พิมพ์หน้านี้ - {{{{{ LOVE CURE รักนี้ ต้องรักษา }}}}} CH24 +บทส่งท้าย [p14 up 12.08.2015]
CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE
Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: yochan ที่ 14-02-2015 20:04:08
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0) ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0) ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่ 1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด 2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์ และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด 3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ 4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ 5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม 6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน 7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง 7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด 7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ 7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ 8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง). 9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ 10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com (http://www.thaiboyslove.com) ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป 11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป 12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด 13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ 14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ 15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ... (1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ (2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ - ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง) - ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ - ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ - ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส - ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail 16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข 17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ) ******************************************************************สารบัญ บทนำ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg2964246#msg2964246) บทที่ 1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg2965284#msg2965284) บทที่ 2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg2967936#msg2967936) บทที่ 3 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg2978495#msg2978495) บทที่ 4 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg2985498#msg2985498) บทที่ 5 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg2998345#msg2998345) บทที่ 6 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3007064#msg3007064) บทที่ 7 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3013262#msg3013262) บทที่ 8 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3014173#msg3014173) บทที่ 9 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3016628#msg3016628) บทที่ 10.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3020472#msg3020472) บทที่ 10.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3023830#msg3023830) บทที่ 11 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3027740#msg3027740) บทที่ 12 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3035161#msg3035161) บทที่ 13 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3044284#msg3044284) บทที่ 14 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3048124#msg3048124) บทที่ 15 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3060959#msg3060959) บทที่ 16.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3070103#msg3070103) บทที่16.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3072302#msg3072302) บทที่ 17 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3076654#msg3076654) บทที่ 18 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3079157#msg3079157) บทที่ 19 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3086695#msg3086695) บทที่ 20 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3090673#msg3090673) บทที่21.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3103641#msg3103641) บทที่21.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3109940#msg3109940) บทที่ 22 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3119646#msg3119646) บทที่ 23.1 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3125999#msg3125999) บทที่23.2 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3134867#msg3134867) บทที่24+บทส่งท้าย (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.msg3151619#msg3151619) ฝากนิยายเรื่องอื่นๆ ด้วยนะคะ ^^ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure รักนี้ ต้องรักษา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) ดวงใจรัตติกาล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47431.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
ป่ว(ย)นนัก รักซะ! - บทนำ เคยเกลียดขี้หน้าใครสุดๆ ไหมครับ ? แล้วรู้ไหมครับว่าความรู้สึกเกลียดขี้หน้าแบบสุดๆ ... มันเป็นยังไง ? อาการ เกลียดขี้หน้า ไม่เหมือนกับอาการปวดหัวตัวร้อน ไม่เหมือนท้องบิดเพราะไส้ติ่ง ไม่เหมือนปวดฟันเพราะฟันผุ หรือไมเกรนขึ้นเพราะเครียด แต่ เป็นอาการคันมือคันเท้า อยากจะออกแรงต่อยใส่หน้าใครสักคนให้เลือดกลบปาก ตามด้วยรัวหมัดใส่ท้องให้จุก หนุมานถวายแหวนด้วยเข่า แล้วจิกผมลากไปตามพื้นคอนกรีตให้หน้าที่เกลียดพังยับเยินจนดูไม่ได้ แล้วอาการเกลียดขี้หน้า ... ก็อาจจะทุเลาลง ... ล้อเล่นนะครับ เพราะผมเป็นหมอ ถึงจะคิดอย่างนั้นจริงผมก็ทำไม่ได้หรอก เกิด เป็นหมอ ต้องอดทน ต้องไม่ทำร้ายคนไข้ แม้คนไข้จะหล่อ จะรวย จะสาวรักสาวหลง เกินหน้าเกินตาหมอหน้าตาบ้านๆ ฐานะกินเกลือแทนข้าวแบบผม ไม่ว่ายังก็ต้องปั้นหน้ายิ้ม แล้วพยักหน้าหงึกอย่างคนมีจิตใจดีงาม แม้เนื้อแท้นี่เกลียดขี้หน้าคนตรงหน้าแทบตาย “ ครับ ... คุณชายไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ แค่เครียดลงกระเพาะนิดหน่อย กินยาตามที่หมอสั่งก็หายแล้วครับ” คุณชายตรงหน้าไม่ใช่คุณชายคุณหนูที่ไหน แต่เขาแค่ชื่อ ' ชาย ' คนอื่นจึงเรียกกันคุณชาย ฟังแล้วน่าหมั่นไส้ ( ซึ่งผมก็จำใจเรียกตาม ) คน คนนี้เป็นแขกประจำของโรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่ แต่เดิมไม่ได้มาเป็นคนไข้ หากแต่เป็นคนออกแบบสวนหย่อม และเป็นคนจัดการส่วนต่อขยายอะไรต่างๆ ของโรงพยาบาลให้เข้าที่และได้คุณภาพตามมาตรฐาน เรียกได้ว่าตอนมามาอย่างสิงห์ สาวกรี๊ดกันเกรียวกราวเพราะหน้าตาและฐานะ ไปๆ มาๆ กลับมาป่วยกระเสาะกระแสะเสียอย่างนั้น เห็น ว่ามีปัญหาหัวใจ สุขภาพร่างกายและจิตใจเลยทรุดโทรมลงทุกวัน บอกให้ไปหาจิตแพทย์ก็ไม่ยอม เอาแต่มาป้วนเปี้ยนในโรงพยาบาลเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเหล่าเหล่าพยาบาล สาวให้คอยมาดูแล แล้วใช้เงินฟาดหน้าหมออย่างผมให้รักษา คิดว่าหล่อ รวย มีเงิน แล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรือ ? ตามทฤษฎีแล้วคือไม่ได้ แต่ทางปฏิบัติ ... แน่นอนว่าทำได้อย่างเต็มที่ ! ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ ... ไอ้คุณชายคนนี้นี่บังอาจมาตั้งตัวเป็นศัตรูหัวใจของผม แล้วยังไม่เค๊ยไม่เคยรู้ตัวว่าสร้างความร้าวฉานให้กับคนอื่นมากแค่ไหนอีก น้อง เชอร์รี่ที่ผมตามเทียวไล้เทียวขื่อแจกขนมจีบมาสองปี กลับโดนไอ้หน้าหล่อนี่มาคาบไป หนำซ้ำภายหลังยังมาทำให้น้องเชอร์รี่ร้องไห้เสียน้ำตาเพราะพึ่งมารู้ตัวว่า หลงรักสาวคนอื่นที่ไม่ใช่เชอร์รี่ หลอกฟัน หลอกให้หลงรักแล้วทิ้ง จับปลาสองสามสี่มือโดยไม่เคยละอายต่อบาป นี่แหละครับ คนหล่อ รวย มีเงิน แต่ไร้ศีลธรรม แล้วจะไม่ให้เกลียดขี้หน้าไอ้คุณชายจอมมารยานี่ได้ยังไง ? ชีวิตก็ดี๊ดีขนาดนี้ แต่ยังทำสำออยไม่เลิก ทุ้ย หมั่นไส้โว้ย ! “ แต่ผมรู้สึกไม่ดีขึ้นเลยครับหมอ ทานข้าวไม่ค่อยลง บางครั้งก็รู้สึกหน้ามืด วืดล้มไปเลยก็มี ผมไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงจริงหรือครับ ?” “ นั่นแหละครับ คุณแค่เครียด แต่ร่างกายยังปกติดีทุกอย่าง” ผมพยายามยืนยันกับคนไข้หน้าหล่อที่ตอนนี้ซูบซีดลงกว่าแต่ก่อน ไม่รู้จะป่วยใจอะไรนักหนา หรือว่าเพราะเวรกรรมตามทัน ? หึ สม ! ... แต่จริงๆ แล้ว สาเหตุที่เขากังวลใจจะเป็นเรื่องสาวคนไหนผมก็ไม่รู้หรอก ไม่คิดจะถามด้วย เพราะผมไม่ใช่จิตแพทย์ แล้วก็ไม่ใช่เพื่อน ( แต่เป็นศัตรู ) อย่างดีก็แค่ทำตามหน้าที่ จ่ายยาตามอาการเท่านั้น “ งั้นหรือครับ อืม ... ยังไงวันนี้ขอบคุณหมอจิ๊บมากนะครับ ผมไม่รบกวนเวลาแล้ว” รู้ตัวก็ดี นี่มีคนไข้รอรักษาอีกยาวพรืด อย่าให้ต้องเสียเวลากับคนไข้จอมมารยาแบบนี้เลย จะว่าผมใจร้ายก็ได้ ก็ผมเกลียดขี้หน้าเขานี่ “ ครับ ถ้าอย่างงั้นเชิญรอด้านนอกเพื่อรับยา ไม่ใช้ประกันใดๆ นะครับ” ผมรีบผายมือบอกทาง อยากจะปิดเคสนี้เร็วๆ เหลือเกิน “ ครับ ขอบคุณมากนะครับหมอจิ๊บ คุณหมอนี่ดีกับผมตลอดเลย” ... นี่ไม่ได้ประชดกันใช่ไหม ? คุณชายยิ้มน้อยๆ หากแต่ใบหน้าอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ที่บอกว่าผมดีด้วยนี่จงใจประชดกันหรือไม่ แต่ใครจะสนใจเล่า ฮึ ! คนไข้ จอมเล่นละครเดินจากไปอย่างหงอยๆ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนที่มีพร้อมอย่างเขา จะเครียดอะไรนักหนา ที่ป่วยนั่นนี่ก็เรียกร้องความสนใจชัดๆ โรคของพวกคนรวยเคยตัว ... ผมได้แต่คิดแบบนั้น คิด แล้วก็สะท้อนใจนะครับ เพราะคนไข้ด้านนอกอีกมากมายได้รับการรักษาไม่เท่าเทียมคุณชายนี่เพราะฐานะ ด้อยกว่า หลายคนไม่ได้รับการรักษาด้วยซ้ำ แต่ผู้ดีตีนแดงอย่างเขากลับได้ใช้เส้นสาย ใช้เงิน เบียดเบียนเวลาคนไข้คนอื่นทั้งที่ไม่ได้ป่วยร้ายแรงอะไร จึง ช่วยไม่ได้ที่ผมจะไม่ชอบหน้าเขาทวีคูณ และผมคงจะมองเขาอย่างมีอคติแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่คิดจะเปิดตาเปิดใจ หากเหตุการณ์ไม่คาดฝันคืนนั้นไม่เกิดขึ้น ... ___ แฮร่ มาเปิดเรื่องใหม่ เป็นแนว Comedy ค่ะ ยังไงฝากเรื่องราวของคุณหมอและคนไข้เอาไว้ด้วยนะคะ ^^
คุณชายแกล้งป่วยเปล่าเนี่ย.จะจีลคุณหมอล่ะเซ่.ชิมิ. :hao3: ติดตามนะค้าา~
แหม คุณชายมาอ่อยหมอจิ๊บล่ะสิ กลายเป็นทำให้คุณหมอหมั่นไส้ไปซะได้ เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ ปล.ชอบแนวนี้อ่ะ
เกาะจอ รอติดตาม
น่าติดตามมั่ก
:m20: โถคุณชาย ระวังหมอหมั่นไส้มากแล้วจะเฉือนทิ้งนะ
มุกใหม่ใช้จีบหมอเหรอเนี่ย
น่าสนๆ
ตอนที่ 1
ค่ำคืนที่ฝนตกหนัก ถนนชื้นแฉะไปด้วยน้ำเจิ่งนอง ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตผม ไปทั้งชีวิต 1
คุณเชื่อกฏของเมอร์พี่ไหมครับ ? ก่ อนหน้านี้ผมแทบไม่เชื่อเรื่อง ' กฎแห่งความซวย ' ของไอ้คุณเมอร์ฟี่สักเท่าไหร่ ชีวิตผมรู้จักแค่กฏแห่งกรรมเท่านั้น แต่มาวันนี้ความคิดผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง กฏแห่งกรรมคืออะไรผมไม่รู้ ผมรู้จักแต่กฏแห่งความซวย ! แล้วไอ้คุณเมอร์ฟี่คือใครน่ะหรือครับ ? หมอนี่ก็คือคนที่คิดกฎแห่งความซวยเส็งเคร็งนี่ขึ้นมา เขาบอกว่าสิ่งใดก็ตามที่ผิดพลาดได้ มันก็มักจะผิดพลาด พูดง่ายๆ หากคุณมีโอกาสเจออะไรซวยๆ 1% เข้า เมื่อเข้ากฏของเมอร์ฟี่ คุณก็จะตกอยู่ใน 1% นั้นทันที ! ราวกับว่าคุณได้กลายเป็นหลุมดำดึงดูดความเส็งเคร็งของทั้งโลกเข้าสู่ตัว และเพราะไอ้เมอร์ฟี่ที่ดันมารักผมมาก วันนี้ทั้งวันผมเลยซวยตั้งแต่เช้าจรดเย็น เช้าออกจากบ้านมาก็เหยียบขี้หมา ถึงโรงพยาบาลตรวจคนไข้เด็กก็เจออึใส่กางเกงราคาแพงหูฉี่ที่ซื้อมาเพื่อการ เดทกับน้องเชอร์รี่ มากลางวันก็ไม่ได้กินข้าวเพราะติดตรวจยาวพรืด หาเวลาเจียดมากินขนมปังที่แอบพกมาได้ก็พบว่าราขึ้นขนมปังทั้งๆ ที่ยังไม่หมดอายุ ซวยแค่นั้นยังเรียกว่าเด็กๆ ที่แย่ที่สุดคือตกเย็นน้องเชอร์รี่ก็มาบอกเลิกนัดผม ! ไม่ใช่เพราะกางเกงเหม็นอึเด็กหรือเพราะรองเท้าเลอะขี้หมาหรือเพราะท้องร้องอย่าง น่าขายหน้าหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะไอ้คุณชายนายหล่อจอมมารยาคนนั้นดันเสนอหน้ามาขอเลี้ยงข้าวเชอร์ รี่ในวันนี้พอดิบพอดี อาหารร้านธรรมดาหรือจะสู้อาหารในโรงแรมห้าดาวได้ ผมเลยต้องเก็บเศษหน้าตัวเองกลับไปกินข้าวเช้ากลางวันเย็นที่โรงอาหารโรง พยาบาลกับไอ้หมอเถื่อนอย่างนายอาทิตย์แทน ระหว่างทางที่เดินไปโรงอาหารก็เจอคุณชายและน้องเชอร์รี่เดินควงแขนมาพอดี ด้วยความหมั่นไส้เลยปาขนมปังขึ้นราใส่หัวไอ้คุณชายแม่ง ปกติผมเป็นคนความคิดไวกว่าการกระทำ แต่คราวนี้ดันการกระทำไวกว่าความคิด รู้ตัวอีกทีขนมปังเขียวอี๋ก็หล่นตุบลงบนผมดำสลวยแล้ว ตกใส่หัวคุณชายยังไม่เท่าไหร่ ดันตกใส่ผมน้องเชอร์รี่เนี่ยสิ ! ข้าวไม่ต้องกินได้กินขนมปังขึ้นราเพราะถูกน้องเชอร์รี่จับยัดใส่ปากแทน หนีไปอ้วกแตกในห้องน้ำแทบไม่ทัน เห้อ ... เมอร์ฟี่นะเมอร์ฟี่ คิดแล้วก็แค้นใจนัก ตอนนี้ค่ำแล้วก็ยังหน้าด้านหน้าทนไม่ยอมไปไหน สร้างความซวยให้ชีวิตผมเพิ่มด้วยการดลให้รถเวสป้าของผมมาดับอยู่กลางถนนใน เวลาที่ฝนตกหนัก “โอ๊ยยย ซวยจริงเลยโว้ย !! ไอ้คุณเมอร์ฟี่คร๊าบปล่อยผมไปเถอะคร๊าบ ถ้าคุณมึงไม่ยอมไปผมจะแช่งแล้วนะโว้ย !!” ผมตะโกนลั่นสู้เสียงสายฝน อย่างเจ็บแค้น ไม่รู้ว่าทำไมต้องมาดับเอาวันที่ฝนตกหนักอย่างนี้ด้วยเหมือนกัน แล้วยังมาดับอยู่กลางถนนที่เรียกได้ว่าเป็นถนนสายมรณะ เสียด้วย ส่วนที่ว่าทำไมถนนสายนี้ถึงเป็นถนนสายมรณะน่ะหรือครับ ? ก็มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันว่า เคยมีคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมาแถวนี้ตอนกลางคืนเกิดเห็นซากรถเก๋งรถกระบะรถมอเตอร์ไซค์สารพัดรถบุบๆเบี้ยวๆ อย่างพวกรถที่เกิดอุบัติเหตุมาจอดขวางทางอยู่กลางถนนบางทีก็คันเดียวมั่งบางทีก็มากันเป็นแก๊งค์มั่ง !! แล้วพอลงไปดูเท่านั้นแหล่ะ ... กลับเจอแต่ถนนโล่ง ๆเท่านั้น !!!!! บรื๋อออ ... น่ากลัวใช่มั้ยล่ะครับ !! จริง ๆแล้วผมก็ไม่อยากจะใช้เส้นทางนี้เท่าไหร่นักแต่เพราะมันเป็นถนนเส้นเดียวที่จะกลับหอผมได้โดยไม่ต้องเสียค่าทางด่วนนี่สิผมเลยต้องขี่รถผ่านบ่อยๆอย่างจำใจถึงจะไม่เคยเจอเรื่องสยดสยองอย่างที่เขาร่ำลือกันแต่ผมก็มีสิทธิ์กลัวไปก่อนเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ “ เอาล่ะ ลูกพ่อติดสิลูกกินข้าวกินน้ำมันมาแล้วไม่ใช่เหรออย่าดื้อสิคร๊าบบ” เอ่ยพลางก้มลงลูบ ๆคลำๆลูกรักอย่างเอาใจโดยไม่แคร์สายฝนที่โหมกระหน่ำลงมายังพื้นโลกเนื้อตัวเปียกปอนไปหมดสภาพนี่ดูไม่ได้เอาเสียเลยแม้จะลองสตาร์ทรถดูใหม่แล้วอะไรก็แล้วลูกผมก็ยังไม่มีอาการตอบสนองใดๆทั้งสิ้นเลยตัดสินใจหันไปมองซ้ายทีมองขวาทีกะว่าหาคนช่วยสักหน่อยทว่ารอบข้างกลับไม่มีใครอยู่ (http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg) “......” เอาล่ะสิ ... อย่าบอกนะว่าที่นี่มีผมอยู่คนเดียว ? ผมรีบจัดการสตาร์ทรถซ้ำไปซ้ำมาด้วยอาการหวาดหวั่นทันที แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหนูเวสป้ามันจะงอนผมไปซะแล้วแค่ก่อนหน้าเผลอคิดดังไปหน่ยว่าถ้ารวยจะไปถอยรถสปอร์ตมาขับแทนแค่นี้เองนะดันเครื่องดับประชดความคิดผมซะได้ !? หนอย ไอ้ลูกเนรคุณ ! โว้ะ ! สุดท้ายผมก็จำใจต้องยอมเข็นลูกรักลูกชังของผมออกไปอยู่ข้างทางแทน ก็ฝนตกหนักแบบนี้ถ้ายังขืนโชว์ตัวอยู่กลางถนนสายหลักเข้าออกนอกเมืองมันคงไม่ดีแน่ยังไงระวังไว้ก็คงดีกว่า ว่าแต่ว่า ... ผมจะหาทางกลับยังไงดีล่ะ เดินอีกเป็นสิบๆ กิโลทำตัวเป็นพระเอกมิวสิคเดินกลับท่ามกลางฝนตกหนักเนี่ยนะ ไม่มีทาง ! หรือจะกางเต้นท์นอนเอาตรงนี้เผื่อลูกชายจะฟื้นคืนชีพดี ? ต้องฝันกี่ตื่นถึงลูกทรพีนี่จะฟื้น ... ขณะที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แสงไฟวาบจากไฟหน้ารถบรรทุกที่อยู่ไกลๆก็แยงเข้าสองตาขัดจังหวะความคิดของผมพอดี ปิ๊ง !! อะฮ้าาาา หรือว่าผมควรจะโบกเรียกรถดีน้า ...? ด้วยเสน่ห์แพทย์หนุ่มสุดหล่ออย่างหมอจิ๊บคนนี้ คนขับต้องรีบจอดรับแน่ๆ ( และหวังว่าไอ้เมอร์ฟี่จะไม่หน้าด้านอยู่กับผมต่อ ทั้งๆที่ขับไล่ไสส่งแทบตายนะ ) ว่าแล้วก็ไม่รีรอที่รีบจะยื่นแขนออกและโชว์นิ้วโป้งขึ้นเพื่อให้รถบรรทุกที่กำลังขับมาสังเกตเห็น คนขับจะได้หยุดรับผมที่ตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำขึ้นรถไปด้วย . .
หึหึหึ ... คนอะไรความคิดดีเป็นบ้า แต่ระหว่างที่ผมกำลังยื่นมือโบกรถบรรทุกจู่ๆ ก็มีเสียงแปร๊นนนน !!! แสบแก้วหูดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็พอรู้ว่าเป็นเสียงของรถมอเตอร์ไซค์ขับเร่งเต็มสปีดมา สู้เสียงฝนได้ขนาดนี้ ก็ต้องเป็นพวกบิ๊กไบต์เสียด้วยแต่กลางสายฝนอย่างนี้เนี่ยนะ ? ไม่กลัวตายหรือไงวะ ?? คิดได้ดังนั้น ผมก็หันหน้าไปตามเสียงเพื่อดูไอ้รถมอเตอร์ไซค์คันที่ว่านี้ซะหน่อย อยากจะเห็นหน้าคนขับเหลือเกิ๊น ทำไมช่างกล้าไม่กลัวอะไรนัก แต่เดี๋ยวก่อน ! ทำไมผมไม่ยักกะเห็นมอเตอร์ไซค์ที่ไหนเลยอ้ะ เห้ย !! มันคงไม่มี โกสต์ไรเดอร์ อย่างที่เขาร่ำลือกันจริงๆหรอกนะ!? ผมรีบท่องบทสวดอะไรก็ได้ที่พอจะนึกออกทันที เผื่อว่าจะหายหูฝาดไปเอง “เดชะพระนาม นะโมนะโม อามิตตาพุทธ ...” (http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)(http://upic.me/i/m9/asswao.jpg)“......” เสียงเร่งเครื่องของรถมอเตอร์ไซค์คันดังกล่าวยังคงดังใกล้เข้ามาทางผมเรื่อย ๆ ประกอบกับรถบรรทุกคันนั้นก็วิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที อย่างนี้คงมีทางเดียวก็คือ ... ต้องภาวนาให้รถบรรทุกมาถึงผมก่อนไอ้โกสต์ไรเดอร์นั่น !! พระเจ้า !! ช่วยลูกด้วย !!! (http://upic.me/i/qp/01123.jpg)(http://upic.me/i/qp/01123.jpg)(http://upic.me/i/qp/01123.jpg)(http://upic.me/i/qp/01123.jpg)(http://upic.me/i/qp/01123.jpg)(http://upic.me/i/qp/01123.jpg) วินาทีที่ผมขวัญผวาไปชั่ววูบ เสียงบีบแตรจากรถบรรทุกก็ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเบรคดังเอี๊ยดดดด และเสียงโครมมมมมม ดังกระหึ่มภายในระยะเวลาไม่ถึงเสี้ยววิ แสงไฟที่เคยติดๆ ดับๆ จู่ๆ ก็สว่างวาบค้าง ราวกับจงใจให้ผมเห็นภาพชัดทุกฉากทุกตอน รถมอเตอร์ไซค์สี่สูบแบบสปอร์ตไบค์สีดำ ปะทะเข้ากับรถบรรทุกอย่างจังต่อหน้าต่อตาผม ผมอ้าปากค้างด้วยความช็อค อย่างที่บอกว่าผมเห็นแค่แสงไฟจากรถบรรทุก แล้วไอ้มอเตอร์ไซค์คันนั้นมันมาจากไหน ไฟน่งไฟหน้าไม่เปิดหรือไง ? แต่เปิดตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วล่ะ ... ภาพเครื่องยนต์แตกกระจุยกระจายไม่มีชิ้นดี ตามมาด้วยภาพของร่างมนุษย์ที่ขับมอเตอร์ไซค์คันเท่ห์นั่นลอยละลิ่วด้วยแรงเหวี่ยงร่วงลงกระแทกพื้นคอนกรีตแข็งๆ ฉายอยู่ตรงหน้าราวกับภาพยนตร์ที่ถูกกรอให้ช้าลง ทุกฉากทุกตอนนั้นชัดเจน ชัดเจนจนเกินไปเสียด้วย แล้วร่างนั้นก็กระเด็นกระดอนมาหยุดกึก ที่ปลายเท้าผม แสงไฟติดๆ ดับๆ จากหลอดไฟข้างถนน และแสงไฟจากไฟหน้าของรถบรรทุกที่จอดอยู่ ทำให้พอมองเห็นสีของเลือดแดงฉานที่ไหลออกจากตัวโกสต์ไรเดอร์ ผสมปนเปไปกับสายฝนบนพื้นลางๆ ร่างคนเจ็บขยับสั่นไหวน้อยๆ บ่งบอกสัญญาณชีวิตที่ยังคงหลงเหลือ ด้วยสัญชาตญาณของแพทย์ ทำให้ผมรีบเข้าไปช่วยนักซิ่งผีนี่ทันที “ บ้าเอ๊ย !! ไฟหน้าก็ไม่เปิด แถมยังขับเร่งกลางฝนเนี่ยนะ” ส่งเสียงตะโกนแข่งกับสายฝน มือคลำจับชีพจรของคนเจ็บ ส่วนมืออีกข้างก็รีบโทรเรียกรถพยาบาล จับดูแล้วชีพจรยัง เต้นอยู่ ทว่าเมื่อถอดหมวกกันน็อคที่แตกร้าวออก ผมก็ถึงกับอึ้งไปเมื่อเห็นใบหน้าของคุณโกสต์ไรเดอร์ที่ว่า “ คุณชาย !!” นี่มันเรื่องเฮงซวยอะไรกันวะเนี่ย ปากของคุณชายเริ่มพะงาบๆ สำลักเลือดแดงฉานออกมาเต็มไปหมด “คุณแข็งใจไว้นะ !!” ผมตะเบ็งเสียงให้ซึมแทรกเข้าไปในโสตประสาทร่างที่นอนอยู่ พยายามหาทางเอาเลือดที่กระอักออกอย่างทุลักทุเล ตัวก็โน้มบังสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำไม่หยุด พวกหมออย่างผมรู้ดีว่าเวลาแบบนี้ดวงดีอย่างเดียวไม่พอ ใจก็ต้องสู้ด้วยถึงจะรอดเงื้อมมือมัจจุราชไปได้ ในใจผมมีแต่คำถามว่าทำไมเต็มไปหมด ทำไมคุณชายต้องขับรถราวกับต้องการเอาชีวิตมาทิ้งแบบนี้ ! แต่ผมไม่มีเวลามาหาคำตอบในตอนนี้ เพราะ เท่าที่เห็นอาการเขาก็หนักไม่ใช่น้อย ทั้งแขนที่หักจนกระดูกโผล่ออกมาแล้วยังบาดแผลภายในที่มองไม่เห็นอีกล่ะ “ อ่อกๆ ...” คนตรงหน้าสำลักเลือดตัวเองที่อยู่ในปากมากขึ้น เขาใช้แขนข้างที่ไม่หักคว้าหมับเอาที่คอเสื้อผมราวกับว่าต้องการจะดึงให้เข้าไปฟังคำสั่งเสีย ไม่ ! ผมไม่รับฟังคำสั่งเสียอะไรทั้งนั้น !! ระหว่างที่ผมเอียงศีรษะคุณชายไม่ให้สำลักเลือดตัวเองไปมากกว่านี้ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นฉุดความสนใจผมไปชั่วครู่ “ น้อง !! เป็นอะไรมากไหม !! ” เป็นเสียงเรียกของ คนขับรถคนหนึ่งที่ผ่านทางมา ส่วนรถบรรทุกคันนั้นขับหนีไปเรียบร้อยแล้วอย่างไม่ต้องเดา “ ไม่ค่อยดีครับ ต้องไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ” หันหน้าไปตะโกนบอกเจ้าของเสียงแข่งกับเสียงสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ ชายวัยกลางคนเดินฝ่าฝนมายังร่างของคุณชายโกสต์ไรเดอร์ทันที ก่อนที่จะเสนอความคิดออกมา “ งั้นรีบพาคนเจ็บขึ้นรถเถอะ !! ” เขาเสนอความเห็น ผมพยักหน้าตอบรับแล้วให้คนเขาช่วยเคลื่อนย้ายร่างคนเจ็บอย่างระมัดระวัง ผมตามขึ้นไปโดยที่ทิ้งลูกรักเวสป้าไว้อยู่ตรงข้างถนน คอยบอกทางคนขับให้ตรงไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ซึ่งก็คือโรงพยาบาลที่ผมทำงานอยู่นี่เอง ตลอดทางก็พยายามเอ่ยกับคุณชายและคอยกุมมือไว้ด้วยเพื่อให้เขายังรู้สึกตัว เวลาแบบนี้ถ้าวูบไปทีแล้วล่ะก็คงยากที่จะฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน พวกผมก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล หากแต่ไม่นานที่ว่ามันก็ทำให้คนเจ็บขั้นโคม่าอย่างคุณชายนักซิ่งผีนี่อาการทรุดได้มากทีเดียว ร่างคนเจ็บถูกเคลื่อนย้ายอีกครั้งไปยังเตียงฉุกเฉิน หน้ากากอ็อกซิเจนถูกสวมให้อย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมเข้าห้องผ่าตัด ผมยืนอยู่ใกล้ๆ และจ้องมองใบหน้าอิดโรยไว้จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายก่อนที่ประตูห้องผ่าตัดจะปิดลง ตอนนี้ผมคงทำได้แค่เชื่อใจทีมผ่าตัดข้างในห้องเท่านั้น ยังไงวันนี้ผมขอให้ความซวยมาตกอยู่ที่ผมให้พอ แทนที่จะไปตกอยู่ที่คุณชายก็แล้วกัน พระเจ้าจะได้ยินคำขอของผมบ้างไหมนะ ? . .- จบตอนที่ 1 - ___ มาต่อตอนหนึ่งด้วยความรวดเร็ว เรื่องนี้หมอจิ๊บเป็นคนนิสัยขำขันนะคะ ส่วนคุณชายในสายตาหมออาจจะดูแย่ๆ แต่จริงๆ น่ารักมากเลยนะ หมอนี่ก็ไม่น่ามองคนผิดเล้ย ฝากติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ ^^ Yo.
หมอจิ๊บ น่ารักดีค่ะ คุณชายอย่าเป็นอะไรน้า :o12:
ทำไมคุณชายต้องซิ่งตอนฝนตกด้วยอ่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
คุณชายต่างหากที่อยู่ใน1%กฏเมอร์ฟี่ แต่ยังมีโชคอยู่บ้างที่เจอหมอจิ้บพอดิบพอดี. :m20:
:laugh:
น่าติดตาม มาลงชื่อด้วยอีกคน :katai2-1:
รอต่อ
ตอนที่ 2 หลังจากที่คุณชายตีนผีถูกส่งเข้าไปยังห้องผ่าตัดฉุกเฉินแล้ว ผมก็เดินไปยังวอร์ดประจำของตนเองเพื่อนั่งพัก นาฬิกาเรือนสีขาวบนผนังบอกว่ากลางดึก สภาพผมตอนนี้ก็ยังดูแทบไม่ได้ เสื้อผ้าและผมเผ้านี่เปียกโชก แถมตัวยังเปรอะไปด้วยเลือดอีกต่างหาก ถ้าพวกพยาบาลไม่รู้ว่าผมเป็นหมอ ก็คงคิดกันว่าผมเป็นคนไข้อีกคนแน่นอน “ อ้าวจิ๊บ ไม่ได้กลับไปแล้วหรอกเหรอ แล้วทำไมตัวเปียกเหมือนลูกหมาตกน้ำอย่างนี้วะ ?” เสียงกวนๆ ของใครบางคนดังแว่วมาจากทางด้านหลัง ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเจ้าของเสียงคือนายอาทิตย์ หรือหมอทิมเพื่อนสนิทคู่อาฆาตผมที่คบกันมาตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษาแพทย์ และยังคงมีอุดมการณ์ทางการแพทย์หลงเหลืออยู่เต็มเปี่ยม หมอทิม จัดได้ว่าเป็นคนหน้าตาหล่อเหลาเอาการ ทั้งคมเข้ม รูปร่างก็สูงบึกบึน เดินไปไหนมาไหนในย่านนี้ก็มีแต่สาวตามกรี๊ดกันเกรียวกราวไม่ต่างจากคุณชาย แต่จะมีใครรู้ว่าเบื้องลึกของไอ้หมอที่ดูเหมือนจะเท่ห์ไปทุกมุม ดันมีความชอบที่ไม่เข้ากับรูปร่างหน้าตาตัวเองซะงั้น ยังไงน่ะเหรอครับ ? ก็หมอนี่น่ะ นอกจากมันจะชอบสีชมพูแล้ว มันยังเป็นแฟนคลับคิตตี้ตัวพ่อ อีกด้วยคิดดูนะครับ ผู้ชายตัวสูงหน้าถ่อยเถื่อน แต่วันดีคืนดีก็ดันใส่กางเกงในลายคิตตี้สีชมพูแปร๋นแล้วยังมีหน้ามาเปิดโชว์ให้ผมดู คุณว่าคนสติดีๆ ที่ไหนเค้าทำกันบ้าง ? แล้วชอบคิตตี้เฉยๆ มันไม่เท่าไหร่นะ แต่ชอบแล้วมาข่มคนรักน้องหมีแบบผม ว่าไอ้เจ้าแมวแอ๊บแบ๊วนั่นน่ารักกว่า แพงกว่า ดังกว่า หมีไร้ยี่ห้อ ผมถือว่าหยามน้ำหน้ากันชัดๆ เพราะงั้นผมเลยถือคติว่าเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันท์ใด คนรักแมวแอ๊บแบ๊วกับคนรักหมีบ้านๆ ก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันท์นั้น ทิมกับผมก็เลยเหมือนจะเป็นเพื่อนรักเพื่อนกัดกันมาอยู่ตลอด แล้วนินทามันในใจได้ไม่ทันไร แพทย์หนุ่มจอมกวนเดินอ้อมมาทางด้านหน้า เพื่อให้ผมมองเห็นท่าทางยักคิ้วหลิ่วตาส่งมาให้อย่างชัดๆ ถ้าไม่เห็นว่าเมื่อครู่เพิ่งเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หมอนี่ต้องโดนผมเสยคางสักทีโทษฐานกวนประสาทไม่ดูตาม้าตาเรือ ( ไม่ใช่ตาผมเพราะมีแต่คนบอกว่าผมตาเล็กเกินจะมองเห็น ) “ แหม หยิ่งจริงเว้ย ถามแล้วไม่ตอบ” “ อยากลองตากฝนทำมิวสิคดู” เอ่ยพลางแยกเขี้ยวใส่หมอทิมกลับ โดยที่อีกฝ่ายหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างยียวน “ รีบไปเปลี่ยนชุดไป เป็นหมออยู่ดีๆ เดี๋ยวได้กลายเป็นคนไข้” เพื่อนสนิทตัวดีเอ่ยพลางตบไหล่ผมแรงดังป๊าบจนหน้านี่เกือบจะทิ่มพื้น ถ้าไม่เห็นว่าผมต้องใช้เวลาในการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วล่ะก็ ผมคงจะรีบปล่อยให้ตัวเองหน้าทิ่มแต่เท้ากระดกชี้หน้าหมอนี่แน่ๆ เอาเถอะ ยังไงผมก็เหนื่อยจะต่อความยาวสาวความยืด เพลียจนไม่มีเวลาสนใจเรื่องจิ๊บจ๊อย สู้เอาเวลาไปนอนในห้องพักแพทย์รอให้หมอทิมเข้าเวรเสร็จแล้วให้มันขับรถพาผมกลับยังดีเสียกว่า แต่อย่าเผลอแล้วกันหมอทิม เดี๋ยวหน้าหล่อๆ ได้เต็มไปด้วยรอยอุ้งเท้าเข้าสักวันแน่ ! หึหึ ... ...... ............ เหตุการณ์อะไรก็แล้วแต่ มักจะดำเนินไปอย่างไม่คาดฝันเสมอ คืนนี้ก็เหมือนกัน จากที่คิดว่าจะนอนพักผ่อน สุดท้ายผมก็ต้องเข้าทำงานเพราะร่างคนเจ็บคนแล้วคนเล่าถูกหามส่งเข้ามารักษาไม่ขาดสาย ก็คืนฝนตกหนักแบบนี้ มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นง่ายและถี่กว่าเดิม ดูอย่างคุณชายโกสต์ไรเดอร์นั่นเป็นตัวอย่างก็ได้ พวกผมทุกคนเลยทำงานกันจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือดแทนคนไข้กันเลยทีเดียว ผมวิ่งไปเตียงโน้นทีเตียงนี้ทีจนวุ่นไปหมด กว่าจะได้หยุดพักก็ปาเข้าไปตอนเช้า “ เห้อออ ... เหนื่อยเป็นบ้าเลยว่ะ” ทิมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอ่อนล้าระหว่างที่พวกเรานั่งพักกันอยู่แถวเครื่องกดน้ำ ผมหมดเรี่ยวแรงที่จะตอบจึงได้แต่เหม่อมองลอดผ่านมู่ลี่หน้าต่างออกไปเรื่อยเปื่อย แสงสีทองของเช้าวันใหม่ค่อยๆ สาดส่องเข้ามากระทบสายตาผมช้าๆ ผมจึงอดไม่ได้ที่จะต้องลากสังขารแสนเน่าไปเปิดมู่ลี่ขึ้นเพื่อให้เห็นภาพภายนอกให้ชัดเจน ภาพท้องฟ้าสีส้มสวยงามดูสดใสที่สุด ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อคืนเพิ่งจะมีพายุโหมกระหน่ำอย่างหนักลงมา ที่เขาว่ากันว่าฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจจนทำให้ความเหนื่อยของผมหายเป็นปลิดทิ้งจริงๆ เรานั่งพักนั่งดื่มกาแฟกันต่อได้สักพัก ทิมก็ขอแยกตัวออกไปสะสางงานต่อ สมแล้วที่ยังเป็นแพทย์หนุ่มผู้ซึ่งยังมีอุดมการณ์หลงเหลือ ส่วนผมตัดสินใจเดินแยกไปอีกทาง กะว่าจะไปดูอาการคุณชายเสียหน่อย ระหว่างที่เดินยังไม่ถึงห้องพักฟื้นคนไข้ดี ผมก็ได้ยินเสียงคนพูดกันงึมงัม และหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าของเสียงที่ผมจำได้ดี น้องเชอร์รี่ และกลุ่มพยาบาลสาว “ เมื่อตอนเย็นคุณชายบอกชั้นว่าถูกญาติๆ ฟ้องล้มละลายล่ะ ?” “ จริงเหรอเธอ ? ต๊าย เพราะอย่างงั้นก็เลย ...” “ ชู่ว ... ไม่หรอก ก็เห็นท่าทางร่าเริงดีออก” “ แต่ไม่น่าเลยนะ ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ ดูอาการก็หนักเอาการ จะฟื้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ ดีนะที่หล่อนปฏิเสธคำขอแต่งงานไป” “ นั่นสิ ไม่งั้นอาจจะได้อยู่กับคนหมดตัว ไม่ก็ ...” เสียงของน้องเชอร์รี่ชะงักไปเมื่อมีเพื่อนในกลุ่มสะกิดว่ามีใครเข้ามาใกล้วงสนทนา ผมรู้สึกมึนแปลกๆ ไม่รู้จะตอบสนองกับสิ่งที่ได้ยินยังไงดี ได้แต่เดินผ่านเหล่านางพยาบาลไปยังเตียงคนไข้โดยไม่ทักทายใดๆ อย่างที่ควรจะทำ พอเห็นผมทุกคนก็รีบแยกย้ายกันกลับไปประจำที่ ส่วนผมก็ได้แต่เข้าไปดูรายงานอาการของคุณชายด้วยสมองเบลอๆ เป็นอย่างที่คิดไว้ คุณชายตีนผีอาการทางสมองน่าเป็นห่วงตรงที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ดีหน่อยที่ยังสามารถเอาชีวิตรอดพ้นขีดอันตรายมาได้ ถือว่าอึดเกินมนุษย์ทั่วไป ดูรูปการณ์แล้วถือว่าเขายังมีความหวังอยู่ อย่างน้อยก็รอดชีวิตมาจากอุบัติเหตุได้นับว่ามันก็ยังไม่เลวร้ายไปเสียทีเดียว และในเมื่อชะตาลิขิตให้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป ก็ต้องเดินหน้าไปตามชะตานั้น ผมเชื่อว่ายังไงแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นกับเราไม่ว่าจะดีหรือร้ายสุดขั้ว มันก็มีแง่ดีต่อเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ไม่ว่ายังไงผมก็รู้สึกสลดใจ สิ่งที่ได้ยินเมื่อครู่ทำให้ผมรู้สึกแย่ ไม่ใช่กับน้องเชอร์รี่หรือเหล่าผองเพื่อน ทว่ารู้สึกแย่กับตัวเอง ผมยังไม่อยากคิดถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ไม่อยากปะติดปะต่ออะไรทั้งนั้น กลัวว่าจะยิ่งเกลียดตัวเอง ตัดสินใจเดินย่างเท้าไปยังเตียงคนไข้ของคุณชายด้วยอารมณ์เหงาหงอย เสียงเครื่องช่วยหายใจและเสียงเครื่องวัดชีพจรดังแว่วมาให้ได้ยินเป็นระยะ สายเลือดและสายยาต่างๆ ระโยงระยางอยู่รอบตัวเต็มไปหมด ตอนนี้คนที่เห็นใส่เสื้อผ้าชั้นดีได้เปลี่ยนเป็นสวมชุดคนไข้ของโรงพยาบาลแล้ว บนศีรษะมีผ้าพันแผลพันอยู่ แขนและขาก็ถูกใส่เฝือกเอาไว้ แม้ใบหน้าจะไม่เปรอะเลือดอย่างในตอนแรก แต่ดวงตากลับปิดสนิท หากสมองกระทบกระเทือนหนักจนต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทราขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไงกันนะ ? เพ่งมองหน้าตาคุณชายแล้ว ถึงได้ตระหนักยิ่งกว่าเดิมว่าเขาหน้าตาดีมาก แพขนตายาวรับกับรูปหน้าคม ขนคิ้วเรียงตัวกันสวย จมูกก็โด่งเป็นสัน สีผิวออกจะซีดไปหน่อยหากแต่ก็ยังช่วยขับให้รูปหน้าดูเด่นตา โดยเฉพาะตรงริมฝีปากแดงที่หยักได้รูปรับกับใบหน้า ทำให้ทุกอย่างดูไร้ที่ติ เห็นแล้วอดคิดไม่ได้ว่าคนเราจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้มากขนาดไหนกันเชียว ขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย สายตาก็พลันมองเห็นข้าวของส่วนตัวของคุณชายที่ถูกจัดเก็บไว้ในซองพลาสติกใสที่วางอยู่ด้านข้าง กระเป๋าเงินหนังสีดำ กุญแจบ้าน และมือถือแตกๆ ที่ใช้การไม่ได้แล้ว ผมถือวิสาสะเปิดกระเป๋าดูเพราะนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ติดต่อบอกญาติเจ้าตัว พยายามหาสิ่งที่จะสามารถใช้ติดต่อคนรู้จักคุณชาย หากแต่บางอย่างที่สอดอยู่ในกระเป๋าเงินสะดุดสายตาผมเข้าเสียก่อน ซึ่งสิ่งที่จะดึงความสนใจผมได้ขนาดนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก หมี !!! รูปของคนสวมชุดหมียักษ์ที่กำลังทำท่าขี่มอเตอร์ไซค์คันเท่ห์พร้อมกับชูสองนิ้วมาให้ เห็นแล้วรู้สึกว่าน่ารักเป็นบ้า หมีขนสีน้ำตาลดูฟูๆ นุ่มๆ ทำตาใสแบ๊ว ปากก็ยิ้มยั่วน่าฟัด แล้วที่ท้ายมอเตอร์ไซค์ยังมีลูกโป่่งสีสวยผูกไว้หลายใบอีก เห็นแล้วใครไม่หลงก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ผมไม่รู้หรอกว่าคนในชุดหมีจะใช่คุณชายหรือเปล่า แต่แค่พกรูปแบบนี้ไว้ในกระเป๋าก็ทำให้ความคิดไม่ดีที่เคยมีต่อคุณชายหายวับไปหมด คิดแล้วก็รู้สึกผิดยิ่งกว่าเดิม เขามีเรื่องอะไรในใจทำไมถึงต้องไปขี่รถกลางสายฝนแถมยังปิดไฟหน้าด้วยก็ไม่รู้ ยังไงก็เถอะ “ ขอให้หายไวๆนะครับคุณชาย” โน้มหน้าเข้าไปบอกกับคนที่นอนหลับใกล้ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะได้ยินที่ผมพูดบ้างไหม ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เขาได้ยิน แล้วก็ลืมตาตื่นขึ้นมาเร็วๆ โลกนี้ยังมีอะไรน่าพิศมัยอยู่อีกเยอะ อย่างเช่นคุณหมีตัวใหญ่ๆ ที่ยิ้มน่ารักอย่างในรูปนั่นไง . . จบตอนที่ 2 ___
เป็นกำลังใจให้คุณชายฟื้นเร็วๆ
หมอจิ๊บไม่เกลียดคุณชายแล้ว... เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
:mew2: คุณหมีเอ้ยคุณชายรีบๆฟื้นมาจีบหมอนะ
หมอจิ๊บนี่สาวกคุณหมีจริงๆ. :impress2: คุณชายฟื้นเร็วๆน้า.
ตอนที่ 3 เป็นอีกวันที่ผมใช้เวลาในช่วงพักก่อนเข้าเวรเช้า มาเยี่ยมคุณชายโกสต์ไรเดอร์ ที่ห้องคนไข้รวม หลังจากถูกย้ายออกจากห้องฉุกเฉิน ก็มาอยู่ที่นี่ได้สักพัก ที่น่าประหลาดใจก็คือคุณชายไม่ได้อยู่ห้องส่วนตัวอย่างที่คิดไว้ ผมไม่อยากนึกหาเหตุผลที่เขาต้องระเห็ดมาอยู่ห้องคนไข้รวมเท่าไหร่ มันตอกย้ำสิ่งที่ได้ยินพวกน้องเชอร์รี่คุยกันเปล่า ตอนนี้คิดถึงแค่สภาพของคุณชายก็น่าจะเพียงพอ สภาพร่างกายของเขาฟื้นตัวเร็วมากจนน่าทึ่ง จะติดก็แค่ยังคงเป็นเจ้าชายนิทราอยู่เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ที่น่าเป็นห่วงก็คงเป็นเรื่องของญาติที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมาเยี่ยมตั้งแต่ที่เกิดอุบัติเหตุ ทั้งๆ ที่ทางโรงพยาบาลได้มีการติดต่อไปหลายครั้ง แต่ทางญาติก็ยังคงบ่ายเบี่ยงที่จะมาด้วยข้ออ้างเรื่องเวลา ช่างน่าเห็นใจจริงๆ เจ็บหนักขนาดนี้แต่ญาติก็ยังไม่มาสนใจใยดี ขนาดญาติยังเป็นขนาดนี้ เรื่องแฟนไม่ต้องพูดถึง ดูท่าคุณเมอร์ฟี่ที่เคยอยู่กับผมจะไปเกาะติดกับคุณชายแทนเสียแล้ว เพราะงั้นผมก็เลยกลายเป็นคนที่แวะเวียนมาที่เตียงคุณชายบ่อยๆ แทน ก็มันรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมา ที่ดันต้องมามีชะตากรรมเป็นเจ้าชายนิทราแล้วญาติก็ยังไม่เหลียวแล คนที่ตามจีบก็หายหน้าหายตากลายเป็นคนไม่รู้จัก ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าเรามีอะไรบางอย่างที่คล้ายๆ กันอยู่ อีกอย่างนึง บางทีภาพสีหน้าเขาก่อนหมดสติไปยังคง ฝังใจ ผมอยู่ก็เป็นได้ ผมถึงได้เห็นใจเขามากเป็นพิเศษ“ ผมเอาดอกไม้มาเยี่ยมคุณชายด้วยนะครับวันนี้” ผมเอ่ยที่ข้างเตียงเขาเบาๆ มือพลางหยิบเอาดอกไม้ที่แอบเด็ดมาจากแถวที่พักออกจากกระเป๋ากางเกงเผอิญว่าไม่อยากลงทุนซื้อช่อดอกไม้มาเยี่ยม จัดการเปลี่ยนใส่แจกันให้แล้วเดินไปลากเก้าอี้มานั่งอยู่ข้างๆ เตียงคนไข้ ใบหน้าคุณชายตอนนี้ดูซีดเซียว เปลือกตาก็ยังคงปิดสนิท ไม่มีการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าเกิดว่าผมไม่ชอบหยิบหนังสือพิมพ์มานั่งอ่านดังๆ อยู่ข้างๆ เตียงบ่อยๆ แล้ว เตียงนี้คงจะมีแต่เสียงเครื่องช่วยหายใจและเครื่องวัดชีพจรดังอยู่เท่านั้น เหล่าพยาบาลสาวที่เคยตามกรี๊ดกร๊าดก็แวะมาเฉพาะเวลาที่ต้องทำงานของตัวเอง หากเขายังลืมตามีสติดีอยู่ก็คงคิดว่าโลกนี้มันเส็งเคร็งสิ้นดี “ หมอจิ๊บ ...” ระหว่างที่กำลังเหม่อๆ พี่หมอหัวหน้ากะก็ส่งเสียงเรียกผม ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วทักทายพี่เขาตามปกติ พี่หมอคงจะมาเช็กดูอาการของคุณชายนิทราคนนี้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนกะ “ สนใจเคสนี้เหรอ ...?” ที่พี่เขาถาม อาจจะเป็นเพราะเห็นผมแวะมาดูอาการคุณชายบ่อยๆ ก็เป็นได้ “ เอ่อ ... ก็นิดหน่อยน่ะครับ” ผมตอบ ทั้งที่จริงๆ แล้วผมก็ไม่ได้มีความสนใจด้านเคสคนไข้นิทรา แต่ก็ไม่รู้จะตอบพี่หมอยังไงดี จึงได้แต่พูดเป็นเชิงว่าสนใจไปอย่างนั้น “ งั้นผมให้คุณเป็นคนดูแลเคสนี้แทนหมอคนก่อนแล้วกัน พอดีเขาลาไปเรียนต่อเฉพาะทางกะทันหัน คุณจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นด้วย” “ เอ่อ ผม ... มะ ...” ผมพยายามจะพูดแทรกบอกพี่เขาว่าผมไม่ได้สนใจจะดูเคสแบบนี้ขนาดนั้น แต่ ... “ เนี่ยอีกอย่างนะ…ผมได้ยินว่าคุณกับเขาสนิทกันนี่ หมอทิมว่ามาอย่างงั้น ได้คนที่ไว้วางใจดูแลก็ดีเหมือนกัน ผมว่าคนไข้คนนี้น่าเห็นใจ ยังไงก็ฝากด้วยล่ะ บาย ไว้เจอกัน !” “ ห้ะ ..!! วะ ว่าไงนะครับ !!” ไม่ทันที่จะได้โต้ตอบอะไร พี่หมอก็รีบเดินหายออกไปจากห้องคนไข้รวม ! รู้สึกเหมือนโดนมัดมือชกยังไงบอกไม่ถูก ก็ผมไม่ได้อยากจะดูแลเจ้าชายนิทรานี่สักหน่อย ! ไอ้หมอทิม !! จริงๆ แล้วหมอนั่นต้องเป็นคนดูแลเคสนี้แล้วติดสินบนพี่หมอเพื่อโยนมาให้ผมใช่ไหม !? หนอย ... เห็นเป็นคนไข้ชายหน่อยไม่ได้ ใจคอคิดแต่จะรับแต่คนไข้สาวแต่จริงๆ เขาอาจงานเยอะจริงๆ ก็ได้ แต่เอาเถอะ ถึงผมจะไม่ได้สนิทสนมกับคุณชายอย่างที่พี่หมอเข้าใจ การดูแลรักษาเขาก็เป็นหน้าที่ที่หมออย่างผมพึงกระทำอยู่แล้ว จริงไหม ? ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สายตาจ้องมองหน้าคุณชายนิทราที่ยังคงหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราว นี่ถ้าเขารู้ว่าได้หมอไร้อุดมการณ์อย่างผมมาดูแลแทน แถมเป็นอดีตศัตรูหัวใจ เขาจะรู้สึกดีใจหรือเสียใจกันนะ ? แต่ทำไงได้ในเมื่อเขาไม่ตื่นขึ้นมาโวยวายเอง ก็คงต้องยอมทนให้ผมคุมเคสนี้แทนแล้วล่ะ . . -จบตอนที่3-
หมอจิ๊บดูแลหัวใจของคุณชายด้วยน้า~ แค่ร่างกายอย่างเดียวไม่พอหรอกเนอะ~ :-[
เอาใจช่วยคุณชาย ฟื้นมาไวนะๆ
ชอบแนวการเขียนแบบนี้อ่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
:m15: เป็นเจ้าชายนิทราซะงั้น ฟื้นเถอะคีะ มาสั้นแต่ก็ดีใจนะ
โอ้ ออกมาได้สามตอนคุณชายก็ป่วยซะแล้ว ลุ้นต่อไป...อิอิ
ตอนที่ 4 “นี่ ... เอาเครื่องช่วยหายใจออกแล้วรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับคุณชาย ...” ผมพูดกับคุณชายไปพลางช่วยทำกายภาพให้เขาไปพลาง ทั้งๆ ที่เป็นงานของพยาบาล แต่ผมกลับมาทำหน้าที่แทนน้องเชอร์รี่เสียอย่างนั้น ผมไม่ได้มีเยื่อใยกับเจ้าหล่อนแล้วก็จริง แต่ก็แค่คิดเอาเองว่าถ้าคุณชายนิทรานี่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าเชอร์รี่เข้า อาจจะเกิดอาการถ่านไฟเก่าคุขึ้นก็ได้ ก็เลยอาสาแสดงน้ำใจ ... เพื่ออะไรก็ไม่รู้ อีกอย่างผมอาจจะต่อเฉพาะทางด้านนี้ การได้ศึกษาเคสนี้อย่างจริงจังก็นับว่าไม่แย่ แล้วผมก็ยังกังวลเรื่องญาติคนไข้นิดหน่อย เห็นว่ามีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่ แล้วคุณชายตัวคนเดียวเพราะกำพร้าตั้งแต่เล็กๆ เลยไม่มีใครมาดูแลใส่ใจ เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของผมมาก ดูเหมือนว่าหลังจากที่ความซวยคอมโบของผมในวันนั้นหายไป ก็มาเกาะอยู่กับคุณชายแทน ผมไม่รู้ว่าคดีความตัดสินออกมาอย่างไรบ้าง แต่เดาว่าผลท่าจะไม่ดีนัก ประกันปฏิเสธการจ่ายเงิน ญาติก็หนีหาย ไม่รวมถึงหญิงที่เขาตามจีบอีก เพลงกระเป๋าแบนแฟนทิ้งลอยอยู่ในหัวขึ้นมาเมื่อมองหน้าคุณชายที่กำลังหลับสนิท ถึงโรงพยาบาลนี้จะยังมีนโยบายสนับสนุนเรื่องค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการดูแลอย่างดี เพราะมีทั้งปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณและบุคลากรที่ขาดแคลนตามประสาโรงพยาบาลรัฐนอกเมือง ภาพอุบัติเหตุในวันนั้นยังติดตาผมอยู่ และความรู้สึกบางอย่างในใจผมก็ยังสลัดไม่หาย ผมจึงอยากช่วยเขา ... อยากช่วยทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรกันแน่ “ หมอขออนุญาตตรวจร่างกายนะครับ” ผมเอ่ยขออนุญาตกับคุณชาย ก่อนจะเริ่มเช็กสภาพร่างกายไป ตอนนี้ร่างบนเตียงมีสภาพดีขึ้นมากแล้ว แต่ก็ยังจำเป็นต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง และระหว่างที่ทำกายภาพบำบัดให้คนไข้ จู่ๆ ความคิดแปลกๆ ก็ดันแวบขึ้นมาในหัว ไม่รู้ว่าผมคิดออกมาได้ยังไงเหมือนกันว่าเคสคนไข้นิทรา จะเหมือนกับ ' เจ้าหญิงนิทรา ' หรือเปล่า ที่ต้อง ถูกปลุกด้วยจูบ ??? ฮ๋าๆๆๆๆๆๆ เป็นความคิดที่พิเรนทร์สิ้นดี แต่มันก็เคยมีข่าวไม่ใช่หรือ เรื่องปาฏิหาริย์ที่จูบคนไข้แล้วคนไข้ฟื้นน่ะ !! บ้าไปแล้วผม จู่ๆ ก็คิดอยากทำการทดลองรักษาคนไข้ด้วยทฤษฎีแปลกๆ ยังไงมันก็เป็นแค่นิทานปรัมปราหลอกเด็ก ปาฏิหาริย์ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเกิดขึ้นง่ายๆ ที่สำคัญเขาไม่ใช่เจ้าหญิงแต่เป็นชายทั้งแท่ง !! จะพิสูจน์ทฤษฎีพิเรนทร์อะไรก็ช่วยดูหน้าคนไข้หน่อยสิโว้ยหมอจิ๊บ !! อืมมมม ... จะว่าไป พอมองหน้าเขาดูดีๆ หน้าตาเขาค่อนไปทางผู้หญิงเหมือนกัน จัดได้ว่าสวย ปากก็เรียวได้รูปเสียด้วย ติดแค่ตัวถึกอย่างกับหมี ควาย คิดแล้วรูปคนใส่ชุดหมีในวันนั้นก็แวบขึ้นมาในหัวอีก อืมมม ... เห้ยยยย !!!!! นี่ผมคิดอะไรอยู่วะเนี่ย !!!!! ไม่ได้ๆ ผมละเบื่อตัวเองจริงๆ พอมีอาการสงสัยอะไรขึ้นมา ก็คันไม้คันมืออยากจะรู้อยากจะลองเสียให้ได้ แล้วนี่ผมจะหันซ้ายหันขวาดูลาดเลาทำไมวะ !!! ' คิดเสียว่าลองจูบตุ๊กตาหมี พกที่คาดผมหมีไว้ไม่ใช่หรือไง เอามาใส่ให้คนไข้สิ !' จู่ๆ เสียงจากจิตใต้สำนึกผมก็ดังขึ้น !!! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผม !!! ว๊ากกกกกกกก !!! ‘ เตียงนี่ยังถูกกั้นด้วยม่านรอบด้านอยู่ ไงๆก็ไม่มีคนเห็น’ ' ชิบหาย ไอ้จิตใต้สำนึกฝั่งไม่รักดีนี่ก็ช่างเสนอความคิดไม่เลือกเล้ย แค่ใส่ที่คาดผมหูหมี คนเราจะน่าเอ็นดูจนจูบลงได้ไง ? ผมไม่เชื่อหรอก เพราะของอย่างงี้ ... ต้องลองพิสูจน์ ว่าแล้วก็เดินไปหยิบที่คาดผมมาสวมให้คุณชาย แถมด้วยจมูกหมีมาปิดไว้ด้วย อย่าดูถูกของสะสมของผมเชียวนะ แล้วผลที่ออกมาก็เกินคาดมากครับ ตอนนี้คุณชานโคตรรรน่ารักเลยยยยย แค่ใส่ที่คาดผมก็สร้างความน่าเอ็นดูไม่หยอก แต่จริงๆ ไม่ว่าใครที่ใส่หูหมีก็น่ารักทั้งนั้นแหละนะ ไม่ใช่แค่คุณชายหรอกผมว่า คิดแล้วก็ทำท่าจะถอดจมูก กับหูหมีออกจากตัวคนไข้ แต่จังหวะที่ก้มหน้าลงใกล้ๆ ใครบางคนก็พรวดเข้ามาที่เตียง แล้วชนตูดผมเข้าจังๆ “ เห้ยจิ๊บ อยู่นี่เอง กินข้าวกันโว้ย !” เจ้าของเสียงกวนๆ เอ่ยพลางตบหลังผมที่กำลังหน้าคมำดังป๊าบๆ “......” ย๊ากกกกกกส์ !!! ไอ้ทิม !!! ไอ้ตัวซวย !!! ทฤษฎีจูบคนไข้นิทรามันควรจะเป็นแค่สิ่งที่อยู่ในความคิดเท่านั้น มันไม่ควรเกิดขึ้นเลยแท้ๆ ถ้าไม่ใช่ผมถูกผลักจนหน้าทิ่มใส่คนไข้ !!! จมูกทิ่มจมูก ปากทิ่มปาก แนบชิดกับคุณชายสุดๆ ชนิดที่ใครเห็นก็ต้องปิดตาด้วยความอาย แต่ไอ้หมอทิมมันไม่อาย ยังมีหน้ามาพูด “ ไม่คิดเล้ยว่านายจะมีรสนิยมแบบนี้ จะทำอะไรก็ระวังหน่อยสิว้า คนอื่นเห็นเข้าจะซวยเอาว่านายลวนลามคนไข้” “......” ไอ้ #@$*(&@_#($#*!! พยายามสงบอารมณ์ชั่วคราวและใช้สองมือดันตัวลุกขึ้น เสียงไม่คาดฝันก็ดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ ตี๊ดดดดดดดดดดดด !!!! ” เห้ย !!!! ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อเจ้าเครื่องวัดสัญญาณชีพจรเจ้ากรรมดันส่งเสียงร้องแสบแก้วหูออกมา เมื่อเดินไปเช็กที่เครื่องก็พบว่าสัญญาณชีพจรของคนไข้เต้นแรงผิดปกติอยู่ช่วงหนึ่งจริงๆ ( ก็ช่วงที่ผมหน้าทิ่ม ) แต่ก็กลับไปเต้นปกติเหมือนเดิมแล้ว “โห ... คนไข้อาจจะชอบก็ได้นะเว้ยหมอจิ๊บ หัวใจเต้นแรงด้วยว่ะ” “......” หุบปากไปเลยไอ้หมอเวร แต่เดี๋ยวกก่อน ... อย่างนี้ก็หมายความว่า มันเป็นไปได้สองทางสินะ ?? หนึ่ง ทฤษฎีจูบเจ้าหญิงนิทราไม่ได้ผลเพราะเขาไม่ตื่น สอง ทฤษฎีจูบเจ้าหญิงนิทราพอจะได้ผลอยู่บ้าง เพราะเขามีอาการตอบสนอง ถ้าเป็นดังข้อสองมันก็เป็นไปได้สองทางอีกนั่นแหล่ะ หนึ่ง เขาใจเต้นแรงเพราะดีใจที่ผมจูบ สอง เขาใจเต้นแรงเพราะโมโหที่ผมจูบ “......” ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ว่าอย่างไหน มันก็ดูน่าขำทั้งนั้น ไม่ไหวเล้ยผมเนี่ย แต่ก่อนจะไปคิดเรื่องทฤษฎีพิเรนทร์นั่น ผมขอคิดบัญชีกับใครบางคนก่อนแล้วกัน ว่าแล้วก็หันขวับกลับไปแสยะยิ้มให้หมออาทิตย์ผู้ทำหน้าลอยชายไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้ฤทธิ์ผมซะแล้วไอ้หมอนี่ หึหึหึหึหึ .... แล้วเสียงแปลกๆ ในห้องคนไข้ก็ดังขึ้น เป็นเสียงร้องโหยหวนของหมอคนนึง กับเสียงชีพจรเต้นแปลกๆ ดังอีกคนนึง หูฝาดรึเปล่า ? เอาเถอะ ยังไงผมก็ยังมีเวลาทดลองทฤษฎีต่างๆ อีกอยู่ดี จริงไหมครับคุณชาย ? . . -จบตอนที่ 4-
คุณชายรู้ตัวด้วยยย~ :-[ หมอจิ๊บน่าร้ากกกกก
:katai2-1: แหม เหมาะเจาะค่ะหมอจิ๊บ มีพยานพิสูจน์ทฤษฎีเสียด้วย. 5555 ชอบที่อุตส่าห์หาหูและจมูกหมีมาใส่ให้ ว่าแต่ทำกายภาพทั้งที่ยังไม่ฟื้นเนี่ยทำได้เหรอคะ คนเขียนสู้ๆค่ะ
รู้สึกเหมือนคุณชายกลายเป็นของเล่นให้เด็กขี้สงสัย(ผู้มีจินตนาการบรรเจิด(แบบแปลกๆ)และชอบทดลอง)อย่างหมอจิ๊บซะแล้ว เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
น่ารีกกกกก :mew3:
ตกลงคุณชายรู้สึกตัวรึยังนี้ หรืออยากรอให้หมอจิ๊บพิสูจน์ทฤษฎีให้ครบก่อน :laugh:
5555 ตลกหมอ
ตอนที่ 5 “วันนี้ก็จะไม่ตื่นจริงๆ เหรอครับ ?” ผมเอ่ยคำถามเดิมๆ ที่ผมมักจะใช้เอ่ยถามคุณชายเป็นประจำ แล้วเขายังคงตอบรับผมด้วยความเงียบหมือนเดิมเช่นกัน ผมไม่รู้หรอกว่าเขาจะรับรู้ได้ไหมเวลาที่ผมพูดคุยด้วย แต่ก็เคยมีกรณีออกมาเหมือนกันไม่ใช่หรือ ว่าคนไข้นิทราบางคนสามารถได้ยินและรับรู้เหตุการณ์ทุกอย่างรอบๆ ตัว แค่หวังลึกๆ ว่าเขาจะรับรู้ได้บ้างเท่านั้น แม้เล็กน้อยก็ยังดี “ คุณชายครับ ถ้าไม่ตื่นในอีกวันสองวันนี่ เค้าจะส่งตัวคุณไปบ้านญาติแล้วนะ ...” “ คุณก็รู้ว่าญาติคุณเขาไม่ค่อยเต็มใจที่จะรับผิดชอบ ถ้าเป็นงั้นจริงแล้วใครจะดูแลคุณล่ะครับ ...” “ เพราะงั้นก็รีบๆ ตื่นขึ้นมาเถอะ คุณนอนหลับไปเป็นเดือนๆ แล้วนะ ...” “ ถ้าไม่ตื่น หมอจะใช้คุณเป็นหนูทดลองเหมือนเดิมนะ ...” ยังคงนิ่งเงียบ ไม่มีการขยับเขยื้อนใดๆ แหม... ผมเกือบจะเป็นคนดีแล้วใช่ไหมล่ะครับ ฮ่าๆๆ เห้อออ... ช่วยไม่ได้ล่ะนะ อย่างนี้ก็คงต้อง ... “อืม .....” ส่งเสียงในลำคออย่างครุ่นคิด คาดผมหูแมวไม่เข้าอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย ยังไงก็ต้องหูหมีเท่านั้น แต่ว่าลองให้ใส่หมวกพยาบาลดูก็ไม่เลวแฮะ... แต่ก่อนอื่นต้องหาวิกผมยาวมาใส่ให้เขาก่อนล่ะนะ ผมจัดการหยิบของสะสมมาแต่งให้กับคุณชายอย่างสนุกมือ แล้วก็ทำให้ผมค้นพบว่าคุณชายเนี่ย แท้จริงควรจะเปลี่ยนชื่อเรียกเขาเป็นคุณหนูคุณนายแทน ก็คนอะไรหน้าสวยเป็นบ้า ถ้าดูแต่หน้าไม่ดูหุ่น... เวลาที่สวมวิกผมยาวแล้ว บอกตามตรงว่าอย่างกับนางแบบลูกครึ่ง หรือผมจะเรียกว่าเคสนี้เป็นเคส ' เจ้าหญิง ' นิทราจริงๆ ดีเนี่ย ? ขณะที่คิดเรื่อยเปื่อย ผมก็นึกไปถึงวันที่หน้าทิ่มจนปากไปโดนคุณชายเข้า วันนั้นเขาดูจะมีปฏิกริยาตอบสนองจริงๆ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีการตอบสนองอะไรเลย หัวใจมีแต่เต้นเนิบนาบ ยิ่งเวลากระชั้นเข้ามา ผมก็ยิ่งกังวลมากขึ้นทุกที หรือว่าจะทดลองทฤษฎีจูบเจ้าหญิงนิทรานั่นต่อ? โหย... ไม่เอาอ่ะ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว แล้วลืมไปแล้วหรือไงหมอจิ๊บ คุณชายเคยเป็นศัตรูหัวใจเชียวนะ ! ... แต่มันก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยไม่ใช่หรือไง ? เสียงความคิดฝั่งพ่อพระดังขึ้น ที่จริงแล้วอาจจะเป็นความคิดฝั่งที่รู้สึกผิดก็ได้ ความจริงแล้ว... ถ้าหากผมไม่ปล่อยปละละเลยคุณชายตอนมารักษา หากว่าใส่ใจอาการของคนไข้มากกว่านี้ เขาอาจะไม่ต้องขับรถอย่างอันตรายแบบนั้น ... ใช่ วันนั้นผมคิดว่าเขาคิดสั้นเพราะอาการซึมเศร้า เขามีปัญหารุมเร้าหลายอย่าง และหลายอย่างก็บอกผมเป็นนัยๆ มาตั้งแต่ที่มารักษาอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ แล้ว แต่ผมก็ไม่ใส่ใจมันนัก ทั้งที่อาการซึมเศร้าไม่ใช่อาการที่หมออย่างผมควรละเลย แต่อคติของผมในตอนนั้นก็บังตาเสียได้ ผมอาจจะไม่สนใจความจริงข้อนี้เลยก็ได้ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่หมออย่างผมแต่เป็นของจิตแพทย์มากกว่า ทว่า... คุณชายก็คิดชื่นชมผมจากใจจริง ผมยังจำรอยยิ้มของเขายามที่ขอบคุณผมได้อยู่เลย ผมไม่อยากยอมรับว่าผมมีส่วนผลักเขาให้ไปสู่จุดนั้น แต่ผมก็ไม่อยากหนีความจริงข้อนี้ไปตลอดชีวิตเหมือนกัน หากไม่เผชิญหน้ากับมัน ผมคงใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้ เพราะงั้นผมอยากให้เขาตื่นขึ้น ตื่นมาดูว่าโลกใบนี้ยังมีอะไรให้รื่นรมณ์มากกว่าที่คิดนัก แต่ในเมื่อเขาไม่มีอาการตอบสนองอะไร ลองใช้ทฤษฎีงี่เง่านั่นดูอีกทีดีไหม? ผมไม่อยากคิดมากอีกแล้ว จะทำก็รีบทำ ผมรีบๆ เอาปากแตะปากคุณชายดูเผื่อจะได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงแบบวันนั้นอีก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น... หรือว่าต้องเป็นจูบที่แอดวานซ์กว่านี้ฟะ? “ อืม .... ไม่ลองก็ไม่รู้เว้ย !” กลั้นใจ ลองประทับปากให้นานกว่าเดิม ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียง ตี๊ดดดดดดดดดดดด จากเครื่องวัดชีพจรดังขึ้น หรือว่าทฤษฎีนี้จะได้ผลจริงๆ วะเนี่ย? . . (มีต่อ)
“ อืมมมม ....” เป็นเสียงผมครางเองจูบเอง ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรเลยแท้ๆ แต่ไม่รู้สิครับ ถึงเขาจะไม่ได้มีปฏิกริยาตอบสนองอะไรมาก คุณชายเจ้าหญิงนี่ก็ทำให้ผมเคลิ้มได้อยู่เหมือนกัน (?)... ทุกวันๆ ผมมักจะเปลี่ยนวิธีจูบไปเรื่อยๆ อย่างวันนี้ ผมก็ค่อยๆใช้ลิ้นสำรวจไปให้ทั่วโพรงปากเขา ลากลิ้นไล้ช้าๆไปตามแนวลิ้นนุ่มๆ ของอีกฝ่าย ก่อนจะถูไถลิ้นตัวเองไปที่เพดานปากตบท้าย ถ้าคุณชายพอจะรู้สึกตัวได้บ้าง ก็คงต้องรู้สึกจั๊กจี้อยู่เหมือนกัน ที่ผมทำอย่างนี้บ่อยๆ ไม่ใช่ว่าอยากทำนักหรอกนะคร๊าบ แต่ผมทำเพราะเผื่อว่าเขาจะมีปฏิกริยาการตอบสนองที่ดีขึ้นบ้างไงครับ ยกตัวอย่างเช่น เขาอาจจะขยับตัวบ้างอะไรบ้าง ไม่ใช่แค่ใจเต้นตึกตักๆ อย่างเดียว แต่ยังไงมันก็ไม่มีผลอะไรเลย เขายังคงหลับตานิ่งอยู่ตลอด ไม่เคยคิดจะ จูบตอบโต้ผมกลับสักครั้ง หรือผมควรจะทำอะไรมากกว่านี้ดี ...?? คิดได้ดังนั้น ผมก็ลงมือดึงเชือกผูกเสื้อคนไข้ของเขาออกเผยให้เห็นแผ่นอกกว้างๆของหนุ่มวัยกลัดมันทันที เอ่อ... ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าผมกำลังจะทำอะไรกับเขา ไม่รู้จริงๆนะครับเนี่ย “ แค่จูบมันคงไม่พอสินะ ?” ไม่รอช้า ผมรีบจัดการก้มลงซุกหน้าไปที่ลำคอ แล้วใช้ฟันขบไปตรงนั้นเบาๆ ต่อด้วยการลากลิ้นลงมาเรื่อยๆ มายังกระดูกไหปลาร้า อืมมม ... กลิ่น สบู่โรงพยาบาลเริ่มติดมาที่ปลายลิ้นผมแล้ว ก็เมื่อกี๊เขาพึ่งอาบน้ำเช็ดตัวไปเองนี่นา รสชาติมันออกจะปะแล่มๆ แปลกๆ ผมว่าผมไม่ค่อยชอบสบู่โรงพยาบาลนี่เท่าไหร่เลยแฮะ ไว้เปลี่ยนสบู่ให้ดีไหม ? “ ตี๊ด .. ๆ .. ๆ ..” เสียงหัวใจคุณชายเจ้าหญิงนิทรายังคงเต้นปกติ ผมว่าพักนี้เขาออกจะความรู้สึกด้านชามากกว่าเดิมไปหน่อย จากแรกๆ ที่ใจเต้นแรงง่ายๆ เดี๋ยวนี้กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าเหลือเกิน จนผมต้องเปลี่ยนวิทยายุทธขึ้นมา “ อืมมมมม ....” ผมเลื่อนริมฝีปากลงมาเรื่อยจนถึงทรวงอกเขาต่อ แผ่นอกกว้างที่ยังคงแน่นเฟิร์มไปด้วยกล้ามเนื้อ เห็นแล้วก็น่ากัดให้เป็นรอยเขี้ยวจริงๆ ไม่ได้ๆ... ห้าม ใจไว้ก่อนหมอจิ๊บ เดี๋ยวบุรุษพยาบาลที่ดูแลต่อมาเห็นเข้าแล้วจะซวยเอา ยิ่งไอ้หมอทิมที่เห็นเหตุการณ์ในวันแรกนั้น ถ้ามีรอยแปลกๆ ปรากฎขึ้น มันต้องชี้ตัวผมได้แน่ๆ ...แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ... ผมขอออกแรงเม้มไปที่อกเขาหน่อยได้ไหม ? “ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดด !!!” อ่ะ... มาแล้วๆ เสียงนั่น แต่มีแค่เสียงแบบนี้อย่างเดียว มันจะไปพออะไรล่ะครับ ที่ผมต้องการคือให้เขาฟื้นขึ้นมาต่างหาก เพราะงั้นผมจึงลากริมฝีปากต่อลงมายังแถวท้องน้อยร่างบนเตียงต่อ ลงทุนขนาดนี้ไม่ตื่นก็ให้มันรู้ไปสิ!! ผมที่เป็นคนดูแลเขารู้ดีว่าร่างกายคุณชายตอนนี้ค่อยๆเ ปลี่ยนแปลงไปจากตอนแรก แต่เดิมเขามีหุ่นอย่างกับนายแบบ กล้ามเป็นกล้าม นมเป็นนม (?) แถมไอ้หกห่อนี่อีก มาตอนนี้ ในเมื่อเขาไม่ตื่นขึ้นมาออกกำลังเลย จะให้พวกกล้ามเนื้อเหล่านั้นยังอยู่ครบถ้วนก็คงมีแต่ในนิยายใช่มั้ยล่ะครับ เพราะงั้นก็โทษผมไม่ได้นะที่ไม่รักษาไอ้หกห่อนี่ให้เขา ยังไงเสียผมก็เป็นหมอนะคร๊าบไม่ใช่เทรนเนอร์ฟิตเนส ใครอยากกล้ามสวยหุ่นดีก็ต้องตื่นขึ้นมาฟิตเองนะครับคุณคนไข้ พูดกันตามตรง ถึงแม้กล้ามท้องของเขาเริ่มจะหายไปแล้ว หุ่นเขาก็ยังดูดีอยู่มากทีเดียว โลกนี้มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ ด้วยความรู้สึกหมั่นไส้เขี้ยวมากๆ ทำให้ผมออกแรงกัดไปที่ท้องน้อย เขาไปหนึ่งที “ ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!” คราวนี้เสียงดังกว่าเดิมครับ ... ฮ่าๆๆๆๆ ผมว่าอย่างน้อยคุณชายก็ดูพยายามต่อสู้กับตัวเอง ( หรือผม ?) อยู่เหมือนกันนะ แต่ช่วยต่อสู้ให้มากกว่านี้ไม่ได้รึไง แบบตื่นขึ้นมาทำอะไรเองได้เองน่ะ !!! “ว่าไงคุณชาย ! อยากเป็นเจ้าหญิงนิทราจริงๆเหรอ !!” ผมเอ่ยอีกครั้ง เผื่อว่าจะได้ยินเสียงด่ากลับบ้าง แน่นอนว่าเขายังคงเงียบเป็นเป่าสาก ไม่ว่าผมจะคุย หรือจะหยอกสักเท่าไหร่ ก็ดูจะทำให้เขาลุกขึ้นมาไม่ได้ ถึงอย่างนั้นผมก็คิดว่าเขายังคงมีความรู้สึกอยู่ หากเกลียดที่ผมมาทำมิดีมิร้ายกับร่างคนไข้นัก ก็ตื่นขึ้นมาต่อยหน้าผมสิ! มัวแต่หลับอยู่ได้ รู้ไหมว่าถ้าเป็นคนอื่น สามารถฟ้องผมจนล้มละลายแทนเขาได้เลยนะ เผลอๆ ผมอาจติดคุกหัวโตไปด้วย ไม่รู้ว่าทำไมต้องเสี่ยงและทำอะไรผิดจรรยาบรรณขนาดนี้ด้วยเหมือนกัน แต่มันเป็นวิธีที่จะทำให้เขาตอบสนองได้นี่นา เพราะงั้นผมถึงได้ยังมีหวังอยู่ว่าคุณชายจะสามารถตื่นขึ้นมาได้สักวัน แล้วถ้าตื่นแล้วจะฟ้องร้องหรือชกหน้ากลับผมก็ยอม แต่ก่อนหน้านั้นผมขอทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลหนีคดีให้เสร็จก่อนนะ... ทุ้ย... ได้แต่ภาวนาต่อพระเจ้าทุก ยังไงก็ได้โปรดช่วยให้เขาตื่นขึ้นมาสักทีเถอะ ผมไม่อยากเป็นหมอโรคจิตอย่างนี้แล้วนะครับ T_T . . TBC ___ มาต่อตอนต่อไปแล้วค่ะ อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันบ้างนะคะ >__< จริงๆที่หมอทำมันไม่ถูกเลยนะ แต่ยังไงอยากให้คิดว่านี่เป็นนิยายนะคะ เพื่อความบันเทิงเท่านั้น ฮือๆ ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะคะ ^^ ขอบคุณมากค่าา
โอยย~ :m20: หมอจิ๊บตลกอ่ะ ทฤษฎีนี้ไปร่ำเรียนที่ไหนม๊าา 555 คุณชายแกล้งหลับเปล่าคะเนี่ย :hao3:
หมอคะ. ต่ำลงไปอีกค่ะ. :hao6: อยากให้ตื่นมันต้องถึงพริกถึงขิง. โอ๊ยย. มันคือนิยายสินะถึงทำได้. โลดแล่นไปกับจินตนาการ. :give2: มาต่ออีกนะ
อุ้ยยยย วิธีการรักษาแปลกๆนะ แต่ฟินจุงเบย
หมอจิ๊บ.....(ลากเสียงยาววววว) ตอนนี้แลดูทั้งโรคจิตทั้งน่ารักเลยอ่ะ 55 เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ ปล.ลุ้นให้คุณชายฟื้นซะที จะได้ไปเรียกหาความรับผิดชอบจากการถูกหมอจิ๊บล่วงเกิน ฮา
:hao7: โอ๊ยยย หมอจิ๊บ
:hao3:
ชอบวิธีรักษาแบบนี้มากๆเลยค่ะ ชักอยากให้คุณชายเป็น "เจ้าหญิงนิทรา" ต่ออีกนานๆ
:pig4:
ตอนที่ 6 “ ถึงเวลาแล้วเหรอครับพี่หมอ” ผมเอ่ยถามกับพี่หมอหัวหน้าด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ก็คุณชายกำลังจะต้องถูกส่งตัวไปบ้านญาติแล้วน่ะสิ ระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าผมแอบผูกพัน (?) กับเขาไม่น้อยเลย ได้ทำอะไรกับเขาหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะพูดคุยปรึกษาปัญหาร้อยแปด เป็นเพื่อนทดลองทฤษฎีต่างๆ แล้วยังเป็นเพื่อนลองคอสตูมให้อีก ... ถึงจะเป็นความสัมพันธ์ฝ่ายเดียว ผมก็รู้สึกผูกพันกับเขามาก ทำไมเวลาเดินเร็วอย่างนี้นะ ? ผมทำใจไม่ทันเลยแฮะ ... “ อื้ม ... พวกกรรมการเขาตกลงกันแล้วน่ะ ในเมื่อญาติเจ้าตัวก็ยอมรับที่จะรับตัวไปแล้ว ยื้อให้อยู่ที่นี่ต่อไปก็เป็นเรื่องยาก” ที่พี่หมอพูดมันก็ถูก ทางโรงพยาบาลเองก็ยังมีคนไข้รอคิวรักษาอีกมาก แต่ว่าที่ผมเป็นห่วงก็คือเรื่องญาติของเขานั่นล่ะ ถึงจะบอกว่ายอมรับ แต่มันก็เป็นการยอมรับอย่างเสียไม่ได้มากกว่า คดีความฟ้องกันขนาดนั้น ให้พูดตรงๆ เถอะ ไม่ใช่ว่าเรากำลังส่งคุณชายไปตายหรอกนะ ? “ เอาน่า อย่างน้อยทางญาติเขาก็ดูไม่ลำบากทางฐานะอะไรนัก คงหาคนมาดูแลได้ นายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก” นั่นแหละที่ผมเป็นห่วง แม้หัวหน้าก็พอรู้ว่าผมออกจะเป็นห่วงคุณชายมาก เพราะเห็นว่าผมดูแลเคสของคุณชายอย่างดี แล้วผมถึงกับขอร้องให้พี่หมอช่วยยืดเวลาให้เขาอยู่ต่อมาได้จนถึงทุกวันนี้ ทั้งๆ ความจริงเขาควรจะถูกส่งตัวออกไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่ว่ายังไงก็ยื้อไว้นานกว่านี้ไม่ได้ คุณชายมีญาติคอยรับตัวไป แล้วผมล่ะเป็นใคร ถึงจะยื้อให้เขาอยู่ได้ “ ผมเข้าใจครับ ...” ได้แต่พยักหน้ายอมรับ ทั้งๆที่ผมเองก็ควรจะชินชากับเรื่องแบบนี้ได้แล้ว ในเมื่อทุกๆวันผมก็ต้องพบเจอกับการจากลาอย่างไม่มีวันกลับของคนไข้มากหน้าหลายตา หรือว่าเจอสถานการณ์ร้ายแรงกว่านี้มานักต่อนัก แต่ว่าคราวนี้ แค่การปล่อยให้เขาไปอยู่กับญาติ ทำไมผมถึงยอมรับมันไม่ค่อยจะได้ก็ไม่รู้ “ นายดูแลเขาดีมาตลอด ถ้าคนไข้รู้ คงดีใจที่ได้เจอหมออย่างนาย” “......” “หลังจากนี้ก็ต้องหวังให้ทางญาติดูแลคนไข้อย่างดีที่สุดแทนแล้วกันนะหมอจิ๊บ” “......” ผมพูดอะไรไม่ออกนอกจากพยักหน้ารับอีกครั้ง พี่หมอตบบ่าผม ก่อนจะปล่อยเวลาให้ผมได้ร่ำลาคุณชายเป็นครั้งสุดท้าย “ จะทันไหมครับคุณชาย ถ้าผมจะขอโทษที่ผมเคยทำไม่ดีกับคุณไว้ ?” หมายถึงเรื่องก่อนหน้า ... ที่ไม่เอะใจเรื่องอาการซึมเศร้าของคุณชายน่ะครับ ไม่เกี่ยวกับการเรื่องอื่นหรอกนะ “ ถ้าผมจะขอแก้ตัว คุณจะให้โอกาสผมมั้ย ?” ผมจะไม่ขับไล่ไสส่งเขาในใจ ไม่สาปแช่งที่เขาดูดีกว่า หล่อกว่า รวยกว่า หากเขาต้องการให้ผมไปกินข้าวเป็นเพื่อนผมก็จะไป จะทำตัวเป็นหมอที่ดี ไม่โทษว่าเป็นคนแย่งน้องเชอร์รี่อีก จะพาไปนัดบอร์ด เขาจะได้รู้ว่าโลกนี้ยังมีผู้หญิงอยู่อีกเยอะ แต่ผมขอหาแฟนให้ตัวเองก่อนหนึ่งคนนะ แล้วก็พาไปเปิดหูเปิดตาอีกสักหน่อยเป็นไง ชีวิตจะได้มีสีสัน ทั้งนี้ ถึงผมไม่รู้จะทำได้อย่างที่พูดมาหมดหรือเปล่า ... แต่ผมก็จะพยายามทำให้ได้ เพราะงั้น ... ช่วยลืมตาขึ้นมาเถอะ และมันคงจะน่าตลกไม่น้อย ที่ผมมัวแต่เป็นห่วงเป็นใยคนไข้ที่ไร้การตอบสนองใดๆ แบบนี้ ทว่าถึงมันจะน่าตลกแค่ไหน ผมก็ยังอยากจะช่วยเขาอยู่ดี เพราะถ้าหากเป็นผมแล้ว ผมเองก็คงหวังให้คุณหมอทุกคนช่วยคนไข้อย่างเต็มที่ไม่ต่างกัน ก่อนจะออกจากห้อง ผมประทับริมฝีปากตัวเองไว้กับริมฝีปากของคุณชายส่งท้าย แม้มันจะเป็นสัมผัสที่แสนจะบางเบา หากแต่มันก็แฝงไปด้วยความห่วงใยอยู่ด้วย ผมหวังว่าเขาจะรู้สึกถึงมันได้ แม้จะไม่ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจแปลกๆ ก็ตาม ผมปล่อยให้เราได้รับรู้ถึงกระแสลมหายใจของกันและกัน ที่แลกเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่เหนือริมฝีปากเนิ่นนานกว่าที่เคย สุดท้ายแล้วแม้ทฤษฏีจูบเจ้าหญิงนิทราจะไม่ได้ผล ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะลองทำมันอีกสักครั้ง ... . . มีต่อค่ะ
ติ๊งๆๆๆๆๆ ตอนนี้ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านญาติของคุณชาย เขาถูกส่งตัวต่อมาที่นี่ได้สองวันแล้ว แค่สองวัน ผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องมาเยี่ยม ถึงจะรู้ว่าควรปล่อยวางเคสนี้ไปเสียที แต่เพราะอะไรหลายๆอย่างมันทำให้ผมยังเป็นห่วงเขาอยู่ แล้วก็เลยต้องมายืนกดกริ่งอยู่หน้าบ้านญาติของคนไข้เนี่ยแหละ ติ๊งๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังคงกดกริ่งต่อไปเรื่อยๆ กดอยู่นานร่วมสองชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมาเปิด หรือว่ายังไม่มีใครกลับมา ? ถึงอย่างนั้นผมก็ยังดันทุรังยืนรออยู่หน้าห้องอพาร์ทเม้นต์เขาต่อไป เผื่อว่าจะมีใครกลับมาพอดี แล้วนี่ก็เลยเวลาให้อาหารคนไข้แล้วด้วย ผมรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก ยืนรอจนเวลาประมาณสองทุ่มกว่า ในที่สุดก็มีคนกลับมา น่าจะเป็นป้าที่เป็นญาติคนหนึ่งของคุณชาย เมื่อเห็นผม หล่อนก็มองผมด้วยสีหน้าที่ตกใจสุดขีด คงจะแปลกใจที่เห็นผมล่ะมั้ง แต่ก็ช่วยไม่ได้ ผมเป็นห่วงคนไข้นี่นา ! “ ผมมาตรวจคนไข้ตามหน้าที่น่ะครับ” ( โกหกหน้าตายสุดๆ ) ผมเอ่ยกับคุณป้า ที่กำลังไขกุญแจพลางทำหน้างงงวยไปด้วย ไม่ต้องรอให้ตอบอะไร ผมก็รีบเดินเข้าไปในบ้านอย่างถือวิสาสะทันทีที่ประตูเปิด “ เดี๋ยวคุณ จะทำอะไร !?” คุณป้าพยายามจะเอ่ยถามและเดินตามผมที่จ้ำอ้าวๆ เข้าไปทางห้องของคนไข้อย่างเร็ว ที่ผมรู้ว่าห้องอยู่ไหนก็เพราะตอนมาส่งตัว ผมก็มาที่นี่เพื่อช่วยเช็กอุปกรณ์และอธิบายการดูแลให้กับญาติด้วยเหมือนกัน แล้วถ้าผมคิดไม่ผิด ในเมื่อป้าเขาพึ่งกลับมา คนไข้ก็ต้องถูกทิ้งให้นอนเฉยๆ อยู่ในบ้านแน่ๆ เท่าที่ผมทราบ สามีหล่อนมักไปทำธุรกิจที่ต่างจังหวัด ส่วนลูกๆ ก็อาศัยอยู่ที่หอพักใกล้มหาวิทยาลัย จะกลับมาพักที่นี่ก็วันหยุด แล้วพอผมเปิดประตูห้องเข้าไปเท่านั้น ผมก็รู้สึกอยากจะล้มทั้งยืนจริงๆ กลิ่นอับชื้นลอยมาเตะจมูกจนน่าหงุดหงิด แถมยังมืดมากอีกด้วย ! ถึงว่าห้องนี้ตอนเห็นครั้งแรกเหมือนกับห้องเก็บของ แล้วก็คงเป็นอย่างที่คิด ... “ บ้าเอ๊ย !” อดไม่ได้ที่จะสบถกับตัวเอง รีบก้าวขาวิ่งไปที่เตียงของคุณชายอย่างไม่รีรอเพื่อตรวจดูร่างกาย เริ่มจะไม่แน่ใจแล้วว่าเขายังอยู่ดีอยู่หรือเปล่า ก็เขาดูไม่ต่างจาก ศพ ที่นอนอยู่ในห้องดับจิตอย่างไรอย่างนั้น... ขอร้องเถอะ อย่าเป็นอะไรไปเลยนะครับ . . “ เห้อออ ....” ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก อย่างน้อยก็ยังจับชีพจรคนไข้เจอ ทว่ามันอ่อนมาก หากทิ้งไว้นานกว่านี้ มีหวังได้บอกลากันจริงๆ นอกจากการให้อาหารแล้ว ผมค่อนข้างมั่นใจว่าคนไข้แทบไม่ได้รับการดูแลอย่างอื่น แล้วถ้าผมไม่สังเกตเห็นถุงอาหารเหลือๆ ผมก็คงไม่คิดว่าคุณชายได้รับอาหารเหมือนกัน ก็นึกแต่แรกอยู่แล้วว่าทางญาติเขาไม่มีทางจะหาคนมาดูแลคุณชายโดยเฉพาะ มีคดีกันขนาดนั้น แล้วตั้งแต่เห็นอาการบ่ายเบี่ยงเรื่องการรับคนไข้กลับ ผมก็ไม่สามารถไว้ใจได้ แต่การให้คุณชายอยู่โรงพยาบาลต่อก็เป็นเรื่องยาก เพราะเกินขอบเขตการช่วยเหลือของโรงพยาบาลมามากแล้วเหมือนกัน ระหว่างที่ผมตรวจเช็กร่างกาย คุณป้าก็ยืนมองผมอยู่ข้างๆ อย่างหวาดๆ ก็สมควรอยู่หรอก เล่นทิ้งคนไข้ไว้อย่างนี้ ถ้าตายกลายเป็นศพขึ้นมาคงได้เดือดร้อนกันอีก “ คุณป้าครับ ... นอกจากคุณป้าต้องช่วยให้อาหารคนไข้ทุกวันแล้ว คุณป้าก็ต้องช่วยพลิกตัวและทำกายภาพให้เขาบ่อยๆด้วย เพราะไม่อย่างนั้นถ้าเขาเกิดมีแผลกดทับขึ้นมา มันจะยิ่งแย่นะครับ เรื่องความสะอาดอีก ...” ผมพยายามเอ่ยกับญาติเขาอย่างใจเย็นที่สุด อย่างน้อยผมก็ไม่คิดว่าเขาจะใจร้ายขนาดอยากทิ้งให้ญาติตัวเองมาตายหรอก “ แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ แค่รับตัวเขามา สามีฉันก็ต่อว่าแทบตายแล้ว ... หมอรู้ไหมว่าพ่อแม่ของตาชายเนี่ยสมัยยังมีชีวิตอยู่ทำกับครอบครัวป้าไว้มากแค่ไหน แล้วยังต้องมาให้รับภาระดูแลอีก ...” พูดแล้วป้าเขาก็เริ่มร้องไห้ครับ แล้วก็เริ่มเล่าสารพัดปัญหาชีวิตที่คนฟังแล้วอดสะอึกไม่ได้ มาได้ยินคุณป้าเล่าและร้องไห้แบบนี้ ผมก็ยิ่งพูดอะไรไม่ออก เพราะเรื่องของทั้งบ้านคุณชายและญาติเนี่ย มันละครมากๆ !! ละครจนทำให้ผมเริ่มรู้สึกผะอืดผะอมขึ้นมาตะหงิดๆ มันไม่มีความยุติธรรมบนโลกนี้หรอกครับ อยู่ที่โอกาสจะได้ทำคนอื่นหรือถูกคนอื่นทำ คิดแล้วมันก็น่าเจ็บใจเป็นบ้า คนเราจะซวยได้มากขนาดไหนผมไม่รู้หรอก แล้วผมก็ไม่อยากปล่อยให้คุณชายต้องเผชิญกับความซวยจนถึงขีดสุดด้วย เพราะหากไม่ทำอะไรตอนนี้ อาจจะไม่มีโอกาสอีกก็ได้ เพราะงั้น ... “ คุณป้าครับ ...” ผมหยุดนิ่งครู่นึงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยอะไรบางอย่างออกมา “ผมจะช่วยดูแลเขาแทนเอง ...” เหลือเชื่อไหมล่ะครับ ... แม้แต่ตัวผมเองก็เถอะ ยังคิดเลยว่าผมพูดออกไปได้ยังไง คิดว่าคราวนี้ผมคงดูเป็นคนดีมากขึ้นโขเลยสินะ ก็แม้แต่ป้าแกยังอึ้งในตัวผมเลย คุณป้ามองผมราวกับเห็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย เจ้าหญิงคุณชายจริงๆ แล้วผมก็เป็นคนที่พูดแล้วไม่คืนคำครับ ผมจัดการโทรศัพท์ให้พี่หมอหัวหน้าและหมอทิมมาช่วยผมเรื่องย้ายคนไข้ไปที่บ้านอันแสนจะคับแคบ ( แต่ก็ดีกว่าห้องเก็บของนี่ ) ของผมทันที ผมสงสัยจริงๆ นะ ว่าทำไมผมต้องลงทุนขนาดนี้เพื่อมาดูแลคนไข้ที่ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่พี่น้อง ไม่ใช่อะไรของผมด้วย แน่นอน ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่สงสัยหรอก ไอ้ทิมเพื่อนผมก็สงสัยด้วยเหมือนกัน “ จิ๊บ ทำไมนายต้องทำขนาดนี้เพื่อไอ้คุณชายนี่ด้วยวะ หรือว่าติดใจหน้าสวยๆ อย่าบอกนะคิดจะเล่นอะไรพิเรนทร์กับคนไข้น่ะ !” คำถามของหมอทิมเกือบจะดีอยู่แล้วเชียว แต่ก็ไม่วายมาจิกกัดผมได้ จะให้ผมตอบเขาก่อนหรือกวนตีนเขาก่อนดี ? “ นายที่ไม่ได้ดูเคสนี้ ไม่รู้หรอกว่าคนไข้มีโอกาสฟื้นตัวสูงมาก สภาพร่างกายเขาที่เคยบาดเจ็บหนักก็หายเกือบสนิทแล้ว เหลือแค่รอเวลาให้เขาตื่นขึ้น และทำกายภาพบำบัดต่อ” ดูเหมือนหมอทิมจะทำหน้าไม่พอใจคำตอบของผมครับ ไม่รู้เพราะผมแขวะว่าเขาโยนเคสกลับหรือเปล่านะ “ อีกอย่าง ตอนที่เขายังตื่นอยู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันทีเดียว” นี่ผมพูดอาไรออกไปเนี่ย !!!!!! ตอแหลสุดขีด จริงๆ เป็นศัตรูต่างหาก !!! “ เพื่อน ? หืมมม .. ไม่ยักรู้นะ” แล้วไอ้ที่บอกพี่หมอไปน่ะหมายความว่าไงวะไอ้เพื่อนเวร หนอย ... อยากจะเสยหน้าหมอทิมเหลือเกินครับ แต่ผมหดหู่เกินกว่าจะต่อล้อต่อเถียง หมอทิมก็ไม่กวนบาทาผมต่อแล้ว ได้แต่ว่าอย่างเข้าใจ “ นายเนี่ยนะ ทำเป็นว่าทิ้งอุดมการณ์ไปแล้ว แต่ฉันก็เข้าใจนะ เพราะถ้าเป็นแฟนฉัน ฉันก็คงดูแลเขาอย่างนี้แหล่ะ” เอ่อ ... ถ้าทิมจะยอมดูแลแฟนมันอย่างนี้ แล้วถ้าเป็นแค่เพื่อน หลอกๆ แถมเป็นอดีตศัตรูหัวใจล่ะครับ เขาจะดูแลรึเปล่า ? “ แล้วถ้าเป็นเพื่อนล่ะ นายจะดูแลเหมือนกันป่ะ ??” ผมอดไม่ได้ที่จะลองถามด้วยความอยากรู้ เผื่อว่าวันนึงผมไม่สบายขึ้นมาบ้าง ซึ่งหมอทิมก็นิ่งเงียบไปเลยครับ “ ค่อยคิดอีกที ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” อืม ... จังไร จริงใจมาก คำตอบแบบนี้ทำให้ผมเสียใจนิดๆ เหมือนกัน แต่เอาเถอะ ถ้าผมป่วยจริงๆ แม้ไอ้ทิมมันจะไม่มาดูแล แต่มันคงหาทางให้ผมได้นอนอยู่โรงพยาบาลได้แหล่ะเนอะ ใช่มะทิม ใช่มะเพื่อนรัก ??!!!!!!! เป็นคำถามที่ผมก็คงไม่มีทางได้คำตอบล่ะมั้ง ... ...... ............ ในที่สุดเตียงคนไข้และอุปกรณ์ต่างๆก็ถูกขนย้ายเข้ามาในห้องผม เมื่อคุณชายถูกย้ายไปนอนลงที่เตียงแล้ว หมอทิมก็เอ่ยอะไรบางอย่างออกมา “ ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ ฉันยินดี อย่างน้อยฉันก็ยังไม่ทิ้งอุดมการณ์อย่างนายนะ แล้วก็ไม่โรคจิตชอบทำอะไรแปลกๆ กับคนไข้ด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” “......” เสียงหัวเราะอย่างสะใจสุดๆ ที่ผมได้ยิน ทำให้ผมอยากจะเสยคางเขาสักทีด้วยความหมั่นไส้ แต่ก็พยายามจะหักห้ามใจตัวเองไว้ “ ขอบใจนะ ...” พยายามเอ่ยคำพูดลอดผ่านไรฟันที่กัดกันกรอด แต่ถึงเขาจะกวนยังไง สุดท้ายผมก็เดินไปกอดขอบคุณอย่างซาบซึ้งในน้ำใจเขาอยู่ดี ทิมตอบรับด้วยการตบหลังผมเบาๆ “ คนไข้คนนี้นี่น่าอิจฉาเนอะ เจอหมอดีๆ อย่างนาย” มันเป็นคำพูดที่หมอทิมฝากไว้ก่อนกลับ ผมเห็นด้วยว่าผมเป็นหมอที่ดี แต่คุณชายนี่น่าอิจฉางั้นเหรอ ? น่าอิจฉาเนี่ยนะ ?? หมอทิมมันอยากหลับไม่ตื่น โดนฟ้องมีคดีความใหญ่โต ไร้ญาติไร้เพื่อนไร้คนรักที่จริงใจอย่างนี้หรือไง ??? ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า แล้วผมล่ะ ถ้าเจอแบบคุณชายแล้วมีคนช่วย จะคิดว่าตัวเองน่าอิจฉาด้วยหรือเปล่า ??? ที่แน่ๆ ผมไม่อยากมีชะตาอาภัพแบบนี้หรอก ไม่อยากเลยจริงๆ เห้อ ... ผมไม่รู้จริงๆ ว่าชีวิตผมกับชีวิตคุณชายเจ้าหญิงนิทรานี่จะเป็นยังไงต่อไป สุดท้ายผมคงได้แต่ภาวนาให้เขาตื่นขึ้นมาเร็วๆ เหมือนเดิมแบบที่เคยภาวนาทุกวันเท่านั้น . . จบตอนที่ 6 ___ Talk: ไม่รู้ว่าคุณชายหรือหมอคนไหนจะน่าสงสารกว่ากัน หมอจิ๊บถึงจะบ๊องๆ แต่ก็ใจดีเหมือนกันน้า >___< อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันบ้างนะคะ ^^ แล้วก็ฝากผลงานอื่นๆ ไว้ด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
หมอจิ๊บ...ใจดีจังเลยค่ะ ไม่แน่ตอนนี้ในความฝันของคุณชาย คุณชายอาจจะกำลังยิ้มดีใจอยู่ก็ได้เน้อออ...~
คุณชายต้องรู้สึกดีใจมากๆแน่เลยค่ะ แหม... แต่หมอก็.... ช่างคิดนะคะ ทฤษฏีปลุกคนไข้ของหมอเนี่ย :laugh: สนุกดีค่ะ ติดตามนะคะ ><
เมื่อไหร่จะฟื้นหว่าาาาา
:katai2-1: กราบหัวใจหมอจิ๊บค่ะ. จะพยายามไม่มองหมอจิ๊บว่าหมอแค่อยากมีคนเล่นด้วยนะ. น่าเอ็นดูอะ คุณชายขา. ตื่นมาเล่นกับหมอจิ๊บเถอะ. สู้ชีวิตต่อไป ยังมีคนรอคุณฟื้นขึ้นมานะ. ชะตาชีวิตคุณชายรันทดได้อีก
ดีใจจัง อย่างน้อยคุณชายก็จะได้ไปอยู่ในการดูแล(และทดลอง 55)ของหมอจิ๊บแล้ว ฟื้นไวๆนะคุณชาย บรรดาคนอ่านและหมอจิ๊บรออยู่ เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หมอจิ๊บบบบ!! น้ำใจงามมากค่ะ :กอด1: แต่ไม่รู้หมอจะเล่นอะไรแผลงๆกับคนป่วยหรือเปล่าหนอ??
มาทดลองทฤษฎีต่อน่ะหมอจิ๊บ
มาต่อเวยๆ
เมื่อไหร่คุณชายจะฟื้นเนี่ยยยยย อยากรู้ว่าพอคุณชายฟื้นแล้วเรื่องจะเป็นยังไงต่อไปเร็วๆ จัง
รอวันที่ฟื้นค่าา
คราวหลังขบลงต่ำกว่านั้นอีกค่ะหมอถ้าจะให้ดีขึ้นขย่มเลย
5555555 หมอแนวมาก อยากให้คุณชายตื่นเร็วๆุจุง
รอนิยายของไรท์นะ :katai2-1:
ตอนที่ 7 “ อร่อยไหมครับอาหารที่หมอทำ ?” ถ้าคุณชายลืมตามาเห็นผมตอนนี้ ก็คงรู้ครับว่าผมกำลังประชด เขาอยู่ ห่ะๆ ก็มันจะไปอร่อยได้ยังไงล่ะครับ ไอ้อาหารเหลวปั่นรวมแบบนี้เนี่ย “ ถ้าอยากทานอร่อยกว่านี้ก็ต้องรีบตื่นขึ้นมาหากินเองนะครับ” บอกตามตรงนะครับ ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หน้าตาผมเหมือนตูดมากครับ ถ้าไอ้คุณชายไม่รีบตื่นมาง้อผม ผมจะส่งเค้ากลับบ้านญาติแล้วจริงๆด้วย เพราะตอนนี้ชีวิตผมอยู่ในขั้นวิกฤติครับ วิกฤติขั้นโคม่าเลยล่ะ ! ยังไงน่ะเหรอครับ ? เริ่มแรกเลยผมก็ต้องยกเลิกการทำงานกะดึกเพื่อมาดูแลคนไข้นิทราหน้าตายนี่น่ะสิ ! การยกเลิกกะดึกนี่มันยังไม่เท่าไหร่ แต่การที่ต้องมาดูแลใครตลอดเวลาเนี่ย มันช่างเป็นการทรมานร่างกายและจิตใจผมจริงๆ ผมอดนอนยิ่งกว่าตอนทำงานควบสองกะเสียอีก เพราะนอกจากต้องมาทำอาหารให้อาหารและต้องมาคอยดูแลพลิกตัวทุกสอง - สี่ชั่วโมงแล้ว ผมก็ต้องทำโน่นทำนี่ทำนั่นครับ ! แทบไม่ได้นอน แล้วยังต้องรีบบึ่งมอไซค์กลับห้องช่วงพักอีก ทำได้สองอาทิตย์ผมก็แทบตายอยากส่งเขากลับไปสู่ที่ชอบๆบ้านญาติเขาแล้ว แต่ผมก็ยังคงมีความอดทนพอครับ คุณชายนิทราเลยยังได้รับการดูแลอย่างดีจากผมอยู่ ไม่ว่าจะป้อนข้าวป้อนน้ำ อาบน้ำอาบท่า นวดเนื้อนวดตัว และทุกๆ อย่าง ผมทำให้ประหนึ่งว่าเป็นเจ้าหญิง จนชักจะเข้าใจที่คนอื่นๆ พูดกันแล้วสิว่าคนไข้คนนี้โชคดีที่เจอหมอแบบผม หึ ... จะไม่ให้โชคดีได้ยังไงล่ะครับ ก็ได้คุณหมอสุดเพอร์เฟค หล่อ นิสัยดี หญิงติดตรึม อย่างผมดูแลทั้งคนนี่นา ฮ๋าๆๆๆๆๆๆๆ ... “......” หลอกตัวเองให้หัวเราะได้ไม่นาน ผมก็กลับเข้าสู่โหมดอึมครึมอีกแล้วครับ พักนี้ผมเป็นอย่างนี้อยู่บ่อยๆ สงสัยจะเป็นเพราะเครียดมากไป หรือว่าจะหันกลับไปพึ่งยาแก้เครียดอย่างที่เคยใช้สมัยเรียนแพทย์ดีน้อ ? ไม่เอาดีกว่า ผมว่าผมมีวิธีอื่นที่ดีกว่านั้น หึหึหึ ... ...... ............ ปืดดดด ... ปืดดดด .... ผมจัดการหยิบเอาปากกามาร์กเกอร์ชนิดเพอมาเนนท์สีดำมาวาดรูปตา บนเปลือกตาคุณชายนิทราเล่น ปากกาถูกลากไปตามผิวหน้าเนียนๆ เส้นแล้ว เส้นเล่า ที่ว่ากันว่าศิลปะ สามารถช่วยผ่อนคลายความเครียดอย่างได้ผลชะงัด ท่าจะจริง ก็ตอนนี้ผมเริ่มจะหายเครียดแล้วล่ะครับ หึหึหึ ... “ อืม ....” ผลที่ได้มันออกมาดูดีเหมือนกันนะครับเนี่ย หน้าสวยๆ ของคุณชายดูดีขึ้นเยอะเลย ฝีมือแต่งหน้าใครกันน้า ? โอ้ว ... ผมว่าผมไปหยิบกล้องโพรารอยด์ที่จับฉลากได้ตอนงานเลี้ยงปีใหม่ที่โรงพยาบาลมาถ่ายรูปเขาเล่นด้วยดีกว่า หมั่นไส้มานาน เอ้ยย ไม่ใช่ คือตั้งแต่ได้มาผมยังไม่เคยได้ใช้เลยไงครับ ไหนๆผมก็มีนายนางแบบให้ถ่ายแล้วด้วยไง แชะ !! ถ่ายเสร็จ ผมก็รีบสะบัดๆ รูปให้ปรากฏออกมาเร็วๆ อุปส์ ... รูปนี้คุณชายดูดีมากเลยนะครับ แบบว่าลืมตาซะโตเลย ขนตาก็ยาวสวยโผล่มาสามเส้นอีกต่างหาก ถ้าเอาลงอินเตอร์เน็ตให้โหวตความสวยได้ ผมว่าเขาต้องได้คะแนนเป็นอันดับต้นๆ แน่ อืมมมม ... ผมว่าผมแปะรูปเขาเอาไว้ที่หัวเตียงดีกว่า เอาใหม่ๆ วาดใหม่ คราวนี้เติมหนวดแล้วกัน อืมม ... เขียนแก้มด้วยเป็นไงครับ ? โอ๊ะ !! เอาโบว์มาติดด้วยดีกว่า เอ ... เอาชุดนางพยาบาลที่สะสมที่ยืมมาให้เขาใส่ดีไหมน้า ? ความคิดผมนี่เข้าท่าเหมือนกันนะเนี่ย !! แล้วที่พลาดไม่ได้ ก็ต้องหูหมีครับ !!! คนอะไรเข้ากับหมีเป็นบ้า น่ารักชะมัดเลย เวลาผ่านไปแค่ประเดี๋ยวเดียว ตอนนี้รูปเขาแปะอยู่เต็มหัวเตียงเลยครับ ก็ผมนั่งวาดนั่งถ่ายจนฟิล์มหมดนั่นแหล่ะ น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่มันหมดเร็วไปหน่อย ไว้เดี๋ยวไปซื้อฟิล์มมาเติมดีกว่า แต่คิดแล้วมันก็ยิ่งตอกย้ำอะไรบางอย่างให้ผมรู้สึกแซ๊ดขึ้นมาตะหงิดตะหงิดแฮะ ... ก็ผมจะมีเวลาออกไปซื้อได้ไงกันล่ะ ในเมื่อต้องมาดูแลเขาจนตัวแทบจะติดกันอย่างนี้เนี่ย อ้ากกกกกกกก คิดแล้วก็เซ็งครับเซ็ง !! ราวกับว่าเวลาชีวิตของผมตอนนี้ได้ถูกดูดเข้าไปในหลุมดำยังไงอย่างงั้น เมื่อไหร่เขาจะตื่นซักที๊ ผมจะบ้าตายอยู่แล้วนะพระเจ้า !! “ นี่ ... ทำไมผมต้องมาดูแลคุณตลอดเวลาอย่างนี้ด้วยนะ หืม ว่าไงครับคุณชาย ?” ผมว่าเจ้าตัวเองก็คงอยากถามผมด้วยคำถามนี้เหมือนกัน ชักหวั่นใจแล้วล่ะสิว่าผมจะทำอย่างนี้ต่อไปได้อีกสักกี่น้ำ ก็การดูแลใครสักคนให้ตลอดรอดฝั่งเนี่ยมันยากจริงๆ โดยเฉพาะกับคนที่เราไม่ได้รู้จักดีอะไรเลย ไม่รู้ว่าผมจะทำมันไปทำไมในเมื่อไม่ได้อะไรตอบแทนสักอย่าง แต่การจะปล่อยใครสักคนให้ตายทั้งๆ ที่เราสามารถช่วยได้ ก็เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากจะทำอีกเหมือนกัน เพราะงั้นมันคงเป็นเหตุผลที่ผมยังทนดูแลเขาแบบนี้ก็เป็นได้ ผมรู้ซึ้งถึงความโดดเดี่ยวจากการโดนทอดทิ้งดี บางทีในขณะที่คุณโดดเดี่ยวและไร้ความหวังเอามากๆ ความช่วยเหลือจากใครสักคนก็อาจจะเป็นสิ่งจำเป็น และอาจเป็นสิ่งที่ช่วยคุณให้หลุดพ้นจากห้วงความทุกข์นั้นก็ได้ เหมือนที่ผมก็เคยต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคนเหมือนกัน “ มากู๊ดไนท์คิสกันก่อนที่ผมจะไปนอนบ้างแล้วกันนะครับ” ผมเอ่ยกับคุณชายที่ข้างหูเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจก้มลงแตะริมฝีปากตัวเองไว้กับริมฝีปากเขาอย่างทุกที ค่อยๆ ขยับและบดเบียดริมฝีปากเข้าไปให้แนบแน่นกับร่างบนเตียงขึ้นทีละนิดๆ จริงๆ แล้วผมอยากจะให้มันเป็นเวคอัพคิสมากกว่า เพราะผมอยากจะให้เขาตื่นขึ้นมาเต็มทีแล้ว ผมอยากรู้จังว่าเขาฝันถึงอะไรอยู่ถึงได้เอาแต่จมอยู่ในห้วงความฝันแบบนี้ คงเป็นฝันที่ดีมากใช่ไหมครับ ? ถึงได้ไม่ยอมตื่นขึ้นมาเสียที “ ถ้าคุณกำลังฝันดีอยู่ งั้นก็ช่วยอวยพรให้ผมฝันดีเหมือนคุณด้วยนะครับ” ผมก้มลงกระซิบบอกเขาอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปยังเตียงนอนของตัวเอง และปล่อยให้ตัวเองได้จมอยู่ในห้วงความฝันเช่นกัน (มีต่อ)
. .ไม่รู้ ว่าเวลามันผ่านไปกี่วันแล้วที่ผมรับอาสาดูแลคุณชาย น่าจะสองสามเดือนได้แล้วล่ะมั้ง แต่ถ้านับระยะเวลาที่หลับไปทั้งหมดแล้ว ก็น่าจะร่วมสี่ห้าเดือนได้ ร่างกาย ของผมตอนนี้เริ่มเคยชินกับตารางชีวิตที่ถูกปรับเปลี่ยนไปให้เข้ากับการดูแล คนไข้แล้ว แต่จิตใจผมมันกลับปรับตัวไม่ได้ตามร่างกายสักเท่าไหร่ ผมรู้สึกห่อเหี่ยวและท้อแท้กับสิ่งที่ทำอยู่จริงๆ ถ้า หากเขาเป็นแค่ผู้ป่วยสมองตายแล้วต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อยืดชีวิตแล้ว ล่ะก็ ผมคงตัดสินใจถอดมันออกแล้วล่ะ แต่นี่เขาไม่ได้เป็นผู้ป่วยสมองตายที่หายใจเองไม่ได้ ผมถึงได้ยังมีหวังว่าเขาจะตื่นขึ้นมาสักวัน แม้ ผมจะรู้แต่แรกว่ามันเสี่ยงมากที่จะดูแลคนไข้ที่ระยะเวลาในการหลับอาจจะ ยาวนานเกินกว่าที่ผมจะรับได้ ทว่าผมก็ยังคงยอมเสี่ยงเพียงเพราะยังติดใจอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่มันยังคาใจผมอยู่ ใน ช่วงเวลาที่ผมกุมมือเขาไว้ระหว่างทางไปโรงพยาบาลตอนนั้น ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่สามารถกระพริบตาและหยุดมองตอบแววตาของคุณชาย ที่จ้องมองมาได้เลย ราวกับว่าถ้าผมละเลยเขาไปแค่เสี้ยววินาที เขาก็อาจจะหลับไปเสียดื้อๆ โดยเฉพาะความรู้สึกผิด ยังคงเต็มตื้นไม่ยอมหาย “ คุณชาย !! ผมจะช่วยคุณเองนะ แข็งใจไว้ !!” คุณชายแสยะรอยยิ้มเปื้อนเลือดให้ผม เขาพยายามจะเอ่ยอะไรออกมาอย่างยากลำบาก แต่ผมก็ห้ามเขาไว้ไม่ให้พูดอะไรออกมา “ ปะ ปล่อย ...” แต่ สุดท้าย เขาก็ดึงดันเอ่ยมันออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่าจนได้ คำพูดที่หลุดมานั้นทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยพอใจ นี่ไม่รู้หรือไงว่าผมพยายามช่วยเขาแค่ไหน อีกนิดเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลแล้วแท้ๆ “ คุณพูดอะไร !! ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆจะมาท้อแท้อะไรเล่า !! ผมไม่ปล่อย คุณต้องรอดนะ เข้าใจไหม ไม่งั้นผมไม่ให้อภัยคุณแน่ !!” คุณชาย ส่งเสียงเหมือนกับกำลังหัวเราะอยู่ในลำคอ โดยที่สายตาก็ยังคงจับจ้องมาที่ผม อันที่จริงอาการเขาก็ออกจะหนักหนาสาหัสอยู่ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้ทำปากเก่งบอกให้เขาต้องรอดด้วยเหมือนกัน ก็ไอ้ท่าทางแบบนั้นน่ะ ... ไอ้ท่าทางที่เหมือนกับหมดอาลัยตายอยากและท้อแท้กับชีวิตจนอยากตายแบบที่ผมเห็นอยู่เนี่ย ผม เกลียด ที่สุด ! “ สัญญาสิคุณ ว่าจะเข้มแข็งไว้น่ะ !!” ผม เอ่ยเสียงดัง และบีบมือคุณชายเอาไว้แน่น เขาไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มน้อยๆ และมองผมกลับ ผมไม่รู้ว่ารอยยิ้มและสายตานั่นมันหมายความว่ายังไง มันอาจจะเป็นการตอบรับสัญญาผม หรืออาจจะเป็นแค่การหัวเราะเยาะผมก็ได้ แต่ ไม่ว่ายังไง ผมก็ยังอยากให้คุณชายรอดและใช้ชีวิตบนโลกต่อ ผมไม่อยากให้คนที่ยังหนุ่มยังแน่นแบบเขามาท้อแท้กับชีวิต ต่อให้เจออะไรร้ายแรงมาในชีวิต เขาก็ไม่ควรจะยอมแพ้แล้วละทิ้งชีวิตตัวเองแบบนี้ “คุณชาย แข็งใจไว้ ถึงโรงพยาบาลแล้วนะครับ !!” ตะโกน บอกระหว่างที่ร่างกายของคนเจ็บค่อยๆ ถูกเคลื่อนย้ายออกจากรถ แม้ว่าร่างคนบาดเจ็บจะถูกย้ายไปที่เตียงและกำลังถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด ฉุกเฉินแล้ว สายตาของเขาก็ยังคงจ้องมาที่ผมอยู่ จนกระทั่งประตูห้องถูกปิดไป ผมถึงสามารถหลุดออกจากห้วงสายตานั้นได้ ถึงอย่างนั้นไม่รู้ทำไม ผมถึงรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นยังคงตราตรึงผมมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งบางที ... บางทีผมอาจจะเข้าข้างตัวเองว่าสายตาแบบนั้นไม่ใช่สายตาสิ้นหวัง แต่เป็นสายตาที่แสดงออกว่าเขายังอยากมีชีวิตอยู่ ทั้ง ที่จริงเขาอาจจะไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วก็ได้ และบางทีเขาอาจจะอยากปล่อยตัวเองให้หลับไปตลอดกาลโดยไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก แล้ว แต่ผมดันบังเอิญไปจุ้นจ้านไม่ปล่อยให้เขาหลับอย่างสงบเอง ผมดันไปคิดเองเออเองอยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อเพราะความรู้สึกผิดของตัวเอง นี่ผมตัดสินใจผิดหรือเปล่า ? ถ้า เป็นอย่างนั้นจริง บางทีผมอาจจะควรหยุดทุกอย่าง และยอมปล่อยให้เขาหลับไปอย่างสงบ เขาจะได้ไม่ต้องหัวเราะเยาะผมที่เอาแต่ทุ่มเทดูแล และรอคอยเขาให้ตื่นขึ้นมาแบบนี้ “ คุณชายครับ ... รำคาญไหมที่ผมทำแบบนี้กับคุณ ?” ส่งเสียงเอ่ยถามทั้งๆ ที่รู้ว่าฮวางคุณชายไม่มีทางลุกขึ้นมาตอบผมเหมือนเดิม ผมก้มลงเอาหูแนบไปกับอกร่างบนเตียงเพื่อฟังเสียงใจเต้น ถ้า มันมีอุปกรณ์อะไรบางอย่างที่สามารถช่วยแปลเสียงหัวใจให้เป็นคำพูดขึ้นมาได้ ก็คงจะดีไม่น้อย ผมจะได้รู้ไปเลยว่าผมควรดูแลเขาอย่างนี้ต่อ หรือว่าควรจะปล่อยเขาไป ผมไม่อยากจะรู้สึกเหมือนทำอะไรโดยไร้จุดหมายหรือไร้ความหวังอย่างนี้อีกแล้ว “คุณชาย ... บอกผมทีว่าคุณยังอยากตื่นอยู่หรือเปล่า ?” เสียง หัวใจที่เต้นเป็นจังหวะคงที่ที่ได้ยินแว่วผ่านแผ่นอก ไม่รู้ว่ามันกำลังเอ่ยตอบผมว่ายังไง ถึงอย่างนั้นผมก็ยังอยากจะคิดเอาเองว่าคุณชายกำลังเอ่ยตอบผมว่า เขาเองก็อยากตื่นขึ้นมาเหมือนกัน ... . . -Chapter 7 End- ____Talk: หลายคนคงคิดว่าเมื่อไหร่คุณชายจะตื่น จะบอกว่าอีกไม่นานแล้วค่ะ รอกันก่อนน้าาา >< อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันบ้างนะคะ กระทู้ตกเร็วมากเลยล่ะ 55555 อยากแต่งให้คนอ่านชอบเยอะๆ มั่งจังง่ะ TwT ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ในตอนที่แล้วนะคะ ^^ ฝากเอาใจช่วยคุณหมอกับคนไข้กันต่อไปด้วยน้า อย่าพึ่งทิ้งกันไปนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ จะมาเร็วๆ เลยถ้ามีเม้นต์มากกว่าตอนที่แล้วน้า (จะโดนคนอ่านตรบมั้ย แงๆ) แล้วก็ขอฝากนิยายเรื่องอื่นไว้ด้วยนะคะ ^^ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
:call: จะต้องไปบนบานเจ้าที่ไหนดีให้คุณชายฟื้น รอค่ะรอ. หมอจิ๊บสู้ๆ เผื่อคุณชายจะทนการแกล้งไม่ไหวต้องตื่นมาเอาคืนบ้าง
เอาใจช่วยอยู่น้า ทั้งคุณชาย คุณหมอ และคนเขียน :impress2:
คุณชายตื่นได้แล้วววววววววววววววว :ling1: :ling1: :ling1:
ถึงหมอจิ๊บจะเครียด…แต่หมอจิ๊บก็ยังไม่ลืมคอสเพลย์คุณชายเลยนะคะ :laugh: แหม่ สนุกใหญ่เชียวน้าา เตรียมพร้อมจุดพลุฉลองต้อนรับคุณชายอยู่ตรงนี้นะค้าา…~
รอคุณชายตื่นนนนน. :katai1: :katai1: :katai1:
คุณชายรีบตื่นได้แล้ว สงสารหมอจิ๊บเค้าแล้วนะ
อยากได้พาร์ทของคุณชายก่อนคุณชายจะฟื้น
:pig4:
เข้าใจความรู้สึกของคนที่ต้องมาดูแลคนป่วยที่เป็นแบบนี้นะ นานๆไปจะเริ่มท้อ แล้วก็คิดว่ากำลังทำอะไรอยู่ เป็นกำลังใจให้คนเขียน... กับหมอจิ๊บด้วยจ้า
เพราะมีคนมาอ่านให้ทุกวันไงคะ ถ้าอยากให้กระทู้ไม่ตกต้องอัพทุกวันนะคะ รู้ไหม^^ (นี่ก็กดดันคนเขียนเหลือเกิณ)
รอคุณชายตื่นอยู่นะ สู้ๆ!
ท้อแท้
เมื่อไหร่จะฟื้นคะ ร้องไห้!!!!!
ตอนที่ 8 เป็นเรื่องยากที่ผมจะต้องจัดสรรเวลาทำกายภาพ ให้อาหาร ให้ยา อาบน้ำ พลิกตัว ให้คุณชายทุกวัน พร้อมๆกับทำกิจวัตรประจำวันของตนเองไปด้วย ยังดีบุรุษพยาบาลที่ผมรู้จักมาช่วยผมบ้าง ทำให้ภาระลดไปได้นิดหน่อย ถึงอย่างนั้นงานส่วนมากก็ยังเป็นผมที่ต้องทำอยู่ดี ผมดูแลใกล้ชิดคุณชายนิทราจนแทบจะจำได้ทุกอย่างอยู่แล้วว่ามีลักษณะพิเศษของร่างกายเป็นยังไง กระดูกแขนขายาวเท่ากันมั้ย อวัยวะ (?) ปกติเล็กใหญ่เกินไปหรือเปล่า หรือว่ามีปานตรงไหน มีไฝกี่เม็ด มีรูขุมขนกี่รู ( อันนี้ก็แอบเว่อร์ไปนิสนะครับ ) รู้ลึกเกี่ยวกับเขายิ่งกว่าร่างกายตัวเองเสียอีกมั้ง นี่ถ้าเขาเป็นผู้หญิงสวยๆ แทนผู้ชายหล่อๆ สวยๆแล้ว ผมอาจจะมีความตื่นเต้นบ้างก็ได้ ... แต่เอาเข้าจริง ถ้าคุณเป็นแพทย์ คุณก็จะเรียนรู้เองว่าสังขารมันไม่เที่ยงไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เพราะงั้นเรื่องการเห็นทุกอย่าง (?) ของคุณชายแล้วจะ turn on ผมได้น่ะเหรอ หึ ... บอกเลยว่าไม่มีทาง !! แต่ถ้าเป็นคนไข้หญิงนมตูมตูดสะบึมล่ะก็ไม่แน่ “ ขออนุญาตอาบน้ำให้นะครับ” ผมเอ่ยกับเขาก่อนจะเริ่มถอดชุดคนไข้ออก เริ่มจากการล้างหน้า ผมค่อยๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดจากหัวไปที่หางตาเขาเบาๆ ผมว่าจริงๆ แล้วเขาเป็นคนที่ตาสวยคนนึงเลยนะ น่าเสียดายที่เอาแต่หลับตาอยู่ตลอด หลังจากเช็ดใบหน้าเสร็จ ผมก็จัดการเช็ดแขนให้ต่อ ท่อนแขนของคุณชายใหญ่กว่าของผมพอควร ฝ่ามือก็ด้วยเหมือนกัน ผมนั่งเช็ดทำความสะอาดไปทีละส่วนๆ ไล่ไปทีละนิ้วๆ ไม่ค่อยรีบร้อนเท่าไหร่ ก็เวลาเย็นอย่างนี้ ผมไม่ต้องเตรียมตัวไปเข้ากะดึกเหมือนทุกที เลยสามารถนั่งทำให้เขาได้เรื่อยๆ เอื่อยๆ อย่างเบื่อๆ จากท่อนแขน ก็เริ่มเช็ดไปที่ลำตัว ตั้งแต่แผ่นอกแน่นๆ ไปยังช่วงเอวหนาๆ ตอนนี้หกห่อของเขาหายไปแล้วครับ ดีใจเว้ย แล้วก็ไปยังช่วงขา อืม ... เป็นความลับที่ผมเก็บมานานเลยนะครับ คือคุณชายเนี่ย ขาใหญ่แข็งแรงมาก ผมว่าถ้าจู่ๆ เขาสะดุ้งตัวตื่น แล้วเผลอเอาขาฟาดคอผมขึ้นมา ผมคงคอหักตายได้เลยล่ะ “......” ฮ่าๆๆๆๆๆ ล้อเล่นน่ะครับ จริงๆถ้าเขาตื่นขึ้นมาเขาคงไม่มีแรงแม้แต่จะกระดิกนิ้วด้วยซ้ำ ก็เล่นหลับไปนานซะขนาดนี้นี่นา คิดแล้วก็เริ่มฟีลแซ๊ดแปลกๆ เห้ออออ และแล้วก็ถึงนาทีระทึกครับ เพราะผมต้องทำความสะอาด คุณช้างชายน้อยให้เขาต่อ อ้ะๆ อย่าคิดว่าผมทะลึ่งนะคร๊าบ เพราะของผมเองก็มีเหมือนๆ กันถึงบางอย่างจะต่างกันก็ตาม แล้วนาทีระทึกที่ว่า ก็แค่ผมสามารถตรวจเช็กดูสุขภาพร่างกายเขาจากการทำความสะอาจเจ้าน้องหนูนี่ได้ไง พูดตรงๆ ก็คือถ้าหากการทำงานของระบบร่างกายคนไข้ไม่ปกติขึ้นมา ส่วนที่ไวต่อความรู้สึกอย่างส่วนนี้ก็จะไม่สู้มือผมหรอก แต่ของคุณชายเนี่ย กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง (?) ก็ต้องยอมรับว่าเขายังคงฟิตเปรี๊ยะปกติดีอยู่ ... น่าทึ่งใช่ไหมล่ะครับ ... :hao6: ชำระร่างกายให้เขาสะอาดทุกส่วนดีแล้ว ก็ถึงเวลาทาโลชั่น แล้วก็ต้องใส่เสื้อผ้าให้เขาครับ “ เดี๋ยวผมสั่งชุดคนไข้มาให้ใหม่เอาไหมครับ เอาลายหมีเป็นไง ?” จริงๆ ที่ผมอยากสั่งชุดใหม่ก็เพราะผมเบื่อชุดคนไข้สีเขียวอื๋อนี่เต็มที เปลี่ยนบรรยากาศบ้างอะไรบ้างผมจะได้ไม่เบื่อไง อีกอย่างนึง ... ผมชอบหมีนี่นา เพราะงั้นถ้าคุณชายใส่ชุดลายหมี ก็คงช่วยเพิ่มคะแนนจิตพิศวาสได้นิดหน่อยล่ะมั้ง พอทำทุกอย่างให้เขาเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาของตัวผมเองบ้าง ผมจัดการกิจวัตรตัวเองไป อ่านหนังสือดูหนังไปตามประสา ใช้เวลาช้อปปิ้งผ่านอินเตอร์เน็ตบ้าง แล้วก็ตั้งเวลาปลุกทุกสองชั่วโมงให้ตื่นขึ้นมาพลิกตัวให้ มันออกจะยากหน่อยในช่วงแรกๆ แต่พอทำๆ ไปผมก็ชิน จริงๆ แล้วพอนานวันไป ผมก็ไม่ได้รู้สึกท้อแท้ที่จะดูแลคุณชายเหมือนที่เคยรู้สึกแล้ว แต่ผมกลับรู้สึกสงสารและเห็นใจเขามากกว่าเดิม เพราะอย่างน้อยตัวผมก็ยังมีเพื่อนที่คอยเป็นห่วงเป็นใยและคอยช่วยเหลืออยู่ แต่สำหรับอีกฝ่ายนั้น ผมรู้สึกว่าเขาไม่มีใครเลยสักคน ดูจากญาติเขาก็ได้ แล้วไม่ต้องไปถามถึงน้องเชอร์รี่นะ เห้อ ... ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ ถ้าเขาจะไม่มีกำลังใจตื่นขึ้นมามันก็ไม่แปลก เพราะผมเองก็เข้าใจดีว่าการมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวโดยไร้จุดหมายมันทรมาน แต่ผมก็ยังคงหวังอยู่ดี ว่าวันนึงเขาจะสามารถก้าวข้ามความทุกข์ที่กักขังเขาไว้ออกมา เพื่อพบกับสิ่งดีๆภายนอกได้ โลกนี้ยังมีอะไรดีๆอีกมากมายที่รออยู่ ถ้าแค่จะลองค้นหามันดูเท่านั้น ถ้าแค่เขากล้าที่จะก้าวข้ามความทุกข์ทั้งหลายออกมาได้ด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าเขาต้องพบกับความสุขที่ผมเฝ้ารออยู่แน่ๆ (มีต่อค่ะ)
. . ผมแทบจะลืมวันลืมเดือนไปเสียสนิทตั้งแต่รับดูแลคุณชายขี้เซามาหลายเดือน อย่างวันนี้ผมก็ทำอะไรให้เขาตามปกติเหมือนเคย แต่แล้วก็ฉุกใจนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เมื่อสายตาเหลือบมองไปที่ปฏิทินที่แขวนไว้อยู่ข้างกำแพง 24 ธันวาคม xxxx วันนี้เป็นวันคริสมาสต์อีฟ ไม่อยากเชื่อว่าผมจะลืมวันลืมปีได้ขนาดนี้ ถึงว่าคนรอบข้างดูครื้นเครงแปลกๆ แล้วผมล่ะ .... :hao5: คิดแล้วเซ็งเปล่าๆ ขณะที่คิดไปเรื่อยเปื่อย สายตาก็มองไปที่คุณชายด้วย จริงสิ ปกติแล้วคุณชายจะฉลองในเทศกาลต่างๆ บ้างหรือเปล่านะ ? คนเราก็ต้องมีฉลองอะไรบ้างล่ะเนอะ เช่นวันเกิดเป็นต้น เอ ... ถ้าจำไม่ผิด จากประวัติที่เคยเห็น ผมคุ้นๆ ว่าคุณชายเกิดแถวๆ เดือนนี้นะ และเพื่อความแน่ใจ ผมจึงเดินไปหยิบใบขับขี่ออกจากกระเป๋าเงินเขาที่ผมเก็บไว้ออกมาตรวจดู “ วันเดือนปีเกิด ... 25 ธันวาคม xxxx” งั้นก็อีกไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงวันเกิดเขาแล้วจริงๆ น่ะสิ อย่างงี้ก็ถือโอกาสฉลองให้เขาหน่อยเป็นไง ? ไหนๆ ก็หลับมาหลายเดือนโดยไม่ได้สังสรรค์ใดๆ อยู่แล้วนี่ ดีไหมครับคุณชาย ? “ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็วันเกิดแล้วนะครับ มาฉลองวันเกิดคุณกันไหม ?” ผมเอ่ยกับเขาอย่างยิ้มๆ ก็วันนี้มันเป็นวันดีนี่นะ “ วันเกิดก็ต้องมีเค้กสินะครับ ? ว้า ดึกป่านนี้แล้วผมจะไปหาซื้อจากไหนดีล่ะ ตามร้านสะดวกซื้อจะมีไหมน้า งั้นเดี๋ยวผมมานะครับคุณชาย” เอ่ยก่อนจะเดินไปสตาร์ทเจ้ามอไซค์ที่จอดอยู่ที่โรงจอด รีบตรงดิ่งไปหาเซเว่นที่อยู่ใกล้ๆ เดินหาอยู่แต่ก็ไม่ยักกะเจอเค้กที่ขายเป็นก้อนๆ แวะตามร้านอื่นๆ อีกหลายร้านก็ไม่เจอ เจอแต่ที่ขายแบบตัดแยกเป็นชิ้นๆ ทั้งนั้น แล้วอีกไม่ถึงชั่วโมงก็เที่ยงคืนแล้วด้วย ผมจะบึ่งมอไซค์ไปหาได้ทันไหมเนี่ย ? ในที่สุดร้านสุดท้ายที่ตั้งใจจะแวะ ผมก็เจอเจ้าเค้กก้อนเล็กๆ เท่าสองฝ่ามือที่ยังไม่ตัดแบ่งจนได้ ถึงจะเล็กไปหน่อยแต่ก็ยังพอแก้ขัดได้อยู่ ผมซื้ออะไรอย่างอื่นอีกหลายอย่างเพื่อเอาไว้ฉลอง แม้มันออกจะฉุกละหุก แต่คุณชายคงจะดีใจที่ได้ฉลองวันเกิดโดยเฉพาะ ไม่ใช่ฉลองคริสต์มาสต์อย่างเดียว ก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเองหลังจากก้าวขาออกจากร้านค้า อีกแค่ยี่สิบนาทีก็จะเที่ยงคืนแล้ว ผมจึงรีบบึ่งรถกลับบ้านทันที รู้สึกเสียวหน่อยๆ ว่าอาจจะกลับไปไม่ทัน แต่ผมก็สามารถกลับมาถึงที่พักก่อนเที่ยงคืนเกือบสิบนาทีจนได้ ฮู่วววว โล่งอกไป ... ‘ ตรู๊ดๆๆๆๆๆ’ ระหว่างที่กำลังจะหยิบกุญแจไขประตูเข้าบ้าน เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นทิมที่โทรเข้ามา ผมจึงใช้หูหนีบโทรศัพท์ไว้กับไหล่ แล้วเสียบกุญแจเพื่อไขประตูเข้าบ้านไปด้วย “ ฮัลโหล ว่าไง ??” ‘ ฮาาาาาโหลลลลลลไอ้ หมออออ จิ๊บบบบบ เหรอออออออ’ เสียงอย่างนี้มันคงเมาแล้วโทรมากวนอีกตามเคย เห้อ หมอนี่ก็เป็นอย่างนี้ เมาทีไรก็ชอบโทรมั่ว แล้ววันนี้คริสต์มาสต์อีฟด้วย เชื่อเถอะว่ามันเมาอย่างช้ำใจคนเดียวเพราะหาคนฉลองด้วยไม่ได้ ทุ้ย ( อย่างกับว่าผมดีกว่าเขานักล่ะ T^T) อย่ามาบ่นทีหลังนะว่าค่าโทรศัพท์ขึ้นทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้โทร แต่ไม่ทันที่ผมจะพูดบ่นอะไรตอบ ผมก็ต้องแปลกใจกับประตูห้องตัวเองที่มัน ไม่ได้ล๊อค ! ผมว่าก่อนออกมา ผมล๊อคเรียบร้อยแล้วนะ ... แล้ว .. นี่มัน ... รอยงัดนี่หว่า !!!! “ เวรเอ๊ย ใครกันวะ !!!!” ผมสบถคำด่าออกมาด้วยความโมโห จริงๆ ทิมก็เคยเตือนอยู่เหมือนกัน ว่าตึกที่ผมอยู่มันไม่ค่อยปลอดภัยนักเพราะไม่มีรปภ . เฝ้าตึกเหมือนที่อื่น แล้วห้องผมก็ดันอยู่ชั้นล่างๆ ด้วยเลยยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ แต่จะทำไงได้ในเมื่อที่นี่มันค่อนข้างใกล้โรงพยาบาล แล้วค่าเช่าก็ไม่ได้แพงหูฉี่ ผมเลยอยู่ๆ ไปโดยไม่คิดอะไรมาก ใครจะรู้ล่ะว่าอยู่มาวันนึงห้องผมจะโดนงัดจริงๆ อย่างนี้ รีบจัดการผลักประตูเปิดเข้าไปอย่างแรงทันที ใครบังอาจมางัดประตูบ้านผมมันต้องเจอดีแน่ !! “ เห้ยใครวะ !!” เมื่อประตูเปิดออก ผมก็เห็นไอ้โม่งคนนึงกำลังค้นข้าวของในบ้านอยู่ เจ้านั่นทำท่าทางตกใจสุดๆ ที่เห็นผม ผมจึงถือโอกาสที่เจ้าโจรมันตกใจ เดินเข้าไปใช้โทรศัพท์ตบหัวมันทันทีดัง ป๊าบบบบ !!! “ ค่าซ่อมประตูมันแพงนะเฟ้ย !!!” ตะโกนด่าต่ออย่างเหลืออด เห็นผมใจดีอย่างนี้ผมก็สู้นะครับ ก็ทำไมต้องเป็นห้องผมด้วยอ่ะ ห้องอื่นก็มีให้งัดไม่งัด มางัดห้องผมเนี่ยนะ หงุดหงิดนะเนี่ย !!! (มีต่อค่ะ)
. . “ ไอ้ * ปี๊บบบบ * เก่งนักเหรอฮะ !?” ท่าทางโจรนั่นจะไม่พอใจผมขึ้นมาซะแล้ว แต่ผมควรจะเป็นฝ่ายไม่พอใจมากกว่าไม่ใช่เหรอไง เห้ย !!! มันหยิบมีดขึ้นมาด้วยครับ !!! ผมรีบทิ้งถุงของและมือถือเพื่อไปยื้อแย่งมีดออกมาจากมือโจรทันที !!! “ เห้ยปล่อยสิวะ !!” ไอ้โจรหน้าด้าน ยังมีหน้าพูด “ ปล่อยก็โง่ดิวะนี่บ้านตูนะโว้ย !!” ยื้อแย่งมีดกันไปมา ไอ้โจรนี่มันแรงเยอะใช่เล่นเลยครับ ยิ่งช่วงนี้ร่างกายผมยิ่งอ่อนแออยู่ด้วย รู้สึกเสียเปรียบเป็นบ้า แย่งกันอยู่นานจนข้าวของรอบๆ ตัวผมหล่นกระจัดกระจายเต็มไปหมด ของใช้ตกลงมาแตกเกลื่อน แทบไม่เหลือเค้าห้องอันแสนสงบสุขเลยให้ตาย บ้าจริง !! ระหว่างที่ผมเลินเล่อไปแค่เสี้ยววิ ผมก็รู้ตัวว่ามีดมันไม่ได้อยู่ที่มือผมหรือที่โจรอีกต่อไป ... แต่มันปักอยู่ที่ขาผม !! “ เชี่ยเอ๊ย !!!” ผมคว้าเอาคอของไอ้โม่งมาล๊อคไว้อย่างเหลืออด แล้วดึงผ้าคลุมหัวมันออก หน้าไอ้โม่งนี่เด็กกว่าที่คิด โธ่ ... ยังเด็กแท้ๆริอาจเป็นโจร แต่ก็ประมาทเด็กไม่ได้ครับ เพราะหมอนี่ฉลาดใช่เล่น มันรีบคว้าเอามีดที่ปักอยู่ที่ขาผมไว้ แล้วจับบิดซะงั้นอ่ะ !!! “ อ๊ากกกกกก” รู้สึกเจ็บจนต้องร้องเสียงหลง ร่างผมทรุดลงทันที เส้นเลือดตามขมับเริ่มเต้นตุบๆ ด้วยความเครียด เหงื่อก็เริ่มแตกพลั่ก ผมว่าผมกำลังเจอวิกฤติขั้นร้ายแรงอยู่นะเนี่ย “ เก่งนักใช่ไหม ??” โจรนั่นมันว่า แล้วก็ถลาตัวเข้ามาต่อยหน้าผมเต็มๆ !! มีเหรอที่คนอย่างหมอจิ๊บจะยอม ผมรีบยื่นมือคว้าเอาคอโจรเอาไว้เต็มแรง อย่างน้อยต้องให้เนื้อมันติดเล็บผมออกมามั่งสิน่า “ อุก !!!” แต่ดูเหมือนว่าโจรเด็กนั่นมันจะถือไพ่เหนือกว่าครับ มันต่อยเข้าท้องผมอีกแล้ว แย่กว่านั้น มันยังดึงมีดออกจากขาผม แล้วถือโอกาสที่ผมกำลังเจ็บแผล แทงมาที่ท้อง !! “ อ๊ากกกกกกกกกก” ไอ้ HERE เอ๊ยยยยย !!! ไอ้เด็กเวรตระไล !!! ไอ้ลูกพ่อแม่ไม่สั่งสอน !!! นี่มันวันซวยอะไรกันวะ ตอนนี้ผมต้องการยาชาอย่างแรงครับ !!! “ ฮ่าๆๆๆไงล่ะยังจะเก่งอยู่ไหม ?” ผมแสยะยิ้มเป็นเชิงตอบว่า แน่นอนสิ ... ท่าทาง ... ไอ้โจรเด็กมันจะหมั่นไส้ผมเอามากๆ เลยทำท่าจะเข้ามาดึงมีดออก แต่ถ้าเอาออกผมก็ตายสิครับ ... ผมเลยพยายามยื้อไว้สุดแรง คิดไม่ออกแล้วว่าผมจะเอาตัวรอดพ้นวิกฤตินี่ได้ยังไง โครม !!!!!! !!!!???? ไม่รู้ว่าเสียงอะไรดังออกมาจากด้านในห้อง แต่มันก็เป็นเสียงที่เรียกความสนใจโจรได้ ผมเลยคว้าเอาเศษแก้วเล็กๆที่อยู่ใกล้มือที่สุดทิ่มไปที่คอมันหนึ่งที !? “ หึแผลแค่นี้จะทำอะไรกูได้วะ” ว่าแล้วมันก็ดึงเอาเศษแก้วออกครับ เสร็จผมล่ะ โจรมันคงคิดไม่ถึงว่าแผลเล็กๆ จะทำอะไรมันได้ แต่ที่คอน่ะมันสถานที่รวมเส้นเลือดเลยนะคร๊าบบ เลือดไหลหมดตัวก็ตายได้นะเอ้อ บอกแล้ว ( ด้วยสายตา ) ไม่เชื่อว่าผมเก่ง ไม่ใช่กระจอกๆ แต่ไม่ต้องห่วง ยังไงผมก็ยังมีความปราณีให้เศษแก้วมันทิ่มเฉียดเส้นเลือดใหญ่ไปนิดๆ ( ถ้าผมเล็งไม่พลาดน่ะนะ ) กะว่าให้เลือดมันค่อยๆไหลออกมาดีกว่า หรือไม่ค่อยหว่า ... เพราะเจ้าโจรมันเริ่มหน้าซีดแล้ว นั่นไง ไม่ทันไรเลือดก็ไหลทะลักออกมาเรื่อยๆ แล้วครับ ไม่รีบห้ามเลือดนี่ได้ตายจริงๆ นะ เอ้า !! ทรุดจนได้เห็นมั้ยล่ะ “ หมดแรงล่ะสิ ขอเตือนว่าให้อยู่เฉยๆ และอุดแผลไว้ดีกว่า ก่อนที่เลือดจะไหลหมดตัว ไม่เกินสองนาทีนายได้ลาโลกแน่” น้ำเสียงผมเริ่มแหบพร่า อันที่จริงผมก็ช่างไม่ดูตัวเองด้วยเหมือนกัน เพราะแผลที่ขาและที่ท้องนี่ ... อย่าพูดถึงมันเลยครับ เดี๋ยวจะเสียกำลังใจและเสียเวลาเปล่าๆ เพราะตอนนี้ผมมีอย่างอื่นสำคัญกว่าที่ต้องทำ ผมพยายามใช้แรงเฮือกสุดท้าย ดันตัวลุกขึ้น แล้วลากสังขารเน่าๆไปยังห้องนอนด้านในที่เสียงโครมเมื่อครู่ดังออกมา ถ้าผมคาดไม่ผิด เสียงนั่น ดังมาจากแถวเตียงของคุณชายแน่ๆ “คุณชาย ... ไม่นอนบนเตียงล่ะครับ ??” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นร่างของคนที่ผมอยากให้ตื่นที่สุดนอนกองอยู่ที่พื้น แขนผมเท้าไว้อยู่ตรงขอบประตู ตอนนี้สติผมเริ่มจะติดๆ ดับๆ แล้ว และก่อนที่ผมจะวูบไป ผมก็ฝืนตัวเองเพื่อเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้ง อีกแค่นิดเดียวก็จะถึงตัวเขาอยู่แล้วเชียว “ บ้าจริง ...” มันน่าหงุดหงิดเป็นบ้า ที่ไม่สามารถบังคับร่างกายตัวเองได้ดั่งใจ ร่างผมทรุดลงห่างจากร่างเขาไม่ถึงเมตร แต่ความหงุดหงิดของผมมันก็หายเป็นปลิดทิ้ง เมื่อสายตาเหลือบไปมองเห็นคุณชายกำลัง ' ลืมตา ' มองผมอยู่ !! “ ฮะๆๆๆๆ” อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความดีใจ ถึงจะเลยเที่ยงคืนมานิดหน่อย แต่เขาก็ตื่นขึ้นมาฉลองวันเกิดทันพอดีเลยนะ ผมเห็นเขาพยายามจะขยับตัวมาทางนี้ด้วย แต่การนอนหลับไปหลายเดือน คงทำให้เขาขยับเขยื้อนร่างกายได้ยาก หวังว่าเขาจะตั้งใจทำกายภาพนะหลังจากนี้ “สุขสันต์วันเกิดนะครับ คุณชาย” ผมเอ่ยคำพูดสุดท้ายกับคุณชายที่นอนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก่อนที่ทุกอย่างจะดับมืดลงเหมือนใครมาปิดไฟยังไงอย่างนั้น มันคงจะได้เวลานอนสำหรับผมบ้างแล้วล่ะมั้ง หลังจากที่รู้สึกว่าไม่ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่มมานาน ยังไงก็ช่วยอวยพรให้ผมฝันดีด้วยนะครับคุณชาย ... . . -จบตอนที่ 8- ____Talk: ตื่นแล้วค่า ในที่สุดคุณชายก็ตื่นแล้วว โฮฮฮฮ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ในตอนที่แล้วม๊ากมากเลยนะคะ ตอนนี้ก็ฝากด้วยนะคะ อยากเห็นคอมเม้นต์พุ่งๆบ้างไรบ้าง 5555 ถือว่าเป็นสินน้ำใจที่คนเขียนมาลงต่อเร็วละกันน้าาา >___< เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^^ ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
:z3: เห้ยยยยยย คุณชายคะ ช่วยหมอจิ้บด้วยค่ะ. ฮรือออออ. :mew6: คนเขียนอย่าปล่อยให้ค้างนานนะคะ
เดี๋ยวววววววววววววววว. ตกใจนะเนี่ย หมอจะเป็นไรมั้ยยยย :serius2:
หมออออออออ อย่าพึ่งเป็นอะไรนะ คุณชายลุกขึ้นมาก่อน โฮววววว หมอโคตรเท่เลยอ่ะ
เห้ยยยย หมอออย่าเปนไรน๊าาา :ling1:
เรื่องแนวนี้เพิ่งเคยอ่านนน. คือดีงาม เขียนได้ดีจ้าาาทาา
โหวว~ นี่มันซุปเปอร์ (แมน) จิ๊บนี่นา ตัวเล็กแค่นี้แต่สู้ยิบตาจริงๆเลยค่ะหมอจิ๊บ แถมยังเป็นห่วงคุณชายมาเป็นอันดับหนึ่งอีกด้วย นับถือน้ำใจหมอจิ๊บมากเลย… อย่าเป็นอะไรไปนะค้าหมอจิ๊บ~
ตื่นแล้วววววววววววววววววววว
จะตายแล้วยังตลกอีกนะหมอจิ๊บ คุณชายเพิ่งฟื้น ยังไม่ทันกายภาพ แล้วใครจะดูแลหมอล่ะ โจรนี่ก็ไม่เลือกวันขึ้นเลยนะ ฉลองคริสต์มาสหรืออย่างไร อย่าบอกว่านับถือพุทธ ศีลห้ายังรักษาไม่ครบ หลังจากหายแล้วเขาจะอยู่ด้วยกันยังไงน้าาาา????? :mew2:
ตื่นมาเจอฉาก ระทึกพอดี คุณชายตั้งสติทันไหมเนี่ยะ
ใครก็ได็ช่วยด้วย หมอจิ๊บแย่แล้ว!!!!!!
พอคนนึงฟื้นอีกคนก็ เฮ้อออออออ
คุณชายตื่นแล้วดีใจจัง แต่หมอจิ๊บกำลังจะแย่ใครก็ได้มาช่วยหมอจิ๊บเร็วๆเข้า
หมอออ อย่าเป็นอะไรนะ ดีใจที่คุณชายฟื้นแล้ว
คุณชายเป็นห่วงหมอจิ๊บ่ไหมมมมมมมถึงตื่นมาแล้ว ดีใจจจ
อิอิ คุณชายตื่นแล้ว ดีใจ :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: มาต่อตอนใหม่เร็วๆน้าาาาา รออยู่จ้า
มาต่อเร็วๆน้า จะได้เป็นแฟนคลับซะที คริๆ
ตื่นมาปุ๊บคุณชายก็เจอเรื่องปั๊บเลย คราวนี้ป่วยด้วยกันทั้งคู่คุณชายต้องกายภาพบำบัดเองแล้วล่ะนะ
คุณชายตื่นแล้ววววว แต่คุณหมออย่าเพิ่งเป็นไรนะ! แล้วใครจะโทรเรียกคนมาช่วยได้ล่ะเนี่ยยย
เห้ยยยยยยยยย ตื่นฃแล้ววววววววววว
รอตอนต่อไปปปปปปปปป :katai1: :katai1: :katai1: :katai1: :katai1:
:dont2: หมอทิมรีบมาน้า
รอๆ
อ๋าาาาาาาาาาาาาาาา คุณชายฟื้น แต่คุณหมอ โดนโจรแทง ไอ้โจรแทงหมอทำม๊ายยยยยยย หมออย่าเป็นอะไรน๊าาาาาาา คุณชายเขาฟื้นแล้วนะ
เราาาาาา ปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปได้ยังไงงงงงงงงงงง คุณชาย หมอจิ๊บน่ารักมากกกก รอตอนต่อไปน้าาาา
ตอนที่ 9 “ อยากจูบ คุณหมอ ...” “ หืมม ?? เอาสิ ” “ ไม่ใช่โว้ย ... ไอ้หมอเวรนี่หนิ” พลั่กกก ตุบบบ !! (......) “ ใครจะไป อยากจูบคุณกันหา ! ผมหมายถึงคนไข้คนนั้นเค้าพูดอย่างนี้ต่างหาก หมอบัดซบเอ๊ย ไม่น่าเล่าให้ฟังเล้ย ... ขากก ... ทุ้ย” “ อูยย ... แค่เข้าใจผิดหน่อยเดียวไม่เห็นต้องต่อยกันเลยนี่นา ตัวแค่เนี้ยแรงเยอะจังนะ เดี๋ยวพ่อก็จับป ...” “ จับอะไร !” “ จับตัวเองใส่ห้องขังเลย ... เนี่ยดันเข้าใจผิดว่าอยากจูบกันซะได้ โอ๊ย อ่ะๆ ยื่นมือให้ใส่กุญแจมือละคร๊าบบบ” (......) บทสนทนาแปลกๆที่ผมได้ยิน ทำให้ผมตื่นขึ้นจากภวังค์ ถ้าจำไม่ผิดเสียงคนที่พึ่งพูดกันอยู่นั่นมันคุ้นมาก มันเหมือนจะเป็นเสียงเพื่อนสนิทผมคนนึง ที่ชื่อ ทิม กับใครสักคน ที่ผมยังนึกไม่ออก ... ผมค่อยๆ ปรือตามองไปรอบๆ บรรยากาศและกลิ่นนี้มันก็คุ้นมากอีกเช่นกัน ท่าทางตอนนี้ผมคงจะอยู่ในโรงพยาบาล ก็กลิ่นยาคลุ้งแบบนี้ก็มีอยู่ที่เดียวนี่นา “ อูยยยย ...” ความรู้สึกเจ็บที่ท้องและที่ขาทำให้ผมเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้นิดหน่อย นี่ผมก็คงนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยสินะ แล้วนั่น ... เห็นหน้าทะเล้นอย่างพยายามแทะโลมคนอื่นแล้วหงุดหงิดโว้ย !!! โป๊กกกกก !!! เป็นเสียงรีโมทที่ผมคว้าได้ ถูกเขวี้ยงไปกระทบเข้ากับหัวของไอ้หมอบ้าๆ คนหนึ่งอย่างจัง หึ ... แม่นเหมือนกันนะเนี่ย “ โอ๊ยยยยยยย !!! ไอ้ * ปี๊บบบบบ * ใครเขวี้ยงอะไรมาวะ !!!” แล้ว ไอ้หมอบ้าๆ คนนั้นก็เริ่มโวยวายครับ ซึ่ง ในที่สุดเขาก็หันมาทางผมที่กำลังมองไปทางนั้นอย่างอารมณ์เสีย “.........” “ อ้าว จิ๊บ ... ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่อ่า ......” “.........” และแล้วหมอนั่นเริ่มส่งยิ้มแหยๆ มาให้ผมครับ “ ก็ตั้งแต่ที่นายพยายามลวนลามน้องเขาแล้ว นี่ ห้องคนไข้นะโว้ยยยย ไม่เกรงใจน้องบุรุษพยาบาลก็ เกรงใจคนป่วยกันบ้าง ” ผมเอ่ยอย่างเหลืออด ไอ้ทิมมันเป็นหมอแท้ๆ แต่มาทำอะไรบัดสีบัดเถลิงในห้องคนไข้อย่างนี้เนี่ยนะ ?! ผมนี่ก็ด่าไม่ดูตัวเองเลยให้ตาย แล้วอีกคนก็เป็นบุรุษพยาบาลของโรงพยาบาลนะ! ! บ้าจริงเชียว จรรยาบรรแพทย์น่ะ มีมั่งมั้ย !! หา !!! “ เอ่อ คุณหมอจิรนันท์ครับ ขอโทษด้วยนะครับ ผม ... เอ่อ ...” และแล้วบุรุษพยาบาลหน้าเด็กคนนั้นเริ่มก้มหัวขอโทษขอโพยผมใหญ่ เอาเหอะ ผมไม่โทษเขาหรอก เห็นๆ อยู่ว่าใครเป็นผู้เสียหาย แล้วใครที่เป็นคนโฉด “ ไปขอโทษมันทำไม ไม่รู้เหรอว่าจิ๊บมันทำยิ่งกว่า ... ” โป๊กกกกกกก !!! คราวนี้เป็นนิตยสารเล่มบักเอ้บครับ มุมหนังสือก็ปักเข้ากับหัวหมอทิมเข้าพอดิบพอดี ช่วยไม่ได้ อยากพูดอะไรไม่เข้าท่าเองนี่นา “ อูย ... จะเขวี้ยงอะไรกันมานักหนา ! หัวคนเปล่าๆ นะโว้ย ไม่เห็นเหรอว่าไม่ได้ใส่หมวกกันน็อก” หมอทิมโวยวายครับ มือพลางลูบหัวหยอยๆ ไปด้วย “ หึ ... โดนหลายๆ ทีก็ดี เอาเลือดบ้าออกจากสมองบ้าง” ท่าทีสุภาพของน้องบุรุษพยาบาลเมื่อครู่หายวับเมื่อหันไปซ้ำเติมหมอทิม ” หนอย ... รวมหัวกันแกล้งนี่หว่า แล้วนาย ตื่นมาก็เฟี้ยวเลยนะ ถ้าไม่เห็ยว่า โดนแทงไปสองแผล อย่าคิดนะโว้ยว่าคนอย่างนายอาทิตย์จะปล่อยให้นายมีชีวิตรอด !! ” ทิมลงกับน้องบุรุษพยาบาลไม่ได้ก็หันมาแหวใส่ผมแทน แหม ... กลัวตายล่ะ แต่เดี๋ยว !? โดนแทง !!?? เมื่อได้ยิน ผมก็พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวอีกครั้ง มิน่าล่ะผมถึงเจ็บพุงกับขาเป็นบ้าเลย แล้วใครมันมาแทงผมวะ ถ้าจำไม่ผิด ผมว่าผมพึ่งสู้กับโจรที่งัดห้องผมไป แล้ว ... แล้ว … ?????? “ เห้ยๆ จิ๊บ ดูเบลอๆ นะ สมองไม่ได้กระทบกระเทือนสักหน่อย ... หรือว่าฉันต้องเอาเลือดบ้าออกจากสมองนายแทนเนี่ย ...” ทิม เอามือไม้มาโบกๆ อยู่หน้าผมที่กำลังนึกเรื่องราวต่างๆ อยู่ ตอนนี้ผมเริ่มจะนึกอะไรออกบ้างแล้ว ไม่อยากเถียงกลับให้เสียเวลา จึงเอ่ยถามไป “ เออ .. แล้วไหงฉันมาอยู่นี่ได้เนี่ย …” “ อ๋อ ก็บ้านนายโดนงัดไง ถ้าฉันไม่ได้ยินเสียงแปลกๆ จากโทรศัพท์แล้วรีบรุดไปดูนะ โหย ... บอกเลยว่านายไม่รอดแน่” “ ไม่จริงครับ ข้างบ้านคุณหมอเค้าได้ยินเสียงโครมครามเลยออกไปดู ก็เลยเห็นคุณหมอนอนจมกองเลือดเลยรีบพาส่งโรงพยาบาลน่ะครับ หมอทิมน่ะแค่ตามไปสมทบทีหลัง” “ แต่ถ้าไม่ได้ฉันช่วย ไอ้จิ๊บน่ะตายไปแล้วจริงๆ นะ จะชมกันหน่อยไม่ได้หรือไงฮึ” คนตัวโตทำแก้มป่องไม่เข้ากับหน้า แต่ก็ส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถอะ แต่ดีแล้วที่นายไม่เป็นอะไรมาก แล้วดีนะที่ไอโจรเด็กนั่นมันโดนจับไว้ได้ ” “ อ้อ .. .” ผมอยากจะขอบคุณทิมเหมือนกัน แต่ก็นึกอะไรได้อีกอย่าง “ แล้ว ... แล้ว ...” ผมพยายามจะเอ่ยถามถึงอีกคนนึงบ้าง ดูเหมือนหมอทิมเองก็พอจะรู้ว่าผมจะถามถึงใคร เขาเลยเอ่ยต่อทั้งๆ ที่ผมยังพูดไม่จบ “ แล้วคุณชายนั่นก็ถูกส่งมาโรงพยาบาลด้วยเหมือนกัน รู้สึกตัวแล้วแต่ยังขยับไม่ค่อยได้หรอก ป่านนี้ทำกายภาพบำบัดอยู่มั้ง ... ใช่ไหม ?” ทิม หันไปถามความเห็นบุรุษพยาบาลคนเดิม พอเพ่งมองดูดีๆ ผมก็เริ่มจะจำได้ตะหงิดๆ ว่าหนุ่มน้อยนี่ก็เป็นคนที่เคยดูแลคนไข้คนนึงคู่กับผมเหมือนกัน เพียง แต่ก่อนหน้านี้เขาย้อมผมสีทอง ตอนนี้กลายเป็นสีดำซะแล้ว “ เอ่อ ใช่ครับ ตื่นมาแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำกายภาพบำบัดใหญ่ ” คนตัวเล็ก เอ่ยตอบ ฟังแล้วก็น่าดีใจเหลือเกิน ที่เขามีไฟฟื้นฟูตัวเองขนาดนี้ “ แล้วนี่ ฉันหลับไปนานเท่าไหร่ ?” “ ก็แค่วันสองวัน ” ทิมทำน้ำเสียงยียวน เบะปากไม่พอ ทำสีหน้าเหมือนเหม็นเน่า “........” !!!! “ เห้ยๆ อย่านะโว้ย !!!!” หมอทิม ตะโกนอย่างตกใจ ก็คราวนี้ผมคว้าเอาแจกันมาเตรียมเขวี้ยงครับ ก็คิดว่าบางทีเขาอาจจะอยากลองความแม่นผมอีกสักทีนี่นา (มีต่อ)
. .“ คนแถวนี้ทำไมมันชอบความรุนแรงจังวะ ...” “........” ขี้เกียจพูดกับมันแล้วครับ หันไปถามบุรุษพยาบาลที่ยืนอยู่ด้วยแทนดีกว่า “ แล้ว ... คนไข้คนนั้นอาการดีขึ้นมากไหม ?” “ ก็ฟื้นตัวเร็วมากเลยครับ แต่ก็ยังเดินไม่ได้ คงต้องใช้เวลาสักพักน่ะครับ ” น้องบุรุษพยาบาลบอกกับผมอย่างสุภาพ “ งั้นเหรอ ...” “ เอ้อ แล้วเค้าก็ยังพูดอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ พูดแต่ ว่าอยากจูบคุณหมอ แบบเนี้ย ... ไม่รู้ฝังใจอะไรรึเปล่า ” “.........” ผมนิ่งไป ส่วนหมอทิมกลับทำปากแบบไม่ส่งเสียงว่า “ฝังชัวร์” ชิส์ ล้อได้ล้อไปนะ อย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน และแล้วพอผมพยายามจะลุกขึ้นปรับองศาเตียงสักหน่อยน้องบุรุษพยาบาลก็เอ่ยห้ามผมไว้ด้วยน้ำเสียงห่วงใย ไม่เสียแรงที่เคยทำงานร่วมกันมา ซาบซึ้งจริงๆ นะเนี่ย เมื่อเทียบกับหมออีกคนยิ่งโคตรจะซาบซึ้งอ่ะ “ อย่าเพิ่งครับคุณหมอ เดี๋ยวแผลเปิดนะ อยากทำอะไรเดี๋ยวผมช่วยเองครับ ” “ ขอบใจ แค่อยากลุกปรับเตียงอ่ะ มันนั่งไม่ถนัด ” “ งั้นผมจัดการให้เองครับ ” เขาช่วยปรับเตียงให้ผมอย่างดี มองไปมองมาเขาก็ดูน่ารักน่าชังไม่น้อย ไม่น่าโดนเจ้าทิมมันเล็งเลย ก็ดูตาหมอทิมสิมองตาเป็นมันเชียว ไม่บอกก็รู้ว่าคิดไม่ซื่อกับน้องเขา แต่ก็เรียกว่าจะมองก็คงไม่แปลก เพราะเด็กนี่น่ารักทีเดียวล่ะ ปากแดงเชียว ถึงจะดูดุๆ เป็นบางครั้ง แต่กับผมเขาก็สุภาพมาก และระหว่างที่ผมกำลังอิ่มเอมกับการมองหนุ่มน้อยนี่อยู่ ... “ ถ้ามีไรก็กดเรียกแล้วกันว่ะ ฉันไปดูคนไข้ต่อละ ไปเถอะ ให้จิ๊บมันพักผ่อนต่อดีกว่า ” หมอทิม ก็รีบเอ่ยแทรกแล้วลากบุรุษพยาบาลออกจากห้องไปทันทีเลยครับ ผมเลยได้แต่แยกเขี้ยวมองตามหลังหมอเถื่อนๆ นั่นไปอย่างอารมณ์เสีย อะไรกันวะ ขี้หวงเป็นบ้า !!! ________“ เห้อ ...” ผมนอนแกร่วอยู่ในโรงพยาบาลได้ประมาณอาทิตย์สองอาทิตย์ ก็เริ่มกลับมาทำงานต่อ ไฟแรงมากครับ ถึงจะยังเจ็บแผลอยู่แต่ก็พอทนไหว แล้วระหว่างที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ย ผมก็ได้ยินข่าว คาว คราวต่างๆ เกี่ยวกับคนไข้ที่ผมเคยดูแลมาตลอดหลายเดือน “ เธอ ตกลวคุณชาย เค้าย้ายไปอยู่ห้องวีไอพีแล้วนะ ตกลงศาลยกฟ้องหรืออะไรเนี่ย !!” “ หา !! ไหนตอนแรกเธอบอกว่าคุณชายถังแตกไง ไหงตอนนี้ ...” “ ก็นั่นน่ะสิ เห็นว่าได้ทนายดีน่ะ” (......) “ นี่ๆ ได้ข่าวว่ายัยเชอร์รี่ไปขอคืนดี คุณชายด้วย ตอนนี้ยัยนั่นตามดูแลไม่ห่างเลยนะ ” (......) อะไรกัน พอศาลยกฟ้องก็ไปรีเทิร์นเลยรึ ? ไม่ได้เป็นคนล้มละลายแล้วหรือไง หรือว่าที่ผ่านมาเป็นแค่เรื่องที่คนในโรงพยาบาลฝันไปวะ แล้วก็อีกสารพัดข่าวที่ลือกันให้ว่อนครับช่างเป็นคนดังแห่งโรงพยาบาลจริงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เป็นผมคงปวดหัวตุบ แต่ผ่านมาสองอาทิตย์ ผมยอมรับว่าผมยังไม่ได้ไปดูอาการคนไข้คนนั้นแบบเจอจังๆสักครั้งเลย ไม่รู้สิครับ รู้สึกแปลกๆและปอดๆ ขึ้นมาตะหงิดๆ ยังไงก็ไม่รู้ ที่ผมทำก็แค่แอบไปย่องๆ ไปส่องๆ แถวที่ทำกายภาพบำบัดคนไข้ฝึกเดินอยู่บ้างแค่นั่น ดูท่าทางแล้ว เขา ก็ดูจะตั้งใจฝึกดีเหมือนกัน เห็นแล้วก็... อืม ... น่าภูมิใจล่ะมั้ง ไปแอบมองเขาได้แค่ครั้งสองครั้ง ผมก็เลิกเป็นห่วงเขาอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพราะเขาเดินได้แล้วหรอกนะครับ แต่เพราะพยาบาลสาวที่อยู่ข้างๆ เขาต่างหาก จากแรกๆ มีแค่เชอร์รี่คนเดียว ตอนนี้ก็มีจำนวนเพิ่มมาราวกับอะมีบ้าแตกตัว ทำให้ผมเห็นว่าเขาได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยมจนมันต้องล้นแน่ๆ ผมเลยคิดว่าไม่ต้องไปเกะกะก็ได้มั้ง อีกอย่าง... ผมมี ลางสังหรณ์ แปลกๆด้วย ว่าถ้าผมเผชิญหน้ากับเขาอย่างจังๆ เมื่อไหร่ เรื่องร้ายๆ จะเกิดขึ้น ! แล้วลางสังหรณ์ผมก็ไม่เคยผิดเลยด้วยนะ คือผมทำเขาไว้เยอะ... กลัวกรรมตามทันคงไม่ผิดใช่ไหม ?? (มีต่อ)
. .“ อ้าวจิ๊บ ไปกินข้าวกลางวันกัน ” ทิม เอ่ยชวนขึ้นระหว่างที่ผมกำลังคิดอะไรไปเพลินๆ ผมไม่รอช้ารีบเก็บข้าวของเดินไปห้องอาหารของโรงพยาบาลกับหมอทิมอย่างอารมณ์ดี รู้สึกมีความสุขเป็นบ้าที่ตอนนี้ผมสามารถกินข้าวกลางวันได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องรีบบึ่งมอ ' ไซค์กลับบ้านเหมือนเคย และมันเกือบจะดีมากอยู่แล้วเชียว ถ้าไอ้หมอทิมไม่ชวนผมแวะสถานที่ฝึกเดินของคนไข้กายภาพบำบัด เพื่อไปรับบุรุษพยาบาลตัวเล็กคนนั้นเข้าเสียก่อน ... ก็มันทำให้ผมดันเจออดีตคนไข้ที่เคยดูแล ที่มาฝึกเดินเหมือนกันอย่างเฉียดๆ ด้วยน่ะสิ ขนาดผมพยายามยืนหลบรออยู่ไกลๆ แล้ว แต่ไอ้สายตาที่ดูมุ่งร้ายสุดๆมันก็ยังเพ่งมองมาเจอผมเข้าจนได้ โอ้ววว!! แล้วนั่น ... เขากำลังจับราวพยายามเดินมาทางนี้ด้วยครับ !! อ้ะ ! ล้มจนได้ ... ทำหน้าตาเหมือนจะร้องไห้เสียด้วย หึหึหึ ... เอาน่า เชอร์รี่ก็ ไปช่วยพยุงแล้วไง หนอย ... เอ๊ย ดีจัง ผมก็เลย รอดตัวไป “ ปะ ” หลังจากที่ทิมมันไปลากบุรุษพยาบาลสำเร็จ ให้เดาก็คงจะใช้ผมเป็นข้ออ้าง พวกผมได้ฤกษ์กินแล้วล่ะครับ งั้นผมก็คงต้อง บ๊ายๆ นะครับคุณชาย ผมยิ้มพลางโบกมือหยอยๆ ให้คนที่ฝึกเดินอยู่ไกลๆตรงโน้นอย่างเห็นใจ เอ... นี่เขาทำท่าเหมือนอยากจะร้องไห้มากกว่าเดิมรึเปล่า ? ไม่หรอกเนอะ ยังไงก็สู้ต่อไปนะครับคุณคนไข้ นาทีนี้ผมขอตัวไปทานอาหารก่อนล่ะ หึหึหึ ... ระหว่างที่ทานข้าวกันสามคน หมอทิม กับน้องบุรุษพยาบาลก็เริ่มถามผมเรื่องคุณชายขึ้นมา ผมอุตสาห์ทำเป็นไม่พูดไม่เอ่ยถึงแล้วเชียวนะ ฮึ้ยยยยย ขัดใจ๊ !!! “ จิ๊บ จะว่าไปฉันยังไม่เห็นนายไปเยี่ยมไอ้คุณชายเลยนะ ” “ หืม ไปมาแล้วเว้ย ฮ่าๆๆๆ ” ( โกหกอีกแล้ว ... จริงๆ ผมยังไม่เคยไปเยี่ยมเขาตรงๆ เลยอ่ะ ) “ เอ้อ พักนี้คนไข้คนนั้นดูท่าจะพยายามไล่พวกพยาบาลออกไปด้วยแหล่ะครับ บอกว่าอยากให้คุณหมอมาดูแลมากกว่า ” ไม่รู้ว่าหมายถึงหมอคนไหนนะครับ ... “ อืม อาจจะไม่ไว้ใจพยาบาลมั้ง ยังกับแร้งรุมทึ้ง ” ทิมเอ่ยเสริม (......) “ นายเหอะจิ๊บ ดูแลมาตั้งนาน ไปแสดงตัวเป็นผู้มีพระคุณซะสิ ฃ เผื่อว่าเรื่องที่ผ่านๆ มาคุณชายจะไม่เอาเรื่อง ฮ่าๆๆๆๆๆ” (......) ไปแสดงตัวกับผีสิ !! เจ้าบ้า ยิ่งแสดงตัวก็ยิ่งโดนเอาเรื่องสิฟะ ของอย่างงี้ ต้องหนีลูกเดียวเฟ้ย !!! ผมรีบยัดข้าวใส่ปาก แล้วเดินกลับห้องทำงานทันทีโดยไม่เสวนาต่อเลยครับ เดี๋ยวคดีจะโผล่ออกมาไม่รู้ตัว ฮือ ... ลางสังหรณ์ไม่ค่อยจะดีเลย จริงๆ แล้วอาจจะเป็นเพราะผมเริ่มจะมีความละอายต่อบาปขึ้นมาล่ะมั้งครับ ก็แบบว่า... ผมไป ... เอ่อ ... ไป ... นั่นแหล่ะครับ ............ ผมเลยรู้สึกไม่ค่อยจะกล้าสู้หน้าเขาเท่าไหร่ แล้วที่สำคัญ ถ้าเกิดเขารู้ ( จะรู้ไหม ?) และนึกได้ขึ้นมาว่าผมเคยอะไรพวกนั้น (?) กับเขาเข้าล่ะก็ โอ้ววว... แค่คิดก็สยองแล้วครับ ไม่รู้ผมจะโดนเรียกร้องค่าเสียหายกี่ล้าน ก็เดี๋ยวนี้ข่าวคนไข้ฟ้องหมอออกจะเยอะ ขนาดช่วยรักษาให้ก็ยังจะฟ้อง ใครจะคาดเดาได้ล่ะครับ บางทีเขาที่คร่ำหวอดแห่งการขึ้นศาลอยู่แล้ว อาจจะอยากหาเรื่องขึ้นศาลอีกก็ได้ เพราะงั้น หลบหน้าเขาไว้ก็คงจะดีกว่า ผมไม่อยากเสียประวัติ ไม่อยากเสียตัง ไม่อยากชื่อเสียงป่นปี้ว่าไปกลั่นแกล้งอะไรคนไข้อ่ะครับ แต่แล้วไม่นาน คนไข้เจ้าทุกข์ผมก็เริ่มเดินเก่งขึ้นเรื่อยๆ แถมยังชอบถือไม้ค้ำเดินมาวอร์ดผมบ่อยๆ อย่าบอกนะว่าเขาจะมาทวงความยุติธรรมกับผมจริงๆ อ่ะ !? เห้ยยยย ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพวกหมอพวกพยาบาลที่ดูแลเขาอยู่ปล่อยให้ออกมาเดินเพ่นพ่านทั่วโรงพยาบาลได้ยังไง ทั้งๆ ที่ก็ยังเดินไม่คล่องแท้ๆ ทำให้ผมเนี่ยหลบหลีกแทบไม่ทัน ชิส์ไม่เข้าใจ อะไรมันจะอยากฟ้องผมขนาดนั้นห้ะ !! ดีนะที่ผมเคยเป็นนักวิ่งมาก่อน ทำให้ผมหนีรอดเจ้าทุกข์ไปได้ทุกครั้งอย่างหวุดหวิด !! ฮู่ววววว....... โล่งครับโล่ง แต่ผมก็กลัวเหมือนกันนะว่าถ้าเกิดวันนึงผมดันซวยเอามากๆ แบบว่าหนีเขาไม่ทันเนี่ย ผมจะต้องเจออะไรบ้าง ต้องชดใช้ค่าเสียหายเท่าไหร่ อะไรยังไงผมไม่เคยทำประกันชีวิตไว้ซะด้วยสิ ถ้าไปทำตอนนี้ประกันชีวิตจะจ่ายค่าเสียหายให้ผมแทนได้ป่ะ เอ้ะ ! อ้ากกกกกกก คิดแล้วก็เครียดครับเครียด !! พระเจ้าครับผมขออะไรอีกสักอย่างได้ไหมครับ ? ผมขอให้เวรกรรมมันไม่มีจริงในโลก ด้วยเถอะครับ หรือถ้ามันไม่ได้จริงๆ ผมก็ขอให้เวรกรรมมันตามผมไม่ทันก็ยังดีนะครับ . . -จบตอนที่ 9- ____Talk: จบไปอีกตอนแล้วค่า ขอบคุณสำหรับเม้นต์ตอนที่แล้วมากเลยนะคะ รู้สึกว่าหมอทิมกะหมอจิ๊บเนี่ย ก็สมกับเป็นเพื่อนกันดีนะคะ 5555 สงสารน้องบุรุษพยาบาลแปลกๆ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ อย่าลืมเม้นต์ให้กันน้าคะ ^^ ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
:ling1: คุณชายพยายามจะมาหาหมอจิ๊บด้วยอ่ะ อยากให้หมอใจกล้าๆไปหาคุณชายหน่อย อย่างน้อยยินดีที่ร่างกายแข็งแรงขึ้นอะไรก็ว่าไป :D ปอลิง เรายังแยกไม่ออกเลยว่าใครเคะ เมะ :a5:
หมอจิ๊บนี่นะ น่าตีจริง บางทีคุณชายอาจจะอยากขอบคุณก็ได้ ไปให้เขาเจอหน่อยน่าาา ตอดเล็กตอดน้อยมาตั้งนาน รอตอนต่อไปน้าาาา
ฉันเกลียกเรื่องนี้มากกกกกกกก ตะโกนดังมาก. มันลุ้นหนักมากกกกกกกกกก
เวรกรรมมันมีจริงรู้มั้ยหมอออ ไปจูบเขาไว้หลาบครั้งต้องโดนปล้ำคืน(?) อยากให้หมอก้บคุณชายไปเจอกันซ้าาาา ><
ดีใจๆในที่สุดก็รู้สึกตัวแล้วทั้งคู่
โอ้ยยย ป๊ะกันจังๆสักที~~ :katai1:
ถ้าคุณชายเจอหมอจังๆจะทำไงนะ มคุณชายจะจำได้ไหม ว่าหมอทำไรให้บ้าง
คือ ลุ้นว่าเมื่อไหรจะได้คุยกัน
หมอจิ๊บกลับมาก่อนค่ะ กลับม๊าาา… :sad4: อย่าเพิ่งคิดไปไกลขนาดสิค้าา~ คุณชายแค่อยากเจอหมอจิ๊บเอง แบบว่าคุณชายเขาจำรสจูบของหมอจิ๊บได้น่ะ อร๊ายย :-[ เอ๊~ หรือว่าอันที่จริงคุณชายแค่อยากได้หูหมีกันแน่น้าา…
หมอจิ๊บหนีไม่พ้นหรอกหึหึ. :hao6: เล่นเอาปากกาเพอมาเน้นเขียนหน้าเขาแบบนั้น. อยากจะรู้ว่าตอนคุณชายฟื้นแล้ส่องกระจกจะทำหน้ายังไง คนเขียนสู้ๆจ้ะ. คราวหน้าเราขอฟังปากคำของคุณชายบ้างนะคะ. ตอนฟื้นมาทำยังไงถึงไปถึงโรงพยาบาลได้แล้วที่มาตามหาเพราะอาฆาตหรือตกหลุมรักคุณหมอกันแน่
หมอชอบมโนมากกกก
เจอกันเมื่อไหร่สงสัยโดนกดจับจูบซะล่ะมั้ง คุณชายแกเพ้อว่าอยากจูบคุณหมอไม่ใช่เหรอ นั่นน่ะเป็นปรารณาส่วนลึกเลยมั้ง 55+
ตอนนี้ยาวดีจัง หมอจิ๊บยังคงเป็นคนตลก คุณชายหายเร็วๆนะจะได้ตามหมอจิ๊บทัน 55 เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
คุณหมอจิ๊บนี่ยังไง ดูแลคนไ้แล้วทิ้งกลางคันเหรอ ตอนป่วยก็ให้อภัยนะ เพราะถือว่าป่วย แต่ตอนนี้หายป่วยแล้ว หลบหน้าคุณชายทำไม :katai1: :katai1:
ค้างอะ มาต่อเร็วน่า
มาต่อเร็วๆน้าาาาาาาาา เรารออยู่
รอรอ
เอาอีกๆ
อยากจูบคุณหมอออออ หมอจิ๊บนี่หลบกันดีนักนะ ไปเยี่ยมคุณชายบ้างงงงง
ตอนที่ 10.1 “จิ๊บโว้ย ไปกินข้าวกัน ! ” วันนี้หมอทิมก็มาตามผมไปกินข้าวด้วยกันอีกแล้วครับ ช่วงนี้พวกผมมากินข้าวสามคนด้วยกันบ่อยๆ ครับ สามคนนี่ก็มี น้องเจ บุรุษพยาบาลหน้าตาน่ารักแต่โหดเว่อร์ หมอทิม แล้วก็ผม พอดีว่าผมได้สินบนจากหมอทิมมาอ่ะครับ ว่าถ้ามากินข้าวด้วยจะตอบแทนด้วยอะไรหมีๆ ผมก็โอเค แถมมันยังเลี้ยงข้าวอีก เลยไม่มีปัญหาถ้าจะมานั่งประดับโต๊ะด้วยเพื่อให้หมอทิมหาทางเต๊าะน้องบุรุษพยาบาลโดยมีผมเป็นข้ออ้าง คือน้องเขาจะไม่มากับหมอทิมสองคนไงครับ แต่ถ้าหมอทิมบอกว่าผมชวน น้องเค้าก็จะเกรงใจยอมมาด้วย เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้ พวกผมเลยมาประจำที่ห้องอาหารด้วยกันบ่อยๆ แล้วบนโต๊ะอาหารเนี่ย ผมก็ได้เห็นอะไรสนุกๆ ด้วยแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน หมอทิมเนี่ยแทบจะเสียหมา พยายามทำโน่นนี่ให้น้องเขาสนใจก็แทบจะไร้ประโยชน์ อย่างวันนี้ พอหมอทิมแอบจับมือน้องบุรุษพยาบาลใต้โต๊ะ ก็โดนกระทืบเท้ากลับจนร้องจ๊ากต่อหน้าประชาชน มีเรื่องขำๆ แบบนี้ไม่เว้นวัน เห็นแล้วก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ ความรักก็ทำให้คนเรายอมทำอะไรได้แบบนี้แหละ ส่วนผมเหรอ ไม่มีทางไปตามเทียวไล้เทียวขื่อใครอยู่แล้ว จบจากน้องเชอร์รี่ ก็สะบัดบ๊อบใส่ความรักแล้วครับ ชีวิตโสดน่ะดีจะตาย อยู่กับลูกหมีก็พอแล้วล่ะ ว่าแต่ทำไมผมถึงเครซี่ลูกหมีขนาดนี้น่ะเหรอครับ ? คือผมมีปมแต่เด็กอ่ะครับ ว่าผมมีรักแรกกับเด็กผู้หญิงที่ชอบใส่กางเกงในลายลูกหมีแล้วมันติดตา ... ก๊ากกกก ล้อเล่นนะครับ จริงๆผมก็แค่ชอบลูกหมีอ่ะ แบบว่าเห็นแล้วรู้สึกถูกชะตา เห็นแล้วมันต้องตาต้องใจ เห็นแล้วก็อยากได้มาไว้ในครอบครอง ก็แหม ลูกหมีน่ารักซะขนาดนั้น ตัวก็นุ่มนิ่ม วุ้ย คิดแล้วก็เสี้ยนลูกหมีเป็นบ้า ! กลับบ้านเมื่อไหร่จะไปฟัดหมีให้หายเสี้ยน ขณะที่คิดอะไรเพลินๆ ก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ครับ “ คุณหมออาทิตย์ครับ ....” ขณะที่กำลังกินข้าวไป เวิ่นเว้ออะไรคนเดียวไป จู่ๆ ผมก็ได้ยินเสียงของใครสักคนดังมาจากทางด้านหลัง คงเป็นคนไข้ของหมอทิมมันนั่นแหล่ะ ผมเลยไม่ได้ใส่ใจอะไร นั่งกินข้าวต่ออย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่ทำไมเสียงช่างคุ้นๆ และสันหลังมันรู้สึกเสียววาบแปลกๆ อย่างนี้ฟะ ? “ อ้าวคุณชาย เดินมาถึงนี่เลย มาทานข้าวเหรอครับ มานั่งด้วยกันสิเนี่ย เก้าอี้ว่างๆ ข้างหมอจิ๊บเลยคร๊าบ” ไอ้หมอทิ๊มมมมม กูจะไม่มานั่งเป็นเพื่องมึงอีกแล้ววว อย่าบอกนะว่าแก้แค้นกันที่หัวเราะเยาะน่ะ ?? ถึงกับสะดุ้งเลยครับ คำว่า SHIP หาย บินว่อนเต็มหัว ไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง T-T “ ขอบคุณครับ” เจ้าของเสียงเอ่ยอีกครั้ง ก่อนที่จะมีเสียงกุกกักๆ ของไม้ค้ำดังกึกก้องเต็มสองรูหูตามมา ไม่พอ เจ้าไม้ค้ำเจ้ากรรมยังมาโผล่ทักทายอยู่ในระยะสายตาผมอีกด้วย ไม่อยากหัน ไม่อยากมอง อ๊ากกก พึ่งรู้สึกว่าการกลืนข้าวลงคออย่างยากลำบาก มันทรมานมากก็วันนี้ล่ะครับ ... “ ขอนั่งด้วยนะครับคุณหมอจิ๊บ” เจ้าของไม้ค้ำเอ่ยขึ้น แล้วก็ยื่นมือใหญ่ๆ มาเลื่อนเก้าอี้ข้างๆ ผมออก ก่อนจะมานั่งแหมะอยู่ตรงนั้น “ คุณชายดูดีขึ้นเยอะเลยนะครับ แสดงว่าหมอจิ๊บดูแลคุณดีจริงๆ ถึงได้หายวันหายคืน หึ ...” (......) ไอ้หมอทิม ... ช่วยหุบปากไปได้ป่ะ จะประชดก็ให้มันน้อยๆ หน่อย ! “ ครับ ที่ผมกลับมาใช้ชีวิตได้ก็ต้องขอบคุณหมอจิ๊บจริงๆ” ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ โดยไม่หันไปเหลียวมองหน้าคุณชายแม้แต่นิด แต่เขาก็ดันเอื้อมมือมาจับแขนผมซะแน่นโคตรๆ เลย จับแขนไม่พอ เขายังจะดึงให้ตัวผมหันไปสบตากับเขาอีกต่างหาก อ้ากกกกกกก !! สายตาอาฆาตแค้นนั่นมันคืออะไร !! เห็นแล้วขนลุกวาบ !! อย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อผมอย่างงั้นแหล่ะ นี่ไปแค้นผมมาจากไหนกัน ผมก็แค่เคยแอบจูบเขาบ้าง อะไรบ้างเองนะ ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลยอ้ะ ! ช่วยมาก็ตั้งเยอะ ยังจะมาแค้นเคืองอะไรอี๊กกก “ เอ่อ อิ่มแล้วว่ะ ไปละ !!” และเพื่อหลบหนีคดี ผมก็เลยพยายามจะรีบจรลีจากตรงนั้นเลยครับ แต่พอทันทีที่ผมลุกจากเก้าอี้จะวิ่งออกไปเท่านั้น อดีตเจ้าชายนิทราก็พยายามจะลุกตาม แต่ก็ล้มพรวดเข้าให้ก่อน สม “ อูยยยย” เขาส่งเสียงร้องโอดครวญออกมาด้วยครับ ผมเลยทำเป็นต้องเหลียวหลังกลับไปดู เพื่อกันข้อครหาจากประชาชนแถวนั้นว่าทำไมเป็นหมอถึงไม่ดูแลคนไข้ “ คุณ !! ไม่เป็นไรนะ !!!” โชคดีที่หมอทิมมันรีบเข้าไปพยุงเขาก่อน ฮู่ววว รอดตัวครับรอดตัว “ ไม่เป็นไรครับ ...” ทำน้ำเสียงน่าสงสารไม่พอ เขายังทำเป็นส่งสายตาแบ๊วๆ ไปให้หมอทิมกับน้องเจเพื่อเรียกร้องความเห็นใจอีกต่างหาก !! เห้ยยย อะไรวะ เมื่อกี้ยังทำเหมือนจะกินเลือดผมอยู่เลยอ้ะ !! ผม ช๊อค มากครับ !! “ ผม ... ว่าผมอยากจะกลับห้องพักแล้วล่ะครับ ... คุณหมอทานข้าวเถอะครับ ผมกลับเองก็ได้ ...” (......) ที่เขาพูดนี่ต้องการจะสื่ออะไรไม่ทราบครับเนี่ย ... “ ได้ไงล่ะครับ คุณชายยังเดินไม่แข็งเลยนะ เอางี้ จิ๊บ ไหนๆ นายก็กินเสร็จแล้ว ไปส่งเขาหน่อยดิ” (......) ผมว่าแล้วว่าหมอทิมมันต้องเริ่มเสนอความคิดไม่เข้าท่าออกมา อ้ากกกกก ขัดใจ๊ !!!! “ จะดีเหรอครับ คุณหมอจิ๊บดูท่าทางรีบออก ผมเดินกลับไปเองก็ได้ครับ ...” พูดแล้วก็ตีหน้าเศร้าสุดๆ แสดงว่าที่ผ่านมาที่ผมเคยคิดว่าเขาเป็นพวกจอมเล่นละครตั้งแต่แรกก็ถูกเผง ! เอาความเห็นใจช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาของผมคืนมานะโว้ย ! สุดท้ายหมอทิมก็ส่งสายตาเหยียดหยามมาเมื่อเห็นผมทำท่าจะปฏิเสธ แล้วน้องเจก็ทำหน้าผิดหวังใส่ผมอีก ที่ร้ายที่สุด ก็คืออิคุณชายดันทำหน้าแอ๊บแบ๊วใส่ทุกคณที่มองมา โอววววว… . แล้วผมจะทำยังไงได้ล่ะครับนอกจากจำใจเดินไปส่งเขาที่ห้องอย่างช่วยไม่ได้ ... . . TBC ___Talk: ในที่สุดก็เจอกันจังๆ สักทีค่ะ 5555 ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ตอนที่แล้วมากๆ เลยนะค้า >< ฝากตอนนี้ไว้ด้วยนะคะ :impress2: แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction)
โอ้ย.....แดดิ้น มันค้างอ้ะ!! มันค้าง! :z3:
แพ้ทางคุณชายหมีน้อยตลอดแหละหมอจิ๊บ ขอบคุณค่ะ. รีบมาต่อน้า :mew1:
คุณชายอย่ามาทำแอ๊บแบ๊วเรียกคะแนนน้าา… สงสารหมอจิ๊บไหมนั่น ถูกสารพัดสายตากดดันเลย :m20: เอาน่าๆ หมอจิ๊บอย่ากังวลไปเลยนะคะนะ ยอมๆ คุณชายเขาสักหน่อย เขาอุตส่าห์อยากคุยด้วยน่ะนะ สู้โลดค่าหมอจิ๊บบบ..
อยากจะบอกคุณชายจริงๆว่า.... เอาตุ๊กตาหมีน้อยมาล่อหมอจิ๊บเค้าก็หลงกลแล้วว :hao7:
อุ๊ย คุณชายไล่ตามมาจนได้ คราวนี้จะเกิดอะไรขึ้นน้อออ รอตอนต่อไปน้าาาา
ไม่รอดหรอกคุณหมอจิ๊บ :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
ต้องการอะไรบอก!!!!!
น่าสงสารคุณชาย หมอจิ๊บทำไมไม่รับผิดชอบสิ่งที่เคยทำใว้ละ จุ๊บแล้ว จุ๊บเลยซิ จะมาจุ๊บทิ้งจุ๊บข้วางเหรอ
เสร็จแน่ๆ
หมอจิ๊บหนีไม่รอดๆๆ :hao7:
ไม่รอดแน่ไม่รอดหมอจิ๊บ
ให้ความรู้สึกเหมือนคู่บ่าวสาวจะเข้าห้องหอ
คือเพิ่งมาอ่านน่ะค่ะ เห็นผ่านตาหลายรอบแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้อ่าน แล้วำอได้อ่านก็รู้สึกไม่ผิดหวังที่เพิ่งได้มาอ่าน เพราะว่ามันลงมาหลายตอนแล้ว ไม่ค้างไง 555 อ่านตอนแรกๆ ก็เกือบจะปิดแล้วนะเพราะยังไม่พีค มาพีคก็ตอนสองตอนสาม แล้วก็ติดหนึบตอนที่หมอจิ๊บคิดเรื่องจุมพิตเจ้าหญิง(ชาย)นิทรานี่แหละ แบบว่าก๊าวใจมากเลย แล้วคุณชายนะ ทั้งมี่ได้รู้จักแค่ตอนแรกตอนเดียวเท่านั้น แต่กลับรู้สึกว่าฮีมีเสน่ห์มาก ดูน่ารักมุ้งมิ้งมากมาย หมอจิ๊บก็หล่อมาก(ใจ)หล่อที่ดูแลคุณชายทั้งที่รู้ว่าไม่ได้อะไร แทบจะกรี๊ดกร๊าดโวยวายฉากที่หมอจิ๊บโดนแทงแล้วล้มตัวลงข้างคุณชายที่นอนลืมตามอง มันเป็นฉากที่พีคมากค่ะ โอ๊ย! ยังกะโกโบริกับหนูอัง :laugh: ปล. แต่งสนุกมากค่ะ ทั้งยิ้ม ทั้งเขิน ขอให้มีคนหลงมาอ่านเยอะๆ น้า ลงบ่อยๆ นะจ๊ะ เดี๋ยวลงแดงตายหมู่ :กอด1:
:hao7:
เคยเข้ามาอ่านตอนที่ยังมีแค่ตอนเดียว แต่ไม่ได้เข้ามานาน มาอีกทีมี 10 ตอนแล้ว ดีใจจจที่มาอ่านอีกทีก็มีหลายๆตอนแล้ว เพราะเรื่องสนุกมากเลยค่ะ ถ้าเราตามอ่านเรียลไทม์ สงสัยจะลงแดงซะก่อน ฮ่าาา คุณชายนอนยาวไปหลายตอนเชียวนะคะ เราอ่านไปก็ลุ้นไปว่าเมื่อไหร่คุณชายเธอจะตื่นเสียทีน้า ตอนแรกๆก็แอบรู้สึกว่านานจังเลยทำไมคุณเธอยังนอนเป็นผักอยู่นั่นแหละ แต่ทำไปทำมาดันชอบซะงั้น คือปล่อยคุณชายหลับไปก่อนเถอะไม่เป็นไร ชั้นชอบดูหมอจิ๊บเธอทำนู่นทำนี่กับคุณชาย หมอจิ๊บฮาดีอ่ะ แอบดูวิตถาร/จิตๆเล็กน้อย จับแต่งตัว แต่งหน้า จูจุ๊บ กระทั่งกระทำการสารพัดกับร่างกายคุณชายเพื่อกระตุ้นอาการใจเต้นของอีกฝ่าย หึๆๆ เราว่าดีนะ ได้เห็นความผูกพันจริงๆระหว่างคุณหมอกับคุณชาย ปกติจะเจอแต่แบบนิยายที่บรรยายช่วงที่ฝ่ายนึงสลบไปแบบพอเป็นพิธี แต่นิยายเรื่องนี้ให้เวลากับช่วงเวลานี้ค่อนข้างเต็มที่ เราไม่ได้นับระยะเวลาที่หมอจิ๊บดูแลคุณชายนะว่านานเท่าไหร่ แต่พอจำได้คร่าวๆว่าค่อนข้างนานพอดูเหมือนกันอ่ะ มันทำให้เราเชื่อได้นะว่าคุณชายจะได้เห็นความดีของหมอจิ๊บจริงๆและพัฒนาความรู้สึกไปได้ไกล คุณชายคงรู้สึกตัวตลอดสินะ ตอนล่าสุดถึงได้ดูหน้าโหดๆ อันนี้คือโกรธที่คุณหมอทำโรคจิตกับตัวเอง หรือโกรธที่คุณหมอไม่ไปหาเลยคะ หลังจากนี้พอกลับมาเป็นปกติแล้วคุณชายก็ไปจัดการเรื่องต่างๆให้เรียบร้อยเลยนะ ก็เห็นแล้วนี่เนอะว่าใครที่ดีกับตัวเองจริงๆ ยามลำบากมีใครบ้างที่ไม่ทิ้งขว้างตัวเองไว้ :mew1:
ตอนที่ 10.2 “คุณหมอครับ ช้าๆ หน่อยสิครับ ผมยังเดินไม่ค่อยไหวเลยนะ ” อดีตเจ้าชายนิทราอยู่ๆ ก็เริ่มบ่นอิดออดระหว่างที่ผมกำลังเดินมาส่งเขา เหอะ เดินไม่ค่อยไหว แล้วที่เดินไปไกลถึงห้องอาหารนี่เรียกว่าอะไรครับคุณ เหาะไปเหรอ ? “ อ่า เหรอครับ นี่หมอก็ช้าแล้วนะครับเนี่ย ...” ที่ตอบไปนี่ผมไม่ได้โม้นะครับ เพราะตอนนี้ผมเดินด้วยความช้าขนาดเต่าและหอยทากรวมกันแล้วด้วยซ้ำ ผมอยากจะอุ้มเขากลับห้องให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยจริงๆ ถ้าไม่ติดว่าคนไข้นี่ตัวอย่างกับหมีควายละก็นะ หึหึหึ ... เสียเวลาอยู่นาน สุดท้ายพวกผมก็สามารถลากกันมาถึงห้องคนไข้โคตรวีไอพีเข้าจนได้ ชิส์ เห็นแล้วก็หมั่นไส้เป็นบ้า ก็ในห้องนี้มันมีทุกอย่างครบครันไม่ต่างจากในโรงแรมเลยน่ะสิครับ ผิดกับห้องคนไข้รวมลิบลิ่ว สงสัยจริงๆ นะ ว่าที่ผ่านมาผมฝันไปรึเปล่า ! “ คุณชายเนี่ยดูท่าจะชนะคดีแล้วใช่ไหมครับ อยู่หรูจริงๆ ...” พอผมเดินมาส่งเขาให้นั่งลงที่เตียงแล้ว ผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องแขวะเข้าให้ ก็ไอ้หลายเดือนที่ผ่านมา ที่ผมเห็นใจว่ามันซวยซ้ำซวยซ้อนเนี่ย ผมเข้าใจผิดทั้งน้านนน ดูดิ ตรงนั้นมีแลปท็อปรุ่นใหม่เอี่ยมอ่องวางอยู่ด้วยอ่ะ ของผมนี่สี่ปีแล้วยังไม่ได้เปลี่ยนเลยเหอะ โว้ะ ! หงุดหงิดโว้ย “ อยู่ในช่วงเจรจาครับ พอดีทนายผมได้หลักฐานชิ้นใหม่ที่จะทำให้รูปคดีเปลี่ยน” “ อ้อ ...” “ แล้ว ผมก็คิดว่าย้ายมาอยู่ห้องวีไอพีแล้วหมอจะได้มาดูผมบ้างน่ะสิครับ แต่สงสัยผมจะคิดผิดล่ะมั้ง เพราะวันๆ มีแต่พวกพยาบาลเข้ามา ” “......” ดูที่เขาตอบผมสิครับ มันน่าเบิ๊ดกระโหลกให้สลบเหมือดไปอีกสักทีไหม ? “ แล้วพยาบาลมาดูมันไม่ดีตรงไหนครับคุณ หมอก็ต้องไปดูแลรักษาคนไข้อาการหนักก็ถูกแล้วนี่ครับ คุณจะให้หมอมาทำหน้าที่แทนพยาบาล คนไข้คนอื่นก็ไม่ต้องได้รับการรักษาพอดี ” ผมพูดด้วยอารมณ์บูดๆ เพราะความหมั่นไส้คุณชายขี้เว่อร์ “ คุณหมอ ... โกรธผมเหรอครับ ...” กึ๋ย !!! นี่ทำไมเขาต้องทำเสียงสั่นพร่าแบบนั้นด้วยอะ “ ผมไม่ได้ตั้งใจ อย่าโกรธผมเลยนะครับคุณหมอ ...” คุณคนไข้เอ่ย แล้วก็เริ่มยื่นมือมาเขย่าๆ แขนผมแรงๆ แถมยังมีน้ำตาคลอเบ้าอีก อะไรกันเนี่ย !? ผมรู้สึกเหมือนผมทำอะไรผิดเลยอ้ะ ! “ เอ่อ เปล่าครับ … ไม่ได้โกรธ ...” “ จริงนะครับ ?” ผมพยักหน้าหงึกๆ “ คุณหมอ ... ใจดีจัง ...” !!!??? ใจดีอะไรวะ !!! ผมว่าท่าทางเขาจะสมองกลับแล้วจริงๆ นะเนี่ย ดูเอ๋อๆ เบลอๆ แถมยังพูดอะไรแปลกๆ ชอบกล เหอๆๆ “ หมอครับ ...” “ ครับ ...” “ ทำไมหมอไม่มาหาผมบ้างเลย ยังโกรธผมอยู่เหรอครับ ?” “ เอ่อ ... คุณพูดเรื่องอะไรครับเนี่ย ?” ก็ผมไปโกรธเค้าตอนไหนกัน เมื่อกี้เหรอ ก็บอกแล้วไงว่าม๊ายยย “ ก็ที่ผมลุกไปช่วยหมอไม่ได้ตอนนั้นไงครับ ผมพยายามแล้วนะครับ ผมสัญญานะ ว่าต่อจากนี้ผมจะดูแลคุณหมอเอง หมอไม่โกรธผมนะครับ ” “......” มันคงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดหรอกนะ ... “ ผมหายดีเมื่อไหร่ผมจะดูแลคุณหมอทุกอย่างเองนะครับ คุณหมอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยอีกแล้วไง ” “ ฮ่าๆๆๆๆ คุณชายพูดอะไรครับเนี่ย ผมดูแลตัวเองได้คร๊าบบบบ !! ไปละครับ ลาก่อน !! ” ผมรีบหันหลังกลับทันที ไม่ครับไม่ ผมไม่อยากให้ใครมาดูแลผมครับ โนวววววว … หมอจิ๊บรักอิสระยิ่งชีพ !! แต่แล้วจู่ๆ มือใหญ่ๆ สากๆ ที่ผมเคยจับอยู่บ่อยๆ ก็คว้าเอาที่ข้อมือผม เพื่อฉุดรั้งผมไม่ให้จากไป (?) รู้สึกแปลกๆ ที่วันนี้มือนั่นมีปฏิกิริยาตอบสนองไม่แน่นิ่งเหมือนทุกที แม้ผมจะพยายามดึงแขนตัวเองให้หลุดออก แต่ก็ไม่ยักกะหลุดแฮะ ไหนว่าป่วยไม่มีแรงไงวะ ไหงแรงมันเยอะงี้เนี่ย ? ผมพยายามจะดึงแขนสุดแรง แต่คุณชายก็ยังจับข้อมือผมไว้ซะแน่น จนกระทั่งจู่ๆ เขาก็ปล่อยข้อมือผมกะทันหัน ทำให้ผมเซล้มก้นจำเบ้ากับพื้นจนได้ !!! ตอนนี้ หมอจิ๊บ รักอิสระยิ่งชีพ โมโหมากกกกครับ !!!!!!!!!! “ ไอ่ห …” ไม่ทันที่ผมจะลุกขึ้น และด่าอะไรออกไป คุณชาย ก็ทิ้งตัวลงมาทับคร่อมผม !! ไอ้บ้า !! คิดว่าตัวเบาๆ เรอะ !!! “ เห้ย คุณชาย จะทำอะไรเนี่ย !!” ผมรู้สึกตกใจสุดขีดที่ตอนนี้หน้าเขาอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบ มันเหมือนเดจาวูยังไงก็ไม่รู้ จะติดก็แค่ ตอนนี้คุณชายกำลังลืมตาจ้องผมอยู่เท่านั้น ... (......) “ คุณหมอ ของผมเนี่ยใจดีจัง ...” !!!??? มันพูดอะไรของมันอีกแล้วเนี่ย !? จุ๊บ ... อยู่ๆ หน้าผากผมถูกรุกล้ำด้วยริมฝีปากเขาไปหนึ่งที ตอนนี้ผมตัวแข็งทื่อด้วยความอึ้ง ! และช๊อค ...! “ มองกี่ทีก็น่ารัก ...” แก้มซ้ายผมโดนไปอีกหนึ่งที ... “ ตัวก็หอม ...” แก้มขวาผมก็ไม่รอด ... “ อืมม …” แล้วเขาก็ทำหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะแสยะยิ้มแปลกๆมาให้ผม ... เห้ยยยย !!! ไม่ !!! ผมหลับตาปี๋เมื่อจมูกโด่งๆ ของอดีตคุณชายนิทราเลื่อนเข้ามาชนเข้ากับจมูกผม อ้ากกกกกกก ผมเบี่ยงหน้าสุดชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่าผมดันเบี่ยงองศาผิดไปหน่อย ริมฝีปากของเขาเลยสามารถเข้ามาประกบริมฝีปากผมได้อย่างพอดิบพอดี !! oh no!!! อุบส์ !!! ผมพยายามจะหลบหลีกการรุกล้ำครั้งนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามันจะมีวันที่เขารุกผมอย่างนี้ได้เอง ลิ้นชื้นๆ ที่ปกติจะนอนแน่นิ่ง วันนี้มันกลับแทรกเข้ามาเอ่ยทักทายในโพรงปากผมโดยไม่ได้ร้องขอสักนิด ทักทายอย่างเดียวไม่พอ มันยังสามารถกระหวัดเกี่ยวลิ้นผม ให้เข้าไปทักทายกลับในโพรงปากเขาได้ด้วย ลิ้นผมทั้งถูกดุนและดูดอย่างแรงแบบที่ไม่เคยถูกใครทำ (?) มาก่อน !! ไม่รู้ว่าคุณคนไข้คิดว่าลิ้นผมเป็นหลอดดูดน้ำหวานด้วยรึเปล่า ถึงได้ดูดเอาดูดเอาไม่เกรงใจ จนรู้สึกเหมือนพลังชีวิตผมกำลังถูกสูบออกไปแล้วสิ ... ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกหายใจหายคอไม่ออกซะแล้วล่ะครับ และก่อนที่ผมจะหมดลมเข้าจริงๆ คุณชาย ก็ยอมถอนริมฝีปากออกจากผม ไม่รอให้ผมขาดใจตายก่อนล่ะครับ ค่อยหยุด ชิส์ ในที่สุดเขาก็ค่อยๆผละใบหน้าออกไป ถึงอย่างนั้นระยะห่างระหว่างเราก็ยังใกล้กันมากอยู่ดี เพราะผมสามารถรู้สึกถึงลมหายใจร้อนที่รดบนผิวหน้าได้ แล้วสายตาที่เห็นเขาจ้องมองมาอยู่นั่น ผมไม่รู้ว่ามันหมายความว่ายังไง แต่มันดูมีน้ำเอ่อล้นแปลกๆ แล้วยังรอยยิ้มนั่นอีก เห็นแล้วก็อยากจะร้องกรี๊ดๆ เป็นบ้า ... ไม่ทันที่สมองผมจะประมวลความหมายอะไร คุณชาย ก็เอ่ยอะไรแปลกๆออกมาขัดจังหวะความคิดผมเข้า “ คุณหมออร่อยจังครับ ” ???!!!! และแล้ว ... ผมก็โดนเขากินอย่างไร้ความปราณีอีกครั้ง ... . . -จบตอนที่ 10- ____
Talk: มาลงครบแล้วค่า แฮร่ ตอนหน้าก็จะเป็นมุมของคุณชายบ้างแล้วค่ะ ฝากติดตามกันต่อด้วยนะคะ ^^ แล้วก็สวัสดีปีใหม่ไทยด้วยนะคะ :mew1: ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ในตอนก่อนหน้ามากเลยนะคะ แล้วก็ชื่อชอบหมอจิ๊บถูกใจคุณชายยังไงฝากแนะนำเรื่องนี้ด้วยนะคะ แหะๆ >w< ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ^o^ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
:z3: สั้นไป เอาอีก 55+ นี่ถ้าเป็นคุณหมอนะ โคตรอายอะ ทำไปคุณชายไปตั้งเยอะ
จับ ได้ แล้ว~~~
:ling1: ทำไมอ่านแล้วจิลงแดงล่ะคะ. หมอจิ๊บโดนกินยังไงขอคำบรรยายด่วนค่า :hao7: คุณชายขา ห้องวีไอพีนี่มันแจ่มจริงๆเลยว่าแต่ล็อคประตูรึยังเอ่ย
คุณชายกะถอนทุนคืนจากหมอจิ๊บล่ะสิเนี่ย ระหว่างที่หลับก็โดนรุกรานไปตั้งเยอะนี่เน้ออ.. เพราะฉะนั้น หมอจิ๊บหมดสิทธิ์ขัดขืนนะค้าา ^^
อิคุณชายนี่มือไวใช่เล่น เอาคืนช่วงนอนเปื่อยเป็นผักสินะคะ อย่าลืมเอาคืนเรื่องคอสเพลย์สารพัดหูด้วยนะ รอตอนต่อไปปปปปปป
คุณชายได้เวลาเอาคืนแล้วซิ หมอจิ๊บเตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีเถอะ คุณชายรุกหนักแน่ๆ เดี๊ยนขอเตือน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณชายพอจะหายก็รุกคุณหมอจิ๊บเลยยยยยยยย หลังจากที่ปล่อยให้หมอจิ๊บลวนลามมานาน อิ_อิ :katai2-1: :katai2-1:
โดนคนไข้จับกดซะแล้วนะคุณหมอ เอาอีกๆ :hao6:
โอย จะเป็นลม นี่ถึงขั้นกินลิ้นกันเลยเหรอลูก ป้าใจจะวาย :laugh:
อร๊ายยยยยยยย :hao7: รอพาร์ทคุณชายค่าาา
อยากอ่านตอนหน้าแล้ววววววววววววววววว :ling1:
อ่านแล้วเขินเลย คุณหมอก็ ตอนเค้าหลับลวนลามเค้าไว้เยอะ พอเค้าตื่นมาลวนลามกลับทำเป็นเขิน สู้สิคะคุณหมอ สู้
คราวนีหมอคงไม่รอดเงื้อมือคุณชาย รอ่านตอนต่อไปค้าบ
หมอไม่รอดแล้วแหละ555
รอนะคะคนเขียน อยากอ่านมุมคุณชายบ้างแล้วค่ะ :katai2-1:
คุณหมอโดนกิน(?) ฟินเว่ออออคร่าาาาา
กรี๊ดดดดด รีบมาต่อได้ไหมมมมมมมมมมมมม
ตอนที่ 11 “วันนี้คุณหมอจิ๊บรักษาคนไข้ที่วอร์ด ... แล้วก็ไปทานข้าวกับคุณหมออาทิตย์ . ..” สายตาผมคอยจับจ้องไปที่ภาพของคุณหมอ ส่วนสมองก็บันทึกข้อมูลไปเรื่อยๆ Stalker จะเรียกผมอย่างนั้นก็ได้ แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เพราะนับตั้งแต่ผมลืมตาตื่นขึ้นมา ในหัวผมก็มีแค่ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ คุณหมอจิ๊บ เท่านั้น ... ก็จะไม่ให้คิดถึงแต่เขาได้ยังไง ในเมื่อเวลาหลายเดือนที่ผมหลับไป สิ่งที่ผมรับรู้อยู่ตลอดเวลาก็คือเขา วันคืนที่มีเขาอยู่ข้างๆ มีเขาคอยให้ความอบอุ่นอย่างที่ผมไม่เคยได้รับจากใคร คงเป็นเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้ผมกลายเป็นคนที่มีชีวิตเพื่ คุณหมอ ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ได้มีชีวิตเพื่อตัวเองแล้วหรอกนะครับ แต่ผมหมายถึงว่า ผมอยากจะทำให้เขามีความสุข ให้สมกับที่เขาเองก็ทำให้ผมรู้จักคำว่าความสุขเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นโลกก่อนที่ผมจะตื่นขึ้นหรือว่าตอนนี้ เขาก็ทำให้ผมมีความสุขได้เสมอ ช่วงเวลาที่ผมเพิ่งตื่นขึ้น การแยกโลกแห่งความจริงและโลกแห่งความฝันออกจากกันมันค่อนข้างจะยากสักหน่อย เพราะสิ่งที่ผมรู้สึกได้ในช่วงที่นอนอยู่นั้นมันยังคงตกค้างอยู่ในหัวตั้งแต่ลืมตา โดยเฉพาะเรื่องของคุณหมอจิ๊บ ผมไม่แน่ใจเท่าไหร่ว่าตกลงสิ่งที่ผมฝันระหว่างที่หลับมันเป็นฝัน หรือเป็นเรื่องจริงกันแน่ แต่ ทันทีที่ลืมตาแล้วผมเห็นเขาล้มลง ก็รู้แต่เพียงว่าจะต้องรีบเข้าไปช่วยเขาให้ได้ แต่ผมก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้นอกจากมองเขาหลับไปทั้งอย่างนั้น ผมรู้สึกว่าช่วงเวลานั้นมันทรมานยิ่งกว่าการที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสียอีก พอมาถึงโรงพยาบาล ผมก็ได้รู้ว่าตัวเองหลับไปนานหลายเดือน โดยมีคุณหมอจิ๊บช่วยดูแลผมอยู่ตลอดอย่างที่ผมคิดไว้จริงๆ ผมจึงอยากจะหาทางตอบแทนเขาเสียหน่อย แต่เขาก็หลบผมตลอดเวลา กว่าจะได้เจอเขาแบบจังๆ เวลาก็ผ่านไปหลายอาทิตย์แล้ว แต่นั่นผมก็ต้องพยายามตามเขาอย่างมากเชียวล่ะ ก็คุณหมอน่ะ วิ่งเร็วเป็นบ้า เขาคงโกรธผมมากที่ช่วยเขาไม่ได้จนอยากจะหนีผมไปให้ไกลแน่ๆ แต่ผมก็ยังไม่ลดละความพยายาม ผมหาทางที่จะเข้าใกล้เขาให้ได้อยู่ตลอด จนวันนึงโชคก็เข้าข้างผม ให้คุณหมอเดินมาส่งผมที่ห้อง ตอนนั้นผมรู้สึกดีใจมาก ผมอยากจะคุยกับเขาหลายเรื่อง อยากจะบอกเขาว่าผมรับรู้ได้ทุกเรื่องที่คุณหมอทำให้ผม ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณหมอพูด หรือว่าสัมผัสของคุณหมอ ทุกอย่างมันยังคงติดแน่นอยู่ในความทรงจำ แต่พูดไปเขาก็คงไม่รับฟัง เพราะยังโกรธผมอยู่ ผมเลยตัดสินใจที่จะทำให้เขารับรู้สิ่งที่ผมรู้สึกผ่านสัมผัสแบบเดียวกับที่เขามอบให้ผมบ้าง และทันทีที่ริมฝีปากเราประทับกัน ผมก็รู้สึกได้ถึงรสชาติที่คุ้นเคย รสชาติที่นุ่มละมุนละไม และหวานจนทำให้ผมคลั่ง คุณหมอจะจำได้หรือเปล่า ว่าเขาเคยบอกให้ผมตอบรับเขา แล้วตอนนี้ผมก็สามารถตอบรับคุณหมอได้แล้ว คุณหมอจะดีใจไหมที่หลังจากนี้ผมจะเป็นฝ่ายทำทุกอย่างให้เขาบ้าง ทว่าดูเหมือนคุณหมอจะไม่อยากรับความรู้สึกของผมเอาไว้ เขาเอาแต่หลบหน้า แถมยังสั่งห้ามผมเข้าใกล้เขาเกินสิบเมตรด้วย ไม่งั้นแล้วเขาจะโกรธแล้วก็เกลียดผมจนวันตาย จะมีทางไหนที่ทำให้ผมได้เข้าใกล้คุณหมอ โดยที่ไม่ทำให้เขาโกรธได้บ้างไหมนะ ? หรือว่าผมต้องรอเวลาให้คุณหมอหายโกรธไปเอง แล้วช่วงที่ผมต้องรอให้เขาหายโกรธ ผมจะทำยังไงล่ะ ผมอยากเจอ อยากคุย อยากเข้าใกล้เขาใจจะขาด แต่เอาเถอะ ระหว่างที่ผมต้องหาทางคิดวิธีทำให้คุณหมอเปิดใจ ผมก็แอบมองเขาไปแทนก่อนก็ได้ อย่างน้อยวิธีนี้ก็พอทำให้ผมหายคิดถึงเขาได้บ้าง เห้อ ... คุณหมอจะรู้รึเปล่า ว่าไม่ทันไรผมก็คิดถึงคุณหมออีกแล้วล่ะ ----- “หมอจิ๊บ อย่าคิดมากนะ นายทำดีที่สุดแล้ว ” ตอนนี้ผมกำลังแอบอยู่ที่มุมทางเดิน เพื่อฟังบทสนทนาระหว่างคุณหมอหัวหน้ากับคุณหมอจิ๊บของผมคุยกัน ผมรู้มาว่ามันเป็นครั้งแรกที่คุณหมอจิ๊บได้เป็นคนคุมเคสผ่าตัดใหญ่ของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุหนัก ทำให้เขารู้สึกประหม่าจนตัดสินใจได้ไม่เฉียบขาดเท่าหมอที่มีประสบการณ์สูงๆ และสุดท้าย ... คนไข้คนนั้นก็เสียชีวิตลง “ผม ... ผมน่าจะช่วยเขาได้ ถ้าผมตัดสินใจเร็วกว่านี้อีกนิด เขาก็คง ...” ดูเหมือนคุณหมอจิ๊บเริ่มจะมีสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สีหน้าเขาดูสลดและเสียใจมาก ผมรู้ว่าเขาเป็นคนที่ทุ่มเทให้คนไข้มากแค่ไหน แล้วยิ่งมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ความมั่นใจของเขาแทบจะหมดไปเลยทีเดียว “ จิ๊บฟังพี่นะ คนไข้คนนั้นก็อาการหนักมากอยู่แล้ว พี่รู้ว่านายพยายามที่สุดแล้ว ให้ครั้งนี้เป็นประสบการณ์ให้นายก้าวต่อไปเถอะ ” คุณหมอหัวหน้าพยายามจะปลอบใจ แต่คุณหมอจิ๊บของผมก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยวางได้ เขายังเอาแต่โทษตัวเองที่ยื้อชีวิตของคนไข้คนนั้นไว้ไม่ได้อยู่ซ้ำๆ และแล้วเขาก็ร้องไห้ออกมา เป็นภาพที่ทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน “ พี่หมอ ... ถ้าเป็นพี่พี่ก็คงช่วยเขาไว้ได้ ผมน่าจะให้พี่คุมเคสนี้จริงๆ ” คุณหมอพูดไปด้วยน้ำเสียงสะอื้น ผมไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้จากเขาเลย นี่เขาคงเสียใจมาก ผมไม่อยากให้เขาเศร้าแบบนี้จริงๆ ถ้าไม่ติดว่าผมโดนสั่งห้ามเข้าใกล้เขาตั้งแต่ที่เขามาส่งผมที่ห้องคนไข้แล้วละก็ ผมจะรีบตรงไปกอดเขาเอาไว้ไม่ปล่อยไปไหน “ ไม่เอาน่า ยังมีคนไข้อีกเยอะรอให้นายช่วยนะ ... นี่ ... อย่าร้องไห้สิ เข้มแข็งไว้หมอจิ๊บ ” สุดท้ายก็เป็นคุณหมอหัวหน้าที่เป็นคนได้ปลอบใจคุณหมอของผมแทน นี่ผมจะต้องทำยังไงเพื่อให้ได้ไปอยู่ตรงนั้นโดยที่คุณหมอไม่โกรธผมนะ ? ตอนนี้ที่ผมทำได้ก็แค่แอบตามเขาอยู่ห่างๆ โดยไม่ให้เขารู้ตัวเท่านั้น เพราะถ้าเขารู้ว่าผมเข้าใกล้เขาเกินสิบเมตรเมื่อไหร่ คุณหมอจะโกรธแล้วก็รีบวิ่งหนีผมไปเลย เพราะงั้นการแอบมองเขาอยู่แบบนี้ก็ยังดีกว่า ถึงจะไม่ได้สัมผัสหรือแตะต้องเขาก็ตามที แต่ความคิดถึงของคนเราบางทีมันก็ต้องหาทางระบายเหมือนกันนะครับ ผมเลยหาทางแอบเข้าไปนั่งเก้าอี้ทำงานของคุณหมอ หยิบของในลิ้นชักออกมาดูให้หายคิดถึงบ้าง แอบใส่เสื้อกาวน์ของคุณหมอที่แขวนไว้บ้าง แอบเอากุญแจบ้านเขาไปก๊อปปี้บ้าง ก็อย่างน้อย ... วิธีพวกนี้มันก็ทำให้ผมเหมือนได้สัมผัสกับเขาทางอ้อมบ้างนี่นา ผมไม่ผิดใช่ไหม ? ก็คุณหมออยากทำให้ผมคิดถึงทำไม ระหว่างที่ผมกำลังคิดหาวิธีเข้าใกล้คุณหมอไปเรื่อยเปื่อย เจ้าตัวก็ดันเดินมาเจอผมที่ยืนหลบอยู่ซะได้ ... “ ผมบอกคุณแล้วไงว่าเลิกตามผมน่ะ !!” คุณหมอตะโกนว่าผมทั้งที่ตายังแดงๆ อยู่ เขาโวยวายใหญ่ แล้วก็บอกให้ผมออกจากโรงพยาบาลไปสักที “ คุณหายแล้วก็ออกจากโรงพยาบาลไปซะสิ !! จะมากินที่คนไข้คนอื่นทำไม เห็นแก่ตัวที่สุด !! มีเงินนักก็ย้ายไปโรงพยาบาลอื่นเลยไป !!” “ คุณหมอครับ ... ผะ ผม ...” ตอนนี้ผมปากสั่นใจสั่นที่สุดพูดอะไรไม่ออก คุณหมอโกรธผมอีกแล้ว ทำยังไงดี ... “ ถ้าผมยังเห็นคุณอยู่ในโรงพยาบาลนี้อีกนะ ผมไม่ให้อภัยคุณแน่ !! ไอ้บ้า !!” คุณหมอตะคอกใส่ผมแล้วก็เดินหนีไปทันที ไม่ทันไรผมก็ทำให้เขาเกลียดผมมากขึ้นอีกแล้ว แต่ผมก็ไม่โกรธเขาหรอก ยังไงคุณหมอก็ยังเป็นคนสำคัญของผมที่สุด ผมจะพยายามทำทุกวิถีทางให้คุณหมอยอมรับผมให้ได้ แต่ระหว่างนี้ ... ที่ผมยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เต็มที่ ก็ต้องพยายามตั้งใจทำกายภาพบำบัดให้ร่างกายดีขึ้นเร็วๆเท่านั้น ถึงตอนนั้น คุณหมอคงจะหนีผมไปได้ยากแล้วล่ะครับ . . TBC
Talk: มาต่อแล้วค่า ขอบคุณสพหรับคอมเม้นต์ในตอนที่แล้ว ตอนนี้ก็ฝากด้วยนะคะ พอเป็นมุมคุณชายแล้ว ไม่รู้ว่าคนอ่านจะคิดว่าคนไหนจิตกว่ากันนะคะ 55555 แต่ก็เหมาะกันแล้วล่ะนะ หมอจิ๊บกะคุณชายเนี่ย เอิ้กๆ :hao7: ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ ^o^ ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
คิดกันไปคนละทางเลย
คุณชายดูเจี๊ยมเจี้ยมมากเลยนะคะ ..คิดไปถึงไหนกันแล้วค้าทั้งสองคน :sad4:
อ่านด้านคุณชายแล้วก็สงสารคุณชาย อยากเข้าใกล้คุณหมอจิ๊บคุณหมอก็ไม่ให้ ทำร้ายจิตใจคุณชายเกินไปหรือเปล่าคุณหมอ
หมอจิ๊ีบว่าคุณชายทำไมอะ :katai1: :katai1: :katai1:
เอิ่มมมมม. ความจริงคือ.....คุณชายแกเป็นมาโซคิสใช่ป่ะ คือที่หมอจิ๊บด่านี่ไม่ได้ไปสะเทือนต่อมโกรธแกเลยดันไปสะเทือนต่อมรู้สึกผิดแทน เอาตามตรงคู่นี้สมควรคุยกันสุดๆ. ขี้มโนทั้งคู่ มันจะเตลิดกันไปใหญ่ล่ะคราวนี้ :เฮ้อ:
โถถถถถ คุณชาย เจ๊ว่ามันแอบโรคจิตอ่อนๆนะคะเนี่ย บางทีก็สงสารคุณชาย ถูกหมอทำร้ายจิตใจตลอด รอตอนต่อไปเนอะ
คุณชายหลับนานไปหน่อย แต่แบบนี้ก็ดีนะ. ยิ่งหนียิ่งตาม. ยิ่งเกลียดยิ่งรัก. หมอจิ๊บอย่าเล่นตัวนานนะ คนเขาอยากดูแลอะอย่าไปปฏิเสธน้ำใจ ทางที่ดีก็ปล้ำเลย หมอจิ๊บไม่น่าจะสู้แรงได้. :hao6: ขอบคุณค่ะ. รอต่อ
โรคจิตสูสีดู๋ดี๋กันเลยค่ะ เหมาะสมๆ 55555555555555 รีบหายไวๆจะได้มาเต๊าะหมอได้สะดวกๆนะ
หมอจิ๊บ พาลแล้วงี่เง่าวะ ไม่มีเหตุผล เอาแต่ใจ เช๊อะ
จากหนุ่มเจ้าชู้ที่มีสาวๆตามเป็นพรวนกลายเป็นไอ้โรคจิตไปซะแล้ว.. นี่คงไม่ได้แอบไปขโมยกางเกงในของคุณหมอจิ๊บติดมาด้วยหรอกนะใช่ใหม?
อ่านตอนของหมอจิ๊บแล้วตลกกว่าอ่ะ ชอบคิดอะไรเด็กๆ นี่คุณชายสู้ๆหน่อยสิ เดี๋ยวหมอจิ๊บก็ใจอ่อน เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
เข้าใจผิดแล้วคู้นนนน 5555
ชอบชอบ o13
ตอนนี้หมอจิ๊บไม่น่ารักเลยนะคะ เอาตรงๆ ดูไม่มีจรรยาบรรณความเป็นแพทย์ที่ต้องรักษคนป่วยเลยค่ะ ตั้งแต่ตอนแรกแล้ว มาดีหน่อยตอนที่คุณชายน๊อคไป พอฟื้นมาก็อิหรอบเดิม เอาความติด อคติตัวเองตัดสินคนอื่น ไม่ไหวๆ :serius2:
รอตอนต่อค้าบ
ปูเสื่อรอตอนต่อไปค่ะ
:call: มารอหมอจิ๊บค่ะ. เคลียร์ตัวเองหน่อยนะคะ เข้าใจว่าหมอกำลังเสียศูนย์แต่อยากให้หมอพยายามเข้าใจคุณชายบ้าง เราว่านิสัยของคนที่เป็นหมอต้องเข้มแข็งและชัดเจนกว่านี้. กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านความยากลำบากมามากมาย หมอต้องชัดเจนกว่านี้อย่าหนีคุณชาย และอย่าไล่เขาด้วยความจริงต้องขอร้องมากกว่านะ อยากคุยก็คุย. แมนๆคุยกันดิจะได้ชัดไม่ติดค้างคาใจ จะจีบจะอะไรว่ากันอีกที ให้รู้ไปว่าไม่ได้มาแกล้งหรือทวงบุญคุณอะไรซักหน่อยชีวิตคนเรามันสั้นเกินกว่าจะเสียเวลามัวทำอะไรแบบนั้นนะคะ
รอๆๆ :hao5:
:hao7:
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วจ้าา.. o18
ตอนที่ 12 “เค้าว่าคุณหมอคนนั้นเค้ามือสั่นจนจับมีดผ่าตัดไม่ได้เลยล่ะ ดีนะ ที่เป็นแค่เคสใส้ติ่งธรรมดา ถ้าเป็นรายที่อาการหนักขึ้นมาสงสัยได้พลาดอีกรายแน่ๆ ...” “ แต่นี่เค้าก็เรียกว่าพลาดเหมือนกันนั่นแหล่ะเธอ ไม่งั้นหมอคนอื่นไม่วิ่งไปรับเคสนั้นแทนหรอก ...” “ เป็นหมอแท้ๆ น่าอายเป็นบ้าเลยเนอะ ...” นั่น ... คือสิ่งที่ผมได้ยินจากพวกพยาบาลผู้หญิง พวกหล่อนคงว่างงานมาก ถึงได้มีเวลามานินทาคนอื่นแบบนี้ ทั้งๆ ที่ผมเห็นคนไข้มากมายรอรับการรักษาอยู่แท้ๆ ทำไมถึงไม่ไปทำหน้าที่ของตัวเองกันนะ และเพราะมันมีเสียงนินทาดังไปทั่วโรงพยาบาลแบบนี้บ่อยๆ ด้วยรึเปล่า ถึงทำให้อยู่ๆ คุณหมอจิ๊บก็ตัดสินใจขอย้ายไปอยู่โรงพยาบาลอื่นแทน เขาทำเรื่องย้ายโดยใช้เวลาไม่ถึงอาทิตย์ด้วยซ้ำ ตอนแรกผมว่าจะแอดมิดตามไปที่โรงพยาบาลใหม่เขา แต่ว่าคุณหมอหัวหน้าที่นี่บอกว่าโรงพยาบาลใหม่ของคุณหมอจิ๊บขาดแคลนอุปกรณ์ยิ่งกว่าที่นี่เสียอีก อย่างผมถ้าอยากจะย้าย ก็ควรจะย้ายเข้าไปในโรงพยาบาลที่พร้อมมากกว่า ผมเลยได้แต่อดทนรักษาตัวอยู่ที่เดิมต่อ อย่างน้อยผมก็ยังพอเก็บข้อมูลของคุณหมอของผมได้ จนกระทั่งผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้วนั่นแหล่ะ ผมก็รีบหาทางไปหาเขาทันที แต่กว่าจะออกได้ออกไป คุณหมอก็ย้ายบ้านไปซะแล้ว ผมรู้สึกเสียดายกุญแจที่ได้มาจัง ... แต่ก็นับว่าโชคยังเข้าข้างผมอยู่ เพราะผมสามารถสืบทราบมาจนได้ว่าคุณหมอย้ายไปอยู่ที่ไหน ผมไม่รอช้า รีบหาทางไปที่นั่นทันที คงอีกไม่นานเกินรอ ผมก็จะได้พบกับคุณหมออีกครั้งแล้ว รอผมก่อนนะครับคุณหมอจิ๊บ ผมกำลังจะเป็นฝ่ายไปหาคุณแล้วนะ ____ ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าหอพักใหม่ของคุณหมอ มองจากภายนอกแล้ว สภาพตึกนี้ดูเก่าทรุดโทรมมาก มันมีแค่สี่ชั้นเท่านั้น แล้วแต่ละชั้นมีคนพักอยู่ไม่กี่ห้อง ยิ่งชั้นที่สี่นั้นก็มีแค่คุณหมออยู่เพียงคนเดียว ผมเลยอดที่จะเป็นห่วงเขาไม่ได้จริงๆ เพราะงั้นผมเลยรีบย้ายตามมาอยู่ที่ชั้นสี่ด้วยซะเลย อย่างน้อยผมก็ยังช่วยเป็นหูเป็นตาให้ได้ แต่แน่นอน ผมไม่ได้ทำให้คุณหมอรู้ตัวหรอกว่าได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว ก็มันไม่คุ้มกันถ้าจะทำให้เขาหนีผมไปอีก ผมเลยรอเวลาให้เขาไปทำงาน แล้วก็ค่อยแอบเข้าห้องระหว่างที่เขาไม่อยู่ ส่วนจะแอบเข้าไปยังไง ผมก็คิดวิธีไว้แล้วล่ะครับ มันน่าจะเรียกว่าเป็นโชคดีของผมก็ได้ ที่ตัดสินใจแอบไปไขดูตู้จดหมายของเขา ทำให้ได้รู้ว่าในนั้นมันมีสิ่งสำคัญซ่อนไว้อยู่ด้วย ซึ่งก็คือก๊อปปี้กุญแจบ้านนั่นเอง คุณหมอคงไม่คิดว่าจะมีคนไขรหัสเปิดตัวล๊อคได้แน่ๆ ถึงได้ชะล่าใจเอากุญแจบ้านไปใส่ไว้ได้ จริงๆ ผมก็ลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะรู้รหัสเหมือนกัน แต่ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จย่อมอยู่ที่นั่นครับ ทำให้ผมสุ่มเลขจนสามารถเปิดมันได้ และทันทีที่ได้กุญแจมา ผมก็รีบไปทำสำเนาเก็บไว้อีกอันเลย แล้วผมก็อยากจะใช้มันเต็มทีแล้วด้วย ... แต่เนื่องจากว่าตอนนี้ผมกลับไปทำงานของตัวเองแล้ว ทำให้เวลาว่างในช่วงเช้าไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่ แต่ยังดีที่พอจะหาเวลาว่างตอนบ่ายๆ แอบไปเข้าห้องเขาได้ อย่างเช่นวันนี้ ผมจะเริ่มลองสำรวจห้องของคุณหมอเป็นครั้งแรก คิคิคิ แค่คิดก็มีความสุขแล้วล่ะครับ . . (มีต่อ)
. . หลังจากเตรียมอะไรเสร็จสิ้น ผมก็เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง 403 ห้องของคุณหมอ พร้อมกับกุญแจในมือ รู้สึกใจเต้นตึกตักเมื่อกำลังจะไขประตูเข้าไป และทันทีที่เสียบกุญแจ แล้วไขจนเกิดเสียงดังแก๊ก ... ผมก็รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่รอคอยมานานกำลังจะได้รับการปลดปล่อย ผมดึงกุญแจออก แล้วบิดลูกบิดประตูเบาๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ สอดส่องสายตาผ่านช่องประตูที่เปิดแง้มนิดๆ เข้าไป และเมื่อสายตาจ้องมองเข้าภายในห้อง ก็พบว่าภายในมืดสนิทและเงียบเชียบ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าหนทางกำลังโล่ง ผมจึงแทรกตัวผ่านประตู้ไม้เข้าไป และทันใดนั้นกลิ่นยาที่ไม่ต่างจากที่โรงพยาบาลก็ลอยฟุ้งแตะจมูก ทั้งๆ ที่เคยเกลียดกลิ่นแบบนี้ที่สุดแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าผมหลงรักมันขึ้นมาเสียอย่างงั้น เพราะทุกครั้งที่ได้กลิ่นมัน ผมก็จะรู้สึกราวกับมีคุณหมอจิ๊บอยู่ข้างๆ กาย ผมก้าวเข้ามาสู่ภายในห้องเต็มตัว มือข้างนึงก็ค่อยๆ คลำหาสวิตช์ไฟแถวข้างๆ ประตู กดคลิกๆ จนภายในห้องสว่าง หลังจากนั้นก็ถอดรองเท้าเก็บเข้าไปในตู้เก็บรองเท้า ก่อนจะก้าวขาเข้าไปข้างในแล้วเดินสำรวจไปทั่วอย่างช้าๆ ผังภายในห้องนี้มันมันไม่ต่างจากห้องผมเท่าไหร่ มันมีพื้นที่ครัวใช้สอยขนาดกะทัดรัดใกล้ประตู แล้วก็มีห้องน้ำในตัวเหมือนๆ กัน แต่สิ่งที่คุณหมอมีเพิ่มมาก็คงเป็นโต๊ะทานข้าวเล็กๆ สองที่นั่งล่ะมั้ง เห็นแล้วก็อยากจะนั่งทานอาหารกับเขาที่โต๊ะนั่นบ้างจัง ในส่วนของห้องนอน นอกจากมีเตียงแล้ว ก็ โต๊ะทำงานวางอยู่ใกล้ๆ ส่วนตรงข้างหัวเตียงก็มีโต๊ะเล็กๆ ที่มีโคมไฟสีขาวนวลตั้งไว้ ข้างใต้ก็มีขวดยาอะไรบางอย่างวางไว้ด้วย เมื่อหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่า มันเป็นยาที่มีชื่อว่า Valium ไม่รู้ว่ามันคือยาไว้สำหรับรักษาอะไร แต่เขาคงกินมันได้สักพักแล้ว ก็ดูจากจำนวนเม็ดยาที่อยู่ภายใน มันเหลือไม่ถึงครึ่งขวดด้วยซ้ำ นี่เขาไม่สบายถึงต้องทานยานี่ใช่ไหม ? เป็นห่วงจังเลย ... ผมวางขวดยากลับไปที่เดิม ก่อนจะเดินไปสำรวจรอบๆ ต่อ พยายามเก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องช้าๆ ค่อยๆ จินตนาการไปว่าคุณหมอจะใช้ของชิ้นไหนยังไงบ้าง อย่างตุ๊กตายางลูกเป็ดน่ารักๆ ที่วางอยู่ตรงอ่างอาบน้ำ เขาก็คงจะอาบน้ำกับมันทุกวัน ผ้าขนหนูผืนนุ่ม เขาก็จะต้องใช้มันซับหยดน้ำที่เกาะพราวตามตัว หรือแม้แต่แปรงสีฟันสีฟ้า ที่ได้สำรวจไปทั่วโพรงปากของเขา ... คิดแล้วก็อยากจะกลายร่างเป็นของใช้อย่างใดอย่างหนึ่งของเขาจริงๆ เพราะมันคงจะมีความสุขไม่น้อยที่ได้มีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของคุณหมอ หลังจากที่ค่อยๆ สำรวจทุกอย่างทีละชิ้น ทีละชิ้น ผมก็มาหยุดอยู่ที่สิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ เตียงของคุณหมอ ... ผมทิ้งตัวนั่งลงจนฟูกยวบไปตามน้ำหนัก ค่อยๆ ลูบไล้ฝ่ามือไปบนหมอนนุ่มใบสีขาวไปมา แล้วหยิบมันขึ้นมากอดไว้แนบอก ก้มหน้าลงสูดกลิ่นแชมพูอ่อนๆ ที่ยังคงติดอยู่ อืมม ... หอมจัง ... คุณหมอคงจะใช้เจ้านี่หนุนนอนทุกวันเลยสินะ น่าอิจฉา ... นี่ผมเป็นอะไรไป ? อิจฉาได้แม้กระทั่งหมอน คงเป็นเพราะผมโหยหาเขามากล่ะมั้ง และยิ่งคิดถึง ผมก็ยิ่งอยากจะสัมผัสเขาอีกสักครั้ง แต่ตอนนี้ผมคงทำได้แค่เก็บเกี่ยวสิ่งตกค้างต่างๆ ของเขาที่แฝงมากับข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ไปก่อนเท่านั้น ก็เขาไม่ยอมเหลียวแลผมเลยนี่นา แถมยังทำท่ารังเกียจทุกครั้งที่เข้าใกล้อีก อดสงสัยไม่ได้จริงๆ ว่าต้องให้ผมหลับไปอีกครั้งหรือเปล่า คุณหมอถึงจะยอมให้ผมเข้าใกล้ได้ แต่ยังไงผมก็ขอเลือกตื่นขึ้นดีกว่า อย่างน้อยถึงเขาจะไม่สนใจผมแล้ว ผมก็ยังมีความสุขที่ได้เป็นห่วงเขาอยู่ทุกวัน ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องที่คุณหมอจิ๊บ ดูแลผมมาตลอด ไม่ใช่ความฝันที่ผมคิดไปเอง ผมทอดตัวนอนไปกับเตียง สองแขนยังคงโอบกอดหมอนเอาไว้ เพื่อที่จะได้รู้สึกเหมือนกับว่ามีคุณหมออยู่ในอ้อมกอด พอพลิกหน้าซุกลงกับผ้าปูเตียงที่ตรึงเปรี๊ยะ กลิ่นหอมของน้ำยาซักผ้า และกลิ่นของคุณหมอหอมกรุ่นขึ้นมาตามแรงหายใจ เพียงแค่นี้มันก็ทำให้ผมอยากจะจมหายไปบนเตียงนี้แล้วสิ ยิ่งถ้ามีเขามานอนอยู่ข้างๆ กายด้วยแล้วละก็ มันคงจะดีไม่น้อยเลยล่ะ อยากให้คุณหมอเปิดใจยอมรับผมเร็วๆ เหลือเกิน กึกๆ !!!! !!!??? จู่ๆ ก็มีเสียงดังกึกกักมาจากนอกประตูห้อง ใช่คุณหมอกำลังจะเปิดประตูเข้ามาหรือเปล่า ? แย่แล้วสิ ถ้าเขามาเห็นผมนอนอยู่บนเตียงอย่างนี้ละก็ คงได้เกลียดขี้หน้าผมมากขึ้นกว่าเดิมแน่ๆ ผมจะหาทางหลบออกไปยังไงดีเนี่ย !? . . TBC ______ TALK: มาต่อแล้วค่าาาา โอยย ตอนนี้คุณชายนี่พอๆ กับหมอจิ๊บเลยนะ หรือว่าจะอาการหนักกว่าเนี่ย 55555 อ่านแล้วเป็นยังไงบอกกันบ้างนะค้าาา แล้วก็ฝากเป็นกำลังใจให้คุณชายด้วยนะคะ แฮร่ >< เจอกันใหม่ตอนหน้าค่า ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
น่าเห็นใจหมอจิ๊บจังเลยย.. :hao5: ถึงขนาดต้องพึ่งยาแบบนี้ไม่ดีแล้วน้าา คุณชายไม่ต้องแอบเลยค่ะ แสดงตัวออกมาเถอะ ให้หมอจิ๊บวิปคุณชายแทนจะได้ลืมความเศร้าไปได้บ้างก็ดีนะคะ
เอิ่ม..คุณหมอป่วยใจ ส่วนหมอนี่ป่วยจิต =__=
หมอจิ๊บคงรู้สึกแย่มากจริงๆ พยาบาลขี้นินทาไม่น่าทำแบบนั้นเลย คนเป็นหมอเห็นคนไข้ที่รักษาไม่รอดก็เสียใจกันทั้งนั้น ไม่ควรเลยที่คนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ช่วยเหลืออะไรจะมาซ้ำเติมอีก คุณชายรีบเข้าไปแสดงตัวกับหมอจิ๊บได้แล้วนะ อย่าปล่อยให้หมอโดดเดี่ยว เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
น่าจะไล่พยาบาลพวกนี้ออกให้หมดเนาะ :m16: ไม่ช่วยอะไรยังทำร้ายจิตใจอีก :z6: สงสารหมอจิ๊บอะะะะ :hao5: คุณชายต้องค่อยๆเข้าไปนะ อย่าลืมอธิบายด้วยว่าไม่ได้มาแกแค้นทวงคืนอะไร เดี๋ยวหมอจะตกใจตื่นตูมไปอีก รอตอนต่อไปปปปป
รักของคุณชาย stalker
:m18: :m18: :m18: :m18: :m18:
อร๊ายยย. คุณชายจะไปแอบที่ไหนอะ คริคริ
ออกยังไงล่ะคุณชาย
คุณชายตอนนี้เป็นสโตร์เกอร์ไปซะแล้ว ดูแลหมอจิ๊บดีๆ นะ คุณชาย
หมอจิ๊บต้องกินแวเลี่ยมเลยเหรอ เครียดหนักมากเลยนะหมอ :mew2:
:katai1: ตอนนี้เป็นห่วงหมอจิ๊บจัง. เสียศูนย์แล้วสิ จะถึงกับต้องย้ายรพ. รึเปล่านะ. แล้วไหนจะมีสตอล์คเกอร์สุดหล่ออีก ยังไงเก็บกดอะไรก้อระบายกับคุณชายเหมือนเดิมสิคะ. ที่ผ่านมายังทำได้เลยตอนนี้เขาตื่นมาคุยด้วยแล้วหมอต้องแมนๆเปิดอกไปเลยนะ ซ่อนใต้เตียงสิพอหมอซัดยานอนหลับแล้วก้อค่อยออกมานอนบนเตียงซะเลย. อ่านแล้วก้อลุ้น :hao7:
:ling1:
รอดูว่าคุณชายจะหลบได้มั้ย หรือจะเจอหมอจิ๊บ :-[ o18 รอติดตามต่อนะครับ :L1: :pig4:
จิตพอกัน 5555
โถ๋ววววว........หมอจิ๊บ :sad11: :katai3: อย่าเศร้าไปเลย คุณชาย ปลอบหมอด้วยนะ หมอด่าก็อย่าโกรธ ตื้อเท่านั้นครองโลก
สโตรคเกอร์
ตอนที่ 13 แอ๊ดดดด … . “ นี่ฉันเบลอจนไม่ได้ปิดไฟก่อนออกไปหรือเนี่ย ...” เสียงคุณหมอพูดกับตัวเองดังขึ้นเมื่อก้าวเท้าเข้าห้องมา เมื่อครู่ผมรีบกลิ้งตัวลงมาซ่อนอยู่ใต้เตียงทันอย่างหวุดหวิด ทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็น ถึงอย่างนั้นผมก็ยังแอบหวั่นๆ อยู่ดีว่าคุณหมอจะก้มลงมาเจอแขกไม่ได้รับเชิญอย่างผม แต่โชคดีที่เขาเอาแต่เดินไปเดินมาอยู่แถวครัว จึงไม่ได้สนใจตรงที่ที่ผมซ่อนตัวอยู่เท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ตรงนั้นบ้าง เพราะจากจุดนี้ก็มองเห็นแค่ช่วงขาของเขาเท่านั้น คุณหมอเดินวนไปมาได้สักพัก ก็เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบอะไรบางอย่างออกมา แล้วก็นำไปอุ่นยังไมโครเวฟ ก็คงจะอุ่นอาหารเย็นทาน เมื่ออุ่นเสร็จ คุณหมอก็เดินมานั่งแหมะลงที่โต๊ะทานข้าว แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เสียงก๊องแก๊งของช้อนส้อมกระทบกับจานอาหารดังเป็นครั้งคราว เหมือนว่าเขาจะเอาแต่เขี่ยมันเล่น ทานได้สักพักก็เดินไปเทอาหารทิ้งเฉย เห็นอย่างนี้แล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ นี่คงจะเครียดเรื่องงานจนทานไม่ลงแน่ๆ เฮือก !!! ผมสะดุ้งตกใจเมื่ออยู่ๆ คุณหมอก็เดินมาแถวๆ เตียงเพื่อหยิบอะไรบางอย่าง มันเป็นขวดยาที่ชื่อว่าแวเลียมขวดนั้น ไม่รู้ว่าเขาหยิบยาไปทานกี่เม็ด แต่มันคงเป็นจำนวนไม่น้อยเพราะผมเห็นเขายกแก้วน้ำดื่มตามอยู่หลายครั้ง นี่เขาไม่สบายขนาดนี้เลยเหรอ ? ทานยาเสร็จ คุณหมอก็เดินไปอาบน้ำ เสียงสายน้ำจากฝักบัวซ่าๆ ดังออกมานอกห้องด้วย ถ้าใช้เวลาช่วงนี้เดินออกไปข้างนอกก็คงทัน แต่ผมยังไม่อยากจะลุกไปไหนเลย ถ้าจะอยู่ตรงนี้จนถึงเช้า เขาจะทันสังเกตเห็นผมไหมนะ ? คิดแล้วผมก็ได้แต่นอนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเพื่อรอให้เขาออกมาจากห้องน้ำ การได้มองเขาเรื่อยๆ อย่างนี้มันทำให้ผมมีความสุขมากเกินไป มากจนไม่หลงเหลือความกลัวอะไรอีก ในที่สุดก็มีเสียงหมุนปิดวาล์วน้ำลง ก่อนจะมีเสียงเปิดประตูห้องน้ำ ผมจ้องมองเรียวขาของเขาที่มีหยดน้ำเกาะพราวเดินออกมาจากห้องน้ำ จนมาหยุดอยู่ตรงตู้เสื้อผ้า ในหัวพยายามคาดเดาว่าคืนนี้เขาจะใส่ชุดนอนชุดไหน ทว่าไม่ทันที่เขาจะได้หยิบอะไรออกมาสวม จู่ๆ เขาก็ทรุดล้มฟุบลงไปทันที ! “ หมอครับ หมอ !!” ผมรีบวิ่งออกมาจากใต้เตียงเพื่อไปหาเขา รีบก้มลงเอาหูแนบไปกับอกเพื่อฟังเสียงหัวใจเต้น หัวใจยังคงเต้นปกติ นี่คุณหมอเหนื่อยจนเป็นลมล้มพับไปรึเปล่า ? ระหว่างที่กำลังคิดหาทางช่วย เสียงลมหายใจดัง ฟืด .... ฟืด .... ก็แว่วมาจากตัวของคุณหมอ .... สรุปแล้วเขาแค่หลับไปอย่างนั้นเหรอเนี่ย ? โธ่เอ๋ย ... ที่แท้ก็เหนื่อยมากจนหลับไปสินะ คุณหมอละก็ ชอบทำให้ผมเป็นห่วงอยู่เรื่อยเลย ผมจัดการอุ้มเขาไปนอนที่เตียง ตัวเขายังคงเปียกๆอยู่ ผมเลยเดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่มาซับน้ำให้เขาจะได้ไม่เป็นหวัดด้วย ซับไปก็จ้องมองหน้าเขาไป นี่เป็นครั้งแรกหลังจากออกจากโรงพยาบาลที่ได้มองเขาใกล้ๆ ชัดๆ แบบนี้ มองแล้วก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ยังหลบอยู่ใต้เตียงนั่นไม่เดินออกไปเสียก่อน ใบหน้าของคุณหมอยามหลับน่ารักมาก เหมือนเด็กเล็กๆ ไม่มีผิด เขาหลับตาพริ้ม ส่งเสียงมุ้งมิ้งๆ เวลาที่ผมใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมให้เขาเบาๆ คุณหมอมีผมหยักศกนิดๆ เส้นผมดูนุ่มๆ ผมเลยลองใช้นิ้วสางผมเขาเล่น หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ใช้ผ้าซับไปตามใบหน้า ลำคอ และทรวงอกเขาต่อ เมื่อมองทรวงอกเนียนที่กระเพื่อมไหวน้อยๆ ยามหายใจเข้าออกแล้ว มันก็อดไม่ได้ที่จะต้องเอื้อมมือไปสัมผัสตรงนั้นเบาๆ ค่อยๆ ลากนิ้วไปยังท่อนแขนอวบๆ และจากเรียวขา มายังปลายเท้า “ เดี๋ยวผมใส่เสื้อผ้าให้นะครับ ” ผมกระซิบบอกกับคุณหมอที่ยังคงหลับสนิท จะปล่อยให้เขานอนทั้งที่ยังไม่สวมใส่อะไรเลยก็คงไม่ดีแน่ ผมเลยเดินไปหยิบชุดนอนลายหมีของเขาออกมา สวมเสื้อให้ก่อน แล้วติดกระดุมให้ทีละเม็ดๆอย่างไม่รีบร้อน กลิ่นสบู่หอมๆ และแชมพูโชยออกมาเรื่อยๆ ช่างเย้ายวนจนทำให้อดใจไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องก้มลงไปสูดกลิ่นหอมที่แก้มเขาหลายๆที ถ้าเขารู้ตัว เขาต้องโกรธผมอีกแน่ๆ แต่มันห้ามใจไม่ได้นี่นา คุณหมออยากน่ารักเองทำไม ? หลังจากนั้น ผมก็ดึงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวเขาออก สวมบ็อกเซอร์ให้ ก่อนจะสวมกางเกงนอนทับ ตอนที่คุณหมอดูแลผม คุณหมอก็ทำให้ผมอย่างนี้สินะ มันไม่ใช่งานง่ายๆ เลยนะเนี่ย ที่ว่าไม่ใช่งานง่ายๆก็เพราะ การหักห้ามใจไม่ให้ทำอะไรเกินเลยเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ ... “ คุณหมอ นอนแล้วจริงๆ เหรอครับ ...” ผมเอ่ยถามกับเขาเพื่อความแน่ใจ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ นี่เขาคงจะเหนื่อยจนหลับสนิทมาก ผมอยากนอนกอดเขาไว้จัง แต่ก่อนที่จะนอน ขอผมจูบคุณหมอก่อนได้ไหม ? “ คุณหมอครับ ผมขอจูบหน่อยได้ไหม ?” คุณหมอไม่ตอบเหมือนเดิม นี่จะถือว่าเขาอนุญาตผมแล้วได้รึเปล่านะ ? ผมค่อยๆ ก้มหน้าลงทีละนิด ใช้มือสอดรอบเอวเขาไว้ กระชับวงแขนให้แน่นขึ้น แล้วซุกปลายจมูกไว้กับแก้มเนียนๆ ถูไถไปมาเบาๆ ก่อนจะค่อยๆกดริมฝีปากตัวเองลงตรงนั้นให้กลิ่นหอมลอยฟุ้งติดจมูก และให้รสชาติหวานๆ ติดอยู่ที่ปาก ผมผละหน้าออกมาหน่อยเพื่อเลียริมฝีปากตัวเอง แล้วเริ่มประทับจูบลงเรียวปากนุ่ม ลิ้นชื้นค่อยๆ สัมผัสไปตามกลีบปากของอีกฝ่าย ผมกระแซะลิ้นเข้าไปให้พอได้สัมผัสเนื้อปากภายในของริมฝีปากล่างหน่อยๆ หลังจากนั้นก็ริมฝีปากบน ช้าๆ ผมลากลิ้นลงมาตามแนวฟันเนิบๆ ก่อนจะดันแทรกแนวฟันนั้นให้เผยอขึ้น เพื่อที่จะได้เข้าไปสำรวจภายในต่อ “ อือ ...” คุณหมอส่งเสียงครางงุ้งงิ้งฟังดูน่ารักเป็นบ้า ทำให้ผมยิ่งอยากเดินหน้าต่อ ผมเกร็งปลายลิ้นตะหวัดขึ้นไปยังเพดานปากแล้วปล่อยให้ตกลงมาวางแน่นิ่งบนลิ้นของอีกฝ่าย คุณหมอขยับตัวนิดๆ ทำให้เหมือนมีแรงดุนที่ลิ้นผมหน่อยๆ ผมหยุดเคลื่อนไหวสักพักเพื่อรอจังหวะ แล้วจึงลากลิ้นสัมผัสให้ทั่วอีกครั้ง “ ขี้เซาจังเลยนะครับคุณหมอเนี่ย ” ผมผละหน้าออกมาพูดกับคุณหมอที่ยังคงหลับซุกอกผมอยู่ ออกแรงกระชับตัวคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น แม้จะได้ยินเสียงท้องร้องโครกครากดังออกมาจากตัวเองเป็นระยะๆ เพราะตั้งแต่บ่ายยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักอย่างเดียว แต่ก็ไม่เป็นไร ผมยอมอดข้าวเพื่อให้ได้นอนกอดเขาไว้ทั้งคืน ผมอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งรุ่งเช้า ถึงได้จำใจผละออกมาแล้วเดินกลับไปห้องตัวเอง พยายามจะคิดว่าไม่เป็นไร เพราะอีกไม่นานโอกาสก็จะมาเยือนอีกครั้งแน่ๆ . . TBC ___ Talk: มาต่อแล้วค่าาาา >< ช่วงนี้ยุ่งๆ นิดหน่อย ยังไงก็ฝากติดตามคุณหมอกับคุณชายกันต่อด้วยน้าคะ :D มาช้าบ้างไรบ้างไม่ว่ากันน้าาเจอกันใหม่ตอนหน้าค่า ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
จิ้ม..^^ ___ หมอจิ๊บหลับกลางอากาศเลยเหรอคะเนี่ย ดีนะคะที่คุณชายแอบซุ่มอยู่ในห้องด้วย ไม่อย่างนั้นหมอจิ๊บต้องนอนหนาวเพราะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแน่นอนเลย (คือเป็นห่วงเรื่องนี้?) :laugh: … คุณชายเนียนเลยนะคะ กิ้วๆ~
อ่า... อยากให้คุณชายมาดูแลหมอจิ๊บมากเลย หมอท่าจะไม่ไหวแล้วนะ
แอบลักหลับล่ะ เหอเหอ
เกือบไปแล้วคุณชาย
ถึงคราวคุณชายดูแลหมอบ้างแล้ว
หมอจิ๊บเครียดเรื่องงานเหรอ คุณชายโผล่เข้าไปสร้างความวุ่นวายให้ชีวิตหมอจิ๊บซะทีสิ จะได้ไม่มีเวลาเครียด เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
สงสารคุณหมอออออออออ ถึงขั้นต้องกินยาเลยอะ :hao5: ช่วยเยียวยาคุณหมอต่อไปนะคุณชาย รอตอนต่อไปนอะะะะ
:ling1: หมอจิ๊บ. ไม่ไหวแล้วนะแบบนี้. มีอย่างที่ไหนกินแวเลี่ยมก่อนอาบน้ำ ถ้าล้มหัวฟาดพื้นไปไม่มีใครมาช่วยทันหรอกนะ. นี่ดีขนาดไหนที่หัวไม่โขกเตียงตายไปก่อน ดีใจที่คุณชายมาช่วยดูแล. แต่เจ้าตัวคงไม่รู้อีกเช่นเคย. ขัดใจเจ้. :m16: คนเขียนมาต่อไวๆนะคะ อยากรู้แล้วว่าหมอจิ๊บจะเป็นแบบนี้อีกนานไหน. :pig4:
คุณชายต้องรีบแสดงตัว แสดงจุดประสงค์ให้หมอจิ๊บรู้นะ อย่าปล่อยให้หมอจิ๊บคิดมากอยู่คนเดียว อย่าปล่อยให้หมอจิ๊บท้อแท้ และเงียบเหงาโดยไม่มีใครอยู่ข้างๆ อย่าปล่อยให้หมอจิ๊บใช้ยาคลายเคลียดเป็นทางออกแบบนี้อีก
อ่านแล้วรู้สึกเหมือนหมอจิ๊บโดนเอาคืน
สงสารคุณหมอออ :hao5: :hao5:
ตอนที่ 14 วันนี้ผมแอบมารออยู่ที่ใต้เตียงคุณหมอเหมือนเดิม แต่ก่อนเข้ามา ผมก็เอารองเท้าสลิปเปอร์ลายหมีไปวางไว้นอกห้องพร้อมกับแขวนถุงอาหารที่ผมสั่งมาจากร้านชื่อดังให้เขา ผมไม่ลืมสอดกระดาษใบเล็กๆ เอาไว้ด้วย เผื่อว่าเขาจะไม่ไว้ใจแล้วไม่ยอมทานมันเข้า ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณหมอ ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่าง จาก คนไข้ของคุณหมอ ตอนแรกผมว่าจะเขียนว่า จากชาย แต่มันคงจะเป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะคุณหมอเกลียดผมจะตาย ถ้ารู้ว่าของพวกนี้เป็นของผมล่ะก็ เขาคงจะรีบโยนมันทิ้ง ผมก็ได้แต่ภาวนาว่าเขาจะรับของพวกนี้ไว้โดยไม่คิดมากนะ กึกๆๆๆ มาแล้วๆ ดูเหมือนว่าคุณหมอจะหยุดอยู่หน้าประตูห้องนานกว่าปกติ สงสัยคงกำลังดูของขวัญของผมอยู่ ไม่นานนักเขาก็เดินเข้ามาพร้อมกับอาหารและรองเท้าสลิปเปอร์ ผมนี่แทบกลั้นยิ้มไว้ไม่ได้ ก็มันดีใจที่ของที่ผมซื้อจะได้มีส่วนร่วมในชีวิตคุณหมอแล้ว พอเขาเข้ามา เขาก็เปลี่ยนไปใส่สลิปเปอร์หลายหมีนั่นทันที แล้วก็ทานอาหารที่ผมซื้อมา น่ารักจังน้า ... เขาทานอาหารจนหมด ท่าทางรสชาติจะถูกปากเขาอยู่เหมือนกัน ไว้ผมจะซื้อมาฝากเขาอีกพรุ่งนี้ คิคิคิ หลังจากนั้นคุณหมอก็ทำโน่นทำนี่ไปเรื่อยๆ เปิดโทรทัศน์ดูข่าวครู่นึงก็ปิด แล้วเดินไปทานยาตรงหัวเตียงเหมือนเดิม เขานั่งลงกับเตียงจนมันยวบ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นี่คุณหมอยังคงมีเรื่องเครียดอยู่ใช่ไหม ? นั่งได้สักพัก เขาก็เดินไปอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้า แล้วก็ปิดไฟเสียมืด ก่อนจะกลับมานอนที่เตียง ผมได้ยินเสียงเตียงลั่นดังเอี๊ยดอ๊าดยามที่คุณหมอขยับตัว สักพักหนึ่งเสียงนั้นก็หยุดไป คุณหมอคงจะหลับไปแล้วสินะ ... ผมค่อยๆ เคลื่อนตัวออกมาจากใต้เตียง ทิ้งก้นลงนั่งกับขอบเตียงช้าๆ เสียงหายใจคุณหมอดังฟืด ... ฟืด ... เขาหลับไปแล้วจริงๆ ผมจึงเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟตรงหัวเตียงให้พอมีแสงไฟสีส้มนวลๆ จะได้พอมองเห็นเขาชัดขึ้น หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แทรกตัวผ่านผ้าห่มผืนบางเข้าไปโอบกอดเขาไว้แน่น แล้วซุกหน้าไซร้หน้าไปตามแก้มตามคอ เพื่อสูดกลิ่นหอมๆ เหมือนเดิม คุณหมอเริ่มดิ้นนิดหน่อย แต่ผมก็ยังไม่ยอมหยุด เริ่มใช้ปากเม้มไปตามซอกคอเนียนๆ ของเขา จนเขาส่งเสียงครางงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งออกมา “ อื้อ ... อย่า จั๊กจี้ ...” !!!!! ผมสะดุ้งและผละหน้าออกด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าคุณหมอรู้สึกตัว แต่พอมองดูแล้ว เขาก็ยังหลับตาอยู่ แล้วก็ก้มลงซุกหน้าซบอกผมเหมือนเดิม ฟู่วว .... ที่แท้ก็ละเมอ ตกใจหมด ผมใช้ฝ่ามือลูบหลังเขาเบาๆ เพื่อกล่อมให้หลับต่อ แต่แล้วจู่ๆ คุณหมอก็ลุกพรวดขึ้น !! เขาพลิกตัวขึ้นมาคร่อมผม ผมอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก เพราะตอนนี้เขากำลังจ้องหน้าผมอยู่ด้วย แต่ว่าสายตาเขามันดูเบลอๆแปลกๆแฮะ “ คุณชาย ... จะ ทำอะไรครับ ” คุณหมอเรียกชื่อผมด้วย ... ดีใจจัง ... “ เงียบอีกแล้ว ... ชอบให้ผมพูดคนเดียวจริงๆ เลยนะคุณเนี่ย ...” เปล่านะครับ ผมแค่ยังนึกคำพูดไม่ออกเท่านั้นเอง “ ถ้าไม่พูด ผมจะลงโทษนะ ” ลงโทษเหรอ ? นี่ผมทำผิดอีกแล้วใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคุณหมอจะลงโทษอะไรผม ผมก็ยอมครับ ... อื้มมมมมม .... สุดท้ายเขาก็ลงโทษผมด้วยการ จูบ ... อืม ... จูบที่คุณหมอเป็นคนมอบให้ มันช่างทำให้ผมรู้สึกอยากจะล่องลอยไปบนสวรรค์จริงๆ มันทั้งหวาน ทั้งนุ่ม ไม่อยากให้คุณหมอถอนริมฝีปากออกไปเลย ลิ้นของเขาแทรกเข้ามาหยอกล้อผมไปทั่ว ผมว่าเขายังขี้เล่นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ผมเริ่มเลื่อนมือข้างนึงไปโอบสะโพกของคุณหมอ ให้ตัวเขาแนบกับผมมากขึ้น ส่วนอีกข้างก็นวดเฟ้นไปตรงท้ายทอยเขาเบาๆ และกระชับให้ใบหน้าเขาเข้ามาใกล้ เพียะ ! “ ทำไมเดี๋ยวนี้มือซนจังครับ หืม ?” คุณหมอปัดมือผมออกแล้วจับแขนสองข้างผมรวบไว้เหนือหัว ผมไม่ได้ขัดขืนได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามใจต่อไป เขาเอาหน้ามาซุกไซร้ไปที่ซอกคอผม ก่อนจะกัดตรงช่วงไหล่ของเสื้อยืดที่ผมใส่ดึงขึ้นเบาๆ “ ผมไม่ชอบเสื้อตัวนี้เลย ถอดออกดีกว่านะครับ ...” ผมทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย คุณหมอช่วยดึงเสื้อให้หลุดออกจากปลายแขนผมด้วย หลังจากนั้นก็ก้มลงจรดริมฝีปากไปที่ลำคอผมอีกครั้ง เขาประทับจูบไปเบาๆ ไล่จากคอลงมายังทรวงอก ตัวเขาที่นั่งทับอยู่ที่ท้องผม ก็ค่อยๆ ถอยร่นลงไปด้วย จนกระทั่งผมรู้สึกถึงสะโพก มน ที่ไปหยุดอยู่ตรงส่วนนั้น มันทำให้ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ... เป็นครั้งแรกที่ผมอยากจะให้คุณหมอหยุดการกระทำ ก่อนที่ผม ... จะห้ามตัวเองไม่ไหว “ คุณหมอจิ๊บครับ ...” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า เส้นสติผมใกล้จะขาดเต็มทีแล้ว “ ไม่สบายเหรอครับ ตัวสั่นเชียว ” ไม่เอ่ยเปล่า คุณหมอยังเลื่อนริมฝีปากลงมาเรื่อยๆ ด้วย จากทรวงอก ลงมายังหน้าท้อง เขาไล่จูบตามเนื้อตัวผมครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะมาหยุดตรงแถวสะดือ “ ยังแข็งแรงดีอยู่นี่นา ?” คุณหมอเอ่ย ก่อนจะใช้ฟันงับขอบกางเกงผ้ายืดของผมไว้ แล้วใช้สองมือช่วยจับมันดึงออก จนร่นไปรวมอยู่ที่ต้นขา เขาทำแบบเดียวกันกับกางเกงชั้นในของผม ... ตอนนี้ผมได้แต่หายใจเข้าออกยาวๆ และหลับตาระงับอารมณ์เท่านั้น เฮือก !!! ตาผมเบิกโพลงขึ้น เมื่อรู้สึกถึงริมฝีปากร้อนของอีกฝ่ายที่เข้ามาครอบคลุมตรงส่วนนั้น ผมขยำผ้าปูเตียงจนแน่น แล้ว คุณหมอก็ผละหน้าออกมาเอ่ย “ คุณ ... เกลียดผมรึเปล่า ...” เขาถามด้วยสายตาละห้อย ไม่รอให้ผมตอบ ก็เขยิบตัวขึ้นมาและเอาหน้าซุกลงกับแผ่นอก เขาหันเอาหูมาแนบไว้ที่อกข้างซ้ายผม คุณหมอนิ่งเงียบไปสักครู่ แต่ไม่นานนักผมก็ได้ยินเสียง ... ฟืดด ... ฟืดด .... ดังออกมาจากตัวเขา ... ตกลงแล้ว เมื่อกี๊ ... ละเมอเหรอครับคุณหมอ ? ถ้าผมจะตอบว่าผมไม่เคยเกลียด แต่รักคุณหมอมาก คุณหมอจะตื่นขึ้นมาฟังไหมครับ ? “ คุณหมอจิ๊บ ... รักนะครับ ” ผมกระซิบบอก แล้วค่อยๆ ก้มลงกดริมฝีปากไปที่หน้าผากของคนที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ เขาไม่ได้ตอบรับอะไร ได้แต่ส่งเสียงงึมงัมๆ อยู่ในลำคอออกมา TBC ___TALK : มาต่อเร็วหน่อยค่ะตอนนี้ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ในตอนที่แล้วมากนะคะ ^^ หากมีอะไรแนะนำ บอกคนเขียนได้เลยนะคะ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
:o8:
สำหรับหมอจิ๊บไม่ว่าจะหลับหรือจะตื่นก็น่าร๊ากกก.. :-[ ทั้งนั้นล่ะนะค้าา~ ..คุณชายแอบเสียดายใช่ม๊าา :hao3:
ละเมอซะเป็นเรื่องเป็นราว nc เลย
มาแบบสั้นๆ แต่ตอนนี้ทำให้รู้ว่าหมอจิ๊บก็คิดเรื่องเท็นมากเหมือนกัน รอตอนต่อไปน้าาาา
หมอจิ๊บละเมอถึงขนาดนี้ ดับเครื่องชนไปเถอะครับคุณชาย เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ้า
หมอกับคนไข้ตอนนีืจิตสูสีกันล่ะ แต่......หยุดทำไมเนี้ยคุณชายค้างเลย
ละเมอน่ากลัวที่สุด
ถึงจะละเมอแต่ก็ไม่วายแกล้งคุณชายอยู่ดีนะหมอจิ๊บ. ค้างอะดิ. คนอ่านก็ค้าง ละเมอแบบนี้ไม่ควรมีรูมเมทนะ แล้วนี่จะทำไงต่อเนี่ย. แอบมานอนใต้เตียงทุกวันเลยดีไหม. :hao6: ต้องมีขึงพืดมั่งล่ะงานนี้. วันหลังเอาเชือกหรือเนคไทมาด้วยนะ. จิตทั้งคู่อะ จัดไปอย่าช้า
คุณหมอเปลี้ยนไป :hao6:
นี่คุณหมอละเมอหรอ :a5: :pighaun: :pighaun: รออ่านต่อนะครับ :L1: :pig4:
ต๊าย ละเมอถึงคุณชายด้วย 5555
คิดหมอยังคิดถึงชายอยู่
อื้อหือ....ละเมอให้อยากแล้วจากไป
โอ๊ว....ขุ่นพระ คุณหมอจิ๊บ ละเมอได้ เสียวมากกกกกก คุณชายอดทนใว้ คุณหมอเขาแค่ละเมอ ฮ่าๆๆๆ
คือเมื่อไหร่คุณชายจะเลิกสโตกเกอร์คุณหมอจิ๊บซะทีล่ะค่ะ ทำแบบนี้คุณหมอจิ๊บคงจะรักคุณชายได้หรอกค่ะ ไม่ได้เจอหน้ากันเลยอ่ะ
คิดถึงหมอจิ๊บกับคุณชายแล้วนะค้าา~ :sad4:
ตอนที่ 15 สองทุ่มแล้วผมพึ่งจะคุยกับลูกค้าเสร็จ วันนี้เป็นวันส่งมอบโปรเจคทำให้ผมยุ่งกว่าเดิม แล้วเลิกเย็นแบบนี้ผมกลัวจะกลับไปไม่ทันคุณหมอจริงๆ ผมจึงรีบเรียกแท็กซี่บึ่งมายังที่พัก วิ่งขึ้นห้องอย่างรวดเร็ว โยนๆ เอกสารเข้าไปในห้องตัวเอง รีบเอาตัววิ่งผ่านน้ำ แล้วก็ไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องของคุณหมอ ผมไม่แน่ใจว่าคุณหมอจะหลับไปหรือยัง ปกติสองสามทุ่มเขาก็หลับสนิทแล้ว แต่พักหลังมานี้ เหมือนกับว่าเขาจะหลับยากยิ่งกว่าเดิม บางทีห้าทุ่มแล้วก็ยังไม่หลับ เอาแต่กระวนกระวายแล้วก็ทานยาแปลกๆ ที่วางอยู่บนหัวเตียงนั่น ผมต้องทนนอนรอหลังขดหลังแข็งอยู่ใต้เตียงนานขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันๆ กว่าจะได้ไปนอนกอดเขาอยู่บนเตียง แต่ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยให้ได้จ้องมองเขาทำกิจวัตรประจำวันไปก็ยังดี เมื่อครู่ ผมเหลือบมองดูนาฬิกาก่อนออกจากห้อง ตอนนี้เวลาประมาณสี่ทุ่มกว่าแล้ว ถ้าไขประตูเข้าไปตอนนี้เขาจะยังตื่นอยู่หรือเปล่านะ? แต่ถ้ารอนานกว่านี้ผมก็ทนไม่ไหว เพราะงั้นก็ลองเปิดประตูแง้มๆ ดูก่อนแล้วกัน ผมค่อยๆ ไขกุญแจอย่างเบามือ แล้วสอดส่องสายตามองลอดผ่านช่องประตูที่แง้มไว้นิดๆ แสงไฟยังคงสว่างจ้า แต่ท่าทางคนข้างในจะยังไม่รู้สึกตัวว่ามีคนไขประตูเข้ามาแล้ว และทันทีที่ผมเปิดประตูกว้างขึ้น กลิ่นอะไรแปลกๆ ฉุนๆ ลอยออกมาเตะจมูก มันไม่ใช่กลิ่นยาแบบในโรงพยาบาล แต่มันเป็นกลิ่นที่ทำให้รู้สึกว่าอันตราย แล้วนอกจากนี้ก็มีเสียงหวี่ๆ ดังขึ้นด้วย ผมรู้สึกลางสังหรณ์ไม่ค่อยดีซะแล้วสิ เมื่อชะโงกหน้าเข้าไปเพื่อดูลาดเลาภายในห้อง ก็พบว่าคุณหมอจิ๊บไม่ได้นอนอยู่บนเตียง แล้วก็ไม่ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะทานข้าว ไฟห้องน้ำก็ปิดอยู่ แล้วเขาไปอยู่ที่ไหนกัน? พอก้าวขาเข้ามาเต็มตัว ผมก็รู้ซึ้งทันทีว่ากลิ่นฉุนเมื่อครู่มันคือกลิ่นแก๊สที่รั่วออกมา ผมรีบวิ่งไปปิดวาล์วแก๊ส เปิดพัดลมระบายอากาศออก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แล้วนั่นคุณหมอกำลังนอนกองอยู่ที่หลังโต๊ะทานข้าวนี่นา!? ผมรีบวิ่งไปอุ้มคุณหมอขึ้นมาจากพื้น พาร่างเขาไปวางไว้ที่เตียง ก่อนจะไล่ไปเปิดหน้าต่างและประตูออกให้กว้างเพื่อไล่แก๊สออกให้หมด นี่เขาหลับกลางอากาศอีกแล้ว คุณหมอชักจะอาการหนักยิ่งขึ้นทุกทีๆ ครั้งนี้มันร้ายแรงขนาดถึงตายได้เชียวนะ! ผมรู้สึกกังวลใจอย่างบอกไม่ถูก ริมฝีปากก็เริ่มสั่นกลัว มันต้องมีอะไรที่ผมมองข้ามไปแน่ๆ จะกระทั่งสายตาผมเหลือบไปเห็นขวดยาบนหัวเตียงที่คุณหมอหยิบทานทุกวัน มันไม่ได้มีแค่ขวดเดียววางไว้อย่างตอนแรกแล้ว หรือว่าที่คุณหมอมีอาการแปลกๆ มันจะมีผลจากยานั่น? ผมรีบเปิดอินเตอร์เน็ตหาข้อมูลเกี่ยวกับยาที่ชื่อว่า Valium ที่คุณหมอใช้ทันที แล้วก็รู้สึกว่ายาตัวอื่นที่คุณหมอใช้เพิ่มจะชื่อว่า Dormicum ทำไมผมถึงไม่เอะใจแต่แรกนะ ว่ายาพวกนี้คุณหมอจะใช้ไปทำไม “Valium และ Dormicum เป็นยานอนหลับมีฤทธิ์สงบประสาท คลายกังวล ช่วยทำให้นอนหลับ อาการไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดอาการเซื่องซึม หลับนานผิดปกติ กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน การตอบสนองลดลง สับสน ไม่รู้สึกตัว โคม่า บางรายแทนที่จะสงบลงกลับทำให้มีอารมณ์ก้าวร้าว หงุดหงิด ประสาทหลอน พฤติกรรมผิดปกติ” Dormicum “ยาเสียสาว” หรือ “ยามอมสาว” ถูกนำมาใช้ในการก่ออาชญากรรมมาก ออกฤทธิ์เร็ว ผู้ที่รับประทานยาจะสูญเสียความทรงจำไปชั่วขณะ !! ยาเสียสาว... ยามอมสาว... ยามอมคุณหมอ ไม่ได้!!!ผมจะยอมให้คุณหมอทานต่อไปไม่ได้!!!! ผลข้างเคียงมันร้ายแรงขนาดนี้ ถ้าวันนึงคุณหมอเกิดไปมีอาการข้างนอก แล้วโดนใครฉุดไปทำมิดีมิร้ายจะทำยังไง!!? ผมรีบจัดการเอายาทุกขวดไปทิ้งลงชักโครก นี่คุณหมอถึงกับต้องพึ่งยานอนหลับเลยหรือนี่ ผมก็สะเพร่าจริงๆ ปล่อยให้เขาทานมาได้ตั้งนาน ไม่รู้เลยว่าที่ไอ้ละเมอแปลกๆ แทบทุกคืน มันเป็นอาการประสาทหลอน... มันก็ดีอยู่หรอกที่เขาละเมอแล้วยอมให้ผมเข้าใกล้ แต่ถ้ามันเป็นเพราะผลข้างเคียงของยา ผมก็รู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ เพราะมันก็เหมือนผมใช้โอกาสที่เขาไม่รู้สึกตัว ทำอะไรไป(?)ตั้งหลายอย่าง แล้วถ้าไม่ระวัง เรื่องร้ายๆ มันอาจจะเกิดขึ้นเพราะยานั่นอีกก็ได้ เมื่อกลิ่นแก๊สภายในห้องหมดไป ผมก็เดินไปปิดประตูหน้าต่างไว้เหมือนเดิม แล้วเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ เขาอย่างที่ทำทุกคืน ผมกอดคุณหมอเอาไว้แน่น เขาจะเคยรู้บ้างไหมว่าผมรัก และเป็นห่วงเขามาก “คุณหมอจิ๊บครับ ขอโทษนะครับ...” ผมซุกหน้าไปใกล้ๆ หูเขา กระซิบไปเบาๆ เผื่อว่าคำขอโทษของผมจะซึมแทรกผ่านเข้าไปในความฝันที่เขากำลังฝันอยู่ ที่ผ่านมา คุณหมอช่วยผมไว้หลายอย่าง แต่ผมสิ ตั้งแต่ตื่นมาก็ทำอะไรให้คุณหมอไม่ได้สักอย่าง ปกป้องเขาก็ไม่ได้ ดูแลก็ห่วยแตก แถมยังปล่อยให้เขากินยานั่นทุกวันโดยไม่ทำอะไรอีก ผมนี่แย่มากจริงๆ “งืมมมๆ....” คุณหมอส่งเสียงสลึมสลือผ่านลำคอ แล้วเบียดตัวแนบชิดไปกับผมมากขึ้น เมื่อก่อนผมเคยฝันเห็นคุณหมอดูแลให้ความอบอุ่นกับผมเป็นประจำ แล้วตอนนี้คุณหมอกำลังฝันว่าใครให้ความอบอุ่นกับหมออยู่หรือครับ จะใช่ผมรึเปล่านะ? ถ้าแค่ผมได้เป็นส่วนนึงของคุณหมอ แม้ในความฝัน มันก็คงจะดีไม่น้อยเลย... . . TBC ____ Talk: สวัสดีค่า พอดีลืมอีเมลกับพาสเวิร์ดเข้าเล้าน่ะค่ะ T-T คอมที่เซฟพาสใช้ไม่ได้ชั่วคราว แต่ตอนนี้กลับมาใช้ได้แล้ว ตอนนี้ก็ยังจำพาสไม่ได้ 55555 เดี๋ยวตอนหน้าจะรีบมานะคะ >< ขอบคุณที่ติดตามคุณหมอกับคุณชายมากๆ เลยนะคะ ^^ ปล. ขออณุญาตเปลี่ยนชื่อเรื่องนะคะ แหะๆ รู้สึกชื่อเก่าไม่ค่อยน่ากดอ่านเลยเนอะ แต่ชื่อใหม่ก็ไม่ได้ดีกว่าเดิมนัก oTL สกิลการตั้งชื่อคนเขียนห่วยมากกกก ขอบคุณค่ะ และฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction)
ก็ว่า...ชื่อเรื่องภาษาไทยไม่คุ้น ดีที่เข้ามาอ่าน เลยรู้ว่าเป็นเรื่องนี้ :) คุณชายพาหมอจิ๊บไปรักษาด่วน!!! เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
หมอจิ๊บอาการหนักแล้วนะ คุณชายส่งใบลาแล้วลากกลับบ้านด่วน ไม่งั้นคุณหมอได้ทำคนไข้ตายอีกรายแหงๆเลย
หมอจิ๊บ น่าสงสาร :sad4:
คุณชายแสดงตัวออกมาได้แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นหมอจิ๊บก็ไม่รู้หรอกนะคะว่ายังมีใครอีกคนที่ยังเป็นห่วงตัวเองอยู่น่ะ ถึงแม้ว่าจะทำให้หมอจิ๊บรำคาญแค่ไหนก็ต้องทำนะคะ สู้ๆ :กอด1:
หมอจิ๊บกินยาทำไมอะ.
คุณชายพากลับไปบ้าน รักษาใจด่วนๆค่า กินยาพวกนี้มากๆ เดี๋ยวหลับไม่ตื่นนะหมอจิ๊บ
ถึงว่า เอ..นิยายป่วยนักรักซะมันหายไปใหนหว่า? :katai2-1:
เห็นเรื่องนี้ในชื่อเดิมมาสักพัก แต่ก็ไม่เคยได้เข้ามาอ่าน วันนี้ได้แวะมาอ่านในชื่อใหม่ เรื่องน่ารักดีค่ะ ตกหลุมรักหมอจิ๊บ หมอจิ๊บน่ารัก ตลก ขี้เล่น จิตใจดี แต่ต้องมาเครียดหนัก จนต้องพึ่งยา เพราะจิตใจอ่อนโยนของตัวเอง
กลับมารักกันเถอะนะๆๆๆๆ
สงสารหมออ :hao5: รออ่านต่อนะครับ :L1: :pig4:
ดูแลหมอให้ดีๆสิ TT
:mew1:
เพิ่งอ่าน สนุกมากค่ะ ลุ้นๆเมื่อไรหมอจิ๊บจะเปิดอกคุยปรับความเข้าใจกับคุณชายสักที
แนะนำให้ลักพาตัวหมอจิ้บไปพักร้อนได้ไหมคะคุณชาย. คอนโดตัวเองก็ได้อะ. ที่ที่จะพูดคุยกันและไม่มีแวเลี่ยมอีก น่าเป็นห่วงมากหมอ. หมอดูแลตัวเองบ้าง สั้นจุง. รอต่อค่ะ :katai5:
ทำไมหมอจิ๊บเป็นแบบนี้ คุณชายทำอะไรสักอย่างสิ หมอทิมไปไหนทำไมไม่มาดูเพื่อนบ้าง :z3:
คุณหมอจิ๊บน่าเป็นห่วงมากๆ เลยนะ รีบรักษาเถอะ คุณชายนี่ออกแนวสตอคเกอร์โรคจิตนิดๆ 555 แต่ก็ดีนะที่มีเขา ไม่งั้นคุณหมอแย่แล้ว คุณหมอต้องการคนดูแบค่ะ คงต้องมีแฟนอ่ะ วิธีแก้ ขอบคุณค่ะ
ตอนที่ 16 Part I วันนี้ ผมก็ยังคงเฝ้ารอคุณหมอกลับมาจากโรงพยาบาลอยู่ที่ใต้เตียงเหมือนเดิม ผมมานอนรอเขาตั้งแต่ห้าโมงเย็น แต่นี่สี่ทุ่มแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับบ้านสักที ผมจึงกระวนกระวายมาก ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกลับมาช้ากว่าปกติ หรือว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาอีก ถ้าเกิดอุบัติเหตุอย่างวันนั้นจะทำยังไง ? พักนี้คุณหมอยิ่งเบลอๆ อยู่ด้วย นี่ผมผมควรจะออกจากที่นี่แล้วไปตามหาเขาดีหรือเปล่า ? ผมนอนกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลา โชคดีที่ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเปิดประตูที่ผมรอคอยก็ดังขึ้น สวิตช์ไฟถูกเปิดจนทั้งห้องสว่างจ้าด้วยแสงไฟนีออนสีขาว เสียงกุกกักๆของการเก็บรองเท้าเข้าที่ก็แว่วมาให้ได้ยิน ก่อนจะมีเสียงลากสลิปเปอร์ลายหมีใกล้เข้ามาทางเตียงนอน ใกล้ขึ้น .. ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ผู้สวมใส่สลิปเปอร์ลายน่ารักนั่นกระโดดขึ้นเตียงนอนทันที ไม่ทานข้าวหรืออาบน้ำก่อนเหมือนอย่างเคย เขาถอนหายใจออกมาแรงๆ ครั้งนึง แล้วกดโทรศัพท์ออกหาใครบางคน “ โทรมาเมื่อกลางวันมีอะไรทิม ?” เสียงคุ้นเคยเอ่ยถามปลายสาย น้ำเสียงเขาฟังดูเศร้าชอบกล นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขาอีกแล้วงั้นหรือ ? “ ใช่ ... ฉันโดนคำสั่งให้ไปบำบัด” ไปบำบัด ? ที่ว่าบำบัดนั่นมันหมายความว่ายังไง ใช่เรื่องที่คุณหมอกินยานอนหลับทุกวันวันละหลายๆเม็ดนั่นรึเปล่า “ ก็มันช่วยไม่ได้ ฉันเครียดแล้วก็นอนไม่หลับนี่หว่า จะให้ทำไงเล่า !!” ตอนนี้คุณหมอเริ่มขึ้นเสียงดัง ท่าทางอาการหงุดหงิดที่เกิดขึ้น ก็อาจจะเป็นผลข้างเคียงของยานั่นด้วย “ นายจะถามทำไม ...” เขานิ่งไปสักครู่ ... “ เขาว่า ... ถ้าอาการฉันไม่ดีขึ้น ก็อย่าพึ่งไปทำงาน บ้าเอ๊ย อย่างนี้ก็ไม่ต่างจากการสั่งพักงานฉันนั่นแหล่ะ” ผมชักจะรู้สึกว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงมากขึ้นเรื่อยๆแล้วสิ “ รู้แล้วน่า ฝากขอโทษพี่หมอด้วย ...” หลังจากที่คุณหมอวางโทรศัพท์ เขาก็เดินมายังหัวเตียง หยิบขวดยาขึ้นมาเขย่าดู แล้วก็ต้องเขวี้ยงขวดยาทิ้งอย่างเสียอารมณ์เมื่อพบว่าข้างในขวดมันไม่มียาเหลือสักเม็ด “ หายไปไหนหมดวะ !” พูดแล้วคุณหมอก็เดินไปยังกระเป๋าทำงานของตัวเอง หยิบยาขวดใหม่ออกมา เปิดเทยาใส่มือซะเยอะ ก่อนจะกลืนมันลงคอ นี่ผมพลาดอีกแล้วใช่ไหม ? คุณหมอกระฟัดกระเฟียดเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วเข้าห้องน้ำไป ระหว่างนั้นผมเลยเริ่มคิดวิธีอื่นที่จะหาวิธีกำจัดยาออกไปให้หมดจากชีวิตคุณหมอ แต่ในเมื่อเขาเป็นหมอ เขาก็ต้องหายาพวกนั้นมาได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ดูอย่างขวดใหม่ที่พึ่งเปิดสิ ถึงกับพกติดตัวไว้เลย แล้วอย่างนี้ถ้าเขาพกไว้กับตัวทุกวันผมจะหาทางเอามันไปทิ้งยังไงดีล่ะ คิดแล้วก็เริ่มปวดตุบๆ ตามขมับ เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง คุณหมอก็ยังไม่ออกจากห้องน้ำ แต่เสียงน้ำก็ยังไหลอยู่ นี่เขาชักจะอาบน้ำนานผิดปกติแล้วนะ ผมชักจะใจคอไม่ดีอีกแล้วสิ ผมได้แต่นอนกระวนกระวายอยู่ใต้เตียงรอให้เขาออกมา แต่สุดท้ายก็รอไม่ไหว รีบเข้าไปดูเขาในห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง “ หมอครับ !!!” ผมตะโกนอย่างตกใจเมื่อเห็นคุณหมอนอนหลับอยู่ในอ่างอาบน้ำที่น้ำยังถูกเปิด อีกนิดเดียวก็จะถึงจมูกเขาอยู่แล้วเชียว ดีนะที่ผมตัดสินใจเข้ามาทันเวลา ปัดโธ่เว้ย !! นี่มันเกินไปแล้ว ไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด ผมจะต้องทำให้คุณหมอเลิกทานยานั่นให้ได้ ไม่ว่าจะต้องด้วยวิธีไหนก็ตาม ! . . [50%] ____Talk: มาแค่นี้ก่อนน้า >< ขอบคุณที่ติดตามค่า :mew1:
รีบเลยค่ะคุณชาย มัวแต่ซุ่มอยู่นั่นล่ะ เปิดอกคุยกันไปเลยค่าา หมอจิ๊บจะได้รู้ว่าตัวเองยังมีคุณชายที่เป็นห่วงหมอจิ๊บจากใจจริงอยู่อีกคนนึงน้าา :กอด1:
คุณชายคงต้องเปิดตัวแล้ว เข้ามาช่วยคุณหมออย่างจริงจังที ฮรือ สงสาร ขอบคุณค่ะ
คุณชายลักพาตัวหมอเลยยย
แสดงตัวเถอะค่ะคุณชาย สงสารคุณหมอ อธิบาย คุยกันดีๆเนาะ รอตอนต่อไปค่ะ
:katai1: เพลียสุด เราไม่เข้าใจการกระทำของทั้งสองคนเลยค่ะ ปล่อยเอาไว้นานขนาดนี้ได้ยังไง
ค้าง!!!!!!!!!!!!!!!!
รีบๆ ออกมาหาคุณหมอได้แล้ว อย่ามัวแต่ซุ่มอยู่เลยคุณชาย เดี๋ยวคุณหมอจะแย่ยิ่งไปกว่านี้
โอยย หมออ
ช่วยดูแลหมอเถอะ
หมอจิ๊บ ฮืออ พาหมอไปเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยน่าจะดีขึ้น อย่าอยู่คนเดียวอีกเลยนะ :mew6:
ตอนที่ 16 Part II “คุณ... เข้ามาที่นี่ได้ยังไง?” มันเป็นคำถามแรกที่คุณหมอจิ๊บเอ่ยถาม เมื่อเปิดประตูเข้ามาเจอผมที่กำลังนั่งรอเขาอยู่ในห้อง ใช่ครับ ผมมานั่งรอ ไม่ได้หลบไปอยู่ใต้เตียงเหมือนเคย เพราะคิดๆ ดูแล้ว คนอย่างคุณหมอ ผมควรจะพูดตรงๆ ด้วยมากกว่าหากต้องการจะให้เขาเลิกพึ่งยานอนหลับนั่น เพราะงั้นผมถึงได้มาอยู่ที่นี่ตอนนี้ และตัดสินใจเผชิญหน้า แทนที่จะแอบไปเทยาทิ้งแล้วคุณหมอก็เอายาขวดใหม่มาทานอยู่เรื่อยๆเหมือนเดิม ผมชูก๊อปปี้กุญแจบ้านที่ห้อยพวงกุญแจกระดิ่งรูปหมีขึ้น มันส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อผมออกแรงเขย่านิดๆ คุณหมอจิ๊บเมื่อเห็นก็ทำตาเบิกโพลง แล้วก็รีบถลาตัวเข้ามาหยิบกุญแจออกจากมือผมทันที แต่ผมก็ยกมือขึ้นสูงหลบหลีกเขาได้ทัน “คุณมีมันได้ยังไง? ไอ้โรคจิต!!” เขาตะโกนเสียงดังอย่างฉุนเฉียว “คุณหมอฟังผมก่อนนะครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ” “แต่ผมไม่มี ออกไปได้แล้ว นี่มันห้องผมนะ!” ถึงจะพยายามพูดกับเขาอย่างใจเย็น แต่ดูท่าเขาจะไม่ยอมฟังอะไรจริงๆ เพราะงั้นผมจึงตัดสินใจที่จะเข้าประเด็นให้เร็วที่สุด “คุณหมอ ผมรู้มาว่าคุณถูกพักงานเพราะติดยานอนหลับ ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะอยากจะมาขอให้คุณเลิก” เขาทำหน้าไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูดอย่างสุดๆ แล้วก็ส่ายหน้าให้ผมอย่างระอา “อย่ามาทำเป็นรู้ดี อย่างคุณจะไปรู้อะไร” “งั้นคุณหมอก็ช่วยบอกให้ผมรู้ได้ไหมครับ...” ผมเดินเข้าไปประชิดตัวเขา รวบเอวเขาไว้แน่น พยายามมองเข้าไปในแววตาที่แข็งกร้าว “คุณจะบ้าหรือไง ปล่อย!” เขาพยายามจะผลักตัวผมออก ออกแรงทึ้งผมใหญ่ แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเขาง่ายๆ “รู้ไหมว่าคุณหมอเกือบตายสองครั้งเพราะยานั่น...” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง คิ้วขมวดกันเป็นปม เขาดูนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ผมพูด “ครั้งแรก คุณเปิดแก๊สทิ้งไว้แล้วหลับไป ถ้าผมไม่ไปรีบปิดให้คุณ คุณจะยังสามารถกินยานั่นต่อได้ไหม” “คุณพูดอะไรของคุณ ผมไม่รู้เรื่อง ปล่อยนะโว้ย! ไอ้บ้า โรคจิตหรือไงวะ!!” ผมยกนิ้วขึ้นวางทาบริมฝีปากเขาไม่ให้พูดอะไรต่อ “ครั้งที่สอง คุณหลับไปทั้งๆที่ยังอยู่ในอ่างอาบน้ำที่เปิดน้ำทิ้งไว้ แล้วถ้าผมไม่รีบไปอุ้มคุณออกมา คุณก็ไม่ได้มาว่าผมว่าโรคจิตอย่างนี้หรอก” ที่ผมเอ่ย ไม่ได้หมายความว่าผมโกรธที่เขาว่าว่าผมโรคจิตหรอกนะครับ แต่ผมอยากให้เขารู้สึกตัวต่างหากว่าสิ่งที่เขาทำอยู่มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกขี้ยา ซึ่งมันก็ทำให้เขามีแต่เสียกับเสียเท่านั้น “แล้วคุณไปรู้ว่าผมลืมเปิดแก๊สเปิดน้ำทิ้งไว้ได้ไง โม้รึเปล่า อย่าบอกนะว่ามีกล้องวงจรปิดติดไว้น่ะ?” คุณหมอยังคงดึงดันที่จะเถียง มันก็จริง ผมไม่มีหลักฐานอะไรจะยืนยันได้ แล้วถ้าจะให้บอกว่าผมมารออยู่ใต้เตียงเขาทุกวัน เขาคงได้ยิ่งโมโหกว่าเดิมแน่ “ไงล่ะ... ถ้ามีก็เอามาให้ดูเป็นหลักฐานสิ แต่ถ้ามันมีจริงนะ คุณได้เข้าไปอยู่ในคุ...” ผมไม่เปิดโอกาสให้คำพูดใดๆหลุดออกมาอีก ริมฝีปากเขาถูกผมประกบแน่น ได้ผล มีเพียงเสียงอู้อี้หลุดออกมาจากลำคอเท่านั้น แม้ร่างในอ้อมกอดจะพยายามจะดิ้นรนขัดขืน แต่ผมก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดออกไป ผมยิ่งเดินหน้ารุกล้ำต่อ และกระหวัดเกี่ยวลิ้นตัวเองให้รัดแน่นเข้ากับอีกฝ่าย ดูดเม้มให้ลิ้นรับรู้รสชาติหวานนุ่ม เขาออกแรงจิกทึ้งผมอย่างแรง แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผมผละออกไปได้ จนกระทั่งเรี่ยวแรงที่แข็งขืนในตอนแรกค่อยๆอ่อนลง ผมจึงยอมถอนริมฝีปากออกมา คุณหมอจิ๊บหายใจหอบแฮ่ก... “อะ.. ไอ้ตุ๊ดโรคจิต...” เขาเอ่ยพลางใช้หลังมือเช็ดถูปากตัวเองเสียแรง แถมยังสบถออกมาอีก ผมมันน่ารังเกียจมากเลยหรือไง? “คุณก็ไม่ต่างจากผมหรอก...” ก็ถ้าจำไม่ผิด ซึ่งผมไม่มีทางจำผิด คุณหมอเองไม่ใช่เหรอ ที่เป็นคนจูบผมก่อนน่ะ “หมอปกติที่ไหน เขาจูบคนไข้ไม่รู้สึกตัวกันบ้างล่ะ” ผมเอ่ยเสียงนิ่ง ต่อจากนี้ คุณหมอจะได้รู้ว่าผมไม่ได้ยอมเป็นจำเลยให้เขาเสมอไป เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็เหมือนมีอากาศอุดอยู่ที่ลำคอไว้ เนื้อตัวเขาสั่นเทิ้ม ใบหน้าก็เริ่มแดงก่ำ “คุณจะว่าผมงั้นเหรอ คุณจะว่าผมใช่ไหม? ผมช่วยคุณไว้นะ” เมื่อตั้งสติได้ เขาก็เริ่มออกแรงผลักผม แล้วก็โวยวายออกมาไม่หยุด “ผมเป็นฝ่ายช่วยคุณนะ คุณต้องขอบคุณผมสิ ทำไม ผมมันเป็นหมอที่เลวมากใช่ไหม ผมเป็นหมอที่ทำผิดพลาดไม่ได้เลยใช่ไหม” พอเขาเอ่ยออกมาอย่างนี้ ผมก็เริ่มจะเข้าใจสิ่งที่ทำให้คุณหมอเครียดแล้วว่ามันมีสาเหตุจากอะไร นี่ผมพึ่งจะทำให้เขาเครียดกว่าเดิมหรือเปล่า? “คุณหมอครับ คนเราผิดพลาดกะ...” เขาไม่ยอมให้ผมอธิบายจนจบ ก็รีบตวาดผมต่อ แล้วยังดันตัวผมออกไปยังทางประตูด้วย “คุณอย่ามาพูดเหมือนรู้ดีหน่อยเลย ออกไปได้แล้ว คนอย่างคุณผมไม่อยากเห็นหน้า” “ผมไม่ออก ผมจะอยู่กับคุณ คุณเป็นคนเรียกให้ผมตื่นขึ้นมาไม่ใช่เหรอ ผมก็ตื่นขึ้นมาแล้วไง แล้วทำไมต้องผลักไสผมออกไปด้วย” ผมรวบตัวเขาไว้แน่น ผมจะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น ผมจะไม่ยอมทิ้งเขาไป ในเวลาแบบนี้หรอก “ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ...” “ผมจะปล่อยก็ต่อเมื่อคุณสัญญาว่าจะไม่ทานยานอนหลับนั่นอีก” “ทำไมผมต้องเชื่อคุณด้วยเล่า... ปล่อย!” “เปิดใจรับผมบ้างเถอะนะครับ ผมเป็นห่วงคุณนะ ถ้าคุณเป็นอะไรไปขึ้นมา คนไข้อีกกี่ร้อยคนเขาจะเสียใจที่คุณหมอดีๆอย่างคุณมาอายุสั้นนะ” คุณหมอสะดุดกึกทันทีที่ผมพูดจบ... “นี่คุณ... แช่งให้ผมอายุสั้นงั้นเหรอ?” ผมส่ายหน้า ทำไมคุณหมอเขาชอบตีความคำพูดของผมผิดอยู่เรื่อยเลย “ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นครับ... ผม...” “ก็ได้ๆ... ผมไม่กินก็ได้ ปล่อยก่อนสิคุณ...” จู่ๆเขาก็มีท่าทีอ่อนลง หรือว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่ผมอยากจะสื่อแล้ว? ผมจึงเริ่มคลายอ้อมแขนออก พลางมองใบหน้าเขาที่เริ่มยิ้มเม้มปากเป็นเส้นตรงจนตาหยีกว่าเดิม ผมยิ้มตอบให้เขา... คุณหมอก้าวเท้าห่างออกจากผมไป แล้วก็ไปยืนเอามือเท้ากำแพงไว้ เขายังคงหันหน้ามายิ้มให้ผมอยู่ “ไอ้โง่” !!! พูดแล้ว เขาก็รีบหยิบขวดยาเล็กๆออกจากกระเป๋ากางเกงตัวเอง แล้วกรอกมันเข้าปากทันที! . . TBC ______Talk: มาลงต่อแล้วค่า ขอบคุณที่ติดตามคุณหมอกับคุณชายนะคะ ^^
ม่ายยย~ :serius2: หมอจิ๊บกู่ไม่กลับแล้วนะคะเนี่ย ตอนนี้หมอจิ๊บคงต้องเปลี่ยนบทบาทจาก 'คุณหมอ' มาเป็น 'คนไข้' แทนแล้วล่ะน้าา พักรักษาใจก่อนเถอะนะคะ :hao5:
เอิ่ม น้องหมอจิ๊บ ควรลางานยาวๆเลยค่ะ ตอนนี้วุฒิภาวะทางอารมณ์ ทำงานต่อไม่ไหวแล้วล่ะ
:ling2: ไหวปะเนี่ยหมอจิ๊บ อัดยายังกับขนม ถ้านั่นเป็นยาปลุกก็อีกเรื่องนะ ฮ่า
แหม่ อุ้มหมอกลับบ้านเถอะค่ะ แบบนี้ต้องรักษาขนาดหนักแล้ว
โธ่ หมอจิ๊บจะประชดตัวเองแบบนั้นทำไมกัน คุณชายรีบช่วยคุณหมอจิ๊บให้ได้นะ เป็นคนคอยรักษาแผลใจให้หมอจิ๊บด้วยนะคุณชาย
ไม่นะ ไม่นะครับ คุณหมออาการหนักแล้ว คุณชายรีบช่วยรักษาด่วนเลยนะครับ ปล่อยไว้คนเดียวไม่ดีแน่ๆ
คุณหมอต้องพบจิตแพทย์แล้วแหละ เป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า
โธ่หมอจิ๊บ คนที่คอบใจเย็น คอยดูแลคุณชายไปไหนแล้ว กลับมา :hao7: คุณชายช่วยพูดอะไรเยอะ ๆ กว่านี้หน่อยได้ไหม ดึงสติหมอกลับมาให้ได้นะ
คนจิตใจอ่อนแอ มักจะโดนสิ่งรอบข้าง ทำร้ายได้ง่ายกว่าคนที่จิตใจเข้มแข็งเสมอ คุณชายช่วยหมอจิ๊บให้กลับมาเป็นคนเดิมด้วยนะ จะว่าอะไรไหมถ้าบอกว่าอ่านตอนท้ายแล้วขำ "ไอ้โง่" หมอจิ๊บเหมือนเด็กน้อยที่ไม่มีทางสู้ ทพอะไรก็ได้ให้ตัวเองชนะคุณชาย
ตอนที่ 17 “ คุณหมอ !!” ผมรีบวิ่งเข้าไปจับหน้าเขา พยายามทำให้เขาเปิดปากออกเพื่อให้คายยาออกมา แต่มันไม่ได้ผล คุณหมอกลืนยาลงคอไปแล้วนี่ต้องให้ผมล้วงคอให้ใช่ไหม? “ทำไมคุณต้องทำขนาดนี้ด้วย อย่าให้ผมต้องถึงกับล้วงคอคุณออกมานะ” ส่งเสียงเอ่ยพลางพยายามแกะมือที่กุมปากออก อีกฝ่ายได้แต่ส่งเสียงอู้อี้ผ่านมือ “แอ้วอุนอะอาอุ้งอะไออ้วยเอ้า !” “ทำไมจะยุ่งไม่ได้ ยังไงเราก็มีอะไรกันแล้วนะ !” คุณหมอนิ่งเงียบไปทันที มือที่กุมปากไว้ตอนแรกก็ตกลง ตาหยีๆ เริ่มเบิกโพลง แล้วเขาก็อ้าปากหวอ... ได้การ ผมรีบเอานิ้วแหย่ปากเขาทันที! อ่อกๆ!! ยาที่คุณหมอกินเข้าไป สุดท้ายเขาก็ขย้อนมันออกมาสองสามเม็ด นี่มันครบจำนวนที่เขากินเข้าไปแล้วหรือยัง? เขาเริ่มเอาหลังมือเช็ดน้ำลายที่เลอะปาก แล้วหันมามองหน้าผมราวกับว่าโกรธแค้นผมมาเป็นร้อยปี “ ไอ้ * peep* ” ผมได้แต่ยิ้มตอบให้ แล้วจับร่างคนปากดีอุ้มพาดบ่าเดินไปที่เตียง โดยที่มีเสียงร้องโวยวายและดิ้นตลอดทาง “คืนก่อนยังเรียกผมว่าที่รักอยู่เลย วันนี้เรียกผมว่า ไอ้ * peep* ซะแล้วเหรอครับ คุณหมอจิ๊บของผม ” ผมเอ่ยพลางทิ้งตัวเขาลงที่เตียง เขาดูหน้าเหวอยิ่งกว่าเดิม แถมยังหน้าแดงแปร๊ดมากอีกด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขิน หรือว่าเป็นเพราะโมโห “ใครเป็นของแกกันวะ ไอ้ * ตรู๊ดดด * ” “คุณไงที่เป็นของผม ถ้าจำไม่ได้เดี๋ยวผมจะช่วยทบทวนความจำให้แล้วกัน” ไม่รอช้า ผมประกบปากเข้ากับอีกฝ่ายทันที จับใบหน้าให้เผยอริมฝีปากขึ้น เพื่อที่ผมจะแทรกลิ้นเข้าไปได้ แม้ว่าจะยังมีรสชาติขมของยาติดอยู่ที่ลิ้นบ้าง ยังไงจูบของคุณหมอก็ยังหวานสำหรับผมเสมอ จริงๆแล้ว... คุณหมอยังไม่ได้เป็นของผมหรอกครับแต่กำลังจะเป็นต่างหาก ... ตั้งแต่วันนี้นี่แหล่ะ ... . . (มีต่อ)
. . แสงสีทองของเช้าวันใหม่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบเปลือกตาจนต้องจำใจตื่นขึ้นจาก ความฝันแปลกๆ ผมมักจะฝันอะไรแปลกๆ มาได้สักพักแล้ว อย่างเมื่อคืนนี่ฝันได้แปลกที่สุดเท่าที่เคยฝันมาเลยก็ว่าได้ ก็ผมดันฝันว่าไปเสียตัวให้กับกระเทยถึกน่ะสิครับ ... คิดแล้วสยอง แล้วตื่นมาตาขวาก็กระตุกถี่เลย นี่มันเป็นลางบอกอะไรรึเปล่าเนี่ย ? “ฮ้าววว ...” ผมบิดเอี้ยวตัวเล็กน้อยเพื่อขับไล่เมื่อยล้าออกจากร่าง ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกปวดเมื่อยแปลกๆ เฮือก !! จู่ๆผมก็รู้สึกปวดร้าวแถวช่วงเอวตะหงิดๆ ยิ่งช่วงเอวลงไปมัน ... แล้วไอ้ ... ความรู้สึกร้อนๆ ผสมความอึดอัดๆ ที่โอบรัดรอบตัวผมอยู่นี่มันคืออะไร ? ทว่าพอสายตาจับภาพรอบข้างได้เท่านั้นแหล่ะ ..... “ไอ้ *toood*!!! ” ผมตวาดเสียงดัง ก่อนจะใช่ขาถีบร่างใครคนนึงเข้าอย่างแรงจนร่างนั้นตกเตียงส่งเสียงดัง โครม !! ไม่ !! มันต้องไม่ใช่อย่างที่ผมคิด !! “คุณหมอ ..? ทำอะไรครับเนี่ย ...” ไอ้ตัวปัญหาทำสีหน้าสลึมสลือเอ่ยเสียงง่วงๆ ใส่ผม ผมต่างหาก ที่ต้องเป็นฝ่ายถามว่าเขาทำอะไร !? แล้วนี่ผมไม่ได้ใส่เสื้อผ้าด้วยสักชิ้น ไม่ !! มันต้องไม่ใช่อย่างที่ผม คิด ! คิด !! คิด !!! คิด !!!! ผมรีบเอาผ้าห่มมาคลุมๆม้วนๆพันรอบตัวเอง พยายามจะลุกลงจากเตียงไปถีบไอ้หน้ามึนอีกสักรอบ แต่ก็ต้องล้มพับกองไปกับพื้นด้วยความเจ็บ * ตรู๊ดด * เสียก่อน อ้ากกกกกกกกกกกกกกกก พึ่งรู้สึกว่าไอ้วิชาการแพทย์ที่เรียนรู้มา มันมีประโยชน์เกินไปก็วันนี้ เพราะผมรู้ว่าอาการแบบนี้มันเกิดเพราะอะไรน่ะสิ ยิ่งมองหน้าเจ้าของร่างหมีควายที่กำลังเกาหัวแกรกๆ ด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งมั่นใจว่า ผมโดนข่มขืน !!! “อย่าบอกนะว่าเมื่อคืน ....” แต่ผมก็ยังอยากจะคิดว่ามันไม่ใช่ความจริงครับ เลยทำเป็นถามไปอย่างนั้น เผื่อว่าหมอจิ๊บจะคาดการณ์ผิดพลาด อะไรแบบนี้ ... “เมื่อคืน ??” “เมื่อคืนเรา ...” “อ๋อ ... ใช่ครับ เมื่อคืนเรามีอะไรกัน คุณหมอเป็นของผม แล้วผมก็เป็นของคุณหมอแล้วไง จำไม่ได้เหรอครับ ?” !!!!!!!!!! อ้ากกกกกกกกกกกกกก !! นี่มันยังมีหน้ามายอมรับ หน้าระรื่นอีกเรอะ !!!!! “ไม่มีทาง ผมจำไม่ได้ มันไม่ได้เกิดขึ้น !!” ผมพยายามสร้างความหวังอันริบรี่ด้วยการไม่ยอมรับสุดฤทธิ์ แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้างงงวยเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูดสักนิด ผมก็คิดอยู่แล้วเชียวว่าเขาเป็นพวกเอ๋อๆ สติไม่เต็มเต็ง โว้ยยย !! ขัดใจ๊ !! “เห้ยย !!” แต่แล้วจู่ๆ ไอ้คู่ขาคดี ผมก็ยกตัวผมขึ้นอย่างกับผมเป็นเจ้าหญิง ผมพยายามจะดิ้นๆให้หลุดออกจากแขนเขา แต่ไอ้ผ่าห่มที่พันตัวเองเมื่อกี๊มันกลับทำร้ายไม่ยอมให้ผมขยับตัวได้สบายๆ ซะงั้น ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงดิ้นต่อไปแม้ว่าสภาพมันจะเหมือนหนอนโดนไฟลนก็ตาม “คุณหมอเห็นรอยบนเตียงนั่นไหมครับ ?” ผมสะดุดกึก แล้วหันหน้ามองไปทางเตียงนอนที่เขาทำท่าพยักเพยิดให้ผมดู (......) “อืม ... ผ้าปูเตียงยับยู่ยี่เลยใครนอนอยู่ข้างล่างเมื่อคืนนะถึงได้ขยำจนมันร่นหลุดออกมาอย่างนี้ ...” “..........” “คุณหมอเห็นรอยคราบนั่นมั้ยครับ ?" “คุณมอมยาผม !!!” ผมรีบโวยวายหาคนผิด ไม่คิดจะหาหลักฐานมาตอกย้ำตัวเองอีก ยังไงเรื่องนี้เขาก็ผิด !!! “ผมไม่เคยให้คุณหมอทานยาอะไรเลยนะครับ เมื่อคืนวานผมก็ห้ามไม่ให้คุณหมอกินยาด้วยซ้ำ” หนอยแน่ะ ยังจะแก้ตัว ไอ้พวกคนผิดชอบแก้ตัวน้ำใสๆ แล้วบอกว่าห้ามผมไม่ให้กินยาด้วยงั้นเหรอ ... ไอ้ * ตรู๊ดดดด * นี่มันมีความผิดเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ! มันเอานิ้วมาล้วงคอผม !! แค้นนนนโว้ยยยย !! “ไม่รู้แหล่ะ คุณขืนใจผม !!! “!!!” หึ ... เป็นไงล่ะเจอคำนี้ อึ้งไปเลยล่ะสิ ยังไงซะ เรื่องนี้ก็ต้องมีแพะรับบาป !! “งั้นผมรับผิดชอบคุณเองครับ” “รับผิดชอบ ???” เฮอะ ! จะมารับผิดชอบอะไร gu เสียตัวไปแล้วจะเรียกมันกลับคืนมาได้มั้ยล่ะ โง่ !! “แต่งงานกันนะครับ” !!!!!!!!!!!!!!! (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) (http://upic.me/i/qp/01123.jpg) ว่าแล้วเขาก็กระโดดหมุนตัว ทั้งๆที่ยังอุ้มผมไว้ แล้วก็ทำเป็นฮึมฮัมเพลงที่ใช้เล่นในงานแต่งงานขึ้นมา WDF!! บ้าไปใหญ่แล้ว พระเจ้า !! ไม่มีทางหรอก ยังไงผมก็ไม่ยอมแต่งงานกับคนเอ๋อๆ อย่างนี้แน่ๆ ไม่มีทาง !! . . TBC ___ Talk: มาแล้วค่า มีตอนที่ตัดไปด้วย...แหะๆ ขออนุญาตตัดฉากไม่เหมาะสมออกนะคะ :hao3: อ่านแล้วเป็นไงบอกโยบ้างนะคะ คุณหมอยังคงซึนเหมือนเดิม มันเป็นนิสัยของคุณหมอเค้า แต่ซึนยังไงก็ยังมีมุมน่ารักนะ >w< แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะขอบคุณมากค่ะ โยฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นด้วยนะคะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] LOVE CURE รักนี้ ต้องรักษา (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) เ พ ลิ ง ใ น ว า ยุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) BECAUSE OF LOVE เพราะรัก...รัดใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47058.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew1:
ตัดอารายออกไป ไม่นะๆ เค้าอ่านไม่รู้เรื่อง ....จริงนะ อ่านแล้วมันดูขาดตอน ไม่ต่อเนื่อง คำหยาบคายไม่ต้อง -ปี๊ป- เซนเซอร์ออกก็ได้มังคะ คงไม่หยาบไปกว่าที่เรื่องอื่นอ่านๆในเล้า คำนั้น WTF รึเปล่าคะ
หมอจิ๊บนะหมอจิ๊บ ดูซอคราวนี้จะกล้ากินยาอีกมั้ย
อันที่จริงไม่ต้องตัดฉากอะไรก็ได้นะคะ แล้วคำหยาบก็ไม่ต้องเซ็นเซอร์ก็ได้ คำเต็มๆโลดเลยค่ะ สงสารหมอจิ๊บ ยอมๆไปเถอะเนอะ รอตอนต่อไปเนอะ
:pig4: ขอบคุณค่ะ ยินดีกับคุณชายด้วยที่ได้เมียแล้ว. รวบหัวรวบหางเสร็จสรรพ งานนี้ก็ไปพักผ่อนฮันนีมูนจูนสติกันนิดนึง. งดยาทุกชนิดนะคะ. แต่อนุญาตให้จิบไวน์ได้เพื่อการฉลองน้พผึ้งพระจันทร์ อะไรที่ตัดออกไปเอาคืนมาเลยนะ. ไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมหรอกค่ะ. คนอ่านชิลมากรับได้สบาย ที่เราคิดอาจจะไม่ตรงใจตัวละครจะสื่อได้ แต่"เจ็บตรู๊ดดดด"น่ะชัดเจนค่ะ
ไหวไหมเนี่ยคุณหมอ
อ้าว จับปล้ำซะงั้น โถ่ววววววว
คุณหมอดูงงๆ :mew5: รออ่านต่อนะครับ :L1: :pig4:
ไม่ต้องตัดออกก็ได้ค่า เล้าเป็ดของเราเค้าเสรีเรื่อง18+อยู่แล้ว >__< อิอิ
หมอจิ๊บยอมๆ คุณชายเขาไปเถอะค่ะ ไหนๆ คุณชายเขาก็ออกจะลั้นลาขนาดนั้นแล้วน่ะ ถือเสียว่าสงสารเด็กตาดำๆ สักคนก็ได้เน้อ~ >\\<
ตอนที่ 18 “ ผมเกลี ......” จ๊วบบบบบบบ “ ผม กะ .....” จ๊วบบบบบบบบบ “ กุกะ ....” จ๊วบบบบบบบบบบบบ “ กะ” จ๊วบบบบบบบบบบบบบบบ (......) สุดท้ายผมก็ได้แต่เหนื่อยหอบ พูดอะไรออกไปไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่จะเอ่ยอะไรออกไป คำพูดของผมถูกกลืนหายไปในริมฝีปากไอ้คนบ้าๆ นี่อยู่ดี “ คุณหมอจะพูดอะไรเหรอครับ ?” นั่นไง กวนส้นมั้ยล่ะ ผมแยกเขี้ยวใส่เขาแง่งๆ แต่ก็ทำได้แค่นั้น เพราะมันคงไม่คุ้มถ้าจะปล่อยให้โดนจูบเอาจูบเอาอีก ยังไงผมก็มีแต่เสียกับเสีย แล้วอีกฝ่ายก็มีแต่ได้กับได้ “ ถ้าไม่มีอะไร งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปหาจิตแพทย์แล้วกันนะครับ” อย่างมึงนายนั่นแหล่ะที่ต้องไปมากกว่า บ้าเอ๊ย ! ถึงจะขัดใจแต่ผมก็ต้องจำใจไปครับ เพราะถ้าไม่ได้ใบรับรองว่าผมเลิกติดยานอนหลับจากจิตแพทย์แล้ว ผมก็ไม่สามารถกลับไปทำงานต่อได้ เอาวะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียค่ารถไปเอง ผมเดินลงมายังลานจอดรถพร้อมกับไอ้หมีควายหน้ามึนอย่างเซ็งๆ เสียง ปิ๊บๆ ดังขึ้นเมื่อเขากดปุ่มกุญแจอัตโนมัติ ผมเดินตามไปอย่างหงอยๆ ก็เหมือนอยู่ๆ ชีวิตผมก็กลับกลายจากหน้ามือเป็นหลัง teen เลยครับ เมื่อวานโสด วันนี้ดันมีแฟน ซะงั้น ขออนุญาตใช้คำว่าแฟนพอครับ ไม่อยากใช้คำอื่น ผมไม่เข้าใจเลยว่าเวลาคนเป็นแฟนกัน เขาต้องบังคับขืนใจให้เป็นกันอย่างนี้ทุกคู่รึเปล่า เพราะผมเนี่ยนะ โดนทั้งข่มขืนทั้งกาย ข่มขืนทั้งใจ จนต้องจำใจมาเป็นแฟนเขาอยู่เนี่ย แล้วถ้าไม่ยอมเป็น ก็คงไม่ได้ออกจากห้องทั้งชีวิตล่ะครับ รู้สึกราวกับว่าผมได้กลายเป็นนางเอกจำเลยรักยังไงก็ไม่รู้ ต่างกันก็แค่ ผมเป็นนายเอกเท่านั้น ฮึ้ย พูดแล้วก็กระดากปากชิบ “ เชิญขึ้นรถครับ” เขาเอ่ยบอกพลางเปิดประตูรถคันหรูฝั่งตรงข้ามคนขับให้ผม ฮึ ! ที่ขึ้นเนี่ยเพราะจำใจนะโว้ย ไม่ใช่เพราะอยากนั่งรถแพง “ คุณหมอหิวไหมครับ ? แวะทานอะไรกันก่อนไหม ?” “ อยากแวะก็แวะ” ผมตอบพลางมองไปนอกหน้าต่างรถฝั่งตัวเองอย่างเซ็งๆ ก็อยู่ๆ อิสรภาพผมมันก็มาหายไปเพียงแค่ชั่วข้ามคืนนี่นา ไม่ให้เซ็งได้ยังไงล่ะครับ “ งั้นไปทานที่โรงแรม A ก็แล้วกันนะครับ เห็นคุณหมอชอบทานนี่นา” ทันทีที่พูดจบ ผมก็งงเต๊กเลยครับ ก็ไอ้โรงแรมนั้นผมจะไปเคยทานได้ยังไง แพงหูฉี่จะตาย ... โว้ยยยย ! เบื่อ มีแฟนก่งก๊งไม่เต็มเต็งมันน่าเบื่อ !!! “ เออ ไปไหนก็ไปเหอะ” เอ่ยตอบก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำไมชีวิตช่วงนี้ของผมมันมีแต่ดิ่งลงเหวก็ไม่รู้ โดนพักงาน แล้วยังมาโดนขืนใจ แล้วก็ยังมามีแฟนเอ๋อๆ แบบจำใจอีก เขาน่าจะเรียกว่าซวยซ้ำซวยซ้อนได้เลยนะเนี่ย แล้วผมว่าไอ้คนที่นั่งขับรถอยู่ข้างๆผมเนี่ย มันต้องกำลังแก้แค้นผมอยู่แน่ๆ ว่าแล้วไงว่าถ้าเจอหน้าเขาเมื่อไหร่ผมต้องมีเรื่องซวยๆเกิดขึ้น ! แล้วมันก็เป็นอย่างที่ผมคิดไม่มีผิด เขาจะมาแก้แค้นที่ผมเคยจูบเขา ! ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทั้งๆ ที่ผมก็เป็นคนช่วยเขา ดูแลเขามาตลอดแท้ๆ ยังมาทำกับผมได้ขนาดนี้ น่าจะเรียกได้ว่าหมอนี่เป็นคนอกตัญญูได้เลยนะเนี่ย เพราะมันไม่รู้จักบุญคุณผมเอาซะเลย ทำคุณบูชาโทษ โปรด * ตรู๊ด * ได้บาป !! “ ถึงแล้วครับคุณ” รู้ตัวอีกทีรถเขาก็มาจอดอยู่หน้าโรงแรมหรูแล้ว พนักงานต้อนรับรีบออกมาเปิดประตูรถให้ใหญ่ ไอ้หน้ามึนยื่นกุญแจรถให้พนักงานไป ก่อนจะเดินอ้อมมาจูงมือผมให้เดินเข้าไปยังห้องอาหารในโรงแรมกับเขา โรงแรมนี้มันโคตรจะใหญ่ตื่นตาตื่นใจสุดๆ ไม่อยากบอกว่าตั้งแต่เกิดมาผมก็พึ่งเคยมาที่แบบนี้ครั้งแรกเนี่ยแหล่ะ สงสัยไม่น้อยว่าตั้งแต่เกิดมาเนี่ย ผมไปทำอะไรอยู่บนโลกนี้วะ “ สวัสดีครับคุณคุณ” อืม ... พนักงานข้างในรู้จักเขาด้วยแฮะ “ ขอแบบที่เคยสั่งครับ” หลังจากที่เขาเอ่ย พนักงานก็พยักหน้ารับแล้วเดินกลับไปทันที แต่ไม่นานนักก็มีจานอาหารหน้าตาคุ้นๆมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ไม่ใช่แค่หน้าตาคุ้นนะครับ แต่รสชาติมันยังคุ้นๆ ด้วย เหมือนกับที่ผมเคยได้กินบ่อยๆเ ลย สงสัยจะเป็นที่ห้องอาหารของโรงพยาบาลผมล่ะมั้ง ไม่ยักกะรู้ว่าอาหารในโรงแรมหรูมันก็เหมือนๆ กับของโรงพยาบาลกระจอกนะเนี่ย ... “ อร่อยไหมครับ ?” “ งึมๆ” ผมทำเสียงอู้อี้ๆ ตอบคุณชายไป นาทีนี้ไม่มีอารมณ์พูดอะไรหรอกครับ ขอรีบกินรีบไปบำบัดดีกว่า อย่างน้อยช่วงที่พบจิตแพทย์ ผมก็คงได้ห่างจากเจ้าหนี้นี่อยู่ แล้วถ้าโชคดี ผมอาจจะปีนหน้าต่างหนีเขาทันก็ได้ “ คุณหมอชอบหอยเชลล์นี่ครับ ทานเยอะๆนะ” “......” นี่เขารู้ว่าผมชอบได้ยังไงเนี่ย ด้วยความสงสัย ผมเลยเงยหน้าจากจานอาหารไปมองหน้าเขาแบบหน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนกับว่าเขาจะรู้ว่าผมสงสัยเลยเอ่ยตอบกลับมา “ ก็เวลาผมซื้อของพวกนี้ไปให้คุณทีไร คุณก็กินหมดทุกทีเลย ...” “......” นี่ ... นี่มันไม่ใช่อย่างที่ผมคิดใช่ไหม !!?? ผมแทบจะขย้อนอะไรที่กินเข้าไปออกมาเลยครับ อย่าบอกนะไอ้อาหารที่เอามาแขวนไว้หน้าห้องเกือบทุกวันมันเป็นของ ... ของ ..... “ คุณหมอชอบผ้าเช็ดตัวลายหมีที่ผมซื้อให้ไหมครับ ? อ้อ เมื่อวันก่อนผมซื้อแปรงสีฟันลายหมีมาให้คุณด้วยนะ ไว้กลับไปผมเอามาให้แล้วกันเนอะ” “......” สรุปแล้วที่ผมคิดว่ามีคนไข้สาว นิรนามมาแอบปลื้ม ที่แท้ก็กลายเป็นหมอนี่ใช่มะ ... ไม่ทราบว่าจะทำลายความฝันของผมกันอีกกี่รอบกันครับ คุณชาย ? . . (มีต่อ)
. . ผมนั่งทานอาหารไปก็หายใจฟึดฟัดไป พอเหลือบไปมองเขาที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็พบว่าเขาทานไปไม่ถึงครึ่งจานก็เลิกทานแล้ว ทำให้ผมอดที่จะถามไม่ได้ “ ไม่ทานเหรอครับ ?” ก็ถามตามประสาคนเป็นหมอไปอย่างนั้นแหล่ะครับ ไม่ได้เป็นห่วงอะไรร๊อก ... “ ไม่ค่อยหิวเลยครับช่วงนี้” เขาตอบพลางส่งยิ้มกว้างมาให้ ผมรู้สึกไม่ชอบหน้าเวลาเขายิ้มทุกทีเลยให้ตาย ทำไมน่ะเหรอครับ ? ก็ ... มันทำให้ผมใจเต้นเร็วเกินไปน่ะสิ ฮึ ! “ คุณหมอเป็นห่วงเหรอครับ ?” “ ป๊าวววววว ก็ถามไปงั้นแหล่ะ เห็นแล้วเสียดายไง มาๆ เดี๋ยวผมกินเอง ไหนๆคุณก็อิ่มแล้ว” ว่าแล้วผมก็รีบยื่นช้อนไปตักอาหารจากจานเขาเลยครับ ชิส์ นอกจากปัญญาอ่อนแล้วยังจะหลงตัวเองอีกต่างหาก เขาได้แต่หัวเราะคิกคักใส่ผม แล้วก็ตักโน่นตักนี่ให้ผมไปเรื่อย นี่ถ้าไม่เสียดายอาหารพวกนี้นะ ผมก็ไม่กินหรอก ! ใช้เวลาทานต่อไม่นานก็ออกเดินทางไปโรงพยาบาลในตัวเมืองเพื่อพบจิตแพทย์ หมอคนนี้เป็นคนที่หมอทิมแนะนำมาให้ ขนาดแนะนำมาให้แล้ว ผมก็ยังต้องเทสต์โน่นเทสต์นี่เยอะแยะมากมาย ทำไมไม่อลุ่มอล่วยให้ผมเลยก็ไม่รู้ ตรวจเสร็จก็สั่งลดขนาดยานอนหลับผมซะงั้น ลดไม่พอ ยังเปลี่ยนเป็นตัวที่ออกฤทธิ์อ่อนให้อีก แล้วอย่างนี้ผมไม่เกิดอาการเสี้ยนยาตายเหรอครับเนี่ย ? “ มันต้องใช้ความอดทนนะครับคุณหมอจิ๊บ ผมขอแนะนำให้คุณหาอะไรผ่อนคลายทำระหว่างที่ลดขนาดยาไปด้วย อาการข้างเคียงจะได้ลดน้อยลงไป แล้วอาทิตย์หน้า เรามาตรวจความคืบหน้ากันใหม่นะครับ” “ อาทิตย์หน้า ?” หมายความว่าไง ? แล้วเมื่อไหร่ที่ผมจะได้กลับไปทำงานกันล่ะ ?? “ ไม่ต้องห่วงครับ ถ้าภายในอาทิตย์สองอาทิตย์นี้คุณหมอสามารถทำตามที่ผมบอกได้ ผมจะออกใบรับรองให้คุณกลับไปทำงานต่อทันที” “......” ไม่มีอะไรจะพูดครับ นอกจากต้องยอมรับชะตากรรม และท้ายที่สุด ผมก็จำใจเดินออกจากห้องตรวจอย่างเซ็งๆ เห้ยย !!! ลืมไปเลยว่าจะหนีคนบางคน !! ไม่ทันแล้วนั่น !! รีบตรงดิ่งมาทางผมเลย !! “ เป็นไงบ้างครับ ?” “ ก็ต้องเปลี่ยนตัวยา แล้วก็ลดขนาดลง ...” ผมตอบเขาไปตามความจริง ... “ ลดขนาด ? นี่หมายความว่าเขาไม่ได้สั่งห้ามคุณทานยานอนหลับแล้วเหรอ ?” นั่นไง ผมขี้เกียจพูดกับคนสติไม่เต็มจัง คนติดยา จู่ๆ ก็มาให้เลิกทันทีก็ลงแดงตายพอดีสิครับโง่ “ ใช่ ลดขนาดเฉยๆ” แต่ผมก็ยั้งปากยั้งใจไว้ครับ แม้จะรู้สึกคันยิบๆ ก็ตามที หึหึหึ ... “ ก็ยังดี ... ยังดีกว่าไม่สั่งห้ามอะไรเลย ...” แล้วทำไมเขาต้องมาทำหน้างอนผมด้วยอ่ะ จะงอนก็ไปงอนจิตแพทย์คนนั้นดิ ผมไม่เกี่ยวนา แต่ไงผมก็ไม่ง้อหรอก ... คิดแล้วผมก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปเลยครับ แต่ก็โดนเขาฉุดกระชากลากถูไปขึ้นรถจนได้ ชาติที่แล้วเกิดเป็นปลาหมึกหรือไงวะ มือเหนียวเป็นบ้า หลังจากนั้นเขาก็พาผมไปห้าง ซื้อโน่นซื้อนี่ อะไรที่เป็นหมีๆ เขาซื้อให้ผมหมด แล้วก็พาไปกินอีกละ กว่าจะได้ถึงบ้านก็ดึก แต่ดึกขนาดไหนผมก็ยังตาค้างอยู่เลย ลองทานยาที่ได้มาตามขนาดแล้วอะไรก็แล้ว มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด จนผมเกิดอาการเหงื่อแตกพลั่กๆ หงุดหงิดสุดๆ แล้วก็กระวนกระวายจนนอนไม่หลับ !! “ คุณหมอเครียดเหรอครับ ผมช่วยทำให้ผ่อนคลายเอามั้ย ?” เจ้าคนที่นอนเกาะผมเป็นปลิงอยู่บนเตียงอันแสนคับแคบเอ่ยถาม เหอะ หน้าอย่างเขาไม่ต้องบอกก็รู้ว่าต้องวกเข้าเรื่องอย่างว่า ไม่ต้องอ้าปากก็เห็นไปถึงตับไตไส้พุงแล้วเฟ้ย ไอ้ง่าว อุบส์ ... ไม่ได้ครับไม่ได้ เป็นหมอต้องพูดเพราะๆ ครับ นะโมนะโม ... “ ไม่เป็นไรครับ ...” “ ไม่เป็นไรจริงเหรอ ให้ผมช่วยดีกว่าน่านะ ...” “......” อยู่ด้วยกันแค่วันเดียว ผมก็รู้ซึ้งครับว่าไม่มีประโยชน์ที่จะปฏิเสธเขา ถึงผมจะบอกว่าไม่ เขาก็จะทำอย่างที่ใจอยากอยู่ดี ขอบอกว่าใครมีแฟนอย่างนี้ ช้ำใจไปชั่วชีวิตครับ “ งั้นเริ่มเลยนะครับ ...” ผมได้แต่พยักหน้าตอบรับเขาอย่างจำใจ ... . . TBC _____ TALK: วันนี้อัพหลายเรื่องมากเลย ยังไงก็ฝากติดตามนิยายด้วยน้าคะ :hao3: ตอนที่แล้วมีคนอ่านทักเรื่องเซนเซอคำพูด เอาจริงๆ โยไม่รู้เลยค่ะว่าจะให้หมอด่าว่าอะไร 555 เลยเหมือนเว้นคำในช่องว่างให้คนอ่านคิดคำกันตามสะดวก แอบอู้งาน แฮร่ เรื่องนี้ใกล้จะจบแล้วนะคะ (แต่ก็ไม่ใช่อีกตอนสองตอนข้างหน้านะคะ อีกสักพักนึงแหละ แต่ไม่นานมาก) ยังไงขอขอบคุณที่ติดตามนะคะ โยฝากนิยายเรื่องอื่นของโยด้วยน้า ^^ แม้จะเป็นคนละแนวกับคุณหมอ แต่ก็ตั้งใจแต่งทุกเรื่องนะ ลิขิตเหนือภพ - สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) [จบภาค] เพลิงในวายุ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=46080.0) Love Cure ป่ว(ย)นนัก รักซะ! (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=45522.0) BECAUSE OF LOVE เพราะรัก...รัดใจ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47058.0) FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction) :mew2:
ดีแล้วที่หมอจิ๊บมาบำบัด :3 สุ้ๆนะค้าคุณชายยยยย
จะจบแล้วเรอะ เอ๊!!!!!! ทำไมเราดูว่าอิสองคนนี้ยังมึนๆเบลอๆใส่กันอยู่เลย(โดยเฉพาะคุณหมอ) :katai1: เราว่าสองคนนี้ควรคุยกันดีๆนะ จะได้เลิกเข้าใจผิดกันทั้งคู่ รอตอนต่อไปน้าาาาาา
คุณชายขยันทำการบ้านขนาดนี้เดี๋ยวหมอ จิ๊บก็ป่องจนได้หรอกนะค้าา (?) คราวนี้ล่ะหมอจิ๊บคงได้พักงานยาวแน่เลยเน้อ~ :laugh: ตอนนี้หมอจิ๊บคงได้แต่คิดในใจว่า 'เอาตามที่สบายใจเลยแล้วกันนะคุณชาย  ̄ω ̄' ใช่ไหมคะหมอจิ๊บ~
รู้สึกเหมือนสองคนนี้เพิ่งจะได้เริ่มต้น จะจบแล้วเหรอคะ ชอบอ่ะ ที่อ้าจากจะพูดอะไรแล้วโดนจูบตลอด ถือว่าเอาคืนที่ตอนนั้นหมอจูบคูณชายนิทราทุกวัน อิ_อิ บทนี้ ดูหมอจิ๊บอารมณ์ดีขึ้นนะ
หมอดูโอเคขึ้นนะ :)
ยังไม่อยากให้จบเลยค่ะ ยังไม่เคลียร์ใจและยังไม่รักกันเลย. พอรักแล้วก็จบมันโหวงๆยังไงไม่รู้อ่า หมอจิ๊บรั่วมาก บุคลิคเด็กน้อยอีก ไม่ได้จะด่านะแต่ดูแล้วไม่ค่อยไหว. ขอบคุณนะคะ
รู้สึกสงสารหมอจิ๊บยังไงไม่รู้ เหมือนโดนคุณชายบังคับยังไงไม่รู้ก็รู้ว่าคุณชายหวังดีกับหมอหรอกนะแต่แบบนี้จะดีเหรอไม่บังคับหมอมากไปเหรอฟังหมอบ้างซิ เดี๋ยวหมอจิ๊บเราจะหงุดหงิดนะ
สนุกสนาน หมอจิ๊บตลก อย่าติดยาเลยมาติดบุรุษดีกว่า
ใกล้จบแล้วหรอครับ อีกไม่นานนี่กี่ตอนอะ :laugh: :laugh: รออ่านต่อนะครับ :L1: :pig4:
โถ จะเห็นใจที่หมอได้แฟนดีมั้ย
ย๊ากกกก คุณชายทำอะไรหมอจิ๊บ เดี๋ยวก็เปลี่ยนจากติดยานอนหลับมาเป็นติด...หรอก แต่ก็ดีกว่าอะนะ :hao6:
:hao7:
คุณหมอดูน่ารักมากกกกกกกกกก อยากรู้วิธีของคุณชายอ่ะ ฮ่าๆๆ
หมอจิ๊บคนเดิมกลับมาแล้ว พยักหน้ายอมให้คุณชายทำด้วยอ่ะ ทำดีๆนะคุณชาย กล้องอยู่หัวเตียงแหล่ะ
จะทำอะไรคุณหมอคะ นวดหรือนาบ หรือทั้งคู่เอ่ย :hao6:
ติดยาไม่ฟินนะหมอจิ๊บ ติดบุรุษดีกว่าได้ทั้งสูบทั้งฟินทั้งไม่ต้องใช้ตังค์อีก 5555
หมอน่ารักเกินนน :laugh:
คุณหมอซึนมาก ไม่รู้เลยว่าเขามาแอบรัก จะเรียกว่าใจตรงกันก็ได้นะเนี่ย คุณชายดูแลดีมาก ช่วงนี้พักงานก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดเลยดิ ดีงามโนะ หายเร็วๆ นะคะหมอจิ๊บตัวแสบ ขอบคุณค่ะ
ตอนที่ 19 แชะ ! ขณะที่ผมกำลังนอนหลับฝันหวาน เสียงชัตเตอร์ก็ดังขึ้นใกล้ตัวชนิดไม่ต้องลืมตาตื่นก็พอรู้ว่ากล้องโพลารอยด์ถูกถือจ่อใกล้หน้าแค่ไหน รู้สึกเหมือนอาการไมเกรนกำเริบกลายๆเมื่อได้ยินเสียง แชะๆๆๆๆๆๆ รัวๆ ตามมาอีกระลอก เส้นเลือดข้างขมับผมเต้นแรงตุบๆน่ากลัวว่ามันจะแตกก่อนวัยอันควร ผมจึงได้แต่นอนนิ่งๆ และพยายามนับหนึ่งถึงสิบเพื่อสงบจิตสงบใจไม่ให้อารมณ์เสียตั้งแต่เช้า เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้ ผมกำลังฝันถึงน้องโทโมมิดีๆอยู่เชียว ถ้าไม่มีใครบางคนมากดกล้องเสียงดังข้างๆ หูจนปลุกให้ตื่นแล้วละก็ น้องโทโมมิก็คงจะถอดบิกินี่ให้ผมดูอย่างเต็มๆ ตาแล้วล่ะ คิดดูว่าโอกาสดีๆ แบบนี้มันจะมีสักกี่ครั้งกัน ส่วนคนที่จ้องจะทำลายโอกาสของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่าน่ะเหรอครับ มันก็มีอยู่แค่คนเดียว คุณชาย อดีตคนไข้ธรรมดาๆ ของผมที่ไม่เคยมีความสัมพันธ์อะไรกันลึกซึ้ง (?) ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนผมอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่มีคุณชายเข้ามาในชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างของผมก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลัง teen อย่างไม่ทันตั้งตัว จากที่เคยอยู่คนเดียวได้อย่างสบายๆ กลับกลายเป็นว่าผมไม่สามารถอยู่คนเดียวได้อีก ทั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเหงาใจอะไรหรอกนะครับ แต่มันเป็นเพราะผมถูกแทรกแทรงชีวิตโดย ไม่เต็มใจ ต่างหาก มีที่ไหนที่จู่ๆวันนึง แปรงสีฟันในห้องน้ำมันก็เพิ่มจำนวนเองจากหนึ่งเป็นสอง และมันก็คงจะดีถ้าเป็นแค่แปรงสีฟันที่เพิ่ม เพราะผ่านไปแค่หนึ่งสัปดาห์ หม้อไหกะละมังถ้วยมันก็เพิ่มจำนวนเอาๆ กว่าจะตั้งสติได้อีกที ห้องผมทั้งห้องก็ถูกตั้งรกรากจากแขกไม่ได้รับเชิญแล้ว และแขกไม่ได้รับเชิญที่ว่าก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คุณ ชาย อีกนั่นแหล่ะ คาดว่าชาตินี้ทั้งชาติผมคงหนีเขาไม่พ้นแล้วจริงๆ หลังจากที่พยายามนับหนึ่งถึงสิบไม่นานนัก ผมก็เริ่มรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นๆ หนาๆ ที่ค่อยๆ ลดผ้าห่มที่ปกคลุมแถวเอวผมลง ปลายนิ้วสากๆ ลากไล้ไปที่หน้าท้องผมเล่น ตามมาด้วยเสียง แชะ อีกครั้ง ... และก่อนที่นิ้วมือนั่นจะเกี่ยวให้บ๊อกเซอร์ผมเปิดออก พลั่กกกกความอดทนอดกลั้นของผมก็หมดลง ผมใช้ขายันร่างหนาๆ ที่คร่อมตัวผมไว้ เขาไม่มีอาการสะทกสะท้านสักนิด กลับยิ้มระรื่นให้ผมที่ลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นเพราะยังเหนื่อยค้างจากเมื่อคืน ... “คุณหมอตื่นแล้วเหรอครับ ตื่นมาก็หน้ามุ่ยเลยน้า ยังง่วงอยู่ใช่มั้ยล่ะ ” “......” บอกได้คำเดียวว่าตอนนี้หมอจิ๊บ หงุดหงิดมากครับ เพราะตื่นมาก็โดนลวนลาม แถมยังโดนถ่ายรูปแบล็คเมล์อีก ไม่ใช่แค่รูปเดียวด้วยนะ แต่เป็นหลายรูป แล้วแต่ละรูป มันก็เทียบไม่ได้กับที่ผมเคยถ่ายเอาไว้เล่นๆ เมื่อสมัยที่เขาหลับเลยด้วย ผมไม่น่าปล่อยให้เขาเห็นหลักฐานเลยให้ตายเหอะ ไม่น่าแปลกใจสักนิดที่คนสมัยนี้ชอบพูดว่า ทำดีได้ ชั่ว มีถมไป แล้วถ้ายิ่งทำ ชั่ว ก็จะได้ ชั่ว ยิ่งกว่า เหมือนที่ผมกำลังโดนคุณชายทำกลับคืนอยู่ รูปโพราลอยด์ที่ตกเกลื่อนอยู่บนผ้าห่มสามารถบ่งบอกได้อย่างดีว่าผมไม่ได้โม้ อย่างที่รูปใบนึง ผมก็เห็นภาพผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาคนนึงกำลังหลับตาพริ้มอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่ผู้ชายโรคจิตอีกคนถือโอกาสหอมแก้มเขาอย่างแรงจนแก้มบี้ อีกรูปข้างๆ ก็เป็นรูปผู้ชายรูปหล่อคนเดิมกำลังถูกผู้ชายโรคจิตคนนั้นซุกไซร้ใบหน้าไปที่ซอกคอ ส่วนรูปอื่นๆ ... ถ้าไม่เป็นรูปหน้าอกที่มีรอยคิสมาร์ค ก็เป็นรูปคนโรคจิตกำลังทำมิดีมิร้ายกับ ร่างกายผม อยู่ ... อ๊ากกกกก ทนไม่ไหวแล้วโว้ย ตุบ ตับ พลั่กกกกก โครม !!!!! “ อูยยย ... คุณหมอแรงดีแต่เช้าเลยนะครับเนี่ย ” ขนาดโดนถีบตกเตียง คุณชายก็ยังทำหน้าตายิ้มระรื่น สงสัยการถูกรถบรรทุกชนหนึ่งครั้งมันจะทำให้ผิวหนังทนทานเป็นพิเศษจนไม่รู้สึกรู้สาอะไร ผมเลยส่ายหน้าให้คนผิวด้านที่นั่งกองอยู่ที่พื้นด้วยความเซ็ง ก่อนจะรีบโกยรูปทุกรูปที่อยู่บนเตียง แล้วลุกออกไปอย่างรวดเร็ว “ อ้าว คุณหมอจะเอารูปไปไหนครับ ” ให้ตอบว่าจะเอาไปทำลายก็โง่ ดิ ของอย่างงี้มันต้องลงมือทำเลยไม่ต้องเสียเวลาพูดเฟ้ย ก็ถ้าขืนชักช้า ผมอาจจะถูกใครบางคนเอารูปพวกนี้ไปแจกคนทั้งโรงพยาบาลก็ได้ เหมือนคราวก่อนที่ผมถูกประกาศกร้าวเสียงดังกลางโรงพยาบาลว่า ‘ คุณหมอเป็นคนมีเจ้าของแล้ว ’ และที่สำคัญ ... มันดันประกาศต่อหน้าน้องโซฮีพยาบาลคนใหม่ที่ผมเล็งๆไว้ด้วย !! ช่างตัดโอกาสผมได้ตลอดใช่ไหมล่ะ แฟนใครก็ไม่รู้ ฮึ ! แน่นอนว่าพอกลับถึงบ้าน ผมก็ทะเลาะกับคนที่ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผมเสียยกใหญ่ โกรธได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็ทำตาปริบๆจะร้องไห้ แล้วก็เข้ามามาง้อจนผม เกือบจะ ใจอ่อน แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายด้วยการกระซิบที่ข้างหู ‘คราวหน้าผมจะจูบคุณต่อหน้าทุกคน ถ้ายังไม่เลิกเล่นหูเล่นตากับคนอื่น ’ (......) ไอ้เวร . .. ผมได้แต่คิดในใจ และทนเก็บความคับแค้นไว้กับตัวเอง ไม่อยากจะถือสาหาความอะไรอีก แต่อย่าให้ถึงทีผมบ้างแล้วกัน แล้วใครจะรู้ล่ะครับว่าคราวนี้ คุณชายอาจจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงอีกก็ได้ เพราะผมก็กำลังมี ความลับขั้นมิสชั่นอิมพอสสิเบิล ที่ถึงตายก็บอกเขาไม่ได้เด็ดขาดอยู่ ซึ่งผมก็เสียวสันหลังทุกวันว่าเขาจะล่วงรู้ความลับนั่นแล้วหรือเปล่า แล้วถ้ารู้ ผมว่าผมคงโดนมากกว่าการถูกจูบต่อหน้าประชาชนแน่ๆ แค่คิดก็ปวดขมับ ไมเกรนกำเริบอีกแล้วล่ะครับ ผมรีบก้าวขาจากเตียงไปยังครัว โดยไอ้ตัวปัญหาก็เดินตามมาติดๆ จำได้ว่าเมื่อก่อนยังเดินช้ากว่าผมมากแท้ๆ เดี๋ยวนี้เรียกได้ว่าห้ามชะล่าใจเด็ดขาด เพราะนอกจากจะเดินเร็วขึ้นแล้ว มือ แม่ง ก็ยังจะโคตรยาว ถ้าจับคอเสื้อผมได้ปุ๊บ เอาเป็นว่าไม่มีทางหนีพ้น โชคดีหน่อยที่ตอนนี้ผมไม่มีคอเสื้อ (?) ให้จับ ... “ คุณหมอ ทำไมต้องฉีกรูปที่ผมถ่ายด้วยล่ะครับ เรายังไม่มีรูปคู่กันสักใบเลยนะ ” “ ก็อยากฉีก คุณจะทำไม ” ตามตำรา ว่ากันว่าถ้าอยากเลิกกับแฟน ให้ทำตัวให้งี่เง่าที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมเนี่ยทำมาเกือบทุกทางแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยักจะเลิกกับผมสักที มีแต่ติดแหงกกับผมมากขึ้นทุกวันๆ ไม่รู้ว่ามันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรของผมเหมือนกันนะครับ เห้อออ แค่คิดก็ปวดขมองอีกแล้ว “ คุณหมอทำไมต้องเอารูปพวกนี้ใส่กระทะด้วยล่ะครับ ...” ไม่ถามสักคำถามจะตายไหม ? “ ทอดกินมั้ง ” พูดแล้วผมก็เอาน้ำมันมาราดๆ เศษรูปจนเปียกชุ่ม แล้วก็จุดไฟเผาให้วายวอดซะ เอาจริงๆ มันอาจจะดูแปลกๆ ที่ผมเอารูปมาเผาในกระทะ แต่ให้ฉีกทิ้งเฉยๆ คุณคิดเหรอว่าคนอย่างคุณชายจะไม่พยายามเอาเศษรูปกลับมาต่อกันเหมือนเดิมน่ะ เพราะงั้น เผาทิ้งให้หมดเนี่ยแหล่ะ ดีที่สุด ! “ ผมทำอาหารเช้าเผื่อคุณแล้วนะ ไม่เห็นต้องอยากกินรูปของเราขนาดนี้ก็ได้นี่นา ” “ ไม่ได้ทำกินเอง แต่ทำให้คุณกินต่างหาก เอ้า ลองชิมสิครับที่รัก ” “!!!” . . (มีต่อ)
. . ก๊ากกกกกกกกกกกกกกกก คุณชายหน้าซีดเลยครับเจอมุขนี้เข้าไป หึหึหึ ... “ ไม่ลองชิมหน่อยเหรอครับที่รัก ” ผมทำท่ากระเง้ากระงอด ยื่นกระทะไปให้คนตรงหน้า ส่วนอีกมือที่ว่างๆ ก็เอื้อมไปหยิบช้อนมาเขี่ยๆ ขี้เถ้าในกระทะ แล้วตักมันขึ้นมานิดนึงก่อนจะเอาไปจ่อไว้ที่ปากที่รักของผม เห็นได้ชัด ... ว่าเขากลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ริมฝีปากที่เม้มปิดสนิทค่อยๆเผยอขึ้นทีละนิดๆ และก่อนที่เขาจะกินมันเข้าไปจริงๆ ... เคร้ง !! ผมก็โยนทั้งกระทะทั้งช้อนทิ้งลงอ่างล้างจาน บ้าไปแล้ว แม่งยอมผมทุกอย่าง อะไรมันจะรักจะหลงผมได้ขนาดนี้เนี่ย กะให้ผมรู้สึกผิดให้ได้ใช่มะที่เป็นฝ่ายอยากเลิกกับเขาใจจะขาด ฮึ “ ยิ้มให้หน่อยไม่ได้เหรอครับคุณหมอ หงุดหงิดแต่เช้าเลย ” ไม่มีอารมณ์ยิ้มโว้ย ผมเดินออกจากครัวตรงเข้าห้องน้ำทันที และปิดประตูดังปั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะตามเข้ามาได้ทัน ... ...... ............. พอเดินออกจากห้องน้ำ ผมก็เห็นคุณชายยืนขัดกระทะและช้อนดำๆ เน่าๆ อย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วพอเห็นผมเปลี่ยนชุดเสร็จเดินมานั่งที่โต๊ะทานข้าวเท่านั้นแหล่ะ เขาก็ยิ้มให้ผมทันทีเหมือนเมื่อกี๊ไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ ออมเล็ทกุ้งครับ คุณหมอชอบนี่นา รีบทานเถอะครับ ยังอุ่นๆ อยู่ ” เขาเอ่ยพลางยื่นช้อนส้อมมาให้ ผมรับมันไว้ แล้วตักออมเล็ทเข้าปากหนึ่งคำ “ ห่วย ” ที่พูดไป แม้มันจะเกินจริง แต่ผมก็จำเป็นต้องพูด หินโดนน้ำเซาะทุกวันมันยังกร่อน นับประสาอะไรกับเขา โดนผมทำอย่างนี้ทุกวันๆ ก็คงล้มเลิกความตั้งใจไปเองบ้างแหล่ะ จริงๆน ะ แม้มันจะดูใจร้าย แต่เพื่ออิสระภาพในชีวิต ผมขอเป็นคนใจร้ายสักพักนึงเถอะ ผมลุกออกจากโต๊ะ และเดินไปหยิบกระเป๋าทำงาน คุณชายรีบเอาอาหารที่เหลือไปเททิ้ง วางจานแช่ในอ่างแล้วก็รีบเดินตามผมออกมาจากห้องอย่างที่คิดไว้ “ เดี๋ยวผมไปส่ง ” เขารีบเดินนำหน้าผมไป ผมไม่รู้ว่าเขากำลังทำสีหน้ายังไงอยู่เหมือนกัน แต่ก็คงจะจ๋อยไม่น้อยเลยล่ะ เพราะเขานิ่งเงียบไปเลย แต่เชื่อสิ อีกไม่กี่นาทีเขาก็กลับมายิ้มระรื่นได้เหมือนเดิมแล้ว ผมปล่อยให้เขาขับรถมาส่งที่โรงพยาบาลเหมือนเคย เป็นอย่างนี้ทุกวันทั้งเช้าทั้งกลางวันทั้งเย็น ที่เขาจะคอยมารับมาส่งและคอยพาผมไปทานข้าว และเพราะมันเป็นอย่างนี้เนี่ยแหล่ะ ผมถึงได้โหยหาอิสระภาพในชีวิตเหลือเกิน ใช่ว่าผมจะไม่เคยบอกเขาตรงๆ นะ ว่าผมอยากมีเวลาของตัวเองบ้าง ผมบอกกับเขาหลายครั้งด้วย แต่มันก็ไม่เคยได้ผลหรอก จนต้องมาลองใช้วิธีแบบนี้เนี่ยแหล่ะ เผื่อว่าเขาจะยอมไปจากผมบ้าง “เดี๋ยวตอนกลางวันผมมารับคุณไปทานข้าวนะครับ ” รีบปิดประตูรถทันทีโดยที่ไม่ตอบอีกฝ่าย จะใจร้ายก็ต้องใจร้ายให้ถึงที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าผมจะอยากเป็นอิสระยังไง พอหันไปเหลือบมองหน้าคนที่นั่งนิ่งอยู่ในรถแล้ว ทำไมผมถึงได้รู้สึกเจ็บแปลบๆในใจขึ้นมาก็ไม่รู้ ... . . TBC ____Talk: ตอนนี้คงจะมีคนบอกว่าคุณหมอใจร้ายแหง ก็ใจร้ายจริงๆ น่ะแหละ แต่ยังไงเดี๋ยวก็เข้าใจกันล่ะน้า ยังไงฝากติดตามกันด้วยนะคะ ^^ เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ อ้อ โยฝากเพจไว้ด้วยน้า >> FB Page (https://www.facebook.com/psychoromancefiction?ref=bookmarks)<< ขอบคุณมากค่ะ :mew1:
ทำไมหมอจิ๊บใจร้ายจังงงงง สงสารคุณชาย :hao5: ชายทำผิดอะไรรรรร :o12: รอตอนต่อไปน้าาาา
คุณชาย เสียใจ(เป็นพักๆ)ได้ แต่อย่าเพิ่งท้อนะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ
:katai1: คุณหมอใจดีคนนั้นหายไปไหนแล้ว เอาใจช่วยคนเขียนนะคะ
คุณชายอย่าเพิ่งท้อ สู้ สู้ อีกนิดเดียวหมอจิ๊บก็ใจอ่อนแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ก็กลับไปทำงานได้แล้ว ปรบมือให้คุณชาย :katai2-1:
หมอจิ๊บใจร้าย~ ถ้าคุณชายหายไปจากชีวิตวันไหนแล้วหมอจิ๊บจะรู้สึกนะค้าา~ :ling1:
หมอจิ๊บบบบ การ์ดแข็งเปนบ้าเลย คุณชายเค้าแค่หลงงงงหมอจิ๊บเอามากๆแค่นั้นเองง่า
โถวววว หมอจิ๊บ จะใจร้ายกับคุณชายจริงเหรอ
อยู่ในวัยต่อต้านหรอคะคุณหมอ 5555
รออ่านต่อนะครับ :L1: :pig4:
คุณหมอ งอนตุปป่องเลย เหตุเพราะโดนจับทำเมียแบบยังไม่สมยอม 55+ แบบนีี้แสดงว่าเทคนิคคุณชายห่วยไปป่ะเนี่ย คุณหมอไม่สนใจเลย
คุณหมอ งอนตุปป่องเลย เหตุเพราะโดนจับทำเมียแบบยังไม่สมยอม 55+ แบบนีี้แสดงว่าเทคนิคคุณชายห่วยไปป่ะเนี่ย คุณหมอไม่สนใจเลย กำลังคิดอยู่เลยค่ะว่าจะเขียนตอนพิเศษเกี่ยวกับอะไรดี ได้ไอเดียแล้วค่ะ 55555 ขอบคุณมากเลยนะคะ :D :hao6:
สู้เค้านะคุณชาย ฮ่าๆๆ
อีกหน่อยคุณหมอก็จะขาดคุณชายไม่ได้ นี่แช่งค่ะ เอ๊ย อวยพรค่ะ คุณชายก็ฮาโรคจิตนิดๆ ถ่ายรูปมากขนาดนี้ แต่น่ารักอยู่นะ ขอบคุณค่ะ
หมออย่าใจร้ายซี่ :mew6:
อย่าใจร้ายนักคุณหมอ คุณชายเสียใจนะ
ทนหน่อยนะคุณชาย หมอจิ๊บแค่ซึน หมอจิ๊บโดนคุณชายทิ้งแล้วจะหนาววว
ตอนที่ 20 “ หมอจิ๊บน่าอิจฉาจังเลย แฟนหล๊อหล่อ ( เสียดายเนอะ )” นั่นคือสิ่งที่ผมมักจะได้ยินคนพูดกันให้ว่อน ตั้งแต่คุณชายมาประกาศกร้าวว่าผมเป็นคนมีเจ้าของแล้วกลางโรงพยาบาลบ้านนอกๆ แบบที่นี่ ส่วนคำในวงเล็บ ก็มักจะเป็นเสียงที่ลอยตามลมมาให้ได้ยินเสมอ เอาเป็นว่าตอนนี้คนทั้งโรงพยาบาลรู้ว่าผมเป็นแฟนเขา แม้แต่คนต่างโรงพยาบาลอย่างไอ้หมออาทิตย์หน้าทิ่ม และพี่หมอที่โรงพยาบาลเก่าก็ยังรู้ และโทรศัพท์มาแสดงความยินดีในความไม่โสดของผมกันยกใหญ่ “เห้ย ดีใจด้วยนะโว้ย เป็นฝั่งเป็นฝาซะทีนะเพื่อน ” ไอ้ทิ่มมันว่า “ อย่างนี้พี่ก็หมดห่วงซะทีนะจิ๊บ ขอให้ประสบความสำเร็จในชีวิตคู่ ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง มีปัญหาก็ค่อยๆ พูดค่อยจา ชีวิตคู่จะได้ยืนยาวยินดี บลาๆๆๆ ...” พี่หมอเอ่ย ไม่รู้ว่าข่าวที่ไปถึงหูสองคนนี้มันไปพร้อมการ์ดแต่งงานหรืออย่างไร ถึงได้คิดว่าผมจะลงหลักปักฐานกับคุณชายอย่างถาวร ยิ่งประโยคที่พี่หมอพูดกับผม ตรงที่ ‘ มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง ’ เนี่ย ... พี่ลืมไปหรือเปล่าครับว่าผมเป็น ผู้ชาย ? แล้วอีกฝ่ายก็เป็น ผู้ชาย ด้วย ท้องไม่ได้หรอกคุณ เหอๆ ผมกลับบ้านไปก็หงุดหงิดไป ทำไมรอบข้างผมไม่มีใครเข้าใจความชีช้ำของผมเลย นี่กลับไปก็ต้องไปเจอคุณชายอีก ไร้อิสระภาพสิ้นดี นี่ยังดีนะครับ ที่ยังมีเพื่อนผมอีกหนึ่งคน ที่พอรู้ข่าวปุ๊บ ก็แสดงความเสียใจในความไม่โสดของผมทันที ~! หึหึหึ ... เป็นเพื่อนที่ดีใช่มั้ยล่ะครับ เรียกได้ว่าคนคนนี้เป็นเพื่อนซี้ปึกของผมสมัยมัธยมเลยก็ว่าได้ เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่พึ่งกลับมาจากเมืองผู้ดีอังกฤษเลยนะ ไปเป็นนักสืบอยู่ที่นั่นหลายปีหลังเรียนจบ ไม่คิดว่าจะมาบังเอิญเจอกันตอนที่ไปพบจิตแพทย์ ตอนนั้นเขาไปติดต่อขอเคสคนร้ายโรคจิตที่โรงพยาบาลเดียวกันพอดี มันเลยทำให้เราสองคนได้มาปะกันอีกครั้ง และการพบกับหมอนี่อีกครั้งนี่แหล่ะ ที่ทำให้ผมมีความลับขั้นมิสชั่นอิมพอสสิเบิลเกิดขึ้น ย้อนกลับไปเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว .... “ เฮ้ยยย ... จิ๊บ ... ไอ้ จิ๊บโว้ยย !!” เสียงแหลมๆ ของใครสักคนเรียกชื่อทำให้ผมต้องหันไปมอง เขาคือ ไอ้ปุ๊ เพื่อนสมัยดึกดำบรรพ์ ที่ร่วมผจญภัยต่างๆ นาๆ มาด้วยกัน ผมสนิทกับหมอนี่ตั้งแต่ม . ต้น เรียกได้ว่าเป็นคนที่คล้ายกันกับผมมากๆ ตั้งแต่มาจากบ้านนอกเหมือนๆ กัน รสนิยมและความคิดเป็นไปทางเดียวกัน และพวกเราก็ยังเป็นพวกถือคติ ‘ รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน ’ เหมือนกันอีก ถ้ามีใครเอารูปถ่ายของเราสองคนสมัยนั้นมาให้ดูนี่ คงได้อับอายขายขี้หน้าไปชั่วชีวิต ก็เมื่อก่อนผมเนี่ยใส่แว่นหนาเตอะ หากผมยาวเมื่อไหร่ หัวจะฟูหยิกหยอย แถมยังชอบสวมเสื้อติดกระดุมตั้งแต่เม็ดบนยันเม็ดล่างสุด หิ้วกระเป๋ามาโรงเรียนก็เหมือนมาเข้าค่ายทั้งเดือน พวกเด็กเนิร์ดยังเรียกผมว่าพ่อเลยคิดดู ส่วนไอ้ปุ๊น่ะเหรอครับ อาจจะแย่กว่าผมเล็กน้อยตรงที่ว่าเขาไว้ผมทรงนักเรียนเกรียนๆ ถูกกฎระเบียบทุกกระเบียดนิ้ว ใส่กางเกงทรงคุณปู่คาดเข็มขัดอยู่ใต้อก สะพายกระเป๋านักเรียนเหมือนเท่ห์แต่ดันตุงแบบแบ็คแพ็คเกอร์ แล้วยังพูดติดเหน่ออีก พวกเด็กเนิร์ดไม่ได้เรียกปุ๊ว่าพ่อเหมือนผม แต่เรียกเขาว่า ทวด ความเป็นทวดเนิร์ดของปุ๊ ผมจะลองยกตัวอย่างให้คุณดูสักเรื่องแล้วกัน “ ปุ๊ หลังเลิกเรียนวันนี้ไปคาราโอเกะกันมั้ยจ๊ะ ?” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะ ยกขาขึ้นไขว่ห้าง จงใจสยายผมไปข้างหลังแนวมั่นใจว่าตัวเองคงดูเซ็กซี่สุดๆ เอ่ยถามเด็กชายที่ชื่อ ปุ๊ ด้วยน้ำเสียงน่ารัก ปุ๊เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือ ‘ คณิตศาสตร์ครองโลก ’ มา ตอบสาวน้อยในมาดเข้ม “ ไม่ไปครับ วันนี้กระผมต้องกลับไปท่องตารางธาตุ เหลืออีกแค่ 728 วัน กับอีก 16 ชั่วโมง พวกเราก็ต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้ว ” จากนั้นเขาก็ก้มหน้าก้มตาจดสูตรแคลคูลัสลงสมุดเล่มเล็กๆ ต่อ แล้วสาวน้อยคนนั้นก็เบ้ปากเป็นโลโก้แมคโดนัลด์ และไม่เคยเข้ามาคุยกับพวกเราอีกเลย รวมถึงเพื่อนสาวคนอื่นๆ ของเจ้าหล่อนด้วย ( ผมโดนหางเลขไปด้วยเพราะดันเป็นเพื่อนกับไอ้ปุ๊มันน่ะสิ ) จนจบม . ปลาย พวกเราก็ยังไม่เคยมีประสบการณ์กับเพศตรงข้าม แม้กระทั่งจูบ ... แต่ไม่ได้หมายความว่าผมกับปุ๊จะไร้เดียงสากันขนาดนั้นหรอกนะคร๊าบ พวกเราเองก็ถือว่ามีประสบการณ์ท้าทายเกี่ยวกับเพศตรงข้ามอยู่เหมือนกัน อย่างเช่นการถกเถียงเรื่องกระโปรงที่ดาวของห้องสวม ว่ามันสั้นกว่าเมื่อวันก่อนกี่มิลลิเมตร ... และอื่นๆ อีกมากมายที่นึกไม่ออก ... เรียกได้ว่ายวีรกรรมพวกผมนี่เย๊ออออเชียว ( ทำเสียงสูง ) แต่พอจะขึ้นมหาวิทยาลัย พวกเราก็ต้องแยกย้ายกัน เพราะปุ๊ได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษ ส่วนผมก็สอบติดคณะแพทย์ เรียกได้เป็นการจากลาที่เศร้าครับ ถึงอย่างนั้นพวกเราก็ให้สัญญากันไว้ว่า หลังเรียนจบแล้วพวกเราจะไป ขึ้นครู ด้วยกันเมื่อวัยและเงินมีพร้อม แต่ไม่ต้องรอไปกับปุ๊ ผมก็โดนใครบางคน ขึ้นคร่อม ขึ้นครูให้เรียบร้อย ... คิดแล้วก็เจ็บปวดเป็นบ้า ... กลับมาที่บทสนทนาระหว่างการพบกันโดยบังเอิญของผมกับปุ๊ต่อครับ หลังจากเขาทักผมแล้ว พวกเราก็พากันมานั่งที่โรงอาหารของโรงพยาบาล ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบตามประสาเพื่อนเก่าที่ไม่เจอกันนาน ได้ความว่าหลังจากกลับจากเมืองผู้ดี ปุ๊ก็มาทำงานเป็นนักสืบเอกชน ซึ่งตอนนี้เขาก็กำลังตามสืบนึงคดีอยู่ และจำเป็นต้องมาหาข้อมูลที่โรงพยาบาลที่ผมมาบำบัดนี่ด้วย โคตรจะบังเอิญ “ ต่อไปนี้นายต้องเรียกฉันว่า มิสเตอร์ภูมิศักด์ เท่านั้น ” ไม่เจอกันนาน ไอ้ ปุ๊แทบไม่เหลือคราบของคนเก่า เขาแต่งตัวประณีตด้วยชุดสูททันสมัย เลิกพูดไทยสำเนียงเดิม แล้วก็ยังหัวสูงกว่าเดิมอีก แบบว่าเขาไม่สามารถพูดไทยแบบรวดเดียวได้ครับ กลายเป็นคนพูดติดอ่างประเภท ไทย คำ อังกฤษคำ ผสมปนเปจนผมนึกว่าเขากำลังฝึกท่องคำศัพท์ ไม่ทันที่ผมจะนั่งจับผิดไอ้ปุ๊มันต่อ โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น น่าจะมีคนส่งข้อความสำคัญเข้ามา เพราะพอเขาก้มลงอ่าน สีหน้าก็เริ่มซีด แล้วก็รีบขอตัวกลับทันที แต่ก็ยังไม่ลืมแลกเบอร์กับผมก่อนไป และไม่เกินห้านาทีหลังจากนั้น ก็มีเมสเสจจากปุ๊เข้ามาว่า ‘ อย่าลืมสัญญา วันศุกร์นี้ ที่คลับ aaa ในซอย xxx อย่าลืมเตรียมท่าแดนซ์คูลๆ มาด้วย อย่ามาโชว์ท่าเฉิ่มๆ ที่นี่เชียวล่ะ ' (…...) พออ่านจบ ผมก็ต้องหัวเราะหึในลำคอ ไอ้ ปุ๊เด็กเนิร์ดคนเดิมยังไงก็ยังเป็นคนเดิมอยู่วันยังค่ำ สัญญาที่ว่าก็หมายถึงขึ้นครูน่ะสินะ อยากรู้จริงๆ ว่าใครจะไปเชื่อกันวะว่ามันยัง ซิง อยู่จนปูนนี้ แต่ในเมื่อชวนมา ผมก็ไม่ขัดแน่นอน ยิ่งจะได้ไปมันส์ปลดปล่อยอารมณ์ด้วยแล้ว ถือว่าเข้าทางคนอยากหาทางระบาย แต่จะให้คิดท่าแดนซ์คูลๆ น่ะนะ โอ๊ย จิ๊บๆ ของอย่างนี้ไม่ต้องคิดก็ทำได้ครับ . .
. . จากข้อความท้าแดนซ์และชวนเปิดซิงนั่น ก็ทำให้พอผมกลับมาถึงห้องปุ๊บ อาบน้ำอาบท่าเสร็จ ไม่คิดจะใส่เสื้อผ้าก่อนเลยครับ แต่ไปเปิดจอคอมพร้อมเล่นเพลง I will survive แล้วซ้อมเต้นตามทันที เสื้อคลุมอาบน้ำพร้อม ผ้าขนหนูพันหัวพร้อม อ้อ ต้องเปิดพัดลมพร้อมแอร์เป่ามาที่หน้าอย่างเต็มสตรีมด้วย เอาล่ะ เริ่ม !! ทรี ทู วัน แอท เฟิร์ส ไอ วอส อะ เฟรดด ไอ วอส เพ็ท ทริ ไฟฟฟฟ เยออออร์ https://www.youtube.com/watch?v=uSM22paiKzQ (https://www.youtube.com/watch?v=uSM22paiKzQ) เพลงขึ้นก็ปีนขึ้นเตียง กรีดมือตามเอ็มวีเลยครับ พร้อมกับผ้าขนหนูปลิวไสวราวกับเส้นผมสยายไปตามลม ปากนี่ร้องตามออกเสียงชัดเต็มที่เผื่อไปแข่งสำเนียงกับไอ้ปุ๊มัน ฟีลลิ่งมาเต็มมากครับ สองแขนม้วนไปมา ขาขยับด้วย เอวขยับตาม ราวกับอยู่บนฟลอร์แดนซ์จริงๆ ติ้งกิ้ง ไอ คู้ด ดึ้น ลิฟ วิท เอ้าท์ ยู บาย มาย ไซ้ด์ บอกเลยอินโคตรๆ ทั้งร้องโหยหวน ทั้งแดนซ์ส่ายเอวกระจาย โกออน นาวโกววว วอคเอ้าท์ เดอ ดออออร์ ชี้นิ้วไปที่ประตูด้วย ดอนท์ เทิน อราว นาวว คอส ไอ ด้อน ว้อน ยู เอนี่มอววววววววววว ไอ้คุณชาย ไปเลย ชิ้วๆ ไอวิลเซอร์ไววววฟ์ โฮ้วววววโฮววววว ปึง ! แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดประตูพรวดเข้ามา !!!!! “ เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น !!! ร้องทำไมครับหมอจ ...” “......” ราวกับเพลงเงียบดับไปดื้อๆ เหมือนมีใครมากดพอส ปากผมนี่ยังค้างอยู่ที่โฮ้วววโฮวววอยู่เลย มือข้างนึงก็ยกค้างเหมือนถือไมค์หลอก อีกข้างแม่งก็ยังชี้ประตูอยู่ “.......” เวลาเหมือนกับหยุดหมุน โลกทั้งใบเหมือนจะถล่มทลาย แต่แทนที่จะได้ยินเสียงครืน ดันเป็นเสียงเพล้งๆ แทน ทั้งผมทั้งคุณชาย ต่างคนต่างพูดไม่ออก ได้แต่มองตาเท่านั้น หากใครพูดอะไรออกมาก่อนตอนนี้คงแพ้ แล้วไอ้เหี้ยคุณชายก็ดันยอมแพ้ผมง่ายๆ มันพูดออกมาก่อนครับ “...จิตแพทย์ให้ยามาไม่ครบเหรอครับ ...?” “......” “......” “......” หมดกันครับ... หมดแล้วภาพพจน์ที่สะสมมาทั้งชาติ ..... T________________T TBC. _____TALK: 55555555 หมอเสื่อมได้ที่ จะบอกว่าประมาน 5 ตอน จะจบแล้วนะค้า >< ตอนนี้โยกำลังเขียนตอนพิเศษส่งสนพ.อยู่ ยังนึกไม่ออกเลยค่ะจะเขียนตอนแบบไหน ใครมีไอเดียแนะนะได้น้า ^___^ ขอบคุณมากค่ะ เจอกันใหม่ตอนหน้า :mew1:
:m20: บางทีก็อยากบีบแก้มคุณชายนะ. หมั่นเขี้ยวและหมั่นไส้ไปพร้อมๆกัน ขอบคุณที่มาต่อค่ะ
กร๊ากกกกกกกกกก สงสารหมอจิ๊บ คุณชายช่างโหดร้าย เพื่อนคุณหมอนี่น่าสน หาคู่ให้ดีกว่า รอตอนต่อไปเนอะ
ฮา คำทักทายของคุณชายช่างโหดร้าย(กับหมอจิ๊บ)ซะเหลือเกิน
คุณชายยยยยยยย แกล้งผมไม่เหนแล้วหันหลังไปเซ่ แกล้งหมอจิ๊บทำไมมมมม
หมอจิ๊บบบบ~ เป็นใครก็คงต้องถามแบบคุณชายทั้งนั้นล่ะค่าา 555+ ^^..
คุณชายยยยยเล่นมุขตามน้ำไปซี่ 555555 กู้ภาพไม่ขึ้นแล้วค่ะหมอจิ๊บ
คุณชายรีบกันนายปุ๊ออกไปจากชีวิตหมอจิ๊บเดี๋ยวนี้ นี่ขนาดเจอกันแค่วันเดียวนะ แล้วหมอคิดอะไรถึงเต้นเพลงนี้! เฮ้อ สงสัยหมอกินยาไม่ครบจริง ๆ :katai5:
คุณช้ายยยย หมอจิ๊บไม่ได้ขาดยา หมอจิ๊บกำลังฝึกเต้นแบบคูลๆ เพื่อไว้หนีคุณชายไปขึ้นครู
คือเสียงหมอจิ๊บคงประหลาดเกินกว่าคุณชายจะรับไหว 555 เพื่อนก็แปลกเหมือนตัวเองเลยนะหมอจิ๊บ รอติดตามค่ะ ขอบคุณค่ะ
5555555 ไม่น่าเลยหมอ :m20:
5555+ คราวหลังเปิดเพลง ผมรักเมืองไทยสิ ท่าเต้นcover ได้ใจนะเออ
:m20:
:laugh: 555555
:mew1:
รอตอนต่อค่า มาต่อเร็ว :oo1:
ตอนที่ 21 ครึ่งแรก พอถึงเย็นวันศุกร์ ผมก็เริ่มดำเนินการตามแผนหลอกคุณแฟนว่าติดผ่าตัดด่วน เคสหนัก ต้องการแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะงั้นก็ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวกลับเอง แต่มีเหรอที่คุณชายจะยอมเลิกราง่ายๆ เขาตามมาชะเง้ออยู่หน้าโรงพยาบาลเป็น เจ้าของรอหมา หมารอเจ้าของ นาทีนั้นผมจึงต้องทำเป็นใส่ชุดผ่าตัดแบบครบเครื่อง เอาเลือดมาป้ายหน่อยๆ แล้วก็ตีหน้าเครียดแกล้งเดินไปโวยวายใส่เขาโทษฐานไม่ยอมเชื่อใจ “คุณจะตามผมแจทำไม เห็นไหมว่าผมทำงานอยู่ เลิกกวนใจสักทีเถอะ ถ้าแค่นี้ยังทำให้ผมไม่ได้ก็เก็บของออกจากห้องผมไปเลยไป๊ บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ” นั่นแหล่ะ ... คุณปลิงจึงยอมจากไปด้วยสีหน้าหงอย หึหึหึ ถึงคราวผมเริงร่าเสียที ผมจัดการวิ่งกลับเข้าไปถอดชุดกาวน์ เปลี่ยนใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงแสล็ค สไตล์ที่คิดว่าหล่อโคตรๆ จัดทรงผมด้วยเจลแข็งโป๊ก ก็กลัวน้อยหน้าปุ๊มันอ่ะครับ เชื่อดิว่าหมอนั่นต้องมาแบบเนี๊ยบสุดๆ แน่ หลังจากนั้นผมก็รีบเผ่นแน่บออกทางด้านหลังโรงพยาบาล แล้วเรียกแท็กซี่ไปยังจุดหมายทันที ที่หน้าสถานที่ที่นัดกัน ผมเห็นปุ๊ยืนรออยู่ด้วยท่าทางกอดอกมาดเข้ม เหมือนจะโคตรเท่ห์ เขาสวมเชิ้ตที่มีเสื้อกั๊กสูทสีน้ำตาลสวมทับกับกางเกงแสล็คแบบผู้ดีสีเดียวกับเสื้อ นอก แล้วก็สวมแว่นทรงนกฮูกที่คนปกติเขาไม่ใส่กันอีก ... อืม ... ผมขอถอนคำพูดที่เคยบอกว่าเขาทันสมัยขึ้นครับ นี่เขาจะไปคลับคุณทวดหรือไงวะ ? แต่เอาเถอะ ผมไม่อยากเสียเวลาวิจารณ์การแต่งกายของใคร ตอนนี้พวกเราต้องมุ่งหน้าสู่สถานที่แห่งความสนุกสนานอย่างเดียวเท่านั้น ! ปุ๊พาผมมายังคลับตกแต่งไสตล์ญี่ปุ่น เหมือนจะรู้ใจเพื่อนจริงๆ ว่าชอบอะไรแบบคิขุคิขุ ไม่รอช้า ผมสองคนรีบเข้าไปนั่งโต๊ะ สั่งเครื่องดื่มและของกินกระจุย สายตาก็เหล่สาวน้อยที่เดินว่อนในคลับด้วยชุดต่างๆ ไปด้วย มีทั้งชุดนางพยาบาล สาวใช้ นักสู้สาวเซเลอร์ และอื่นๆ อีกมากมายก่ายกอง พระเจ้า คลับนี้มันเด็ดจริงๆ ครับ ปุ๊มันเพิ่งกลับมาจากอังกฤษไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงรู้จักสถานที่แบบนี้ได้เนี่ย ? “ นายรู้จักที่แบบนี้ได้ไงวะ ” ผมเอ่ยถามปุ๊ด้วยสีหน้าสงสัย “ อินเตอร์เน็ตไงวะ ยูโน๊ว เสิร์ชเข้าไปดิ แม่งมีทุกสิ่งที่อยากรู้อะแหล่ะ ” “ โอ้ววว ... เหรออออ ...” ไม่รู้จะพูดอะไรต่อครับ เพราะตอนนี้ความสนใจผมไปอยู่ที่สาวน้อยตาโตอกตู้มสวมชุดกระโปรงสั้นจู๋มีหูมีหางแบบลูกหมีเข้าอย่างจัง ! และดูเหมือนว่าสาวเจ้าก็เหล่ผมมาซะด้วยสิ ~! ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เกิดอาการตื่นเต้นมากกว่าเดิมโขเลยครับ วี้ฮี้ ~ “ จิ๊บ ป่านนี้ยูยังซิงเหรอวะ เห็นผู้หญิงแล้วตาตี่ๆ ของคุณมึงนี่โตเชียวนะ อ่อน !!” ป๊าดดดดด ผมตบเข่าตัวเองฉาด เจ็บว่ะ นี่ไอ้ทวดเนิร์ดปุ๊กำลังสบประมาทผมงั้นเรอะ ทำหน้าทำตาก็กวน บาทา เห็นแล้วก็อยากเอาอะไรเขวี้ยงสักทีโทษฐานว่าคนอื่นไม่ดูตัวเอง แต่ถึงแม้ผมจะอยากเถียงมันเต็มแก่ว่า ‘ ตูไม่สด (?) แล้วโว้ย !!’ แค่ไหน ผมก็สงบปากสงบคำไว้เพราะไม่อยากย้ำปมตัวเองไปเปล่าๆ ใครจะกล้าพูดล่ะครับว่าผมอ่ะไม่ได้มีเมีย แต่มี * ตรู๊ดดด * อยู่แล้วเป็นตัวเป็นตน ฮือ ...... “นาย ก็ยังจิ้น อย่าคิดว่ามองไม่ออกนะโว้ย ” ผมเอ่ยขึ้นเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น ปุ๊ทำเป็นเลิกคิ้วแล้วเหล่ตามองมา ก่อนจะตอบด้วยเสียงเชิดๆ “ฉันเป็นลูกผู้ชายที่ คีฟโพรมิส คำไหนคำนั้น ก็ให้สัญญากับนายไว้แล้ว ” เขาเฉได้หน้าตาเฉย รู้สึกคันเท้าขึ้นมาตะหงิด ฮึ้ย แต่จะว่าไปหมอนี่ยังไม่รู้นี่นะ ว่าผมอ่ะ ... มี ... ฟะ ... ฟะ ... ก่อนที่ผมจะตัดสินใจระบายความน้อยเนื้อต่ำใจให้ปุ๊ฟัง เขาก็ลุกไปเข้าห้องน้ำเฉยเลยครับ ทิ้งให้ผมนั่งงงๆ ทำตาเหล่ให้สาวน้อยชุดหมีเมื่อครู่ต่อ หรือว่าเขาจะเปิดโอกาสให้ผมกับเจ้าหล่อน ? เอาวะ ลืมเรื่องหมีบ้านไปก่อน สนใจหมีตรงหน้านี่ดีกว่า ! “นั่งคนเดียว เหงามั้ยคะ ? เดี๋ยวนั่งรอเป็นเพื่อนนะ ” ว่าแล้วสาวเจ้าก็เดินเข้ามานั่งแทนที่ปุ๊โดยที่ผม ยัง ไม่ได้เอ่ยปากเรียกร้อง เธอเขยิบเข้ามาใกล้ ทำให้ผมถอยหนีโดยอัตโนมัติ ... ทำไมวะ ? ทำไม ! “ขี้อายเหรอ ... น่ารักจัง ” เธอเอ่ยพลางเอียงคอเล็กน้อย เอานิ้วชี้จิ้มแก้มตัวเองเพิ่มความคิขุ ส่วนอีกมือก็วางบนตักผมและเคลื่อนตัวเข้ามาประชิด ผมกลั้นหายใจ บอกตัวเองว่า ถึงเวลาแล้วจิ๊บ ถึงเวลาแสดงความเป็นชายแท้ให้โลกเห็นแล้ว ! คิดได้ดังนั้นผมก็เป็นฝ่ายยื่นหน้าเข้าหาสาวน้อยทันที ประกบปาก แล้วก็เอามือจับหน้าอกหน้าใจเจ้าหล่อน เธอตอบสนองด้วยการ ตะปบบั้นท้าย ผมเต็มๆ มือ ... จะว่ามันน่าภูมิใจดีหรือเปล่า ที่แม้แต่ในความมืดมิด บั้นท้ายผมก็ยังดึงดูดคนได้ ... สาวน้อยในชุดหมีไม่ได้หยุดการกระทำแค่ตะปบ แต่เธอยังออกแรงขยำก้นผมอีกด้วย อ้ากกกกกกกก ทำไมผมรู้สึกสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยวะ ก็ขนาดคุณชายยังไม่เคยทำกับผมแบบนี้เลยนะ หรือว่าเคยฟะ อย่างมากก็แค่ลูบๆ คลำๆ เบาๆ เอง มั้ง หรือว่าผู้หญิงสมัยนี้เค้าร้อนแรงกันเป็นเรื่องปกติ ? ระหว่างที่ผมกำลังสงสัยนี้เอง จางปุ๊ก็ทะลึ่งพรวดเข้ามากระชากตัวผมออกจากน้องหมีสุดคิขุอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ! “กลับโว้ยจิ๊บ !! damnit!!” ปุ๊ตะโกนเสียงดังลั่น เขาทิ้งเงินไว้บนโต๊ะ แล้วก็ลากผมที่งงเต๊กกับอาการของมันออกจากคลับไสตล์คิขุ ... . . (มีต่อ)
. . “เป็นอะไรของคุณมึงวะครับ มิสเตอร์ภูมิศักดิ์ ?” เราลากกันมาไกลจากคลับนั่น ถึงผมจะรู้สึกแปลกๆ อยู่เมื่อครู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่ารู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันนะ เพราะนานๆ ผมจะได้จูบกับผู้หญิงกับเค้าบ้างนี่หว่า ( นี่ในรอบห้าปีเลยนะคุณ ) ทำไมเขาต้องมาขัดจังหวะผมตอนกำลังนัวเนียๆ ด้วยฟะ ? “มีอะไรกันแน่วะ ทำไมรีบออกมา ” ผมถามด้วยความแปลกใจ ปุ๊ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายกมือทำท่ากำอะไรบางอย่าง เหมือนอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก สีหน้าก็ดูกระอักกระอ่วนพิลึก “ไอ ตาย ! ตาย ! ตาย ! ตาย !” “กูเป็นหมอ กูรู้เบอร์รถพยาบาล หรือว่ามึงจะเอารถปอเต็กตึ้งวะ ?” “ไม่ขำนะโว้ย เมื่อกี้กูกำลังจูบกับนางฟ้าอยู่ดีๆ จู่ๆ มายแฮนด์ก็ไหลไปตามเรื่อง แต่ดั๊น พบว่า นางฟ้า ของไอแม่งมีตุ้มเม้งเหมือนกันเด๊ะ ...” ไม่รู้บ้างเหรอวะว่าผมอุตสาห์ตอบกวนตีนประชดความกระแดะของมัน แต่เมื่อกี๊เขาว่าไงนะ ? ตุ้มเม้ง ? ปุ๊ไม่พูดเปล่า เขายังทำท่าสาธิตให้ผมดูด้วย ... o22 o22 o22 o22 o22 o22 o22 !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ตูว่าแล้วววววววววววว ลางสังหรณ์ผมเคยผิดที่ไหน มิน่าเล่า สาว (?) เจ้าคนนั้นถึงได้มือไวใจเร็ว ดีไม่ดี ผมอาจจะได้เสียรู้เจ้าหล่อนก็ได้ โอ้ ... แค่คิดก็ไม่ไหวแล้ว ที่เสียรู้อยู่คนเดียวก็เกินจะรับไหวแล้วล่ะครับ ... สรุปแล้ววันนั้นทริปขึ้นครูของผมสองคนก็ล่มไม่เป็นท่า ผมพาปุ๊ไปนั่งปลอบอยู่ที่ร้านเหล้า พยายามรื้อฟื้นความหลังเพื่อช่วยเขาลบภาพตัวเองกำลังเฟรนซ์คิสกับเพศเดียวกัน ‘นายไม่มาลองเป็นฉันบ้างล่ะ โคตรขยะแขยง ’ ผมไม่กล้าบอกเขาว่าขั้น A-Z ผมเนี่ยโดนมาหมดแล้ว จึงได้แต่ปล่อยเพื่อนหนุ่มโสดและซิงนั่งคร่ำครวญชะตากรรรมตัวเองต่อไป จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือผมดังขึ้น ... เวรแล้วไง ผมลืมไปเลยว่าเจ้าหนี้กำลังรออยู่ “ใครโทรมาวะ รับเร็วๆ ดิ ได้ยินเสียงโทรศัพท์แล้วคลื่นในสมองกูถูกรบกวน ” “…...” ผมกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก แล้วพยายามคิดหาวิธีที่จะเอาชีวิตตัวเองให้รอดแทน อย่างน้อยให้รอดจนถึงพรุ่งนี้เช้าก็ยังดี “จิ๊บ ... อาการแบบนี้ สวีทฮาร์ต โทรตามเรอะ ?” อื้อหือ ... ผมเชื่อแล้วว่าคุณมึงเป็นนักสืบหนุ่มไฟแรง แต่ทำไมไอ้เมื่อกี๊ เสือก ไม่รู้ล่ะครับว่า ไอ้คลับคิขุนั่น แท้จริงแล้วมันคือคลับของสาวประเภทสอง ! ผมพยักหน้าให้ปุ๊หนึ่งที ก่อนจะกดรับโทรศัพท์ด้วยอาการเหงื่อแตกพลั่กๆ “ คุณหมอ คุณหมออยู่ที่ไหนครับ ผมเดินหาคุณทั่วโรงพยาบาลแล้วไม่เจอสักที ” “ อ๋อ ตอนนี้ผมอยู่บนรถพยาบาล ตามออกมารับคนไข้อาการหนักอ่ะครับ เดี๋ยวอีกแป๊บนึงจะกลับแล้วครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ ไม่ต้องรอ ” “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้ เดี๋ยวเจอกันนะครับ ตื๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ” พูดจบ เขาก็วางสายเลยครับ สงสัยรู้ทันว่าผมต้องปฏิเสธ อ้ากกกกกกก !!!! ทำไงอ่ะ ผมยังไม่อยากกลับบบบ้านนนนนนนนน ฮืออออ ... . . TBC
เป็นไงล่ะไม่เชื่อฟังคุณชาย เจอดีเข้าให้ ขอให้คุณชายจับได้ แล้วลงโทษซะให้เข็ด เอาให้ไม่กล้าหนีเที่ยวอีกเลย :laugh: :pigha2: :m20: ปล. หน้า 12 แล้วน้าาา
ตอนแรกเราก็นึกว่าคุณชายปลอมตัวเป็นสาวน้อยคนนั้นเสียอีกนะคะเนี่ย เอ๊~ ถ้าอย่างนั้นคุณชายต้องลงโทษหมอจิ๊บให้หนักเลยนะคะ โทษฐานที่ไป 'ดีฟคิส' กับผู้ชาย(?)คนอื่นแบบนั้นน่ะค่ะ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ ไม่หวงเนื้อหวงตัวเสียบ้างเลยนะคะหมอจิ๊บ~ o6
หนีไม่รอดหรอกหมอออออ รอโดนทำโทษได้เลยยย ฮิๆๆๆๆ
อย่าซ่าค่ะหมอจิ๊บ ผัวมาตามแล้วค่ะ เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย 555 ขอบคุณค่ะ
เพิ่งได้เข้ามาอ่าน น่ารักมากกกกกกก หมอจิ้บน่าตีจริงๆ ดื้ออะไรขนาดนั้น ต้องโดนลงโทษซะให้เข็ด อย่าเพิ่งจบซิค้าาาา กำลังสนุกเลยยยย สู้ๆ นะคะคนเขียน เป็นกำลังใจให้ค่ะ :hao7: :L1:
:กอด1: :mew1:
:katai1: :katai1: :katai1:
กล้าหนีเที่ยวก็ต้องกล้ายอมรับนะหมอออ จะซวยมั้ยน่าาา ลุ้นอ่าาา อิอิอิ
จะสงสารหมอหรือสงสารคุณชายดีล่ะเนี่ย
โธ่หมอ ซ่าไปไหน :katai1:
คุณหมอกลับไปรับโทษจากสวีทฮาร์ดเถอะค่ะ 555555
อ่ะนะ :katai1:
ตอนที่ 21 ครึ่งหลัง กลับมา ณ ปัจจุบัน จากวันที่ทริปขึ้นครูครั้งแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าแล้ว ผมกับปุ๊ส่งเมสเสจหากันเป็นระยะๆ เพื่อนัดแนะไปวาดลวดลายตอนกลางคืนกันอีกครั้ง คราวนี้ปุ๊ยืนยันว่า ‘ No worry!! รอบนี้เด็ด เช็กมาแล้ว ’ ผมก็เลยจะลองเชื่อใจเขาดูอีกสักที ( คือกะว่าถ้าพลาด คราวหน้าผมจะเป็นคนหาสถานที่เองไงครับ หึหึหึ ...) และแค่คิดถึง ปุ๊ก็ส่งเมสเสจมาหาผมราวกับเป็นเทพธิดาพยากรณ์ คนอาไร้ ช่างรู้ใจจริงๆ ‘เจอกันที่นัดไว้ สองทุ่มตรง ’ หึหึหึ ... สองทุ่ม ... ปกติมันต้องเป็นเวลาที่ผมอยู่บ้านโดยมีคุณชายเกาะเป็นปลิง แต่วันนี้แหล่ะ ผมจะไม่ยอมให้เขาเกาะ อีกต่อไป ชั่วคราว ผมจะต้องออกไปลิงโลดในโลกภายนอกให้ได้ ! ไม่รอช้า ผมจัดการแต่งตัวออกจากโรงพยาบาลโดยไม่มีการบอกคนที่คุณก็รู้ว่าใครเหมือนคราวก่อน ปล่อยให้เขาหาผมเล่นๆ ในโรงพยาบาลไปนั่นแหละ หาให้ตายยังไงก็หาไม่เจอหรอกกิ๊วๆ แต่อย่ามาหาในคลับที่ผมจะไปแล้วกัน ไม่งั้นคงได้หมดสนุกกันเลยทีเดียว คิดแล้วก็เซ็งล่วงหน้า ... อืมม ... ผมชักกังวลใจกับอาการเซ็งล่วงหน้ายังไงก็ไม่รู้แฮะ ... . . “ มาเร็วนี่หว่าวันนี้ คิดว่าจะหนีแฟนมาไม่ได้ซะละ ” “ ฮ๋าๆๆๆๆๆ แฟนเฟินอะไร้ ไม่มี๊ ” ผมเกิดอาการเริงร่าอย่างบ้าคลั่ง พูดตามตรงว่าพอมีผู้ร่วมอุดมการณ์อย่างปุ๊ด้วยแล้ว ชีวิตผมมีสีสันขึ้นเยอะ จะให้ไปเที่ยวแบบนี้กับทิมน่ะเหรอ ไม่มีทาง ! นับวันมันยิ่ง ตอแหลว่าเลิกเที่ยวเพื่อน้องบุรุษพยาบาลคนนั้น ฮึ ! ผมบอกแล้วว่าผมกับไอ้หมอทิมหมดสิ้นซึ่งอุดมการณ์แบบเดียวกันมานานแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ก็มีปุ๊เนี่ยแหล่ะ ที่ยังคงเข้าข้างผมอยู่เวลาบ่นเรื่องชีวิตเส็งเคร็งของคนไม่โสดให้ฟัง และคราวนี้พวกเราก็มุ่งหน้ามายังคลับชื่อดัง YYY ที่แม้แต่ผมยังรู้จัก อืมม ... เหมือนมองจากภายนอกจะเข้าท่าอยู่ ผมรีบแจ้นเข้าไปข้างในอย่างไม่รีรอ สั่งจองโต๊ะวีไอพีด้วย ปุ๊ทำหน้าตกใจเล็กน้อย ก็แหงล่ะ จากที่ผมเคยเป็นหมอไส้แห้ง เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้วนะคร๊าบ เพราะนอกจากค่ารถค่าราผมไม่ต้องออกเองแล้ว ( คือจะออกคุณแฟนก็ไม่ให้ผมจ่าย ) ค่าข้าวก็ยังมีคนออกให้แทบทุกมื้อ ของก็มีคนซื้อให้อีก เงินนี่เหลือเป็นปึกๆ อย่างกับแบ๊งค์กาโม่ แต่คุณอย่าไปเผลอคิดว่านี่เป็นข้อดีของการมีแฟนเชียวนะ เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆ อาทิตย์ที่ผมมีโอกาสออกมาใช้เงินเลยเหอะ มีเงินแต่ไม่มีโอกาสใช้ มันก็ไร้ประโยชน์โคตรๆ เลยครับคุณ พอนั่งลงกับโต๊ะไม่ทันไร ไอ้ปุ๊ก็เริ่มไหลไปเต้นท่ามกลางสาวแล้วครับ คงกะว่าครั้งนี้จะไม่ยอมให้พลาดแหง ส่วนผมก็ขอนั่งชิลๆ จิบเหล้าก่อนแล้วกัน เดี๋ยวสักพักก็คงมีคนหลงเข้ามาทางนี้เองล่ะมั้ง (......) แต่ผ่านไปยี่สิบนาที ไม่ยักกะมีใครเข้ามาเลยครับ แล้วผมก็ยังสายตาดีเหลือบไปเห็นผู้ชายคนนึงท่าทางแปลกๆ ขนาดสวมชุดดำยังดูออกว่าขาวโอโม่โคตรๆ แล้วนี่เขาสวมหมวกกับแว่นดำปิดหน้าปิดตายืนพิงกำแพงมองไปที่ฟลอร์แดนซ์อีก ฮึ้ย ! ทำไมตาขวาเริ่มกระตุกถี่อีกแล้ววะ ! ผมนั่งใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ พอมองไปทางปุ๊ ก็เห็นว่าหมอนั่นยังเอาแต่แดนซ์กระจาย ส่วนผู้ชายที่แปลกๆ คนนั้นก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยกับใครก็ไม่รู้ คือก็ไม่รู้ผมจะสนใจเขาไปทำไมเหมือนกันอ่ะนะ แต่ผมมีลางสังหรณ์ไม่ดีเลยอ่ะ แล้วนั่น !! เห้ยย !! ผู้ชายคนนั้นหันมาเหล่ทางผมด้วย ถึงในนี้จะมืดๆ แต่ผมก็รู้สึกได้เหอะ ว่าเขากำลัง ส่งสายตาอาฆาตแค้นมาทางผมอยู่ !! ท่าทางไม่ดีแล้วสิครับ ผมรีบลุกขึ้นเตรียมไปหาปุ๊ทันที อย่างน้อยเขาก็เป็นนักสืบ คงพอไว้ใช้กันหมาได้มั่งแหล่ะน่า ทว่าคนที่ไปถึงตัวปุ๊ก่อนกลับเป็นผู้ชายใส่ชุดปิดหน้าปิดตาคนนั้น !! เขาคว้าคอปุ๊อย่างรวดเร็ว แล้วลากไอ้เพื่อนตัวดีที่เอาแต่ทำหน้าตาเหรอหราออกไปทางประตูหลัง เห็นมั้ยล่ะว่าลางสังหรณ์ผมไม่เคยผิด !! “ เห้ย นั่นนายจะพาเพื่อนฉันไปไหน ” ผมรีบตะโกนและวิ่งตามหลังชายแปลกหน้าไปทางประตู และผมก็เกือบจะตามสองคนนั้นทันอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่โดนใครบางคนมาขวางทางเอาไว้เสียก่อน คุณชาย ก้าวขาเข้ามายืนขวางทางเผชิญหน้ากับผมด้วยสีหน้าที่บ่งบอกความโมโหสุดขีด ... เวรแล้วครับ ... นี่เป็นครั้งแรกที่ผมตื่นตระหนกและทำอะไรไม่ถูกเลยก็ว่าได้ เอาไงดีวะ จิ๊บ คิดสิวะคิด ไอ้ปุ๊ก็มาโดนลักพาตัวไปอีก อ้ากกกกกกกกก มีอีกสิบสมองก็คิดไม่ออกแล้วโว้ยยยย ไม่ต้องคิดหาวิธี ผมก็โดนผู้ปกครองลากตัวออกมาจากคลับทางเดียวกับที่ปุ๊โดนลากออกไปเป๊ะ ! ถึงในใจจะเป็นห่วงปุ๊มาก แต่ตอนนี้ผมกลับเป็นห่วงตัวเองมากกว่า เพราะผมรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากฝ่ามือร้อนๆ ที่กำข้อมือผมแน่น ... . . TBC ____ เงียบเหงาจังเลย ยังมีคนอ่านรอคุณหมอกับคุณชายอยู่ไหมหนอ ;_; ขอเม้นสัก 30 (เว่อร์มากกก ถึงสิบก็บุญ 5555) ละเดี๋ยวตอนหน้าจัด NC ตบจูบหมอกะคุณชายเล้ยยย (เอานิ้วไขว้กัน lol) หลอกล่อขนาดนี้...จะกริบม้ายยยย :hao7:
ดูซิ คราวนี้คุณหมอจะมาลั่นลาได้อีกไหม
o18. รอคุณชายจัดหนักอยู่นะคะ :oo1: ขอบคุณค่ะแต่ตอนนี้สั้นจัง
ความผิดครั้งนี้ช่างใหญ่หลวงยิ่งนัก!!! คุณชายต้องลงทัณฑ์หมอจิ๊บให้สาแก่ใจเลยนะค้าา :laugh3:
รอเอ็นซี อิอิ
โดนแน่ๆ 55555
:hao6:
เด็กหนีเที่ยวโดนจับได้ อ่ะโด่วววว คิดว่าเจ๋ง 5555
:hao6: รอรอ อิอิ
เสร็จ จับได้คาหนังคาเขาแบบนี้ สารภาพผิดดีกว่า เผื่อได้ลดโทษกึ่งนึงนะคะคุณหมอ 555555
ชอเรื่องนี้มากกกก มันดีอะ โอ้ยย ฮาได้อีก สู้นะหมอ ตายเเน่ เเต่ตายคาเตียง ไม่ต้องห่วงเพื่อนปุ๊ ไปดีมีความสุข
คุณชายจัดหนัก จัดเต็ม จัดไปเลย หมอหนีเที่ยวแบบนี้ คริคริ
เอาให้เข็ด ๆ หมอจิ๊บรู้จักคุณชายน้อยไปซะแล้ว ส่วนปุ๊มาจากไหน เอาตัวเองไปเก็บไว้ที่เดิมซะ o22
โถ หนีเที่ยวไม่เคยสำเร็จเลยน่าาา รอบทลงโทษ
โดนลงโทษแน่ ๆ ค่ะ หึ ๆ
ทำตัวเองเองนะหมอ เมื่อไรหมอจะเลิกซึน แล้วรู้ใจตัวเองซะทีคะเนี้ย หึ่ยๆ มาลงต่อไวๆนะคะ
มาต่อเร็วค่า รออยู่ :mew1:
ตอนที่ 22 ผมโดนลากออกมายังที่จอดรถ คุณชายไม่พูดพร่ำทำเพลงจับผม ยัด เข้าไปนั่งในรถฝั่งข้างคนขับ แล้วก็ปิดประตูดังปั้งจนผมตัวสะดุ้งโหยง อาการปวดข้างขมับเริ่มกลับมา ผมพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อควบคุมสติอารมณ์ และเมื่อเขากลับเข้ามานั่งในรถแล้ว ร่างผมก็ถูกกระชากให้เข้าไปรับจูบที่แสดงออกถึงความโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัดทันที แม้จะพยายามหลีกหนีสัมผัสเขาแค่ไหน ผมก็ถูกจับใบหน้าให้หันไปตอบรับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรียวลิ้นที่แทรกเข้ามามันจาบจ้วง แล้วก็รุนแรง เขาไม่เคยทำอย่างนี้กับผม มันทำให้ผมตัดสินใจออกแรงกัดที่ริมฝีปากอีกฝ่ายเพื่อให้เขา หยุด คุณชายผละออกไปมองหน้าผมด้วยสายตาขุ่นเคือง “อยากไม่ใช่เหรอ ทีอย่างนี้ทำไมปฏิเสธ ” เขาเอ่ยขึ้นเสียงดัง ผมได้แต่นิ่งเงียบพูดอะไรไม่ออก “เงียบทำไม ถ้าผมไม่รู้เรื่องพวกนี้จากเจ้านายเพื่อนตัวดีของคุณ ป่านนี้คุณคงไปมีอะไรกับใครต่อใครแล้วสิ ” “ ตอบมาสิ ที่ผมพูดมันจริงใช่ไหม คุณน่ะอยากมีอะไรกับคนอื่นมากจนต้องโกหกผมแบบนี้ใช่รึเปล่า !?” ร่างผมถูกเขย่าอย่างแรง ผมรู้สึกอึดอัดเอามากๆ คำพูดและการกระทำของเขามันบีบรัดผมจนหายใจไม่ออก ผมพยายามจะลุกออกจากรถ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมให้ผมขยับหนีไปไหน “ คุณชาย ปล่อย ...” “ ปล่อยให้คุณไปมีอะไรกับคนอื่นไปทั่วงั้นสิ ที่มีอะไรกับผมมันไม่พอหรือไง ” “......” ผมรู้สึกเหมือนพึ่งถูกตบหน้าด้วยคำพูดแรงๆ ไปฉาด นี่เขากำลังหาด่าหาว่าผมไม่รู้จักพอยู่กลายๆ หรือเปล่า แล้วผมผิดตรงไหนที่อยากมีอิสระบ้าง เขานั่นแหล่ะที่ไม่รู้จักพอ เอาแต่เรียกร้องจากผมอยู่ได้ คนอย่างเขามันงี่เง่าที่สุด ! “ ผมไม่น่าช่วยคุณเลย ผมน่าจะปล่อยให้คุณตายไปตั้งนานแล้ว ไอ้บ้า !” ผมตะโกนว่าเขาเสียงดัง มันทำให้เขาหยุดชะงักไปทันที ผมถือโอกาสนั้นรีบลงจากรถแล้วปิดประตูดังปั้ง สองขาผมเดินออกมาเรียกรถแท็กซี่ที่อีกฟากฝั่งของถนน ผมไม่คิดว่าที่ออกไปเที่ยวกับปุ๊มันจะเป็นเรื่องที่ผิดต่อเขามากขนาดนั้น ใช่ที่ผมอาจจะอยากลอง แต่มันไม่ได้หมายความว่าผมจะทำมันจริงๆ ซะหน่อย ผมก็แค่อยากมีอิสระบ้าง และเขาก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดจนหายใจแทบไม่ออก แต่ถึงผมจะโมโห และอึดอัดกับเขามากแค่ไหน ในใจผมก็รู้สึกเสียใจที่เขาไม่ได้วิ่งตามผมมาเหมือนอย่างเคยมากกว่า ------ เมื่อกลับถึงห้อง ผมก็ตรงไปอาบน้ำเพื่อให้กระแสน้ำช่วยบรรเทาความขุ่นเคืองอารมณ์ แต่ดูเหมือนมันจะไม่ช่วยอะไร ผมยังมีอาการปวดหัวตุบๆหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเวลาที่ภาพของเขานั้นแวบเข้ามาในหัว ผมจึงพยายามเปิดทุกลิ้นชักในห้องเพื่อค้นหายาแก้เครียดหรือยานอนหลับ แต่ก็ไม่พบสักขวด คุณชายคงเอายาไปทิ้งเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่ผมเลิกสนใจว่าจะไม่มียาเหลืออยู่ในห้องอีก แต่กลับสนใจเรื่องที่มีเขาอยู่ในห้องนี้แทน และพอมารู้สึกตัวอีกที คุณชายก็แทรกซึมอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างของห้องนี้หมดแล้ว มองไปที่โต๊ะทานข้าว ก็นึกถึงเขาที่นั่งฝั่งตรงข้ามทำท่าพยักเพยิดให้ผมทานอาหารเยอะๆ เปิดตู้เย็นก็เจอของชอบของเขามากมาย ในตู้เสื้อผ้าก็เต็มไปด้วยข้าวของแน่นเอี๊ยดแทนที่จะเป็นตู้โล่งๆเหมือนก่อน ทั้งชั้นหนังสือ เครื่องคอมพิวเตอร์ ของใช้คู่ที่มีเพิ่มมาก็ทำให้นึกถึงเขา แล้วถ้าเกิดผมเอาของทุกอย่างของเขาไปทิ้งอย่างที่เคยพูดไว้จริงๆ ห้องนี้คงดูโล่งไปถนัดตา ร้ายกาจที่สุด มันต้องเป็นแผนการของคุณชายแน่ๆ ที่กะทำให้ผมหนีเขาไม่พ้นแม้เจ้าตัวจะไม่อยู่ที่นี่ก็ตาม ผมทิ้งตัวลงนอนที่เตียงอย่างเหนื่อยอ่อน พยายามข่มตาลงนอนแต่ก็ทำไม่ได้ ก็ปกติผมจะต้องมีคนตัวยักษ์มานอนเบียดอยู่ข้างๆ มาหอมแก้ม มาจูบ มาลูบหลังกล่อมให้นอน พอวันนี้เขาไม่อยู่ ผมถึงได้ตระหนักว่าผมเลิกพึ่งยานอนหลับได้ก็จริง แต่ผมกลับต้องพึ่งพิงอย่างอื่นแทน แล้วต้องพึ่งพิงสิ่งนั้นอย่างร้ายกาจเสียด้วย จะสายไปไหมที่ผมพึ่งรู้ตัวว่าผมพูดจารุนแรงกับคุณชายมากเกินไป คำพูดที่ว่าผมไม่น่าช่วยเขา ผมน่าจะปล่อยให้เขาตาย มันกลับมาเล่นงานผมซ้ำๆ ผมไม่ได้อยากให้เขาตาย ผมพูดไปด้วยความโมโหและไม่ทันยั้งปาก ตลอดหลายเดือนที่เขาหลับไปผมเต็มใจช่วยเขาจริงๆ ให้ย้อนเวลากลับไปได้ผมก็ยังจะช่วยเขาแบบเดิม ผมจะเลือกให้เขาตื่นขึ้นมาตามติดผมแจเหมือนเดิม ตอนนี้ผมคิดถึงคุณชายเอามากๆ แล้วผมก็รู้แล้วว่าเขาไม่ใช่ส่วนเกินในชีวิต แต่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมต่างหาก ถ้าพรุ่งนี้ผมจะไปตามเขาให้กลับมาอยู่ด้วยกัน เขาจะยังยอมผมเหมือนเดิมไหม ? เขาจะยังยิ้มให้ผม แล้วก็รีบเข้ามากอดผมแน่นเหมือนเดิมหรือเปล่า ? ผมอยากจะขอโทษเขาเหลือเกิน ถ้าหากว่าทุกอย่างมันยังไม่สายเกินไป ... . . TBC ___
:ling1: :ling1: :ling1: :ling1: คุณชายกลับมาเถอะะะะะ ให้อภัยหมอจิ๊บเถอะนะ
คำพูดพอพูดไปแล้วมันเป็นนายเรา งือ ที่พูดไปแรงจริงค่ะหมอ ต้องง้อเขาหน่อยแล้วมั้ง ที่คุณชายทำไปเพราะรัก แต่เพราะคุณหมอยังไม่รู้ใจตัวเองเลยต่อต้าน ต่อไปน่าจะดีขึ้นเนอะ ขอบคุณค่ะ
คุณชายอาจจะแค่น้อยใจแต่ไม่ถึงกับโกรธหรอกนะคะหมอจิ๊บ ^^ เพราะการที่หมอจิ๊บหลุดคำพูดที่ไม่ดีออกมาคราวนี้ สาเหตุหลักๆ นอกจากจะเป็นเพราะตัวคุณชายที่ทำบางอย่างให้หมอจิ๊บรู้สึกอึดอัดแล้ว :laugh: ยังมีผลเกี่ยวเนื่องมาจากการรักษาของหมอจิ๊บด้วยไงคะ เราว่าคุณชายต้องเข้าใจหมอจิ๊บแน่นอนค่ะ อย่าเพิ่งคิดมากไปเลยเน้ออ..
ที่หมอจิ๊บรู้สึกอึดอัดคุณชาย เพราะยังไม่ทบทวนความรู้สึกตัวเอง พอรู้ ก็เหมือนๆอะไรๆจะสายเกินไปไหม กับคำพูดที่มีผลต่อจิตใจ ที่เอาคืนไม่ได้ แต่เชื่อว่าคุณชายไม่ทิ้งหมอหรอก อาจจะแค่เพิ่มช่องว่างให้
แววมาม่าอีกแล้ววว คุณหมอจะทันไหม พรุ่งนี้ยังทันใช่ไหม กลัวคุณชายเป็นอะไรไปก่อน
:katai1: :ling1:
หมอจิ๊บ :monkeysad:
เราว่าไม่ใช่ความผิดของคุณหมอซะทีเดียวหรอก เพราะถ้าเป็นเราก็คงอึดอัดแบบหมอจิ๊บเหมือนกัน คนเคยอยู่อย่างอิสระทำอะไรก็ได้แต่อยู่ๆ ก็มาบังคับกันแบบนี้ ตามติดกันแบบนี้มันก็ต้องมีบ้างล่ะ ที่จะอึดอัดจนต้องเหวี่ยงต้องวีนออกมาแบบนี้นะ ถ้าคุณชายให้อิสระกับหมอจิ๊บบ้างให้หมอจิ๊บมีเวลาส่วนตัว ได้อยู่กับเพื่อนบ้าง ไม่ตามติดทุกฝีก้าวแบบนี้หมอจิ๊บอาจจะรู้สึกดีกว่านี้ก็ได้นะเราว่า
อยากขึ้นครูไม่ใช่หรอจัดเลยสิรอไรล่ะไม่มีคนขวางละ หมอทำให้ชายฟื้นได้ก็ทำให้เป็นเหมือนเดมได้เหมือนกันชีวิตชายเป็นของหมอ หมอพูดไม่คิดตลอดเลยจะไปกันรอดมั้ย
โถ สงสารทั้งคุณชายทั้งคุณหมอ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไปนานนะคะ รอตอนต่อไปเนาะ
โอยยยยยยยย. หมอนี่โดนซะมั่งงงง สนุกกงะอ่านรวดเดียวเลย. รีบมาต่อนะคะ สู้ๆ
หมออออออออ จะเป็นยังไงต่อเนี่ย ความรู้สึกไม่ตรงกันซะที
มาต่อเร็วๆนะ ><
ตอนที่ 23 ปีที่แล้ว ผมประสบอุบัติเหตุหนักจนทำให้ต้องหลับไปเป็นเวลาหลายเดือน ใครๆ อาจจะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เลวร้ายเอามากๆ แต่ความจริงแล้วมันกลับกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เกิดขึ้นกับผมต่างหาก เพราะอุบัติเหตุนั่นมันทำให้ผมได้พบเจอกับเขา หมอ จิ๊บ คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตผม .. หลังจากทะเลาะกับคุณหมอจิ๊บที่คลับ ผมก็ไม่ได้กลับไปที่ห้องกับเขา แต่กลับขับรถมุ่งหน้าไปยังคอนโดใจกลางเมืองที่ผมเคยอยู่เมื่อสมัยก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ ตั้งแต่มาเอาของครั้งสุดท้ายเพื่อย้ายไปยังหอพักเดียวกับคุณหมอคราวนั้น ผมก็ไม่ได้มาที่นี่อีกเลย พอได้กลับมาครั้งนี้ ผมก็ยังคงรู้สึกว่าสภาพภายในห้องมันยังว่างเปล่า และเงียบเหงาไม่เปลี่ยนแปลง ผมรู้ตัวว่าบีบคั้นคุณหมอจิ๊บมากเกินไปมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด แต่ผมก็เป็นห่วงเขามากเกินกว่าจะยอมปล่อยเขาไปได้ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าคุณหมอเป็นพวกดื้อรั้นมากแค่ไหน ดื้อรั้นจนบางทีก็ละเลยที่จะดูแลตัวเอง อย่างเรื่องยานอนหลับที่เขาติด หรือเรื่องที่เขาทำเป็นเริงร่า แต่จริงๆ ภายในกลับกักเก็บความกดดันตัวเองเอาไว้ไม่ยอมบอกใคร ผมถึงได้เป็นห่วงและอยากดูแลเขาอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้มันเป็นมากกว่าความเป็นห่วงหรืออยากดูแลเขาเรื่องวันนี้มันทำให้ผมน้อยใจแล้วก็หึงหวงเขาจนทำอะไรไปไม่คิด คุณหมอที่อึดอัดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วถึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมา เพราะผมชะล่าใจเกินไปว่าสุดท้ายแล้วเขาก็จะไม่ถือสาผมเหมือนเคย ทั้งๆ ที่มันอาจจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่เขาจะใจดีกับผมก็ได้ คุณหมอเป็นคนที่ผมรักไม่ได้หมายความว่าผมจะเป็นคนที่เขารักด้วย ผมไม่ควรคาดหวังมากเกินไปตั้งแต่แรก ที่เขาช่วยเหลือผมมาตลอด ผมก็น่าจะพอใจได้แล้วแท้ๆ ถ้าพรุ่งนี้ผมจะไปขอโทษเขา คุณหมอจะยังให้อภัยผมไหม หรือว่าเขาจะอยากผลักไสผมออกจากชีวิตเขาจริงๆ ผมทิ้งตัวนอนลงกับเตียงตัวเอง เตียงนี้มันกว้างใหญ่เกินไปสำหรับผมเพียงคนเดียว ผมคิดถึงคุณหมอ คิดถึงมาก ผมอยากกอดเขาเอาไว้แน่นๆ อยากนอนดูเขาหลับไป แล้วก็รีบตื่นขึ้นมาปลุกให้เขาไปทำงาน ผมไม่รู้ว่าคุณหมอจะนอนหลับสบายหรือเปล่าเวลาที่ไม่มีผมอยู่ แต่ผมรู้ว่าผมนอนไม่หลับเลยถ้าไม่มีเขาอยู่ข้างๆ เรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมรู้แล้วว่า ไม่ว่าจะยังไง ต่อให้คุณหมอเกลียดผมแค่ไหน ผมก็ไม่มีทางเลิกรักเขาได้เลย ....... ........... เวลา ตีห้า ผ มเหลือบมองที่นาฬิกาดิจิตอลตัวเก่า อีกไม่นานแสงอาทิตย์ก็คงจะทำให้ความมืดหายไป ตั้งแต่ขึ้นปีนี้มา ผมก็ยังไม่ได้กลับไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่เลยสักครั้ง พวกท่านคงจะโกรธผมเอามากๆ ที่เอาแต่อยู่กับคุณหมอจิ๊บมากไปจนไม่ไปหาพวกท่าน ผมตัดสินใจลุกออกจากเตียง เดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดเก่าที่เหลืออยู่ออกจากตู้ ล้างหน้าล้างตา อาบน้ำ แล้วเปลี่ยนใส่มัน กลิ่นมันออกจะอับๆ ผมคงจะมัวแต่ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลข้าวของของตัวเองไปเสียสนิท นี่มันคงได้เวลาที่ผมต้องกลับไปทบทวนเรื่องราวบางอย่างแล้ว ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง เพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดที่เก็บอัฐของคุณพ่อคุณแม่ วันนี้ผมไม่ได้มีของฝากอะไรมาให้พวกท่านเลยสักชิ้น แต่มีเรื่องเล่าเยอะแยะมาเล่าให้พวกท่านฟังแทน มันไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อเหมือนเมื่อสมัยก่อนอีกแล้ว แต่มันเป็นเรื่องของผม แล้วก็เรื่องของคุณหมอจิ๊บตั้งแต่เจอกัน แล้วพอได้เล่าผมก็หุบยิ้มไม่ได้เลย มิน่าล่ะ คุณหมอถึงชอบว่าผมบ่อยๆ ว่า ‘โรคจิต คนอะไรชอบยิ้มคนเดียว ’ คิกๆ... ก็คุณหมอน่ารักขนาดนั้น จะไม่ให้ผมยิ้มได้ยังไง ถึงบางครั้งเขาจะทำตัวใจร้ายชอบทำร้ายร่างกายผมบ่อยๆ ก็เถอะ ผมอยู่กับคุณพ่อคุณแม่นานพอควรก็นึกขึ้นได้ว่าผมน่าจะพาคุณหมอจิ๊บมาที่นี่ด้วยกัน แล้วหลังจากนั้นเราจะได้ไปทะเลกันต่อ ถ้ากลับไปรับเขาตอนนี้ เขาจะยอมมากับผมไหมนะ ผมหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาเพื่อติดต่อหาเขา แต่ก็พบว่าแบตเตอร์รี่มันหมดไปเสียแล้ว น่าเสียดาย มีวิธีเดียวคือขับรถไปรับเขาออกมาเลยเพราะป่านนี้เขาคงทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลเหมือนเดิม ถึงจะเสี่ยงกับการถูกเขาโกรธหน่อย แต่เขาก็อาจจะยอมใจอ่อนมาด้วยกันกับผมก็ได้ ระหว่างทางที่ขับรถกลับฝนก็เริ่มตกปรอยๆ ลงมาอย่างวันนั้นไม่มีผิด ถนนเริ่มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ผมจึงชะลอความเร็วลง เส้นทางที่กำลังวิ่งอยู่นี้เป็นเส้นทางที่ผมคุ้นเคยมันเป็นเส้นทางที่สามารถมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลเก่าของคุณหมอได้ บางทีผมน่าจะแวะที่นั่นเพื่อระลึกถึงความหลังเสียหน่อย แต่แล้ว... เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด . . [50%] จะจบละน้าาา ใครรออ่านบ้างงงงงงงง :mew1:
เห้ยยยยยย อย่าเพิ่งนะคุณชาย ยังไม่ทันเจอหน้าหมอจิ๊บเลย :mew2:
ค้างมากมายก่ายกอง อย่าบอกนะว่าจะเป็นแบบเดิม หรือคุณชายเจอกับ ?
รออ่านอยู่ค่ะ แอบลุ้นว่าหมอจิ๊บจะมาง้อคุณชาย เกิดไรขึ้นเนี่ย หวังว่าจะไม่มีดราม่าอะไรมากมายนะคะ สงสารคุณชายโดนหมอจิ๊บพูดใส่อย่างนั้นแต่ฮีก็ยังไม่ท้อ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ
เฮ้ยยยย มาต่อ
อาจจะไม่มีอะไรก็ได้เน้อออ.. /ปลอบใจตัวเอง~ :monkeysad: รอนะค้าา ^^
กรี๊ดดดดดดดดด อย่าเป็นอะไรนะคุณชายยยยย รถพยายาลลลลลลล พาไปหาหมอจิ๊บด่วน!!!!!
คุณชายไม่เปนไรน้าาาา
เห้ยยยย. คุณชายอย่าเพิ่งทิ้งหมอจิ๊บไป
คุณชายคะ!! เบรกเฉยๆ พอนะ อย่าชน ช้ำหมดดดดด
โอวไม่นะ ไม่อยากให้ใครเป็นไรแล้ว คุณชายน่ารักนะ รักหมอจิ๊บมากเลย หมอจิ๊บดีกับคุณชายมากๆ นะคะ ปรับความเข้าใจกันซะ ขอบคุณค่ะ
คุณชาย...อย่าเป็นอะไรนะ ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับหมอจิ๊บเลย
o13
ตอนที่ 23 ครึ่งหลัง ผมเหยียบเบรคทันทีเมื่อสายตาเหลือบเห็นคุณหมออาทิตย์ กำลังยืนอยู่หน้ารถที่เหมือนจะจอดเสียอยู่กลางสายฝน ทำให้ผมไม่ลังเลที่จะจอดรถถาม “ คุณหมอ อาทิตย์ครับ มีอะไรให้ช่วยไหม ?” ผมลดกระจกหน้าต่างลงเพื่อเอ่ยถาม คุณหมอทิมทำสีหน้าดีใจที่เห็นผมมาก “ คุณชาย !! โหย คุณนี่มาช่วยผมได้ทันเวลาเลย” แล้วเขาก็ขอให้ผมช่วยลากรถเขากลับไปยังโรงพยาบาล ผมช่วยเขาด้วยความเต็มใจ จัดการต่อสายพ่วง แล้วให้เขาขึ้นรถมาด้วยกัน ระหว่างทางไปโรงพยาบาล คุณหมอทิมถามผมยกใหญ่ว่าคบกับคุณหมอจิ๊บเป็นยังไงบ้าง เพราะเขาไม่คาดคิดว่าคนอย่างคุณหมอจิ๊บจะยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเลยจริงๆ ผมได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร มันทำให้คุณหมอทิมตบบ่าผม แล้วก็เอ่ยออกมา “ คุณเชื่อผม เดี๋ยวอีกสักพักขี้คร้านเจ้าจิ๊บมันจะหลงใหลชีวิตคนไม่โสด ผมนี่อิจฉาคุณโคตร ” หมอทิมกลอกตาไปด้วย ราวกับว่าชีวิตรักของเขาไม่ค่อยราบลื่นนัก แต่ผมไม่รู้ว่าตัวผมน่าอิจฉาอย่างที่เขาว่าจริงหรือไม่ เพราะถ้าถามคุณหมอจิ๊บ เขาต้องบอกว่าอิจฉาคุณหมอทิมมากกว่า สำหรับผมแล้ว ผมพอใจกับชีวิตตอนนี้ และถ้าถามตัวเองเมื่อก่อนสิ ว่าอิจฉาตัวผมตอนนี้ไหม ผมกล้าบอกได้เต็มปากว่าอิจฉา ก็ในเมื่อตอนนี้ผมได้พบกับคนที่ผมรัก คนที่ผมอยากดูแลแล้วนี่นา คิกๆ คิดแล้วก็อยากเจอคุณหมอจิ๊บจัง “ ถึงจนได้ ขอบคุณมากครับคุณชาย ” ในที่สุดพวกเราก็มาถึงโรงพยาบาล คุณหมอทิมเอ่ยขอบคุณแล้วก็พาผมเดินไปหาคุณหมอหัวหน้าที่เคยดูแลผม เราเอ่ยถามทุกข์สุขกันได้สักพัก คุณหมอก็ขอตัวไปทำงานต่อ ช่างเป็นหมอที่รักการทำงานดีจริงๆ เขาทำให้ผมนึกถึงคุณหมอจิ๊บขึ้นมาเลย พอแยกกับคุณหมอหัวหน้า ผมกับคุณหมอทิมก็ไปนั่งทานกาแฟกันต่อที่ห้องอาหาร คุณหมอเป็นคนที่คุยสนุกมากทีเดียว แล้วก็มีบางอย่างที่คล้ายๆ คุณหมอจิ๊บด้วย ตรงที่เป็นคนที่ทุ่มเทให้กับคนไข้เอามากๆ เขาเล่าเรื่องสมัยที่เรียนกับคุณหมอจิ๊บให้ผมฟังว่าเคยไปออกค่ายที่ต่างจังหวัด เด็กๆ ชอบคุณหมอจิ๊บกันใหญ่เพราะว่าเขาใจดีที่สุด “ เจ้าจิ๊บมันก็ทำเป็นเก๊กว่าทิ้งอุดมการณ์ไปงั้นแหล่ะ ดูสิตอนนี้ย้ายไปอยู่ที่ไม่เจริญกว่าเดิมอีก” ผมได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย รู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังเรื่องราวต่างๆ ของคุณหมอจิ๊บจากเพื่อนของเขาบ้าง ปกติแล้วเขาไม่ค่อยจะเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้ผมฟังหรอก อย่างมากก็บ่นเรื่องสั่งซื้อตุ๊กตาหมีรุ่นที่มีจำกัดทางอินเตอร์เน็ตไม่ทันแค่นั้น คิดแล้วก็รู้สึกว่าผมยังห่างไกลกับเขาอยู่มากเหมือนเดิม ถึงแม้เราจะย้ายมาอยู่ด้วยกันนานแล้วก็ตามที “ ว่าแต่ คุณคุณ ไหนๆ ก็ไหนๆ ผมฝากของไปให้เจ้าจิ๊บมันหน่อยสิ ว่าจะเอาให้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว แต่ผมไม่ว่างไปหาเลย ” คุณหมอทิมเอ่ยพลางส่งหนังสือจำพวกฮาวทูต่างๆ มาให้ ประเภท ‘ 365 วัน รักเราไม่มีเบื่อ ’ หรือ ‘ เติมน้ำตาลให้ความรัก ’ รวมไปถึง ‘ ลีลารัก พิชิตใจ ’ และอื่นๆ อีกมากมาย ... อืมม ... ผมพนันได้เลยว่าคุณหมอจิ๊บเห็น เขาจะโยนหนังสือพวกนี้ทิ้งอย่างไม่ใยดี แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาเล่นเกมส์ต่อแน่ๆ อันที่จริง ... ถ้าคุณหมอทิมอ่านพวกนี้แล้วทำให้ชีวิตรักเขาดีขึ้น เขาก็อาจจะไม่เอาของพวกนี้ให้คุณหมอจิ๊บก็ได้ เอ๋ ... ไม่สิ ถ้าเขาอ่านแล้วทำให้ชีวิตรักเขาดีขึ้น เขาก็ต้องแนะนำของดีให้คุณหมอจิ๊บอยู่แล้ว แต่ชีวิตรักของหมอทิมตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ...? ผมว่าผมเลิกคิดดีกว่า ผมยิ้มๆ ให้คุณหมอทิมอีกครั้ง แล้วก็ ทำเป็น รับหนังสือมาเก็บไว้ ถ้าเจอตัวคุณหมอจิ๊บเมื่อไหร่ ผมจะส่งต่อให้เขาแล้วกัน ว่าแต่ป่านนี้เขาจะยังโกรธผมอยู่รึเปล่านะ ผมอยากเจอเขาจัง จะหาทางขอเขาคืนดียังไงดีเนี่ย เห้ออ “ ว่าแต่คุณชาย มีเรื่องกับจิ๊บเหรอ ” “!?” ผมสะดุ้งทันทีที่คุณหมอทิมเอ่ยขึ้น นี่ผมดูง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ ? “ ฮ่าๆ ทำหน้าตกใจเชียว ผมอ่ะ โทจิตวิทยานา ดูสิ สีหน้าซีดเซียวขนาดนี้ ออร่าก็ไม่ใช่สีชมพู แสดงว่าต้องขาดความรักมาเป็นเวลานานแน่ๆ ” “......” ผมว่า ... เพื่อนของคุณหมอจิ๊บแต่ละคนนี่น่าทึ่ง (?) จริงๆ มีเอกลักษณ์บางอย่างที่คนธรรมดาไม่สามารถเลียนแบบได้ มิน่าล่ะถึงได้เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน น่าอิจฉาเหลือเกิน “ คุณชาย ผมมีวิธีช่วยคุณเรื่องนี้นะ หึหึหึ ” ดูสิครับ แม้แต่เสียงหัวเราะก็ยังคล้ายๆ คุณหมอจิ๊บเลย ว่าแต่คุณหมอทิมบอกว่ามีวิธีช่วยผมงั้นเหรอ เขาจะช่วยผมได้ยังไงกัน ผมมองเขาด้วยสมีหน้าสงสัย เหมือนเขาจะรู้จึงตบบ่าผมเบาๆ “ คุณไม่ต้องห่วงร๊อก เดี๋ยวผมจัดการให้เอง ถือว่าตอบแทนที่ช่วยมาส่งผมไง ” คุณหมอเอ่ย แล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือตัวเองออกมาเพื่อโทรออกหาใครบางคน “ ฮัลโหล ... จิ๊บเหรอ ...” ท่าทางเขาจะโทรติดต่อหาคุณหมอจิ๊บ แต่น้ำเสียงที่พูดออกจะดูเศร้าแปลกๆ แฮะ ... “ เมื่อตอนเย็นฝนตกหนัก ... คุณชายแฟนนายก็เลยขับรถ ...” คุณหมอทิมหยุดชะงักครู่หนึ่ง พลางส่ายหน้าให้โทรศัพท์ สีหน้าเขาดูโศกสุดๆ นี่เขากำลังพยายามพูดให้คุณหมอจิ๊บเข้าใจอะไรผิดอยู่หรือเปล่า (......) “ ยังไง ... นายรีบมาที่โรงพยาบาลนะ ฉัน ... เสียใจจริงๆ ” พูดจบเขาก็วางสายทันที แล้วก็หันมายักคิ้วหลิ่วตาพร้อมส่งยิ้มแบบที่ดูมีเลศนัยมาให้ผม แตกต่างจากสีหน้าสลดเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง ผมได้แต่กลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อก ไม่รู้ว่าวิธีนี้มันจะช่วยผมได้ยังไงเหมือนกัน “ คุณชาย ตามผมมานี่ ” ขณะที่สมองผมกำลังประมวลผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้น คุณหมอทิมก็จับผมให้เข้าไปในห้องคนไข้ห้องหนึ่ง แล้วก็บอกให้ผมไปนอนบนเตียง “ คุณชาย ทำท่าทางให้ดูป่วยหนักๆ เข้าไว้ล่ะ เชื่อดิว่าไม่เกินสิบนาทีเจ้าจิ๊บมันก็รีบแจ้นมาหาคุณแล้ว ” เขาเอ่ยกับผมก่อนจะกดเรียกพยาบาลให้ตามเข้ามาอีกเป็นโขยง “ สาวๆ ฝากดูแลคนไข้วีไอพีคนนี้ด้วยนะจ้ะ ทำผงทำแผลเช็ดตงเช็ดตัวให้คนไข้ดีๆ ล่ะ ” คุณหมอทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้ผมนั่งเหงื่อตกและลำบากใจกับพวกพยาบาลสาวร่วมสิบคนที่เข้ามาแทน ... ตอนนี้ที่ผมกังวลที่สุดก็คือ ผมจะบอกกับคุณหมอจิ๊บว่ายังไง ถ้าหากเขามาหาผมจริงๆ ? . . TBC
คุณชายจะถูกหมอจิ๊บโกรธหนักกว่าเดิมไหมล่ะคะเนี่ย :m20: โถ~ น่าสงสารจังเลยค่ะคุณชาย มาเจอหมอทิมเพื่อให้เขาแกล้งแท้ๆ :laugh: ..
ขอบคุณหมอทิมนะ หนังสือเสริมรสชาติชีวิตรักน่ะไม่ต้องแล้ว. :katai2-1: คุณชายแกเอาอยู่แน่ๆ รอจ้า. :L1:
หมอทิมเล่นอะไรไม่รู้เรื่องงงง เดี๋ยวก็แช่งให้มีปั๋วเลยนี่ รอตอนต่อไปปป หมอจิ๊บจะวิ่งกระหืดกระหอบมาไหม!!!!
วางแผนแล้วอยู่ช่วยด้วยนะหมอทิม หุหุ
มีตัวช่วยจ้า แต่ก็นะ ไม่รู้พอรู้ความจริงจะงอนอีกไหม แสดงสุดฝีมือไปเลยคุณชาย สู้ๆ ขอบคุณค่ะ
หมอทิมจะช่วยให้ดีหรือให้แย่หนักกว่าเดิม หมอจิ๊บกำลังเอนเอียงมาทางคุณชายแล้วด้วยอ่ะ
ตอนที่ 24 “คุณไม่เป็นอะไรนะคะ เดี๋ยวดิชั้นทำแผลให้นะคนดี” “นี่เธอ ถอยไปสิ เดี๋ยวชั้นจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คนไข้ย่ะ” “เธอนั่นแหล่ะถอยไปเดี๋ยวนี้เลยนะ” “หล่อนนั่นแหล่ะถอยไป๊!” (......) พยาบาลผู้หญิงมากหน้าหลายตากรูกันเข้ามาหาผมกันใหญ่ ทั้งๆ ที่ผมก็บอกไปแล้วว่าผมไม่เป็นอะไร แต่ก็ไม่มีใครฟังสักคน พวกพยาบาลยังพยายามเข้ามาเช็ดล้างแผลและเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ทั้งๆ ที่ผมก็ปกติดี พอปัดมือคนนี้ออก คนนั้นก็เข้ามาแทนที่ เป็นอย่างนี้จนรู้สึกเวียนหัวไปหมด “ถอดเปลี่ยนเสื้อสิคะคุณ เดี๋ยวช่วยนะคะ” พอคนนึงพูดจบ คนอื่นๆ ก็รีบเข้ามาช่วยถอด เรียกได้ว่าผมไม่รู้ตัวเลยจริงๆ ว่าเสื้อผมมันหลุดออกไปตอนไหน และเปลี่ยนมาใส่ชุดคนไข้เมื่อไหร่ ผมชักจะรู้สึกว่าพวกพยาบาลนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ ไม่ต่างจากพวกหมอเลย และก่อนที่ผมจะถูกทำอะไรไปมากกว่านี้... พลั่กกกก ใครบางคนก็ผลักประตูห้องเข้ามาอย่างแรง เรียกความสนใจจากทุกคนให้หันไปมองเป็นสายตาเดียว ทั้งห้องเงียบกริบเมื่อเห็นสีหน้าของผู้ที่เปิดประตูเข้ามา ยกเว้นผม... “คุณหมอจิ๊บ” ผมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าบุคคลที่พึ่งเข้ามาเป็นใคร เขาหายใจหอบแฮ่ก ทั้งตัวก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วยังดูโมโหเอามากๆ อีกด้วย ผิดกับผมที่ยิ้มแป้น เป็นอย่างที่คุณหมอทิมว่าไว้จริงๆ คุณหมอจิ๊บรีบมาหาผม นี่แสดงว่าเขาเป็นห่วงผมอยู่เหมือนกันใช่ไหม ผมรู้สึกดีใจจัง ถึงจะกังวลเรื่องที่เขาคงโกรธผมมาก แต่การได้รู้ว่าเขาเป็นห่วงผมเพียงนิด มันก็ทำให้ผมยอมตามง้อเขาไปตลอดชีวิตแล้ว ผมพยายามลุกออกจากเตียงไปหาคุณหมอ อยากเข้าไปกอดเขาไว้ แต่เขาก็เป็นฝ่ายเดินตรงเข้ามาประชิดตัวผมก่อนอย่างรวดเร็ว และทำอะไรที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะทำได้มาก่อน คุณหมอกระชากคอเสื้อผมให้เข้าไปรับจูบเขาต่อหน้าพยาบาลทั้งหลายที่ยืนใกล้... (http://upic.me/i/w9/67untitled.png) ไม่รู้ว่าพวกพยาบาลรอบข้างกำลังคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง ผมรู้แต่ว่าผมดีใจ และเอาแต่จูบคุณหมอตอบอย่างดูดดื่มเท่านั้น เป็นครั้งแรกที่ริมฝีปากนุ่มที่ผมรัก กดทับลงมาอย่างหนักหน่วงและรุกเร้า สองฝ่ามือขยำเสื้อผมแน่น เขากำลังโกรธ และก็ผมรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในใจเขามากกว่าความโกรธ เพราะเมื่อผมโอบร่างเขาไว้ เขาก็หยุดกึก ร่างกายเขาสั่นเทิ้ม ผมจึงรวบตัวเขาให้แน่นขึ้นกว่าเดิม และเป็นฝ่ายรุกเร้าเขากลับ เขาตอบสนองผมอย่างติดๆ ขัดๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีฝ่ายใดที่จะผละใบหน้าออกจากกันก่อน จนกระทั่งผมรู้สึกได้ถึงความชื้นของหยดน้ำจากแพขนตาของอีกฝ่าย ที่เริ่มเปียกปอนใบหน้า และไหลเข้าไปในปากเราทั้งคู่ คุณหมอถอนริมฝีปากออกไปช้าๆ เขากำลังร้องไห้ ผมมองหน้าเขาที่ตาแดงก่ำ เขายกหลังมือปาดน้ำตาแล้วเริ่มหันไปมองรอบข้าง พวกพยาบาลยืนถอยห่างออกไปแถวหน้าประตูกันแล้ว สีหน้าพวกหล่อนดูอ้ำอึ้งและตกใจกับสิ่งที่เห็น “นี่แฟนผม ผมจะดูแลเขาเอง” คุณหมอเอ่ยกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พยาบาลคนนึงที่พอจะตั้งสติได้ก็เริ่มสะกิดเพื่อนคนอื่นๆ ให้รีบเดินตามออกไป ปล่อยให้พวกผมได้อยู่ภายในห้องกันสองคน และเมื่อประตูห้องปิดลงเบาๆ ก็เหลือเพียงผมและคุณหมอจิ๊บเท่านั้น บรรยากาศภายในห้องเงียบงัน คุณหมอได้แต่ยืนหันหลังให้ผม เขาคงจะโกรธผมมาก ผมจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปดึงร่างตรงหน้าให้มานั่งลงที่ตักแทน คุณหมอไม่ขัดขืน กลับยอมนั่งลงแต่โดยดีและปล่อยให้ผมกอดเอวเขาไว้แน่น ผมก้มหน้าซุกลงที่ไหล่เขา กดจูบไปเบาๆ ค่อยๆ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่คุ้นเคย ผมอยากขอโทษที่ทำให้เขาโกรธซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหลือเกิน “ขอโทษครับ ผมทำให้คุณโกรธอีกแล้วใช่ไหม” ผมกระซิบบอกร่างในอ้อมกอด เขาไม่ตอบ กลับลุกขึ้นแล้วนั่งลงข้างๆ ผมแทน เขาเอนหน้าซบลงที่ไหล่พลางใช้สองมือเกาะแขนผมแน่น แน่นจนใจผมสั่นไปหมด ผมไม่เคยคาดคิดว่าเขาจะมีปฏิกริยาตอบกลับผมแบบนี้เลย มันทั้งดีใจ แล้วก็เสียใจที่ผมหลอกเขา “กลับบ้านกันเถอะคุณชาย” หลังจากที่เงียบไปนานคุณหมอก็เอ่ยขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ฝ่ามือเรียวยกมือขึ้นปาดน้ำตาเป็นระยะๆ ความรู้สึกผิดก่อตัวมากขึ้นเป็นทวีคูณ “คุณอย่าร้องไห้นะครับ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้วจริงๆ ได้โปรด อย่าร้องไห้เลยนะครับ” “ใช่สิ... ก็คุณกับหน้าทิ่มรวมหัวกันหลอกผมนี่” “...ขอโทษครับ” ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัว ได้แต่เอ่ยขอโทษเขา ผมกอดเขาแน่น แต่คุณหมอก็ดันผมเพื่อผละตัวออกมาเอ่ย “กลับถึงบ้านเมื่อไหร่ผมคิดบัญชีคุณแน่” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเข้ม แต่ก็หลุดยิ้มออกมาในที่สุด ผมหอมแก้มเขาอยู่หลายทีกว่าจะยอมปล่อยให้เขาลากผมออกจากห้องคนไข้กลับบ้านไปได้ ระหว่างที่เดินออกมาพวกเราเจอคุณหมอทิมยืนอยู่กับคุณบุรุษพยาบาลด้วย คุณหมอจิ๊บทำท่าแยกเขี้ยวใส่เขาใหญ่ แต่ก็ไม่ทำอะไรมากกว่านั้นเพราะท่าทางจะอยากกลับบ้านเต็มที คาดว่าเจอกันคราวหน้าสองคนนี้คงได้คิดบัญชีกันอีกยาว ส่วนผม ก็ได้แต่แอบส่งสัญญาณบอกคุณหมอทิมว่า ’ขอบคุณมาก’ เขาขยิบตาตอบกลับมาหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นผมก็ได้แต่เดินยิ้มตามคุณหมอจิ๊บไปตลอดทาง วิธีของคุณหมอทิมได้ผลมากกว่าที่คิด ถึงจะต้องตามง้อคนขี้หงุดหงิดที่กุมมือผมอยู่นี่อีกนาน แต่มันก็คุ้มค่า เพราะผมได้รู้ว่าอย่างน้อยเขาก็เห็นผมอยู่ในสายตาเหมือนกัน ...... ............ [มีต่อ]
. . พอกลับถึงบ้าน คุณหมอก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำ หลังจากนั้นเขาก็อาบต่อ คงกะว่าจะคิดบัญชีกับผมก่อนนอนทีเดียวล่ะมั้ง ฮื่มมม ผมแทบจะรอเขาออกจากห้องน้ำไม่ไหวแล้วล่ะ ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก ผมก็กระเด้งตัวจากเตียงลุกขึ้นไปนั่งมองเขาตาแป๋ว ถ้ามีหูกับหางแบบหมาผมว่าหูผมคงตั้งหางก็คงกระดิกรอเจ้าของอย่างเขาแล้วล่ะ แต่เผอิญว่าผมเป็นคน ก็เลยมีอย่างอื่น(?)ตั้งท่ารอเขาแทน... “หน้าตาตื่นเชียวนะคุณ” คุณหมอเอ่ยขึ้น แล้วก็เดินมานั่งลงที่ขอบเตียงด้วยชุดคลุมอาบน้ำลายหมี เขายกมือซับผ้าขนหนูไปที่ผมเปียกๆอย่างเนิบช้า มันช้าจนผมทนไม่ไหวต้องรีบไปช่วยเขาเช็ดผมให้แห้งไวๆทันที... “เห้อ... ง่วงแล้วนอนดีกว่า เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย” พอเช็ดผมให้เสร็จเขาก็ตีตั๋วนอนซะงั้น อะไรกัน ไหนว่าจะคิดบัญชีกับผมไงครับ ผมไม่ยอมจริงๆด้วยถ้าคุณหมอจะเบี้ยวผมอ่ะ “คุณหมอ... ผมก็นอนไม่หลับเหมือนกันนะครับ ยิ่งถ้าคืนนี้คุณหมอไม่รีบคิดบัญชีกับผม ผมคงนอนไม่หลับอีกคืนแน่ๆ” ผมรีบยื่นหน้าเข้าไปซุกที่ซอกคอหอมๆ ออกแรงดูดเม้มหน่อยๆเพื่อกระตุ้นให้เขาตื่น เผื่อว่าจะเปลี่ยนใจหายง่วงขึ้นมาบ้าง “ไม่รู้เหรอว่าผมเหนื่อยจะตาย เมื่อคืนนอนไม่หลับ แล้วตอนเช้าก็ยังต้องไปหาคุณให้ควักอีก ผมไปหาที่คอนโดก็ไม่เจอ หายไปไหนมาห้ะ” “ผมไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่มาครับ ถ้าคุณหมอหยุด เราไปด้วยกันอีกนะ ผมอยากพาคุณไปทะเลด้วยกันด้วย แต่ว่าคืนนี้ เรามา.........” ผมส่งสายตาปริบๆไปให้คุณหมอ ถ้าให้รออีกเกินสิบวิ ผมจะขาดใจตายให้ดูบนเตียงนี่แหล่ะ ไม่ใช่สิ ผมจะทำให้เขาขาดใจตายบนเตียงต่างหาก... “ก็ได้ๆ” สุดท้ายคุณหมอก็ยอมใจอ่อน ใช้มือกดผมให้นอนลงกับเตียงแล้วขึ้นมานั่งทับเอวผมไว้ ก่อนจะถอดชุดคลุมลายหมีออก ในที่สุดร่างกายเราทั้งคู่ก็ไม่มีสิ่งใดปิดกั้นอีกต่อไป ลืมบอกไปครับ พอผมอาบน้ำเสร็จ ผมก็มานั่งรอเขาบนเตียงตัวเปล่าๆ แบบว่าไม่อยากเสียเวลาถอดเสื้อผ้าอีกน่ะครับ คิกๆ . . ค่ำคืนผ่านไปอย่างมีความสุข แล้วคุณหมอที่เพลียจนทิ้งตัวลงด้านข้างก็เอ่ยเสียงอ่อน “ขอโทษที่โกหกคุณ ชาย” เขายกฝ่ามือขึ้นมาลูบใบหน้าผมช้าๆ ก่อนจะเข้ามาซุกอกผมไว้ ผมกอดและลูบหลังเขาไปเบาๆ “ช่างมันเถอะ เพราะต่อให้คุณจะไปกับใครอีกยังไง ผมก็เลิกรักคุณไม่ได้อยู่ดี” ที่ผมเคยทำอะไรให้เขามาตั้งแต่ตื่นขึ้น มันเทียบไม่ได้กับที่เขาเคยช่วยผมไว้เลยสักนิด ผมผิดเองที่เอาแต่ใจกับเขามากไป ผมน่าจะเป็นฝ่ายที่คิดถึงความสุขของเขามากกว่านี้ต่างหาก “ไม่หรอกคุณชาย ผมละเลยคุณไปจริงๆ... ถ้าคุณเป็นอะไรขึ้นมา ผมคง...” คุณหมอเริ่มนิ่งเงียบ เขากัดริมฝีปากตัวเองและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อีกครั้ง ผมไม่คิดว่าตัวเองจะมีอิทธิพลกับคนใจแข็งอย่างเขาได้ขนาดนี้มาก่อน ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วกอดเขาไว้แน่น “คุณหมอ แค่นี้ผมก็รักคุณจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ถ้าคุณหันมาใส่ใจผมมากกว่านี้ละก็ คุณไม่มีทางได้เป็นอิสระอีกแน่ๆชั่วชีวิตนี้” “ฮึ อย่างกับว่าถ้าไม่สนใจแล้วคุณจะปล่อยผมเป็นอิสระงั้นแหล่ะ ขี้โม้ชะมัด” เขาเอ่ยพลางยกมือขึ้นมาบิดจมูกผมเบาๆ คิกๆ ที่เขาพูดมันก็ถูก จะปล่อยไปได้ยังไงในเมื่อเขาน่ารักออกขนาดนี้ ขืนปล่อยก็โง่สิ จริงไหมครับ “รักนะครับคุณหมอ” “งึมๆ” ว่าแล้วว่าเขาต้องทำเป็นสลึมสลือไม่รู้เรื่องเหมือนเคย แต่เอาเถอะครับ ก็รักเขาไปแล้วนี้นะ คุณหมอจะทำเป็นใจร้ายยังไงก็สลัดผมไม่หลุดหรอก . .บทส่งท้าย “ชาย ตื่นได้แล้ว” วันนี้ผมเป็นฝ่ายรีบตื่นก่อนคุณชายครับ ก็อยากจะแก้ตัวที่ใจร้ายกับเขามากไปหน่อย เมื่อวันก่อนที่ทิมโทรศัพท์มาทำเหมือนว่าไอ้หมีที่นอนอืดอยู่นี่เกิดอุบัติเหตุ พูดตามตรงว่าผมนี่ใจหายแทบตาย แบบว่าปากสั่นใจสั่นจนเกือบช๊อคเลยทีเดียว แล้วถ้ามันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา อย่างแรกผมคงเสียใจไปชั่วชีวิตที่ทำตัวไม่ดีกับเขาไว้เยอะ ก็ผมกลัววิญญานเขาตามมาหลอกหลอนน่ะครับ ล้อเล่นครับ ผมคงจะเสียใจเอามากๆ เพราะเวลาที่เขาอยู่ ผมก็ไม่เคยทำดีกับเขาให้ถึงที่สุดเลยต่างหาก ผมกลัวว่าผมจะรู้ตัวสายเกินไปแล้วเสียอีกว่าที่แท้แล้วคุณชายเป็นคนสำคัญที่สุดของผม แต่ผมก็ไม่เคยทำตัวดีๆกับเขาเลยตั้งแต่เขาตื่นมา และพอรู้ว่าทั้งหมดเป็นสิ่งที่ไอ้ทิมจัดฉากปุ๊บ ผมก็รู้สึกโล่งอกมากกว่าโมโห ก็ต้องขอบคุณหมอนั่นอยู่เหมือนกันที่มีส่วนทำให้ผมคิดได้(แต่เจอคราวหน้าเมื่อไหร่มันตายแน่) จนกลับเนื้อกลับตัวหันมาทำดีกับคุณแฟนบ้าง เพราะงั้นวันนี้ผมก็เลยรีบตื่นขึ้นมาทำอาหารให้เขาทาน แทนที่จะปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายทำโน่นทำนี่ให้ผมเหมือนทุกที “คุณหมอทำให้ผมทานเหรอครับ!” ดูสิครับ พอเห็นว่าผมทำให้เขาปุ๊บ หน้าง่วงๆก็ตื่นทันที แล้วเขาก็ยิ้มร่า ดีอกดีใจออกนอกหน้าขนาดนี้เดี๋ยวทำให้บ่อยๆก็ได้เอ้า! แต่อร่อยรึเปล่ามันอีกเรื่องนะ หึหึหึ “ล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วค่อยมาทานนะคุณ” “ตกลงคับ” ว่าแล้วคุณชายก็รีบแจ้นเข้าห้องน้ำ แล้วก็ออกมาฟาดอาหารเรียบไม่มีเหลือ เอาจริงๆ ผมว่ารสชาติมันก็ไม่ได้ดีอะไรเลย ออกจะจืดๆตามประสาอาหารสุขภาพ แต่เขาก็เอ่ยปากชมผมใหญ่ ท่าทางจะดีใจมากจริงๆ ผมว่าการเป็นฝ่ายทำอะไรให้อีกฝ่ายดีใจบ้างมันก็ไม่เลวเหมือนกันนะ “ทานเสร็จก็มาถ่ายรูปคู่กันแล้วกันเนอะ เราไม่มีรูปคู่กันสักรูปเลยนี่นา” เอ่ยต่อพลางหยิบกล้องโพรารอยด์ตัวเก่งออกมาเตรียมไว้ เขารีบเอาจานชามไปเก็บแล้วยื่นหน้าเข้ามาชิดกับหน้าผมใหญ่ สงสัยคงกลัวหลุดกรอบ ผมปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายถือกล้องแล้วก็ชูสองนิ้วแทน “คุณชาย คุณนับด้วยนะตอนจะถ่ายอ่ะ” “ได้เลยครับ เอาล่ะนะ หนึ่ง... สอง...” และพอคุณชายนับถึงสาม... ผมก็หันไปหอมแก้มเขาหนึ่งฟอดใหญ่ๆพอดีกับที่เขากดชัตเตอร์ดัง แชะ! ไม่รอให้รูปออกมาจากกล้อง ผมก็จัดการรีบผละตัววิ่งไปหยิบกระเป๋าแล้วออกจากห้องทันที ไอ้คุณชายจอมเอ๋อทำหน้าตกใจแล้วก็รีบตามผมออกมาใหญ่ แต่กว่าจะตั้งสติได้ผมก็วิ่งออกมาไกลแล้วล่ะครับ เห้อ... มีแฟนก่งก๊งนี่กลุ้มใจเนอะคุณว่าไหม? “คุณหมอ รอด้วยสิครับ! นี่อย่าให้ผมจับตัวได้นะ!” คุณแฟนตะโกนไล่หลังผมและเริ่มออกวิ่งตามมาติดๆ นี่เขาวิ่งเร็วเหมือนกันนะเนี่ย อีกนิดเดียวก็จะจับผมได้อยู่แล้วเชียว “อ้ะ!” และแล้วผมก็โดนมือยาวๆค ว้าคอเสื้อเอาไว้เหมือนเดิมอีกจนได้... คุณชายเข้ามากอดผมจากทางด้านหลังเสียแน่น ก่อนจะกระซิบข้างหูผมเบาๆ “จับได้แล้ว คุณหนีผมไม่พ้นหรอกครับ” “......” นี่เขาเคยรู้หรือเปล่าว่าที่จับผมได้ทุกครั้งเนี่ย เพราะผมยอมให้จับหรอกนะ ฮึ! . . - จบบริบูรณ์ - ____TALK: สวัสดีค่าคนอ่านทุกคน >< ในที่สุดเรื่องราวของคุณหมอและคุณชายก็จบลงแล้ว หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้คนอ่านมีความสุขในการอ่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ ^^ ขอบคุณทุกคนที่ติดตาม ขอบคุณทุกๆ คอมเม้นต์ ทุกคอมเม้นต์ของคนอ่านเป็นกำลังใจให้โยมากเลยค่ะ ^_^ ตอนแรกๆ เรื่องนี้ไม่ค่อยมีคนอ่าน มาตอนหลังๆ ก็ไม่ค่อยมีอยู่ดี ฮา แต่นั่นไม่สำคัญ ขอแค่คนอ่านที่ติดตามหมอจิ๊บกับคุณชาย แม้ไม่มาก แต่อ่านแล้วรู้สึกดีไปกับนิยายเรื่องนี้ก็พอแล้วค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ลงจนจบในเล้าเป็ด และโยก็หวังนิดๆ ว่าคนอ่านจะติดตามเรื่องอื่นๆ ของโยด้วยนะคะ *ยิ้ม อย่างที่เคยบอกว่าเรื่องนี้โยเอาฟิคในกรุของตัวเองมาปรับปรุงเขียนใหม่ จนได้เป็นคุณหมอกับคุณชายรั่วๆ บ้าๆ บอๆ แต่ด้วยไสตล์การเขียนของโยก็เป็นได้ ที่เรื่องขำๆ บางทีมันก็ออกจะแป้ก T-T ที่ผ่านมาโยถนัดแนวอึมครึมค่ะ 5555 ดังนั้นแนวโรแมนติกคอเมดี้นี่ไม่ถนัดเลยจริงๆ แต่พอเขียนออกมาได้ ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่โยชอบมากที่สุดเรื่องนึง ท้าทายความสามารถตัวเองมากค่ะ 5555 แต่ยังไงนิยายช่วงหลังของโยก็ห่างไกลจากคำว่าดราม่าอึมครึมนัก เพราะแต่งทีไรไม่มีคนยอมอ่าน ฮา... สุดท้าย โยเป็นนักเขียนมือใหม่ เป็นนักหัดเขียน หากนิยายเรื่องนี้มีข้อผิดพลาด ก็ต้องขอโทษคนอ่านทุกคนด้วยนะคะ หากมีโอกาส ก็เจอกันใหม่เรื่องหน้าค่ะ ^-^ ขอขอบคุณทุกๆ บวกเป็ด ทุกๆ คอมเม้นต์ และทุกๆ กำลังใจอีกครั้ง :mew1: ขอบคุณมากค่ะ ปล. รูปที่เห็น เป็นรูปตัวอย่างที่จะอยู่ในรวมเล่มนิยายด้วยค่ะ สิ้นเดือนนี้ก็จะปิดจองแล้ว ยังไงคนอ่านที่สนใจรับคุณหมอกับคุณชายไปเก็บไว้ ไปแวะดูที่เพจ onederwhy ได้นะคะ โยออกหนังสือกับที่นั่นค่ะ ^_^ ในเล่มก็มีตอนพิเศษเพิ่มด้วยค่ะ โยได้เห็นรูปประกอบแล้ว สวยงามน่ารักมากด้วย (งานขายต้องมาค่ะ ฮ่าๆๆ) ปล2. ฝากติดตามนิยายเรื่องอื่นของโยด้วยนะคะ (งานโปรโมตต้องมาอีก อิอิ) เรื่อง ดวงใจรัตติกาล (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=47431.0): เรื่องนี้เป็นแนวย้อนยุค แต่ไม่ไกลมากค่ะ ไปช่วง 2475- สงครามโลกครั้งที่สอง พระเอกเป็นคนยุคปัจจุบันที่ย้อนไปในอดีต แล้วเจอกับนายเอก ที่หน้าเหมือนคนที่พระเอกรัก แล้วเรื่องป่วนๆ ก็เกิดขึ้น เรื่องนี้ขำขันโรแมนติกค่ะ ออกแนวประวัติศาสตร์เมคเองหน่อยๆ ด้วย พระเอกเกรียน หื่น ส่วนนายเอกน่าร๊ากกกก นิ่งๆ ใจเย็น น่ากด (ผิด) ฝากติดตามด้วยนะคะ เรื่อง ลิขิตเหนือภพ : สัตตบรรณหลงฟ้า (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=44332.0) เรื่องนี้ย้อนยุคอีกแล้วค่ะ แต่เป็นย้อนยุคจีน เรื่องนี้ลงจบภาคแรกแล้วค่ะ แต่พอดีหันมาแต่งไอ้รัตกับคุณหลวง ภาคต่อเลยยังดองไว้ แหะๆๆๆๆๆๆ ใครสนใจก็ไปจิ้มอ่านได้นะคะ อย่าคิดว่าดราม่าเลยค่ะ มันเป็นแค่ไสตล์คนเขียนจริงๆ เหมือนการบรรยายมันพาไปให้คิดว่าจะดราม่า แต่พล๊อตมันไม่เลยนะ (เหรอออ) เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่ตั้งใจเขียนมาก ลองกดอ่านกันได้นะคะ ^^ ขอฝากไว้สองเรื่องก่อน แล้วจะมาเพิ่มใหม่นะคะ แฮร่ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งค่ะ :mew1:
โถถถถ หมอจิ๊บ รีบประกาศความเป็นเจ้าของชายเยอะๆนะ ชะนีเล็งคุณชายเพียบ!!!! ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ รอติดตามเรื่องต่อไปน้าาาา
หมอจิ๊บน่ารักอ่ะะะะะะะะะะะ
:katai2-1: จบน่ารักดีค่ะ
ที่แท้ที่คุณชายจับตัวหมอจิ๊บเอาไว้ได้ตลอดก็เป็นเพราะว่าหมอจิ๊บยอมให้จับเองหรอกเหรอคะเนี่ย คาดไม่ถึงจริงๆ เลยค่าา >\\< แสดงว่าที่ผ่านๆ มาคุณชายนอยด์ฟรีเลยล่ะสิน้าา~ :laugh: ขอบคุณนะคะ ^^
จบแบ้วแบบหวานๆ หมอจิ๊บขยันอ้อนแบบนี้แฟนหลงแย่เลยนะ ปกติก็หลงมากอยู่แล้ว ขอบคุณค่ะ
คุณหมอมุ้งมิ้งจัง ชอบๆ อยากได้แบบคุณชายไว้สักคน ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ
พอรู้ว่าหัวใจตัวเองอยู่ที่ใคร ็ก็แสดงออกเต็มที่เลยนะหมอจิ๊บ แล้วก็เป็นสิ่งที่คุณชายชอบและต้องการที่สุด
ตามอ่านจนจบแล้วววววว สนุกมากเลยค่ะ :mew1: คุณหมอน่ารักนายหมีน่าเอ็นดูมากกกกก
แหม หมอจิ๊บปากแข็งซะจริง...น่ารักอ่ะ :pig4: :pig4: :pig4:
แวะมาปูเสื่อรอค่ะ คิดถึงหมอจิ๊บกับคุณชาย
:pig4: :pig4: :pig4: :L2: :3123:
ดำเนินเรื่องไวมากกกก( ชอบบบ ^^ )....ดูรักกันแบงงๆ แต่น่ารักกกดีค่ะ :pig4:
น่ารักอ่ะ ชอบๆ
จบแล้ว กว่าจะลงเอย ตัวละครน้อย แต่อบอุ่นมาก เพราะเขาอยู่ข้าง ๆ กันตลอด คุณชายเจ็บ หมอจิ๊บก็ดูแล หมอจิ๊บ(จิต)ป่วย คุณชายก็คอยอยู่ข้าง ๆ หมอทิมอีกคนคอยช่วยอยู่ยันจบเลย :mew1:
สนุกอะครับ ชอบมากตอนที่คุณหมอดูแลคุณชายที่นอนหลับไม่ตื่น ถ้าเป็นผม มีคนมาทำให้แบบนี้แบบไม่หวังอะไรเหมือนคุณหมอนะ ผมตื่นขึ้นมาก็คงรักเค้ามากๆแน่ๆ (ถ้าได้ตื่นนะ ปกติอาการแบบนี้คงฟื้นยากปะ ฮ่าๆ) ขอบคุณผู้แต่งนะครับสำหรับเรื่องดีๆ
หมอจิ๊บน่ารักกก คุณชายหน้ามึนมากกก 5555555
คุณหมอกับคุณชายหายไปไหนคนอ่านคิดถึงค่ะ อ่อคิดถึงคนแต่งด้วยจร้าาาา
เราว่าดำเนินเรื่องเร็วไปหน่อย แล้วก็ยังดูรักกันแบบงง ไม่ค่อยรู้สึกว่าหมอรักคุณชายสักเท่าไหร่ ถ้าไม่มีฉากมาร้องไห้นี่จะไม่รู้เลย 55555555 แต่คุณหมอน่ารักดีค่า อารมณ์แกว่งไปนิด แล้วก้ถลำลึกกับล่วงเกินคนไข้ไปหน่อย คือถ้าเปลี่ยนโหมดไปดราม่านี่ดาร์กแน่นอน เพราะผิดจรรยาบรรณ แต่โดยรวมแล้วมีอารมณ์ขันดี ส่วนคุณชายก็ผิดคาดมาก อ่านตอนแรกว่าจะมาแบบพระเอกมาดดีที่ไหนได้เป็นสโตรกเกอร์ซะงั้น 55555 มาต่อตอนพิเศษไวๆนะคะคุณคนแต่ง
คุณชายกับคุณหมอ ตลกดีอ่ะ ช่วงหลัง ๆ อืมครึมไปหน่อย 555+
คุณชายน่ารัก :-[ :-[ :-[
ตอนกลางๆหมอจิ๊บใจร้ายมากเลย คุณชายมีความอดทนดีมาก
คุณชายน่ารักนะเนี่ยยย ส่วนคุณหมอก้น่ารักก แต่คนน่ารักมักใจร้ายสินะ55555 สนุกมากกก ขอบคุณค่ะ
สนุกมากกก ขอบคุณค่ะ
ฟินมาก :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อ่านรวดเดียวจบเลยยยยยยย น่ารักม๊วกกกก สรุปทั้งนายเอกทั้งพระเอกโรคจิตทั้งคู่สิน่า5555555 ขำๆน่ารักดีค่ะ คนเขียนแต่งแนวอึมครึมดราม่าเวิร์คค่ะ แต่ถ้าจะไปดราม่าทั้งเรื่องก็คงเสียน้ำตาหลายลิตรฮาาาาา ขอบคุณที่แต่งเรื่องน่ารักๆให้อ่านจ้า :L2::impress2:
:pig4:
คุณหมอกับคุณชายน่าร้าก
เป็นเรื่องที่เรื่อยๆดีจัง แรกๆนึกว่าหมอจะตกหลุมรักคุณชายก่อนซะอีก กลายเป็นคุณชายหลงรักก่อนซะงั้น อยากอ่านตอนของปุ๊บ้างจัง เป็นคู่ที่มาเร็วไปเร็วแต่ทำให้อยากรู้มากกว่าคู่หลัก? หวังว่าจะมีนะคะ
:pig4: :pig4: :pig4: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
o13
น่ารักเหมาะกันดีคู่นี้ :-[
น่ารักอะ :กอด1:
สนุกมาก น่ารักทั้งคู่เลย
:3123:
หมอจิ๊บน่ารัก
สนุกดีค่ะ ชอบมากๆ :กอด1:
ชอบมากเลยค่ะ แต่มันรวบรัดไปหน่อย และไม่ลงรายละเอียด เรื่องก่อนหน้านั้นที่คุณชายต้องมาพบหมอบ่อยๆเพราะอะไร อล้วน้องเชอรี่? หรือมันคือปลายเปิด? ยังไงก็แล้วแต่ชอบพลอตมาก ความน่ารักของคุณชาย ความสวิงของหมอจิ้บ555
สนุกมากเลยครับชอบมาก
:mew4: น่ารักดี
น่ารักดีค่ะ แรกๆแอบตลกหมอจิ๊บนะ 5555+