่อนกดจูบส่วนลับอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง



ผมยกมือมาปิดหน้า



ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ ไม่เคยมีใครสัมผัสส่วนนั้นด้วยความอ่อนโยนแบบนี้ ไม่มี จนกระทั่งเจอเขา ผู้คนมากมายที่ผมพบเจอก็เทียบไม่ได้เลย



ค้างฟ้า ค้างฟ้า...



ในหัวร่ำร้องชื่อของเขา ปลายเท้าและฝ่ามือเปลี่ยนมาจิกผ้าปูที่นอนเกร็งเมื่อเขาเริ่มไล่ลิ้นอย่างเชื่องช้า จากส่วนปลายมายังโคน ลิ้นร้อนละเลงน้ำลายจนชุ่มฉ่ำ กระทั่งเขาดูดกลืนมันเข้าไปในโพรงปากอีกครั้ง ผมถึงสะดุ้งเฮือก



จะร้องห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว



ใบหน้าของเขาเปรอะด้วยหยาดน้ำของผมเต็มไปหมด และพอผมสบตากับเขา นั่นทำให้ผมเขินไม่เป็นท่า ใจเต้นระรัว เอ่ยพูดอะไรไม่ออก



เขาตวัดลิ้นเลียหยาดน้ำที่ไหลเยิ้ม การกระทำที่ทำให้ผมเขินม้วนมากกว่าเดิม กินทำไมเล่า น่ารังเกียจจะตายไป



อยากจะเอื้อนเอ่ยออกไป แต่ในใจเคอะเขินเกินกว่าจะมีคำพูดใดหลุดรอดไป อีกทั้งการกระทำของเขาก็ดูไม่ตรงกับความคิดในหัวของผม เขาไม่ได้ดูรังเกียจแม้แต่น้อย...



หัวใจผมสั่นสะท้านอีกครั้ง



ค้างฟ้าเริ่มจับแก่นกายผมใหม่ รูดรั้งจนมันชูชันสู้มือเขาอีกครั้ง ก็เพราะเป็นเขานั่นผมถึงเครื่องติดได้ง่ายๆ แบบนี้



ครานี้ค้างฟ้าถอดเสื้อตัวเองออก แม้แต่ท่าถอดเสื้อเขาผมยังมองว่าดูดีเลย ให้ตาย...นี่ผมเป็นบ้าอะไรกัน เขาโยนเสื้อไปนอกเตียง เคลื่อนตัวผ่านผมไปยังหัวเตียง หยิบอุปกรณ์ร่วมรัก ทั้งเจลหล่อลื่นและถุงยางอนามัย



เทมันลงบนฝ่ามือ ก่อนจะค่อยๆ สอดสองนิ้วเข้ามาในตัวผม



ผมบิดเกร็ง ส่ายสะโพกเชื่องช้า พยายามอย่างยิ่งที่จะเป็นเด็กดีของเขา ไม่ขัดใจเขา เพื่อที่จะได้จบกิจกรรมนี้อย่างสมบูรณ์แบบ กิจกรรมที่ผมเฝ้าฝันรอคอย ความต้องการที่อยากจะให้เขาเข้ามาในร่างกาย



ค้างฟ้าขยับนิ้วเตรียมช่องทาง ควานลึกเข้าไปในตัวผม มันไม่พอ ผมอยากได้มากกว่า แต่ไม่กล้าร้องขอ มีแต่ร่างกายที่บิดเร่า อารมณ์พุ่งขึ้นสูงจนน้ำตาคลอ



เขาถอดกางเกงเผยท่อนลำของตัวเองออก ผมจ้องมองมัน ขบริมฝีปากอย่างกลั้นใจ อดทนไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปโลมเลียมัน ค้างฟ้าหยิบซองถุงยางขึ้นมาฉีก ก่อนใส่มันครอบลงไป เอื้อมตัวอีกครั้งเพื่อเอาหมอนมารองสะโพกผม เมื่อทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ สองมือใหญ่ก็ค่อยๆ แยกขาผมออกช้าๆ



“จะเข้าไปแล้วนะครับ”



ผมพยักหน้า ไม่เห็นจำเป็นต้องขออนุญาตเลย ผมรอคอยเวลานี้มานานแล้ว



ทว่าเขาไม่ได้เข้ามาทีเดียว ไม่รู้ว่าเป็นการหยอกล้อกลั่นแกล้งหรือกลัวว่าผมจะเจ็บ เขาถึงได้ค่อยๆ ใส่ตัวตนของตัวเองเข้ามาทีละนิด



ผมอยากร้องบอกเขาว่าไม่ต้องกลัวผมเจ็บ แต่พอเห็นใบหน้าของเขากลับพูดอะไรไม่ออก



ไม่รู้จะบรรยายสีหน้าของเขาอย่างไรดี มัน...อ่อนโยน แต่ก็เต็มไปด้วยความต้องการ เหมือนเขามองลูกหมาตัวหนึ่งด้วยความเอ็นดู และพยายามดูแลไม่ให้มันบาดเจ็บ



กระทั่งท่อนลำของเขาเข้ามาจนสุด ข้างในตัวผมรู้สึกแน่นไปหมด ค้างฟ้าแช่ตัวเขาไว้อย่างนั้น และยังคงใช้สายตาเดิมจ้องมาที่ผม ครานี้แต่งแต้มด้วยรอยยิ้มเบาบาง



เขาเรียกมันว่าการร่วมรัก...และตอนนี้ผมพอรู้แล้วว่ามันต่างจากเซ็กซ์อย่างไร



มันไม่ใช่เพียงการระบายความใคร่ ทุกอารมณ์ทุกความรู้สึกของค้างฟ้า ส่งมาถึงผมแม้ไม่ต้องเอ่ยประโยคใด



สะโพกหนาเริ่มขยับ ผมเชิดหน้าขึ้น เผลอส่งเสียงร้องออกมาเมื่อถูกกระทุ้ง สองมือปัดป่ายหาที่ยึด ก่อนจะจับสองแขนเขาแน่น ค้างฟ้าค่อยๆ ขยับเข้าออกอย่างเนิบช้า ช่างไม่ทันใจเอาเสียเลย ทว่าผมกลับไม่ต้องการเร่งเร้าจังหวะ



ปล่อยให้มันเป็นไปตามสมควร



จากจังหวะเนิบช้าเริ่มเร่งเร็วขึ้น ผมเปลี่ยนมากอดแผ่นหลังเขาแน่น เหมือนที่เขาช้อนตัวผมไปกอดไว้ ส่วนกลางลำตัวยังคงเชื่อมติดกัน เสียงเนื้อกระทบ เสียงหอบหายใจ กลิ่นเหงื่อราคะลอยฟุ้งเต็มห้อง



เราถึงฝั่งฝันพร้อมกัน



เขากอดผมไว้แน่น อบอุ่นจนอยากจะฝังตัวเข้าไปในร่างกายของเขา ให้หลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกัน



เพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันตราบร่างกายจะสิ้นลม



ค้างฟ้ากระซิบถ้อยคำรักข้างหู คำที่ผมเคยชิงชัง



พี่รักเตย



ตอนนี้เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าความหมายที่แท้จริงของคำนี้คืออะไร








ตอนหน้าเป็นตอนจบแล้วนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้จริงๆ ค่ะ T^T

#น้ำค้างฟ้าขุ่น


หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 17 - |16.3.2019| p.4
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 16-03-2019 21:45:44
หวานนน บิดแทนเตย

 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 17 - |16.3.2019| p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 17-03-2019 11:10:05
เตยรู้จักรักแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 17 - |16.3.2019| p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ดาวลูกไก่ ที่ 18-03-2019 00:27:17
 :กอด1: พี่ฟ้าอ่อนโยนมั่กๆเลยย ขอบคุณที่รักน้องเรานะพี่ฟ้า
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 17 - |16.3.2019| p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 22-03-2019 13:31:16
พี่ฟ้าอ่อนโยน ละมุนกับน้องมากกกกกก ความรักของพี่ฟ้าชุบชีวืตเตยขึ้นมาใหม่จริงๆ  :hao5:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 25-03-2019 19:28:00
18: Dinosaur Dream



เขาบอกว่ามันจะดีขึ้น...ผมเชื่อเช่นนั้นตลอดมา



และมันกำลังจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ



เวลาร่วงโรยผ่าน ผมตื่นขึ้นมาเจอค้างฟ้าในทุกเช้า จะว่ายังไงดี มันสดใสทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาในเช้าวันใหม่ ราวกับมีพระอาทิตย์สว่างเจิดจ้าอยู่ในห้อง รอยยิ้มของเขาทำให้ผมพร้อมจะมีชีวิตและใช้ต่อไปในแต่ละวัน



ความมืดหายไปแล้ว



ตอนนี้ผมกับเขาต่างมีเรียนด้วยกันทั้งคู่ ผมเรียนคณะเดิมต่อในเทอมสอง ส่วนค้างฟ้าเริ่มเรียนป.โทมาได้สักพัก เวลาของเราตรงกันบ้างไม่ตรงกันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วเราจะกลับมาเจอกันทุกคืนก่อนนอนเสมอ



เหมือนค้นพบความสุข ค้นพบสรวงสวรรค์ที่อยู่บนโลกมนุษย์



มันคงไม่ใช่ที่ของผมถ้าหากไม่มีค้างฟ้า



ในตอนนี้รู้แล้วว่าเขาสำคัญกับผมขนาดไหน ดีใจที่มีชื่อของเขาจารึกไว้บนร่างกาย เป็นการป่าวประกาศว่าผมเป็นของใครโดยไม่ต้องออกเสียง ดีใจที่ได้เป็นคนของเขา



แม้จะดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างเขา มีความสุขที่มีเขาข้างกาย แต่มันไม่จีรัง หมอบอกว่าผมไม่ควรยึดติดเขามากจนเกินไป เผื่อว่าวันใดที่เราต้องจากลา ผมจะได้ไม่เสียใจจนอยู่ไม่ได้ ถึงอย่างนั้นความสุขในตอนนี้ก็ขอตักตวงมันเก็บไว้อย่างไม่คิดปฏิเสธ



เรื่องราวผ่านมาแล้วก็ผ่านไป บ้างผ่านมาเป็นบทเรียน บ้างผ่านมาเป็นความทรงจำ ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากการที่ได้โคจรมาเจอค้างฟ้า และดีใจที่ได้เจอ



ดีใจที่ไม่ต้องอยู่แบบนั้นอีก ดีใจที่หลุดพ้นจากวงจรที่ตัวเองสร้างขึ้น



ผมกับค้างฟ้าไม่ลืมที่จะไปเยี่ยมกายเมื่อมีเวลาว่าง เธอดีใจที่เห็นผมมีความสุข นั่นทำให้ผมตระหนักได้ว่าผมมีเพื่อนดีๆ แบบนี้มาตั้งนาน ทำไมถึงได้ไม่สนใจเธอกันนะ ครั้นจะชวนกายให้ไปอยู่ด้วยกันกายก็ส่ายหน้าลูกเดียว



เธอบอกเธอมีความสุขดีอยู่แล้ว ไม่ต้องรวย ไม่ต้องมีเงินมากมาย แค่มีงานทำ เลี้ยงตัวเองได้แบบนี้ก็พอแล้ว



ขอแค่นานๆ ทีผมกับค้างฟ้าจะแวะเวียนมาหากันบ้าง เธอจะได้ไม่เหงา



ผมเลยเชียร์ให้กายแต่งงาน เธอหน้าแดงใหญ่ บอกว่าไม่มีใครสนใจผู้หญิงบ้านๆ แบบเธอหรอก คำพูดเช่นนั้นเข้าหูพนักงานชายที่ปั๊มน้ำมันคนหนึ่ง เขาหันมาทำหน้าไม่พอใจน้อยๆ และผมก็รู้ได้ทันทีว่ากายกำลังมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับผู้ชายคนนั้น



เธอเป็นคนดี และผมหวังว่าเพื่อนของผมจะมีความรักที่ดี เพราะกายคู่ควรกับมัน



ไม่มีใครไม่คู่ควรกับความสุข



เน็ตกับหยกคบกันอย่างเปิดเผยเมื่อผมเริ่มเรียน แม้จะหมั่นไส้เน็ตนิดหน่อยเพราะหยกเคยเป็นคนโปรดผม แต่ก็ยินดีกับทั้งสองคน และภาวนาให้พวกเขาคบกันนานๆ แต่ดูแล้วไม่น่ามีปัญหาหรอก นิสัยของพวกเขาเข้ากันได้ดีเกินคาด



วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ถ้าผมไม่มีงานกลุ่มต้องไปทำหรือค้างฟ้าไม่ต้องออกไปทำงานที่ไหน เรามักจะมานั่งคุยกัน ไม่ก็หาอะไรทำด้วยกัน



เป็นชีวิตที่ผมไม่เคยวาดฝันว่าจะมี ชีวิตที่แสนสงบสุข และแสนสุข



ในหัวผมไม่ได้โล่งแบบนี้มานานแล้ว ที่ผ่านมา มีแต่ความคิดดำมืดและยุ่งเหยิง นำมันมาเป็นความทุกข์ให้ตัวเองมาตั้งนาน



ผมอิงไหล่เขา นั่งดูหนังไปด้วยกันในบ่ายวันอาทิตย์



เมื่อคืนมีฝันประหลาด ไม่ใช่ฝันร้ายเหมือนอย่างเคย แต่เป็นความฝันในช่วงวัยเยาว์ สมัยที่ผมยังเด็กมากและเคยถูกใช้เป็นเครื่องมือรองรับอารมณ์บรรดาคนต่างๆ



ในตอนนั้น ผมเคยคิดว่าถ้ามีคนมาช่วยผมออกไปจากที่นี่ก็คงดี ถ้ามีคนมารักผมอย่างแท้จริงก็คงจะดี



ก่อนที่ความฝันอันยิ่งใหญ่จะถูกความมืดกลืนกินจนไม่เหลือซาก ลืมสิ้นถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่ารัก



ผมเล่าให้ค้างฟ้าฟัง



“มันคงเหมือนกับคำคำหนึ่งที่ผมเจอ”



“คำอะไร”



“Dinosaur dream เป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่และได้ตายจากไปนานแล้ว ผมคิดว่ามันจะเป็นความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้อีก”



เขาหัวเราะขำ ยกมือมาลูบต้นคอผมแผ่วเบา



ไม่ต้องมีคำเอื้อนเอ่ยอะไรมากมาย



เขาโน้มตัวมาประกบจูบผม แทนความหมาย



ว่ามันมีวันเป็นได้จริง



เราจะมีกัน จนกว่าชีวิตจะจากลา



END







ขอบคุณทุกคนที่ติดตามเรื่องนี้มาจนถึงตอนสุดท้ายนะคะ

เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เขียนดราม่าหนักขนาดนี้ ตอนแรกที่วางพล็อตไว้ก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ แง TvT

ระหว่างที่เขียน น้ำค้างฟ้าขุ่นได้ให้อะไรกับเราหลายอย่างมากเลยค่ะ

อันที่จริงเรารีเสิร์ชเรื่องโรค อาการ การรักษามาเยอะมาก ทั้งหาข้อมูลเอง ทั้งถามเพื่อนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้

 แต่ตัดสินใจไม่ใช้มัน

เพราะตั้งใจตั้งแต่แรกแล้วว่าจะโฟกัสเรื่องของเตย

เรื่องที่เตยไม่เข้าใจความรัก ไม่เข้าใจความสุข

ความตั้งใจแรกของเราคืออยากลองสร้างตัวละครที่โตขึ้นมาอย่างบิดเบี้ยว เพราะผ่านสถานการณ์เลวร้าย

แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อยากลงลึกไปมากขนาดนั้น อยากเน้นไปที่อารมณ์และความรู้สึกตัวละครมากกว่า

ถ้าใครอ่านแล้วขัดใจตรงไหนก็ขออภัยด้วยนะคะ TT

และถ้าให้ลิสต์เรื่องโรคที่เตยเป็น จะมีหลายโรคมากค่ะ  TvT



ทั้งนี้อยากจะบอกทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ว่าขอบคุณจริงๆ ที่อยู่ด้วยกัน

เป็นเรื่องที่เราใช้เวลาเขียนครึ่งปี ซึ่งค่อนข้างนานถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ ที่เคยเขียน

เขียนแล้วเครียด ปวดหัวหลายครั้งมาก บางช่วงก็มืดแปดด้านไปกับน้องเตยจริงๆ

แต่สุดท้ายเราก็พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับตัวละครของเรา คิดว่าจนถึงตอนนี้เราพาเขามาจนสุดทางได้แล้วล่ะค่ะ



เตยอาจจะมีความสุขกับค้างฟ้าตลอดไป หรืออาจจะเกิดการพลัดพรากจากลากัน

ให้ถือว่าเป็นเรื่องของอนาคต เพียงแต่เตยในตอนนี้สามารถรับมือกับความรู้สึกที่ถูกต้องได้แล้ว

เราเพียงอยากให้เตยเข้าใจความหายของรักที่แท้จริง

แต่ชีวิตหลังจากนี้ เตยจะเป็นคนกำหนดมัน



หวังว่าคนที่ได้อ่านเรื่องนี้จะสามารถสนุกไปกับมันได้

หรือถ้าไม่ลำบากจนเกินไป ก็ขอให้น้องเตยได้โลดแล่นผ่านจินตนาการของนักอ่านบ้างเป็นครั้งคราว

เราก็พอใจมากๆ แล้ว



ขอบคุณทุกคนที่ติดตามและให้กำลังใจเสมอมานะคะ มีผลกับเรามากจริงๆ

ไม่ค่อยได้ทอล์กเท่าไหร่เพราะเก็บเอามาทอล์กตอนสุดท้ายทีเดียว5555







#น้ำค้างฟ้าขุ่น
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-03-2019 20:57:32
 :3123:
ให้กำลังใจนักเขียนคร่าา
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: nofsnof ที่ 25-03-2019 21:05:26
งื้ออ จบแล้ว ขอบคุณคนเขียนมากนะคะ
มีหลายตอนเลยที่เราร้องไห้เพราะเตย
ดีใจที่เตยได้มีความสุขจริงๆและก็รักดีดีจากค้างฟ้า
รอๆตอนพิเศษนะคะ  :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: เขมกันต์ ที่ 26-03-2019 09:36:37
สารภาพว่าเรื่องนี้ทำให้เราต้องหยุดอ่านไปตั้งหลัก สงสารเตย แม้ตอนแรกๆ จะไม่เข้าใจว่าทำไมเตยต้องใช้ร่างกายเปลืองขนาดนั้นแล้วเพราะอะไรที่ทำให้พี่ค้างฟ้าถึงยอม แล้วพี่ค้างฟ้าไปไหนทำเหมือนเตยเป็นตัวละครลับๆ ในชีวิตพี่ค้างฟ้า พอเรื่องเริ่มเฉลย ทุกคนมีปัญหาด้วยกันทั้งสิ้น พี่ค้างฟ้าเองก็คงขัดใจไม่น้อยที่ทำอย่างใจไม่ได้ โชคดีที่เอมมีความเห็นตรงกันไม่งั้นเรื่องคงวุ่นวายกว่านี้แน่นอน ส่วนเตย อยากจะหอมหัวเหลือเกิน วัยเด็กต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย อย่างน้อยก็ดีเท่าไหร่แล้วที่เลิกยาได้ ตอนเตยกลับไปจุดเดิมยิ่งเศร้า ดีใจในที่สุดเตยก็คิดได้แม้จะไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม ยังมีความอยากอยู่ข้างกายพี่ค้างฟ้า ฮืออออ  :mew4:
ดีใจที่จบแบบนี้ ถ้าแบดเอ็นไปเราคงเศร้า เพราะอยากให้เตยมีความสุข

ขอบคุณมากๆ นะคะ รู้ว่าคงแต่งยากน่าดู เก่งมากๆ เลยค่ะ ติดตามผลงานต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-03-2019 20:59:29
ดีใจไปกับค้างฟ้าและเตยรักกันอยู่กันไปจนแก่เลยนะ  :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: PimKanyarat ที่ 27-03-2019 12:48:55
หวังว่าหลังจากนี้ทั้งเตยแล้วค้างฟ้าจะมีความสุขตลอดไปนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: Ac118 ที่ 28-03-2019 13:10:41
เตยได้พบความรักและความสุขของตัวเองแล้ว ฮือออออออ ดีใจกับน้อง
นย.เรื่องเป็นเรื่องที่หนักหน่วง อัดอั้น อึนในหัวใจมากอีกเรื่องนึงที่เดียว แรกเริ่มที่เปิดมาเตยขาดเซ็กไม่ได้ มองว่าน้องต้องป่วยในทางจิตเวชไม่ทางใดก็ทางนึงมาตลอด ปรากฎน้องป่วยหลายโรคซ้อนทับกันจนไม่รู้จักความรัก หวาดกลัวความรัก เพราะถูกทำร้ายทำลายมาแต่เด็ก มันแตกสลายจนร้องไห้สงสารน้อง และคนอย่างพี่ฟ้า ที่เหมือนชะตาเหวี่ยงให้มาเจอกัน มาโอบอุ้มกอดความแตกสลายนั้นขึ้นมาด้วยความรักและเมตตา จนน้องกลับมามีชีวิตอีกครั้ง มันจะสักกี่คนบนโลกนี้ในความเป็นจริง นิยายเรื่องให้แง่มุมอะไรหลายอย่างมากกว่าแค่ความบันเทิงจริงๆค่ะ ขอบคุณนะคะ เป็นกำลังใจให้คุณนักเขียนนะคะ  :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: GDNEE ที่ 31-03-2019 21:15:58
คุณraccoollบรรยายความรู้สึกของเตยออกมาได้ดีมากจริงๆ​ ไม่สิต้องบอกว่าของทุกๆคนเลย​ ตอนแรกๆที่ยังไม่ค่อยได้เปิดปม​ เราคิดไปต่างๆนาๆเลย​ ทั้งจบ​badend เตยไปอยู่กับคนอื่น​ พี่ฟ้าทิ้งเตยไปหาคุณเอม​ กลัวเตยข้าตัวตายด้วย แต่สิ่งที่พี่ฟ้าแสดงออกมาทั้งตอนที่พาเตยกลับ​ รับฟังเตย​ ทั้งตอนที่ร่วมรักกับเตย​ ​มันทำให้รู้สึกได้เลยว่าพี่ฟ้ารักเตยจริงๆ​ ไม่ว่าต่อไปภายภาคหน้า​ทั้งสองคนจะหมดรักกันหรือไม่​ แต่ตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองมีให้กันมันคือความรักจริงๆ​

ดีมากๆเลยค่ะ​ สวยงามมากจริงๆ​ บรรยายออกมาได้ดีสุดๆ​ ตอนจบเรานี่อึ้งไปเลย สุดยอดด ขอคารวะ​ เอาขึ้นหิ้งไปเลยยย
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 07-04-2019 12:38:28
 :pig4: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: แมว ที่ 07-04-2019 18:52:45
แงงงงง จบแล้วหรอคะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 08-04-2019 08:04:50
เรื่องนี้ดีมากค่ะ ไม่ต้องลงรายละเอียดลึกมาก
แต่ทำให้เข้าใจได้ว่าความปกติไม่ปกติคืออะไร
เราหายไปพักหนึ่ง เพราะช้ำใจกับเตยหนักมาก
มันอึดอัด และค้างคามากค่ะ ที่เตยจมอยู่กับความคิดเดิม
แต่ตอนนี้กลับมาอ่านจบแล้วนะคะ ที่ใจกับเตย และคนเขียนจ้า

ในที่สุดค้างฟ้าก็ตามหาเตยเจอ ต้องขอบคุณกาย
ที่ยอมมาเจอค้างฟ้า และพาไปเจอเตย
และช่วยให้เตยคิดได้หลายอย่างด้วย
และในที่สุดเตยก็หลุดพ้นจากความคิด ความรู้สึก
ที่กัดกินมายาวนาน ความผิดเพี้ยน ก่อเกิดเป็นรูปร่างที่ดีขึ้น

ค้างฟ้าคือรักจริง ที่ยอมเสียหลายอย่างเพื่อให้มีเตยอยู่
และสู้เพื่อให้ได้อยู่กับเตยและเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน
ขอบคุณค้างฟ้าที่ไม่ยอมแพ้ และไม่ทอดทิ้งน้อง
และขอบคุณเตยที่ดีขึ้น เปิดใจมากขึ้น เรียนรู้ในสิ่งดีๆ

ขอบคุณคนเขียนมากนะคะสำหรับเรื่องนี้
ดีมากสำหรับเราเลยค่ะ และดีใจที่ตอนจบ
ทุกคนมีความสุข ไม่เจ็บปวดกับแผลเก่ามาก
จะติดตามผลงานเรื่องต่อๆ ไปนะคะ

หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 08-04-2019 14:40:44
ขอบคุณคนเขียนมาก เป็นตัวเอกที่ดึงดูดให้เราเอาตัวเองไปอยู่ในมุมมองนั้นจริงๆซึ่งมันพิเศษมาก ขอบคุณคนเขียนสำหรับเนื้อเรื่องดีๆนะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 07-07-2019 16:15:14
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: KizzllKizz ที่ 09-07-2019 12:09:07
ขอบคุณที่เขียนเรื่องนี้มานะคะ ชอบมากๆเลย ได้เห็นพัฒนาการของเตยที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนมุมมองความคิดไปมาก

 o13
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 11:40:05
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: TheDoungJan ที่ 23-05-2020 20:17:58
กลับมาอ่านแล้ว หลังจากที่ดองเอาไว้ ดีใจที่น้องเตยโตขึ้นและรักเป็น ได้เห็นเตยเติบโตไปพร้อมๆกับพี่ฟ้าแล้วรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ไม่อึมครึมเหมือนตอนแรกๆ ดีใตที่เตยเห็นคุณค่าในตัวเอง รู้ตัวว่ามีคนรักเตยมากๆ และมองโลกในแง่ดี หลุดออกมาจากโลกสีดำอึมครึมได้แล้ว

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆเรื่องนี้นะคะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: politesseone ที่ 28-07-2020 13:21:33
เรื่องนี้มาม่าประมาณ 10 ลัง
ตั้งแต่เริ่มเรื่องก็รู้สึกได้ทันทีค่ะว่าเต้ยดูมีปัญหา
แล้วก็มีปัญหาซะจริงๆ เราชอบบบบ ทุกเรื่องที่คุณแรคคูนเขียนค่ะ ทั้งบรรยากาศทั้งสำนวน คือมันดีมากจริงๆ รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 02-08-2020 02:02:54
อ่านแล้วสงสารเตยมากเรื่องนี้
ดาร์กมาก อ่านแรกๆจะปิดหลายรอบ
เพราะเราไม่ค่อยชอบอ่านแนวนี้
แต่อ่านไปอ่านมากับวางไม่ลง
จนต้องอ่านต่อจนจบ
ในที่สุดเตยก็มีความสุขสักที
หัวข้อ: Re: ☁ Dirty Dew #น้ำค้างฟ้าขุ่น - 18 - |25.3.2019| p.4 -END
เริ่มหัวข้อโดย: brapair ที่ 01-09-2020 10:49:05
แงงงงจบแล้ววว ขอบคุณสำหรับนิยายนะคะั
เป็นนิยายที่หนักมากกก55555 ใช้เวลาในการอ่านเยอะเลยค่ะ55555
เราชอบตัวละครค้างฟ้าที่ดูเป็นมนุษย์มากๆ ไม่รู้สิเรารู้สึกว่าเค้าเป็น'คน'ดีจัง อะไรแบบนี่5555555 ดูสมจริงน่ะค่ะ
ส่วนตัวละครเตยคือน้องบิดเบี้ยวผิดรูปมากๆมาตั้งแต่เด็กๆ ดีใจที่น้องได้รับการรักษาและดีขึ้น เห็นตัวละครได้ผ่านอะไรแย่ๆไปแล้วมันดีมากเลยค่ะฮือออ TvT